Professional Documents
Culture Documents
เอกสารประกอบการศึกษาวิชากฎหมายลักษณะนิติกรรมสัญญา (น. ๑๐๑) - 7
เอกสารประกอบการศึกษาวิชากฎหมายลักษณะนิติกรรมสัญญา (น. ๑๐๑) - 7
วิชากฎหมายลักษณะนิติกรรม-สัญญา (น.๑๐๑)
กิตติศักดิ์ ปรกติ
ปญหานิติกรรมที่มีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา
อุทาหรณ ๑ ก. เปนผูเยาวโดยมี ข. เปนผูแทนโดยชอบธรรม ไดทําสัญญาจะขายที่ดินแปลงหนึ่งของตนใหแก
ค. โดยทําเปนหนังสือสัญญากันเองระบุวาสัญญาจะซื้อขายรายนี้ใหมีผลเมื่อไดรับอนุญาตจากศาลใหจําหนาย
ที่ดินแปลงดังกลาวไดตามมาตรา ๑๕๗๔ ตอมาระหวางที่ยังไมมีการยื่นคํารองตอศาลใหพิจารณาอนุญาตในการ
ขายที่ดินแปลงนี้ ข. แจงให ค. ทราบวาไมประสงคจะผูกพันตามสัญญานี้ตอไป ดังนี้ ก. จะหลุดพนจากความ
ผูกพันตามสัญญาหรือไม
๒๓๒
สวนที่ ๕
นิติกรรมมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา
และนิติกรรมที่ตองไดรับความยินยอม
๑. นิติกรรมมีเงือ่ นไขหรือเงือ่ นเวลา
๒๓๓
การสงมอบจึงเปนเงื่อนไขความสมบูรณหรือเปนองคประกอบของสัญญาให หากองคประกอบทาง
กฎหมายยังไมครบถวนนิติกรรมยอมไมครบองคประกอบและไมเกิดเปนนิติกรรมเลย
ตัวอยางที่เห็นได ไดแกกรณีตามอุทาหรณ ๑ ซึ่งเปนกรณีที่กฎหมายไดกําหนดไวเปนองค
ประกอบทางกฎหมายในมาตรา ๑๕๗๔ ปพพ. วา การจําหนายทีด่ ินของผูเยาวจะจําหนายไดก็
ตอเมื่อไดรับอนุญาตจากศาลแลว ในกรณีเชนนี้เมื่อพิเคราะหดูความมุงหมายของกฎหมายแลวเห็น
ไดวา กฎหมายมุงใหนิติกรรมเกิดขึ้นเมื่อครบองคประกอบตามที่กฎหมายกําหนด คือจะตองไดรับ
อนุญาตจากศาลเสียกอน การไดรับอนุญาตจากศาลจึงนับเปนเงื่อนไขทางกฎหมาย ไมใชเงื่อนไข
แหงนิตกิ รรม ดวยเหตุนี้ไมวา นิติกรรมซื้อขายนั้นจะกําหนดใหการไดรบั อนุญาตจากศาลเปน
เงื่อนไขหรือไมกําหนดเงื่อนไขใด ๆ เลยก็ตาม การไดรับอนุญาตจากศาลก็ยังคงเปนองคประกอบที่
จะทําใหนิตกิ รรมนั้นมีผลหรือไมมีผลอยูด๑ี และโดยทีเ่ ปนองคประกอบแหงนิตกิ รรม คูกรณีจึงไม
อาจตกลงใหซอื้ ขายกันโดยไมตองไดรับอนุญาตจากศาล เพราะหากขืนตกลงกันเชนนั้นก็เปนการ
อันขัดตอกฎหมายหรือความสงบเรียบรอยและศีลธรรมอันดีของประชาชน นิติกรรมยอมตกเปน
โมฆะ
อยางไรก็ตาม คําวาเงื่อนไขที่คูกรณีตกลงกันในนิติกรรมตาง ๆ นั้น ไมจําเปนจะตองเปน
เงื่อนไขอันเปนขอกําหนดเกีย่ วกับความเปนผลหรือสิ้นผลของนิติกรรมที่ข้นึ อยูกับเหตุการณทไี่ ม
แนนอนในอนาคตตามความหมายในมาตรา ๑๘๒ ปพพ. เสมอไป เพราะอาจมีการตกลงเงื่อนไข
อยางอื่น ซึ่งไมใชเปนขอกําหนดเกี่ยวกับความเปนผลของนิติกรรมก็ได เชนเงื่อนไขการปฏิบัติการ
ชําระหนี้ เงื่อนไขสงมอบ หรือรับมอบสินคา เงื่อนไขการชําระเงิน หรือเงื่อนไขการรับสมัครบุคคล
เขาทํางาน เปนตน เงื่อนไขเหลานี้ไมกระทบตอความมีผลแหงนิติกรรม ไมอาจนับวาเปนเงื่อนไข
แหงนิตกิ รรม๒
(๒) เงื่อนไขแหงนิติกรรมในประมวลกฎหมายแพงและพาณิชยนั้นหมายถึง “เหตุการณอัน
ไมแนนอนวาจะเกิดขึ้นหรือไมในอนาคต” ซึ่งหากสําเร็จเมื่อใด คูกรณีตกลงใหนิตกิ รรมเปนผลหรือ
สิ้นผล
๑
โปรดดู ฎีกาที่ ๕๖๐/๒๕๑๐ ๒๕๑๐ ฎ.๘๓๑ สัญญาจะขายที่ดินมีขอความกําหนดวาผูขายจะดําเนินการยื่น
คํารองตอศาลขอขายที่ดินแทนเด็ก ดังนี้เมื่อไดรองตอศาลก็เปนการปฏิบัติตามสัญญาแลว เมื่อศาลไมอนุญาต
ใหขายก็เปนอันไมซื้อไมขาย ไมสําเร็จตามเงื่อนไข อนึ่งกรณีนี้ จิ๊ด เศรษฐบุตร, นิติกรรมและสัญญา, พิมพ
ครั้งที่ ๕ ๒๕๒๘, หนา ๒๑๗ อธิบายวาเปนสัญญาซื้อขายมีเงื่อนไขบังคับกอนวาตองไดรับอนุญาตจากศาล
ใหขายได
๒
โปรดดู ฎีกาที่ ๑๖๙๘/๒๕๑๕ ๒๕๑๕ ฏ. ๑๒๓๑ จําเลยตกลงยอมชดใชเงินแกโจทกเพราะทํางานผิดระเบียบ
โดยโจทกจะใหจําเลยกลับเขาประจําตําแหนงเดิม ขอที่โจทกรับจะทํานี้ไมใชเงื่อนไข ดังนั้นเมื่อโจทกสั่งให
จําเลยประจําตําแหนงเดิมแลว แมจําเลยไปรับตําแหนงไมไดเพราะปวย จําเลยก็ตองใชเงินแกโจทกตาม
สัญญา
๒๓๔
เหตุการณอันไมแนนอนซึ่งเปนสาระสําคัญของเงื่อนไขนี้ จะตองเปนเหตุการณอนั ไมแนวา
จะเกิดขึ้นหรือไม ถาเปนเหตุการณที่รูแนวาจะตองเกิดขึ้นอยางแนนอนในอนาคต เพียงแตไมรูแนวา
จะเกิดขึ้นเมื่อใด ดังนี้เหตุการณนั้นไมใช “เงื่อนไข” ในความหมายนี้ แตแทที่จริงแลวเปน “เงื่อน
เวลา” ซึ่งหมายถึงเหตุการณในอนาคตที่จะตองเกิดขึ้นอยางแนนอน
ตัวอยางเชน ก. สัญญาตอ ข. วาจะชําระเงินชวยคาทําศพ เปนเงิน ๕๐,๐๐๐ บาทแก ข. หรือ
ทายาทของ ข. หากบิดาของ ข. ถึงแกความตาย ดังนีจ้ ะเห็นไดวา ความตายของบิดาของ ข. ซึ่งดู
เหมือนจะเปนเงื่อนไขในการชําระเงินชวยคาทําศพตามสัญญานี้ แทที่จริงแลวไมอาจนับเปน
เงื่อนไขในความหมายที่เปนเหตุการณในอนาคตที่ไมแนวาจะเกิดขึ้นหรือไม แตความตายของบิดา
ของ ข. นั้นเปนเหตุการณอนั จะตองเกิดขึน้ อยางแนนอน เพียงแตไมรแู นวาจะเกิดขึน้ เมื่อใดเทานัน้
นอกจากเงื่อนไขจะตองเปนเหตุกรณอนั ไมแนวาจะเกิดขึน้ หรือไมแลว เงื่อนไขยังตองเปน
เหตุการณในอนาคตอีกดวย ดังนั้น ถา “เงื่อนไข” ที่ตกลงกันเปนเหตุการณในปจจุบันหรือเปนเหตุ-
การณในอดีตที่ผานพนไปแลว ดังนี้เหตุการณเชนนัน้ ยอมไมอาจนับเปนเงื่อนไขแหงนิติกรรมตาม
ความหมายนี้ แมวาคูกรณีในนิติกรรมจะไดตกลงกันโดยไมรวู าเหตุการณที่ตกลงกันวาเปนเงื่อนไข
นั้นไดเกิดขึน้ แลวในอดีตหรือในปจจุบนั ก็ตาม ในเรื่องนี้มีบัญญัติไวในมาตรา ๑๘๗ ปพพ. ที่วา
ถาเงื่อนไขสําเร็จแลวแตในเวลทํานิติกรรม หากเปนเงื่อนไขบังคับกอนใหถือ
วานิติกรรมนัน้ ไมมีเงื่อนไข หากเปนเงื่อนไขบังคับหลัง ใหถือวานิติกรรมนั้นเปน
โมฆะ
ถาเปนอันแนนอนในเวลาทํานิติกรรมวา เงื่อนไขไมอาจจะสําเร็จได หากเปน
เงื่อนไขบังคับกอน ใหถือวานิติกรรมนั้นเปนโมฆะ หากวาเปนเงื่อนไขบังคับหลัง
ใหถือวานิติกรรมนั้นไมมีเงื่อนไข
หลักตามมาตรา ๑๘๗ ปพพ. นี้เปนหลักธรรมดา ซึ่งตั้งอยูบนหลักการสันนิษฐานเจตนาที่
แทจริงของคูกรณีวา หากรูวาเหตุการณอันเปนเงื่อนไขนัน้ สําเร็จลงแลว หรือรูวาไมอาจสําเร็จได
เปนแนแท คูกรณีก็คงจะตกลงหรือไมตกลงกันเลยตามเหตุตามผล
ในกรณีที่เงื่อนไขสําเร็จแลวในเวลาทํานิตกิ รรม ถาคูกรณีรูวาเงื่อนไขสําเร็จลงแลว ก็คงจะ
ตกลงกันไปโดยไมตั้งเปนเงือ่ นไขบังคับกอน เชน๓ตกลงเชาบานกัน โดยมีเงื่อนไขบังคับกอนวาให
สัญญาเชามีผลบังคับเมื่อผูเชาถูกยายมาประจําในทองที่นนั้ ดังนี้ถาไดรแู ลววาถูกยายมาแลวตั้งแต
เวลาที่ตกลงเชากัน ก็คงจะเชาบานกันโดยไมยกเหตุวาจะถูกยายหรือไมมาเปนเงื่อนไข ซึ่งก็คือ
เปนไปตามเจตนาที่แทจริงของคูกรณีนั่นเอง หรือในทางกลับกัน ถาเปนเงื่อนไขบังคับหลัง เชนตก
ลงเชาบานกันโดยตั้งเงื่อนไขบังคับหลังวาใหสัญญาเลิกกันหากถูกยายไปประจําทองที่อื่น ดังนี้หาก
รูวาถูกยายไปทองถิ่นอื่นแลวตั้งแตเวลาทีท่ ําสัญญากัน ก็คงจะไมไดตกลงเชากันเลย
๓
ตัวอยางจาก จิ๊ด เศรษฐบุตร, นิติกรรมและสัญญา, หนา ๒๑๖
๒๓๕
สวนกรณีทเี่ ปนอันแนนอนวาเงื่อนไขไมอาจสําเร็จลงไดกเ็ ชน ตกลงเชาบานกันโดยกําหนด
เงื่อนไขบังคับกอนวาใหมีผลบังคับหากถูกยายมาประจําในทองที่นั้นภายใน ๓ เดือน แตปรากฏวา
ไดถูกยายไปทองที่อื่นและไมมีทางยายมาอยูในทองทีน่ นั้ ตามเงื่อนไขไดแนนอน ดังนี้หากคูก รณีรู
แนวาผูเชาถูกยายไปที่อนื่ แลวก็คงไมไดทาํ สัญญากันเลย หรือในกรณีที่ตกลงเชาบานกันโดยผูใหเชา
ตั้งเปนเงื่อนไขบังคับหลังวาหากครอบครัวบุตรที่อยูตางประเทศยายกลับมาอยูดวยก็ใหสัญญาเชา
เลิกกัน แตปรากฏวาครอบครัวบุตรไดกลับมาแลว แตแยกไปอยูที่อื่น ไมกลับมาอยูดว ย หรือบุตรถึง
แกความตายไปแลวไมมีทางจะกลับมาอยูดว ย ดังนี้เปนกรณีเงื่อนไขบังคับหลังไมอาจสําเร็จลงได
ผลก็คือสัญญาเชายอมสมบูรณโดยปราศจากเงื่อนไข๔
มีขอนาคิดวา หากเงื่อนไขสําเร็จแลว หรือไมมีทางสําเร็จไดในขณะทํานิติกรรมแตคกู รณี
ทั้งสองฝายไมรูถึงขอเท็จจริงนั้น ดังนีจ้ ะปรับใชมาตรา ๑๘๗ ปพพ. อยางไร จะถือวานิติกรรมนั้นมี
ผลโดยไมมีเงือ่ นไข หรือตกเปนโมฆะไปทันที หรือจะนับตั้งแตเวลาที่คูกรณีทั้งสองฝายรูหรือควร
ไดรูถึงความสําเร็จ หรือไมมที างสําเร็จของเงื่อนไขนั้นเสียกอน
โดยที่บทกฎหมายขางตนเปนบทกฎหมายที่กําหนดขึ้นตามหลักสันนิษฐานเจตนาโดย
สุจริตของคูกรณี ดังนัน้ หากคูกรณีตกลงกําหนดใหเหตุการณที่เกิดขึน้ แลวในอดีต หรือเหตุการณใน
ปจจุบันเปนเงือ่ นไขโดยไมรวู าสิ่งนั้นไดสําเร็จลงแลว หรือไมอาจสําเร็จลงไดก็ตองพิจารณาเจตนา
ที่แทจริงของคูกรณีวาหากไดรูวาสิ่งนั้นไดสําเร็จลงแลว หรือไมมีทางสําเร็จได จะไดตกลงกันไว
อยางไร มิใชถอื เครงตามตัวบทโดยไมคํานึงถึงเจตนาทีแ่ ทจริงของคูกรณี เพราะโดยทั่วไปพอจะถือ
ไดวาในหลายกรณีนนั้ การรูถ ึงความสําเร็จของเงื่อนไขซึ่งไดรูในเวลาหลังจากนั้น นับเปน
เหตุการณในอนาคตอยางหนึง่ กรณีเชนนี้ความรูวาเงื่อนไขไดสําเร็จไปแลวหรือไมมที างสําเร็จไดที่
ไดรูขึ้นภายหลังเปนเสมือนเงื่อนไข หรือเปนเสมือนเงื่อนไขนั้นไดสําเร็จหรือไมมที างสําเร็จใน
อนาคตได
เชนแมเหตุการณอันคูกรณีตงั้ เปนเงื่อนไขจะไดเกิดขึ้นแลวในขณะตกลงกัน แตหากตองใช
เวลาอีกระยะหนึ่งจึงจะรูได เชนขาวคําสั่งยายก็ดี หรือการที่บุตรที่อยูตางประเทศถึงแกความตายก็ดี
ยังมาไมถึง ดังนี้ความมีผลของนิติกรรมที่มีเงื่อนไขจะเปนประการใด ตองพิเคราะหตามหลักเจตนา
แทจริงโดยสุจริตของคูกรณี โดยอาศัยหลักการเทียบเคียงบทกฎหมายใกลเคียงอยางยิง่ มาปรับใชใน
กรณีนดี้ วยวาจะเปนกรณีที่อยูใตบังคับของหลักเงื่อนไขธรรมดา หรืออยูในบังคับแหงหลักเงื่อนไข
อันสําเร็จแลวในเวลาทํานิตกิ รรมตามมาตรา ๑๘๗ ปพพ.
