Professional Documents
Culture Documents
รายวิชาพื้นฐาน
คณิตศาสตร์
ชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ ๑ เล่ม ๑
ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
จัดทำ�โดย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฉบับปรับปรุง ครั้งที่ 1
กันยายน 2564
คำ�นำ�
(ศาสตราจารย์ชก
ู จิ ลิมปิจ�ำ นงค์)
ผู้อำ�นวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กระทรวงศึกษาธิการ
คำ�ชี้แจง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
กระทรวงศึกษาธิการ
คำ�แนะนำ�การใช้คู่มือครู
1 เป็นส่วนที่ประกอบด้วยชื่อบทเรียน พร้อมทั้งหัวข้อย่อยของบทเรียนและจำ�นวนชั่วโมงที่แนะนำ�
ให้ ใ ช้ ใ นการจั ด การเรี ย นการสอนโดยประมาณ เพื่ อ ให้ ค รู ส ามารถนำ � ไปประกอบการวางแผน
ชื่อบทเรียน
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้รายภาค และเพื่อให้เวลาเรียนสอดคล้องกับโครงสร้างเวลาเรียนของ
รายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
คู่มือครูนี้ จึงกำ�หนดจำ�นวนชั่วโมงเรียนที่แนะนำ�ให้ใช้ในการจัดการเรียนการสอนของทุกหัวข้อไว้
รวม 60 ชั่วโมง/ภาคเรียน
2 เป็ น สาระและมาตรฐานการเรี ย นรู้ ต ามที่ ป รากฏอยู่ ใ นตั ว ชี้ วั ด และสาระการเรี ย นรู้ แ กนกลาง
สาระและมาตรฐาน
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
การเรียนรู้
ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 เพื่อให้ครูได้ตรวจสอบความสอดคล้องและครอบคลุมกับหลักสูตร
สถานศึกษา
3 เป็นตัวชีว้ ด
ั ตามทีป
่ รากฏอยูใ่ นตัวชีว้ ด
ั และสาระการเรียนรูแ้ กนกลาง กลุม
่ สาระการเรียนรูค
้ ณิตศาสตร์
ตัวชี้วัด (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
เพื่ อ ให้ ค รู ไ ด้ คำ � นึ ง ถึ ง ว่ า จะต้ อ งจั ด กิ จ กรรมการเรี ย นรู้ ใ ห้ นั ก เรี ย นได้ เ รี ย นรู้ ต ามตั ว ชี้ วั ด และวั ด
และประเมินผลตามตัวชี้วัด
4 เป็นจุดประสงค์ตามที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
จุดประสงค์ เล่ม 1 ของแต่ละบทเรียน เพือ
่ ให้ครูได้ตระหนักถึงความรูท
้ น
่ี ก
ั เรียนพึงมีหลังสิน
้ สุดการเรียนการสอน
ของบทเรียน รวมทั้งนำ�ไปใช้ในการวัดและประเมินผลของครู
7 เป็นความรูพ
้ น
ื้ ฐานทีน
่ ก
ั เรียนพึงมีกอ
่ นเรียน ซึง่ จะสอดคล้องกับในส่วน "ทบทวน" ของแต่ละบทเรียน
ความรู้พื้นฐาน ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1 เพื่อให้ครูได้ทราบว่า
ที่นักเรียนต้องมี นักเรียนควรมีพื้นฐานความรู้ในเรื่องใดก่อนที่จะเรียน ซึ่งหากนักเรียนยังมีพื้นฐานไม่เพียงพอ ครูก็
ควรทบทวนผ่านการอภิปราย หรือให้นักเรียนได้ลองทำ�แบบฝึกหัด ทั้งนี้ ในหนังสือเรียนรายวิชา
พื้นฐานคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1 จะมีแบบทดสอบออนไลน์ เพื่อให้นักเรียน
ได้เข้าไปทดสอบความรู้ของตนเอง ก่อนที่จะเรียนในแต่ละบทเรียน
8 เป็นความคิดรวบยอดของบทเรียนโดยภาพรวม เพือ
่ ให้ครูได้ทราบเกีย่ วกับความรูท
้ เี่ ป็นแนวคิดหลัก
ความคิดรวบยอด ของเนื้อหาที่นักเรียนจำ�เป็นต้องรู้หลังจากเรียนจบบทเรียนนั้น ๆ
ของบทเรียน
9 เป็นหัวข้อภายใต้หัวข้อย่อยของบทเรียนประกอบด้วยหัวข้อ ดังนี้
แนวทางในการจัด 1) ชื่อหัวข้อย่อย เป็นหัวข้อย่อยพร้อมทั้งจำ�นวนชั่วโมงที่แนะนำ�ให้ใช้ในการกิจกรรม
กิจกรรมการเรียนรู้ การเรียนรู้โดยประมาณ เพื่อให้ครูสามารถนำ�ไปประกอบการวางแผนการจัดการเรียน
การสอนรายคาบ ทั้งนี้ ครูอาจยืดหยุ่นได้ตามที่เห็นสมควร
2) จุดประสงค์ เป็นจุดประสงค์รายหัวข้อย่อยของบทเรียน โดยระบุไว้เพื่อให้ครูคำ�นึงถึง
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ให้นักเรียนได้มีความรู้และความสามารถตรงตามจุดประสงค์
ที่วางไว้ จุดประสงค์ในส่วนนี้เป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรมที่สามารถสะท้อนกลับไปยัง
จุดประสงค์ของบทเรียนและตัวชี้วัด ทั้งนี้ ครูอาจปรับเปลี่ยนจุดประสงค์นี้ได้ตามที่เห็น
สมควร แต่จะต้องเป็นจุดประสงค์ทสี่ ะท้อนความสามารถของนักเรียนว่าผ่านจุดประสงค์
ของบทเรียนและตัวชี้วัดได้
นอกจากนี้ ครูควรประเมินผลให้ตรงตามจุดประสงค์โดยใช้วิธีการที่หลากหลาย
เช่น การตอบคำ�ถามในชั้นเรียน การทำ�แบบฝึกหัด การทำ�ใบกิจกรรม ชิ้นงาน หรือ
การทดสอบย่อย โดยถ้าจุดประสงค์ใดที่ครูเห็นว่านักเรียนส่วนใหญ่ยังไม่ผ่าน ในชั่วโมง
ต่อไปครูควรนำ�บทเรียนนั้นมาสอนซ่อมเสริมใหม่
3) ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เป็นตัวอย่างเนื้อหาที่นักเรียนมักเข้าใจคลาดเคลื่อน หรือ
เข้าใจผิด เพื่อให้ครูได้ทราบและป้องกันไม่ให้นักเรียนเกิดความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
4) สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นสื่อที่แนะนำ�ให้
ครูใช้สำ�หรับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้ครูได้จัดเตรียมสื่อหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ
ล่วงหน้า ทั้งนี้ สื่อดังกล่าว เป็นสื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ตามข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้
5) ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เป็นจุดเน้นหรือแนวทางในการจัดกิจกรรม
การเรี ย นรู้ ที่ สำ � คั ญ อย่ า งเป็ น ลำ � ดั บ ขั้ น ตอนในแต่ ล ะหั ว ข้ อ ย่ อ ย ซึ่ ง ครู ค วรศึ ก ษาและ
ทำ�ความเข้าใจควบคู่ไปกับหนังสือเรียน เพื่อจะได้เตรียมการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้
สอดคล้องกับจุดประสงค์และเหมาะสมกับศักยภาพของนักเรียน
6) กิ จ กรรม เป็ น กิ จ กรรมที่ ป รากฏอยู่ ใ นหนั ง สื อ เรี ย นรายวิ ช าพื้ น ฐานคณิ ต ศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1 โดยขยายขั้นตอนการทำ�กิจกรรมที่อยู่ในหนังสือเรียน
รวมทั้งมีตัวอย่างหรือใบกิจกรรม เพื่อให้ครูสามารถนำ�ไปใช้ประกอบการจัดกิจกรรม
ในชั้นเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7) กิจกรรมเสนอแนะ เป็นกิจกรรมที่แนะนำ�ให้ครูนำ�ไปใช้กับนักเรียนในการจัดกิจกรรม
การเรียนรู้ ซึ่งมีอยู่หลายลักษณะ ทั้งกิจกรรมเพื่อนำ�เข้าสู่เนื้อหา กิจกรรมเสริมเนื้อหา
ในบทเรียน เพือ่ ให้เข้าใจเนือ้ หาในบทเรียนนัน
้ ๆ ได้มากขึน
้ โดยแต่ละกิจกรรมจะสอดแทรก
ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์ให้นักเรียนได้พัฒนาทักษะและกระบวนการ
อย่างต่อเนือ
่ ง ทัง้ นี้ ครูอาจพิจารณาปรับเปลีย่ นการจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับเวลาและ
ศักยภาพของนักเรียน
8) เฉลยชวนคิ ด เป็ น การอธิ บ ายแนวคิ ด และคำ � ตอบของกรอบชวนคิ ด ที่ ป รากฏอยู่
ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1 เพื่อให้ครูใช้
เป็นแนวทางในการอภิปรายร่วมกันกับนักเรียนถึงแนวคิดในการแก้ปัญหานั้น ๆ
9) เฉลยมุ ม เทคโนโลยี เป็ น การอธิ บ ายแนวคิ ด และคำ � ตอบของกรอบมุ ม เทคโนโลยี
ที่ปรากฏอยู่ในหนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1
เพือ่ ให้ครูใช้เป็นแนวทางในการอภิปรายร่วมกันกับนักเรียนถึงแนวคิดในการแก้ปญ
ั หานัน
้ ๆ
10) เฉลยแบบฝึกหัด เป็นคำ�ตอบของแบบฝึกหัดในหนังสือเรียนรายวิชาพืน
้ ฐานคณิตศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 เล่ม 1 เพื่อให้ครูได้ใช้เป็นแนวทางในการตรวจแบบฝึกหัดของ
นักเรียน ซึง่ ในบางข้อจะมีแนวคิดไว้ เพือ่ เป็นแนวทางหนึง่ ในการหาคำ�ตอบ และในบางข้อ
อาจมีหลายคำ�ตอบ แต่ให้ไว้เพียงตัวอย่างคำ�ตอบที่ถูกต้องและเป็นไปได้ ทั้งนี้ เพราะ
แบบฝึกหัดดังกล่าว ได้สอดแทรกปัญหาที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้คิดอย่างหลากหลาย
และฝึกการให้เหตุผล ซึ่งคำ�อธิบายของนักเรียนอาจแตกต่างจากที่เฉลยไว้ ดังนั้น
ในการตรวจแบบฝึกหัดครูควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และยอมรับคำ�ตอบที่เห็นว่า
มีความถูกต้องและเป็นไปได้ที่แตกต่างไปจากที่เฉลยไว้นี้
สำ�หรับแบบฝึกหัดในหนังสือเรียน ครูควรเลือกให้นักเรียนได้ฝึกฝนตามความรู้
ความสามารถ ซึง่ ในหลายแบบฝึกหัด ครูอาจใช้เพือ
่ การตรวจสอบความเข้าใจในชัน
้ เรียน
โดยอาจใช้การถาม–ตอบร่วมกันในชั้นเรียน สำ�หรับแบบฝึกหัดที่เป็นข้อท้าทายนั้น
จะมีความยากและซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งนักเรียนทั่วไปอาจยังไม่สามารถทำ�ได้ ดังนั้น
ครูควรพิจารณาความเหมาะสมของการใช้งานกับระดับความรูค
้ วามสามารถของนักเรียน
ในชัน
้ เรียน และไม่ควรนำ�แบบฝึกหัดทีม
่ ค
ี วามยากในระดับนีไ้ ปสร้างแบบทดสอบเพือ
่ วัด
และประเมินผลกับนักเรียนโดยทั่วไป
11 เป็นคำ�ตอบของแบบฝึกหัดท้ายบทในหนังสือเรียนรายวิชาพืน
้ ฐานคณิตศาสตร์ ชัน
้ มัธยมศึกษาปีท่ี 1
เฉลยแบบฝึกหัด เล่ม 1 เพื่อให้ครูได้ใช้เป็นแนวทางในการตรวจแบบฝึกหัดของนักเรียน ซึ่งมีแนวคิดเช่นเดียวกับ
ท้ายบท
ในส่วนของเฉลยแบบฝึกหัดที่อยู่ในแต่ละหัวข้อย่อย
สำ�หรับแบบฝึกหัดท้ายบทในหนังสือเรียนนี้ มีไว้เพือ
่ ให้นก
ั เรียนได้ฝก
ึ ทำ�โจทย์แบบบูรณาการ
ความรู้ โดยไม่จ�ำ แนกความรูท
้ ใี่ ช้ในการแก้ปญ
ั หาตามหัวข้อย่อย ซึง่ ครูควรเลือกให้นก
ั เรียนได้ฝก
ึ ฝน
ตามระดับความรู้ความสามารถ
12 เป็นตัวอย่างของแบบทดสอบประจำ�บทที่เน้นการประยุกต์ใช้ความรู้ที่เรียนมาทั้งบท และให้เห็น
ตัวอย่าง รูปแบบของแบบทดสอบที่มีความหลากหลาย รวมทั้งมีตัวอย่างเกณฑ์การให้คะแนนที่ครูสามารถ
แบบทดสอบท้ายบท นำ�ไปปรับใช้ให้เข้ากับบริบทของชั้นเรียน อย่างไรก็ตามครูสามารถใช้ตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
เป็นแนวทางในการสร้างแบบทดสอบสำ�หรับวัดและประเมินผลนักเรียนในแต่ละบทเรียน ซึง่ ตัวอย่าง
แบบทดสอบท้ายบทนี้ จะครอบคลุมและสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียนและตัวชี้วัดของ
หลักสูตร ทั้งนี้ ความซับซ้อนของแบบทดสอบที่จะใช้ควรเหมาะสมกับศักยภาพของนักเรียน
13 เป็นกิจกรรมที่เน้นการประยุกต์ใช้ความรู้คณิตศาสตร์ บูรณาการเข้ากับความรู้ในศาสตร์อ่ืน ๆ
กิจกรรมคณิตศาสตร์ เพื่อแก้ปัญหาสถานการณ์ที่กำ�หนดให้ภายใต้เงื่อนไขและข้อจำ�กัดต่าง ๆ โดยในการแก้ปัญหานั้น
เชิงสะเต็ม จะต้องอาศัยกระบวนการออกแบบเชิงวิศวกรรม (Engineering Design Process) เป็นเครื่องมือ
เนือ
่ งจากสถานศึกษาสามารถปรับเกลีย่ จำ�นวนชัว่ โมงเรียนของรายวิชาพืน
้ ฐานได้เอง ดังนัน
้ สถานศึกษาแต่ละแห่งอาจ
กำ�หนดจำ�นวนชั่วโมงเรียนรายวิชาพื้นฐานคณิตศาสตร์ไม่เท่ากัน ซึ่งในที่นี้จะแนะนำ�จำ�นวนชั่วโมงเรียนที่อิงตามโครงสร้าง
เวลาเรียนของหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 คือ 60 ชั่วโมง/ภาคเรียน เป็นหลัก ทั้งนี้ สถานศึกษา
สามารถปรับจำ�นวนชั่วโมงนี้ ให้สอดคล้องกับบริบทของตนเองได้ตามความเหมาะสม
หน่วยการเรียนรู้ จำ�นวนชั่วโมงที่แนะนำ�
จำ�นวนเต็ม 17
การสร้างทางเรขาคณิต 11
เลขยกกำ�ลัง 9
ทศนิยมและเศษส่วน 17
รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 6
สารบัญ บทที่ 1–3
1
บทที่ 1 จำ�นวนเต็ม 13
1.1 จำ�นวนเต็ม 15
1.2 การบวกจำ�นวนเต็ม 23
1.3 การลบจำ�นวนเต็ม 34
1.4 การคูณจำ�นวนเต็ม 39
1.5 การหารจำ�นวนเต็ม 46
1.6 สมบัติของการบวกและการคูณจำ�นวนเต็ม 53
จำ�นวนเต็ม
2
บทที่ 2 การสร้างทางเรขาคณิต 71
2.1 รูปเรขาคณิตพื้นฐาน 73
2.2 การสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิต 88
2.3 การสร้างรูปเรขาคณิต 103
การสร้างทางเรขาคณิต
3
บทที่ 3 เลขยกกำ�ลัง 145
3.1 ความหมายของเลขยกกำ�ลัง 148
3.2 การคูณและการหารเลขยกกำ�ลัง 156
3.3 สัญกรณ์วิทยาศาสตร์ 166
เลขยกกำ�ลัง
สารบัญ บทที่ 4–5
4
บทที่ 4 ทศนิยมและเศษส่วน 193
4.1 ทศนิยมและการเปรียบเทียบทศนิยม 196
4.2 การบวกและการลบทศนิยม 200
4.3 การคูณและการหารทศนิยม 205
4.4 เศษส่วนและการเปรียบเทียบเศษส่วน 219
4.5 การบวกและการลบเศษส่วน 229
4.6 การคูณและการหารเศษส่วน 238
5
บทที่ 5 รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 265
5.1 หน้าตัดของรูปเรขาคณิตสามมิติ 268
5.2 ภาพด้านหน้า ภาพด้านข้าง และภาพด้านบนของรูปเรขาคณิตสามมิติ 277
รูปเรขาคณิต
สองมิติและสามมิติ
กิจกรรมคณิตศาสตร์เชิงสะเต็ม 312
ความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู 314
บรรณานุกรม 326
คณะผู้จัดทำ� 327
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 13
1
บทที่ จำ�นวนเต็ม
บทจำ�นวนเต็มประกอบด้วยหัวข้อย่อย ดังต่อไปนี้
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระ จำ�นวนและพีชคณิต
มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำ�นวน ระบบจำ�นวน การดำ�เนินการของจำ�นวน ผลที่เกิดขึ้น
จากการดำ�เนินการ สมบัติของการดำ�เนินการ และนำ�ไปใช้
ตัวชี้วัด
เข้าใจจำ�นวนตรรกยะและความสัมพันธ์ของจำ�นวนตรรกยะ และใช้สมบัตข
ิ องจำ�นวนตรรกยะในการแก้ปญ
ั หาคณิตศาสตร์
และปัญหาในชีวิตจริง
จุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถ
1. เปรียบเทียบจำ�นวนเต็ม
2. หาผลบวก ผลลบ ผลคูณ และผลหารของจำ�นวนเต็ม
3. นำ�ความรู้เรื่องจำ�นวนเต็มไปใช้ในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
ความเชื่อมโยงระหว่างตัวชี้วัดกับจุดประสงค์ของบทเรียน
เนื่ อ งจากตั ว ชี้ วั ด กล่ า วถึ ง จำ � นวนตรรกยะ และเนื้ อ หาในบทนี้ คื อ จำ � นวนเต็ ม ซึ่ ง เป็ น ส่ ว นหนึ่ ง ของจำ � นวนตรรกยะ
ดังนั้น เพื่อให้การเรียนรู้ของนักเรียนในเรื่องจำ�นวนเต็มสอดคล้องกับตัวชี้วัด ครูควรจัดประสบการณ์ให้นักเรียนสามารถ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
14 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
1. เข้าใจเกี่ยวกับจำ�นวนตรรกยะในส่วนของจำ�นวนเต็ม และใช้จำ�นวนเต็มเพื่อแทนปริมาณในบริบทของชีวิตจริง
นั่นคือ นักเรียนควรบอกได้ว่า จำ�นวนใดเป็นจำ�นวนเต็ม และสามารถจำ�แนกจำ�นวนเต็มบวก จำ�นวนเต็มลบ
และศูนย์ รวมทั้งสามารถเปรียบเทียบจำ�นวนเต็มได้
2. เข้าใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของจำ�นวนตรรกยะในส่วนของจำ�นวนเต็ม ซึ่งสะท้อนได้จากการที่นักเรียนสามารถ
บวก ลบ คูณ และหารจำ�นวนเต็มได้ เข้าใจความสัมพันธ์ของการบวกและการลบจำ�นวนเต็ม ความสัมพันธ์ของ
การคูณและการหารจำ�นวนเต็ม รวมทั้งอธิบายผลที่เกิดขึ้นจากการบวก ลบ คูณ และหารจำ�นวนเต็มได้
3. ใช้สมบัติของจำ�นวนตรรกยะในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และปัญหาในชีวิตจริง ซึ่งสะท้อนได้จากการที่นักเรียน
สามารถนำ�ความรู้ และสมบัติการดำ�เนินการของจำ�นวนเต็มไปใช้ในการแก้ปัญหาได้
ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
หัวข้อ
ทักษะและ 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 1.6
กระบวนการ จำ�นวนเต็ม การบวก การลบ การคูณ การหาร สมบัติของ
ทางคณิตศาสตร์ จำ � นวนเต็ ม จำ � นวนเต็ ม จำ � นวนเต็ ม จำ � นวนเต็ ม การบวกและ
การคูณ
จำ�นวนเต็ม
การแก้ปัญหา ✤ ✤
การสื่อสารและ
การสื่อความหมาย ✤ ✤ ✤
ทางคณิตศาสตร์
การเชื่อมโยง ✤ ✤ ✤ ✤
การให้เหตุผล
การคิดสร้างสรรค์
ความรู้พื้นฐานที่นักเรียนต้องมี
2+2=4
ความคิดรวบยอดของบทเรียน
จำ�นวนเต็ม ประกอบด้วย จำ�นวนเต็มบวก จำ�นวนเต็มลบ และศูนย์ เราใช้จำ�นวนเต็มแทนปริมาณเพื่อเปรียบเทียบ
หรือนำ�ผลลัพธ์ที่ได้จากการดำ�เนินการไปสื่อความหมายต่าง ๆ อีกทั้งสมบัติของการบวกและการคูณจำ�นวนเต็มช่วยให้
การดำ�เนินการของจำ�นวนเต็มง่ายขึ้น จึงถูกนำ�ไปใช้ประโยชน์ในการคิดคำ�นวณและแก้ปัญหา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 15
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
นักเรียนอาจเข้าใจคลาดเคลือ
่ นว่า จำ�นวนเต็มลบทีม
่ ค
ี า่ สัมบูรณ์มากกว่า จะมากกว่าจำ�นวนเต็มลบทีม
่ ค
ี า่ สัมบูรณ์นอ
้ ยกว่า
เช่น เข้าใจว่า -10 มากกว่า -2 เนื่องจาก 10 มากกว่า 2 แต่ในความเป็นจริง จำ�นวนเต็มลบที่มีค่าสัมบูรณ์มากกว่า จะน้อยกว่า
จำ�นวนเต็มลบที่มีค่าสัมบูรณ์น้อยกว่า
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.1 : กรรมการอ่านผลกอล์ฟ
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนีเ้ ป็นเรือ
่ งเกีย่ วกับจำ�นวนเต็มและการเปรียบเทียบจำ�นวนเต็ม โดยมุง่ ให้นก
ั เรียนเห็นว่าจำ�นวนเต็ม ประกอบด้วย
จำ�นวนเต็มบวก จำ�นวนเต็มลบ และศูนย์ และเน้นที่การเรียนรู้เกี่ยวกับจำ�นวนเต็มลบ เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่สำ�หรับนักเรียน
ทั้งนี้ ครูควรพัฒนาความรู้สึกเชิงจำ�นวน (number sense) ให้กับนักเรียน เพื่อให้เข้าใจและสามารถเปรียบเทียบจำ�นวนเต็มได้
กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูนำ�สนทนาเกี่ยวกับความหมายของศูนย์ในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น การใช้ 0 แทนความไม่มี หรือการใช้ 0 แทน
การมีอยู่ในระดับหนึ่ง ๆ รวมทั้งความหมายและความสำ�คัญของจำ�นวนเต็มลบในชีวิตจริง เช่น อุณหภูมิที่ติดลบ
2. ครูควรจัดกิจกรรมให้นักเรียนเข้าใจจำ�นวนเต็มลบ โดยเชื่อมโยงความรู้ในเรื่องจำ�นวนเต็มบวกหรือจำ�นวนนับ
และศูนย์ ทีน
่ ก
ั เรียนเคยเรียนมาแล้วโดยใช้เส้นจำ�นวน และใช้ค�ำ ถามเพือ
่ ให้นก
ั เรียนเกิดความคิดรวบยอดเกีย่ วกับ
จำ�นวนเต็ม ดังตัวอย่างต่อไปนี้
1) 0 ไม่ใช่จำ�นวนนับ
2) 0 เป็นจำ�นวนเต็มที่ไม่เป็นจำ�นวนเต็มบวก และไม่เป็นจำ�นวนเต็มลบ
3) จำ�นวนเต็มบวกที่น้อยที่สุด คือ 1
4) ไม่มีจำ�นวนเต็มบวกที่มากที่สุด
5) จำ�นวนเต็มลบที่มากที่สุด คือ -1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
16 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
6) ไม่มีจำ�นวนเต็มลบที่น้อยที่สุด
7) ไม่มีจำ�นวนเต็มที่มากที่สุด
8) ไม่มีจำ�นวนเต็มที่น้อยที่สุด
3. ครูควรชีใ้ ห้นกั เรียนเห็นความแตกต่างของจำ�นวนเต็มทีห
่ ลากหลาย และสามารถเปรียบเทียบจำ�นวนเต็มเหล่านัน
้ ได้
โดยอาจเริ่มจากการสนทนาเกี่ยวกับจำ�นวนและการเปรียบเทียบจำ�นวนในชีวิตจริง และอาจใช้คำ�ถามเพื่อพัฒนา
ความรู้สึกเชิงจำ�นวนเกี่ยวกับจำ�นวนเต็มและการเปรียบเทียบจำ�นวนเต็ม เช่น
✤ การเปรียบเทียบราคาสินค้าชนิดเดียวกัน จากร้านต่าง ๆ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจ
✤ การเปรียบเทียบอุณหภูมิของอากาศในประเทศต่างๆ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเดินทาง
จากนัน
้ ให้นกั เรียนเปรียบเทียบจำ�นวนเต็มโดยใช้เส้นจำ�นวน เพือ่ ฝึกการนึกภาพเกีย่ วกับตำ�แหน่งของจำ�นวนเต็มต่าง ๆ
บนเส้นจำ�นวน ซึง่ เป็นวิธท
ี ง่ี า่ ยในการเปรียบเทียบจำ�นวนเต็ม และเพือ่ นำ�ไปสูก่ ารสรุปหลักการเปรียบเทียบจำ�นวนเต็ม
4. ครูอาจใช้ “กิจกรรมเสนอแนะ 1.1 : กรรมการอ่านผลกอล์ฟ” เพือ
่ ให้นก
ั เรียนได้เห็นสถานการณ์ทใ่ี ช้จ�ำ นวนเต็มบวก
จำ�นวนเต็มลบ และศูนย์ ในชีวิตจริง สำ�หรับตอนที่ 2 ของใบกิจกรรมเป็นการฝึกหาจำ�นวนเต็มแบบง่าย ๆ ที่ไม่ใช้
การคำ�นวณ แต่อาจใช้การนับบนเส้นจำ�นวน
5. ครูควรเน้นย้ำ�ให้นักเรียนเข้าใจว่า จำ�นวนเต็มลบที่มีค่าสัมบูรณ์มากกว่า จะน้อยกว่าจำ�นวนเต็มลบที่มีค่าสัมบูรณ์
น้อยกว่า เช่น -8 น้อยกว่า -3 โดยอาจพิจารณาจากตำ�แหน่งของจำ�นวนเต็มบนเส้นจำ�นวน หรือสถานการณ์
ในชีวิตจริงประกอบ
ความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 17
อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.1 : กรรมการอ่านผลกอล์ฟ
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 2–3 คน
2. ครูอธิบายกติกาการแข่งขันกอล์ฟพอสังเขป พร้อมทั้งยกตัวอย่างผลการแข่งขันกอล์ฟจากใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.1 :
กรรมการอ่านผลกอล์ฟ ตอนที่ 1
3. ครูและนักเรียนอภิปรายร่วมกันเกีย่ วกับข้อมูลในตารางแสดงผลการแข่งขัน จากใบกิจกรรม ตอนที่ 1 แล้วตอบคำ�ถาม
ลงในใบกิจกรรม
4. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มร่วมกันทำ�ใบกิจกรรม ตอนที่ 2 ซึ่งเป็นการหาคะแนนของนักกอล์ฟแต่ละคนจากข้อมูล
ทีก
่ �ำ หนดให้ และตอบคำ�ถาม ทัง้ นี้ นักเรียนสามารถหาคะแนนของนักกอล์ฟแต่ละคนโดยไม่จ�ำ เป็นต้องใช้การคำ�นวณ
แต่อาจใช้การนับบนเส้นจำ�นวน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
18 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ตอนที่ 1
ตารางรายงานผลคะแนนของนักกอล์ฟบางคนจากการตีกอล์ฟรอบหนึ่งในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ. 2560
นักกอล์ฟ คะแนน
Xiyu Lin -5
Carlota Ciganda -4
Caroline Masson -2
Mi Jung Hur -1
Ryann O E
Haru Nomura E
Chella Choi +3
Porani Chutichai +7
ที่มา : http://www.lpgathailand.com สืบค้นเมื่อ 29 สิงหาคม 2560
สนามกอล์ฟแต่ละแห่งจะกำ�หนดจำ�นวนครั้งที่นักกอล์ฟควรตีลูกให้ลงหลุมแต่ละหลุมไว้ โดยเรียกจำ�นวนครั้ง
ที่กำ�หนดไว้นั้นว่า พาร์ (par) ในการตีกอล์ฟหนึ่งรอบที่สนามแห่งนี้ กำ�หนดพาร์สำ�หรับตีกอล์ฟ 18 หลุมไว้รวม 72
คะแนน -1 ของ Mi Jung Hur มีความหมายว่า ในรอบนี้ Mi Jung Hur ตีกอล์ฟต่ำ�กว่าพาร์ 1 ครั้ง
คะแนน +3 ของ Chella Choi มีความหมายว่า ในรอบนี้ Chella Choi ตีกอล์ฟสูงกว่าพาร์ 3 ครั้ง
สำ�หรับนักกอล์ฟทีต
่ ก
ี อล์ฟได้เท่ากับพาร์จะได้รบ
ั การรายงานคะแนนเป็น E (ย่อมาจาก even ซึง่ ในทีน
่ แ้ี ปลว่า
เสมอกันหรือเท่ากัน) หรือ PAR (พาร์) จากตารางแสดงว่า Ryann O และ Haru Nomura ตีกอล์ฟรอบนีเ้ ท่ากับพาร์
ในการแข่งขันกอล์ฟ ผู้ที่ตีได้ต่ำ�กว่าพาร์จะถือว่ามีคะแนนสูงกว่าผู้ที่ตีได้สูงว่าพาร์
จากตารางข้างต้น จงตอบคำ�ถามต่อไปนี้
ผู้ชนะการแข่งขัน คือ
มีคะแนนเป็น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 19
ตอนที่ 2
สนามกอล์ฟแห่งนี้กำ�หนดพาร์ในการตีกอล์ฟหนึ่งรอบไว้ที่ 72 จงเติมข้อมูลการแข่งขันกอล์ฟของนักกอล์ฟ
ที่เข้าร่วมการแข่งขันรายการหนึ่ง ณ สนามแห่งนี้ ลงในตารางให้สมบูรณ์
เมื่อนักเรียนบันทึกข้อมูลลงในตารางแล้ว ให้ตอบคำ�ถามต่อไปนี้
ผู้ชนะการแข่งขัน คือ
มีคะแนนเป็น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
20 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ตอนที่ 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 21
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 1.1
ต่างกันอยู่ 6 องศาเซลเซียส ทั้งนี้ อาจใช้การนับต่อบนเส้นจำ�นวน โดยไม่ต้องคำ�นวณ
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 1.1
1. 1) 100 , 7, 3.0, 51, 6 , 99, 4, 10.0 และ 36
2 6 4
2) -1, -3, -13 และ -24
3) -1, 0, 100 , 7, 3.0, -3, 51, -13, 6 , 99, 4, -24, 10.0, 0 และ 36
2 6 5 4
3. 1) ตัวอย่างการเปรียบเทียบจำ�นวน โดยใช้การลงจุดบนเส้นจำ�นวน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
22 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
7. 1) -9, -4 และ 0
2) -4, -9 และ -17
3) 0, 5 และ 21
8. นักเรียนอาจตอบอย่างน้อยหนึ่งจำ�นวนจากจำ�นวนต่อไปนี้
1) -16, -15, -14, ..., 2, 3, 4 ยกเว้น -9, -4 และ 0
2) -1, -2, -3, ... ยกเว้น -4, -9 และ -17
3) -3, -2, -1, ... ยกเว้น 0, 5 และ 21
9. 1) 4,500 เมตร
2) 900 เมตร
3) ขณะที่เครื่องบินอยู่ที่ระดับความสูงประมาณ 1,800 เมตร จะมีอุณหภูมิภายนอกเครื่องบินสูงกว่าที่ระดับ
ความสูงประมาณ 2,700 เมตร
4) ประมาณ 2,250 เมตร (หรืออาจตอบในช่วง 1,800–2,700 เมตร)
5) ถ้าระดับความสูงของเครื่องบินจากระดับน้ำ�ทะเลเพิ่มขึ้น อุณหภูมิภายนอกเครื่องบินจะลดลง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 23
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. อุปกรณ์กิจกรรมการบวกของชาวจีน
2. ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.2 : เส้นทางการบวก
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบวกจำ�นวนเต็ มบวก จำ � นวนเต็ มลบ และศู น ย์ โดยเน้ น ให้ นั กเรี ยนเห็ น ว่ า จำ � นวน
ชนิดเดียวกันบวกกัน จะได้ผลบวกเป็นจำ�นวนเต็มชนิดนัน
้ แต่ถา้ จำ�นวนต่างชนิดกันบวกกัน ผลบวกจะเป็นจำ�นวนชนิดเดียวกัน
กับจำ�นวนที่มีค่าสัมบูรณ์มากกว่า ทั้งนี้ ครูควรพัฒนาความรู้สึกเชิงจำ�นวนเกี่ยวกับการบวกจำ�นวนเต็มให้กับนักเรียน เพื่อให้
ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของผลบวกที่ได้ กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูควรจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้เข้าใจเกี่ยวกับการบวกจำ�นวนเต็มชนิดเดียวกัน โดยใช้เส้นจำ�นวน เพื่อให้เห็น
การเพิม
่ ขึน
้ หรือลดลงของผลลัพธ์ทไี่ ด้ ตามการบวกจำ�นวนเต็มบวกกับจำ�นวนเต็มบวก หรือการบวกจำ�นวนเต็มลบ
กับจำ�นวนเต็มลบ
ในการนำ�เข้าสูเ่ รือ่ งการบวกจำ�นวนเต็มทีต
่ า่ งชนิดกันโดยใช้เส้นจำ�นวน ครูอาจใช้ “กิจกรรม : การบวกของชาวจีน”
ซึ่งนักเรียนจะได้เห็นการบวกระหว่างจำ�นวนเต็มบวกและจำ�นวนเต็มลบจากการลงมือปฏิบัติ เพื่อให้นักเรียน
ได้เห็นแนวคิดและเข้าใจความหมายของการบวกจำ�นวนเต็มที่ต่างชนิดกัน
2. ครูควรจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้เข้าใจเกี่ยวกับค่าสัมบูรณ์ของจำ�นวนเต็ม ทั้งจำ�นวนเต็มบวก และจำ�นวนเต็มลบ
เพือ
่ นำ�มาใช้ในการคำ�นวณหาผลบวกของจำ�นวนเต็ม โดยให้นก
ั เรียนได้ฝก
ึ สังเกตค่าสัมบูรณ์ของจำ�นวนเต็มหลาย ๆ
จำ�นวน จากเส้นจำ�นวน สำ�หรับบทนี้ ยังไม่เน้นการเรียนรู้บทนิยามของค่าสัมบูรณ์ ดังนั้น การนำ�สัญลักษณ์
มาใช้แทนค่าสัมบูรณ์ให้อยู่ในดุลยพินิจของครู
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
24 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 25
กิจกรรม : การบวกของชาวจีน
กิ จ กรรมการบวกของชาวจี น เป็ น กิ จ กรรมสำ � หรั บ นำ � นั ก เรี ย นเข้ า สู่ ก ารเรี ย นเรื่ อ งการบวกกั น ของจำ � นวนเต็ ม บวก
และจำ�นวนเต็มลบ เพื่อให้นักเรียนได้เข้าใจการบวกจำ�นวนเต็มผ่านการลงมือปฏิบัติก่อนที่จะเรียนหลักการบวกกันของจำ�นวน
เต็มบวกและจำ�นวนเต็มลบ โดยมีอุปกรณ์และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
ไม้ไอศกรีม 2 สี สีละ 20 อัน (สำ�หรับแต่ละกลุ่ม)
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน โดยแต่ละกลุ่มแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย คือ ฝ่าย ก และฝ่าย ข
2. ครูให้นักเรียนศึกษาวิธีการบวกกันของจำ�นวนเต็มบวกและจำ�นวนเต็มลบของชาวจีน โดยอาจยกตัวอย่างเพิ่มเติม
เพื่อให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้น ดังนี้
ในทำ�นองเดียวกัน
ถ้าไม้ดำ� 1 อัน รวมกับไม้ดำ� 1 อัน จะได้เป็นไม้ดำ� 2 อัน
เปรียบได้กับ (-1) + (-1) ซึ่งเท่ากับ -2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
26 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 27
เฉลยกิจกรรม : การบวกของชาวจีน
เนื่องจากกิจกรรมนี้ นักเรียนเป็นผู้กำ�หนดโจทย์ด้วยตนเอง คำ�ตอบจึงมีได้หลากหลาย ดังตัวอย่างต่อไปนี้
7 + (-4) 3
5 + (-11) -6
-9 + 8 -1
-16 + 1 -15
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
28 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.2 : เส้นทางการบวก
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูอธิบายตัวอย่างเส้นทางแสดงการบวกจำ�นวนจากต้นทางไปยังปลายทาง โดยใช้ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.2 :
เส้นทางการบวก
2. ครูให้นักเรียนทำ�ใบกิจกรรม โดยหาเส้นทางแสดงการบวกจำ�นวนจากต้นทางไปยังปลายทางตามโจทย์ที่กำ�หนดให้
3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเส้นทางที่นักเรียนเลือก โดยอาจสุ่มนักเรียนออกมานำ�เสนอเส้นทางของตนเอง
ทั้งนี้ ครูอาจให้นักเรียนได้ลองหาเส้นทางการบวกอีกครั้ง โดยใช้การสังเกตจำ�นวนเต็มบวกและจำ�นวนเต็มลบที่อยู่บน
เส้นทาง แล้วเลือกเส้นทาง โดยไม่ต้องคำ�นวณ ซึ่งจะช่วยให้นักเรียนได้พัฒนาความรู้สึกเชิงจำ�นวน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 29
ตัวอย่างเส้นทางแสดงการบวกจำ�นวนจากต้นทางไปยังปลายทางทีก
่ �ำ หนดว่า ผลบวกของแต่ละเส้นทางเท่ากับ -12
ต้นทาง
BA
-4
3 -2 5 เส้นทาง A
(-4) + 3 + (-2) + 5 + (-18) + 4 = -12
-6 1 -18
เส้นทาง B
0 -8 4 (-4) + 3 + (-2) + 1 + (-6) + 0 + (-8) + 4 = -12
-12
ปลายทาง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
30 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ให้นักเรียนหาเส้นทางที่มีผลบวกจากต้นทางถึงปลายทางเท่ากัน และเขียนประโยคแสดงการบวกจำ�นวนในแต่ละ
เส้นทางที่ได้ จากนั้น หาเส้นทางที่สั้นที่สุด
1) ต้นทาง
5 -3 8
-2 0 -6
-8
ปลายทาง
2) ต้นทาง ปลายทาง
0 -4
16 12 5
-8 -15 -2
2 -7 -10
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 31
1) ต้นทาง
B A
0 เส้นทาง A ผ่าน 0 + 8 + (-10) + (-6) + 0 = -8
เส้นทาง B ผ่าน 0 + 8 + (-3) + 5 + (-16) + (-2) + 0 = -8
5 -3 8 จะเห็นว่า เส้นทาง A ผ่านห้าจำ�นวน
เส้นทาง B ผ่านเจ็ดจำ�นวน
-16 -11 -10 ดังนั้น เส้นทาง A สั้นที่สุด
-2 0 -6
-8
ปลายทาง
ต้นทาง ปลายทาง
2)
B A เส้นทาง A ผ่าน 0 + 16 + (-8) + 2 + (-7) + (-10) + (-2) + 5 = -4
0 -4
เส้นทาง B ผ่าน 0 + 16 + (-8) + (-15) + (-2) + 5 = -4
16 12 5 จะเห็นว่า เส้นทาง A ผ่านแปดจำ�นวน
เส้นทาง B ผ่านหกจำ�นวน
-8 -15 -2 ดังนั้น เส้นทาง B สั้นที่สุด
2 -7 -10
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
32 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 1.2
-6
ชวนคิด 1.3
1) 6 2) 6 3) 15 4) 15 5) 28 6) 0
ชวนคิด 1.4
การบวกกันระหว่างจำ�นวนเต็มสองจำ�นวน เมื่อสลับที่ระหว่างตัวตั้งและตัวบวก ผลบวกที่ได้ยังคงเท่าเดิม
ดังนั้น การบวกกันของจำ�นวนเต็ม น่าจะมีสมบัติการสลับที่
ชวนคิด 1.5
การบวกกันระหว่างจำ�นวนเต็มสามจำ�นวน แม้จะเปลี่ยนคู่ในการบวก แต่ผลบวกที่ได้ยังคงเท่าเดิม
ดังนั้น การบวกกันของจำ�นวนเต็ม น่าจะมีสมบัติการเปลี่ยนหมู่
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 1.2
1. 1) 25 2) 54 3) 30 4) -87
5) -61 6) 3 7) 9 8) -60
9) 18 10) -159 11) -160 12) -118
2. 1) -1 2) -1 3) -87 4) -87
5) -8 6) -8 7) -60 8) -60
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 33
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
34 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
อุปกรณ์กิจกรรมเสนอแนะ 1.3 : จะบวกหรือจะลบ
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการลบจำ�นวนเต็ม โดยเน้นให้นักเรียนเข้าใจจำ�นวนตรงข้าม เพื่อนำ�มาใช้ในการหาผลลบ
เนื่องจากการหาผลลบของจำ�นวนเต็มจะหาจากความสัมพันธ์ที่ว่า ตัวตั้งบวกด้วยจำ�นวนตรงข้ามของตัวลบ ดังนั้น นักเรียน
จึงต้องมีความแม่นยำ�ในเรือ
่ งของการบวกจำ�นวนเต็มมาก่อน ทัง้ นี้ ครูควรพัฒนาความรูส
้ ก
ึ เชิงจำ�นวนเกีย่ วกับการลบจำ�นวนเต็ม
ให้กับนักเรียน เพื่อให้ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของผลลบที่เป็นไปได้ กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูแนะนำ�จำ�นวนตรงข้าม โดยใช้เส้นจำ�นวนเพื่อให้นักเรียนนำ�ไปใช้ในการลบจำ�นวนเต็ม จากนั้น ครูอธิบาย
การลบจำ�นวนเต็ม ซึ่งใช้หลักการบวกและจำ�นวนตรงข้ามในการหาผลลบ ดังนี้
ทั้งนี้ ครูควรแนะนำ�ให้นักเรียนตรวจสอบผลลบโดยใช้ความสัมพันธ์ต่อไปนี้
ผลลบ + ตัวลบ = ตัวตั้ง
2. สำ�หรับการใช้เครือ
่ งคิดเลขทีเ่ สนอแนะในมุมเทคโนโลยี ครูควรแนะนำ�ให้นก
ั เรียนรูจ้ ก
ั วิธใี ช้เครือ
่ งคิดเลข เพือ
่ ช่วย
ในการตรวจสอบคำ�ตอบเท่านั้น แต่ในการแก้ปัญหา นักเรียนยังจำ�เป็นต้องฝึกคิดด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะ
การคิดคำ�นวณ
3. เพือ
่ ให้นก
ั เรียนได้ฝก
ึ ทักษะการคิดคำ�นวณเกีย่ วกับการบวกและการลบจำ�นวนเต็ม และพัฒนาความรูส้ ก
ึ เชิงจำ�นวน
ครูควรจัดกิจกรรมเพิ่มเติม โดยอาจใช้ “กิจกรรมเสนอแนะ 1.3 : จะบวกหรือจะลบ”
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 35
อุปกรณ์
บัตรตัวเลข ชุดละ 8 ใบ ดังนี้
1 5 6 12
-1 -5 -6 -12
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแจกบัตรตัวเลข กลุ่มละ 1 ชุด
2. ครูให้นก
ั เรียนแต่ละกลุม
่ ช่วยกันเลือกบัตรเพียง 4 ใบ แล้วใช้การบวกหรือการลบเชือ
่ มระหว่างจำ�นวน เพือ
่ ให้ได้ผลลัพธ์
ตามจำ�นวนที่ครูกำ�หนดให้
3. ครูให้ตัวแทนกลุ่มนำ�บัตรมาติดบนกระดาน พร้อมทั้งเขียนเครื่องหมายแสดงการดำ�เนินการบวก หรือลบระหว่าง
จำ�นวน ดังตัวอย่าง
1 + 5 + 6 + 12 = 24
-1 + -5 + -6 + -12 = -24
-6 + 5 – -1 + 12 = 12
-6 + 5 + -1 – -12 = 10
5 + -5 – 1 + -6 = -7
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 1.6
1) -14 2) 14 3) -37
4) 37 5) -52 6) 52
ชวนคิด 1.7
1) 5 + (-3) 2) 6 + (-10) 3) 4 + 2 4) (-8) + 1
ชวนคิด 1.8
-22
ชวนคิด 1.9
การลบกันระหว่างจำ�นวนเต็มสองจำ�นวน เมื่อสลับที่ระหว่างตัวตั้งและตัวลบ ผลลบที่ได้ไม่เท่ากัน
ดังนั้น การลบกันของจำ�นวนเต็มไม่มีสมบัติการสลับที่
ชวนคิด 1.10
การลบกันระหว่างจำ�นวนเต็มสามจำ�นวน เมื่อเปลี่ยนคู่ในการลบ ผลลบที่ได้จะไม่เท่ากัน
ดังนั้น การลบกันของจำ�นวนเต็มไม่มีสมบัติการเปลี่ยนหมู่
ชวนคิด 1.11
1) 24:00 น. หรือ 00:00 น. 2) 17:00 ถึงก่อน 18:00 น.
