You are on page 1of 5

การหมั้น

การที่ ชาย หญิง จะทาการสมรส เป็ น สามี ภริ ยากันนั้น จะมีการหมั้นกันก่อนก็ได้ หรื อ จะไม่หมั้นก็ได้ จะทาการสมรสกัน
ทีเดียวก็ได้ ไม่มี
กฎหมายบังคับว่า จะต้องมีการหมั้นก่อน แล้วจึงจะสมรสกันได้ ดังนั้น กฎหมายจึงได้บญ ั ญัติอายุของชายหญิงที่จะสามารถจะทาการ
หมั้นกันได้
ไว้เท่ากับอายุของชายหญิงที่จะสามารถทาการสมรสเป็ น สามี ภริ ยากัน แต่ถา้ มีการหมั้น ก็ตอ้ งปฏิบตั ิตามบทบัญญัติ แห่งกฎหมายว่าด้วยการ
หมั้น

ขอบเขตหรือเนือ้ หาสาระของการหมั้น
1. ความหมายของการหมั้น

2. คู่สัญญาในการหมั้น

3. เงื่อนไขการหมั้น

4. ผลของสัญญาหมั้น

5. การสิ้ นสุ ดสัญญาหมั้น

ความหมายของการหมั้น

การที่ ชาย และหญิงนั้น ทาการตกลงกัน เพื่อที่จะทาการสมรสกัน ในภายภาคหน้า หรื อในอนาคต ( อาจจะมีกาหนด


ระยะเวลา หรื อไม่กไ็ ด้ )

ผลของสั ญญาหมั้น (มาตรา 1438)

มาตรา 1438 “ การหมั้นไม่เป็ นเหตุที่จะร้องขอให้ศาลบังคับให้สมรสได้ ถ้าไม่มีขอ้ ตกลงกันไว้ ว่าจะให้เบี้ยปรับ


ในเมื่อผิดสัญญาหมั้น ข้อตกลงนั้น เป็ นโมฆะ ”

มาตรา 1439 เมื่อมีการหมั้นแล้ว ถ้าฝ่ ายใดผิดสัญญาหมั้น อีกฝ่ ายหนึ่ง มีสิทธิเรี ยกให้รับผิด ใช้ค่าทดแทน ใน
กรณี ที่ฝ่ายหญิง เป็ นฝ่ ายที่ผิด สัญญาหมั้น ให้คืนของหมั้น แก่ฝ่ายชายด้วย

มาตรา 1440 ค่าทดแทนนั้น อาจเรียกได้ ดังต่อไปนี้

1. ทดแทนความเสียหาย ต่อกาย หรือชื่อเสียงแห่งชาย หรือหญิงนั้น

2. ทดแทนความเสียหาย เนื่องจากการที่ คู่หมั้น บิดา มารดาหรือบุคคล ผูก้ ระทาการในฐานะเช่น บิดา มารดา ได้ใช้จ่าย หรือต้องตก เป็ นลูกหนี้ เนื่องในการเตรียมการสมรส
โดยสุจริต และตามสมควร

3. ทดแทนความเสียหาย เนื่องจาก การที่คู่หมั้น ได้จดั การทรัพย์สิน หรือการอื่น อันเกี่ยวกับอาชีพ หรือทางทามาหาได้ของตนไปโดยสมควร ด้วยการคาดหมายว่าจะได้มีการ


สมรส

การกาหนดค่าทดแทนเนื่องจากการผิดสั ญญาหมั้น
ในกรณี ที่หญิง เป็ นผูม้ ีสิทธิได้ค่าทดแทน ศาลอาจชี้ขาดว่า ของหมั้น ที่ตกเป็ นสิ ทธิแก่หญิง
นั้น เป็ นค่าทดแทนทั้งหมด หรื อ เป็ นส่ วนหนึ่ง ของค่าทดแทน ที่หญิงพึงได้รับ หรื อ ศาล อาจ
ให้ค่า ทดแทน โดยไม่คานึงถึงของหมั้น ที่ตกเป็ นสิ ทธิ แก่หญิงนั้นก็ได้
ค่าทดแทนอันอาจจะสามารถเรียกได้ เนื่องจากการหมั้น

