Professional Documents
Culture Documents
สารบัญ
ความเป็นมา 1
แนวทางการฝึกอบรมเทคนิคการคิดเลขเร็วแบบอินเดีย (เวทคณิต) 2
การบวกแบบเวทคณิต
- การบวกแบบเวทคณิต 6
การลบแบบเวทคณิต
- การลบโดยใช้หลักการทบสิบ 10
- การลบที่แปลงตัวลบโดยใช้หลักการทบสิบและทบเก้า 12
- การลบตรงหลัก 16
- การลบโดยใช้วิธีนิขิลัม 18
การคูณแบบเวทคณิต
- การคูณโดยการจัดตาแหน่งผลคูณ 22
- การคูณโดยใช้ตาราง 27
- การคูณโดยใช้ตารางด้วยวิธีนิขิลัม 30
- การคูณแนวตั้งและการคูณไขว้ 32
- การคูณโดยวิธีเบี่ยงฐาน 39
การหารแบบเวทคณิต
- การหารโดยใช้วิธีนิขิลัม 50
- การหารโดยใช้วิธีพาราวารท 58
เอกสารอ้างอิง 64
คณะทางาน 65
เ ว ท ค ณิ ต Vedic Mathematics |1
ความเป็นมา
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแนวคิดเทคนิคการคิดเลขเร็วแบบอินเดียว่า “คนอินเดียคิดเลขหลักแสน
หลั ก ล้ านภายในเวลาไม่ กี่ วิน าที ” ในงาน “นายกรัฐ มนตรีพ บเพื่ อนครู ” และมอบนโยบายให้ ส านั ก งาน
คณะกรรมการการศึกษาขั้น พื้น ฐานดาเนินการลงสู่การปฏิบัติ ที่ศูนย์การประชุม IMPACT เมืองทองธานี
จังหวัดนนทบุรี
เทคนิ ค การคิ ด เลขเร็ ว แบบอิ น เดี ย (เวทคณิ ต : Vedic Mathematics) มี ที่ ม าจากคั ม ภี ร์
โบราณในการคิดเลขเร็วซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคัมภีร์พระเวทของอินเดีย ประกอบด้วยสูตร 16 สูตร ที่เกี่ยวกับ
การบวก ลบ คูณ หาร เป็นสูตรเฉพาะช่วยให้คิดลัดขึ้น และจาก 16 สูตรหลัก สามารถนามาผสมผสานกันและ
ผนวกกับพื้นความรู้ในด้านการคิดคานวณได้
สานั กงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานจึงได้ดาเนินการศึกษา ค้นหา และรวบรวม
ข้ อ มู ล เอกสาร เกี่ ย วกั บ การคิ ด เลขเร็ ว แบบอิ น เดี ย โดยประชุ ม ผู้ ท รงคุ ณ วุ ฒิ เพื่ อ ก าหนดกรอบเนื้ อ หา
ถอดบทเรียน และพัฒ นาเทคนิคการคิดเลขเร็วแบบอินเดีย (แบบเวทคณิต) และนาไปทดลองใช้ในโรงเรียน
ในส านั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษาประถมศึ ก ษากาญจนบุ รี เขต 1- 4 และส านั ก งานเขตพื้ น ที่ ก ารศึ ก ษา
มัธยมศึกษา เขต 8 จานวน 37 โรงเรียน และสานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา
เขต 1- 2 และสานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 3 จานวน 50 โรงเรียน และมีการปรับปรุงหลัง
การทดลองใช้ ทั้งนี้ ผลการทดลองใช้ แสดงให้เห็นว่า ผู้เรียนสามารถคิดเลขได้เร็วกว่าวิธีปกติ และครูผู้สอน
มีความเข้าใจและเห็นประโยชน์ในการนาไปจัดการเรียนรู้ บางส่วนได้นาเทคนิคการคิดเลขเร็วแบบอินเดียไปฝึก
นักเรียนทาโครงงานคณิตศาสตร์ เพื่อส่งเข้าประกวดงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน
สานักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ดาเนินการขับเคลื่อนเทคนิคการคิดเลขเร็ว
แบบอินเดีย (เวทคณิต) ตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ และเห็นควรให้มีการพัฒนาเทคนิคการคิดเลขเร็ว
แบบอินเดีย (เวทคณิต) และการขยายผลเทคนิคการคิดเลขเร็วแบบอินเดีย (เวทคณิต) ไปสู่การปฏิบัติระดับ
สถานศึกษาต่อไป
เ ว ท ค ณิ ต Vedic Mathematics |2
แนวทางการฝึกอบรมเทคนิคการคิดเลขเร็วแบบอินเดีย (เวทคณิต)
หลักการ
เป็ น แนวทางการฝึ กอบรมที่เน้นภาคปฏิบัติเพื่อพัฒ นาครูและศึกษานิเทศก์ให้ มีความรู้ความเข้าใจ
และชานาญในการใช้เทคนิ คการคิดเลขเร็ว แบบอินเดีย (เวทคณิ ต) มีทักษะในการนาเทคนิคการคิดเลขเร็ว
แบบอินเดีย (เวทคณิต)ไปใช้ในการจัดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนสามารถดาเนินการขยายผล
การพัฒนาเทคนิคการคิดเลขเร็วแบบอินเดีย (เวทคณิต) สู่การปฏิบัติ
วัตถุประสงค์
1. เพื่อให้ครูและศึกษานิเทศก์มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการคิดเลขเร็วแบบอินเดีย (เวทคณิต)
