You are on page 1of 13

ดาวเรือง ดอกไม้ แห่ งความรุ่ งเรือง

ภูริพนั ธุ์ สุ วรรณเมฆ*

ชื่อวิทยาศาสตร์ Tagetes spp.


ชื่อวงศ์ Compositae
ชื่อสามัญ Marigolds
ชื่ออื่น ๆ คาปู้ จู้ (ภาษาท้องถิ่นทางภาคเหนือ แปลว่า ดอกที่มีสีเหลืองคล้ายทองคา)

ดาวเรื อง (Marigold) เป็ นพืชล้มลุก ปี เดียว มีถิ่นกาเนิดในประเทศสหรัฐอเมริ กา และเม็กซิ โก


และมีการปลูกทัว่ โลก ซึ่ งเป็ นพืชเศรษฐกิจที่สาคัญของหลายประเทศ อาทิ อียิปต์ ฮังการี อเมริ กาใต้ สเปน ฝรั่งเศส
เป็ นต้น พันธุ์ที่นิยมปลูกในปั จจุบนั มีท้ งั ชนิดดอกสี ขาว สี เหลือง สี เหลืองทอง และสี ส้ม
ในประเทศไทย การปลูกดาวเรื องนิยมมากขึ้น เมื่อมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เริ่ มนาเข้าเมล็ดพันธุ์
จากประเทศเนเธอร์ แลนด์ มาปลูกครั้งแรกในปี พ.ศ. 2510 และมีการปลูกมากขึ้นเป็ นอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
สภาวะภัยแล้ง เนื่องจากดาวเรื องเป็ นพืชที่ปลูกง่าย โตเร็ ว ขึ้นได้ดีทุกสภาพพื้นที่ ทนต่อสภาพแวดล้อม และสามารถ
ปลูกได้ตลอดทั้งปี โดยแหล่งปลูกดาวเรื องพบได้มากในภาคกลาง เหนื อ และภาคตะวันออกเฉี ยงเหนื อ และพบว่า
การปลูกดาวเรื องมีการลงทุนต่า เมื่อเทียบกับการปลูกพืชชนิดอื่น มีระยะการเก็บเกี่ยวสั้น 60-70 วัน และให้ผลผลิต

*นักวิชาการเกษตรชานาญการพิเศษ กลุ่มส่ งเสริ มไม้ดอกและไม้ประดับ สานักส่ งเสริ มและจัดการสิ นค้าเกษตร กรมส่ งเสริ มการเกษตร
ต่อไร่ สูง ต้นหนึ่ งให้ดอกมากกว่า 6-8 ดอก โรค และแมลงรบกวนน้อย และสามารถจาหน่ ายได้ง่าย ตลาดต้องการ
ค่อนข้างสม่ าเสมอ โดยเฉพาะโรงงานอุ ตสาหกรรม ร้ านค้าไม้ดอกไม้ประดับ และการจัดดอกไม้ รวมไปถึ งการ
ส่ งออกต่างประเทศ เป็ นไม้ดอกที่นามาใช้ประโยชน์ในหลายด้าน อาทิ ใช้ประดับตกแต่ง เสริ มในอาหารสัตว์ การ
สกัดสี ส่ วนผสมของเวชภัณฑ์ เครื่ องสาอาง เครื่ องดื่มสุ ขภาพ รวมไปถึงเป็ นสารขับไล่แมลงหรื อกาจัดศัตรู พืช
นอกจากนี้ คนไทยมีความเชื่ อว่า หากปลูกดาวเรื องไว้ริมรั้ ว หรื อในบ้าน จะเป็ นมงคลเสริ มชะตา
ชีวติ ให้รุ่งเรื อง มีความก้าวหน้าในอาชีพ โดยเฉพาะสี เหลืองทองเปรี ยบเหมือนหนุนให้มีเงินทองเต็มบ้าน

ลักษณะทัว่ ไปของดาวเรือง

ดาวเรื องเป็ นพืชล้มลุก อายุประมาณ 4-5 เดือน สู งประมาณ 0.5-4.0 ฟุต ใบเป็ นใบประกอบ มี
ลักษณะเรี ยวยาว รู ปหอก ปลายแหลมขอบหยัก ออกดอกเป็ นช่อกระจุกเดี่ยวที่ปลายยอด ดอกมีลกั ษณะเป็ นแบบดอก
รวม ประกอบด้วยดอกย่อยเล็ก ๆ เป็ นจานวนมาก อัดซ้อนกันแน่นอยูบ่ นฐานรองดอก ดอกมีสีเหลือง ส้ม ครี ม และ
ขาว มีต้ งั แต่ขนาดเล็ก คือประมาณเส้นผ่านศูนย์กลางดอก 1 นิ้ว จนถึงขนาดใหญ่ประมาณ 4 นิ้ว และเมื่อตัดลาต้น กิ่ง
ก้านหรื อใบของดาวเรื อง จะมีกลิ่นเหม็น จึงทาให้แมลง
ไม่ค่อยรบกวน นอกจากนี้ ภายในรากของดาวเรื องมีสารชนิดหนึ่งคือ แอลฟ่ า เทอร์ เธี ยนิล (alfa - terthienyl) ซึ่งเป็ น
สารที่สามารถควบคุมปริ มาณไส้เดือนฝอยในดินได้เป็ นอย่างดี