ตัวอยางเชน ตกลงเชาบานกันโดยมีเงื่อนไขบังคับกอนใหสัญญาเชามีผลเมื่อผูเชาถูกยายมา
ประจําในทองที่นั้น ในระหวางนั้นใหไปมาใชพักอาศัยไดโดยไมเก็บคาเชา โดยไมรูวาในขณะที่ตก
ลงกันไดมีคําสั่งใหผูเชามาประจําในทองที่นั้นแลว กวาตางฝายจะรูถึงคําสั่งยายเวลาก็ลวงเลยไป
๔
ตัวอยางจาก จิ๊ด เศรษฐบุตร, นิติกรรมและสัญญา, หนา ๒๑๖
๒๓๖
แลวถึง ๑ เดือน ดังนีห้ ากจะถือวาเปนสัญญาเชาไมมีเงื่อนไขตามมาตรา ๑๘๗ วรรคแรก ปพพ. ผูเชา
ก็ตองชําระคาเชา ๑ เดือนตั้งแตวนั ทําสัญญา แตถาถือวาเงือ่ นไขสําเร็จเมือ่ รูแนวาคําสั่งมีวาอยางไร
ดังนี้ก็ตองถือวาสัญญามีผลเมื่อรูถึงคําสั่งยาย ไมตองชําระคาเชาระหวางที่มีคําสั่งแลวแตคูกรณียังไม
รู คือถือเอาความรูแนวาถูกสัง่ ยายมาประจําในทองที่นั้นเปนเงื่อนไขดังนี้เปนตน
ดวยเหตุนี้ กรณีตามอุทาหรณ ๓ จึงตองตีความการแสดงเจตนาของคูก รณีที่เกีย่ วกับเงื่อนไข
การถูกสลากกินแบงวาหมายถึงรูแนวาสลากถูกรางวัล ดังนั้นจึงตองถือเอาเวลาที่ตรวจรางวัลหรือ
เวลาที่กําหนดแนไดวาไดถูกรางวัลเปนเกณฑ และตราบใดที่ ก. ยังไมรแู นวาตนถูกรางวัลหรือไม ก็
ตองถือวาเงื่อนไขยังไมสําเร็จอยูนั่นเอง
แตถาคูกรณีรูวา เงื่อนไขนั้นสําเร็จไปแลว ยังกําหนดเงื่อนไขเชนนั้นเปนเงื่อนไขบังคับกอน
กฎหมายถือวานิติกรรมนั้นเปนผลโดยไมมีเงื่อนไข (มาตรา ๑๘๗ วรรคแรก ตอนตน) และถา
กําหนดเปนเงือ่ นไขบังคับหลัง นิติกรรมนั้นยอมตกเปนโมฆะ (มาตรา ๑๘๗ วรรคแรก ตอนทาย)
เพราะยอมคาดหมายไดวาคงจะไมไดทํานิติกรรมนั้นขึ้นมาแตตนนัน่ เอง เชนตกลงซื้อน้ํามันกันราย
เดือน เดือนละ ๑,๐๐๐ ลิตร โดยมีเงื่อนไขบังคับหลังวา หากน้ํามันราคาขึ้นไปถึงลิตรละ ๓๐ บาท
สัญญาซื้อขายเปนอันสิ้นผลไป ดังนี้ถาขณะตกลงกันน้ํามันราคาลิตรละ ๓๐ บาทอยูแลว ไมวา
ในขณะทํานิตกิ รรมคูกรณีจะรูหรือไมรูวาเงื่อนไขสําเร็จไปแลวหรือไมก็ตาม กรณีเปนที่เห็นไดชดั
วา หากรูวาเงื่อนไขสําเร็จแลว ยังกําหนดเปนเงื่อนไขบังคับหลัง ก็เทากับมุงหมายใหนิติกรรมสิ้นผล
ไปในทันทีเลย หากไมรูกย็ อมสันนิษฐานไดทํานองเดียวกันวา หากไดรูก็คงไมประสงคทํานิติกรรม
นั้นขึ้นเลย ดังนั้นนิตกิ รรมที่มีเงื่อนไขบังคับหลังเชนนั้นยอมตกเปนโมฆะ
ข) ขอความคิดวาดวยเงื่อนเวลา
นิติกรรมที่มี “เงื่อนเวลา” หมายถึงนิติกรรมที่มีขอกําหนดใหความมีผลหรือสิ้นผลของนิติ
กรรมขึ้นอยูกบั เวลาในอนาคต หรือจะตกลงใหมีผลทันทีแตตองปฏิบัติตามหนาทีใ่ นนิติกรรมเมื่อถึง
เวลากําหนดก็ได ตามเจตนาของคูกรณี เงื่อนเวลาจึงตางจากเงื่อนไขตรงที่เงื่อนเวลาหมายถึง
เหตุการณในอนาคตซึ่งจะตองเกิดขึ้นมีขึ้นอยางแนนอน เงือ่ นเวลาจึงอาจจะเปนขอกําหนดเกีย่ วกับ
เวลาใดเวลาหนึ่ง หรือวันใดวันหนึ่งโดยเจาะจงตามปฏิทนิ หรือวันทีบ่ คุ คลใดบุคคลหนึ่งถึงแกความ
ตายก็ได ในกรณีแรกทั้งสองกรณีนนั้ เปนวัน เวลา ที่มีกําหนดแนนอน สวนกรณีหลังซึ่งกําหนดวัน
ตายของบุคคลเปนเงื่อนเวลานั้น แมจะเปนเวลาที่ไมอาจกําหนดแนนอนได แตก็เปนเหตุการณณใน
อนาคตที่ตองเกิดขึ้นอยางแนนอนทั้งสิ้น๕ อยางไรก็ดี ถาถือเอากําหนดเวลาในอนาคตทีบ่ ุคคลใด
บุคคลหนึ่งจะถือกําเนิดขึ้นเปนขอกําหนดความเปนผลหรือสิ้นผลของนิติกรรม ดังนีย้ อมตองนับวา
๕
โปรดดู จิ๊ด เศรษฐบุตร, นิติกรรมและสัญญา, ขอ ๓๒๙, หนา ๒๔๐
๒๓๗
เปน “เงื่อนไข” เพราะยังไมแนวา จะมีการปฏิสนธิ หรือแมมีการปฏิสนธิแลวทารกซึ่งอยูในครรภ
นั้นจะคลอด หรือรอดชีวิตมาจนถึงวันคลอดไดอยางแนนอนหรือไมนนั่ เอง
ตัวอยางเชน ก. ตกลงกับ ข. วา ถาบิดาของ ข. ถึงแกความตาย ก. จะจายเงินใหแก ข. เปนคา
ทําศพ ๕๐,๐๐๐ บาท โดยไมไดระบุรวมไวดวยวา ก. จะจายเงินให ข. หรือทายาทของ ข. ดังนี้จะ
เห็นไดวากรณีดังกลาวมีเงื่อนไขผูกติดอยูก ับเงื่อนเวลาดวย กลาวคือวันที่บิดาของ ข. ถึงแกความตาย
นั้นเปนเงื่อนเวลา สวนปญหาวา ข. จะมีอายุยืนยาวและมีชีวิตอยูจ นถึงวันหลังจากบิดาของ ข. ถึงแก
ความตายหรือไมนั้นเปนเหตุการณในอนาคตอันไมแนนอน จึงถือไดวา ขอกําหนดเกีย่ วกับความมี
ชีวิตของ ข. ในวันที่บดิ าของ ข. ถึงแกความตายเปนเงื่อนไขอยางหนึ่ง แตถา ก. ตกลงกันกับ ข. วา
จะจายเงินให ข. หรือทายาทของ ข. ก็จะเห็นไดวาความมีผลหรือไมมีผลแหงนิติกรรมยอมขึ้นอยูก บั
เงื่อนเวลาคือความตายของบิดา ข. แตประการเดียว
ค) ความหมายและความสําคัญของนิติกรรมมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา
๑) เงื่อนไขนั้นมีขนึ้ ก็เพื่อใหนิตกิ รรมที่คูกรณีไดตกลงผูกพันกันแลว เกิดความยืดหยุน ไม
ตายตัว และกําหนดเผื่อใหอาจเปลี่ยนแปลงหรือสิ้นผลไปไดในภายหลัง หากเกิดเหตุการณอยาง
หนึ่งอยางใดซึง่ ไมแนวาจะเกิดขึ้นหรือไมในอนาคต
ตัวอยางเชน ก. เปนเจามรดก ไดกําหนดไวในพินยั กรรมที่ตนทําขึ้นวา หากตนถึงแกความ
ตายก็ใหทรัพยมรดกทั้งหมดตกเปนของบุตรและของภริยาคนละครึ่งหนึ่ง แตหากภริยามีสามีใหมก็
ใหทรัพยมรดกทั้งหมดตกไดแกบุตรแตผูเดียว หรือ ก. กับ ข. ทําพินัยกรรมฉบับเดียวกันตางยก
ทรัพยสินใหแกกันและกัน โดยมีเงื่อนไขวาหากฝายใดตายกอนใหทรัพยสินของผูที่ถึงแกความตาย
กอนตกเปนสินสวนตัวของผูทําพินัยกรรมที่ยังมีชีวิตอยูแตผูเดียว๖ หรือในกรณีที่ ก. กับ ข. ตกลงทํา
สัญญาจะซื้อจะขายที่ดนิ โดย ก. วางเงินมัดจําไว ตอมาทั้งสองฝายตกลงเลิกสัญญากัน แต ข. ยังไมมี
เงินมัดจําจะคืนใหจึงตกลงกันวาเงินมัดจําจะคืนใหเมื่อขายที่ดินแปลงนี้ได๗ ดังนี้เปนตน
ตามอุทาหรณ ๒ เราเห็นไดวา การที่ ก. ตกลงกับ ข. โดยมีเงื่อนไขวา หากสลากกินแบงของ
ก. ถูกรางวัล ก. ตกลงซื้อรถยนตจาก ข. มีผลทําให ก. สามารถผูกมัด ข. ไวกอนแลวชัน้ หนึ่ง เพราะ
หาก ก. รอตอไปจนกวาจะรูแ นวาสลากของตนจะถูกรางวัลหรือไม จะไดรูแนวาจะมีเงินพอซื้อ
รถยนตของ ข. เวลาก็อาจผานไป และ ข. อาจจะเปลีย่ นใจตกลงขายรถยนตคันดังกลาวใหแก
บุคคลภายนอกแลวได แตถา ก. กับ ข. ตกลงผูกมัดกันไวกอน โดยกําหนดใหนติ ิกรรมเปนผลและ
กรรมสิทธิ์โอนกันเมื่อเงื่อนไขสําเร็จ ดังนีห้ ากเงื่อนไขสําเร็จนิติกรรมยอมมีผลเปนสัญญาซื้อขาย
๖
ตัวอยางจากฎีกาที่ ๑๔๖๖/๒๕๓๗
๗
ตัวอยางจากฎีกาที่ ๖๙๓/๒๕๓๗
๒๓๘
และการโอนกรรมสิทธิ์เปนผลพรอมกันไปเลย ในกรณีเชนนี้ ก. และ ข. ไมจําเปนตองมาตกลงทํา
สัญญาหรือโอนกรรมสิทธิ์กันใหมอกี แตอยางใด
ตัวอยางเชน ตามอุทาหรณ ๕ นั้น ก. ตกลงซื้อเครื่องรับโทรทัศนจาก ข. นับเปนสัญญาซื้อ
ขายที่เสร็จเด็ดขาดแลว เพราะสัญญาซื้อขายสําเร็จเปนผลขึ้นแลว กรณีไมใชเปนสัญญาซื้อขายโดยมี
เงื่อนไข เพราะกรณีทจี่ ะถือไดวาเปนสัญญาซื้อขายโดยมีเงื่อนไขนั้น ตองเปนกรณีที่คูกรณีไม
ประสงคผูกพันกันจนกวาเงือ่ นไขจะสําเร็จ ตราบใดที่เงือ่ นไขไมสําเร็จนิติกรรมคือสัญญาซื้อขายก็
ยังไมเปนผล แตกรณีตามอุทาหรณ ๕ นัน้ เห็นไดชดั วาคูก รณีในสัญญาซื้อขายรายนี้ไดตกลงให
สัญญาซื้อขายเปนผลทันที ดังจะเห็นไดจากการชําระราคาและโอนกรรมสิทธิ์ทรัพยสินกันแลว
เพียงแตตกลงกันใหกรรมสิทธิ์ยงั ไมโอนไปจนกวาผูซื้อจะไดชําระราคาครบถวนเทานั้น นับเปน
สัญญาซื้อขายที่เปนผลโดยไมมีเงื่อนไข จะมีก็แตมีเงื่อนไขในการโอนกรรมสิทธิ์ ซึ่งเปนเงื่อนไขใน
การชําระหนีเ้ ทานั้น โดย ข. ตกลงโอนกรรมสิทธิ์ในเครื่องรับโทรทัศนเมื่อ ก. ไดชําระราคา
ครบถวนแลว (หรือที่เรียกวาเปนสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดที่มีเงื่อนไขหรือมีขอสงวนการโอน
กรรมสิทธิ์) ตราบใดที่ ก. ยังชําระราคาซื้อขายไมครบถวน ตราบนั้นโทรทัศนนั้นยังเปนของ ข. อยู
และ ข. ยอมมีหลักประกันการไดรับชําระหนี้จาก ก. ที่ดี คือมีกรรมสิทธิ์ในทรัพยสินที่ซื้อขายกัน
เปนหลักประกัน และหาก ก. ผิดนัดไมชําระราคาทรัพยสินที่ซื้อไป ข. ยอมมีสิทธิเรียกทรัพยคืนได
ตามหลักกรรมสิทธิ์ อยางไรก็ตาม หากปรากฏวาตอมา ก. ไดชําระราคาทรัพยสินทีซ่ ื้อขายกัน
ครบถวนดีแลว เงื่อนไขยอมสําเร็จ และกรรมสิทธิ์ในทรัพยสินที่ซื้อขายกันยอมโอนไปยังผูซื้อทันที
โดยไมตองใหคูกรณีมาทําการโอนกันอีกครั้งหนึ่งแตอยางใด
นอกจากนั้นเงือ่ นไขยังเปนทีน่ ิยมใชในการชักจูงใจใหผูไดรับประโยชนกระทําการหรือละ
เวนกระทําการอีกอยางหนึ่งดวย
ตัวอยางเชน ก. ตกลงยกรถยนตของตนซึ่ง ข. ยืมใชอยูใ หแก ข. โดยมีเงือ่ นไขวา การใหจะ
มีผลเมื่อ ข. สอบไลหรือสําเร็จการศึกษา หรือ ตกลงวา ข. จะตองสงรถคืนหาก ข. สอบตก หรือ
กระทําผิดกฎหมาย หรือ ก. เปนกรรมการผูจัดการตกลงลาออกจากตําแหนงเมื่อไดมกี ารรับซื้อ
หุนสวนของ ก. ในบริษัทและไดชําระราคาแลว๘ ผูจะขายที่ดินตกลงจะขายที่ดนิ โดยมีเงื่อนไขวาให
สัญญาเปนผลเมื่อศาลไดมีคําพิพากษาถึงทีส่ ุดวาที่ดินนั้นเปนของตนแตเพียงผูเดียว๙ เปนตน
๘
โปรดดูตัวอยางไดจากฎีกาที่ ๒๖๖๒/๒๕๓๗ ซึ่งผูเปนกรรมการผูจัดการแสดงเจตนาตอคณะกรรมการ
บริษัทวาจะออกจากตําแหนงเมื่อมีการรับซื้อหุนสวนของตน และไดชําระราคาครบถวนแลว ดังนี้เปนการ
แสดงเจตนาลาออกจากตําแหนงโดยมีเงื่อนไข
๙
โปรดดูฎีกาที่ ๓๗๗๗/๒๕๓๓ ตกลงจะขายที่ดินโดยสัญญาจะใหคานายหนาแกผูชี้ชวนใหทําสัญญาซื้อขาย
กัน แตมีเงื่อนไขวา ใหเปนผลเมื่อศาลพิพากษาวาที่ดินเปนของผูจะขายแตเพียงผูเดียว ดังนี้หากตอมาศาล
ตัดสินวาเปนของเจาของรวม และเจาของรวมคนอื่นไมยอมขายทําใหไมสามารถตกลงกันไมได ไมถือวาผู
๒๓๙
๒) สวนเงื่อนเวลานั้น มักจะมีการนํามากําหนดไวในนิตกิ รรมเมื่อตองการใหนิติกรรมนัน้
เปนผลหรือสิ้นผลไปเมื่อถึงเวลาขณะใดขณะหนึ่ง แตในกรณีมีขอสงสัยกฎหมายสันนิษฐานวาใน
กรณีเงื่อนเวลาเริ่มตนนั้น คูกรณียอมตกลงใหนิตกิ รรมมีผลทันที แตใหคูกรณีมีสิทธิทวงถามให
ปฏิบัติตามนิติกรรมนั้นไดตอ เมื่อถึงเวลาขณะใดขณะหนึง่ ที่กําหนดไว แตทั้งนี้การจะใหมีผลทันที
หรือไมยอมเปนไปตามความประสงคของคูกรณี
ตัวอยางเชน ก. ตกลงเชาบานของ ข. โดยตกลงทําสัญญากันเมื่อ ๑ กุมภาพันธ โดยตก
ลงกันใหสัญญาเชาเริ่มมีผลตั้งแตวนั ที่ ๑ เมษายน ปเดียวกันและสิ้นสุดลงในวันที่ ๓๑ มีนาคมป
ถัดไป ดังนี้เปนตน
ตามอุทาหรณขางตน อาจมีขอสงสัยขึ้นไดวา ตั้งแตวนั ที่ ๑ กุมภาพันธ ซึ่งไดทําสัญญา
เชากัน จนถึงวันที่ ๓๑ มีนาคม สัญญาเชาระหวาง ก. กับ ข. มีขึ้นแลวหรือยัง คําตอบยอมเปนไปตาม
ขอสันนิษฐานตามมาตรา ๑๙๑ วรรคแรก ป.พ.พ. คือสัญญาเชาเกิดขึ้นแลว เพียงแตหนาที่ตาม
สัญญาคือการชําระคาเชา หรือการใชสอยทรัพยที่เชายังไมอาจทวงถามใหปฏิบัติตามไดจนกวาจะ
ถึงเวลาที่กําหนด แตขอสันนิษฐานตามมาตรา ๑๙๑ วรรคแรก ป.พ.พ. นี้ คูกรณีอาจตกลงกันเปน
อยางอื่น เชนตกลงใหผูเชาชําระคาเชาลวงหนา แตใหเริ่มใชสอยทรัพยเชาไดเมื่อถึงกําหนดเงื่อน
เวลาก็ได
ง) กรณีที่อาจตั้งเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาได
๑) การกําหนดเงือ่ นไขและเงื่อนเวลานั้นยอมเปนไปตามหลักเสรีภาพในการทําสัญญา
และการกําหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาอาจกระทําไดทั้งในรูปนิติกรรมกอความผูกพันทางหนี้
(อุทาหรณ ๒) หรือในรูปนิตกิ รรมเปลี่ยนแปลงสิทธิหรือโอนทรัพย (อุทาหรณ ๕)
ควรสังเกตดวยวาหลักเกณฑที่เกี่ยวกับเงือ่ นไขนี้ กฎหมายมุงกําหนดผลใหเปนไปตาม
เจตนาของคูกรณี เชนกรณีตามมาตรา ๑๘๙ ป.พ.พ. กลาวคือ นิติกรรมใดมีเงื่อนไขบังคับกอน และ
เงื่อนไขนั้นเปนการพนวิสัย นิติกรรมนั้นเปนโมฆะ และวรรคสองที่วานิติกรรมใดมีเงื่อนไขบังคับ
หลัง และเงื่อนไขนั้นเปนการพนวิสัย ใหถือวานิติกรรมนัน้ ไมมีเงื่อนไข การที่กฎหมายกําหนดไว
เชนนี้กเ็ พราะคํานึงถึงความประสงคในทางสุจริตของคูกรณีตามหลักในการตีความสัญญาในมาตรา
๓๖๘ ป.พ.พ. นั่นเอง เพราะเงื่อนไขที่เปนการอันพนวิสยั อยูในขณะที่ทาํ นิติกรรมนั้นยอมจัดเปน
เปนเงื่อนไขทีต่ กไปแตตน การที่ทํานิติกรรมโดยกําหนดใหมีผลเมื่อเงื่อนไขสําเร็จ เมือ่ เงื่อนไขนั้น
ไมมีวันสําเร็จเพราะเปนพนวิสัยอยูแลว จึงเทากับเปนการทํานิติกรรมทีไ่ มมีวันมีผลได ดังนั้น
จะขายผิดสัญญาเพราะเงื่อนไขที่ตั้งไววาใหสัญญามีผลเมื่อศาลพิพากษาวาที่ดินเปนของผูจะขายแตผูเดียวนั้น
ยังไมสําเร็จ
๒๔๐
กฎหมายจึงกําหนดใหนติ ิกรรมนั้นเปนโมฆะ (มาตรา ๑๘๙ วรรคแรก ป.พ.พ.) สวนกรณีที่เปนนิติ
กรรมมีเงื่อนไขบังคับหลังก็ทํานองเดียวกัน กลาวคือการตกลงใหนิตกิ รรมสิ้นผลไปเมื่อเงื่อนไข
สําเร็จ ถาเงื่อนไขนั้นเปนการอันพนวิสยั ก็เทากับเงื่อนไขนั้นไมมวี ันสําเร็จ และนิตกิ รรมไมมีวันสิ้น
ผล กฎหมายจึงกําหนดใหนติ ิกรรมนั้นมีผลโดยไมมเี งื่อนไข (มาตรา ๑๘๙ วรรคสอง ป.พ.พ.)
