You are on page 1of 57

ย่อตัวบทกฎหมายแพ่ง สาหร ับผู ้สอบเนติบณ

ั ฑิต
อาจจะมีประโยชน์บ ้างสาหร ับท่าน
ขอให ้ท่านโชคดีในการสอบ
ย่อตัวบทกฎหมายแพ่ง สาหร ับผู ้สอบเนติบณั ฑิต
บทเฉพาะกาล
***ขัดต่อความสงบฯ หมายถึง
ขัดต่อความสงบเรียบร ้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน
***ผูฯสุ
้ จริต หมายถึง บุคคลภายนอกผู ้กระทาการโดยสุจริต
***ผูแทนฯ
้ หมายถึง ผูแทนโดยชอบธรรม

***ประนี ประนอมฯ หมายถึง ประนี ประนอมยอมความ
***ผูร้ ับฯ หมายถึง ผู ้ร ับพินัยกรรม
***ผูท้ าฯ หมายถึง ผู ้ทาพินัยกรรม
มาตรา 137 - 300
*******ทร ัพย ์ ตามมาตรา 137
มาตรา 137 ทร ัพย ์ คือวัตถุมรี ป
ู ร่าง
********ทร ัพย ์สินตามมาตรา 138
้ ัพย ์และวัตถุไม่มรี ูปร่าง
มาตรา 138 ทร ัพย ์สิน หมายถึง รวมทังทร

ซึงอาจมีราคาและอาจถือเอาได ้
*****อสังหาริมทร ัพย ์ ตามมาตรา 139
มาตรา 139 อสังหาริมทร ัพย ์
่ นและทร ัพย ์อันติดอยู่กบั ทีดิ
หมายถึงทีดิ ่ นมีลก
ั ษณะเป็ นการถาวร
หรือประกอบเป็ นอันเดียวกับทีดิ่ นและรวมถึงทร ัพยสิทธิด ้วย
*****สังหาริมทร ัพย ์ ตามมาตรา 140
มาตรา 140 สังหาริมทร ัพย ์ หมายถึง

ทร ัพย ์สินอืนนอกจากอสั ่
งหาริมทร ัพย ์และรวมถึงสิทธิเกียวกั
บทร ัพ
ย ์สิน
*****ส่วนควบของทร ัพย ์ ตามมาตรา 144
มาตรา 144 ว.1 ส่วนควบ คือ

ส่วนซึงโดยสภาพแห่ ่ นสา
งทร ัพย ์หรือจารีตประเพณี แห่งท ้องถินเป็
ระสาคัญในความเป็ นอยู่ของทร ัพย ์นั้น
และไม่อาจแยกจากกันได ้นอกจากจะทาลาย ทาให ้บุบสลาย
หรือทาให ้ทร ัพย ์นั้นเปลียนแปลงรู
่ ปทรงหรือสภาพ
ว.2 เจ ้าของทรพ ์ วนควบ
ั ย ์ย่อมมีกรรมสิทธิในส่
*****ไม้ยน
ื ต ้นเป็ นส่วนควบ ตามมาตรา 145
มาตรา 145 ไมย้ น ่ น
ื ต ้นเป็ นส่วนควบกับทีดิ
*****กรณี ไม่เป็ นส่วนควบ ตามมาตรา 146
มาตรา 146
่ ดกับทีดิ
ทร ัพย ์ซึงติ ่ นหรือติดกับโรงเรือนเพียงชวคราวไม่
่ั ถอ ื ว่าเป็ น
ส่วนควบกับทีดิ ่ นหรือโรงเรือนนั้น
ความข ้อนี ให ้ ้ใช ้บังคับแก่โรงเรือนหรือสิงปลู
่ กสร ้างอย่างอืนซึ ่ งผู่ ้มี
สิทธิในทีดิ่ นของผู ้อืนใช
่ ้สิทธิน้ันปลูกสร ้างไว ้ในทีดิ
่ นนั้นด ้วย
*****อุปกรณ์ ตามมาตรา 147
มาตรา 147 ว.1 อุปกรณ์ หมายความว่า
สังหาริมทร ัพย ์โดยปกตินิยมเฉพาะถินหรื่ อโดยเจตนาช ัดแจ ้งของเ
จ ้าของทรพั ย ์ประธาน

เป็ นของใช ้ประจาอยู่กบั ทร ัพย ์ประธานเป็ นอาจิณเพือประโยชน์ แก่
การจัดดูแล ใช ้สอยหรือร ักษาทร ัพย ์ประธาน
และเจ ้าของได ้นามาติดต่อหรือปร ับเข ้าไว ้

หรือทาโดยประการอืนในฐานะเป็ นของใช ้ประกอบกับทร ัพย ์ประธา

ว.2
่ั
อุปกรณ์แยกออกจากทร ัพย ์ประธานชวคราวยั งไม่ขาดจากการเป็
นอุปกรณ์
ว.3 อุปกรณ์ตดิ ไปกับทรพ ั ย ์ประธาน

เว ้นแต่จะกาหนดไว ้เป็ นอย่างอืน
*****ดอกผลของทร ัพย ์ ตามมาตรา 148
มาตรา 148 ว.1 ดอกผล คือ ดอกผลธรรมดาและดอกผลนิ ตน ิ ัย
ว.2 ดอกผลธรรมดา คือ
่ เกิ
สิงที ่ ดตามธรรมชาติของทรพ ่ ้มาจากตัวทร ัพย ์
ั ย ์ซึงได
ว.3 ดอกผลนิ ตน ิ ัย
คือทร ัพย ์หรือประโยชน์อย่างอืนที ่ ได ่ ้มาเป็ นครงคราวแก่
้ั เจ ้าทร ัพย ์
่ เพือการที
จากผู ้อืน ่ ่ ้ใช ้ทร ัพย ์นั้น
ได
และสามารถคานวณและถือเอาได ้เป็ นรายวันหรือตามระยะเวลาที่
กาหนด
*****นิ ตก
ิ รรม ตามมาตรา 149
มาตรา 149 นิ ตก ิ รรม หมายความว่า การใด ๆ
อันทาลงโดยชอบด ้วยกฎหมายและใจสมัคร มุ่งผูกนิ ตสิ ม
ั พันธ ์
่ ก่อ เปลียนแปลง
เพือ ่ ่ ทธิ
โอน สงวน หรือระงับซึงสิ
มาตรา 150
การใดมีวต ั ถุประสงค ์เป็ นการต ้องห ้ามช ัดแจ ้งโดยกฎหมายเป็ นกา
รพ้นวิสยั หรือเป็ นการขัดต่อความสงบเรียบร ้อยหรือศีลธรรมอันดี
ของประชาชน การนั้นเป็ นโมฆะ
*****วัตถุประสงค ์ต ้องห ้ามช ัดแจ ้ง
พ้นวิสยั หรือขัดต่อความสงบฯเป็ นโมฆะ ตามมาตรา 150
มาตรา 150
การใดมีวต
ั ถุประสงค ์ต ้องห ้าม/พ้นวิสยั /ขัดต่อความสงบฯเป็ นโมฆ

มาตรา 151 การใดเป็ นการแตกต่างกับบทบัญญัตข ิ องกฎหมาย

ถ ้ามิใช่กฎหมายอันเกียวกั บความสงบเรียบร ้อยหรือศีลธรรมอันดี
ของประชาชน การนั้นไม่เป็ นโมฆะ
*****นิ ตกิ รรมแตกต่างกับกฎหมายถ ้าไม่ขด ั ต่อความสงบฯไม่เป็ น
โมฆะตาม มาตรา 151
มาตรา 151 การใดเป็ นการแตกต่างกับกฎหมาย
ถ ้ามิใช่ความสงบฯ ไม่เป็ นโมฆะ
มาตรา 152 การใดมิได ้ทาใหถ้ ก ่
ู ต ้องตามแบบทีกฎหมายบั งคับไว ้
การนั้นเป็ นโมฆะ
นิ ตก
ิ รรมไม่ทาตามแบบเป็ นโมฆะ ตาม มาตรา 152
มาตรา 152 การใดมิได ้ทาใหถ้ ก
ู ต ้องตามแบบเป็ นโมฆะ
*****นิ ตก
ิ รรมไม่เป็ นไปตามบทบัญญัตวิ า่ ด ้วยความสามารถ
ตามมาตรา 153
มาตรา 153 การใดมิได ้เป็ นไปตามกฎหมายว่าด ้วยความสามารถ
เป็ นโมฆียะ
มาตรา 154
การแสดงเจตนาใดแม้ในใจจริงผู ้แสดงจะมิได ้เจตนาให ้ตนต ้องผูก
พันตามทีได ่ ้แสดงออกมาก็ตาม
หาเป็ นมูลเหตุให ้การแสดงเจตนานั้นเป็ นโมฆะไม่
เว ้นแต่คก
ู่ รณี อกี ฝ่ ายหนึ่ งจะได ้รู ้ถึงเจตนาอันซ่อนอยู่ในใจของผู ้แ
สดงนั้น
*****นิ ตก ิ รรมมีเจตนาซ่อนเร ้นไม่โมฆะ เว ้นแต่รู ้ ตามมาตรา 154
มาตรา 154
การแสดงเจตนาแมใ้ นใจจริงจะมิได ้เจตนาให ้ตนต ้องผูกพันตามที่
แสดงออก ไม่เป็ นโมฆะ เว ้นแต่อก
ี ฝ่ ายรู ้ถึงเจตนาอันซ่อนอยู่
มาตรา 155
การแสดงเจตนาลวงโดยสมรู ้กับคูก ่ รณี อกี ฝ่ ายหนึ่ งเป็ นโมฆะ
้ นข ้อต่อสู ้บุคคลภายนอกผู ้กระทาการโดยสุจริต
แต่จะยกขึนเป็
และต ้องเสียหายจากการแสดงเจตนาลวงนั้นมิได ้
ถ ้าการแสดงเจตนาลวงตามวรรคหนึ่ งทาขึนเพื ้ ออ ่ าพรางนิ ตก ิ รรม

อืน
ให ้นาบทบัญญัตข ิ องกฎหมายอันเกียวกั่ บนิ ตก ิ รรมทีถู่ กอาพรางม
าใช ้บังคับ
เจตนาลวงเป็ นโมฆะ ต่อสู ้บุคคลภายนอกสุจริตไม่ได ้ ตามมาตรา
155
มาตรา 155 ว.1 การแสดงเจตนาลวงโดยสมรู ้กับคูก ่ รณี อก
ี ฝ่ าย
เป็ นโมฆะ
แต่จะยกขึนเป็้ นข ้อต่อสู ้บุคคลภายนอกผู ้สุจริต และเสียหายมิได ้
ว.2 ตามวรรคหนึ่ งทาขึนเพื
้ ออ ่ าพรางนิ ตกิ รรมอืน ่
ให ้นานิ ตก ่ กอาพรางมาใช ้บังคับ
ิ รรมทีถู
มาตรา 156
การแสดงเจตนาโดยสาคัญผิดในสิงซึ ่ งเป็
่ นสาระสาคัญแห่งนิ ตก ิ รร
มเป็ นโมฆะ
ความสาคัญผิดในสิงซึ่ งเป็
่ นสาระสาคัญแห่งนิ ตก ิ รรมตามวรรคหนึ่
ง ได ้แก่ความสาคัญผิดในลักษณะของนิ ตก ิ รรม
ความสาคัญผิดในตัวบุคคลซึงเป็่ นคูก
่ รณี แห่งนิ ตกิ รรมและความ
่ นวัตถุแห่งนิ ตก
สาคัญผิดในทร ัพย ์สินซึงเป็ ิ รรม เป็ นต ้น
*****แสดงเจตนาสาคัญผิดในสาระสาคัญของนิ ตก ิ รรมเป็ นโมฆะ
ตามมาตรา 156
มาตรา 156 ว.1 สาคัญผิดในสาระสาคัญเป็ นโมฆะ
ว.2 สาคัญผิดในสาระสาคัญได ้แก่ลก ั ษณะ
ตัวคูก
่ รณี และทร ัพย ์สิน แห่งนิ ตก
ิ รรม
มาตรา 157
การแสดงเจตนาโดยสาคัญผิดในคุณสมบัตข ิ องบุคคลหรือทร ัพย ์
สินเป็ นโมฆียะ
ความสาคัญผิดตามวรรคหนึ่ ง
ต ้องเป็ นความสาคัญผิดในคุณสมบัตซ ึ่
ิ งตามปกติ ถอื ว่าเป็ นสาระ
สาคัญ

ซึงหากมิ ได ้มีความสาคัญผิดดังกล่าวการอันเป็ นโมฆียะนั้นคงจะมิ
ได ้กระทาขึน้
*****สาคัญผิดในคุณสมบัตท ี่ นสาระสาคัญ ตามมาตรา 157
ิ เป็
มาตรา 157 ว.1
สาคัญผิดในคุณสมบัตข ิ องบุคคลหรือทร ัพย ์สินเป็ นโมฆียะ
ว.2 ตามวรรคหนึ่ ง

ต ้องเป็ นความสาคัญผิดซึงปกติ ถอ
ื เป็ นสาระสาคัญ
หากมิได ้สาคัญผิดการอันเป็ นโมฆียะคงมิได ้ทาขึน้
มาตรา 158 ความสาคัญผิดตามมาตรา 156 หรือมาตรา 157
่ ดขึนโดยความประมาทเลิ
ซึงเกิ ้ นเล่ออย่างร ้ายแรงของบุคคลผู ้แสด
งเจตนาบุคคลนั้นจะถือเอาความสาคัญผิดนั้นมาใช ้เป็ นประโยชน์
แก่ตนไม่ได ้
*****สาคัญผิดโดยประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง ตามมาตรา
158
มาตรา 158 ผูแสดงเจตนาส
้ าคัญผิดตามมาตรา 156
หรือมาตรา 157 เกิดโดยประมาทเลินเล่ออย่างร ้ายแรง
จะถือเป็ นประโยชน์แก่ตนไม่ได ้
มาตรา 159 การแสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้อฉลเป็ นโมฆียะ
การถูกกลฉ้อฉลทีจะเป็ ่ นโมฆียะตามวรรคหนึ่ ง
จะต ้องถึงขนาดซึงถ ่ ้ามิได ้มีกลฉ้อฉลดังกล่าว
การอันเป็ นโมฆียะนั้นคงจะมิได ้กระทาขึน้
ถ ้าคู่กรณี ฝ่ายหนึ่ งแสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้อฉลโดยบุคคลภาย
นอกการแสดงเจตนานั้นจะเป็ นโมฆียะต่อเมือคู ่ ก ี ฝ่ ายหนึ่ งไ
่ รณี อก
ด ้รู ้หรือควรจะได ้รู ้ถึงกลฉ้อฉลนั้น
*****กลฉ้อฉล ตามมาตรา 159
มาตรา 159 ว.1 การแสดงเจตนาเพราะถูกกลฉ้อฉลเป็ นโมฆียะ
ว.2 กลฉ้อฉลเป็ นโมฆียะตามวรรคหนึ่ ง จะต ้องถึงขนาด
ถ ้ามิได ้มีกลฉ้อฉล การเป็ นโมฆียะคงมิได ้ทาขึน้
ว.3 กลฉ้อฉลโดยบุคคลภายนอก
จะเป็ นโมฆียะต่อเมืออี ่ กฝ่ ายรู ้หรือควรรู ้ถึงกลฉ้อฉล
มาตรา 160
การบอกล ้างโมฆียะกรรมเพราะถูกกลฉ้อฉลตามมาตรา 159
ห ้ามมิให ้ยกเป็ นข ้อต่อสู ้บุคคลภายนอกผู ้กระทาการโดยสุจริต
*****การบอกล ้างโมฆียะต่อบุคคลภายนอก ตามมาตรา 160
มาตรา 160 การบอกล ้างตามมาตรา 159
ห ้ามมิให ้ยกต่อสู ้บุคคลภายนอกผู ้สุจริต
มาตรา 161
่ รณี ฝ่ายหนึ่ งยอมร ับข ้อกา
ถ ้ากลฉ้อฉลเป็ นแต่เพียงเหตุจงู ใจให ้คูก
่ าทีคู
หนดอันหนักยิงกว่ ่ ก
่ รณี ฝ่ายนั้นจะยอมร ับโดยปกติ
่ รณี ฝ่ายนั้นจะบอกล ้างการนั้นหาได ้ไม่
คูก

แต่ชอบทีจะเรี ่
ยกเอาค่าสินไหมทดแทนเพือความเสี ยหายอันเกิดจ
ากกลฉ้อฉลนั้นได ้
*****กลฉ้อฉลเป็ นเพียงเหตุจงู ใจ ตามมาตรา 161
่ า
มาตรา 161 กลฉ้อฉลเป็ นเหตุจงู ใจให ้ร ับข ้อกาหนดยิงกว่
บอกล ้างไม่ได ้ แต่เรียกค่าสินไหมทดแทนได ้
มาตรา 162 ในนิ ตก ิ รรมสองฝ่ าย
การทีคู ่ ก่ รณี ฝ่ายหนึ่ งจงใจนิ่ งเสียไม่แจ ้งข ้อความจริงหรือคุณสมบั
ติอนั คูก่ รณี อก ี ฝ่ ายหนึ่ งมิได ้รู ้ การนั้นจะเป็ นกลฉ้อฉล
หากพิสจ ู น์ได ้ว่าถ ้ามิได ้นิ่ งเสียเช่นนั้น
นิ ตกิ รรมนั้นก็คงจะมิได ้กระทาขึน้
*****กลฉ้อฉลโดยการนิ่ ง ตามมาตรา 162
มาตรา 162 นิ ตก ิ รรมสองฝ่ าย
ฝ่ ายหนึ่ งจงใจนิ่ งไม่แจ ้งข ้อความจริงหรือคุณสมบัตจิ ะเป็ นกลฉ้อฉ
ล หากพิสจ ู น์ได ้ว่าถ ้ามิได ้นิ่ ง นิ ตก
ิ รรมมิได ้ทาขึน้
มาตรา 163
ถ ้าคูก ้
่ รณี ตา่ งได ้กระทาการโดยกลฉ้อฉลด ้วยกันทังสองฝ่ าย
ฝ่ ายหนึ่ งฝ่ ายใดจะกล่าวอ ้างกลฉ้อฉลของอีกฝ่ ายหนึ่ ง

