Professional Documents
Culture Documents
การขึ้นรูปพารท VII
ในแบบฝกหัดนีเ้ ปนวิธกี ารขึน้ รูปพารทอีกชิน้ หนึง่ Transverse Connection ดังรูปที่ 19.1 เราจะไดศกึ ษา
วิธี การสรางระนาบเอียงบนพื้ นผิวเรียบที่ ไมมีจุ ด(Point)หรื อเส นขอบ(Edge)ที่ จะสามารถอางอิง
สําหรับสรางระนาบทํางาน(Work Plane) การแบงผิวหนาเรียบออกเปน 2 สวนเพือ่ ใชเสนขอบ(Edge)
ของผิวหนาในการสรางระนาบเอียง การคัดลอกฟเจอร การเจาะรูและอืน่ ๆ โดยมีขนั้ ตอนดังตอไปนี้
รูรูปปทีที่ ่ 19.1
1.1
Note หากใช MDT6 ใหเลือกเทมเพล็ท MDT6-ISO-Template for Light Background.dwt สําหรับพืน้ วาดภาพ
สีออ นหรือเลือก MDT6-ISO-Template for Dark Background.dwt สําหรับพืน้ วาดภาพสีแก
2
1
6. จากรู ปที่ 19.2 (ซ าย)เขี ยนสี่ เหลี่ ยมผื นผ าอี กรู ปหนึ่ ง โดยใช คําสั่ ง Design4
Rectangle คลิกประมาณจุดที่ 1 และจุดที่ 2 จะปรากฏดังรูปที่ 19.2 (ขวา)
7. จากรูปที่ 19.2 (ขวา) ตัดเสน โดยใชคาํ สัง่ Modify4Trim แลวคลิกขวาในบรรทัด
Select cutting edges ... แลวคลิกบนเสนทีต่ อ งการตัดตางๆ ใหปรากฏดังรูปที่ 19.3 (ซาย)
รูรูปปทีที่ 19.3
1.1
4 3
6
8 9 5
1 2 7
รูรูปปทีที่ ่ 19.4
1.1
2
4
1
3
รูรูปปทีที่ ่ 19.5
1.1
รูรูปปทีที่ ่ 19.6
19.5
1.1
2 1
16. คลิกบนปุม ไอคอน Sketch View เพือ่ ไปยัง Top View ของระนาบสเกทชใชงาน
จะปรากฏดังรูปที่ 19.6 (ซาย)
17. เริ่มเขียนสเกทชใหม ใหแนใจวา Sketches เปนเลเยอร
ใชงาน แลวใชคําสัง่ Design4Polyline และคําสัง่ Design4Arc43 Points
หรือคําสัง่ อืน่ ๆ เพือ่ เขียนเสนคราวๆ ใหปรากฏดังรูปที่ 19.6 (กลาง)
18. รูปที่ 19.6 (กลาง) แปลงเสนตรงและเสนโคงทัง้ หมดใหเปนสเกทช โดยใชคาํ สัง่ Part
4Sketch Solving4Profile แลวเลือกเสนตางๆ โดยคลิกเพือ่ ลอมกรอบวัตถุทงั้
หมด แลวคลิกขวา บนเดสท็อปบราวเซอรจะปรากฏสเกทช Profile2
19. ตรวจสอบ Contraints ทีโ่ ปรแกรมสรางมาให โดยใชคําสัง่ Part42D Constaints4
Show Constraints พิมพตวั เลือก A จะปรากฏดังรูปที่ 19.6 (ขวา) สังเกตุวา
โปรแกรมสรางการบังคับสเกทชบนเสนตรงในแนวนอน โดยมีสญั ลักษณ H กํากับ
เพียงเสนเดียวเทานั้น ดังนัน้ เราจึงจะตองสราง Constraints ตางๆ ดวยตนเอง
20. จากรูปที่ 19.6 (ขวา) บังคับสเกทชดว ยรูปทรง โดยใชคาํ สัง่ Part42D Constaints4
21. Equal
จากรูปLength
ที่ 19.7 (ซาย)แลบัวงคลิ
คับกสเกทช
เสนตรงจุ
ดว ยรูดปทีทรง
่ 1 และคลิ
โดยใชกคเสาํ สันง่ ตรงจุ
Partด4ที2D่ 2 เสConstaints
นตรงทัง้ สอง
4
จะถูกบังคับใหแล
Tangent มคี ววามยาวเท ากันเสมอ
คลิกเสนตรงจุ ดที่ 1จะปรากฏดั
และคลิกเสนงรูโค
ปทีงจุ่ 19.7 ดที่ 2(ซแลาย)
วคลิกเสนตรงจุดที่
3 และคลิกเสนโคงจุดที่ 2 เสนโคงและเสนตรงทัง้ สามจะถูกบังคับใหสมั ผัสกันเสมอ
ดังรูปที่ 19.7 (กลาง)
22. จากรูปที่ 19.7 (กลาง) บังคับสเกทชดวยขนาด โดยใชคําสั่ง Part4Dimensioning
4New Dimension คลิกเสนโคงจุดที่ 4 คลิกจุดที่ 5 ปอนคารัศมี 22 หนวย
แลวคลิกเสนตรงจุดที่ 6 คลิกจุดที่ 7 ปอนตัวแปร d5 แลวคลิกเสนโคงจุดที่ 4 คลิก
เสนตรงจุดที่ 6 คลิกจุดที่ 8 ปอนคา 45 หนวย แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 19.7
