Professional Documents
Culture Documents
Lecture Note - Upper Respiratory Tract 2018
Lecture Note - Upper Respiratory Tract 2018
ิ ยาของทางเดินหายใจสว่ นบน
พยาธิวท
จมูกและไซน ัส
1. Malformations: choanal atresia
ื่ มโพรงจมูกเข ้ากับ nasopharynx ถ ้า
Choana คือ รูเปิ ดด ้านหลังของโพรงจมูกทัง้ สองข ้าง เชอ
หากรูเปิ ดทีด
่ ้านหลังของโพรงจมูกนีเ้ กิดการอุดตันโดยกระดูกหรือเยือ
่ ก็จะเรียกว่า choanal atresia
Choanal atresia มักจะเป็ นแค่ข ้างเดียว และโดยสว่ นใหญ่แล ้ว เป็ นความผิดปกติแต่กาเนิด แต่
่ เดียวกัน
ก็สามารถเกิดจากการได ้รับบาดเจ็บเชน
ลักษณะทางคลินก
ิ ได ้แก่
หายใจลาบาก ตัวเขียว (cyanosis) ซงึ่ อาการจะดีขน ึ้ ในขณะทีร่ ้องไห ้ เนือ
่ งจากในขณะ
ทีร่ ้องไห ้ เด็กจะสามารถหายใจทางปากได ้
ไม่สามารถหายใจในขณะให ้นมได ้
ไม่สามารถใสส ่ ายสวนเข ้าทางรูจมูกได ้ ซงึ่ ชว่ ยในการยืนยันการวินจ ิ ฉั ยภาวะนี้
คัดจมูกตลอดเวลา
น้ ามูกไหลตลอดเวลา เนื่องจากน้ ามูกไม่สามารถไหลออกทางด ้านหลังโพรงจมูกได ้
ภาวะนี้ จาเป็ นต ้องแยกจากภาวะเขียวจากโรคหัวใจพิการแต่กาเนิด ทีส ่ าคัญทีส่ ด
ุ คือ tetralogy
of Fallot อาการตัวเขียวในผู ้ป่ วยกลุม
่ นีจ ื่ เรียกว่า “tet spell” ซงึ่ จะมีอาการมากในขณะทีร ้องไห ้
้ ะมีชอ
(ตรงกันข ้ามกับ choanal atresia ซงึ่ อาการจะดีขน ึ้ ในขณะทีร่ ้องไห ้) และในขณะทีก่ น
ิ นมแม่ เนือ่ งจาก
้
ร่างกายต ้องใชออกซ เิ จนมากขึน
้ ทาให ้ระดับออกซเิ จนในเลือดลดลง จนเกิดอาการตัวเขียวขึน ้ มา
2. Inflammations
2.1 Rhinitis
Rhinitis (จมูกอักเสบ) เป็ นโรคเดียวกับ common cold (หวัด) มีสาเหตุทส
ี่ าคัญ 2 อย่าง ได ้แก่
จากการติดเชอื้ และจากภูมแิ พ้
Infectious rhinitis
สาเหตุสว่ นใหญ่ คือ ไวรัส โดยเฉพาะกลุม
่ adenovirus, echovirus และ rhinovirus แต่อาจมี
ื้ แบคทีเรียตามมาได ้
การติดเชอ
อาการเบือ ื้ ไวรัส ได ้แก่
้ งต ้นจากการติดเชอ
ค ัดจมูก เกิดจากการอักเสบ ทาให ้มีการขยายตัวของหลอดเลือดและการบวมของเยือ ่ บุ
จมูก
นา้ มูกไหล มักจะเป็ นน้ ามูกใส เกิดจากเอ็กซูเดตซงึ่ ออกมาจากหลอดเลือดใน
กระบวนการการอักเสบ และการระคายเคืองซงึ่ กระตุ ้นให ้มีการหลั่งเมือกมากขึน
้
ไอ เกิดจากเยือ ่ เมือกทีห
่ ลั่งมากขึน้ และการหดตัวของหลอดลม อันเป็ นผลจากการ
ระคายเคืองของทางเดินหายใจ
ผลของการอักเสบ ทาให ้พบเยือ
่ เมือกหนาตัวและแดงขึน