เพือบอกล ้างการนั้น หรือเรียกค่าสินไหมทดแทนมิได ้
*****กลฉ้อฉลสองฝ่ าย ตามมาตรา 163
มาตรา 163 กลฉ้อฉลทังสองฝ่ ้ าย
ฝ่ ายใดฝ่ ายหนึ่ งจะกล่าวอ ้างเพือบอกล
่ ้าง
หรือเรียกค่าสินไหมทดแทนมิได ้
มาตรา 164 การแสดงเจตนาเพราะถูกข่มขูเ่ ป็ นโมฆียะ
การข่มขูท ี่ าให ้การใดตกเป็ นโมฆียะนั้น
่ จะท
จะต ้องเป็ นการข่มขูท ี่
่ จะให ้เกิดภัยอันใกล ้จะถึง
และร ้ายแรงถึงขนาดทีจะจู ่ งใจให ้ผู ้ถูกข่มขูม
่ มี ูลต ้องกลัว
่ ้ามิได ้มีการข่มขูเ่ ช่นนั้น การนั้นก็คงจะมิได ้กระทาขึน้
ซึงถ
*****แสดงเจตนาเพราะถูกข่มขู่ ตามมาตรา 164
มาตรา 164 ว.1 การถูกข่มขูเ่ ป็ นโมฆียะ
ว.2จะต ้องเป็ นการข่มขูใ่ ห ้เกิดภัยใกล ้จะถึง
และร ้ายแรงถึงขนาดต ้องกลัว ถ ้ามิได ้ข่มขู่ การนั้นคงมิได ้ทาขึน้
มาตรา 165 การขูว่ า่ จะใช ้สิทธิตามปกตินิยม
ไม่ถอ
ื ว่าเป็ นการข่มขู่

การใดทีกระท าไปเพราะนับถือยาเกรง
ไม่ถอื ว่าการนั้นได ้กระทาเพราะถูกข่มขู่
*****การใช ้สิทธิ การนับถือไม่เป็ นการข่มขู่ ตามมาตรา 165
มาตรา 165 ว.1 การใช ้สิทธิตามปกติ ไม่เป็ นการข่มขู่
ว.2 เพราะนับถือ ไม่เป็ นการข่มขู่
มาตรา 166
การข่มขูย ่ ่อมทาให ้การแสดงเจตนาเป็ นโมฆียะแมบ้ ุคคลภายนอก
จะเป็ นผู ้ข่มขู่
*****บุคคลภายนอกข่มขูเ่ ป็ นโมฆียะ ตามมาตรา 166
มาตรา 166 การข่มขูเ่ ป็ นโมฆียะแมบ้ ุคคลภายนอกข่มขู่
มาตรา 167 ในการวินิจฉัยกรณี ความสาคัญผิด กลฉ้อฉล
หรือการข่มขูใ่ ห ้พิเคราะห ์ถึง เพศ อายุ ฐานะ สุขภาพอนามัย
และภาวะแห่งจิตของผูแสดงเจตนาตลอดจนพฤติ
้ การณ์และสภาพ
แวดล ้อมอืน่ ๆ อันเกียวกั
่ บการนั้นด ้วย
*****การวินิจฉัยกรณี สาคัญผิด กลฉ้อฉลหรือข่มขู่
ให ้พิเคราะห ์ถึงเพศ อายุฯ ตามมาตรา 167
มาตรา 167 วินิจฉัยกรณี สาคัญผิด กลฉ้อฉล หรือข่มขู่
ให ้พิเคราะห ์ถึง เพศ อายุ ฐานะ สุขภาพ และจิตใจ
พฤติการณ์และสภาพแวดล ้อม
มาตรา 168
การแสดงเจตนาทีกระท ่ ่ ่เฉพาะหน้าให ้ถือว่ามีผลนั
าต่อบุคคลซึงอยู
บแต่ผู ้ร ับการแสดงเจตนาได ้ทราบการแสดงเจตนานั้น
ความข ้อนี ให้ ้ใช ้ตลอดถึงการทีบุ ่ คคลหนึ่ งแสดงเจตนาไปยังบุคคล
อีกคนหนึ่ งโดยทางโทรศัพท ์ หรือโดยเครืองมื ่ อสือสารอย่
่ ่
างอืน
หรือโดยวิธอี นซึื่ งสามารถติ
่ ดต่อถึงกันได ้ทานองเดียวกัน
*****แสดงเจตนาต่อบุคคลเฉพาะหน้า มีผลเมือทราบตามมาตรา่
168
มาตรา 168 การแสดงเจตนาต่อบุคคลทีอยู ่ ่เฉพาะหน้า
มีผลนับแต่ผู ้ร ับได ้ทราบ รวมถึงทางโทรศัพท ์
่ อสือสารอย่
เครืองมื ่ ่
างอืน
มาตรา 169
การแสดงเจตนาทีกระท ่ ่ ได ้อยู่เฉพาะหน้าให ้ถือว่ามี
าต่อบุคคลซึงมิ

ผลนับแต่เวลาทีการแสดงเจตนานั ้นไปถึงผู ้รบั การแสดงเจตนา
แต่ถ ้าได ้บอกถอนไปถึงผู ้ร ับการแสดงเจตนานั้น

ก่อนหรือพร ้อมกันกับทีการแสดงเจตนานั ้นไปถึงผู ้ร ับการแสดงเจ
ตนา การแสดงเจตนานั้นตกเป็ นอันไร ้ผล
การแสดงเจตนาทีได ่ ้ส่งออกไปแล ้วย่อมไม่เสือมเสี่ ยไป
แมภ้ ายหลังการแสดงเจตนานั้นผู ้แสดงเจตนาจะถึงแก่ความตาย
หรือถูกศาลสังให่ ้เป็ นคนไร ้ความสามารถหรือคนเสมือนไร ้ความส
ามารถ
ถ ้าไม่ได ้แสดงเจตนาต่อบุคคลเฉพาะหน้า มีผลตังแต่ ้ ถงึ ผู ้ร ับ
ถ ้าบอกถอนหรือเลิก ก่อนถึงผู ้ร ับหรือพร ้อมกัน เจตนานั้นไร ้ผล
ตามมาตรา 169
มาตรา 169 ว.1 การแสดงเจตนาต่อบุคคลซึงมิ ่ ได ้อยู่เฉพาะหน้า
มีผลนับแต่ ไปถึงผูร้ ับ
แต่ถ ้าบอกถอนไปถึง ก่อนหรือพร ้อมกัน
การแสดงเจตนาเป็ นอันไร ้ผล
ว.2 เจตนาทีส่ ่ งออกไปไม่เสือมเสี ่ ย แมภ้ ายหลังผู ้แสดงเจตนาตาย
หรือถูกศาลสังเป็่ นคนไร ้ฯหรือคนเสมือนไร ้ฯ
มาตรา 170
การแสดงเจตนาซึงกระท ่ าต่อผูเ้ ยาว ์หรือผู ้ทีศาลสั่ ่ ้เป็ นคนไร ้คว
งให
ามสามารถหรือคนเสมือนไร ้ความสามารถ
จะยกขึนเป็้ นข ้อต่อสู ้ผู ้ร ับการแสดงเจตนาไม่ได ้
เว ้นแต่ผแทนโดยชอบธรรม
ู้ ผู ้อนุ บาล หรือผู ้พิทก ั ษ ์ แล ้วแต่กรณี
ของผู ้ร ับการแสดงเจตนานั้นได ้รู ้ด ้วย
หรือได ้ให ้ความยินยอมไว ้ก่อนแล ้ว
ความในวรรคหนึ่ งมิให ้ใช ้บังคับ
ถ ้าการแสดงเจตนานั้นเกียวกั ่ ่
บการทีกฎหมายบั ญญัตใิ หผ้ ู ้เยาว ์หรื
อคนเสมือนไร ้ความสามารถกระทาได ้เองโดยลาพัง
*****การแสดงเจตนาต่อผูเยาว ้ ์หรือคนไร ้ฯหรือคนเสมือนไร ้ฯ
ตามมาตรา 170
มาตรา 170 ว.1
การแสดงเจตนาต่อผู ้เยาว ์หรือคนไร ้ฯหรือคนเสมือนไร ้ฯ
้ นข ้อต่อสู ้ผู ้ร ับไม่ได ้
ยกขึนเป็
เว ้นแต่ผแทนฯ
ู้ ผู ้อนุ บาล หรือผู ้พิทก ั ษ ์ ได ้รู ้ หรือยินยอม
ว.2ในวรรคหนึ่ งมิให ้ใช ้บังคับ

เกียวกั บกฎหมายให ้ผู ้เยาว ์หรือคนเสมือนไร ้ฯทาได ้โดยลาพัง
มาตรา 171 ในการตีความการแสดงเจตนานั้น
่ าถ ้อยคาสานวนหรือตัวอักษร
ให ้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท ้จริงยิงกว่
*****ตีความการแสดงเจตนา ตามมาตรา 171
มาตรา 171 การตีความเจตนา ให ้เพ่งเล็งถึงเจตนาอันแทจ้ ริง
มาตรา 172
โมฆะกรรมนั้นไม่อาจให ้สัตยาบันแก่กน ั ได ้และผู ้มีสว่ นได ้เสียคนห
นึ่ งคนใดจะยกความเสียเปล่าแห่งโมฆะกรรมขึนกล่ ้ าวอ ้างก็ได ้
ถ ้าจะต ้องคืนทรพั ย ์สินอันเกิดจากโมฆะกรรมให ้นาบทบัญญัตวิ า่ ด ้
วยลาภมิควรได ้แห่งประมวลกฎหมายนี มาใช ้ ้บังคับ
โมฆะไม่อาจให ้สัตยาบันได ้ ตามมาตรา 172
มาตรา 172
ว.1โมฆะไม่อาจให ้สัตยาบันได ้และผู ้มีสว่ นได ้เสียจะยกขึนอ ้ ้างก็ได ้
ว.2ถ ้าจะต ้องคืนทร ัพย ์ให ้นาลาภมิควรได ้มาใช ้บังคับ
มาตรา 173 ถ ้าส่วนหนึ่ งส่วนใดของนิ ตก ิ รรมเป็ นโมฆะ
นิ ตกิ รรมนั้นย่อมตกเป็ นโมฆะทังสิ
้ น้
เว ้นแต่จะพึงสันนิ ษฐานได ้โดยพฤติการณ์แห่งกรณี วา่
คูก ่ เป็ นโมฆะนั้นแยกออกจากส่วนทีเป็
่ รณี เจตนาจะให ้ส่วนทีไม่ ่ นโ
มฆะได ้
*****ถ ้านิ ตก ้
ิ รรมบางส่วนเป็ นโมฆะ โมฆะทังหมด
เว ้นแต่ให ้ส่วนไม่เป็ นโมฆะแยกออกจากกัน ตาม มาตรา173
มาตรา 173 นิ ตก ้ น้
ิ รรมบางส่วนเป็ นโมฆะ เป็ นโมฆะทังสิ
เว ้นแต่สนั นิ ษฐานได ้โดยพฤติการณ์วา่
คูก ่ เป็ นโมฆะนั้นแยกออกจากกัน
่ รณี เจตนาจะให ้ส่วนทีไม่
มาตรา 174
การใดเป็ นโมฆะแต่เข ้าลักษณะเป็ นนิ ตก ่ งไม่
ิ รรมอย่างอืนซึ ่ เป็ นโม
ฆะ ให ้ถือตามนิ ตก ่ เป็ นโมฆะ
ิ รรมซึงไม่
ถ ้าสันนิ ษฐานได ้โดยพฤติการณ์แห่งกรณี วา่
หากคูก ่ รณี ได ้รู ้ว่าการนั้นเป็ นโมฆะแล ้ว

ก็คงจะได ้ตังใจมาตั ้ แรกทีจะท
งแต่ ่ านิ ตก ิ รรมอย่างอืนซึ ่ งไม่่ เป็ นโมฆ
ะนั้น
*****เป็ นโมฆะแต่เข ้าลักษณะนิ ตก ิ รรมอย่างอืน ่ ตามมาตรา 174
มาตรา 174
นิ ตก
ิ รรมเป็ นโมฆะแต่เข ้าลักษณะนิ ตก ิ รรมอย่างอืนซึ ่ งไม่
่ เป็ นโมฆะ
ให ้ถือตามนิ ตกิ รรมซึงไม่ ่ เป็ นโมฆะ
ถ ้าสันนิ ษฐานได ้โดยพฤติการณ์วา่ หากคูก ่ รณี รู ้ว่าเป็ นโมฆะ

คงได ้ตังใจแต่ แรกทีจะท ่ านิ ตกิ รรมอย่างอืน ่
มาตรา 175 โมฆียะกรรม นั้น บุคคลต่อไปนี จะบอกล ้ ้างเสียก็ได ้
(1) ผูแทนโดย


ชอบธรรมหรือผู ้เยาว ์ซึงบรรลุ นิตภ ิ าวะแล ้วแต่ผู ้เยาว ์จะบอกล ้างก่อ

นทีตนบรรลุ นิตภ ิ าวะก็ได ้ถ ้าได ้ร ับความยินยอมของผูแ้ ทน
โดยชอบธรรม
(2)

บุคคลซึงศาลสั ่ ้เป็ นคนไร ้ความสามารถหรือคนเสมือนไร ้ความ
งให
สามารถ
่ คคลนั้นพ้นจากการเป็ นคนไร ้ความสามารถหรือคนเสมือนไ
เมือบุ
ร ้ความสามารถแล ้ว หรือผู ้อนุ บาลหรือผู ้พิทก ั ษ์
แล ้วแต่กรณี แต่คนเสมือนไร ้ความสามารถจะบอกล ้างก่อนทีตนจะ ่
พ้นจากการเป็ นคนเสมือนไร ้ความสามารถก็ได ้ถ ้าได ้ร ับความยินย
อมของผู ้พิทก ั ษ์
(3) บุคคลผูแสดงเจตนาเพราะส
้ าคัญผิด หรือถูกกลฉ้อฉล หรือ
ถูกข่มขู่
(4) บุคคลวิกลจริตผู ้กระทานิ ตก ิ รรมอันเป็ นโมฆียะตาม มาตรา
30 ในขณะทีจริ ่ ตของบุคคลนั้นไม่วก ิ ลแล ้ว
ถ ้าบุคคลผู ้ทานิ ตก ิ รรมอันเป็ นโมฆียะถึงแก่ความตายก่อนมีการบ
อกล ้างโมฆียะกรรม
ทายาทของบุคคลดังกล่าวอาจบอกล ้างโมฆียะกรรมนั้นได ้
*****ผูมี้ สท ิ ธิบอกล ้างโมฆียะกรรม ตามมาตรา 175
มาตรา 175 ว.1 ผูมี้ สท ิ ธิบอกล ้าง โมฆียะกรรม
(1) ผูแทนฯหรื
้ อผู ้เยาว ์บรรลุฯ
แต่ผู ้เยาว ์จะบอกล ้างก่อนบรรลุฯก็ได ้
ถ ้าได ้ร ับความยินยอมของผู ้แทนฯ
(2) คนไร ้ฯหรือคนเสมือนไร ้ฯ
่ นจากการเป็ นคนไร ้ฯหรือคนเสมือนไร ้ฯ
เมือพ้
หรือผู ้อนุ บาลหรือผู ้พิทก ั ษ์
แต่คนเสมือนไร ้ฯจะบอกล ้างก่อนทีตนจะพ้ ่ นจากการเป็ นคนเสมือ
นไร ้ฯ ได ้ ถ ้าผูพ้ ท
ิ กั ษ ์ยินยอม
(3) ผูแสดงเจตนาเพราะส
้ าคัญผิด หรือถูกกลฉ้อฉล หรือ
ถูกข่มขู่
(4) บุคคลวิกลจริต ขณะทีจริ ่ ตของบุคคลนั้นไม่วก ิ ลแล ้ว
ว.2 บุคคลผูท้ านิ ตก ิ รรมตายก่อนบอกล ้างโมฆียะ
ทายาทบอกล ้างโมฆียะได ้
มาตรา 176 โมฆียกรรมเมือบอกล ่ ้างแล ้ว
ให ้ถือว่าเป็ นโมฆะมาแต่เริมแรก ่
และให ้ผูเป็ ้ นคูก
่ รณี กลับคืนสูฐ่ านะเดิม
ถ ้าเป็ นการพ้นวิสยั จะให ้กลับคืนเช่นนั้นได ้
ก็ให ้ได ้ร ับค่าเสียหายชดใช ้ใหแ้ ทน
ถ ้าบุคคลใดได ้รู ้หรือควรจะได ้รู ้ว่าการใดเป็ นโมฆียะ

เมือบอกล ้างแล ้ว ให ้ถือว่าบุคคลนั้นได ้รู ้ว่าการนั้นเป็ นโมฆะ
นับแต่วน ั ทีได่ ้รู ้หรือควรจะได ้รู ้ว่าเป็ นโมฆียะ
ห ้ามมิให ้ใช ้สิทธิเรียกร ้องอันเกิดแต่การกลับคืนสูฐ่ านะเดิมตามวร
รคหนึ่ ง เมือพ้
่ นหนึ่ งปี นับแต่วน ั บอกล ้างโมฆียกรรม
ผลบอกล ้างโมฆียะ นิ ตก ิ รรมเป็ นโมฆะตังแต่ ้ แรก
คูก
่ รณี กลับคืนสูฐ่ านะเดิม ถ ้าพ้นวิสยั ให ้ได ้รบั ค่าเสียหายแทน
ตามมาตรา 176
*****ผลการบอกล ้างโมฆียะ ตามมาตรา 176
มาตรา 176 ว.1 โมฆียกรรมเมือบอกล ่ ้างแล ้ว
ถือว่าเป็ นโมฆะมาแต่เริมแรก ่ และให ้คูก ่ รณี กลับคืนสูฐ่ านะเดิม
ถ ้าพ้นวิสยั จะให ้กลับคืน ก็ใหไ้ ด ้ร ับค่าเสียหายแทน
ว.3 ห ้ามใช ้สิทธิเรียกร ้องกลับคืนสูฐ่ านะเดิมตามวรรคหนึ่ ง
เมือพ้่ นหนึ่ งปี นับแต่วน ั บอกล ้าง
มาตรา 177 ถ ้าบุคคลผูมี้ สท ิ ธิบอกลา้ งโมฆียะกรรมตามมาตรา
175 ผู ้หนึ่ งผู ้ใด ได ้ให ้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรม
ให ้ถือว่าการนั้นเป็ นอันสมบูรณ์มาแต่เริมแรก ่
้ั ย่้ อมไม่กระทบกระเทือนถึงสิทธิของบุคคลภายนอก
แต่ทงนี
*****ผลการให ้สัตยาบัน ตามมาตรา 177
มาตรา 177 ถ ้าผู ้มีสท ิ ธิบอกล ้างโมฆียะกรรมตามมาตรา 175
ได ้ให ้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรม ให ้ถือว่าสมบูรณ์มาแต่แรก
แต่ไม่กระทบสิทธิบุคคลภายนอก
มาตรา 178 การบอกล ้างหรือให ้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรม
ย่อมกระทาได ้โดยการแสดงเจตนาแก่คก ี ฝ่ ายหนึ่ งซึงเป็
ู่ รณี อก ่ นบุ
่ ตวั กาหนดได ้แน่ นอน
คคลทีมี
*****วิธบ
ี อกล ้างหรือให ้สัตยาบัน ตามมาตรา 178
มาตรา 178 การบอกล ้างหรือให ้สัตยาบัน
ทาโดยแสดงเจตนาแก่คก ี ฝ่ ายหนึ่ งซึงเป็
ู่ รณี อก ่ นบุคคลทีมี ่ ตวั กาห
นดได ้แน่ นอน
มาตรา 179 การให ้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรมนั้น
จะสมบูรณ์ตอ ่
่ เมือได ้กระทาภายหลังเวลาทีมู ่ ลเหตุให ้เป็ นโมฆียะกร
รมนั้นหมดสินไปแล
้ ้ว

