Professional Documents
Culture Documents
ONET ก พ PDF
ONET ก พ PDF
59) 1
27 Apr 2017
5 5 5
5. ถ้ า 𝑥𝑖 = −10 และ 𝑥𝑖2 = 135 แล้ ว xi ( xi 1) ใกล้ เคียงกับจานวนเต็มในข้ อใดที่สดุ
i 1 i 1 i 1
1. 11 2. 12 3. 13 4. 14 5. 15
1 1
−
𝑥 2 − √3𝑥 2
6. ถ้ า 𝑥 = 1 + √3 แล้ ว 𝑥
เท่ากับเท่าใด
1 1
−
1. 1 + √3 2. (1 + √3)2 3. (1 + √3) 2
3
−1 −
4. (1 + √3) 5. (1 + √3) 2
7. กาหนดให้ 𝐴 = { 𝑥 ∈ ℝ | |𝑥 + 1| ≤ 2 }
𝐵 = { 𝑥 ∈ ℝ | 𝑥2 − 𝑥 = 0 }
ข้ อใดถูก
1. 𝐴 ∩ 𝐵 = {0} 2. 𝐴∪𝐵=𝐵 3. 𝐵−𝐴=∅
4. 𝐴 − 𝐵 = 𝐴 5. 𝐴′ ∪ 𝐵′ = (1, ∞)
1. 𝑎 + 𝑏 = 4 2. 𝑓(𝑥) = 4√𝑥 + 2
3. 𝑓(−𝑥) = 3√4 − 𝑥 4. 𝑓(𝑥 2 ) = 2(𝑥 + 2) 𝑋
−4 0
5. [𝑓(𝑥)]2 = 4(𝑥 + 4)
13. กาหนดให้ 𝐴𝐵𝐶 เป็ นรูปสามเหลีย่ มแนบในวงกลม มีด้าน 𝐴𝐶 เป็ นเส้ นผ่านศูนย์กลาง ถ้ า 𝐵𝐴̂𝐶 = 60° และ
ด้ าน 𝐵𝐶 ยาว 10√3 หน่วย แล้ ว รัศมีของวงกลมยาวเท่าใด
1. 5√3 หน่วย 2. 10 หน่วย 3. 15 หน่วย
4. 10√3 หน่วย 5. 20 หน่วย
3. 2 : 3 4. 3 : 5
5. 4 : 9
16. โยนก้ อนหินขึ ้นไปในแนวดิง่ ด้ วยอัตราเร็ว 96 ฟุต/วินาที เมื่อเวลาผ่านไป 𝑡 วินาที ก้ อนหินอยูท่ ี่ความสูง ℎ ฟุตจาก
พื ้นดิน ถ้ าความสัมพันธ์ระหว่าง ℎ และ 𝑡 คือ ℎ = 96𝑡 − 16𝑡 2 แล้ วช่วงเวลาในข้ อใดที่ก้อนหินอยูส่ งู จากพื ้น
อย่างน้ อย 80 ฟุต
1. 1 ≤ 𝑡 ≤ 2 2. 1 ≤ 𝑡 ≤ 5 3. 2 ≤ 𝑡 ≤ 3
4. 2 ≤ 𝑡 ≤ 4 5. 3 ≤ 𝑡 ≤ 6
O-NET (ก.พ. 59) 5
17. จากผลการวิเคราะห์ของโรงงานแห่งหนึง่ พบว่า เมือ่ ผลิตสินค้ า 𝑥 (หน่วย : ร้ อยชิ ้น) โรงงานจะได้ กาไร 𝑃(𝑥) โดยที่
𝑃(𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 (หน่วย : พันบาท) ถ้ าไม่ผลิตเลย จะขาดทุน 5,000 บาท ถ้ าผลิต 100 ชิ ้น จะเท่าทุน
และถ้ าผลิต 200 ชิ ้น จะได้ กาไร 3,000 บาท เพื่อให้ ได้ กาไรสูงสุด โรงงานต้ องผลิตสินค้ ากี่ชิ ้น
1. 300 2. 320 3. 350 4. 360 5. 400
18. พรเทพขับรถออกจากเมือง 𝐴 เมื่อเวลา 13:00 น. ด้ วยอัตราเร็ ว 40 กิโลเมตรต่อชัว่ โมง หลังจากนัน้ 30 นาที สุธีขบั
รถออกจากเมือง 𝐴 โดยมีจดุ เริ่ มต้ นและใช้ เส้ นทางเดียวกับพรเทพ ด้ วยอัตราเร็ว 55 กิโลเมตรต่อชัว่ โมง สุธีจะขับรถ
ไปทันพรเทพเมื่อเวลาใด
1. 14:10 น. 2. 14:50 น. 3. 15:15 น.
4. 15:20 น. 5. 15:30 น.
