Professional Documents
Culture Documents
แ
เฉ จ
พา ก
สร้างอนาคตเด็กไทย ะค ฟ
รูผ
ู้สอ ร
น ี
ด้วยนวัตกรรมการเรียนรูร
้ ะดับโลก
คู่มือครู
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÀÒÉÒä·Â ÇÃó¤´ÕáÅÐÇÃó¡ÃÃÁ Á. ๑
คูม
่ อ
ื ครู อจท.
ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสือเรียน
วิธีการสอนเพื่อยกผลสัมฤทธิ์
เพิ่ม ผ่านกระบวนการเรียนรู้ 5Es
ข้อสอบวัดความสามารถ
เพิ่ม
ด้านการเรียนตามแนวสอบ
O-NET ใหม่
ตัวอย่างข้อสอบ O-NET
เพื่อชี้แนะเนื้อหาที่เคย
เพิ่ม ออกข้อสอบ
กิจกรรมบูรณาการทักษะชีวิต
ใหม่
และการทำงานตามแนวคิด
เศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมเสริมสร้างประสบการณ์
พร้อม การเรียนรู้สอ
ู่ าเซียน
>> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสัง
่ ซือ
้ ของ อจท. ภาพปกนีม
้ ข
ี นาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
คู่มือครู บร. ภาษาไทย วรรณคดีฯ ม.1
ภาษาไทย
วรรณคดีและวรรณกรรม
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 สําหรับครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate Engage Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
สมรรถนะของผูเรียน
คุณลักษณะอันพึงประสงค
หน า หน า
โซน 1 หนั ง สื อ เรี ย น หนั ง สื อ เรี ย น โซน 1
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ขอสอบ O-NET
นักเรียนควรรู
บูรณาการเชื่อมสาระ
โซน 2 โซน 3 โซน 3 โซน 2
กิจกรรมสรางเสริม บูรณาการ
เศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมทาทาย
บูรณาการอาเซียน
มุม IT
2. สัญลักษณ
สัญลักษณ วัตถุประสงค สัญลักษณ วัตถุประสงค
คูม อื ครู
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es
ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ
วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย
ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้
ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ (Engage)
เสร�ม
เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ
และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ 3
สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง
แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน
คูม อื ครู
คําอธิบายรายวิชา
รายวิชา ภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม กลุมสาระการเรียนรู ภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 ภาคเรียนที่ 1-2
รหัสวิชา ท………………………………… เวลา 60 ชั่วโมง/ป
ตัวชี้วัด
ท 5.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5
รวม 5 ตัวชี้วัด
คูม อื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
ภาษาไทย
วรรณคดีและวรรณกรรม ม.๑
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ผูเรียบเรียง
นางฟองจันทร สุขยิ่ง
นางกัลยา สหชาติโกสีย
นางสาวศรีวรรณ ชอยหิรัญ
นายภาสกร เกิดออน
นางสาวระวีวรรณ อินทรประพันธ
ผูตรวจ
นางประนอม พงษเผือก
นางจินตนา วีรเกียรติสุนทร
นางวรวรรณ คงมานุสรณ
บรรณาธิการ
นายเอกรินทร สี่มหาศาล
รหัสสินคา ๒๑๑๑๐๐๘
¾ÔÁ¾¤ÃÑ駷Õè 7 คณะผูจัดทําคูมือครู
ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ 2141017 ประนอม พงษเผือก
พิมพรรณ เพ็ญศิริ
สมปอง ประทีปชวง
เกศรินทร หาญดํารงครักษ
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
ภาษาไทย
วรรณคดีและวรรณกรรม ม.๑
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
๑
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน วรรณคดีและวรรณกรรมเลมนี้ สรางขึ้นเพื่อใหเปนสื่อสําหรับ
ใชประกอบการเรียนการสอนในรายวิชาพื้นฐาน กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
โดยเนื้อหาตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลางขั้นพื้นฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทั้งความรูและ
ชวยพัฒนาผูเรียนตามหลักสูตรและตัวชี้วัด เนื้อหาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูตามโครงสรางรายวิชา
สะดวกแกการจัดการเรียนการสอนและการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอื่นๆ ที่จะชวยทําให
ผูเรียนไดรับความรูอยางมีประสิทธิภาพ
ºÍ¡àÅ‹Òà¡ŒÒÊÔº ໚¹àÃ×èͧ¹‹ÒÃÙŒà¾ÔèÁàµÔÁ¨Ò¡à¹×éÍËÒ
â´ÂÁÕá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ
¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ
Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹
ºÍ¡àÅ‹Òà¡ŒÒÊÔº
เรือสําเภา
ó
โดยสาร
ไดรับการออกแบบใหสามารถผ
าน
ทางแคบและกระแสนํ้าเชี่ยวได
หนวยที่ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อุสาบารส หอนางอุสา สําเภาจีน ๔ กระโดง เปนเรื
อ
จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดอุดรธานี สําเภาทีม่ เี สากระโดง ๔ เสา มีขนาดใหญ
สุภำษิตพระร่วง เหมาะสําหรับแลนในนํ้าลึก
ใชในการ
ตัวชี้วัด บรรทุกสินคาที่มีนํ้าหนัก ๕๐๐-๑,
๐๐๐
ตัน
■
■
สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท
วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน พรอ
(ท ๕.๑ ม.๑/๒)
๕.๑ ม.๑/๑)
มยกเหตุผลประกอบ
สุ
ภ าษิ ต หมายถึ ง ถ อ ยคํ า หรื อ ข อ ความ
ที่ ก ล า วสื บ ต อ กั น มาช า นานและมี ค วามหมายเป
น
■
■
อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ
สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุก
คติสอนใจ ดังที่ปรากฏในพระไตรปฎกหรือ
าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓)
ที่เรียกวา พระยากง พระยาพาน
ตใชในชีวิตจริง
พุทธศาสนสุภาษิต
(ท ๕.๑ ม.๑/๔)
คนไทยคงจะใชสุภาษิตซึ่งสวนใหญไดรับอิท
ธิพลจาก
พระพุทธศาสนามาสั่งสอนและแนะนําลูกหลาน
สาระการเรียนรูแกนกลาง แนวทางในการปฏิบตั ติ นไดอยางถูกตองเหมาะสม
เพื่อใหมี
■ การวิเคราะหคุณคาและขอคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม สุภาษิตเปนขอความขนาดสั้น สามารถจดจํ
เนือ่ งจาก พระปฐมเจดีย์
เรื่อง สุภาษิตพระรวง าไดงาย มีเนื้อหา
สาระลึกซึง้ กินใจ และสามารถนําไปเปนขอคิด
ในการดําเนินชีวติ จังหวัดนครปฐม
ไดเปนอยางดี จึงไดรับความนิยมแพรหลายและมี
การถายทอด
สืบตอกันมา ในสมัยหลังจึงไดมีการรวบรวมและ
เรียบเรียงให
ไพเราะสละสลวยและมีสมั ผัสคลองจองดวยการประพั 43
นธในรูปของ
บทรอยกรองประเภทตางๆ
74
มัสยิดกรือเซะ จังหวัดปัตตานี
µÑǪÕéÇÑ´áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ µÒÁ·ÕèËÅÑ¡Êٵà เจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว
¡íÒ˹´ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡ÒËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
ศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว
จังหวัดปัตตานี
¤íÒÈѾ·¤ÇÃÃÙŒ ¨Ò¡à¹×éÍËÒà¾×Íè à¾ÔÁè ¾Ù¹áÅТÂÒ 129
1๔
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
สารบัญ
ตอนที่ ๕
วรรณคดีและวรรณกรรม
บทนํา (๑)
หนวยการเรียนรูที่ ๑ นิราศภูเขาทอง ๒
หนวยการเรียนรูที่ ๒ โคลงโลกนิติ ๒๔
หนวยการเรียนรูที่ ๓ สุภาษิตพระรวง ๔๓
หนวยการเรียนรูที่ ๔ กาพยเรื่องพระไชยสุริยา ๕๗
หนวยการเรียนรูที่ ๕ ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ๘๒
หนวยการเรียนรูที่ ๖ กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน ๑๑๐
หนวยการเรียนรูที่ ๗ นิทานพื้นบาน ๑๒๔
บทอาขยาน ๑๔๕
บรรณานุกรม ๑๔๘
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. รูความหมายและแนวทางการพินิจวรรณคดี
บทนÓ 2. อธิบายและวิเคราะหคุณคาของวรรณคดีและ
วรรณกรรมที่อาน
การเรียนวรรณคดีไทยในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มีความมุ่งหมายประการส�าคัญ คือ • ดานเนื้อหา
ให้ผู้เรียนได้ศึกษาและภูมิใจในวรรณคดีไทยอันเป็นมรดกที่ล�้าค่าของชาติ พัฒนาทักษะการอ่าน • ดานสังคม
และสามารถพินิจคุณค่าของวรรณคดีแล้วน�าความรู้และข้อคิดจากการอ่านไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง • ดานวรรณศิลป
ตลอดจนเป็นการศึกษาวัฒนธรรมทางภาษาไทยไปพร้อมกันด้วย
เกร็ดแนะครู
ครูใหนักเรียนอธิบายความหมายของวรรณคดีไทยตามความเขาใจของนักเรียน
กอนเริ่มเรียนวรรณคดี จากนั้นจึงสรุปความรูใหนักเรียนฟง โดยยกตัวอยางวรรณคดี
เรื่องที่ไดรับการยกยองวาแตงดีมีคุณคาทางวรรณศิลป กลาวยกยองความสามารถ
ของกวีไทยในการประพันธผลงานและชื่นชมภาษาไทยที่มีความงดงาม จากนั้นครู
ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวรรณคดีในฐานะที่เปนมรดกของชาติ
คูมือครู (1)
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
สํารวจคนหา Explore
1. นักเรียนศึกษาความหมายของวรรณคดี
2. นักเรียนศึกษาแนวทางการพิจารณาวรรณคดี ๓) วรรณคดีประเพณีและพิธกี รรม เป็นวรรณคดีทใี่ ห้รายละเอียดเกีย่ วกับประเพณี
3. นักเรียนศึกษาวรรณศิลปในวรรณคดีไทย และใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น ลิลิตโองการแช่งน�้า ลิลิตพยุหยาตราเพชรพวง พระราชพิธี-
สิบสองเดือน ฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมช้าง กาพย์เห่เรือส�านวนต่างๆ เป็นต้น
อธิบายความรู Explain ๔) วรรณคดีประวัติศาสตร์ เป็นวรรณคดีที่บันทึก หรือมีเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์
นักเรียนตอบคําถามเกี่ยวกับการศึกษาวรรณคดี ส�าคัญในประวัติศาสตร์ การสดุดีวีรชนผู้กล้าหาญ เช่น โคลงยวนพ่าย ราชาธิราช ลิลิตตะเลงพ่าย
และวรรณกรรม ดังตอไปนี้ โคลงชะลอพระพุทธไสยาสน์ พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ เป็นต้น
• การจําแนกวรรณคดีตามจุดประสงคในการ ๕) วรรณคดีบันทึกการเดินทาง มีเนื้อหาเป็นบันทึกความรู้และการเดินทางของกวี
ประพันธสามารถจําแนกไดกี่ประเภท จัดเป็นวรรณคดีประเภทนิราศ มีเนื้อความพรรณนาถึงความอาลัยรักต่อสตรี หรือบรรยายสภาพ
อะไรบาง บ้านเมือง ผู้คน สังคม และวัฒนธรรมต่างๆ ตลอดการเดินทาง เช่น นิราศนรินทร์ นิราศพระบาท
(แนวตอบ การจําแนกวรรณคดีตามจุดประสงค นิราศหริภุญชัย นิราศนครวัด ลิลิตพายัพ เป็นต้น
ในการประพันธ จําแนกได 6 ประเภท ดังนี้ ๖) วรรณคดี เ พื่ อ ความบั น เทิ ง วรรณคดี ป ระเภทนี้ แ ต่ ง ขึ้ น เพื่ อ แสดงมหรสพ
วรรณคดีศาสนา วรรณคดีคําสอน วรรณคดี ประเภทต่างๆ เช่น เรื่องรามเกียรติ์ส�าหรับใช้แสดงโขน เรื่องพระอภัยมณีส�าหรับใช้แสดงหุ่นกระบอก
ประเพณีและพิธีกรรม วรรณคดีประวัติศาสตร มัทนะพาธาส�าหรับใช้แสดงละครพูด
วรรณคดีบันทึกการเดินทาง และวรรณคดีเพื่อ
๒.๒ พิจารณารูปแบบการแต่ง
ความบันเทิง)
รูปแบบ หมายถึง ลักษณะของงานประพันธ์ที่ผู้แต่งหรือกวีเลือกใช้ในการน�าเสนอ
• วรรณคดีรอยกรองกับวรรณคดีรอยแกว
แตกตางกันอยางไร ผลงาน แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ
(แนวตอบ วรรณคดีรอยกรองจะแตงขึ้นตาม ๑) วรรณคดี ร ้ อ ยกรอง หมายถึ ง วรรณคดี ที่ แ ต่ ง ขึ้ น ตามรู ป แบบฉั น ทลั ก ษณ์
รูปแบบฉันทลักษณที่มีกฎเกณฑขอบังคับที่ มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่ค่อนข้างแน่นอน เช่น สัมผัสระหว่างวรรค
1 จ�านวนค�2า ระดับเสียงสูงต�่า และ
แนนอน ตางจากวรรณคดีรอยแกวที่ไมมี ความหนักเบาของค�า เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย ลิลิลิต กาพย์
กาพย์ห่อโคลง เป็
โคลง นต้น
กฎเกณฑขอบังคับในการแตงเหมือนวรรณคดี ๒) วรรณคดี ร ้ อ ยแก้ ว หมายถึ ง วรรณคดี ที่ แ ต่ ง เป็ น ความเรี ย งด้ ว ยถ้ อ ยค� า
รอยกรอง) และถ้อยความที่สละสลวย ไพเราะเหมาะสมด้วยเสียงและความหมาย ไม่มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับ
• การพิจารณาคุณคาดานเนื้อหาของวรรณคดี ในการแต่งเหมือนวรรณคดีร้อยกรอง
มีหลักในการพิจารณาอยางไร ๒.๓ พิจารณาคุณค่าของวรรณคดี
(แนวตอบ หลักในการพิจารณาคุณคาดาน การพิจารณาคุณค่าของวรรณคดี แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ คุณค่าด้านเนือ้ หาและคุณค่า
เนื้อหาของวรรณคดี คือ พิจารณาวาผูแตงมี ด้านวรรณศิลป์
จุดมุงหมายอยางไร เนื้อเรื่องมีแนวคิดคําสอน ๑) คุณค่าด้านเนื้อหา คือ การพิจารณาเนื้อหาที่ให้คุณประโยชน์ ซึ่งผู้อ่านควรอ่าน
หรือเปนแนวทางในการดําเนินชีวิตอยางไร อย่างมีวิจารณญาณ หาคุณค่าของวรรณคดีอย่างมีหลักเกณฑ์ ส�าหรับแนวทางในการพิจารณาคุณค่า
พิจารณาวาสะทอนสภาพสังคมในสมัยนั้น
ด้านเนื้อหา มีหลายประการ ดังนี้
อยางไร และสรางเสริมสติปญญาแกผูอาน
(๒)
หรือไม)
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 ลิลิต หมายถึง หนังสือที่แตงดวยคําประพันธประเภท โคลง และราย สลับกัน นักเรียนศึกษาความรูเกี่ยวกับรูปแบบการแตงคําประพันธเพิ่มเติม แลว
เปนชวงๆ ตามธรรมเนียม มักจะใชโคลงและรายในแบบเดียวกัน กลาวคือ ยกตัวอยางวรรณคดีหรือวรรณกรรมที่มีลักษณะเปนรอยกรองและรอยแกว
โคลงดั้นสลับกับรายดั้น โคลงสุภาพสลับกับรายสุภาพ เปนตน โคลงและราย ประเภทละ 2 เรื่อง
ที่สลับกันนั้นมักจะรอยสัมผัสดวยกัน เรียกวา “เขาลิลิต” วรรณคดีที่แตงตาม
แบบแผนลิลิต มักจะใชรายและโคลงสลับกันเปนชวงๆ ตามจังหวะ ลีลา และ
ทวงทํานอง และความเหมาะสมของเนื้อหาในชวงนั้นๆ ลิลิตที่ไดรับการยกยอง กิจกรรมทาทาย
จากวรรณคดีสโมสรวา เปนยอดของโคลงลิลิต คือ ลิลิตพระลอ
2 กาพยหอโคลง แตงขึ้นโดยใชกาพยยานีสลับกับโคลงสี่สุภาพ กาพยยานีกับ
โคลงสี่สุภาพนั้น จะตองมีความอยางเดียวกัน คือใหวรรคที่หนึ่งของกาพยยานีกับ นักเรียนอธิบายเกณฑในการจําแนกประเภทวรรณคดีอื่นๆ ที่นอกเหนือ
บาทที่หนึ่งของโคลงสี่สุภาพ บรรยายขอความอยางเดียวกัน หรือบางทีก็ใหคําตน จากการจําแนกดวยรูปแบบ เชน การจําแนกตามลักษณะเนื้อหา เปน
วรรคของกาพยกับคําตนบทของโคลง เปนคําเหมือนกัน วรรณคดีนิราศ วรรณคดีคําสอน เปนตน
(2) คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับวรรณศิลปในวรรณคดี-
๑.๑) ควรพิจารณาว่าผู้แต่งมีจุดมุ่งหมายอย่างไร เนื้อเรื่องมีแนวคิด ให้ค�าสอน ไทย
คติธรรม ข้อเตือนใจ หรือให้แนวทางในการด�าเนินชีวิตอย่างไร • วรรณศิลปมีความสําคัญอยางไร
๑.๒) พิ จ ารณาภาพสะท้ อ นของสั ง คม วิ ถี ชี วิ ต ความเป็ น อยู ่ วั ฒ นธรรม (แนวตอบ วรรณศิลปมีความสําคัญอยางยิ่ง
ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชื่อ และค่านิยมต่างๆ ในสมัยของผู้แต่ง เพราะเปนสิ่งที่แสดงถึงความไพเราะงดงาม
๑.๓) พิจารณาคุณค่าในด้านความรู้ที่จะช่วยเสริมสร้างสติปัญญาแก่ผู้อ่าน ของภาษาไทย ทั้งนี้ดวยความสามารถ
๒) คุณค่าด้านวรรณศิลป์ เป็นการพิจารณาการใช้ถ้อยค�า ส�านวนโวหารที่แสดง และภูมิปญญาของกวีไทยที่มีศิลปะในการ
ความสามารถของผู้แต่งว่าใช้ศิลปะทางภาษาในการเรียบเรียง คัดสรรถ้อยค�า ส�านวนโวหาร เพื่อสื่อ สรางสรรควรรณศิลปแตละสมัยไวเปนสมบัติ
ให้ผู้อ่านได้รับความเพลิดเพลินและเกิดสุนทรียะทางอารมณ์อย่างไร ของชาตินับตั้งแตอดีตมาจนถึงปจจุบัน)
วรรณศิ ล ป์ เ ป็ น ภาษาเฉพาะที่ ผู ้ แ ต่ ง คั ด สรรค� า มาใช้ ใ นงานประพั น ธ์ ไ ด้ อ ย่ า ง • รสวรรณคดีมีความสําคัญอยางไร
ไพเราะงดงาม มีการใช้โวหารภาพพจน์เพื่อให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพและความรู้สึกคล้อยตามเหตุการณ์ (แนวตอบ รสวรรณคดีจะทําใหเกิดความรูสึก
ในตอนต่างๆ ของเนื้อเรื่อง คลอยตามความเปนไปของเรื่อง อันเกิดจาก
ความเขาใจวรรณศิลป การสรรคํา เพื่อให
๓ วรรณศิลป์ในวรรณคดีไทย สื่อความหมายไดชัดเจนยิ่งขึ้น มีความลึกซึ้ง
วรรณศิ ล ป์ ใ นวรรณคดี ไ ทยเป็ น เครื่ อ งสะท้ อ นให้ เ ห็ น ว่ า งานประพั น ธ์ แ ต่ ล ะเรื่ อ งจะต้ อ ง ดื่มดํ่ากับเนื้อเรื่อง)
เลือกสรรค�าประพันธ์ให้เหมาะสมกับผลงาน เพื่อสื่อความหมายและถ้อยค�าที่ไพเราะสละสลวย
อันเป็นลักษณะเฉพาะของภาษากวีและท�าให้ผู้อ่านเกิดความสะเทือนอารมณ์ กลวิธีในการพิจารณา
วรรณศิลป์ในวรรณคดีไทย มีดังนี้
๓.๑ รสวรรณคดี
รสวรรณคดีเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยตาและหู เป็นรสที่บ่งบอกถึงสภาวะของอารมณ์
ถ้าวรรณคดีเรื่องใดสามารถโน้มน้าวใจผู้อ่านให้เกิดความเพลิดเพลินและเกิดอารมณ์ฝ่ายสูง วรรณคดี
เรือ่ งนัน้ ก็มคี ณ
ุ ค่าทางวรรณศิลป์และรสวรรณคดียอ่ มถ่ายทอดผ่านภาษาจากผูแ้ ต่งสูผ่ อู้ า่ น ดังนัน้ ภาษา
กับวรรณคดีจึงแยกกันไม่ได้
รสวรรณคดีไทย แบ่งออกได้เป็น ๔ รส ดังนี้
๑) เสาวรจนี เป็นบททีช่ มความงาม ไม่วา่ จะเป็นความงามของตัวละครหรือความงาม
ของสถานที่ เช่น ความงามของนางศกุนตลา
ดูผิวสินวลละอองอ่อน มะลิซ้อนดูด�ำไปหมดสิ้น
สองเนตรงำมกว่ำมฤคิน นำงนี้เป็นปิ่นโลกำ
งำมโอษฐ์ดังใบไม้อ่อน งำมกรดังลำยเลขำ
งำมรูปเลอสรรขวัญฟ้ำ งำมยิ่งบุปผำเบ่งบำน
(ศกุนตลา : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว)
(๓)
กิจกรรมสรางเสริม
บูรณาการอาเซียน
นักเรียนศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรมไทยเรื่องที่มีเคาโครงและไดรับ วรรณคดีไทยมีลักษณะรวมกันกับวรรณคดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใตชาติอื่นๆ
อิทธิพลมาจากประวัติศาสตรหรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในสังคมสมัยกอน คือ แตเดิมเรื่องแตงตางๆ มักมาจากการดํารงชีวิต หรือการเอาชีวิตรอดของผูคน
จากนั้นเลือกเรื่องที่นาสนใจ 1 เรื่อง มานําเสนอประวัติความเปนมาของ ซึ่งยังไมมีแบบแผนที่แนนอน เมื่อสังคมเริ่มมีความเจริญกาวหนา พัฒนาการของ
วรรณคดีและวรรณกรรมเรื่องนั้นใหเพื่อนๆ ฟงหนาชั้นเรียน วรรณคดีและวรรณกรรมจึงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งในรูปแบบของนิทาน นิทาน
พื้นบาน ตลอดจนเพลงพื้นบานตางๆ
เมื่อประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใตไดรับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอินเดียและจีน
กิจกรรมทาทาย และเปนภูมิภาคที่อยูระหวางสองอารยธรรมดังกลาว จึงไดนําวรรณคดีหลายเรื่อง
มาดัดแปลง โดยอาจนําเรื่องที่เปนที่รูจักของจีนและอินเดียมาแปลหรือปรับใหม
โดยพระมหากษัตริย ขุนนาง หรือพระสงฆในสมัยนั้น ปจจุบันไดมีการเปดหลักสูตร
นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวรรณคดีและวรรณกรรมไทยวา การเรียนการสอนวิชาวาดวยเรื่องวรรณคดีเอเชียตะวันออกเฉียงใตในระดับอุดมศึกษา
เปนภาพกระจกเงาสะทอนเรื่องราวในอดีต แตมิใชขอมูลทางประวัติศาสตร หลายแหง ตลอดจนมีการจัดหมวดหมูในหองสมุดตางๆ โดยใชการจัดอยูในหมวด
895.9 ตามระบบทศนิยมของดิวอี้
คูมือครู (3)
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับรสในวรรณคดีไทย
(แนวตอบ รสในวรรณคดีไทย แบงออกเปน ๒) นารีปราโมทย์ เป็นบทที่แสดงความรักใคร่หรือพูดจาโอ้โลมให้อีกฝ่ายเกิดความ-
4 รส ดังนี้ ปฏิพัทธ์ เช่น บทแสดงความรักที่ท้าวชัยเสนมีต่อนางมัทนา
• เสาวรจนี บทชมความงาม
• นารีปราโมทย บทที่แสดงความรักใคร ผิลิ้นพี่จะมีหลำย
• พิโรธวาทัง บทแสดงความโกรธ ตัดพอ ก็ทุกลิ้นจะรุมกล่ำว แสดงรัก ณ โฉมฉำย, 1
เหน็บแนม แสดงความเคียดแคน และทุกลิ้นจะเปรยปรำย ประกำศถ้ ศถ้อยปะฏิญญำ
• สัลลาปงคพิสัย บทที่แสดงการครํ่าครวญ พะจีว่ำจะรักยืด บจำงจืดสิเนหำ,
เศราโศก) สบถให้ละต่อหน้ำ พระจันทร์แจ่ม ณ เวหน.
(มัทนะพาธา : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว)
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนวิเคราะหรสวรรณคดีของบทประพันธ ๓) พิโรธวาทัง เป็นบทแสดงความโกรธ ตัดพ้อ เหน็บแนม เสียดสี หรือแสดงถึง
ตอไปนี้ ความเคียดแค้น เช่น
“โจนลงกลางชานรานดอกไม
ของขุนชางปลูกไวอยูดาษดื่น ตัวนำงเป็นไทแต่ใจทำส ไม่รักชำติรสหวำนมำพำนขม
รวยรสเกสรเมื่อคอนคืน
ดั่งสุกรฟอนฝ่ำแต่อำจม ห่อนนิยมรักรสสุคนธำร
ชื่นชื่นลมชายสบายใจ
น�้ำใจนำงเหมือนอย่ำงชลำลัย ไม่เลือกไหลห้วยหนองคลองละหำน2
กระถางแถวแกวเกดพิกุลแกม
เสียดำยทรงแสนวิไลแต่3ใจพำล ประมำณเหมื
ณเหมือนหนึ่งผลอุทุมพร
ยี่สุนแซมมะสังดัดดูไสว
สมอรัดดัดทรงสมละไม สุกแดงดั่งแสงปัทมรำช ข้ำงในล้วนกิมิชำติเบียนบ่อน
ตะขบขอยคัดไวจังหวะกัน (กากีกลอนสุภาพ : เจ้าพระยาพระคลัง (หน))
ตะโกนาทิ้งกิ่งประกับยอด
แทงทวยทอดอินพรหมนมสวรรค ๔) สัลลาปังคพิสัย เป็นบทที่แสดงการคร�่าครวญ โศกเศร้า เช่น
บางผลิดอกออกชอขึ้นชูชัน
แสงพระจันทรจับแจมกระจางตา
แล้วว่ำอนิจจำควำมรัก พึ่งประจักษ์ดั่งสำยน�้ำไหล
ยี่สุนกุหลาบมะลิซอน
ตั้งแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป ที่ไหนเลยจะไหลคืนมำ
ซอนชูชูกลิ่นถวิลหา
สตรีใดในพิภพจบแดน ไม่มีใครได้แค้นเหมือนอกข้ำ
ลําดวนกวนใจใหไคลคลา
สาวหยุดหยุดชาแลวยืนชม” ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรำ จะมีแต่เวทนำเป็นเนื องนิตย์
(เสภาเรื่องขุนชางขุนแผน) (อิเหนา : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
(แนวตอบ บทประพันธที่ยกมาเปนบทเสาวรจนี
เปนบทชมความงามของเรือนขุนชางที่มีการตกแตง (๔)
รานดอกไมนานาชนิด ในเวลากลางคืนออกดอก
สวยงามสงกลิ่นหอม)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
เสียงโหยเสียงไหมี่ เรือนหลวง
1 ปะฏิญญา ปกติใช “ปฏิญญา” คือการใหคํามั่นสัญญาหรือการแสดงยืนยัน
ขุนหมื่นมนตรีปวง ปวยชํ้า
โดยถือเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือความสุจริตใจเปนที่ตั้ง
เรือนราษฎรรํ่าตีทรวง ทุกขทั่ว
2 ผลอุทุมพร หมายถึง ผลมะเดื่อชนิดหนึ่งใบเกลี้ยง ผลออกเปนกลุมรูปทรง เมืองจะเย็นเปนนํ้า ยอมนํ้าตาครวญ
กลมรี เกาะกลุมตามตนและกิ่งหอยระยาสวยงามมาก ผลสุกมีสีแดงมวง บทประพันธขางตนมีรสวรรณคดีใด
รับประทานได รสฝาดอมหวาน ดอกและผลออกทั้งป 1. เสาวรจนี 2. นารีปราโมทย
3 ปทมราช หรือ ปทมราค หมายถึง พลอยสีแดงหรือทับทิม 3. พิโรธวาทัง 4. สัลลาปงคพิสัย
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธถอดคําประพันธไดวา เสียงรองไหดังไป
ทั่วเรือนหลวง ทั้งขุนนางทั้งราษฎรตางพากันทุกขเศรานํ้าตาไหลจนเมืองจะ
มุม IT เย็นเหมือนนํ้าตา เปนบทประพันธมีรสที่แสดงความเศราโศกเสียใจ ซึ่งก็คือ
สัลลาปงคพิสัย ตอบขอ 4.
ศึกษาเกี่ยวกับความหมายของวรรณศิลปเพิ่มเติม ไดที่ http://literature.ocac.
go.th/news-detail-222.html
(4) คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายการใชภาพพจนในวรรณคดีไทย
๓.๒ การใช้ภาพพจน์ • การใชภาพพจนในวรรณคดีไทยสงผลตอการ
1 พจนานุ ก รมฉบั บ ราชบั ณ ฑิ ต ยสถาน พุ ท ธศั ก ราช ๒๕๕๔ ได้ ใ ห้ ค วามหมายของ เลือกใชคําอยางไร
“ภาพพจน์” ว่า ถ้อยค�าที่เป็นส�านวนโวหารท�าให้นึกเป็นภาพ ถ้อยค�าที่เรียบเรียงอย่างมีชั้นเชิง (แนวตอบ ภาพพจนชวยใหกลาวคํานอย
เป็นโวหาร มีเจตนาให้มีประสิทธิผลต่อความคิด ความเข้าใจ ให้จินตนาการและถ่ายทอดอารมณ์ แตไดความมาก สื่อความและสื่ออารมณ
ได้อย่างกว้างขวางลึกซึ้งมากกว่าการบอกอย่างตรงไปตรงมา ไดคมชัด กวาง และลึก ทําใหวรรณคดี
กลวิธีในการน�าเสนอภาพพจน์ที่ผู้แต่งนิยมใช้ในการประพันธ์ มีดังนี้ เขาสูประสาทสัมผัสของผูรับสารไดงายขึ้น
๑) การใช้ความเปรียบว่าสิง่ หนึง่ เหมือนกับสิง่ หนึง่ เรียกว่า อุปมา โดยมีคา� เปรียบ โดยไดยิน ไดเห็น ไดกลิ่น ไดสัมผัส ไดมี
ปรากฏอยู่ในข้อความ ค�าเปรียบเหล่านี้ เช่น เสมือน ดุจ เฉก ดัง ดั่ง ปูน เพียง เหมือน เป็นต้น ประสบการณที่กวีถายทอด)
ดังตัวอย่าง
...อันสตรีรูปงาม ไม่ดีเท่าสตรีที่น�้าใจงาม อันสตรีรูปงามอุปมาดังดอกสายหยุด ขยายความเขาใจ Expand
ทรงคันธรสประทิ่นอยู่แต่เวลาเช้า ครั้นสายแสงสุริย์ส่องกล้าแล้ว ก็สิ้นกลิ่นหอม อันสตรี
น�า้ ใจงามน�า้ ใจดีซอื่ สัตย์ตอ่ สามีนนั้ อุปมาดังดอกซ่อนกลิน่ ดอกพิกลุ ย่อมหอมชืน่ อยูช่ า้ นาน... จากบทประพันธตอไปนี้ใหนักเรียนวิเคราะห
(ราชาธิราช : เจ้าพระยาพระคลัง (หน)) การใชภาพพจน
“พิศพักตรผองพักตรดั่งจันทร
อ่อนหวานมานมิตรล้น เหลือหลาย พิศขนงกงงอนดั่งคันศิลป
หยาบบ่มีเกลอกราย เกลื่อนใกล้ พิศเนตรดั่งเนตรมฤคิน
ดุจดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดับนา พิศทนตดั่งนิลอันเรียบราย”
สุริยส่องดาราไร้ เพื่อร้อนแรงแสง (รามเกียรติ์)
(โคลงโลกนิติ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร)
(แนวตอบ บทประพันธขางตนมีการใชภาพพจน
๒) การเปรียบว่าสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง เรียกว่า อุปลักษณ์ เป็นภาพพจน์ที่น�าสิ่ง อุปมา กวีใชคําวา “ดั่ง” เปนคําแสดงความเปรียบ
ที่แตกต่างกัน แต่มีลักษณะร่วมกันมาเปรียบเทียบกัน โดยใช้ค�าเชื่อมว่า เป็น คือ หรือไม่ปรากฏค�าเชื่อม ในทุกวรรค เปรียบหนาวาผองเหมือนพระจันทร
ก็ได้ เปรียบคิ้ววาโคงโกงเหมือนคันศร เปรียบดวงตาวา
ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสารโบราณว่า น�้าพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย เหมือนตากวาง และเปรียบวาฟนเรียบดําเหมือน
เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ รักกันไว้ดีกว่าชังระวังการ นิล)
(อิศรญาณภาษิต : หม่อมเจ้าอิศรญาณ)
ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับการใชภาพพจน นักเรียนควรรู
หญาฝากเกสรดอกหญา ไปกับลมชวยพาผสานผสม
1 ภาพพจน ชวยเพิ่มอรรถรสในเนื้อความได ดังลักษณะตอไปนี้
แจงขาวคราวเคลื่อนเยือนชม ชวยทอพรมคลุมพื้นใหแผนดิน
• ภาพพจนใหความสําเริงอารมณที่ไดจากการใชความคิดและจินตนาการ
ประเภทของภาพพจนขางตนคลายคลึงกับขอใด
• ภาพพจนทําสิ่งที่เปนนามธรรมใหเปนรูปธรรม
1. ไผซอออเอียดเบียดออด ลมลอดไลเลียวเรียวไผ
• ภาพพจนชวยใหความเขมขนทางอารมณเพิ่มมากขึ้น
2. เปลวแดดแผดเปลวเตน ระริกเลนเนนทํานอง
• ภาพพจนชวยใหกลาวคํานอยแตไดความมาก
3. ฤๅดูดาราระยาระยับสรวง ดุจดวงเพชรพลอยประเสริฐศรี
4. ตระเวนไพรรอนรองตระเวนไพร เหมือนเวรใดใหนิราศเสนหา
วิเคราะหคําตอบ บทประพันธที่ยกมาเปนการใชภาพพจนบุคคลวัตที่
สมมติใหธรรมชาติ คือ หญา เกสร ดอกไม ลม ใหมีลักษณะอาการเหมือน
มนุษย คือ ใหหญาแจงขาวและใหลมชวยทอพรม ขอ 2. เปนภาพพจน
บุคคลวัตที่เปลวแดดแสดงทาทางเตน ดังนั้น ขอที่มีภาพพจนที่เหมือนกันกับ
บทประพันธที่ยกมา คือ ภาพพจนบุคคลวัต ตอบขอ 2.
คูมือครู (5)
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายการสรรคําในวรรณคดีไทย
(แนวตอบ การสรรคํา คือ การเลือกคํา วลี ๓) การสมมติให้สิ่งต่างๆ มีกิริยาอาการหรือความรู้สึกเหมือนมนุษย์ เรียกว่า
สํานวน การเรียบเรียงคําในการประพันธ โดยเนน บุคคลวัต เป็นการสมมติให้สิ่งไม่มีชีวิต พืช สัตว์ มีความคิดและการแสดงออกเหมือนมนุษย์ เช่น
ลีลาอันงดงามและสื่อความหมายไดอยางมี การทีก่ วีกล่าวว่าสัตว์ทงั้ หลายในมหาสมุทรก็พลอยแสดงความโศกเศร้าเสียใจไปด้วย เมือ่ ถึงวันทีก่ วีตอ้ ง
ประสิทธิผล การสรรคําในวรรณคดี กวีหรือผูแตง จากนางอันเป็นที่รัก
นิยมใชคําที่มีความหมายโดยนัยคือไมไดมี
แสนสัตว์นาเนกถ้วน แสนสินธุ์
ความหมายตามตัวอักษร เพราะไดความหมาย
ทุกข์บันดาลไฟฟอน ช่วยเศร้า
ลึกซึ้งกวางไกลเกินออกไปจากความหมายโดยตรง
วันเจียรสุดาพินท์ พักเตรศ
หากกวีเขาใจการใชคําสื่อความหมายทั้ง 2 แบบ คือ
แสนสุเมรุม้วนเข้า ดั่งลาญ
ทั้งโดยตรงและโดยนัย และรูจักเลือกใชอยาง
(โคลงทวาทศมาส : พระเยาวราช)
เหมาะสม ก็จะชวยในการสื่ออารมณความรูสึก
ไดดียิ่งขึ้น บทประพันธมีความคมคาย)
สัตภัณฑ์บรรพตทั้งหลาย อ่อนเอียงเพียงปลาย
ประนอมประนมชัย
ขยายความเขาใจ Expand
(บทพากย์เอราวัณ : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
จากตัวอยางบทประพันธที่ยกมามีกลวิธี
กวีเปรียบเทียบว่า ภูเขาทั้งหลายต่างค้อมศีรษะลงเพื่อแสดงความเคารพ เมื่อเห็น
การสรรคําโดยการการเลนเสียง นักเรียนพิจารณา
ขบวนเสด็จขององค์อมรินทร์
บทประพันธวาเปนการเลนเสียงลักษณะใด
“ลางลิงลิงลอดไม ลางลิง ๔) การใช้ค�าเลียนเสียงธรรมชาติ เรียกว่า สัทพจน์ คือ การใช้ถ้อยค�าเพื่อ
แลลูกลิงลงชิง ลูกไม เลียนเสียงของธรรมชาติ เช่น เสียงสัตว์ร้อง เสียงคนร้อง เสียงดนตรี เช่น
ลิงลมไลลมติง ลิงโลด หนีนา ระวังตัวกลัวครูหนูเอ๋ย ไม้เรียวเจียวเหวย
แลลูกลิงลางไหล ลอดเลี้ยวลางลิง” กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวียว
(ลิลิตพระลอ) 1
(กาพย์พระไชยสุริยาา : สุนทรภู่)
(แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธที่ยกมามีการ
เลนเสียงพยัญชนะ มีการใชคําที่มีพยัญชนะตนเสียง ค�าว่า “ขวาบเขวียว” เป็นค�าเลียนเสียงของไม้เรียวยามทีแ่ หวกอากาศมากระทบผิวหนัง
เดียวกัน คือ เสียง /ล/ ทําใหเกิดเสียงที่ไพเราะและ ๓.๓ การสรรค�า
สื่อความไดดี แสดงใหเห็นลักษณะของภาษาไทย การสรรค�า คือ การเลือกใช้ค�าให้สื่อความคิด ความเข้าใจ ความรู้สึก และอารมณ์
ที่คําๆ เดียวสื่อความหมายไดหลายความหมาย) ได้อย่างงดงาม โดยค�านึงถึงความงามด้านเสียงของถ้อยค�าเป็นส�าคัญ
กลวิธีในการเลือกสรรค�า มีดังนี้
๑) การเล่นเสียง เป็นการสรรค�าที่ท�าให้เกิดท่วงท�านองที่ไพเราะ ไม่ว่าจะเป็น
การเล่นเสียงสระ การเล่นเสียงพยัญชนะ และการเล่นเสียงวรรณยุกต์
(๖)
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
1 กาพยพระไชยสุริยา เมื่อพิจารณาในแงวรรณคดี จะเห็นวากาพยพระไชยสุริยา นักเรียนยกบทประพันธจากวรรณคดีเรื่องที่มีความโดดเดนในการเลน
เปนนิทานที่เลาไดอยางมีวรรณศิลป มีการดําเนินเรื่องรวดเร็วและรวบรัดดวย เสียง 1 บท โดยนักเรียนสามารถระบุไดวา บทประพันธที่ยกมานั้นเปนการ
บทบรรยาย เลนเสียงลักษณะใด การเลนเสียงสระ การเลนพยัญชนะ หรือการเลนเสียง
วรรณยุกต นักเรียนอานบทประพันธที่ยกมาหนาชั้นเรียนใหไพเราะแสดง
ใหเห็นการเลนเสียงอยางชัดเจน
(6) คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายการเลนคําซึ่งเปนสวนหนึ่งของ
๑.๑) การเล่นเสียงสระ เป็นการใช้คา� ทีม่ เี สียงสระตรงกัน ถ้ามีตวั สะกดก็ตอ้ งเป็น วรรณศิลป
ตัวสะกดในมาตราเดียวกัน ส่วนวรรณยุกต์จะต่างรูปหรือต่างเสียงกันก็ได้ เช่น (แนวตอบ การเลนคําเปนกลวิธีอยางหนึ่งในการ
แตงคําประพันธดวยวิธีการใชอักษร คํา วลี หรือ
ดูหนูสู่รูงู งูสุดสู้หนูสู้งู
สํานวนที่นอกเหนือไปจากที่กําหนดไวตามกฎเกณฑ
หนูงูสู้ดูอยู่ รูปงูทู่หนูมูทู เพื่อใหเกิดความงามทางภาษา ทําใหเกิดเสียง
ดูงูขู่ฝูดฝู้ พรูพรู ประกอบและจังหวะลีลาที่ชวยใหไพเราะยิ่งขึ้น
หนูสู่รูงูงู สุดสู้ ใหความหมายที่ลึกซึ้งกินใจ กวีอาจเลนคําไดหลาย
งูสู้หนูหนูสู้ งูอยู่ วิธี แตมักถือเอาความงามของเสียงและความหมาย
หนูรู้งูงูรู้ รูปถู้มูทู เปนสําคัญ เชน การซํ้าคําที่เปนคําเดิม ความหมาย
(กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง : เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร) เดิมและคําซํ้าที่มีความหมายตางกัน และการหลาก
คํา คือ คําที่มีความหมายเหมือนกันแตเขียนหรือ
๑.๒) การเล่นเสียงพยัญชนะ เป็นการใช้ค�าที่มีพยัญชนะต้นเสียงเดียวกัน อาจ
ออกเสียงตางกัน)
เป็นตัวอักษรที่เป็นพยัญชนะรูปเดียวกัน หรือพยัญชนะที่มีเสียงสูงต�่าเข้าคู่กัน หรือพยัญชนะควบ
ชุดเดียวกันก็ได้ เช่น ขยายความเขาใจ Expand
ฝูงลิงไต่กิ่งลำงลิงไขว่ ลำงลิงแล่นไล่กันวุ่นวิ่ง นักเรียนรวมกันอภิปรายการการซํ้าคําเดิมใน
ลำงลิงชิงค่ำงขึ้นลำงลิง กำหลงลงกิ่งกำหลงลง หลายที่ ดังบทประพันธตอไปนี้
เพกำกำเกำะทุกก้ำนกิ่ง กรรณิกำร์กำชิงกันชมหลง “สุดสายนัยนาแลวที่แมจะตามไปเล็งแล
มัดกำกำกวนล้วนกำดง กำฝำกกำลงท�ำรังกำ สุดโสตแลวที่แมจะซับทราบฟงสําเนียง สุด
(เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) สุรเสียงที่แมจะรํ่าเรียกพิไรรอง สุดฝเทาที่แม
จะเยื้องยองยกยางลงเหยียบดิน ก็สุดสิ้นสุด
๑.๓) การเล่นเสียงวรรณยุกต์ เสียงวรรณยุกต์เป็นข้อก�าหนดที่บังคับใช้ใน
1 ปญญาสุดหาสุดคนเห็นสุดคิด”
การแต่งค�าประพันธ์บางประเภท เช่น ฉันท์หรือกลบท กลบท การเล่นเสียงวรรณยุกต์เป็นการไล่ระดับเสียง
(รายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑมัทรี)
เป็นชุด ซึ่งท�าให้เกิดเสียงที่ไพเราะชวนฟังเป็นอย่างยิ่ง เช่น (แนวตอบ จากบทประพันธขางตน กวีเลนคํา
เสนำสูสู่สู้ ศรแผลง โดยการซํ้าคําวา “สุด” เพื่อตองการบอกความ
ยิงค่ำยทลำยเมืองแยง แย่งแย้ง มุงหมายหรือเนนเนื้อความแสดงใหเห็นอารมณ
รุกร้นร่นรนแรง ฤทธิ์รีบ ของตัวละครอยางกระจางชัดวา หมดสิ้นหนทาง
จนปญญาที่จะแกไข)
ลวงล่วงล้วงวังแว้ง รวบเร้ำเอำมำ
(โคลงอักษรสามหมู่ : พระศรีมโหสถ)
(๗)
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
ขอใดเปนการซํ้าคําเพื่อเลียนเสียงธรรมชาติ
ครูใหนักเรียนฝกสังเกตพิจารณาการเลนคําในวรรณคดีไทย โดยครูยกตัวอยาง
1. ปาบรรเลงเพลงกระซิบจิบความหวาน ฮือฮือผานบางคราวราวรองไห
บทประพันธที่มีการเลนคํามา 1 บท จากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายวา กวีมีการ
2. นํ้าคางพรมลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยโหย ยิ่งดิ้นโดยเดือนดับไมหลับเลย
เลนคําในบทประพันธนั้นอยางไร ซึ่งการยกตัวอยางใหนักเรียนไดฝกคิดฝกสังเกตนั้น
3. สุมามาลยบานกลิ่นระรินรื่น ในเที่ยงคืนเสียงแตผึ้งหึ่งกระหึม
นอกจากจะเปนวิธีใหนักเรียนจดจําลักษณะบทประพันธที่มีการเลนคําแลว นักเรียน
4. เหลามารยาปาโปงเที่ยวโทงเถื่อน ตะโกนเพื่อนเพิกเสียงสําเนียงโหย
ยังเกิดความเขาใจและสามารถพิจารณาวรรณศิลปที่มีลักษณะการเลนคําในบท
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. ใชภาพพจนสัทพจนกลาวถึงปาวากําลังบรรเลงเพลง ประพันธอื่นได
สงเสียงดังเหมือนรองไห “ฮือฮือ” ขอ 2. มีคําซํ้าวา “เฉื่อยเฉื่อย” เปนจังหวะ
ของลมพัดอยางเรื่อยๆ ชาๆ แตไมใชเสียงของลม ขอ 3. กลาวถึงเสียงผึ้งบิน
ดังหึ่งกระหึม แตไมมีคําซํ้า และขอ 4. มีความโดดเดนในเสียงสัมผัสทั้งอักษร นักเรียนควรรู
และสระ ดังนั้น ขอที่มีการซํ้าคําและเลียนมีการเสียงธรรมชาติดวย คือ
“ปาบรรเลงเพลงกระซิบจิบความหวาน ฮือฮือผานบางคราวราวรองไห” 1 กลบท คําประพันธที่กวีแตงพลิกแพลง ใหมีลักษณะวิจิตรพิสดารขึ้นกวา
ตอบขอ 1. ลักษณะบังคับตามปกติ โดยทําเปนระเบียบสมํ่าเสมอ เพื่อแสดงชั้นเชิงและฝปาก
ในสวนของกวีเอง และเพื่อใหคําประพันธนั้นงดงามขึ้น อาจมีชื่อเรียกตางๆ กัน
ตามแตกวีกําหนด
คูมือครู (7)
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนหาคําที่มีความหมายเหมือนกันหรือ
คําไวพจนของคําวา พระจันทร ดอกไม สวางสุกใส ๒) การเล่นค�า เป็นความไพเราะของบทประพันธ์ที่เกิดจากการเลือกใช้ถ้อยค�า
รบ หญิงงาม มาอยางนอย 3 คํา จากนั้นทําตาราง เป็นพิเศษ การเล่นค�าแบ่งออกเป็นการซ�้าค�าและการหลากค�า
คําพองความหมาย ๒.๑) การซ�้าค�า เป็นการกล่าวซ�้าๆ ในค�าเดิมเพื่อเพิ่มน�้าหนักของค�าและย�้าให้
(แนวตอบ คําที่มีความหมายเหมือนกันหรือคํา ความหมายชัดเจนขึ้น เช่น
ไวพจนของคําวา พระจันทร ดอกไม สวางสุกใส รบ
หญิงงาม มีดังนี้ เหลือบเห็นสตรีวิไลลักษณ์ พิศพักตร์ผ่องเพียงแขไข
• พระจันทร ไดแก มาส รัชนีกร แข โสม งามโอษฐ์งามแก้มงามจุไร งามนัยน์งามเนตรงามกร
• ดอกไม ไดแก กุสุมาลย ผกา บุษบา งามถันงามกรรณงามขนง งามองค์ยิ่งเทพอัปสร
• สวางสุกใส ไดแก จํารัส โชติ รุจี งามจริตกิริยำงามงอน งามเอวงามอ่อนทั้งกำยำ
• รบ ไดแก ราญ รําบาญ ยุทธ ผจัญ (รามเกียรติ์ : พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช)
• หญิงงาม ไดแก นงราม วิลาสินี อรนุช) 1
๒.๒) การหลากค� า เป็ น การใช้ ค� า ที่ มี ค วามหมายเหมื อ นกั น หรื อ ค� า ไวพจน์
ตรวจสอบผล Evaluate ในบทประพันธ์เดียวกัน เช่น
❀ ชื่อพระอิศวร ใช้ สยมภู ศุลี ศิวะ ตรีโลจนะ จันทรเศขร รุทร ทิคัมพร
1. นักเรียนวิเคราะหรสวรรณคดีของบทประพันธ ภูเตศวร ปิศาจบดี ศังกร เป็นต้น
ที่ยกมาได ❀ ดวงอาทิตย์ ใช้ ตะวัน พันแสง สหัสรังสี ภาณุ จาตุรนต์ ไถง ทิพากร
2. นักเรียนวิเคราะหและระบุการใชภาพพจนใน
ภาสกร สุริยา เป็นต้น
วรรณคดีไทยได
การเข้ า ใจความหมายและแนวทางของการวิ จั ก ษ์ ว รรณคดี ตลอดจนศิ ล ปะในการแต่ ง
3. นักเรียนหาคําที่มีความหมายเหมือนกันหรือ
และการใช้ถอ้ ยค�าส�านวนอันเป็นหัวใจของวรรณคดี ดังกล่าวไปข้างต้น ผูเ้ รียนสามารถน�าความรูเ้ หล่านี้
คําไวพจนตามที่กําหนดได
มาใช้เป็นพื้นฐานในการวิจารณ์และประเมินค่าวรรณคดี เพื่อให้สามารถอ่านวรรณคดีที่น�ามาศึกษาได้
อย่างเข้าใจและได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. ยกบทประพันธที่มีการเลนคํา
2. ตารางคําพองความหมาย
(๘)
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 คําไวพจน เปนชื่อเรียกคําในภาษาไทยอีกพวกหนึ่ง พจนานุกรมฉบับ นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับการหลากคําวามีความสําคัญกับการประพันธ
ราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2554 ใหคําอธิบายวา “คําที่เขียนตางกันแตมี อยางไร โดยนักเรียนยกตัวอยางบทประพันธที่มีการหลากคําประกอบการ
ความหมายเหมือนกันหรือใกลเคียงกันมาก เชน ‘มนุษย’ กับ ‘คน’ ‘บาน’ กับ ‘เรือน’ อธิบาย บันทึกความรูลงสมุดสงครู
‘รอ’ กับ ‘คอย’ ‘ปา’ กับ ‘ดง’ คําพองความ ก็วา” คําไวพจนในความหมายของ
พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน คือ คําตางรูป ตางเสียง แตมีความหมายเหมือนหรือ
ใกลเคียงกัน กิจกรรมทาทาย
มุม IT นักเรียนพิจารณาการหลากคําวาเปนลักษณะของภาษาไทยที่แสดงให
เห็นศิลปะการใชคําอยางไร โดยนักเรียนยกตัวอยางบทประพันธที่มีการ
ศึกษาเกี่ยวกับการใชถอยคําเพื่อการสื่อสารเพิ่มเติม ไดที่
หลากคําประกอบการอธิบาย บันทึกความรูลงสมุดสงครู
http://www.ipesp.ac.th/learning/thai/chapter5-11.html
(8) คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
เกร็ดแนะครู
ครูทบทวนความจําของนักเรียนเกี่ยวกับวรรณคดีและวรรณกรรมที่จะเรียน
ใน ม.1 จากการทายชื่อวรรณคดีและวรรณกรรมที่นักเรียนเคยเรียนหรือรูจัก โดยครู
บอกชื่อตัวละครเอกของเรื่อง เลาเรื่องยอหรือแกนเรื่องโดยสังเขป ใหนักเรียนทาย
จากนั้นครูขออาสาสมัคร 2-3 คน มาเลาเกี่ยวกับวรรณคดีหรือวรรณกรรมที่จะเรียน
ใน ม.1 ที่นักเรียนรูจักและจําได
คูมือครู 1
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาเรื่องนิราศภูเขาทอง
2. วิเคราะหคุณคาและขอคิดจากเรื่องนิราศ
ภูเขาทอง
3. สรุปความรูและขอคิดจากเรื่องนิราศภูเขาทอง
เพื่อนํามาประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
4. ทองจําบทอาขยานและบทรอยกรองที่มีคุณคา
ตามความสนใจ
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. ใฝเรียนรู
๑
2. มุงมั่นในการทํางาน
3. รักความเปนไทย
หน่วยที่
กระตุน ความสนใจ Engage
นิราศภูเขาทอง
นิ
ตัวชี้วัด
ครูกระตุนความสนใจของนักเรียนดวยการใช ■■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑) ราศภูเขาทองเป็นนิราศเรือ่ งเอกของสุนทรภู่
คําถามวา ■■ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ
(ท ๕.๑ ม.๑/๒)
ที่เล่าถึงการเดินทางรอนแรมจากวัดราชบุรณะไป
นมัสการเจดียภ์ เู ขาทองทีเ่ มืองกรุงเก่าเมือ่ สมัยรัชกาล
• นักเรียนรูจัก “ภูเขาทอง” หรือไม ■■ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓)
ที่ ๓ นิราศเรื่องนี้นับว่ามีความดีเด่นทั้งด้านถ้อยค�า
สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
และนักเรียนคิดวาภูเขาทองจากนิราศของ
■■
เกร็ดแนะครู
หนวยการเรียนการสอนนี้ ครูควรจัดกิจกรรมที่ทําใหการเรียนนิราศภูเขาทอง
เกิดความสนุกสนานนาสนใจและเขาใจเนื้อหา โดยใชการทายปญหาปริศนาจาก
วรรณคดี หรือใหนักเรียนถามตอบจากการดูภาพหนาหนวย ครูกระตุนใหนักเรียน
ลองวิเคราะหคําถามและหาคําตอบดวยตัวเอง
2 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูกระตุน ความสนใจนักเรียนกอนเขาสูบ ทเรียน
๑ ความเป็นมา 1
โดยใชคาํ ถาม
• นักเรียนรูจักหรือเคยเรียนวรรณกรรมประเภท
สุุนทรภู่แต่งนิราศภูเขาทองในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อราวปลาย
นิราศหรือไม อยางไร
พ.ศ. ๒๓๗๓ โดยเล่ า ถึ ง การเดิ น ทางเพื่ อ ไปนมั ส การเจดี ย ์ ภู เขาทองที่ เ มื อ งกรุ ง เก่ า หรื อ จั ง หวั ด
2. ใหนักเรียนเลาประสบการณและความรู
พระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน หลังจากจ�าพรรษาอยู่ที่วัดราชบุรณราชวรวิหารหรือวัดเลียบ
เกี่ยวกับนิราศที่นักเรียนรูจัก
นิราศ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย
นิราศเป็นงานประพันธ์ประเภทหนึ่งของไทย มีมาตั้งแต่2สมัยโบราณ เท่าที่ปรากฏหลักฐาน
ขึ้นอยูกับความรูและประสบการณของนักเรียน)
ในปัจจุบัน นิราศเรื่องแรกของไทยนั้น ได้แก่ โคลงนิราศหริภุญชัย ซึ่งแต่งขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา
3. “ถึงหนาวังดังหนึ่งใจจะขาด
เนื้อหาของนิราศส่วนใหญ่มักเป็นการคร�่าครวญของกวี (ชาย) ต่อสตรีอันเป็นที่รัก เนื่องจาก
ต้องพลัดพรากจากนางมาไกล อย่างไรก็ตาม นางในนิราศที่กวีพรรณนาว่าจากมานั้น อาจมีตัวตนจริง
คิดถึงบาทบพิตรอดิศร
หรือไม่ก็ได้ แต่กวีส่วนใหญ่ถือว่านางผู้เป็นที่รักเป็นปัจจัยส�าคัญที่จะเอื้อให้กวีแต่งนิราศได้ไพเราะ โอผานเกลาเจาประคุณของสุนทร
แม้ในสมัยหลังกวีอาจไม่ได้ให้ความส�าคัญเรื่องการคร�่าครวญถึงนาง แต่เน้นที่การบันทึกระยะทาง แตปางกอนเคยเฝาทุกเชาเย็น”
เหตุการณ์ และอารมณ์ แต่ก็ยังคงมีบทครวญถึงนางแทรกอยู่ ดังเช่นที่สุนทรภู่แต่งนิราศภูเขาทอง ครูอานบทประพันธขางตนใหนักเรียนฟง
ทั้งๆ ที่ก�าลังบวชอยู่ สุนทรภู่ก็ยังเห็นว่าการครวญถึงสตรีเป็นสิ่งจ�าเป็นในการแต่งนิราศ จึงกล่าวไว้ แลวใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้
ในกลอนตอนท้ายนิราศเรื่องนี้ว่า • บทประพันธกลาวถึงใคร ทําอะไร ที่ไหน
และอยางไร
ใช่จะมีที่รักสมัครมาด แรมนิราศร้างมิตรพิสมัย
(แนวตอบ กลาวถึงสุนทรภูที่เมื่อเดินทางมาถึง
ซึ่งคร�่าครวญท�าทีพิรี้พิไร ตามวิสัยกาพย์กลอนแต่ก่อนมา
เหมือนแม่ครัวคั่วแกงพะแนงผัด สารพัดเพียญชนังเครื่องมังสา
หนาพระราชวัง แลวคิดถึงรัชกาลที่ 2
อันพริกไทยใบผักชีเหมือนสีกา ต้องโรยหน้าเสียสักหน่อยอร่อยใจ เหมือนใจจะขาด ซึ่งเมื่อกอนเคยเขาเฝา
จงทราบความตามจริงทุกสิ่งสิ้น อย่านึกนินทาแกล้งแหนงไฉน ทุกวันทั้งเชาเย็น)
นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ จึงร�่าไรเรื่องร้างเล่นบ้างเอย
สํารวจคนหา Explore
บอกเล่าเก้าสิบ
1. นักเรียนศึกษาประวัติความเปนมาของผูแตง
วัดราชบุรณราชวรวิหาร นิราศภูเขาทอง
วัดราชบุรณราชวรวิหารหรือวัดเลียบ เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัย 2. นักเรียนสืบคนลักษณะคําประพันธประเภท
อยุธยาโดยพ่อค้าชาวจีน วัดนี้นับเป็นหนึ่งใน ๓ วัดส�าคัญประจ�าราชธานี คือ นิราศ
วัดมหาธาตุ วัดราชประดิษฐ์ และวัดราชบุรณะ แต่เนื่องจากวัดราชบุรณะ 3. ใหนักเรียนรวบรวมรายชื่อวรรณคดีที่ประพันธ
ตั้งอยู่ใกล้สถานที่ส�าคัญทางยุทธศาสตร์ คือ สะพานพระพุทธยอดฟ้าฯ และ เปนนิราศของสุนทรภู
โรงไฟฟ้า เป็นเหตุให้สิ่งก่อสร้างส�าคัญภายในวัดโดยเฉพาะพระอุโบสถซึ่งมี
ภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่งถูกระเบิดท�าลายในระหว่างสงครามโลก
ครั้งที่ ๒ คงเหลือแต่พระปรางค์ซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนศึกษาความเปนมาของงานประพันธประเภทนิราศเพิ่มเติม 1 นิราศภูเขาทอง นิราศภูเขาทองแตงดวยกลอนนิราศ มีความคลายคลึงกับ
โดยใหนักเรียนเขียนสรุปเปนใบความรู กลอนสุภาพ แตเริ่มดวยวรรครับ จบดวยวรรคสง ลงทายดวยคําวา “เอย” มีความ
ยาวเพียง 89 คํากลอนเทานั้น แตมีความไพเราะ และเรียบงาย ตามแบบฉบับของ
สุนทรภู ใชภาษาที่เขาใจงาย บรรยายความรูสึกขณะเดียวกันก็เลาถึงสภาพของ
กิจกรรมทาทาย เสนทางที่กําลังเดินทางไปดวย สุนทรภูมักจะเปรียบเทียบชีวิตและโชคชะตาของตน
กับธรรมชาติรอบขางที่ไดเดินทางผานไป
2 โคลงนิราศหริภุญชัย ไมปรากฏวาผูใดแตง ทราบแตเพียงวาผูแตงเปน
นักเรียนศึกษาความเปนมาของนิราศภูเขาทองนอกจากในหนังสือเรียน ชาวเชียงใหม และอาจแตงขึ้นในราว พ.ศ. 2060 เนื้อหาวาดวยการแสดงความรัก
เพิ่มเติม โดยใหนักเรียนเขียนสรุปเปนใบความรูและเลือกบทประพันธจาก ความอาลัยตอสตรีที่ผูแตงตองจากเมืองเชียงใหมมา เพื่อไปนมัสการพระธาตุหริ-
นิราศภูเขาทองที่เปนบทเดนหรือเปนที่รูจักมา 1 บท พรอมระบุเหตุผล ภุญชัยที่จังหวัดลําพูน
คูมือครู 3
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนจัดกลุม กลุมละ 5-6 คน แตละกลุม
อธิบายความรูเกี่ยวกับนิราศที่นักเรียนไดสืบคน ò ประวัติ¼ู้แต่ง
มาตามหัวขอตอไปนี้
• ความเปนมาของนิราศ สุนทรภู่ มีนามเดิมว่า ภู เกิดในรัชกาลพระบาท-
(แนวตอบ นิราศเรื่องแรกของไทยนั้น คือ “โคลง สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อวันที่
นิราศหริภุญชัย” ซึ่งแตงในสมัยอยุธยา นิราศ ๒๖ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๓๒๙ ในวัยเด็กสุนทรภูไ่ ด้อาศัย
มักมีเนื้อหาในเชิงพรรณนาถึงการเดินทาง อยูก่ บั มารดาซึง่ ถวายตัวเป็นพระนมในพระองค์เจ้า-
เปนหลัก มักจะเลาถึงเสนทาง การเดินทาง หญิงจงกล พระธิดาในกรมพระราชวังบวรสถานพิมขุ
และบอกเลาถึงสิง่ ทีพ่ บเห็นระหวางการเดินทาง และได้รับการศึกษาขั้นต้นที่วัดชีปะขาวซึ่งปัจจุบัน
ขณะเดียวกันกวีก็จะสอดแทรกความคิด คือวัดศรีสุดาราม
ความรูสึกตางๆ ที่เกิดขึ้นระหวางการเดินทาง ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธ-
ดวย ในทางหนึ่ง “นิราศ” อาจหมายถึงงาน เลิศหล้านภาลัย สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการและได้แสดง
ประพันธที่พรรณนาถึงเหตุการณตามลําดับ ความสามารถด้านการประพันธ์ จนเป็นทีพ่ อพระราชหฤทัย
พรอมทั้งแสดงอารมณความรูสึกที่เชื่อมโยง จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุนสุนทรโวหาร แต่เมื่อสิ้น
กับเหตุการณนั้นๆ โดยมิไดมีการเดินทางหรือ รัชกาล สุนทรภู่ได้ออกบวชเป็นเวลาร่วม ๒๐ ปี ในระหว่างนี้สุนทรภู่ได้มีโอกาสเดินทางไปยังหัวเมือง
การพลัดพรากก็ได หนังสือที่แตงตามขนบของ ต่างๆ และแต่งนิราศขึ้นหลายเรื่องซึ่งรวมถึงนิราศภูเขาทอง
นิราศนั้นมีปรากฏมาตั้งแตครั้งกรุงศรีอยุธยา เมื่อลาสิกขาบทแล้ว สุนทรภู่ได้กลับเข้ารับราชการอีกครั้งในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จ-
ดังเชน โคลงนิราศหริภุญชัย แตงขึ้นในสมัย พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเป็นอาลักษณ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุธามณี กรมขุนอิศเรศ-
พระเจาปราสาททอง โคลงกําสรวล แตงขึ้นใน รังสรรค์
สมัยสมเด็จพระนารายณมหาราช นอกจากนี้
ในรัชกาลที่ ๔ สุนทรภู่ไ1ด้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระสุนทรโวหาร เจ้ากรมอาลักษณ์
ยังมีโคลงทวาทศมาส โคลงมังทรารบเชียงใหม
ฝ่ายพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งเป็นต�าแหน่งราชการสุดท้ายก่อนถึงแก่กรรมใน พ.ศ. ๒๓๙๘
เปนตน)
รวมอายุได้ ๗๐ ปี
• ลักษณะคําประพันธประเภทนิราศ
สุนทรภู่ได้รับการยกย่องว่าเป็นกวีที่มีความสามารถในการแต่งกลอน เนื่องจากกลอนที่
(แนวตอบ ลักษณะกลอนนิราศมีสัมผัสเหมือน
กลอนสุภาพแตตางกันที่การขึ้นตน คือ กลอน สุนทรภูแ่ ต่งมีลกั ษณะเฉพาะเป็นของตนเอง จึงได้รบั ความนิยมอย่างกว้างขวาง และถือเป็นแบบอย่าง
นิราศจะขึ้นตนดวยวรรครับและไมจํากัด ที่มีผู้แต่งตามตลอดมา นอกจากนี้ผลงานของสุนทรภู่อีกหลายเรื่องยังมีการน�าไปแปลและดัดแปลง
จํานวนบท และวรรคสงในบทสุดทายลงทาย เป็นการ์ตูน ภาพยนตร์ เพลง และละคร 2
วา “เอย”) ใน พ.ศ. ๒๕๒๙ ในโอกาสครบรอบ ๒๐๐ ปีชาตกาล สุนทรภู่ได้รับการยกย่องจากองค์การ
2. นักเรียนจดบันทึกสรุปการอธิบายความรูของ การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific
แตละกลุมลงสมุด and Cultural Organization) หรือยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นบุคคลที่มีผลงานดีเด่นของโลก
ด้านวรรณกรรม
๔
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับสุนทรภู
1 เจากรมอาลักษณ ฝายพระราชวังบวรสถานมงคล กรมพระอาลักษณเปน
1. นิราศเรื่องแรกของสุนทรภูคือนิราศพระบาท
หนวยงานราชเลขานุการดานหนังสือของพระมหากษัตริยมาทุกยุคทุกสมัย สมัยนั้น
2. นิราศภูเขาทองเปนเรื่องที่สุนทรภูแตงในสมัยรัชกาลที่ 3
ยังไมมีการพิมพ ดังนั้น การคัดลอก การจารึกหรือบันทึกขอความตางๆ ตองใชวิธี
3. สุนทรภูไดรับการแตงตั้งเปนพระสุนทรโวหารในสมัยรัชกาลที่ 2
ชุบหมึกเขียน กรมพระอาลักษณเปนหนวยงานของผูที่รูหนังสือแตกฉาน มีลายมือ
4. สุนทรภูเขามาอยูในกรมพระราชวังหลัง เพราะมารดาเปนแมนมของ
สวยงามและเปนที่ไววางพระราชหฤทัย ฝายวังหนาหรือกรมพระราชวังบวรสถาน-
พระธิดา
มงคล ก็มงี านเกีย่ วกับหนังสือของตนเอง อันจําเปนตองมีคนทีไ่ ววางใจไดอกี กรมหนึง่
แยกจากกรมพระอาลักษณฝายวังหลวง สุนทรภู หรือพระสุนทรโวหาร (ภู) นั้นได วิเคราะหคําตอบ นิราศเรื่องแรกที่สุนทรภูแตง คือนิราศเมืองแกลง แตงขึ้น
สังกัดกรมพระอาลักษณ ฝายวังหนา ใน พ.ศ. 2349 เลาเรื่องเมื่อครั้งเดินทางไปหาบิดา ซึ่งขณะนั้นบวชอยูที่วัดปา
2 ในโอกาสครบรอบ 200 ปชาตกาล เปนวาระครบรอบปเกิดของสุนทรภู คือชวง ตําบลบานกรํ่า อําเภอแกลง จังหวัดระยอง เมื่อแตงนิราศเรื่องนี้สุนทรภูอายุ
เวลาตั้งแตวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 จนถึงวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2529 รวม ยางเขา 22 ป สวนนิราศพระบาทแตงขึ้นใน พ.ศ. 2350 หลังจากกลับจาก
เปนระยะเวลา 200 ป เมืองแกลง และตองตามเสด็จพระองคเจาปฐมวงศไปนมัสการรอย
พระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีในวันมาฆบูชา ตอบขอ 1.