บุคคลซึงศาลได ่ นคนไร ้ความสามารถ
้สังเป็
คนเสมือนไร ้ความสามารถ หรือบุคคลวิกลจริต
ผูกระท
้ านิ ตกิ รรมอันเป็ นโมฆียะตามมาตรา 30
จะให ้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรมได ้ต่อเมือได ่ ่
้รู ้เห็นซึงโมฆี ยะกรรมนั้น
ภายหลังทีบุ ่ คคลนั้นพ้นจากการเป็ นคนไร ้ความสามารถ
คนเสมือนไร ้ความสามารถหรือในขณะทีจริ ่ ตของบุคคลนั้นไม่วก ิ ล
แล ้วแต่กรณี
ทายาทของบุคคลผู ้ทานิ ตก ิ รรมอันเป็ นโมฆียะ
จะให ้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรมได ้นับแต่เวลาทีผู ่ ้ทานิ ตก
ิ รรมนั้นถึง
แก่ความตาย
เว ้นแต่สท ี่
ิ ธิทจะบอกล ้างโมฆียะกรรมของผู ้ตายนั้นได ้สินสุ ้ ดลงแล ้ว
บทบัญญัตวิ รรคหนึ่ งและวรรคสองมิให ้ใช ้บังคับ
ถ ้าการให ้สัตยาบันแก่โมฆียะกรรมกระทาโดยผู ้แทนโดยชอบธรร
ม ผู ้อนุ บาล หรือผู ้พิทก ั ษ์
*****เวลาทีจะให ่ ้สัตยวาบัน ตามมาตรา 179
มาตรา 179 ว.1 การให ้สัตยาบัน
จะสมบูรณ์ตอ ่
่ เมือได ้กระทาภายหลังเวลามูลเหตุให ้เป็ นโมฆียะหม

ดสินแล ้ว
ว.2 คนไร ้ฯ คนเสมือนไร ้ฯ หรือคนวิกลจริต ตามมาตรา 30
่ ้เห็นซึงโมฆี
จะให ้สัตยาบันได ้ต่อเมือรู ่ ่ นจากสภาพนั้
ยะภายหลังทีพ้
นแล ้ว
ว.3 ทายาทของผูท้ านิ ตก ิ รรม
ให ้สัตยาบันนับแต่เวลาทีผู ่ ้ทานิ ตกิ รรมตาย
เว ้นแต่สท ี่
ิ ธิทบอกล ้ ดลงแล ้ว
้างได ้สินสุ
ว.4 วรรคหนึ่ งและวรรคสอง มิให ้ใช ้บังคับ
ถ ้าการให ้สัตยาบันทาโดยผูแทนฯ ้ ผู ้อนุ บาล หรือผู ้พิทก
ั ษ์
มาตรา 180 ภายหลังเวลาอันพึงให ้สัตยาบันได ้ตามมาตรา 179
ถ ้ามีพฤติการณ์อย่างหนึ่ งอย่างใดดังต่อไปนี เกิ ้ ดขึนเกี
้ ยวด
่ ้วยโมฆี
ยะกรรมโดยการกระทาของบุคคลซึงมี ่ สท ิ ธิบอกล ้างโมฆียะกรรมต
ามมาตรา 175
ถ ้ามิได ้สงวนสิทธิไว ้แจ ้งชดั ประการใดให ้ถือว่าเป็ นการให ้สัตยาบัน
(1) ได ้ปฏิบต ั ก ิ ารชาระหนี แล ้ ้วทังหมดหรื
้ อแต่บางส่วน
(2) ได ้มีการเรียกให ้ชาระหนี นั ้ ้นแล ้ว
(3) ได ้มีการแปลงหนี ใหม่ ้
(4) ได ้มีการให ้ประกันเพือหนี ่ ้ ้น
นั
(5) ได ้มีการโอนสิทธิหรือความร ับผิดทังหมดหรื ้ อแต่บางส่วน
(6) ได ้มีการกระทาอย่างอืนอั ่ นแสดงได ้ว่าเป็ นการให ้สัตยาบัน
*****กรณี ทให ี่ ถ้ อื ว่าเป็ นการให ้สัตยาบัน ตามมาตรา 180
มาตรา 180 ภายหลังเวลาอันพึงให ้สัตยาบันได ้ตามมาตรา 179
ถ ้ามีพฤติการณ์เกิดขึนโดยผู ้ ้มีสท ิ ธิบอกล ้างโมฆียะตามมาตรา
175 ถ ้ามิได ้สงวนสิทธิไว ้แจ ้งชดั ให ้ถือว่าให ้สัตยาบัน
(1) ชาระหนี ทั ้ งหมดหรื
้ อบางส่วน
(2) เรียกให ้ชาระหนี ้

(3) แปลงหนี ใหม่

(4) ให ้ประกันเพือหนี ้ ้น
นั

(5) มีการโอนสิทธิหรือความร ับผิดทังหมดหรื อบางส่วน
(6) มีการกระทาอย่างอืนอั ่ นแสดงได ้ว่าเป็ นการให ้สัตยาบัน
มาตรา 181
โมฆียะกรรมนั้นจะบอกล ้างมิได ้เมือพ้่ นเวลาหนึ่ งปี นับแต่เวลาทีอา

จให ้สัตยาบันได ้
่ นเวลาสิบปี นับแต่ได ้ทานิ ตก
หรือเมือพ้ ิ รรมอันเป็ นโมฆียะนั้น
*****ระยะเวลาบอกล ้างโมฆียะ ตามมาตรา 181
มาตรา 181 โมฆียะ
่ นหนึ่ งปี นับแต่เวลาทีอาจให
บอกล ้างมิได ้เมือพ้ ่ ้สัตยาบัน
หรือพ้นสิบปี นับแต่ได ้ทานิ ตกิ รรม
มาตรา 182
ข ้อความใดอันบังคับไว ้ให ้นิ ตก ิ รรมเป็ นผลหรือสินผลต่้ ่ เหตุ
อเมือมี
การณ์อน ั ไม่แน่ นอนว่าจะเกิดขึนหรื ้ อไม่ในอนาคตข ้อความนั้นเรีย

กว่าเงือนไข

*****เงือนไข ตามมาตรา 182
มาตรา 182 ข ้อความใดทีบั ่ งคับให ้นิ ตก ้
ิ รรมเป็ นผลหรือสินผล
่ เหตุการณ์ไม่แน่ นอนว่าจะเกิดขึนหรื
เมือมี ้ อไม่ในอนาคตเรียกว่าเงื่
อนไข
มาตรา 183 นิ ตก ่
ิ รรมใดมีเงือนไขบั งคับก่อน
ิ รรมนั้นย่อมเป็ นผลต่อเมือเงื
นิ ตก ่ อนไขนั
่ ้นสาเร็จแล ้ว
นิ ตก ่
ิ รรมใดมีเงือนไขบั งคับหลัง
นิ ตก ิ รรมนั้นย่อมสินผลในเมื
้ ่ อนไขนั
อเงื ่ ้นสาเร็จแล ้ว
ถ ้าคู่กรณี แห่งนิ ตก
ิ รรมได ้แสดงเจตนาไว ้ด ้วยกันว่า
ความสาเร็จแห่งเงือนไขนั ่ ้นให ้มีผลย ้อนหลังไปถึงเวลาใดเวลาหนึ่ ง
ก่อนสาเร็จ ก็ให ้เป็ นไปตามเจตนาเช่นนั้น
*****นิ ตก ่
ิ รรมมีเงือนไขมี ผลบังคับเมือใด่ ตามมาตรา 183
มาตรา 183 เงือนไขบั ่ งคับก่อน
นิ ตก ิ รรมเป็ นผลเมือเงื ่ อนไขส
่ าเร็จ

เงือนไขบั งคับหลัง นิ ตก ้
ิ รรมสินผลเมื ่ อนไขส
อเงื ่ าเร็จ
มาตรา 184 ในระหว่างทีเงื ่ อนไขยั
่ งไม่สาเร็จ
คูก่ รณี ฝ่ายหนึ่ งฝ่ ายใดแห่งนิ ตก ่
ิ รรมอันอยู่ในบังคับเงือนไขจะต ้อง
งดเว ้นไม่กระทาการอย่างหนึ่ งอย่างใดให ้เป็ นทีเสื ่ อมเสี
่ ยประโยชน์
แก่คก ี ฝ่ ายหนึ่ งซึงจะพึ
ู่ รณี อก ่ ่
งได ้จากความสาเร็จแห่งเงือนไขนั ้น
*****หน้าทีระหว่ ่ ่
างเงือนไขยั งไม่สาเร็จ ตามมาตรา 184
มาตรา 184 ระหว่างเงือนไขยั ่ งไม่สาเร็จ
คูก ่ รณี ต ้องงดเว ้นไม่กระทาการให ้เป็ นทีเสื ่ อมเสี
่ ยประโยชน์แก่คก ู่ ร
ณี อก ่
ี ฝ่ ายซึงจะพึ งได ้จากความสาเร็จแห่งเงือนไข ่
มาตรา 185 ในระหว่างทีเงื ่ อนไขยั
่ งมิได ้สาเร็จนั้น
่ าง ๆ ของคูก
สิทธิและหน้าทีต่ ่ รณี มอ
ี ย่างไร จะจาหน่ าย จะร ับมรดก
จะจัดการป้ องกันร ักษา
หรือจะทาประกันไว ้ประการใดตามกฎหมายก็ย่อมทาได ้

*****สิทธิและหน้าทีระหว่ ่
างเงือนไขยั งไม่สาเร็จ ตามมาตรา 185
มาตรา 185

สิทธิและหน้าทีของคู ก
่ รณี ในระหว่างทีเงื ่ อนไขยั
่ งไม่สาเร็จ
จะจาหน่ าย ร ับมรดก จัดการป้ องกันร ักษา
หรือทาประกันไว ้ประการใดตามกฎหมาย ก็ย่อมทาได ้
มาตรา 186

ถ ้าความสาเร็จแห่งเงือนไขจะเป็ นทางให ้คูก
่ รณี ฝ่ายใดเสียเปรียบ
และคูก ่ รณี ฝ่ายนั้นกระทาการโดยไม่สจ ุ ริตจนเป็ นเหตุให ้เงือนไขนั ่ ้
นไม่สาเร็จ ให ้ถือว่าเงือนไขนั ่ ้นสาเร็จแล ้ว
ถ ้าความสาเร็จแห่งเงือนไขจะเป็ ่ นทางให ้คูก ่ รณี ฝ่ายใดได ้เปรียบแ
ละคูก่ รณี ฝ่ายนั้นกระทาการโดยไม่สจ ุ ริตจนเป็ นเหตุให ้เงือนไขนั ่ ้น

สาเร็จให ้ถือว่าเงือนไขนั ้นมิได ้สาเร็จเลย
*****ความสาเร็จของเงือนไขเป็ ่ นทางให ้อีกฝ่ ายได ้หรือเสียเปรียบ
ตามมาตรา 186
มาตรา 186 ว.1
ความสาเร็จของเงือนไขที ่ ่ าให ้คูก
ท ่ รณี ฝ่ายใดเสียเปรียบ
และฝ่ ายนั้นกระทาการโดยไม่สจ ุ ริตเป็ นเหตุให ้เงือนไขไม่่ สาเร็จ

ถือว่าเงือนไขส าเร็จ
ว.2ความสาเร็จของเงือนไขที ่ ท่ าให ้คูก ่ รณี ฝ่ายใดได ้เปรียบและฝ่ า
ยนั้นกระทาการโดยไม่สจ ุ ริตเป็ นเหตุให ้เงือนไขส ่ าเร็จ

ถือว่าเงือนไขมิ ได ้สาเร็จ
มาตรา 187 ถ ้าเงือนไขส ่ าเร็จแล ้วในเวลาทานิ ตก ิ รรม
หากเป็ นเงือนไขบั่ งคับก่อนให ้ถือว่านิ ตก ิ รรมนั้นไม่มเี งือนไข ่
หากเป็ นเงือนไขบั ่ งคับหลังใหถ้ อ ื ว่านิ ตก ิ รรมนั้นเป็ นโมฆะ
ถ ้าเป็ นอันแน่ นอนในเวลาทานิ ตก ิ รรมว่าเงือนไขไม่่ อาจสาเร็จได ้ห

ากเป็ นเงือนไขบั งคับก่อนให ้ถือว่านิ ตก ิ รรมนั้นเป็ นโมฆะ
หากเป็ นเงือนไขบั ่ งคับหลังใหถ้ อ ื ว่านิ ตก ิ รรมนั้นไม่มเี งือนไข่
ตราบใดทีคู ่ ่กรณี ยงั ไม่รู ้ว่าเงือนไขได
่ ้สาเร็จแล ้วตามวรรคหนึ่ งหรือ
ไม่อาจสาเร็จได ้ตามวรรคสองตราบนั้นคูก ่ รณี ยงั มีสท ิ ธิและหน้าที่
ตามมาตรา 184 และมาตรา 185

*****เงือนไขส าเร็จในเวลาทานิ ตก
ิ รรม ตามมาตรา 187

มาตรา 187 ว.1 ถ ้าเงือนไขส าเร็จแล ้วในเวลาทานิ ตก
ิ รรม

เงือนไขบั งคับก่อน ถือว่านิ ตก ่
ิ รรมไม่มเี งือนไข

เงือนไขบั งคับหลัง ถือว่านิ ตกิ รรมเป็ นโมฆะ
ว.2 ถ ้าเวลาทานิ ตก ่
ิ รรม เงือนไขไม่ อาจสาเร็จ

เงือนไขบั งคับก่อน ถือว่านิ ตก ิ รรมเป็ นโมฆะ
เงือนไขบั่ งคับหลัง ถือว่านิ ตก ่
ิ รรมไม่มเี งือนไข
มาตรา 188
นิ ตก ่
ิ รรมใดมีเงือนไขอั นไม่ชอบด ้วยกฎหมายหรือขัดต่อความสงบ
เรียบร ้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนนิ ตก ิ รรมนั้นเป็ นโมฆะ

*****เงือนไขไม่ ชอบด ้วยกฎหมาย ตามมาตรา 188

มาตรา 188 เงือนไขไม่ ชอบด ้วยกฎหมายหรือขัดต่อความสงบฯ
นิ ตก
ิ รรมเป็ นโมฆะ
มาตรา 189
นิ ตก ่
ิ รรมใดมีเงือนไขบั ่
งคับก่อนและเงือนไขนั ้นเป็ นการพ้นวิสยั
นิ ตก ิ รรมนั้นเป็ นโมฆะ
นิ ตก ่
ิ รรมใดมีเงือนไขบั ่
งคับหลังและเงือนไขนั ้นเป็ นการพ้นวิสยั ให ้
ถือว่านิ ตก ิ รรมนั้นไม่มเี งือนไข


*****เงือนไขพ้ นวิสยั ตามมาตรา 189
มาตรา 189 เงือนไขบั ่ ่
งคับก่อนและเป็ นเงือนไขพ้ นวิสยั
นิ ตกิ รรมเป็ นโมฆะ

เงือนไขบั ่
งคับหลังและเป็ นเงือนไขพ้ นวิสยั ให ้ถือว่านิ ตกิ รรมไม่มเี งื่
อนไข
มาตรา 190
นิ ตก ่
ิ รรมใดมีเงือนไขบั ่
งคับก่อนและเป็ นเงือนไขอั นจะสาเร็จได ้หรื
อไม่ สุดแล ้วแต่ใจของฝ่ ายลูกหนี ้ นิ ตก
ิ รรมนั้นเป็ นโมฆะ

*****ความสาเร็จของเงือนไขแล ้วแต่ใจของลูกหนี ้ ตามมาตรา
190

มาตรา 190 เงือนไขบังคับก่อนและจะสาเร็จ สุดแต่ใจของลูกหนี ้
นิ ตก
ิ รรมเป็ นโมฆะ
มาตรา 191
นิ ตก ่
ิ รรมใดมีเงือนเวลาเริ ่ ้นกาหนดไว ้ห ้ามมิให ้ทวงถามใหป้ ฏิบ ั
มต
ติการตามนิ ตก ิ รรมนั้นก่อนถึงเวลาทีก ่ าหนด
นิ ตก ่
ิ รรมใดมีเงือนเวลาสิ ้ ดกาหนดไว ้
นสุ
นิ ตก ิ รรมนั้นย่อมสินผลเมื ้ ่ งเวลาทีก
อถึ ่ าหนด
*****ผลของนิ ตก ิ รรมทีมี ่ เงือนเวลา
่ ตามมาตรา 191
มาตรา 191 ว.1 มีเงือนเวลาเริ ่ ่ ้น
มต
ห ้ามทวงถามให ้ปฏิบต ั กิ อ ่ นถึงเวลาทีก ่ าหนด

ว.2 มีเงือนเวลาสิ ้ ด สินผลเมื
นสุ ้ ่ งเวลาทีก
อถึ ่ าหนด
มาตรา 192 เงือน ่ เวลาเริมต ่ ้นหรือเงือน

เวลาสินสุ ้ ดนั้นให ้สันนิ ษฐานไว ้ก่อนว่ากาหนดไว ้เพือประโยชน์ ่ แก่
ฝ่ ายลูกหนี ้
เว ้นแต่จะปรากฏโดยเนื อความแห่ ้ งตราสารหรือโดยพฤติการณ์แห่

งกรณี วา่ ได ้ตังใจจะให ้เป็ นประโยชน์แก่ฝ่ายเจ ้าหนี หรื ้ อแก่คก
ู่ รณี ท ้ั
งสองฝ่ ายด ้วยกัน
่ เวลาเป็ นประโยชน์แก่ฝ่ายใด
ถ ้าเงือน
ฝ่ ายนั้นจะสละประโยชน์น้ันเสียก็ได ้
หากไม่กระทบกระเทือนถึงประโยชน์อน ั คูก
่ รณี อกี ฝ่ ายหนึ่ งจะพึงไ

ด ้ร ับจากเงือนเวลานั ้น

*****เงือนเวลาสั ่
นนิ ษฐานไว ้เพือประโยชน์ ู หนี ้ ตามมาตรา
ลก
192

มาตรา 192 ว.1 เงือนเวลาเริ ่ ้นหรือสินสุ
มต ้ ด

ให ้สันนิ ษฐานว่ากาหนดไว ้เพือประโยชน์ แก่ลกู หนี ้
เว ้นแต่ตงใจให้ั ้เป็ นประโยชน์แก่เจ ้าหนี หรื ้ อทังสองฝ่
้ าย