(ขวา) สเกทชจะถูกบังคับอยางสมบรูณ
Note เนื่ องจากความยาวส วนฐานของสเกทช มี ค าเท ากั บ ความลึ กของฟ เจอร ExtrusionBlind1 ดั งนั้ น
เราสามารถคลิกขวาบนฟเจอร ExtrusionBlind1 บนเดสท็อปบราวเซอร แลวเลือกคําสัง่ Edit จะปรากฏ
เสนบอกขนาดตางๆ ดังรูปที่ 19.8 (ซาย) เราจะสามารถทราบไดวา ความลึกของฟเจอร ExtrusionBlind1
มีตวั แปรใดกํากับอยู
รูรูปปทีที่ ่ 19.8
1.1
รูรูปปทีที่ ่ 19.9
1.1
28. คลิกบนปุม ไอคอน Sketch View เพือ่ ไปยัง Top View ของระนาบสเกทชใชงาน
จะปรากฏดังรูปที่ 19.10 (ขวา)
29. จากรูปที่19.10 (ขวา) เริม่ เขียนสเกทช ใหแนใจวา Sketches
เปนเลเยอรใชงาน แลวเขียนวงกลม โดยใชคําสัง่ Design4Circle4Center Radius
คลิกประมาณจุดที่ 1 แลวปอนรัศมีเทากับ 16 จะปรากฏดังรูปที่ 19.10 (ขวา)
รูปรูปทีที่ 19.11
่ 1.1
1
2
รูปรูปทีที่ 19.12
่ 1.1
4 2 รูปรูปทีที่ 19.13
่ 1.1
5 3
รูปรูปทีที่ 19.14
่ 1.1
1
2
3
รูปรูปทีที่ 19.15
่ 1.1
5 1
2 4
3
รูปรูปทีที่ 19.16
่ 1.1
รูปรูปทีที่ 19.17
่ 1.1
รูปรูปทีที่ 19.19
่ 1.1
รูปรูปทีที่ 19.20
่ 1.1
1 2
รูปรูปทีที่ 19.21
่ 1.1
3 4
7 58
64. จากรูปที่ 19.22 (ขวา) บังคับสเกทชดว ยรูปทรง โดยใชคาํ สัง่ Part42D Constaints4
Radius แลวคลิกเสนโคงจุดที่ 5 และคลิกเสนโคงจุดที่ 6 เสนโคงทัง้ สองจะถูก
บังคับใหมรี ศั มีเทากันเสมอ
65. จากรูปที่ 19.22 (ขวา) บังคับสเกทชดวยรูปทรงใหเสนตรงสัมผัสกับสวนโคง โดย
ใชคําสั่ง Part42D Constaints4Tangent คลิกบนเสน 5-7, 5-8, 6-9, 6-10
เสนตรงและสวนโคงทั้งหมดจะสัมผัสกัน คลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่ 19.23 (ซาย)
4
1 รูปรูปทีที่ 19.23
่ 1.1 3
5 6
7
9
2 8
รูปรูปทีที่ 19.24
่ 1.1
3
5
6 1 2
4
13.4 กําหนดคา Operation = Join, Distance = 12, Termination Type = Blind เราควรคลิก
ขวา ในชอง Distance หรือ Draft angle แลวเลือกคําสัง่ 3D Orbit แลวคลิกและลากเพือ่ หมุน
สเกทชในมุมมองทีม่ องเห็นเวคเตอรแสดงทิศทางการสรางความหนาดังรูปที19.25 ่ (ซาย)
หากเวคเตอรไมชเี้ ฉียงลงดานลาง ใหคลิกบนปุม Flip แลวคลิกปุม OK จะปรากฏ
ExtrusionBlind4 บนเดสท็อปบราวเซอร คลิกบนปุม จะปรากฏดังรูปที่ 19.25 (ขวา)
รูปรูปทีที่ 19.25
่ 1.1 1
71. จากรูปที่ 19.25(ขวา) เจาะรู Drill โดยใชคาํ สัง่ Part4Placed Features4Hole เมือ่
ปรากฏไดอะล็อค Hole ดังรูปที่15.16 ใหแนใจวาปุม (Drilled) ถูกเลือก แลวกําหนดให
Termination = Blind, Placement = Concentric, Diameter = 20, Depth = 12, Pt. Angle =
180 แลวคลิกบนปุม OK จะปรากฏขอความ Select work plane, planar face or [worldXy/
worldYz/worldZx/Ucs]: ใหคลิกเสนขอบโคงจุดที่1 จะปรากฏขอความ Select concentric
edge: ใหคลิกเสนขอบโคงจุดที่ 1 อีกครัง้ จะปรากฏขอความ Select work plane, planar
face or [worldXy/worldYz/worldZx/Ucs]: ใหคลิกเสนขอบโคงจุดที่2 จะปรากฏขอความ
Select concentric edge: ใหคลิกเสนขอบโคงจุดที่ 2 อีกครัง้ แลวคลิกขวา จะปรากฏดังรูปที่
19.26 (ซาย)
3 2
4 1
รูปรูปทีที่ 19.26
่ 1.1
รูปรูปทีที่ 19.27
่ 1.1
1
2