4 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายประวัติของสุนทรภู
ส�าหรับผลงานของสุนทรภู่ เท่าที่มีหลักฐานปรากฏในปัจจุบัน มีอยู่ด้วยกัน ๒๓ เรื่อง ดังนี้ (แนวตอบ สุนทรภูเกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน
พ.ศ. 2329 ในรัชกาลที่ 1 มีความสามารถดาน
ประเภท เรื่อง การประพันธ ในรัชกาลที่ 2 ไดรับแตงตั้งเปน
ขุนสุนทรโวหาร จนมาลาสิกขาเปนเวลา 20 ป
๑. นิราศ มี ๙ เรื่อง นิราศเมืองแกลง นิราศพระบาท นิราศภูเขาทอง
ในรัชกาลที่ 3 และตอมาเมื่อเขารับราชการ
นิราศวัดเจ้าฟ้า นิราศอิเหนา โคลงนิราศสุพรรณ
ไดรับพระราชทานบรรดาศักดิ์เปนพระสุนทร
ร�าพันพิลาป นิราศพระประธม และนิราศเมืองเพชร
โวหาร ในรัชกาลที่ 4 กอนถึงแกกรรมใน พ.ศ.
๒. นิทาน มี ๕ เรื่อง นิทานค�ากลอนเรื่องโคบุตร พระอภัยมณี ลักษณวงศ์ 2398)
สิงหไกรภพ และกาพย์เรื่องพระไชยสุริยา 2. นักเรียนบอกผลงานที่สุนทรภูแตงเปนนิราศ
• นิราศของสุนทรภูมีทั้งหมดกี่เรื่อง อะไรบาง
๓. บทเห่กล่อม มี ๔ เรื่อง บทเห่เรื่องจับระบ�า กากี พระอภัยมณี และโคบุตร (แนวตอบ มี 9 เรื่อง ไดแก นิราศเมืองแกลง
นิราศพระบาท นิราศเมืองเพชร นิราศ
๔. บทเสภา มี ๒ เรื่อง บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนก�าเนิดพลายงาม
1 ภูเขาทอง นิราศวัดเจาฟา นิราศอิเหนา
และเสภาพระราชพงศาวดาร
นิราศสุพรรณ รําพันพิราป และนิราศ
๕. วรรณกรรมค�าสอน มี ๒ เรื่อง สวัสดิรักษาและเพลงยาวถวายโอวาท พระประธม)
3. ครูสุมนักเรียน 5-6 คน บอกผลงานเรื่องอื่นๆ
๖. บทละคร มี ๑ เรื่อง อภัยนุราช ของสุนทรภูพรอมบอกลักษณะคําประพันธของ
เรื่องนั้น คนละ 2 เรื่อง
(แนวตอบ ตัวอยางเชน เรื่องพระอภัยมณี
บอกเล่าเก้าสิบ เปนนิทานคํากลอน เรื่องขุนชางขุนแผน
เปนกลอนเสภา เปนตน)
ภาพยนตร เรื่อง สุดสาคร
นิทานค�ากลอนเรื่อง พระอภัยมณี ได้มีการน�าไปดัดแปลงเป็น ขยายความเขาใจ Expand
ภาพยนตร์การ์ตนู แนวผจญภัยในชือ่ เรือ่ ง สุดสาคร ฝีมอื การก�ากับของ
ปยุต เงากระจ่าง นับเป็นภาพยนตร์การ์ตนู ขนาดยาวเรือ่ งแรกของไทย นักเรียนแตละกลุมยกบทประพันธจากนิราศ
ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒ มีความยาว ๘๒ เรื่องอื่นๆ ของสุนทรภูที่มีขอคิดประทับใจ
นาที ภาพยนตร์เรื่องนี้ด�าเนินเรื่องตั้งแต่ตอนก�าเนิดสุดสาครจนถึง มา 1 เรื่อง พรอมบอกเหตุผล จดบันทึกสงครู
การเดินทางตามหาพระอภัยมณี ภายหลังกรมวิชาการ กระทรวง
ศึกษาธิการได้น�าภาพในภาพยนตร์ไปจัดพิมพ์เป็นหนังสือส�าหรับให้
(แนวตอบ ตัวอยางเชน บทประพันธที่ยกมาจาก
เยาวชนอ่านในโรงเรียน นิราศเมืองแกลง
(ใบปดภาพยนตรการตูนเรื่อง สุดสาคร ผลงานของปยุต เงากระจาง) “กระแสชลวนเชี่ยวเรือเลี้ยวลด
ดูคอมคดขอบคุงคงคาไหล
๕
แตสายชลเจียวยังวนเปนวงไป
นี่หรือใจที่จะตรงอยาสงกา”
จากบทประพันธที่ยกมาใหขอคิดเตือนวาอยา
กิจกรรมสรางเสริม ไวใจใครโดยไมไตรตรองใหดีเสียกอน)
นักเรียนควรรู
นักเรียนศึกษาผลงานของสุนทรภูเพิ่มเติม โดยนักเรียนเลือกหาขอมูล 1 เสภาพระราชพงศาวดาร พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว
เกี่ยวกับผลงานของสุนทรภูเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่นักเรียนประทับใจ จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหสุนทรภูแตงขึ้นสําหรับขับถวายทรงฟงในเวลา
เขียนสรุปขอมูลเบื้องตนเกี่ยวกับเรื่องที่นักเรียนเลือกพรอมระบุเหตุผลที่ ทรงเครื่องใหญ และตอมาโปรดใหใชเปนบทสําหรับนางในขับสงมโหรีหลวง
เลือกผลงานเรื่องนั้น
มุม IT
กิจกรรมทาทาย ศึกษาเกี่ยวกับผลงานของสุนทรภูเพิ่มเติม ไดที่ http://knowledge.eduzones.
com/knowledge-2-4-27483.html
นักเรียนเลือกผลงานของสุนทรภูที่นักเรียนชื่นชอบมา 1 เรื่อง จากนั้น
นักเรียนพิจารณาผลงานเรื่องที่นักเรียนเลือกมาวา จัดเปนวรรณกรรม
ประเภทใด และใหนักเรียนยกบทประพันธที่เปนบทเอกของเรื่อง พรอม
ถอดความเปนรอยแกวโดยใชภาษาสละสลวย บันทึกลงสมุด
คูมือครู 5
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนเลือกบทประพันธในนิราศภูเขาทอง
มา 1 บท อธิบายสัมผัสในคําประพันธทั้งสัมผัส ๓ ลักษณะคÓประพันธ์
นอกและสัมผัสใน
(แนวตอบ ตัวอยางเชน นิราศภูเขาทองแต่งด้วยค�าประพันธ์ประเภทกลอนนิราศซึ่งมีลักษณะคล้ายกลอนสุภาพ
“ตลาดแกวแลวไมเห็นตลาดตั้ง แต่มีความแตกต่างกันตรงที่กลอนนิราศจะแต่งขึ้นต้นเรื่องด้ 1 วยกลอนวรรครับและจะแต่งต่อไปอีก
สองฟากฝงก็แตลวนสวนพฤกษา โดยไม่จ�ากัดจ�านวนบท แต่ต้องให้ค�าสุดท้ายซึ่งอยู่ในวรรคส่งจบลงด้วยค�าว่า “เอย”
โอรินรินกลิ่นดอกไมใกลคงคา แผนผังและตัวอย่าง กลอนนิราศ
เหมือนกลิ่นผาแพรดํารํ่ามะเกลือ”
จากบทประพันธมีสัมผัส ดังนี้ สัมผัสใน ไดแก
แกว-แลว ต(ลาด)-ตั้ง, ลวน-สวน สอง-สวน
ฟาก-ฝง, ริน-กลิ่น ไม-ใกล ริน-ริน กลิ่น-ใกล,
ดํา-รํ่า กลิ่น-เกลือ สัมผัสนอก ไดแก ตั้ง-ฝง
(พฤก)ษา-(คง)คา-ผา)
2. นักเรียนตอบคําถามจากเรื่องยอนิราศภูเขาทอง
• การเดินทางของสุนทรภู เริ่มจากที่ใดและ
ไปสิ้นสุดที่ใด เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระวสา
(แนวตอบ สุนทรภูเดินทางโดยเรือไปกับหนูพัด รับกฐินภิญโญโมทนา ชุลีลาลงเรือเหลืออาลัย
ซึ่งเปนบุตรชาย จากวัดราชบุรณราชวรวิหาร .............................. ................................
ไปนมัสการเจดียภูเขาทอง การเดินทาง จงทราบความตามจริงทุกสิ่งสิ้น อย่านึกนินทาแถลงแหนงไฉน
ขากลับสิ้นสุดที่วัดอรุณราชวรารามราช นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ จึงร�่าไรเรื่องร้างเล่นบ้างเอย
วรมหาวิหาร)
ขยายความเขาใจ Expand
๔ เรื่องย่อ
นักเรียนเลือกบทประพันธที่นักเรียนประทับใจ สุนทรภูเ่ ริม่ เรือ่ งด้วยการกล่าวถึงสาเหตุทตี่ อ้ งออกจากวัดราชบุรณราชวรวิหารและการเดินทาง
มาทองจําบทอาขยาน จํานวน 6-8 บท พรอมบอก โดยเรือพร้อมหนูพัดซึ่งเป็นบุตรชาย ล่องไปตามล�าน�้าเจ้าพระยาผ่านพระบรมมหาราชวัง จนมาถึง
เหตุผลในการเลือกบทประพันธนั้น วัดประโคนปัก ผ่านโรงเหล้า บางจาก บางพลู บางพลัด บางโพ บ้านญวน วัดเขมา ตลาดแก้ว ตลาดขวัญ
บางธรณี เกาะเกร็ด บางพูด บ้านใหม่ บางเดือ่ บางหลวง เชิงราก2สามโคก บ้านงิว้ เกาะใหญ่ราชคราม จนถึง
ตรวจสอบผล Evaluate กรุงเก่าเมื่อเวลาเย็น โดยจอดเรือพักที่ท่าน�้าวัดหน้าพระเมรุ ครั้นรุ่งเช้าจึงไปนมัสการเจดีย์ภูเขาทอง
1. นักเรียนอธิบายความเปนมาและลักษณะ ส่วนขากลับ สุนทรภู่กล่าวแต่เพียงว่า เมื่อถึงกรุงเทพฯ ได้จอดเทียบเรือที่ท่าน�้าหน้าวัดอรุณราช-
คําประพันธของวรรณกรรมประเภทนิราศได วราราม ราชวรมหาวิหาร
2. นักเรียนตอบคําถามจากการอานเรื่องยอได 6
3. นักเรียนบอกชื่อผลงานและยกตัวอยาง
บทประพันธนิราศเรื่องอื่นๆ ของสุนทรภูได
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ลักษณะนิราศตามความคิดของนักเรียนเปนอยางไร
1 วรรคสง หมายถึง วรรคสุดทายของบท กลอนสุภาพในแตละบทจะมี 4 วรรค
วรรคแรกเรียก วรรคสดับ วรรคที่สองเรียก วรรครับ วรรคที่สามเรียก วรรครอง แนวตอบ นิราศสวนใหญมักเปนการครํ่าครวญของกวีตอสตรีอันเปนที่รัก
และวรรคที่สี่เรียก วรรคสง เนื่องจากตองพลัดพรากจากนางมาไกล นางในนิราศอาจมีตัวตนหรือไมก็ได
2 วัดหนาพระเมรุ หรือวัดหนาพระเมรุ เดิมชือ่ วัดพระเมรุราชิการาม สันนิษฐานวา ลักษณะคําประพันธที่แตงเปนนิราศมีทั้งโคลง และตอมานิยมกลอนสุภาพ
สรางขึ้นในสมัยอยุธยาตอนตน วัดนี้มีความสําคัญทางประวัติศาสตร โดยเฉพาะนิราศของสุนทรภู แตในนิราศคํากลอนนั้น มีขอสังเกตวาจะไมมี
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเมื่อครั้งทําศึกกับพระเจาบุเรงนองไดมีการทําสัญญา บทสดุดี เมื่อเริ่มเรื่องก็จะเริ่มดวยการรําพันถึงการนิราศจากไป แลวบอกถึง
สงบศึก เมื่อ พ.ศ. 2106 และไดสรางพลับพลาที่ประทับขึ้นระหวางวัดหนาพระเมรุ สาเหตุของการจาก มีการกลาวอําลาสถานที่ที่เคยอยูบอกเวลาที่เดินทางไว
กับวัดหัสดาวาส
6 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนากับนักเรียนและชวนใหนักเรียน
๕ เนื้อเรื่อง สังเกตและพิจารณาการขึ้นตนของนิราศภูเขาทอง
รวมกันแลวตอบคําถาม
นิราศภูเขาทอง • บทขึ้นตนของนิราศภูเขาทองกลาวถึงอะไร
เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระวสา บาง
รับกฐินภิญโญโมทนา ชุลีลาลงเรือเหลืออาลัย (แนวตอบ บทขึ้นตนบอกวาเปนชวงทอดกฐิน
ออกจากวัดทัศนาดูอาวาส เมื่อตรุษสารทพระพรรษาได้อาศัย และกวีลาวัดที่เคยจําพรรษาอยู โดยเริ่มการ
สามฤดูอยู่ดีไม่มีภัย มาจ�าไกลอารามเมื่อยามเย็น เดินทางทางเรือในตอนเย็น บอกเหตุผลของ
โอ้อาวาสราชบุรณะพระวิหาร แต่นี้นานนับทิวาจะมาเห็น การเดินทางออกจากวัดราชบุรณราชวรวิหาร
เหลือร�าลึกนึกน่าน�้าตากระเด็น เพราะขุกเข็ญคนพาลมารานทาง วาเพราะมีคนพาลมาเบียดเบียน ทําใหอยูที่
จะยกหยิบธิบดีเป็นที่ตั้ง ก็ใช้ถังแทนสัดเห็นขัดขวาง วัดราชบุรณราชวรวิหารตอไปไมไดตองออก
จึ่งจ�าลาอาวาสนิราศร้าง มาอ้างว้างวิญญาณ์ในสาคร ฯ จากวัดเดินทางไปที่อื่น)
ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด คิดถึงบาทบพิตรอดิศร
โอ้ผ่านเกล้า1เจ้าประคุณของสุนทร แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น
พระนิพพานปานประหนึ่งศีรษะขาด ษะขาด ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็ญ
สํารวจคนหา Explore
ทั้งโรคซ�้ากรรมซัดวิบัติเป็น ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา 1. นักเรียนคนหาขอมูลและศึกษาการอานงาน
จึงสร้างพรตอตส่าห์ส่งส่วนบุญถวาย ประพฤติฝ่ายสมถะทั้งวสา เขียนประเภทรอยกรอง จากหนังสือเรียน
เป็นสิ่งของฉลองคุณมุลิกา ขอเป็นข้าเคียงบาททุกชาติไป ฯ หลักภาษาและการใชภาษา ม.1
ถึงหน้าแพแลเห็นเรือที่นั่ง คิดถึงครั้งก่อนมาน�้าตาไหล 2. นักเรียนแตละกลุม ชวยกันสืบหาขอมูลเกี่ยวกับ
เคยหมอบรับกับพระจมื่นไวย แล้วลงในเรือที่นั่งบัลลังก์ทอง สถานที่ตางๆ ที่ปรากฏในนิราศภูเขาทองจาก
เคยทรงแต่งแปลงบทพจนารถ เคยรับราชโองการอ่านฉลอง หนังสือ บทความตางๆ หรือเว็บไซตที่เกี่ยวของ
จนกฐินสิ้นแม่น�้าในล�าคลอง มิได้ข้องเคืองขัดหัทยา
เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตรลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา
สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์ ฯ
อธิบายความรู Explain
ดูในวังยังเห็นหอพระอัฐิ ตั้งสติเติมถวายฝ่ายกุศล นักเรียนตอบคําถามจากบทประพันธตอไปนี้
ทั้งปิ่นเกล้าเจ้าพิภพจบสากล ให้ผ่องพ้นภัยส�าราญผ่านบุรินทร์ ฯ “ถึงวังหนาดังหนึ่งใจจะขาด
ถึงอารามนามวัดประโคนปัก ไม่เห็นหลักลือเล่าว่าเสาหิน คิดถึงบาทบพิตรอดิศร
เป็นส�าคัญปันแดนในแผ่นดิน มิรู้สิ้นสุดชื่อที่ลือชา โอผานเกลาเจาคุณของสุนทร
ขอเดชะพระพุทธคุณช่วย แม้นมอดม้วยกลับชาติวาสนา แตปางกอนเคยเฝาทุกเชาเย็น”
อายุยืนหมื่นเท่าเสาศิลา อยู่คู่ฟ้าดินได้ดังใจปอง
• “บาทบพิตรอดิศร” หมายถึงใคร
ไปพ้นวัดทัศนาริมท่าน�้า แพประจ�าจอดรายเขาขายของ
(แนวตอบ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา-
มีแพรผ้าสารพัดสีม่วงตอง ทั้งสิ่งของขาวเหลืองเครื่องส�าเภา ฯ
นภาลัย รัชกาลที่ 2 แหงกรุงรัตนโกสินทร)
7 • นักเรียนคิดวากวีรูสึกอยางไร
(แนวตอบ กวีออกเดินทางดวยความรูส กึ อาลัย
ทุกขใจ และรูสึกจําใจที่ตองจากที่ที่เคยอยู)
บูรณาการเชื่อมสาระ
จากเรื่องยอนิราศภูเขาทองแสดงใหเห็นถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนา เกร็ดแนะครู
อยางเดนชัด ซึ่งเนื้อเรื่องกลาวถึงการเดินทางของสุนทรภูเมื่อออกบวชแลว ครูแนะความรูใหนักเรียนเกี่ยวกับการใชภาพพจนอติพจนในนิราศภูเขาทอง คือ
และไดเดินทางไปนมัสการ พระเจดียภูเขาทอง โดยจะเห็นไดวาคนไทย การกลาวเกินจริงในแงอารมณความรูสึก เพื่อใหผูฟงผูอานเกิดอารมณคลอยตาม เชน
ในสมัยกอนมีความผูกพันกับศาสนาพุทธและศาสนสถานเปนอยางมาก “ขอเดชะพระพุทธคุณชวย แมนมอดมวยกลับชาติวาสนา
ครูบูรณาการความรูนี้เชื่อมโยงกับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา อายุยืนหมื่นเทาเสาศิลา อยูคูฟาดินไดดังใจปอง”
และวัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนา เพื่อศึกษาความแตกตางของการเปน
พุทธศาสนิกชนในอดีตกับปจจุบันที่พบวาในปจจุบันมีปจจัยหลายอยางที่
สงผลใหพุทธศาสนิกชนลดความสําคัญในการปฏิบัติตนตามวิถีที่เคยปฏิบัติ นักเรียนควรรู
มาตั้งแตเกากอน เราจึงควรนําสาระที่แทรกอยูในนิราศภูเขาทองมาประยุกต
ใชกับชีวิตประจําวัน โดยปฏิบัติหนาที่ของชาวพุทธยึดมั่นในคําสอน สิ่งเหลานี้ 1 พระนิพพาน ในพจนานุกรมใหความหมายวา ความดับสนิทแหงกิเลสและ
จะชวยใหเปนคนที่มีจิตใจออนโยน มีคุณธรรม และชวยใหมีสติมากขึ้น กองทุกข ตาย เปนคําที่ใชแกพระอรหันต แตในที่นี้สุนทรภูนําคําวา “นิพพาน”
มาใชกับการสวรรคตของรัชกาลที่ 2 ทั้งนี้แสดงใหเห็นความเชิดชูนับถือ
คูมือครู 7
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนแตละกลุมจับสลากแบงเนื้อเรื่องนิราศ
ภูเขาทอง ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
2. นักเรียนแตละกลุมฝกอานบทประพันธตอนที่ โอ้บาปกรรมน�้านรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย
จับสลากได โดยอานเปนทํานองเสนาะ ท�าบุญบวชกรวดน�้าขอส�าเร็จ พระสรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย
3. แตละกลุมชวยกันถอดคําประพันธเปนรอยแกว ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป
4. ใหแตละกลุมสงตัวแทนอานบทประพันธตอนที่ ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
จับสลากไดและนําเสนอการถอดคําประพันธ ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจ�าทุกค�่าคืน ฯ
หนาชั้นเรียน ถึงบางจากจากวัดพลัดพี่น้อง มามัวหมองม้วนหน้าไม่ฝ่าฝืน
5. นักเรียนทุกคนบันทึกการถอดคําประพันธของ เพราะรักใคร่ใจจืดไม่ยืดยืน จ�าต้องขืนใจพรากมาจากเมือง
ทุกกลุมลงสมุด ถึงบางพลูคิดถึงคู่เมื่ออยู่ครอง เคยใส่ซองส่งให้ล้วนใบเหลือง
6. นักเรียนทบทวนความรูในการเรียงลําดับ ถึงบางพลัดเหมือนพี่พลัดมาขัดเคือง ทั้งพลัดเมืองพลัดสมรมาร้อนรน
เหตุการณการเดินทางในนิราศภูเขาทอง โดยการ ถึงบางโพโอ้พระศรีมหาโพธิ ร่มนิโรธรุกขมูลให้พูนผล
ทํากิจกรรมตามตัวชี้วัด จากแบบวัดฯ ภาษาไทย ขอเดชะอานุภาพพระทศพล ให้ผ่องพ้นภัยพาลส�าราญกาย ฯ
ม.1 กิจกรรมที่ 1.1 ถึงบ้านญวนล้วนแต่โรงแลสะพรั่ง มีข้องขังกุ้งปลาไว้ค้าขาย
ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพร้อมเพรียงมาเมียงมอง
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ จะเหลียวกลับลับเขตประเทศสถาน ทรมานหม่นไหม้ฤทัยหมอง
ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.1 ถึงเขมาอารามอร่ามทอง พึ่งฉลองเลิกงานเมื่อวานซืน ฯ
เร�่อง นิราศภูเขาทอง
1
โอ้ปางหลังครั้งสมเด็จบรมโกศ
บรมโกศ มาผูกโบสถ์ก็ได้มาบูชาชื่น
กิจกรรมตามตัวชี้วัด
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ชมพระพิมพ์ริมผนังยังยั่งยืน ทั้งแปดหมื่นสี่พันได้วันทา
กิจกรรมที่ ๑.๑ ใหนักเรียนเรียงลําดับเหตุการณการเดินทางของสุนทรภู õ
จากเรื่องนิราศภูเขาทอง โดยใสหมายเลขหนาขอความให โอ้ครั้งนี้มิได้เห็นเล่นฉลอง เพราะตัวต้องตกประดาษวาสนา
ถูกตอง (ท ๕.๑ ม.๑/๑)
เป็นบุญน้อยพลอยนึกโมทนา พอนาวาติดชลเข้าวนเวียน
๘ ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปนเกลา ดูน�้าวิ่งกลิ้งเชี่ยวเป็นเกลียวกลอก กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน
๔ มาถึงบางธรณีทวีโศก บ้างพลุ่งพลุ่งวุ้งวงเหมือนกงเกวียน ดูเวียนเวียนคว้างคว้างเป็นหว่างวน
๑๐ มาจอดทาหนาวัดพระเมรุขาม ทั้งหัวท้ายกรายแจวกระชากจ้วง ครรไลล่วงเลยทางมากลางหน
๒ ถึงอารามนามวัดประโคนปก
โอ้เรือพ้นวนมาในสาชล ใจยังวนหวังสวาทไม่คลาดคลา ฯ
ฉบับ
เฉลย ๖ ถึงบางพูดพูดดีเปนศรีศักดิ์ เริ่มตนที่วัดราชบูรณะราชวรวิหาร
ตลาดแก้วแล้วไม่เห็นตลาดตั้ง สองฟากฝั่งก็แต่ล้วนสวนพฤกษา
๓ ถึงบางจากจากวัดพลัดพี่นอง
โอ้รินรินกลิ่นดอกไม้ใกล้คงคา เหมือนกลิ่นผ้าแพรด�าร�่ามะเกลือ
๑ ถึงหนาวังดังหนึ่งใจจะขาด เห็นโศกใหญ่ใกล้น�้าระก�าแฝง ทั้งรักแซงแซมสวาทประหลาดเหลือ
๕ ถึงเกร็ดยานบานมอญแตกอนเกา เหมือนโศกพี่ที่ช�้าระก�าเจือ เพราะรักเรื้อแรมสวาทมาคลาดคลาย
๙ ถึงบานงิ้วเห็นแตงิ้วละลิ่วสูง ถึงแขวงนนท์ชลมารคตลาดขวัญ มีพ่วงแพแพรพรรณเขาค้าขาย
๗ ถึงบานใหมใจจิตก็คิดอาน ทั้งของสวนล้วนเรืออยู่เรียงราย พวกหญิงชายประชุมกันทุกวันคืน ฯ
จุดหมายคือ เจดียภูเขาทอง
8
๘๒
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดมีการเปรียบเทียบเหมือนคําประพันธที่ยกมานี้
ครูแนะนักเรียนเรื่องการเลนคําวา คําประพันธที่มีการเลนคํามีลักษณะเดน
เคยหมอบใกลไดกลิ่นสุคนธตรลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา
ทางวรรณศิลป คือ ทําใหคําประพันธมีภาษาไพเราะและมีความหมายลึกซึ้งกินใจ
สิ้นแผนดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ
ชวยพัฒนาความคิดความรูทางภาษา กวีที่แสดงใหเห็นการเลนคํา ยอมหมายถึงวา
1. ลวนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไรรังเรอยูเอกา
กวีผูนั้นมีความสามารถในการใชภาษาไดดี
2. ถึงบานงิ้วเห็นแตงิ้วละลิ่วสูง ไมมีฝูงสัตวสิงกิ่งพฤกษา
3. ดูนํ้าวิ่งกลิ้งเชี่ยวเปนเกลียวกลอก กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน
นักเรียนควรรู 4. โอบุญนอยลอยลับครรไลไกล เสียนํ้าใจเจียนจะสิ้นดิ้นชีวิน
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธที่ยกมามีการใชคําเปรียบเทียบคําวา
1 สมเด็จบรมโกศ คํานี้แปลอยางขยายความคือ “สมเด็จพระเจาอยูหัวใน “เหมือน” จากความวา “วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ” คําประพันธที่มี
พระบรมโกศ” หมายถึง พระเจาแผนดินที่สวรรคตไปแลว (พระบรมศพยังอยูใน การเปรียบเทียบเหมือนกัน คือ “เหมือนนกไรรังเรอยูเอกา” ตอบขอ 1.
พระโกศ) นิราศภูเขาทองนี้สุนทรภูแตงไวในสมัยรัชกาลที่ 3 “สมเด็จบรมโกศ”
ในที่นี้จึงหมายถึง รัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลานภาลัย บางคน
อาจเขาใจผิดวาคํานี้หมายถึง พระเจาอยูหัวบรมโกศ กษัตริยในสมัยอยุธยา
8 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนบอกชื่อสถานที่ที่ปรากฏในนิราศ
มาถึงบางธรณีทวีโศก ยามวิโยคยากใจให้สะอื้น ภูเขาทองคนละ 1 ชื่อ ไมซํ้ากัน พรอมทั้ง
โอ้สุธาหนาแน่นเป็นแผ่นพื้น ถึงสี่หมื่นสองแสนทั้งแดนไตร อธิบายลักษณะของสถานที่ดังกลาว ครูเรียกชื่อ
เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้ ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย ใหนักเรียนบอกทีละคน อาจเรียงตามเลขที่หรือ
ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกา ฯ ตามแถวที่นั่ง
ถึงเกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา 2. นักเรียนรวบรวมและจดบันทึกชื่อสถานที่ตางๆ
เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา ทั้งผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย ที่เพื่อนๆ บอกลงสมุด
โอ้สามัญผันแปรไม่แท้เที่ยง เหมือนอย่างเยี่ยงชายหญิงทิ้งวิสัย (แนวตอบ สถานที่ที่ปรากฏในนิราศภูเขาทอง
นี่หรือจิตคิดหมายมีหลายใจ ที่จิตใครจะเป็นหนึ่งอย่าพึงคิด ฯ ไดแก วัดราชบุรณราชวรวิหาร พระบรม-
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต มหาราชวัง วัดประโคนปก บางจาก บางพลู
แม้นพูดชั่วตัวตายท�าลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา ฯ บางโพ บานญวน วัดเขมา ตลาดแกว บางพูด
ถึงบ้านใหม่ใจจิตก็คิดอ่าน จะหาบ้านใหม่มาดเหมือนปรารถนา ตลาดขวัญ บางธรณี บานใหม บางเดื่อ
ขอให้สมคะเนเถิดเทวา จะได้ผาสุกสวัสดิ์ก�าจัดภัย บางหลวง สามโคก บานงิ้ว วัดหนาพระเมรุ
ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้ และเจดียภูเขาทอง)
เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา
ถึงบางหลวงเชิงรากเหมือนจากรัก สู้เสียศักดิ์สังวาสพระศาสนา
เป็นล่วงพ้นรนราคราคา ถึงนางฟ้าจะมาให้ไม่ไยดี ฯ
ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่นเกล้า พระพุทธเจ้าหลวงบ�ารุงซึ่งกรุงศรี
ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว
โอ้พระคุณสูญลับไม่กลับหลัง แต่ชื่อตั้งก็ยังอยู่เขารู้ทั่ว
แต่เรานี้ที่สุนทรประทานตัว ไม่รอดชั่วเช่นสามโคกยิ่งโศกใจ
สิ้นแผ่นดินสิ้นนามตามเสด็จ ต้องเที่ยวเตร็ดเตร่หาที่อาศัย
แม้นก�าเนิดเกิดชาติใดใด ขอให้ได้เป็นข้าฝ่าธุลี
สิ้นแผ่นดินขอให้สิ้นชีวิตบ้าง อย่ารู้ร้างบงกชบทศรี
เหลืออาลัยใจตรมระทมทวี ทุกวันนี้ก็ซังตายทรงกายมา ฯ
ถึงบ้านงิ้วเห็นแต่งิ้วละลิ่วสูง ไม่มีฝูงสัตว์สิงกิ่งพฤกษา
ด้วยหนามดกรกดาษระดะตา นึกก็น่ากลัวหนามขามขามใจ
งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวากแซมเสี้ยมแทรกแตกไสว
ใครท�าชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพอง
เราเกิดมาอายุเพียงนี้แล้ว ยังคลาดแคล้วครองตัวไม่มัวหมอง
ทุกวันนี้วิปริตผิดท�านอง เจียนจะต้องปีนบ้างหรืออย่างไร ฯ
ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับความหมายของสํานวนในคําประพันธ เกร็ดแนะครู
ถึงบางเดื่อโอมะเดื่อเหลือประหลาด บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส ครูเพิ่มเติมความรูที่เปนขอมูลทางประวัติศาสตรของชุมชนเรื่องชื่อบานนามเมือง
เหมือนคนพาลหวานนอกยอมขมใน อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา ที่เปลี่ยนไป สุนทรภูไดบันทึกไววา
คําประพันธนี้ตรงกับสํานวนใด “ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปนเกลา พระพุทธเจาหลวงบํารุงซึ่งกรุงศรี
1. ปากหวานกนเปรี้ยว ประทานนามสามโคกเปนเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว”
2. ปากปราศรัย นํ้าใจเชือดคอ
3. ขางนอกสุกใส ขางในเปนโพรง
4. มือถือสาก ปากถือศีล มุม IT
วิเคราะหคําตอบ สํานวนแตละขอเปนสํานวนเกี่ยวกับการพูด ขอ 1. และ
ขอ 2. มีความหมายคลายกันวา พูดจาดี ออนหวาน แตใจคิดราย สํานวน ศึกษาเกี่ยวกับความเปนมาของสามโศกจากนิราศภูเขาทองเพิ่มเติม ไดที่
ขอ 3. มีความหมายสองทาง ทางหนึ่งหมายถึงสิ่งที่แลดูภายนอกเปนของดี http://nararapee.blogspot.com/2009/06/blog-post_4906.html
หรือของแท แตแทจริงกลับไมใช อีกทางหนึ่งเปรียบไดกับสตรีที่งามแตรูป
แตกิริยาและความประพฤติไมงาม สํานวนขอ 4. หมายถึง คนที่แสรงใหผูอื่น
เขาใจวาตนเองเปนอยางหนึ่ง แตในความเปนจริงเปนอีกอยางหนึ่งซึ่งไมได
เจาะจงวาเปนอยางไร จึงตอบขอ 3.
คูมือครู 9
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนพิจารณาและอธิบายการเลนเสียงสัมผัส
ในนิราศภูเขาทอง ซึ่งเปนลักษณะเดนของกลอน โอ้คิดมาสารพัดจะตัดขาด ตัดสวาทตัดรักมิยักไหว
สุนทรภู โดยยกบทประพันธประกอบการอธิบาย ถวิลหวังนั่งนึกอนาถใจ ถึงเกาะใหญ่ราชครามพอยามเย็น
(แนวตอบ บทประพันธมีการเลนเสียงสัมผัสใน ดูห่างย่านบ้านช่องทั้งสองฝั่ง ระวังทั้งสัตว์น�้าจะท�าเข็ญ
อยางไพเราะ เดนทั้งสัมผัสพยัญชนะและสัมผัสสระ เป็นที่อยู่ผู้ร้ายไม่วายเว้น เที่ยวซ่อนเร้นตีเรือเหลือระอา ฯ
เสียงสัมผัสคลองจองกัน อีกทั้งมีการเลียนเสียง พระสุริยงลงลับพยับฝน ดูมัวมนมืดมิดทุกทิศา
ธรรมชาติ ทําใหจินตภาพจากบทประพันธไดชัดขึ้น ถึงทางลัดตัดทางมากลางนา ทั้งแฝกคาแขมกกขึ้นรกเรี้ยว
ดังบทประพันธ เป็นเงาง�้าน�้าเจิ่งดูเวิ้งว้าง ทั้งกว้างขวางขวัญหายไม่วายเหลียว
“ทั้งกบเขียดเกรียดกรีดจังหรีดเรื่อย เห็นดุ่มดุ่มหนุ่มสาวเสียงกราวเกรียว ล้วนเรือเพรียวพร้อมหน้าพวกปลาเลย
พระพายเฉื่อยฉิวฉิววะหวิวหวาม เขาถ่อคล่องว่องไวไปเป็นยืด เรือเราฝืดเฝือมานิจจาเอ๋ย
วังเวงจิตคิดคะนึงรําพึงความ ต้องถ่อค�้าร�่าไปล้วนไม่เคย ประเดี๋ยวเสยสวบตรงเข้าพงรก
ถึงเมื่อยามยังอุดมโสมนัส”) กลับถอยหลังรั้งรอเฝ้าถ่อถอน เรือขย้อนโยกโยนกระโถนหก
• นักเรียนคิดวา กวีเลาเรื่องราวการเดินทาง เงียบสงัดสัตว์ป่าคณานก น�้าค้างตกพร่างพรายพระพายพัด
ดวยอารมณความรูสึกอยางไร ไม่เห็นคลองต้องค้างอยู่กลางทุ่ง พอหยุดยุงฉู่ชุมมารุมกัด
(แนวตอบ กวีมีความรูสึกเศราใจ และหวน เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกายเหมือนทรายซัด ต้องนั่งปัดแปะไปมิได้นอน ฯ
อาลัยถึงความหลังเมื่อครั้งยังมีความสุข) แสนวิตกอกเอ๋ยมาอ้างว้าง ในทุ่งกว้างเห็นแต่แขมแซมสลอน
จนดึกดาวพราวพร่างกลางอัมพร กระเรียนร่อนร้องก้องเมื่อสองยาม
ทั้งกบเขียดเกรียดกรีดจังหรีดเรื่อย พระพายเฉื่อยฉิวฉิววะหวิวหวาม
วังเวงจิตคิดคะนึงร�าพึงความ ถึงเมื่อยามยังอุดมโสมนัส
ส�ารวลกับเพื่อนรักสะพรักพร้อม อยู่แวดล้อมหลายคนปรนนิบัติ
โอ้ยามเข็ญเห็นอยู่แต่หนูพัด ช่วยนั่งปัดยุงให้ไม่ไกลกาย
จนเดือนเด่นเห็นเหล่ากระจับจอก ระดะดอกบัวเผื่อนเมื่อเดือนหงาย
เห็นร่องน�้าล�าคลองทั้งสองฝ่าย ข้างหน้าท้ายถ่อมาในสาคร
จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเห็นพันธุ์ผัก ดูน่ารักบรรจงส่งเกสร
เหล่าบัวเผื่อนแลสล้างริมทางจร ก้ามกุ้งซ้อนเสียดสาหร่ายใต้คงคา
สายติ่งแกมแซมสลับต้นตับเต่า เป็นเหล่าเหล่าแลรายทั้งซ้ายขวา
กระจับจอกดอกบัวบานผกา ดาษดาดูขาวดังดาวพราย
โอ้เช่นนี้สีกาได้มาเห็น จะลงเล่นกลางทุ่งเหมือนมุ่งหมาย
ที่มีเรือน้อยน้อยจะลอยพาย เที่ยวถอนสายบัวผันสันตะวา
ถึงตัวเราเล่าถ้ามีโยมหญิง ไหนจะนิ่งดูดายอายบุปผา
คงจะใช้ให้ศิษย์ที่ติดมา อุตส่าห์หาเอาไปฝากตามยากจน
10
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดใชภาพพจน
ครูแนะความรูทางวรรณศิลปเรื่องการเลนคํา โดยยกตัวอยางจากนิราศภูเขาทอง
1. จะแวะหาถาทานเหมือนเมื่อเปนไวย ก็จะไดรับนิมนตขึ้นบนจวน
ใหนักเรียนฟงวา การเลนคํา คือ การใชถอยคําคําเดียวในความหมายตางกันเพื่อให
2. อายุยืนหมื่นเทาเสาศิลา อยูคูฟาดินไดดังใจปอง
การพรรณนาไพเราะนาอาน และมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น เชน คําวา โศก ระกํา รัก
3. โอเชนนี้สีกาไดมาเห็น จะลงเลนกลางทุงเหมือนมุงหมาย
สวาท ดังวา
4. จนดึกดาวพราวพรางกลางอัมพร กระเรียนรอนรองกองเมื่อสองยาม
“เห็นโศกใหญใกลนํ้าระกําแฝง ทั้งรักแซงแซมสวาทประหลาดเหลือ
เหมือนโศกพี่ที่ระกําก็ซํ้าเจือ เพราะรักเรื้อแรมสวาทมาคลาดคลาย” วิเคราะหคําตอบ จากคําประพันธขอที่มีการใชการภาพพจน เปนการใช
ในบาทแรกเปนชื่อของตนไม และคําที่กลาวในบาทตอมาเปนคําที่ใชแสดง ภาพพจนอติพจน คือ “อายุยืนหมื่นเทาเสาศิลา อยูคูฟาดินไดดังใจปอง”
อารมณความรูสึกของกวี มีการใชคําวา “เทา” เปรียบอายุยืนยาวนานเทากับเสาหินที่มั่นคงแมผานกาล
เวลามานาน ขออื่นมีคําที่ใชคลายการเปรียบ โดยใชคําวา “เหมือน” แตทั้งนี้
ไมแสดงใหเห็นการเปรียบเทียบกับสิ่งที่กลาวถึง ดังนั้นจึงตอบขอ 2.
มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับเนื้อเรื่องจากการถอดคําประพันธนิราศภูเขาทองเพิ่มเติม ไดที่
http://guru.sanook.com/pedia/topic/นิราศภูเขาทอง/
10 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. จากบทประพันธในหนา 11 นี้ กวีถกู โจรเขามา
นี่จนใจไม่มีเท่าขี้เล็บ ขี้เกียจเก็บเลยทางมากลางหน ขโมยของในเรือ ใหนักเรียนเลาเหตุการณ
พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยน ถึงต�าบลกรุงเก่ายิ่งเศร้าใจ ฯ ดังกลาว พรอมยกบทประพันธใหตรงกับ
มาทางท่าหน้าจวนจอมผู้รั้ง คิดถึงครั้งก่อนมาน�้าตาไหล เหตุการณ
จะแวะหาถ้าท่านเหมือนเมื่อเป็นไวย ก็จะได้รับนิมนต์ขึ้นบนจวน (แนวตอบ เมื่อกวีเดินทางมาถึงวัดหนาพระเมรุ
แต่ยามยากหากว่าถ้าท่านแปลก อกมิแตกเสียหรือเราเขาจะสรวล มีการแสดงรองเลนกันสนุกสนาน ครัน้ พอตกดึก
เหมือนเข็ญใจใฝ่สูงไม่สมควร จะต้องม้วนหน้ากลับอัประมาณ ฯ เวลาประมาณตีสาม มีโจรเขามาขโมยขาวของ
มาจอดท่าหน้าวัดพระเมรุข้าม ริมอารามเรือเรียงเคียงขนาน ในเรือ แตเรือเอียงเกิดเสียงดังทําใหโจรดํานํ้า
บ้างขึ้นล่องร้องร�าเล่นส�าราญ ทั้งเพลงการเกี้ยวแก้กันแซ่เซ็ง หนีไปได และเมื่อตรวจดูก็ไมพบวามีขาวของ
บ้างฉลองผ้าป่าเสภาขับ ระนาดรับรัวคล้ายกับนายเส็ง หาย ดังบทประพันธ
มีโคมรายแลอร่ามเหมื 1 อนสามเพ็ง เมื่อคราวเคร่งก็มิใคร่จะได้ดู “ไดฟงเลนตางตางที่ขางวัด
ไอ้ล�าหนึ่งครึ่งท่อนกลอนมันมาก มาก ช่างยาวลากเลื้อยเจื้อยจนเหนื่อยหู ดึกสงัดเงียบหลับลงกับหมอน
ไม่จบบทลดเลี้ยวเหมือนเงี้ยวงู จนลูกคู่ขอทุเลาว่าหาวนอน ฯ ประมาณสามยามคลํ้าในอัมพร
ได้ฟังเล่นต่างต่างที่ข้างวัด ดึกสงัดเงียบหลับลงกับหมอน อายโจรจรจูจวงเขาลวงเรือ
ประมาณสามยามคล�้าในอัมพร อ้ายโจรจรจู่จ้วงเข้าล้วงเรือ นาวาเอียงเสียงกุกลุกขึ้นรอง
นาวาเอียงเสียงกุกลุกขึ้นร้อง มันด�าล่องน�้าไปช่างไวเหลือ มันดําลองนํ้าไปชางไวเหลือ
ไม่เห็นหน้าสานุศิษย์ที่ชิดเชื้อ เหมือนเนื้อเบื้อบ้าเลอะดูเซอะซะ ไมเห็นหนาสานุศิษยที่ชิดเชื้อ
แต่หนูพัดจัดแจงจุดเทียนส่อง ไม่เสียของขาวเหลืองเครื่องอัฏฐะ เหมือนเนื้อเบื้อบาเลอะดูเซอะซะ
ด้วยเดชะตบะบุญกับคุณพระ ชัยชนะมารได้ดังใจปอง ฯ แตหนูพัดจัดแจงจุดเทียนสอง
ครั้นรุ่งเช้าเข้าเป็นวันอุโบสถ เจริญรสธรรมาบูชาฉลอง ไมเสียของขาวเหลืองเครื่องอัฏฐะ
ไปเจดีย์ที่ชื่อภูเขาทอง ดูสูงล่องลอยฟ้านภาลัย ดวยเดชะตบะบุญกับคุณพระ
อยู่กลางทุ่งรุ่งโรจน์สันโดษเด่น เป็นที่เล่นนาวาคงคาใส ชัยชนะมารไดดังใจปอง”)
ที่พื้นลานฐานบัทม์ถัดบันได คงคาไหลล้อมรอบเป็นขอบคัน 2. หลังจากนักเรียนอานเนือ้ เรือ่ งจบแลวใหนกั เรียน
มีเจดีย์วิหารเป็นลานวัด ในจังหวัดวงแขวงก�าแพงกั้น รวมกันอภิปรายตอบคําถามตอไปนี้
ที่องค์ก่อย่อเหลี่ยมสลับกัน เป็นสามชั้นเชิงชานตระหง่านงาม • กวีแตงนิราศภูเขาทองโดยมีวัตถุประสงคใด
บันไดมีสี่ด้านส�าราญรื่น ต่างชมชื่นชวนกันขึ้นชั้นสาม (แนวตอบ แตงไวเปนขอคิดเตือนใจวาไมมี
ประทักษิณจินตนาพยายาม ได้เสร็จสามรอบค�านับอภิวันท์
อะไรแนนอน)
มีห้องถ�้าส�าหรับจุดเทียนถวาย ด้วยพระพายพัดเวียนดูเหียนหัน
เป็นลมทักษิณาวรรตน่าอัศจรรย์ แต่ทุกวันนี้ชราหนักหนานัก
ทั้งองค์ฐานรานร้าวถึงเก้าแฉก เผยอแยกยอดทรุดก็หลุดหัก
โอ้เจดีย์ที่สร้างยังร้างรัก เสียดายนักนึกน่าน�้าตากระเด็น
11
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
...โอเจดียที่สรางยังรางรัก เสียดายนักนึกนานํ้าตากระเด็น
ครูอธิบายบทประพันธในหนา 11 เพิ่มเติมวา สุนทรภูและหนูพัดลูกชายตองเผชิญ
กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ จะมิหมดลวงหนาทันตาเห็น...
กับเหตุการณถูกโจรเขามาขโมยของในเรือ ครูทบทวนความเขาใจของนักเรียนเกี่ยวกับ
คําประพันธขางตนสะทอนความเชื่อเรื่องใดของคนในสังคม
การเดินทางที่มีความยากลําบาก ซึ่งเปนที่มาของบทประพันธที่สุนทรภูพรรณนาการ
แนวตอบ จากคําประพันธขางตนสะทอนความเชื่อเรื่องความไมแนนอนของ เดินทางดวยความทุกขระทมมากยิ่งขึ้น
ชีวิต โดยเปรียบเจดียที่เคยเปนที่เคารพศรัทธาของผูคน แตเมื่อเวลาลวงเลย
ผานไปก็ถูกปลอยใหเการางทรุดโทรม เทียบกับชื่อเสียงเกียรติยศของคนวา
ไมมีความแนนอน นักเรียนควรรู
1 ครึ่งทอน เปนชื่อของเพลงพื้นเมืองโบราณ มักเลนกันในฤดูนํ้าหลาก
เหมือนเลนสักวาหรือเพลงเรือ ในการเลนจะมีพอเพลงรอง 1 คน และมีลูกคู
9-10 คน เปนผูรองรับ เครื่องดนตรีที่ใชในการเลนเพลงนี้ คือ กรับพวง และที่เรียก
เพลงครึ่งทอน เพราะเวลารองไมไดรองเต็มตามจํานวนบท ลดหรือตัดบางทอน
บางตอนลงได
คูมือครู 11
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ใหนักเรียนเขียนแผนที่แสดงการเดินทางตาม
รอยสุนทรภูไปยังเจดียภูเขาทอง กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น
(แนวตอบ เป็นผู้ดีมีมากแล้วยากเย็น คิดก็เป็นอนิจจังเสียทั้งนั้น ฯ
• เจดียภูเขาทอง (อยุธยา) ขอเดชะพระเจดีย์คิรีมาศ บรรจุธาตุที่ตั้งนรังสรรค์
วัดหนาพระเมรุ ข้าอุตส่าห์มาเคารพอภิวันท์ เป็นอนันต์อานิสงส์ด�ารงกาย
บานงิ้ว จะเกิดชาติใดใดในมนุษย์ ให้บริสุทธิ์สมจิตที่คิดหมาย
สามโศก ทั้งทุกข์โศกโรคภั
บางหลวง 1 ยอย่าใกล้กราย แสนสบายบริบูรณ์ประยูรวงศ์
ทั้งโลโภโทโสและโมหะ
โลโภโทโสและโมหะ ให้ชนะใจได้อย่าใหลหลง
บางเดื่อ ขอฟุ้งเฟื่องเรืองวิชาปัญญายง ทั้งให้ทรงศีลขันธ์ในสันดาน
บานใหม อีกสองสิ่งหญิงร้ายและชายชั่ว อย่าเมามัวหมายรักสมัครสมาน
บางพูด ขอสมหวังตั้งประโยชน์โพธิญาณ ตราบนิพพานชาติหน้าให้ถาวร ฯ
บางธรณี พอกราบพระปะดอกปทุมชาติ พบพระธาตุสถิตในเกสร
ตลาดขวัญ สมถวิลยินดีชุลีกร ประคองช้อนเชิญองค์ลงนาวา
ตลาดแกว กับหนูพัดมัสการส�าเร็จแล้ว ใส่ขวดแก้ววางไว้ใกล้เกศา
วัดเขมา มานอนกรุงรุ่งขึ้นจะบูชา ไม่ปะตาตันอกยิ่งตกใจ
บานญวน แสนเสียดายหมายจะชมบรมธาตุ ใจจะขาดคิดมาน�้าตาไหล
บางโพ โอ้บุญน้อยลอยลับครรไลไกล เสียน�้าใจเจียนจะดิ้นสิ้นชีวัน
บางพลู สุดจะอยู่ดูอื่นไม่ฝืนโศก ก�าเริบโรคร้อนฤทัยเฝ้าใฝ่ฝัน
บางจาก พอตรู่ตรู่สุริย์ฉายขึ้นพรายพรรณ ให้ล่องวันหนึ่งมาถึงธานี ฯ
วัดประโคนปก ประทับท่าหน้าอรุณอารามหลวง ค่อยสร่างทรวงทรงศีลพระชินสีห์
พระบรมมหาราชวัง นิราศเรื่องเมืองเก่าของเรานี้ ไว้เป็นที่โสมนัสทัศนา
• วัดราชบุรณราชวรวิหาร) ด้วยได้ไปเคารพพระพุทธรูป ทั้งสถูปบรมธาตุพระศาสนา
เป็นนิสัยไว้เหมือนเตือนศรัทธา ตามภาษาไม่สบายพอคลายใจ
ตรวจสอบผล Evaluate ใช่จะมีที่รักสมัครมาด แรมนิราศร้างมิตรพิสมัย
1. นักเรียนถอดคําประพันธที่กําหนดได ซึ่งครวญคร�่าท�าทีพิรี้พิไร ตามวิสัยกาพย์กลอนแต่ก่อนมา
2. นักเรียนเขียนแผนที่การเดินทางตามรอยนิราศ เหมือนแม่ครัวคั่วแกงพะแนงผัด สารพัดเพียญชนังเครื่องมังสา
ภูเขาทองได อันพริกไทยใบผักชีเหมือนสีกา ต้องโรยหน้าเสียสักหน่อยอร่อยใจ ฯ
3. นักเรียนทองจําบทอาขยานจากบทประพันธ จงทราบความตามจริงทุกสิ่งสิ้น อย่านึกนินทาแถลงแหนงไฉน
ที่เลือกได นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ จึงร�่าไรเรื่องร้างเล่นบ้างเอย ฯ
12
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู จากบทประพันธนิราศภูเขาทองมีเนื้อความที่แสดงใหเห็นสถานที่และ
1 โลโภโทโส คําสองคํานี้ คือ คําวา “โลภะ” และ “โทสะ” ตามปกตินั่นเอง ทั้งนี้ ทําเลที่ตั้งที่สามารถนําไปบูรณาการเชื่อมกับกลุมสาระสังคมศึกษา ศาสนา
เพราะหากใชวา “ทั้งโลภะโทสะและโมหะ” แลว จะมีสัมผัสสระดวยเสียง “อะ” และวัฒนธรรม วิชาภูมิศาสตร ครูบูรณาการเขากับการเรียนนิราศภูเขาทอง
ซึ่งเปนคําตายซํ้ากันมากเกินควร ทําใหกลอนเสียความไพเราะไป จึงตองแปลงคํา ที่กลาวถึงลักษณะภูมิประเทศ โดยการศึกษาเสนทางคมนาคมทางนํ้าในสมัย
สองคํานี้ตามระเบียบวิธีของภาษาบาลีเพื่อใหกลอนมีความไพเราะยิ่งขึ้น แตก็ยัง กอน เพื่อใหนักเรียนมีความเขาใจในความไมสะดวกของการเดินทางไปยัง
คงมีความหมายเชนเดิม ไมสงผลใหเกิดปญหาดานความเขาใจหรือการตีความ สถานที่ตางๆกอนจะถึงจุดหมาย และเกี่ยวกับลักษณะทั่วไปทางภูมิศาสตร
แตประการใด จะเห็นไดวาลักษณะการตั้งบานเรือนของคนไทยสมัยรัตนโกสินทร มักตั้งอยู
ริมนํ้า โดยสังเกตจากชื่อสถานที่มักมีคําวา “บาง” จึงแสดงใหเห็นวาสภาพ
ภูมิประเทศสมัยนั้นนาจะเปนพื้นที่ที่มีแมนํ้าหรือแหลงนํ้าอยูมาก
มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับการเดินทางตามรอยนิราศภูเขาทองของสุนทรภูจากวิดีโอจําลอง
การเดินทางเพิ่มเติม ไดที่ http://www.youtube.com/watch?v=QiXVMQFAepQ
12 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูกระตุนความสนใจนักเรียนดวยคําถาม
ö คÓศัพท์ “อะไรเอย” โดยใหนักเรียนหาคําตอบจากคําศัพท
ในบทเรียน ตัวอยางเชน
ค�าศัพท ความหมาย • อะไรเอยใชขังปลา
(แนวตอบ ของ)
ก้ามกุ้ง ชื่อพันธุ์ไม้พุ่มชนิดหนึ่ง มีล�าต้นตรง กิ่งมีสี่เหลี่ยมและมีหนามแหลมเล็ก ออกดอก
เป็นกระจุกสีชมพูหรือแดงอมเหลือง ปลูกเป็นไม้ประดับ
• อะไรเอยใชมุงหลังคา
(แนวตอบ แฝก คา)
ขวาก ไม้หรือเหล็กมีปลายแหลม ส�าหรับปักหรือโปรยเพื่อดักหรือให้ต�า ผู้ผ่านเข้าไป • อะไรเอยใชยอมผาใหเปนสีดํา
ข้อง เครื่องจักสานส�าหรับใส่ปลา ปู (แนวตอบ ผลมะเกลือ)
คันโพง เครื่องวิดน�้า มีคันถือยาว
สํารวจคนหา Explore
ครึ่งท่อน ชื่อเพลงพื้นบ้านชนิดหนึ่ง
คิรีมาศ ภูเขาทอง (คิรี หมายถึง ภูเขา, ใหนักเรียนคนหาและรวบรวมคําไวพจนจาก
มาศ หมายถึง ทอง) ข้อง เนื้อเรื่องนิราศภูเขาทอง ดังนี้
• แมนํ้า
เครื่องอัฏฐะ หมายถึง เครื่องอัฐบริขาร เป็นเครื่องใช้สอยส�าหรับภิกษุมี ๘ อย่าง คือ สบง
จีวร สังฆาฏิ ประคดเอว บาตร มีดโกนหรือมีดตัดเล็บ เข็ม และกระบอกหรือ • ฟา
หม้อกรองน�้า • ดวงอาทิตย
(แนวตอบ เชน แมนํ้า ไดแก คําวา คงคา
จวน ทีอ่ ยูอ่ าศัยของเจ้าเมือง หรือบ้านทีท่ างราชการจัดให้เป็นทีอ่ ยูข่ องผูว้ า่ ราชการจังหวัด
เรียกว่า จวนผูว้ า่ ราชการจังหวัด ชลธาร)
จับเขม่า วิธีแต่งผมของผู้หญิงสมัยโบราณ โดยการน�าเขม่าผสมน�้ามันตานีทาไรผมให้ด�า
อธิบายความรู Explain
ทักษิณาวรรต การเวียนขวา (เวียนไปทางขวาตามเข็มนาฬกา)
นักเรียนยกบทประพันธที่มีคําศัพทเปน
ฐานบัทม หรือ ฐานปัทม เป็นองค์ประกอบส�าคัญทาง
โครงสร้างของเจดีย์ท�าหน้าที่รับน�้าหนักหรือ
คําไวพจน หมายถึง “แมนํ้า” และอธิบายวาทําไม
ใช้เสริมองค์เจดีย์ให้ดูสูงขึ้น เหตุที่เรียกว่า กวีจึงเลือกคํานี้
ฐานปัทม์ เนื่องจากฐานชนิดนี้มักก่อเป็น (แนวตอบ ตัวอยางเชน คําวา “คงคา”
รู ป บั ว หงาย (๑) และบั ว คว�่ า (๒) (ปั ท ม์ “ตลาดแกวแลวไมเห็นตลาดตั้ง
แปลว่า ดอกบัว) ฐานบัทม สองฟากฝงก็แตลวนสวนพฤกษา
โอรินรินกลิ่นดอกไมใตคงคา
เหมือนกลิ่นผาแพรดํารํ่ามะเกลือ”
จากบทประพันธที่กวีเลือกคําวา “คงคา”
เพื่อใหสัมผัสกับคําวา “พฤกษา” และ “ผา”
13 ซึ่งเปนสัมผัสบังคับของคําประพันธประเภท
กลอนสุภาพ)
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
การรูคําไวพจนเปนพื้นฐานในการอานวรรณคดีไทย เพราะคําไวพจน ครูเพิ่มเติมความรูนักเรียนเกี่ยวกับคําไวพจนวาเปนคําตางๆ ที่มีความหมาย
เปนคําที่พบมากในวรรณคดีไทย ใหนักเรียนหาความหมายและบอกความ เหมือนกัน และแนะใหนักเรียนเห็นวาการรูคําไวพจนชวยในการอานงานรอยกรอง
สําคัญของคําไวพจนในวรรณคดีไทย พรอมยกตัวอยางคําประพันธประกอบ ใหเขาใจไดดียิ่งขึ้น เห็นการเลือกสรรคําหลากหลายมาใชในบทประพันธใหเกิด
ความไพเราะในเรื่องของรสคําไมเสียสัมผัสในการอาน อีกทั้งไมเสียเนื้อเรื่อง ความ
ที่กวีตองการสื่อยังคงอยูเหมือนเดิม
กิจกรรมทาทาย
มุม IT
นักเรียนรวมรวบคําไวพจนจํานวน 5 คํา และยกตัวอยางประกอบ
อยางนอย 3 คํา เชน คําวา “ฟา” ไดแก นภา อัมพร คัคนานต เปนตน ศึกษาเกี่ยวกับคําไวพจนที่มักปรากฏในวรรณคดีไทยเพิ่มเติม ไดที่
http://www.sahavicha.com/?name=blog&file=readblog&id=2658
คูมือครู 13
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนเรียนรูคําซอนในวรรณคดีไทย โดยหา
คําศัพทที่เปนคําซอนในนิราศภูเขาทอง พรอม ค�าศัพท ความหมาย
บอกความหมาย
ตกประดาษ สิ้นวาสนา ตกต�่า
(แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย ครูให
นักเรียนบอกเลขหนาที่ปรากฏคําศัพทนั้น เชน ตรุษ ค�าว่า ตรุษ เป็นภาษาทมิฬ แปลว่า การสิ้นปี ซึ่งตรุษไทยก�าหนดตามจันทรคติ
ตัวอยางคําซอนในบทประพันธ หนา 8 ตรงกับวันแรม ๑๕ ค�่า เดือน ๔
• ทั้งพลัดเมืองพลัดสมรมารอนรน ประทักษิณ การเดินเวียนตามเข็มนาฬกา โดยให้สิ่งที่เรานับถือหรือผู้ที่เรานับถืออยู่ทางขวา
• พวกหญิงชายพรอมเพรียงมาเมียงมอง ของผู้เวียน
• ทรมานหมนไหมฤทัยหมอง ผูกโบสถ ผูกพัทธสีมา คือ การก�าหนดเขตโบสถ์ โดยมีหลักหินหรือใบเสมาเป็นเครื่องหมาย
• กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน เปนตน) ผ้าแพรด�าร�่ามะเกลือ ผ้าแพรที่ย้อมด้วยผลของมะเกลือ ซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ผลดิบใช้ย้อมผ้าให้
2. นักเรียนพิจารณาคําซอนที่นักเรียนเลือกมาจาก เป็นสีด�า แล้วน�าไปอบร�่าให้มีกลิ่นหอม
บทประพันธในเรื่องนิราศภูเขาทองวาเปนคํา
ซอนเพื่อเสียงหรือคําซอนเพื่อความหมาย แฝกคาแขมกก เป็นชื่อพืชน�้า ๔ ชนิด คือ
แฝก - หญ้าชนิดหนึ่ง ขึ้นเป็นกอ ใบใช้มุงหลังคา รากใช้ท�ายา
(แนวตอบ จากตัวอยางคําซอนในคําประพันธ
คา - หญ้าชนิดหนึ่ง ใบใช้มุงหลังคา เหง้าใช้ท�ายา
ขางตนเปนคําซอนเพื่อเสียง สวนคําวา 1
แขม - ไม้ลม้ ลุก มักขึน้ ตามชายน�า้ ชายป่า และชายเขาทีม่ สี ภาพชุม่ ชืน้
“หมนไหม” เปนคําซอนเพื่อความหมาย)
กก - ไม้ล้มลุก เกิดในที่ชุ่มแฉะ มีหลายชนิด ชนิดที่มีล�าต้นกลมใช้สานเสื่อ
3. นักเรียนตอบคําถามตอไปนี้
• การเลือกใชคําซอนสงผลตอบทประพันธ
อยางไร
(แนวตอบ การเลือกใชคําซอนเปนการเลือก
คําโดยคํานึงถึงเสียงของคํา ทําใหเห็นราย
ละเอียดของสิ่งที่กวีกลาวถึง สรางความมีชีวิต
ใหแกถอยคําที่เลือกอยางพิถีพิถัน สงผลให แฝก แขม
บทประพันธมีความไพเราะมีจังหวะเสนาะหู
กระตุนใหเห็นภาพที่กวีบรรยาย)
คา กก
1๔
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
คําประพันธในขอใดมีความหมายเหมือนคําที่ขีดเสนใต
ครูใหนักเรียนทําตารางแยกหมวดหมูคําศัพท เพื่อใหงายตอการจดจําและนํา
“พระสุริยงลงลับพยับฝน”
ไปใช โดยเกณฑในการแยกอาจแยกตามชนิดของคํา หรือแยกตามความหมาย
1. แตนี้นานนับทิวาจะมาเห็น
ที่บอกถึงคุณประโยชนตางๆ ของสิ่งๆ นั้นที่มีเหมือนกัน
2. มาอางวางวิญญาณในสาคร
3. จนดึกดาวพราวพรางกลางอัมพร
4. จนแจมแจงแสงตะวันเห็นพันธุผัก
นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ “พระสุริยง” หมายความวา พระอาทิตย คําที่ขีดเสนใต
1 แขม เปนไมลมลุกจําพวกหญา สกุลเดียวกับออ มักขึ้นเปนกอขนาดใหญตามที่ ในคําประพันธขอ 1. “ทิวา” มีความหมายวา วัน ขอ 2. “สาคร” มีความหมาย
ลุมตํ่า มีนํ้าทวมขัง ลําตนสูงประมาณ 3 เมตร เปนปลองคลายตนออย ขางในกลวง วา แมนํ้า ขอ 3. “อัมพร” มีความหมายวา ทองฟา และขอ 4. ตะวันมี
ใบยาวปลายเรียว ขอบใบหยาบ เสนกลางใบสีขาว ผิวกาบเรียบเกลี้ยง เสนใบเปนเยื่อ ความหมายวาพระอาทิตย ตอบขอ 4.