ตัวอยางทํานองเดียวกันเห็นไดจากมาตรา ๑๙๐ ป.พ.พ. ซึ่งวางหลักวา นิติกรรมใดมี
เงื่อนไขบังคับกอน และเปนเงื่อนไขอันจะสําเร็จหรือไมสุดแลวแตใจของฝายลูกหนี้ นิติกรรมนั้น
เปนโมฆะ ซึ่งยอมเปนที่เขาใจไดวาการทํานิติกรรมโดยกําหนดวาจะเปนผลหรือไม ใหสุดแลวแตใจ
ของลูกหนี้นั้น เทากับยังไมประสงคจะใหลูกหนี้ตองผูกพันอะไรในนิตกิ รรมนั้นเลย หรือเปนแต
เปนเพียงการแสดงเจตนาเลน ๆ นั่นเอง๑๐ ตัวอยางเชนทําคํามั่นใหแกกนั ไว โดยกําหนดเปนเงื่อนไข
บังคับกอนวาคํามั่นจะมีผลเปนคํามั่นขึ้นมาก็ตอเมื่อฝายผูใหคํามั่น (ซึง่ เปนลูกหนี)้ พอใจจะใหเปน
ผล ดังกรณีมีผูทําคํามั่นจะออกทุนการศึกษาแกคูกรณีอีกฝายหนึ่งเปนเงินจํานวนหนึ่ง โดยมีเงื่อนไข
บังคับกอนวาใหมีผลเมื่อตนพอใจจะผูกพันตามคํามั่นนัน้ ดังนีย้ อมเปนการตกลงใหคํามั่นที่เปลา
ประโยชน เพราะฝายที่เปนลูกหนี้ยังมิไดประสงคจะผูกพันเลย ดังนี้กฎหมายจึงกําหนดใหนิติกรรม
เชนนั้นไมมีผล คือตกเปนโมฆะไป แตถา เปนกรณีที่ทําคํามั่นโดยมีเงือ่ นไขบังคับกอนวาจะเปนผล
เมื่อใดแลวแตเจาหนี้ หรือแลวแตเหตุการณไมแนนอนอยางอื่น ดังนี้นิตกิ รรมนั้นยอมมีผลสมบูรณ
เชนทําคํามั่นจะออกเงินทุนการศึกษาใหคูกรณีอีกฝายหนึง่ จนจบ เมื่อคูก รณีอีกฝายหนึ่งนั้นจะเรียก
เอาเมื่อใด ก็ใหคํามั่นมีผลเมื่อนั้น ดังนีเ้ งื่อนไขบังคับกอนมิไดเปนเรื่องสุดแตใจของลูกหนี้ แตเปน
เรื่องสุดแตใจของฝายเจาหนี๑๑้
อนึ่ง ปญหาวากรณีใดเปนเงือ่ นไขบังคับกอนอันจะสําเร็จไดหรือไมสดุ แลวแตใจ
ลูกหนี้หรือไมนี้ ตองพิเคราะหจากเจตนาผูกพันของคูกรณีเปนสําคัญ เชนอาจเกิดปญหาวากรณีที่มี
ผูทําคํามั่นแกคูกรณีอีกฝายหนึ่งวาหากตนทําการสมรส หรือหากเดินทางไปตางประเทศจะชําระเงิน
แกองคกรสาธารณประโยชนเปนจํานวนเทานั้นเทานี้ ดังนี้จะเห็นไดวา มิใชกรณีท่ลี กู หนี้ไมประสงค
ผูกพัน และไมใชกรณีทแี่ ลวแตใจลูกหนี้โดยแท เพราะการทําการสมรสมิไดสุดแตใจของลูกหนี้ฝา ย
เดียว แตเปนเหตุการณอนั ไมแนนอนซึ่งตองอาศัยความสมัครใจของผูจะเปนคูสมรสประกอบเขา
๑๐
โปรดดูจิ๊ด เศรษฐบุตร, นิติกรรมและสัญญา, ขอ ๓๐๗, หนา ๒๒๕; เทพวิทุร, พระยา, หนา ๕๔๑
๑๑
โปรดดู คําพิพากษาฎีกาที่ ๖๒๖/๒๔๙๐ ๒๔๙๐ ฎ. ๗๖๔ ซึ่งผูใหเชาตกลงใหเชาอสังหาริมทรัพยแกผูเชามี
กําหนด ๒ ป โดยตกลงกันวาเมื่อครบกําหนดสัญญา หากผูเชาปรารถนาจะเชาตอไป ก็ใหเชาตอไปไดอีก ๒
ป โดยผูใหเชาไมมีสิทธิปฏิเสธไมตอสัญญาให และตอจากนั้นหากครบกําหนด ๒ ปแลวหากผูเขาปรารถนา
จะเชาตออีก ๒ ปก็ไดอีก และในระยะที่สามนี้ หากผูเชาจะเชา ผูใหเชาก็ยอมใหเชาโดยไมกําหนดเวลา ดังนี้
ศาลตัดสินวาสัญญาเชามีผลสมบูรณ กรณีไมใชเรื่องเงื่อนไขสําเร็จหรือไมสุดแลวแตใจลูกหนี้ เพราะแมตาม
สัญญาเชา ผูเชาจะเปนลูกหนี้ตองชําระหนี้คาเชา แตในกรณีคํามั่นจะใหเชาในกรณีนี้ผูเชาเปนเจาหนี้ใน
คํามั่น และผูใหเชาเปนลูกหนี้ตามคํามั่น
๒๔๑
ดวย๑๒ หรือกรณีที่วาจะเดินทางไปตางประเทศเมื่อใดจะใหเงินเมื่อนั้น หากเปนกรณีที่แนนอนวา
ผูใหคํามั่นตั้งใจจะผูกพัน และจะตองเดินทางไปตางประเทศในวันใดวันหนึ่งอยางแนนอน ดังนี้ก็
ไมใชกรณีที่เปนเงื่อนไขบังคับกอนแตเปนเงื่อนเวลา ดังนีเ้ ปนตน
๒) แตมีบางกรณีที่เงื่อนไขและเงื่อนเวลาอาจไมชอบดวยกฎหมายได
(๑) เงื่อนไขที่ขัดตอกฎหมายหรือความสงบเรียบรอยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนอาจ
มีไดดังเชนกรณีที่เห็นไดวานิติกรรมบางประเภทเปนนิติกรรมที่ไมอาจกระทําขึ้นโดยกําหนดใหอยู
ใตบังคับเงื่อนไขได ไมวาจะเปนไปโดยสภาพแหงนิติกรรมนั้นเอง หรือเปนเพราะหากทําขึ้นก็จะ
ขัดตอกฎหมาย ตัวอยางที่สําคัญมี เชน สัญญาตามกฎหมายครอบครัว การหมั้น การสมรส ยอมเปน
นิติกรรมที่กฎหมายมุงใหผูกพันกันโดยเปนผลทันทีที่นิติกรรมสําเร็จลง โดยความผูกพันนัน้ ยอม
ปราศจากเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ความมุงหมายเชนนี้ถือเปนประโยชนสําคัญทางกฎหมาย ที่นับได
วาเปนไปเพื่อความสงบเรียบรอยของประชาชนอยางหนึง่ ดังนั้น หากไปขืนตั้งเงื่อนไขหรือเงื่อน
เวลาใหการสมรสเปนผล เงื่อนไขเชนนัน้ ยอมไมชอบดวยกฎหมาย และไมมีผลบังคับ อนึ่ง การโอน
กรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพยกย็ อมไมอาจตั้งเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาได เพราะจะทําใหทะเบียน
อสังหาริมทรัพยขาดความแนนอน เนื่องจากเนื้อหาแหงสิทธิทางทะเบียนอาจเปลีย่ นแปลงไปเมื่อ
เงื่อนไขหรือเงือ่ นเวลาสําเร็จ เวนแตเปนกรณีที่มีกฎหมายยกเวนไวโดยเฉพาะเชนในเรื่องขายฝาก
(มาตรา ๔๙๑, ๔๙๒ ป.พ.พ.) อยางไรก็ดี หากจะมีการตกลงกําหนดเงื่อนไขกัน หากเงื่อนไขนั้น
เพียงแตเปนการที่ตางจากบทบัญญัติแหงกฎหมาย โดยมิไดขัดตอขอหามทางกฎหมายหรือความ
สงบเรียบรอยของแผนดิน เชนตกลงโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพยไปโดยกําหนดเงื่อนไข
บังคับหลังกันไว ก็ยอมทําไดในสวนที่จะเปนผลทางหนีห้ รือในแงความผูกพันที่จะกระทําการหรือ
งดเวนกระทําการโดยผูกพันเปนสิทธิเรียกรองระหวางคูก รณีเทานัน้ แตในกรณีที่คูกรณีขืนตกลงทํา
การสมรสกันโดยมีเงื่อนเวลา หรือตกลงโอนที่ดินกันโดยมีเงื่อนไข ดังนี้เปนเงื่อนเวลาและเงื่อนไข
ที่ไมชอบดวยกฎหมาย นิติกรรมที่มีเงื่อนเวลาหรือเงื่อนไขเชนนั้นยอมตกเปนโมฆะ (มาตรา ๑๘๘
ปพพ.)
(๒) การแสดงเจตนาฝายเดียวทีม่ ีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลานัน้ หากกระทบถึงสิทธิหนาที่หรือ
ทรัพยสินของผูแสดงเจตนาเพียงฝายเดียว เชนทําพินยั กรรม สละกรรมสิทธิ์ ยอมกระทําไดโดยชอบ
ตามหลักเสรีภาพในการแสดงเจตนา หรือการทําสัญญาโดยตกลงกันใหมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ก็
ยอมมีไดตามหลักเสรีภาพในการทําสัญญา แตในบางกรณีการแสดงเจตนาฝายเดียวโดยมีเงื่อนไข
หรือเงื่อนเวลาของบุคคลหนึ่ง อาจสงผลกระทบตอสิทธิทางทรัพยสินของบุคคลอื่นดวย ดังนี้การ
แสดงเจตนาเชนนั้นอาจตองหามมิใหมเี งื่อนไขหรือเงื่อนเวลาได ทั้งนี้เพราะในสวนที่เกี่ยวกับการ
แสดงเจตนาฝายเดียวนั้น กฎหมายมุงคุมครองประโยชนไดเสียของผูรับการแสดงเจตนาใหผูรับการ
๑๒
โปรดเทียบ จิ๊ด เศรษฐบุตร, นิติกรรมและสัญญา, ขอ๓๐๒, หนา ๒๒๕
๒๔๒
แสดงเจตนาสามารถรูแนถึงสถานะของนิติสัมพันธไดอยางชัดเจนดวย ตัวอยางเชนในการแสดง
เจตนาหักกลบลบหนี้ (มาตรา ๓๔๑ ปพพ.) ซึ่งเปนการแสดงเจตนาฝายเดียวในลักษณะที่เปนสิทธิ
กอตั้ง กลาวคือฝายผูแสดงเจตนาหักกลบลบหนี้ยอมเปนฝายกําหนดใหหนี้ที่มีอยูระหวางผูแสดง
เจตนากับผูรับการแสดงเจตนาหักกลบลบกันและหนี้เปนอันระงับลง ในกรณีเชนนีก้ ฎหมายกําหนด
หามไว มิใหแสดงเจตนาหักกลบลบหนี้กนั โดยมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาใด ๆ ทั้งสิ้น (มาตรา ๓๔๒
ปพพ.)
เหตุผลสําคัญที่กฎหมายหามมิใหหกั กลบลบหนี้โดยมีเงือ่ นไขหรือเงื่อนเวลาก็เพราะ
กฎหมายมุงคุมครองใหคูกรณีอีกฝายหนึ่งรูแนชัดถึงสถานะแหงหนี้ระหวางคูกรณีนนั่ เอง เพราะใน
หนี้ที่หกั กลบลบกันไดนนั้ คูกรณีทั้งสองฝายตางเปนลูกหนี้อันมีวัตถุแหงหนี้อยางเดียวกันซึ่งถึง
กําหนดชําระแลว ตางฝายตางมีสิทธิหักกลบลบหนี้เหมือนกัน ดังนั้นหากยอมใหฝายหนึ่งแสดงเจต-
นาหักกลบลบหนี้โดยมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลา ก็จะผูกมัดใหอีกฝายหนึ่งตองตองผูกอยูก ับความสํา-
เร็จของเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลานั้น ทั้ง ๆ ที่หากฝายนั้นจะหักกลบลบหนี้ดวยก็ยอมทําไดเชนกัน เชน
การแสดงเจตนาหักกลบลบหนี้โดยตั้งเงื่อนไขวา หากอีกฝายหนึ่งมีภริยาเมื่อใดก็ใหหนี้เปนอันหัก
กลบลบกัน หรือหากมีภริยาเมื่อใดใหการหักกลบลบหนี้เปนอันสิ้นผลไป ดังนี้ทําไมไดเพราะ
ตองหามตามกฎหมาย การทีก่ ฎหมายหามไวนยี้ อมมีผลใหการแสดงเจตนาหักกลบลบหนี้ที่มี
เงื่อนไขหรือเงือ่ นเวลาเปนอันไมชอบดวยกฎหมาย การแสดงเจตนาเชนนั้นยอมไมมผี ลเปนการหัก
กลบลบหนี้เลย๑๓ ในทํานองเดียวกันการแสดงเจตนาฝายเดียวเพื่อกําหนดสิทธิของคูกรณี เชนบอก
ลางโมฆียกรรม การบอกเลิกสัญญา หากมิไดตกลงยินยอมกันไวกอน หรือมีกฎหมายรับรองไว
โดยเฉพาะ ก็ตอ งถือวาไมอาจทําโดยมีเงื่อนไข หรือเงื่อนเวลาไดเชนกัน เพราะหากยอมใหบอกลาง
โมฆียกรรม หรือเลิกสัญญาโดยมีเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาได ก็จะเปนเหตุใหคูกรณีอีกฝายหนึ่งไมอาจ
รูแนถึงสถานะของคูกรณีดว ยเชนกัน
อนึ่ง การที่กฎหมายกําหนดขอหามการตั้งเงื่อนไขหรือเงือ่ นเวลาในกรณีแสดงเจตนาฝาย
เดียวนี้เปนไปเพื่อคุมครองคูกรณีอีกฝายหนึ่งใหรแู นถึงสถานะแหงสิทธิหนาที่ ดังนัน้ หากเปนกรณี
ที่คูกรณีอีกฝายหนึ่งนั้นเปนผูสละความคุมครองนั้นเสียเอง หรือมีเหตุอยางอื่นใหไมควรไดรับความ
๑๓
เรื่องนี้มีทางคิดไปไดสองทาง คือถือวาไมมีการหักกลบลบหนี้กันเลยทางหนึ่ง กับถือวามีการหักกลบลบหนี้
กันโดยปราศจากเงื่อนไขอีกอยางหนึ่ง แตหากพิเคราะหตามเจตนาที่แทจริงของผูแสดงเจตนาหักกลบลบหนี้
ก็ยอมเห็นไดวา การที่เขาตั้งเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาก็เพราะตองการหนวงผลหรือแปลงผลตามเงื่อนไขหรือ
เงื่อนเวลา หากผูแสดงเจตนารูวาตั้งเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาไมได และตั้งไปก็จะมีผลเปนการหักกลบลบหนี้
โดยปราศจากเงื่อนไข ดังนี้เห็นไดวาขัดกับเจตนาของเขา และยอมสันนิษฐานไดตอไปดวยวา เขายอมเลือก
ไปในทางไมหักกลบลบหนี้กันเลยยิ่งกวา และโปรดดู เสนีย ปราโมช, นิติกรรมและหนี้ เลม ๒, ฉบับแกไข
เพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๐๕, หนา ๑๑๕๑
๒๔๓
คุมครองเชนนั้น ดังนี้ขอหามตั้งเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาในการแสดงเจตนาฝายเดียวกําหนดสิทธิ
หนาที่ของอีกฝายหนึ่งยอมไมนํามาใชบังคับแกกรณีนั้น ๆ
ตัวอยางเชน คูก รณีทั้งสองฝายตกลงกันยกเวนขอหามตั้งเงื่อนไขหรือเงือ่ นเวลานั้นเสียเอง
หรือในกรณีทคี่ วามสําเร็จแหงเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลานัน้ ยอมขึ้นอยูกบั คูกรณีอีกฝายนั้นเอง ดังนีก้ าร
แสดงเจตนาฝายเดียวโดยตั้งเงื่อนไขหรือเงือ่ นเวลาในกรณีเหลานัน้ ยอมไมตองหาม เพราะในเมื่อ
เงื่อนไขหรือเงือ่ นเวลาตกอยูภ ายใตอํานาจควบคุมของคูกรณีอีกฝายหนึ่งเสียแลว ฝายนั้นยอมรูแน
ไดวาสถานะแหงสิทธิและหนาที่ของคูกรณีในกรณีนั้น ๆ เปนอยางไร และประโยชนที่กฎหมายมุง
คุมครองใหคูกรณีฝายนั้นไดรูถึงสถานะแหงสิทธิตามกฎหมายไดอยางชัดเจนก็ยอมจะสําเร็จขึ้นได
อยูแลว
ตัวอยางเชน ก. เปนผูใหเชา ใชสิทธิบอกกลาวเลิกสัญญาเชาตามสิทธิที่ไดกําหนดไวใน
สัญญา โดยกําหนดเงื่อนไขไวดว ยวา หาก ข. ไมยอมชําระคาเชาเพิ่มขึ้นอีก ๑,๐๐๐ บาทตอเดือน ก็
ใหสัญญาเชานั้นเปนอันเลิกกัน ดังนีจ้ ะเห็นไดวา ฝายผูถูกบอกเลิกสัญญายอมสามารถรูแนชัดวา
สถานะแหงสิทธิหนาที่ในกรณีนี้เปนอยางไร เพราะการที่เงื่อนไขจะสําเร็จไดดว ยการชําระคาเชา
เพิ่มขึ้นอีก ๑,๐๐๐ บาทตอเดือนนั้น เปนเงือ่ นไขที่อยูในอํานาจควบคุมของตนเอง
แตถาเปนนิตกิ รรมที่เกี่ยวกับสถานะบุคคล หรือมีผลกระทบตอบุคคลภายนอก หรือมีผูมี
สวนไดเสียในความแนนอนชัดเจนดวยกันหลายฝาย การที่คูกรณีจะตกลงกันเองโดยมีเงื่อนไข
บังคับกอนหรือบังคับหลังยอมจะมีผลผูกพันระหวางกันเทานั้น ไมอาจมีผลใชยันตอบุคคลภายนอก
ได
ตัวอยางเชน กรณีการสละมรดกกฎหมายบัญญัติหามไวมิใหสละโดยมีเงื่อนไข หรือเงื่อน
เวลา (มาตรา ๑๖๑๓ ปพพ.) การสมรสไมอาจตกลงกันโดยมีเงื่อนไขบังคับกอนหรือบังคับหลังได
การรับเด็กเปนบุตร หรือการรับบุตรบุญธรรม เหลานี้เปนนิติกรรมที่ตอ งการความแนนอนชัดเจน
ดังนั้นจึงไมอาจทําขึ้นโดยมีเงื่อนไขได นอกจากนี้การจดทะเบียนสิทธิในอสังหาริมทรัพยกไ็ มอาจ
จดทะเบียนสิทธิโดยมีเงื่อนไขได เพราะทะเบียนสิทธิในอสังหาริมทรัพยมีขึ้นเพื่อความเชื่อถือของ
สาธารณชนในความถูกตองแนนอนของทะเบียนทรัพยสิทธิ ดังนั้นโดยเหตุผลของเรื่องจึงไมอาจจด
ทะเบียนสิทธิโดยมีเงื่อนไขได เวนแตจะเปนกรณีที่มกี ฎหมายบัญญัตริ ับรองไวโดยเฉพาะ และแม
ในกรณีที่มีการจดทะเบียนจํานองอสังหาริมทรัพยเปนหลักประกันการชําระหนี้อันมีเงื่อนไข การ
จํานองนั้นแมจะเปนหนี้อุปกรณ แตกเ็ ปนหลักฐานแหงทรัพยสิทธิอยางหนึ่ง ซึ่งตองการความแน-
นอน จึงยอมมีผลเมื่อมีการจดทะเบียนจํานอง ไมใชมีผลเมื่อเงื่อนไขสําเร็จและหนี้นั้นเปนผลขึ้น๑๔
๑๔
โปรดดูกรณีในกฎหมายฝรั่งเศส ซึ่งนักกฎหมายสวนมากก็มีความเห็นทํานองนี้ ใน Maurad Ferid,
Franzoesisches Zivilrecht, Bd.I, Frankfurt2Berlin, 1971, 1E 308
๒๔๔
๑.๒ ชนิดของเงื่อนไขและเงื่อนเวลา
ก) เงื่อนไขบังคับกอนและเงื่อนไขบังคับหลัง
เงื่อนไขบังคับกอน (Suspensive Condition) หมายถึงเหตุการณอันไมแนนอนวาจะเกิดขึ้น
หรือไมในอนาคตซึ่งผูทํานิติกรรมกําหนดไววา หากเหตุการณดังกลาวเกิดขึ้นหรือเงือ่ นไขนั้นสําเร็จ
นิติกรรมยอมเปนผล (มาตรา ๑๘๓ วรรคแรก ปพพ.) ดังนั้นนิตกิ รรมอันไดกระทําลงแลวนั้น แมจะ
ไดชื่อวาเปนนิติกรรมที่เกิดมีขึ้นแลว แตก็เปนนิติกรรมทีน่ ับไดวาอยูใ นภาวะที่ยังไมแนไมนอน
จนกวาเงื่อนไขจะสําเร็จ นิตกิ รรมที่ไดทําขึน้ นั้นจึงจะเปนผลขึ้น ตัวอยางเชน ก. สงมอบรถยนตคัน
หนึ่งแก ข. ตามสัญญาเชาซื้อ โดยตกลงกันวา หาก ข. ชําระราคาเชาซื้อครบถวนแลว ก. ยอมให
กรรมสิทธิ์ในรถยนตคันนี้ตกเปนของ ข. ดังนี้การชําระเงินครบถวนไมใชเงื่อนไขของสัญญาเชาซื้อ
แตเปนเงื่อนไขบังคับกอนในนิติกรรมโอนกรรมสิทธิ์
เงื่อนไขบังคับหลัง (Resolutive Condition) หมายถึงเหตุการณอันไมแนนอนวาจะเกิดขึ้น
หรือไมในอนาคตซึ่งผูทํานิติกรรมวางเปนขอกําหนดแหงนิติกรรมวาหากเกิดขึน้ ก็ใหนิติกรรมนั้น
สิ้นผลไป (มาตรา ๑๘๓ วรรคสอง ปพพ.) ดังนั้นนิติกรรมที่ไดทําขึ้นนัน้ ยอมเปนผลทันที และผล
นั้นยอมระงับสิ้นไป หากเงือ่ นไขหรือเหตุการณในอนาคนอันไมแนนอนวาจะเกิดขึน้ นั้นไดเกิดขึน้
จริง
ตัวอยางเชน ก. ยืมหรือกูเงินของ ข. โดย ก. โอนรถยนตของตนใหเปนกรรมสิทธิ์ของ ข.