2. เพื่อให้ครูและศึกษานิเทศก์มีทักษะในการบวก การลบ การคูณ และการหาร ด้วยเทคนิคการคิดเลขเร็ว
แบบอินเดีย (เวทคณิต)
3. เพื่อส่งเสริมให้ครูสามารถนาเทคนิคการคิดเลขเร็วแบบอินเดีย (เวทคณิต) ไปใช้เพื่อพัฒนาการเรียนรู้
ของนักเรียนและการจัดการเรียนรู้ของครู
เป้าหมาย
1. ครูและศึกษานิเทศก์ที่เข้ารับการอบรมมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคนิคการคิดเลขเร็วแบบอินเดีย
(เวทคณิต)
2. ครูและศึกษานิเทศก์ที่เข้ารับการอบรมมีทักษะในการบวก การลบ การคูณ และการหาร ด้วยเทคนิค
การคิดเลขเร็วแบบอินเดีย (เวทคณิต)
3. ครูและศึกษานิเทศก์ที่เข้ารับการอบรมสามารถวางแผนและดาเนินการในการขยายผล เป็นที่ปรึกษา
ช่ ว ยเหลื อ แนะน า ก ากั บ และติ ด ตามเกี่ ย วกั บ การด าเนิ น งานการพั ฒ นาเทคนิ ค การคิ ด เลขเร็ ว
แบบอินเดีย (เวทคณิต) อย่างมีประสิทธิภาพ
เ ว ท ค ณิ ต Vedic Mathematics |3
โครงสร้างเนื้อหา
เนื้อหาในการฝึกอบรมเทคนิคการคิดเลขเร็วแบบอินเดีย (เวทคณิต) ประกอบด้วย 6 หน่วย แบ่งเป็น
ภาคทฤษฎี จานวน 10 ชั่วโมง ภาคปฏิบัติ จานวน 8 ชั่วโมง รวม 18 ชั่วโมง
ทฤษฎี ปฏิบัติ รวม
หน่วยที่ เนื้อหา
(ชั่วโมง) (ชั่วโมง) (ชั่วโมง)
1 เรียนรู้เทคนิคการคิดเลขเร็ว 1.5 2 3.5
1.1 ความเป็นมา และแนวนโยบายการ
ดาเนิ น งานพัฒ นาทักษะการคิดเลขเร็ว
ด้ว ยเทคนิ ค การคิ ด เลขเร็ ว แบบอิ น เดี ย
(เวทคณิต)
1.2 เทคนิคการคิดเลขเร็วแบบหัตถคณิต
2 การบวกแบบเวทคณิต 1 1.5 2.5
: การบวกเฉพาะเลขโดด
3 การลบแบบเวทคณิต 1.5 1.5 3
3.1 การลบโดยใช้หลักการทบสิบและ
ทบเก้า
3.2 การแปลงตัวลบโดยใช้หลักการ
ทบสิบและทบเก้า
3.3 การลบตรงหลัก
3.4 การลบโดยวิธีนิขิลัมสูตร
4 การคูณแบบเวทคณิต 1.5 1.5 3
4.1 การคูณโดยการจัดตาแหน่งผลคูณ
4.2 การคูณโดยใช้ตาราง
4.3 การคูณแนวตั้งและการคูณไขว้
4.4 การคูณโดยวิธีเบี่ยงฐาน
5 การหารแบบเวทคณิต 1.5 1.5 3
5.1 การหารแบบเวทคณิต
5.2 การหารโดยระเบียบวิธีพาราวารท
6 การพัฒนาคุณ ภาพผู้เรียนด้วยเทคนิค 3 - 3
การคิดเลขเร็วแบบอินเดีย (เวทคณิต)
6.1 การขยายผลการดาเนินงาน
6.2 เวทคณิต: จากแนวปฏิบัติสู่การวิจัย
ในชั้นเรียน
รวม 10 8 18
เ ว ท ค ณิ ต Vedic Mathematics |4
กิจกรรมการฝึกอบรม
1. บรรยาย
2. อภิปราย
3. ฝึกปฏิบัติ
4. แลกเปลี่ยนเรียนรู้ โดยการนาเสนอผลงาน และให้ข้อมูลสะท้อนกลับ
กระบวนการฝึกอบรม
การดาเนินการฝึกอบรมนี้แบ่งเป็น 4 ขั้นตอน คือ
ขั้นที่ 1 ตรวจสอบพื้นฐานเดิม เป็นกระบวนการฝึกอบรมในรูปของการทดสอบความรู้เกี่ยวกับเทคนิค
การคิดเลขเร็วแบบต่าง ๆ อภิปรายกลุ่มย่อยถึงสภาพและการยอมรับการเปลี่ยนแปลงการคิดเลขเร็วด้วย
เทคนิควิธีใหม่ ๆ
ขั้นที่ 2 สร้างเสริมสิ่งใหม่ เป็นกระบวนการฝึกอบรมในรูปของการประชุมเชิงปฏิบัติเกี่ยวกับเทคนิคการคิดเลขเร็ว
แบบอินเดีย (เวทคณิต) โดยการฟังบรรยายและทากิจกรรม รวมทั้งมีการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ขั้นที่ 3 ลงมือปฏิบัติ เป็นกระบวนการฝึกอบรมในรูปการประชุมเชิงปฏิบัติการโดยเน้นให้ผู้เข้าร่วมประชุม
ได้ลงมือปฏิบัติจริงในการบวก ลบ คูณ หาร โดยการใช้เทคนิคการคิดเลขเร็วแบบอินเดีย (เวทคณิต)
ขั้นที่ 4 นาสู่ชั้นเรียน เป็นกระบวนการฝึกอบรมในรูปแบบการประชุมเชิงปฏิบัติการ โดยให้ครูและศึกษานิเทศก์
ออกแบบและวางแผนดาเนินการในการขยายผลการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้วยเทคนิคการคิดเลขเร็วแบบ
อินเดีย (เวทคณิต) เพื่อพัฒนาการจัดการเรียนรู้ของผู้เรียน และทาหน้าที่ให้คาปรึกษา ช่วยเหลือ แนะนา กากับ
ติดตามเกี่ยวกับการดาเนินงานการพัฒนาเทคนิคการคิดเลขเร็วแบบอินเดีย (เวทคณิต) อย่างมีประสิทธิภาพ
สื่อ/แหล่งเรียนรู้ในการอบรม
1. เอกสารการฝึกอบรมประกอบด้วย
1.1 เอกสารแนวทางการฝึกอบรม
1.2 แบบฝึกกิจกรรมการฝึกอบรม
