Professional Documents
Culture Documents
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
่
ชือ..................................................................สกุ
ล..........................
่
..................................เลขที.........ช ้ั
น..........
บทที่ 1 ระบบร่างกายของมนุ ษย ์และสัตว ์
1. การจัดระบบในร่างกาย จากหน่ วยเล็กสุด คือ
เซลล ์ ้ อ
เนื อเยื ่ อวัยวะ
ร่างกาย
2. ระบบย่อยอาหาร (Digestion)
2.1 ปากและฟั น (mouth and teeth)
2.2 คอหอย (pharynx)
2.3 หลอดอาหาร (oesophagus) เกิดกระบวนการเพอรีสต ัลซีส
(peristalsis)
2.4 กระเพาะอาหาร (stomach)
2.5 ลาไส้เล็ก (Small Intestine) ยาวประมาณ 10 m แบ่งออกเป็ น
3 ตอน
2.6 ตบ
ั อ่อน (Pancreas)
2.7 ตบั ่ งออกมาคื
่
สารทีหลั อ น้าดี (Bile salt)
มีสเี ขียวแกมเหลืองใสรสขมจัด
2.8 ลาไส้ใหญ่ (Large Intestine) แบ่งเป็ น 3 ส่วน
2.9 ช่องทวารหนัก (Anal Canal)
3. ระบบสืบพันธุ ์
ระบบสืบพันธุ ์เพศชาย
ถุงอัณฑะ (Scrotum)
สเปิ ร ์ม
ระบบสืบพันธุ ์เพศหญิง
ร ังไข่ (Ovary)
ท่อนาไข่ หรือปี กมดลูก (Oviduct)
มดลูก (Uterus)
ช่องคลอด (Vagina)
โรงเรียนมหาปั ญญา 2
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
้ั
ความผิดปกติของการตงครรภ ์
1. ฝาแฝด (twin) มี 2 ชนิ ด
แฝดเหมือน (Identical twin)
แฝดต่าง (Fraternal twin)
2. การผสมเทียม
เด็กหลอดแก ้ว (Test tube babies)
๊ Gift technique :GIFT, Gamete intrafallopian
กิฟ
transfer
4. ระบบหมุนเวียนของเลือด หัวใจ
หัวใจ (Heart) มี 4 ห ้อง คือ
ห ้องบนซ ้าย (Left Atrium)
ห ้องบนขวา (Right Atrium)
ห ้องล่างซ ้าย (Left Ventricle)
ห ้องล่างขวา (Right Ventricle)
้ วใจ (Valve) มี 2 ชนิ ด คือ
ลินหั
้
ลินในหั
วใจ (cuspid Valve)
้ วใจกับหลอดเลือด (Semilunar Valve)
ลินหั
หลอดเลือด แบ่งเป็ น 3 ระบบ คือ
ระบบหลอดเลือดออกจากหัวใจ (Arterial systeme)
ระบบหลอดเลือดเข ้าสู่จากหัวใจ (Venous systeme)
ระบบหลอดเลือดฝอย(Capillary)
ความด ันเลือด (Blood Pressure)
ความดันสูง ซีทโทลิค(Systolic Pressure)
ความดันต่า ไดแอสโทลิค (Diastolic Pressure)
่ อวัดความดัน สฟิ กโมนาโนมิเตอร ์
เครืองมื
(Sphygmonanometer
ส่วนประกอบของเลือด
โรงเรียนมหาปั ญญา 3
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
พลาสมา (plasma)
เม็ดเลือด
เม็ดเลือดแดง (Erythrocyte หรือ Red Blood Cell)
เม็ดเลือดขาว (Leucocyte หรือ White Blood Cell)
เกล็ดเลือด (Platelet)
5. ระบบหายใจ (respiration)
การหายใจเข ้า (inspiration) ้ งลมลดต่าลง
กลา้ มเนื อกระบั
่ วสูงขึน้
พร ้อมกระดูกซีโครงยกตั ทาให ้ช่องอกมีปริมาตรมากขึน้
ความดันลดลงตากว่่ าภายนอก ทาให ้อากาศภายนอกไหลเข ้า
้
การหายใจออก (exspiration) กล ้ามเนื อกระบั งลมยกตัวสูงขึน้
่