ประเภทของดาวเรือง

โดยทัว่ ไปสามารถจาแนกดาวเรื องตามความสู งของพุม่ เป็ น 3 ประเภท คือ


1. ดาวเรืองอเมริกนั (American Marigolds ) เป็ นดาวเรื องที่มีถิ่นกาเนิดอยูท่ างตะวันตกเฉียงใต้ของทวีป
อเมริ กา ลาต้นสู งตั้งแต่ 10-40 นิ้ว ดอกสี เหลือง ส้ม ทอง และขาว กลีบดอกซ้อนกันแน่น ดอกมีขนาดใหญ่ประมาณ
3-4 นิ้ว ดาวเรื องชนิ ดนี้มีหลายพันธุ์ ได้แก่
- พันธุ์เตี้ย มีความสู งประมาณ 10-14 นิ้ว ได้แก่ พันธุ์ ปาปาย่า (papaya) ไพน์แอปเปิ ล (pineaple) ปั มพ์กิน
(Pumpkin) เป็ นต้น
- พันธุ์สูงปานกลาง มีความสู งประมาณ 14-16 นิ้ว ได้แก่ พันธุ์อะพอลโล (Apollo) ไวกิ่ง (Viking)
มูนช๊อต (Moonshot) เป็ นต้น
- พันธุ์สูง มีความสู งประมาณ 16-36 นิ้ว ได้แก่ พันธุ์ดบั เบิล อีเกิล (Double Egle) ดับบลูน (Doubloon)
ซอฟเวอร์เรน (Sovereign) เป็ นต้น
ดาวเรื องในกลุ่มนี้ หากปลูกในฤดูหนาวจะมีอายุการเก็บเกี่ยว 60-65 วัน และถ้าปลูกในฤดูร้อนอายุการ
เก็บเกี่ยวจะช้าลงกว่าปกติ 10-15 วัน
2. ดาวเรืองฝรั่งเศส (French Marigolds) เป็ นดาวเรื องต้นเล็ก พุ่มเตี้ย ๆ มีความสู งประมาณ 6-16 นิ้ว ดอกสี
เหลือง ส้ม ทอง น้ าตาลอมแดง และสี แดง ดอกมีขนาดเล็กประมาณ 1-3 นิ้ว เป็ นไม้ดอกที่เหมาะปลูกในช่วงฤดูหนาว
เพราะหากปลูกในช่วงฤดูร้อนจะทาให้ออกดอกน้อย หรื อไม่ออกดอกเลย และนิยมปลูกประดับในแปลงมากกว่าปลูก
เพื่อตัดดอก เนื่องจากมีกา้ นดอกสั้น นอกจากนี้ยงั เป็ นดาวเรื องที่สามารถลดปริ มาณไส้เดือนฝอยที่ทาให้เกิดอาการ
รากปมในรากพืชได้ ตัวอย่างดาวเรื องฝรั่งเศส ได้แก่ พันธุ์ดอกชั้นเดียว ดอกมีขนาด 1.5-2.0 นิ้ว ได้แก่ พันธุ์เรด
มาเรตต้า (Red Marietta) นอธตี้ มาเรตต้า (Naughty Marietta) เอสปานา (Espana) ลีโอปาร์ด (Leopard) เป็ นต้น
พันธุ์ดอกซ้อน ดอกมีขนาดตั้งแต่ 1.5-3.0 นิ้ว ได้แก่ พันธุ์ควีน โซเฟี ย (Queen Sophia ) สการ์เลต โซเฟี ย (Scarlet
Sophia) โกลเด้น เกต (Golden Gate ) เป็ นต้น
3. ดาวเรืองพันธุ์ลูกผสม (Mule Mariglds หรื อ Afro American Marigolds) เป็ นดาวเรื องลูกผสมระหว่าง
ดาวเรื องอเมริ กนั และดาวเรื องฝรั่งเศส โดยมีวตั ถุประสงค์เพื่อนาลักษณะความแข็งแรง ดอกใหญ่ และมีกลีบซ้อนมาก
ของดาวเรื องอเมริ กนั ผสมกับลักษณะต้นเตี้ยทรงพุม่ กะทัดรัดของดาวเรื องฝรั่งเศส ดาวเรื องลูกผสมให้ดอกเร็ วมาก
คือ (เพียง 5 สัปดาห์) หลังจากเพาะเมล็ดเพียง 5 สัปดาห์ ดอกมีขนาด 2-3 นิ้ว ดอกดกและอยูก่ บั ต้นได้ดี ดาวเรื องชนิ ด
นี้มีขอ้ เสี ยก็คือ เมล็ดจะลีบ ไม่สามารถนามาเพาะให้เป็ นต้นใหม่ได้จึงเรี ยกว่า ดาวเรื องล่อ เช่นเดียวกับการผสมม้ากับ
ลา มีลูกออกมาเรี ยกว่า ล่อ ซึ่ งเป็ นหมัน จึงทาให้เมล็ดมีราคาแพงมาก และการปลูกดาวเรื องด้วยเมล็ดชนิดนี้ จึงควร
ใช้เมล็ดเป็ นปริ มาณ 2 เท่าของจานวนที่ตอ้ งการ เนื่ องเมล็ดมีเปอร์ เซ็นต์ความงอกต่า
ดาวเรื องลูกผสมที่นิยมปลูกมีอยูห่ ลายพันธุ์ คือ พันธุ์นกั เก็ต (Nugget) ไฟร์เวิร์ก (Fireworks) เรด เซเว่น
สตาร์(Red Sevenstar) และโชว์โบ๊ต (Showboat)

พันธุ์ทเี่ หมาะสาหรับประเทศไทย

1. พันธุ์ซอฟเวอร์ เรน ดอกสี เหลือง กลีบดอกซ้อนกันแน่น สวยงาม ดอกมีขนาดประมาณ 10 เซนติเมตร


2. พันธุ์ทอรีดอร์ ดอกสี ส้ม ขนาดประมาณ 8.5-10.0 เซนติเมตร
3. พันธุ์ดับเบิล อีเกิล ดอกสี เหลือง ขนาดประมาณ 8.5 เซนติเมตร และมีกา้ นดอกแข็ง
4. พันธุ์ดาวเรืองเกษตร เป็ นดาวเรื องที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นาเข้ามาทดลองปลูกและคัดเลือกพันธุ์ที่
โครงการเกษตรที่สูง และได้คดั เลือกพันธุ์ไว้ได้ 2 พันธุ์ คือ พันธุ์สีทองเบอร์ 1 และพันธุ์สีทองเบอร์ 4 ซึ่ งทั้ง 2 พันธุ์
เป็ นพันธุ์ที่มีดอกสี เหลืองขึ้นได้ดีในสภาพของประเทศไทย และให้ผลลิตสู งพอสมควร
การขยายพันธุ์ดาวเรือง
1. การเพาะเมล็ด เป็ นวิธีการที่นิยมปฏิบตั ิกนั และให้ผลผลิตดีกว่าวิธีอื่น โดยนาเมล็ดดาวเรื องมาเพาะในกระบะหรื อ
แปลงเพาะ
การเพาะในกระบะ อาจจะใช้กระบะไม้หรื อกระบะพลาสติกก็ได้ วัสดุเพาะประกอบด้วยขุยมะพร้าว ทราย
ขี้เถ้าแกลบ ปุ๋ ยคอก ในอัตราส่ วน 1:1:1:1
การเพาะเมล็ดในแปลง ซึ่ง แปลงที่จะใช้เพาะเมล็ดดาวเรื อง ควรเป็ นดินร่ วนซุ ยและค่อนข้างละเอียด ขุด
แปลงกลับหน้าดินตากไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อฆ่าเชื้อโรคและแมลง จากนั้นนาปุ๋ ยคอก อาทิ มูลโค มูลเป็ ด มูลไก่
เป็ นต้น มาผสมและคลุกเคล้าให้เข้ากับดิน ย่อยดินให้ละเอียดแล้วปรับหน้าแปลงให้เรี ยบ