2. สื่ อ การน าเสนอของวิ ท ยากรประกอบด้ ว ยโปรแกรมการน าเสนอ (PowerPoint) และเอกสาร
ประกอบการบรรยาย
3. เครื่องมือประเมินผลการฝึกอบรม
การวัดและประเมินผล
1. ประเมินจากผลการปฏิบัติงาน (formative assessment)
2. สอบถามความคิดเห็นที่มีต่อการเนื้อหาและกระบวนการฝึกอบรม ระยะเวลา และประโยชน์ที่ได้รับ
ระยะเวลาที่ใช้ฝึกอบรม รวม 18 ชั่วโมง
เ ว ท ค ณิ ต Vedic Mathematics |5
การบวกแบบเวทคณิต
เ ว ท ค ณิ ต Vedic Mathematics |6
การบวกแบบเวทคณิต
การบวกแบบเวทคณิตเป็นการบวกเฉพาะเลขโดด ถ้าผลบวกเกิน 9 จะใช้จุด ( ) แทนการทด กากับ
ไว้เหนือตัวบวกและทิศทางการบวกจะบวกจากบนลงล่างจนหมดแถว โดยเริ่มจากหลักหน่วย หลักสิบ หลักร้อย
หลักพัน ไปเรื่อยๆ จนครบทุกหลัก
ตัวอย่างที่ 1 3 + 9 + 5 + 8 = คาอธิบาย
วิธีคิด 1) 3 + 9 = 12 (ผลบวกเกิน 9 ) ใส่จุด ( ) ไว้เหนือ 9
นา 2 ไปบวกกับตัวถัดไป จะได้ 2 + 5 = 7
3 + นา 7 ไปบวกกับ 8 จะได้ 7 + 8 = 15 (ผลบวกเกิน 9 )
+ ใส่จุด ( ) ไว้เหนือ 8 นา 5 เขียนตอบในหลักหน่วย
5 + 2) หลักสิบเขียนเลข 2 ( 2 มาจาก ที่อยู่เหนือ 9 และ 8
ในหลักหน่วย
2 5
ดังนั้น 3 + 9 + 5 + 8 = 25
5) 6)
6 5 9 1 + 9 5 6 4 3 2 +
4 3 4 7 + 1 2 3 3 5 4 +
8 6 2 4 + 3 2 6 7 0 +
3 9 8 7 + 2 7 0 5 8 9 +
7 6 4 5 9 1 7 7 6
เ ว ท ค ณิ ต Vedic Mathematics |8
7) 8)
5 1 2 3 0 1 + 2 0 0 4 6 9 +
2 4 3 7 1 1 + 3 4 4 5 6 9 +
9 5 2 0 2 1 + 1 1 3 7 5 1 +
3 4 7 6 5 9 + 3 4 5 5 6 7 +
7 6 4 5 1 3 7 6 4 1 2 0
เ ว ท ค ณิ ต Vedic Mathematics |9
การลบแบบเวทคณิต
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 10
การลบโดยใช้หลักการทบสิบ
ทบสิบ หมายถึง เลขโดดสองจานวน รวมกันได้เท่ากับ 10 ในกรณีที่เลขโดดในหลักใดของตัวตั้งมีค่า
น้อยกว่าตัวลบ ให้ใส่ ( ) เหนือตัวลบในหลักถัดไปทางซ้าย และ ในหลักที่มีสัญลักษณ์ ( ) เหนือตัวเลขนั้น
จะมีค่าเพิ่มขึ้นอีก 1 เช่น , = 6 , = 9
ตัวอย่าง จงหาผลลบของ 93,765 – 4,897
วิธีคิด 9 3 7 6 5 ขั้นที่ 1 ในหลักหน่วยตัวตั้ง 5 น้อยกว่าตัวลบ 7
+3
ให้ใส่ ( ) ในหลักสิบที่ จานวนทบสิบ ของ 7
4 8 7 คือ 3 ดังนั้น 3 + 5 = 8
8
9 3 7 6 5
ขั้นที่ 5 ในหลักหมื่น ตัวตั้ง 9 ลบด้วย ซึ่ง
7 = 1 จะได้ 9 1 = 8
8 8 8 6 8
ดังนั้น 93,765 – 4,897 = 88,868
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 11
7 9 8 5 2 7 - 1 9 3 7 3 6 -
3 8 9 9 5 6 3 9 2 8
4 5 0 0 1 3 - 6 3 9 2 5 -
2 2 9 9 8 7 2 7 7 9 9
1 0 1 0 1 3 - 6 7 0 3 9 2 5 -
9 9 9 9 9 1 0 8 7 7 9 9
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 12
การลบทีแ่ ปลงตัวลบโดยใช้หลักการทบสิบและทบเก้า
ทบสิบ หมายถึง เลขโดดสองจานวน รวมกันได้เท่ากับ 10
ทบเก้า หมายถึง เลขโดดสองจานวน รวมกันได้เท่ากับ 9
การแปลงตัวลบโดยใช้หลักการทบสิบและทบเก้า มีขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1 แปลงตัวลบในหลักหน่วยเป็นทบสิบของตัวลบ
ขั้นที่ 2 แปลงตัวลบในหลักถัดไปเป็นทบเก้า
ขั้นที่ 3 เมื่อแปลงตัวเลขครบทุกหลักแล้วให้ใส่ เพิ่มในหลักถัดไป ( หมายถึง 1)
ขั้นที่ 4 เมื่อแปลงตัวลบแล้วให้นาไปบวกกับตัวตั้ง จะได้ผลลัพธ์
** สาหรับหลักซ้ายสุดนั้นการบวกด้วย ก็คือการลบด้วย 1 ในหลักซ้ายสุด
ตัวอย่างการแปลงตัวลบเป็นทบสิบและทบเก้า
5 2 1 4
ทบเก้า ทบสิบ
การแปลงตัวลบจาก
1 7 6 5 4 จะได้ 1 8 2 3 4 6
แปลงตัวลบเป็น
2 3 4 8 9 +
8 2 3 4 6
การลบตรงหลัก
การลบตรงหลัก หมายถึง การนาเลขหลักเดียวกันมาลบกัน โดยตัวตั้งในหลักหน่วย ลบด้วยตัวลบ
ในหลักหน่วย ตัวตั้งในหลักสิบ ลบด้วยตัวลบในหลักสิบ
กรณีที่ 1 ตัวตั้งมากกว่าตัวลบ ให้ลบตามปกติ
กรณีที่ 2 ตัวตั้งน้อยกว่าตัวลบ ค่าที่ได้จะติดลบ ให้ใส่เครื่องหมายขีดบน ( ) บนค่านั้นๆ
เช่น 2 – 5 = อ่านว่า = -3
5 – 9 = อ่านว่า = - 4 เป็นต้น