เปนประกันการชําระหนี้เงินกูรายนี้ ทั้งสองฝายตกลงกันวา หาก ข. ชําระหนี้ครบถวนแลวก็ให
กรรมสิทธิ์ในรถนั้นตกกลับมาเปนของ ก. ดังเดิม ดังนี้เปนกรณีที่ ก. โอนกรรมสิทธิ์ในรถยนตแก ข.
โดยกําหนดใหการชําระหนีค้ รบถวนเปนเงื่อนไขบังคับหลัง
ในเรื่องเงื่อนไขบังคับกอนหรือเงื่อนไขบังคับหลังนี้ ในบางกรณีอาจเกิดขอสงสัยไดวา
เงื่อนไขที่กําหนดหรือที่ตกลงกันนั้นเปนเงือ่ นไขบังคับกอนหรือเงื่อนไขบังคับหลังกันแน ในกรณี
เชนนี้จําเปนตองมีการตีความการแสดงเจตนาวาคูกรณีมีความมุงหมายอยางไรเสียกอน ในกรณีที่
คูกรณีมิไดประสงคจะใหนติ ิกรรมเปนผลทันที แตประสงคจะใหนิตสิ ัมพันธเกิดขึน้ ในอนาคตเมือ่
เงื่อนไขสําเร็จ กรณีกย็ อมจะจัดเปนนิติกรรมที่มีเงื่อนไขบังคับกอน แตถา ไดความวานิติกรรมนั้น
ควรมีผลทันทีที่ตกลงทํานิตกิ รรมขึ้นเลย แตผูทํานิติกรรมประสงคใหสิ้นผลไปภายหลังเมื่อเกิด
เหตุการณอยางหนึ่งซึ่งไมแนวาจะเกิดขึ้นในอนาคต ดังนี้นิติกรรมนัน้ ยอมเปนนิติกรรมที่มีเงื่อนไข
บังคับหลัง
ตัวอยางเชน ก. ซื้อเครื่องจักรจาก ข. โดย ข. ตั้งเงื่อนไขสงวนการโอนกรรมสิทธิ์ในเครื่อง-
จักรที่ซื้อขายกันรายนี้มใี จความวา ใหกรรมสิทธิ์โอนไปยังผูซื้อเมื่อผูซื้อไดชําระราคาที่ซื้อขายกัน
ครบถวนแลว ดังนี้เปนกรณีที่คูกรณีตกลงทําสัญญาซื้อขายกันเสร็จเด็ดขาด คือมีผลใหคูกรณีมีสิทธิ
หนาที่ตอกันตามสัญญาซื้อขายในทันที คือฝายผูขายตกลงโอนกรรมสิทธิ์ และฝายผูซื้อตกลงชําระ
๒๔๕
ราคา สวนการสงวนการโอนกรรมสิทธิ์ของผูขายในกรณีนี้ เปนการตกลงใหการโอนกรรมสิทธิ์ไป
ยังผูซื้อขึ้นอยูก ับการที่ผูซื้อชําระหนี้ครบถวนซึ่งเปนเหตุการณอันไมแนวาจะเกิดขึน้ ในอนาคต
เจตนาโอนกรรมสิทธิ์ของผูขายในกรณีนจี้ ึงนับไดวาตกอยูภายใตเงื่อนไขบังคับกอน ในทางกลับกัน
ถาตกลงกันใหกรรมสิทธิ์โอนไปยังผูซื้อทันที แตมีเงื่อนไขวาใหกรรมสิทธิ์โอนกลับมายังผูขาย หาก
ผูซื้อผิดนัดชําระราคาที่กาํ หนดไวเปนงวด ๆ นานเกินกวา ๑ สัปดาห ดังนี้เปนกรณีโอนกรรมสิทธิ์
โดยมีเงื่อนไขบังคับหลัง
ในบางกรณีเราไมอาจกําหนดแนไดวา คูก รณีมีเจตนาจะใหมีเงื่อนไขบังคับกอน หรือมี
เงื่อนไขบังคับหลัง ในกรณีเหลานี้บางกรณีกฎหมายไดกําหนดขอสันนิษฐานไวเปนการเฉพาะ
ตัวอยางเชน ในการซื้อขายภายใตขอสงวนการโอนกรรมสิทธิ์นั้น หากเปนกรณีมีขอสงสัย
ก็ควรสันนิษฐานไวกอนวา เปนเงื่อนไขบังคับกอน คือตกลงกันใหกรรมสิทธิ์ในทรัพยสินที่ซื้อขาย
กันโอนไปเมื่อชําระราคาครบถวน
ในกรณีตกลงซื้อขายเผื่อชอบ (มาตรา ๕๐๕ ปพพ.) ดังนีเ้ ปนกรณีที่คกู รณีตกลงซื้อขายกัน
โดยมีเงื่อนไขบังคับกอน คือสัญญาซื้อขายเกิดขึ้นเมื่อผูซอื้ พอใจสินคานั้น
ข) เงื่อนเวลาเริ่มตน และเงื่อนเวลาสิ้นสุด
เงื่อนเวลาเริ่มตน หมายถึงขอความอันบังคับไวใหนิตกิ รรมเปนผลเมื่อเหตุการณอันแนนอน
วาจะเกิดขึ้นในอนาคตไดเกิดขึ้น เชนถึงเวลาที่กําหนดไว หรือบุคคลที่กําหนดถึงแกความตาย เงื่อน
เวลาเริ่มตนจึงมีผลในทํานองเดียวกันกับเงือ่ นไขบังคับกอนซึ่งหากเงื่อนไขสําเร็จยอมมีผลใหนิติ
กรรมเปนผล และโดยเหตุนเี้ ราจึงอาจนําเอาหลักเกณฑเกีย่ วกับนิติกรรมที่มีเงื่อนไขบังคับกอนมา
ปรับใชกับนิตกิ รรมที่มีเงื่อนเวลาเริ่มตนไดในฐานะเปนบทกฎหมายใกลเคียงอยางยิ่ง อยางไรก็ดี
นิติกรรมที่มีเงือ่ นเวลาเริ่มตนนั้นกฎหมายกําหนดวา หามมิใหทวงถามใหปฏิบัติตามนิติกรรมนั้น
กอนถึงเวลากําหนด (มาตรา ๑๙๑ วรรคแรก ป.พ.พ.) ดังนั้นนิตกิ รรมที่มีเงื่อนเวลาเริม่ ตนจึงอาจมีได
สองนัย คือโดยนัยแรกเปนนิติกรรมที่มีผลทันทีที่ทําขึ้นแตหามมิใหทวงถามจนกวาจะเงื่อนเวลาจะ
ถึงกําหนด หรืออีกนัยหนึ่งเปนนิติกรรมทีย่ ังไมเปนผลทันทีแตรอเปนผลเมื่อถึงกําหนดเงื่อนเวลา
เริ่มตนก็ได แลวแตเจตนาของผูทํานิติกรรมนั้น๑๕ ตัวอยางเชน ตกลงเชาบานกันลวงหนา โดยให
สัญญาเชามีผลหลังจากวันทีต่ กลงกัน ๓ เดือน ดังนี้หากตกลงกันแจงชัดอยางไร ผลยอมเปนไป
ตามนั้น แตถากรณีเปนที่สงสัยวาคูกรณีประสงคจะใหมผี ลทันทีแตยังเรียกใหบังคับกันไมไดจนกวา
๑๕
อยางไรก็ดี จิ๊ด เศรษฐบุตร, นิติกรรมและสัญญา, ขอ ๓๓๐, หนา ๒๔๐ ซึ่งอธิบายวานิติกรรมอันเมีเงื่อนเวลา
เริ่มตนนั้น ยอมมีผลกอหนี้ขึ้นตั้งแตเวลาที่ทํานิติกรรมนั้น ๆ แลว แตยังบยังคับกันไมไดจนกวาจะถึงเวลาที่
กําหนด, ความเห็นทํานองเดียวกันโปรดดู ประกอบ หุตะสิงห, นิติกรรมและสัญญา, หนา ๑๐๓-๑๐๔.
๒๔๖
จะถึงกําหนดเวลา หรือไมประสงคใหมีผลทันทีแตใหมีผลเมื่อถึงเวลากําหนด ดังนี้กฎหมายให
สันนิษฐานไวกอนวามีผลทันที เพียงแตยังเรียกใหปฏิบัตติ ามนั้นยังไมไดเทานั้น
เงื่อนเวลาสิ้นสุด หมายถึงขอความอันบังคับไวใหนิตกิ รรมสิ้นผลเมื่อถึงเวลากําหนด หรือ
เมื่อเหตุการณอันแนนอนวาจะเกิดขึ้นในอนาคตไดเกิดขึน้ (มาตรา ๑๙๑ วรรคสอง ป.พ.พ.) เชนตก
ลงกันใหสัญญาเชาระงับสิ้นไปเมื่อถึงเวลากําหนด หรือเมื่อผูเชาถึงแกความตาย เปนตน เห็นไดวา
นิติกรรมที่มีเงือ่ นเวลาสิ้นสุดยอมมีผลทํานองเดียวกันกับนิติกรรมที่มีเงือ่ นไขบังคับหลัง และดังนั้น
กฎเกณฑเกี่ยวกับเงื่อนไขบังคับหลังยอมนํามาปรับใชกับนิติกรรมที่มีเงือ่ นเวลาสิ้นสุดไดในฐานะ
บทกฎหมายใกลเคียงอยางยิง่ เชนกัน
สวนปญหาวานิติกรรมที่มีกาํ หนดเงื่อนเวลาไวจะหมายถึงเงื่อนเวลาเริม่ ตนหรือเงื่อนเวลา
สิ้นสุด เปนปญหาที่ตองอาศัยการตีความการแสดงเจตนา สวนผลของนิติกรรมที่มีเงื่อนเวลาเริ่มตน
และเงื่อนเวลาสิ้นสุดนั้นยอมเปนไปในทํานองเดียวกันกับผลของนิติกรรมที่มีเงื่อนไขบังคับกอน
หรือมีเงื่อนไขบังคับหลังแลวแตกรณี และในระหวางที่เงือ่ นเวลายังไมถึงกําหนด คูก รณียอมมีสิทธิ
หนาที่ตอกันในทางที่แตละฝายตองไมทําการใหเสื่อมเสียประโยชนอันอาจเกิดจากเงื่อนเวลาถึง
กําหนดแกคกู รณีอีกฝายหนึง่ และคูกรณีแตละฝายอาจจําหนาย รับมรดก หรือจัดการปองกันรักษา
สิทธิตามนิติกรรมที่ยังไมถึงกําหนดเวลาเริม่ ตน หรือยังไมระงับไปเพราะยังไมถึงกําหนดเวลา
สิ้นสุดไดตามหลักในมาตรา ๑๘๔, ๑๘๕ ป.พ.พ. ดวย
ขอสันนิษฐานทางกฎหมายทีส่ ําคัญในกรณีนิติกรรมมีเงื่อนเวลาเริ่มตน หรือเงื่อนเวลา
สิ้นสุดนั้น ก็คอื กฎหมายสันนิษฐานไวกอนวา เงื่อนเวลานั้นยอมกําหนดไวเพื่อประโยชนแกฝาย
ลูกหนี้ (มาตรา ๑๙๒ ป.พ.พ.) แตคูกรณีจะกําหนดเงื่อนเวลาไวเพื่อประโยชนแหงเจาหนี้ หรือเพื่อ
ประโยชนแกคูกรณีทั้งสองฝายก็ได และประโยชนแหงเงื่อนเวลานัน้ ฝายใดจะสละเสียก็ได แตการ
สละประโยชนเชนนัน้ ยอมไมกระทบกระเทือนถึงประโยชนอันคูกรณีอีกฝายหนึ่งจะพึงไดรับแต
เงื่อนเวลานัน้ (มาตรา ๑๙๒ วรรคสอง ป.พ.พ.)
ตัวอยางเชน สัญญาซื้อขายรถยนต โดยมีเงือ่ นเวลาเริ่มตนใหผูซื้อชําระราคาภายใน ๓ เดือน
ดังนี้ยอมสันนิษฐานไดวา เปนสัญญาซื้อขายที่มีผลทันที เพียงแตมเี งื่อนเวลาเริ่มตนที่หนี้ถึงกําหนด
ชําระ และเงื่อนเวลาเชนนั้นยอมเปนไปเพือ่ ประโยชนของผูซื้อซึ่งเปนลูกหนี้ในการชําระราคา
ดังนั้นกอนครบ ๓ เดือนผูขายไมมีสิทธิเรียกใหผูซื้อชําระราคา แตผูซื้อจะเลือกชําระราคาเมื่อใด
ภายในกําหนดเงื่อนเวลาก็ได ดังนี้เปนตน สวนกรณีทมี่ พี ฤติการณแหงกรณีใหเห็นไดวาเงื่อนเวลา
เริ่มตนหรือสิ้นสุดนั้นเปนไปเพื่อประโยชนของเจาหนี้ หรือเพื่อประโยชนแกคูกรณีทั้งสองฝาย ก็
อาจมีเชน ก. ทําสัญญาฝากรถยนตไวกับ ข. มีกําหนด ๓ เดือน ดังนีเ้ ปนกรณีสัญญามีเงื่อนเวลา
บังคับหลัง เมื่อครบ ๓ เดือนแลว สัญญารับฝากยอมถึงกําหนด และผูร ับฝากตองคืนรถที่รับฝากไว
แตจะคืนรถยนตที่ฝากไวกอ นกําหนดไมได เปนกรณีทพี่ ฤติการณแหงกรณีแสดงใหเห็นวานิติกรรม
นั้น ๆ เปนไปเพื่อประโยชนของเจาหนี้ คือผูฝากรถนั่นเอง สวนกรณีทม่ี ีพฤติการณใหเห็นไดวา
๒๔๗
เปนไปเพื่อประโยชนของคูกรณีทุกฝาย เชนสัญญาฝากเงินเปนบัญชีฝากประจําโดยมีกําหนดให
ถอนไดเมื่อครบ ๓ ปแลว ดังนี้ฝายธนาคารยอมไดประโยชนจากการนําเงินนั้นไปลงทุนหรือให
สินเชื่อแกผูอนื่ และฝายผูฝากยอมไดประโยชนคือดอกเบี้ยซึ่งปกติยอมมีอัตราสูงกวาการฝากเงิน
เผื่อเรียก ในกรณีเชนนี้ฝายลูกหนี้คือธนาคารยอมตองรับฝากเงินไวโดยไมสงคืนกอนครบ ๓ ป แต
ขณะเดียวกัน ฝายเจาหนี้คือเจาของเงินฝากก็ไมมีสิทธิเรียกใหธนาคารคืนเงินจนกวาจะครบกําหนด
เชนกัน (แตคกู รณีกย็ ังอาจตกลงกันเปนอยางอื่นเชน หากผูฝากถอนเงินกอน ๓ ปจะไดดอกเบีย้
นอยลง เปนตน)
กรณีที่ลูกหนี้ไมอาจถือเอาประโยชนจากเงือ่ นเวลาเริ่มตน หรือเงื่อนเวลาสิ้นสุด ไดแกกรณี
ตามมาตรา ๑๙๓ ป.พ.พ. กลาวคือ
(๑) ลูกหนี้ถูกศาลสั่งพิทักษทรัพยเด็ดขาดตามกฎหมายวาดวยลมละลาย
(๒) ลูกหนี้ไมใหประกันในเมื่อจําตองให
(๓) ลูกหนี้ไดทําลาย หรือทําใหลดนอยถอยลงซึ่งประกันอันไดใหไว
(๔) ลูกหนี้นําทรัพยสินของบุคคลอื่นมาใหเปนประกันโดยเจาของทรัพยสินนั้นมิได
ยินยอมดวย
๑๖
โปรดดู จิ๊ด เศรษฐบุตร, นิติกรรมและสัญญา, หนา ๒๓๔ ซึ่งอธิบายวากฎหมายไทยถือตามหลักกฎหมาย
โรมัน เยอรมัน ญี่ปุนและ กฎหมายลักษณะหนี้ของสวิส ซึ่งแตกตางจากกฎหมายฝรั่งเศส เนื่องจากมาตรา
๒๔๘
เห็นไดจากความในมาตรา๑๘๓ วรรคแรก และวรรคสอง ปพพ. ซึ่งกําหนดวานิตกิ รรมยอมเปนผล
หรือสิ้นผลเมื่อเงื่อนไขสําเร็จ
อยางไรก็ดี ถาคูกรณีตกลงใหนิติกรรมเปนผลหรือสิ้นผลยอนหลังไปกอนเวลาที่
เงื่อนไขสําเร็จ ก็อาจทําได ดังจะเห็นไดจากการที่กฎหมายรับรองไวมาตรา ๑๘๓ วรรคสาม ปพพ.