4 8 16 32 64
20. พจน์ที่ 8 ของลาดับ 5
, 9
, 13
, 17
, 21
, … เท่ากับเท่าใด
128 134 234 416 512
1. 29
2. 31
3. 31
4. 33
5. 33
6 O-NET (ก.พ. 59)
22. กาหนดให้ 𝑎 , 𝑎𝑟 , 𝑎𝑟 2 , … , 𝑎𝑟 𝑛−1 เป็ นลาดับเรขาคณิตที่มี 𝑛 พจน์ ซึง่ ผลรวมของ 3 พจน์สดุ ท้ ายเป็ น 4 เท่า
ของผลรวมของ 3 พจน์แรก ถ้ าพจน์ที่ 3 คือ 22 แล้ ว พจน์สดุ ท้ ายมีคา่ เท่าใด
1. 56 2. 72 3. 88 4. 96 5. 102
23. บริ ษัทแห่งหนึง่ ซื ้อเครื่ องจักรมาในราคา 𝐴 บาท คิดค่าเสือ่ มราคาคงที่ 15% ต่อปี กล่าวคือ ราคาเครื่ องจักรจะลดลง
15% ของมูลค่าคงเหลือในแต่ละปี ทกุ ปี ถ้ าใช้ เครื่ องจักรผ่านไป 𝑡 ปี แล้ ว มูลค่าคงเหลือของเครื่ องจักรนี ้เท่ากับ
เท่าใด
1. (0.15)𝑡−1 𝐴 บาท 2. (0.15)𝑡 𝐴 บาท 3. (0.85)𝑡−1 𝐴 บาท
4. (0.85)𝑡 𝐴 บาท 5. (0.85)𝑡+1 𝐴 บาท
24. กาหนดให้
28. บริ ษัทขนส่งพัสดุแห่งหนึง่ ได้ บนั ทึกระยะทาง (หน่วย : กิโลเมตร) ในการส่งของในแต่ละวัน เป็ นเวลา 30 วัน
เมื่อเรี ยงลาดับข้ อมูลจากน้ อยไปมาก ดังนี ้
33 37 43 44 44 55 58 65 65 66
71 74 75 75 78 81 81 81 82 84
86 86 87 89 89 92 92 93 93 95
31. สโมสรแห่งหนึง่ มีสมาชิกเป็ นชาย 𝑚 คน เป็ นหญิง 𝑤 คน ต่อมามีสมาชิกเพิม่ ขึ ้น โดยเป็ นชายอีก 25 คน และเป็ น
หญิงอีก 35 คน ถ้ าสุม่ สมาชิกมาหนึง่ คนจากทังหมด
้ แล้ ว ความน่าจะเป็ นทีจ่ ะได้ สมาชิกเป็ นชาย เท่ากับเท่าใด
1. 𝑚𝑤
𝑚
2. 𝑤+𝑚 3. 𝑚+25
𝑤+35
𝑚+25 𝑚+25
4. 𝑚+𝑤+35
5. 𝑚+𝑤+60
34. ถ้ า 𝑎 และ 𝑏 เป็ นความยาวของด้ านของรูปสีเ่ หลีย่ มจัตรุ ัสที่มีพื ้นที่ 9 ตารางหน่วย และ 12 ตารางหน่วย ตามลาดับ
แล้ ว เซต { 𝑎 , 𝑏 , 𝑎𝑏 , 𝑎 + 𝑏 , 𝑎 − 𝑏 , 𝑎2 + 𝑏2 } มีจานวนตรรกยะกี่ตวั
(16)4
35. ถ้ า 𝑥 เป็ นจานวนจริ งบวกที่สอดคล้ องกับสมการ (4𝑥 )2𝑥−1 =
22𝑥
แล้ ว 𝑥 มีคา่ เท่ากับเท่าใด
40. ทาสีเหรี ยญสามอัน ดังนี ้ เหรี ยญแรก ด้ านหนึง่ ทาสีขาว อีกด้ านหนึง่ ทาสีแดง
เหรี ยญที่สอง ด้ านหนึง่ ทาสีฟา้ อีกด้ านหนึง่ ทาสีแดง
เหรี ยญที่สาม ด้ านหนึง่ ทาสีฟา้ อีกด้ านหนึง่ ทาสีขาว
ถ้ าโยนเหรี ยญทังสามอั
้ นนี ้พร้ อมกัน แล้ วความน่าจะเป็ นทีเ่ หรี ยญทังสามจะขึ
้ ้นหน้ าเหรี ยญต่างสีกนั ทังหมด
้
เท่ากับเท่าใด
O-NET (ก.พ. 59) 11
เฉลย
1. 3 9. 4 17. 1 25. 4 33. 21
2. 4 10. 5 18. 2 26. 3 34. 2
3. 4 11. 1 19. 2 27. 4 35. 2
4. 1 12. 1 20. 5 28. 3 36. 10.5
5. 2 13. 2 21. 3 29. 5 37. 64
6. 5 14. 2 22. 3 30. 4 38. 84.25
7. 3 15. 5 23. 4 31. 5 39. 80
8. 1 16. 2 24. 1 32. 1 40. 0.25
แนวคิด
1. 3
จะใช้ วิธีแรเงาแผนภาพก็ได้ หรื อถ้ าไม่ถนัดการแรเงา จะใช้ วิธีกาหนดสมาชิกให้ แต่ละส่วนของแผนภาพดังรูป ก็ได้
𝒰 จะได้ 𝐴 = { 1, 2 } , 𝐵 = { 2, 3, 4 } , 𝐶 = { 4 }