ว.2 เงือนเวลาเป็ นประโยชน์แก่ฝ่ายใด
ฝ่ ายนั้นจะสละประโยชน์ก็ได ้
หากไม่กระทบประโยชน์ของคู่กรณี อก ี ฝ่ าย
มาตรา 193 ในกรณี ดงั ต่อไปนี ้
ฝ่ ายลูกหนี จะถื ้ อเอาประโยชน์แห่งเงือน ่
เวลาเริมต ่ ้นหรือเงือนเวลาสิ ่ ้ ดมิได ้
นสุ
(1)
ลูกหนี ถู ้ กศาลสังพิ ่ ทก ั ษ ์ทร ัพย ์เด็ดขาดตามกฎหมายว่าด ้วยล ้มละล
าย
(2) ลูกหนี ไม่ ้ ให ้ประกันในเมือจ ่ าต ้องให ้
(3) ลูกหนี ได ้ ้ทาลาย
หรือทาให ้ลดน้อยถอยลงซึงประกั ่ นอันได ้ให ้ไว ้
(4)
ลูกหนี น ้ าทร ัพย ์สินของบุคคลอืนมาให ่ ้เป็ นประกันโดยเจ ้าของทร ัพ
ย ์สินนั้นมิได ้ยินยอมด ้วย
*****ลูกหนี ถื ้ อเอาประโยชน์แห่งเงือนเวลาไม่ ่ ได ้ ตามมาตรา 193
มาตรา 193
กรณี ลก ู หนี จะถื ้ อเอาประโยชน์แห่งเงือนเวลาเริ ่ ่ ้นหรือสินสุ
มต ้ ดมิไ
ด้
(1) ลูกหนี ถู ้ กศาลสังพิ ่ ทก ั ษ ์ทรพ ั ย ์เด็ดขาด
(2) ลูกหนี ไม่ ้ ให ้ประกันในเมือจ ่ าต ้องให ้
(3) ลูกหนี ได ้ ้ทาลาย
หรือทาให ้ลดน้อยถอยลงซึงประกั ่ นอันได ้ให ้ไว ้
(4)
ลูกหนี น ้ าทร ัพย ์สินของบุคคลอืนมาให
่ ้เป็ นประกันโดยเจ ้าของทร ัพ
ย ์มิได ้ยินยอม
มาตรา 193/9 สิทธิเรียกร ้องใด ๆ

ถ ้ามิได ้ใช ้บังคับภายในระยะเวลาทีกฎหมายก าหนด
สิทธิเรียกร ้องนั้นเป็ นอันขาดอายุความ
*****การขาดอายุความ ตามมาตรา 193/9
มาตรา 193/9 สิทธิเรียกร ้อง
ถ ้ามิได ้บังคับภายในระยะเวลาทีก ่ าหนด ขาดอายุความ

มาตรา 193/10 สิทธิเรียกร ้องทีขาดอายุ ความ ลูกหนี มี ้ สท
ิ ธิที่
จะปฏิเสธการชาระหนี ตามสิ ้ ทธิเรียกร ้องนั้นได ้
*****ผลของสิทธิเรียกร ้องขาดอายุความ ตามมาตรา 193/10
มาตรา 193/10 สิทธิเรียกร ้องขาดอายุความ
้ สท
ลูกหนี มี ิ ธิปฏิเสธการชาระหนี ได ้ ้
มาตรา 193/11 อายุความทีกฎหมายก ่ าหนดไว ้นั้น คูก
่ รณี จะ
ตกลงกันให ้งดใช ้หรือขยายออกหรือย่นเข ้าไม่ได ้

*****ห ้ามตกลงเปลียนแปลงอายุ ความตามมาตรา 193/11
มาตรา 193/11
อายุความจะตกลงให ้งดใช ้หรือขยายออกหรือย่นเข ้าไม่ได ้
่ บแต่ขณะทีอาจบั
มาตรา 193/12 อายุความให ้เริมนั ่ งคับสิทธิ
เรียกร ้องได ้เป็ นต ้นไป ถ ้าเป็ นสิทธิเรียกร ้องให ้งดเว ้นกระทาการ
่ บแต่เวลาแรกทีฝ่่ าฝื นกระทาการนั้น
อย่างใดให ้เริมนั
่ บอายุความ ตามมาตรา 193/12
การเริมนั
มาตรา 193/12 อายุความ
่ บแต่ขณะทีอาจบั
เริมนั ่ งคับสิทธิเรียกร ้องได ้
ถ ้าเป็ นสิทธิเรียกร ้องให ้งดเว ้นกระทาการ
่ บแต่เวลาแรกทีฝ่่ าฝื น
เริมนั
มาตรา 193/13 สิทธิเรียกร ้องทีเจ ่ ้าหนี ยั
้ งไม่อาจบังคับได ้จนกว่า
จะได ้ทวงถามให ้ลูกหนี ช ้ าระหนี ก่
้ อน
่ บอายุความตังแต่
ให ้เริมนั ้ เวลา แรกทีอาจทวงถามได
่ ้เป็ นต ้นไป
้ งไม่ต ้องชาระหนี จน
แต่ถ ้าลูกหนี ยั ้
กว่าระยะเวลาหนึ่ งจะได ้ล่วงพ้นไปแล ้ว นับแต่เวลาทีได ่ ้ทวงถามนั้น
่ บอายุความตังแต่
ให ้เริมนั ้ ระยะเวลานั้นสินสุ ้ ดไปแล ้ว
*****การเริมนั่ บอายุความกรณี สท ่
ิ ธิเรียกร ้องบังคับได ้เมือได ้มีการ
ทวงถามตามมาตรา 193/13
มาตรา 193/13 สิทธิเรียกร ้องบังคับได ้เมือมี ่ การทวงถาม
อายุความเริมนั ่ บแต่เวลา แรกทีอาจทวงถามได
่ ้
้ ต ้องชาระหนี จนกว่
แต่ถ ้าลูกหนี ไม่ ้ าระยะเวลาหนึ่ งจะได ้ล่วงพ้นไปนั
บแต่เวลาทีได ่ ้ทวงถามนั้น อายุความให ้เริมนั ่ บตังแต่
้ เวลานั้นสินสุ
้ ด
มาตรา 193/14 อายุความย่อมสะดุดหยุดลงในกรณี ดงั ต่อไปนี ้
(1) ลูกหนี ร้ ับสภาพหนี ต่ ้ อเจ ้าหนี ตามสิ
้ ทธิเรียกร ้องโดยทาเป็ น
หนังสือร ับสภาพหนี ให ้ ้ ชาระหนี ให ้ ้บางส่วน ชาระดอกเบีย้
ให ้ประกัน หรือกระทาการใดๆ
อันปราศจากข ้อสงสัยแสดงให ้เห็นเป็ นปริยาย

ว่ายอมร ับสภาพหนี ตามสิ ทธิเรียกร ้อง
(2)
้ ้ฟ้ องคดีเพือตั
เจ ้าหนี ได ่ งหลั
้ กฐานสิทธิเรียกร ้องหรือเพือให
่ ้ชาระห
นี ้
้ ้ยืนค
(3) เจ ้าหนี ได ่ าขอร ับชาระหนี ในคดี
้ ล ้มละลาย
(4) เจ ้าหนี ได้ ้มอบข ้อพิพาทให ้อนุ ญาโตตุลาการพิจารณา
(5)
้ ้กระทาการอืนใดอั
เจ ้าหนี ได ่ นมีผลเป็ นอย่างเดียวกันกับการฟ้ องค
ดี
อายุความสะดุดหยุดลง ตามมาตรา 193/14
มาตรา 193/14 อายุความสะดุดหยุดลงดังนี ้
(1) ลูกหนี ร้ ับสภาพหนี ต่ ้ อเจ ้าหนี ตามสิ
้ ทธิเรียกร ้อง
โดยทาหนังสือร ับสภาพหนี ้ ชาระหนี บางส่ ้ วน ชาระดอกเบีย้
ให ้ประกัน
(2) เจ ้าหนี ได ้ ้ฟ้ องคดี
(3) เจ ้าหนี ได ้ ้ยืนค
่ าขอร ับชาระหนี ในคดี ้ ล ้มละลาย
(4) เจ ้าหนี มอบข ้ ้อพิพาทให ้อนุ ญาโตตุลาการพิจารณา
(5)

เจ ้าหนี กระท ่
าการอืนใดอั นมีผลเป็ นอย่างเดียวกันกับการฟ้ องคดี
มาตรา 193/15 เมืออายุ ่ ความสะดุดหยุดลงแล ้ว ระยะเวลาทีล่ ่ วง
ไปก่อนนั้นไม่นับเข ้าในอายุความ

เมือเหตุ ี่ าให ้อายุความสะดุดหยุดลงสินสุ
ทท ้ ดเวลาใด
่ บอายุ ความใหม่ตงแต่
ให ้เริมนั ้ั เวลานั้น
ผลของอายุความสะดุดหยุดลง ตามมาตรา 193/15

มาตรา 193/15 ว.1 เมืออายุ ความสะดุดหยุดลง
ระยะเวลาก่อนนั้นไม่นับ
้ ดเวลาใด
ว.2 เหตุทาให ้อายุความสะดุดหยุดลงสินสุ
่ บอายุความใหม่ตงแต่
ให ้เริมนั ้ั เวลานั้น

มาตรา 193/24 เมืออายุ ้
ความครบกาหนดแล ้ว ลูกหนี จะสละ
ประโยชน์แห่งอายุความนั้นเสียก็ได ้ แต่การสละประโยชน์เช่นว่านี ้
ไม่มผ ้
ี ลกระทบกระเทือนสิทธิของบุคคลภายนอกหรือผู ้คาประกั น
การสละประโยชน์แห่งอายุความ ตามมาตรา 193/24

มาตรา 193/24 เมืออายุ ความครบกาหนดแล ้ว

ลูกหนี สละประโยชน์ แห่งอายุความก็ได ้
แต่ต ้องไม่กระทบกระเทือนสิทธิของบุคคลภายนอกหรือผู ้คาประกั ้

มาตรา 193/26 เมือสิ ่ ทธิเรียกร ้องส่วนทีเป็
่ นประธานขาด
่ นอุปกรณ์น้ันขาดอายุความด ้ว
อายุความให ้สิทธิเรียกร ้องส่วนทีเป็

่ นอุปกรณ์น้ันจะยังไม่คร
แมว้ า่ อายุความของสิทธิเรียกร ้องส่วนทีเป็
บ กาหนดก็ตาม
่ นประธานขาดอายุความ ตามมาตรา
*****สิทธิเรียกร ้องส่วนทีเป็
193/26
มาตรา 193/26 สิทธิเรียกร ้องส่วนทีเป็ ่ นประธานขาดอายุความ
ให ้ส่วนอุปกรณ์ขาดอายุความดว้ ย แม้ยงั ไม่ครบกาหนด
มาตรา 193/27 ผูร้ ับจานอง ผู ้ร ับจานา ผู ้ทรงสิทธิยด ึ หน่ วง หรือ
ผู ้ทรงบุรมิ ะสิทธิเหนื อทร ัพย ์สินของลูกหนี ้
อันตนได ้ยึดถือไว ้ยังคงมี

สิทธิบงั คับชาระหนี จากทร ัพย ์สินทีจ่ านอง จานา หรือทีได ่ ้ยึดถือไว ้
่ นประธานจะขาดอายุความแล ้วก็ตาม
แมว้ า่ สิทธิเรียกร ้องส่วนทีเป็
แต่จะใช ้สิทธิน้ันบังคับให ้ชาระดอกเบียที ้ ค
่ ้างยอ้ นหลังเกินห ้าปี ขึนไ

ป ไม่ได ้
*****สิทธิบงั คับชาระหนี กรณี้ สท ่ นประธานขาด
ิ ธิเรียกร ้องส่วนทีเป็
อายุความตามมาตรา 193/27
มาตรา 193/27 ผูร้ ับจานอง จานา ทรงสิทธิยด ึ หน่ วง หรือ
ทรงบุรมิ สิทธิเหนื อทร ัพย ์สินของลูกหนี ้ อันตนได ้ยึดถือไว ้
มีสท ้
ิ ธิบงั คับชาระหนี จากทร ัพย ์สินจานอง จานา หรือยึดถือไว ้

แมห้ นี ประธานขาดอายุ ความ
แต่เรียกดอกเบียที ้ ค
่ ้างย ้อนหลังเกินห ้าปี ขึนไป
้ ไม่ได ้
มาตรา 193/28 การชาระหนี ตามสิ ้ ่
ทธิเรียกร ้องซึงขาดอายุ ความ
แล ้วนั้น ไม่วา่ มากน้อยเพียงใดจะเรียกคืนไม่ได ้ แมว้ า่ ผู ้ชาระหนี จะ

ไม่รู ้ว่าสิทธิเรียกร ้องขาดอายุความแล ้วก็ตาม
บทบัญญัตใิ นวรรคหนึ่ ง ให ้ใช ้บังคับแก่การทีลู ่ กหนี ร้ ับสภาพความ
ร ับผิดโดยมีหลักฐานเป็ นหนังสือหรือโดยการให ้ประกันด ้วย แต่จะ
อ ้างความข ้อนี ขึ ้ นเป็
้ นโทษแก่ผู ้คาประกั้ นเดิมไม่ได ้
*****ชาระหนี ตามสิ ้ ่
ทธิเรียกร ้องทีขาดอายุ ความตามมาตรา
193/28
มาตรา 193/28 ว.1
การชาระหนี ตามสิ ้ ่
ทธิเรียกร ้องทีขาดอายุ ความ เรียกคืนไม่ได ้
้ ้ หรือ ไม่รู ้ ก็ตาม
แมผ้ ู ้ชาระหนี จะรู
ว.2 ในวรรคหนึ่ ง
ใช ้บังคับกับการทีลู ่ กหนี ร้ ับสภาพความผิดโดยมีหลักฐานเป็ นหนัง
สือหรือให ้ประกัน แต่ยกขึนเป็ ้ นโทษผู ้คาประกั
้ นเดิมไม่ได ้
มาตรา 193/29 เมือไม่ ่ ได ้ยกอายุความขึนเป็้ นข ้อต่อสู ้ศาลจะ
อ ้างเอาอายุความมาเป็ นเหตุยกฟ้ องไม่ได ้
้ นข ้อต่อสู ้ ตามมาตรา 193/29
*****ไม่ยกอายุความขึนเป็
มาตรา 193/29
่ ยกอายุความขึนเป็
เมือไม่ ้ นข ้อต่อสู ้ศาลจะอ ้างเป็ นเหตุยกฟ้ องไม่ไ
ด้
มาตรา 193/30 อายุความนั้น ถ ้าประมวลกฎหมายนี หรื ้ อ
่ ได ้บัญญัตไิ ว ้โดยเฉพาะ ให ้มีกาหนดสิบปี
กฎหมายอืนมิ

อายุความทัวไป ตามมาตรา 193/30
มาตรา 193/30 อายุความนั้น ถ ้ากฎหมายนี หรื ้ อ
กฎหมายอืนมิ่ ได ้บัญญัตไิ ว ้ ใหม้ ก
ี าหนด 10 ปี
มาตรา 193/32 สิทธิเรียกร ้องทีเกิ ่ ดขึนโดยค
้ าพิพากษาของศาล
่ งทีสุ
ทีถึ ่ ดหรือโดยสัญญาประนี ประนอมยอมความ
ให ้มีกาหนดอายุความสิบปี
้ ไม่
ทังนี ้ วา่ สิทธิเรียกร ้องเดิมจะมีกาหนดอายุความเท่าใด
อายุความตามคาพิพากษาหรือสัญญายอม ตามมาตรา 193/32
มาตรา 193/32
สิทธิเรียกร ้องเกิดตามคาพิพากษาหรือสัญญายอม
ให ้มีอายุความสิบปี
ไม่วา่ สิทธิเรียกร ้องเดิมจะมีกาหนดอายุความเท่าใด
มาตรา 193/33
้ ้มีกาหนดอายุความห ้าปี (1)
สิทธิเรียกร ้องดังต่อไปนี ให
ดอกเบียค ้ ้างชาระ
(2) เงินทีต ่ ้องชาระเพือผ่
่ อนทุนคืนเป็ นงวด ๆ
(3) ค่าเช่าทร ัพย ์สินค ้าชาระ เว ้นแต่ค่าเช่าสังหาริมทร ัพย ์ตาม
มาตรา 193/34 (6)
(4) เงินค ้างจ่ายคือ เงินเดือน เงินปี เงินบานาญ ค่าอุปการะเลียงดู ้
และเงินอืน ่ ๆ
ในลักษณะทานองเดียวกับทีมี ่ การกาหนดจ่ายเป็ นระยะเวลา
(5) สิทธิเรียกร ้องตาม มาตรา 193/34 (1) (2) และ (5) ทีไม่ ่ อยู่
ในบังคับอายุความสองปี
่ อายุความห ้าปี ตามมาตรา 193/33
*****สิทธิเรียกร ้องทีมี
มาตรา 193/33 สิทธิเรียกร ้องกาหนดอายุความห ้าปี
(1) ดอกเบียค ้ ้างชาระ (สาคัญข ้อเดียว)
(2) เงินผ่อนทุนคืนเป็ นงวด ๆ
(3) ค่าเช่าทร ัพย ์สินค ้าชาระ เว ้นแต่ค่าเช่าสังหาฯตาม มาตรา
193/34 (6)
(4) เงินค ้างจ่ายคือ เงินเดือน เงินปี เงินบานาญ

ค่าอุปการะเลียงดู
(5) สิทธิเรียกร ้องตาม มาตรา 193/34 (1) (2) และ (5)
่ อยู่ในบังคับอายุความสองปี
ทีไม่
*****สิทธิเรียกร ้องอายุความสองปี ตามมาตรา 193/34
มาตรา 193/34 สิทธิเรียกร ้องทีมี ่ กาหนดอายุความ สองปี
(1) ผู ้ประกอบการค ้า เรียกเอาค่าของทีส่ ่ งมอบ
(6) ผูประกอบธุ
้ รกิจให ้เช่าสังหาริมทร ัพย ์ เรียกเอาค่าเช่า
(7) บุคคลซึงมิ ่ ได ้เข ้าอยู่ใน (1)
แต่เป็ นผูป้ ระกอบธุรกิจหรือร ับทาการงานต่าง ๆ เรียกเอาสินจ ้าง
รวมถึงเงินทีได ่ ้ออกทดรองไป
มาตรา 194 ด ้วยอานาจแห่งมูลหนี ้ เจ ้าหนี ย่้ อมมีสท ิ ธิจะเรียกให ้
ลูกหนี ช ้ าระหนี ได
้ ้ อนึ่ ง การชาระหนี ด้ ้วยงดเว ้นการอันใดอันหนึ่ ง
ก็ย่อมมีได ้
*****อานาจแห่งมูลหนี ้ ตามมาตรา 194
มาตรา 194 ด ้วยอานาจแห่งมูลหนี ้ เจ ้าหนี มี
้ สท
ิ ธิเรียกให ้ชาระหนี ้
มาตรา 195