้ ทาให ้รูของโพรงจมูกตีบแคบ และ
turbinates มีขนาดใหญ่ขน
ึ้
เมือ ื้ แบคทีเรียแทรกซอน
่ มีการติดเชอ ้ จะทาให ้น้ ามูกมีลักษณะเป็ นหนองขึน
้
ถ ้าไม่มก ื้ แบคทีเรียแทรกซอน
ี ารติดเชอ ้ โรคจะหายได ้เองภายใน 7 วัน แม ้ว่าจะไม่ได ้รับการ
ั ดาห์ แต่ถ ้าปล่อยทิง้ ไว ้ ก็จะหายภายใน 7
รักษาก็ตาม ดังคากล่าวทีว่ า่ “ถ ้ารักษา ก็หายเองได ้ใน 1 สป
วัน”
้
ภาวะแทรกซอนของ infectious rhinitis ได ้แก่
Nasopharyngitis และ tonsillitis จากการกระจายการติดเชอ ื้ ไปสูบ
่ ริเวณคอ หรือที่
เรียกว่า หวัดลงคอ
Sinusitis จากการอุดตันของรูเปิ ดไซนัสเข ้าโพรงจมูก
Otitis media จากการอุดตันของรูเปิ ด Eustachian tube
Laryngitis และ bronchitis จากการกระจายการติดเชอ ื้ ไปตามทางเดินหายใจ
Allergic rhinitis
ื่ เรียกอีกอย่าง คือ hay fever (ไข ้ละอองฟาง) เกิดจาก hypersensitivity ชนิดที่ 1
มีชอ
สารก่อภูมแ
ิ พ ้ทีพ ื้ รา สารก่อภูมแ
่ บได ้บ่อย ได ้แก่ ละอองเกสร เชอ ั ว์ และไรฝุ่ น
ิ พ ้จากสต
เมือ ั ผัสกับสารก่อภูมแ
่ สม ิ พ ้ ซงึ่ ร่างกายเคยได ้รับมาก่อนอย่างน ้อยหนึง่ ครัง้ และรู ้จักกับสาร
ดังกล่าวแล ้ว ก็จะมีการกระตุ ้น TH2 cell ซงจะหลั่ง IL-4 มากระตุ ้นให ้ B cell สร ้าง IgE สง่ ผลให ้มี IgE
่ ึ
มาจับกับ mast cell จนเกิด cross-linking ของ IgE และการหลั่งสารสอ ื่ กลางต่าง ๆ โดย mast cell
ทาให ้เกิดความเสย ี หายต่อเยือ่ บุผวิ การหลั่งเมือก การแทรกตัวของเซลล์เม็ดเลือดขาว การบวม และ
การหดตัวของกล ้ามเนือ ้ เรียบ
นอกจากนี้ TH2 cell และ mast cell ยังหลั่ง IL-3 และ IL-5 ซงึ่ จะเรียก eosinophil มายังบริเวณ
ทีส ั ผัสกับสารก่อภูมแ
่ ม ิ พ้
จากกลไกของ hypersensitivity ชนิดที่ 1 จึงอธิบายการกาเริบของอาการ ซงึ่ จะมี 2 ชว่ ง ได ้แก่
ชว่ งแรก (early phase reaction) เกิดขึน ้ ทันทีหลังจากสม ั ผัสกับสารก่อภูมแิ พ ้ กระตุ ้น
ให ้เกิดโดยสารทีห ่ ลั่งจาก mast cell โดยเฉพาะ histamine
ชว ่ งหล ัง (late phase reaction) เกิดขึน ้ มากในชว่ ง 8-12 ชวั่ โมงหลังจากการสม ั ผัสกับ
สารก่อภูมแ ิ พ้ กระตุ ้นให ้เกิดโดยเซลล์ทางภูมค ิ ุ ้มกันทีเ่ ข ้ามายังบริเวณทีส ั ผัสกับสารก่อ
่ ม
ภูมแ ิ พ ้ในภายหลัง โดยเฉพาะ lymphocyte และ eosinophil
ดังนัน
้ อาการจึงอาจเกิดขึน ้ ซ้าได ้หลายชวั่ โมงหลังจากการสม
ั ผัสกับสารก่อภูมแ
ิ พ ้ แม ้ว่าผู ้ป่ วย
ั ผัสกับสารนั น
จะไม่ได ้สม ้ ซ้าอีกในชว่ งเวลานี้