การตกลงเชนนั้นยอมผูกพันคูกรณีแหงนิตกิ รรมที่ตกลงกันในฐานะเปนนิติสัมพันธที่กอใหเกิดสิทธิ
เรียกรองระหวางกัน แตอาจทําใหเกิดปญหาขึ้นไดวาการตกลงใหเงื่อนไขมีผลยอนหลังไปนี้จะมีผล
ยันบุคคลอื่นนอกเหนือจากคูก รณีแหงนิตกิ รรมไดเพียงใด
ปญหาขางตนนี้อาจแสดงใหเห็นได เมื่อเราแยกผลผูกพันทางหนี้กับผลผูกพันทาง
ทรัพย หรือนิตกิ รรมกอความผูกพันทางหนีแ้ ละนิตกิ รรมเปลี่ยนแปลงสิทธิเหนือทรัพยออกจากกัน
กลาวคือความตกลงใหมีผลยอนหลังนั้นปกติยอมกอใหเกิดผลทางหนี้ระหวางกันไดตามหลัก
เสรีภาพในการทําสัญญา แตนาคิดวาความตกลงเชนนั้นจะเปลี่ยนแปลงสถานะทางทรัพยสิทธิให
ยอนหลังไดเพียงใด เพราะทรัพยสิทธิเปนสิทธิมีอํานาจเหนือทรัพยสินซึ่งเปนผลตามกฎหมาย ใช
ยันบุคคลทั้งหลายไดเปนการทั่วไป ไมจํากัดเฉพาะคูกรณีที่มีนิติสัมพันธตอกัน เมื่อทรัพยสิทธิเปน
สิทธิที่คนทั่วไปจะตองเคารพยอมรับ สถานะแหงสิทธิจงึ ตองการความแนนอนชัดเจนเปนพิเศษ
เพื่อใหคนทั่วไปรับรูและเคารพสิทธิเชนนั้นได กรณีจึงควรเขาใจวา เมื่อเงื่อนไขสําเร็จ ขอตกลง
ระหวางคูก รณียอมใชไดในระหวางคูกรณี แตไมมีผลยอนหลังไปผูกพันบุคคลภายนอกในลักษณะ
ที่เปนทรัพยสิทธิหรือเปนสิทธิเด็ดขาดได และคูกรณีมหี นี้ที่จะตองทําใหอีกฝายหนึ่งอยูในฐานะ
ตามที่ตกลงกันเทานั้น
ตัวอยางเชน ก. ตกลงซื้อวัวตัวหนึ่งจาก ข. โดยมีเงื่อนไขบังคับกอน ทั้งสองฝายตกลง
กันเมื่อวันที่ ๑ มกราคม วาใหกรรมสิทธิ์ในวัวที่ซื้อขายกันนี้โอนไปยัง ก. ผูซื้อ เมื่อผูซื้อไดชําระ
ราคาวัวครบถวนแลว ปรากฏวา ก. ชําระราคาวัวตัวนี้ครบถวนเมื่อวันที่ ๑ มีนาคม ปเดียวกัน ดังนี้
กรรมสิทธิ์ยอมโอนไปเมื่อเงื่อนไขสําเร็จ คือ ๑ มีนาคม ไมใชมีผลยอนหลังเปนการโอนไปตั้งแต
วันที่ตกลงกันคือ ๑ มกราคม๑๗ ถาในระหวางที่เงื่อนไขยังไมสําเร็จนั้น วัวตัวที่ซื้อขายกันเกิดตกลูก
ออกมา ๑ ตัว ลูกวัวยอมเปนดอกผลของแมทรัพย และตกเปนกรรมสิทธิ์แกเจาของแมทรัพยตาม
หลักเรื่องกรรมสิทธิ์ในดอกผล (มาตรา ๑๓๓๖ ปพพ.) ซึ่งก็คือตกไดแก ข. นั่นเอง และการไดมาซึ่ง
๒๔๙
กรรมสิทธิ์ในดอกผลนี้เปนการไดมาโดยกฎหมาย จึงมิไดอยูใ ตบังคับเงื่อนไขใด ๆ ดังนี้หาก ก. กับ
ข. ตกลงกันวาเมื่อเงื่อนไขสําเร็จใหกรรมสิทธิ์โอนโดยมีผลยอนหลังไปถึงวันที่ทําสัญญากันคือ ๑
มกราคม (ซึ่งตกลงกันไดตามมาตรา ๑๘๗ วรรคสาม ปพพ.) ดังนี้ขอตกลงนั้นยอมมีผลระหวางกัน
ไดในสวนที่เกีย่ วกับแมทรัพยคือวัวตัวที่ซอื้ ขายกัน แตการจะตกลงกันใหดอกผลตกเปนสิทธิของผู
ซื้อโดยใหมีผลยอนหลังไปดวยนั้น ยอมมีผลเปนการตกลงกันขัดตอหลักเกณฑในเรื่องดอกผลที่
กฎหมายบังคับไวใหตกเปนสิทธิแกเจาของแมทรัพยตามมาตรา ๑๓๓๖ ป.พ.พ. ดวยเหตุนี้เพื่อใหผล
ในมาตรา ๑๘๓ วรรคสาม ซึ่งเปนไปตามหลักเสรีภาพในการแสดงเจตนา มีผลสอดคลองกับมาตรา
๑๓๓๖ ป.พ.พ. ซึ่งเปนบทบังคับ เราควรเขาใจวา ขอตกลงเชนนี้ไมมีผลทําใหกรรมสิทธิ์ในดอกผล
เปลี่ยนแปลงไปตามขอตกลง เพียงแตคูกรณีมีหนาที่ตามนิติสัมพันธที่มีขึ้นตามขอตกลงเทานั้น
ดังนั้นในกรณีนี้ ข. ซึ่งเปนเจาของแมววั ยอมไดกรรมสิทธิ์ในลูกวัวทันที่ที่ลูกวัวเกิด และมีหนาที่
หรือหนี้ตามสัญญาที่จะโอนกรรมสิทธิ์ในลูกวัวตัวนัน้ แก ก. และผูกพันที่จะรับรองสิทธิของ ก. เพื่อ
ทําให ก. อยูในฐานะเสมือนมีสิทธิเปนเจาของกรรมสิทธิ์ลูกวัวอยูโดยใหมีผลยอนหลังไปถึงเวลาที่
ตกลงกัน๑๘ โดยนัยเชนนี้เมื่อเงือ่ นไขสําเร็จ คือมีการชําระเงินกันครบถวน ก. ยอมอางสิทธิยัน ข. ได
วาตนมีสิทธิในแมววั มาตั้งแตวันที่ตกลงซื้อขายกัน และยอมมีสิทธิเปนเจาของลูกวัวดวย แตถาใน
ระหวางทีเ่ งื่อนไขยังไมสําเร็จ มีบุคคลภายนอกไดรับโอนลูกวัวไปจาก ข. ซึ่งขณะนัน้ มีฐานะเปน
เจาของกรรมสิทธิ์ลูกวัวตัวนั้น ดังนี้ผูรับโอนยอมไดกรรมสิทธิ์ในลูกวัวไป แมตอมาเงื่อนไขสําเร็จ
ลง ก. ก็ไมอาจอางสิทธิของตนขึ้นตอสูบุคคลภายนอกได อยางไรก็ดี ในสวนที่เกีย่ วกับการโอน
ทรัพยอันเปนวัตถุแหงนิติกรรมที่อยูใตบังคับเงื่อนไขนัน้ ใหดูขอ ๑.๔ ตอไป
ในกรณีที่ ก. กับ ข. ตกลงซื้อขายวัวกันโดยมีเงื่อนไขบังคับหลัง คือให ก. ไดกรรม-
สิทธิ์ในวัวไปจนกวาเงื่อนไขจะสําเร็จ ดังนี้ หากวัวตัวนัน้ ออกลูกมาในระหวางที่เงือ่ นไขนั้นยังไม
สําเร็จลูกวัวยอมเปนของ ก. ซึ่งเปนเจาของแมววั อยูใ นขณะนั้น ครั้นตอมาเมื่อเงื่อนไขสําเร็จ สัญญา
ซื้อขายเปนอันระงับและแมววั โอนกลับไปเปนของ ข. แมคูกรณีอาจตกลงกันใหมีผลยอนหลังกลับ-
ไปถึงวันที่ไดตกลงกัน (ซึ่งตกลงกันไดตามมาตรา ๑๘๓ วรรคสาม ปพพ.) ดังนี้ลูกวัวก็ยังคงเปน
ของ ก. อยู เพียงแต ก. มีหนาที่โอนลูกวัวนั้นแก ข. และยอมรับวา ระหวาง ก. และ ข. นั้น ข. ยอมได
สิทธิยอนหลังไปถึงวันที่ทําสัญญาตามที่ตกลงกันเทานัน้
ค) กรณีที่กฎหมายใหถือวาเงื่อนไขสําเร็จ ไดแกกรณีที่ความสําเร็จแหงเงื่อนไขอาจจะ
เปนทางใหคูกรณีฝายหนึง่ เสียเปรียบ และคูก รณีฝายนัน้ ทําการโดยไมสจุ ริตจนเปนเหตุใหเงื่อนไข
๑๘
แตโปรดดู ศักดิ์ สนองชาติ, นิติกรรมและสัญญา, พ.ศ. ๒๕๓๖, ขอ ๓๑๖, หนา ๓๒๕ ซึ่งอธิบายวาเมื่อ
เงื่อนไขสําเร็จ หากตกลงกันใหความสําเร็จแหงเงื่อนไขมีผลยอนหลังไป กรรมสิทธิ์ยอมโอนยอนหลังไป
และดอกผลยอมตกแกผูซื้อยอนหลังไปดวย
๒๕๐
ไมสําเร็จ ดังนีก้ ฎหมายกําหนดผลโดยใหถือวาเงื่อนไขใดไมสําเร็จเพราะการกระทําที่ฝนความ
สุจริต ถือไดวา เงื่อนไขนั้นสําเร็จลงแลว(มาตรา ๑๘๖ วรรคแรก ปพพ.) หรือกรณีที่ความสําเร็จแหง
เงื่อนไขจะเปนเหตุใหฝายใดไดเปรียบ และฝายนัน้ ทําการโดยไมสุจริตเปนเหตุใหเงื่อนไขสําเร็จ
กฎหมายก็ถือวาเงื่อนไขที่สาํ เร็จขึ้นโดยการกระทําอันไมสุจริตของผูไดเปรียบ ยอมมีคาเสมือนวา
เงื่อนไขไมสําเร็จเลย (มาตรา ๑๘๖ วรรคสอง ปพพ.) กรณีทั้งสองนี้เปนหลักความสุจริตในพฤติ-
การณพิเศษประการหนึ่งซึ่งจัดวาเปนสวนหนึ่งของหลักสุจริตทั่วไปในมาตรา ๕ ปพพ.
ตัวอยางเชน ข. ขายทรัพยให ก. โดยมีเงื่อนไขการโอนกรรมสิทธิ์ในลักษณะเปน
เงื่อนไขบังคับกอน เชนตกลงกันวาใหกรรมสิทธิ์โอนไปยัง ก. เมื่อ ก. ไดชําระราคาครบถวนแลว
ปรากฏวาเมื่อ ก. นําเงินงวดสุดทายมาชําระราคาตามที่ซื้อขายกัน ข. ซึง่ เปนฝายที่จะตองเสียเปรียบ
เพราะจะเสียกรรมสิทธิ์ในทรัพยที่ซื้อขายกลับปฏิเสธไมรับเงินโดยไมสุจริต คือปราศจากเหตุผลอัน
อาจจะยกขึ้นอางไดโดยชอบ ดังนี้ถือไดวา ข. ทําการอันฝาฝนความสุจริตเพื่อใหเงื่อนไขไมสําเร็จ
และดังนัน้ กฎหมายยอมถือวาเงื่อนไขนั้นสําเร็จลงแลวในทันทีที่ ข. ไดทําการโดยฝาฝนความสุจริต
นั้นเอง ดังนั้นกรรมสิทธิ์ในทรัพยที่ซื้อขายกันยอมโอนไปยัง ก. ทันที หรือตัวอยางเชนตกลงซื้อขาย
กัน โดยมีเงื่อนไขวาใหสัญญาซื้อขายมีผล หากเรือลําที่ตกลงกันมาถึงทาเรือภายใน ๑๕ วัน ดังนี้
หากคูกรณีฝายที่จะเสียประโยชนจากความสําเร็จแหงเงื่อนไขไปดําเนินการอยางใดอยางหนึ่งโดยฝา
ฝนความสุจริต เพื่อใหเรือลําที่ตกลงกันมาไมถึงภายในกําหนด เชนทําใหเครื่องยนตเสียหาย หรือกอ
เหตุขึ้นบนเรือเพื่อใหเรือมาถึงชา เพื่อใหเงือ่ นไขเปนอันตกไป ดังนี้มาตรา ๑๘๖ วรรคแรก ปพพ.