พร ้อมกระดูกซีโครงลดตัวต่าลง ทาให ้ช่องอกมีปริมาตรน้อยลง
้
ความดันสูงขึนกว่ าภายนอก ทาใหอ้ ากาศภายในไหลออก
6. ระบบขับถ่ายหรือการกาจด ั ของเสีย
ของเสีย ่ ดจากกระบวนการเมตาบอลิซม
หมายถึงสารทีเกิ ึ
่ ดขึนภายในร่
(Metabolism) ทีเกิ ้ ่ ชวี ต
างกายของสิงมี ิ เช่น CO2 น้า ยูเรีย
่ (Kidney)
การกาจัดของเสียทีไต
่ วหนัง
การกาจัดของเสียทีผิ
7. ระบบประสาท
สมอง
ซีรบี ร ัม
ซีรเี บลร ัม
ก ้านสมอง
ไขสันหลัง
8. เทคโนโลยีการขยายพันธุ ์สัตว ์
1. การผสมเทียม (Artificial insemination, AI)
ประหยัดค่าพ่อพันธุ ์
นิ ยมทากับ โค กระบือ ปลา
โรงเรียนมหาปั ญญา 4
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
1. เพอรีสตัลซีส
กระบวนการบีบต ัวและคลายต ัวเป็ นจังหวะของกล้ามเ
้
นื อระบบทางเดิ
นอาหาร
ขับก้อนอาหารของระบบย่อยอาหาร
2. เกล็ดเลือด
้ วนของไซโทพลาสซึมของเซลล ์ชนิ ดหนึ่ งในไ
ชินส่
ขกระดู ก
3. เคซีน
่
โปรตีนกลุ่มฟอสโฟโปรตีนทีพบในน ้ านมของสัตว ์เลียงลู
้ กด้วยน้ านม
4. ไคโมทริปซิน ่ งไม่พร ้อมจะทางาน
เอนไซม ์ทียั
5. น้าดี สารสีเขียว รสขม
ช่วยให้ไขมันแตกต ัวเป็ นอนุ ภาคเล็กๆ
6.เด็กหลอดแก ้ว
่
การปฎิสนธิระหว่างไข่และสเปิ ร ์มทีภายนอกร่
างกาย
๊
7.กิฟ
ี่ อนาไข่เพือให
การนาเอาไข่และต ัวอสุจไิ ปใส่ไว้ทท่ ่ ้เกิดการปฏิสนธิตามธ
รรมชาติ
้ วใจ
8. ลินหั ่
มีหน้าทีควบคุ
มการไหลเวียนของเลือดภายในหัวใจ
โรงเรียนมหาปั ญญา 5
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
9. ซิสโทลิก
่ วใจห้องล่างซ ้ายบีบตวั เพือส่
แรงด ันเลือดในขณะทีหั ่ งเลือดไปเลียงร่
้ างกา
ย
10. ไดแอสโทลิก
แรงด ันเลือดขณะทีหั ่ วใจคลายต ัวหลังจากบีบตวั เพือ ่
้ างกาย
สูบฉี ดไปเลียงร่
การผสมเทียม
การทาใหเ้ กิดการปฏิสนธิในสัตว ์โดยไม่ตอ้ งมีการร่วมเพศตามธรรมชาติ
11. ทริปซิน เอนไซม ์ทีต ่ บ ั อ่อนสร ้างขึนมี ้ หน้าทีย่ ่ อยโปรตีน
12. ทอกซอยด ์
สารทีได้่ จากการนาเอาสารพิษออกจากจุลน ิ ทรีย ์มา
ทาให้หมดฤทธิ ์
13. วัคซีน
สารทีได้ ่ มาจากการทาให้เชือโรคอ่ ้ ์ อตาย
อนฤทธิหรื
ลง
14. วิลไล
่ ม
เยือหุ ้ เซลล ์ทียื่ นออกมาพบในผนั
่ ่ ่
งลาไส้เล็กเพือเพิ
้ ผิ
มพืนที ่ วในการดูดซึม
15. แอนติเจน
่
สิงแปลกปลอมที ่ าสู ร
เข้ ่ า่ งกายและกระตุ ้นให ้ร่างกายสร ้
างแอนติบอดี
16. ฮีโมโกลบิน
สารสีแดงในเม็ดเลือดมีธาตุเหล็กเป็ นองค ์ประกอบห
น้าทีล ่ าเลียงออกซิเจน
17. รีเฟล็กซ ์แอคชัน การกระทาทีอยู ่ ่นอกอานาจจิตใจ
18. เลือด ่
ของเหลวทีประกอบด้ วยเม็ดเลือดและน้ าเลือด
19. การย่อยเชิงเคมี
สารอาหารโมเลกุลใหญ่ถูกทาให้เล็กโดยใช้เอนไซ
ม ์เป็ นต ัวเร่ง
20. หลอดเลือดเวน เส้นเลือดทีน ่ าเลือดเข้าสู ห ่ วั ใจ
โรงเรียนมหาปั ญญา 6
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
่
ชือ..................................................................สกุ
ล..........................
