You are on page 1of 18

ชุดที่ 1

แบบทดสอบวัดผลสั มฤทธิ์ทางการเรียนเตรียมสอบ O-NET


กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6

ส่ วนที่ 1 : แบบปรนัย 5 ตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว จำนวน 22 ข้อ


(ข้อ 1-22) ข้อละ 1 คะแนน รวม 22 คะแนน

ตัวชี้วดั แสดงควำมสัมพันธ์ของจำนวนต่ำง ๆ ในระบบจำนวนจริ ง (ค 1.1 ม.4-6/1)

1. ข้อใดกล่ำวไม่ ถูกต้อง
1 ทศนิยมซ้ ำเป็ นจำนวนตรรกยะ
2 จำนวนเต็มทุกจำนวนเป็ นจำนวนตรรกยะ
3 รำกที่สองของจำนวนเต็มบำงจำนวนเป็ นจำนวนอตรรกยะ
4 มีจำนวนบำงจำนวนที่เป็ นทั้งจำนวนตรรกยะและจำนวนอตรรกยะ
5 ยูเนียนเซตของจำนวนตรรกยะและเซตของจำนวนอตรรกยะเป็ นเซตของจำนวนจริ ง

ตัวชี้วดั มีควำมคิดรวบยอดเกี่ยวกับค่ำสัมบูรณ์ของจำนวนจริ ง (ค 1.1 ม.4-6/2)


2. ช่วง (–2, 10) เป็ นคำตอบของสมกำรในข้อใด
1 |x| – 4 = 8
2 |4 – x| = 14
3 |x – 4| = 6
4 |x + 2| = 10
5 3|x – 4| = 9

ตัวชี้วดั มีควำมคิดรวบยอดเกี่ยวกับจำนวนจริ งที่อยูใ่ นรู ปเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็ นจำนวนตรรกยะ


และจำนวนจริ งที่อยูใ่ นรู ปกรณฑ์ (ค 1.1 ม.4-6/3)
3. 80.2 มีค่ำเท่ำกับข้อใด
3
1 25
2 23
3 20.8
4 0.2 8
5 (0.8)2
ตัวชี้วดั เข้ำใจควำมหมำยและหำผลลัพธ์ที่เกิดจำกกำรบวก กำรลบ กำรคูณ กำรหำรจำนวนจริ ง จำนวนจริ งที่อยู่
ในรู ปเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็ นจำนวนตรรกยะ และจำนวนจริ งที่อยูใ่ นรู ปกรณฑ์ (ค 1.2 ม.4-6/1)
b
4. ถ้ำ 18 = 8 6 และ 4 = 2 3 แล้วจำนวนในข้อใดหำร ab ได้ลงตัว
a 3

1 3
2 5
3 7
4 11
5 13

ตัวชี้วดั หำค่ำประมำณของจำนวนจริ งที่อยูใ่ นรู ปกรณฑ์ และจำนวนจริ งที่อยูใ่ นรู ปเลขยกกำลังโดยใช้


วิธีกำรคำนวณที่เหมำะสม (ค 1.3 ม.4-6/1)
2
5. มีค่ำประมำณตรงกับข้อใด เมื่อกำหนดให้ 2  1.41, 6  2.45 และ 8  2.83
(4 + 2 )–1
1 7.64
2 8.46
3 11.28
4 13.32
5 13.64
ตัวชี้วดั เข้ำใจสมบัติของจำนวนจริ งเกี่ยวกับกำรบวก กำรคูณ กำรเท่ำกัน กำรไม่เท่ำกัน และนำไปใช้ได้
(ค 1.4 ม.4-6/1)

6. ให้ a, b และ c เป็ นจำนวนจริ งใด ๆ ข้อใดกล่ำวถูกต้อง


1 a + (b  c) = (a + b)  c
2 (a – b) – c = a – (b – c)
3 a–b=b–a
4 a(bc) = c(ab)
5 (a – b)x = bx – ax
ตัวชี้วดั ใช้ควำมรู้เรื่ อง อัตรำส่ วนตรี โกณมิติของมุม ในกำรคำดคะเนระยะทำงและควำมสู ง (ค 2.1 ม.4-6/1)

7. กิตติอยูบ่ นเรื อลำหนึ่งมองเห็นยอดของประภำคำรที่สูง 25 เมตร เป็ นมุมเงย 40๐ แสดงว่ำเรื อลำนี้อยูห่ ่ำง
จำกประภำคำรเป็ นระยะทำงประมำณเท่ำใด
1 14.43 เมตร
 sin  cos  tan 
2 20.98 เมตร
40๐ 0.6428 0.7660 0.8391
3 29.79 เมตร
50๐ 0.7660 0.6428 1.1918
4 32.64 เมตร
5 38.89 เมตร 60๐ 0.8660 0.5000 1.7321

ตัวชี้วดั แก้โจทย์ปัญหำเกี่ยวกับระยะทำงและควำมสู งโดยใช้อตั รำส่ วนตรี โกณมิติ (ค 2.2 ม.4-6/1)


