You are on page 1of 37

PAT 1 (เม.ย.

57) 1
11 Aug 2014

PAT 1 (เม.ย. 57)


รหัสวิชา 71 วิชา ความถนัดทางคณิตศาสตร์ (PAT 1)
วันเสาร์ ที่ 26 เมษายน 2557

ตอนที่ 1: แบบปรนัย 4 ตัวเลือก เลือก 1 คาตอบที่ถกู ต้ องที่สดุ จานวน 30 ข้ อ (ข้ อ 1 – 30) ข้ อละ 6 คะแนน
1. สาหรับเซต ใดๆ ให้ ( ) แทนจานวนสมาชิกของเซต กาหนดให้ แทนเอกภพสัมพัทธ์ ถ้ า และ เป็ น
สับเซตใน โดยที่ ( ) = 2( ( )) = 3( ( )) , ( ) = 15 , ( )=2
ถ้ า ( )=8, ( ) = 4 และ ( ) = 9 แล้ ว (( ) ) เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. 13 2. 12 3. 11 4. 10

2. กาหนดให้ เอกภพสัมพัทธ์คือเซตของจานวนจริงบวก พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้


(ก) ประพจน์ [| | ] มีคา่ ความจริ งเป็ นจริ ง
(ข) ประพจน์ [| | ] มีคา่ ความจริ งเป็ นเท็จ
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด
2 PAT 1 (เม.ย. 57)

3. กาหนดให้ และ เป็ นประพจน์ ซึง่ ( ) มีคา่ ความจริ งเป็ น เท็จ


( ) มีคา่ ความจริ งเป็ น จริ ง
ประพจน์ในข้ อใดต่อไปนี ้มีคา่ ความจริงเป็ น จริง
1. ( ) ( ) 2. ( )
3. ( ) 4. ( )

4. ถ้ า แทนเซตคาตอบของสมการ | | | | = แล้ ว เซต เป็ นสับเซตของข้ อใดต่อไปนี ้


1. ( 4, 0) 2. ( 1, 1) 3. (0, 4) 4. ( 3, 2)

5. ให้ แทนเซตของจานวนจริ ง ทังหมดที


้ ่สอดคล้ องกับสมการ = 1
และให้ แทนเซตของจานวนจริ ง ทังหมดที
้ ่สอดคล้ องกับอสมการ | | > 4
พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้ (ก)
(ข) จานวนสมาชิกของเพาเวอร์ เซตของเซต เท่ากับ 2
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด
PAT 1 (เม.ย. 57) 3

6. ให้ แทนเซตของจานวนจริง ถ้ า และ เป็ นฟั งก์ชนั หนึง่ ต่อหนึง่


โดยที่ ( )( ) = และ ( ) = 2 + 1 สาหรับทุกจานวนจริ ง พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้
(ก) 4( )(2 + 1) = ( )+1 สาหรับทุกจานวนจริ ง
(ข) ( ( ))( ) = ( )+1 สาหรับทุกจานวนจริ ง
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด

7. กาหนดให้ = [ ], I=[ ] เมื่อ และ เป็ นจานวนจริ งที่ ≠ และเมทริ กซ์ สอดคล้ องกับ
สมการ ( ) = 4I พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้
(ก) = 2
(ข) ( ) = 324
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด
4 PAT 1 (เม.ย. 57)

8. ให้ F เป็ นโฟกัสของพาราโบลา = ถ้ าไฮเพอร์ โบลารูปหนึง่ มีสมบัติดงั นี ้


(ก) แกนตามขวางขนานแกน
(ข) จุดศูนย์กลางของไฮเพอร์ โบลาอยูท่ ี่ F
(ค) โฟกัสหนึง่ ของไฮเพอร์ โบลาคือ (3, 2 + 2√ )
(ง) แกนสังยุคยาว 12 หน่วย
แล้ วไฮเพอร์ โบลารูปนี ้มีสมการตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้
1. = 0 2. = 0
3. = 0 4. = 0

9. กาหนดให้ วงรี รูปหนึง่ มีสมการเป็ น =0 โดยที่มจี ดุ ศูนย์กลางอยูท่ ี่ (2, 1) และ


แกนเอกยาวเป็ น 2 เท่าของแกนโท ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. =0

2. ความเยื ้องศูนย์กลางของวงรีเท่ากับ √
3. วงรี มจี ดุ ศูนย์กลางร่วมกับจุดศูนย์กลางของวงกลม =0
และแกนเอกยาวเท่ากับรัศมีของวงกลม
4. ผลบวกของระยะทางจากจุด (2, 6) ไปยังโฟกัสทังสองของวงรี
้ เท่ากับ 20 หน่วย
PAT 1 (เม.ย. 57) 5

10. ให้ เป็ นจุดตัดของเส้ นตรง = 0 และ =0 ถ้ าเส้ นตรง L มีความชันเท่ากับ


เมื่อ < 0 มีระยะห่างจากจุดกาเนิด (0, 0) เท่ากับ หน่วย โดยที่ = 1 และผ่านจุด แล้ วสมการ
ของเส้ นตรง L ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้
1. =0 2. =0 3. =0 4. =0

11. กาหนดให้ ABC เป็ นรูปสามเหลีย่ ม โดยที่มีความยาวของด้ านตรงข้ ามมุม A มุม B มุม C เท่ากับ หน่วย หน่วย
และ หน่วย ตามลาดับ และมุม A มีขนาดเป็ นสองเท่าของมุม B ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. = 2. = 3. = 4. =

12. กาหนดให้ 0< < 15° ค่าของ ( ) ( ) เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้


1. ( ) 2. ( ) 3. ( ) 4. ( )
6 PAT 1 (เม.ย. 57)

13. พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้


(ก) ถ้ า และ เป็ นจานวนจริ ง สอดคล้ องกับสมการ =
แล้ ว = ( )
(ข) ถ้ า ≤ , ≤ สอดคล้ องกับ =√ และ √ =√
แล้ ว = 0.5
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด

14. กาหนดให้ ̅, ̅ และ ̅ เป็ นเวกเตอร์ ซึง่ ̅ ̅ ̅ = ̅ , |̅ ̅| = 5 , | ̅ ̅| = 3 และ | ̅| = √


พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้
(ก) ถ้ าเวกเตอร์ ̅ ทามุม กับเวกเตอร์ ̅ เมื่อ ≤ ≤ แล้ ว tan =3
(ข) ̅ ̅ = 12
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด
PAT 1 (เม.ย. 57) 7

15. จากตัวเลข … นามาสร้ างจานวนห้ าหลักใช้ เลขซ ้ากันได้ ความน่าจะเป็ นที่จะได้ จานวนห้ าหลักโดยทีใ่ น
แต่ละหลักเป็ นตัวเลขที่แตกต่างกันเพียง 3 จานวนเท่านัน้ มีคา่ เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. 2. 3. 4.

16. มีเก้ าอี ้สีขาวเหมือนกัน 3 ตัว และเก้ าอี ้สีแดงเหมือนกัน 3 ตัว นามาจัดเรี ยงรอบโต๊ ะกลม จานวนวิธีเรี ยงสับเปลีย่ นที่
แตกต่างกันทังหมดเท่
้ ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. 4 วิธี 2. 6 วิธี 3. 10 วิธี 4. 20 วิธี


17. กาหนดให้ เป็ นฟั งก์ชนั นิยามโดย ( )={

เมื่อ เป็ นจานวนจริง ถ้ าฟั งก์ชนั มีความต่อเนื่องที่ = 2 และ lim


x 3
( ) หาค่าได้
แล้ วค่าของ | +5 | เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. 8 2. 18 3. 4.
8 PAT 1 (เม.ย. 57)

b
18. กาหนดให้ >1 และ  √
=4 ค่าของ 1+ + เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1

1. 21 2. 31 3. 91 4. 111

19. กาหนดให้ ( )= เป็ นพหุนามกาลังสอง เมื่อ เป็ นจานวนจริ ง และ ≠0



โดยที่ ( )=0 และ มีคา่ สูงสุดที่ = ให้ ( )=  ( ) โดยที่ ( )= ( )+1

สาหรับจานวนจริ ง > 1 พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้


(ก) ( ) = ( ) + 10
(ข) อนุพนั ธ์ของ ( ) เท่ากับ
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด
PAT 1 (เม.ย. 57) 9


20. กาหนดให้ = เมื่อ … ถ้ า lim = โดยที่ และ เป็ นจานวน
n

เต็มบวก ซึง่ ห.ร.ม. ของ และ เท่ากับ 1 แล้ ว เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้