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 1.3
1. 1) -3 2) -12 3) -14 4) 33
5) 74 6) -37 7) -40 8) 18
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 37
3. 1) (18 – 11) – 15 = 7 – 15 = -8
2) 18 – (11 – 15) = 18 – (-4) = 22
3) (-25 – 12) – 27 = -37 – 27 = -64
4) -25 – (12 – 27) = -25 – (-15) = -10
5) [36 – (-13)] – (-21) = 49 – (-21) = 70
6) 36 – [(-13) – (-21)] = 36 – 8 = 28
7) [(-50) – (-18)] – (-32) = (-32) – (-32) = 0
8) (-50) – [(-18) – (-32)] = (-50) – 14 = -64
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
38 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความแตกต่าง 11 13 10 11 8 6 11
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 39
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.4 : เราสัมพันธ์กัน
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการคูณจำ�นวนเต็ม ซึ่งเน้นให้นักเรียนเข้าใจหลักการคูณจำ�นวนเต็ม โดยใช้ความรู้เกี่ยวกับ
ความหมายของการคูณและแบบรูป ทั้งนี้ ครูควรจะพัฒนาความรู้สึกเชิงจำ�นวนเกี่ยวกับการคูณจำ�นวนเต็มให้กับนักเรียน
เพื่อให้ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของผลคูณที่ได้ กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. การอธิบายหลักการคูณจำ�นวนเต็มมักไม่ใช้เส้นจำ�นวนในการอธิบาย เพราะไม่ได้ช่วยให้นักเรียนเข้าใจง่ายขึ้น
แต่จะใช้ความหมายของการคูณจำ�นวนนับในการอธิบายการคูณจำ�นวนเต็มบวกด้วยจำ�นวนเต็มบวก แล้วจึง
เชื่อมโยงไปสู่การคูณจำ�นวนเต็มบวกด้วยจำ�นวนเต็มลบ โดยใช้หลักการเดียวกัน
2. ในการอธิบายหลักการคูณจำ�นวนเต็มลบกับจำ�นวนเต็มบวก และการคูณจำ�นวนเต็มลบกับจำ�นวนเต็มลบ จะใช้
การอธิบายด้วยแบบรูป ทั้งนี้ ครูอาจใช้ “กิจกรรมเสนอแนะ 1.4 : เราสัมพันธ์กัน” เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกสังเกต
เกี่ยวกับแบบรูปและผลคูณที่ได้ เพื่อนำ�ไปสู่หลักการดังกล่าว
3. ครูควรให้นก
ั เรียนสังเกตผลคูณทีไ่ ด้จากการคูณจำ�นวนเต็มทีไ่ ม่ใช่ศน
ู ย์ทลี ะคู่ แล้วใช้ค�ำ ถามให้นก
ั เรียนได้ขอ
้ สรุปว่า
ผลคูณที่เกิดจากจำ�นวนเต็มชนิดเดียวกันจะเป็นจำ�นวนเต็มบวก และผลคูณที่เกิดจากจำ�นวนเต็มต่างชนิดกัน
จะเป็นจำ�นวนเต็มลบ เพื่อให้นักเรียนได้ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของคำ�ตอบที่ได้จากการคูณจำ�นวนเต็ม
เมื่อนักเรียนต้องแก้ปัญหาด้วยตนเอง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
40 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.4 : เราสัมพันธ์กัน
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำ�ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.4 : เราสัมพันธ์กัน ข้อที่ 1 แล้วสังเกตความสัมพันธ์ของการเพิ่ม
หรือการลดของตัวคูณกับผลคูณที่ได้จากข้อ 1 แล้วตอบลงในข้อ 2
2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงความสัมพันธ์ของการเพิ่มหรือการลดของตัวคูณกับผลคูณ ที่นักเรียนตอบในข้อ 2
โดยอาจให้ตัวแทนนักเรียนนำ�เสนอข้อความคาดการณ์ที่ตนเองค้นพบกับเพื่อนคนอื่น ๆ เพื่ออภิปรายแลกเปลี่ยน
แนวคิดกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 41
1. ให้สังเกตแบบรูปที่กำ�หนดให้แล้วเติมคำ�ตอบลงในช่องว่างให้ถูกต้อง
5×5 = 25 -4 × 5 = -20
5×4 = 20 -4 × 4 = -16
5×3 = 15 -4 × 3 = -12
5×2 = 10 -4 × 2 = ■
5×1 = 5 -4 × 1 = ■
5×0 = 0 -4 × 0 = ■
5 × (-1) = -5 -4 × (-1) = ■
5 × (-2) = ■ -4 × (-2) = ■
5 × (-3) = ■ -4 × (-3) = ■
5 × (-4) = ■ -4 × (-4) = ■
2. ให้นักเรียนสังเกตและสร้างข้อความคาดการณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการเพิ่มหรือการลดของตัวคูณกับ
ผลคูณในข้อ 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
42 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
5×5 = 25 -4 × 5 = -20
5×4 = 20 -4 × 4 = -16
5×3 = 15 -4 × 3 = -12
5×2 = 10 -4 × 2 = -8
5×1 = 5 -4 × 1 = -4
5×0 = 0 -4 × 0 = 0
5 × (-1) = -5 -4 × (-1) = 4
2. ให้ นั ก เรี ย นสั ง เกตและสร้ า งข้ อ ความคาดการณ์ เ กี่ ย วกั บ ความสั ม พั น ธ์ ข องการเพิ่ ม หรื อ การลดของตั ว คู ณ
กับผลคูณในข้อ 1
นักเรียนอาจสร้างข้อความคาดการณ์ได้ว่า
1) เมื่อตัวตั้งเป็นจำ�นวนเต็มบวก คือ 5 และตัวคูณเป็นจำ�นวนเต็มที่น้อยลงทีละ 1
จะทำ�ให้ผลคูณลดลงทีละ 5
2) เมื่อตัวตั้งเป็นจำ�นวนเต็มลบ คือ -4 และตัวคูณเป็นจำ�นวนเต็มที่น้อยลงทีละ 1
จะทำ�ให้ผลคูณเพิ่มขึ้นทีละ 4
ทั้งนี้ นักเรียนอาจสรุปได้ว่า จำ�นวนเต็มชนิดเดียวกันคูณกันจะได้ผลคูณเป็นจำ�นวนเต็มบวก และจำ�นวนเต็ม
ต่างชนิดกันคูณกันจะได้ผลคูณเป็นจำ�นวนเต็มลบ (ยกเว้นกรณีที่มี 0)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 43
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 1.12
คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
ใช้วิธีจับคู่จำ� นวนที่มีผลบวกเป็น 100 ซึ่งได้ 49 คู่ แล้วจึงนำ � 100 มาคูณด้วยจำ�นวนคู่ที่บวกกัน
และบวกด้วย 50 กับ 100 ซึ่งสองจำ�นวนนี้ไม่ได้ถูกจับคู่
1 + 2 + 3 + 4 + ... + 96 + 97 + 98 + 99 + 100
ชวนคิด 1.13
การคูณกันระหว่างจำ�นวนเต็มสองจำ�นวน เมื่อสลับที่ระหว่างตัวตั้งและตัวคูณ ผลคูณที่ได้ยังคงเท่าเดิม
ดังนั้น การคูณกันของจำ�นวนเต็ม น่าจะมีสมบัติการสลับที
่
ชวนคิด 1.14
การคูณกันระหว่างจำ�นวนเต็มสามจำ�นวน แม้จะเปลี่ยนคู่ในการคูณ แต่ผลคูณที่ได้ยังคงเท่าเดิม
ดังนั้น การคูณกันของจำ�นวนเต็ม น่าจะมีสมบัติการเปลี่ยนหมู่
ชวนคิด 1.15
การคูณกันระหว่างจำ�นวนเต็มจำ�นวนหนึ่งกับจำ�นวนเต็มที่บวกกันอยู่คู่หนึ่ง มีผลลัพธ์เท่ากับผลบวกของ
ผลคูณของจำ�นวนนั้นกับจำ�นวนเต็มแต่ละตัวของคู่ที่บวกกันอยู่
ดังนั้น น่าจะมีสมบัติการแจกแจง ซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างการคูณและการบวกจำ�นวนเต็ม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
44 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 1.4
1. 1) 98 2) 0 3) -95 4) -44
5) -250 6) -112 7) 104 8) 400
3. 1) (11 × 3) × 7 = 33 × 7 = 231
2) 11 × (3 × 7) = 11 × 21 = 231
3) [5 × (-8)] × 4 = -40 × 4 = -160
4) 5 × [(-8) × 4] = 5 × (-32) = -160
5) -10[6(-3)] = -10(-18) = 180
6) [(-10)6](-3) = -60(-3) = 180
7) (-7)[(-4)∙(-6)] = -7(24) = -168
8) [-7(-4)]∙(-6) = 28(-6) = -168
9) [(-13)(-5)] × (-20) = 65 × (-20) = -1,300
10) -13[(-5) × (-20)] = -13(100) = -1,300
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
46 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในแนวทางการจัดการเรียนรู้
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.5 : ปริศนาจำ�นวนเต็ม
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการหารจำ�นวนเต็มที่มีผลหารเป็นจำ�นวนเต็มเท่านั้น โดยเน้นให้นักเรียนเข้าใจหลักการหาร
จำ�นวนเต็ม และการตรวจสอบผลหารจากความสัมพันธ์ “ตัวหาร × ผลหาร = ตัวตั้ง” ทั้งนี้ ครูควรพัฒนาความรู้สึกเชิงจำ�นวน
เกี่ยวกับการหารจำ�นวนเต็มให้กับนักเรียน เพื่อให้ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของผลหารที่ได้ กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูควรจัดกิจกรรมให้นักเรียนเข้าใจหลักเกณฑ์การหารจำ�นวนเต็ม โดยเริ่มจากการใช้ความสัมพันธ์ระหว่าง
การคูณและการหารที่ว่า ตัวหาร × ผลหาร = ตัวตั้ง และยกตัวอย่างที่หลากหลายให้นักเรียนสังเกตผลหารที่ได้
เพื่อนำ�ไปสู่ข้อสรุปเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การหารจำ�นวนเต็มโดยใช้ค่าสัมบูรณ์
นอกจากนี้ ครูควรเน้นย้ำ�เกี่ยวกับการอ่าน เช่น 12 ÷ (-4) อ่านว่า 12 หารด้วย -4 ไม่ใช่ 12 หาร -4
ซึ่งมีความหมายต่างกัน และการหารจำ�นวนเต็มที่ไม่ใช้ 0 เป็นตัวหาร
2. สำ � หรั บ การใช้ เ ครื่ อ งคิ ด เลขในมุ ม เทคโนโลยี ครู ค วรแนะนำ � ให้ นั ก เรี ย นรู้ จั ก วิ ธี ใ ช้ เ ครื่ อ งคิ ด เลขเพื่ อ ช่ ว ย
ในการตรวจสอบคำ�ตอบเท่านั้น แต่ในการแก้ปัญหา นักเรียนยังจำ�เป็นต้องฝึกคิดด้วยตนเอง เพื่อพัฒนาทักษะ
การคิดคำ�นวณ
3. ครูควรให้นก
ั เรียนสังเกตผลหารทีไ่ ด้จากการหารจำ�นวนเต็มทีไ่ ม่ใช่ศน
ู ย์ทลี ะคู่ แล้วใช้ค�ำ ถามให้นก
ั เรียนเปรียบเทียบ
ผลหารกับผลคูณที่เคยเรียนมาแล้ว จนได้ข้อสรุปว่า ผลหารที่เกิดจากจำ�นวนเต็มชนิดเดียวกัน จะเป็นจำ�นวน
เต็มบวก และผลหารที่เกิดจากจำ�นวนเต็มต่างชนิดกัน จะเป็นจำ�นวนเต็มลบ เพื่อให้นักเรียนได้ตระหนักถึง
ความสมเหตุสมผลของคำ�ตอบที่ได้จากการหารจำ�นวนเต็ม เมื่อนักเรียนต้องแก้ปัญหาด้วยตนเอง ทั้งนี้ ครูอาจใช้
“กิจกรรมเสนอแนะ 1.5 : ปริศนาจำ�นวนเต็ม” เพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนและฝึกทักษะเกี่ยวกับ
การบวก การลบ การคูณ และการหารจำ�นวนเต็ม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 47
อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.5 : ปริศนาจำ�นวนเต็ม
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำ�ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.5 : ปริศนาจำ�นวนเต็ม
2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายถึงแนวคิดทีใ่ ช้ในการไขปริศนาจำ�นวนเต็ม เช่น ควรเริม
่ คิดจากช่องใดก่อน จึงจะทำ�ให้
การแก้ปัญหาง่ายขึ้น และร่วมกันเฉลยใบกิจกรรมดังกล่าว
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
48 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
คำ�ชี้แจง
ให้นักเรียนเติมจำ�นวนเต็มลงในช่องว่างให้ถูกต้อง เมื่อกำ�หนดให้จำ�นวนที่อยู่ในหลักที่หนึ่งเป็นตัวตั้งและ
จำ�นวนที่อยู่ในแถวที่หนึ่งเป็นตัวบวก ตัวลบ ตัวคูณ หรือตัวหาร
ปริศนาการบวก ปริศนาการลบ
+ 0 -3 4 – 5
5 5 2 -1 1
-1 -6 -4
-1 -1
-3 -2 1 -5
ปริศนาการคูณ ปริศนาการหาร
x 4 -9 2 ÷ 2 -2 -4
-8 1
-3 8
35 -14 -2
6 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 49
ปริศนาการบวก ปริศนาการลบ
+ 0 -3 1 4 – 5 -2 6 3
5 5 2 6 9 4 -1 6 -2 1
2 2 -1 3 6 -6 -11 -4 -12 -9
-1 -1 -4 0 3 -3 -8 -1 -9 -6
-3 -3 -6 -2 1 1 -4 3 -5 -2
ปริศนาการคูณ ปริศนาการหาร
x -5 4 -9 2 ÷ 2 4 -2 -4
-2 10 -8 18 -4 4 2 1 -2 -1
-3 15 -12 27 -6 8 4 2 -4 -2
-7 35 -28 63 -14 -4 -2 -1 2 1
6 -30 24 -54 12 -8 -4 -2 4 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
50 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 1.16
จำ�นวนคู่ ได้แก่ 440, -50 และ 0
จำ�นวนคี่ ได้แก่ 5 และ -3
ชวนคิด 1.17
1) 28 2) 8 3) -95 4) 55
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 1.5
1. 1) 15 2) 40 3) 0 4) -10
5) 150 6) -3 7) -7 8) -100
9) 14 10) 90
11) [(-100) ÷ (-2)] ÷ 10 = 50 ÷ 10 = 5
12) (-25 ÷ 5) ÷ 5 = (-5) ÷ 5 = -1
13) -300 ÷ (-35 ÷ 7) = -300 ÷ (-5) = 60
14) (-450) ÷ [(-90) ÷ (-3)] = (-450) ÷ 30 = -15
15) [(-144) ÷ 3] ÷ [(-78) ÷ (-13)] = (-48) ÷ 6 = -8
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 51
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
52 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
นักเรียนอาจเข้าใจว่าสมบัติการสลับที่และสมบัติการเปลี่ยนหมู่เป็นจริงสำ�หรับทุกการดำ�เนินการ แต่ในความเป็นจริง
สมบัติการสลับที่และสมบัติการเปลี่ยนหมู่เป็นจริงสำ�หรับการบวกและการคูณเท่านั้น
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.6 : จัตุรัสกล
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนีเ้ ป็นเรือ
่ งเกีย
่ วกับสมบัตข
ิ องการบวกและการคูณจำ�นวนเต็ม โดยเน้นให้นก ั เรียนเข้าใจสมบัตก
ิ ารสลับที ่ สมบัติ
การเปลี่ยนหมู่ สมบัติการแจกแจง และสมบัติของศูนย์และหนึ่ง เพื่อนำ�สมบัติเหล่านี้ ไปช่วยให้การคิดคำ�นวณง่ายขึ้น กิจกรรม
ที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูแนะนำ�สมบัติของการบวกและการคูณจำ�นวนเต็ม ได้แก่ สมบัติการสลับที่ สมบัติการเปลี่ยนหมู่ สมบัติการ
แจกแจง และสมบัติของศูนย์และหนึ่ง โดยยกตัวอย่างให้นักเรียนได้สังเกตก่อนที่จะสรุปสมบัติแต่ละข้อ สำ�หรับ
เนื้อหาในชั้นนี้ จะขยายความเข้าใจเกี่ยวกับสมบัติให้ครอบคลุมในส่วนของจำ�นวนเต็มลบ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ
ประถมศึกษา
2. ครูควรให้นักเรียนได้ฝึกการคิดคำ�นวณในใจ โดยใช้ความรู้สึกเชิงจำ�นวน และสมบัติของการบวกและการคูณ
จำ�นวนเต็ม เช่น (-20) + 78 + (-80) + 22 ซึ่งครูอาจใช้ชวนคิด 1.18 ในการฝึกฝนเพิ่มเติม
3. ครูอาจใช้ “กิจกรรมเสนอแนะ 1.6 : จัตุรัสกล” เพื่อตรวจสอบความเข้าใจเกี่ยวกับสมบัติของหนึ่ง นอกจากนี้
ครูอาจหาโจทย์เพิ่มเติม เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกใช้สมบัติต่าง ๆ ในการหาคำ�ตอบ และฝึกทักษะการคิดคำ�นวณ เช่น
จงเติมเครื่องหมาย > , < หรือ = ลงใน ■ เพื่อทำ�ให้ประโยคต่อไปนี้เป็นจริง
1) 745 + 435 + 603 ■ 747 + 437 + 606
2) 350 + 350 + 350 + 350 + 350 ■ (-5) × 350
3) 70 + 71 + 72 ■ -3 × 71
4) 50 × 15 ■ 51 × 15
5) 350 ÷ 8 ■ 350 ÷ 9
6) -1,500 ÷ 56 ■ -1,499 ÷ 56
7) 2,000 ÷ (-10) ■ (-2,000) ÷ 10
8) (-15) × 16 × (-2) ■ (-2) × 16 × (-15)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
54 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.6 : จัตุรัสกล
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำ�ใบกิจกรรมเสนอแนะ 1.6 : จัตุรัสกล
2. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายเกีย
่ วกับแนวคิดทีใ่ ช้ในการทำ�จัตรุ ส
ั กล เช่น นักเรียนมีแนวคิดอย่างไรในการแก้ปญ
ั หา
และร่วมกันเฉลยใบกิจกรรมดังกล่าว
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 55
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
56 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
-1 1 -1
1 1 1
-1 1 -1
1 -1 1
-1 -1 -1
1 -1 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 57
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 1.18
1) 400 2) 501 3) -713 4) 90
5) -90 6) -220
ชวนคิด 1.19
6
ชวนคิด 1.20
1) 0 = 0 × a
2) a เป็นจำ�นวนเต็มใด ๆ
3) a ที่ได้จากข้อ 2) มีมากกว่าหนึ่งจำ�นวน
4) หา a ที่แน่นอนไม่ได้ เพราะ a แทนจำ�นวนเต็มได้ทุกจำ�นวน ซึ่งล้วนแต่ทำ�ให้ประโยค
0 = 0 × a เป็นจริง
5) ไม่มีจำ�นวนเต็ม b ใด ๆ ที่ทำ�ให้ 0 × b = 8
ดังนั้น เราจึงหา 8 ÷ 0 ไม่ได้
6) ไม่มีคำ�ตอบสำ�หรับ 8 ÷ 0 เพราะไม่สามารถหาจำ�นวนมาคูณกับ 0 แล้วได้ผลลัพธ์เท่ากับ 8
7) การหารจำ�นวนใด ๆ ด้วย 0 มีคำ�ตอบที่หลากหลาย จึงไม่มีคำ�ตอบที่แน่นอน
หมายเหตุ : จากชวนคิดนี้ ครูอาจขยายความคิด เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่า
“ในทางคณิตศาสตร์ จะไม่ใช้ 0 เป็นตัวหาร”
ชวนคิด 1.21
การลบจำ�นวนใด ๆ อาจทำ�ได้อีกวิธีหนึ่ง คือ หาจำ�นวนที่มาบวกกับตัวลบแล้วเท่ากับตัวตั้ง ซึ่งในที่นี้แม่ค้า
มีลำ�ดับการคิดเพื่อหาค่าของ 500 – 234 โดยเริ่มจากการบวกเพิ่มให้เป็นจำ�นวนเต็มสิบ เต็มร้อย จนถึง
จำ�นวนที่ต้องการ ดังนี้
234 + 6 = 240
240 + 60 = 300
300 + 200 = 500
ดังนั้น แม่ค้าทอนเงินให้พชร 266 บาท
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
58 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 1.6
1. 1) (-420)∙[39 + (-40)] = (-420)∙(-1) = 420
2) [(-27) – (-27)] × (-582) = 0 × (-582) = 0
3) [(-24) – (-24)] ÷ (-50) = 0 ÷ (-50) = 0
4) 199 ÷ [17 + (-18)] = 199 ÷ (-1) = -199
5) (-23 × 10) + (22 × 10) = (-23 + 22) × 10 = -1 × 10 = -10
6) (-4 × 13) – (9 × 13) = (-4 – 9) × 13 = -13 × 13 = -169
7) [(-9)(-5)] – [(-9)(-12)] = (-9)[-5 – (-12)] = (-9)7 = -63
8) 97 × 15 = (100 – 3) × 15 = (100 × 15) – (3 × 15) = 1,455
9) -12 × 198 = -12 × (200 – 2) = (-12 × 200) – (-12 × 2) = -2,376
10) (-496) × (-25) = 496 × 25 = (500 – 4) × 25 = (500 × 25) – (4 × 25) = 12,400
2. แนวคิด แบบฝึกหัดข้อนี้เน้นให้นักเรียนใช้สมบัติการดำ�เนินการในการแก้ปัญหา
ดังนั้น จึงควรให้นักเรียนสังเกตประโยคที่ให้มาก่อน และวิเคราะห์ว่าต้องใช้สมบัติใด
ซึ่งครูอาจใช้การถามตอบในชั้นเรียน เพื่อพัฒนาทักษะการให้เหตุผลควบคู่ไปด้วย
1) 33 (สมบัติการสลับที่สำ�หรับการบวก)
2) 20 (สมบัติการสลับที่สำ�หรับการคูณ)
3) -17 (สมบัติการเปลี่ยนหมู่สำ�หรับการบวก)
4) 1 (สมบัติของหนึ่ง)
5) -11 (สมบัติการเปลี่ยนหมู่สำ�หรับการคูณ)
6) 0 (สมบัติของศูนย์)
7) -100 (สมบัติของศูนย์)
8) -104 (สมบัติของหนึ่ง)
9) -7 (สมบัติการสลับที่สำ�หรับการบวก และสมบัติการเปลี่ยนหมู่สำ�หรับการบวก)
10) -20 (สมบัติการแจกแจง และสมบัติการสลับที่สำ�หรับการคูณ)
11) -90 (สมบัติการแจกแจง)
12) 9 (สมบัติการแจกแจง)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 59
3. คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
วิธีที่ 1 คิดจากกุ้งฝอยน้ำ�หนัก 3 กิโลกรัม 4 ขีด ซึ่งเท่ากับ 34 ขีด แล้วจึงนำ�ราคากุ้งฝอยขีดละ 10 บาท คูณกับ
น้ำ�หนัก
วิธีที่ 2 คิดโดยแบ่งน้ำ�หนักกุ้งฝอยออกเป็นสองส่วน คือ 3 กิโลกรัม และ 4 ขีด แล้วนำ�เงินค่ากุ้งฝอยแต่ละส่วน
มารวมกัน
วิธีที่ 3 คิดโดยนำ�เงินค่ากุ้งฝอยน้ำ�หนัก 3 กิโลกรัมครึ่ง หักออกด้วยเงินค่ากุ้งฝอยน้ำ�หนัก 1 ขีด
ซึ่งคิดราคากุ้งฝอยได้เป็น 340 บาท
4. คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
วิธีที่ 1 คิดจากจำ�นวนเสื้อ 3 ตัว และกางเกง 4 ตัว คูณกับราคาเสื้อ และราคากางเกง ตามลำ�ดับ
วิธีที่ 2 คิดจากราคาเสื้อตัวละ 100 บาท 3 ตัว รวมกับราคากางเกงตัวละ 200 บาท 4 ตัว แล้วนำ�มาหักออกด้วย
ราคาที่คิดเกินไป คือ ตัวละ 1 บาท
ซึ่งคิดราคาเสื้อและกางเกงได้เป็น 1,093 บาท
5. คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
วิธีที่ 1 คิดจากราคานม จำ�นวน 18 ลัง นำ�มาคูณกับราคาต่อลัง
วิธีที่ 2 คิดโดยแบ่งจำ�นวนลังของนมออกเป็นสามส่วน คือ 10 ลัง 4 ลัง และ 4 ลัง แล้วนำ�มาคูณกับราคาต่อลัง
วิธีที่ 3 คิดโดยนำ�ราคานม จำ�นวน 20 ลัง หักออกด้วยราคานม จำ�นวน 2 ลัง
ซึ่งคิดราคานมได้เป็น 4,500 บาท
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
60 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
กิจกรรมท้ายบท : นักขุดเพชร
กิจกรรมนี้ เน้นให้นก
ั เรียนได้ตรวจสอบความเข้าใจของตนเองในเรือ
่ งของการบวก การลบ การคูณ และการหารจำ�นวนเต็ม
และพัฒนาความรูส
้ ก
ึ เชิงจำ�นวนเกีย
่ วกับการดำ�เนินการของจำ�นวนเต็ม ซึง่ เป็นเป้าหมายหลักสำ�หรับการเรียนในบทเรียนนี ้ ทัง้ นี้
ครูอาจให้นักเรียนทำ�กิจกรรมนี้นอกเวลาเรียน โดยมีขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
-
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำ�กิจกรรมท้ายบท : นักขุดเพชร ในหนังสือเรียน
2. ครูให้นักเรียนช่วยกันเฉลยคำ�ตอบ พร้อมทั้งอธิบายวิธีคิดและการได้มาซึ่งคำ�ตอบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 61
เฉลยกิจกรรมท้ายบท : นักขุดเพชร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
62 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท
1. 1) (-35) – [(-14) + (-82)] = (-35) – (-96) = 61
2) 99 + (-33) – (-66) = 66 – (-66) = 132
3) (-21)∙[(-22) + 23] = (-21)∙1 = -21
4) [(-30) – (-90)] ÷ (-12) = 60 ÷ (-12) = -5
5) -10[54 ÷ (-27)](-1) = -10(-2)(-1) = 20(-1) = -20
6) [22∙(-4)] ÷ [24 + (-16)] = (-88) ÷ 8 = -11
7) [5 – (-3)] × [(-8) ÷ 2] = 8 × (-4) = -32
8) 5 – (-3) × (-8) ÷ 2 = 5 – 24 ÷ 2 = 5 – 12 = -7
9) [(8 – 5) × (-2)] + [(-27) ÷ (-3)] = [3 × (-2)] + 9 = -6 + 9 = 3
10) 8 – 5 × (-2) + (-27) ÷ (-3) = 8 – (-10) + 9 = 18 + 9 = 27
2. 1) -10 2) 14 3) -46 4) 12
5) -4 6) 1 7) -99 8) 3
9) 88 10) 7
วันที่แม่พบกับลูก
เดือน ข้อสรุป
ข้าวกล้อง ข้าวเปลือก ข้าวปั้น
เมษายน 14 14 14 แม่จะได้พบข้าวกล้องและข้าวปั้นพร้อมกัน
18 19 20 ครั้งต่อไปวันที่ 26 เมษายน
22 24 26
26 29
30
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 63
วันที่แม่พบกับลูก
เดือน ข้อสรุป
ข้าวกล้อง ข้าวเปลือก ข้าวปั้น
พฤษภาคม 4 4 2 ✤ แม่จะได้พบข้าวกล้องและข้าวเปลือก
8 9 8 พร้อมกันครั้งต่อไปวันที่ 4 พฤษภาคม
12 14 14 ✤ แม่จะได้พบข้าวเปลือกและข้าวปั้น
16 19 20 พร้อมกันครั้งต่อไปวันที่ 14 พฤษภาคม
20 24 26
24 29
28
มิถุนายน 1 3 1 แม่จะได้พบลูกทั้งสามคน
5 8 7 พร้อมกันครั้งต่อไปวันที่ 13 มิถุนายน
9 13 13
13 18 19
17 23 25
21 28
25
29
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
64 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 65
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
66 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. ให้นักเรียนพิจารณาว่า ข้อความในแต่ละข้อต่อไปนี้ถูกหรือผิด โดยไม่ต้องคำ�นวณหาผลลัพธ์ แล้วทำ�เครื่องหมาย
P หรือ ลงใน ■ หน้าข้อความ พร้อมทั้งแสดงเหตุผลประกอบ (16 คะแนน)
■ 1) -719 + 305 มากกว่า -719 + (-305)
เพราะ
■ 2) -836 น้อยกว่า -836
4 -4
เพราะ
■ 3) (-93)(-125) น้อยกว่า 93 × 125
เพราะ
■ 4) (-65)(13) เท่ากับ 65 × (-13)
เพราะ
■ 5) 0 – (-218) น้อยกว่า 0 + 218
เพราะ
■ 6) 1,350 – 110 มากกว่า 1,350 – 110
5 -5
เพราะ
■ 7) ถ้า a = -65 และ b = -56 แล้ว a < b
เพราะ
■ 8) ถ้า a = 87, b = -12 และ c = -11 แล้ว a + b > a + c
เพราะ
2. จงหาผลลัพธ์ในแต่ละข้อต่อไปนี้ (5 คะแนน)
1) [12 ÷ (-3)] × 2 =
2) (-7) × [3 – (-7)] =
3) 24 ÷ (-3 – 3) =
4) [5 × (-2)] ÷ [3 – (4 – 6)] =
5) จำ�นวนเต็มจำ�นวนหนึ่ง เมื่อบวกกับ -40 แล้ว มีผลบวกเป็น 45 จำ�นวนเต็มจำ�นวนนั้น คือ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 67
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
68 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. ให้นักเรียนพิจารณาว่า ข้อความในแต่ละข้อต่อไปนี้ถูกหรือผิด โดยไม่ต้องคำ�นวณหาผลลัพธ์ แล้วทำ�เครื่องหมาย
P หรือ ลงใน ■ หน้าข้อความ พร้อมทั้งแสดงเหตุผลประกอบ (16 คะแนน)
■
P 1) -719 + 305 มากกว่า -719 + (-305)
เพราะ ตัวตั้ง -719 เท่ากัน แต่ตัวบวก 305 มากกว่า -305
■
P 2) -836 น้อยกว่า -836
4 -4
เพราะ -836 มีผลหารเป็นจำ�นวนลบ แต่ -836 มีผลหารเป็นจำ�นวนบวก
4 -4
■
3) (-93)(-125) น้อยกว่า 93 × 125
เพราะ -93 กับ 93 และ -125 กับ 125 แต่ละคู่ ต่างก็มีค่าสัมบูรณ์เท่ากัน และผลคูณของ
ทั้งสองจำ�นวนต่างก็เป็นจำ�นวนเต็มบวก จึงทำ�ให้ (-93)(-125) เท่ากับ 93 × 125
■
P 4) (-65)(13) เท่ากับ 65 × (-13)
เพราะ -65 กับ 65 มีค่าสัมบูรณ์เท่ากัน 13 กับ -13 มีค่าสัมบูรณ์เท่ากัน และผลคูณของ
ทั้งสองจำ�นวนต่างก็เป็นจำ�นวนเต็มลบ
■
5) 0 – (-218) น้อยกว่า 0 + 218
เพราะ 0 – (-218) เขียนในรูปการบวกได้เป็น 0 + 218
■
P 6) 1,350 – 110 มากกว่า 1,350 – 110
5 -5
เพราะ 1,350 – 110 มีผลลัพธ์เป็นจำ�นวนบวก
5
แต่ 1,350 – 110 มีผลลัพธ์เป็นจำ�นวนลบ
-5
ดังนั้น 1,350 – 110 มากกว่า 1,350 – 110
5 -5
■
P 7) ถ้า a = -65 และ b = -56 แล้ว a < b
เพราะ -65 < -56
■
8) ถ้า a = 87, b = -12 และ c = -11 แล้ว a + b > a + c
เพราะ -12 < -11 หรือ b < c ดังนั้น a + b < a + c
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม 69
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถเปรียบเทียบจำ�นวนเต็ม
ข้อ 2 นักเรียนสามารถหาผลบวก ผลลบ ผลคูณ และผลหารของจำ�นวนเต็ม
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 16 คะแนน ข้อละ 2 คะแนน
ส่วนที่ 1 เลือกตอบ ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบไม่ถูกต้องหรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
ส่วนที่ 2 ให้เหตุผล ให้เหตุผลได้สมเหตุสมผล ได้ 1 คะแนน
ให้เหตุผลไม่สมเหตุสมผล หรือไม่ให้เหตุผล ได้ 0 คะแนน
2. จงหาผลลัพธ์ในแต่ละข้อต่อไปนี้ (5 คะแนน)
1) [12 ÷ (-3)] × 2 = -8
2) (-7) × [3 – (-7)] = -70
3) 24 ÷ (-3 – 3) = -4
4) [5 × (-2)] ÷ [3 – (4 – 6)] = -2
5) จำ�นวนเต็มจำ�นวนหนึ่ง เมื่อบวกกับ -40 จะมีผลบวกเป็น 45 จำ�นวนจำ�นวนนั้น คือ 85
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถหาผลบวก ผลลบ ผลคูณ และผลหารของจำ�นวนเต็ม
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 5 คะแนน ข้อละ 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบไม่ถูกต้องหรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
70 บทที่ 1 | จำ�นวนเต็ม คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 3 นักเรียนสามารถนำ�ความรู้เรื่องจำ�นวนเต็มไปใช้ในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 12 คะแนน ข้อละ 2 คะแนน
ส่วนที่ 1 เลือกตอบ ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบไม่ถูกต้องหรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
ส่วนที่ 2 ให้เหตุผล ให้เหตุผลได้สมเหตุสมผล ได้ 1 คะแนน
ให้เหตุผลไม่สมเหตุสมผล หรือไม่ให้เหตุผล ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 71
2
บทที่ การสร้างทางเรขาคณิต
บทการสร้างทางเรขาคณิตประกอบด้วยหัวข้อย่อย ดังต่อไปนี้
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระ การวัดและเรขาคณิต
มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิต และ
ทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนำ�ไปใช้
ตัวชี้วัด
ใช้ความรู้ทางเรขาคณิตและเครื่องมือ เช่น วงเวียนและสันตรง รวมทั้งโปรแกรม The Geometer’s Sketchpad
หรื อ โปรแกรมเรขาคณิ ต พลวั ต อื่ น ๆ เพื่ อ สร้ า งรู ป เรขาคณิ ต ตลอดจนนำ � ความรู้ เ กี่ ย วกั บ การสร้ า งนี้ ไ ปประยุ ก ต์ ใ ช้
ในการแก้ปัญหาในชีวิตจริง
จุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถ
1. ใช้วงเวียนและสันตรง หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัต ในการสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิต
2. ใช้วงเวียนและสันตรง หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัต ในการสร้างรูปเรขาคณิตและนำ�ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง
ความเชื่อมโยงระหว่างตัวชี้วัดกับจุดประสงค์ของบทเรียน
เนื่องจากตัวชี้วัดกล่าวถึงการใช้ความรู้ทางเรขาคณิตและเครื่องมือในการสร้างรูปเรขาคณิต และการนำ�ความรู้เกี่ยวกับ
การสร้างดังกล่าวไปใช้ในการแก้ปัญหา เพื่อให้การเรียนรู้ของนักเรียนในเรื่องการสร้างทางเรขาคณิตสอดคล้องกับตัวชี้วัด
ครูควรจัดประสบการณ์ให้นักเรียนสามารถ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
72 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
หัวข้อ
ทักษะและกระบวนการ 2.1 2.2 การสร้าง 2.3
ทางคณิตศาสตร์ รูปเรขาคณิต พื้นฐานทาง การสร้าง
พื้นฐาน เรขาคณิต รูปเรขาคณิต
การแก้ปัญหา ✤
การสื่อสารและการสื่อความหมาย
✤
ทางคณิตศาสตร์
การเชื่อมโยง ✤ ✤
การให้เหตุผล ✤ ✤
การคิดสร้างสรรค์
ความรู้พื้นฐานที่นักเรียนต้องมี
2+2=4
ครูอาจทบทวนความรู้พื้นฐานที่นักเรียนต้องมีก่อนเรียน ดังนี้
1. รูปเรขาคณิตและสมบัตข
ิ องรูปเรขาคณิต เช่น รูปสามเหลีย่ มด้านเท่า รูปสามเหลีย่ มหน้าจัว่ รูปสีเ่ หลีย่ มจัตรุ ส
ั และ
รูปสี่เหลี่ยมด้านขนาน
2. เส้นขนาน
ความคิดรวบยอดของบทเรียน
การสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิต เป็นการสร้างเกี่ยวกับส่วนของเส้นตรง มุม และเส้นตั้งฉาก โดยใช้เครื่องมือที่สำ�คัญ
เพียงสองชนิด ได้แก่ วงเวียนและสันตรง การสร้างดังกล่าวนำ�ไปสู่การสร้างรูปเรขาคณิต และนำ�ไปประยุกต์ใช้ในการแก้ปัญหา
ในชีวิตจริง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 73
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
1. นักเรียนอาจเข้าใจคลาดเคลือ
่ นว่าเส้นตรงและรังสีสามารถหาความยาวได้ เนือ
่ งจากนักเรียนพิจารณาเฉพาะความยาว
ของเส้นตรงและรังสีที่ปรากฏ
2. นักเรียนอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าขนาดของมุมขึ้นอยู่กับความยาวแขนของมุม เช่น จากรูปด้านล่าง นักเรียนเข้าใจ
คลาดเคลื่อนว่า มุม ABC มีขนาดเล็กกว่ามุม DEF เพราะแขนของมุม ABC สั้นกว่า ทำ�ให้มีมุมขนาดเล็กกว่า
ซึ่งแท้จริงแล้ว มุมทั้งสองมีขนาดเท่ากัน
F
C
B A E D
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. วงเวียน และสันตรง
2. โปรแกรม The Geometer’s Sketchpad หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัตอื่น ๆ
3. ใบกิจกรรมเสนอแนะ 2.1 ก : นับจำ�นวนเส้นตรง
4. ใบกิจกรรมเสนอแนะ 2.1 ข : นับจำ�นวนจุดตัด
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนีเ้ ป็นเรือ
่ งเกีย่ วกับรูปเรขาคณิตพืน
้ ฐาน ซึง่ ครูควรแนะนำ�อนิยามและนิยามเกีย่ วกับจุด เส้นตรง ส่วนของเส้นตรง
รังสี และมุม ซึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างรูปเรขาคณิต ทั้งนี้ ครูควรพัฒนาความรู้สึกเชิงปริภูมิ (spatial sense) และการนึกภาพ
(visualization) เกี่ยวกับรูปเรขาคณิตให้กับนักเรียน กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูควรเชื่อมโยงความรู้เรื่องรูปเรขาคณิต และสมบัติของรูปเรขาคณิต ที่นักเรียนเคยเรียนมาแล้ว มาแนะนำ�จุด
และเส้นตรง ซึง่ จะนำ�ไปสูก
่ ารนิยามส่วนของเส้นตรง รังสี และมุม รวมทัง้ แนะนำ�สมบัตข
ิ องจุดและเส้นตรง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
74 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
2. ครูอาจให้นักเรียนเชื่อมโยงความรู้พื้นฐานทางเรขาคณิตกับสิ่งที่พบเห็นทั่วไปในชีวิตจริง โดยการสำ�รวจและ
ยกตัวอย่างสิ่งต่าง ๆ ที่มีส่วนประกอบของจุด ส่วนของเส้นตรง รังสี และมุม หรือดูรูปภาพประกอบ เช่น
จุดแสดงตำ�แหน่งบนแผนที ่ ส่วนของเส้นตรงจากขอบไม้บรรทัด
รังสีจากลำ�แสงเลเซอร์ มุมที่เกิดจากการพับกระดาษ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 75
อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 2.1 ก : นับจำ�นวนเส้นตรง
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนทำ�ใบกิจกรรมเสนอแนะ 2.1 ก : นับจำ�นวนเส้นตรง โดยลากเส้นตรงผ่านจุดครั้งละสองจุด แล้วเติม
จำ�นวนเส้นตรง และเขียนจำ�นวนเส้นตรงในรูปผลบวกของจำ�นวนนับ
2. ครูให้นักเรียนสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างจำ�นวนเส้นตรงกับจำ�นวนจุดในข้อนั้น แล้วตอบคำ�ถามตอนที่ 2 ข้อ 1)
3. ครูให้นักเรียนใช้ความสัมพันธ์ที่ได้จากการตอบคำ�ถามตอนที่ 2 ข้อ 1) ในการตอบคำ�ถามข้อที่ 2) ของตอนเดียวกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
76 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ตอนที่ 1
ให้นักเรียนลากเส้นตรงผ่านจุดครั้งละสองจุด แล้วบันทึกจำ�นวนเส้นตรง พร้อมทั้งเขียนจำ�นวนเส้นตรงในรูป
ผลบวกของจำ�นวนนับ
จำ�นวน จำ�นวนเส้นตรงในรูป
ข้อ จำ�นวนจุด รูปที่สร้าง เส้นตรง ผลบวกของจำ�นวนนับ
ก 2 1 1
ข 3 3 1+2
ค 4
ง 5
จ 6
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 77
ตอนที่ 2
จากตารางข้างต้น จงตอบคำ�ถามต่อไปนี้
1) ในแต่ละข้อ จำ�นวนเส้นตรงที่ได้ สัมพันธ์กับจำ�นวนจุดในข้อนั้นอย่างไร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
78 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ข 3 3 1+2
ค 4 6 1+2+3
ง 5 10 1+2+3+4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 79
จำ�นวน จำ�นวนเส้นตรงในรูป
ข้อ จำ�นวนจุด รูปที่สร้าง เส้นตรง ผลบวกของจำ�นวนนับ
จ 6 15 1+2+3+4+5
ตอนที่ 2
1) ในแต่ละข้อ จำ�นวนเส้นตรงที่ได้ สัมพันธ์กับจำ�นวนจุดในข้อนั้นอย่างไร
จำ�นวนเส้นตรงเท่ากับผลบวกของจำ�นวนนับ ตั้งแต่หนึ่งจนถึงจำ�นวนจุดลบด้วยหนึ่ง เช่น เมื่อจำ�นวนจุด
เท่ากับ 4 จำ�นวนเส้นตรงเท่ากับ 1 + 2 + 3 หรือ 6 เส้น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
80 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 2.1 ข : นับจำ�นวนจุดตัด
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนทำ�ใบกิจกรรมเสนอแนะ 2.1 ข : นับจำ�นวนจุดตัด โดยให้นักเรียนเขียนเส้นตรงและเติมจำ�นวนจุดตัด
พร้อมทั้งเขียนจำ�นวนจุดตัดในรูปผลบวกของจำ�นวนนับ
2. ครูให้นักเรียนสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างจำ�นวนจุดตัดกับจำ�นวนเส้นตรงในข้อนั้น แล้วตอบคำ�ถามตอนที่ 2 ข้อ 1)
3. ครูให้นักเรียนใช้ความสัมพันธ์ที่ได้จากการตอบคำ�ถามตอนที่ 2 ข้อ 1) ในการตอบคำ�ถามข้อ 2) ของตอนเดียวกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 81
ตอนที่ 1
ให้นักเรียนเขียนเส้นตรงโดยให้เส้นตรงสองเส้นใด ๆ ต้องตัดกันเสมอ แล้วบันทึกจำ�นวนจุดตัด พร้อมทั้งเขียน
จำ�นวนจุดตัดในรูปของผลบวกของจำ�นวนนับ
จำ�นวน จำ�นวนจุดตัดในรูป
ข้อ รูปที่สร้าง จำ�นวนจุดตัด
เส้นตรง ผลบวกของจำ�นวนนับ
ก 2 1 1
ข 3 3 1+2
ค 4
ง 5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
82 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ตอนที่ 2
จากตารางข้างต้น จงตอบคำ�ถามต่อไปนี้
1. ในแต่ละข้อ จำ�นวนจุดตัดที่ได้ สัมพันธ์กับจำ�นวนเส้นตรงในข้อนั้นอย่างไร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 83
จำ�นวน จำ�นวนจุดตัดในรูป
ข้อ รูปที่สร้าง จำ�นวนจุดตัด
เส้นตรง ผลบวกของจำ�นวนนับ
ก 2 1 1
ข 3 3 1+2
ค 4 6 1+2+3
ง 5 10 1+2+3+4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
84 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ตอนที่ 2
1. ในแต่ละข้อ จำ�นวนจุดตัดที่ได้ สัมพันธ์กับจำ�นวนเส้นตรงในข้อนั้นอย่างไร
จำ�นวนจุดตัดเท่ากับผลบวกของจำ�นวนนับ ตั้งแต่หนึ่งจนถึงจำ�นวนเส้นตรงลบด้วยหนึ่ง เช่น เมื่อจำ�นวนเส้นตรง
เท่ากับ 3 จำ�นวนจุดตัดเท่ากับ 1 + 2 หรือ 3 จุด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 85
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 2.1
มุมระหว่างเข็มสัน
้ และเข็มยาวของนาฬิกาทีห
่ อนาฬิกาแห่งหนึง่ กับนาฬิกาข้อมือของตนเอง ในเวลาเดียวกัน
มีขนาดเท่ากัน เพราะขนาดของมุมไม่ได้ขึ้นอยู่กับความยาวของแขนของมุม
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 2.1
1. บอกไม่ได้ว่ามีรังสีกี่เส้น เพราะเราสามารถเขียนรังสีที่มีจุด A เป็นจุดปลาย ไปได้ทุกทิศทาง จึงมีรังสีจำ�นวนไม่จำ�กัด
ที่มีจุด A เป็นจุดปลาย เช่น
E
F
A
D B
2. ส่วนของเส้นตรงสั้นที่สุด
3. ชื่อมุมทั้งหมดมีดังนี้ BÂC, BÂD, BÂE, CÂD, CÂE, DÂE, มุมกลับ BAC, มุมกลับ BAD, มุมกลับ BAE,
มุมกลับ CAD, มุมกลับ CAE และมุมกลับ DAE
C
D
B
E
A
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
86 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
4. ชื่อมุมมีดังนี้
1) PÂB และ CÂQ
P A Q P A Q
C B C B
X S X S
Y T Y T
5. เมื่อใช้วงเวียนตรวจสอบ พบว่า a = d
6. ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
ΔDEF เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านไม่เท่า
ΔPQR เป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า
7. 1) แนวคิด อาจเขียนรังสีและสร้างส่วนของเส้นตรงที่ยาวเท่ากับระยะทางแต่ละช่วงให้ต่อเนื่องกันบนรังสีนั้น
แล้ววัดความยาวครั้งเดียว ดังนี้
11 เซนติเมตร
8. ขนาดของมุมเป็นดังนี้
o o o
1) 30 2) 120 3) 180
o o o
4) 210 5) 270 6) 300
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 87
o
9. จากการสำ�รวจสามารถสร้างเข็มนาฬิกาที่ทำ�มุม 90 ได้ เช่น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
88 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
นักเรียนอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเมื่อเขียนส่วนโค้งด้วยวงเวียนแล้ว จะสร้างส่วนของเส้นตรงจากปลายเหล็กแหลมของ
วงเวียนไปยังส่วนโค้งได้เพียงเส้นเดียวเท่านั้น ดังรูป
B
A
B
A
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. วงเวียน และสันตรง
2. โปรแกรม The Geometer’s Sketchpad หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัตอื่น ๆ
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิต ครูควรเน้นการฝึกปฏิบัติให้นักเรียนได้ใช้วงเวียนและสันตรง
หรือโปรแกรม The Geometer’s Sketchpad หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัตอื่น ๆ ในการสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิตเกี่ยวกับ
ส่วนของเส้นตรง มุม และเส้นตั้งฉาก รวมทั้งจัดกิจกรรมให้นักเรียนได้สังเกต สำ�รวจ และคาดการณ์เกี่ยวกับการสร้าง เพื่อเป็น
พื้นฐานในการสร้างรูปเรขาคณิตอย่างง่าย ทั้งนี้ ครูควรจะพัฒนาความรู้สึกเชิงปริภูมิ และการนึกภาพเกี่ยวกับรูปเรขาคณิต
กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 89
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
90 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 2.2
ไม่สามารถสร้างรูปสามเหลีย่ มหน้าจัว่ ได้ เพราะเมือ
่ กำ�หนดด้านทีย่ าว q หน่วย เป็นฐาน ด้านทีย่ าว p หน่วย
ซึ่งเป็นด้านประกอบมุมยอดจะต้องมีความยาวมากกว่าครึ่งหนึ่งของด้านที่ยาว q หน่วย จึงจะสามารถสร้าง
รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วได้ เนื่องจากผลบวกของความยาวด้านสองด้านของรูปสามเหลี่ยมต้องมากกว่า
ความยาวของด้านที่เหลือเสมอ ดังภาพ
p p
ชวนคิด 2.3
ถ้าส่วนของเส้นตรงที่กำ�หนดให้อยู่บนกระดาษหรือวัสดุที่สามารถพับได้ สามารถทำ�ได้โดยพับให้จุดปลาย
ของส่วนของเส้นตรงที่กำ�หนดให้ทับกันสนิทพอดี รอยพับที่เกิดขึ้นคือเส้นแบ่งครึ่งส่วนของเส้นตรงนั้น
หากส่วนของเส้นตรงนั้นอยู่บนวัสดุที่พับไม่ได้ ยังจำ�เป็นต้องใช้วงเวียนในการแบ่งครึ่งส่วนของเส้นตรงนั้น
ชวนคิด 2.4
ตัวอย่างการสร้างมุมกลับขนาด 300 องศา อาจทำ�ได้โดยสร้างมุมแหลมขนาด 60 องศา ก่อน ซึ่งจะได้
มุมกลับขนาด 300 องศา ดังรูป
300º
60º
ชวนคิด 2.5
รูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว
ชวนคิด 2.6
ไม่เสมอไป เช่น ไม่สามารถสร้างเส้นตรงจากจุด P ไปตั้งฉากกับส่วนของเส้นตรง AB ได้ ดังรูป
A B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 91
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 2.2 ก
1. สร้าง
A a a B T
2. สร้าง
A a b B T
สร้าง
a
P R Q T
b
3. สร้าง
C
a b
A c B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
92 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
4. สร้าง
A
b b
B a C T
b b
2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 93
b a a
a
2
A a B T B b C T
2
รูปที่ 1 รูปที่ 2
วิธีสร้างรูปที่ 1
1. สร้าง AB ยาวเท่ากับ a หน่วย
2. ใช้จุด A เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมียาวเท่ากับ a หน่วย และใช้จุด B เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมียาวเท่ากับ
b
– หน่วย เขียนส่วนโค้งตัดกัน ให้จุดตัดคือ จุด C
2
3. ลาก BC และ AC
จะได้ ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วตามต้องการ
วิธีสร้างรูปที่ 2
1. สร้าง BC ยาวเท่ากับ b – หน่วย
2
2. ใช้จุด B และจุด C เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมียาวเท่ากับ a หน่วย เขียนส่วนโค้งตัดกัน ให้จุดตัดคือ จุด A
3. ลาก AB และ AC
จะได้ ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วตามต้องการ
6. 1) สร้าง
2a 3a
A B T
2a
3a
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
94 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
2) ผลบวกของความยาวด้านสองด้านของรูปสามเหลี่ยมต้องมากกว่าความยาวของด้านที่เหลือเสมอ เพราะถ้า
สร้างฐานของรูปสามเหลี่ยมให้ยาวเท่ากับ 3a หน่วย แล้ว ผลบวกของความยาวของด้านอีกสองด้านเท่ากับ
a + 2a = 3a พอดี จะเห็นว่ารูปที่สร้างได้นั้น ส่วนของเส้นตรงที่ยาว a และ 2a ไม่ชนกัน จึงไม่เกิดเป็น
รูปสามเหลี่ยมได้ ดังภาพ
2a
a
A a 2a B
3) ไม่สามารถสร้างได้ เพราะใช้แนวคิดเดียวกับข้อ 2)
7. สร้าง
A E C F B
1. แบ่งครึ่ง AB จะได้ AC = CB
2. แบ่งครึ่ง AC จะได้ AE = EC
3. แบ่งครึ่ง CB จะได้ CF = FB
จะได้ AE, EF, CF และ FB เป็นส่วนของเส้นตรง 4 ส่วน ที่แต่ละส่วนยาวเท่ากัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 95
8. เราสามารถแบ่งเป็นส่วนที่ยาวเท่ากัน ได้ดังนี้
1) เราสามารถแบ่งได้ 2 ส่วน 4 ส่วน 8 ส่วน 16 ส่วน … หรือมีแบบรูปเป็น
ครั้งที่ 1 แบ่งได้ 2 = 2 ส่วน
ครั้งที่ 2 แบ่งได้ 2 × 2 = 4 ส่วน
ครั้งที่ 3 แบ่งได้ 2 × 2 × 2 = 8 ส่วน
⋮
ซึ่งจะแบ่งได้ตามแบบรูปนี้ไปเรื่อย ๆ กล่าวคือ ในกรณีทั่วไปจะแบ่งได้ 2 × 2 × 2 × . . . × 2 ส่วน เมื่อ n แทน
จำ�นวนครั้งของการแบ่ง n ตัว
2) เราไม่สามารถแบ่งส่วนของเส้นตรงออกเป็น 10 ส่วน ที่ยาวเท่ากันได้ เพราะการแบ่งครึ่งส่วนของเส้นตรง
แต่ละส่วน จะได้จำ�นวนส่วนแบ่งเป็น 2, 4, 8, 16, … เท่านั้น
บ้านของเสรี บ้านของสันติ
A
O
B
มาตราส่วน 1 : 500
หาตำ�แหน่งของบ่อน้ำ�โดยการแบ่งครึ่ง AB
จากการสร้าง จะได้จุด O เป็นตำ�แหน่งของบ่อน้ำ�
จากการวัด จะได้ AO = OB = 3.5 เซนติเมตร
บ้านของเสรีและสันติอยูห
่ า่ งจากบ่อน้�ำ 3.5 × 500 = 1,750 เซนติเมตร หรือเท่ากับ 17.50 เมตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
96 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
A C O D B
แบบฝึกหัด 2.2 ข
1. สร้าง
A
B C
จากการสร้าง จะได้ AB̂C มีขนาดเท่ากับขนาดของมุมที่กำ�หนดให้
2. สร้าง
Z
Y X
3. สร้าง
R
P Q
จากการสร้าง จะได้ RP̂Q มีขนาดเท่ากับสองเท่าของขนาดของ AB̂C ที่กำ�หนดให้
4. สร้าง
C
A B
จากการสร้าง CÂB ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ PQ̂R และสร้าง DÂB ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ MÔN
จากรูป จะได้ CÂD = CÂB – DÂB
ดังนั้น CÂD = PQ̂R – MÔN
A D
B C
E
� �
1) จากการสร้าง BD เป็นเส้นแบ่งครึ่ง AB̂C และ BE เป็นเส้นแบ่งครึ่งมุมกลับ ABC
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
98 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
� �
2) จะได้ข้อความคาดการณ์ว่า BD และ BE ซึ่งเป็นเส้นแบ่งครึ่งมุมในข้อ 1) ต่อเป็นเส้นตรงเดียวกัน ซึ่งสามารถ
แสดงให้เห็นว่าเป็นจริงได้ดังนี้
DB̂A + AB̂E = 1
เนื่องจาก – AB̂C + 1– (ขนาดของมุมกลับ ABC)
2 2
= 1 – (AB̂C + ขนาดของมุมกลับ ABC)
2
= 1
o
– (360 )
2
o
= 180 ซึ่งเป็นขนาดของมุมตรง
� �
ดังนั้น BD และ BE ต่อเป็นเส้นตรงเดียวกัน
6. สร้าง
E
D
C
F
A B
จากการสร้าง จะได้ CÂB มีขนาดเท่ากับขนาดของ XŶ Z
�
AD แบ่งครึ่ง CÂB
�
AE แบ่งครึ่ง CÂD
�
และ AF แบ่งครึ่ง DÂB
ดังนั้น CÂE = EÂD = DÂF = FÂB
1) ไม่สามารถแบ่ง XŶZ ออกเป็น 3 มุม 5 มุม หรือ 6 มุม ที่แต่ละมุมมีขนาดเท่ากันด้วยวิธีการข้างต้นได้
2) โดยใช้การแบ่งครึ่งมุม เราสามารถแบ่ง XŶZ ออกเป็นมุมที่มีขนาดเท่ากัน 2 มุม 4 มุม 8 มุม 16 มุม …
หรือมีแบบรูปเป็นดังนี้
ครั้งที่ 1 แบ่งได้ 2 = 2 มุม
ครั้งที่ 2 แบ่งได้ 2×2 = 4 มุม
ครั้งที่ 3 แบ่งได้ 2 × 2 × 2 = 8 มุม
⋮
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 99
7. สร้าง
A a B
จากการสร้าง จะได้ ΔABC มี AB = a หน่วย AB̂C = PQ̂R และ BÂC = XŶZ
8. สร้าง
R
X
P Q S
� �
จากการสร้าง จะได้ QX แบ่งครึ่ง PQ̂R และ QY แบ่งครึ่ง RQ̂S
o
1) PQ̂R + RQ̂S = 180
2) 1
– PQ̂R + 1
– RQ̂S = 1– (PQ̂R + RQ̂S) = 1
o o
– (180 ) = 90
2 2 2 2
o
3) XQ̂Y = 90 เพราะว่า XQ̂Y = XQ̂R + RQ̂Y
= –1 PQ̂R + 1 – RQ̂S
2 2
o
= 90
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
100 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
แบบฝึกหัด 2.2 ค
1.