𝐴 𝐵
𝐶 𝒰 = { 1, 2, 3, 4, 5 }
1 2 4
3
1. { 1, 2 } ∪ { 4 } = { 2, 3, 4 } ×
5 2. ({ 1, 2 } ∩ { 2, 3, 4 }) ∪ { 4 } = ∅
{2} ∪{4} = ∅ ×
3. { 1, 2 } ∩ { 2, 3, 4 } ⊂ { 2, 3, 4 } ∪ { 4 }
{2} ⊂ { 2, 3, 4 }
4. { 1, 2 } − { 2, 3, 4 } ⊂ { 4 } 5. { 2, 3, 4 } − { 4 } ⊂ { 1, 2 }′
{1} ⊂ {4} × { 2, 3 } ⊂ { 3, 4, 5 } ×
2. 4
พวกอสมการ และ ค่าสัมบูรณ์ มักจะต้ องระวังในกรณีที่เป็ นค่าติดลบ เช่น ถ้ าให้ 𝑎 = −2 , 𝑏 = 1 จะได้
1 1
1. −2 < 1 จริ ง แต่ −2 > 1 เป็ นเท็จ 2. −2 < 1 จริ ง แต่ (−2)2 < 12 เป็ นเท็จ
4 <1
3. ให้ 𝑐 = −3 , 𝑑 = 4 จะได้ −2 < 1 และ −3 < 4 แต่ (−2)(−3) < (1)(4) เป็ นเท็จ
6 < 4
4. จริ ง เพราะ กาลังสอง กับ ค่าสัมบูรณ์ จะทาให้ 𝑎+𝑏 เป็ นบวกทังคู
้ ่ √(−2 + 1)2 = |−2 + 1|
√(−1)2 = |−1|
5. |−2 + 1| = |−2| + |1| √ 1 = 1
| −1 | = 2 + 1
1 = 3 ×
3. 4
รูทของรูท ต้ องจัดให้ อยูใ่ นรูป √𝑎 + 2√𝑏 แล้ วหาสองจานวนที่บวกกันได้ 𝑎 และคูณกันได้ 𝑏
√84 + 18√3 = √84 + 2 ∙ 9√3
= √84 + 2√92 ∙ 3
= √84 + 2√243 → หาสองจานวนทีบ่ วกกันได้ 84 และคูณกันได้ 243 → จะได้ 81 กับ 3
= √81 + √3
= 9 + √3
12 O-NET (ก.พ. 59)
4. 1
6 6 6 6
√𝑎2 𝑏 √𝑎4 𝑏 = √(−5)2 (8) √(−5)4 (8)
6 6 เลขลบ เวลายกกาลังคู่ ค่าจะกลายเป็ นบวก
= √ 52 23 √ 54 23
6
= √ 52 23 54 23
6 6 6
= √ 5 2
= (5) (2) = 10
5. 2
5 5
xi ( xi 1) = xi xi
2
i 1 i 1
5 5
xi xi
2
=
i 1 i 1
เนื่องจาก 122 = 144 และ 132 = 169 ดังนัน้ √145 จะใกล้ กบั จานวนเต็ม 12 มากที่สดุ
6. 5
1
−
𝑥 2 − √3𝑥 2
1
√𝑥 −
√3
√𝑥
โจทย์ให้ 𝑥 = 1 + √3
𝑥
= 𝑥
1+√3 − √3
𝑥 − √3 = 3
√𝑥
= (1+√3)2
𝑥
𝑥 − √3 1
= = 3
𝑥 √𝑥 (1+√3)2
𝑥 − √3 3
= 3
−
2
𝑥2 = (1 + √3)
7. 3
𝐴 : |𝑥 + 1| ≤ 2 𝐵 : 𝑥2 − 𝑥 = 0
−2 ≤ 𝑥 + 1 ≤ 2 𝑥(𝑥 − 1) = 0
−3 ≤ 𝑥 ≤ 1 𝑥 = 0, 1
ดังนัน้ 𝐴 = [−3 , 1] และ 𝐵 = { 0, 1 }
(𝐴 เป็ นช่วงของจานวนทุกจานวนตังแต่
้ −3 ถึง 1 แต่ 𝐵 มีสมาชิกแค่ 2 ตัว คือ 0 กับ 1 ไม่ใช่ชว่ ง)
1. [−3 , 1] ∩ { 0, 1 } = {0} 2. [−3 , 1] ∪ { 0, 1 } = { 0, 1 }
{ 0, 1 } = {0} × [−3 , 1] = { 0, 1 } ×
3. { 0, 1 } − [−3 , 1] = ∅ 4. [−3 , 1] − { 0, 1 } = [−3 , 1]
∅ = ∅ [−3 , 0) ∪ (0, 1) = [−3 , 1] ×
5. 𝐴′ ∪ 𝐵′ = (1, ∞)
(𝐴 ∩ 𝐵)′ = (1, ∞)
{ 0, 1 }′ = (1, ∞) ×
O-NET (ก.พ. 59) 13
8. 1
เหตุ 1) และ เหตุ 2) จะวาดได้ ดงั รูป สุขภาพดี
ออกกาลัง กินหวาน
ส่วนเหตุ 3) จะวาดได้ หลายแบบ มานะมีสขุ ภาพดี แปลว่า มานะอยูใ่ นวงสุขภาพดี แต่จะอยูใ่ นวงออกกาลังหรื อไม่ก็ได้
สุขภาพดี สุขภาพดี
ออกกาลัง กินหวาน ออกกาลัง กินหวาน
มานะ มานะ
สมศรี สมศรี
9. 4
𝑥 , 𝑥≥0
เนื่องจาก |𝑥| = {−𝑥 , 𝑥<0