่
..................................เลขที.........ช ้ั
น..........
บทที่ 2 อาหารและสารเสพติด
1. อาหาร
2. สารอาหาร
2.1 โปรตีน ความสาคัญ
1. เป็ นส่วนประกอบของน้าย่อย และฮอร ์โมน
2. ให้พลังงาน คือ โปรตีน 1 กร ัม ให ้พลังงานประมาณ 4 แคลอรี
3. หน่ วยย่อยของโปรตีน เรียกว่า กรดอะมิโน
6. การทดสอบโปรตีนโดยสารละลายไบยู เร็ต
2.2 คาร ์โบไฮเดรต
1. ให ้พลังงานและความร ้อน คาร ์โบไฮเดรต 1 กร ัม ให ้พลังงานประมาณ
4 แคลอรี
2. คาร ์โบไฮเดรตบางชนิ ด เช่น กลูโคส
้ อในสมอง
เป็ นอาหารของเซลล ์และเนื อเยื ่
่
3. ร่างกายสามารถเปลียนคาร ่ อเป็ นไขมันได ้
์โบไฮเดรตทีเหลื
4. การทดสอบน้าตาลโดยใช ้สารละลายเบเนดิกต ์
2.3 ไขมัน
1.ไขมัน 1 กร ัมจะให ้พลังงาน 9 แคลอรี
2. ช่วยละลายวิตามิน(เอ ดี อี เค)
่
3. เป็ นสือความร ่ ดี
้อนทีไม่
ทาให ้ช่วยป้ องกันการสูญเสียความร ้อนภายในร่างกาย
โรงเรียนมหาปั ญญา 7
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
่ ได ้ให ้พลังงาน
2.4 วิตามิน วิตามินเป็ นสารอาหารทีไม่
แต่ก็มค
ี วามจาเป็ นต่อร่างกาย แบ่งตามคุณสมบัตข
ิ องการละลาย จะแบ่งได ้เป็ น
2 ประเภท คือ
่
1. วิตามินทีละลายในไขมั น ได ้แก่ วิตามิน เอ ดี อี เค
่
2. วิตามินทีละลายในน้า ได ้แก่ วิตามินซี และวิตามินบีรวม
2.5 เกลือแร่ ร่างกายมีเกลือแร่ 4% ของน้าหนักร่างกายทังหมด
้
เกลือแร่ทร่่ี างกายต ้องการมี ดังต่อไปนี ้
1. แคลเซียม เป็ นส่วนประกอบสาคัญของกระดูกและฟัน
2. เหล็ก เป็ นตัวนาออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย
3. ไอโอดีน ส่วนใหญ่ไอโอดีนจะอยู่ในต่อมไทรอยด ์
สารเสพติด หมายถึง
่ เสพเข
สิงที ่ ่
้าไปแล ้วทาให ้เกิดความต ้องการทีจะเสพอี
ก
่ อใหเ้ กิดโทษ
และเป็ นสารทีก่ กับร่างกาย
ประเภทของสารเสพติด องค ์การอนามัยโลกแบ่งเป็ น 7 ประเภท คือ
1. ประเภทกดสมอง ได ้แก่ ฝิ่ น มอร ์ฟี น เฮโรอีน
2. ประเภทหลอนประสาท ได ้แก่ ยาอี LSD กัญชา
3. ประเภทยานอนหลับ ได ้แก่ กลุ่มบาร ์บิทูเรต (เหล ้าแห ้ง)
กลุ่มเบนโซอะซีปินส ์
4. ประเภทกระตุ ้นสมอง ได ้แก่ ยาบ ้า(แอมเฟตามีน) โคเคน
กระท่อม
5. ประเภทกดประสาท ได ้แก่ สารระเหย (ทินเนอร ์ , กาว)
ยาแก ้ไอผสมโคเคอีน
่ มมึ
6. ประเภทเครืองดื ่ นเมา ได ้แก่ แอลกอฮอล ์ (สุรา เบียร ์ ไวน์ )
่ ได ้แก่ บุหรี่ ยาลดความอ ้วน
7. สารเสพติดชนิ ดอืนๆ
โรงเรียนมหาปั ญญา 8
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
1. อาหาร ่ กิ
สิงที ่ นเข้าไปในร่างกายแล้วก่อให้เกิด
ประโยชน์ต่อร่างกาย
2. สารอาหาร สารเคมีทเป็ ี่ นองค ์ประกอบของอาหาร
3. สารละลายไบยู เร็ต