C
A O B
2.
A O B
�
1) จากการสร้าง CD แบ่งครึ่ง AB ที่จุด O
�
จากข้อ 1 จะได้ว่า CD ตั้งฉากกับ AB ที่จุด O ด้วย
�
2) ให้จุด P เป็นจุดใด ๆ บน CD เมื่อใช้วงเวียนตรวจสอบความยาวของ PA และ PB จะได้ว่า PA = PB
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 101
3.
A
D
G F
I
P
B H C
4.
D
G
K
M J
O
L H
E N F
I
เนื่องจากเราทราบมาแล้วว่า เมื่อใช้การสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิตข้อที่ 2 ในการแบ่งครึ่งส่วนของเส้นตรง เส้นที่
แบ่งครึ่งส่วนของเส้นตรงใด ๆ จะตั้งฉากกับส่วนของเส้นตรงนั้นด้วย ดังนั้น เราสามารถสร้างเส้นแบ่งครึ่งและ
ตั้งฉากกับด้านแต่ละด้านของรูปสามเหลี่ยม DEF ได้ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
102 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 103
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
1. นักเรียนอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า การหาระยะห่างระหว่างเส้นตรงหรือส่วนของเส้นตรงสองเส้น สามารถหาได้จาก
การวัดระยะห่างทีต
่ �ำ แหน่งใดก็ได้ระหว่างเส้นตรงหรือส่วนของเส้นตรงสองเส้นนัน
้ ซึง่ ในความเป็นจริง เราต้องกำ�หนด
จุดบนเส้นตรงหรือส่วนของเส้นตรงหนึง่ ก่อน แล้วจึงวัดระยะห่างจากจุดนัน
้ มาตัง้ ฉากกับเส้นตรงหรือส่วนของเส้นตรง
อีกเส้นหนึ่ง
2. นักเรียนอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า ส่วนสูงของรูปสามเหลี่ยมต้องอยู่ภายในรูปสามเหลี่ยมเท่านั้น
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. วงเวียน และสันตรง
2. โปรแกรม The Geometer’s Sketchpad หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัตอื่น ๆ
3. ใบกิจกรรมเสนอแนะ 2.3 : สร้างสวนสนุก
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างรูปเรขาคณิต โดยเน้นฝึกปฏิบัติให้นักเรียนได้ใช้วงเวียนและสันตรง หรือโปรแกรม
The Geometer’s Sketchpad หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัตอื่น ๆ ในการสร้างรูปเรขาคณิตเกี่ยวกับมุม รูปสามเหลี่ยม
เส้นขนาน และรูปสี่เหลี่ยม รวมทั้งให้มีการสังเกต สำ�รวจ และคาดการณ์เกี่ยวกับสมบัติทางเรขาคณิต ทั้งนี้ ครูควรจะพัฒนา
ความรู้สึกเชิงปริภูมิ และการนึกภาพเกี่ยวกับรูปเรขาคณิต กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ในการสอนการสร้างรูปเรขาคณิต ครูควรใช้คำ�ถามประกอบการอธิบายและสาธิต เพื่อให้นักเรียนเชื่อมโยงความรู้
เกี่ยวกับการสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิตที่เรียนมาแล้ว มาทำ�ความเข้าใจเกี่ยวกับการสร้างรูปเรขาคณิต ซึ่งได้แก่
✤ การสร้างมุมที่มีขนาดต่าง ๆ
✤ การสร้างและสำ�รวจเกี่ยวกับรูปสามเหลี่ยม
✤ การสร้างเส้นขนาน
✤ การสร้างรูปสี่เหลี่ยม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
104 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
2. ในการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างรูปเรขาคณิตเกี่ยวกับการสร้างมุมที่มีขนาดต่าง ๆ และเพื่อให้นักเรียนได้ใช้ความรู้สึก
เชิงจำ�นวน ครูควรชี้ให้นักเรียนเห็นความสัมพันธ์ระหว่างมุมที่มีขนาดต่างกัน เช่น
✤ มุมที่มีขนาด 75 องศา 75 อาจได้มาจาก 60 + 15 หรือ 30 + 30 + 15 หรือ 90 – 15
✤ มุมที่มีขนาด 150 องศา 150 อาจได้มาจาก 120 + 30 หรือ 90 + 60 หรือ 180 – 30
✤ มุมที่มีขนาด 210 องศา 210 อาจได้มาจาก 180 + 30 หรือ 270 – 60
3. ครูจด
ั กิจกรรม เพือ
่ ให้นก
ั เรียนได้ส�ำ รวจ สังเกต และคาดการณ์เกีย่ วกับสมบัตท
ิ างเรขาคณิต โดยใช้กจิ กรรมต่อไปนี้
✤ กิจกรรม : สำ�รวจเส้นมัธยฐานของรูปสามเหลี่ยม
✤ กิจกรรม : สำ�รวจเส้นแบ่งครึ่งมุมของรูปสามเหลี่ยม
✤ กิจกรรม : สำ�รวจส่วนของเส้นตรงที่ลากจากจุดยอดของรูปสามเหลี่ยมมาตั้งฉากกับด้านตรงข้ามหรือ
ส่วนต่อของด้านตรงข้ามกับจุดยอดนั้น
✤ กิจกรรม : สำ�รวจเส้นตรงที่แบ่งครึ่งและตั้งฉากกับด้านของรูปสามเหลี่ยม
ทั้งนี้ นักเรียนสามารถใช้วงเวียนและสันตรง หรือโปรแกรม The Geometer’s Sketchpad หรือซอฟต์แวร์
เรขาคณิตพลวัตอื่น ๆ ในการสำ�รวจ โดยครูควรใช้คำ�ถามกระตุ้นเพื่อนำ�ไปสู่การสร้างข้อความคาดการณ์ รวมถึง
สำ�รวจผลที่ได้ว่าเป็นไปตามข้อความคาดการณ์หรือไม่
4. ครูอาจใช้ “กิจกรรมเสนอแนะ 2.3 : สร้างสวนสนุก” เพื่อให้เห็นการนำ�สมบัติทางเรขาคณิตที่เกี่ยวกับ จุดจวบ
ของเส้นแบ่งครึ่งมุมทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมไปใช้ในการแก้ปัญหา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 105
กิจกรรม : สำ�รวจเส้นมัธยฐานของรูปสามเหลี่ยม
กิ จ กรรมนี้ เป็ น กิ จ กรรมสำ � หรั บ ฝึ ก ให้ นั ก เรี ย นสื บ เสาะ สั ง เกต และคาดการณ์ เ กี่ ย วกั บ สมบั ติ ข องรู ป สามเหลี่ ย ม
เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกใช้การสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิตในการสร้างเส้นมัธยฐาน และสำ�รวจสิ่งที่นักเรียนค้นพบผ่านการลงมือ
ปฏิบัติ ซึ่งนักเรียนอาจใช้ซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัตช่วยในการสร้าง โดยมีอุปกรณ์ และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
ซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัต
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนสร้างรูปสามเหลี่ยม ABC
2. ครูให้นักเรียนสร้างเส้นมัธยฐานของรูปสามเหลี่ยม ABC ให้ครบทั้งสามเส้น
3. ครูให้นักเรียนสังเกตผลที่ได้จากการสร้างในข้อ 2 เปรียบเทียบและอภิปรายผลที่ได้จากการสังเกตกับเพื่อนในห้อง
เพื่อนำ�ไปสู่ข้อสรุปที่ค้นพบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
106 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยกิจกรรม : สำ�รวจเส้นมัธยฐานของรูปสามเหลี่ยม
B D C
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 107
กิจกรรม : สำ�รวจเส้นแบ่งครึ่งมุมของรูปสามเหลี่ยม
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมสำ�หรับฝึกให้นักเรียนสืบเสาะ สังเกต และคาดการณ์เกี่ยวกับสมบัติของรูปสามเหลี่ยม เพื่อให้
นักเรียนได้ฝึกใช้การสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิตในการสร้างเส้นแบ่งครึ่งมุมของรูปสามเหลี่ยม และสำ�รวจสิ่งที่นักเรียนค้นพบ
ผ่านการลงมือปฏิบต
ั ิ ซึง่ นักเรียนอาจใช้ซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัตช่วยในการสร้าง โดยมีอป
ุ กรณ์ และขัน
้ ตอนการดำ�เนินกิจกรรม
ดังนี้
อุปกรณ์
ซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัต
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนสร้างรูปสามเหลี่ยม LMN
2. ครูให้นักเรียนสร้างเส้นแบ่งครึ่งมุมของรูปสามเหลี่ยม LMN ให้ครบทั้งสามเส้น
3. ครู ใ ห้ นั ก เรี ย นสั ง เกตผลที่ ไ ด้ จ ากการสร้ า งในข้ อ 2 จากนั้ น เปรี ย บเที ย บและอภิ ป รายผลที่ ไ ด้ จ ากการสั ง เกต
กับเพื่อนในห้อง เพื่อนำ�ไปสู่ข้อสรุปที่ค้นพบ
4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปข้อค้นพบที่ได้จากข้อ 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
108 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยกิจกรรม : สำ�รวจเส้นแบ่งครึ่งมุมของรูปสามเหลี่ยม
L M
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 109
กิจกรรม : สำ�รวจส่วนของเส้นตรงที่ลากจากจุดยอดของ
รูปสามเหลี่ยมมาตั้งฉากกับด้านตรงข้ามหรือส่วนต่อของ
ด้านตรงข้ามกับจุดยอดนั้น
กิ จ กรรมนี้ เป็ น กิ จ กรรมสำ � หรั บ ฝึ ก ให้ นั ก เรี ย นสื บ เสาะ สั ง เกต และคาดการณ์ เ กี่ ย วกั บ สมบั ติ ข องรู ป สามเหลี่ ย ม
เพือ
่ ให้นก
ั เรียนได้ฝก
ึ ใช้การสร้างพืน
้ ฐานทางเรขาคณิตในการสร้างส่วนของเส้นตรงทีล่ ากจากจุดยอดของรูปสามเหลีย่ มมาตัง้ ฉาก
กับด้านตรงข้ามกับจุดยอดนั้นหรือส่วนต่อของด้านตรงข้าม และสำ�รวจสิ่งที่นักเรียนค้นพบ ผ่านการลงมือปฏิบัติ ซึ่งนักเรียน
อาจใช้ซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัตช่วยในการสร้าง โดยมีอุปกรณ์ และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
ซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัต
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนสร้างรูปสามเหลี่ยม PQR
2. ครู ใ ห้ นั ก เรี ย นสร้ า งส่ ว นของเส้ น ตรงที่ ล ากจากจุ ด ยอดของรู ป สามเหลี่ ย มมาตั้ ง ฉากกั บ ด้ า นตรงข้ า มหรื อ ส่ ว นต่ อ
ของด้านตรงข้ามกับจุดยอดนั้น ให้ครบทั้งสามเส้น
3. ครูให้นักเรียนสังเกตผลที่ได้จากการสร้างในข้อ 2 จากนั้น เปรียบเทียบและอภิปรายผลที่ได้จากการสังเกตกับเพื่อน
ในห้อง เพื่อนำ�ไปสู่ข้อสรุปที่ค้นพบ
4. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปข้อค้นพบที่ได้จากข้อ 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
110 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยกิจกรรม : สำ�รวจส่วนของเส้นตรงที่ลากจากจุดยอดของ
รูปสามเหลี่ยมมาตั้งฉากกับด้านตรงข้ามหรือส่วนต่อของ
ด้านตรงข้ามกับจุดยอดนั้น
Q R
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 111
กิจกรรม : เส้นตรงที่แบ่งครึ่งและตั้งฉากกับด้านของรูปสามเหลี่ยม
กิ จ กรรมนี้ เป็ น กิ จ กรรมสำ � หรั บ ฝึ ก ให้ นั ก เรี ย นสื บ เสาะ สั ง เกต และคาดการณ์ เ กี่ ย วกั บ สมบั ติ ข องรู ป สามเหลี่ ย ม
เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกใช้การสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิตในการสร้างเส้นตรงที่แบ่งครึ่งและตั้งฉากกับด้านของรูปสามเหลี่ยม และ
สำ�รวจสิ่งที่นักเรียนค้นพบ ผ่านการลงมือปฏิบัติ ซึ่งนักเรียนอาจใช้ซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัตช่วยในการสร้าง โดยมีอุปกรณ์
และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
ซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัต
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนสร้างรูปสามเหลี่ยม RST
2. ครูให้นักเรียนสร้างเส้นตรงที่แบ่งครึ่งและตั้งฉากกับด้านของรูปสามเหลี่ยม RST ให้ครบทั้งสามเส้น
3. ครูให้นักเรียนสังเกตผลที่ได้จากการสร้างในข้อ 2 จากนั้น เปรียบเทียบและอภิปรายผลที่ได้จากการสังเกตกับเพื่อน
ในห้อง เพื่อนำ�ไปสู่ข้อสรุปที่ค้นพบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
112 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยกิจกรรม : เส้นตรงที่แบ่งครึ่งและตั้งฉากกับด้านของรูปสามเหลี่ยม
R S
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 113
อุปกรณ์
1. ใบกิจกรรมเสนอแนะ 2.3 : สร้างสวนสนุก
2. วงเวียนและสันตรง หรือโปรแกรม The Geometer’s Sketchpad หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัตอืน
่ ๆ ในการสร้าง
และสำ�รวจ
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูนำ�เสนอปัญหาที่อยู่ในใบกิจกรรมเสนอแนะ 2.3 : สร้างสวนสนุก
2. ให้นักเรียนใช้ความรู้เรื่องการแบ่งครึ่งมุม และการสร้างเส้นตั้งฉาก มาประกอบการคิดแก้ปัญหา ทั้งนี้ อาจให้นักเรียน
ใช้วงเวียนและสันตรง หรือโปรแกรม The Geometer’s Sketchpad หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัตอืน
่ ๆ ในการสร้าง
และสำ�รวจ
3. เมื่ อ นั ก เรี ย นได้ ตำ � แหน่ ง ที่ จ ะสร้ า งสวนสนุ ก และวิ ธี ก ารสร้ า งถนนให้ มี ร ะยะทางสั้ น ที่ สุ ด แล้ ว ครู ค วรใช้ คำ � ถาม
ขยายความคิด เช่น ถ้าตำ�แหน่งของหมู่บ้านทั้งสามเปลี่ยนแปลงไป นักเรียนยังสามารถใช้แนวคิดข้างต้น ในการหา
ตำ�แหน่งของสวนสนุกได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
114 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ปัญหา “สร้างสวนสนุก”
ดอนหวาย
ไร�ขิง ศาลายา
คณะกรรมการของหมูบ
่ า้ นทัง้ สามตกลงใจทีจ่ ะสร้างสวนสนุกให้อยูห
่ า่ งจากถนนทัง้ สามสายเป็นระยะทางเท่ากัน
1. จงหาตำ�แหน่งที่จะสร้างสวนสนุก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 115
ดอนหวาย
ไร�ขิง ศาลายา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
116 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 2.7
o o
การสร้างมุม 30 และ 45 ใช้แนวคิดจากการสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิตข้อที่ 4 : การแบ่งครึ่งมุม
ที่กำ�หนดให้ เช่น
o o
มุมที่มีขนาด 30 ใช้แนวคิดการแบ่งครึ่งมุมที่มีขนาด 60
o o
มุมที่มีขนาด 45 ใช้แนวคิดการแบ่งครึ่งมุมที่มีขนาด 90
ชวนคิด 2.8
แนวคิดอื่น ๆ ในการสร้างมุมที่มีขนาด 75 เช่น 75 = 30 + 45 , 75 = 180 – 30
o
ชวนคิด 2.9
o
การสร้างมุม 120 มีแนวคิดในการสร้างได้หลายแนวคิด เช่น
✤ 120 = 60 + 60
✤ 120 = 90 + 30
✤ 120 = 180 – 60
o
การสร้างมุม 150 มีแนวคิดในการสร้างได้หลายแนวคิด เช่น
✤ 150 = 180 – 30
✤ 150 = 90 + 60
✤ 150 = 120 + 30
✤ 150 = 75 + 75
ชวนคิด 2.10
คาดว่ารังสีนี้จะตัดด้านที่เหลือของรูปสามเหลี่ยมที่จุดกึ่งกลางของด้านนั้น
ชวนคิด 2.11
คาดว่ารังสีนี้จะแบ่งครึ่งมุมที่เหลือ
ชวนคิด 2.12
คาดว่ารังสีนี้จะตัดด้านที่เหลือหรือส่วนต่อของด้านที่เหลือของรูปสามเหลี่ยมในลักษณะตั้งฉากกับด้านนั้น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 117
ชวนคิด 2.13
1. เส้นตรงนี้จะตั้งฉากกับด้านที่เหลือ
2. เส้นตรงนี้จะแบ่งครึ่งด้านที่เหลือ
ชวนคิด 2.14
เส้นแบ่งครึง่ มุม ส่วนสูง และเส้นแบ่งครึง่ และตัง้ ฉาก มีโอกาสทีม
่ จี ด
ุ ตัดร่วมกันเพียงจุดเดียว ถ้ารูปสามเหลีย่ ม
รูปนั้นเป็นรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า
ชวนคิด 2.15
� �
CD ขนานกับ AB เพราะขนาดของมุมภายในที่อยู่บนข้างเดียวกันของเส้นตัดรวมกันได้ 180°
ชวนคิด 2.16
มีวิธีการสร้างแบบอื่นอีก เช่น การสร้างรูปสามเหลี่ยม DEF ให้ DE มีความยาวเป็นสองเท่าของ AB
มุม DEF มีขนาดเท่ากับมุม ABC และมุม FDE มีขนาดเท่ากับมุม CAB โดยใช้การสร้างพื้นฐาน
ทางเรขาคณิตข้อที่ 1 และ 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
118 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยมุมเทคโนโลยี
มุมเทคโนโลยี
รูปหลายเหลี่ยมมีหลายประเภท เช่น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 119
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 2.3 ก
1. 1) แนวคิด 221 = 45 = 90 – 45
2 2 2
สร้าง
C
D
o
22–1
2
A B
o
1. สร้าง CÂB ให้มีขนาด 90
� o
2. สร้าง AD แบ่งครึ่ง CÂB จะได้ DÂB และ CÂD แต่ละมุมมีขนาด 45
�
3. สร้าง AE แบ่งครึ่ง DÂB
o
จะได้ DÂE และ EÂB แต่ละมุมมีขนาด 22– 1
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
120 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
2) แนวคิด 135 = 90 + 45
สร้าง
C
o
135
A O B
1. สร้าง AÔB ให้เป็นมุมตรง
o
2. สร้าง BÔC ให้มีขนาด 90
� o
3. สร้าง OD แบ่งครึ่ง AÔC ทำ�ให้ CÔD และ DÔA แต่ละมุมมีขนาด 45
o
ดังนั้น BÔD = BÔC + CÔD = 90 + 45 = 135
3) แนวคิด 240 = 180 + 60
สร้าง
o
240
o
180
A o
60 O B
o o
2. แนวคิด จากการสร้าง จะได้ BÂD = 60 และ DÂE = 60
เนื่องจาก AF ที่สร้างได้นี้ เป็นเส้นแบ่งครึ่งมุม DAE
o
จะได้ DÂF = 30
o
ดังนั้น FÂB = BÂD + DÂF = 60 + 30 = 90
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 121
3. สร้าง
Y
a b
A B X
�
ลาก AX
� �
1. ที่จุด A สร้าง AY ให้ตั้งฉากกับ AX
�
2. สร้าง AC บน AY ให้ยาวเท่ากับ a หน่วย
�
3. ใช้จุด C เป็นจุดศูนย์กลาง รัศมียาวเท่ากับ b หน่วย เขียนส่วนโค้งให้ตัด AX ให้จุดตัดคือ จุด B
ลาก BC
จะได้ ΔABC เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก ตามต้องการ
4. สร้าง D C
o o
45 45
A B
ΔAOB เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วและเป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉากด้วย
o � �
เนื่องจาก DÂB = AB̂C = 90 และ AO แบ่งครึ่ง DÂB และ BO แบ่งครึ่ง AB̂C
จะได้ OÂB = OB̂A = 90
o
— = 45
2
ดังนั้น ΔAOB เป็นรูปสามเหลีย่ มหน้าจัว่ (สมบัตข
ิ อ
้ หนึง่ ของรูปสามเหลีย่ มหน้าจัว่ ทีก
่ ล่าวว่า มุมทีฐ่ านมีขนาด
เท่ากัน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
122 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
o
เนือ
่ งจาก AÔB + OÂB + OB̂A = 180 (ผลบวกของขนาดของมุมภายในของรูปสามเหลีย่ มเท่ากับสองมุมฉาก)
o o o
จะได้ AÔB + 45 + 45 = 180
o
AÔB = 90
ดังนั้น ΔAOB เป็นรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก
5. สร้าง
o o
45 45
A a B
6. สร้าง A
Q
R
B C
P
� � �
จากการสร้าง AR และ BP เป็นเส้นทีต
่ ง้ั ฉากกับส่วนต่อของ BC และ AC ตามลำ�ดับ และ CQ ตัง้ ฉากกับ AB
จะได้ AR, BP และ CQ เป็นส่วนสูงของ ΔABC
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 123
แบบฝึกหัด 2.3 ข
1. สร้าง
D
B
C
1. ลาก CA
2. สร้าง CÂD ให้มีขนาดเท่ากับขนาดของ BĈA โดยให้ BĈA และ CÂD เป็นมุมแย้ง
� �
จะได้ AD เป็นแนวถนนที่ขนานกับแนวคลองชลประทาน BC
2. 1) สร้าง
D
E F
A B
�
1. สร้าง AB
� �
2. สร้าง AD ตั้งฉากกับ AB ที่จุด A และให้ AD ยาว a หน่วย
� �
3. ที่จุด D สร้าง EF ตั้งฉากกับ AD
� � �
จะได้ EF ขนานกับ AB และอยู่ห่างจาก AB เท่ากับ a หน่วย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
124 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
2) สร้าง
Y D b C
E
o
60
A b B
อาจสร้างอีกวิธีหนึ่งดังนี้
สร้าง
P
b C
D
o
60
A b B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 125
o
วิธีสร้างในทำ�นองเดียวกันกับข้อ 2) โดยสร้าง DÂB ให้มีขนาดเท่ากับ 135
และสร้าง AB = AD = DC = BC = b– หน่วย
2
จะได้ ■ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ตามต้องการ
4) สร้าง
D 2a C
a a
A 2a B
สร้างในทำ�นองเดียวกันกับข้อ 2) และข้อ 3)
จะได้ ■ABCD เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตามต้องการ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
126 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
3. สร้าง
A B
C R D
E F
� �
1. สร้าง AB ขนานกับ EF โดยสร้าง BÊ F และ AB̂ E ให้เป็นมุมแย้งที่มีขนาดเท่ากัน
� �
2. สร้าง CD ขนานกับ EF โดยสร้าง RÊ F และ CR̂E ให้เป็นมุมแย้งที่มีขนาดเท่ากัน
� �
3. AB จะขนานกับ CD เพราะว่า
AB̂ E = BÊ F จากการสร้าง ข้อ 1
RÊ F = CR̂E จากการสร้าง ข้อ 2
และ BÊ F = RÊF
จะได้ AB̂ E = CR̂E สมบัติของการเท่ากัน
แต่ CR̂E = BR̂D เส้นตรงสองเส้นตัดกันขนาดของมุมตรงข้ามย่อมเท่ากัน
ดังนั้น AB̂ E = BR̂D สมบัติของการเท่ากัน
� �
นั่นคือ AB ขนานกับ CD ถ้าเส้นตรงเส้นหนึ่งตัดเส้นตรงอีกคู่หนึ่ง ทำ�ให้มุมแย้งมีขนาดเท่ากัน แล้ว
เส้นตรงคู่นั้นจะขนานกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 127
กิจกรรมท้ายบท : แผนที่ย่อ–ขยาย
กิจกรรมนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้นักเรียนได้ใช้ความรู้เรื่องการสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิตจากสถานการณ์ที่กำ�หนดให้
ในการสร้างแผนทีท
่ งั้ การขยายเส้นทางเดินและการย่อเส้นทางเดิน ซึง่ นักเรียนสามารถเรียนรูโ้ ดยการลงมือปฏิบต
ั ิ โดยมีอป
ุ กรณ์
และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
1. ใบกิจกรรม : แผนที่ย่อ–ขยาย
2. วงเวียนและสันตรง
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูนำ�เสนอสถานการณ์ที่อยู่ในใบกิจกรรม : แผนที่ย่อ–ขยาย
2. ครูให้นักเรียนใช้ความรู้เรื่องการสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิตในการสร้างตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย 2 ภารกิจ
โดยใช้วงเวียนและสันตรง
3. เมื่อนักเรียนสร้างได้ครบตามที่กำ�หนดแล้ว ครูอาจตรวจสอบความถูกต้องของเส้นทางเดินด้วยกระดาษลอกลาย
เพื่อความรวดเร็ว
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
128 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ใบกิจกรรม : แผนที่ย่อ-ขยาย
a
a 105º
2 a 105º
2
a 60º
2a 2
a
120º
30º 120º a
a
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 129
ภารกิจที่ 1
ภารกิจที่ 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
130 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยกิจกรรมท้ายบท : แผนที่ย่อ-ขยาย
ภารกิจที่ 1 : เส้นทางเดินที่เกิดจากการขยายเป็นดังนี้
2a
a 105
o
a
o
105
a
o
60
4a
2a
o
120
o
120 2a
o
30 a
ภารกิจที่ 2 : เส้นทางเดินที่เกิดจากการย่อเป็นดังนี้
a
a 4
2 a
4
a
a 4
a
2
a a
4 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 131
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท
1. สร้าง
o
60 o
o 105
45
A a B
จากการสร้าง จะได้ AB ยาว a หน่วย
DÂB และ AB̂C มีขนาด 60 + 45 = 105 องศา
o
BC ยาว b หน่วย และ DĈB มีขนาด 90
2. สร้าง
A O B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
132 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
1) 1. ลากเส้นผ่านศูนย์กลาง AB
�
2. ที่จุด O สร้าง XY ตั้งฉากกับ AB และตัดวงกลมที่จุด C และจุด D
o
จะได้ AÔC = CÔB = BÔD = DÔA = 90
2) ลาก AC, CB, BD และ DA จะได้ ■ACBD เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส
เพราะว่าจากการใช้วงเวียนตรวจสอบความยาวของด้านทั้งสี่ของ ■ACBD
พบว่า AC = CB = BD = DA และใช้วงเวียนตรวจสอบขนาดของมุมภายในทั้งสี่ของ ■ACBD
พบว่า AĈB = CB̂D = BD̂A = DÂC
o
เนื่องจากผลบวกของขนาดของมุมภายในของรูปสี่เหลี่ยมใด ๆ เท่ากับ 360
o
ดังนั้น AĈB = CB̂D = BD̂A = DÂC = 90
นั่นคือ ■ACBD เป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพราะมีด้านทั้งสี่ยาวเท่ากันและขนาด
o
ของมุมภายในแต่ละมุมเท่ากับ 90
3. สร้าง
C B
o
60
o o
60 60 A
D 60 O 60
o o
o
60
E F
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 133
4. สร้าง
C
B
D
o
45 45o
o o
45 45 A
E 45
o
O 45o
o
45 45o
F H
G
5. 1) สร้าง
P Q
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
134 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
2) สร้าง
S
P Q
6. แนวคิด
�
จากการสร้างให้ AY ตั้งฉากกับ BC ให้จุดตัดคือ จุด X
จะได้ AX แทนเส้นทางที่ต้องการหา
AX แทนระยะที่สั้นที่สุดระหว่างตำ�แหน่งที่กวางยืนอยู่กับลำ�ธารริมทุ่งหญ้า
จากการวัด จะได้ AX = 2.7 เซนติเมตร
ดังนั้น ระยะทางที่กวางอยู่ห่างจากแนวลำ�ธารเท่ากับ 2.7 × 1,000 = 2,700 เซนติเมตร หรือ 27 เมตร
� �
7. แนวคิด ให้ริมฝั่งแม่น้ำ�คือ AC และ BD ดังรูป วิธีหาตำ�แหน่งที่จะสร้างสะพานทำ�ได้ดังนี้
�
1. สร้าง AP ให้ตั้งฉากกับ BD ที่จุด X
�
2. สร้าง RS แบ่งครึ่งและตั้งฉากกับ XB
�
จะได้ RS เป็นแนวเส้นตรงที่จะสร้างสะพาน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 135
8. สร้าง
C G E F D
A B
� �
1) สร้าง CD ขนานกับ AB
�
2) สร้าง ΔAEB, ΔAFB และ ΔAGB โดยให้มีจุดยอด E, F และ G อยู่บน CD
3) ΔAEB, ΔAFB และ ΔAGB มีส่วนสูงยาวเท่ากัน เพราะว่าถ้าเส้นตรงสองเส้นขนานกันแล้ว ระยะห่าง
ระหว่างเส้นทั้งสองจะยาวเท่ากัน นอกจากนี้ พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมทั้งสามจะเท่ากันด้วย เพราะว่า
แต่ละรูปมีฐานยาวเท่ากัน (กำ�หนดให้) และส่วนสูงยาวเท่ากัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
136 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
9. สร้าง
G
F
I
A E B
1) สร้างจุด E เป็นจุดกึ่งกลางของ AB
� �
2) สร้าง EF ให้ขนานกับ BC ให้ EF ตัดกับ AC ให้จุดตัดคือ จุด F
3) AF = CF
� �
4) สร้าง AG ให้ตั้งฉากกับ BC และให้จุดตัดของ AG กับ EF และ BC คือ จุด I และจุด D ตามลำ�ดับ
จะได้ AI เป็นส่วนสูงของ ΔAEF และ AD เป็นส่วนสูงของ ΔABC จากการตรวจสอบโดยใช้วงเวียน
จะได้ AI ยาวเป็นครึ่งหนึ่งของ AD
5) จากการตรวจสอบโดยใช้วงเวียน จะได้ว่า ฐาน EF ของ ΔAEF ยาวเป็นครึ่งหนึ่งของฐาน BC
6) พื้นที่ของ ΔAEF = 1 – × EF × AI
2
= 1
–× 1
2
– × BC × 1
2 [(
– × AD
2 ) ( )]
= 1
–×1 –×1 – × BC × AD
2 2 2
= 1
– 1
4 2
– × BC × AD ( )
= 1
– (พื้นที่ของ ΔABC)
4
จะได้ พื้นที่ของ ΔAEF เป็น 1 – ของพื้นที่ของ ΔABC
4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 137
ตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. จากรูปที่กำ�หนดให้ นักเรียนสามารถสรุปเกี่ยวกับมุมได้อย่างไรบ้าง (1 คะแนน)
D
F
B E C
� �
3. จากรูป OX แบ่งครึ่ง RÔY และ OZ แบ่งครึ่ง YÔS จงแสดงวิธีการหาขนาดของ XÔZ (2 คะแนน)
Y Z
R O S
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
138 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
N P
o
25
o
130
M O Q
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 139
มุมตกกระทบ มุมสะท้อน
ลูกสนุกเกอร์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
140 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. จากรูปที่กำ�หนดให้ นักเรียนสามารถสรุปเกี่ยวกับมุมได้อย่างไรบ้าง (1 คะแนน)
D
F
B E C
คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
AB̂C มีขนาดเป็นสองเท่าของ AB̂F หรือ FB̂C
AB̂F หรือ FB̂C มีขนาดเป็นครึ่งหนึ่งของ AB̂C
AB̂F มีขนาดเท่ากับ CB̂F
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถใช้วงเวียนและสันตรง หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัต ในการสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิต
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบไม่ถูกต้องหรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถใช้วงเวียนและสันตรง หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัต ในการสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิต
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบไม่ถูกต้องหรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 141
� �
3. จากรูป OX แบ่งครึ่ง RÔY และ OZ แบ่งครึ่ง YÔS จงแสดงวิธีการหาขนาดของ XÔZ (2 คะแนน)
Y Z
R O S
� �
จากรูป OX แบ่งครึ่ง RÔY และ OZ แบ่งครึ่ง YÔS จะได้ XÔZ มีขนาด 90 องศา
o
เนื่องจาก RÔY + YÔS = 180
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถใช้วงเวียนและสันตรง หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัต ในการสร้างรูปเรขาคณิตและ
นำ�ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 2 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้
✤ เขียนแสดงวิธีทำ�สมบูรณ์และหาคำ�ตอบได้ถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
✤ เขียนแสดงวิธีทำ�ไม่สมบูรณ์ แต่หาคำ�ตอบได้ถูกต้อง
หรือเขียนแสดงวิธีทำ� แต่หาคำ�ตอบไม่ถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ ไม่เขียนแสดงวิธีทำ� และได้คำ�ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
N P
o
25
o
130
M O Q
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
142 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถใช้วงเวียนและสันตรง หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัต ในการสร้างรูปเรขาคณิตและ
นำ�ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบไม่ถูกต้องหรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต 143
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถใช้วงเวียนและสันตรง หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัต ในการสร้างรูปเรขาคณิตและ
นำ�ไปใช้แก้ปัญหาในชีวิตจริง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้
✤ ตอบถูกต้อง และให้เหตุผลได้ถูกต้อง 3 ข้อ ได้ 3 คะแนน
✤ ตอบถูกต้อง และให้เหตุผลได้ถูกต้อง 2 ข้อ ได้ 2 คะแนน
✤ ตอบถูกต้อง และให้เหตุผลได้ถูกต้อง 1 ข้อ ได้ 1 คะแนน
✤ ตอบไม่ถูกต้องทั้งสามข้อหรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
2) 22.5 = 15 + 15
2 ( ) 3) 37.5 = 30 + 7.5
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถใช้วงเวียนและสันตรง หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัต ในการสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิต
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 4 คะแนน ข้อละ 0.5 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ข้อละ 0.5 คะแนน ตอบไม่ถูกต้องหรือไม่ตอบ ได้ข้อละ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
144 บทที่ 2 | การสร้างทางเรขาคณิต คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ลูกสนุกเกอร์
B F D
วิธีสร้าง
1. สร้าง EB̂C ให้มีขนาดเท่ากับ AB̂E โดยใช้การสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิตข้อที่ 3
2. สร้าง BC
3. สร้าง CF ให้ตั้งฉากกับ EC ที่จุด C โดยใช้การสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิตข้อที่ 6
4. สร้าง FĈD ให้มีขนาดเท่ากับ BĈF โดยใช้การสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิตข้อที่ 3
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถใช้วงเวียนและสันตรง หรือซอฟต์แวร์เรขาคณิตพลวัต ในการสร้างพื้นฐานทางเรขาคณิต
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้
✤ สร้างมุมได้ถูกต้อง 3 มุม ได้ 3 คะแนน
✤ สร้างมุมได้ถูกต้อง 2 มุม ได้ 2 คะแนน
✤ สร้างมุมได้ถูกต้อง 1 มุม ได้ 1 คะแนน
✤ สร้างไม่ถูกต้อง หรือไม่สร้าง ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 145
3
บทที่ เลขยกกำ�ลัง
บทเลขยกกำ�ลังประกอบด้วยหัวข้อย่อย ดังต่อไปนี้
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระ จำ�นวนและพีชคณิต
มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำ�นวน ระบบจำ�นวน การดำ�เนินการของจำ�นวน ผลที่เกิดขึ้น
จากการดำ�เนินการ สมบัติของการดำ�เนินการ และนำ�ไปใช้
ตัวชี้วัด
เข้าใจและใช้สมบัติของเลขยกกำ�ลังที่มีเลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวกในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และปัญหาในชีวิตจริง
จุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถ
1. เขียนจำ�นวนที่กำ�หนด ให้อยู่ในรูปเลขยกกำ�ลังที่มีเลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวก และหาค่าของเลขยกกำ�ลังที่มี
เลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวก
2. หาผลคูณและผลหารของเลขยกกำ�ลังเมื่อเลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวก และนำ�สมบัติของเลขยกกำ�ลังไปใช้ใน
การคำ�นวณ
3. เขียนจำ�นวนที่มีค่ามาก ๆ ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ และหาค่าของจำ�นวนที่อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
146 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความเชื่อมโยงระหว่างตัวชี้วัดกับจุดประสงค์ของบทเรียน
เนื่องจากตัวชี้วัดกล่าวถึงการเข้าใจและการใช้สมบัติของเลขยกกำ�ลังที่มีเลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวกในการแก้ปัญหา
คณิตศาสตร์และปัญหาในชีวิตจริง และเนื้อหาในบทนี้จะเน้นเลขยกกำ�ลังที่มีฐานเป็นจำ�นวนเต็ม เศษส่วน และทศนิยมที่เป็น
จำ�นวนบวกเท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้การเรียนรู้ของนักเรียนในเรื่องเลขยกกำ�ลังสอดคล้องกับตัวชี้วัด ครูควรจัดประสบการณ์ให้
นักเรียนสามารถ
1. เข้าใจเกี่ยวกับเลขยกกำ�ลังที่มีเลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวก โดยนักเรียนควรบอกความหมายของเลขยกกำ�ลังได้
รวมทัง้ เขียนจำ�นวนทีก
่ �ำ หนด ให้อยูใ่ นรูปของเลขยกกำ�ลังทีม
่ เี ลขชีก
้ �ำ ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวก และหาค่าของเลขยก
กำ�ลังที่มีเลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวก
2. เข้าใจเกี่ยวกับสมบัติของเลขยกกำ�ลัง และนำ�สมบัติของเลขยกกำ�ลังไปใช้ในการแก้ปัญหา ซึ่งสะท้อนได้จาก
การที่นักเรียนสามารถนำ�ความรู้และสมบัติของเลขยกกำ�ลังไปใช้ในการหาผลคูณและผลหารของเลขยกกำ�ลัง
เมื่อเลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวก ตลอดจนสามารถนำ�ไปใช้ได้
3. เข้าใจเกี่ยวกับสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ โดยสามารถเขียนจำ�นวนที่มีค่ามาก ๆ ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ และ
หาค่ า ของจำ � นวนที่ อ ยู่ ใ นรู ป สั ญ กรณ์ วิ ท ยาศาสตร์ ไ ด้ รวมทั้ ง สามารถนำ � ไปใช้ ใ นการแก้ ปั ญ หาในชี วิ ต จริ ง
และตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของคำ�ตอบที่ได้
ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
หัวข้อ
ทักษะและกระบวนการ 3.1 3.2 3.3
ทางคณิตศาสตร์ ความหมายของ การคูณและการหาร สัญกรณ์
เลขยกกำ�ลัง เลขยกกำ�ลัง วิทยาศาสตร์
การแก้ปัญหา ✤
การสื่อสารและการสื่อความหมาย
✤ ✤ ✤
ทางคณิตศาสตร์
การเชื่อมโยง ✤ ✤
การให้เหตุผล
การคิดสร้างสรรค์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 147
ความรู้พื้นฐานที่นักเรียนต้องมี
2+2=4
ครูอาจทบทวนความรู้พื้นฐานที่นักเรียนต้องมีก่อนเรียน ดังนี้
1. ตัวประกอบของจำ�นวนนับ
2. ตัวประกอบเฉพาะ
3. การแยกตัวประกอบ
ความคิดรวบยอดของบทเรียน
เลขยกกำ�ลัง เป็นสัญลักษณ์แทนจำ�นวนทีป
่ ระกอบด้วยฐานและเลขชีก
้ �ำ ลัง เราสามารถเขียนจำ�นวนทีอ
่ ยูใ่ นรูปการคูณของ
จำ�นวนที่ซ้ำ� ๆ กันให้อยู่ในรูปเลขยกกำ�ลังได้
สัญกรณ์วิทยาศาสตร์ เป็นสัญลักษณ์ท่ีใช้แทนจำ�นวนที่มีค่ามาก ๆ หรือจำ�นวนที่มีค่าน้อย ๆ มีรูปทั่วไปเป็น A × 10
n
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
148 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
1. นักเรียนอาจเข้าใจคลาดเคลื่อนโดยระบุฐานของเลขยกกำ�ลังไม่ถูกต้อง เช่น
2
เข้าใจคลาดเคลื่อนว่า ฐานของ -3 คือ -3 ซึ่งฐานที่ถูกต้องคือ 3
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความหมายของเลขยกกำ�ลัง โดยเน้นให้นักเรียนเห็นว่าเลขยกกำ�ลังเป็นจำ�นวน ซึ่งใช้แสดง
แทนจำ�นวนที่เขียนในรูปการคูณของจำ�นวนที่ซ้ำ� ๆ กัน ทั้งนี้ ครูควรพัฒนาความรู้สึกเชิงจำ�นวนให้กับนักเรียน เพื่อให้เข้าใจถึง
ค่าของเลขยกกำ�ลังที่แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างรวดเร็ว กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูแนะนำ�ความหมายของเลขยกกำ�ลังจากบทนิยาม โดยอาจชี้ชวนให้นักเรียนเชื่อมโยงจากความรู้เดิม เช่น พื้นที่
ของรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส พื้นที่ของวงกลม หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง เช่น การแบ่งเซลล์ของแบคทีเรีย
และชีใ้ ห้เห็นประโยชน์ของการใช้เลขยกกำ�ลังแทนจำ�นวนทีอ
่ ยูใ่ นรูปการคูณของจำ�นวนทีซ
่ �
้ำ ๆ กัน ซึง่ ครูควรระวัง
n
ความหมายและการอ่านเลขยกกำ�ลัง กล่าวคือ a หมายถึง จำ�นวนทีม
่ ี a คูณกัน n ตัว และอ่านว่า “a คูณกัน n ตัว”
3
ไม่ใช่ “n ครั้ง” เช่น 2 มี 2 คูณกัน 3 ตัว คือ 2 × 2 × 2 ซึ่งไม่เท่ากับ 2 คูณกัน 3 ครั้ง หรือ 2 × 2 × 2 × 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 149
()
3
เมื่อฐานเป็น 3 และเลขชี้กำ�ลังเป็น 3 ต้องเขียนเป็น 3
4 4
2. ครูต้องพัฒนาความรู้สึกเชิงจำ�นวนเกี่ยวกับเลขยกกำ�ลังให้กับนักเรียน เพื่อให้เข้าใจถึงค่าของเลขยกกำ�ลังที่แสดง
ให้เห็นถึงการเพิม
่ ขึน
้ หรือลดลงอย่างรวดเร็ว โดยใช้สถานการณ์การแบ่งเซลล์ของแบคทีเรีย เพือ
่ ชีใ้ ห้นก
ั เรียนเห็นว่า
ถ้าร่างกายของคนเราติดเชื้อแบคทีเรียชนิดที่ให้โทษ เช่น เชื้ออหิวาตกโรค เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จะมีจำ�นวน
แบคทีเรียในร่างกายเพิม
่ ขึน
้ อย่างรวดเร็ว ถ้าไม่มก
ี ารให้ยาฆ่าเชือ
้ อาการทีร่ า่ งกายแสดงออกจะทวีความรุนแรงอย่าง
รวดเร็วตามเชื้อแบคทีเรียที่เพิ่มขึ้นนั้น
นอกจากนี้ ครูยังสามารถใช้แบบฝึกหัด 3.1 ข ข้อที่ 3 หรืออาจใช้ “กิจกรรมเสนอแนะ 3.1 : เปลี่ยนแปลง
ไปอย่างไร” เพื่อให้นักเรียนเห็นการเปลี่ยนแปลงของค่าที่ได้จากการยกกำ�ลังของเลขยกกำ�ลังที่มีฐานแตกต่างกัน
3. ครูควรเน้นย้ำ�กับนักเรียนว่า การเขียนจำ�นวนบางจำ�นวนให้อยู่ในรูปเลขยกกำ�ลังอาจมีได้มากกว่าหนึ่งแบบ เช่น
4 2 4 2
การเขียน 16 ในรูปเลขยกกำ�ลังที่มีเลขชี้กำ�ลังมากกว่า 1 อาจเขียนเป็น 2 , 4 , (-2) หรือ (-4) ก็ได้ โดยครูอาจ
ยกตัวอย่างอื่นเพิ่มเติมประกอบการถามตอบเพื่อตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียน เช่น 64 อาจเขียนเป็น
2 2 3 6 6
8 , (-8) , 4 , 2 หรือ (-2) ซึ่งในการเขียนคำ�ตอบ ไม่จำ�เป็นต้องเขียนให้ได้ครบทุกแบบ
4. ครูควรเน้นย้ำ�ว่า ในการเขียนเลขยกกำ�ลังแทนจำ�นวนใด ๆ นั้น นักเรียนต้องสามารถระบุฐานและเลขชี้กำ�ลังของ
เลขยกกำ�ลังนั้น ๆ ได้ เช่น
การเขียน 216 ในรูปเลขยกกำ�ลัง
216 = 2×2×2×3×3×3
3 3
= 2 ×3
3 3
เนือ
่ งจาก 2 × 3 ยังไม่อยูใ่ นรูปทีส่ ามารถระบุได้วา่ ฐานและเลขชีก
้ �ำ ลังเป็นจำ�นวนใด แต่เมือ
่ จัดรูปใหม่เป็น
216 = (2 × 3) × (2 × 3) × (2 × 3)
= 6×6×6
3
= 6
3
จะได้ว่า 216 เขียนในรูปเลขยกกำ�ลังได้เป็น 6 ที่มี 6 เป็นฐาน และมี 3 เป็นเลขชี้กำ�ลัง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
150 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 3.1 : เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3–4 คน
2. ครูให้นักเรียนสังเกตค่าของเลขยกกำ�ลังที่เปลี่ยนแปลงไป แล้วช่วยกันตอบคำ�ถามลงในใบกิจกรรม
3. ครูอาจให้นักเรียนแต่ละกลุ่มนำ�เสนอและอภิปรายผลที่ได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 151
คำ�ชี้แจง
ให้นักเรียนศึกษาค่าของเลขยกกำ�ลังในตารางและตอบคำ�ถามของแต่ละข้อต่อไปนี้
1.