ดังนัน้ จะแบ่งกรณีวาดกราฟเป็ นสองกรณี
𝑦 = 2𝑥
กรณี 𝑥 ≥ 0 : จะได้ |𝑥| = 𝑥 ดังนัน้ 𝑓(𝑥) = 𝑥 + |𝑥|
= 𝑥+ 𝑥 = 2𝑥
วาดกราฟ 𝑦 = 2𝑥 ในบริ เวณที่ 𝑥 ≥ 0 (ได้ แก่ ควอดรันต์ 1 และ 4) จะได้ ดงั รูป
กรณี 𝑥 < 0 : จะได้ |𝑥| = −𝑥 ดังนัน้ 𝑓(𝑥) = 𝑥 + |𝑥|
= 𝑥 + (−𝑥) = 0
𝑦=0
วาดกราฟ 𝑦 = 0 ในบริ เวณที่ 𝑥 < 0 (ได้ แก่ ควอดรันต์ 2 และ 3)
จะได้ กราฟทับแกน 𝑋 ด้ านซ้ าย ดังรูป
รวมสองกรณี จะได้ กราฟดังรูป 1. กราฟฝั่งซ้ ายยังทับแกน 𝑋 อยู่ → ผิด
2. กราฟตัดแกน 𝑌 ที่ (0, 0) → ผิด
3. กราฟฝั่งซ้ าย ตัดแกน 𝑋 ทังเส้
้ น → ผิด
4. กราฟฝั่งซ้ าย ตัดแกน 𝑋 ทังเส้้ น จึงตัดมากกว่า 1 จุด → ถูก
5. กราฟเป็ นเส้ นที่มีการหัก จึงไม่ใช่เส้ นตรงซะทีเดียว → ผิด
14 O-NET (ก.พ. 59)
10. 5
จากรูปกราฟ จะเห็นว่ากราฟผ่าน (−4, 0) และ (0, 4) ดังนัน้ สองจุดนี ้ต้ องแทนใน 𝑦 = 𝑎√𝑥 + 𝑏 แล้ วเป็ นจริง
ผ่าน (−4, 0) → 0 = 𝑎√−4 + 𝑏 → 𝑎 = 0 หรื อ 𝑏 = 4
→ แต่ 𝑎 = 0 ไม่ได้ ไม่งนกราฟจะได้
ั้ 𝑦 = 0√𝑥 + 𝑏 = 0 เป็ นกราฟเส้ นตรง
ดังนัน้ 𝑏 = 4
ผ่าน (0, 4) → 4 = 𝑎√0 + 𝑏 → แทน 𝑏 = 4 จะได้ 4 = 𝑎√0 + 4
4 = 𝑎(2)
2= 𝑎
1. 𝑎 + 𝑏 = 4 + 2 = 6 → 1. ผิด
2. แทน 𝑎, 𝑏 ใน 𝑓(𝑥) จะได้ 𝑓(𝑥) = 2√𝑥 + 4 → 2. ผิด
3. จาก 𝑓(𝑥) = 2√𝑥 + 4 แทน 𝑥 ด้ วย −𝑥 จะได้ 𝑓(−𝑥) = 2√−𝑥 + 4 = 2√4 − 𝑥 → 3. ผิด
4. แทน 𝑥 ด้ วย 𝑥 2 จะได้ 𝑓(𝑥 2 ) = 2√𝑥 2 + 4 → รูทกระจายในการบวกลบไม่ได้ → 4. ผิด
2
5. [𝑓(𝑥)]2 = (2√𝑥 + 4) = 4(𝑥 + 4) → 5. ถูก
11. 1
จะหาค่าสูงสุด/ตา่ สุดของอะไร ต้ องจัดรูปปริ มาณนันให้
้ เป็ นฟั งก์ชนั กาลังสองของ 𝑥
จาก 𝑥 + 𝑦 = 1 จะได้ 𝑦 = 1 − 𝑥 → ดังนัน้ 𝑥 2 + 2𝑦 2 = 𝑥 2 + 2(1 − 𝑥)2
= 𝑥 2 + 2(1 − 2𝑥 + 𝑥 2 )
= 𝑥 2 + 2 − 4𝑥 + 2𝑥 2
= 3𝑥 2 − 4𝑥 + 2
2
ฟั งก์ชนั ในรูป 𝑓(𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 + 𝑐 จะมีคา่ ต่าสุด เมื่อ 𝑎 > 0 คือ 4𝑎𝑐−𝑏
4𝑎
4(3)(2)−(−4)2 24−16 8 2
ข้ อนี ้ 𝑓(𝑥) = 3𝑥 2 − 4𝑥 + 2 → เนื่องจาก 3 > 0 ดังนัน้ จะมีคา่ ต่าสุดคือ 4(3)
=
12
=
12
=
3
12. 1
|𝑥 + 1| = 3
𝑥 + 1 = 3 , −3
𝑥 = 2 , −4 แต่โจทย์กาหนดให้ 𝑥 มีคา่ อยูระหว่าง −5 กับ 1 ดังนัน้ 𝑥 = −4 เท่านัน้
ดังนัน้ 𝑥|𝑥| = (−4)|−4|
= (−4) 4 = −16
13. 2
𝐵 มุมในครึ่งวงกลม จะเท่ากับ 90° เสมอ → 𝐵̂ = 90°
10√3 โจทย์ถาม รัศมี ซึง่ จะหาได้ จาก เส้ นผ่านศก 𝐴𝐶 หารด้ วย 2
𝐴
60°
𝐶 จาก sin 60° = 𝐵𝐶 𝐴𝐶
√3 10√3
2
= 𝐴𝐶
20
𝐴𝐶 = 20 → จะได้ รัศมี = 2
= 10
O-NET (ก.พ. 59) 15
14. 2
ตัดมาเฉพาะครึ่งรูปที่ต้องใช้ ดังรูป → จะใช้ อตั ราส่วนตรี โกณกับมุม 𝐴 เพื่อหาความยาวในแนว 𝐴, 𝐵, 𝐷
𝐶𝐵 𝐸𝐷
𝐸 ∆𝐴𝐶𝐵 : sin 30° = ∆𝐴𝐸𝐷 : sin 30° = 𝐴𝐷
𝐴𝐵
1 𝑎 1 𝑏
𝐶 𝑏 = =
2 𝐴𝐵 2 𝐴𝐷
𝑎 𝐴𝐵 = 2𝑎 𝐴𝐷 = 2𝑏
30° 𝑎 𝑏
𝐴 𝐵 𝐷