เมือทร ่ นวัตถุแห่งหนี นั
ัพย ์ซึงเป็ ้ ้นได ้ระบุไว ้แต่เพียงเป็ นประเภท
และถ ้าตามสภาพแห่งนิ ตก ิ รรม
หรือตามเจตนาของคูก ่ รณี ไม่อาจจะกาหนดได ้ว่าทร ัพย ์นั้นจะพึงเ
ป็ นชนิ ดอย่างไรไซร ้
ท่านว่าลูกหนี จะต้ ้องส่งมอบทร ัพย ์ชนิ ดปานกลาง
้ ้กระทาการอันตนจะพึงต ้องทาเพือส่
ถ ้าลูกหนี ได ่ งมอบทร ัพย ์สิงนั
่ ้น
ทุกประการแล ้วก็ดี
หรือถ ้าลูกหนี ได ้ ้เลือกกาหนดทร ัพย ์ทีจะส่ ่ งมอบแล ้วด ้วยความยินย
อมของเจ ้าหนี ก็ ้ ดี
ท่านว่าทรพ ั ย ์นั้นจึงเป็ นวัตถุแห่งหนี จ้ าเดิมแต่เวลานั้นไป
้ นทร ัพย ์ระบุไว ้เป็ นประเภท ให ้ส่งมอบชนิ ดปานกลาง
วัตถุแห่งหนี เป็
ตามมาตรา 195
มาตรา 195 ว.1 วัตถุแห่งหนี ระบุ ้ ไว ้เพียงเป็ นประเภท
และตามสภาพ/ตามเจตนาไม่กาหนดไว ้
้ ้องส่งมอบทร ัพย ์ชนิ ดปานกลาง
ลูกหนี จะต
ว.2
้ ้กระทาการอันตนจะพึงต ้องทาเพือส่
ลูกหนี ได ่ งมอบทร ัพย ์นั้นทุกปร
ะการ หรือเลือกกาหนดทร ัพย ์ด ้วยความยินยอมของเจ ้าหนี ้
ท่านว่าทรพ ั ย ์นั้นเป็ นวัตถุแห่งหนี แต่ ้ เวลานั้น
มาตรา 198 ถ ้าการอันมีกาหนดพึงกระทาเพือช ่ าระหนี นั
้ ้นมี
หลายอย่างแต่จะต ้องกระทาเพียงการใดการหนึ่ งแต่อย่างเดียวไซร ้
ี่
ท่านว่าสิทธิทจะเลื อกทาการอย่างใดนั้นตกอยู่แก่ฝ่ายลูกหนี ้
เว ้นแต่ จะได ้ตกลงกันกาหนดไว ้เป็ นอย่างอืน ่
*****วัตถุในการชาระหนี มี ้ หลายอย่าง ตามมาตรา 198
มาตรา 198 การชาระหนี มี ้ หลายอย่าง แต่ต ้องทาอย่างเดียว
สิทธิเลือกตกแก่ลก ู หนี ้ เว ้นแต่จะตกลงเป็ นอย่างอืน่
มาตรา 199 การเลือกนั้นท่านให ้ทาด ้วยแสดงเจตนาแก่คก ู่ รณี
อีกฝ่ ายหนึ่ ง
การชาระหนี ได ้ ้เลือกทาเป็ นอย่างใดแล ้ว ท่านให ้ถือว่าอย่างนั้น
อย่างเดียวเป็ นการชาระหนี อั ้ นกาหนดให ้กระทาแต่ต ้นมา
*****วิธก
ี ารเลือก ตามมาตรา 199
มาตรา 199 ว.1 การเลือกทาด ้วยแสดงเจตนาแก่อก ี ฝ่ าย
่ อกแล ้ว ท่านให ้ถือว่าเป็ นหนี ที
ว.2 เมือเลื ้ ต่ ้องชาระมาแต่ต ้น
มาตรา 200 ถ ้าจะต ้องเลือกภายในระยะเวลาอันมีกาหนด และ
่ สท
ฝ่ ายทีมี ิ ธิจะเลือก มิได ้เลือกภายในระยะเวลานั้นไซร ้
ท่านว่าสิทธิ ทีจะเลื ่ อกนั้นย่อมตกไปอยู่แก่อก
ี ฝ่ ายหนึ่ ง
ถ ้ามิได ้กาหนดระยะเวลาให ้เลือกไซร ้ เมือหนี ่ ้ งกาหนดชาระฝ่ าย
ถึ
่ มส
ทีไม่ ี ท ิ ธิจะเลือกอาจกาหนดเวลาพอสมควรแก่เหตุ
แล ้วบอกกล่าว ให ้ฝ่ ายโน้นใช ้สิทธิเลือกภายในเวลาอันนั้น
*****การเลือกทีมี ่ กาหนดระยะเวลา ตามมาตรา 200
มาตรา 200 ว.1 ถ ้าต ้องเลือกภายในเวลาทีก ่ าหนด และ
ฝ่ ายมีสท ิ ธิเลือก มิเลือกภายในกาหนด ท่านว่าสิทธิ
เลือกตกแก่อก ี ฝ่ าย
ว.2 ถ ้ามิได ้กาหนดเวลาเลือก เมือหนี ่ ้ งกาหนด
ถึ
่ มส
ฝ่ ายทีไม่ ี ท
ิ ธิเลือกกาหนดเวลาพอสมควร
แล ้วบอกกล่าวให ้อีกฝ่ ายเลือกภายในเวลานั้น
มาตรา 201 ถ ้าบุคคลภายนอกจะพึงเป็ นผู ้เลือก ท่านให ้กระทา
ด ้วยแสดงเจตนาแก่ลก ู หนี ้
้ ้องแจ ้งความนั้นแก่เจ ้าหนี ้
และลูกหนี จะต
ถ ้าบุคคลภายนอกนั้นไม่อาจจะเลือกได ้ก็ดี
หรือไม่เต็มใจจะเลือกก็ดี
ี่ อกตกไปอยู่แก่ฝ่ายลูกหนี ้
ท่านว่าสิทธิทจะเลื
*****กรณี บุคคลภายนอกเป็ นผู ้เลือก ตามมาตรา 201
มาตรา 201 ว.1 ถ ้าบุคคลภายนอกเป็ นผู ้เลือก ท่านให ้กระทา
ด ้วยแสดงเจตนาแก่ลก ู หนี ้ และลูกหนี แจ
้ ้งแก่เจ ้าหนี ้
ว.2 ถ ้าบุคคลภายนอกไม่เลือก หรือไม่เต็มใจเลือก
ท่านว่าสิทธิเลือกตกแก่ลูกหนี ้
มาตรา 202 ถ ้าการอันจะพึงต ้องทาเพือช ่ าระหนี นั
้ ้นมีหลายอย่าง
และอย่างใดอย่างหนึ่ งตกเป็ นอันพ้นวิสยั จะทาได ้มาแต่ต ้นก็ดี หรือ
กลายเป็ นพ้นวิสยั ในภายหลังก็ดี
ท่านให ้จากัดหนี นั ้ ้นไว ้เพียงการชาระ หนี อย่ ้ างอืนที
่ ไม่
่ พน้ วิสยั
อนึ่ ง การจากัดอันนี ย่้ อมไม่เกิดมีขน ึ ้ หากว่า

การชาระหนี กลายเป็ นพ้นวิสยั เพราะพฤติการณ์อน ั ใดอันหนึ่ งซึง่
่ มส
ฝ่ ายทีไม่ ิ ธิจะเลือกนั้นต ้องร ับผิดชอบ
ี ท
*****วัตถุในการชาระหนี บางอย่ ้ างเป็ นพ้นวิสยั ตามมาตรา 202
มาตรา 202 การชาระหนี มี ้ หลายอย่าง
และบางอย่างพ้นวิสยั มาแต่ต ้น หรือ ภายหลัง
ท่านให ้จากัดไว ้เพียงการชาระหนี ที ้ ไม่ ่ พน้ วิสยั
การจากัดย่อมไม่มี หากว่า
การพ้นวิสยั เพราะฝ่ ายวทีไม่ ่ มส ี ท
ิ ธิเลือกต ้องร ับผิดชอบ
มาตรา 203 ถ ้าเวลาอันจะพึงชาระหนี นั ้ ้นมิได ้กาหนดลงไว ้
หรือจะอนุ มานจากพฤติการณ์ทงปวงก็ ้ั ไม่ได ้ไซร ้
ท่านว่าเจ ้าหนี ย่้ อมจะเรียกให ้ชาระหนี ได ้ ้โดยพลัน
และฝ่ ายลูกหนี ก็ ้ ย่อมจะชาระหนี ของตนได
้ ้โดยพลันดุจกัน
ถ ้าได ้กาหนดเวลาไว ้ แต่หากกรณี เป็ นทีสงสั ่ ย
ท่านให ้สันนิ ษฐานไว ้ก่อนว่าเจ ้าหนี จะเรี ้ ยกให ้ชาระหนี ก่้ อนถึงเวลา
นั้นหาได ้ไม่ แต่ฝ่ายลูกหนี จะช ้ าระหนี ก่ ้ อนกาหนดนั้นก็ได ้
การชาระหนี ไม่ ้ มก ี าหนดเวลาเรียกชาระหนี ได ้ ้โดยพลันกับมีกาหน
ดเวลา เจ ้าหนี เรี ้ ยกให ้ชาระก่อนไม่ได ้ ลูกหนี ช ้ าระได ้ ตามมาตรา
203
มาตรา 203 ว.1 หนี ไม่ ้ มก ี าหนดเวลาหรืออนุ มานไม่ได ้
ท่านว่าเจ ้าหนี เรี ้ ยกให ้ชาระหนี ได ้ ้โดยพลัน
และลูกหนี ช ้ าระหนี ได ้ ้โดยพลัน
ว.2 หนี มี ้ กาหนดเวลา แต่เป็ นทีสงสั ่ ย
้ ยกให ้ชาระหนี ก่
เจ ้าหนี เรี ้ อนถึงเวลาไม่ได ้
ลูกหนี ช ้ าระหนี ก่ ้ อนกาหนดได ้
มาตรา 204 ถ ้าหนี ถึ ้ งกาหนดชาระแล ้ว
และภายหลังแต่น้ันเจ ้าหนี ได ้ ้ให ้คาเตือนลูกหนี แล ้ ้ว
ลูกหนี ยั ้ งไม่ชาระหนี ไซร ้ ้ ลูกหนี ได้ ้ชือว่
่ าผิดนัดเพราะเขาเตือนแล ้ว
ถ ้าได ้กาหนดเวลาชาระหนี ไว ้ ้ตามวันแห่งปฏิทน ิ
และลูกหนี มิ ้ ได ้ชาระหนี ตามก ้ าหนดไซร ้
ท่านว่าลูกหนี ตกเป็ ้ นผู ้ผิดนัดโดยมิพก ั ต ้องเตือนเลย
วิธเี ดียวกันนี ท่ ้ านให ้ใช ้บังคับแก่กรณี ทต ี่ ้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อ
นการชาระหนี ้
่ ้กาหนดเวลาลงไว ้อาจคานวณนับได ้โดยปฏิทน
ซึงได ั ทีไ่
ิ นับแต่วน
ด ้บอกกล่าว
้ งกาหนด เจ ้าหนี เตื
หนี ถึ ้ อน ลูกหนี ไม่
้ ชาระ ลูกหนี ผิ้ ดนัด
ตามมาตรา 204
มาตรา 204 ว.1 หนี ถึ ้ งกาหนดชาระ
และภายหลังแต่น้ันเจ ้าหนี เตื ้ อนแล ้ว ลูกหนี ยั
้ งไม่ชาระหนี ้
ถือว่าลูกหนี ผิ ้ ดนัด
ว.2 กาหนดเวลาชาระหนี ไว ้ ้ตามวันปฏิทน ิ
และลูกหนี ไม่ ้ ได ้ชาระหนี ตามก
้ าหนด
ถือว่าลูกหนี ผิ ้ ดนัดโดยต ้องไม่เตือน
วิธน ้ ้บังคับกรณี ทต
ี ี ใช ี่ ้องบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนการชาระหนี ้
่ ้กาหนดเวลาลงไว ้อาจคานวณนับได ้โดยปฏิทน
ซึงได ิ นับแต่วน ่
ั ทีบ
อกกล่าว
มาตรา 205 ตราบใดการชาระหนี นั ้ ้นยังมิได ้กระทาลงเพราะ
พฤติการณ์อน ั ใดอันหนึ่ งซึงลู
่ กหนี ไม่
้ ต ้องร ับผิดชอบ
ตราบนั้นลูกหนี ้ ยังหาได ้ชือว่
่ าผิดนัดไม่
้ ผด
*****ลูกหนี ไม่ ิ นัด ตามมาตรา 205
มาตรา 205
ตราบใดการชาระหนี ยั ้ งมิได ้กระทาลงเพราะพฤติการณ์ซงลู
ึ่ กหนี ไ้
ม่ต ้องร ับผิดชอบ ไม่ถอ ้ ดนัด
ื ว่าลูกหนี ผิ
มาตรา 206 ในกรณี หนี อั ้ นเกิดแต่มูลละเมิด
้ ้ชือว่
ลูกหนี ได ่ าผิดนัด มาแต่เวลาทีท ่ าละเมิด
*****ลูกหนี ผิ ้ ดนัดนับแต่ละเมิด ตามมาตรา 206
มาตรา 206 หนี อั ้ นเกิดแต่มูลละเมิด
ลูกหนี ผิ้ ดนัดมาแต่เวลาทีท ่ าละเมิด
มาตรา 207 ถ ้าลูกหนี ขอปฏิ ้ บตั ก ิ ารชาระหนี ้ และเจ ้าหนี ไม่
้ ร ับ
ชาระหนี นั ้ ้นโดยปราศจากมูลเหตุอน ั จะอ ้างกฎหมายได ้ไซร ้

ท่านว่า เจ ้าหนี ตกเป็ นผูผ้ ด
ิ นัด
*****เจ ้าหนี ผิ้ ดนัด ตามมาตรา 207
มาตรา 207 ถ ้าลูกหนี ขอช ้ าระหนี ้
้ ร ับโดยปราศจากมูลเหตุอน
และเจ ้าหนี ไม่ ั จะอ ้างกฎหมายได ้
ท่านว่า เจ ้าหนี ตกเป็ ้ นผูผ้ ดิ นัด
มาตรา 208 การชาระหนี จะให ้ ้สาเร็จผลเป็ นอย่างใด ลูกหนี จะ ้
ต ้องขอปฏิบต ั ก
ิ ารชาระหนี ต่ ้ อเจ ้าหนี เป็
้ นอย่างนั้นโดยตรง
แต่ถ ้าเจ ้าหนี ได้ ้แสดงแก่ลก ู หนี ว่้ า จะไม่ร ับชาระหนี ก็
้ ดี หรือเพือ ่
่ าระหนี จ้ าเป็ นทีเจ
ทีจะช ่ ้าหนี จะต ้ ้องกระทาการอย่างใดอย่างหนึ่ งก่อ

น ก็ดี ลูกหนี จะบอกกล่ าวแก่เจ ้าหนี ว่้ า
ได ้เตรียมการทีจะช ่ าระหนี ไว ้ ้ พร ้อมเสร็จแล ้ว
ให ้เจ ้าหนี ร้ ับชาระหนี นั ้ ้น เท่านี ก็ ้ นับว่าเป็ นการเพียงพอ แล ้ว
ในกรณี เช่นนี ้
ท่านว่าคาบอกกล่าวของลูกหนี นั ้ ้นก็เสมอกับคาของ
ปฏิบต ั กิ ารชาระหนี ้
*****วิธช ้
ี าระหนี ของลู กหนี ้ ตามมาตรา 208
มาตรา 208 ว.1 ชาระหนี ให ้ ้สาเร็จผลเป็ นอย่างใด
ลูกหนี ต ้ ้องขอชาระหนี ต่ ้ อเจ ้าหนี อย่ ้ างนั้นโดยตรง

ว.2 เจ ้าหนี แสดงแก่ ลก ู หนี ว่้ า จะไม่ร ับชาระหนี ้
หรือต ้องกระทาการใดก่อนชาระหนี ้

ลูกหนี จะบอกกล่ าวแก่เจ ้าหนี ว่้ า ได ้เตรียมการชาระหนี พร ้ ้อมแล ้ว
ในกรณี นี ้ ท่านว่าคาบอกกล่าวของลูกหนี เสมอกั ้ บคาขอชาระหนี ้
มาตรา 209 ถ ้าได ้กาหนดเวลาไว ้เป็ นแน่ นอนเพือให ่ ้
้เจ ้าหนี กระท า
การอันใด ท่านว่าทีจะขอปฏิ ่ บตั ก ้ ้นจะต ้องทาก็แต่เมือ
ิ ารชาระหนี นั ่
เจ ้าหนี ท ้ าการอันนั้นภายในเวลากาหนด
******การชาระหนี กรณี ้ เจข ้าหนี ต ้ ้องทาการตามกาหนด
ตามมาตรา 209
มาตรา 209 กาหนดเวลาแน่ นอนให ้เจ ้าหนี กระท ้ าการใด
ท่านว่าจะขอปฏิบต ิ ารชาระหนี ้ แต่เมือ
ั ก ่
้ าการภายในเวลากาหนด
เจ ้าหนี ท
มาตรา 210 ถ ้าลูกหนี จ้ าต ้องชาระหนี ส่ ้ วนของตนต่อเมือเจ
่ ้าหนี ้

ชาระหนี ตอบแทนด ้วยไซร ้

แมถ้ งึ ว่าเจ ้าหนี จะได ่ ับ
้เตรียมพร ้อมทีจะร
ชาระหนี ตามที ้ ่ กหนี ขอปฏิ
ลู ้ บตั นิ ้ันแล ้วก็ดี หากไม่เสนอทีจะท
่ าการ

ชาระหนี ตอบแทนตามที ่ งต ้องทา
จะพึ
้ เป็ นอันได ้ชือว่
เจ ้าหนี ก็ ่ าผิดนัด
*****เจ ้าหนี ผิ ้ ดนัดเพราะไม่ชาระหนี ตอบแทน
้ ตามมาตรา 210
มาตรา 210 กรณี เจ ้าหนี ต ้ ้องชาระหนี ตอบแทน