กรณี ที่ 3 ค่ าที่ ได้ จ ากการติ ด บาร์ ต้ อ งแปลงค่ าให้ เป็ น เลขฐานสิ บ โดยใช้ ก ารทบสิ บ และทบเก้ า
ซึ่งค่าแรกทางขวาสุดถ้าติดบาร์ให้ทบสิบ ค่าที่ติดบาร์ที่อยู่ติดกัน ตัวถัดไปให้ทบเก้าและค่าไม่ติดบาร์อยู่ติดกับ
ค่าที่ติดบาร์ จะมีค่าลดลง 1 เช่น 2 = 17 , 42 = 4,165 , 6 1 = 53,074
การลบโดยใช้วิธีนิขิลัม
3 5 6 9 2
4 2
ดังนั้น 3 5 6 9 2 = 4 2
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 19
แปลงตัวลบเป็น
ตัวบวก 4 7 9 8 2
+
0 4 2
แปลงคาตอบ
4 7 8 2
+ ขั้นที่ 4 นา 4 7 9 8 2 + 0 4 2 =840
0 4
0 7 13 10
แปลงคาตอบเป็น 8 4 0 = 8397
0 8 4 0
8 3 9 7
การคูณแบบเวทคณิต
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 22
การคูณโดยการจัดตาแหน่งผลคูณ
การคูณโดยจัดตาแหน่งผลคูณจะแนะนารูปแบบต่างๆดังนี้
1. ตัวตั้งและตัวคูณประกอบด้วยเลขโดด 2 ตัว
2. ตัวตั้งประกอบด้วยเลขโดด 3 ตัวและตัวคูณประกอบด้วยเลขโดด 2 ตัว
3. ตัวตั้งประกอบด้วยเลขโดด 3 ตัวและตัวคูณประกอบด้วยเลขโดด 3 ตัว
ในการตั้งคูณทั่ว ๆ ไป จะมีการคูณ ดังนี้
ถ้า ab และ cd เป็นจานวนที่มี 2 หลัก หาผลคูณได้ดังนี้
a b
c d x
1 1 (1) ผลคูณของ dxb
0 (2) ผลคูณของ dxa
1 1 0 (3) ผลคูณของ cxb
1 1 0 0 (4) ผลคูณของ cxa
เมื่อตัดตัวเลข 0 ออกไปจะได้
a b
x
c d
1 1 1 1 (1) ผลคูณของ c x a และ d x b ตามลาดับ
1 1 (2) ผลคูณของ d x a
1 1 (3) ผลคูณของ c x b
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 23
การหาผลคูณของจานวนที่มีสามหลัก กับจานวนที่มีสองหลักทาได้ดังนี้
a b c
d e
2 ช่องซ้าย e x a 2 ช่องขวา e x c
exb
2 ช่องซ้าย d x a 2 ช่องขวา d x c
dxb
ตอบ
4 3 5
6 7
2 ช่องซ้าย 7 x 4 2 8 3 5 2 ช่องขวา 7 x 5
1 7x3
2 ช่องซ้าย 6 x 4 2 4 3 0 2 ช่องขวา 6 x 5
1 6x3
ตอบ 2 9 1 4 5
9 8 7
4 2 3
2 ช่องซ้าย 3 x 9 2 7 2 1 2 ช่องขวา 3 x 7
2 ช่องซ้าย 2 x 9 1 4 2 ช่องขวา 3 x 8
2 ช่องซ้าย 4 x 8 3 2 1 2 ช่องขวา 2 x 7
2 ช่องซ้าย 4 x 9 3 1 6 2x8
2 2 ช่องขวา 4 x 7
ตอบ 4 1 7 5 0 1
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 25
ตอบ
ตอบ
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 26
3) 4)
7 8 2 9 8 9 7 2
5 6 2 7 3 5 4
5)
7 3 2 4
2 3 4
ตอบ
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 27
การคูณโดยใช้ตาราง
ขั้นตอนการคูณแบบตาราง
1. สร้างตารางตามจานวนหลักของตัวตั้งและตัวคูณ เช่น จานวนสองหลักคูณจานวนสองหลัก
สร้างตาราง 2 x 2 จานวนสามหลักคูณจานวนสามหลัก สร้างตาราง 3 x 3 แล้วเขียนเส้นทแยงมุม
2. นาตัวตั้งเขียนกากับในแนวนอน ตัวคูณเขียนกากับในแนวตั้ง
3. หาผลคูณของแต่ละจานวนใส่ในตาราง ถ้าได้ผลคูณเป็นจานวนหนึ่งหลั กให้ใส่ช่องด้านล่าง ถ้าได้ผลคูณ
เป็นจานวนสองหลักให้เขียนหลักหน่วยในช่องด้านล่าง หลักสิบเขียนในช่องด้านบน
4. หาผลบวกตามแนวทแยงจากบนลงล่าง จากขวาไปซ้าย
*กรณีผลบวกในแนวทแยงมากกว่า 9 ขึ้นไป เช่น 10 ให้เขียน 10 , 15 ให้เขียน 15
5. นาผลบวกที่ได้เขียนเรียงจากซ้ายไปขวา จะได้คาตอบ
ตัวอย่างที่ 1 จงหาค่าของ 23 x 5
วิธีทา
ขั้นที่ 1
23 เป็นตัวตั้งจานวนสองหลัก และ 5 เป็นตัวคูณจานวนหนึ่งหลัก
ให้เขียน23 (ตัวตั้ง) ไว้ด้านบนของตาราง เขียน 5 (ตัวคูณ) ไว้
ด้านขวาของตาราง
ขั้นที่ 2
นา 5 x 3 ได้ 15 ซึ่งผลคูณเป็นจานวนสองหลักให้นาเลข
หลักหน่วยเขียนช่องล่าง และเลขหลักสิบเขียนช่องบน
ขั้นที่ 3
นา 5 x 2 ได้ 10ซึ่งผลคูณเป็นจานวนสองหลักให้นาเลข
หลักหน่วยเขียนช่องล่าง และเลขหลักสิบเขียนช่องบน
แล้วนาเลขของผลบวกเขียนเรียงตามลูกศร
นั่นคือผลคูณตามต้องการ
ดังนั้น 23 x 5 = 115
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 28
ตัวอย่างที่ 2 จงหาค่าของ 12 X 15
ตอบ 12 x 15 = 180
1) 32 X 57 =
ตอบ 32 x 57 = …………………………………….
