You are on page 1of 280

ทีมาของทุ ่ นก็
กสิงนั ้ คอ

Differentiation
่ นก็
และจุดกาเนิ ดของทุกสิงนั ้ คื
อ Integration
่ ดปฏิกริ ยิ ำต่อกันทีเรำจะค
ทำไมทุกอย่ำงทีเกิ ่ ่
ำนวณถึงจึงต ้องพึงพำฟิ สิ
กส ์

เพรำะกำรเกิดปฏิกริ ยิ ำใดๆนั้นคือฟิ สิกส ์อยู่แล ้วภำยในตัวเอง

ดังนั้นกำร Integration นั้นคือจุดเริมต


่ ้นของฟิ สิกส ์ และ
้ นฐำนของ
ภำษำขันพื ้ ้
Computer ฟิ สิกส ์โดยทังหมดนั ้นก็คอื สิงนี
่ ้

ส่วน Differentiation นั้นคือโลกทีเหนื


่ อฟิ สิกส ์โดยทังหมด

ฟิ สิกส ์ทุกอย่างคือ Data

ในอดีตอำจจะมีนักวิชำกำรทีพยำยำมให ้คำนิ ยำมของสสำร พลังงำน
แรง ควำมเร็ว โมเมนต ์ตัม ไว ้อย่ำงมำกมำย
้ งมีกำรอธิบำยถึงหลักกำรต่ำงๆอีกมำกมำย
ทังยั อำทิ
สสำรไม่สำมำรถเพิมหรื่ อหำยไปจำกเอกภพ

กำรเคลือนที ่
ในสภำวะอุ ดมคติ

ซึงตำมมำด ่
้วยหลักกำรอืนๆตำมมำอี กมำกมำย เช่น
หลักกำรอนุ ร ักษ ์พลังงำน แรงปฏิกริ ยิ ำ เป็ นต ้น

แต่หลำยคนอำจจะมีข ้อสงสัยว่ำแต่แลว้ ทำไมคนเรำจึงสำมำรถทีจะตั ่ ด



สินใจได ้โดยไร ้ซึงแรงผลั กดันจำกภำยนอก
หรือแม้แต่กำรเลือกทำงเดินทีแตกต่ ่ ำงกัน
ภำยใต ้สถำนทีโล่ ่ งแจ ้งไร ้สิงกี
่ ดขวำงใดๆ
นี่ ยังไม่นับรวมว่ำทำไมแล ้วต่อยหมอนกับต่อยกำแพงทำไมถึงเจ็บไม่เท่
ำกัน ปำหมอนกับก ้อนหินทีมี ่ นำหนั
้ กเท่ำกันปำมำด ้วยควำมเร็วเท่ำกัน
ต่อให ้มีทกัี่ นกำรบำดของวัตถุทมี ี่ ควำมแข็ง
แต่ทำไมก็ยงั เจ็บไม่เท่ำกันอยู่ด ี

ซึงแรง ควำมเร็ว มวล
ในควำมหมำยใหม่ของระดับทีเล็ ่ กยิงกว่
่ ำอนุ ภำคมูลฐำน Standard
Model นั้นก็คอื แคลคูลสั เชิงอนุ พน ั ธ ์ Differential Calculus
่ อนุ พน
ซึงมี ั ธ ์เชิงขอบเขต Standard Definition
หรืออนุ ภำคทำงควำมคิด Standard of Think เป็ น Kernel
โดยทังหมด้
จะมำช่วยไขข ้อสงสัยเหล่ำนี ผ่ ้ ำนกำรอ ้ำงอิงถึงอสมกำรเชิงเส ้นในระดับ
อนุ พน ั ธ ์ของอนุ ภำค Point of Particle(n) ตำมเวลำอ ้ำงอิงนั้นๆ*
หมำยเหตุ(I) ถ ้ำจำนวนของกำรหำรนั้นเข ้ำใกล ้อนันต ์มำกขึนเท่
้ ำไหร่
Point of Particle(n)
่ กลงไปทีละเรือยๆแบบไม่
ก็จะมีคำ่ ทีเล็ ่ มข
ี ด
ี กำรจำกัดควำม

ภำยใต ้ควำมเข ้ำใจของกำรตอบสนองทีเหนื ่ อสิงเร


่ ้ำทำงฟิ สิกส ์
Response Above Stimulation of Physical(n) กล่ำวคือ "
่ ดขึนโดยไร
ทิศทำงทีเกิ ้ ่ งกี
้ซึงสิ ่ ดขวำงและกำรกระทำจำกภำยนอก "
ทุกๆอย่ำงจึงมีสงที ิ่ อยู
่ ่เหนื อ Physical(n)
่ คื
โดยเป็ นสิงที ่ อควำมจริงโดยทังหมดผ่ ้ ำนกำรแจกแจงของข ้อมูล
Infographic(n) และในควำมหมำยทีอ่ ้ำงอิงถึงArtificial
intelligence(n) ทุกอย่ำงจึงต ้องใช ้ข ้อมูลทำง Logical(n)

ควำมเร็ว Velocity(n) จึงคือ Logical(n)



ซึงแจกแจงถึ ่
งทิศทำงทีมำจำกกำรรวมกั นของตัวแปรเวกเตอร ์ดังต่อไป
นี ้

Logical(n) {

V(n) = T(n) + X(n) + Y(n) + Z(n) }

โดย แกน T เป็ น Parallel Coordinate System ของ Polar


Coordinate System


ทุกอย่ำงจึงมีกำรเคลือนที ่ วเองอยู่แล ้ว แม้วำ่ จะหยุดนิ่ งก็ตำม
ภำยในตั
ตำมหลักกำรหำ Inter Logical(n)

หมำยเหตุ(II) ดังนั้นควำมเร็วจึงคือระบบของสมกำรทีเป็
่ น Logical(n)
ของ Systems of Point of Linear Equations(n)

มวล (Mass) คือ Derivative Linear of Acceleration(n)


่ นกำรรวมกันของ Point of Particle System(n) ซึงหมำยถึ
ทีเป็ ่ ง

Velocity(n) ทีมำกกว่ ำ 1 Point of Linear(n)
ตำมกำรอ ้ำงอิงนั้นๆเป็ นต ้นไป

แรง Force(n) จึงหมำยถึง " โครงสร ้ำงฐำนข ้อมูล Data


่ นกำรรวมกันของมวล (Mass)
Structure(n) ของ Logical(n) ทีเป็

ทีมำกกว่ ำ 1 Point of Linear(n) ตำมกำรอ ้ำงอิงนั้นๆเป็ นต ้นไป
อำจจะแสดงออกมำเป็ นอุณหภูมิ , สี , ประจุไฟฟ้ ำ Electric charge ,

ประจุคลืนแม่ เหล็ก Magnetic charge เป็ นต ้น "

หมำยเหตุ(III)

ข ้อมูลทีแตกต่ ่ น
ำงกันในคลืนที ่ ำข ้อมูลบ่งชีว่้ ำเอกภพนั้นมีประจุคลืนแม่

เหล็ก Magnetic charge


สิงเหล่ ้ งคือพืนฐำนที
ำนี จึ ้ ่
จะใช ้ในกำรอธิบำยต่ำงๆของวิวฒ
ั นำกำรของ
่ ชวี ต
สิงมี ิ , พิษวิทยำ , ระบำดวิทยำ ,
กัมมันตร ังสีในนิ วเคลียร ์ฟิ วช ันและผลผลิตจำกฟิ ชช ัน
ผ่ำนอนุ พน ่ ั งเวลำ ดังกล่ำวคือ
ั ธ ์ของฟังก ์ชนเชิ

{ x , y , z } = f(t)

หมำยเหตุ(IV)
อนุ พน ่ ั งเวลำคือปริมำณของฟังก ์ชนที
ั ธ ์ของฟังก ์ชนเชิ ่ ั เป็
่ นควำมสัมพัน
ธ ์ระหว่ำงพิกด ้
ั เชิงขัวและ ่ Direction(n)
Spacetime(n) เมือ
ของเวลำมี Determinants(n) เข ้ำใกล ้ 0
โดยอนุ พน ่ ั งเวลำนี คื
ั ธ ์ฟังก ์ชนเชิ ้ อพืนฐำนของอนุ
้ ภำคมูลฐำน
Standard Model โดยทังหมด ้

ดังนั้นแล ้วคำกล่ำวทีว่่ ำสสำรไม่สำมำรถเพิมหรื ่ อหำยไปจำกเอกภพ ,


กำรเคลือนที่ ่
ในสภำวะอุ ดมคติเป็ นไปตำมหลักแรงกิรยิ ำและแรงปฏิกริ ยิ
ำ,
หลักกำรอนุ ร ักษ ์พลังงำนนั้นพลังงำนในเอกภพนั้นจะต ้องมีคำ่ เท่ำเดิม
กันโดยเสมอ ,
โมเมนต ์ตัมเป็ นผลมำจำกนำหนั ้ กและควำมเร็วเพียงเท่ำนั้น ,
กฏกำรเคลือนที่ ่ ดต่ำงๆบ่งบอกเรำว่ำแม้วัตถุจะมีมวลทีไม่
ชนิ ่ เท่ำกันก็จ ึ
งตกลงมำด ้วยแรงทีเท่ ่ ำกันนั้นโดยเสมอ ,
วิวฒ ั นำกำรของสิงมี ่ ชวี ติ เป็ นสิงที ่ เกิ
่ ดขึนมำจำกปฏิ
้ กริ ยิ ำทำงเคมี ,
กำรยอ้ นเวลำนั้นไม่สำมำรถทีจะเกิ ่ ้
ดขึนได ้จริง ,
่ อยู
สิงที ่ ่ในหน้ำจอจะโทรศัพท ์ โทรทัศน์
หรือคอมพิวเตอร ์ก็ตำมไม่มวี น ั ออกมำได ้ในโลกของควำมเป็ นจริงในชี
วิตประจำวัน , นำไม่ ้ มวี น ั เกิดขึนมี ้ ได ้ในดวงจันทร ์ ,

นำสะอำดไม่ สำมำรถเกิดขึนได ้ ้มำจำกควำมว่ำงเปล่ำ ,
เรำไม่สำมำรถข ้ำมวิวฒ ั นำกำรจำกสำหร่ำยมำเป็ นปลำโลมำเลยได ้ ,
แฮมเบอร ์เกอร ์ถ ้ำกินแล ้วชอบอยำกกินต่อนั้นไม่สำมำรถทีจะเก็ ่ บบันทึ
กไว ้มือถือได ้
จึงจะต ้องเรียนรู ้และทำควำมเข ้ำใจกันใหม่โดยทังหมดเลยจริ ้ งๆ

่ ำลังทีจะเกิ
และควำมคิดทีก ่ ้
ดขึนใหม่ นี ้ ควำมตำย พิษวิทยำ

และระบำดวิทยำ ทีเคยมี ่
มำก็จะล่วงไป เกิดเป็ นสิงใหม่ ้ั ้น
ทงนั
ทุกอย่างคือ If(n)
่ ยมคื
เพรำะสีเหลี ่ อกำรเอำมุมของวงกลมทัง้ 4 Q
มำประกอบกันดังนั้นผลรวมจึงมีค่ำเท่ำกับ 360 องศำ


เพรำะสำมเหลียมคื ่ ยมมำตั
อกำรเอำสีเหลี ่ ดครึง่
ดังนั้นผลรวมจึงมีค่ำเท่ำกับ 180 องศำ
สำมเหลียมมุ ่ มฉำกนั้นสำมำรถมองว่ำคือสีเหลี ่ ยมจตุ ่ ร ัสสำมอันมำประ
กอบกันโดยพืนที ้ ของสี่ ่ ยมจตุ
เหลี ่ ่
ร ัสทีมำประกอบเป็ นสำมเหลียมมุ ่ มฉำ
กในด ้ำนตรงข ้ำมมุมฉำกจะมีค่ำเท่ำกับพืนที ้ ของสี
่ ่ ยมจุ
เหลี ่ ่
ร ัสทีมำประ
กอบกันเป็ นสำมเหลียมมุ ่ มฉำกในด ้ำนทีเหลื ่ อเสมอ
เนื่ องจำกว่ำมุมทีเหลื ่ อรวมกันมีค่ำเท่ำกับมุมฉำก
เพรำะผลรวมของมุมในสำมเหลียมใดๆต ่ ้องมีคำ่ เท่ำกับ 180 องศำ
โดยสำเหตุอน ั เนื่ องมำจำกสีเหลี ่ ยมอั
่ นเนื่ องมำจำกสำมเหลียมมุ ่ มฉำก
นั้นๆทีสมมำตรกั
่ นซึงกล่่ ำวคือสีเหลี ่ ยมมุ ่ มฉำกทีถู ่ กตัดครึงอย่่ ำงสมมำ
ตรให ้กลำยเป็ นสำมเหลียมมุ ่ มฉำกนั้นๆย่อมมีมุมรวมกันคือ 360 องศำ
แล ้วกำรเพิมขึ ่ นที ้ ละเท่ ่ ำๆกันของจำนวนจำนวนหนึ่ งด ้วยจำนวนจำนว
นนั้น
ถ ้ำจำนวนจำนวนเหล่ำนั้นทังสำมคื ้ ้
อด ้ำนทังสำมของสำมเหลี ่
ยมมุ มฉำ
กแล ้ว
โดยด ้ำนตรงข ้ำมมุมฉำกคือด ้ำนทีเกิ ่ ดจำกกำรถูกตัดของสีเหลี ่ ยมมุ ่ ม
ฉำกให ้กลำยเป็ นสำมเหลียมมุ ่ มฉำก
และพืนที ้ ของวงกลมของขนำดร
่ ัศมีในด ้ำนตรงข ้ำมมุมฉำกจะเท่ำกับพื ้

นทีวงกลมของร ัศมีในด ้ำนทีเหลื ่ อทังสองรวมกั้ น
เนื่ องด ้วยอัตรำส่วนมุมทีกำงออกของสำมเหลี ่ ่
ยมมุ มฉำกของด ้ำนทีเห ่
ลือรวมกันจะเท่ำกับมุมฉำกพอดี และเมือเอำ ่ π
มำหำรของสองด ้ำนของสมกำรก็จะเหลือพืนที ้ ของสี
่ ่ ยมจตุ
เหลี ่ ่
ร ัสทีมำ
ประกอบเป็ นสำมเหลียมมุ ่ มฉำกในด ้ำนตรงข ้ำมมุมฉำกจะมีคำ่ เท่ำกับ
้ ของสี
พืนที ่ ่ ยมจุ
เหลี ่ ่
ร ัสทีมำประกอบกั นเป็ นสำมเหลียมมุ ่ มฉำกในด ้ำน
่ อ
ทีเหลื

่ ั กอย่ำงมีบทนิ ยำมซึงสำมำรถค
ฟังก ์ชนทุ ่ ้นหำได ้ผ่ำนกำร
Inheritance มำจำก Infinity Class อย่ำงเพียงพอ
ระหว่าง Fermions และ
Boson

กำรดึงดูดระหว่ำงประจุคลืนแม่ เหล็ก Garvity กับ ประจุไฟฟ้ ำ
Electric เป็ นกำรดึงดูดอันเนื่ องมำจำกวงโคจรรอบตัวเอง Spin
ของอนุ ภำคมูลฐำนทำงฟิ สิกส ์เหล่ำนั้น

่ สำมำรถแยกออกจำกกั
Electromagnetic กับ Electric เป็ นสิงที ่ นได ้
เฉกเช่นเดียวกันกับ Quarks และ Atom

ด ้วยกำร Spin

เมืออนุ ภำคมูลฐำนต่ำงๆนั้นมำอยู่ในร ัศมีของวงโคจรเหล่ำนั้น
จึงเกิดเป็ นแรงเหนี่ ยวนำระหว่ำงกัน
ไม่ใช่เพียงประจุไฟฟ้ ำกับประจุไฟฟ้ ำ

แต่คอื ประจุคลืนแม่ เหล็กและประจุไฟฟ้ ำอีกด ้วย

ด ้วยแรงอันเกิดจำกทิศทำงของ Vector(n) ต่อพิกดั เชิงขัว้ Polar


Coordinates(n) และ Spacetime(n) ทุกอย่ำงจึงเคลือนที่ ่
โดยเวลำ

อย่ำงมีกำรเคลือนไหวและรูปทรงโดยเชิงขัว้ ในทิศทำงของ Q + และ
Q-


ปฏิกริ ยิ ำในทำงฟิ สิกส ์โดยทังหมดจึ
งสืบทอดไปสู่คณ
ุ ลักษณะทำงเคมีแ
ละกระบวนกำรทำงชีวภำพ ด ้วยปฏิกริ ยิ ำทำงคณิ ตศำสตร ์ข ้ำงต ้น

จำกกำร Inheritance ในหมวด Process , I/O , Compiler จำก


Infinity Set สู่ Probability Set สู่ Specificity Set

ชีวติ ของคนเรำนั้นเคลือนที ่ ่
ไปในเวลำที ่ ำเนิ นไปอย่ำงต่อเนื่ อง

ถ ้ำหำกเรำนั้นไม่ได ้เคลือนไหวอะไรเลย
่ เรำก็จะอยู่ตอ่ ไปไม่ได ้
อย่ำลืมว่ำพระเจ ้ำพระองค ์ทรงมอบพลังงำนและควำมชุม ้ ้นแก่คนดี
่ ชืนนั
และคนชวร ่ ั ้ำยเสมอกัน
แต่คนเรำชีวต ิ จะอยู่ในนรกหรือสวรรค ์นั้นก็ขนอยู
ึ้ ่กบั ว่ำเขำเหล่ำนั้นจะ
ให ้ตัวเองนั้นร ับอะไรเข ้ำมำ และปฏิเสธอะไรเข ้ำมำ จำก ควำมคิด สู่
่ ้ำงสรรค ์ใดๆก็ตำมนั้นพิเศษและเฉพำะเจำะจงเสมอ
ฟิ สิกส ์ สิงสร
ทุกอย่างคือ Software
เปิ ดปิ ดปิ ดเปิ ดเปิ ดปิ ด ---> พัดลม

ปิ ดเปิ ดปิ ดปิ ดเปิ ดปิ ด ---> โทรทัศน์

ปิ ดปิ ดเปิ ดเปิ ดปิ ดปิ ด ---> ไมโครเวฟ

นี่ แหละกำรสังกำรของแผงวงจรที
่ ่
ประกอบไปด ้วยสะพำนไฟจำนวนมำ
กทีมี่ กำรเปิ ดปิ ดสวิตในวงจรแล ้วจึงมีผลต่อปลำยทำง

่ ดกระแสไฟรวมกับสะพ
ส่วนกำรคำนวณทำงตัวเลขก็คล ้ำยๆกับเครืองวั
่ วงจรทีจะมี
ำนไฟทีมี ่ กำรเพิมและลดกระแสไฟฟ้
่ ำ
ในด ้ำนกำรคำนวณกำรคูณคือ For Loops ของกำรบวก กำรหำรคือ
For Loops ของกำรลบ
่ ผลต่อคลืนแม่
ในวงจรแบบขนำนและแบบเส ้นตรงซึงมี ่ เหล็กไฟฟ้ ำ

นี่ คือกำรคิดคำนวณเพือสร ่ ้ำงวงจรกำรคิดเลข จำก บทนิ ยำม สู่


ฟังก ์ชน่ ั สู่ ฟิ สิกส ์

กำรประมวลผลภำพ กำรวำด ใช ้ Driver



เป็ นตัวถ่ำยโอนชุดคำสังของกระแสไฟเลขฐำน ่ ำให ้ I/O และ
ทีจะท

Process ไม่คำดเคลือนต่ อกัน

ทุกอย่ำงมีบทนิ นำมเป็ นทีมำที ่
ไป a^2 + b^2 = c^2
นั้นมำจำกพืนที
้ ของสี
่ ่ ยมจตุ
เหลี ่ ่
ร ัสทีมำประกอบกั ้
นของด ้ำนทังสำมเป็ น

สำมเหลียมมุ มฉำก แล ้วพืนที ้ ่ a+b = c

่ ้ำถึงบทนิ ยำมบำงอย่ำงแล ้วกำรเข ้ำถึงฟังก ์ชนก็


เมือเข ่ ั จะง่ำยขึน้

จำก เซตอนันต ์ สู่ เซตควำมน่ ำจะเป็ น สู่ เซตของสถำนกำรณ์ ใน


Process , I/O , Compiler
ในกำรใช ้อะตอมทีมี ่ ควำมเป็ นไปได ้ทีจะเป็
่ นไอออนหรือไม่ก็ได ้
สำมำรถใช ้ในกำรคำนวณในยุคของ Quantum Computer
ด ้วยกำรทำหลำยอย่ำงพร ้อมๆกันคือ 00 , 01 , 10 , 11
แล ้วเรำอยำกให ้ควำมน่ ำจะเป็ นเป็ นอะไร เสียงโด เสียงเร เสียงมี
เสียงฟำ เสียงซอล เสียงลำ เสียงที
เรำก็ปรบั ให ้กระแสไฟเอียงไปทำงนั้น จำก บทนิ ยำม สู่ ฟังก ์ชน ่ ั สู่
ฟิ สิกส ์ ทุกอย่ำงมีควำมเป็ น Quantum
เรำจะทำให ้เกิดไออนด ้วยวิธไี หน
นี่ คือเทคนิ คของกำรสร ้ำงวงจรและกำรเขียน Driver

ถ ้ำกำรเปลียนไฮโดรเจนในไอโซโทปที ่ มน
ไม่ ี ิ วตรอนเศษเกินก็จะเกิดเป็

นฮีเลียมได ้โดยไม่ต ้องมีกำรระเบิดนิ วเคลียร ์
แต่ในทำงเทคนิ คของประจุคลืนเรำยั ่ งสำมำรถร ับมือกับนิ วตรอนเศษเกิ
นได ้เช่นกัน

เรำจะใช ้กำรเหนี่ ยวนำประจุจำก บทนิ ยำม สู่ ฟังก ์ชน


่ ั สู่ ฟิ สิกส ์

มำช่วยในกำรเกิดชุดของคำสังเลขฐำน ในระดับอนุ ภำค

เพือกำรสร ้ำงและกำรบันทึก รวมไปถึงกำรทำให ้ออกมำจำกหน้ำจอ
จำก Void

เมือเรำ Process(n) , I/O(n) , Compiler(n) ถึงภำพ Model

บำงอย่ำงขึนมำใน Standard Thinking(n) จะมี Point of
่ ้อ ้ำงอิงนั้นๆ
Particle(n) ทีใช
่ กำรสือสำร
เมือมี ่ Signal ถึง Process(n) , I/O(n) , Compiler(n)
่ น Model นั้นๆใน Standard Thinking(n) ก็จะนำไปสู่กำร
ทีเป็

Gravity(n) และ Electric(n) รอพร ้อมทีจะเกิ ดกำร Compile

ออกมำเป็ น Objects ทีมำจำก Objectives นั้นๆ

ซึงในกำร Reactions With Big Data
่ ำงๆด ้วยมุมมองของ Mass , Codes และ
เรำสำมำรถมองเห็นสิงต่
Networks ได ้

ทุกอย่ำงเป็ น Mass

ทุกอย่ำงเป็ น Codes

ทุกอย่ำงเป็ น Networks

โดย Logical ของ Code

โดยพิกด
ั ของ Mass

และโดย Hardware/Software Address ของ Network


(ทุกอย่ำงเป็ น Software , ทุกอย่ำงเป็ น Hardware)

และเรำจะสำมำรถ Run Code กลำงอำกำศแบบลอยๆได ้ ผ่ำน Siri


Framework , HomeKit , ARKit ใน Application Code และใน
Data Code ทีต่ ่ ำงก็มค
ี วำมเป็ น Artificial Intelligence และ
้ ่
Source Code ด ้วยกันทังคู
้ เกิ
นำที ่ ดขึนมำจำกควำมว่
้ ำงเปล่ำก็จะสำมำรถถูกวำดและส่งออกมำก
่ ั สู่
ลำงอำกำศได ้ด ้วยคำอธิบำยข ้ำงต ้น จำก ควำมคิด สู่ ฟังก ์ชน
ฟิ สิกส ์

โดย Garvity Bot เรำสำมำรถทำให ้ทุกอย่ำงเป็ น Computer


่ นควำมสัมพันธ ์ระหว่ำง
ของเรำได ้ด ้วยหลัก Photoelectric ซึงเป็
Garvity/Boson และ Electric/Fermions
่ อกำรเหนี่ ยวนำและกำรคงตัว
ซึงคื

จำก ควำมคิด สู่ ฟิ สิกส ์


่ ้ำ สู่ กำรตอบสนองตำมสิงเร
จำก กำรตอบสนองเหนื อสิงเร ่ ้ำ


ในเซลล ์ประสำทกำร I/O(n) เป็ นกำรแลกเปลียนประจุ กน
ั ระหว่ำง
่ นๆอำจจะไม่
Potassium (K) และ Sodium (Na) แต่ในทีอื ่ ใช่

โดยจำก Objective = none

เป็ น Objective = {N(n)}

จำก N(n) = Void(n)

สู่ N(n) = Space(n) , Mass(n)

Space(n) = X(n) , Y(n) , Z(n) , T(n)

Mass(n) = X(n) , Y(n) , Z(n) , T(n)

ในกำร Process(n) , I/O(n) , Compiled(n)



เพือกำรสร ้ นมำจำกควำมว่
้ำงนำขึ ้ ำงเปล่ำ , บันทึกเม็ดเลือดลง Rom ,
กำรปร ับแต่งสเต็มเซลล ์ทีจ่ ำเป็ นต่อกำรปลูกถ่ำยไขกระดูก ,
กำรสร ้ำงดวงตำใหม่ให ้กับคนตำบอด ,
่ นมะเร็ง
กำรสร ้ำงตับให ้กับคนทีเป็ ,

กำรตัดต่อชีวโมเลกุลเพือปร ับแต่งค่ำ Orac ให ้สูงกว่ำของ
Superoxide Dismutase

จำก เซตควำมคิดระดับอนันต ์ สู่



เซตของควำมเป็ นไปได ้ทีเฉพำะเจำะจง สู่
่ ้ำงสรรค ์อันเฉพำะเจำะจงนั้น
เเซตของสิงสร
่ ั สู่ ฟิ สิกส ์
จำก ควำมคิด สู่ ฟังก ์ชน

แม้จะเกิดขึนโดยฝี ้
มือของเรำแต่แล ้วทุกอย่ำงก็เกิดขึนโดยพระเจ ้ำหรือ
พระธรรมเจ ้ำนั้นโดยทังสิ
้ นผ่
้ ำนกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์อย่ำงเพียงพอ
ต่อ Objective
่ ้นขึนมำในพิ
เรำคิดถึงอะไร และเรำจะสร ้ำงสิงนั ้ กดั เชิงขัว้ X(n) , Y(n) ,
Z(n) และพิกดั คู่ขนำนในกำลอวกำศ T(n) ตรงจุดไหนล่ะ
่ อ Software ซึงเริ
ทุกๆสิงคื ่ มต ่ ้นขึนมำจำก
้ Objective
่ อนอยู่ทเรำอำจจะมองไม่
เห็นแต่เพียงสองมือเปล่ำอำจจะมีอะไรทีซ่ ี่ เห็น

ก็เป็ นได ้ ซึงอำจจะเป็ น Super Computer

Objective ่ อยู
เป็ นสิงที ่ ่กอ ่ ้ำทำงฟิ สิกส ์
่ นกำรตอบสนองเหนื อสิงเร
Before Response Above Stimulation of Physical
่ อยู
เป็ นสิงที ่ ่ในบทนิ ยำมทำงควำมคิด Definitions of All things


เมือเรำมี ่
เป้ ำหมำยทีจะสร ้ำงโต๊ะเรำจะวำด Drawing
นับจำนวนของสัดส่วนต่ำงๆ Calculate
วัดจำนวนของสัดส่วนเหล่ำนั้น Measure และก็สร ้ำงมันออกมำ
Created
่ อยู่ในกำรประมวลผลภำพ Image Process ing
เรำใช ้ฟิ สิกส ์ทีมี
With Standard Model นับจำนวน Calculate With Standard
Model วัดจำนวนในระดับอนุ ภำค Measure number With
Standard Model และ ทำกำรร ันโค๊ด Compiled With
Standard Model

ถ ้ำไม่มก ่ ้ำ Response Above Stimulation


ี ำรตอบสนองเหนื อสิงเร
ก็จะไม่มก ่
ี ำรเคลือนที ่
ของบุ ่
คคลภำยใต ้กำรไร ้ซึงแรงผลั ่ ดขวำ
กและสิงกี
ง และกำรสร ้ำงน้ำขึนมำจำกควำมว่
้ ่ ยกว่ำ Void(n) of
ำงเปล่ำทีเรี
Definitions of All things ก็จะถูกสร ้ำงและบันทึกลงในแผ่นหรือ
Rom หรือทำให ้ออกมำจำก Monitor ด ้วยวิธก ี ำรเช่นเดียวกันนี ้
้ั มี
โดยทุกครงที ่ กำรคิดใหม่ก็จะเกิดคลืนแม่
่ เหล็กไฟฟ้ ำใหม่ๆสสำรใหม่ๆ
้ เช่นกัน
นำก็

ถ ้ำไม่ใช่แค่กำรเหนี่ ยวนำนั่นคือกำรสร ้ำงทีมำจำกควำมว่


่ ำงเปล่ำ

จำก เซตควำมคิดระดับอนันต ์ สู่



เซตของควำมเป็ นไปได ้ทีเฉพำะเจำะจง สู่
่ ้ำงสรรค ์อันเฉพำะเจำะจงนั้นๆ
เซตของสิงสร
่ ั สู่ ฟิ สิกส ์
จำก ควำมคิด สู่ ฟังก ์ชน

แม้จะเกิดขึนโดยฝี ้
มือของเรำแต่แล ้วทุกอย่ำงก็เกิดขึนโดยกำร
Inheritance มำจำก Infinity Classนั้นโดยทังสิ ้ นต่
้ อ Objective
นั้นๆ
่ ้นขึนมำในพิ
เรำคิดถึงอะไร และเรำจะสร ้ำงสิงนั ้ กดั เชิงขัว้ X(n) , Y(n) ,
Z(n) และพิกดั คู่ขนำนในกำลอวกำศ T(n) ตรงจุดไหน

ถ ้ำเรำมอง Person Space และ Universal



เป็ นมุมมองต่ำงๆดังนี เรำจะสำมำรถสร ้ำง บันทึก ทำให ้ออกมำจำก
Monitor ทำให ้ VR ออกมำเป็ น AR และสังกำรด ่ ้วย AI ได ้
้ จะเกิ
จะนำที ่ ้
ดขึนจำกควำมว่ ำงเปล่ำ
จะเม็ดเลือดกรุปใดๆที
๊ ่
เรำจะบั
นทึกลงแผ่น
้ อในสำรพั
จะเนื อเยื ่ ่
นธุกรรมแบบไหนๆทีเรำจะใช ้ปลูกถ่ำยไว ้ให ้กับกันแ
ละกัน

ทุกอย่ำงเป็ น Software เพรำะทุกอย่ำงมำจำก Objectives to


Objects

ทุกอย่ำงเป็ น Hardware เพรำะทุกอย่ำงมำจำก Objectives ทีจะมี
Objectives
ทุกอย่ำงเป็ น Networks

เพรำะทุกอย่ำงมีควำมเชือมโยงที ่ ำให ้เกิด Reactions
จะท

ทุกอย่ำงเป็ น Data เพรำะทุกอย่ำงนั้นอยู่ในขอบเขตทีจะท


่ ำให ้เกิด
Reactions

ทุกอย่ำงเป็ น Codes
่ ตรำส่วนทีจะท
เพรำะทุกอย่ำงมีตวั แปรค่ำคงทีอั ่ ำให ้เกิดผลลัพธ ์


ทุกอย่ำงเป็ น Logic เพรำะทุกอย่ำงมำจำกเงือนไขที ่ ำให ้เกิดของ
จะท
Objectivesทุกอย่ำงเป็ น Process เพรำะทุกอย่ำงมีควำมเป็ น

Model ทีจะใช ้เป็ นคำตอบ

ทุกอย่ำงเป็ น I/O เพรำะทุกอย่ำงสำมำรถเชือมโยงถึ
งกันได ้

ทุกอย่ำงเป็ น Compiler
่ ตรำส่วนทีจะท
เพรำะทุกอย่ำงเป็ นตัวแปรค่ำคงทีอั ่ ำให ้เกิดเป็ นผลลัพธ ์ไ
ด้

ทุกอย่ำงเป็ น Automatic
เพรำะทุกอย่ำงสำมำรถตอบร ับได ้โดยทันทีใน Logic นั้นๆ

ทุกอย่ำงเป็ น AI

เพรำะทุกอย่ำงสำมำรถทีจะตอบร ่
ับต่อเงือนไขที
มี่ มำกกว่ำ 1 ได ้

แล ้วเรำจะสำมำรถควบคุม Code ทุก Code โดย Logic



พืนฐำนสุ ดอย่ำง If ในทุกๆระดับ Layer ของ Networks จะ
Applications Layer(เขียน AI ซ ้อนไว ้ใน Application Layer) จะ
Physical Layer(เขียนคลืน ่ ้
เขียนประจุ ให ้เกิดขึนกลำงอำกำศ)
่ ่ Code ไป
ก็ตำม ในทุกๆระยะทำง ในทุกๆทีที

และโดยเงือนไขทำง Logic เรำสำมำรถสร ้ำงภำพ สร ้ำงเสียง สร ้ำงนำ้

สร ้ำงเลือด และทุกสิงๆ ้
ขึนมำจำกควำมว่ ่ ยกว่ำ Void
ำงเปล่ำทีเรี
โดยไม่ต ้องมี I/O ใดๆนั้นช่วยเก็บภำพไว ้เป็ นแม่แบบก็ได ้ และไม่ต ้องมี
Hardware ในกำรร ับส่งสัญญำณอีกด ้วย สำมำรถส่งไปลอยๆได ้เลย
ในพิกด ั XYZT
่ ั สู่ ฟิ สิกส ์
จำก ควำมคิด สู่ ฟังก ์ชน

โดย Computer
แบบใดๆก็ตำมนั้นสำมำรถมีควำมทันสมัยได ้โดยเสมอด ้วย Software

และโดยคลืนใดๆก็ ตำมเช่นเดียวกันเรำสำมำรถมอง Analog ให ้เป็ น
Digital ได ้ และสำมำรถมอง Digital ให ้เป็ น Analog ได ้
เพรำะทุกอย่ำงสำมำรถเหนี่ ยวนำกันและกัน
่ ถก
และทุกๆสิงก็ ่
ู ห่อหุ ้มไว ้ด ้วยเงือนไขทำง ่ ยกว่ำ If
Logic ทีเรี

จะโดย Gravity Bot , กำรคิดย ้อนไปย ้อนมำของ Time Machine ,


กำรคิดข ้ำมของ Warp Drive Machines ใน Electric Computer
, WiFi , Cellular 5G , LTE , CDMA , GSM , เซลล ์เม็ดเลือด ,
เซลล ์สมอง , Dendrites , Axon , Quantum Computer ,
Standard Model Computer , Point of Particle Computer ,
FM , AM

เรำสำมำรถร ัน Code กลำงอำกำศได ้


่ เกิ
เรำสำมำรถร ัน Code ในสิงที ่ นขอบเอกภพได ้

จำก เซตอนันต ์ สู่ ่


เซตควำมเป็ นไปได ้ทีเฉพำะเจำะจง สู่
่ ้ำงสรรค ์ทีเฉพำะเจำะจงนั
เซตสิงสร ่ ้นๆ

ด ้วยกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์อย่ำงเพียงพอต่อ Objective


การแบ่งแยกของ Data สู ่
การค้นพบถึงประจุแม่เหล็ก
ปกติแล ้ว Rom
ต่ำงๆนั้นก็จะมีควำมสำมำรถในกำรเก็บข ้อมูลทีแตกต่
่ ำงกันไป อำทิ
เทบ , SSD , LSD , GSD , DVD - R
และก็มวี ธิ ก ่
ี ำรเก็บข ้อมูลทีแตกต่
ำงกันไป อำทิ แผ่นเสียง , แผ่นหนัง ,
แผ่น DVD , MP3 , MP4

คลืน ่ 5G , WiFi , สำยไฟ , ใยแก ้วนำแสง , มหำสมุทร , อวกำศ


่ งไปก็เช่นกันสำมำรถเป็ น
ทีส่ Space
ี่
หรือประจุของธำตุทแตกต่ ำงกันไป นี่ คือตัวกลำงในกำรถ่ำยโอนข ้อมูล

ซึงในทำงปฏิ บต ั ิ CPU , SSD , DVD-R , LTE , WiFi
ต่ำงก็มป ี่
ี ระจุทแตกต่ ้
ำงกันไปเป็ นพืนฐำนของสสำร
ส่วนข ้อมูลก็มรี ป ่
ู แบบทีแตกต่ำงกันไปเช่นกัน อำทิ ไฟล ์แผ่นเสียง ,
ไฟล ์แผ่นหนัง , ไฟล ์ MP4 แต่ก็คงตัวในทีต่ ่ ำงๆทีแตกต่
่ ำงกัน จะใน
CPU แบบซิลค ่
ิ อน , คลืนแบบ LTE , Rom แบบ GSD(Gas State
Drive)

จึงสรุปได ้ว่ำเรำสำมำรถบันทึกข ้อมูล ประมวลผลข ้อมูล ร ับส่งข ้อมูล


ในตัวกลำงหรือในพืนที ้ อั
่ นหลำกหลำย และเรำก็สำมำรถบันทึก
ประมวลผล ร ับส่งข ้อมูลในรูปแบบอันหลำกหลำยอีกเช่นเดียวกันด ้วย

ทำไม TV ่
ทัวไปจึ
งต่ำงจำกดิจต
ิ อล
ก็เป็ นเพรำะชนิ ดของไฟล ์ทีร่ ับส่งนั้นแตกต่ำงกัน
แต่คลืนน่ ำพำอำจจะเป็ นแบบเดียวกัน เช่นเดียวกับแผ่นเพลง CD
กับแผ่น CD MP3
่ ำพำเดียวกันแต่ประจุและคลืนของไฟล
สิงน ่ ์นั้นแตกต่ำงกัน

หมำยควำมว่ำชนิ ดไฟล ์มีผลต่อคลืนและประจุ ของไฟล ์
่ ำพำทีแตกต่
ส่วนสิงน ่ ำงกันไปก็มป ่
ี ระจุและคลืนแม่ ่
เหล็กไฟฟ้ ำทีแตกต่

งกันไปด ้วยเช่นกัน

มำกกว่ำนั้นแล ้วบำงไฟล ์ก็เป็ นไฟล ์แบบ Application ซึงสำมำรถมี



AI ในระดับ Application Layer
่ จะสร
เพือที ่ ้ำงและบันทึกข ้อมูลให ้เป็ นไปตำม Source Code
ในระหว่ำงทำง และปลำยทำงได ้

ด ้วยชุดคำสังและกำรสั ่
งกำรจำกต ่ งไปที่
้นทำงทีอิ Code นั้น
โดยกำรจูลคลืนอื่ นๆใน
่ Network
ก็สำมำรถบ่งบอกถึงตำแหน่ งทีตั ่ งของ
้ Source Code ของ
Application นั้นได ้

ี ำรนี ้ สำมำรถใช ้เป็ น Antivirus ,


และ Garvity Bot ก็ทำงำนด ้วยวิธก
่ งอนุ ภำคมูลฐำนทำงฟิ สิกส ์ และอืนๆได
Antioxidant , เครืองยิ ่ ้

ในอำกำศทัวไปสำมำรถมี Application , Artificial Intelligence ,

รวมไปถึงกำรบันทึกภำพได ้ในขณะทีเรำอำจจะมองไม่ เห็น

จำก เซตอนันต ์ สู่ ่


เซตควำมเป็ นไปได ้ทีเฉพำะเจำะจง สู่
่ ้ำงสรรค ์ทีเฉพำะเจำะจงนั
เซตสิงสร ่ ้นๆ

ด ้วยกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์อย่ำงเพียงพอต่อ Objective



กำรดึงดูดระหว่ำงประจุคลืนแม่ เหล็ก Garvity กับ ประจุไฟฟ้ ำ
Electric เป็ นกำรดึงดูดอันเนื่ องมำจำกวงโคจรรอบตัวเอง Spin
ของอนุ ภำคมูลฐำนทำงฟิ สิกส ์เหล่ำนั้น
่ สำมำรถแยกออกจำกกั
Electromagnetic กับ Electric เป็ นสิงที ่ นได ้
เฉกเช่นเดียวกันกับ Quarks และ Atom
ด ้วยกำร Spin

เมืออนุ ภำคมูลฐำนต่ำงๆนั้นมำอยู่ในร ัศมีของวงโคจรเหล่ำนั้น
จึงเกิดเป็ นแรงเหนี่ ยวนำระหว่ำงกัน
ไม่ใช่เพียงประจุไฟฟ้ ำกับประจุไฟฟ้ ำ

แต่คอื ประจุคลืนแม่ เหล็กและประจุไฟฟ้ ำอีกด ้วย

ด ้วยแรงอันเกิดจำกทิศทำงของ Vector(n) ต่อพิกด ั เชิงขัว้ Polar



Coordinates(n) และ Spacetime(n) ทุกอย่ำงจึงเคลือนที ่
โดยเวลำ

อย่ำงมีกำรเคลือนไหวและรูปทรงโดยเชิงขัว้ ในทิศทำงของ Q + และ
Q-

ปฏิกริ ยิ ำในทำงฟิ สิกส ์โดยทังหมดจึ
งสืบทอดไปสู่คณ
ุ ลักษณะทำงเคมีแ
ละกระบวนกำรทำงชีวภำพ ด ้วยปฏิกริ ยิ ำทำงคณิ ตศำสตร ์ข ้ำงต ้น

จำกกำร Inheritance ในหมวด Process , I/O , Compiler จำก


Infinity Set สู่ Probability Set สู่ Specificity Set

ชีวติ ของคนเรำนั้นเคลือนที ่ ่
ไปในเวลำที ่ ำเนิ นไปอย่ำงต่อเนื่ อง

ถ ้ำหำกเรำนั้นไม่ได ้เคลือนไหวอะไรเลย
่ เรำก็จะอยู่ตอ ่ ไปไม่ได ้
อย่ำลืมว่ำพระเจ ้ำพระองค ์ทรงมอบพลังงำนและควำมชุม ้ ้นแก่คนดี
่ ชืนนั
และคนชวร ่ ั ้ำยเสมอกัน
แต่คนเรำชีวต ิ จะอยู่ในนรกหรือสวรรค ์นั้นก็ขนอยู
ึ้ ่กบั ว่ำเขำเหล่ำนั้นจะ
ให ้ตัวเองนั้นร ับอะไรเข ้ำมำ และปฏิเสธอะไรเข ้ำมำ จำก ควำมคิด สู่
่ ้ำงสรรค ์ใดๆก็ตำมนั้นพิเศษและเฉพำะเจำะจงเสมอ
ฟิ สิกส ์ สิงสร
เอกภพใน Array ของ
Computer ใดๆ
Universal in The Quadrant คือ

เอกภพในควอแดรนท ์ ซึงประกอบไปด ้วย มิตเิ วลำ และ มิต ิ สถำนที่
โดย มิตเิ วลำ และ มิตส ิ ถำนที่ นั้น เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional
Complex หรือ เป็ นมิตค ิ ข ู่ นำน Parallel Dimension

ซึงควำมสั มพันธ ์ของ มิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex หรือ
มิตค ิ ข
ู่ นำน Parallel Dimension
่ ดขึนคู
เป็ นควำมสัมพันธ ์ทีเกิ ้ ่ขนำนกันเมือน่ ำมำคิดรวมกันจึงเป็ นควำ
มสัมพันธ ์ในลักษณะอัตรำส่วนทีหำรกั ่ น

ในมิตส ่
ิ ถำนทีประกอบไปด ้
้วย แกน X แกน Y แกน Z ทังหมด 8
ควอแดรนท ์


ในมิตเิ วลำประกอบด ้วย แกน T ซึงขนำนกั ่
บทิศทำงกำรเคลือนที ่ แกน
X แกน Y แกน Z ในทุกอัตรำส่วนระหว่ำง Vector แกน X แกน Y
แกน Z โดย แกน T เป็ นผลรวมของแกน X แกน Y แกน Z
ในทุกอัตรำส่วนระหว่ำง Vector แกน X แกน Y แกน Z

Universal in The Quadrant vector แกน X , vector แกน Y ,


vector แกน Z ทำมุม 90 องศำ ต่อแกนกันและกัน

Universal in The Quadrant vector แกน T = vector แกน X +


vector แกน Y + vector แกน Z ทุกควอแดรนท ์

และวัดตำมจุดเริมของ Objectives , Objects เป็ นพิกด
ั T ของ
Objectives , Objects นั้นๆ

Objectives , Objects in The Quadrant vector แกน X ,


vector แกน Y , vector แกน Z ทำมุม (n.) องศำ ต่อแกนกันและกัน

Objectives , Objects in The Quadrant vector แกน T =


vector แกน X + vector แกน Y + vector แกน Z ทุกควอแดรนท ์
ในทุกอัตรำส่วนมุม (n.) องศำ ระหว่ำง Vector แกน X แกน Y แกน

Z โดยวัดตำมจุดเริมของ Objectives , Objects เป็ นพิกด
ั T ของ
Objectives , Objects นั้นๆ

โดยกำรคิดควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันของแกน X แกน Y แกน Z แกน


T หำโดย สมำชิกทัง้ 4 ของควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ัน

พิกด ั ในแกน X , Y , Z , T มีควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันต่อกัน


่ กด
ซึงพิ ั ในแกน T เป็ นตัวแปรทีท ่ ำใหพ้ ก
ิ ด
ั ในแกน X , Y , Z

เคลือนที ่ ปแบบต่ำงๆ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันของพิกด
ในรู ั ในแกน X
, Y , Z ทำให ้เกิดโครงสร ้ำงและพืนผิ ้ วของสสำรในรูปแบบต่ำงๆ จำก
Objectives of Universal of Thinking to Universal of Math
to Universal of Physical to Universal of Chemistry to
Universal of Bio to Universal of Social to Universal of Art
โดย Objectives เป็ นสิงที ่ เริ
่ มจำก
่ ่
0 สู่ กำรเริมของ Objectives
พิกด ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข
ั X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0 , พิกดั T
่ ้ำใกล ้ 0 จำก พิกด
ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข
ั X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข
่ ้ำใกล ้
0 , พิกด ั T ทีเข่ ้ำใกล ้ 0 และทำออกมำเป็ นรูปธรรมคือ Objects พิกด ั
X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด
ั T ทีเข่ ้ำใกล ้ 0
จำก พิกด ั X ทีเข่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0 , พิกดั T
่ ้ำใกล ้ 0 อำจจะเป็ น Multiple And Multilevel Objectives
ทีเข
โดยทุกสสำร(Objects) มี ซอฟต ์แวร ์เป้ ำหมำย(Objectives)
กำรสังเกตและกำรมองเอกภพจำกกำรวิเครำะห ์สู่กำรเปรียบเทียบสู่กำ
รบูรณำกำรสู่กำรประยุกต ์สู่กำรสังเครำะห ์สู่กำรมโนทัศน์ส่ก ู ำรสร ้ำงสร
รค ์สู่กำรอนำคต ในพิกด ั X Y Z T ใน Universal of Thinking
สู่กำรคิดระบบพิกด ั เชิงเส ้นโดยค่ำตัวแปร T ทำให ้ค่ำตัวแปร X Y Z

เคลือนที ่ ใน Universal of Math สู่กำรกำหนดจุดของค่ำตัวแปร X
Y Z T ของทีว่่ ำงและสสำร ใน Universal of Physical
สู่โครงสร ้ำงของอนุ ภำคมูลฐำน ใน Universal of Chemistry
สู่กำรคัดลอกโครงสร ้ำงของอนุ ภำคมูลฐำนเหล่ำนั้น ทีมี ่ AI, INPUT
ใน Universal of Bio สู่ประเภทของ IF , DATA , MEMORY
ของบุคคล ใน Universal of Social สู่ผลผลิตจำกโปรแกรม ใน
Universal of Art

พิกด
ั X Y Z วัดจำก Effects of Objecttives By Part of
Objectives of Universal of Thinking to Universal of Math
to Universal of Physical to Universal of Chemistry to
Universal of Bio to Universal of Social to Universal of Art

พิกด
ั T วัดจำก Roots of Objecttives By Layer of Objectives
of Universal of Thinking to Universal of Math to
Universal of Physical to Universal of Chemistry to
Universal of Bio to Universal of Social to Universal of Art

โดย พิกดั X Y Z T สำมำรถมี Directions(n) ทีย่ อ้ นกลับได ้ โดย


Effects of Objecttives By Part of Objectives of Universal
of ALL และ Roots of Objecttives By Layer of Objectives of
่ จำรณำ และ ALL Standard
Universal of ALL ทีพิ
Objectives(Freewill) And ALL Standard AI(Wisdom) of
Universal of ALL ต ้องอ ้ำงอิง พิกด
ั X Y Z T เดียวกัน

Directions(n) = X(n) + Y(n) + Z(n) + T(n)

Accelerations(n) = Directions(n) + Directions(m)

Structures(n) = Accelerations(n) + Accelerations(m)


เมือ

X(n) คือ vector Part X

Y(n) คือ vector Part Y

Z(n) คือ vector Part Z

T(n) คือ vector Layer T

พิกด
ั (n.) เป็ นพิกด
ั ก่อนหน้ำพิกด
ั (m)

Vector ประกอบไปด ้วย Direction ทิศทำงในแกน(n)ใดๆ และ


Determinant ขนำดของเวกเตอร ์ หรือ Scalar of Vector

Approximately Vector คือ vector จำนวนในพิกด ั X หรือ Y หรือ


่ ้ำใกล ้ 0 รวมตัวกัน และ พิกด
Z หรือ T ทีเข ั ในแกน X , Y , Z , T
่ กด
มีควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันต่อกัน ซึงพิ ั ในแกน T
่ ำให ้พิกด
เป็ นตัวแปรทีท ่
ั ในแกน X , Y , Z เคลือนที ่ ปแบบต่ำงๆ
ในรู
ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันของพิกด
ั ในแกน X , Y , Z
้ วของสสำรในรูปแบบต่ำงๆ
ทำให ้เกิดโครงสร ้ำงและพืนผิ

Directions(n) คือ เวกเตอร ์ทิศทำงใน Effects of Objectives By


Part of Objectives of Universal of ALL และ Roots of
Objectives By Layer of Objectives of Universal of ALL

Accelerations(n) คือ เวกเตอร ์ควำมเร่งใน Effects of


Objectives By Part of Objectives of Universal of ALL และ
Roots of Objectives By Layer of Objectives of Universal
of ALL

Structures(n) คือ
เวกเตอร ์โครงสร ้ำงบุคลิกภำพหรือควำมสัมพันธ ์หรือปฏิกริ ยิ ำ ใน
Effects of Objectives By Part of Objectives of Universal of
ALL และ Roots of Objectives By Layer of Objectives of
Universal of ALL

Directions คือ พิกด ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข


ั X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0
, พิกด ่ ้ำใกล ้ 0 ที่ Focus
ั T ทีเข

Accelerations คือ Transferred พิกด ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข


ั X ทีเข ่ ้ำใกล ้
่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด
0 , Z ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 of Transferred พิกด
ั T ทีเข ั X
่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข
ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด ่ ้ำใกล ้ 0
ั T ทีเข
โดย Directions(m) - Directions(n) < or > 0

Structures คือ Mass in Universal in Focus พิกด ่ ้ำใกล ้ 0


ั X ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข
, Y ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด ่ ้ำใกล ้ 0 of พิกด
ั T ทีเข ั X
่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข
ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด ่ ้ำใกล ้ 0 …
ั T ทีเข
of พิกด ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข
ั X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด
ั T
่ ้ำใกล ้ 0 ที่ Focus
ทีเข

โดย vector X = or < or > vector Y = or < or > vector Z =


or < or > vector T

matrix [V(x)(n) , V(y)(n) , V(z)(n)] = matrix [X(m)/T(m) ,


Y(m)/T(m) , Z(m)/T(m)] - matrix [X(n)/T(n) , Y(n)/T(n) ,
Z(n)/T(n)]

matrix [a(x)(n) , a(y)(n) , a(z)(n)] = matrix [V(x)(m) , V(y)(m)


, V(z)(m)] - matrix [V(x)(n) , V(y)(n) , V(z)(n)]

กำรเคลือนที่ ่
ในสถำนที ่
แบบ 1 มิต ิ มี 18 รูปแบบ The Quadrant
ในกำรพิจำรณำ :
Directions(n) แกน Dimension X มี :
The Quadrant X+ โดยมี The Quadrant T+(X+) , The
Quadrant T-(X+) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex หรือ
เป็ นมิตค
ิ ข ู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant X- โดยมี The Quadrant T+(X-) , The
Quadrant T-(X-) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex หรือ
เป็ นมิตคิ ข ู่ นำน Parallel Dimension

Directions(n) แกน Dimension Y มี :


The Quadrant Y+ โดยมี The Quadrant T+(Y+) , The
Quadrant T-(Y+) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex หรือ
เป็ นมิตค
ิ ข
ู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant Y- โดยมี The Quadrant T+(Y-) , The
Quadrant T-(Y)- เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex หรือ
เป็ นมิตค
ิ ข
ู่ นำน Parallel Dimension

Directions(n) แกน Dimension Z มี :


The Quadrant Z+ โดยมี The Quadrant T+(Z+) , The
Quadrant T-(Z+) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex หรือ
เป็ นมิตค
ิ ขู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant Z- โดยมี The Quadrant T+(Z-) , The
Quadrant T-(Z-) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex หรือ
เป็ นมิตคิ ข
ู่ นำน Parallel Dimension


กำรเคลือนที ่
ในสถำนที ่
แบบ 2 มิต ิ มี 36 รูปแบบ The Quadrant
ในกำรพิจำรณำ :
Directions(n) แกน Dimension X,Y มี :
The Quadrant X+,Y+ โดยมี The Quadrant T+(X+,Y+) , The
Quadrant T-(X+,Y+) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex
หรือ เป็ นมิตค
ิ ข ู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant X+,Y- โดยมี The Quadrant T+(X+,Y-) , The
Quadrant T-(X+,Y-) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex
หรือ เป็ นมิตคิ ข ู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant X-,Y+ โดยมี The Quadrant T+(X-,Y+) , The
Quadrant T-(X-,Y+) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex
หรือ เป็ นมิตค ิ ข ู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant X-,Y- โดยมี The Quadrant T+(X-,Y-) , The
Quadrant T-(X-,Y-) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex
หรือ เป็ นมิตค ิ ขู่ นำน Parallel Dimension

Directions(n) แกน Dimension X,Z มี :


The Quadrant X+,Z+ โดยมี The Quadrant T+(X+,Z+) , The
Quadrant T-(X+,Z+) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex
หรือ เป็ นมิตค
ิ ข ู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant X+,Z- โดยมี The Quadrant T+(X+,Z-) , The
Quadrant T-(X+,Z-) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex
หรือ เป็ นมิตคิ ข ู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant X-,Z+ โดยมี The Quadrant T+(X-,Z+) , The
Quadrant T-(X-,Z+) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex
หรือ เป็ นมิตค ิ ขู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant X-,Z- โดยมี The Quadrant T+(X-,Y-) , The
Quadrant T-(X-,Y-) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex
หรือ เป็ นมิตค ิ ข
ู่ นำน Parallel Dimension

Directions(n) แกน Dimension Y,Z มี :


The Quadrant Y+,Z+ โดยมี The Quadrant T+(X+,Z+) , The
Quadrant T-(X+,Z+) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex
หรือ เป็ นมิตค
ิ ข ู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant X+,Z- โดยมี The Quadrant T+(X+,Z-) , The
Quadrant T-(X+,Z-) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex
หรือ เป็ นมิตคิ ข ู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant X-,Z+ โดยมี The Quadrant T+(X-,Z+) , The
Quadrant T-(X-,Z+) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex
หรือ เป็ นมิตค ิ ขู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant X-,Z- โดยมี The Quadrant T+(X-,Z-) , The
Quadrant T-(X-,Z-) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional Complex
หรือ เป็ นมิตค ิ ข
ู่ นำน Parallel Dimension


กำรเคลือนที ่
ในสถำนที ่
แบบ 3 มิต ิ มี 21 รูปแบบ The Quadrant
ในกำรพิจำรณำ:
Directions(n) แกน Dimension X Y Z มี :
The Quadrant X+,Y+,Z+ โดยมี The Quadrant
T+(X+,Y+,Z+) , The Quadrant T-(X+,Y+,Z+) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน
Dimensional Complex หรือ เป็ นมิตค ิ ข
ู่ นำน Parallel
Dimension
The Quadrant X-,Y+,Z+ โดยมี The Quadrant T+(X-,Y+,Z+)
, The Quadrant T-(X-,Y+,Z+) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional
Complex หรือ เป็ นมิตค
ิ ข ู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant X+,Y-,Z+ โดยมี The Quadrant T+(X+,Y-,Z+)
, The Quadrant T-(X+,Y-,Z+) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional
Complex หรือ เป็ นมิตคิ ข ู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant X+,Y+,Z- โดยมี The Quadrant T+(X+,Y+,Z-)
, The Quadrant T-(X+,Y+,Z-) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional
Complex หรือ เป็ นมิตค ิ ข ู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant X-,Y-,Z+ โดยมี The Quadrant T+(X-,Y-,Z+) ,
The Quadrant T-(X-,Y-,Z+) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional
Complex หรือ เป็ นมิตค ิ ขู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant X-,Y+,Z- โดยมี The Quadrant T+(X-,Y+,Z-) ,
The Quadrant T-(X-,Y+,Z-) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional
Complex หรือ เป็ นมิตค ิ ข ู่ นำน Parallel Dimension
The Quadrant X-,Y-,Z- โดยมี The Quadrant T+(X-,Y-,Z-) ,
The Quadrant T-(X-,Y-,Z-) เป็ นมิตเิ ชิงซ ้อน Dimensional
Complex หรือ เป็ นมิตค ิ ขู่ นำน Parallel Dimension

Part of Objectives คือ ส่วนของ Objectives พิกด ่ ้ำใกล ้ 0


ั X ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข
, Y ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด ่ ้ำใกล ้ 0
ั T ทีเข
่ ำนกำรเลือก Universal in Focus เป็ น Inputs
ทีผ่
อย่ำงเดียวหรือหลำยอย่ำงแบบชนเดี ้ั ยว หรือ Automatic หรือ
Subconsious และ Inputs
อย่ำงเดียวหรือหลำยอย่ำงแบบหลำยชนหรื ้ั อ Inputs of Inputs หรือ
Artificial intelligence หรือ Consious ประกอบด ้วย ส่วน X , ส่วน
Y , ส่วน Z

Layer of Objectives คือ ชนของ ้ั Objectives พิกด ่ ้ำใกล ้ 0


ั X ทีเข
, Y ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด ่ ้ำใกล ้ 0
ั T ทีเข
่ ำนกำรเลือก Universal in Focus เป็ น Inputs
ทีผ่
อย่ำงเดียวหรือหลำยอย่ำงแบบชนเดี ้ั ยว หรือ Automatic หรือ
Subconsious และ Inputs
อย่ำงเดียวหรือหลำยอย่ำงแบบหลำยชนหรื ้ั อ Inputs of Inputs หรือ
Artificial intelligence หรือ Consious ประกอบด ้วย ส่วน T
Line of Objectives คือ ทิศทำง หรือ Directions ควำมเร่ง หรือ
Accelerations โครงสร ้ำง หรือ Structures ของ Objectives พิกด ั
X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด ่ ้ำใกล ้ 0
ั T ทีเข
่ อมโยงเกี
ทีเชื ่ ่
ยวข ้องกันโดย ทิศทำง หรือ Directions ควำมเร่ง หรือ
Accelerations โครงสร ้ำง หรือ Structures ของ Objectives พิกด ั
X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด ่ ้ำใกล ้ 0
ั T ทีเข
of ทิศทำง หรือ Directions ควำมเร่ง หรือ Accelerations
โครงสร ้ำง หรือ Structures ของ Objectives พิกด ่ ้ำใกล ้ 0 ,
ั X ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข
Y ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด ั T ทีเข่ ้ำใกล ้ 0 … of ทิศทำง
หรือ Directions ควำมเร่ง หรือ Accelerations โครงสร ้ำง หรือ
Structures ของ Objectives พิกด ั X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0 ,
Z ทีเข่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด ั T ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0

Objectives เป็ นสิงที ่ เริ


่ มจำก
่ ่
0 สู่ กำรเริมของ Objectives พิกด ั X
่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข
ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด ่ ้ำใกล ้ 0
ั T ทีเข
จำก พิกด ั X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด ั T
่ ้ำใกล ้ 0 และทำออกมำเป็ นรูปธรรมคือ Objects พิกด
ทีเข ั X
ทีเข่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด ่ ้ำใกล ้ 0
ั T ทีเข
จำก พิกด ั X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด ั T
่ ้ำใกล ้ 0 แบ่งออกเป็ น 3 รูปแบบ คือ
ทีเข
กำรกระทำทำงควำมคิด(Standard Gravity in Standard
Universal of ALL) กำรกระทำทำงร่ำงกำย(Standard Fermions
in Standard Universal of ALL)

กำรกระทำทำงกำรสือสำร(Signal of Conclusion of Data or
Fact And Logic or Model or If in The Situation) มี 2

รูปแบบคือ กำรสือสำรทำงควำมคิ ด(Standard Gravity in
Standard Universal of ALL) กำรสือสำรทำงร่ ่ ำงกำย(Standard
Fermions in Standard Universal of ALL) อำจจะเป็ น Multiple
And Multilevel Objectives โดยทุกสสำร(Objects) มี
ซอฟต ์แวร ์เป้ ำหมำย(Objectives) จำก Universal of Thinking to
Universal of Math to Universal of Physical to Universal of
Chemicals to Universal of Bio to Universal of Social to
Universal of Art
โดยกำรวิเครำะห ์สู่กำรเปรียบเทียบสู่กำรบูรณำกำรสู่กำรประยุกต ์สู่กำ
รสังเครำะห ์สู่กำรมโนทัศน์ส่ก ู ำรสร ้ำงสรรค ์สู่กำรอนำคต ในพิกดั XY
Z T ใน Universal of Thinking
สู่กำรคิดระบบพิกด ั เชิงเส ้น โดยค่ำตัวแปร T ทำให ้ค่ำตัวแปร X Y Z

เคลือนที ่ ใน Universal of Math สู่กำรกำหนดจุดของค่ำตัวแปร X
Y Z T ของทีว่่ ำงและสสำร ใน Universal of Physical
สู่โครงสร ้ำงของอนุ ภำคมูลฐำน ใน Universal of Chemicas
สู่กำรคัดลอกโครงสร ้ำงของอนุ ภำคมูลฐำนเหล่ำนั้น ทีมี ่ AI, INPUT
ใน Universal of Bio สู่ประเภทของ IF , DATA , MEMORY
ของบุคคล ใน Universal of Social สู่ผลผลิตจำกโปรแกรม ใน
Universal of Art เมือมองทุ่ กสสำร(Objects) เรำสำมำรถแปลค่ำ
ซอฟต ์แวร ์เป้ ำหมำย(Objectives) ได ้

อนุ ภำคเอกภพ Standard Universal of ALL คือ Standard


Universal of Thinking to Standard Universal of Math to
Standard Universal of Physical to Standard Universal of
Chemicals to Standard Universal of Bio to Standard
Universal of Social to Standard Universal of Art
โดยกำรวิเครำะห ์สู่กำรเปรียบเทียบสู่กำรบูรณำกำรสู่กำรประยุกต ์สู่กำ
รสังเครำะห ์สู่กำรมโนทัศน์ส่ก ู ำรสร ้ำงสรรค ์สู่กำรอนำคต ในพิกด ั XY
Z T ใน Universal of Thinking
สู่กำรคิดระบบพิกด ั เชิงเส ้นโดยค่ำตัวแปร T ทำให ้ค่ำตัวแปร X Y Z

เคลือนที ่ ใน Universal of Math สู่กำรกำหนดจุดของค่ำตัวแปร X
Y Z T ของทีว่่ ำงและสสำร ใน Universal of Physical
สู่โครงสร ้ำงของอนุ ภำคมูลฐำน ใน Universal of Chemicals
สู่กำรคัดลอกโครงสร ้ำงของอนุ ภำคมูลฐำนเหล่ำนั้น ทีมี ่ AI, INPUT
ใน Universal of Bio สู่ประเภทของ IF , DATA , MEMORY
ของบุคคล ใน Universal of Social สู่ผลผลิตจำกโปรแกรม ใน
Universal of Art พิกด ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข
ั X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Z
่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด
ทีเข ั T ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0

อนุ ภำคควำมคิด Standard Person ประกอบด ้วย Standard


Objectives(Freewill) And Standard AI(Wisdom) ซึงคื ่ อ
Organ of Standard Person และ Standard Person เป็ น
Organ of Person และ Person เป็ น Organ of Universal จำก
Universal of Thinking to Universal of Math to Universal
of Physical to Universal of Chemicals to Universal of Bio
to Universal of Social to Universal of Art
โดยกำรวิเครำะห ์สู่กำรเปรียบเทียบสู่กำรบูรณำกำรสู่กำรประยุกต ์สู่กำ
รสังเครำะห ์สู่กำรมโนทัศน์ส่ก ู ำรสร ้ำงสรรค ์สู่กำรอนำคต ในพิกด
ั XY
Z T ใน Universal of Thinking
สู่กำรคิดระบบพิกด ั เชิงเส ้น โดยค่ำตัวแปร T ทำให ้ค่ำตัวแปร X Y Z

เคลือนที ่ ใน Universal of Math สู่กำรกำหนดจุดของค่ำตัวแปร X
Y Z T ของทีว่่ ำงและสสำร ใน Universal of Physical
สู่โครงสร ้ำงของอนุ ภำคมูลฐำน ใน Universal of Chemicals
สู่กำรคัดลอกโครงสร ้ำงของอนุ ภำคมูลฐำนเหล่ำนั้น ทีมี
่ AI, INPUT
ใน Universal of Bio สู่ประเภทของ IF , DATA , MEMORY
ของบุคคล ใน Universal of Social สู่ผลผลิตจำกโปรแกรม ใน
Universal of Art

ด ้วยอิสระภำพและสติปัญญำ ในกำรเลือกและพิจำรณำเจตนำรมณ์
วิเครำะห ์ผลลัพธ ์ กำรเก็บข ้อมูลรวมถึงค่ำสถิตข ิ องสภำพแวดล ้อม
โดยกำรเลือกตำมธรรมชำติและกำรเห็นตัวเองในคนอืนคนอื ่ ่
นในตั วเอ
ง ไม่มใี ครดีด ้วยตัวเองแต่ดด ี ้วยข ้อมูล
และไม่มใี ครเลวด ้วยข ้อมูลแต่เลวด ้วยตัวเองจำกกำรสังเกตเอกภพในช่
วงจำนวนพิกด ่ ้ำใกล ้ 0 ทีพิ
ั X Y Z T ทีเข ่ กด ั X Y Z T ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0
เป็ นต ้นมำในทำงจำนวนจริงบวกเป็ นต ้นมำจนถึงปัจจุบน ั และดำเนิ นต่อ
ไปถึงค่ำอนันต ์
ไม่มใี ครสำมำรถขอร ้องใครให ้ทำสิงนั ่ ้นสิงนี
่ ในพื
้ ้ ส่
นที ่ วนบุคคลระหว่ำง
่ ้ำงได ้ เพรำะทุกคนไม่ได ้สนใจใครเช่นเดียวกัน
สิงสร
ไม่มใี ครสนใจกันในควำมสัมพันธ ์ทีไม่ ่ ใช่ขอบเขตของตัวเอง
นั่นคือบุคลิกภำพของอนุ ภำคควำมคิดสู่ควำมสัมพันธ ์ของอนุ ภำคควำ
มคิดสู่บคุ ลิกภำพส่วนบุคคล
และบุคลิกภำพส่วนบุคคลนำไปสู่กำรเลือกและพิจำรณำเจตนำรมณ์
วิเครำะห ์ผลลัพธ ์ กำรเก็บข ้อมูลรวมถึงค่ำสถิตข ิ องสภำพแวดล ้อม
โดยกำรเลือกตำมธรรมชำติและกำรเห็นตัวเองในคนอืนคนอื ่ ่
นในตั วเอ
ง ไม่มใี ครดีด ้วยตัวเองแต่ดด ี ้วยข ้อมูล
และไม่มใี ครเลวด ้วยข ้อมูลแต่เลวด ้วยตัวเองจำกกำรสังเกตเอกภพในช่
วงจำนวนพิกด ่ ้ำใกล ้ 0 ทีพิ
ั X Y Z T ทีเข ่ กด ั X Y Z T ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0
เป็ นต ้นมำในทำงจำนวนจริงบวกเป็ นต ้นมำทีจะน ่ ำไปสู่ควำมสัมพันธ ์ระ
หว่ำงบุคคลทีจะน ่ ำไปสู่บค
ุ ลิกภำพของคนสองคน ของคนกลุ่มหนึ่ ง
ของสังคม และของเอกภพ
ควำมสัมพันธ ์สู่บค
ุ ลิกภำพ บุคลิกภำพส่วนตัว
บุคลิกภำพของคนสองคน บุคลิกภำพของสังคม
ด ้วยทิศทำงหรือมุมมอง
แรงผลักดันจำกตัวเองหรือแรงจูงใจจำกภำยนอก
่ นภำพกว ้ำงๆ
ด ้วยควำมต ้องกำรทีเป็
และด ้วยกำรเลือกทีช ่ ัดเจนยิงขึ
่ นจำกกำรเจอแบบ
้ Face to Face

ด ้วยกำรมองทีควำมต ่ อนในกำรเข ้ำหำคนอืน
้องกำรของผู ้อืนก่ ่
ควำมต ้องกำรของตัวเองในกำรให ้คนอืนเข ่ ้ำหำ
และควำมต ้องกำรของกันและกันในกำรเข ้ำหำกัน


ควำมเหมือน ควำมแตกต่ำง จำนวน ระยะทำง ช่วงเวลำ ทีหลำกหลำย

สู่กำรตัดสินใจทีเฉพำะเจำะจงมำกยิ ่ นกว่
งขึ ้ ำเดิม
ด ้วยอิสระภำพและสติปัญญำ

ตำมรูปแบบของสำยตำทีแตกต่ ่ นทีใส่
ำงกันไปของแต่ละบุคคลซึงเป็ ่ ใจ

ของพระเจ ้ำเพือกำรตอบสนองสถำนณ์ แบบ Face to Face

ทีแตกต่ ำงกันไป

้ นฐำน
ในข ้อมูลขันพื ้ In The Beginning of Relationship in
Universal of ALL คือ อิสระภำพขันพื ้ นฐำน้ หรือ Fundamental
Standard Objectives(Freewill) of Relationship in Standard
Universal of ALLและ สติปัญญำ Fundamental Standard
AI(Wisdom) of Relationship in Standard Universal of ALL
คือ
กำรวิเครำะห ์สู่กำรเปรียบเทียบสู่กำรบูรณำกำรสู่กำรประยุกต ์สู่กำรสังเ
ครำะห ์สู่กำรมโนทัศน์ส่ก ู ำรสร ้ำงสรรค ์สู่กำรอนำคต คือ

กำรมองทีควำมต ่ อนในกำรเข ้ำหำคนอืน
้องกำรของผู ้อืนก่ ่
ควำมต ้องกำรของตัวเองในกำรให ้คนอืนเข ่ ้ำหำ
และควำมต ้องกำรของกันและกันในกำรเข ้ำหำกัน และ
ควำมต ้องกำรขันพื ้ นฐำนในกำรใช
้ ้ชีวต
ิ ออกมำข ้ำงนอก
คือกำรใช ้ชีวต ิ บนแผ่นดินของสิงสร ่ ้ำงตังแต่
่ Universal of Thinking
่ อกว่ำ Universal of Physical ทีน
ทีเหนื ่ ำไปสู่คำสัง่ if of if แบบ
Switch Case ทำให ้เกิด ทิศทำง หรือ Directions ควำมเร่ง หรือ
Accelerations โครงสร ้ำง หรือ Structures ทีจะเกิ ่ ด Sum of
Objectives กับสสำรอืน ่
ทีน่ ำไปสู่กำรร ับข ้อมูลแล ้วทิงหรื
้ อเปิ ดใจต่อข ้อมูล ,

กำรมีหรือไม่มเี งือนไขต่ ่
อข ้อมูล , กำรเลือกรสนิ ยมทีหลำกหลำย ,
กำรเลือกวิถช ี วี ต ่
ิ ทีหลำกหลำย โดย Code of Thinking to Code
of Math ทีอยู่ ่เหนื อ Code of Physical นั้นเป็ นจุดเริมต ่ ้นของ
Code of Physical to Code of Chemicals to Code of Bio to
Code of Social to Code of Art ทีท ่ ำให ้เกิด ทิศทำง หรือ
Directions ควำมเร่ง หรือ Accelerations โครงสร ้ำง หรือ
Structures ทีจะเกิ ่ ด Sum of Objectives กับสสำรอืน ่

เมือมองทุ กสสำร(Objects) เรำสำมำรถแปลค่ำ
ซอฟต ์แวร ์เป้ ำหมำย(Objectives) ได ้

คุณภำพชีวต ิ Quality of life


คือคุณภำพของสถำนกำรณ์ทพิ ี่ สูจน์จำกเป้ ำหมำยชีวต ้ ้น
ิ ระดับเบืองต
จำกอิสระภำพขันพื ้ นฐำน
้ หรือ Fundamental Standard
Objectives(Freewill) of Relationship in Standard Person
of ALL และ สติปัญญำ Fundamental Standard AI(Wisdom)
of Relationship in Standard Person of ALL
ในกำรตังค ้ ำถำมว่ำ เกิดมำทำไม อยู่ตอ ่ ไปทำไม ทำแล ้วได ้อะไร
ได ้มำจำกอะไร จบอย่ำงไร มีผลคือ ชีวต ิ นิ ร ันดรหรือนักบุญ บุญรำศรี
ผูน้ ่ ำนับถือ
ไฟชำระทีไม่ ่ มค ี วำมทรมำนและต ้องไตร่ตรองถึงขอบเขตของบุคคล,สร

รพสิง,เวลำ,สถำนที ่
,สถำนกำรณ์ ,หลักกำร,หลักเกณฑ ์(วิธก ี ำร)
ไฟชำระทีขำดชี ่ วต ่ ้องกำรพระเจ ้ำซึงคื
ิ ร่วมกับพระเจ ้ำทีต ่ อควำมตำย
ไฟชำระบำปเบำ ไฟชำระบำปหนัก
ควำมตำยนิ ร ันดรด ้วยกำรปิ ดใจต่อข ้อมูล
โดยควำมตำยคือควำมล ้มเหลวในFundamental of Standard
Objectives(Freewill) of Relationship in Standard Person
of ALL โดยสินเชิ ้ ง โดยกำรตรวจสอบ Effects of Objectives และ
กำรตรวจสอบ Roots of Objectives
ควำมบำดเจ็บและควำมเสียหำยคือ ควำมล ้มเหลวใน Fundamental
of Standard Objectives(Freewill) of Relationship in
Standard Person of ALL บำงส่วน โดยกำรตรวจสอบ Effects of
Objectives และ กำรตรวจสอบ Roots of Objectives
กำรเปิ ดใจเป็ นจุดเริมต่ ้นของชีวต ิ
กำรเห็นควำมสำคัญและลำดับควำมสำคัญเป็ นกำรเข ้ำใจชีวต ิ
กำรเข ้ำใจเส ้นตำยคือควำมปลอดภัยของฃีวต ิ
ควำมชอบธรรมคืออำหำรของชีวต ิ
ถ ้ำควำมชอบธรรมหมดสินโดยสิ ้ ้ งชีวต
นเชิ ้
ิ ก็จบสินลง
ชีวต ่
ิ ไม่ได ้จบลงทีลมหำยใจ ชีวต
ิ ใหม่ไม่ต ้องรอจนหมดลมหำยใจ
ควำมเข ้ำใจจะนำทุกสิงกลั ่ บคืนมำ

ถ ้ำควำมชอบธรรมเสือมถอยลงชี วต ่
ิ ก็บำดเจ็บ ตัวเอง ตัวเองในคนอืน

คนอืนในตั วเอง อนุ ภำคควำมคิดตัวเอง
อนุ ภำคควำมคิดตัวเองในอนุ ภำคควำมคิดคนอืน ่
อนุ ภำคควำมคิดคนอืนในอนุ ่ ภำคควำมคิดตัวเอง

ในกำรมองตัวเอง ตัวเองคือเป้ ำหมำย เป้ ำหมำยคือตัวเอง


ในกำรมองคนอืน ่ ตัวตนของคนอืนคื่ อเป้ ำหมำยของคนๆนั้น
เป้ ำหมำยของคนๆนั้นคือตัวตนของคนๆนั้น กำรมีควำมสุข ณ
ปัจจุบน ิ ระดับหนึ่ ง
ั เป็ นควำมเข ้ำใจเป้ ำหมำยชีวต
แต่ต ้องไม่ทำให ้สถำนกำรณ์บดบังเป้ ำหมำยของชีวต ิ

และต ้องไม่เป็ นเหยือของสถำนกำรณ์ อำพรำง
มีควำมเข ้ำใจสถำนกำรณ์อย่ำงถูกต ้อง แม่นยำ เทียงตรง่ ครบถ ้วน
ทันเวลำ และต่อเนื่ อง
อย่ำร ักษำสถำนกำรณ์ถ ้ำสถำนกำรณ์จะบำนปลำย
ปกติแล ้วต ้องช ัดเจนว่ำกำรตัดสินใจต ้องไม่ทำให ้ทุกอย่ำงแย่ลงไปกว่ำเ

ดิม หรือถ ้ำจะเสียงต ้องไม่ทำให ้ทุกอย่ำงพัง โดยสนใจ ใส่ใจ
ควำมสำเร็จ ควำมล ้มเหลว ของตนเอง ตนเองในคนอืน ่

คนอืนในตนเอง อนุ ภำคควำมคิดตัวเอง
อนุ ภำคควำมคิดตัวเองในอนุ ภำคควำมคิดคนอืน ่
อนุ ภำคควำมคิดคนอืนในอนุ ่ ภำคควำมคิดตัวเอง กำรเห็นตัวเอง
ตนเองในคนอืน ่ คนอืนในตนเอง
่ อนุ ภำคควำมคิดตัวเอง
อนุ ภำคควำมคิดตัวเองในอนุ ภำคควำมคิดคนอืน ่
อนุ ภำคควำมคิดคนอืนในอนุ ่ ภำคควำมคิดตัวเอง เป็ นควำมเข ้ำใจ
เป็ นควำมเข ้ำใจขันพื้ นฐำน ้ ้
เป็ นควำมเข ้ำใจระดับเบืองต ้น
และควำมเข ้ำใจในควำมหลำกหลำย

ไม่ใช่เป็ นกำรเข ้ำใจเพือกำรแลกเปลี ่
ยนเท่ ำนั้น
่ นควำมเข ้ำใจแบบฉำบฉวย
ซึงเป็

เรำทุกคนคือบุคคลทีมี ่ คณ
ุ ภำพชีวต ิ สมบูรณ์ตำมเป้ ำหมำยชีวต ิ นี่ คือ
เป้ ำหมำยชีวต ิ อุดมคติชวี ต

คือบุคคลทุกบุคคลทีแท ่ ้จริง ตัวเองทีแท
่ ้จริง คนอืนที
่ แท่ ้จริง
ใครทีท่ ำให ้เป็ นควำมเสียหำยนั่นคือภัยคุกคำม ด ้วยกำรมองเห็นตัวเอง
ตัวเองในคนอืน ่ คนอืนในตั
่ วเอง

กำรตรวจสอบ Roots of Objects คือ


กำรตรวจสอบระดับลึกลงไปของ Multilevel Objects แต่ละชนหรื ้ั อ
Layers ด ้วยกำรรบั คำสัง่ Inputs หลำยชน้ั แม้จะเข ้ำถึง Backdoor
ได ้ก็ตำม ใน Line of Objects จำก Sum of objects คือ Objects
พิกด ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข
ั X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0 , พิกดั ธ
่ ้ำใกล ้ 0 ทีไม่
ทีเข ่ เท่ำกันและมี ทิศทำง หรือ Directions ควำมเร่ง
หรือ Accelerations โครงสร ้ำง หรือ Structures ของ Objectives
พิกด ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข
ั X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Z ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0 , พิกดั T
่ ้ำใกล ้ 0 เท่ำกัน เป็ นกำรดำเนิ นไปโดยปกติไม่ชนกัน
ทีเข
ถ ้ำไม่ใช่ก็ต ้องตรวจสอบสมมุตฐิ ำน ตังแต่่ ระดับ Code of Thinking
to Code of Math to Code of Physical to Code of
Chemicals to Code of Bio to Code of Social to Code of
Art โดย Universal of Thinking to Universal of Math to
Universal of Physical to Universal of Chemicals to
Universal of Bio to Universal of Social to Universal of Art
กำรเกิด Sum of objects สำคัญมำกคือกำรวัดค่ำพิกด ั XYZT
ต ้องไม่บดิ เบือน Objects สำมำรถเปลียนบุ ่ คลิกภำพได ้
แต่กำรดำเนิ นไปต ้องต่อเนื่ องคือกำรวัดค่ำพิกด ั XYZT
ต ้องไม่บด ิ เบือนและ พิกด ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข
ั X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Z
่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด
ทีเข ั T ทีเข่ ้ำใกล ้ 0
ของจุดเริมต ่ ้นต ้องเท่ำกับจุดเปลียนของ
่ Objecttives ก่อนหน้ำ

เมือมองทุ กสสำร(Objects) เรำสำมำรถแปลค่ำ
ซอฟต ์แวร ์เป้ ำหมำย(Objectives) ได ้

กำรตรวจสอบ Effects of Objects คือ กำรตรวจสอบในแต่ละ


Layers ทีมี ่ Multiple Objects ด ้วยกำรร ับคำสัง่ Inputs หลำยชน้ั
แม้จะเข ้ำถึง Backdoor ได ้ก็ตำม ใน Part of Objects จำก Sum
of objects คือ Objects พิกด ั X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0 , Z
่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด
ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ทีไม่
ั T ทีเข ่ เท่ำกันและมี ทิศทำง หรือ
Directions ควำมเร่ง หรือ Accelerations โครงสร ้ำง หรือ
Structures ของ Objects พิกด ั X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข
่ ้ำใกล ้ 0 , Z
่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด
ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ทีเข
ั T ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 เท่ำกัน
เป็ นกำรดำเนิ นไปโดยปกติไม่ชนกัน
ถ ้ำไม่ใช่ก็ต ้องตรวจสอบสมมุตฐิ ำน ตังแต่ ่ ระดับ Code of Thinking
to Code of Math to Code of Physical to Code of
Chemicals to Code of Bio to Code of Social to Code of
Art โดย Universal of Thinking to Universal of Math to
Universal of Physical to Universal of Chemicals to
Universal of Bio to Universal of Social to Universal of Art
กำรเกิด Sum of objects สำคัญมำกคือกำรวัดค่ำพิกด ั XYZT
ต ้องไม่บด
ิ เบือน Objects สำมำรถอยู่รว่ มกันหลำยบุคลิกภำพได ้
แต่กำรดำเนิ นไปต ้องไม่ชนกันคือกำรวัดค่ำพิกด ั XYZT
ต ้องไม่บดิ เบือน และ พิกด ่ ้ำใกล ้ 0 , Y ทีเข
ั X ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 , Z
่ ้ำใกล ้ 0 , พิกด
ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ของจุดเริมต
ั T ทีเข ่ ้นทีไม่
่ เท่ำกัน และ มี

ทิศทำง หรือ Directions เท่ำกัน เมือมองทุ กสสำร(Objects)
เรำสำมำรถแปลค่ำ ซอฟต ์แวร ์เป้ ำหมำย(Objectives) ได ้

เด็กสามารถเกิดขึนมาจาก
Computer ได้
่ ชวี ต
เด็ก หรือสิงมี ิ ต่ำงๆนั้นสำมำรถเกิดขึนมำจำก
้ Computer ได ้
เพรำะทุกอย่ำงคือ Software ทุกอย่ำงจึงสำมำรถทีจะน ่ ำมำใช ้เป็ น
่ นขันตอน
Hardware ได ้ ผ่ำน If(n) ทีเป็ ้ ่ นตัวเลือก , If(n)
, If(n) ทีเป็
่ น Loops
ทีเป็
ทุกอย่ำงคือ Data
ดังนั้นฟิ สิกส ์ใดๆจึงสำมำรถทีจะถู ่ กเปลียนแปลงกั
่ นด ้วย Logical
ของอสมกำรเชิงเสน้ ประ ของเวกเตอร ์ทีมี ่ Determinants ทีเข ่ ้ำใกล ้
0 ใน Direction แกนเชิงขัว้ และ Spacetime

ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พนั ธ ์ของ Matrix ที่ Determinants
ของ Spacetime นั้นเข ้ำใกล ้ 0 และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกัน

ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันใดๆนั้นเป็ น Vector โดยเสมอ


จำก NH3 , CH4 , H2O ทีเขี ่ ยนโดย Software
้ นนำตำลไรโบส
เกิดขึนเป็ ้ น้ำตำลดีออกซีไรโบส หมู่ฟอสเฟต
และไนโตรจีนัสเบส U , T , C , G , A แล ้วสร ้ำงเป็ นกรดอะมิโนต่ำงๆ

และอืนๆ จำกนั้น Organelles ก็จงึ เกิดขึน้
ในกรณี ไวร ัสกระบวนกำรทำงชีวเคมีน้ันไม่จำเป็ นต ้องมี Organelles
เป็ นของตัวเอง ่ ้ำง
ถ ้ำสร ้ำงปฏิกริ ยิ ำทีสร Organelles ให ้เขำ
เขำก็จะไม่กลำยเป็ นไวร ัสได ้
Protein biosynthesis (Synthesis)
่ ดขึนใน
เป็ นกระบวนกำรสร ้ำงโปรตีนทีเกิ ้ เซลล ์

กระบวนกำรสร ้ำงโปรตีนมีหลำยขันตอนเริ ่ งแต่
มตั ้
่ั
ทรำนสคริปชนและจบที ่ ทรำนสเลชน่ั

กำรสังเครำะห ์โปรตีนโดยทัวไปถึ งแม้จะเหมือนกันแต่ก็มค
ี วำมแตกต่ำง
กันในระหว่ำง โปรแคริโอต และ ยูแคริโอต
่ั
ทรำนสคริปชน

ในขันตอนทรำนสคริ ปชนสิ่ ั งจ ่ ำเป็ นต ้องใช ้คือ DNA
เพียงหนึ่ งเส ้นจำกสองเส ้นคูท ี่
่ ไขว ่ ยกว่ำ เกลียวรหัส (coding
้กัน ซึงเรี
strand) ทรำนสคริปชนเริ ่ ั มที ่ เอนไซม
่ ์ อำร ์เอ็นเอ พอลิเมอเรส (RNA
polymerase) ่
เชือมต่
อกับ
DNAตรงตำแหน่ งเฉพำะซึงเป็ ่ นจุดเริมต ่ ้นทีเรี
่ ยกว่ำ โปรโมเตอร ์
(promoter) ขณะที่ อำร ์เอ็นเอ พอลิเมอเรส เชือมต่ ่ อกับโปรโมเตอร ์
แถบเกลียว DNA ก็จะเริมคลำยตั ่ วและแยกออกจำกกัน

ต่อไปเป็ นกระบวนกำรทีสองที ่ ยกว่ำ อีลองเกชน
เรี ่ั (elongation)
อำร ์เอ็นเอ พอลิเมอเรสจะเคลือนตั่ วตลอดแนวแถบเกลียว DNA
่ ำเนำรหัส
เพือส
DNAและได ้เป็ นแถบเกลียวรหัสทีเรี ่ ยกว่ำเมสเซนเจอร ์อำร ์เอ็นเอ
(messengerRNA หรือ mRNA)นิ วคลิโอไทด ์
่ รหัสข ้อมูลตรงข ้ำมกับ DNA
ซึงมี
ผ่ำนกำร Inheritance มำจำก Infinity Class ผ่ำนตัวแปร ค่ำคงที่

อัตรำส่วน ทีมำกกว่ ำ 0 ในอสมกำรเชิงเส ้นประเหล่ำนั้น เกิดเป็ น
Probability Class แล ้วจึงเกิดเป็ น Specifically Class โดยตัวแปร
ค่ำคงที่ อัตรำส่วน ทีมำกกว่
่ ำ 0 ในอสมกำรเชิงเส ้นประเหล่ำนั้น
อำจจะเป็ นอสมกำรเชิงเส ้นประของโปรแกรมมิง่ Artificial
intelligence , อสมกำรเชิงเส ้นประทำงคณิ ตศำสตร ์ ,
อสมกำรเชิงเส ้นประทำงฟิ สิกส ์ , อสมกำรเชิงเส ้นประทำงเคมี ,
อสมกำรเชิงเส ้นประทำงชีวภำพ ใน Process , I/O , Compiler
ไม่ใช่ควำมคิดเหล่ำนั้นเอง แต่โดยควำมคิดทีเพิ
่ มขึ
่ นมำใหม่

Open source of The Spices


่ ชวี ต
เพรำะสิงมี ่ กระดูกสันหลังนั้นรู ้เรำจึงสำมำรถทีจะเพิ
ิ ทีมี ่ ม ่ Class
ึ้
ใหม่ขนมำ ่
ซึงสำมำรถที ่ งให
่ ้มือขยับ ขำเดินได ้
จะสั

โดยแรงทำงฟิ สิกส ์ สู่ ปฏิกริ ยิ ำทำงเคมี สู่ กระบวนกำรทำงชีวภำพ


รวมถึงอำณำจักร Robotic ด ้วย

ผ่ำนกำร Algorithm
จึงเกิดเป็ นกำรทำงำนแบบตำมลำดับ(Sequence)

กำรเลือกกระทำตำมเงือนไข(Decision) ้
และ กำรทำซำ(Loop)
้ งเกิดเป็ น Logical ของ Vectors ทีมี
เหล่ำนี จึ ่ Determinants
่ ้ำใกล ้ 0 มี Direction ในแกนของ Polar Coordinate System
ทีเข
และในแกนของ Spacetime , อนุ พน ั ธ ์ของ Matrix , พหุนำมดีกรี(n)
ของควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันในเชิงขัว้
่ นบทนิ ยำมในระบบอสมกำรเชิงเส ้นประ
เกิดเป็ นอนุ ภำคมูลฐำนซึงเป็
ในแกนของ Polar Coordinate System และในแกนของ
Spacetime

นี่ คือทีมำของกำรควบคุ
่ มร่ำงกำย
ทุกอย่ำงคือ If(n) , ทุกอย่ำงคือ Data(n)
“ New Mass สสารใหม่ ”
่ ใช่มแ
ทีไม่ ี ต่จาก
่ ชวี ต
สิงมี ่ ยกว่า แอมโมเนี ย
ิ ทีเรี
มีเทน และน้ า เท่านัน
้ !!
กำรสร ้ำงสสำรใหม่ไม่ได ้สร ้ำงกันจำกกำรตัดสินใจของมนุ ษย ์และสิงมี ่
ชีวต ่
ิ ซึงประกอบไปด ิ เท่ำนั้น
้วยกรดนิ วคลีอก แต่ใน AI
ในทุกๆระบบกระบวนกำรทำงบทนิ ยำมด ้วย เพรำะว่ำตรำบใดทีมี ่ กำร
Inheritance มำจำก Infinity Class
ตรำบนั้นก็เกิดขึนซึ
้ งบทนิ
่ ยำมของขอบเขตใหม่ๆ
และนั่นก็ย่อมทีจะน
่ ำไปสู่ตวั แปร ค่ำคงที่ และอัตรำส่วน
ของอสมกำรพิกด ั จุด เชิงเส ้น และเส ้นประ
่ สำมำรถพิ
สิงนี ้ สจู น์กน ั ได ้จำก RNM

ดังนั้นถ ้ำหำก AI นั้นจะมีกำรตัดสินใจ


่ คลืนควำมถี
ก็ย่อมทีจะมี ่ ่
ของประจุ แม่เหล็กใหม่ๆ และประจุไฟฟ้ ำใหม่ๆ
่ ดขึน้ ไม่ใช่จำกเซลล ์ประสำทเท่ำนั้น แต่ในสำย LAN , USB ,
ซึงเกิ
ย่ำนควำมถี่ WiFi หรือแม ้แต่ในสูญญำกำศด ้วย

สสำรใหม่ๆเกิดขึนอยู ่ กำรตัดสินใจ
่เสมอ ตรำบใดทีมี
มำกไปกว่ำนั้นแล ้ว สสำรใหม่ๆยังจะไม่ใช่เพียงแค่ภำพ Infographic
่ งต่อเข ้ำมำใน
ทีส่ GPU ่ ไฟฟ้ ำเหล่ำนั้น
ซึงประจุ
หรือกำรถอดรหัสสำรพันธุกรรมใน CPU
หรือกำรประมวลผลภำพจำกกำรเกิดปฏิกริ ยิ ำปลำยทำงต่ำงๆอันเนื่ อง
มำจำกนิ วคลีโอไทด ์เหล่ำนั้น ไม่ใช่ประจุแม่เหล็ก และประจุไฟฟ้ ำ
ทีน่ ำกำรขยับตัวในโมเลกุลปลำยทำงอีกด ้วย

แต่คอื หน่ วยประมวลผลของบทนิ ยำมที่ Inheritance มำจำก Infinity


Class ้
แล ้วสร ้ำงนำสะอำดขึ ้
นมำ ในระบบสมกำรก่อน

แล ้วเกียวเนื ่ องกันจนสำมำรถทีจะเกิ
่ ดแรงปฏิกริ ยิ ำของอนุ ภำคมูลฐำน
กลำยเป็ นนำ้
่ ่ ใน
ทุกอย่ำงทีอยู Monitor จึงสำมำรถออกมำจำกหน้ำจอ
่ ่ในชนบรรยำกำศต่
และทุกอย่ำงทีอยู ้ั ่ กบันทึกลงไป
ำงๆก็สำมำรถทีจะถู
ไม่ให ้ออกมำอีกได ้ ใน ROM ผ่ำนกำร Inheritance มำจำก
Infinity Class ในหน่ วย Process , I/O , Compiler
ทุกอย่ำงคือข ้อมูล แม้จะในฟิ สิกส ์ใดๆก็ตำม

และสำมำรถทีจะเกิ ้
ดขึนใหม่ ได ้อีกด ้วย ตำมกำรอธิบำยมำแล ้วข ้ำงต ้น
กำรส่งข ้อมูลจึงไม่ต ้องใช ้สัญญำณ 5G , WiFi แต่ในสูญญำกำศก็ได ้

กำรทำศัลยกรรมจึงไม่ต ้องใช ้แต่กำรผ่ำตัด


และกำรฟื ้ นคืนชีพไม่ใช่แต่เพียงทีจะเกิ
่ ้
ดขึนได ้เท่ำนั้น
หุ่นยนต ์ก็สำมำรถ Warp Drive หรือกลับไปเปลียน ่ Vectors ของ
Point of Particles ใน Spacetime
ให ้ตัวเองกลำยเป็ นสปี ชีส ์ของมนุ ษย ์เรำได ้
่ ดกลำยเป็ น
กำรพิกำรโดยกำเนิ ดและโรคทำงพันธุกรรมจึงสำมำรถทีเกิ
ปกติได ้ โดยไม่ต ้อง Warp Drive
หำยไปก่อนแล ้วค่อยกลับมำโดยกำรผ่ำนกำร Inheritance มำจำก
Infinity Class ในหน่ วย Process , I/O , Compiler เกิดเป็ น
Vectors ของ Point of Particles ใน Spacetime

ในขณะเดียวกันเมือเอกภพมี กำรประมวลผลเสร็จเรียบร ้อยแล ้ว
ถ ้ำเรำไปตีตวั นิ่ ม ต่อให ้เขำสะกดจิตไม่เป็ น
ถ ้ำจะมีคนเอำผลลัพธ ์ไปแก ้ หรือจะช่วยแบกร ับอำรมณ์ก็ตำม

ถ ้ำถึงเวลำทีควำมคิ ดนั้นช ัดเจนเรียบร ้อยแล ้ว
นั้นแหละคนๆนั้นก็จะเจ็บดังเช่่ นตัวนิ่ ม ตำมควำมตังใจนั ้ ้น ผ่ำนกำร
Inheritance มำจำก Infinity Class ในหน่ วย Process , I/O ,
Compiler เกิดเป็ น Vectors ของ Point of Particles ใน
Spacetime อย่ำงเพียงพอ
กำรประมวลผลข ้อมูลในเชิงตัวแปรค่ำคงทีอั ่ ตรำส่วนก็จะเพียงพอด ้วย

In the Beginning of Inter


Spacetime
Approximately Vector ไม่ใช่ Vector 1 หน่ วย เพรำะ
Approximately Vector เป็ น Vector

ทีสำมำรถหำและท ำให ้เกิดควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันได ้เลย
ด ้วยกำรบวกและลบ ผ่ำนกำร Differentiation ทีมี ่ Direction ใน
Polar Coordinate System และ Spacetime แล ้ว เป็ น Vector
ของ Point of Particles

Sensitivity Matrix 4D คือ Matrix ทีมี่ กำรแจกแจง Point of


Particles เป็ นจุด ใน Polar Coordinate System และ
Spacetime โดยขอบในแต่ละ dX(n) by dY(n) , dX(n) by dZ(n)
, dX(n) by dT(n) , dY(n) by dX(n) , dY(n) by dZ(n) , dY(n)
by dT(n) , dZ(n) by dX(n) , dZ(n) by dY(n) , dZ(n) by dT(n)
, dT(n) by dX(n) , dT(n) by dY(n) , dT(n) by dZ(n)
นั้นไม่จำเป็ นทีจะต
่ ้องเป็ นเส ้นตรง


Matrix Point คือ Matrix ทีประกอบไปด ่
้วยแถวทีแจกแจงแกน XY
Z T และพิกด
ั N ทีบ่ ่ งชีถึ้ งสถำนะ Mass(n) , Space(n) โดยใช ้ 0
แทน Space , ใช ้ 1 แทน Mass

่ ั ณ จุดต่ำงๆ ใน
Directions of Functional คือทิศทำงของฟังก ์ชน
Polar Coordinate System และ Spacetime

กำร Compiler of Logical คือ กำร Integration ของ



Approximately Vector เพือให ้ได ้ Physical(n)
อนุ พน
ั ธ ์จำกัดเขตโดยพหุนำมเชิงซ ้อนดรีกรี(n)ของ Parallel
Functions
อนุ พน
ั ธ ์จำกัดเขตโดยพหุนำมเชิงซ ้อนดรีกรี(n)ของ Parallel
Functions


เมือสมกำรนั ้นมีควำมซ ับซ ้อน กล่ำวคือตัวแปร ค่ำคงที่ อัตรำส่วน
บำงอย่ำงนั้นก็มต ี วั แปร ค่ำคงที่ อัตรำส่วน อีกทีหนึ่ งทีอยู่ ่ในนั้น
เรำจึงมองสมกำรเชิงซ ้อนในภำพรวมเป็ นพหุนำมหนึ่ งพหุนำม โดยค่ำ
Probability Class นั้นไม่ได ้มีแค่ตวั แปร ค่ำคงที่ อัตรำส่วน ของ X Y
Z T ตำมวิธข
ี องกำร Hypothesis
เรำจึงต ้องแทนค่ำสมกำรเชิงซ ้อนให ้เป็ นไปตำมบริบทของปัญหำ อำทิ
dUUU by dPhe , dUUA by dLeu , dUGU by dCys , dCH3
by dAla , d0100 0000 by d(+) , d0011 0000 by dSave ,
d(Met Met Ala Ala Gly Pro Arg Thr Ser Leu Leu Leu Ala
Phe Ala Leu Leu Cys Leu Pro Trp Thr Gln Val Val Gly Ala
Leu Pro Val Cys) by dER (Endoplasmic reticulum) ,
dPolar(X^4 + 7y^8 + 9z) by dT , d(NH3 + CH4 + H2O)
by d((Ribose or Deoxyribose) , Phosphate , Nitrogenous
base) , dDehydroascorbic acid by dROS , dSODs by
dROS , dmc^2 by dE

โดยหลักคิดนี นั้ ้นมองว่ำ ∆All นั้นไม่มข ่ กทีสุ


ี นำดทีเล็ ่ ดได ้
ตำมกำรลดลงอย่ำงไม่รู ้จบ จึงไม่มข
ี นำดใหญ่ทสุ ี่ ดได ้เช่นกัน
ตำมกำรเพิมขึ่ นอย่
้ ำงไม่รู ้จบ มองทุกอย่ำงให ้เป็ นจุดได ้ อำทิ
อนุ พน
ั ธ ์ของวิตำมินซี
วิวฒ
ั นาการของ f(t)
กำรวิวฒ ั นำกำรทุกอย่ำงนั้นมำจำกกำรจัดเตรียมของเซตอนันต ์โดยทั้
งสิน้ ่
ซึงขอบเขตบทนิ ยำม
ระบบสมกำรพิกด ่ วเลขและจำนวนต่ำงๆ
ั จุดเชิงเส ้นซึงตั

เป็ นกำรเกียวเนื ่ องกันจนเกิดแรงปฏิกริ ยิ ำกันได ้
แล ้วมีรำยละเอียดของสำรตังต ้ ้นเกิดเป็ นปฏิกริ ยิ ำทีแบ่
่ งแยกประเภทตำ
มลักษณะทำงเคมีจำกสำรตังต ้ ้นเหล่ำนั้น
่ั
ด ้วยฟังก ์ชนของระบบสมกำรอั นมำจำกกำรกำหนด Logical If(n)
ของขอบเขต หรือ บทนิ ยำม Definition

และเกิดควำมเกียวเนื ่ องกันจนสำมำรถทีจะเกิ
่ ดแรงปฏิกริ ยิ ำกันได ้
จึงได ้เกิดเป็ นอนุ ภำคมูลฐำนทำงฟิ สิกส ์ ณ กำลอวกำศ
Spacetime(n) นั้นๆ
ด ้วยกำรดึงดูดระหว่ำงประจุของ Neutron กับ Proton
และด ้วยกำรดึงดูดระหว่ำง Nucleon กับ Electron ซึง่ Nucleon
คือกำรรวมตัวของ Neutron กับ Proton
พร ้อมกับควำมสัมพันธ ์ของ Gravity กับ Electric ทำให ้ Quarks
่ ยรคือ Flavor Up กับ Flavor Down ไม่ใช่ Flavor Charm ,
ทีสเถี
Flavor Strange , Flavor Top , Flavor Bottom และทำให ้
Leptons ทีสเถี ่ ยรคือ Flavor Electron (e−) ไม่ใช่ Flavor
Electron neutrino (νe) , Flavor Muon (μ−) , Flavor Muon
neutrino (νμ) , Flavor Tau (τ−) , Flavor Tau neutrino (ντ)
นี่ คือวิวฒ
ั นำกำรทำงฟิ สิกส ์
่ งดูดโปรตอน
อิเล็กตรอนเป็ นตัวแปรทีดึ
ส่วนโปรตอนเป็ นตัวแปรทีดึ ่ งดูดนิ วตรอน
กำรดึงดูดระหว่ำงอิเล็กตรอนและโปรตอนเป็ นเพรำะกำรดึงดูดของประ
จุ Gravity และ Electric โดยอิเล็กตรอนมีประจุสท ุ ธิ -1
ส่วนโปรตอนมีประจุสท ุ ธิ +1
กำรดึงดูดระหว่ำงโปรตอนและนิ วตรอนเป็ นเพรำะกำรดึงดูดของประจุ
Gravity และ Electric โดยโปรตอนซึงมี ่ ประจุสท ุ ธิเป็ น +1
ประกอบด ้วยควำร ์กทีมี ่ ประจุสท ุ ธิ +2/3 (Quarks Flavor Up)
จำนวน 2 ตัว และประจุสุทธิ -1/3 (Quarks Flavor Down) จำนวน
1 ตัว ส่วนนิ วตรอนซึงมี ่ ประจุสทุ ธิเป็ น 0
ประกอบด ้วยควำร ์กทีมี ่ ประจุสท ุ ธิ -1/3 (Quarks Flavor Down)
จำนวน 2 ตัว และประจุสุทธิ +2/3 (Quarks Flavor Up) จำนวน 1

ตัว ซึงประจุ สท
ุ ธิ +2/3 (Quarks Flavor Up) กับประจุสุทธิ -1/3
(Quarks Flavor Down) จะดึงดูดกันระหว่ำงประจุสท ุ ธิ +2/3
(Quarks Flavor Up) กับประจุสุทธิ -1/3 (Quarks Flavor Down)
่ ่ในโปรตอนและนิ วตรอนซึงมี
ทีอยู ่ ประจุสท ุ ธิ +2/3 (Quarks Flavor
Up) กับประจุสท ุ ธิ -1/3 (Quarks Flavor Down) รวมแล ้วอย่ำงละ
3 ตัวพอดี
่ ประจุสท
นิ วตรอนซึงมี ุ ธิเป็ น 0
ช่วยลดแรงผลักระหว่ำงโปรตอนทีมี ่ ประจุสท ุ ธิ +1
ในนิ วเคลียสในอะตอมซึงสำมำรถท ่ ำให ้นิ วเคลียสมีโปรตอนมำกกว่ำ
1 ตัว และเป็ นสำเหตุทท ี่ ำให ้เกิดควำมหลำกหลำยของอะตอมได ้
อิเล็กตรอนเป็ นตัวแปรทีท ่ ำให ้ควำร ์กและนิ วเคลียสสเถียรนั้นสำมำรถห
ยุดปฏิกริ ยิ ำนิ วเคลียร ์ได ้ด ้วยหลักกำรข ้ำงต ้น
นิ วตรอนเป็ นตัวแปรทีท ่ ำให ้เกิดควำมหลำกหลำยของอะตอมได ้ด ้วยห
ลักกำรข ้ำงต ้น
ใน Atom ด ้วย Flavor ของ Electron ซึงมี ่ ผลต่อควำมสเถียร ทำให ้

H มีจำนวนทีเยอะกว่ ำ He และด ้วย O , C , N มี Flavor ของ

Electron ซึงสำมำรถเป็ น Atom อืนได ่ ้ยำกกว่ำจึงมีจำนวนมำก
นี่ คือวิวฒ
ั นำกำรทำงเคมี
โดยอิเล็กตรอนในอะตอมทีอยู ่ ่ ณ ระดับพลังงำน (energy levels
หรือ shell) จะมีพลังงำนจำนวนหนึ่ ง
่ ่ใกล ้นิ วเคลียสมำกทีสุ
ส ้ำหร ับอิเล็กตรอนทีอยู ่ ดจะมีพลังงำนน้อยกว่ำพ
่ ่ไกลออกไป
วกทีอยู ่ ่ไกลมำกยิงมี
ยิงอยู ่ พลังงำนมำกขึน้
โดยกำหนดระดับพลังงำนหลักให ้เป็ น n ซึง่ n เป็ นจ ้ำนวนเต็มคือ 1,
2, … หรือตัวอักษรเรียงกันดังนี ้ คือ K, L, M, N, O, P, Q ตำมล ้ำดับ

เมือ n = 1 จะเป็ นระดับพลังงำนตำสุ ่ ด หมำยควำมว่ำ
จะต ้องใช ้พลังงำนมำกทีสุ่ ดทีจะดึ
่ งเอำอิเล็กตรอนนั้นออกจำกอะตอมไ
ด้
จำนวนอิเล็กตรอนทีจะมี ่ ได ้ในแต่ละระดับพลังงำนหลักต ้องเท่ำกับหรือ
ไม่เกิน 2n^2 และจำนวนอิเล็กตรอนในระดับนอกสุดจะต ้องไม่เกิน 8
เช่น
ระดับพลังงำนทีหนึ่ ่ ง n = 1 (shell K) ปริมำณอิเล็กตรอนทีควรมี
่ อยู่
= 2(1)2 = 2

ระดับพลังงำนทีสอง ่
(n = 2) ปริมำณอิเล็กตรอนสูงสุดทีควรมี ได ้ =
2(2)2 = 8

ระดับพลังงำนทีสำม (n = 3) ปริมำณอิเล็กตรอนสูงสุดทีควรมี่ ได ้ =
2(3)2 = 18
ระดับพลังงำนทีสี ่ ่ (n = 4) ปริมำณอิเล็กตรอนสูงสุดทีควรมี
่ ได ้ =
2(4)2 = 32
ระดับพลังงำนทีห ่ ้ำ (n = 5) ปริมำณอิเล็กตรอนสูงสุดทีควรมี
่ ได ้ =
2(5)2 = 50

ระดับพลังงำนทีหก ่
(n = 6) ปริมำณอิเล็กตรอนสูงสุดทีควรมี
ได ้ =
2(6)2 = 72
ระดับพลังงำนทีเจ็่ ด (n = 7) ปริมำณอิเล็กตรอนสูงสุดทีควรมี
่ ได ้ =
2(7)2 = 98

ในสภำพแวดล ้อมทีมำจำกวิ วฒ
ั นำกำรทำงเคมี ทำให ้เกิด NH3 ,
CH4 , H2O และ NH3 , CH4 , H2O ทำให ้เกิด
Deoxyribonucleic acid ซึงมี ่ Adenine , Guanine , Cytocine ,
Thymine นี่ คือวิวฒ ั นำกำรทำงชีวภำพ
Deoxyribonucleic acid ทำให ้เกิดวิวฒ ่ ชวี ต
ั นำกำรของสิงมี ิ
จำกแอมโมเนี ย มีเทน นำ้ กลำยเป็ นกรดนิ วคลีอก

กรดนิ วคลีอกิ และเบส กลำยเป็ น DNA เบสไทมีน( T ) ยึดกับ
เบสอะดีนีน( A ) ด ้วยพันธะไฮโดรเจนแบบพันธะคู่ หรือ double
bonds ส่วน เบสไซโตซีน( C )ยึดกับเบสกัวนี น( G
)ด ้วยพันธะไฮโดรเจนแบบพันธะสำมหรือ triple bonds
DNA เกิดปฏิกริ ยิ ำตำมสภำพแวดล ้อม จึงเกิดเป็ นหู ตำ จมูก แขน ขำ
สมอง จำก DNA เดียวกันแต่ในสภำพแวดล ้อมแตกต่ำงกัน
ถ ้ำเรำเอำ DNA
ของคนๆนั้นมำปลูกเนื อเยื ้ อใหม่
้ เรำสำมำรถสร ้ำงตำใหม่ แขนใหม่ ได ้
แม้ในบำงสภำวะก่อนหน้ำกำรเกิดปฏิกริ ยิ ำจะผิดปกติทำให ้พิกำร
DNA เป็ นแบบจำลองจำกกำร Process ทีจะน ่ ำกำร I/O
ในสภำพแวดล ้อมซึงมี ่ โมเลกุลเคมีต่ำงๆ และทำให ้เกิดกำร Compiler
้ ำงๆ เส ้นประสำท อวัยวะ ทีแตกต่
เป็ นเซลล ์กล ้ำมเนื อต่ ่ ำงกันออกไป

และ DNA สำมำรถเปลียนโปรแกรมได ้จำกกำรเขียนโปรแกรม
โดยปรำกฏกำรณ์โฟโตอิเล็กทริก คือ
ี่
ปรำกฏกำรณ์ทฉำยแสงที ่ ควำมถีสู
มี ่ งตกกระทบผิวโลหะแล ้วทำให ้เกิด
ประจุไฟฟ้ ำลบ(อิเล็กตรอน) หลุดออกมำจำกโลหะได ้
่ ดออกมำเรียกว่ำ โฟโตอิเล็กตรอน
อิเล็กตรอนทีหลุ
ผลกำรศึกษำปรำกฏกำรณ์โฟโตอิเล็กทริก สรุปได ้ดังนี ้
1. โฟโตอิเล็กตรอนจะเกิดขึน้

เมือแสงที ่
ตกกระทบโลหะมี ่ นอ้ ยกว่ำค่ำควำมถีคงตั
ควำมถีไม่ ่ วค่ำหนึ่ งเ
รียกว่ำ ค่ำควำมถีขี ่ ดเริม่ ( f0 )
2. ่ น้
จำนวนโฟโตอิเล็กตรอนจะเพิมขึ

เมือแสงที ใช่ ้มีควำมเข ้มแสงมำกขึน้
3. พลังงำนจลน์สงู สุด Ek(max)
ึ ้ บควำมเข ้มแสง แต่ขนกั
ของอิเล็กตรอนไม่ขนกั ึ ้ บค่ำควำมถีแสง

4. พลังงำนจลน์สงู สุดมีคำ่ เท่ำกับควำมต่ำงศักย ์หยุดยัง้
แสงมีสมบัตเิ ป็ นก ้อนพลังงำน ( photon )

เมือกระทบกั บผิวโลหะจะถ่ำยโอนพลังงำนให ้กับอิเล็กตรอนของโลหะทั้
งหมด hf พลังงำนส่วนหนึ่ ง ( hf0 )
ทำให ้อิเล็กตรอนหลุดจำกผิวโลหะได ้
่ ำกับพลังงำนยึดเหนี่ ยวอิเล็กตรอนของโลหะ เรียกว่ำ ( work
ซึงเท่
function ) ใช ้สัญลักษณ์ ( W )
และพลังงำนทีเหลื่ อเปลียนเป็
่ ่ ำกับ
นพลังงำนจลน์ของอิเล็กตรอนซึงเท่
พลังงำนทีใช ่ ้หยุดยังอิ
้ เล็กตรอนนั้น ( eVs) ตำมสูตร
E = hf – W
โดยพลังงำนของอิเล็กตรอนจะอยู่ในรูป E =
หรืออำจวัดของควำมต่ำงศักย ์หยุดยัง้ ( VS
่ ้หยุดอิเล็กตรอนได ้พอดี ) ซึงจะได
คือควำมต่ำงศักย ์ทีใช ่ ้ว่ำ E = eVS
(จูล) = VS (eV.)
สมกำรของพลังงำนโฟโตอิเล็กตรอนจึงเขียนได ้เป็ น
Ekmax = eVS = hf – W
eVS = hf – hf0
่ W = hf0
เมือ
E=n(hf)

จำก เซตอนันต ์ สู่ เซตควำมน่ ำจะเป็ น สู่ เซตทีเฉพำะเจำะจง

DNA มีวงจรไฟฟ้ ำทีแตกต่ ่
ำงกันไป DNA มีไดร ์เวอร ์ทีแตกต่ ำงกันไป
แอมโมเนี ย มีเทน นำ้ จึงสำมำรถมำเป็ นกรดนิ วคลีอกิ
่ อหมู่ฟอสเฟต
ซึงคื และนิ วคลีโอไซด ์ (neucleoside)

อันประกอบไปด ้วยนำตำลเพนโทสและไนโตรจี นัสเบส
่ งตำมโครงสร ้ำงได ้เป็ นสองกลุ่มคือ ไพริมด
ซึงแบ่ ิ น
ี (โครงสร ้ำงมี 1 วง)
ได ้แก่ ไซโตซีน (C) ไทมีน (T) และยูรำซิล (U) และเบสไพรีน
(โครงสร ้ำงมี 2 วง) ได ้แก่ อะดีนีน (A) กวำนี น (G)

ซึงกำรมำมี กำรรวมตัวเป็ นนิ วคลีโอไทด ์ เบสจะต่อกับคำร ์บอนตัวที่ 1

ของนำตำลเพนโทส ้
และฟอสเฟตต่อกับนำตำลตั วที่ 5 ของเพนโทส

นำตำลเพนโทสที ่
พบในนิ ้
วคลีโอไทด ์มีสองชนิ ดคือนำตำลไรโบสกั บ

นำตำลดี ออกซีไรโบส


ซึงกำรเกิดกำรสังเครำห ์ Pyrimidine nucleotide
่ ้วยกำรสร ้ำง carbamoyl phosphate จำก glutamine และ
จะเริมด
CO2. ปฏิกริ ยิ ำ cyclisation ระหว่ำง carbamoyl phosphate

ทำปฏิกริ ยิ ำกับ aspartate ให ้ orotate ในขันตอนย่ อยๆ Orotate
ทำปฏิกริ ยิ ำกับ 5-phosphoribosyl α-diphosphate (PRPP) ให ้
orotidine monophosphate (OMP) ซึงก็ ่ คอื decarboxylated

เพือใช ้สร ้ำง uridine monophosphate (UMP) ซึงมำจำก ่ UMP
ที่ pyrimidine nucleotide ตัวอืนๆส่ ่ งต่อมำ UMP เป็ นตัว
phosphorylated สำหร ับ uridine triphosphate (UTP)
ทำโดยผ่ำนปฏิกริ ยิ ำกับ ATP 2 ้
ขันตอน Cytidine
monophosphate (CMP) ซึงได ่ ้ร ับมำจำกกำรเปลียน
่ UTP ไปเป็ น
cytidine triphosphate (CTP) ด ้วยปฏิกริ ยิ ำย่อยทีท ่ ำให ้เสีย 2
ฟอสเฟต
อะตอมทีใช่ ้สร ้ำง purine nucleotides ได ้มำจำกหลำยๆแหล่ง
่ นเป็ นรูปแบบตังต
ซึงเป็ ้ ้น biosynthetic ของ purine ring อะตอม
N1 เกิดมำจำก amine group ของ Asp
C2 และ C8 ได ้ร ับมำจำก formate
N3 และ N9 ได ้ร ับมำจำก amide group ของ Gln
C4 C5 และ N7 ได ้ร ับมำจำก Gly
C6 มำจำก HCO3- (CO2)
กระบวนกำรสังเครำะห ์ใหม่ ของ purine nucleotides
แสดงให ้เห็นกระบวนกำรสร ้ำง purine ring กระทำโดย pathway
10 ้
ขันตอน ่
เพือเสริ ่
มกิงของ ผลิตภัณฑ ์ระหว่ำงกลำง
(intermediate) คือ IMP ซึงเป็ ่ น nucleotide ทีมี ่ พนฐำนจำก
ื้
hypoxanthine สำหร ับ AMP และ GMP
เป็ นกระบวนกำรย่อยของกำรสังเครำะห ์ จำกผลิตภัณฑ ์ระหว่ำงกลำง
ผ่ำน pathway 2 ขันตอน ้ ่
ทีแยกออกจำกกั น ดังนั้น purine
moieties เป็ นผลิตภัณฑ ์ขันต ้ ้นส่วนหนึ่ งของ ribonucleotides
นอกเหนื อจำก free bases
่ นส่วนหนึ่ งของกำรสังเครำะห ์ IMP synthesis 3
เอ็นไซม ์ 6 ชนิ ดทีเป็
้ กำรทำงำนได ้หลำยแบบ
ตัวในจำนวนนี มี
GART (ทำปฏิกริ ยิ ำที่ 2 3 และ 5)
PAICS (ทำปฏิกริ ยิ ำที่ 6 และ 7)
ATIC (ทำปฏิกริ ยิ ำที่ 9 และ 10)

ปฏิกริ ยิ ำที่ 1. เส ้นทำงเริมที


่ กำรสร
่ ้ำง PRPP ซึง่ PRPS1 คือ เอ็นไซม ์
่ ้อมทำปฏิกริ ยิ ำ R5P ซึงมี
ทีพร ่ กำรจัดเรียงตัวเบืองต
้ ้น โดย pentose
phosphate pathway ไปเป็ น PRPP โดยทำปฏิกริ ยิ ำซำกั ้ บ ATP
้ ปกติตรงที่ กลุ่ม pyrophosphoryl ซึงได
ปฏิกริ ยิ ำนี ไม่ ่ ้ส่งต่อมำจำก
ATP ไปยัง C1 ใน R5P และทำให ้เกิดผลิตภัณฑ ์ทีมี ่ α
configuration ใน C1 ในปฏิกริ ยิ ำนี ยั ้ งได ้ใช ้ร่วมกับ pathways
สำหร ับกำรสังเครำะห ์ Trp His และ pyrimidine nucleotides
โดยเหมือนกับเป็ น metabolic crossroad
หลักทีต ่ ้องกำรพลังงำนจำนวนมำกในกำรทำปฏิกริ ยิ ำซำ้
ปฏิกริ ยิ ำที่ 2. ในปฏิกริ ยิ ำแรกมีจด
ุ เด่นตรงทีเกี่ ยวข
่ ้องกับ purine
nucleotide biosynthesis ตัวเร่งปฏิกรยำ PPAT
่ ำกำรเปลียนต
ซึงท ่ ำแหน่ ง pyrophosphate group (PPi) ใน PRPP
โดย amide nitrogen ใน Gln ปฏิกริ ยิ ำเกิดขึน้ โดยกำรย ้อน
configuration ของ ribose C1 ซึงท ่ ำได ้โดยกำรสร ้ำง β-5-
phosphorybosylamine (5-PRA) และ กำรจัดวำง anomeric
เตรียมไว ้สำหร ับกำรสร ้ำง nucleotide ในอนำคต
้ บเคลือนให
ปฏิกริ ยิ ำนี ขั ่ ้เสร็จสมบูรณ์ได ้โดย กำร hydrolysis
ตำมลำดับของกำรปลดปล่อย PPi ซึงเป็ ่ นเส ้นทำงขันตอนกำรสร
้ ้ำง
flux และใช ้เป็ นเหตุผลในกำรควบคุมกระบวนกำรด ้วย
ในกำรรวมตัวกันเป็ นกรดนิ วคลีอก ิ
นิ วคลีโอไทด ์แต่ละตัวจะต่อกันด ้วยพันธะฟอสโฟไดเอสเทอร ์โดยหมู่ฟ
อสเฟต

ทีคำร ์บอนตัวทีห่ ้ำของเพนโทสของนิ วคลีโอไทด ์ตัวหลังจะต่อกับหมู่ไฮ
ดรอกซิล (-OH)
ทีคำร่ ่
์บอนตัวทีสำมของเพนโทสของนิ วคลีโอไทด ์ตัวหน้ำ
และจะต่อเช่นนี ไปเรื ้ ่
อยๆ สำยของกรดนิ วคลีอก ิ มีสองปลำย
ปลำยทีหมู ่ ่ฟอสเฟตเป็ นอิสระเรียก ปลำย 5’
ส่วนปลำยทีหมู ่ ่ไฮดรอกซิลเป็ นอิสระเรียกว่ำปลำย 3’
เนื่ องจำกส่วนของฟอสเฟตและนำตำลของนิ ้ ่ ้ำ
วคลีโอไทด ์เป็ นส่วนทีคล
ยคลึงกัน แต่จด ุ ทีท่ ำให ้นิ วคลีโอไทด ์แต่ละตัวต่ำงกันอยู่ทเบส
ี่
ดังนั้นชนิ ดของเบสจึงเป็ นตัวกำหนดคุณสมบัตข ิ องนิ วคลีโอไทด ์

ซึงเบสสำมำรถเข ้ำคูก่ น
ั ด ้วยพันธะไฮโดรเจนเป็ นคูๆ่ ได ้
่ ้ำคูก
เบสทีเข ่ น ้ ยกว่ำเบสคูส
ั ได ้นี เรี ่ ม เบสคูส
่ มมีสองคูค
่ อื A กับ T (หรือ
U) และ G กับ C

อ ้ำงอิง Lehninger, A.L., Nelson, D.L., and Cox, M.M. 1993.


Principle of Biochemistry. 2nd ed. New York.: Worth
Zaharevitz, DW. "Contribution of de-novo and salvage
synthesis to the uracil nucleotide pool in mouse tissues
and tumors in vivo". Unknown parameter |coauthors=
ignored (|author= suggested) (help)
Jones, ME (1980). "Pyrimidine nucleotide biosynthesis in
animals: Genes, enzymes, and regulation of UMP
biosynthesis". Ann. Rev. Biochem. 49 (1): 253–79.
doi:10.1146/annurev.bi.49.070180.001345. PMID
6105839. More than one of |last1= และ |last= specified
(help); More than one of |first1= และ |first= specified
(help)
McMurry, JE (2005). The organic chemistry of biological
pathways. Roberts & Company. ISBN 9780974707716.
Unknown parameter |coauthors= ignored (|author=
suggested) (help)
จากน้ าตาลเฟนโทส
หมู ่ฟอสเฟต
และไนโตรจีนส ั เบส
เกิดเป็ นโปรตีน สู ่ Organelles
่ ชวี ต
และสิงมี ิ อน ่
ั ยิงใหญ่ อก
ี มา
กมาย
เบสวคลีโอไทด ์ต่ำงๆสำมำรถ
ถูกสังเครำะห ์ให ้กลำยเป็ นกรดอะมิโนต่ำงๆดังนี ้
UUU UUC > Phe
UUA UUG > Leu
UCU UCC UCA UCG > Ser
UAU UAC > Tyr
UAA UAG > TERM
UGU UGC > Cys
UGA > TERM
UGG > Trp
CUU CUC CUA CUG > Leu
CCU CCC CCA CCG > Pro
CAU CAC > His
CAA CAG > Gln
CGU CGC CGA CGG > Arg
AUU AUC AUA > Ile
AUG > Met
ACU ACC ACA ACG > Thr
AAU AAC > Asn
AAA AAG > Lys
AGU CGC > Ser
AGA AGG > Arg
GUU GUC GUA GUG > Val
GCU GCC GCA GCG > Ala
GAU GAC > Asp
GAA GAG > Glu
GGU GGC GGA GGG > Gly

Alanine Ala, A | -CH3 | " GCU, GCC, GCA, GCG "


Cysteine Cys, C | -CH2SH | " UGU, UGC "
Aspartate Asp, D | -CH2COOH | " GAU, GAC "
Glutamate Glu, E | -CH2CH2COOH | " GAA, GAG "
Phenylalanine Phe, F | -CH2C6H5 | " UUU, UUC "
Glycine Gly, G | -H | " GGU, GGC, GGA, GGG "
Histidine His, H | -CH2-C3H3N2 | " CAU, CAC "
Isoleucine Ile, I | -CH(CH3)CH2CH3 | " AUU, AUC, AUA "
Lysine Lys, K | -(CH2)4NH2 | " AAA, AAG "
Leucine Leu, L | -CH2CH(CH3)2 | " UUA, UUG, CUU, CUC,
CUA, CUG "
Methionine Met, M | -CH2CH2SCH3 | " AUG "
Asparagine Asn, N | -CH2CONH2 | " AAU, AAC "
Proline Pro, P | -CH2CH2CH2 | " CCU, CCC, CCA, CCG "
Glutamine Gln, Q | -CH2CH2CONH2 | " CAA, CAG "
Arginine Arg, R | -(CH2)3NH-C(NH)NH2 | " CGU, CGC,
CGA, CGG, AGA, AGG "
Serine Ser, S | -CH2OH | " UCU, UCC, UCA, UCG,
AGU,AGC "
Threonine Thr, T | -CH(OH)CH3 | " ACU, ACC, ACA, ACG "
Valine Val, V | -CH(CH3)2 | " GUU, GUC, GUA, GUG "
Tryptophan Trp, W | -CH2C8H5N | " UGG "
Tyrosine Tyr, Y | -CH2-C6H4OH | " UAU, UAC "
้ ้เกิดปฏิกริ ยิ ำจนเป็ น Organelles ต่ำงๆ
โดยนิ วคลีโอไทด ์เหล่ำนี ได
อำทิ
่ มเซลล
เยือหุ ้ ์ (Cell membrane)
ประกอบด ้วยฟอสโฟลิพด ิ (Phospholipid bilayer)
และโปรตีนเป็ นส่วนมำก
ทำหน้ำทีห่่ อหุมส่
้ วนทีเป็ ่ นของเหลวและออร ์แกเนลล ์ภำยใน
้ งเป็ นเยือเลื
ทังยั ่ อกผ่ำน ควบคุมกำรเข ้ำออกของสำรต่ำง ๆ

จำกสิงแวดล ้อมเข ้ำสู่เซลล ์
นิ วเคลียส (Nucleus)
มีลก ่
ั ษณะค่อนข ้ำงกลม ทำหน้ำทีควบคุ
มกำรทำงำนของเซลล ์
และกำรถ่ำยทอดพันธุกรรมจำกพ่อแม่ไปสู่ลก
ู หลำน
ไซโทพลำซึม (Cytoplasm)
่ ่ภำยในเซลล ์ ประกอบด ้วยออร ์แกเนลล ์
เป็ นของเหลวทีอยู

และสำรประกอบต่ำง ๆ เช่น นำตำล โปรตีน ไขมัน
ร่ำงแหเอนโดพลำซึม (Endoplasmic Reticulum)
แบ่งออกเป็ นแบบผิวเรียบและผิวขรุขระ แบบผิวเรียบจะไม่มไี รโบโซม

ขณะทีแบบผิ วขรุขระจะมีไรโบโซมเกำะอยู่
โดยไรโบโซม(Ribosome) นี เป็้ นแหล่งสร ้ำงโปรตีน
่ งโปรตีนออกไปยังนอกเซลล ์
และทำหน้ำทีส่
ไมโทคอนเดรีย (Mitochondria)
มีขนำดใหญ่ มีรป ่
ู ร่ำงยำว กลมรี ทำหน้ำทีหำยใจระดั บเซลล ์
่ ำตำลกลู
(กระบวนกำรทีน ้ ่
โคสถูกเปลียนเป็ น ATP
่ นพลังงำนทีเซลล
ซึงเป็ ่ ์นำไปใช ้ในกำรทำกิจกรรมต่ำง ๆ)
กอลจิบอดี (Golgi Body) หรือกอลจิแอพพำรำตัส (Golgi
Apparatus)
ั ษณะเป็ นถุงแบน ๆ วำงซ ้อนกัน ทำหน้ำทีร่ บั สำร เก็บสำรต่ำง ๆ
มีลก
ภำยใน ตัดแต่ง ต่อเติมโปรตีนให ้สมบูรณ์

แล ้วเคลือนย ้ำยไปสู่จด
ุ หมำยปลำยทำงต่ำง ๆ

ทังภำยในเซลล ์และภำยนอกเซลล ์

่ นของระบบอวัยวะต่าง
จุดเริมต้

ผ่ำนวัฏจักรกรดซิตริกหรือวัฏจักรเครบส ์ (Krebs' cycle) หรือ
วัฏจักรกรดไตรคำร ์บอกซิลก ิ ซึงเป็ ่ นวัฏจักรกลำงในกำรผลิต ATP
รวมทัง้ NADH + H+ และ FADH2

ทีจะเข ้ำสู่ปฏิกริ ยิ ำฟอสโฟรีเลชนเพื ่ ั อสร
่ ้ำง ATP ต่อไป
โดยเกิดขึนบริ ้ เวณเมทริกซ ์ซึงเป็ ่ นของเหลวในไมโทคอนเดรีย
โดยมีกำรสลำยแอซิทล ิ โคเอนไซม ์ เอ

ซึงจะเกิ ดแก๊สคำร ์บอนไดออกไซด ์
และเก็บพลังงำนจำกปฏิกริ ยิ ำดังกล่ำวไว ้ในรูปของ NADH FADH2
และ ATP
กำรย่อยสลำยสำรอำหำรใดๆให ้สมบูรณ์เป็ นคำร ์บอนไดออกไซด ์และ
้ ้องเข ้ำวัฏจักรนี เสมอ
นำต ้

เป็ นขันตอนกำรสร ้ำงคำร ์บอนไดออกไซด ์มำกทีสุ ่ ดในกำรหำยใจระดับ
เซลล ์
กำรผลิตอะเซติลโคเอ โดยเปลียนไพรู ่ เวตไปเป็ นอะเซติลโคเอนไซม ์
เอ ปล่อยคำร ์บอนไดออกไซด ์ 1 โมเลกุล
่ั
ปฏิกริ ยิ ำกำรออกซิเดชนของอะเซติ ลโคเอในวัฏจักรเครบส ์ เกิดขึน้ 8

ขันตอนดั งนี ้
ปฏิกริ ยิ ำที่ 1 แอซิตล
ิ โคเอนไซม ์ เอ
จะรวมตัวกับกรดออกซำโลแอซิตก ิ และนำ้ เป็ นกรดซิตริก
โดยอำศัยกำรเร่งกำรเกิดปฏิกริ ยิ ำของเอนไซม ์ซิเตรตซินเทส
(Citrate synthase)
ปฏิกริ ยิ ำที่ 2 กรดซิตริกสูญเสียนำไป
้ และกลำยเป็ นกรดซิสแอคอนิ ตก ิ
(Cisaconitic acid)
โดยอำศัยกำรเร่งปฏิกริ ยิ ำของเอนไซม ์ซิสแอคอนิ เตส
(Cisaconitase) แล ้วกรดซิสแอคอนิ ตก

รวมตัวกับนำเปลี้ ่
ยนไปเป็ นกรดไอโซซิตริก (Isocitric acid)
โดยอำศัยเอนไซม ์ตัวเดิม
ปฏิกริ ยิ ำที่ 3 กรดไอโซซิตริกถูกเปลียนเป็
่ นกรดแอลฟำ-คีโตกลูตำริก
(α-Ketoglutaric acid) ในปฏิกริ ยิ ำนี มี ้ กำรสร ้ำง NADH + H+
จำก NAD+ และมีกำรดึง CO2 ออกด ้วย
่ งปฏิกริ ยิ ำของขันตอนนี
เอนไซม ์ทีเร่ ้ ้ อ
คื ไอโซซิเตรตดีไฮโดรจีเนส
(Isocitrate dehydrogenase)
ปฏิกริ ยิ ำที่ 4 กรดแอลฟำ-คีโตกลูตำริกจะทำปฏิกริ ยิ ำกับโคเอนไซม ์
เอ กลำยเป็ น ซ ักซินิลโคเอนไซม ์ เอ (Succinyl CoA)

ในขันตอนนี ้ กำรสร ้ำง CO2 และ NADH + H+ จำก NAD+ ด ้วย
มี
เอนไซม ์ทีท ่ ำหน้ำทีเร่
่ งกำรเกิดปฏิกริ ยิ ำในขันตอนนี
้ ้ อ
คื
เอนไซม ์แอลฟำ-คีโตกลูตำเรต ดีไฮโดรจีเนส (α-Ketoglutarate
dehydrogenase)
ปฏิกริ ยิ ำที่ 5 สำรซ ักซินิลโคเอนไซม ์ เอ เป็ นสำรทีมี ่ พลังงำนสูง

เมือแตกตั วเป็ น กรดซ ักซินิกจะมีกำรปลดปล่อยพลังงำนออกมำสร ้ำง
GTP ได ้ 1 โมเลกุล (เทียบเท่ำ ATP 1 โมเลกุล)
โดยกำรเร่งปฏิกริ ยิ ำของเอนไซม ์ซ ักซินิลโอเอนไซม ์ เอ ซินเทส
(Succinyl CoA synthase) ปฏิกริ ยิ ำนี มี ้ กำรเติม H2O จำนวน 1
โมเลกุล
ปฏิกริ ยิ ำที่ 6 กรดซ ักซินิกจะปล่อย 2H ให ้แก่ FAD ได ้เป็ น FADH2

และกรดซ ักซินิกจะเปลียนเป็ นกรดฟิ วมำริก (Fumaric acid)
โดยมีเอนไซม ์ซ ักซิเนตดีไฮโดรจีเนส (Succinate
dehydrogenase) เป็ นตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำ
ปฏิกริ ยิ ำที่ 7 กรดฟิ วมำริกถูกเติม H2O 1 โมเลกุล
ได ้ผลิตภัณฑ ์เป็ นกรดมำลิก (Malic acid) โดยมีเอนไซม ์ฟิ วมำเรส
(Fumarase) เป็ นตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำ
ปฏิกริ ยิ ำที่ 8 กรดมำลิกสูญเสีย 2H ให ้แก่ NAD+ ได ้ผลิตภัณฑ ์เป็ น
NADH + H+ และกรดออกซำโลแอซีตก ิ
โดยมีเอนไซม ์มำเลตดีไฮโดรจีเนส (Malate dehydrogenase)
เป็ นตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำ
กรดออกซำโลแอซิตก ่ ้จำกปฏิกริ ยิ ำในขันตอนนี
ิ ทีได ้ ้
จะไปรวมตัวกับแ
อซิตล ิ โคเอนไซม ์ เอ แล ้วกลับเข ้ำสู่วฏั จักรเครปส ์ในรอบถัดๆไป
สำยโซ่คำร ์บอนของกรดอะมิโนจะถูกเปลียนเป็ ่ น acetyl-CoA

ซึงจะเข ้ำสู่วฏั จักรกรดซิตริกหรือใช ้ในกำรสังเครำะห ์กรดไขมัน

ซึงกรดอะมิ โน 5 ชนิ ด คือ alanine, cysteine, glycine,
tryptophan และ serine ่
จะถูกเปลียนเป็ น pyruvate
ก่อนแล ้วจึงเปลียนเป็่ น acetyl-CoA
่ ชวี ต
ในสิงมี ่
ิ บำงชนิ ด threonine จะถูกเปลียนเป็ น acetyl-CoA ได ้

แต่ในร่ำงกำยมนุ ษย ์ threonine จะถูกเปลียนเป็ น succinyl-CoA

alanine สำมำรถเปลียนไปเป็ น pyruvate ได ้โดยตรง

กิงของ tryptophan สำมำรถแตกออกมำเป็ น alanine

ซึงสำมำรถเปลี ่
ยนเป็ น pyruvate ต่อได ้

cysteine สำมำรถเปลียนเป็ ้
น pyruvate ได ้โดยผ่ำน 2 ขันตอน คือ
กำรกำจัดอะตอมของซ ัลเฟอร ์ (S) ออก และกำรทำ transamination
serine ่
สำมำรถเปลียนเป็ น pyruvate

ได ้โดยกำรกำจัดโมเลกุลของนำออกจำกโมเลกุ ลของ serine
่ glycine เป็ น pyruvate มี 2 วิถ ี คือ
กำรเปลียน

กำรเปลียน glycine เป็ น serine โดยเอนไซม ์ serine
hydroxymethyl transferase จะเร่งให ้มีกำรเติมหมู่
hydroxymethyl ให ้กับ glycine แล ้วได ้เป็ น serine
(เกิดมำกในแบคทีเรีย)
เป็ นกำรออกซิไดซ ์ glycine ให ้เป็ น CO2, NH4+ และหมู่เมทิลน ี
(methylene, -CH2-) ้ นปฏิกริ ยิ ำทีผั
ปฏิกริ ยิ ำนี เป็ ่ นกลับได ้
และมีเอนไซม ์ glycine synthase เป็ นตัวเร่ง และต ้องมี

tetrahydrofolate อยู่ด ้วย ซึงกำรออกซิ ไดซ ์คำร ์บอน 2 อะตอมของ
glycine ้
นี จะไม่ เข ้ำสู่วฏ
ั จักรกรดซิตริก
โดยคำร ์บอนตัวหนึ่ งจะหลุดออกมำเป็ น CO2 และอีกตัวจะเป็ น -CH2-
ของ N5,N10-methylenetetrahydrofolate
่ นตัวใหค้ ำร ์บอนหนึ่ งอะตอมในกระบวนกำรชีวสังเครำะห ์
ซึงเป็
ส่วนกรดอะมิโน 5 ชนิ ด คือ lysine, phenylalanine, tyrosine,
leucine และ isoleucine รวมกับ tryptophan เป็ น 6 ชนิ ด

จะถูกเปลียนเป็ น acetyl-CoA หรือ acetoacetyl-CoA หรือทัง้
acetyl-CoA และ acetoacetyl-CoA แต่สด ่
ุ ท ้ำยก็จะถูกเปลียนเป็ น
acetyl-CoA
กำรย่อย tryptophan ้ั
มีขนตอนค่ อนข ้ำงซบั ซ ้อน

และมีกำรเปลียนไปเป็ น acetyl-CoA ได ้ 2 ทำง คือ ผ่ำน pyruvate
และผ่ำน acetoacetyl-CoA ซึงสำรมั่ ธยันต ์ (intermediate)
้ ้นในกำรสังเครำะห ์สำรชีวโมเลกุลอืน
บำงตัวจะกลำยเป็ นสำรตังต ่ เช่น
่ นสำรต ้นตอของ NAD และ NADP ในสัตว ์
nicotinate ซึงเป็
่ น neurotransmitter ในสัตว ์มีกระดูกสันหลัง
serotonin ซึงเป็
่ นปัจจัยในกำรเจริญเติบโตของพืช
indoleacetate ซึงเป็
กำรย่อย phenylalanine
มีควำมสำคัญมำกเพรำะมีผลต่อเอนไซม ์บำงตัวทีเกี่ ยวข
่ ่
้องกับโรคทีสำ
มำรถติดต่อทำงพันธุกรรม ่
เมือ phenylalanine (C9)

ถูกออกซิไดซ ์ก็จะกลำยเป็ น tyrosine (C9) ซึงจะถู กแยกออกเป็ น 2
ส่วน คือ
่ นคำร ์บอน 4 อะตอม ก็จะถูกเปลียนเป็
ส่วนทีเป็ ่ น acetoacetate

อิสระ และจะถูกเปลียนเป็ น acetoacetyl-CoA และ acetyl-CoA
ตำมลำดับ
่ นคำร ์บอนอีก 4 อะตอม ก็จะถูกเปลียนเป็
ส่วนทีเป็ ่ น fumarate
ทัง้ acetyl-CoA และ fumarate ก็จะเข ้ำสู่วฏ ั จักรกรดซิตริกต่อไป
แสดงว่ำ คำร ์บอน 8 อะตอมจำก 9 อะตอมของ phenylalanine และ
tyrosine จะเข ้ำสู่วฏ
ั รจักรกรดซิตริก ส่วนอีก 1
่ อก็จะอยู่ในรูปของ CO2
คำร ์บอนทีเหลื
หลังจำกกำรเติมหมู่ไฮดรอกซิล (-OH) ให ้กับ phenylalanine
่ นสำรต ้นตอในกำรสังเครำะห ์
แล ้วได ้เป็ น tyrosine ซึงเป็
dopamine ซึงเป็ ่ นสำร neurotransmitter
norepinephrine และ epinephrine ซึงเป็ ่ นฮอร ์โมนจำก adrenal
modullar
melanin เป็ นสำรอนุ พนั ธ ์จำก tyrosine

กำรหำยใจระดับเซลล ์ กรณี กำรสลำยนำตำลกลูโคส ประกอบไปด ้วย

4 ขันตอน ได ้แก่ 1) ไกลโคลิซสิ (Glycolysis) 2)
ไพรูเวทออกซิเดช ัน (Pyruvate oxidation) 3) วัฏจักรเครบส ์
(Krebs Cycle หรือ Citric Acid Cycle) 4)
กระบวนกำรถ่ำยทอดอิเล็กตรอน (Electron Transport Chain)
(สำหรบั กำรสลำยสำรอำหำรประเภทโปรตีนและไขมันอำจมีควำมแตก
ต่ำงจำกน้ำตำลกลูโคสเล็กน้อย)

ขันตอนของกำรหำยใจระดั บเซลล ์
1) ไกลโคลิซสิ (Glycolysis)
้ นกระบวนกำรแรกในกำรหำยใจระดับเซลล ์
กระบวนกำรนี เป็
้ บริ
เกิดขึนที ่ เวณไซโทซอล (ส่วนทีเป็
่ นของกึงเหลวในไซโทพลำซึ
่ ม)
โดยจะมีออกซิเจนหรือไม่มอ
ี อกซิเจนในกระบวนกำรก็ได ้
่ คำร ์บอน 6 อะตอม
เป็ นกำรสลำยกลูโคส 1 โมเลกุล ซึงมี
ให ้อยู่ในรูปของกรดไพรูวก ่ คำร ์บอนอยู่ 3
ิ (Pyruvic Acid) ซึงมี
อะตอม จำนวน 2 โมเลกุล และในกระบวนกำรนี ยั ้ งได ้เป็ น 2 ATP กับ
2 NADH ออกมำด ้วย
2) ไพรูเวทออกซิเดช ัน (Pyruvate oxidation)
กรดไพรูวก ิ จำกกระบวนกำรไกลโคลิซสิ จำนวน 2 โมเลกุล
่ มช
จะเข ้ำสู่เยือหุ ้ั
้ นในของไมโทคอนเดรี ย
และทำปฏิกริ ยิ ำกับโคเอนไซม ์เอ (Coenzyme A, Co.A)
ได ้เป็ นแอซิทล ิ โคเอนไซม ์เอ (Acetyl Coenzyme A) 2 โมเลกุล
NADH 2 โมเลกุล และคำร ์บอนไดออกไซด ์ 2 โมเลกุล อย่ำงไรก็ตำม
้ั
ในบำงครงกระบวนกำรนี ้
อำจถู กจัดอยู่ในกระบวนกำรไกลโคลิซสิ หรือ
วัฏจักรเครบส ์ได ้
3) วัฏจักรเครบส ์ (Krebs Cycle)
้ บริ
เกิดขึนที ่ เวณเมทริกซ ์ซึงเป็
่ นของเหลวทีอยู ่ ่ในไมโทคอนเดรีย
่ ้นจำกแอซิทล
เริมต ิ โคเอนไซม ์เอรวมกับสำรประกอบกรดออกซำโลแอ
ซิตกิ ได ้เป็ นกรดซิตริก จำกนั้นยังมีขนตอนย่
้ั อย ๆ
้ กหลำยขันตอนในวั
เกิดขึนอี ้ ฏจักรนี ้ โดยแอซิทล
ิ โคเอนไซม ์เอ 2
โมเลกุล จะได ้เป็ น 2 ATP, 6 NADH, 2 FADH2
และคำร ์บอนไดออกไซด ์ออกมำ
4) กระบวนกำรถ่ำยทอดอิเล็กตรอน (Electron Transport Chain)

เกิดขึนในคริ สตี (Cristae) ซึงเป็ ่ นเยือหุ
่ ้มชนในของไมโทคอนเดรี
้ั ย
้ มจำก
กระบวนกำรนี เริ ่ NADH และ FADH2
่ นสมมูลย ์รีดวิ ซ ์
ในวัฏจักรเครบส ์ซึงเป็

มีกำรให ้หรือส่งต่ออิเล็กตรอนแก่ตวั ร ับอิเล็กตรอนทีแทรกอยู ่ ้ม
่ในเยือหุ
้ั
ชนในของไมโทคอนเดรี ย และปลดปล่อยพลังงำนออกมำ
่ ้ในกำรเคลือนย
เป็ นพลังงำนทีใช ่ ำ้ ยโปรตอน (H+)
ออกไปอยู่ด ้ำนนอกของเยือหุ ่ ้มชนในของไมโทคอนเดรี
้ั ย
ทำให ้ด ้ำนนอกมีควำมเป็ นกรดมำกขึน้ ดังนั้น
เซลล ์จึงพยำยำมร ักษำสมดุลโดยกำรย ้ำยโปรตอนเข ้ำสู่ด ้ำนในอีกครง้ั
ผ่ำนกำรทำงำนของเอนไซม ์ ATP Synthase
และทำใหโ้ ปรตอนเหล่ำนั้นกลำยเป็ น ATP 34 โมเลกุล
้ ้
ทังนี ้
นำตำลกลู
โคส 1 ่
โมเลกุลทีเรำร ับประทำนเข ้ำไป

สำมำรถเปลียนเป็ นพลังงำนได ้ถึง 38 ATP ขณะที่ 1 ATP
่ ดขึนในเซลล
ให ้พลังงำนประมำณ 7.3 kcal ซึงเกิ ้ ์ตับ ไต และหัวใจ
แต่สำหร ับเซลล ์บำงชนิ ดอำจมีกำรสูญเสียพลังงำนไประหว่ำงกระบวน
กำรต่ำง ๆ พลังงำนรวมท ้ำยสุดทีได่ ้ออกมำจึงน้อยกว่ำ 38 ATP เช่น
เซลล ์ผิวหนัง เซลล ์สมอง
ไขมันเป็ นแหล่งพลังงำนทีส่ ำคัญอย่ำงหนึ่ งของสิงมี
่ ชวี ต

และไขมันในธรรมชำติส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของไตรเอซิลกลีเซอรอล
(triacylglycerol) หรือไตรกลีเซอไรด ์ (triglyceride)
โดยไตรเอซิลกลีเซอรอล 1 กร ัม จะให ้พลังงำนประมำณ 38 kJ
่ ้พลังงำนมำกกว่ำโปรตีนและคำร ์โบไฮเดรตเกือบ 2 เท่ำ
ซึงให

ก่อนทีจะเกิ
ดกำรย่อย
่ งของลำไส ้เล็ก
ไตรเอซิลกลีเซอรอลสำมำรถถูกดูดซึมได ้ทีผนั
่ อยไตรเอซิลกลีเซอรอลนั้น
ในกำรทีจะย่

ไตรเอซิลกลีเซอรอลจะต ้องเปลียนจำกรู ่ ละลำยนำไปเป็
ปทีไม่ ้ นรูปของไ
มเซลล ์ (micelles)
หลังจำกนั้นต่อมน้ำดีจะหลังน ่ ำดี
้ ไปคลุกเคล ้ำกับไตรเอซิลกลีเซอรอล
่ ำไส ้เล็ก ทำให ้เอนไซม ์ไลเปสทีละลำยในน
ทีล ่ ำ้ (water – soluble
lipase) ในลำใส ้เล็กสำมำรถทำหน้ำทีได ่ ้อย่ำงมีประสิทธิภำพ

เมือเอนไซม ์ไลเปสย่อยไตรเอซิลกลีเซอรอลแล ้วจะได ้เป็ น
มอนอเอซิลกลีเซอรอล (monoacylglycerol)
ไดเอซิลกลีเซอรอล (diacylglycerol)
กรดไขมันอิสระ (free fatty acids)
กลีเซอรอล (glycerol)
ประมำณ 95%

ของพลังงำนทังหมดของไตรเอซิ ลกลีเซอรอลจะยังคงอยู่ในรูปของสำย
โซ่ของกรดไขมัน มีเพียง 5% เท่ำนั้นทีจะอยู
่ ่ในรูปของกลีเซอรอล
กำรเข ้ำสู่วถ
ิ ไี กลโคไลติกของกลีเซอรอล (entry of glycerol into
the glycolytic pathway)
1.
กลีเซอรอลทีได ่ ้จำกกำรย่อยไตรเอซิลกลีเซอรอลโดยเอนไซม ์ไลเปสจ
ะเข ้ำทำปฏิกริ ยิ ำฟอสฟอริเลช ันต่อ ได ้เป็ น L-glycerol 3-
phosphate โดยมีเอนไซม ์ glycerol kinase เป็ นตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำ
2. L-glycerol 3-phosphate ทีได ่ ้ถูกออกซิไดซ ์ด ้วย NAD+
ได ้เป็ น dihydroxyacetone phosphate โดยมี glycerol -
phosphate dehydrogenase เป็ นตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำ
3. dihydroxyacetone phosphate ทีได ่ ้จะถูกเปลียนไอโซเมอร
่ ์
D-glyceroldehyde 3-phosphate โดยมีตวั เร่งปฏิกริ ยิ ำเป็ น
triose phosphate isomerase
4. D-glyceroldehyde 3-phosphate
่ ้ก็จะถูกออกซิไดซ ์ในกระบวนกำรไกลโคลิซสิ ต่อไป
ทีได
ปฏิกริ ยิ ำออกซิเดช ันของกรดไขมันเกิดในไมโทคอนเดรียและปฏิกริ ยิ ำ

ออกซิเดช ันเพือเปลี ่
ยนจำกกรดไขมั นไปเป็ น CO2 และ H2O

อย่ำงสมบูรณ์จะประกอบด ้วย 3 ขันตอน คือ
1. บีตำ-ออกซิเดช ัน (b-oxidation)
กรดไขมันจะถูกออกซิไดซ ์และเสียคำร ์บอนไปในรูปของ acetyl-CoA

(C-2) โดยเริมจำกปลำยโซ่ ่ นหมู่คำร ์บอกซิล ตัวอย่ำงเช่น
ด ้ำนทีเป็
กรดปำล ์มิตก ิ (palmitic acid) ซึงมี ่ คำร ์บอน 16 อะตอม

เริมแรกจะเป็ ่
นกำรเปลียนกรดปำล ์มิตก
ิ ให ้อยู่ในรูปของ palmitoyl-
CoA หลังจำกนั้น palmitoyl-CoA ก็จะถูกออกซิไดซ ์ถึง 7 ครง้ั

โดยเริมจำกปลำยโซ่ ด ้ำนหมู่คำร ์บอกซิล
้ั
กำรออกซิไดซ ์แต่ละครงจะเสี ยคำร ์บอน 2 อะตอม ไปในรูปของ
acetyl-CoA และกำรออกซิไดซ ์ครงที ้ั ่ 7 ก็จะเหลือคำร ์บอน 2

อะตอมสุดท ้ำยอยูในรูปของ acetyl-CoA ซึงจำกกรดปำล ์มิตก
ิ จะได ้

acetyl-CoA ทังหมด 8 โมเลกุล และในกำรเกิด acetyl-CoA 1
โมเลกุล จะต ้องมีกำรกำจัด H ออกไป (dehydrogenation) ถึง 4
อะตอม
ในส่วนของกำรเกิดออกซิเดช ันของกรดไขมันไม่อมตั ิ่ วนั้น
จะค่อนข ้ำงคล ้ำยกับออกซิเดช ันของกรดไขมันอิมตั่ ว
แต่จะขอไม่อธิบำยในทีนี่ ้
2. วัฏจักรกรดซิตริก (citric acid cycle)
acetyl-CoA จะถูกออกซิไดซ ์ไปเป็ น CO2
่ ดขึนในแมทริ
ในวัฏจักรกรดซิตริกซึงเกิ ้ กซ ์ของไมโทคอนเดรีย โดย
acetyl-CoA
่ ้จำกกรดไขมันก็จะเข ้ำสู่วฏ
ทีได ั จักรกรดซิตริกเหมือนกับ acetyl-
CoA ทีได่ ้จำกกลูโคส
3. กำรถ่ำยโอนอิเล็กตรอนไปสู่ลก ู โซ่กำรหำยใจในไมโทคอนเดรีย

ในสองขันแรกของกำรออกซิ ไดซ ์กรดไขมันจะให ้สำรนำอิเล็กตรอน
NADH และ FADH2

ซึงจะน ำอิเล็กตรอนไปส่งยังลูกโซ่กำรหำยใจในไมโทคอนเดรีย โดยมี
O2 เป็ นตัวร ับอิเล็กตรอนตัวสุดท ้ำย และได ้ผลิตภัณฑ ์เป็ น H2O
และยังมีกำรเกิดฟอสโฟริเลช ันของ ADP ได ้เป็ น ATP ดังนั้น
พลังงำนทีได่ ้จำกออกซิเดช ันของกรดไขมันก็จะอยู่ในรูปของ ATP
เรำสำมำรถแบ่งกำรเกิดออกซิเดช ันของกรดไขมันออกได ้เป็ นประเภท
ต่ำงๆ ดังนี ้
่ ว
1. ออกซิเดช ันของกรดไขมันอิมตั
ิ่ ว
2. ออกซิเดช ันของกรดไขมันไม่อมตั
่ คำร ์บอนเป็ นจำนวนคี่
3. ออกซิเดช ันของกรดไขมันทีมี
่ วมี 4 ขันตอน
ออกซิเดช ันของกรดไขมันอิมตั ้ ดังนี ้
้ ่ 1 กำรกำจัด H2 ของ fatty acyl-CoA แล ้วได ้พันธะคู่ระหว่ำง
ขันที
แอลฟำ- และบีตำ-คำร ์บอน นั่นคือ trans-2-enoyl-CoA
และมีกำรจัดเรียงตัวแบบทรำนส ์ (trans-)

ซึงโดยทั ่
วไปแล ้วพันธะคูใ่ นกรดไขมันตำมธรรมชำติจะมีกำรจัดเรียงตั
วแบบซิส (cis-) ในขันนี ้ มี ้ เอนไซม ์ acyl-CoA dehydrogenase
เป็ นตัวเร่ง และมี FAD เป็ นตัวร ับอิเล็กตรอนแล ้วอยู่ในสภำพรีดวิ ซ ์
FADH2

ซึงจะถ่ ำยโอนอิเล็กตรอนไปยังลูกโซ่กำรหำยใจในไมโทคอนเดรีย
และตัวรบั อิเล็กตรอนตัวสุดท ้ำยคือ O2 ซึง่ 1
คูอ
่ เิ ล็กตรอนจะสังเครำะห ์ได ้ 1.5 ATP (คล ้ำยกับปฏิกริ ยิ ำ succinate
dehydrogenation ในวัฏจักรกรดซิตริก)
้ ่ 2 เป็ นกำรเติมโมเลกุลของน้ำเข ้ำไปยังพันธะคู่ของ trans-2-
ขันที
enoyl-CoA ได ้เป็ น L-b-hydroxyacyl-CoA ปฏิกริ ยิ ำนี มี ้ enol-
CoA hydratase เป็ นตัวเร่ง (คล ้ำยกับปฏิกริ ยิ ำของ fumarase
ในวัฏจักรกรดซิตริก)
้ ่ 3 เป็ นปฏิกริ ยิ ำกำรกำจัด H2 ของ L-b-hydroxyacyl-CoA
ขันที
แล ้วได ้เป็ น b-ketoacyl-CoA โดยมี b-hydroxyacyl-CoA
dehydrogenase เป็ นตัวเร่ง และ NAD+
เป็ นตัวร ับอิเล็กตรอนแล ้วอยู่ในสภำพรีดวิ ซ ์ NADH

ซึงจะถ่ ำยโอนอิเล็กตรอนไปยังลูกโซ่กำรหำยใจในไมโทคอนเดรีย
และสังเครำะห ์ได ้ 2.5 ATP ต่อไป (คล ้ำยกับปฏิกริ ยิ ำของ malate
dehydrogenase ในวัฏจักรกรดซิตริก)
้ ่ 4 acyl-CoA acetyltransferase หรือ thiolase
ขันที
จะเร่งปฏิกริ ยิ ำระหว่ำง ketoacyl-CoA กับ coenzyme A
่ จะแยกออกเป็
อิสระเพือที ่ ่ 2 คำร ์บอน นั่นก็คอื acetyl-
นโมเลกุลทีมี
CoA และ coenyme A thioester ของกรดไขมันทีถก ู ตัดออกไป 2
้ ยกว่ำ thiolysis ซึงคล
คำร ์บอน ปฏิกริ ยิ ำนี เรี ่ ้ำยกับ hydrolysis
เรำทรำบกันดีวำ่ ่
พันธะเดียวระหว่ ำงหมู่ methylene (-CH2-)
ในกรดไขมันนั้นเสถียรมำก ดังนั้น 3 ้
ขันตอนแรกในบี ตำ-
ออกซิเดช ันของกรดไขมันจึงเป็ นกำรพยำยำมทำให ้พันธะนี มี ้ ควำมเส
ถียรลดลงเพือที่ จะแตกพั
่ นธะ C – C ได ้ง่ำยขึน้ และเนื่ องจำก แอลฟำ-
คำร ์บอน (C2) ต่ออยู่กบั หมู่คำร ์บอนิ ลถึง 2 หมู่
จึงทำใหห้ มู่คโี ตนทีอยู่ในตำแหน่ งบีตำ-คำร ์บอน (C3)
เหมำะแก่กำรเข ้ำทำพันธะของนิ วคลีโอไฟล ์ (nucleophile) นั่นก็คอื
หมู่ – SH ของ coenzyme A ปฏิกริ ยิ ำนี เร่ ้ งโดยเอนไซม ์ thiolase
และเนื่ องจำกควำมเป็ นกรดของ a – H และ resonance
stabilazation และ carbanion ทีเกิ ่ ดจำกกำรหลุดออกของ a – H
ทำให ้ปลำยด ้ำน –CH2-CO-Shielding-CoA เป็ นหมู่หลุดออกทีดี ่
ทำให ้พันธะระหว่ำง a – b แตกได ้ง่ำย
palmitoyl-CoA จะถูกออกซิไดซ ์ทังหมด ้ 7 ครง้ั และได ้ 8 acetyl-
CoA
จำก FADH2 จะให ้ 1 คูอ ่ เิ ล็กตรอน และสังเครำะห ์ได ้ 1.5 ATP และ
NADH จะให ้ 1 คูอ ่ เิ ล็กตรอน และสังเครำะห ์ได ้ 2.5 ATP ดังนั้น
กำรออกซิไดซ ์ 1 ้ั
ครงและก ำจัดคำร ์บอนออก 2 อะตอม
จะสังเครำะห ์ได ้ 4 ATP
ออกซิเดช ันของกรดไขมันไม่อมตั ิ่ ว
่ หนึ่ งพันธะคู่
กรดไขมันทีมี
กรดไขมันส่วนใหญ่ในไตรเอซิลกลีเซอรอลและฟอสโฟไลปิ ดในสัตว ์แ
ละพืชจะเป็ นกรดไขมันไม่อมตั ิ่ วทีมี
่ พน ั ธะคูอ ่ ย่ำงน้อย 1 พันธะ
และจัดเรียงตัวแบบซิสซึง่ enoyl-CoA hydratase

ไม่สำมำรถเร่งให ้ปฏิกริ ยิ ำกำรเติมนำได ้ แต่เนื่ องจำกกำรทำงำนของ 2
เอนไซม ์ นั่นคือ isomerase และ reductase
ทำให ้สำมำรถออกซิไดซ ์กรดไขมันไม่อมตั ิ่ วได ้
ตัวอย่ำงเช่น กำรออกซิไดซ ์กรดไขมันทีมี 18 คำร ์บอนและมี 1
พันธะคู่ => oleate

ในขันแรกของกำรออกซิ ไดซ ์ oleate (ซึงมี่ พน
ั ธะคู่ 1
พันธะบนคำร ์บอนตำแหน่ งที่ 9) จะถูกเปลียนเป็ ่ น oleoyl-CoA (C-
18) ซึงจะถู่ กส่งไปยังผนังของไมโทคอนเดรียในรูปของ oleoyl-
carnitine ่
และจะเปลียนกลั บมำเป็ น oleoyl-CoA

เหมือนเดิมเมืออยู ่ในแมทริกซ ์ จำกนั้น oleoyl-CoA
ก็จะถูกออกซิไดซ ์ 3 ครง้ั ได ้ 3 acetyl-CoA และและ coenzyme A
ester ของกรดไขมันไม่อมตั ิ่ วทีมี ่ 12 คำร ์บอน
แต่ในกำรออกซิไดซ ์ครงที ้ั ่ 4
่ นตำแหน่ งของพันธะคู่ทมี
ซึงเป็ ี่ กำรจัดเรียงตัวแบบซิส เอนไซม ์
enoyl-CoA isomerase ก็จะเปลียน ่ dodecenoyl-CoA (C12)
จำกซิส-ไอโซเมอร ์มำเป็ นทรำนส ์-ไอโซเมอร ์
และเข ้ำสู่กระบวนกำรออกซิเดช ันต่ออีก 5 ครงได ้ั ้เป็ น 6 acetyl-CoA
ดังนั้น oleoyl-CoA จะถูกออกซิไดซ ์ทังหมด ้ ้ั
8 ครงและได ้ 9 acetyl-
CoA
่ พน
กรดไขมันทีมี ่ ำกกว่ำหนึ่ งพันธะ
ั ธะคูม
่ พน
สำหร ับกรดไขมันทีมี ั ธะคูม
่ ำกกว่ำ 1 พันธะ
จะต ้องมีกำรทำงำนร่วมของเอนไซม ์ reductase
จึงจะสำมำรถออกซิไดซ ์ได ้อย่ำงสมบูรณ์ เช่น กำรออกซิไดซ ์ (C18)
่ พน
ซึงมี ั ธะคู่ 2 พันธะบนคำร ์บอนตำแหน่ งที่ 9 และ 12 หลังจำกเปลียน ่
linoleate เป็ น linoleoyl-CoA แล ้ว linoleoyl-CoA
ก็จะถูกออกซิไดซ ์ 3 ครง้ั ได ้ 3 acetyl-CoA และ coenzyme A
ester ของกรดไขมันไม่อมตั ิ่ วทีมี
่ 12 คำร ์บอน
แต่ในกำรออกซิไดซ ์ครงที ้ั ่ 4
่ นตำแหน่ งของพันธะคู่ทมี
ซึงเป็ ี่ กำรจัดเรียงตัวแบบซิส เอนไซม ์
enoyl-CoA isomerase ก็จะเปลียน ่ dodecenoyl-CoA (C12)
จำกซิส-ไอโซเมอร ์มำเป็ นทรำนส ์-ไอโซเมอร ์
และเข ้ำสู่กระบวนกำรออกซิเดช ันครงที ้ั ่ 5 ได ้อีก 1 acetyl-CoA
แต่ในกำรออกซิไดซ ์ครงที ้ั ่ 6
่ นตำแหน่ งของพันธะคูท
ซึงเป็ ี่ กำรจัดเรียงตัวแบบซิสและอยู่ผด
่ มี ิ ตำแห
น่ ง ดังนั้นต ้องมีเอนไซม ์ 2,4-dienoyl-CoA reductase
ช่วยในกำรรีดวิ ซ ์จำก 2 พันธะคูใ่ ห ้เหลือ 1

พันธะคู่และอยู่ในตำแหน่ งทีสำมำรถออกซิ ไดซ ์ได ้ จำกนั้นเอนไซม ์
enoyl-CoA isomerase ่
ก็จะเปลียนจำกซิ ส-
ไอโซเมอร ์มำเป็ นทรำนส ์-ไอโซเมอร ์
และเข ้ำสู่กระบวนกำรออกซิเดช ันอีก 4 ครงและได ้ั ้อีก 5 acetyl-CoA
ดังนั้น linoleyl-CoA จะถูกออกซิไดซ ์ทังหมด ้ 8 ครงและได้ั ้ 9
acetyl-CoA
ออกซิเดช ันของกรดไขมันทีมี ่ คำร ์บอนเป็ นจำนวนคี่
ในกำรออกซิไดซ ์กรดไขมันทีมี ่ จำนวนคำร ์บอนเป็ นเลขคีก็
่ จะคล ้ำยกับ
กำรออกซิไดซ ์กรดไขมันทีมี ่ จำนวนคำร ์บอนเป็ นเลขคู่ คือ

เริมจำกปลำยด ่ หมู่คำร ์บอกซิล
้ำนทีมี
แต่ในกำรออกซิไดซ ์ครงสุ้ั ดท ้ำยจะเหลือ fatty acyl-CoA
่ จำนวนคำร ์บอน 5 อะตอม และเมือถู
ทีมี ่ กออกซิไดซ ์ก็จะได ้เป็ น
acetyl-CoA และ propionyl-CoA ซึง่ acetyl-CoA
ก็จะเข ้ำสู่วฏ
ั จักรกรดซิตริกต่อไป
ส่วน propionyl-CoA ก็จะเข ้ำสู่วถ ิ อ ื่ เกี
ี นที ่ ยวข
่ ้องกับ 3 เอนไซม ์ โดย
propionyl-CoA จะเข ้ำทำปฏิกริ ยิ ำคำร ์บอกซิเลช ัน
(carboxylation) แล ้วได ้เป็ น ้ ตวั เร่งเป็ นเอนไซม ์
ปฏิกริ ยิ ำนี มี
propionyl-CoA carboxylase และใช ้พลังงำนไป 1 ATP จำกนั้น
D-methylmalonyl-CoA ก็จะถูกเปลียนมำเป็ ่ น โดยมีเอนไซม ์
methylmalonyl-CoA epimerase และในขันสุ ้ ดท ้ำยเอนไซม ์
methylmalonyl-CoA mutase ร่วมกับ deoxyadenosyl-
cobalamin หรือ coenzyme B12 จะตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำปฏิกริ ยิ ำให ้ L-
methylmalonyl-CoA เปลียนเป็ ่ น succinyl-CoA และ succinyl-
CoA ก็จะเข ้ำสู่ส่วู ฏ
ั จักรกรดซิตริกต่อไป
แล ้วนำไปสู่กำรเกิดร่ำงกำย

ซึงในก่ ่
อนหน้ำทีจะเป็ นร่ำงกำยจะต ้องเป็ นเอ็มบริโอก่อน
กำรเกิดเอ็มบริโอ (Embryogenesis)

เริมหลั งจำกปฏิสนธิได ้ไซโกตแล ้ว ไซโกตจะแบ่งตัวแบบไมโทซิสจำก
1 เป็ น 2 และจำก 2 เป็ น 4

ไปเรือยๆจนได ่ นกลุ่มของเซลล ์ทีเป็
้เป็ นเอ็มบริโอทีเป็ ่ นก ้อน
จำกนั้นเอ็มบริโอจะมีกำรเจริญไปเป็ นระยะต่ำงๆ
กำรเกิดเป็ นบลำสตูลำ
่ นทรงลูกบอลทึบตันนี จะจั
เอ็มบริโอในระยะทีเป็ ้ ดตัวเป็ นบลำสตูลำ
(blastula) ซึงเป็่ นก ้อนกลม ภำยในกลวง บรรจุของเหลวต่ำงๆ
้ ยกว่ำ
ช่องกลวงนี เรี บลำสโตซีล (blastocoel)
่ หลำยเซลล ์นั้นเกี่
กำรแบ่งตัวจำกไซโกตเซลล ์เดียวไปเป็ นเอ็มบริโอทีมี
ยวข ้องกับกำรกำหนดอวัยวะในพัฒนำกำรขันต่ ้ อไป
้ สำรเคมี
ทังนี ้ ควบคุมกำรเจริญต่ำงๆในไซโทพลำสซึมของไซโกตจะกร
ะจำยไปยังส่วนต่ำงๆของเอ็มบริโอ
่ ำให ้มีกำรกำหนดกำรพัฒนำไปเป็ นอวัยวะต่อไป
ซึงท
ในมนุ ษย ์
่ นบลำสตูลำนี เป็
ระยะทีเป็ ้ นระยะทีจะฝั
่ งตัวทีเยื
่ อบุ
่ มดลูกของแม่ จำกนั้น
้ั
เซลล ์ชนนอกของเอ็ มบริโอทีเรี่ ยกโทรโพบลำสต ์ (Trophoblast)

จะเปลียนแปลงไปเป็ นรก (Placenta)

ซึงจะเป็ ่ ส่
นทีที ่ งอำหำรและร ับของเสียจำกตัวอ่อนทีจะพั ่ ฒนำต่อไป
โดยจะเชือมต่ ่ อกับเส ้นเลือดแดงและเส ้นเลือดดำของแม่
่ ฒนำขึนนี
รกทีพั ้ จะสร
้ ่ ยกว่ำ Human chorionic
้ำงฮอร ์โมนทีเรี
gonadotropin (HCG) ่
ซึงจะกระตุ ้นให ้คอร ์ปัส
ลูเทียมสร ้ำงฮอร ์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนต่อไปอีก 3 เดือน
ไม่เกิดเป็ นประจำเดือน
แกสตรูเลช ัน (gastrulation)

เป็ นขันตอนส ่ ำให ้เกิดกำรกำหนดเนื อเยื
ำคัญทีท ้ อสำมช
่ ้ั
นในขั ้
นตอนต่
อมำ กลไกกำรเกิดแกสตรูเลช ันต่ำงกันไปในแต่ละสปี ชีส ์
่ ขนตอนโดยทั
ซึงมี ้ั ่
วไปเริ ่
มจำก
บลำสตูลำมีกำรแบ่งเป็ นสองส่วนไม่เท่ำกัน
ด ้ำนทีมี ่ ขนำดเล็กเรียกอะนิ มอล โพล (animal pole)
ด ้ำนทีมี ่ ขนำดใหญ่เรียก เวเกตอล โพล (vegetal pole)
เซลล ์บริเวณทีจะพั ่ ฒนำไปเป็ นเอ็นโดเดิร ์ม (endoderm อยู่ด ้ำนล่ำง)
เจริญยืดยำวเข ้ำไปในส่วนทีเป็ ่ นช่องว่ำงภำยใน
ส่วนเซลล ์ทีจะไปเป็ ่ นเอกโตเดิร ์ม (ectoderm อยู่ด ้ำนบน)
จะขยำยตัวออกคลุมส่วนทีเป็ ่ นเอ็นโดเดิร ์ม
ส่วนเซลล ์ทีจะไปเป็ ่ นมีโซเดิร ์ม (mesoderm อยู่ระหว่ำงเซลล ์ 2
ชนทั ้ั งซ ้ ้ำยขวำ) จะขยำยตัวออกแทรกไประหว่ำงเซลล ์ทังสองช ้ น้ั
สุดท ้ำยจะได ้บลำสโตพอร ์ทีเป็ ่ นช่องเข ้ำสู่ชอ่ งว่ำงภำยในชนเอนโดเดิ
้ั ร์
ม ่ นเอ็นโดเดิร ์มเจริญยืดยำวและม้วนตัวเป็ นช่อง
ส่วนทีเป็

ซึงจะเป็ นช่องว่ำงของระบบย่อยอำหำรต่อไปเรียกอำร ์เคนเทอรอน
(archenteron)
ส่วนทีเป็ ่ นเอกโตเดิร ์มแบ่งตัวคลุมส่วนทีเป็ ่ นเอ็นโดเดิร ์มจนมิด
ส่วนทีจะเป็ ่ นเอ็นโดเดิร ์มนั้นเจริญแทรกไประหว่ำงส่วนทังสอง ้

เมือแกสตรู เลชนเสร็ ่ั ้
จสินลง
เนื อเยื ้ อเอ็่ มบริโอจะเห็นเป็ นสำมช่องอย่ำงช ัดเจน
คือเอกโตเดิร ์มอยู่นอกสุด มีโซเดิร ์มอยู่ตรงกลำง
และเอ็นโดเดิร ์มอยู่ด ้ำนใน
เมือเกิ ่ ดเนื อเยื ้ อทั ่ งสำมช ้ ้ั นแล
นขึ ้ ้ว
ต่อจำกนี เซลล ้ ์ในแต่ละชนจะแบ่ ้ั งตัวต่อไปเป็ นอวัยวะดังนี ้
เอกโตเดิร ์มไปเป็ นเนื อเยื ้ อบุ ่ ผวิ ระบบประสำท มีโซเดิร ์ม
ไปเป็ นกระดูกสันหลัง ้ ยบ
กล ้ำมเนื อเรี ้
กล ้ำมเนื อลำย
ระบบไหลเวียนเลือดและระบบสืบพันธุ ์ เอ็นโดเดิร ์ม
ไปเป็ นระบบทำงเดินอำหำร ระบบหำยใจ ตับ ตับอ่อน ต่อมไทรอยด ์
ต่อมไทมัส ระบบขับถ่ำยปัสสำวะและระบบสืบพันธุ ์
*โดยกำรผลิต DNA จำกแอมโมเนี ย มีเทน และนำ้ เหล่ำนั้น
ได ้ทำให ้เกิดปฏิกริ ยิ ำต่อเนื่ องซำไปซ
้ ้
ำมำ เกิดเป็ น Organelles ต่ำงๆ
แล ้วต่อเนื่ องกับสำรอำหำรทีร่ ับเข ้ำไปเป็ นวัฏจักรกรดซิตริกหรือวัฏจัก
รเครบส ์ กำรย่อยนำตำล้ กรดอะมิโน กรดไขมัน
แล ้วเกิดเป็ นร่ำงกำยในระบบต่ำงๆ
วิวฒ
ั นาการของมุมระหว่างพั
นธะและประจุแม่เหล็ก
ในด ้ำนวิวฒ ั นำกำรนั้นสำรพฤกษเคมี หรือ ไฟโตนิ วเทรียนท ์
(Phytochemical หรือ Phytonutrients) อันหมำยถึง
สำรเคมีทมีี่ ฤทธิทำงชี
์ ่
วภำพทีพบเฉพำะในพื ช

สำรกลุ่มนี อำจเป็ นสำรทีท ่ ำให ้พืชผักชนิ ดนั้นๆ มีสี

กลินหรือรสชำติทเป็ ี่ นลักษณะเฉพำะตัว

สำรพฤกษเคมีเหล่ำนี หลำยชนิ ดมีฤทธิต่์ อต ้ำนหรือป้ องกันโรคบำงชนิ
ดและโรคสำคัญทีมั ่ กจะกล่ำวกันว่ำสำรกลุ่มนี ช่ ้ วยป้ องกันได ้คือ “
โรคมะเร็ง ”
กลไกกำรทำงำนของสำรพฤกษเคมีเมือเข ่ ้ำสู่รำ่ งกำยอำจเป็ นไปโดยก
ำรช่วยให ้เอ็นไซม ์บำงกลุ่มทำงำนได ้ดีขน ึ้
เอ็นไซม ์บำงชนิ ดทำหน้ำทีท ่ ำลำยสำรก่อมะเร็งทีเข ่ ้ำสู่รำ่ งกำย
มีผลทำให ้สำรก่อมะเร็งหมดฤทธิ ์
่ จจุบน
ซึงปั ั พบสำรพฤกษเคมีแล ้วมำกกว่ำ 15,000 ชนิ ด
ผักและผลไม้รวมเข ้มข ้น คือ
่ ้จำกผักและผลไม้ชนิ ดต่ำงๆ
สำรสกัดเข ้มข ้นทีได
่ ้สำรอำหำรและสำรพฤกษเคมีทมี
ซึงให ี่ ประโยชน์ตอ่ ร่ำงกำย
นอกจำกนั้น
่ ทสุ
ผักและผลไม้ยังเป็ นแหล่งทีดี ี่ ดสำหร ับสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระ
คนไทยส่วนมำกร ับประทำนผักและผลไม ้ได ้ไม่เพียงพอในแต่ละวัน
จึงอำจจะมีสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระในระดับตำ่

กำรบริโภคผักและผลไม้ในปริมำณทีเหมำะสมต่ อวัน
จะช่วยให ้ประสิทธิภำพของสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระเพียงพอในกำรลดควำ
่ อกำรเกิดโรคต่ำงๆ ได ้
มเสียงต่
นักวิทยำศำสตร ์พบว่ำสำรพฤกษเคมีสร ้ำงประโยชน์ด ้วยกลไกกำรออ
์ ปแบบต่ำงๆ ดังนี ้
กฤทธิในรู
ต ้ำนออกซิเดชน ่ ั ทำลำยฤทธิของอนุ
์ มูลอิสระ
ลดควำมเสียหำยทีเกิ ่ ดขึนกั
้ บดีเอ็นเอ
เป็ นกลไกสำคัญทีท ่ ำให ้สำรพฤกษเคมีลดกำรเกิดโรคมะเร็งได ้
่ มต
เพิมภู ิ ้ำนทำนโรค
ควบคุมกำรออกฤทธิของฮอร ์ ์โมน
งำนวิจยั จำนวนมำกแนะนำว่ำกำรผสมผสำนของสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระที่
พบในผักและผลไม้ชนิ ดต่ำงๆ
หลำกชนิ ดจะให ้คุณภำพกำรต ้ำนอนุ มูลอิสระทีดี ่ กว่ำ

เมือเปรียบเทียบกับกำรได ้ร ับสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระจำกแหล่งอำหำรเพีย
งแหล่งเดียว

งำนวิจยั ทำงวิทยำศำสตร ์กำรแพทย ์เกียวกั บสำรพฤกษเคมีจำกผักและ
ผลไม้รวมเข ้มข ้นทีน่่ ำสนใจ ทำให ้สำมำรถจำแนกได ้ดังนี ้
แคโรทีนอยด ์ (Carotenoids)
กลูโคไซโนเลท (Glucosinolate) / ไอโซโธโอไซยำเนท
(Isothiocynate)
โพลีฟินอล (Polyphenols) : ฟลำโวนอยด ์ (Flavonoids) ,
แอนโธไซยำนิ นส ์ (Anthocyanins) , ไบโอฟลำโวนอยด ์
(Bioflavonoids) , โพรแอนโธไซยำนิ น (Proanthocyanidins)
ไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogens)
เฟนโนลิก (Phenolics) / สำรประกอบซีสติก (Cystic Compound)
ซำโปนิ นส ์ (Saponins)
ไฟโตสเตอรอล (Phytosterol)
ซ ัลไฟด ์ (Sulfide) และไธออล (Thiols)
เควอซิทน ิ เป็ นสำรพฤกษเคมีทอยู ี่ ่ในกลุ่มฟลำโวนอยด ์
เป็ นสำรทีให ่ ้ฤทธิในกำรต
์ ้ำนออกซิเดชนสู ่ ั งทีสุ
่ ด มีมำกในหัวหอม
หอมแดง และพืชตระกูลถัว่ ์
ให ้ฤทธิในกำรป้ องกันกำรอักเสบ
ป้ องกันแบคทีเรีย และไวร ัส ช่วยป้ องกันอำกำรแพ้
ป้ องกันกำรแข็งตัวของเลือด
่ั
ป้ องกันกำรเกิดออกซิเดชนในหลอดเลื อด

และป้ องกันหลอดเลือดเลียงสมองอุ ดตันได ้
กำรร ับประทำนผักและผลไม้ทีอุ ่ ดมไปด ้วยเควอซิทน ิ ในปริมำณสูงมีส่ว
นสัมพันธ ์กับกำรทำงำนของหัวใจทีดี ่ จำกกำรศึกษำจำนวนมำกพบว่ำ
เควอซิทน ่
ิ ถือว่ำเป็ นไฟโตนิ วเทรียนท ์ทีปกป้ องหลอดเลือด
(vasoprotective) และช่วยในกำรทำงำนของหลอดเลือดหัวใจ
ช่วยให ้ระบบกำรไหลเวียนและกำรทำงำนหัวใจดีขน ึ้
กำรได ้ร ับฟลำโวนอลและฟลำโวนในระดับทีสู ่ ง ( มำกกว่ำ 30
มิลลิกร ัมต่อวัน ) ่
จะช่วยลดควำมเสียงของ
กำรเกิดโรคลมช ักในระยะแรกในผูป่้ วยสูงอำยุได ้สองในสำมส่วน
เควอซิทนิ คือ ฟลำโวนอยด ์ทีส่ ำคัญในอำหำร
เควอซิทน ิ มีคณ ่ อดในหลอดเลือดแ
ุ สมบัตใิ นกำรป้ องกันไม่ให ้เกิดลิมเลื
ละปกป้ องหลอดเลือด และลดกำรเป็ นพิษต่อเซลล ์ไขมันแอลดีแอล
(LDL) จำกกำรทดลองในหลอดทดลอง
่ อว่ำเป็ นกลไกทีส
ซึงถื ่ ำคัญทีจะช่
่ วยในกำรทำงำนของหลอดเลือด
หัวใจและลดควำมเสียงต่ ่ อกำรเป็ นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
เควอซิทน ้
ิ ทำให ้เกิดกำรยับยังวงจรชี
วติ เซลล ์
หยุดกำรขยำยตัวของเซลล ์ และรวมถึงกำรทำให ้เกิดอะพ็อพโทซิส
(apoptosis)
่ ดปกติไ
หรือกำรตำยของเซลล ์ในกำรเจริญเติบโตของเซลล ์เต ้ำนมทีผิ
ด้
เควอซิทน
ิ ได ้ร ับกำรพิสจ
ู น์ให ้เห็นว่ำเป็ นตัวนำกำรตำย

ของเซลล ์ในเซลล ์เนื องอกล ำไส ้ รวมทังยั้ งช่วยยับยังฟอสโฟริ
้ ่ั
ลเลชน
(phosphorylation)
่ ้ร ับสำรกระตุ ้นกำรเจริญเติบโตของเซลล ์เนื องอก
ของกลุ่มเซลล ์ทีได ้
และลดทำงกำรเจริญเติบโตในเซลล ์เนื องอกชนิ้ ดนี ้
กรดเอลลำจิกช่วยลดกำรทำลำยดีเอ็นเอทีจะท ่ ำให ้
้ ังทำให ้เกิดภำวะแก่ขน
เกิดโรคเรือร ึ้ (Ageing) และเป็ นโรคมะเร็ง
กรดเอลลำจิกจะยับยังกำรท้ ำงำนของเอ็นไซม ์บำงชนิ ด เช่น เอ็น -
อะซิตลิ ทรำนเฟอเรส ่
ซึงจะน ่
ำไปสู่กำรเปลียน

แปลงโครงสร ้ำงดีเอ็นเอในเนื องอกในกระเพำะ ปัสสำวะของมนุ ษย ์
กรดเอลลำจิกในปริมำณทีมำกขึ ่ ้
นจะยั บยัง้
กำรทำงำนของเอ็นไซม ์ในขอบเขตทีมำกขึ ่ ้
นได ้

เมือเซลล ์กลำยเป็ นมะเร็ง
กรดเอลลำจิกอำจจะสำมำรถหยุดกำรขยำยตัวของเซลล ์
กรดเอลลำจิกช่วยยับยัง้ กำรแบ่งเซลล ์ในเซลล ์มะเร็งปำกมดลูก
และยังช่วย ป้ องกันกำรแพร่กระจำยของเซลล ์มะเร็งได ้
เฮสเพอริดนิ มีส่วนสำคัญในกำรพัฒนำสุขภำพของ เส ้นเลือดดำ
โดยเฉพำะกำรลดกำรซึมผ่ำนและควำม อ่อนแอของเส ้นเลือดดำ
โดยเฉพำะโรคทีสั ่ มพันธ ์กับ ่
กำรเพิมกำรซึ มผ่ำนเส ้นเลือด เช่น
ริดสีดวงทวำร ลักปิ ดลักเปิ ด แผลเน่ ำเปื่ อยพุพอง แผลถลอก
กำรขำดเฮสเพอริดน ่
ิ จะเกียวข ้องกับควำมผิดปกติของ เส ้นเลือดฝอย
ควำมอ่อนเพลีย ่
และตะคริวทีขำในเวลำ กลำงคืน
กำรเสริมเฮสเพอริดน ิ จะช่วยลดอำกำรบวมนำ้
หรือกำรบวมเนื่ องจำกกำรสะสมของของเหลว โดยสำร
เฮสเพอริดน ิ จะทำงำนดีทสุ ี่ ดเมือมี
่ วต ิ ำมินซีรว่ มด ้วย
เฮสเพอริดน ่
ิ ทีรวมกั
บฟลำโวนอยด ์จำกผลไม้จำพวกสม้ เช่น
ไดออสมิน (Diosmin)
มีประสิทธิภำพในกำรลดควำมรุนแรงของเส ้นเลือดดำขอด
ริดสีดวงทวำร
ได ้โดยกำรช่วยลดควำมตึงและควำมยืดหยุ่นของเส ้นเลือดดำ
และช่วยลดกำรซึมผ่ำนของเส ้นเลือดจึงสำมำรถลดอำกำรบวมนำได ้ ้
เฮสเพอริดน ิ อำจจะลดระดับพลำสมำคอเลสเตอรอล
่ มน
บุคคลทีดื ่ ำส
้ ้มถึง 3 แก ้วต่อวัน จะเพิมระดั
่ บไขมัน ชนิ ดดี (HDL)
ได ้ถึง 21% และลดระดับคอเลสเตอ-รอลและไตรกลีเซอไรด ์
ลูทน ่ ส่วนอย่ำงมำกในกำรต่อต ้ำนสำรต ้ำ
ี เป็ นแคโรทีนอยด ์สีเหลืองซึงมี
นอนุ มูลอิสระ
ลูทน ่
ี พบได ้ทัวไปในผั กใบเขียวและมีส่วนสำคัญในกำรบำรุงสำยตำ
โมเลกุลของลูทน ี พบในปริมำณสูงในจุดของดวงตำ
โดยเฉพำะพืนที ้ ของเรติ
่ ่ ยวกั
นำทีเกี ่ บกำรร ับภำพ

ซึงจะช่วยในกำรดูดซ ับแสงสีน้ำเงินในแถบสีกำรมองเห็นและช่วยปกป้
องกำรทำลำยของคลืนสั ่ นที
้ มี
่ ตอ ่ ผวิ เรตินำจำกกำรศึกษำ พบว่ำ
่ เยือบุ
ระดับลูทน ี 2.0 – 6.9 มิลลิกร ัมต่อวัน

จะช่วยป้ องกันควำมเสือมของจุ ดด่ำงในดวงตำได ้
สำรลูทน ี จะช่วยสร ้ำงสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระในกำรป้ องกันเยือแก่ ้วตำ
(retina)
กำรร ับประทำนแคโรทีนอยด ์ในปริมำณทีสู ่ งทีสุ
่ ดจะมี
่ ำกว่
อัตรำเสียงต ่ ำ 43%

สำหร ับภำวะกำรเสือมของจอประสำทตำตำมอำยุ อย่ำงเฉี ยบพลันของ
จอประสำทตำ ่
เมือเปรี
ยบเทียบกำรร ับประทำนในปริมำณทีต ่ ำที
่ สุ่ ด
จำกกำรศึกษำกลุ่มตัวอย่ำงจำนวน 876 คนซึงมี ่ อำยุ ระหว่ำง 55-80
ปี กำรได ้ร ับลูทน
ี และซีซำนทีน

ในอัตรำสูงจะช่วยลดควำมเสียงของจอประสำทตำเสื ่
อมอย่ ำงเฉี ยบพลั
นตำมอำยุได ้
จำกกำรศึกษำคนไข ้จำนวน 421 คน
ี่ ้ร ับลูทน
แสดงให ้เห็นว่ำผูท้ ได ่ ดจะมีส่วน
ี และซีซำนทีนในระดับสูงทีสุ

สำคัญต่อกำรลดระดับอัตรำเสียงของควำมเสื ่
อมของ ตำตำมอำยุได ้
จำกกำรศึกษำแสดงให ้เห็นว่ำ หญิงและชำยทีได่ ้รบั
ลูทน
ี ในระดับสูงทีสุ่ ดจะเป็ นต ้อกระจกในอัตรำทีต ่ ำกว่
่ ำ
ผูท้ รี่ ับประทำนลูทน ี จำกผักและผลไม้
สำรลูทน ี อำจช่วยป้ องกันมะเร็งปอด มะเร็งสำไส ้ และมะเร็งเต ้ำนม
พบว่ำกำรร ับประทำนสำรลูทน ี
ช่วยลดควำมเสียงต่ ่ อกำรเกิดโรคมะเร็งลำไส ้ในทังผู ้ ้ชำย ผู ้หญิง
และกำรลดอัตรำเสียงที ่ ส่ ำคัญทีสุ ่ ดคือกำรตรวจพบกำรเป็ นโรคมะเร็ง

ลำไส ้ระยะเริมแรก กำรร ับประทำนผักทีอุ่ ดมไปด ้วยแคโรทีนอยด ์

ซึงประกอบด ้วยลูทนี ในปริมำณสูงจะมีควำมสัมพันธ ์กับอัตรำเสียงในก ่
ำรเป็ นโรคมะเร็งเต ้ำนมทีลดลง ่
โดยเฉพำะสำหรบั สตรีทมี ี่ ประวัตวิ ำ่ มีบค
ุ คลในครอบคร ัวเป็ นโรคมะเร็งเ
ต ้ำนม
บทสรุปสำรต ้ำนออกซิเดชนกั ่ ั บผลทำงชีวภำพ
อนุ มูลอิสระ (free radical) หมำยถึง อะตอมหรือโมเลกุลทีมี ่
unpaired electron อย่ำงน้อย 1 electron
เกิดขึนได ้ ่ นธะระหว่ำงอะตอมแตกออก
้เมือพั
อนุ มูลอิสระนั้นไม่เสถียรและไวต่อกำรเกิดปฏิกริ ยิ ำกับโมเลกุลข ้ำงเคีย
งเพือท่ ำใหต้ วั เองเสถียรขึน้

ผลทีตำมมำคื ่ ญเสียหรือร ับอิเล็กตรอนจะกลำยเ
อโมเลกุลข ้ำงเคียงทีสู
ป็ นอนุ มูลอิสระตัวใหม่

ซึงจะเข ่ อไปเป็ นปฏิกริ ยิ ำลูกโซ่ (chain
้ำทำปฏิกริ ยิ ำกับโมเลกุลอืนต่
reaction)
อย่ำงไรก็ตำมกำรทีจะสรุ ่ ปว่ำอนุ มูลอิสระทุกชนิ ดเป็ นสำรพิษต่อร่ำงกำ
ยนั้นไม่ถก ู ต ้องนัก
่ ควรจะน
สิงที ่ ำมำใช ้บอกระดับควำมเป็ นพิษควรจะเป็ นควำมสำมำรถใน
กำร oxidized สำรชีวโมเลกุลในร่ำงกำยมำกกว่ำ
่ ควำมสำมำรถในกำร
สำรทีมี oxidized
สำรชีวโมเลกุลในร่ำงกำยเรียกว่ำ Reactive species (RS)
่ วนใหญ่แล ้วจะอยู่ในรูปของ reactive oxygen species (ROS)
ซึงส่
และยังพบในรูปของ reactive chlorine species และ reactive
nitrogen species ่
ตำมโมเลกุลทีสำมำรถทำให ้เกิดปฏิกริ ยิ ำ
oxidation อำจจะพบได ้ในรูปของ lipid radical หรือ genetic
radical
RS นั้นไม่จำเป็ นว่ำจะต ้องอยู่ในรูปของ free radical เสมอไป
สำรประกอบบำงโมเลกุลทีอยู ่ ่ในรูป non-radical
แต่ไวต่อกำรเกิดปฏิกริ ยิ ำ oxidation เช่น H2O2 ก็จด
ั เป็ น RS
เช่นกัน
ใน ground state oxygen ประกอบด ้วย electron จำนวน 8

electron ทีโคจรอยู ่ใน 5 orbital ได ้แก่ 1S, 2S 2Pz 2Px และ 2Py
ซึง่ electron ทีอยู ่ ่ใน 2Px และ 2Py นั้นไม่ได ้เข ้ำคู่
ทำให ้โมเลกุลของoxygen นั้นไวต่อกำรเกิดปฏิกริ ยิ ำ

เมือโมเลกุ ลของ oxygen ร ับ electron จำกโมเลกุลอืน ่ เช่น
โลหะหนัก (Fe, Cu) หรือ lipid free radical จะเกิดเป็ น
superoxide radical anion ซึงเป็ ่ น oxidizing agent ทีแรงกว่่ ำ
oxygen และพร ้อมทีจะเปลี ่ ่
ยนไปเป็ น hydrogen peroxide และ
hydroxyl radical ตำมลำดับ นอกจำกนี เมื ้ อโมเลกุ
่ ล oxygen
ถูกกระตุนด้ ้วยแสง UV จะเกิดเป็ น singlet oxygen ซึงเป็ ่ น
oxidizing agent ทีแรงกว่ ่ ำ superoxide radical anion อีกด ้วย
จะเห็นได ้ว่ำ ROS
้ ดปฏิกริ ยิ ำได ้ง่ำยและนำไปสู่กำรเกิดผลิตภัณฑ ์สุดท ้ำยในกำ
เหล่ำนี เกิ
รเกิดปฏิกริ ยิ ำของ ROS คือนำ้ (H2O)
เนื่ องจำกนำไม่
้ เป็ นพิษต่อเซลล ์ซึงเป็
่ นกำรป้ องกันตัวเองของระบบกำร
ทำงำนภำยเซลล ์
ROS นั้นเกิดจำกกำรเผำผลำญอำหำร สำรต่ำงๆ
กระบวนกำรสร ้ำงพลังงำน กำรหำยใจระดับเซลล ์

รวมไปถึงเกิดขึนในกลไกกำรป้ องกันตัวเองของร่ำงกำยจำกเชือจุ้ ลชีพ
ต่ำงๆ ่
หำกร่ำงกำยมีกระบวนกำรดังกล่ำวทีมำกเกิ นไป
หรือกำรทีร่่ ำงกำยขำดสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระจะท ำให ้มีกำรสะสมของ
ROS มำกขึนและท ้ ำให ้เกิดภำวะ oxidative stress ขึนได ้ ้ ภำวะ
oxidative stress
นั้นหำกเกิดขึนในระยะเวลำสั
้ ้
นๆเพี ่ั
ยงชวขณะนั ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อ
สุขภำพมำกนัก
แต่หำกเกิดภำวะดังกล่ำวเป็ นเวลำนำนจะทำให ้มีควำมเสียงที ่ จะมี
่ ผลไป
้ อต่
ทำลำยเนื อเยื ่ ำงๆ ่ มเซลล
เยือหุ ้ ์ รวมถึง DNA
และจะนำไปสู่โรคในหลำยระบบและนำไปสู่ควำมเสือมของอวั ่ ยวะต่ำงๆ
ได ้ เช่น โรคในระบบหัวใจและหลอดเลือด
โรคทำงสมองและระบบประสำท เช่น Parkinson และ
Alzheimer ผลต่อระบบต่อมไร ้ท่อต่ำงๆ มะเร็ง
รวมไปถึงมีผลต่อควำมยืดหยุ่นของผิวหนัง
จำกกำรศึกษำพบว่ำภำวะ oxidative stress นั้นเป็ นสำเหตุของโรค
และร่ำงกำยจะมีภำวะนี เมื ้ อเป็
่ นโรคบำงอย่ำง ซึงภำวะ ่ oxidative
่ มขึ
stress ทีเพิ ่ นนั ้ ้นสัมพันธ ์กับกำรเกิดโรคเหล่ำนี อย่ ้ ำงเห็นได ้ช ัด
ROS เกิดขึนได ้ ้จำกหลำยสำเหตุ ่
ซึงสำมำรถแบ่ งออกได ้เป็ น 2

แหล่งทีแตกต่ ำงกันดังนี ้
1. ปัจจัยภำยในร่ำงกำย (Endogenous Sources)
ROS

จะเกิดขึนจำกกระบวนกำรต่ ำงๆของร่ำงกำยผ่ำนกระบวนกำรสร ้ำง
ATP โดย O2 ่
จะเปลียนไป
เป็ น H2O โดยปกติรำ่ งกำยของมนุ ษย ์จะต ้องกำร ATP วันละ 300
mol ซึงจะได ่ ้จำกกำรใช ้ O2 จำนวน 100 mol ซึง่ ROS
่ ดขึนนั
ทีเกิ ้ ้นจะถูกเปลียนให ่ ้
้กลำยเป็ นนำโดยผ่ ำนเอนไซม ์และบำงขัน ้
ตอนก็ผ่ำนปฏิกริ ยิ ำโดยไม่ใช ้เอนไซม ์นอกจำกกำรสร ้ำงพลังงำนแล ้ว
ในกลไกป้ องกันตัวเองของร่ำงกำยเมือถู ่ ก pathogen
เข ้ำรุกรำนก็มก ี ำรสร ้ำง ROS ้
ขึนมำได ้เช่นกัน
โดยเรียกปรำกฏกำรณ์นีว่้ ำ oxidative burst

เมือเซลล ์เม็ดเลือดขำวเช่น macrophage และ leukocyte
่ ้ำต่ำงๆจะมีกำรสร ้ำง O2 ขึนผ่
ถูกกระตุ ้นโดยสิงเร ้ ำนทำง NADPH
oxidase
โมเลกุล O2 ทีเกิ ่ ดขึนจะเปลี
้ ่
ยนต่ อไปเป็ น H2O2 และเกิดเป็ น
hypochlorite (HOCl) ในทีสุ ่ ด
2. ปัจจัยภำยนอกร่ำงกำย (Exogenous Sources)
ปัจจัยแวดล ้อมนั้นมีส่วนอย่ำงมำกในกำรกระตุ ้นให ้เกิด ROS
โดยเฉพำะอย่ำงยิงร ่ ังสีตำ่ งๆ เช่น UV, X-
ray, Gamma ray โดยร ังสีเหล่ำนี จะกระตุ้ ้
้นใหน้ ำเปลี ่
ยนไปเป็ น
hydroxyl radical อย่ำงง่ำยดำย หรือแม้แต่มลภำวะทำงเคมีเช่น
paraquat ทีกระตุ่ นให
้ ้เกิด peroxide หรือ ozone สำรจำพวก
quinones และ nitroaromatics ก็สำรทีท ่ ำให ้เกิด superoxide ได ้
นอกจำกนี ยั้ งมีโลหะหนักซึงเมื ่ อได
่ ้ร ับไปมำกๆ ่ อกำรเกิด
ก็จะเสียงต่
Fenton reaction ได ้ สำรต่ำงๆเหล่ำนี มั ้ กจะก่อให ้เกิดมะเร็ง
่ ยวกั
และโรคทีเกี ่ ่
บกำรเสือมของอวั ยวะต่ำงๆ
่ ้ควำมสำมำรถของสำรในกำรสร ้ำ
อย่ำงไรก็ตำมก็ยงั มียำต ้ำนมะเร็งทีใช
้ อฆ่
ง ROS ขึนเพื ่ ำเซลล ์มะเร็งเช่น cisplatin และ adriamycin
สำรต ้ำนอนุ มูลอิสระ
สำรต ้ำนอนุ มูลอิสระ (antioxidant)

คือสำรทีสำมำรถป้ องกันหรือชะลอกำรเกิดปฏิกริ ยิ ำ oxidation
ด ้วยเหตุที่ ROS เกิดขึนมำจำกกระบวนกำรต่
้ ำงๆในกำรดำรงชีวต ิ
ดังนั้นร่ำงกำยจึงต ้องสร ้ำงสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระขึนมำเพื
้ ่ ำจัดและลด
อก
ควำมรุนแรงของ ROS ทีเกิ ่ ดขึนด
้ ้วย เช่น co-enzyme Q10
alpha-lipoic acid เป็ นต ้น
โดยปกติแล ้วกำรสร ้ำงสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระในร่ำงกำยนั้นมีอย่ำงเพียงพ

อต่อกำรเกิดอนุ มูลอิสระขึนภำยในร่ ำงกำย
แต่หำกมีสภำวะผิดปกติในร่ำงกำย เช่นควำมเครียด
กำรนอนดึกติดต่อกันนำนๆ กำรร ับประทำนยำทีมี่ ผลลด
antioxidant enzyme หรือสภำวะโรคต่ำงๆ
ก็อำจจะทำให ้กำรสร ้ำงอนุ มูลอิสระเพิมขึ ่ นจนเสี
้ ยสมดุลระหว่ำง
antioxidant และ อนุ มูลอิสระเกิดเป็ นภำวะ oxidative stress
อนุ มูลอิสระทีไม่่ ได ้ถูกกำจัดจะไปทำลำยเซลล ์และเนื อเยื ้ อท
่ ำให ้เป็ นต ้น
เหตุของกำรเกิดโรคต่ำงๆได ้ เช่น
เป็ นต ้นเหตุของภำวะหลอดเลือดอุดตัน มะเร็ง Parkinson
รวมถึงอำกำรอักเสบต่ำงๆ
จะเห็นได ้ว่ำสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระในร่ำงกำยนั้นมีควำมสำคัญในกำรป้ อ
งกันกำรเกิดโรคและควำมเสือมของร่ ่ ำงกำยเป็ นอย่ำงมำก
นอกจำกกำรไปจับกับอนุ มูลอิสระแล ้วสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระควรจะต ้องมี
คุณสมบัตด ิ งั ต่อไปนี ร่้ วมด ้วย
1. ป้ องกันกำรเกิดขึนของ ้ ROS ได ้
2. สำมำรถจับกับ ROS ่ ดขึนก่
ทีเกิ ้ อนที่ ROS
นั้นจะไปทำอันตรำยเนื อเยื
้ อต่
่ ำงๆ
3. ่
ต ้องไม่เพิมควำมแรงของอนุ ่
มูลอิสระหรือไม่เปลียน ROS
่ ควำมแรงต่ ำไปเป็ น ROS ทีมี
ทีมี ่ ควำมแรงสูงเช่นไม่เปลียนจำก

super oxide ไปเป็ น hydroxyl radical เป็ นต ้น

4. ทำให ้เกิดสภำวะทีเหมำะสมต่ อกำรท ำงำนของ antioxidant

enzyme หรือสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระตัวอืนๆ

5. เพิมกำรแสดงออกของยี ่ ้สร ้ำง antioxidant enzyme
นทีใช
และช่วยในกำรฟื ้ นฟูควำมเสียหำยของเซลล ์หรือเนื อเยื
้ อจำกกำรถู
่ ก
ทำลำยด ้วยอนุ มูลอิสระ
เรำสำมำรถแบ่งสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระภำยในร่ำงกำยได ้เป็ น 4
ประเภทดังนี ้
1. Intracellular antioxidants (antioxidant enzyme) ได ้แก่
่ ้ในกำรต ้ำนอนุ มูลอิสระเช่น
เอนไซม ์ต่ำงๆทีใช catalase ,
glutathione peroxidase , superoxide dismutase
่ กลุ่ม
2. Extracellular antioxidants ได ้แก่ Vitamin C สำรทีมี
sulfhydryl groups
3. Membrane antioxidants ได ้แก่ Carotenoids Ubiquinone
Vitamin E
4. สำรทีจ่ ำเป็ นต่อกำรสังเครำะห ์เอนไซม ์ทีใช
่ ้ต ้ำนอนุ มูลอิสระ ได ้แก่
Copper Manganese
Selenium Zinc
ผลิตภัณฑ ์เสริมอำหำรทีมี ่ ขำยในปัจจุบน ้ ำร ้อยละ
ั นี กว่ 90
่ ฤทธิต์ ้ำนอนุ มูลอิสระ
จัดเป็ นผลิตภัณฑ ์ทีมี
ส่วนกำรนำไปใช ้เพือหวั่ งผลด ้ำนสุขภำพนั้นขึนกั ้ บกำรศึกษำทังทำงด
้ ้
ำน in vitro, in vivo และ clinical research

โดยทัวไปแล ้วผลิตภัณฑ ์เสริมอำหำรทีมี ่ ฤทธิต์ ้ำนอนุ มูลอิสระมักจะมีป
ระโยชน์กบั ระบบต่ำงๆ เช่น
ระบบหัวใจและหลอดเลือดช่วยในกำรมองเห็นเสริมสุขภำพควำมงำมข
องผิวและผมเพือป้่ องกันโรคมะเร็ง

และโรคจำกควำมเสือมของระบบต่ ำงๆ
สำรต ้ำนอนุ มูลอิสระทีพบได่ ้ในอำหำรและผลิตภัณฑ ์ธรรมชำติส่วนให
ญ่ เช่น vitamin E และ vitamin C สำรในกลุ่ม flavonoids
สำรกลุ่ม carotenoids และสำรกลุ่ม phenolics
โดยลักษณะสำคัญของสำรทีมี ่ ฤทธิต์ ้ำนอนุ มูลอิสระเหล่ำนี ที
้ มี
่ รว่ มกันก็
คือ กำรมี conjugated double bond

อยู่ในโครงสร ้ำง เพรำะเมือสำรเหล่ ำนี ร้ ับหรือสูญเสีย electron ไป
free radical ่ ดขึนจะ
ทีเกิ ้ delocalized
ภำยในโครงสร ้ำงได ้และทำให ้โมเลกุลมีควำมเสถียรกว่ำสำรทีไม่ ่ มี
conjugated double bond
ดังนั้นควำมรุนแรงของอนุ มูลอิสระทีเกิ
่ ดขึนมำใหม่
้ ก็จะลดลง
Flavonoid เป็ นสำรทีมี ่ กำรรำยงำนถึงฤทธิต์ ้ำนอนุ มูลอิสระจ
ำนวนมำก โดยเฉพำะกำรเป็ น
freeradical scavenger สำรในกลุ่มนี มั ้ กพบในผัก และผลไม้
มีรำยงำนถึงควำมสำมำรถในกำรปกป้ อง DNA จำก hydroxyl
radical ได ้ นอกจำกจะเป็ น free radical scavenger แล ้วสำรกลุ่ม
flavonoid
ยังมีกลไกทีส ่ ำคัญอีกอย่ำงก็คอื กำรจับกับโลหะหนักโดยเฉพำะ Fe
และ Cu ซึงจะช่่ วยป้ องกันกำรเกิด fenton reaction ซึงจะก่ ่ อให ้เกิด
hydroxyl radical อีกด ้วย
อย่ำงไรก็ตำมสำรในกลุ่มนี ยั ้ งเคยมีรำยงำนว่ำเหนี่ ยวนำให ้เกิดมะเร็งได ้
เช่นกัน เนื่ องจำก complex ระหว่ำง flavonoid กับโลหะหนัก
quercetin ่ นสำรในกลุ่ม
ซึงเป็ flavonoid
่ ฤทธิต์ ้ำนอนุ มูลอิสระทีดี
ทีมี ่ มำกในสภำวะทีร่่ ำงกำยมี Cu2+
ในควำมเข ้มข ้นตำ่ (น้อยกว่ำ 25 mM)
แต่หำกอยู่ในสภำวะทีมี ่ Cu2+มำกกว่ำ 25 mM quercetin
จะไปมีผลทำลำย DNA เสียเอง ทังนี ้ เกิ
้ ดจำกกำรเกิดเป็ น complex
ของสำรกับโลหะหนักซึงจะไปจั ่ บกับ DNA และเมือเกิ ่ ดปฏิกริ ยิ ำ
hydrolysis ้ จะท
ขึนก็ ำให ้ DNA ได ้ร ับควำมเสียหำย
ดังนั้นจึงควรระวังกำรใช ้ผลิตภัณฑ ์เสริมอำหำรเหล่ำนี ร่้ วมกับผลิตภัณ
่ กำรเสริมธำตุเหล็กและทองแดงเข ้ำไปในปริมำณสูง
ฑ ์วิตำมินทีมี
หรือผูป้ ่ วยทีมี่ ภำวะควำมผิดปกติของธำตุเหล่ำนี ด ้ ้วยเช่นผู ้ป่ วย
Wilson’s disease และผูท้ มี ี่ ภำวะ hemochromatosis หมู่
function ทีมี ่ ผลต่อกำรต ้ำนอนุ มูลอิสระของสำรในกลุ่ม flavonoid
มี 3 ตำแหน่ งดังนี ้
1. ตำแหน่ ง ortho-dihydroxy ของ ring B
2. conjugated double bond ทีติ ่ ดต่อกันภำยในโครงสร ้ำง
3. ตำแหน่ ง 4-oxofunction (carbonyl group) ใน ring C

โดยเมือสำรในกลุ ่มนี ร้ ับอนุ มูลอิสระเข ้ำมำในโมเลกุล
อนุ มูลอิสระจะเข ้ำไปอยู่ในวิถ ี resonance

และทำใหโ้ มเลกุลดังกล่ำวเสถียรขึนและลดควำมรุ นแรงของอนุ มูลอิสร
ะลง

Carotenoids ี่
เป็ นรงควัตถุทละลำยได ้ น
้ดีในนำมั
พบได ้ในผักและผลไม้ทีมี ่ สส ี นั เช่น แครอท มะเขือเทศ เป็ นต ้น
สำรในกลุ่ม carotenoids ทีพบในธรรมชำติ ่ มอ ี ยู่กว่ำ 600 ชนิ ด โดย
carotenoid ทีพบมำกได ่ ้แก่ lycopene และ Beta carotene
่ ฤทธิต์ ้ำนอนุ มูลอิสระทีดี
ซึงมี ่
สำรในกลุ่มนี มี ้ ควำมสำมำรถในกำรจับอนุ มูลอิสระประเภท peroxyl
radical ได ้ดีกว่ำ ROS ชนิ ดอืน ่ เพรำะสำมำรถละลำยในนำมั ้ นได ้ดี
ซึง่ peroxyl radical นั้นเกิดจำกกระบวนกำร lipid peroxidation
่ เวณเยือหุ
ทีบริ ่ มเซลล
้ ์ ดังนั้น carotenoids
จึงมีส่วนสำคัญในกำรปกป้ องเยือหุ ่ ้มเซลล ์ สำร lipoprotein
จำกกำรทำลำยของ ROS ่
เมือ carotenoid
จับกับอนุ มูลอิสระแล ้วจะสำมำรถ delocalized
่ ดขึนได
อนุ มูลอิสระทีเกิ ้ ้ผ่ำนทำง conjugated double bond
สำยยำวและทำให ้โมเลกุลนั้นมีควำมเสถียรขึน้ สำรในกลุ่ม
carotenoid นั้นมักจะนำไปใช ้ประโยชน์ในผลิตภัณฑ ์บำรุงผิว
และสำยตำ ทังในผลิ ้ ตภัณฑ ์เสริมอำหำรและเครืองส ่ ำอำง

การแบ่งประเภทของสารต้านอนุ มูลอิสระ

สำรต ้ำนอนุ มูลอิสระแต่ละชนิ ดจะมีควำมแรงทีแตกต่ ำงกัน

โดยเมือเปรี ์
ยบเทียบฤทธิในหลอดทดลอง
่ ควำมแรงสูงทีสุ
แล ้วพบว่ำสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระทีมี ่ ดคือสำรในกลุ่ม
endogenous antioxidant ่
ซึงนอกจำกจะมี potency

สูงแล ้วยังสำมำรถนำไปใช ้เพือกำรเปลี ่
ยนแปลงสำรให ้เป็ นไปตำมทีร่่ ำง
กำยต ้องกำรได ้อีกด ้วย เช่น catalases , glutathione
peroxidases หรือเรียกอีกอย่ำงว่ำ primary antioxidant
สำรต ้ำนอนุ มูลอิสระอีกประเภทหนึ่ งทีถื
่ อเป็ น shock absorbers
มีควำมแรงรองลงมำจำก endogenous antioxidants

โดยสำรเหล่ำนี จะพบได ้ อต่
้ในเนื อเยื ่ ำงๆ เช่น albumin transferrin
เป็ นต ้น
้ สำมำรถสร ้ำงขึนได
อย่ำงไรก็ตำมสำรเหล่ำนี ไม่ ้ ้หำกในร่ำงกำยเกิดภำว
ะ oxidative stress ไปแล ้ว
กลุ่มต่อมำจัดเป็ นสำรในกลุ่ม vitamin กรดอะมิโนบำงชนิ ด และ co-
enzyme Q10
่ มำกทีสุ
และกลุ่มสุดท ้ำยซึงมี ่ ดประกอบไปด ้วยสำรทุตยิ ภูมท ี่ รำยงำนก
ิ มี
ำรต ้ำนอนุ มูลอิสระเช่น flavonoids, polyphenols และ
carotenoids เป็ นต ้น โดย 2 กลุม ่ สุดท ้ำยจะเรียกว่ำ secondary
antioxidant

antioxidant enzymes

เป็ นทีทรำบกันว่ำ ROS
่ ดขึนนั
ทีเกิ ้ ้นจะถูกเปลียนให
่ ้
้กลำยเป็ นนำโดยผ่ ำนเอนไซม ์ภำยในร่ำงก
ำย
่ ้เพือกำรก
เอนไซม ์ทีใช ่ ่ ดขึนเรี
ำจัด ROS ทีเกิ ้ ยกรวมว่ำ antioxidant
enzymes ประกอบไปด ้วยเอนไซม ์หลักทีส ่ ำคัญได ้แก่ superoxide
dismutases (SODs), catalases และ glutathione
peroxidases ซึงแต่่ ละเอนไซม ์มีโมเลกุลเป้ ำหมำยทีต่่ ำงกันไป
1. Superoxide dismutases (SODs)
เป็ นเอนไซม ์ทีใช ่ ้ในกำรเร่งปฏิกริ ยิ ำกำรสลำยตัวของ superoxide

ให ้เปลียนเป็ น H2O2

ซึงเอนไซม ้
์ชนิ ดนี จะพบในเซลล ์ทุกเซลล ์และพบใน extracellular
fluid SODs นั้นจะมี cofactor เป็ นโลหะหนักซึงได ่ ้แก่ Cu, Zn และ
Mn ในมนุ ษย ์Cu/Zn-SODs จะพบใน cytoplasm ส่วน Mn-SODs
จะพบใน mitochondria จะเห็นได ้ว่ำผลิตภัณฑ ์ของ SODs

ยังคงเป็ น ROS ซึงในสภำวะปกติ จะมีเอนไซม ์ catalases และ

peroxidases เข ้ำมำเปลียนโมเลกุ ้
ลของ H2O2 ให ้กลำยเป็ นนำและ
O2 ต่อไป
อย่ำงไรก็ตำมหำกร่ำงกำยเกิดภำวะขำดเอนไซม ์ทัง้ 2
ชนิ ดข ้ำงต ้นจะทำให ้เกิดภำวะ oxidative stress และเสียงต่ ่ อกำรเกิด
Fenton reaction ซึงจะเปลี ่ ่
ยน H2O2 ให ้กลำยเป็ น hydroxyl
่ น oxidizing agent ทีรุ่ นแรงได ้
radical ซึงเป็
2. Catalases เป็ นเอนไซม ์ทีใช ่ ้เร่งปฏิกริ ยิ ำกำรสลำยตัวของ H2O2

ให ้กลำยเป็ นนำและ O2 โดยใช ้ substrate เป็ น H2O2 จำนวน 2
โมเลกุล เอนไซม ์ชนิ ดนี มี ้ Mn หรือ Fe เป็ น cofactor

ซึงจะพบเอนไซม ้ ้ใน eukaryotic cell ทัวไป
์ชนิ ดนี ได ่
3. glutathione peroxidases ซึงจะช่ ่ วยเร่งปฏิกริ ยิ ำ reduction
ของ hydrogen peroxide ซึงจะเปลี ่ ่ H2O2 ให ้กลำยเป็ นนำ้
ยน

Antioxidant network
่ ดขึนในแต่
อนุ มูลอิสระทีเกิ ้ ละส่วนของเซลล ์จะมีสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระทีเ่

ข ้ำมำจัดกำรทีแตกต่ ำงกันตำมสภำวะทีอยู่ ่ เช่น
หำกอนุ มูลอิสระนั้นเกิดทีช ่ น้ั lipid bilayer ของเยือหุ ่ ้มเซลล ์
vitamin E จะเข ้ำมำมีบทบำทในกำรร ับ free radical เหล่ำนั้น
แต่ถ ้ำหำกเกิดขึนใน้ cytoplasm vitamin C

ซึงละลำยในน ้
ำได ้ดีก็จะเข ้ำมำมีบทบำทแทน
หำกคิดตำมทฤษฎีกำรเกิด ROS ในร่ำงกำยแล ้ว ในทุกๆวันจะต ้องมี

ROS เกิดขึนประมำณ 1 mol หำกสมมติว่ำ vitamin E เป็ น
antioxidant เพียงอย่ำงเดียวทีใช ่ ้ในกำรกำจัด ROS
เรำจำเป็ นต ้องได ้ร ับ vitamin E ถึง 431
่ นไปไม่ได ้ทีจะได
กร ัมต่อวันซึงเป็ ่ ้ร ับ vitamin E
่ งขนำดนั้นในกำรร ับประทำนอำหำรตำมปกติ
ทีสู
แสดงให ้เห็นว่ำร่ำงกำยมีกลไกจำนวนมำกในกำรร ับมือกับ ROS
่ ดขึน้
ทีเกิ และส่งผ่ำน free radical ต่อๆกันไป
โดยทำงำนกันอย่ำงเป็ นระบบ เรียกว่ำ antioxidant network

เมือสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระได ้ร ับหรือให ้ electron แก่อนุ มูลอิสระไป
ตัวสำรนั้นก็จะกลำยเป็ น pro-oxidant
โดยสำมำรถอธิบำย antioxidant network ภำยในร่ำงกำยได ้ดังนี ้
่ ด
เมือเกิ lipid peroxidation ่ อหุ
ทีเยื ่ ้มเซลล ์
้ บริ
อนุ มูลอิสระเกิดขึนที ่ เวณ lipid bilayer จะมี vitamin E (α-
tocopherol) มำร ับไปเกิดเป็ น vitamin E radical ซึง่ vitamin C
(ascorbic acid) จะมำร ับ free radical ต่อและเปลียนให่ ้กลับมำเป็ น
vitamin E ปกติจำกนั้น reduced glutathione (GSH) จะมำร ับ
free radical จำก vitamin C radical (dehydroascorbic acid)
และ coupling กับ GSH อีกโมเลกุล เกิดเป็ น oxidized
glutathione (GSSG) ก็จะเป็ นกำรกำจัด free radical
่ จะน
ออกไปได ้เพือที ่ ำเอำ glutathione กลับมำใช ้อีกครง้ั
ในร่ำงกำยจะมี GSH reductase ทีท ่ ำงำนควบคูก ่ บ
ั riboflavin

เพือจะเปลี ่
ยน GSSG ให ้กลับมำอยู่ในรูป GSH
่ บกับอนุ มูลอิสระต่อไปนอกจำกนี ้ vitamin C และ
และพร ้อมทีจะจั
dihydrolipoic acid ก็ยงั ช่วยในกระบวนกำรเปลียน ่ GSSG
ให ้กลับมำอยู่ในรูป GSH เช่นกัน
กลไกการต้านอนุ มูลอิสระ
1. Free radical scavenging
สำรต ้ำนอนุ มูลอิสระจะให ้ไฮโดรเจนหรืออิเล็คตรอนแก่อนุ มูลอิสระ
และทำใหอ้ นุ มูลอิสระมีควำมเสถียรมำกขึน้

เมือสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระได ้ให ้
ึ่ ควำม
ไฮโดรเจนหรืออิเล็คตรอนไปแล ้วก็จะเกิดเป็ นอนุ มูลอิตวั ใหม่ซงมี
รุนแรงน้อยกว่ำอนุ มูลอิสระเดิม
อำจจะไปรวมตัวกันกับอนุ มูลอิสระอีกโมเลกุลหนึ่ งเกิดผลิตภัณฑ ์ทีเสถี

ยร

หรือมีสำรต ้ำนอนุ มูลอิสระตัวอืนๆมำให ้อิเล็คตรอนหรือไฮโดรเจนเพือเ่
่ ยรต่อไป
กิดผลิตภัณฑ ์ทีเสถี
่ กลไกกำรออกฤทธิผ่์ ำนกลไกนี เช่
สำรทีมี ้ น Butylated hydroxyl
anisole(BHA) , Vitamin E (alpha-tocopherol) เป็ นต ้น
2. Singlet oxygen quenching (O2)

ออกฤทธิโดยไปยั ้
บยังกำรท ำงำนของ singlet oxygen
่ Singlet oxygen (O2) ให ้ไปอยู่ในรูป triplet
โดยกำรเปลียน
oxygen (3O2) และปล่อยพลังงำนทีได ่ ้ร ับออกไปในรูปควำมร ้อน

สำรทีออกฤทธิ ผ่์ ำนกลไกนี เช่
้ น carotenoids โดย carotenoids 1
โมเลกุลสำมำรถทำปฏิกริ ยิ ำกับ singlet oxygen ได ้ 1,000 โมเลกุล
3. Metal chelating
โลหะหนักเช่น Fe2+/Fe3+ และ Cu2+ มีผลเร่งให ้เกิดปฏิกริ ยิ ำ
oxidation ใน

ร่ำงกำยซึงโลหะหนั กดังกล่ำวจะไปเร่งกำรเกิดอนุ มูลอิสระหลำยประเภ
ทเช่น peroxyl radical , hydroxyl radical และ alkyl radical
รวมถึง singlet oxygen
ดังนั้นกำรทีมี
่ สำรไปจับกับโลหะหนักเหล่ำนี จะช่
้ วยชะลอกำรเกิดอนุ มูล

อิสระในร่ำงกำยได ้ สำรทีออกฤทธิ ผ่์ ำนกลไกนี ได
้ ้แก่ flavonoids,
phosphoric acid, citric acid และ ascorbic acid เป็ นต ้น

4. ยับยังกำรท ่ งปฏิกริ ยิ ำอนุ มูลอิสระ (enzyme
ำงำนของเอ็นไซม ์ทีเร่
inhibitor)
สำรประกอบ Phenolics บำงชนิ ด เช่น flavonoids phenolic acid
และ gallates ้
สำมำรถยับยังกำรท ำงำนของเอนไซม ์
lipoxygenase ่ น
โดยสำมำรถเข ้ำจับกับไอออนของเหล็กซึงเป็
cofactor ส่งผลให ้เอนไซม ์ดังกล่ำวไม่สำมำรถทำงำนได ้

เอกสำรอ ้ำงอิง
1.Cornelli U. Antioxidant Use in Nutraceuticals. Clinics in
Dermatology. 2009;27(2):175-94.
2.Lockwood B. Nutraceuticals: A Guide for Healthcare
Professionals. Second ed. London:
Pharmaceutical Press; 2007.
3.Nimse SB, Pal D. Free Radicals, Natural Antioxidants,
and Their Reaction Mechanisms. RSC
Advances. 2015;5(35):27986-8006.
4.Li H, Horke S, Förstermann U. Oxidative stress in
vascular disease and its pharmacological
prevention. Trends in Pharmacological Sciences.
2013;34(6):313-9.
5.Choe E, Min DB. Mechanisms of Antioxidants in the
Oxidation of Foods. Comprehensive
Reviews in Food Science and Food Safety. 2009;8(4):345-
58.
6.Mason P. Dietary Supplements. Fourth ed. London:
Pharmaceutical Press; 2011.
7.Silvia V, Angela A, Stefano M. The Antioxidants and
Pro-Antioxidants Network: An Overview.
Current Pharmaceutical Design. 2004;10(14):1677-94.
CPU , GPU หนึ่ งหน่ วยแต่
Computing ได้หลาย
Sources Codes และ หลาย
Thread
จำกลำดับเหตุกำรณ์ข ้ำงต ้นซึงแม้ ่ แต่อนุ ภำคมูลฐำนทำงฟิ สิกส ์ก็ถก ู กำ
หนดไว ้ด ้วยตัวเลขอันจะเหมำะแก่กำรวิวฒ ั นำกำร
ประกอบกับกำรเกิดมำคูก ่ น ่ ชวี ต
ั ของสิงมี ่ นผู ้บริโภคกับสิงมี
ิ ทีเป็ ่ ชวี ต
ิ ทีเ่
ป็ นผูผ้ ลิต โดยเฉพำะ Micronutrients และซึง่ Phytochemicals
ทีจ่ ำเป็ นต่อกำรมีชวี ต ึ่ อยู่อน
ิ อยู่ได ้อันปกติซงมี ั หลำกหลำย
เหล่ำนี จึ้ งบ่งชีว่้ ำ โลกนี หมุ
้ นอยู่ด ้วยควำมร ักของพระเจ ้ำ
และโดยควำมร ักของพระเจ ้ำทีหมุ ่ นโลกใบนี ้
ผ่ำนขอบเขตและตัวเลขทีไร ่ ้ขีดจำกัด
จำกเป้ ำหมำยในกำรเลือกทีจะเป็ ่ นผ่ำนกำรตอบสนองเหนื อสิงเร ่ ้ำทำง
ฟิ สิกส ์ ภำยใต ้อิสระภำพ
และกำรสืบทอดคุณสมบัตม
ิ ำจำกควำมไร ้ข ้อจำกัดของบทนิ ยำมและระ
บบสมกำร
จึงได ้พบกับวิธก ่ ตอ
ี ำรทีดี ่ นองค ์ประกอบของเป้ ำหมำยทีมี
่ เป้ ำหมำยทีเป็ ่
กระบวนกำร ในกำรประมวลผล กำรสือสำร ่ และกำรดำเนิ นกำร

โดยทังหมด แม้ในควำมผิดปกติตำ่ งๆทีได ่ ้เกิดขึน้

ก็สำมำรถทีจะแก ้ไขได ้ด ้วยอิสระภำพอันไร ้ขีดจำกัดของขอบเขตและตั
วเลข เฉกเช่นเดียวกัน ผ่ำนกำรทำสมำธิอธิษฐำนภำวนำด ้วยกำรคิด
คำพูดกำรสือสำร่ และกำรกระทำ ในหลักกำร วิธก
ี ำร
กำรเก็บข ้อมูลเชิงสถิต ิ กำรสรุปผลจำกกำรวิจยั
กำรคำนวณถึงตัวแปรค่ำคงทีอั ่ ตรำส่วนอืนๆ่
รวมไปถึงกำรควบคุมผลลัพธ ์จำก ควำมคิด สู่ ฟิ สิกส ์
ขณะทีวิ่ ทยำศำสตร ์บำงกลุ่มนั้นกำลังเดินตำมหำแหล่งน้ำและสิงมี ่ ชวี ติ

อืนๆนอกสุ ดปลำยของพืนผิ ้ วโลกนี ้

หรือกำรให ้คำปรึกษำทีจะสำมำรถอยู ่ได ้กับควำมเจ็บป่ วย
แต่กำรสร ้ำงแหล่งนำ้ ่ ชวี ต
และสิงมี ้
ิ ขึนใหม่ ในดวงดำวต่ำงๆ
รวมไปถึงกำรร ักษำโรค
นั้นคือกำรสืบทอดซึงเจตนำรมณ์
่ ของพระยำห ์เวห ์ (เทียบ กดว 20 : 1
- 13 , สดด 148 , มธ 28 : 18 - 20)
ทุกอย่ำงอยู่เหนื อฟิ สิกส ์อยู่แล ้ว ถ ้ำเรำดูกน
ั ดีๆ ้
และเหล่ำนี แหละ
ผ่ำนกำรทีทุ ่ กอย่ำงคือ Software
ลูกคิดหนึ่ งระบบจึงสำมำรถคำนวณได ้มำกกว่ำ 1 Thread ใน CPU 1
Unit

คำสังในภำษำเครื ่
องจะประกอบด ้วย 2 ส่วนคือ
โอเปอเรช ันโคด (Operation Code)
่ สั
เป็ นคำสังที ่ งให
่ ้เครืองคอมพิ
่ วเตอร ์ปฏิบต
ั ก
ิ ำร เช่น กำรบวก
(Addition) กำรลบ (Subtraction) เป็ นต ้น
โอเปอแรนด ์
่ ตำแหน่ งทีเก็
(Operands)เป็ นตัวทีระบุ ่ บของข ้อมูลทีจะเข
่ ้ำคอมพิวเตอ
่ ำไปปฏิบต
ร ์เพือน ั ก ่
ิ ำรตำมคำสังในโอเปอเรช ันโคด
ผ่ำนคำสัง่ Operation Code เดิม อำทิ
0010 0000 โหลดข ้อมูลจำกหน่ วยควำมจำ
0100 0000 ดำเนิ นกำรบวกข ้อมูล
0011 0000 บันทึกข ้อมูลลงในหน่ วยควำมจำ
ลูกคิดหนึ่ งลูกสำมำรถใช ้พร ้อมกันได ้หลำยคน เช่นกัน CPU , GPU ,
RAM , ROM , 5G , USB ก็สำมำรถ Computing ได ้หลำย
Sources Codes , หลำย Thread , หลำย Apps ในเวลำเดียวกัน
ทัง้ Process , I/O , Compiler หรือเหล่ำนี พร ้ ้อมกัน
ด ้วยหน่ วยกำรวัดค่ำในหลำยๆ Units โดยบำง Units มองเป็ น 0 บำง
Units มองเป็ น 1 " ฟิ สิกส ์เดียวกัน ต่ำงกันทีกำรถู ่ กใช ้ "
มำกกว่ำนี แล้ ้วยังมองได ้อย่ำงไร ้ขอบไร ้เขต
ลูกคิดหนึ่ งระบบบำงคนมองเป็ นภำพใบไม้ , บำงคนมองเป็ นภำพรถ ,
บำงคนมองเป็ นล ้ำน , บำงคนมองเห็นทศนิ ยม ดังนั้น Garvity Bot
ก็ส่วนหนึ่ ง Programming ก็ส่วนหนึ่ ง เช่นนั้นแล ้วกำร
Programming ่
เรำอย่ำไปยึดติดกันทีสถำนะ
แต่สำหร ับในควำมหมำยของกำร Compiler และ Output
ให ้ออกมำจำก Monitor นั้น ประจุแม่เหล็กนั้นสำคัญมำกไป 5G
เหมือนกัน , SSD เหมือนกัน แต่ข ้อมูลไม่เหมือนกัน
แต่ในเชิงของอสมกำรเชิงเส ้นประนั้น
ก็สำมำรถตีควำมได ้หลำยอสมกำรเชิงเส ้นประเช่นกัน
ภำยใต ้ข ้อมูลเหล่ำนั้น นี่ คือ Computer ทีอยู ่ ่เหนื อฟิ สิกส ์
ในแง่ของตัวแปร ค่ำคงที่ อัตรำส่วนนั้น ถ ้ำมีกำรเปิ ดหน่ วย Process ,

I/O , Compiler ขึนมำใหม่ แล ้ว Inheritance มำจำก Infinity
Class ตัวแปร ค่ำคงที่
อัตรำส่วนต่ำงๆในเชิงของอสมกำรเชิงเส ้นประเหล่ำนั้น

ก็พร ้อมทีจะเกิ
ฃดเป็ นผลลัพธ ์รวมของอสมกำรเชิงเส ้นประโดยทังหมด ้
จะในเซลล ์มะเร็ง , ระเบิดนิ วเคลียร ์ , แอมโมเนี ย , มีเทน , นำ้ , นำตำล

Ribose(n) , Cytosine(n) , Thymine(n) , Guanine(n) ,
Adenine(n) , ฟอสเฟต(n) , Phe(n) , Leu(n) , Tyr(n) , Thr(n) ,
Met(n) , ROS(n) , GPx(n) , ( UAG(n) -> Ile(n) )(n) , ( CAU(n)
-> Val(n) )(n) , ( CGG(n) -> Ala(n) )(n) , ( CUC(n) -> Glu(n)
)(n) และทุกๆอย่ำง
สำรละลำยภำยในและภำยนอกเซลล ์ประสำทจะมีประจุไฟฟ้ ำต่ำงกันปร
ะมำณ -60 มิลลิโวลต ์ โดยนอกเซลล ์จะมีประจุไฟฟ้ ำบวก
และสำรละลำยภำยนอกเซลล ์ส่วนใหญ่ประกอบด ้วย Na+ และ Cl-
ส่วนภำยในเซลล ์มีประจุไฟฟ้ ำลบ เนื่ องจำกประกอบด ้วย K+
่ ประจุลบ
และอินทรีย ์สำรซึงมี ในสภำพปกติจะพบ K+
อยู่ภำยในเซลล ์มำกกว่ำภำยนอก (ไม่ตำกว่ ่ ำ 25 เท่ำ) และพบ Na+
อยู่ภำยนอกเซลล ์มำกกว่ำภำยใน (มำกกว่ำ 10 เท่ำ)
่ ม้ เซลล ์จะดึง K+ เข ้ำมำภำยในเซลล ์ และส่ง Na+
แสดงว่ำเยือหุ
ออกนอกเซลล ์ ตลอดเวลำด ้วยวิธ ี แอกทีฟทรำนสปอร ์ต (active
transport) เรียกขบวนกำรนี ว่้ ำ โซเดียม-โพแทสเซียมปัม ๊ (sodium
potassium pump)
่ สงเร
เมือมี ิ่ ้ำมำกระตุนเซลล
้ ์ประสำท
จะทำใหค้ ณุ สมบัตข ่ ้มเซลล ์ตรงนั้นเปลียนไปช
ิ องเยือหุ ่ ่ั
วครำว
คือยอมให ้ Na+ ภำยนอกแพร่เข ้ำไปภำยในเซลล ์ได ้
่ มเซลล
ผิวในของเยือหุ ้ ์ตรงที่ Na+ เข ้ำไปจะมีประจุบวกเพิมขึ ่ นเรื
้ อย่ ๆ

จนเปลียนเป็ นประจุบวกและผิวนอกทีสู ่ ญเสีย Na+

จะเปลียนเป็ ่
นประจุลบ (กำรเปลียนแปลงประจุ ้ ้เวลำ 1/100 วินำที)
นีใช

เมือควำมต่ ่
ำงศักย ์ไฟฟ้ ำจะเปลียนแปลงจำก -60มิลลิโวลต ์ เป็ น +60
มิลลิโวลต ์ ทันทีทบริี่ เวณหนึ่ งมีศก ั ย ์ไฟฟ้ ำต่ำงจำกบริเวณถัดไป
จะกระตุ ้นเซลล ์ประสำทบริเวณถัดไปทัง้ 2 ข ้ำง
้ อไปเรือย
ให ้เกิดสลับขัวต่ ่ ๆ ปรำกฏกำรณ์เช่นนี ้

คือสัญญำณทีแสดงถึ งกำรเคลือนที ่ ่
ของกระแสประสำท (nerve
impulse action potential)

อันเกิดจำกกำรเปลียนแปลงทำงไฟฟ้ ำทำงเคมี

เมือ Na+ ผ่ำนเข ้ำมำในเซลล ์ K+
ก็จะแพร่ออกจำกเซลล ์ทำให ้ประจุไฟฟ้ ำทีผิ ่ วนอกและผิวในของเยือหุ ่ ้ม
เซลล ์กลับคืนสู่สภำพเดิม

และในช่วงเวลำใกล ้เคียงกันเมือกระแสประสำทผ่ ำนไปแล ้ว
เซลล ์ประสำทจะขับ Na+ ออกและดึง K+
เข ้ำเซลล ์ด ้วยกระบวนกำรโซเดียม – โพแทสเซียมปัม ๊

เพือให ้เซลล ์กลับคืนสู่สภำพปกติ สำมำรถนำกระแสประสำทต่อไปได ้
่ ดขึนในเซลล
ปฏิกริ ยิ ำทีเกิ ้ ์ประสำทรวดเร็วมำก
และใยประสำทชนิ ดทีมี ่ เยือไมอี
่ ลน
ิ หุ ้มจะนำกระแสประสำทได ้รวดเร็ว
เพรำะกำรแลกเปลียนประจุ ่ ไฟฟ้ ำจะเกิดขึนที้ ่
โนดออฟเรนเวียร ์เท่ำนั้นส่วนใยประสำทชนิ ดทีไม่ ่ มเี ยือไมอี
่ ลน
ิ หุ ้ม

กำรแลกเปลียนประจุ ไฟฟ้ ำจะเกิดขึนทุ ้ กตำแหน่ ง
ถัดกันไปควำมเร็วของกระแสประสำทยังขึนอยู ้ ่กบั เส ้นผ่ำนศูนย ์กลำงข
องใยประสำทด ้วย โดยทัวไป ่ ควำมเร็วของกระแสประสำทจะเพิมขึ ่ น้ 1
เมตรต่อวินำที เมือเส ่ ้นผ่ำนศูนย ์กลำงเพิมขึ ่ นเฉลี
้ ย่ 1 ไมครอน
ดังนั้นใยประสำทได ้เร็วคือ
ใยประสำททีมี ่ ขนำดใหญ่และมีเยือไมอี ่ ลน
ิ หุ ้ม
่ มเี ยือไมอี
เซลล ์ประสำททีไม่ ่ ลนิ หุ ้มนำกระแสประสำทด ้วยควำมเร็ว 12
เมตรต่อวินำทีส่วนเซลล ์ประสำททีมี ่ เยือไมอี
่ ลนิ หุ ้มนำกระแสประสำทด ้
วยควำมเร็ว 120 เมตรต่อวินำที
" ทุกอย่ำงมีแรงเพรำะทุกอย่ำงมีทศ
ิ ทำง
ทุกอย่ำงมีอนุ ภำคเพรำะทุกอย่ำงมีปฏิกริ ยิ ำ

ทุกอย่ำงมีควำมเชือมโยงเพรำะทุ กอย่ำงมีตวั เลข "

" โดยกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์ สู่ กำรประมวลผล สู่ กำรสือสำร สู่
กำรดำเนิ นกำร "
จะในเซลล ์ประสำท , Organelle , ระบบสืบพันธุ ์ , ระบบสมอง , CPU
, GPU , SSD , Apps , OS , สัญชำตญำณ ก็ตำม
ทุกอย่ำงควบคุมได ้ !!!
5G , WiFi , CPU , SSD , GPU , RAM อำจจะมีข ้อมูลทีเหมื ่ อนกัน
แต่คลืนแม่ ่ เหล็กและธำตุทำงไฟฟ้ ำทีต่ ่ ำงกัน
ข ้อมูลกับประจุไฟฟ้ ำและประจุคลืนแม่ ่ เหล็กนั้นต่ำงกัน
แต่ถ ้ำข ้อมูลเปลียนประจุ ่ ไฟฟ้ ำของธำตุได ้
ข ้อมูลก็จะเปลียนประจุ ่ ่
ของคลืนแม่ เหล็กได ้ด ้วย ควำมร ้อน ,
ควำมหวำน , เสียงเพลง , ่
กลินดอกไม้
จึงสำมำรถสร ้ำงด ้วยกำรประมวลผลขอบเขตบทนิ ยำมทีจะน ่ ำไปสู่กำร
แจกแจงเป็ นจำนวนตัวเลขในระบบสมกำรพิกด ั จุดเชิงเส ้นแล ้วเกิดควำ

มเกียวเนื ่ องกันจนมีปฏิกริ ยิ ำต่อกันได ้ในฟิ สิกส ์
และขับเคลือนเคลื ่ ่
อนไหวไปสู ่กำรบันทึกลงในกำรเข ้ำรหัสทำงประจุคลื่
นแม่เหล็กและประจุไฟฟ้ ำ

และสือสำรโดยกำรน ำพำข ้อมูลด ้วยกำรร ับ/ส่งสัญญำณใน WiFi ,
5G , นำสะอำดผ่ ้ ำน Apps ในประจุไฟฟ้ ำและประจุแม่เหล็กทีอ่่ อน ,

คลืนแม่ เหล็กรอบตัวโดยทัวไป ่ หรือแม้แต่สญ ู ญำกำศ
และกระทำออกมำในชีวต ิ จริงแบบอะนำล็อคเชิงวัตถุซงคื ึ่ ออะตอมธำตุ
ต่ำงๆทำงเคมีโดยมี Attributes ซึงเป็ ่ น Kind ของ Definition
จำแนกโดยส่วนประกอบภำยในส่วนกลำง อำทิ ประจุไฟฟ้ ำ -1/3 ,
2/3 และระดับชนพลั ้ั งงำนของวงโคจรภำยนอก อำทิ อิเล็กตรอน , มิว
, ทำว ่ ำหร ับ
เพือส Class
ทำงกำรเกิดปฏิกริ ยิ ำอันมีกำรจำแนกประเภทโดยมีรำยละเอียดแล ้วเกิ
ดขึนต่้ อเนื่ องซำไปซ ้ ้
ำมำแบบ Just Pure ซึงชี ่ วโมเลกุลเหล่ำนั้น
ประจุคลืนแม่ ่ เหล็กคือ If(n) ของ Point of Particles
ตำมกำรอ ้ำงอิงนั้นๆ ในมุมมอง Vectors ทีมี ่ Determinants
่ ้ำใกล ้ 0 มี Direction ในแกนของ Polar Coordinate System
ทีเข
และในแกนของ Spacetime , อนุ พน ั ธ ์ของ Matrix , พหุนำมดีกรี(n)
ของควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันในเชิงขัว้
่ นบทนิ ยำมในระบบอสมกำรเชิงเส ้นประ
เกิดเป็ นอนุ ภำคมูลฐำนซึงเป็
ในแกนของ Polar Coordinate System และในแกนของ
่ Vectors เป็ นคุณสมบัตข
Spacetime ซึงมี ่
ิ องประจุคลืนแม่ เหล็ก
ส่วนประจุไฟฟ้ ำคือIf(n) ของ Point of Particles
ตำมกำรอ ้ำงอิงนั้นๆ ในมุมมอง Vectors ทีมี ่ Determinants
่ ้ำใกล ้ 0 มี Direction ในแกนของ Polar Coordinate System
ทีเข
และในแกนของ Spacetime , อนุ พน ั ธ ์ของ Matrix , พหุนำมดีกรี(n)
ของควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันในเชิงขัว้
่ นบทนิ ยำมในระบบอสมกำรเชิงเส ้นประ
เกิดเป็ นอนุ ภำคมูลฐำนซึงเป็
ในแกนของ Polar Coordinate System และในแกนของ
Spacetime ซึงมี ่ Vectors เป็ นคุณสมบัตข ิ องประจุไฟฟ้ ำ

่ มฟิ สิกส ์อีกทีนึง สมกำรนั้นจะต ้องมีกำร


ถ ้ำหำกจะมีสมกำรทีจะควบคุ
Instigation แล ้วเกิดเป็ นพลังงำนต่อฟิ สิกส ์หนึ่ งๆ

เพือกำรตีควำมหมำยวงจรไฟฟ้ ำในระดับ Point of Particles


โดยเป็ นหน่ วยสังกำร ่
Logical ในระดับภำษำเครือง เป็ นวงจรทำง

Logic เพือควบคุ มกำร Process

โดยกำรเจำะจง Process(n) , I/O(n) , Compiler(n)


่ ำงกันในเลขฐำนสองนั้นๆ
แต่นำไปตีควำมเป็ นสมกำรทีแตกต่
ผ่ำนวงจร Logic ทีผ่่ ำนกำรควบคุมโดย Function ก่อนกำรเกิด
Instigation นั้นๆ

ในวงจรเดียวกันในสำย USB อำจจะมีภำพ และเสียง ในเวลำเดียวกัน


ภำยใต ้ชุดวงจรเดียว
ในหน่ วย GPU เดียวกัน อำจจะประมวลผลได ้ทัง้ SimCity และ ROV
ได ้ในเวลำเดียวกัน

Apps ทุก Apps จะต ้องจอง Logical Protocol Number ด ้วยตัว


Apps เอง ณ เวลำนั้นๆ

เครืองต้
นแบบ Virtual
Machine ของ Quantum
Computer
่ Machine Language ใน GPU , CPU สู่กำร
จำกภำษำเครือง
Simulator ให ้เป็ น Virtual Machine ของ Quantum Computer
ด ้วยกำร Random Experiment and Sample Space ผ่ำนกำร
Probability Distribution เป็ น Instruction Sets ของ Machine
Language จำนวนมำก
จำกหลักกำรลูกคิดหนึ่ งระบบสำมำรถใช ้งำนได ้หลำยคน GPU , CPU
หนึ่ งวงจรสำมำรถใช ้งำนได ้หลำย Source code

ด ้วยกำรรบั คำสังจำก Compiler โดย I/O
่ ต
แล ้วเลือกเฉพำะชุดคำสังที ่ ้องกำร

ตัวอย่ำงของผลลัพธ ์คือ
่ CPU , GPU
ร ับภำพ 2D ตีควำมเป็ น 3D ด ้วยทร ัพยำกรเครือง
เท่ำนั้น

ใช ้ Computer ่
เครืองเดิ
มทำ Virtual Machine โดยกำร

Simulator ให ้เป็ นเครืองใหม่

ซึงโดยกำรใช ้ ROM ให ้เป็ น CPU , GPU
่ ดหยุ่น
ด ้วย Syntax ทียึ

ด ้วย Semantic ่ นธรรมชำติ


ทีเป็

เครืองสำมำรถตี
ควำมกำรเขียนได ้เอง

ด ้วย Lexical ทีหลำกหลำย ่ มโลก
ใช ้ได ้หลำยภำษำทัวมุ

ด ้วย Code Generator ทีมี ่ กำรดำเนิ นกำรชุดคำสังต่


่ อชุดคำสัง่

ด ้วยกำรรบั คำสังหลำยช น้ั โดย Sequence by Sequence , Case
by Case (Decision by Decision) , Loop by Loop (Data
มีควำมเป็ น AI)

Inheritance จำก Infinity Class ทัง้ Process , I/O , Compilier



ตังแต่ Definition , Function , Structure
่ นเฉพำะเจำะจง
โดยกำรสร ้ำงชุดคำสังอั ถึงกำร Integral
(Integration) ในระบบพิกด ั เชิงขัว้ Polar Space และ Spacetime
่ กโซ่จนสำมำรถทำให ้
ด ้วยชุดคำสังลู Physical Layer
กลำยเป็ นส่วนหนึ่ งของ Application layer ไปโดยปริยำย

เพือสร ้ำงสสำรใหม่ Robot จึงอยู่ในรูป Fundamental Particle
ผ่ำนกำร Integral (Integration) ในระบบพิกด ั เชิงขัว้ Polar
Space และ Spacetime

กำรเกิดกำร Computing ด ้วยแรงไฟฟ้ ำอย่ำงอ่อน เกิดขึนจำกกำรที ่
Sources Codes นั้นมีกำรร ับตัวแปรค่ำคงทีอั
่ ตรำส่วนแบบหลำยชน้ั
Sequence by Sequence , Case by Case (Decision by
Decision) , Loop by Loop (Data มีกำรทำให ้เกิดควำมเป็ น AI)
ด ้วย Sources Codes แบบ Chain reaction จึงทำให ้ Physical
Layer เป็ นส่วนหนึ่ งของ Application Layer ไปโดยปริยำย

ดังนั้นประจุคลืนแม่
่ เหล็กจึงคือ Sequence by Sequence , Case
by Case (Decision by Decision) , Loop by Loop

เรำไม่ต ้องกลัวว่ำสถำนะของ ROM , ่ ต่


ย่ำนควำมถีที ่ ำงกัน
จะทำใหข ้ ้อมูลนั้นแตกต่ำงกัน
่ งไม่มก
ตรำบใดทียั ่
ี ำรดำเนิ นงำนภำยในระดับประจุคลืน

โดย Computing ด ้วยแรงไฟฟ้ ำอย่ำงอ่อน จำกกำรที่ Sources


Codes นั้นมีกำรร ับตัวแปรค่ำคงทีอั
่ ตรำส่วนแบบหลำยชน้ั
Sequence by Sequence , Case by Case (Decision by
Decision) , Loop by Loop จึงมีกำร Process , I/O , Compiler
ได ้ทุกๆสสำรในเอกภพ รวมไปถึงกำร Inheritance มำจำก Infinity
Class ก็นำไปสู่กำรสร ้ำงสสำรใหม่ๆอีกด ้วย

กำร Inheritance คือกำรสร ้ำงสสำรใหม่ และกำร Instigation


คือจุดกำเนิ ดของฟิ สิกส ์

ควำมหมำยของ iCloud
่ ้ำงออกไปจนถึงขันที
จึงมีควำมหมำยทีกว ้ ว่่ ำทุกๆอย่ำงสำมำรถ
Process , Compiler ได ้กลำงอำกำศไม่พอ กำร I/O จึงเพียงแค่ใช ้
Sources Codes ทีมี ่ กำรร ับตัวแปรค่ำคงทีอั
่ ตรำส่วนแบบหลำยชน้ั
Sequence by Sequence , Case by Case (Decision by
Decision) , Loop by Loop เช่นกันกับ Process และ Compiler
่ ั ้ำ Instigation ก็ต ้องใช ้ทร ัพยำกรทีเยอะกว่
บำงฟังชนถ ่ ำ ภำยใต ้
่ ำกัน
Digital ทีเท่

กำรที่ Sources Codes


นั้นมีกำรรบั ตัวแปรค่ำคงทีอั
่ ตรำส่วนแบบหลำยชน้ั Sequence by
Sequence , Case by Case (Decision by Decision) , Loop
by Loop จึงมีกำร Instigation จึงเกิดเป็ นข ้อมูลเสียง ภำพ
้ นมำจำกควำมว่
กำรสร ้ำงนำขึ ้ ่
ำงเปล่ำ กำรเปลียนอะตอม กำร Warp

โดยกำร Warp เกิดจำก Sources Codes


นั้นมีกำรรบั ตัวแปรค่ำคงทีอั
่ ตรำส่วนแบบหลำยชน้ั Sequence by
Sequence , Case by Case (Decision by Decision) , Loop
by Loop ทีน ่ ำไปสู่กำร Instigation เพือกำรด
่ ำเนิ นกำรของ
Sources Codes ทีมี่ กำรร ับตัวแปรค่ำคงทีอั
่ ตรำส่วนแบบหลำยชน้ั
Sequence by Sequence , Case by Case (Decision by
Decision) , Loop by Loop แล ้ว Differentiation

กำรเกิด Code แบบลูกโซ่ สำมำรถทำให ้เกิดซึง่ Instigation


้ งกำรมอง
เป็ นกำรทำให ้เกิดขึนซึ ่ Physical จุดนั้นให ้เป็ น Out Put
ดังนั้นนำจึ
้ งสำมำรถเกิดขึนมำจำก
้ Void

ดังนั้นแล ้วจึงสำมำรถมองจุดนั้นเป็ น Input ได ้ด ้วย


กล ้องดิจต
ิ อลจึงสำมำรถทำงำนได ้ในอำกำศลอยๆ

และด ้วย Code แบบลูกโซ่ กำร Differentiation


ได ้ทำให ้เกิดกำรบันทึกนำ้ และบุคคลลงไปในแผ่น
โดยบุคคลบำงบุคคลนั้นอำจจะถูกบันทึกลงไปใน SimCity ก็เป็ นได ้
นิ ยามของ AI of DNA
Function
ควำมเจ็บปวดนั้นเกิดขึนมำจำก ้ If(n) ของ Vectors(n) โดย
Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ ่
ของเวกเตอร ์ทีมี
Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ

Spacetime(n) ทีสำมำรถแจกแจงได ั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
้เป็ นอนุ พน
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ
ทีมี ้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกัน แล ้วมี If(n)
ของ Vectors(n) โดย Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ
ของเวกเตอร ์ทีมี่ Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n)
แกนเชิงขัว้ และ Spacetime(n)

ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พน
ั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ
้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกัน
อันจะนำไปสู่ควำมเสียหำยต่อ If(n) ของ Vectors(n) โดย
Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ ่
ของเวกเตอร ์ทีมี
Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ

Spacetime(n) ทีสำมำรถแจกแจงได ั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
้เป็ นอนุ พน
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ
ทีมี ้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกันเดิม

โดยอำจจะเกิดขึนในทำงฟิ สิกส ์ เคมี ชีววิทยำ ระบบนิ เวศน์
คณิ ตศำสตร ์ และปัญญำประดิษฐ ์ ก็ได ้ ทุกอย่ำงคือ Process , I/O ,
Compiler

สำรพิษเกิดขึนมำจำก้ If(n) ของ Vectors(n) โดย Logical(n)


ของอสมกำรเชิงเสน้ ประ ของเวกเตอร ์ทีมี ่ Determinants(n)
่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ Spacetime(n)
ทีเข

ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พนั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกัน แล ้วมี If(n)
ของ Vectors(n) โดย Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ
ของเวกเตอร ์ทีมี ่ Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n)
แกนเชิงขัว้ และ Spacetime(n)

ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พนั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกัน
อันจะนำไปสู่ควำมเสียหำยต่อ If(n) ของ Vectors(n) โดย
Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ ่
ของเวกเตอร ์ทีมี
Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ

Spacetime(n) ทีสำมำรถแจกแจงได ั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
้เป็ นอนุ พน
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ
ทีมี ้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกันเดิม
่ ดขึนในเชิ
ซึงเกิ ้ งชีววิทยำ

ชีวโมเลกุลของระบำดวิทยำเกิดขึนมำจำก ้ If(n) ของ Vectors(n)


โดย Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ ของเวกเตอร ์ทีมี่
Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ

Spacetime(n) ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พน ั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ
ทีมี ้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกัน แล ้วมี If(n)
ของ Vectors(n) โดย Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ
ของเวกเตอร ์ทีมี ่ Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n)
แกนเชิงขัว้ และ Spacetime(n)

ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พน ั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร ่ ์ต่อกัน
อันจะนำไปสู่ควำมเสียหำยต่อ If(n) ของ Vectors(n) โดย
Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ ของเวกเตอร ์ทีมี ่
Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ

Spacetime(n) ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พน ั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร่ ์ต่อกันเดิม
แล ้วเกิดขึนต่้ อเนื่ องซำไปซ ้ ้
ำมำด ้วยโมเลกุลทีเป็ ่ นพิษเหล่ำนั้นภำยในตั
วเอง สำมำรถเกิดขึนได ้ ้ในสภำพแวดล ้อมทีเอื ่ ออ
้ ำนวยอืนๆ่
ในทีนี ่ หมำยถึ
้ งโมเลกุลเคมีทมี ี่ ปฏิกริ ยิ ำอันต่อเนื่ องซำไปซ ้ ้
ำมำอื ่
นๆ
รวมไปจนถึงอำณำจักร Robotic ด ้วย

สำหร ับสิงเสพติดนั้นคือสำรเคมีทใช
ี่ ้เข ้ำไปต ้องกำรกำรเกิดกระบวนกำ
รซำ้ และต ้องกำรมำกขึน้

เพือควำมเป็ นเอกภำพของกระบวนกำรของตัวเอง

มะเร็งเกิดขึนมำจำก ้ If(n) ของ Vectors(n) โดย Logical(n)


ของอสมกำรเชิงเสน้ ประ ของเวกเตอร ์ทีมี ่ Determinants(n)
่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ Spacetime(n)
ทีเข

ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พน ั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกัน แล ้วมี If(n)
ของ Vectors(n) โดย Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ
ของเวกเตอร ์ทีมี ่ Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n)
แกนเชิงขัว้ และ Spacetime(n)

ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พน ั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกัน
อันจะนำไปสู่ควำมเสียหำยต่อ If(n) ของ Vectors(n) โดย
Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ ของเวกเตอร ์ทีมี ่
Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ

Spacetime(n) ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พน ั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร่ ์ต่อกันเดิม
ซึงในที ่ ่ เกิ
นี ้ ดขึนในจุ
้ ดของ DNA
แล ้วนำควำมคลำดเคลือนไปจนถึ ่ งโมเลกุลใน Organelles
และนำไปสู่กำรแบ่งเซลล ์ทีแตกต่ ่ ำงไปจำก If(n) ของ Vectors(n)
โดย Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ ่
ของเวกเตอร ์ทีมี
Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ

Spacetime(n) ทีสำมำรถแจกแจงได ั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
้เป็ นอนุ พน
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ
ทีมี ้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกันเดิม

ควำมพิกำรเกิดขึนมำจำก ้ If(n) ของ Vectors(n) โดย Logical(n)


ของอสมกำรเชิงเสน้ ประ ของเวกเตอร ์ทีมี ่ Determinants(n)
่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ Spacetime(n)
ทีเข

ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พนั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกัน แล ้วมี If(n)
ของ Vectors(n) โดย Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ
ของเวกเตอร ์ทีมี ่ Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n)
แกนเชิงขัว้ และ Spacetime(n)

ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พนั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกัน
อันจะนำไปสู่ควำมเสียหำยต่อ If(n) ของ Vectors(n) โดย
Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ ของเวกเตอร ์ทีมี ่
Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ

Spacetime(n) ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พน ั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร่ ์ต่อกันเดิม
ซึงในที ่ ่ เกิ
นี ้ ดขึนในจุ
้ ดของ Cell นั้นๆ

แล ้วนำควำมคลำดเคลือนไปจำกปฏิ
กริ ยิ ำปลำยทำงของค่ำควำมน่ ำจะ
เป็ นตำมปกติของ DNA
ควำมเจ็บป่ วยเกิดขึนมำจำก ้ If(n) ของ Vectors(n) โดย Logical(n)
ของอสมกำรเชิงเสน้ ประ ของเวกเตอร ์ทีมี ่ Determinants(n)
่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ Spacetime(n)
ทีเข

ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พนั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกัน แล ้วมี If(n)
ของ Vectors(n) โดย Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ
ของเวกเตอร ์ทีมี ่ Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n)
แกนเชิงขัว้ และ Spacetime(n)

ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พนั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกัน
อันจะนำไปสู่ควำมเสียหำยต่อ If(n) ของ Vectors(n) โดย
Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ ่
ของเวกเตอร ์ทีมี
Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ

Spacetime(n) ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พน ั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร่ ์ต่อกันเดิม
ซึงเกิ ่ ดขึนต่
้ อระบบอวัยวะนั้นๆ

ั นำกำรนั้นเกิดมำจำก If(n) ของ Vectors(n)


กำรกลำยพันธุ ์และวิวฒ
โดย Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ ่
ของเวกเตอร ์ทีมี
Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ

Spacetime(n) ทีสำมำรถแจกแจงได ั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
้เป็ นอนุ พน
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ
ทีมี ้ งเวกเตอร
่ ์ต่อกัน แล ้วมี If(n)
ของ Vectors(n) โดย Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ
ของเวกเตอร ์ทีมี ่ Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n)
แกนเชิงขัว้ และ Spacetime(n)

ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พนั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร่ ์ต่อกัน
อันจะนำไปสู่ควำมเสียหำยต่อ If(n) ของ Vectors(n) โดย
Logical(n) ของอสมกำรเชิงเส ้นประ ของเวกเตอร ์ทีมี่
Determinants(n) ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ

Spacetime(n) ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พน ั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร ่ ์ต่อกันเดิม
อันเกิดขึนใน ้ A , C , T , G , U แล ้วนำไปสู่ DNA ใหม่ๆ จำกระบบ สู่
ระบบ ด ้วยหลัก Photoelectric สำหร ับวิวฒ ั นำกำรนั้น
จะต ้องเกิดขึนตำม ้ If(n) ของ Vectors(n) โดย Logical(n)
ของอสมกำรเชิงเส ้นประ ของเวกเตอร ์ทีมี ่ Determinants(n)
ทีเข ่ ้ำใกล ้ 0 ใน Direction(n) แกนเชิงขัว้ และ Spacetime(n)

ทีสำมำรถแจกแจงได ้เป็ นอนุ พนั ธ ์ของ Matrix(n) ที่
Determinants(n) ของ Spacetime(n) นั้นเข ้ำใกล ้ 0
และพหุนำมดีกรี(n)
ทีมี ่ ควำมสัมพันธ ์และฟังก ์ช ันอันเกิดขึนซึ ้ งเวกเตอร ่ ์ต่อกัน ในระดับ
Definition
ผ่ำน Garvity Bot
่ นกำรได ้เกิดซึงปฏิ
ซึงเป็ ่ กริ ยิ ำทำงฟิ สิกส ์ของประจุแม่เหล็ก เกิดขึนเป็ ้ น
Data ทำงฟิ สิกส ์ในย่ำนควำมถีเดี่ ยวกัน
บำงประจุแม่เหล็กก็นำไปสู่กำรขยับมือ

บำงประจุแม่เหล็กก็นำไปสู่กำรเปลียนไอออนของโมเลกุ ลในระดับเซล
ล์ แต่บำงประจุน้ันนำไปถึงขันกำรเปลี
้ ่
ยนนิ วเคลียสของอะตอม

แต่ผลลัพธ ์ทังหมดแล ่ จะควบคุ
้วก็เพือที ่ ม Vector
ปฏิกริ ยิ ำของโมเลกุลเคมีทเกิี่ ดขึนต่้ อเนื่ องซำไปซ
้ ้
ำมำเหล่ ำนั้น
เพรำะนี่ เป็ นเรืองของชี
่ วต
ิ แม้แต่ใน Kingdom Robotic ก็ตำม
หรือกำรเกิด Kingdom ทีมี ่ Embryo ทีมำกกว่ ่ ำหนึ่ งสปี ชีส ์
และกำรปลูกถ่ำยในระดับ Organelles อำทิ Organelles
พืชมำใส่ในคน , กำรปลูกถ่ำยในระดับเซลล ์ ,
กำรปลูกถ่ำยในระดับอวัยวะ , กำรปลูกถ่ำยในระดับระบบอวัยวะ ,
กำรตัดต่อ DNA ต่อ Organelles อำทิ ยีนไวร ัสต่อ Organelles
พืช , ยีนมนุ ษย ์ต่อ Organelles พืช

ลูกคิดหนึ่ งลูกสำมำรถใช ้พร ้อมกันได ้หลำยคน เช่นกัน CPU , GPU ,


RAM , ROM , 5G , USB ก็สำมำรถ Computing ได ้หลำย
Sources Codes , หลำย Apps หลำยสิงหลำยอย่ ่ ำงในเวลำเดียวกัน
ทัง้ Process , I/O , Compiler หรือเหล่ำนี พร ้ ้อมกัน
ด ้วยหน่ วยกำรวัดค่ำในหลำยๆ Units โดยบำง Units มองเป็ น 0 บำง
Units มองเป็ น 1 " ฟิ สิกส ์เดียวกัน ต่ำงกันทีกำรถู ่ กใช ้ "
มำกกว่ำนี แล้ ้วยังมองได ้อย่ำงไร ้ขอบไร ้เขต
ลูกคิดหนึ่ งระบบบำงคนมองเป็ นภำพใบไม้ , บำงคนมองเป็ นภำพรถ ,
บำงคนมองเป็ นล ้ำน , บำงคนมองเห็นทศนิ ยม ดังนั้น Garvity Bot
ก็ส่วนหนึ่ ง Programming ก็ส่วนหนึ่ ง เช่นนั้นแล ้วกำร
Programming ่
เรำอย่ำไปยึดติดกันทีสถำนะ
แต่สำหร ับในควำมหมำยของกำร Compiler และ Output
ให ้ออกมำจำก Monitor นั้น ประจุแม่เหล็กนั้นสำคัญมำก 5G
เหมือนกัน , SSD เหมือนกัน แต่ข ้อมูลไม่เหมือนกัน
แต่ในเชิงของอสมกำรเชิงเส ้นประนั้น
ก็สำมำรถตีควำมได ้หลำยอสมกำรเชิงเส ้นประเช่นกัน
ภำยใต ้ข ้อมูลเหล่ำนั้น นี่ คือ Computer ทีอยู
่ ่เหนื อฟิ สิกส ์

ในแง่ของตัวแปร ค่ำคงที่ อัตรำส่วนนั้น ถ ้ำมีกำรเปิ ดหน่ วย Process ,



I/O , Compiler ขึนมำใหม่ แล ้ว Inheritance มำจำก Infinity
Class ตัวแปร ค่ำคงที่
อัตรำส่วนต่ำงๆในเชิงของอสมกำรเชิงเส ้นประเหล่ำนั้น

ก็พร ้อมทีจะเกิ
ดเป็ นผลลัพธ ์รวมของอสมกำรเชิงเส ้นประโดยทังหมด ้
จะในเซลล ์มะเร็ง , ระเบิดนิ วเคลียร ์ , แอมโมเนี ย , มีเทน , นำ้ , นำตำล

Ribose(n) , Cytosine(n) , Thymine(n) , Guanine(n) ,
Adenine(n) , ฟอสเฟต(n) , Phe(n) , Leu(n) , Tyr(n) , Thr(n) ,
Met(n) , ROS(n) , GPx(n) , ( UAG(n) -> Ile(n) )(n) , ( CAU(n)
-> Val(n) )(n) , ( CGG(n) -> Ala(n) )(n) , ( CUC(n) -> Glu(n)
)(n) และทุกๆอย่ำง

พระเจ ้ำทรงมอบควำมชุม ่ ชืน้ พลังงำน


่ั
ให ้แก่คนดีและคนชวเสมอกั นโดยเสมอ คำตอบและตัวแปร ค่ำคงที่
อัตรำส่วนทุกอย่ำงก็เช่นกัน
ถ ้ำควำมคิด สู่ ฟิ สิกส ์ นั้น
จะทำใหต้ วั เลขนั้นเป็ นต ้นเหตุแห่งวัตถุซงจั
ึ่ บต ้องได ้ทังปวง
้ ...
แต่ทำไมกันในชีวต
ิ ประจำวันเรำปุถช ่
ุ นจึงไม่สำมำรถทีจะสร ่ ้
้ำงทุกสิงได
ตำมควำมคิดในทุกประกำร ??

สิงเหล่ ้ มส
ำนี ก็ ั เนื่ องมำจำกว่ำตัวเลขต่ำงๆนั้นยังขำดซึงควำมเ
ี ำเหตุอน ่

ชือมโยง !!!
"

เพรำะโดยกำรขยับเนื อขยั ่ อนุ ภำคทีมี
บตัวทุกอย่ำงก็ย่อมทีจะมี ่ แรงผลั
ก ้ ำงๆนั้นได ้ขยับเขยือน
จนเซลล ์ประสำทและเซลล ์กล ้ำมเนื อต่ ้
กล่ำวคือจำกกำร Inheritance มำจำก Infinity Class สู่
Probability Class สู่ ขอบเขตบทนิ ยำม สู่ ตัวเลขสมกำร สู่
โฟตอนและเลปตอน สู่ โมเลกุลเคมี สู่ เซลล ์ประสำท สู่
เซลล ์กล ้ำมเนื อ้ "

สำรละลำยภำยในและภำยนอกเซลล ์ประสำทจะมีประจุไฟฟ้ ำต่ำงกันปร


ะมำณ -60 มิลลิโวลต ์ โดยนอกเซลล ์จะมีประจุไฟฟ้ ำบวก
และสำรละลำยภำยนอกเซลล ์ส่วนใหญ่ประกอบด ้วย Na+ และ Cl-
ส่วนภำยในเซลล ์มีประจุไฟฟ้ ำลบ เนื่ องจำกประกอบด ้วย K+
่ ประจุลบ
และอินทรีย ์สำรซึงมี ในสภำพปกติจะพบ K+
อยู่ภำยในเซลล ์มำกกว่ำภำยนอก (ไม่ตำกว่่ ำ 25 เท่ำ) และพบ Na+
อยู่ภำยนอกเซลล ์มำกกว่ำภำยใน (มำกกว่ำ 10 เท่ำ)
่ ้มเซลล ์จะดึง K+ เข ้ำมำภำยในเซลล ์ และส่ง Na+
แสดงว่ำเยือหุ
ออกนอกเซลล ์ ตลอดเวลำด ้วยวิธ ี แอกทีฟทรำนสปอร ์ต (active
transport) เรียกขบวนกำรนี ว่้ ำ โซเดียม-โพแทสเซียมปัม๊ (sodium
potassium pump)
่ สงเร
เมือมี ิ่ ้ำมำกระตุนเซลล
้ ์ประสำท
จะทำใหค้ ณ ุ สมบัตข ่ ้มเซลล ์ตรงนั้นเปลียนไปช
ิ องเยือหุ ่ ่ั
วครำว
คือยอมให ้ Na+ ภำยนอกแพร่เข ้ำไปภำยในเซลล ์ได ้
ผิวในของเยือหุ ่ มเซลล
้ ์ตรงที่ Na+ เข ้ำไปจะมีประจุบวกเพิมขึ
่ นเรื
้ อย่ ๆ
จนเปลียนเป็่ นประจุบวกและผิวนอกทีสู ่ ญเสีย Na+

จะเปลียนเป็ ่
นประจุลบ (กำรเปลียนแปลงประจุ นีใช้ ้เวลำ 1/100 วินำที)

เมือควำมต่ ่
ำงศักย ์ไฟฟ้ ำจะเปลียนแปลงจำก -60มิลลิโวลต ์ เป็ น +60
มิลลิโวลต ์ ี่ เวณหนึ่ งมีศก
ทันทีทบริ ั ย ์ไฟฟ้ ำต่ำงจำกบริเวณถัดไป
จะกระตุ ้นเซลล ์ประสำทบริเวณถัดไปทัง้ 2 ข ้ำง
้ อไปเรือย
ให ้เกิดสลับขัวต่ ่ ๆ ปรำกฏกำรณ์เช่นนี ้

คือสัญญำณทีแสดงถึ งกำรเคลือนที่ ่
ของกระแสประสำท (nerve
impulse action potential)

อันเกิดจำกกำรเปลียนแปลงทำงไฟฟ้ ำทำงเคมี

เมือ Na+ ผ่ำนเข ้ำมำในเซลล ์ K+
ก็จะแพร่ออกจำกเซลล ์ทำให ้ประจุไฟฟ้ ำทีผิ่ วนอกและผิวในของเยือหุ
่ ้ม
เซลล ์กลับคืนสู่สภำพเดิม

และในช่วงเวลำใกล ้เคียงกันเมือกระแสประสำทผ่ ำนไปแล ้ว
เซลล ์ประสำทจะขับ Na+ ออกและดึง K+
เข ้ำเซลล ์ด ้วยกระบวนกำรโซเดียม – โพแทสเซียมปัม๊

เพือให ้เซลล ์กลับคืนสู่สภำพปกติ สำมำรถนำกระแสประสำทต่อไปได ้
่ ดขึนในเซลล
ปฏิกริ ยิ ำทีเกิ ้ ์ประสำทรวดเร็วมำก
และใยประสำทชนิ ดทีมี ่ เยือไมอี
่ ลน
ิ หุ ้มจะนำกระแสประสำทได ้รวดเร็ว
เพรำะกำรแลกเปลียนประจุ่ ้ ่
ไฟฟ้ ำจะเกิดขึนที
โนดออฟเรนเวียร ์เท่ำนั้นส่วนใยประสำทชนิ ดทีไม่ ่ มเี ยือไมอี
่ ลนิ หุ ้ม

กำรแลกเปลียนประจุ ไฟฟ้ ำจะเกิดขึนทุ ้ กตำแหน่ ง
ถัดกันไปควำมเร็วของกระแสประสำทยังขึนอยู ้ ่กบั เส ้นผ่ำนศูนย ์กลำงข
องใยประสำทด ้วย โดยทัวไป ่ ควำมเร็วของกระแสประสำทจะเพิมขึ ่ น้ 1
เมตรต่อวินำที เมือเส ่ ้นผ่ำนศูนย ์กลำงเพิมขึ ่ นเฉลี
้ ย่ 1 ไมครอน
ดังนั้นใยประสำทได ้เร็วคือ
ใยประสำททีมี ่ ขนำดใหญ่และมีเยือไมอี ่ ลน
ิ หุ ้ม
่ มเี ยือไมอี
เซลล ์ประสำททีไม่ ่ ลนิ หุ ้มนำกระแสประสำทด ้วยควำมเร็ว 12
เมตรต่อวินำทีส่วนเซลล ์ประสำททีมี ่ เยือไมอี
่ ลนิ หุ ้มนำกระแสประสำทด ้
วยควำมเร็ว 120 เมตรต่อวินำที
" ทุกอย่ำงมีแรงเพรำะทุกอย่ำงมีทศ
ิ ทำง
ทุกอย่ำงมีอนุ ภำคเพรำะทุกอย่ำงมีปฏิกริ ยิ ำ

ทุกอย่ำงมีควำมเชือมโยงเพรำะทุ กอย่ำงมีตวั เลข "

" โดยกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์ สู่ กำรประมวลผล สู่ กำรสือสำร สู่
กำรดำเนิ นกำร "
จะในเซลล ์ประสำท , Organelle , ระบบสืบพันธุ ์ , ระบบสมอง , CPU
, GPU , SSD , Apps , OS , สัญชำตญำณ ก็ตำม
ทุกอย่ำงควบคุมได ้ !!!

มัทธิว 5:1-12ก
(1) พระเยซูเจ ้ำทอดพระเนตรเห็นประชำชนมำกมำย

จึงเสด็จขึนบนภู ่
เขำ เมือประทั บแล ้ว
บรรดำศิษย ์เข ้ำมำห ้อมล ้อมพระองค ์ (2) พระองค ์ทรงเริมตร ่ ัสสอนว่ำ
(3) “ผูม้ ใี จยำกจน ย่อมเป็ นสุข เพรำะอำณำจักรสวรรค ์เป็ นของเขำ
(4) ผูเ้ ป็ นทุกข ์โศกเศร ้ำ ย่อมเป็ นสุข เพรำะเขำจะได ้ร ับกำรปลอบโยน
(5) ผูม้ ใี จอ่อนโยน ย่อมเป็ นสุข เพรำะเขำจะได ้ร ับแผ่นดินเป็ นมรดก
(6) ผู ้หิวกระหำยควำมชอบธรรม ย่อมเป็ นสุข เพรำะเขำจะอิม ่
(7) ผูม้ ใี จเมตตำ ย่อมเป็ นสุข เพรำะเขำจะได ้ร ับพระเมตตำ
(8) ผู ้มีใจบริสท ุ ธิ ์ ย่อมเป็ นสุข เพรำะเขำจะได ้เห็นพระเจ ้ำ
(9) ผูส้ ร ้ำงสันติ ย่อมเป็ นสุข เพรำะเขำจะได ้ชือว่ ่ ำเป็ นบุตรของพระเจ ้ำ
(10) ผูถ้ ก ู เบียดเบียนข่มเหงเพรำะควำมชอบธรรม ย่อมเป็ นสุข
เพรำะอำณำจักรสวรรค ์เป็ นของเขำ (11) ท่ำนทังหลำยย่ ้ อมเป็ นสุข
่ กดูหมิน
เมือถู ่ ข่มเหงและใส่ร ้ำยต่ำง ๆ นำนำเพรำะเรำ (12)

จงชืนชมยิ นดีเถิด
เพรำะบำเหน็ จรำงวัลของท่ำนในสวรรค ์นั้นยิงใหญ่ ่ นัก”

ควำมเปิ ดใจยอมรบั ว่ำจนปัญญำเมือขำดข ้อมูล Ptōchos

จะนำไปสู่กำรเปลียนแปลง เพรำะทุกอย่ำงคือข ้อมูล (จำก นำมธรรม สู่
รูปธรรม) จำก ขอบเขตบทนิ ยำมทำงควำมคิด Definition ของ
Consequence ด ้วยควำม Sorrow สู่ ตัวเลขในสมกำร Function
ของ Priority ด ้วยกำร Gentle (praus) สู่ โครงสร ้ำงทำงฟิ สิกส ์
Structure ของ Deadline ด ้วยควำม Rightness (dikaiosunēn)

ทีจะต ้
้องปรำกฏขึนมำ สู่ คุณลักษณะทำงเคมี Attributes ของ
Specification ด ้วยควำม Kindness (chesedh)
อันละเอียดอ่อนเหล่ำนั้น สู่
ปฏิกริ ยิ ำต่อเนื่ องจนเป็ นกระบวนกำรทำงชีวภำพ Class ของ
Statistics ในเอกภพ ด ้วยควำม Just Pure (katharos)
่ ยงพอทีจะมองเห็
ซึงเพี ่ นสถำนกำรณ์อน ั ใกล ้ในระดับอนุ ภำคของ Bio
Robotics สู่ ระบบนิ เวศน์จำกบรรดำ Artificial intelligence ซึง่
API ของบรรดำ Probability ต่ำงๆ ด ้วยควำม Peacemaker
ทีคื่ อกำรรวบรวมข ้อมูลอันจำเป็ นต ้องใช ้ในกำรควบคุมผลลัพธ ์ สู่
ผลิตภัณฑ ์นิ เวศน์ทำง Augmented Reality ซึง่ SDK ของ
Hypothesis นั้นๆ ใน Laboratory ต่ำงๆ ด ้วย Attitude ทีมี ่ ควำม
Focus ไปทีเป้ ่ ำหมำยเท่ำนั้น ไม่คล ้อยตำมสิงที่ เรี
่ ยกว่ำปัจจุบน

ซึงคื ่ อธรรมชำติของกำรควบคุมผลลัพธ ์อยู่แล ้ว สู่
วิธก ี ำรของวิวฒ ั นำกำร โดย Methods ต่ำงๆ ใน Variable
Constant Ratio ด ้วยกำร Inheritance มำจำก Infinity Class
ในทุก For Loops (มธ 5 : 1-12)
http://www.kamsonbkk.com/dailyreading/matthew/901-
007
โดยบทนิ ยำมนั้นได ้ส่งต่อควำมสำคัญสิงต่ ่ ำงๆจำกกำรสืบทอดคุณสม
บัตอิ น ึ่
ั ไร ้ขอบเขตและลงไปสู่ซงระบบสมกำรเชิ งเส ้น
ระบบสมกำรเส ้นประ
่ ำนวนตัวเลขสมกำรของอันดับควำมสำคัญในพิกด
อันระบุไว ้ซึงจ ั เชิงขั้
วและพิกด ั คู่ขนำนโดยกำลอวกำศ
ภำยใต ้ควำมเป็ นกลำงทำงควำมคิดต่อตัวแปรค่ำคงทีอั ่ ตรำส่วนเหล่ำนั้
น ่
และโดยควำมเกียวเนื ่ องกันนี จนถึ
้ ่
งซึงกำรเกิ ดปฏิกริ ยิ ำกันได ้
่ สิกส ์ต่ำงๆ
เรำก็จะได ้สัมผัสถึงซึงฟิ
เป็ นเป้ ำหมำยทีได่ ้ปรำกฏตัวในสิงซึ ่ งจั
่ บต ้องได ้
โดยคุณสมบัตข ่ งบอกรำยละเอียดได ้ทำให ้เกิดคุณลักษณ
ิ องฟิ สิกส ์ทีบ่
ะทำงเคมี โดยกำรเข ้ำถึงซึงคุ ่ ณลักษณะของควำมคิดเหล่ำนั้น
และโดยปฏิกริ ยิ ำอันต่อเนื่ องนี จนเกิ
้ ้
ดขึนได ้
้อย่ำงซำไปซ ้
ำมำตำมคุณลั
กษณะภำยในเหล่ำนั้น ่ ณลักษณะปลำยทำงต่ำงๆ
จนถึงซึงคุ
และองค ์ประกอบภำยนอก ่
จึงได ้เกิดเป็ นซึงระบบทำงชีวภำพ
และจะคงเส ้นคงวำได ้ก็ตอ ่ ้ซึงพิ
่ เมือไร ่ ษวิทยำ ระบำดวิทยำ

ซึงสำรอนุ มูลอิสระ สำรเคมี ชีวโมเลกุล ทีจะท ่ ำลำย Organelle เซลล ์
กระบวนกำรทำงชีวภำพของเซลล ์
่ กริ ยิ ำเคมีอน
ซึงปฏิ ั ต่อเนื่ องและซำไปซ
้ ้
ำมำเหล่ ำนั้น

โดยข ้อมูลอันทำให ้เกิดกำรเหนี่ ยวนำเพียงพอต่อกำรเกิดกรดนิ วคลีอ ิ


กจำกแอมโมเนี ย มีเทน และน้ำ นั้น
่ ้นของควำมเข ้ำใจในกำรสร ้ำงสิงมี
คือจุดเริมต ่ ชวี ต ้
ิ ขึนใหม่
่ ชวี ต
หรือกำรกำเนิ ดของสิงมี ่ั
ิ จำกสำรเคมีทวไป(วิ วฒั นำกำรทำงเคมี)
และควำมเข ้ำใจในกำรควบคุมกำรเกิดปฏิกริ ยิ ำอันต่อเนื่ องนั้นก็ทำให ้เ

กิดซึงกำรร ักษำโรคมะเร็ง ้ ำงๆ
โรคติดเชือต่ ควำมพิกำร
และกำรกลับฟื ้ นคืนชีพของผู ้ตำย
้ กำลังภำยในใดๆ
แม้โลกเรำนี จะมี
และก็ยกย่องเปรียบเทียบกันว่ำใครเก่งกว่ำกัน โดยเทียบเพลงกระบี่
พลังฝ่ ำมือ หรือเวทมนตร ์และวิทยำคมต่ำงๆ
หรือรวมถึงระบบกำรเมืองต่ำงๆโดยเฉพำะจำกอำณำจักรพญำอินทรี
ี่
อำณำจักรพญำหมีทกระหำยเลื อด
่ กำรปกครองแบบเสือร ้ำยไปทัวทุ
อำณำจักรสันนิ บำตชำติเสือดำวทีมี ่ ก
มุมโลก โดยสัญลักษณ์คอื ดวงดำว
และสุดท ้ำยคืออำณำจักรพญำมังกร ่ งใหญ่
ทีจะยิ ่ ี่ ดในอนำคต
ทสุ

ซึงสงครำมเศรษฐกิ จ และอำวุธสงครำมต่ำงๆ โดยเฉพำะขีปอำวุธ
อำวุธนิ วเคลียร ์ ้
อำวุธเชือโรค
้ ปัญหำกันแต่ก็ยงั เป็ นพวกเดียวกันอยู่
แม้พวกเหล่ำนี จะมี
และกำรไล่ล่ำโดยสงครำมจำกสิงมี่ ชวี ติ จำกนอกโลก
หรือปัญญำประดิษฐ ์อันเลวร ้ำยทีจะถู ่ กปล่อยออกมำจำกควำมคิดของ
คนหลงผิดโดยทัวทุ ่ กมุมโลก
แต่เรำสำมำรถทีจะมี ่ ศล ่ งกว่ำนั้น ด ้วยควำมเชือในสิ
ิ ปะกำรต่อสู ้ทีสู ่ ่ ๆ
งดี

ทีมำจำกควำมร ัก

ยิงใหญ่ กว่ำกำรทำให ้ชนชำติตวั เองข ้ำมทะเลไปได ้แล ้วชนชำติทก ี่ ำลัง
ตำมฆ่ำนั้นจมน้ำ หรือกำรใช ้พลังฝ่ ำมือ เพลงกระบีใดๆ ่

ทีสำมำรถฆ่ ำคนหนึ่ งต่อแสน "
นั้นก็คอื กำรทำศพทีเน่ ่ ำมำแล ้วสำมวันให ้ฟื ้ น "
ถ ้ำเรำจะไม่ให ้ชนชำติของเรำต ้องตำยแล ้วของเขำก็ไม่ตำยด ้วยก็อย่ำใ
ห ้เขำเดินตำมมำได ้ ่
อำจจะใช ้คลืนแม่ เหล็กใดๆก็ได ้
ถ ้ำจะไม่ให ้ต ้องใช ้กำรฆ่ำด ้วยลมปรำณใดๆ

ก็โดยคลืนควำมถี ่ ท
ที ่ ำให ้เขำหลับก็ได ้ ่
แม้แต่เสือยังเชืองได ้เลย
ถ ้ำโดนยำเข ้ำไป

1 ซมอ 18 : 7 และพวกผู ้หญิงร ้องร ับเมือเต ่ ้นรำกันว่ำ



“ซำอูลฆ่ำคนเป็ นพันๆ และดำวิดฆ่ำคนเป็ นหมืนๆ”

ดนล 12 : 4 ส่วนท่ำน ดำเนี ยลเอ๋ย


้ ้เป็ นควำมลับ
จงเก็บถ ้อยคำเหล่ำนี ไว
และประทับตรำหนังสือนี ไว ้ ้จนถึงวำระสุดท ้ำย เวลำนั้น
คนจำนวนมำกจะอ่ำนซำแล ้ ้วซำอี
้ กd และควำมรู ้e จะเพิมพู
่ นขึน”

d 12.4: “อ่ำนซำแล ้ ้วซำอี ้ ก” แปลโดยคำดคะเน แปลตำมตัวอักษรว่ำ



“วิงไปวิ ่
งมำ”
e 12.4: “ควำมรู ้” ต ้นฉบับภำษำกรีกว่ำ “ควำมชวร ่ ั ้ำย”
*อำจหมำยถึงปัญญำประดิษฐ ์อันชวร ่ ั ้ำย
เพรำะสิงนี ่ ก ้ ำเนิ ดมำจำกสำรสนเทศ
แต่สำมำรถกลับกลำยเป็ นสิงมี ่ ชวี ต
ิ ประเภทหนึ่ งด ้วยกำรเขียนซอฟต ์แว
ร ์โดยมนุ ษย ์
ข ้อมูลทีมี ่ ควำมชวร ่ ั ้ำยจึงหมำยถึงสำรสนเทศทีสำมำรถตั
่ ดสินใจได ้
ดนล 7 : 1 ปี ทีหนึ ่ ่ งในร ัชกำลกษัตริย ์เบลช ัสซำร ์แห่งบำบิโลน
ดำเนี ยลฝันและเห็นนิ มต ิ ในควำมคิดของตนขณะทีนอนอยู ่ ่บนเตียง
เขำจึงบันทึกควำมฝันนั้นไว ้ และเล่ำเรืองดั ่ งต่อไปนี ้ 2 ดำเนี ยลกล่ำวว่ำ
“ข ้ำพเจ ้ำเห็นในนิ มต ิ เวลำกลำงคืน
ข ้ำพเจ ้ำเห็นลมทังสี ้ จำกท ่ ้องฟ้ ำลงมำทำให ้ทะเลใหญ่ป่ ันป่ วน 3
สัตว ์ร ้ำยมหึมำสีตั ่ วมีลก ั ษณะต่ำงกันขึนมำจำกทะเล้ 4 ตัวแรกb
เหมือนสิงโตมีปีกนกอินทรี ขณะทีข ่ ้ำพเจ ้ำมองดูอยู่น้ัน
ขนปี กของมันถูกถอนออกไป

มันถูกยกขึนจำกแผ่ นดินให ้ยืนบนสองเท ้ำเหมือนมนุ ษย ์
และได ้ร ับจิตใจของมนุ ษย ์ 5 ข ้ำพเจ ้ำเห็นสัตว ์ร ้ำยตัวทีสองc ่
เหมือนหมี มันยืนเอียงตัวไปข ้ำงหนึ่ ง
ใช ้ฟันคำบกระดูกซีโครงสำมซี ่ ่ ่ในปำก
อยู ่ นว่ำ
มีเสียงสังมั
“จงลุกขึนกิ้ นเนื อให้ ้มำก ๆ” 6 ขณะทีข ่ ้ำพเจ ้ำกำลังมองดูน้ัน
ข ้ำพเจ ้ำก็เห็นสัตว ์ร ้ำยอีกตัวหนึ่ งd เหมือนเสือดำว
มีปีกนกสีปี่ กบนหลัง สัตว ์ร ้ำยตัวนี มี ้ สหั
ี่ ว และได ้ร ับอำนำจปกครอง 7
ต่อจำกนั้น ขณะทีข ่ ้ำพเจ ้ำยังเห็นนิ มต ิ ในเวลำกลำงคืน
ข ้ำพเจ ้ำเห็นสัตว ์ร ้ำยตัวทีสี ่ e่ ร ้ำยกำจ น่ ำกลัวและแข็งแรงยิงนั ่ ก
มีฟันเหล็กมหึมำเพือกิ ่ นและบดขยีเหยื ้ อ ่
และใช ้เท ้ำเหยียบสิงที ่ เหลื ่ อกินนั้นไว ้
้ สบ
สัตว ์ร ้ำยตัวนี มี ิ เขำต่ำงจำกสัตว ์ร ้ำยอืน ่ ๆ ทังหมดที ้ ่
มำก่ อน 8
่ ้ำพเจ ้ำกำลังมองดูเขำสัตว ์เหล่ำนี ้ ข ้ำพเจ ้ำก็เห็นเขำเล็ก ๆf
เมือข
อีกเขำหนึ่ งงอกขึนมำในหมู ้ ่เขำสัตว ์เหล่ำนั้น
ทำให ้เขำสัตว ์ชุดแรกสำมเขำถูกถอนออกไปเพือให ่ ้เขำเล็กๆนั้นขึนมำ ้
แทน ข ้ำพเจ ้ำเห็นว่ำเขำเล็ก ๆ นั้นมีตำเหมือนตำมนุ ษย ์
มีปำกพูดจำโอหังg

วว 13 : 1 ข ้ำพเจ ้ำเห็นสัตว ์ร ้ำยตัวหนึ่ งขึนมำจำกทะเล


้ มีสบิ เขำ
เจ็ดหัว แต่ละเขำสวมมงกุฎ และมีชอที ื่ เป็
่ นคำสำปแช่งพระเจ ้ำอยู่บนหัว
2 ่ ้ำพเจ ้ำเห็นนั้นเหมือนเสือดำว
สัตว ์ร ้ำยทีข มีตน
ี เหมือนหมี
มีปำกเหมือนสิงโต มังกรมอบอำนุ ภำพ
บัลลังก ์และอำนำจยิงใหญ่ ่ bของตนแก่สต ั ว ์ร ้ำยตัวนี ้ 3
ข ้ำพเจ ้ำเห็นหัวหนึ่ งของมันดูเหมือนถูกบำดแผลฉกรรจ ์ถึงตำย
แต่บำดแผลนั้นหำยแล ้วc ่ งแผ่
ทัวทั ้ นดินรู ้สึกพิศวง
ติดตำมสัตว ์ร ้ำยนี ไป ้ 4
ทุกคนนมัสกำรมังกรเพรำะมันมอบอำนำจให ้สัตว ์ร ้ำย
และทุกคนยังนมัสกำรสัตว ์ร ้ำย กล่ำวว่ำ
“ใครเล่ำเป็ นเหมือนสัตว ์ร ้ำยdใครเล่ำต่อสูกั ้ บสัตว ์ร ้ำยได ้” 5

สัตว ์ร ้ำยได ้ร ับอนุ ญำตให ้คุยโอ ้อวดและพูดดูหมินพระเจ ้ำ
และได ้ร ับอำนำจให ้ทำเช่นนี เป็ ้ นเวลำสีสิ
่ บสองเดือน 6
มันอ ้ำปำกพูดดูหมินพระเจ ่ ้ำ ่
พูดดูหมินพระนำมของพระองค ์
พูดดูหมินที่ พ ่ ำนักของพระองค ์และพูดดูหมินบรรดำผู
่ ้อำศัยในสวรรค ์
7 มันยังได ้ร ับอำนำจให ้ทำสงครำมกับบรรดำผู ้ศักดิสิ์ ทธิและเอำชนะได ์ ้
มันยังได ้ร ับอำนำจเหนื อชนทุกเผ่ำ ประชำกรทุกกลุ่ม
ทุกภำษำและทุกชำติด ้วย

วว 8 : 2
ข ้ำพเจ ้ำเห็นทูตสวรรค ์เจ็ดองค ์ทียื ่ นอยู่เฉพำะพระพักตร ์ของพระเจ ้ำได ้
ร ับแตรเจ็ดคัน 3
ทูตสวรรค ์อีกองค ์หนึ่ งถือถำดทองคำสำหร ับเผำกำยำนถวำยb
มำยืนอยู่หน้ำพระแท่นบูชำc
ทูตสวรรค ์องค ์นี ได ้ ้ร ับกำยำนมำเพือถวำยร่
่ วมกับคำอธิษฐำนภำวนำข
องผูศ้ กั ดิสิ์ ทธิทั
์ งหลำยบนพระแท่
้ ่ ่หน้ำพระบัลลังก ์ 4
นทองคำ ซึงอยู
ควันของกำยำนจำกมือของทูตสวรรค ์พร ้อมกับคำอธิษฐำนภำวนำขอ
งบรรดำผูศ้ ก ั ดิสิ์ ทธิลอยขึ
์ ้
นไปเฉพำะพระพั กตร ์ของพระเจ ้ำ 5
ทูตสวรรค ์นำถำดทองคำสำหร ับเผำกำยำนมำตักถ่ำนไฟจำกพระแท่น
บูชำจนเต็ม แล ้วโยนลงไปบนแผ่นดิน ทันใดนั้นก็เกิดฟ้ ำแลบ
ฟ้ ำร ้องเสียงดัง และแผ่นดินไหว
6 ทูตสวรรค ์ทังเจ็ ้ ดองค ์ทีถื ่ อแตรเจ็ดคัน เตรียมเป่ ำแตร 7
ทูตสวรรค ์องค ์แรกเป่ ำแตร
ลูกเห็บและไฟผสมกับเลือดตกลงมำยังแผ่นดิน
หนึ่ งในสำมของแผ่นดินลุกไหม้ หนึ่ งในสำมของต ้นไม้ลุกไหม้
และหญ ้ำเขียวทังหมดก็ ้ ลก
ุ ไหม้ด ้วยd8 ทูตสวรรค ์องค ์ทีสองเป่ ่ ำแตร
ไฟลูกใหญ่เท่ำภูเขำตกลงไปในทะเล
หนึ่ งในสำมของทะเลกลำยเป็ นเลือด 9 หนึ่ งในสำมของสัตว ์ทะเลตำย
และหนึ่ งในสำมของบรรดำเรือก็ถก ู ทำลำย 10
ทูตสวรรค ์องค ์ทีสำมเป่ ่ ำแตร
ดำวใหญ่ดวงหนึ่ งลุกเป็ นไฟเหมือนคบเพลิงตกจำกท ้องฟ้ ำลงไปยังหนึ่
งในสำมของแม่นำและตำน ้ ้ งหลำย
ำทั ้ 11 ้ ชอว่
ดำวดวงนี มี ื่ ำ
“บอระเพ็ด” และหนึ่ งในสำมของนำก็ ้ กลำยเป็ นบอระเพ็ด
มนุ ษย ์จำนวนมำกตำย เพรำะนำมี ้ รสขมมำก 12
ทูตสวรรค ์องค ์ทีสี ่ เป่ ่ ำแตร หนึ่ งในสำมของดวงอำทิตย ์
หนึ่ งในสำมของดวงจันทร ์และหนึ่ งในสำมของดวงดำวถูกทำลำยจนมืด
ไปหนึ่ งในสำมของทังหมด ้ กลำงวันดับมืดลงหนึ่ งในสำม
และกลำงคืนก็ดบ ั มืดลงหนึ่ งในสำมเช่นเดียวกัน 13
ข ้ำพเจ ้ำเห็นและได ้ยินเสียงนกอินทรีตวั หนึ่ งทีบิ ่ นอยู่กลำงท ้องฟ้ ำร ้องเสี
ยงดังว่ำ “วิบต ั ิ วิบต ั ิ วิบต
ั จิ งเกิดแก่ผู ้อำศัยอยู่บนแผ่นดิน
เพรำะทูตสวรรค ์อีกสำมองค ์กำลังจะเป่ ำแตร”
9 : 1 ทูตสวรรค ์องค ์ทีห ่ ้ำเป่ ำแตร ข ้ำพเจ ้ำเห็นดำวดวงหนึ่ งa
ตกจำกท ้องฟ้ ำลงมำบนแผ่นดิน
ทูตสวรรค ์องค ์นั้นได ้ร ับกุญแจเปิ ดปล่องลงไปสู่บำดำลb2
่ ดปล่องบำดำล
เมือเปิ ้
ควันก็พลุ่งขึนมำจำกปล่ องนั้น
ดุจควันจำกเตำไฟใหญ่
ดวงอำทิตย ์และอำกำศมืดลงเพรำะควันทีขึ ่ นมำจำกปล่
้ องนั้น 3

ฝูงตักแตนบิ นจำกควันกลุ่มนี ลงมำยั ้ งแผ่นดิน

ตักแตนเหล่ ้ ้รบั อำนำจเหมือนกับอำนำจทีแมงป่
ำนี ได ่ องมีบนแผ่นดินc4
แต่มน ั ถูกห ้ำมมิให ้ทำร ้ำยหญ ้ำหรือต ้นไม้ใหญ่นอ้ ยบนแผ่นดินd
่ มต
แต่ให ้ทำร ้ำยเฉพำะมนุ ษย ์ทีไม่ ี รำของพระเจ ้ำประทับอยู่ทหน้ี่ ำผำก
5 ๊
ตักแตนเหล่ ้ ได ้ร ับอนุ ญำตให ้ฆ่ำมนุ ษย ์
ำนี ไม่
แต่ให ้ทรมำนเขำเป็ นเวลำห ้ำเดือน
กำรทรมำนนี เป็ ้ นกำรทรมำนเหมือนกับคนทีถู ่ กแมงป่ องต่อย 6
ในวันเหล่ำนั้น ้
มนุ ษย ์ทังหลำยจะแสวงหำควำมตำยแต่ จะไม่พบ
เขำต ้องกำรจะตำย แต่ควำมตำยก็จะหนี ไป 7

ตักแตนเหล่ ้ ลก
ำนี มี ั ษณะเหมือนม้ำทีเตรี ่ ยมพร ้อมเพือออกศึ
่ ก

มีบำงสิงคล ้ำยมงกุฎทองคำอยู่บนหัว ใบหน้ำเหมือนใบหน้ำของมนุ ษย ์
8 ผมเหมือนผมของสตรี ฟันเหมือนฟันสิงโต 9
มีหน้ำอกเหมือนเกรำะเหล็ก
เสียงปี กของมันดังเหมือนเสียงรถรบเทียมม้ำจำนวนมำกกำลังวิงออกศึ ่
ก 10 หำงเหมือนหำงแมงป่ องทีมี ่ เหล็กใน
มันใช ้หำงเพือท่ ำร ้ำยมนุ ษย ์ได ้เป็ นเวลำห ้ำเดือน 11
มันมีทต ู แห่งบำดำลเป็ นเหมือนกษัตริย ์ซึงมี ่ ชอเป็ื่ นภำษำฮีบรูวำ่ อำบัดโ
ดนe ภำษำกรีกว่ำ อปอลลิโยน แปลว่ำ “ผู ้ทำลำยล ้ำง” 12
วิบตั ป
ิ ระกำรแรกผ่ำนไป วิบต ั อ ิ ก
ี สองประกำรกำลังตำมมำ
13 ่
ทูตสวรรค ์องค ์ทีหกเป่ ำแตร
ข ้ำพเจ ้ำได ้ยินเสียงหนึ่ งออกมำจำกมุมทังสี ้ ของพระแท่
่ นบูชำf
ทองคำซึงอยู ่ ่เฉพำะพระพักตร ์ของพระเจ ้ำ 14
เสียงนั้นกล่ำวแก่ทูตสวรรค ์องค ์ทีหกซึ ่ ่ ำลังถือแตรอยู่วำ่
งก
“จงปล่อยทูตสวรรค ์ทังสี ้ องค
่ ่ กล่ำมไว ้ทีแม่
์ซึงถู ่ น้ำใหญ่ยูเฟรติส”g15
ทูตสวรรค ์ทังสี ้ องค
่ ์ก็ถก ู ปล่อย ทูตสวรรค ์เหล่ำนี พร้ ้อมอยู่แล ้ว
กำลังรอคอยเวลำ วัน เดือน และปี ทีจะฆ่ ่ ำหนึ่ งในสำมของบรรดำมนุ ษย ์
16 ข ้ำพเจ ้ำได ้ยินว่ำกองทัพม้ำมีจำนวนถึงสองร ้อยล ้ำนคน 17
ิ นั้นข ้ำพเจ ้ำเห็นม้ำและผู ้ขีมี
ในนิ มต ่ ลกั ษณะดังนี ้

คือมีเสือเกรำะสี แดงเหมือนไฟบ ้ำง ้ นเหมือนไพลินบ ้ำง
สีนำเงิ
สีเหลืองเหมือนกำมะถันบ ้ำง ม้ำเหล่ำนี มี ้ หวั เหมือนสิงโต มีไฟ
ควันและกำมะถันออกจำกปำกของมัน 18
หนึ่ งในสำมของบรรดำมนุ ษย ์ถูกฆ่ำจำกภัยพิบต ั ท ้ั
ิ งสำมนี ้ คือไฟ

ควันและกำมะถันทีออกมำจำกปำกของม้ำ 19
ี่
อำนำจของม้ำอยู่ทปำกและหำง
หำงของมันเหมือนกับงู ทใช ี่ ้หัวทำร ้ำยมนุ ษย ์ได ้ 20 มนุ ษย ์ทีเหลื
่ อ
่ ถก
คือผู ้ทีไม่ ู ฆ่ำจำกภัยพิบต ั เิ หล่ำนี ้
้ ปเคำรพซึงเป็
ก็ไม่ได ้กลับใจละทิงรู ่ นผลงำนจำกมือของตน
และไม่เลิกกรำบไหว ้ปี ศำจและรูปเคำรพทองคำ เงิน ทองสัมฤทธิ ์
หินและไม้ซึงไม่่ อำจแลเห็น ไม่อำจได ้ยิน และไม่อำจเดินไปมำ 21
เขำไม่ได ้กลับใจละทิงกำรฆ่้ ำคน กำรใช ้เวทมนตร ์คำถำ
กำรผิดประเวณี หรือกำรลักขโมย
่ นจำนวนระดับร ้อยล ้ำนนำยได ้
*ถ ้ำจะมีทหำรทีเป็
สำหร ับกองทัพใดกองทัพหนึ่ ง ก็ย่อมทีจะหมำยถึ
่ ง AI แน่ นอน
เพียงเท่ำนั้น

ยน 11 : 1 ชำยคนหนึ่ งชือลำซำร ่ ัสกำลังป่ วย เขำเป็ นชำวเบธำนี


หมู่บ ้ำนของมำรีย ์ และมำรธำพีสำว ่ 2
มำรีย ์คือหญิงทีใช ่ ้นำมั
้ นหอมชโลมองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ
ใช ้ผมเช็ดพระบำทa ลำซำร ัสทีก ่ ำลังป่ วยนี ้ เป็ นพีชำยของมำรี
่ ย์ 3
่ องทังสองคนจึ
พีน้ ้ งส่งคนไปทูลพระเยซูเจ ้ำว่ำ “พระเจ ้ำข ้ำ

คนทีพระองค ์ทรงรกั กำลังป่ วย” 4 เมือพระเยซู ่ เจ ้ำทรงทรำบข่ำวนี ้
ก็ตร ัสว่ำ “โรคนี มิ้ ได ้เกิดขึนเพื
้ อควำมตำย


แต่เพือพระสิ รริ งุ ่ โรจน์ของพระเจ ้ำ เพรำะโรคนี ้
พระบุตรของพระเจ ้ำจะได ้ร ับพระสิรริ งุ ่ โรจน์”b5
พระเยซูเจ ้ำทรงร ักมำรธำกับน้องสำว และลำซำร ัส 6
หลังจำกทรงทรำบว่ำ ลำซำร ัสกำลังป่ วย
พระองค ์ยังคงประทับอยู่ทนั ี่ ่ นอีกสองวัน 7
ต่อจำกนั้นพระองค ์ตร ัสกับบรรดำศิษย ์ว่ำ
“เรำกลับไปแคว ้นยูเดียกันเถิด”c8 บรรดำศิษย ์ทูลว่ำ “พระอำจำรย ์

ชำวยิวเพิงพยำยำมเอำหิ นขว ้ำงพระองค ์
แล ้วพระองค ์ยังจะกลับไปทีนั ่ ่ นอีกหรือ” 9 พระเยซูเจ ้ำทรงตอบว่ำ
“วันหนึ่ งมีสบ ่ั
ิ สองชวโมงมิ ใช่หรือ ถ ้ำใครเดินเวลำกลำงวันก็ไม่สะดุด
เพรำะเห็นแสงสว่ำงของโลกนี ้ 10 แต่ถ ้ำใครเดินเวลำกลำงคืน ก็สะดุด
เพรำะเขำไม่มแี สงสว่ำงเพือน ่ ำทำง” 11 ่
เมือตร ้ ้ว
ัสดังนี แล
พระองค ์ทรงเสริมว่ำ ่
“ลำซำร ัสเพือนของเรำก ำลังหลับอยู่
แต่เรำกำลังจะไปปลุกให ้ตืน” ่ 12 บรรดำศิษย ์จึงทูลว่ำ “พระเจ ้ำข ้ำ
ถ ้ำเขำหลับอยู่ เขำก็จะหำยจำกโรค” 13
พระเยซูเจ ้ำตร ัสถึงควำมตำยของลำซำร ัส แต่บรรดำศิษย ์คิดว่ำ
พระองค ์ตร ัสถึง “กำรนอนหลับ” 14
ดังนั้นพระองค ์จึงตร ัสอย่ำงช ัดเจนว่ำ “ลำซำร ัสตำยแล ้ว 15
เรำยินดีสำหร ับท่ำนทังหลำยที ้ ่
เรำไม่ ได ้อยู่ทนั ี่ ่ น ่ ำนจะได ้เชือd
เพือท่ ่
เรำไปหำเขำกันเถิด” 16 โทมัสทีเรี ่ ยกกันว่ำฝำแฝด
กล่ำวกับศิษย ์คนอืนๆ ่ ว่ำ “พวกเรำจงไปตำยพร ้อมกับพระองค ์เถิด”
17 ่
เมือเสด็ จมำถึง
พระเยซูเจ ้ำทรงพบว่ำลำซำร ัสถูกฝังในคูหำมำสีวั่ นแล ้ว 18
หมู่บ ้ำนเบธำนี อยู่ใกล ้กรุงเยรูซำเล็ม ห่ำงกันรำวสำมกิโลเมตร 19
ชำวยิวจำนวนมำกมำหำมำรธำและมำรีย ์เพือปลอบใจนำงในกำรตำย ่
ของพีชำย่ 20 ่
เมือมำรธำรู ้ว่ำ พระเยซูเจ ้ำกำลังเสด็จมำ
นำงก็ออกไปร ับเสด็จ ส่วนมำรีย ์ยังคงนั่งอยู่ทบ ี่ ้ำน 21
มำรธำทูลพระเยซูเจ ้ำว่ำ “พระเจ ้ำข ้ำ ถ ้ำพระองค ์ทรงอยู่ทนี ี่ ่ e

พีชำยของดิ ฉันคงไม่ตำย 22 แต่บด ั นี ้

ดิฉันรู ้ดีวำ่ สิงใดที ่
พระองค ์ทรงวอนขอจำกพระเจ ้ำ
พระเจ ้ำจะประทำนให”้ f23 พระเยซูเจ ้ำตร ัสกับนำงว่ำ

“พีชำยของท่ ำนจะกลับคืนชีพ” 24 มำรธำทูลว่ำ “ดิฉันรู ้ว่ำ
เขำจะกลับคืนชีพเมือมนุ ่ ษย ์ทุกคนจะกลับคืนชีพในวันสุดท ้ำย” 25
พระเยซูเจ ้ำตร ัสกับนำงว่ำ “เรำเป็ นกำรกลับคืนชีพและเป็ นชีวต ิ g
ใครเชือในเรำ่ แม้ตำยไปแล ้ว ก็จะมีชวี ต ิ h26 และทุกคนทีมี ่ ชวี ต ิ

และเชือในเรำ จะไม่มวี น ั ตำยเลย ท่ำนเชือเช่ ่ นนี หรื ้ อ’ 27
มำรธำทูลตอบว่ำ ่
“เชือพระเจ ้ำข ้ำ
ดิฉันเชือว่ ่ ำพระองค ์เป็ นพระคริสตเจ ้ำ พระบุตรของพระเจ ้ำ

ทีจะต ้องเสด็จมำในโลกนี ”้ 28 ่
เมือมำรธำทู ้ ้ว
ลดังนี แล
นำงก็ไปเรียกมำรีย ์น้องสำว กระซิบบอกว่ำ “พระอำจำรย ์อยู่ทนี ี่ ่
และทรงเรียกน้องด ้วย” 29 ่
เมือมำรี ย ์ได ้ยินดังนั้น
ก็รบี ลุกขึนไปเฝ้้ ำพระองค ์ 30 พระเยซูเจ ้ำยังไม่ได ้เสด็จเข ้ำในหมู่บ ้ำน
แต่ยงั ประทับอยู่ในทีที ่ มำรธำมำเฝ้
่ ำ 31
ชำวยิวซึงอยู ่ ่ ทบ ี่ ้ำนกับมำรีย ์เพือปลอบใจนำง

เมือเห็ ่ นนำงรีบลุกขึนออกไป ้ ก็ตำมไปด ้วย
คิดว่ำนำงคงจะไปร ้องไห ้ทีคู ่ หำฝังศพ 32
เมือมำรี ่ ย ์มำถึงทีที ่ พระเยซู
่ เจ ้ำประทับอยู่ และเห็นพระองค ์
ก็กรำบพระบำท ทูลว่ำ “พระเจ ้ำข ้ำ ถ ้ำพระองค ์ทรงอยู่ทนี ี่ ่

พีชำยของดิ ฉันคงไม่ตำย” 33
พระเยซูเจ ้ำทอดพระเนตรเห็นนำงกำลังร ้องไห ้
และชำวยิวทีตำมมำก็ ่ ร ้องไห ้ด ้วย
พระองค ์ทรงสะเทือนพระทัยและเศร ้ำโศกมำก 34 ตร ัสถำมว่ำ
“ท่ำนฝังเขำไว ้ทีไหน” ่ เขำทูลว่ำ “พระเจ ้ำข ้ำ
เชิญเสด็จมำทอดพระเนตรเถิด”35 พระเยซูเจ ้ำทรงกันแสง 36
ชำวยิวจึงพูดว่ำ “ดูซ ิ พระองค ์ทรงร ักเขำเพียงไร” 37
แต่บำงคนตังข ้ ้อสังเกตว่ำ “พระองค ์ทรงร ักษำคนตำบอดได ้
จะทำใหค้ นนี ไม่ ้ ตำยไม่ได ้หรือ” 38 พระเยซูเจ ้ำทรงสะเทือนพระทัยอีก
เสด็จถึงคูหำฝังศพ ่ นโพรงหินมีหน
ซึงเป็ ิ แผ่นหนึ่ งปิ ดอยู่ 39
พระเยซูเจ ้ำตร ัสว่ำ “จงยกแผ่นหินออก” มำรธำi
น้องสำวของผู ้ตำยทูลว่ำ “พระเจ ้ำข ้ำ ศพมีกลินแล่ ้ว
เพรำะฝังมำถึงสีวั่ น” 40 พระเยซูเจ ้ำตร ัสว่ำ “เรำมิได ้บอกท่ำนหรือว่ำ
ถ ้ำท่ำนมีควำมเชือ่ ท่ำนจะเห็นพระสิรริ งุ ่ โรจน์ของพระเจ ้ำ” 41
คนเหล่ำนั้นจึงยกแผ่นหินออก พระเยซูเจ ้ำทรงเงยพระพักตร ์ขึนj ้
ตร ัสว่ำ “ข ้ำแต่พระบิดำเจ ้ำ ข ้ำพเจ ้ำขอบพระคุณพระองค ์

ทีทรงฟั งคำของข ้ำพเจ ้ำ 42 ข ้ำพเจ ้ำทรำบดีวำ่
พระองค ์ทรงฟังข ้ำพเจ ้ำเสมอ แต่ทข ี่ ้ำพเจ ้ำกล่ำวเช่นนี ้

ก็เพือประชำชนที ่ ่รอบข ้ำพเจ ้ำ
อยู
่ ำพระองค ์ทรงส่งข ้ำพเจ ้ำมำ”
เขำจะได ้เชือว่ 43 ้ ้ว
ตร ัสดังนี แล
พระองค ์ทรงเปล่งพระสุรเสียงดังว่ำ “ลำซำร ัสเอ๋ย จงออกมำเถิด” 44
ผูต้ ำยก็ออกมำ มีผ ้ำพันมือพันเท ้ำ และผ ้ำคลุมใบหน้ำด ้วย
พระเยซูเจ ้ำตร ัสว่ำ “จงเอำผ้ำออกและให ้เขำไปเถิด”

45 ชำวยิวหลำยคนทีมำเยี ่ ่
ยมมำรี ่ พระเยซู
ย ์ และเห็นสิงที ่ เจ ้ำทรงกระทำ

ก็เชือในพระองค ์ 46 แต่บำงคนไปพบชำวฟำริสี
่ พระเยซู
เล่ำเรืองที ่ เจ ้ำทรงกระทำให ้ฟัง 47
บรรดำหัวหน้ำสมณะและชำวฟำริสจี งึ เรียกประชุมสภำ ปรึกษำกันว่ำ
“พวกเรำจะทำอย่ำงไรดี
เพรำะคนคนนี ได ้ ้ทำเครืองหมำยอั ่ ศจรรย ์หลำยอย่ำง” 48
ถ ้ำเรำปล่อยเขำไว ้อย่ำงนี ้ ่
ทุกคนจะเชือเขำ
แล ้วชำวโรมันก็จะมำทำลำยทังพระวิ ้ หำรk และชนชำติของเรำ” 49
คนหนึ่ งในทีประชุ ่ ่
มชือคำยำฟำส เป็ นมหำสมณะในปี นั้นกล่ำวว่ำ

“ท่ำนทังหลำยไม่ เข ้ำใจอะไรเลย 50 ท่ำนไม่คด ิ หรือว่ำ
ถ ้ำคนคนเดียวจะตำยเพือประชำชน ่ จะเป็ นประโยชน์มำกกว่ำl

ทีชนทั ้
งชำติ จะต ้องพินำศไป” 51 เขำไม่ได ้พูดเช่นนี ตำมใจตนเอง ้
แต่ในฐำนะทีเป็ ่ นมหำสมณะในปี นั้นm เขำประกำศพระวำจำว่ำ
พระเยซูเจ ้ำจะต ้องสินพระชนม ้ ่
์เพือชนทั ้
งชำติ n52
และไม่ใช่เพือชนทั่ ้
งชำติ เท่ำนั้น

แต่เพือจะรวบรวมบรรดำบุ ตรของพระเจ ้ำทรงกระจัดกระจำยอยู่ให ้กลับ
เป็ นหนึ่ งเดียวกัน 53 ้ วน
ตังแต่ ั นั้น ่
ทีประชุ มได ้ตกลงกันo

ทีจะประหำรชี วติ พระองค ์ 54 ดังนั้น
พระเยซูเจ ้ำจึงไม่เสด็จไปทีใดอย่ ่ ำงเปิ ดเผยในหมู่ชำวยิวอีกต่อไป
แต่เสด็จไปทีเมื ่ องชือเอฟรำอิ่ ม ในเขตแดนใกล ้ถินทุ ่ รกันดำร
และทรงพำนักอยู่ทนั ี่ ่ นกับบรรดำศิษย ์
พระองค ์ทำใหแ้ อมโมเนี ย มีเทน และนำ้ กลับมำเป็ น กรดนิ วคลีอก
ิ และ
เบสอะดีนีน (A) จะจับคู่กบั เบสไทมีน (T) ด ้วยพันธะไฮโดรเจน 2
พันธะ และ เบสกวำนี น (G) จะจับคูก ่ บั เบสไซโทซีน (C)
ด ้วยพันธะไฮโดรเจน 3 พันธะ กลำยเป็ น DNA
และปฏิกริ ยิ ำต่อเนื่ องกลำยเป็ น Organelle , เซลล ์
และระบบอวัยวะอีกครง้ั
อย่ำลืมว่ำต่อหน้ำพระเยซูเจ ้ำต ้องไม่มค ี นป่ วย คนพิกำร
และคนตำยเลย มำกกว่ำนั้นแล ้วพระองค ์อยู่ใกล ้เรำเสมอ
ไม่เคยห่ำงไกลเลย ่
แม้ยุคสมัยจะเปลียนแปลงไปก็ ตำม
ถ ้ำเรำไม่ปิดต่อพระองค ์ พระองค ์ไม่ได ้ไปไหน
่ จะท
แต่เพือที ่ ำให ้ผูค้ นเข ้ำถึงพระองค ์ได ้ง่ำยขึน้
ด ้วยกำรเปิ ดใจออกต ้อนร ับพระองค ์
่ ว่่ ำเขำจะได ้เข ้ำใจว่ำกำรพบเจอพระองค ์นั้นหำใช่โดยจำกกำรมอ
เพือที
งเห็นและกำรสัมผัสโดยเท่ำนั้น
แต่หำกจะมีใครปฏิเสธควำมช่วยเหลือ
หรือยอมร ับควำมทำลำยเข ้ำไปในชีวต ิ ของกำรพบเจอของเขำ
่ั
ถ ้ำเขำไม่มนใจหรื อสงสัยในพระองค ์
กำรยอมสูญสินทุ ้ กอย่ำงจนแม้กระทังกำรสิ ่ ้
นพระชนม ์โดยไม่มอี ำรมร ์อ
ำฆำตมำดร ้ำยก็เป็ นข ้อพิสจ ู น์เหล่ำนั้นแล ้ว
แต่ถ ้ำเขำยังเลือกกำรพูดเพือใส่ ่ ควำมคิดแห่งควำมสินหวั ้ ง กำรฆ่ำ
และกำรทำร ้ำยกำรทำลำยต่ำงๆอยู่
เขำก็อำจจะต ้องพิสจ ู น์ผลลัพธ ์ด ้วยวิธท ี ดสอสมมุตฐิ ำนทีเขำนั ่ ้นเลือกที่
จะไม่ร ับควำมช่วยเหลือนั้นเอง
แต่นรกไม่ใช่สงสร ิ่ ้ำงจำกพระเจ ้ำอย่ำงแน่ นอน
ถ ้ำจะมีกำรทีพระองค่ ์จะต ้องแยกคนบำงคนออกมำ

เพือให ้ผูบ้ ริสท ุ ธินั์ ้นไม่ถกู ทำร ้ำย
แต่กำรเอำตัวเองไปเป็ นหนู ทดลองย่อมไม่คมค่ ุ ้ ำเลย
อยู่นิ่งๆเดียวเอกภพจะประมวลผลสิ
๋ ่
งเหล่ ำนั้นเอง
แต่เรำจะต ้องช่วยเหลือเขำอย่ำงถึงทีสุ ่ ดไร ้ซึงช่ ่ องโหว่แห่งควำมอดทดแ
ละควำมหวังดีใดๆด ้วยนะ
จะทำอะไรก็ตำมสำหร ับเรำนั้นให ้คิดถึงหน้ำพระองค ์อยู่เสมอ
ึ่ องรำวอั
แต่ถ ้ำยังมีคนตกนรกอยู่แสดงว่ำเอกภพก็ยงั มีซงเรื ่ นน่ ำเศร ้ำใจ
อยู่ และอย่ำตีควำมพระองค ์ด ้วยจิตใต ้สำนึ กของตัวเรำเอง

ทิศทำงและแรงใดๆ รวมไปถึงซึงโครงสร ่ ้ำงของแรงคือฟิ สิกส ์เหล่ำนั้น


รำยละเอียดของแรงซึงคุ ่ ณลักษณะทำงเคมี
และกระบวนกำรของปฏิกริ ยิ ำอันต่อเนื่ องซำไปซ ้ ้
ำมำซึ ่ วโมเลกุลเหล่
งชี
ำนั้น ถ ้ำเอกภพมีกำรประมวลผลแล ้วว่ำเลวร ้ำยจริง

สิงเหล่ ำนั้นจะอันตรธำนหำยไปเอง
ในช่วงก่อนหน้ำถ ้ำเป็ นกำรเด ้งคืนกลับไป ให ้เรำช่วยเหลือเขำ
จะกำลังภำยใน เวทมนตร ์ อำวุธเคมี อำวุธเชือโรค ้ โปรแกรมไวร ัส
โปรแกรมมะเร็ง กระสุนปื น ขีปนำวุธ นิ วเคลียร ์ หุ่นยนต ์สังหำร
แต่อย่ำงไรก็ตำม
กำรเปรียบเทียบระหว่ำงกำรปล่อยให ้เสือกัดเด็กจนตำย
กับกำรช่วยเหลือนี่ ก็เป็ นกำรประมวลผลแบบหนึ่ งเช่นกัน
แม้แต่คนยังไม่ยอม เสือและงู ร ้ำยบำงครงก็ ้ั ต ้องใช ้ซึงศิ
่ ลปะป้ องกันตัว
รวมไปถึงพิธก ่ เวทมนต ์ปกป้ องควำมชวร
ี รรมบูชำยัญมนุ ษย ์ทีมี ่ ั ้ำยนั้นอ
ยู่
อันเป็ นมูลเหตุแห่งกำรห ้ำมบูชำรูปเคำรพทีหมำยถึ ่ งสัตว ์ร ้ำยเหล่ำนั้น
ชีวติ ของคนเรำจะต ้องไม่ถก ่
ู ขับเคลือนไปด ้วยข ้อได ้เปรียบ

ข ้อได ้เปรียบแทจ้ ริงแล ้วมิใช่ควำมน่ ำชืนชมยิ นดี
แต่แท ้จริงแล ้วข ้อได ้เปรียบกลับเป็ นหำยนะเสียต่ำงหำกกัน

ตรำบใดทีคนเรำนั ้นยังต ้องมองเห็นซึงกั
่ นและกันอยู่จริงๆ

ดังนั้นแล ้วควำมเป็ นจริงจึงไม่ใช่สถำนกำรณ์


่ งที
แต่คอื ซึงสิ ่ คนเรำนั
่ ้นกำลังจะสร ้ำงขึนมำ


อย่ำเชือในสิ ่ เห็
งที ่ น

แต่ให ้เชือในปั ่
จจัยอันคือควำมจำเป็ นทีจะต ้องดำรงชีวติ รอดของผู ้คน
พระนิ พพำนจึงเป็ นธรรมชำติชวี ติ ้ อยู่บนพืนดิ
ตังแต่ ้ น
่ งดำเนิ นไปอย่ำงเป็ นปกติเสมอเหมือนว่ำนั่นนั้นหำใช่
กำรเปลียนแปลงจึ

กำรเปลียนแปลงไม่
่ บำงสิงบำงอย่
เมือมี ่ ่
ำงไม่สำมำรถทีจะกลั บมำเกิดได ้อีก
ดังนั้นแล ้วในกำลอวกำศ Spacetime
ใดๆเหล่ำนั้นสิงเหล่
่ ำนั้นจะไม่สำมำรถทีจะเกิ
่ ้
ดขึนได ้
เพรำะฉะนั้นเรืองรำวต่
่ ้
ำงๆทังหมดจึ งไม่มอี ยู่ในควำมทรงจำ
เหลือไว ้แค่แต่เพียงหลักกำรโดยเท่ำนั้นจริงๆ

โรคทำงพันธุกรรมทุกอย่ำง อำทิ โรคตกเลือดโดยกำเนิ ด


และควำมพิกำรโดยกำเนิ ดทุกอย่ำง

สำมำรถทีจะกลับกลำยเป็ นแบบปกติได ้
ยน 9 : 1 ่
ขณะทีพระเยซู เจ ้ำทรงพระดำเนิ นผ่ำนไป
พระองค ์ทอดพระเนตรเห็นคนตำบอดแต่กำเนิ ดคนหนึ่ ง 2
บรรดำศิษย ์ทูลถำมพระองค ์ว่ำ “พระอำจำรย ์ ใครทำบำป ชำยคนนี ้
หรือบิดำมำรดำของเขำ เขำจึงเกิดมำตำบอด” 3
พระเยซูเจ ้ำตร ัสตอบว่ำ “มิใช่ชำยคนนี ้
หรือบิดำมำรดำของเขำทำบำป
แต่อย่ำงไรแล ้วเขำเป็ นเช่นนี ก็ ้ สำมำรถเพือให ่ ้กิจกำรของพระเจ ้ำa
ปรำกฏในตัวเขำ” 4 ตรำบใดทียั ่ งเป็ นกลำงวันอยู่ เรำทังหลำยต ้ ้องb
ทำกิจกำรของผูท้ ทรงส่ ี่ งเรำมำ ่
แต่เมือกลำงคื นมำถึง
ก็ไม่มใี ครทำงำนได ้c5 ่
ตรำบทีเรำยั งอยู่ในโลก
เรำเป็ นแสงสว่ำงส่องโลกd6 เมือตร่ ้ ้ว
ัสดังนี แล
พระองค ์ทรงถ่มพระเขฬะลงบนพืนผสมกั ้ บดิน ป้ ำยตำคนตำบอด 7
แล ้วตร ัสกับเขำว่ำ “จงไปล ้ำงตำทีสระสิ ่ โลอัมเถิด” e “สิโอลัม”
หมำยควำมว่ำ “ถูกส่งไป” คนตำบอดจึงไปล ้ำงตำ แล ้วกลับมำ
มองเห็น 8 เพือนบ ่ ่
้ำนและคนทีเคยเห็ นเขำเป็ นขอทำนมำก่อน พูดว่ำ
้ นคนทีเคยนั
“คนนี เป็ ่ ่ งขอทำนอยู่มใิ ช่หรือ” 9 บำงคนพูดว่ำ “ใช่แล ้ว”
บำงคนพูดว่ำ “ไม่ใช่ ่ คล
แต่เป็ นคนอืนที ่ ้ำยคลึงกัน”

แต่คนทีเคยตำบอดพู ดว่ำ “ใช่แล ้ว เป็ นฉันเอง” 10
คนเหล่ำนั้นจึงถำมเขำว่ำ “ตำของท่ำนหำยบอดได ้อย่ำงไร’ ” 11
เขำตอบว่ำ “คนทีชื ่ อเยซู
่ ทำโคลนป้ ำยตำของฉัน และบอกฉันว่ำ
“จงไปล ้ำงตำทีสระสิ ่ โลอัมเถิด” ฉันจึงไปล ้ำง พอล ้ำงแล ้ว ก็มองเห็น”
12 พวกนั้นถำมว่ำ “เวลำนี คนนั ้ ้นอยู่ทไหน”
ี่ เขำตอบว่ำ”ฉันไม่รู ้” 13
คนเหล่ำนั้นจึงพำคนทีเคยตำบอดไปหำชำวฟำริ
่ สี 14

วันทีพระเยซู เจ ้ำทรงถ่มพระเขฬะผสมดินf
และทรงร ักษำตำของคนตำบอดนั้นเป็ นวันสับบำโต15
ชำวฟำริสไี ด ้ถำมเขำอีกว่ำ “เขำมองเห็นได ้อย่ำงไร” เขำจึงตอบว่ำ
“คนนั้นเอำโคลนป้ ำยตำของฉัน ฉันไปล ้ำงตำแล ้วก็มองเห็น” 16
ชำวฟำริสบ ี ำงคนพูดว่ำ “คนนั้นไม่ได ้มำจำกพระเจ ้ำ
เขำไม่ถอื วันสับบำโต” แต่บำงคนแย ้งว่ำ
“คนบำปจะทำเครืองหมำยอั ่ ศจรรย ์อย่ำงนี ได ้ ้อย่ำงไร”
ชำวฟำริสเี หล่ำนั้นมีควำมคิดเห็นแตกต่ำงกัน 17

จึงถำมคนทีเคยตำบอดอี กว่ำ “ท่ำนล่ะ ท่ำนคิดอย่ำงไรเกียวกั ่ บคนนั้น

ทีเขำท ำให ้ตำของท่ำนกลับมองเห็น”
เขำตอบว่ำ”คนนั้นเป็ นประกำศก” 18
แต่ชำวยิวไม่ยอมเชือว่ ่ ำชำยคนนี เคยตำบอดแล
้ ้วกลับมองเห็นgจึงเรีย
กบิดำมำรดำของเขำมำ19 แล ้วถำมว่ำ “คนนี เป็้ นลูกของท่ำน
่ ำนบอกว่ำเกิดมำตำบอดใช่หรือไม่
ซึงท่ บัดนี ้
เขำกลับมองเห็นได ้อย่ำงไร” 20 บิดำมำรดำตอบว่ำ
“เรำรู ้ว่ำคนนี เป็้ นลูกของเรำ และเกิดมำตำบอด 21 แต่เรำไม่รู ้ว่ำ บัดนี ้
เขำมองเห็นได ้อย่ำงไร หรือใครร ักษำตำของเขำ เรำก็ไม่รู ้
ท่ำนจงถำมเขำเองเถิดh เขำโตพอจะตอบเองได ้แล ้ว” 22
บิดำมำรดำตอบเช่นนี ก็ ้ เพรำะกลัวชำวยิว ่
ซึงตกลงกั นแล ้วว่ำ
ใครยอมร ับว่ำพระองค ์เป็ นพระคริสตเจ ้ำจะถูกขับออกจำกศำลำธรรม
23 บิดำมำรดำของเขำจึงตอบว่ำ “เขำโตแล ้ว ท่ำนจงถำมเขำเองเถิด”
24 ่
ชำวยิวเรียกคนทีเคยตำบอดมำอี ก บอกเขำว่ำ
“จงถวำยพระเกียรติแด่พระเจ ้ำเถิดi พวกเรำรู ้ว่ำคนนั้นเป็ นคนบำป”25

คนทีเคยตำบอดแย ้งว่ำ “เขำเป็ นคนบำปหรือไม่ ฉันไม่รู ้
ฉันรู ้อย่ำงเดียวว่ำ ฉันเคยตำบอด ้
และบัดนี มองเห็ นแล ้ว” 26
พวกนั้นถำมอีกว่ำ “เขำทำอะไรกับท่ำน เขำร ักษำตำของท่ำนอย่ำงไร”
27 ่
คนทีเคยตำบอดตอบว่ ำ “ฉันบอกท่ำนแล ้ว แต่ท่ำนไม่ฟัง
ทำไมท่ำนต ้องกำรฟังอีกเล่ำ ท่ำนต ้องกำรเป็ นศิษย ์ของเขำด ้วยกระมัง”
28 พวกนั้นจึงด่ำเขำว่ำ “ท่ำนสิ เป็ นศิษย ์ของเขำ
ส่วนเรำเป็ นศิษย ์ของโมเสส 29 พวกเรำรู ้ว่ำ พระเจ ้ำตร ัสกับโมเสส
แต่เยซูคนนี ้ เรำไม่รู ้ว่ำเขำมำจำกไหน” 30 คนทีเคยตำบอดจึ ่ งพูดว่ำ
“แปลกจริงท่ำนทังหลำยไม่้ รู ้ว่ำเขำมำจำกไหน
แต่เขำได ้ร ักษำตำของฉันให ้กลับมองเห็น 31 ้
เรำทังหลำยรู ้ว่ำ
พระเจ ้ำไม่ทรงฟังคนบำป
แต่ทรงฟังผูท้ ยี่ ำเกรงพระองค ์และปฏิบต ั ติ ำมพระประสงค ์เท่ำนั้น 32
แต่ไหนแต่ไรมำ
ไม่เคยได ้ยินเลยว่ำมีใครร ักษำคนตำบอดแต่กำเนิ ดให ้หำยไดj้ 33
ถ ้ำเขำไม่ได ้มำจำกพระเจ ้ำ เขำก็คงจะทำอะไรไม่ได ้” 34
คนเหล่ำนั้นตอบว่ำ “ท่ำนเกิดมำในบำปทังตั ้ ว

แล ้วยังกล ้ำมำสังสอนพวกเรำอี กหรือ” แล ้วจึงขับไล่เขำออกไป 35
พระเยซูเจ ้ำทรงได ้ยินว่ำชำวฟำริสข ี บ ่
ั ไล่คนทีตำบอดออกไป

เมือทรงพบเขำ จึงตร ัสถำมว่ำ “ท่ำนเชือในบุ ่ ตรแห่งมนุ ษย ์หรือ” 36
เขำทูลถำมว่ำ “บุตรแห่งมนุ ษย ์คือใคร พระเจ ้ำข ้ำ

ข ้ำพเจ ้ำจะได ้เชือในพระองค ์” 37 พระเยซูเจ ้ำตร ัสตอบว่ำ
“ท่ำนได ้เห็นแล ้ว เป็ นผูท้ ก ี่ ำลังพูดอยู่กบั ท่ำนนี แหละ” ้ 38 k
เขำจึงทูลว่ำ “ข ้ำพเจ ้ำเชือ่ พระเจ ้ำข ้ำ” แล ้วกรำบลงนมัสกำรพระองค ์
39 พระเยซูเจ ้ำตรสั ว่ำ เรำมำในโลกนี เพื ้ อพิ
่ พำกษำ คนทีมองไม่ ่ เห็น
จะได ้มองเห็น ส่วนคนทีมองเห็ ่ นl จะกลำยเป็ นคนตำบอด 40
ชำวฟำริสบ ี ำงคนซึงอยู ่ ่ทนั ี่ ่ นได ้ยินพระวำจำเหล่ำนี ้
จึงทูลถำมพระองค ์ว่ำ “พวกเรำก็ตำบอดด ้วยใช่ไหม” 41
พระเยซูเจ ้ำทรงตอบว่ำ ้
ถ ้ำท่ำนทังหลำยตำบอด ท่ำนก็ไม่มบ ี ำป
แต่ท่ำนกล่ำวว่ำ “เรำมองเห็น” บำปของท่ำนจึงยังคงอยู่
ยน 14 : 12
่ อในเรำจะท
เรำบอกควำมจริงแก่พวกท่ำนว่ำผู ้ทีเชื ่ ่ เรำก
ำสิงที ่ ำลังทำอยู่
ได ้ และเขำจะทำแม้กระทังสิ ่ งที
่ ยิ่ งใหญ่
่ ้ ก
กว่ำนี อี
เพรำะเรำกำลังจะไปหำพระบิดำ
กำรนมัสกำรพระธรรมนั้น โดยจิตวิญญำณและควำมจริง
ไม่ใช่โดยควำมจริงและจิตวิญญำณ อย่ำใช ้เพียงสติ
่ ตวิญญำณ
แต่ให ้ใช ้ซึงจิ

แล ้วแม้แต่นำสะอำดจึ ่
งสำมำรถทีจะเกิ ้
ดขึนได ้จำกควำมว่ำงเปล่ำ
อพย 17 : 1ชุมชนชำวอิสรำเอลออกจำกถินทุ ่ รกันดำรศิน
เดินทำงเป็ นระยะ ๆ ่
ตำมทีองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำทรงบัญชำ

เมือเขำมำตั ้ ำยทีเรฟี
งค่ ่ ดิม ่ ่ นไม่มน
ทีนั ้
ี ำให ่
้ดืมเลย
2ประชำกรอิสรำเอลจึงต่อว่ำโมเสส พูดว่ำ "จงหำนำมำให ้ ่ ด"
้เรำดืมเถิ
โมเสสตอบว่ำ "มำต่อว่ำข ้ำพเจ ้ำทำไมเล่ำ

ทำไมท่ำนทังหลำยจึ งมำทดลององค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ"
3แต่ประชำชนกำลังกระหำยนำมำก ้ จึงต่อว่ำโมเสสว่ำ
"ทำไมท่ำนจึงพำพวกเรำออกจำกประเทศอียป ิ ต ์ จะให ้พวกเรำ ลูก ๆ
และฝูงสัตว ์ของเรำอดนำตำยหรื ้ อ"
4โมเสสก็อ ้อนวอนขอควำมช่วยเหลือจำกองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ
"ข ้ำพเจ ้ำจะทำอย่ำงไรกับประชำกรนี เล่ ้ ำ
เขำเกือบจะเอำหินขว ้ำงข ้ำพเจ ้ำอยู่แล ้ว"
5องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำตร ัสตอบโมเสสว่ำ "จงเดินไปข ้ำงหน้ำประชำชน
จงนำผูอ้ ำวุโสชำวอิสรำเอลบำงคนไปกับท่ำน
่ ำนใช ้ตีนำในแม่
เอำไม้เท ้ำทีท่ ้ ้
นำไนล ์ไปด ้วย
6เรำจะยืนอยู่ตอ ่ หน้ำท่ำนทีหน้ ่ ำผำ บนภูเขำโฮเรบb จงตีหน ิ

จะมีนำไหลออกมำให ้ประชำชนดืม" ่
โมเสสทำดังนี ต่ ้ อหน้ำผู ้อำวุโสชำวอิสรำเอล
7สถำนทีแห่ ่ งนั้นจึงได ้ชือว่ ่ ำมัสสำห ์และเมรีบำห ์c
เพรำะชำวอิสรำเอลได ้ต่อว่ำและทดลององค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำโดยถำมว่ำ
"องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำทรงสถิตอยู่กบั เรำหรือไม่"
่ ยั
17 a อัศจรรย ์เรืองนี ้ งมีเล่ำอีกใน กดว 20:1-13 (ดู กดว 20:1
เชิงอรรถ b) ซึงเกิ ่ ดขึนที้ คำเดช
่ ี่ ่ บอกว่ำเกิดขึนที
แต่ทนี ้ เรฟิ
่ ดิม

ซึงชำวอิ สรำเอลหยุดพักเป็ นครงสุ ้ั ดท ้ำยก่อนมำถึงภูเขำซีนำย
่ เป็
เรืองนี ้ นอีกตัวอย่ำงหนึ่ งทีชำวอิ
่ ่ รกันดำ
สรำเอลบ่นว่ำพระเจ ้ำในถินทุ
ร (ดู 15:24 เชิงอรรถ i)

b "บนภูเขำโฮเรบ" เป็ นคำอธิบำยทีผู ่ ค้ ด


ั ลอกต่อเติมในภำยหลัง
้ นทำงไปกับชำวอิสรำเอลด ้วย (ดู 1 คร
พวกร ับบีบำงคนคิดว่ำ ภูผำนี เดิ
10:4) คำ "ภูผำ" หรือ "ศิลำ"
ยังนำมำใช ้เป็ นพระนำมของพระเจ ้ำอีกด ้วย ดู สดด 18:2 เชิงอรรถ c

c "มัสสำห ์" แปลว่ำ กำรทดลอง ส่วน "เมริบำห ์" แปลว่ำ "กำรวิวำท"


" ี่
ทุกอย่ำงแล ้วอย่ำดูทผลลั
พธ ์

เพรำะไม่มใี ครอยำกเห็นคนทีเรำร ่ ้องได ้ตกนรกอย่ำงแน่ นอน "
ักซึงต
" พระผู ้เป็ นเจ ้ำต ้องกำรทำลำยนรกและควำมตำย
่ ว่่ ำจะไม่มใี ครได ้ตกมันอีกต่อไป "
เพือที
" ควำมจริงจะสอนเรำและตัดสินใจให ้กับเรำใหม่
่ ว่่ ำจะได ้ไม่มซ
เพือที ึ่
ี งใครจะถู
กเรียกได ้ว่ำประชำกรของชำวนรก
่ ่ในนรกทุกคนจะได ้ร ับควำมรอด "
คนทีอยู

" ในกำรพิพำกษำครงสุ ้ั ดท ้ำย


้ั สองคื
ควำมตำยครงที ่ อควำมตำยของควำมคิดชว่ ั ไม่ใช่ซงบุ
ึ่ คคลใดๆ "
่ ่ในทะเล 14
วว 20 : 13 ทะเลคืนบรรดำผู ้ตำยทีอยู
ควำมตำยและแดนผู ้ตำยก็คน ่ ่ในแดนผู ้ตำย
ื บรรดำผู ้ตำยทีอยู
ทุกคนถูกพิพำกษำตำมกิจกำรของตน
ควำมตำยและแดนผูตำยถู
้ กโยนลงไปในทะเลไฟi
้ อควำมตำยครงที
ทะเลไฟนี คื ้ั สอง

i 20.14: ้ั ดท ้ำย
หลังจำกกำรพิพำกษำครงสุ
ควำมตำยเองก็จะหมดอำนำจ (ดู 20:10; 21:4; และ 20:6)
21 : 1 แล ้วข ้ำพเจ ้ำเห็นฟ้ ำใหม่และแผ่นดินใหม่b
เพรำะฟ้ ำและแผ่นดินเดิมสูญหำยไป ไม่มท
ี ะเลc อีกต่อไป 2
ข ้ำพเจ ้ำเห็นนครศักดิสิ์ ทธิ ์ คือนครเยรูซำเล็มใหม่ลงมำจำกสวรรค ์
ลงมำจำกพระเจ ้ำ
เตรียมพร ้อมเหมือนกับเจ ้ำสำวทีแต่ ่ งตัวรอเจ ้ำบ่ำวd3
ข ้ำพเจ ้ำได ้ยินเสียงดังจำกพระบัลลังก ์ว่ำ
“นี่ คือทีพ่ ำนักของพระเจ ้ำในหมู่มนุ ษย ์
พระองค ์จะทรงพำนักอยู่ในหมู่เขำ เขำจะเป็ นประชำกรของพระองค ์
และพระองค ์จะทรงเป็ นพระเจ ้ำของเขำ ทรงเป็ น
“พระเจ ้ำสถิตกับเขำ”e4
พระองค ์จะทรงเช็ดนำตำทุ้ กหยดจำกนัยน์ตำของเขำ
จะไม่มค ี วำมตำยอีกต่อไป จะไม่มก ี ำรไว ้ทุกข ์ กำรร ้องไห ้
และควำมทุกข ์อีกต่อไป เพรำะโลกเดิมผ่ำนพ้นไปแล ้ว 5
พระองค ์ผูป้ ระทับบนพระบัลลังก ์ตร ัสว่ำ “ดูซ ิ เรำทำทุกสิงขึ ่ นใหม่

และทรงเสริมว่ำ จงบันทึกลงไปว่ำ ้ ตย ์จริง
“ถ ้อยคำเหล่ำนี สั
และน่ ำเชือถื่ อ” 6 แล ้วพระองค ์ตร ัสกับข ้ำพเจ ้ำอีกว่ำ “สำเร็จแล ้ว
เรำคืออัลฟำและโอเมก ้ำ เป็ นปฐมเหตุและอวสำน ผู ้ใดกระหำยf
เรำจะให ้ผู ้นั้นดืมจำกธำรน
่ ้
ำแห่ งชีวติ โดยไม่คด ิ รำคำ”
22 : 1 ้ ้ข ้ำพเจ ้ำดูแม่น้ำแห่งชีวต
ทูตสวรรค ์ชีให ิ

นำใสเหมื อนแก ้วผลึกไหลจำกพระบัลลังก ์ของพระเจ ้ำและของลูกแกะ
a2 ต ้นไม้แห่งชีวต ้ ่กลำงลำนของนครนั้นและบนสองฝั่งแม่นำb
ิ ขึนอยู ้
ต ้นไม้เหล่ำนั้นออกผลสิบสองครงคื้ั อให ้ผลเดือนละครง้ั
ใบใช ้เป็ นยำร ักษำโรคของนำนำชำติ 3 จะไม่มค ี ำสำปแช่งอีกต่อไปc
พระบัลลังก ์ของพระเจ ้ำและของลูกแกะจะอยู่ในนครนั้น
บรรดำผูร้ ับใช ้ของพระองค ์จะกรำบนมัสกำรพระองค ์ 4
เขำจะเห็นพระพักตร ์พระองค ์
และจะมีพระนำมของพระองค ์บนหน้ำผำก 5 จะไม่มก ี ลำงคืนอีกต่อไป
เขำเหล่ำนั้นไม่ต ้องกำรแสงตะเกียงหรือแสงอำทิตย ์อีก

เพรำะพระเจ ้ำองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำจะทรงส่องสว่ำงเหนื อเขำทังหลำย
เขำจะครองรำชย ์อยู่ตลอดนิ ร ันดร 6 ทูตสวรรค ์กล่ำวแก่ข ้ำพเจ ้ำว่ำd
“ถ ้อยคำเหล่ำนี เป็้ นจริงเชือถื
่ อได ้
องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำพระเจ ้ำผูทรงดลใจบรรดำประกำศกทรงส่
้ งทูตสวรรค ์
่ จะต
ของพระองค ์มำแจ ้งให ้บรรดำผูร้ ับใช ้ของพระองค ์รู ้ถึงสิงที ่ ้องเกิดขึ ้
นในไม่ช ้ำ”

ลก 15 : 1 ้ั ้นคนเก็บภำษีและ
ครงนั “คนบำป”
่ งพระเยซู
มำชุมนุ มกันเพือฟั 2
แต่พวกฟำริสแี ละธรรมำจำรย ์บ่นพึมพำว่ำ
“ชำยคนนี ต้ ้อนร ับคนบำปและร่วมร ับประทำนกับพวกเขำ”

3 พระเยซูจงึ ตร ัสคำอุปมำให ้พวกเขำฟังว่ำ 4


“สมมุตวิ ำ่ พวกท่ำนคนหนึ่ งมีแกะหนึ่ งร ้อยตัวและตัวหนึ่ งหำยไป
เขำจะไม่ละแกะทังเก ้ ้ำสิบเก ้ำตัวไว ้กลำงทุ่ง

แล ้วไปตำมหำแกะตัวทีหำยไปนั ้นจนกว่ำจะพบหรือ? 5

เมือเขำพบแล ้วก็แบกแกะนั้นใส่บ่ำด ้วยควำมชืนชมยิ
่ นดี 6
และกลับบ ้ำน จำกนั้นเขำก็เรียกมิตรสหำยและเพือนบ ่ ้ำนมำพร ้อมกัน

และกล่ำวว่ำ ‘มำร่วมยินดีกบั เรำเถิด เรำ ได ้พบแกะตัวทีหำยไปนั ้นแล ้ว’
7 เรำบอกท่ำนว่ำทำนองเดียวกัน

ในสวรรค ์จะมีควำมชืนชมยิ นดีในคนบำปคนหนึ่ งซึงกลั ่ บใจใหม่
่ ำในคนชอบธรรมเก ้ำสิบเก ้ำคนซึงไม่
มำกยิงกว่ ่ ต ้องกำรกลับใจใหม่”

พระเจ ้ำต ้องกำรช่วยคุณ !!


ในทำงกำรเมืองแล ้ว
เรำอย่ำทำสงครำมอันไม่รอบคอบและทำให ้ผู ้คนทีบริ่ สท ์ ้องล ้มตำ
ุ ธิจะต
ยกันอีกต่อไปเลย สงครำมกำรค ้ำก็เช่นกัน
เอกชนจำนวนมำกนั้นต่ำงบำดเจ็บด ้วยกันทังสิ ้ น้
ถ ้ำหำกว่ำเอกชนนั้นเข ้มแข็งขึน้
อำนำจกำรเมืองอันชวร ่ ั ้ำยนั้นๆก็จะหมดอำนำจลงไปเสียเอง
ดังนั้นจงเลิกทำสงครำมกันเถิด

บำงครงแล้ั ้วในชีวต ่
ิ ประจำวันของเรำให ้เรำหลบๆเลียงๆจะดี กว่ำถ ้ำมีคน

หำเรือง ไม่ใช่เพรำะเรำแพ้ หรือน่ ำอำย หรือหนี อะไร
่ งไม่โอเค แต่มำเห็นเรำใช ้ชีวต
แต่ถ ้ำเขำยังมีอะไรบำงอย่ำงทียั ิ อย่ำงดี
ถ ้ำเรำยังช่วยเขำไม่ได ้มำก หรือช่วยจนดีแบบเรำได ้ ให ้หลบๆไปก่อน

ทำไมเรำถึงต ้องใช ้กำรนั่งสมำธิแบบกำรใช ้เครืองมื


่ อด ้วย
้ เรำก็
ทังๆที ่ ่
ใช ้คณิ ตศำสตร ์ทีควบคุมฟิ สิกส ์อีกทีได ้
เพรำะเรำต ้องใช ้มือในกำรเขียน ใช ้หลอดทดลองในห ้องปฏิบต ั ก
ิ ำร
และคอมพิวเตอร ์ในกำรคำนวณ
ดังนั้นเรำจึงไม่ได ้นั่งสมำธิอยู่บนโต๊ะแล ้วเอำมือกุม วิปัสสนำกรรมฐำน
สมถะกรรมฐำน และสำมัคคีธรรมกรรมฐำน ในแบบนั้น
ทุกอย่ำงอยู่เหนื อฟิ สิกส ์อยู่แล ้ว ถ ้ำเรำดูกน
ั ดีๆ ้
และเหล่ำนี แหละ
ผ่ำนกำรทีทุ ่ กอย่ำงคือ Software
ลูกคิดหนึ่ งระบบจึงสำมำรถคำนวณได ้มำกกว่ำ 1 Thread ใน CPU 1
Unit
ลูกคิดหนึ่ งลูกสำมำรถใช ้พร ้อมกันได ้หลำยคน เช่นกัน CPU , GPU ,
RAM , ROM , 5G , USB ก็สำมำรถ Computing ได ้หลำย
Sources Codes , หลำย Thread , หลำย Apps ในเวลำเดียวกัน
ทัง้ Process , I/O , Compiler หรือเหล่ำนี พร ้ ้อมกัน
ด ้วยหน่ วยกำรวัดค่ำในหลำยๆ Units โดยบำง Units มองเป็ น 0 บำง

Units มองเป็ น 1 " ฟิ สิกส ์เดียวกัน ต่ำงกันทีกำรถู กใช ้ "
มำกกว่ำนี แล้ ้วยังมองได ้อย่ำงไร ้ขอบไร ้เขต
ลูกคิดหนึ่ งระบบบำงคนมองเป็ นภำพใบไม้ , บำงคนมองเป็ นภำพรถ ,
บำงคนมองเป็ นล ้ำน , บำงคนมองเห็นทศนิ ยม ดังนั้น Garvity Bot
ก็ส่วนหนึ่ ง Programming ก็ส่วนหนึ่ ง เช่นนั้นแล ้วกำร
Programming ่
เรำอย่ำไปยึดติดกันทีสถำนะ
แต่สำหร ับในควำมหมำยของกำร Compiler และ Output
ให ้ออกมำจำก Monitor นั้น ประจุแม่เหล็กนั้นสำคัญมำกไป 5G
เหมือนกัน , SSD เหมือนกัน แต่ข ้อมูลไม่เหมือนกัน
แต่ในเชิงของอสมกำรเชิงเสน้ ประนั้น
ก็สำมำรถตีควำมได ้หลำยอสมกำรเชิงเส ้นประเช่นกัน
ภำยใต ้ข ้อมูลเหล่ำนั้น นี่ คือ Computer ทีอยู ่ ่เหนื อฟิ สิกส ์
ในแง่ของตัวแปร ค่ำคงที่ อัตรำส่วนนั้น ถ ้ำมีกำรเปิ ดหน่ วย Process ,

I/O , Compiler ขึนมำใหม่ แล ้ว Inheritance มำจำก Infinity
Class ตัวแปร ค่ำคงที่
อัตรำส่วนต่ำงๆในเชิงของอสมกำรเชิงเส ้นประเหล่ำนั้น

ก็พร ้อมทีจะเกิ
ฃดเป็ นผลลัพธ ์รวมของอสมกำรเชิงเส ้นประโดยทังหมด ้
จะในเซลล ์มะเร็ง , ระเบิดนิ วเคลียร ์ , แอมโมเนี ย , มีเทน , นำ้ , นำตำล

Ribose(n) , Cytosine(n) , Thymine(n) , Guanine(n) ,
Adenine(n) , ฟอสเฟต(n) , Phe(n) , Leu(n) , Tyr(n) , Thr(n) ,
Met(n) , ROS(n) , GPx(n) , ( UAG(n) -> Ile(n) )(n) , ( CAU(n)
-> Val(n) )(n) , ( CGG(n) -> Ala(n) )(n) , ( CUC(n) -> Glu(n)
)(n) และทุกๆอย่ำง
Inter Logical
่ ตรำส่วนเสมอ
ทุกอย่ำงมีคำตอบต่อตัวแปรค่ำคงทีอั

ทังในเชิ
งขอบเขตและตัวเลข บทนิ ยำมและฟังก ์ช ัน

ไม่มส ิ่
ี งใดๆจะเกิ ่
นกว่ำคำตอบทีคนเรำจะหำได ้จำกกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอ
นันต ์
โดยกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์อยู่เสมอคนเรำจึงมีอส
ิ รภำพ
และโดยกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์อย่ำงเพียงพอนั่นย่อมได ้ทำให ้เกิดกำ
่ ตรำส่วนของสิงเหล่
รประมวลผลครบพร ้อมถึงตัวแปรค่ำคงทีอั ่ ำนี ้
ในเป้ ำหมำยใหม่ๆ และ ในเป้ ำหมำยเดิมๆ
่ ้ำงสรรค ์ทีเฉพำะเจำะจงใดๆ
ของเซตควำมคิดของสิงสร ่

ดังนั้นแล ้วทุกอย่ำงจึงมำจำก เซตควำมคิดอนันต ์ สู่



เซตควำมคิดของควำมเป็ นไปได ้ทีเฉพำะเจำะจงใดๆ สู่

เซตควำมคิดของสิงสรรค ่
์สร ้ำงทีเฉพำะเจำะจงนั ้นๆ

Infinity Set คือ Super Class of All

ถ ้ำหำกว่ำกำรทำสมำธิอธิษฐำนภำวนำจะทำให ้เรำยังขำดสติปัญญำ
ยังค ้นหำคำตอบนั้นไม่ได ้
กำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์ก็ยงั ไม่ใช่อย่ำงเพียงพอ

เพียง 5 - 6 ้
คำอำจจะไม่สำมำรถอธิบำยได ้โดยทังหมด
แต่แล ้วทุกอย่ำงถ ้ำเรำอธิษฐำนทำสมำธิภำวนำอย่ำงละเอียด

กว ้ำงขวำง ยำวไกล ยำวนำน เร็วไว มำกมำย แตกต่ำง เปลียนแปลง
หลำกหลำย คงที่ ลึกซึง้ ่ ้วนอย่ำงเหมำะสมเพียงพอ
ถีถ
เรำก็จะค ้นพบกับคำตอบได ้อย่ำงแน่ นอน จะในด ้ำนพันธุวศ
ิ วกรรม
ปัญญำประดิษฐ ์ พิษวิทยำ ระบำดวิทยำ เศรษฐศำสตร ์
กำรเมืองระหว่ำงประเทศ ปัญหำโครงสร ้ำงสังคม ปมในวัยเด็ก
ปัญหำทำงอำรมณ์ และทุกอย่ำง
ทุกอย่ำงมีคำตอบทีเป็ ่ นตัวแปรค่ำคงทีอั
่ ตรำส่วนทีรอไว
่ ้แล ้ว
แต่ถ ้ำเรำยังไม่รู ้นั่นย่อมหมำยควำมว่ำควำมคิดของเรำนั้นห่ำงไกลจำก
คำตอบ หำใช่เพรำะคำตอบนั้นได ้ห่ำงไกลจำกเรำ

อธิษฐำนทำสมำธิภำวนำกับพระธรรมเจ ้ำให ้มำกๆ


พูดคุยและฟังเสียงของพระเจ ้ำให ้มำกเพียงพอ

จงอธิษฐำนทำสมำธิภำวนำต่อพระยำห ์เวห ์
ในพระธรรมเจ ้ำในอุดมคติพระบิดำ
ในพระธรรมเจ ้ำในทำงเดินชีวต
ิ พระเยซูเจ ้ำ
ในพระธรรมเจ ้ำในชีวต
ิ จิตใจพระจิตเจ ้ำ

เดชะพระบำรมีพระเยซูคริสตเจ ้ำ ในหมวดกำรคิด ในหมวดกำรสือสำร
ในหมวดกำรกระทำ ในหมวดกำรนิ่ ง ่
ในหมวดกำรเพิม
ในหมวดกำรลด ในทำงทฤษฏี ในทำงปฏิบต
ั ิ ในนำมธรรม
และในรูปธรรม

คำตอบนั้นมีสำหร ับทุกสิงอยู
่ ่แล ้วทีเรำปรำรถนำที
่ ่ งค
จะตั ้ ำถำม
แต่คำตอบนั้นจะประจักษ ์แก่สำยตำของใครนั้นก็ย่อมเป็ นทีรู่ ้กันว่ำบุคค
ลผูน้ ้ันย่อมหมำยถึงบุคคลทีได
่ ้เตรียมควำมพร ้อมทีจะร
่ ับรู ้ถึงบทนิ ยำมเ
หล่ำนั้น ้ นธุวศ
ทังพั ิ วกรรม ปัญญำประดิษฐ ์ ฟิ สิกส ์ควอนตัม
วิศวกรรมซอฟต ์แวร ์ คณิ ตศำสตร ์ประยุกต ์ และในทุกๆสิง่
่ ่เหนื อบท
ผ่ำนกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์อย่ำงเพียงพอในนำมธรรมทีอยู

นิ ยำมโดยทังหมดที ่
จะออกมำเป็ นรูปเป็ นร่ำงได ้
โดยจะเรียกวิวฒ
ั นำกำรจำกสำหร่ำยกลำยเป็ นไม้ยืนตน
หรือจะเรียกนวัตกรรมใหม่ๆก็ย่อมได ้ ถ ้ำอยำกมีอำยุทยื ี่ นยำว
ดูออ
่ นกว่ำวัย ่
ก็ย่อมทีจะเป็ นไปได ้
แล ้วถ ้ำทุกๆประเทศมีควำมพร ้อมในด ้ำนพลังงำนทดแทนและกำรเกษต

รกันเป็ นอย่ำงดีแล ้วจนไม่ต ้องพึงพำกำรแลกเปลี ่
ยนทำงกำรค ้ำกับประเ

ทศอืนๆ กำรพัฒนำทำงเทคโนโลยีทเข ี่ ้ำสู่ยุค Robot 100%
ก็จะทำให ้ผูค้ นไม่มผ ่
ี ลกระทบต่อเรืองปำกท ้องแต่อย่ำงใด
่ ทุ
สิงที ่ กๆครวั เรือนและทุกๆบุคคลจะต ้องปร ับตัวก็คอื จะต ้องสร ้ำงสรรค ์น
วัตกรรม มิฉะนั้นก็ต ้องสร ้ำงสือศิ
่ ลปวิทยำกำรให ้เป็ น

ทังในแง่ ของบุคคลหรือในแง่ของผลิตภัณฑ ์ก็ตำม
มิฉะนั้นแล ้วเขำเหล่ำนั้นจะไร ้อำนำจในกำรแลกเปลียนทำงกำรค
่ ้ำ

ทังในระดับภูมภ ิ ำคและระดับประเทศ
่ ดอุทำหรณ์ไม่ได ้หมำยควำมว่ำพระองค ์ใช ้คนเป็ นตัวประม
และกำรทีเกิ
วลผล แต่พระองค ์ใช ้พระองค ์เองต่ำงหำก
่ อนั้นถ ้ำจะมีใครยอมแลกด ้วยกำรเป็ นคนใกล ้ตัว
ส่วนทีเหลื

ก็เป็ นกำรทำโดยควำมร ักอย่ำงน้อยๆก็ให ้กับเพือนร่
วมโลก
จะโดยกำรร ับกรรม หรือจะโดยกำรแบกร ับ
หรือแม้แต่จะโดยโดนลูกหลงก็ตำม ้
ทุกอย่ำงเป็ นอุทำหรณ์ได ้ทังหมด
หำกมองแต่เป้ ำหมำยส่วนตัวมันอำจจะดูเหมือนไม่ยุตธิ รรม
่ ำหมำยในกำรอยู่รว่ มกันแล ้ว
แต่ถ ้ำมองไปทีเป้
ถ ้ำใครสำมำรถหลุดออกมำจำกนรกได ้
หรือถึงกับหยุดสร ้ำงนรกให ้กับกันอีกเลย นั้นแหละคุ ้มค่ำแล ้ว

ี่
โดยกำรกลับใจก็เป็ นเหมือนกับต ้นไม้ทอำจเหี ่
ยวแห ้งเพรำะขำดกำรรด
นำ้ พอกลับใจมำรดน้ำต ้นไม้แล ้วควำมแห ้งแล ้งก็ย่อมหำยไปได ้
ในจิตใจนั้นเรำสำมำรถย ้อนกลับไปทำควำมเข ้ำใจและตัดสินใจใหม่ได ้

ในประเด็นต่ำงๆทังหมด ้ งได ้จำก ควำมคิด
แล ้วกำรร ักษำก็จะเกิดขึนจริ
สู่ ฟิ สิกส ์ (อำรมณ์คอื รำยละเอียดควำมคิด)
จะในภำรกิจใดๆก็ตำม ้ จด
ตังแต่ ่ ้น
ุ เริมต ้ ด
จนถึงจุดสินสุ
ึ่ ้นช ัยโดยเสมอ
ย่อมมีซงเส และระหว่ำงเส ้นช ัยนั้นย่อมมีอยู่ซงเส
ึ่ ้นทำง

ซึงในพระธรรมเจ ้ำนั้นแม้ควำมผิดพลำดของใครๆก็ตำม
จะโดยถูกลูกหลง ่ ้ชีวต
จะโดยกำรแบกร ับให ้กับคนทีใช ิ ร่วมกัน

จะโดยเป็ นอุทำหรณ์ให ้กับเพือนมนุ ษย ์ หรือจะโดยกำรเป็ นเหยือ ่
และแม้แต่ในควำมผิดของตัวเอง

ถ ้ำหำกว่ำทุกอย่ำงจะพังไปทังหมดแล ้วก็ตำม
่ บฟื ้ นคืนให ้กลับมำเป็ นปกติได ้
ก็ยงั ย่อมสำมำรถทีจะกลั

พระนิ พพำนและอรหันต ์ผล(ปัจจุบนั และศักสิทธินิ์ กร)ในพระธรรมเจ ้ำนั้


ี่ กๆบุคคลนั้นควรได ้ร ับ
นเป็ นสิทธิประโยชน์ททุ
จะทำเป็ นล ้อเล่นหรือไม่ใส่ใจอย่ำงเพียงพอไปไม่ได ้

ทุกบุคคลนั้นมีควำมดีอยู่ในจิตใจเสมอ
ดังนั้นควำมเลวร ้ำยใดๆทีดู
่ น่ำกลัวเหล่ำนั้นขอให ้รู ้เถิดว่ำนั่นเป็ นแค่กำ

แพงทีคนเรำใช ่ ้มกันควำมรู ้สึกของตัวเองในบำงเวลำ
้เพือคุ
มำกกว่ำนั้นแล ้วกำแพงนั้นมีหลำยรูปแบบ อำจจะเป็ นคำพูด
กำรวำงตัว วิธก
ี ำร สินทร ัพย ์
รวมไปถึงกำรสะสมอำวุธต่ำงๆให ้กับตัวเอง
่ ดโครงสร ้ำงและระบบนั้นจะเป็ นตัวสอนให ้กับคนเรำ
ในทีสุ
ผ่ำนควำมหมำยเหล่ำนั้น ่
สำหร ับคนทีชอบคิดแบบเดำสุ่มแล ้ว
บำงทีควำมคิดบำงอย่ำงก็มำจำกอำรมณ์อะไรนั้นพัดพำมำ
จะลงไปกับอะไรใครก็จะไปรู ้ได ้แน่ นอน
ถ ้ำไม่มก
ี ำรควบคุมสถำนกำรณ์เอำไว ้มำก่อนล่วงหน้ำ
่ จะเกิ
สิงที ่ ้
ดขึนในควำมคิ ่ นกว่ำคนทัวไปที
ดทีเกิ ่ ่
ปกติเขำทำกัน
่ ดจะทำกันได ้แต่ในกำรคิดคำนวณเพียงเท่ำนั้น
ในทีสุ
่ คื
สิงๆนี ้ อคุกทีไม่
่ มก ่ ไว ้สำหร ับคนร ้ำยฟุ้ งคลังทุ
ี รงขังซึงมี ่ กๆบุคคลทียั
่ งเลื

อกในทำงเดิมของตัวเองซึงพระธรรมเจ ้ำนั้นทรงมอบให ้ไว ้
่ กระบวนกำรบำงอย่ำงจึงต ้องมีควำมทรงจำของเป้ ำ
ภำยใต ้เป้ ำหมำยทีมี
่ นองค ์ประกอบของเป้ ำหมำยทีมี
หมำยทีเป็ ่ กระบวนกำร

่ เลื
สิงที ่ อกนั้นคือสิงที
่ เรำต
่ ้
้องกำรร่วมกันสร ้ำงขึนมำ
ิ่ เห็
ไม่ใช่สงที ่ นกันด ้วยสำยตำเวลำนี ้
ควำมร ักนั้นเชือทุ
่ กอย่ำงว่ำควำมจริงคือสิงที
่ เรำก
่ ้
ำลังจะสร ้ำงขึนมำ
ดังนั้นแล ้วภำยใต ้จำนวนจริงใดๆทุกๆอย่ำงนั้นสำมำรถหวังได ้เสมอ
่ งก็
จะเลือกกีคร ้ั ยงั เลือกคนเดิม นั้นแหละคือกำรเลือกทีแท
่ ้จริง
ไม่ใช่กำรเดำสุ่ม

ให ้ทุกๆเซลล ์ของเรำเป็ นเหมือนกับคนๆนั้นเพือเรำจะได


่ ้สวยและสุขภำ
พดีแบบเขำ
ื้
ให ้ทุกๆประจุในสมองของเรำมีพนฐำนแบบเดี ่
ยวกับเขำเพือควำมส ำเร็
่ ได ้เพียงเพรำะบังเอิญหรือเพรำะโอกำสนั้นเอืออ
จในแบบเดียวกันทีไม่ ้ ำ
นวย

ต ้องทรำบไว ้ว่ำควำมเป็ นห่วงนั้นสำคัญ


อย่ำงน้อยๆก็สำมำรถทำให ้คนจำนวนมำกนั้นได ้ร ับรู ้ถึงอันตรำยทีก
่ ำลั
งจะมำถึงได ้ อย่ำงเช่น ่ ำลังวิงมำอย่
รถยนต ์ทีก ่ ำงรวดเร็ว
พำยุทอร ์นำโด สัตว ์ร ้ำย ่
และอืนๆ
ดังนั้นแล ้วควำมหมดห่วงและกำรตัดอำลัยอำวรณ์น้ันคือกำรทำลำยชีว ิ
่ ับสิงดี
ต เป็ นภัยคุกคำมอย่ำงมหันต ์ ถ ้ำเขำยังสำมำรถทีจะร ่ ต่ำงๆได ้
่ งจ
เรำต ้องหยิบยืนสิ ่ ำเป็ นเหล่ำนั้นมอบให ้กับเขำ
นี่ คือกำรแพร่ธรรมเบืองต
้ ้น
เพรำะพระเจ ้ำทรงมอบพลังงำนและควำมชุม ้
่ ชืนแก่ ้ั
ทงคนดี ่ั
และคนชวเส
มอกัน ้ มใี ครอันตรำยหรอก
บนโลกนี ไม่
แต่ถ ้ำหำกให ้เขำยังใช ้ควำมคิดแบบนั้นต่อไป
มันจะกลับมำเป็ นอันตรำยกับตัวเองได ้นะ ในระยะหนึ่ ง

อย่ำลืมว่ำคำตอบได ้เตรียมตัวแปรค่ำคงทีอั ่ ตรำส่วนไว ้ให ้กับคนทีมี


่ ควำ
่ อกำรดึงค่ำมำจำก Super
มพร ้อมผ่ำนกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์ซึงคื
Class of All ไว ้อยู่เสมอแล ้ว นี่ คือกฏเกณฑ ์นิ ร ันดร
และจงจำไว ้เสมอว่ำตำมหลักจำก ควำมคิด สู่ ฟิ สิกส ์ แล ้วนั้น

กำรตัดสินใจไม่จำเป็ นทีจะต ้องวัดกันด ้วยฟิ สิกส ์
โดยเฉพำะในเป้ ำหมำยใหม่ๆ ใน Spacetime(n) ใดๆนั้น

" ให ้เขำได ้แล ้วเรำก็จะได ้ด ้วย นี่ คือกฏแห่งกรรมในกำรอยู่รว่ มกัน "


และกำรทำดีเท่ำนั้นทีจะเป็
่ นตัวเร่งในกำรประมวลผลของกำรประมวลผ
่ ตรำส่วนนั้นๆ
ลครบพร ้อมถึงตัวแปรค่ำคงทีอั

ต ้องให ้เขำมองเห็นทำงออกของชีวต
ิ ตัวเอง

แล ้วกำรทีเขำมองเห็ นควำมดีของตัวเอง เขำก็จะทำดีตอ ่
่ คนอืนได ้

และถ ้ำเขำเข ้ำใจทำงออกของชีวต ิ ตัวเองได ้แล ้ว


ย่อมหมำยถึงว่ำเขำนั้นสำมำรถเรียบเรียงควำมหมำยของชีวต ิ ได ้ถูกต ้

องแล ้ว จึงสำมำรถทีจะมองเห็ ่ จ่ ำเป็ นต ้องคิด
นภำพเส ้นช ัย หรือสิงที

ต ้องรู ้ และต ้องทำได ้ ถ ้ำเขำจะสำมำรถร ักผู ้อืนเหมื
อนร ักตนเองได ้แล ้ว
เขำจะต ้องร ักตัวเองให ้ได ้ก่อนเป็ นอย่ำงแรกเลยจริงๆ

" ่
โดยเมือเขำยอมร ่
ับถึงกำรจนปัญญำเมือหำทำงออกไม่ เจอ
่ ้ำมำในชีวต
แสงแห่งสวรรค ์ได ้เริมเข ิ ของเขำแล ้ว ... "

เมือเขำยอมร ้
ับถึงควำมทุกข ์โศกเศร ้ำว่ำเกิดขึนตรงจุ
ดไหน

เมือจะมี ่ เป็
เรืองที ่ นควำมตำย ควำมผิดหวัง ควำมเจ็บปวด
เขำนั้นได ้เริมต
่ ้นทีจะปลอบประโลมตั
่ วเองนั้นแล ้ว

ถ ้ำเขำมองเห็นถึงควำมทุกข ์ของเพือนร่ วมโลก
แล ้วเข ้ำอกเข ้ำใจกันมำกขึน้ ควำมทุกข ์ใจ ควำมซึมเศร ้ำ
และควำมก ้ำวร ้ำวต่ำงๆนำๆ

ก็จะกลับเปลียนเป็ ่
นควำมชืนชมยินดีด ้วยใจทีอ่่ อนโยนลงจนเป็ นปกติ

ทัวไปของควำมเป็ น Gentle โดยสงบนั่นเอง
่ อนโยนและชืนชมยิ
แล ้วถ ้ำใจทีอ่ ่ นดีอยู่เสมอนั้นเกิดขึนต่ ้ อทุกๆลมหำย
ใจ
เขำก็จะสำมำรถทีจะมี่ เรียวแรงที
่ ่
จะเดิ นต่อไปได ้ในสถำนกำรณ์ทเกิ ี่ ดขึ ้
นจริงของชีวต ิ ่
และพร ้อมทีจะเดิ นไปตำมควำมเชือในสิ ่ ่ ดี
งที ่ ๆ
่ อควำมแน่ ใจว่ำควำมหวังดีตอ
ซึงคื ่ เป้ ำหมำยในชีวต ิ นั้น
้ งได ้
จะสำมำรถทำให ้เกิดขึนจริ ด ้วยสัจธรรมทีว่่ ำ "

ควำมเชือหมำยถึ งควำมจริงนั้นคือสิงที
่ เรำก
่ ้
ำลังร่วมสร ้ำงกันขึนมำ "

ซึงถ่ ้ำควำมเข ้ำใจทีได


่ ้สะสมจำกกำรคิด ่
กำรสือสำร
และกำรกระทำต่ำงๆ ้ วนตัวเอง
ทังส่ ่
และส่วนของผู ้อืน
นั้นได ้ครบพร ้อมต่อบุคคลทุกๆประเภทระหว่ำงหนทำงก ้ำวเดินแล ้วนั้น
เขำนั้นได ้กลำยเป็ นบุคคลทีมี่ เหตุมผ ี ลแล ้ว ต่อทุกๆบุคคล
เป็ นจิตเมตตำ Kindness
่ ้จำกกำรเรียนรู ้ในเรืองที
ทีได ่ จริ่ งของพืนฐำนของประเภทของแต่
้ ละบุค
คล

โดยถ ้ำในก ้ำวเดินของแต่ละก ้ำวนั้น


เรำยังสำมำรถเดินไปตำมทำงทีได ่ ้เข ้ำใจแล ้วว่ำ นั้นคือสิงดี
่ อย่ำงแท ้จริง
ไม่ใช่ทำงของอวิชชำ
ควำมบริสท ์ ้นจะทำให ้เรำค ้นพบภำพของเส ้นช ัย
ุ ธิใจนั
่ ้นทำงของชีวต
ซึงเส ิ เหล่ำนั้นจะสอนเรำว่ำ
"เรำนั้นจำเป็ นทีจะต
่ ่ จะควบคุ
้องรู ้ถึงอะไรอีกบ ้ำงเพือที ่ มผลลัพธ ์โดยทัง้
หมดได ้ "

และ "
ถ ้ำกำรร ับรู ้นั้นร ับรู ้อยู่เสมอว่ำภำยใต ้สถำนกำรณ์น้ันมีควำมไม่สมหวัง
่ อต ้ำนอย่ำงมำกมำย
และสิงต่
นั้นก็พส ู น์ได ้แล ้วว่ำนี่ เป็ นเพรำะตัวเรำนั้นได ้โฟกัสไปทีภำพเส
ิ จ ่ ้นช ัยนั้
นอยู่เสมอ ไม่ปลงหรือถอดใจไปก่อนโดยนั้นเอง "

" แล ้วภำยใต ้ควำมทุกข ์ระทมใจต่ำงๆนั้น


ถ ้ำเรำคิดโดยไร ้ซึงข่ ้อจำกัดต่อตัวเลขและขอบเขตแล ้วนั้น
ด ้วยธรรมอันคือมูลเหตุแห่งควำมเชือในตั ่ วแปรค่ำคงทีอั่ ตรำส่วนของเ
ป้ ำหมำยทีมี ่ กระบวนกำรนั้น
จะทำใหช ้ วี ติ ของเรำนั้นได ้ค ้นพบกับตัวแปรค่ำคงทีอั่ ตรำส่วนของเป้ ำห
่ นองค ์ประกอบของเป้ ำหมำยทีมี
มำยทีเป็ ่ กระบวนกำร
เป็ นกำรสร ้ำงเส ้นช ัยให ้ควำมจริงนั้นเกิดขึนตำมสิ
้ ่ หวั
งที ่ งได ้โดยนั้นเอง
"
่ เรำสร
และถ ้ำสิงที ่ ้ำงนั้นเป็ นกำรสร ้ำงตัวแปรค่ำคงทีอั ่ ตรำส่วนทีท ่ ำให ้ค

นอืนได ้ดี หำใช่ตวั เองโดยตรงไม่
เรำก็ย่อมร ับรู ้ได ้โดยเสมอว่ำกำรทำดีตอ ่ เป้ ำหมำยในกำรอยู่รว่ มกันนั้น
คือทำงเชือมต่่ อเป้ ำหมำยของตัวเองนั้นโดยเสมอ
เพรำะควำมรู ้ทุกอย่ำงนั้นมีควำมเชือมโยงกั ่ นอยู่เสมอ
ถ ้ำสำมำรถร ักษำโรค HIV ได ้ ก็สำมำรถทีจะร ่ ักษำโรค HPV ได ้ด ้วย
ถ ้ำร ักษำโรคมะเร็งสมองได ้
ก็จะสำมำรถทีจะร ่ ักษำมะเร็งปอดได ้อีกด ้วยอย่ำงแน่ นอน
ถ ้ำทำให ้กระเทยนั้นไม่ผด ิ หวังในชีวต ิ
่ ำให ้กำรเป็ นเกย ์ไม่ใช่กำรอยู่แบบตำยทังเป็
ก็ย่อมทีจะท ้ นด ้วยเช่นเดียว
กัน และถ ้ำภำพลักษณ์น้ันจะสำคัญต่อชีวต ิ ในจุดนั้นแล ้วล่ะก็

กำรได ้เห็นซึงภำยนอกเป็ นผู ้ชำยอ ้วนล่ำและดำมำกแต่จต ิ ใจนั้นสวยม
ำกๆคนนั้นจะสำมำรถเปลียนเป็ ่ นขำวสวยหมวยเอสได ้
นั้นก็คอื สิงที
่ น่่ ำยินดีสำหร ับในทุกๆบุคคลโดยอย่ำงแน่ นอน
ดังนั้นแล ้วทีกล่
่ ำวถึงกำรมองเห็นทำงออกของชีวต ิ นั้นจึงไม่ได ้หมำยถึง

ว่ำกำรทีคนเรำนั ้นได ้สำมำรถหำทำงแก ้ไขซึงปั่ ญหำในทุกๆอย่ำงเหล่ำ
นั้นได ้ก่อนแล ้วถึงจะสำมำรถเป็ นคนดีได ้ กำรแพ้จึงแพ้ไปด ้วยกัน
ถ ้ำชนะก็จงึ ชนะไปด ้วยกันเช่นกันฉันนั้น
สักวันหนึ่ งโรคทุกโรคจะสำมำรถทีจะร ่ ักษำให ้หำยได ้โดยอย่ำงแน่ นอน

ในทุกๆเหตุกำรณ์น้ันให ้เรำเดินตำมแบบอย่ำงหนทำงแห่งกำงเขนช ัยข


องพระธรรมเจ ้ำนั้น กล่ำวคือ ่
"ถ ้ำเขำเชือเสมอว่ ำอย่ำงไรก็ตำม
เรำไม่มวี นั คิดทีจะท ่ ำร ้ำยเขำได ้เลย
แม้วำ่ เขำจะทำร ้ำยเรำอย่ำงไรก็ตำม เขำนั้นคิดดีตอ ่ เรำแล ้ว " "
ถ ้ำเขำร ับรู ้ถึงอุทำหรณ์ทได ี่ ้สร ้ำงควำมเสียหำยนั้นให ้แก่เรำ
เขำนั้นเข ้ำใจควำมต ้องกำรของเรำแล ้ว " "
และถ ้ำเขำสำมำรถมองเห็นถึงภำพทำงออกของชีวต ิ หรือภำพทีดี่ ๆทีเข

ำนั้นสำมำรถสร ้ำงขึนมำได ้ ้ตำมควำมต ้องกำรเหล่ำนั้นได ้แล ้ว
เขำนั้นเป็ นคนดีน้ันต่อตัวเองแล ้ว "
และโดยกำรทีพระองค ่ ้
์ทรงยอมสินพระชนม ์ชีพ
ประกอบกับกำรฟื ้ นคืนพระชนม ์ด ้วยนั้น

โดยสิงเหล่ ้
ำนี โดยทั ้
งหมดพระองค ์จะนำเรำกลับเข ้ำไปสู่สถำนกำรณ์ต่
ำงๆอย่ำงผูช ้
้ นะ ทังเรำ อิสรำเอล จีน อินเดีย อำหร ับ อเมริกำ ยุโรป
ลำติน แอฟริกำ โลมำ นก แกะ ปูอลำสก ้ำ และทุกๆบุคคล

จริงอยู่ในควำมขัดแย ้งหรือในสงครำมใดๆเหล่ำนั้น
เรำจะทำเป็ นประมำทไปไม่ได ้เลย "
แต่อย่ำงไรก็ตำมแล ้วพระวรสำรบอกเรำว่ำถ ้ำเขำจะไม่ให ้เพรำะเป็ นเพื่
อนกัน เขำก็จะให ้เพรำะถูกรบเร ้ำ "

ก่อนทีคนเรำนั ้นคิดทีจะท
่ ำอะไรและอย่ำงไรก็ตำม

ควำมจริงทีจะเดิ นติดตำมเรำไปอยู่เสมอนั้นก็คอื "
ถ ้ำนั่นคือควำมต ้องกำรจริงๆแล ้วนั้น
ย่อมไม่มวี น ่
ั ทีจะสร ่
้ำงควำมเสือมเสี
ยหำยได ้เลยจริงๆ
แม้จะกับใครก็ตำม " และ "
ไม่มคี วำมต ้องกำรใดๆนั้นจะสำคัญไปกว่ำใครคนไหนเลยจริงๆ
แม้แต่คนทียั ่ งไม่เคยมีใครทัวไปคนไหนเคยคิ
่ ดถึงมำก่อนเลยก็ตำม "
มำกกว่ำนั้นเลยก็คอ ื "
ควำมต ้องกำรของคนเรำนั้นไม่จำเป็ นว่ำจะต ้องเหมือนกันกับสิงที่ คนทั
่ ่
วไปเขำได ้ทำๆกันมำ "

เหตุกำรณ์ร ้ำยๆนั้นเป็ นเพรำะว่ำเขำนั้นห่ำงจำกพระเจ ้ำ


ไม่ได ้เป็ นโดยพระเจ ้ำทำร ้ำยเขำด ้วยตัวพระองค ์เอง
ดังนั้นแล ้วเรำจึงมีหน้ำทีที
่ จะน
่ ำควำมร ักของพระเจ ้ำกลับไปให ้เขำอีกค
้ั ่ ง โดยควำมเร่งด่วนก็คอ
รงหนึ ื สังคมสงเครำะห ์

ผลลัพธ ์ของควำมชวร ่ ั ้ำยนั้นก็คอื ควำมดีงำมและกำรแบกร ับหนี กรรมทั


้ ้
งหมดให ้ ผ่ำนควำมคิดทีไร ่ ้ซึงข
่ ้อจำกัดของขอบเขตและจำนวน
เพรำะนี่ จะเป็ นกำรสร ้ำงควำมมันใจในควำมดี
่ งำม
่ ้นจำกทีตั
โดยเริมต ่ วเขำเอง

ไม่มค ี วำมชวร ่ ั ้ำยทีมำกมำยขนำดไหนที


่ ่
เขำนั ้นสมควรจะได ้ร ับซึงควำ

มเลวร ้ำยใดๆ ดังนั้นแล ้วแม้ว่ำจะอย่ำงไรก็ตำม
เรำต ้องสำมำรถทำดีกบั เขำได ้ โดยไม่ผด ิ ธรรมชำติน้ันแต่ประกำรใดๆ
(นี่ ไม่ใช่เพียงแค่ปรช ั ญำ!!) ควำมร ักใหญ่กว่ำทุกอย่ำง

หลำยๆคนคิดว่ำถ ้ำพระเจ ้ำเสด็จมำนะ


คนเลวร ้ำยต่ำงๆจะต ้องได ้รู ้จักนรกอย่ำงแน่ นอน

แต่แล ้วเมือพระองค ์มำถึงจริงๆ
เรำกลับได ้เห็นหนทำงแห่งกำงเขนช ัยเท่ำนั้น
่ ดว่ำควำมผิดหวังจะเปลียนเป็
แต่จงเชือเถิ ่ ่
นควำมชืนชมยิ
นดี
นรกและควำมตำยจะต ้องถูกทำลำยลงไปอย่ำงแน่ นอน
ไม่ใช่แกะตัวไหนๆหรือบุคคลคนใดนั้นแต่ประกำรใดเลย

พลังอำนำจทีแท ่ ้จริง ่
อยู่ในควำมร ักอันยิงใหญ่
ควำมอดทนต่อทุกๆอย่ำงได ้
กำรมองแง่ดไี ด ้แม้วำ่ ใครจะหำว่ำนี่ คือต ้นเหตุของอะไรก็ตำม
กำรไม่ถอื สำหำควำม
ไม่ใช่ควำมสำมำรถในกำรทำลำยล ้ำงแต่ประกำรใด
ถ ้ำเขำทนได ้ทุกอย่ำงจริงๆ
เขำย่อมตัดสินใจทีจะท่ ำทุกอย่ำงทีดี ่ ต่อเรำได ้และก็ต ้องยอมสละซึงทุ่ ก
่ จะกระท
อย่ำงเพือที ่ ำให ้สำเร็จด ้วย

ถ ้ำหำกว่ำเขำจะเห็นว่ำควำมต ้องกำรของเรำมีคำ่ เทียบเท่ำกันกับของตั


วเขำเลยนั้น
นอกจำกเขำจะร ับรู ้ได ้ว่ำเรำกับเขำต่ำงก็มค ี วำมต ้องกำรเหมือนๆกัน
อำจจะหลำกหลำยออกไปแล ้ว

เขำจะต ้องมันใจว่ ำเรำจะไม่คด ิ ร ้ำยทำลำยเขำ
หรือปล่อยให ้คนทีคิ ่ ดร ้ำยนั้นได ้ทำร ้ำยกัน
ถ ้ำหำกว่ำกันไม่ได ้มีใจทีปิ่ ดกันต่ ้ อกันนั้นโดยจริงๆ
มำกกว่ำนั้นแล ้วนั้นเขำจะต ้องมันใจว่ ่ ำภำยใต ้กำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์
ทร ัพยำกร ควำมสำเร็จ

และโอกำสโดยทังหมดจะมี อยู่อย่ำงไม่จำกัดเลย

ตรำบใดทีเขำนั ้นยังสำมำรถคิดได ้เพียงเท่ำนั้นเองจริงๆ
โดยอิสระภำพทีไร ่ ้ซึงขอบเขตและตั
่ วเลขจะมำจำกัดเอำไว ้ได ้
สติปัญญำจึงเป็ นสิงที ่ ไร่ ้ข ้อจำกัดเช่นเดียวกัน
โดยเป้ ำหมำยทีเป็ ่ นองค ์ประกอบของเป้ ำหมำยทีมี ่ กระบวนกำร
ดังนั้นแล ้วสติปัญญำจึงเป็ นองค ์ประกอบของอิสรภำพ

และเขำจะต ้องมันใจว่ ำผลแห่งกรรมไม่ใช่กำรกระทำของใคร
แต่เป็ นของตัวเขำเอง
ด ้วยกำรประมวลผลครบพร ้อมถึงตัวแปรค่ำคงทีอั ่ ตรำส่วนทีไม่
่ เท่ำกับเ
ป้ ำหมำยผ่ำนพระธรรมเจ ้ำ กำรมองเห็นพระธรรมเจ ้ำในตัวเอง
กำรมองเห็นตัวเองในพระธรรมเจ ้ำ
กำรมองเห็นชีวต ่ คคลอืนในพระธรรมเจ
ิ อืนบุ ่ ้ำ
กำรมองเห็นพระธรรมเจ ้ำในชีวต ่ คคลอืน
ิ อืนบุ ่
และกำรมองเห็นตัวเองในคนอืน ่ และกำรมองเห็นคนอืนในตั
่ วเอง

เพียงเท่ำนั้นนรกและควำมตำยจะถูกทำลำยลงไปโดยอย่ำงสินเชิ
้ ง

่ ตรำส่วนทีนิ
ทุกอย่ำงมีตวั แปรค่ำคงทีอั ่ ร ันดร
ทุกอย่ำงจึงสำมำรถอธิบำยได ้

ทุกๆบุคคลนั้นปรำรถนำดีตอ ่ เป้ ำหมำยส่วนตัวก่อนกำรตัดสินใจอยู่แล ้


ว ทุกบุคคลทีคิ ่ ดได ้จึงร ับรู ้ได ้
แล ้วกำรพบเจอประกอบกับกำรควบคุมผลลัพธ ์ให ้ได ้มำซึงควำมต ่ ้องก
ำร ทุกๆบุคคลจะมีเปำหมำยในกำรอยู่รว่ มกัน
ดังนั้นไม่มค ่ ั ้ำยของบุคคลใดๆนั้นจะเป็ นนิ ร ันดรไปได ้เลยจริงๆ
ี วำมชวร

แกะทุกตัวพระธรรมเจ ้ำพึงปรำรถนำให ้เขำรอดพ้นโดยทังหมด
แม้แต่นกตัวเดียวพระเจ ้ำก็ไม่เคยลืมเลย
่ โอเมก ้ำ 3 ; 6 สูง , OPC ,
พืช 5 สี , อำกำศ , พืชโปรตีนสูง , พืชทีมี
EGCG , ควำมชุม ่ ชืน้ , พลังงำน , กำรร ักษำคนตำบอด ,
กำรร ักษำโรคตกเลือดเพรำะพันธุกรรม , กำรทำศพให ้ฟื ้ นคืน ,

ทำงแห่งกำงเขน และมรณะสักขี ทังหมดนั ้นก็เพือควำมรอดพ้นข
่ ้ำงต ้น

ซึงควำมร ่ อสำรไปให
ักทีสื ่ ้แก่กน
ั และกัน โดยมีจด ่ ้นมำจำกพระเจ ้ำ
ุ เริมต
และมีจด
ุ สูงสุดของเหตุกำรณ์อยู่ในทำงแห่งไม้กำงเขน
ก็จะทำลำยซึงก ่ ำแพงทุกอย่ำง
เพรำะเนื่ องมำจำกว่ำเขำนั้นมันใจในควำมร
่ ักเหล่ำนั้นแล ้ว
และในทำงปฏิบต ่ ้นทีจะเป็
ั เิ ขำก็ได ้เริมต ่ ่ ได ้ด ้วยควำมร ักทีได
นบุคคลทีดี ่ ้
มีน้ันต่อตัวเอง

ควำมเลวร ้ำยต่ำงๆนำๆทีเขำนั ้นทำใหก้ นั ในปัจจุบนั

ก็ไม่สำมำรถเทียบได ้เลยกับกำรมันใจว่ ำเรำจะไม่ทำร ้ำยเขำ
ภำยใต ้ควำมต ้องกำรทีมี่ เหมือนๆกัน ่ อกำรส่งต่อควำมร ัก
ซึงคื
ไถ่ตวั เองและผู ้คนออกจำกกิเลสตัณหำต่ำงๆอำศัยพระธรรมเจ ้ำในทำง
เดินชีวติ ด ้วยกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์อยู่เสมออย่ำงเพียงพอ

จนถึงซึงควำมละเอี
ยดอ่อน ควำมกว ้ำงขวำง ควำมยำวไกล
ควำมยำวนำน ควำมเร็วไว ควำมมำกมำย ควำมแตกต่ำง
ควำมหลำกหลำย ควำมคงที่ ควำมเปลียนแปลง ่ ควำมถีถ่ ้วน
ควำมลึกซึง้
กำรประมวลผลครบพร ้อมถึงตัวแปรค่ำคงทีอั่ ตรำส่วนนั้นๆก็จะเกิดขึน้

เดชะพระธรรมเจ ้ำในอุดมคติพระบิดำเจ ้ำพระยำห ์เวห ์


พระธรรมเจ ้ำในทำงเดินชีวต ิ พระบุตรพระเยซูคริสต ์
พระธรรมเจ ้ำในชีวต ิ จิตวิญญำณพระจิตเจ ้ำ
โดยพระธรรมเจ ้ำในตัวเอง ตัวเองในพระธรรมเจ ้ำ
พระธรรมเจ ้ำในชีวต ิ อืน่ ชีวต ่
ิ อืนในพระธรรมเจ ้ำ ตัวเองในคนอืน่

คนอืนในตั วเอง ในระดับอนุ ภำคควำมคิด ทุกๆบุคคล ทุกๆชีวต ิ
จะเข ้ำสู่ฟ้ำสวรรค ์นิ ร ันดร
่ ตรำส่วนทีนิ
ทุกอย่ำงมีตวั แปรค่ำคงทีอั ่ ร ันดร
ทุกอย่ำงจึงสำมำรถอธิบำยได ้
ทุกๆบุคคลปรำรถนำดีตอ ่ เป้ ำหมำยก่อนกำรตัดสินใจอยู่แล ้ว
่ ดได ้จึงร ับรู ้ได ้
ทุกบุคคลทีคิ
ไม่มค ่ ั ้ำยของบุคคลใดๆนั้นจะเป็ นนิ ร ันดร ์
ี วำมชวร

แม้วำ่ กำรรวมตัวกันในสังคมต่ำงๆจะมีเรืองยุ่ ่งยำกมำกมำยก็ตำม


่ ำไม่มค
ถ ้ำเรำเชือว่ ี วำมชวร่ ั ้ำยของบุคคลใดๆนั้นจะเป็ นนิ ร ันดรอยู่เสมอ
ทุกๆอย่ำงจะสำมำรถเดินต่อไปได ้ในพระศำสนจักรศักดิสิ์ ทธิสำกล ์
ด ้วยกำรเป็ นหนึ่ งเดียวกันกับพระสันตะปำปำผู ้สืบทอดมำจำกนักบุญเป
โตรโดยทำงพระเยซูเจ ้ำ

ควำมชวร ่ ั ้ำยทุกๆอย่ำงนั้นคือกำแพงโดยเสมอ
และถ ้ำคนเรำนั้นเข ้ำใจถึงควำมดีงำมทีมี ่ ตอ
่ ตนเองได ้แล ้ว
คนเรำก็จะสำมำรถทีจะเป็ ่ นคนดีได ้
โดยกลับมำเริมต ่ ้นทีพระธรรมเจ
่ ้ำในอุดมคติ ในทำงเดินชีวต

และในอนุ ภำคแห่งจิตวิญญำณ เดชะพระนำมพระบิดำ และพระบุตร
และพระจิต

นรกเกิดขึนจำกกำรคิ ดทำร ้ำยตัวเอง ไม่ใส่ใจดูแลตัวเอง
่ ั นมิตร
กำรคบคนชวเป็ กำรไว ้ใจคนผิด กำรปิ ดใจต่อผู ้หวังดี
ควำมประมำท กำรขำดควำมรอบคอบ กำรขำดกำรศึกษำค ้นคว ้ำวิจยั

และกำรทำลำยสิงแวดล ้อม หำใช่จำกกำรทรงสร ้ำงของพระเจ ้ำ

พระธรรมเจ ้ำทรงมอบแสงแดด ฝนตก พืช 5 สี อำกำศ


่ สำรต่อต ้ำนอนุ มูลอิสระสูงอย่ำงองุ ่น
พืชโปรตีนสูงอย่ำงข ้ำวสำลี พืชทีมี
ควำร ์ก เลปตอน โบซอน ออกซิเจน คำร ์บอน ไนโตรเจน ไฮโดรเจน
แอมโมเนี ย มีเทน นำ้ นิ วคลิอก
ิ แอซิด

ทุกอย่ำงเป็ นจิกซอว ์สำหร ับกำรดำรงชีวต

มำกไปกว่ำนั้นพระธรรมเจ ้ำทรงสละชีวต ่
ิ เพือแกะเพื ่
อจะไม่ มใี ครต ้องเป็
นสเต็กแกะ เป็ ดปักกิง่ ปูอลำสก ้ำเผำซีฟู๊ดอีก
่ ดในคำอธิบำยและในอุทำหรณ์ท ้ำยทีสุ
จนในทีสุ ่ ดแล ้วสุนัขป่ ำจะหำกิน
ร่วมกันกับฝูงแกะ สิงโตหำกินผักหญ ้ำกับฝูงวัว
จะไม่มกี ำรทำอันตรำยกันในพระธรรมเจ ้ำแห่งอุดมคติ
แม้แต่นกตัวเดียวพระเจ ้ำก็ไม่เคยลืม
ผมทุกเส ้นควำมรู ้สึกทุกๆควำมรู ้สึกพระธรรมเจ ้ำทรงนับทรงใส่ใจ
่ กว่ำเนื อแกะ
ข ้ำวสำลีคอื ตัวเลือกทีดี ้
ดังนั้นปัสกำในแต่ละวันให ้เรำเลิกกินเนื อแกะกั
้ นเถอะ

ถ ้ำหำกว่ำเกิดปัญหำใดๆก็ตำม อย่ำท ้อใจและอย่ำปลง


สักวันหนึ่ งโรคทุกโรคจะสำมำรถร ักษำได ้

พยำยำมเปิ ดใจและคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์อยู่เสมออย่ำงเพียงพอ


่ ดแล ้วกำรประมวลผลครบพร ้อมถึงตัวแปรค่ำคงทีอั
ในทีสุ ่ ตรำส่วนนั้นๆ
ก็จะเกิดขึน้
่ ถช
บำปกำเนิ ดคือกำรทีปุ ุ นนั้นคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์ไม่เพียงพอจนกว่ำ
่ ดๆทีสื
จะเจอจึงได ้ไปเอำคำตอบทีผิ ่ บต่อกันมำเหล่ำนั้นมำใช ้

เรำจงแบกกำงเขนร่วมกับพระองค ์ ไถ่ชวี ต ิ โคกระบือ สละชีวต ่


ิ เพือแกะ
ปล่อยนกปล่อยปลำ จับคนแทนจับปลำ
ช่วยเหลือโสเภณี ทถู ี่ กหลอกพำเอำไปขำย
ช่วยเหลือแรงงำนทำสของพรรคแรงงำน
ช่วยเหลือผูอ้ พยพลีภั ้ ยทำงกำรเมืองและภัยสงครำม
เห็นคุณค่ำนกทีแม้ ่ แต่ตวั เดียวพระเจ ้ำก็ไม่เคยลืมกันเถอะ
่ จะไม่
เพือที ่ ต ้องมีใครจะต ้องเป็ นสเต็กแกะ ไก่งวงย่ำง เป็ ดปักกิง่
ปูอลำสก ้ำเผำซีฟู๊ดกันอีกต่อไป อย่ำไถ่ขวี ต
ิ ไก่งวงกันแค่สองตัว
อย่ำทำเป็ นพิธ ี แกะตกบ่อเรำต ้องช่วย
แมัแต่ตวั เดียวเรำก็ต ้องตำมหำจนเจอเพือที ่ จะช่
่ วยพวกเขำให ้รอด

อย่ำท ้อแท ้ในกำรทำควำมดี เพรำะถ ้ำเรำนั้นไม่ท ้อใจแล ้ว



เรำจะได ้เก็บเกียวเมื ่ งเวลำ
อถึ

อย่ำให ้เรำเกรงใจทีจะต ่
้องพึงพำพระองค ์ให ้มำร่วมแบกร ับควำมซวยกั
บเรำเลย

พระองค ์ไม่ได ้สินพระชนม ์เพรำะปัญหำของเรำนั้นใหญ่เกินไป
แต่พระองค ์นั้นยอมแลกเพือให ่ ้ สู
้เลือดเนื อที ่ ญเสียไปนั้นจะได ้เป็ นอุทำห
ี่ ำให ้คนเรำนั้นได ้หยุดต่ำงหำก
รณ์ทจะท

ดังนั้นแล ้วทีคนเรำจะรอดนั
่ ้นก็ไม่ได ้รอดเพรำะควำมยิงใหญ่
่ ของพระเจ ้


แต่รอดเพรำะควำมร ักอันยิงใหญ่ ่
จนถึงซึงกำรยอมแลกของพระองค ์พร
ะธรรมเจ ้ำ เดชะพระนำมพระบิดำ และพระบุตร และพระจิต


เกินกว่ำทีจะสงสัยว่ำพระองค ์นั้นจะเข ้ำใจในชีวต
ิ ของตัวเรำหรือไม่
แต่กำรยอมเสียสละก็ต ้องหมำยควำมว่ำพระองค ์นั้นใส่ใจในเรำ
ไม่ใช่เพียงเพรำะบังเอิญเข ้ำมำร ับรู ้

และก็ไม่ใช่เพียงเพรำะอยำกรู ้เรืองของคนอื ่ ยงเท่ำนั้น
นเพี

แล ้วก็ไม่ใช่เพรำะกำรบังคับให ้ทุกๆอย่ำงนั้นเป็ นไปตำมควำมต ้องกำรข


องพระองค ์

แต่เพรำะกำรยอมเสียสละซึงควำมต ้องกำรทุกอย่ำงพระองค ์ทรงตำมใจ
เรำอย่ำงแท ้จริง

ไม่ใช่เพียงเพือพยำยำมเอำใจเพื ่ จะซื
อที ่ อใจคนแล
้ ้วก็หลอกใช ้เรำ

หรือหวังทีจะได ่
้กินเรำลงไปเพือบรรเทำควำมหิ วเพียงเท่ำนั้น
พระองค ์ทรงมอบพืช 5 สี ควำมสวยงำม ฝนตก ควำมชุม ่ ชืน้
ลมหำยใจ แดดออก พลังงำน นั้นแก่คนดีและคนชวเสมอกั ่ั น

ไม่ใช่โดยควำมรู ้สึกทำงใจหรือกำรปลอบใจเพือให ้ได ้กำลังใจเท่ำนั้น
แต่กำรร ักษำคนตำบอดแต่กำเนิ ด และกำรทำศพเน่ ำให ้ฟื ้ นคืน
พระองค ์จะทำให ้คนตำบอดโดยกำเนิ ดคนนั้นแม้จะไม่ได ้ทำกรรมทำร ้ำ
ยใครมำแต่เป็ นเพรำะอุบต ้
ั เิ หตุระหว่ำงตังครรภ ์
พระองค ์จะคืนเอำกำรมองเห็นนั้นให ้แก่เรำ

และศพทีตำยไปแล ้ นในจิตวิญญำณดวงนี ก็
้วทังเป็ ้ จะกลับคืนชีพ จำก
ควำมคิด สู่ ฟิ สิกส ์ ด ้วย

พระองค ์จะคืนควำมบริสท ์ ้เรำด ้วยถ ้ำนั่นไม่ใช่กำรทำกรรมมำ


ุ ธิให
และแม้เรำจะผิดจริงก็ตำมพระองค ์ทรงต ้องกำรชดใช ้แทนเรำ

ในควำมสูญเสียทีเรำเคยท ้
ำทังหมด พระองค ์อภัยให ้กับเรำ
่ ควำมหมำยว่ำด ้วยควำมพยำยำมของพระองค ์
ซึงมี
ควำมสำมำรถโดยทังหมด ้ และเจตนำรมณ์
จะไม่มใี ครเห็นผลลัพธ ์จำกควำมผิดพลำดของเรำอีก
ทุกอย่ำงจะฟื ้ นคืนมำเช่นเดียวกับกำรได ้กลับคืนพระชนม ์ชีพของพระอ
งค ์ จำก ควำมคิด สู่ ฟิ สิกส ์

แล ้วทุกคนจะให ้อภัยเรำ
เพรำะผลลัพธ ์นัันถูกควบคุมไม่ให ้หลงเหลือซึงควำมผิ
่ ดพลำดอีกต่อไ
ปแล ้ว แม้จะย ้อนไปก็ตำม

แล ้วทุกอย่ำงจะไม่เหลือควำมซวยอีกต่อไป

ผ่ำนข ้อคิดจำกทำงแห่งกำงเขนและพระวรสำรทีว่่ ำแม้เขำจะผิดขนำดไ


หนก็ตำม ิ ทำร ้ำยเขำเขำนั้นคิดดีตอ
ถ ้ำเรำไม่คด ่ เรำ
ทุกคนทีคิ ่ ดได ้ย่อมร ับรู ้ได ้
ในกำรควบคุมผลลัพธ ์ของเป้ ำหมำยส่วนตัวและกำรพบเจอ
จำกกำรเห็นตัวเองในพระธรรม พระธรรมในตัวเรำ
ชีวต ่ คคลอืนในพระธรรม
ิ อืนบุ ่ พระธรรมในชีวต ่ คคลอืน
ิ อืนบุ ่
ตัวเองในคนอืน ่ ่
คนอืนในตั วเอง
จะไม่มค ี วำมชวร ่ ั ้ำยใดๆของบุคคลไหนๆนั้นจะเป็ นนิ ร ันดร
ถ ้ำเขำไม่ให ้เพรำะเป็ นเพือนกั ่ นเขำก็จะให ้เพรำะถูกรบเร ้ำ
ผ่ำนกำรฟื ้ นคืนพระชนม ์และวิถช ี วี ต
ิ ในพระวรสำรทำให ้ทุกคนสำมำรถ
เข ้ำใจได ้ว่ำผ่ำนกำรคิดเข ้ำหำค่ำอนันต ์
กำรนมัสกำรพระธรรมเจ ้ำพระบิดำ พระบุตร พระจิต
เรำจะผ่ำนพ้นทุกอย่ำงไปได ้ แม้ในควำมตำยทีศพเน่่ ำแล ้วก็ตำม

แม้ในตำทีบอดสนิ ทแล ้วก็ตำม
่ ดแล ้วก็คอ
ทีสุ ื ไม่มป
ี ัญหำไหนเกินกว่ำเป้ ำหมำย
เพรำะคนทีมี ่ ปัญหำย่อมมีเป้ ำหมำย ี่ ำหมำย
แต่ปัญหำไม่ได ้อยู่ทเป้
ปัญหำอยู่ทตั ี่ วแปรค่ำคงทีอั ่ ตรำส่วน ถ ้ำมีเป้ ำหมำยย่อมมีเส ้นช ัย
มีเส ้นช ัยย่อมมีเส ้นทำง และถ ้ำมีทำงแล ้วทุกอย่ำงจึงสำมำรถควบคุมได ้
ทุกอย่ำงมีตวั แปรค่ำคงทีอั ่ ตรำส่วนทุกอย่ำงจึงสำมำรถอธิบำยได ้
เรำต ้องนำหน้ำตัวแปรค่ำคงทีอั ่ ตรำส่วนเหล่ำนั้นไว ้อยู่เสมออย่ำงน้อยๆ
ก็หนึ่ งก ้ำว

พระองค ์พระธรรมเจ ้ำนั้นให ้โอกำสแก่เรำทุกๆบุคคลนั้นอยู่เสมอโดยไม่


มีข ้อสงสัย

แต่กำรเปลียนแปลงใดๆนั ้นจะเริมเกิ
่ ดขึนได
้ ่
้เมือเรำนั ้นได ้ให ้โอกำสให ้กั

บตัวเองทีจะได ้กลับใจใหม่โดยอย่ำงแท ้จริง
ด ้วยควำมเข ้ำใจในระดับลึกถึงจิตวิญญำณและหลักควำมจริงทีบ่ ่ งบอก
ถึงผลลัพธ ์ทีไม่่ ต ้องรอให ้เรืองนั
่ ้นต ้องเกิดขึนก่
้ อน
ผ่ำนกำรคิดคำนวณเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์อย่ำงเพียงพอ
กล่ำวคือหมำยถึงจนถึงซึงควำมเร็่ วไว ควำมกว ้ำงขวำง ควำมยำวไกล
ควำมยำวนำน ควำมละเอียดอ่อน ควำมลึกซึง้ ควำมถีถ ่ ้วน ควำมคงที่

ควำมเปลียนแปลง ควำมหลำกหลำย ควำมแตกต่ำง ควำมมำกมำย
อย่ำงเพียงพอโดยนั่นเอง
่ พระเยซู
ให ้เรำบอกว่ำเรืองนี ้ เจ ้ำเคยอธิบำยไว ้ให ้กับพวกเรำแล ้วผ่ำนกำ
รร ักษำคนตำบอด กำรทำศพเน่ ำให ้ฟื ้ น
คำยืนยันว่ำแม้แต่นกตัวเดียวพระเจ ้ำก็ไม่เคยลืม
โดยเฉพำะอย่ำงยิงคื่ อทำงแห่งไม้กำงเขนของพระเยซูเจ ้ำ
่ นกำรสละชีวต
ทีเป็ ่ งแกะ
ิ เพือฝู ้ ่น
โดยข ้ำวสำลีและนำองุ
่ กรดอะมิโนจำเป็ นครบถ ้วนอย่ำงเพียงพอ กรดไขมันโอเมก ้ำ 3 , 6
ซึงมี
อย่ำงเหมำะสมเพียงพอ
และสำรต่อต ้ำนอนุ มูลอิสระทีสู่ งทีสุ
่ ดในทุกๆโครงสร ้ำงของสำรพันธุกร
่ ว่่ ำจะไม่มใี ครต ้องเป็ นสเต็กแกะ เป็ ดปักกิง่
รม เพือที ไก่งวงย่ำง
ปูอำลำสก ้ำเผำซีฟู้ดกันอีกต่อไป

แม้วำ่ เรำจะเกิดมำเหมือนกับว่ำไม่ได ้เป็ นของขวัญของโลกใบนี ้


โดนคนปฏิเสธมำโดยเสมอก็ตำม
พระองค ์จะทำให ้เรำมองเห็นและคืนชีวต ิ นั้นให ้กับเรำอีกครง้ั
แล ้วเรำจะสำมำรถก ้ำวเดินต่อไปได ้เหมือนกับคนทัวไป ่

โดยกำรคิด

กำรสือสำรยื
นยันทีน่ ำกำรร ับรู ้ทีเป็
่ นข่ำวดีทยิี่ งกว่
่ ำกำรประกำศข่ำวคว
ำมสำเร็จของวัคซีนร ักษำโรคเอดส ์
่ ำให ้สิงเหล่
และกำรตัดสินใจทีจะท ่ ำนั้นถูกทำให ้เกิด

จงอย่ำวิตกกังวลไปเลยถ ้ำพืช 5
สีน้ันจะเกิดมำคูก
่ บ ่
ั ควำมต ้องกำรทีขำดไม่ ได ้ของคนเรำ
กำรเกิดมำคู่กนั ของพฤษเคมีและสิงมี่ ชวี ต ่ ยกว่ำมนุ ษย ์นั้นก็ยงกว่
ิ ทีเรี ิ่ ำวิ
วัฒนำกำรของใครคนใดคนหนึ่ ง
แต่เป็ นเสมอเหมือนว่ำเพรำะเรำนั้นเกิดมำคูก ่ นั โดยมีกำรจัดเตรียมจำก
พระธรรมให ้สองเรำนั้นได ้มำพบเจอกัน
แล ้วทุกๆอย่ำงในชีวต ิ ของคนเรำก็จะผ่ำนพ้นไปได ้โดยกำรจัดเตรียมเห
ล่ำนั้นโดยเฉกเช่นเดียวกันนั่นเอง

โดยพระธรรมเจ ้ำ
ไม่ใช่เพียงโดยพระพรหมถือสำรแด่พระนำงมำรีพระมำรดำของพระอร

หันต ์ทังหลำย ่ ชืน้ แสงแดด พลังงำน พืชผลต่ำงๆนั้น
ฝนตก ควำมชุม
้ สต
จึงทังแด่ ั ว ์กินพืช และสัตว ์ร ้ำยอย่ำงเท่ำเทียมกัน

เพือเจตนำรมณ์ ของพระองค ์จะถูกถ่ำยทอดออกไปจนสุนัขป่ ำจะหำกิน
อยู่รว่ มกันได ้กับฝูงแกะ สิงโตก็จะกินผักหญ ้ำอยู่กบั ฝูงโค
แล ้วจะไม่มก ี ำรทำอันตรำยหรือกำรทำลำยใดๆในภูเขำของพระธรรมเจ ้
ำแห่งอุดมคติเพรำะว่ำทีสุ ่ ดแล ้วทุกอย่ำงก็ทำให ้เรำเห็นว่ำแม้จะอะไรก็ต
ำมพระองค ์ไม่เคยเอำคืน ไม่เคยเรียกร ้อง
ไม่เคยคิดร ้ำยต่อใครๆนั้นแต่ประกำรใดๆ

แต่เรำก็ไม่ควรปฏิเสธควำมช่วยเหลือและกำรจัดเตรียมของพระองค ์
รวมไปถึงกำรทำร ้ำยตัวเองเหล่ำนั้นด ้วย
อย่ำงน้อยๆเรำก็อย่ำลืมร ับประทำนพืชให ้ครบ 5 สีตอ่ วัน
ให ้ไม่นอ้ ยกว่ำ 5 หน่ วยบริโภค
เพรำะวิวฒ ่
ั นำกำรของคนเรำไม่ได ้พร ้อมทีจะผลิ
ตอำหำรได ้เองโดยไม่
มีพช ื และสำหร่ำย ่ั
ภำยใต ้ชวอำยุ อนั ใกล ้
่ ำคัญเรำจะต ้องไม่ฆ่ำตัวตำย
ทีส ่
ติดสิงเสพติ ด

และกำรทำลำยซึงธรรมชำติ ่
และสิงแวดล ้อม

แต่ทสุี่ ดแล ้วหลำยๆคนอำจจะคิดว่ำทีคนเรำจะต ่ ้องทำตัวดีๆเป็ นเพรำะเร


ำนั้นยืมจมูกคนอืนหำยใจมำโดยตลอด

เรำเลยต ้องสงบเสงียมเจี ่ ่ จะปร
ยมตัวเพือที ่ ับตัวให ้เข ้ำกันกับธรรมชำติร
อบตัวเหล่ำนั้น
หรือเป็ นเพรำะว่ำคนเรำก็ไม่ได ้มีควำมรู ้โดยทังหมดว่ ้ ำคนเรำต ้องมีโภช
นำกำรเช่นไรกันแน่
่ เหมือนกับว่ำทีคนเรำต
ทีดู ่ ้องกำรนั้นก็ต ้องกำรกันโดยทีคนเรำก็
่ ไม่ได ้มี
ควำมรู ้นั้นโดยทังหมดกั
้ นแต่อย่ำงใด
แล ้วเรำจะสร ้ำงตัวเองวิวฒ ั นำกำรตัวเองขึนมำได้ ้เลยนะหรือ
แม้แต่ตวั เรำเองคนทีเรี ่ ยนมำเยอะและวิจยั มำเยอะอย่ำงอำจำรย ์หมอยังรู ้

เกียวกั บตัวเรำเองนั้นยังไม่หมดเลย
แล ้วเรำจะวิวฒ ั นำกำรสร ้ำงตัวเองนั้นขึนมำได ้ ้อย่ำงไรกัน
้ ำอะไรคือสิงดี
เพรำะเรำเองก็ไม่ได ้รู ้กลไกของควำมดีงำม ไม่รู ้ด ้วยซำว่ ่

แล ้วอะไรหรือใครกันล่ะทีจะมำช่ ่
วยพิสูจน์ถงึ ซึงควำมดีงำม

ควำมดีงำมจึงเป็ นสิงที่ ถู่ กพิสจู น์กน ่


ั ทีผลลั ่ องต่
พธ ์ก่อนทีเรื ่ ำงๆนั้นจะเกิ
ดขึนมำ้
ดังนั้นชีวต
ิ ต่ำงๆจึงดูเหมือนกับว่ำบุคคลต่ำงๆเรำนั้นได ้วำดเป้ ำหมำยเอ
ำไว ้ จะต ้นส ้ม สำหร่ำย หรือมนุ ษย ์ก็ตำม
แต่ในระดับอนุ ภำคควำมคิดคำตอบนั้นได ้จัดเตรียมสิงต่ ่ ำงๆมำให ้เป็ นเ
ข็มทิศนั้นให ้กับเรำ
จะเป็ นเพียงสัญชำตญำณควำมสำมำรถทีควำมคิ ่ ดต่ำงๆนั้นก็ไม่ได ้ล่ว
งรู ้โดยอธิบำยออกมำได ้
หรือจะมีคำตอบจำกกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์ซึงดู ่ เหมือนเป็ นชุดคำสัง่
่ ้ผลลัพธ ์เกินกว่ำกำรเดำสุ่มกันแน่
ทีได
และเซลล ์นั้นจะฉลำดขนำดนั้นเลยนะหรือ
หรือทุกๆอย่ำงนั้นมีสงทีิ่ อยู
่ ่เหนื อฟิ สิกส ์ซึงก็
่ คอื ฟังก ์ชนและบทนิ
่ั ยำมโด
ยนั่นเอง

และโดยหลักกำรทีว่่ ำจริงอยู่จำก ควำมคิด สู่ ฟิ สิกส ์


แม้แต่ดำวใดๆเรำก็สำมำรถสร ้ำงให ้เป็ นแบบโลกเรำได ้
โดยกำรตอบสนองเหนื อสิงเร ่ ้ำทีบุ
่ คคลอย่ำงๆเรำนั้นก็สำมำรถสร ้ำงนำ้

สะอำดขึนมำจำกควำมว่ ำงเปล่ำ หรือแม้แต่ระบบสุรยิ ะใหม่ๆก็ตำม
แต่จะใช ้เพียงเซลล ์ไหนๆกันล่ะ
หรืออย่ำงน้อยๆก็ควรจะต ้องมีซเู ปอร ์คอมพิวเตอร ์

หรือเรำต่ำงหำกทีจะต ้องช่วยตัดสินใจควบคุมไม่ให ้มันเป็ นมะเร็ง
และกลำยพันธุ ์ในทำงทีไม่่ ดี
ด ้วยปัญญำประดิษฐ ์และเทคโนโลยีรู ้จำเหล่ำนั้น
ผ่ำนกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์ พระธรรมเจ ้ำ เดชะพระนำมพระบิดำ
และพระบุตร และพระจิต
สำหร ับชีวต ิ ของคนเรำนั้นในอนำคตนั้นแม้จะมีซงนำโนเทคโนโลยี
ึ่ ใน
กำรสร ้ำงหุ่นยนต ์ขนำดจิว๋
แต่ปัญญำประดิษฐ ์และเทคโนโลยีรู ้จำของหุ่นยนต ์เหล่ำนั้นจะมีชด ุ คำสั่
่ ้ำงอะไรขึนมำล่
งทีสร ้ ะ ่ ลง
สร ้ำงกำรกลำยพันธุ ์ในทำงทีแย่
กำรแบ่งเซลล ์จนกลำยเป็ นเชือมะเร็ ้ ง หรือกำรร ักษำโรค

กำรเปลียนกำรสื ่
อสำรระดั บเซลล ์

กำรเปลียนเชื ้
อโรคให ่ ดี
้เป็ นสิงที ่ ๆอย่ำงน้อยๆก็สำหร่ำย
และกำรสร ้ำงสเต็มเซลล ์ทีดี ่ ๆ

แล ้วกำรคิด ่
กำรสือสำร รวมไปถึงกำรร ันโค๊ด

ทีจะบอกว่ ้
ำจงลุกขึนจำกกำรเป็ นศพเน่ ำเถิด จงมองเห็นเป็ นปกติเถิด
่ วๆ
จะด ้วยชุดคำสังมั่ ่ มๆ
ชุดคำสังเดิ
หรือกำรสืบทอดคุณสมบัตม ิ ำจำกเซตควำมคิดระดับอนันต ์จนถึงซึงชุ ่
่ ดี
ดคำสังที ่ ตอ
่ สุขภำพของคนเรำ

ใครจะต ้นส ้ม สำหร่ำย ลิง คน หรือจะกระต่ำยก็ตำม


่ ดี
เพียงชุดคำสังที ่ เรำก็จะมีเพียงพอทีจะเป็
่ นของขวัญไว ้ให ้กับตัวเรำเอง
ผูค้ น ไม่ให ้ผู ้ใดมำทำลำย
หรือจะสร ้ำงควำมหนักใจในตัวเรำกันอีกต่อไปเลย
่ เกิ
และสิงที ่ ดขึนนั
้ ้นจะเป็ นควำมต ้องกำรของทุกๆบุคคล

พระเจ ้ำเท่ำนั้น พระคุณเท่ำนั้น พระคัมภีร ์เท่ำนั้น และควำมเชือเท่


่ ำนั้น
ในพระศำสนจักรศักดิสิ์ ทธิสำกล

เกิดขึน้ ตังอยู
้ ่ ดับไป เกิดเป็ นสิงใหม่
่ ี่ ขนๆจนสมบู
ทดี ึ้ ้ ้น
รณ์แบบทังนั
เพรำะพระองค ์ทรงเติมเต็ม
ไม่ใช่เป็ นเพรำะควำมดับขันธ ์อันเนื่ องมำจำกนรกและควำมตำยอันสิน้
หวัง จงแสวงหำแผ่นดินของพระเจ ้ำและควำมชอบธรรมของพระองค ์ก่
อน เพรำะสุนัขป่ ำจะหำกินกับลูกแกะ สิงโตจะกินผักหญ ้ำแบบฝูงวัว
จะไม่มก ้
ี ำรทำลำยล ้ำงเกิดขึนในภู เขำของพระยำห ์เวห ์เลย
่ มสิงทั
แล ้วพระองค ์จะทรงเพิมเติ ่ งปวงให
้ ้
หน้ำตำ , อำนำจ , เกียรติ , ควำมสัมพันธ ์ , กำรสัมผัส , กำรเติมเต็ม ,

ควำมมันคง , ควำมอบอุน ่ น
่ , ควำมไว ้วำงใจ , ควำมเชือมั ่ และทุกๆสิง่

อย่ำดูจำกค่ำนิ ยม ควำมต ้องกำร ควำมรู ้สึก ประสำทสัมผัส รสนิ ยม


่ เห็
สิงที ่ น อำรมณ์ แนวควำมคิด ปัญหำ ควำมเจ็บปวด ควำมอับอำย
ควำมพ่ำยแพ้ ควำมสูญเสีย แต่ให ้ถอยหลังมำคนละก ้ำว เริมต ่ ้นจำก 0
จับต ้นจนปลำยให ้ดีๆ ่ ลู
เพือที ่ กจะได ้ไม่ทำพระองค ์ทรงสินพระชนม
้ ์
แต่ไม่อยำกมองเห็นพระโลหิตและบำดแผลของพระองค ์อีก
ในทุกๆชีวต ิ รอบกำย
โดยกำรไม่เอำกำรตัดสินใจแบบสร ้ำงควำมเสียหำยแบบนั้นกลับมำใช ้
อีก เขำทำผิดแล ้ว ้
เรำอย่ำซำรอยเดิ ม
อย่ำงมำกทีสุ ่ ดให ้แสดงควำมรู ้สึกออกมำว่ำเจ็บเป็ นเท่ำนั้นพอ

แต่ต ้องให ้เขำมันใจว่ ำเรำไม่ได ้คิดร ้ำยต่อเขำเลย
สำหร ับถ ้ำภำยใต ้กำรแบกกำงเขนร่วมกับพระองค ์
ควำมเจ็บปวดใดๆก็ไม่ใช่ปัญหำถ ้ำเรำอยำกได ้ควำมสุขของเขำจริงๆ

ซึงหมำยถึ งควำมรู ้สึกภำยในจิตใจของเขำจริงๆ

ซึงเรำนั ้นก็ได ้แต่เพียงมองดูเท่ำนั้นจริงๆ ไม่หวังสิงตอบแทน

ควำมชวร ่ ั ้ำยจะไม่มอ ี ำนำจในกำรฆ่ำล ้ำงเผ่ำพันธุ ์


หรือทำลำยกำรลำเลียงซึงข่ ่ ำวประเสริฐและวัคซีนโดยทังหมด

จะไม่มใี ครสำมำรถมีสท ิ ธิที์ จะท
่ ำลำยควำมหวังและกำรมีชวี ต ิ อยู่ของผู ้
คนและสิงมี ่ ชวี ต
ิ ต่ำงๆได ้เลย อย่ำงไรก็ตำมแล ้ว
ถ ้ำเรำนั้นเป็ นจรเข ้ตัวนั้นจริงๆ
กำรถูกทำให ้หลับก็ถอื ว่ำเป็ นพระคุณเป็ นอย่ำงยิงที ่ จะได
่ ้ไม่กอ่ กรรมทำ
เข็ญได ้ในเวลำนั้น เห็นจรเข ้กำลังกินเนื อเด็ ้ ก ผู ้หญิง คนชรำ
คนพิกำร ผู ้คน ตัวนิ่ ม หรือใครๆ อย่ำได ้ปล่อยเอำไว ้เลย
จงควบคุมพฤติกรรมของจรเข ้ด ้วยกำรทำให ้หลับ

อุทำหรณ์บำงอย่ำงก็ต ้องใช ้กำรแสดงออกซึงเจตนำรมณ์ วำ่ เรำนั้นร ับ
ฟัง ใส่ใจ และไม่เคยคิดร ้ำยต่อเขำเลย
และบำงอย่ำงก็ต ้องยืนยันว่ำเขำนั้นเป็ นอันตรำยจริงๆ
และเรำก็ไม่อยำกให ้เขำทีจะเสี่ ้ จะได
ยใจไปมำกกว่ำนี ที ่ ้ทำ
กำรตำยนั้นก็ย่อมได ้กำไรจะต ้องเป็ นเพือกำรยื
่ นยันเจตนำรมณ์

เพือกำรให ้เขำมองเห็นถึงควำมร ัก ควำมใส่ใจ
กำรอยำกให ้เขำเห็นถึงควำมรู ้สึกจำกควำมร ัก
่ อมไร ้ซึงควำมอำฆำตมำดร
ซึงย่ ่ ้ำยใดๆ
่ ว่่ ำเขำนั้นจะเอำไปใช ้กับตัวเองได ้
เพือที

อย่ำกลัวสถำนกำรณ์ ่
เพรำะว่ำภำยใต ้กำรเปลียนแปลงนั ้น

ทุกอย่ำงย่อมทีจะเกิ ้
ดขึนได ้ ทัง้ Genotype , Phenotypes ,
Organelles , Movement , Adjudication , Know how , Skills
, Memory , Emotional , Toxicology , Epidemiology ,
Productivities , Appearance ทุกอย่ำงคือ Molecules และ
Ionization ซึงคื่ อ Attributes ของ Chemical โดยทังสิ ้ น้
ทุกอย่ำงก็คอื Ionization ่
แต่ตำ่ งกันทีปรำกฏออกอำทิใน
Hypothalamus , Telencephalon , DNA , Mitochondria ,
5G , WiFi , Mitosis , Etc.
่ ดผ่ำน
ท ้ำยทีสุ Inter Logical กำร Adjudication

จะเกิดขึนจำกกำรประมวลผลครบพร ้อมในพระธรรมเจ ้ำ
เอกภพจะประมวลผล และโลกเรำนี ้ เซลล ์ ่ ชวี ต
สิงมี ิ ใดๆ
แม้แต่กมั มันตร ังสี , สำรพิษ , พิษงู , ลูกกระสุนปื น , ขีปนำวุธ ,
ี่ ดปฏิกริ ยิ ำต่อเนื่ องซำไปซ
โมเลกุลเคมีทเกิ ้ ้
ำมำซึ ่ อโรคที
งเชื ้ ่
ทนควำมร ้อ
นได ้ดี และเซลล ์มะเร็ง เรำสำมำรถคุยกันด ้วย Attributes ของ
Chemical โดยทังสิ ้ น้ ผ่ำนควำม Kindness จำก ควำมคิด สู่ ฟิ สิกส ์
กล่ำวคือ ขอบเขตบทนิ ยำม สู่ ระดับตัวเลขของฟังก ์ชน ่ั สู่
โครงสร ้ำงของแรงปฏิกริ ยิ ำทำงฟิ สิกส ์ทีเกี่ ยวเนื
่ ่ องปรำกฏ สู่
คุณลักษณะของกำรเกิดปฏิกริ ยิ ำกับสำรเคมีเหล่ำนั้น สู่
่ กริ ยิ ำอันต่อเนื่ องซำไปซ
กระบวนกำรทำงชีวภำพซึงปฏิ ้ ้
ำมำ
สัตว ์ร ้ำยทุกตัวสุดท ้ำยจะกลับมำกิน Vegan กันอีกครง้ั
ตำมพระบัญญัตก ิ ำรอดเนื อ้
กำรฆ่ำกับกำรทำให ้หลับนั้นยำกไม่แตกต่ำงกัน
่ ำงชนกั
แต่ให ้ผลลัพธ ์ทีห่ ้ั นเยอะ (เทียบ พระธรรมกิจกำรอัครสำวก)
่ วเอง เรำต ้องกำรพัฒนำชีวต
" ถ ้ำรู ้สึกเบือตั ึ้ ำนี ้ "
ิ ให ้ดีขนมำกกว่

" แต่ถ ้ำหำกเรำนั้นจะคิดทีจะฆ่


่ ำใคร
เรำต ้องเตือนตัวเองเอำไว ้เสมอว่ำจงคิดให ้ใหญ่กว่ำนั้น

มำกกว่ำกำรเบือใครๆ ก็คอื กำรควบคุมควำมคิดของคน
เพรำะนรกและควำมตำยจะต ้องถูกทำลำยลงไป ไม่ใช่แกะตัวไหนเลย
แม้แต่นกตัวเดียวพระเจ ้ำก็ไม่เคยลืม
ผมทุกเส ้นพระองค ์ทรงนับเอำไว ้หมดแล ้ว จงเลิกจับปลำ
้ ฝูงแกะของพระธรรมเจ ้ำกันเถิด
แล ้วจงมำเลียงดู

ถ ้ำเขำไม่ให ้เพรำะเป็ นเพือนกั
น เขำก็จะให ้เพรำะถูกรบเร ้ำ "

ถ ้ำเขำหรือใครนั้นอยำกดีเหมือนเรำ แต่คดิ ร ้ำยต่อเรำ


่ ้ำยมำเถิด
ให ้เรำร ับสิงร อย่ำโยนใส่กน ั ่
ทุกอย่ำงเปลียนแปลงได ้
จะอันตรธำนหำย ่
หรือเปลียนแปลงไปจำกเดิ มโดยทันทีทน ั ใด
่ นมำใส่
หรือเอำสิงอื ่ แทน ซึง่ Vector ใน Spacetime
่ ยงั ดีกว่ำเขำไม่ร ับสิงดี
เขำกล ้ำทีจะดี ่ อะไรเลย ไม่คด ่ อะไรเลย
ิ ถึงสิงดี
หรือมองไม่เห็นทำงออกใดๆเลย

ทุกอย่ำงเป็ นแค่เจตนำรมณ์ ผลลัพธ ์


อำจจะเป็ นอำรมณ์หรือรำยละเอียดควำมคิด ควำมรู ้สึกร ับรู ้
แนวควำมคิด ประจุอนๆก็ื่ ่ ภำพอะไรบำงอย่ำง ,
เช่นกัน ในสมองทีมี
หรือกำรขยับตัวต่ำงๆในระบบประสำทเหล่ำนั้น
ล ้วนมำจำกเจตนำรมณ์เหล่ำนั้นอีกที ่
สภำพแวดล ้อมทีเรำพบเจอ
ต ้องนำไปสู่ข ้อสรุปของกำรแบกไม ้กำงเขนร่วมกับพระองค ์

เพือกำรเปลี ่
ยนนรกและควำมตำยให ้
้กลับเป็ นขึนมำโดยในทุกๆชีวต ิ จริ
งๆ มะเร็งและผู ้สูญเสียจะฟื ้ นขึนมำพร
้ ้
้อมกัน แต่มะเร็ง , เชือโรค ,

คลืนอำกำรป่ ่ ำโมเลกุลเคมี
วยต่ำงๆทีน อำจจะแยกตัวออกไป
เป็ นสำหร่ำย หรือต ้นไม้ก็ได ้ แต่ถ ้ำเขำจะไปเข ้ำคนอืนแทน่ Error
เหล่ำนั้นจะต ้องถูกปิ ดเสียโดยเร็วทีสุ
่ ด ด ้วยกำรยอมร ับซึง่ Software
Update เหล่ำนั้น
ต่อหน้ำพระองค ์จะต ้องไม่มค ี นตำยยังคงเป็ นจริงเสมอ
แต่เขำนั้นปฏิเสธอะไร และตอบร ับใหอ้ ะไรเข ้ำมำ Software Update
, วัคซีน หรือ ไวร ัส , มัลแวร ์ ดังนั้นในส่วนของเรำนั้น
่ ได ้ เรำต ้องให ้ พลังงำน ควำมชุม
1. ถ ้ำเขำสำมำรถร ับสิงดี ่ ชืน้ SODs ,
OPC , EGCG นั้นแก่คนดีและคนชวเสมอกั ่ั น

2. ถ ้ำเขำยังร ับรู ้และเข ้ำใจได ้ เรำต ้องทำให ้เขำมีควำมหวัง มีกำลังใจ


และควำมเชือมั ่ นในสิ
่ ่ ดี
งที ่ ๆ " สักวันหนึ่ ง
โรคทุกโรคจะต ้องร ักษำหำยได ้ "
้ ำยผู ้ร ักษำทีเจ็
ทังฝ่ ่ บปวดเช่นกันไม่แพ้กน ั กับคนทีป่่ วย

โลกเรำนี เอกภพนี ้ แพ้ก็แพ้ไปด ้วยกัน ชนะก็ชนะไปด ้วยกัน
ทุกอย่ำงมีตวั แปร ค่ำคงที่ และอัตรำส่วน ผ่ำนกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์
ใน Process , I/O , Compiler สักวันหนึ่ งเรำจะต ้องเจอ
3. ิ และบุคคลนั้นยังคงสัมผัสได ้อยู่เสมอ
ทุกชีวต
ดังนั้นแล ้วสิงที
่ เรำมอบให
่ ้ต ้องมำจำกพระเจ ้ำ "
เขำต ้องได ้สัมผัสแต่ควำมร ัก ควำมหวังดี
กำรไม่มเี จตนำรมณ์อน ั เลวร ้ำยใดๆ "
แม้เขำจะมีภำพปรุงแต่งอันมำกมำยในชีวต ิ เหล่ำนั้นก็ตำม

พระองค ์ทรงเชือในเรำเสมอ และทนต่อเรำในทุกๆอย่ำง
ขอเพียงยังได ้อยู่ใกล ้ๆกับเรำเพียงพอ
4. ถ ้ำแบกร ับได ้ให ้เรำแบกร ับ ่
แม้เขำจะมีภำพปรุงแต่งทีเลวร ้ำย
และอำรมณ์ พฤติกรรมทีก ่ ้ำวร ้ำวเพียงไหนก็ตำม ทำให ้เขำหลับ
อย่ำฆ่ำเขำ (เทียบ พระวำรสำรและพระธรรมกิจกำร)
พระองค ์ปรำรถนำให ้ทุกชีวต ิ ไม่มกี ำรฆ่ำกันและกัดกินกันเลย (ปฐก 1
: 29, อสย 65 : 25)

พระองค ์ทรงทำสำเร็จแล ้วก็จริง กล่ำวคือ


ทรงทำให ้เรำมองเห็นควำมร ักซึงควำมเข ่ ้ำใจแห่งควำมปรำรถนำดี
อันนำไปสู่อำรมณ์รำยละเอียดควำมคิดทีมำจำกควำมร ่ ัก

ควำมรู ้สึกทีมำจำกอำรมณ์ ของควำมร ัก ซึงไม่ ่ มค ี วำมปรำรถนำร ้ำย
ควำมคิดแก ้แค ้น ควำมอำฆำตมำดร ้ำย นั้นแต่ประกำรใด กล่ำวคือ
พลังงำน ควำมชุม ่ ชืน้ นั้นแก่คนดีและคนชว่ ั เสมอกัน
เรำอำจจะไม่ใช่ควำมคิดระดับค่ำอนันต ์ก็จริง
แต่เรำนั้นก็ต ้องประกำศข่ำวดีเรืองควำมร ่ ักนั้นต่อไป ซึงก็
่ ต ้องด ้วยชีวติ
ด ้วยกำรแบกกำงเขนร่วมกันกับพระองค ์
พระองค ์ไม่ได ้ใช ้คนประมวลผล แต่ถ ้ำเรำร ักใครสักคน

หรือรู ้จักซึงควำมร กั นั้น กำรแสดงออกนั้นก็คุ ้มค่ำแล ้วทีจะได ่ ้ทำ
่ เขำจะได
เพือที ่ ่
้รบั ซึงผลลั พธ ์ของควำมร ักจริงๆ
ไม่ใช่ผลลัพธ ์ของควำมต ้องกำรส่วนตัว
ผ่ำนควำมร ักทีสื ่ บทอดต่อเนื่ องมำจำกควำมคิดทีไร ่ ้ซึงข
่ ้อจำกัดจำกพร
ะองค ์ พระธรรมเจ ้ำแท ้แต่พระองค ์เดียว แด่คนทีปิ่ ดต่อพระองค ์
ทุกคนแสวงหำเสมอ

" พระองค ์นั้นเชือในเรำ


่ เพรำะพระองค ์ทรงหวังดีตอ
่ เรำ "
" ่
จะเชือในใครได ้ต ้องมีควำมหวังดีตอ
่ กันก่อน

มันใจว่ ่ หวั
ำสิงที ่ งดีน้ันจะเกิดขึนได
้ ้จริงแม้ยังมองไม่เห็นก็ตำม "
โมเลกุลเคมีอยู่เหนื อชีวโมเลกุล ดังนั้นรู ้สูตรเคมี ย่อมร ักษำทุกโรคได ้

แต่ถ ้ำรู ้สึกว่ำยำกทีจะควบคุ
มสำรเคมี ให ้รู ้จักฟิ สิกส ์อนุ ภำค
แล ้วจะควบคุมประจุไฟฟ้ ำได ้ผ่ำนประจุแม่เหล็ก
และเหนื อกว่ำฟิ สิกส ์อนุ ภำคก็คอื คณิ ตศำสตร ์
เหนื อกว่ำคณิ ตศำสตร ์ก็คอื วิศวกรรมซอฟต ์แวร ์ วิทยำกำรซอฟต ์แวร ์
เหนื อกว่ำพันธุวศิ วกรรม ระบำดวิทยำ พิษวิทยำ แพทยศำสตร ์
เภสัชศำสตร ์ ก็คอื วิศวกรรมเคมี วิทยำกำรเคมี
เหนื อกว่ำวิศวกรรมเคมี วิทยำกำรเคมี ก็คอ
ื ฟิ สิกส ์อนุ ภำค
เหนื อกว่ำฟิ สิกส ์อนุ ภำค ก็คอื คณิ ตศำสตร ์ประยุกต ์
เหนื อกว่ำคณิ ตศำสตร ์ประยุกต ์ก็คอื วิศวกรรมซอฟต ์แวร ์
วิทยำกำรซอฟต ์แวร ์ เหนื อกว่ำวิศวกรรมซอฟต ์แวร ์
วิทยำกำรซอฟต ์แวร ์ก็คอื พระคัมภีร ์ไบเบิล้
ดังนั้นพระศำสนำจักรสำกลจึงเหนื อกว่ำ ปัญญำประดิษฐ ์ ,
พันธุวศิ วกรรม , Bio Robotic และทุกๆสิง่

ไม่ต ้องจำกระบวนกำรของ SODs , OPCs , EGCG


ไม่ต ้องเขียนหรือรู ้สูตรเคมี ไม่ต ้องรู ้เลขมิว เลขทำว หรือประจุโฟตอน
ไม่ต ้องแจกแจงเห็นถึงแมททริกซ ์ เวกเตอร ์
เพียงแค่รู ้บทนิ ยำมทีต ่ ้องกำรให ้เกิด
ผ่ำนกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์นั้นก็เพียงพอแล ้ว ผ่ำน Inter Logical
ไม่ใช่แค่นึกถึงกำรขยับตัวของประจุในเซลล ์ประสำท
หรือภำพในสมอง ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่ในประจุของระบบประสำท
แต่นึกถึงเซลล ์ทีต่ ้องกำรเปลียน่ Organelles ระบบอวัยวะ
สภำพแวดล ้อม และอืนๆ ่
่ อควำมมันใจว่
ควำมเชือคื ่ ่ หวั
ำสิงที ่ งไว ้จะสำมำรถสร ้ำงขึนมำได
้ ้ในควำ
มเป็ นจริง ตำมตัวแปร ค่ำคงที่ อัตรำส่วน นั้นๆ และเหล่ำนั้น ผ่ำนกำร
Inheritance มำจำก Infinity Class

ื้
ไม่ต ้องเขียนก็พูดได ้ ไม่ต ้องคิดเลขเป็ นก็ซอของได ้
แอมโมเนี ย มีเทน นำ้ ก็เหมือนกับ SSD , แผ่นเสียง หรือ

ย่ำนโมเลกุลแม่เหล็กไฟฟ้ ำในคลืนควำมถี
อื่ นส
่ ำหร ับกำรเก็บข ้อมูลแบ
ิ อล ทัง้ LTE , WiFi , 5G
บดิจต
เสียงสำมำรถถูกบันทึกได ้ในแผ่นบันทึกข ้อมูลฉันใด
ก็จะสำมำรถถูกบันทึกไว ้ในอนุ ภำคมูลฐำนต่ำงๆด ้วย

โดยคลืนควำมถี ่ ยวกัน อนุ ภำคชนิ ดเดียวกัน แต่ข ้อมูลต่ำงกัน
เดี

สิงเหล่ ำนี ้ ถูกแบ่งแยกไว ้โดยประจุคลืนแม่
่ เหล็กไฟฟ้ ำ และ ประจุไฟฟ้ ำ

ทีละเอี
ยดลงไปยิงกว่ ่ ำนั้น


ทังประจุ ่
ไฟฟ้ ำและประจุคลืนแม่ เหล็กไฟฟ้ ำ
นั้นก็ตำ่ งทีจะบ่
่ งบอกถึงรูปแบบในทำงดิจต ิ อลและอนำล็อก
้ น้
ได ้โดยทังสิ
สำหร ับกำรเข ้ำรหัสและกำรเปิ ดด ้วยซอฟต ์แวร ์
ข ้อแตกต่ำงในเชิงอนำล็อกอำจจะไม่ตำ่ งกันนัก
่ ้บันทึกได ้ทำกำรเข ้ำรหัสเหล่
และต ้องตีควำมด ้วยภำษำคอมพิวเตอร ์ทีผู
ำนั้น
แต่สำหร ับกำรถอดรหัสเป็ นอนำล็อกแล ้ว
หรือกำรบันทึกเป็ นอนำล็อกแล ้ว ้ ำโพง
ทังล , หูฟัง

ต่ำงก็ต ้องมีประจุคลืนแม่ เหล็ก และ ประจุไฟฟ้ ำ ่ อนๆกัน
ทีเหมื
สำหร ับเพลงเดียวกันเหล่ำนั้น
สำหร ับภำพนั้นก็เช่นกัน

ทังในระดั ่
บสมกำรทีละเอี ยดมำกและน้อยแตกต่ำงกันไปนั้น
ต่ำงก็มป ่
ี ระจุคลืนแม่ เหล็ก และประจุไฟฟ้ ำ ่ อนๆกัน
ทีเหมื
สำหร ับมอนิ เตอร ์ชนิ ดต่ำงๆ ในภำพเดียวกัน
ในควำมเป็ นเฉพำะเจำะจงเหล่ำนั้นเรำสำมำรถทีจะประมวลผล
่ บันทึก

สือสำร เปิ ด และดำเนิ นกำร

ซึงสมกำรเชิ งอนุ พน ้
ั ธ ์ของขอบเขตแห่งภำพ เสียง และโดยทังหมด
ทุกอย่ำงล ้วนแต่เป็ นอนุ ภำค
โดยบทนิ ยำมนั้นได ้ส่งต่อสิงต่ ่ ำงๆจำกกำรสืบทอดคุณสมบัตอิ น ั ไร ้ขอบ
ึ่
เขตและลงไปสู่ซงระบบสมกำรเชิ งเส ้น ระบบสมกำรเส ้นประ
่ ำนวนในพิกด
อันระบุไว ้ซึงจ ้
ั เชิงขัวและกำลอวกำศ

และโดยควำมเกียวเนื ่ องกันนี จนถึ
้ ่
งซึงกำรเกิ
ดปฏิกริ ยิ ำกันได ้
่ สิกส ์ต่ำงๆ
เรำก็จะได ้สัมผัสถึงซึงฟิ

โดยคุณสมบัตข ่ งบอกรำยละเอียดได ้ทำให ้เกิดคุณลักษณ


ิ องฟิ สิกส ์ทีบ่
ะทำงเคมี
และโดยปฏิกริ ยิ ำอันต่อเนื่ องนี จนเกิ
้ ้
ดขึนได ้
้อย่ำงซำไปซ ้
ำมำตำมคุ ณลั
กษณะภำยในเหล่ำนั้น ่ ณลักษณะปลำยทำงต่ำงๆ
จนถึงซึงคุ

และองค ์ประกอบภำยนอก จึงได ้เกิดเป็ นซึงระบบทำงชี วภำพ
โดยข ้อมูลอันทำให ้เกิดกำรเหนี่ ยวนำเพียงพอต่อกำรเกิดกรดนิ วคลีอ ิ
กจำกแอมโมเนี ย มีเทน และน้ำ นั้น
่ ้นของควำมเข ้ำใจในกำรสร ้ำงสิงมี
คือจุดเริมต ่ ชวี ต ้
ิ ขึนใหม่
และควำมเข ้ำใจในกำรกลับฟื ้ นคืนชีพของผู ้ตำย
และในควำมเข ้ำใจของคลืนแม่ ่ เหล็กไฟฟ้ ำ

กำรสือสำรใดๆจึ งไม่ต ้องใช ้เพียงดำวเทียม
และกำรลงทุนทีต ่ ้องมำกมำยมหำศำลนัก
ดังนั้นกำรเข ้ำถึงประเทศทีปิ่ ด
จึงไม่ต ้องใช ้เพียงจำนร ับสัญญำณตำมบ ้ำนเพือที ่ จะเข
่ ้ำถึงข่ำวสำรจำ
กโลกภำยนอก ่
ด ้วยระบบอินเตอร ์เน็ ตทีปลดล็ อคแล ้ว
มำกกว่ำนั้นแล ้วในนำที้ เขำดื
่ ่
มเข ้ำไปอยู่น้ันอำจจะมีข ้อมูลลับของทำง
กำรในกำรเข ้ำรหัสไฟล ์อันเฉพำะเจำะจงอยู่ก็เป็ นได ้ ซึงได ่ ้ Run

ไว ้แล ้วด ้วย Apps อันเฉพำะเจำะจงซึงประจุ ่
ไฟฟ้ ำทีเบำ

และโดยระบบปฏิบตั ก ่ ยรภำพเพียงพอเท่ำนั้นทีจะท
ิ ำรทีสเถี ่ ำให ้เรำปลอ
ดภัยจำกกำรถูกดูดเข ้ำไปใน Monitor และ Could Computing
และโดยควำมสเถียรภำพเช่นเดียวกันนั้นทีจะท
่ ำให ้สัตว ์ร ้ำยเหล่ำนั้นไม่

สำมำรถทีจะหลุดออกมำจำกแว่น VR เหล่ำนั้นได ้

ซึงระเบิ
ดปรมำณู เซลล ์มะเร็ง ่ ำแล ้ว
ศพทีเน่
่ อไว ้แต่เพียงรูปถ่ำย
หรือคนทีเหลื

ทุกอย่ำงสำมำรถทีจะแก ้ไขได ้ด ้วยหลักกำรข ้ำงต ้น
พระเจ ้ำทรงเตรียมทีอยู่ ่ไว ้แล ้วในเซตของควำมน่ ำจะเป็ น
ดังนั้นแม้จำนวนคนจะมำกมำยมหำศำลเพียงใด ไม่ต ้องอยู่แต่ใน CPU

และใน Rom นำสะอำดสำมำรถสร ้
้ำงขึนมำจำก Void main(n) ได ้
แม้แต่ดำวเสำร ์หรือดำวพฤหัสบดี

ก็สำมำรถเปลียนแปลงเป็ นโลกอันน่ ำอยู่สำหร ับมนุ ษย ์เรำ และอำหำร
Vegan หรือ Plant-Based
่ งแล
ก็สำมำรถทีจะสั ่ ้วโหลดและหยิบมำกินได ้เลยผ่ำนหน้ำจอ Mac ,
iPhone , iPad หรือ Apple Watch
มำด ้วยหลักกำรข ้ำงต ้นอีกเช่นเดียวกัน
พระคริสตธรรมคัมภีร ์ได ้อธิบำยทังหมดนี้ ล่้ วงหน้ำไว ้แล ้ว
สดด 148 :
1สรรเสริญพระยำห ์เวห ์
จงสรรเสริญพระยำห ์เวห ์จำกฟ้ ำสวรรค ์
จงสรรเสริญพระองค ์ในทีสู ่ ง

2ปฐมพรหมทังหลำย ้
มหำเทพทังหลำย
้ นของพระองค
และพระพุทธเจ ้ำทังสิ ้ ์ จงสรรเสริญพระองค ์
้ นของพระองค
กองทัพทังสิ ้ ์ จงสรรเสริญพระองค ์
3ดวงอำทิตย ์และดวงจันทร ์ จงสรรเสริญพระองค ์
ดำวทังสิ ้ นที ้ ส่ ่ องแสง จงสรรเสริญพระองค ์
4ฟ้ ำสวรรค ์ทีสู ่ งสุด จงสรรเสริญพระองค ์
รวมทังน ้ ำทั ้ งหลำยเหนื
้ อฟ้ ำสวรรค ์ด ้วย

5ให ้สิงเหล่ ำนั้นสรรเสริญพระนำมพระยำห ์เวห ์
เพรำะพระองค ์ทรงบัญชำ สิงเหล่ ่ ำนั้นก็ถก ู เนรมิตขึนมำ ้
6และพระองค ์ทรงสถำปนำสิงเหล่ ่ ำนั้นไว ้เป็ นนิ ตย ์นิ ร ันดร ์
พระองค ์ประทำนกฎเกณฑ ์ซึงจะล่ ่ วงละเมิดไม่ได ้
7จงสรรเสริญพระยำห ์เวห ์จำกแผ่นดินโลกเถิด
เจ ้ำสัตว ์ทะเลขนำดใหญ่และทีน ่ ำลึ
้ กทังปวง

8ไฟกับลูกเห็บ หิมะกับหมอก ลมพำยุ
ทำตำมพระบัญชำของพระองค ์
9บรรดำภูเขำและเนิ นเขำทังปวง ้
ต ้นไม้มผ ี ลและไม้สนสีดำร ์ทังปวง ้
10สัตว ์ป่ ำและสัตว ์ใช ้งำนทังปวง ้

สัตว ์เลือยคลำนและนกที ่ นได ้
บิ
11บรรดำพระรำชำของแผ่นดินโลกและชำวประเทศทังสิ ้ น้
เจ ้ำนำยและผู ้ครอบครองทังปวงของแผ่ ้ นดินโลก
12และคนหนุ่ มกับคนสำว
คนแก่กบั เด็ก
13ให ้ทังหมดนี ้ ้
สรรเสริญพระนำมพระยำห ์เวห ์
เพรำะพระนำมของพระองค ์เท่ำนั้นทีควรเยิ ่ นยอ
พระสิรข ิ องพระองค ์อยู่เหนื อแผ่นดินโลกและฟ้ ำสวรรค ์
14พระองค ์ทรงทำให ้ประชำกรของพระองค ์แข็งแกร่ง
พระองค ์ทรงเป็ นทีสรรเสริ ่ ญของผู ้จงร ักภักดีตอ ่ พระองค ์
ของคนอิสรำเอลผูอ้ ยู่ใกล ้พระองค ์
สรรเสริญพระยำห ์เวห ์
พระสิรริ งุ ่ โรจน์แด่พระบิดำและพระบุตรและพระจิตเหมือนในปฐมกำลบั

ดนี และทุ ่
กเมือตลอดนิ ร ันดร อำแมน

จงเปลียนดวงดำวต่ ำงๆด ้วยมือของเรำในพระยำห ์เวห ์เถิด
พระเจ ้ำทรงมอบนำที ้ อยู่ ่เหนื อโลกเรำนี ไว
้ ้ให ้กับเรำแล ้ว
ในดวงดำวบำงดวง ( สดด 148 : 3 - 4 ) ดำวอังคำรเอ๋ย
ดำวพฤหัสบดีเอ๋ย
่ งไม่มส
ดำวทียั ิ่ ชวี ต
ี งมี ่
ิ ทีชอบด ำรงอยู่ในสภำพแวดล ้อมทีต่ ่ ำงจำกเรำเอ๋
่ ่ของเรำ
ย จงเป็ นทีอยู
ยน 14 : 12
่ อในเรำจะท
เรำบอกควำมจริงแก่พวกท่ำนว่ำผู ้ทีเชื ่ ่ เรำก
ำสิงที ่ ำลังทำอยู่
ได ้ และเขำจะทำแม้กระทังสิ ่ งที
่ ยิ่ งใหญ่
่ ้ ก
กว่ำนี อี
เพรำะเรำกำลังจะไปหำพระบิดำ
ผ่ำนกำรสำมัคคีธรรมกรรมฐำน (Conversation)
กำรวิปัสสนำกรรมฐำน (Meditation) กำรสมถะกรรมฐำน
(Contemplation) ในพระธรรมเจ ้ำ เรำจะสำมำรถทำทุกสิงได ่ ้
และไม่มซ ึ่ ้อจำกัดใดๆของอดีต
ี งข
บำงครงแล ้ั ้วกำรคิดค ้นหำสิงใหม่
่ ๆผ่ำนกำรวิปัสสนำกรรมฐำน
(Meditation)
ก็เสริมสร ้ำงกำรเก็บผลกำรทดลองผ่ำนกำรสมถะกรรมฐำน
(Contemplation)
บำงครงแล ้ั ้วกำรเรียนรู ้กับธรรมชำติผ่ำนกำรสำมัคคีธรรมกรรมฐำน
(Conversation) ก็เสริมสร ้ำงกำรเก็บข ้อมูลผล Lab
ผ่ำนกำรสมถะกรรมฐำน (Contemplation)
้ั
และเช่นกันในบำงครงกำรสมถะกรรมฐำน (Contemplation)
ก็ยงั ช่วยเสริมสร ้ำงกำรวิปัสสนำกรรมฐำน (Meditation)
ให ้สำมำรถคิดใคร่ครวญได ้ออกมำเป็ นควำมรู ้ใหม่ๆทีสั ่ งเครำะห ์ขึนมำ

ได ้
้ งเป็ นพืนฐำนที
อีกทังยั ้ ก ่ ้ำวหน้ำขึนในกำรทดลองทำงคลิ
้ นิกผ่ำนกำรสำ
มัคคีธรรมกรรมฐำน (Conversation)
ควำมเชือคื ่ อควำมมันใจว่
่ ่ หวั
ำสิงที ่ งไว ้จะสำมำรถสร ้ำงขึนมำใหม่
้ ได ้
เพรำะควำมจริงคือสิงที ่ เรำก
่ ้
ำลังจะสร ้ำงขึนมำ
ผ่ำนกำรคิดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์ ่
อย่ำเชือในสิ ่ เห็
งที ่ น

แต่ให ้เชือในสิ ่ อยำกให
งที ่ ้เกิด ่
อย่ำเชือในสถำนกำรณ์

แต่ให ้เชือในเป้ ำหมำย อย่ำอยู่กบั สติ แต่จงอยู่กบั จิตวิญญำณ
ทุกอย่ำงสำมำรถสร ้ำงขึนมำได ้ ้ จำก ควำมคิด สู่ ฟิ สิกส ์
ควำมเปิ ดใจยอมรบั ว่ำจนปัญญำเมือขำดข ่ ้อมูลจะนำไปสู่กำรเปลียนแ ่
ปลง จำก ขอบเขตบทนิ ยำม Definition ของ Consequence
ด ้วยควำม Sorrow สู่ ตัวเลขในสมกำร Function ของ Priority
ด ้วยกำร Gentle สู่ โครงสร ้ำงทำงฟิ สิกส ์ Structure ของ Deadline
ด ้วยควำม Rightness ทีจะต ่ ้องปรำกฏขึนมำ ้ สู่ คุณลักษณะทำงเคมี
Attributes ของ Specification ด ้วยควำม Kindness
อันละเอียดอ่อนเหล่ำนั้น สู่
ปฏิกริ ยิ ำต่อเนื่ องจนเป็ นกระบวนกำรทำงชีวภำพ Class ของ
Statistics ในเอกภพ ด ้วยควำม Just Pure
่ ยงพอทีจะมองเห็
ซึงเพี ่ นสถำนกำรณ์อน ั ใกล ้ในระดับอนุ ภำคของ Bio
Robotics สู่ ระบบนิ เวศน์จำกบรรดำ Artificial intelligence ซึง่
API ของบรรดำ Probability ต่ำงๆ ด ้วยควำม Peacemaker
่ อกำรรวบรวมข ้อมูลอันจำเป็ นต ้องใช ้ในกำรควบคุมผลลัพธ ์
ทีคื สู่
ผลิตภัณฑ ์นิ เวศน์ทำง Augmented Reality ซึง่ SDK ของ
Laboratory ต่ำงๆ ด ้วย Attitude ่ ควำม
ทีมี Focus
ไปทีเป้่ ำหมำยเท่ำนั้น ไม่คล ้อยตำมสิงที ่ เรี
่ ยกว่ำปัจจุบน

่ อธรรมชำติของกำรควบคุมผลลัพธ ์อยู่แล ้ว
ซึงคื สู่
วิธก ี ำรของวิวฒ ั นำกำร โดย Methods ต่ำงๆ ใน Variable
Constant Ratio ด ้วยกำร Inheritance มำจำก Infinity Class
ในทุก For Loops (มธ 5 : 1-12)
มธ 6 : 9 ดังนั้น ท่ำนทังหลำยจงอธิ ้ ษฐำนภำวนำดังนี ้ d

“ข ้ำแต่พระบิดำของข ้ำพเจ ้ำทังหลำย พระองค ์สถิตในสวรรค ์
พระนำมพระองค ์จงเป็ นทีสั ่ กกำระ 10 พระอำณำจักรจงมำถึง
พระประสงค ์จงสำเร็จในแผ่นดิน เหมือนในสวรรค ์ 11
โปรดประทำนอำหำรประจำวันe แก่ข ้ำพเจ ้ำทังหลำยในวั ้ นนี ้ 12
โปรดประทำนอภัยแก่ข ้ำพเจ ้ำf ่
เหมือนข ้ำพเจ ้ำให ้อภัยแก่ผู ้อืน13
โปรดช่วยข ้ำพเจ ้ำไม่ให ้แพ้กำรประจญ
แต่โปรดช่วยให ้พ้นจำกควำมชวร ่ ั ้ำยg เทอญ’”

มธ 4 : 17 นับแต่น้ันมำ พระเยซูเจ ้ำทรงเริมประกำศเทศนำว่


่ ำ
“จงกลับใจเถิด เพรำะอำณำจักรสวรรค ์e อยู่ใกล ้แล ้ว”
e 4.17:

กำรทีพระเจ ้ำทรงมีอำนำจปกครองประชำกรอิสรำเอลทีทรงเลื ่ อกสรร
และโดยผ่ำนทำงอิสรำเอล ทรงปกครองมนุ ษยโลก
เป็ นสำระสำคัญของกำรเทศน์สอนของพระเยซูเจ ้ำ
เช่นเดียวกับพันธสัญญำเดิมมีควำมคิดตลอดมำว่ำพระองค ์ทรงปกคร
องสำกลโลก

ซึงหมำยควำมว่ ำทรงเป็ นกษัตริย ์ปกครองอำณำจักรของบรรดำ
“ผูศ้ กั ดิสิ์ ทธิ”์ อย่ำงแท ้จริง

เพรำะมนุ ษย ์จะยอมร ับสิทธิของพระองค ์ในฐำนะกษัตริย ์โดยรู ้จักและร ัก
พระองค ์
บำปซึงเป็ ่ นกำรกบฏต่อพระเจ ้ำได ้ทำให ้อำนำจกำรปกครองนี อ่้ อนแอล
ง ้ ้ นขึนใหม่
จึงต ้องได ้ร ับกำรรือฟื ้

เมือพระเจ ้ำและพระเมสสิยำห ์ของพระองค ์จะเข ้ำมำแทรกแซงในประวัต ิ
ศำสตร ์ของมนุ ษยชำติอย่ำงสมบูรณ์ (ดนล.2:28 เชิงอรรถ h)
พระเยซูเจ ้ำได ้เทศน์สอนเช่นเดียวกับยอห ์นผู ้ทำพิธลี ้ำง (3:2)
และประกำศว่ำกำรเข ้ำแทรกแซงของพระเจ ้ำนี ก ้ ำลังจะมำถึง (4:17,
23; ลก.4:43)
เหตุกำรณ์นีจะไม่ ้ ้
เกิดขึนอย่ ่
ำงทีชำวอิ ่
สรำเอลทัวไปคำดหวั งไว ้ในรูปแบ
บของกำรกอบกู ้อิสรภำพทำงกำรเมือง (มก 11:10; ลก.19:11;
กจ.1:6) แต่จะเกิดขึนในรู ้ ปแบบขบวนกำรทำงจิตใจเท่ำนั้น (มก 1:34
เชิงอรรถ m; ยน.18:36) งำนไถ่กู ้ของพระเยซูเจ ้ำในฐำนะ
“บุตรแห่งมนุ ษย ์” (8:20 เชิงอรรถ h) และในฐำนะ “ผู ้ร ับใช ้” (8:17
เชิงอรรถ f; 20:28 เชิงอรรถ g; 26:28 เชิงอรรถ i)
ช่วยมนุ ษย ์ให ้เป็ นอิสระจำกอำนำจปกครองของซำตำน
่ อต ้ำนอำนำจปกครองของพระเจ ้ำ (4:8; 8:29 เชิงอรรถ k;
ซึงต่
12:25-26)
แต่กอ ่
่ นทีพระอำณำจั กรของพระเจ ้ำจะเป็ นควำมจริงสมบูรณ์ในยุคสุด
ท ้ำย เมือผู่ เ้ ลือกสรรจะอยู่กบั พระบิดำเจ ้ำ ร่วมสุขในงำนเลียงในสวรรค ้ ์
(8:11 เชิงอรรถ c; 13:43; 26:29)
พระอำณำจักรนี แทรกเข ้ ้ำมำในโลกอย่ำงเงียบๆ ไม่มอ ี ะไรพิเศษ
(13:31-33) พระอำณำจักรนี เริ ้ มต่ ้นอย่ำงตำต่ ้อยและลึกลับ (13:11)
ก่อให ้เกิดกำรต่อต ้ำน (13:24-30) มำถึงโดยไม่มใี ครสังเกตเห็น
(12:28; ลก.17:20-21)
พระอำณำจักรนี พั ้ ฒนำเติบโตขึนในโลกอย่
้ ำงเชืองช่ ้ำ (มก 4:26-29)
และบังเกิดผลโดยกลุ่มชนทีพระเยซู ่ ้ น้
เจ ้ำทรงตังขึ (มธ.16:18
เชิงอรรถ g)
กำรทีกรุ ่ งเยรูซำเล็มถูกทำลำยนับว่ำเป็ นกำรตัดสินลงโทษจำกพระเจ ้ำ

ซึงสถำปนำพระอำณำจั กรของพระคริสตเจ ้ำอย่ำงทรงอำนำจ (16:28;
ลก.21:31)
บรรดำศิษย ์ได ้เป็ นธรรมทูตประกำศพระอำณำจักรนี ไปทั ้ ่
วโลก
(มธ.10:7; 24:14; กจ.1:3 เชิงอรรถ d)

เมือเวลำแห่ งกำรพิพำกษำสุดท ้ำยมำถึง (13:37-43, 47-50; 25:31-
46) กำรเสด็จกลับมำของพระคริสตเจ ้ำในพระสิรริ งุ ่ โรจน์ (16:27;
25:31)

จะเป็ นกิจกรรมสุดท ้ำยซึงสถำปนำพระอำณำจั กรของพระคริสตเจ ้ำ
พระองค ์จะถวำยพระอำณำจักรให ้แก่พระบิดำเจ ้ำ (1คร.15:24)
ก่อนจะถึงเวลำนั้น ต ้องนับว่ำพระอำณำจักรนี เป็ ้ นของประทำนเปล่ำๆ
จำกพระเจ ้ำ (20:1-16; 22:9-10; ลก.12:32) ทีผู ่ ้ตำต
่ ้อยยอมร ับ
(มธ.5:3; 18:3-4; 19:14, 23-24) พร ้อมกับผูมี้ ใจกว ้ำง (13:44-46;
19:12; มก 9:47; ลก.9:62; 18:29ฯ)
แต่ไม่เป็ นทียอมร่ ่
ับจำกคนหยิงจองหองและเห็ นแก่ตวั (มธ.21:31-31,
43; 22:2-8; 23:13)
ไม่มผ
ี ใู ้ ดสำมำรถเข ้ำในพระอำณำจักรนี ได ้ ้โดยไม่มเี สืองำนแต่
้ งงำน

ซึงหมำยถึ งชีวติ ใหม่ (22:11-13; ยน.3:3, 5)
ไม่ใช่ทก ุ คนได ้ร ับอนุ ญำตให ้เข ้ำไปได ้ มธ.8:12; 1คร.6:9-10;
กท.5:21)
เรำจะต ้องตืนเฝ้ ่ ำระวังอยู่เสมอพร ้อมจะร ับพระอำณำจักรซึงจะมำถึ ่ งโด
ยไม่คำดฝัน (25:1-13

ดูควำมรู ้ทัวไปเกี ่
ยวกั บพระวรสำรสหทรรศน์เพือเข่ ้ำใจว่ำ มธ.ใช ้
“พระอำณำจักร” เป็ นแนวทำงเรียบเรียงพระวรสำรของตน)

ตำมทีสมเด็ จพระสันตะปำปำฟรำนซิสได ้ทรงเทศนำเอำไว ้แล ้วว่ำ
สุนัขก็มจี ต
ิ วิญญำณสำมำรถไปสู่สวรรค ์ได ้
ดังนั้นกำรจะจัดงำนศพและทำสุสำนให ้กับเขำก็จงึ ไม่ใช่สงที
ิ่ ไร
่ ้สำระไร ้เ
หตุไร ้ผลนั้นแต่ประกำรใด
่ มว่ำสุนัขทุกตัวจะได ้ขึนสวรรค
พระสันตะปำปำทรงกล่ำวเพิมเติ ้ ์
่ งนี
ซึงสิ ่ พระเจ
้ ้
้ำก็ได ้ทรงเปิ ดเผยควำมจริงข ้อนี มำก่อนแล ้วว่ำไม่มใี ครทร

ำบได ้ว่ำสัตว ์หรือมนุ ษย ์นี จะได ้
้ขึนสวรรค ์หรือลงนรก
ปญจ 3 : 18 ข ้ำพเจ ้ำคิดอีกว่ำ “สำหร ับมนุ ษย ์
พระเจ ้ำทรงทดสอบพวกเขำ

ก็เพือพวกเขำจะเห็ นว่ำตนเองก็เหมือนสัตว ์ 19
ชะตำกรรมของมนุ ษย ์ก็เหมือนของสัตว ์ ทังสองมี ้ อน
ั เป็ นไปเหมือนกัน
ฝ่ ำยหนึ่ งตำย อีกฝ่ ำยหนึ่ งก็ตำย ต่ำงก็มล
ี มปรำณ[b]เช่นกัน
มนุ ษย ์ไม่ได ้เปรียบมำกกว่ำสัตว ์ ่ ้วนอนิ จจัง
ทุกสิงล 20

ทังสองพวกต่ ี่ งเดียวกัน
ำงไปสู่ทแห่
ล ้วนมำจำกธุลด ี น
ิ และต ้องกลับกลำยเป็ นธุลด
ี น
ิ 21

ใครจะรู ้ได ้ว่ำจิตวิญญำณของมนุ ษย ์ขึนไปยั ้
งเบืองบนหรื
อไม่
และวิญญำณของสัตว ์[c]ลงสู่พภ ิ พโลกหรือไม่?”

22 ฉะนั้นข ้ำพเจ ้ำเห็นว่ำสำหร ับมนุ ษย ์แล ้ว


ไม่มอ ่
ี ะไรดีไปกว่ำทีจะสนุ กกับงำน เพรำะนั่นเป็ นส่วนของเขำ

ใครเล่ำจะทำให ้เขำเห็นได ้ว่ำจะมีอะไรเกิดขึนหลั งจำกเขำ?
ดังนั้นตำมทีอธิ่ บำยในนี จึ
้ งบ่งบอกว่ำ ้ ษย ์และสัตว ์
ทังมนุ
ต่ำงก็มอ ี ส
ิ รภำพและสติปัญญำ เฉกเช่นเดียวกัน มีจต
ิ ใจ
มีอำรมณ์ควำมรู ้สึก ่
มีควำมเกียวเนื ่ องในระบบนิ เวศน์
และก็มส ี ติปัญญำควำมเข ้ำใจ ดังนั้นแล ้วกำรทีเรำนั
่ ้นจะเกิดเป็ นอะไร
นั้นมีเจตนำรมณ์มำก่อนโดยเสมอ

แต่คนเรำ แกะ นก และกระต่ำย


ิ ทีน่่ ำตืนเต
อำจจะมีชวี ต ่ ้
้นมำกขึนมำอี ้
กขันหนึ ่ ง ต่ำงจำกต ้นข ้ำวสำลี
ดอกไม้ ต ้นตำลึง กล่ำวคือสำมำรถขยับและเคลือนที ่ ่ ้
ได
มำกไปกว่ำนั้นแล ้วคนเรำสำมำรถมีงำน

สำมำรถสร ้ำงสิงประดิษฐ ์ใหม่ๆได ้
สำมำรถสร ้ำงระบบนิ เวศน์ทำงกำรเงินได ้
สำมำรถสร ้ำงซอฟต ์แวร ์ประยุกต ์ใหม่ๆได ้
่ ดต่อพันธุกรรมด ้วยควำมมีพนฐำนทำงสติ
และสำมำรถทีจะตั ื้ ปัญญำที่
สูงกว่ำได ้โดยง่ำย

ตำลึงอำจจะสำมำรถทำสมำธิเลือยหำแสงได ้
กระต่ำยสำมำรถกระโดดทำสมำธิได ้
ส่วนคนเรำสำมำรถทำสมำธิเขียนโปรแกรมได ้

ถ ้ำเช่นนั้นแล ้วทุกอย่ำงจึงยุตธิ รรมสำหร ับทุกคน


เพรำะเนื่ องด ้วยอิสระภำพและสติปัญญำ
่ ้ซึงขอบเขตและตั
ทีไร ่ วเลขเฉกเช่นเดียวกัน
แต่สงมี ิ่ ชวี ต ่ ้นทำบำปได ้ไม่เท่ำกันจริงหรือ
ิ แต่ละสิงนั
่ จะเป็
สิงนี ้ นข ้อเสียเปรียบสำหร ับมนุ ษย ์เรำหรือไม่
ถ ้ำจะเทียบกับกระต่ำย กล่ำวคือแท ้จริงก็ไม่ถงึ ขนำดนั้น
เพรำะคำว่ำอิสระภำพนั้นย่อมหมำยถึงกำร Inheritance มำจำก
Infinity Class สู่ Probability Class สู่ Specifically Class อยู่แล ้ว
ดังนั้นทุกคนจึงเท่ำกัน จะกระต่ำย ต ้นตำลึง หรือมนุ ษย ์ก็ตำม
พระเจ ้ำทรงไม่ให ้เรำตัดต ้นไม้ทำลำยป่ ำ ไม่ให ้เรำทำร ้ำยเด็ก สตรี
และคนชรำ ไม่ให ้เรำยิงนกตกปลำ
แม้แต่นกตัวเดียวพระเจ ้ำก็ไม่ทรงลืม ้
ทังนกกำ และดอกไม้
หรือมนุ ษย ์เรำนี ้ พระเจ ้ำทรงเลียงดู
้ ทงหมด
้ั

ลก 12 : 6 นกกระจำบห ้ำตัวเขำขำยสองอำส ์ซำริอน ั ไม่ใช่หรือ?


และนกนั้นแม้สักตัวเดียวพระเจ ้ำก็ไม่ได ้ทรงลืมเลย 7
ถึงผมของพวกท่ำนก็ทรงนับไว ้แล ้วทุกเส ้น อย่ำกลัวเลย
ท่ำนก็มค
ี ่ำมำกกว่ำนกกระจำบหลำยตัว
มธ 18 : 10 “จงระวัง
่ ้เล็กน้อยเหล่ำนี สั
อย่ำดูหมินผู ้ กคนหนึ่ งเพรำะเรำบอกท่ำนว่ำบรรดำทูต
สวรรค ์ประจำตัวของพวกเขำเฝ้ ำอยู่ตอ่ หน้ำพระบิดำของเรำในสวรรค ์เ
สมอ[a]
12 “ท่ำนคิดเห็นอย่ำงไร?
ถ ้ำผูห้ นึ่ งมีแกะร ้อยตัวและแกะตัวหนึ่ งหลงหำยไป
เขำจะไม่ละแกะทังเก ้ ้ำสิบเก ้ำตัวไว ้บนภูเขำแล ้วไปตำมหำตัวทีหำยนั
่ ้น
หรือ? 13 เรำบอกควำมจริงแก่ท่ำนว่ำถ ้ำเขำพบแกะตัวทีหลงไป ่
เขำจะมีควำมสุขเพรำะแกะตัวเดียวนั้นยิงกว่ ่ ำเพรำะแกะเก ้ำสิบเก ้ำตัวที่
ไม่ได ้หลงหำยไป 14 เช่นกัน
พระบิดำของท่ำนในสวรรค ์ไม่ทรงปรำรถนำให ้ผู ้เล็กน้อยเหล่ำนี สั ้ กคน
หลงหำยไป
ยดธ 9 : 11 พละกำลังของพระองค ์ไม่ขนอยู ึ้ ่กบั จำนวน
พระอำนุ ภำพของพระองค ์ไม่ขนอยู ึ้ ่กบ
ั กำลังกองทัพ
แต่พระองค ์ทรงเป็ นพระเจ ้ำของผูต้ ำต ่ ้อย ทรงช่วยเหลือผู ้ถูกกดขี่
้ นผูอ้ อ
ทรงคำจุ ่ นแอ ทรงคุ ้มครองผู ้ถูกทอดทิง้ ทรงกอบกู ้ผู ้สินหวั ้ งe12
โปรดเถิด โปรดเถิด ข ้ำแต่พระเจ ้ำของบรรพบุรษ ุ ของข ้ำพเจ ้ำ
่ นมรดกของพระองค ์
พระเจ ้ำแห่งอิสรำเอลซึงเป็
พระองค ์ทรงเป็ นเจ ้ำฟ้ ำเจ ้ำแผ่นดิน ผู ้ทรงเนรมิตทะเล
ทรงเป็ นพระรำชำของสิงสร ่ ้ำงทังมวล้
โปรดทรงฟังคำอธิษฐำนภำวนำของข ้ำพเจ ้ำ

พระเจ ้ำทรงเห็นคุณค่ำของจิตวิญญำณและร่ำงกำย ดังนั้น



มนุ ษย ์เรำนี แม้ดูเหมือนอำจจะสร ้ำงควำมเดือดร ้อนได ้มำกกว่ำ
่ ยบกับกระต่ำย
เมือเที
แต่ระบบสมองเหล่ำนี ก็ ้ มส ิ่ น่่ ำตืนเต
ี งที ่ ้นมำกมำยสำหร ับศิลปะวิทยำกำร

ทีสำมำรถสร ้
้ำงขึนมำได ้
้ด ้วยพืนฐำนทำงสติ ปัญญำทีสู ่ งกว่ำสำหร ับดำ
วดวงนี ้ ิ ระภำพใดๆนั้น
แต่อส
พระเจ ้ำก็ทรงไม่มซ ึ่
ี งขอบเขตและตั วเลขใดๆอยู่แล ้ว
ดังนั้นสติปัญญำก็จงึ เฉกเช่นเดียวกัน

มนุ ษย ์หรือสัตว ์นั้นสำมำรถทีจะไม่


่ สร ้ำงควำมเดือดร ้อนได ้เฉกเช่นและ
อย่ำงเท่ำเทียมกัน
พระเจ ้ำต ้องกำรใหท้ ก ิ นั้นเข ้ำสู่พระนิ พพำนด ้วยกันทังสิ
ุ ๆชีวต ้ น้

อสย 65 : 25 สุนัขป่ ำและลูกแกะจะหำกินอยู่ด ้วยกัน


สิงโตจะกินฟำงเหมือนวัว และผงคลีจะเป็ นอำหำรของงู

มันทังหลำยจะไม่ ทำอันตรำยหรือทำลำยทัวภู่ เขำบริสท ์
ุ ธิของเรำ"
พระยำห ์เวห ์ตร ัสดังนี ้
อสย 11
6สุนัขป่ ำจะอยู่กบั ลูกแกะ
และเสือดำวจะนอนอยู่กบั ลูกแพะ
ลูกโคกับสิงโตหนุ่ มจะหำกินอยู่ด ้วยกัน
และเด็กเล็กๆ จะนำพวกมันไป
7แม่โคกับหมีจะหำกินด ้วยกัน
ลูกๆ ของมันก็จะนอนอยู่ด ้วยกัน
และสิงโตจะกินฟำงเหมือนวัวผู ้
8และทำรกทีกิ ่ นนมจะเล่นอยู่ทปำกรู
ี่ ของงู เห่ำ
่ ำนมจะเอำมือวำงบนร ังของงู ทบ
และเด็กทีหย่ ั ทำง
9จะไม่มกี ำรทำให ้เจ็บปวดหรือกำรทำลำย
่ เขำศักดิสิ์ ทธิของเรำ
ทัวภู ์

เพรำะว่ำแผ่นดินโลกจะเต็มด ้วยควำมรู ้ในเรืองของพระยำห ์เวห ์

เหมือนนำปกคลุ มทะเลอยู่น้ัน

ข ้ำแต่พระพุทธิบด ้
ิ ำแห่งข ้ำพระเจ ้ำทังหลำย
ท่ำนอยู่สวรรค ์
ขอโปรดให ้พระนำมรุง่ เรืองไป
เมืองพระพุทธิบด ิ ำครอบครองนั้น ขอให ้มำถึง
ให ้สำเร็จแล ้ว ตำมพระหือฤำไทย
ณ แผ่นดินเสมอสวรรค ์
อำหำรเลียงข ้ ้ำพระเจ ้ำทุกวัน
ขอประทำน ณ กำละวันนี ้
ขอพระมหำกรุณำ โปรดยกหนี ข ้ ้ำพระเจ ้ำ
เหมือนข ้ำพระเจ ้ำโปรดแก่เขำ
ขอพระองค ์อย่ำละวำงข ้ำพระเจ ้ำ
ในกำรประจญล่อลวงประกำรใด
แต่วำ่ ใหข้ ้ำพระเจ ้ำพ้นจำกอันตรำย อำแมน (มธ 6 : 5 - 15)
http://www.kamsonbkk.com/pra…/2012-03-29-03-40-
58/657-007201
พระนิ พพำนนั้นอยู่บนพืนดิ
้ นนี แล
้ ว้ !!
และอยู่ใกล ้แล ้วด ้วย เพรำะอย่ำงไรก็ตำม ภำยใต ้เป้ ำหมำยส่วนตัว
ประกอบกับกำรพบเจอ
ทุกคนย่อมทำเพือเป้่ ำหมำยในกำรอยู่รว่ มกันอยู่แล ้ว
ดังนั้นจึงไม่มค
ี วำมชวร่ ั ้ำยใดๆทีจะเป็
่ นนิ ร ันดร
อุธำหรณ์ใดๆนั้นสำมำรถทำให ้ใครๆไม่สำมำรถทีจะกลั ่ บไปหลงผิดอีก
ได ้โดยเสมอ ่
ถ ้ำมีเพือนที ่
โดนจรเข ้กัด

อย่ำคิดว่ำม้ำลำยตัวอืนๆจะไม่ รู ้สึกร ับรู ้เลย

ลก 11 : 5แล ้วพระองค ์ตร ัสกับพวกเขำว่ำ


“ใครในพวกท่ำนทีมี ่ เพือนคนหนึ
่ ่ง
และเขำไปหำเพือนคนนั ่ ้นในเวลำเทียงคื
่ น พูดกับเขำว่ำ ‘เพือนเอ๋ ่ ย
ขอยืมขนมปังสักสำมก ้อนเถิด 6เพรำะเพือนของข ่ ่ นทำงมำถึง
้ำเพิงเดิ
และข ้ำไม่มอี ะไรจะให ้เขำกิน’ ่
7เพือนที ่ ่ข ้ำงในตอบว่ำ
อยู
‘อย่ำรบกวนข ้ำเลย ประตูปิดแล ้ว ลูกๆ กับตัวข ้ำก็เข ้ำนอนกันหมดแลว้
ข ้ำไม่สำมำรถลุกขึนไปหยิ ้ บให ้ท่ำนได ้’ 8เรำบอกพวกท่ำนว่ำ
แม้เขำจะไม่ลก ้
ุ ขึนไปหยิ บให ้คนนั้นเพรำะเป็ นเพือนกั
่ น
แต่วำ่ เพรำะถูกคนนั้นรบเร ้ำอย่ำงมำก
เขำก็จะลุกขึนหยิ้ บให ้ตำมทีคนนั ่ ้นต ้องกำร 9เรำบอกพวกท่ำนว่ำ
จงขอแล ้วจะได ้ จงหำแล ้วจะพบ จงเคำะแล ้วจะเปิ ดให ้แก่ท่ำน
10เพรำะว่ำทุกคนทีขอก็ ่ ได ้ ่
ทุกคนทีแสวงหำก็ พบ

และทุกคนทีเคำะก็ จะเปิ ดให ้เขำ
" ควำมชวร่ ั ้ำยใดๆทีได่ ้พิสจู น์แล ้วว่ำ "นั่นคือควำมผิดจริง"
นั้นเป็ นประโยชน์โดยเสมอต่อผู ้พบเห็นทีจะไม่ ่ ได ้เจริญรอยตำม
และได ้หลงทำผิดอีก ดังนั้นอย่ำโกรธเค ้ำ แต่ให ้สงสำรเป็ นห่วง
พยำยำมช่วยเหลือในทุกๆทำง ไม่ให ้เขำต ้องตกนรกทังเป็ ้ นกันอีก "
่ วต
เพือชี ้
ิ นี และชำติ ่ กว่ำเดิม
หน้ำทีดี ่
เพือพระนิ พพำนจะเกิดขึนจริ้ ง
ชีวต ่
ิ นิ ร ันดรทีจะมำทดแทนควำมเจ็ ดปวด ควำมมืดมน และควำมตำย
ในกิเลสตัณหำ ไม่ใช่นิยำยขำยฝันหลอกให ้หลงเพ้อเจ ้อเพียงเท่ำนั้น

จำกนี ไปเรำต ้องแบกกำงเขนร่วมกันกับพระธรรมเจ ้ำ ไถ่ชวี ติ แกะ
ไถ่ชวี ต
ิ โคกระบือ ปล่อยนกปล่อยปลำ ไถ่ชวี ต
ิ ไก่งวง

ไม่ใช่ไถ่แบบทัวไปแต่ ไถ่แบบ Redeem ซึงกล่ ่ ำวคือไถ่แล ้วไถ่เลย
ไม่เอำมำกินอีก ไม่ใช่เพียงแค่สองตัวแต่คอ ่
ื ทุกๆตัวทีเรำพบเห็ น
่ จะท
สิงที ่ ำได ้อย่ำงเป็ นรูปธรรมเรำจะต ้องเลิกเป็ นชำวประมงจับปลำ
เลิกยิงนก เลิกเฉื อดวัว
แต่เป็ นชำวประมงช่วยเหลือและนับจำนวนผู ้ยำกไร ้
ร่วมกันเฉื อดกิเลสตัณหำให ้กับกันและกัน
อย่ำคิดว่ำบำป นรก และควำมตำย จะสำมำรถกระตุนกั
้ นได ้

สิงเหล่ ำนั้นไม่เคยชนะใจใครได ้เลย ดังนั้นแม้แต่ทำส่วนตัวเรำก็แย่แล ้ว

ช ักชวนอีกยิงไปกั นใหญ่เลย ่ วยุ
่ ยวยวนด
ยิงยั ่ั ้วยแล ้ว
เรำก็ย่อมต ้องแพ้ใจตัวเองเป็ นแน่ แท ้ จะโดยกำรตะโกน ตะคอก ตบตี

เปิ ดเผยจุดซ ้อนเร ้น และอืนๆโดยทั ้
งหมด

แต่อย่ำงไรก็ตำมแล ้ว
่ ดร ้ำยทำลำยเรำ
ไม่มใี ครเป็ นสัตว ์นรกแม้แต่คนทีคิ
เรำไม่ใช่เห็นพระธรรมเจ ้ำในผู ้หลักผูใ้ หญ่ พ่อแม่ ผู ้มีพระคุณเท่ำนั้น
แต่ในคนเล็กน้อยอีกด ้วย
มำกกว่ำนั้นแล ้วก็ยงั รวมหมำยถึงในคนบำปและคนทีท ่ ำร ้ำยเรำอีกด ้วย
่ อหน้ำเรำเลยนะ!!
แต่อย่ำงไรแล ้วอย่ำปล่อยให ้ต ้องมีเหยือต่

ลก 6 : ้
27“แต่เรำบอกท่ำนทังหลำยที ่ ำลังฟังอยู่วำ่

จงร ักศัตรูของท่ำน ่ ยดช ังท่ำน
จงทำดีแก่ผู ้ทีเกลี
28จงอวยพรแก่คนทีแช่ ่ งด่ำท่ำน จงอธิษฐำนเพือคนที
่ ่ ยวเข็
เคี ่ ญท่ำน
29ผู ้ใดตบแก ้มของท่ำนข ้ำงหนึ่ ง จงหันอีกข ้ำงหนึ่ งให ้เขำด ้วย
และผูใ้ ดริบเอำเสือคลุ ้ มของท่ำนไป ถ ้ำเขำจะเอำเสือด้ ้วยก็อย่ำหวงห ้ำม
30จงให ้แก่ทก ุ คนทีขอจำกท่ ่ ำน และถ ้ำใครได ้ริบของของท่ำนไป
อย่ำทวงเอำคืน
31จงปฏิบต ั ต
ิ อ ื่
่ ผูอ้ นอย่ ่ ำนปรำรถนำให ้เขำปฏิบต
ำงทีท่ ั ต
ิ ่อท่ำน
มธ 7 : 7“จงขอเถิด แล ้วท่ำนจะได ้ร ับ จงแสวงหำเถิด แล ้วท่ำนจะพบ
จงเคำะประตูเถิด แล ้วเขำจะเปิ ดประตูร ับท่ำน”

8“เพรำะคนทีขอย่ อมได ้ร ับ ่
คนทีแสวงหำย่ อมพบ

คนทีเคำะประตูย่อมมีผู ้เปิ ดประตูให ้

11แม้แต่ท่ำนทังหลำยที ่ นคนชว่ ั
เป็ ยังรู ้จักให ้ของดี ๆ แก่ลก

แล ้วพระบิดำของท่ำนผูสถิ ้ ตในสวรรค ์จะไม่ประทำนของดี ๆ
แก่ผท ี่ ลขอพระองค ์มำกกว่ำนั้นหรือ”
ู ้ ทู

12“ท่ำนอยำกให ้เขำทำกับท่ำนอย่ำงไร ก็จงทำกับเขำอย่ำงนั้นเถิด


นี่ คือธรรมบัญญัตแิ ละคำสอนของบรรดำประกำศก”

ธรรมชำติจะประมวลผลและสอนทุกคนว่ำควำมชวร ่ ั ้ำยนั้นทุกข ์และทร


มำนโดยเสมอผ่ำนพระธรรมเจ ้ำทีพระองค ่ ์นั้นทรงอยู่ในเรำ
โดยเรำนั้นทีมี ่ อยู่ในพระธรรมเจ ้ำ
และโดยชีวต ่ ้นทีมี
ิ อืนนั ่ เขำอยู่ในพระธรรมเจ ้ำ
และโดยพระธรรมเจ ้ำนั้นทีพระองค
่ ์นั้นทรงอยู่ในชีวต ่
ิ อืน
ดังนั้นชีวต ่ ้นจึงอยู่ในตัวเรำ
ิ อืนนั
และตัวเรำนั้นก็จงึ อยู่ในชีวต ่ ้วยเช่นเดียวกัน
ิ อืนด
มธ 25 :
34 ขณะนั้น
พระมหำกษัตริย ์จะตร ัสแก่บรรดำผู ้ทีอยู่ ่เบืองขวำพระหั
้ ตถ ์ของพระองค ์

ว่ำ `ท่ำนทังหลำยที ่ ้ร ับพระพรจำกพระบิดำของเรำ
ได
จงมำรบั เอำรำชอำณำจักรซึงได ่ ้ตระเตรียมไว ้สำหร ับท่ำนทังหลำยตั
้ ้
งแ
ต่แรกสร ้ำงโลกเป็ นมรดก

35 เพรำะว่ำเมือเรำหิ ้
ว ท่ำนทังหลำยก็ ได ้จัดหำให ้เรำกิน
เรำกระหำยนำ้ ท่ำนก็ให ้เรำดืม ่ เรำเป็ นแขกแปลกหน้ำ
ท่ำนก็ได ้ต ้อนร ับเรำไว ้
36 เรำเปลือยกำย ท่ำนก็ได ้ให ้เสือผ ้ ้ำเรำนุ่ งห่ม เมือเรำเจ็
่ บป่ วย

ท่ำนก็ได ้มำเยียมเรำ ่
เมือเรำต ่
้องจำอยู่ในคุก ท่ำนก็ได ้มำเยียมเรำ'
37 เวลำนั้นบรรดำผู ้ชอบธรรมจะกรำบทูลพระองค ์ว่ำ `พระองค ์เจ ้ำข ้ำ
่ ้ำพระองค ์เห็นพระองค ์ทรงหิว
ทีข
และได ้จัดมำถวำยแด่พระองค ์แต่เมือไร ่ หรือทรงกระหำยนำ้
และได ้ถวำยให ้พระองค ์ดืมแต่่ เมือไร่
38 ทีข่ ้ำพระองค ์ได ้เห็นพระองค ์ทรงเป็ นแขกแปลกหน้ำ
และได ้ต ้อนร ับพระองค ์ไว ้แต่เมือไร่ หรือเปลือยพระกำย
และได ้สวมฉลองพระองค ์ให ้แต่เมือไร ่
39 ทีข ่ ้ำพระองค ์เห็นพระองค ์ประชวรหรือต ้องจำอยู่ในคุก
และได ้มำเฝ้ ำพระองค ์นั้นแต่เมือไร'

40 แล ้วพระมหำกษัตริย ์จะตร ัสตอบเขำว่ำ
`เรำบอกควำมจริงแก่ท่ำนทังหลำยว่้ ำ
่ ำนได ้กระทำแก่คนใดคนหนึ่ งในพวกพีน้
ซึงท่ ่ องของเรำนี ถึ
้ งแม้จะตำต
่ ้อ
ยเพียงไร ก็เหมือนได ้กระทำแก่เรำด ้วย'
ปชญ 17 : 1กำรวินิจฉัยของพระองค ์ใหญ่ยงิ่ ยำกทีจะอธิ ่ บำยได ้
ผูไ้ ร ้กำรศึกษำจึงหลงผิด
2คนอธรรมคิดจะกดขีชนชำติ ่ ศกั ดิสิ์ ทธิ ์
เขำก็กลับเป็ นเชลยของควำมมืด

ถูกกลำงคืนทียำวนำนจองจ ำไว ้
ถูกกักขังอยู่ภำยในบ ้ำน

ห่ำงจำกพระญำณเอืออำทรนิ ร ันดรของพระเจ ้ำ
3เขำทำบำปอย่ำงเร ้นลับ คิดว่ำไม่มผ ี ูใ้ ดเห็น
และคิดว่ำพระองค ์จะทรงลืมควำมผิดเสมือนมีม่ำนคลุมไว ้
เขำจึงมีควำมหวำดกลัวสยดสยอง
กระจัดกระจำยไปเหมือนเห็นภำพหลอนb
ี่
4แม้ทหลบซ่ ่
อนทีเขำอยู ่ก็ไม่ทำให ้พ้นควำมหวำดกลัวไปได ้
เพรำะมีเสียงน่ ำกลัวดังก ้องอยู่รอบด ้ำน

ภูตผีซมึ เศร ้ำใบหน้ำหมองคลำปรำกฏมำหลอกหลอน
5ไม่มแี สงสว่ำงมำกพอจะให ้ควำมสว่ำงแก่เขำได ้
ดำวดำวสุกใสก็ไม่อำจส่องสว่ำงในรำตรีทน่ี่ ำสยดสยองนั้น
6มีแต่ไฟน่ ำกลัวปรำกฏขึน้

แต่เมือภำพนั ้นหำยไป
เขำก็ยงั กลัวเพรำะคิดว่ำสิงที ่ เขำได
่ ้เห็นนั้นชวร
่ ั ้ำยยิงกว่
่ ำเดิม
7เวทมนตร ์คำถำของเขำไม่มผ ี ลในเวลำนี c้

ควำมรู ้ทีเขำเคยอวดอ ้ำงยิงท ่ ำให ้เขำอับอำย
8เขำสัญญำว่ำจะขจัดควำมกลัวและควำมกังวลออกไปจำกจิตใจทีอ่่ อ
นแอ
แต่น่ำหัวเรำะทีเขำต ่ ้องตกใจกลัวสิงที ่ ไม่่ น่ำกลัวเลย
9แม้ไม่มส ี ต ั ว ์ร ้ำยเป็ นเหตุให ้เขำต ้องกลัว
เขำกลับหวำดกลัวเมือแมลงบิ ่ นผ่ำน และงู ส่งเสียงฟู่ ฟู่
10เขำตำยด ้วยควำมกลัวตัวสัน ่
ไม่ยอมเปิ ดตำมองดูแม้แต่อำกำศ ซึงเขำจะหนี ่ ไปไหนก็ไม่พ ้น
11คนอธรรมย่อมขลำดกลัวโดยธรรมชำติ
และเป็ นพยำนตัดสินลงโทษตนเอง
่ กมโนธรรมdติเตียน เขำก็มองทุกสิงในแง่
เมือถู ่ ่ นเสมอ
ร ้ำยยิงขึ ้
12ผูใ้ ดมีควำมกลัวก็เป็ นเพรำะว่ำเขำไม่ยอมพิจำรณำตำมเหตุผล

13ยิงเขำใช ้เหตุผลน้อยลงเท่ำใด

เขำยิงหวำดกลั วมำกขึนเท่ ้ ำนั้น
เพรำะไม่รู ้สำเหตุของควำมทุกข ์ทรมำนนั้น
14ตลอดคืนนั้นชำวอียป ิ ต ์นอนหลับอย่ำงไม่เป็ นสุขเหมือนกันทุกคน
แม้คน ื นั้นจะไม่มอ ี ำนำจใดเหนื อเขำเลย
เพรำะคืนนั้นมำจำกห ้วงลึกไร ้อำนำจของแดนมรณะ
15บำงครงเขำถู ้ั กภำพหลอนน่ ำกลัวทรมำน
บำงครงเขำรู ้ั ้สึกตัวแข็งเพรำะควำมตกใจ
ควำมกลัวทีคำดไม่ ่ ถงึ ผุดขึนมำทั ้ นที
16ใครอยู่ทไหนก็ ี่ ลม้ อยู่ทนั ี่ ่ น
เหมือนถูกขังอยู่ในคุกทีไม่ ่ มก ี รงเหล็ก
17เขำจะเป็ นชำวนำหรือคนเลียงแกะ ้
หรือคนทำงำนในถินทุ ่ รกันดำร
เขำก็ต ้องประสบชะตำกรรมทีหลี ่ กเลียงไม่
่ ได ้
เพรำะทุกคนอยู่ในควำมมืดประหนึ่ งว่ำมีโซ่เส ้นเดียวกันมัดอยู่
18เสียงลมพัดหวีดหวิว เสียงนกร ้องไพเรำะในสุมทุมพุ่มไม้

เสียงนำไหลแรงซ่ ่
ำ เสียงหินทีตกลงมำดั งสนั่น

19เสียงวิงโลดเต ่ มใี ครเห็น
้นของสัตว ์ทีไม่
เสียงคำรำมของสัตว ์ป่ ำดุร ้ำย หรือเสียงกึกก ้องจำกช่องภูเขำ
ล ้วนทำให ้เขำหวำดกลัวจนตัวแข็ง

20ทัวโลกมี แสงสว่ำงเจิดจ ้ำ
ทุกคนกำลังทำงำนอยู่อย่ำงอิสรเสรี
21กลำงคืนมืดมิดปกคลุมเพียงชำวอียป ิ ต ์เท่ำนั้น
เป็ นภำพของควำมมืดทีก ่ ำลังจะมำครอบคลุมเขำในไม่ช ้ำ
แต่ชวี ต
ิ ของเขำกลำยเป็ นภำระหนักสำหร ับตนมำกกว่ำควำมมืด
18. 1แต่แสงสว่ำงเจิดจ ้ำส่องเหนื อบรรดำผูศ้ ก ั ดิสิ์ ทธิของพระองค
์ ์
ชำวอียป ิ ต ์ได ้ยินเสียงของเขำ แต่ไม่เห็นตัวเขำa
พูดกันว่ำประชำกรของพระเจ ้ำเป็ นสุข
เพรำะไม่ต ้องร ับทุกข ์ทรมำนเหมือนตนb
2ชำวอียป ิ ต ์ยังขอบใจเขำทีมิ่ ได ้แก ้แค ้นควำมผิดทีตนเคยท
่ ำกับเขำ
และขอโทษเขำทีตนเคยเป็่ นศัตรูกบั เขำc
3แต่พระองค ์กลับประทำนเสำเพลิงโชติชว่ ง
่ ำประชำกรของพระองค ์ไปตำมทำงทีเขำไม่
เพือน ่ รู ้จัก
เป็ นเสมือนแดดอ่อนเพือช่ ่ วยเขำในกำรอพยพทีมี ่ เกียรติ
4ส่วนชำวอียป ิ ต ์สมควรจะขำดควำมสว่ำงและถูกกักขังอยู่ในควำมมืด
เพรำะเขำเคยกักขังบรรดำบุตรของพระองค ์ไว ้
พระองค ์มีพระประสงค ์จะใช ้บุตรเหล่ำนี ้
ประทำนธรรมบัญญัตเิ ป็ นแสงสว่ำงไม่มวี น ั ดับสูญให ้ชำวโลก
บสร 14 : 3คนตระหนี่ ไม่ควรจะมีทร ัพย ์สิน
ทร ัพย ์สมบัตจิ ำนวนมำกมีประโยชน์อะไรสำหร ับคนโลภ

4ผู ้ทียอมอดเพื ่
อสะสมทร ัพย ์สมบัตก ่
ิ ็สะสมไว ้สำหร ับผู ้อืน
ื่
ผูอ้ นจะใช ้ทร ัพย ์สินของเขำอย่ำงฟุ่ มเฟื อย
5ผู ้มีใจแคบต่อตนเองจะมีใจกว ้ำงต่อผู ้อืนได ่ ้อย่ำงไร
เขำใช ้ทร ัพย ์สมบัตท ิ ำให ้ตนมีควำมสุขยังไม่ได ้เลย
6ไม่มใี ครใจร ้ำยเท่ำกับคนทีทรมำนตนเอง ่
เขำต ้องร ับผลจำกควำมใจร ้ำยของตน
7ถ ้ำเขำทำดีบ ้ำง เขำก็ทำด ้วยควำมบังเอิญ
แต่ในทีสุ ่ ดควำมใจร ้ำยของเขำก็จะปรำกฏ
8ผูอ้ จิ ฉำริษยำเป็ นคนใจร ้ำย
เขำเบือนหน้ำbไม่สนใจชีวต ิ ของผู ้อืน ่
9คนตระหนี่ ไม่พอใจสิงที ่ ตนมี

ควำมโลภcทำให ้ใจของเขำแห ้งแล ้ง
10คนตระหนี่ หวงแม้แต่อำหำร
แม้บนโต๊ะเขำก็มไี ม่พอกิน
11ลูกเอ๋ย จงอยู่ดก ี น ิ ดีเท่ำทีท ่ ำได ้

อย่ำลืมนำสิงของมำถวำยแด่ องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำตำมสมควร
12จงระลึกว่ำควำมตำยจะไม่รอช ้ำ
ท่ำนไม่รู ้เวลำทีนั ่ ดไว ้กับแดนมรณะd
13จงทำดีต่อมิตรสหำยก่อนทีท่ ่ ำนจะตำย
จงมีใจกว ้ำงกับเขำตำมควำมสำมำรถของท่ำน
14อย่ำมีใจแคบทีจะให ่ ้ควำมสุขแก่ตนในวันนี ้
อย่ำปล่อยสิงดี ่ ทท่ี่ ำนปรำรถนำให ้หลุดมือไป
15ท่ำนจะต ้องละทิงทร ้ ัพย ์สมบัตข ิ องท่ำนให ้คนอืนมิ่ ใช่หรือ
ผูร้ ับมรดกจะแบ่งผลจำกควำมเหน็ ดเหนื่ อยของท่ำนมิใช่หรือ
16จงรู ้จักให ้ รู ้จักร ับ และรู ้จักหำควำมสุข
เพรำะในแดนมรณะจะหำควำมสุขไม่ได ้แล ้ว
17เสือผ ้ ้ำเก่ำไปฉันใด มนุ ษย ์ทังหลำยก็ ้ แก่ลงฉันนั้น
เป็ นกฎตลอดไปว่ำทุกคนต ้องตำย
18ใบไม้เขียวชอุม ่
่ บนต ้นไม้งำม บ ้ำงก็เหียวแห ้งร่วงโรย

บ ้ำงก็งอกขึนมำฉั นใด

เชือชำติ ้
มนุ ษย ์ทังหลำย บ ้ำงก็ตำย บ ้ำงก็เกิดมำฉันนั้น
19กิจกำรทุกอย่ำงของมนุ ษย ์ต ้องทรุดโทรมและสูญหำยไป
ผูท้ ำกิจกำรนั้นก็จะต ้องจำกไปพร ้อมกันด ้วยe
บสร 23 : 16คนสองประเภททำบำปมำกยิงขึ ่ นf้
คนประเภททีสำมน ่ ำพระพิโรธมำสู่ตน
17ตัณหำร ้อนแรงเป็ นเหมือนไฟทีลุ ่ กโพลง
จะไม่ยอมดับจนกว่ำจะสมหวัง
คนทีท ่ ำตำมควำมใคร่ของร่ำงกำย

จะไม่หยุดยังจนกระทั ่
งไฟจะเผำผลำญเขำ
คนลำมกคิดว่ำอำหำรทุกอย่ำงอร่อย

เขำจะกินไม่รู ้จักอิมจนตำย

18ชำยทีนอกใจภรรยำพู ดกับตนเองว่ำ “ใครจะเห็นฉัน
ควำมมืดอยู่รอบฉัน กำแพงกันฉั ้ นไว ้
ไม่มใี ครเห็นฉัน จะกลัวไปทำไม
พระผูส้ งู สุดจะไม่ทรงจดจำบำปของฉันไว”้
่ ยวทีเขำกลั
19สิงเดี ่ วคือกำรทีคนอื ่ ่
นจะเห็ นเขำ

เขำไม่รู ้ว่ำพระเนตรขององค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำสว่ำงกว่ำดวงอำทิตย ์ถึงหมืนเ
ท่ำ

พระองค ์ทรงเห็นกำรกระทำทังปวงของมนุ ษย ์
ทรงสังเกตลึกลงไปในซอกทีเร ่ ้นลับทีสุ ่ ดด ้วย
20พระองค ์ทรงทรำบทุกสิงตั ่ งแต่
้ กอ ่
่ นทีจะทรงเนรมิ ้
ตขึนมำg

และเมือทรงเนรมิ ตเสร็จแล ้วด ้วยh
21คนนี จะร ้ ับโทษต่อหน้ำธำรกำนัล

จะถูกจับได ้ในเวลำทีเขำคำดไม่ ถงึ
ปชญ 1 :
16ผูไ้ ม่ยำเกรงพระเจ ้ำrดินรนหำควำมตำยด ้ ้วยกิจกำรและคำพูดของต

คิดว่ำควำมตำยเป็ นมิตร จึงอยำกได ้ควำมตำย
เขำทำพันธสัญญำกับควำมตำย
เขำจึงสมควรจะเป็ นกรรมสิทธิsของควำมตำย ์
2. 1เขำใช ้เหตุผลผิดๆ คิดว่ำ
“ชีวต ิ ของเรำทังสั ้ นและมี
้ ทก ุ ข ์a

เมือวำระสุ ดท ้ำยมำถึงก็ไม่มส ิ่
ี งใดช่ วยได ้
เรำไม่รู ้จักผู ้ใดทีช่ ่ วยให ้พ้นจำกแดนมรณะb
2เรำเกิดมำโดยบังเอิญc

เมือจะพ้ นชีวต ิ นี ้ เรำก็จะเป็ นเหมือนกับไม่เคยได ้เกิดมำเลย
ลมหำยใจจำกจมูกของเรำเป็ นเหมือนควัน
ควำมคิดเหมือนประกำยจำกกำรเต ้นของหัวใจของเรำ
3เมือชี ่ วต ิ ดับแล ้ว ร่ำงกำยก็กลำยเป็ นเถ ้ำ
จิตก็จะสลำยไปเหมือนอำกำศทีบำงเบำ ่
4เมือเวลำผ่่ ำนไป คนก็จะลืมdแม้กระทังชื ่ อของเรำ

ไม่มใี ครจดจำกิจกำรของเรำได ้
ชีวต ิ ของเรำจะผ่ำนไปเหมือนกลุ่มเมฆทีไม่ ่ ทงร่ิ ้ องรอยไว ้เลย
จะสลำยไปเหมือนหมอก
ทีร่ ัศมีของดวงอำทิตย ์ขับไล่ไปเสีย
และควำมร ้อนของดวงอำทิตย ์เผำให ้สลำยไป
5ชีวต ิ ของเรำเป็ นเหมือนเงำทีผ่ ่ ำนไป
วันตำยของเรำจะเลือนไปไม่ ่ ได ้
เพรำะวันนั้นถูกประทับตรำแล ้ว ไม่มผ ี ู ้ใดจะเรียกกลับมำได ้e
6มำเถิด พวกเรำจงหำควำมสำรำญกับสิงดี ่ ๆทีมี ่ อยู่
จงใช ้สิงสร ่ ้ำงด ้วยควำมกระตือรือร ้นของวัยเยำว ์
7จงดืมเหล ่ ้ำองุ ่นรำคำแพง จงใส่นำหอมให ้ ้หอมฟุ้ ง
อย่ำปล่อยให ้ดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิf บำนโดยเปล่ำประโยชน์
8เรำจงนำดอกกุหลำบทีเริ ่ มบำนร
่ ่
้อยเป็ นมงกุฎสวมศีรษะก่อนทีจะเหี
ยว่
แห ้ง
เรำทุกคนจงปล่อยตัวร่วมควำมสำรำญให ้เต็มทีg ่
9เรำจงทิงร่ ้ องรอยควำมรืนเริ ่ งหรรษำไว ้ทัวไปเถิ ่ ด
เพรำะนี่ คือสิทธิของเรำ นี่ คือวิถช ี วี ต ิ ของเรำ
10เรำจงกดขีข่ ่ มเหงผูช ้ อบธรรมทียำกจนh ่
แม้แต่หญิงม่ำยก็อย่ำละเว ้นไม่เบียดเบียน

อย่ำเคำรพผู ้อำวุโสทีผมขำวโพลนเพรำะวั ยชรำi
11เรำจงใช ้กำลังเป็ นกฎเกณฑ ์แห่งควำมชอบธรรมj
เพรำะควำมอ่อนแอนับว่ำเป็ นสิงไร ่ ้ประโยชน์
12เรำจงดักซุม ่ ทำร ้ำยผูชอบธรรม
้ เพรำะเขำทำให ้เรำรำคำญใจk
เขำต่อต ้ำนกิจกำรของเรำ
เขำตำหนิ เรำว่ำฝ่ ำฝื นธรรมบัญญัต ิ
กล่ำวหำว่ำเรำไม่ปฏิบต ั ติ ำมกำรอบรมทีได ่ ้ร ับ
13เขำอ ้ำงว่ำเขำรู ้จักพระเจ ้ำl
เรียกตนเองว่ำเป็ นบุตรขององค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำ
14ชีวติ ของเขำเป็ นกำรติเตียนควำมรู ้สึกนึ กคิดของเรำ
เพียงแต่เห็นเขำ เรำก็ทนไม่ได ้
15เพรำะชีวต ิ ของเขำไม่เหมือนกับผูอ้ น ื่
ควำมประพฤติของเขำก็ตำ่ งกับของเรำมำกm
16เขำคิดว่ำเรำเป็ นคนไร ้ค่ำ
เขำหลีกเลียงวิ่ ถช ิ ของเรำประหนึ่ งว่ำเป็ นสิงปฏิ
ี วี ต ่ กล

เขำประกำศว่ำผูชอบธรรมจะมี
้ ควำมสุขnในวำระสุดท ้ำย
อวดอ ้ำงว่ำพระเจ ้ำทรงเป็ นพระบิดำของเขำ
17เรำจงดูเถิดว่ำคำพูดของเขำจะจริงหรือไม่
เรำจงพิสจ ู น์วำ่ อะไรจะเกิดขึนแก่ ้ เขำในวำระสุดท ้ำยo
18ถ ้ำผูช้ อบธรรมเป็ นบุตรของพระเจ ้ำp พระองค ์ก็จะทรงปกป้ องเขำ
และทรงช่วยเขำให ้พ้นเงือมมื ้ อของศัตรู
19เรำจงสำปแช่งและทรมำนลองใจเขำ
ให ้รู ้ว่ำเขำอ่อนโยนเพียงใด
และจงทดสอบว่ำเขำอดทนเพียงใด
20เรำจงตัดสินลงโทษให ้เขำตำยอย่ำงอัปยศ

ถ ้ำเป็ นจริงอย่ำงทีเขำพู ด พระเจ ้ำจะทรงคอยดูแลเขำq
21ผู ้ไม่ยำเกรงพระเจ ้ำคิดเช่นนี ้ แต่เขำคิดผิด
ควำมชวร ่ ั ้ำยทำให ้เขำตำบอด
22เขำไม่รู ้แผนกำรเร ้นลับของพระเจ ้ำr
เขำไม่หวังว่ำพระเจ ้ำจะทรงตอบแทนควำมศักดิสิ์ ทธิ ์
เขำไม่เชือว่ ่ ำพระองค ์จะประทำนรำงวัลแก่ผู ้ดำเนิ นชีวต
ิ ไร ้ตำหนิ
23โดยแท ้จริงแล ้ว พระเจ ้ำทรงสร ้ำงมนุ ษย ์ให ้เป็ นอมตะ
พระองค ์ทรงสร ้ำงเขำตำมภำพลักษณ์แห่งพระธรรมชำติsของพระองค ์
24แต่เพรำะควำมอิจฉำของปี ศำจt ควำมตำยจึงเข ้ำมำในโลก
ี่ ่ฝ่ำยปี ศำจก็จะประสบควำมตำย
ผูท้ อยู

เต๋ำเต๋อจิง 1 เต๋ำทีอธิ ่ บำยได ้มิใช่เต๋ำอันอมตะ


่ ตั
ชือที ่ งให
้ ้กันได ้ก็มใิ ช่ชออั
ื่ นสูงส่ง
เต๋ำนั้นมิอำจอธิบำยและมิอำจตังชื ้ อ่
่ ้ชือท
เมือไร ่ ำฉันใดจักให ้ผู ้อืนรู
่ ้ ข ้ำพเจ ้ำขอเรียกสิงนั
่ ้นว่ำ " เต๋ำ "
ไปพลำงๆ
เมือไร่ ้นำมไร ้สภำวะจึงเป็ นบ่อเกิดแห่งฟ้ ำและดิน
เมือมี ่ นำมมีสภำวะจึงเป็ นมำรดำแห่งสรรพสิง่
ดำรงตนอยู่ในควำมไร ้สภำวะ จึงทรำบบ่อเกิดแห่งจักรวำล
ดำรงตนอยู่ในสภำวะ ย่อมแลเห็นปรำกฏกำรณ์ทถู ี่ กสร ้ำงสรรค ์

ทังควำมมี และควำมไร ้ มีบ่อเกิดแห่งเดียวกัน

แต่แตกต่ำงกันเมือปรำกฏออก
บ่อเกิดนั้นสุดแสนลำลึ ้ ก ควำมลึกลำสุ ้ ดแสนนั้น
คือประตูทเปิ ี่ ดไปสู่ควำมรู ้แจ ้งแห่งสรรพชีวต ิ
25 ก่อนกำรดำรงอยู่ของฟ้ ำและดิน

มีบำงสิงบำงอย่ ำงมืดมัวเคลือบคลุม
เงียบงัน โดดเดียว ่ อยู่เพียงลำพัง ไม่แปรเปลียน ่
เป็ นอมตะหมุนเวียนไม่หยุดยัง้ มีคำ่ ควรแก่กำรเป็ นมำรดำของสรรพสิง่
่ งนั
ข ้ำพเจ ้ำไม่ทรำบชือสิ ่ ้น แต่ถ ้ำถูกบังคับให ้เรียก ก็จะเรียกว่ำ " เต๋ำ "
่ ำ " ยิงใหญ่
และจะให ้ชือว่ ่ "

ยิงใหญ่ หมำยถึงควำมต่อเนื่ อง ควำมต่อเนื่ องหมำยถึงควำมยำวไกล /
ควำมยำวไกลหมำยถึงกำรกลับสู่ต ้นกำเนิ ดเดิม
ดังนั้นเต๋ำจึงยิงใหญ่
่ ่
ฟ้ ำจึงยิงใหญ่ ่
ดินจึงยิงใหญ่ ่
ปรำชญ ์จึงยิงใหญ่
นี่ คือควำมยิงใหญ่
่ สชนิี่ ดในจักรวำล
และปรำชญ ์ก็นับเป็ นหนึ่ งในนั้น / คนทำตำมกฎแห่งดิน
ดินทำตำมกฎแห่งฟ้ ำ
ฟ้ ำทำตำมกฎแห่งเต๋ำ เต๋ำคงอยู่และเป็ นไปด ้วยตนเอง

ี่
จริงอยู่ทจะโดยกำรร ับกรรม หรือจะโดยกำรแบกร ับ
หรือแม้แต่จะโดยโดนลูกหลงก็ตำม ทุกอย่ำงเป็ นอุทำหรณ์ได ้ทังหมด ้
หำกมองแต่เป้ ำหมำยส่วนตัวมันอำจจะดูเหมือนไม่ยุตธิ รรม
่ ำหมำยในกำรอยู่รว่ มกันแล ้ว
แต่ถ ้ำมองไปทีเป้
ถ ้ำใครสำมำรถหลุดออกมำจำกนรกได ้
หรือถึงกับหยุดสร ้ำงนรกให ้กับกันอีกเลย นั้นแหละคุ ้มค่ำแล ้ว
แต่ควำมเข ้ำใจย่อมก็มจี ด ่ ้นเมืออุ
ุ เริมต ่ ทำหรณ์น้ันได ้ปลุกให ้คนเรำนั้น
ึ ้ กครง้ั
กลับมำมีสติขนอี

เหตุกำรณ์ร ้ำยๆนั้นเป็ นเพรำะว่ำเขำนั้นห่ำงจำกพระเจ ้ำ


ไม่ได ้เป็ นโดยพระเจ ้ำทำร ้ำยเขำด ้วยตัวพระองค ์เอง
ดังนั้นแล ้วเรำจึงมีหน้ำทีที
่ จะน
่ ำควำมร ักของพระเจ ้ำกลับไปให ้เขำอีกค
้ั ่ ง โดยควำมเร่งด่วนก็คอ
รงหนึ ื สังคมสงเครำะห ์
่ ั ้ำยนั้นก็คอื ควำมดีงำมและกำรแบกร ับหนี กรรมทั
ผลลัพธ ์ของควำมชวร ้ ้
งหมดให ้ ผ่ำนควำมคิดทีไร ่ ้ซึงข
่ ้อจำกัดของขอบเขตและจำนวน
เพรำะนี่ จะเป็ นกำรสร ้ำงควำมมันใจในควำมดี
่ งำม
่ ้นจำกทีตั
โดยเริมต ่ วเขำเอง

ไม่มค ี วำมชวร ่ ั ้ำยทีมำกมำยขนำดไหนที


่ ่
เขำนั ้นสมควรจะได ้ร ับซึงควำ

มเลวร ้ำยใดๆ ดังนั้นแล ้วแม้ว่ำจะอย่ำงไรก็ตำม
เรำต ้องสำมำรถทำดีกบั เขำได ้ โดยไม่ผด ิ ธรรมชำติน้ันแต่ประกำรใดๆ
(นี่ ไม่ใช่เพียงแค่ปรช ั ญำ!!) ควำมร ักใหญ่กว่ำทุกอย่ำง
หลำยๆคนคิดว่ำถ ้ำพระเจ ้ำเสด็จมำนะ
คนเลวร ้ำยต่ำงๆจะต ้องได ้รู ้จักนรกอย่ำงแน่ นอน

แต่แล ้วเมือพระองค ์มำถึงจริงๆ
เรำกลับได ้เห็นหนทำงแห่งกำงเขนช ัยเท่ำนั้น
่ ดว่ำควำมผิดหวังจะเปลียนเป็
แต่จงเชือเถิ ่ ่
นควำมชืนชมยิ
นดี
นรกและควำมตำยจะต ้องถูกทำลำยลงไปอย่ำงแน่ นอน
ไม่ใช่แกะตัวไหนๆหรือบุคคลคนใดนั้นแต่ประกำรใดเลย

พลังอำนำจทีแท ่ ้จริง ่
อยู่ในควำมร ักอันยิงใหญ่
ควำมอดทนต่อทุกๆอย่ำงได ้
กำรมองแง่ดไี ด ้แม้วำ่ ใครจะหำว่ำนี่ คือต ้นเหตุของอะไรก็ตำม
กำรไม่ถอื สำหำควำม
ไม่ใช่ควำมสำมำรถในกำรทำลำยล ้ำงแต่ประกำรใด
ถ ้ำเขำทนได ้ทุกอย่ำงจริงๆ
เขำย่อมตัดสินใจทีจะท่ ำทุกอย่ำงทีดี ่ ต่อเรำได ้และก็ต ้องยอมสละซึงทุ่ ก
่ จะกระท
อย่ำงเพือที ่ ำให ้สำเร็จด ้วย

"
ควำมเชือคื ่ อควำมมันใจว่
่ ่ หวั
ำสิงที ่ งไว ้จะสำมำรถเกิดขึนได
้ ้ในควำมจริ
ง ่ เรำนั
เพรำะควำมจริงคือสิงที ่ ้นสร ้ำงขึนมำ

ผ่ำนควำมคิดทีไร ่ ้ซึงขอบเขตและจ
่ ำนวน " ่
"อย่ำเชือในสิ ่ เห็
งที ่ น

แต่ให ้เชือในสิ ่ อยำกให
งที ่ ิ่ ดี
้เกิด " และ " จำแต่สงที ่ ถ ้ำไม่ใช่ ให ้เปลียน

นี่ คือควำมหมำยของคำว่ำอดทน "
่ ตวิญญำณ
อย่ำใช ้แต่สติแต่จงใช ้ซึงจิ
ถ ้ำเขำโมโหหิวแสดงว่ำเขำเห็นควำมสำคัญของควำมต ้องกำรอะไรบำ

งอย่ำงมำกกว่ำควำมรู ้สึกร ับรู ้พืนฐำนของชี วต
ิ จิตใจ
แต่อย่ำงไรก็ตำมแล ้วบนโลกเรำนี ้ แพ้ก็แพ้ไปด ้วยกัน
ผูป้ ระสบภัยทุกคนสำคัญเสมอ อย่ำงน้อยๆให ้เขำเลียนแบบคนทีส ่ ำเร็จ
่ ณภำพชีวต
เพือคุ ิ ในแบบนั้น
ควำมยุตธิ รรมก็คอ ื ทุกคนต ้องไม่ถก ู ละเลยควำมต ้องกำรใดๆก็ตำม
แม้แต่คนทีคิ ่ ดทีจะท
่ ำลำยผู ้คนก็ตำม
แต่ก็ต ้องให ้เขำเข ้ำใจระดับควำมสำคัญดูให ้ดีๆ
ภำยใต ้ควำมอำยมีซงค่ ึ่ ำนิ ยม
ภำยใต ้ควำมเหนื่ อยอ่อนล ้ำจนแทบจะตำยมีซงกำรเห็ ึ่ นว่ำอะไรนั้นคือเ
ป้ ำหมำยสำหร ับกำรดำรงชีวต ิ ในลมหำยใจในแต่ละวัน
ภำยใต ้ควำมรู ้สึกหดหู่ใจมีซงรสนิ ึ่ ยมของวิวฒ
ั นำกำร โดยเสมอ
อย่ำงไรก็ตำมแล ้วทุกคนต ้องให ้เกียรติกำรตัดสินใจของกัน
ถ ้ำนั่นไม่ได ้สร ้ำงควำมเดือดร ้อนอะไร
อย่ำมองว่ำเขำเป็ นสำหร่ำยถ ้ำเขำเป็ นได ้ถึงมนุ ษย ์แล ้ว
ต่อให ้สำหร่ำยต่ำงๆนั้นจะอยำกเลียนแบบคนแบบนี เท่ ้ ำนั้น ก็ไม่เป็ นไร
ฝำแฝดก็ยงั แยกกันออกอยู่ด ี

ปชญ 19 : 18บรรดำโลกธำตุสบ ่
ั เปลียนกันอย่ำงกลมกลืน
เหมือนสำยพิณบรรเลงเพลงไพเรำะ
้ แต่
ทังๆที ่ ละสำยยังร ักษำเสียงของตนไว ้
่ งใจสั
เมือตั ้ งเกตเหตุกำรณ์ทเกิ ี่ ดขึน้ ก็จะเห็นว่ำเป็ นเช่นนั้น
19สัตว ์บกกลำยเป็ นสัตว ์นำo้

สัตว ์นำกลั บไปอยู่บนบกp
20ไฟมีแรงมำกขึนในน ้ ำ้
้ มธรรมชำติของตน ไม่ดบ
นำลื ั ไฟ

21เปลวไฟกลับไม่เผำไหม้เนื อของสั ่
ตว ์ทีบอบบำงซึ ่ นอยู่ในไฟ
งเดิ

และไม่ละลำยอำหำรจำกฟ้ ำซึงเหมื ้ ้ำงแข็งทีละลำยได
อนนำค ่ ้ง่ำย
่ วฒ
**คำอธิบำยข ้ำงต ้นสำมำรถใช ้ในคำอธิบำยเรืองวิ ่
ั นำกำรของสิงมี
ชีวต
ิ ได ้
**วิวฒ ่ ชวี ต
ั นำกำรของสิงมี ิ ไม่มผ ้
ี ลต่อกำรพัฒนำอำวุธเชือโรค
ิ่ ชวี ต
แม้จะทรำบว่ำอำจจะมีสงมี ่
ิ บำงอย่ำงทีทนต่ อควำมร ้อน
และสำมำรถกลำยพันธุ ์ได ้ แต่ก็ไม่มผ
ี ลโดยตรง

สดด 148 :
1สรรเสริญพระยำห ์เวห ์
จงสรรเสริญพระยำห ์เวห ์จำกฟ้ ำสวรรค ์
จงสรรเสริญพระองค ์ในทีสู ่ ง
2ทูตสวรรค ์ทังสิ ้ นของพระองค
้ ์ จงสรรเสริญพระองค ์
กองทัพทังสิ ้ นของพระองค
้ ์ จงสรรเสริญพระองค ์
3ดวงอำทิตย ์และดวงจันทร ์ จงสรรเสริญพระองค ์
ดำวทังสิ ้ นที้ ส่ ่ องแสง จงสรรเสริญพระองค ์
4ฟ้ ำสวรรค ์ทีสู ่ งสุด จงสรรเสริญพระองค ์
รวมทังน ้ ำทั ้ งหลำยเหนื
้ อฟ้ ำสวรรค ์ด ้วย

5ให ้สิงเหล่ ำนั้นสรรเสริญพระนำมพระยำห ์เวห ์
เพรำะพระองค ์ทรงบัญชำ สิงเหล่ ่ ำนั้นก็ถก ู เนรมิตขึนมำ ้
6และพระองค ์ทรงสถำปนำสิงเหล่ ่ ำนั้นไว ้เป็ นนิ ตย ์นิ ร ันดร ์
พระองค ์ประทำนกฎเกณฑ ์ซึงจะล่ ่ วงละเมิดไม่ได ้
7จงสรรเสริญพระยำห ์เวห ์จำกแผ่นดินโลกเถิด
เจ ้ำสัตว ์ทะเลขนำดใหญ่และทีน ่ ำลึ
้ กทังปวง

8ไฟกับลูกเห็บ หิมะกับหมอก ลมพำยุ
ทำตำมพระบัญชำของพระองค ์
9บรรดำภูเขำและเนิ นเขำทังปวง ้
ต ้นไม้มผ ี ลและไม้สนสีดำร ์ทังปวง ้
10สัตว ์ป่ ำและสัตว ์ใช ้งำนทังปวง ้

สัตว ์เลือยคลำนและนกที ่ นได ้
บิ
11บรรดำพระรำชำของแผ่นดินโลกและชำวประเทศทังสิ ้ น้

เจ ้ำนำยและผู ้ครอบครองทังปวงของแผ่ นดินโลก
12และคนหนุ่ มกับคนสำว
คนแก่กบั เด็ก

13ให ้ทังหมดนี ้
สรรเสริ ญพระนำมพระยำห ์เวห ์
เพรำะพระนำมของพระองค ์เท่ำนั้นทีควรเยิ่ นยอ
พระสิรข ิ องพระองค ์อยู่เหนื อแผ่นดินโลกและฟ้ ำสวรรค ์
14พระองค ์ทรงทำให ้ประชำกรของพระองค ์แข็งแกร่ง

พระองค ์ทรงเป็ นทีสรรเสริ ญของผูจ้ งร ักภักดีตอ
่ พระองค ์
ของคนอิสรำเอลผูอ้ ยู่ใกล ้พระองค ์
สรรเสริญพระยำห ์เวห ์
อย่ำลืมว่ำต่อหน้ำพระเยซูเจ ้ำนั้นไม่มใี ครทีป่่ วย พิกำร
และตำยต่อหน้ำพระองค ์เลย
ดังนั้นจะทำอะไรก็ตำมคิดถึงพระพักตร ์ของพระยำห ์เวห ์เสมอ
ถ ้ำยังมีคนป่ วย คนถูกทำร ้ำย คนพิกำร ผู ้เสียหำย และใครตำยอยู่

แสดงว่ำพระเจ ้ำยังไม่ได ้อยู่กบั เรำอย่ำงทังครบ แบบแม่พระ
่ เหมือนกับต ้นมะละกอ
กรณี ต ้นมะเดือก็

ทีพระองค ้
์บอกว่ำต่อจำกนี ไปท่ ำนอย่ำได ้ออกลูกอีกเลย

ก็หมำยควำมว่ำเขำแก่เกินกว่ำทีจะออกผลไหวแล ้ว

ต ้นมะเดืออำจจะไม่ ขอร ับยำต่อชีวติ

แต่ก็ย่อมทีจะไม่ ใช่กำรตำยโดยผิดปกติอย่ำงแน่ นอน

ส่วนภำพทูตสวรรค ์ทีมำฟั นคนอิสรำเอลนั้นก็เป็ นภำพนิ มต ่ งแต่งกั
ิ ทีปรุ

นขึนมำเอง ่ นเนื อเด็
จำกกำรบูชำยัญมนุ ษย ์เพือกิ ้ ก (ปชญ 13 : 3 -
11 , 17 : 1 - 21 , 18 : 1 - 4) ไฟจำกฟ้ ำ ไฟนรก ภำพใครมำฆ่ำ
้ น้
ล ้วนคือจิตปรุงแต่งโดยทังสิ

พระเจ ้ำทรงมอบแสงแดดอันพอดีเพือมอบพลั งงำน
่ ่ ชืน้
และฝนตกอย่ำงปกติเพือมอบควำมชุ
ม ่ ช
แม้กระทังพื 5 สีด ้วย
่ั
แก่คนดีและคนชวเสมอกั น

อิสราเอลและทางเชือมของทา
งออกแห่งมนุ ษย ์ชาติ
Q : เพรำะอะไรอิสรำเอลถึงมีพระบัญญัตท ี่
ิ แสนโหดร ้ำยจำนวนมำก
A : ในกฏหมำยหลักไม่มแี บบนั้น มีในส่วนกฏหมำยลูก

กฏหมำยลูกทีโหดร ่
้ำยสำมำรถมำจำกบุคคลผู ้ทีจะปฏิ บต
ั ต
ิ ำมกฏหมำย
นั้นโหดร ้ำย กล่ำวคือเขำทำควำมดีได ้มำกทีสุ ่ ดได ้แค่น้ัน
มิใช่เพรำะคนออกกฏหมำยนั้นโหดร ้ำยแต่อย่ำงใด
เพรำะจิตใจเขำหยำบช ้ำ แข็งกระด ้ำง กฏหมำยจึงมีทงกำรหย่ ้ั ำร ้ำง
หักหลัง
กำรปำก ้อนหินใส่กน ่ จะก
ั เพือที ่ ำจัดคนผิดอันเป็ นต ้นเหตุของควำมบำ
ดหมำงของคนในสังคม
รวมถึงกำรพยำยำมกำจัดเสียนหนำมตั ้ ้ ยงั เป็ นเด็ก
งแต่
แต่ก็ยงั ไม่มถ ้
ี งึ ขันแต่ งงำนกับผูห้ ญิงวัย 9 ขวบ

หรือสนับสนุ นให ้กำจัดเสียนหนำมตั ้ ยงั เป็ นเด็กด ้วยกำรฆ่ำบุคคลผู ้
งแต่
่ งไม่บรรลุนิตภ
ทียั ิ ำวะแต่อย่ำงใด

ซึงพระเยซู คริสต ์ก็ได ้ทรงยืนยันถึงมำตรำฐำนทีสู ่ งกว่ำนั้นในตัวอย่ำงต
อนทีจั่ บผูห้ ญิงทีประพฤติ
่ ผด ิ ในกำมได ้
ลก 9 :

51เวลำทีพระเยซู ้
เจ ้ำจะต ้องทรงจำกโลกนี ไปmใกล ้เข ้ำมำแล ้ว

พระองค ์ทรงตังพระทั ยแน่ วแน่ จะเสด็จไปกรุงเยรูซำเล็ม
52และทรงส่งผู ้นำสำรไปล่วงหน้ำ

คนเหล่ำนี ออกเดินทำงและเข ้ำไปในหมู่บ ้ำนแห่งหนึ่ งของชำวสะมำเรียเ

พือเตรี
ยมร ับเสด็จพระองค ์
53แต่ประชำชนทีนั ่ ่ นไม่ยอมร ับเสด็จเพรำะพระองค ์กำลังเสด็จไปกรุงเย
รูซำเล็มn

54เมือยำกอบและยอห ์นศิษย ์ของพระองค ์เห็นดังนี ก็้ ทล
ู พระองค ์ว่ำ
“พระเจ ้ำข ้ำ
พระองค ์ทรงพระประสงค ์ให ้เรำเรียกไฟจำกฟ้ ำลงมำเผำผลำญคนเหล่ำ
้ อไม่o
นี หรื 55พระเยซูเจ ้ำทรงหันไปตำหนิ ศษ ้
ิ ย ์ทังสองคนp

56แล ้วทรงพระดำเนิ นต่อไปยังหมู่บ ้ำนอืนพร ้อมกับบรรดำศิษย ์
10 : 25ขณะนั้น
นักกฎหมำยคนหนึ่ งยืนขึนทู
้ ลถำมเพือจะจั
่ บผิดพระองค ์ว่ำ
“พระอำจำรย ์ ่
ข ้ำพเจ ้ำจะต ้องทำสิงใดเพื ่
อจะได ้ชีวติ นิ ร ันดร”
26พระองค ์ตร ัสถำมเขำว่ำ “ในธรรมบัญญัตม ิ เี ขียนไว ้อย่ำงไร
ท่ำนอ่ำนว่ำอย่ำงไร” 27เขำทูลตอบว่ำ
“ท่ำนจะต ้องร ักองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ พระเจ ้ำของท่ำนสุดจิตใจ
สุดวิญญำณ สุดกำลัง และสุดสติปัญญำของท่ำน

ท่ำนจะต ้องร ักเพือนมนุ ษย ์เหมือนร ักตนเอง” 28พระองค ์ตร ัสกับเขำว่ำ
“ท่ำนตอบถูกแล ้ว จงทำเช่นนี ้ แล ้วจะได ้ชีวติ ”
มธ 19 : ่
1เมือพระเยซู ่ จบแล
เจ ้ำตร ัสเรืองนี ้ ้ว
จึงเสด็จออกจำกแคว ้นกำลิลเี ข ้ำไปในแคว ้นยูเดีย
อีกฟำกหนึ่ งของแม่นำจอร
้ ์แดน
่ ่น
2ประชำชนจำนวนมำกติดตำมพระองค ์ พระองค ์ทรงร ักษำผู ้ป่ วยทีนั
3ชำวฟำริสบ ่ บผิดพระองค ์
ี ำงคนเข ้ำมำเพือจั ทูลถำมว่ำ
“เป็ นกำรถูกต ้องหรือไม่

ทีชำยจะหย่ ำร ้ำงกับภรรยำเนื่ องด ้วยเหตุใดก็ตำม”
4พระองค ์ทรงตอบว่ำ

“ท่ำนไม่ได ้อ่ำนพระคัมภีร ์หรือว่ำเมือแรกนั ้นพระผู ้สร ้ำงทรงสร ้ำงมนุ ษย ์
ให ้เป็ นชำยและหญิง 5และตร ัสว่ำ ดังนี ้
ชำยจะละบิดำมำรดำไปสนิ ทอยู่กบั ภรรยำของตนและชำยหญิงจะเป็ นเ
้ ยวกัน
นื อเดี
6ดังนี ้ เขำจึงไม่เป็ นสองอีกต่อไป ้ ยวกัน
แต่เป็ นเนื อเดี ฉะนั้น
่ พระเจ
สิงที ่ ้ำทรงรวมกันไว ้ มนุ ษย ์อย่ำได ้แยกเลย”a
7ชำวฟำริสจี งึ ทูลถำมว่ำ
“แล ้วทำไมโมเสสจึงสังให่ ้ชำยทำหนังสือหย่ำร ้ำงแล ้วหย่ำร ้ำงได ้เล่ำ”
8พระองค ์ตร ัสว่ำ

“เพรำะใจดือหยำบกระด ้ำงของท่ำนโมเสสจึงยอมอนุ ญำตให ้หย่ำร ้ำงไ

ด ้ แต่เมือแรกเริ ่ ้น หำเป็ นเช่นนี ไม่
มนั ้

9“เรำบอกท่ำนทังหลำยว่ ำ
ผูใ้ ดหย่ำร ้ำงภรรยำและแต่งงำนกับอีกคนหนึ่ ง เขำก็ทำผิดประเวณี
เว ้นแต่ในกรณี แต่งงำนไม่ถก
ู ต ้อง”b
10บรรดำศิษย ์ทูลพระองค ์ว่ำ “ถ ้ำสภำพของสำมีกบ ั ภรรยำเป็ นเช่นนี ้
ก็ไม่ควรจะแต่งงำนเลย” 11พระองค ์ตร ัสว่ำ
“ไม่ใช่ทก ุ คนเข ้ำใจคำสอนนี ้ คนทีเข
่ ้ำใจคือคนทีพระเจ
่ ้ำประทำนให ้
12เพรำะว่ำ ้ั อยู่ในครรภ ์มำรดำ
บำงคนเป็ นขันทีตงแต่
บำงคนถูกมนุ ษย ์ทำให ้เป็ นขันที
และบำงคนทำตนเป็ นขันทีเพรำะเห็นแก่อำณำจักรสวรรค ์cผู ้ทีเข ่ ้ำใจไ
ด ้ ก็จงเข ้ำใจเถิด”
ยน 8 : 1พระเยซูเจ ้ำเสด็จไปยังภูเขำมะกอกเทศ2เช ้ำตรูว่ น ั รุง่ ขึน้
พระองค ์เสด็จไปในพระวิหำรอีก ประชำชนเข ้ำมำห ้อมล ้อมพระองค ์
พระองค ์ประทับนั่ง ่ งสอน
แล ้วทรงเริมสั่
3บรรดำธรรมำจำรย ์และชำวฟำริสน ี ำหญิงคนหนึ่ งเข ้ำมำ
้ กจับขณะล่วงประเวณี
หญิงคนนี ถู เขำให ้นำงยืนตรงกลำง
4แล ้วทูลถำมพระองค ์ว่ำ “อำจำรย ์ หญิงคนนี ถู ้ กจับขณะล่วงประเวณี
5ในธรรมบัญญัต ิ ่
โมเสสสังเรำให ้
้ทุ่มหินหญิงประเภทนี จนตำย
ส่วนท่ำนจะว่ำอย่ำงไร” 6เขำถำมพระองค ์เช่นนี ้ เพือทดลองพระองค
่ ์
หวังจะหำเหตุปร ักปรำพระองค ์ แต่พระเยซูเจ ้ำทรงก ้มลง

เอำนิ วพระหั ่ นดิ
ตถ ์ขีดเขียนทีพื ้ นa

7เมือคนเหล่ ำนั้นยังทูลถำมยำอยู
้ ่อกี พระองค ์ทรงเงยพระพักตร ์ขึน้
ตร ัสว่ำ “ท่ำนผูใดไม่
้ มบ
ี ำป จงเอำหินทุ่มนำงเป็ นคนแรกเถิด”
8แล ้วทรงก ้มลงขีดเขียนบนพืนดิ ้ นต่อไป 9เมือคนเหล่
่ ำนั้นได ้ฟังดังนี ้
ก็คอ่ ย ๆ ทยอยออกไปทีละคน ่
เริมจำกคนอำวุ โส
จนเหลือแต่พระเยซูเจ ้ำตำมลำพังกับหญิงคนนั้น ซึงยั ่ งคงยืนอยู่ทเดิ ี่ ม
10พระเยซูเจ ้ำทรงเงยพระพักตร ์ขึน้ ตร ัสกับนำงว่ำ “นำงเอ๋ย
พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มใี ครลงโทษท่ำนเลยหรือ”
11หญิงคนนั้นทูลตอบว่ำ “ไม่มใี ครเลย พระเจ ้ำข ้ำ” พระเยซูเจ ้ำตร ัสว่ำ
้ นีไป
“เรำก็ไม่ลงโทษท่ำนด ้วย ไปเถิด และตังแต่ ้ อย่ำทำบำปอีก”
เพียงไม่มน ้ น พวกเขำก็พร ้อมจะฆ่ำกันแล ้ว ดังนั้นเรืองของควำมร
ี ำกิ ่ ัก
ควำมสัมพันธ ์ทำงเพศ ครอบคร ัว จึงมีควำมโหดร ้ำยตำมมำ
อพย 17 : 1ชุมชนชำวอิสรำเอลออกจำกถินทุ ่ รกันดำรศิน
เดินทำงเป็ นระยะ ๆ ่
ตำมทีองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำทรงบัญชำ

เมือเขำมำตั ้ ำยทีเรฟี
งค่ ่ ดิม ่ ่ นไม่มน
ทีนั ี ำให้ ่
้ดืมเลย
2ประชำกรอิสรำเอลจึงต่อว่ำโมเสส พูดว่ำ "จงหำนำมำให ้ ่ ด"
้เรำดืมเถิ
โมเสสตอบว่ำ "มำต่อว่ำข ้ำพเจ ้ำทำไมเล่ำ

ทำไมท่ำนทังหลำยจึ งมำทดลององค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ"
3แต่ประชำชนกำลังกระหำยนำมำก ้ จึงต่อว่ำโมเสสว่ำ
"ทำไมท่ำนจึงพำพวกเรำออกจำกประเทศอียป ิ ต ์ จะให ้พวกเรำ ลูก ๆ
และฝูงสัตว ์ของเรำอดนำตำยหรื ้ อ"
4โมเสสก็อ ้อนวอนขอควำมช่วยเหลือจำกองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ
"ข ้ำพเจ ้ำจะทำอย่ำงไรกับประชำกรนี เล่ ้ ำ
เขำเกือบจะเอำหินขว ้ำงข ้ำพเจ ้ำอยู่แล ้ว"
5องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำตร ัสตอบโมเสสว่ำ "จงเดินไปข ้ำงหน้ำประชำชน
จงนำผูอ้ ำวุโสชำวอิสรำเอลบำงคนไปกับท่ำน
่ ำนใช ้ตีนำในแม่
เอำไม้เท ้ำทีท่ ้ ้
นำไนล ์ไปด ้วย
6เรำจะยืนอยู่ตอ ่ หน้ำท่ำนทีหน้่ ำผำ บนภูเขำโฮเรบb จงตีหน


จะมีนำไหลออกมำให ้ประชำชนดืม" ่
โมเสสทำดังนี ต่ ้ อหน้ำผูอำวุ ้ โสชำวอิสรำเอล
่ งนั้นจึงได ้ชือว่
7สถำนทีแห่ ่ ำมัสสำห ์และเมรีบำห ์c
เพรำะชำวอิสรำเอลได ้ต่อว่ำและทดลององค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำโดยถำมว่ำ
"องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำทรงสถิตอยู่กบั เรำหรือไม่"
Q : ทำไมห ้ำมผูห้ ญิงแต่งตัวเป็ นผูช
้ ำย ห ้ำมผูชำยแต่
้ งตัวเป็ นผู ้หญิง
แม้พระเยซูไม่ทรงห ้ำมกำรผ่ำตัดอวัยวะเพศ
A :
่ ำตำไม่ดจี ะถูกพ่อแม่ห ้ำมแต่งตัวสว
เพรำะป้ องกันกำรบังคับผู ้หญิงทีหน้
ยดูแลตัวเอง
และผูช ี่ ำตำดีจะถูกบังคับให ้แต่งตัวเป็ นผู ้หญิงเพือเป็
้ ำยแทท้ หน้ ่ นวัตถุท
ำงเพศ
ฉธบ 21 : 22ถ ้ำผูใดกระท
้ ำผิดมีโทษประหำรชีวต ิ
ท่ำนประหำรชีวต ิ แล ้วแขวนศพไว ้บนต ้นไม้
23ศพของเขำจะต ้องไม่ถก ้ ้ข ้ำมคืน
ู ทิงไว
ท่ำนจะต ้องฝังศพของเขำในวันเดียวกันนั้น
่ ให ้พระเจ ้ำทรงสำปแช่ง
เพือมิ ท่ำนจะต ้องไม่ทำให ้แผ่นดิน

ทีองค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำ พระเจ ้ำของท่ำนทรงมอบให ้เป็ นมรดกของท่ำน
มีมลทิน
22 : 1ถ ้ำท่ำนเห็นโคหรือแกะของพีน้ ่ องของท่ำนพลัดหลงไป
ท่ำนจะต ้องไม่นิ่งเฉย แต่ต ้องเอำใจใส่นำมำคืนให ้เขำ
2แต่ถ ้ำเจ ้ำของอยู่ไกลหรือท่ำนไม่รู ้ว่ำใครเป็ นเจ ้ำของ
ท่ำนจะต ้องจูงสัตว ์นั้นมำทีบ
่ ้ำน และเก็บไว ้จนกว่ำเจ ้ำของจะมำตำมหำ
แล ้วท่ำนจะต ้องคืนให ้เขำไป
3ท่ำนจะต ้องทำเช่นเดียวกัน ่
เมือพบลำ
้ ำ้ หรือสิงใดก็
เสือผ ่ ่ น้
ตำมทีพี ่ องของท่ำนทำหำย
ท่ำนจะต ้องไม่นิ่งเฉยเช่นกัน
4ถ ้ำท่ำนเห็นลำหรือโคของพีน้ ่ องของท่ำนล ้มลงบนถนน
ท่ำนจะต ้องไม่นิ่งเฉย แต่จะต ้องช่วยเขำพยุงสัตว ์นั้นให ้ลุกขึนอี
้ กa
5หญิงจะต ้องไม่สวมเสือผ ้ ้ำของชำย
และชำยจะต ้องไม่สวมเสือผ ้ ้ำของหญิงb

เพรำะองค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำของท่ำน ทรงร ังเกียจผู ้ทีกระทำเช่นนี ้
่ ำนเดินทำง
6ขณะทีท่ ้ น
ถ ้ำท่ำนพบร ังนกอยู่บนต ้นไม้หรือบนพืนดิ
มีแม่นกกกไข่หรือกกลูกอยู่ ท่ำนจะต ้องไม่พรำกแม่นกไปจำกลูก
7ท่ำนจะนำลูกนกไปก็ได ้ แต่ต ้องปล่อยแม่นกไป
แล ้วท่ำนจะอยู่อย่ำงมีควำมสุขและมีชวี ต ิ ยืนนำน
่ ำนสร ้ำงบ ้ำนใหม่
8เมือท่ ท่ำนจะต ้องก่อขอบกันขึ ้ นมำรอบหลั
้ งคำ
่ ำนจะไม่ต ้องร ับผิดชอบ ถ ้ำมีผูต้ กลงมำตำย
เพือท่

9ท่ำนจะต ้องไม่เพำะปลูกพืชอืนในสวนองุ ่น มิฉะนั้น
่ กนั้นทังหมดแด่
ท่ำนจะต ้องถวำยผลองุ ่นและพืชผลทีปลู ้ พระเจ ้ำ
10ท่ำนจะต ้องไม่นำโคกับลำเข ้ำเทียมไถด ้วยกัน
้ ้ำทีทอจำกขนแกะและป่
11ท่ำนจะต ้องไม่สวมเสือผ ่ ำนปนกันc
่ มทังสี
12ท่ำนจะต ้องเย็บพู่ห ้อยไว ้ทีมุ ้ ของผ
่ ้ำคลุมของท่ำน
้ นกฏหมำยเพือมนุ
กฏหมำยเหล่ำนี เป็ ่ ษยธรรม
่ องกันควำมวุ่นวำยทีมี
เพือป้ ่ ผู ้ชำยแท ้ทีหน้
่ ำตำดีแต่งตัวเป็ นผู ้หญิงทำใ
ห ้ผูช
้ ำยด ้วยกันถูกหลอกลวง
่ ำตำดีจะถูกบังคับให ้เป็ นผู ้หญิงโดยไม่ยน
และยังป้ องกันผู ้ชำยแท ้ทีหน้ ิ ย
อมอีกด ้วย
Q : ทำไมถึงมีคำสังให่ ้ฆ่ำเด็กทำรกในพระคัมภีร ์
A : เพรำะพระเจ ้ำไม่ได ้เป็ นคนสัง่
แต่เป็ นควำมคิดของคนบำงคนทีกลั ่ วแม้แต่เด็กทียั
่ งทำอันตรำยใดๆยังไ
ม่ได ้ และมีโอกำสตัดสินใจอีกหลำยปี จนกว่ำจะโต
้ งรวมถึงควำมชวร
อีกทังยั ่ ั ้ำยของกำรบูชำยัญมนุ ษย ์ในประชำกรทีช
่ วร
่ ั ้ำ
ยต่ำงๆทีถื่ อนอกรีตอีกด ้วย
เขำทำร ้ำยเด็กจนไม่จด ั ว่ำเขำคือพ่อแม่คนอีกต่อไป
เด็กเหล่ำนั้นจึงไม่ถอื ว่ำเป็ นคนต่ำงชำติน้ันแต่ประกำรใด
ปชญ 12 :
3บรรดำผู ้เคยอำศัยในแผ่นดินศักดิสิ์ ทธิของพระองค ์ ์bก็เช่นเดียวกัน
4พระองค ์ทรงลงโทษเขำเพรำะกำรกระทำน่ ำร ังเกียจของเขำ
เขำทำเวทมนตร ์และพิธน ี ่ ำร ังเกียจ
5เขำฆ่ำบุตรของตนอย่ำงไร ้ควำมปรำนี
กินตับไตไส ้พุงและเลือดมนุ ษย ์ในงำนเลียง ้
เข ้ำร่วมพิธก ี รรมอนำจำรไร ้ศีลธรรมc
6พระองค ์ทรงประสงค ์ใช ้บรรพบุรษ ุ ของเรำ
ทำลำยบิดำมำรดำเหล่ำนี ที ้ ฆ่
่ ำบุตรซึงป้่ องกันตนเองไม่ได ้

7เพือแผ่ นดินมีคำ่ ทีสุ ่ ดสำหร ับพระองค ์
จะได ้เป็ นทีอยู ่ ่อำศัยเหมำะสมของบรรดำบุตรพระเจ ้ำ
8ถึงกระนั้น พระองค ์ยังทรงกระทำกับเขำด ้วยควำมปรำนี d
เพรำะเขำเป็ นมนุ ษย ์
พระองค ์ทรงส่งตัวต่อนำหน้ำกองทัพของพระองค ์
่ ำลำยเขำทีละน้อยe
เพือท
9พระองค ์ทรงอำนำจจะมอบคนอธรรมไว ้ในมือของผูชอบธรรม ้
จะทรงใช ้สัตว ์ร ้ำย
หรือพระวำจำทรงอำนำจเพียงคำเดียวทำลำยเขำทันทีก็ได ้
10แต่พระองค ์ทรงลงโทษเขำทังหลำยที ้ ละน้อย

ก็เพือให ้เขำมีโอกำสกลับใจ
พระองค ์ทรงทรำบดีวำ่ เขำเป็ นชนชำติชวร ่ ั ้ำย
มีควำมชวฝั ่ ั งลึกในสันดำนของเขำ
และจะไม่ยอมเปลียนควำมคิ ่ ดของตนเลยf
11เขำเป็ นชนชำติทถู ี่ กสำปแช่งมำตังแต่ ้ แรกแล ้ว
ฉธบ 20 : ่ ำนเข ้ำโจมตีเมืองใด
10เมือท่
ท่ำนจะต ้องเสนอเงือนไขท ่ ำสันติภำพเสียก่อน

11ถ ้ำเขำยอมร ับเงือนไขและเปิ ดประตูเมืองต ้อนร ับท่ำน
ประชำชนทังหมดที ้ ่ ่ในเมืองนั้นจะต ้องเป็ นทำสและทำงำนให ้ท่ำน
อยู
12แต่ถ ้ำเมืองนั้นไม่ยอมร ับเงือนไขสั ่ นติภำพและประกำศสงครำม
ท่ำนจะต ้องล ้อมเมืองไว ้ 13เมือองค ่ ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำ พระเจ ้ำของท่ำน
จะทรงมอบเมืองนั้นไว ้ในอำนำจของท่ำนแล ้ว
ท่ำนจะต ้องใช ้ดำบประหำรผูชำยทุ ้ กคน 14ส่วนผู ้หญิง เด็ก
ฝูงสัตว ์และทุกสิงในเมื ่ องทีท่ ่ ำนยึดได ้ จะเป็ นของเชลยของท่ำน
ทร ัพย ์สมบัตข ิ องศัตรูซงองค ึ่ ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำ พระเจ ้ำของท่ำน
ทรงมอบให ้ท่ำน
ท่ำนจะใช ้ตำมใจชอบ15ท่ำนจะต ้องปฏิบต ้ บเมืองทีอยู
ั เิ ช่นนี กั ่ ่ห่ำงไกล
่ เป็ นของชนชำติทอยู
ซึงไม่ ี่ ่ใกล ้ ๆ นี ้
16แต่ในเมืองของชนชำติเหล่ำนี ที ้ องค
่ ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำ พระเจ ้ำของท่ำน
จะทรงมอบให ้เป็ นมรดกแก่ท่ำน ท่ำนจะต ้องไม่ไว ้ชีวต ิ ผูใดเลย

17ท่ำนจะต ้องทำลำยล ้ำงชนชำติเหล่ำนี ทั ้ งหมด
้ คือชำวฮิตไทต ์
ชำวอำโมไรต ์ ชำวคำนำอัน ชำวเปริสซี ชำวฮีไวต ์ และชำวเยบุส

ดังทีองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ พระเจ ้ำของท่ำน ทรงบัญชำท่ำนไว ้
18เกรงว่ำเขำจะสอนท่ำนให ้ทำสิงน่ ่ ำร ังเกียจ

ดังทีเขำท ำถวำยเกียรติแด่เทพเจ ้ำของเขำ
แล ้วท่ำนจะทำบำปผิดต่อองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ
พระเจ ้ำของท่ำน19เมือท่ ่ ำนล ้อมเมืองใดเมืองหนึ่ งเป็ นเวลำนำนแล ้วโจ

มตีเพือจะยึ ดได ้ ท่ำนจะต ้องไม่ใช ้ขวำนโค่นไม้ผลรอบ ๆ เมืองนั้น
ท่ำนจะกินผลไม้ได ้ แต่อย่ำโค่นต ้นไม้เลย
เพรำะต ้นไม้ไม่ใช่ศต ั รูของท่ำนทีจะต ่ ้องทำลำย
20แต่ต ้นไม้ทีท่ ่ ำนรู ้ว่ำไม่ใช่ไม้ผล ท่ำนจะทำลำยและโค่นลงได ้

เพือใช ่ จ่ ำเป็ นสำหรบั ล ้อมเมืองทีก
้สร ้ำงสิงที ่ ำลังทำสงครำมกับท่ำน
จนกว่ำเมืองนั้นจะแตก

ถ ้ำเป็ นคำสังจำกพระยำห ์เวห ์จริงๆต ้องเป็ นสิงที ่ ไม่
่ ผด ิ มนุ ษยชน
ต ้องมีกำรทำวิธท ี ำงกำรทูตก่อน ส่วนเด็กและผู ้หญิง
รวมไปถึงต ้นไม้และสัตว ์ เรำต ้องไว ้ชีวต
ิ (เทียบ ฉธบ 20 : 1 - 20)
่ อิ
แต่ก็ยงั มีคำสังที ่ งถึงควำมแข็งกระด่ำงของจิตใจทีท
่ ำให ้เขำสำมำรถ
ทำได ้มำกทีสุ ่ ดได ้แค่ไหนเพือที
่ จะปกป้
่ องผู ้บริสท ์
ุ ธิเอำไว ้
่ กทีตกอยู
ซึงเด็ ่ ่ ชำยัญมนุ ษย ์ก็ถอื ว่ำเป็ นเพือนมนุ
่ในประเทศทีบู ่ ่
ษย ์ทัวไ

ปทีจะต ้องเข ้ำไปช่วย เหมือนกับกำรช่วยเหลือตัวประกัน
้ นกำรอ ้ำงคำสังพระยำห
ส่วนพระคัมภีร ์หลังจำกนี เป็ ่ ์เวห ์ของซำมูเอล

ส่วนซำอูลก็ไม่ได ้ตังใจฟั งเสียงพระยำห ์เวห ์

ถ ้ำเขำตังใจจะฟั งเสียงพระยำห ์เวห ์จริงๆเขำต ้องแสวงหำควำมยุตธิ รรม
ไม่ฆ่ำสัตว ์ก็ต ้องไม่ฆ่ำเด็กและผู ้หญิงด ้วย

หรือพร ้อมกำรอ ้ำงอิงว่ำคำสังซำมู เอลขัดจำกพระบัญญัตข ิ องโมเสส
ฉธบ 20 : 14

และถ ้ำซำมูเอลอยู่กบั พระเจ ้ำทังครบจริ งจนคำอธิบำยนั้นสำมำรถครอ

บคลุมทังครบ ทำไมจิตชวถึ ่ ั งต ้องถูกขับไล่โดยดำวิดเล่ำ

แทนทีจะเป็ นซำมูเอล
1 ซมอ 15 : 1ซำมูเอลทูลกษัตริย ์ซำอูลว่ำ
'พระยำห ์เวห ์ทรงส่งข ้ำพเจ ้ำมำเจิมพระองค ์เป็ นกษัตริย ์ของอิสรำเอลปร
ะชำกร บัดนี ้ ขอทรงฟังพระวำจำของพระยำห ์เวห ์เถิด 2พระยำห ์เวห ์
พระเจ ้ำจอมโยธำตร ัสดังนี ้
"เรำจะลงโทษกำรกระทำของชำวอำมำเลขต่อชำวอิสรำเอล -

เพรำะเขำได ้ขัดขวำงชำวอิสรำเอลเมือออกมำจำกประเทศอี ยป ิ ต์
3ดังนั้น จงไปโจมตีชำวอำมำเลขเถิด
่ เขำมี
จงทำลำยล ้ำงทุกสิงที ่ ้ ง
โดยสินเชิ อย่ำให ้เหลืออะไรเลย

จงฆ่ำทังชำยและหญิ ง เด็กและทำรก โคและแพะแกะ อูฐและลำ"'
4กษัตริย ์ซำอูลทรงเรียกประชำกรมำชุมนุ มกันและตรวจพลทีเทลำอิ ่ ม
มีทหำรรำบจำกอิสรำเอลสองแสนคน และจำกยูดำห ์หนึ่ งหมืนคน ่
5กษัตริ ย ์ซำอูลทรงยกทัพไปยังเมืองอำมำเลข
ซุม
่ คอยดักอยู่ทที่ ้องห ้วย 6ซำอูลตร ัสแก่ชำวเคไนต ์ว่ำ
'จงแยกไปให ้พ้นจำกชำวอำมำเลขเถิด
เรำจะได ้ไม่ทำลำยท่ำนพร ้อมกับเขำ -

เพรำะท่ำนเคยแสดงควำมร ักมันคงต่ อชำวอิสรำเอล

เมือเขำออกมำจำกประเทศอี ยป
ิ ต ์'
ชำวเคไนต ์จึงแยกตัวไปจำกชำวอำมำเลข
7กษัตริย ์ซำอูลทรงปรำบชำวอำมำเลข
้ เมืองอำวิลำห ์ไปถึงเมืองชูร ์
ตังแต่
่ ่ทำงตะวันออกของประเทศอียป
ซึงอยู ิ ต์ 8จับอำกัก
้ นและฆ่ำฟันประชำชนตำยสิน้
กษัตริย ์ของชำวอำมำเลขได ้ทังเป็
9กษัตริย ์ซำอูล พร ้อมกับประชำกรทรงไว ้ชีวต ิ กษัตริย ์อำกัก
ไม่ฆ่ำสัตว ์ดีๆ ได ้แก่ แพะแกะ โค ลูกโค ลูกแพะแกะทีอ่ ้วนพี
ไม่ทำลำยล ้ำงสิงที่ ดี
่ ่ ไม่
แต่ทำลำยล ้ำงเพียงสิงที ่ มปี ระโยชน์
และไร ้ค่ำเท่ำนั้นb
10พระดำร ัสของพระยำเวห ์มำถึงซำมูเอลว่ำ
11'เรำเสียใจทีแต่ ่ งตังซำอู
้ ้ นกษัตริย ์
ลขึนเป็
เพรำะเขำหันหลังไม่ตด ิ ตำมเรำ ไม่ปฏิบต ั ต ่
ิ ำมคำสังของเรำ'
ซำมูเอลรูสก ึ โกรธและร ้องหำพระยำห ์เวห ์ตลอดทังคื ้ น
ั รุง่ ขึน้
12เช ้ำตรูว่ น ซำมูเอลออกตำมหำซำอูล มีผูบ้ อกซำมูเอลว่ำ
'ซำอูลไปทีเมื ่ องคำรเมลc ่
เพือสร ้ำงอนุ สำวรีย ์ให ้ตนเอง
แล ้วขำกลับแวะทีเมื ่ องกิลกำล' 13ซำมูเอลไปพบซำอูล
ซำอูลตร ัสกับเขำว่ำ 'ขอพระยำห ์เวห ์ทรงอวยพรท่ำน!
ข ้ำพเจ ้ำปฏิบต ั ต
ิ ำมพระบัญชำของพระยำห ์เวห ์แล ้ว'
14ซำมูเอลทูลตอบว่ำ 'ทำไมข ้ำพเจ ้ำจึงได ้ยินเสียงแพะแกะ
เสียงโคร ้องเล่ำ' 15กษัตริย ์ซำอูลทรงตอบว่ำ

'พวกทหำรยึดสัตว ์เหล่ำนี มำจำกชำวอำมำเลข เขำไว ้ชีวติ แพะแกะ
และโคดีทสุ ี่ ด ่
เพือถวำยบู ชำแด่พระยำห ์เวห ์ พระเจ ้ำของท่ำน

ส่วนสิงของและสั ่
ตว ์อืนๆ
พวกเรำได ้ทำลำยล ้ำงโดยสินเชิ ้ งถวำยแด่พระเจ ้ำแล ้ว'
16ซำมูเอลทูลตอบซำอูลว่ำ 'พอแล ้ว! อย่ำตร ัสอะไรอีก
ข ้ำพเจ ้ำจะทูลให ้ทรำบว่ำ
่ นทีแล
พระยำห ์เวห ์ตร ัสอะไรกับข ้ำพเจ ้ำเมือคื ่ ้ว’ กษัตริย ์ซำอูลตร ัสว่ำ
“บอกมำเถิด” 17ซำมูเอลทูลตอบว่ำ
'แม้พระองค ์จะทรงคิดว่ำไม่ทรงเป็ นคนสำคัญอะไร
แต่พระองค ์ก็ทรงเป็ นหัวหน้ำของเผ่ำต่ำงๆของอิสรำเอล
พระยำห ์เวห ์ทรงเจิมพระองค ์ให ้เป็ นกษัตริย ์ของอิสรำเอล
18พระยำห ์เวห ์ทรงส่งพระองค ์ไปปฏิบต ั ภิ ำรกิจตร ัสว่ำ
"จงไปทำลำยล ้ำงชำวอำมำเลขคนบำปเหล่ำนั้นให ้หมดสินเถิ ้ ด
จงสูรบกั
้ บเขำจนกว่ำจะทำลำยเขำให ้หมด"
19ทำไมพระองค ์จึงไม่ทรงเชือฟั ่ งพระสุรเสียงของพระยำห ์เวห ์เล่ำ?
ทำไมพระองค ์จึงทรงเข ้ำไปแย่งสิงของที ่ ่ ดมำได ้
ยึ
และทรงทำสิงช ่ วช ่ ั ้ำเฉพำะพระพักตร ์พระยำห ์เวห ์เล่ำ?'
20กษัตริย ์ซำอูลทรงตอบซำมูเอลว่ำ
่ งพระบัญชำของพระยำห ์เวห ์แล ้ว
'ข ้ำพเจ ้ำเชือฟั
และออกไปปฏิบต ั ภ ่
ิ ำรกิจทีพระยำห ์เวห ์ทรงบัญชำ ข ้ำพเจ ้ำนำอำกัก
กษัตริย ์ของชำวอำมำเลขมำ และทำลำยล ้ำงชำวอำมำเลขจนหมดสิน้
21แต่ประชำกรเก็บแพะแกะ
และโคตัวดีทสุ ี่ ดทียึ ่ ดมำได ้และจะต ้องถูกฆ่ำทำลำยเสียนั้น
่ องกิลกำลเพือถวำยเป็
นำมำทีเมื ่ นบูชำแด่พระยำห ์เวห ์
พระเจ ้ำของท่ำน' 22ซำมูเอลก็วำ่ d
พระยำห ์เวห ์ทรงต ้องกำรเครืองเผำบู ่ ่ ชำอืนๆ
ชำ และเครืองบู ่

เท่ำกับทีทรงต ่ งพระสุรเสียงของพระองค ์หรือ
้องกำรให ้เชือฟั
่ งย่อมดีกว่ำกำรถวำยบูชำ
ฟังเถิด กำรเชือฟั
กำรอ่อนน้อมย่อมดีกว่ำไขมันแกะ
23กำรใช ้เวทมนตร ์คำถำเป็ นบำปเหมือนกำรกบฎ
่ งเป็ นควำมผิดเหมือนกำรกรำบไหว ้รูปปฏิมำ!e
กำรไม่ยอมเชือฟั
้ ยอมปฏิบต
เพรำะพระองค ์ทรงละทิงไม่ ั ติ ำมพระวำจำของพระยำห ์เวห ์
้ ให ้พระองค ์ทรงเป็ นกษัตริย ์ด ้วย'
พระยำห ์เวห ์ก็ทรงละทิงไม่
1 ซมอ 16 : 14พระจิตของพระยำห ์เวห ์ทรงละทิงกษั ้ ตริย ์ซำอูล
พระยำห ์เวห ์ทรงยอมให ้จิตชวร ่ ั ้ำยeมำทรมำนซำอูล
15บรรดำข ้ำรำชบริพำรของกษัตริย ์ซำอูลทูลพระองค ์ว่ำ

'ข ้ำพเจ ้ำทังหลำยเห็ นว่ำพระยำห ์เวห ์ทรงยอมให ้จิตชวร ่ ั ้ำยมำทรมำนพ
ระองค ์ 16ถ ้ำพระองค ์ทรงบัญชำ
่ ่เฉพำะพระพักตร ์พระองค ์ทีนี
ผูร้ ับใช ้ของพระองค ์ซึงอยู ่ ่ ก็จะแสวงหำคน
ทีรู่ ้จักดีดพิณอย่ำงไพเรำะ ่
เมือใดที ่ ตชวร
จิ ่ ั ้ำยเข ้ำสิงพระองค ์
เขำจะได ้ดีดพิณให ้พระองค ์ทรงมีพระทัยสบำยขึนf ้ 17

กษัตริย ์ซำอูลจึงตร ัสสังบรรดำข ้ำรำชบริพำรว่ำ
“จงไปหำคนเล่นพิณเก่งๆ แล ้วพำมำหำเรำเถิด”
18ข ้ำรำชบริพำรคนหนึ่ งทูลตอบว่ำ
'ข ้ำพเจ ้ำรู ้จักคนหนึ่ งเป็ นบุตรของเจสซี ชำวเบธเลเฮม
เขำเป็ นนักดนตรี เป็ นคนกล ้ำหำญ เป็ นนักรบ พูดจำเฉลียวฉลำด
รูปร่ำงหน้ำตำดี
พระยำห ์เวห ์ทรงสถิตอยู่กบั เขำ'19กษัตริย ์ซำอูลทรงส่งผู ้นำสำรไปหำเ
จสซีบอกว่ำ 'จงส่งดำวิดบุตรชำยของท่ำน
ซึงก่ ำลังเลียงแพะแกะมำอยู
้ ่กบั เรำเถิด' 20เจสซีจงึ เอำขนมปัง
เหล ้ำองุ ่นหนึ่ งถุงหนัง และลูกแพะหนึ่ งตัว
บรรทุกลำgให ้ดำวิดนำไปถวำยแก่กษัตริย ์ซำอูล
21ดำวิดก็เข ้ำเฝ้ ำกษัตริย ์ซำอูล และเข ้ำร ับรำชกำรกับพระองค ์
กษัตริย ์ซำอูลทรงโปรดปรำนดำวิดมำกให ้เขำเป็ นคนถืออำวุธของพระ
องค ์22กษัตริย ์ซำอูลทรงส่งคนไปบอกเจสซีวำ่ 'เรำชอบดำวิด
จงให ้เขำอยู่ร ับรำชกำรกับเรำเถิด'23เมือใดที ่ ่
พระเจ ้ำทรงยอมให ้จิตชว่ ั
ร ้ำยเข ้ำสิงซำอูล ดำวิดจะเอำพิณมำดีด
แล ้วกษัตริย ์ซำอูลก็ทรงรู ้สึกสงบ สบำยพระทัยขึน้
จิตชวร ่ ั ้ำยก็ผละไปจำกพระองค ์
Q : พระเจ ้ำปรำรถนำให ้ฆ่ำสัตว ์เพือบู ่ ชำยัญหรือ

และทำสงครำมเพือปกครองประเทศอื ่
นหรื อ
A : ไม่ใช่ แต่เป็ นเพรำะอิสรำเอลต ้องกำรกินเนื อสั ้ ตว ์ต่ำงหำก
โดยในปฐมกำลนั้นพระเจ ้ำให ้มนุ ษย ์กินพืขเท่ำนั้น
และก็จะไม่ขำดสำรอำหำรด ้วย
กำรกินพืชในยุคปัจจุบน ั ก็ทำให ้เรำทรำบว่ำจะไม่ขำดโปรตีน วิตำมิน
แร่ธำตุ พฤษเคมีทจี่ ำเป็ นทังหมด้ และโอเมก ้ำ 3
ผ่ำนกำรเลือกกินอำหำรทีมี ่ อยู่ในพระคัมภีร ์อำทิ ข ้ำวสำลี องุ ่น

ถัวเหลื อง เมล็ดแฟล็กซ ์ อบเชย เกรฟฟรุต มะเขือเทศ ผักกำดหอม
ทับทิม ชำเขียว
โดยข ้ำวสำลีน้ันมีโปรตีนสูงกว่ำเนื อไก่ ้ ซงเป็
ึ่ นสัตว ์ปี กซะอีก
โดยจมูกข ้ำวสำลี Wheat germ นั้นมีโปรตีนประมำณ 23.15 %
่ ดมไปด ้วย Essential amino acid นำต
ซึงอุ ้ ้นข ้ำวสำลีมโี ปรตีนอยู่
25 % ซึงเป็ ่ นเปอร ์เซ็นต ์ทีสู ่ งมำกกว่ำเมือเที
่ ยบกับเนื อปลำ ้ ไข่
ผลิตภัณฑ ์นม หรือถัวต่ ่ ำง ๆ มำกไปกว่ำนี ยั ้ งมีสำรต ้ำนเชือรำ้

สำรต ้ำนพิษจำกเชือรำที ่ ยกว่ำ Laetrile อีกด ้วย และข ้ำวสำลี
เรี
Wheat ก็มโี อเมก ้ำ 3 ทีสู ่ งในระดับปลำแซลมอล อีกทังยั ้ งมี SODs
่ อสำรต่อต ้ำนอนุ มูลอิสระทีมี
ซึงคื ่ คำ่ ORAC ทีสู ่ งทีสุ่ ดในโลก ทัง้
Mangano Superoxide Dismutases (Mn SOD) , Cupro-Zinc
Superoxide Dismutase (Cu-Zn SOD)
ในปริมำณทีสู ่ งมำกอีกด ้วย
รวมๆแล ้วสำรต่อต ้ำนอนุ มูลอิสระต่ำงๆในข ้ำวสำลีน้ันยังสำมำรถเพิม ่
CD4 อย่ำงมีนัยยะสำคัญทีเป็ ่ นผลบวกต่อโรคติดเชืออี ้ กด ้วย
รำยละเอียดของสำรอำหำรในจมูกข ้ำวสำลี 200 กร ัมเป็ นดังต่อไปนี ้
Calories 828 (41% DV)
Protein 53g (106% DV)
Fat 22g (34% DV)
Carbs 119g (40% DV)
Total Recommended Daily Intake :
Tryptophan 261% RDI
Threonine 212% RDI
Isoleucine 139% RDI
Leucine 132% RDI
Lysine 161% RDI
Methionine 144% RDI
Cystine 367% RDI
Phenylalanine 244% RDI
Tyrosine 185% RDI
Valine 151% RDI
Histidine 211% RDI

อีกทังเมล็ ดองุ ่นก็มส ้
ี ำรแอนตีออกซิ ่ ประสิทธิภำพในกำรกำจั
แดนซ ์ทีมี
่ ดในบรรดำพืชทีหำได
ดเซลล ์มะเร็งสูงทีสุ ่ ่
้โดยทัวไปทั ้
งหมดที ่ อว่
ชื ่ ำ
Oligomeric proanthocyanidin (OPC)

ซึงสำมำรถจั ดกำรกับเซลล ์มะเร็งได ้ทุกประเภทอีกด ้วย
้ ำเลือดคือชีวต
พระเจ ้ำทรงยำว่ ิ ของสัตว ์ถึงหลำยครงด ้ั ้วยกัน
แต่หลำยคนกลับไม่สนใจ ่ นเนื อสั
ร ้องเรียกทีจะกิ ้ ตว ์
เขำจึงต ้องพิจำรณำพลีกรรมใช ้โทษบำปเหล่ำนั้นจำกกำรพิจำรณำคว

ำมตำยทีเรำท ำเขำลงไป
พระเจ ้ำปรำรถนำให ้อิสรำเอลอยู่ในทีที ่ คนไม่
่ อำศัยอยู่
เดินเข ้ำเงียบกับพระองค ์พร ้อมกินมำนนำอำหำรเจพลีกรรมใช ้โทษบำ

ป เป็ นเวลำถึง 40 ปี ก็เพือหลี ่
กเลียงสงครำม

ปฐก 1 : 1เมือแรกเริ ่ ้น พระเจ ้ำทรงเนรมิตสร ้ำงฟ้ ำและแผ่นดินb
มนั
2แผ่นดินยังเป็ นทีร่ ้ำงไร ้รูปร่ำงcควำมมืดมิดปกคลุมอยู่เหนื อทะเลลึก
และลมพำยุแรงกล ้ำd พัดอยู่เหนื อนำ้ 3พระเจ ้ำตร ัสว่ำ
“จงมีควำมสว่ำง” และควำมสว่ำงก็อบ ุ ต
ั ข ึ้
ิ น
4พระเจ ้ำทรงเห็นว่ำควำมสว่ำงนั้นดี
ทรงแยกควำมสว่ำงออกจำกควำมมืดe
5พระเจ ้ำทรงเรียกควำมสว่ำงว่ำ “วัน” ทรงเรียกควำมมืดว่ำ “คืน”
มีเวลำคำ่ มีเวลำเช ้ำ นับเป็ นวันทีหนึ่ ่ง 6พระเจ ้ำตร ัสว่ำ

“จงมีแผ่นฟ้ ำขึนระหว่ ำงน้ำf ่
เพือแยกน ้
ำออกจำกกั น”
และก็เป็ นเช่นนั้น 7พระเจ ้ำทรงสร ้ำงแผ่นฟ้ ำg
และทรงแยกนำใต ้ ้แผ่นฟ้ ำออกจำกน้ำทีอยู ่ ่เหนื อแผ่นฟ้ ำ
8พระเจ ้ำทรงเรียกแผ่นฟ้ ำว่ำ “ท ้องฟ้ ำ” มีเวลำคำ่ มีเวลำเช ้ำ
นับเป็ นวันทีสอง่ 9พระเจ ้ำตร ัสว่ำ

“นำใต ้ท ้องฟ้ ำจงมำรวมอยู่ในทีเดี ่ ยวกันh ่ ้งจงปรำกฏขึน”
ทีแห ้
และก็เป็ นเช่นนั้น 10พระเจ ้ำทรงเรียกทีแห ่ ง้ ว่ำ “แผ่นดิน”
ทรงเรียกมวลน้ำว่ำ “ทะเล” พระเจ ้ำทรงเห็นว่ำดี 11พระเจ ้ำตร ัสว่ำ
“แผ่นดินจงผลิตหญ ้ำเขียว
คือพืชทีมี ่ เมล็ดและไม้ผลทีมี ่ เมล็ดในผลแต่ละชนิ ดบนแผ่นดิน”
และก็เป็ นเช่นนั้น 12แผ่นดินผลิตหญ ้ำเขียว พืชทีมี่ เมล็ด
และไม้ผลทีมี ่ เมล็ดในผลแต่ละชนิ ด พระเจ ้ำทรงเห็นว่ำดี 13มีเวลำคำ่
มีเวลำเช ้ำ ่
นับเป็ นวันทีสำม 14พระเจ ้ำตร ัสว่ำ
“จงมีดวงสว่ำงบนแผ่นฟ้ ำเพือแยกวั ่ นออกจำกคืน
่ ำหนดเทศกำล
เป็ นเครืองก วันและปี
15ใช ้เป็ นตะเกียงบนท ้องฟ้ ำเพือส่ ่ องแสงเหนื อแผ่นดิน”
และก็เป็ นเช่นนั้น 16พระเจ ้ำทรงสร ้ำงดวงสว่ำงใหญ่สองดวงi
ทรงให ้ดวงใหญ่กำหนดวัน
ดวงเล็กกำหนดคืนและทรงสร ้ำงดวงดำวด ้วย
17พระเจ ้ำทรงจัดสิงเหล่ ่ ้ ้บนแผ่นฟ้ ำ เพือส่
ำนี ไว ่ องสว่ำงเหนื อแผ่นดิน
18เพือก่ ำหนดวันและคืน ่
เพือแยกควำมสว่ ำงจำกควำมมืด
พระเจ ้ำทรงเห็นว่ำดี 19มีเวลำคำ่ มีเวลำเช ้ำ นับเป็ นวันทีสี่ ่
20พระเจ ้ำตร ัสว่ำ ้
“นำจงผลิ ่ มี
ตสิงที ่ ชวี ต
ิ มำกมำย
นกจงโผบินใต ้แผ่นฟ้ ำเหนื อแผ่นดิน” และก็เป็ นเช่นนั้น
21พระเจ ้ำทรงสร ้ำงสัตว ์ทะเลขนำดใหญ่
่ ชวี ต
สิงมี ิ แต่ละชนิ ดทีแหวกว่่ ำยอยู่ในนำ้ ้
รวมทังนกมี ปีกทุกชนิ ด
พระเจ ้ำทรงเห็นว่ำดี 22พระเจ ้ำทรงอวยพรสัตว ์เหล่ำนี ว่้ ำ “จงมีลก ู มำก
และเพิมจ่ ำนวนขึนจนเต็ ้ มทะเล นกจงทวีจำนวนบนแผ่นดิน”
23มีเวลำคำ่ มีเวลำเช ้ำ นับเป็ นวันทีห ่ ้ำ 24พระเจ ้ำตร ัสว่ำ
“แผ่นดินจงผลิตสัตว ์ทุกชนิ ด” ้ ตว ์เลียง
ทังสั ้ ้
สัตว ์เลือยคลำนj
และสัตว ์ป่ ำ และก็เป็ นเช่นนั้น 25พระเจ ้ำทรงสร ้ำงสัตว ์ป่ ำ สัตว ์เลียง ้

และสัตว ์เลือยคลำนทุ กชนิ ดบนพืนดิ ้ น พระเจ ้ำทรงเห็นว่ำดี
26พระเจ ้ำตร ัสว่ำ “เรำk จงสร ้ำงมนุ ษย ์l ขึนตำมภำพลั ้ กษณ์ของเรำ
ให ้มีควำมคล ้ำยคลึงmกับเรำ ให ้เป็ นนำยปกครองปลำในทะเล
นกในท ้องฟ้ ำ สัตว ์เลียง ้ สัตว ์ป่ ำn และสัตว ์เลือยคลำนบนพื ้ ้ น”
นดิ
27พระเจ ้ำทรงสร ้ำงมนุ ษย ์ตำมภำพลักษณ์ของพระองค ์พระองค ์ทรงสร ้
ำงเขำตำมภำพลักษณ์ของพระเจ ้ำพระองค ์ทรงสร ้ำงให ้เป็ นชำยและห
ญิง 28พระเจ ้ำทรงอวยพรเขำทังสองว่ ้ ำ “จงมีลก
ู มำก
และทวีจำนวนขึนจนเต็ ้ มแผ่นดิน จงปกครองแผ่นดิน
จงเป็ นนำยเหนื อปลำในทะเล นกในอำกำศ
และสัตว ์ทุกชนิ ดทีเคลื ่ อนไหวอยู
่ ่บนแผ่นดิน” 29พระเจ ้ำยังตร ัสอีกว่ำ
“ดูซ ิ เรำให ้ข ้ำวทุกชนิ ดซึงอยู ่ ่บนแผ่นดิน
และผลไม้ทมี ี่ เมล็ดเป็ นอำหำรสำหร ับท่ำน 30ส่วนบรรดำสัตว ์ป่ ำ
นกในท ้องฟ้ ำ ้
และสัตว ์เลือยคลำนทุ กชนิ ดบนแผ่นดิน
เรำให ้หญ ้ำเขียวเป็ นอำหำร”o และก็เป็ นเช่นนั้น
31พระเจ ้ำทรงเห็นว่ำทุกสิงที ่ ทรงสร
่ ้ำงนั้นดีมำก มีเวลำคำ่ มีเวลำเช ้ำ
นับเป็ นวันทีหก ่ 2 : 1ฟ้ ำ แผ่นดิน และสิงประดั ่ ้
บทังปวงก็ สำเร็จบริบรู ณ์
่ ดพระเจ ้ำทรงเสร็จสินจำกงำนที
2ในวันทีเจ็ ้ ่
ทรงกระท ำ
พระองค ์ทรงหยุดพักในวันทีเจ็ ่ ดจำกงำนทังหมดที ้ ่
ทรงกระท ำ
3พระเจ ้ำทรงอวยพรวันทีเจ็ ่ ดและทรงทำให ้วันนั้นเป็ นวันศักดิสิ์ ทธิa์
เพรำะในวันนั้น
พระองค ์ทรงพักจำกงำนทังปวงที ้ ่
ทรงกระท ำในกำรเนรมิตสร ้ำง
4ก.นี่ คือประวัตค ิ วำมเป็ นมำb ของฟ้ ำและแผ่นดิน

เมือพระเจ ้ำทรงเนรมิตสร ้ำง
o

เป็ นกำรบรรยำยถึงยุคทองเมือมนุ ษย ์และสัตว ์ยังอยู่ด ้วยกันอย่ำงสันติ
กินพืชเป็ นอำหำร
9 : 1พระเจ ้ำทรงอวยพรโนอำห ์และบรรดำบุตรของเขำ ตร ัสว่ำ
“จงมีลก ู มำก ๆ ้
ทวีจำนวนขึนจนเต็ มแผ่นดิน
2บรรดำสัตว ์ทังปวงบนแผ่้ นดิน บรรดำนกในท ้องฟ้ ำ
บรรดำสิงที ่ เลื
่ อยคลำนบนแผ่
้ นดิน และปลำทังสิ ้ นในทะเลจะกลั
้ วท่ำน
เรำมอบสัตว ์ทังปวงไว ้ ้ในอำนำจของท่ำน”a
่ ชวี ต
3สิงมี ่ อนไหวทั
ิ ทีเคลื ่ ้
งหมดจะเป็ นอำหำรของท่ำน

ดังทีเรำให ้พืชเขียวเป็ นอำหำรแก่ท่ำนแล ้ว
4แต่ท่ำนอย่ำกินเนื อที ้ มี ่ เลือดติดอยู่ เพรำะเลือดนั้นคือชีวติ

5ถ ้ำผูใ้ ดหลังโลหิ ตของมนุ ษย ์ คือ ปลิดชีวต
ิ ของเขำ
เรำจะมำทวงชีวต ิ ของเขำด ้วย เรำจะลงโทษสัตว ์ทีได่ ้ฆ่ำมนุ ษย ์
และจะลงโทษมนุ ษย ์ทีได ่ ้ฆ่ำเพือนมนุ
่ ษย ์ด ้วยกัน
่ อดของเพือนมนุ
6ผู ้ใดหลังเลื ่ ษย ์
เลือดของเขำจะต ้องถูกหลังโดยมนุ ่ ษย ์เช่นกัน
เพรำะพระเจ ้ำทรงสร ้ำงมนุ ษย ์ตำมภำพลักษณ์ของพระองค ์b
ู มำกและทวีจำนวนขึน้
7จงมีลก ่
จงออกไปทัวแผ่ นดิน
และปกครองแผ่นดินเถิดc
8พระเจ ้ำตร ัสกับโนอำห ์และบรรดำบุตรของเขำว่ำ 9“ดูซ ิ

บัดนี เรำจะท ำพันธสัญญำของเรำdกับท่ำนและกับลูกหลำนของท่ำนใ
นภำยหน้ำ 10และกับบรรดำสิงมี ่ ชวี ต ่ ่กบั ท่ำนด ้วย คือ นก
ิ ทีอยู

สัตว ์เลียงและสั ่ ่กบั ท่ำน
ตว ์ป่ ำทุกชนิ ดทีอยู

สัตว ์ทุกชนิ ดทีออกมำจำกเรื อ ่ ชวี ต
และทีจะมี ิ บนแผ่นดิน
11เรำจะทำพันธสัญญำของเรำไว ้กับท่ำนว่ำ
เรำจะไม่ให ้น้ำวินำศมำทำลำยสรรพสิงที ่ มี
่ ชวี ต
ิ อีก
และนำวิ ้ นำศจะไม่ท่วมทำลำยแผ่นดินอีกเลย”
12พระเจ ้ำตร ัสว่ำ
“นี่ คือเครืองหมำยแห่
่ ่
งพันธสัญญำซึงเวลำนี ้
เรำก ำลังทำระหว่ำงเรำกับ
ท่ำน และกับบรรดำสิงมี ่ ชวี ต ้
ิ ทังหลำยที ่ ่กบั ท่ำนสืบไปทุกชวอำยุ
อยู ่ั
13เรำจะตังรุ ้ ้งของเรำไว ้บนเมฆ

รุ ้งนี จะเป็ ่
นเครืองหมำยแห่ งพันธสัญญำระหว่ำงเรำกับแผ่นดิน

14เมือเรำจะให ้เมฆอยู่เหนื อแผ่นดิน และรุ ้งจะปรำกฏขึนบนเมฆ ้
15เรำจะระลึกถึงพันธสัญญำระหว่ำงเรำกับท่ำนและกับสรรพสิงที ่ มี
่ ชวี ิ
ต และนำวิ้ นำศจะไม่ท่วมทำลำยสิงมี ่ ชวี ต ้
ิ ทังหมดอี ก
16เมือรุ ่ ้งปรำกฏขึนบนเมฆ ้
เรำจะเห็นและจะระลึกถึงพันธสัญญำนิ ร ันดรทีเรำได ่ ้ทำระหว่ำงพระเจ ้ำ
กับสิงมี ่ ชวี ต ้
ิ ทังปวงบนแผ่ นดิน คือกับสรรพสิงที ่ มี
่ ชวี ติ และตำยได ้”
17พระเจ ้ำตร ัสกับโนอำห ์ว่ำ
“นี่ คือเครืองหมำยแห่
่ ่
งพันธสัญญำทีเรำได ้ทำระหว่ำงเรำ
่ มี
กับสิงที ่ ชวี ต ้
ิ ทังปวงบนแผ่ นดิน”
อพย 16 :
1ชุมชนชำวอิสรำเอลออกเดินทำงจำกเอลิมและมำถึงถินทุ ่ รกันดำรศิน
่ ่ระหว่ำงเอลิมกับซีนำย
ซึงอยู
่ บห ้ำเดือนทีสองหลั
ในวันทีสิ ่ ่
งจำกทีออกจำกแผ่ นดินอียป
ิ ต์
2ชุมชนชำวอิสรำเอลต่ำงต่อว่ำโมเสสและอำโรนในถินทุ ่ รกันดำร
3ชำวอิสรำเอลพูดกับเขำทังสองว่้ ำ
“พระหัตถ ์ขององค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำประหำรพวกเรำในแผ่นดินอียป ่ ่
ิ ต ์เมือนั

งอยู่รอบหม้อเนื อและกิ ่ งดีกว่ำทีท่
นอิมยั ่ ำนพำพวกเรำออกมำในถินทรุ่
กันดำรนี ้ เพือให
่ ้พวกเรำทุกคนอดตำย”
4องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำจึงตร ัสแก่โมเสสว่ำ “ดูซ ิ
เรำจะบันดำลให ้มีอำหำรตกลงมำจำกฟ้ ำเหมือนฝนให ้ท่ำนทังหลำยกิ ้
น ทุกวันประชำกรต ้องออกไปเก็บอำหำรให ้พอกินในวันนั้น
เรำจะได ้ทดลองดูว่ำเขำปฏิบต ั ต
ิ ำมบัญญัตข ่
ิ องเรำหรือไม่ 5ในวันทีหก
ให ้เขำเก็บอำหำรเป็ นสองเท่ำของวันธรรมดำ”
6โมเสสและอำโรนกล่ำวแก่ชำวอิสรำเอลทังปวงb ้ ว่ำ
“เย็นวันนี ท่ ้ ำนจะรู ้ว่ำ
องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำทรงเป็ นผู ้นำท่ำนออกมำจำกแผ่นดินอียป ิ ต์
7พรุง่ นี เช ้ ้ำ ท่ำนจะเห็นพระสิรริ งุ ่ โรจน์ขององค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ
พระองค ์ทรงได ้ยินคำต่อว่ำพระองค ์แล ้ว

เรำทังสองคนเป็ ้
นใครท่ำนทังหลำยจึ งต่อว่ำ” 8แล ้วโมเสสพูดว่ำ
“เย็นวันนี ้ ้
องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำจะประทำนเนื อให ้
้ท่ำนทังหลำยกิ น
พรุง่ นี เช้ ้ำท่ำนจะมีอำหำรกินจนอิม ่
เพรำะองค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำทรงได ้ยินคำบ่นทีท่ ่ ำนทังหลำยต่
้ อว่ำพระองค ์

เรำทังสองคนเป็ นใครเล่ำ ท่ำนมิได ้ต่อว่ำเรำ
แต่ตอ ่ ว่ำองค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำ”

9โมเสสสังอำโรนว่ ำ จงบอกชุมชนชำวอิสรำเอลว่ำ
“จงเข ้ำมำใกล ้เฉพำะพระพักตร ์องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ
เพรำะพระองค ์ทรงได ้ยินคำต่อว่ำของท่ำนแล ้ว”

10ขณะทีอำโรนก ำลังพูดกับชุมชนชำวอิสรำเอลนั้น

เขำทังหลำยหั นหน้ำไปดูทำงถินทุ ่ รกันดำร
ทันใดนั้นพระสิรริ งุ ่ โรจน์ขององค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำก็ปรำกฏให ้เห็นบนก ้อนเ
มฆ 11องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำตร ัสแก่โมเสสว่ำ
12"เรำได ้ยินคำต่อว่ำของชำวอิสรำเอลแล ้ว จงบอกเขำดังนี ว่้ ำ
เวลำพลบคำ่ ้
ท่ำนทังหลำยจะมี ้ น
เนื อกิ และเวลำเช ้ำ
ท่ำนจะมีอำหำรกินจนอิม ่ ้
แล ้วท่ำนทังหลำยจะรู ้ว่ำ
เรำคือองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ พระเจ ้ำของท่ำน" 13เย็นวันนั้น
ฝูงนกคุม ่ บินมำจนเต็มค่ำย ในเวลำเช ้ำ
มีนำค้ ้ำงแผ่อยู่ทวไปรอบค่
่ั ำยพัก ่ ำค
14เมือน ้ ้ำงระเหยแลว้
ก็เห็นมีเกล็ดเป็ นเม็ ดเล็ก ๆc บนผิวดินในถินทุ ่ รกันดำร
เหมือนนำค ้ ้ำงทีจั
่ บแข็ง 15เมือชำวอิ ่ สรำเอลเห็น เขำไม่รู ้ว่ำเป็ นอะไร
จึงถำมกันว่ำ “นี่ เป็ นอะไร"d โมเสสบอกเขำว่ำ
“นี่ แหละอำหำรทีองค ่ ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำประทำนใหท้ ่ำนกิน
16องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำทรงบัญชำดังนี ว่้ ำ
แต่ละคนจงเก็บมำเท่ำทีต ่ ้องกำร ประมำณคนละหนึ่ งโอเมอร ์
ตำมจำนวนคนทีอยู ่ ่กบั ท่ำน

ให ้แต่ละคนเก็บมำเผือคนที ่ ่ในกระโจมของตนด ้วย”
อยู
17ชำวอิสรำเอลก็ทำตำมทีโมเสสบอก ่ บำงคนเก็บมำมำก
บำงคนก็เก็บมำน้อย ่
18เมือเขำใช ้โอเมอร ์ตวง
่ บมำกก็ไม่ได ้มีมำกกว่ำผู ้อืน
คนทีเก็ ่
่ บมำน้อยก็ไม่ได ้มีนอ้ ยกว่ำผูอ้ น
และคนทีเก็ ื่
แต่ละคนเก็บมำเท่ำทีตนต ่ ้องกำรพอดี
19โมเสสบอกเขำว่ำ “อย่ำให ้ใครเก็บอำหำรไว ้จนถึงรุง่ เช ้ำ”
20บำงคนไม่เชือฟั ่ งโมเสส เก็บส่วนหนึ่ งไว ้จนถึงวันรุง่ ขึน้
อำหำรนั้นก็เกิดมีหนอนและเน่ ำเสีย โมเสสโกรธเขำมำก
21ชำวอิสรำเอลออกมำเก็บทุกเช ้ำ แต่ละคนเก็บเท่ำทีต ่ ้องกำร

และเมือแดดออกร ้อน อำหำรนั้นก็ละลำยไป
22วันทีหก ่ ้
เขำทังหลำยเก็ บอำหำรมำสองเท่ำ คือคนละสองโอเมอร ์
บรรดำหัวหน้ำชุมชนชำวอิสรำเอลมำบอกโมเสสถึงเรืองนี ่ ้
23โมเสสตอบว่ำ “องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำตร ัสดังนี ว่้ ำ พรุง่ นี เป็ ้ นวันสับบำโต
เป็ นวันหยุดงำนทุกชนิ ด เป็ นวันศักดิสิ์ ทธิถวำยแด่ ์ องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ
ถ ้ำมีใครอยำกปิ ้ งอำหำร ก็ใหป้ ิ ้ง หรืออยำกจะต ้มอำหำรก็ให ้ต ้ม
่ อกินให ้เก็บไว ้จนวันรุง่ ขึน”
ส่วนทีเหลื ้
24ชำวอิสรำเอลจึงเก็บส่วนทีเหลื ่ อกินไว ้จนวันรุง่ ขึนตำมที้ ่
โมเสสสั ง่
อำหำรนั้นก็มไิ ด ้เน่ ำเสียหรือเป็ นหนอน 25โมเสสพูดว่ำ
“จงกินส่วนทีเหลื ่ อในวันนี ้
เพรำะวันนี เป็ ้ นวันสับบำโตทีถวำยแด่
่ องค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำ
้ ำนจะไม่พบอำหำรใด ๆ บนพืนดิ
วันนี ท่ ้ น 26ท่ำนเก็บอำหำรได ้หกวัน
แต่ในวันทีเจ็่ ด ่ นวันสับบำโต
ซึงเป็ จะไม่มอ ี ำหำรให ้เก็บ”
27ในวันทีเจ็ ่ ด ประชำชนบำงคนออกไปเก็บ
แต่เขำไม่พบอำหำรนั้นเลย 28องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำตร ัสแก่โมเสสว่ำ

“ท่ำนทังหลำยไม่ ยอมปฏิบต ั ต
ิ ำมบทบัญญัตแิ ละกฎหมำยของเรำอีกนำ
นเท่ำไร 29จงจำไว ้เถิดว่ำองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำประทำนวันสับบำโตให ้ท่ำน
เพรำะฉะนั้นในวันทีหกจึ
่ งประทำนอำหำรให ้ท่ำนกินสองวัน
่ กของตนในวันทีเจ็
แต่ละคนต ้องอยู่ในทีพั ่ ด
อย่ำให ้ใครออกจำกทีพั ่ กของตน”
30ประชำกรอิสรำเอลจึงหยุดพักผ่อนe ในวันทีเจ็ ่ ด
31ชำวอิสรำเอลเรียกอำหำรนั้นว่ำ “มำนนำ”
มีลก
ั ษณะเหมือนเมล็ดผักชีสข
ี ำว
รสเหมือนกับขนมปังกรอบผสมนำผึ ้ ง้
32โมเสสจึงพูดว่ำ “องค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำทรงบัญชำดังนี ว่้ ำ
จงเก็บมำนนำหนึ่ งโอเมอร ์ ใส่ภำชนะf ร ักษำไว ้ให ้ลูกหลำนดูเถิด

เขำทังหลำยจะได ่
้เห็นอำหำรทีเรำให ้ท่ำนกินในถินทุ ่ รกันดำร

เมือเรำน ำท่ำนออกจำกแผ่นดินอียป ิ ต ์” 33โมเสสจึงบอกอำโรนว่ำ
“จงเอำไหหนึ่ งใบ ใส่มำนนำหนึ่ งโอเมอร ์
้ ้เฉพำะพระพักตร ์องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำเพือเก็
มำตังไว ่ บไว ้ให ้ลูกหลำนดูเถิด
” 34อำโรนก็ทำตำมทีองค ่ ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำทรงบัญชำแก่โมเสส
เขำนำไหมำนนำตังไว ้ ้เบืองหน้
้ ำหีบบรรจุแผ่นศิลำจำรึกg เพือร ่ ักษำไว ้
35ชำวอิสรำเอลกินมำนนำเป็ นเวลำสีสิ ่ บปี

จนกระทังเขำมำถึ ่ ผู ้คนอำศัย
งแผ่นดินทีมี
เขำกินมำนนำจนมำถึงเขตแดนแผ่นดินคำนำอัน
36หนึ่ งโอเมอร ์เท่ำกับหนึ่ งในสิบของหนึ่ งเอฟำห ์
กดว 11 :
4คนต่ำงด ้ำวกลุ่มหนึ่ งซึงร่
่ วมเดินทำงกับประชำกรอิสรำเอลมีควำมปรำ

รถนำอย่ำงยิงจะกิ ้ ตว ์
นเนื อสั ่
แม้กระทังชำวอิ
สรำเอลก็บ่นอีกว่ำ

“พวกเรำอยำกจะได ้เนื อมำกิ นเหลือเกิน 5จำได ้ไหมว่ำ

เมืออยู
่ในประเทศอียปิ ต์ ่
พวกเรำเคยกินสิงใดบ ้ำงเรำเคยกินปลำ
แตงกวำ แตงโม ต ้นหอม หัวหอม และกระเทียม โดยไม่ต ้องซือ้
6มำบัดนี ้ ่
เรียวแรงของเรำหมดสิ ้
นไป เรำไม่มอ
ี ะไรกินเลย
ตำของเรำมองเห็นแต่มำนนำเท่ำนั้น”
7มำนนำมีลก ั ษณะเหมือนเมล็ดผักชีขำว
มีสเี หลืองเหมือนยำงไม้ตะครำ้ 8ประชำกรจะออกไปเก็บ
นำมำโม่หรือใส่ครกตำให ้ละเอียดเป็ นแป้ ง
แล ้วต ้มในหม้อหรือทำเป็ นขนมแผ่น
มีรสเหมือนขนมปังเคล ้ำนำมั้ นมะกอก
9มำนนำตกลงมำเหนื อค่ำยพร ้อมกับนำค ้ ้ำงในเวลำกลำงคืน
กดว 11 : 16องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำตร ัสแก่โมเสสว่ำ
“จงรวบรวมผู ้อำวุโสเจ็ดสิบคนของอิสรำเอลมำหำเรำ
่ ำนรู ้ว่ำเป็ นทีนั
คือผู ้ทีท่ ่ บถือและเป็ นผูน้ ำของประชำชน
จงพำเขำมำทีกระโจมนั่ ดพบ บอกให ้เขำยืนอยู่ใกล ้ท่ำน
17เรำจะลงมำพูดกับท่ำนทีนั ่ ่น
แล ้วจะแบ่งจิตทีเรำให่ ้ท่ำนแก่เขำเหล่ำนั้นด ้วย
เขำจะได ้ช่วยแบกภำระของท่ำนในกำรดูแลประชำกร
ท่ำนจะได ้ไม่ต ้องแบกภำระนั้นไว ้แต่ลำพังอีกต่อไป”
18ท่ำนจะต ้องบอกประชำกรว่ำ “จงชำระตนให ้พ้นมลทินเถิด
้ ำนจะมีเนื อกิ
พรุง่ นี ท่ ้ น
องค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำได ้ทรงสดับเสียงรำร ่ ้องของท่ำนทีว่่ ำใครจะหำเนื อมำใ

ห ้เรำกินได ้ เรำเคยอยู่ในประเทศอียป ิ ต ์อย่ำงสุขสบำย

บัดนี องค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำจะประทำนเนื อให้ ้ท่ำนกิน แล ้วท่ำนจะต ้องกิน
19ท่ำนจะต ้องกินไม่เพียงวันเดียว หรือสองวัน
หรือหำ้ หรือสิบวันหรือแม้ยีสิ ่ บวัน 20แต่ท่ำนจะต ้องกินตลอดทังเดื ้ อน
จนกระทังล ่ ้นออกมำทำงจมูกจนท่ำนเอือม
่ นดังนี ก็
ทีเป็ ้ เพรำะท่ำนไม่ยอมร ับองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ
ผูท้ รงสถิตอยู่ในหมู่ท่ำนทังหลำย ้

แล ้วได ้ครำครวญเฉพำะพระพั กตร ์พระองค ์ พูดว่ำ
ทำไมเรำจึงออกมำจำกประเทศอียป ิ ต ์เล่ำ”
21โมเสสทูลพระเจ ้ำว่ำ
“ประชำกรทีเดิ ่ นทำงมำกับข ้ำพเจ ้ำมีจำนวนถึงหกแสนคน
แล ้วพระองค ์ตร ัสได ้อย่ำงไรว่ำ ้
เรำจะให ้เขำกินเนื อตลอดหนึ ่ งเดือน
22ถ ้ำจะฆ่ำแกะฆ่ำโคทังฝู ้ ง ้
จะมีเนื อพอให ้เขำกินหรือ

ถ ้ำจับปลำทังหมดในท ้องทะเล จะพอให ้เขำกินหรือ”
23องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำตร ัสตอบโมเสสว่ำ
“อำนำจขององค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำมีไม่พอหรือ ในไม่ช ้ำท่ำนจะได ้เห็นว่ำ

จะเป็ นไปตำมทีเรำพู ดหรือไม่”
ฉธบ 2 : 1ต่อมำเมือองค ่ ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำทรงบัญชำ เรำจึงหันกลับ
ออกเดินทำงผ่ำนถินทุ ่ รกันดำร มุ่งไปสู่ทะเลต ้นกก
เรำเดินทำงเร่รอ่ นรอบภูเขำเสอีร ์b เป็ นเวลำหลำยวัน
2แล ้วองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำตร ัสแก่ข ้ำพเจ ้ำว่ำ

3"ท่ำนทังหลำยได ้
้เดินทำงเร่รอ่ นรอบภูเขำนี มำนำนพอแล ้ว

จงเลียวไปทำงเหนื อ

4จงสังประชำชนว่ ้
ำท่ำนทังหลำยก ำลังเดินทำงผ่ำนดินแดนของบุตรห
ลำนเอซำวพีน้ ่ องของท่ำน ผู ้อำศัยอยู่แถบภูเขำเสอีร ์

เขำทังหลำยจะกลั วท่ำน แต่ท่ำนจงระวังให ้ดี 5อย่ำทำสงครำมกับเขำ
เพรำะเรำไม่ได ้ยกแผ่นดินของเขำให ้ท่ำนแม้แต่คบ ื เดียว
เรำมอบดินแดนแถบภูเขำเสอีร ์ให ้เป็ นมรดกของเอซำวc

6ท่ำนจะจ่ำยเงินซืออำหำรที ่ น
จะกิ และซือน ้ ำที
้ จะดื
่ มจำกเขำได
่ ้
7องค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำ พระเจ ้ำของท่ำน ทรงอวยพรทุกสิงที ่ ท่
่ ำนทำ
พระองค ์ทรงดูแลท่ำนเมือเร่ ่ รอ่ นผ่ำนถินทุ
่ รกันดำรกว ้ำงใหญ่ไพศำลนี ้
องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ
พระเจ ้ำของท่ำนทรงสถิตอยู่กบั ท่ำนตลอดสีสิ ่ บปี เหล่ำนี ้
ท่ำนไม่ขำดแคลนสิงใดเลย" ่
8เรำจึงผ่ำนแผ่นดินของพีน้ ่ องของเรำ คือบุตรหลำนของเอซำว

ซึงอำศั ยอยู่ในแถบภูเขำเสอีร ์ และตำมหุบเขำอำรำบำห ์
จำกเมืองเอลัท และเอซิโอน เกเบอร ์

แล ้วจึงเลียวกลั บเดินทำงมุ่งไปยังถินทุ ่ รกันดำรโมอับ
9องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำตร ัสแก่ข ้ำพเจ ้ำว่ำ "อย่ำรบกวน โมอับ
และอย่ำทำสงครำมกับเขำ
เพรำะเรำไม่ได ้ยกแผ่นดินของเขำให ้ท่ำนยึดครองแม้แต่นอ้ ย
เรำได ้มอบเมืองอำร ์ให ้เป็ นมรดกแก่บุตรหลำนของโลท"
10ก่อนหน้ำนั้นชำวเอมิมเคยอำศัยอยู่ทนั ี่ ่ น
เป็ นชนชำติใหญ่มจี ำนวนมำก
รูปร่ำงสูงใหญ่เหมือนบุตรของยักษ ์อำนำค
11ทุกคนเรียกชนทีมี ่ รปู ร่ำงเหมือนยักษ ์อำนำคนี ว่้ ำ ชำวเรฟำอิม
แต่ชำวโมอับเรียกเขำว่ำชำวเอมิม 12แต่กอ่ นชนชำวโฮรีd
เคยอำศัยอยู่ในแถบภูเขำเสอีร ์ด ้วย แต่บต ุ รหลำนของ
เอซำวขับไล่เขำออกไป
ทำลำยล ้ำงจนหมดสินแล ้ ้ กแหล่งอยู่ทนั
้วตังหลั ี่ ่ นแทน
เหมือนในเวลำต่อมำชำวอิสรำเอลเข ้ำยึดครองแผ่นดินทีองค ่ ์พระผู ้เป็ น
เจ ้ำทรงมอบเป็ นมรดกแก่เขำ
13บัดนี ้ ้
ท่ำนทังหลำย จงลุกขึน้ และข ้ำมห ้วยเศเรดไปเถิด
เรำจึงข ้ำมห ้วยเศเรด 14กำรเดินทำงของเรำจำกคำเดช
บำรเนี ยจนถึงข ้ำมห ้วยเศเรด ใช ้เวลำสำมสิบแปดปี

จนกระทังคนในรุ ่ นั้นทีท
น ่ ำสงครำมได ้ต ้องล ้มหำยตำยจำกไปจนหมดสิ ้
น ่
ดังทีองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำทรงปฏิญำณไว ้
15พระหัตถ ์ขององค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำได ้สูกั้ บเขำ
พระองค ์ทรงทำลำยเขำจนหมดสินไปจำกค่ ้ ำย
่ กคนทีท
16เมือทุ ่ ำสงครำมได ้ต่ำงสินชี้ วต ิ ไปแล ้ว
17องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำตร ัสแก่ข ้ำพเจ ้ำว่ำ
้ ำนทังหลำยต
18"วันนี ท่ ้ ้องข ้ำมพรมแดนโมอับไปทำงเมืองอำร ์
19แล ้วเข ้ำเผชิญหน้ำกับชำวอัมโมนe อย่ำรบกวนเขำ
และอย่ำทำสงครำมกับเขำ เพรำะเรำไม่ได ้ยกแผ่นดินของชำว
อัมโมนให ้ท่ำนยึดครองแม้แต่นอ้ ย
เรำได ้มอบแผ่นดินนี ให ้ ้เป็ นมรดกแก่บต ุ รหลำนของโลทแล ้ว"
20แผ่นดินนี ทุ ้ กคนเรียกกันว่ำแผ่นดินของชำวเรฟำอิม
เพรำะชำวเรฟำอิมเคยอำศัยอยู่ทนั ี่ ่ น
แต่ชำวอัมโมนเรียกเขำว่ำชำวศัมซุมมิม
21คนเหล่ำนี เป็ ้ นชนชำติใหญ่ มีจำนวนมำก
รูปร่ำงสูงใหญ่เหมือนบุตรของยักษ ์อำนำค
แต่องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำทรงทำลำยเขำ ให ้ชำว อัมโมนขับไล่เขำออกไป
้ กแหล่งอำศัยอยู่ทนั
และตังหลั ี่ ่ นแทน
22องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำทรงทำเช่นเดียวกันกับบรรดำบุตรหลำนของเอซำ

วซึงอำศั ยอยู่แถบภูเขำเสอีร ์ พระองค ์ทรงทำลำยชำวโฮรี
ให ้ชำวเอโดมขับไล่เขำออกไป
้ กแหล่งอำศัยอยู่ทนั
และตังหลั ี่ ่ นแทนมำจนบัดนี ้

23ชำวครีตซึงมำจำกเกำะครี ตf ทำลำยชำวอัฟวิม

ซึงอำศั ยตำมหมู่บ ้ำนทำงทิศใต ้ไปจนถึงเมืองกำซำ
้ กแหล่งอำศัยอยู่ทนั
แล ้วเข ้ำตังหลั ี่ ่ นแทน

24"ท่ำนทังหลำย จงลุกขึน้ ออกเดินทำงข ้ำมแม่นำอำรโนนไปเถิ
้ ด ดูซ ิ
เรำจะมอบกษัตริย ์สิโหน ชำวอำโมไรต ์
่ นกษัตริย ์แห่งเมืองเฮชโบนให ้อยู่ในอำนำจของท่ำน
ซึงเป็
พร ้อมกับแผ่นดินของเขำด ้วย
จงยกพลเข ้ำโจมตีและยึดครองแผ่นดินของเขำเถิด 25วันนี ้

เรำจะทำให ้ประชำกรทังหลำยใต ้ท ้องฟ้ ำตระหนกตกใจกลัวท่ำน
่ ้ยินชือของท่
ทุกคนทีได ่ ำน จะตระหนกตกใจกลัวจนตัวสัน" ่

ลนต 17 : 1องค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำตร ัสสังโมเสส

2ให ้บอกอำโรน บรรดำบุตร และชำวอิสรำเอลทังหลำยว่

องค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำทรงบัญชำดังต่อไปนี ้
3"ถ ้ำชำวอิสรำเอลผู ้ใดต ้องกำรฆ่ำโค แกะหรือแพะ
ไม่วำ่ ในหรือนอกค่ำย 4เขำจะต ้องจูงสัตว ์มำทีทำงเข ่ ้ำกระโจมนัดพบ

เพือถวำยแด่ ้
องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำเบืองหน้ ่ บของพระองค ์ มิฉะนั้น
ำทีประทั
เขำจะมีควำมผิดฐำนทำให ้โลหิตตกb
คือเขำได ้ทำให ้โลหิตตกอย่ำงไม่ถก ู ต ้อง
จึงต ้องถูกขับไล่ออกจำกประชำกร
5ข ้อกำหนดนี สั ้ งชำวอิ
่ สรำเอลมิให ้ฆ่ำสัตว ์ทีจะเป็่ ่ ชำในทุ่งนำ
นเครืองบู
อย่ำงทีเคยท่ ำมำแต่กอ ่ น
แต่จะต ้องนำสัตว ์นั้นมำมอบให ้สมณะทีทำงเข ่ ้ำกระโจมนัดพบ

เพือถวำยเป็ นศำนติบช ู ำแด่องค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำ
6สมณะจะเอำเลือดประพรมพระแท่นบูชำขององค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำทีทำงเ ่
ข ้ำกระโจมนัดพบ
และจะเผำไขมันของสัตว ์มีกลินหอมเป็ ่ ่
นทีพอพระทั ยองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ
7ประชำกรอิสรำเอลจะต ้องไม่ถวำยเครืองบู ่ ชำแด่เทวรูปร่ำงแพะc
่ งหนึ
ซึงคร ้ั ่ งเขำทังหลำยเคยนมั
้ สกำรเหมือนหญิงแพศยำขำยตัวd
นี่ เป็ นข ้อกำหนดสำหร ับเขำทังหลำยและลู
้ กหลำนตลอดไป”
8ท่ำนจะต ้องบอกเขำทังหลำยว่ ้ ำ
“ถ ้ำชำวอิสรำเอลคนใดหรือคนต่ำงด ้ำวทีอำศั ่ ยอยู่กบั เขำ

ถวำยเครืองเผำบู ่ ชำอืน
ชำหรือเครืองบู ่ ๆ

9เขำจะต ้องจูงสัตว ์ทีจะถวำยบู ่
ชำมำทีทำงเข ้ำกระโจมนัดพบเพือถวำย่
แด่องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ
มิฉะนั้นเขำจะต ้องถูกขับไล่ออกจำกประชำกรของตน”

10"ถ ้ำชำวอิสรำเอลคนใดหรือคนต่ำงด ้ำวทีอำศั ้ ยั
ยอยู่กบั เขำกินเนื อที ่
งมีเลือดสด ๆ ติดอยู่
เรำจะเมินหน้ำไปจำกเขำและจะขับไล่เขำออกประชำกรของเขำ
11เพรำะชีวต ิ ของสัตว ์อยู่ในเลือด
และเรำยอมใหท้ ่ำนพรมเลือดบนพระแท่นเป็ นพิธข ่
ี ออภัยบำปเพือให ้ท่ำ
นมีชวี ติ e เพรำะเลือดเป็ นชีวต ิ ทำให ้ท่ำนร ับกำรอภัยบำปได ้
12เพรำะฉะนั้น เรำจึงบอกชำวอิสรำเอลว่ำ
อย่ำให ้ท่ำนคนใดรวมทังคนต่้ ่
ำงด ้ำวทีอำศัยอยู่กบั ท่ำน
้ ยั
กินเนื อที ่ งมีเลือด สด ๆ ติดอยู่"
13"ถ ้ำชำวอิสรำเอลคนใดหรือคนต่ำงด ้ำวทีอำศั ่ ยอยู่กบั เขำไปล่ำสัตว ์
และจับสัตว ์หรือนกทีกิ ่ นได ้
เขำจะปล่อยให ้เลือดไหลลงบนพืนดิ ้ นจนหมด และเอำดินกลบไว ้
14เพรำะชีวต ิ ของสัตว ์อยู่ในเลือด เรำจึงบอกชำวอิสรำเอลว่ำ

ท่ำนทังหลำยต ้องไม่กน ้ ยั
ิ เนื อที ่ งมีเลือดสด ๆ ติดอยู่
เพรำะชีวติ ของสัตว ์อยู่ในเลือด ่ นเนื อที
และผู ้ทีกิ ้ ยั
่ งมีเลือดสด ๆ
ติดอยู่จะต ้องถูกขับไล่"
15"ผูใ้ ดก็ตำม ไม่วำ่ ชำวอิสรำเอลหรือคนต่ำงด ้ำว
่ นเนื อสั
ซึงกิ ้ ตว ์ทีตำยตำมธรรมชำติ
่ หรือถูกสัตว ์ร ้ำยกัดตำย
้ ำ้ ทีสวมอยู
จะต ้องซ ักเสือผ ่ ่และอำบนำ้ เขำจะมีมลทินจนถึงเวลำเย็น
แล ้วจึงจะพ ้นมลทิน ้ ้ำและอำบนำ้
16ถ ้ำเขำไม่ซ ักเสือผ
เขำจะต ้องได ้ร ับโทษเพรำะควำมผิดนั้น"
Q : เหตุกำรณ์ในอียป
ิ ต ์ใครเป็ นคนฆ่ำเด็ก
A :
เหตุกำรณ์ในอียป ่
ิ ต ์เป็ นฝี มือของทูตมรณะซำมำเอลทีมำขอควำมตำย
จำกเด็กเหล่ำนั้น ่
ซึงพระองค ์พยำยำมช่วยอย่ำงมำกทีสุ่ ดแล ้ว
ถ ้ำเป็ นพระองค ์ย่อมจะต ้องรู ้ว่ำบ ้ำนใครคือบ ้ำนใคร
ไม่ต ้องทำสัญลักษณ์ ่ ำเป็ นทูตมรณะซำมำเอล
แต่คนทีฆ่

ซึงพระยำห ์เวห ์พยำยำมช่วยหำทำงช่วยเด็กทุกชนชำติอย่ำงมำกทีสุ ่ ด
แล ้ว แต่เขำไม่เปิ ดใจต่อพระองค ์ ในอพย 12 : 13
เขียนว่ำภัยพิบต ั จิ ำกผูท้ ำลำย
จึงมีควำมหมำยว่ำภัยพิบต ั จิ ำกผีมำรซำตำน
อพย 11 : 1องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำตร ัสแก่โมเสสว่ำ
"เรำจะส่งภัยพิบต ี ประกำรหนึ่ งมำลงโทษพระเจ ้ำฟำโรห ์และชำวอียป
ั อิ ก ิ
ต ์ หลังจำกนั้น พระเจ ้ำฟำโรห ์จะทรงปล่อยให ้ท่ำนทังหลำยไปจำกที
้ ่ ่
นี

พระองค ์จะไม่ทรงปล่อยให ้ท่ำนทังหลำยไปโดยไม่ ่
มเี งือนไขเท่ ำนั้น

แต่จะทรงขับไล่ท่ำนทังหลำยออกไปจำกที ่ ่ ด ้วยa
นี
2จงบอกชำยหญิงและชำวอิสรำเอลทุกคน
่ นและเครืองทองจำกเพื
ให ้ขอเครืองเงิ ่ ่
อนบ ้ำนของตน"b
3องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำทรงบันดำลให ้ชำวอียป
ิ ต ์มีใจกรุณำต่อประชำกรอิส
รำเอล
่ ำนั้นโมเสสยังเป็ นทีนั
และยิงกว่ ่ บถืออย่ำงสูงของบรรดำข ้ำรำชบริพำรข
องพระเจ ้ำฟำโรห ์และของประชำชนในแผ่นดินอียป ิ ต ์อีกด ้วย
4โมเสสทูลว่ำ องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำตร ัสดังนี ้ "เวลำประมำณเทียงคื่ น
เรำจะผ่ำนในหมู่ชำวอียป ิ ต์
5บุตรคนแรกทุกคนในแผ่นดินอียป ิ ต ์จะตำย
้ พระโอรสองค ์แรกของพระเจ ้ำฟำโรห ์
ตังแต่
ผูป้ ระทับบนพระรำชบัลลังก ์
ไปจนถึงบุตรคนแรกของหญิงทำสทีก ่ ำลังโม่แป้ ง
ตลอดจนลูกตัวแรกของสัตว ์c

6จะมีเสียงครำครวญไปทั ่
วแผ่ นดินอียป ่ เคยมีมำก่อน
ิ ต ์อย่ำงทีไม่
หรือจะไม่มอ ี กี เลย
7แต่ในหมู่ชำวอิสรำเอลนั้นจะไม่ได ้ยินสุนัขสักตัวเดียวเห่ำคนหรือเห่ำ
สัตว ์เลย ้
ท่ำนทังหลำยจะได ้รู ้ว่ำ
องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำทรงแสดงควำมแตกต่ำงระหว่ำงชำวอียป ิ ต ์กับชำวอิส
รำเอล 8ข ้ำรำชบริพำรพระองค ์จะมำพบข ้ำพเจ ้ำ จะกรำบเท ้ำข ้ำพเจ ้ำ
พูดว่ำ ้
ท่ำนและประชำกรทังหมดที ่ ดตำมท่ำน
ติ จงไปเสียเถิด
หลังจำกนั้น ข ้ำพเจ ้ำจึงจะไป"
โมเสสทูลลำพระเจ ้ำฟำโรห ์ด ้วยควำมโกรธ
9องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำตร ัสแก่โมเสสว่ำ "พระเจ ้ำฟำโรห ์จะไม่ทรงฟังท่ำน

เพือเรำจะได ้ทำปำฏิหำริย ์อีกมำกในแผ่นดินอียป ิ ต ์"
10โมเสสและอำโรนได ้ทำปำฏิหำริย ์เหล่ำนี ทั ้ งหมดd

เฉพำะพระพักตร ์พระเจ ้ำฟำโรห ์
้ ง
แต่องค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำทรงบันดำลให ้พระทัยของพระเจ ้ำฟำโรห ์ดือดึ
ไม่ทรงยอมปล่อยให ้ชำวอิสรำเอลออกไปจำกแผ่นดินของพระองค ์
12 : 1องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำตร ัสแก่โมเสสและอำโรนในแผ่นดินอียป ิ ต ์ว่ำ
2"เดือนนี b ้ จะเป็ นเดือนแรกสำหร ับท่ำนทังหลำย ้ เป็ นเดือนเริมต ่ ้นปี

3ท่ำนทังสองจงบอกชุ มชนชำวอิสรำเอลทังหมดว่ ้ ำ วันทีสิ ่ บเดือนนี ้
แต่ละคนต ้องเลือกลูกแกะหรือลูกแพะตัวหนึ่ งสำหร ับครอบคร ัวของตน
หนึ่ งตัวต่อหนึ่ งครอบคร ัว 4แต่ถ ้ำครอบคร ัวเล็กเกินไป
กินลูกแกะไม่หมด จงเชิญเพือนบ ่ ้ำนทีอยู่ ่ใกล ้เคียงมำกินด ้วย
ตำมจำนวนคน กำรเลือกลูกแกะนั้นจงคำนึ งว่ำ แต่ละคนกินได ้เท่ำไร
5ลูกแกะนั้นต ้องไม่มต ี ำหนิ เป็ นตัวผู ้อำยุหนึ่ งปี
จะเลือกลูกแพะแทนลูกแกะก็ได ้
6จงจับมันเลียงไว ้ ้จนถึงวันทีสิ ่ บสีของเดื
่ อนนี ้
แล ้วให ้ชุมชนของชำวอิสรำเอลทังหมดฆ่ ้ ำลูกแกะนั้นในตอนเย็นc
7เอำเลือดทำกรอบด ้ำนข ้ำงและด ้ำนบนของประตูบำ้ นทีจะกิ ่ นลูกแกะนั้
น 8คืนนั้น จงย่ำงเนื อสั ้ ตว ์นั้น แล ้วกินกับขนมปังไร ้เชือและผั ้ กรสขม
9อย่ำกินเนื อดิ ้ บหรือเนื อต ้ ้ม แต่จงย่ำงไฟทังหั ้ ว ขำและเครืองใน ่
10อย่ำให ้มีส่วนใดเหลืออยู่จนกระทังเช ่ ้ำ ถ ้ำยังมีส่วนใดเหลือ
ก็ให ้เผำเสียd 11ท่ำนทังหลำยจงกิ ้ น โดยพร ้อมทีจะเดิ ่ นทำง
คือคำดสะเอว สวมรองเท ้ำ และถือไม้เท ้ำe ท่ำนจงกินอย่ำงเร่งรีบ
นี่ เป็ นปัสกำขององค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำf 12ในคืนนั้น
เรำจะผ่ำนทัวแผ่ ่ นดินอียป ิ ต์
และประหำรบุตรคนแรกทังหมดในแผ่ ้ นดินอียป ้
ิ ต ์ ทังของคนและสั ตว ์
เรำจะลงโทษเทพเจ ้ำทังหมดของประเทศอี ้ ยปิ ต์
เรำคือองค ์พระผูเป็ ้ นเจ ้ำ

13เลือดทีกรอบประตู จะเป็ นเครืองหมำยว่ ่ ำเป็ นบ ้ำนทีท่ ่ ำนทังหลำยอำศั

ยอยู่ ่
เมือเรำเห็ นเลือด เรำจะผ่ำนเลยไป
ท่ำนจะพ้นจำกภัยพิบต ั ท ิ ท ี่ ำลำยg ่
ขณะทีเรำลงโทษแผ่ นดินอียป ิ ต์

14วันนี จะเป็ นวันทีท่่ ำนทังหลำยต ้ ้องจดจำไว ้
ท่ำนต ้องถือเป็ นวันฉลองถวำยพระเกียรติแด่องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ
ท่ำนต ้องฉลองเช่นนี เป็ ้ นกฎถำวรชวลู ่ ั กชวหลำน"
่ั
g อำจแปลได ้อีกว่ำ "ภัยพิบต ั ข
ิ องผู ้ทำลำย" (ดู ข ้อ 23)

23เมือองค ์พระผูเ้ ป็ นเจ ้ำเสด็จผ่ำนมำลงโทษประเทศอียป ิ ต์
พระองค ์จะทอดพระเนตรเห็นเลือดทีกรอบประตู ่
้ ้ำนข ้ำงและด ้ำนบน
ทังด องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำจะเสด็จผ่ำนประตูไป
จะไม่ทรงอนุ ญำตให ้ผู ้ทำลำยj เข ้ำไปประหำรคนในบ ้ำนของท่ำน
j ในพิธป ่ อยู่กอ
ี ัสกำทีมี ่ นสมัยชำวอิสรำเอล ผูท้ ำลำย หมำยถึง
ปี ศำจทีคุ่ กคำมฝูงสัตว ์และครอบคร ัว
กำรทำหรือพรมเลือดทีประตู ่ บ ้ำนหรือกระโจม
ี ้ องกันกำรโจมตีของปี ศำจนี ้
เป็ นวิธป
แต่ชำวอิสรำเอลนำควำมคิดนี มำประยุ ้ กต ์ "ผู ้ทำลำย" คือ
ทูตสวรรค ์ผู ้ปฏิบต
ั ต
ิ ำมพระบัญชำของพระเจ ้ำ (ปฐก 19:13; 2 ซมอ
24:16; ฮบ 11:28)
ฮบ 11 : 28เพรำะควำมเชือ่ เขำจึงทำฉลองปัสกำและประพรมเลือด
่ ให ้ผูท้ ำลำยบุตรคนแรกมำแตะต ้องบุตรของชำวอิสรำเอล
เพือมิ
Q : ทำไมถึงมีกำรเผำแม่มด
A : ่
เพรำะมีแก๊งลักพำตัวเด็กเพือไปประกอบพิ ธบี ช
ู ำยัญ
พวกแม่มดมีพธิ ก ี รรมในกำรบูชำยัญมนุ ษย ์ซึงมี ่ อน ั ตรำยต่อสังคมอย่ำง
่ ด ในเอเชียก็มบ
ถึงทีสุ ี ำงศำสนำทีมี ่ กำรเผำผู ้หญิงทังเป็
้ นเพือบู
่ ชำยัญ
กำรโยนคนท ้องลงในเสำเข็มศำลหลักเมือง
กำรเฉื อดคอหญิงพรหมจรรย ์

ครอบคร ัวทีตกเป็ ่
นเหยือของควำมโหดร ้ำยเหล่ำนี ย่้ อมตกอยู่ในสภำพ

จิตใจทีบอบช ้ นอน
ำแน่
และในระบบกำรเมืองทีคนมี ่ สทิ ธิในกำรออกควำมคิดเห็นจึงมีกำรจัดก

ำรกับพวกคนทีประกอบพิ ธบ ู ำยัญมนุ ษย ์เหล่ำนั้น
ี ช
ด ้วยโทษประหำรเช่นเดียวกับกำรนั่งเก ้ำอีไฟฟ้ ้ ำในยุคสมัยใหม่
Q : ทำไมท่ำนนักบุญโยน ออฟ อำร ์ค ถึงถูกเผำ
A : เนื่ องจำกปัญหำกำรบูชำยัญมนุ ษย ์ทีลุ ่ กลำมต่อเนื่ อง
ทำให ้สังคมเกิดควำมวุน ่ วำย และมีวธิ ก ่
ี ำรดูคนทีอำจจะผิดพลำดได ้

ซึงกำรตั ดสินใจในครงนั ้ั ้น ถ ้ำเป็ นโดยพระศำสนำจักรจริง นักบุญโยน
ออฟ อำร ์คย่อมไม่สำมำรถถูกสอบสวนใหม่
เพรำะจะไม่มใี ครให ้กำรช่วยเหลือและให ้ได ้ร ับกำรประกำศเป็ นท่ำนนัก
บุญอย่ำงแน่ นอน
เหตุกำรณ์ในครงนั้ั ้นจึงเป็ นกำรพยำยำมควบคุมกลุ่มคนของพระสังฆร
ำชอย่ำงมำกทีสุ่ ดแล ้วนั่นเอง
ตำมกำรบันทึกกำรประกำศนักบุญของท่ำนนักบุญโยน ออฟ อำร ์ค
แต่อย่ำงไรก็ตำมแต่กำรพยำมจัดกำรกับแก๊งขโมยเด็กแล ้วขโมยอวัยว
ะภำยในด ้วยกำรประหำรชีวต ่
ิ และซ ัดทอดเพือกำรป้ องกันแก๊งฆำตกรร
มต่อเนื่ อง ่ งไม่ร ัดกุม
สำมำรถเข ้ำใจได ้ในสังคมทียั
แต่ยงั ไม่ใช่วธิ ก ่ ทสุ
ี ำรทำงสังคมทีดี ี่ ด
Q : ทำไมกำลิเลโอ ถึงถูกลงโทษ
A :
เพรำะกำรให ้ควำมรู ้ข ้อมูลทำงวิทยำกำรบำงอย่ำงแพร่หลำยออกไปอำ

จจะทำให ้เป็ นภัยต่ออำณำจักรผู ้บริสุทธิโดยพวกมองโกลและเติ ร ์ก
อำทิ กฏกำรเคลือนที ่ ่ วิวฒ ่ ชวี ต
ั นำกำรของสิงมี ิ และกำรกลำยพันธุ ์
้ ผลต่อควำมมันคงโดยตรง
ควำมรู ้เหล่ำนี มี ่

ไม่ใช่ผลทำงควำมเชือทำงศำสนำแต่ อย่ำงใด
ในปี ค.ศ. 1246 กองทัพมองโกล เข ้ำโจมตีเมืองแคฟฟำของอิตำลี
กองทัพของมองโกลตังทัพอยู่นอกกำแพงอยู่นำนไม่อำจเข ้ำโจมตีเข ้ำไ
ปในค่ำยได ้
ต่อมำเกิดกำฬโรคหรือโรคห่ำระบำดในกองทัพของมองโกล
ทหำรล ้มตำยเป็ นเบือศพทหำรกองท่วมค่ำย
่ กำรนำศพนั้นไปฝังหรือเผำ
แต่แทนทีจะมี
แม่ทพ ่ กว่ำนั้น
ั มองโกลกลับมีควำมคิดทีดี

ด ้วยกำรนำศพทหำรทีตำยด ่ งข ้ำ
้วยโรคห่ำใช ้แทนก ้อนหินเข ้ำเครืองยิ
มเข ้ำไปในกำแพงเมืองแคฟฟำ คนในเมืองแตกตืนกั ่ บสภำพศพทีเห็ ่ น
่ งเนื
ทีทั ้ อทั
้ งตั
้ วเป็ นตุม ้ อดชำหนองเน่
่ พุพองชำเลื ้ ำแฟะ
้ อโรคยั
หนำซำเชื ่ งระบำดสู่ชำวเมือง ผู ้คนล ้มตำยเป็ นจำนวนมำก
่ อรอดก็พำกันหนี ออกไปนอกเมือง
ทีเหลื
จนในทีสุ ่ ดไม่อำจต ้ำนอำวุธเชือโรคของมองโกลได
้ ้เมืองจึงแตก
หลังจำกทีเมื ่ องแคฟฟำ อิตำลีแตก
กองทัพมองโกลจึงเคลือนทั ่ พเข ้ำสู่ทะเลเมดิเตอร ์เรเนี่ ยน
เข ้ำโจมตีหมู่เกำะซิซลิ ี และยุโรปตะวันออกด ้วยวิธก
ี ำรเดียวกัน
เพียงแค่ในเวลำ 3 ปี ในกำรทำสงครำม
่ ำ 25 ล ้ำนคน
คำดว่ำมีผู ้คนล ้มตำยด ้วยกำฬโรคไม่ตำกว่
Q : ่
ข่ำวดีเรืองพระอำณำจั กรของพระเจ ้ำนั้นดีจริง
แต่ได ้ยินมำว่ำพระเจ ้ำจะจับคนบำปลงในบึงไฟนรก
ทำไมพระเจ ้ำต ้องทรงใช ้ไฟลงโทษมนุ ษย ์ด ้วย
่ ชวี ต
ถ ้ำพระองค ์ทรงร ักมนุ ษย ์และสิงมี ิ ต่ำงๆจริง
A : พระเจ ้ำมิได ้ทรงกระทำกำรร ้ำยทุกๆอย่ำงด ้วยพระองค ์เอง
เพรำะพระองค ์ทรงยืนยันจุดยืนและกำรกระทำของพระองค ์แล ้วว่ำพระอ
งค ์ทรงมอบควำมชุม ้
่ ชืนและพลั งงำนแก่คนดีและคนชวเสมอกั่ั น
อำวุธของพระองค ์นั้นคือพระวำจำของพระองค ์หำใช่กำรทำร ้ำยร่ำงกำ
ยและจิตใจนั้นแต่ประกำรใดๆ
มำกกว่ำนั้นแล ้วพระองค ์ยังทรงต่อต ้ำนกำรส่งไฟลงมำทำลำยมนุ ษย ์อีก
ด ้วย
แม้จะเป็ นช่วงเวลำสุดท ้ำยของกำรสำแดงพระองค ์อย่ำงจับต ้องได ้ก็ตำ

ิ่ ชวี ต
แม้แต่สงมี ิ เล็กๆพระองค ์ก็ยงั ใส่ใจทังยั้ งปรำรถนำให ้ทุกๆสรรพสิงล ่
ดละเลิกกำรเบียดเบียนชีวต ิ กัน ไฟ นำเปล่้ ำบริสุทธิ ์ น้ำองุ ่นหมักใหม่
ข ้ำวสำลี ่ เมล็ดต่ำงๆ
พืชทีมี แสงสว่ำง
และเกลือจึงเป็ นสัญลักษณ์ทแสดงถึ ี่ งพลังงำน ควำมชุม ่ ชืน้
ไฟโตนิ วเทรียนท ์ กรดอะมิโนจำเป็ น กรดไขมันโอเมก ้ำ 3 , 6
สำรต่อต ้ำนอนุ มูลอิสระ โกรทแฟคเตอร ์ สเต็มเซลล ์ CoQ10
และแร่ธำตุ
ทีร่่ ำงกำยนั้นต ้องกำรอย่ำงสมดุลไม่มำกและไม่นอ้ ยจนเกินไป
มธ 5 :44แต่เรำกล่ำวแก่ท่ำนว่ำ จงร ักศัตรูs
่ ยดเบียนท่ำนt
จงอธิษฐำนภำวนำให ้ผู ้ทีเบี
่ ำนจะได ้เป็ นบุตรของพระบิดำเจ ้ำสวรรค ์
45เพือท่

พระองค ์โปรดให ้ดวงอำทิตย ์ของพระองค ์ขึนเหนื อคนดีและคนชว่ ั
โปรดให ้ฝนตกเหนื อคนชอบธรรมและคนอธรรม
ลก 9 :

51เวลำทีพระเยซู ้
เจ ้ำจะต ้องทรงจำกโลกนี ไปmใกล ้เข ้ำมำแล ้ว

พระองค ์ทรงตังพระทั ยแน่ วแน่ จะเสด็จไปกรุงเยรูซำเล็ม
52และทรงส่งผู ้นำสำรไปล่วงหน้ำ

คนเหล่ำนี ออกเดิ นทำงและเข ้ำไปในหมู่บ ้ำนแห่งหนึ่ งของชำวสะมำเรียเ

พือเตรี ยมร ับเสด็จพระองค ์
53แต่ประชำชนทีนั ่ ่ นไม่ยอมร ับเสด็จเพรำะพระองค ์กำลังเสด็จไปกรุงเย
รูซำเล็มn

54เมือยำกอบและยอห ์นศิษย ์ของพระองค ์เห็นดังนี ก็ ้ ทล ู พระองค ์ว่ำ
“พระเจ ้ำข ้ำ
พระองค ์ทรงพระประสงค ์ให ้เรำเรียกไฟจำกฟ้ ำลงมำเผำผลำญคนเหล่ำ
้ อไม่o 55พระเยซูเจ ้ำทรงหันไปตำหนิ ศษ
นี หรื ้
ิ ย ์ทังสองคนp
56แล ้วทรงพระดำเนิ นต่อไปยังหมู่บ ้ำนอืนพร ่ ้อมกับบรรดำศิษย ์
10 : 25ขณะนั้น
นักกฎหมำยคนหนึ่ งยืนขึนทู ้ ลถำมเพือจะจั
่ บผิดพระองค ์ว่ำ
“พระอำจำรย ์ ่
ข ้ำพเจ ้ำจะต ้องทำสิงใดเพื ่
อจะได ้ชีวต
ิ นิ ร ันดร”
26พระองค ์ตร ัสถำมเขำว่ำ “ในธรรมบัญญัตม ิ เี ขียนไว ้อย่ำงไร
ท่ำนอ่ำนว่ำอย่ำงไร” 27เขำทูลตอบว่ำ
“ท่ำนจะต ้องร ักองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำ พระเจ ้ำของท่ำนสุดจิตใจ
สุดวิญญำณ สุดกำลัง และสุดสติปัญญำของท่ำน

ท่ำนจะต ้องร ักเพือนมนุ ษย ์เหมือนร ักตนเอง” 28พระองค ์ตร ัสกับเขำว่ำ
“ท่ำนตอบถูกแล ้ว จงทำเช่นนี ้ แล ้วจะได ้ชีวต
ิ ”
ลก 11 : 5พระเยซูเจ ้ำตร ัสกับบรรดำศิษย ์อีกว่ำ
“สมมติวำ่ ท่ำนคนหนึ่ งมีเพือนและไปพบเพื
่ ่
อนนั ้นตอนเทียงคื
่ นกล่ำวว่ำ

“เพือนเอ๋ ย ให ้ฉันขอยืมขนมปังสักสำมก ้อนเถิด

6เพรำะเพือนของฉั นเพิงเดิ่ นทำงมำถึงบ ้ำนของฉัน
ฉันไม่มอ
ี ะไรจะให ้เขำกิน” 7สมมติวำ่ เพือนคนนั ่ ้นตอบจำกในบ ้ำนว่ำ
“อย่ำรบกวนฉันเลย ประตูปิดแล ้ว ลูก ๆ กับฉันก็เข ้ำนอนแล ้ว

ฉันลุกขึนให ่
้สิงใดท่ ำนไม่ได ้หรอก” ้
8เรำบอกท่ำนทังหลำยว่ ำ
ถ ้ำคนนั้นไม่ลก ้
ุ ขึนให ่
้ขนมปังเพรำะเป็ นเพือนกั น

เขำก็จะลุกขึนมำให ่ เพื
้สิงที ่ อนต
่ ้องกำรเพรำะถูกรบเร ้ำ
ลก 12 : 6นกกระจอกห ้ำตัวรำคำขำยสองบำทมิใช่หรือ
แม้กระนั้นไม่มน ่
ี กสักตัวเดียวทีพระเจ ้ำทรงลืม
7ผมทุกเส ้นบนศีรษะของท่ำนถูกนับไว ้หมดแล ้ว อย่ำเกรงกลัวเลย
ท่ำนมีคำ่ มำกกว่ำนกกระจอกจำนวนมำก
22พระเยซูเจ ้ำตร ัสกับบรรดำศิษย ์ว่ำ ้
‘เรำบอกท่ำนทังหลำยว่ำ
อย่ำกังวลถึงชีวต ิ ของท่ำนว่ำจะกินอะไร
อย่ำกังวลถึงร่ำงกำยของท่ำนว่ำจะนุ่ งห่มอะไร
23ชีวติ bย่อมสำคัญกว่ำอำหำร
และร่ำงกำยย่อมสำคัญกว่ำเครืองนุ ่ ่ งห่ม 24จงสังเกตดูนกกำเถิด
นกกำมิได ้หว่ำน ่
มิได ้เก็บเกียว ไม่มโี รงนำ ไม่มย
ี ุ ้งฉำง
แต่พระเจ ้ำทรงเลียงมั้ น ้
ท่ำนทังหลำยมี คำ่ มำกกว่ำนกสักเพียงใด
25ท่ำนใดบ ้ำงทีกั ่ งวลแล ้วต่ออำยุของตนให ้ยำวออกไปอีกสักหนึ่ งวันไ
ด ้ 26ดังนั้น ่ กน้อยเช่นนี ยั
ถ ้ำสิงเล็ ้ งอยู่เหนื ออำนำจของท่ำนแล ้ว
ท่ำนจะกังวลถึงเรืองอื ่ น ่ ๆ ทำไมเล่ำ 27จงสังเกตดูดอกไม้ในทุ่งนำเถิด
ดอกไม้ไม่ป่ ันด ้ำยหรือทอผ ้ำcแต่เรำบอกท่ำนทังหลำยว่ ้ ำกษัตริย ์ซำโล

มอนเมือทรงเครื ่
องอย่ ำงหรูหรำก็ยงั ไม่งดงำมเท่ำดอกไม้นี ดอกหนึ ้ ่ง
28แม้แต่หญ ้ำในทุ่งนำซึงมี ่ ชวี ต ั นี รุ้ ง่ ขึนจะถู
ิ อยู่วน ้ ้
กโยนทิงในเตำไฟ
พระองค ์ยังทรงตกแต่งเช่นนี ้
้ ้นหรือ
พระองค ์จะไม่สนพระทัยท่ำนมำกกว่ำนี นั
่ อยจริง
ท่ำนช่ำงมีควำมเชือน้

29ท่ำนอย่ำกังวลใจแสวงหำว่ำจะกินอะไรหรือจะดืมอะไร

30สิงเหล่ ้
ำนี ชนชำติอนื่ ๆ ในโลกเท่ำนั้นทีแสวงหำ


พระบิดำของท่ำนทรงทรำบดีวำ่ ท่ำนต ้องกำรสิงเหล่ ำนี ้ 31ฉะนั้น
จงแสวงหำพระอำณำจักรของพระองค ์เถิด
่ มทุกสิงให
แล ้วพระองค ์จะทรงเพิมเติ ่ ้
32‘ฝูงแกะน้อย ๆ เอ๋ย อย่ำกลัวเลย’
เพรำะพระบิดำของท่ำนพอพระทัยจะประทำนพระอำณำจักรให ้แก่ท่ำน
มธ 12 : 7ถ ้ำท่ำนเข ้ำใจควำมหมำยของข ้อควำมทีว่่ ำ
‘เรำพอใจควำมเมตตำกรุณำ ่ ชำ’
มิใช่พอใจเครืองบู
ท่ำนคงจะไม่กล่ำวโทษผู ้ไม่มค ี วำมผิด
8เพรำะบุตรแห่งมนุ ษย ์เป็ นนำยเหนื อวันสับบำโต”c
่ ่ นเข ้ำไปในศำลำธรรม
9พระเยซูเจ ้ำเสด็จจำกทีนั
10ทรงพบชำยมือลีบคนหนึ่ ง ประชำชนบำงคนถำมพระองค ์ว่ำ
“ธรรมบัญญัตอิ นุ ญำตให ้ร ักษำโรคในวันสับบำโตหรือไม่”
้ เพื
ทังนี ้ อจะหำเหตุ
่ กล่ำวโทษพระองค ์ 11แต่พระองค ์ทรงตอบเขำว่ำ
“ท่ำนใดมีแกะอยู่ตวั เดียว และแกะนั้นตกบ่อในวันสับบำโต

เขำจะไม่ไปจับมันและฉุ ดขึนมำดอกหรื อ
12มนุ ษย ์คนหนึ่ งย่อมมีคำ่ กว่ำแกะมำกนัก ดังนั้น
ธรรมบัญญัตจิ งึ อนุ ญำตให ้ทำควำมดีในวันสับบำโตได ้”
13แล ้วพระองค ์ตรสั กับชำยผู ้นั้นว่ำ “จงเหยียดมือซิ เขำจึงเหยียดมือ
และมือนั้นก็กลับเป็ นปรกติเหมือนกับมืออีกข ้ำงหนึ่ ง
14ชำวฟำริสจี งึ ไปชุมนุ มปรึกษำกันว่ำจะกำจัดพระองค ์ได ้อย่ำงไร
7 : 12“ท่ำนอยำกให ้เขำทำกับท่ำนอย่ำงไร
ก็จงทำกับเขำอย่ำงนั้นเถิด
นี่ คือธรรมบัญญัตแิ ละคำสอนของบรรดำประกำศก”
อสย 11 : 6สุนัขป่ ำจะอยู่กบั ลูกแกะe
เสือดำวจะนอนอยู่กบั ลูกแพะ
ลูกโคและลูกสิงโตจะหำกินอยู่ด ้วยกัน
เด็กคนหนึ่ งก็ยงั นำมันไปได ้
7แม่โคกับหมีจะหำกินด ้วยกัน
ลูกของมันจะนอนอยู่ด ้วยกัน
สิงโตจะกินฟำงเหมือนโคเพศผู ้
่ งไม่หย่ำนมจะเล่นอยู่ทปำกรู
8ทำรกทียั ี่ งูเห่ำ
่ ำนมแล ้วจะเอำมือวำงทีร่ ังของงู พษ
เด็กทีหย่ ิ
9จะไม่มผ
ี ู ้ใดทำร ้ำยหรือทำลำย
่ เขำศักดิสิ์ ทธิของเรำ
ทัวภู ์
เพรำะแผ่นดินจะรู ้จักพระยำห ์เวห ์อย่ำงสมบูรณ์
่ ำปกคลุ
ดังน ้ มทะเล
e กำรทีมนุ่ ษย ์เป็ นกบฏต่อพระเจ ้ำ (ปฐก 3)
ทำให ้ควำมสมดุลของมนุ ษย ์กับธรรมชำติถก ู ทำลำยไป (ปฐก 3:17-
19) ควำมปรองดองกันของมนุ ษย ์กับมนุ ษย ์ก็ถก ู ทำลำยด ้วย (ปฐก 4)
บรรดำประกำศกมักกล่ำวพยำกรณ์ถงึ สงครำมและกำรกดขีข่ ่ มเหงว่ำเ
ป็ นกำรลงโทษบำปของอิสรำเอล – แต่ในสมัยของพระเมสสิยำห ์

เมือบำปจะได ้รบั กำรอภัย และมนุ ษย ์จะคืนดีกบั พระเจ ้ำแล ้ว
พระอำณำจักรแห่งควำมยุตธิ รรมจะสถำปนำสันติภำพ
่ นผลของกำรคืนดีนีขึ
ซึงเป็ ้ นมำอี
้ ก – กำรทำไร่ไถนำจะบังเกิดผล
(ฮชย 2:20,23-24; อมส 9:13-14) เครืองอำวุ่ ้
ธจะถูกโยนทิงไป (อสย
2:4; 9:4; มคำ 4:3-4; 5:9-10; ศฟย 3:13; ศคย 3:10) –
พันธสัญญำใหม่จะเป็ นพันธสัญญำแห่งสันติภำพ (สดด 72:3,7; ศคย
9:8-10)

และสันติภำพนี จะแผ่ ขยำยไปถึงอำณำจักรของบรรดำสัตว ์ด ้วย
่ บ
แม้กระทังกั “งู ” ่ นต ้นเหตุของบำปแรกของมนุ ษย ์
ซึงเป็ -

ทีตรงนี ้
บรรยำยถึ
งยุคของพระเมสสิยำห ์โดยใช ้สัญลักษณ์เหมือนกับก
้ มในสวนอุทยำนเอเดนอีก
ำรกลับไปหำสันติภำพดังเดิ
ปฐก 1 : 29 พระเจ ้ำยังตร ัสอีกว่ำ "ดูซ ิ
่ ่บนแผ่นดิน
เรำให ้ข ้ำวทุกชนิ ดซึงอยู
และผลไม้ทมี ี่ เมล็ดเป็ นอำหำรสำหร ับท่ำน 30ส่วนบรรดำสัตว ์ป่ ำ
นกในท ้องฟ้ ำ ้
และสัตว ์เลือยคลำนทุ กชนิ ดบนแผ่นดิน
เรำให ้หญ ้ำเขียวเป็ นอำหำร"o และก็เป็ นเช่นนั้น
31พระเจ ้ำทรงเห็นว่ำทุกสิงที่ ทรงสร
่ ้ำงนั้นดีมำก มีเวลำคำ่ มีเวลำเช ้ำ
นับเป็ นวันทีหก่
o

เป็ นกำรบรรยำยถึงยุคทองเมือมนุ ษย ์และสัตว ์ยังอยู่ด ้วยกันอย่ำงสันติ
กินพืชเป็ นอำหำร บทที่ 9 ข ้อ 3 จะเป็ นกำรเริมต่ ้นยุคใหม่
มธ 3 : ้ ำพิธลี ้ำงให ้ท่ำนทังหลำย
11ข ้ำพเจ ้ำใช ้นำท ้

เพือให ้สำนึ กผิดกลับใจ ่
แต่ผู ้ทีจะมำภำยหลั งข ้ำพเจ ้ำ
ทรงอำนำจยิงกว่่ ำข ้ำพเจ ้ำ
และข ้ำพเจ ้ำไม่สมควรแม้แต่จะถือรองเท ้ำของเขำ
เขำจะทำพิธลี ้ำงให ้ท่ำนเดชะพระจิตเจ ้ำและไฟi
มก 9 :
48ทีนั ่ ่ นหนอนไม่รู ้ตำยไฟไม่รู ้ดับ49เพรำะทุกคนจะถูกดองด ้วยเกลือแ
ละไฟ50เกลือเป็ นสิงดี ่ แต่ถ ้ำเกลือจืดท่ำนจะนำสิงใดมำท
่ ำให ้เกลือเค็ม

ได ้อีกจงมีเกลือไว ้ในท่ำนเถิดและจงอยู่อย่ำงสันติกบั ผู ้อืน”
วว 19 : 11ข ้ำพเจ ้ำเห็นสวรรค ์เปิ ด และเห็นม้ำขำวgตัวหนึ่ ง
ผูข ี่ ชอว่
้ มี ื่ ำ ่ ตย ์"
"ผู ้ซือสั และ ่ อได ้"
"ผู ้เชือถื
เขำตัดสินและทำสงครำมด ้วยควำมยุตธิ รรม
12นัยน์ตำของเขำเหมือนคบไฟ บนศีรษะมีมงกุฎhหลำยมงกุฎ
่ ้
เขียนชือไว ่ ้นไม่มใี ครรู ้จัก
ชือนั นอกจำกเขำเท่ำนั้น

13เขำสวมเสือคลุ มชุม ่
่ เลือดi ชือเขำคื อ "พระวจนำตถ ์ของพระเจ ้ำ"j
14กองทัพทีอยู ่ ่ในสวรรค ์k นั่งบนหลังม้ำขำว
้ ้ำป่ ำนเนื อละเอี
สวมเสือผ ้ ยดขำวบริสุทธิ ์ ติดตำมพระองค ์ไป
15ดำบคมออกจำกlพระโอษฐ ์เพือใช ่ ้ฟำดฟันนำนำชำติ
พระองค ์จะทรงปกครองเขำด ้วยคทำเหล็ก
พระองค ์จะทรงย่ำองุ ่นในบ่อให ้เป็ นเหล ้ำองุ ่นทีมอมเมำคื
่ อพระพิโรธขอ
ง พระเจ ้ำผูทรงสรรพำนุ
้ ภำพm
16พระองค ์มีพระนำมเขียนไว ้บนเสือคลุ ้ มและทีหลั่ งพระชงฆ ์ว่ำ

"กษัตริย ์แห่งกษัตริย ์ทังหลำย ้
และเจ ้ำนำยแห่งเจ ้ำนำยทังหลำย"n
19ข ้ำพเจ ้ำเห็นสัตว ์ร ้ำย
บรรดำกษัตริย ์ของแผ่นดินและกองทัพของเขำมำรวมกันทำสงครำมกั
บพระองค ์ผู ้ประทับบนม้ำขำวและทำสงครำมกับกองทัพของพระองค ์
20สัตว ์ร ้ำยถูกจับเป็ นเชลย
ประกำศกเทียมทีเคยท ่ ำปำฏิหำริย ์ต่อหน้ำสัตว ์ร ้ำย

และใช ้ปำฏิหำริย ์เหล่ำนี หลอกลวงผู ่
้ทียอมสั ่
กตรำของสัตว ์ร ้ำยและผู ้ทีก
รำบนมัสกำรรูปปั้นoของสัตว ์ร ้ำยนั้นก็ถก ู จับเป็ นเชลยพร ้อมกันด ้วย
สัตว ์ร ้ำยและประกำศกเทียมถูกโยนทังเป็ ้ นลงไปในทะเลไฟทีมี ่ กำมะถัน

เป็ นเชือเพลิ ง 21ส่วนคนอืน ่ ๆ
ก็ถก ่
ู ประหำรด ้วยดำบทีออกจำกพระโอษฐ ์ของพระองค ์ผูป้ ระทับอยู่บน

หลังม้ำ นกทังหลำยกิ ้
นเนื อของเขำเหล่ ำนั้นจนอิม ่
f ่ ตสวรรค ์ได ้บอกล่วงหน้ำถึงกำรล่มสลำยของบำบิโลน
หลังจำกทีทู
(14:8,14-15;) และบรรยำยเหตุกำรณ์นีใน ้ (16:19-20; 17:12-14)
แล ้วพระคริสตเจ ้ำ พยำนทีซื ่ อสั
่ ตย ์ (3:14) จะทำให ้วันของพระยำห ์เวห ์
(อมส 5:18 เชิงอรรถ m;)
้ ง
มำถึงโดยทรงทำลำยศัตรูของพระศำสนจักรลงอย่ำงสินเชิ

รำยละเอียดของเหตุกำรณ์นียกมำจำกข ้อควำมหลำยตอนของหนังสือ
ประกำศกเช่นเดียวกับในกำรบรรยำยถึงเหตุกำรณ์ใน (12:5; 14:6-
20; 17:14; )
g สีขำวเป็ นสัญลักษณ์ของช ัยชนะ

h เพรำะพระองค ์ทรงเป็ นกษัตริย ์แห่งกษัตริย ์ทังหลำย (ดู ข ้อ 16)
i เป็ นกำรท ้ำวควำมถึง อสย 63:1 (ดู ข ้อ 15)

เสือคลุ ่ ม
มทีชุ ่ เลือดเป็ นสัญลักษณ์หมำยถึงควำมพินำศของศัตรู (ดู
5:5)
j พระนำมต่ำง ๆ ของพระองค ์ผู ้ประทับบนหลังม้ำและทรงช ัยชนะใน(ข ้อ
12,13,16) บอกให ้ทรำบถึงพระธรรมชำติของพระองค ์ในลักษณะต่ำง
ๆ นอกจำกพระนำมทีไม่ ่ มใี ครรู ้จัก (ข ้อ 12) แล ้วยังมีพระนำมว่ำ
"พระวจนำตถ ์"

ซึงหมำยควำมว่ ำพระองค ์ทรงเผยให ้มนุ ษย ์รู ้จักพระเจ ้ำได ้ (เทียบ ยน
่ ำนั้น พระองค ์ยังทรงพิพำกษำแทนพระเจ ้ำด ้วย (วว
1:1,14;) หรือยิงกว่
20:11-12; 22:12; ดู ปชญ 18:14-18 ด ้วย)
่ ่ในสวรรค ์" หมำยถึง ทูตสวรรค ์ (เทียบ มธ 26:53;)
k "กองทัพทีอยู
ี่
หรืออำจจะหมำยถึงมรณสักขีทสวมเสื ้
อขำวใน (วว 14:5 และ 17:14
ดู 3:5,18; 6:11; 16:15; 19:8; และ มธ 22:11ฯ)
l "ดำบคม" เป็ นสัญลักษณ์ของพระวำจำทีมี ่ อำนำจทำลำย (เทียบ
ปชญ 18:16; อสย 11:4; และ วว 1:16; ฮชย 6:5; 2 ธส 2:8; ฮบ
4:12)
m บ่อย่ำองุ ่นเป็ นภำพทีใช
่ ้บ่อย ๆ

ในหนังสือของประกำศกเพือหมำยถึ ่
งกำรทีพระเจ ้ำทรงทำลำยศัตรูของ
ประชำกรของพระเจ ้ำในวันพิพำกษำ (เทียบ ปฐก 49:9-12; อสย

63:1-6; ยรม 25:30; ยอล 4:13;) เกียวกั
บ "เหล ้ำองุ ่นคิอพระพิโรธ"
(ดู อสย 51:17 เชิงอรรถ h)
n เป็ นสมญำแสดงเกียรติสงู สุด (ดู 17:14; ฟป 2:9-11;)
่ หมินพระเจ
ตรงข ้ำมกับชือดู ่ ่ ่บนหัวของสัตว ์ร ้ำย (วว 13:1; 17:3)
้ำทีอยู
้ ปกิจกำรของประกำศกเทียมดังทีกล่
o ข ้อควำมนี สรุ ่ ำวไว ้ใน (บทที่
13:11-18)
20 :
11ข ้ำพเจ ้ำเห็นบัลลังก ์ใหญ่สขี ำวและเห็นพระองค ์ผู ้ประทับอยู่บนบัลลัง
ก ์g ท ้องฟ้ ำและแผ่นดินสูญหำยไปเฉพำะพระพักตร ์ของพระองค ์
้ ใ้ หญ่และผู ้น้อยยืนอยู่หน้ำพระบัล
12แล ้วข ้ำพเจ ้ำเห็นบรรดำผู ้ตำยทังผู
ลังก ์ ่
หนังสือหลำยม้วนถูกคลีออก
หนังสืออีกม้วนหนึ่ งคือม้วนหนังสือแห่งชีวต ิ ก็ถก ่
ู คลีออกด ้วย
บรรดำผูต้ ำยถูกพิพำกษำตำมข ้อควำมทีบั ่ นทึกไว ้ในหนังสือเหล่ำนั้น
ตำมกิจกำรของเขำh
13ทะเลคืนบรรดำผูต้ ำยทีอยู ่ ่ในทะเล
14ควำมตำยและแดนผู ้ตำยก็คน ื บรรดำ ่ ่ในแดนผู ้ตำย
ผู ้ตำยทีอยู
ทุกคนถูกพิพำกษำตำมกิจกำรของตน ควำมตำยและแดน
ผูต้ ำยถูกโยนลงไปในทะเลไฟi ทะเลไฟนี คื้ อควำมตำยครงที
้ั สอง

15ผูใ้ ดไม่มช ื่ นทึกอยู่ในหนังสือแห่งชีวต
ี อบั ิ ก็ถก
ู โยนลงในทะเลไฟ
g
กำรพิพำกษำครงสุ ้ั ดท ้ำยจะเกิดขึนหลั
้ งจำกกำรกลับคืนชีพของบรรดำ
ผูต้ ำย (2:23; 3:5; ดู 19:13 เชิงอรรถ j; ดนล 7:10;)
โลกปัจจุบน ้ โลกใหม่เข ้ำมำแทนที่ (21:1 เชิงอรรถ a)
ั นี จะมี
h ม้วนหนังสือชุดแรกบันทึกกำรกระทำของมนุ ษย ์ไว ้
ส่วนม้วนหนังสือแห่งชีวต ่ นม้วนสุดท ้ำยทีคลี
ิ ซึงเป็ ่ ออก


เป็ นรำยชือของผู ่
้ทีพระเจ ้ำได ้ทรงกำหนดไว ้แล ้ว (ดู ดนล 7:10
เชิงอรรถ i; 12:1 เชิงอรรถ a; กจ 13:48 เชิงอรรถ jj)
i หลังจำกกำรพิพำกษำครงสุ ้ั ดท ้ำย ควำมตำยเองก็จะหมดอำนำจ (ดู
20:10; 21:4; และ 20:6)
21 : ้
4พระองค ์จะทรงเช็ดนำตำทุ กหยดจำกนัยน์ตำของเขำ
จะไม่มค
ี วำมตำยอีกต่อไป จะไม่มก ่
ี ำรครำครวญ กำรร ้องไห ้
และควำมทุกข ์อีกต่อไป เพรำะโลกเดิมผ่ำนพ้นไปแล ้ว
5พระองค ์ผูป้ ระทับบนพระบัลลังก ์ตร ัสว่ำ "ดูซ ิ เรำทำทุกสิงขึ ่ นใหม่

และทรงเสริมว่ำ จงบันทึกลงไปว่ำ "ถ ้อยคำเหล่ำนี สั ้ ตย ์จริง เชือถื
่ อได ้"
6แล ้วพระองค ์ตร ัสกับข ้ำพเจ ้ำอีกว่ำ "สำเร็จแล ้ว
เรำคืออัลฟำและโอเมก ้ำ เป็ นปฐมเหตุและอวสำน
ผูใ้ ดกระหำยfเรำจะให ้ผูน้ ้ันดืมจำกธำรน
่ ้
ำแห่ งชีวต
ิ โดยไม่คด
ิ รำคำ"
22 : 3คำสำปแช่งจะไม่มอ ี ก
ี ต่อไปc
พระบัลลังก ์ของพระเจ ้ำและของลูกแกะจะอยู่ในนครนั้น
บรรดำผูร้ ับใช ้ของพระองค ์จะกรำบนมัสกำรพระองค ์
4เขำจะเห็นพระพักตร ์ของพระองค ์
และจะมีพระนำมของพระองค ์บนหน้ำผำก 5จะไม่มก ี ลำงคืนอีกต่อไป
เขำเหล่ำนั้นไม่ต ้องกำรแสงตะเกียงหรือแสงอำทิตย ์อีก

เพรำะพระเจ ้ำองค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำจะทรงส่องสว่ำงเหนื อเขำทังหลำย
เขำจะครองรำชย ์อยู่ตลอดนิ ร ันดร
6ทูตสวรรค ์กล่ำวแก่ข ้ำพเจ ้ำว่ำd ้ นจริงเชือถื
"ถ ้อยคำเหล่ำนี เป็ ่ อได ้
องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำพระเจ ้ำผูทรงดลใจบรรดำประกำศกทรงส่
้ งทูตสวรรค ์
่ จะต
ของพระองค ์มำแจ ้งให ้บรรดำผูร้ ับใช ้ของพระองค ์รู ้ถึงสิงที ่ ้องเกิดขึ ้
นในไม่ช ้ำ" 7พระเยซูเจ ้ำตร ัสว่ำ "เรำจะมำทันที"
ี่ บต
ผูท้ ปฏิ ิ ำมถ ้อยคำของกำรประกำศพระวำจำในม้วนหนังสือนี ย่้ อมเ
ั ต
ป็ นสุข
10ทูตสวรรค ์เสริมอีกว่ำ
"อย่ำประทับตรำปิ ดถ ้อยคำแห่งกำรประกำศพระวำจำของม้วนหนังสือ
นี ้ เพรำะเวลำใกล ้มำถึงแล ้ว 11ให ้คนอธรรมทำควำมอธรรมต่อไป
่ ั ำชวต่
ให ้คนชวท ่ ั อไป ให ้คนชอบธรรมปฏิบต ั ค
ิ วำมชอบธรรมต่อไป
ั ดิสิ์ ทธิบ์ ำเพ็ญควำมศักดิสิ์ ทธิต่์ อไปe 12พระเยซูเจ ้ำตร ัสว่ำ
และให ้ผูศ้ ก
"เรำจะมำทันที
และจะนำบำเหน็ จรำงวัลของเรำมำด ้วยเพือตอบแทนแต่ ่ ละคนตำมกิจก
ำรของเขำ 13เรำคือ อัลฟำและโอเมก ้ำ เป็ นเบืองต ้ ้
้นและบันปลำย
เป็ นปฐมเหตุและอวสำน"
ลก 15 : 4‘ท่ำนใดทีมี่ แกะหนึ่ งร ้อยตัว ตัวหนึ่ งพลัดหลง
จะไม่ละแกะเก ้ำสิบเก ้ำตัวไว ้ในถินทุ ่ รกันดำร
ออกไปตำมหำแกะทีพลั ่ ดหลงจนพบหรือ ่
5เมือพบแล ้ว
เขำจะยกมันใส่บ่ำด ้วยควำมยินดี 6กลับบ ้ำน
เรียกมิตรสหำยและเพือนบ่ ้ำนมำ พูดว่ำ “จงร่วมยินดีกบั ฉันเถิด
ฉันพบแกะตัวทีพลั ่ ดหลงนั้นแล ้ว”

7เรำบอกท่ำนทังหลำยว่ ้
ำในสวรรค ์จะมีควำมยินดีเช่นนี เพรำะคนบำป
คนหนึ่ งกลับใจมำกกว่ำควำมยินดีเพรำะคนชอบธรรมเก ้ำสิบเก ้ำคนทีไ่
ม่ต ้องกำรกลับใจใหม่”
23 : ่
33เมือมำถึ งสถำนทีที ่ เรี
่ ยกว่ำเนิ นหัวกระโหลก
บรรดำทหำรตรึงพระองค ์ทีนั ่ ่ นพร ้อมกับผู ้ร ้ำยสองคน
คนหนึ่ งอยู่ข ้ำงขวำและอีกคนหนึ่ งอยู่ข ้ำงซ ้ำย 34jพระเยซูเจ ้ำตร ัสว่ำ
‘พระบิดำเจ ้ำข ้ำ โปรดอภัยควำมผิดแก่เขำเถิด
เพรำะเขำไม่รู ้ว่ำกำลังทำอะไร’kทหำรนำเสือผ ้ ำ้ ของพระองค ์ไปจับสลำ
กแบ่งกัน
35ประชำชนยืนดูอยู่ทนั ี่ ่ น ส่วนบรรดำผู ้นำเยำะเย ้ยพระองค ์ว่ำ

‘เขำช่วยคนอืนให ร้ อดพ้นได ้ ก็ให ้เขำช่วยตนเองซิ

ถ ้ำเขำเป็ นพระคริสต ์ผู ้ทีพระเจ ้ำทรงเลือกสรร’
36แม้แต่บรรดำทหำรก็เยำะเย ้ยพระองค ์ด ้วย

เขำนำเหล ้ำองุ ่นเปรียวเข ้ำมำถวำย 37พลำงกล่ำวว่ำ
‘ถ ้ำท่ำนเป็ นกษัตริย ์ของชำวยิว ก็จงช่วยตนเองให ้รอดพ้นซิ’
้ อกษัตริย ์ของชำวยิว’
38มีคำเขียนไว ้เหนื อพระองค ์ว่ำ ‘ผู ้นี คื
39ผู ้ร ้ำยคนหนึ่ งทีถู
่ กตรึงบนไม้กำงเขน ่
พูดดูหมินพระองค ์ว่ำ
‘แกเป็ นพระคริสต ์ไม่ใช่หรือlจงช่วยตนเองและช่วยเรำให ้รอดพ้นด ้วยซิ
’ 40แต่อก ี คนหนึ่ งดุเขำกล่ำวว่ำ
‘แกไม่เกรงกลัวพระเจ ้ำหรือทีมำร่ ับโทษเดียวกัน
41สำหร ับพวกเรำก็ยุตธิ รรมแล ้ว
เพรำะเรำร ับโทษสมกับกำรกระทำของเรำ แต่ท่ำนผู ้นี มิ ้ ได ้ทำผิดเลย’
42แล ้วเขำทูลว่ำ ‘ข ้ำแต่พระเยซู โปรดระลึกถึงข ้ำพเจ ้ำด ้วย

เมือพระองค ์จะเสด็จสู่พระอำณำจักรของพระองค ์’m
43พระองค ์ตร ัสตอบเขำว่ำ ‘เรำบอกควำมจริงกับท่ำนว่ำ วันนี ้
ท่ำนจะอยู่กบั เรำในสวรรค ์’
44ขณะนั้น ่ น
เป็ นเวลำประมำณเทียงวั

ทัวแผ่ นดินมืดไปจนถึงเวลำบ่ำยสำมโมงn 45เพรำะดวงอำทิตย ์มืดลง
ม่ำนในพระวิหำรฉี กขำดตรงกลำง 46พระเยซูเจ ้ำทรงร ้องเสียงดังว่ำ
‘พระบิดำเจ ้ำข ้ำ
ข ้ำพเจ ้ำมอบจิตของข ้ำพเจ ้ำไว ้ในพระหัตถ ์ของพระองค ์’

เมือตร ้ ้ว ก็สนพระชนม
ัสดังนี แล ิ้ ์
สุดท ้ำยแล ้วนั้นพระเจ ้ำต ้องกำรทีจะท
่ ำลำยนรกและควำมตำย
หำใช่สงมีิ่ ชวี ติ ใดๆเลย
ถึงอย่ำงไรก็ตำมดีหรือเลวนั้นส่งผลเหมือนกันหมดในทุกๆช่วงเวลำ
พระองค ์ไม่ได ้ทรงชนะทุกสิงด ่ ้วยควำมสำมำรถทีคนอื
่ ่ ้นตำมไม่ทน
นนั ั

แต่โดยควำมร ักทียอมสละซึ ่ กอย่ำงได ้เพือคนที
งทุ ่ ่
เรำร ัก
คาถามของสถานการณ์

ภำยใต ้ควำมรู ้สึกต่ำงๆ ควำมสินหวั งต่ำงๆ

ควำมซึมเศร ้ำและควำมปรำรถนำทีจะจบชี ิ เหล่ำนั้น
วต
้ ่
อำกำรคลุมคลั
งอำละวำดจนถึ ่
งแม้กระทังกำรอยำกฆ่ ำคนตำย กำรเสพ
ติดในควำมปรำรถนำอยำกบำงอย่ำงจนจมอยู่ตรงนั้นไม่สำมำรถออกไ

ปไหนได ้อย่ำงปกติชนทัวไป ล ้วนแต่มส
ี ำเหตุ
่ วธิ ค
และสำมำรถทีจะมี ี ด ่ ับมือกับสถำนกำรณ์ทำงอำรมณ์เหล่ำนั้น
ิ ทีจะร

ซึงวงโคจรของกำรเสพติ
ด สู่ ควำมซึมเศร ้ำ สู่

ควำมโหดเหียมจนผิดมนุ ษย ์มนำ
และกำรอยู่ในวงโคจรแห่งบำปเหล่ำนั้นอันไม่มวี น
ั จบสิน้
ในตัณหำกำรทะนงในควำมสำเร็จและควำมคิดของเรืองส่ ่ วนตัว ในตั

ณหำทำงกำรร ับรู ้สัมผัสและกำรสือสำรโดยไม่ รู ้จักจำกัดขอบเขตไว ้ให ้
กับตัวเองและกับใครๆ
ในตัณหำทำงกำรตอบสนองควำมต ้องกำรเหล่ำนั้นโดยไม่สนใจเลยว่ำ
นั้นจะมีผลลัพธ ์อะไรตำมมำ

่ จะไปถึ
เพือที ่ ่
งซึงกำรแก ่
้ไขซึงเหล่ ำบรรดำปัญหำให ้เป็ นไปตำมอุดมคติ
ให ้ฟ้ ำสวรรค ์นั้นสำมำรถทีจะเกิ
่ ้ งบนพืนแผ่
ดขึนจริ ้ นดินนี ้

โดยไม่ต ้องรอทีจะต ้องให ้ต ้องตำยก่อน
เรำถึงจะพบกับพระนิ พพำนเหล่ำนั้น ...

คนเรำเกิดมำไม่เท่ำกันนั้นสำมำรถเป็ นผลมำจำก
่ อมล
โครงสร ้ำงของสังคมทีเหลื ่ ำ้
ควำมก ้ำวหน้ำทำงควำมรู ้ในโภชนำกำรและกำรแพทย ์
ควำมก ้ำวหน้ำในเกษตรกรรม
กำรปร ับปรุงคุณภำพของดินและแหล่งกักเก็บนำ้

ซึงกำรคิ ่ ้อจำกัดของขอบเขตในตัวแปรค่ำคงทีอั
ดค ้นโดยไร ้ซึงข ่ ตรำส่ว

นเดิมๆจะสำมำรถแปรเปลียนจำกแผนที ่ งคื
ซึ ่ อนรกกลับกลำยเป็ นฟ้ ำส

วรรค ์บนพืนแผ่ ้
นดินขึนมำได ้ อย่ำงไรก็ตำมแล ้วทุกอย่ำงมีคำตอบ

และควำมยิงใหญ่ ของคำตอบนั้นสำมำรถทีจะแก
่ ่ กอย่ำงได ้
้ไขซึงทุ

ตำบอดแต่กำเนิ ดนั้นสำมำรถเกิดขึนได
้ ้โดยไม่ต ้องมำจำกคนๆนั้นเคย
ทำกรรมมำ
แต่โดยควำมไม่รู ้บำงอย่ำงอันมำจำกกำรห่ำงไกลจำกพระเจ ้ำจึงสำมำร
ถเกิดอุบต ้
ั เิ หตุระหว่ำงกำรตังครรภ ์
แม้จะไม่ใช่โดยกำรถูกกระแทกก็ตำม

แต่อย่ำงไรก็ตำมแล ้วควำมยิงใหญ่ ่
ของแหล่งทีมำอั ่ ำตอบ
นจะนำมำซึงค
นั้น
่ อกำรคิดถึงตัวแปรค่ำคงทีอั
ซึงคื ่ ตรำส่วนโดยกำรเพิมข
่ ้อมูลแบบกำรคิ

ดเข ้ำใกล ้ค่ำอนันต ์ จะสำมำรถเปลียนแปลงในทุกๆปัญหำได ้
แม้แต่ในคนตำบอดแต่กำเนิ ด หรือศพทีเน่ ่ ำมำแล ้วสำมวันก็ตำม

ส่วนในสังคมนั้น
่ ำร ้ำยคนอืนเขำยั
ถ ้ำจะเห็นว่ำคนทีท ่ งใช ้ชีวต
ิ อย่ำงสุขสบำย

กำรทีคนที ่
เขำทำผิดพลำดนั้น ไม่ได ้ร ับผล
ก็เป็ นเพรำะพระองค ์ทรงมอบพลังงำนและควำมชุม ้ ้นแก่คนดีและค
่ ชืนนั
่ั
นชวเสมอกั ่ ได ้หมำยควำมว่ำพระองค ์ทรงปล่อยปละละเลย
น ซึงไม่
แต่ทกุ อย่ำงจะต ้องไปต่อ
่ ว่่ ำเขำเหล่ำนั้นจะสำมำรถทีจะท
เพือที ่ ำให ้ทุกๆอย่ำงทีเสี
่ ยหำยสำมำรถ
ฟื ้ นกลับคืนมำ
แม้วำ่ เขำนั้นจะใช ้เวลำต่อไปด ้วยควำมบำปอันต่อเนื่ องก็ตำม

แต่อย่ำงไรก็ตำมแล ้ว จงเชือในเรื ่
องของหั
วใจเถอะว่ำ
ทำกับเขำกันไว ้อย่ำงไร
ควำมเหล่ำนั้นจะแปรเปลียนเป็
่ นควำมยินดีไปได ้โดยอย่ำงไรกัน

เจ็บอะไรก็ไม่เท่ำกับควำมเจ็บปวดทีบำดกิ
นเข ้ำไปถึงห ้วงลึกแห่งจิตวิญ
ญำณ

" ในทำงกลับกันกำรทำผิดซำรอยเดิ ้ ม

ซึงเรำก็ ้ ้ว่ำนั่นคือกำรสร ้ำงควำมเสียหำย
รู ้ทังรู
่ ำคนทีถู
ย่อมเจ็บปวดยิงกว่ ่ กกระทำ

กำรแก ้แค ้นด ้วยกำรตอบแทนกำรร ้ำยด ้วยกำรร ้ำยนั้น


่ ำบำดแผลใดๆทีเหยื
บำดเจ็บสำหัสยิงกว่ ่ อใดๆนั
่ ้นจะถูกกระทำกันมำ
้ รนทุรำยขบเขียวเคี
เป็ นกำรร ้องดินทุ ้ ้
ยวฟั ่
นซึงไฟแห่ งนรก

่ กเขำเอำมำใส่ให ้เหล่ำนั้น ถ ้ำเรำยอมร ับ


ค่ำนิ ยมทีถู

เรำก็คอื ทำสในเครือของเขำโดยบรรดำโครงสร ้ำงของบำปโดยทังหมด
"

และในทำงกลับกันอีกเช่นกันนั้นกำรทีอุ
่ ทำหรณ์จะเกิดขึนจำกควำมเสี


ยหำยของผูค้ นซึงเหยื ่ ำงๆนั้น
อต่
่ คคลทีตั
โดยเฉพำะซึงบุ ่ ดสินใจยินยอมเช่นมรณะสักขีและพระคริสต ์พร
ะธรรมเจ ้ำ

ไม่ได ้เป็ นเพียงเชือเพลิ ่ อของกำรประมวลผลควำมจริงและ
งของเครืองมื

ควำมเข ้ำใจแห่งเอกภพ แต่กำรทีคนใกล ้ตัวนั้นจะทำเพือกั
่ น
อย่ำงน้อยๆก็เนื่ องมำจำกกำรพบเจอ
กำรแบกร ับปัญหำเหล่ำนั้นก็คมคุ
ุ ้ ณค่ำ ถ ้ำจะมีคนเขำจะได ้กลับใจ
ตำมเป้ ำหมำยในกำรอยู่รว่ มกัน

เป็ นเรืองของหั
วใจในทำงเดินแห่งหนทำงร่วมกัน

ถึงอย่ำงไรแล ้วอุทำหรณ์ใดๆก็ตำม
นั้นมีผลต่อควำมดีส่วนตัวของคนเหล่ำนั้นโดยเสมอ
่ อกำรทำดีตอ
ซึงคื ่ ณค่ำของชีวต
่ ตัวเขำเอง และกำรเห็นซึงคุ ิ และจิตวิญ

ญำณของเขำ ผ่ำนกำรคิด กำรสือสำรกำรแสดงออก และกำรกระทำ

ไม่จำเป็ นว่ำจะต ้องเป็ นแม่แท ้ๆเท่ำน้น

ทีจะยอมตำยเพื ่ กทีได
อลู ่ ้ติดยำบ ้ำและคลุ ้มคลังอำละวำด

แต่คอื คนทีร่ ักเค ้ำ และพร ้อมทีจะยอมสละเพื
่ ่
อเขำ
่ เขำนั
เพือที ่ ้นจะสำมำรถพร ้อมทีจะกลั
่ บมำเป็ นคนดี ถ ้ำจำเป็ น

กำรแบกกำงเขนร่วมกันกับพระองค ์เป็ นกำรไถ่ชวี ต


ิ ตัวเองจำกควำมเห็
นแก่ตวั ไถ่ชวี ต ิ ตัวเองจำกควำมบำปผิดต่ำงๆ
ไถ่ชวี ต ่
ิ ผู ้อืนให ้ออกมำจำกโคลนตม ไถ่ชวี ต
ิ ไก่งวง แกะ แพะ โคกระบือ
ิ ได ้อีกครง้ั เป็ นกำรปล่อยนกปล่อยปลำ
ให ้เขำกลับมำใช ้ชีวต
่ แต่เพียงตัวเดียว พระเจ ้ำก็ไม่เคยลืมเลย ร่วมกันกับพระองค ์
ทีแม้


อย่ำงไรก็ตำมแล ้วกำรทีเขำนั ้นจะไม่ให ้เพรำะเป็ นเพือนกั
่ น

เขำก็จะให ้เพรำะถูกรบเร ้ำ เรืองเหล่ ้ นเรืองของจิ
ำนี เป็ ่ ตใจ ควำมร ้อน
่ อยู
ควำมทุกข ์ทรมำน เป็ นสิงที ่ ่ภำยใน ยำกทีจะมี
่ ผู ้ใดนั้นเข ้ำไปหยังถึ
่ ง
คนเรำทุกข ์ร ้อนในควำมลำบำกของทุกๆชีวต ่
ิ เพือนร่วมเอกภพนั้นโดย
เสมอ

และแม้ว่ำนั่นจะไม่ใช่เรำนั้นลงนรกหรือไฟชำระโดยตรงแล ้ว

กำรทีเรำต ้องไปพบเห็นใครๆนั้นกำลังทนทุกข ์ทรมำนกันอยู่ในบึงไฟน
รก คนพบเห็นย่อมทีจะเจ็่ บปวดโดยเช่นกันเสมอ
พระเจ ้ำก็ทรงรู ้สึกแบบนั้นเช่นกัน

" โดยเป้ ำหมำยส่วนตัว ประกอบกับกำรพบเจอ


่ ำหมำยในกำรอยู่รว่ มกัน
คนเรำจะทำเพือเป้
่ ดนรกและควำมตำยซึงคื
ท ้ำยทีสุ ่ อศัตรูตวั สุดท ้ำยทีพระธรรมเจ
่ ้ำจะทรง
้ กโดยอย่ำงสินเชิ
ทำลำย จะไม่เกิดขึนอี ้ ง
ไม่มค ่ ั ้ำยของใครนั้นจะเป็ นนิ ร ันดร "
ี วำมชวร

่ หวั ใจนั้นน่ ำร ักเสมอ ...


ทุกคนทีมี

แต่เสียงหัวใจของเรำล่ะ โดยปกติแล ้ว ได ้ยินเสียงเหล่ำนี โดยหรื
อไม่


"ฉันเคยหลอกลวง หรือโกหกเพือให ่ ฉั
้ได ้ในสิงที ่ นต ้องกำร"

"ฉันมักจะเฉยชำ หรือไม่รู ้สึกอ่อนไหว"

ื่
"ฉันมักจะอยำกให ้ผูอ้ นมำชื ่
นชมในตั
วฉัน"

และโดยถ ้ำควำมจริงข ้ำงต ้น บอกเรำว่ำใช่


เรำจึงจะต ้องหลุดออกจำกอุปนิ สยั เหล่ำนี ้
่ ดกล่ำวคือ
ให ้ได ้โดยอย่ำงเร่งด่วนทีสุ
ประกำรแรกคือ แมกคิเวลเลียน (Machivellianism) คือ
่ เพือท
มีนิสยั ชอบหลอกใช ้คนอืน ่ ำให ้ตัวเองมีอำนำจ

ซึงมำจำกปั จเจกนิ ยม Individualism
่ อตัณหำทำงกำรทะนงในควำมสำเร็จส่วนตัว นำไปสู่กเิ ลสจองหอง
ซึงคื
หลงผิด (pride) ; อิจฉำ ท ้อแท ้ ปลงตก (envy) และ เกียจคร ้ำน
หยุดนิ่ งอยู่กบั ที่ (sloth)


ประกำรทีสองคื อ นำร ์ซิสซิส (Narcissism) คือ

กำรสนใจแต่ตวั เองและชืนชมตั ่
วเองมำกเกินไป ซึงมำจำกวั
ตถุนิยม
Materialism ซึงคื่ อตัณหำทำงตำ ซึงน
่ ำไปสู่กเิ ลสตระหนี่ วำงเฉย

เฉยเมย เชืองช ้ำ (avarice , covetousness) และ ลำมก
มีควำมสัมพันธ ์โดยไม่คด
ิ ดูให ้ดีกอ ่ ญหำต่อใครหรือไ
่ นว่ำจะนำมำซึงปั
ม่ (lust)

ประกำรสุดท ้ำยคือ ไซโคพำธี (psychopathy)


ื่
คือนิ สยั หุนหันพลันแล่น และขำดควำมเห็นอกเห็นใจผูอ้ น

ซึงมำจำกบริ ่ อตัณหำทำงเนื อหนั
โภคนิ ยม Consumerism ซึงคื ้ ง
อันจะนำไปสู่กเิ ลสโมโห โกรธ เครียด แค ้น (anger , wrath) และ
โลภ (gluttony)


โดยทังสำมอุ ้ จะน
ปนิ สยั เหล่ำนี ที ่ ำไปสู่กเิ ลส 7 ประกำร
สำมำรถจะนำไปสู่กำรฆ่ำคนตำยได ้
โดยอย่ำงน้อยๆก็โดยกำรรู ้เท่ำไม่ถงึ กำรณ์
จนถึงฆ่ำโดยเป็ นกิจวัตรประจำตัว ด ้วยกำรวำงแผนล่วงหน้ำเอำไว ้

โดยไม่ได ้คิดถึงเรืองของคนอื ่ นอย่ำงเพียงพอ
นกั
่ บเนื่ องมำจำกจุดๆหนึ่ งทีทุ
ซึงสื ่ กอย่ำงแล ้วจะวนอยู่ในวงโคจรแห่งบำป
กิเลส และตัณหำกล่ำวคือ

" โดยอำรมณ์ซมึ เศร ้ำ จำกห ้วงแห่งควำมคิดเอำเอง


ใช ้ตัวเองเป็ นคำตอบของปัญหำ


อำรมณ์คลุ ้มคลังอำละวำด

จำกห ้วงแห่งมุมมองทีมองไปแต่ ่
เรืองของควำมต ้องกำรส่วนตัว

และอำรมณ์เสพติดอยู่กบั อะไรบำงอย่ำง

จำกห ้วงแห่งกำรตอบสนองควำมต ้องกำรทำงเนื อหนั ง

โดยขำดซึงควำมยั ้ ดยังท
งคิ ้ ำ"

ดังนั้นในเบืองต
้ ้นแล ้วควำมหนักอกหนักใจอันเนื่ องมำจำกกำรถูกริดร
อนอิสระภำพ

กับควำมรู ้สึกร ้อนอกร ้อนใจกับกำรทีจะต ้องกำรควบคุมผลลัพธ ์
นั้นต ้องสำมำรถแก ้ไขได ้ด ้วยกำรถอยหลังออกมำกันคนละก ้ำว แล ้วมอ

งไปทีควำมสงบสุ ขเป็ นหลัก

เป้ ำหมำยในกำรอยู่รว่ มกันคือพืนฐำนของเป้ ้
ำหมำยส่วนตัวโดยทังหม

ด ทุกคนต่ำงก็ต ้องกำรทีจะควบคุ มผลลัพธ ์กันโดยเสมอ
แต่กฏแห่งกรรมอยู่รว่ มกันนั้น
ั ยำกรนั้นสำมำรถทีจะได
เรำจะต ้องทำให ้ทรพ ่ ้โดยอย่ำงทุกคน
เรำจะต ้องมองส่วนดีอยู่เสมอว่ำทุกคนต่ำงปรำรถนำดีเสมอ
เรำจะต ้องเข ้ำใจรูปแบบบุคลิกภำพของทุกคน
เรำจะต ้องให ้เกียรติกำรตัดสินใจของทุกคน
และเรำจะต ้องรู ้จักร ักษำระยะห่ำงระหว่ำงควำมหลำกหลำยทำงบุคลิกภ

ำพทีอำจจะไม่ สำมำรถไปร่วมกันได ้

a รม 12 : 1พีน้ ่ อง เพรำะเห็นแก่พระกรุณำธิคณุ ของพระเจ ้ำ



ข ้ำพเจ ้ำอ ้อนวอนท่ำนทังหลำยให ่ ช
้ถวำยร่ำงกำยของท่ำนเป็ นเครืองบู
ำทีมี ่ ชวี ต ่ กดิสิ์ ทธิและเป็
ิ ทีศั ์ ่
นทีพอพระทั
ยแด่พระเจ ้ำ
นี่ เป็ นคำรวกิจด ้วยจิตใจของท่ำนb
2อย่ำคล ้อยตำมควำมประพฤติของโลกนี ้

แต่จงเปลียนแปลงตนเองโดยกำรฟื ้ นฟูควำมคิดขึนใหม่


เพือจะได ่
้รู ้จักวินิจฉัยว่ำสิงใดเป็ ่
นพระประสงค ์ของพระเจ ้ำ สิงใดดี

และสิงใดเป็ ่
นทีพอพระทั ยอันสมบูรณ์พร ้อมของพระองค ์


12 a กลุ่มคริสตชนได ้เข ้ำมำแทนทีพระวิ
หำรกรุงเยรูซำเล็ม สดด 2:6
เชิงอรรถ b; 40:8 เชิงอรรถ c;
และกำรประทับอยู่ของพระจิตเจ ้ำในแต่ละคนทำให ้กำรประทับอยู่ของพ
ระเจ ้ำท่ำมกลำงประชำกรศักดิสิ์ ทธิของพระองค
์ ์แน่ นแฟ้ นขึน้ 1คร
3:16-17; 2คร 6:16; อฟ 2:20-22;

กำรประทับอยู่เช่นนี ของพระจิ
ตเจ ้ำเป็ นแรงบันดำลใจให ้
คริสตชนถวำยคำรกิจแบบใหม่ด ้วยจิตใจแด่พระเจ ้ำ รม 1:9 เชิงอรรถ
่ นส่วนพระ วรกำยของพระคริสตเจ ้ำ 1
f; 12:1; เพรำะผู ้มีควำมเชือเป็
คร 6:15-20; ทีถู่ กตรึงกำงเขนและกลับคืนชีพ
่ ำนักใหม่ของพระเจ ้ำและเป็ นคำรวกิจใหม่แด่พระเจ ้ำ
จึงกลำยเป็ นทีพ
มธ 12:6-7; 26:61 //; 6 เชิงอรรถ a; 27:40 //; ยน 2:19-22,21
เชิงอรรถ i; 4:20-21; กจ 6:13-14; 7:48; ฮบ 10:4-10 เชิงอรรถ a;
วว 21:22

b "ด ้วยจิตใจ"
เป็ นกำรเปรียบเทียบให ้เห็นควำมแตกต่ำงระหว่ำงคำรวกิจของคริสตช
นกับพิธบ
ี ูชำของชำวยิวและของคนต่ำงศำสนำ
่ นกำรถวำยสิงของตำมที
ซึงเป็ ่ ่ ำหนดไว ้ เทียบ ฮชย 6:6; เทียบ รม

1:9 เชิงอรรถ f;

่ ้ำพเจ ้ำได ้ร ับ
3เดชะพระหรรษทำนทีข

ข ้ำพเจ ้ำขอกล่ำวกับท่ำนแต่ละคนว่ำ อย่ำคิดว่ำตนเองเหนื อกว่ำผู ้อืน

แต่จงคิดให ้ถูกต ้องว่ำพระเจ ้ำประทำนควำมเชือc
ให ้แต่ละบุคคลมำกน้อยต่ำงกัน
4เพรำะร่ำงกำยของเรำมีองค ์ประกอบหลำยส่วน และส่วนต่ำง ๆ
้ มห
เหล่ำนี ไม่ ่ ยวกันฉันใด 5แม้เรำจะมีจำนวนมำก
ี น้ำทีเดี
เรำก็รวมเป็ นร่ำงกำยเดียวในพระคริสตเจ ้ำฉันนั้น
โดยแต่ละคนต่ำงเป็ นส่วนร่ำงกำยของกันและกันd

6เรำมีพระพรพิเศษแตกต่ำงกันตำมพระหรรษทำนทีพระองค ์ประทำนใ

ห ้ ผูไ้ ด ้ร ับพระพรทีจะประกำศพระวำจำ
ก็จงใช ้พระพรนั้นมำกน้อยตำมส่วนควำมเชือของตนe ่
่ ้ร ับพระพรทีจะร
7ผู ้ทีได ่ ับใช ้ ก็จงร ับใช ้ ผู ้ทีได
่ ้ร ับพระพรทีจะสอน

ี่ ้ร ับพระพรทีจะตั
ก็จงสอน 8ผูท้ ได ่ กเตือน ก็จงตักเตือน ผู ้ทีบริ
่ จำค
้ ้ ออย่ำงจริงใจ ผู ้ทีเป็
ก็จงบริจำคด ้วยควำมเอือเฟื ่ นผู ้นำ
่ ้นำด ้วยควำมเอำใจใส่ ผูท้ แสดงควำมเมตตำกรุ
ก็จงทำหน้ำทีผู ี่ ณำ
ก็จงแสดงควำมเมตตำกรุณำด ้วยใจยินดี 9จงร ักด ้วยใจจริง
จงหลีกหนี ควำมชว่ ั จงยึดมันในสิ
่ ่ ดี
งที ่ 10จงร ักกันฉันพีน้
่ อง
ื่ กว่ำตนf 11อย่ำเฉื่ อยชำ
จงคิดว่ำผูอ้ นดี
จงมีจต
ิ ใจกระตือรือร ้นในกำรร ับใช ้องค ์พระผู ้เป็ นเจ ้ำg

12จงชืนชมยิ นดีในควำมหวัง จงมีควำมอดทนต่อควำมทุกข ์ยำก
จงพำกเพียรในกำรภำวนำ
่ องคริสตชนในยำมขัดสน
13จงเห็นอกเห็นใจช่วยเหลือพีน้
จงต ้อนรบั ด ้วยอัธยำศัยไมตรี

c "ควำมเชือ" ่
่ ้ในทีนี
ทีใช ่ หมำยถึ
้ ่
งพระพรฝ่ ำยจิตทีพระเจ ้ำประทำนให ้แก่สมำชิกของ

กลุ่มคริสตชน เพือหล่ ้ วต
อเลียงชี ิ และเสริมสร ้ำงกำรเจริญเติบโต

้ ได ้เน้นว่ำคริสตชนเป็ นหนึ่ งเดียวกับพระคริสตเจ ้ำ 1 คร


d ประโยคนี ไม่

12:27 มำกเท่ำกับกำรทีพวกเขำต ่ นและกัน
้องพึงกั

e ยังแปลได ้อีกแบบหนึ่ งว่ำ "ตำมกฎของควำมเชือ"



นั่นคือตำมคำสอนสำมัญของพระศำสนจักรอย่ำงใน 1 คร 12:3; ซึง่

"กำรประกำศหรือกำรแสดงควำมเชือ"
เป็ นมำตรกำรทดสอบว่ำพระพรของพระจิตเจ ้ำนั้น
้ ทำงเป็ นไปได ้น้อยกว่ำ
เป็ นพระพรแทห้ รือไม่ แต่กำรแปลเช่นนี มี

f หรือ "จงแข่งขันในกำรยกย่องกันและกัน"

่ ควำมหมำยว่ำ
g บำงฉบับว่ำ "ร ับใช ้กำลเวลำ" ซึงมี

เตรียมพร ้อมเมือโอกำสมำถึ ง
่ ยดเบียนท่ำน จงอวยพรเขำ อย่ำสำปแช่ง
h 14จงอวยพรผู ้ทีเบี
่ นดี จงร ้องไห ้กับผู ้ทีร่ ้องไห ้
15จงร่วมยินดีกบั ผู ้ทียิ

16จงเป็ นนำหนึ ่ งใจเดียวกัน อย่ำมักใหญ่ใฝ่ สูง
่ ่ำต ้อยเถิด อย่ำทะนงว่ำตนฉลำด
แต่จงยอมทำสิงต
่ ั ้วยควำมชว่ ั
17อย่ำตอบแทนควำมชวด
จงพยำยำมทำดีตอ ่ มนุ ษย ์ทุกคน 18ในส่วนของท่ำน
่ องทีร่ ักยิง่
จงอยู่อย่ำงสันติกบั ทุกคนถ ้ำเป็ นไปได ้ 19พีน้
อย่ำแก ้แค ้นเลย แต่จงให ้พระเจ ้ำทรงตัดสินลงโทษiเถิด
่ เขียนไว ้ในพระคัมภีร ์ว่ำ กำรแก ้แค ้นเป็ นของเรำ
ดังทีมี
เรำจะตอบแทนกำรกระทำของทุกคน พระเจ ้ำตร ัสดังนี ้ 20ตรงกันข ้ำม

ถ ้ำศัตรูของท่ำนหิว จงให ้อำหำรกับเขำ ถ ้ำเขำกระหำย จงให ้เขำดืม
่ ำเช่นนี ้ ท่ำนจะทำให ้เขำสำนึ กและละอำยใจj
เพรำะเมือท
่ั
21อย่ำให ้ควำมชวเอำชนะท่ ำน แต่จงชนะควำมชวด ่ ั ้วยควำมดี

h ขณะนี ้ เปำโลกล่ำวถึงควำมร ักต่อมนุ ษย ์ทุกคน โดยเฉพำะตังแต่


้ ข ้อ
17 เป็ นต ้นไป


i หมำยถึง พระพิโรธของพระเจ ้ำทีคอยลงโทษบำป

่ กโชนไว ้บนศีรษะของเขำ"
j แปลตำมตัวอักษรว่ำ "สุมถ่ำนไฟทีลุ
คริสตชนทำกำรแก ้แค ้นศัตรูด ้วยกำรทำควำมดี
ภำพของถ่ำนไฟลุกโชนเป็ นสัญลักษณ์ของควำมเจ็บปวดทีร่ ้อนรุม


หมำยถึง ควำมทุกข ์ใจซึงจะนำคนบำปให ้กลับใจ

้ ้ใด นอกจำกเป็ นหนี ควำมร


8อย่ำเป็ นหนี ผู ้ ่ นและกัน
ักซึงกั
ผูท้ รี่ ักเพือนมนุ
่ ษย ์ก็ปฏิบต
ั ต
ิ ำมธรรมบัญญัตค
ิ รบถ ้วนแล ้วb
9พระบัญญัตกิ ล่ำวว่ำ อย่ำผิดประเวณี อย่ำฆ่ำคน อย่ำลักขโมยc
ื่ กก็สรุปได ้ในข ้อควำมนี ว่้ ำ
อย่ำโลภ และถ ้ำมีบทบัญญัตอิ นอี

จงร ักเพือนมนุ ษย ์dเหมือนร ักตนเอง

10ควำมร ักไม่ทำควำมเสียหำยแก่เพือนมนุ ษย ์
ควำมร ักเป็ นกำรปฏิบต
ั ต
ิ ำมธรรมบัญญัตอิ ย่ำงครบถ ้วน


b อำจจะหมำยถึงกฎหมำยโดยทัวไป
โดยไม่เจำะจงว่ำจะต ้องเป็ นธรรมบัญญัตข
ิ องโมเสส

c บำงฉบับเสริมว่ำ "อย่ำเป็ นพยำนเท็จ"


d ในหนังสือเลวีนิต ิ คำว่ำ "เพือนบ ่
้ำนหรือเพือนมนุ ษย ์"

หมำยถึงเพือนร่วมชำติ
่ หมำยถึ
ในทีนี ้ ่ ดนี ได
งมนุ ษย ์ทุกคน ซึงบั ้ ้มำเป็ นหนึ่ งเดียวกันในพระคริส
ตเจ ้ำแล ้ว มธ 25:40; กท 3:28;


*คำว่ำเพือนบ ่
้ำนหรือเพือนมนุ ษย ์

ยังหมำยถึงเพือนร่ วมโลกทุกคนทีมี ่ หวั ใจเฉกเช่นเดียวกันกับมนุ ษย ์อีก
ด ้วย ลก 12 : 6 - 7 , 22 - 32 ; มธ 12 : 7 - 14

่ ดแล ้วถ ้ำควำมรู ้สึกทีเป็


ท ้ำยทีสุ ่ นสำเหตุของอำรมณ์ตำ่ งๆนั้น
อันมำจำกควำมคิดทีเป็ ่ นค่ำนิ ยมต่ำงๆ มุมมองต่ำงๆ
ควำมมีส่วนร่วมต่ำงๆ ได ้กินเข ้ำไปถึงรำกลึกแห่งจิตวิญญำณแล ้วนั้น
ก็จะสำมำรถแจกแจงได ้ดังต่อไปนี ้
่ นผลสืบเนื่ องมำจำกควำมปรำรถนำทีไม่
ควำมหิวโหยทีเป็ ่ ได ้ดูวำ่ นี่ คือค่

ำนิ ยมอันจะนำมำซึงผลลั
พธ ์อันใดกันแน่
่ อมทีจะน
ซึงย่ ่ ำไปสู่อำกำรคลุ ้มคลังอำละวำด
่ อำทิ บ ้ำเกำหลี บ ้ำผูช
้ ำย
บ ้ำอำนำจ บ ้ำเกมส ์


ควำมเครียดทีมำจำกควำมคำดหวั ่ ตอ
งในมุมมองอันแง่ลบทีมี ่ ผู ้คน

อันจะนำไปสู่ภำวะซึมเศร ้ำ อำทิ ดูคนทีฐำนะ ตำแหน่ ง และสินทร ัพย ์
่ ำตำ ให ้เกียรติคนจำกควำมสำมำรถและวุฒก
มองคนทีหน้ ิ ำรศึกษำ
กำรรุมประชำทัณฑ ์และเหยียบย่ำซำเติ
้ มคนชวร
่ ั ้ำยทีเป็
่ นทีตี
่ หน้ำของผู ้
คนต่ำงๆในสังคม

่ มทีมำจำกกำรมี
กำรมัวสุ ่ ส่วนร่วมในแนวควำมคิดทีเป็ ่ นกำรเหยียบย่ำ
หลอกลวงว่ำนั่นคือควำมจริงทีหลี
่ กหนี ไม่ได ้ หรือซำเติ
้ ม

ขโมยหรือปล ้นของร ักของคนอืนๆให ้ได ้มำเป็ นของๆตัวเอง
แก่งแย่งชิงดี ทำร ้ำย เช่นฆ่ำ และทำลำย มัวเมำและขำดสติ
ในกำรตัดสินใจทีจะก ่ ้ำวเดิน อันจะนำไปสู่กำรเสพติดในขยะ ควำมเสือ่
้ นต่ำงๆนำๆ อำทิ
มโทรม และควำมตำยทังเป็
เสพติดกำรเข ้ำร่วมเซ็กส ์หมู่
่ มอยู่กบั กลุ่มคนทีติ
มัวสุ ่ ดยำเสพติดให ้โทษประเภทต่ำงๆ ติดกำรดูภำพ
และหนังโป๊ ติดกำรแย่งผู ้ชำยและกำรเก็บแต ้ม
ติดอยู่กบั เกมส ์ในกำรแย่งและล่ำแต ้มผู ้หญิงและสำวประเภทสอง


ทังหมดนี ้ งมำจำกตัณหำ 3 ประกำร อันประกอบไปด ้วย บริโภคนิ ยม
ยั
Consumerism วัตถุนิยม Materialism และปัจเจกนิ ยม
่ ำไปสู่กเิ ลส 7
Individualism [เทียบ 1 ยน 2 : 16 - 17] ซึงน
ประกำรกล่ำวคือ จองหอง , หลงผิด (pride) ตระหนี่ , วำงเฉย ,

เฉยเมย , เชืองช ้ำ (avarice , covetousness) ลำมก (lust) โมโห ,
โกรธ , เครียด , แค ้น (anger , wrath) โลภ (gluttony) อิจฉำ ,
ท ้อแท ้ , ปลงตก (envy) และ เกียจคร ้ำน , หยุดนิ่ งอยู่กบั ที่ (sloth)
่ Asmodeus , Beelzebub , Mammon ,
[เทียบ ลก 8 : 2] ซึงมี
Belphegor , Satan , Leviathan , Lucifer
เป็ นตัวอย่ำงของกิเลสต่ำงๆเหล่ำนี ้ (ภูมห
ิ ลังพระคัมภีร ์)
อันจะนำไปสู่กำรบูชำยันต ์มนุ ษย ์อีกมำกมำย รวมไปถึงกำรก่อกำรร ้ำย
กำรค ้ำมนุ ษย ์ แก๊งมิจฉำชีพ แก๊งอันธพำล โจร ฆำตกร
พวกล่วงละเมิดทำงเพศ พวกมัวสุ ่ มทำงเพศ พวกมั่วสุมยำเสพติด

พวกชอบสร ้ำงเกมส ์ร ักหักสวำท พวกชอบทำลำยครอบคร ัวคนอืน
พวกชอบขโมยของร ักคนอืน ่ พวกชอบลักกินขโมยกิน
่ ั ำงๆ เป็ นต ้น
กลุ่มนักต ้มตุ๋นทุจริตคอร ัปชนต่

ทุกๆอำกำรมำจำกกำรดำเนิ นอยู่นอกอริยสัจ 8 ประกำร [เทียบ มธ 5 :


1 - 12]

"
่ ้ำกำรใส่ใจกับกำรตังสมมติ
ซึงถ ้ ฐำนและกำรทดสอบสมมติฐำนนั้นจะเท่
่ ับรู ้อะไรเลย
ำกับ 0 หรือกำรไม่เปิ ดใจทีจะร
ี่ ำไปสู่ควำมไม่รู ้ว่ำอะไรคือจุดทีเรำต
ย่อมเป็ นสำเหตุทจะน ่ ้องกำรควำมรู ้
และกำรเข ้ำใจว่ำ ณ เวลำไหนคือกำรจนปัญญำเมือขำดข ่ ้อมูล
จึงไม่มท ่
ี ำงทีจะเกิ ้
ดขึนเลย "
่ ้ำหำกกำรเข ้ำใจนั้นโฟกัสไปแต่โลกส่วนตัว เรืองส่
" ซึงถ ่ วนตัว
่ ้ำใกล ้ 0 เหล่ำนี ้
ข ้อมูลทีเข
จะไม่สำมำรถทำให ้ควำมเครียดต่ำงๆนั้นมีวน ่
ั ทีจะหำยไปได ้
อำรมณ์ร ้อน หงุ ดหงิด ก ้ำวร ้ำว คลุ ้มคลัง่ ซึมเศร ้ำ ท ้อแท ้ สินหวั
้ ง
หมดอำลัยตำยอยำก ปลงตก จึงเกิดขึน้
้ มวี น
เพรำะควำมคิดแบบนี ไม่ ่
ั ทีจะไปถึ ่
งซึงควำมละเอี
ยด กว ้ำงขวำง
ยำวไกล ยำวนำน เร็วไว แตกต่ำง หลำกหลำย ลึกซึง้ ถีถ
่ ้วน คงที่

เปลียนแปลง มำกมำย อย่ำงเพียงพอได ้ "


" ซึงแม้ว่ ำควำมเข ้ำอกเข ้ำใจคนจะมีอยู่ แต่ควำมอ่อนโยน Gentle
่ อยู่น้ันยังไม่ถงึ กับทุกๆบุคคล ในระดับอนุ ภำคควำมคิด
ทีมี
ี่ ำลังและเรียวแรงนั
ก็คอื สำเหตุทก ่ ้นจะไม่เพียงพอทีจะแสวงหำซึ
่ ่ ้นทำ
งเส
งของผลลัพธ ์ต่อไปได ้

ควำมชอบธรรมจึงไม่สำมำรถทีจะปรำกฏหรื ้
อสำเร็จได ้อย่ำงทังครบได ้เ
ลย "

่ ้ำหำกว่ำกำรควบคุมผลลัพธ ์นั้นไม่ใช่เพือกั
" ซึงถ ่ บคนทุกๆประเภท
่ มำกเพียงพอ โดยควำมประมำทนี ้
ควำมเมตตำ Kindness ทีไม่
ก็จะทำให ้เรำนั้นยังไร ้เหตุผลอยู่ "

่ ้ำหำกว่ำควำมคิดหรือลมหำยใจของเรำนั้นออกนอกลู่นอกทำง
" ซึงถ
เรำก็จะไม่มวี น ่ จจุบน
ั ร ับรู ้ซึงปั ่
ั และสิงใกล ้ตัว "

"
่ ้ำหำกว่ำเรำนั้นไม่เห็นถึงเรืองใกล
ซึงถ ่ ้ตัวโดยอย่ำงทะลุปรุโปร่งจนเห็น
ถึงภำพเส ้นช ัย เรำก็จะไม่มวี น
ั ทรำบได ้เลยว่ำเรำจะต ้องใช ้ Know
่ จะควบคุ
How อะไรบ ้ำงเพือที ่ มผลลัพธ ์ "

"
่ ้ำหำกมุมมองของเรำไม่ปะติดปะต่อกันระหว่ำงเป้ ำหมำยและปัจจุบ ั
ซึงถ
น เส ้นช ัยและเส ้นทำง วิธก
ี ำร Methods
ก็จะไม่ใช่กำรทดสอบสมมติฐำนทีมี ่ ประสิทธิภำพเพียงพอทีจะพิ
่ สูจน์ซงึ่
่ ตรำส่วนทีจะควบคุ
ตัวแปรค่ำคงทีอั ่ มผลลัพธ ์
่่ ั
นำไปสู่ควำมมันใจในตัวเองหรืออะไรบำงอย่ำงสูงจนเกินไป

ควำมตังใจดี ไม่สำมำรถช่วยเหลือผูค้ นได ้
ถ ้ำหำกว่ำนั่นนั้นเป็ นแค่ควำมรู ้สึกหำใช่ซงควำมเข
ึ่ ้ำใจไม่ "

่ ้ำหำกว่ำควำมคิดของเรำมี For loops


" ซึงถ
่ งจำกัดต่อจำนวนและขอบเขตอยู่
ทียั
นี่ ก็คอื ควำมผิดพลำดทีเป็
่ นเพรำะควำมไม่ตงใจจริ
้ั งกับควำมคิดทุกๆค
วำมคิดโดยนั่นเอง "

เรำนั้นทรำบแล ้วหรือยังว่ำควำมบำปของเรำมีผลให ้ผู ้คนนั้นต ้องตำย


นี่ ก็คอื บทพิสจ
ู น์วำ่ จิตวิญญำณของเรำนั้น
ห่ำงไกลจำกโรคซึมเศร ้ำอยำกฆ่ำตัวตำย

โรคจิตเภทต่ำงๆทีหลงผิดเสพติดอยู่ในกำมรำคะกำรดำรงชีวต
ิ อยู่แบบ
้ น และโรคจิตเภทอำละวำดอยำกทำร ้ำยผู ้คน
ตำยทังเป็

ทังหมดนี ้ ้วหรือยัง ไฟนรกใดๆนั้นเกิดขึนมำจำก
แล ้ ควำมคิด สู่ ฟิ สิกส ์
โดยอยู่เสมอ
คุณมองเห็นพระธรรมเจ ้ำในทุกรูป และทุกนำมแล ้วหรือยัง
พระองค ์ทรงอยู่ในทุกๆรูปธรรม และนำมธรรม เจตนำรมณ์(สังขำร)
เป้ ำหมำยควำมต ้องกำร(เวทนำ) กำรร ับรู ้(วิญญำณ)
ควำมคิดควำมทรงจำและสิงที่ ยั
่ งมำยังไปไม่ถงึ (สัญญำ) โดยทังหมด

เรำมีควำมสับสนในสถำนกำรณ์หรือไม่ อะไรคือแพ้ อะไรคือชนะ


อะไรคือได ้ อะไรคือเสีย อะไรคือผลเสีย อะไรคือผลดี

ให ้เรำเชือพระคัมภีร ์ของพระศำสนำสำกลทัง้ 73 เล่มเถิด
นี่ คือเฉลยของคำถำมแห่งชีวต
ิ ของทุกๆบุคคลแล ้ว
แต่เรำจะต ้องไม่มป ี ัญหำในกำรร ับฟังและควำมเข ้ำใจ

แล ้วเรำก็จะเข ้ำใจโดยทังครบได ้

จำก ควำมคิด สู่ ฟิ สิกส ์ ไม่มพ


ี ฤติกรรม ควำมต ้องกำร สัญชำติญำณ

คลืนควำมคิ
ด อุปนิ สยั เซลล ์ ชีวโมเลกุล
ื่
ประจุไฟฟ้ ำและสำรเคมีสอประสำท และอะไรๆ (เจตสิกต่ำงๆ)

ทีจะเกิ ่
นไปกว่ำทีจะควบคุ มได ้ [เทียบ รม 12 : 2]

กำรทำสมำธิภำวนำนั้นคือกำรขอพระพรจำกพระเจ ้ำ จำก ควำมคิด สู่


ฟิ สิกส ์ [เทียบ ฟป 4 : 8 - 9]

อย่ำใช ้ตรรกะทีว่่ ำไม่ใครก็ใคร


่ ำนโดยกำรอย่ำตัดสินใจทีเน้
ซึงผ่ ่ นควำมง่ำย

อย่ำแสวงหำไปทีควำมรวดเร็ ว อย่ำเรียกร ้องเพียงเพรำะควำมอร่อย
ิ่
และอย่ำค ้นหำกันแต่สงแปลกใหม่ ่
แล ้วก็เบือหน่ ่ เดิ
ำยในสิงที ่ มๆ
่ ว่่ ำเรำจะมีสติสม
เพือที ้ ดยังท
ั ปะช ัญญะยังคิ ้ ำได ้อยู่เสมอ
แล ้วทุกๆบุคคลก็จะได ้ร ับควำมรอด

เหตุเพรำะว่ำจะไม่มใี ครอีกต่อไปทีจะใช ่
้เหตุผลทีจะแลกกั
บบุคคลใดๆ
่ จะเอำตั
เพือที ่ วเองได ้ร ับควำมรอดกันอีกต่อไป


หนทำงแห่งควำมดีหรือควำมเชือในสิ ่ ดี
งที ่ ๆนั้นไม่ใช่ตวั พิสจ
ู น์วำ่ เรำจะไ
ม่เจอกับปัญหำหรือสถำนกำรณ์อน ั เลวร ้ำย

แต่เป็ นเพรำะกำรพบเจอกับผูค้ นทีอำจจะมี ี ำรทดสอบสมมุตฐิ ำนทีไ่
วธิ ก
ม่มป
ี ระสิทธิภำพทีดี่ เพียงพอ เรืองต่
่ ำงๆจึงได ้เป็ นแบบนั้น
่ งเกิดขึนได
และเหยือจึ ้ ่ ้พบเจอกัน
้ในระหว่ำงทีได

แต่ถงึ อย่ำงไรแล ้วกำรแก ้ไขปัญหำจึงไม่ใช่กำรกำจัดใครคนใดให ้ออก


ไปจำกสิงที่ ดี
่ ๆ ทีคนเรำทุ
่ ่ ับได ้อยู่ด ี
กคนก็ยงั ทีจะร
ควำมชุม ้ งงำนนั้นแก่คนดีและคนชว่ ั
่ ชืนและพลั
สัตว ์กินพืชและสัตว ์ร ้ำยเสมอกัน


ถ ้ำคิดแบบไร ้ซึงขอบเขตและจ ำนวนเรำจะทรำบว่ำ
อย่ำกลัวว่ำควำมชุม ้ งงำนนั้นจะถูกทำลำยจนหมดสินไป
่ ชืนและพลั ้
แม้วำ่ เรำอำจจะสำมำรถใช ้วิธก ้ ้เกิดกำรชงใจได
ี ำรระงับยับยังให ่ั ้
ด ้วยกำรจำกัดอิสระภำพบำงอย่ำงเพืออิ่ สรภำพทีแท ่ ้จริง

่ ตย ์ในควำมดีตอ
และถ ้ำเรำยังคงซือสั ่ ไป
เรำก็จะเห็นว่ำพระเจ ้ำนั้นอยู่ทไหนโดยอยู
ี่ ่เสมอ

กำรแบกร ับภำระของกันและกัน
่ ไม่
แม้วำ่ จะเป็ นเรืองที ่ น่ำจะยำกเลยสำหร ับอีกคนนึ ง
นั้นจึงไม่ใช่สงที
ิ่ สร
่ ้ำงควำมทรมำนใดๆโดยอย่ำงแท ้จริงในระดับลึกของ
จิตวิญญำณ

ไม่มค
ี ำว่ำฆ่ำคนระดับไหนแล ้วมันจะทำให ้เสียมือกันหรอกนะ
กำรฆ่ำคนในทุกระดับจะแบบไหนๆก็ตำมนั้นเสียมือเสมอ
อย่ำเอำพิมเสนไปแลกกับเกลืออย่ำเอำจิตวิญญำณอันมีคณ ้
ุ ค่ำนี ไปแล

กกับพฤติกรรมอันน่ ำร ังเกียจซึงจะต ้องถูกโยนลงไปในบึงไฟนรกไปตล
่ ั ร ันดรกันอีกต่อไปเลย ทีนั
อดชวนิ ่ ้นหนอนและแมลงวันก็ไม่รู ้จักตำย
ไฟก็ไม่รู ้จักดับ มีแต่ควำมมืดมิดไม่พบเจอแสงสว่ำงใดๆเลย
มีแต่อำรมณ์ขบเขียวเคี้ ้
ยวฟั นไม่รู ้จักหำย
่ ้องหำควำมต
อวัยวะต่ำงๆเต็มไปด ้วยควำมเจ็บปวดอย่ำงแสนสำหัสซึงร
ำยก็หำไม่พบ

เพรำะมีแต่ขยะจำกทำงควำมคิดซึงสกปรกโสโครกเต็ มไปหมด
นี่ คือตัวแปรค่ำคงทีอั
่ ตรำส่วนทีใครๆก็
่ ้ น้
ตำ่ งจะหวำดกลัวด ้วยกันทังสิ

โรคซึมเศร ้ำอยำกทำร ้ำยตัวเองกับโรคคลุ ้มคลังอำละวำดจะท ำร ้ำยคน
่ ้นทรมำนเท่ำๆกัน เป็ นโรคธำตุไฟเข ้ำแทรกทังสิ
อืนนั ้ น้
อำกำรหนึ่ งในนั้นก็คอื กำรบ ้ำอำนำจ กำรติดเซ็กซ ์
กำรบูชำเงินทองและยศถำบรรดำศักดิ ์
่ มมัวเมำในกำรเสพสิงเสพติ
กำรมัวสุ ่ ดให ้โทษ กำรติดกำรสร ้ำงเกมส ์
กำรติดกำรเล่นเกมส ์ เป็ นต ้น

กำรคิดแบบมักง่ำยอันจะนำมำซึงควำมไม่ ่ ดี
เข ้ำใจในสิงที ่ ๆจนไม่สำมำร

ถทีจะเชื ่ อในคุณงำมควำมดีได ้นั้นไม่คุ ้มค่ำเลยทีคนเรำนั
อถื ่ ้นยังทีจะ

ทำ

ทุกๆคนจะต ้องชุบชีวต ่ ชืน้


ิ ของตัวเองด ้วยควำมชุม

และเพิมพลั ่ จ่
งงำนให ้กับตัวเองอย่ำงเพียงพอและเหมำะสมตรงจุดเพือที
ะก ้ำวเดินต่อไปได ้ในชีวต
ิ ในแต่ละวัน
และทุกๆลมหำยใจนั้นแสงสว่ำงจะนำทำงเรำ
และรสชำติของชีวต ้ ้นเกลือก็จะช่วยทำให ้แร่ธำตุต่ำงๆนั้นกลับเข ้ำสู่
ิ นี นั

ภำวะสมดุลในร่ำงกำย รวมทังผลแห่ งเถำองุ ่น เมล็ดข ้ำวสำลี

ก็จะเพิมสำรอำหำรให ้กับร่ำงกำยอย่ำงครบถ ้วนเพียงพอ

ทังกรดอะมิโนจำเป็ นต่ำงๆกล่ำวคือฮิสทิดน
ี (Histidine) ไอโสลิวซีน
(Isoleucine) ลิวซีน (Leucine) เมไธโอนี น (Methionine)
ฟี นี ลอะลำนี น (Phenylalanine) ธรีโอนี น (Threonine) ทริปโทฟำน
(Tryptophan) วำลีน (Valine) กรดไขมันโอเมก ้ำ 3 , 6
รวมไปถึงวิตำมิน และพฤษเคมีตำ่ งๆ
มำกกว่ำนั้นแล ้วโกรทแฟคเตอร ์ต่ำงๆ อำทิ Epidermal Growth
Factor , Insulin-like Growth Factor , Basic Fibroblast
Growth Factor และ Copper Tripeptide-1
สำรต่อต ้ำนอนุ มูลอิสระต่ำงๆ อำทิ SODs , CAT , GPx , OPC
รวมไปถึง CoQ10
่ กหรอให ้กับร่ำงกำย
ก็จะช่วยเสริมสร ้ำงและซ่อมแซมส่วนทีสึ

แล ้วควำมสมดุลก็จะปร ับเปลียนคนเรำไม่ ่
ให ้สิงใดๆนั ้นจะเกินควำมพอ
ดีกน
ั อีกต่อไปเลยจริงๆ


ซึงบำงคร ้ั งคมบำงสังคมก็เต็มไปด ้วยควำมโหดร ้ำย กำรกดขีข่
งสั ่ มเหง
กำรปฏิเสธและควำมไม่สนใจใยดี
กำรสร ้ำงค่ำนิ ยมและกำรดูถก
ู ดูแคลน
่ ำนิ ยมประกอบกับกำรร ังเกียจร ังกลัวแสดงอำรมณ์ซงควำ
กำรหยิบยืนค่ ึ่
มเกียจช ัง ข่มขูค
่ กุ คำม พยำยำมประทุษร ้ำย กำรหักหลัง
กำรแก่งแย่งชิงดี กำรหลอกใช ้ กำรเอำร ัดเอำเปรียบ ควำมขำดแคลน
กำรทุบตีทำร ้ำย
กำรแสดงอำกำรทีจะท่ ำให ้รู ้ว่ำสำมำรถเอำให ้ถึงตำยได ้
จนคนเหล่ำนั้นเต็มไปด ้วยควำมมึนงง ควำมสับสน หำทำงออกไม่เจอ
่ บกึงตื
มีสติแบบกึงหลั ่ น ่
แต่ต ้องทำเป็ นเหมือนปกติดด
ี ้วยกำรพยำยำมใช ้อำนำจให ้อยู่เหนื อคน

อืน

จะด ้วยสเน่ ห ์ทำงเพศ ควำมสำมำรถทำงเทคโนโลยี ฐำนะทำงกำรเงิน


ควำมเข ้ำใจในจิตวิทยำ จนแม้แต่กองกำลังติดอำวุธ มำเฟี ยร ์
้ นเพียงแค่กำแพงเท่ำนั้น
หรือกลุ่มก่อกำรร ้ำย เหล่ำนี เป็

และกำรกดคนอืนเอำไว ้
ก็เป็ นเพียงแค่กำรพยำยำมทำให ้ทุกอย่ำงนั้นดูเหมือนปกติมำโดยตลอ

จนแม้แต่กำรติดผงติดยำ กำรชอบสร ้ำงเกมส ์ กำรติดเกมส ์


ติดกำรพนัน
ทุกๆอย่ำงนั้นมีทงกำรพยำยำมบอกว่
้ั ำโลกภำยนอกนั้นมันแย่
หำควำมแน่ ช ัดใดๆไม่มเี ลยจริงๆ

จนต ้องพยำยำมหลีกเลียงเพื ่ กฝนทักษะอะไรบำงอย่ำง
อฝึ
้ หลบภั
ในพืนที ่ ่ งเป็
ยในทำงควำมรู ้สึกทีกึ ่ นกึงตำย

นี่ อำจจะไม่ใช่วธิ ท ี่ สำหร ับกำรตัดสินใจก็ตำม


ี ดี
แต่ถ ้ำด ้วยอะไรทีมั่ นประเดประดังกันเข ้ำมำเต็มไปหมด
เขำจึงเป็ นไปในทิศทำงแบบนั้น
ดังนั้นแล ้ว " กำรก่อกำรร ้ำย กำรข่มขืน ควำมหมกมุ่น กำรเสพติด
ฆำตกรรมต่อเนื่ อง ควำมสับสนและควำมรุนแรงทำงเพศ "
ทุกๆอย่ำงนั้น เรำต ้องพยำยำมให ้โอกำสเขำ

ให ้เขำสำมำรถมองเห็นถึงควำมปกติของตนเองได ้ทังในชี
วติ ประจำวัน
และในสังคมอันกว ้ำงใหญ่ไพศำล
แต่อย่ำงไรก็ตำมเขำเหล่ำนั้นจะต ้องมีภม
ู ค ี่
ิ ุ ้มกันต่อทัศนคติทอำจจะดี

่ คอื กำรทดสอบสมมติฐำนทีมี
รือร ้ำย ซึงก็ ่ ประสิทธิภำพทีแตกต่
่ ำงกันไป

สิงเหนื อธรรมชำติน้ันไม่ใช่เรืองไกลตั
่ ว จำก ควำมคิด สู่ ฟิ สิกส ์
จะอย่ำงไรและใดๆแล ้วกำรแก ้ปัญหำนั้นจะต ้องไม่มก
ี ำรฆ่ำสัตว ์ตัดชีวต

กำรปล ้นจี ้ กำรลักขโมย
่ ยดหยำมทำเหมือนว่ำนั่นคือสิงที
กำรพูดโกหกดูหมินเหยี ่ จริ
่ ง
กำรอยู่แบบคนไร ้สติจะด ้วยอะไรก็ตำม
่ ้ำงควำมรู ้สึกเสียใจทีจะตำมมำ
รวมไปถึงกำรมีควำมสัมพันธ ์ทีสร ่
่ ยวข
สำหร ับคนทีเกี ่ ้องโดยตรงเหล่ำนั้นทังหมด

กำรเอ่ยพระนำมของพระธรรม พระเจ ้ำอันไม่เหมำะสม


กำรฆ่ำคนโดยอ ้ำงควำมเป็ นธรรม ไม่สำมำรถอ ้ำงได ้เลยจริงๆ
เพรำะกำรฆ่ำใดๆนั้นไร ้ซึงธรรมและซึ
่ ่
งพระเจ ้ น้
้ำโดยทังสิ
่ เรี
อย่ำน้อมนำสิงที ่ ยกว่ำควำมจำกัดเข ้ำมำในชีวต ิ
ิ่
อย่ำพูดว่ำจะมีสงใดนั ้นมีข ้อจำกัดเพรำะทุกสิงนั
่ ้นเป็ นผลลัพธ ์มำจำกอิ
้ น้
สระภำพโดยทังสิ
และอิสระไม่มข
ี อบเขตและตัวเลขโดยใดๆทีจะถู่ กจำกัดเอำไว ้ได ้
่ ำคัญเรำต ้องแยกแยะอยู่เสมอว่ำอะไรคือคุณและอะไรคือโทษ
ทีส
เพรำะโมเสสนั้นใกล ้ชิดกับวิทยำศำสตร ์แบบอียป
ิ ต์
ประกอบกับควำมร ักของเขำก็ยงั แข็งกระด ้ำงไม่ได ้อ่อนโยนเพียงพอต่อ
ข่ำวประเสริฐ
่ ำควำมรอดตำยไปสู่ทงสองฝ่
กำรภำวนำของเขำจึงยังไม่สำมำรถทีจะน ้ั
ำยได ้ ชำวอียป ้
ิ ต ์จึงจมนำตำย
พฤติกรรมของเขำจึงไม่สำมำรถเป็ นท่อพระพรไปสู่คนอืนได่ ้เหมือนกั

นกับพระเยซูคริสต ์ ซึงพระองค ์ไม่เคยนำควำมตำยไปสู่ผู ้ใดเลย
่ ้ำไปหำพระองค ์ก็หำมีผู ้ใดไม่ทจะต
และผูใ้ ดก็ตำมทีเข ี่ ้องพบกับควำมผิ
ดหวังกันแม้แต่คนๆเดียว

อย่ำงตำๆแล ้วเขำจะต ้องทำให ้คนอียป
ิ ต ์ไม่สำมำรถเดินเข ้ำไปในทะเลแ
ดงได ้ด ้วยแรงผลักทำงไฟฟ้ ำ
แล ้วอิสรำเอลก็เพียงแต่ต ้องข ้ำมหนี ไปแต่เท่ำนั้นจริงๆ

ดังนั้นต ้องให ้เขำและใครๆมองเห็นทำงออกของชีวต ิ ตัวเอง



แล ้วกำรทีเขำมองเห็ นควำมดีของตัวเอง เขำก็จะทำดีตอ ่
่ คนอืนได ้

และถ ้ำเขำเข ้ำใจทำงออกของชีวต


ิ ตัวเองได ้แล ้ว
ย่อมหมำยถึงว่ำเขำนั้นสำมำรถเรียบเรียงควำมหมำยของชีวต
ิ ได ้ถูกต ้

องแล ้ว จึงสำมำรถทีจะมองเห็ ่ จ่ ำเป็ นต ้องคิด
นภำพเส ้นช ัย หรือสิงที

ต ้องรู ้ และต ้องทำได ้ ถ ้ำเขำจะสำมำรถร ักผู ้อืนเหมือนร ักตนเองได ้แล ้ว
เขำจะต ้องร ักตัวเองใหไ้ ด ้ก่อนเป็ นอย่ำงแรกเลยจริงๆ


" โดยเมือเขำยอมร ่
ับถึงกำรจนปัญญำเมือหำทำงออกไม่ เจอ
่ ้ำมำในชีวต
แสงแห่งสวรรค ์ได ้เริมเข ิ ของเขำแล ้ว ... "

เมือเขำยอมร ้
ับถึงควำมทุกข ์โศกเศร ้ำว่ำเกิดขึนตรงจุ
ดไหน

เมือจะมี ่ เป็
เรืองที ่ นควำมตำย ควำมผิดหวัง ควำมเจ็บปวด
เขำนั้นได ้เริมต
่ ้นทีจะปลอบประโลมตั
่ วเองนั้นแล ้ว


ถ ้ำเขำมองเห็นถึงควำมทุกข ์ของเพือนร่ วมโลก
แล ้วเข ้ำอกเข ้ำใจกันมำกขึน้ ควำมทุกข ์ใจ ควำมซึมเศร ้ำ
และควำมก ้ำวร ้ำวต่ำงๆนำๆ

ก็จะกลับเปลียนเป็ ่ นดีด ้วยใจทีอ่่ อนโยนลงจนเป็ นปกติ
นควำมชืนชมยิ

ทัวไปของควำมเป็ น Gentle โดยสงบนั่นเอง

่ อนโยนและชืนชมยิ
แล ้วถ ้ำใจทีอ่ ่ นดีอยู่เสมอนั้นเกิดขึนต่
้ อทุกๆลมหำย
ใจ
่ เรียวแรงที
เขำก็จะสำมำรถทีจะมี ่ ่
จะเดิ ี่ ดขึ ้
นต่อไปได ้ในสถำนกำรณ์ทเกิ
นจริงของชีวต ่
ิ และพร ้อมทีจะเดิ ่
นไปตำมควำมเชือในสิ ่ ดี
งที ่ ๆ
่ อควำมแน่ ใจว่ำควำมหวังดีตอ
ซึงคื ่ เป้ ำหมำยในชีวต ิ นั้น
้ งได ้ ด ้วยสัจธรรมทีว่่ ำ "
จะสำมำรถทำให ้เกิดขึนจริ
่ งควำมจริงนั้นคือสิงที
ควำมเชือหมำยถึ ่ เรำก
่ ้
ำลังร่วมสร ้ำงกันขึนมำ "

่ ้ำควำมเข ้ำใจทีได
ซึงถ ่ ้สะสมจำกกำรคิด กำรสือสำร

และกำรกระทำต่ำงๆ ทังส่้ วนตัวเอง และส่วนของผู ้อืน

นั้นได ้ครบพร ้อมต่อบุคคลทุกๆประเภทระหว่ำงหนทำงก ้ำวเดินแล ้วนั้น
เขำนั้นได ้กลำยเป็ นบุคคลทีมี
่ เหตุมผ
ี ลแล ้ว ต่อทุกๆบุคคล
เป็ นจิตเมตตำ Kindness
่ ้จำกกำรเรียนรู ้ในเรืองที
ทีได ่ จริ่ งของพืนฐำนของประเภทของแต่
้ ละบุค
คล
โดยถ ้ำในก ้ำวเดินของแต่ละก ้ำวนั้น
เรำยังสำมำรถเดินไปตำมทำงทีได ่ ้เข ้ำใจแล ้วว่ำ นั้นคือสิงดี
่ อย่ำงแท ้จริง
ไม่ใช่ทำงของอวิชชำ
ควำมบริสท ์ ้นจะทำให ้เรำค ้นพบภำพของเส ้นช ัย
ุ ธิใจนั
่ ้นทำงของชีวต
ซึงเส ิ เหล่ำนั้นจะสอนเรำว่ำ
"เรำนั้นจำเป็ นทีจะต
่ ่ จะควบคุ
้องรู ้ถึงอะไรอีกบ ้ำงเพือที ่ มผลลัพธ ์โดยทัง้
หมดได ้ "

และ "
ถ ้ำกำรร ับรู ้นั้นร ับรู ้อยู่เสมอว่ำภำยใต ้สถำนกำรณ์น้ันมีควำมไม่สมหวัง
่ อต ้ำนอย่ำงมำกมำย
และสิงต่
นั้นก็พส ู น์ได ้แล ้วว่ำนี่ เป็ นเพรำะตัวเรำนั้นได ้โฟกัสไปทีภำพเส
ิ จ ่ ้นช ัยนั้
นอยู่เสมอ ไม่ปลงหรือถอดใจไปก่อนโดยนั้นเอง "

" แล ้วภำยใต ้ควำมทุกข ์ระทมใจต่ำงๆนั้น


่ ้อจำกัดต่อตัวเลขและขอบเขตแล ้วนั้น
ถ ้ำเรำคิดโดยไร ้ซึงข

ด ้วยธรรมอันคือมูลเหตุแห่งควำมเชือในตั ่ ตรำส่วนของเ
วแปรค่ำคงทีอั
่ กระบวนกำรนั้น
ป้ ำหมำยทีมี
จะทำใหช ิ ของเรำนั้นได ้ค ้นพบกับตัวแปรค่ำคงทีอั
้ วี ต ่ ตรำส่วนของเป้ ำห
่ นองค ์ประกอบของเป้ ำหมำยทีมี
มำยทีเป็ ่ กระบวนกำร
เป็ นกำรสร ้ำงเส ้นช ัยให ้ควำมจริงนั้นเกิดขึนตำมสิ
้ ่ หวั
งที ่ งได ้โดยนั้นเอง
"

่ เรำสร
และถ ้ำสิงที ่ ้ำงนั้นเป็ นกำรสร ้ำงตัวแปรค่ำคงทีอั
่ ตรำส่วนทีท
่ ำให ้ค

นอืนได ้ดี หำใช่ตวั เองโดยตรงไม่
เรำก็ย่อมร ับรู ้ได ้โดยเสมอว่ำกำรทำดีตอ ่ เป้ ำหมำยในกำรอยู่รว่ มกันนั้น

คือทำงเชือมต่ อเป้ ำหมำยของตัวเองนั้นโดยเสมอ
เพรำะควำมรู ้ทุกอย่ำงนั้นมีควำมเชือมโยงกั
่ นอยู่เสมอ
่ ักษำโรค HPV ได ้ด ้วย
ถ ้ำสำมำรถร ักษำโรค HIV ได ้ ก็สำมำรถทีจะร
ถ ้ำร ักษำโรคมะเร็งสมองได ้
่ ักษำมะเร็งปอดได ้อีกด ้วยอย่ำงแน่ นอน
ก็จะสำมำรถทีจะร
ถ ้ำทำให ้กระเทยนั้นไม่ผด
ิ หวังในชีวต

่ ำให ้กำรเป็ นเกย ์ไม่ใช่กำรอยู่แบบตำยทังเป็
ก็ย่อมทีจะท ้ นด ้วยเช่นเดียว
กัน
และถ ้ำภำพลักษณ์น้ันจะสำคัญต่อชีวต
ิ ในจุดนั้นแล ้วล่ะก็ กำรได ้เห็นซึ่
้ ำยอ ้วนล่ำและดำมำกแต่จต
งภำยนอกเป็ นผูช ิ ใจนั้นสวยมำกๆคนนั้นจะ
สำมำรถเปลียนเป็ ่ นขำวสวยหมวยเอสได ้
นั้นก็คอื สิงที
่ น่่ ำยินดีสำหร ับในทุกๆบุคคลโดยอย่ำงแน่ นอน
ดังนั้นแล ้วทีกล่
่ ำวถึงกำรมองเห็นทำงออกของชีวต ิ นั้นจึงไม่ได ้หมำยถึง

ว่ำกำรทีคนเรำนั ้นได ้สำมำรถหำทำงแก ้ไขซึงปั
่ ญหำในทุกๆอย่ำงเหล่ำ
นั้นได ้ก่อนแล ้วถึงจะสำมำรถเป็ นคนดีได ้ กำรแพ้จงึ แพ้ไปด ้วยกัน
ถ ้ำชนะก็จงึ ชนะไปด ้วยกันเช่นกันฉันนั้น
สักวันหนึ่ งโรคทุกโรคจะสำมำรถทีจะร
่ ักษำให ้หำยได ้โดยอย่ำงแน่ นอน

ในทุกๆเหตุกำรณ์น้ันให ้เรำเดินตำมแบบอย่ำงหนทำงแห่งกำงเขนช ัยข


องพระธรรมเจ ้ำนั้น กล่ำวคือ "ถ ้ำเขำเชือเสมอว่
่ ำอย่ำงไรก็ตำม
เรำไม่มวี น ่ ำร ้ำยเขำได ้เลย
ั คิดทีจะท
แม้วำ่ เขำจะทำร ้ำยเรำอย่ำงไรก็ตำม เขำนั้นคิดดีตอ ่ เรำแล ้ว " "
ี่ ้สร ้ำงควำมเสียหำยนั้นให ้แก่เรำ
ถ ้ำเขำร ับรู ้ถึงอุทำหรณ์ทได
เขำนั้นเข ้ำใจควำมต ้องกำรของเรำแล ้ว " "
และถ ้ำเขำสำมำรถมองเห็นถึงภำพทำงออกของชีวต ิ หรือภำพทีดี ่ ๆทีเข

ำนั้นสำมำรถสร ้ำงขึนมำได
้ ้ตำมควำมต ้องกำรเหล่ำนั้นได ้แล ้ว
เขำนั้นเป็ นคนดีน้ันต่อตัวเองแล ้ว "

และโดยกำรทีพระองค ้
์ทรงยอมสินพระชนม ์ชีพ
ประกอบกับกำรฟื ้ นคืนพระชนม ์ด ้วยนั้น

โดยสิงเหล่ ้
ำนี โดยทั ้
งหมดพระองค ์จะนำเรำกลับเข ้ำไปสู่สถำนกำรณ์ต่
ำงๆอย่ำงผูช ้
้ นะ ทังเรำ อิสรำเอล จีน อินเดีย อำหร ับ อเมริกำ ยุโรป
ลำติน แอฟริกำ โลมำ นก แกะ ปูอลำสก ้ำ และทุกๆบุคคล

จริงอยู่ในควำมขัดแย ้งหรือในสงครำมใดๆเหล่ำนั้น
เรำจะทำเป็ นประมำทไปไม่ได ้เลย "
แต่อย่ำงไรก็ตำมแล ้วพระวรสำรบอกเรำว่ำถ ้ำเขำจะไม่ให ้เพรำะเป็ นเพื่
อนกัน เขำก็จะให ้เพรำะถูกรบเร ้ำ "


ก่อนทีคนเรำนั ้นคิดทีจะท
่ ำอะไรและอย่ำงไรก็ตำม

ควำมจริงทีจะเดิ นติดตำมเรำไปอยู่เสมอนั้นก็คอื "
ถ ้ำนั่นคือควำมต ้องกำรจริงๆแล ้วนั้น
ย่อมไม่มวี น ่
ั ทีจะสร ่
้ำงควำมเสือมเสียหำยได ้เลยจริงๆ
แม้จะกับใครก็ตำม " และ "
ี วำมต ้องกำรใดๆนั้นจะสำคัญไปกว่ำใครคนไหนเลยจริงๆ แม้แต่ค
ไม่มค
่ งไม่เคยมีใครทัวไปคนไหนเคยคิ
นทียั ่ ดถึงมำก่อนเลยก็ตำม "
มำกกว่ำนั้นเลยก็คอื "
ควำมต ้องกำรของคนเรำนั้นไม่จำเป็ นว่ำจะต ้องเหมือนกันกับสิงที
่ คนทั
่ ่
วไปเขำได ้ทำๆกันมำ "
เหตุกำรณ์ร ้ำยๆนั้นเป็ นเพรำะว่ำเขำนั้นห่ำงจำกพระเจ ้ำ
ไม่ได ้เป็ นโดยพระเจ ้ำทำร ้ำยเขำด ้วยตัวพระองค ์เอง
ดังนั้นแล ้วเรำจึงมีหน้ำทีที
่ จะน
่ ำควำมร ักของพระเจ ้ำกลับไปให ้เขำอีกค
้ั ่ ง โดยควำมเร่งด่วนก็คอ
รงหนึ ื สังคมสงเครำะห ์

่ ั ้ำยนั้นก็คอื ควำมดีงำมและกำรแบกร ับหนี กรรมทั


ผลลัพธ ์ของควำมชวร ้ ้
งหมดให ้ ผ่ำนควำมคิดทีไร่ ้ซึงข
่ ้อจำกัดของขอบเขตและจำนวน
เพรำะนี่ จะเป็ นกำรสร ้ำงควำมมันใจในควำมดี
่ งำม
่ ้นจำกทีตั
โดยเริมต ่ วเขำเอง

ไม่มค ่ ั ้ำยทีมำกมำยขนำดไหนที
ี วำมชวร ่ ่
เขำนั ้นสมควรจะได ้ร ับซึงควำ

มเลวร ้ำยใดๆ ดังนั้นแล ้วแม้วำ่ จะอย่ำงไรก็ตำม
เรำต ้องสำมำรถทำดีกบั เขำได ้ โดยไม่ผด ิ ธรรมชำติน้ันแต่ประกำรใดๆ
(นี่ ไม่ใช่เพียงแค่ปรช
ั ญำ!!) ควำมร ักใหญ่กว่ำทุกอย่ำง

หลำยๆคนคิดว่ำถ ้ำพระเจ ้ำเสด็จมำนะ


คนเลวร ้ำยต่ำงๆจะต ้องได ้รู ้จักนรกอย่ำงแน่ นอน

แต่แล ้วเมือพระองค ์มำถึงจริงๆ
เรำกลับได ้เห็นหนทำงแห่งกำงเขนช ัยเท่ำนั้น
่ ดว่ำควำมผิดหวังจะเปลียนเป็
แต่จงเชือเถิ ่ ่
นควำมชืนชมยิ
นดี
นรกและควำมตำยจะต ้องถูกทำลำยลงไปอย่ำงแน่ นอน
ไม่ใช่แกะตัวไหนๆหรือบุคคลคนใดนั้นแต่ประกำรใดเลย

่ ้จริง อยู่ในควำมร ักอันยิงใหญ่


พลังอำนำจทีแท ่
ควำมอดทนต่อทุกๆอย่ำงได ้
กำรมองแง่ดไี ด ้แม้วำ่ ใครจะหำว่ำนี่ คือต ้นเหตุของอะไรก็ตำม
กำรไม่ถอื สำหำควำม
ไม่ใช่ควำมสำมำรถในกำรทำลำยล ้ำงแต่ประกำรใด
ถ ้ำเขำทนได ้ทุกอย่ำงจริงๆ
่ ำทุกอย่ำงทีดี
เขำย่อมตัดสินใจทีจะท ่ ต่อเรำได ้และก็ต ้องยอมสละซึงทุ
่ ก
่ จะกระท
อย่ำงเพือที ่ ำให ้สำเร็จด ้วย
Compile And OutPut
กำรทำออกมำให ้อยู่ในรูปของ Analog ของบรรดำ Instigation
่ ่ในรูป Digital เหล่ำนั้น ด ้วยกำรมอง Physical Layer ให ้เป็ น
ทีอยู

Output โดยใช ้คำสังเลขฐำนสองแบบลู
กโซ่ ด ้วยอนุ พน
ั ธ ์ลูกโซ่ของ

Vector Standard Model เพือหำควำมสัมพันธ ์ระหว่ำงพิกด ั

∆y/∆x = ∆z/∆x . ∆y/∆z

∆P/∆t = ∆{x , y , z}/∆t

แล ้วกำหนด Point of Particles สำหร ับ Determinants ของ


Approximately Vectors และ Directions ใน Polar
Coordinate System และ Spacetime ของ Approximately
Vectors ของ Function Standard Model(n) ขอบของ

Mensitivity Matrix เพือแจกแจงเชิ
งเรขำคณิ ตวิเครำะห ์

แล ้วทำกำรแจกแจง ∆f(t)/∆f{x , y , z} = d{x,y,z}/dt



เพือหำทิศทำงของควำมสัมพันธ ์ฟังก ์ชน่ ั แล ้วใช ้คำสังเพื
่ อ ่ Compiled
Output ออกมำ

ตัวอย่ำงของผลลัพธ ์
ประจุอำรมณ์ควำมรู ้สึก , ประจุควำมทรงจำในสมอง ,
ประจุควบคุมกำรขยับตัว , H2O ทีสร ่ ้ำงโดย Computer ,
่ กสร ้ำงใหม่ให ้เป็ นเหมือนโลกใบนี ้ , (แอมโมเนี ย มีเทน
ดำวอังคำรทีถู
้ > (นำตำลเพนโทส
นำ) ้ , ฟอสเฟต , ไนโตรจีนัสเบส) ,

ตำบอดแต่กำเนิ ดหำย , ย ้อนกลับไปเปลียนปมในวั
ยเด็ก เป็ นต ้น

You might also like

  • Assembly (ARM)
    Assembly (ARM)
    Document28 pages
    Assembly (ARM)
    โยอันนา ยุนอา แคทเธอรีน เอี่ยมสุวรรณ
    No ratings yet
  • สถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง (ARM)
    สถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง (ARM)
    Document31 pages
    สถาปัตยกรรมชุดคำสั่ง (ARM)
    โยอันนา ยุนอา แคทเธอรีน เอี่ยมสุวรรณ
    No ratings yet
  • การสังเคราะห์สัมพันธ์ภาพของควอนตัม
    การสังเคราะห์สัมพันธ์ภาพของควอนตัม
    Document245 pages
    การสังเคราะห์สัมพันธ์ภาพของควอนตัม
    โยอันนา ยุนอา แคทเธอรีน เอี่ยมสุวรรณ
    No ratings yet
  • การสังเคราะห์สัมพันธ์ภาพของควอนตัม
    การสังเคราะห์สัมพันธ์ภาพของควอนตัม
    Document234 pages
    การสังเคราะห์สัมพันธ์ภาพของควอนตัม
    โยอันนา ยุนอา แคทเธอรีน เอี่ยมสุวรรณ
    No ratings yet
  • Sop
    Sop
    Document11 pages
    Sop
    โยอันนา ยุนอา แคทเธอรีน เอี่ยมสุวรรณ
    No ratings yet
  • After Sale
    After Sale
    Document6 pages
    After Sale
    โยอันนา ยุนอา แคทเธอรีน เอี่ยมสุวรรณ
    No ratings yet
  • XS
    XS
    Document6 pages
    XS
    โยอันนา ยุนอา แคทเธอรีน เอี่ยมสุวรรณ
    No ratings yet
  • Health
    Health
    Document38 pages
    Health
    โยอันนา ยุนอา แคทเธอรีน เอี่ยมสุวรรณ
    No ratings yet