สารเคมีใช ้สาหร ับทดสอบอาหารประเภทโปรตีน
4. สารละเลยเบเนดิกส ์ สารเคมีใช ้สาหร ับทดสอบน้ าตาล
5. สารเสพติด สารทีก่ ่ อผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ
6. กรดอะมิโน สารชีวโมเลกุลทีเ่ ป็ นองค์ประกอบสาคัญของโปรตีน
7. แคลอรี เป็ นหน่ วยทีใ่ ช้บอกพลังงานจากอาหาร
มีหน่ วยเป็ นจูล
โรงเรียนมหาปั ญญา 9
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
8. เซลลูโลส คาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่
พบในผนังเซล์ของพืช
9. โซเดียมเมตาฟอสเฟต วัตถุปลอมปนในผงชูรส ผลึกขาวใส
10. ทินเนอร์ สารอินทรีย์ทใี่ ช้เป็ นตัวทาละลายลดความหนืด
11. บอแรกซ์ น้าประสานทองหรือผงกรอบ
12. โพแทสเซียมไนเตรต สารรสเค็มเป็ นผงสีขาวละลายน้าได้ดี
13. มัสคารีน สารพิษทีพ ่ บในเห็ดอะมานิตา
14. สารอะฟลาทอกซิน สารพิษทีเ่ กิดจากเชื้อรามีสีเขียวแกมเหลือง
15. แอซีตกิ แอนไฮไดรด์ ของเหลว ไม่มีสี กลิน ่ คล้ายน้าส้ม
16. สารชีวพิษ สารพิษทีเ่ กิดในสิง่ มีชีวต ิ
17. ไกลโคเจน
คาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ประกอบด้วยกลูโคสจานวนมาก
18. คอเลสเตอรอล
ไขมันชนิดหนึ่งทีร่ า่ งกายใช้สร้างเป็ นเยือ ่ หุม ้ เซลล์
19. กรดไขมันไม่อม ิ่ ตัว
กรดไขมันทีม ่ ีพน ั ธะคูร่ ะหว่างคาร์บอนอะตอมใ
นโมเลกุล 1 พันธะ หรือมากกว่า
20. กรดไขมันอิม่ ตัว
กรดไขมันทีม ่ ีพน ั ธะระหว่างคาร์บอนอะตอมใ
นโมเลกุลเป็ นพันธะเดีย่ วทัง้ หมด
่
ชือ..................................................................สกุ
ล..........................
่
..................................เลขที.........ช ้ั
น..........
บทที่ 3 แรง
โรงเรียนมหาปั ญญา 10
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
1. แรง
2. แรงลัพธ ์
2 . 1
่
การหาแรงลัพธ ์ของแรงทีกระท าก ับวต
ั ถุในทิศทางเดียวก ันใหน้ าแรงย่อ
ยมารวมกัน ทิศทางของแรงลัพธ ์จะเป็ นทิศเดิม
่
2.2 เมือแรงย่ อยมีทศ
ิ ทางตรงกน ั ข้ามก ัน ให ้นาแรงย่อยมาลบกัน
ิ ทางตามแรงที่
โดยแรงลัพธ ์จะมีทศ
มากกว่า
2.3 ขนาดของแรงย่อยเท่ากน ้
ั แรงทังสองจะหั
กล ้างกัน แรงลัพธ ์
่
เท่ากับ 0 วัตถุจงี ไมเคลือนที ่
โรงเรียนมหาปั ญญา 11
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
1. แรง
่ ไปกระท
สิงที ่ าต่อวต ั ถุแล้วทาให้เกิดการเปลียนแปลงสภาพ่
ของวต ั ถุ
2. แรงลัพท ์
แรงหลายแรงทีกระท ่ าให้ว ัตถุเคลือนที ่ ่
ไปตามทิ ศทางของ
แรง
่
ชือ..................................................................สกุล..........................
่
..................................เลขที.........ช ้ั
น..........
บทที่ 4 โลกและการเปลียนแปลง
่
1. โครงสร ้างของโลก
1.1 เปลือกโลก (crust)
้
1.2 เนื อโลก (mantle)
1.3 แก่นโลก (core)
้ั
ประกอบด้วยแก่นโลกชนนอกและแก่ ้ั
นโลกชนใน
่
2. การเปลียนแปลงของเปลื อกโลก
2.1 การผุพงั อยู ่ก ับที่
2.2 การกร่อน
2.3 การพัดพาและทับถม
2.4 การตกผลึก
3 . กาเนิ ดและสมบัตท ่ั
ิ วไปในดิ
น
3.1 กระบวนการเกิดดิน
- หินผุพงั โดยน้าและแสงแดด
- พืชและสัตว ์เข ้ามาอาศัยและตายสลายกลายเป็ นฮิวมัส
3.2 ลักษณะของชนดิ ้ั น
้ั นทรียว ัตถุ
- ชนอิ
้ นแร่
- ชันดิ
้
- ชันสะสมของแร่
้ พงั ของหิน
- ชันผุ
โรงเรียนมหาปั ญญา 12
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
6. ความวาว
7. การใหแ้ สงผ่าน
3.2 ประเภทของแร่
1. แร่ร ัตนชาติ
2. แร่โลหะ
3. แร่อโลหะ
้
4. แร่เชือเพลิ
ง
4. น้ า
1. แหล่งน้ า ประกอบด ้วย แหล่งน้าบนดินและแหล่งน้าใต ้ดิน
2. ก า ร ก ร ะ ท า ข อ ง น้ า
เนื่ องจากน้าเป็ นตัวทาละลายทีดี
่ สามารถกัดกร่อนหินให ้มีรป ่
ู ร่างเปลียนแปลงไป
ได ้ก่อให ้เกิดสภาพแวดล ้อมต่างๆ ดังนี ้
2.1 หินงอกและหินย ้อย
2.2 ดินดอนสามเหลียม่
2.3 สันดอน
2.4 เนิ นตะกอนรูปพัด
9. สีผงละเอียด ่ จากการฝนก้อนแร่
ผงทีได้
10. แร่ร ัตนชาติ ี่ ามาทาเครืองประด
แร่ทน ่ บ
ั
้
11. แร่เชือเพลิ ง
ี่ ธาตุคาร ์บอนและธาตุไฮโดรเจนเป็ นองค ์ประกอบหลั
แร่ทมี
ก
่
ชือ..................................................................สกุ
ล..........................
่
.................................................เลขที.........
2
2. กฎการสะท้อน
1. ร ังสีตกกระทบ เส ้นปกติ ร ังสีสะท ้อน อยู่ในระนาบเดียวกัน
2. มุมตกกระทบ = มุมสะท ้อน
3. กระจกราบ
s s/
โรงเรียนมหาปั ญญา 15
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
ระยะภาพ =
ระยะวัตถุ
วัตถุ ภาพ s =
s/
y y/ s
= s/s s/
ขนาดวัตถุ y
m
1
= ขนาดภาพ y/
่ อนวั
เมือเลื ่ ตถุ ความเร็วของภาพ = ความเร็วของวัตถุ
่ อนกระจก
เมือเลื ่ ความเร็วของภาพ = 2 เท่าของความเร็วกระจก
่
เมือกระจก 2 บานวางทามุมกัน จานวนภาพทีเกิ่ ดขึน้ = n
n 360
1
4. กระจกโค้งเว้า การเกิดภาพ
1 s=∞ 2 s >2f
3 s =2
โรงเรียนมหาปั ญญา 16
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
F F F
4 f <s<2f 5 s=f
6 s<f
c c
F F F
5. กระจกโค้งนู น การเกิดภาพ
1 S =∞ 2 s > 2f
3 s<f
F
F
F
f R2
1
1 1
m
6. การหักเห
6.1 การหักเหของแสงในตวั กลาง
ร ังสีตกกระทบ เส ้นปกติ
ตัวกลางทีม
่ ค
ี า่ ดรรชนีห ั
กเหน้อยหนาแน่ นน้อย
ตัวกลางทีม
่ ค
ี า่ ดรรชนีห ั
2 1 = มุมตกกระทบ
กเหมากหนาแน่ นน้อย
2 = มุมหักเห
ร ังสีหก
ั เห
6.2 กฎการหักเห
1. ร ังสีตกกระทบ เส ้นปกติ ร ังสีหก
ั เห อยู่ในระนาบเดียวกัน
C
แสงเกิดการสะท้อนกลั
บหมด
6.4 มิราจ
่
เป็ นการสะท ้อนกลับหมดของแสงในวันทีอากาศร ้อนจัด
ทาให ้เห็นถนนทีร่ ้อนคล ้ายเปี ยกน้า
โรงเรียนมหาปั ญญา 18
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
แสงจากท้อง
สะท้อนมาเข้าตา
ฟ้ า
ทาให้เห็นท้องฟ้ าบนถนน(คล้ายเปี ยกน้า)
F F F
4. f<s<2f 5. S=f
6. S<f
F F F
m
สูตร
m s s y y ถ ้าเป็ นภาพจริง +
m s s y y ถ ้าเป็ นภาพเสมือน –
่
ชือ..............................................................สกุ ล..............................
่
...............................เลขที.........ช ้ั
น.............
บทที่ 6 ธาตุและสารประกอบ
1. ตารางธาตุปัจจุบน
ั จัดเรียงธาตุตามเลขอะตอม แบ่งเป็ น 3 กลุ่ม คือ
H He
Li Be B C N O F Ne
Na Mg Al Si P S Cl Ar
K Ca Ga Ge As Se Br Kr
Ru Sr In Sn Sb Te I Xe
Cs Ba Tl Pb Bi Po At Rn
Fr Ra Uuo
1.1 โลหะ (metal)
่
1.2 กึงโลหะ (metalloid)
1.3 อโลหะ (non - metal)
2. อนุ ภาคมู ลฐานในอะตอม (fundamental particle of atom)
2.1 โปรตอน (p)
โรงเรียนมหาปั ญญา 20
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
่
ชือ..............................................................สกุ ล..............................
่
...............................เลขที.........ช ้ั
น.............
บทที่ 7 การแยกสาร
้
1. การแยกสารเนื อผสม
1.1 การกรอง (filtration)
1.2 การใช้กรวยแยก (separating funnel)
1.3 การหยิบออก การร่อน และการใช ้แม่เหล็กดูด
้
2. การแยกสารเนื อเดี
ยว
2.1 การระเหย (evaporation)
2.2 การตกตะกอน (precipitation)
2.3 การตกผลึก (recrytallization)
2.4 การสก ัดด้วยต ัวทาละลาย (solvent extraction)
่ (distillation) แบ่งเป็ น 3 ประเภท ดังนี ้
2.5 การกลัน
่
1. การกลันแบบธรรมดา (simple distillation)
โรงเรียนมหาปั ญญา 22
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
่ าด ับส่วน (fractional distillation)
2. การกลันล
่ วยไอน้ า (steam distillation)
3. การกลันด้
2.6 โครมาโทกราฟี (chromatography)
1. โครมาโทกราฟี แบบกระดาษ (paper chromatography)
2. ทินเลเยอร ์โครมาโทกราฟี (thin-layer
chromatography, TLC)
่
ระยะทางทีสารเคลื ่
อนที ่
3. การหาค่า Rf = ่ วทาละลายเคลือนที
่ ่
ระยะทางทีตั
1. การกรอง =
การแยกอนุ ภาคของแข็งออกจากส่วนทีเป็ ่ นของเหลวโดยผ่านตวั แผ่นกรอ
ง
2. การใช้กรวยแยก =
วิธท ์
ี าสารให ้บริสุทธิแยกของเหลวที ่ รวมเป็ นเนื ้อเดียวกน
ไม่ ั
3. การระเหย =
่
ของเหลวเปลียนสภาพเป็ นแก๊สโดยไม่จาเป็ นต้องมีอุณหภู มถ ิ งึ จุดเดือด
4. การตกตะกอน =
การแยกเอาของแข็งทีอยู ่ ่ในรูปสารแขวนลอยออกจากของเหลว
5. การตกผลึก = กระบวนการเกิ ด ผลึ ก ของแข็ ง จากสารละลาย
ของเหลว หรือไอ
6 . ก า ร ส ก ั ด ด้ ว ย ต ั ว ท า ล ะ ล า ย =
วิธก
ี ารแยกสารโดยอาศ ัยสมบัตก ิ ารละลายในตวั ทาละลาย
7. การกลัน ่ =
การแยกของเหลวผสมโดยอาศ ัยคุณสมบัตจ ่
ิ ุดเดือดทีแตกต่ างกน ั
่
8. การกลันแบบธรรมดา =
์
การแยกสารผสมให ้บริสุทธิโดยอาศั ยความแตกต่างของความดันไอ
9. การกลันล ่ าด ับส่วน =
การแยกสารผสมออกจากกันให ้อยู่ในรูปขององค ์ประกอบย่อย
โรงเรียนมหาปั ญญา 23
้
วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
่
ชือ......................................................................สกุ ล......................
้ั
..................................ชน..............ม.2
20