2) 412 X 63 =
3) 214 X 356 =
การคูณโดยใช้ตารางด้วยวิธีนิขิลัม
เงื่อนไข
1. นักเรียนต้องเรียนรู้วิธีการแปลงเป็นนิขิลัมจากเรื่องการลบและการคูณโดยใช้ตารางก่อนเรียนรู้ในเรื่องนี้
2. วิธีนี้เหมาะกับโจทย์ที่เลขโดดมีค่าสูงมากกว่า 5 เพราะวิธีการของนิขิลัมเป็นการทาให้ตัวเลขน้อยลง
เพื่อสะดวกต่อการคานวณ
การคูณโดยใช้ตาราง(ด้วยวิธีนิขิลัม) มีขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 : ให้เปลี่ยนโจทย์ โดยการใช้วิธีนิขิลัม
ขั้นตอนที่ 2 : สร้างตารางใส่ตัวเลขกากับ และหาผลคูณแบบวิธีปกติ
ขั้นตอนที่ 3 : ผลคูณที่ได้จะเป็นนิขิลัม ให้เปลี่ยนเป็นเลขในระบบฐานสิบ
ตัวอย่างที่ 1 จงหาค่าของ 79 X 86
79 = 1
86 = 1
จากตารางจะได้ 1 3 3 9 4
นั้นคือ 79 X 86 = 1 3 3 9 4 = 6,794
จากตารางจะได้ 1 6 6 3 14 9 6
นั้นคือ 768 X 597 = 1 6 14 9 6
=1 6 496
= 458496
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 31
นั้นคือ 89 X 67 = …………………………………………………..
2) 68 X 96
68 =…………………………………………… 96 =……………………………………………
นั้นคือ 68 X 96 = …………………………………………………….
3) 989 X 988
989 =………………………………………. 988=……………………………………..
การคูณแนวตั้งและการคูณไขว้
ข้อตกลงเบื้องต้น
1. ผลลัพธ์ที่เกิดจากการคูณของเลขโดด 2 ตัว กรณีผลคูณเป็นจานวนที่มสี องหลัก เขียนได้ดังนี้
เช่น 13 เขียนแทนด้วย 13 (อ่านว่า 3 ห้อย 1)
27 เขียนแทนด้วย 2 7 (อ่านว่า 7 ห้อย 2)
2. คาตอบของการคูณ มีวิธีการหาโดยบวกตามแนวลูกศร ดังนี้
เช่น 2 4 3 51 = 681
21 39 36 = 2,526
6 8 1 2 5 2
6
รวมทด
การคานวณ
6 1 3
1 5 8
6 31 56 23 24
จาก 6 31 56 23 24 เท่ากับ 9 6 8 5 4
ดังนั้น 613 158 = 96,854
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 34
จาก 36 35 26 15 เท่ากับ 3 9 7 7 5
ดังนั้น 925 43 = 39,775
กรณีที่ 4 ตัวตั้งและตัวคูณเป็นจานวนที่มสี ่หี ลัก
มีผังการคูณจากขวาไปซ้าย โดยใช้ แทนตาแหน่งของเลขโดดของตัวตั้งและตัวคูณ ดังนี้
ผลคูณ 40 21 73 75 37 54 24
การคานวณ
5 2 7 4
8 1 3 6
40 21 73 75 37 54 24
จาก 40 21 73 75 37 54 24 เท่ากับ 4 2 9 0 9 2 6 4
ดังนั้น 5,274 8,136 = 42,909,264
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 35
กรณีที่ 5 ตัวตั้งและตัวคูณมีเลขโดดที่มากกว่าเลข 5
ในกรณีที่ตัวตั้งและตัวคูณมีเลขโดดที่มากกว่าเลข 5 เราสามารถแปลงเป็นเลขโดดที่มี
ค่าน้อยกว่า 5 ได้โดยใช้นิขิลัมสูตร ดังตัวอย่างต่อไปนี้
2 2 2
3x2=6 (3x )+(2x )= + =
การคานวณ
3 2
2 2
6 4
1) 5832
2) 479 561
การคานวณ
4 7 9
5 6 1
3) 514 39
การคานวณ
5 1 4
3 9
4) 4,216 3,036
การคานวณ
4 2 1 6
3 0 3 6
การคูณโดยวิธีเบี่ยงฐาน
ค่าเบี่ยงฐาน
ตัวเลขในเวทคณิตเช่นเดียวกับตัวเลขระบบฐานสิบกล่าวคืออิงฐานของระบบฐานสิบและขณะเดียวกัน
จะระบุค่าเบี่ยงฐานควบคู่ไปด้วยในกรณีต้องการคูณ โดยตัวเลขในเวทคณิตจะยึดฐาน 10, 100, 1,000, ... และ
ระบุค่าเบี่ยงฐานของจานวนเหล่านั้ นซึ่งค่าเบี่ยงฐานมีทั้งค่าบวกค่าลบและศูนย์จะอธิบายค่าเบี่ยงฐานโดยใช้
ตัวอย่างประกอบดังนี้
ตัวอย่างที่ 1 ค่าเบี่ยงฐานจากฐาน 10
8 มีค่าน้อยกว่า 10 อยู่ 2 หมายถึง 8 มีค่าเบี่ยงฐานจาก 10 เป็น –2
6 มีค่าน้อยกว่า 10 อยู่ 4 หมายถึง 6 มีค่าเบี่ยงฐานจาก 10 เป็น –4
13 มีค่ามากกว่า 10 อยู่ 3 หมายถึง 13 มีค่าเบี่ยงฐานจาก 10 เป็น +3
25 มีค่ามากกว่า 10 อยู่ 15 หมายถึง 25 มีค่าเบี่ยงฐานจาก 10 เป็น +15
ขั้นตอนวิธีการคูณโดยวิธีเบี่ยงฐาน
ขั้นที่ 1 เขียนตัวตั้งและตัวคูณแบบจานวนพร้อมค่าเบี่ยงฐาน 10 100 1000 และตั้งคูณ
ขั้นที่ 2 แบ่งผลคูณที่จะได้ออกเป็นสองส่วน โดยใช้ / เป็นตัวแบ่ง ซึ่งจะแยกผลคูณจากค่าเบี่ยงฐานไว้
ต่างหาก
ขั้นที่ 3 หาผลคูณของค่าเบี่ยงฐาน แล้วใส่ผลลัพธ์ไว้ทางขวาของ /
ขั้นที่ 4 หาผลบวกของตัวตั้งและค่าเบี่ยงฐานของตัวคูณ หรือตัวคูณกับค่าเบี่ยงฐานของตัวตั้ง
(ผลบวกในแนวทแยงจะเท่ากัน) แล้วเขียนไว้ด้านซ้ายมือของเครื่องหมาย /
ชั้นที่ 5 เขียนผลคูณที่ได้
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 40
1. ผลคูณของจานวนที่มีค่าใกล้เคียงฐานสิบ
ตัวอย่างที่ 1 จงหาค่าของ 6 × 8
วิธีทา 6 –4 ขั้นที่ 1 ค่าเบีย่ งฐานสิบของ 6 คือ –4
× ค่าเบี่ยงฐานสิบของ 8 คือ –2
8 –2
6 –4 ×
ขั้นที่ 3 (–4)(–2) = 8
8 –2
/8
6 –4
× ขั้นที่ 4 6 + (–2) = 4และ 8 + (–4) = 4
8 –2
4 / 8
ขั้นที่ 5 ตอบ
ดังนั้น 6 × 8 = 48
ตัวอย่างที่ 2 จงหาค่าของ 12 × 14
วิธีทา 12 +2 × ขั้นที่ 1 ค่าเบีย่ งฐานสิบของ 12 คือ +2
ค่าเบี่ยงฐานสิบของ 14 คือ +4
14 +4
12 +2 ×
14 +4 ขั้นที่ 2 เติม / เพื่อแบ่งผลคูณออกเป็น 2 ส่วน
/
12 +2 × ขั้นที่ 3 2 4 = 8
14 +4 ผลคูณของเลขเบี่ยงฐานสิบจะเขียนเป็นเลขหลักเดียว
และในกรณีที่ผลคูณเป็นเลขสองหลักให้เขียนตามหลักวิธีของเวทคณิต
/ 8
12 +2
× ขั้นที่ 412 + 4 = 16 และ 14 + 2 = 16ผลบวกที่ได้จะมีค่าเท่ากัน
14 +4
16 / 8
ตัวอย่างที่ 3 จงหาค่าของ 18 × 19
วิธีทา 18 +8 ขั้นที่ 1 ค่าเบีย่ งฐานสิบของ 18 คือ +8
×
19 +9 ค่าเบี่ยงฐานสิบของ 19 คือ +9
18 +8
×
19 +9 ขั้นที่ 2 เติม / เพื่อแบ่งผลคูณออกเป็น 2 ส่วน
/
18 +8 × ขั้นที่ 3 8 9 = 72
ในกรณีที่ผลคูณเป็นเลขสองหลักให้เขียนตามหลักวิธีของเวทคณิต นั่นคือ 72
19 +9
/ 72
18 +8
× ขั้นที่ 4 18 + 9 = 27 และ 19 + 8 = 27
19 +9
27 / 72
2. ผลคูณของจานวนที่มีค่าใกล้เคียงฐานร้อย
ตัวอย่างที่ 1 จงหาค่าของ 112 × 108
วิธีทา 112 +12 × ขั้นที่ 1 ค่าเบีย่ งฐานร้อยของ 112 คือ +12
108 +08 ค่าเบี่ยงฐานร้อยของ 108 คือ +08
112 +12 ×
108 +08 ขั้นที่ 2 เติม / เพื่อแบ่งผลคูณออกเป็น 2 ส่วน
/
112 +12
× ขั้นที่ 3 1208 = 96
108 +08
/ 96
115 +15 ×
130 +30 ขั้นที่ 2 เติม / เพื่อแบ่งผลคูณออกเป็น 2 ส่วน
/
115 +15
× ขั้นที่ 4 115 + 30= 145 และ 130 + 15 = 145
130 +30
145 / 450
93 –07 ×
84 –16 ขั้นที่ 2 เติม / เพื่อแบ่งผลคูณออกเป็น 2 ส่วน
/
93 –07
× ขั้นที่ 4 93+(–16) = 77และ 84+(–07) = 77
84 –16
77 / 112
97 –03 ×
112 +12 ขั้นที่ 2 เติม / เพื่อแบ่งผลคูณออกเป็น 2 ส่วน
/
97 –03 ×
112 +12 ขั้นที่ 3 (–03)(+12)= –36
/
97 –03 ×
× ขั้นที่ 4 97+12 = 109และ 112+(–03) = 109
112 +12
109 /
3. ผลคูณของจานวนที่มีค่าใกล้เคียงฐานพัน
ตัวอย่างที่ 1 จงหาค่าของ 1002 1008
วิธีทา 1002 +002 × ขั้นที่ 1 ค่าเบีย่ งฐานพันของ 1002 คือ +002
1008 +008 ค่าเบี่ยงฐานพันของ 1008 คือ +008
1002 +002 ×
1008 +008 ขั้นที่ 2 เติม / เพื่อแบ่งผลคูณออกเป็น 2 ส่วน
/
1002 +002
×
1008 +008 ขั้นที่ 3 002008= 016
/ 016
1002 +002 ×
1008 +008 ขั้นที่ 4 1002+008=1010 และ 1008+002 = 1010
1010 / 016
1200 +200 ×
1035 +035 ขั้นที่ 2 เติม / เพื่อแบ่งผลคูณออกเป็น 2 ส่วน
/
1200 +200 ×
ขั้นที่ 3 200035= 7000
1035 +035
/ 7000
1200 +200 ×
1035 +035 ขั้นที่ 4 1200+035=1235 และ 1035+200 = 1235
1235 / 7000
986 –014 ×
995 –005 ขั้นที่ 2 เติม / เพื่อแบ่งผลคูณออกเป็น 2 ส่วน
/
986 –014 ×
995 –005 ขั้นที่ 4 986+(–005) = 981 และ 995+(–014) = 981
981 / 070
4. ผลคูณของจานวนที่มีค่าใกล้เคียงฐานย่อยอื่นๆ
ในกรณีที่ตัวตั้งและตัวคูณ มีค่าเบี่ยงฐานมากจะใช้ฐานย่อยเข้าช่วยซึ่งฐานย่อยจะอยู่ในรูปพหุคูณของ
10, 100, 1000, ...
32 +2 ×
34 +4
/ ขั้นที่ 2 เติม / เพื่อแบ่งผลคูณออกเป็น 2 ส่วน
32 +2 ×
ขั้นที่ 3 2 4 = 8
34 +4
/ 8
32 +2 × ขั้นที่ 4 32 + 4 = 36 และ 34 + 2 = 36
34 +4
36 / 8
×
3 = 108 ผลลัพธ์ด้านซ้ายของ / คูณด้วย 3เนื่องจาก ฐานย่อย 30
เกิดจาก ฐานอ้างอิง 10 คูณด้วย 3
ดังนั้น 32 × 34 = 1,088
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 46
ตัวอย่างที่ 2 จงหาค่าของ 53 48
ขั้นที่ 1 ค่าเบีย่ งฐานย่อยห้าสิบของ 53 คือ 3
วิธีทา 53 +3 × ค่าเบี่ยงฐานย่อยห้าสิบของ 48 คือ –2
48 –2 โดยใช้ฐานอ้างอิงคือ 10
53 +3 ×
48 –2
ขั้นที่ 2 เติม / เพื่อแบ่งผลคูณออกเป็น 2 ส่วน
/
53 +3 ×
48 –2 ขั้นที่ 3 3 (–2) = –6
/
53 +3
× ขั้นที่ 4 53 + (–2) = 51 และ 48 + 3 = 51
48 –2
51 /
×
5 = 255 ผลลัพธ์ด้านซ้ายของ / คูณด้วย 5 เนื่องจาก ฐานย่อย 50
เกิดจาก ฐานอ้างอิง 10 คูณด้วย 5
ดังนั้น 53 × 48 = 255
= 2,544 ***แปลงโดยวิธีนิขลิ มั
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 47
185 –15 ×
192 –08
/ ขั้นที่ 2 เติม / เพื่อแบ่งผลคูณออกเป็น 2 ส่วน
185 –15 ×
192 –08 ขั้นที่ 3 (–15) (–08) = 120
/ 120
185 –15 ×
ขั้นที่ 4 185 + (–08) = 177 และ 192 + (–15) =177
192 –08
177 / 120
×
2 = 354 ผลลัพธ์ด้านซ้ายของ / คูณด้วย 2เนื่องจาก ฐานย่อย
200 เกิดจาก ฐานอ้างอิง 100 คูณด้วย 2
ดังนั้น 185 × 192 = 354120
= 35,520 ***โดยวิธีเวทคณิต
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 48
2) 12 x 13 6) 28 x 26
3) 96 97 7) 394 x 389
การหารแบบเวทคณิต
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 50
การหารโดยใช้วิธีนิขิลมั
การหารตามแนวเวทคณิตเป็นวิธีการปรั บจานวนให้เหมาะสมและอาจใช้จานวนทบสิบ จานวนทบเก้า
และวิธีการแปลงจ านวน ในกรณี ที่ ตัว หารเป็ น เลขโดดที่ มีค่ ามากกว่า 5 เมื่ อใช้นิ ขิลั มสู ตรผสมกับ การหาร
สังเคราะห์ จะทาให้การหารนั้นง่ายขึ้น ในที่นี้จะนาเสนอวิธีการหาร 2 วิธีคือการหารโดยวิธีนิขิลัมและการหาร
แบบพาราวารท ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวหารเป็นเลขโดดที่มากกว่า 5 โดยใช้วิธีนิขิลัม
ตัวอย่างที่ 1 จงหาร 34 ด้วย 9
ขั้นตอนที่ 1 พิจารณาตัวหาร โดยการทบสิบ คือ จานวนทบสิบของ 9 คือ 1
9 ) 3 4 ไว้ใต้เลข 9
1
ขั้นตอนที่ 3 นับจานวนบรรทัดต่อจากตัวตั้งลงมาให้เท่ากับจำนวนของเลขโดด
9 ) 3 4 ของตัวตั้งทำงด้ำนซ้ำย ของเส้นแบ่งแล้วขีดเส้นใต้
1
ขั้นตอนที่ 4 ชักเลขโดดตัวแรกด้านซ้ายสุดลงมาใต้เส้นของขั้นตอนที่ 3
9 ) 3 4
1
3
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 51
ขั้นตอนที่ 5 นาจานวนทบไปคูณกับตัวเลขที่ชักมาแล้วนาไปใส่ในหลักถัดไป
9 ) 3 4
1 3
3
ขั้นตอนที่ 6 บวกเลขโดดในตาแหน่งที่สองลงมาไว้ใต้เส้นดังตัวอย่าง
9 ) 3 4
1 3
3 7
ขั้นตอนที่ 7
ผลลัพธ์คือ 3 เศษ 7
ตรวจคาตอบ นาผลลัพธ์ คูณตัวหาร แล้วบวกด้วยเศษ
(3 x 9) + 7 = 27 + 7
= 34
ขั้นตอนที่ 4 ชักเลขโดดตัวเลขตัวแรกด้านซ้ายสุดลงมาใต้เส้นสุดท้ายของขั้นตอนที่ 3
8 9 ) 2 1 6
1 1
2
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 52
ขั้นตอนที่ 6 บวกเลขโดดในตาแหน่งหลังเส้นแบ่งด้านขวาทุกตาแหน่งที่มีหลัก
8 9 ) 2 1 6 + ตรงกันลงมาไว้ใต้เส้น
1 1 2 2
2 3 8
ขั้นตอนที่ 7 ถ้าผลรวมหลังเส้นแบ่งด้านขวามือมีค่าน้อยกว่าตัวหารสรุปได้ว่า
38 < 89 จานวนที่ได้คือเศษของคาตอบ
ดังนั้นผลลัพธ์ของการหาร
216 ด้วย 89
มีค่าเท่ากับ 2 เศษ 38
ตรวจคาตอบ
(89 x 2) + 38 = 216
1 0 0
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 53
เมื่อผลรวมหลังเส้นแบ่งด้านขวามือมีค่ามากกว่า
ตัวหารแต่จานวนตาแหน่งเท่ากับตัวหาร ให้นามา
แปลงให้อยู่ในรูปแบบนิขิลัมก่อน แล้วจึงดาเนินการ
ต่อ
9
จาก 9 10 1 การแปลงเลข 9 เป็นนิขิลัม
11
9 8 8 6 ) 9 8 5 6 4 3 1 8
0 1 1 4 ) 1 0 4 3 2
0 1 1 4
0 0 0 0
0 0 0 0
0
0 0 0 0
1 0 0 0 1 0
การหารโดยใช้วิธีพาราวารท
การหารโดยใช้วิธีพาราวารท มีความเหมาะสมกับตัวหารที่อยู่ในรูป 1abc วิธีนี้จะต่างจากการหาร
โดยวิธีนิขิลัมในขั้นตอนแรกส่วนขั้นต่อไปคล้ายกัน ซึ่งถ้าตัวหารอยู่ในรูป 1abc ตัวหารปรับปรุงใหม่ (MD) คือ
a bc
1 1 2 ) 1 2 3 5
1 1 0 3
ผลลัพธ์คือ 11
เศษคือ 03
ดังนั้น 1235 ÷ 112 = 11 เศษ 3
1 8 4 = 2 2 4 เมื่อนา 2 ไปหารจะได้ 2 ) 22 4 = 1 1 2
2 ) 2 4 ) 1 3 5 4
1 2 1
1 4
1 4 7
1 2 0
6 7 0
1 3 2
7 10 2
8 0 2
เอกสารอ้างอิง
นิภาพร สัจจปิยะนิจกุล. (ม.ป.ป.). แบบฝึกทักษะเวทคณิตพื้นฐาน เล่ม 1. กรุงเทพฯ: บริษัท สานักพิมพ์ พีบีซี
จากัด.