(1) ค่าทดแทนความเสี ยหายต่ อกาย หรือชื่อเสี ยงแห่ งชายหรือหญิงนั้น


เมื่อฝ่ ายใด ฝ่ ายหนึ่ง ผิดสัญญาหมั้น อาจก่อให้เกิดความเสียหาย ต่อกาย หรือ ชื่อเสียง ของอีกฝ่ ายหนึ่งได้ความ
เสียหายต่อกาย หรือชื่อเสียงนี้ ต้องเป็ นความเสียหาย ซึ่งตามปกติ จะเกิดจากการผิดสัญญาหมั้นโดยตรง เช่น หญิง เมื่อได้
หมั้นกับชายแล้ว ได้แต่งงานอยูก่ ิน ฉันสามี ภริยา โดยยังมิได้ จดทะเบียนสมรส หากชายไม่ยอมทาการสมรส อันเป็ น การ
ผิดสัญญาหมั้น หญิง ย่อมได้รับความเสียหาย ต่อกาย ที่ได้เสียความบริสุทธิ์ไป

กรณีดงั กล่าวข้างต้น แม้หญิงจะสมัครใจอยูก่ ินกับชาย ก็เป็ นไปตาม ประเพณี และมีขอ้ ผูกพันตามสัญญาหมั้นว่าจะได้ทาการสมรสกันตามกฎหมาย ต่อไป เมื่อชายผิดสัญญาหมั้น ย่อม
ทาให้หญิง ได้รับความเสียหายต่อกาย
และเรียกค่าทดแทนได้

* คลิกดูตัวอย่าง *
ข้ อสั งเกตอื่น ๆ
ในการพิจารณา เกี่ยวกับค่าทดแทน ตามความใน มาตรา 1440 (1) คือ

ก. การพิจารณา ต้องคานึงถึงสภาพความเป็ นจริง ที่หญิงอาจเสียหายต่อชื่อเสียง ได้ง่ายกว่า การที่ชายปฏิเสธไม่ยอมสมรสกับหญิง แม้จะไม่ปรากฏว่าได้ทาอะไรอย่างอื่น อันเป็ นการ


กระทบกระเทือน ชื่อเสียงของหญิงบางกรณี ก็ทาให้หญิง ได้รับความเสียหาย ต่อชื่อเสียงได้ เช่น ชายผิดสัญญาหมั้น ไม่ยอมมาแต่งงานกับหญิง ตามที่กาหนดไว้ถึง 2 ครั้ง โดยปราศจากเหตุผล

เช่นนี้ หญิงย่อมได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียง และเรียกค่าทดแทนในส่วนนี้ได้แต่ หากการที่ชายไม่ยอมสมรส มีเหตุซ่งึ ไม่กระทบกระเทือน ต่อชื่อเสียง ของหญิง ก็ไม่เป็ นเหตุให้
หญิงเรียกค่า ทดแทน ความเสียหายต่อชื่อเสียงได้ เช่น ชายหมั้นหญิง แล้วต่อมาได้อุปสมบท เป็ นพระภิกษุ แล้วเกิดมีจิตศรัทธา ในสมณเพศ ไปตลอดชีวติ จึงปฏิเสธการสมรส ดังนี้ ชายเป็ นผูผ้ ิด
สัญญาหมั้น เมื่อไม่ปรากฎ ว่าชายได้หาอะไรอย่างอื่น ให้กระทบกระเทือน ต่อชื่อเสียง ของหญิง เหตุผลเพียงเท่านี้ไม่ถึงกับทาให้หญิง ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง

ข . ลาพังแต่เพียงที่ฝ่ายชาย หรือฝ่ ายหญิง ผิดสัญญาหมั้น ไม่เป็ นผล ให้เกิดความเสียหายต่อกาย และชื่อเสียงเสมอไป หมายความว่า เมื่อฝ่ ายใด ฝ่ ายหนึ่ง ผิดสัญญาหมั้น อีกฝ่ ายหนึ่ง
จะต้องได้รับความเสียหายต่อกาย หรือ ชื่อเสียง ต่อการผิดสัญญาหมั้นด้วย จึงจะเรียกค่าทดแทนได้ การอ้างว่า ได้รับความเสียหาย โดยไม่ปรากฏว่าได้รับความเสียหายอย่างไรจึงไม่พอเพียง ที่จะ
ให้อีกฝ่ ายหนึ่ง ใช้ค่าทดแทนให ้้

ค . กฎหมายบัญญัติ ให้เรียกค่าทดแทน ได้เฉพาะความเสียหาย ต่อกายหรือชื่อเสียงเท่านั้น ดังนั้น ความอับอาย ความเสียใจ อันเป็ นความเสียหาย ทางจิตใจ จึงไม่สามารถนามาอ้าง
เพือ่ เรียกค่าทดแทนได้

ค่าทดแทนความเสี ยหายเนื่องจากการค่าเนื่องในการเตรียมการสมรสโดยสุ จริตและตามสมควร


ทดแทน
ค่าความเสียหาย เนื่องจากการที่คู่หมั้น บิดา มารดา หรือบุคคล ผูก้ ระทาการในฐานะ เช่น บิดา มารดาได้ใช้จ่าย หรือต้องตกเป็ นลูกหนี้เนื่องในการเตรียมการสมรสโดยสุจริต และตาม
สมควร

กรณีที่จะเป็ นความเสี ยหายตามมาตรา 1440(2)

1. ค่าใช้ จ่ายในการเตรียมการสมรส
หมายถึง ค่าใช้จ่ายอันจาเป็ น เพือ่ เตรียมการที่ ชาย หญิงจะได้ อยูก่ ิน เป็ น สามี ภริยากันโดยตรง เช่น ค่าใช้จ่ายในการซื้อ เครื่องครัวเรือน ที่นอนหมอนมุง้ เป็ นต้น ส่วนค่าใช้จ่ายอย่างอื่น
แม้จะใช้จ่ายไปในการสมรส แต่ถา้ ไม่ใช่สิ่งจาเป็ นเพือ่ การที่ชายหญิง จะอยูก่ ินเป็ นสามีภาริยากันแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็ นค่าใช้จ่ายในการเตรียม การสมรส เช่น ค่าใช้จ่ายในพิธีหมั้น ค่าใช้จ่ายในการ
เลี้ยงดู แขกในงาน เป็ นต้น

* คลิกดูตัวอย่าง *

2. ต้ องเป็ นค่าใช้ จ่ายโดยสุ จริตและตามสมควร


หมายถึง ต้องเข้าใจโดยสุจริต ว่าจะได้มีการสมรส หากทราบอยูแ่ ล้ว ว่าอีกฝ่ ายหนึ่งปฏิเสธ ไม่ยอมทาการสมรส ยังขืนซื้อข้าวของ
เพือ่ เตรียมการสมรสอีก ดังนี้ ถือว่าไม่สุจริต จะเรียกค่าทดแทนมิได้ การใช้จ่าย ต้องเป็ นไปตามสมควร แก่ฐานานุรูปเพียงใดจะถือว่าเป็ น
การสมควรนั้น ต้องพิจารณาเป็ นเรื่อง ๆ ไป เพราะความสมควรแก่ ฐานานุรูป ของแต่ละบุคคล ย่อมไม่เหมือนกัน ฉะนั้น หากฝ่ ายใด
ฝ่ ายหนึ่ง เตรียมการสมรสไป จนเกิดสมควร แก่ฐานานุรูปส่วนที่ เกินสมควรไปนั้น ย่อมนามาเรียกค่าทดแทนจ ากอีกฝ่ ายหนึ่ง มิได้