ตื้นๆ ขอบเปนขนแข็งเกลี้ยงคลายเสนไหม ชอดอกยอย (spike) มีขนยาว สีขาว
เปนมันปกคลุม ตนแขมเปนพืชที่ชอบนํ้าสะอาด ในอดีตตามริมคลองภาษีเจริญใน
เขตหนองแขมจะมีตนแขมขึ้นอยูทั่วไป ปจจุบันเหลืออยูนอยเนื่องจากสภาวะนํ้าเสีย
14 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนเลือกคําศัพทจากบทเรียนที่ใชใน
ค�าศัพท ความหมาย ปจจุบัน 5 คํา แลวพิจารณาความหมายวา
ความหมายของคําศัพทที่เลือกมานั้นมีความหมาย
พระวสา วันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๑
เหมือนกับที่ใชหรือสื่อความในปจจุบันหรือไม
โพงพาง เครือ่ งมือดักปลาชนิดหนึง่ เป็นถุงตาข่ายรูปยาวรี ใช้ผกู กับเสาใหญ่ ๒ ต้น อยางไร
ที่ปักขวางล�าน�้า ส�าหรับจับปลา กุ้งทุกชนิด (แนวตอบ คําที่ยังปรากฏใชในปจจุบัน
1
เพียญชนัง มาจากค�าว่า พยัญชนะ หมายถึง กับข้าวประเภทนึ่ง ต้ม เป็นต้น เชนคําวา กามกุง จวน มะเกลือ สถูป สารท
ผู้รั้ง หมายถึง ต�าแหน่งผู้รักษาการหัวเมืองต่างๆ ในสมัยโบราณ เปนตน คําที่เลือกมายังมีความหมายเหมือนเดิม)
2
มุลิกา มหาดเล็กหรือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
ขยายความเขาใจ Expand
มะเกลือ ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ แก่นด�า ผลดิบ
ใช้ย้อมผ้าให้เป็นสีด�าและใช้ท�ายาได้ นักเรียนเลือกคําศัพทที่นักเรียนสนใจคนละ
วสา มาจากค�าว่า วัสสะ แปลว่า ฤดูฝน
5 คํา และนําแตละคํามาแตงประโยคความเดียว
เสร็จธุระพระวสา สุนทรภู่หมายถึง คําละ 1 ประโยค
ออกพรรษา ผลมะเกลือ (แนวตอบ ตัวอยางเชน คําวา กามกุง จวน
มะเกลือ สถูป สารท แตงประโยคความเดียวได
ไวย ในข้อความ“จะแวะหาถ้าทานเหมือนเมื่อเปนไวย” หมายถึง พระจมื่นไวย
วรนาถ (เผือก) ซึ่งเป็นเพื่อนของสุนทรภู่ ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์
ดังนี้
เป็นพระยาไชยวิชิต เจ้าเมืองกรุงเก่า
• บานครูจันทรเพ็ญปลูกตนกามกุง
• ถนนเสนนี้ผานจวนผูวา
เรือเพรียว เรือขุดรูปคล้ายเรือแข่ง แต่ขนาดเล็กกว่า หัวยาวท้ายสัน้ เป็นเรือทีข่ นุ นางหรือ
• คนสมัยกอนใชมะเกลือยอมผา
ผู้มีฐานะดีนิยมใช้กันในสมัยโบราณ
• วันหยุดนี้เราจะไปไหวพระสถูปเจดีย
สถูป สิง่ ก่อสร้างส�าหรับบรรจุของควรบูชา มีกระดูกของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ • ยายทําบุญสารทเปนประจําทุกป)
เป็นต้น บางทีใช้เข้าคูก่ บั ค�าว่า เจดีย์ เป็นสถูปเจดีย์
สัด ชื่อมาตราตวงโบราณ รูปทรงกระบอก
ใช้ตวงข้าว
สารท เทศกาลท�าบุญในวันสิ้นเดือน ๑๐
สันตะวา ชื่อไม้น�้าชนิดหนึ่ง ใบอ่อน และยอดอ่อน
กินได้ สันตะวา
1๕
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
“ถึงทางลัดตัดทางมากลางนา ทั้งแฝกคาแขมกกขึ้นรกเรี้ยว”
1 เพียญชนัง คํานี้คําเดิมในภาษาบาลีสันสกฤตเปน “พฺยญชนํ” แปลวากับขาว
จากบทประพันธขางตนปรากฏชื่อพืชกี่ชนิด
ของแหงที่มิใชแกง คําเดิม “พ” กับ “ย” จะควบกลํ้ากันเปน “พฺย” ออกเสียงคลาย
1. 2 ชนิด
“เพียะ” และเมื่อมีตัว “ญ” สะกด จึงออกเสียงคลาย “เพียญชนัง” อยางมาก หากไม
2. 3 ชนิด
ใชคํานี้ในคําประพันธ แตใชเปน “พยัญชนัง” ที่อานเปน พะ-ยัน-ชะ-นัง ก็จะมีเสียง
3. 4 ชนิด
หลายพยางคเกินควร และคนไทยก็ไมถนัดที่จะออกเสียง “พย” ควบกัน
4. 5 ชนิด
2 มุลิกา คํานี้เปนคําตัดใหเสียงสั้นลง ในพจนานุกรมมีคําวา “มูลิกากร” แปลวา
วิเคราะหคําตอบ พิจารณาจากวรรคในคําประพันธที่กลาววา “ทั้งแฝกคา ขาทูลละอองธุลีพระบาท และคําเต็มคือ “บาทมูลิกากร” สุนทรภูตัดใหเหลือเพียง
แขมกกขึ้นรกเรี้ยว” คําที่เปนชื่อพืช ไดแก แฝก คา แขม และ กก ซึ่งเปนพืช “มูลิกา” ลดเสียงสระใหสั้นลงจาก อู เปน อุ กลายเปนมุลิกา
ที่มักเกิดในที่ชุมชื้น รวมทั้งหมด 4 ชนิด ตอบขอ 3.
คูมือครู 15
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. นักเรียนตอบประเด็นคําถามตอไปนี้ลงสมุด
• นอกจากเจดียภูเขาทองแลว นักเรียนรูจัก ºÍ¡àÅ‹Òà¡ŒÒÊÔº
เจดียที่มีชื่อเสียงอะไรอีกบาง
(แนวตอบ ตัวอยางเชน พระปฐมเจดีย เปน เจดียภูเขาทอง
เจดียองคใหญ ตั้งอยูในตําบลพระปฐมเจดีย เจดียภูเขาทองเปนโบราณสถานเกาแก ตั้งอยูกลางทุง-
อําเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม หาง ภูเขาทอง นอกเกาะเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกไปทาง
จากกรุงเทพฯ ประมาณ 60 กิโลเมตร นับวา ทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ ๒ กิโลเมตร เปนเจดียยอมุม
ไมสิบสองบนฐานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ ๔ ชั้น กวาง ๘๐ เมตร
เปนปูชนียสถานที่เกาแกที่สุดแหงหนึ่งในไทย ความสูงจากพื้นถึงยอด ๖๔ เมตร
สันนิษฐานวา สรางขึ้นในสมัยพระเจาอโศก- สั น นิ ษ ฐานว า เจดี ย ภู เ ขาทองสร า งขึ้ น ในสมั ย กรุ ง -
มหาราช เมื่อครั้งทรงสงสมณทูตมาเผยแผ ศรีอยุธยา ในรัชกาลสมเด็จพระราเมศวร เมือ่ ประมาณ พ.ศ. ๑๙๓๐
พระศาสนา) แตไมปรากฏหลักฐานวามีชื่อเดิมอยางไร ตอมาใน พ.ศ. ๒๑๑๒
ซึ่งตรงกับรัชกาลสมเด็จพระมหินทราธิราช พระเจาบุเรงนอง
2. นักเรียนแลกเปลี่ยนความรูและประสบการณ แหงกรุงหงสาวดี ยกกองทัพเขามาตีกรุงศรีอยุธยาไดสําเร็จ
โดยครูขออาสาสมัคร 3-4 คน ตอบคําถาม จึงโปรดใหสรางเจดียองคใหญในแบบมอญขึ้นไวเปนอนุสรณ
หนาชั้นเรียนรวมกัน แหงชัยชนะ แลวใหเรียกชื่อวา เจดียภูเขาทอง
ครัน้ ถึงรัชกาลสมเด็จพระเจาอยูห วั บรมโกศใน พ.ศ.
๒๒๘๗ เจดียภูเขาทองพังทลายลง พระองคจึงโปรดเกลาฯ
ตรวจสอบผล Evaluate ใหปฏิสังขรณและเปลี่ยนรูปแบบองคเจดียใหมใหเปน
1. นักเรียนยกบทประพันธที่มีลักษณะเดนทาง ทรงยอมุมไมสิบสอง สวนฐานเจดียยังคงเปนรูปทรง
แบบมอญ
วรรณศิลปในการใชคําไวพจนและคําซอนได หลังจากนั้นยังไมพบหลักฐาน
2. นักเรียนแตงประโยคความเดียวจากคําศัพทใน ว า มี พ ระมหากษั ต ริ ย พ ระองค ใ ดใน
บทเรียนได ส มั ย ก รุ ง ศ รี อ ยุ ธ ย า ไ ด โ ป ร ด ใ ห
ปฏิ สั ง ขรณ เ จดี ย แ ห ง นี้ จนเมื่ อ
ต น กรุ ง รั ต นโกสิ น ทร ใ น พ.ศ.
๒๓๗๓ สุ น ทรภู ไ ด เ ดิ น ทาง
มานมั ส การ พร อ มทั้ ง
แตงนิราศภูเขาทองไวใน
ครั้งนั้น
๑๖
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูแนะใหนักเรียนหาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษาวรรณคดีวา เมื่ออาน นักเรียนศึกษาคนหาวรรณคดีและวรรณกรรมไทยเรื่องอื่นที่เนื้อเรื่อง
วรรณคดีแลวนักเรียนควรพิจารณาคุณคาของวรรณคดีดานตางๆ เชน คุณคาทาง กลาวถึงสถานที่สําคัญทางประวัติศาสตรของไทย พรอมระบุชื่อเรื่อง
อารมณ คุณคาทางสติปญญา คุณคาทางศีลธรรม คุณคาทางวัฒนธรรม คุณคาทาง ประวัติความเปนมาของสถานที่ที่กลาวถึง และบอกความสําคัญของสถานที่
ประวัติศาสตร เปนตน แหงนั้น จัดทําเปนใบงานสงครู
มุม IT กิจกรรมทาทาย
ศึกษาเกี่ยวกับความสําคัญของเจดียภูเขาทองที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เพิ่มเติม ไดที่ http://ayutthayastudies.aru.ac.th/content/view/211/56/
นักเรียนวิเคราะหบทประพันธที่กลาวถึงสถานที่สําคัญทางประวัติศาสตร
วามีการสอดแทรกขอคิดคติธรรมคําสอนหรือไม และวิเคราะหวรรณศิลป
การใชสํานวนภาษา หรือโวหารตางๆ จัดทําเปนใบงานสงครู
16 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับนิราศภูเขาทอง
๗ บทวิเคราะห์ วาเปนนิราศที่มีความดีเดนทั้งในดานเนื้อหาและ
วรรณศิลป จากนั้นครูใหนักเรียนตอบคําถาม
นิราศภูเขาทอง เป็นนิราศเรื่องที่สั้นที่สุดของสุนทรภู่ โดยมีความยาวเพียง ๘๙ ค�ากลอน • นักเรียนไดประโยชนอะไรบางจากการศึกษา
แต่มีความดีเด่นทั้งในด้านเนื้อหาและวรรณศิลป์ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นนิราศที่มีความไพเราะ นิราศภูเขาทอง
มากที่สุดในจ�านวนนิราศทั้ง ๙ เรื่องของสุนทรภู่ ดังจะเห็นได้จากคุณค่าในด้านต่างๆ ดังนี้ • นักเรียนคิดวาจะนําขอคิดจากนิราศ
๗.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา ภูเขาทองไปใชในชีวิตจริงอยางไร
เนื้อหาดังที่ปรากฏในนิราศภูเขาทอง แสดงให้เห็นถึงความรอบรู้และความช่างสังเกต
ของสุนทรภู่ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสุนทรภู่ได้บันทึกเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ตนได้พบเห็น สํารวจคนหา Explore
ตลอดเส้นทาง ตั้งแต่ออกจากวัดราชบุรณราชวรวิหารจนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท�าให้นิราศ
เรื่องนี้มีคุณค่าในด้านเนื้อหา ควรค่าแก่การศึกษา ดังตัวอย่างต่อไปนี้ 1. นักเรียนรวบรวมความรูจากนิราศภูเขาทอง
๑) สะท้อนวิถีชีวิตและวัฒนธรรม นิราศภูเขาทองมีเนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึง (แนวตอบ สะทอนสภาพบานเมืองและสังคม
สภาพบ้านเมือง สังคม วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนโดยเฉพาะริมฝั่งแม่น�้าเจ้าพระยาในช่วงสมัย ในสมัยนั้น)
รัตนโกสินทร์ตอนต้นได้เป็นอย่างดี อาทิ 2. นักเรียนจับคูแลวหาขอคิดที่ไดจากเรื่อง นํามา
๑.๑) การติดต่อค้าขาย สุนทรภู่มักถ่ายทอดสภาพสังคมสองฝั่งแม่น�้าเจ้าพระยา บันทึกลงสมุด
ไว้ในบทประพันธ์เรื่องต่างๆ ที่ตนเองแต่งอยู่เสมอ เช่นเดียวกับในนิราศภูเขาทองที่สุนทรภู่ได้บรรยาย (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย ตัวอยาง
สภาพบ้านเมืองและวิถีชีวิตของผู้ คน ตลอดจนบรรยากาศของสถานที่ อาทิ ภาพการค้ าขายที่ เชน การคบคนอยาดูแตภายนอก เปนตน)
ด�าเนินไปอย่างคึกคัก มีการน�าสินค้าหลากหลายประเภทที่บรรทุกมากับเรือส�าเภามาวางขายในแพ 3. ใหแตละคูศึกษาลักษณะเดนของกลอนสุนทรภู
ที่จอดเรียงรายอยู่ตามริมน�้า (แนวตอบ สุนทรภูเปนกวีที่แตงคําประพันธได
ไพเราะ กลอนมีความโดดเดนดวยสัมผัสใน
ไปพ้นวัดทัศนาริมท่าน�้า แพประจ�าจอดรายเขาขายของ ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร)
มีแพรผ้าสารพัดสีม่วงตอง ทั้งสิ่งของขาวเหลืองเครื่องส�าเภา
อธิบายความรู Explain
1
นอกจากนีี้ สุนทรภู่ยังกล่าวถึง “ตลาดขวัญ” โดยบรรยายไว้ว่าเมื่อเดินทางผ่าน นักเรียนอธิบายสภาพบานเมืองในสมัยกอน
ตลาดขวัญก็เห็นภาพการค้าขาย หรือการจับจ่ายสินค้าหลากหลายชนิด ทั้งเสื้อผ้า และพืชผลต่างๆ พรอมยกบทประพันธประกอบ
อยู ่ บ นเรื อ มากมายหลายล� า และตลาดแห่ ง นี้ ยั ง เป็ น สถานที่ ที่ ใช้ ส� า หรั บ พบปะพู ด คุ ย กั น ของ (แนวตอบ นิราศภูเขาทองสะทอนใหเห็นวิถีชีวิต
ชาวบ้านอีกด้วย ของคนไทยที่ผูกพันกับแมนํ้ามาตั้งแตสมัยกอน
เปนเสนทางคมนาคม การติดตอขายคา มี
ถึงแขวงนนท์ชลมารคตลาดขวัญ มีพ่วงแพแพรพรรณเขาค้าขาย ตลาดที่สําคัญๆ และมีการตั้งบานเรือนชุมชน
ทั้งของสวนล้วนเรืออยู่เรียงราย พวกหญิงชายประชุมกันทุกวันคืน ตามริมนํ้า ดังบทประพันธ
“ไปพนวัดทัศนาริมทานํ้า
17 แพประจําจอดรายเขาขายของ
มีแพรผาสารพัดสีมวงตอง
ทั้งสิ่งของขาวเหลืองเครื่องสําเภา”)
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
เมื่อถึงภูเขาทองสุนทรภูไดกลาวคําอธิษฐานหลายขอยกเวนขอใด
ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลงานของสุนทรภูวา เปนวรรณกรรม
1. ขอใหมีความสุขสบายพรอมดวยหมูญาติทั้งหลาย
สําหรับประชาชนโดยแท กวีมิไดมุงแตในเชิงรักอยางเดียว แตไดแทรกคติธรรม
2. อยาใหมีโลภะ โทสะ และโมหะใดๆ
โดยการอุปมาอุปไมยตํานานของทองถิ่น ความเชื่อเรื่องเวรกรรม และยังไดพรรณนา
3. อยาใหมีความทุกขและโรคภัย
สถานที่ที่เดินทางผานทั้งธรรมชาติและวิถีชีวิตที่หลากหลายของผูคนในแตละชุมชน
4. ขอใหมีชื่อเสียงขจรไปไกล
วิเคราะหคําตอบ คําอธิษฐานของสุนทรภูกลาววา
“จะเกิดชาติใดใดในมนุษย ใหบริสุทธิ์สมจิตที่คิดหมาย นักเรียนควรรู
ทั้งทุกขโศกโรคภัยอยาใกลกราย แสนสบายบริบูรณประยูรวงศ
ทั้งโลโภโทโสแลโมหะ ใหชนะใจไดอยาใหลหลง 1 ตลาดขวัญ เปนตําบลหนึ่งที่อยูในเขตเทศบาลนครนนทบุรี เปนชุมชนเกาแก
ขอฟุงเฟองเรืองวิชาปญญายง ทั้งใหทรงศีลขันธในสันดาน” ที่มีมาตั้งแตสมัยอยุธยา ไดยกฐานะเปนเมืองนนทบุรีใน พ.ศ. 2092 เพื่อประโยชน
ขอที่สุนทรภูไมไดขอ คือ ขอใหมีชื่อเสียงขจรไปไกล ตอบขอ 4. ตอการเกณฑไพรพลหากเกิดสงคราม รวมทั้งใหเปนเมืองทาและเมืองหนาดาน
ทางทิศใตของกรุงศรีอยุธยา
คูมือครู 17
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนนําขอคิดที่ไดจากศึกษาคนควาในนิราศ
ภูเขาทองมานําเสนอ ๑.๒) ชุมชนชาวต่างชาติ การตั้งบ้านเรือนของชาวต่างชาติมีมานานแล้ว จน
(แนวตอบ ขอคิดที่ไดจากนิราศภูเขาทอง ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยและได้ซึมซับขนบธรรมเนียม ประเพณีและ
มีหลายขอ เชน คติความเชื่อต่างๆ เข้าไปผสมผสานกับวัฒนธรรมและวิถีการด�าเนินชีวิตที่ติดตัวมาแต่เดิม ดังตอนที่
• ขอคิดเรื่องการพูด ดังวา สุนทรภู่กล่าวถึงหญิงสาวชาวมอญ ซึ่งอาศัยอยู่ในย่านปากเกร็ด (เขตจังหวัดนนทบุรี) ในสมัยนั้น
“ถึงบางพูดพูดดีเปนศรีศักดิ์ นิยมแต่งหน้าและแต่งผมตามอย่างหญิงสาวชาวไทย เช่น การผัดหน้า ถอนไรจุก คือ ถอนผมรอบๆ ผมจุก
มีคนรักรสถอยอรอยจิต” ให้เป็นแนวเล็กๆ จนเป็นวงกลมรอบผมจุกและจับเขม่า ซึ่งเป็นวิธีการแต่งผมเพื่อให้ผมมีสีด�าเป็นมัน
• ขอคิดเรื่องโลกนี้ไมมีอะไรเที่ยงแทแนนอน โดยใช้เขม่าผสมกับน�้ามันหอม
ดังวา
“โอสามัญผันแปรไมแทเที่ยง ถึงเกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา
เหมือนอยางเยี่ยงชายหญิงทิ้งวิสัย” เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา ทั้งผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย
• ขอคิดเรื่องการคบคน ดังวา
นอกจากนี
1 ้สุนทรภู่ยังได้กล่าวถึงการประกอบอาชีพของชาวต่างชาติในช่วงที่สุนทรภู่
“ถึงบางเดื่อโอมะเดื่อเหลือประหลาด
เดินทางผ่าน บ้านญวน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชาวญวนในสมัยนั้นเลี้ยงชีพด้วยการท�าประมง
บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส
เหมือนคนพาลหวานนอกยอมขมใน ถึงบ้านญวนล้วนแต่โรงแลสะพรั่ง มีข้องขังกุ้งปลาไว้ค้าขาย
อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา”) ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพร้อมเพรียงมาเมียงมอง
• นักเรียนอธิบายวาขอคิดในบทรอยกรอง
ขางตนมีประโยชนอยางไร ๑.๓) การละเล่นและงานมหรสพ สุนทรภูไ่ ด้กล่าวถึงการละเล่นและงานมหรสพ
(แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย พื้นบ้าน ซึ่งเป็นที่นิยมกันในสมัยนั้นและจัดขึ้นในช่วงเทศกาลส�าคัญประจ�าปี อาทิ งานฉลองผ้าป่า
ครูกระตุนใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น ที่วัดพระเมรุ มีการประดับประดาโคมไฟ แลดูสว่างไสวไปทั่วบริเวณงาน และยังมีการขับเสภา
ตัวอยางเชน เรื่องการใชคําพูด ถาพูดดีมีคน และร้องเพลงเรือเกี้ยวกันระหว่างหนุ่มสาวชาวบ้าน
รักใคร แตถาพูดไมดีก็จะไมเปนที่ชื่นชม
มาจอดท่าหน้าวัดพระเมรุข้าม ริมอารามเรือเรียงเคียงขนาน
ดังนั้น การจะเปนคนที่นานิยมชมชอบ
บ้างขึ้นล่องร้องร�าเล่นส�าราญ ทั้งเพลงการเกี้ยวแก้กันแซ่เซ็ง
หรือไมนั้น อยูที่คําพูดจา)
บ้างฉลองผ้าป่าเสภาขับ ระนาดรับรัวคล้ายกับนายเส็ง
มีโคมรายแลอร่ามเหมือนสามเพ็ง เมื่อคราวเคร่งก็มิใคร่จะได้ดู
๒) ต� า นานสถานที่ เนื่ อ งจากเนื้ อ หาของนิ ร าศส่ ว นใหญ่ ได้ แ ก่ การพรรณนา
การเดินทาง ดังนั้น เมื่อกวีล่องเรือผ่านสถานที่ใด ก็มักจะกล่าวถึงสถานที่นั้น เช่นเดียวกับสุนทรภู่
เมื่อเดินทางผ่านสถานที่ อาทิ วัดประโคนปัก สุนทรภู่ได้บอกเล่าเรื่องราวอันเป็นที่มาของชื่อวัดแห่งนี้
ไว้ว่าเหตุที่วัดมีชื่อว่าประโคนปัก เนื่องจากมีการเล่าสืบต่อกันมาว่าบริเวณนี้เป็นที่ปักเสาประโคน
เพื่อปันเขตแดน
18
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดใชอวัจนภาษา
1 บานญวน หรือชุมชนบานญวนสามเสน เกิดขึ้นเพราะพระบาทสมเด็จพระ-
1. นาวาเอียงเสียงกุกลุกขึ้นรอง มันดําลองนํ้าไปชางไวเหลือ
นั่งเกลาเจาอยูหัวโปรดเกลาฯ ใหชาวญวนที่ติดตามกองทัพไทยเขามา เมื่อครั้งที่
2. ตลิ่งเบื้องบูรพาศาลาลาน เรือขนานจอดโจษกันจอแจ
เจาพระยาบดินทรเดชา (สิงห สิงหเสนี) ยกกองทัพไปทําสงครามขับไลญวนออกจาก
3. ถึงวัดแจงแสงจันทรจํารัสเรือง แลชําเลืองเหลียวหลังหลั่งนํ้าตา
เขมรเปนครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2376 โดยทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหไปตั้งบานเรือน
4. พี่เรงเตือนเพื่อนชายพายสะโพก ถึงสามโคกตองแดดยิ่งแผดเผา
อยูบริเวณวัดสมเกลี้ยงเหนือบานเขมร บริเวณที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา-
จุฬาโลกมหาราช พระองคทรงใชเงินสวนพระองคซื้อที่ดินสวนแปลงใหญใกลเคียงกัน วิเคราะหคําตอบ ขอที่มีการใชวัจนภาษา ไดแก ขอ 1. มีคําวา โจษ ขอ 2.
พระราชทานใหเปนที่อยูอาศัย ดานการอาชีพ อาชีพหลักคือการเขารับราชการทหาร มีคําวา รอง และขอ 4. มีคําวา เตือน สวนขอที่มีการใชอวัจนภาษา คือ
สังกัดกอง “ญวนสวามิภักดิ์” รองมาคือทํานา ทําการประมง รับจางตอเรือ ปลูกบาน ขอที่มีการแสดงกิริยาอาการเพื่อสื่ออารมณความรูสึก โดยไมใชถอยคํา ดังวา
และชางไม อาชีพรับจางตอเรือเปนอาชีพสําคัญของหมูบานแหงนี้ เพราะมีโรงตอเรือ “ถึงวัดแจงแสงจันทรจํารัสเรือง แลชําเลืองเหลียวหลังหลั่งนํ้าตา”
ถึง 8 แหง ลวนมีชื่อเสียงและฝมือดีทั้งสิ้น สื่อความวา กําลังโศกเศรา คิดถึง และอาลัยอาวรณ ตอบขอ 3.
18 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับความเชื่อของ
บอกเล่าเก้าสิบ คนในสังคมไทยจากนิราศภูเขาทอง
(แนวตอบ ความเชื่อของคนไทยที่พบในนิราศ
วัดประโคนปัก ภูเขาทองมีความเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา
วัดประโคนปักหรือวัดเสาประโคน เป็นวัดที่มีมาแต่เมื่อครั้ง เรื่องนรก สวรรค ดังบทประพันธ “ดวยเดชะตบะ
อยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น�้าเจ้าพระยาใกล้ปากคลองบางกอกน้อย บุญกับคุณพระ ชัยชนะมารไดดังใจปอง” เมื่อมี
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงศรีสนุ ทรเทพ พระเจ้าลูกเธอ โจรเขามาขโมยของในเรือแตขาวของไมถูกขโมย
ในรัชกาลที่ ๑ ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ทงั้ วัด ต่อมากรมพระราชวัง-
บวรมหาเสนานุรกั ษ์ทรงปฏิสงั ขรณ์ และพระราชทานนามใหม่ว่า
กวีก็ขอบคุณพระที่ปกปองคุมครองใหแคลวคลาด
วัดดุสิดาราม โดยโปรดให้รวมวัดภุมรินราชปักษี ซึ่งเป็นวัดร้าง ปลอดภัย)
ขนาดเล็กที่อยู่ติดกันเข้าไว้ด้วย สิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจภายในวัด ครูทดสอบความรูโดยใหนักเรียนทํากิจกรรม
ได้แก่ พระอุโบสถ ซึง่ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมอื ช่างสมัยรัชกาล ตามตัวชี้วัด จากแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.1
ที ่ ๑ โดยเฉพาะภาพนรกภูมทิ วี่ าดอยูบ่ นผนังด้านหลังพระประธาน
ได้รบั การยกย่องว่าเขียนได้งามราวกับมีชวี ติ
กิจกรรมที่ 1.3
เมือง) ................................................................................................................................................................................................................................................
๒. ขอคิด คติสอนใจ
ถึงบางพูดพูดดีเปนศรีศักดิ์ มีคนรักรสถอยอรอยจิต
................................................................................................................................................................................................................................................
แมพูดชั่วตัวตายทําลายมิตร จะชอบผิดในมนุษยเพราะพูดจา
................................................................................................................................................................................................................................................
ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่นเกล้า พระพุทธเจ้าหลวงบ�ารุงซึ่งกรุงศรี ................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................
และแหลมคม ๕. ความงามดานภาษา
1 ดูนํ้าวิ่งกลิ้งเชี่ยวเปนเกลียวกลอก กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน
................................................................................................................................................................................................................................................
บางพลุงพลุงวุงวงเหมือนกงเวียน ดูเวียนเวียนควางควางเปนหวางวน
................................................................................................................................................................................................................................................
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
คําประพันธใดแสดงความเชื่อของสังคมไทย
ครูใหความรูนักเรียนเรื่องหลักการตั้งชื่อเรื่องของนิราศ ดังนี้
1. สายติ่งแซมสลับตนตับเตา เปนเหลาเหลาแลรายทั้งซายขวา
1. ตั้งชื่อตามชื่อผูแตง เชน นิราศนรินทร
กระจับจอกดอกบัวบานผกา ดาษดาขาวดั่งดาวพราย
2. ตั้งชื่อตามตัวละครเอกในวรรณคดี เชน นิราศอิเหนา
2. งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวากแซมเสี้ยมแซกแตกไสว
3. ตั้งชื่อตามสถานที่ที่เปนจุดหมายปลายทาง เชน นิราศพระบาท
ใครทําชูคูทานครั้นบรรลัย ก็ตองไปปนตนนาขนพอง
นิราศเมืองแกลง นิราศภูเขาทอง เปนตน
3. อยูกลางทุงรุงโรจนสันโดษเดน เปนที่เลนนาวาคงคาไหล
ที่พื้นลานฐานบัทมถัดบันได คงคาลัยลอมรอบเปนขอบคัน
4. แสนวิตกอกเอยมาอางวาง ในทุงกวางเห็นแตแขมแซมสลอน
จนดึกดาวพราวพรางกลางอัมพร กระเรียนรอนรองกองเมื่อสองยาม
นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ บทประพันธแตละขอพรรณนาดอกไมพันธุไม ขอที่แสดง 1 สิบหกองคุลี องคุลี หมายถึง นิ้วมือ เปนชื่อมาตราวัดแตโบราณ ยาวเทากับ
ใหเห็นความเชื่อของสังคม คือ ขอที่กลาวถึงตนงิ้ววาเปนสัญลักษณของการ ขอปลายของนิ้วกลาง สิบหกองคุลี คือ ความยาว 16 ขอปลายนิ้วกลาง
เปนชูผิดคูผิดเมียผูอื่น จะถูกลงโทษใหปนตนงิ้วถูกหนามงิ้วทิ่มแทงโดยเชื่อวา
เปนการลงโทษ ตอบขอ 2.
คูมือครู 19
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนพิจารณาบทประพันธตอไปนี้
“ถึงบางเดื่อโอมะเดื่อเหลือประหลาด ๔) แง่ คิ ด เกี่ ย วกั บ ความจริ ง ของชี วิ ต บทประพั น ธ์ ข องสุ น ทรภู ่ มั ก ได้ รั บ การ
บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส ยกย่องอยู่เสมอมาว่ามีเนื้อหาที่สอดแทรกข้อคิด คติการด�าเนินชีวิต และช่วยยกระดับจิตใจของผู้อ่าน
เหมือนคนพาลหวานนอกยอมขมใน ให้ปฏิบัติตนไปตามแนวทางที ่เหมาะสม ดังปรากฏในบทกลอนตอนหนึ่งซึ่งมีเนื้อหากล่าวเกี่ยวเนื่อง
1
อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา” ถึงเรื่อง โลกธรรม
โลกธรรม ๘ ตามหลักค�าสอนทางพระพุทธศาสนา โดยสุนทรภู่กล่าวว่า แม้เจดีย์ภูเขาทอง
• นักเรียนคิดวากวีเปรียบมะเดื่อกับการพูดได ที่ครั้งหนึ่งเคยงดงามก็ยังมีวันทรุดโทรม ชื่อเสียงเกียรติยศก็เช่นเดียวกัน เมื่อมีรุ่งเรืองก็มีเสื่อมได้
หรือไม หากเปรียบไดกวีเปรียบในลักษณะใด เป็นธรรมดาจึงควรมองโลกอย่างเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจัง
(แนวตอบ บทประพันธขางตนสามารถนํามาใช
กับการพูดได โดยกวีเปรียบมะเดื่อเหมือนการ ทั้งองค์ฐานรานร้าวถึงเก้าแฉก เผยอแยกยอดทรุดก็หลุดหัก
พูดคําหวานแตเจตนาราย คิดไมดี คือ ดีแค โอ้เจดีย์ที่สร้างยังร้างรัก เสียดายนักนึกน่าน�้าตากระเด็น
ภายนอกแตภายในนั้นเปรียบไดกับผลมะเดื่อ กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น
เต็มไปดวยแมลงหวี่ เต็มไปดวยความคิดราย) เป็นผู้ดีมีมากแล้วยากเย็น คิดก็เป็นอนิจจังเสียทั้งนั้น
สุนทรภู่ยังให้แง่คิดเรื่องการเลือกคบคนว่า ไม่ควรประมาทและไม่ควรวางใจผู้ใดง่ายๆ
ขยายความเขาใจ Expand
เนื่องจากบางคนอาจพูดหรือท�าให้เราเห็นว่าเขาเป็นคนดี แต่แท้ที่จริงเขาอาจเป็นคนที่มีจิตใจไม่ดี
นักเรียนแสดงความคิดเห็นตอประเด็นคําถาม เปรียบได้กับผลมะเดื่อที่ภายนอกมีสีสันสวยงาม แต่กลับเต็มไปด้วยหนอนแมลงหวี่ชอนไชอยู่ภายใน
ตอไปนี้ จดบันทึกลงสมุดสงครู
• จากบทประพันธที่ยกมาขางตนใหขอคิดกับ ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้
นักเรียนอยางไร เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา
(แนวตอบ จากบทประพันธที่ยกมาเปรียบเทียบ
การพูดดีแตเจตนารายวาเหมือนผลมะเดื่อ บอกเล่าเก้าสิบ
โดยใหขอคิดวาอยาไวใจหลงเชื่อใครเพียง
เพราะเขาพูดดีดวย ทั้งนี้คนไมดีจะพิจารณา มะเดื่อ
แตภายนอก ซึ่งพูดจาออนหวานหรือมีรูปงาม มะเดื่อเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ออกดอกเป็นช่อ
ไมได เพราะอาจเหมือนผลมะเดื่อที่ภายนอก ผลมีรูปกลมแป้นหรือรูปไข่และมีขน ออกผลเป็นกระจุก
ตามกิ่งและล�าต้น เมื่อฉีกผลออกจะพบเกสรเล็กๆ อยู่
สวยงาม แตภายในเต็มไปดวยแมลงหวี่
ภายใน เมือ่ ผลสุกมีสแี ดง ส�าหรับสาเหตุทพ
ี่ บหนอนแมลง
ชอนไช) อยู่ภายในผลมะเดื่อเสมอ จนท�าให้คนไทยมีทัศนคติไม่ดี ชื่อสามัญ : Fig
ต่อมะเดื่ออาจเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตทั้ง ๒ ชนิด ต่างต้อง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus racemosa Lin
วงศ์ : MORACEAE
พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โดยมะเดื่ออาศัยแมลงผสม ชื่ออื่น : หมากเดื่อ (อีสาน)
เกสรให้ติดเมล็ด ส่วนแมลงอาศัยมะเดื่อเป็นอาหารและ อุทุมพร มะเดื่ออุทุมพร
มะเดื่อเกลี้ยง เดื่อน�้า (ใต้)
ฟักไข่ให้เป็นตัวจนบินได้
20
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู บูรณาการเชื่อมความรูในเรื่องแงคิดที่ไดจากนิราศภูเขาทองเกี่ยวกับ
1 โลกธรรม 8 หมายถึง เรื่องของโลกซึ่งมีอยูประจํากับชีวิต สังคมและโลกของ ความจริงของชีวิตเขากับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และ
มนุษย เปนความจริงที่ทุกคนตองประสบดวยกันทั้งนั้นอยางหลีกเลี่ยงไมได โลกธรรม วัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนา เรื่องของโลกธรรม 8 ซึ่งเปนหลักธรรม
แบงออกเปน 8 ชนิด จําแนกออกเปน 2 ฝายควบคูกัน ซึ่งมีความหมายตรงขามกัน คําสอนทางพระพุทธศาสนา และคําสอนอื่นๆ ที่กวีไดรับอิทธิพลมาจาก
คือ ฝายอิฏฐารมณ อารมณที่นาปรารถนา และฝายอนิฏฐารมณ อารมณที่ไมนา พระพุทธศาสนา ซึ่งสามารถศึกษาความสัมพันธเกี่ยวกับความคิดความเชื่อ
ปรารถนา ดังนี้ ของคนในสังคมที่มีผลตอวรรณกรรมในยุคสมัยนั้น
1. มีลาภ 5. สรรเสริญ
2. เสื่อมลาภ 6. นินทา
3. มียศ 7. สุข
4. เสื่อมยศ 8. ทุกข
20 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน มาอธิบายการเลน
นอกจากนี้ สุนทรภู่ยังได้แทรกค�าสอน ซึ่งสามารถน�ามาปรับใช้ในชีวิตได้เป็นอย่าง เสียงหนาชั้นเรียน
ดี อาทิ ค�าสอนเรื่องการพูด โดยสอนให้รู้จักพูด เพื่อป้องกันไม่ให้ค�าพูดก่อให้เกิดโทษแก่ตนเอง (แนวตอบ เปนศิลปะการเลือกเสียงของคําใน
เนื่องจากการพูดดีจะเป็ นมงคลแก่ตัวและมีแต่คนรักใคร่ เอ็นดู แต่ถ้าพู ดไม่ดี ย่ อมมีผลกระทบ การแตงคําประพันธ เปนความงามอยางหนึ่งที่
ในด้านลบแก่ตนเอง กวีจะพิถีพิถันและถือวาการเลนเสียงเปนกลวิธี
ที่จะแสดงความสามารถของกวี)
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต 2. นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับ “การเลนเสียง”
แม้นพูดชั่วตัวตายท�าลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา • การเลนเสียงในคําประพันธนิราศภูเขาทอง
มีลักษณะอยางไร
๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ (แนวตอบ การเลนเสียงภายในวรรค ทั้งสัมผัส
นิราศภูเขาทอง นอกจากจะมีคุณค่าด้านเนื้อหาแล้ว ในด้านวรรณศิลป์ก็ได้รับการ สระและสัมผัสอักษร ทําใหกลอนมีความ
ยอมรับว่ามีความงดงามและมีความไพเราะ แม้สุนทรภู่จะใช้ถ้อยค�าธรรมดาสามัญในการประพันธ์ ไพเราะมากขึ้น)
แต่ทว่ามีความหมายลึกซึ้ง สะเทือนอารมณ์ และสร้างจินตภาพได้อย่างชัดเจน นิราศภูเขาทองจึงมี
คุณค่าและความดีเด่นในด้านวรรณศิลป์ ดังต่อไปนี้ ขยายความเขาใจ Expand
๑) การเล่นเสียง บทประพันธ์ของสุนทรภู่ ถือได้ว่ามีความดีเด่นเรื่องการเล่นเสียง
นักเรียนยกบทประพันธที่นักเรียนชื่นชอบมา
โดยเฉพาะการเล่นเสียงสัมผัสภายในวรรค ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร ท�าให้กลอนนิราศภูเขาทอง
1 บท แลวแสดงใหเห็นวา บทประพันธที่ยกมานั้นมี
มีความไพเราะเป็นอย่างมาก เช่น
การเลนเสียงอยางไร โดยจดลงสมุดบันทึก จากนั้น
ดูน�้าวิ่งกลิ้งเชี่ยวเป็นเกลียวกลอก กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน ครูสุมนักเรียน 2-3 คน นําเสนอหนาชั้นเรียน
บ้างพลุ่งพลุ่งวุ้งวงเหมือนกงเกวียน ดูเวียนเวียนคว้างคว้างเป็นหว่างวน (แนวตอบ นักเรียนสามารถยกบทประพันธได
หลากหลาย ตัวอยางเชน
สัมผัสในวรรค เช่น วิ่ง – กลิ้ง เชี่ยว – เกลียว ฉอก – ฉาด – ฉัด ฉวัด – เฉวียน “ถึงแขวงนนทชลมารคตลาดขวัญ
เป็นต้น มีพวงแพแพรพรรณเขาคาขาย
๒) ความเปรียบลึกซึ้งกินใจ สุนทรภู่เลือกใช้ถ้อยค�าเปรียบเปรยที่สร้างอารมณ์ ทั้งของสวนลวนเรืออยูเรียงราย
สะเทือนใจให้แก่ผู้อ่าน เช่น พวกหญิงชายประชุมกันทุกวันคืน”
สัมผัสในวรรคทั้งสัมผัสอักษรและสระ ไดแก
เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้ ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย
แขวง-ขวัญ นนท-ชล(มารค), พวง-แพ-แพร-พรรณ
ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกา
เขา-คา-ขาย, สวน-ลวน เรือ-เรียง-ราย, ชาย-(ประ)
บทกลอนตอนนี ชุม กัน-วัน)
1 ้มีเนื้อความแสดงถึงการคร�่าครวญโศกเศร้า ซึ่งตรงกับรสวรรณคดี
ที่ เรี ย กว่ า สั ล ลาปั ง คพิ สั ย โดยท� า ให้ เ ห็ น ภาพพจน์ ที่ ว ่ า คนเรามี ร ่ า งกายเล็ ก มากหากเที ย บกั บ
พื้นแผ่นดินซึ่งกว้างใหญ่ แต่เมื่อถึงคราวตกอับ กลับไม่มีพื้นที่จะอาศัย
21
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
คําประพันธใดเดนในการเลนเสียงสัมผัสอักษรที่สุด
ครูแนะความรูเรื่องการสรรคําใหนักเรียนเพิ่มเติมจากพจนานุกรมศัพท
1. เผยอแยกยอดทรุดก็หลุดหัก
วรรณกรรมไทยฉบับราชบัณทิตยสถาน พ.ศ. 2552 วา “การสรรคําที่ดีในคําประพันธ
2. ตรงหนาโรงโพงพางเขาวางราย
มิใชเพียงแตทําใหเห็นภาพชัดเจน ทําใหเปนที่เขาใจและมีอารมณรวมในความรูสึก
3. พวกหญิงชายพรอมเพรียงมาเมียงมอง
ของกวีเทานั้น แตยังสรางสรรคจินตนาการและความหยั่งเห็นอันลึกซึ้งตามถอยคํา
4. เปนกลุมกลุมกลุมกายเหมือนทรายซัด
ที่เรียบเรียงนั้นดวย”
วิเคราะหคําตอบ กลอนของสุนทรภูมีความเดนในสัมผัส ทั้งสัมผัสสระและ
สัมผัสอักษร แตวรรคที่เดนในการเลนเสียงอักษรที่สุด คือ ขอ 3. พวกหญิง
ชายพรอมเพรียงมาเมียงมอง สัมผัสอักษรในวรรคนี้ไดแก พรอม-เพรียง, นักเรียนควรรู
มา-เมียง-มอง จะเห็นวามีจํานวนคําที่มีอักษรคลองจองกันมากกวาวรรคอื่น
ตอบขอ 3. 1 สัลลาปงคพิสัย คือ การแตงที่มีทํานองครํ่าครวญ คะนึงถึง ใฝฝนหา
หรือรํ่ารําพันถึงบุคคลอันเปนที่รัก โดยเฉพาะเมื่อยามจากกัน เมื่อความรักยังไม
สมปรารถนา การรํ่ารองรําพันถึงความทุกขกายทุกขใจประการใดๆ ก็จัดอยูใน
สัลลาปงคพิสัย
คูมือครู 21
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ Expand
ครูใหนักเรียนเลือกถอดคําประพันธในบทที่
นักเรียนเห็นวากวีเลือกใชคําที่สรางจินตภาพไดดี สุนทรภู่ยังใช้ความเปรียบแบบ อุปมาโวหาร คือ ค�าว่า เหมือน โดยเปรียบตนเอง
(แนวตอบ นักเรียนสามารถยกบทประพันธได เหมือนกับ นก ที่ต้อง (บิน) ร่อนเร่เรื่อยไปตามล�
1 าพัง ไม่มีที่อยู่อาศัย (รัง) เป็นหลักแหล่ง
หลากหลาย ตัวอยางเชน นอกจากนี้ยังมี วรรคทอง ที่ได้รับการจดจ�าและมีการอ้างอิงอยู่เสมอ เมื่อกล่าวถึง
“ไมเห็นคลองตองคางอยูกลางทุง ชีวประวัติของสุนทรภู่ ก็คือ บทที่สุนทรภู่ร�าพันถึงความหลัง เมื่อครั้งที่เคยเข้าเฝ้าฯ รับใช้ใกล้ชิด
พอหยุดยุงฉูชุมมารุมกัด เบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย แต่เมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ สุนทรภู่ก็
เปนกลุมกลุมกลุมกายเหมือนทรายซัด ถึงคราวตกยาก จึงร�าพันไว้ในนิราศภูเขาทองได้อย่างสะเทือนอารมณ์ว่า
ตองนั่งปดแปะไปมิไดนอน”
จากบทประพันธที่ยกมาถอดคําประพันธไดวา ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด คิดถึงบาทบพิตรอดิศร
กวีตองจอดเรือกลางทุงเพราะมองไมเห็นคลอง เมื่อ โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น
เรือไมขยับก็ทําใหยุงมารุมกัดรุมตอมเต็มไปหมด พระนิพพานปานประหนึ่งศีรษะขาด ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็ญ
ตองคอยนั่งปดยุงจนไมไดนอน) ทั้งโรคซ�้ากรรมซัดวิบัติเป็น ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา
นักเรียนทบทวนความรูเรื่องวรรณศิลปจากนิราศ 2
ภูเขาทอง โดยทําใบงานที่ 1.2 จากแผนการจัด ๓) การใช้ค�าเพื่อสร้างจินตภาพ เป็นการพรรณนาความด้วยถ้อยค�าที่เรียบง่าย
การเรียนรูที่ 3 แต่เห็นภาพชัดเจน ดังเช่น
✓ ใบงาน แบบวัดฯ แบบฝกฯ จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเห็นพันธุ์ผัก ดูน่ารักบรรจงส่งเกสร
ภาษาไทย ม.1 ใบงานที่ 1.2 เหล่าบัวเผื่อนแลสล้างริมทางจร ก้ามกุ้งซ้อนเสียดสาหร่ายใต้คงคา
เร�่อง คุณคาดานวรรณศิลปนิราศภูเขาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 นิราศภูเขาทอง
เรื่องที่ 3 การวิเคราะห์และอธิบายคุณค่าด้านวรรณศิลป์ บทกลอนตอนนี้สุนทรภู่ได้พรรณนาภาพบรรยากาศธรรมชาติระหว่างการเดินทาง
ใบงานที่
1.2 คุณค่าด้านวรรณศิลป์ของนิราศภูเขาทอง
ท�าให้ผู้อ่านจินตนาการเห็นถึงภาพท้องน�้ายามรุ่งเช้าที่ละลานตาไปด้วยพืชน�้านานาชนิดที่ชูช่อประชัน
คาชี้แจง ให้นักเรียนวิเคราะห์และอธิบายคุณค่าด้านวรรณศิลป์จากวรรณคดีเรื่อง นิราศภูเขาทอง กัน และยังท�าให้เห็นว่าสายน�้านั้นมีความใสสะอาดจนสามารถมองเห็นพืชที่ขึ้นอยู่ใต้น�้าได้
ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้
1.
เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา
จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเห็นพันธุ์ผัก ดูน่ารักบรรจงส่งเกสร
ยังเปี่ยมด้วยคุณค่าทั้งด้านเนื้อหาและวรรณศิลป์จึงควรค่าแก่การอ่านเป็นอย่างยิ่ง
3. เหล่าบัวเผื่อนแลสล้างริมทางจร ก้ามกุ้งซ้อนเสียดสาหร่ายใต้คงคา
สายติ่งแกมแซมสลับต้นตับเต่า เป็นเหล่าเหล่าแลรายทั้งซ้ายขวา
กระจับจอกดอกบัวบานผกา ดาษดาดูขาวดังดาวพราย
จนดึกดาวพราวพร่างกลางอัมพร กระเรียนร่อนร้องก้องเมื่อสองยาม
4.
ทั้งกบเขียดเกรียดกรีดจังหรีดเรื่อย พระพายเฉื่อยฉิวฉิววะหวิวหวาม
ขอสอบ O-NET
นักเรียนควรรู ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับการใชความเปรียบในคําประพันธนิราศภูเขาทอง
ถึงเกร็ดยานบานมอญแตกอนเกา ผูหญิงเกลามวยงามตามภาษา
1 วรรคทอง คือ คําประพันธบางสวนหรือบางบทที่มีคุณคาตอจิตใจของหมูชน
เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุกตา ทั้งผัดหนาจับเขมาเหมือนชาวไทย
ชวนใหจดจํา เปนบทที่กินใจ ดวยคําประพันธดังกลาวนั้นมีการเรียงรอยคําที่ไพเราะ
โอสามัญผันแปรไมแทเที่ยง เหมือนอยางเยี่ยงชายหญิงทิ้งวิสัย
อีกทั้งใหพลังในดานความรูสึกที่ชัดเจนและสะเทือนอารมณกอใหเกิดจินตภาพ
นี่หรือจิตคิดหมายมีหลายใจ ที่จิตใครจะเปนหนึ่งอยาพึงคิด
2 จินตภาพ หรือ “ภาพลักษณ” หมายถึง ภาพที่เกิดจากความนึกคิด หรือที่คิดวา
อุปมาอุปไมยที่ปรากฏในนิราศที่คัดมานี้คืออะไร
ควรจะเปนเชนนั้น หรือก็คือภาพที่เกิดจากจินตนาการ จากภาพ สัมผัส รส กลิ่น
1. เปรียบความเปลี่ยนแปลงของโลกกับชาวมอญ
เสียง และการเคลื่อนไหวที่สวยงาม
2. เปรียบความไมแนนอนของใจกับการแตงกาย
3. เปรียบความหลากหลายของชีวิตกับการแตงกาย
4. เปรียบความนารักของตุกตากับชาวไทยที่นารัก
วิเคราะหคําตอบ คําประพันธบทแรกกลาวถึงการแตงกายของหญิง
ชาวมอญที่เปลี่ยนตามหญิงไทย และคําประพันธบทที่ 2 กลาวถึงความ
ไมแนนอนของใจคนทั้งหญิงชาย ดังนั้นจึงเปรียบความไมแนนอนของใจคน
เหมือนกับการแตงกาย ตอบขอ 2.