เลขยกกำ�ลัง 2 2
2
2
3
2
4
2
5
...
ค่าของเลขยกกำ�ลัง 2 4 8 16 32 ...
นั ก เรี ย นคิ ด ว่ า เลขยกกำ � ลั ง ที่ มี ฐ านเท่ า กั บ 2 เมื่ อ เลขชี้ กำ � ลั ง มี ค่ า เพิ่ ม ขึ้ น ที ล ะหนึ่ ง ค่ า ของ
เลขยกกำ�ลังนั้นจะเป็นอย่างไร จงอธิบาย
2.
1
() () () ()
2
เลขยกกำ�ลัง – 1
– 1
–
3
1
–
4
1
–
5
...
2 2 2 2 2
ค่าของเลขยกกำ�ลัง 1
– 1
– 1
– —1 —1 ...
2 4 8 16 32
นั ก เรี ย นคิ ด ว่ า เลขยกกำ � ลั ง ที่ มี ฐ านเท่ า กั บ –1 เมื่ อ เลขชี้ กำ � ลั ง มี ค่ า เพิ่ ม ขึ้ น ที ล ะหนึ่ ง ค่ า ของ
2
เลขยกกำ�ลังนั้นจะเป็นอย่างไร จงอธิบาย
3.
3
() () () ()
2 3 4 5
– 3 3 3 3 ...
เลขยกกำ�ลัง 2
–
2
–
2
–
2
–
2
ค่าของเลขยกกำ�ลัง 3 9 27 81 243 ...
2 4 8 16 32
นั ก เรี ย นคิ ด ว่ า เลขยกกำ � ลั ง ที่ มี ฐ านเท่ า กั บ –3 เมื่ อ เลขชี้ กำ � ลั ง มี ค่ า เพิ่ ม ขึ้ น ที ล ะหนึ่ ง ค่ า ของ
2
เลขยกกำ�ลังนั้นจะเป็นอย่างไร จงอธิบาย
4.
เลขยกกำ�ลัง (-2) (-2)
2
(-2)
3
(-2)
4
(-2)
5
...
ค่าของเลขยกกำ�ลัง -2 4 -8 16 -32 ...
นั ก เรี ย นคิ ด ว่ า เลขยกกำ � ลั ง ที่ มี ฐ านเท่ า กั บ -2 เมื่ อ เลขชี้ กำ � ลั ง มี ค่ า เพิ่ ม ขึ้ น ที ล ะหนึ่ ง ค่ า ของ
เลขยกกำ�ลังนั้นจะเป็นอย่างไร จงอธิบาย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
152 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 153
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 3.1
2
ชวนคิด 3.2
n n
1) (-3) กับ -3 จะเท่ากัน เมื่อ n เป็นจำ�นวนคี่
n n
2) (-3) กับ -3 จะไม่เท่ากัน เมื่อ n เป็นจำ�นวนคู่
ชวนคิด 3.3
1) 3 แผ่น 9 แผ่น และ 27 แผ่น ตามลำ�ดับ
10
2) 3 แผ่น
n
3) 3 แผ่น
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 3.1 ก
1. 1) 10 2) 343 3) 10,000
4) 8,000 5) -1 6) 1,296
7) -729 8) 900 9) 0.000001
2 2 8 8 4 4 2 2
2. 1) 11 หรือ (-11) 2) 2 , (-2) , 4 , (-4) , 16 หรือ (-16)
3 9 3
3) 7 4) 10 หรือ 1,000
7 5
5) (-2) 6) (-4)
3 7
7) (-11) 8) (-10)
() ( ) ( )
2 2 3
9) (1.5) , (-1.5) , 3 หรือ - 3 10) (0.3) หรือ 3
2 2 3
2 2 10
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
154 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
( ) ( )
5 3
11) (0.1) หรือ 1 12) (2.1) หรือ 21
5 3
10 10
() ()
5 3
13) 1 หรือ (0.5) 14) 5
5
2 6
2 2
15) 0.25 × 0.04 = 0.01 = (0.1) หรือ (-0.1)
( ) ( )
2 2
หรือ 0.25 × 0.04 = 25 × 4 = 1 = 1 หรือ - 1
100 100 100 10 10
()
5
16) 1,024 ÷ 3,125 = 1,024 = 4 × 4 × 4 × 4 × 4 = 4 × 4 × 4 × 4 × 4 = 4
3,125 5 × 5 × 5 × 5 × 5 5 5 5 5 5 5
3. 1) 5 หรือ -5 2) 6 3) 4 4) -13
3
4. ไม่ได้ เพราะถังคอนกรีตทรงลูกบาศก์ในบริเวณที่กำ�หนดจะจุน้ำ�ได้เพียง (1.5) = 3.375 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งน้อยกว่า
4 ลูกบาศก์เมตร
5. แนวคิด
ครบสัปดาห์ ครบสัปดาห์ ครบสัปดาห์ ครบสัปดาห์
ระยะเวลา เริ่มต้น ที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 ที่ 4
2 3 4
จำ�นวนแหนที่ลอย 3×2 3×2 3×2 3×2
3
ในอ่างปลา (ต้น) 6 12 24 48
แบบฝึกหัด 3.1 ข
1
1. 1) เท่ากัน เพราะว่า 2 ตามบทนิยามของเลขยกกำ�ลัง เลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนที่แสดงว่ามีฐานคูณกันกี่ตัว
1 1
ซึ่ง 2 หมายถึงมี 2 เพียงตัวเดียว ดังนั้น 2 = 2
2 2
2) ไม่เท่ากัน เพราะว่า 5 = 25 แต่ -5 = -25
2
3) ไม่เท่ากัน เพราะว่า (-6)2 = 36 แต่ -6 = -(6 × 6) = -36
()
3 3
4) ไม่เท่ากัน เพราะว่า 2 = 8 แต่ 2 = 2 × 2 × 2 = 8
3 27 3 3 3
4
5) ไม่เท่ากัน เพราะว่า (0.2) = (0.2) × (0.2) × (0.2) × (0.2) = 0.0016
()
4 4
6) เท่ากัน เพราะว่า 3 = 3 × 3 × 3 × 3 = 3 × 3 × 3 × 3 = 34
5 5 5 5 5 5 × 5 × 5 × 5 5
3 3
7) เท่ากัน เพราะว่า -10 = -(10 × 10 × 10) = -1,000 และ (-10) = -1,000
10
8) ไม่เท่ากัน เพราะว่า 2 = 1,024 แต่ 102 = 100
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 155
( ) ()
3 3
3) 21 = 7 = 343
3 3 27
2 2
4) 32 + (2 – 5) = + 4(-3) = 18 หรือ 9
9
2 4
2 16 8
( ) ()
3 3
1
5) 2 – = = 7 343
4 4 64
2 2
6) (6 × 2) = 12 = 144
(23) = 82 = 64
2
7)
[(0.2)2] = (0.04)2 = 0.0016
2
8)
2
3. 1) ไม่จริง เพราะว่า เมื่อ a = 0 จะได้ว่า 0 ไม่มากกว่า 0
2) จริง เพราะว่าค่าของเลขยกกำ�ลังจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ของจำ�นวนที่อยู่ติดกันก่อนหน้า
3) ไม่จริง เพราะว่าเมื่อเลขชี้กำ�ลัง n เป็นจำ�นวนคู่ที่มากขึ้น ค่าของเลขยกกำ�ลังก็จะเป็นจำ�นวนเต็มบวกที่มีค่า
มากขึน
้ และเมือ
่ เลขชีก
้ �ำ ลังเป็นจำ�นวนคีท
่ ม
ี่ ากขึน
้ ค่าของเลขยกกำ�ลังก็จะเป็นจำ�นวนเต็มลบทีม
่ ค
ี า่ น้อยลง
สลับกันไปเรื่อย ๆ
4) จริง เพราะว่าค่าของเลขยกกำ�ลังจะลดลงเป็นครึ่งหนึ่งของจำ�นวนที่อยู่ติดกันก่อนหน้า
5) ไม่จริง เพราะว่าค่าของเลขยกกำ�ลังจะเพิ่มขึ้น –3 เท่า ของจำ�นวนที่อยู่ติดกันก่อนหน้า
2
6) จริง พิจารณาแยกเป็นกรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 เมื่อ a เป็นจำ�นวนเต็มลบ และ n เป็นจำ�นวนเต็มบวกที่เป็นจำ�นวนคู่ ค่าของเลขยกกำ�ลังจะเป็น
จำ�นวนเต็มบวก
กรณีที่ 2 เมื่อ a = 0 และ n เป็นจำ�นวนเต็มบวกที่เป็นจำ�นวนคู่ ค่าของเลขยกกำ�ลังจะเท่ากับ 0
กรณีที่ 3 เมื่อ a เป็นจำ�นวนเต็มบวก และ n เป็นจำ�นวนเต็มบวกที่เป็นจำ�นวนคู่ ค่าของเลขยกกำ�ลังจะเป็น
จำ�นวนเต็มบวก
ดังนั้น เมื่อ a เป็นจำ�นวนเต็ม และ n เป็นจำ�นวนเต็มบวกที่เป็นจำ�นวนคู่ ค่าของ an จะเป็นจำ�นวน
เต็มบวกหรือศูนย์เสมอ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
156 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
2 3 2+3
นักเรียนเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการนำ�สมบัติของเลขยกกำ�ลังไปใช้ เช่น 4 + 4 = 4
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
-
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการคูณและการหารเลขยกกำ�ลัง ซึ่งเน้นให้นักเรียนได้เข้าใจว่าเลขยกกำ�ลังเป็นจำ�นวน
จึงสามารถนำ�มาคูณและหารกันได้ โดยใช้สมบัติการคูณและสมบัติการหารเลขยกกำ�ลัง ซึ่งในหัวข้อนี้ จะเน้นการใช้สมบัติ
การคูณและสมบัติการหารเลขยกกำ�ลังที่มีเลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวกเท่านั้น กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ในการสอนเรือ
่ งการคูณเลขยกกำ�ลัง ครูควรใช้ “กิจกรรม : สำ�รวจการคูณเลขยกกำ�ลัง” โดยเน้นให้นก
ั เรียนได้สงั เกต
การคูณเลขยกกำ�ลังทีม
่ ฐี านเป็นจำ�นวนเดียวกัน และค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างเลขชีก้ �ำ ลังของตัวตัง้ เลขชีก้ �ำ ลังของ
ตัวคูณ และเลขชีก
้ �ำ ลังของผลคูณ แล้วสร้างข้อความคาดการณ์โดยใช้ภาษาของตนเอง เพือ
่ นำ�ไปสูข
่ อ
้ สรุปเกีย่ วกับ
สมบัตก
ิ ารคูณเลขยกกำ�ลัง
2. ครูควรชี้ให้นักเรียนเห็นว่า ในการหาผลคูณของเลขยกกำ�ลังที่มีฐานต่างกัน ในบางกรณี เราอาจทำ�ฐานของ
เลขยกกำ�ลังที่เป็นตัวตั้งหรือตัวคูณให้เป็นจำ�นวนเดียวกัน เช่น
4 3 3 6
✤ 2 × 4 เราอาจหาค่าของ 4 เป็น 64 แล้วเขียน 64 ในรูปเลขยกกำ�ลังที่มีฐานเป็น 2 ซึ่งก็คือ 2 เพื่อ
4
ให้ฐานเป็นจำ�นวนเดียวกับ 2 แล้วจึงใช้สมบัติในการหาผลคูณของเลขยกกำ�ลัง
4 5 4
✤ (-3) × 3 เราอาจหาค่าของ (-3) เป็น 81 ก่อน แล้วเขียน 81 ในรูปเลขยกกำ�ลังที่มีฐานเป็น 3 ซึ่งก็คือ
4 5
3 เพื่อให้ฐานเป็นจำ�นวนเดียวกับ 3 แล้วจึงใช้สมบัติในการหาผลคูณของเลขยกกำ�ลัง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 157
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
158 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
กิจกรรม : สำ�รวจการคูณเลขยกกำ�ลัง
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมทีต
่ อ
้ งการให้นก
ั เรียนสังเกตการคูณของเลขยกกำ�ลังทีม
่ ฐี านเป็นจำ�นวนเดียวกัน และสร้างข้อความ
คาดการณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเลขชี้กำ�ลังของตัวตั้ง เลขชี้กำ�ลังของตัวคูณ และเลขชี้กำ�ลังของผลคูณ เพื่อนำ�ไปสู่
สมบัติของการคูณเลขยกกำ�ลัง โดยมีขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
-
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนเติมตารางที่กำ�หนดไว้เป็นกิจกรรมในหนังสือเรียน โดยให้เขียนการคูณเลขยกกำ�ลังโดยใช้บทนิยาม
เขียนผลคูณในรูปเลขยกกำ�ลัง และระบุเลขชี้กำ�ลังของตัวตั้ง ตัวคูณ และผลคูณ
2. ครูให้นักเรียนสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างเลขชี้กำ�ลังของตัวตั้ง ตัวคูณ และผลคูณ แล้วสร้างข้อความคาดการณ์
เกี่ ย วกั บ ความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งเลขชี้ กำ � ลั ง ดั ง กล่ า วด้ ว ยภาษาของตนเอง เพื่ อ นำ � ไปสู่ ข้ อ สรุ ป เกี่ ย วกั บ สมบั ติ
ของการคูณเลขยกกำ�ลัง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 159
เฉลยกิจกรรม : สำ�รวจการคูณเลขยกกำ�ลัง
1. ให้นักเรียนเติมตารางต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
เขียนการคูณ ผลคูณ
การคูณ เลขชี้กำ�ลัง เลขชี้กำ�ลัง เลขชี้กำ�ลัง
เลขยกกำ�ลัง ในรูป
เลขยกกำ�ลัง ของตัวตั้ง ของตัวคูณ ของผลคูณ
โดยใช้บทนิยาม เลขยกกำ�ลัง
3 2 5
2 ×2 (2 × 2 × 2) × (2 × 2) 2 3 2 5
4 3 7
3 ×3 (3 × 3 × 3 × 3) × (3 × 3 × 3) 3 4 3 7
2
(-5) × (-5) [(-5) × (-5)] × (-5) (-5)
3
2 1 3
5
(-7) × (-7)
4 [(-7) × (-7) × (-7) × (-7) × (-7)] (-7)
9
5 4 9
× [(-7) × (-7) × (-7) × (-7)]
3 4
(0.2) × (0.2) (0.2 × 0.2 × 0.2) × 0.2 (0.2) 3 1 4
() ()
1
– × 1
() ()
1
– × 1
()
1 2
– – – 1 1 2
2 2 2 2 2
() ()
4
– × 4
5 2
(
4
3
4 × –
– × –
3
4 × –
3
4 × –
3
4
3 ) ()
4 7
( )
– – 5 2 7
3 3 × 4 4
– × – 3
3 3
n2 × n4
(n × n) × (n × n × n × n) n6 2 4 6
เมื่อ n เป็นจำ�นวนใด ๆ
2. จากตาราง ให้นักเรียนสังเกตและสร้างข้อความคาดการณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเลขชี้กำ�ลังของทั้งตัวตั้ง
ตัวคูณ และผลคูณ
คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
✤ การคูณเลขยกกำ�ลังที่มีฐานเป็นจำ�นวนเดียวกัน เลขชี้กำ�ลังของผลคูณจะเท่ากับผลบวกของเลขชี้กำ�ลังของตัวตั้ง
กับเลขชี้กำ�ลังของตัวคูณ
✤ การคูณเลขยกกำ�ลังทีม
่ ฐี านเป็นจำ�นวนเดียวกัน เลขชีก
้ �ำ ลังของผลคูณจะเท่ากับผลบวกของเลขชีก
้ �ำ ลังของจำ�นวน
ที่นำ�มาคูณกัน
✤ การคูณเลขยกกำ�ลังทีม
่ ฐี านเป็นจำ�นวนเดียวกัน ผลคูณจะเป็นเลขยกกำ�ลังทีม
่ ฐี านเป็นจำ�นวนนัน
้ และเลขชีก
้ �ำ ลัง
ของผลคูณจะเท่ากับผลบวกของเลขชี้กำ�ลังของตัวตั้งกับเลขชี้กำ�ลังของตัวคูณ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
160 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
กิจกรรม : สำ�รวจการหารเลขยกกำ�ลัง
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมทีต
่ อ
้ งการให้นก
ั เรียนสังเกตการหารของเลขยกกำ�ลังทีม
่ ฐี านเป็นจำ�นวนเดียวกัน และสร้างข้อความ
คาดการณ์เกีย่ วกับความสัมพันธ์ระหว่างเลขชีก
้ �ำ ลังของตัวตัง้ เลขชีก
้ �ำ ลังของตัวหาร และเลขชีก
้ �ำ ลังของผลหาร เพือ
่ นำ�ไปสูส่ มบัติ
ของการหารเลขยกกำ�ลัง โดยมีขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
-
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนเติมตารางที่กำ�หนดไว้เป็นกิจกรรมในหนังสือเรียน โดยให้เขียนการหารเลขยกกำ�ลังโดยใช้บทนิยาม
เขียนผลหารในรูปเลขยกกำ�ลัง และระบุเลขชี้กำ�ลังของตัวตั้ง ตัวหาร และผลหาร
2. ครูให้นักเรียนสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างเลขชี้กำ�ลังของตัวตั้ง ตัวหาร และผลหาร แล้วสร้างข้อความคาดการณ์
เกี่ ย วกั บ ความสั ม พั น ธ์ ร ะหว่ า งเลขชี้ กำ � ลั ง ดั ง กล่ า วด้ ว ยภาษาของตนเอง เพื่ อ นำ � ไปสู่ ข้ อ สรุ ป เกี่ ย วกั บ สมบั ติ
ของการหารเลขยกกำ�ลัง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 161
เฉลยกิจกรรม : สำ�รวจการหารเลขยกกำ�ลัง
1. ให้นักเรียนเติมตารางต่อไปนี้ให้ถูกต้อง
ผลหาร เลขชีก
เขียนการหาร ้ �ำ ลัง เลขชีก
้ �ำ ลัง เลขชีก
้ �ำ ลัง
การหาร ในรูป
เลขยกกำ�ลัง ของ ของ ของ
เลขยกกำ�ลัง เลขยก ตัวตั้ง ตัวหาร ผลหาร
โดยใช้บทนิยาม กำ�ลัง
8
5 5×5×5×5×5×5×5×5 6
5 8 2 6
52 5×5
9
3 3×3×3×3×3×3×3×3×3 1
3 9 8 1
38 3×3×3×3×3×3×3×3
6
(-7) (-7) × (-7) × (-7) × (-7) × (-7) × (-7) 3
(-7) 6 3 3
(-7)3 (-7) × (-7) × (-7)
7
(-2) (-2) × (-2) × (-2) × (-2) × (-2) × (-2) × (-2) 5
(-2) 7 2 5
(-2)2 (-2) × (-2)
5
(0.2) 0.2 × 0.2 × 0.2 × 0.2 × 0.2 4
(0.2) 5 1 4
0.2 0.2
7
(4.1) 4.1 × 4.1 × 4.1 × 4.1 × 4.1 × 4.1 × 4.1 2
(4.1) 7 5 2
(4.1)5 4.1 × 4.1 × 4.1 × 4.1 × 4.1
4
n
n2 n×n×n×n 2
n 4 2 2
เมื่อ n เป็นจำ�นวนใด ๆ n×n
และ n ≠ 0
2. จากตาราง ให้นักเรียนสังเกตและสร้างข้อความคาดการณ์เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างเลขชี้กำ�ลังของทั้งตัวตั้ง
ตัวหาร และผลหาร
คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
✤ การหารเลขยกกำ � ลั ง ที่ มี ฐ านเป็ น จำ � นวนเดี ย วกั น เลขชี้ กำ � ลั ง ของผลหารจะเท่ า กั บ เลขชี้ กำ � ลั ง ของตั ว ตั้ ง
ลบด้วยเลขชี้กำ�ลังของตัวหาร
✤ การหารเลขยกกำ � ลั ง ที่ มี ฐ านเป็ น จำ � นวนเดี ย วกั น เลขชี้ กำ � ลั ง ของผลหารจะเท่ า กั บ เลขชี้ กำ � ลั ง ของตั ว ตั้ ง
ลบด้วยเลขชี้กำ�ลังของตัวหาร
✤ การหารเลขยกกำ�ลังทีม
่ ฐี านเป็นจำ�นวนเดียวกัน ผลหารจะเป็นเลขยกกำ�ลังทีม
่ ฐี านเป็นจำ�นวนนัน
้ และเลขชีก
้ �ำ ลัง
ของผลหารจะเท่ากับเลขชี้กำ�ลังของตัวตั้งลบด้วยเลขชี้กำ�ลังของตัวหาร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
162 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 3.2 ก
13 10 11 13
1. 1) 3 2) 8 3) 7 4) (-2)
8 7 5
5) (0.2) 6) (1.2) 7) (0.01)
() () () () ()
4
8) 1
– (0.5) = (0.5) (0.5) = (0.5) หรือ 1
2 4 2 6
– (0.5) = 1
4
2
– 1
4
– = 1
2
–
6
2 2 2 2 2
3 2 5
9) 343 × 49 = 7 × 7 = 7
3 6 9 2 3
10) (-27) × 729 = (-3) × (-3) = (-3) หรือ (-27) × 729 = (-27) × (-27) = (-27)
m n m+n
11) 3 ∙ 3 = 3 เมื่อ m และ n เป็นจำ�นวนเต็มบวก
m n m+n
12) x ∙ x = x เมื่อ x ≠ 0, m และ n เป็นจำ�นวนเต็มบวก
2. ในบางข้ออาจมีคำ�ตอบที่หลากหลาย แต่แนวคิดควรเป็นไปตามเนื้อหาที่นักเรียนได้เรียนผ่านมา
3 4 8
1) 2 × 2 × 2 = 2
2 3 4 2 3 4 9
2) (-3) × 3 × (-3) = 3 × 3 × 3 = 3
3 4 3 3 4 10
3) 8 × 2 × (-2) = 2 × 2 × 2 = 2
4 1 2 4 7
4) 5 × 25 × (-5) = 5 × 5 × 5 = 5
5 5 5 6 5 6 11
5) (-2) × 2 × (-2) = 2 × (-2) = 2 × 2 = 2
4 3 4 4 4 4 8
6) 5 × (-5) × (-5) = 5 × (-5) = 5 × 5 = 5
4 3 4 4 4 4 8
หรือ 5 × (-5) × (-5) = 5 × (-5) = (-5) × (-5) = (-5)
3 5 3 2 5 2 5 3 7 10
7) (-4) × 4 × (-2) × 2 = (-4) × (-4) × 4 × (-8) × 2 = 64 × 4 × 4 = 4 × 4 = 4
3 5 3 3 5 3 5
หรือ (-4) × 4 × (-2) × 2 = (-4) × 4 × (-8) × 2 = (-4) × (-4) × 16
3 5 2 10
= (-4) × (-4) × (-4) = (-4)
4 3 2 3 4 3 2
8) 27 × (-3 ) × 3 × (-9 ) = 3 × [-(3 )] × 3 × [-(9 )]
3 4 3 2
= 3 × 3 × 3 × 9
3 4 3
= 3 × 3 × 3 × (9 × 9)
3 4 3 2 2
= 3 × 3 × 3 × (3 × 3 )
14
= 3
3 4 5 12
9) x ∙ x ∙ x = x เมื่อ x ≠ 0
2 4 3 2 4 3 2 2 2 2 2 2 2 3
10) a ∙ (-a) ∙ b = a ∙ a ∙ b = a ∙ a ∙ a ∙ b ∙ b ∙ b = (a b) ∙ (a b) ∙ (a b) = (a b)
เมื่อ a ≠ 0 และ b ≠ 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 163
5
3. แนวคิด ดาวฤกษ์บางดวงอยู่ไกลจากโลกถึง 10 ปีแสง
12
ระยะ 1 ปีแสง มีค่าประมาณ 9.46 × 10 กิโลเมตร
5 12
ดังนั้น ดาวฤกษ์ดวงนั้นอยู่ห่างจากโลกประมาณ 10 × (9.46 × 10 )
17
= 9.46 × 10 กิโลเมตร
3
4. แนวคิด รัศมีของโลกโดยเฉลี่ยยาวประมาณ 6.4 × 10 กิโลเมตร
2
ดวงอาทิตย์มีรัศมีโดยเฉลี่ยเป็น 1.09 × 10 เท่าของโลก
2 3
ดังนั้น รัศมีของดวงอาทิตย์โดยเฉลี่ยยาวประมาณ (1.09 × 10 ) × (6.4 × 10 )
5
= 6.98 × 10 กิโลเมตร
2 2 2 3
6. 1) 2 + 2 = 2 × 2 = 2
2 2 2 2 3
2) 3 + 3 + 3 = 3 × 3 = 3
3 3 3 3 3 4 4 8 8 2 2
3) 4 + 4 + 4 + 4 = 4 × 4 = 4 , (-4) , 2 , (-2) , 16 หรือ (-16)
() () () ()
1
– + 1
– + 1
– + 1
– = 4 × 1
– = 4 × 1
()
2 2 2 2 2
n
4) – = 1 = 1 เมื่อ n เป็นจำ�นวนเต็มบวก
2 2 2 2 2 4
แบบฝึกหัด 3.2 ข
1. ในบางข้ออาจมีคำ�ตอบที่หลากหลาย แต่แนวคิดควรเป็นไปตามเนื้อหาที่นักเรียนได้เรียนผ่านมา
4 3
1) 2 หรือ 16 2) (-3) หรือ -27
()
-1
5) 0.8 หรือ 4 6) 1 หรือ 2
5 2
-3
7) (0.3) 8) 4
4
9) 4 10) 5 หรือ 625
3
11) m เมื่อ m ≠ 0 12) 1
13) a เมื่อ a ≠ 0 14) 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
164 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
2. 1) —1 2) — 1
23 36
3) —1 4) — 1 เมื่อ m ≠ 0
32 m3
3 -8 0 2 -5 2
5) (a × a ) ÷ (a × a ) = a ÷ a = — 1 เมื่อ a ≠ 0
a7
3 10 -4 -7
6) (a ÷ a ) × a = a × — 1 = —1 × —
1 = — 1 เมื่อ a ≠ 0
a4 a7 a4 a11
2 2 2
3. 1) เนื่องจาก 0 = 0 และ 1 = 1 ดังนั้น n = n เป็นจริง เมื่อ n = 0 และ 1
2
2) จาก n = 2 จะได้ 2 = 4
2 4 2 4
จาก n = 4 จะได้ 4 = 16 และ 2 = 16 นั่นคือ 4 = 2
2 n
ดังนั้น n = 2 เป็นจริง เมื่อ n = 2 และ 4
กระดาษ
A4 80 แกรม 1 แผ่น จะหนาประมาณ 5.6
500
= 5.6
5 × 100
= 1.122 เซนติเมตร
10
= 1.122 × 10 มิลลิเมตร
10
= 0.112 มิลลิเมตร
10
6. แนวคิด ใน 1 วัน จะมีปริมาณน้ำ�ไหลผ่านขอบหน้าผาประมาณ 7 × 10 ลิตร
12
ดังนั้น ปริมาณน้ำ�ที่ไหลผ่านขอบหน้าผาประมาณ 10 ลิตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 165
18
7. แนวคิด ดวงอาทิตย์มีปริมาตรประมาณ 1.4 × 10 ลูกบาศก์กิโลเมตร
12
โลกมีปริมาตรประมาณ 1.1 × 10 ลูกบาศก์กิโลเมตร
18
ดังนั้น ปริมาตรของดวงอาทิตย์คิดเป็น 1.4 × 1012 ≈ 1.3 × 10 เท่าของปริมาตรของโลก
6
1.1 × 10
2
8. แนวคิด จำ�นวนประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 100 ปีขึ้นไป มีประมาณ 11,900 คน หรือ 119 × 10 คน
6
จำ�นวนประชากรทั่วประเทศมีอยู่ประมาณ 66 ล้านคน หรือ 66 × 10 คน
2
ดังนั้น จำ�นวนประชากรที่มีอายุตั้งแต่ 100 ปีขึ้นไป คิดเป็น 119 × 106 ≈ 18 × 10 เท่า
-5
66 × 10
ของจำ�นวนประชากรทั้งประเทศ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
166 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 3.3 : เขียนอย่างไร
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนีเ้ ป็นเรือ
่ งเกีย่ วกับสัญกรณ์วท
ิ ยาศาสตร์ ซึง่ เน้นให้นก
ั เรียนได้เข้าใจการเขียนแทนจำ�นวนทีม
่ ค
ี า่ มาก ๆ และจำ�นวน
ที่มีค่าน้อย ๆ ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ เพื่อนำ�ไปใช้ในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และชีวิตจริงได้สะดวกขึ้น ในหัวข้อนี้ จะเน้น
การวัดผลประเมินผลการใช้สัญกรณ์วิทยาศาสตร์แทนการเขียนจำ�นวนที่มีค่ามาก ๆ เท่านั้น สำ�หรับการใช้สัญกรณ์วิทยาศาสตร์
แทนการเขียนจำ�นวนที่มีค่าน้อย ๆ เป็นการสร้างความเข้าใจและความคุ้นเคย เพื่อเป็นพื้นฐานให้กับนักเรียนในการเรียนเนื้อหา
วิชาวิทยาศาสตร์ กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูควรชีใ้ ห้นก
ั เรียนเห็นความเชือ
่ มโยงวิชาคณิตศาสตร์กบ
ั ศาสตร์อน
ื่ ๆ โดยครูอาจยกตัวอย่างเกีย่ วกับขนาดเซลล์
เม็ดเลือดแดงของมนุษย์ ระยะทางระหว่างดาว หรือขนาดของดาวต่าง ๆ ที่เป็นการใช้สัญกรณ์วิทยาศาสตร์
แทนจำ�นวนเหล่านั้น เพื่อให้นักเรียนเห็นว่า เราสามารถเขียนจำ�นวนที่มีค่ามาก ๆ หรือจำ�นวนที่มีค่าน้อย ๆ
9
ให้สื่อความหมายหรือเข้าใจตรงกันได้ด้วยสัญลักษณ์ดังกล่าว เช่น 1,000,000,000 เขียนได้เป็น 1 × 10
ทั้งนี้ ครูควรอธิบายรูปทั่วไปของสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ จากนั้น ครูอาจใช้ “กิจกรรมเสนอแนะ 3.3 : เขียน
อย่างไร” เพื่อให้นักเรียนสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างจำ�นวนกับสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ที่แทนจำ�นวนนั้น แล้วสรุป
เป็นหลักการเขียนจำ�นวนให้อยู่รูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ ในทางกลับกัน เมื่อกำ�หนดจำ�นวนที่อยู่ในรูปสัญกรณ์
วิทยาศาสตร์มาให้ นักเรียนสามารถหาค่าของจำ�นวนนั้นได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 167
2. ครูควรเน้นการพัฒนาความรู้สึกเชิงจำ�นวนเกี่ยวกับสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ โดยใช้คำ�ถามประกอบการยกตัวอย่าง
เพื่ อ ให้ นั ก เรี ย นได้ สั ง เกตและเปรี ย บเที ย บจำ � นวนที่ อ ยู่ ใ นรู ป การคู ณ ที่ มี เ ลขยกกำ � ลั ง ที่ มี ฐ านเป็ น 10
8 3 8
เมื่อเลขชี้กำ�ลังเปลี่ยนไป เช่น 2 × 10 มากกว่า 2 × 10 เนื่องจากจำ�นวนหลักของ 2 × 10 มากกว่า
3
จำ�นวนหลักของ 2 × 10
3. ครูควรฝึกให้นักเรียนได้นำ�ความรู้เกี่ยวกับสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ไปใช้ในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และในชีวิตจริง
โดยให้นักเรียนวิเคราะห์บริบทจากสถานการณ์ในข้อที่เป็นโจทย์ปัญหา โดยอาจใช้แบบฝึกหัด 3.3 ก และ
แบบฝึกหัด 3.3 ข
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
168 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 3.3 : เขียนอย่างไร
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3–4 คน
2. ครูให้นกั เรียนเขียนจำ�นวนทีก่ �ำ หนด ให้อยูใ่ นรูปสัญกรณ์วท
ิ ยาศาสตร์ลงในตารางตอนที่ 1 ข้อ 1 แล้วสังเกต เพือ่ สรุปวิธี
การเขียนจำ�นวนทีม
่ ค
ี า่ มาก ๆ ให้อยูใ่ นรูปสัญกรณ์วท
ิ ยาศาสตร์ในข้อ 2
3. ครูให้นักเรียนเขียนจำ�นวนที่กำ�หนด ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ลงในตารางตอนที่ 2 ข้อ 1 แล้วสังเกต
เพื่อสรุปวิธีการเขียนจำ�นวนที่มีค่าน้อย ๆ ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ ในข้อ 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 169
ตอนที่ 1
การเขียนจำ�นวนที่มีค่ามาก ๆ ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์
1. ให้นักเรียนเขียนจำ�นวนที่กำ�หนด ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
170 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ตอนที่ 2
การเขียนจำ�นวนที่มีค่าน้อย ๆ ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์
1. ให้นักเรียนเขียนจำ�นวนที่กำ�หนด ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 171
ตัวอย่างคำ�ตอบ
การเขียนจำ�นวนที่มีค่ามาก ๆ ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ ทำ�ได้โดยเลื่อนจุดทศนิยมไปทางซ้ายมือครั้งละ
หนึ่งตำ�แหน่งจนถึงตำ�แหน่งที่ทำ�ให้จำ�นวนนั้นมากกว่าหรือเท่ากับ 1 แต่น้อยกว่า 10 และจำ�นวนครัง้ ทีเ่ ลือ่ นจุดทศนิยม
ไปนั้นจะเท่ากับเลขชี้กำ�ลังของ 10
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
172 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ตอนที่ 2
1. ให้นักเรียนเขียนจำ�นวนที่กำ�หนด ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์
ตัวอย่างคำ�ตอบ
การเขียนจำ�นวนที่มีค่าน้อย ๆ ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ ทำ�ได้โดยเลื่อนจุดทศนิยมไปทางขวามือครั้งละ
หนึ่งตำ�แหน่งจนถึงตำ�แหน่งที่ทำ�ให้จำ�นวนนั้นมากกว่าหรือเท่ากับ 1 แต่น้อยกว่า 10 และจำ�นวนครั้งที่เลื่อนจุดทศนิยม
ไปนั้นจะเป็นเลขชี้กำ�ลังของ 10 แต่เป็นจำ�นวนลบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 173
กิจกรรมเสนอแนะเพิ่มเติม : จริงหรือไม่
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่นำ�เสนอไว้เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาความรู้สึกเชิงจำ�นวน ในการหาคำ�ตอบนักเรียนไม่จำ�เป็น
ต้องใช้การคิดคำ�นวณ แต่ครูต้องให้ความสำ�คัญกับการแสดงแนวคิดและการให้เหตุผลของนักเรียน การหาคำ�ตอบอาจใช้
การถามตอบในชั้นเรียน เพราะการอธิบายเหตุผลด้วยการพูดของนักเรียนทำ�ได้ง่ายกว่าการเขียนอธิบาย โดยมีอุปกรณ์และ
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะเพิ่มเติม : จริงหรือไม่
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนจับคู่ เพื่อช่วยกันคิดและตอบคำ�ถามลงในใบกิจกรรมเสนอแนะเพิ่มเติม : จริงหรือไม่
2. ครูให้นักเรียนช่วยกันอภิปรายคำ�ตอบและเหตุผลในแต่ละข้อ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
174 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ใบกิจกรรมเสนอแนะเพิ่มเติม : จริงหรือไม่
ตอนที่ 1
จงพิจารณาว่าประโยคต่อไปนี้เป็นจริงหรือเป็นเท็จ นักเรียนมีแนวคิดหรือมีเหตุผลในการพิจารณา
หาคำ�ตอบอย่างไรบ้าง
3 3
1. 4 < 5
ตอบ
5 3
2. 2 > 4
ตอบ
()
3
3. (0.5)3 > 1
–
2
ตอบ
4 5
4. 3 < 3
ตอบ
1 99
5. 99 = 1
ตอบ
ตอนที่ 2
ข้อสรุปของแต่ละข้อต่อไปนี้ถูกหรือผิด จงบอกแนวคิดในการพิจารณา
3 4
1. น้ำ� 1 ลิตร เท่ากับ 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร ดังนั้น น้ำ� 10 ลิตร เท่ากับ 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ตอบ
5 5 6
2. ระยะทาง 10 เซนติเมตร เท่ากับ 1 กิโลเมตร ดังนั้น ระยะทาง 10 × 10 เซนติเมตร เท่ากับ 10
กิโลเมตร
ตอบ
4
3. น้ำ� 0.0005 กรัม หนักเท่ากับน้ำ� 5 × 10 กรัม
ตอบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 175
เฉลยใบกิจกรรมเสนอแนะเพิ่มเติม : จริงหรือไม่
ตอนที่ 1
3 3
1. 4 < 5
3 3
ตอบ เป็นจริง เพราะว่า 4 และ 5 มีเลขชี้กำ�ลังเป็น 3 เท่ากัน แต่ฐาน 4 น้อยกว่า 5
5 3
2. 2 > 4
3 5
ตอบ เป็นเท็จ เพราะว่า 4 คือ 4 คูณกัน 3 ตัว หรือ 2 คูณกัน 6 ตัว ซึ่งมากกว่า 2
()
3
3. (0.5) > 1
3
–
()
2 3
เป็นเท็จ เพราะว่า (0.5) และ 1
3
ตอบ – มีฐานและเลขชี้กำ�ลังเท่ากัน จึงต้องมีค่าเท่ากัน
4 5
2
4. 3 < 3
4 5
ตอบ เป็นจริง เพราะว่า 3 มีฐานเท่ากับ 3 แต่มีเลขชี้กำ�ลังน้อยกว่า
1 99
5. 99 = 1
1 99
ตอบ เป็นเท็จ เพราะว่า 99 เท่ากับ 99 แต่ 1 เท่ากับ 1
ตอนที่ 2
3 4
1. น้ำ� 1 ลิตร เท่ากับ 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร ดังนั้น น้ำ� 10 ลิตร เท่ากับ 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร
3
ตอบ ถูก เพราะว่า น้ำ� 1 ลิตร เท่ากับ 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร
3 4
ดังนั้น น้ำ� 10 ลิตร จึงเท่ากับ 10 × 10 = 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร
5 5 6
2. ระยะทาง 10 เซนติเมตร เท่ากับ 1 กิโลเมตร ดังนั้น ระยะทาง 10 × 10 เซนติเมตร เท่ากับ 10 กิโลเมตร
5
ตอบ ผิด เพราะว่า ระยะทาง 10 เซนติเมตร เท่ากับ 1 กิโลเมตร
5 6
ระยะทาง 10 × 10 เซนติเมตร จะเท่ากับ 10 เซนติเมตร
6 6
ดังนั้น 10 เซนติเมตร จึงน้อยกว่า 10 กิโลเมตร
4
3. น้ำ� 0.0005 กรัม หนักเท่ากับน้ำ� 5 × 10 กรัม
4
ตอบ ผิด เพราะว่า 0.0005 มีค่าน้อยกว่า 1 แต่ 5 × 10 มีค่ามากกว่า 1
4. ถ้าพรพรรณจัดลูกเต๋าขนาด 1 ลูกบาศก์เซนติเมตร ลงในกล่องพลาสติกได้ 1,200 ลูก แสดงว่ากล่องใบนี้ต้องมี
3
ความจุมากกว่า 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ตอบ ถูก เพราะว่ากล่องนี้ต้องมีความจุอย่างน้อย 1,200 ลูกบาศก์เซนติเมตร
3
หรือ 1.2 × 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
176 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 3.3 ก
4 5 6
1. 1) 7 × 10 2) 2.1 × 10 3) 4.06 × 10
7 7 9
4) 5.67 × 10 5) 1.5006 × 10 6) 8 × 10
11 10 13
7) 4.9 × 10 8) 7.0101 × 10 9) 2.45 × 10
13
10) 1.9567 × 10
6
2. 1) โลกมีรัศมียาวประมาณ 6.38 × 10 เมตร
6
2) เส้นผ่านศูนย์กลางของดวงอาทิตย์ยาวประมาณ 1.4 × 10 กิโลเมตร
8
3) ดาวเสาร์มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวประมาณ 1.21 × 10 เมตร
9
และอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ประมาณ 1.43 × 10 กิโลเมตร
7
4) ดาวเคราะห์น้อยอีรอสอยู่ห่างจากโลกประมาณ 2.2 × 10 กิโลเมตร
9
2) แนวคิด ในปี ค.ศ. 2050 โลกจะมีประชากรประมาณ 9.7 × 10 คน
7
พื้นโลกส่วนที่อยู่อาศัยได้มีพื้นที่ประมาณ 15 × 10 ตารางกิโลเมตร
ดังนั้น ความหนาแน่นของประชากรโลกโดยเฉลี่ยต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร
9
ประมาณ 9.7 × 107 ≈ 6.5 × 10 คนต่อพื้นที่ 1 ตารางกิโลเมตร
1
15 × 10
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 177
24
3) แนวคิด โลกมีมวลประมาณ 6 × 10 กิโลกรัม
22
ดวงจันทร์มีมวลประมาณ 7.35 × 10 กิโลกรัม
24 22
ดังนั้น โลกมีมวลมากกว่าดวงจันทร์ประมาณ (6 × 10 ) – (7.35 × 10 )
24
= 5.9265 × 10 กิโลกรัม
แบบฝึกหัด 3.3 ข
-3 -4 -4
1. 1) 2 × 10 2) 1.3 × 10 3) 2.05 × 10
-6 -8 -7
4) 7.6 × 10 5) 8.19 × 10 6) 4.00465 × 10
-7
2. 1) คลื่นแสงสีแดงมีความยาวคลื่นประมาณ 6.4 × 10 เมตร
-7
2) คลื่นแสงสีเขียวมีความยาวคลื่นประมาณ 5.3 × 10 เมตร
-7
3) คลื่นแสงสีม่วงมีความยาวคลื่นประมาณ 4.5 × 10 เมตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
178 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 179
อุปกรณ์
-
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำ� "กิจกรรมท้ายบท : รหัสลับ ภาพปริศนา" ในหนังสือเรียน
2. ครูให้นักเรียนช่วยกันเฉลยคำ�ตอบ พร้อมทั้งอธิบายวิธีคิดและการได้มาซึ่งคำ�ตอบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
180 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
7 7 6 6 6 6 6 5 5 5 5 5 0 0 0 0 0 5 5 5 5 5 6 6 6 6 6 7 7
7 7 0 6 6 6 6 6 5 5 5 5 5 0 8 0 5 5 5 5 5 6 6 6 6 6 0 7 7
7 7 0 0 6 6 6 6 6 5 5 5 5 5 8 8 5 5 5 5 6 6 6 6 6 0 0 7 7
7 7 0 0 0 6 6 6 6 6 5 5 5 5 8 7 8 8 8 6 6 6 6 6 0 0 0 7 7
7 7 0 0 0 0 6 6 6 6 6 5 5 5 8 7 7 7 7 8 6 6 6 0 0 0 0 7 7
7 7 0 0 0 0 0 6 6 6 6 6 5 5 8 8 8 7 7 8 6 6 0 0 0 0 0 7 7
7 7 0 0 0 0 0 7 6 6 6 6 6 5 8 5 6 8 8 8 6 7 0 0 0 0 0 7 7
7 7 0 0 0 0 0 7 7 6 6 6 6 6 8 6 6 6 6 6 7 7 0 0 0 0 0 7 7
7 7 0 0 0 0 0 7 7 7 7 7 7 7 8 7 7 7 7 7 7 7 0 0 0 0 0 7 7
7 7 0 0 0 0 0 6 6 6 6 9 9 7 9 7 9 9 6 6 6 6 0 0 0 0 0 7 7
7 7 5 5 5 5 8 6 6 6 6 9 0 9 0 9 0 9 6 6 6 6 8 5 5 5 5 7 7
7 7 5 5 5 5 8 8 6 6 6 9 0 0 0 0 0 9 6 6 6 6 8 8 5 5 5 7 7
7 7 5 5 5 5 8 5 8 6 6 9 0 0 0 0 0 9 6 6 6 6 8 5 8 5 5 7 7
7 7 5 5 5 5 8 8 8 8 5 5 3 0 0 0 3 5 5 5 5 5 8 8 8 8 5 7 7
7 7 5 5 5 5 8 5 7 7 7 5 3 0 4 0 3 5 7 7 7 5 8 5 5 5 5 7 7
7 7 5 5 5 5 8 5 7 7 7 5 3 0 4 0 3 5 7 7 7 5 8 5 5 5 5 7 7
7 7 5 9 9 5 9 5 9 9 6 5 3 0 4 0 3 5 6 9 9 5 9 5 9 9 5 7 7
7 7 5 9 7 9 7 9 7 9 6 5 3 0 4 0 3 5 6 9 7 9 7 9 7 9 5 7 7
7 7 5 9 7 7 7 7 7 9 6 5 3 0 0 0 3 5 6 9 7 7 7 7 7 9 5 7 7
7 7 5 9 7 7 7 7 7 9 6 5 3 0 0 0 3 5 6 9 7 7 7 7 7 9 5 7 7
7 7 5 5 2 7 7 7 2 5 6 5 3 0 0 0 3 5 6 5 2 7 7 7 2 5 5 7 7
7 7 5 5 2 7 4 7 2 5 6 5 3 0 0 0 3 5 6 5 2 7 4 7 2 5 5 7 7
7 7 5 5 2 7 4 7 2 5 6 5 3 0 0 0 3 5 6 5 2 7 4 7 2 5 5 7 7
7 7 5 5 2 7 4 7 2 5 6 5 3 0 0 0 3 5 6 5 2 7 4 7 2 5 5 7 7
7 7 5 5 2 7 4 7 2 2 2 2 3 0 0 0 3 2 2 2 2 7 4 7 2 5 5 7 7
7 7 5 5 2 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 2 5 5 7 7