1. 17 2. 25 3. 145 4. 257

21. กาหนดให้ เป็ นจานวนเชิงซ้ อนทีส่ อดคล้ องกับสมการ ̅ = 3i( ) ข้ อใดต่อไปนี ้ไม่ถกู ต้ อง
1. ̅ = i( ̅) 2. | | = 2
3. ̅ i = 0 4. ( ) i = 0

22. ตารางต่อไปนี ้ เป็ นความสัมพันธ์ระหว่าง กับ 0 1 2 3


ให้ = เป็ นสมการที่แสดงความสัมพันธ์ เชิงฟั งก์ชนั 1 0.8 0.8 0.6

ระหว่าง กับ โดย เป็ นตัวแปรอิสระ พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้


(ก) = + 1.1
(ข) ถ้ า = 8 แล้ ว = 0.02
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด
10 PAT 1 (เม.ย. 57)

23. พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้


(ก) ถ้ า เป็ นจานวนจริ งที่สอดคล้ องกับสมการ = 7
แล้ ว สอดคล้ องกับสมการ √ = 4
(ข) ถ้ า และ เป็ นจานวนจริ งที่สอดคล้ องกับ ( ) =
( ) = และ
( ) =
แล้ ว =
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด

24. คะแนนสอบของนักเรี ยนห้ องหนึง่ มีการแจกแจงปกติ คะแนนเต็ม 100 คะแนน มัธยฐานเท่ากับ 45 คะแนน และมี
นักเรี ยนร้ อยละ 34.13 ทีส่ อบได้ คะแนนระหว่างมัธยฐานกับ 54 คะแนน ถ้ านักเรี ยนคนหนึง่ มีคะแนนสอบเป็ น เท่า
ของคะแนนเปอร์ เซ็นไทล์ที่ 33 แล้ วนักเรี ยนคนนี ้สอบได้ คะแนนเท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้ เมื่อกาหนดพื ้นที่ใต้ เส้ นโค้ งปกติ
ระหว่าง 0 ถึง ดังตารางต่อไปนี ้
0.33 0.36 0.41 0.44 0.50 1.0
พื ้นที่ 0.1293 0.1406 0.1591 0.1700 0.1915 0.3413

1. 41.04% 2. 48.96% 3. 68.40% 4. 81.60%


PAT 1 (เม.ย. 57) 11

25. กาหนดข้ อมูล 10 จานวน ดังนี ้ 30 32 28 35 42 45 40 48 50 65


พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้
(ก) ถ้ า แทนข้ อมูลที่เป็ นเดไซล์ที่ 7 และ แทนค่ามัธยฐานของข้ อมูล แล้ ว – M เท่ากับ 6.5
(ข) ส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์ เท่ากับ 8.6
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด

26. กาหนดเวกเตอร์ ̅ = ̅+2 ̅+ ̅ เมื่อ และ เป็ นจานวนจริ ง


ถ้ า | ̅ × |̅ = 2 แล้ ว | ̅| เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. 5 2. 6 3. 7 4. 8

27. พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้

(ก) ถ้ า =[ ] เมื่อ เป็ นจานวนจริ งบวกที่ =1

และ I เป็ นเมทริ กซ์เอกลักษณ์การคูณ มิติ 3 × 3 แล้ ว det( + + I) = 0

(ข) ให้ =[ ] และ =[ ]

เมื่อ เป็ นจานวนจริ ง ถ้ า det( ) = 3 แล้ ว det( ) = 18


ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด
12 PAT 1 (เม.ย. 57)

28. มีป๋ ยอยู


ุ ่ 2 ชนิด คือชนิด A และ ชนิด B โดยแต่ละชนิดบรรจุถงุ ละ 100 กรัม ส่วนประกอบและราคาแต่ละชนิดเป็ น
ดังนี ้ ชนิดปุ๋ย สารอาหาร N สารอาหาร P สารอาหาร K ราคาถุงละ
ชนิด A 2 หน่วย 1 หน่วย 80 หน่วย 10 บาท
ชนิด B 3 หน่วย 3 หน่วย 60 หน่วย 12 บาท

นักวิจยั ทดลองผสมปุ๋มชนิด A และชนิด B ให้ พืชในแปลงทดลอง โดยส่วนผสมปุ๋ยที่ได้ ประกอบด้ วยสารอาหาร N


อย่างน้ อย 18 หน่วย สารอาหาร P อย่างน้ อย 12 หน่วย และสารอาหาร K อย่างน้ อย 480 หน่วย ค่าใช้ จา่ ยน้ อยสุด
ในการผสมปุ๋ยทังสองชนิ
้ ดเท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. 74 บาท 2. 78 บาท 3. 84 บาท 4. 96 บาท

29. กาหนดให้ และ เป็ นจานวนจริ งบวก โดยที่ < พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้
(ก) > (ข) >

ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด
PAT 1 (เม.ย. 57) 13

30. กาหนดให้ แทนเซตของจานวนจริ ง ให้ : และ : เป็ นฟั งก์ชนั ที่สอดคล้ องกับ
( ( )) = สาหรับจานวนจริ ง และ พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้
(ก) ( )( ) = 2 + 15 สาหรับทุกจานวนจริ ง และ
(ข) ( ( )) = 75
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด

ตอนที่ 2: แบบอัตนัย ระบายคาตอบที่เป็ นตัวเลข จานวน 15 ข้ อ (ข้ อ 31 – 45) ข้ อละ 8 คะแนน


31. กาหนดให้ แทนเซตคาตอบของสมการ
( ) ( ) = ( )
ผลบวกของสมาชิกทังหมดในเซต
้ เท่ากับเท่าใด

32. กาหนดให้ ABC เป็ นรูปสามเหลีย่ มที่มีมมุ B และมุม C เป็ นมุมแหลม โดยที่ = 15 ,
( ) = 77 และด้ านตรงข้ ามมุม C ยาว 20 หน่วย ความยาวของเส้ นรอบรู ปสามเหลีย่ ม ABC
เท่ากับเท่าใด
14 PAT 1 (เม.ย. 57)

33. ถ้ า = เมื่อ เป็ นจานวนจริ งใดๆ


แล้ วค่าของ เท่ากับเท่าใด

34. กาหนดให้ แทนเซตคาตอบของสมการ ( ) =


และให้ แทนเซตคาตอบของสมการ √ = 1+2 √
จานวนสมาชิกของเซต เท่ากับเท่าใด
PAT 1 (เม.ย. 57) 15

35. ให้ แทนเซตของจานวนจริง และ เป็ นจานวนจริ งโดยที่ ≠ ให้ และ เป็ นฟั งก์ชนั
ที่นิยามโดย ( ) = และ ( ) = ( ) สาหรับทุกจานวนจริ ง
ถ้ า ( )( ) = 1 แล้ ว ( )( ) เท่ากับเท่าใด

36. ถ้ า … เป็ นลาดับของจานวนจริ งที่สอดคล้ องกับ = = …


และ … = 250000 แล้ วค่าของ เท่ากับเท่าใด

37. กาหนดให้ … เป็ นลาดับของจานวนเต็ม โดยมีสมบัตดิ งั นี ้


= เมื่อ …
ถ้ า = 12 , = 2556 และ = 7 แล้ วค่าของ เท่ากับเท่าใด
16 PAT 1 (เม.ย. 57)

38. ต้ องการจัดเรี ยงตัวอักษร P, P, P, A, A, A, T, T, T ทังหมด


้ (ไม่คานึงถึงความหมาย) โดยมีเงื่อนไขว่า ตัวอักษร P
ทังสามตั
้ วต้ องอยูแ่ ยกกันทังหมดและตั
้ วอักษร T ทังสามตั
้ วต้ องอยูแ่ ยกกันทังหมด
้ จะมีวิธีการเรี ยงตัวอักษรดังกล่าว
ได้ ทงหมดกี
ั้ ่วิธี

39. กาหนดให้ … เป็ นข้ อมูลชุดที่ 1 ซึง่ มีคา่ เฉลีย่ เลขคณิตเท่ากับ 6 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
เท่ากับ 2 ให้ … เป็ นข้ อมูลชุดที่ 2 โดยที่ = เมื่อ … และ
เป็ นจานวนจริ ง และ > 0 ถ้ านาข้ อมูลทังสองชุ
้ ดมารวมกัน … … พบว่าค่าเฉลีย่ เลข
คณิตเท่ากับ 7 และความแปรปรวนเท่ากับ 21 แล้ วค่าของ เท่ากับเท่าใด