การเพาะเมล็ดทั้งการเพาะในกระบะและในแปลง มีวธิ ี การปฏิบตั ิดงั นี้


1. ทาร่ องบนวัสดุเพาะในกระบะหรื อบนแปลงให้ลึกประมาณ 5 เซนติเมตร และให้แต่ละร่ องห่างกัน
ประมาณ 5 เซนติเมตร
2. หยอดเมล็ดดาวเรื องในร่ อง ห่างกันประมาณ 3-5 เซนติเมตร แล้วกลบร่ องเพื่อกลบเมล็ดดาวเรื อง
3. ใช้กระดาษหนังสื อพิมพ์ เศษฟาง หรื อหญ้าแห้ง คลุมกระบะเพาะ เพื่อป้ องกันความเสี ยหายเนื่องจากฝน
ชะล้าง แต่ถา้ เป็ นฤดูหนาวก็ควรคลุมพลาสติกเช่นกัน เพื่อเพิ่มความร้อนให้กบั กระบะหรื อแปลงเพาะ จะทาให้เมล็ด
งอกได้ดีข้ ึน หลังจากเพาะได้ประมาณ 3-5 วัน เมล็ดจะงอก และอีกประมาณ 10-12 วัน จึงย้ายต้นกล้าไปปลูกได้

2. การปักชา เป็ นวิธีการขยายพันธุ์ที่สามารถทาได้อีกวิธีหนึ่ง แต่ไม่ค่อยนิยมมากนัก เนื่ องจากได้จานวนน้อย


และให้ผลผลิตต่ากว่า ดอกมีขนาดเล็กกว่า สาเหตุที่ทากันเพาะเป็ นผลพลอยได้จากการเด็ดยอดทิ้ง ยอดที่เด็ดทิ้งจะมี
ความยาว 1-2 นิ้ว แล้วนาไปปั กชาที่ใช้คือขี้เถ้าแกลบ เพราะเก็บความชื้นได้ดีหลังจากเตรี ยมแปลงหรื อถุงหักชาแล้ว
นายอดดาวเรื องมาปั กชา หากควบคลุมความชื้นได้ดี ยอดดาวเรื องจะออกรากภายใน 3-4 วัน และถ้ามีการใช้ฮอร์ โมน
เร่ งรากจะทาให้ดาวเรื องออกรากได้ดียงิ่ ขึ้น จากนั้นนาไปใว้ให้ถูกแดดอีกประมาณ 3-4 วัน จึงสามารถย้ายไปปลูกยัง
แปลงปลูกได้

การปลูกดาวเรือง
การปลูกดาวเรื องเป็ นขั้นตอนเริ่ มตั้งแต่การเตรี ยมแปลงปลูก การย้ายกล้ามาปลูกในแปลง รวมถึงการปฏิบตั ิดูแล โดย
มีรายละเอียดขั้นตอนดังนี้
1. การเตรียมแปลงปลูก
ดินที่ที่จะใช้ปลูกดาวเรื องควรเป็ นดินที่ระบายน้ าได้ดี เก็บรักษาความชื้นได้สูง และมีค่าความเป็ นกรดเป็ น
ด่างประมาณ 6-5-7.5 ในขณะที่เตรี ยมดินนั้น ควรใส่ ปุ๋ยคอกหรื อปุ๋ ยหมักลงไปด้วย เพื่อเมธาตุอาหารและปรับ
โครงสร้างให้ดินโปร่ ง ควรขุดพลิกหน้าดินไว้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อทาลายเชื้อโรคและแมลงศัตรู พืช แปลงควรมี
ขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร ความยาวตามความเหมาะสมของพื้นที่ จากนั้นจึงย่อยดินให้ละเอียดและปรับหน้าแปลง
ให้เรี ยบ แล้วจึงปลูกดาวเรื องโดยให้แต่ละแถวห่างกัน 30 ซ.ม และระยะระหว่างต้นห่างกัน 30 ซ.ม เช่นกัน ถ้าพื้นที่
ปลูกเป็ นแปลงขนาดใหญ่ ให้เว้นทางเดินระหว่างแปลงประมาณ 80 ซ.ม แต่ถา้ เป็ นที่ลุ่มและยกร่ องปลูกก็ไม่ตอ้ งเว้น
ทางเดินไว้ เพียงแต่เว้นขอบแปลงริ มร่ องน้ าไว้เล็กน้อยเพื่อใช้เป็ นทางเดิน

