You are on page 1of 26

โรงเรียนมหาปั ญญา 1


วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

ชือ..................................................................สกุ
ล..........................

..................................เลขที.........ช ้ั
น..........
บทที่ 1 ระบบร่างกายของมนุ ษย ์และสัตว ์
1. การจัดระบบในร่างกาย จากหน่ วยเล็กสุด คือ
เซลล ์ ้ อ
เนื อเยื ่ อวัยวะ
ร่างกาย
2. ระบบย่อยอาหาร (Digestion)
2.1 ปากและฟั น (mouth and teeth)
2.2 คอหอย (pharynx)
2.3 หลอดอาหาร (oesophagus) เกิดกระบวนการเพอรีสต ัลซีส
(peristalsis)
2.4 กระเพาะอาหาร (stomach)
2.5 ลาไส้เล็ก (Small Intestine) ยาวประมาณ 10 m แบ่งออกเป็ น
3 ตอน
2.6 ตบ
ั อ่อน (Pancreas)
2.7 ตบั ่ งออกมาคื

สารทีหลั อ น้าดี (Bile salt)
มีสเี ขียวแกมเหลืองใสรสขมจัด
2.8 ลาไส้ใหญ่ (Large Intestine) แบ่งเป็ น 3 ส่วน
2.9 ช่องทวารหนัก (Anal Canal)
3. ระบบสืบพันธุ ์
ระบบสืบพันธุ ์เพศชาย
ถุงอัณฑะ (Scrotum)
สเปิ ร ์ม
ระบบสืบพันธุ ์เพศหญิง
ร ังไข่ (Ovary)
ท่อนาไข่ หรือปี กมดลูก (Oviduct)
มดลูก (Uterus)
ช่องคลอด (Vagina)
โรงเรียนมหาปั ญญา 2

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
้ั
ความผิดปกติของการตงครรภ ์
1. ฝาแฝด (twin) มี 2 ชนิ ด
แฝดเหมือน (Identical twin)
แฝดต่าง (Fraternal twin)
2. การผสมเทียม
เด็กหลอดแก ้ว (Test tube babies)
๊ Gift technique :GIFT, Gamete intrafallopian
กิฟ
transfer
4. ระบบหมุนเวียนของเลือด หัวใจ
หัวใจ (Heart) มี 4 ห ้อง คือ
ห ้องบนซ ้าย (Left Atrium)
ห ้องบนขวา (Right Atrium)
ห ้องล่างซ ้าย (Left Ventricle)
ห ้องล่างขวา (Right Ventricle)
้ วใจ (Valve) มี 2 ชนิ ด คือ
ลินหั

ลินในหั
วใจ (cuspid Valve)
้ วใจกับหลอดเลือด (Semilunar Valve)
ลินหั
หลอดเลือด แบ่งเป็ น 3 ระบบ คือ
ระบบหลอดเลือดออกจากหัวใจ (Arterial systeme)
ระบบหลอดเลือดเข ้าสู่จากหัวใจ (Venous systeme)
ระบบหลอดเลือดฝอย(Capillary)
ความด ันเลือด (Blood Pressure)
ความดันสูง ซีทโทลิค(Systolic Pressure)
ความดันต่า ไดแอสโทลิค (Diastolic Pressure)
่ อวัดความดัน สฟิ กโมนาโนมิเตอร ์
เครืองมื
(Sphygmonanometer
ส่วนประกอบของเลือด
โรงเรียนมหาปั ญญา 3

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

พลาสมา (plasma)
เม็ดเลือด
เม็ดเลือดแดง (Erythrocyte หรือ Red Blood Cell)
เม็ดเลือดขาว (Leucocyte หรือ White Blood Cell)
เกล็ดเลือด (Platelet)
5. ระบบหายใจ (respiration)
การหายใจเข ้า (inspiration) ้ งลมลดต่าลง
กลา้ มเนื อกระบั
่ วสูงขึน้
พร ้อมกระดูกซีโครงยกตั ทาให ้ช่องอกมีปริมาตรมากขึน้
ความดันลดลงตากว่่ าภายนอก ทาให ้อากาศภายนอกไหลเข ้า