ใหถือวาเงื่อนไขนั้นนัน้ สําเร็จลงแลวในทันที หรือตัวอยางเชนตกลงชําระคานายหนาเมื่อผูซื้อตกลง
ซื้อที่ดิน แตผขู ายกลับทําการโดยไมสุจริตเปนเหตุใหผูซอื้ เปลี่ยนใจไมซ้อื ที่ดินแปลงนั้น เชนบอกวา
ราคาที่ดินแปลงนั้นสูงเกินจริง ดังนี้แมเงื่อนไขจะไมสําเร็จ แตกฎหมายก็ถือวาเงื่อนไขสําเร็จแลว๑๙
ผูขายจึงตองชําระคานายหนาทั้ง ๆ ที่ไมมีการซื้อที่ดิน
แตถาเปนกรณีที่คูกรณีทั้งสองฝายตกลงกันยอมใหเงื่อนไขสําเร็จหรือไมขึ้นอยูกับ
ความพอใจของคูกรณีฝายหนึ่ง เชนตกลงซื้อขายทรัพยสินกันตามสัญญาซื้อขายเผื่อชอบ คือตกลง
สงมอบทรัพยแกผูซื้อ โดยยอมใหทดลองใช หากชอบหรือพอใจจึงจะถือวาสัญญาซื้อขายเกิดขึน้
ดังนี้เทากับตกลงใหเงื่อนไขสําเร็จหรือไมแลวแตใจของฝายผูซื้อ ดังนี้หากฝายผูซื้อไมประสงคให
นิติกรรมเกิดขึน้ หรือสิ้นผลไป ยอมมีสิทธิที่จะไมปลอยใหเงื่อนไขสําเร็จได ดังนี้ไมอาจเรียกไดวา
เปนกรณีที่ความสําเร็จแหงเงือ่ นไขเปนทางใหไดเปรียบหรือเสียเปรียบระหวางกัน และการที่ผูซื้อ
พอใจแตไมตกลงซื้อยอมเปนสิทธิของผูซื้อตามที่ไดตกลงกันไว จึงถือไมไดวาการไมตกลงซื้อทั้ง ๆ
ที่พอใจเปนการทําการโดยฝาฝนความสุจริต
๑๙
ตัวอยางจากฎีกาที่ ๔๔๓/๒๔๖๑ ซึ่งอางโดยจิ๊ด เศรษฐบุตร, นิติกรรมและสัญญา, ขอ ๓๑๙, หนา ๒๓๓
๒๕๑
๒) เงื่อนไขเปนอันตกไป
ก) เมื่อปรากฏวาเหตุการณอนั ไมแนนอนในอนาคตอันตั้งเปนเงื่อนไขนัน้ ไมอาจสําเร็จลง
ได เงื่อนไขนัน้ ยอมเปนอันตกไป ตัวอยางเชน กําหนดเปนเงื่อนไขแหงนิติกรรมวาวาหากลูกหนี้
ชําระเงินภายในกําหนดเวลาใดเวลาหนึ่ง ใหนิติกรรมเปนผลหรือสิ้นผล หากตอมา กําหนดเวลานั้น
ไดผานพนไปแลวโดยไมมีการชําระเงิน ยอมเห็นไดวา เงื่อนไข(ที่ตั้งไววาตองมีการชําระเงินภายใน
เวลากําหนด)ยอมไมมีทางสําเร็จลงได เงื่อนไขที่ไมมีทางสําเร็จลงไดนจี้ ึงตองถือวาเปนอันตกไป
หรือกรณีที่มีขอ กําหนดวา หาก ก. ตายกอน ข. ใหนติ ิกรรมเปนผลหรือสิ้นผล การที่ ก. จะตายกอน
ข. หรือไมเปนเหตุการณอันไมแนนอน จึงกําหนดเปนเงื่อนไขแหงนิติกรรมได แตถาปรากฏวา
กอนที่ ก. จะถึงแกความตายนั้น ข. ไดถึงแกความตายกอนเสียแลว ดังนี้เงื่อนไข (การที่ ก. ตายกอน
ข.) ยอมไมมีทางสําเร็จลงได และยอมถือไดวาเงื่อนไขเปนอันตกไป
เมื่อทํานิติกรรมโดยมีเงื่อนไข แลวปรากฏตอมาวาเงื่อนไขแหงนิตกิ รรมนั้นเปนอันตก
ไป ถานิติกรรมนั้นเปนนิติกรรมที่มีเงื่อนไขบังคับกอน การที่เงื่อนไขตกไปยอมสงผลใหนิติกรรม
นั้นไมมีทางเปนผลขึ้นตอไปอีก นิติกรรมนัน้ ยอมสิ้นผลไป (ถาไดชําระหนี้อะไรกันไว ก็เปนกรณีที่
ไดทรัพยสินไปโดยเหตุซึ่งมิไดมีไดเปนขึน้ และตองคืนกันตามหลักลาภมิควรไดตามมาตรา ๔๐๖
วรรคสองตอนตน ปพพ.) เชนมอบแหวนใหหญิงมีครรภ โดยกําหนดเงื่อนไขวาตกลงใหเปนของ-
ขวัญหากไดบตุ รคนแรกเปนชาย ปรากฏวาบุตรคนแรกที่เกิดมาเปนหญิง ดังนี้เงื่อนไขยอมตกไป
และสัญญาใหยอมไมเปนผล แหวนที่ไดไวก็ตองคืนกัน แตถาเปนเงื่อนไขบังคับหลัง การที่เงื่อนไข
เปนอันตกไปยอมทําใหนิตกิ รรมนั้นไมมที างสิ้นผล หรือยอมเปนผลโดยปราศจากเงือ่ นไข เชนตก
ลงขายสินคากัน โดยมีเงื่อนไขวาหากผูซื้อสามารถซื้อสินคาอยางเดียวกันในราคาถูกกวาไดภายใน
๑ เดือนยอมใหคืนสินคานั้น ดังนี้หากพนเดือนหนึ่งไปแลว เงื่อนไขยอมเปนอันตกไป และสัญญา
ซื้อขายยอมมีผลสมบูรณโดยไมอาจสิ้นไปเพราะเงื่อนไขสําเร็จอีกแลว
ข) กรณีที่กฎหมายถือวาเงื่อนไขตกไป ทั้ง ๆ ที่เงื่อนไขสําเร็จลงแลว ไดแกกรณีที่คกู รณี
ฝายที่ไดเปรียบจากความสําเร็จของเงื่อนไข และไดกระทําการโดยไมสุจริตเพื่อใหเงือ่ นไขนั้นสําเร็จ
ดังนี้กฎหมายถือวาการกระทําโดยไมสุจริตเปนการอันไมชอบ และแมเงื่อนไขจะสําเร็จลงก็สําเร็จ
ลงโดยการกระทําอันมิชอบ ดวยเหตุนี้กฎหมายจึงวางหลักวาเงื่อนไขที่สําเร็จขึ้นโดยการกระทําอัน
ไมสุจริตของผูไดเปรียบ ยอมมีคาเสมือนวาเงื่อนไขไมสําเร็จ หรือเงื่อนไขนั้นเปนอันตกไปเลย
(มาตรา ๑๘๖ วรรคสอง ปพพ.) ตัวอยางเชน ข. ตกลงจะขายบานให ก. ในราคาถูกกวาทองตลาด
เมื่อ ค. ซึ่งเปนผูเชาบานอยูยายออกไป ดังนีห้ าก ก. ขวนขวายใหคนของตนขมขูให ค. ยอมยาย
ออกไปจากบาน ก็เปนกรณีที่ ก. ทําการโดยไมสุจริตเพื่อใหเงื่อนไขสําเร็จ กฎหมายถือวาเงื่อนไข
เชนนั้นไดสําเร็จ หรือเปนอันตกไปเลย
เราจะเห็นไดวา กรณีตามมาตรา ๑๘๖ วรรคแรก ปพพ. นั้น เปนกรณีปองกันไมให
เงื่อนไขสําเร็จโดยไมสุจริต กฎหมายถือวาเงื่อนไขสําเร็จแลว สวนกรณีตามมาตรา ๑๘๖ วรรคสอง
๒๕๒
ปพพ. เปนกรณีทําใหเงื่อนไขสําเร็จโดยไมสุจริต กฎหมายก็ถือวาเงื่อนไขนั้นเปนอันตกไป ทั้งสอง
กรณีลวนแลวแตสะทอนหลักสุจริตดวยกันทั้งสิ้น
๒๕๓
เงื่อนไขนั้นยังมิไดเปนอันตกไป คูกรณีทั้งสองฝายตองผูกพันกันในลักษณะที่ตางฝายตางมีหนาที่
ตองงดเวนไมทําการใหอีกฝายหนึ่งอาจตองเสื่อมเสียประโยชนอันพึงไดจากนิติกรรมนั้น
ที่วาเสื่อมเสียประโยชนแกคูกรณีอีกฝายหนึ่งตามมาตรา ๑๘๔ นี้ อาจเปนการทําแกตัว
ทรัพยอันเปนวัตถุแหงหนีใ้ หเสื่อมเสีย เสือ่ มคาหรือสูญหายไป หรือทําใหเสื่อมแกสิทธิเชนทําให
ทรัพยนั้นตกอยูภายใตบังคับของสิทธิอื่น หรือทําใหสิทธิอันคูกรณีอีกฝายหนึ่งจะพึงไดรับนั้นลด
นอยถอยลงหรือเสื่อมสูญไปก็ได
ตัวอยางเชน ก. ตกลงขายรถยนตแก ข. ภายใตเงื่อนไขบังคับกอนวาหาก ก. ไดรับทุนไป
ศึกษาตอตางประเทศเปนอันขายตามราคาที่ตกลงกันไวลวงหนาแลว ดังนี้ ในระหวางที่ยังไมแนวา
ก. จะไดรับทุนไปศึกษาตอหรือไม แมวา ก. จะยังคงเปนเจาของกรรมสิทธิ์รถยนตคันนี้เต็มภูมิ แต
ภายใตนิตกิ รรมอันมีเงื่อนไขนี้ ก. ยอมมีหนาที่ตองระมัดระวังไมทําการใด ๆ ใหเสื่อมเสียแกตวั
ทรัพย หรือทําใหสิทธิในตัวทรัพยนั้นเสื่อมเสียไป นับตัง้ แตจะตองดูแลรักษารถนั้นดวยความ
ระมัดระวังเชนที่กระทําตามปกติ ไมใชสอยรถนั้นในลักษณะที่เสี่ยงอันตรายอันอาจจะเกิดเสียหาย
แกรถ และไมดัดแปลงรถนัน้ ไปในทางใหเสื่อมคาหรือเสื่อมประโยชนใชสอยแก ข. รวมตลอดไป
ถึงการงดเวนไมนํารถนั้นจํานํา หรือไปจําหนายแกบุคคลภายนอก เพราะจะมีผลใหเกิดเสื่อมสิทธิแก
ข. เปนตน
ในทางกลับกัน หาก ก. ขายรถแก ข. ภายใตเงื่อนไขบังคับหลังวา หาก ข. ไดทุนไปศึกษาตอ
ในตางประเทศ ก็ใหรถนั้นโอนกลับมาเปนของ ก. ดังนี้ ข. ยอมไดกรรมสิทธิ์ในรถที่ซื้อขายกันโดย
มีเงื่อนไขบังคับหลัง และ ข. ตองงดเวนไมทําการใหเสื่อมเสียประโยชนของ ก. ทั้งในการดูแลรักษา
และไมทําการใหเสื่อมสิทธิอันอาจเกิดมีแก ก. เชนไมนํารถนั้นไปจําหนายหรือจํานําไวแก
บุคคลภายนอก
ผลของการที่ฝายใดฝายหนึ่งทําการอันเปนการฝาฝนหนาที่งดเวนไมทําใหเปนทีเ่ สื่อม
ประโยชนอันอีกฝายหนึ่งจะพึงไดรับในเมือ่ เงื่อนไขสําเร็จนี้ ยอมมีคาเทากับการไมชาํ ระหนี้ที่
จะตองงดเวนไมทําการใหเสื่อมประโยชนแกอกี ฝายหนึ่ง ดังนั้นฝายที่ฝาฝนหนาทีด่ ังกลาวยอมตอง
รับผิดชดใชคาสินไหมทดแทนแกอกี ฝายหนึ่งเมื่อเงื่อนไขนั้นสําเร็จ
ตัวอยางเชน ก. ตกลงขายรถให ข. ภายใตเงื่อนไขบังคับกอนวาเมื่อ ก. ไดรับการแตงตั้งให
ดํารงตําแหนงราชการในตางประเทศ หากปรากฏวา กอนที่เงื่อนไขจะสําเร็จ ก. ไดใชสอยรถโดย
ประมาทเปนเหตุใหรถนัน้ ประสบอุบัติเหตุจนบุบสลายใชการไมได ดังนี้ถือไดวา ก. กระทําการให
เสื่อมเสียประโยชนอัน ข. จะพึงไดรับเมื่อเงื่อนไขสําเร็จ ดังนั้น หากตอมา ก. ไดรับแตงตั้งตาม
เงื่อนไข ก. ยอมมีหนาที่ชดใชคาเสียหายแก ข. ซึ่งตองเสื่อมเสียประโยชนจากการใชสอยรถนั้น
เชนรถนั้นมีราคาตามทองตลาด ๕ แสนบาท แตตกลงซื้อขายกันโดยมีเงื่อนไขบังคับกอนในราคา
เพียง ๔ แสนบาท ดังนี้หากกอนที่เงื่อนไขจะสําเร็จ ก. ทําใหรถนั้นบุบสลายใชการไมได ดังนีห้ าก
ตอมาเงื่อนไขเกิดสําเร็จขึ้น ก. มีหนาที่ตองชดใชคาเสียหายแก ข. ในเหตุที่ทรัพยเสื่อมราคา และ
๒๕๔
เสื่อมประโยชนใชสอย ซึ่งหากนิติกรรมเปนผลตามเงื่อนไข ข. ยอมไดกรรมสิทธิ์ในรถที่มีมูลคา ๕
แสนบาท ในราคาเพียง ๔ แสนบาท ดังนัน้ ก. ตองชดใชาคาเสียหายแก ข. เปนเงิน ๑ แสนบาท เปน
ตน (และโปรดดูความในมาตรา ๓๗๑ วรรคสองตอนทาย ป.พ.พ. ประกอบ)
นอกจากความรับผิดตองชดใชคาเสียหายเพราะเหตุที่ไมชาํ ระหนี้ตามนิติกรรมอันมีเงือ่ นไข
นั้นแลว ในกรณีที่เปนสัญญาตางตอบแทนอันมีเงื่อนไขบังคับกอน และทรัพยนั้นสูญหรือเสีย
หายไปในระหวางที่เงื่อนไขไมสําเร็จ กรณีตองอยูใตบังคับมาตรา ๓๗๑ วรรคสอง ป.พ.พ. ซึ่งวาง
หลักวา หากทรัพยสูญหรือเสียหายไปโดยโทษเจาหนี้(คือผูจะไดประโยชนจากความสําเร็จแหง
เงื่อนไข)ไมไดแลว ลูกหนี้ตองเปนฝายตองรับความเสี่ยงภัย หรือบาปเคราะหอันเกิดจากการที่ทรัพย
นั้นสูญหรือเสียหายไป คือตองสูญเสียทรัพยนั้นไปโดยที่แมตอมาหากเงื่อนไขสําเร็จลงลูกหนี้กไ็ มมี
สิทธิเรียกคาตอบแทนจากเจาหนี้ซึ่งเปนคูก รณีอีกฝายหนึ่ง ตัวอยางเชน ในเรื่องขายรถโดยมีเงื่อนไข
บังคับกอน หากในระหวางทีเ่ งื่อนไขยังไมสําเร็จ รถนั้นถูกชนหรือถูกไฟไหมเปนเหตุใหบุบสลาย
ความสูญเสียยอมเปนพับแกฝา ยลูกหนี้ (คือผูขาย) และไมวาในระหวางเงื่อนไขยังไมสําเร็จนั้น
ทรัพยจะสูญหรือเสียหายไปเพราะความผิดของลูกหนี้(ขับรถโดยประมาท) หรือเพราะ
บุคคลภายนอก (ลูกหนี้ไมไดประมาท แตบุคคลภายนอกประมาท) ก็ตาม หากความสูญหรือ
เสียหายนั้นไมอาจโทษเจาหนี้ไดแลว เมื่อเงื่อนไขสําเร็จแลวเจาหนีย้ ังมีสิทธิที่จะเลือกใหลูกหนี้
ปฏิบัติตามสัญญา คือสงมอบทรัพยที่ตกลงซื้อขายกันตามสภาพที่บุบสลาย หรือโอนกรรมสิทธิ์แหง
ทรัพยที่สูญหายไปนัน้ แกเจาหนี้ โดยเจาหนี้มีสิทธิลดราคาลงตามสวน หรือจะเลือกบอกเลิกสัญญา
เสียก็ได (มาตรา ๓๗๑ วรรคสอง ป.พ.พ.)
ความคุมครองในการเรียกคาเสียหาย หรือการใชสิทธิเรียกใหปฏิบัติตามสัญญาแลวลด
ราคาลง หรือใชสิทธิเลิกสัญญาดังที่กลาวขางตน จะเกิดแกคูกรณีอีกฝายหนึ่ง(เจาหนี)้ ไดก็ตอเมื่อ
เงื่อนไขสําเร็จลงแลว เพราะกอนที่เงื่อนไขจะสําเร็จก็ยังไมเปนอันรูแนวาคูกรณีอกี ฝายหนึ่งจะตอง
เสียหายหรือไม จึงทําใหนาคิดวา ระหวางที่เงื่อนไขยังไมสําเร็จนั้น คูก รณีอีกฝายหนึ่งจะมีทางไดรับ
การเยียวยาอยางไร ซึ่งเปนปญหาที่เราจะไดพิจารณาถึงสิทธิหนาที่ของคูกรณีตามมาตรา ๑๘๕ ป.
พ.พ. ในหัวขอตอไป
๒๕๕
ประโยชนอันพึงได” เมื่อเงื่อนไขนั้นสําเร็จ ตัวอยางเชนสิทธิตามสัญญาขายฝาก ซึ่งนับเปนสัญญา
ขายทรัพยที่มีเงื่อนไขบังคับหลังอยางหนึ่ง ซึ่งกฎหมายยอมใหผูซื้อฝากซึ่งไดกรรมสิทธิ์ไปนั้นโอน
สิทธิของตน(ซึ่งอยูใตบังคับเงื่อนไขที่ผูขายอาจไถทรัพยนั้นกลับไปได)ตอไปยังบุคคลภายนอกได
และในขณะเดียวกัน ผูขายฝากก็โอนสิทธิในการไถทรัพยที่ขายฝากกันไวตอไปได นอกจากนี้หาก
จะมีการรับมรดกในสิทธิเชนนั้น หรือจะจัดการปองกันรักษา เชนนําคดีขึ้นสูศาลเพื่อปองกันหรือ
รักษาสิทธิตามเงื่อนไขอันจะพึงได เชนฟองเรียกทรัพยคืนจากผูไมมสี ิทธิยึดถือ หรือผูที่เขา
ครอบครองปรปกษทรัพยอนั จะพึงไดแกตนเมื่อเงื่อนไขสําเร็จ หรือจะเอาประกันภัยในทรัพยสินนัน้
ดวยก็ยอมได ไมเปนการตองหามตามมาตรา ๘๖๓ ป.พ.พ. ซึ่งหามมิใหผูมีสวนไดเสียเอาประกัน๒๐
หรือจะจัดใหมีการค้ําประกัน หรือวางหลักประกันการชําระหนี้อันมีเงือ่ นไข เชนทําจํานํา จํานองไว
ดวยก็ได และหลักทํานองเดียวกันนีก้ ็ควรจะนํามาใชในกรณีนิตกิ รรมมีเงื่อนไขบังคับกอนดวย
ดังนั้นแมเงื่อนไขจะยังไมสําเร็จ แตปรากฏวามีการทําการอยางใดไปในทางที่จะเสื่อม
เสียประโยชนแกคูกรณีอีกฝายหนึ่งซึ่งจะพึงไดจากการที่เงื่อนไขนั้นสําเร็จลง คูกรณีฝายที่เสื่อมเสีย
ประโยชนยอมมีสิทธิจัดการในทางปองกันรักษาสิทธิอันมีเงื่อนไขของตนได และดวยเหตุนหี้ ากมี
การโอนทรัพยสินอันเปนวัตถุแหงหนีต้ ามนิติกรรมไปยังบุคคลภายนอกในลักษณะทีจ่ ะทําใหคูกรณี
อีกฝายหนึ่งตองเสียเปรียบ คูกรณีฝายนัน้ ยอมมีสิทธิเพิกถอนการฉอฉลได (มาตรา ๒๓๗ ป.พ.พ.)
แตหลักการเพิกถอนการฉอฉลนี้ ไมใชแกกรณีที่บุคคลภายนอกไดทรัพยสินไปโดยสุจริตและเสีย
คาตอบแทน
ในการจําหนายสิทธิและหนาที่ของนิติกรรมภายใตบังคับเงื่อนไขนั้น ควรเขาใจวา
สิทธิและหนาที่ของผูโอนยอมโอนไปยังผูรับโอนภายใตบังคับเงื่อนไขนั้นดวย เชน ก. ตกลงขาย
รถยนตแก ข. โดยมีเงื่อนไขบังคับกอนวา ใหสัญญาซื้อขายมีผลและใหกรรมสิทธิ์ในรถโอนไปเมื่อ
ข. สําเร็จการศึกษา ดังนี้ในระหวางที่เงื่อนไขยังไมสําเร็จนี้ หาก ก. โอนรถยนตอันเปนวัตถุแหง
สัญญาอันมีเงื่อนไขนี้แก ค. ยอมมีผลให ค. ผูรับโอนไดสิทธิของ ก. คือไดกรรมสิทธิ์ซึ่งอยูภายใต
บังคับเงื่อนไขไปดวยตามหลักผูรับโอนยอมไมมีสิทธิดีกวาผูโอน ดังนั้นในระหวางที่เงื่อนไขยังไม
สําเร็จ เดิมรถยนตคันนั้นเปนของ ก. อยู เมือ่ โอนให ค. ก็ยอมตกเปนกรรมสิทธิ์ของ ค. ดวย แตการ
ไดกรรมสิทธิ์ของ ค. นี้ก็เปนการไดมาโดยอยูใตบังคับเงื่อนไขตามสัญญาระหวาง ก. กับ ข. หาก
ตอมา ข. ตายหรือเลิกศึกษาตอไปก็เปนอันวาเงื่อนไขแหงนิติกรรมนัน้ ตกไป ดังนี้การโอนระหวาง
ก. กับ ค. ก็ยอมมีผลโดยปราศจากเงื่อนไขใด ๆ อีก แตหากปรากฏวาตอมา ข. สําเร็จการศึกษา ก็
เปนกรณีทเี่ งื่อนไขสําเร็จลง รถยนตซึ่งขณะนั้นตกเปนของ ค. อยู ยอมโอนไปเปนของ ข. และสิทธิ
ของ ค. (ซึ่งอยูใตบังคับเงื่อนไข) ก็ยอมระงับไปตามเงื่อนไข และ ค. ยอมมีหนาที่ตองสงมอบ
๒๐
ตัวอยางจาก จิ๊ด เศรษฐบุตร, นิติกรรมและสัญญา, หนา ๒๒๘-๒๒๙
๒๕๖
รถยนตนั้นแก ข. ทั้งนี้ เวนแตวาจะเปนกรณีที่ ค. ซึ่งเปนบุคคลภายนอกไดรับโอนทรัพยนั้นไปโดย
สุจริตและเสียคาตอบแทน คือไมรูวาทรัพยสินนั้นตกอยูภายใตบังคับนิตกิ รรมอันมีเงื่อนไข
อยางไรก็ดี ผูโอนซึ่งมีสิทธิภายใตบังคับเงื่อนไขมีหนาที่ตามมาตรา ๑๘๔ ป.พ.พ. คือไมทํา
การใหเสื่อมเสียประโยชนแกคูกรณีอีกฝายหนึ่งอันจะพึงไดจากความสําเร็จแหงเงื่อนไขนั้น เพราะ
ถาบุคคลภายนอกไดรับโอนไปโดยสุจริตและเสียคาตอบแทน บุคคลภายนอกนั้นอาจไดรับการ
คุมครองสิทธิใหเปนผูมีสิทธิดีกวา เชนกรณีที่มีผูไดสังหาริมทรัพยโดยไดครอบครองแลวโดยสุจริต
และเสียคาตอบแทน ตามมาตรา ๑๓๐๓ ป.พ.พ. ดังนัน้ เพื่อไมใหเสื่อมเสียประโยชนแกคูกรณี ผู
โอนสิทธิอันมีเงื่อนไขยอมมีหนาที่ตองแจงแกผูรับโอนวาสิทธิที่โอนจําหนายใหนั้นเปนสิทธิที่อยู
ใตบังคับเงื่อนไข ซึ่งจะมีผลตอไปวา เมื่อเงื่อนไขสําเร็จสําเร็จลง สิทธิของผูรับโอนยอมระงับสิ้นไป
และสิทธินั้นยอมตกแกคกู รณีของผูโอนจําหนายสิทธินนั้
หลักทํานองเดียวกันนี้เห็นไดจากกฎหมายลักษณะขายฝาก (มาตรา ๔๙๑ – ๕๐๒ ป.