7 7 5 5 2 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 6 2 5 5 7 7
7 7 5 5 2 6 6 6 6 6 6 6 6 4 4 4 6 6 6 6 6 6 6 6 2 5 5 7 7
0 0 0 0 2 6 6 6 6 6 6 6 4 7 7 7 4 6 6 6 6 6 6 6 2 0 0 0 0
0 0 0 0 2 5 5 5 5 5 5 4 7 7 7 7 7 4 5 5 5 5 5 5 2 0 0 0 0
0 0 0 0 2 5 5 5 5 5 5 4 7 4 7 4 7 4 5 5 5 5 5 5 2 0 0 0 0
0 0 0 0 2 5 5 5 5 5 5 4 7 4 7 4 7 4 5 5 5 5 5 5 2 0 0 0 0
0 0 0 0 2 0 0 0 0 0 0 4 0 0 0 0 0 4 0 0 0 0 0 0 2 0 0 0 0
0 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 1 0
0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 181
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท
1. ในบางข้ออาจมีคำ�ตอบที่หลากหลาย แต่แนวคิดควรเป็นไปตามเนื้อหาที่นักเรียนได้เรียนผ่านมา
-5 3 0 3 3
1) 2 × 2 × 2 = 5 2 5 = 210 = 2
-7
32 2 ×2 2
10 -1 10 10
2) 11 × 115 = 11 = 11 = 112
121 × 11 112 × 115 × 111 118
4 -2 4 4
3) (-13)3 × 13 = 13 = 13 = 13-2
13 × 13 133 × 13 × 132 136
7 -1 3 7 2 7 2 7 9
4) (-1,000) ×3 10 × (-10) = (-10)8 × 10 1 = (-10) × 10 = 10 × 10 = 108 = 10
1
(-10) × (-10)5 (-10) × (-10) (-10)8 108 10
-5 3 3
5) (0.008) × (0.2) = (0.2) = (0.2) = 1 = (0.2)-4
(-0.2)2 (0.2)2 × (0.2)5 (0.2)7 (0.2)4
1
()
– × (0.04) × 5 1 4 2 × 52
() ( )
3 3
() ( ) ( ) ()
2 2
– × —– 2 2 2 2
2 2 100 1 4 2 1 4 1
6) = 1 = – × —– × 5 = – × —– × 5 = —
0.5 – 2 100 2 100 10
2
-7 10 10 10
7) a 3 × a5 = a = a = a-5 เมื่อ a ≠ 0
a ×a a7 × a3 × a5 a15
3n 5n 8n
8) 6 n × 62n = 63n = 6 เมื่อ n เป็นจำ�นวนเต็มบวก
5n
6 ×6 6
6
2. 1) (2 × 10 ) ÷ (4 × 10 ) = 2 × 103 = 0.5 × 10 = 5 × 10
6 3 3 2
4 × 10
-7
2) (2.84 × 10 ) ÷ (4 × 10 ) = 2.84 × 105 = 0.71 = 0.71 = 7.1 × 10 × 10 = 7.1 × 10
-7 5 -1 -12 -13
4 × 10 107 ×105 1012
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
182 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
3. ในบางข้ออาจมีคำ�ตอบที่หลากหลาย แต่แนวคิดควรเป็นไปตามเนื้อหาที่นักเรียนได้เรียนผ่านมา
8 7 7
1) 256 × 128 = 25 × 28 = 25 = 2 = 4
2
25 28 2 2 2
-3
2) (15 × 3 ) ÷ (5 × 3 ) = 15 × 32 = 2 3 3 = 3
-3 2 -4
5×3 3 ×3
2 2
3) (-1.8 × 5 ) ÷ (6 × 15) = -1.8 × 5 = -1.8 × 5 = -0.1 × 5 = -0.5
2
6 × 15 6×3×5
-2n 5n 5n
× 7 ) ÷ (7 × 7 ) = 7 3n × 7n = 7 = 7-n เมื่อ n เป็นจำ�นวนเต็มบวก
-2n 5n 3n n
4) (7
7 ×7 7 × 7 × 7n
2n 3n
5
5) 8a3 b 4 = 4a b เมื่อ a ≠ 0 และ b ≠ 0
2 -3
2a b
6 7 2
6) 26a b3 c3 = 13a b c เมื่อ a ≠ 0, b ≠ 0 และ c ≠ 0
5 4 -1
2ab c
8 8 4 4 2 2 1
4. แนวคิด จาก 256 = 2 , (-2) , 4 , (-4) , 16 , (-16) และ 256
y
และจาก x = 256 เมื่อ x เป็นจำ�นวนเต็มบวก จะได้ว่า x คือ 2, 4, 16 และ 256
จำ�นวนจุดของแต่ละด้าน 2 3 4 5 ... n
จำ�นวนจุดทั้งหมดบนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส 4 9 16 25 ... n2
() () () ()
0 1 2
1 1 1 ... 1 10
(กรัม) 2 × 640 2 × 640 2 × 640 2 × 640
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 183
( )
2
8. แนวคิด โลกมีพื้นที่ผิวประมาณ 4 × 3.14 × 12,800 ≈ 5.14 × 10 ตารางกิโลเมตร
8
2
เนื่องจากโลกมีพื้นที่ผิวปกคลุมด้วยน้ำ�ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์
จะได้ว่า โลกมีพื้นที่ผิวส่วนที่เหลือประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์
30 8 8
ดังนั้น โลกมีพื้นที่ผิวส่วนที่เหลือประมาณ —– × 5.14 × 10 = 1.542 × 10 ตารางกิโลเมตร
100
3 6
9. แนวคิด อัตราเร็วของเสียงประมาณ 1.2 × 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คิดเป็น 1.2 × 10 เมตรต่อชั่วโมง
เนื่องจาก 1 ชั่วโมง เท่ากับ 3,600 วินาที
6
ดังนั้น ในเวลา 3,600 วินาที เสียงเดินทางได้ 1.2 × 10 เมตร
6
ถ้าเวลา 1 วินาที เสียงเดินทางได้ 1.2 × 10 ≈ 333 เมตร
3,600
นั่นคือ เสียงเดินทางไปกระทบหน้าผาแล้วสะท้อนกลับมายังติ๊กเป็นระยะทาง 333 เมตร
9
10. แนวคิด ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 1.38 × 10 คน
7
ประเทศไทยมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 6.53 × 10 คน
ดังนั้น ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมีประชากรมากกว่าประเทศไทยประมาณ
9 7 9 9
(1.38 × 10 ) – (6.53 × 10 ) = (1.38 × 10 ) – (0.0653 × 10 )
9
= (1.38 – 0.0653) × 10
9
= 1.3147 × 10 คน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
184 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. ในการเข้าค่ายลูกเสือของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ครูให้นักเรียนทำ�กิจกรรมผูกเชือกสร้างตาข่าย โดยมีอุปกรณ์เป็นเชือกที่มี
ลักษณะเป็นห่วงและมีปลายเชือก 2 เส้น ซึ่งในครั้งแรก นักเรียน 2 คน ต้องนำ�ห่วงของตัวเองไปผูกกับปลายเชือกของครู
คนละเส้น และในครั้งที่ 2 นักเรียน 4 คนถัดไป ต้องนำ�ห่วงของตัวเองไปผูกต่อกับปลายเชือกของเพื่อนนักเรียนคนที่ 1
และคนที่ 2 เช่นเดียวกับครั้งที่ 1 หากในการเข้าค่ายครั้งนี้มีนักเรียนทั้งหมด 250 คน ต้องผูกเชือกถึงครั้งที่เท่าไร
จึงจะผูกเชือกครบทุกคน (3 คะแนน)
ครู
ครั้งที่ 2
-3 10
2. จงเขียน 2 × (-5)
4
ให้อยู่ในรูปเลขยกกำ�ลังที่มีเลขชี้กำ�ลังมากกว่า 1
0 (3 คะแนน)
50 × (-2) × 15
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 185
3
5. จงเขียน 4,000 ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ (3 คะแนน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
186 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
3
6. ถ้ายานอวกาศลำ�หนึ่งเดินทางจากโลกไปยังดาวดวงหนึ่งด้วยอัตราเร็วเฉลี่ยประมาณ 729 × 10 กิโลเมตรต่อวัน โดยใช้
2
เวลา 9 × 10 วัน จงหาว่ายานอวกาศลำ�นี้น่าจะเดินทางไปยังดาวดวงใด และดาวดวงนั้นอยู่ห่างจากโลกประมาณ
กี่กิโลเมตร (ตอบในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์) (3 คะแนน)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 187
เฉลยตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. ในการเข้าค่ายลูกเสือของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ครูให้นักเรียนทำ�กิจกรรมผูกเชือกสร้างตาข่าย โดยอุปกรณ์เป็นเชือกที่มี
ลักษณะเป็นห่วงและมีปลายเชือก 2 เส้น ซึ่งในครั้งแรก นักเรียน 2 คน ต้องนำ�ห่วงของตัวเองไปผูกกับปลายเชือกของครู
คนละเส้น และในครั้งที่ 2 นักเรียน 4 คนถัดไป ต้องนำ�ห่วงของตัวเองไปผูกต่อกับปลายเชือกของเพื่อนนักเรียนคนที่ 1
และคนที่ 2 เช่นเดียวกับครั้งที่ 1 หากในการเข้าค่ายครั้งนี้มีนักเรียนทั้งหมด 250 คน ต้องผูกเชือกถึงครั้งที่เท่าไร
จึงจะผูกเชือกครบทุกคน (3 คะแนน)
ครู
ครั้งที่ 2
1
ครั้งที่ 1 นักเรียนได้ผูกเชือก 2 = 2 คน
2
ครั้งที่ 2 นักเรียนได้ผูกเชือกเพิ่ม 2 = 4 คน รวมนักเรียนได้ผูกเชือกต่อกัน 2 + 4 = 6 คน
3
ครั้งที่ 3 นักเรียนได้ผูกเชือกเพิ่ม 2 = 8 คน รวมนักเรียนได้ผูกเชือกต่อกัน 6 + 8 = 14 คน
4
ครั้งที่ 4 นักเรียนได้ผูกเชือกเพิ่ม 2 = 16 คน รวมนักเรียนได้ผูกเชือกต่อกัน 14 + 16 = 30 คน
5
ครั้งที่ 5 นักเรียนได้ผูกเชือกเพิ่ม 2 = 32 คน รวมนักเรียนได้ผูกเชือกต่อกัน 30 + 32 = 62 คน
6
ครั้งที่ 6 นักเรียนได้ผูกเชือกเพิ่ม 2 = 64 คน รวมนักเรียนได้ผูกเชือกต่อกัน 62 + 64 = 126 คน
7
ครั้งที่ 7 นักเรียนได้ผูกเชือกเพิ่ม 2 = 128 คน รวมนักเรียนได้ผูกเชือกต่อกัน 126 + 128 = 254 คน
เนื่องจากมีนักเรียนเข้าค่ายทั้งหมด 250 คน
ดังนั้น ในการผูกเชือกต่อกันครั้งที่ 7 นักเรียนทุกคนจะได้ผูกเชือกต่อกันครบทุกคน
ตอบ ในการเข้าค่ายครั้งนี้มีนักเรียนทั้งหมด 250 คน ต้องผูกเชือกถึงครั้งที่ 7 จึงจะผูกเชือกครบทุกคน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
188 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถเขียนจำ�นวนที่กำ�หนด ให้อยู่ในรูปเลขยกกำ�ลังที่มีเลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวก และ
หาค่าของเลขยกกำ�ลังที่มีเลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวก
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้
✤ เขียนแสดงวิธีทำ�สมบูรณ์และหาคำ�ตอบได้ถูกต้อง ได้ 3 คะแนน
✤ เขียนแสดงวิธีทำ�ไม่สมบูรณ์ แต่ได้คำ�ตอบถูกต้อง
หรือเขียนแสดงวิธีทำ�สมบูรณ์ แต่หาคำ�ตอบไม่ถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
✤ ไม่เขียนแสดงวิธีทำ� แต่ได้คำ�ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ ไม่เขียนแสดงวิธีทำ� หรือได้คำ�ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
-3 10 -3 10
2 × (-5) = 2 ×5
50 × (-2) × 15 5 × 2 × 24 × 1
4 0 2
8
= 3 5 5
2 ×2
8
= 58
2
= 5 × 5 × 5 × 5 × 5 × 5 × 5 × 5
2 2 2 2 2 2 2 2
()
8
= 5
2
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถหาผลคูณและผลหารของเลขยกกำ�ลังเมื่อเลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวก และนำ�สมบัติ
ของเลขยกกำ�ลังไปใช้ในการคำ�นวณ
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้
✤ เขียนแสดงวิธีทำ�สมบูรณ์และหาคำ�ตอบได้ถูกต้อง ได้ 3 คะแนน
✤ เขียนแสดงวิธีทำ�ไม่สมบูรณ์ แต่ได้คำ�ตอบถูกต้อง
หรือเขียนแสดงวิธีทำ�สมบูรณ์ แต่หาคำ�ตอบไม่ถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
✤ ไม่เขียนแสดงวิธีทำ� แต่ได้คำ�ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ ไม่เขียนแสดงวิธีทำ� หรือได้คำ�ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 189
12
ระยะทาง 9.46 × 10 กิโลเมตร คิดเป็น 1 ปีแสง
12
ระยะทางประมาณ 378.4 × 1012 กิโลเมตร คิดเป็นประมาณ 378.4 × 1012 = 40 ปีแสง
9.46 × 10
นั่นคือ ดาววีกาจะอยู่ห่างจากโลกประมาณ 40 ปีแสง
สอดคล้องกับจุดประสงค์
ข้อ 2 นักเรียนสามารถหาผลคูณและผลหารของเลขยกกำ�ลังเมื่อเลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวก และนำ�สมบัติ
ของเลขยกกำ�ลังไปใช้ในการคำ�นวณ
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้
✤ เขียนแสดงวิธีทำ�สมบูรณ์และหาคำ�ตอบได้ถูกต้อง ได้ 3 คะแนน
✤ เขียนแสดงวิธีทำ�ไม่สมบูรณ์ แต่ได้คำ�ตอบถูกต้อง
หรือเขียนแสดงวิธีทำ�สมบูรณ์ แต่หาคำ�ตอบไม่ถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
✤ ไม่เขียนแสดงวิธีทำ� แต่ได้คำ�ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ ไม่เขียนแสดงวิธีทำ� หรือได้คำ�ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
190 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
3
5. จงเขียน 4,000 ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ (3 คะแนน)
3
4,000 = 4,000 × 4,000 × 4,000
3 3 3
= 4 × 10 × 4 × 10 × 4 × 10
9
= 64 × 10
9
= (6.4 × 10) × 10
10
= 6.4 × 10
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง 191
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถหาผลคูณและผลหารของเลขยกกำ�ลังเมื่อเลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวก และนำ�สมบัติ
ของเลขยกกำ�ลังไปใช้ในการคำ�นวณ
ข้อ 3 นักเรียนสามารถเขียนจำ�นวนที่มีค่ามาก ๆ ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ และหาค่าของจำ�นวนที่อยู่ใน
รูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้
✤ เขียนแสดงวิธีทำ�สมบูรณ์และหาคำ�ตอบได้ถูกต้อง ได้ 3 คะแนน
✤ เขียนแสดงวิธีทำ�ไม่สมบูรณ์ แต่ได้คำ�ตอบถูกต้อง
หรือเขียนแสดงวิธีทำ�สมบูรณ์ แต่หาคำ�ตอบไม่ถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
✤ ไม่เขียนแสดงวิธีทำ� แต่ได้คำ�ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ ไม่เขียนแสดงวิธีทำ� หรือได้คำ�ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
3
ยานอวกาศเดินทางด้วยอัตราเร็วเฉลี่ยประมาณ 729 × 10 กิโลเมตรต่อวัน
2
ยานอวกาศใช้เวลาเดินทางไปยังดาวดวงหนึ่ง 9 × 10 วัน
3 2
ดังนั้น ยานอวกาศจะเดินทางได้ประมาณ 729 × 10 × 9 × 10
5
= 6,561 × 10 กิโลเมตร
8
หรือ 6.561 × 10 กิโลเมตร
6 6
จากตาราง ดาวพฤหัสบดีอยู่ห่างจากโลกประมาณ (778.3 × 10 ) – (149.6 × 10 )
6
= 628.7 × 10 กิโลเมตร
8
หรือ 6.287 × 10 กิโลเมตร
8
ดังนั้น ยานอวกาศลำ�นี้น่าจะเดินทางไปยังดาวพฤหัสบดี ซึ่งอยู่ห่างจากโลกโดยเฉลี่ย ประมาณ 6.287 × 10 กิโลเมตร
8
ตอบ ยานอวกาศลำ�นี้น่าจะเดินทางไปยังดาวพฤหัสบดี ซึ่งอยู่ห่างจากโลกโดยเฉลี่ย ประมาณ 6.287 × 10 กิโลเมตร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
192 บทที่ 3 | เลขยกกำ�ลัง คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถหาผลคูณและผลหารของเลขยกกำ�ลังเมื่อเลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนเต็มบวก และนำ�สมบัติของ
เลขยกกำ�ลังไปใช้ในการคำ�นวณ
ข้อ 3 นักเรียนสามารถเขียนจำ�นวนที่มีค่ามาก ๆ ให้อยู่ในรูปสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ และหาค่าของจำ�นวนที่อยู่ในรูป
สัญกรณ์วิทยาศาสตร์
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้
✤ เขียนแสดงวิธีทำ�สมบูรณ์และหาคำ�ตอบได้ถูกต้อง ได้ 3 คะแนน
✤ เขียนแสดงวิธีทำ�ไม่สมบูรณ์ แต่ได้คำ�ตอบถูกต้อง
หรือเขียนแสดงวิธีทำ�สมบูรณ์ แต่หาคำ�ตอบไม่ถูกต้อง ได้ 2 คะแนน
✤ ไม่เขียนแสดงวิธีทำ� แต่ได้คำ�ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน
✤ ไม่เขียนแสดงวิธีทำ� หรือได้คำ�ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 193
4
บทที่ ทศนิยมและเศษส่วน
บททศนิยมและเศษส่วนประกอบด้วยหัวข้อย่อย ดังต่อไปนี้
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระ จำ�นวนและพีชคณิต
มาตรฐาน ค 1.1 เข้าใจความหลากหลายของการแสดงจำ�นวน ระบบจำ�นวน การดำ�เนินการของจำ�นวน ผลทีเ่ กิดขึน
้
จากการดำ�เนินการ สมบัติของการดำ�เนินการ และนำ�ไปใช้
ตัวชี้วัด
เข้าใจจำ�นวนตรรกยะและความสัมพันธ์ของจำ�นวนตรรกยะ และใช้สมบัตข
ิ องจำ�นวนตรรกยะในการแก้ปญ
ั หาคณิตศาสตร์
และปัญหาในชีวิตจริง
จุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถ
1. เปรียบเทียบทศนิยม หาผลบวก ผลลบ ผลคูณ และผลหาร ของทศนิยม
2. เปรียบเทียบเศษส่วน หาผลบวก ผลลบ ผลคูณ และผลหาร ของเศษส่วน
3. นำ�ความรู้เกี่ยวกับทศนิยมและเศษส่วนไปใช้ในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ และปัญหาในชีวิตจริง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
194 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความเชื่อมโยงระหว่างตัวชี้วัดกับจุดประสงค์ของบทเรียน
เนื่ อ งจากตั ว ชี้ วั ด กล่ า วถึ ง การเข้ า ใจจำ � นวนตรรกยะและความสั ม พั น ธ์ ข องจำ � นวนตรรกยะ และการใช้ ส มบั ติ ข อง
จำ�นวนตรรกยะในการแก้ปญ
ั หา และเนือ
้ หาในระดับนี้ เป็นการเรียนรูพ
้ น
ื้ ฐานเกีย่ วกับจำ�นวนในเรือ
่ งทศนิยมและเศษส่วน ซึง่ เป็น
ส่วนหนึง่ ของจำ�นวนตรรกยะ ดังนั้น เพื่อให้การเรียนรู้ของนักเรียนสอดคล้องกับตัวชี้วัด ครูควรจัดประสบการณ์ให้นักเรียน
สามารถ
1. เข้ า ใจเกี่ ย วกั บ จำ � นวนตรรกยะที่ อ ยู่ ใ นรู ป ของทศนิ ย มและเศษส่ ว น ซึ่ ง สะท้ อ นได้ จ ากการที่ นั ก เรี ย นสามารถ
เปรียบเทียบทศนิยมและเศษส่วนได้
2. เข้าใจความสัมพันธ์ของจำ�นวนตรรกยะทีอ่ ยูใ่ นรูปของทศนิยมและเศษส่วน ซึง่ สะท้อนได้จากการทีน
่ กั เรียนสามารถ
หาผลบวก ผลลบ ผลคูณ และผลหาร ของทศนิยมและเศษส่วน รวมทัง้ เขียนทศนิยมในรูปเศษส่วนและเขียนเศษส่วน
ในรูปของทศนิยมได้
3. เข้าใจและใช้สมบัติของจำ�นวนตรรกยะในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์และปัญหาในชีวิตจริง ซึ่งสะท้อนได้จาก
การทีน
่ ก
ั เรียนสามารถนำ�ความรู้ และสมบัตข
ิ องทศนิยมและเศษส่วนไปใช้ในการแก้ปญ
ั หาคณิตศาสตร์และปัญหา
ในชีวิตจริง
ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
หัวข้อ
ทักษะและกระบวนการ 4.1 4.2 4.3
ทางคณิตศาสตร์ ทศนิยมและ การบวกและ การคูณและ
การเปรียบเทียบ การลบทศนิยม การหารทศนิยม
ทศนิยม
การแก้ปัญหา
การสื่อสารและการสื่อความหมาย
ทางคณิตศาสตร์
การเชื่อมโยง
การให้เหตุผล
การคิดสร้างสรรค์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 195
ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
หัวข้อ
4.4 4.5 4.6 4.7
ทักษะและกระบวนการ เศษส่วนและ การบวกและ การคูณและ ความสัมพันธ์
ทางคณิตศาสตร์ การเปรียบเทียบ การลบ การหาร ระหว่าง
เศษส่วน เศษส่วน เศษส่วน ทศนิยมและ
เศษส่วน
การแก้ปัญหา
การสื่อสารและการสื่อความหมาย
ทางคณิตศาสตร์
การเชื่อมโยง
การให้เหตุผล
การคิดสร้างสรรค์
ความรู้พื้นฐานที่นักเรียนต้องมี
2+2=4
ครูอาจทบทวนความรู้พื้นฐานที่นักเรียนต้องมีก่อนเรียน ดังนี้
1. ค่าประจำ�หลัก การเปรียบเทียบ การบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยมที่เป็นจำ�นวนบวก
2. การเปรียบเทียบ การบวก การลบ การคูณ และการหารเศษส่วนที่เป็นจำ�นวนบวก
3. สมบัติของจำ�นวนเต็ม
ความคิดรวบยอดของบทเรียน
ทศนิยมและเศษส่วนต่างก็เป็นจำ�นวน จึงสามารถนำ�มาเปรียบเทียบ และดำ�เนินการได้เช่นเดียวกับจำ�นวนเต็ม การใช้
สมบัติการบวกและสมบัติการคูณของจำ�นวน จะช่วยให้การคำ�นวณและการแก้ปัญหาเกี่ยวกับทศนิยมและเศษส่วนทำ�ได้รวดเร็ว
กว่าการใช้เส้นจำ�นวน และการคำ�นวณแบบตรงไปตรงมา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
196 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
นักเรียนมักมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับทศนิยมที่เป็นจำ�นวนลบ เช่น เข้าใจคลาดเคลื่อนว่า -3.5 เป็นจำ�นวนที่
เกิดจาก -3 รวมกับ 0.5 ที่ถูกต้องคือ ทศนิยมที่เป็นจำ�นวนลบนั้นเกิดจากจำ�นวนเต็มลบรวมกับทศนิยมที่เป็นจำ�นวนลบ ดังนั้น
-3.5 จึงเกิดจาก -3 รวมกับ -0.5
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ตัวอย่างข้อมูลในชีวิตประจำ�วัน เช่น ใบเสร็จจากการซื้อสินค้า ใบแจ้งค่าไฟฟ้าหรือน้ำ�ประปา ตั๋วรถประจำ�ทาง ป้ายบอก
ราคาน้ำ�มันเป็นลิตร อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา หรือข้อมูลอื่น ๆ
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนีเ้ ป็นเรือ
่ งเกีย่ วกับทศนิยมและการเปรียบเทียบทศนิยม โดยให้นก
ั เรียนเห็นว่า ทศนิยมมีทงั้ ทศนิยมทีเ่ ป็นจำ�นวน
บวกและทศนิยมทีเ่ ป็นจำ�นวนลบ และจะเน้นการเรียนรูเ้ กีย่ วกับทศนิยมทีเ่ ป็นจำ�นวนลบ ทัง้ นี้ ครูควรพัฒนาความรูส้ ก
ึ เชิงจำ�นวน
เกี่ยวกับทศนิยมให้กับนักเรียน เพื่อให้เข้าใจและสามารถเปรียบเทียบทศนิยมได้ กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูควรใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำ�วัน เช่น ใบเสร็จจากการซื้อสินค้า ใบแจ้งค่าไฟฟ้าหรือน้ำ�ประปา
ตั๋วรถประจำ�ทาง ป้ายบอกราคาน้ำ�มันเป็นลิตร อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา รวมถึงการนำ�เสนอข้อมูลตามสื่อต่าง ๆ
มาอภิปรายหรือสนทนากันในชั้นเรียน เพื่อให้เห็นการใช้ทศนิยมในชีวิตจริง พร้อมทั้งทบทวนว่า จำ�นวนที่อยู่ใน
รูปทศนิยม เช่น 18.542 ประกอบด้วยสองส่วน คือ ส่วนที่เป็นจำ�นวนเต็มซึ่งอยู่หน้าจุดทศนิยม และส่วนที่ไม่ใช่
จำ�นวนเต็ม ซึ่งอยู่หลังจุดทศนิยม
2. ครูแนะนำ�เกี่ยวกับค่าประจำ�หลักและค่าของเลขโดดในตำ�แหน่งต่าง ๆ ของทศนิยม โดยเชื่อมโยงกับเลขยกกำ�ลัง
3. ครูอาจใช้เส้นจำ�นวนแนะนำ�ทศนิยมทีเ่ ป็นจำ�นวนลบ โดยการระบุต�ำ แหน่งของทศนิยมบนเส้นจำ�นวน เช่น ตำ�แหน่ง
ของ -3.5 บนเส้นจำ�นวน ได้จากการรวมกันของส่วนที่เป็นจำ�นวนเต็ม คือ -3 กับส่วนที่อยู่หลังจุดทศนิยม
คือ -0.5 ดังนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 197
-3
-0.5
-4 -3 -2 -1 0 1 2
-3.5
4. ครูควรจัดกิจกรรมให้นก
ั เรียนเข้าใจการเปรียบเทียบทศนิยม โดยเริม
่ จากการให้นก
ั เรียนฝึกการนึกภาพของตำ�แหน่ง
ทศนิยมทีเ่ ปรียบเทียบบนเส้นจำ�นวน จากนัน
้ จึงแนะนำ�หลักเกณฑ์การเปรียบเทียบทศนิยมในกรณีทเี่ ป็นทศนิยม
ชนิดเดียวกัน และทศนิยมต่างชนิดกัน ทั้งนี้ ในกรณีที่เป็นการเปรียบเทียบทศนิยมที่เป็นจำ�นวนลบ เราจะใช้
ความรู้เรื่องค่าสัมบูรณ์มาช่วยในการพิจารณา
-3.5 เกิดจาก
-3 รวมกับ -0.5
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
198 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 4.1
1. ค่าประจำ�หลักของทศนิยมตำ�แหน่งที่ 20 เป็น 1 20
10
2. ค่าประจำ�หลักของทศนิยมตำ�แหน่งที่ 1,990 เป็น 1
1,990
10
ชวนคิด 4.2
1. ค่าสัมบูรณ์ของ -5.12 คือ 5.12
2. จำ�นวนที่มีค่าสัมบูรณ์เป็น 4.74 คือ 4.74 และ -4.74
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 4.1 ก
( ) (
1. 1) 0.35 = 3 × 1 + 5 × 1 2
10 10 )
10 (
2) 0.08 = 8 × 1 2
)
10 ( ) (
3) 0.204 = 2 × 1 + 4 × 1 3
10 )
4)
( 10 )
87.03 = (8 × 10) + (7 × 1) + 3 × 1 2
5)
( 10 ) ( 10 ) ( 10 )
16.124 = (1 × 10) + (6 × 1) + 1 × 1 + 2 × 1 + 4 × 1
2 3
6)
( 10 ) ( 10 ) ( 10 )
90.6705 = (9 × 10) + 6 × 1 + 7 × 1 + 5 × 1
2 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 199
แบบฝึกหัด 4.1 ข
1. 1) 0.54 < 0.57 2) 7.08 > 7.008
3) 25.01 > -28.3 4) -22.73 < 3.1416
5) -20.75 < -2.71 6) -0.05 > -0.51
7) -0.07 < -0.007 8) -11.810 = -11.8100
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
200 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
-
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบวกและการลบทศนิยม โดยเน้นการบวกและการลบทศนิยมที่เป็นจำ�นวนลบ ซึ่งจะใช้
หลักการเดียวกันกับการบวกและการลบจำ�นวนเต็ม ทัง้ นี้ ครูควรพัฒนาความรูส
้ ก
ึ เชิงจำ�นวนเกีย่ วกับการบวกและการลบทศนิยม
ให้กับนักเรียน เพื่อให้ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของผลลัพธ์ที่ได้ กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูควรเชื่อมโยงหลักเกณฑ์การหาผลบวกของจำ�นวนเต็ม และการบวกทศนิยมที่เป็นจำ�นวนบวก เพื่อนำ�ไปสู่
การหาผลบวกของทศนิยมที่เป็นจำ�นวนบวกและจำ�นวนลบ
2. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับสมบัติการบวกของจำ�นวนที่ใช้กับทศนิยม ได้แก่ สมบัติการสลับที่ สมบัติ
การเปลีย่ นหมู่ และสมบัตก
ิ ารบวกด้วยศูนย์ ซึง่ อาจยกตัวอย่างให้เห็นถึงความสะดวกและรวดเร็วในการหาผลบวก
อีกทัง้ ยังเป็นการพัฒนาความรูส้ ก
ึ เชิงจำ�นวนให้กบ
ั นักเรียน เช่น การหาผลบวกของ 17.31 + (-12.69) + (-7.31)
หรือ การหาจำ�นวนมาแทนใน ■ ของประโยค 7.3 + (-2.1) = ■ + 7.3 แล้วทำ�ให้ประโยคเป็นจริง
ซึ่งไม่ต้องการให้ใช้วิธีการแก้สมการ จากนั้น ครูยกตัวอย่างเพิ่มเติมและให้นักเรียนฝึกเกี่ยวกับการหาผลบวกของ
ทศนิยม
3. ครู ใ ช้ ค วามรู้ เ รื่ อ งจำ � นวนตรงข้ า มมาประกอบการอธิ บ าย เพื่ อ นำ � ไปสู่ ข้ อ ตกลงในการหาผลลบของทศนิ ย ม
เช่นเดียวกับการหาผลลบของจำ�นวนเต็ม ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ระหว่างการบวกและการลบทศนิยม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 201
4. ครูชี้ให้นักเรียนสังเกตผลที่เกิดขึ้นจากการบวกและการลบทศนิยมที่เชื่อมโยงกับตัวตั้ง และตัวบวกหรือตัวลบ
เพื่อพัฒนาความรู้สึกเชิงจำ�นวน เช่น ทศนิยมที่เป็นจำ�นวนลบ รวมกับทศนิยมที่เป็นจำ�นวนลบ จะได้ผลลัพธ์เป็น
ทศนิยมที่เป็นจำ�นวนลบที่น้อยลง และให้นักเรียนสังเกตผลบวกที่ได้จากการบวกทศนิยมที่ต่างชนิดกันทีละคู่
แล้วใช้ค�ำ ถามให้นก
ั เรียนได้ขอ
้ สรุปว่า ผลบวกทีเ่ กิดจากทศนิยมทีต
่ า่ งชนิดกัน จะเป็นทศนิยมชนิดเดียวกับทศนิยม
ที่มีค่าสัมบูรณ์มากกว่า เพื่อให้นักเรียนได้ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของคำ�ตอบที่ได้จากการบวกและการลบ
ทศนิยม เมื่อนักเรียนต้องแก้ปัญหาด้วยตนเอง
5. ครูอาจยกตัวอย่างให้นักเรียนเห็นว่า ทศนิยมไม่มีสมบัติการสลับที่และสมบัติการเปลี่ยนหมู่สำ�หรับการลบ โดย
ยกตัวอย่างค้านอย่างน้อยหนึง่ ตัวอย่างเพือ
่ แสดงให้เห็นว่าประโยคนัน
้ ไม่จริง และเพือ
่ นำ�ไปสูข
่ อ
้ สรุปดังกล่าว เช่น
1) -3.75 – 2.7 = -6.45 และ 2.7 – (-3.75) = 6.45
ดังนั้น -3.75 – 2.7 ≠ 2.7 – (-3.75)
2) (-1.44 – 1.87) – (-5.1) = 1.79 และ -1.44 – [1.87 – (-5.1)] = -8.41
ดังนั้น (-1.44 – 1.87) – (-5.1) ≠ -1.44 – [1.87 – (-5.1)]
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
202 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 4.3
ขั้นตอน A ใช้สมบัติการสลับที่ และขั้นตอน B ใช้สมบัติการเปลี่ยนหมู่
ชวนคิด 4.4
จำ�นวนตรงข้ามของ -0.002, 10.03 และ -11.15 คือ 0.002, -10.03 และ 11.15 ตามลำ�ดับ
ชวนคิด 4.5
ไม่เท่ากัน
เพราะ (-1.75 – 2.01) – 45.25 = -3.76 – 45.25 = -49.01
และ -1.75 – (2.01 – 45.25) = -1.75 – (-43.24) = 41.49
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 4.2 ก
1. 1) -0.114 2) 1.59 3) -35.031 4) -17.775 5) 24.975 6) -84.007
4. คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
1) 4.207 กับ -4.207 หรือ -9.71 กับ 9.71
2) 2.37 กับ 1.64 หรือ -1.01 กับ 5.02
3) -4.23 กับ -4.47 หรือ 0.3 กับ -9
4) -9.68 กับ 3.43 หรือ 0 กับ -6.25
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 203
แบบฝึกหัด 4.2 ข
1. 1) 14.65 2) 12.02 3) -5.01 4) -0.401 5) -109
6) -13.08 7) 2.75 8) 0 9) 14.498 10) -6.007
3. 1) ประโยคข้างต้นเป็นจริง เมื่อ a = b
ดังนั้น คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น a = 2.3, b = 2.3 หรือ a = -1.2, b = -1.2
2) ประโยคข้างต้นเป็นเท็จ เมื่อ a ≠ b
ดังนั้น คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น a = 3.5, b = 1.2 หรือ a = 1.2 , b = -0.5
3) จากข้อ 2) จะเห็นว่าทศนิยมไม่มีสมบัติการสลับที่สำ�หรับการลบ
4. 1) ประโยคข้างต้นเป็นจริง เมื่อ c = 0
ดังนั้น คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น a = 3.7, b = 1.2, c = 0 หรือ a = 4.6, b = -1.3, c = 0
2) ประโยคข้างต้นเป็นเท็จ เมื่อ c ≠ 0
ดังนั้น คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น a = 8.9, b = 4.7, c = 3.2 หรือ a = -3.7, b = 2.5, c = 1.4
3) จากข้อ 2) จะเห็นว่าทศนิยมไม่มีสมบัติการเปลี่ยนหมู่สำ�หรับการลบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
204 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
8 แนวคิด จากโจทย์เขียนรูปแสดงได้ดังนี้
0.038 ม. 0.038 ม.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 205
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.3 : สังเกตดี ๆ
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการคูณและการหารทศนิยม โดยเน้นการคูณและการหารทศนิยมที่เป็นจำ�นวนลบ ซึ่งจะใช้
หลักการเดียวกันกับการคูณและการหารจำ�นวนเต็ม ทัง้ นี้ ครูควรพัฒนาความรูส้ ก
ึ เชิงจำ�นวนเกีย่ วกับการคูณและการหารทศนิยม
ให้กับนักเรียน เพื่อให้ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของผลลัพธ์ที่ได้ กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูเชื่อมโยงหลักเกณฑ์การหาผลคูณของจำ�นวนเต็ม และการคูณทศนิยมที่เป็นจำ�นวนบวก เพื่อนำ�ไปสู่การหา
ผลคูณของทศนิยมทัง้ ทีเ่ ป็นจำ�นวนบวกและจำ�นวนลบ แต่จะเน้นให้นก
ั เรียนหาผลคูณของทศนิยมทีเ่ ป็นจำ�นวนลบ
โดยครูอาจใช้ “กิจกรรมเสนอแนะ 4.3 : สังเกตดี ๆ” เพื่อให้ได้ข้อสังเกตว่า ผลคูณของทศนิยมจะเป็นทศนิยม
กี่ตำ�แหน่ง ขึ้นอยู่กับจำ�นวนตำ�แหน่งของทศนิยมของตัวตั้งและตัวคูณ
2. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับสมบัติการคูณของจำ�นวนที่ใช้กับทศนิยม ได้แก่ สมบัติการสลับที่ สมบัติ
การเปลี่ยนหมู่ สมบัติการแจกแจง สมบัติการคูณด้วยศูนย์ และสมบัติการคูณด้วยหนึ่ง ซึ่งอาจยกตัวอย่างให้เห็น
ถึงความสะดวกและรวดเร็วในการหาผลคูณ อีกทัง้ ยังเป็นการพัฒนาความรูส
้ ก
ึ เชิงจำ�นวนของนักเรียน เช่น การหา
ผลคูณของ (-12.5) × 27.85 × 8 หรือการหาจำ�นวนมาแทนใน ■ ของประโยค 2.5 × (-1.2) = ■ × 2.5
แล้วทำ�ให้ประโยคเป็นจริง ซึ่งไม่ต้องการให้ใช้วิธีการแก้สมการ จากนั้น ครูยกตัวอย่างเพิ่มเติมและให้นักเรียนฝึก
เกี่ยวกับการหาผลคูณของทศนิยม
3. ครูอาจใช้ “กิจกรรม : จัตุรัสกลสำ�หรับการคูณทศนิยม” เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกทักษะการหาผลคูณทศนิยม และ
ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของผลคูณที่ได้ ทั้งนี้ ครูอาจให้นักเรียนใช้เครื่องคิดเลขในการตรวจสอบผลคูณ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
206 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
4. ครูเชื่อมโยงหลักเกณฑ์การหารจำ�นวนเต็ มกั บ หลั กเกณฑ์ การหารทศนิ ยมที่ เป็ น จำ � นวนบวก ไปสู่ ห ลั ก เกณฑ์
การหารทศนิยมใด ๆ และใช้หลักการปัดเศษในกรณีทต
ี่ อ
้ งการผลหารเป็นทศนิยมทีม
่ ต
ี �ำ แหน่งน้อยกว่าผลหารทีไ่ ด้
5. ครูชี้ให้นักเรียนสังเกตผลที่เกิดขึ้นจากการคูณและหารทศนิยม ซึ่งมีความหลากหลาย เพื่อพัฒนาความรู้สึกเชิง
จำ�นวน โดยอาจให้นักเรียนใช้การประมาณค่า เพื่อพิจารณาความสมเหตุสมผลของคำ�ตอบที่ได้จากการคูณและ
การหารทศนิยม เช่น
0.9 × 0.8 ได้ผลคูณเป็น 0.72 ซึ่งมีค่าน้อยกว่า 0.9 และ 0.8
-3.1 × 4.0 ได้ผลคูณเป็น -12.4 ซึ่งเป็นจำ�นวนลบที่มีค่าน้อยกว่า -3.1
1.2 ÷ 0.3 ได้ผลหารเป็น 4.0 ซึ่งมีค่ามากกว่า 1.2
-2.5 ÷ 5 ได้ผลหารเป็น -0.5 ซึ่งเป็นจำ�นวนลบที่มีค่ามากกว่า -2.5
6. ครูอาจยกตัวอย่างให้นักเรียนเห็นว่า ทศนิยมไม่มีสมบัติการสลับที่และสมบัติการเปลี่ยนหมู่สำ�หรับการหาร โดย
ยกตัวอย่างค้านอย่างน้อยหนึ่งตัวอย่างเพื่อแสดงให้เห็นว่าสมบัตินั้นไม่จริง และเพื่อนำ�ไปสู่ข้อสรุปดังกล่าว เช่น
1) -15.125 ÷ 6.05 = -2.5 และ 6.05 ÷ (-15.125) = -0.4
ดังนั้น -15.125 ÷ 6.05 ≠ 6.05 ÷ (-15.125)
2) [31.5 ÷ (-1.5)] ÷ (-0.2) = 105 และ 31.5 ÷ [-1.5 ÷ (-0.2)] = 4.2
ดังนั้น [31.5 ÷ (-1.5)] ÷ (-0.2) ≠ 31.5 ÷ [-1.5 ÷ (-0.2)]
7. ครูอาจใช้ “กิจกรรม : เป็นจริงหรือไม่” เพื่อฝึกทักษะและพัฒนาความรู้สึกเชิงจำ�นวนเกี่ยวกับการหาผลบวก
ผลลบ ผลคูณ และผลหารทศนิยม โดยอาจให้นักเรียนร่วมกันอภิปรายเพื่อหาคำ�ตอบโดยไม่ต้องคำ�นวณ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 207
กิจกรรม : จัตุรัสกลสำ�หรับการคูณทศนิยม
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่ให้นักเรียนฝึกทักษะการหาผลคูณทศนิยม และพัฒนาความรู้สึกเชิงจำ�นวนเกี่ยวกับผลคูณที่ได้
โดยมีขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
-
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูอธิบายเงื่อนไขและลักษณะของจัตุรัสกล รวมถึงความหมายของค่ากล
2. ครูให้นก
ั เรียนทำ�กิจกรรมในข้อ 1 เพือ
่ ฝึกพิจารณาว่าจัตรุ ส
ั ทีก
่ �ำ หนดให้แต่ละข้อเป็นจัตรุ ส
ั กลหรือไม่ และทำ�กิจกรรม
ในข้อ 2 เพื่อฝึกในการพิจารณาหาค่ากล และสร้างจัตุรัสกลตามที่กำ�หนด
3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายหาแนวทางในการสร้างจัตุรัสกลที่มีค่ากลเป็นจำ�นวนลบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
208 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยกิจกรรม : จัตุรัสกลสำ�หรับการคูณทศนิยม
1. ก. เป็นจัตุรัสกล เพราะมีผลคูณเท่ากันทุกแนวและมีค่ากลเป็น 1.728
ข.