22 คูมือครู
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนอธิบายสภาพบานเมืองและสังคมที่
ปรากฏในบทประพันธได
2. นักเรียนบอกขอคิดที่นําไปใชในชีวิตประจําวัน
ค�าถาม ประจ�าหน่วยการเรียนรู้
จากนิราศภูเขาทองได
๑. วรรณคดีนิราศ มีลักษณะเฉพาะในการประพันธ์อย่างไร ยกตัวอย่างจากเรื่องประกอบค�าอธิบาย 3. นักเรียนอธิบายและยกตัวอยางบทประพันธที่มี
๒. นิราศภูเขาทองสะท้อนภาพวิถีชีวิตของผู้คนริมฝั่งแม่น�้าในสมัยนั้นอย่างไรบ้าง การเลนเสียงในนิราศภูเขาทองได
๓. นริ าศภูเขาทองมีความดีเด่นด้านสัมผัสใน นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเหตุใด อธิบายและยกตัวอย่าง
ประกอบ
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. บันทึกการถอดคําประพันธ
2. แผนที่การเดินทางตามรอยนิราศภูเขาทอง
3. การทองจําบทอาขยานที่นักเรียนชื่นชอบ
กิจกรรม สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. วรรณคดีนิราศมีลักษณะเฉพาะในการประพันธ สวนใหญมักเปนการพรรณนาอาลัยรัก ตอสตรีอันเปนที่รัก เลาถึงเหตุการณ การเดินทางของกวี เชน
“ถึงบางพลูคิดถึงคูเมื่ออยูครอง เคยใสซองสงใหลวนใบเหลือง
ถึงบางพลัดเหมือนพี่พลัดมาขัดเคือง ทั้งพลัดเมืองพลัดสมรมารอนรน”
2. - การติดตอคาขาย ภาพการคาขายที่ดําเนินไปอยางคึกคัก มีการนําสินคาหลากหลายประเภทที่บรรทุกมากับเรือสําเภา
- การตั้งบานเรือนมักเรียงรายไปตามริมนํ้า จึงไดมีเรือนําสินคาทางการเกษตรมาจอดเรียงราย
3. เห็นดวย เพราะบทประพันธของสุนทรภูมีการเลนเสียงสัมผัสภายในวรรคทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร ทําใหกลอนสุนทรภู
มีความไพเราะอยางมาก ตัวอยางเชน
“เหมือนแมครัวคั่วแกงพะแนงผัด สารพัดเพียญชนังเครื่องมังสา
อันพริกไทยใบผักชีเหมือนสีกา ตองโรยหนาเสียสักหนอยอรอยใจ”
สัมผัสในวรรค สัมผัสสระ ไดแก ครัว-คั่ว แกง-พะแนง (เพียญ)ชนัง-มัง(สา) (พริก)ไทย-ใบ ผักชี-สีกา หนอย-อรอย สัมผัสอักษร ไดแก เหมือน -แม (สาร)พัด-เพียญ(ชนัง)
เสีย-สัก
คูมือครู 23
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาโคลงโลกนิติ
2. วิเคราะหวรรณคดีเรื่องโคลงโลกนิติและอธิบาย
คุณคาจากเรื่อง
3. สรุปความรูและความคิดจากโคลงโลกนิติ
เพื่อนําไปประยุกตใชในชีวิตจริง
4. ทองจําบทอาขยานตามที่กําหนดและบท
รอยกรองที่มีคุณคาตามความสนใจ
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. ใฝเรียนรู
๒
2. มีความรับผิดชอบ
3. รักความเปนไทย
หน่วยที่
กระตุน ความสนใจ Engage
โคลงโลกนิติ
ตัวชี้วัด
ครูยกบทประพันธจากโคลงโลกนิติบทที่ตรงกับ ■■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑)
วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน พร้อมยกเหตุผลประกอบ
โ คลงโลกนิติ เป็นโคลงสุภาษิตเก่าแก่ทแี่ นะแนว-
หนาหนวยมาอานใหนักเรียนฟง แลวใหนักเรียน ■■
(ท ๕.๑ ม.๑/๒)
ทางการปฏิบัติตนในสังคม คนไทยใช้สอนและยึดถือ
ปฏิบัติกันสืบมาตั้งแต่สมัยโบราณ ถ้อยค�าภาษาที่ใช้
ชวยกันถอดคําประพันธ ■■ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓)
เรียบง่าย แต่มีความไพเราะและมีความเปรียบคมคาย
■■ สรุปความรูแ้ ละข้อคิดจากการอ่านเพือ่ ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
“นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย (ท ๕.๑ ม.๑/๔) จึงท�าให้ได้รับความนิยมเรื่อยมา
ท่องจำาบทอาขยานตามทีก่ าำ หนดและบทร้อยกรองทีม่ คี ณ ุ ค่า
เลื้อยบทําเดโช แชมชา ■■
แมลงปองที่มีพิษนอยแตอวดอางวาตนเหนือกวา
ผูอื่น)
เกร็ดแนะครู
ในการเรียนการสอนโคลงโลกนิติ ครูใหความสําคัญกับการถอดคําประพันธ
ประเภทโคลงสี่สุภาพ โดยครูคอยแนะความรูใหนักเรียนเมื่อนักเรียนถอดความไมได
ติดขัดหรือไมแนใจในความหมายของคําบางคํา ทั้งนี้เพื่อใหการถอดคําประพันธ
งายขึ้น กอนการเรียนโคลงโลกนิติ ครูใหนักเรียนไปสืบคนคําศัพทที่นักเรียนมีปญหา
ไมสามารถถอดคําประพันธได และอภิปรายแสดงความคิดเห็น สรางเกณฑในการจด
คําประพันธใชเปนแนวทางรวมกัน
24 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนเลือกโคลงโลกนิติในเนื้อเรื่อง
๑ ความเป็นมา มา 1 บท และใหอานออกเสียงทํานองเสนาะให
ไพเราะพรอมเพรียงกัน ครูและนักเรียนรวมกัน
โคลงโลกนิติ (อ่านว่า โลก-กะ-นิด แปลว่า ระเบียบ
ถอดคําประพันธโคลงที่นักเรียนเลือกมาอาน
แบบแผนแห่งโลก) เป็นวรรณคดีที่มีเนื้อหาเป็นค�าสอนใน จากนั้นครูนํานักเรียนเขาสูเนื้อเรื่อง โดยใหนักเรียน
ด้านต่างๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม ถือเป็นค�าสอนที่เก่าแก่ รวมกันบอกความหมายของโคลงโลกนิติ
และแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยโบราณ เนื้อหาส่วนมากมีที่มาจาก (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลายตามความ
คาถาภาษาบาลีที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ต่างๆ เช่น คัมภีร์โลกนิติ เขาใจของนักเรียนที่ไดอานและถอดความโคลง-
คั ม ภี ร ์ ธ รรมนิ ติ คั ม ภี ร ์ ร าชนี ติ หิ โ ตปเทศ ธรรมบท และ โลกนิติที่นักเรียนเลือกมา ครูชวยแนะความหมาย
พระไตรปิฎก เป็นต้น นักปราชญ์ในอดีตได้เลือกสรรคาถา ที่ถูกตองวาหมายถึง ระเบียบแบบแผนแหงโลก)
มาแปลเป็นร้อยแก้วแล้วเรียบเรียงแต่งเป็นโคลงสี่สุภาพ
เมื่ อ พระบาทสมเด็ จ พระนั่ ง เกล้ า เจ้ า อยู ่ หั ว เสด็ จ - แผ่นศิลาจารึกเรื่องโคลงโลกนิติ สํารวจคนหา Explore
พระราชด�าเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส ได้ทอดพระเนตรเห็นพระอาราม
๑
1. นักเรียนคนหาความเปนมาของโคลงโลกนิติ
มีความทรุดโทรม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ใหม่และให้รวบรวมความรู้หลายสาขา- พรอมประวัติผูแตง
วิชา จารึกไว้บนแผ่นหินอ่อนประดับไว้ภายในบริเวณวัด ด้วยมีพระราชประสงค์จะให้เป็นแหล่งศึกษา 2. นักเรียนศึกษาลักษณะคําประพันธประเภท
ศิลปวิทยาการแขนงต่างๆ ส�าหรับประชาชนและยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้า- โคลงสี่สุภาพ ตามหัวขอตอไปนี้
บรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร ซึง่ ขณะนัน้ ทรงด�ารงพระยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนเดชอดิศร • คําเอก คําโท
ให้ทรงรวบรวมโคลงโลกนิตขิ องเก่ามาช�าระ แล้วน�าขึน้ ทูลเกล้าฯ ถวาย เพือ่ จารึกไว้บนแผ่นศิลาประดับ (แนวตอบ คําเอก คือ คําที่มีเครื่องหมาย
1 วรรณยุกตเอกกํากับอยู ไมกําหนดบังคับวา
ศาลาทิศทั้ง ๔ โดยรอบพระมณฑป (หอไตรจตุรมุข) โคลงโลกนิติจึงปรากฏแพร่หลายตั้งแต่ครั้งนั้น
คํานั้นจะเปนเสียงวรรณยุกตใด เชน กอน
เป็นต้นมา
คา ขุน คําโท คือ คําทีม่ เี ครือ่ งหมาย
เนื่องด้วยโคลงโลกนิติ มีเนื้อหาที่ท�าให้ผู้อ่านมีความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นไปของโลก วรรณยุกตโทกํากับอยู ไมกําหนดบังคับวา
เพื่อจะได้ด�าเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้องดีงาม ประกอบกับมีถ้อยค�าและเนื้อความที่ไพเราะ มีความ- คํานั้นจะเปนเสียงวรรณยุกตใด เชน ชาง
เหมาะสมทั้งด้านรูปแบบและเนื้อหา ครบคุณค่าทางวรรณกรรม จึงได้รับการยกย่องและได้รับ คํ้า ฟา กลา)
2
การจัดให้เป็นหนึ่งในหนังสือดี ๑๐๐ เล่มที่คนไทยควรอ่าน • คําเอกโทษ คําโทโทษ
(แนวตอบ คําเอกโทษ คือ คําที่ไมใชไมเอก
แตเอามาแปลงโดยเปลี่ยนวรรณยุกตเปนเอก
เพื่อใหไดวรรณยุกตเอกตามบังคับ เชน
๑ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ทรงเปลี่ยนสร้อยนามวัดเป็น วิมลมังคลาราม
สราง เปลี่ยนเปน ซาง เสี้ยม เปลี่ยนเปน
เซี่ยม คําโทโทษ คือ คําที่ไมใชไมโท แตเอา
มาแปลงโดยเปลี่ยนวรรณยุกตเปนโท
25
เพื่อใหไดวรรณยุกตโทตามบังคับ เชน เลน
เปลี่ยนเปน เหลน ชวย เปลี่ยนเปน ฉวย)
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดเปนความหมายของโคลงโลกนิติ
1 พระมณฑป คือ อาคารที่มีรูปแบบสถาปตยกรรมเปนอยางเรือนรูปสี่เหลี่ยม
1. คติคําสอนสําหรับสัตวโลก
มักทําหลังคาเปนรูปทรงกรวยสี่เหลี่ยม ปลายเรียวแหลม ใชเปนสถานที่สําหรับ
2. ระเบียบแบบแผนแหงโลก
ประดิษฐานพระพุทธรูป รอยพระพุทธบาท หรือพระไตรปฎกที่สําคัญ ตัวอยางเชน
3. บันทึกเรื่องราวของโลก
พระมณฑปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานคร และพระมณฑป
4. ความเปนไปของโลก
วัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
วิเคราะหคําตอบ โคลงโลกนิติ มาจาก โคลง+โลก+นิติ อธิบายความหมาย 2 หนังสือดี 100 เลมที่คนไทยควรอาน เปนหนังสือภาษาไทยที่เขียนขึ้นในชวง
ไดวา นิติ แปลวา กฎหมาย กฎปฏิบัติ แบบแผน เยี่ยงอยางขนบธรรมเนียม ประมาณสมัยรัชกาลที่ 5 ถึง พ.ศ. 2519 ในสาขาวิชาความรูตางๆ เปนหนังสือ
ประเพณี วิธีปกครอง เครื่องแนะนํา อุบายอันดี คําอื่นที่สังเกตความหมาย ที่มีศิลปะในการเขียนและการใชภาษาที่ดี มีคุณคาทางศิลปวรรณกรรม ทั้งในแง
ได เชน นิติศาสตร นิติบัญญัติ เปนตน ในที่นี้กลาวโดยสรุป “นิติ” คือระเบียบ รูปแบบ (ความงาม ความไพเราะ ความสะเทือนอารมณ) ไดรับความรู ความคิดอาน
แบบแผน ดังนั้น โคลงโลกนิติจึงหมายความวา ระเบียบแบบแผนแหงโลก ความบันเทิงทางศิลปวัฒนธรรมที่เปนประโยชน ทําใหผูอานฉลาด และมีความคิด
ตอบขอ 2. แบบเสรี หรือใจกวาง (liberal) มากขึ้น เขาใจชีวิต และสังคมมากขึ้น มีอคติในเรื่อง
เผาพันธุ เพศ ฯลฯ ลดลง เปนหนังสือที่โดดเดน มีอิทธิพลตอความคิดอารมณ
ความรูสึกของผูอานจํานวนมากในยุคหนึ่งๆ ที่มีผลสะเทือนสืบทอดมาถึงปจจุบัน
คูมือครู 25
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนสรุปยอความเปนมาและประวัติผูแตง
โคลงโลกนิติลงบนสมุดบันทึก ๒ ประวัติผู้แต่ง
(แนวตอบ โคลงโลกนิติ แปลวา ระเบียบแบบแผน
สมเด็ จ พระเจ้ า บรมวงศ์ เ ธอ กรมพระยาเดชาดิ ศ ร มี พ ระนามว่ า พระองค์ เจ้ า ชายมั่ ง
ของโลก มีเนื้อหาเปนคําสอนทั้งทางโลกและทาง
เป็ น พระราชโอรสในพระบาทสมเด็ จ พระพุ ท ธเลิ ศ หล้ า นภาลั ย กั บ เจ้ า จอมมารดานิ่ ม ธิ ด า
ธรรม เนื้อหามาจากคาถาบาลีที่ปรากฏในคัมภีร
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๓๖
ตางๆ เดิมนักปราชญสมัยกอนแปลโคลงโลกนิติ
ในสมั ย รั ช กาลที่ ๒ ทรงรั บ สถาปนาเป็ น กรมหมื่ น เดชอดิ ศ ร ก� า กั บ กรมพระอาลั ก ษณ์
เปนรอยแกว กอนแตงเปนโคลงสี่สุภาพ รัชกาลที่
ในรัชกาลที่ ๓ ได้ทรงเลื่อนเป็นกรมขุนเดชอดิศร และในรัชกาลที่ ๔ ทรงเลื่อนเป็นกรมสมเด็จ-
3 ทรงมีรับสั่งใหสมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ
พระเดชาดิศร๒ สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๒ พระชันษาได้ ๖๗ ปี ทรงเป็นต้นราชสกุล เดชาติ 1 วงศ์
กรมพระยาเดชาดิศร รวบรวมโคลงโลกนิติ
งานพระนิพนธ์ที่ปรากฏ ได้แก่ โคลงโลกนิติ โคลงนิราศเสด็จไปทัพเวียงจันทน์ ฉันท์สังเวย-
ของเกามาชําระ แลวนําทูลเกลาฯ ถวาย เพือ่ จารึก
พระมหาเศวตฉัตร และฉันท์ดุษฎีสังเวยต่างๆ
ไวบนแผนศิลาประดับศาลาทิศทั้ง 4 โดยรอบ
พระมณฑป สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ
กรมพระยาเดชาดิศร มีพระนามวา พระองค ๓ ลักษณะค�าประพันธ์
เจาชายมั่ง เปนพระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 กับ โคลงโลกนิติ แต่งด้วยค�าประพันธ์ประเภทโคลงสี่สุภาพและมีบางบทเป็นโคลงกระทู้
เจาจอมมารดานิ่ม ธิดาเจาพระยาพระคลัง (หน)
งานพระนิพนธที่ปรากฏ ไดแก โคลงโลกนิติ แผนผังและตัวอย่าง โคลงสี่สุภาพ
โคลงนิราศเสด็จไปทัพเวียงจันทน ฉันทสังเวย-
พระมหาเศวตฉัตร และฉันทดุษฎีสังเวยตางๆ)
่ ้ )
)
2. จากการศึกษาแผนผังและตัวอยางโคลงสี่สุภาพ
ใหนักเรียนอธิบายคณะของโคลงสี่สุภาพ
่ ่ ้
(แนวตอบ โคลงสี่สุภาพ บทหนึ่งมี 4 บาท บาท ่ ) )
ที่ 1, 2 และ 3 มีบาทละ 7 คํา บาทที่ 4 มี 9 คํา
่
26 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนบอกความเหมือนและความแตกตาง
โคลงกระทู คือ โคลงสีส่ ภุ าพทีม่ กี ารตัง้ ขอความหรือหัวขอ (กระทู) วางไวขา งหนาโคลง ระหวางโคลงสี่สุภาพกับโคลงกระทู
ทั้ง ๔ บาท แล1วแตงถอยคําตอไปใหมีเนื้อความอธิบายหรือขยายความของกระทูใหชัดเจนยิ่งขึ้น (แนวตอบ โคลงสี่สุภาพเหมือนกับโคลงกระทู
บางครั้ ง ตั ว กระทู เ องอาจจะไม มี ค วามหมายก็ ต อ งแต ง เติ ม ถ อ ยคํ า ในโคลงให มี ค วามเหมาะสม ทุกประการ คือ คณะ สัมผัส คําเอก คําโท
โคลงกระทูมี ๔ ชนิด คือ โคลงกระทู ๑ คํา (กระทูเดี่ยว) โคลงกระทู ๒ คํา โคลงกระทู ๓ คํา คําสรอย แตตางกันที่คําขึ้นตนในแตละบาท
และโคลงกระทู ๔ คํา ของโคลงกระทูจะเปนขอความ (กระทู)
แผนผังและตัวอยาง โคลงกระทู ๓ คํา เมื่ออานแตละกระทูเรียงกันจากบาทที่ 1 ถึง
บาทที่ 4 จะไดความหมาย)
่ ้ ( ) 2. นักเรียนอธิบายสัมผัสจากแผนผังโคลงสี่สุภาพ
(แนวตอบ สัมผัสบังคับในโคลงสี่สุภาพ
่ ่ ้ เปนสัมผัสสระ กําหนดไวดังนี้
่ ่ ( ) คําที่ 7 ของบาทที่ 1 สงสัมผัสไปยังคําที่ 5 ของ
่ ้ ่ ้ บาทที่ 2 และบาทที่ 3 และคําที่ 7 ของบาทที่
2 สงสัมผัสไปยังคําที่ 5 ของบาทที่ 4)
ปาพึ่งเรือ หมูไม มากมูล
เรือพึ่งพาย พายูร ยาตรเตา
นายพึ่งบาว บริบูรณ ตามติด มากแฮ ขยายความเขาใจ Expand
เจาพึ่งขา คํ่าเชา ชวยสิ้นเสร็จงานฯ
นักเรียนเลือกบทประพันธจากเนื้อเรื่องมา 1
(ปถมมาลา)
บท บันทึกลงในสมุด แลวโยงเสนสัมผัสใหถูกตอง
พรอมทั้งระบุตําแหนงคําเอกคําโท
(แนวตอบ ตัวอยางเชน
“รูนอยวามากรู เริงใจ
กลกบเกิดอยูใน สระจอย
ไปเห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมวานํ้าบอนอย มากลํ้าลึกเหลือ”)
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนสรุปยอประวัติความเปนมาของ
โคลงโลกนิติได
2. นักเรียนเขียนแผนผังและโยงเสนสัมผัส
ศาลารายรอบพระมณฑป วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ)์ มีแผนศิลาจารึกเรือ่ งโคลงโลกนิตปิ ระดับไว
ใหถูกตองตามลักษณะคําประพันธได
๒๗ 3. นักเรียนระบุตําแหนงคําเอกคําโท
ในโคลงสี่สุภาพได
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
บาทที่สี่ของโคลงสี่สุภาพในขอใดมีตําแหนงคําเอกคําโทถูกตองตาม
จากกิจกรรมขยายความเขาใจบทประพันธที่ยกมาไมเครงครัดคําเอก คําโทนัก
ฉันทลักษณ
ตําแหนงที่เปนคําเอก คําวา “มาก” “กบ” “ช(ล)” เปนคําตายที่มีเสียงสั้น ไมมี
1. ชมวานํ้าบอนอย มากลํ้าลึกเหลือ
รูปวรรณยุกตเอก และแมวาบทประพันธบทนี้จะไมเครงครัดคําเอกคําโทก็ไมทําให
2. เหมือนขอบฟามาปอง ปาไมมาบัง
เสียความไพเราะ
3. บาปยอมทําโทษซํ้า ใสผูบาปเอง
4. หายากฝากผีไข ยากแทจักหา
วิเคราะหคําตอบ บาทที่สี่ตําแหนงคําเอกคําโท คือ ๐ ๐่ ๐ ๐ ๐้ ๐่ ๐้ ๐ ๐ นักเรียนควรรู
ซึ่งตรงกับคําประพันธวา “บาปยอมทําโทษซํ้า ใสผูบาปเอง” เปนบาทที่ตรง
กับแผนผังคําประพันธ ตอบขอ 3. 1 กระทู ในที่นี้ คือกระทูโคลงหรือกระทูโคลงที่เปนกระทูสุภาษิต เปนหลัก
หรือขอความที่นําไปสูการขยายความ จํานวนคําของกระทู จะเปนกี่คําก็ตาม
นิยมใชเทากันทุกบาท แตก็ไมไดวางเปนขอบังคับ ตั้งกระทูไวหนาบาทจํานวนคํา
ไมเทากันก็มี เชน “ชา ชา ได พราสองเลม งาม” ขอสําคัญคือตองแยกกระทูให
หางจากเนื้อความอื่น
คูมือครู 27
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูยกคําสอนหรือนิทานพื้นบานมาเลาเปน
ตัวอยางของวรรณกรรมคําสอนใหนักเรียนฟง ๔ เนื้อเรื่อง
แลวใหนักเรียนบอกขอคิด
(แนวตอบ ตัวอยางเชน นิทานเรื่องพญานกแขก โคลงโลกนิติ
เตา กาลครั้งหนึ่งมีนกแขกเตาฝูงหนึ่งหากินที่
ทุงขาวสาลีของเศรษฐีใจดีคนหนึ่งซึ่งปลอยให (๗)๓ ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ
1
นกแขกเตากินขาวได มาวันหนึ่งเศรษฐีสังเกต ภำยนอกแดงดูฉัน ชำดบ้ำย
เห็นวาจาฝูงนกแขกเตาคาบเอาขาวสาลีกลับไป ภำยในย่อมแมลงวัน หนอนบ่อน
ดวยก็โกรธมากสั่งใหทํากับดักดักฝูงนกไว เมื่อ ดุจดั่งคนใจร้ำย นอกนั้นดูงำม
ฝูงนกแขกเตาถูกจับ พญานกแขกเตาก็ขอรอง
(๒๓) นำคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
ใหปลอยนกตัวอื่นๆไป เศรษฐีชื่นชมในความ
เลื้อยบ่ท�ำเดโช แช่มช้ำ
กลาหาญและความเสียสละของพญานกแขกเตา
พิษน้อยหยิ่งโยโส แมลงป่อง
จึงถามเหตุที่คาบเอาขาวสาลีกลับไปดวย พญา
ชูแต่หำงเองอ้ำ อวดอ้ำงฤทธี
แขกเตาอธิบายเหตุ 3 ประการ ประการแรกให
กูยืม หมายถึงเอาขาวไปใหลูกนกเล็กๆ ที่ยังไม (๒๔) ควำมรู้ผู้ปรำชญ์นั้น นักเรียน
สามารถชวยเหลือตัวเองได เมื่อแกชราลงลูกนก ฝนทั่งเท่ำเข็มเพียร ผ่ำยหน้ำ
เหลานั้นจะไดหามาใหกินบาง ประการที่สอง คนเกียจเกลียดหน่ำยเวียน วนจิต
คือ ฝากไว หมายถึงใหนกแกเฒาที่มีพระคุณ กลอุทกในตะกร้ำ เปี่ยมล้นฤๅมี
ประการสุดทายคือ ใชหนี้เกา หมายถึงใหพอแม
ซึ่งแกชราไมสามารถเลี้ยงตัวเองได เศรษฐีไดยิน (๔๑) ห้ำมเพลิงไว้อย่ำให้ มีควัน
ดังนั้นก็ชื่นชมพญานก จึงปลอยนกทุกตัวให ห้ำมสุริยแสงจันทร์ ส่องไซร้
เปนอิสระและใหฝูงนกแขกเตามากินขาวสาลีได ห้ำมอำยุให้หัน คืนเล่ำ
ตลอดไป ห้ำมดั่งนี้ไว้ได้ จึ่งห้ำมนินทำ
เรื่องนี้ใหขอคิดวาการรูจักหนาที่ มีความ
กตัญูรูคุณ อยูที่ไหนก็ไมลําบาก เพราะจะมีคน (๕๘) รู้น้อยว่ำมำกรู้ เริงใจ
นับถือและใหความชวยเหลือ) กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
2. ครูถามนักเรียนวา นักเรียนรูจักวรรณกรรม ไป่เห็นชเลไกล กลำงสมุทร
คําสอนเรื่องใดบาง ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ชมว่ำน�้ำบ่อน้อย มำกล�้ำลึกเหลือ
มาเลาประสบการณหนาชั้นเรียน
๓ หมายเลขในวงเล็บ หมายถึงลำาดับโคลงจากหนังสือประชุมโคลงโลกนิติของสถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ
สํารวจคนหา Explore กระทรวงศึกษาธิการ ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๔๓
นักเรียนศึกษาและพิจารณาโคลงโลกนิติตาม 28
หนังสือเรียน แลวสืบคนแนวคิดของโคลงโลกนิติ
แตละบท
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู โคลงโลกนิติเปนวรรณกรรมคําสอนเกี่ยวกับเรื่องตางๆ ในชีวิต ซึ่งเปน
ธรรมดาของโลก โดยยกเอาสิ่งแวดลอมรอบตัวที่ใหแงคิดมาสอน ทําใหรูจัก
1 ชาด วัตถุสีแดงสดชนิดหนึ่ง เปนผงก็มี เปนกอนก็มี ใชทํายาไทยหรือประสม
สังเกตสิ่งแวดลอมรอบตัวเองไมวาจะเปนสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งที่ไมมีชีวิต ซึ่งเปน
กับนํ้ามันสําหรับประทับตราหรือทาสิ่งของ สมัยกอนชาดที่มาจากเมืองจอแส
หลักการเดียวกับการเรียนรูทางวิทยาศาสตร ดวยตางก็เปนการเรียนรู
ประเทศจีนเรียก “ชาดจอแส” ชาดที่มาจากเมืองอายมุยประเทศจีนเรียก “ชาด
สิ่งแวดลอมรอบตัวเพื่อปรับตัวใหเขากับสิ่งแวดลอมนั้นๆ และรูจักนํา
อายมุย” หรือเปนคําวิเศษณของสีแดงสดอีกอยางหนึ่ง เรียกวา “สีแดงชาด”
ขอสังเกตที่ไดมาปรับปรุงพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยในทางวิทยาศาสตรจะ
พัฒนาดานคุณภาพชีวิตความเปนอยู ชวยยกระดับคุณภาพชีวิตใหสูงขึ้น
มุม IT สวนวรรณกรรมคําสอนจะชวยพัฒนาดานจิตใจ ชวยยกระดับจิตใจใหสูงขึ้น
ดังนั้นจึงควรเรียนรูรวมกันทั้งดานชีวิตและจิตใจ
ศึกษาเกี่ยวกับตัวอยางการอานบทอาขยานโคลงโลกนิติเพิ่มเติม ไดที่
http://www.youtube.com/watch?v=i0y0LWuMu7o
28 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูและนักเรียนรวมกันอภิปราย จากโคลง
(๖๐) จระเข้คับน่ำนน�้ำ ไฉนหำ ภักษ์เฮย โลกนิติ บทที่ 98
รถใหญ่กว่ำรัถยำ ยำกแท้ “เจ็ดวันเวนดีดซอม ดนตรี
เสือใหญ่กว่ำวนำ ไฉนอยู่ ได้แฮ อักขระหาวันหนี เนิ่นชา
เรือเขื่องคับชเลแล้ แล่นโล้ไปไฉน สามวันจากนารี เปนอื่น
วันหนึ่งเวนลางหนา อับเศราศรีหมอง”
(๖๙) เสียสินสงวนศักดิ์ไว้ วงศ์หงส์ • โคลงบทนี้มีแนวคิดวาอยางไร
เสียศักดิ์สู้ประสงค์ สิ่งรู้ (แนวตอบ หากจะทําการใดตองหมั่นฝกฝน
เสียรู้เร่งด�ำรง ควำมสัตย์ ไว้นำ ตั้งใจจริง ดังเชนการฝกเลนดนตรี การเขียน
อาน การไปมาหาสูคนรัก ก็ตองตั้งใจจริง
เสียสัตย์อย่ำเสียสู้ ชีพม้วยมรณำ
หากทิ้งชวงก็อาจหลงลืมได เหมือนการลาง
(๗๒) น�้ำเคี้ยวยูงว่ำเงี้ยว ยูงตำม หนาก็ตองทําทุกวันเพื่อไมใหหนาหมนหมอง
1 หมดราศี)
ทรำยเหลือบหบหำงยูงงำม ว่ำหญ้ำ
• จากบาทที่วา “สามวันจากนารี เปนอื่น”
ตำทรำยยิ่งนิลวำม พรำยเพริศ
ผูหญิงมีหลักเลือกคูครองอยางไร และใน
ลิงว่ำหว้ำหวังหว้ำ หว่ำดิ้นโดยตำม
ปจจุบันนักเรียนมีความเห็นอยางไร
(๗๗) พระสมุทรสุดลึกล้น คณนำ (แนวตอบ ในสังคมสมัยกอนถาชายหนุมจะ
ผูกสัมพันธใกลชิดกับหญิงสาวตองหมั่นไป
สำยดิ่งทิ้งทอดมำ หยั่งได้
มาหาสู หากชายหนุมเริ่มขาดการติดตอ
เขำสูงอำจวัดวำ ก�ำหนด
หญิงสาวก็จะรูสึกไมมั่นใจในชายหนุมและ
จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยำกแท้หยั่งถึง คิดวาชายหนุมอาจจะไมรักจริง และจะมีใจ
ใหคนที่ไปมาหาสูบอยกวาแทน แสดงใหเห็น
(๘๘) รักกันอยู่ขอบฟ้ำ เขำเขียว
วาผูหญิงสมัยกอนจะอยูในสถานะผูถูกเลือก
เสมออยู่หอแห่งเดียว ร่วมห้อง
และใหความสําคัญกับความมุง มัน่ จริงใจของ
ชังกันบ่แลเหลียว ตำต่อ กันนำ ชายหนุมที่จะมาเปนคูครอง ตางจากผูหญิง
เหมือนขอบฟ้ำมำป้อง ป่ำไม้มำบัง ในปจจุบนั ทีม่ สี ถานะเปนผูเ ลือกและใหความ
สําคัญกับหลายเรือ่ งขึน้ อยูก บั ความเหมาะสม
(๙๘) เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม ดนตรี
ทางสังคม ดังนั้นจากบาทที่กลาววา
อักขระห้ำวันหนี เนิ่นช้ำ “สามวันจากนารี เปนอื่น” ในสังคมปจจุบัน
สำมวันจำกนำรี เป็นอื่น จึงอาจเปนไปไดวาทั้งผูหญิงทั้งผูชายมี
วันหนึ่งเว้นล้ำงหน้ำ อับเศร้ำศรีหมอง โอกาสเปนอื่น)
29
ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับบทประพันธของโคลงโลกนิติ เกร็ดแนะครู
พระสมุทรสุดลึกลน คณนา ครูใหนักเรียนสังเกตโคลงบทที่ 72 วากวีใชการตัดคําใหเหลือนอยกวาเดิม เพื่อ
สายดิ่งทิ้งทอดมา หยั่งได ใหพยางคสั้นลง จากคําวา “คดเคี้ยว” มาเปน “เคี้ยว” และคําวา “งูเงี้ยว” มาเปน
เขาสูงอาจวัดวา กําหนด “เงี้ยว” วิธีตัดคํานี้เกิดจากกวีผูรอยกรองบทประพันธ เมื่อคําใดมีคําประพันธมาก
จิตมนุษยนี้ไซร ยากแทหยั่งถึง เกินไป จะนําเขาบรรจุในบทประพันธก็ยาวเยิ่นเกินกวาลักษณะบังคับที่วางไวในกฎ
โคลงบทนี้เนนสอนเรื่องใด จึงหาวิธีลดพยางคของคําใหเหลือนอยพอที่จะบรรจุคําลงได แตก็ยังคงมีความหมาย
1. ความลึกของนํ้า เทาเดิม คําที่ตัดตองอาศัยความรูในภาษากวีและการตีความตามบริบทเขาชวย
2. ความไววางใจ
3. ความพากเพียร
4. ความมีอุเบกขา นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ โคลงบทนี้ถอดคําประพันธไดวา มหาสมุทรที่วาลึกยัง
หาสายดิ่งมาวัดใหรูความลึกได เชนเดียวกับภูเขาสูงก็สามารถวัดได แตกับ 1 ทราย หรือ เนื้อทราย มีเขาเฉพาะเพศผู ลักษณะเขาคลายกวาง เมื่อพบศัตรู
ใจมนุษยนี้ไมมีอะไรมาวัดได ใจมนุษยยากที่จะรูไดจึงตองระมัดระวังเรื่อง จะวิ่งหนีไมกระโดดเหมือนเกงและกวาง ตามคติของคนไทยถือวาเปนสัตวที่มี
ความไววางใจ ตอบขอ 2. นัยนตาสวย จึงมีคําเปรียบเปรยวา “ตาสวยดังเนื้อทราย” เนื้อทราย ยังมีชื่อเรียก
อื่นๆ อีก ไดแก กวางแขม ลําโอง และกวางทราย
คูมือครู 29
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
จากบทประพันธที่ยกมานี้ใหนักเรียนอภิปราย
แลวตอบคําถาม (๑๐๑) ใครจักผูกโลกแม้ รัดรึง
“ความรูดูยิ่งลํ้า สินทรัพย เหล็กเท่ำล�ำตำลตรึง ไป่หมั้น
คิดคาควรเมืองนับ ยิ่งไซร มนตร์ยำผูกนำนหึง หำยเสื่อม
เพราะเหตุจักอยูกับ กายอาต-มานา ผูกเพื่อไมตรีนั้น แน่นเท้ำวันตำย
โจรจักเบียนบได เรงรูเรียนเอา”
• นักเรียนคิดวา บทประพันธขางตนเกี่ยวของ (๑๑๗) ควำมรู้ดูยิ่งล�้ำ สินทรัพย์
กับนักเรียนอยางไร คิดค่ำควรเมืองนับ ยิ่งไซร้
(แนวตอบ บทประพันธขางตนเกี่ยวของในเรื่อง เพรำะเหตุจักอยู่กับ กำยอำต-มำนำ
หนาที่ของนักเรียน คือ ตองศึกษาหาความ โจรจักเบียนบ่ได้ เร่งรู้เรียนเอำ
รู เพราะความรูเปนสิ่งที่มีคามากแตก็ไมมี
ใครลักขโมยเอาไปได เมื่อมีแลวก็จะอยูกับเรา (๑๓๑) สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน 1
ตลอดไป) กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร�้ำ
บำปเกิดแต่ตนคน เป็นบำป
ขยายความเขาใจ Expand
บำปย่อมท�ำโทษซ�้ำ ใส่ผู้บำปเอง
ใหนักเรียนเลือกบทประพันธที่นักเรียน
ประทับใจ แลวแนะการนําขอคิดจากบทประพันธ (๑๘๖) นกน้อยขนน้อยแต่ พอตัว
ไปใชในชีวิตจริง รังแต่งจุเมียผัว อยู่ได้
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย มักใหญ่ย่อมคนหวัว ไพเพิด
ตัวอยางเชน ท�ำแต่พอตัวไซร้ อย่ำให้คนหยัน
“นกนอยขนนอยแต พอตัว
รังแตงจุเมียผัว อยูได (๑๘๗) เห็นท่ำนมีอย่ำเคลิ้ม ใจตำม
มักใหญยอมคนหวัว ไพเพิด เรำยำกหำกใจงำม อย่ำคร้ำน
ทําแตพอตัวไซร อยาใหคนหยัน” อุตส่ำห์พยำยำม กำรกิจ
จากบทประพันธที่ยกมาเหมาะสําหรับการนํา เอำเยี่ยงอย่ำงเพื่อนบ้ำน อย่ำท้อท�ำกิน
ไปใชในชีวิตอยางยิ่ง โดยเฉพาะในสังคมปจจุบันที่
มีการอุปโภคบริโภคสินคากันอยางฟุมเฟอย นําไปสู (๒๑๔) คนใดละพ่อทั้ง มำรดำ
ปญหาตางๆ เชน การติดหนี้ การขวนขวายใหไดมา อันทุพพลชรำ- ภำพแล้ว
ดวยวิธีการที่ผิด เปนตน ดังนั้นจึงควรเตือนตนเอง ขับไล่ไป่มีปรำ- ณีเนตร
และคนรอบขางใหรูจักพอเพียง พอดี พอใช ดังที่ คนดั่งนี้ฤ ๅแคล้ว คลำดพ้นไภยัน
กลาวในบทประพันธขางตน)
30
บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู จากแนวคิดเรื่องความพอเพียง เรื่องการรูจักประมาณในโคลงโลกนิติ
ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใชเครื่องหมายยัติภังค (-) ครูบูรณาการเชื่อมกับสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ดังเชน บาทที่ 2 และ 3 ในบทที่ 214 ที่วา “อันทุพพลชรา- ภาพแลว” และ เรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดําริในพระบาทสมเด็จ
“ขับไลไปมีปรา- ณีเนตร” เกิดจากกวีตองการใหจํานวนคําถูกตองตาม พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นักเรียนสามารถประยุกตใชปรัชญาของ
ฉันทลักษณที่บังคับใหวรรคหนามี 5 คํา แตเมื่อมีคําเกินจึงตองแยกคําไปอยูวรรค เศรษฐกิจพอเพียงในการดําเนินชีวิตของนักเรียน ใหความสําคัญ รูคุณคา
หลัง และใชเครื่องหมายยัติภังคมาไวระหวางพยางคที่แยกออกจากกัน เพื่อใหรูวา และเล็งเห็นประโยชนตอสังคมไทยวา แนวคิดเรื่องความพอเพียงทั้งจาก
เปนคําเดียวกันเพียงแตแยกพยางคแยกวรรค ซึ่งจะทําใหผูอานเขาใจความหมายได โคลงโลกนิติและพระราชดําริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล
ถูกตองตามบทประพันธนั้น อดุลยเดช ชวยรักษาคํ้าจุน สังคมไทยใหมั่นคง คนไทยมีความผาสุก
มีความเปนอยูที่ดี
นักเรียนควรรู
1 ขรํ้า ในบทที่ 131 เปนคําโทโทษ โดยปกติเขียนวา “ครํ่า” หมายความวา
เกาผุไป แตเมื่อเปนคําที่อยูในตําแหนงที่ตองใชรูปวรรณยุกตโท จึงเขียนเปน “ขรํ้า”
ออกเสียงเหมือนกันกับ “ครํ่า”
30 คูมือครู
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ Expand
ใหนักเรียนยกโคลงโลกนิติบทที่ใหแงคิดตรงกับ
(๒๓๑) คุณแม่หนำหนักเพี้ยง พสุธำ สํานวนสุภาษิตตอไปนี้ พรอมบอกความหมายของ
คุณบิดรดุจอำ- กำศกว้ำง สํานวนสุภาษิต
คุณพี่พ่ำงศิขรำ เมรุมำศ • สี่เทายังรูพลาด นักปราชญยังรูพลั้ง
คุณพระอำจำรย์อ้ำง อำจสู้สำคร (แนวตอบ บทประพันธที่ตรงกับสํานวนสุภาษิต
“สี่เทายังรูพลาด นักปราชญยังรูพลั้ง” คือ
(๒๗๘) ก้ำนบัวบอกลึกตื้น ชลธำร “สูงสารสี่เทายาง เหยียบหยัน
มำรยำทส่อสันดำน ชำติเชื้อ บางคาบเชี่ยวไปพลัน พลวกพลั้ง
โฉดฉลำดเพรำะค�ำขำน ควรทรำบ นักรูรํ่าเรียนธรรม ถึงมาก ก็ดี
หย่อมหญ้ำเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ำยแสลงดิน กลาวดั่งนํ้าผลั้งผลั้ง พลาดถอยทางความ”
โคลงบทนี้หมายความวา ทุกคนสามารถทํา
(๒๘๘) ถึงจนทนสู้กัด กินเกลือ ผิดพลาดได หากประมาทไมระมัดระวัง ทั้งนี้
อย่ำเที่ยวแล่เนื้อเถือ พวกพ้อง “สี่เทา” หมายถึง สัตวสี่เทา เชน ชาง ซึ่งมัก
อดอยำกเยี่ยงอย่ำงเสือ สงวนศักดิ์ กาวเดินไดมั่นคง แตก็อาจกาวพลาดได เชน
โซก็เสำะใส่ท้อง จับเนื้อกินเอง
เดียวกับนักปราชญคือผูรู บางครั้งอาจ
พลาดได)
(๓๐๘) โคควำยวำยชีพได้ เขำหนัง
เป็นสิ่งเป็นอันยัง อยู่ไซร้
คนเด็ดดับสูญสัง- ขำรร่ำง
เป็นชื่อเป็นเสียงได้ แต่ร้ำยกับดี
1
(๓๑๙) สูงสำรสี่เท้ำย่ำง เหยียบยัน
บำงคำบเชี่ยวไปพลัน พลวกพลั้ง
นักรู้ร�่ำเรียนธรรม์ ถึงมำก ก็ดี
กล่ำวดั่งน�้ำผลั้งผลั้ง พลำดถ้อยทำงควำม
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
สูงสารสี่เทายาง เหยียบหยัน
1 สาร มีหลายความหมาย ในที่นี้หมายถึง ชางใหญ อาจใชวา ชางสาร
บางคาบเชี่ยวไปพลัน พลวกพลั้ง
นักรูรํ่าเรียนธรรม ถึงมาก ก็ดี
กลาวดั่งนํ้าผลั้งผลั้ง พลาดถอยทางความ
จากโคลงขางตน บาทใดมีคําสรอย
1. บาทที่ 1 สูงสารสี่เทายาง เหยียบหยัน
2. บาทที่ 2 บางคาบเชี่ยวไปพลัน พลวกพลั้ง
3. บาทที่ 3 นักรูรํ่าเรียนธรรม ถึงมาก ก็ดี
4. บาทที่ 4 กลาวดั่งนํ้าผลั้งผลั้ง พลาดถอยทางความ
วิเคราะหคําตอบ คําสรอย คือคําที่เปนสวนประกอบเพิ่มเติมที่ตอทาย
วรรค บาท หรือบท ไมบังคับ อาจมีหรือไมมีก็ได ในโคลงโลกนิติบาทที่มัก
ปรากฏคําสรอย ไดแก บาทที่ 1 และบาทที่ 3 จากโคลงขางตนบาทที่มี
คําสรอย คือ บาทที่ 3 มีคําวา “ก็ดี” ตอบขอ 3.
คูมือครู 31
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. นักเรียนเลือกบทประพันธที่นักเรียนชื่นชอบ
คนละ 2 บท พรอมบอกเหตุผลที่นักเรียนเลือก (๔๑๑) อ่อนหวำนมำนมิตรล้น เหลือหลำย
บทประพันธนั้น หยำบบ่มีเกลอกรำย เกลื่อนใกล้
2. นักเรียนทองจําบทประพันธที่เลือกมาเปน ดุจดวงศศิฉำย ดำวดำษ ประดับนำ
ทํานองเสนาะหนาชั้นเรียน โดยศึกษาความรู สุริยะส่องดำรำไร้ เพื่อร้อนแรงแสง
จากหนังสือเรียนหลักภาษาและการใชภาษา
ม.1 หนวยการเรียนรูที่ 1 การอานออกเสียง
เรื่องการอานโคลงสี่สุภาพ ในหนา 9 -10 บอกเล่าเก้าสิบ
32
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
คําประพันธตอไปนี้มีจุดประสงคตามขอใด
1 พระอารามหลวง คือ วัดที่พระมหากษัตริย หรือพระบรมวงศานุวงศทรงสราง
ถึงจนทนสูกัด กินเกลือ
หรือทรงบูรณปฏิสังขรณ หรือมีผูสรางนอมเกลานอมกระหมอมถวายเปนวัดหลวง
อยาเที่ยวแลเนื้อเถือ พวกพอง
และวัดที่ราษฎรสราง หรือบูรณปฏิสังขรณ และขอพระราชทานใหทรงรับไวเปน
อดอยากเยี่ยงอยางเสือ สงวนศักดิ์
พระอารามหลวง
โซก็เสาะใสทอง จับเนื้อกินเอง
1. ใหรูจักอดทน 2. ใหรูจักประมาณตน
3. ใหรูจักรักศักดิ์ศรี 4. ใหรูจักชวยเหลือตนเอง
มุม IT
วิเคราะหคําตอบ จากคําประพันธขางตนถอดคําประพันธไดวา แมจะยากจน
ศึกษาเกี่ยวกับโคลงสี่สุภาพที่ใหขอคิดเหมือนสํานวน คําพังเพยและสุภาษิตไทย อยางไรก็ใหทนกัดกอนเกลือกิน อยาไดไปเบียดเบียนเพื่อนฝูง ใหเปนอยางเสือ
เพิ่มเติม ไดที่ http://www.st.ac.th/bhatips/klong_4.html ที่เมื่อหิวก็สูพยายามจับเนื้อกินเองอยางมีศักดิ์ศรี จากความวา
“อดอยากเยี่ยงอยางเสือ สงวนศักดิ์” คือ สอนใหรูรักรักศักดิ์อยางเสือ
ตอบขอ 3.
32 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูใชเกมคําศัพทกระตุนความสนใจนักเรียน
๕ ค�าศัพท์ โดยเริ่มจากจัดนักเรียนออกเปน 2 กลุม
กลุมที่ 1 ใหนักเรียนเลือกจดคําศัพทที่
ค�าศัพท์ ความหมาย นักเรียนสนใจลงในกระดาษ คนละ 1 คํา
กร่อน หมดไปทีละน้อย สึกหรอ ร่อยหรอ กลุมที่ 2 ใหนักเรียนเลือกจดความหมายของ
กล่าวดั่งน�้า พูดคล่องราวกับน�้าไหล คําศัพทที่นักเรียนสนใจลงในกระดาษ คนละ 1
ขร�้า คร�่า คร�่าคร่า เก่าผุไป ในความว่า กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขรํ้า หมายความว่า ความหมาย
สนิมกัดเนื้อเหล็กให้ผุกร่อน ใช้การไม่ได้ 2. ครูใหสัญญาณนักเรียนเริ่มจับคูคําศัพทกับ
เขื่อง ใหญ่ โต ความหมาย หากคนใดไมมีคูใหบอกคําศัพท
ค้อม โน้มลง น้อมลง หรือความหมายที่เขาคูกันใหถูกตอง
ค่าควรเมือง มีค่ามาก
เคลิ้มใจ เผลอใจ ลืมตัวลืมใจ สํารวจคนหา Explore
เคี้ยว คด คดเคี้ยว
1. จากการเลนเกมจับคูคําศัพท ใหนักเรียนคนหา
เงี้ยว งู
คําศัพทหรือความหมายของคําศัพทที่ไมมีคู
โฉด โง่ เขลา 2. จดบันทึกคําศัพทจากการเลนเกมลงสมุด
ชเล ทะเล
ชาด สีแดงสดอย่างหนึ่ง เรียก สีแดงชาด ชาด
อธิบายความรู Explain
เชี่ยว รีบร้อน รีบเร่ง
นักเรียนบอกความสําคัญของการรูความหมาย
โซ 1 หิว
ของคําศัพทในโคลงโลกนิติ
ศศิ ดวงจันทร์
(แนวตอบ คําศัพทในโคลงโลกนิติเปนศัพทเกา
เด็ด ท�าให้ขาดหรือหลุดออก แต่ในความที่ว่า คนเด็ดดับสูญสังขารร่าง มีความหมาย
ว่า ตาย
โบราณ ซึ่งยากตอการอานและถอดความ การรูความ
หมายของคําศัพทในโคลงโลกนิติจึงชวยใหสามารถ
ถ่ายแทน ตายแทน สับเปลี่ยน
อานโคลงโลกนิติไดเขาใจมากขึ้น โดย
ทั่ง แท่งเหล็กที่ช่างใช้รองรับในการตีโลหะ
บางชนิด เช่น เหล็ก ทอง ให้เป็นรูปต่างๆ
ผูอานเขาใจถึงความคิด สาร ที่กวีตองการสื่อ โดย
ไมตองกังวลเกี่ยวกับศัพทที่ยาก และยังเปนพื้นฐาน
นวย น้อม
ของการศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรมเรื่องอื่นไดเปน
นักรู้ ผู้รู้ ผู้มีปญญา นักปราชญ์
อยางดี)
นิลวาม มีสีด�าวาววาม ทั่ง
บอกร้ายแสลงดิน บอกให้รู้ว่าดินตรงนั้นไม่ดี
33
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนคัดลอกโคลงสี่สุภาพจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมเรื่องอื่น เชน ครูควรแนะใหนักเรียนเห็นความสําคัญของการรูคําศัพท และชี้ใหนักเรียนเห็นถึง
นิราศสุพรรณของสุนทรภู นิราศนรินทร เปนตน นักเรียนคัดลอกมาคนละ ประโยชนของการจดจําคําศัพท และสะสมเปนคลังศัพทที่จะทําใหนักเรียนไดเปรียบ
1 บท จากนั้นนักเรียนแลกโคลงสี่สุภาพที่คัดลอกมากับเพื่อน นักเรียน ในการเขียนงานประเภทตางๆ นักเรียนจะเปนผูใชถอยคําไดถูกตองตรงความหมาย
อธิบายฉันทลักษณโคลงของเพื่อนที่นักเรียนแลกมาสงครู และสรรคําใชไดอยางหลากหลาย มีชั้นเชิงในการเขียนงานประเภทตางๆ
กิจกรรมทาทาย นักเรียนควรรู
1 ศศิ มีความหมายวา “พระจันทร” คําที่มีความหมายเหมือนคํานี้ เชน นิศากร
นักเรียนแตงโคลงสี่สุภาพ โดยเลือกเรื่องที่นักเรียนสนใจเปนหัวขอใน รัชนีกร แข ดวงเดือน ศศิธร เปนตน
การแตง หรือนักเรียนอาจเลียนลอเนื้อเรื่องจากโคลงสี่สุภาพชั้นครู เชน
นิราศสุพรรณของสุนทรภู นิราศนรินทร เปนตน ทั้งนี้นักเรียนคัดลอกโคลง
ตนแบบมาดวย นักเรียนแตงคนละ 1 บทสงครู
คูมือครู 33
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนคนหาคําศัพทจากเอกสารงานตางๆ
ที่นักเรียนเคยอานหรือเคยเห็นวาเปนคําที่เหมือน ค�าศัพท์ ความหมาย
กับคําศัพทในโคลงโลกนิติที่อยูในบทเรียน โดยยก ผลั้งผลั้ง หลั่งไหลพรั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสาย
ขอความนั้นมาคนละ 1 ขอความ พิจารณาวา ผ่ายหน้า ภายหน้า ข้างหน้า
คําศัพทนั้นมีความหมายเหมือนหรือตางจาก ฝน ถูหรือลับให้มีขนาดเล็กลง
ความหมายในโคลงโลกนิติหรือไม อยางไร พลวกพลั้ง พลาดพลั้ง
(แนวตอบ คําวา “หวัว” จากนิราศเมืองเพชร
พ่าง เปรียบได้กับ
ผลงานของสุนทรภู ความวา
ไพ มาจากค�าว่า ไยไพ แปลว่า เยาะเย้ย พูดให้อาย
“เสียงชะนีที่เหลาเขายี่สาน
เพิด ขับไล่
วิเวกหวานหวัวหวัวผัวผัวโหวย
หวิวหวิวไหวไดยินยิ่งดิ้นโดย มาน มี
ชะนีโหยหาคูไมรูวาย” เมรุมาศ หมายถึง เขาพระสุ1เมรุ ซึง่ มีสที อง เป็นภูเขาอยูก่ ลางจักรวาลบนยอดเขาเป็นที่ตั้ง
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระอินทร์
พิจารณาความหมายของคําวา “หวัว” จาก
กลอนที่ยกมาเปนคําเลียนเสียงธรรมชาติ เสียงรอง โยโส อวดดี
หาคูของชะนี มีความหมายตางจากโคลงโลกนิติ รังแต่ง ในความว่า รังแต่งจุเมียผัว อยู่ได้ หมายความว่า นกสร้างรัง
ที่หมายถึง เสียงหัวเราะเยาะ) รัถยา ทางเดิน
เรื้อ ห่างเหินไปนาน
ตรวจสอบผล Evaluate ลิขิต 2 เขียน หนังสือ
ศิขรา ภูเขา
1. นักเรียนอธิบายความหมายคําศัพทในบทเรียน
สระจ้อย สระน�้าเล็กๆ
ได
สายดิ่ง เชือกที่ผูกก้อนหินหรือท่อนเหล็กที่ปลาย เพื่อใช้วัดความลึกของน�้า
2. นักเรียนบอกความสําคัญของการรูคําศัพทได
หนอนบ่อน หนอนกินฟอนเฟะอยู่ข้างใน
หวัว หัวเราะเยาะ
หว้า ชื่อต้นไม้ขนาดใหญ่
ผลสุกสีม่วงด�ากินได้
หว่า หวั่นไหว
หัน หวนกลับคืน
อักขระ ตัวหนังสือ ในทีน่ หี้ มายถึง
ต้นหว้า
การเล่าเรียนเขียนอ่าน
34
ขอสอบ O-NET
นักเรียนควรรู ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับคําซอน
1 สวรรคชั้นดาวดึงส อยูเหนือสวรรคชั้นจาตุมหาราชิกาขึ้นไป ตั้งอยูบนยอดเขา คําประพันธในขอใด ไมมีคําซอน
พระสุเมรุ เปนที่อยูของพระอินทร ผูเปนใหญกวาเทวดาทั้งหลาย ตัวเมืองกวางขวาง 1. นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
ใหญโต และยาวถึง 8 ลานวา มีปราสาทแกว ลอมรอบดวยกําแพงแกว มีประตู 2. เลื้อยบทําเดโช แชมชา
1,000 ประตู ทุกประตูมียอดปราสาท ทําดวยทองประดับดวยแกว 7 ประการ 3. พิษนอยหยิ่งโยโส แมลงปอง
เวลาเปดปดประตูจะมีเสียงดังไพเราะราวกับดนตรี 4. ชูแตหางเองอา อวดอางฤทธี
วิเคราะหคําตอบ คําซอนมี 2 ประเภท คือ ซอนเสียงและซอนความหมาย
2 ศิขรา มีความหมายวา “ภูเขา” คําที่มีความหมายเหมือนคํานี้ เชน บรรพต จากโคลงขางตนมีคําซอน ดังนี้ “แชมชา” ในขอที่ 2. “หยิ่งโยโส” ในขอที่ 3.
นคินทร มเหยงค ศิขริน เปนตน และ “อวดอาง” ในขอที่ 4. ขอที่ไมมีคําซอน คือ “นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย”
ตอบขอ 1.
34 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูกระตุนความสนใจของนักเรียนโดยใช
๖ บทวิเคราะห์ คําถามนําเขาสูบทเรียนดวยคําถามที่เกี่ยวของกับ
โคลงโลกนิติเป็นโคลงสุภาษิตที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสอนให้ทุกคนในสังคมเป็นคนดี ปฏิบัติตน
การดําเนินชีวิต เพื่อใหนักเรียนรูและเขาใจตรงตาม
จุดมุงหมายของโคลงโลกนิติที่เสนอขอคิดตางๆ
ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมในทุกโอกาสและสามารถด�ารงชีวิตได้อย่างมีความสุข
อันเปนธรรมดาของโลก และเปนขอเตือนสติเตือนใจ
นอกจากนี้โคลงโลกนิติยังมีศิลปะการประพันธ์ที่ดีเด่นด้านความเปรียบที่คมคายและมีเนื้อหา
ในการดําเนินชีวิต
ที่เป็นคติสอนใจ จากบทที่คัดมาให้ศึกษา สามารถวิเคราะห์คุณค่าได้ ดังต่อไปนี้
• นักเรียนคิดวาเราควรปฏิบัติตัวอยางไรจึงจะ
๖.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา 1 ดําเนินชีวิตในสังคมไดอยางมีความสุข
โคลงโลกนิติ มีเนื้อหาที่สะท้อนให้เห็นความเชื่อ ค่านิยม จริยธรรม ที่ผู้คนในสังคม (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย
ยึดถือเป็นอุดมคติและเป็นหลักในการปฏิบัติตนสืบต่อมาช้านาน หากผู้อ่านพิจารณาให้ลึกซึ้ง จะท�าให้ ตัวอยางเชน ยึดมั่นในความดี มีไมตรีจิต
เข้าใจถึงสัจธรรมของชีวิตมากยิ่งขึ้นและสามารถน�าข้อคิดไปปรับใช้ในชีวิตประจ�าวันได้ ดังเช่น รูกตัญู ตั้งใจเรียน รูจักประมาณตน
ไมฟุมเฟอย ขยัน อดทน มีระเบียบวินัย
สอนให้ยึดมั่นในความดี สอนให้สนใจการศึกษา ไมละเมิดกฎหมาย เปนตน)
สํารวจคนหา Explore
สอนให้มีไมตรีจิต สอนให้พึ่งพาตนเอง
1. นักเรียนรวบรวมขอคิดที่ไดจากโคลงโลกนิติ
2. นักเรียนแลกเปลี่ยนขอมูลกับเพื่อนขางเคียงที่
สอนให้คิดกตัญญู สอนให้เป็นผู้รู้จักประมาณตน แตกตางจากตนเอง อยางนอย 5 ขอ และจด
บันทึกลงในสมุด
(แนวตอบ ตัวอยางเชน ยึดมั่นในความดี
สอนให้รู้รักษาความสัตย์ สอนให้เป็นคนตั้งใจจริง มีไมตรีจิต มีความกตัญูรูคุณ รูรักษาความ
ซื่อสัตย รูจักเลือกคบคน ใสใจในการศึกษา
หาความรู รูจักพึ่งพาตนเอง รูจักประมาณตน
สอนให้หัดเลือกคบคน สอนให้ละทิ้งความโอ้อวด ใหอยูในความพอดี เปนผูมีความตั้งใจจริง
ละทิ้งความโออวดหลงตัวเอง)
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูเชื่อมโยงขอคิดคําสอนเรื่องการคบคนจากโคลงโลกนิติบูรณาการเขากับ นักเรียนควรรู
กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนา 1 คานิยม คือ สิ่งที่บุคคลในสังคมเห็นวาเปนสิ่งดี ควรคาแกการรักษาไว
ซึ่งมาจากคําสอนทางพระพุทธศาสนา โดยกลาวเปนพุทธศาสนสุภาษิตวา อุดมคติเปนมาตรฐานแหงความดีงามสูงสุดที่มนุษยพยายามยึดไวเปนเปาหมาย
“ยํ เว เสวติ ตาทิโส” หมายความวา คบคนเชนใดยอมเปนเชนนั้น ซึ่งการ ในวรรณคดีและวรรณกรรมมีคานิยมของสังคมและของมนุษยปรากฏไวเสมอ
บูรณาการเชื่อมสาระนี้จะทําใหนักเรียนมีความรูเรื่องคําสอนทางพระพุทธ- ผูศึกษาวรรณคดียอมไมมองขามคานิยมที่มีสวนในการกําหนดบทบาทของเนื้อเรื่อง
ศาสนาและการเขาถึงสัจธรรมของชีวิตมากขึ้น ซึ่งเปนหลักในการดําเนินชีวิต และดวยที่คานิยมมีความเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและลักษณะชีวิตของผูคน
ใหสงบสุข อีกทั้งเปนหนาที่ของพุทธศาสนิกชนที่พึงปฏิบัติ หรือศึกษาหา ในสังคม ผูศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรมจึงควรพึงระวังไมนําคานิยมของปจจุบัน
ความรูเพื่อเปนแกนในการดําเนินชีวิต ไปตัดสินคานิยมในเนื้อเรื่องที่ยุคสมัยแตกตางกัน
คูมือครู 35
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
โคลงโลกนิติมีหลายบทที่มีคุณคาดานเนื้อหา
สอนใหคิดเรื่องความกตัญู ใหนักเรียนอธิบาย (๑๓๑) สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน
ประเด็นตอไปนี้ กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร�้ำ
• เพราะเหตุใดหลักคิดเรื่องความกตัญู บำปเกิดแต่ตนคน เป็นบำป
จึงมีความสําคัญและเหมาะที่จะสอนใหแก บำปย่อมท�ำโทษซ�้ำ ใส่ผู้บำปเอง
นักเรียน
(แนวตอบ ความกตัญูเปนคุณธรรมที่ดีงาม
นอกจากนี้ โคลงโลกนิติ ยังกล่าวถึงความชั่วและความดี โดยเปรียบเทียบว่าวัวควาย
หากปฏิบัติตนเปนผูมีความกตัญูแลว ยอม
เมื่อตายไปก็ยังเหลือเขาและหนังซึ่งยังเป็นประโยชน์ แต่คนเราเมื่อตายแล้ว ย่อมสูญสลายทุกอย่าง
หมายถึงชีวิตจะไดรับแตสิ่งดีๆ เพราะความ
คงเหลือแต่ค�ากล่าวขานถึงความดีงามและความชั่ว ที่ได้กระท�าไว้เมื่อยังมีชีวิต ดังความว่า
กตัญูเปนพื้นฐานของคนดี ซึ่งก็คือ เปนผูที่
มีจิตใจดีงาม รูจักเอาใจเขามาใสใจเรา รูจัก
ดูแลหวงใยผูอื่น เมื่อนักเรียนมีความกตัญู (๓๐๘) โคควำยวำยชีพได้ เขำหนัง
ก็จะเปนที่รักใครของคนทั่วไป) เป็นสิ่งเป็นอันยัง อยู่ไซร้
ครูเสริมทักษะความรูโดยใหนักเรียนทํากิจกรรม คนเด็ดดับสูญสัง- ขำรร่ำง
ตามตัวชี้วัด จากแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.1 กิจกรรม เป็นชื่อเป็นเสียงได้ แต่ร้ำยกับดี
ที่ 1.4
๒) สอนให้มีไมตรีจิต ดังโคลงที่กล่าวว่า ในโลกนี้จะมีสิ่งใดที่สามารถผูกใจหมู่ชน
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ทั้งหลายได้ แม้จะใช้เหล็กที่มีขนาดใหญ่เท่าล�าตาลมัดตรึงไว้ก็ไม่แน่นหนา หรือจะใช้เวทมนตร์คาถา
ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.4
เร�่อง โคลงโลกนิติ นานเข้าก็เสื่อมหาย แต่หากผูกใจผู้คนทั้งหลายด้วยไมตรีย่อมยั่งยืนอย่างไม่เสื่อมคลาย
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๔ ใหนกั เรียนเลือกโคลงโลกนิตบิ ททีน่ กั เรียนชืน่ ชอบ พรอมทัง้ ñð
อธิบายคุณคาทีไ่ ดรบั และการนําไปประยุกตใชในชีวติ ประจําวัน
(ท ๕.๑ ม.๑/๒, ๓, ๔)
(๑๐๑) ใครจักผูกโลกแม้ รัดรึง
๑๑๗
โคลงโลกนิติบทที…่ ………………………………………….
เหล็กเท่ำล�ำตำลตรึง ไป่หมั้น
ความรูดูยิ่งลํ้า สินทรัพย
................................................................................................................................................................................................................................................... มนตร์ยำผูกนำนหึง หำยเสื่อม
คิดคาควรเมืองนับ ยิ่งไซร
ผูกเพื่อไมตรีนั้น แน่นเท้ำวันตำย
...................................................................................................................................................................................................................................................
โจรจักเบียนบได เรงรูเรียนเอา
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
๓) สอนให้คิดกตัญญู โคลงโลกนิติมีค�าสอนเรื่องความกตัญญูและการรู้ส�านึก
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
คุณคาที่ไดรับ ในพระคุณของบิดา มารดา และครูอาจารย์ โดยกล่าวเปรียบเทียบว่าพระคุณของมารดานั้นยิ่งใหญ่
ใหขอคิดวาความรูเปนสิ่งที่มีคายิ่งกวาทรัพยสินเงินทอง ดังนั้นเราจึงควรตั้งใจ และ
...................................................................................................................................................................................................................................................
มุงมั่นในการศึกษาหาความรู ซึ่งความรูนั้นเปนสิ่งที่จะอยูกับเราไปตลอดไมมีใครขโมยได
...................................................................................................................................................................................................................................................
เปรียบได้กับแผ่นดิน พระคุ1ณของบิดาก็กว้างขวางราวกับท้องฟ้าหรืออากาศ พระคุณของพี่นั้น
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ก็สูงราวกับยอดเขาพระสุเมรุ และพระคุณของครูก็ล�้าลึกและกว้างขวางราวกับแม่น�้าหรือมากมาย
การนําไปประยุกตใช ราวกับน�้าในแม่น�้า
ตัง้ ใจศึกษาเลาเรียนเพือ่ เปนการเพิม่ พูนความรูข องตน เมือ่ เติบโตจะไดเปนผูม วี ชิ าความรู
...................................................................................................................................................................................................................................................