3. ต้ องเป็ นค่าทดแทนที่ได้ เสี ยหายไปจริงเนื่องจากการเตรียมการสมรส

ไม่ใช่จะเรี ยกค่าทดแทน ได้เต็มจานวนที่ได้ใช้จ่ายเสมอไปเพราะการใช้จ่ายเช่นนั้น อาจไม่เกิดความเสี ยหาย หรื อ


เสี ยหาย น้อยกว่า
จานวนที่ได้ใช้จ่ายไปก็ได้ เช่นเมื่อหมั้นแล้วฝ่ ายหญิงได้ซ้ื อเครื่ องเรื อน เครื่ องครัวไปเป็ นเงิน 40,000 บาท ฝ่ ายชายผิด
สัญญา ฝ่ ายหญิง
จึงนาเอาของเหล่านั้นไปขาย ได้เงินมา 25,000 บาท
ดังนี้ฝ่ายหญิงมีสิทธิเรียกค่าทดแทนได้เฉพาะจานวนที่ขาดทุนไป คือ 15,000 บาทจะเรียกเต็มจานวนที่ได้ใช้จ่ายในการเตรียมการสมรส
คือ 40,000 บาทไม่ได้หรือตามตัวอย่างดังกล่าวข้างต้นหากฝ่ ายหญิง นาเครื่องเรือนเครื่องครัวนั้น ขายคืนให้แก่ร้านที่ซ้อื มา ได้ราคาเต็ม
จานวน40,000 บาทกรณีเช่นนี้ก็ถือว่าฝ่ ายหญิงไม่ได้รับความเสียหาย แต่อย่างใด จึงไม่สามารถเรียกค่าทดแทนตามมาตรา 1440 (2) ได้

4. การเตรียมการสมรสที่เรียกค่าทดแทนได้ ตามความในมาตรา 1440 (2)

การเตรียมการสมรส ที่เรียกค่าทดแทน ได้ตามความในมาตรา 1440(2) นั้น นอกจากความเสียหาย เนื่องจากการใช้จ่ายแล้ว


ถ้าความเสียหายนั้น เกิดเพราะต้องตกเป็ นลูกหนี้ เนื่องในการเตรียมการสมรส แม้ยงั มิได้ใช้จ่ายไปจริง กฎหมายก็ให้สิทธิ ที่จะ
เรียกค่าทดแทนได้ เพราะการตกเป็ นลูกหนี้น้นั ต้องรับผิด ในการชาระหนี้อยูแ่ ล้ว

5. ผู้มีสิทธิเรียกค่าทดแทนตามความมาตรา 1440(2)

นอกจากตัวคู่หมั้นแล้ว ยังรวมถึง บิดา มารดา หรื อ บุคคล ผูก้ ระทาการ ในฐานะเช่น บิดา มารดาด้วย
บุคคลผูก้ ระทาการในฐานะเช่น บิดา มารดา หมายความถึง ผูป้ กครอง หรือบุคคลอื่น ซึ่งกระทาการในฐานะ เช่น บิดา มารดา ในทางพฤตินยั แม้จะไม่ใช่ผปู้ กครองตามกฎหมาย บุคคล
ดังกล่าว เหล่านี้ มีสิทธิที่จะเรียกค่าทดแทน ความเสียหาย ในการเตรียมการสมรส ในมาตรา 1440 (2) นี้ได้ท้งั สิ้น

ข้ อสั งเกตบางประการในการพิจารณาค่าทดแทนตามมาตรา 1440(2)

ก. "ผูใ้ ช้สิทธิเรียกค่าทดแทน ในการเตรียม การสมรส ต้องนาสืบให้ชดั แจ้ง ว่าได้ใช้จ่ายไปอย่างไร อันเป็ นการเตรียม การสมรส " การกล่าวอ้างว่าได้ใช้จ่าย เป็ นจานวน โดยเท่านั้นเท่านี้
โดยไม่ระบุวา่ ใช้จ่ายเป็ นค่าอะไร ย่อมจะบังคับให้อีกฝ่ ายชาระ ค่าทดแทนความเสียหายให้ไม่ได้

ตัวอย่าง

ค่าใช้จ่ายในพิธีแต่งงาน โจทก์ว่าใช้จ่ายไป 1,500 บาท ไม่ปรากฏว่า เป็ นค่าอะไร แม้เป็ นทานองว่า เป็ นค่าเลี้ยงดู
กันก็ไม่เข้า
ลักษณะอันพึงเรี ยกได้ ตามมาตรา 1440 (2) ปัจจุบนั

ข. ค่าใช้จ่ายตามประเพณี เช่น การทาบุญตักบาตรค่าอาหาร เลี้ยงพระ ไม่ถือเป็ นค่าใช้จ่าย เนื่องในการเตรียมการสมรส

ค . เมื่อมีการหมั้น และอยูก่ ินด้วยกันฉันสามีภาริยาแล้วแม้จะเป็ นเวลานานเท่าใดก็ตาม หากยังมิได้จดทะเบียนสมรส ก็คงถือว่าอยูใ่ น


ระหว่างหมั้น อาจต้องรับผิดตามสัญญาหมั้นได้ ถ้าไม่ปรากฏว่า ทั้งสองฝ่ ายไม่นาพา หรือไม่สนใจ ต่อการจดทะเบียนสมรสกันเอง

ค่าทดแทนความเสี ยหาย เนื่องจากที่ค่หู มั้นได้ จัดการทรัพย์สินหรือการอื่นอันเกี่ยวแก่


อาชีพ
หรือการทามาหาได้ ของตนไปโดยสมควรด้ วยการคาดหมายว่ าจะได้ มีการสมรส
ในมาตรา 1440(3) นี้ แสดงว่าจะเรียกค่าทดแทนได้ ก็ต่อเมื่อ คู่หมั้น

ก . ได้ จัดการทรัพย์สินของตน หรือ

ข. จัดการอื่นอันเกี่ยวแก่อาชีพหรือทางทามาหาได้ของตน

กรณีน้ แี สดงว่า การจัดการ ตามมาตรา 1440 (3) นี้ ต้องเป็ น การจัดการของตัวคู่หมั้นเอง โดยเฉพาะ ไม่รวมถึงการจัดการ ของบุคคลอื่น แม้จะเป็ น บิดา มารดา หรือผูป้ กครองก็ตาม
การจัดการของคู่หมั้นดังกล่าว มีอยู่ 2 กรณี คือ การจัดทรัพย์สินของตน หรือ การอื่น อันเกี่ยวกับอาชีพ หรือทางทามาหาได้ของตน หมายความว่า ต้องเป็ นทรัพย์สิน , ทางทามาหาได้ หรือ อาชีพ
ของคู่หมั้นด้วย ถ้าคู่หมั้น ไปจัดการทรัพย์สินของ บิดา มารดา หรือผูอ้ ื่น น่าจะไม่เข้าตาม ในมาตรา 1440 (3)

การจัดการของคู่หมั้นตามข้ อ 1. ต้ องเป็ นไปโดยสมควร


อย่างไร เป็ นการสมควร ต้องคานึงถึงพฤติการณ์ และ ข้อเท็จจริง เป็ นกรณีไป เช่น ได้ขายทรัพย์สินของตนไปโดยรีบร้อน ทาให้ขาดทุน ซึ่งหากจะรอไปอีก ให้ได้ราคามากขึ้น ก็สามารถ
ทาได้ เช่นนี้ ถือได้วา่ จัดการโดยไม่สมควร จะเรียกค่าทดแทน ในส่วนที่ขาดทุน โดยไม่สมควรนี้ไม่ได้

ต้ องเป็ นการจัดการด้ วยความคาดหมายว่ าจะได้ มีการสมรส

หมายความว่า เพราะเหตุวา่ ที่จะได้มีการสมรสในภายหน้า จึงได้จดั การไปเช่นนั้น ดังนั้น หากรู้อยูแ่ ล้วว่าอีกฝ่ ายหนึ่งจะไม่ทาการสมรสด้วย หรือ ในกรณีที่ ฝ่ ายใด ฝ่ ายหนึ่งจัดการไป
ตามปกติของอาชีพ หรือด้วยเจตนาที่แม้จะไม่มีการสมรส ก็ควรจัดการเช่นนั้น จึงไม่ถือว่า เป็ นการจัดการด้วยความคาดหมาย ว่าจะได้มีการสมรส ไม่สามารถ เรียกค่าทดแทนตามความ ใน
มาตรา 1440 (3) ได้

* คลิกดูตัวอย่าง *

คู่หมั้นฝ่ ายที่จัดการได้ รับความเสี ยหายเนื่องจากคู่หมั้นอีกฝ่ ายหนึ่งผิดสั ญญาหมั้น

หมายความว่า ต้องได้รับความเสี ยหายจริ ง ๆ จากการจัดการดังกล่าว หากการจัดการทรัพย์สิน หรื อทางทามาหา


ได้น้ นั ได้รับกาไร
หรื อไม่ขาดทุน ย่อมถือไม่ได้ได้มาเกิดความเสี ยหาย กรณี เช่นนี้ จึงเรี ยกค่าทดแทนกันไม่ได้ หรื อ ความเสี ยหายนั้น
เกิดขึ้นตามปกติ ถึงแม้อีกฝ่ ายหนึ่ง จะไม่ผิดสัญญาหมั้น เช่นนี้ ก็น่าจะเรี ยกค่าทดแทน ในส่ วนนี้ ไม่ได้เช่นกัน
ข้อสังเกต ประการหนึ่ง จากมาตรา 1440 (3) แม้จะมิได้กล่าวถึง ความสุจริตของคู่หมั้นไว้ดว้ ย แต่หากความเสียหายนั้น เกิดขึ้นเพราะฝ่ ายที่จดั การ เป็ นผูก้ ่อขึ้นเอง อาจเรียกค่าทดแทน
ไม่ได้เลย หรือได้ไม่เต็มจานวน ทั้งน ้ี้้ ตามหลักทัว่ ไปในมาตรา 223

มาตรา 1446 บัญญัติวา่ “ ชายคู่หมั้น อาจเรียกค่าทดแทนจากชายอื่น ซึ่งได้ข่มขืนกระทาชาเรา หรือพยายามข่มขืน กระทา


ชาเรา หญิงคู่หมั้น โดยรู้ หรือควรจะรู้วา่ หญิงได้หมั้นแล้ว ได้โดยไม่จาต้องบอกเลิกสัญญาหมั้น ”

ชายคู่หมั้น อาจเรียกค่าทดแทน จากชายอื่นตามมาตรานี้ โดยมีเงื่อนไข ว่า ชายอื่นต้องรู้ หรือควรรู้วา่ หญิงนั้น ได้หมั้นกับชายคู่หมั้นนั้นแล้ว และสาหรับกรณีข่มขืนนี้ ถือว่ามิได้เกิดจาก
ความสมัครใจ หรือเกิดจากความยินยอม ของหญิงคู่หมั้น และมิใช่ เป็ นการกระทาชัว่ ของหญิงนั้นแต่อย่างใด จึงไม่ใช่ความผิดของหญิง กฎหมายจึงบัญญัติให้ชาย เรียกค่าทดแทนได้โดยไม่ตอ้ ง
มีการบอกเลิกสัญญาหมั้น ซึ่งแตกต่างกับ มาตรา 1445

You might also like