8. ทรงศักดิ์ยนื อยูบ่ นหอคอยที่มีควำมสู ง 40 ฟุต เขำมองเห็นรถยนต์คนั หนึ่งที่จอดอยูห่ ่ำงจำกหอคอย
เป็ นมุมก้ม 30๐ รถยนต์อยูห่ ่ำงจำกหอคอยเป็ นระยะทำงกี่ฟุต
1 20 ฟุต
2 20 2 ฟุต
3 20 3 ฟุต
4 40 2 ฟุต
5 40 3 ฟุต

ตัวชี้วดั มีควำมคิดรวบยอดในเรื่ องเซตและกำรดำเนินกำรของเซต (ค 4.1 ม.4-6/1)


9. กำหนดให้ A = {, {1}, 5} ข้อใดกล่ำวไม่ ถูกต้อง
1 n(P(A)) = 8 ตัว
2 {, 5} P(A)
3 {5}A
4 {}  P(A)
5 {{1}}  P(A)
ตัวชี้วดั เข้ำใจและสำมำรถใช้กำรให้เหตุผลแบบอุปนัยและนิรนัย (ค 4.1 ม.4-6/2)
10.
4 9 16 16 5 25 25 36 a b
2 3 4 4 6 5 8 6 c d
จำกแบบรู ปข้ำงต้น ค่ำของ (a + b) – (c  d) ตรงกับข้อใด
1 –15
2 –7
3 7
4 15
5 17

ตัวชี้วดั มีควำมคิดรวบยอดเกี่ยวกับควำมสัมพันธ์และฟังก์ชนั เขียนแสดงควำมสัมพันธ์และฟังก์ชนั


ในรู ปต่ำง ๆ เช่น ตำรำง กรำฟ และสมกำร (ค 4.1 ม.4-6/3)
11. ควำมสัมพันธ์ในข้อใดเป็ นฟั งก์ชนั

5
ตัวชี้วดั เขียนแผนภำพเวนน์-ออยเลอร์แสดงเซต และนำไปใช้แก้ปัญหำ (ค 4.2 ม.4-6/1)
12. จำกแผนภำพที่กำหนดให้ เขียนแทนด้วยเซตในข้อใด
1 C (A  B)
2 (C – A)  B
3 (A – C)  B
4 A – (B  C)
5 (B  C)  A

ตัวชี้วดั ตรวจสอบควำมสมเหตุสมผลของกำรให้เหตุผลโดยใช้แผนภำพเวนน์-ออยเลอร์ (ค 4.2 ม.4-6/2)


13.ผลสรุ ปในข้อใดต่อไปนี้สมเหตุสมผล โดยใช้แผนภำพของเวนน์-ออยเลอร์ในกำรตรวจสอบ
ควำมสมเหตุสมผล
1 เหตุ 1) ทหำรทุกคนเป็ นคนแข็งแรง
2) นำย อดทน เป็ นทหำร
ผล นำย อดทน เป็ นคนแข็งแรง
2 เหตุ 1) ครู ทุกคนเป็ นคนฉลำด
2) ครู บำงคนเป็ นเศรษฐี
ผล เศรษฐีบำงคนเป็ นคนฉลำด
3 เหตุ 1) คนรวยบำงคนเป็ นคนเก่ง
2) คนมีน้ ำใจบำงคนเป็ นคนเก่ง
ผล คนรวยบำงคนเป็ นคนมีน้ ำใจ
4 เหตุ 1) ลิงบำงตัวอยูบ่ นสวรรค์
2) ไซอิ๋วเป็ นลิง
ผล ไซอิ๋วอยูบ่ นสวรรค์
5 เหตุ 1) คนที่ทำศัลยกรรมทุกคนเป็ นคนสวย
2) ประภัสสรำเป็ นคนสวย
ผล ประภัสสรำทำศัลยกรรม

ตัวชี้วดั แก้สมกำรและอสมกำรตัวแปรเดียวดีกรี ไม่เกินสอง (ค 4.2 ม.4-6/3)


14. ข้อใดคือสมกำรที่มี 13 และ –2 เป็ นคำตอบของสมกำร
1 3x2 + 5x = 2
2 3x2 = 5x + 2
3 3x2 = x + 2
4 3x2 + x = 2
5 3x2 + 2 = x
ตัวชี้วดั ใช้กรำฟของสมกำร อสมกำร ฟังก์ชนั ในกำรแก้ปัญหำ (ค 4.2 ม.4-6/5)
15. กำหนดให้ y = 7 + x2 – 4x ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
1 มีค่ำต่ำสุ ดเท่ำกับ 2
2 มีค่ำต่ำสุ ดเท่ำกับ 3
3 มีค่ำต่ำสุ ดเท่ำกับ 7
4 มีค่ำสู งสุ ดเท่ำกับ 2
5 มีค่ำสู งสุ ดเท่ำกับ 3