สามารถดํารงชีวิตอยูในสังคมไดอยางมีความสุข และมีความเจริญกาวหนา
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
36
...................................................................................................................................................................................................................................................
(พิจารณาคําตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน)
๘๕
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู จากความรูเรื่องคุณธรรมดานตางๆ ในโคลงโลกนิติสามารถบูรณาการ
เชื่อมโยงเขากับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
1 ยอดเขาพระสุเมรุ ตามความเชื่อทางพระพุทธศาสนาเปนศูนยกลางของจักรวาล
วิชาพระพุทธศาสนาเรื่องคุณธรรมที่ควรถือเปนแบบอยาง เชน ความกตัญู
ตั้งอยูบนเขาตรีกูฏ บนยอดภูเขาพระสุเมรุเปนที่ประดิษฐานสวรรคชั้นดาวดึงส มีเมือง
การรักษาความสัตย การเปนผูมีความตั้งใจแนวแน การเปนผูใฝในการศึกษา
สุทัศนอันเปนที่ประทับของพระอินทรตั้งอยู ในวรรณคดีไทยหลายเรื่องกลาวถึงเขา
เปนตน โดยศึกษาจากประวัติของพุทธสาวก พุทธสาวิกา และศาสนิกชน
พระสุเมรุและสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับเขาพระสุเมรุ เชน กําสรวลโคลงดั้น กาพยเหเรือ
ตัวอยางเชน ประวัติของพระมหากัสสปะที่พระพุทธเจาทรงยกยองและแตงตั้ง
เจาฟาธรรมธิเบศร นิราศนรินทร
ใหเปน “เอตทัคคะ” ผูเปนเลิศกวาคนอื่น ในทางผูทรงธุดงคเมื่อศึกษาประวัติ
ของทานจะพบวาทาน มีคุณธรรมที่ควรถือเปนแบบอยางหลายขอ ทั้งเปนผูที่มี
ความกตัญูกตเวทีและเปนผูมีสัจจะรักษาสัญญาที่พูดไวเสมอ จากตัวอยาง
ที่ยกมาบูรณาการความรู จะสงผลใหนักเรียนมีความรูความเขาใจในคําสอน
ทั้งทางโลกและทางธรรมมากขึ้น เปนแบบอยางที่ดีในการปฏิบัติตนของ
นักเรียน
36 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
จากโคลงโลกนิติที่สอนใหรูรักษาความสัตย
1
(๒๓๑) คุณแม่หนำหนั
หนักเพี้ยง พสุธำ ในหนา 37 ใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้
คุณบิดรดุจอำ- กำศกว้ำง • โคลงบทที่ 69 หากตองแลกกับการรักษา
คุณพี่พ่ำงศิขรำ เมรุมำศ ความสัตยอาจตองสูญเสียสิ่งใดบาง
คุณพระอำจำรย์อ้ำง อำจสู้สำคร (แนวตอบ เสียทรัพยสิน เสียศักดิ์ เสียรู)
• โคลงบทที่ 69 นี้ กวีใหความสําคัญกับสิ่งใด
นอกจากนี้ยังมีโคลงอีกบทหนึ่งซึ่งกล่าวถึงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณโดยเฉพาะบิดา มากที่สุด เพราะเหตุใด
มารดา ถ้าบุคคลใดละทิ้งหรือไม่ดูแลยามที่ท่านแก่ชรา อันเป็นการกระท�าที่ปราศจากความกตัญญู (แนวตอบ โคลงบทนี้ใหความสําคัญกับความ
ชีวิตของผู้นั้นย่อมพานพบแต่สิ่งไม่ดี สัตยมากที่สุด ยอมเสียทรัพยสินเพื่อรักษาชื่อ
(๒๑๔) คนใดละพ่อทั้ง มำรดำ เสียงวงศตระกูล ยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อแลกกับ
อันทุพพลชรำ- ภำพแล้ว ความรู ยอมเสียรูเพื่อรักษาความสัตย แมตอง
ขับไล่ไป่มีปรำ- ณีเนตร แลกดวยชีวิตก็ยังคงรักษาความสัตยไว เพราะ
คนดั่งนี้ฤ ๅแคล้ว คลำดพ้นไภยัน การรักษาความสัตยเปนคุณธรรมพื้นฐานที่จะ
นําไปสูคุณธรรมขออื่น หากนําไปเปนหลักคิด
๔) สอนให้รรู้ กั ษาความสัตย์ โคลงโลกนิตบิ ทหนึง่ กล่าวถึงการรักษาความสัตย์ไว้วา่ หลักปฏิบัติจะทําใหไดรับความไววางใจ เปน
เป็นสิ่งส�าคัญมากที่สุด นอกเหนือจากการรักษาศักดิ์ศรีและการแสวงหาความรู้ แม้จะต้องสละชีวิต ที่เชื่อถือของเพื่อนฝูง มิตรสหาย และบุคคลที่
ก็อย่ายอมเสียความสัตย์เป็นอันขาด เกี่ยวของทั่วไป)
(๖๙) เสียสินสงวนศักดิ์ไว้ วงศ์หงส์
เสียศักดิ์สู้ประสงค์ สิ่งรู้
ขยายความเขาใจ Expand
เสียรู้เร่งด�ำรง ควำมสัตย์ ไว้นำ 1. นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ
เสียสัตย์อย่ำเสียสู้ ชีพม้วยมรณำ เรื่องการรักษาความสัตย
• การรักษาความสัตยมีความสําคัญอยางไร
๕) สอนให้หัดเลือกคบคน โคลงโลกนิติสอนให้รู้จักการพิจารณาและไม่ประมาท
เพราะเหตุใดจึงตองรักษาความสัตย
ในการเลือกคบคน โดยเปรียบเทียบว่ามหาสมุทร แม้จะลึกเพียงใด ยังอาจใช้สายดิ่งวัดได้ หรือภูเขา
(แนวตอบ การรักษาไวซึ่งความสัตย เปน
จะสูงเพียงใด ก็ยังวัดระยะความสูงได้ แต่จิตใจของคนนั้นยากที่จะหยั่งถึงหรือเข้าใจได้ ดังนั้น
คุณธรรมที่นานับถือและมีเกียรติ หากนําไป
จึงไม่ควรไว้วางใจหรือเชื่อใจใครง่ายๆ ดังโคลงบทที่ว่า
เปนหลักคิดและเปนคุณธรรมประจําใจ
(๗๗) 2 พระสมุทรสุดลึกล้น คณนำ จะสงผลใหเปนทีเ่ ชือ่ ถือไววางใจของเพือ่ นฝูง
สำยดิ่งทิ้งทอดม
ทอดมำ หยั่งได้ มิตรสหาย)
เขำสูงอำจวัดวำ ก�ำหนด 2. จดบันทึกความรูลงสมุด
จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยำกแท้หยั่งถึง
37
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
เสียสินสงวนศักดิ์ไว วงศหงส
1 พสุธา มีความหมายวา “แผนดิน” คําที่มีความหมายเหมือนกับคํานี้ เชน
เสียศักดิ์สูประสงค สิ่งรู
พสุธาดล ภพ ธรา ธรณี ปฐพี ปถวี เปนตน
เสียรูเรงดํารง ความสัตย ไวนา
เสียสัตยอยาเสียสู ชีพมวยมรณา 2 สายดิ่ง คือ เชือกที่ปลายดานหนึ่งผูกติดกับลูกดิ่ง สําหรับวัดความลึกของนํ้า
ขอใดกลาวถูกตอง หรือตรวจสอบเสา หรือกําแพงวาอยูในแนวดิ่งหรือไม
1. การรักษาความสัตยสําคัญที่สุด
2. การเสียสัตยยอมดีกวาการเสียศักดิ์
3. การเสียรูไมคุมคาเมื่อแลกกับการเสียศักดิ์ มุม IT
4. การสูญเสียสิ่งใดก็ไมรายแรงเทาการเสียทรัพย
ศึกษาเกี่ยวกับบทวิเคราะหของโคลงโลกนิติเพิ่มเติม ไดที่
วิเคราะหคําตอบ โคลงขางตนมีความหมายวา การเสียทรัพยสินเพื่อรักษา http://www.st.ac.th/bhatips/tip48/student48/loganit_student.html
ชื่อเสียงวงศตระกูล การเสียศักดิ์ศรีเพื่อแลกกับความรู การยอมเสียรูเพื่อ
รักษาความสัตย และแมแตชีวิตก็ยอมสละไดเพื่อรักษาความสัตยไว การ
รักษาความสัตยจึงเปนสิ่งที่นายกยอง เชิดชู และเปนสิ่งที่สําคัญกวาทุกสิ่ง
ที่กลาวมาทั้งหมด ตอบขอ 1.
คูมือครู 37
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนทํากิจกรรมรวมกัน โดยใหนักเรียนยกบท
ประพันธใหตรงกับขอคิดตอไปนี้ ๖) สอนให้สนใจการศึกษา คือ สอนให้เห็นความส�าคัญของการเรียน มีความขยัน
• เปนผูรูจักประมาณตน หมั่นเพียรในการศึกษา เนื่องจากวิชาความรู้มีคุณค่ายิ่งกว่าทรัพย์สมบัติทั้งหลายและคงอยู่ติดตัว
(แนวตอบ “นกนอยขนนอยแต พอตัว ไปจนตาย ไม่มีใครมาแย่งชิงไปได้ ดังโคลงบทที่ว่า
รังแตงจุเมียผัว อยูได
มักใหญยอมคนหวัว ไพเพิด (๑๗๗) ความรู้ดูยิ่งล�้า สินทรัพย์
ทําแตพอตัวไซร อยาใหคนหยัน”) คิดค่าควรเมืองนับ ยิ่งไซร้
• รูจักพึ่งพาตนเอง เพราะเหตุจักอยู่กับ กายอาต-มานา
(แนวตอบ “ถึงจนทนสูกัด กินเกลือ โจรจักเบียนบ่ได้ เร่งรู้เรียนเอา
อยาเที่ยวแลเนื้อเถือ พวกพอง
อดอยากเยี่ยงอยางเสือ สงวนศักดิ์ ๗) สอนให้พึ่งพาตนเอง ซึ่งตรงกับพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า อัตตาหิ อัตโนนาโถ
โซก็เสาะใสทอง จับเนื้อกินเอง”) หมายถึง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แม้เราจะตกอยู่ในภาวะอับจน แต่ก็ต้องรู้จักน�าพาตนเองให้หลุดพ้น
2. ครูพิจารณาบทประพันธที่นักเรียนยกมา โดยให
จากภาวะดั งกล่ าว โดยไม่ เที่ ยวไปเบี ยดเบีย นหรื อ ขอความช่ วยเหลื อ ผู้ อื่ น แต่ ค วรพึ่ งพาตนเอง
นักเรียนอธิบายเพิ่มเติมวา โคลงบทที่นักเรียนยก
เป็นอันดับแรก
มาตรงตามขอคิดที่ครูบอกอยางไร จากนั้นให
นักเรียนจดบันทึกลงสมุด (๒๘๘) ถึงจนทนสู้กัด กินเกลือ
อย่าเที่ยวแล่เนื้อเถือ พวกพ้อง
ขยายความเขาใจ Expand
อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ สงวนศักดิ์
นักเรียนเสนอแนวทางในการดําเนินชีวิตที่ โซก็เสาะใส่ท้อง จับเนื้อกินเอง
สามารถนําขอคิด “การเปนผูรูจักประมาณตน” และ
“การรูจักพึ่งพาตัวเอง” ไปใชในชีวิตจริง โดยเขียน ๘) สอนให้เป็นผู้รู้จักประมาณตน โคลงโลกนิติสอนให้เป็นผู้รู้จักประเมินความ
เปนความเรียง ความยาวไมนอยกวา 15 บรรทัด สามารถและประมาณก�าลังของตน โดยกล่าวเปรียบเทียบกับนกในธรรมชาติว่า นกจะหากินและ
ท�ารังแต่พอตัวเองและครอบครั
1 ว ดังนัน้ มนุษย์กค็ วรด�าเนินชีวติ ด้วยความพอดี อันเป็นวิถที างทีส่ อดคล้อง
กับหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชด�าริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช
38
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดไมมีการเสนอแนวคิด
ครูแนะนําหนังสือประชุมโคลงโลกนิติใหนักเรียนรูจักและเปนแนวทางใหนักเรียน
1. กานบัวบอกลึกตื้น ชลธาร
คนควาความรูเพิ่มเติมจากแหลงการเรียนรูตางๆ วา หนังสือประชุมโคลงโลกนิติ
มรรยาทสอสันดาน ชาติเชื้อ
เปนหนังสือรวมสุภาษิตเกาแกที่เชื่อถือกันมานาน ดวยเปนเรื่องที่นําเอาธรรมดาของ
2. ถึงจนทนสูกัด กินเกลือ
โลกมากลาวไว และนักเรียนสามารถนํามาปรับใชเปนคติเตือนใจในการดําเนินชีวิต
อยาเที่ยวแลเนื้อเถือ พวกพอง
โคลงโลกนิติเปนภูมิปญญาไทยที่แสดงใหเห็นความงามทั้งดานความคิดและการใช
3. ออนหวานมานมิตรลน เหลือหลาย
ภาษา
หยาบบมีเกลอกลาย เกลื่อนใกล
4. ผลเดื่อเมื่อสุกไซร มีพรรณ
นักเรียนควรรู ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบาย
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. เสนอแนวคิดวา กิริยามรรยาทสอสกุล ขอ 2. เสนอ
1 หลักเศรษฐกิจพอเพียง เปนปรัชญาการดํารงชีวิตและปฏิบัติตนของประชาชน
แนวคิดวา ใหรักศักดิ์ศรี ขอ 3. เสนอแนวคิดวา การพูดจาออนหวานจะทําให
ทุกระดับ ตั้งแตครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการดํารงชีวิตประจําวัน
มีเพื่อนมาก ตางกับคนที่ชอบพูดจาหยาบคายยอมไมมีเพื่อนเขาใกล ขอ 4.
การพัฒนาและบริหารประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจใหดําเนินไปในทาง
บอกเพียงลักษณะของผลมะเดื่อวามีสีแดงชาด ไมมีการเสนอแนวคิด ดังนั้น
สายกลาง ที่สามารถจะรับมือความผันผวนของเศรษฐกิจโลกไดดี
จึงตอบขอ 4.
38 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
ใหนักเรียนเลือกบทประพันธโคลงโลกนิติคนละ
๙) สอนให้เป็นคนตั้งใจจริง การท�าสิ่งใดก็ตาม ให้ท�าด้วยความตั้งใจ โดยเฉพาะ 1 บท ถอดคําประพันธเปนสํานวนของนักเรียนเอง
ในเรือ่ งการเรียนและการท�างาน เพราะหากละเลยหรือไม่เอาใจใส่ในสิง่ ทีท่ า� ย่อมไม่มวี นั ทีจ่ ะเกิดความ- และอธิบายใหเห็นวามีคุณคาดานเนื้อหาอยางไร
ช�านาญและประสบความส�าเร็จได้ ดังโคลงโลกนิติในบทที่ว่า (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย ขึ้นอยูกับ
ความสนใจของนักเรียน
(๙๘) เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม ดนตรี
ตัวอยางเชน
อักขระห้ำวันหนี เนิ่นช้ำ
“เพื่อนกินสิ้นทรัพยแลว แหนงหนี
สำมวันจำกนำรี เป็นอื่น
หางายหลายหมื่นมี มากได
วันหนึ่งเว้นล้ำงหน้ำ อับเศร้ำศรีหมอง
1 เพื่อนตายถายแทนชี- วาอาตม
๑๐) สอนให้ละทิ้งความโอ้อวด โคลงโลกนิติบทหนึ่งสอนถึงเรื่องความโอ้อวดไว้ หายากฝากผีไข ยากแทจักหา”
โดยเปรียบเทียบกับกิริยา หรือธรรมชาติของสัตว์อย่างงูและแมงป่อง เนื่องจากงูเป็นสัตว์ที่มีพิษ จากโคลงโลกนิติขางตนสอนวา เพื่อนกินหางาย
แต่โดยปกติมักเคลื่อนไหวหรือเลื้อยอย่างเชื่องช้า และเราไม่อาจเดาได้ว่างูตัวนั้นมีพิษมากน้อย เพื่อนตายหายาก ซึ่งเนื้อหาเปนคําสอนที่ทําใหรูจัก
เพียงใด ต่างไปจากแมงป่องซึ่งมีพิษน้อยกว่างู แต่กลับชูหางข่มขู่ศัตรูหรือสัตว์ที่เข้าใกล้ ดังนั้น ระมัดระวังในการคบคน สังเกตและพิจารณาผูคน
ในฐานะที่เราเป็นมนุษย์จึงควรมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ควรโอ้อวดสรรพคุณของตนเอง เพราะไม่มี ที่รูจักวาแทที่จริงแลวเขาคบเราเพื่ออะไร นับวาเปน
ใครอยากจะอยู่ใกล้กับคนที่ชอบโอ้อวด นอกจากนี้ความโอ้อวด อาจท�าให้เราอับอายได้ในภายหลัง ประโยชนตอการดําเนินชีวิตในสังคม)
หากไม่มีความรู้ หรือความสามารถดังที่เคยโอ้อวดไว้
(๒๓) นำคีมีพิษเพี้ยง สุริโย ขยายความเขาใจ Expand
เลื้อยบ่ท�ำเดโช แช่มช้ำ 1. ใหนักเรียนแตละกลุม แตงนิทานที่มีเนื้อเรื่อง
พิษน้อยหยิ่งโยโส แมลงป่อง* สอดคลองกับโคลงโลกนิติบทใดบทหนึ่ง
ชูแต่หำงเองอ้ำ อวดอ้ำงฤทธี ตามความสนใจของนักเรียน
* ในที่นี้หมายถึง แมงป่อง ในทางกีฏวิทยา แมลงใช้กับสัตว์ที่มี ๖ ขา และมีปีกบิน 2. แตละกลุมนํานิทานที่ชวยกันแตงมาแสดง
บอกเล่าเก้าสิบ บทบาทสมมติหนาชั้นเรียน
3. ใหเพื่อนในชั้นเรียนเขียนขอคิดที่ไดจากการชม
แมงป่อง การแสดงของแตละกลุมลงสมุดบันทึก
แมงป่อง (Scorpion) เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง มีมาตั้งแต่ยุค
ดึกด�าบรรพ์ เป็นสัตว์มพ ี ษิ ล�าตัวยาว มีกา้ มคล้ายก้ามปู ๑ คู ่ ทีป่ ลายหาง
มีอวัยวะส�าหรับต่อย ไม่ชอบแสงสว่าง มักจะซ่อนตัวอยูต่ ามสถานทีม่ ดื
และชืน้ หรือขุดรูอยูต่ ามป่า ออกหากินเวลากลางคืน ทัว่ โลกมีแมงป่อง
ประมาณ ๑,๒๐๐ ชนิด อยูท่ งั้ ในเขตทะเลทราย เขตร้อนชืน้ หรือแม้แต่
แถบชายฝัง่ ทะเล ในประเทศไทยมีแมงป่องประมาณ ๑๑ ชนิด พบมาก
ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
39
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
คําประพันธตอไปนี้ใชภาพพจนกี่แหง
ครูแนะความรูใหนักเรียนฟงเรื่องคําเอกโทษ โทโทษวา ใชเมื่อฉันทลักษณบังคับ
ผลเดื่อเมื่อสุกไซร มีพรรณ
คํานั้นใหเปนคําเอก คําโท กลาวคือ ถาโคลงบังคับคําเอก ถาไมมีคําเอก (คือคําที่มี
ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบาย
รูปวรรณยุกตเอกกํากับอยู) ก็ใหใชคําตายแทนหรือทําใหคํานั้นเปนคําเอกโทษ
ภายในยอมแมลงวัน หนอนบอน
ถาเปนคําบังคับคําโท (คือคําที่มีรูปวรรณยุกตโทปรากฏอยู) เมื่อไมมีคําโทตรงนั้น
ดุจดั่งคนใจราย นอกนั้นดูงาม
ก็ใหใชคําโทโทษแทนได
1. 1 แหง 3. 3 แหง
2. 2 แหง 4. 4 แหง
วิเคราะหคําตอบ คําประพันธในขางตนมีการใขภาพพจนอุปมา 2 แหง คือ นักเรียนควรรู
“ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบาย” และ “ดุจดั่งคนใจราย นอกนั้นดูงาม”
ตอบขอ 2. 1 โออวด ในพระพุทธศาสนสุภาษิตก็มีการเตือนตนเกี่ยวกับความโออวด
ไวดังนี้
อปฺปตฺโต โน จ อุลฺลเป (อัปปตโต โน จะ อุลละเป) หมายความวา
เมื่อความสําเร็จยังมาไมถึง ไมพึงพูดโออวด
คูมือครู 39
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานวรรณศิลป
จากโคลงโลกนิติ ดังนี้ ๖.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
“คุณแมหนาหนักเพี้ยง พสุธา โคลงโลกนิติ เป็นวรรณคดีที่มีความดีเด่นในด้านถ้อยค�าและส�านวนโวหารที่เข้าใจง่าย
คุณบิดรดุจอา- กาศกวาง แต่มีความหมายลึกซึ้งและมีความไพเราะสละสลวย เนื่องด้วยกวีมีกลวิธีในการประพันธ์ ดังต่อไปนี้
คุณพี่พางศิขรา เมรุมาศ ๑) การใช้ภาพพจน์ ด้วยการใช้ความเปรียบว่าสิง่ หนึง่ เหมือนกับสิง่ หนึง่ หรือ อุปมา
คุณพระอาจารยอาง อาจสูสาคร” เป็นการเปรียบเทียบกับสิ่งใกล้ตัวเพื่อให้เห็นจริง กลวิธีนี้เป็นการน�าสิ่งใกล้ตัวที่ผู้อ่านพบเห็นหรือรู้จัก
• โคลงโลกนิติที่ยกมามีความโดดเดนในดาน มาใช้เป็นคติเตือนใจ ท�าให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจมากขึ้น ดังบทที่กล่าวถึงผลมะเดื่อ เมื่อสุกจะมีสีแดง
วรรณศิลปอยางไร สวยงาม แต่ภายในกลับมีหนอนแมลงวันมากมายเปรียบเทียบกับคนทีภ่ ายนอกดูดี แต่กลับมีจติ ใจชัว่ ร้าย
(แนวตอบ โคลงโลกนิติที่ยกมามีความโดดเดน
(๗) ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ
ในการใชภาพพจนอปุ มาแสดงการเปรียบเทียบ
ภำยนอกแดงดูฉัน ชำดบ้ำย
โดยใชคําวา “เพี้ยง” “ดุจ” “พาง” มาแสดง
ภำยในย่อมแมลงวัน หนอนบ่อน
ความเปรียบ ดังนี้ เปรียบเทียบพระคุณแมวา
ดุจดั่งคนใจร้ำย นอกนั้นดูงำม
ยิ่งใหญเทาฟา พระคุณบิดาเทาอากาศ
พระคุณของผูเปนพี่เปรียบไดกับเขาพระสุเมรุ ๒) การใช้ภาษาสร้างจินตภาพ เป็นศิลปะการประพันธ์ที่พบมากในโคลงโลกนิติ
และพระคุณของครูบาอาจารยเทียบเทาไดกับ ท�าให้เนื้อความลึกซึ้งและสร้างจินตนาการได้อย่างแจ่มชัด เช่นโคลงที่กล่าวถึงการไม่ท�าอะไรเกิน
แมนํ้า) ความพอดีที่ว่า
(๖๐) จระเข้คับน่ำนน�้ำ ไฉนหำ ภักษ์เฮย
ขยายความเขาใจ Expand รถใหญ่กว่ารัถยำ ยำกแท้
1. ใหนักเรียนยกบทประพันธที่นักเรียนเห็นวา เสือใหญ่กว่าวนำ ไฉนอยู่ ได้แฮ
เปนการใชภาษาสรางจินตภาพไดชัดเจนที่สุด เรือเขื่องคับชเลแล้ แล่นโล้ไปไฉน
(แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครู
โคลงบทนี้เน้นใช้ค�าว่า “คับ” ซึ่งแปลว่า มีลักษณะหรือปริมาณเกินพอดี และ “กว่า”
ผูสอน ตัวอยางเชน
ซึ่งแปลว่า เกิน อันเป็นค�าที่ท�าให้รู้สึกหรือนึกถึงเรื่องของ ขนาด เพื่อแสดงให้เห็นว่าการขาดความ-
“นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
พอดีหรือความเหมาะสมจะส่งผลเสียอย่างไร โดยอาศัยการเปรียบเทียบค�าที่สื่อความหมายเข้าคู่กันได้
เลื้อยบทําเดโช แชมชา
ตามการรับรู้ของคนทั่วไป ได้แก่
พิษนอยหยิ่งโยโส แมลงปอง
จระเข้ กับ แม่น�้า ➝ จระเข้ หากมีขนาดใหญ่กว่าแม่น�้า ย่อมหาเหยื่อได้ยาก
ชูแตหางเองอา อวดอางฤทธี”)
รถ กับ ถนน ➝ รถ หากมีขนาดใหญ่กว่าถนน ย่อมสัญจรติดขัด
2. นักเรียนเขียนบรรยายโคลงบทที่ยกมาเปน
เสือ กับ ป่า ➝ เสือ หากมีขนาดใหญ่กว่าป่า ย่อมมีชีวิตอยู่อย่างล�าบาก
รอยแกว
เรือ กับ ทะเล ➝ เรือ หากมีขนาดใหญ่กว่าทะเล คงแล่นไปไหนไม่ได้
3. ครูสุมนักเรียน 3-4 คน มาอานโคลงที่นักเรียน
จุดมุ่งหมายของโคลงบทนี้ คือ สอนให้ทุกคนด�ารงตนหรือด�าเนินชีวิตให้พอเหมาะกับ
เลือก และถอดความโคลงพรอมทั้งอานให
สภาพแวดล้อมและฐานะความเป็นอยู่
เพื่อนฟง
40
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดจัดเปนคุณคาที่สําคัญสูงสุดของโคลงโลกนิติ
ครูใหความรูนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใชภาษาสรางจินตภาพที่ทําใหเกิด
1. ความงามและความซาบซึ้งในรสวรรณคดี
กระบวนจินตภาพวา มีความสําคัญตอบทประพันธทั้งหลาย โดยเฉพาะบทรอยกรอง
2. การใชถอยคําเหมาะสมกับลักษณะคําประพันธ
เพื่อใหบังเกิดประสิทธิผล ในดานเราความรูสึก ใหความประทับใจ ปลุกจิตสํานึก
3. นําคติที่ไดไปประยุกตใชในการดําเนินชีวิต
ชวยสงสารหรือแนวคิดใหกวางขวางและลึกซึ้งขึ้น กระบวนจินตภาพเปนคุณสมบัติ
4. เห็นภาพสะทอนสังคมในอดีตชัดเจนมากขึ้น
และคุณคาที่แสดงแงงามและใหรสแหงวรรณคดีนั้นๆ โดยตรง
วิเคราะหคําตอบ จุดมุงหมายของโคลงโลกนิติ คือ สอนใหทุกคนในสังคม
เปนคนดี ปฏิบัติไดอยางถูกตองเหมาะสมในทุกโอกาส และสามารถดํารงชีวิต
ไดอยางมีความสุข ดังนั้น การนําคติจากโคลงโลกนิติไปใชในชีวิตประจําวัน
นับวาเปนสิ่งที่ทําใหบรรลุจุดมุงหมายและจัดเปนคุณคาสูงสุดของโคลงโลกนิติ
ตอบขอ 3.
40 คูมือครู
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนเลือกบทประพันธที่นักเรียนชื่นชอบมา
๓) การเล่นเสียง เป็นการใช้สมั ผัสสระหรือสัมผัสอักษรในวรรคเดียวกันช่วยท�าให้เกิด 1 บท แลววิเคราะหวา บทประพันธที่นักเรียนเลือก
ความไพเราะ มีลีลาจังหวะ และเสียงของค�ากลมกลืนกัน ดังในโคลงบทที่กล่าวว่า มีการซํ้าคําหรือไม อยางไร
(แนวตอบ ตัวอยางเชน การซํ้าคํา โดยซํ้าคําวา
(๓๑๙) สูงสารสี่เท้าย่าง เหยียบยัน “บาป” เห็นการเนนยํ้าความหมายเพื่อเตือนสติ
บางคาบเชี่ยวไปพลัน พลวกพลั้ง ใหระวังบาป ทําใหจุดมุงหมายของโคลงบทนี้
นักรู้ร�่าเรียนธรรม์ ถึงมาก ก็ดี แจมชัดยิ่งขึ้น
กล่าวดั่งน�้าผลั้งผลั้ง พลาดถ้อยทางความ สนิมเหล็กเกิดแตเนื้อ ในตน
กินกัดเนื้อเหล็กจน กรอนขรํ้า
โคลงบทนี้ใช้การเล่นเสียงสัมผัสอักษร เพื่อเน้นเนื้อความซึ่งเป็นการเปรียบเทียบกัน บาปเกิดแตตนคน เปนบาป
ระหว่างสัตว์สี่เท้า คือ ช้าง และสัตว์สองเท้า คือ คน ซึ่งในที่นี้ได้แก่ นักปราชญ์ ว่า ช้าง แม้สูงใหญ่ บาปยอมทําโทษซํ้า ใสผูบาปเอง)
และใช้เท้าถึงสี่ข้างในการเดิน บางครั้งหากรีบร้อนก็อาจท�าให้เดินหรือก้าวพลาดได้ เช่นเดียวกับ ครูทดสอบความรูโดยใหนักเรียนทํากิจกรรรม
นักปราชญ์ แม้จะมีความรู้ แต่หากรีบร้อน โดยเฉพาะในเรื่องของการพูด คือ ขาดความระมัดระวัง ตามตัวชี้วัด จากแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.1 กิจกรรม
ในการพูด ก็อาจพูดผิดหรือพูดในสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหายและไม่เป็นประโยชน์ได้ ที่ 1.3
1 2
๔) การเล่นค�า โดยใช้การซ�้าค�าเพื่อช่วยด้านเสียงและเน้นย�้าความหมาย ดังเช่น ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
โคลงบทที่ ๔๑ ๕๖ และโคลงบทที่ ๖๙ ซึ่งใช้ค�าซ�้าต้นวรรคด้วยค�าเดียวกันว่า ห้าม ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.3
เร�่อง การอธ�บายคุณคาของวรรณคดี
(๔๑) ห้ามเพลิงไว้อย่าให้ มีควัน กิจกรรมที่ ๑.๓ ใหนักเรียนพิจารณาวาโคลงตอไปนี้มีความหมายตรงกับ
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
õ
สํานวนใด (ท ๕.๑ ม.๑/๔)
ห้ามสุริยแสงจันทร์ ส่องไซร้
ห้ามอายุให้หัน คืนเล่า ๏ รูนอยวามากรู
กลกบเกิดอยูใน
เริงใจ
สระจอย
๏ เพื่อนกิน สิ้นทรัพยแลว
หางาย หลายหมื่นมี
แหนงหนี
มากได
สํานวนอะไรนะ สํานวนอะไรนะ
กบในกะลา
................................................................................................................. เพื่อนกินหางาย เพื่อนตายหายาก
.................................................................................................................
................................................................................................................. .................................................................................................................
สํานวนอะไรนะ สํานวนอะไรนะ
รูหนาไมรูใจ
................................................................................................................. ฝนทั่งใหเปนเข็ม
.................................................................................................................
41 ................................................................................................................. .................................................................................................................
๘๔
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
โคลงโลกนิติบทตอไปนี้สอนในเรื่องใด
จามรีขนของอยู หยุดปลด 1 การเลนคํา เปนกลวิธีอยางหนึ่งในการแตงหนังสือโดยใชอักษร คํา วลี หรือ
ชีพบรักรักยศ ยิ่งไซร ขอความเปนพิเศษ นอกเหนือจากที่กําหนดไวเปนกฎเกณฑ เพื่อใหเกิดความงาม
1. ใหมนุษยรักษาความดีเชนเดียวกับจามรีหวงแหนขน ทางภาษาหรือวรรณศิลป เกิดเสียงประกอบและจังหวะลีลาที่ชวยใหไพเราะยิ่งขึ้น
2. ใหมนุษยมีความอดทนเชนเดียวกับจามรีหวงแหนขน ทําใหบทประพันธมีความหมายที่นาประทับใจ กินใจยิ่งขึ้น เชน การเลนคําดวยการ
3. ใหมนุษยรักษาความสัตยเชนเดียวกับจามรีหวงแหนขน ซํ้าคํา ทําใหเห็นความมุงหมายของกวีที่จะเนนหรือยํ้าเนื้อความที่แตง หรืออารมณ
4. ใหมนุษยรูจักรักษาเกียรติยศเชนเดียวกับจามรีหวงแหนขน ที่ผูแตงตองการแสดงใหแนนแฟนกระจางชัด
2 การซํ้าคํา อาจซํ้าคําที่มีเสียงและความหมายเหมือนกัน เพื่อเนนคําสําคัญ
วิเคราะหคําตอบ โคลงโลกนิติบทขางตนสอนใหมนุษยรูจักรักษาเกียรติยศ ใหมีนํ้าหนักเพิ่มมากขึ้นหรือลดลง เปนการสรางความงามในวรรณคดีอยางหนึ่ง
เชนเดียวกับจามรีสัตวที่มีขนงามหวงแหนขนของตนยิ่งกวาชีวิต โดยสังเกต ลักษณะการซํ้าคํานี้ชวยสรางอารมณ ความนึกคิด หรือสรางความสนใจดวยการ
จากคําวา “ขนของอยู” และ “รักยศ” ดังนั้นจึงตอบขอ 4. กลาวถึงบอยๆ หรือการซํ้าคําอาจซํ้าคําที่มีเสียงเหมือนกันแตความหมายตางกัน
ซึ่งเกิดการซํ้าเสียงแตไมซํ้าความหมายทําใหบทประพันธลึกซึ้งคมคายยิ่งขึ้น
คูมือครู 41
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนวิเคราะหการเลนคําในบทประพันธที่
เลือกมาได
2. นักเรียนนําขอคิดที่ไดจากโคลงโลกนิติมาแตง
เปนนิทานได
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. บันทึกขอคิดที่ไดจากการอานโคลงโลกนิติ
2. การทองจําบทอาขยานที่นักเรียนชื่นชอบ
3. การแตงนิทานที่สอดคลองกับขอคิดใดแนวคิด
หนึ่งในโคลงโลกนิติ
4. ความเรียงเรื่องการรูจักประมาณตนและการรูจัก
ตนเอง
กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. โคลงโลกนิติสะทอนใหเห็นประเด็นตอไปนี้ “ออนหวานมานมิตรลน เหลือหลาย
ความเชื่อ หยาบบมีเกลอกราย เกลื่อนใกล
• เรื่องการทําความดียอมไดรับผลดี สวนผูที่ทําชั่ว ยอมไดรับผลของความชั่ว ดุจดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดับนา
• เรื่องความกตัญู ผูที่มีความกตัญู จะเปนผูที่มีแตความสุขความเจริญ สุริยะสองดาราไร เพื่อรอนแรงแสง”
คานิยม • ความรูเปนสิ่งมีคาที่ผูใดก็แยงชิงเอาไปมิได
• การรักษาความสัตย “ความรูดูยิ่งลํ้า สินทรัพย
• การศึกษาหาความรู คิดคาควรเมืองนับ ยิ่งไซร
• การมีชีวิตอยูอยางพอเพียง เพราะเหตุจักอยูกับ กายอาต- มานา
จริยธรรม โจรจักเบียนบได เรงรูเรียนเอา”
• พูดจาไพเราะออนหวาน • ความกตัญูเปนคุณธรรมอันประเสริฐที่จะทําใหชีวิตเจริญงอกงาม
• การมีไมตรีจิตตอกัน “คุณ แมหนาหนักเพี้ยง พสุธา
• ยึดมั่นในความดี คุณ บิดรดุจอา- กาศกวาง
2. โคลงโลกนิติที่สามารถนําไปประพฤติปฏิบัติไดในชีวิตประจําวัน คุณ พี่พางศิขรา เมรุมาศ
• การพูดจาไพเราะออนหวานจะเปนที่นิยมชมชอบ คุณ พระอาจารยอาง อาจสูสาคร”
42 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาสุภาษิตพระรวง
2. วิเคราะหเรื่องสุภาษิตพระรวง พรอมยกเหตุผล
ประกอบ
3. สรุปความรูและขอคิดจากเรื่องสุภาษิตพระรวง
เพื่อประยุกตใชในชีวิตจริง
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวินัย
2. ใฝเรียนรู
3. มุงมั่นในการทํางาน
ó
4. รักความเปนไทย
หนวยที่
กระตุน ความสนใจ
สุภำษิตพระร่วง Engage
ตัวชี้วัด ครูกระตุนความสนใจนักเรียน โดยใหนักเรียน
■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท ๕.๑ ม.๑/๑) สุ ภ าษิ ต หมายถึ ง ถ อ ยคํ า หรื อ ข อ ความ พิจารณาภาพหนาหนวย แลวรวมกันแสดงความ
■ วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน พรอมยกเหตุผลประกอบ
(ท ๕.๑ ม.๑/๒)
ที่ ก ล า วสื บ ต อ กั น มาช า นานและมี ค วามหมายเป น คิดเห็น
■ อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท ๕.๑ ม.๑/๓) คติสอนใจ ดังที่ปรากฏในพระไตรปฎกหรือที่เรียกวา • จากลักษณะความใกลชิดระหวาง
สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุกตใชในชีวิตจริง พุทธศาสนสุภาษิต
พระมหากษัตริยกับราษฎรในภาพ นักเรียน
■
เกร็ดแนะครู
การจัดการเรียนการสอนของหนวยการเรียนรูนี้ ครูควรใหนักเรียนไดแลกเปลี่ยน
ความคิดเห็น โดยการยกตัวอยางสุภาษิตพระรวงและรวมกันอธิบายความหมาย
จากนั้นครูชี้แนะใหนักเรียนเห็นคุณคาทางสังคมจากเนื้อเรื่องที่สะทอนใหเห็นการ
ดําเนินชีวิตของคนในสมัยนั้น และการสอดแทรกขอคิดคติสอนใจที่นําไปปรับใชได
ในชีวิตประจําวัน
คูมือครู 43
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกับ
ความหมายของ “สุภาษิต” โดยครูตั้งคําถามตอไปนี้ ๑ ความเป็นมา
• นักเรียนรูจักสุภาษิตใดบาง และรูความหมาย
ของสุภาษิตนั้นหรือไม สุภาษิตพระร่วง หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า บัญญัติ
(แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย ขึน้ อยูก บั พระร่วง เป็นสุภาษิตเก่าแก่ เชื่อกันมาแต่เดิมว่าแต่งขึ้นใน
ความรูและประสบการณของนักเรียน สมัยสุโขทัย แต่ทั้งนี้มีปรากฏเป็นหลักฐานว่าใน พ.ศ. ๒๓๗๙
ครูพิจารณาสุภาษิตและความหมายที่นักเรียน พระบาทสมเด็ จ พระนั่ ง เกล้ า เจ้ า อยู ่ หั ว ได้ ท รงพระกรุ ณ า
ยกมา) โปรดเกล้าฯ ให้จารึกเรือ่ งสุภาษิตพระร่วงลงบนแผ่นศิลาประดับ
ไว้บนฝาผนังด้านในศาลาหลังเหนือหน้าพระมหาเจดีย์ ภายใน
สํารวจคนหา Explore วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
อย่างไรก็ตาม นอกจากจารึกเรื่องสุภาษิตพระร่วงที่
แผ่นศิลาจารึกเรื่องสุภาษิตพระร่วง
ใหนักเรียนสืบคนความรูตามหัวขอตอไปนี้ วั ด พระเชตุ พ นฯ แล้ ว ยั ง พบสุ ภ าษิ ต พระร่ ว งในสมุ ด ไทย มี รู ป ร่ า งคล้ า ยกั บ ศิ ล าจารึ ก เรื่ อ ง
• ศึกษาความเปนมาของสุภาษิตพระรวง อี ก หลายฉบั บ รวมถึ ง สมุ ด ไทยด� า เรื่ อ ง บั ณ ฑิ ต พระร่ ว ง โคลงโลกนิ ติ แต่ ติ ด ไว้ บ นผนั ง ซุ ้ ม
• ศึกษาลักษณะคําประพันธของสุภาษิต พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ก�าแพงด้านในพระมหาเจดีย์ ๔ รัชกาล
พระรวง วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์)
รวมอยู่กับเรื่อง กฤษณาสอนน้องค�าฉันท์ และ แม่สอนลูก
เรื่องบัณฑิตพระร่วงนี้มีข้อความคล้ายคลึงสุภาษิตพระร่วงมากและมีเนื้อเรื่องครบถ้วน กรมศิลปากร
อธิบายความรู Explain จึงใช้เป็นเอกสารในการตรวจสอบช�าระสุภาษิตพระร่วงจนเป็นฉบับสมบูรณ์
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับความเปนมา ส� า หรั บสุ ภาษิ ต พระร่ ว งฉบั บที่ ก รมวิ ช าการก� า หนดให้ เ ป็ นวรรณคดี ที่ เ สนอให้ เ ลื อ กเรี ย น
ของสุภาษิตพระรวง โดยใหนักเรียนตอบคําถาม ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ นี้ พิมพ์รวมอยู่ในหนังสือประชุมสุภาษิตพระร่วงของสถาบันภาษาไทย
ในประเด็นตอไปนี้ กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด ๖ ส�านวน ส�าหรับฉบับที่น�ามาเป็นแบบเรียนนี้
• สุภาษิตพระรวงมีกี่สํานวน อะไรบาง เป็นสุภาษิตพระร่วงส�านวนที่ ๑
(แนวตอบ สุภาษิตพระรวงที่กรมวิชาการเสนอ สุภาษิตพระร่วง ๖ ส�านวน
ใหเลือกเรียน มี 6 สํานวน ไดแก
๑. ร่ายสุภาษิตพระร่วง ฉบับจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
1. รายสุภาษิตพระรวง (ฉบับจารึกวัดเชตุพน-
พระนิพนธ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
วิมลมังคลาราม สมเด็จพระมหาสมณเจา
กรมพระปรมานุชิตชิโนรสทรงนํามาชําระ ๒. โคลงประดิษฐ์พระร่วง ฉบับพระราชนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
ใหม) เปนสํานวนที่นักเรียนกําลังเรียนอยู ๓. ร่ายสุภาษิตพระร่วง ฉบับวัดเกาะ ส�านวนร่าย
2. โคลงประดิษฐพระรวง ๔. สุภาษิตพระร่วงค�าโคลง ฉบับพระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
1
3. รายสุภาษิตพระรวง ๕. ร่ายสุภาสิทตัง ฉบับวัดลาด อ�าเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี
(ฉบับวัดเกาะสํานวนราย)
๖. กาพย์สุภาษิตพระร่วง ฉบับวัดเกาะ ส�านวนกาพย์
4. สุภาษิตพระรวงคําโคลง
5. รายสุภาสิทตัง 44
6. กาพยสุภาษิตพระรวง)
บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู ครูสามารถบูรณาการเชื่อมสาระความรูกับกลุมสาระการเรียนรู
ครูแนะความรูจากตอนขึ้นตนและลงทายของสุภาษิตพระรวงที่ระบุไวชัดเจนวา สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร ซึ่งจะใหความรู
พระรวงเจาเปนผูบัญญัติคําสอนนี้ ประกอบกับภาษาที่ปรากฏบางแหง มีลักษณะ เกี่ยวกับการเมืองการปกครองของสมัยสุโขทัย รวมถึงสภาพสังคมและ
โบราณแบบสุโขทัย จึงเปนเหตุผลสนับสนุนใหจัดวรรณกรรมเรื่องนี้อยูในสมัยสุโขทัย ความเปนอยูของผูคนในสมัยนั้น เมื่อนักเรียนมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับ
ซึ่งยังไมมีขอยุติหรือแกไขเปนอยางอื่น ประวัติศาสตรในชวงสุโขทัยแลว ก็จะทําใหนักเรียนรู เขาใจ จุดมุงหมาย
ของกวีในการแตงสุภาษิตพระรวงหรือบัญญัติพระรวงที่ตองการใหราษฎร
นําคําสอนจากบัญญัตินี้ไปใชในชีวิต เพื่อใหราษฎรอยูรวมกันอยางรมเย็น
นักเรียนควรรู เปนสุข และคําสอนดังกลาวเปนสิ่งที่มีคุณคาทางประวัติศาสตรเปนมรดก
ที่ตกทอดสืบตอกันมาเปนเวลาหลายรอยป ควรชวยกันรักษาสืบตอไป
1 รายสุภาสิทตัง ผูพบตนฉบับ คือ นายลอม เพ็งแกว เมื่อนํามาเปรียบเทียบกับ
“โคลงประดิษฐพระรวง” แลว เทียบไดตรงกันวรรคตอวรรค นายลอมจึงสันนิษฐาน
วา “โคลงประดิษฐพระรวง” นาจะลอกขยายมาจากสุภาสิทตัง อยางไรก็ดีสุภาสิทตัง
เปนรายที่แตงตามกฎเกณฑเครงครัด วรรคละ 6 คํา เชน “เมื่อนอยใหเรียนวิชา
ใหคดิ หาสินตอใหญ อยาไดใฝเอาสินทาน” จึงนาจะสรุปไดอยางเดียวกับ “รายสุภาษิต
พระรวง” วา แตงขึ้นตามกฎเกณฑใหมในสมัยรัตนโกสินทร
44 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
จากที่นักเรียนไดสืบคนเกี่ยวกับลักษณะ
๒ ประวัติ¼Ù้แต่ง คําประพันธ ใหนักเรียนอธิบายลักษณะคําประพันธ
ของสุภาษิตพระรวง
สุ ภ าษิ ต พระร่ ว ง ไม่ ป รากฏนามผู ้ แ ต่ ง แน่ น อนและพบ (แนวตอบ สุภาษิตพระรวงแตงดวยคําประพันธ
หลายฉบับ ส�าหรับฉบับที่น�ามาเป็นแบบเรียนในหนังสือเล่มนี้ ประเภทรายสุภาพ ซึ่งประกอบดวย รายสุภาพและ
ได้รับการช�าระโดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิต- โคลงสองสุภาพ โดยรายสุภาพในแตละวรรคจะมีคํา
ชิโนรส 5-8 คํา มีการรับสงสัมผัสสระในคําสุดทายของวรรค-
สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส หนากับคําใดก็ไดของวรรคถัดไป และแตงโคลงสอง-
เป็ น พระราชโอรส พระองค์ ที่ ๒๘ ในพระบาทสมเด็ จ - สุภาพปดทายเรื่อง)
พระพุ ท ธยอดฟ้ า จุ ฬ าโลกมหาราช ประสู ติ เ มื่ อ วั น เสาร์ ที่
๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๓๓ มีพระนามว่า พระองค์เจ้าวาสุกรี ขยายความเขาใจ Expand
ทรงผนวชเป็นภิกษุและประทับจ�าพรรษาที่วัดพระเชตุพนวิมล-
มังคลาราม จนตลอดพระชนมชีพ สิริรวมพระชนมายุได้ ๖๓ นักเรียนพิจารณาตัวอยางบทประพันธในหนา 45
พรรษา พระรูปสมเด็จพระมหาสมณเจ้า แลวคัดลอกตัวอยางคําประพันธประเภทรายสุภาพ
กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ประดิษฐาน
บทพระนิพนธ์ของพระองค์มีเป็นจ�านวนมาก เช่น ลิลิต- ณ พระต�าหนักวาสุกรี วัดพระเชตุพน- และโคลงสองสุภาพลงสมุด โยงเสนสัมผัสใหถูกตอง
ตะเลงพ่าย ปฐมสมโพธิกถา โคลงดัน้ เรือ่ งปฏิสงั ขรณ์วดั พระเชตุพนฯ วิมลมังคลาราม (แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธที่เลือกมาโยงเสน
กฤษณาสอนน้องค�าฉันท์ สมุทรโฆษค�าฉันท์ตอนปลาย สรรพสิทธิค�าฉันท์ ต�าราฉันท์มาตราพฤติและ สัมผัส มีดังนี้
วรรณพฤติ เป็นต้น • รายสุภาพ
“ปางสมเด็จพระรวงเจา เผาแผนภพสุโขทัย
๓ ลักษณะคÓประพัน¸์ มลักเห็นในอนาคต จึงผายพจนประภาษ
เปนอนุสาสนกถา สอนคณานรชน...”
สุภาษิตพระร่วงแต่งด้วยค�าประพันธ์ประเภทร่ายสุภาพ วรรคละ ๕-๘ ค�า ร่ายแต่ละวรรค
• โคลงสองสุภาพ
มีการรับส่งสัมผัสอย่างสม�่าเสมอ โดยค�าสุดท้ายของวรรคหน้าจะสั1มผัสสระกับค�าในวรรคต่อไป
“โดยอรรถอันถองถวน แถลงเลศเหตุเลือกลวน
แต่ไม่มีก�าหนดต�าแหน่งค�ารับสัมผัสที่ตายตัวและจบด้วยโคลงสองสุภาพ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
เลิศอางทางธรรม แลนาฯ”)
ร่ายสุภาพ
ป่างสมเด็จพระร่วงเจ้า เผ้าแผ่นภพสุโขทัย มลักเห็นในอนาคต จึงผายพจน
ประภาษ เป็นอนุสาสนกถา สอนคณานรชน…..
โคลงสองสุภาพ
โดยอรรถอันถ่องถ้วน แถลงเลศเหตุเลือกล้วน
เลิศอ้างทางธรรม แลนา ฯ
45
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
โดยอรรถอันถองถวน แถลงเลศเหตุเลือกลวน
1 โคลงสองสุภาพ มีสัมผัสบังคับกําหนดไวแหงเดียว คือ คําที่ 5 ของวรรคที่ 1
เลิศอางทางธรรม แลนา
สงสัมผัสไปยังคําที่ 5 ของวรรคที่ 2 อนึ่งการวางรูปโคลงสองสุภาพ อาจเรียง
คําในขอใดเปนสัมผัสบังคับระหวางวรรคของโคลงสองสุภาพ
ตอเนื่องกันไป ไมจําเพาะเจาะจงวางอยางแผนผัง
1. ถอง - ถวน
2. ถวน - ลวน
บูรณาการ
3. เลือก - ลวน
4. ลวน - เลิศ
เศรษฐกิจพอเพียง
วิเคราะหคําตอบ สัมผัสบังคับระหวางวรรคของโคลงสองสุภาพมีเพียง คําสอนที่ไดจากวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระรวง สะทอนใหเห็นถึง คานิยม
แหงเดียว คือ คําสุดทายของวรรคแรกสัมผัสสระกับคําสุดทายของวรรคที่ 2 ของสังคมไทยในอดีตในดานตางๆ เชน ดานการศึกษาหาความรู ความประหยัด
ความกตัญูรคู ณ ุ เปนตน นักเรียนคิดวาขอคิดและคติคาํ สอนจากเรือ่ งนีแ้ สดงใหเห็น
ดังนี้ “โดยอรรถอันถองถวน แถลงเลศเหตุเลือกลวน” ตอบขอ 2.
ถึงคุณคาที่สําคัญที่สุดของชีวิตมนุษยในดานใด และคุณคานั้นสามารถนํามาใชเปน
แนวทางในการดํารงชีวิตไดอยางไร
คูมือครู 45
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน มาแสดงทาทาง
ประกอบสํานวนสุภาษิตที่ครูกําหนดให ใหเพื่อนใน ๔ เน×้อเร×่อง
ชั้นทาย และบอกความหมายของสํานวนสุภาษิตนั้น
ตัวอยางสํานวนสุภาษิตที่ครูกําหนดให เชน สุภาษิตพระร่วง
• ตีงูใหกากิน
ป่างสมเด็จพระร่วงเจ้า เผ้าแผ่นภพสุโขทัย มลักเห็นในอนาคต
(แนวตอบ ทําสิ่งที่ตนควรไดประโยชนแตผล
จึงผายพจนประภาษ เป็นอนุสาสนกถา สอนคณานรชน ทั่วธราดล
กลับไปตกแกผูอื่น)
พึงเพียร เรียนอ�ารุงผดุงอาตม์ อย่าเคลื่อนคลาดคลาถ้อย เมื่อ
• ตีปลาหนาไซ
น้อยให้เรียนวิชา ให้หาสินเมื่อใหญ่ อย่าใฝ่เอาทรัพย์ท่าน อย่าริ
(แนวตอบ ตีปลาหนาไซ หมายถึง พูดหรือ
ร่านแก่ความ ประพฤติตามบูรพระบอบ เอาแต่ชอบ
ทําใหกิจการของผูอื่น ซึ่งกําลังดําเนินไปดวยดี
เสียผิด อย่าประกอบกิจเป็นพาล อย่าอวด
ตองเสียไป)
• หิ่งหอยอยาแขงไฟ
หาญแก่เพื่อน เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า หน้า
(แนวตอบ ผูที่มีกําลังนอยกวาไมควรแขงกับผูที่ ศึกอย่านอนใจ ไปเรือนท่านอย่านั่งนาน
มีกําลังมากกวา เปนตน) การเรือนตนเร่งคิด อย่านั่งชิดผู้ใหญ่ อย่า
ใฝ่สูงให้พ้น ศักดิ์ ที่รักอย่าดูถูก ปลูกไมตรี
สํารวจคนหา Explore อย่ารู้ร้าง สร้างกุศลอย่ารู้โรย อย่าโดยค�า
คนพลอด เข็นเรือทอดทางถนน เป็นคนอย่า
1. นักเรียนศึกษาเนื้อเรื่องสุภาษิตพระรวงจาก ท�าใหญ่ ข้าคนไพร่อย่าไฟฟุน คบขุน นาง
หนังสือเรียนดวยตนเอง อย่าโหด โทษตนผิดร�าพึง อย่าคะนึ งถึง
2. ครูใหนักเรียนอานเนื้อเรื่องสุภาษิตพระรวง โทษท่าน หว่านพืชจักเอาผล เลี้ยงคน
พรอมเพรียงกัน 1 รอบ จักกินแรง อย่าขัดแข็งผู้ใหญ่ อย่าใฝ่ตน
3. นักเรียนจดบันทึกคํา หรือขอความที่นักเรียนไม ให้เกิน เดินทางอย่าเดินเปลี่ยว น�้าเชี่ยว
เขาใจเพื่อคนความหมายของคํานั้น อย่าขวางเรือ ที่สุ้ม๑เสือจงประหยัด จงเร่งระมัดฟนไฟ 1 ตนเป็นไทอย่าคบทาส อย่า2ประมาท
ท่านผูด้ ี มีสนิ อย่าอวดมัง่ ผูเ้ ฒ่าสัง่ จงจ�าความ ทีข่ วากหนามอย่าเสียเกือก ท�ารัว้ เรือกไว้กนั ตน
อธิบายความรู Explain คนรักอย่าวางใจ ที่มีภัยพึงหลีก ปลีกตนไปโดยด่วน ได้ส่วนอย่ามักมาก อย่ามีปากว่3าคน
1. ครูแบงเนื้อเรื่องสุภาษิตพระรวงใหนักเรียนแตละ รักตนกว่ารักทรัพย์ อย่าได้รับของเข็ญ เห็นงามตาอย่าปอง ของฝากท่านอย่ารับ ที่ทับจงมี
คนอธิบายความหมายและความสําคัญของสุภาษิต ไฟ ที่ไปจงมีเพื่อน ทางแถวเถื่อนไคลคลา ครูบาสอนอย่าโกรธ โทษตนผิดพึงรู้ สู้เสียสินอย่า
นั้น คนละ 2-3 ประโยค เสียศักดิ์ ภักดีอย่าด่วนเคียด อย่าเบียดเสียดแก่มิตร ที่ผิดช่วยเตือนตอบ ที่ชอบช่วยยกยอ
2. นักเรียนทําบัตรคํา โดยเขียนเนื้อเรื่องและคํา อย่าขอของรักมิตร ชอบชิดมักจางจาก พบศัตรูปากปราศรัย ความในอย่าไขเขา อย่ามัวเมา
อธิบายสุภาษิตพระรวงที่รับผิดชอบลงกระดาษแข็ง ๑ ปจจุบันสะกดวา ซุม
ตกแตงใหสวยงาม
3. จากนั้นนักเรียนยืนขึ้นอธิบายสุภาษิตเรียง 4๖
ตอกันจนจบเนื้อเรื่อง
4. นักเรียนนําบัตรคําไปจัดปายนิเทศในชั้นเรียน
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 ขวาก ความหมายโดยตรง หมายถึง ไมหรือเหล็กเปนเครื่องดักชนิดหนึ่ง นักเรียนเลือกสุภาษิตไทยจากแหลงการเรียนรูตางๆ ที่มีความหมาย
ทําดวยไมหรือเหล็กมีปลายแหลม สําหรับปกใหคนและสัตวเหยียบหรือสะดุด เดียวกับสุภาษิตพระรวง 2 สํานวน และบอกความสําคัญของสุภาษิตนั้น
สวนความหมายโดยนัยที่ปรากฏรวมกับคําวา “หนาม” เปน “ขวากหนาม”
หมายถึง ปรปกษ ศัตรู อันตราย หรือ อุปสรรค เครื่องขัดของ เครื่องขัดขวาง
2 เรือก คือ ไมไผหรือไมรวกเปนตนที่ผาออกเปนซีกๆ แลวถักดวยหวายสําหรับ กิจกรรมทาทาย
ปูพื้นหรือกั้นเปนรั้ว ทั้งนี้ใชเรียกพื้นที่ลาดปูดวยไมถักหรือดวยหวาย และเรียก
สะพานชั่วคราวที่ทําดวยไมไผผาซีกถักดวยหวายหรือเชือกวาสะพานเรือก
นักเรียนจัดแยกขอคิดและคติคําสอนในสุภาษิตพระรวงตามเกณฑ
3 ทับ มีหลายความหมาย ในที่นี้เปนคํานาม หมายถึงกระทอมหรือสิ่งปลูกสราง
ตอไปนี้
ที่ทําเพื่ออยูชั่วคราว
• หลักการปฏิบัติตนโดยทั่วไป
• หลักการปฏิบัติตอผูที่สูงกวา
• หลักการปฏิบัติตอผูเสมอกัน
• หลักการปฏิบัติตอผูตํ่ากวา
• หลักการปฏิบัติตอผูที่ตนรัก
46 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับเนื้อเรื่องใน
เนืองนิตย์ คิดตรองตรึกทุกเมื่อ พึงผันเผื่อต่อญาติ รู้ที่ขลาดที่หาญ คนพาลอย่าพาลผิด ประเด็นตอไปนี้
อย่าผูกมิตรไมตรี เมื่อพาทีพึงตอบ จงนบนอบผู้ใหญ่ ช้างไล่แล่นเลี่ยงหลบ สุวานขบ • นักเรียนอธิบายจุดมุงหมายของกวีวามี
อย่าขบตอบ อย่ากอปรจิตริษยา เจรจาตามคดี อย่าปลุกผีกลางคลอง อย่าปองเรียน ความเหมาะสมสัมพันธกับภาษาที่ใชอยางไร
อาถรรพ์ พลันฉิบหายวายม้วย อย่ายลเยี่ยงถ้วยแตกมิติด จงยลเยี่ยงสัมฤทธิ์แตกมิเสีย (แนวตอบ สุภาษิตพระรวงใหขอคิดเตือนใจ
ลูกเมียอย่าวางใจ ภายในอย่าน�าออก ภายนอกอย่าน�าเข้า อาสาเจ้าจนตัวตาย อาสานายจง ในการดําเนินชีวิต คําสอนมีทั้งเปนขอหาม
พอแรง ของแพงอย่ามักกิน อย่ายินค�าคนโลภ โอบอ้อมเอาใจคน อย่ายลเหตุแต่ใกล้ ท่าน และคําแนะนํา กวีใชภาษาไดเหมาะสมกับ
ไท้อย่าหมายโทษ คนโหดให้เอ็นดู ยอครูยอต่อหน้า ยอข้าเมื่อแล้วกิจ ยอมิตรเมื่อลับหลัง ลักษณะคําสอน โดยคําสอนที่เปนขอหาม
ลูกเมียยังอย่าสรรเสริญ เยียวสะเทินจะอดสู อย่าชังครูชงั มิตร ผิดอย่าเอาเอาแต่ชอบ นอบ จะขึ้นตนดวยคําวา “อยา” ในขณะที่
ตนต่อผู้เฒ่า เข้าออกอย่าวางใจ ระวังระไวหน้าหลัง เยียวผู้ชังจะคอยโทษ อย่ากริ้วโกรธ คําแนะนําจะใชคําที่สื่อความตรงไปตรงมา
เนืองนิตย์ ผิวผิดปลิดไป่รา้ ง ข้างตนไว้อาวุธ เครือ่ งสรรพยุทธอย่าวางจิต คิดทุกข์ในสงสาร คําสั้น กระชับ เขาใจงาย)
อย่าท�าการที่ผิด คิดขวนขวายที่ชอบ โต้ตอบอย่าเสียค�า คนข�าอย่าร่วมรัก พรรคพวกพึง
ท�านุก ปลุกเอาแรงทั่วตน ยลเยี่ยงไก่นกกระทา พาลูกหลานมากิน ระบือระบิลอย่าฟังค�า ขยายความเขาใจ Expand
การจะท�าอย่าด่วนได้ อย่าใช้คนบังบด ทดแทนคุณท่านเมื่อยาก ฝากของรักจงพอใจ เฝ้า นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ
ท้าวไทอย่าทะนง ภักดีจงอย่าเกียจ เจ้าเคียดอย่าเคียดตอบ นอบนบใจใสสุทธิ์ อย่าขุด ความสําคัญของสุภาษิตพระรวงในประเด็นตอไปนี้
คนด้วยปาก อย่าถากคนด้วยตา อย่าพาผิดด้วยหู อย่าเลียนครูเตือนด่า อย่าริกล่าวค�าคด • สาระสําคัญในสุภาษิตพระรวงจะนํามาใชใน
คนทรยศอย่าเชื่อ อย่าแผ่เผื่อความผิด อย่าผูกมิตรคนจร ท่านสอนอย่าสอนตอบ ความ สังคมปจจุบันไดหรือไม อยางไร
ชอบจ�าใส่ใจ ระวังระไวที่ไปมา เมตตาตอบต่อมิตร คิดแล้วจึ่งเจรจา อย่านินทาผู้อื่น อย่า (แนวตอบ สาระสําคัญนํามาใชในสังคม
ตื่นยกยอตน คนจนอย่าดูถูก ปลูกไมตรีทั่วชน ตระกูลตนจงค�านับ อย่าจับลิ้นแก่คน1ท่าน ปจจุบันไดเปนอยางดี เชน
รักตนจงรักตอบ ท่านนอบตนจงนอบแทน ความแหนให้ประหยัด เผ่ากษัตริย์เพลิงงู อย่า • การศึกษาหาความรูยังเปนสิ่งจําเปน ดังวา
ดูถูกว่าน้อย หิ่งห้อยอย่าแข่งไฟ อย่าปองภัยต่อท้าว อย่ามักห้าวพลันแตก อย่าเข้าแบก “เมื่อนอยใหเรียนวิชา ใหหาสินเมื่อใหญ”
งาช้าง อย่าออกก้างขุนนาง ปางมีชอบท่านช่วย ปางป่วยท่านชิงชัง ผิจะบังบังจงลับ ผิ • สอนในเรื่องการทํางานสุจริต ดังวา
จะจับจับจงมัน่ ผิจะคัน้ คัน้ จงตาย ผิจะหมายหมายจงแท้ ผิจะแก้แก้จงกระจ่าง อย่ารักห่าง “อยาทําการที่ผิด คิดขวนขวายที่ชอบ”
กว่าชิด คิดข้างหน้าอย่าเบา อย่าถือเอาตืน้ กว่าลึก เมือ่ เข้าศึกระวังตน เป็นคนเรียนความรู้ • สอนใหเห็นความสําคัญของการพูด
จงยิ่งผู้ผู้มีศักดิ์ อย่ามักง่ายมิดี อย่าตีงูให้แก่กา อย่าตีปลาหน้าไซ อย่าใจเบาจงหนัก อย่า รูกาลเทศะและจังหวะในการพูด ดังวา
ตีสุนัขห้ามเห่า ข้าเก่าร้ายอดเอา อย่ารักเหากว่าผม อย่ารักลมกว่ารักน�้า อย่ารักถ�้ากว่า “ยอครูยอตอหนา ยอขาเมื่อแลวกิจ
เรือน อย่ารักเดือนกว่าตะวัน สบสิง่ สรรพโอวาท ผูเ้ ป็นปราชญ์พงึ สดับ ตรับตริตรองปฏิบตั ิ ยอมิตรเมื่อลับหลัง ” และ “คิดแลวจึง
โดยอรรถอันถ่องถ้วน แถลงเลศเหตุเลือกล้วน เลิศอ้างทางธรรม แลนา ฯ เจรจา อยานินทาผูอื่น ”)
ตรวจสอบผล Evaluate
47 1. นักเรียนอธิบายความหมายและบอก
ความสําคัญของสุภาษิตพระรวงได
2. นักเรียนนําคําสอนจากสุภาษิตพระรวง
ไปปรับใชในชีวิตประจําวันได
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดที่ไมใชคําสอนเกี่ยวกับการพูด
1 เผากษัตริยเพลิงงู หมายความวา ระมัดระวังตัวอยูเสมอ อยาประมาท คือ
1. อยาขุดคนดวยปาก
อยาทําใหกษัตริยขัดเคือง เพราะทรงมีพระราชอํานาจเด็ดขาด หากทําสิ่งที่ไมถูก
2. ยอมิตรเมื่อลับหลัง
ไมควรจะทําใหไดรับโทษ อยาไวใจงู เพราะเปนสัตวอันตรายแมจะฝกดีก็ไมสามารถ
3. อยาริกลาวคําคด
ทําใหเชื่องได และอยาประมาทฟนไฟ เพราะเมื่อไฟลุกลามแลวก็ยากที่จะควบคุมได
4. อยาเบา
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. อยาขุดคนดวยปาก หมายความวา อยาพูดจา
ทิ่มแทงใหคนอื่นเสียหาย ขอ 2. ยอมิตรเมื่อลับหลังเปนการพูดถึงมิตรในทาง
ที่ดี แมผูเปนมิตรจะไมไดยินก็ตาม ขอ 3. อยาริกลาวคําคด หมายถึง อยา
เริ่มโกหก สวนขอ 4. อยาเบา หมายถึง อยาหลงเชื่อคนงาย เรามักจะคุนกับ
สํานวนวา “อยาหูเบา” ซึ่งไมเกี่ยวกับการพูดแตเกี่ยวกับการฟง ตอบขอ 4.