ศักดา บุญโต. (2543). เวทคณิต (Vedic Mathematics) : คณิตคิดลัดจากสูตรพื้นฐาน 16 สูตร. กรุงเทพฯ:
ศิลปะการพิมพ์.
สุทธิ ภิบาลแทน และ ผานิต ทรงสุนทร. (ม.ป.ป.). หลักการคิดเลขเร็ว (Rapid Calculations). กรุงเทพฯ.
(เอกสารอัดสาเนา).
สมชาย ศรีวรางกูล. (2559). การลบแบบเวทคณิต. กรุงเทพฯ. (เอกสารอัดสาเนา).
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา. (2554). แบบฝึกเสริมสร้างทักษะกระบวนการคิดสาหรับนักเรียนที่มี
ความสามารถพิเศษทางคณิตศาสตร์ ระดับประถมศึกษา เล่มที่ 6 : เวทคณิตมหัศจรรย์. กรุงเทพฯ:
โรงพิมพ์ สกสค. ลาดพร้าว.
Sri Sathya Sai Veda Pratishtan. (date unknown). Vedic Mathematics - Methods. Retrieved
from http://vedamu.org/VedicMathematics.aspx
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 65
คณะทางาน
ที่ปรึกษา
ผู้ทรงคุณวุฒิ
1. นายสมชาย ศรีวรางกูล ข้าราชการบานาญ
2. นางสาวลัดดาวัลย์ ด่านศิริวิโรจน์ ข้าราชการบานาญ
ผู้รับผิดชอบโครงการ
กลุ่มพัฒนากระบวนการเรียนรู้ สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
1. นายธัญญา เรืองแก้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านติดตามตรวจสอบการดาเนินการบริหาร
การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
2. นางผาณิต ทวีศักดิ์ นักวิชาการศึกษา
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
3. นางสาววรณัน ขุนศรี นักวิชาการศึกษา
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
4. นางบุษริน ประเสริฐรัตน์ นักวิชาการศึกษา
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
5. นางสาวภัทรา ด่านวิวัฒน์ นักวิชาการศึกษา
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
6. นางสาวอธิฐาน คงช่วยสถิตย์ นักวิชาการศึกษา
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
7. นางสาววศินี เขียวเขิน นักวิชาการศึกษา
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
8. นางสาวปรมาพร เรืองเจริญ พนักงานธุรการ
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 66
คณะทางานพัฒนาเทคนิคการคิดเลขเร็วแบบอินเดีย (เวทคณิต)
1. นายปรีชา อรุณสวัสดิ์ ข้าราชการบานาญ
2. นายประเสริฐ สุภิรักษ์ ข้าราชการบานาญ
3. นายกระจาย คงสง ข้าราชการบานาญ
4. นายวิเชียร นกบิน ข้าราชการบานาญ
5. นางเยาวภา ศานติธรรม ศึกษานิเทศก์
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 4
6. นายภัทรวัตฐ์ ซื่อตรง ศึกษานิเทศก์
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 1
7. นางสาวประทุมวัน ดอมไธสง ศึกษานิเทศก์
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6
8. นางลัดดา ศรีทอง ศึกษานิเทศก์
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1
9. นายสาเริง รองในเมือง ศึกษานิเทศก์
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตราด
10. นางรัญญาภัทร อัยรา ศึกษานิเทศก์
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุทัยธานี เขต 2
11. นายนิพนธ์ สารถ้อย ศึกษานิเทศก์
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาน่าน เขต 2
12. นางสาวสาลินี จงใจสุรธรรม ศึกษานิเทศก์
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพัทลุง เขต 1
13. นางอานิซะห์ ประจัน ศึกษานิเทศก์
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 1
14. นายนริศ ไชยแก้ว ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านท่ามะเดื่อ
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3
15. นางไพวรรณ นิมิตเกาะ ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านทุ่งเสือโทน
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3
16. นางสกลรัตน์ หมั่นดี ผู้อานวยการโรงเรียนบ้านหนองขอน
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 3
17. นายกิติคุณ ดิลยานันท์ ครูโรงเรียนอนุบาลกาญจนบุรี
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 1
18. นางมณฑา ต้นโพธิ์ ครูโรงเรียนวัดกร่างทองราษฎร์บูรณะ
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 1
19. นางประนอม ทิมพิทักษ์ ครูโรงเรียนอนุบาลวัดลูกแกประชาชนูทิศ
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 2
20. นางสาวธานี เซี่ยนมั่น ครูโรงเรียนบ้านทุ่งประทุน
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากาญจนบุรี เขต 2
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 67
คณะบรรณาธิการกิจ
1. นายสมชาย ศรีวรางกูล ข้าราชการบานาญ
2. นางสาวลัดดาวัลย์ ด่านศิริวิโรจน์ ข้าราชการบานาญ
3. นายปรีชา อรุณสวัสดิ์ ข้าราชการบานาญ
4. นายประเสริฐ สุภิรักษ์ ข้าราชการบานาญ
5. นายกระจาย คงสง ข้าราชการบานาญ
6. นายวิเชียร นกบิน ข้าราชการบานาญ
7. นายภัทรวัตฐ์ ซื่อตรง ศึกษานิเทศก์
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสุพรรณบุรี เขต 1
8. นางสาวประทุมวัน ดอมไธสง ศึกษานิเทศก์
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6
9. นายลือชัย ทิพรังศรี ครูโรงเรียนหนองฉางวิทยา
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา 42
10. นายธัญญา เรืองแก้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านติดตามตรวจสอบการดาเนินการบริหารการ
จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
11. นางผาณิต ทวีศักดิ์ นักวิชาการศึกษา
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
12. นางสาววรณัน ขุนศรี นักวิชาการศึกษา
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
13. นางบุษริน ประเสริฐรัตน์ นักวิชาการศึกษา
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
14. นางสาวภัทรา ด่านวิวัฒน์ นักวิชาการศึกษา
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
15. นางสาวอธิฐาน คงช่วยสถิตย์ นักวิชาการศึกษา
สานักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา
เ ว ท ค ณิ ต V e d i c M a t h e m a t i c s | 70
ออกแบบปกและจัดทารูปเล่ม
1. นางสาวณภัทร ใจกล้า ครูโรงเรียนวัดประยุรวงศาวาส
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากรุงเทพมหานคร
2. นางสาวศรัญญา จินดา ครูโรงเรียนท่าม่วงราษฎร์บารุง
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 8