40. ข้ อมูลชุดหนึง่ มีคา่ สังเกต ( ) และร้ อยละของความถี่สะสมสัมพัทธ์ แสดงดังตารางต่อไปนี ้


ค่าสังเกต ( ) ร้ อยละของความถี่สะสมสัมพัทธ์
1 20
2 40
70
6 90
10 100

เมื่อ เป็ นจานวนจริง ถ้ าข้ อมูลชุดนี ้มีคา่ เฉลีย่ เลขคณิตเท่ากับ 4 แล้ วความแปรปรวนของข้ อมูลชุดนี ้เท่ากับเท่าใด
PAT 1 (เม.ย. 57) 17

41. กาหนดให้ แทนเซตของจานวนจริ ง และ เป็ นจานวนจริ ง และให้ : เป็ นฟั งก์ชนั ที่นยิ ามโดย
( )= สาหรับทุกจานวนจริ ง ถ้ าเส้ นตรง + 13 = 0 สัมผัสกราฟของ ที่ = 1
2
แล้ ว  ( ) เท่ากับเท่าใด
0

( )
42. ให้ แทนเซตของจานวนจริง ถ้ า : เป็ นฟั งก์ชนั โดยที่ ( ) = 111 และ lim = 2013
x 3

แล้ วอัตราการเปลีย่ นแปลงของ ( ) เทียบกับ ขณะที่ = 3 เท่ากับเท่าใด

43. ต้ องการเขียนจานวนที่มีหกหลัก ABCDEF โดยที่ A, E F∈{ … }


A + B = 14 และ C – D > D – E > E – F > 0 จะสร้ างได้ ทงหมดกี
ั้ ่จานวน
18 PAT 1 (เม.ย. 57)

44. ถ้ า = + … ( )( )
และ = ( )( )
+( )( )
… ( )( )

แล้ วค่าของ เท่ากับเท่าใด

45. ให้ แทนเซตของจานวน โดยที่ เป็ นจานวนเต็มบวกที่มีสมบัติ ดังนี ้


(ก) =
(ข) ( ) = ( )
(ค) 2 + = ( )
ถ้ า แทนค่ามากที่สดุ ในเซต และ แทนค่าน้ อยที่สดุ ในเซต แล้ วค่า เท่ากับเท่าใด
PAT 1 (เม.ย. 57) 19

เฉลย
1. 3 11. 3 21. 4 31. 5 41. 38
2. 2 12. 2 22. 1 32. 54 42. 634
3. 1 13. 2 23. 1 33. 681 43. 35
4. 4 14. 1 24. 3 34. 3 44. 2750
5. 3 15. 3 25. 4 35. 9 45. 384
6. 1 16. 1 26. 4 36. 500
7. 3 17. 2 27. 2 37. 1704
8. 1 18. 3 28. 2 38. 340
9* 4 19. 2 29. 3 39. 109
10. 1 20. 4 30. 4 40. 7

แนวคิด
1. 3
จาก ( )=2 จะได้ ตรงกลาง = 2
จาก ( )=8 จะได้ = 8 …( ) 2
( )=4 จะได้ = 4 …( )
( )=9 จะได้ = 9 …( )
และจาก ( ) = 15 จะได้ = 15
( ) ( ) = 13
จาก (1) และ (2) 8 + 4 + = 13
…( )
พอเรามี จาก (3) กับ จาก (4) เราจะใช้ ( ) = 3( ( )) มาแก้ หา ได้
= 3( )
9 + + 2 = 3( + 2 + 1 )
+ 11 = +9
จะแทน กลับไปหาทุกตัวเลยก็ได้ 1 =

แต่ข้อนี ้ถาม (( ) ) ได้ แก่บริ เวณ =


ดังนัน้ จะหาแค่ตวั ที่โจทย์ถามก็พอ
แทน = 1 ใน (1) จะได้ = 8 – 1 = 7 และใน (2) มี + =4 อยูแ่ ล้ ว
ดังนัน้ = +( ) = 7 + 4 = 11

2. 2
ก. แยกตัวประกอบได้ เป็ น |( )( )| ( )( )
จะใช้ วิธีดคู า่ ของกราฟ =| |, =| |, = +1, = มาเทียบกัน
+5
และเนื่องจากเอกภพสัมพัทธ์คือ ดังนัน้
= +5
= +1 จะดูเฉพาะกรณีที่ > 0
=| | จะเห็นว่า ≤ | | < +1
=| | และ ≤ | | < +5

1 ดังนัน้ |( )( )| ( )( )
4
ดังนัน้ ก. ถูก
20 PAT 1 (เม.ย. 57)

ข. แยกตัวประกอบได้ เป็ น |( )( )| ( )
ถ้ า = 1 จะได้ อสมการเป็ นจริ ง
ถ้ า ≠ จะเอา | | หารตลอด ได้ | |
| |
จะเห็นว่า | | จะตัดกันเป็ น 1 หรื อ 1 เสมอ ขึ ้นกับว่า เป็ นลบหรื อบวก
ถ้ า > 1 จะได้ | | = 1 จะได้ อสมการกลายเป็ น | | ซึง่ จริงเสมอ เพราะ > 1
ถ้ า < 1 จะได้ | | = 1 จะได้ อสมการกลายเป็ น | | ซึง่ จริงเสมอ เพราะค่าสัมบูรณ์
แต่ ข. บอกว่า ประพจน์เป็ นเท็จ ข. ผิด

3. 1
จาก ( ) ≡ F จะได้ ≡ T และ ≡F
แทน ≡ T ลงในประโยคที่สอง จะได้ T ( ) ≡ T ดังนัน้ ≡T
1. ≡ ( ) ( ) ≡( ) ≡( ) ≡ ≡T
2. เป็ นเท็จได้ เมื่อ ≡ T , ≡ T , = T และถ้ าให้ ≡ F จะยังทาให้ เงื่อนไขที่มีจริงหมด
3. ≡ ( ) T ≡ เป็ นเท็จได้ เมื่อ ≡ F , ≡ F และถ้ าให้ ≡ T จะยังทาให้ เงื่อนไขที่มีจริงหมด
4. ≡ ( ) ≡ (F ) ≡ เป็ นเท็จได้ เมื่อ ≡ T , ≡ F และถ้ าให้ ≡ F , ≡ T
จะยังคงทาให้ เงื่อนไขที่มจี ริ งหมด

4. 4
ข้ อนี ้ จะแบ่งกรณีทาก็ได้
แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะพบว่า ข้ างในค่าสมบูรณ์บวกกัน ( ) ( ) ได้ เท่ากับทางขวา พอดี
จากสมบัติคา่ สัมบูรณ์ สมการในรูป | | | | = + จะเป็ นจริ งเมื่อ กับ ทังคู
้ เ่ ท่านัน้
ดังนัน้ จะได้ และ +2
2
1
รวมสองเงื่อนไข จะได้ ≤ ≤ ดังนัน้ = [ 2, 1] ซึง่ จะเป็ นสับเซตของข้ อ 4.

5. 3
ข้ อนี ้ ต้ องสังเกตว่าตัวส่วน กับ คล้ ายๆกัน ต่างกันแค่ตรงกลาง 8 กับ 10
เราจะสร้ างตัวแปรใหม่ เป็ นตัวทีอ่ ยูต่ รงกลางระหว่าง 2 ตัวนี ้ คือ ให้ =
ดังนัน้ = และ =
จะได้ สมการคือ = คูณตัวส่วนตลอด ได้ ( ) ( ) = ( )( )
=
0 =
0 = ( )
จะได้ =0 หรื อ =0
PAT 1 (เม.ย. 57) 21

แทนค่า กลับ จะได้ = 0 หรื อ = 0


= 0
ไม่มีคาตอบ เพราะ
( )( ) = 0
= ( ) ( )( )
= 81 – 112 = ,
< 0 จะได้ = { }
เนื่องจาก มีแค่ 2 ตัว และจากทีถ่ ามใน (ก) และ (ข) จะเห็นว่าไม่ต้องหา ก็ได้ แค่ร้ ูวา่ แทนใน แล้ วจริ งหรื อไม่
ลองแทน กับ ใน ดู : = จะได้ | | จริ ง
= จะได้ | | ไม่จริ ง (ก) ผิด
และจะได้ เหลือแค่ { } ตัวเดียว ดังนัน้ ( ) มีสมาชิก = 2 ตัว (ข) ถูก

6. 1
หา ( ) โดยเอา ( ) มาเปลีย่ น เป็ น , เปลีย่ น เป็ น จะได้ = = ( )=
ทัง้ (ก) และ (ข) ไม่ได้ ใช้ ( ) ใช้ แต่ ( ) ดังนัน้ จะหาแต่ ( ) จาก ( )( ) =
( ( )) =
( ) = ( )
= ( )
ให้ = จะได้ = แทนกลับไปใน จะได้ = ( )
= ( ) ดังนัน้ ( )=