พ.พ.) ซึ่งเปนนิติกรรมซื้อขายโดยมีเงื่อนไขบังคับหลัง กลาวคือคูกรณีตกลงใหกรรมสิทธิ์โอน
กลับมาเปนของผูขายฝากโดยอาศัยการไถทรัพยที่ขายฝากเปนเงื่อนไขบังคับหลัง ในระหวางที่ขาย
ฝากกัน และเงือ่ นไขยังไมสําเร็จ คือยังไมมกี ารไถทรัพยทขี่ ายฝากกันนัน้ ผูขายฝากอาจจะโอนสิทธิ
ของตนไปยังบุคคลภายนอกได และผูรับโอนสิทธิของผูขายนั้นยอมไดสิทธิของผูขายฝากอันเปน
สิทธิที่มีเงื่อนไขบังคับหลังไปดวย ดังจะเห็นไดวา มาตรา ๔๙๗ ป.พ.พ. ยอมใหผูรับโอนสิทธิของ
ผูขายฝากมีสิทธิไถทรัพยนั้น และกรรมสิทธิ์ยอมตกกลับมาเปนของผูไถ (มาตรา ๕๐๒ ป.พ.พ.)
และในทํานองเดียวกันผูซื้อฝากจัดวาเปนผูไ ดกรรมสิทธิ์ในทรัพยที่ขายฝากไปภายใตบังคับเงื่อนไข
วาผูขายหรือผูร ับโอนสิทธิของผูขายอาจไถทรัพยนั้นได และเมื่อเงื่อนไขสําเร็จ คือมีการไถทรัพย
เมื่อใด กรรมสิทธิ์ในทรัพยนนั้ ยอมโอนกลับไปเปนของผูไถ หากผูซื้อฝากนําทรัพยทตี่ นซื้อฝากไว
ไปจําหนายตอไปยังบุคคลภายนอก ก็เปนกรณีโอนกรรมสิทธิ์อันตกอยูใ นบังคับนิตกิ รรมอันมี
เงื่อนไขบังคับหลัง ผลก็คือ ผูไถอาจไถทรัพยกับผูรับโอนสิทธิของผูซื้อฝากได (มาตรา ๔๙๘ (๒) ป.
พ.พ.) เปนอันวาเงื่อนไขสําเร็จ และผลก็คือทรัพยนั้นยอมโอนกลับไปเปนของผูไถ (มาตรา ๕๐๒ ป.
พ.พ.) อยางไรก็ดี ผูรับโอนสิทธิของผูซื้อฝากจะไดสิทธิไปโดยมีเงื่อนไขก็เฉพาะกรณีที่ผูรับโอน
รูอยูแลววาสิทธิที่รับโอนมานั้นอยูใ ตบังคับแหงสิทธิไถคืน หรืออยูใตบังคับแหงเงื่อนไขบังคับหลัง
ซึ่งตกติดมากับทรัพยสินที่ตนรับโอนมา (มาตรา ๔๙๘ (๒) ป.พ.พ.)
๒) การคุมครองสิทธิของบุคคลภายนอก
ปญหาการคุมครองสิทธิของบุคคลภายนอกมักจะเกิดขึ้นเมื่อคูกรณีฝายหนึ่งโอน
ทรัพยสินอันเปนวัตถุแหงนิติกรรมที่อยูใตบังคับแหงเงื่อนไขบังคับกอนไปยังบุคคลภายนอกกอนที่
เงื่อนไขจะสําเร็จ ในกรณีเชนนี้ผูโอนยังมีสิทธิเหนือทรัพยสินที่โอน และผูรับโอนยังไมมีสิทธิใน
ทรัพยสินนั้นจนกวาเงื่อนไขจะสําเร็จ ดังนัน้ ในระหวางทีเ่ งื่อนไขยังไมสําเร็จนี้ หากผูโ อนโอน
๒๕๗
ทรัพยสินแกบคุ คลภายนอก การโอนนั้นยอมมีผลตามกฎหมาย ถาตอมาเงื่อนไขนั้นตกไป คือ
เงื่อนไขนั้นเปนอันไมมีทางสําเร็จลงไดอีกตอไป ปญหาก็หมดไป และผูรับโอนยอมไดสิทธิใน
ทรัพยสินไปอยางสมบูรณ แตปญหายุงยากที่เกิดขึ้นก็คือ เมื่อผูโอนไดโอนทรัพยสินซึง่ ตกอยู
ภายใตบังคับเงื่อนไขนั้นไปยังบุคคลภายนอกแลว ปรากฏตอมาวาเงื่อนไขเกิดสําเร็จลง ดังนี้สิทธิ
ของคูกรณีซึ่งไดรับโอนไปโดยมีเงื่อนไขรายแรก กับสิทธิของบุคคลภายนอกซึ่งไดรับโอนไปราย
หลังจะเปนอยางไร
ปญหาดังกลาวนี้มีมาตั้งแตสมัยโรมัน ซึ่งถือเปนหลักวาการโอนทรัพยสินที่อยูภายใตบังคับ
เงื่อนไขไปยังบุคคลภายนอกในระหวางทีเ่ งื่อนไขยังไมสําเร็จนั้นมีผลก็จริง แตผลนัน้ ยังไมบริบูรณ
เพราะยังอยูใตบังคับเงื่อนไข หากเงื่อนไขตกไปการโอนจึงจะมีผลบริบูรณ แตหากเงื่อนไขสําเร็จ
เมื่อใด การโอนแกบุคคลภายนอกยอมสิ้นผลไป๒๑
ในกฎหมายไทยมีหลักที่จะนํามาปรับใชกบั เรื่องนี้ไดคือหลักในมาตรา ๑๘๔ และ ๑๘๕ ป.
พ.พ. ซึ่งรับรองใหคูกรณีโอนสิทธิและหนาที่ที่ตนมีอยู คือสิทธิและหนาที่อันมีเงื่อนไขของตน
ตอไป หรือจะจัดการระวังปองกันรักษา หรือเอาประกันในสิทธิหนาทีอ่ ันมีเงื่อนไขของตนก็ได ใน
ระหวางทีเ่ งื่อนไขยังไมสําเร็จ (มาตรา ๑๘๕ ป.พ.พ.) แตก็จํากัดไวดวยวา ในระหวางที่เงื่อนไขไม
สําเร็จนี้ คูกรณีทั้งสองฝายตองงดเวนไมทําการใหเปนที่เสื่อมเสียประโยชนแกคูกรณีอีกฝายหนึ่งซึ่ง
จะพึงไดจากความสําเร็จแหงเงื่อนไขนั้น (มาตรา ๑๘๔ ป.พ.พ.) การทีก่ ฎหมายรับรองสิทธิอันพึง
ได และกําหนดใหคกู รณีตองงดเวนไมทําการใหเปนที่เสื่อมเสียประโยชนอันพึงไดจากความสําเร็จ
แหงเงื่อนไขนี้ อาจแปลความวากฎหมายจํากัดอํานาจในการโอนของคูกรณีไวเพื่อคุมครอง
๒๑
Gaius, Digesta Iustiniani, 30, 69, 1; Aelius Marcianus, Diesta Iustiniani, 20,1, 13,1 นอกจากนี้ยังมีผูอธิบาย
วาที่เปนเชนนี้ก็เพราะเมื่อเงื่อนไขสําเร็จ ความสําเร็จแหงเงื่อนไขนั้นยอมมีผลยอนหลังกลับไปถึงจุดเวลาที่
นิติกรรมนั้นไดทําขึ้น (Pomponius D. 46, 3, 16) แมความคิดนี้ไมไดรับการยอมรับในการตราประมวล
กฎหมายของพระเจาจุสติเนียน แตก็เปนที่ยอมรับกันในระบบกฎหมายตาง ๆ เชนฝรั่งเศส อิตาลี และ
กฎหมายในสกุลโรมานิก ในกฎหมายฝรั่งเศสนั้นถือวาเมื่อเงื่อนไขสําเร็จ นิติกรรมมีผลยอนหลังไปแตตน
(มาตรา ๑๑๗๙ ป.แพงฝรั่งเศส และโปรดดู จิ๊ด เศรษฐบุตร, นิติกรรมและสัญญา, ขอ ๓๒๑, หนา๒๓๔)
ดังนั้นหากโอนไปยังบุคคลภายนอกในระหวางนั้นการโอนนั้นไมมีผลเมื่อเงื่อนไขสําเร็จ โดยไมไดมี
กฎหมายกําหนดไวโดยเฉพาะ แตถือตามหลักทั่วไปวาเมื่อเงื่อนไขสําเร็จและมีผลยอนหลังไปเปนเหตุใหผู
โอนไมมีอํานาจโอน การโอนยอมไมมีผล แตในกฎหมายเยอรมันและสวิส มิไดรับแนวคิดวาเมื่อเงื่อนไข
สําเร็จ นิติกรรมยอมมีผลยอนหลังไปถึงวันที่ทํานิติกรรมแบบฝรั่งเศส เพียงแตถือวาการจําหนายทรัพยสินไป
ในระหวางที่เงื่อนไขไมสําเร็จนั้น ยอมไมมีผลเฉพาะในสวนที่เกี่ยวกับเงื่อนไข ดังนั้นหากเงื่อนไขนั้นสําเร็จ
ลงในภายหลัง การโอนที่เกิดขึ้นระหวางนั้นนั้นยอมไมมีผล หรือยอมเสียผลยอนหลังไปถึงเวลาที่โอนกัน
(มาตรา ๑๖๑ ประมวลกฎหมายแพงเยอรมัน และมาตรา ๑๕๒ วรรคสาม ประมวลกฎหมายลักษณะหนี้ของ
สวิตเซอรแลนด)
๒๕๘
ประโยชนอันพึงไดของอีกฝายหนึ่งเมื่อเงื่อนไขสําเร็จ และสิทธิในประโยชนอันพึงไดนี้เปนสิทธิที่
กฎหมายคุมครอง มิไดเปนแตเพียงความผูกพันทางหนี้ระหวางคูกรณีเทานั้น แตเปนสิทธิตาม
กฎหมายที่อาจยกขึ้นตอสูบุคคลภายนอกเพือ่ ปองกันรักษาสิทธิอันพึงไดนี้ไดเสมอ จึงอาจนับเปน
สิทธิเหนือทรัพยสินอยางหนึ่งที่กฎหมายรับรอง ดวยเหตุนี้การโอนทรัพยสินไปยังบุคคลภายนอก
ในระหวางที่เงือ่ นไขยังไมสําเร็จ จึงเปนการโอนที่ถูกจํากัดโดยกฎหมายใหมีผลไดเพียงเทาที่ไม
กระทบในทางเสื่อมเสียตอประโยชนอันพึงไดจากความสําเร็จแหงเงื่อนไขเทานั้น๒๒
ตามอุทาหรณที่ ๖ การที่ ก. ซื้อเครื่องรับโทรทัศนจาก ข. โดยมีเงื่อนไขวาใหกรรมสิทธิ์โอน
มายัง ก. เมื่อชําระเงินครบถวน ดังนั้นระหวางที่ยังชําระเงินไมครบ เครื่องรับโทรทัศนยยังเปนของ
ข. อยู ดังนั้นเมื่อ ข. ขายเครื่องรับโทรทัศนนั้นแก ค. การขายนั้นยอมมีผล แตโดยทีส่ ิทธิของ ข. เปน
สิทธิโดยมีเงื่อนไข ดังนัน้ ค. ยอมไดรับโอนสิทธิอันอยูใตบังคับเงื่อนไขของ ข. ไปดวย หากตอมา
เงื่อนไขนั้นตกไป ค. ยอมไดสิทธิไปโดยบริบูรณ แตถาเงือ่ นไขนั้นสําเร็จสิทธิของ ค. ซึ่งไดมาโดย
อยูใตบังคับเงือ่ นไขยอมระงับสิ้นไป และทรัพยสินนั้นยอมตกไปเปนกรรมสิทธิ์ของ ก. ตามเงื่อนไข
เมื่อเงื่อนไขสําเร็จแลว ก. ยอมมีสิทธิเรียกให ค. สงทรัพยคืนใหแกตน สวน ค. ก็มีสทิ ธิไปเรียกรอง
ตอ ข. ใหตองรับผิดเพื่อการรอนสิทธิในทรัพยสินที่ขาย (มาตรา ๔๗๕ ป.พ.พ.)
อยางไรก็ดี กฎหมายก็คํานึงถึงประโยชนอนั พึงไดของบุคคลภายนอกผูไดรับโอนทรัพยสิน
โดยสุจริตและเสียคาตอบแทนเอาไวดวย ดังจะเห็นไดจากการใหสิทธิเจาหนี้เพิกถอนนิติกรรมอันมี
วัตถุแหงสิทธิเปนทรัพยสินซึ่งไดทําขึ้นโดยฉอฉลและเปนทางใหเจาหนี้เสียเปรียบตามมาตรา
๒๓๗ ป.พ.พ. แตถาบุคคลภายนอกผูไดประโยชนไปนั้นเปนผูสุจริตและเสียคาตอบแทน เจาหนี้
ยอมไมมีสิทธิเพิกถอนการฉอฉล และในสวนที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพยก็มีหลักคุมครองบุคคลภาย-
นอกผูไดทรัพยสินไปโดยสุจริตและเสียคาตอบแทนปรากฏอยูในมาตรา ๑๒๙๙ วรรคสอง และ
มาตรา ๑๓๐๐ ป.พ.พ. ซึ่งมีหลักเกณฑวา การไดมาซึ่งอสังหาริมทรัพยโดยผลของกฎหมาย ไมอาจ
ยกเปนขอตอสูการไดมาซึ่งอสังหาริมทรัพยโดยการโอนทางทะเบียน โดยสุจริต และเสีย
คาตอบแทนได และการไดมาโดยทางทะเบียน โดยสุจริต และเสียคาตอบแทนนีย้ อมไมถูกเพิกถอน
แมจะมีผูอยูในฐานะอันจะใหจดทะเบียนสิทธิของตนไดอยูกอนก็ตาม ดังนั้นบุคคลภายนอกผูได
สิทธิในอสังหาริมทรัพยไปโดยทางทะเบียน โดยสุจริตและเสียคาตอบแทนยอมมีสิทธิดีที่สุด สวน
ในเรื่องสังหาริมทรัพยนั้นก็มมี าตรา ๑๓๐๓ บัญญัติรับรองสิทธิของผูรับโอนโดยสุจริต เสีย
คาตอบแทน และไดครอบครองทรัพยแลวโดยสุจริตเอาไวเชนเดียวกัน คือ ในกรณีที่มบี ุคคลหลาย
๒๒
แตโปรดดู เสนีย ปราโมช, นิติกรรมและหนี้, เลม ๑, (แกไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๐๕), หนา ๒๒๔ ซึ่งอธิบายวา
การโอนทรัพยซึ่งตกอยูใตบังคับเงื่อนไขไปยังบุคคลภายนอกในระหวางที่เงื่อนไขยังไมสําเร็จนั้น แมตอมา
เงื่อนไขสําเร็จก็ไมกระทบตอสิทธิของบุคคลภายนอก ผูที่ตองขาดประโยชนจากความสําเร็จแหงเงื่อนไขได
แตเรียกคาสินไหมทดแทนจากคูกรณีฝายที่โอนทรัพยไปยังบุคคลภายนอกเทานั้น
๒๕๙
คนอางกรรมสิทธิ์ในสังหาริมทรัพยเดียวกัน ผูรับโอนทรัพยนั้นมาโดยสุจริตและเสียคาตอบแทน
และไดครอบครองทรัพยนนั้ แลวโดยสุจริตยอมมีสิทธิดีที่สุด นอกจากนี้หากบุคคลภายนอกเปนผู
ซื้อทรัพยโดยสุจริตจากการขายทอดตลาดตามคําสั่งศาล หรือคําสั่งเจาพนักงานพิทักษทรัพยในคดี
ลมละลายยังไดรับการคุมครองตามมาตรา ๑๓๓๐ ป.พ.พ. โดยกฎหมายรับรองไววาสิทธินั้นยอม
ไมเสียไปหากปรากฏภายหลังวาทรัพยนั้นไมใชทรัพยของจําเลย ลูกหนี้ตามคําพิพากษา หรือคน
ลมละลาย
ดังนั้นกรณีตามอุทาหรณ ๖ ถาปรากฏวา ค. ซึ่งไดรับโอนจาก ข. รูดีอยูแ ลว หรือมีเหตุควร
สงสัยวา ข. เปนเจาของเครื่องรับโทรทัศนซึ่งมีสิทธิภายใตบังคับเงื่อนไขอยางหนึ่งอยางใด เชนใน
กรณีนี้คือเงื่อนไขวา หาก ก. ชําระเงินครบถวนเครื่องรับโทรทัศนน้นั ยอมตกเปนของ ก. ดังนี้ หาก
ค. รับโอนเครื่องรับโทรทัศนนั้นมา แมขณะโอน ข. จะยังเปนเจาของกรรมสิทธิ์และยอมมีสิทธิโอน
มายัง ค. ไดก็ตาม แตสิทธิที่ ค. ไดรับยอมตกอยูใตบังคับเงื่อนไขเดียวกันดวย ดังนั้นหากตอมา ก.
ชําระเงินแก ข. ครบถวน เงื่อนไขก็สําเร็จและเครื่องรับโทรทัศนนั้นยอมตกเปนของ ก. ตามเงื่อนไข
และ ค. ยอมเสียกรรมสิทธิ์ไปตามเงื่อนไขที่ตนไดรับโอนสิทธินั้นมา
ในกรณีที่ ค. สุจริต แตไมไดเสียคาตอบแทน เชนไดมาโดยการใหโดยเสนหา ดังนี้ ค. ก็
ไมไดรับการคุม ครองเชนกัน หรือแมกรณีที่ ค. สุจริต เสียคาตอบแทน แตยังไมไดครอบครองทรัพย
ดังนี้สิทธิของ ค. ก็ยังไมดกี วาสิทธิของ ก. เพราะตองถือวาสิทธิของ ค. เปนสิทธิที่ไดรับโอนมาโดย
อยูในบังคับเงือ่ นไขตามหลักผูรับโอนไมมีสิทธิดีกวาผูโ อน และ ก. ยอมไดกรรมสิทธิ์ในเครื่องรับ
โทรทัศนนั้นตามเงื่อนไข
แตถาปรากฏวา ค. ไดรับโอนจาก ข. มาโดยสุจริต คือเชื่อวา ข. เปนเจาของโทรทัศนนั้น
โดยไมตกอยูใตบังคับของสิทธิของผูใด และไดมาโดยเสียคาตอบแทน และไดเขาครอบครอง
เครื่องรับโทรทัศนนั้นแลว ดังนี้ ค. ยอมไดรับความคุมครองใหเปนผูม ีสิทธิดีที่สุดเหนือ
สังหาริมทรัพยคือเครื่องรับโทรทัศนนั้น
อนึ่ง หลักการในเรื่องสิทธิของบุคคลภายนอกที่กลาวมานี้ยอมใชไดแกกรณีที่มกี ารโอน
ทรัพยสินที่ตกอยูภายใตบังคับเงื่อนไขบังคับหลังไปยังบุคคลภายนอกในระหวางที่เงือ่ นไขนั้นยังไม
สําเร็จเชนกัน ตัวอยางเชน ก. ขายฝากรถไวกับ ข. โดยตกลงกันวาให ก. มีสิทธิไถรถคืนไปได
ภายใน ๓ เดือน ปรากฏวาระหวางนั้น ข. ไดโอนขายรถใหแก ค. ดังนีห้ าก ค. รูหรือควรไดรูวาสิทธิ
ของ ข. อยูใตบังคับเงื่อนไข แลวยังรับซื้อไป ดังนี้หากเงือ่ นไขสําเร็จ ก. ยอมเรียกรถคืนจาก ค. ได
ตามหลักผูรับโอนยอมไมมสี ิทธิดีกวาผูโอนในมาตรา ๑๘๔ และ ๑๘๕ ป.พ.พ. แตถาเปนกรณีที่ ค.