คูมือครู 47
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูยกคําศัพทในบทเรียนมา 4-5 คํา ใหนักเรียน
ชวยกันหาความหมายของคําศัพท ตัวอยางเชน ๕ คÓศัพท์
• อยาดวนเคียด
(แนวตอบ อยาดวนโกรธ) ค�าศัพท์ ความหมาย
• อยาจับลิ้นคนแก ของเข็ญ สิง่ ของทีน่ า� ความเดือดร้อนมาให้ ของทีม่ ลี บั ลมคมใน ของไม่สจุ ริต
(แนวตอบ อยาคอยจับผิดคําพูดผูอื่น) เข็นเรือทอดทางถนน (อย่า) เข็นเรือจอดขวางทางผู้อื่น
• เผาแผนภพ คนข�า คนเจ้าเล่ห์ คนที่มีลับลมคมใน
(แนวตอบ พระเจาแผนดิน) คนพาลอย่าพาลผิด คนเขาพาลก็อย่าหลงผิดไปกับเขา
• คนขํา คนโหดให้เอ็นดู ให้สงสารคนที่ยากไร้ ค�าว่า โหด ในที่นี้ หมายถึง ยากไร้
(แนวตอบ คนเจาเลห คนที่มีลับลมคมใน ความแหนให้ประหยัด สิ่งที่ควรหวงแหนก็ให้ระมัดระวัง รักษาให้ดี หรืออาจแปลว่า
เปนตน) สิ่งใดเป็นความลับก็ให้รักษาไว้ให้ได้
เคียด โกรธ
สํารวจคนหา Explore จงยลเยี่ยงสัมฤทธิ์แตกมิเสีย เป็นการเปรียบเทียบกับสัมฤทธิ์ ซึ่งเมื่อแตกหักแล้วก็น�ามาหลอมใหม่ให้ดี
ได้ดังเดิม
1. นักเรียนคนหาคําศัพทที่เปนสํานวนหรือใกลเคียง เจรจาตามคดี ให้พูดความจริงหรือพูดตามทางที่ควรพูด
กับสํานวนในเรื่องสุภาษิตพระรวง พรอมศึกษา ได้ส่วนอย่ามักมาก มีความหมายเช่นเดียวกับ ได้คืบอย่าเอาศอก หมายความว่า อย่าอยากได้
ความหมาย มากกว่าที่ได้มาแล้ว
(แนวตอบ ตัวอยางเชน สํานวนวา “ขุดดวยปาก ตระกูลตนจงค�านับ ให้ความเคารพและไม่อับอายในชาติก�าเนิดของตระกูลตน
ถากดวยตา” มีความหมายใกลเคียงกับสํานวน โต้ตอบอย่าเสียค�า พูดสิ่งใดออกไปแล้ว ก็อย่ากลับค�าพูด
“อยาขุดคนดวยปาก” ในสุภาษิตพระรวง ที่ชอบ สิ่งที่ถูกต้องตามท�านองคลองธรรม
• อยาขุดคนดวยปาก หมายความวา อยาพูดจา ที่ทับ ที่อยู่อาศัย บ้านเรือน
1
ทิ่มแทงคนอื่นใหไดรับความเสียหาย ที่สุ้มเสือจงประหยัด ที่ที่เสือแอบซ่อนอยู่ ให้มีความระมัดระวัง
• ขุดดวยปาก ถากดวยตา หมายความวา แสดง ธราดล พื้นแผ่นดิน
อาการเหยียดหยามทั้งวาจาและสายตา) บูรพระบอบ แบบแผนแต่ครั้งโบราณ
2. นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับ “พระรวง” จาก ปลุกเอาแรง บ�ารุงเลี้ยง ให้เขามีแรง
แหลงเรียนรูตางๆ เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต
ผิดอย่าเอาเอาแต่ชอบ อย่าท�าในสิ่งที่ผิด ให้ท�าในสิ่งที่ชอบธรรม
เปนตน
ผิวผิดปลิดไป่ร้าง ถ้าท�าความผิด ความผิดนั้นย่อมติดตัวไปตลอด
เผ้าแผ่นภพ พระเจ้าแผ่นดิน
ไฟฟุน ปัจจุบนั ใช้ ฟืนไฟ ในทีน่ หี้ มายถึง โมโหกราดเกรีย้ ว เป็นฟืนเป็นไฟ
เมื่อยาก เมื่อ (ท่าน) ล�าบาก
48
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
สุภาษิตพระรวงที่วา “ที่สุมเสือจงประหยัด” คําวา “ประหยัด” มีความหมาย
1 จงประหยัด คําวา “ประหยัด” เปนคํากริยา หมายความวา ยับยั้ง ระมัดระวัง ตรงกับขอใด
ซึ่งผูใชภาษามักคุนเคยที่จําใชคํานี้กับเงินหรือทรัพยากรธรรมชาติ แตในบริบทอื่น 1. สุมนาเปนคนตระหนี่
ก็มีใช เชน ประหยัดปาก ประหยัดคํา คําวา “จงประหยัด” ในสุภาษิตพระรวง 2. อรทัยทําอะไรระมัดระวังเสมอ
จึงหมายถึง จงระมัดระวัง 3. สุพรจะยั้บยั้งเพื่อนไมใหไปเที่ยว
4. กาญจนาใชจายแตพอควรแกฐานะ
มุม IT วิเคราะหคําตอบ “ที่สุมเสือ” ในความหมายตรง อาจหมายถึงที่ที่มีเสืออยู
จริงๆ หรือความหมายโดยนัยอาจหมายถึงที่อันตราย จากความหมายตรง
ศึกษาเกี่ยวกับคําสุภาษิตพระรวงและความหมายเพิ่มเติม ไดที่ http://www. และความหมายโดยนัย “จงประหยัด” จึงหมายถึง ระมัดระวัง ซึ่งตรงกับ
school.net.th/library/create-web/10000/literature/10000-6006.html ความหมายที่วา “อรทัยทําอะไรระมัดระวังเสมอ” ตอบขอ 2.
48 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนนําสํานวนสุภาษิตที่นักเรียนรวบรวม
คําศัพท ความหมาย ได มาวิเคราะหความเปลี่ยนแปลงทางดานภาษา
ยอครูยอตอหนา ควรชมครูหรือเชิดชูครูเมื่ออยูตอหนา • สุภาษิตพระรวงมีการใชภาษาตางจาก
ยอขาเมื่อแลวกิจ รูจักชมขาทาสเมื่องานเสร็จเขาจะไดมีกําลังใจ หายเหนื่อย ปจจุบันอยางไร
ยอมิตรเมื่อลับหลัง เปนการชมอยางจริงใจ ไมเสแสรง (แนวตอบ มีการเปลี่ยนแปลงคํา คือ บางคํา
เยียวผูชังจะคอยโทษ คนที่ไมชอบเรา อาจจะคอยหาเรื่องหรือทํารายเรา ในสุภาษิตพระรวงใชตางจากปจจุบัน เชน
เยียวสะเทินจะอดสู ถาทําสิ่งใดไมพอดีหรือไมดีพอก็อาจเปนที่อับอาย “เคียด” ในความหมายวา โกรธ ปจจุบัน
ระบือระบิล ถอยคําเลาลือ ขาวลือ
ใชรวมกับคําวา “แคน” เปน “เคียดแคน”
หนาศึก ชวงที่มีศึกสงครามหรือเมื่ออยูตอหนาขาศึก
หมายถึง โกรธมากจนฝงใจ จากตัวอยาง
จะเห็นไดวา นอกจากจะเปลี่ยนแปลงการ
อยาเกียจ อยาไมซื่อ อยาคด
ใชคําแลว ความหมายที่ใชก็เปลี่ยนแปลง
อยาขุดคนดวยปาก อยาพูดจาทิ่มแทงใหคนอื่นเสียหาย
ไปดวย)
อยาเขาแบกงาชาง อยาทําการใดที่เสี่ยงภัยอันตรายและไมเกิดประโยชน
อยาจับลิ้นแกคน อยาจับผิดคําพูดคนอื่น
ขยายความเขาใจ Expand
อยาใชคนบังบด เมื่อใชเขาทําสิ่งใดแลว อยาปดบังความดีของเขา หรืออาจแปลวา อยาใชคน
ที่ทําอะไรไมโปรงใส คนที่มีเงื่อนงํา ครูอานโคลงบทตอไปนี้ใหนักเรียนฟง แลวให
อยาดวนเคียด อยาดวนโกรธ (คนที่ภักดีตน) นักเรียนยกสํานวนที่มีความหมายตรงกับโคลง
อยาเดินเปลี่ยว อยาเดินคนเดียว บทนี้ พรอมถอดคําประพันธ
อยาโดยคําคนพลอด อยาเชื่อตามคําพูดที่หวานหู “กระทุมนํ้าที่หนา ลอบไซ
อยาตีงูใหแกกา อยาทําสิ่งอันไรประโยชน เพราะอาจเกิดโทษแกตน ปลากระจายเลยไป ลอบแหง
อยาตีปลาหนาไซ อยาขัดขวางประโยชนที่กําลังจะเกิดขึ้น เจาของดักเสียใจ จักขาด
ลาภทานหาอยาแกลง กลาวกั้นกางขวาง”
ºÍ¡àÅ‹Òà¡ŒÒÊÔº
(แนวตอบ โคลงบทนี้ตรงกับสํานวนวา “อยาตี
ไซ
ปลาหนาไซ” ซึ่งหมายความวา อยาขัดขวาง
ประโยชนที่กําลังจะเกิดขึ้น ดังที่กลาวในโคลง
ไซเปนเครื่องมือดักสัตวนํ้า โดยเฉพาะปลาขนาดเล็กและมัก
ใชงานในแหลงนํ้าไมลึก มีหลายรูปทรง เชน ไซปากแตร สานเปน
ถอดคําประพันธไดวา เมื่อกระทุมนํ้าที่หนาไซที่ลอบ
รูปกรวย ปากไซบานออกเปนรูปปากแตร ไซทอ สานคลายทอดักปลา จับปลาอยู จะทําใหปลาตื่นตกใจหนีไปไมเขาใกล
ไซสองหนา มีชอง ๒ ดาน ไซลอย ใชวางลอยในชวงนํ้าตื้นๆ ไซปลา กับดักนั้น ผูเปนเจาของก็เสียใจที่ตองสูญเสียปลา
กระดี่ ใช ดั ก ปลากระดี่ ไซกบสานเป น ลายขั ด สี่ เ หลี่ ย มรู ป ทรง ที่เปรียบเหมือนลาภที่ควรจะได หากไมมีคนจงใจ
กระบอก ใชดักกบ ไซโปง สานกนโปงเล็กนอย แมไซจะมีรูปทรงที่
ตางกัน แตมลี กั ษณะรวมกัน คือ สานเปนทรงกระบอกและทําปากทางเขาเปนซีไ่ มเสีย้ มปลายแหลม ขัดขวาง)
รูปทรงคลายกรวยที่บีบแบนๆ ทําใหปลาเขาได แตวายสวนความคมของปลายไมออกมาไมได
๔๙
บูรณาการเชื่อมสาระ
ในแงหนึ่ง สุภาษิตจะกลาวถึงเหตุการณอยางใดอยางหนึ่ง การสรุป เกร็ดแนะครู
ประสบการณ การเปรียบเทียบสิ่งแวดลอมใกลตัว สิ่งของเครื่องใชที่พบเห็น ครูจัดกิจกรรมเกี่ยวกับคําศัพทเพิ่มเติม โดยการใหนักเรียนคนหาคําศัพทใน
อยูเ สมอ โดยเฉพาะเครือ่ งมือในการประกอบอาชีพ สิง่ ทีเ่ กีย่ วของกับการทํา- บทเรียน เริ่มจากครูบอกคําศัพทมา 1 คํา แลวใหนักเรียนหาคําศัพทจากเนืื้อเรื่อง
มาหากิน ซึ่งคนสมัยกอนทําอาชีพเกษตรกรรม ปลูกพืช เลี้ยงสัตวเปนหลัก ใหถูกตอง จากนั้นใหนักเรียนทุกคนหรือครูอาจสุมนักเรียนบางคนมาอธิบาย
สํานวนสุภาษิตจึงมักกลาวถึงสัตวที่ใกลชิดกับมนุษย ปรากฏการณทาง ความหมายของคําศัพทนั้นที่ปรากฏอยูในเนื้อเรื่อง นักเรียนจดบันทึกคําศัพท
ธรรมชาติ ดังนั้น การมีความรูรอบตัวในสาระความรูวิชาตางๆ เชน และความหมายที่ไดจากการทํากิจกรรมคนหาคําศัพทลงในสมุด โดยเรียงตาม
วิทยาศาสตร งานเกษตร จะเปนประโยชนตอการเรียนรูสุภาษิตและ พจนานุกรมใหถูกตอง
วรรณกรรม
คูมือครู 49
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ทํารายงาน
โดยยกเหตุการณหรือสถานการณในปจจุบันที่ ค�าศัพท์ ความหมาย
นักเรียนคิดวาเปนปญหา มารวมกันอภิปรายและหา อย่าตีสุนัขห้ามเห่า อย่าขัดขวางผู้ที่ปฏิบัติตามหน้าที่ หรืออาจแปลอีกอย่าง
แนวทางการแกไขปญหา โดยใชขอคิดและคติ ว่าอย่าท�าสิ่งที่สวนทางกับธรรมชาติ
คําสอนจากสุภาษิตพระรวง อย่าเบา อย่าเชื่อคนง่าย
(แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลายขึ้นอยูกับ อย่าปลุกผีกลางคลอง อย่าท�าสิ่งที่ไม่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานที่หรืออย่าท�าสิ่งที่
ประสบการณของนักเรียน ครูพิจารณาวาเหตุการณ ไม่สมควร เพราะอาจน�าภัยมาสู่ตนเอง
ที่นักเรียนยกมาตรงตามคําศัพทในบทเรียนหรือไม อย่าแผ่เผื่อความผิด อย่าโยนความผิดหรือความไม่ดีให้แก่คนอื่น
โดยครูใหนักเรียนอธิบายเหตุผล ตัวอยางเชน ขาว อย่าพาผิดด้วยหู อย่าด่วนเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
จากไทยรัฐออนไลน วันที่ 19 กรกฎาคม 2555 อย่ามักห้าวพลันแตก อย่าแข็งเกินไป จะก่อให้เกิดอันตรายแก่ตนเอง
http://www.thairath.co.th/content/edu/272801 อย่ายลเยี่ยงถ้วยแตกมิติด อย่าเอาอย่างถ้วย (กระเบื้อง) ซึ่งเมื่อแตกแล้ว ไม่สามารถท�าให้กลับคืนดี
เรื่องการเรียกรองใหกระทรวงพัฒนาสังคมและความ ดังเดิมได้
มั่นคงของมนุษยเปนเจาภาพหลักในการรณรงคการ อย่าริร่านแก่ความ อย่าใจร้อนหาเรือ่ งหรืออย่าหาเหตุกอ่ การวิวาท (ร่าน แปลว่า อยาก)
พนันทุกรูปแบบ หลังการแขงขันฟุตบอลยูโรจบลง อย่าเลียนครู อย่าล้อเลียนครู
รวมถึงใหมีมาตรการแกไขปญหา ฟนฟู ผูติดการ พระมหาเจดีย์ ๔ รัชกาล (ตั้งอยู่ในวัดโพธิ์) มีจารึกเรื่องต่างๆ รวมทั้งจารึกเรื่องสุภาษิตพระร่วง
พนันที่อยากเลิก พรอมทั้งเสนอแนวทางจัดตั้ง
กองทุนเยียวยาสังคมลดปญหาการพนัน จากปญหา
การพนันที่มีแนวโนมการเกิดอาชญากรรมสูงขึ้น
จึงควรมีหนวยงานที่เกี่ยวของทบทวนถึงผลกระทบที่
รุนแรงที่เกิดจากการพนัน โดยขอมูลทางการแพทย
ระบุชัดเจนวา โรคติดการพนันสามารถรักษาใหหาย
ได ดวยการทําพฤติกรรมบําบัดและฟนฟูเยียวยา
จากสถานการณดังกลาวเปนปญหาทางสังคม
ในขณะนี้ ซึ่งเปนเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคล
บางกลุมที่สงผลกระทบตอความปลอดภัยของคนใน
สังคม ตรงกับเนื้อความที่วา “อยาใฝเอาทรัพย
ทาน อยาริรานแกความ ประพฤติตามบูรพระบอบ
เอาแตชอบเสียผิด อยาประกอบกิจเปนพาล” ซึ่งเปน
ขอหามไมใหเอาทรัพยสินของคนอื่นมาเปนของตน
ไมใหมีเรื่องทะเลาะวิวาท ใหประพฤติตามแบบแผน
ที่ดีงาม)
5๐
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดเปนคําสอนที่นํามาใชในการทํางาน
ครูใหนักเรียนสังเกตภาพพระมหาเจดีย ๔ รัชกาล (ในหนา ๕๐) แลวศึกษา
1. อยาพาผิดดวยหู
หาความรูเพิ่มเติมในบริบทที่เกี่ยวของกับสุภาษิตพระรวงดานการเมืองการปกครอง
2. อยาเขาแบกงาชาง
ประเพณีวัฒนธรรมในสมัยสุโขทัย จากนั้นอภิปรายแลกเปลี่ยนความรูในชั้นเรียน
3. อยาโดยคําคนพลอด
4. อยายลเยี่ยงถวยแตกมิติด
วิเคราะหคําตอบ อยาพาผิดดวยหู คือ อยาดวนเชื่อในสิ่งที่ไดยิน อยาเขา
แบกงาชาง คือ อยาทําการเสี่ยงภัยอันใดโดยไมเกิดประโยชน อยาโดยคํา
คนพลอด คือ อยาเชื่อตามคําพูดที่หวานหู และอยายลเยี่ยงถวยแตกมิติด
คือ อยาเอาอยางถวยที่เมื่อแตกแลว เพราะถวยที่แตกแลว ไมสามารถทําให
ดีไดดังเดิม ดังนั้น สํานวนที่สอนเกี่ยวกับการทํางาน คือ อยาเขาแบกงาชาง
สอนใหระวังอยาทํางานที่เสี่ยงภัยโดยไมเกิดประโยชนกับตนเองหรือผูอื่น
ตอบขอ 2.
50 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับคําวา “พระรวง”
บอกเล่าเก้าสิบ ดังหัวขอตอไปนี้
• ความเปนมา
พระร่วง • คําศัพท “พระรวง”
พระร่วง สันนิษฐานกันว่าเป็นค�าที่ใช้เรียกกษัตริย์สมัยสุโขทัย โดยไม่เจาะจงว่าเป็น 2. ครูสุมนักเรียน 2-3 คน มานําเสนอหนาชั้นเรียน
พระองค์ใด นอกจากนี้ ยังมีนัยที่แสดงให้เห็นถึงความโบราณเก่าแก่จนไม่สามารถสืบหาที่มา
หรือต้นตอที่แท้จริงของเรื่องราวได้ เช่นเดียวกับสุภาษิตพระร่วง ซึ่งไม่ปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจน ขยายความเขาใจ Expand
ว่าแต่งขึ้นในสมัยใด แต่เชื่อกันมาแต่เดิมว่าอาจแต่งขึ้นในสมัยสุโขทัยและได้มีการคัดลอกสืบต่อ
กันมาเป็นเวลาช้านาน จึงมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างไรก็ตาม ค�าว่า 1. นักเรียนบันทึกประสบการณการอานเกี่ยวกับ
พระร่วงยังถูกน�าไปใช้เป็นชือ่ เรียกสิง่ ของและสถานทีต่ า่ งๆ อย่างเช่น “พระรวง”
ข้าวตอกพระร่วง ในทางธรณีวิทยาถือว่าเป็นแร่โลหะ (แนวตอบ นักเรียนสามารถเขียนเกี่ยวกับพระรวง
ชนิดหนึง่ ชือ่ ว่า แร่ไพไรต์ (Pyrite) แต่ในทางต�านาน เชือ่ กันว่าเกิดจาก ไดหลากหลายขึ้นอยูกับความรูและประสบการณ
วาจาสิทธิ์ของพระร่วงในขณะออกผนวช วันหนึ่งเมื่อฉันภัตตาหาร
เสร็จ ข้าวทีเ่ หลือก้นบาตรท่านได้โปรยลงบนลานวัดและอธิษฐานว่า
ของนักเรียน ตัวอยางเชน วรรณคดีเรื่อง
ขอข้าวนี้กลายเป็นหินและมีอายุยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน ไตรภูมิพระรวง เปนพระราชนิพนธในพระมหา-
แก้งขี้พระร่วง เป็นไม้ยืนต้น เปลือกสีเทา ก้านใบและ ธรรมราชาลิไท โดยมีพระประสงคที่จะเทศนา
ช่อดอกมีขนนุม่ สัน้ ใบเป็นรูปไข่แกมรูปใบหอก ดอกมีขนาดเล็กออก โปรดพระมารดา และเพื่อจําเริญพระอภิธรรม
เป็นช่อสั้นๆ ตามง่ามใบ ผลรูปไข่ แต่ปลายผลเป็นติ่ง เนื้อไม้มีกลิ่น ไตรภูมิพระรวงเปนหลักฐานชิ้นหนึ่งที่แสดงให
เหม็นคล้ายกลิน่ อุจจาระ มักน�ามาปรุงเป็นยาขับพยาธิไส้เดือนในเด็ก เห็นถึงพระปรีชาสามารถอยางลึกซึ้งในดาน
ในทางต�านานเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระร่วงประพาสป่า เสด็จไปลงพระ- พระพุทธศาสนาของพระมหาธรรมราชาลิไทที่
บังคน เมื่อแล้วเสร็จทรงหยิบไม้ใกล้ๆ พระองค์มาทรงช�าระแล้วโยน
ไม้นั้นก็เกิดเป็นต้น1ไม้และขยายพันธุ์มาจนทุกวันนี้
ทิ้งไป ไม้
ทรงรวบรวมขอความตางๆ ในคัมภีรพระพุทธ
ท�านบพระร่วงง หรือสรีดภงค์ เป็นท�านบกั้นน�้าหรือเขื่อน ศาสนา นับแตพระไตรปฎก อรรถกถา ฎีกา
ตั้ ง อยู ่ ตรงบริเวณที่ถูกขนาบด้วยภูเขาสองลูกเป็นรูปก้ามปู คือ และปกรณพิเศษตางๆ มาเรียบเรียงขึ้นเปน
เขาพระบาทใหญ่และเขากิว่ อ้ายมา ภูเขาทัง้ สองลูกนีอ้ ยูใ่ นทิวเขาหลวง วรรณคดีโลกศาสตรเลมแรกที่แตงเปนภาษาไทย
ด้านหลังตัวเมืองสุโขทัยเก่า คนท้องถิ่น ต�าบลเมืองเก่า อ�าเภอเมือง เทาที่มีหลักฐานอยูในปจจุบันนี้)
จังหวัดสุโขทัยเรียกร่องรอยคันดินโบราณเพือ่ การชลประทานแห่งนี้ 2. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน มาเลาเรื่องเกี่ยวกับ
ว่า ท�านบพระร่วง เนือ่ งจากเชือ่ กันสืบมาว่ากษัตริยส์ โุ ขทัยพระองค์ใด พระรวงหนาชั้นเรียน
พระองค์หนึ่งทรงสร้างขึ้น จึงถือว่าเป็นของที่ท�าหรือเกิดขึ้นด้วย
อิทธิฤทธิ์ของพระร่วง
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนบอกความหมายของคําศัพทใน
บทเรียนได
2. นักเรียนยกคําศัพทใหตรงกับโคลงที่กําหนดได
51 3. นักเรียนเลาเรื่องเกี่ยวกับพระรวงจาก
ประสบการณได
บูรณาการเชื่อมสาระ
สุภาษิตพระรวง บางตอนแปลจากพุทธศาสนสุภาษิตโดยตรง บางตอน นักเรียนควรรู
ดัดแปลงมาจากศาสนธรรม เชน อยาใฝเอาทรัพยทาน ดัดแปลงมาจาก
1 ทํานบพระรวง มีลักษณะเปนคันดินไมสูงนัก รวมทั้งมิไดมีสภาพการกอสราง
“อทินนาทานา เวรมณี” หมายความวา เวนจากการลักทรัพย เปนตน สวนที่
ที่แข็งแรงพอ จึงอาจที่จะวิเคราะหไดวา คันดินโบราณที่เรียกวาทํานบพระรวงนี้
แปลมาจากพุทธศาสนสุภาษิตมีอยูมาก เชน “เอาแตชอบเสียผิด” คือ
มิไดทําหนาที่เปนเขื่อนกักเก็บนํ้าเหมือนกับเขื่อนดินที่กรมชลประทานมาสรางไว
ตํ คณเยยยํ ยทปณณกํ หมายความวา สิ่งใดไมผิดถือเอาสิ่งนั้น “อยาประกอบ
ทํานบพระรวงของเดิมจะทําหนาที่บังคับทิศทางของนํ้าที่มีมากในฤดูฝน มิใหไหลลน
กิจเปนพาล” คือ ปาปานิ ปริวชฺชเย หมายความวา พึงละเวนกรรมชั่วทั้งหลาย
ไปในทิศทางอื่นที่มิใชทิศทางไปสูเมืองสุโขทัย แตจะทําหนาที่เบนนํ้าทั้งหมดที่ไหล
เปนตน สุภาษิตพระรวงเปนวรรณกรรมที่ไดรับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนา
มาจากเขาทั้งสองลูกนี้ใหไหลลงไปในคลองเสาหอทั้งหมด เพื่อนําไปสูคูเมืองสุโขทัย
ดังนั้นการบูรณาการความรูระหวางวรรณคดีและวรรณกรรมกับกลุมสาระการ
เรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนาเขาดวยกัน
จะทําใหนักเรียนเขาใจหลักคิด ความเชื่อ ของคนในสังคมไทยทั้งในอดีตและ มุม IT
ปจจุบันมากขึ้น
ศึกษาเกี่ยวกับทํานบพระรวงและการปรับปรุงตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบันเพิ่มเติม
ไดที่ http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=4b6fc8c325dd4756
คูมือครู 51
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูยกขอคิดหรือคติคําสอนของบุคคลสําคัญ
หรือของครูเอง โดยเลือกที่เหมาะกับนักเรียนมา ๖ บทวิเคราะห์
พูดใหนักเรียนฟง นักเรียนแสดงความคิดเห็นวา เนื่องจากเนื้อความของสุภาษิตพระร่วง มีที่มาจากการรวบรวมค�าสอนหรือสุภาษิตเก่าแก่
นักเรียนจะนําขอคิดหรือคติคําสอนนั้นไปใชใน ตั้งแต่สมัยโบราณเข้าไว้ด้วยกัน จึงไม่1มีการเรียงล�าดับเนื้อความที่แน่นอน แต่สามารถสรุปได้ว่า
ชีวิตไดหรือไม อยางไร เนื้อความหรือค�าสอนในสุภาษิตพระร่วง แบ่งออกเป็น ๒ ลักษณะด้วยกัน ได้แก่ ค�าสอนที่เป็นข้อห้าม
ตัวอยางเชน และค�าสอนที่เป็นค�าแนะน�า ดังตัวอย่างต่อไปนี้
• “ปญญาดียอมมีความสุข คนมีปญญายอมใช
ปญญาในการแกปญหาเพื่อใหพนทุกข ดังนั้น ค�ำสอนที่เป็นข้อห้ำม ➝ อย่าใฝ่เอาทรัพย์ท่าน อย่าประกอบกิจเป็นพาล
สําหรับคนมีปญญา วิกฤตอยูไหน ปญญา อย่าอวดหาญแก่เพื่อน อย่าชังครูชังมิตร อย่ามีปากว่าคน
อยูนั่น สวนคนดอยปญญา โอกาสอยูไหน อย่าขุดคนด้วยปาก อย่าถากคนด้วยตา อย่านั่งชิดผู้ใหญ่
วิกฤตอยูนั่น จงเรียนรูที่จะเปลี่ยนปญหาให อย่าใฝ่ตนให้เกิน
เปนปญญา เปลี่ยนอุปสรรคเปนอุปกรณ ค�ำสอนที่เป็นค�ำแนะน�ำ ➝ ผิจะบังบังจงลับ ผิจะจับจับจงมั่น ผิจะคั้นคั้นจงตาย
(ว. วชิรเมธี) ทีม่ ีภัยพึงหลีก โอบอ้อมเอาใจคน คนโหดให้เอ็นดู
• “ผูที่ออนแอไมสามารถใหอภัยใครได เพราะ เมือ่ น้อยให้เรียนวิชา ประพฤติตามบูรพระบอบ
การใหอภัยนั้นนับเปนความเขมเเข็งที่เเทจริง”
(มหาตมะ คานธี) ๖.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา
2. ครูใหนักเรียนมีสวนรวมในการแสดงความ ค�าสอนในสุภาษิตพระร่วง เป็นการสอนอย่างกว้างๆ ครอบคลุมทั้งคติทางโลกและ
คิดเห็น โดยใหนักเรียนบอกขอคิดหรือคติ ทางธรรม สามารถน�าไปปฏิบัติได้จริงในชีวิต จึงท�าให้สุภาษิตพระร่วงมีคุณค่าในด้านเนื้อหา ดังนี้
คําสอนประจําใจของตนเอง ๑) ข้ อ คิ ด และคติ ท างโลก สุภาษิตพระร่วงมีเนื้อหามุ่งสอนให้รู้วิธีด� าเนินชีวิต
และการปฏิบัติในด้านต่างๆ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นอย่างเหมาะสม เพื่อความสงบสุขในสังคม เช่น
สํารวจคนหา Explore ๑.๑) ความส� า คั ญ ของการศึ ก ษาหาความรู ้ สุภาษิตพระร่วงมีค�าสอนที่สื่อ
1. นักเรียนศึกษาสุภาษิตพระรวง แลวคนหาขอคิด ให้เห็นคุณค่าของการศึกษาเล่าเรียน เช่น เมื่อน้อยให้เรียนวิชา เป็นคนเรียนความรู้
และคติทั้งทางโลกและทางธรรม ๑.๒) ข้อคิดในการท�างาน สุภาษิตพระร่วงมีค�าสอนให้ประกอบอาชีพหรือ
2. นักเรียนพิจารณาการใชคําและลักษณะเดนทาง การท�างานที่สุจริตและไม่เกิดโทษ เช่น อย่ากอปรกิจเป็นพาล ให้หาสินเมื่อใหญ่ อย่าท�าการที่ผิด
วรรณศิลปอื่นๆ ในสุภาษิตพระรวง คิดขวนขวายที่ชอบ
๑.๓) ความส�าคัญของการพูด สุภาษิตพระร่วงมีค�าสอนให้รู้กาลเทศะหรือ
จังหวะเวลาในการพูด รู้จักรับผิดชอบในสิ่งที่พูด รู้จักคิดก่อนพูด และไม่พูดเท็จ เช่น
➝ ยอครูยอต่อหน้า ยอข้าเมื่อแล้วกิจ
ยอมิตรเมื่อลับหลัง ลูกเมียยังอย่าสรรเสริญ
52
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดเปนความหมายของสุภาษิตพระรวงที่วา “อยาเขาแบกงาชาง”
1 คําสอนในสุภาษิตพระรวง จะใชเปนเกณฑในการจําแนกวรรณคดีจากที่ได
1. เพราะงาเปนของมีคาไมควรนํามาแบกเลน
พิจารณาเนื้อหาและเนื้อเรื่องวาเปนเรื่องที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ทั้งโดยตรงและ
2. เพราะงาไมใชของเลนที่จะนํามาแบกได
ที่มีอิทธิพลมาจากความเชื่อทางศาสนา จึงอาจจัดสุภาษิตพระรวงใหเปนวรรณคดี
3. เพราะงาชาหนักอาจถูกงาทับได
ศาสนาหรือวรรณคดีสุภาษิต ซึ่งรวมเปนประเภทเดียวกัน
4. เพราะอาจถูกชางแทงได
วิเคราะหคําตอบ งาชางเปนสิ่งที่มีคา ทั้งนี้เพราะเอามายากและเสี่ยงตอ
การถูกชางทําราย เสี่ยงตอการถูกชางแทง การเขาแบกงาชางเปนการทําโดย
ไมคุมกับผลประโยชนที่จะไดรับ จึงมีคําสอนเตือนวา “อยาเขาแบกงาชาง”
ตามความหมายที่กลาววา อยาทําอะไรที่เสี่ยงโดยไมคุมคากับผลที่จะไดรับ
อยาเอาชีวิตเขาเสี่ยงเพื่อแลกกับงาชาง ตอบขอ 4.
52 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความสัมพันธระหวางคติทางโลก
รับผิดชอบในสิ่งที่พูด ➝ โต้ตอบอย่าเสียค�า และทางธรรม
คิดก่อนพูด ➝ คิดแล้วจึงเจรจา (แนวตอบ คติทางโลกเปนหลักในการดําเนินชีวิต
ไม่จับผิดค�ำพูดคนอื่น ➝ อย่าจับลิ้นแก่คน ประจําวัน เปนวิถีในการปฏิบัติตนทั่วไป เชน การ
1 ศึกษาหาความรู การทํางาน การพูดใหถูกกาลเทศะ
ไม่พูดเท็จ ➝ อย่าริกล่าวค�าคด เจรจาตามคดี
เจรจาตามคดี
เปนตน ในขณะที่คติทางธรรมเปนสิ่งที่คอยควบคุม
๑.๔) มารยาทในการเข้าสังคม การใช้ชีวิตอยู่ในสังคม ย่อมต้องพบปะกับ
กํากับความคิดและพฤติกรรมของคนในสังคม ใหคิด
ดี พูดดี และทําดี อันกอใหเกิดสิ่งที่ดีทั้งตอผูปฏิบัติ
บุคคลอื่นๆ อยู่เสมอ จึงต้องปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับโอกาสและบุคคล เช่น ไปเรือนท่านอย่านั่งนาน
ผูอื่น และสังคม จึงสรุปไดวาเราตองนําคติทางธรรม
อย่านั่งชิดผู้ใหญ่ จงนบนอบผู้ใหญ่
มาใชรวมกันกับคติทางโลก จึงจะบังเกิดความสุข
๑.๕) การรู้จักปรับตัวในสังคม เช่น น�้าเชี่ยวอย่าขวางเรือ เข็นเรือทอดทางถนน
ความสําเร็จในชีวิต)
๑.๖) การประหยัด เช่น ของแพงอย่ามักกิน
๑.๗) การด�าเนินชีวิตครอบครัวให้มีความสุข เช่น การเรือนตนเร่งคิด จงเร่ง ขยายความเขาใจ Expand
ระมัดฟืนไฟ ความในอย่าไขเขา ภายในอย่าน�าออก ภายนอกอย่าน�าเข้า
๑.๘) การให้ความส�าคัญของญาติพี่น้องที่มีสายเลือดเดียวกัน ให้มากกว่า นักเรียนยกขอความที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับ
คนนอกครอบครัว เช่น อย่ารักห่างกว่าชิด ขอคิดและคติคําสอนทางโลกหรือทางธรรมที่นักเรียน
๑.๙) การรับราชการ มุ่งเน้นสอนผู้ที่ท�างานใกล้ชิดเจ้านาย ต้องเป็นผู้รู้จัก พบเห็นในชีวิตประจําวัน จากสื่อตางๆ ไดแก
ระมัดระวังตน รู้จักการเคารพนับถือกันตามล�าดับชั้น ดังที่เคยปฏิบัติกันมาแต่อดีต เช่น อย่าออกก้าง หนังสือพิมพ วารสาร/นิตยสาร วิทยุ โทรทัศน
ขุนนาง คบขุนนางอย่าโหด อาสาเจ้าจนตัวตาย อาสานายจนพอแรง เฝ้าท้าวไทอย่าทะนง เจ้าเคียดอย่า และอินเทอรเน็ต เปนตน จากนั้นใหนักเรียนแสดง
ความคิดเห็น
เคียดตอบ
(แนวตอบ ตัวอยางเชน บทสัมภาษณณเดชน
๒) ข้อคิดและคติทางธรรม เป็นค�าสอนที่เชื่อมโยงกับหลักศาสนา จริยธรรม และ
คูกิมิยะ ในนิตยสารซีเคร็ต ปที่ 4 ฉบับที่ 97 วันที่
คุณธรรมมีหลายด้าน เช่น
10 กรกฎาคม 2555 หัวเรื่อง “เผยเบื้องหลังซูเปอร
๒.๑) สอนให้มีศีล มีธรรม และมีความเมตตา เช่น อย่าใฝ่เอาทรัพย์ท่าน เมตตา
สตาร พรอมเปดตัวมารดาผูเปนดั่งลมใตปก” จาก
ตอบต่อมิตร สร้างกุศลอย่ารู้โรย อย่ามัวเมาเนืองนิตย์ อย่ากริ้วโกรธเนืองนิตย์ คําถามทีว่ า “โลกทุกวันนีเ้ ต็มไปดวยสารพัดสิง่ มีทงั้ ดี
๒.๒) สอนให้มีความโอบอ้อมอารี เช่น ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง พึงผันเผื่อต่อญาติ และไมดี คิดวาการเปนวัยรุนที่อยูในศีลธรรมยาก
โอบอ้อมเอาใจคน แคไหนครับสําหรับตัวเอง” ณเดชนตอบคําถามวา
๒.๓) สอนให้มีความกตัญญูรู้คุณ เช่น อย่าชังครูชังมิตร ครูบาสอนอย่าโกรธ “จริงๆ แลวไมยากนะครับ เพียงแตเราจะมีสติพอที่
ทดแทนคุณท่านเมื่อยาก อย่าเลียนครูเตือนด่า จะนํามาใชใหเหมาะกับวัยและสถานะของตัวเอง
๒.๔) สอนให้ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท เช่น เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า เดินทาง อยางไร วัยรุนเปนวัยอยากรูอยากเห็น มีสิ่งที่ตอง
อย่าเดินเปลี่ยว ที่สุ้มเสือจงประหยัด จงเร่งระมัดฟืนไฟ เรียนรูม ากมาย แตกค็ วรมีศลี ธรรมกํากับชีวติ สิง่ หนึง่
ที่วัยรุนสมัยนี้ขาดคือ เวลาที่ควรจะมีใหครอบครัว
53 เอาใจใสครอบครัว รวมถึงการดูแลขางในตนเอง...
คือมีสติและความคิดอยางการมองโลกในแงดี”)
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนบอกขอคิดและคติคําสอนที่นําไปปรับใชไดเหมาะสมและ ครูแนะแนวทางในการคนหาขอมูลจากสื่อการเรียนรูอยางเหมาะสม โดยครูอาจ
สอดคลองกับชีวิตประจําวันของนักเรียน จัดกิจกรรมพานักเรียนไปเรียนรูที่หองสมุด ใหนักเรียนเลือกสืบคนความรูตางๆ
จากหองสมุด แลวใหนักเรียนบันทึกความรูที่ไดลงสมุด ครูแนะนักเรียนเพิ่มเติมวา
ใหนักเรียนระบุแหลงที่มาของขอมูลใหครบถวนชัดเจน
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
นักเรียนยกสถานการณปจจุบันที่เปนปญหา แลวใหนักเรียนพิจารณาวา
จะนําขอคิดและคติคําสอนในสุภาษิตพระรวงไปปรับใชในการปองกันหรือ 1 คดี มีความหมายวา เรื่อง “การเจรจาตามคดี” จึงหมายถึงการพูดคุยตาม
แกไขปญหานั้นไดอยางไร เรื่อง คือ พูดกันอยางตรงไปตรงมา ไมออกนอกเรื่องไมบิดเบือนเรื่อง หรือพูดจา
คลุมเครือชวนใหเขาใจผิด สับสน กอกวนใหการสนทนาพูดคุยกันไมเปนผลสําเร็จ
ทั้งนี้คําวา “คดี” มักใชประกอบคําศัพทอื่นๆ เชน โบราณคดี วรรณคดี สารคดี
คดีโลก คดีธรรม เปนตน
คูมือครู 53
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานวรรณศิลป
• การใชคํานอยแตกินความมาก ๒.๕) สอนให้เป็นผู้รู้ประมาณ เช่น อย่าใฝ่ตนให้เกิน มีสินอย่าอวดมั่ง รักตน
(แนวตอบ สุภาษิตพระรวงแตงดวยรายสุภาพ กว่ารักทรัพย์ อย่าใฝ่สูงให้พ้นศักดิ์
ซึ่งมีขอจํากัดเรื่องจํานวนคํา ทําใหแตละวรรค ๖.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
จําเปนตองใชคําสั้น กระชับ แตมีใจความ สุภาษิตพระร่วงแต่งด้วยร่ายสุภาพที่มีสัมผัสคล้องจอง จดจ�าง่าย มีความไพเราะ
มาก) และยังมีประโยชน์ต่อการศึกษาภาษาไทย ด้วยท�าให้มีความรู้เรื่องค�าศัพท์และส�านวนเก่าที่ใช้กันมา
2. นักเรียนพิจารณาการใชคําในสุภาษิตพระรวง ตั้งแต่ครั้งอดีต ท�าให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของภาษาที่เป็นไปตามกาลเวลา คุณค่าด้านวรรณศิลป์
เปรียบเทียบกับปจจุบัน และอธิบายการ ของสุภาษิตพระร่วงมีดังต่อไปนี้
เปลี่ยนแปลงของภาษาอยางกวางๆ
๑) การใช้ค�าน้อยแต่กินความมาก เนื่องจากสุภาษิตพระร่วงแต่งด้วยร่ายสุภาพ
(แนวตอบ การใชคําในสุภาษิตพระรวงไมมีการ
ซึ่งมีข้อจ�ากัดเรื่องจ�านวนค�า ท�าให้ในแต่ละวรรคจ�าเป็นต้องใช้ค�าน้อยแต่ให้ได้ใจความมาก ผู้อ่าน
ใชคําสันธาน ไมมีสวนขยายหรือรอยเรียงเปน
ต้องตีความให้ถูกต้องจึงจะเข้าใจความหมายที่แท้จริง เช่น
ประโยคความรวมและความซอน ใชคํานอยแต
1
กินความมาก ใชคําสั้นกระชับซึ่งแตกตางจากคํา ลำงคลอง มีความหมายว่า ไม่ควรรื้อฟื้นเรื่องราวที่ได้ยุติหรือ
อย่ำปลุกผีกลำงคลอง
ที่ใชในปจจุบันที่ใชคําจํานวนพยางคมากขึ้นและ สิ้นสุดลงไปแล้วขึ้นมาใหม่ ในขณะที่การงานก�าลังด�าเนินไปได้ด้วยดีหรือในระหว่างที่อยู่
มีลักษณะเปนคําซอน เชน “จงเรงระมัดฟนไฟ” ในภาวะคับขัน เป็นค�าสอนที่เป็นความเปรียบและแสดงให้เห็นถึงความเชื่อของคนในอดีต
ปจจุบันใชเปน “ระมัดระวัง” “นอบตนตอผูเฒา” ที่ถือกันว่าเมื่อน�าวิญญาณไปถ่วงน�้า (คลอง) แล้ว ไม่ควรปลุกหรือเรียกวิญญาณนั้นให้
ปจจุบันใชเปน “นบนอบ” หรือ “นอบนอม” ฟื้นขึ้นมาอีก อันเป็นการกระท�าที่ไม่มีเหตุผลและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด
เปนตน)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดคือคุณคาดานวรรณศิลปของสุภาษิตพระรวง
1 อยาปลุกผีกลางคลอง ตรงกับสํานวนปลํ้าผีลุก ปลุกผีนั่ง หมายความวา
1. มีการเลนเสียงสัมผัสคลองจองในวรรค
พยายามทําเรื่องที่จบใหกลับเปนเรื่องขึ้นมาใหม สํานวนนี้มีที่มาจากความเชื่อของ
2. มีการพรรณนาดวยภาษาสละสลวย
คนสมัยกอนวา อาจใชเวทมนตรปลุกคนตายขึ้นมา เพื่อใชใหทําการอยางใดอยาง
3. มีการใชภาพพจนอติพจน
หนึ่งได
4. มีขอคิดคําสอน
วิเคราะหคําตอบ ลักษณะทางวรรณศิลปของสุภาษิตพระรวงมีการใชคํานอย
แตกินความมาก ใชคําไมเยิ่นเยอ จึงไมมีการพรรณนาดวยภาษาสละสลวย
ตามขอ 2. อีกทั้งไมมีการใชภาพพจนอติพจน ซึ่งเปนการกลาวเกินจริงตาม
ขอ 3. สวนขอคิดคําสอนในขอ 4. เปนสิ่งที่สามารถนําไปปฏิบัติไดจริง แต
ทั้งนี้ขอคิดคําสอนไมใชคุณคาดานวรรณศิลปแตเปนคุณคาดานเนื้อหา คุณคา
ดานวรรณศิลป คือ การเลนเสียงสัมผัสในวรรคทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร
ตอบขอ 1.
54 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1 นักเรียนอธิบายการสรรคําในสุภาษิตพระรวง
๓) การสรรค�า สุภาษิตพระร่วง เป็นร่ายที่ใช้ภาษาได้อย่างกระชับตรงไปตรงมา จากประเด็นตอไปนี้
แต่มีสัมผัสคล้องจอง จึงจดจ�าได้ง่ายและมีความไพเราะ โดยเฉพาะจากการเล่นเสียงและการเล่นค�า • การเลนเสียง
ดังนี้ (แนวตอบ มีการเลนเสียงสัมผัสทั้งเสียงสัมผัส
๓.๑) การเล่นเสียง เป็นการเล่นเสียงสัมผัส ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร สระและสัมผัสอักษรในวรรคเดียวกัน
ในวรรคเดียวกัน เช่น การเลนเสียงอักษร เชน
สัมผัสอักษร
“สูเสียสินอยาเสียศักดิ์” สู-เสีย-สิน-เสีย-ศักดิ์
อย่าเคลื่อนคลำดคลำถอย เล่นเสียงสัมผัสอักษร คือ เคลื่อน-คลาด-คลา
เปนตน การเลนเสียงสระ เชน “อยาเบียด
เสียดแกมิตร” เบียด-เสียด เปนตน)
อย่าก รธเนืองนิตย์ เล่นเสียงสัมผัสอักษร คือ กริ้ว-โกรธ, เนื อง-นิตย์
• การเลนคํา
ช้างไล่แล่นเลี่ยงหลบ เล่นเสียงสัมผัสอักษร คือ ไล่-แล่น-เลี่ยง-หลบ
(แนวตอบ ลักษณะการเลนคําในสุภาษิต-
สู้เสียสินอย่าเสียศักดิ์ เล่นเสียงสัมผัสอักษร คือ สู้-เสีย-สิน-เสีย-ศักดิ์
พระรวง มีการซํ้าคํา เชน คําวา “ยอ” ความ
สัมผัสสระ วา “ยอครูยอตอหนา ยอขาเมื่อแลวกิจ ยอ
อย่าตีปลำหน้ำไซ เล่นเสียงสัมผัสสระ คือ ปลา-หน้า มิตรเมื่อลับหลัง” ซํ้าคําวา “อยา” ในความวา
อย่ากอปรจิตริษยา เล่นเสียงสัมผัสสระ คือ จิต-ริษ(ยา) “อยารักเหากวาผม อยารักลมกวารักนํ้า
อย่าเบียดเสียดแก่มิตร เล่นเสียงสัมผัสสระ คือ เบียด-เสียด อยารักถํ้ากวาเรือน อยารักเดือนกวาตะวัน”
พลันฉิบหำย ม้วย เล่นเสียงสัมผัสสระ คือ หาย-วาย เปนตน ซึ่งการเลนคําในลักษณะนี้เปนการ
๓.๒) การเล่นค�า การเล่นค�าโดยเฉพาะการซ�้าค�าที่ต้นวรรค ภายในวรรค และ เนนเจตนาของกวีใหมีนํ้าหนักมากขึ้น)
ระหว่างวรรค ช่วยเน้นย�้าความหมายและยังได้ความไพเราะจากเสียงสัมผัสที่คล้องจอง เช่น
ขยายความเขาใจ Expand
ยอครูยอต่อหน้า ยอข้าเมื่อแล้วกิจ ยอมิตรเมื่อลับหลัง
นักเรียนจับคูกันแตงคําประพันธเรื่องที่นักเรียน
อย่ำถากคนด้วยตา อย่ำพาผิดด้วยหู อย่ำเลียนครูเตือนด่า อย่ำริกล่าวค�าคด
สนใจดวยรายสุภาพ ใหมีลักษณะการเลนคําโดย
อย่ำรักเหากว่าผม อย่ำรักลมกว่ารักน�า้ อย่ำรักถ�า้ กว่าเรือน อย่ำรักเดือนกว่าตะวัน
การซํ้าคําขึ้นตนประโยค อยางนอย 3 วรรคขึ้นไป
อย่ายลเยี่ยงถ้วยแตกมิติด จงยลเยี่ยงสัมฤทธิ์แตกมิเสีย
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแตงคําประพันธได
ท่ำนรักตนจงรักตอบ ท่ำนนอบตนจงนอบแทน
หลากหลายตามความสนใจของนักเรียน แตครู
รู้ที่ขลาดที่หาญ คนพำลอย่าพำลผิด
พิจารณาวาควรเปนเรื่องที่สรางสรรคเหมาะกับวัย
เข้าเถื่อนอย่ำลืมพร้า หน้าศึกอย่ำนอนใจ ไปเรือนท่านอย่ำนั่งนาน
ของนักเรียน สามารถนําไปเปนขอคิดหรือคติ
ผิจะบังบังจงลับ ผิจะจับจับจงมัน่ ผิจะคัน้ คัน้ จงตาย ผิจะหมายหมายจงแท้ ผิจะแก้แก้จงกระจ่าง
เตือนใจได ตัวอยางเชน “อยานอนตื่นสาย อยาอาย
ทํากิน อยาหมิ่นเงินนอย อยาคอยวาสนา”)
สุภาษิตพระร่วง แม้จะเป็นวรรณคดีที่มีขนาดสั้น แต่คุณค่านั้นมีมากมายด้วยได้
ให้แนวทางในการปฏิบัติตนที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการดÓเนินชีวิต
55
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ผิจะบังบังจงลับ ผิจะจับจับจงมั่น
1 การสรรคํา การสรรคําที่ดีมีประสิทธิผลเปนเครื่องแสดงออกของความเขาใจ
ผิจะคั้นคั้นจงตาย ผิจะหมายหมายจงแท
ความรู และความคิดของผูพูด หรือผูประพันธ ซึ่งไมเพียงแตจะมีความถูกตอง
ขอใดไมใชลักษณะทางวรรณศิลปของบทประพันธขางตน
ชัดเจนตรงเจตนาเทานั้น แตจะตองประกอบดวยความสงางาม โดยคํา ความคิด
1. มีการซํ้าคําทุกวรรค
และวิธีการแสดงออกจะผสมผสานกันอยางกลมกลืน แมถอยคําและวิธีการเรียบ
2. มีการซํ้าคําที่ขึ้นตนวรรค
เรียงคําจะแตกตางกันไปตามยุคสมัย
3. มีการใชคําเลียนเสียงธรรมชาติ
4. มีการเลนเสียงสัมผัสระหวางวรรค
วิเคราะหคําตอบ ลักษณะทางวรรณศิลปของบทประพันธนี้ มีดังนี้ มีการ
เลนเสียงสัมผัสระหวางวรรค คือ ลับ-จับ มั่น-คั้น และตาย-หมาย มีการซํ้า
คําวา “ผิ” ในตนวรรค มีการซํ้าคําทุกวรรค ไดแก “บังบัง” ในวรรคแรก
“จับจับ” ในวรรคที่ 2 “คั้นคั้น” ในวรรคที่ 3 และ “หมายหมาย” ในวรรคที่ 4
ดังนั้นจึงเห็นไดวา สุภาษิตพระรวงไมมีการใชคําเลียนเสียงธรรมชาติ ตอบ
ขอ 3.