ก. 4 ( ( )) = ( )+1 ข. ( ( ( ))) = +1
4 ( ) = +1 ( ( )) =
4 ( ) =
( ) =
= จริ ง
( ) =
2( )+1 =
+1 = จริ ง

7. 3

(ก) แทน กับ I จะได้ ([ ] [ ]) = 4[ ] [ ] [ ] =[ ]

จากสูตรอินเวอร์ สการคูณเมทริ กซ์ [ ] = [ ] จะได้ [ ]= [ ]


จะเห็นว่าส่วนทีเ่ ป็ นเมทริ กซ์ของทังสองฝั
้ ่ งเหมือนกัน ดังนัน้ =1 จะได้ = (ก) ผิด
(ข) จากสูตร ( ) = จะได้ ( ) = ( )
( )
det กระจายในการคูณเมทริ กซ์ได้ =
= ( ) = ( )
= = ( )
= = ( ( )) (ข) ถูก
22 PAT 1 (เม.ย. 57)

8. 1
จัดรูปพาราโบลา หา F ก่อน ได้ 4 +9 = เป็ นพาราโบลาหงายทีม่ ี V(3, 1) และ =1
4( ) = ( )
จะได้ F คือ (3, 2)
( ) ( )
จาก (ก) จะได้ ไฮเพอร์ โบลาแนวตัง้ , จาก (ข) จะได้ ศก ( ) รูปสมการคือ =1
จาก (ง) จะได้ = = 6 และจาก (ค) จะได้ = 2 + √ = √
แต่จาก = √ จะได้ √ = √ แก้ จะได้ = √ =4
( ) ( )
ดังนัน้ สมการคือ ( ) ( ) =
= 0
ไม่ตรงกับตัวเลือกไหนเลย = 0
ต้ องคูณ 1 ถึงจะตรงกับข้ อ 1 = 0

9* 4
ข้ อนี ้ โจทย์ต้องบอกด้ วยว่า >1 ไม่งนจะมี
ั ้ วงรี สองวงที่สอดคล้ องกับเงื่อนไขโจทย์ และจะสรุปอะไรไม่ได้ เลย
( ) ( )
ศก = (2, 1) แต่ยงั ไม่ร้ ูวา่ รี แนวนอนหรื อแนวตัง้ จะสมมติให้ วงรี จะมีรูปสมการคือ =1
( )
จัดรูปให้ สปส เป็ น 1 เหมือนที่โจทย์ให้ โดยกระจายและคูณ ตลอด ได้ =

=0
เทียบ สปส จะได้ = , = 4, = , 92 = 4 + …( )
เนื่องจาก > 1 จะได้ > ดังนัน้ เป็ นวงรี แนวนอน เนื่องจาก แกนเอก = 2(แกนโท) จะได้ =2
( ) ( ) ( )
แทนใน ( ) จะได้ = = =4, == = 8 , 4+ ( ) = 92
100 = 4
5 =
= 2(5) = 10
(1) = 4 + ( 4) + ( )≠ ผิด

(2) ความเยื ้องศก = = √ = =

=

=

ผิด
(3) จัดรูปวงกลม ได้ ( ) ( ) = 20 + + ศก (2, 1), =5
มี ศก ร่วมกัน แต่ แกนเอกวงรี = 2 = 2(10) = 20 ไม่เท่ากับ วงกลม ผิด
(4) สังเกตว่า 20 = แกนเอกวงรี พอดี ดังนัน้ แค่ตรวจสอบว่า (2, 6) อยูบ่ นวงรี รึเปล่าก็พอ
( ) ( )
แทน (2, 6) ในสมการวงรี จะได้ =0+1=1 จริ ง ถูกต้ อง
( ) ( )
หมายเหตุ : ถ้ าข้ อนี ้ไม่บอกว่า > 1 จะมีวงรี
√ √
=1 อีกวง
ซึง่ จะจัดรูปได้ =0 สอดคล้ องกับเงื่อนไขที่โจทย์ให้

10. 1
หาจุดตัด = 0 …( ) และ …( )
(2) – 2(1) จะได้ 11 =1 แทนใน (1) ได้ = ( ) =2 ดังนัน้ = (2, 1)
จะได้ L คือ = = …( )
( )
จะได้ ระยะจาก (0, 0) = | √ ( )
|
=
|

|
=
PAT 1 (เม.ย. 57) 23

| |
แทน ในสมการ =1 จะได้ (

) = 1
( )
ตัดค่าสัมบูรณ์ที่ถกู ยกกาลังสองออกได้ = 0
เนื่องจาก < 0 จะได้ ≠ เอา หารตลอดเหลือ = 0
คูณตลอด ด้ วย จะได้ = 0
= 0
( ) = 0
= 0, 2
เนื่องจาก <0 จะได้ = 2 แทนใน ( ) จะได้ =0

11. 3
ให้ B = จะได้ A=2 และ C = 180° ( ) = 180° 3
ทุกมุม มี หมด สามารถเชื่อมด้ วยกฎของ sin ได้ = =
= = ( )

= =
= =
= = …( )
สังเกตว่า ตัวเลือกแต่ละข้ อ จะคล้ ายๆกฎของ cos
โดย สองตัวเลือกแรก เหมือนจะใช้ กฎของ cos ที่ C แต่สองตัวเลือกหลัง ใช้ กฎของ cos ที่ A
ถ้ าใช้ กฎของ cos ที่ C จะมีมมุ 3 ซึง่ ดูยงุ่ ยาก แต่ถ้าใช้ กฎของ cos ที่ A จะมี cos 2 ซึง่ ดูง่ายกว่า
ใช้ กฎของ cos ที่ A จะได้ = C
=
= ( )
= …( ) A B
จะกาจัด ใน ( ) โดยเอาคูห่ ลังใน ( ) มาคูณไขว้ จะได้ 3 =
=
=
แทน ใน ( ) จะได้ = = ข้ อ 3

12. 2
จะเห็นว่าตัวเลือกทุกข้ อ เป็ น arctan หมด ซึง่ จะตัดกับ tan ได้
( ) =
ดังนัน้ เราจะดูวา่ tan ของสิง่ ที่โจทย์ถาม ตรงกับ tan ของตัวเลือกข้ อไหน
( ( )) ( ( ))
จะได้ ( ( ) ( )) =
( ( )) ( ( ))

จาก tan(arctan ) = และ tan(arccot ) = จะได้ =


( )( )

( )( )
เศษ = ( )( )
= ( )( )
( )
= ( )( )
= ( )( )
( ) ( )
= = ( )( )
( )( )
24 PAT 1 (เม.ย. 57)

( ) เศษ ( )
ส่วน = 1+ จะได้ ส่วน
= ( )( ) ( )

= = =
= จะเห็นว่าตัวเลือกข้ อ 3 ข้ อเดียว ที่ tan แล้ วตัดกับ arctan เหลือ tan
( )
= ดังนัน้ ตอบข้ อ 3

หมายเหตุ : เงื่อนไข 0 < < 15° ที่โจทย์ให้ มีเพื่อรับประกันว่า จะเป็ นบวก


เพราะ sin 15° = √ √ ~ < ทาให้ ( ) เป็ นบวก
ในขณะที่ ( ) เป็ นบวกเสมออยูแ่ ล้ ว
ถ้ า > 15° เช่น 45° จะทาให้ ( ) ( ) ติดลบ
และจะไม่เท่ากับ arctan(tan ) ซึง่ เป็ นบวก

13. 2
ก. cos 2 = ( )
= ( )
√ √
= ( )


= ( ( ))

= ( )
= ( 1 )( )
= 1 2 ก. ถูก

ข. จาก =√ ยกกาลังสอง จะได้ = …( )


√ √
จาก √ =√ = คูณไขว้ และยกกาลังสอง จะได้ = …( )
(1) + (2): =
= ( )
= 2( 1 )
=
=

จาก ≤ ≤ จะได้ ดังนัน้ cos = √ = √ √√ = √ จะได้ = 45°


และจาก =√ จะได้ =

= ดังนัน้ = 30°
ดังนัน้ sin 10 + cos 10 = sin 450° + cos 300° = sin 90° + cos 60° = 1+ ข. ผิด

14. 1
จาก ̅ ̅ ̅=̅ จะได้ ̅ ̅ = ̅ ดังนัน้ |̅ ̅| = | ̅| = | ̅| ดังนัน้ | ̅| = 5
จะได้ ̅ ̅ = ̅ ดังนัน้ |̅ ̅| = | ̅| = | ̅| ดังนัน้ | ̅| = 3
PAT 1 (เม.ย. 57) 25