2. วิธีการปลูก
2.1 การเตรียมหลุมปลูก ขุดหลุมในแปลงโดยให้หลุมห่างกัน 30 เซนติเมตร และแต่ละแถวห่างกัน
30 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ ยซูเปอร์ ฟอสเฟตหรื อปุ๋ ยสู ตร 15-15-15 อัตราหลุมละ1 ช้อนชา แล้วเกลี่ยดินกลบปุ๋ ย
เพื่อป้ องกันไม่ให้รากดาวเรื องสัมผัสปุ๋ ยโดยตรง
2.2 การย้ายกล้า ควรย้ายกล้าดาวเรื องในตอนเย็น ก่อนย้ายกล้ารดน้ าล่างหน้า 1 วัน หรื อรดน้ าตอน
เช้าแล้วย้ายกล้าตอนเย็น และควรใช้ชอ้ นปลูกขุดต้นกล้า เพื่อให้ดินติดรากต้นกล้ามาด้วย ต้นกล้าจะได้ไม่โทรมและ
ตั้งตัวได้เร็ ว
2.3 การปลูกต้ นกล้ า ปลูกต้นกล้าให้ปลูกหลุมละต้น โดยฝังต้นกล้าลงในหลุมให้โคนต้นอยูร่ ะดับ
ปากหลุมและกลบดินให้เสมอใบเลี้ยง จากนั้นจึงรี บรดน้ าให้ชุ่มตลอดเวลา
3. การปฏิบัติดูแลรักษา
3.1 การรดนา้ ในช่วงแรกคือ ตั้งแต่เริ่ มปลูกถึงอายุ 7 วัน ควรรดน้ าวันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็นหลัง
จากนั้นรดน้ าวันละครั้งในตอนเช้าก็พอ และในช่วงที่ดอกเริ่ มบานจะต้องระวังอย่าให้น้ าถูกดอกดาวเรื อง เพราะจะทา
ให้ดอกเสี ยหายและถูกเชื้อโรคเข้าทาลายได้ง่าย
3.2 การใส่ ปุ๋ย เมื่อดาวเรื องมีอายุ 15 และ 25 วัน ควรใส่ ปุ๋ย สู ตร 15-15-15 อัตรา 1 ช้อนชาต่อหลุม
และเมื่อดาวเรื องมีอายุ 35 และ 45 วัน ควรใส่ ปุ๋ยสู ตร15-24-12 อัตรา 1 ช้อนชาต่อหลุม เช่นกัน การใส่ ปุ๋ยควรใส่ ให้
ห่างโคนต้นประมาณ 6 นิ้ว โดยฝังลงในดินประมาณครึ่ งนิ้ว จากนั้นควรพรวนดินรอบ ๆ โคนต้นและกลบโคนต้นไว้
การใส่ ปุ๋ยทุกครั้งจะต้องรดน้ าให้โชกเสมอ
3.3 การปลิดยอด นิยมเรี ยกว่า การเด็ดตุม้ หรื อการแต่งตุม้ ทาเพื่อให้ดาวเรื องแตกพุม่ และจะทาให้
ดอกดาวเรื องมีขนาดใหญ่ การปลิดยอดนี้ควรทาเมื่อดาวเรื องมีอายุ 21-25 วัน ซึ่ งเป็ นระยะที่ดาวเรื องมีใบจริ งขนาด
ใหญ่ประมาณ 4 คู่ และส่ วนยอดมีใบเล็ก ๆ ประมาณ 1-2 คู่ วิธีการปลิดยอดทาได้โดยใช้มือซ้ายจับใบคู่บนสุ ดที่
ต้องการเหลือไว้ แล้วใช้มือขวาดึงส่ วนยอดลงทางด้านข้าง เพื่อให้ยอดหลุดออกมา ไม่ควรเด็ดยอด เพราะจะทาให้
ส่ วนตาของยอดเหลือติดอยู่ ซึ่ งจะเจริ ญเป็ นดอกในภายหลัง ทาให้ดอกไม่เป็ นไปตามกาหนด คือดอกบานไม่พร้อม
กันและมีขนาดเล็ก ปกติดาวเรื องต้นหนึ่งควรไว้ดอก ประมาณ 8 ดอก จึงจะได้ดอกที่มีคุณภาพ
3.4 การปลิดตาข้ าง หลังจากการปลิดตายอดประมาณ 1 สัปดาห์ ตาข้างจะเริ่ มแตกขึ้นใหม่ เมื่อดอก
ที่ยอดมีขนาดประมาณเท่าเมล็ดข้าวโพด ให้ปลิดตาข้างออกให้หมด เพื่อไม่ให้ตาข้างเจริ ญเป็ นดอกต่อไป ซึ่ งจะทาให้
ดอกที่ยอดมีขนาดใหญ่ ก้านดอกยาว และมีขนาดสม่าเสมอ

4. การตัดดอก
ก่อนตัดดอกดาวเรื องเพื่อนาไปจาหน่ายประมาณ 2-3 วัน ควรใช้น้ าตาลทรายจานวน15 ลิตร ฉี ดพ่นใบ
ดาวเรื องทั้งด้านบนและด้านล่าง จะทาให้กา้ นดอกแข็งแรงขึ้น จากนั้นจึงทยอยตัดดอก อายุของดาวเรื องที่สามารถตัด
ดอกขายได้คือประมาณ 55-65 วัน หรื อให้สังเกตจากดอกที่ยงั มีกลีบดอกตรงกลางเป็ นสี เขียว อยูไ่ ด้นานกว่าดอกที่
บานทั้งหมด ในการตัดดอกนั้นควรตัดให้ชิดโคนกิ่งให้มากที่สุด จะทาให้กา้ นดอกที่ติดมามีขนาดยาว
ศัตรู ทสี่ าคัญดาวเรือง
โรค พบว่าโรคที่สาคัญและพบบ่อย ๆ ได้แก่
1. โรคเหี่ยว เป็ นโรคที่เกิดจากเชื้อราไฟทอปทอรา (Phytopthora) มักเกิดกับดาวเรื องที่ดอกกาลังเริ่ มทยอย
บาน ระยะแรกมีอาการคล้ายกับดาวเรื องขาดน้ า กล่าวคือ อาการเหี่ ยวจะแสดงในตอนกลางวันส่ วนกลางคืนอาการจะ
ปกติ หลังจากนั้นประมาณ 3 -4 วัน ดาวเรื องก็จะเหี่ ยวทั้งด้นและตายไปในที่สุด การป้ องกันกาจัด ใช้สารเคมีป้องกัน
และกาจัดเชื้อรา เช่น แมนโคเซ็ป ฉี ดพ่นสลับกับคาร์ เบนดาซิ มประมาณสัปดาห์ละครั้ง และถ้าพบมากต้นที่เป็ นโรค
และตายในแปลงต้องรี บกาจัดทิ้ง

2. โรคราแป้ง เกิดจากเชื้ อราชนิดหนึ่งลักษณะอาการ คือจะเห็นสปอร์ ของเชื้อราเป็ นฝุ่ นสี ขาว ๆ ตามใบของ


ดาวเรื อง ทาให้ใบหยิก การเจริ ญเติบโตชะงัก ถ้าเป็ นมากอาจทาให้ตน้ ตายในที่สุด การป้ องกันกาจัด โดยการพ่นด้วย
สารเคมีป้องกันกาจัดเชื้ อรา เช่น แมนโคเซ็ป ไดแทน-เอ็ม 45 ประมาณสัปดาห์ละครั้ง

3. โรคดอกไหม้ เกิดเชื้ อราเข้าทาลายดอกดาวเรื อง ทาให้ดอกเป็ นสี น้ าตาลจนไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้


การป้ องกันกาจัด ควรฉี ดพ่นด้วยสารเคมีแมนโคเซ็ปหรื อดาโคนิล โดยฉี ดพ่นให้ทวั่ ทั้งแปลง