6.4 0.4 12.8 6.4 × 0.4 × 12.8 = 32.765
จำ�นวนที่เติม หาได้จากค่ากล
5.4 7.2 9.6
หารด้วยผลคูณของสองจำ�นวน
ที่อยู่ในแนวเดียวกัน
2.4 86.4 1.8
3. คำ�ตอบมีได้หลากหลาย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 209
กิจกรรม : เป็นจริงหรือไม่
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่ให้นักเรียนฝึกและพัฒนาความรู้สึกเชิงจำ�นวนเกี่ยวกับการบวก การลบ การคูณ และการหาร
ทศนิยม และมีความตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของคำ�ตอบ โดยมีขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
-
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูอธิบายวิธีการพิจารณาหาคำ�ตอบ โดยไม่ต้องคำ�นวณ
2. ครูให้นักเรียนพิจารณาว่าแต่ละข้อเป็นจริงหรือไม่ พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบการพิจารณา
3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายแนวคิดในการพิจารณาว่า ประโยคที่กำ�หนดให้ในแต่ละข้อเป็นจริงหรือไม่ โดยอาจ
ใช้การถามตอบเพือ
่ กระตุน
้ ให้นก
ั เรียนได้ฝก
ึ การใช้ความรูส
้ ก
ึ เชิงจำ�นวนเกีย่ วกับการบวก การลบ การคูณ และการหาร
ทศนิยม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
210 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยกิจกรรม : เป็นจริงหรือไม่
การพิจารณาประโยคที่กำ�หนดให้ว่าเป็นจริงหรือไม่นั้น ต้องการให้นักเรียนพิจารณาโดยไม่ต้องทำ�ให้เป็นผลสำ�เร็จ
ซึ่งแนวคิดมีได้หลากหลาย เช่น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 211
อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.3 : สังเกตดี ๆ
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำ�ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.3 : สังเกตดี ๆ
2. ครูและนักเรียนร่วมกันหาข้อสรุปว่า ถ้าตัวตั้งเป็นทศนิยมที่มี a ตำ�แหน่ง และตัวคูณเป็นทศนิยมที่มี b ตำ�แหน่ง
แล้ว ผลคูณจะเป็นทศนิยมทีม
่ ี a + b ตำ�แหน่ง ซึง่ ข้อสรุปนีส
้ ามารถใช้ได้กบ
ั ทัง้ ตัวตัง้ และตัวคูณทีเ่ ป็นทศนิยมบวกและ
ทศนิยมลบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
212 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
คำ�ชี้แจง
จงเติมคำ�ตอบลงใน แล้วตรวจสอบคำ�ตอบโดยใช้เครื่องคิดเลข
1 1,428 × 36 =
2 1,428 × 3.6 =
3 1,428 × (-0.36) =
4 (-1,428) × 0.036 =
5 (-1,428) × (-0.0036) =
6 142.8 × (-36) =
7 (-1.428) × (-36) =
8 (-14.28) × (-36) =
9 0.1428 × (-36) =
10 1.428 × (-0.0036) =
11 (-14.28) × (-0.036) =
12 (-142.8) × 3.6 =
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 213
1 1,428 × 36 = 51,408
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
214 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 4.6
ขั้นตอน A ใช้สมบัติการสลับที่ และขั้นตอน B ใช้สมบัติการเปลี่ยนหมู่
ชวนคิด 4.7
การคำ�นวณโดยใช้สมบัติการแจกแจง จะทำ�ให้สามารถหาผลลัพธ์ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น
ชวนคิด 4.8
ในการปัดเศษ 3.449 ให้เป็นทศนิยม 1 ตำ�แหน่ง จะได้เป็น 3.4 เพราะจากหลักการปัดเศษทีว่ า่ ให้พจิ ารณา
เลขโดดในตำ�แหน่งถัดไป ถ้าน้อยกว่า 5 ให้ตัดทศนิยมตำ�แหน่งนั้นทิ้ง แต่ถ้ามากกว่าหรือเท่ากับ 5 ให้ปัด
เลขโดดในตำ�แหน่งก่อนหน้าขึ้นอีก 1 ซึ่งในที่นี้ต้องการทศนิยม 1 ตำ�แหน่ง จึงต้องพิจารณาในตำ�แหน่งที่
2 ซึง่ เลขโดดในตำ�แหน่งที่ 2 คือ 4 ดังนัน
้ จึงปัดเลขโดดในตำ�แหน่งที่ 2 ทิง้ และเราจะไม่ใช้หลักการปัดเศษ
เกิน 1 ครั้ง ในการปัดเศษจำ�นวนหนึ่งจำ�นวน
ชวนคิด 4.9
สมองของนักเรียนหนักประมาณ 0.02 เท่าของน้ำ�หนักตัวของนักเรียน
ถ้านักเรียนหนัก 40 กิโลกรัม
จะมีสมองหนักประมาณ 0.02 × 40 = 0.8 กิโลกรัม
ไดโนเสาร์พันธุ์นี้หนักประมาณตัวละ 5 ตัน เท่ากับ 5 × 1,000 กิโลกรัม
= 5,000 กิโลกรัม
สมองไดโนเสาร์หนักประมาณ 0.000012 เท่าของน้ำ�หนักของไดโนเสาร์ทั้งตัว
ไดโนเสาร์พันธุ์นี้จะมีสมองหนักประมาณ 0.000012 × 5,000 กิโลกรัม
≈ 0.06 กิโลกรัม
สมองของนักเรียนคนนี้หนักประมาณ 0.8 เท่าของน้ำ�หนักสมองของไดโนเสาร์
0.06
≈ 13.3 เท่าของน้ำ�หนักสมองของไดโนเสาร์
ดังนั้น สมองของไดโนเสาร์พันธุ์นี้ประมาณ 13 ตัว จึงจะหนักเท่ากับสมองของนักเรียนที่มีน้ำ�หนักตัว
40 กิโลกรัม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 215
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 4.3 ก
1. 1) 0.001 2) -0.08 3) 0.3 4) -540 5) 0
6) 0 7) -10.9 8) 17.5 9) 0.0111 10) -0.0001
2. 1) 0.455 2) -0.159 3) -151.8 4) -0.475 5) 0
6) 102 7) 1,805
8) (5.7 × 8.2) + (5.7 × 1.8) = 46.74 + 10.26 = 57
หรือ (5.7 × 8.2) + (5.7 × 1.8) = 5.7 × (8.2 + 1.8) = 57
9) (-4.5 × 0.7) + (4.5 × 0.7) = -3.15 + 3.15 = 0
หรือ (-4.5 × 0.7) + (4.5 × 0.7) = (-4.5 + 4.5) × 0.7 = 0 × 0.7 = 0
10) [5.1 × (-2.0)] + [3.2 × (-2.0)] = [5.1 × (-2)] + [3.2 × (-2)] = -10.2 + (-6.4) = -16.6
หรือ [5.1 × (-2.0)] + [3.2 × (-2.0)] = (5.1 + 3.2) × (-2) = 8.3 × (-2) = -16.6
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
216 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
แบบฝึกหัด 4.3 ข
1. 1) 2.8 ÷ 4 = 0.7
2) 0.45 ÷ (-100) = -0.0045
3) (-13.76) ÷ (-3.2) = -137.6 ÷ (-32) = 4.3
4) (-250) ÷ (-0.8) = -2500 ÷ (-8) = 312.5
5) (-0.07) ÷ 0.07 = -1
6) (-0.7) ÷ (-0.8) = 0.875
7) 5.4 ÷ (-0.6) = -9
8) (-0.031) ÷ (-0.31) = 0.1
9) (-0.441) ÷ 0.63 = -0.7
10) [(-0.015) ÷ 0.2] ÷ (-0.2) = -0.075 ÷ (-0.2) = 0.375
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 217
3. 1) [-8.56 ÷ (-1.44)] × 0 = 0
2) (-0.2)[(-0.092) ÷ 0.23] = (-0.2)(-0.4) = 0.08
3) [(-8.5) + 6.2] ÷ (-2.3) = (-2.3) ÷ (-2.3) = 1
4) [(-1.2) × (-0.52)] ÷ (-0.6) = 0.624 ÷ (-0.6) = -1.04
5) [1.35 ÷ (-0.45)](9) = (-3)(9) = -27
6) (-1.01)[-12.03 ÷ 12.03] = (-1.01)(-1) = 1.01
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
218 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 219
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
นักเรียนมักมีความเข้าใจคลาดเคลือ 1 เป็นจำ�นวนทีเ่ กิด
่ นเกีย่ วกับเศษส่วนทีเ่ ป็นจำ�นวนลบ เช่น นักเรียนเข้าใจผิดว่า -3 –
2
1
จาก -3 รวมกับ – แต่ที่ถูกต้องคือ จำ�นวนคละที่เป็นจำ�นวนลบนั้นเกิดจากจำ�นวนเต็มลบรวมกับเศษส่วนที่เป็นจำ�นวนลบ
2
1 1
ดังนั้น -3 – จึงเกิดจาก -3 รวมกับ - –
2 2
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.4 : ความหมายของเศษส่วน
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเศษส่วนและการเปรียบเทียบเศษส่วน โดยให้นักเรียนเห็นว่าเศษส่วนประกอบด้วยเศษส่วน
ที่เป็นจำ�นวนบวกและเศษส่วนที่เป็นจำ�นวนลบ และจะเน้นการเรียนรู้เกี่ยวกับเศษส่วนที่เป็นจำ�นวนลบ ทั้งนี้ ครูควรพัฒนา
ความรูส
้ ก
ึ เชิงจำ�นวนเกีย่ วกับการเปรียบเทียบเศษส่วนให้กบ
ั นักเรียน เพือ
่ ให้เข้าใจและสามารถเปรียบเทียบเศษส่วนได้ กิจกรรม
ที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ในการแนะนำ � เศษส่ ว นที่ เ ป็ น จำ � นวนลบ ครู อ าจทำ � ได้ โ ดยการเชื่ อ มโยงการระบุ ตำ � แหน่ ง ของเศษส่ ว นที่ เ ป็ น
จำ�นวนบวกบนเส้นจำ�นวน และใช้ความรู้เรื่องจำ�นวนตรงข้ามมาระบุตำ�แหน่งของเศษส่วนที่เป็นจำ�นวนลบนั้น
ซึ่งช่วยให้นักเรียนได้พัฒนาการนึกภาพเกี่ยวกับตำ�แหน่งของเศษส่วนที่เป็นจำ�นวนลบบนเส้นจำ�นวน
1 บน
ครูชี้ให้นักเรียนสังเกตว่า จากตำ�แหน่งของเศษส่วนบนเส้นจำ�นวน จำ�นวนคละที่เป็นลบ เช่น -3 –
1 ดังแผนภาพ 2
เส้นจำ�นวน ประกอบด้วย -3 และ - –
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
220 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
- –1 -3
2
-4 -3 -2 -1 0 1 2
1
-3–
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 221
อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.4 : ความหมายของเศษส่วน
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนแต่ละคนทำ�ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.4 : ความหมายของเศษส่วน
2. ครู แ ละนั ก เรี ย นร่ ว มกั น อภิ ป รายเพื่ อ หาข้ อ สรุ ป ในการระบุ ตำ � แหน่ ง ของเศษส่ ว นที่ เ ป็ น บวกและเศษส่ ว นที่ เ ป็ น
จำ�นวนลบบนเส้นจำ�นวน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
222 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ตอนที่ 1
ให้เขียนเศษส่วนแทนจุดที่กำ�หนดให้บนเส้นจำ�นวน
1 2
1 3
3 4
0 2
-2 0
-5 -4
-8 -7
-4 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 223
ตอนที่ 2
ให้ระบุตำ�แหน่งของเศษส่วนที่กำ�หนดให้บนเส้นจำ�นวน
1 , -3 –
1. -3 – 1 และ -3 –2
2 6 3
1 , -2 –
2. -2 – 3 และ -2 –
4
5 5 5
1, -–
3. -1 – 2, 1 2
– และ -1 –
3 3 3 3
1 , -4 –
4. -5 – 1 , -3 –
1 และ -2 –
1
2 2 4 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
224 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
1 11 11 13 2
4 2 4
1 11 2 21 3
2 2
3 31 32 33 34 4
5 5 5 5
0 1 2 1 11 12 2
3 3 3 3
-2 -12 -11 -1 -2 -1 0
3 3 3 3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 225
ตอนที่ 2
1 , -3 –
1. -3 – 1 และ -3 –2
2 6 3
1 , -2 –
2. -2 – 3 และ -2 –
4
5 5 5
1, -–
3. -1 – 2, 1 2
– และ -1 –
3 3 3 3
-2 -12 -11 -2 1 1
3 3 3 3
1 , -4 –
4. -5 – 1 , -3 –
1 และ -2 –
1
2 2 4 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
226 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 4.10
2 = –
ไม่ใช่ เนื่องจาก 1– 6 = –
3 และ 1–
1 = –
3 2 = 1–
ดังนั้น 1– 1
4 4 2 2 2 4 2
ชวนคิด 4.11
ได้ กล่าวคือ จำ�นวนเต็มใด ๆ สามารถเขียนได้ในรูป –a เมื่อ a เป็นจำ�นวนเต็ม และ b เป็นจำ�นวนเต็ม
b
ที่ไม่เท่ากับศูนย์ได้เสมอ ซึ่งแต่ละจำ�นวน สามารถเขียนได้หลากหลายแบบ เช่น
5 เขียนได้เป็น 5 หรือ 20
– —
1 4
19 38
-19 เขียนได้เป็น - — หรือ - —
1 2
0 0
เขียนได้เป็น — หรือ - – 0
53 6
ชวนคิด 4.12
ขวดโหลใบที่ 1 มีลูกแก้วสีขาว 11
— ของทั้งหมด จะมีลูกแก้วสีแดง 13
— ของทั้งหมด
24 24
ขวดโหลใบที่ 2 มีลูกแก้วสีขาว —5 ของทั้งหมด จะมีลูกแก้วสีแดง —7 = 14
— ของทั้งหมด
12 12 24
แต่อุมาต้องการหยิบลูกแก้ว 1 ลูก ให้ได้สีแดง
อุมาควรเลือกหยิบลูกแก้วจากขวดโหลใบที่ 2 จึงจะมีโอกาสหยิบได้ลูกแก้วสีแดงมากกว่า เพราะขวดโหล
ใบที่ 2 มีลูกแก้วสีแดงมากกว่า ขวดโหลใบที่ 1
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 4.4
1. 1) 13 > 11
4 2 (เพราะ 12 1 = 14 2 และ 134 > 124 )
2) 25 < 2 3
12 12 (เพราะ 12
25 = 2 1 จะได้ 2 1 < 2 3 หรือ 2 3 = 27 จะได้
12 12 12 12 12
25 < 27
12 12 )
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 227
3) - 3 < 15 (เพราะจำ�นวนลบมีค่าน้อยกว่าจำ�นวนบวก)
4 7
4) 1 > - 11 (เพราะจำ�นวนบวกมีค่ามากกว่าจำ�นวนลบ)
7 9
5) - = - 21
6
7
18 (เพราะ - 6 7 = - 67 ×× 3 3 = - 18
21 หรือ - 21 = - 21 ÷ 3 = - 7
18 18 ÷ 3 6)
6) - 5 < - 1
3 2 (เพราะ - 3 5 = -13 2 ซึ่ง -123 อยู่ทางซ้ายของ - 21 บนเส้นจำ�นวน
จะได้ -12 < - 1
3 2
ดังนั้น - 5 < - 1
3 2 )
7) - 4 = - 12
5 15 (เพราะ - 4 = - 4 × 3 = - 12 หรือ - 12 = - 12 ÷ 3 = - 4
5 5 × 3 15 15 15 ÷ 3 5 )
8) -
15
11 = - 99
135 (เพราะ - 11
15
= - 11 × 9
15 × 9
= -
9 9
135
หรือ -
9 9
135
= -
9 9 ÷ 9
135 ÷ 9
= - 11
15 )
9) - 5 > - 6 (เพราะ -5 > -6 และตัวส่วนเป็นจำ�นวนบวกเดียวกัน)
24 24
10) -43 < - 25
5 15 (เพราะ - 15
25 = - 5 = -12
3 3
เปรียบเทียบ -43 กับ -12 จะได้ -4 < -1
5 3
ดังนั้น -43 < - 25
5 15 )
11) -211 = - 37
13 13 (เพราะ -2 11
13
ทำ�เป็นเศษเกินได้ - 37
13 )
12) -13 < -11
4 2 (เพราะ -11 = -12 และ -13 < -12
2 4 4 4 )
13) -21 > -32 (เพราะ -2 > -3)
3 5
14) - 2 > -13
3 5 (เพราะ - 3 2 อยู่ทางขวาของ -135 บนเส้นจำ�นวน
)
2. แนวคิด ลูกเสือหมู่ที่หนึ่งมี 6 คน และนายหมู่หมู่ที่หนึ่งแบ่งเชือกยาว 4 เมตร
ลูกเสือหมู่ที่หนึ่งจะได้เชือกยาวคนละ 4– = – 2 เมตร
6 3
ลูกเสือหมู่ที่สองมี 9 คน และนายหมู่หมู่ที่สองแบ่งเชือกยาว 6 เมตร
ลูกเสือหมู่ที่สองจะได้เชือกยาวคนละ – 6 = – 2 เมตร
9 3
ดังนั้น ลูกเสือแต่ละคนในหมู่ที่หนึ่งและหมู่ที่สองได้เชือกยาวเท่ากัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
228 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
1 ของความจุของโอ่ง
5. แนวคิด กระป๋องของเอื้อยตักน้ำ�เต็มหนึ่งกระป๋องได้น้ำ� –
8
คิดเป็น
1 7 ของความจุของโอ่ง
136
กระป๋องของอ้ายตักน้ำ�เต็มหนึ่งกระป๋องได้น้ำ� — 2 ของความจุของโอ่ง
17
คิดเป็น 16 ของความจุของโอ่ง
136
เนื่องจาก 17 > 16
136 136
ดังนั้น ถ้าทัง้ สองคนตักน้�ำ ใส่โอ่งโดยมีจ�ำ นวนครัง้ เท่ากัน โอ่งทีเ่ อือ
้ ยเทน้�ำ ลงไปมีน�้ำ มากกว่า เพราะกระป๋อง
ของเอื้อยตักน้ำ�ในแต่ละครั้งได้มากกว่ากระป๋องของอ้าย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 229
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรม
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.5 : การบวกและการลบเศษส่วน
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการบวกและการลบเศษส่วน โดยเน้นการบวกและการลบเศษส่วนที่เป็นจำ�นวนลบ ซึ่งจะใช้
หลักการเดียวกันกับการบวกและการลบจำ�นวนเต็ม ทัง้ นี้ ครูควรพัฒนาความรูส้ ก
ึ เชิงจำ�นวนเกีย่ วกับการบวกและการลบเศษส่วน
ให้กับนักเรียน เพื่อให้ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของผลลัพธ์ที่ได้ กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูเชือ
่ มโยงหลักเกณฑ์การหาผลบวกของจำ�นวนเต็ม และหลักเกณฑ์การบวกเศษส่วนทีเ่ ป็นจำ�นวนบวก เพื่อนำ�
ไปสู่หลักเกณฑ์การหาผลบวกของเศษส่วนที่เป็นจำ�นวนบวกและจำ�นวนลบ
2. ครูควรยกตัวอย่างและชี้ให้นักเรียนเห็นว่า จำ�นวนคละที่เป็นลบสามารถเขียนในรูปผลบวกของจำ�นวนเต็มลบกับ
เศษส่วนที่เป็นลบได้เสมอ เช่น -2– 1 เขียนแทนด้วย (-2) + - –
3
1
3 ( )
และเมื่อนักเรียนต้องการบวกเศษส่วน
เช่น (-7) + - –
5 ( )
3 ก็สามารถตอบได้ทันทีเป็น -7– 3 โดยไม่ต้องคำ�นวณ และครูควรเน้นย้ำ�ให้นักเรียนเห็นว่า
5
3
(-7) + – ≠ -7–3
5 5
3. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับสมบัติการบวกของจำ�นวนที่ใช้กับเศษส่วน ได้แก่ สมบัติการสลับที่ สมบัติ
การเปลีย่ นหมู่ และสมบัตก
ิ ารบวกด้วยศูนย์ ซึง่ อาจยกตัวอย่างให้เห็นถึงความสะดวกและรวดเร็วในการหาผลบวก
1+ -–
อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาความรู้สึกเชิงจำ�นวนของนักเรียน เช่น การหาผลบวกของ 2–
3
1
4 ( ) 1+ 1–87 + –43 หรือ
1
การหาคำ�ตอบโดยการหาเศษส่วนมาแทนใน ■ ของประโยค - – + ■ = - – + -
4 ( ) 3
5 ( ) ( 4–) โดยใช้สมบัติ
การสลับที่ จากนั้น ครูยกตัวอย่างเพิ่มเติมและให้นักเรียนฝึกเกี่ยวกับการหาผลบวกของเศษส่วน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
230 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
1) 1 – - — 5 = 16
11 ( )
— และ - —
11 ( )
5 – 1 = - 16
11
—
11
ดังนั้น 1 – - —
11 ( ) ( )
5 ≠ -— 5 –1
11
2) - –2––
7 7
3 – -–
[ ] ( )
6 = –
7
1 และ - –
7 [ ( )] = - 11—7
2– –
7 7
3 – -–6
7
ดังนั้น - –2––
7 7 [ ] ( ) [ ( )]
3 – -–
6 ≠ -–
7
2– –
7 7
3 – -– 6
7
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 231
อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.5 : การบวกและการลบเศษส่วน
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนทำ�ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.5 : การบวกและการลบเศษส่วน
2. ครูและนักเรียนร่วมกันตรวจคำ�ตอบที่ได้ โดยอาจให้นักเรียนนำ�เสนอผลบวกและผลลบที่ได้บนกระดาน แล้วช่วยกัน
ตรวจคำ�ตอบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
232 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
คำ�ชี้แจง
จงหาจำ�นวนสามจำ�นวนที่มีความสัมพันธ์กัน โดยเมื่อเชื่อมจำ�นวนทั้งสามด้วยเครื่องหมาย +, – และ = แล้ว
ทำ�ให้ได้ประโยคที่เป็นจริง
1
- –2 –
6
3
–7
9
1
1
-2–
9
-1–2
3 8
–
-1 9
-5
–
6
-1
– -1
–
9 3
1
- 1–
-5
–
3 -8
–
9 9
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 233
1+–
1. - –
9 9
8 = –7
9
หรือ –7 – - –
9 9( )
1 = – 8
9
หรือ –7 – –
9 9
8 = -– 1
9
( )
2. 1 + - –1 = –
9 9
8 8–1 = -–
หรือ –
9
1
9
หรือ –
9 ( )
8– -– 1 = 1
9
3. –
6 ( )
1+ -– 5 = -–
6
2
3
2––
หรือ - –
3 6
1 = -– 5
6
หรือ - –
3 ( )
2– -– 5 = –
6
1
6
( )
4. - –5 +1 = –
6 6
1 1– -–
หรือ –
6 6( )
5 = 1 1–1 = -–
หรือ –
6
5
6
5. - –
9 ( )
5+ -– 1 = -–
3
8
9
8– -–
หรือ - –
9 ( )
5 = -–
9
1
3
หรือ - –
9 ( )
8– -– 1 = -–
3
5
9
6. -1–
3 ( )
1+ -– 1 = -1–
3
2
3
หรือ -1–2 – -1–
3 ( )
1 = -–
3
1
3
หรือ -1–
3 ( )
2– -– 1 = -1–
3
1
3
7. -2–1 + –7 = -1–
9 9
1
3
หรือ -1–1 – -2–
3 ( )
1 = –7
9 9
หรือ -1–1 – –7 = -2–
3 9
1
9
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
234 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 4.13
จากตัวอย่างที่ 5 และโจทย์ทใี่ ห้หาผลบวกนี้ สามารถสรุปเป็นข้อสังเกตได้วา่ ในการหาผลบวกของจำ�นวน
เต็มลบกับเศษส่วนที่เป็นจำ�นวนลบ สามารถหาผลบวกได้ทันทีโดยไม่ต้องคำ�นวณ และได้คำ�ตอบที่เป็น
จำ�นวนคละที่เป็นจำ�นวนลบ
ชวนคิด 4.14
1
– 1
-– —1
4 3 12
1
-– 0 1
–
6 6
-—1 1
– 1
-–
12 3 4
ชวนคิด 4.15
จำ�นวนตรงข้ามของ —9 , -1–
5 , 11 1 และ - 32
— , -12– — คือ - —9 , 1–
5 , - 11 1 และ 32
— , 12– —
10 7 35 8 19 10 7 35 8 19
ตามลำ�ดับ
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 4.5 ก
1. 1) —2 2) —3 หรือ 1– 27 หรือ -3
3) - —
11 12 4 9
4) - 10 2
— หรือ - – 5) - 19
— หรือ -3–1 6) - 38
— หรือ -5– 3
15 3 6 6 7 7
7) 17
— 8) -—31 หรือ -1—9
18 22 22
9) - 19
— 10) - 305 หรือ -711
24 42 42
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 235
1+ -–
2. 1) - –
3
5 +–
6 7 ( )
5 = -– 2+ -–
6 6 [ ( )]
5 +– 5 = -–
7
7+–
6 7
5 = - 19
—
42
3 + 1–
2) –
4
1 + (-2) = –
4
3+–
4 4
5+ -–8 = –
4 4 ( )
0 = 0
3 + 1–
หรือ –
4
1 + (-2) = –
4
3+–
4 4 ( )
5 + (-2) = –
8 + (-2) = 2 + (-2) = 0
4
3) —5 + -–
18 9 18( )
7 + 13
— = — 5 + - 14
18
— + 13
18 18 ( )
— = — 4 = –
18
2
9
5 2
( ) ( )
5
[ ( )] [( ) ]
1 5 5 2 4
4) – + - – + - – + 1– = – + - – + - – + – = 0 + –
6 3 6 3 6 6 3 3
2 = –
3
2
3
3+ -—
5) –
5 10 ( ) ( ) ( ) [( ) ( )]
7 + 1– 2+ -—
5
3 = –
10
3+–
5 5
7 + -— 7 + -—
10
3 = 10
10
— + - 10
5 ( )
— = 2 + (-1) = 1
10
3+—
3. เส้นผ่านศูนย์กลางภายนอก (D) ของท่อ เท่ากับ 1– 3 + 1–
3+—3 = 31 7 นิ้ว
— หรือ 3–
4 16 4 16 8 8
แบบฝึกหัด 4.5 ข
1. 1) —7 2) - 26
— 5 หรือ -1–
3) - – 2
24 35 3 3
17
4) — 5) - 55
— หรือ -3—13 6) - 19
— หรือ -1— 7
40 14 14 12 12
7) 95 23
— หรือ 3— 8) - 151 หรือ -511 9) 55
— หรือ 4— 7
24 24 28 28 12 12
10) —8
15
1
2. 1) - – 2) -11 3) - 11
— 1
4) -20–
7 13 6
3. 1) -7–4 2
2) -15– 11
3) -2— 19
4) -2—
5 9 27 33
4. 1) –
7 14 (
5 + 11
21 ) ( )
— = [(5 × 6) + (11 × 3)] + (13 × 2) = (30 + 33) + 26
— – - 13
42 42
= 63 + 26 = 89 หรือ 2 5
42 42 42
2) 1
-6–
3 [( ) ] 2
+ 9 – 1–
3
=
[( ) ]
- 19
— +—
3
27 – –
3
5 = –
3
8––
3 3
5 = –3 = 1
3
2–
3) 1–
9 (1 + 2–
–
7
1 =
3 ) 11
—– –
9 ( )
1+–
7 3
7 = (11 × 7) – [(1 × 9) + (7 × 21)]
63
4 – -1–
4) - –
5
1 ––
2 4 [( ) ]
3 = -–4– -–
5
3 + -–
2
3 = - 16
4 20[( ) ( )] ( ) [( ) ( )]
— – - 30 — + - 15
20
—
20
= - 16
— – - 45
20 ( ) ( )
— = —
20
29 หรือ 1—
20
9
5
20
5) 3 – - –
9[ ( )] (
5 – –4 – 1–
9
1 = –
3
3+–
1 9 ) ( ) ( ) ( ) [ ( )]
5 – –
4––
9 3
4 = – 3+–
1 9
5 – – 4+ -–
9
4
3
27 5
= — +– – –+ -
9 9 ( ) [ ( )] ( )
4
9
12
9
= 32
9
– - 8
9
40 หรือ 4 –
= — 4
9 9
1 – 3–
6) 3–
4 2(
1 – 1–
6 ) [
1 – (-2) = 13
—+ -–
4 2 ] [ ( )] [ ]
7 – –7 + –
6 1
2
= 13
— + - 14
4 4 [ ( )] [ ]
— – –7 + 12
6 6
—
= -1
– – 19
—
4 6
41 หรือ -3—
= -— 5
12 12
5. 1) a + b 2) 2 + a 3) 4 4) 4 + a 5) a + b
4 3 a x y
6) a – b 7) x – 2 8) - 1 9) 5 – b 10) a – b
5 3 a x c
6. 1) ประโยคข้างต้นเป็นจริง เมื่อ a = b
4,b = –
ดังนั้น คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น a = – 4 หรือ a = - –
3 , b = - –3
5 5 4 4
2) ประโยคข้างต้นเป็นเท็จ เมื่อ a ≠ b
4 , b = –3 หรือ a = - –
ดังนั้น คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น a = – 2,b = –
8
5 5 5 3
3) จากข้อ 2) จะเห็นว่าเศษส่วนไม่มีสมบัติการสลับที่สำ�หรับการลบ
7. 1) ประโยคข้างต้นเป็นจริง เมื่อ c = 0
6,b = –
ดังนั้น คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น a = – 2 , c = 0 หรือ a = –
2,b = -–
4,c = 0
7 7 3 3
2) ประโยคข้างต้นเป็นเท็จ เมื่อ c ≠ 0
8,b = –
ดังนั้น คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น a = – 5,c = –
2 หรือ a = –
8,b = -1 2
–,c = -–
9 9 9 7 7 7
3) จากข้อ 2) จะเห็นว่าเศษส่วนไม่มีสมบัติการเปลี่ยนหมู่สำ�หรับการลบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 237
8.