ก. จาก |̅ ̅| = 5 และจากสูตร |̅ ̅ | = | ̅| | ̅| ̅ ̅
= +√ | ̅|| ̅ |
6 = 2(3)(√ ) cos
= cos

เนื่องจาก ≤ ≤ และ cos เป็ นบวก ดังนัน้ อยูใ่ น Quadrant ที่ 1 จะได้ tan เป็ นบวก
ชิด √
cos = = = √√ =3 ดังนัน้ tan = =3 ก. ถูก
√ ฉาก
1
ข. จะหา ̅ ̅ ได้ จากสูตร | ̅ ̅| = | ̅| | ̅| ̅ ̅
จาก ̅ ̅ ̅ = ̅ จะได้ ̅ ̅ = ̅ ดังนัน้ |̅ ̅| = | ̅ | = | ̅ | = √
แทนในสูตร จะได้ √ = ̅ ̅
24 = ̅ ̅
12 = ̅ ̅ ข. ถูก

15. 3
มีเลขโดด 9 ตัว แต่ละหลักจะเลือกได้ 9 แบบ เนื่องจากมี 5 หลัก จะสร้ างได้ ทงหมด ั้ = แบบ
ถ้ าต้ องใช้ แค่ 3 ตัว จะต้ องมีตวั ซ ้า จะแบ่งกรณีตามรูปแบบการซ ้า
กรณี ซ ้า 3 + ต่าง 2 : ขันที ้ ่ 1 จัดกลุม่ เลขโดด : เลือกเลขโดดทีจ่ ะมาซ ้า 3 ได้ 9 แบบ
ที่เหลือเลือกเลขโดดทีจ่ ะมาเป็ น ต่าง 2 ได้ ( ) แบบ
ขันที
้ ่ 2 เรี ยงเลขที่ได้ จากขันที
้ ่ 1 : ซ ้า 3 + ต่าง 2 จะเรี ยงได้ แบบ
ดังนัน้ ได้ จานวนแบบ = 9 × ( ) × = (9)(8)(7)(5)(2) แบบ
กรณี ซ ้า 2 สองคู่ + ต่าง 1 : ขันที ้ ่ 1 จัดกลุม่ เลขโดด : เลือกเลขโดดทีจ่ ะมาซ ้า 2 สองคู่ ได้ ( ) แบบ
เหลือ 7 ตัว เลือกมาเป็ น ต่าง 1 ได้ 7 แบบ
ขันที
้ ่ 2 เรี ยงเลขที่ได้ จากขันที
้ ่ 1 : ซ ้า 2 สองคู่ + ต่าง 1 จะเรี ยงได้ แบบ
ดังนัน้ ได้ จานวนแบบ = ( ) × 7 × = (9)(8)(7)(5)(3) แบบ
ดังนัน้ ความน่าจะเป็ น = ( )( )( )( )( ) ( )( )( )( )( ) = ( )( )( )( ) =

16. 1
ข้ อนี ้ใช้ สตู ร ( )(( )…(
)
)
= ไม่ได้ เพราะ ห.ร.ม. ( , … ) ( ) ≠
( หนังสือบางเล่ม บอกว่าใช้ ได้ แต่ให้ ปัดเศษขึ ้น ซึง่ จะบังเอิญถูกในบางกรณีเท่านัน้ )
ถ้ า ห.ร.ม. ( , … ) ≠ จะมีปัญหาตอนคิดกลุม่ ของตัวที่เอามาตอกไม่ให้ วงหมุน ในพวกแบบที่ “เป็ นคาบ”
เช่น ถ้ าใช้ ตอก จะมีปัญหากับพวกแบบ (ซ ้าเป็ นคาบทีละ 2 ตัว คือ WR WR WR)
กล่าวคือ ปกติแล้ ว 3! แบบต่อไปนี ้ ควรจะเป็ นแบบทีต่ า่ งกัน ที่ถกู นับเป็ นแบบเดียวเมื่อ ซ ้ากัน

แต่จะเห็นว่า กับ กับ ถือเป็ นวงเดียวกันตังแต่


้ ยงั ไม่ได้ คดิ ว่า
ซ ้ากันแล้ ว ดังนันพวกที
้ ่ “เป็ นคาบ” จะมีกลุม่ ซ ้าไม่ถึง 3! แบบ ทาให้ เอา มาหารด้ วย 3! เป็ น ไม่ได้
26 PAT 1 (เม.ย. 57)

อย่างไรก็ตาม ข้ อนี ้เลขน้ อย เขียนนับเอาเลยก็ได้ โดยจะแบ่งกรณีนบั เป็ น 3 กรณี


กรณี W ติดกันทัง้ 3 ตัว กรณี W ติดกัน 2 ตัว กรณี W ไม่ติดกัน
W W W W
W W R W R W R R
R R W R R R W W
R R W R

รวมสามกรณี จะมี 4 แบบ ตอบข้ อ 1


หมายเหตุ : ถ้ าข้ อนี ้จะไม่เขียนนับ ต้ องแยกพวกแบบที่ “เป็ นคาบ” ออกไปคิดต่างหาก
( )
( )
จะได้ เป็ น ( ) = 4 แบบ

17. 2
ต่อเนื่องที่ = 2 แสดงว่า lim ( )= ( ) = lim  ( )
x 2 x 2

จะเห็นว่า lim ( ) กับ ( ) ใช้ สตู รเดียวกัน จะได้ = ( ) =2+ เท่ากัน


x 2

และ lim ( )= ( ) = ดังนัน้ 2+ = …( )


x 2

และจาก lim ( ) หาค่าได้ แสดงว่า lim ( ) = lim ( )


x 3 x 3 x 3

( ) = ( )
=
แทนใน (1) จะได้ = =2 ดังนัน้ | + 5 | = |2 + 16| = 18

18. 3
√ ( )(√ ) √
จัดรูปจะได้ √
=
√ (√ )
=
√ (√ ) √
=
√ ( )
=

=

=

ดึง √ เป็ นตัวร่วม คูณคอนจูเกต


b b
ดังนัน้  √
=  =( )| = ( ) ( ) = √
1 1

แต่โจทย์บอกว่าอินทิเกรตได้ 4 ดังนัน้ √ =4
√ =0
(√ )(√ ) =0
√ = 3, 1

แต่รูทเป็ นลบไม่ได้ ดังนัน้ √ =3 จะได้ =9 ดังนัน้ 1+ + = 1 + 9 + 81 = 91

19. 2
จาก ( ) = 0 จะได้ ( ) = ( ) ( ) = …( )
และจะได้ ( ) = จะเห็นว่า ( ) = 0 เมื่อ =
แต่โจทย์บอกว่า มีคา่ สูงสุดที่ = ดังนัน้ = จัดรู ป จะได้ …( )
PAT 1 (เม.ย. 57) 27

t t
จาก ( )= ( )+1 จะได้  ( ) =  ( ) +1
0 1
1 t t
 ( ) +  ( ) =  ( ) +1
0 1 1
1
 ( ) = 1
0
1
แต่  ( ) = | = ( ) ( ) =
0

ดังนัน้ = 1 คูณ 6 ตลอด ได้ …( )


จาก (1), (2), (3) จะแก้ หา ได้ : (3) – (2) จะเหลือ 6 =1
(2) – 2(1) และแทน = 1 จะได้ = =2
แทน , ใน (1) จะได้ = = 3
ดังนัน้ ( )=

(ก) ( )= | =( ) ( )= 3

( )= | =( ) ( ) = 13 น้ อยกว่าอยู่ ก. ถูก
( )
(ข) = ดิฟ ได้ ≠ ข. ผิด

20. 4
จัดรูป ทาเทเลสโคปิ ค : = ( )
= ( )( )
= [ ( )] = ( )

ดังนัน้ … = [( ) ( ) ( ) ( )]
( )
= [ ( ) ( ) ( ) ]
( )( ) ( )( ) ( ( ))( ( ))
= [ ]

= [ ]

= [ ]

ดังนัน้ nlim

= lim
n
[ ] = lim [
n
] = ( ) =

ดังนัน้ =1, = 16 จะได้ = 1 + 256 = 257

21. 4
ให้ = + i จะได้ ̅ = i แทนในสมการ จะได้ = 3i( )
( ) ( ) =
= ( ) i
จะได้ = …( ) และ =3 …( )
จาก (1) จะได้ = แทนใน (2) จะได้ = ( )
8 = 16
= 2
แทนใน (1) จะได้ = ( ) จะได้ = 2 ดังนัน้ = i
28 PAT 1 (เม.ย. 57)