จาก 𝐴𝐷 = 𝐴𝐵 + 𝐵𝐷
จากรูป
2𝑏 = 2𝑎 + (𝑎 + 𝑏)
𝑏 = 3𝑎
1 𝑎
3
= 𝑏
15. 5
จะใช้ อตั ราส่วนตรี โกณกับมุม 𝐴 ใน ∆𝐴𝐵𝐷 เพื่อหา 𝐵𝐷 แล้ วโยงเข้ า ∆𝐶𝐵𝐷 𝐵
𝐵𝐷
∆𝐴𝐵𝐷 : sin 30° = 𝐴𝐵 12 10
1 𝑥 𝑥 ทาน
= กุหลาบ
2 12
30°
ตะวัน
6 = 𝑥 𝐴 𝑦 𝐶
𝐷
ใน ∆𝐶𝐵𝐷 จากด้ านชุดพีทากอรัส 3, 4, 5 ขยายเป็ น 6, 8, 10 จะได้ 𝑦 = 8
ดังนัน้ พท ∆𝐶𝐵𝐷 = 12 (𝑦)(𝑥) = 12 (8)(6) = 24
16. 2
สูงจากพื ้นอย่างน้ อย 80 ฟุต คือ ℎ ≥ 80
96𝑡 − 16𝑡 2 ≥ 80
0 ≥ 16𝑡 2 − 96𝑡 + 80
÷16 ตลอด
0 ≥ 𝑡 2 − 6𝑡 + 5
0 ≥ (𝑡 − 1)(𝑡 − 5)
+ − +
→ จะได้ 1≤𝑡≤5
1 5
17. 1
ไม่ผลิตเลย จะขาดทุน 5,000 บาท → แสดงว่า ถ้ า 𝑥 = 0 จะได้ 𝑃(𝑥) = −5 (𝑦 มีหน่วยเป็ น “พันบาท”)
จะได้ 𝑎(02 ) + 𝑏(0) + 𝑐 = −5
𝑐 = −5 → ดังนัน้ 𝑃(𝑥) = 𝑎𝑥 2 + 𝑏𝑥 − 5
ผลิต 100 ชิ ้น จะเท่าทุน → แสดงว่า ถ้ า 𝑥 = 1 (𝑥 มีหน่วยเป็ น “ร้ อยชิ ้น”) จะได้ 𝑃(𝑥) = 0 (เท่าทุน คือ กาไร = 0)
จะได้ 𝑎(12 ) + 𝑏(1) − 5 = 0
𝑎 + 𝑏 = 5 …(1)
ผลิต 200 ชิ ้น จะได้ กาไร 3,000 บาท → ถ้ า 𝑥 = 2 จะได้ 𝑃(𝑥) = 3
จะได้ 𝑎(22 ) + 𝑏(2) − 5 = 3 (2) − (1) : 𝑎 = −1
4𝑎 + 2𝑏 = 8 ÷2 ตลอด (1) : −1 + 𝑏 = 5
2𝑎 + 𝑏 = 4 …(2) 𝑏 = 6
𝑏 6
เนื่องจาก 𝑎 = −1 เป็ นลบ ดังนัน้ 𝑃(𝑥) จะมีคา่ สูงสุด เมื่อ 𝑥 = − 2𝑎 =−
2(−1)
= 3 → ผลิต 300 ชิ ้น
16 O-NET (ก.พ. 59)
18. 2
ให้ พรเทพขับรถ 𝑥 ชัว่ โมง จึงถูกตามทัน
เนื่องจากพรเทพขับด้ วยอัตราเร็ ว 40 กม/ชม ดังนัน้ พรเทพขับได้ ระยะทาง 40𝑥 กิโลเมตร …(1)
สุธีออกรถหลังจากพรเทพ 30 นาที (= ครึ่งชัว่ โมง) ดังนัน้ สุธีจะใช้ เวลาในการขับรถน้ อยกว่าพรเทพอยู่ 0.5 ชัว่ โมง
นัน่ คือ สุธีจะใช้ เวลาในการขับรถจริ งๆ = 𝑥 − 12 ชัว่ โมง
เนื่องจากสุธีขบั ด้ วยอัตราเร็ ว 55 กม/ชม ดังนัน้ สุธีขบั ได้ ระยะทาง 55(𝑥 − 12) กิโลเมตร …(2)
เนื่องจาก พรเทพ และ สุธี เริ่ มขับจากจุดเดียวกัน และ ทันกันที่จดุ เดียวกัน ดังนัน้ ทังสองคนต้
้ องขับรถได้ ระยะทางเท่ากัน
จะได้ (1) = (2) → 40𝑥 = 55(𝑥 − 12)
55
40𝑥 = 55𝑥 − 2
55
2
= 15𝑥
11 11 5 5
6
= 𝑥 → 6
ชัว่ โมง = 1 6 ชัว่ โมง = 1 ชัว่ โมง 6 × 60 นาที
= 1 ชัว่ โมง นาที
50
เริ่ มตอน 13:00 ดังนัน้ จะโดนสุธีตามทันทีเ่ วลา 14:50
19. 2
20. 5
จะเห็นว่า ตัวเศษ คูณเพิ่มทีละ 2 , ตัวส่วนบวกเพิม่ ทีละ 4
โจทย์ให้ มา 5 พจน์ หาพจน์ที่ 8 → จะหาสูตรพจน์ทวั่ ไปก็ได้ แต่เขียนไล่ไปอีก 3 ตัวเลยจะง่ายกว่า
1 2 3 4 5 6 7 8
×2 ×2 ×2
4 8 16 32 64 128 256 512
5
, 9
, 13
, 17
, 21
, 25
, 29
, 33
+4 +4 +4
21. 3
โจทย์ให้ 𝑎4 = 5𝑎1 และ 𝑎10 = 39 → ใช้ สตู รลาดับเลขคณิต 𝑎𝑛 = 𝑎1 + (𝑛 − 1)𝑑
แทน 𝑛 = 4 : 𝑎4 = 𝑎1 + (4 − 1)𝑑 แทน 𝑛 = 10 : 𝑎10 = 𝑎1 + (10 − 1)𝑑
5𝑎1 = 𝑎1 + 3𝑑 39 = 𝑎1 + 9𝑑
4𝑎1 = 3𝑑 39 = 𝑎1 + 12𝑎1
×3 12𝑎1 = 9𝑑 39 = 13𝑎1
3 = 𝑎1
O-NET (ก.พ. 59) 17
22. 3
×𝑟 ×𝑟
ในลาดับเรขาคณิต พจน์ถดั ไปจะเท่ากับพจน์ก่อนหน้ า × 𝑟
𝑎 , 𝑏 , 𝑐 , …
ในทางกลับกัน พจน์ก่อนหน้ าจะเท่ากับพจน์ถดั ไป ÷ 𝑟 ÷𝑟 ÷𝑟
โจทย์ให้ พจน์ที่ 3 คือ 22 ดังนัน้ พจน์ที่ 2 จะเท่ากับ และพจน์ที่ 1 จะเท่ากับ 22
22
𝑟 𝑟2
22 22
ดังนัน้ ผลบวกของ 3 พจน์แรก คือ 22 + 𝑟 + 𝑟2
โจทย์ถามพจน์สดุ ท้ าย → ให้ พจน์สดุ ท้ าย คือ 𝑥
ทาแบบเดิม จะได้ ผลบวกของ 3 พจน์สดุ ท้ าย คือ 𝑥 + 𝑥𝑟 + 𝑟𝑥2
โจทย์ให้ ผลรวมของ 3 พจน์สดุ ท้ ายเป็ น 4 เท่าของผลรวมของ 3 พจน์แรก
𝑥 𝑥 22 22
ดังนัน้ 𝑥 + 𝑟 + 𝑟2 = 4 (22 + 𝑟 + 𝑟2 )
1 1 1 1
𝑥 (1 + 𝑟 + 𝑟2 ) = 4(22) (1 + 𝑟 + 𝑟2 )
𝑥 = 88
23. 4
ราคาลดลง 15% ต่อปี คือ ต้ นปี ราคา 100 บาท → สิ ้นปี คงเหลือ 85 บาท
85
ดังนัน้ ต้ นปี ราคา 𝑥 บาท → สิ ้นปี คงเหลือ 100 ∙ 𝑥 = 0.85 𝑥 บาท
จะเห็นว่า ราคาคงเหลือตอนสิ ้นปี จะเท่ากับ ราคาตอนต้ นปี คูณ 0.85
ดังนัน้ ถ้ าผ่านไปหลายๆปี ก็คณู 0.85 เข้ าไปเรื่ อยๆ เท่ากับจานวนปี
ถ้ าผ่านไป 𝑡 ปี → คูณ 0.85 ไป 𝑡 ครัง้ → เหลือมูลค่า = (0.85)𝑡 𝐴
24. 1
รูปที่ 10 จะมีจดุ ทังหมด
้ 10 แถว ดังรู ป
แถวที่ 1 มี 1 จุด
𝑛
แถวที่ 2 มี 2 จุด 1+2+3+…+𝑛 = (𝑛 + 1)
2
แถวที่ 3 มี 3 จุด
จะได้ จานวนจุดทังหมด
้ = 1 + 2 + … + 10
⋮ ⋮ ⋮ ⋮ ⋮
10
= (10 + 1)
2
= 55
แถวที่ 10 มี 10 จุด
25. 4
729𝐴6 = 729( 𝑎2 + 𝑎3 + 𝑎4 + 𝑎5 + 𝑎6 )
1 1 1 1 1
= 36 ( (2)2−2 ( )2
3
+ (2)3−2 ( )3
3
+ (2)4−2 ( )4
3
+ (2)5−2 ( )5
3
+ (2)6−2 ( )6
3
)
20 21 22 23 24
= 36 ( + + + + )
32 33 34 35 36
4 1 3 2 2 3 1 4
= 3 + 2 3 + 2 3 + 2 3 + 2
2
เป็ นอนุกรมเรขาคณิต พจน์แรก = 3 4
, อัตราส่วนร่วม = 3
, พจน์สดุ ท้ าย = 2 4
2
𝑎1 − 𝑎𝑛 𝑟 34 − 24 ( ) 25 3
ใช้ สตู ร 𝑆𝑛 =
1−𝑟
จะได้ ผลบวก =
1−
2
3
= (34 −
3
)( )
1
3
= 35 − 2 5 = 243 − 32 = 211
18 O-NET (ก.พ. 59)
26. 3
วันแรกตอนได้ 20 กิ่ง → 𝑎1 = 20
ทาได้ เพิ่มขึ ้นวันละ 5 กิ่ง → เป็ นลาดับเลขคณิตที่มี 𝑑 = 5
ทา 7 วัน → 𝑛 = 7
หาผลบวกด้ วยสูตรอนุกรมเลขคณิต 𝑆𝑛 = 𝑛2 (2𝑎1 + (𝑛 − 1)𝑑)
7
= (2(20) + (7 − 1)5)
2
7
= 2
( 40 + 30 ) = 245
27. 4
∑ 𝑤𝑖 𝑥 𝑖 (1)(17)+(1)(21)+(1)(19)+(3)(23)
ค่าเฉลีย่ ถ่วงน ้าหนัก = ∑ 𝑤𝑖
= 1+1+1+3
17 + 21 + 19 + 69 126
= = = 21
6 6
28. 3
บันทึก 30 วัน → 𝑁 = 30
33 33
ข้ อมูลมาเป็ นตัวๆ → 𝑃33 จะอยูต่ วั ที่ 100
(𝑁 + 1) = 100
(30 + 1) = 10.23
ตัวที่ 10
ตัวที่ 11 33 37 43 44 44 55 58 65 65 66
71 74 75 75 78 81 81 81 82 84
86 86 87 89 89 92 92 93 93 95
29. 5
จะเห็นว่ามีข้อมูล 405 ที่มากผิดปกติอยู่ จึงควรใช้ มัธยฐาน เป็ นค่ากลางข้ อมูล
𝑁+1 10+1 ตัวที่ 5 + ตัวที่ 6
หามัธยฐาน → ข้ อมูลมาเป็ นตัวๆ จะได้ มัธยฐาน อยูต่ วั ที่ 2
= 2
= 5.5 → = 2
1 2 3 4 5 6
เรี ยงข้ อมูลถึงตัวที่ 6 จะได้ 148 148 148 151 153 154
ดังนัน้ มัธยฐาน = 153 +2 154 = 153.5
30. 4
เนื่องจาก 𝑥 และ 𝑦 สัมพันธ์กนั ด้ วยสูตร 𝑦𝑖 = 2𝑥𝑖 + 1
จากสมบัติของค่าเฉลีย่ เลขคณิต → 𝑥̅ และ 𝑦̅ จะสัมพันธ์กนั ด้ วยสูตร 𝑦̅ = 2𝑥̅ + 1 ด้ วย
→ โจทย์ให้ 𝑥̅ = 4 ดังนัน้ 𝑦̅ = 2(4) + 1 = 9
5+7+9+𝑎
→ ข้ อมูลรายได้ (𝑦𝑖 ) คือ 5 , 7 , 9 , 𝑎 ดังนัน้ = 9
4
21 + 𝑎 = 36
𝑎 = 15
2
ข้ อนี ้เฉลยของ สทศ. ใช้ สตู ร “กลุม่ ตัวอย่าง” ∑(𝑦𝑁−1 ̅)
𝑖 −𝑦
ในการหาความแปรปรวน อาจเป็ นเพราะโจทย์ถาม “ความ
แปรปรวนของรายได้ ” เฉยๆ แบบไม่ได้ ระบุรายละเอียดอะไร จึงสามารถตีความได้ วา่ โจทย์ถามความแปรปรวนของ
O-NET (ก.พ. 59) 19
31. 5
หลังจากเพิ่มสมาชิก จะมีชาย 𝑚 + 25 คน และมีหญิง 𝑤 + 35
ดังนัน้ มีจานวนสมาชิกทังหมด
้ = 𝑚 + 25 + 𝑤 + 35 = 𝑚 + 𝑤 + 60
จานวนสมาชิกชาย 𝑚+25
ดังนัน้ ความน่าจะเป็ นที่สมุ่ ได้ สมาชิกชาย =
จานวนสมาชิกทังหมด
้
=
𝑚+𝑤+60
32. 1
แบ่งขันตอนตามลู
้ กแต่ละคน ดังนี ้
คนที่ 1 เป็ น ลูกชาย หรื อ ลูกสาว ก็ได้ → เลือกได้ 2 แบบ
คนที่ 2 ต้ องเป็ น ลูกสาว → เลือกได้ 1 แบบ
จะได้ จานวนแบบทังหมด
้ = 2×1×2×1
คนที่ 3 เป็ น ลูกชาย หรื อ ลูกสาว ก็ได้ → เลือกได้ 2 แบบ
= 4 แบบ
คนที่ 4 ต้ องเป็ น ลูกชาย → เลือกได้ 1 แบบ
33. 21
เส่นกีตาร์ 25 คน → ให้ ตรงกลาง 𝑥 คน จะได้ ที่เหลือ = 25 − 𝑥 คน 𝒰
เล่นเปี ยโน 14 คน → หักตรงกลาง 𝑥 คน จะได้ ที่เหลือ = 14 − 𝑥 คน กีตาร์ เปี ยโน
ไม่เล่นทังสองอย่
้ าง 15 คน → ส่วนด้ านนอก = 15 คน วาดได้ ดงั รูป 25 − 𝑥 𝑥 14 − 𝑥
ทังห้
้ องมี 50 คน → ทุกส่วนต้ องรวมกันได้ 50 15
(25 − 𝑥) + 𝑥 + (14 − 𝑥) + 15 = 50
54 − 𝑥 = 50
4 = 𝑥 → เล่นกีตาร์ อย่างเดียว = 25 − 𝑥
= 25 − 4 = 21 คน
34. 2
จาก พื ้นที่สเี่ หลีย่ มจัตรุ ัส = ด้ าน2 จะได้ 𝑎2 = 9 และ 𝑏 2 = 12 (ความยาวด้ าน ต้ องเป็ นบวก)
𝑎 = 3 𝑏 = √12 = 2√3
20 O-NET (ก.พ. 59)
3
𝑎 = 3 = ตรรก
1
→
𝑏 = 2√3 → ถอดรู ทไม่ลงตัว → อตรรก
𝑎𝑏 → ตรรก (≠0) × อตรรก → อตรรก
𝑎 + 𝑏 → ตรรก + อตรรก → อตรรก
𝑎 − 𝑏 → ตรรก − อตรรก → อตรรก
2
มีจานวนตรรกยะ 2 ตัว
2 2 2
𝑎 + 𝑏 = 3 + 2√3 = 9 + 12 = 21 → ตรรก
35. 2
(16)4
ทาให้ เป็ นฐาน 2 ให้ หมด : (4𝑥 )2𝑥−1 =
22𝑥
4
(24 )
((22 )𝑥 )2𝑥−1 = 4𝑥 2 − 16 = 0
22𝑥
216 𝑥2 − 4 = 0
(22𝑥 )2𝑥−1 = 22𝑥 (𝑥 + 2)(𝑥 − 2) = 0
2
24𝑥 −2𝑥 = 2 16−2𝑥 𝑥 = −2 , 2
ตัดฐาน 2 ทังสองฝั
้ ่ง
4𝑥 2 − 2𝑥 = 16 − 2𝑥 แต่โจทย์ให้ 𝑥 เป็ นบวก → 𝑥 = 2
36. 10.5
ให้ เสาธงสูง ℎ เมตร จะวาดได้ ดงั รูป
ℎ จะเห็นว่า ถ้ าใช้ 𝐴 เป็ นมุมอ้ างอิง จะได้ 14 คือ ชิด และ ℎ คือ ข้ าม → ต้ องใช้ tan = ข้ชิาดม
sin 𝐴 0.6 3
𝐴 จะเห็นว่าโจทย์ไม่ได้ ให้ tan 𝐴 มา แต่เราหา tan 𝐴 ได้ จาก tan 𝐴 = cos 𝐴
= 0.8 = 4
14
แทนในอัตราส่วนตรี โกณ : tan 𝐴 = ข้ชิาดม
3×14
3
4
=
ℎ
14
จะได้ ℎ = 4
= 10.5
37. 64
จาก 𝑎4 = 26 และ 𝑎𝑛+1 = 𝑎𝑛 + 𝑛 → แทน 𝑛 = 3 จะได้ 𝑎4 = 𝑎3 + 3
26 = 𝑎3 + 3
23 = 𝑎3 …(1)
จาก 𝑎3 = 23 และ 𝑎𝑛+1 = 𝑎𝑛 + 𝑛 → แทน 𝑛 = 2 จะได้ 𝑎3 = 𝑎2 + 2
23 = 𝑎2 + 2
21 = 𝑎2 …(2)
จาก 𝑎2 = 21 และ 𝑎𝑛+1 = 𝑎𝑛 + 𝑛 → แทน 𝑛 = 1 จะได้ 𝑎2 = 𝑎1 + 1
21 = 𝑎1 + 1
20 = 𝑎1 …(3)
จาก (1), (2), (3) จะได้ 𝑎1 + 𝑎2 + 𝑎3 = 20 + 21 + 23 = 64
O-NET (ก.พ. 59) 21
38. 84.25
พิสยั = ข้ อมูลมากสุด − ข้ อมูลน้ อยสุด มัธยฐาน คือ ข้ อมูลตาแหน่งตรงกลาง
18 = 𝑏 − 74 มีข้อมูล 8 ตัว และมาเป็ นตัวๆ
92 = 𝑏
ดังนัน้ มัยฐานอยูต่ วั ที่ 𝑁+1
2
8+1
= 2 = 4.5
ตัวที่ 4 + ตัวที่ 5
จะได้ มัธยฐาน = 2
80 + 𝑎
85 =
2
170 = 80 + 𝑎
90 = 𝑎
74+78+80+80+90+90+90+92 674
จะได้ คา่ เฉลีย่ เลขคณิต = 8
= 8
= 84.25
39. 80
∑ 𝑥𝑖 2+10+6+8+9 35
จะได้ 𝑥̅ =
𝑁
=
5
=
5
= 7
∑(𝑥𝑖 −𝑥̅ )2
สาหรับ 𝑠 เนื่องจากข้ อมูลในข้ อนี ้เป็ นกลุม่ ตัวอย่าง ต้ องหา 𝑠 จากสูตร √
𝑁−1
(2−7)2 +(10−7)2 +(6−7)2 +(8−7)2 +(9−7)2
จะได้ 𝑠 = √ 5−1
25 + 9 + 1 + 1 + 4 40
= √ 4
= √ 4 = √10 = 3.16
ดังนัน้ ในช่วง (𝑥̅ − 𝑠 , 𝑥̅ + 𝑠) จะมีคา่ ระหว่าง 7 – 3.16 กับ 7 + 3.16
= 3.84 = 10.16
4
ระหว่าง 3.84 กับ 10.16 จะมีข้อมูลคือ 10 , 6 , 8 , 9 จานวน 4 ตัว คิดเป็ นร้ อยละ 5
× 100 = 80
40. 0.25
จานวนแบบทังหมด ้ : มี 3 เหรี ยญ ออกได้ เหรี ยญละ 2 หน้ า
1 2 3
จะได้ จานวนแบบทังหมด ้ = 23 = 8 แบบ ขาว-แดง ฟ้า-แดง ฟ้า-ขาว
จานวนแบบที่ได้ หน้ าต่างกัน : จะแบ่งกรณีนบั ตามเหรี ยญแรก
กรณี เหรี ยญ 1 ออก แดง : จะทาให้ เหรี ยญ 2 ต้ องออก ฟ้า (ถ้ าออก แดง จะซ ้าเหรี ยญ 1)
ซึง่ จะส่งผลต่อให้ เหรียญ 3 ต้ องออก ขาว (ถ้ าออก ฟ้า จะซ ้าเหรี ยญ 2)
→ กรณีนี ้ ได้ แบบเดียว คือ (แดง , ฟ้า , ขาว)
กรณี เหรี ยญ 1 ออก ขาว : จะทาให้ เหรี ยญ 3 ต้ องออก ฟ้า (ถ้ าออก ขาว จะซ ้าเหรี ยญ 1)
ซึง่ จะส่งผลต่อให้ เหรียญ 2 ต้ องออก แดง (ถ้ าออก ฟ้า จะซ ้าเหรี ยญ 3)
→ กรณีนี ้ ได้ แบบเดียว คือ (ขาว , แดง , ฟ้า)
รวมจะได้ แบบที่ได้ หน้ าต่างกัน = 2 แบบ
ดังนัน้ ความน่าจะเป็ น = 28 = 14 = 0.25
22 O-NET (ก.พ. 59)
เครดิต
ขอบคุณ คุณ บุญช่วย ฤทธิเทพ สาหรับข้ อสอบ และ เฉลยวิธีทาครับ
ขอบคุณ คุณ Kanuay Māth ผู้เขียน Math E-Book
คุณ จตุรพัฒน์ ภัควนิตย์
คุณ Tae Potae
คุณครูเบิร์ด จาก กวดวิชาคณิตศาสตร์ ครูเบิร์ด ย่านบางแค 081-8285490
ที่ช่วยตรวจสอบความถูกต้ องของเฉลยครับ