แมลง โดยมีแมลงที่สาคัญดังนี้

1. เพลีย้ ไฟ เข้าทาลายโดยดูดกินน้ าเลี้ยงจากยอดอ่อนและใบอ่อน จะเห็นมีรอยขีดตามใบหรื อกลีบเลี้ยงของ


ดอก เพลี้ยไฟจะระบาดมากในช่างฤดูร้อน การป้ องกันกาจัด ใช้สารเทมมิค เอ จี (Temic A.G.) ฝังรอบ ๆ โคนต้น โดย
ฝังให้ห่างโคนต้นประมาณ 1 ฝ่ ามือ หรื อฉี ดพ่นด้วยสารโตกุไธออนสัปดาห์ละครั้ง

2. หนอนกระทู้หอม เป็ นหนอนของผีเสื้ อกลางคืน จะเข้าทาลายในขณะที่ดอกดาวเรื องเริ่ มบาน หนอนจะกัด


กินดอกดาวเรื อง ทาให้ดอกแหว่งเสี ยหาย การป้ องกันกาจัด ฉี ดพ่นด้วยสารเคมีกาจัดแมลง เช่น แลนเนท,แคสเคต
หรื อใช้เชื้อไวรัสทาลายแมลงพวกเอ็น.พี.วี. (NPV) ฉี ดพ่นในแปลงที่มีหนอนกระทูห้ อมระบาด
การใช้ ประโยชน์

ดาวเรื องเป็ นไม้ดอกที่มีความสาคัญทางเศรษฐกิจมากชนิดหนึ่ง นอกจากจะมีความสาคัญทางเศรษฐกิจแล้ว


ยังสามารถนาไปใช้ประโยชน์ดา้ นอื่น ๆ ได้อีกด้วย การนาดาวเรื องไปใช้ประโยชน์สรุ ปได้ดงั นี้

1. ปลูกประดับเพือ่ ความสวยงาม
ดาวเรื องเป็ นไม้ดอกที่มีความสวยงาม กลีบดอกสี เหลืองเรี ยงอัดกันแน่น และมีอายุการใช้งานนาน ดังนั้นจึงเหมาะ
สาหรับปลูกเพื่อประดับอาคารบ้านเรื อนและสถานที่ต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเพลิดเพลินตา สบายใจ

2. ปลูกเพือ่ ใช้ ประโยชน์ ในการป้องกันแมลง


เนื่องจากดาวเรื องเป็ นสารที่มีกลิ่นเหม็น (ฉุ น) แมลงไม่ชอบ จึงสามารถใช้เป็ นเกราะป้ องกันแมลงให้แก่พืชอื่น ๆ
ด้วย นอกจากนี้ รากของดาวเรื องยังมีสารชนิ ดหนึ่งที่ช่วยลดปริ มาณไส้เดือนฝอยในดินได้

3. ปลูกเพือ่ จาหน่ าย

3.1 ใช้ ทาพวงมาลัย ปั จจุบนั นิยมนาดอกดาวเรื องมาร้อยพวงมาลัยกันมาก ไม่วา่ จะเป็ นพวงมาลัยไหว้พระ


หรื อพวงมาลัยสาหรับคล้องคอในงานพิธีต่าง ๆ การตัดดอกดาวเรื องสาหรับใช้ประโยชน์ในด้านนี้ จะต้องให้มีกา้ น
ดอกสั้น ๆ หรื อให้เหลือเฉพาะดอก

3.2 ใช้ ปักแจกัน เนื่องจากดาวเรื องเป็ นไม้ดอกที่ลกั ษณะกลมเรี ยงตัวกันแน่นเป็ นระเบียบ และมีสีสันสวยงาม
จึงมีคนนิยมนามาปั กแจกันมาก ไม่วา่ จะเป็ นแจกันตั้งตามโต๊ะรับแขกตามหิ้งพระ หรื อแจกันประกอบโต๊ะหมู่บูชา
การตัดดอกดาวเรื องเพื่อนามาปั กแจกันนี้ควรตัดให้มีกา้ นดอกยาวประมาณ 18-20 นิ้ว มัดดอกดาวเรื องเป็ นกา ๆ แล้ว
ใช้กระดาษหนังสื อพิมพ์ห่อเพื่อให้ดอกดาวเรื องคงความสดอยูไ่ ด้นาน ๆ
3.3 การปลูกลงกระถางหรือถุงเพือ่ ประดับอาคารสถานที่ ปัจจุบนั มีการนากระถางหรื อถุงดาวเรื องมาประดับ
อาคารสถานที่มากขึ้น เพาะสามารถใช้ประดับได้เป็ นเวลานาน ไม่วา่ จะเป็ นงานพิธีต่าง ๆ เช่น งานนิทรรศการ
งานพระราชทานปริ ญญาบัตร หรื อแม้แต่งานพิธีตามอาคารบ้านเรื อน การปลูกดาวเรื องเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านนี้
เหมือนกับการปลูกดาวเรื องโดยทัว่ ไป เพียงแต่เป็ นการปลูกลงในกระถางหรื อถุง แทนที่จะปลูกลงในแปลง พอดอก
ดาวเรื องเริ่ มบาน ก็นาไปใช้ประโยชน์หรื อจาหน่ายได้

3.4 จาหน่ ายให้ กบั โรงงานผลิตอาหารสั ตว์ เนื่องจากดาวเรื องเป็ นพืชที่สารแซนโธฟิ ล (Xanthophyll) สู ง
จึงสามารถนาไปเป็ นส่ วนผสมอากหารสัตว์ได้ดี โดยเฉพาะอาหารของของไก่ไข่ จะทาให้ไข่แดงมีสีแดงสดใสน่ากิน
ยิง่ ขึ้น

เอกสารอ้างอิง
พัชรี สาโรงเย็น และอภิชาติ ศรี สะอาด. 2555. คู่มือการเพาะปลูกไม้ ดอกพวงมาลัยป้อนตลาด. บริ ษทั นาคา อินเตอร์
มีเดีย จากัด, สมุทรสาคร 136 หน้า.
http://puechkaset.com ดาวเรื อง เข้าถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2559
http://www.mof.or.th/web/agriculture.php?id=50&cat=22 ดาวเรือง เข้าถึงวันที่ 1 กรกฎาคม 2559
ด้านล่างนี้ ไม่เอานะคะ