(1) ( i) + ( i) = i(( i) ( i))


4 ( ) ถูกต้ อง
(2) | i + 2| = |2i| = 2 ถูกต้ อง
(3) ฝั่ งซ้ าย = ( ) i = ( ) ถูกต้ อง
(4) ฝั่ งซ้ าย = ( )( )
= ( )( ) = ( )
= ( ) = ( )
= (( ) ) = 8 8i ≠ ผิด

22. 1
ระบบสมการคือ ∑ = ∑ โดย ∑ = 1 + 0.8 + 0.8 + 0.6 = 3.2
∑ = ∑ ∑ ∑ = 0+1+2+3 = 6
= 4
∑ = 0 + 0.8 + 1.6 + 1.8 = 4.2
∑ = 0 + 1 + 4 + 9 = 14
แทนระบบสมการ จะได้ 3.2 = 6 + 4 …( ) และ 4.2 = 14 + 6 …( )
(2) (1) จะได้ ตัดกัน เหลือ = 5 จะได้ = 0.12
แทนใน (1) จะได้ 3.2 = + จะได้ = = 0.98
(ก) จะได้ + 11 = + 1.1 = 0.98 = ถูก
(ข) ถ้ า = 8 จะได้ = ( ) = = ถูก

23. 1
(ก) = 7 ( )( ) = 7
= 7
= 4
( )( ) = 7 = 16

แทน = 16 ในอีกสมการ จะได้ √ ถูกต้ อง


(ข) สมการแรก คูณสองฝั่ งด้ วย จะได้ =
=
สมการสอง คูณสองฝั่ งด้ วย จะได้ =
=
สมการสาม คูณสองฝั่ งด้ วย จะได้ =
=
ดังนัน้
= ( ) ( ) ( )
=
= ถูกต้ อง
PAT 1 (เม.ย. 57) 29

24. 3
แจกแจงปกติ ̅ = มัธยฐาน = ฐานนิยม ̅ = 45
0.3413
โจทย์บอกว่า มี 34.13% อยูร่ ะหว่างมัธยฐาน กับ 54 จะวาดได้ ดงั รูป
เอา = 0.3413 ไปเปิ ดตาราง จะได้ = 1.0 ดังนัน้ = 54 จะได้ = 1.0
จากสูตร = ̅ จะได้ 1.0 = =9 = 54
ถัดมา หา จากรูป เนื่องจากพื ้นทีท่ ี่ใช้ เปิ ดตาราง ต้ องเป็ นพื ้นที่ทวี่ ดั จากแกนกลาง
0.33
ดังนัน้ ต้ องเอา = = 0.17 ไปเปิ ดตาราง จะได้ = 0.44
และ อยูท่ างฝั่ งซ้ าย จะมี เป็ นลบ ดังนัน้ จะมี = 0.44
̅
จากสูตร = จะได้ 0.44 = = 3.96 + 45 = 41.04
ดังนัน้ นักเรี ยนคนนี ้ ได้ × 41.04 = 68.4 เต็ม 100 = 68.4%

25. 4
เรี ยงข้ อมูลก่อน จะได้ 28 30 32 35 40 42 45 48 50 65
( )
(ก) อยูต่ าแหน่งที่ จะได้ = ตัวที่ 7 + 0.7(ตัวที่ 8 – ตัวที่ 7)
= 45 + 0.7( 48 – 45 ) = 45 + 2.1 = 47.1

มัธยฐาน = ตัวที่ จะได้ M = ตัวที่ ตัวที่ = = 41


จะได้ – M = 47.1 – 41 = 6.1 ก. ผิด
(ข) ส่วนเบีย่ งเบนควอไทล์ =
อยูต่ าแหน่งที่ ( ) จะได้ = ตัวที่ 8 + 0.25(ตัวที่ 9 ตัวที่ 8)
= 48 + 0.25( 50 48 ) = 48 + 0.5 = 48.5
( )
อยูต่ าแหน่งที่ จะได้ = ตัวที่ 2 + 0.75(ตัวที่ 3 ตัวที่ 2)
= 30 + 0.75( 32 30 ) = 30 + 1.5 = 31.5
ดังนัน้ ส่วนเบี่ยงเบนควอไทล์ = = ข. ผิด

26. 4

̅ × ̅=[ ]×[ ]=[ ]=[ ] ดังนัน้ | ̅ × |̅ = √( ) = 2


+ = 4

ดังนัน้ | ̅| = = ( ) = 4+4 = 8

27. 2

(ก) =[ ][ ]=[ ] ดังนัน้ + +I=[ ]

ดังนัน้ det( + + I) = (1 + ( ) + )–( + + )


= (1 + 1 + 1 )–( ) ก. ถูก
(ข) จะเห็นว่า เกิดจากการนา ทา (1). , (2). 2 และ (3). 3
จากสมบัติ det จะได้ วา่ (1). จะไม่มีผลกับ det แต่ (2). กับ (3). จะทาให้ det เพิ่มเป็ น 2 เท่า และ 3 เท่า ตามลาดับ
30 PAT 1 (เม.ย. 57)

ดังนัน้ ถ้ า det( ) = 3 แล้ ว จะได้ det( ) เพิ่มเป็ น ( )( )( ) ข. ผิด

28. 2
ให้ ผสมปุ๋ย A จานวน ถุง และ ปุ๋ย B จานวน ถุง
ดังนัน้ จะได้ N = 2 + 3 , P = + 3 , K = 80 + 60 และค่าใช้ จา่ ย = 10 + 12
(3)
จะได้ เงื่อนไขคือ 2 + 3 …( )
+3 …( ) (1) 8 P
80 + 60 …( ) 6

โดยวัตถุประสงค์คือ ต้ องทาให้ = 10 + 12 ต่าสุด (2) Q


4
วาดอสมการเงื่อนไขจากจุดตัดแกน และแรเงาพื ้นที่ที่สอดคล้ อง R
S
จานวนถุงต้ องไม่ตดิ ลบ จึงเอาเฉพาะพื ้นที่ใน จะได้ บริ เวณที่ซ้อนทับกันดังรูป 6 9 12
ต้ องการหาค่าน้ อยสุด จะมีจดุ มุมที่ต้องสงสัย 4 จุด คือ P, Q, R, S
หาพิกดั จุด Q จากการแก้ (1) กับ ( ) (3) – 20(1) : 40 = 120 = 3 แทนใน (1) ได้ =4
หาพิกดั จุด R จากการแก้ (1) กับ ( ) ( ) – (2) : แทนใน (2) ได้ = 2
แทน P, Q, R, S หาจุดที่ ต่าสุด P(0,8) : = 10(0) + 12(8) = 96
Q(3,4) : ( ) ( ) m
R(6,2) : = 10(6) + 12(2) = 84
S(12,0) : = 10(12) + 12(0) = 120

ดังนัน้ เสียค่าใช้ จา่ ยน้ อยสุด = 78 บาท

29. 3
ให้ =2 +3 และ =3 +2 แทนใน ก. และ ข. จะได้ ดงั นี ้
ก. > ข. >
> >
4 > >
4(3 + 2 ) > 3(2 + 3 ) 2 +3 > 3 +2
12 + 8 > 6 +9 >
6 > โจทย์ให้ < ข. จริ ง
โจทย์ให้ < ซึง่ จะเห็นว่า 6 > อาจจะไม่จริ ง
เช่น ถ้ า = 1, = 7 และ เป็ นอะไรก็ได้ ประโยคนี ้จะผิด
เช่น ถ้ า = 1, = 7, = 1 จะได้ ก. คือ > ซึง่ ไม่จริ ง

30. 4
แทน =0 จะได้ ( ( )) = 2 +15 เราจะใช้ เทคนิคเปลีย่ นตัวแปร เพือ่ หา ( )
= 2( ( )) + 15
ให้ + ( ) = =2 ( )
= ( )
ดังนัน้ ( ) = 2 ( ) …( )
ถัดมา แทน = 0 ใน ( ( )) ที่โจทย์ให้ จะได้ ( ( )) = + 15
PAT 1 (เม.ย. 57) 31

แต่ถ้าแทน ใน (1) ด้ วย ( ) จะได้ ( ( )) = 2 ( ) ( ) + 15


ใช้ ( ( )) เป็ นตัวเชื่อม จะได้ 2 ( ) ( ) + 15 = + 15
( )
( ) = …( )

ก. แทน และ จาก (1) และ (2) จะได้ ( )( ) = ( ( )) = ( ( ) )