คูมือครู 55
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนอธิบายความสัมพันธระหวางคติทางโลก
และคติทางธรรมได
2. นักเรียนยกขอความที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับขอคิด ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
และคติคําสอนทางโลกหรือทางธรรมที่นักเรียน
พบเห็นในชีวิตประจําวันจากสื่อตางๆ ได ๑. สุภาษิตพระร่วงแสดงให้เห็นลักษณะเด่นของภาษาไทยอย่างไรบ้าง
3. นักเรียนยกตัวอยางประโยคที่มีการเปลี่ยนแปลง ๒. คา� สอนในสุภาษิตพระร่วงข้อใดที่นักเรียนสามารถน�ามาประยุกต์ใช้ได้ในการศึกษาเล่าเรียน
ทางภาษาที่นอกเหนือจากตัวอยางในบทเรียนได จงยกตัวอย่างประกอบ
4. นักเรียนแตงคําประพันธเรื่องที่นักเรียนสนใจ ๓. เพราะเหตุใดค�าสอนในวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วงยังคงทันสมัย น�ามาปรับใช้ได้อยู่เสมอ
ดวยรายสุภาพ และคําประพันธที่แตงมีลักษณะ
การเลนคําโดยการซํ้าคําขึ้นตนประโยค
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. เขียนแผนผังลักษณะคําประพันธประเภท
รายสุภาพและโคลงสองสุภาพ
2. จัดปายนิเทศดวยบัตรคําศัพทในบทเรียน
3. รายงานเกี่ยวกับเหตุการณในสังคมที่นําคําสอน
ในสุภาษิตพระรวงไปปรับใชในชีวิตจริง กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้
4. บันทึกขอคิดและคติคําสอนที่นักเรียนประทับใจ กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้นกั เรียนยกตัวอย่างสุภาษิตพระร่วง ทีน่ กั เรียนยึดเป็นคติประจ�าใจได้ในการด�าเนิน
5. แตงคําประพันธเรื่องที่นักเรียนสนใจ ดวยราย ชีวิตคนละ ๑ สุภาษิต พร้อมทั้งบอกวิธีการปฏิบัติตนและผลจากการปฏิบัติ
สุภาพ ใหมีลักษณะการเลนคําโดยการซํ้าคํา กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาค้นคว้าเรื่องสุภาษิต ส�านวน
ขึ้นตนประโยค และค�าพังเพย กลุ่มละ ๑ ตัวอย่าง และช่วยกันวาดภาพประกอบ แล้วน�าไปติดไว้ที่
ป้ายนิเทศ
กิจกรรมที่ ๓ จัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับค�าสอนในสุภาษิตพระร่วงในหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น
สุภาษิตกับวิถีชีวิตไทย คุณค่าสุภาษิตไทย สุภาษิตในวรรณกรรมไทย สุภาษิตกับ
นิทานพื้นบ้าน เป็นต้น
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. สุภาษิตพระรวงแสดงใหเห็นลักษณะเดนของภาษาไทย ดังนี้
1) การเปลี่ยนแปลงของภาษาที่เปนไปตามกาลเวลา
2) การใชคํานอยแตกินความมาก
3) การเลนเสียงเปนการเลนเสียงสัมผัสคลองจอง จดจํางายมีความไพเราะ
4) การเลนคํา การซํ้าคําทําใหเกิดความไพเราะ
2. คําสอนในสุภาษิตพระรวงสามารถนํามาประยุกตใชในการศึกษาเลาเรียน ยกตัวอยางเชน
1) เมื่อนอยใหเรียนวิชา ใหหาสินเมื่อใหญ 2) ครูบาสอนอยาโกรธ
3) อยาชังครูชังมิตร 4) เปนคนเรียนความรู
3. แมเวลาจะผานเลยไปคําสอนในสุภาษิตพระรวงก็คงทันสมัยอยูเสมอ เพราะเปนการสอนทั้งทางคดีโลกและคดีธรรม สอนความเปนไปของชีวิต สามารถนําไปปฏิบัติ
ไดจริงในชีวิต เชน
1) ความสําคัญของการศึกษาหาความรู
2) ความสําคัญของการพูด
3) การรูจักปรับตัวใหอยูในสังคมอยางมีความสุข
4) มีศีลธรรม มีความเมตตา เอื้อเฟออารี มีความกตัญู เปนตน
56 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหากาพยเรื่องพระไชยสุริยา
2. วิเคราะหคุณคากาพยเรื่องพระไชยสุริยา
3. สรุปความรูและขอคิดจากกาพยเรื่อง
พระไชยสุริยา
4. ทองจําบทอาขยานตามความสนใจ
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวินัย
2. ใฝเรียนรู
3. มุงมั่นในการทํางาน
๔
4. รักความเปนไทย
หน่วยที่
กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา กระตุน ความสนใจ Engage
ตัวชี้วัด ครูกระตุนความสนใจของนักเรียนดวยการให
■■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑) ก าพย์เรือ่ งพระไชยสุรยิ าเป็นหนังสือแบบเรียน นักเรียนดูภาพหนาหนวย จากนั้นครูชวนนักเรียน
■■ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน พร้อมยกเหตุผลประกอบ
(ท ๕.๑ ม.๑/๒)
ที่มีคุณค่าและน่าสนใจ เนื่องจากเนื้อเรื่องเป็นนิทาน สนทนาเกี่ยวกับเหตุการณที่อยูในภาพ และให
ช่วยตอบสนองธรรมชาติของเด็ก นับเป็นกุศโลบาย
■■ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓)
อย่างหนึ่งที่ท�าให้บรรยากาศในการเรียนสนุกสนาน
นักเรียนรวมกันเลาเรื่องจากภาพ
สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
• ถานักเรียนอยูในเหตุการณดังภาพหนาหนวย
■■
เกร็ดแนะครู
การสอนใหนักเรียนเกิดความซาบซึ้งในรสวรรณคดีขึ้นอยูกับปจจัยหลาย
ประการ เชน ความเขาใจในเนื้อเรื่อง ความหมายของคําศัพท ความสามารถของ
กวีในการบรรยาย เลาเรื่อง การพรรณนาความงามขององคประกอบตางๆ ในเรื่อง
การเลือกสรรถอยคํามาใช การใชถอยคําเปรียบเทียบอุปมาอุปไมย เปนตน ดังนั้น
จึงควรจัดกิจกรรมใหนักเรียนปฏิบัติใหสอดคลองกับจุดมุงหมายของการเรียน คือ
ใหเกิดความซาบซึ้งในรสวรรณคดีและเขาใจเนื้อเรื่อง
คูมือครู 57
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูเปดวีดิทัศนเกี่ยวกับการอานกาพยเรื่อง
พระไชยสุริยาใหนักเรียนชม จากนั้นใหนักเรียน ๑ ความเป็นมา
บันทึกความประทับใจจากการชมกาพยเรื่อง กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา มีเนื้อหาเป็นนิทานขนาดสั้น มีความยาวเพียง ๑ เล่มสมุดไทย
พระไชยสุริยาลงสมุด สุนทรภู่ได้แต่งขึ้นขณะจ�1าพรรษาอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี ราว พ.ศ. ๒๓๖๘ หรืออาจแต่งขึ้นเมื่อครั้ง
บวชอยู่ที่วัดเทพธิดาราม ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๘๒-๒๓๘๕
สํารวจคนหา Explore สุนทรภู่แต่งกาพย์พระไชยสุริยาขึ้นเพื่อใช้เป็นแบบสอนอ่านและเขียนสะกดค�าในมาตรา
1. นักเรียนศึกษาความเปนมาของกาพยเรื่อง ต่างๆ โดยผูกให้เป็นเรื่องราว เพื่อให้เด็กมีความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการอ่านและการเล่าเรียน
พระไชยสุริยา ศึกษา ครั้นต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย
2. นักเรียนศึกษาและสรุปความรูเกี่ยวกับลักษณะ อาจารยางกูร) ครั้งเป็นหลวงสารประเสริฐ เมื่อแต่งหนังสือมูลบทบรรพกิจ ส�าหรับใช้เป็นแบบเรียน
คําประพันธและเรื่องยอกาพยเรื่อง หนังสือไทยในโรงเรียนหลวง คงเห็นว่ากาพย์ 2 เรื่องพระไชยสุริยาเป็นบทกวีที่ไพเราะ ทั้งอ่านเข้าใจง่าย
พระไชยสุริยาลงสมุด จึงได้น�ามารวมไว้ในหนังสือมูลบทบรรพกิจ
ºÍ¡àÅ‹Òà¡ŒÒÊÔº
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความเปนมาของกาพยเรื่อง โอเอวิหารราย
พระไชยสุริยาพรอมทั้งตอบคําถาม ความสําคัญของกาพยเรื่องพระไชยสุริยา นอกจากจะเปนแบบเรียนสอนอานที่มีคุณคาดาน
(แนวตอบ กาพยพระไชยสุริยาเปนแบบเรียน เนือ้ หาแลว ยังมีการนํามาเปนบทสวดทีเ่ รียกวา การสวดโอเอวหิ ารราย คือ การสวดกาพยเปนทํานอง
ตามศาลารายรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันเขาพรรษา วันกลางพรรษา และ
ที่สุนทรภูแตงขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 แหงกรุง- วันออกพรรษา สันนิษฐานวามีมาตั้งแตสมัยอยุธยา เรื่องที่นิยมนํามาสวด คือ มหาชาติ ตอมา
รัตนโกสินทร ทานสุนทรภูแตงขึ้น เมื่อประมาณ พ.ศ. สมัยรัตนโกสินทร พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัวโปรดเกลาฯ ใหมีการสวดโอเอวิหารราย
2382-2385 ขณะที่บวชเปนพระอยูที่วัดเทพธิดาราม ในชวงเขาพรรษาโดยนํากาพยเรือ่ งพระไชยสุรยิ ามาสวดเปนครัง้ แรก เนือ่ งจากการใชบทสวดมหาชาติ
ทานแตงเปนกาพยซึ่งแทรกความรูเกี่ยวกับภาษาไทย มีผูสนใจฟงนอย
ในเรื่องของมาตราตัวสะกดแมตางๆ นอกจากนั้น
ยังสอดแทรกคติธรรมตางๆ ที่เปนประโยชนอีกดวย
ครั้นตอมาในรัชกาลที่ 5 เมื่อพระยาศรีสุนทรโวหาร
(นอย อาจารยางกูร) แตงหนังสือมูลบทบรรพกิจ
สําหรับใชเปนแบบเรียนหนังสือไทยในโรงเรียนหลวง
คงเห็นวากาพยเรื่องพระไชยสุริยานี้เปนบทกวีนิพนธ
ที่ไพเราะทั้งอานเขาใจงายและเปนคติจึงนํามาบรรจุ
ไวในมูลบทบรรพกิจเปนตอนๆ ตั้งแตแม ก กา
ไปจนจบแมเกย ในการศึกษากาพยพระไชยสุริยา การสวดโอ้เอ้วิหารรายในปจจุบัน ศาลารายรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ผูเรียนจะไดเรียนรูเกี่ยวกับลักษณะการแตง
คําประพันธประเภทกาพย ไดแก กาพยยานี 11 58
กาพยฉบัง16 และกาพยสุรางคนางค 28)
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู การอานบทรอยกรองกาพยเรื่องพระไชยสุริยาใหไพเราะตามเจตนาของ
ผูแตงที่แตงขึ้นเพื่อใชเปนแบบสอนอานและเขียนสะกดคําในมาตราตางๆ
1 วัดเทพธิดาราม เปนวัดอารามชั้นตรี รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดฯ ใหสรางขึ้นเพื่อ
ซึ่งรูปแบบแตกตางจากหนังสือเรียนแบบเดิม คือ ผูกใหเปนเรื่องราว และ
เฉลิมพระเกียรติแกพระเจาบรมวงศเธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ใน พ.ศ. 2379
มีความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการอาน ทําใหการเรียนภาษานาสนใจ
ตั้งอยูที่ริมถนนมหาไชยใกลวัดราชนัดดา เดิมชื่อวัดบานพระยาไกรสวนหลวง
ครูบูรณาการความรูนี้เขากับกลุมสาระการเรียนรูศิลปะ วิชาดนตรี ซึ่งสอน
2 หนังสือมูลบทบรรพกิจ เปนตําราที่วาดวยเรื่องของสระ พยัญชนะ จําแนก เรื่องการขับรอง นักเรียนนําเทคนิคการขับรองจากวิชาดนตรีมาปรับใชใน
เปนมาตราแม ก กา และมาตราที่มีตัวสะกด มีแบบฝกหัดอานกาพยเรื่องพระไชย- การอานกาพยเรื่องพระไชยสุริยาใหนาสนใจ
สุริยาของสุนทรภูแทรกอยูในเลมดวย
58 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายลักษณะคําประพันธของกาพย
๒ ประวัติผู้แต่ง เรื่องพระไชยสุริยา ดังตอไปนี้
• กาพยยานี 11
ประวัติของสุนทรภู่ ผู้แต่งกาพย์เรื่องพระไชยสุริยา สามารถอ่านได้จากหน่วยการเรียนรู้ที่ ๑
(แนวตอบ กาพยยานี 11 มี 2 บาท คือ บาท
เรื่องนิราศภูเขาทอง เอกและบาทโท บาทหนึ่งมี 2 วรรค วรรคหนา
มี 5 คํา วรรคหลังมี 6 คํา รวมบาทละ 11 คํา
๓ ลักษณะคÓประพันธ์ สัมผัสบังคับเปนสัมผัสสระ คือ คําสุดทายของ
กาพย์ เรื่ อ งพระไชยสุ ริ ย า แต่ ง ด้ ว ยค� า ประพั น ธ์ ป ระเภทกาพย์ ได้ แ ก่ กาพย์ ย านี ๑๑ วรรคที่ 1 สัมผัสกับคําที่ 1 2 หรือ 3 ของวรรค
กาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ที่ 2 และคําสุดทายของวรรคที่ 2 สงสัมผัสไป
ยังคําสุดทายของวรรคที่ 3 ถาแตงสองบทขึ้น
แผนผังและตัวอย่างกาพย์ยานี ๑๑
ไปคําสุดทายของบทแรก สัมผัสกับคําสุดทาย
ของวรรคที่ 2 ในบทถัดไป ในกาพยเรื่องพระ
ไชยสุริยาใชกาพยยานี 11 ในการบรรยาย
*
• กาพยฉบัง 16
(แนวตอบ กาพยชนิดนีม้ จี าํ นวนคําในบท 16 คํา
แบงออกเปน 3 วรรค วรรคแรกมี 6 คํา วรรค
ที่ 2 มี 4 คํา และวรรคที่ 3 มี 6 คํา โดยคํา
ขุนนางต่างลุกวิ่ง ท่านผู้หญิงวิ่งยุดหลัง สุดทายของวรรคที่ 1 สงสัมผัสไปยังคําสุดทาย
พัลวันดันตึงตัง พลั้งพลัดตกหกคะเมน ของวรรคที่ 2 และสัมผัสระหวางบท คือ
พระสงฆ์ลงจากกุฏิ์ วิ่งอุตลุดฉุดมือเณร คําสุดทายของบทแรกสงสัมผัสไปยังคําสุดทาย
หลวงชีหนีหลวงเถร ลงโคลนเลนเผ่นผาดโผน ของวรรคแรกในบทที่ 2 กาพยนี้จะบรรยาย
เหตุการณที่รวบรัดรวดเร็ว)
แผนผังและตัวอย่างกาพย์ฉบัง ๑๖ • กาพยสุรางคนางค 28
(แนวตอบ กาพยสุรางคนางค 28 บทหนึ่ง
ประกอบดวยคําทัง้ หมด 7 วรรค วรรคละ 4 คํา
รวมเปน 28 คํา โดยสัมผัสบังคับในบทมีดังนี้
คําที่ 4 ของวรรคที่ 1 สงสัมผัสไปยังคําที่ 4
ของวรรคที่ 2 คําที่ 4 ของวรรคที่ 3 สงสัมผัส
ไปยังคําที่ 4 ของวรรคที่ 5 และคําที่ 4 ของ
วรรคที่ 6 สวนสัมผัสระหวางบท คือ คํา
* หมายเหตุ คำาสุดท้ายของวรรคที่ ๓ อาจจะสัมผัสกับคำาที่ ๑ ๒ หรือ ๓ ของวรรคที่ ๔ หรือไม่สัมผัสก็ได้ สุดทายของบทแรก สัมผัสกับคําที่ 4 ของวรรค
59 ที่ 3 ในบทถัดไป กาพยชนิดนีม้ ลี ลี าออนหวาน
เศรา มักใชในการพรรณนาอารมณความรูสึก)
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
บทประพันธตอไปนี้เรียงลําดับใหถูกตองตามฉันทลักษณไดตรงกับขอใด
ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสริมสัมผัสในกาพยเรื่อง
ก. แตนํ้าใจไมนําพา ข. ขาเฝาเหลาเสนา
พระไชยสุริยาวา มีลักษณะเสริมระหวางจังหวะกับจังหวะในวรรคทั้ง 4 วรรค
ค. มิไดวาหมูขาไท ง. ถือนํ้ารํ่าเขาไป
ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร ดังบทประพันธ
1. (ก) (ข) (ค) (ง)
“ขึ้นกก/ตกทุกยาก แสนลําบาก/จากเวียงไชย
2. (ข) (ค) (ง) (ก)
มันเผือก/เลือกเผาไฟ กินผลไม/ไดเปนแรง”
3. (ค) (ง) (ก) (ข)
กวีใชสัมผัสสระคั่นระหวางจังหวะกับจังหวะในแตละวรรค ดังนี้ วรรคแรก คําวา
4. (ค) (ง) (ก) (ข)
กก-ตก วรรคที่ 2 คําวา บาก-จาก วรรคที่ 3 คําวา เผือก-เลือก และวรรคที่ 4 คําวา
วิเคราะหคําตอบ บทประพันธขางตนจะสังเกตไดวา บางวรรคมี 5 คํา ไม-ได
บางวรรคมี 6 คํา ซึ่งเปนฉันทลักษณของกาพยยานี 11 ที่วรรคหนามี 5 คํา
วรรคหลังมี 6 คํา และการลําดับความที่กลาวถึงหมูเสนาเขาพิธีถือนํ้าดวยใจ
ที่ไมซื่อสัตยภักดี เรียงลําดับไดวา (ข) (ค) (ง) (ก) ตอบขอ 2.
คูมือครู 59
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอานเรื่องยอกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
แลวสรุปเปนสํานวนภาษาของนักเรียนเอง กลางไพรไก่ขันบรรเลง ฟังเสียงเพียงเพลง
(แนวตอบ มีกษัตริยพระองคหนึ่งมีพระนามวา ซอเจ้งจ�าเรียงเวียงวัง
“พระไชยสุริยา” ครองเมืองสาวัตถี มีพระมเหสี ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง
พระนามวา “สุมาลี” ครองบานเมืองดวยความผาสุก แตรสังข์กังสดาลขานเสียง
ตอมาขาราชการเสนาอํามาตยประพฤติตนไมถูกตอง
ตามทํานองคลองธรรม จึงเกิดเหตุอาเพศนํ้าปาไหล แผนผังและตัวอย่างกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
ทวมเมือง ผีปาอาละวาด ทําใหชาวเมืองลมตาย
จํานวนมาก พระไชยสุริยากับพระมเหสีจึงหนีลงเรือ
สําเภา แตก็ถูกพายุพัดจนเรือแตก พระไชยสุริยาและ
มเหสีขึ้นฝงได พระอินทรจึงเสด็จมาสั่งสอนธรรมะ
ใหทั้งสองพระองคปฏิบัติธรรมตลอดชีวิต จนไดเสด็จ
ไปสูสวรรค)
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูเพิ่มเติมความรูเรื่องสัมผัสภายในบทของคําประพันธกาพยสุรางคนางค 28 นักเรียนศึกษารูปแบบแผนผังลักษณะคําประพันธกาพยสุรางคนางค 28
วามีการเพิ่มสัมผัสอีก 1 แหง คือคําสุดทายของวรรคที่ 4 สงสัมผัสไปยังคําที่ 2 ของ ที่มี 2 แบบ โดยนํารูปแบบที่ตางไปจากหนังสือเรียน มาเขียนแผนผัง
วรรคที่ 5 ทัง้ นีอ้ า งตามหลักฐานทางวรรณคดีทเ่ี ชือ่ ถือไดวา ผูท ส่ี รางสัมผัสคูน ล้ี งไปใน คําประพันธลงสมุด
บทของกาพยสุรางคนางค คือ สุนทรภู ดังที่ปรากฏในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
มุม IT กิจกรรมทาทาย
ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะคําประพันธกาพยเรื่องพระไชยสุริยาเพิ่มเติม ไดที่
http://www.nmk.ac.th/myweb/de_poet.html นักเรียนโยงเสนสัมผัสแผนผังลักษณะคําประพันธกาพยสุรางคนางค 28
ทั้ง 2 รูปแบบ บันทึกลงสมุด
60 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูเลานิทานเรื่องที่มีขอคิดเหมาะกับนักเรียน
๕ เนื้อเรื่อง ใหนักเรียนฟง จากนั้นครูตั้งคําถามกระตุนความ
สนใจนักเรียน
กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา • นักเรียนชอบฟงนิทานหรือไม ทําไมจึงชอบ
ยานี ๑๑
• จากนิทานที่ครูเลานักเรียนไดขอคิดอะไร
และนักเรียนจะนําไปปรับใชในชีวิตจริงได
สะธุสะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา
อยางไร
พ่อแม่แลครูบา เทวดาในราศี • นักเรียนชอบแบบเรียนที่เนื้อเรื่องมีลักษณะ
ข้าเจ้าเอา ก ข เข้ามาต่อ ก กามี
1 เปนนิทานใหขอคิดสอนใจหรือไม อยางไร
แก้ไขในเท่านี้ ดีมิดีอย่าตรีชา
จะร�่าค�าต่อไป พอล่อใจกุมารา สํารวจคนหา Explore
ธรณีมีราชา เจ้าพาราสาวะถี 1. นักเรียนศึกษากาพยเรื่องพระไชยสุริยา
ชื่อพระไชยสุริยา มีสุดามเหสี จากหนังสือเรียน
ชื่อว่าสุมาลี อยู่บุรีไม่มีภัย 2. นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด
ข้าเฝ้าเหล่าเสนา มีกิริยาอัชฌาศัย ในภาษาไทย
พ่อค้ามาแต่ไกล ได้อาศัยในพารา 3. นักเรียนรวบรวมคําศัพทจากกาพยเรื่อง
พระไชยสุริยาตามมาตราตัวสะกด ดังนี้
ไพร่ฟ้าประชาชี ชาวบุรีก็ปรีดา
แม ก กา แมกน แมกก แมกง แมกด แมกบ
ท�าไร่ข้าวไถนา ได้ข้าวปลาแลสาลี แมกม แมเกย
อยู่มาหมู่ข้าเฝ้า ก็หาเยาวนารี
ที่หน้าตาดีดี ท�ามโหรีที่เคหา อธิบายความรู Explain
ค�่าเช้าเฝ้าสีซอ เข้าแต่หอล่อกามา
1. นักเรียนจับคูฝกอานกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
หาได้ให้ภริยา โลโภพาให้บ้าใจ 2. ครูใหนักเรียนจับคูถอดคําประพันธคูละ 3 บท
ไม่จ�าค�าพระเจ้า เหไปเข้าภาษาไสย 3. นักเรียนแตละคูมาทองบทประพันธและ
ถือดีมีข้าไท ฉ้อแต่ไพร่ใส่ขื่อคา ถอดความตามที่รับผิดชอบหนาชั้นเรียน
คดีที่มีคู่ คือไก่หมูเจ้าสุภา
ใครเอาข้าวปลามา ให้สุภาก็ว่าดี
ที่แพ้แก้ชนะ ไม่ถือพระประเวณี
ขี้ฉ้อก็ได้ดี ไล่ด่าตีมีอาญา
61
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
ตําแหนงสัมผัสในขอใดตางจากขออื่น
ในการจัดกิจกรรมใหนักเรียนแตละคูทองจําบทอาขยานใหครูฟง เพื่อใหนักเรียน
1. ทําไรขาวไถนา ไดขาวปลาแลสาลี
สามารถทํากิจกรรมนี้ไดครบทุกคน ครูอาจใหนักเรียนทองจํานอกเวลาเรียน เพื่อ
2. ที่แพแกชนะ ไมถือพระประเวณี
นักเรียนจะไดมีเวลาในการทํากิจกรรมอื่นในชั้นเรียนตอไป การทองจําบทอาขยานนี้
3. ธรณีมีราชา เจาพาราสาวะถี
นอกจากจะใหความรูเกี่ยวกับแบบเรียนสระ พยัญชนะของไทยสมัยกอนแลว นักเรียน
4. ขี้ฉอก็ไดดี ไลดาตีมีอาญา
จะไดตระหนักและเห็นคุณคาของภาษาไทยที่ตองใชใหถูกตอง และเปนแนวทาง
วิเคราะหคําตอบ สัมผัสในวรรคมีทงั้ สัมผัสสระและสัมผัสอักษร โดยสัมผัสใน ในการฝกหัดการอานการเขียนภาษาไทย
ในขอ 2. ไดแก แพ-แก พระ-ประ ขอ 3. ณี-มี พารา-สา ขอ 4. ฉอ-ก็ ตี-มี
สัมผัสในลวนอยูต ดิ กัน แตขอ 1. สัมผัสในอยูค าํ ที่ 2 และ 4 ในวรรคแรก และ
สัมผัสอยูในคําที่ 3 และ 5 ในวรรคหลัง ตอบขอ 1. นักเรียนควรรู
1 ตรีชา ไมมีในพจนานุกรม แตในวรรณคดีมีใชอยูในหลายแหง มีความหมายวา
ติฉิน ตําหนิ ในที่อื่นก็มีใช เชน ในเรื่องพระอภัยมณีวา “มาตรีชาวากูผิดในกิจกรม”
คูมือครู 61
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับมาตราแม ก กา
ในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา ที่ซื่อถือพระเจ้า ว่าโง่เง่าเต่าปูปลา
(แนวตอบ มาตราแม ก กา คําในแม ก กา เปน ผู้เฒ่าเหล่าเมธา ว่าใบ้บ้าสาระย�า
คําที่ไมมีพยัญชนะเปนตัวสะกดทายคําหรือ
ภิกษุสมณะ เหล่าก็ละพระสธรรม
ทายพยางค อานออกเสียงสระโดยไมมีเสียง
คาถาว่าล�าน�า ไปเร่ร�่าท�าเฉโก
พยัญชนะ 1
ตัวอยางคําที่สะกดในมาตราแม ก กา ใน ไม่จ�าค�าผู้ใหญ่ ศีรษะไม้ใจโยโส
กาพยเรื่องพระไชยสุริยา เชน พระศรีไตรสรณา ที่ดีมีอะโข ข้าขอโมทนาไป
อานออกเสียงสระอยางเดียวไดวา พระ-สี-ไตร- พาราสาวะถี ใครไม่มีปรานีใคร
สะ-ระ-นา เปนตน) ดุดื้อถือแต่ใจ ที่ใครได้ใส่เอาพอ
2. นักเรียนตอบคําถามเกี่ยวกับเนื้อเรื่องตอนตน ผู้ที่มีฝีมือ ท�าดุดื้อไม่ซื้อขอ
ของกาพยเรื่องพระไชยสุริยา ไล่คว้าผ้าที่คอ อะไรล่อก็เอาไป
• สาเหตุใดที่ทําใหบานเมืองเกิดอาเพศภัย
ธรรมชาติ 2 ข้าเฝ้าเหล่าเสนา มิได้ว่าหมู่ข้าไท
ถือน�้าร�่าเข้าไป แต่น�้าใจไม่น�าพา
(แนวตอบ สาเหตุเกิดจากบรรดาขุนนาง
ขาราชการประพฤติตนไมดี ไมอยูในศีลธรรม หาได้ใครหาเอา ไพร่ฟ้าเศร้าเปล่าอุรา
คดโกงฉอราษฎรบังหลวง เมื่อเกิดอาเพศ ผู้ที่มีอาญา ไล่ตีด่าไม่ปรานี
นํ้าปาไหลทวมบานเมือง ก็ไมสามารถแกไข ผีป่ามากระท�า มรณกรรมชาวบุรี
ปญหาได ชาวเมืองพากันเดือดรอน) น�้าป่าเข้าธานี ก็ไม่มีที่อาศัย
• นักเรียนยกบทประพันธที่แสดงใหเห็นสภาพ ข้าเฝ้าเหล่าเสนา หนีไปหาพาราไกล
บานเมืองที่กําลังเกิดปญหา พรอมทั้งอธิบาย ชีบาล่าลี้ไป ไม่มีใครในธานี ฯ
ใหเห็นสภาพปญหา
(แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธที่แสดงใหเห็น
ฉบัง ๑๖
สภาพบานเมืองที่กําลังเกิดปญหา
“พาราสาวะถี ใครไมมีปรานีใคร พระไชยสุริยาภูมี พาพระมเหสี
ดุดื้อถือแตใจ ที่ใครไดใสเอาพอ มาที่ในล�าส�าเภา
ผูที่มีฝมือ ทําดุดื้อไมซื้อขอ ข้าวปลาหาไปไม่เบา นารีที่เยาว์
ไลควาผาที่คอ อะไรลอก็เอาไป” ก็เอาไปในเภตรา
จากบทประพันธกลาวถึงเมืองสาวัตถีวา ไมมีใคร เถ้าแก่ชาวแม่แซ่มา เสนีเสนา
มีความเมตตา มีแตผูทําตามใจตนเอง อยากได ก็มาในล�าส�าเภา
อะไรก็ไปแยงควาเอาของผูอื่นมาโดยไมซื้อหรือ
ขอ ทําใหประชาชนเจาของทรัพยสินเดือดรอน) 62
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูบูรณาการความรูเกี่ยวกับพระราชพิธีถือนํ้าพิพัฒนสัตยากับกลุมสาระ
การเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตรวา
1 ศีรษะไมใจโยโส เปนความเปรียบถึงเด็กหรือผูที่อายุออนกวาวาไมเคารพผูที่
พระราชพิธีนี้มีความเกี่ยวของกับประวัติศาสตรความเปนมาของชาติไทย
มีอายุมากกวา เรียกพฤติกรรมลักษณะนี้วา “ศีรษะไม” คือ หัวแข็ง ไมเชื่อฟงผูใหญ
เปนพระราชพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญมาตั้งแตโบราณ มีความผูกพันกับ
ที่มีประสบการณมากกวา “ศีรษะไมใจโยโส” คือ คนแข็งกราวไมเคารพยําเกรงผูใหญ
สถาบันพระมหากษัตริยในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชยที่พระมหากษัตริย
2 ถือนํ้า เปนคําที่ตัดมาจาก “ถือนํ้าพิพัฒนสัตยา” หมายความวา ดื่มนํ้าสาบาน ทรงมีพระราชอํานาจสูงสุด และเปนศูนยกลางของพระราชอาณาจักร
ถวายพระเจาแผนดินวา ถาไมซื่อสัตยแลวจะตองมีอันเปนไปตางๆ ในที่นี้ ขาราชการ พระราชพิธีนี้เชื่อวามีมากอนการกอตั้งกรุงศรีอยุธยา และเปนที่แพรหลาย
เมืองสาวัตถีก็ถือนํ้าดังกลาวนั้นไปตามพิธี แตไมไดปฏิบัติตนไปตามคําสาบานแต ในดินแดนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต รูปแบบที่จัดขึ้นเพื่อให
ประการใด พระบรมวงศานุวงศและขาราชการดื่มนํ้าสาบานวาจะจงรักภักดี และซื่อตรง
ตอพระมหากษัติรยเปนการใหสัตยสาบานประเภทหนึ่งที่ใชนํ้าเปนสื่อกลาง
มักปรากฏเปนหลักฐานในวรรณคดีและวรรณกรรมไทยหลายเรื่อง ดังที่
ปรากฏในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา ความวา “ถือนํ้ารํ่าเขาไป แตนํ้าใจ
ไมนําพา”
62 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันตอบคําถามในประเด็นตอไปนี้
ตีม้าล่อช่อใบใส่เสา วายุพยุเพลา • เมื่อเกิดเหตุวุนวายในเมืองสาวัตถีแลว
ส�าเภาก็ใช้ใบไป พระไชยสุริยาและพระมเหสีสุมาลีทําอยางไร
(แนวตอบ พระไชยสุริยาพาพระมเหสีลงเรือ
เภตรามาในน�้าไหล ค�่าเช้าเปล่าใจ
สําเภาหนีออกจากเมือง โดยนําเสบียงอาหาร
ที่ในมหาวารี
ลงเรือไปจํานวนมาก และมีขาราชบริพาร
พสุธาอาศัยไม่มี ราชานารี ตามเสด็จไปดวย)
อยู่ที่พระแกลแลดู • กวีเลาเหตุการณความวุนวายในขางตน
1
ปลากะโห้โลมาราหู เหราปลาทู โดยใชลักษณะคําประพันธอยางไร
มีอยู่ในน�้าคล�่าไป (แนวตอบ กวีเลาเหตุการณที่กําลังเดินทางลง
ราชาว้าเหว่หฤทัย วายุพาคลาไคล เรือ ดวยกาพยฉบัง 16 ที่ตองการเลาความ
มาในทะเลเอกา เปนไปตางๆ ใหไดใจความ และใชคําที่เปน
มาตราตัวสะกดแม ก กา ซึ่งเปนคําอานงาย
แลไปไม่ปะพสุธา เปล่าใจนัยนา
เขาใจเร็ว คําประพันธตอนนี้เปนการแตง
โพล้เพล้เวลาราตรี
เพื่อใหผูอานอานเอาเรื่องเปนสําคัญวาใคร
ราชาว่าแก่เสนี ใครรู้คดี ทําอะไร ที่ไหน และอยางไร ไมไดสอดแทรก
วารีนี้เท่าใดนา การพรรณนาอารมณความรูสึกของตัวละคร
ข้าเฝ้าเล่าแก่ราชา ว่าพระมหา ที่ตองเผชิญกับความยากลําบากและ
วารีนี้ไซร้ใหญ่โต เหตุการณที่ไมคาดคิด)
2
ไหลมาแต่ในคอโค แผ่ไปใหญ่โต
มโหฬาร์ล�้าน�้าไหล
บาลีมิได้แก้ไข ข้าพเจ้าเข้าใจ
ผู้ใหญ่ผู้เฒ่าเล่ามา
ว่ามีพญาสกุณา ใหญ่โตมโหฬาร์
กายาเท่าเขาคีรี
ชื่อว่าพญาส�าภาที ใคร่รู้คดี
วารีนี้โตเท่าใด
โยโสโผผาถาไป พอพระสุริใส
จะใกล้โพล้เพล้เวลา
63
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
“พระไชยสุริยาภูมีพาพระมเหสีมาที่ในลําสําเภา” ขอความขางตนแบง
1 ราหู ชื่อปลากระเบนทะเลชนิดหนึ่ง ลักษณะทั่วไปคลายปลากระเบนนก
จังหวะอานเปนพยางคอยางไรใหไพเราะ
มีเนื้อยื่นเปนแผนคลายใบหูอยูที่มุมขอบนอกปลายสุดของหัวขางละอันใชสําหรับ
1. 2/2/3// 2/3// 3/2//
โบกพัดอาหารเขาปาก
2. 2/3/2// 2/3// 2/2/2//
2 คอโค คนในอินเดียเชื่อวานํ้าในแมนํ้าคงคาไหลมาจากคอของโคอุสุภราช
3. 3/2/2// 2/3// 2/2/2//
ซึ่งเปนพาหนะของพระอิศวร
4. 2/3/2// 3/2// 2/2/2//
วิเคราะหคําตอบ เนื้อความขางตนเปนคําประพันธประเภทกาพยฉบัง 16
ใหดูที่เนื้อความเปนหลัก คือ วรรคแรก 6 คํา วรรคที่สอง 4 คํา และวรรคที่ มุม IT
สาม 6 คํา จังหวะของกาพยฉบัง วรรคที่มี 6 คํา มักจะอานเปน 2/2/2 ทั้งนี้
ตองดูเนื้อความ คือตองแบงจังหวะแลวไมขาดชวงเสียความวา พระไชย/ ศึกษาเกี่ยวกับคุณคาดานเนื้อหาในกาพยเรื่องพระไชยสุริยาเพิ่มเติม ไดที่
สุริยา/ภูมี พาพระ/มเหสี มาที่/ในลํา/สําเภา ตอบขอ 2. https://sites.google.com/site/kruthai012/kaphy-phra-chiy-suriya/bth-thi-6
-khunkha-wrrnkhdi
คูมือครู 63
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนเขียนเลาเหตุการณที่เกิดขึ้น หลังจากที่
พระไชยสุริยาพาพระมเหสีลงเรือสําเภาลงใน แลไปไม่ปะพสุธา ย่อท้อรอรา
สมุดบันทึก ชีวาก็จะประลัย
(แนวตอบ เมื่อพากันลงเรือมาแลวก็เกิดพายุพัด พอปลามาในน�้าไหล สกุณาถาไป
กระหนํ่าเรือ สภาพเรือที่มีสมอและเสาใบเกา อาศัยที่ศีรษะปลา
ทําใหนํ้าไหลเขาเรือ พระไชยสุริยามัดสไบของ ชะแง้แลไปไกลตา จ�าของ้อปลา
พระมเหสีไวกับตัวไมใหหลุดจากกัน สวนขาราช- ว่าขอษมาอภัย
บริพารก็ถูกจระเขเหราเอาชีวิต ดวยผลกรรมที่ วารีที่เราจะไป ใกล้หรือว่าไกล
ทํามา ทําใหพระไชยสุริยาและพระมเหสีถูกพัด ข้าไหว้จะขอมรคา
ขึ้นฝง และเดินทางรอนเรทามกลางปาเขาตอไป) ปลาว่าข้าเจ้าเยาวภา มิได้ไปมา
2. ครูสุมนักเรียน 2-3 คน มาชวยกันเลาเรื่อง
อาศัยอยู่ต่อธรณี
หนาชั้นเรียน
สกุณาอาลัยชีวี ลาปลาจรลี
สู่ที่ภูผาอาศัย
ขยายความเขาใจ Expand
ข้าเฝ้าเล่าแก่ภูวไนย พระเจ้าเข้าใจ
นักเรียนจัดทําตารางมาตราแม ก กา จากคํา ฤทัยว้าเหว่เอกา
ในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา โดยแยกคําตามตาราง จ�าไปในทะเลเวรา พายุใหญ่มา
ตอไปนี้ เภตราก็เหเซไป
1
สระ -ะ สระ -า สระ - ิ สระ -ี สระ - ิ สมอก็เกาเสาใบ ทะลุปรุไป
น�้าไหลเข้าล�าส�าเภา
ผีน�้าซ�้าไต่ใบเสา เจ้ากรรมซ�้าเอา
ส�าเภาระย�าคว�่าไป
ราชาคว้ามืออรไท เอาผ้าสไบ
ต่อไว้ไม่ไกลกายา
เถ้า2แก่ชาวแม่เสนา น�้าเข้าหูตา
จระเข้เหราคร่าไป
ราชานารีร�่าไร มีกรรมจ�าใจ
จ�าไปพอปะพสุธา
มีไม้ไทรใหญ่ใบหนา เข้าไปไสยา
เวลาพอค�่าร�าไร ฯ
64
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 สมอก็เกาเสาใบ “สมอก็เกา” เปนคําของชาวเรือ อธิบายวาเรือที่จอดอยูโดย นักเรียนแตงประโยคชนิดใดก็ได คนละ 5 ประโยค โดยใชคําศัพท
ทิ้งสมอลงดิน เพื่อยึดเรือใหอยูในตําแหนงนั้น หากมีคลื่นลมแรงเรืออาจเคลื่อนที่ ที่ปรากฏในกาพยเรื่องพระไชยสุริยาที่เปนมาตราแม ก กา จากนั้นนํา
ทําใหสมอลากครูดไปกับพื้นดิน สวนคําวา “เสาใบ” เปนคําที่มีความหมายตอเนื่อง ประโยคดังกลาวมารอยเรียงเปนความเรียง โดยใชคําเชื่อมชวยให
กับคําวา “ทะลุปรุไป” หมายความวา สมอลากครูดไปตามพื้น และใบเรือทะลุปรุ สละสลวย
ไปหมด
2 เหรา เปนสัตวในหิมพานต มีลักษณะคอนไปทางจําพวกจระเขผสมนาค
เชื่อวาเปนสัตวที่อยูไดทั้งบนบกและในนํ้า กินเนื้อเปนอาหาร กลาวถึงในวรรณคดี กิจกรรมทาทาย
เรื่องอื่น คือ เรื่องอุณรุท ตอนนางศรีสุดาลงสําเภาในทะเลวา “มังกรเกี้ยวกัน
กลับกลอก เหราเลนระลอกกระฉอกสินธุ”
นักเรียนแตงประโยคประโยคชนิดใดก็ได คนละ 5 ประโยค โดยใช
คําศัพทที่ปรากฏในกาพยเรื่องพระไชยสุริยาที่เปนมาตราแม ก กา จากนั้น
นําประโยคดังกลาวมารอยเรียงเปนความเรียงใหสละสลวย โดยไมใช
คําเชื่อมในการแตงประโยคแตละประโยค แตใหความตอเนื่องกัน
64 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด
สุรางคนางค์ ๒๘ แมกน พรอมทั้งยกคําจากกาพยเรื่องพระไชย-
ขึ้นใหม่ในกน ก กา ว่าปน ระคนกันไป สุริยาประกอบ
เอ็นดูภูธร มานอนในไพร มณฑลต้นไทร แทนไพชยนต์สถาน (แนวตอบ มาตราแมกน คือ พยางคที่ออกเสียง
ส่วนสุมาลี วันทาสามี เทวีอยู่งาน เหมือนมีตัว “น” สะกด พยัญชนะที่ใชเปนตัว
เฝ้าอยู่ดูแล เหมือนแต่ก่อนกาล ให้พระภูบาล ส�าราญวิญญา
สะกดในมาตราแมกน ไดแก น ณ ญ ร ล ฬ
เปนตัวสะกด เชน ระคน เอ็นดู นอน มณฑล
พระชวนนวลนอน เข็ญใจไม้ขอน เหมือนหมอนแม่นา
ตน ภูบาล จันทร บริวาร อรชร อารัญ เปนตน)
ภูธรสอนมนต์ ให้บ่นภาวนา เย็นค�่าร�่าว่า กันป่าภัยพาล 2. นักเรียนยกคําที่มีตัวสะกดมาตราแมกน
วันนั้นจันทร มีดารากร เป็นบริวาร ในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
เห็นสิ้นดินฟ้า ในป่าท่าธาร มาลีคลี่บาน ใบก้านอรชร (แนวตอบ ตัวอยางคําที่มีตัวสะกดมาตราแมกน
เย็นฉ�่าน�้าฟ้า ชื่นชะผกา วายุพาขจร • สะกดดวย “น” เชน ชวน นอน ขอน หมอน
สารพันจันทน์อิน รื่นกลิ่นเกสร แตนต่อคลอร่อน ว้าว่อนเวียนระวัน เย็น เปนตน
จันทราคลาเคลื่อน กระเวนไพรไก่เถื่อน เตือนเพื่อนขานขัน • สะกดดวย “ล” เชน นวล ภูบาล พาล
ปู่เจ้าเขาเขิน กู่เกริ่นหากัน สินธุพุลั่น ครื้นครั่นหวั่นไหว เปนตน
พระฟื้นตื่นนอน ไกลพระนคร สะท้อนถอนหทัย • สะกดดวย “ร” เชน ภูธร บริวาร อรชร
เช้าตรู่สุริยน ขึ้นพ้นเมรุไกร มีกรรมจ�าไป ในป่าอารัญ ฯ
เปนตน)
ฉบัง ๑๖
ขยายความเขาใจ Expand
ขึ้นกงจงจ�าส�าคัญ ทั้งกนปนกัน 1. นักเรียนแตงประโยคความซอนโดยใชคําที่
ร�าพันมิ่งไม้ในดง สะกดดวยแมกน ใหมากที่สุด 1 ประโยค
ไกรกร่างยางยูงสูงระหง ตะลิงปลิงปริงประยงค์ พรอมทั้งระบุวาคําใดที่ใชตัวสะกดแมกนบาง
คันทรงส่งกลิ่นฝิ่นฝาง (แนวตอบ นักเรียนสามารถแตงประโยคได
มะม่วงพลวงพลองช้องนาง หล่นเกลื่อนเถื่อนทาง
หลากหลาย ทั้งนี้นักเรียนจะนําศัพทที่อยูใน
กาพยเรือ่ งพระไชยสุรยิ ามาแตงดวยหรือไมกไ็ ด
กินพลางเดินพลางหว่างเนิน
ครูพิจารณาประโยคที่นักเรียนแตงวาสะกดได
เห็นกวางย่างเยื้องช�าเลืองเดิน เหมือนอย่างนางเชิญ ถูกตอง โดยยกตัวอยางประโยค เชน
พระแสงส�าอางข้างเคียง • ฉันตื่นนอนตอนที่คุณแมทําอาหาร
เขาสูงฝูงหงส์ลงเรียง เริงร้องซ้องเสียง • บนตนตาลมีผลตาลเบียดแนนกันอยู เปนตน)
ส�าเนียงน่าฟังวังเวง 2. ครูสุมนักเรียน 4-5 คน มานําเสนอตัวอยาง
ประโยค และใหเพื่อนๆ ในชั้นชวยกันพิจารณา
65
วาคําใดในประโยคที่สะกดดวยมาตราตัวสะกด
แมกน
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
ขอใดที่ไมไดกลาวถึงในแมกง
ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับคําที่ใชตัว จ ญ ร ล ฬ สะกด เปนคํา
1. เห็นกวางยางเยื้องชําเลืองเดิน
ที่ไทยรับมาจากคําเขมรหรือคําบาลีสันสกฤตเปนสวนใหญ ตัวสะกดเหลานี้มักเขียน
2. ไกรกรางยางยูงสูงระหง
เปนรูปคําในภาษาเดิม จึงตองใชการสังเกตจดจํา เชน “ญ” สะกด คําวา ลําเค็ญ
3. ฝูงละมั่งฝงดินกินเพลิง
เหรียญ สําคัญ เจริญ “ล” สะกด คําวา ตําบล กํานัล รางวัล “ร” สะกด คําวา เพียร
4. กิ่งกาหลงสงกลิ่น
ละคร ควร “ฬ” สะกด คําวา กาฬ ทมิฬ เปนตน
วิเคราะหคําตอบ กลอนที่สอนมาตราตัวสะกดแมกง เนื้อเรื่องจะพรรณนา
ถึงธรรมชาติบรรดาสัตวปาตางๆ กวีใชคําประพันธประเภทกาพยฉบัง 16 ใน
การพรรณนา ทุกขอกลาวถึงธรรมชาติทั้งหมด แตหากพิจารณาที่จํานวนคํา
ใหตรงตามลักษณะคําประพันธของกาพยฉบัง 16 ซึ่งแตละบทมี 3 วรรค คือ
วรรคแรก 6 คํา วรรคที่สอง 4 คํา และวรรคที่สาม 6 คํา จะเห็นไดวา ขอ
4. “กิ่งกาหลงสงกลิ่น” มี 5 คํา ซึ่งไมตรงกับจํานวนคําที่บังคับในกาพยฉบัง
ตอบขอ 4.
คูมือครู 65
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด
แมกง พรอมทั้งยกคําที่มีตัวสะกดแมกงจาก กลางไพรไก่ขันบรรเลง ฟังเสียงเพียงเพลง
กาพยเรื่องพระไชยสุริยาประกอบ ซอเจ้งจ�าเรียงเวียงวัง
(แนวตอบ พยัญชนะที่เปนตัวสะกดในมาตราตัว ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง
สะกดแมกง ใช “ง” สะกด เชน ดง กราง ยูง สูง แตรสังข์กังสดาลขานเสียง
ระหง ประยงค ชองนาง ทาง เปนตน) กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง พญาลอคลอเคียง
2. นักเรียนพิจารณาและอธิบายการซํ้าคําโดยการ แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง
เลียนเสียง จากบทประพันธที่เปนมาตราตัว ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง เพลินฟังวังเวง
สะกดแมกง อีเก้งเริงร้องลองเชิง
(แนวตอบ การซํ้าคํามีลักษณะแบบคําสรอย กลาว
ฝูงละมั่งฝังดินกินเพลิง ค่างแข็งแรงเริง
คือเปนการซํ้าเพียงบางเสียงหรือหลายเสียง โดย
ยืนเบิ่งบึ้งหน้าตาโพลง
ซํ้ากับคําที่กลาวมาแลว และคําที่ซํ้านั้นไมมี
ป่าสูงยูงยางช้างโขลง อึงคะนึงผึงโผง
ความหมายใดๆ ที่จะเปนคําสมบูรณในภาษาได
โยงกันเล่นน�้าคล�่าไป ฯ
มีหนาที่เพียงเพิ่มความไพเราะหรือเพิ่มจังหวะ
ของคําใหไดตามที่กวีตองการ)
ยานี ๑๑
ขยายความเขาใจ Expand ขึ้นกกตกทุกข์ยาก แสนล�าบากจากเวียงไชย
มันเผือกเลือกเผาไฟ กินผลไม้ได้เป็นแรง
1. นักเรียนยกบทประพันธมาตราตัวสะกดแมกง รอนรอนอ่อนอัสดง พระสุริยงเย็นยอแสง
ที่กลาวพรรณนาธรรมชาติอยางนอย 2 บท ช่วงดังน�้าครั่งแดง แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร
(แนวตอบ ตัวอยางเชน ลิงค่างครางโครกครอก ฝูงจิ้งจอกออกเห่าหอน
“ยูงทองรองกะโตงโหงดัง เพียงฆองกลองระฆัง
ชะนีวิเวกวอน นกหกร่อนนอนรังเรียง
แตรสังขกังสดาลขานเสียง
ลูกนกยกปีกป้อง อ้าปากร้องซ้องแซ่เสียง
กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง พญาลอคลอเคียง
แม่นกปกปีกเคียง เลี้ยงลูกอ่อนป้อนอาหาร
แอนเอี้ยงอีโกงโทงเทง
ภูธรนอนเนินเขา เคียงคลึงเคล้าเยาวมาลย์
คอนทองเสียงรองปองเปง เพลินฟงวังเวง
อีเกงเริงรองลองเชิง”) ตกยากจากศฤงคาร สงสารน้องหมองพักตรา
2. นักเรียนจดบันทึกลงสมุด ครูสุมนักเรียน 2-3 คน ยากเย็นเห็นหน้าเจ้า สร่างโศกเศร้าเจ้าพี่อา
อานบทประพันธที่นักเรียนยกมาใหเพื่อนฟง อยู่วังดังจันทรา มาหม่นหมองละอองนวล
เพื่อนทุกข์สุขโศกเศร้า จะรักเจ้าเฝ้าสงวน
มิ่งขวัญอย่ารัญจวน นวลพักตร์น้องจะหมองศรี
66
บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู การใชนิคหิต (อํ) ออกเสียงในมาตราตัวสะกดแมกง ซึ่งจะใชในภาษา
บาลีสันสกฤต ครูบูรณาการเรื่องนี้เชื่อมกับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา
ครูแนะการอานบทประพันธในหนา 66 นี้วา กาพยเรื่องพระไชยสุริยาตอนนี้
ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนา เพราะนักเรียนจะพบคําศัพท
บรรยายฉากปา ซึ่งมีสัตวหลายชนิด ควรอานในลักษณะบทบรรยาย ทอดเสียง
ที่ใชตัวนิคหิตในหนังสือหรือตําราทางพระพุทธศาสนา หรือที่เกี่ยวของกับ
ปานกลาง เนนความชัดเจนแจมใสของนํ้าเสียงและชื่อสัตว ทั้งตองรวบคําเลียนเสียง
เนื้อหาคําสอนทางพระพุทธศาสนา เชน การยกพุทธศาสนสุภาษิต เปนตน
ดังนี้ คําที่ตองรวบเสียงใหกระชับเปน 1 จังหวะ คือ กะลิงกะลาง พระยาลอ
นักเรียนจึงควรสังเกตลักษณะการใชตัวนิคหิตและวิธีการอานออกเสียงให
ฝูงละมั่ง อึงคะนึง คําที่ตองเลียนเสียงธรรมชาติ คือ ปองเปง คําที่ตองอานใหได
ถูกตอง โดยศึกษาความรูเพิ่มเติมเรื่องการอานคําบาลีสันสกฤตไดทั้งจาก
รสคําและรสความ คือ เบิ่ง บึ้งหนาตาโพลง อึงคะนึง ผึงโผง คําที่ตองอานเนน
หนังสือเรียนภาษาไทย หลักภาษาและการใชภาษา หรือหนังสือเรียน
ความชัดเจนแจมแจง คือ ชื่อสัตวทั้งหมด
พระพุทธศาสนา
66 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด
ชวนชื่นกลืนกล�้ำกลิ่น มิรู้สิ้นกลิ่นมำลี แมกด พรอมทั้งยกคําจากกาพยเรื่องพระไชย-
คลึงเคล้ำเย้ำยวนยี ที่ทุกข์ร้อนหย่อนเย็นทรวง ฯ สุริยาประกอบ
(แนวตอบ มาตราตัวสะกดแมกด คือ คําที่มีตัว
ยำนี ๑๑ จ ช ชร ซ ด ต ตร ติ รถ รท ฎ ฏ ฐ ฒ ถ ท ธ
1
ขึ้นกดบทอัศจรรย์ เสียงครื้นครั่นชั้นเขำหลวง ศ ษ ส เปนตัวสะกด อานออกเสียง “ด” สะกด
นกหกตกรังรวง สัตว์ทั้งปวงง่วงงุนโงง เชน ดุจ มนุษย โลด ระนาด ยุด ธาตุ เปนตน)
แดนดินถิ่นมนุษย์ เสียงดังดุจพระเพลิงโพลง 2. นักเรียนอธิบายบรรยากาศหรือฉากที่ชวยใน
ตึกกว้ำนบ้ำนเรือนโรง โคลงคลอนเคลื่อนเขยื้อนโยน การดําเนินเรื่อง ในหนา 67
บ้ำนช่องคลองเล็กใหญ่ บ้ำงตื่นไฟตกใจโจน
(แนวตอบ เมื่อเกิดภัยพิบัติทุกคนตางตื่น
ตระหนกตกใจ บรรยากาศในเรื่องเกิดความ
ปลุกเพื่อนเตือนตะโกน
2 ลุกโลดโผนโดนกันเอง
โกลาหลปนปวน ตางพากันหนีเอาตัวรอด กวี
พิณพำทย์ระน ะนำดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง
บรรยายเหตุการณชาวบาน ขุนนาง พระสงฆ
ระฆังดังวังเวง โหง่งหง่ำงเหง่งเก่งก่ำงดัง
เณร ชี พากันวิ่งหนีกันอลหมานเห็นภาพความ
ขุนนำงต่ำงลุกวิ่ง ท่ำนผู้หญิงวิ่งยุดหลัง วุนวายอยางชัดเจน)
พัลวันดันตึงตัง พลั้งพลัดตกหกคะเมน
พระสงฆ์ลงจำกกุฏิ วิ่งอุตลุดฉุดมือเณร ขยายความเขาใจ Expand
หลวงชีหนีหลวงเถร ลงโคลนเลนเผ่นผำดโผน
พวกวัดพลัดเข้ำบ้ำน ล้ำนต่อล้ำนซำนเซโดน จากบทประพันธเหตุการณที่ตองหนีภัยพิบัติ
ต้นไม้ไกวเอนโอน ลิงค่ำงโจนโผนหกหัน นักเรียนยกบทประพันธที่มีการเลียนเสียงธรรมชาติ
พวกผีที่ปั้นลูก ติดจมูกลูกตำพลัน จากเหตุการณดังกลาว
ขิกขิกระริกกัน ปั้นไม่ทันมันเดือดใจ (แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธที่มีการเลียนเสียง
สององค์ทรงสังวำส โลกธำตุหวำดหวั่นไหว ธรรมชาติ
“พิณพาทยระนาดฆอง ตะโพนกลองรองเปนเพลง
ตื่นนอนอ่อนอกใจ เดินไม่ได้ให้อำดูร ฯ
ระฆังดังวังเวง โหงงหงางเหงงเกงกางดัง”
จากบทประพันธมีการเลียนเสียงของระฆังดัง
ยำนี ๑๑
“โหงงหงางเหงงเกงกาง”)
ขึ้นกบจบแม่กด พระดำบสบูชำกูณฑ์
ผำสุกรุกขมูล พูนสวัสดิ์สัตถำวร
ระงับหลับเนตรนิ่ง เอนองค์อิงพิงสิงขร
เหมือนกับหลับสนิทนอน สังวรศีลอภิญญำณ
67
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
พิณพาทยระนาดฆอง ตะโพนกลองรองเปนเพลง
1 บทอัศจรรย เปนบทรักหรือบทโลมที่บรรยายโดยการใชสัญลักษณ โดยใชคํา
ระฆังดังวังเวง โหงงหงางเหงงเกงกางดัง
ที่เปนคําสัญลักษณ คือมีความหมายไมตรงกับความหมายในพจนานุกรม แตมี
ขอใดเปนลักษณะเดนของคําประพันธขางตน
ความหมายโดยนัย การใชสัญลักษณลักษณะนี้เปนศิลปะที่ลบลางความรูสึกวาขัด
1. การเลนคํา
กับขนบธรรมเนียมประเพณีไทยในเรื่องการบรรยายบทโอโลม และเปนเครื่องชี้ให
2. การใชคําหนักเบา
เห็นความเปนศิลปะที่ไมใชอนาจาร
3. การใชความเปรียบ
4. การเลียนเสียงธรรมชาติ 2 พิณพาทย หมายถึง เครื่องประโคมวงหนึ่ง มีกําหนดเครื่องดนตรีตั้งแต 5 ชิ้น
ขึ้นไป คือ ตะโพน ป ฆองวง ระนาด กลอง บางทีเรียก ปพาทย
วิเคราะหคําตอบ ลักษณะเดนของคําประพันธขางตน คือ มีการเลียนเสียง
ธรรมชาติวา “โหงงหงางเหงงเกงกาง” ซึ่งเปนเสียงที่เกิดจากการตีระฆัง
ตอบขอ 4.
คูมือครู 67
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด
แมกบ พรอมทั้งยกคําจากกาพยเรื่องพระไชย- บ�าเพ็งเล็งเห็นจบ พื้นพิภพจบจักรวาล
สุริยาประกอบ สวรรค์ชั้นวิมาน ท่านเห็นแจ้งแหล่งโลกา
(แนวตอบ มาตราตัวสะกดแมกบ คือ คําที่มีตัว บ
เข้าฌานนานนับเดือน ไม่เขยื้อนเคลื่อนกายา
ป พ ภ เปนตัวสะกด อานออกเสียง “บ” สะกด
จ�าศีลกินวาตา เป็นผาสุกทุกเดือนปี
เชน ระงับ หลับ จบ พิภพ ประกอบ ชอบ ลอบ
โลภ ลาภ บาป เปนตน) วันนั้นครั้นดินไหว เกิดเหตุใหญ่ในปถพี
2. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด เล็งดูรู้คดี กาลกิณีสี่ประการ
แมกก แมกด และแมกบ ซึ่งเปนมาตราตัวสะกด ประกอบชอบเป็นผิด กลับจริตผิดโบราณ
ที่เปนคําตาย พรอมทั้งยกตัวอยางประกอบ สามัญอันธพาล ผลาญคนซื่อถือสัตย์ธรรม์
(แนวตอบ คําตายนอกจากจะเปนคําที่ประสมดวย ลูกศิษย์คิดล้างครู ลูกไม่รู้คุณพ่อมัน
สระเสียงสั้นที่ไมมีตัวสะกด ยังเปนคําที่มีตัวสะกด ส่อเสียดเบียดเบียนกัน ลอบฆ่าฟันคือตัณหา
ในมาตราตัวสะกดแมกก แมกด และแมกบ เชน
โลภลาภบาปบคิด โจทก์จับผิดริษยา
ทุกข สุข พักตร กุฏิ วัด พิภพ หลับ เปนตน)
อุระพสุธา ป่วนเป็นบ้าฟ้าบดบัง
3. นักเรียนถอดคําประพันธหนา 68 แลวตอบ 1
คําถาม ดังนี้ บรรดาสามัญสัตว์ เกิดวิบัติปัตติปาปัง
• กาลกิณีสี่ประการที่เปนสาเหตุใหบานเมือง ไตรยุคทุกขตรัง สังวัจฉระอวสาน ฯ
เกิดความปนปวนไดแกอะไรบาง
(แนวตอบ กาลกิณีสี่ประการ มีดังนี้ ฉบัง ๑๖
2
1. การเห็นผิดเปนชอบ ขึ้นกมสมเด็จจอมอารย์ เอ็นดูภูบาล
2. การไมรูบุญคุณ ผู้ผ่านพาราสาวะถี
3. การเบียดเบียนทํารายซึ่งกันและกัน
ซื่อตรงหลงเล่ห์เสนี กลอกกลับอัปรีย์
4. ความโลภ)
บุรีจึงล่มจมไป
ขยายความเขาใจ Expand ประโยชน์จะโปรดภูวไนย นิ่งนั่งตั้งใจ
เลื่อมใสส�าเร็จเมตตา
นักเรียนคัดลอกบทประพันธตอไปนี้ที่อยูในหนา เปล่งเสียงเพียงพิณอินทรา บอกข้อมรณา
67 ลงสมุด แลวระบุคําในบทประพันธที่เปนคําตาย
“แดนดินถิ่นมนุษย เสียงดังดุจพระเพลิงโพลง คงมาวันหนึ่งถึงตน
ตึกกวานบานเรือนโรง โคลงคลอนเคลื่อนเขยื้อนโยน เบียนเบียดเสียดส่อฉ้อฉล บาปกรรมน�าตน
บานชองคลองเล็กใหญ บางตื่นไฟตกใจโจน ไปทนทุกข์นับกัปกัลป์
ปลุกเพื่อนเตือนตะโกน ลุกโลดโผนโดนกันเอง”
(แนวตอบ คําตายในบทประพันธบทแรก ไดแก 68
คําวา มนุษย ดุจ พระ ตึก บทที่สอง ไดแกคําวา
เล็ก ตก ปลุก ตะ (โกน) ลุก โลด)
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
หลังจากที่นักเรียนอานเนื้อเรื่องกาพยเรื่องพระไชยสุริยาจบแลว ครูสรุปความรู นักเรียนอานกาพยเรื่องพระไชยสุริยา แลวสรุปสาเหตุที่นําไปสูความ
เรื่องตัวสะกดของภาษาไทยใหนักเรียนฟง โดยครูสรุปความรูเพิ่มเติมวา พยัญชนะที่ ปนปวนวุนวายที่ชาวเมืองตางพากันหนี ลงในสมุด
ไมนิยมใชเปนตัวสะกดมีอยู 6 ตัว (ไมรวม ฃ กับ ฅ และ ห ที่ตองมี ม สะกดดวย)
คือ ฉ ฌ ผ ฝ อ ฮ ทั้งนี้ ตัว “อ” ในหนังสือเรียนสมัยกอนจัดใหเปนตัวสะกดในแม
เกย เชน เคย คือ เคอ+ย ฯลฯ แตปจจุบันถือวาเปนสระ และจัดใหอยูในแม ก กา กิจกรรมทาทาย
68 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด
เมตตากรุณาสามัญ จะได้ไปสวรรค์ แมเกย พรอมทั้งยกคําจากกาพยเรื่องพระไชย-
เป็นสุขทุกวันหรรษา สุริยาประกอบ
(แนวตอบ มาตราแม เกย คือ คําที่มีตัว ย เปน
สมบัติสัตว์มนุษย์ครุฑา กลอกกลับอัปรา
ตัวสะกด อานออกเสียง ย สะกด เชน เลย
เทวาสมบัติชัชวาล
เขนย เหนื่อย เสวย นอย เปนตน)
สุขเกษมเปรมปรีดิ์วิมาน อิ่มหน�าส�าราญ 2. ในตอนทายเรื่องพระไชยสุริยาและพระมเหสี
ศฤงคารห้อมล้อมพร้อมเพรียง สุมาลีทรงพบกับความสุขหรือไม อยางไร
กระจับปี่สีซอท่อเสียง ขับร�าจ�าเรียง (แนวตอบ เมื่อทั้งสองพระองคไดตั้งใจใฝในธรรม
ส�าเนียงนางฟ้าน่าฟัง มีจิตเมตตาเลื่อมใสศรัทธาในพระธรรมคําสอน
เดชะพระกุศลหนหลัง สิ่งใดใจหวัง รักษาศีลปฏิบัติธรรมเปนประจํา แมเหนื่อยยาก
ได้ดังมุ่งมาดปรารถนา ก็พยายามปฏิบัติอยางพากเพียร จนสําเร็จ
ไดไปเปนสุขอยูบนสวรรค)
จริงนะประสกสีกา สวดมนต์ภาวนา
เบื้องหน้าจะได้ไปสวรรค์
ขยายความเขาใจ Expand
จบเทศน์เสร็จค�าร�าพัน พระองค์ทรงธรรม์
ด้นดั้นเมฆาคลาไคล ฯ นักเรียนรวมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น
ในประเด็นคําถามตอไปนี้ แลวสรุปความรูลงสมุด
• นักเรียนคิดวาเปาหมายของการบําเพ็ญ
ฉบัง ๑๖
ตนรักษาศีลคือการไดไปสวรรคจริงหรือไม
ขึ้นเกยเลยกล่าวท้าวไท ฟังธรรมน�้าใจ
อยางไร
เลื่อมใสศรัทธากล้าหาญ (แนวตอบ นักเรียนแสดงความคิดเห็นได
1
เห็นภัยในขันธสันดาน ตัดห่วงบ่วงมาร หลากหลาย แตครูควรชี้ใหนักเรียนเห็น
ส�าราญส�าเร็จเมตตา คุณคาของวรรณคดีที่ไดรับอิทธิพลจาก
สององค์ทรงหนังพยัคฆา จัดจีบกลีบชฎา พระพุทธศาสนาวา เปาหมายของการบําเพ็ญ
รักษาศีลถือฤๅษี ตนรักษาศีลแลวจะไดไปสวรรคหรือไมนนั้ เปน
เช้าค�่าท�ากิจพิธี กองกูณฑ์อัคคี เรื่องที่พิสูจนไมได แตเปนกุศโลบายใหคนทํา
ความดี ประพฤติปฏิบัติตนอยูในศีลในธรรม
เป็นที่บูชาถาวร
เพื่อใหสังคมไมเกิดปญหาความวุนวาย
ปถพีเป็นที่บรรจถรณ์ เอนองค์ลงนอน
หากทุกคนปฏิบัติดีมีศีลธรรมกํากับยอม
เหนื อขอนเขนยเกยเศียร ไมเบียดเบียนกัน คนในสังคมไมเดือดรอน
สังคมมีแตความสงบสุข)
69
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับวรรณคดีและวรรณกรรมไทยที่ไดรับ ครูแนะขอสังเกตใหนักเรียนเห็นวา เมื่อเรียนกาพยเรื่องพระไชยสุริยามาถึงแมกม
อิทธิพลจากพระพุทธศาสนา โดยรวบรวมรายชื่อวรรณคดีหรือวรรณกรรม คําที่เคยเขียนเปนแม ก กา มาแตกอน เชนคําวา “สาวัตถี” กอนนั้นเขียนเปน
ใหไดมากที่สุด “สาวะถี” นั้น ถึงตอนนี้สุนทรภูก็กลับมาเขียนเปน “สาวัตถี” ตามเดิม
กิจกรรมทาทาย นักเรียนควรรู
1 ขันธสันดาน มาจากคําวา “ขันธสันดาน” ตัวการันต “ธ” เพื่อลดพยางคใหคํา
นักเรียนสรุปความรูในประเด็นที่วา “พระพุทธศาสนามีอิทธิพลตอ ลงกับคําประพันธกาพยฉบัง 16 ที่วรรคแรกมี 6 คํา ขันธสันดาร แปลวา การสืบตอ
วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยางไร” แหงขันธ
คูมือครู 69
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนยกตัวอยางบทประพันธกาพยเรื่อง
พระไชยสุริยาที่เปนขอคิดเตือนใจที่ไมควรปฏิบัติ ค�่าเช้าเอากราดกวาดเตียน เหนื่อยยากพากเพียร
(แนวตอบ ตัวอยางการประพฤติปฏิบัติที่ไมดี เรียนธรรมบ�าเพ็ญเคร่งครัน
• “ที่แพแกชนะ ไมถือพระประเวณี
ส�าเร็จเสร็จได้ไปสวรรค์ เสวยสุขทุกวัน
ขี้ฉอก็ไดดี ไลดาตีมีอาญา”
นานนับกัปกัลป์พุทธันดร
• “ผูที่มีฝมือ ทําดุดื้อไมซื้อขอ
ไลควาผาที่คอ อะไรลอก็เอาไป” ภุมราการุญสุนทร ไว้หวังสั่งสอน
• “ลูกศิษยคิดลางครู ลูกไมรูคุณพอมัน เด็กอ่อนอันเยาว์เล่าเรียน
สอเสียดเบียดเบียนกัน ลอบฆาฟนคือตัณหา”) ก ข ก กา ว่าเวียน หนูน้อยค่อยเพียร
อ่านเขียนผสมกมเกย
ตรวจสอบผล Evaluate ระวังตัวกลัวครูหนูเอ๋ย ไม้เรียวเจียวเหวย
1. นักเรียนถอดคําประพันธตามบทที่รับผิดชอบได กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวียว
2. นักเรียนจําแนกคําตามตารางมาตราแม ก กาได หันหวดปวดแสบแปลบเสียว หยิกซ�้าช�้าเขียว
3. นักเรียนแตงประโยคคําซอนโดยใชคําที่สะกด อย่าเที่ยวเล่นหลงจงจ�า
ดวยมาตราแมกนได บอกไว้ให้ทราบบาปกรรม เรียงเรียบเทียบท�า
4. นักเรียนยกบทประพันธที่มีมาตราตัวสะกดแมกง
แนะน�าให้เจ้าเอาบุญ
และเปนบทกลาวพรรณนาธรรมชาติได
5. นักเรียนยกบทประพันธที่มีการเลียนเสียง เดชะพระมหาการุญ ใครเห็นเป็นคุณ
ธรรมชาติได แบ่งบุญให้เราเจ้าเอย ฯ
6. นักเรียนทองจําบทอาขยานตามที่กําหนดได
70
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดเปนสาเหตุสําคัญที่ทําใหเมืองสาวัตถีลมจม
วรรณคดีกับจินตนาการนั้นเปนสิ่งที่แยกกันไมได ครูจึงควรจัดบรรยากาศ
1. เพราะประชาชนประพฤติชั่ว
การเรียนและหาวิธีการตางๆ ที่จะชวยสงเสริมจินตนาการที่ไดจากการเรียน
2. เพราะขุนนางประพฤติมิชอบ
วรรณคดี เชน ใหนักเรียนพูดหรือเขียนแสดงความรูสึกของตนเอง ความรูสึกดื่มดํ่า
3. เพราะนางสุมาลีประพฤติตนเหลวไหล
ตื่นเตน ความเศราโศกเสียใจตอเนื้อเรื่อง และความประทับใจในความไพเราะของ
4. เพราะพระไชยสุริยาไมตั้งอยูในทศพิธราชธรรม
วรรณคดี
วิเคราะหคําตอบ เหตุความวุนวายของบานเมือง เริ่มมาจากการที่ขุนนาง
ประพฤติตนมิชอบในหนาที่ ไมจงรักภักดีตอพระมหากษัตริย เอารัดเอาเปรียบ
มุม IT ประชาชน บานเมืองจึงตกอยูในสภาพยํ่าแย ประชาชนเริ่มเบียดเบียนกัน
ไมเคารพยําเกรงผูใหญ จนเกิดนํ้าทวมเมืองทําใหประชาชนลมตายไรที่อยู
ศึกษาเกี่ยวกับการสรุปประเด็นสําคัญของกาพยเรื่องพระไชยสุริยาเพิ่มเติม ไดที่ ดังนั้น สาเหตุสําคัญที่ทําใหเมืองสาวัตถีลมจม คือ ขุนนางประพฤติมิชอบ
http://www.kaipop.com/CAI/midci.htm ตอบขอ 2.