พิจารณาข้อความใหม่ครับ
ก 5.2 การปฏิบตั ิหลังการเก็บเกี่ยว น�ำาดอกไปผึ่งลมให้แห้ง หรื อถ้ามีความชื้นในอากาศสูงใช้พดั ลมเป่ า อย่าตากแดด และคัดแยก
ดอกตามเกรดที่ก�ำาหนด ส่วนใหญ่แยกเป็ นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก แล้วใส่ถุง พลาสติกที่เจาะรู มัดปากถุงให้แน่นแล้วเตรี ยมส่งจ�
ำาหน่าย ใช้กรรไกรตัดดอกให้ติดก้านดอกยาว 5 - 10 เซนติเมตร. ตัดก้านดอกยาวประมาณ 5 - 10 เซนติเมตร. 5. การปฏิบตั ิก่อน
และหลังการเก็บเกี่ยว 5.1 การเก็บเกี่ยว อายุเก็บเกี่ยว 55 - 75 วัน ขึ้นกับพันธุ์ โดยตัดดอกที่บาน 80 - 90 % (กลีบดอกชั้นในตรง
กลางดอกเป็ นสี เขียว เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5- 1 ซม) โดยใช้กรรไกรตัดดอกให้ติดก้านดอกยาวประมาณ 5 - 10 เซนติเมตร
เพื่อให้มีอายุการ เก็บรักษาได้นานขึ้น และหลังเก็บดอกครั้งแรกแล้วยังเก็บเกี่ยวดอกต่อได้อีกประมาณ 30 - 45 วัน 23
สภาพแวดล้อม ความเหมาะสม ข้อจากัด 1. สภาพภูมิอากาศ 1.1 อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการงอกของเมล็ด 1.2 อุณหภูมิที่เหมาะสม
ในการส่งเสริ มการออกดอก 1.3 แสงแดด 1.4 คาร์บอนไดออกไซด์ 1.5 ความเข้มของแสง 1.6 ความชื้นสัมพัทธ์(RH) - 22 - 27
องศาเซลเซียส - กลางวัน 14.5 - 28.6 องศาเซลเซียส กลางคืน 15.5 - 18.3 องศาเซลเซียส - อย่างน้อย 8 ชัว่ โมงต่อวัน - การเพิ่ม
คาร์บอนไดออกไซด์800 - 1,000 ppm ช่วย ส่งเสริ มการเจริ ญเติบโตให้มากขึ้นซึ่งควรเพิ่มอุณหภูมิ ในช่วงกลางวัน 1.11 - 1.66
องศาเซลเซียส ร่ วมด้วย จึงจะได้ผลดี - ความเข้มของแสงเพิ่มเติมที่ส่งเสริ มการเจริ ญเติบโต 450 - 700 แรงเทียน (foot-candle:fc.)
- 50 – 80 % - อุณหภูมิช่วงกลางวันสู ง 26.2 - 36.4 องศาเซลเซี ยส จะยับยั้งการเกิดตาดอก - เป็ นพืชวันสั้น ค่า critical day
length เท่ากับ 12.5 -13.0 ชัว่ โมง ดังนั้นต้องได้รับแสงน้อยกว่า critical day length จึงจะออกดอก ในช่วงวันยาวระหว่างเดือน
เมษายน- สิ งหาคม จะออกดอกช้ากว่าการปลูกในช่วงวันสั้น ระหว่าง เดือนตุลาคม - กุมภาพันธ์และคุณภาพดอกในช่วงวันสั้น จะ
ดีกว่าวันยาว - ความเข้มของแสงน้อยท�ำาให้จ�ำานวนดอกต่อต้นลด ลง ดังนั้นการปลูกในฤดูฝนซึ่งเป็ นช่วงวันยาวและมีความ
เข้ม ของแสงน้อย ท�ำาให้จ�ำานวนดอกต่อต้นน้อยลง 2. สภาพพื้นที่ 2.1 ความสูงเหนือระดับน�ำ้ำาทะเล 2.2 ความลาด
เอียงของพื้นที่ - 0 - 200 เมตร เหนือระดับน�ำ้ำาทะเล ไม่เกิน 0 - 2% - ในช่วงฤดูฝนน�ำ้ำาท่วมขังจะท�ำาให้เกิดโรคได้
ง่าย ข้อมูลสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริ ญเติบโตและให้ผลผลิตของดาวเรื องตัดดอก 24 ข้

เทคนิคการปลูกและดูแลรักษาดาวเรื องตัดดอก 1. การเตรี ยมการก่อนปลูก 1.1 การเตรี ยมดิน 1) ไถดะลึกประมาณ 30