การหายใจออก (exspiration) กล ้ามเนื อกระบั งลมยกตัวสูงขึน้

พร ้อมกระดูกซีโครงลดตัวต่าลง ทาให ้ช่องอกมีปริมาตรน้อยลง

ความดันสูงขึนกว่ าภายนอก ทาใหอ้ ากาศภายในไหลออก
6. ระบบขับถ่ายหรือการกาจด ั ของเสีย
ของเสีย ่ ดจากกระบวนการเมตาบอลิซม
หมายถึงสารทีเกิ ึ
่ ดขึนภายในร่
(Metabolism) ทีเกิ ้ ่ ชวี ต
างกายของสิงมี ิ เช่น CO2 น้า ยูเรีย
่ (Kidney)
การกาจัดของเสียทีไต
่ วหนัง
การกาจัดของเสียทีผิ
7. ระบบประสาท
สมอง
ซีรบี ร ัม
ซีรเี บลร ัม
ก ้านสมอง
ไขสันหลัง
8. เทคโนโลยีการขยายพันธุ ์สัตว ์
1. การผสมเทียม (Artificial insemination, AI)
ประหยัดค่าพ่อพันธุ ์
นิ ยมทากับ โค กระบือ ปลา
โรงเรียนมหาปั ญญา 4

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

2. การถ่ายฝากต ัวอ่อน (Embryo transfer)


ได ้ลูกพันธุ ์ดี
ไม่ต ้องใช ้แม่พน ้ั ้อง
ั ธุ ์ดีตงท
นิ ยมทากับ คน หมู โค
แพง
การทายุ่งยาก
3. การทาโคลนนิ่ ง (Cloning)
ทาสาเร็จแล ้วใน แกะ วัว หมู ลิง

คาศ ัพท ์บทที่ 1 ระบบร่างกายของมนุ ษย ์และสัตว ์

1. เพอรีสตัลซีส
กระบวนการบีบต ัวและคลายต ัวเป็ นจังหวะของกล้ามเ

นื อระบบทางเดิ
นอาหาร
ขับก้อนอาหารของระบบย่อยอาหาร
2. เกล็ดเลือด
้ วนของไซโทพลาสซึมของเซลล ์ชนิ ดหนึ่ งในไ
ชินส่
ขกระดู ก
3. เคซีน

โปรตีนกลุ่มฟอสโฟโปรตีนทีพบในน ้ านมของสัตว ์เลียงลู
้ กด้วยน้ านม
4. ไคโมทริปซิน ่ งไม่พร ้อมจะทางาน
เอนไซม ์ทียั
5. น้าดี สารสีเขียว รสขม
ช่วยให้ไขมันแตกต ัวเป็ นอนุ ภาคเล็กๆ
6.เด็กหลอดแก ้ว

การปฎิสนธิระหว่างไข่และสเปิ ร ์มทีภายนอกร่
างกาย

7.กิฟ
ี่ อนาไข่เพือให
การนาเอาไข่และต ัวอสุจไิ ปใส่ไว้ทท่ ่ ้เกิดการปฏิสนธิตามธ
รรมชาติ
้ วใจ
8. ลินหั ่
มีหน้าทีควบคุ
มการไหลเวียนของเลือดภายในหัวใจ
โรงเรียนมหาปั ญญา 5

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

9. ซิสโทลิก
่ วใจห้องล่างซ ้ายบีบตวั เพือส่
แรงด ันเลือดในขณะทีหั ่ งเลือดไปเลียงร่
้ างกา

10. ไดแอสโทลิก
แรงด ันเลือดขณะทีหั ่ วใจคลายต ัวหลังจากบีบตวั เพือ ่
้ างกาย
สูบฉี ดไปเลียงร่
การผสมเทียม
การทาใหเ้ กิดการปฏิสนธิในสัตว ์โดยไม่ตอ้ งมีการร่วมเพศตามธรรมชาติ
11. ทริปซิน เอนไซม ์ทีต ่ บ ั อ่อนสร ้างขึนมี ้ หน้าทีย่ ่ อยโปรตีน
12. ทอกซอยด ์
สารทีได้่ จากการนาเอาสารพิษออกจากจุลน ิ ทรีย ์มา
ทาให้หมดฤทธิ ์
13. วัคซีน
สารทีได้ ่ มาจากการทาให้เชือโรคอ่ ้ ์ อตาย
อนฤทธิหรื
ลง
14. วิลไล
่ ม
เยือหุ ้ เซลล ์ทียื่ นออกมาพบในผนั
่ ่ ่
งลาไส้เล็กเพือเพิ
้ ผิ
มพืนที ่ วในการดูดซึม
15. แอนติเจน

สิงแปลกปลอมที ่ าสู ร
เข้ ่ า่ งกายและกระตุ ้นให ้ร่างกายสร ้
างแอนติบอดี
16. ฮีโมโกลบิน
สารสีแดงในเม็ดเลือดมีธาตุเหล็กเป็ นองค ์ประกอบห
น้าทีล ่ าเลียงออกซิเจน
17. รีเฟล็กซ ์แอคชัน การกระทาทีอยู ่ ่นอกอานาจจิตใจ
18. เลือด ่
ของเหลวทีประกอบด้ วยเม็ดเลือดและน้ าเลือด
19. การย่อยเชิงเคมี
สารอาหารโมเลกุลใหญ่ถูกทาให้เล็กโดยใช้เอนไซ
ม ์เป็ นต ัวเร่ง
20. หลอดเลือดเวน เส้นเลือดทีน ่ าเลือดเข้าสู ห ่ วั ใจ
โรงเรียนมหาปั ญญา 6

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2


ชือ..................................................................สกุ
ล..........................