ไดรับโอนไปโดยสุจริตและเสียคาตอบแทน คือเขาซื้อทรัพยโดยไมรูวา สิทธิของ ข. เปนสิทธิที่ตก
อยูใตบังคับเงือ่ นไข ทั้งยังไดครอบครองรถนั้นแลวโดยสุจริต ดังนี้ ค. ยอมไดรับการคุมครองใหมี
สิทธิเหนือรถนั้นดีที่สุดตามมาตรา ๑๓๐๓ ป.พ.พ.
๒๖๐
๒. นิติกรรมที่ตองไดรับความยินยอม
๒.๑ ความสําคัญของการใหความยินยอมในการทํานิติกรรม
ตามปกตินิตกิ รรมที่บุคคลทําขึ้นโดยความสมัครใจนั้นยอมมีผลสมบูรณ แตบางกรณี
กฎหมายก็จํากัดความสามารถหรืออํานาจของผูทํานิติกรรมไว โดยกําหนดใหนิติกรรมจะมีผลไดก็
ตอเมื่อไดรับความเห็นชอบหรือความยินยอมจากบุคคลอื่น ทั้งนี้ก็ดว ยเหตุผลสําคัญ ๒ ประการ
ใหญ ๆ กลาวคือ
ก) บุคคลผูทํานิติกรรมนั้นควรไดรับความคุมครอง ดังนั้นนิติกรรมที่บุคคลเหลานั้นได
กระทําลงไปจะมีผลสมบูรณไดก็ตอเมื่อผูแทนโดยชอบธรรมหรือผูที่มีอํานาจหนาที่ในการปกครอง
ดูแลบุคคลนั้นไดใหความยินยอมดวยแลว อันเปนการใหความยินยอมเพื่อรักษาประโยชนของผูทํา
นิติกรรม
ตัวอยางเชน นิติกรรมที่ผูเยาวไดกระทําลงโดยไมไดรับความยินยอมของผูแทนโดย
ชอบธรรมยอมตกเปนโมฆียะ (มาตรา ๒๑ ป.พ.พ.) ดังนั้นหากผูเยาวตกลงซื้อทรัพยสินอยางหนึ่ง
อยางใด นิติกรรมซื้อขายรายนั้นจะมีผลสมบูรณก็ตอเมื่อไดรับความยินยอมจากผูแทนโดยชอบ
ธรรมแลว หรือการจัดการทรัพยสินของผูเยาวในกรณีทํานิติกรรมสําคัญตามมาตรา ๑๕๗๔ ป.พ.พ.
ผูแทนโดยชอบธรรมไมมีอํานาจทําการแทนผูเยาว แตตองขออนุญาตจากศาลกอน เปนตน
ข) บุคคลภายนอกควรไดรับความคุมครอง ทั้งนี้เนื่องจากนิติกรรมนั้น ๆ สงผลกระทบตอ
สิทธิหนาที่ของบุคคลภายนอกนั้น ในกรณีเชนนี้นิติกรรมนั้นจะมีผลสมบูรณไดก็ตอ เมื่อไดรับความ
ยินยอมจากบุคคลซึ่งเกี่ยวของเสียกอน นับวาเปนการใหความยินยอมเพื่อรักษาประโยชนของผูให
ความยินยอมเอง
ตัวอยางเชน กรณีที่ไดมีการโอนทรัพยสินโดยมีเงื่อนไขบังคับกอนแลว ตอมากอนที่
เงื่อนไขนั้นจะสําเร็จ มีเหตุใหผูโอนประสงคจะโอนทรัพยสินนัน้ ไปยังบุคคลอื่น ดังนี้หากผูโอน
ประสงคจะใหการโอนนั้นมีผลสมบูรณ ไมถูกกระทบกระเทือนภายหลังเมื่อเงื่อนไขนั้นสําเร็จ ผู
โอนตองขอความยินยอมจากผูรับโอนที่มีเงื่อนไขเสียกอน ซึ่งจะมีผลใหการโอนทรัพยสินนัน้ ไมถูก
เพิกถอนเกิดขอโตแยงหรือเสียผลไปหากเงื่อนไขสําเร็จในภายหลัง หรือในกรณีที่เจามรดกทํา
พินัยกรรมโดยกําหนดเงื่อนไขใหมรดกตกทอดจากผูรบั ประโยชนรายหนึ่ง ไปยังผูร ับประโยชนราย
อื่นเมื่อเงื่อนไขสําเร็จ ตามมาตรา ๑๖๗๔ ป.พ.พ. หรือกําหนดหามมิใหผูรับประโยชนโอน
ทรัพยสิน โดยกําหนดใหบุคคลอื่นเปนผูไดรับทรัพยสินนั้นหากมีการละเมิดขอกําหนดหามโอน
ตามมาตรา ๑๗๐๐ ป.พ.พ. ดังนี้หากผูรับประโยชนรายกอนประสงคจะโอนทรัพยมรดกที่ตนไดไว
ภายใตบังคับเงื่อนไขบางตนใหมีผลสมบูรณ ผูรับประโยชนที่ประสงคจะโอนทรัพยสินไปนั้นยอม
จําเปนจะตองไดรับความยินยอมจากผูจะไดรับประโยชนตามเงื่อนไขแหงพินยั กรรมเสียกอน การ
โอนทรัพยสินนั้นจึงจะมีผลสมบูรณ
๒๖๑
๒.๒ ความหมายของความยินยอม
นิติกรรมที่ตองไดรับความยินยอมนัน้ หมายถึงนิติกรรมซึ่งจะมีผลสมบูรณตามกฎหมายได
ก็ตอเมื่อไดรับความยินยอมจากบุคคลภายนอกซึ่งมิใชคูกรณีแหงนิติกรรมนั้น กลาวคือตองเปนกรณี
ที่การใหความยินยอมเปนเงือ่ นไขแหงความมีผลตามกฎหมายของนิตกิ รรมนั้น
ตัวอยางเชน การจําหนายตัวทรัพยซึ่งเปนกรรมสิทธิ์รวมนั้น หากเปนการจัดการทรัพยใน
ลักษณะเปนการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค เชนเปนทรัพยสินที่มีไวเพื่อใชรวมกัน หากจะนํา
ออกจําหนายยอมตองไดรับความเห็นชอบจากเจาของรวมทุกคน (มาตรา ๒๓๕๘ วรรคสี่ ป.พ.พ.)
หรือคูสมรส หากจะจัดการสินสมรสตามกรณีที่กฎหมายกําหนดในมาตรา ๑๔๗๖ ป.พ.พ. (๑) – (๘)
เชนขายหรือ ใหเชาอสังหาริมทรัพยเกินสามป ฯลฯ ตองจัดการสินสมรสนั้นรวมกัน หรือไดรับ
ความยินยอมจากอีกฝายหนึ่งเสียกอน
แตถาเปนกรณีที่คูกรณีตกลงกันใหนิติกรรมเปนผลเมื่อไดรับความยินยอมจาก
บุคคลภายนอก ดังนี้นติ ิกรรมนั้นมิใชเปนนิติกรรมที่ตองไดรับความยินยอม แตเปนการกําหนดเอา
ความยินยอมของบุคคลภายนอกเปนเงื่อนไขบังคับกอน
นอกจากนี้ผูใหความยินยอมนั้นตองเปนบุคคลเอกชน หรือเปนพนักงานเจาหนาทีท่ ี่ทํา
หนาที่เพื่อรักษาประโยชนของเอกชน ไมใชพนักงานเจาหนาที่ที่ทําการตามอํานาจหนาที่ในการ
รักษาประโยชนสาธารณะหรือประโยชนมหาชนตามทีก่ ฎหมายกําหนด
ตัวอยางเชน การที่ผูแทนโดยชอบธรรมใชอํานาจจัดการทรัพยสินของผูเยาวตามมาตรา
๑๕๗๔ ป.พ.พ. ตองไดรับอนุญาตจากศาลเสียกอน เปนนิติกรรมที่ตองไดรับความยินยอม แตการ
ตกลงทําสัญญากอสรางบานโดยกําหนดใหตองไดรับความเห็นชอบจากเจาพนักงานโยธาเสียกอน
ดังนี้เปนเงื่อนไข ไมใชเปนสัญญาที่ตองไดรับความยินยอม
ที่สําคัญกรณีตองเปนการใหความยินยอมจากบุคคลผูมิใชเปนคูกรณีในนิติกรรมนัน้ เอง
และเมื่อไดรับความยินยอมแลวนิติกรรมนัน้ จึงจะมีผลสมบูรณตามกฎหมาย
๒.๓ การใหความยินยอม
ก) หลักทั่วไปเกี่ยวกับความยินยอม
การใหความยินยอมอาจมีไดสองชนิดคือ การใหความยินยอมหรืออนุญาตไวลวงหนา
ใหกระทํานิตกิ รรมอยางใดอยางหนึ่งกอนที่จะมีการทํานิติกรรมนั้นขึ้น สวนการใหความยินยอมอีก
ชนิดหนึ่งไดแกการใหสัตยาบันหรือการใหความเห็นชอบแกนิตกิ รรมที่ไดกระทําไปแลวใน
ภายหลัง
การใหความยินยอมจัดเปนการแสดงเจตนาอยางหนึ่งซึ่งตองมีผูรับการแสดงเจตนา
ดังนั้นหากผูมอี ํานาจใหความยินยอม มิไดแสดงเจตนาทีม่ ีผลสมบูรณออกไป ตัวอยางเชนผูใหความ
๒๖๒
ยินยอมเปนคนไรความสามารถเสียตั้งแตกอนใหความยินยอม และเมือ่ การใหความยินยอมนั้นเปน
โมฆียะ ก็ไดมกี ารบอกลางความยินยอมนัน้ แลว
ปญหามีตอไปวาการใหความยินยอมนั้นผูม ีอํานาจใหความยินยอมจะตองแสดงตอ
คูกรณีฝายใด กรณีนี้ไมมกี ฎหมายกําหนดไวโดยเฉพาะ จึงเปนที่เขาใจวาผูมีอํานาจใหความยินยอม
จะแสดงเจตนาใหความยินยอมแกคูกรณีฝายที่ทํานิติกรรมนั้น หรือจะใหความยินอยมแกคูกรณีอกี
ฝายหนึ่งก็ยอมได
ตัวอยางเชน ผูเยาวทํานิติกรรมซื้อกลองถายรูปโดยไมไดรบั ความยินยอมจากผูแทน
โดยชอบธรรม ดังนี้ผูแทนโดยชอบธรรมอาจแสดงเจตนาใหความยินยอมหรือที่เรียกกันวาให
สัตยาบันโดยแสดงเจตนานีต้ อผูเยาวเอง หรือตอคูกรณีของผูเยาว คือผูขายกลองถายรูปนั้นก็ได
การใหความยินยอมนัน้ มิไดมีกฎหมายกําหนดแบบไวโดยเฉพาะ ดังนัน้ ตามปกติการ
ใหความยินยอมจึงไมตองตกอยูใตบังคับแหงแบบใด ๆ ทั้งนี้เพราะการใหความยินยอมมิไดเปน
สวนหนึ่งของนิติกรรม แตเปนขอเท็จจริงอันกฎหมายกําหนดใหเปนเงื่อนไขแหงความมีผลแนนอน
แหงนิตกิ รรม
ตัวอยางเชน การที่ผูเยาวทํานิติกรรมโดยมีผแู ทนโดยชอบธรรมเปนพยาน หรืออยูรวม
ดวยในขณะทํานิติกรรม ยอมถือไดวาไดรับความยินยอมเพราะมีการรับรูโดยไมทักทวง
นิติกรรมที่ไดรับความยินยอมแลวยอมมีผลสมบูรณ แตนิติกรรมที่ไมไดรับความ
ยินยอมยอมมีผลเปนนิติกรรมแตไมมีผลตามความประสงคอยางบริบูรณ เพราะอาจถูกบอกลาง
หรือมีผลเพียงบางสวน หรือไมมีผลเลย แตโดยทั่วไปก็ไมอาจนับวาถึงกับทําใหนิติกรรมนั้นตกเปน
โมฆะไปเสียเลยทั้งนี้เพราะการใหความยินยอม ใหสัตยาบันหรืออนุญาตอาจกระทํายอนหลังก็ได
โดยที่ความยินยอมเปนการแสดงเจตนาอยางหนึ่ง จึงมีขอ นาคิดวา เมื่อไดแสดง
ออกไปแลวจะเพิกถอนเสียไดหรือไม เรื่องนี้อาจตอบไดวา ความยินยอมที่ไดใหไวลว งหนายอมเพิก
ถอนไดเสมอตราบเทาที่ยังมิไดมีการทํานิตกิ รรมที่ใหความยินยอมนั้นไวแลว เชนผูแทนโดยชอบ
ธรรมใหความยินยอมผูเยาวในการซื้อรถมอเตอรไซค ดังนั้นกอนที่ผูเยาวจะตกลงทําสัญญาซื้อขาย
ตามที่ไดรับความยินยอมสําเร็จ ผูแทนโดยชอบธรรมยอมถอนความยินยอมนัน้ ไดเสมอ เวนแตจะ
เปนกรณีทีมกี ฎหมายหามไวไมใหถอนความยินยอมเชนนั้น หรือไดมกี ารใหคํามั่นไวแกคกู รณีอกี
ฝายหนึ่งแลววาจะไมถอนความยินยอมนั้น แตถาเปนความยินยอมทีก่ อผลผูกพันเด็ดขาดไปแลว
ผูใหความยินยอมเชนนั้นยอมไมอาจเพิกถอนไดอีกตอไป แตถาเปนการเพิกถอนโดยศาล เชนกรณี
เพิกถอนความยินยอมทีเ่ ปนการฉอฉล (มาตรา ๒๓๗ ป.พ.พ.) เปนตน
ข) ลักษณะพิเศษในกรณีการใหสัตยาบัน
การใหสัตยาบันนั้นเปนการใหความยินยอมภายหลังจากที่ไดมีการทํานิติกรรมที่ตอง
ไดรับความยินยอมไปแลว และเมื่อผูมีอํานาจใหสัตยาบันไดใหสัตยาบันไปแลวนิติกรรมนั้นยอม
เปนอันสมบูรณมาแตเริ่มแรก (มาตรา ๑๗๗ ป.พ.พ.) หรือที่เรียกวามีผลยอนหลังไปแตเริ่มแรก (ex
๒๖๓
tunc) ดังนั้นแมผูเยาวซึ่งทํานิติกรรมซื้อขายซึ่งตองไดรบั ความยินยอมจากผูแทนโดยชอบธรรม หรือ
คูสมรสฝายใดฝายหนึ่งที่เขาจัดการสินสมรสซึ่งตองไดรับความยินยอมจากคูสมรสอีกฝายหนึ่งตาม
มาตรา ๑๔๗๖ (๑) – (๘) ป.พ.พ. จะกลายเปนคนไรความสามารถไปภายหลังจากทีไ่ ดทํานิติกรรม
นั้นแลว ผูแ ทนโดยชอบธรรมหรือคูสมรสอีกฝายหนึ่งก็ยังใหสัตยาบันตอนิติกรรมดังกลาวก็ยังอาจ
ใหสัตยาบันในนิติกรรมนัน้ ๆ ได และยอมมีผลทําใหนติ ิกรรมนั้นสมบูรณมาตั้งแตเริ่มแรก แม
ตอมาผูเยาว หรือคูสมรสที่ไดทํานิติกรรมไวจะกลายเปนคนวิกลจริต กลายเปนคนไรความสามารถ
หรือถึงแกความตายในภายหลัง ก็ไมกระทบตอความสมบูรณของนิติกรรมที่ไดรับการใหสัตยาบัน
และมีผลสมบูรณมาแตเริ่มแรกแลวอีก
อยางไรก็ดี หลักที่วาการใหสัตยาบันยอมมีผลยอนหลังทําใหนิตกิ รรมนั้นสมบูรณมา
แตเริ่มแรก ตามมาตรา ๑๗๗ ป.พ.พ. นั้นอาจไมใชบังคับในบางกรณี โดยเฉพาะอยางยิง่ หากผล
ยอนหลังจะมีผลทําใหฝายทีก่ ฎหมายมุงคุมครองตองเสียประโยชนจากความคุมครองที่พึงไดรับไป
อาทิเชนในการนับอายุความซึ่งอาจทําใหผเู ยาวตองเสียสิทธิอันพึงไดไป เปนตน
นอกจากนี้ความมีผลยอนหลังของการใหสตั ยาบันยอมไมมีผลทําใหการโอนทรัพย
หรือการทํานิตกิ รรมเปลี่ยนแปลงสิทธิของผูมีอํานาจใหสตั ยาบันที่ไดทาํ ไวกอนการใหสัตยาบันนั้น
เสียผลไป
ตัวอยางเชน ก. เอาทรัพยของ ข. ไปขายให ค. โดยสําคัญผิดวาเปนทรัพยของตนเอง
ตอมาผานไป ๓ ป ก. หรือ ค. ทราบวาทรัพยนั้นแทจริงเปนของ ข. จึงขอให ข. ใหสตั ยาบันในการ
โอนทรัพยของ ก. ดังนีห้ าก ข. ใหสัตยาบันในการขายทรัพยโดยไมมสี ิทธิของ ก. ตามปกติยอมมีผล
ทําใหการขายทรัพยของ ก. นั้นสมบูรณมาแตเริ่มแรก แตถาระหวางที่ ข. ยังไมไดใหสตั ยาบันแก
การกระทําของ ก. นี้ หาก ก. ไดโอนสิทธิเรียกทรัพยคนื หรือขายกรรมสิทธิ์ในทรัพยนั้นใหแก ง.
ไปกอนแลว ดังนี้จะเห็นไดวา การใหสัตยาบันของ ข. ยอมไมมีผลยอนหลังไปกระทบตอสิทธิของ
ง. ได เพราะเมือ่ ข. ไดโอนทรัพยไปยัง ง. แลว ก็ไมอาจมีสิทธิเหลืออยูที่จะใหสัตยาบันแก ก. ไดเลย
๒๖๔