- 50 เซนติเมตร ตากดินทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ 2) ในสภาพดินกรด หว่านปูนขาวหรื อโดโลไมท์ อัตรา 300 - 500
กิโลกรัม ต่อไร่ และปุ๋ ยคอกปุ๋ ยหมัก อัตรา 300 - 500 กิโลกรัม/ไร่ แล้วไถพรวนดินให้ละเอียด 3) ยกแปลง สู ง 0.50
เมตร กว้าง 1.0-1.2 เมตร ระยะระหว่างแปลง 0.8 เมตร หว่านปุ๋ ยสู ตร 15-15-15 อัตรา 25-30 กก./ไร่ หรื อ 0-46-0
อัตรา 35-50 กก./ไร่ คลุกเคล้าแล้วเกลี่ยปรับหน้าแปลงให้เรี ยบ 1.2 การเตรี ยมพันธุ์ 1) ใช้ดาวเรื องพันธุ์ลูกผสมที่
เหมาะส�ำาหรับการตัดดอก ซึ่ งเรี ยกทัว่ ไปว่า ดาวเรื อง อเมริ กนั หรื อดาวเรื องอาฟริ กนั ซึ่ งดอกมีขนาดใหญ่
ลักษณะกลม มีกลีบดอกซ้อนกันแน่น 2) น�ำาเมล็ดพันธุ์ดาวเรื องมาเพาะในตะกร้าเพาะ กล่องโฟมหรื อถาดเพาะ
ขนาด 200 หลุม วัสดุเพาะช�ำาอาจใช้พีทมอส หรื อขุยมะพร้าวผสมทราย อัตราส่ วน 3 :1 หรื อ ขุยมะพร้าว ทราย
ขี้เถ้าแกลบ ปุ๋ ยคอก ในอัตราส่ วน 1:1:1:1 ผสมน�ำ้ำาให้ชุ่ม ทดสอบ ด้วยการบีบวัสดุเพาะให้มีน�ำ้ำาซึ ม
ออกมาตามง่ามนิ้วพอประมาณ 3) ท�ำาหลุมหรื อร่ องลึก 0.5 เซนติเมตร แต่ละร่ องห่ างกัน 5 เซนติเมตร วาง เมล็ด
1 เมล็ด/หลุม และกลบเมล็ดด้วยวัสดุเพาะ พ่นสารเคมีป้องกันก�ำาจัดเชื้ อรา วาง ไว้ใต้ตาข่ายพรางแสง 70 - 80 %
รดน�ำ้ำาวันละ 2 ครั้ง เช้า-บ่าย ในช่วง 2 - 3 วันแรก ต่อเมื่อเห็นใบเลี้ยงคู่แรก พรางแสง 25 - 50% และรดน
�ำ้ำาวันละ 1 ครั้ง หรื อตามความ จ�ำาเป็ น โดยให้มีความชื้นสลับแห้ง เมื่อต้นกล้าแข้งแรงใบจริ งคู่แรกเริ่ ม
พัฒนา แล้วจึงให้ ได้รับแสงแดดเต็มที่ 2. การปลูก 2.1 วิธีปลูก ก่อนย้ายกล้าลงแปลงปลูกควรให้น�ำ้ำา แปลง
ล่วงหน้า 1 วัน ต้นกล้ามีใบจริ ง 4 - 6 ใบ หรื อ อายุ 12 - 20 วัน ย้ายต้นกล้าในช่วงเย็น ให้วสั ดุเพาะช�ำา ติดต้นกล้า
มาด้วย ขุดหลุมลึก 4- 5 เซนติเมตร ปลูกหลุมละ 1 ต้น ให้ตน้ ตั้งตรง โคนต้นอยูร่ ะดับปากหลุม และกลบดิน หาก
ไม่ได้หว่านปุ๋ ยตอนเตรี ยมแปลงปลูก ให้รองก้นหลุม ด้วยปุ๋ ยซูเปอร์ฟอสเฟตหรื อปุ๋ ยสู ตร 15-15-15 อัตรา หลุมละ 1
ช้อนชา แล้วเกลี่ยดินกลบปุ๋ ยเพื่อป้ องกันไม่ให้ รากดาวเรื องสัมผัสปุ๋ ยโดยตรง ต้นกล้ามีใบจริ ง 4 ใบ พร้อมย้ายปลูก

2.2 ระยะปลูก 30 - 40 X 30 - 40 เซนติเมตร แปลงปลูกกว้าง 1 - 1.2 เมตร ปลูกได้ 3 แถวต่อแปลง 2.3 จ�ำานวน
ต้นต่อไร่ ประมาณ 8,700 ต้นต่อไร่ 3. การดูแลรักษา 3.1 การใส่ ปุ๋ย 1) หลังย้ายปลูก 5 - 7 วัน ให้ปุ๋ยสู ตร 15-0-0 อัตรา
1 กิโลกรัมต่อน�ำ้ำา 100 ลิตร (ฤดูฝน) หรื อ ปุ๋ ยยูเรี ย สู ตร 46-0-0 อัตรา 1 กิโลกรัมต่อน�ำ้ำา 100 ลิตร (ฤดู
หนาว) รดไปบนดินบริ เวณโคนต้น โดยให้ปุ๋ยติดต่อกัน 2 ครั้ง โดยครั้งที่ 1 และ 2 ห่างกัน 7-10 วัน 2) ระยะกลบโคน
ต้น เมื่อดาวเรื องมีอายุ 20 - 25 วัน หรื อหลังจากให้ปุ๋ย ครั้งที่ 2 ประมาณ 5 - 10 วัน ใส่ ปุ๋ยสู ตร 15-15-15 หรื อ 13-13-
21 อัตรา 35 - 50 กิโลกรัมต่อไร่ และเมื่อดาวเรื องมีอายุ 35 และ 45 วัน ใส่ ปุ๋ยสู ตร 12-24-12 อัตรา 35 - 50 กิโลกรัมต่อ
ไร่ โรยปุ๋ ยรอบทรงพุม่ พร้อมกับพรวนดิน กลบโคนต้นและกา� จัดวัชพืช 3.2 การให้น�ำ้ำา 1) ช่วงย้ายปลูก
ประมาณ 7 วัน ให้น�ำ้ำาวันละ 2 ครั้ง เช้า- เย็น จนฟื้ นตัว 2) ช่วงการเจริ ญเติบโต ให้น�ำ้ำาประมาณ 7 วันต่อ
ครั้ง ขึ้นกับสภาพแวดล้อม 3) ช่วงเก็บเกี่ยว ควรให้นา �ำ้ ก่อนตัดดอก 2 วัน จะได้ดอกใหญ่ไม่เหี่ ยวง่าย ระหว่าง
ตัดดอกให้น�ำ้ำาทุก ๆ 2 วัน ขึ้นกับสภาพแวดล้อม 4. ศัตรู พืชที่ส�ำาคัญ 4.1 โรค ที่ส�ำาคัญได้แก ำ่ โรค
เหี่ ยวจากเชื้ อรา มักเกิดกับดาวเรื องที่โตเต็มที่ ดอกก�ำาลังจะบาน การป้ องกันก�ำาจัดโดยถอนต้นที่เป็ นโรค
เผาท�ำาลายทิ้ง และใช้สารเคมี ตามค�ำาแนะน�ำา 4.2 แมลง 1) เพลี้ยไฟ ระบาดมากในช่วงฤดูร้อน การ
ป้ องกันก�ำาจัดโดยใช้สารเคมีตาม ค�ำาแนะน�ำา 2) หนอนผีเสื้ อกลางคืน เข้าท�ำาลายในขณะที่ดอก
เริ่ มบาน การป้ องกันก�ำาจัด โดยใช้สารเคมีตามค�ำาแนะน�ำา
5. การปฏิบตั ิก่อนและหลังการเก็บเกี่ยว 5.1 การเก็บเกี่ยว อายุเก็บเกี่ยว 55 - 75 วัน ขึ้นกับพันธุ์ โดยตัดดอกที่บาน 80 -
90 % (กลีบดอกชั้นในตรงกลางดอกเป็ นสี เขียว เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 0.5- 1 ซม) โดยใช้กรรไกรตัดดอกให้ติด
ก้านดอกยาวประมาณ 5 - 10 เซนติเมตร เพื่อให้มีอายุการ เก็บรักษาได้นานขึ้น และหลังเก็บดอกครั้งแรกแล้วยังเก็บ
เกี่ยวดอกต่อได้อีกประมาณ 30 - 45 วัน