(1–32 + 3–14) – 4 = (–35 + 13—4 ) – –14 = (12—20 + 1239—) – 1248— = 1259— – 1248— = 1211—
2 และ 3–
ดังนั้น ผลบวกของ 1– 1 มากกว่า 4 อยู่ 11
—
3 4 12
3 – 163–
9. ปรีชาสูงขึ้น 166–
5
3 = 166 + –
4 5 (
3 – 163 + –
4 ) (
3 = (166 – 163) + –
3–3
–
5 4 ) ( )
57 หรือ 2—
= — 17 เซนติเมตร
20 20
3+–
10. แนวคิด ดวงใจใช้เวลาทำ�การบ้านทั้งหมด – 1+–
3 = 15 + 10 + 12 = 37
4 2 5 20 20
3 + 1–
12. แนวคิด ช่างไม้ต้องการใช้ไม้ยาว 3–
4
3 = (3 + 1) + –
5
3+3
4 5
– = 4 + 1—
20 ( )
7 = 5—7 เมตร
20
1 = 5—
แต่ไม้ที่มีอยู่ยาว 5– 5 เมตร ซึ่งสั้นกว่า 5—7 เมตร
4 20 20
ดังนั้น เขาจะนำ�ไม้ชิ้นที่มีอยู่มาตัดเป็นไม้ 2 ชิ้น ตามที่ต้องการไม่ได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
238 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
นักเรียนอาจมีความเข้าใจคลาดเคลือ
่ นเกีย่ วกับการหารเศษส่วนด้วยเศษส่วน เช่น นักเรียนเข้าใจคลาดเคลือ
่ นว่า
16
—÷4– = 16 ÷ 4 แต่จากหลักการหารเศษส่วน จะได้ว่า 16 — ÷– 4 = 16— ×– 5
25
5 25 ÷ 5 25 5 25 4
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.6 : เครื่องหมายที่หายไป
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการคูณและการหารเศษส่วน โดยเน้นการคูณและการหารเศษส่วนที่เป็นจำ�นวนลบ ซึ่งจะใช้
หลักการเดียวกันกับการคูณและการหารจำ�นวนเต็ม ทัง้ นี้ ครูควรพัฒนาความรูส้ ก
ึ เชิงจำ�นวนเกีย่ วกับการคูณและการหารเศษส่วน
ให้กับนักเรียน เพื่อให้ตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของผลลัพธ์ที่ได้ กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูเชือ
่ มโยงหลักเกณฑ์การคูณจำ�นวนเต็ม และหลักเกณฑ์การคูณเศษส่วนทีเ่ ป็นจำ�นวนบวก เพือ
่ นำ�ไปสูห
่ ลักเกณฑ์
การหาผลคูณของเศษส่วนทั้งที่เป็นจำ�นวนบวกและจำ�นวนลบ แต่จะเน้นให้นักเรียนหาผลคูณของเศษส่วนที่เป็น
จำ�นวนลบ
2. ครูอธิบายให้นักเรียนเข้าใจเกี่ยวกับสมบัติการคูณของจำ�นวนที่ใช้กับเศษส่วน ได้แก่ สมบัติการสลับที่ สมบัติ
การเปลีย
่ นหมู่ สมบัตก
ิ ารแจกแจง สมบัตก
ิ ารคูณด้วยศูนย์ และสมบัตก
ิ ารคูณด้วยหนึง่ ซึง่ อาจยกตัวอย่างให้เห็น
ถึงความสะดวกและรวดเร็วในการหาผลคูณ อีกทัง้ ยังเป็นการพัฒนาความรูส
้ ก
ึ เชิงจำ�นวนของนักเรียน เช่น การหา
ผลคูณของ - —3 ×–
25 8
3 ×—
9 [( ) ]
40 หรือการหาผลคูณของ –
1×–
5 – –
3 2
1 × 25
3 4
—
( )( ) จากนั้น ครูยกตัวอย่างเพิ่มเติมและ
ให้นักเรียนฝึกเกี่ยวกับการหาผลคูณของเศษส่วน
3. ครูเชือ
่ มโยงหลักเกณฑ์การหารเศษส่วนทีเ่ ป็นจำ�นวนบวก และหลักเกณฑ์การหารจำ�นวนเต็ม เพือ
่ นำ�ไปสูห
่ ลักเกณฑ์
การหารเศษส่วนที่เป็นจำ�นวนบวกและจำ�นวนลบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 239
1÷1
– – ได้ผลหารเป็น 2 ซึ่งเป็นจำ�นวนบวกที่มีค่ามากกว่าทั้งตัวตั้งและตัวคูณ
2 4
-–1÷1 – 1
ได้ผลหารเป็น - – 1
ซึ่งเป็นจำ�นวนลบที่มีค่าน้อยกว่า - –
4 2 2 4
5. ครูอาจยกตัวอย่างให้นักเรียนเห็นว่า เศษส่วนไม่มีสมบัติการสลับที่และสมบัติการเปลี่ยนหมู่สำ�หรับการหาร
โดยยกตัวอย่างค้านอย่างน้อยหนึ่งตัวอย่าง เพื่อแสดงให้เห็นว่าสมบัตินั้นไม่จริง เช่น
3÷ -–
1) –
8
5 = -—
4 10 ( )
3 และ - –
5÷–
4 8
3 = - 10
—
3
3÷ -–
ดังนั้น –
8
5 ≠ -–
4 ( )
5÷–
4 8
3
2) -1 ÷ – 2 ÷ -–
3 8 ( ) ( )
1 = 12 และ -1 ÷ –2÷ -–
3
1
8 [ ( )] = —3
16
2 ÷ -1
ดังนั้น -1 ÷ –
3 ( ) ( ) 2÷ -–
– ≠ -1 ÷ –
8 3
1
8 [ ( )]
6. ครูอาจใช้ “กิจกรรม : บอกหน่อยได้ไหม” และ “กิจกรรมเสนอแนะ 4.6 : เครื่องหมายที่หายไป” เพื่อฝึกทักษะ
และพัฒนาความรูส
้ ก
ึ เชิงจำ�นวนเกีย่ วกับการหาผลบวก ผลลบ ผลคูณ และผลหารของเศษส่วน โดยอาจให้นก
ั เรียน
ร่วมกันอภิปรายเพื่อหาคำ�ตอบโดยไม่ต้องคำ�นวณ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
240 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
กิจกรรม : บอกหน่อยได้ไหม
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่ให้นักเรียนฝึกและพัฒนาความรู้สึกเชิงจำ�นวนเกี่ยวกับการบวก การลบ การคูณ และการหาร
เศษส่วน และมีความตระหนักถึงความสมเหตุสมผลของคำ�ตอบ โดยมีขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
-
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูยกตัวอย่างเพื่ออธิบายวิธีการพิจารณาหาคำ�ตอบ โดยไม่ต้องคำ�นวณ
2. ครูให้นักเรียนพิจารณาว่าแต่ละข้อเป็นจริงหรือไม่ พร้อมทั้งให้เหตุผลประกอบการพิจารณา
3. ครูและนักเรียนร่วมกันอภิปรายแนวคิดในการพิจารณาว่าแต่ละประโยคที่กำ�หนดให้ในแต่ละข้อเป็นจริงหรือไม่
โดยอาจใช้การถามตอบเพือ
่ กระตุน
้ ให้นก
ั เรียนได้ฝก
ึ การใช้ความรูส
้ ก
ึ เชิงจำ�นวนเกีย่ วกับการบวก การลบ การคูณ และ
การหารเศษส่วน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 241
เฉลยกิจกรรม : บอกหน่อยได้ไหม
1. ไม่เป็นจริง เพราะ -2 – – 1 = -2–1 ซึ่ง -2–
1 < -2 ดังนั้น -2 – –1 < -2
2 2 2 2
2. เป็นจริง เพราะ – 1–– 1 = 0 และ 0 × 100 = 0
4 4
3. ไม่เป็นจริง เนื่องจาก –
5
1– -–
( )
1 =–
3 5 3
1+–1 และ – 1+ -–
5 3 ( )
1 < –1+–
5 3
1
( )
8. ไม่เป็นจริง เนื่องจาก 1 ÷ - – 1 = 1× -–
2 1 ( )
2 = -2 และ -2 < - – 1
2
9. ไม่เป็นจริง ตัวตั้งเป็น 10 เท่ากัน แต่ –1 > — 1 ดังนั้น 10 ÷ –
1 < 10 ÷ —1
8 16 8 16
10. เป็นจริง เพราะจำ�นวนลบหารด้วยจำ�นวนบวก ผลลัพธ์ที่ได้เป็นจำ�นวนลบ ซึ่งน้อยกว่า 0
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
242 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
อุปกรณ์
ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.6 : เครื่องหมายที่หายไป
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนทำ�ใบกิจกรรมเสนอแนะ 4.6 : เครื่องหมายที่หายไป
2. ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปคำ�ตอบที่ได้ พร้อมทั้งอภิปรายว่ามีแนวทางในการพิจารณาอย่างไร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 243
คำ�ชี้แจง
จงเติมเครื่องหมาย + , – , × หรือ ÷ ลงใน ให้ถูกต้อง
3
1. - – 1
– = 1
-–
8 4 8
2. -2 3
– = 3
-2–
7 7
8
3. - – 6
– = - 16
—
9 7 21
2
4. - – 3
-– = 1
–
3 4 2
5. 3
– 2
-– = -1
2 3
6. 1
– 1
– = 1
–
2 2 4
2
7. - – 1
– = 8
-–
5 4 5
8. 3
– 2
-– = 0
6 4
2
9. - – 1
-– = 2
3 3
3
10. - – 1
– = -1
4 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
244 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
3
1. - – + 1
– = 1
-–
8 4 8
2. -2 – 3
– = 3
-2–
7 7
8
3. - – × 6
– = - 16
—
9 7 21
2
4. - – × 3
-– = 1
–
3 4 2
5. 3
– × 2
-– = -1
2 3
6. 1
– × 1
– = 1
–
2 2 4
2
7. - – ÷ 1
– = 8
-–
5 4 5
8. 3
– + 2
-– = 0
6 4
2
9. - – ÷ 1
-– = 2
3 3
3
10. - – – 1
– = -1
4 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 245
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 4.6 ก
1
1. 1) – 2) - —2
9 15
3) 0 4) - 50
— หรือ -4— 6
11 11
5) -1 6) 12
— หรือ 1— 1
11 11
51 หรือ -7–
7) - — 2 7 หรือ -3–
8) - – 1
7 7 2 2
9) - 12
— หรือ -1–5 7 หรือ 2–
10) – 1
7 7 3 3
11) 0 12) - 13
— หรือ -6– 1
2 2
2
2. 1) - – 4 หรือ 1–
2) – 1 3) - 4
– 1
4) - –
3 3 3 5 5
5) -1 6) 0 7) - —7 2
8) –
10 5
3. 1) -—
[( ) ] [( ) ]
3 ×—
10 15
7 + -— 3 ×—
10 15
8 = -— 7 + -—
50
8 = -—
50 ( )
3
10 ( )
หรือ - —
[( ) ] [( )
3 ×—
10
7 + -—
15
3 ×—
10 15
8 = -— 3 × —
10
7 +—
15 15 ] (
8 = -—
) (
3 × 15
10
— = -—
15
3
10 ) ( ) ( )
2) —
9 [ ][ ] (
11 × (-3) + (-3) × –
7 = 11
9
—+–
9 9
7 × (-3) = 18
)
— × (-3) = -6
9
3) –
7 [ ( )] ( )
3× -– 5 – –
2
3×—
7 4
25 = –3 × -–
7
5 –—
2 4
25 = –
7 [( )
3 × - 35
]
— = - 15
4
—
4 ( )
4) –
4 5 [ ( )] [ ( )] (
3 - 4– – – 2 - 4– = –
5 5
3 – –
4
2 - 4– = —
5 5 20 5 )( )
7 - 4– = - —7
25 ( )( )
4. 1) 4 2) 6
3) - 1
– 4) -1
2
5) -1 6) -3
7) 0 7
8) - –
3
3
9) – 10) 0
4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
246 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
5. แนวคิด 3 ชั่วโมง
พรชัยขับรถออกจากบ้านจนหยุดพัก ใช้เวลา 2 ชั่วโมง 45 นาที คิดเป็น 2–
4
พรชัยขับรถมาแล้วเป็นระยะทาง 80– 1 × 2–
3 = 161 × 11 = 1,771 หรือ 221–3 กิโลเมตร
2 4 2 4 8 8
ดังนั้น พรชัยขับรถมาแล้วเป็นระยะทาง 221–3 กิโลเมตร
8
7. แนวคิด จิตราขับรถไปยังเมืองหนึ่ง
วันแรกขับไปได้ทาง – 1 ของระยะทางทั้งหมด
3
3
วันที่สองขับได้ทาง – ของวันแรก คิดเป็นระยะทาง – 3 × –1 ของระยะทางทั้งหมด
4 4 3
1 ของระยะทางทั้งหมด
ดังนั้น วันที่สองจิตราขับรถได้ทาง –
4
รวมระยะทางวันแรกกับวันที่สองได้ทาง – 1 + –1 = — 7 ของระยะทางทั้งหมด
3 4 12
เนื่องจาก สองวันแรกจิตราขับรถได้ระยะทาง — 7 ของระยะทางทั้งหมด
12
ดังนั้น ยังเหลือระยะทางอีก — 5 ของระยะทางทั้งหมด
12
8. แนวคิด 1
อายุของบิดา (ปี) อายุของบุตร (ปี)
ปัจจุบัน 39 6+3 = 9
สามปีที่แล้ว 39 – 3 = 36 1 × 36 = 6
–
6
ดังนั้น ปัจจุบันบุตรอายุ 9 ปี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 247
แนวคิด 2 ปัจจุบันบิดามีอายุ 39 ปี
สามปีที่แล้ว บิดามีอายุ 39 – 3 = 36 ปี
และสามปีที่แล้ว บุตรมีอายุเป็น 1– ของอายุบิดา เท่ากับ 1
– × 36 = 6 ปี
6 6
ดังนั้น ปัจจุบันบุตรมีอายุ 6 + 3 = 9 ปี
แบบฝึกหัด 4.6 ข
1. 1) - — 2 2) -18
15
3) —45 หรือ 1— 17 4) - – 7
28 28 9
6 หรือ -1–
5) - – 1
5 5
1 4
[( ) ( )] [( ) ( )] ( )
6) – - – ÷ -1–
4 5
1 = –
2
1 -4
4 5
– ÷ -–3 = –
2
1 —8 = —
4 15 15
2
(
3 5
)
11 55 11 5
7) 2– × – ÷ — = — ÷ — = – หรือ 2–
4 6 12 24 12 2
1
2
8) - –
[( ) ]( ) ( )( )
2 ÷— 8 -–
5 21 7
3 = -—21 - –
20 7
3 = — 9
20
9) - —
( ) ( ) ( )
10
9 ÷ 1–+–
6 3
2 = -— 9 ÷–
10 6
5 = -— 27 หรือ -1—
25
2
25
10) -3–
( ) ( ) ( )
1 ÷ 2–
2
1––
8 4
3 = -3–1 ÷ 11
2
— = - 28
8
— หรือ -2—
11
6
11
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 249
3. 1) ประโยคข้างต้นเป็นจริง เมื่อ a = 0
ดังนั้น คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น a = 0, b = –3 , c = – 5 หรือ a = 0, b = –9 , c = - 15
—
4 6 7 14
2) ประโยคข้างต้นเป็นเท็จ เมื่อ a ≠ 0
ดังนั้น คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น a = – 4, b = — 8 , c = – 3 หรือ a = - –
2, b = –4, c = -— 27
5 15 2 3 9 16
3) จากข้อ 2) จะเห็นว่าเศษส่วนไม่มีสมบัติการเปลี่ยนหมู่สำ�หรับการหาร
6. แนวคิด 2 = 63
รถบรรทุกคันนี้บรรทุกหินจำ�นวน 36 ÷ 2– — หรือ 15– 3 เที่ยว
7 4 4
แสดงว่า รถบรรทุกคันนี้บรรทุกหิน 15 เที่ยว ไม่หมด เพราะมีหินเหลือต้องบรรทุกอีก 1 เที่ยว
ดังนั้น รถบรรทุกจะต้องบรรทุกหินทั้งหมด 16 เที่ยว
2 ตัน
และถ้าเที่ยวก่อนหน้านั้น 15 เที่ยว บรรทุกหินเต็มคันทุกเที่ยว เที่ยวละ 2–
7
(
แล้วเที่ยวสุดท้ายจะบรรทุกหิน 36 – 15 × 2–
)
2 = 12
7
— หรือ 1–5 ตัน
7 7
7. แนวคิด 21 ของจำ�นวนพนักงานทั้งหมด
โรงงานแห่งหนึ่งมีพนักงานชาย —
29
แสดงว่าโรงงานมีพนักงานหญิง — 8 ของจำ�นวนพนักงานทั้งหมด
29
21 – —
ดังนั้น จำ�นวนพนักงานชายและหญิงต่างกันอยู่ — 8 = 13
— ของจำ�นวนพนักงานทั้งหมด
29 29 29
แต่ผลต่างระหว่างจำ�นวนพนักงานชายและหญิงเป็น 65 คน
แสดงว่า พนักงาน 13 ส่วน คิดเป็น 65 คน พนักงาน 1 ส่วน คิดเป็น 65 ÷ 13 = 5 คน
พนักงานทั้งหมด 29 ส่วน คิดเป็น 29 × 5 = 145 คน
ดังนั้น โรงงานแห่งนี้มีพนักงานทั้งหมด 145 คน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
250 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
10. แนวคิด
1) จากส่วนผสมที่กำ�หนดเพื่อทำ�น้ำ�ผลไม้รวม
ปริมาณส่วนผสมที่ใช้ (ถ้วย)
ส่วนผสม
สำ�หรับเพื่อน 4 คน สำ�หรับเพื่อน 20 คน
น้ำ�องุ่น 1
– 1 = 5
5×– 1
– หรือ 2–
2 2 2 2
น้ำ�ส้ม 5
– 5 = 25
5×– 1
— หรือ 3–
8 8 8 8
น้ำ�มะนาว 1
– 1 = –
5×– 5 หรือ 1–
1
4 4 4 4
น้ำ�เชื่อม 1
– 1 = –
5×– 5 หรือ 1–
1
4 4 4 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 251
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
–
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรม
–
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนี้ มุง่ ให้นก
ั เรียนรูจ้ ก
ั ทศนิยมซ้�ำ ทัง้ ทีเ่ ป็นทศนิยมซ้�ำ ศูนย์และไม่ซ�้ำ ศูนย์ รวมทัง้ เชือ
่ มโยงระหว่างทศนิยมกับเศษส่วน
ทีเ่ ป็นจำ�นวนเดียวกัน ครูควรพัฒนาความรูส้ ก
ึ เชิงจำ�นวน และเชือ
่ มโยงระหว่างทศนิยมกับเศษส่วนให้กบ
ั นักเรียน เพือ
่ ให้ตระหนัก
ถึงความสมเหตุสมผลของผลลัพธ์ที่ได้ กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูควรนำ�อภิปรายเพื่อให้นักเรียนเห็นว่า ทศนิยมและเศษส่วนที่นักเรียนเคยเรียนมาแล้วนั้น มีความสัมพันธ์กัน
เช่น
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
252 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 4.16
5 สามารถเขียนในรูปทศนิยมซ้ำ�ได้เป็น 5.0000…
ชวนคิด 4.17
พิจารณาผลบวกในข้อ ก. ถึงข้อ ค. แล้วหาผลบวกในข้อ ง. ถึงข้อ ช.
1+1
ก. – 3
– = –
2 4 4
1+1
ข. – –+–1 = –
7
2 4 8 8
1+1
ค. – –+–1+—1 = 15
—
2 4 8 16 16
ข้อสังเกตจากข้อ ก. ถึงข้อ ค.
1. เศษส่วนแต่ละจำ�นวน มีตัวเศษเป็น 1
2. เศษส่วนทีน
่ �ำ มาบวกกัน จะมีตวั ส่วนของจำ�นวนถัดไปเป็น 2 เท่าของตัวส่วนตัวทีอ
่ ยูข
่ า้ งหน้าเสมอ
3. คำ�ตอบมีตัวส่วนเท่ากับตัวส่วนของเศษส่วนจำ�นวนสุดท้ายที่นำ�มาบวกกัน
4. คำ�ตอบมีตัวเศษน้อยกว่าตัวส่วนอยู่ 1 เสมอ
1+1
– 1+—
–+– 1 +— 1 = —
ดังนั้น ง. 31
2 4 8 16 32 32
1+1
จ. – 1+—
–+– 1 +— 1 +— 1 = 63 —
2 4 8 16 32 64 64
1+1
ฉ. – 1 + … + 1 = 210 – 1 = 1,024 – 1 = 1,023
–+–
2 4 8 2
10 10
2 1,024 1,024
100
1+1
ช. – 1 + … + 1 = 2 – 1
–+–
2 4 8 2
100
2
100
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 253
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 4.7
1. 1) 0.17 2) -21.6 3) 0.125 4) -0.87 5) -0.378
6) -0.537 7) 25.46 8) -4.681 9) 0.472 10) -0.039
2. 1) — 4 หรือ 2 – 2) -— 5 หรือ - 1 –
10 5 10 2
3) - 75 หรือ - 3 4) 36 หรือ 9
100 4 1,000 250
5) 145 หรือ 1 9 6) - 342 หรือ - 171
100 20 1,000 500
7) 2,180 หรือ 21 4 8) 685 หรือ 137
100 5 1,000 200
9) 37 10) - 212 หรือ -2 3
100 100 25
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
254 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
= 62.315 ลูกบาศก์เซนติเมตร
่ ทำ�เป็นน้�ำ แข็งจะมีปริมาตรเป็น 11
แนวคิด 2 น้�ำ เมือ — ของปริมาตรเดิม
10
คิดเป็น 11 — × 56.65 = 62.315 ลูกบาศก์เซนติเมตร
10
7. แนวคิด
1+1
1) แบ่งช็อกโกแลตให้น้องและพี่รวมกัน – – = — 7 ของกล่อง
4 3 12
อั๋นจะมีช็อกโกแลตเหลืออีก —5 ของกล่อง คิดเป็น 10 ชิ้น
12
แสดงว่า ช็อกโกแลตที่เหลือ 5 ส่วน คิดเป็น 10 ชิ้น
ช็อกโกแลต 1 ส่วน คิดเป็น 10 ÷ 5 = 2 ชิ้น
ช็อกโกแลตทั้งหมด 12 ส่วน คิดเป็น 12 × 2 = 24 ชิ้น
ดังนั้น เดิมมีช็อกโกแลตอยู่ในกล่อง 24 ชิ้น
2) เนื่องจากช็อกโกแลตกล่องนี้มีน้ำ�หนักสุทธิ 600 กรัม
ดังนั้น ช็อกโกแลตที่เหลือมีน้ำ�หนัก 10
— × 600 = 250 กรัม
24
10. แนวคิด 1 = 58
ทองคำ�มีความหนาแน่น 19– — กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร
3 3
และมวลของทองคำ� = ความหนาแน่นของทองคำ� × ปริมาตรของทองคำ�
ถ้าทองคำ�แท่งหนึ่งมีปริมาตร 16.5 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ทองคำ�แท่งนี้จะมีมวลเท่ากับ 58
— × 16.5 = 319 กรัม
3
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
256 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
กิจกรรมท้ายบท : รางวัลอะไรเอ่ย
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นักเรียนได้ฝึกทักษะในการบวก การลบ การคูณ และการหารทศนิยม รวมถึงพัฒนา
ความรู้สึกเชิงจำ�นวน โดยมีอุปกรณ์และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
1. ลูกเต๋าพิเศษ 2 ลูก ที่มีแต้มบนแต่ละหน้าดังนี้
-1.3 3.25
3.5 -2.5
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแบ่งกลุ่มนักเรียน กลุ่มละ 3–5 คน แล้วให้แต่ละกลุ่มดำ�เนินกิจกรรมตามขั้นตอนดังนี้
1) ให้ผู้เล่นแต่ละคนทอดลูกเต๋า 1 ครั้ง แล้วเรียงลำ�ดับการเล่นจากผู้เล่นที่ได้แต้มมากไปน้อย
2) ผู้เล่นแต่ละคนจะผลัดกันทอดลูกเต๋าพร้อมกัน 2 ลูก ตามลำ�ดับการเล่น โดยรอบที่หนึ่ง ให้นำ�จำ�นวนที่อยู่บน
หน้าของลูกเต๋ามาบวกกัน ผลบวกที่ได้จะเป็นรหัสที่ใช้ในการเปิดประตูห้องเก็บของรางวัล
3) เมื่อเล่นรอบที่หนึ่งครบทุกคนแล้ว ให้เล่นในทำ�นองเดียวกับข้อ 2) แต่ให้เปลี่ยนจากการบวกเป็นการลบ โดย
สามารถเลือกจำ�นวนที่อยู่บนหน้าของลูกเต๋าลูกใดเป็นตัวตั้งก็ได้ และใช้จำ�นวนที่อยู่บนหน้าของลูกเต๋าอีกลูก
เป็นตัวลบ
4) ในรอบที่สามและสี่ ให้เปลี่ยนเป็นการคูณ และการหาร ตามลำ�ดับ
5) ผู้เล่นคนใดสามารถเปิดประตูห้องเก็บของรางวัลได้ครบทั้ง 4 บาน ก่อน จะเป็นผู้ชนะ
6) ถ้าเล่นครบสี่รอบแล้ว ยังไม่มีผู้ชนะ ให้ผู้เล่นแต่ละคนทอดลูกเต๋า 2 ลูก แล้วนำ�จำ�นวนที่อยู่บนหน้าของลูกเต๋า
ที่ได้ มาบวก ลบ คูณ หรือหารก็ได้ เพื่อให้ได้รหัสไปเปิดประตูที่ยังเปิดไม่ได้
2. ในระหว่างที่นักเรียนทำ�กิจกรรม ครูอาจให้สมาชิกในกลุ่มช่วยกันตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้
3. ในขั้นตอนที่ 6) ครูอาจให้นักเรียนใช้เครื่องคำ�นวณในการหาคำ�ตอบ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 257
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท
1 แนวคิด 4.8 + (-6.035) = -1.235 และ (-0.84) + (-0.9) = -1.74
เนื่องจาก -1.235 – (-1.74) = 0.505
ดังนั้น 4.8 + (-6.035) มากกว่า (-0.84) + (-0.9) อยู่ 0.505
4. แนวคิด
(- –54) – (-2–41) = 1—209
ดังนั้น จำ�นวนตรงข้ามของ - 4
( ) ( )
1 คือ -1—
– – -2–
5 4
9
20
5. แนวคิด
( )
-3 – -2– 1 = -–
5
4 และ - –
5
5 + 1–
6
1 =
2
2
–
3
เนื่องจาก – 2– -–
3 ( )
4 = 1—
5 15
7
( )
1 น้อยกว่า - –
ดังนั้น -3 – -2–
5
5 + 1–
6
1
2
อยู่ 1—7
15
6. แนวคิด
(-5 – 32–) ÷ (5 + –32) = -1 และ (4.1 × 0.5) – (-21.5) = 23.55
เนื่องจาก 23.55 – (-1) = 24.55
( ) ( )
2 ÷ 5+–
ดังนั้น -5 – –
3
2 น้อยกว่า (4.1 × 0.5) – (-21.5) อยู่ 24.55
3
7. m – n = - —9 – 1.45 = -1—
20
9
10 ( )
และ n – m = 1.45 – - —9 = 1—
20
9
10
1 ÷ 2—
8. A ÷ (B – C) = -3–
3 12 4 (
1 – –3 = -3–
1 ÷ 16
3 12 ) 1
— = -2–
2
9. ถ้า y คือ 1.78 จะได้ z = 1.78 + 0.5 = 2.28 และ x = 2.28 – 3.02 = -0.74
จะได้ x + y + z = -0.74 + 1.78 + 2.28 = 3.32
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
258 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
( )
1 ÷ 2.4 = (-84.32) ÷ 2.4 ≈ -35.13
12. คำ�ตอบที่ถูกต้องเท่ากับ -19.84 × 4–
4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 259
15. แนวคิด
1) นมปั่นแก้วใหญ่จุ 300 + – 2 (300) = 500 มิลลิลิตร
3
2) สันต์ดื่มนมปั่น –2 (300) = 200 มิลลิลิตร
3
นัทดื่มนมปั่น 1 – (500) = 250 มิลลิลิตร
2
ดังนั้น นัทดื่มนมปั่นมากกว่าสันต์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
260 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. คุณพ่อมีเชือกสองเส้นยาว 12.45 เซนติเมตร และ 15.25 เซนติเมตร คุณพ่อได้นำ�เชือกทั้งสองเส้นมาผูกต่อกัน
แล้ววัดความยาวเชือกที่ต่อกันแล้ว ได้เชือกยาว 25.32 เซนติเมตร จงหาว่าคุณพ่อเสียเชือกที่ใช้ในการผูกต่อกัน
กี่เซนติเมตร (1 คะแนน)
ตอบ
2. เศษส่วน 22
— เมื่อเขียนให้อยู่ในรูปทศนิยมซ้ำ� แล้วจะได้ทศนิยมตำ�แหน่งที่ 99 เป็นเท่าไร (3 คะแนน)
7
ตอบ
แนวคิด
3. กำ�หนดข้อมูลต่อไปนี้
ข้อความ
1) ธัญวิชญ์อ่านหนังสือวันแรกมากกว่าวันที่สอง ถูกต้อง / ไม่ถูกต้อง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 261
4. กำ�หนดข้อมูลต่อไปนี้
ข้อความ
1) วันแรกคุณพ่อทำ�ปุ๋ยหมักชีวภาพได้ 420 ลิตร ถูกต้อง / ไม่ถูกต้อง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
262 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. คุณพ่อมีเชือกสองเส้นยาว 12.45 เซนติเมตร และ 15.25 เซนติเมตร คุณพ่อได้นำ�เชือกทั้งสองเส้นมาผูกต่อกัน
แล้ววัดความยาวเชือกที่ต่อกันแล้ว ได้เชือกยาว 25.32 เซนติเมตร จงหาว่าคุณพ่อเสียเชือกที่ใช้ในการผูกต่อกัน
กี่เซนติเมตร (1 คะแนน)
ตอบ (12.45 + 15.25) – 25.32 = 2.38 เซนติเมตร
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นักเรียนสามารถเปรียบเทียบทศนิยม หาผลบวก ผลลบ ผลคูณ และผลหาร ของทศนิยม
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบไม่ถูกต้องหรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
2. เศษส่วน 22
— เมื่อเขียนให้อยู่ในรูปทศนิยมซ้ำ� แล้วเลขโดดหลังจุดทศนิยมในตำ�แหน่งที่ 99 เป็นเท่าไร (3 คะแนน)
7
ตอบ 2
แนวคิด แนวคิดมีได้หลากหลาย เช่น
เนื่องจาก 22 — = 3.1̇ 42857̇ = 3.142857142857142857…
7
จะเห็นว่าเลขโดดที่อยู่หลังจุดทศนิยมจะเรียงลำ�ดับเป็น 1, 4, 2, 8, 5 และ 7 เป็นเช่นนี้เรื่อย ๆ
ดังนั้น เลขโดดหลังจุดทศนิยมในตำ�แหน่งที่ 6, 12, 18, 24, … , 96, 102, … เป็น 7
จะได้ เลขโดดหลังจุดทศนิยมในตำ�แหน่งที่ 97 เป็น 1
เลขโดดหลังจุดทศนิยมในตำ�แหน่งที่ 98 เป็น 4
ดังนั้น เลขโดดหลังจุดทศนิยมในตำ�แหน่งที่ 99 เป็น 2
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 3 นักเรียนสามารถนำ�ความรู้เกี่ยวกับทศนิยมและเศษส่วนไปใช้ในการแก้ปัญหาคณิตศาสตร์ และปัญหา
ในชีวิตจริง
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน โดยมีเกณฑ์การให้คะแนน ดังนี้
✤ ตอบพร้อมแสดงแนวคิดได้ถูกต้อง ได้ 3 คะแนน
✤ ตอบพร้อมแสดงแนวคิดได้ถูกต้องบางส่วน ได้ 2 คะแนน
✤ ตอบไม่ถูกต้อง แต่แสดงแนวคิดได้ถูกต้องบางส่วน
หรือตอบถูกต้อง แต่ไม่แสดงแนวคิด ได้ 1 คะแนน
✤ ตอบไม่ถูกต้องและไม่แสดงแนวคิด หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 263
3. กำ�หนดข้อมูลต่อไปนี้
ข้อความ
1) ธัญวิชญ์อ่านหนังสือวันแรกมากกว่าวันที่สอง ถูกต้อง / ไม่ถูกต้อง
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถเปรียบเทียบเศษส่วน หาผลบวก ผลลบ ผลคูณ และผลหาร ของเศษส่วน
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 4 คะแนน ข้อละ 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบไม่ถูกต้องหรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
4. กำ�หนดข้อมูลต่อไปนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
264 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ข้อความ
1) วันแรกคุณพ่อทำ�ปุ๋ยหมักชีวภาพได้ 420 ลิตร ถูกต้อง / ไม่ถูกต้อง
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 เปรียบเทียบเศษส่วน หาผลบวก ผลลบ ผลคูณ และผลหาร ของเศษส่วน
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 4 คะแนน ข้อละ 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบไม่ถูกต้องหรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 265
5
บทที่ รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ
บทรูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติประกอบด้วยหัวข้อย่อย
ดังต่อไปนี้
สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระ การวัดและเรขาคณิต
มาตรฐาน ค 2.2 เข้าใจและวิเคราะห์รูปเรขาคณิต สมบัติของรูปเรขาคณิต ความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิต
และทฤษฎีบททางเรขาคณิต และนำ�ไปใช้
ตัวชี้วัด
เข้าใจและใช้ความรู้ทางเรขาคณิตในการวิเคราะห์หาความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิตสองมิติและรูปเรขาคณิตสามมิติ
จุดประสงค์ของบทเรียน
นักเรียนสามารถ
1. อธิบายลักษณะของหน้าตัดที่ได้จากการตัดรูปเรขาคณิตสามมิติด้วยระนาบในทิศทางที่กำ�หนดให้
2. ระบุภาพที่ได้จากการมองด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบนของรูปเรขาคณิตสามมิติ
3. เขียนภาพที่ได้จากการมองด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบนของรูปเรขาคณิตสามมิติที่ประกอบขึ้นจากลูกบาศก์
ความเชื่อมโยงระหว่างตัวชี้วัดกับจุดประสงค์ของบทเรียน
เนือ
่ งจากตัวชีว้ ด
ั กล่าวถึงการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิตสองมิตแิ ละสามมิติ และเนือ
้ หาในบทนีเ้ กีย่ วข้อง
กับหน้าตัดของรูปเรขาคณิตสามมิติ และภาพที่เกิดจากการมองด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบนของรูปเรขาคณิตสามมิติ ดังนั้น
เพื่อให้การเรียนรู้ของนักเรียนในเรื่องรูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติสอดคล้องกับตัวชี้วัด ครูควรจัดประสบการณ์ให้นักเรียน
สามารถ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
266 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
1. เข้าใจและใช้ความรูท
้ างเรขาคณิตในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิตสองมิตแิ ละสามมิติ ซึง่ สะท้อน
ได้จากการทีน
่ ก
ั เรียนสามารถอธิบายลักษณะของหน้าตัดทีไ่ ด้จากการตัดรูปเรขาคณิตสามมิตด
ิ ว้ ยระนาบในทิศทาง
ที่กำ�หนดให้
2. เข้าใจและใช้ความรูท
้ างเรขาคณิตในการวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิตสองมิตแิ ละสามมิติ ซึง่ สะท้อน
ได้จากการทีน
่ กั เรียนสามารถระบุภาพทีไ่ ด้จากการมองด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบน ของรูปเรขาคณิตสามมิตใิ ดๆ
และสามารถเขียนภาพทีไ่ ด้จากการมองด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบน ของรูปเรขาคณิตสามมิตท
ิ ป
่ี ระกอบขึน
้ จาก
ลูกบาศก์
ทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร์
หัวข้อ
ทักษะและกระบวนการ
ทางคณิตศาสตร์ 5.1 หน้าตัดของ 5.2 ภาพด้านหน้า ภาพด้านข้าง และ
รูปเรขาคณิตสามมิติ ภาพด้านบนของรูปเรขาคณิตสามมิติ
การแก้ปัญหา
การสื่อสารและการสื่อความหมาย
✤ ✤
ทางคณิตศาสตร์
การเชื่อมโยง ✤ ✤
การให้เหตุผล
การคิดสร้างสรรค์
ความรู้พื้นฐานที่นักเรียนต้องมี
2+2=4
ครูอาจทบทวนความรู้พื้นฐานที่นักเรียนต้องมีก่อนเรียนในเรื่องรูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 267
ความคิดรวบยอดของบทเรียน
เมื่อตัดรูปเรขาคณิตสามมิติด้วยระนาบ จะเกิดหน้าตัดหรือภาคตัดที่เป็นรูปเรขาคณิตสองมิติบนรูปเรขาคณิตสามมิติน้ัน
ซึ่งหน้าตัดที่ได้จะเป็นรูปเรขาคณิตสองมิติชนิดใด ขึ้นอยู่กับชนิดของรูปเรขาคณิตสามมิติ แนวการตัดของระนาบ และตำ�แหน่ง
ที่ตัด
ภาพที่ได้จากการมองรูปเรขาคณิตสามมิติด้านหน้า (front view) ด้านข้าง (side view) และด้านบน (top view) เป็น
รูปเรขาคณิตสองมิตจิ ากการมองในแนวสายตาทีต
่ งั้ ฉากกับด้านทีม
่ อง โดยแนวสายตาของการมองด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบน
จะทำ�มุมฉากกัน ดังรูป
ด้านบน
o
90
ด้านหน้า ด้านข้าง
o
90
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
268 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
นักเรียนอาจพิจารณาหน้าตัดที่เกิดจากการตัดรูปเรขาคณิตสามมิติด้วยระนาบ โดยเปรียบเทียบกับส่วนต่าง ๆ ของ
รูปเรขาคณิตสามมิตินั้น เช่น นักเรียนอาจคิดว่าหน้าตัดของการตัดทรงกระบอกจะเป็นหน้าตัดที่มีลักษณะเดียวกับฐานของ
ทรงกระบอกเสมอ แต่จริง ๆ แล้วหน้าตัดของทรงกระบอกอาจมีหลายลักษณะ เช่น วงกลม วงรี หรือรูปสี่เหลี่ยม ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ
แนวการตัดของระนาบ
ตัดทรงกระบอกด้วยระนาบในแนวขนานกับฐาน หน้าตัดเป็นวงกลม
ตัดทรงกระบอกด้วยระนาบในแนวไม่ตั้งฉากและไม่ขนานกับฐาน หน้าตัดเป็นวงรี
ตัดทรงกระบอกด้วยระนาบในแนวตั้งฉากกับฐาน หน้าตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยม
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. ภาพแสดงหน้าตัดที่อยู่ในชีวิตจริง เช่น หน้าตัดของผลไม้ อาหาร ขนม
2. ชุดภาคตัด
3. รูปคลี่ของรูปเรขาคณิตสามมิติ ประกอบด้วยรูปคลี่ของปริซึม พีระมิด ทรงกระบอก กรวย
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 269
4. สื่อและอุปกรณ์ของกิจกรรม : เด็กปั๊ม
5. สื่อและอุปกรณ์ของกิจกรรม : หัวผักของฉัน
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัว ข้อนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับหน้าตัดของรู ป เรขาคณิ ตสามมิ ติ ควรเน้ น ให้ นั กเรี ยนได้ เรี ยนรู้ จ ากการทำ � กิ จกรรมโดย
การทดลองปฏิบัติจริง และสังเกตหน้าตัดที่เกิดขึ้น เพื่อให้นักเรียนได้ฝึกการมองภาพ และอธิบายลักษณะของหน้าตัดที่เกิดขึ้น
จากการตัด ซึ่งจะเป็นการพัฒนาการนึกภาพ และความรู้สึกเชิงปริภูมิให้ผู้เรียน กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูแนะนำ�รูปเรขาคณิตสองมิติ และรูปเรขาคณิตสามมิติ โดยการสนทนาและยกตัวอย่าง สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว
นั ก เรี ย น และเปิ ด โอกาสให้ นั ก เรี ย นได้ ทำ � ความเข้ า ใจเกี่ ย วกั บ ความแตกต่ า งระหว่ า งรู ป เรขาคณิ ต หนึ่ ง มิ ติ
รูปเรขาคณิตสองมิติ และรูปเรขาคณิตสามมิติ รวมทั้งฝึกฝนการนึกภาพและความรู้สึกเชิงปริภูมิ
2. ครูควรจัดกิจกรรมเพื่อให้นักเรียนเรียนรู้เกี่ยวกับหน้าตัด โดยใช้ “กิจกรรม : เด็กปั๊ม” ซึ่งมุ่งให้นักเรียนได้ทำ�
ความเข้าใจเกี่ยวกับระนาบที่ใช้ในการตัด ตำ�แหน่ง และแนวการตัด และหน้าตัดที่จะเกิดขึ้นจากการใช้มีดตัดผัก
หรือผลไม้จริง ๆ ซึ่งเป็นวัตถุสามมิติ และให้มีดเป็นระนาบที่ใช้ตัด ซึ่งนักเรียนจะมีโอกาสได้เห็นว่าผักหรือผลไม้
ที่มีรูปร่างแบบเดียวกัน สามารถมีหน้าตัดที่เกิดจากการตัดที่แตกต่างกันได้ เมื่อแนวการตัดเปลี่ยนแปลงไป
3. ครูควรจัดกิจกรรมเพื่อให้นักเรียนได้สำ�รวจหน้าตัดของรูปเรขาคณิตสามมิติ ได้แก่ ปริซึม ทรงกระบอก พีระมิด
กรวย และทรงกลม โดยใช้ “กิจกรรม : หัวผักของฉัน” เพื่อเชื่อมโยงจากสิ่งที่เป็นรูปธรรมไปสู่รูปเรขาคณิตสามมิติ
ที่มีความเป็นนามธรรม
4. จากการทำ�กิจกรรมข้างต้น ครูควรอภิปรายกับนักเรียนเพือ
่ เชือ
่ มโยงไปสูแ่ นวคิดหลักของการตัดรูปเรขาคณิตสามมิติ
ด้วยระนาบ ซึง่ ลักษณะของหน้าตัดจะขึน
้ อยูก
่ บ
ั ปัจจัย 3 ประการ คือ 1) ชนิดของรูปเรขาคณิตสามมิต
ิ 2) แนว
การตัดของระนาบ และ 3) ตำ�แหน่งทีต
่ ด
ั ทัง้ นี้ ครูควรใช้ชด
ุ ภาคตัด ซึง่ เป็นสือ
่ อุปกรณ์ส�ำ เร็จรูปทีแ่ สดงภาคตัดของ
การใช้ระนาบตัดรูปเรขาคณิตสามมิตใิ นแนวต่าง ๆ มาช่วยในการสรุป เพือ
่ ให้นก
ั เรียนเกิดความเข้าใจมากยิง่ ขึน
้
5. ครูอาจสนทนาเกี่ยวกับการทำ�กิจวัตรประจำ�วันของคนในบางอาชีพ เช่น การเลื่อยไม้ของช่างไม้ให้ได้หน้าตัดที่มี
ลักษณะคล้ายวงกลม หรือรูปสี่เหลี่ยม เพื่อนำ�ไปใช้ประโยชน์ แม่ครัวหั่นหรือตัดชิ้นอาหารให้สวยงาม คนขาย
ผลไม้หน
ั่ หรือตัดผลไม้เป็นรูปหน้าตัดต่าง ๆ เพือ
่ ความสวยงาม หรือสนทนาเกีย่ วกับอาชีพในปัจจุบน
ั ทีเ่ กีย่ วข้องกับ
การใช้หน้าตัด เช่น ช่างไม้ที่ทำ�ชุดม้านั่ง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
270 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
กิจกรรม : เด็กปั๊ม
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่จำ�ลองการตัดรูปเรขาคณิตสามมิติ โดยใช้มีดตัดผักและผลไม้ชนิดต่าง ๆ ที่มีรูปร่างและลักษณะ
แตกต่างกัน เพื่อให้นักเรียนเห็นภาพหน้าตัดและสามารถระบุลักษณะของหน้าตัดที่ได้จากการตัดผักและผลไม้ในแนวการตัดที่
แตกต่างกัน โดยมีอุปกรณ์และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรมดังนี้
อุปกรณ์
1. พืช ผัก หรือผลไม้ที่หาได้ตามท้องถิ่นอย่างน้อยสามชนิดที่มีลักษณะแตกต่างกัน เช่น กล้วยดิบ มะเฟือง มันเทศ
ก้านกล้วย น้ำ�เต้า หัวหอม
2. สีโปสเตอร์ (สีเข้ม) และจานสี
3. มีด (เพื่อความปลอดภัย ไม่ควรใช้มีดปลายแหลม)
4. เขียง
5. กระดาษสีขาว หรือสีอ่อน
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม แล้วอภิปรายกับนักเรียนว่าในการตัดสิ่งต่าง ๆ เราสามารถกำ�หนดแนวการตัดของมีด
เมื่อเทียบกับเขียงได้ในลักษณะใดบ้าง โดยครูอาจตรวจสอบความเข้าใจของนักเรียนด้วยการปฏิบัติ สมมุติให้มือ
ข้างหนึ่งเป็นมีด และอีกข้างหนึ่งเป็นเขียง แล้วให้นักเรียนแสดงท่าทางตามที่ครูกำ�หนด เช่น
2. ครูให้นกั เรียนแต่ละกลุม
่ เลือกผักหรือผลไม้มา 1 ชนิด พร้อมทัง้ ระบุลกั ษณะของผักหรือผลไม้ชนิดนัน
้ ว่าคล้ายรูปเรขาคณิต
สามมิติชนิดใด จากนั้น เลือกแนวที่จะตัด แล้วทายว่าหน้าตัดที่ได้จะเป็นรูปเรขาคณิตอะไร เพื่อตรวจสอบคำ�ตอบ
ให้จุ่มส่วนที่เป็นหน้าตัดลงในจานสีที่มีสีโปสเตอร์ แล้วปั๊มลงในกระดาษขาวหรือกระดาษสีอ่อน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 271
3. ทำ�เช่นเดิมอีกครัง้ โดยใช้ผลไม้ชน
ิ้ เดิม และแนวการตัดเดิม แต่เปลีย่ นตำ�แหน่งทีต
่ ด
ั ไป เพือ
่ ศึกษาว่าหน้าตัดเปลีย่ นแปลง
ไปหรือไม่ อย่างไร
4. ใช้ผักหรือผลไม้ชนิดเดิม แต่เปลี่ยนแนวการตัด เพื่อศึกษาว่าหน้าตัดมีลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ อย่างไร
5. เปลีย่ นชนิดของผักหรือผลไม้ ลองตัดด้วยแนวการตัดและตำ�แหน่งทีแ่ ตกต่างกันไป เพือ
่ ศึกษาลักษณะของหน้าตัดทีไ่ ด้
6. เมื่อนักเรียนทุกกลุ่มปั๊มหน้าตัดที่ได้จากการตัดผัก หรือผลไม้ชนิดต่าง ๆ แล้ว ครูอภิปรายกับนักเรียนว่า ลักษณะของ
หน้าตัดที่ได้จากการตัดผักหรือผลไม้ขึ้นอยู่กับปัจจัยใดบ้าง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
272 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยกิจกรรม : เด็กปั๊ม
ในการตัดพืช ผัก หรือผลไม้ จะได้หน้าตัดในหลากหลายลักษณะ ซึ่งจากกิจกรรมนี้ครูควรให้นักเรียนสรุปได้ว่า ลักษณะ
ของหน้าตัดจะเป็นอย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้
1. รูปร่างหรือลักษณะของพืช ผัก หรือผลไม้
2. แนวการตัด
3. ตำ�แหน่งที่ตัด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 273
กิจกรรม : หัวผักของฉัน
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้นักเรียนสำ�รวจหน้าตัดของรูปเรขาคณิตสามมิติ เช่น ปริซึม ทรงกระบอก พีระมิด
กรวย และทรงกลม ในแนวการตัดต่าง ๆ โดยจะจำ�ลองสถานการณ์การตัดรูปเรขาคณิตสามมิตเิ หล่านัน
้ ผ่านการตัดผัก หรือผลไม้
โดยมีอุปกรณ์และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
1. ผัก หรือผลไม้ ที่มีลักษณะคล้ายทรงกระบอก เช่น ไชเท้า หรือแคร์รอต อย่างน้อย 2 หัว
2. ผัก หรือผลไม้ ที่มีลักษณะคล้ายทรงกลม เช่น มะนาว หรือ ส้ม
3. มีด (เพื่อความปลอดภัย ไม่ควรใช้มีดปลายแหลม)
4. เขียง
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม แล้วให้นักเรียนตัดผักหรือผลไม้ตามขั้นตอนในกิจกรรม โดยก่อนตัดให้นักเรียนนึก
ภาพลักษณะของหน้าตัดที่จะได้ และอาจให้นักเรียนวาดภาพที่นึกได้ลงในกระดาษ
2. เมื่อตัดแล้วให้นักเรียนตรวจสอบว่าสอดคล้องกับภาพที่นึกไว้หรือวาดไว้หรือไม่
3. ครูนำ�อภิปรายด้วยการถามถึงลักษณะของหน้าตัดที่นักเรียนนึกภาพไว้ และที่ได้จากการตัดจริง รวมถึงการเปลี่ยน
ตำ�แหน่งที่ตัด และแนวการตัด จะทำ�ให้ภาพหน้าตัดเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรโดยไม่ต้องวาดภาพ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
274 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยกิจกรรม : หัวผักของฉัน
แนวการตัด
ไม่ตั้งฉากและ
ตั้งฉากกับฐาน ขนานกับฐาน
ลักษณะของ ไม่ขนานกับฐาน
ไชเท้าที่ตัดแต่งแล้ว
คำ�ตอบมีมากกว่าหนึ่งอย่าง เช่น
รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
ปริซึมสี่เหลี่ยมมุมฉาก รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก
รูปสามเหลี่ยม
รูปสี่เหลี่ยมคางหมู
คำ�ตอบมีมากกว่าหนึ่งอย่าง เช่น
ทรงกระบอก รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก วงกลม
วงรี รูปสี่เหลี่ยม
รูปสามเหลี่ยม
วงรี หรือส่วนหนึ่งของวงรี
กรวย (ตัดผ่านจุดยอด) วงกลม
(ตัดผ่านฐาน)
หรือ พาราโบลา
เฉลยคำ�ถามท้ายกิจกรรม : หัวผักของฉัน
1. หน้าตัดที่เกิดจากการตัดแบ่งครึ่งมะนาวและส้มจะมีลักษณะคล้ายวงกลมเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือขนาด
เนื่องจากส้มมีขนาดใหญ่กว่า ดังนั้น หน้าตัดของส้มจึงมีลักษณะคล้ายวงกลมที่มีขนาดใหญ่กว่าหน้าตัดของมะนาว
2. ถ้าเราตัดมะนาวในแนวตั้งฉากกับเขียงในตำ�แหน่งที่แตกต่างกัน ในการตัดแต่ละครั้งจะได้หน้าตัดที่มีลักษณะคล้าย