ตัวชี้วดั เข้ำใจควำมหมำยของผลบวก n พจน์แรกของอนุกรมเลขคณิ ตและอนุกรมเรขำคณิ ต หำผลบวก


n พจน์แรกของอนุกรมเลขคณิ ตและอนุกรมเรขำคณิ ตโดยใช้สูตรและนำไปใช้ (ค 4.2 ม.4-6/6)
16. ผลบวกของจำนวนที่หำรด้วย 3 ลงตัวของจำนวนนับตั้งแต่ 100 ถึง 1,000 เท่ำกับข้อใด
1 164,850
2 165,000
3 165,150
4 165,300
5 165,450

ตัวชี้วดั เข้ำใจวิธีกำรสำรวจควำมคิดเห็นอย่ำงง่ำย (ค 5.1 ม.4-6/1)


17. ข้อใดเป็ นวิธีกำรในกำรหำข้อมูลแบบทุติยภูมิ
1 กำรสัมภำษณ์
2 กำรสังเกตและทดลอง
3 กำรออกแบบสอบถำม
4 กำรสื บค้นข้อมูลทำงอินเทอร์ เน็ต
5 กำรสำรวจ

ตัวชี้วดั เลือกใช้ค่ำกลำงที่เหมำะสมกับข้อมูลและวัตถุประสงค์ (ค 5.1 ม.4-6/3)


18. ข้อใดกล่ำวถูกต้องเกี่ยวกับฐำนนิยม
1 สำมำรถหำฐำนนิยมได้จำกข้อมูลเชิงคุณภำพเพียงอย่ำงเดียวเท่ำนั้น
2 ข้อมูลชุดหนึ่งสำมำรถหำฐำนนิยมได้เสมอ
3 ในกำรสำรวจเบอร์ สินค้ำยอดนิยม ควรหำฐำนนิยมจำกข้อมูลที่ไม่ได้จดั กลุ่ม หรื อจำกข้อมูลดิบ
4 ข้อมูลเชิงปริ มำณใด ๆ จะไม่มีค่ำของข้อมูลตัวใดที่มีค่ำเท่ำกับฐำนนิยม
5 นิยมใช้ฐำนนิยมเป็ นตัวแทนของข้อมูล ในกรณี ที่ขอ้ มูลชุ ดนั้นมีค่ำของข้อมูลบำงตัว
แตกต่ำงไปจำกค่ำอื่น ๆ มำก
ตัวชี้วดั นำผลที่ได้จำกกำรสำรวจควำมคิดเห็นไปใช้คำดกำรณ์ในสถำนกำรณ์ที่กำหนดให้ (ค 5.2 ม.4-6/1)

19. ผลกำรสำรวจควำมพึงพอใจของนักเรี ยนชั้นมัธยมศึกษำตอนต้น จำนวน 750 คน เรื่ อง กำรบริ กำรทัว่ ไป


ของโรงเรี ยน มีดงั นี้

ข้ อ รายการ จานวนผู้ตอบความพึงพอใจ ร้ อยละ


1 จัดบริ กำรน้ ำดื่มน้ ำใช้ถูกหลักอนำมัย 152 20.3
2 โรงอำหำรกว้ำง สะอำด 154 20.5
3 จัดบริ กำรน้ ำดื่มน้ ำใช้เพียงพอ 150 20.0
4 อำหำรมีหลำกหลำยชนิด สะอำด อร่ อย 144 19.2
5 มีสถำนที่พกั ผ่อนหย่อนใจ 150 20.0
750
จำกผลกำรสำรวจข้ำงต้น ข้อใดกล่ำวไม่ ถูกต้อง
1 นักเรี ยนมีควำมพึงพอใจในกำรบริ กำรทัว่ ไปของโรงเรี ยนทั้ง 5 ด้ำน ใกล้เคียงกัน
2 นักเรี ยนมีควำมพึงพอใจกับโรงอำหำรกว้ำง และสะอำดมำกที่สุด
3 นักเรี ยนมีควำมพึงพอใจกับกำรจัดบริ กำรน้ ำดื่มน้ ำใช้เพียงพอ และมีสถำนที่พกั ผ่อนหย่อนใจเท่ำ ๆ กัน
4 ทำงโรงเรี ยนควรปรับปรุ งให้กำรจัดบริ กำรน้ ำดื่มน้ ำใช้ถูกหลักอนำมัยเป็ นลำดับแรก
5 ทำงโรงเรี ยนควรปรับปรุ งให้อำหำรมีหลำกหลำยชนิด สะอำด อร่ อยเป็ นลำดับแรก

ตัวชี้วดั อธิ บำยกำรทดลองสุ่ ม เหตุกำรณ์ ควำมน่ำจะเป็ นของเหตุกำรณ์ และนำผลที่ได้ไปใช้คำดกำรณ์


ในสถำนกำรณ์ที่กำหนดให้ (ค 5.2 ม.4-6/2)
20. ข้อใดใช้กฎกำรคูณในกำรหำคำตอบ
1 กำรเลือกรับประทำนอำหำร 1 อย่ำง จำกเมนูอำหำร
2 กำรเลือกของเล่นชนิดละ 1 ชิ้น จำกของเล่น 3 ชนิดที่แตกต่ำงกัน
3 กำรหยิบลูกปิ งปอง 1 ลูก จำกกล่องที่มีลูกปิ งปอง 5 ลูก
4 กำรโยนเหรี ยญหนึ่งบำท 1 ครั้ง
5 กำรจับสลำกรำยชื่อนักเรี ยน 1 คน จำกจำนวนนักเรี ยนทั้งห้อง
ตัวชี้วดั ใช้ขอ้ มูลข่ำวสำรและค่ำสถิติช่วยในกำรตัดสิ นใจ (ค 5.3 ม.4-6/1)
21. ข้อใดไม่จำเป็ นต้องใช้สถิติในกำรหำข้อสรุ ปหรื อช่วยในกำรตัดสิ นใจ
1 โอกำสที่จะมีฝนตกในวันหนึ่ง ๆ
2 กำรควบคุมคุณภำพของกำรผลิตสิ นค้ำ
3 กำรสำรวจควำมคิดเห็นหรื อโพล
4 กำรเลือกซื้ อเสื้ อสี ที่ตนเองชื่ นชอบ
5 กำรทำยผลก่อนกำรแข่งขันฟุตบอลระหว่ำงทีมชำติไทยกับทีมชำติองั กฤษ

ตัวชี้วดั ใช้ควำมรู ้เกี่ยวกับควำมน่ำจะเป็ นช่วยในกำรตัดสิ นใจและแก้ปัญหำ (ค 5.3 ม.4-6/2)


22. ในถุงมีลูกปิ งปองสี ขำว 5 ลูก สี ส้ม 3 ลูก และสี แดง 4 ลูก ควำมน่ำจะเป็ นที่จะหยิบได้ลูกปิ งปองสี แดง
ทั้งสองครั้ง โดยหยิบทีละลูกแล้วไม่ใส่ คืนเป็ นเท่ำใด
1 721
1
2 66
3 19
4 334
1
5 11
ส่ วนที่ 2 : แบบระบำยตัวเลข จำนวน 4 ข้อ (ข้อ 23-26) ข้อละ 2 คะแนน รวม 8 คะแนน

ตัวชี้วดั เข้ำใจควำมหมำยของลำดับและหำพจน์ทวั่ ไปของลำดับจำกัด (ค 4.1 ม.4-6/4)


23. 6, 9, 15, 24, 36, 51 จำกลำดับข้ำงต้น สำมำรถเขียนให้อยูใ่ นรู ปพจน์ทวั่ ไปของลำดับได้ an = an2 + bn + c,
n {1, 2, 3, 4, 5, 6} จงหำค่ำของ a + b + c

ตัวชี้วดั เข้ำใจควำมหมำยของลำดับเลขคณิ ตและลำดับเรขำคณิ ต หำพจน์ต่ำง ๆ ของลำดับเลขคณิ ตและ


ลำดับเรขำคณิ ต และนำไปใช้ (ค 4.1 ม.4-6/5)
24. กำหนดให้ a1, a2, a3, … เป็ นลำดับเรขำคณิ ต โดยมีอตั รำส่ วนร่ วมเท่ำกับ 3 ถ้ำ a2 = 90 แล้วผลต่ำงของ
a6 กับ a4 มีค่ำเท่ำใด

ตัวชี้วดั สร้ำงควำมสัมพันธ์หรื อฟังก์ชนั จำกสถำนกำรณ์หรื อปั ญหำ และนำไปใช้ในกำรแก้ปัญหำ (ค 4.2 ม.4-6/4)


25. จงหำค่ำของ xy ที่มำกที่สุด เมื่อกำหนดให้ 2x + y – 4 = 0

ตัวชี้วดั หำค่ำเฉลี่ยเลขคณิ ต มัธยฐำน ฐำนนิยม ส่ วนเบี่ยงเบนมำตรฐำน และเปอร์ เซ็นไทล์ของข้อมูล (ค 5.1 ม.4-6/2)


26. คะแนนสอบวิชำคณิ ตศำสตร์ ของนักเรี ยนกลุ่มหนึ่ง เป็ นดังนี้
28 10 8 19 12 15 23 7 และ 18
ผลต่ำงของเปอร์ เซ็นไทล์ที่ 30 กับเปอร์ เซ็นไทล์ที่ 70 มีค่ำเท่ำใด

วิธีการตอบ
 ให้ใช้ปำกกำหรื อดินสอเขียนตัวเลขที่เป็ นคำตอบลงในช่องว่ำง ให้ตรงกับหลักเลข ให้ครบทั้งสี่ หลัก
 ระบำยตัวเลขในวงกลมให้ครบทุกหลัก เช่น คำตอบ คือ 250 ต้องระบำย 0250

23 24 25 26
ชุดที่ 1
เฉลยแบบทดสอบวัดผลสั มฤทธิ์ทางการเรียนเตรียมสอบ O-NET
กลุ่มสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปี ที่ 6

ส่ วนที่ 1
1. เฉลย ข้อ 4
แนวคิด จำนวนตรรกยะ คือ จำนวนจริ งที่สำมำรถเขียนได้ในรู ปเศษส่ วน ba
โดยที่ a และ b เป็ นจำนวนเต็ม และ b ไม่เท่ำกับศูนย์
จำนวนอตรรกยะ คือ จำนวนจริ งที่ไม่สำมำรถเขียนได้ในรู ปเศษส่ วน ba
โดยที่ a และ b เป็ นจำนวนเต็ม และ b ไม่เท่ำกับศูนย์
นัน่ คือ ถ้ำจำนวนใดเป็ นจำนวนตรรกยะ แล้วจำนวนนั้นไม่เป็ นจำนวนอตรรกยะ
และถ้ำจำนวนใดเป็ นจำนวนอตรรกยะ แล้วจำนวนนั้นไม่เป็ นจำนวนตรรกยะ
แสดงว่ำ ไม่มีจำนวนใดเป็ นทั้งจำนวนตรรกยะและจำนวนอตรรกยะ
2. เฉลย ข้อ 3
แนวคิด จำกสมกำร |x – 4| = 6
กรณี ที่ 1 ถ้ำ x  0
จะได้ x–4 = 6
x = 10
กรณี ที่ 2 ถ้ำ x < 0
จะได้ –(x – 4) = 6
x – 4 = –6
x = –2
นัน่ คือ ช่วง (–2, 10) เป็ นคำตอบของสมกำร |x – 4| = 6
3. เฉลย ข้อ 1
แนวคิด เนื่องจำก 8 = 23 และ 0.2 = 102
2
จะได้ 80.2 = 23 10
1
= 23 5
3
= 25
5
หรื อ 23
4. เฉลย ข้อ 1
แนวคิด จำก 1 = 8a6 จำก
3
4 = 2
b
3
8
จะได้ 13 = 23 a6 3
จะได้ 22 = 2 3
b
2–3 a 2 b
2 = 22 23 = 23
–3 = 2a 2 = b
3 3
a = (–3)  2 b = 23  3
a = –6 b = 2
ดังนั้น ab = (–6)  2 = –12
ตัวประกอบของ ab คือ 1, 2, 3, 4, 6 และ 12
นัน่ คือ 3 หำร ab ได้ลงตัว
5. เฉลย ข้อ 1
แนวคิด 2 = 2 (4 + 2 )
(4 + 2 )–1
= 4 2 + 4
= 4 2 +2
 4(1.41) + 2
 5.64 + 2
 7.64
6. เฉลย ข้อ 4
แนวคิด a(bc) = (ab)c (สมบัติกำรเปลี่ยนหมู่ของกำรคูณ)
= c(ab) (สมบัติกำรสลับที่ของกำรคูณ)
ดังนั้น a(bc) = c(ab) จึงถูกต้อง
7. เฉลย ข้อ 3
แนวคิด ให้ A เป็ นยอดของประภำคำร
C เป็ นจุดที่เรื อลอยลำอยู่
AB เป็ นควำมสู งของประภำคำร
BC เป็ นระยะห่ำงระหว่ำงประภำคำรกับเรื อ
เนื่องจำก tan 40๐ = AB BC
จะได้ 0.8391 = BC 25
BC = 0.839125
BC  29.79
ดังนั้น เรื อลำนี้อยูห่ ่ำงจำกประภำคำรเป็ นระยะทำงประมำณ 29.79 เมตร
8. เฉลย ข้อ 5
แนวคิด

ให้ A เป็ นจุดที่รถยนต์จอดอยู่


C เป็ นจุดที่ทรงศักดิ์ยนื อยู่
BC เป็ นควำมสู งของหอคอย
AB เป็ นระยะห่ำงระหว่ำงรถยนต์กบั หอคอย
เนื่องจำก tan 60๐ = AB BC
AB
จะได้ 3 = 40
AB = 40 3
ดังนั้น รถยนต์อยูห่ ่ำงจำกหอคอยเป็ นระยะทำง 40 3 ฟุต
9. เฉลย ข้อ 3
แนวคิด A = {, {1}, 5}
A มีสมำชิก 3 ตัว คือ , {1} และ 5
นัน่ คือ A, {1}A และ 5A
แสดงว่ำ {5}A
A มีสับเซตทั้งหมด คือ
, {}, {{1}}, {5}, {, {1}}, {, 5}, {{1}, 5} และ {, {1}, 5}
P(A) = {, {}, {{1}}, {5}, {, {1}}, {, 5}, {{1}, 5}, {, {1}, 5}}
นัน่ คือ n(P(A)) = 8 ตัว, {, 5}  P(A), {}  P(A) และ {{1}}  P(A)
10. เฉลย ข้อ 1
แนวคิด
4 9 42 = 16 42 = 16 4 + 1 = 5 52 = 25
2 3 2+2=4 3+1=4 4+2=6 4+1=5
52 = 25 62 = 36 5 + 1 = 6 72 = 49 a = 6 b = 49
6+2=8 5+1=6 8 + 2 = 10 6 + 1 = 7 c = 10 d = 7
ข้ อสั งเกต ค่ำ a เป็ นกำรยกกำลังสองของจำนวนที่อยูก่ ่อนหน้ำสลับกับกำรเพิ่มทีละ 1
จำกจำนวนที่อยูก่ ่อนหน้ำ (จำนวนที่นำมำยกกำลังสอง)
ค่ำ c เป็ นกำรเพิ่มทีละ 2 จำกจำนวนที่อยูก่ ่อนหน้ำ
ค่ำ d เป็ นกำรเพิ่มทีละ 1 จำกจำนวนที่อยูก่ ่อนหน้ำ
ค่ำ b เป็ นกำรยกกำลังสองของค่ำ d
ดังนั้น (a + b) – (c  d) = (6 + 49) – (10  7)
= 55 – 70
= –15
11. เฉลย ข้อ 1
แนวคิด ฟังก์ชนั คือ ควำมสัมพันธ์ซ่ ึ งในสองคู่อนั ดับใด ๆ ของควำมสัมพันธ์น้ นั
ถ้ำมีสมำชิกตัวหน้ำเท่ำกันแล้ว สมำชิกตัวหลังต้องไม่ต่ำงกัน
จำกข้อ 1 จะได้ (1, 5), (2, 6) และ (3, 6)
ดังนั้น ควำมสัมพันธ์น้ ี เป็ นฟั งก์ชนั เพรำะไม่มีสมำชิกตัวแรกซ้ ำกัน

12. เฉลย ข้อ 2


C–A
แนวคิด 1)

(C – A)
2)

B
3)

(C – A) B
4)
13. เฉลย ข้อ 1
แนวคิด เขียนแผนภำพของเวนน์-ออยเลอร์ ได้ดงั นี้

เนื่องจำก ไม่มีแผนภำพใดที่ขดั แย้งกับผลสรุ ป


ดังนั้น ผลสรุ ป นำย อดทน เป็ นคนแข็งแรง จึงสมเหตุสมผล
14. เฉลย ข้อ 1
แนวคิด x = 1 , –2
3
(3x – 1)(x + 2) = 0
3x2 + 6x – x – 2 = 0
3x2 + 5x – 2 = 0
หรื อ 3x2 + 5x = 2
15. เฉลย ข้อ 2
แนวคิด ทำฟังก์ชนั กำลังสองให้อยูใ่ นรู ป y = a(x – h)2 + k จุดวกกลับที่จุด (h, k)
และแกนสมมำตร คือ เส้นตรงที่มีสมกำร x = h
จำก y = 7 + x2 – 4x
จะได้ y = x2 – 4x + 7
y = x2 – 4x + (4 – 4) + 7
y = (x2 – 4x + 4) + (–4 + 7)
y = (x – 2)2 + 3
ดังนั้น มีจุดวกกลับที่จุด (2, 3) แกนสมมำตรเป็ นเส้นตรงที่มีสมกำรเป็ น x = 2
แสดงกรำฟได้ ดังนี้

เป็ นกรำฟหงำย เพรำะมีสัมประสิ ทธิ์ ของตัวแปรกำลังสองมีค่ำมำกกว่ำศูนย์


มีจุดยอดที่จุด (2, 3) มีค่ำต่ำสุ ดของฟังก์ชนั เท่ำกับ 3
16. เฉลย ข้อ 3
แนวคิด ผลบวกของจำนวนที่หำรด้วย 3 ลงตัวของจำนวนนับตั้งแต่ 100 ถึง 1,000
ได้แก่ 102 + 105 + 108 + … + 999
จะเห็นว่ำเป็ นอนุกรมเลขคณิ ตที่มี 3 เป็ นผลต่ำงร่ วม
ให้ a1 = 102, an = 999 และ d = 3
จำก an = a1 + (n – 1)d
จะได้ 999 = 102 + (n – 1)3
897 = (n – 1)3
299 = n – 1
n = 300
จำก Sn = n2 (a1 + an)
= 300 (102 + 999)
2
= 300 (1,101)
2
= 165,150
ดังนั้น ผลบวกของจำนวนที่หำรด้วย 3 ลงตัวของจำนวนนับตั้งแต่
100 ถึง 1,000 เท่ำกับ 165,150
17. เฉลย ข้อ 4
แนวคิด กำรหำข้อมูลแบบทุติยภูมิเป็ นกำรใช้ขอ้ มูลที่มีผรู ้ วบรวมข้อมูลไว้ก่อนแล้ว ซึ่งกำรสื บค้น
ข้อมูลทำงอินเทอร์ เน็ตนั้น เป็ นกำรนำข้อมูลจำกแหล่งต่ำง ๆ มำใช้ในกำรตัดสิ นใจใน
เรื่ องใดเรื่ องหนึ่ง
18. เฉลย ข้อ 3
แนวคิด กำรนำค่ำฐำนนิยมจำกข้อมูลที่ไม่ได้จดั กลุ่มไปใช้ในกำรอธิบำยและใช้ในกำรตัดสิ นใจสำมำรถ
ทำได้อย่ำงถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริ ง แต่ถำ้ เป็ นข้อมูลที่จดั กลุ่มค่ำฐำนนิยมของข้อมูลชุดเดียวกัน
เมื่อสร้ำงตำรำงแจกแจงควำมถี่ให้มีควำมกว้ำงของอันตรภำคชั้นต่ำงกันไป เช่น สร้ำงตำรำงแจกแจง
ควำมถี่ 3 ตำรำง จำกข้อมูลชุดเดียวกันให้มีควำมกว้ำงของอันตรภำคชั้นเป็ น 2, 3 และ 4 ค่ำฐำนนิยม
ที่คำนวณได้มกั มีค่ำไม่เท่ำกัน ซึ่ งหำกเรำนำค่ำที่ได้ไปใช้ในกำรตัดสิ นใจหรื อวำงแผนเรื่ องใด
เรื่ องหนึ่ง อำจทำให้เกิดข้อผิดพลำดได้ ในกรณี ดงั กล่ำวนี้ ถำ้ นำข้อมูลมำสร้ำงตำรำงแจกแจงควำมถี่
ค่ำฐำนนิยมที่ได้อำจจะได้ค่ำอื่นที่ใกล้เคียงกันกับค่ำฐำนนิ ยมที่แท้จริ ง และหำกตัดสิ นใจผลิตสิ นค้ำ
ตำมเบอร์ ที่คิดคำนวณได้จำกตำรำงแจกแจงควำมถี่ อำจก่อให้เกิดควำมเสี ยหำยได้มำก ดังนั้น
จึงควรหำค่ำฐำนนิยมจำกข้อมูลที่ไม่ได้จดั กลุ่ม หรื อหำจำกข้อมูลดิบ
19. เฉลย ข้อ 4
แนวคิด จำกผลกำรสำรวจควำมพึงพอใจของนักเรี ยน เมื่อนำมำคำนวณเป็ นร้อยละทำให้เห็นว่ำ
นักเรี ยนพึงพอใจในอำหำรมีหลำกหลำยชนิด สะอำด อร่ อย น้อยที่สุด
ดังนั้น ทำงโรงเรี ยนควรปรับปรุ งในเรื่ อง อำหำร มีหลำกหลำยชนิด สะอำด อร่ อย
เป็ นลำดับแรกสุ ด
20. เฉลย ข้อ 2
แนวคิด กฎกำรคูณ (Multiplication Rule) เป็ นกฎเกณฑ์เบื้องต้นเกี่ยวกับกำรนับ คือ ถ้ำกำรทำงำน
อย่ำงหนึ่งมี k ขั้นตอน ขั้นตอนที่หนึ่งมีวธิ ี ทำได้ n1 วิธี ในแต่ละวิธีของขั้นตอนที่หนึ่งมีวธิ ี ที่
จะทำงำนขั้นตอนที่สองได้ n2 วิธี เป็ นเช่นนี้ไปเรื่ อย ๆ จนถึงขั้นตอนที่ k ได้ nk วิธี จำนวน
วิธีท้ งั หมดที่จะเลือกทำงำน k อย่ำง เท่ำกับ n1n2n3…nk วิธี
เนื่องจำก ของเล่นมี 3 ชนิดที่แตกต่ำงกัน นัน่ คือจะมีกำรทำงำน 3 ขั้นตอน
ดังนั้น กำรเลือกของเล่นชนิดละ 1 ชิ้น จำกของเล่น 3 ชนิ ดที่แตกต่ำงกันสำมำรถใช้
กฎกำรคูณในกำรหำคำตอบได้
21. เฉลย ข้อ 4
แนวคิด กำรเลือกซื้ อเสื้ อสี ต่ำง ๆ ตำมควำมชื่นชอบของตนเองนั้นไม่จำเป็ นต้องใช้สถิติในกำร
ตัดสิ นใจก็ได้ เพรำะเรำสำมำรถเลือกได้อย่ำงอิสระโดยไม่ตอ้ งสนใจว่ำคนส่ วนใหญ่จะเลือก
ซื้ อสี ใดก็ตำม
22. เฉลย ข้อ 5
แนวคิด ให้ S แทนแซมเปิ ลสเปซของกำรหยิบลูกปิ งปองสองครั้ง โดยหยิบทีละลูกแล้วไม่ใส่ กลับคืน
จำกกฎกำรคูณ จะได้ n(S) = 12 11 = 132 วิธี
ให้ E แทนเหตุกำรณ์ที่หยิบได้ลูกปิ งปองสี แดงทั้งสองครั้ง
พิจำรณำ ครั้งแรก เลือกหยิบลูกปิ งปองสี แดง 1 ลูก จำกลูกปิ งปองสี แดง 4 ลูก ได้ 4 วิธี
ครั้งที่สอง เลือกหยิบลูกปิ งปองสี แดง 1 ลูก จำกลูกปิ งปองที่เหลือจำกกำรหยิบ
ในครั้งแรกคือ 3 ลูก ได้ 3 วิธี
จะได้ n(E) = 4  3 = 12 วิธี
n(E)
ดังนั้น P(E) = n(S)
= 13212

= 111
นัน่ คือ ควำมน่ำจะเป็ นที่จะหยิบได้ลูกปิ งปองสี แดงทั้งสองครั้ง โดยหยิบทีละลูกแล้วไม่ใส่
กลับคืนเท่ำกับ 111
ส่ วนที่ 2
6 9 15 24 36 51
23. แนวคิด
ผลต่ำงครั้งที่ 1 3 6 9 12 15

ผลต่ำงครั้งที่ 2 3 3 3 3

จะได้วำ่ ผลต่ำงครั้งที่ 2 มีค่ำคงที่ คือ 3


ให้พจน์ที่ n อยูใ่ นรู ป an = an2 + bn + c
แทนค่ำ n ด้วย 1, 2 และ 3
จะได้ a1 = 6 = a + b + c 1
a2 = 9 = 4a + 2b + c 2
a3 = 15 = 9a + 3b + c 3
2 – 1 ; 3 = 3a + b 4
3 – 2 ; 6 = 5a + b 5
5 – 4 ; 3 = 2a
a = 32
แทนค่ำ a = 32 ใน 5 จะได้ 6 = 5 32 + b
b = – 32
แทนค่ำ a = 32 และ b = – 32 ใน 1 จะได้ 6 = 32 + – 32 + c
c = 6
ดังนั้น พจน์ทวั่ ไปของลำดับนี้ คือ an = 32 n2 – 32 n + 6, n {1, 2, 3, 4, 5, 6}
นัน่ คือ a + b + c = 32 + – 32 + 6 = 6
24. แนวคิด เนื่องจำก an = a1rn–1 และอัตรำส่ วนร่ วมเท่ำกับ 3
จะได้ a6 = a136–1
a6 = a135
และ a4 = a134–1
a4 = a133
a6 – a4 = a135 – a133
= a1(35 – 33)
= a1(243 – 27)
= 216a1
ดังนั้น ผลต่ำงของ a6 กับ a4 มีค่ำเท่ำกับ 216a1
เนื่องจำก a2 = a1r2–1
จะได้ 90 = a1(3)1
90 = 3a1
a1 = 30
ดังนั้น ผลต่ำงของ a6 กับ a4 มีค่ำเท่ำกับ 216(30) = 6,480
25. แนวคิด จำก 2x + y – 4 = 0
จะได้ y = 4 – 2x
ดังนั้น ค่ำของ xy = x(4 – 2x)
ทำสมกำรให้อยูใ่ นรู ป y = a(x – h)2 + k จุดวกกลับที่จุด (h, k)
จะได้ y = –2x2 + 4x
y = –2x2 + 4x – 2 + 2
y = –2(x2 – 2x + 1) + 2
y = –2(x – 1)2 + 2
ดังนั้น มีจุดวกกลับที่จุด (1, 2) และเป็ นกรำฟคว่ำ (a < 0) มีค่ำสู งสุ ดเท่ำกับ 2
นัน่ คือ ค่ำของ xy ที่มำกที่สุดเท่ำกับ 2
26. แนวคิด เรี ยงลำดับข้อมูลจำกน้อยไปมำก ได้ดงั นี้
7 8 10 12 15 18 19 23 28
จำนวนข้อมูลทั้งหมด เท่ำกับ 9 จะได้ N = 9
หำตำแหน่งเปอร์ เซ็นไทล์ที่ 30 (P30)
เนื่องจำก Pr = 100 r  (N + 1) เมื่อ r = 30 และ N = 9
จะได้ P30 = 100 30  (9 + 1)
30  10
= 100
= 300
100
= 3
ดังนั้น เปอร์ เซ็นไทล์ที่ 30 เท่ำกับ 10 คะแนน (ตำแหน่งที่ 3)
หำตำแหน่งเปอร์ เซ็นไทล์ที่ 70 (P70)
เนื่องจำก Pr = 100 r  (N + 1) เมื่อ r = 70 และ N = 9
จะได้ P70 = 100 70  (9 + 1)
70 10
= 100
= 700
100
= 7
ดังนั้น เปอร์ เซ็นไทล์ที่ 70 เท่ำกับ 19 คะแนน (ตำแหน่งที่ 7)
นัน่ คือ ผลต่ำงของเปอร์ เซ็นไทล์ที่ 30 กับเปอร์ เซ็นไทล์ที่ 70
มีค่ำเท่ำกับ 19 – 10 = 9 คะแนน

You might also like