ดอกดาวเรื องที่พร้อมเก็บเกี่ยว ดอกบาน 80 - 90 % นาดอกไปผึ่งลมหรื อใช้พดั ลมเป่ า แล้วคัดแยกขนาด ดอกขนาด


ใหญ่ กลาง เล็ก 5.2 การปฏิบตั ิหลังการเก็บเกี่ยว น�ำาดอกไปผึ่งลมให้แห้ง หรื อถ้ามีความชื้นในอากาศสู งใช้พดั
ลมเป่ า อย่าตากแดด และคัดแยกดอกตามเกรดที่ก�ำาหนด ส่ วนใหญ่แยกเป็ นขนาดใหญ่ กลาง เล็ก แล้วใส่ ถุง
พลาสติกที่เจาะรู มัดปากถุงให้แน่นแล้วเตรี ยมส่ งจ�ำาหน่าย ใช้กรรไกรตัดดอกให้ติดก้านดอกยาว 5 - 10
เซนติเมตร.
ข้อมูลสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริ ญเติบโตและให้ผลผลิตของดาวเรื องตัดดอก (ต่อ) สภาพแวดล้อม ความเหมาะสม ข้อจากัด
3. สภาพดิน 3.1 ลักษณะดิน 3.2 ค่าความเป็ นกรด-ด่างของดิน (pH) ดินร่ วนถึงดินร่ วนปนทรายแป้ งแต่ที่เหมาะสมที่สุดคือ ดินร่ วน
ปนทรายที่อุดมสมบูรณ์หน้าดินลึก มีการอุม้ น�ำ้ำา และระบายน�ำ้ำาได้ดี 6.2 - 7.5 - ในดินที่มีการระบายน้ าไม่ดีหรื อการปลูก
ในสภาพที่มี ความชื้นสูงเกินไป จะท�ำาให้เกิดโรคดอกไหม้ได้ง่าย ท�ำาให้ดอกเป็ นสี น้ าตาลจนไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ และเป็ น
สาเหตุท�ำาให้เกิดโรคเน่า - ดินด่างและดินเป็ นกรดไม่เหมาะสมส�ำาหรับการปลูก 4. ธาตุอาหาร 4.1 ค่าเฉลี่ยความต้องการธาตุ
อาหารต่อต้น จากค่าวิเคราะห์ใบ ธาตุอาหารหลัก N 5.5% P 0.67% K 2.19% (คิดเป็ นอัตราส่วน N:P:K = 3 :0.5 :1) ธาตุอาหาร
รอง Ca 2.74% Mg 1.56% S 0.88% จุลธาตุอาหาร Fe 454 ppm Mn 385 ppm B 39 ppm Cu 143 ppm Zn 235 ppm Mo
0.60 ppm - ถ้าไม่ได้รับธาตุอาหาร N จะทาให้น้ าหนักแห้งของพืช ลดลง - ถ้าอุณหภูมิดินต่ากว่า 22.22 องศาเซลเซี ยส ไม่ควรใช้
ปุ๋ ยไนโตรเจนในรู ปแอมโมเนียม 5. สภาพน�ำ้ำา 5.1 ปริ มาณ 5.2 ค่าการน�ำาไฟฟ้ า (EC) มีน�ำ้ำาเพียงพอตลอดฤดูกาล
ปลูก ไม่เกิน 1.5 มิลลิโมห์ต่อเซนติเมตร (mmhos/cm) ถ้าค่า EC สูงจะทาให้การเจริ ญเติบโตและคุณภาพดอกไม่ดี

ำ้อมูลสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเจริ ญเติบโตและให้ผลผลิตของดาวเรื องตัดดอก

สภาพแวดล้อม ความเหมาะสม ข้อจากัด 1. สภาพภูมิอากาศ 1.1 อุณหภูมิที่เหมาะสมต่อการงอกของเมล็ด 1.2 อุณหภูมิที่เหมาะสม


ในการส่งเสริ มการออกดอก 1.3 แสงแดด 1.4 คาร์บอนไดออกไซด์ 1.5 ความเข้มของแสง 1.6 ความชื้นสัมพัทธ์(RH) - 22 - 27
องศาเซลเซียส - กลางวัน 14.5 - 28.6 องศาเซลเซียส กลางคืน 15.5 - 18.3 องศาเซลเซียส - อย่างน้อย 8 ชัว่ โมงต่อวัน - การเพิ่ม
คาร์บอนไดออกไซด์800 - 1,000 ppm ช่วย ส่งเสริ มการเจริ ญเติบโตให้มากขึ้นซึ่งควรเพิ่มอุณหภูมิ ในช่วงกลางวัน 1.11 - 1.66
องศาเซลเซียส ร่ วมด้วย จึงจะได้ผลดี - ความเข้มของแสงเพิ่มเติมที่ส่งเสริ มการเจริ ญเติบโต 450 - 700 แรงเทียน (foot-candle:fc.)
- 50 – 80 % - อุณหภูมิช่วงกลางวันสู ง 26.2 - 36.4 องศาเซลเซี ยส จะยับยั้งการเกิดตาดอก - เป็ นพืชวันสั้น ค่า critical day
length เท่ากับ 12.5 -13.0 ชัว่ โมง ดังนั้นต้องได้รับแสงน้อยกว่า critical day length จึงจะออกดอก ในช่วงวันยาวระหว่างเดือน
เมษายน- สิ งหาคม จะออกดอกช้ากว่าการปลูกในช่วงวันสั้น ระหว่าง เดือนตุลาคม - กุมภาพันธ์และคุณภาพดอกในช่วงวันสั้น จะ
ดีกว่าวันยาว - ความเข้มของแสงน้อยท�ำาให้จ�ำานวนดอกต่อต้นลด ลง ดังนั้นการปลูกในฤดูฝนซึ่งเป็ นช่วงวันยาวและมีความ
เข้ม ของแสงน้อย ท�ำาให้จ�ำานวนดอกต่อต้นน้อยลง 2. สภาพพื้นที่ 2.1 ความสูงเหนือระดับน�ำ้ำาทะเล 2.2 ความลาด
เอียงของพื้นที่ - 0 - 200 เมตร เหนือระดับน�ำ้ำาทะเล ไม่เกิน 0 - 2% - ในช่วงฤดูฝนน�ำ้ำาท่วมขังจะท�ำาให้เกิดโรคได้
ง่าย

You might also like