..................................เลขที.........ช ้ั
น..........
บทที่ 2 อาหารและสารเสพติด
1. อาหาร
2. สารอาหาร
2.1 โปรตีน ความสาคัญ
1. เป็ นส่วนประกอบของน้าย่อย และฮอร ์โมน
2. ให้พลังงาน คือ โปรตีน 1 กร ัม ให ้พลังงานประมาณ 4 แคลอรี
3. หน่ วยย่อยของโปรตีน เรียกว่า กรดอะมิโน
6. การทดสอบโปรตีนโดยสารละลายไบยู เร็ต
2.2 คาร ์โบไฮเดรต
1. ให ้พลังงานและความร ้อน คาร ์โบไฮเดรต 1 กร ัม ให ้พลังงานประมาณ
4 แคลอรี
2. คาร ์โบไฮเดรตบางชนิ ด เช่น กลูโคส
้ อในสมอง
เป็ นอาหารของเซลล ์และเนื อเยื ่

3. ร่างกายสามารถเปลียนคาร ่ อเป็ นไขมันได ้
์โบไฮเดรตทีเหลื
4. การทดสอบน้าตาลโดยใช ้สารละลายเบเนดิกต ์
2.3 ไขมัน
1.ไขมัน 1 กร ัมจะให ้พลังงาน 9 แคลอรี
2. ช่วยละลายวิตามิน(เอ ดี อี เค)

3. เป็ นสือความร ่ ดี
้อนทีไม่
ทาให ้ช่วยป้ องกันการสูญเสียความร ้อนภายในร่างกาย
โรงเรียนมหาปั ญญา 7

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
่ ได ้ให ้พลังงาน
2.4 วิตามิน วิตามินเป็ นสารอาหารทีไม่
แต่ก็มค
ี วามจาเป็ นต่อร่างกาย แบ่งตามคุณสมบัตข
ิ องการละลาย จะแบ่งได ้เป็ น
2 ประเภท คือ

1. วิตามินทีละลายในไขมั น ได ้แก่ วิตามิน เอ ดี อี เค

2. วิตามินทีละลายในน้า ได ้แก่ วิตามินซี และวิตามินบีรวม
2.5 เกลือแร่ ร่างกายมีเกลือแร่ 4% ของน้าหนักร่างกายทังหมด

เกลือแร่ทร่่ี างกายต ้องการมี ดังต่อไปนี ้
1. แคลเซียม เป็ นส่วนประกอบสาคัญของกระดูกและฟัน
2. เหล็ก เป็ นตัวนาออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆของร่างกาย
3. ไอโอดีน ส่วนใหญ่ไอโอดีนจะอยู่ในต่อมไทรอยด ์

สารเสพติด หมายถึง
่ เสพเข
สิงที ่ ่
้าไปแล ้วทาให ้เกิดความต ้องการทีจะเสพอี

่ อใหเ้ กิดโทษ
และเป็ นสารทีก่ กับร่างกาย
ประเภทของสารเสพติด องค ์การอนามัยโลกแบ่งเป็ น 7 ประเภท คือ
1. ประเภทกดสมอง ได ้แก่ ฝิ่ น มอร ์ฟี น เฮโรอีน
2. ประเภทหลอนประสาท ได ้แก่ ยาอี LSD กัญชา
3. ประเภทยานอนหลับ ได ้แก่ กลุ่มบาร ์บิทูเรต (เหล ้าแห ้ง)
กลุ่มเบนโซอะซีปินส ์
4. ประเภทกระตุ ้นสมอง ได ้แก่ ยาบ ้า(แอมเฟตามีน) โคเคน
กระท่อม
5. ประเภทกดประสาท ได ้แก่ สารระเหย (ทินเนอร ์ , กาว)
ยาแก ้ไอผสมโคเคอีน
่ มมึ
6. ประเภทเครืองดื ่ นเมา ได ้แก่ แอลกอฮอล ์ (สุรา เบียร ์ ไวน์ )
่ ได ้แก่ บุหรี่ ยาลดความอ ้วน
7. สารเสพติดชนิ ดอืนๆ
โรงเรียนมหาปั ญญา 8