( ) ( )
=
= ก. ผิด
ข. ( ( )) = ( ( ) ) = ( ( ))
( ) ( )
= ข. ผิด

31. 5
( ) ( ) = ( )
( ) ( ) = ( ( ))
( ) ( ) = ( ( ))
( )+ ( ) = ( ( )) = 0
( )( ) = ( ( )) ( )( )= 0
= = 5, 1

แต่จะเห็นว่า ใช้ ไม่ได้ เพราะทาให้ หลัง ( ) เป็ นลบ เหลือ 5 ตัวเดียว ตอบ 5

32. 54
แก้ หา cos B และ cos C ก่อน = 15 …( )
= 77 …( )
5(1) + (2) : = แทนใน (1) ได้ = =
จะหา sin ของทุกมุม เพื่อใช้ กฎของ sin 5 13
3 12
ชิด B C
cos = ฉาก วาดรูป + หาด้ านทีเ่ หลือ ได้ ดงั รูป 4 5
เนื่องจาก B, C เป็ นมุมแหลม จะได้ sin เป็ นบวก ดังนัน้ sin B = , sin C =
และ sin A = sin (180° – (B+C)) = sin(B+C) =
= + =
จากกฎของ sin จะได้ แทนค่าต่างๆที่ร้ ู จะได้ = =

ดังนัน้ = = = 21 และ = = 20 × = 13

จะได้ ความยาวรอบรูป = = 21 + 13 + 20 = 54

33. 681
ข้ อนี ้ ทาได้ หลายวิธี จะกระจาย ( ) ก็ได้ หรื อจะใช้ ( ) = ก็ได้
ผมคิดว่า ใช้ วิธีแทน สามมุมลงไป แล้ วแก้ ระบบสมการ น่าจะง่ายที่สดุ โดยต้ องเลือก ที่ cos แล้ วได้ เลขน้ อยๆ
32 PAT 1 (เม.ย. 57)

= 0° : 1 = = …( )
= 60° : = = …( )
= 45° : = 4= …( )
√ √ √ √

(2) – (1) : 15 = 3 + 15
5 = + 5 …( )
(3) – (1) : = + 3 …( ) (4) – (5) : 10 = 2 =5
แทน ใน (5) จะได้ = = 20
แทน ใน (1) จะได้ = 1 + 20 – 5 = 16
ดังนัน้ = 256 + 400 + 25 = 681

34. 3
: จากสมบัติ log จะได้ =
=
=
= ( ) ให้ = , =
= 0
( )( ) = 0
ดังนัน้ = 2 หรื อ =
3( ) = 2( ) =
= จะได้ =0
จะได้ =1 = {1, 0}

: ต้ องสังเกตว่า ฝั่ งซ้ ายยกกาลังสอง = ( √ ) = √


= √ = ฝั่ งขวา พอดีเป๊ ะ
ดังนัน้ ถ้ าให้ = √ จะได้ สมการกลายเป็ น =
0 =
0 = ( )
=0,1
ดังนัน้ √ = 0 หรื อ √ =1
√ = √ =
=( ) ; =( ) ;
1 = =
= 0 =

0 = ( )
แต่จาก จะเหลือ =
√ = 0 , 1
สอดคล้ องกับ ทุกตัว จะได้ = 0, 1
ดังนัน้ = { 0, 1,

} มีสมาชิก 3 ตัว
PAT 1 (เม.ย. 57) 33

35. 9
จาก ( )( ) = 1
( ( )) = 1
( ) = ( ) …( )
จะหา ( ) ต้ องหา ที่ ( ) = 1 นัน
่ คือ ( ) = 1
= 0
( ) = 0
= 1 จะได้ ( )=1
และ ( )= ( ) = แทนใน ( ) จะได้ 1= = 1
ดังนัน้ ( )( ) = ( ( )) = (( )( ) ) = ( ) = ( )( ) = 9

36. 500
เอา = … มากลับเศษส่วน จะได้ = = …=

1+ =1+ =1+ … =1+

= = …=

จับ เท่ากับแต่ละตัว เพื่อเขียน ในรูป : จาก = จะได้ =


{ } เป็ นลา
จาก = จะได้ = ดับเลขคณิต
⋮ (เพิ่มทีละ )
จาก = จะได้ =

เนื่องจาก { } เป็ นลาดับเลขคณิต และโจทย์ถาม หาได้ จากสูตร = ( )


นัน่ คือ … = ( )
250000 = ( )
500 =

37. 1704
จะใช้ วิธีเอาสมการมาหักด้ วยตัวมันเอง จาก = …( )
เพิ่ม 1 ตาแหน่ง โดยแทน ด้ วย + 1 จะได้ = ( ) …( )
(1) – (2) จะได้ = 1 นัน
่ คือ ตัวที่หา่ งกัน 3 ตาแหน่ง ค่าจะน้ อยลง 1
เช่น = 12 = 11 = 10 =9 … (กลุม่ ÷ 3 เหลือเศษ 1)
= 2556 = 2555 = 2554 = 2553 … (กลุม่ ÷ 3 เหลือเศษ 2)
=7 =6 =5 =4 … (กลุม่ ÷ 3 ลงตัว)
เนื่องจาก 2558 หารด้ วย 3 เหลือเศษ 2 2 5 8 11 … 2558
ดังนัน้ จะเอากลุม่ ÷ 3 เหลือเศษ 2 มาคิด ดังตาราง 2556 2555 2554 2553 …

สองแถวนี ้ ต้ องมีจานวนตัวเท่ากัน ใช้ สตู ร จานวนตัว = ปลายห่าง ต้ น + 1 จะได้ +1 = +1


852 =
1704 =
34 PAT 1 (เม.ย. 57)

38. 340
ก่อนอื่น จะเอา A ทังสามตั
้ วมาวางเป็ นหลักไว้ ก่อน จะได้ ___ A ___ A ___ A ___
จากนัน้ เอา T มาแทรก (ในขันนี ้ ้ T ยังติดกันได้ อยู่ เพราะยังเอา P มาแทรกให้ มนั แยกกันตอนสุดท้ ายได้ )
กรณีที่ T ทังสามตั
้ วติดกัน : เราจะมัด T ทังสามตั
้ วเป็ นตัวใหม่ 1 ตัว ได้ เป็ น TTT
มีช่องระหว่าง A อยู่ 4 ช่อง ดังนัน้ จะเลือกใส่ TTT ได้ 4 แบบ
เช่น ถ้ าเลือกได้ ช่องที่ 2 จะได้ เป็ น A T T T A A
จากนัน้ เอา P มาเสียบ จะเห็นว่าจาเป็ นต้ องเสียบ P สองตัวไประหว่าง TTT เพื่อไม่ให้ T ติดกัน
ได้ เป็ น A T P T P T A A ส่วน P อีกตัวที่เหลือ ห้ ามเสียบติดกับ P สองตัวแรก
จะเหลือช่อง __ A __ T P T P T __ A __ A __ ให้ เสียบได้ 5 ช่อง เลือกได้ 5 แบบ
รวมทุกขันตอนของกรณี
้ นี ้ จะได้ 4 × 5 = 20 แบบ
กรณีที่ T สองตัวติดกัน และ T อีกตัวแยกออกไป : ต้ องเอา TT กับ T มาเสียบ
มีช่องระหว่าง A อยู่ 4 ช่อง จะเลือกช่องให้ TT และ T ได้ 4 × 3 = 12 แบบ
เช่น ถ้ าเลือกได้ ช่องแรก กับช่องสุดท้ าย จะได้ เป็ น TT A A A T
จากนัน้ เอา P มาเสียบ จะเห็นว่าจาเป็ นต้ องเสียบ P หนึง่ ตัวไประหว่าง TT เพื่อไม่ให้ T ติดกัน
ได้ เป็ น T P T A A A T ส่วน P อีกสองตัวทีเ่ หลือ ห้ ามเสียบติดกับ P ตัวแรก
จะเหลือช่อง __ T P T __ A __ A __ A __ T __ ให้ เสียบ P สองตัวได้ 6 ช่อง เลือกได้ ( ) = = 15 แบบ
รวมทุกขันตอนของกรณี
้ นี ้ จะได้ 12 × 15 = 180 แบบ
กรณีที่ T ไม่ติดกันเลย : มีช่องระหว่าง A อยู่ 4 ช่อง จะเลือกให้ T ทังสามตั้ วได้ ( ) = 4 แบบ
เช่น ถ้ าเลือกได้ ช่องแรก กับ 2 ช่องหลัง จะได้ T A A T A T
จากนัน้ เอา P มาเสียบ จะเหลือช่อง _ T _ A _ A _ T _ A _ T _ ให้ เสียบ P สามตัวได้ 7 ช่อง
เลือกได้ ( ) = = 35 แบบ รวมทุกขันตอนของกรณี
้ นี ้ จะได้ 4 × 35 = 140
รวมทุกกรณี ได้ 20 + 180 + 140 = 340 แบบ

39. 109
จากสมบัติของค่าเฉลีย่ จะได้ ̅= ̅ =6 +
̅ ̅ ( ) ( )
ดังนัน้ ค่าเฉลีย่ รวม = = = โจทย์ให้ = 7
= …( )
∑ ∑
ถัดมา จากสูตรความแปรปรวน = ̅ จะได้ =
40 = ∑
>0

และจากสมบัติของ จะได้ = | | = 2 ดังนัน้ ( ) = ( )
( ที่มาบวก จะไม่มีผลกับค่า ) ( ) =

( ) =∑

∑ ∑ ( )
จะได้ ความแปรปรวนรวม = = =
PAT 1 (เม.ย. 57) 35

โดยให้ ความแปรปรวนรวม = 21 ดังนัน้ = 21


= 100
แทน จาก ( )
( ) ( ) = 100
( ) ( ) = 25
= 25
= 9
โจทย์ให้ >0 ดังนัน้ =3 แทนใน ( ) จะได้ = 8 – 6(3) = 10 ดังนัน้ = 9 + 100 = 109

40. 7
เอาความถี่สะสมช่องที่ตดิ กันมาลบกัน จะได้ ช่องความถี่ปกติ (แบบไม่สะสม) ดังตาราง
โดยช่อง ร้ อยละความถี่สมั พัทธ์นี ้ สามารถใช้ แทนความถี่ในการหา
ค่าสังเกต ร้ อยละของความถี่ ร้ อยละของความถี่
ค่ากลางและการกระจายข้ อมูลได้ เลย สะสมสัมพัทธ์ สัมพัทธ์
( )
โดยต้ องเทียบให้ จานวนข้ อมูลทังหมด
้ มี 100 จานวน 1 20 20
( ) ( ) ( ) ( ) 2 40 20
จะได้ ̅ = =
70 30
แต่โจทย์ให้ ̅ = 4 ดังนัน้ แก้ ได้ = 4 6 90 20
∑ ( ̅)
10 100 10
ดังนัน้ ความแปรปรวน =
( ) ( ) ( ) ( ) ( )
= = = 7

41. 38
จัดรูปเส้ นตรง จะได้ = เทียบกับรูป = จะได้ ความชัน = 5 ดังนัน้ ( ) = 5 ด้ วย
จาก ( ) = จะได้ ( ) = ( ) แก้ สมการ จะได้ = 2
และจุดที่เส้ นตรงสัมผัส จะต้ องอยูท่ งบน
ั ้ เส้ นตรงและ แทน = 1 ในเส้ นตรง = + 13 ได้ = 18
ดังนัน้ จุด (1, 18) ต้ องอยูบ่ น ด้ วย ( ) ต้ องแทนใน ( ) = แล้ วเป็ นจริ ง
จะได้ 18 = + 2(1) + แก้ ได้ จะได้ ( ) = 15 + 2 +
2
ดังนัน้  ( ) = | = ( ) ( ) = 38
0

42. 634
อัตราการเปลีย่ นแปลงของ ( ) เทียบกับ ขณะที่ =3 ก็คือ ( ) นัน่ เอง
( ) ( )
เนื่องจากตัวส่วน lim = 0 แต่ lim หาค่าได้ ดังนัน้ lim ต้ องอยูใ่ นรูป
x 3 x 3 x 3
( ) ดิ๊ฟบน ( ) ( )
ใช้ โลปิ ตาล จะได้ lim
x 3
= lim
x 3 ดิ๊ฟล่าง
= lim
x 3
= 3 ( ) ( ) = 3 ( ) + 111
( )
แต่โจทย์ให้ lim
x 3
= 2013 ดังนัน้ 3 ( ) + 111 แก้ ได้ ( )= = 634

43. 35
ขัน้ 1 เลือก A, B : เขียนนับจานวนที่บวกกันเป็ น 14 จะมี ( ) ( ) ( ) ( ) ( ) แบบ
36 PAT 1 (เม.ย. 57)

ขัน้ 2 เลือก C, D, E, F จาก C – D > D – E > E – F > 0 F E D C


แสดงว่า จาก F E จะมีผลลบของแต่ละคูเ่ พิ่มขึ ้นเรื่ อยๆ +1 +2 +3
1 2 4 7
+4
8
โดย F จะเป็ นค่าที่น้อยที่สดุ ถ้ าไล่นบั ดู จะได้ 7 วิธี ดังรูป +3 +5
+2 9
5 +4 9
3 +3 6 +4 10
2 +1 3 +2 5 +3 8
+4 9
+3
6 +4 10
3 +1 4 +2 6 +3 9
ดังนัน้ จะได้ จานวนแบบ = 5 × 7 = 35 แบบ

44. 2750
แยกเทเลสโคปิ ค ได้ = …
เปลี่ยน 1 เป็ น 1 2
= …
แยกตัวที่เป็ นลบไปไว้ ข้างหลัง
= ( … ) ( )
= ( … ) ( )
ตัด 1008 พจน์แรกได้
= …

ถัดมา หา สังเกตว่าตัวเลขทุกคู่ รวมกันได้ 3025 ดังนัน้ เราจะคูณ แล้ วกระจาย 3025 เข้ าไป

= (( )( ) ( )( )
… ( )( )
)

= (( )( ) ( )( )
… ( )( )
)

= (( )( ) ( )( )
… ( )( )
)

= ( )
มี , … ตัวละ 2 ครัง้
= ( )

จะเห็นว่า = จะได้ = ดังนัน้ = = 2750

45. 384
ก่อนอื่น เราจะจัดสมการที่โจทย์ให้ ให้ อยูใ่ นรูปง่ายที่สดุ เท่าทีจ่ ะจัดได้ ก่อน
(ก) = ง่ายอยูแ่ ล้ ว
(ข) ( ( )) = ( ) (ค) 2 + = ( )
จาก (ก)
( ) = ( ) จาก (ก) 2+ = ( )( )
( ) = ( ) 2+ =
= 2 =
= 2 = ( ) จาก (1)
( ) = 2 = …( )
+ =
จาก (ก)
+ = ตลอดได้ (เพราะ ≠ )
…( )
PAT 1 (เม.ย. 57) 37

หลักทัว่ ไปในแก้ สมการจานวนเต็ม คือ ต้ องจัดฝั่ งหนึง่ ให้ เป็ นตัวเลข แล้ ว แยกตัวประกอบอีกฝั่ ง
แล้ วอ้ างว่า ฝั่ งทีเ่ ป็ นตัวเลข จะแยกตัวประกอบได้ แค่ไม่กี่แบบ
จะเห็นว่าสมการ (2) มีฝั่งซ้ ายเป็ นตัวเลขแล้ ว ส่วนฝั่ งขวา ถ้ าเติม +3 เข้ าไป จะสามารถจัดกลุม่ ดึงตัวร่วมได้
(2) : 2 =
2+3 =
5 = ( ) ( )
จะเห็นว่า 5 ทางฝั่ งซ้ าย แยกเป็ น 2 ตัวคูณกันได้ แค่ 2 แบบ
5 = ( )( ) คือ 5 × 1 กับ 1 × 5
กรณี 5 × 1 : จะได้ = 5 และ = 1 จะได้ = 6 , = 4
แทนใน (1) จะได้ = 2(6) + 4 = 16 , แทนใน (ก) ได้ = 6 + 16 = 22
จะได้ = 484 + 36 + 16 + 256 = 792
กรณี 1 × 5 : จะได้ = 1 และ = 5 จะได้ = 2 , = 8
แทนใน (1) จะได้ = 2(2) + 8 = 12 , แทนใน (ก) ได้ = 2 + 12 = 14
จะได้ = 196 + 4 + 64 + 144 = 408
เนื่องจาก เป็ นได้ แค่ 792 กับ 408 ดังนัน้ = 792 และ = 408
ดังนัน้ = 792 – 408 = 384

เครดิต
ขอบคุณ คุณ nitrogen synthesis และ คุณ Gtr Ping and his friends สาหรับข้ อสอบนะครับ
ขอบคุณ คุณ Pol Celona ที่ช่วยคิดเฉลยข้ อ 38 ครับ
ขอบคุณ คุณ Piyapan Sujarittham และคุณ P'Wit Tutor ที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้ องของเฉลยให้ นะครับ

You might also like