อาการทีจ
่ ะพบได ้ ได ้แก่ จาม คัดจมูก น้ ามูกไหล คันคอ เจ็บคอ ไอ ตาแดง น้ าตาไหล และคันหู
การรักษาภาวะนี้ ได ้แก่
1. การหลีกเลีย ่ งการสมผ ั ัสสารก่อภูมแ ิ พ้ ซงึ่ เป็ นสงิ่ ทีส
่ าคัญทีส่ ด
ุ
2. ยา เชน ่ antihistamines
3. ภูมค
ิ ม
ุ ้ ก ันบาบ ัด (immunotherapy) ในกรณีทอ ี่ าการรุนแรง กระบวนการ คือ ให ้สาร
ก่อภูมแ ิ พ ้ (เรียกว่า วัคซน ี ) ในขนาดตา่ แล ้วค่อย ๆ เพิม ั ผัส
่ ปริมาณของสารทีใ่ ห ้ การสม
กับสารก่อภูมแ ิ พ ้อย่างชา้ ๆ นี้ จะลดการตอบสนองผ่านทาง TH2 cell ซงึ่ ทาให ้มีการหลั่ง
IgE และกระตุ ้นการตอบสนองผ่านทาง TH1 cell แทน
2.2 Nasal polyps
Nasal polyps เป็ นเยือ
่ บุทางเดินหายใจในโพรงจมูกทีบ
่ วมขึน
้ ทาให ้เกิดเป็ นก ้อนทีม
่ ล
ี ก
ั ษณะ
เป็ นถุงและมีขวั ้
สาเหตุ คือ การทีเ่ ป็ นจมูกอักเสบซ้าแล ้วซ้าอีก ซงึ่ อาจเกิดจากการเป็ นหวัดจากการติดเชอ ื้ บ่อย
ๆ หรือจากจมูกอักเสบภูมแ ิ พ ้ก็ได ้ ผู ้ป่ วยสว่ นใหญ่ไม่ได ้เป็ นภูมแ
ิ พ ้ และผู ้ป่ วยทีเ่ ป็ นภูมแ
ิ พ ้แค่ 0.5%
เท่านัน
้ ทีจ
่ ะเกิด polyp ขึน
้ มา
3. Necrotising lesion
โรคทีท
่ าให ้เกิดการตายของเนือ
้ เยือ
่ บริเวณโพรงจมูกได ้มาก 3 โรค ได ้แก่
Mucormycosis พบในผู ้ป่ วยเบาหวานทีค ่ ม
ุ น้ าตาลไม่ด ี และผู ้ป่ วยทีม่ ภ
ี ม
ู ค
ิ ุ ้มกัน
บกพร่อง
Granulomatosis with angiitis (ชอ ื่ เดิม คือ Wegener granulomatosis) คือ โรค
หลอดเลือดอักเสบ ซงึ่ มีลก
ั ษณะสาคัญ 3 ประการ ได ้แก่
1. Necrotising angiitis
2. Aseptic necrosis of upper respiratory tract and lungs
3. Focal glomerulonephritis
Lethal midline granuloma (polymorphic reticulosis) เป็ นมะเร็งของ NK cells
เกิดจากการติดเชอื้ EBV พบในผู ้ชายอายุ 40-60 ปี ซงึ่ มะเร็งชนิดนีม ้ ล
ี ักษณะพิเศษ คือ
จะทาให ้เกิดแผลและการติดเชอ ื้ แบคทีเรียแทรกซอนได ้ ้ จึงพบ granulomatous
inflammation ได ้มาก ซงึ่ อาจบดบังเซลล์มะเร็งได ้ โรคนีม ้ คี วามรุนแรงมาก อัตราการ
ตายสูงมาก สาเหตุการตายทีส ่ าคัญ คือ การบุกรุกขึน ้ สมอง และการติดเชอ ื้ แทรกซอน ้
4. Neoplasms
้ สว่ น lymphoma รายละเอียดอยูใ่ นหัวข ้อก่อนหน ้านี้
จะกล่าวถึงเฉพาะ papilloma เท่านัน
(lethal midline granuloma)
4.1 Sinonasal papilloma
เป็ นเนือ
้ งอก benign เกิดขึน
้ ที่ sinonasal mucosa มีสาเหตุสาคัญ คือ HPV ชนิดที่ 6 และ 11
Sinunasal papilloma แบ่งออกเป็ น 3 ชนิด ได ้แก่
1. Septal (exophytic หรือ fungiform) papilloma พบได ้บ่อยทีส ่ ด
ุ เกิดขึน
้ ที่
้ ื
nasal septum เป็ นก ้อนทีง่ อกเข ้ามาในโพรงจมูก พบเชอ HPV ได ้บ่อยมาก
2. Inverted (endophytic) มักเกิดขึน ้ ที่ lateral wall หรือในไซนัส อาจไม่พบเชอ ื้
HPV ได ้ มีความสาคัญทางชวี วิทยา เนือ ่ งจากมีความรุนแรงเฉพาะที่ โดยก ้อนจะโตเข ้า
ไปยังเนือ
้ เยือ
่ ข ้างใต ้ แทนทีจ่ ะงอกออกมาในโพรงจมูก จึงอาจบุกรุกเข ้าไปในเบ ้าตา
หรือในกะโหลกศรี ษะได ้ นอกจากนี้ เนือ ้ งอกประเภทนีย ้ ังเกิดซ้าได ้บ่อย และอาจ
กลายเป็ นมะเร็ง หรือมีมะเร็งเกิดขึน้ ในบริเวณทีเ่ คยเป็ น papilloma ได ้
3. Cylindrical (oncocytic หรือ columnar cell) เกิดขึน ้ ทีบ
่ ริเวณเดียวกับ inverted
type และจะไม่พบเชอ ื้ HPV
อาการ คือ คัดจมูก แน่นจมูก และเลือดกาเดาไหลจากตัวก ้อน ถ ้ามีการบุกรุกเข ้าเบ ้าตา ก็จะทา
ให ้ตาถลน (proptosis) หรือถ ้าเข ้ากะโหลกศรี ษะ ก็จะทาให ้เกิดอาการทางระบบประสาท
คอหอย
1. Inflammations: pharyngitis and tonsillitis
สาเหตุสว่ นใหญ่ (>90%) คือ การติดเชอ
ื้ ไวรัส ทีส
่ าคัญได ้แก่ rhinovirus, echovirus,
adenovirus, RSV, influenza virus
สว่ นการติดเชอื้ แบคทีเรีย ซงึ่ อาจทาให ้เกิดการอักเสบได ้โดยตรง หรืออาจเกิดขึน ้ ตามหลังการ
ื ้
ติดเชอไวรัส แม ้จะพบได ้ไม่บอ ่ ยเท่าไวรัส แต่มค ้ ื
ี วามสาคัญมากกว่า เชอแบคทีเรียทีส ่ าคัญทีส ่ ด
ุ และพบ
ได ้บ่อยทีส ุ คือ group A β-hemolytic Streptococcus (Streptococcus pyogenes) ซงถ ้าไม่ได ้รับ
่ ด ่ ึ
การรักษาอย่างถูกต ้อง อาจเกิดภาวะแทรกซอนที ้ ร่ น
ุ แรงได ้ คือ rheumatic fever และ acute post-
streptococcal glomerulonephritis
ิ คือ เจ็บคอ ไข ้ ปวดศรี ษะ ไม่สบายตัว ซงึ่ เกิดขึน
ลักษณะทางคลินก ้ ทันทีทันใด
ื้ ไวรัส ทาให ้ตรวจพบทอนซล
การติดเชอ ิ และคอบวมและแดง
ื้ แบคทีเรีย ทาให ้ตรวจพบทอนซล
การติดเชอ ิ บวมแดง ร่วมกับมีจด ิ จากการเกิด
ุ ขาวบนทอนซล
หนอง และอาจพบลิน ้ ไก่บวมได ้
้ ได ้แก่
ภาวะแทรกซอน
Rheumatic fever และ acute post-streptococcal glomerulonephritis
ื้ group A β-hemolytic Streptococcus
หลังจากการติดเชอ
Chronic tonsillitis (chronic hypertrophic tonsillitis) คือ การโตขึน ้ ของ
ิ
ทอนซลจาก lymphoid tissue ทีเ่ จริญขึน ่ ึ
้ และคงอยู่ ซงอาจทาให ้เกิด obstructive
sleep apnoea ได ้
2. Neoplasms
2.1 Nasopharyngeal angiofibroma
พบในผู ้ชาย วัยรุน
่ (10-25 ปี ) แทบจะไม่พบผู ้หญิงเลย โดยเชอื่ ว่าสม
ั พันธ์กับ androgen ซงึ่
สอดคล ้องกับการพบ androgen receptors ใน 75% ของเนือ ้ งอกชนิดนี้
ตาแหน่งทีพ ่ บได ้บ่อย คือ posterolateral wall ของเพดานจมูก อาจโตเข ้า nasopharynx หรือ
อาจรุกรานเข ้าเบ ้าตาหรือโพรงกะโหลกศรี ษะได ้
ี าว เหนียวแน่น ขอบเขตชด
ลักษณะของก ้อน คือ เป็ นก ้อนสข ั เจน แต่ไม่มแ
ี คปซูล หน ้าตัดมี
ลักษณะเป็ นฟองน้ า
ตรวจด ้วยกล ้องจุลทรรศน์จะพบหลอดเลือดผนั งหนา ซงึ่ แตกแขนงเป็ นแฉก หรือเป็ นรูปเขา
ั ้ เดียว ร่วมกับมี fibrous stroma อยูร่ ะหว่างหลอดเลือด
กวาง (staghorn) และบุด ้วยเซลล์เพียงชน
ข ้อควรระวังสาหรับแพทย์ผู ้รักษา คือ การทา biopsy อาจทาให ้มีเลือดออกอย่างรุนแรงได ้
เนือ
่ งจากตัวเนือ
้ งอกมีหลอดเลือดปริมาณมาก
ก ้อนอาจยุบลงได ้หลังชว่ งวัยรุน
่ โดยเฉพาะถ ้าได ้รับการรักษาอย่างเหมาะสมด ้วยการผ่าตัด
บางสว่ น ร่วมกับการฉายแสง
อัตราการเป็ นซ้าสูง คือ 20%
อัตราการตาย คือ 9% ซงึ่ อาจเกิดจากเลือดออก หรือการรุกรานของเนือ
้ งอกขึน
้ สมอง
ปั จจัยทีเ่ กีย
่ วข ้องกับ nasopharyngeal carcinoma ได ้แก่
ความเสย ี่ งทางกรรมพ ันธุ ์ เกีย่ วข ้องกับ HLA-B17 และ HLA-BW46
กลุม
่ อายุ เกิดขึน ้ ได ้มากใน 2 ชว่ งอายุ ได ้แก่ 15-25 ปี และ 60-69 ปี นอกจากนี้ มะเร็ง
ชนิดนีเ้ ป็ นมะเร็งทีพ่ บบ่อยทีส
่ ด
ุ ในเด็กทีท ่ วีปแอฟริกา เป็ นมะเร็งทีพ
่ บบ่อยในผู ้ใหญ่ทจ
ี่ น
ี
ตอนใต ้ และพบได ้ทัง้ ในเด็กและผู ้ใหญ่ในอเมริกา
การติดเชอ ื้ EBV ตรวจพบจีโนมของ EBV ได ้ในเซลล์มะเร็งซงึ่ เป็ น epithelial cells
แต่ไม่พบใน lymphocytes ทีอ ่ ยูใ่ กล ้กับเซลล์มะเร็ง โดยถ ้าเป็ นชนิด undifferentiated
และ non-keratinising squamous cell carcinomas จะพบ EBV ได ้บ่อยกว่าชนิด
keratinising squamous cell carcinoma
World Health Organisation (WHO) ได ้แบ่ง nasopharyngeal carcinoma ตามลักษณะทาง
พยาธิวท
ิ ยา ออกเป็ น 2 ประเภท ได ้แก่
Type 1: keratinising squamous cell carcinoma
Type 2: nonkeratinising squamous cell carcinoma
o Type 2a: differentiated
o Type 2b: undifferentiated
ลักษณะทางคลินก ้
ิ คือ ก ้อนทีโ่ ตชาในบริ
เวณ nasopharynx หรืออาจมีตอ
่ มน้ าเหลืองทีค
่ อโต
จากการกระจายของมะเร็ง
การวินจ ิ ฉั ยหลัก คือ การทา random biopsy โดยเฉพาะที่ Rosenmüller’s fossa ซงึ่ เป็ น
บริเวณทีเ่ กิดมะเร็งได ้บ่อย
การตรวจเพิม
่ เติม เพือ ื้ EBV ได ้แก่
่ ยืนยันการติดเชอ
การตรวจหา EBV genome ใน serum ด ้วยวิธ ี polymerase chain reaction
การตรวจหา EBER-1 RNA ด ้วยวิธ ี in situ hybridisation
การตรวจหา LMP-1 protein ด ้วยวิธ ี immunohistochemistry
70% ของผู ้ป่ วย จะมีการกระจายไปยังต่อมน้ าเหลืองทีค
่ อตัง้ แต่ตอนทีว่ น
ิ จ
ิ ฉัยได ้
การรักษาหลัก คือ การฉายแสง โดยมะเร็งชนิด 2b จะรักษาได ้ผลดีกว่าชนิด 2a และ 1 ดังนัน
้
มะเร็งชนิด 1 ถือเป็ นปั จจัยพยากรณ์โรคทีไ่ ม่ด ี
ปั จจัยพยากรณ์โรค ได ้แก่ อายุ ระยะของมะเร็ง และตาแหน่งทีม
่ ะเร็งกระจายไป
อัตราการรอดชวี ต
ิ ใน 5 ปี คือ 60%
ี ง
กล่องเสย
1. Inflammations
1.1 Acute epiglottitis
่ าคัญ ได ้แก่ Haemophilus influenzae และ β-hemolytic streptococcus
ื้ ก่อโรคทีส
เชอ
่ อายุ คือ ทารก และเด็กเล็ก สว่ นเด็กโตและผู ้ใหญ่พบได ้ไม่บอ
กลุม ่ ย เนือ
่ งจากขนาดทางเดิน
้ ชว่ ยหายใจทีแ
หายใจใหญ่กว่า และมีกล ้ามเนือ ่ ข็งแรงกว่า
้ อย่างทันทีทันใด ผู ้ป่ วยจะมีอาการรุนแรงมาก มีไข ้สูง (>38.5 oC) พบ stridor
อาการเกิดขึน
อย่างรุนแรงปานกลางหรือรุนแรงมาก พูดไม่ได ้ และอาจกลืนน้ าลายไม่ได ้ ทาให ้มีน้ าลายไหลออกทาง
ปาก อาการไอมักจะมีน ้อยหรือไม่ม ี
ตรวจ X-ray มุมมองจากด ้านข ้าง พบการบวมของ epiglottis เรียก thumbnail sign
1.2 Acute laryngotracheobronchitis (croup)
คาว่า croup มาจากภาษา Scottish คาว่า roup ซงึ่ แปลว่า การร ้องด ้วยเสย
ี งแหลม
Vocal cord polyps มักพบที่ true vocal cord ข ้างเดียว โดยเชอ ื่ ว่า เกิดจาก nodules ทีม
่ ี
่ มแซม จนปรากฏเป็ นตุม
เลือดออก แล ้วทาให ้เกิดการซอ ่ ถาวรทีไ่ ม่หายเอง
ทัง้ สองภาวะนี้ ไม่เคยทาให ้เกิดเป็ นมะเร็งเลย
3. Neoplasms
3.1 Laryngeal squamous papilloma
เป็ นเนือ
้ งอก benign ทีม
่ ก
ั เกิดบริเวณ true vocal cords
ื้ HPV ชนิด 6 และ 11 อาจได ้รับเชอ
สาเหตุ คือ การติดเชอ ื้ จากการสาลักเชอ
ื้ ในขณะคลอด
สาเหตุการตายทีส ื้ ทีท
่ าคัญ ได ้แก่ การติดเชอ ่ างเดินหายใจสว่ นปลายต่อก ้อนมะเร็ง การกระจาย
ไปอวัยวะอืน
่ และการขาดสารอาหารอย่างรุนแรง (cachexia)
อ่านเพิม
่ เติม
Robbins & Cotran Pathologic Basis of Disease, ninth edition.
Rapid Review Pathology, fourth edition, by Edward F. Goljan.