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

คาศ ัพท ์บทที่ 2 อาหารและสารเสพติด

1. อาหาร ่ กิ
สิงที ่ นเข้าไปในร่างกายแล้วก่อให้เกิด
ประโยชน์ต่อร่างกาย
2. สารอาหาร สารเคมีทเป็ ี่ นองค ์ประกอบของอาหาร
3. สารละลายไบยู เร็ต
สารเคมีใช ้สาหร ับทดสอบอาหารประเภทโปรตีน
4. สารละเลยเบเนดิกส ์ สารเคมีใช ้สาหร ับทดสอบน้ าตาล
5. สารเสพติด สารทีก่ ่ อผลเสียต่อร่างกายและจิตใจ
6. กรดอะมิโน สารชีวโมเลกุลทีเ่ ป็ นองค์ประกอบสาคัญของโปรตีน
7. แคลอรี เป็ นหน่ วยทีใ่ ช้บอกพลังงานจากอาหาร
มีหน่ วยเป็ นจูล
โรงเรียนมหาปั ญญา 9

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

8. เซลลูโลส คาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่
พบในผนังเซล์ของพืช
9. โซเดียมเมตาฟอสเฟต วัตถุปลอมปนในผงชูรส ผลึกขาวใส
10. ทินเนอร์ สารอินทรีย์ทใี่ ช้เป็ นตัวทาละลายลดความหนืด
11. บอแรกซ์ น้าประสานทองหรือผงกรอบ
12. โพแทสเซียมไนเตรต สารรสเค็มเป็ นผงสีขาวละลายน้าได้ดี
13. มัสคารีน สารพิษทีพ ่ บในเห็ดอะมานิตา
14. สารอะฟลาทอกซิน สารพิษทีเ่ กิดจากเชื้อรามีสีเขียวแกมเหลือง
15. แอซีตกิ แอนไฮไดรด์ ของเหลว ไม่มีสี กลิน ่ คล้ายน้าส้ม
16. สารชีวพิษ สารพิษทีเ่ กิดในสิง่ มีชีวต ิ
17. ไกลโคเจน
คาร์โบไฮเดรตโมเลกุลใหญ่ประกอบด้วยกลูโคสจานวนมาก
18. คอเลสเตอรอล
ไขมันชนิดหนึ่งทีร่ า่ งกายใช้สร้างเป็ นเยือ ่ หุม ้ เซลล์
19. กรดไขมันไม่อม ิ่ ตัว
กรดไขมันทีม ่ ีพน ั ธะคูร่ ะหว่างคาร์บอนอะตอมใ
นโมเลกุล 1 พันธะ หรือมากกว่า
20. กรดไขมันอิม่ ตัว
กรดไขมันทีม ่ ีพน ั ธะระหว่างคาร์บอนอะตอมใ
นโมเลกุลเป็ นพันธะเดีย่ วทัง้ หมด


ชือ..................................................................สกุ
ล..........................

..................................เลขที.........ช ้ั
น..........
บทที่ 3 แรง
โรงเรียนมหาปั ญญา 10

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

1. แรง
2. แรงลัพธ ์
2 . 1

การหาแรงลัพธ ์ของแรงทีกระท าก ับวต
ั ถุในทิศทางเดียวก ันใหน้ าแรงย่อ
ยมารวมกัน ทิศทางของแรงลัพธ ์จะเป็ นทิศเดิม


2.2 เมือแรงย่ อยมีทศ
ิ ทางตรงกน ั ข้ามก ัน ให ้นาแรงย่อยมาลบกัน
ิ ทางตามแรงที่
โดยแรงลัพธ ์จะมีทศ
มากกว่า

2.3 ขนาดของแรงย่อยเท่ากน ้
ั แรงทังสองจะหั
กล ้างกัน แรงลัพธ ์

เท่ากับ 0 วัตถุจงี ไมเคลือนที ่
โรงเรียนมหาปั ญญา 11

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

1. แรง
่ ไปกระท
สิงที ่ าต่อวต ั ถุแล้วทาให้เกิดการเปลียนแปลงสภาพ่
ของวต ั ถุ
2. แรงลัพท ์
แรงหลายแรงทีกระท ่ าให้ว ัตถุเคลือนที ่ ่
ไปตามทิ ศทางของ
แรง

ชือ..................................................................สกุล..........................

..................................เลขที.........ช ้ั
น..........
บทที่ 4 โลกและการเปลียนแปลง

1. โครงสร ้างของโลก
1.1 เปลือกโลก (crust)

1.2 เนื อโลก (mantle)
1.3 แก่นโลก (core)
้ั
ประกอบด้วยแก่นโลกชนนอกและแก่ ้ั
นโลกชนใน

2. การเปลียนแปลงของเปลื อกโลก
2.1 การผุพงั อยู ่ก ับที่
2.2 การกร่อน
2.3 การพัดพาและทับถม
2.4 การตกผลึก
3 . กาเนิ ดและสมบัตท ่ั
ิ วไปในดิ

3.1 กระบวนการเกิดดิน
- หินผุพงั โดยน้าและแสงแดด
- พืชและสัตว ์เข ้ามาอาศัยและตายสลายกลายเป็ นฮิวมัส
3.2 ลักษณะของชนดิ ้ั น
้ั นทรียว ัตถุ
- ชนอิ
้ นแร่
- ชันดิ

- ชันสะสมของแร่
้ พงั ของหิน
- ชันผุ
โรงเรียนมหาปั ญญา 12

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

3.3 ความสาค ัญของดินและการใช้ประโยชน์


- แหล่งทาเกษตรกรรม
่ ่อาศัย
- แหล่งทีอยู
- แหล่งของวัตถุดบ ่ ้นดินเผา
ิ ในการผลิตเครืองปั
3.4 การปร ับปรุงคุณภาพดิน
่ ธาตุ
- การใส่ปุ๋ยเพิมแร่
- การปลูกพืชหมุนเวียน
2. ว ัฏจักรของหิน
ชนิ ดและว ัฏจักรของหิน
หินอค
ั นี เช่น หินแกรนิ ต
หินบะซอลต ์
หินพัมมิส
หินออบซิเดียน
หินตะกอน เช่น หินดินดาน
หินกรวด
หินทราย
หินปูน
หินแปร เช่น หินชนวน
หินอ่อน
หินไนส ์
3. แร่
ิ างกายภาพของแร่ มีดงั นี ้
3.1 สมบัตท
1. ผลึก
2. ความหนาแน่ น
3. ความแข็ง
4. สี
5. สีผงละเอียด
โรงเรียนมหาปั ญญา 13

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

6. ความวาว
7. การใหแ้ สงผ่าน
3.2 ประเภทของแร่
1. แร่ร ัตนชาติ
2. แร่โลหะ
3. แร่อโลหะ

4. แร่เชือเพลิ

4. น้ า
1. แหล่งน้ า ประกอบด ้วย แหล่งน้าบนดินและแหล่งน้าใต ้ดิน
2. ก า ร ก ร ะ ท า ข อ ง น้ า
เนื่ องจากน้าเป็ นตัวทาละลายทีดี
่ สามารถกัดกร่อนหินให ้มีรป ่
ู ร่างเปลียนแปลงไป
ได ้ก่อให ้เกิดสภาพแวดล ้อมต่างๆ ดังนี ้
2.1 หินงอกและหินย ้อย
2.2 ดินดอนสามเหลียม่
2.3 สันดอน
2.4 เนิ นตะกอนรูปพัด

คาศ ัพท ์บทที่ 4 โลกและการเปลียนแปลง ่


1. ้
เนื อโลก ้ั มี
ชนที ่ หน
ิ หลอมละลายร ้อน (แมคมา)
2. แก่นโลก ้ั
ชนในสุ ดของโลก
3. ั้ นทรียว ัตถุ
ชนอิ บริเวณทีมี ่ ซากพืชซากสัตว ์ทับถมกน ั
4. หินอค ั นี หินทีเกิ ่ ดจากแมคมา
5. หินตะกอน ่ ดจากการทับถมก ัน
หินทีเกิ
6. หินแปร
่ ดจากการเปลียนแปลงอุ
หินทีเกิ ่ ณหภู มแ ิ ละความด ัน
7. แร่ สารประกอบอนิ นทรีย ์ทีเกิ ่ ดขึนตามธรรมชาติ

8. ผลึก ของแข็งทีมี ่ โครงสร ้างเป็ นเรขาคณิ ต
โรงเรียนมหาปั ญญา 14

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

9. สีผงละเอียด ่ จากการฝนก้อนแร่
ผงทีได้
10. แร่ร ัตนชาติ ี่ ามาทาเครืองประด
แร่ทน ่ บ


11. แร่เชือเพลิ ง
ี่ ธาตุคาร ์บอนและธาตุไฮโดรเจนเป็ นองค ์ประกอบหลั
แร่ทมี


ชือ..................................................................สกุ
ล..........................

.................................................เลขที.........

บทที่ 5 แสงก ับทัศนู ปกรณ์


1. การสะท้อน
ร ังสีตกกระทบ เส ้นปกติ ร ังสีสะท ้อน

 2

2. กฎการสะท้อน
1. ร ังสีตกกระทบ เส ้นปกติ ร ังสีสะท ้อน อยู่ในระนาบเดียวกัน
2. มุมตกกระทบ = มุมสะท ้อน

1 = มุมตกกระทบ 2 = มุมสะท ้อน

3. กระจกราบ

s s/
โรงเรียนมหาปั ญญา 15

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

ระยะภาพ =
ระยะวัตถุ

วัตถุ ภาพ s =
s/

y y/ s
= s/s s/

ขนาดวัตถุ y


m   
1
= ขนาดภาพ y/
่ อนวั
เมือเลื ่ ตถุ ความเร็วของภาพ = ความเร็วของวัตถุ
่ อนกระจก
เมือเลื ่ ความเร็วของภาพ = 2 เท่าของความเร็วกระจก

เมือกระจก 2 บานวางทามุมกัน  จานวนภาพทีเกิ่ ดขึน้ = n

n 360
 1
4. กระจกโค้งเว้า การเกิดภาพ

1 s=∞ 2 s >2f
3 s =2
โรงเรียนมหาปั ญญา 16

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

F F F

4 f <s<2f 5 s=f
6 s<f

c c
F F F

5. กระจกโค้งนู น การเกิดภาพ

1 S =∞ 2 s > 2f
3 s<f

F
F
F

f  R2
1
1 1


m  
    

ภาพ ระยะหน้ากระจกเป็ นบวก ภาพระยะหลังกระจกเป็ นลบ


f แทนความยาวโฟกัส R แทนร ัศมีความโค ้ง s แทนระยะวัตถุ s,
แทนระยะภาพ
m แทนกาลังขยาย y แทนขนาดวัตถุ y, แทนขนาดภาพ
โรงเรียนมหาปั ญญา 17

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

6. การหักเห
6.1 การหักเหของแสงในตวั กลาง

ร ังสีตกกระทบ เส ้นปกติ
 ตัวกลางทีม
่ ค
ี า่ ดรรชนีห ั
กเหน้อยหนาแน่ นน้อย
ตัวกลางทีม
่ ค
ี า่ ดรรชนีห ั
2 1 = มุมตกกระทบ
กเหมากหนาแน่ นน้อย
2 = มุมหักเห

ร ังสีหก
ั เห

6.2 กฎการหักเห
1. ร ังสีตกกระทบ เส ้นปกติ ร ังสีหก
ั เห อยู่ในระนาบเดียวกัน

2. อัตราส่วนระหว่าง sin1 : sin2 มีคา่ คงที่


6.3 มุมวิกฤติ
่ าให ้มุมหักเหเป็ น 90 O
คือมุมตกกระทบทีท

C
แสงเกิดการสะท้อนกลั
บหมด
6.4 มิราจ

เป็ นการสะท ้อนกลับหมดของแสงในวันทีอากาศร ้อนจัด
ทาให ้เห็นถนนทีร่ ้อนคล ้ายเปี ยกน้า
โรงเรียนมหาปั ญญา 18

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

แสงจากท้อง
สะท้อนมาเข้าตา
ฟ้ า
ทาให้เห็นท้องฟ้ าบนถนน(คล้ายเปี ยกน้า)

7. เลนส ์นู น การเกิดภาพ


1. s =  2. S > 2f 3.
S = 2f

F F F

4. f<s<2f 5. S=f
6. S<f

F F F

8. เลนส ์เว้า การเกิดภาพ


1. s= 2. S>2f 3
. s<f
F
F
โรงเรียนมหาปั ญญา 19

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

  

m  
    

สูตร

f เลนส ์นู น เป็ น +

f เลนส ์เว ้าเป็ น –

m s s y y ถ ้าเป็ นภาพจริง +

m s s y y ถ ้าเป็ นภาพเสมือน –

ชือ..............................................................สกุ ล..............................

...............................เลขที.........ช ้ั
น.............
บทที่ 6 ธาตุและสารประกอบ
1. ตารางธาตุปัจจุบน
ั จัดเรียงธาตุตามเลขอะตอม แบ่งเป็ น 3 กลุ่ม คือ
H He
Li Be B C N O F Ne
Na Mg Al Si P S Cl Ar
K Ca Ga Ge As Se Br Kr
Ru Sr In Sn Sb Te I Xe
Cs Ba Tl Pb Bi Po At Rn
Fr Ra Uuo
1.1 โลหะ (metal)

1.2 กึงโลหะ (metalloid)
1.3 อโลหะ (non - metal)
2. อนุ ภาคมู ลฐานในอะตอม (fundamental particle of atom)
2.1 โปรตอน (p)
โรงเรียนมหาปั ญญา 20

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

2.2 นิ วตรอน (n)


2.3 อิเล็กตรอน (e)
3. สัญลักษณ์ของนิ วเคลียร ์ (nuclear symbol)
A
X
Z
โดย A แทน เลขมวล (mass number)
Z แทน เลขอะตอม (atomic number)
X แทน สัญลักษณ์ทางเคมี (chemical symbol)
4. ธาตุก ัมมันตร ังสี
ประโยชน์ของธาตุก ัมมันตร ังสี
การแพทย ์
การเกษตรกรรม
5. สารประกอบ

ชือ......................................................................สกุ ล......................
้ั
..................................ชน..............ม.2
คาศ ัพท ์บทที่ 6 ธาตุและสารประกอบ

1. อนุ ภาคมู ลฐาน ้


องค ์ประกอบย่อยพืนฐานในธาตุ ทุกชนิ ด
2. อะตอม องค ์ประกอบทีเล็่ กสุดของของสาร
3.โปรตอน อนุ ภาคมู ลฐานมีประจุบวก
4. นิ วตรอน อนุ ภาคมู ลฐานไม่มป ี ระจุบวก
5.อิเล็กตรอน อนุ ภาคมู ลฐานมีประจุลบ
6.สัญลักษณ์ของนิ วเคลียร ์ สัญลักษณ์ของธาตุ
7.ธาตุก ัมมันตร ังสี ี่ การปล่อยพลังงานออกมา
ธาตุทมี
8. สารประกอบ การรวมตวั ของธาตุ
โรงเรียนมหาปั ญญา 21

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2


ชือ..............................................................สกุ ล..............................

...............................เลขที.........ช ้ั
น.............
บทที่ 7 การแยกสาร

1. การแยกสารเนื อผสม
1.1 การกรอง (filtration)
1.2 การใช้กรวยแยก (separating funnel)
1.3 การหยิบออก การร่อน และการใช ้แม่เหล็กดูด

2. การแยกสารเนื อเดี
ยว
2.1 การระเหย (evaporation)
2.2 การตกตะกอน (precipitation)
2.3 การตกผลึก (recrytallization)
2.4 การสก ัดด้วยต ัวทาละลาย (solvent extraction)
่ (distillation) แบ่งเป็ น 3 ประเภท ดังนี ้
2.5 การกลัน

1. การกลันแบบธรรมดา (simple distillation)
โรงเรียนมหาปั ญญา 22

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2
่ าด ับส่วน (fractional distillation)
2. การกลันล
่ วยไอน้ า (steam distillation)
3. การกลันด้
2.6 โครมาโทกราฟี (chromatography)
1. โครมาโทกราฟี แบบกระดาษ (paper chromatography)
2. ทินเลเยอร ์โครมาโทกราฟี (thin-layer
chromatography, TLC)

ระยะทางทีสารเคลื ่
อนที ่
3. การหาค่า Rf = ่ วทาละลายเคลือนที
่ ่
ระยะทางทีตั

คาศ ัพท ์บทที่ 7 การแยกสาร

1. การกรอง =
การแยกอนุ ภาคของแข็งออกจากส่วนทีเป็ ่ นของเหลวโดยผ่านตวั แผ่นกรอ

2. การใช้กรวยแยก =
วิธท ์
ี าสารให ้บริสุทธิแยกของเหลวที ่ รวมเป็ นเนื ้อเดียวกน
ไม่ ั
3. การระเหย =

ของเหลวเปลียนสภาพเป็ นแก๊สโดยไม่จาเป็ นต้องมีอุณหภู มถ ิ งึ จุดเดือด
4. การตกตะกอน =
การแยกเอาของแข็งทีอยู ่ ่ในรูปสารแขวนลอยออกจากของเหลว
5. การตกผลึก = กระบวนการเกิ ด ผลึ ก ของแข็ ง จากสารละลาย
ของเหลว หรือไอ
6 . ก า ร ส ก ั ด ด้ ว ย ต ั ว ท า ล ะ ล า ย =
วิธก
ี ารแยกสารโดยอาศ ัยสมบัตก ิ ารละลายในตวั ทาละลาย
7. การกลัน ่ =
การแยกของเหลวผสมโดยอาศ ัยคุณสมบัตจ ่
ิ ุดเดือดทีแตกต่ างกน ั

8. การกลันแบบธรรมดา =

การแยกสารผสมให ้บริสุทธิโดยอาศั ยความแตกต่างของความดันไอ
9. การกลันล ่ าด ับส่วน =
การแยกสารผสมออกจากกันให ้อยู่ในรูปขององค ์ประกอบย่อย
โรงเรียนมหาปั ญญา 23

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

10. การกลันด้ ่ วยไอน้ า =


วิธกี ารสกัดสารออกจากของผสมโดยใช ้ไอน้าเป็ นตัวทาละลาย
11. โครมาโทกราฟี =
การเแยกองค ์ประกอบทีปนกั ่ นอยู่ในของผสมโดยใหส้ ารผ่านเข ้าไปในวัสดุทมี ่ี รู
พรุนแล ้วสารจะแยกกันได ้ เนื่ องจากอัตราการเคลือนที ่ ่
แตกต่ างกัน
1 2 . โ ค ร ม า โ ท ก ร า ฟี แ บ บ ก ร ะ ด า ษ =
โครมาโทกราฟี แบบระนาบใช ้กระดาษทีสามารถดู ่ ดซับได ้
1 3 . ทิ น เ ล เ ย อ ร โ์ ค ร ม า โ ท ก ร า ฟี = โ ค ร ม า โ ท ก ร า ฟี แ บ บ ร ะ น า บ
โดยใช ้เจลเคลือบบนแผ่นกระจก
14. ค่า Rf =
เป็ นค่าเฉพาะตัวของสารขึนอยู ้ ่กบ
ั ชนิ ดของตัวทาละลายและตัวดูดซับ
โรงเรียนมหาปั ญญา 24

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

ชือ..............................................................สกุ ล..............................

...............................เลขที.........ช ้ั
น.............
บทที่ 8 การเปลียนแปลงของสาร

1. ระบบก ับการเปลียนแปลงพลั ่ งงาน มี 2 ประเภท ดังนี ้


1.1 ปฏิกริ ย ิ าแบบดูดความร ้อน
1.2 ปฏิกริ ย ิ าแบบคายความร ้อน
2. สมการเคมี ประกอบด ้วย
2.1 สารตงต้ ้ั น (reactant)
2.2 ผลิตภัณฑ ์ (product)
2.3 การดุลสมการเคมี
3. ประเภทของปฏิกริ ย ิ าเคมี ปฏิกริ ยิ าเคมีจาแนกได ้ 3 ประเภทดังนี ้
3.1 ปฏิกริ ย ิ าการรวมต ัว (combination)
3.2 ปฏิกริ ย ิ าการแยกสลาย (decomposition)
3.3 ปฏิกริ ย ิ าการแทนที่ (replacement)
่ ผลต่อการเกิดปฏิกริ ย
4. ปั จจัยทีมี ิ าเคมี
4.1 พืนที้ ผิ
่ ว
4.2 อุณหภูมิ
4.3 ชนิ ดของสารตังต ้ ้น
4.4 ความเข ้มข ้นของสารตังต ้ ้น
4.5 ตวั เร่งปฏิกริ ย ิ าหรือต ัวคะตะลิสต ์
5. ปฏิกริ ย
ิ าเคมีทพบในชี ี่ วต
ิ ประจาวน ่
ั และผลต่อสิงแวดล้ อม
5.1 ฝนกรด
5.2 ปฏิกริ ย ิ าการเผาไหม้
5.3 ปฏิกริ ยิ าโลหะกับออกซิเจน
5.4 ปฏิกริ ยิ ากรดกับสารคาร ์บอเนต
โรงเรียนมหาปั ญญา 25

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2


ชือ......................................................................สกุ ล......................
้ั
..................................ชน..............ม.2

คาศ ัพท ์บทที่ 8 การเปลียนแปลงของสาร


1. ปฏิกริ ยิ าแบบดูดความร ้อน


ปฏิกริ ย ่ ดขึนแล้
ิ าทีเกิ ้ ิ่
วทาให้สงแวดล้ อมมีอุณหภู มล ิ ดลง
2. ปฏิกริ ยิ าแบบคายความร ้อน
ปฏิกริ ย ่ ดขึนแล้
ิ าทีเกิ ้ ิ่
วทาให้สงแวดล้ อมมีอุณหภู มส ิ ู งขึน้
3. สารตังต้ ้น
สารทีมี ่ อยู ่ในตอนเริมต้่ นก่อนเกิดปฏิกริ ย ิ าเคมี
4. ผลิตภัณฑ ์ ่ ดขึนหลั
สารทีเกิ ้ งจาก
5. การดุลสมการเคมี
การปร ับจานวนสารผลิตภัณฑ ์และสารตงต้ ้ั นให้เท่า
ก ัน
6. ตัวเร่งปฏิกริ ยิ า(ตัวคะตะลิสต ์)
สารเคมีทช่ี่ วยทาให้อ ัตราการเกิดปฏิกริ ย ้
ิ าเร็วขึน
7. ปฏิกริ ยิ าการเผาไหม ้ ่
การสลายเพือให้ ได้พลังงาน
8.
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
โรงเรียนมหาปั ญญา 26

วิทยาศาสตร ์พืนฐาน ม.2

20

You might also like