้ ยมพร ้อมทีจะร
แมเ้ จ ้าหนี เตรี ่ ับชาระหนี ตามที
้ ่ กหนี ขอ
ลู ้
หากไม่เสนอทีจะท ่ าการชาระหนี ตอบแทน
้ ถือว่าเจ ้าหนี ผิ้ ดนัด
มาตรา 211 ในเวลาทีลู ่ กหนี ขอปฏิ
้ บต ั ก ิ ารชาระหนี นั ้ ้นก็ดี หรือใน
เวลาทีก ่ าหนดไว ้ให ้เจ ้าหนี ท ้ าการอย่างใดอย่างหนึ่ ง
โดยกรณี ทบั ี่ ญญัติ ไว ้ใน มาตรา 209 นั้นก็ดี
ถ ้าลูกหนี มิ ้ ได ้อยู่ในฐานะทีจะสามารถช
่ ้ ้ไซร ้
าระ หนี ได
ท่านว่าเจ ้าหนี ยั ้ งหาผิดนัดไม่
*****ลูกหนี ไม่ ้ อยู่ในฐานะจะชาระหนี ได ้ ้ เจ ้าหนี ไม่ ้ ผด ิ นัด
ตามมาตรา 211
มาตรา 211 ในเวลาทีลู ่ กหนี ขอช้ าระหนี ้ หรือ
กาหนดให ้เจ ้าหนี ท ้ าการ ตามมาตรา 209
ถ ้าลูกหนี มิ ้ ได ้อยู่ในฐานะทีจะช ่ าระหนี ได
้ ้ ท่านว่าเจ ้าหนี ไม่
้ ผด
ิ นัด
มาตรา 212 ถ ้ามิได ้กาหนดเวลาชาระหนี ไว ้ ้ก็ดี หรือถ ้าลูกหนี มี

ี่ าระหนี ได
สิทธิทจะช ้ ้ก่อนเวลากาหนดก็ดี
การทีเจ่ ้าหนี มี้ เหตุขด ั ข ้อง
่ั
ชวคราวไม่ อาจร ับชาระหนี ที ้ เขาขอปฏิ
่ ั แิ ก่ตนได ้นั้น หาทาให ้
บต

เจ ้าหนี ตกเป็ นผู ้ผิดนัดไม่
เว ้นแต่ลก ้
ู หนี จะได ้บอกกล่าวการชาระหนี ้
ไว ้ล่วงหน้าโดยเวลาอันสมควร
้ เหตุขด
*****เจ ้าหนี มี ้ ผด
ั ข ้อง เจ ้าหนี ไม่ ิ นัด ตามมาตรา 212
มาตรา 212 หนี ไม่ ้ มก ี าหนด
หรือหนี ที ้ ลู
่ กหนี มี ้ สท ิ ธิชาระหนี ได ้ ้ก่อนเวลากาหนด
หากเจ ้าหนี มี ้ เหตุขด ั ข ้องชวคราวไม่ ่ั อาจร ับชาระหนี ้
เจ ้าหนี ไม่้ ผด ิ นัด เว ้นแต่ลก ู หนี จะได ้ ้บอกกล่าวไว ้ล่วงหน้า
มาตรา 213 ถ ้าลูกหนี ละเลยเสี ้ ้
ยไม่ชาระหนี ของตน
เจ ้าหนี จะร ้ ้องขอต่อศาลให ้สังบั ่ งคับชาระหนี ก็ ้ ได ้
เว ้นแต่สภาพแห่งหนี จะไม่ ้ เปิ ดช่องให ้ทาเช่นนั้นได ้

เมือสภาพแห่ ้ เปิ ดช่องให ้บังคับชาระหนี ได
งหนี ไม่ ้ ้
ถ ้าวัตถุแห่งหนี เป็ ้ นอันให ้กระทาการอันหนึ่ งอันใด
เจ ้าหนี จะร ้ ้องขอต่อศาลให ้สังบั ่ งคับให ้บุคคลภายนอกกระทาการอั
นนั้นโดยให ้ลูกหนี เสี ้ ยค่าใช ้จ่ายให ้ก็ได ้
แต่ถ ้าวัตถุแห่งหนี เป็ ้ นอันให ้กระทานิ ตก ิ รรมอย่างใดอย่างหนึ่ งไซร ้
ศาลจะสังให ่ ้ถือเอาตามคาพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของลูกห
้ ได ้
นี ก็
ส่วนหนี ซึ ้ งมี
่ วต ั ถุเป็ นอันจะให ้งดเว ้นการอันใด
เจ ้าหนี จะเรี ้ ยกร ้องให ้รือถอนการที ้ ่ ้กระทาลงแล ้วนั้นโดยใหล้ ก
ได ู ห
้ ยค่าใช ้จ่าย และให ้จัดการอันควรเพือกาลภายหน้
นี เสี ่ าด ้วยก็ได ้
อนึ่ งบทบัญญัตใิ นวรรคทังหลายที ้ ่ าวมาก่อนนี ้
กล่
หากระทบกระทังถึ ่ งสิทธิทจะเรี ี่ ยกเอาค่าเสียหายไม่
สิทธิในการบังคับชาระหนี ของเจ ้ ้าหนี ้
ถ ้าลูกหนี ไม่ ้ ชาระหนี ตามมาตรา ้ 213
มาตรา 213 ว.1 ลูกหนี ละเลยไม่ ้ ชาระหนี ้
เจ ้าหนี ร้ ้องขอต่อศาลให ้สังบั ่ งคับชาระหนี ได ้ ้
เว ้นแต่สภาพแห่งหนี จะไม่ ้ เปิ ดช่อง

ว.2 เมือสภาพแห่ งหนี ไม่ ้ เปิ ดช่อง ถ ้าวัตถุแห่งหนี ให ้ ้กระทาการ
เจ ้าหนี ร้ ้องขอต่อศาลสังบั ่ งคับบุคคลภายนอกกระทาการ
โดยลูกหนี เสี ้ ยค่าใช ้จ่ายก็ได ้
แต่ถ ้าวัตถุแห่งหนี นั ้ ้นเป็ นการให ้ทานิ ตก ิ รรม
ให ้ถือเอาตามคาพิพากษาแทนการแสดงเจตนาก็ได ้
ว.3 หนี ที ้ มี
่ วต ั ถุให ้งดเว ้นการใด
เจ ้าหนี เรี้ ยกร ้องให ้รือถอนการที
้ ่ ้กระทาลงแล ้วโดยให ้ลูกหนี เสี
ได ้ ย
ค่าใช ้จ่ายก็ได ้
ว.4วรรคทังหลายที ้ ่ าวมา หา กระทบถึงสิทธิเรียกค่าเสียหาย
กล่
มาตรา 214 ภายใต ้บังคับบทบัญญัตแิ ห่ง มาตรา 733 เจ ้าหนี มี ้
ี่
สิทธิทจะให ้
้ชาระหนี ของตนจากทร ้
ัพย ์สินของลูกหนี จนสิ ้ ง
นเชิ
รวม ทังเงิ ้ นและทร ัพย ์สินอืน ่ ๆ
่ คคลภายนอกค ้างชาระแก่ลก
ซึงบุ ้ ้วย
ู หนี ด
*****สิทธิร ับชาระหนี จากทร ้ ัพย ์ของลูกหนี ้ ตามมาตรา 214
มาตรา 214 ภายใต ้ มาตรา 733
้ สท
เจ ้าหนี มี ี่
ิ ธิทจะให ้
้ชาระหนี ของตนจากทร ้
ัพย ์สินของลูกหนี จนสิ ้
้ นและทร ัพย ์สินอืน
นเชิง รวมทังเงิ ่ ๆ
่ คคลภายนอกค ้างชาระแก่ลก
ซึงบุ ู หนี ้
มาตรา 215
่ กหนี ไม่
เมือลู ้ ชาระหนี ให ้ ้ต ้องตามความประสงค ์อันแท ้จริงแห่งมูลห

นี ไซร ้

เจ ้าหนี จะเรี ่
ยกเอาค่าสินไหมทดแทนเพือความเสี ยหายอันเกิดแต่ก
ารนั้นก็ได ้
เจ ้าหนี มี้ สทิ ธิการเรียกค่าสินไหม
ถ ้าลูกหนี ไม่้ ชาระหนี ตามความประสงค
้ ์ ตามมาตรา 215
มาตรา 215 ลูกหนี ไม่ ้ ชาระหนี ตามความประสงค
้ ์อันแท ้จริง
เจ ้าหนี เรี้ ยกค่าสินไหมทดแทนเพือความเสี่ ยหายนั้นได ้
มาตรา 216 ถ ้าโดยเหตุผด ิ นัด

การชาระหนี กลายเป็ ้ ้าหนี จะบอกปั
นอันไร ้ประโยชน์แก่เจ ้าหนี เจ ้ ดไ
ม่ร ับชาระหนี ้
และจะเรียกเอาค่าสินไหมทดแทนเพือการไม่่ ้ ได ้
ชาระหนี ก็
้ ดนัดทาให ้การชาระหนี ไร
*****ลูกหนี ผิ ้ ้ประโยชน์ตามมาตรา
216
มาตรา 216 เหตุผด ้
ิ นัด การชาระหนี กลายเป็ นอันไร ้ประโยชน์

เจ ้าหนี บอกปั ่
ด และเรียกค่าสินไหมทดแทนเพือการไม่ ้ ้
ชาระหนี ได
มาตรา 217
ลูกหนี จะต ้ ้องร ับผิดชอบในความเสียหายบรรดาทีเกิ ่ ดแต่ความประ
มาทเลินเล่อในระหว่างเวลาทีตนผิ ่ ดนัด

ทังจะต ่
้องร ับผิดชอบในการทีการช ้
าระหนี กลายเป็ นพ้นวิสยั เพราะ
อุบต ั เิ หตุอน ้
ั เกิดขึนในระหว่างเวลาทีผิ ่ ดนัดนั้นด ้วย
เว ้นแต่ความเสียหายนั้นถึงแมว้ า่ ตนจะได ้ชาระหนี ทั ้ นเวลากาหนด
ก็คงจะต ้องเกิดมีอยู่น่ ันเอง
ลูกหนี ต ้ ้องร ับผิดความเสียหายในระหว่างผิดนัดตามมาตรา 217
มาตรา 217 ในระหว่างผิดนัด
ลูกหนี ต ้ ้องร ับผิดในความเสียหายทีเกิ ่ ดแต่ ความประมาทเลินเล่อ
/ การชาระหนี กลายเป็ ้ นพ้นวิสยั เพราะอุบต ั เิ หตุ
เว ้นแต่แมว้ า่ ตนจะได ้ชาระหนี ทั ้ นเวลาความเสียหายก็ต ้องเกิด
มาตรา 218

ถ ้าการชาระหนี กลายเป็ นพ้นวิสยั จะทาได ้เพราะพฤติการณ์อน ั ใด
อันหนึ่ งซึงลู
่ กหนี ต้ ้องร ับผิดชอบไซร ้

ท่านว่าลูกหนี จะต ้ อค่
้องใช ้ค่าสินไหมทดแทนให ้แก่เจ ้าหนี เพื ่ าเสีย
หายอย่างใด ๆ อันเกิดแต่การไม่ชาระหนี นั ้ ้น
ในกรณี ทการช ี่ ้
าระหนี กลายเป็ นพ้นวิสยั แต่เพียงบางส่วน
ถ ้าหากว่าส่วนทียั ่ งเป็ นวิสยั จะทาได ้นั้นจะเป็ นอันไร ้ประโยชน์แก่เจ ้
าหนี แล้ ้ว

เจ ้าหนี จะไม่ ยอมร ับชาระหนี ส่ ้ วนทียั ่ งเป็ นวิสยั จะทาได ้นั้นแล ้ว
และเรียกค่าสินไหมทดแทนเพือการไม่ ่ ชาระหนี เสี้ ยทังหมดที
้ เดียว
ก็ได ้
*****ลูกหนี ต ้ ้องร ับผิดใช ้ค่าสินไหมกรณี ชาระหนี พ้ ้ นวิสยั ตามมาต
รา 218
มาตรา 218 ว.1
การชาระหนี พ้ ้ นวิสยั เพราะพฤติการณ์ซงลู ึ่ กหนี ต้ ้องร ับผิดชอบ
ต ้องใช ้ค่าสินไหมทดแทนเพือค่ ่ าเสียหายอันเกิดแต่การไม่ชาระหนี ้
ว.2 การชาระหนี พ้ ้ นวิสยั แต่เพียงบางส่วน
ส่วนทียั่ งเป็ นวิสยั เป็ นอันไร ้ประโยชน์

เจ ้าหนี จะไม่ ยอมร ับชาระหนี ส่ ้ วนนี ้
และเรียกค่าสินไหมทดแทนเสียทังหมดได ้ ้
มาตรา 219

ถ ้าการชาระหนี กลายเป็ นพ้นวิสยั เพราะพฤติการณ์อน ั ใดอันหนึ่ งซึ่

งเกิดขึนภายหลั ่ ้ก่อหนี ้
งทีได
่ กหนี ไม่
และซึงลู ้ ต ้องร ับผิดชอบนั้นไซร ้
ท่านว่าลูกหนี เป็ ้ นอันหลุดพ้นจากการชาระหนี นั ้ ้น
ถ ้าภายหลังทีได ่ ้ก่อหนี ขึ้ นแล
้ ้วนั้น

ลูกหนี กลายเป็ นคนไม่สามารถจะชาระหนี ได ้ ้ไซร ้
ท่านให ้ถือเสมือนว่าเป็ นพฤติการณ์ทท ี่ าให ้การชาระหนี ตกเป็
้ นอัน
พ้นวิสยั ฉะนั้น
ลูกหนี ไม่้ ต ้องร ับผิด กรณี การชาระหนี พ้ ้ นวิสยั ตามมาตรา 219
มาตรา 219 ว.1 พ้นวิสยั เกิดภายหลังทีได ่ ้ก่อหนี ้
้ ต ้องร ับผิดชอบ ท่านว่าลูกหนี หลุ
และลูกหนี ไม่ ้ ดพ้น
ว.2 หลังก่อหนี ้ ลูกหนี กลายเป็
้ นคนไม่สามารถชาระหนี ได้ ้
ท่านให ้ถือเสมือนว่าเป็ นพฤติการณ์ทท ี่ าให ้การชาระหนี ตกเป็
้ นพ้
นวิสยั
มาตรา 220 ลูกหนี ต ้ ้องร ับผิดชอบในความผิดของตัวแทนแห่งตน

กับทังของบุ ่
คคลทีตนใช ้ ้นโดยขนาดเสมอกับว่าเ
้ในการชาระหนี นั
ป็ นความผิดของตนเอง แต่บทบัญญัตแิ ห่ง มาตรา 373
หาใช ้บังคับ แก่กรณี เช่นนี ด ้ ้วยไม่
*****กรณี ลก ้ ้ตัวแทนชาระหนี ้ ตามมาตรา 220
ู หนี ใช
มาตรา 220 ลูกหนี ต ้ ้องร ับผิดในความผิดของตัวแทน
้ คคลทีตนใช
กับทังบุ ่ ้
้ในการชาระหนี เสมอเป็ นความผิดของตน
แต่ไม่ใช ้บังคับตามมาตรา 373
มาตรา 221 หนี เงิ ้ นอันต ้องเสียดอกเบียนั ้ ้น ท่านว่าจะคิดดอกเบีย้
ในระหว่างทีเจ ่ ้าหนี ผิ ้ ดนัดหาได ้ไม่

*****ผลเกียวกั บดอกเบียกรณี้ ้ ดนัด ตามมาตรา 221
เจ ้าหนี ผิ
มาตรา 221 หนี เงิ ้ น จะคิดดอกเบีย้
ในระหว่างทีเจ ่ ้าหนี ผิ
้ ดนัดหาได ้ไม่
มาตรา 222 การเรียกเอาค่าเสียหายนั้น ได ้แก่เรียกค่าสินไหม

ทดแทนเพือความเสี ่
ยหายเช่นทีตามปกติ ้
ย่อมเกิดขึนแต่
การไม่ชา
้ ้น
ระ หนี นั

เจ ้าหนี จะเรี ยกค่าสินไหมทดแทนได ้ แมก้ ระทั่งเพือความเสี
่ ยหาย
อันเกิดแต่พฤติการณ์พเิ ศษ
หากว่าคูก ี่ ยวข
่ รณี ทเกี ่ ้องได ้คาดเห็นหรือ
ควรจะได ้คาดเห็นพฤติการณ์เช่นนั้นล่วงหน้าก่อนแล ้ว
*****การเรียกค่าเสียหาย ตามมาตรา 222
มาตรา 222 ว.1 การเรียกค่าเสียหาย ได ้แก่เรียกค่าสินไหมฯ

เพือความเสี ยหายตามปกติ
้ ยกค่าสินไหมฯ
ว.2 เจ ้าหนี เรี
จากความเสียหายอันเกิดแต่พฤติการณ์พเิ ศษได ้
หากคูก่ รณี ทเกี ี่ ยวข
่ ้องได ้คาดเห็นหรือควรจะได ้เห็นคาดเห็นพฤติ
การณ์น้ันล่วงหน้าก่อนแล ้ว
มาตรา 223
ถ ้าฝ่ ายผู ้เสียหายได ้มีสว่ นทาความผิดอย่างใดอย่างหนึ่ งก่อให ้เกิด
ความเสียหายด ้วยไซร ้
ท่านว่าหนี อั ้ นจะต ้องใช ้ค่าสินไหมทดแทนแก่ฝ่ายผู ้เสียหายมากน้
อยเพียงใดนั้นต ้องอาศัยพฤติการณ์เป็ นประมาณ
ข ้อสาคัญก็คอ ื ว่าความเสียหายนั้นได ้เกิดขึนเพราะฝ่ ้ ายไหนเป็ นผู ้
่ อนกว่ากันเพียงไร
ก่อยิงหย่
วิธเี ดียวกันนี ท่้ านให ้ใช ้แมท้ งที
้ั ความผิ
่ ่ ยหายจะมีแ
ดของฝ่ ายผู ้ทีเสี
ต่เพียงละเลยไม่เตือนลูกหนี ให ้ ้รู ้สึกถึงอันตรายแห่งการเสียหายอัน
เป็ นอย่างร ้ายแรงผิดปกติ ซึงลู ่ กหนี ไม่ ้ รู ้หรือไม่อาจจะรู ้ได ้
หรือเพียงแต่ละเลยไม่บาบัดปัดป้ อง
หรือบรรเทาความเสียหายนั้นด ้วย อนึ่ งบทบัญญัตแิ ห่งมาตรา
220 นั้นท่านให ้นามาใช ้บังคับด ้วยโดยอนุ โลม
ค่าสินไหมทดแทนกรณี ผเสี ู ้ ยหายมีสว่ นผิดอาศัยพฤติการณ์ตาม
มาตรา 223
มาตรา 223 ว.1 ถ ้าฝ่ ายผู ้เสียหายมีสว่ นทาความผิด
การใช ้ค่าสินไหมต ้องอาศัยพฤติการณ์เป็ นประมาณ
ข ้อสาคัญคือความเสียหายเกิดจากฝ่ ายใดเป็ นผู ้ก่อยิงหย่ ่ อนกว่ากั