วงกลมเหมือนกัน แต่มีขนาดแตกต่างกัน
3. ต้องตัดแบ่งครึ่ง นั่นคือตำ�แหน่งตรงกลางของผลมะนาว
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 275
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 5.1
งานที่เกี่ยวข้องกับการนึกภาพหน้าตัด เช่น นวัตกรรมการพิมพ์ภาพสามมิติ ที่เรียกว่า 3D printing โดยใช้
เครื่องพิมพ์ภาพ 3 มิติ (3D printer) ซึ่งส่วนใหญ่ใช้หลักการเดียวกัน คือ พิมพ์ภาพ 2 มิติทีละชั้น
ในแนวขนานกับพื้นโลกก่อน จากนั้น เครื่องจะเลื่อนฐานพิมพ์ไปพิมพ์ชั้นถัดไป พิมพ์ไปเรื่อย ๆ หลายร้อย
หลายพัน จนออกมาเป็นรูปสามมิติ นัน
่ คือ 3D printing จะวิเคราะหฺห
์ น้าตัดของรูปสามมิตท
ิ อ
ี่ อกแบบด้วย
ระนาบในแนวขนานกับพื้นโลก แล้วพิมพ์ทีละหน้าตัด
ชวนคิด 5.2
จาก “กิจกรรม : เด็กปั๊ม” เมื่อใช้มีดตัดผักหรือผลไม้แต่ละครั้ง จะได้หน้าตัดสองหน้า โดยหน้าตัดแต่ละหน้า
จะปรากฏอยูบ
่ นผักหรือผลไม้ทถ่ี กู ตัดทัง้ สองส่วน ซึง่ นักเรียนจะพบว่าหน้าตัดแต่ละหน้า จะเป็นรูปทีเ่ หมือนกัน
และทับกันสนิท (ไม่ใช้คำ�ว่ารูปที่เท่ากันทุกประการ เนื่องจากนักเรียนยังไม่รู้จักความเท่ากันทุกประการ)
ชวนคิด 5.3
✤ หน้าตัดส่วนทีค
่ ล้ายรูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้า 3 รูป เกิดจากรูปเรขาคณิตสามมิตท
ิ ม
ี่ ลี ก
ั ษณะคล้ายปริซม
ึ สีเ่ หลีย่ ม
มุมฉาก
✤ หน้าตัดส่วนทีค
่ ล้ายรูปสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั 2 รูป เกิดจากรูปเรขาคณิตสามมิตท
ิ ม
ี่ ลี ก
ั ษณะคล้ายปริซม
ึ สีเ่ หลีย่ ม
มุมฉาก
✤ หน้าตัดส่วนที่คล้ายวงกลม 1 รูป เกิดจากรูปเรขาคณิตสามมิติที่มีลักษณะคล้ายทรงกระบอก
✤ หน้าตัดส่วนที่คล้ายรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก 2 รูป เกิดจากรูปเรขาคณิตสามมิติที่มีลักษณะคล้ายปริซึม
สามเหลี่ยมมุมฉาก
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
276 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 5.1
1) 2) 3) 4)
5) 6) 7) 8)
หรือ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 277
ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
-
สื่อที่แนะนำ�ให้ใช้ในข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
1. ภาพการมองด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบนในชีวิตจริง เช่น ภาพถ่ายทรงผม ภาพถ่ายรถยนต์ แบบแปลนบ้าน
2. ชุดลูกบาศก์ 64 (มีจำ�หน่าย ณ ร้านศึกษาภัณฑ์พาณิชย์)
3. รูปคลี่ของลูกบาศก์
4. กระดาษจุด
5. อุปกรณ์ของกิจกรรมเสนอแนะ 5.2 ก : มองด้านไหนดี
6. ใบกิจกรรมเสนอแนะ 5.2 ก : มองด้านไหนดี
7. อุปกรณ์ของกิจกรรมเสนอแนะ 5.2 ข : ก่อร่างสร้างรูปเรขาคณิตสามมิติ
ข้อเสนอแนะในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
ในหัวข้อนีเ้ ป็นเรือ
่ งเกีย่ วกับภาพทีไ่ ด้จากการมองด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบน ของรูปเรขาคณิตสามมิติ การจัดกิจกรรม
ควรเน้นให้นก
ั เรียนได้ใช้การนึกภาพ และความรูส
้ ก
ึ เชิงปริภม
ู ิ ในการมองภาพจากวัตถุจริงซึง่ เป็นรูปธรรม เพือ
่ ระบุเป็นภาพทีเ่ กิด
จากการมองด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบน ของวัตถุนั้น กิจกรรมที่ครูควรจัดมีดังนี้
1. ครูควรแสดงให้นักเรียนเห็นถึงความสำ�คัญของการมองด้านต่าง ๆ รูปเรขาคณิตในชีวิตจริง เช่น ในการเขียนแบบ
เพื่อสร้างสิ่งต่าง ๆ อย่างไรก็ดี ครูควรชี้แจงให้นักเรียนทราบว่า การเขียนแบบในชีวิตจริง อาจมีการมองภาพ
ด้านต่าง ๆ มากกว่าสามด้าน เช่น ด้านหน้า ด้านข้างทางซ้าย ด้านข้างทางขวา ด้านหลัง ด้านบน หรือด้านล่าง
แต่หนังสือเล่มนี้จะเน้นการมองเพียงสามด้าน คือ ด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบน เท่านั้น โดยกำ�หนดให้ด้านใด
ด้านหนึ่งของวัตถุเป็นด้านหน้า และกำ�หนดภาพด้านอื่น ๆ ดังรูป
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
278 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ด้านบน
o
90
ด้านหน้า ด้านข้าง
o
90
การเรียงลูกบาศก์สองลูก
ตัวอย่างการเรียงลูกบาศก์สามลูก
3. ครูควรเน้นให้นก
ั เรียนทราบว่า การเขียนตัวเลขแสดงจำ�นวนลูกบาศก์มค
ี วามสำ�คัญ เนือ
่ งจากจะทำ�ให้เห็นลักษณะ
การจัดเรียงของลูกบาศก์อย่างชัดเจน เพราะในบางกรณี แม้ภาพที่ได้จากการมองด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบน
ของรูปเรขาคณิตสามมิติสองรูปจะเหมือนกัน แต่ลักษณะการจัดเรียงของลูกบาศก์ในแต่ละรูปอาจแตกต่างกัน
จึงจำ�เป็นต้องเขียนตัวเลขแสดงจำ�นวนลูกบาศก์กำ�กับเพื่อให้เห็นการจัดเรียงที่แตกต่างนั้น ดังแสดงในสองรูปนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 279
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
280 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
อุปกรณ์
1. กล่องทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก เช่น กล่องยาสีฟัน กล่องสบู่ หรือกล่องนม
2. ใบกิจกรรมเสนอแนะ 5.2 ก : มองด้านไหนดี
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแบ่งกลุม
่ นักเรียน แล้วแจกกล่องทรงสีเ่ หลีย่ มมุมฉากทีม
่ ลี ก
ั ษณะเหมือนกันให้ทก
ุ กลุม
่ จากนัน
้ ให้แต่ละกลุม
่ เลือกว่า
จะเริ่มมองภาพด้านหน้าของกล่องทรงสี่เหลี่ยมมุมฉากจากด้านใดก่อนก็ได้
2. ครูให้นักเรียนแต่ละกลุ่มวางกล่องที่ได้รับบนโต๊ะ โดยแต่ละกลุ่มจะวางในตำ�แหน่งใดก็ได้
3. ครูให้นักเรียนวาดรูปกล่องแล้วแสดงทิศทางการมองด้านหน้าในใบกิจกรรมเสนอแนะ 5.2 ก : มองด้านไหนดี จากนั้น
ให้นักเรียนพลิกกล่องแล้ววาดภาพที่ได้จากการมองด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบน ในใบกิจกรรม
4. ครูให้นก
ั เรียนแต่ละกลุม
่ นำ�เสนอภาพทีไ่ ด้จากการมองด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบนของกล่องทีม
่ ล
ี ก
ั ษณะเหมือนกัน
ของแต่ละกลุ่ม แล้วอภิปรายเปรียบเทียบภาพที่ได้ ในกรณีท่ีแต่ละกลุ่มเลือกทิศทางการมองของภาพด้านหน้า
เหมือนกันและแตกต่างกัน
5. ครูสรุปความสำ�คัญของการกำ�หนดทิศทางการมองของภาพด้านหน้า ว่าจะมีผลต่อภาพด้านต่าง ๆ ทีไ่ ด้ โดยเมือ
่ กำ�หนด
ให้ด้านใดด้านหนึ่งของวัตถุเป็นด้านหน้า ด้านข้างต้องเป็นด้านที่มองวัตถุนั้นด้วยมุมมอง 90 องศา จากด้านหน้า
ไปทางขวา และด้านบนจะต้องเป็นด้านที่มองวัตถุนั้นด้วยมุมมอง 90 องศา จากด้านหน้าขึ้นไปข้างบน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 281
คำ�ชี้แจง
จงกำ�หนดทิศทางการมองด้านหน้าของกล่องโดยวาดรูปกล่องในตาราง จากนั้นเขียนภาพที่ได้จากการมอง
ด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบน ของกล่อง
รูปเรขาคณิตสามมิติที่ได้รับ
ด้านหน้า
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
282 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
รูปเรขาคณิตสามมิติที่ได้รับ
ด้านหน้า
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 283
อุปกรณ์
1. ลูกบาศก์ กลุ่มละประมาณ 20 ลูก (อาจให้นักเรียนช่วยกันสร้างจากรูปคลี่ หรือใช้ชุดลูกบาศก์ 64)
2. บัตรภาพลูกบาศก์
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม แล้วแจกลูกบาศก์ให้กลุ่มละประมาณ 20 ลูก
2. ครูแจกบัตรภาพลูกบาศก์ซึ่งแสดงภาพที่ได้จากการมองด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบน ของรูปเรขาคณิตสามมิติ
ทีป
่ ระกอบขึน
้ จากลูกบาศก์พร้อมตัวเลขแสดงจำ�นวนลูกบาศก์ แล้วให้นก
ั เรียนแต่ละกลุม
่ แข่งกันต่อลูกบาศก์ให้ได้ตรง
ตามบัตรภาพ กลุ่มใดต่อได้ถูกต้องและรวดเร็วที่สุดเป็นกลุ่มที่ชนะ
3. เมื่อได้ผู้ชนะในรอบแรกแล้วครูจึงแจกบัตรภาพลูกบาศก์รูปอื่น ๆ ให้นักเรียนแข่งขันต่อ โดยอาจเพิ่มความท้าทายคือ
ให้มน
ี ก
ั เรียนเพียงหนึง่ คนทำ�หน้าทีป
่ ระกอบลูกบาศก์ โดยให้ยน
ื ห่างจากเพือ
่ นในกลุม
่ ประมาณ 2 เมตร และไม่สามารถ
มองเห็นภาพจากบัตรภาพ จากนั้น ให้เพื่อนในกลุ่มบอกกับนักเรียนที่ทำ�หน้าที่ประกอบลูกบาศก์ตามคำ�บอก เพื่อฝึก
ทักษะด้านการสื่อสาร
4. นักเรียนกลุ่มที่สามารถต่อลูกบาศก์ได้ถูกต้องและรวดเร็วมากที่สุด เป็นผู้ชนะ
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
284 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ตัวอย่างบัตรภาพกิจกรรมเสนอแนะ 5.2 ข :
ก่อร่างสร้างรูปเรขาคณิตสามมิติ
1 1 1 3 3 3 1 3
1 1 1 1 1 1 1 3
3 3 3 2 1 1 1 3 4 4
เฉลยตัวอย่างบัตรภาพกิจกรรมเสนอแนะ 5.2 ข :
ก่อร่างสร้างรูปเรขาคณิตสามมิติ
3 3 3 1
1 1 1 1
1 1 1
ภาพด�านบน
1 1 1 3
1 1 1 3
3 3 3 2 3 4 4
ภาพด�านหน�า ภาพด�านข�าง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 285
เฉลยชวนคิด
ชวนคิด 5.4
ไม่จำ�เป็นที่ภาพด้านหน้า ภาพด้านข้าง และภาพด้านบน ของวัตถุสามมิติหนึ่งจะแตกต่างกันเสมอ เช่น
ลูกบาศก์เป็นวัตถุสามมิตท
ิ ม
ี่ ภ
ี าพด้านหน้า ภาพด้านข้าง และภาพด้านบน เป็นภาพเดียวกัน คือ รูปสีเ่ หลีย่ ม
จัตุรัสที่แบ่งเป็นช่องรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส 9 ช่อง ทั้งสามรูป หรืออีกตัวอย่างหนึ่งคือ ทรงกลม มีภาพด้านหน้า
ภาพด้านข้าง และภาพด้านบน เป็นภาพเดียวกัน คือ วงกลม ที่มีรัศมีเท่ากันทั้งสามรูป
ชวนคิด 5.5
1. เท่ากัน
2. จำ�นวนของลูกบาศก์ทั้งหมดที่ประกอบขึ้นเป็นรูปเรขาคณิตสามมิติ
ชวนคิด 5.6
ยังมีคำ�ตอบอื่นได้อีก เนื่องจากอาจมีลูกบาศก์ที่ถูกซ่อนอยู่ด้านหลัง ซึ่งทำ�ให้ไม่สามารถมองเห็นจากการ
มองด้านหน้า หรืออาจมีลูกบาศก์ที่ถูกซ่อนอยู่ด้านข้างอีกด้านหนึ่งที่ทำ�ให้ไม่สามารถมองเห็นจากการมอง
ด้านข้าง ดังภาพ
1
มีลูกบาศก�วางอย�ูด�านหลัง 1 ลูก มีลูกบาศก�วางอย�ูด�านข�าง 1 ลูก
3 2 1 1 3 2 1
2 2
2 2
1 1 1 1 1 1
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 1 1
1 3 1 1 2 1 3 1 1 2
3 4 2 3 1 1 3 1 1 2 4 2 3 1 1 4
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
286 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยแบบฝึกหัด
แบบฝึกหัด 5.2 ก
1. 1) ค 2) ง 3) ก 4) จ 5) ข
2. 1) ข 2) ค 3) ฉ 4) จ 5) ง
3. 1) ง 2) ค 3) ฉ 4) ข 5) ก
แบบฝึกหัด 5.2 ข
1. 1) 2)
1
1 1 3 1
1 1
1 1 1
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1
1 1
1 3 2 2 1 2 1 3 1 1 1 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 287
3) คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
2 1 2
3 3
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 1 1
2 1 1 2 1 1
2 1 1 1 2 1 2
4) คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
1
3 2 1 3 2 1
1 1
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 1 1
1 1 2 1 1 2
2 1 1 1 3 3 1 1 1 3 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
288 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
5) คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
1
1 1 1 4 1 1 1 4
1 1
2 2
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 1 1
1 1 1 1
1 1 1 1 1 1 1 1
3 1 1 1 1 1 4 3 1 2 1 1 1 4 1
6) คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
1 1
1 1 1
2 2
1 1 1 1 1 1
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 1 1
1 4 1 3 1 1 1 2 4 1 3 1 2 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 289
7) คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
1 1
1 1 1
3 3
1 1
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 1 1
1 1 1 1
4 1 1 1 1 1 4 1 1 2 1
8) คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
1
3 4 3 1 3 4 3 1
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 1 1
1 1 1 3 1 1 1 3
1 1 1 3 1 1 1 3
1 1 1 1 4 2 1 1 1 4 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
290 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
9) คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
3 1 3 1
1 1 1
2 2
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 1 1
2 1 1 2 1 1
3 1 1 1 2 1 3 1 1 2 2
2 2 2
4 4 4 4
3 2 3 2
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 2 1 1 2
2 1 1 2 2 1 1 2
2 3 2 2 1 3 3 2 2 2
2 3 2 2 1 3 3 2 2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 291
1 2 3 2
4 4 4 4
3 2 3 2
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 2 1 1 2
2 1 1 2 3 1 1 2 1
2 3 2 2 1 3 3 2 2 2
3 3 2 2 2 3 3 2 2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
292 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
กิจกรรมท้ายบท : มิติหรรษา
กิจกรรมนี้ เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฝึกทักษะการมองภาพสามมิติ โดยอาศัยการจินตนาการรูปเรขาคณิต
สามมิติที่เกิดจากการหมุนรูปเรขาคณิตสองมิติรอบแกน หรือเลื่อนรูปเรขาคณิตสองมิติขึ้นหรือลงตามแกน เพื่อพัฒนาความรู้สึก
เชิงปริภูมิและความคิดสร้างสรรค์ โดยมีอุปกรณ์และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
1. กระดาษแข็งขนาด 20 × 30 ตารางเซนติเมตร 1 แผ่น
2. ไม้เสียบลูกชิ้น 1 ไม้
3. เทปใส หรือกระดาษกาวย่น
4. กรรไกร
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
1. ครูให้นักเรียนเตรียมอุปกรณ์เพื่อสำ�รวจการหมุนรูปเรขาคณิตสองมิติรอบแกน โดยให้นักเรียนเลือกรูปเรขาคณิตสอง
มิติที่ไม่ซับซ้อน เช่น รูปสี่เหลี่ยม รูปสามเหลี่ยม วงกลม เป็นต้น ซึ่งในที่นี้จะนำ�เสนอการหมุนรูปสามเหลี่ยม
2. ครูให้นก
ั เรียนตัดกระดาษแข็งเป็นรูปสามเหลีย่ ม เจาะรู 2 รู แล้วสอดไม้เสียบลูกชิน
้ ผ่านรูทเี่ จาะไว้ ใช้เทปใสติดไม้เสียบ
ลูกชิ้นกับกระดาษแข็งตรงรอยเจาะให้แน่น ดังรูป
หากนักเรียนเลือกรูปสี่เหลี่ยมหรือวงกลม ให้เตรียมอุปกรณ์ในลักษณะเดียวกัน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 293
การหมุนรูปสี่เหลี่ยม การหมุนวงกลม
5. ครูให้นก
ั เรียนเตรียมอุปกรณ์เพือ
่ สำ�รวจการเลือ
่ นรูปเรขาคณิตสองมิตต
ิ ามแกน โดยให้นก
ั เรียนเลือกรูปเรขาคณิตสองมิติ
ที่ไม่ซับซ้อน เช่น รูปสี่เหลี่ยม รูปสามเหลี่ยม วงกลม เป็นต้น ซึ่งในที่นี้จะนำ�เสนอการเลื่อนรูปวงกลม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
294 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
6. ครูให้นก
ั เรียนตัดกระดาษแข็งเป็นรูปวงกลม เจาะรูตรงจุดศูนย์กลางของวงกลม แล้วสอดไม้เสียบลูกชิน
้ ผ่านรูทเี่ จาะไว้
พร้อมทั้งทดสอบว่าสามารถเลื่อนแผ่นกระดาษแข็งรูปวงกลมตามแนวของไม้เสียบลูกชิ้นได้หรือไม่
7. ครูให้นักเรียนลองเลื่อนรูปเรขาคณิตสองมิติที่เตรียมไว้ในข้อ 6 โดยเลื่อนแผ่นกระดาษแข็งตามทิศทางของลูกศร
พร้อมทั้งสังเกตและจินตนาการว่าเป็นรูปเรขาคณิตสามมิติชนิดใด ซึ่งนักเรียนควรสังเกตได้ว่ารูปที่ได้จากการเลื่อน
วงกลมเป็นทรงกระบอก ดังรูป
การเลื่อนวงกลมไปตามแกน เมื่อแกนอยู่ในแนวจุดศูนย์กลางของวงกลม
8. ครูตงั้ คำ�ถามให้นก
ั เรียนคิด เช่น เป็นไปได้หรือไม่วา่ เราสามารถหมุนรูปเรขาคณิตสองมิตโิ ดยทีไ่ ม่มส
ี ว่ นใดส่วนหนึง่ ของ
รูปเรขาคณิตสองมิติสัมผัสกับแกน ซึ่งนักเรียนอาจตอบว่าได้หรือไม่ได้
9. กิจกรรมต่อไป ให้นักเรียนทำ�กิจกรรมเป็นกลุ่ม โดยทำ�อุปกรณ์ในทำ�นองเดียวกับข้อ 2 และข้อ 6 เมื่อตัดกระดาษแข็ง
เป็ น รู ป เรขาคณิ ต สองมิ ติ แ ล้ ว ทดลองหมุ น รอบแกนหรื อ เลื่ อ นตามแกนในลั ก ษณะเดี ย วกั บ ข้ อ 1)–8) ของ
กิจกรรมท้ายบท : มิติหรรษา ในหนังสือเรียน แล้วจดบันทึกรูปเรขาคณิตสามมิติที่จินตนาการได้ในแบบบันทึก
“รูปในจินตนาการ”
10. ครูนำ�นักเรียนอภิปรายในประเด็นที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างรูปเรขาคณิตสองมิติและรูปเรขาคณิตสามมิติ
เช่น รูปเรขาคณิตสามมิติที่เกิดจากการหมุนหรือเลื่อนรูปเรขาคณิตสองมิติแต่ละรูปมีความสัมพันธ์กันหรือไม่ อย่างไร
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 295
เฉลยกิจกรรมท้ายบท : มิติหรรษา
1) 2)
3) 4)
5) 6)
7) 8)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
296 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เฉลยแบบฝึกหัดท้ายบท
1. 1) (1) ขนานกับฐาน (2) รูปสี่เหลี่ยมคางหมู
2) (1) ตั้งฉากกับฐาน (2) รูปสี่เหลี่ยมมุมฉาก (3) ส่วนหนึ่งของวงกลม
3) (1) ขนานกับฐาน (2) รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส (3) รูปสี่เหลี่ยมคางหมู
2. 1)
2 1
1
1
ภาพด�านบน
1 1
3 1 1 1 2
ภาพด�านหน�า ภาพด�านข�าง
2) มีสองคำ�ตอบคือ
1 1 1
1 2 1 2
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 1 1
1 2 2 1 2 2 2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 297
3) คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
4 3 1 1
1 1 4 3 1
1 1 1 1
1 1 1
1
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 1 1
1 1 2 1 1 2
1 1 2 1 1 2
1 4 2 1 1 2 2 3 1 5 2 1 1 2 2 3 1
4) คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
1 1
1 1 1 1 1 1
1 1 1
1 2 1
1 1 1 1 1 1
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1
3 2 4 1 3 1 2 3 1 2 3 4 1 3 2 1 3 1
4. 1) ค. 2) ข. 3) ค.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
298 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
5. 1) คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
3 1 1 3 1
2 2
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 1 1
2 1 1 2 1 1
2 1 1 2 1 2 1 1 3
2) คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
1 1 1 1 1 1 1 1
1 1 1 1 1
2 2
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 1 1
3 2 1 1 1 2 4 1 3 2 1 1 1 3 4
3) คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
3 1 3
2 1 2 1
1 1 1 1
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 1 1
2 1 1 2 1 1
2 2 1 2 2 1 1 2 2 1 2 2 2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 299
4) คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
3 1 3
3 2 2 3 2 2
1 1 1 1
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
2 1 1 2 1 1
2 1 1 3 1 2 1 1 3 1
3 2 1 2 3 1 1 3 2 1 2 3 2
5) คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
1
3 2 2 3 2 2
3 1 2 1 3 1 2 1
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
2 1 1 2 1 1
2 1 2 2 3 2 1 2 2 3
2 2 2 1 4 3 3 2 2 1 4 3 1
6) คำ�ตอบมีได้หลากหลาย เช่น
1
3 2 1 3 2 1
1 1 1 1
ภาพด�านบน ภาพด�านบน
1 1 1 1
1 1 2 1 1 2
1 2 2 2 3 2 2 2 2 3 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
300 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. หน้าตัดที่ได้จากการตัดรูปเรขาคณิตสามมิติด้วยระนาบในแนวการตัดตามรูป ตรงกับข้อใด (1 คะแนน)
ก. รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ข. รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ค. รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ง. รูปสี่เหลี่ยมคางหมู
จ. รูปสามเหลี่ยม ฉ. รูปห้าเหลี่ยม
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 301
จงหาว่าถ้าส้มโอใช้โดรนบินขึ้นไปถ่ายรูปตึกนี้จากด้านบน ภาพถ่ายนั้นจะมีลักษณะคล้ายรูปเรขาคณิตสองมิติตามข้อใด
(1 คะแนน)
ก. ข.
ค. ง.
ก. ข.
ค. ง.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
302 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
4. จากรูปเรขาคณิตสามมิติที่ประกอบขึ้นจากลูกบาศก์ที่กำ�หนดให้ต่อไปนี้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 303
เฉลยตัวอย่างแบบทดสอบท้ายบท
1. หน้าตัดที่ได้จากการตัดรูปเรขาคณิตสามมิติด้วยระนาบในแนวการตัดตามรูป ตรงกับข้อใด (1 คะแนน)
ก. รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ข. รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า
ค. รูปสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน ง. รูปสี่เหลี่ยมคางหมู
จ. รูปสามเหลี่ยม ฉ. รูปห้าเหลี่ยม
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 1 นั ก เรี ย นสามารถอธิ บ ายลั ก ษณะของหน้ า ตั ด ที่ ไ ด้ จ ากการตั ด รู ป เรขาคณิ ต สามมิ ติ ด้ ว ยระนาบในทิ ศ ทาง
ที่กำ�หนดให้
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบไม่ถูกต้องหรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
304 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
จงหาว่าถ้าส้มโอใช้โดรนบินขึ้นไปถ่ายรูปตึกนี้จากด้านบน ภาพถ่ายนั้นจะมีลักษณะคล้ายรูปเรขาคณิตสองมิติตามข้อใด
(1 คะแนน)
ก. ข.
ค. ง.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 305
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถระบุภาพที่ได้จากการมองด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบนของรูปเรขาคณิตสามมิติ
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
ก. ข.
ค. ง.
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 2 นักเรียนสามารถระบุภาพที่ได้จากการมองด้านหน้า ด้านข้าง และด้านบนของรูปเรขาคณิตสามมิติ
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 1 คะแนน
ตอบถูกต้อง ได้ 1 คะแนน ตอบไม่ถูกต้อง หรือไม่ตอบ ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
306 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
4. จากรูปเรขาคณิตสามมิติที่ประกอบขึ้นจากลูกบาศก์ที่กำ�หนดให้ต่อไปนี้
ตอบ
1 1
1 2 1 2 3 2 1
1 2 2 2 4 3 1 1 2 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 307
1 1 1
1 2 1 2 3 2 1
1 3 2 2 4 3 1 1 1 2 1
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของบทเรียน
ข้อ 3 นั ก เรี ย นสามารถเขี ย นภาพที่ ไ ด้ จ ากการมองด้ า นหน้ า ด้ า นข้ า ง และด้ า นบนของรู ป เรขาคณิ ต สามมิ ติ
ที่ประกอบขึ้นจากลูกบาศก์
เกณฑ์การให้คะแนน คะแนนเต็ม 3 คะแนน ภาพละ 1 คะแนน
วาดภาพถูกต้อง ได้ 1 คะแนน วาดภาพไม่ถูกต้อง หรือไม่วาด ได้ 0 คะแนน
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
308 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ภาคผนวก
รูปคลี่ของรูปเรขาคณิตสามมิติแบบต่าง ๆ เพื่อครูสามารถนำ�ไป
ถ่ายเอกสาร ตัด แล้วประกอบเป็นรูปเรขาคณิตสามมิติชนิดต่าง ๆ ใช้เป็น
สื่อประกอบในการจัดการเรียนการสอนบทเรียนนี้ในชั้นเรียนได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 309
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
310 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 5 | รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ 311
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
312 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
กิจกรรมคณิตศาสตร์เชิงสะเต็ม : อุปกรณ์เฟอร์นิเจอร์อย่างง่าย
กิจกรรมคณิตศาสตร์เชิงสะเต็ม เป็นกิจกรรมคณิตศาสตร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตจริง ซึ่งใช้กระบวนการออกแบบเชิง
วิศวกรรม หรือศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง คือ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี มาช่วยในการแก้ปัญหา สำ�หรับกิจกรรมนี้ มีจุดประสงค์ให้
นักเรียนใช้ทักษะในการมองรูปเรขาคณิตสามมิติจากแบบร่างสองมิติในการศึกษาแบบ รวมทั้ง ออกแบบชิ้นงาน ซึ่งทักษะนี้เป็น
ทักษะที่ใช้ในชีวิตประจำ�วัน โดยเฉพาะการอ่านแบบสำ�หรับการประกอบเฟอร์นิเจอร์อย่างง่ายที่สามารถประกอบได้ด้วยตนเอง
ซึ่งนิยมใช้ในปัจจุบัน ทั้งนี้ ครูอาจให้นักเรียนทำ�กิจกรรมนี้นอกเวลาเรียน โดยมีอุปกรณ์และขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม ดังนี้
อุปกรณ์
✤ กระดาษลูกฟูก หรือ แผ่นพลาสติกลูกฟูก แผ่นใหญ่ 4 แผ่น
✤ ไม้บรรทัด 1 อัน
✤ ปากกาเมจิก 1 ด้าม
✤ กรรไกร หรือ คัตเตอร์ 1 เล่ม
ขั้นตอนการดำ�เนินกิจกรรม
สถานการณ์ 1
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุม
่ กลุม
่ ละ 3–4 คน แล้วให้นก
ั เรียนศึกษาแบบการสร้างและประกอบทีร่ องอ่านหนังสือ
อย่างง่ายที่กำ�หนด ซึ่งนักเรียนควรพิจารณาขนาดของกระดาษลูกฟูกที่มีขนาดของหนังสือที่ต้องการวาง เพื่อหา
ว่าควรกำ�หนดให้ระยะที่กำ�หนดไว้ในต้นแบบแต่ละช่องยาวเท่าไร และควรออกแบบการตัดชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้ตรง
ตามอัตราส่วนของความยาวด้านต่าง ๆ ที่กำ�หนดไว้ในแบบ
2. ครูควรแนะนำ�การแก้ปัญหาในระหว่างที่นักเรียนทำ�กิจกรรม เช่น เมื่อนักเรียนตัดกระดาษตามที่ร่างไว้ และนำ�
มาประกอบกันอาจเกิดปัญหาชั้นวางหนังสือไม่สามารถวางตัวบนพื้นได้ระดับพอดี หรือระนาบของแผ่นรองรับ
หนังสืออาจไม่เท่ากัน นักเรียนควรตัดหรือปรับชิ้นส่วนต่าง ๆ เพื่อให้ชั้นวางหนังสือที่ประกอบขึ้นสามารถวาง
ได้ระดับและใช้งานได้
3. เมื่อประกอบที่รองอ่านหนังสือแล้ว ครูควรให้นักเรียนลองนำ�หนังสือมารองอ่านจริง ๆ แล้วสำ�รวจว่ายังมีปัญหา
ในการใช้งานอะไรอีกบ้าง และสามารถปรับปรุงแบบของที่รองอ่านหนังสือได้อย่างไร เพื่อให้การใช้งานสะดวก
มากขึน
้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 313
สถานการณ์ 2
1. ครูแบ่งนักเรียนออกเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3–4 คน แล้วให้นักเรียนศึกษาสถานการณ์ ซึ่งสถานการณ์นี้มีจุดประสงค์
ให้ นั ก เรี ย นนำ � เอาหลั ก การยึ ด ของชิ้ น ส่ ว นกระดาษลู ก ฟู ก ที่ ไ ม่ จำ � เป็ น ต้ อ งใช้ ก าวหรื อ เทปในการยึ ด ชิ้ น ส่ ว น
เข้าด้วยกัน มาประดิษฐ์เป็นชั้นวางรองเท้าอย่างง่าย
2. ครูให้นก
ั เรียนลองร่างแบบลงบนกระดาษพร้อมทัง้ กำ�หนดขนาดของชัน
้ วางรองเท้าทีต
่ อ
้ งการก่อน โดยอาจใช้ขนาด
รองเท้าจริงของนักเรียนมาเป็นแบบ
3. ครูให้นักเรียนเขียนแบบกำ�หนดชิ้นส่วนต่าง ๆ ที่ต้องการ ว่าต้องมีชิ้นส่วนใด และลักษณะอย่างไรบ้าง
4. เมื่อได้แบบแล้ว ครูให้นักเรียนตัดกระดาษลูกฟูกตามแบบ และประกอบชั้นวางรองเท้าตามแบบที่เขียนไว้ สำ�รวจ
ปัญหาการใช้งานของชั้นวางรองเท้า ปรับปรุงชั้นวางรองเท้าให้ใช้งานได้จริง
5. เมื่อนักเรียนได้ชั้นวางรองเท้าตามที่ต้องการแล้ว ควรให้นักเรียนหาวิธีในการเขียนแบบการสร้างชั้นวางรองเท้า
เพื่อสื่อสารให้ผู้อื่นสามารถสร้างชั้นวางรองเท้าตามที่นักเรียนออกแบบมาได้
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
314 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
ความรู้เพิ่มเติมสำ�หรับครู
การใช้เครื่องคิดเลข
เครื่องคิดเลขที่แตกต่างกันจะมีความสามารถในการคำ�นวณและวิธีใช้แตกต่างกัน ในที่นี้จะกล่าวถึงการใช้เครื่องคิดเลข
ทั่วไป ซึ่งจะมีแป้นต่าง ๆ ดังนี้
3. แป้นหน่วยความจำ� เช่น MR , M+ , M–
4. แป้นการแก้ไขข้อมูล เช่น C , AC
✤ การเปิดและปิดเครื่องคิดเลข
✤ การลบข้อมูลในเครื่องคิดเลข
แป้น AC หรือ C (AC ย่อมาจาก All Clear และ C ย่อมาจาก Clear) ใช้สำ�หรับลบข้อมูลที่ปรากฏบน
แ ป้ น CE (ย่ อ มาจาก Clear Entry) ใช้ สำ � หรั บ ลบค่ า ที่ ใ ส่ เ ข้ า ไปครั้ ง สุ ด ท้ า ย ซึ่ ง เป็ น ค่ า ที่ ต้ อ งการแก้ ไ ข
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 315
สำ�หรับการเรียกใช้ขอ
้ มูลทีอ
่ ยูใ่ นหน่วยความจำ�บางเครือ
่ งอาจใช้แป้น MR กับแป้น MC ร่วมกันเป็นแป้น MRC
✤ การหาผลลัพธ์ทั่วไป
กดแป้น 1 2 + 6 – 4 + 2 =
ผลลัพธ์ 16
2. 20 ÷ (5 × 4) ÷ 2
ในกรณีนี้ จะต้องสั่งให้เครื่องคิดเลขคำ�นวณค่าที่อยู่ในวงเล็บ คือ (5 × 4) เก็บไว้ในหน่วยความจำ�
ก่อน แล้วนำ�ค่าที่ได้ไปหาร 20 และหารด้วย 2 อีกครั้ง ดังนี้
กดแป้น 5 × 4 M+
2 0 ÷ MR = ÷ 2 =
ผลลัพธ์ 0.5
การทำ � งานที่ ต้ อ งใช้ แ ป้ น M+ ทุ ก ครั้ ง ที่ แ ล้ ว เสร็ จ ต้ อ งกดแป้ น MC เพื่ อ ลบความจำ � เดิ ม
ก่อนเริ่มงานใหม่
3. 10 – [(3 – 7) × 2]
ในกรณีน้ี จะต้องสัง่ เครือ ่ ยูใ่ นวงเล็บ คือ [(3 – 7) × 2] เก็บไว้ในหน่วยความจำ�
่ งคิดเลขให้ค�ำ นวณค่าทีอ
ก่อน แล้วจึงนำ�ไปลบออกจาก 10 ดังนี้
กดแป้น 3 – 7 = × 2 M+
1 0 – MR =
ผลลัพธ์ 18
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
316 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
✤ การหาผลลัพธ์ที่ได้จากการดำ�เนินการจำ�นวนลบ
กดแป้น 8 + 5 + =
-
ผลลัพธ์ 3
2. -9 – (-4)
ใช้เครื่องคิดเลขหาค่าข้างต้นได้ดังนี้
กดแป้น 9 + – 4 +- =
-
ผลลัพธ์ -5
✤ การหาค่าของเลขยกกำ�ลัง
( )
3
◆ ต้องการหาค่าของ 1 + –6 กดแป้น 6 ÷ 5 + 1 = × = = ผ ล ลั พ ธ์ คื อ
5
10.648
2. จะสังเกตเห็นว่า การหาคำ�ตอบของเลขยกกำ�ลังนัน
้ จำ�นวนครัง้ ทีก
่ ดแป้น = จะน้อยกว่าเลขชีก
้ �ำ ลังอยูห
่ นึง่
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 317
✤ การเขียนจำ�นวนที่มีค่ามากให้อยู่ในรูปเลขยกกำ�ลัง
สำ�หรับเครือ
่ งคิดเลขแบบธรรมดาทีใ่ ช้กน
ั ทัว่ ไปซึง่ สามารถแสดงตัวเลขได้แปดหลัก จะแสดงผลลัพธ์ทแี่ ทนด้วยจำ�นวน
ที่เกินแปดหลักโดยใช้สัญลักษณ์ E เช่น เมื่อหาค่าของ 10,000,000 × 10 โดยใช้เครื่องคิดเลขดังนี้
กดแป้น 1 0 0 0 0 0 0 0 × 1 0 =
E
่ี รากฏบนจอคือ E1.0000000 ซึง่ E หมายถึง 10 และ 1.0000000 หมายถึง 1.0000000 × 10
8 8
ผลลัพธ์ทป
หรือ 100,000,000
ตัวอย่างผลลัพธ์ที่แทนด้วยตัวเลขที่เกินแปดหลัก
1. 586,000 × 1,731,000
ผลลัพธ์ที่ปรากฏบนจอคือ E 8
10143.660 เท่ากับ 10,143.660 × 10
2. 2,839 × 3,702 × 6,666
ผลลัพธ์ที่ปรากฏบนจอคือ E 8
700.59513 เท่ากับ 700.59513 × 10
หมายเหตุ สำ�หรับเครือ
่ งคิดเลขบางเครือ
่ งอาจจะแสดงตัวเลขได้มากกว่า 8 หลัก เช่น เครือ
่ งคิดเลขทีร่ บ
ั จำ�นวนได้ 12 หลัก
12
จะแสดงผลลัพธ์ที่แทนด้วยจำ�นวนที่เกินสิบสองหลักโดยใช้สัญลักษณ์ E ซึ่งหมายถึง 10
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
318 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
การใช้เครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร์
✤ การเขียนและการคำ�นวณเศษส่วนในรูปแบบต่าง ๆ
ในการใส่ค่าของเศษส่วนลงในเครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร์นั้น บางรุ่นสามารถใส่เศษส่วนโดยกดแป้น —
j หรือ
J
n n
d ( SHIFT p–
— P หรือ SHIFT U—
d ) แล้วใส่จำ�นวนเต็ม ตัวเศษ หรือตัวส่วนลงไป แต่บางรุ่นหน้าจอแสดงผลไม่สามารถ
P
วิทยาศาสตร์ เช่น
1. –3 กดแป้น 3 a b/c 5
5
ภาพที่ปรากฏบนจอคือ 3 5
1
2. -2– กดแป้น – 2 a b/c 1 a b/c 3
3
ภาพที่ปรากฏบนจอคือ -2 1 3
2 – 4–5 กดแป้น –
3. -1– 1 a b/c 2 a b/c 3 – 4 a b/c 5 a b/c 6 =
3 6
1
ผลลัพธ์ -6–
2
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 319
✤ การแสดงเศษส่วนและทศนิยม
เครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร์สามารถแสดงเศษส่วนให้อยู่ในรูปทศนิยม และแสดงทศนิยมให้อยู่ในรูปเศษส่วนได้
F ↔ D
ผลลัพธ์ 2.8
2. การแสดง -3.6 ให้อยู่ในรูปเศษส่วนหรือจำ�นวนคละ
กดแป้น – 3 . 6 =
F ↔ D
ผลลัพธ์ -3– 3
5
4 ให้อยู่ในรูปเศษเกิน
3. การแสดง 2–
5
กดแป้น 2 a b/c 4 a b/c 5 =
b d
SHIFT a–
c ↔ –
c
ผลลัพธ์ 14
—
5
กดแป้น 0 . 5 5 5 5 … 5 5 5 =
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
320 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
✤ การเขียนและการคำ�นวณเกี่ยวกับสัญกรณ์วิทยาศาสตร์
ในการใส่ค่าของสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ลงในเครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร์นั้น เราสามารถกดแป้นตามค่าที่เราต้องการจะ
หรือ 2 .
x
4 ×10 - 3
5 4
2. (4.5 × 10 ) + (5.1 × 10 )
กดแป้น ( 4 . 5 EXP 5 ) +
( 4 . 1 EXP 4 ) = (ไม่ต้องใส่วงเล็บก็ได้)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 321
แถบเมนู
กล่องเครื่องมือ แบบร่าง
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
322 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
เครื่องมือลูกศรย่อ/ขยาย ได้
เครื่องมือจุด ใช้เพื่อสร้างจุด
เครื่องมือวงเวียน ใช้เพื่อสร้างวงกลม
เครื่ อ งมื อ บริ เ วณภายในรู ป หลายเหลี่ ย ม ใช้ เ พื่ อ สร้ า งบริ เ วณภายใน
รูปหลายเหลี่ยม และสามารถเปลี่ยนเป็นเครื่องมือรูปหลายเหลี่ยมและบริเวณ
่ งมือข้อมูล
เครือ ใช้เพือ
่ สำ�รวจการสร้างในแบบร่างและสำ�รวจความสัมพันธ์
ระหว่างอ็อบเจกต์
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 323
A B
2. ใช้เครือ
่ งมือวงเวียนสร้างวงกลมโดยให้จด
ุ A เป็นจุดศูนย์กลางวงกลม รัศมียาวเท่ากับความยาวของส่วนของเส้นตรง
ที่สร้างขึ้น
A B
3. ใช้เครือ
่ งมือวงเวียนสร้างวงกลมโดยให้จด
ุ B เป็นจุดศูนย์กลางวงกลม รัศมียาวเท่ากับความยาวของส่วนของเส้นตรง
ทีส่ ร้างขึน
้ จากนัน
้ เลือกวงกลมทัง้ สองวง แล้วไปทีเ่ มนูสร้าง เลือกคำ�สัง่ จุดตัด (การสร้างวงกลมในขัน
้ ตอนที่ 2 และ 3
สามารถใช้ความยาวรัศมีอน
ื่ ทีส
่ ามารถทำ�ให้วงกลมทัง้ สองวงตัดกันได้ แต่วงกลมทัง้ สองวงต้องมีรศ
ั มียาวเท่ากันและ
ต้องยาวมากกว่าส่วนของเส้นตรง AB)
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
324 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
A B
A C B
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 325
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
326 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
บรรณานุกรม
ราชบัณฑิตยสถาน. (2546). ศัพท์วิทยาศาสตร์ อังกฤษไทย ไทยอังกฤษ ฉบับราชบัณฑิตยสถาน (พิมพ์ครั้งที่ 5). กรุงเทพฯ:
อรุณการพิมพ์.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน 327
คณะผู้จัดทำ�
คณะที่ปรึกษา
ดร.พรพรรณ ไวทยางกูร สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
รศ. ดร.สัญญา มิตรเอม สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.สุพัตรา ผาติวิสันติ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คณะผู้จัดทำ�คู่มือครู
ผศ. ดร.ชนิศวรา เลิศอมรพงษ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
นางเสาวรัตน์ รามแก้ว โรงเรียนทุ่งใหญ่วิทยาคม จังหวัดนครศรีธรรมราช
นายเชิดศักดิ์ ภักดีวิโรจน์ โรงเรียน ภ.ป.ร. ราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์
จังหวัดนครปฐม
นางมยุรี สาลีวงศ์ โรงเรียนสตรีสิริเกศ จังหวัดศรีสะเกษ
นายรัฐพล กัลพล โรงเรียนสาธิต “พิบูลบำ�เพ็ญ” มหาวิทยาลัยบูรพา
จังหวัดชลบุรี
นางสาวดนิตา ชื่นอารมณ์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวพิลาลักษณ์ ทองทิพย์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวจันทร์นภา อุตตะมะ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.รณชัย ปานะโปย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาววรนารถ อยู่สุข สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสาวสิริวรรณ จันทร์กูล สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ดร.อลงกต ใหม่ด้วง สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คณะผู้พิจารณาคู่มือครู
รศ. ดร.อัมพร ม้าคนอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผศ. ดร.ชนิศวรา เลิศอมรพงษ์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ผศ. ดร.วันดี เกษมสุขพิพัฒน์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ดร.ปานทอง กุลนาถศิริ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ผศ.ลัดดาวัลย์ เพ็ญสุภา สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางสุวรรณา คล้ายกระแส สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นายสมนึก บุญพาไสว สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
328 บทที่ 4 | ทศนิยมและเศษส่วน คู่มือครูรายวิชาพื้นฐาน | คณิตศาสตร์ เล่ม 1
คณะบรรณาธิการ
รศ. ดร.อัมพร ม้าคนอง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผศ. ดร.วันดี เกษมสุขพิพัฒน์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ดร.ปานทอง กุลนาถศิริ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ผศ.มาลินท์ อิทธิรส สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
คณะทำ�งานฝ่ายเสริมวิชาการ
ฝ่ายนวัตกรรมเพื่อการเรียนรู้ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
นางวนิดา สิงห์น้อย สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ออกแบบรูปเล่ม
บริษัท เธิร์ดอาย 1999 จำ�กัด
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี