You are on page 1of 2

ข้ อ 1 พนักงานอัยการเป็ นโจทก์ฟ้องนายร้ อยและนายล้ านฐานตัวการร่ วมทำร้ ายร่ างกายผู้อื่น

ชันพิ
้ จารณานายร้ อยให้ การว่าในชันสอบสวน
้ การสอบสวนมิชอบด้ วกฎหมายเพราะ พนักงาน
สอบสวนมิได้ แจ้ งสิทธิวา่ จะให้ การหรื อไม่ก็ได้ ตนจึงสารภาพ ดังนันพนั
้ กงานอัยการจึงไม่มี
อำนาจฟ้อง ส่วนนายล้ านอ้ างว่าพนักงานสอบสวนชักจูงโดยพูดว่า "ถ้ าทำจริ งสารภาพ โทษจะ
ได้ เป็ นเบา" ตนจึงสารภาพ ถือว่าสอบสวนมิชอบ พนักงานอัยการจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ข้ ออ้ าง
ของนายร้ อยและนายล้ านรับฟั งได้ หรื อไม่ เพราะเหตุใด

ข้ อ 2 พนักงานอัยการเป็ นโจทก์ฟ้องนายเสาร์ ฐานทำร้ ายร่างกายผู้อื่นนายอาทิตย์จนต้ องพัก


รักษาตัวเกิน 20 วัน อัยการยื่นฟ้องก่อนครบ 20 วัน ในชันพิ้ จารณา นายเสาร์ ให้ การว่าตนใช้
มีดแทงนายอาทิตย์จริ ง แต่เพราะนายอาทิตย์ทำร้ ายร่างกายตนก่อน ตนจึงทำไปโดยป้องกัน
ตนเองสมควรแก่เหตุ ถ้ าโจทก์และจำเลยไม่สืบพยาน ศาลจะดำเนินกระบวนการพิจารณา
อย่างไร

ข้ อ 3 พนักงานอัยการเป็ นโจทก์ฟ้องนายหิน จำเลยที่1 ฐานลักทรัพย์ในเวลากลางคืน ตาม


มาตรา 335 มีอตั ราโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับตังแต่ ้ 2,000-10,000 บาท ส่วนนายกรวด
จำเลยที่ 2 กระทำผิด ฐานรับของโจรตามมาตรา 357 มีอตั ราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และ
ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท เพราะนำทรัพย์ที่ลกั ไปซ่อนเร้ น ในชันพิ
้ จารณา นายหินรับสารภาพผิด
ตามฟ้อง ส่วนนายกรวดรับสารภาพฐานลักทรัพย์ อัยการโจทก์ไม่ติดใจสืบพยาน ถ้ าท่านเป็ น
ศาลท่านจะตัดสินคดีอย่างไร เพราะเหตุใด
มาตรา  176  ในชน ั ้ พิจารณาถ ้าจำเลยให ้การรับสารภาพตาม
ฟ้ อง  ศาลจะพิพากษาโดยไม่สบ ื พยานหลักฐานต่อไปก็ได ้  เว ้
นแต่คดีทม ี ้อหาในความผิดซงึ่ จำเลยรับสารภาพนัน
ี่ ข ้   กฎหมาย
กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว ้ให ้จำคุกตัง้ แต่ห ้าปี ขนึ้ ไป  หรือ
โทษสถานทีห ่ นักกว่านัน้   ศาลต ้องฟั งพยานโจทก์จนกว่าจะ
พอใจว่าจำเลยได ้กระทำผิดจริง
ในคดีทมี่ จำ
ี เลยหลายคน  และจำเลยบางคนรับสารภาพ  เมือ ่
ศาลเห็นสมควรจะสงั่ จำหน่ายคดี  สำหรับจำเลยทีป ่ ฏิเสธเพือ

ให ้โจทก์ฟ้องจำเลยทีป ้   เป็ นคดีใหม่ภายในเวลาทีศ
่ ฏิเสธนัน ่ าล
กำหนดก็ได ้

วินจ
ิ ฉั ย

ในกรณีทคำี่ รับสารภาพของจำเลยไม่ชด ั เจนพอทีฟ ่ ั งได ้ว่า  จำเ


ลยรับสารภาพว่าได ้กระทำความผิดฐานใด  กรณีเชน ่ นีจ
้ ะ
ลงโทษจำเลยไม่ได ้  เป็ นหน ้าทีโ่ จทก์ทต ื ว่าจำเลย
ี่ ้องนำสบ
กระทำความผิดฐานใด  หากโจทก์ไม่ประสงค์จะนำสบ ื ต่อไป  ศ
าลก็ต ้องพิพากษายกฟ้ อง  (ฎ. 6742/2548,  ฎ.  758/25
34)

ประเด็นทีต ิ ฉั ยมีวา่   ศาลจะพิพากษาหรือสงั่ อย่างไร  เห็


่ ้องวินจ
นว่า  พนักงานอัยการโจทก์ฟ้องว่าจำเลยกระทำความผิดฐาน
ลักทรัพย์หรือรับของโจร  นายเจษฎาจำเลยให ้การรับสารภาพ
ว่าได ้กระทำความผิดตามฟ้ อง  คำให ้การของจำเลยดังกล่าว  นี้
ยังไม่ชด ั เจนพอทีฟ ่ ั งได ้ว่า  จำเลยรับสารภาพว่าได ้กระทำความ
ผิดฐานใดระหว่างลักทรัพย์หรือรับของโจร  ในกรณีเชน ่ นี ้  โจท
ก์ยังต ้องสบ ื พยานให ้ได ้ความถึงการกระทำความผิดของจำเลย  
แต่เมือ
่ ข ้อเท็จจริงรับฟั งได ้ว่าโจทก์ไม่ประสงค์จะนำสบ ื พยานต่อ
ไป  ศาลจึงพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานใดไม่ได ้  ศ
าลต ้องพิพากษายกฟ้ อง  (ฎ. 711/2528 , ฎ. 3866/2531
, ฎ. 158/2534)

You might also like