ว.2 วิธเี ดียวกัน
ให ้ใช ้ในกรณี ทฝ่ี่ ายผู ้เสียหายละเลยไม่เตือนให ้รู ้ถึงอันตราย หรือ
ละเลยไม่บาบัดปัดป้ อง หรือบรรเทาความเสียหายนั้นด ้วย
นามาตรา 220 มาใช ้บังคับ
มาตรา 224 หนี เงิ ้ นนั้น ท่านให ้คิดดอกเบียในระหว่
้ างเวลาผิดนัด
่ อปี ถ ้าเจ ้าหนี อาจจะเรี
ร ้อยละเจ็ดกึงต่ ้ ยกดอกเบียได้ ้สูงกว่านั้น
โดย อาศัยเหตุอย่างอืนอั ่ นชอบด ้วยกฎหมาย
ก็ให ้คงส่งดอกเบียต่ ้ อไปตามนั้น
ท่านห ้ามมิให ้คิดดอกเบียซ ้ ้อนดอกเบียในระหว่
้ างผิดนัด
การพิสจ ่
ู น์คา่ เสียหายอย่างอืนนอกกว่ านั้น
ท่านอนุ ญาตให ้พิสจ ู น์ได ้

ผลเกียวกั ้
บดอกเบียกรณี ลก ้ ดนัด ตามมาตรา 224
ู หนี ผิ
มาตรา 224 ว.1 หนี เงิ ้ น ท่านให ้คิดดอกเบียในระหว่
้ างเวลาผิดนัด
้ ยกดอกเบียได
ร ้อยละ 7.5 ต่อปี เว ้นแต่เจ ้าหนี เรี ้ ้สูงกว่านั้น โดย
อาศัยเหตุอย่างอืนอั่ นชอบด ้วยกฎหมาย
ว.2 ห ้ามคิดดอกเบียซ ้ ้อนดอกเบียระหว่
้ างผิดนัด
ว.3 การพิสจ ู น์คา่ เสียหายอย่างอืนนอกกว่ ่ านั้น ท่านพิสจ ู น์ได ้
มาตรา 226 บุคคลผู ้ร ับช่วงสิทธิของเจ ้าหนี ้
ชอบทีจะใช่ ้ั
้สิทธิทงหลายบรรดาที ่ ้าหนี มี
เจ ้ อยู่โดยมูลหนี ้

รวมทังประกั ้ ้นได ้ในนามของตนเอง
นแห่งหนี นั
ช่วงทร ัพย ์
ได ้แก่เอาทร ัพย ์สินอันหนึ่ งเข ้าแทนทีทร
่ ัพย ์สินอีกอันหนึ่ ง
ในฐานะนิ ตน ิ ัยอย่างเดียวกันกับทรพ ั ย ์สินอันก่อน
*****สิทธิของผู ้ร ับช่วงสิทธิแทนเจ ้าหนี ้ ตามมาตรา 226
มาตรา 226 ว.1ผู ้ร ับช่วงสิทธิของเจ ้าหนี ้
ชอบทีจะใช่ ี่ ้าหนี มี
้สิทธิทเจ ้ อยู่โดยมูลหนี ้

รวมทังประกั นแห่งหนี นั ้ ้นได ้ในนามของตนเอง
ว.2 ช่วงทร ัพย ์
ได ้แก่เอาทร ัพย ์สินอันหนึ่ งเข ้าแทนทีทร่ ัพย ์สินอีกอันหนึ่ ง
ในฐานะนิ ตน ิ ัยอย่างเดียวกันกับทร ัพย ์สินอันก่อน
มาตรา 227
่ ้าหนี ได
เมือเจ ้ ้ร ับค่าสินไหมทดแทนความเสียหายเต็มตามราคาทร ั
พย ์หรือสิทธิซงเป็ึ่ นวัตถุแห่งหนี นั้ ้นแล ้ว
ท่านว่าลูกหนี ย่้ อมเข ้าสูฐ่ านะเป็ นผู ้ร ับช่วงสิทธิของเจ ้าหนี อั
้ นเกียว

กับทร ัพย ์หรือสิทธิน้ัน ๆ ด ้วยอานาจกฎหมาย
ลูกหนี ร้ ับช่วงสิทธิของเจ ้าหนี ้
ถ ้าได ้ชาระค่าสินไหมตามราคาทร ัพย ์หรือสิทธิตามมาตรา 227
มาตรา 227
่ ้าหนี ได
เมือเจ ้ ้ร ับค่าสินไหมฯเต็มตามราคาทร ัพย ์หรือสิทธิ
ท่านว่าลูกหนี ย่้ อมเข ้าร ับช่วงสิทธิของเจ ้าหนี ้
มาตรา 228
ถ ้าพฤติการณ์ซงท ึ่ าให ้การชาระหนี เป็
้ นอันพ้นวิสยั นั้น
เป็ นผลให ้ลูกหนี ได ้ ้มาซึงของแทนก็
่ ดี
หรือได ้สิทธิเรียกร ้องค่าสินไหมทดแทนเพือทร ่ ัพย ์อันจะพึงได ้แก่ต
นนั้นก็ดี

ท่านว่าเจ ้าหนี จะเรี ยกให ้ส่งมอบของแทนทีได ่ ้ร ับไว ้หรือจะเข ้าเรียก
เอาค่าสินไหมทดแทนเสียเองก็ได ้
้ สท
ถ ้าเจ ้าหนี มี ิ ธิเรียกร ้องค่าสินไหมทดแทนเพราะการไม่ชาระหนี ้
และถ ้าใช ้สิทธิน้ันดังได ้ระบุไว ้ในวรรคต ้นไซร ้
ค่าสินไหมทดแทนอันจะพึงใช ้แก่เจ ้าหนี นั ้ ้นย่อมลดจานวนลงเพียง
เสมอราคาแห่งของแทนซึงลู ่ กหนี ได ้ ้ร ับไว ้
หรือเสมอจานวนค่าสินไหมทดแทนทีลู ่ กหนี จะเรี
้ ยกร ้องได ้นั้น
การชาระหนี พ้ ้ นวิสยั ทาให ้ลูกหนี ได้ ้ของแทนหรือได ้สิทธิเรียกค่าสิ
นไหมตามมาตรา 228
มาตรา 228 ว.1 ถ ้าพฤติการณ์ซงท ึ่ าให ้การชาระหนี เป็ ้ นพ้นวิสยั
ทาให ้ลูกหนี ได้ ้ของแทนหรือได ้สิทธิเรียกร ้องค่าสินไหมทดแทน
ท่านว่า

เจ ้าหนี จะเรียกให ้ส่งมอบของแทนทีได ่ ้ร ับไว ้หรือจะเรียกค่าสินไหม
ทดแทนเสียเอง
ว.2 ถ ้าเจ ้าหนี ใช ้ ้สิทธิตาม ว.1
ค่าสินไหมทดแทนมีจานวนเสมอราคาของแทน
หรือเสมอจานวนค่าสินไหมทดแทนทีลู ่ กหนี จะเรี
้ ยกได ้
มาตรา 229 การร ับช่วงสิทธิย่อมมีขนด ึ ้ ้วยอานาจกฎหมาย และ
ย่อมสาเร็จเป็ นประโยชน์แก่บุคคลดังจะกล่าวต่อไปนี ้ คือ
(1) บุคคลซึงเป็ ่ นเจ ้าหนี อยู ้ ่เอง และมาใช ้หนี ให ้ ้แก่เจ ้าหนี อี
้ ก
คนหนึ่ งผู ้มีสท ้ อนตน เพราะเขามีบุรมิ สิทธิ หรือมี
ิ ธิจะได ้ร ับใช ้หนี ก่
สิทธิจานา จานอง
(2) บุคคลผู ้ได ้ไปซึงอสั่ งหาริมทร ัพย ์ใด และเอาเงินราคาค่าชือ้
ใช ้ให ้แก่ผู ้ร ับจานองทร ัพย ์นั้นเสร็จไป
(3) บุคคลผู ้มีความผูกพันร่วมกับผู ้อืน ่ หรือเพือผู
่ ้อืนในอั
่ นจะต ้อง
ใช ้หนี ้ มีสว่ นได ้เสียด ้วยในการใช ้หนี นั ้ ้น และเข ้าใช ้หนี นั
้ ้น
*****การร ับช่วงสิทธิมข ึ ้ ้วยกฎหมาย ตามมาตรา 229
ี นด
มาตรา 229 การร ับช่วงสิทธิ สาเร็จเป็ นประโยชน์แก่บุคคลดังนี ้
(1) บุคคลซึงเป็ ่ นเจ ้าหนี ้ และเข ้าใช ้หนี แก่
้ เจ ้าหนี อี
้ กคน
ผูมี้ สท ้ อนตน เพราะเขามีบุรมิ สิทธิ หรือ สิทธิจานา
ิ ธิได ้รบั ใช ้หนี ก่
จานอง
(2) บุคคลซึงได ่ ้ไปซึงอสั่ งหาริมทร ัพย ์
และเอาเงินชือใช ้ ้แก่ผู ้ร ับจานอง
(3) บุคคลผู ้มีความผูกพันร่วมกับผู ้อืน ่ หรือเข ้าใช ้หนี นั
้ ้น
มาตรา 233 ถ ้าลูกหนี ขั ้ ดขืนไม่ยอมใช ้สิทธิเรียกร ้อง
หรือเพิกเฉยเสียไม่ใช ้สิทธิเรียกร ้อง
เป็ นเหตุให ้เจ ้าหนี ต ้ ้องเสียประโยชน์ไซร ้
ท่านว่าเจ ้าหนี จะใช้ ้สิทธิเรียกร ้องนั้นในนามของตนเอง
แทนลูกหนี เพื ้ อป้่ องกันสิทธิของตนในมูลหนี นั ้ ้นก็ได ้
เว ้นแต่ในข ้อทีเป็ ่ นการของลูกหนี ส่ ้ วนตัวโดยแท ้
*****เจ ้าหนี ใช้ ้สิทธิเรียกร ้องแทนลูกหนี ที ้ ไม่
่ ยอมใช ้สิทธิซงท
ึ่ าให ้เ
้ ยประโยชน์ ตามมาตรา 233
จ ้าหนี เสี
มาตรา 233 ลูกหนี ขั ้ ดขืนหรือเพิกเฉยเสียไม่ใช ้สิทธิเรียกร ้อง
้ ยประโยชน์
ทาให ้เจ ้าหนี เสี
ท่านว่าเจ ้าหนี ใช ้ ้สิทธิน้ันในนามของตนเอง
แทนลูกหนี ได ้ ้เว ้นแต่เป็ นการเฉพาะตัว
มาตรา 234
้ ้ใช ้สิทธิเรียกร ้องของลูกหนี นั
เจ ้าหนี ผู ้ ้นจะต ้องขอหมายเรียกลูกหนี ้
มาในคดีน้ันด ้วย
*****ขอหมายเรียกลูกหนี เข ้ ้ามาในคดี ตามมาตรา 234
มาตรา 234
้ ้สิทธิเรียกร ้องของลูกหนี จะต
เจ ้าหนี ใช ้ ้องขอหมายเรียกลูกหนี มาใ้
นคดีด ้วย
มาตรา 235

เจ ้าหนี จะใช ้สิทธิเรียกร ้องของลูกหนี เรี ้ ยกเงินเต็มจานวนทียั ่ งค ้าง
ชาระแก่ลก ู หนี ้ โดยไม่ต ้องคานึ งถึงจานวนทีค ่ ้างชาระแก่ตนก็ได ้
ถ ้าจาเลยยอมใช ้เงินเพียงเท่าจานวนทีลู ่ กหนี เดิ้ มค ้างชาระแก่เจ ้าห
้ ้น คดีก็เป็ นเสร็จกันไป
นี นั
แต่ถ ้าลูกหนี เดิ ้ มได ้เข ้าชือเป็่ นโจทก ์ด ้วยลูกหนี เดิ ้ มจะขอให ้ศาลพิ
จารณาพิพากษาต่อไปในส่วนจานวนเงินทียั ่ งเหลือติดค ้างอยู่ก็ได ้
แต่อย่างไรก็ดี
ท่านมิให ้เจ ้าหนี ได ้ ้ร ับมากไปกว่าจานวนทีค ่ ้างชาระแก่ตนนั้นเลย
*****เจ ้าหนี ใช ้ ้สิทธิเรียกร ้องเงินเต็มจานวน
โดยไม่ต ้องคานึ งถึงหนี ที ้ ค
่ ้าง ตามมาตรา 235
มาตรา 235 ว.1
เจ ้าหนี ใช ้ ้สิทธิเรียกร ้องของลูกหนี เรี ้ ยกเงินเต็มจานวนทียั ่ งค ้างชาร
ะแก่ลก ู หนี ้ โดยไม่คานึ งจานวนทีค ่ ้างชาระแก่ตน
ถ ้าจาเลยยอมใช ้เงินเพียงเท่าจานวนทีลู ่ กหนี เดิ้ มค ้างชาระแก่เจ ้าห
นี ้ คดีก็เสร็จ
แต่ถ ้าลูกหนี เดิ ้ มได ้เข ้าชือเป็่ นโจทก ์ด ้วย
ลูกหนี เดิ ้ มจะขอให ้ศาลพิจารณาพิพากษาต่อไปในจานวนเงินทีเห ่
ลือติดค ้างอยู่ก็ได ้
ว.2 มิให ้เจ ้าหนี ได ้ ้ร ับมากไปกว่าจานวนทีค ่ ้างชาระตน
มาตรา 236 จาเลยมีข ้อต่อสู ้ลูกหนี เดิ ้ มอยู่อย่างใด ๆ
ท่านว่าจะยกขึนต่ ้ อสู ้เจ ้าหนี ได ้ ้ทังนั
้ ้น
เว ้นแต่ข ้อต่อสู ้ซึงเกิ ่ ดขึนเมื้ อยื ่ นฟ้
่ องแล ้ว
*****ถ ้าจาเลยมีข ้อต่อสู ้ของลูกหนี เดิ ้ ม
สามารถยกขึนต่ ้ อสู ้เจ ้าหนี ได้ ้ เว ้นแต่เกิดขึนเมื ้ อยื ่ นฟ้
่ องแล ้ว
ตามมาตรา 236
มาตรา 236 จาเลยมีข ้อต่อสู ้ลูกหนี เดิ ้ มอย่างไร
้ อสู ้เจ ้าหนี ได
ยกขึนต่ ้ ้ เว ้นแต่ข ้อต่อสู ้เกิดเมือยื
่ นฟ้
่ องแล ้ว
มาตรา 237

เจ ้าหนี ชอบที ่ ้องขอให ้ศาลเพิกถอนเสียได ้ซึงนิ
จะร ่ ตก ิ รรมใด
ๆอันลูกหนี ได ้ ้กระทาลงทังรู ้ ้อยู่วา่ จะเป็ นทางให ้เจ ้าหนี เสี้ ยเปรียบ
แต่ความข ้อนี ท่ ้ านมิให ้ใช ้บังคับถ ้าปรากฏว่าในขณะทีท ่ านิ ตก
ิ รรม
นั้น
บุคคลซึงเป็่ นผูไ้ ด ้ลาภงอกแต่การนั้นมิได ้รู ้เท่าถึงข ้อความจริงอันเ
ป็ นทางให ้เจ ้าหนี ต ้ ้องเสียเปรียบนั้นด ้วย
แต่หากกรณี เป็ นการทาให ้โดยเสน่ หา
ท่านว่าเพียงแต่ลก ้ นผู ้รู ้ฝ่ ายเดียวเท่านั้นก็พอแล ้วทีจะขอเพิ
ู หนี เป็ ่ ก
ถอนได ้
บทบัญญัตด ิ งั กล่าวมาในวรรคก่อนนี ้
ท่านมิให ้ใช ้บังคับแก่นิตก ิ รรมใดอันมิได ้มีวต ั ถุเป็ นสิทธิในทร ัพย ์สิ

*****เจ ้าหนี เพิ ้ กถอนการฉ้อฉล ตามาตรา 237
มาตรา 237

ว.1เจ ้าหนี ขอให ้ศาลเพิกถอนนิ ตก ิ รรมอันลูกหนี ท ้ าลงทังรู
้ ้อยู่วา่ ทา
้ ยเปรียบ เจ ้าหนี ขอให
ให ้เจ ้าหนี เสี ้ ้เพิกถอนได ้
มิให ้ใช ้บังคับ ถ ้าขณะทานิ ตก ิ รรม บุคคลผู ้ได ้ลาภงอกมิได ้รู ้
แต่กรณี การให ้โดยเสน่ หา ลูกหนี รู้ ้ฝ่ ายเดียวก็ขอเพิกถอนได ้
ว.2 ใน ว.1
มิให ้ใช ้บังคับแก่นิตก ิ รรมใดอันมิได ้มีวต ั ถุเป็ นสิทธิในทร ัพย ์สิน
มาตรา 238
การเพิกถอนดังกล่าวมาในบทมาตราก่อนนั้นไม่อาจกระทบกระทัง่
ถึงสิทธิของบุคคลภายนอก
อันได ้มาโดยสุจริตก่อนเริมฟ้่ องคดีขอเพิกถอน
อนึ่ งความทีกล่
่ าวมาในวรรคก่อนนี ้ ท่านมิให ้ใช ้บังคับ
ถ ้าสิทธิน้ันได ้มาโดยเสน่ หา
*****การเพิกถอนนิ ตก ิ รรมตาม
237ต ้องไม่กระทบสิทธิบุคคลภายนอก ได ้มาโดยสุจริต
่ องคดี ตามมาตรา 238
ก่อนเริมฟ้
มาตรา 238 ว.1การเพิกถอนตาม มาตรา 237
ไม่กระทบสิทธิของบุคคลภายนอก
อันได ้มาโดยสุจริตก่อนเริมฟ้ ่ องคดี
ว.2 ใน ว.1 มิให ้ใช ้บังคับ ถ ้าได ้มาโดยเสน่ หา
มาตรา 239
การเพิกถอนนั้นย่อมได ้เป็ นประโยชน์แก่เจ ้าหนี หมดทุ
้ กคน
*****ผลของการเพิกถอนของเจ ้าหนี ้
ย่อมเป็ นประโยชน์แก่เจ ้าหนี ทุ ้ กคน ตาม มาตรา239
มาตรา 239 การเพิกถอนเป็ นประโยชน์แก่เจ ้าหนี ทุ ้ กคน
มาตรา 240 การเรียกร ้องขอเพิกถอนนั้น
่ นปี หนึ่ งนับแต่เวลาทีเจ
ท่านห ้ามมิให ้ฟ้ องร ้องเมือพ้ ่ ้าหนี ได
้ ้รู ้ต ้นเหตุ
อันเป็ นมูลให ้เพิกถอน หรือพ้นสิบปี นับแต่ได ้ทานิ ตก ิ รรมนั้น
*****อายุความการเพิกถอนการฉ้อฉล
่ นหนึ่ งปี นับแต่เจ ้าหนี ได
ห ้ามฟ้ องเมือพ้ ้ ้รู ้ต ้นเหตุอน
ั เป็ นมูลให ้เพิกถ
อน หรือสิบปี นับแต่ทานิ ตก ิ รรม ตามมาตรา 240
มาตรา 240 การขอเพิกถอน
่ นหนึ่ งปี นับแต่เจ ้าหนี ได
ห ้ามฟ้ องเมือพ้ ้ ้รู ้ต ้นเหตุอนั เป็ นมูลให ้เพิกถ
อน หรือพ้นสิบปี นับแต่ได ้ทานิ ตก ิ รรม
มาตรา 241 ผูใ้ ดเป็ นผู ้ครองทร ัพย ์สินของผู ้อืน ่ และมีหนี อั ้ นเป็ น
คุณประโยชน์แก่ตนเกียวด ่ ่
้วยทร ัพย ์สินซึงครองนั ้นไซร ้
ท่านว่าผู ้นั้น จะยึดหน่ วงทร ัพย ์สินนั้นไว ้จนกว่าจะได ้ชาระหนี ก็ ้ ได ้
แต่ความทีกล่่ าว มานี ท่ ้ านมิใหใ้ ช ้บังคับ เมือหนี ่ ้ ้นยังไม่ถงึ กาหนด
นั
อนึ่ ง บทบัญญัตใิ นวรรคก่อนนี ้ ท่านมิให ้ใช ้บังคับ ถ ้าการทีเข ่ ้า
ครอบครองนั้นเริมมาตั
่ ้ ทาการอันใดอันหนึ่ งซึงไม่
งแต่ ่ ชอบด ้วยกฎ
หมาย
*****สิทธิยด ึ หน่ วง ตามมาตรา 241
มาตรา 241 ว.1 ผู ้ครอบครองทร ัพย ์สินของผูอ้ น ื่
และมีหนี อั้ นเป็ นคุณประโยชน์แก่ตนเกียวด ่ ่
้วยทร ัพย ์สินซึงครอง
ท่านว่าผู ้นั้น จะยึดหน่ วงทร ัพย ์สินไว ้จนกว่าจะได ้ชาระหนี ก็ ้ ได ้

แต่มใิ ห ้ใช ้บังคับ เมือหนี ้ งไม่ถงึ กาหนด
ยั
ว.2 ในวรรคหนึ่ ง ท่านมิให ้ใช ้บังคับ
ถ ้าการเข ้าครอบครองเริมมาแต่ ่ การอันไม่ชอบด ้วยกฎหมาย
มาตรา 290
ถ ้าการชาระหนี เป็ ้ นการอันจะแบ่งกันชาระได ้และมีบุคคลหลายคนเ
้ ดี มีบุคคลหลายคนเป็ นเจ ้าหนี ก็
ป็ นลูกหนี ก็ ้ ดี เมือกรณี
่ ่ ย
เป็ นทีสงสั
ท่านว่าลูกหนี แต่้ ละคนจะต ้องร ับผิดเพียงเป็ นส่วนเท่า ๆ
กันและเจ ้าหนี แต่้ ละคนก็ชอบทีจะได
่ ้ร ับแต่เพียงเป็ นส่วนเท่า ๆ กัน
้ งชาระได ้กรณี บุคคลหลายคนเป็ นลูกหนี หรื
ถ ้าหนี แบ่ ้ อเจ ้าหนี ร่้ วม
กรณี สงสัย ลูกหนี ร้ ับผิดส่วนเท่าๆกัน เจ ้าหนี ได้ ้ร ับส่วนเท่าๆกัน
ตามมาตรา 290
มาตรา 290 หนี แบ่ ้ งชาระได ้และมีลก ้ อเจ ้าหนี หลายคน
ู หนี หรื ้
่ นทีสงสั
เมือเป็ ่ ย
ลูกหนี ต้ ้องร ับผิดเป็ นส่วนเท่ากันและเจ ้าหนี ได
้ ้ร ับเป็ นส่วนเท่า ๆ
กัน
มาตรา 291
ถ ้าบุคคลหลายคนจะต ้องทาการชาระหนี โดยท ้ านองซึงแต่ ่ ละคน
จาต ้องชาระหนี สิ ้ นเชิ
้ งไซร ้
แมถ้ งึ ว่าเจ ้าหนี ชอบที ้ ่
จะได ้ นเชิ
้ร ับชาระหนี สิ ้ งได ้แต่เพียงครงเดี ้ั ยว
(กล่าวคือลูกหนี ร่้ วมกัน) ก็ดี
เจ ้าหนี จะเรี้ ยกชาระหนี จากลู ้ ้ คนใดคนหนึ่ งสินเชิ
กหนี แต่ ้ ง
หรือแต่โดยส่วนก็ได ้ตามแต่จะเลือก
แต่ลก ู หนี ทั ้ งปวงก็
้ ยงั คงต ้องผูกพันอยู่ทวทุ ่ ั กคนจนกว่าหนี นั ้ ้นจะได ้
ชาระเสร็จสินเชิ ้ ง
ผลของการเป็ นลูกหนี ร่้ วม ตาม 291

เจ ้าหนี จะเรี ยกชาระหนี จากลู ้ ้
กหนี คนใดสิ ้ ง/บางส่วน
นเชิ
แต่ลก ู หนี ทุ ้ กคนต ้องร ับผิดชอบผูกพันจนกว่าชาระหนี เสร็ ้ จสินเชิ้ ง
ตามมาตรา291
มาตรา 291
ถ ้าหลายคนต ้องชาระหนี โดยแต่ ้ ละคนต ้องชาระหนี สิ ้ นเชิ
้ ง

เจ ้าหนี จะเรี ยกชาระจากลูกหนี แต่ ้ ละคนสินเชิ ้ ง หรือบางส่วนก็ได ้
แต่ลก ู หนี ทุ ้ กคนยังต ้องผูกพันจนกว่าหนี สิ ้ นเชิ
้ ง
มาตรา 292 การทีลู ่ กหนี ร่้ วมกันคนหนึ่ งชาระหนี นั ้ ้นย่อมได ้เป็ น
ประโยชน์แก่ลก ู หนี คนอื้ ่ ๆ ด ้วย วิธเี ดียวกันนี ท่
น ้ านให ้ใช ้บังคับแก่
การใด ๆ อันพึงกระทาแทนชาระหนี ้ วางทร ัพย ์สินแทนชาระหนี ้
และ หักกลบลบหนี ด ้ ้วย
ลูกหนี ร่้ วมกันคนหนึ่ งมีสท ิ ธิเรียกร ้องอย่างไร ลูกหนี คนอื ้ ่ ๆ

จะเอาสิทธิอน ั นั้นไปใช ้หักกลบลบหนี หาได ้ ้ไม่
*****ลูกหนี ร่้ วมคนหนึ่ งชาระหนี ้ ตามมาตรา 292
มาตรา 292 ว.1 การทีลู ่ กหนี ร่้ วมคนหนึ่ งชาระหนี ้ หรือ
กระทาการแทนชาระหนี ้ หรือ วางทร ัพย ์แทนชาระหนี ้ และ
หักกลบลบหนี ้ ย่อมเป็ นประโยชน์แก่ลก ู หนี คนอื้ ่ ๆ ด ้วย

ว.2 ลูกหนี ร่้ วมคนหนึ่ งมีสท ิ ธิเรียกร ้องอย่างไร ลูกหนี คนอื ้ ่ ๆ

จะเอาสิทธิน้ันไปใช ้หักกลบลบหนี หาได ้ ้ไม่
มาตรา 293 การปลดหนี ให ้ ้แก่ลก ู หนี ร่้ วมกันคนหนึ่ งนั้น

ย่อมเป็ นไปเพือประโยชน์ แก่ลก ู หนี คนอื้ น่ ๆ
เพียงเท่าส่วนของลูกหนี ที ้ ได ่ ้ปลดให ้
เว ้นแต่จะได ้ตกลงกันเป็ นอย่างอืน ่
*****การปลดหนี แก่ ้ ลก
ู หนี ร่้ วมคนหนึ่ งเป็ นประโยชน์แก่ลก ้
ู หนี คน
่ าทีได
อืนเท่ ่ ้ปลดให ้ ตามมาตรา 293
มาตรา 293 การปลดหนี ให ้ ้แก่ลก ู หนี ร่้ วมคนหนึ่ งนั้น
ย่อมเป็ นประโยชน์แก่ลก ู หนี คนอื ้ ่ ๆ

เพียงเท่าส่วนของลูกหนี ที ้ ได ่ ้ปลดหนี ้ เว ้นแต่ตกลงเป็ นอย่างอืน ่
มาตรา 294 การทีเจ ่ ้าหนี ผิ
้ ดนัดต่อลูกหนี ร่้ วมกันคนหนึ่ งนั้น
ย่อมได ้เป็ นคุณประโยชน์แก่ลก ้
ู หนี คนอื ่ ๆ ด ้วย

้ ดนัดต่อลูกหนี ร่้ วมคนหนึ่ ง
*****เจ ้าหนี ผิ
เป็ นประโยชน์แก่ลก ้
ู หนี คนอื ่ ้วย ตามมาตรา 294
นด
มาตรา 294 เจ ้าหนี ผิ ้ ดนัดต่อลูกหนี ร่้ วมคนหนึ่ ง
ย่อมเป็ นประโยชน์แก่ลก ้
ู หนี คนอื ่ ๆ ด ้วย

มาตรา 295 ข ้อความจริงอืนใด ่ ่ ไว ้ในมาตรา 292
นอกจากทีระบุ
ถึง 294
นั้นเมือเป็
่ นเรืองเท
่ ้าถึงตัวลูกหนี ร่้ วมกันคนใดก็ย่อมเป็ นไปเพือคุ
่ ณ
และโทษแต่เฉพาะแก่ลก ้
ู หนี คนนั ้นเว ้นแต่จะปรากฏว่าขัดกับสภาพ
้ ้นเอง
แห่งหนี นั
ความทีว่่ ามานี ้

เมือจะกล่ าวโดยเฉพาะก็คอ ื ว่าให ้ใช ้แก่การใหค้ าบอกกล่าวการผิด
นัด การทีหยิ ่ บยกอ ้างความผิด
การชาระหนี อั ้ นเป็ นพ้นวิสยั แก่ฝ่ายลูกหนี ร่้ วมกันคนหนึ่ งกาหนดอ
ายุความหรือการทีอายุ ่ ความสะดุดหยุดลง
และการทีสิ ่ ทธิเรียกร ้องเกลือนกลื
่ นกันไปกับหนี สิ ้ น
กรณี มผ ี ลเฉพาะตัวของลูกหนี ้ ตามมาตรา295
ย่อมเป็ นไปเพือคุ ่ ณและโทษเฉพาะลูกหนี คนนั ้ ้น
มาตรา 295 ว.1 นอกจากมาตรา 292 ถึง 294
่ นเรืองถึ
เมือเป็ ่ งตัวลูกหนี ร่้ วมคนใด
ย่อมเป็ นไปเพือคุ ่ ณและโทษแต่เฉพาะแก่ลก ้
ู หนี คนนั ้น
เว ้นแต่ปรากฏว่าขัดกับสภาพแห่งหนี ้
ว.2 กล่าวโดยเฉพาะคือการให ้คาบอกกล่าว การผิดนัด
การหยิบยกอ ้างความผิด การชาระหนี เป็ ้ นพ้นวิสยั
อายุความหรืออายุความสะดุดหยุดลง และหนี เกลื ้ อนกลื ่ นกัน
มาตรา 296 ในระหว่างลูกหนี ร่้ วมกันทังหลายนั ้ ้น
ท่านว่าต่างคนต่างต ้องร ับผิดเป็ นส่วนเท่า ๆ กัน
เว ้นแต่จะได ้กาหนดไว ้เป็ นอย่างอืน ่
่ กหนี ร่้ วมกันคนใดคนหนึ่ งจะพึงชาระนั้น
ถ ้าส่วนทีลู
เป็ นอันจะเรียกเอาจากคนนั้นไม่ได ้ไซร ้
ยังขาดจานวนอยู่เท่าไรลูกหนี คนอื ้ ่ ๆ

่ าต ้องออกส่วนด ้วยนั้นก็ต ้องร ับใช ้
ซึงจ
แต่ถ ้าลูกหนี ร่้ วมกันคนใดเจ ้าหนี ได
้ ้ปลดให ้หลุดพ้นจากหนี อั
้ นร่วม
กันนั้นแล ้ว
ส่วนทีลู ่ กหนี คนนั
้ ้นจะพึงต ้องชาระหนี ก็้ ตกเป็ นพับแก่เจ ้าหนี ไป

ความร ับผิดระว่างลูกหนี ร่้ วม ต ้องร ับผิดเป็ นส่วนเท่าๆกัน
ตามมาตรา 296
มาตรา 296 ระหว่างลูกหนี ร่้ วม ต ้องร ับผิดเป็ นส่วนเท่า ๆ กัน
เว ้นแต่จะได ้กาหนดไว ้เป็ นอย่างอืน ่
ถ ้าส่วนทีลู่ กหนี ร่้ วมคนหนึ่ งต ้องชาระ
จะเรียกเอาจากเขาไม่ได ้ยังขาดเท่าไร ลูกหนี คนอื ้ ่ ๆ

จาต ้องออกส่วนนั้นด ้วย

ถ ้าเจ ้าหนี ปลดหนี ้ ้แก่ลก
ให ู หนี ร่้ วมคนใด
้ วนนั้นตกเป็ นพับแก่เจ ้าหนี ้
หนี ส่
มาตรา 297 ถ ้าในสัญญาอันหนึ่ งอันใดมีบุคคลหลายคนร่วมกัน
ผูกพันตนในอันจะกระทาการชาระหนี ไซร ้ ่ ย
้ หากกรณี เป็ นทีสงสั
ท่านว่าบุคคลเหล่านั้นจะต ้องร ับผิดเช่นอย่างเป็ นลูกหนี ร่้ วมกัน
แม้ถงึ ว่าเป็ นการอันจะแบ่งกันชาระหนี ได ้ ้
*****ลูกหนี ร่้ วมในสัญญาเดียวกันกรณี สงสัย ตามมาตรา 297
มาตรา 297
ในสัญญามีบุคคลหลายคนผูกพันตนร่วมกันชาระหนี ้
่ ย ท่านว่า ต ้องร ับผิดอย่างลูกหนี ร่้ วม
หากกรณี เป็ นทีสงสั
้ ้
แมเ้ ป็ นการอันจะแบ่งกันชาระหนี ได
มาตรา 298 ถ ้าบุคคลหลายคนมีสท ้
ิ ธิเรียกร ้องการชาระหนี โดย
ทานองซึงแต่ ่ ละคนอาจจะเรียกให ้ชาระหนี สิ ้ นเชิ
้ งได ้ไซร ้
แมถ้ งึ ว่าลูกหนี ้ จาต ้องชาระหนี สิ
้ นเชิ
้ งแต่เพียงครงเดี้ั ยว
(กล่าวคือเจ ้าหนี ร่้ วมกัน) ก็ดี
้ าระหนี ให
ท่านว่าลูกหนี จะช ้ ้แก่เจ ้าหนี แต่
้ คนใดคนหนึ่ งก็ได ้ตามแต่
จะเลือก ความข ้อนี ให ้ ้ใช ้บังคับได ้
้ั เจ
แมท้ งที ่ ้าหนี คนหนึ
้ ่ งจะได ้ยืนฟ้
่ อง เรียกชาระหนี ไว ้ ้แล ้ว
*****ผลการเป็ นเจ ้าหนี ร่้ วม ตามมาตรา 298
มาตรา 298
ถ ้าบุคคลหลายคนมีสท ้
ิ ธิเรียกให ้ชาระหนี โดยแต่ ละคนจะเรียกให ้
ชาระหนี สิ ้ นเชิ ้ งได ้ ท่านว่าลูกหนี จะช ้ าระหนี ให ้ ้แก่เจ ้าหนี คนใดก็
้ ได ้

แมเ้ จ ้าหนี คนหนึ ่ งได ้ยืนฟ้
่ องเรียกชาระหนี ไว ้ ้แล ้ว
มาตรา 299 การทีเจ ่ ้าหนี ร่้ วมกันคนหนึ่ งผิดนัดนั้น ย่อมเป็ นโทษ

แก่เจ ้าหนี คนอื ่ ๆ ด ้วย

ถ ้าสิทธิเรียกร ้อง และหนี สิ ้ นนั้นเป็ นอันเกลือนกลื
่ นกันไปในเจ ้าหนี ้
ร่วมกันคนหนึ่ ง สิทธิของเจ ้าหนี คนอื ้ ่ ๆ อันมีตอ
น ่ ลูกหนี ก็้ ย่อมเป็ น
อันระงับสินไป ้
นอกจากนี ้ ท่านให ้นาบทบัญญัตแิ ห่ง มาตรา 292 มาตรา 293
และ มาตรา 295 มาใช ้บังคับด ้วยโดยอนุ โลม
กล่าวโดยเฉพาะก็คอ ื แมเ้ จ ้าหนี ร่้ วมกัน
คนหนึ่ งจะโอนสิทธิเรียกร ้องให ้แก่บุคคลอืนไป ่ ก็หากระทบกระทัง่

ถึงสิทธิของเจ ้าหนี คนอื ่ ๆ ด ้วยไม่

*****เจ ้าหนี ร่้ วมคนหนึ่ งผิดนัด ตามมาตรา 299
มาตรา 299 ว.1 เจ ้าหนี ร่้ วมคนหนึ่ งผิดนัด
ย่อมเป็ นโทษแก่เจ ้าหนี คนอื้ ่ ๆ ด ้วย

ว.2 ถ ้าสิทธิเรียกร ้องและหนี เกลื ้ อนกลื
่ นกันไปในเจ ้าหนี ้
ร่วมคนหนึ่ ง สิทธิของเจ ้าหนี คนอื ้ ่ ๆ อันมีต่อลูกหนี ้


ย่อมเป็ นอันระงับสินไป
ว.3 นามาตรา 292 , 293 , 295 มาใช ้บังคับ
กล่าวคือเจ ้าหนี ร่้ วมคนหนึ่ งจะโอนสิทธิเรียกร ้องให ้แก่บุคคลอืน

ก็ไม่กระทบถึงสิทธิของเจ ้าหนี อื ้ น ่ ๆ
มาตรา 300 ในระหว่างเจ ้าหนี ร่้ วมกันนั้น ท่านว่าต่างคนชอบที่
จะได ้ร ับชาระหนี เป็้ นส่วนเท่า ๆ กัน
เว ้นแต่จะได ้กาหนดไว ้เป็ นอย่างอืน ่
********ผลระหว่างเจ ้าหนี ร่้ วมด ้วยกัน ตามมาตรา 300
มาตรา 300 ระหว่างเจ ้าหนี ร่้ วมกัน

ท่านว่าชอบทีจะได ้ นส่วนเท่า ๆ กัน
้ร ับชาระหนี เป็
เว ้นแต่จะได ้กาหนดไว ้เป็ นอย่างอืน ่

You might also like