70 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนเลนตอคําศัพท โดยครูกําหนด
๖ คÓศัพท์ มาตราตัวสะกดให แลวใหนักเรียนบอกคําศัพทที่มี
ตัวสะกดตรงตามที่ครูกําหนด
ค�าศัพท์ ความหมาย (แนวตอบ ครูยกมาตราตัวสะกดในภาษาไทย
กระจับปี่ พิณสี่สาย ทั้ง 9 มาตรา ดังนี้ แม ก กา แมกน แมกก แมกง
กังสดาล ระฆังวงเดือน แมกด แมกบ แมกม แมเกย และแมเกอว
กัปกัลป์ ระยะเวลาอันยาวนาน โบราณถือว่าโลกประลัยครั้งหนึ่งเป็นสิ้นกัปหรือกัลป์หนึ่ง (ในกาพยเรื่องพระไชยสุริยาไมไดแยกมาตรา
กาลกิณี ลักษณะที่เป็นอัปมงคล ตัวสะกดแมเกอว))
กูณฑ์ ไฟ
ขอษมา ขอโทษ ขออภัย
สํารวจคนหา Explore
ขันธสันดาน อุปนิสัยที่มีมาแต่ก�าเนิดในตัวของตนเอง 1. นักเรียนคนหาและนําคําศัพทในบทเรียนมา
ขื่อคา เครื่องจองจ�านักโทษ ท�าด้วยไม้เจาะรูประกอบกับคอและข้อมือทั้งสองข้างของ จัดกลุมตามมาตราตัวสะกด มาตราละ 10 คํา
นักโทษ 2. นักเรียนศึกษาคําภาษาอื่นในกาพยเรื่อง
คอโค คนอินเดียเชือ่ ว่าน�า้ ในแม่นา�้ คงคาไหลมาจากคอของโคอุสภุ ราชพาหนะ พระไชยสุริยา
ของพระอิศวรซึ่งอยู่วิมานบนเขาไกรลาส 3. นักเรียนสํารวจคนหาคําที่มีความหมาย
ฉ้อ โกง ขี้โกง ใช้อุบายหลอกลวง เหมือนกันในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
เฉโก ฉลาดแกมโกง ไม่ตรงไปตรงมา
ตรีชา ความหมายตามบริบท หมายถึง ติเตียน (ไม่มคี วามหมายในพจนานุกรม)
ตะรัง ดั้น ตะบึงไป
1
ไตรยุค ก�าหนดเวลาของโลกมี ๔ ยุค ได้แก่ กฤดายุค ไตร (ดา) ยุค ทวาปรยุค และกลียคุ
ระยะเวลาของทัง้ ๔ ยุค ยาวไม่เท่ากัน โดยไตรยุคเป็นยุคทีค่ วามเทีย่ งธรรมหายไป
๑ ใน ๔ ความเสือ่ มเริม่ เข้ามา มนุษย์เห็นแก่ประโยชน์สว่ นตน
ไตรสรณา ที่พึ่งทั้งสาม คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
ถือน�้า เป็นการท�าพิธีดื่มน�้าสาบานถวายพระเจ้าแผ่นดิน
เถื่อน ป่า
บรรจถรณ์ ที่นอน
บา ครู อาจารย์ ชายหนุ่ม
ประเวณี ในที่นี้ใช้ในความหมายว่า ประเพณี
71
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
จะรํ่าคําตอไป พอลอใจกุมารา
1 ยุค ตามคติพราหมณ เชื่อวามี 4 ยุค ไดแก กฤดายุค ไตรดายุค ทวาปรยุค
ธรณีมีราชา เจาพาราสาวะถี
และกลียุค กฤดายุคเปนยุคทอง เปนยุคที่ปราศจากความชั่ว ทุกคนนับถือเทพเจา
คําประพันธในขอใดมีความหมายตางจากคําที่ขีดเสนใต
องคเดียวกันและปฏิบัติตามกฎหมายฉบับเดียวกัน ไตรดายุคเปนยุคที่มีความ
1. ชื่อวาสุมาลี อยูบุรีไมมีภัย
เที่ยงธรรมหายไป 1 ใน 4 ความเสื่อมเริ่มเขามาเพราะมนุษยเริ่มปรารถนาสิ่ง
2. หาไดใครหาเอา ไพรฟาเศราเปลาอุรา
ตอบแทนจากสิ่งที่ตนกระทํา ทวาปรยุคเปนยุคที่ความเที่ยงธรรมหายไปครึ่งหนึ่ง
3. พระฟนตื่นนอน ไกลพระนคร
ความทะเยอทะยานอยากและภัยพิบตั กิ เ็ ขามาแผวพานจนทําใหตอ งหันไปบําเพ็ญตบะ
4. นํ้าปาเขาธานี ก็ไมมีที่อาศัย
สวนกลียุค เปนยุคที่ความเที่ยงธรรมเหลือเพียง 1 ใน 4 มนุษยละทิ้งหนาที่และ
วิเคราะหคําตอบ จากคําประพันธ “เจาพาราสาวะถี” คําวา “พารา” มี ศาสนา มีรางกายและจิตใจออนแอ มีความเสื่อมอยูทั่วไป
ความหมายวาเมือง เปนคําที่มีความหมายเหมือนกับคําอื่นอีกหลายคํา เชน
ธานิน ธานี นคร นคเรศ บุรี ซึ่งหากไมรูความหมายสามารถพิจารณาดวยการ
ถอดคําประพันธ โดยการแทนความหมายวาเมืองในคําที่ขีดเสนใตแตละขอ
ใหสอดคลองกับเนื้อเรื่อง ดังนี้ ขอ 1. ชื่อสุมาลีอยูเมืองไมมีภัย ขอ 3. พระตื่น
ขึ้นมารูวาหางจากเมืองแลวเศราใจ ขอ 4. นํ้าปาไหลเขาเมืองไมมีที่อยู
จากเนื้อเรื่องขอที่ไมสมเหตุสมผล คือ ประชาชนเศราเมือง ตอบขอ 2.
คูมือครู 71
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนหาคําศัพทที่มีความหมายตรงตามที่ครู
กําหนดจากกาพยเรื่องพระไชยสุริยาอยางนอย 2 คํา คําศัพท ความหมาย
อธิบายความหมายของคําศัพทนั้นและจําแนกวาเปน
ประสกสีกา ประสก มาจากคําวา อุบาสก สีกา มาจากคําวา อุบาสิกา หมายถึง ชายหญิงที่
มาตราตัวสะกดแมใด คําที่ครูกําหนดมีดังนี้ คําวา เปนคฤหัสถที่นับถือพระพุทธศาสนา
อรัญ ไฟ กษัตริย และเมือง
(แนวตอบ นักเรียนสามารถนําเสนอความรูไดหลาย ปตติ สวนบุญ
รูปแบบ เชน การนําเสนอดวยตาราง ปาปง บาป
คําศัพท มาตราตัว คําที่มีความหมาย พญาสําภาที พญานกในวรรณคดีเรือ่ งรามเกียรติ์ พีข่ อง
สะกด เหมือนกัน นกสดายุเปนผูบ อกทางไปกรุงลงกาใหแก
อรัญ แมกน เถื่อน พงไพร หนุมาน
๗๒
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 พระดาบส นักพรตผูบําเพ็ญตบะเพื่อเผากิเลส การบําเพ็ญตบะเปนการ นักเรียนศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับคําศัพทที่มีประวัติ หรือคําอธิบาย
ทรมานกายอยางยิ่งยวด ใชจิตเพงวัตถุอยางใดอยางหนึ่ง เพื่อใหจิตแนวแนเปน ยาวๆ เชน พุทธันดร ไพชยนต พญาสําภาที เปนตน ครูมอบหมายให
สมาธิ เชื่อกันวาเปนผูมีสมาธิจนสามารถบรรลุฌานสมาบัติและอภิญญา 6 ประการ นักเรียนไปศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับคําศัพทนั้นเพิ่มเติม สงเปนบันทึก
ไดแก มีฤทธิ์ หูทิพย รูจักกําหนดใจผูอื่น ระลึกชาติได ตาทิพย และรูจักทําอาสวะ ความรู
ใหสิ้นไป จึงนับเปนดาบส
2 พระอินทร เปนเทพที่มีบทบาทมากที่สุดในวรรณคดี พระอินทรซึ่งเดิมเปน
เทพชั้นสูงสุดถูกลดฐานะลงใหตํ่ากวาพระพรหม พระศิวะ และพระนารายณ ในยุค กิจกรรมทาทาย
มหากาพยใหเปนแตเพียงราชาแหงทวยเทพเทานั้น พระอินทรเสื่อมความนิยมลง
เพราะความประพฤติไมดีงามในกามวิสัย แตในทางพระพุทธศาสนา พระอินทร
เปนผูทรงคุณธรรมเปนสาวกที่ดี เปนอุบาสกที่เปนเลิศ นักเรียนพิจารณาคําศัพทในบทเรียนวามีคําใดบางที่เปนคําพองรูป คํา
พองเสียง และคําพองความหมาย เลือกมาคําใดคําหนึ่งแลวระบุวาเปนคํา
พองชนิดใด จากนั้นใหนักเรียนคนหาคําศัพทนอกบทเรียนอยางนอย 3 คํา
ที่เปนคําพองกับคําศัพทที่เลือกมา
72 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายคําภาษาอื่นที่มีปรากฏใน
ค�าศัพท์ ความหมาย วรรณคดีไทย
รัญจวน ป่วนใจ สะเทือนใจด้วยความกระสันถึง
(แนวตอบ คําในภาษาอื่นที่นํามาใชในภาษาไทย
โดยมากมีคําบาลีสันสกฤต คําเขมร คําจีน
ราศี ลักษณะความดีงามของคน สิริมงคล คําอังกฤษ ทั้งนี้ที่พบมากในกาพยกลอนคือ
รุกขมูล โคนต้นไม้ คําบาลี คําสันสกฤต และคําเขมร ทั้งนี้
โลโภ ความโลภ ความอยากได้ไม่รู้จักพอ
เนื่องจากอิทธิพลทางศาสนาและวัฒนธรรมของ
อินเดียซึ่งเปนตนกําเนิดของภาษาบาลีสันสกฤต
วิบัติ พิบัติ ความเคลื่อนคลาด ความผิด โทษ ความตาย ความยากเข็ญ อันตราย ที่มีตอเขมร ซึ่งเปนชาติที่เจริญรุงเรืองมากอน
สะธุสะ ค�าที่เปล่งขึ้นก่อนกล่าวค�าอื่น เพื่อขอความสวัสดิมงคล เมื่อเป็นภาษาพูด ไทยไดรับอิทธิพลดังกลาว จึงทําใหไทยรับเอา
จะพูดสั้นๆ ว่า สาธุ ในความหมายว่า ดีแล้ว ชอบแล้ว เปล่งวาจาแสดงความ วัฒนธรรมและภาษาทั้งเขมรและอินเดียเปน
เห็นว่าชอบแล้ว อันมาก)
สังวัจฉระ ปี 2. นักเรียนระบุคําภาษาอื่นที่ปรากฏในกาพย
เรื่องพระไชยสุริยา
สัตถาวร แผลงมาจากค�าว่า สถาวร แปลว่า ยั่งยืน
(แนวตอบ คําในภาษาอื่นที่มีในกาพยเรื่อง
สุภา หมายถึง พระยาราชสุภาวดี ซึ่งเป็นบรรดาศักดิ์ของผู้มีต�าแหน่งตุลาการใน พระไชยสุริยา ไดแก คําบาลี คําสันสกฤต
สมัยโบราณ
และคําเขมร)
เมธา นักปราชญ์ ผู้รู้
อภิญญาณ ความรู้ยิ่ง มี ๖ อย่าง คือ ๑. อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้ ๒. ทิพยโสต มีหูทิพย์ ขยายความเขาใจ Expand
๓. เจโตปริยญาณ รู้จักก�าหนดใจผู้อื่น ๔. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
1. นักเรียนยกคําศัพทในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
๕. ทิพยจักขุ มีตาทิพย์ ๖. อาสวักขยญาณ รู้จักท�าอาสวะ (กิเลสที่หมักหมมใน
ใจ) ให้สิ้นไป ที่เปนคําบาลี คําสันสกฤต และคําเขมร
อยางละ 3 คํา
อะโข มาจากค�าว่า อักโขภิณี มีความหมายว่า มากมาย (แนวตอบ ตัวอยางคําบาลี คําสันสกฤต และ
อัชฌาศัย กิรยิ าดี นิสยั ใจคอ ความรูจ้ กั ผ่อนปรน คําเขมรในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
• คําบาลี เชน เมตตา มนต องค อัคคี
อัปรา แพ้
เปนตน
อัสดง เวลาพระอาทิตย์ตก • คําสันสกฤต เชน รักษา ศีล ฤๅษี ศรัทธา
อาญา อ�านาจ โทษ ธรรม ศฤงคาร สวรรค เปนตน
อารย์ เจริญ • คําเขมร เชน สําราญ เสร็จ สําเร็จ เขนย
เปนตน)
2. นักเรียนบันทึกความรูลงสมุด ครูขออาสา-
73
สมัครนําเสนอความรูหนาชั้นเรียน 3-4 คน
ครูเพิ่มเติมคําศัพทใหนักเรียน นักเรียนจด
บันทึกคําศัพทจากเพื่อนและครูเพิ่มเติม
บูรณาการเชื่อมสาระ
การศึกษาความรูเรื่องคําบาลีสันสกฤตและคําเขมรในภาษาไทยเพิ่มเติม เกร็ดแนะครู
โดยครูเชื่อมสัมพันธความรูเรื่องหลักภาษาและการใชภาษา ซึ่งจะบอก การสอนคําศัพทในวรรณคดีนั้นเปนเรื่องสําคัญ จึงจําเปนตองแบงเวลาให
ขอสังเกตของคําที่มาจากภาษาตางประเทศ โดยเฉพาะคําบาลีสันสกฤตและ เหมาะสม เพราะนักเรียนจะตองเรียนวรรณคดีดานอื่นๆ อาจใหนักเรียนเลนตอ
คําเขมรที่พบมากในภาษาและวรรณกรรมไทย รวมไปถึงความเขาใจเรื่องการ คําศัพทใหสอดคลองตอเนื่องกันโดยครูกําหนดเงื่อนไขของเกมคําศัพท ทั้งนี้อาจให
มีรากทางภาษาและวัฒนธรรมรวมกันกับชาติดังกลาว การมีความคิด นักเรียนใชความรูในหลักภาษามารวมในการเลนเกม เชน การจําแนกชนิดของคํา
ความเชื่อที่คลายคลึงกันของคนในสังคม การสรางคํา การแตงประโยคชนิดตางๆ เปนตน
มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับคําศัพทจากกาพยเรื่องพระไชยสุริยาเพิ่มเติม ไดที่
http://www.st.ac.th/bhatips/tip48/student48/gbpsuriya_history_st48.html
คูมือครู 73
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนยกบทประพันธที่กลาวถึงสําเภาใน
กาพยเรื่องพระไชยสุริยา พรอมทั้งถอดคําประพันธ ºÍ¡àÅ‹Òà¡ŒÒÊÔº
บทนั้น
(แนวตอบ บทประพันธที่กลาวถึงสําเภาในกาพย เรือสําเภา
เรื่องพระไชยสุริยา ความวา สมัยกอนบานเรือนของคนไทยมักตั้งอยูริมแมนํ้า ซึ่งตองอาศัยเรือเปนพาหนะในการเดินทาง
“จําไปในทะเลเวรา พายุใหญมา จึงปรากฏมีเรือลักษณะตางๆ เกิดขึน้ มากมาย อยางเชนในกาพยเรือ่ งนี้ พระไชยสุรยิ า จําตองเดินทาง
เภตราก็เหเซไป ออกจากเมืองสาวัตถีดวยเรือสําเภา ซึ่งเปนเรือที่มีที่มาจากประเทศจีน คําวา สํ1าเภา (Junk) มาจาก
คําวา ตะเภา หมายถึง ลมที่พัดมาจากทิศใตเขาสูอาวไทยในฤดูรอน เรือสําเภาเปนเรือที่มีลักษณะ
สมอก็เกาเสาใบ ทะลุปรุไป ทายเรือสูงและยืน่ ออกนอกตัวเรือ สวนหัวเรือจะอยูต าํ่ กวาทายเรือ มีจดุ เดนทีใ่ ชใบแขวน เรือสําเภา
นํ้าไหลเขาลําสําเภา มีหลายชนิดดวยกัน ดังนี้ 2
ผีนํ้าซํ้าไตใบเสา เจากรรมซํ้าเอา สําเภาไทย เปนเรือสําเภาที่ตอดวยไมตะเคียน มีตนแบบมาจากเรือสําเภาจีน ๓ กระโดง
สําเภาระยําควํ่าไป” มีความยาวประมาณ ๓๐-๔๐ เมตร
สําเภาจีน ๒ กระโดง เปนเรือสําเภาทีม่ เี สากระโดงเพียง ๒ เสา
ถอดคําประพันธไดวา พระไชยสุริยาและมเหสี ออกแบบมาให ส ามารถฝ า มรสุ ม ได ดั ง นั้ น
สุมาลีพรอมทั้งขาราชบริพารตองติดอยูในเรือสําเภา การที่มีเสากระโดง ๒ เสา ก็เพื่อประโยชน
จนกระทั่งเกิดพายุใหญมาพัดเรือใหเซไปมา สมอดึง ในการลดแรงตานลม เรือสําเภาจีน
รั้งตานแรงพายุไมไหวครูดไปกับพื้น ใบเรือนั้นเมื่อ ๒ กระโดงนี้นิยมใชในการขนสงสินคา
สําเภาจีน ๓ กระโดง เปนเรือ
โดนพายุก็ขาด ทําใหเรือไปตอไมไดนํ้าไหลทะลัก สําเภาที่มีเสากระโดง ๓ เสา มีขนาด
เขาไปในลําเรือ ในที่สุดเรือก็ควํ่า) เล็กและเหมาะสําหรับแลนในนํ้าตื้น
ใชในการขนสงสินคาและการโดยสาร
ตรวจสอบผล Evaluate ไดรับการออกแบบใหสามารถผาน
ทางแคบและกระแสนํ้าเชี่ยวได
1. นักเรียนคนหาและนําคําศัพทในบทเรียนมาจัด สําเภาจีน ๔ กระโดง เปนเรือ
สําเภาทีม่ เี สากระโดง ๔ เสา มีขนาดใหญ
กลุมตามมาตราตัวสะกดตางๆได เหมาะสําหรับแลนในนํ้าลึก ใชในการ
2. นักเรียนจําแนกคําศัพทใหถูกตองตรงตาม บรรทุกสินคาที่มีนํ้าหนัก ๕๐๐-๑,๐๐๐
มาตราตัวสะกดได ตัน
3. นักเรียนยกคําศัพทในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
ที่เปนคําบาลี คําสันสกฤต และคําเขมรได
74
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู จากความรูเรื่องเรือสําเภาซึ่งเปนพาหนะสําคัญในกาพยเรื่องพระไชย-
สุริยา ครูบูรณาการความรูกับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา
1 เรือสําเภา ในสมัยโบราณการแลกเปลี่ยนสินคาและการคาขายจะคาขายกัน
และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร สมัยรัตนโกสินทรตอนตน ในสวนที่มี
เฉพาะในเขตพื้นที่ที่สามารถไปถึงดวยเทา ลา มา และเรือแจว เพื่อขนถายสินคา
ความเกี่ยวของกับชาวจีน โดยเฉพาะอยางยิ่งกับชาวจีนที่ไดติดตอคาขายกับ
จากถิ่นหนึ่งไปยังอีกถิ่นหนึ่ง ตอมาเมื่อการคาขายเริ่มขยายวงกวางมากขึ้น สินคาหนึ่ง
ชาวไทยมายาวนาน ทั้งนี้การรูประวัติศาสตรดังกลาวจะชวยในการวิเคราะห
เปนที่ตองการของอีกสถานที่หนึ่ง เหลาพอคาจึงไดคิดสรางเรือเพื่อขนสงสินคาไปยัง
ประเด็นที่วาผูมีเรือสําเภาตองเปนผูมีความมั่งคั่ง และการเดินทางขามทะเล
สถานที่อันไกลนั้นๆ จนเกิดเปนเรือสําเภา การไปคาขายแตละครั้งใชเวลานานเปน
มหาสมุทรในยุคสมัยกอนเหมาะที่จะใชเรือสําเภา เพราะเปนที่คุนเคยและ
แรมเดือน แรมป แตพอกลับมาแตละครั้งเหลาพอคาจะไดความรูใหมๆ สินคาใหมๆ
รูจักกันดีในสมัยนั้น ดังที่ปรากฏการใชเรือสําเภาในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
กลับมาดวย จึงทําใหผูที่เปนพอคาทางเรือจะเปนผูที่มีทักษะความรูใหมๆ พรั่งพรอม
ซึ่งมีตนแบบมาจากจีน
ดวยความมั่งคั่ง รํ่ารวย จึงทําใหมีผูคนนับหนาถือตา เพราะการไดไปพบเห็นศิลปะ
วัฒนธรรมของตางถิ่น ตางแดน ที่มีความเจริญรุงเรืองกวาก็จะนํากลับมาสูดินแดน
ของตนเอง จึงพูดไดวาผูที่มีเรือสําเภาเปนผูที่มั่งคั่งทั้งความรู ทรัพยสิน และเกียรติยศ
ชื่อเสียง สามารถเปนขุนนางสรางความเจริญรุงเรืองใหแกตนเองและประเทศชาติได
2 กระโดง คือ เสาสําหรับกางใบเรือ เสาเดินเรือในทะเลใหญๆ บนยอดเสามี
รังกาซึ่งเปนที่สําหรับใหยามยืนเฝาคอยระวังสิ่งผิดปกติตางๆ
74 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูกระตุนความสนใจของนักเรียนดวยคําถาม
๗ บทวิเคราะห์ ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นรวมกัน
• นักเรียนจําไดหรือไมวาเรียนเรื่องมาตรา
กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแต่งขึ้นเพื่อเป็นแบบเรียนเรื่องการสะกดและการใช้ถ้อยค�า เหมาะ ตัวสะกดในชั้นเรียนใด
ส� า หรั บ เด็1 ก เนื่ อ งด้ ว ยส� า นวนภาษาที่ ใช้ ใ นการเรี ย บเรี ย งตรงไปตรงมา เรี ย งตามล� า ดั บ มาตรา • นักเรียนคิดวาแบบเรียนมาตราตัวสะกดใน
ตัวสะกด คือ แม่ ก กา แม่กน แม่กง แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กม แม่เกย ส่วนแม่เกอว ไม่มีบท ภาษาไทยของสมัยกอนยากหรืองายกวาที่
อ่านแยกออกมาต่างหาก แต่รวมไว้ในแม่เกย ลักษณะเนื้อหาเริ่มสอนจากง่ายไปหายาก มีการ นักเรียนเรียนอยางไร
ทบทวนความรู้เดิมทุกครั้ง เช่น บทที่ใช้ค�าในแม่กก มีการแทรกค�าในแม่ ก กา แม่กน แม่กง เพื่อให้
อ่านทบทวน ท�าให้บทเรียนสนุกน่าสนใจ น่าติดตาม สํารวจคนหา Explore
นอกจากผู ้ อ ่ า นจะได้ รั บ ความเพลิ ด เพลิ น จากเนื้ อ หาของนิ ท านเรื่ อ งพระไชยสุ ริ ย าแล้ ว
1. นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับแบบเรียนของ
ยังได้รับคุณค่าจากบทฝึกอ่า นเขียนภาษาไทยตามแบบโบราณ ที่ สามารถท่ องจ� า เพื่อประโยชน์
ไทยในชวงสมัยรัชกาลที่ 3 จนถึงปจจุบัน
ในการศึกษาเรื่องมาตราตัวสะกดและลักษณะของการแต่งค�าประพันธ์ประเภทกาพย์ได้เป็นอย่างดี
2. นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับการเลนเสียงใน
๗.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา กาพยเรื่องพระไชยสุริยา
๑) ให้ความรู้ตามจุดประสงค์ของผู้แต่ง คือ ใช้เป็นสื่อในการสอนมาตราตัวสะกด 3. นักเรียนศึกษาบทวิเคราะหวรรณคดีจากบทเรียน
ผู้ที่ใช้กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาเป็นแบบเรียนจะสามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง
อธิบายความรู Explain
และสามารถใช้ทบทวนความรู้ทางการใช้ภาษาได้
๒) สะท้อนสภาพสัง คมไทย สุนทรภู่เกิดหลังการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์เพียง หลังจากที่นักเรียนอานกาพยพระไชยสุริยาจบแลว
สามปี ได้รับรู้เหตุการณ์ตอนเสียกรุงจากผู้ใหญ่ที่เคยพบสภาพทั้งก่อนเสียกรุง ขณะเสียกรุง การกอบกู้ และไดศึกษาบทวิเคราะห ใหนักเรียนพิจารณาและ
บ้านเมือง และสร้างบ้านแปลงเมืองมา จึงสอดแทรกสภาพสังคมไทยก่อนเสียกรุง โดยสร้างตัวละคร อธิบายคุณคาดานเนื้อหาของกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
ในเรื่องว่าข้าราชบริพาร เสนาบดีไม่ใส่ใจบ้านเมือง ฉ้อราษฎร์บังหลวง คดโกง ไม่ยุติธรรม หมกมุ่น (แนวตอบ กาพยเรื่องพระไชยสุริยาใชสอนเรื่อง
อยู่กับความสนุกสนานเพลิดเพลินมัวเมาในกาม เหมือนสภาพคนไทยก่อนเสียกรุง ดังนี้ การสะกดคํา โดยเรียงตามลําดับมาตราตัวสะกด คือ
แม ก กา แมกน แมกง แมกก แมกด แมกบ แมกม
แมเกย ลักษณะเนื้อหาเริ่มสอนจากงายไปหายาก
อยู่มาหมู่ข้าเฝ้า ก็หาเยาวนารี
มีการทบทวน ความรูเดิมทุกครั้ง ทําใหนาสนใจ
ที่หน้าตาดีดี ท�ามโหรีที่เคหา นาติดตาม แตยังไมจบเรื่อง คือ ขาดมาตราตัวสะกด
ค�่าเช้าเฝ้าสีซอ เข้าแต่หอล่อกามา แมเกอวไปอีกหนึ่งมาตรา กาพยพระไชยสุริยาเปน
หาได้ให้ภริยา โลโภพาให้บ้าใจ แบบฝกอานที่มีคุณคาดานเนื้อหา คือ เปนนิทาน
ไม่จ�าค�าพระเจ้า เหไปเข้าภาษาไสย เรื่องเลาที่ใหแงคิดในการประพฤติปฏิบัติตนใหดี
ถือดีมีข้าไท ฉ้อแต่ไพร่ใส่ขื่อคา มีศีลธรรม และใหความซึ่งตรงตามจุดประสงคของ
การแตง คือ ตองการใหผูอานมีความรูเรื่องสระและ
75 พยัญชนะที่เปนตัวสะกดในมาตราตางๆ)
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดไมปรากฏในบทประพันธตอไปนี้
1 ตัวสะกด กลาวอีกนัยหนึ่ง คือ พยัญชนะที่ทําหนาที่ประสมเปนสวนที่ 4
คํ่าเชาเฝาสีซอ เขาแตหอลอกามา
ของคํา ไดแก สระ+พยัญชนะ+วรรณยุกต+ตัวสะกด ซึ่งตัวสะกดแบงออกเปน
หาไดใหภริยา โลโภพาใหบาใจ
5 ชนิด ดังนี้
ไมจําคําพระเจา เหไปเขาภาษาไสย
1. เปนพยัญชนะโดด เชน คน วิ่ง มาก ขาด ฯลฯ
ถือดีมีขาไท ฉอแตไพรใสขื่อคา
2. เปนอักษรควบแท เชน บุตร จักร อัคร นิทร ฯลฯ
1. หลงระเริงมัวเมาในกามารมณ 2. งมงายในเวทมนตรคาถา
3. เปนอักษรควบไมแท เชน สรรพ มารค ธรรม พรหม ฯลฯ
3. เชื่อในภาษาศาสตร 4. ฉอราษฎรบังหลวง
4. เปนอักษรนํา เชน พิศวง เมขลา วาสนา ศาสนา ฯลฯ
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธกลาวถึงการฉอราษฎรบังหลวง ยึดถือ 5. เปนนิคหิต เชน พุทธํ ธมฺมํ สงฺฆํ ฯลฯ
ประโยชนสวนตนเปนสําคัญมีแตความโลภ หลงระเริงในกามารมณ และ
ไมเชื่อในคําสอนของพระพุทธศาสนางมงายในเวทมนตรคาถาไสยศาสตร
ไมมีศีลธรรม ขอที่ไมเกี่ยวของและไมไดกลาวถึงในบทประพันธขางตน คือ
เชื่อในภาษาศาสตร ซึ่งเปนการศึกษาเกี่ยวกับภาษาในสังคม ตอบขอ 3.
คูมือครู 75
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับเนื้อหาของ
กาพยเรื่องพระไชยสุริยาในประเด็นตอไปนี้ นอกจากนี้ในการตัดสินคดีความต่างๆ ตุลาการก็ไม่มีความยุติธรรม ใครติดสินบนก็พลิกคดี
• ตัวสะกดหรือพยัญชนะทายในภาษาไทย จากที่ แ พ้ ใ ห้ ช นะ คนชั่ ว ได้ ดี คนดี ถู ก กดขี่ ข ่ ม เหง ซึ่ ง สภาพสั ง คมไทยก่ อ นกรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยาแตก
มีลักษณะอยางไร คงเป็นเช่นนี้ จนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงทนไม่ได้และคงทรงเห็นสุดก�าลังที่จะรักษากรุง
(แนวตอบ ตัวสะกดหรือพยัญชนะทาย ไว้ได้ จึงต้องหาสมัครพรรคพวกหนีไปตั้งหลักที่จันทบุรี สภาพก่อนกรุงสาวัตถีจะล่มจมเป็น ดังนี้
ในภาษาไทยจะออกเสียงไดคราวละเสียงเดียว)
• นักเรียนคิดวาการสอนมาตราตัวสะกด คดีที่มีคู่ คือไก่หมูเจ้าสุภา
ในภาษาไทย โดยการใชนทิ านมีความนาสนใจ ใครเอาข้าวปลามา ให้สุภาก็ว่าดี
กวาการสอนโดยตรงหรือไม อยางไร ที่แพ้แก้ชนะ ไม่ถือพระประเวณี
(แนวตอบ การสอนโดยการใชนิทานมีความ ขี้ฉ้อก็ได้ดี ไล่ด่าตีมีอาญา
นาสนใจมากกวาการสอนโดยตรง เพราะ ที่ซื่อถือพระเจ้า ว่าโง่เง่าเต่าปูปลา
ผูเรียนจะสนใจติดตามเรื่องราวในนิทาน ผู้เฒ่าเหล่าเมธา ว่าใบ้บ้าสาระย�า
ตัง้ แตตน จนจบ ทําใหไดเรียนรูม าตราตัวสะกด
ตางๆ ไปพรอมกัน และกวีเนนความสําคัญ ๓) แสดงความคิด ความเชื่อ และค่านิยมของคนในสังคม เช่น
ของมาตราตัวสะกดแมตางๆ ดวยการขึ้นตน ๓.๑) ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแสดงให้เห็นความเชื่อ
บทประพันธเปนตอนๆ ตอเนื่องสัมพันธ ของผู้คนในสมัยนั้นว่านับถือไสยศาสตร์มากกว่าหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา จนมีความประพฤติ
กับการดําเนินเรื่องเปนอยางดี ผูเรียนจึงได ในทางที่ผิด เช่น
ทั้งความรูและความเพลิดเพลิน)
ไม่จ�าค�าพระเจ้า เหไปเข้าภาษาไสย
ถือดีมีข้าไท ฉ้อแต่ไพร่ใส่ขื่อคา
สะธุสะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา
พ่อแม่แลครูบา เทวดาในราศี
76
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวสะกดในภาษาไทยวา เสียง นักเรียนอธิบายเรื่องระบบมาตราตัวสะกดไทยและการออกเสียง
พยัญชนะทายในภาษาไทยจะออกเสียงไดเพียงคราวละเสียงเดียว ซึ่งผิดกับภาษาอื่น พยัญชนะทายของภาษาไทย พรอมยกตัวอยางประกอบ
เชน ภาษาอังกฤษที่อาจจะออกเสียงพยัญชะทายไดมากกวาคราวละหนึ่งเสียง
เมื่อไทยรับคําภาษาอังกฤษเขามาในภาษาไทยจึงตองตัดเสียงพยัญชนะทายใหเหลือ
เพียงเสียงเดียว เชน คําวา “เต็นท” ไทยตัดเสียงสุดทายออกใหเหลือเพียงเสียงเดียว กิจกรรมทาทาย
คือ พยัญชนะสะกดตามมาตราตัวสะกดแมกน
นักเรียนยกตัวอยางคําภาษาอื่นที่มีการตัดเสียงพยัญชนะทายออกให
เหลือเพียงเสียงเดียว ยกมาคนละ 2 คํา พรอมบอกที่มาและความหมาย
ของคํานั้น
76 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนบอกขอคิดที่ไดจากการศึกษากาพยเรื่อง
๓.๔) ให้ข้อคิด คติธรรม ส�าหรับน�าไปใช้ในการด�าเนินชีวิต ดังนี้ พระไชยสุริยา
❀■ ข้าราชการที่ดีต้องไม่คดโกง ฉ้อราษฎร์บังหลวง กดขี่ข่มเหงประชาชน (แนวตอบ ขอคิดที่ไดจากกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
❀■ คนไทยไม่ควรหลงระเริง มัวเมาแต่ความสนุกสนานเพลิดเพลินในกามารมณ์ • คนเราเมื่อประพฤติดียอมไดดีและมีความสุข
❀■ ผู้น�าของประเทศต้องควบคุมดูแลข้าราชการ อย่าให้รังแกประชาชน • คนเราควรเคารพในสิ่งที่ควรเคารพเทานั้น
❀■ ถ้าข้าราชการไม่สจุ ริต คดโกง ผูน้ า� ไม่เข้มแข็ง ประชาชนหลงระเริง เอาแต่สนุก • การประพฤติตนอยูในศีลในธรรม ยอมทําให
ประเทศชาติจะประสบความหายนะต่างๆ ตนเองและสังคมเจริญดวย
❀■ บ้านเมืองจะเกิดภัยพิบัติถ้าสังคมเกิดกาลกิณี ๔ ประการ คือ ผู้คนเห็น • การประพฤติชั่วนอกจากจะทําใหตนเอง
ผิดเป็นชอบ เปิดโอกาสให้คนผิดท�าลายล้างคนดี ลูกศิษย์คิดล้างครู ลูกไม่กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้คน ดูไมดีแลวยังทําใหประเทศชาติและสังคม
ในสังคมเบียดเบียนกัน สังคมไม่มีความสุขและเกิดความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เสื่อมโทรมดวย
❀■ คนเราทุกคนต้องตาย ไม่มีใครอยู่ค�้าฟ้า การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข คือ • ความเจริญรุงเรืองของชาติบานเมืองขึ้นอยูกับ
ทุกคนต้องไม่เบียดเบียนกัน เมตตาต่อกัน หมั่นรักษาศีล สวดมนต์ภาวนา ท�าจิตใจให้สงบ ทุกคนในชาติที่จะตองชวยกันธํารงรักษาไว)
๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
๑) การใช้ค�าง่ายๆ บรรยายให้เห็นภาพชัดเจน เช่น การเริ่มต้นเรื่องด้วยเนื้อความ ขยายความเขาใจ Expand
สั้นๆ ว่ามีเมืองๆ หนึ่ง มีพระราชาและมเหสี รวมทั้งข้าราชการและประชาชนซึ่งท�ามาหาเลี้ยงชีพและ 1. นักเรียนแสดงความคิดเห็นรวมกันในประเด็น
มีความเป็นอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าเดินทางมาค้าขายจากต่างแดน ทุกคนในเมือง ตอไปนี้
ล้วนอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข • นักเรียนคิดวาจะนําขอคิดที่ไดจากกาพยเรื่อง
ข้าเฝ้าเหล่าเสนา มีกิริยาอัชฌาศัย พระไชยสุริยาไปแกไขสถานการณความ
พ่อค้ามาแต่ไกล ได้อาศัยในพารา วุนวายในสังคมปจจุบันไดหรือไม อยางไร
ไพร่ฟ้าประชาชี ชาวบุรีก็ปรีดา (แนวตอบ สามารถนําขอคิดที่ไดจากกาพย
ท�าไร่ข้าวไถนา ได้ข้าวปลาแลสาลี เรื่องพระไชยสุริยาไปแกไขสถานการณ
๒) ใช้ถ้อยค�าให้เกิดจินตภาพ เช่น การพรรณนาบรรยากาศและธรรมชาติแวดล้อม ความวุนวายในสังคมปจจุบันได เชน
ที่มีความสวยงามในยามค�่าคืน ท�าให้นึกถึงภาพของดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง สถานการณนํ้าทวมที่เปนปญหารุนแรง
และเต็มไปด้วยดวงดาวจ�านวนมาก ธรรมชาติมีแต่ความสดชื่นและชุ่มชื้น มีสายลมอ่อนๆ พัดกลิ่นหอม ในประเทศ ประชาชนไดรับความเดือดรอน
ของเกสรดอกไม้กระจายไปทั่ว แมวาสาเหตุสวนใหญจะเกิดจากความ
แปรปรวนทางธรรมชาติ แตอีกสวนมีสาเหตุ
วันนั้นจันทร มีดารากร เป็นบริวาร เหมือนในกาพยเรือ่ งพระไชยสุรยิ า จึงควรนํา
เห็นสิ้นดินฟ้า ในป่าท่าธาร มาลีคลี่บาน ใบก้านอรชร ขอคิดจากเรื่องมาปรับเปลี่ยนคานิยมการทํา
ประโยชนและเสียสละเพื่อสังคม เพื่อแกไข
1 เย็นฉ�่าน�้าฟ้า ชื่นชะผกา วายุพาขจร
สารพันจันทน์อิน รื่นกลิ่นเกสร แตนต่อคลอร่อน ว้าว่อนเวียนระวัน สถานการณที่เปนปญหาดังกลาว)
2. นักเรียนบันทึกความรูลงสมุด
77
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
คําประพันธในขอใดเปนจุดประสงคในการแตงกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
ครูแนะนําความรูเรื่องเสียงของคําที่ทําใหเกิดภาพชัดเจน สามารถจินตภาพ
1. ภุมราการุญสุนทร ไวหวังสั่งสอน
ตามที่กวีบรรยายได โดยกวีเลือกใชคําที่ทําใหคลอยตามงายใหความหมายกินใจ
เด็กออนอันเยาวเลาเรียน
การอานวรรณคดีและวรรณกรรม ชวยฝกการคิดจินตภาพ ชวยสงเสริมประสบการณ
2. จริงนะประสกสีกา สวดมนตภาวนา
การเรียนรูในเรื่องราวและความรูสึกตางๆ ชวยสรางความสัมพันธที่ดีกับผูอื่นและ
เบื้องหนาจะไดไปสวรรค
ธรรมชาติรอบตัว
3. ประโยชนจะโปรดภูวไนย นิ่งนั่งตั้งใจ
เลื่อมใสสําเร็จเมตตา
4. ซื่อตรงหลงเลหเสนี กลอกกลับอัปรีย นักเรียนควรรู
บุรีจึงลมจมไป
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธกาพยเรื่องพระไชยสุริยานี้ แมเนื้อเรื่อง 1 จันทนอิน ปจจุบันเขียนเปน “จันอิน” เปนชื่อไมสูง ผลสุกมีสีเหลือง มีกลิ่นหอม
จะใหขอคิดที่วา ขุนนางตองซื่อสัตยสุจริต แตจุดมุงหมายของการแตง คือ รูปรางของผลอวนหรือกลมแปน เนื้อผลมีรสหวาน นิยมรับประทานเมื่อสุก
เพราะตองการใหใชเปนแบบเรียนสอนการอาน เขียน ภาษาไทย ตอบขอ 1.
คูมือครู 77
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาทางวรรณศิลปใน
กาพยเรื่องพระไชยสุริยา ๓) ใช้โวหารนาฏการ คือ เห็นกิริยาอาการที่ท�าต่อเนื่อง เช่น
• กาพยเรื่องพระไชยสุริยามีลักษณะเดนทาง
วรรณศิลปอยางไรบาง เห็นกวางย่างเยื้องช�าเลืองเดิน เหมือนอย่างนางเชิญ
(แนวตอบ กาพยเรื่องพระไชยสุริยามีลักษณะ พระแสงส�าอางข้างเคียง
เดนทางวรรณศิลป คือ การใชคํางายในการ ................................... 1 ...................................
บรรยายเรื่องราว ทําใหการดําเนินเรื่องนา
ฝูงละมั่งฝังดินกินเพลิง ค่างแข็งแรงเริง
ติดตามเขาใจงาย ใชถอยคําใหเกิดจินตภาพ
ยืนเบิ่งบึ้งหน้าตาโพลง
ทําใหเห็นภาพชัดเจน ฉากและบรรยากาศ
ป่าสูงยูงยางช้างโขลง อึงคะนึงผึงโผง
ในเรื่องมีความสมจริง เชน เหตุการณตอนที่
เกิดอาเพศในเมืองสาวัตถีประชาชนแตกตื่น โยงกันเล่นน�้าคล�่าไป
หนีกันวุนวาย เหตุการณความยากลําบาก ................................... ...................................
ของพระไชยสุริยาและพระมเหสีตอนที่อยูใน ลิงค่างครางโครกครอก ฝูงจิ้งจอกออกเห่าหอน
ปา เปนตน และยังมีการใชความเปรียบทําให ชะนีวิเวกวอน นกหกร่อนนอนรังเรียง
เขาใจเนื้อเรื่องไดแจมชัดยิ่งขึ้น เชน “ยูงทอง ลูกนกยกปีกป้อง อ้าปากร้องซ้องแซ่เสียง
รองกะโตงโหงดัง เพียงฆองกลองระฆัง” ใช แม่นกปกปีกเคียง เลี้ยงลูกอ่อนป้อนอาหาร
คําวา “เพียง” ซึ่งมีความหมายวา “เหมือน”
ยูงทองรองเสียงดังเหมือนฆอง กลอง และ
ระฆัง) ๔) การใช้ความเปรียบว่าสิง่ หนึง่ เหมือนกับสิง่ หนึง่ หรือ อุปมา คือ การเปรียบเทียบ
สิง่ หนึง่ เหมือนกับอีกสิง่ หนึง่ ท�าให้เข้าใจได้ชดั เจน เช่น
ขยายความเขาใจ Expand
กลางไพรไก่ขันบรรเลง ฟังเสียงเพียงเพลง
นักเรียนยกบทประพันธที่มีการใชความเปรียบ ซอเจ้งจ�าเรียงเวียงวัง
หรืออุปมา พรอมถอดคําประพันธใหเห็นการใช
ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง
ความเปรียบ
แตรสังข์กังสดาลขานเสียง
(แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธที่ใชความเปรียบ
เชน ................................... ...................................
“เห็นกวางยางเยื้องชําเลืองเดิน เหมือนอยางนางเชิญ ยากเย็นเห็นหน้าเจ้า สร่างโศกเศร้าเจ้าพี่อา
พระแสงสําอางขางเคียง” อยู่วังดังจันทรา มาหม่นหมองละอองนวล
จากบทประพันธใชความเปรียบวา “เหมือน” เพื่อนทุกข์สุขโศกเศร้า จะรักเจ้าเฝ้าสงวน
กลาวถึงทาชายตาเดินของกวางวาเหมือนทาทางของ มิ่งขวัญอย่ารัญจวน นวลพักตร์น้องจะหมองศรี
หญิงสาว)
78
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
คําประพันธในขอใดใชโวหารนาฏการ
1 กินเพลิง ชะลอ ชวยบํารุง ไดคนควาวา ละมั่งกินพืชชนิดหนึ่ง เปนพืช
1. ปาสูงยูงยางชางโขลง อึงคะนึงผึงโผง
ประเภทขิง เรียกวา “ขิงปา” หรือบางสํานวนที่เปน “ดินเพลิง” จะหมายถึง ดินโปง
โยงกันเลนนํ้าคลํ่าไป
ดินเปนอาหารของสัตวประเภทกวางลักษณะเปนดินเค็มหรือดินที่มีเกลือปนอยู
2. สําเร็จเสร็จไดไปสวรรค เสวยสุขทุกวัน
นานนับกัปกัลปพุทธันดร
3. ระวังตัวกลัวครูหนูเอย ไมเรียวเจียวเหวย
กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวียว
4. กระจับปสีซอคลอเสียง ขับรําจําเรียง
สําเนียงนางฟานาฟง
วิเคราะหคําตอบ โวหารนาฏการเปนโวหารทีแ่ สดงใหเห็นภาพการเคลือ่ นไหว
ภาพการแสดงกิริยาอาการของสิ่งตางๆ ใหเห็นชัดเจน ในขณะที่กําลังดําเนิน
ไปอยางสวยงาม ขอที่เห็นภาพการเคลื่อนไหว คือ ขอที่เห็นภาพโขลงชาง
เอะอะเสียงดังพากันเลนนํ้า ตอบขอ 1.
78 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันอธิบายความรูเกี่ยวกับการ
๕) การเลียนเสียงธรรมชาติ คือ การน�าเสียงที่ได้ยินมาบรรยาย ซึ่งจะท�าให้เกิด เลียนเสียงธรรมชาติในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
1
มโนภาพเหมือนได้ยินเสียงนั้นจริงๆ เช่น เสียง กะโต้งโห่ง ของนกยูงที่ดังกังวานคล้ายเสียง จากนั้นบันทึกความรูลงสมุด
เครื่องดนตรีไทยหลายชนิดผสมกัน เสียง ป๋องเป๋ง ของนกค้อนทอง ที่มีความไพเราะจับใจ • การเลียนเสียงธรรมชาติ
คล้ายเสียงเพลง เสียง โครกครอก ของลิงค่าง หรือเสียง หง่างเหง่ง ของระฆังเมื่อถูกตี เป็นต้น (แนวตอบ การเลียนเสียงธรรมชาติที่พบใน
กาพยเรื่องพระไชยสุริยา เชน เสียงดนตรี
ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง
เสียงสัตว ประโยชนของคําเลียนเสียง
แตรสังข์กังสดาลขานเสียง
ธรรมชาติจะเราจินตนาการของผูอานไดดีขึ้น
................................... ...................................
การใชคําเลียนเสียงลักษณะนี้จะทําใหเหมือน
ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง เพลินฟังวังเวง
ไดยินเสียงนั้นจริงๆ)
อีเก้งเริงร้องลองเชิง
• การเลนเสียงและการใชลีลาในการอาน
(แนวตอบ การเลนเสียงในกาพยเรื่องพระไชย-
ลิงค่างครางโครกครอก ฝูงจิ้งจอกออกเห่าหอน สุริยามีการเลนเสียงสัมผัสใน ทั้งสัมผัสสระ
ชะนีวิเวกวอน นกหกร่อนนอนเรียงรัง และสัมผัสอักษรทําใหเสียงรื่นหู สวนจังหวะ
................................... ................................... ลีลา กวีใชคําเหมาะสมกับคําประพันธที่เปน
พิณพาทย์ระนาดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง กาพยชนิดตางๆ เชน การใชกาพยยานีที่เนน
ระฆังดังวังเวง โหง่งหง่างเหง่งเก่งก่างดัง เสียงหนักเบาในตอนที่ตองการใหเรื่องสนุกมี
๖) การเล่นเสียง คือ การเล่นเสียงสัมผัส ซึง่ หมายถึงพยางค์ทคี่ ล้องจองกันด้วยเสียง อารมณขัน และใชกาพยสุรางคนางคในการ
สระและเสียงพยัญชนะ กาพย์พระไชยสุรยิ ามีการเน้นสัมผัสในทุกวรรคทัง้ สัมผัสสระและสัมผัสอักษร บรรยายบรรยากาศที่มีความสงบ สรรพสิ่ง
ดําเนินไปอยางชาๆ เปนที่จับจองใหคิดคํานึง)
ขึ้นกงจงจ�าส�าคัญ ทั้งกนปนกัน
ร�าพันมิ่งไม้ในดง ขยายความเขาใจ Expand
ไกรกร่างยางยูงสูงระหง ตะลิงปลิงปริงประยงค์
คันทรงส่งกลิ่นฝิ่นฝาง นักเรียนยกบทประพันธที่มีการเลียนเสียง
มะม่วงพลวงพลองช้องนาง หล่นเกลื่อนเถื่อนทาง ธรรมชาติจากกาพยเรื่องพระไชยสุริยา อธิบายการ
กินพลางเดินพลางหว่างเนิน เลียนเสียงธรรมชาติในบทนั้น และการเลนเสียง
สัมผัสในทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร
สัมผัสอักษร เช่น จง-จ�า มิ่ง-ไม้ ไกร-กร่าง ยาง-ยูง ปริง-ประยงค์ ฝิ่น-ฝาง (แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธ
พลวง-พลอง “คอนทองเสียงรองปองเปง เพลินฟงวังเวง
สัมผัสสระ เช่น กง-จง จ�า-ส�า กน-ปน ไม้-ใน กร่าง-ยาง ยูง-สูง ลิง-ปริง-ปลิง อีเกงเริงรองลองเชิง”
ทรง-ส่ง กลิ่น-ฝิ่น ม่วง-พลวง พลอง-ช้อง เกลื่อน-เถื่อน พลาง-หว่าง จากบทประพันธมีการเลียนเสียงรองของสัตว
คือ นกคอนทองรองเสียงดัง “ปองเปง” และ
79
การเลนเสียงสัมผัสในวรรค ดังนี้ สัมผัสสระ ไดแก
ทอง-รอง, ฟง-วัง, เริง-เชิง รอง-ลอง สัมผัสอักษร
ไดแก ปอง-เปง, เริง-รอง)
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับการเลียนเสียงธรรมชาติในวรรณคดีไทย ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับลีลาการอานกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
อยางกวางขวาง จากนั้นนักเรียนยกบทประพันธจากวรรณคดีเรื่องใดก็ได ใหสนุก ครูชี้ใหนักเรียนเห็นวา บางตอนของกาพยเรื่องพระไชยสุริยามีทั้งการเลียน
ที่นักเรียนเห็นวามีการพรรณนาหรือบรรยายโดยการเลียนเสียงธรรมชาติ เสียงธรรมชาติและการสอดแทรกอารมณขนั เชน บททีเ่ กิดเหตุการณชลุ มุน ตองอาน
นักเรียนยกตัวอยางมา 1 ตัวอยาง เขียนเปนบันทึกความรูสงครู ดวยลีลากระชับฉับไว
กิจกรรมทาทาย นักเรียนควรรู
1 มโนภาพ หมายความวา ความคิดที่เห็นเปนภาพขึ้นในใจ ซึ่งการเกิดมโนภาพ
นักเรียนศึกษาวรรณศิลปที่มีการเลียนเสียงธรรมชาติในงานประพันธ ไดนั้นขึ้นอยูกับความสามารถของกวีในการเลือกสรรคํา วลี หรือการลําดับภาพดวย
จากนั้นใหนักเรียนวิเคราะหวา การเลียนเสียงธรรมชาติสงผลตอวรรณคดี ถอยคํา
อยางไร โดยนักเรียนยกตัวอยางประกอบการอธิบาย นักเรียนทําเปนใบงาน
สงครู
คูมือครู 79
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนยกบทประพันธกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
ที่นักเรียนเห็นวามีลีลาจังหวะในการอานสนุกและ
1
กระจับปี่สีซอท่อเสียง ขับร�าจ�าเรียง
เกิดอารมณตามเนื้อเรื่อง พรอมยกเหตุผลประกอบ ส�าเนียงนางฟ้าน่าฟัง
(แนวตอบ นักเรียนยกบทประพันธไดหลากหลาย เดชะพระกุศลหนหลัง สิ่งใดใจหวัง
ขึ้นอยูกับเหตุผลของนักเรียน ได้ดังมุ่งมาดปรารถนา
“เภตรามาในนํ้าไหล คํ่าเชาเปลาใจ
ที่ในมหาวารี สัมผัสอักษร เช่น สี-ซอ-เสียง ร�า-เรียง เนียง-นาง-น่า ฟ้า-ฟัง ได้-ดัง มุ่ง-มาด
พสุธาอาศัยไมมี ราชานารี สัมผัสสระ เช่น ปี่-สี ซอ-ท่อ ร�า-จ�า ฟ้า-น่า ชะ-พระ ศล-หน ใด-ใจ มาด-ปรารถ(นา)
อยูที่พระแกลแลดู
ปลากระโหโลมาราหู เหราปลาทู กาพย์เรือ่ งพระไชยสุรยิ า มีลกั ษณะการแต่งเหมาะสมกับเนือ้ หา ให้ความสนุกสนาน
มีอยูในนํ้าคลํ่าไป เพลิดเพลิน ไม่ยาวเกินไป เหมาะสมกับวัยของเด็กสามารถใช้สอนได้ผลตามจุดประสงค์
ราชาวาเหวหฤทัย วายุพาคลาไคล ของผู้แต่ง นอกจากนี้ยังมีคุณค่าด้านวรรณศิลป์และด้านสังคมหลายประการ นับเป็น
มาในทะเลเอกา” 2
วรรณคดีที่เป็นมรดกของชาติ ควรค่าแก่การศึกษาด้วยความภูมิใจและมีความเหมาะสม
บทประพันธที่ยกมาเปนกาพยฉบัง 16 ที่ได้รับเลือกเป็นแบบเรียนแก่เยาวชนไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา
กวีเลือกสรรถอยคําที่สั้นกระชับมีความหมายเดนทุก
ถอยคํา และมีเสียงสัมผัสในวรรคที่ทําใหคําประพันธ
มีความไพเราะ จังหวะของคําชวยกระตุนใหเห็นภาพ
ของเรือที่แลนไปตามนํ้าทะเลเปนวันแลววันเลา ได
แตมองหาแผนดินจากขางหนาตางแตก็ไมเห็น เห็น
แตสัตวทะเลตางๆ พระไชยสุริยาก็รูสึกเศราใจ)
80
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
นักเรียนจะอานบทรอยกรองใหสนุกและเกิดอารมณตามเนื้อเรื่องไดอยางไร
1 จําเรียง เปนคํากริยา หมายถึง ขับรอง ขับกลอม รองเพลง แผลงมาจาก
คําเขมร คําวา “เจรียง” แนวตอบ การอานบทรอยกรองใหสนุกและเกิดอารมณตามเนื้อเรื่องนั้น
2 วรรณคดีที่เปนมรดกของชาติ หมายถึง วรรณคดีที่ไดรับการยกยองกันมา เริ่มตนจากการศึกษาคําใหเขาใจ ใหถูกตองตามหลักภาษาและพจนานุกรม
หลายชั่วอายุคน ในดานวรรณศิลปกับในดานที่แสดงคานิยมและความเชื่อในสมัย ราชบัณฑิตยสถาน และที่สําคัญตองรูวาเมื่อไรจะตองอานโดยอนุโลมของ
ของบรรพบุรุษ สงเสริมใหเปรียบเทียบชีวิตมนุษยในสมัยของบรรพบุรุษกับชีวิตใน บทรอยกรอง โดยสังเกตจากการใชสัมผัสในวรรค เชน เคารพอภิวันท
ปจจุบัน อานวา เคา-รบ-อบ-พิ-วัน เปนตน ออกเสียงตัว ร ล ตัวควบกลํ้า และเสียง
วรรณยุกตตางๆ ใหชัดเจน ปรับเสียงใหสอดคลองกับเนื้อความ คือ นักเรียน
ตองพยายามทําความเขาใจกับเนื้อเรื่องวากลาวถึงสิ่งใด เหตุการณและ
บรรยากาศของเรื่องเปนอยางไร แลวอานใหเสียงคลอยตามสัมพันธกัน
ใชนํ้าเสียงใหเหมาะสมกับตัวบท เชน อารมณโกรธอานใหเต็มเสียง หนักแนน
กระชับ ถาเศราอาจใชเสียงเบากวาปกติ เปนตน
80 คูมือครู
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนสรุปความรูที่ไดจากการอานกาพยเรื่อง
พระไชยสุริยา
ค�าถาม ประจ�าหน่วยการเรียนรู้ 2. นักเรียนบอกขอคิดที่ไดจากกาพยเรื่องพระไชย-
สุริยา และบอกแนวทางในการนําขอคิดไปใชใน
๑. นักเรียนคิดว่าการน�านิทานมาเป็นแบบเรียนมีผลดีหรือไม่ อย่างไร ชีวิตจริงได
๒. การประพฤติมิชอบของบรรดาเสนาอ�ามาตย์ในเมืองสาวัตถีมีผลต่อบ้านเมืองอย่างไรบ้าง 3. นักเรียนยกบทประพันธที่มีการใชความเปรียบ
๓. กาพย์เรื่องพระไชยสุริยากล่าวถึงตัวสะกดมาตราใดบ้าง ยกตัวอย่างตัวสะกด มาตราละ ๑ บท หรืออุปมาได
4. นักเรียนอธิบายความรูและยกบทประพันธที่มี
การเลียนเสียงธรรมชาติในกาพยเรื่องพระไชย-
สุริยาได
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. ตารางจําแนกคําศัพทตามมาตราตัวสะกด
2. บอกขอคิดที่ไดจากกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
3. การยกบทประพันธที่มีการใชความเปรียบหรือ
อุปมา
กิจกรรม สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้
4. การทองจําบทอาขยานที่ชื่นชอบได
กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้นกั เรียนแบ่งกลุม่ ตามความเหมาะสม วาดภาพประกอบจากนิทานเรือ่ งพระไชยสุรยิ า
กลุ่มละ ๑-๒ ภาพ ระบายสีให้สวยงาม ติดป้ายนิเทศในห้องเรียน
กิจกรรมที่ ๒ อา่ นท�านองเสนาะกาพย์เรือ่ งพระไชยสุรยิ าเป็นรายบุคคล เลือกท่องจ�าคนละ ๑ มาตรา
จ�านวน ๓ บท หลังจากนั้นอ่านท�านองเสนาะพร้อมกันทั้งชั้นเรียน
กิจกรรมที่ ๓ ศึกษาค้นคว้าลักษณะของพรรณไม้และสัตว์ป่าที่ปรากฏในกาพย์เรื่องพระไชยสุริยา
พร้อมภาพประกอบ คัดเลือกมา คนละ ๕ ชนิด จัดท�าเป็นรูปเล่มให้สวยงาม
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. การนํานิทานมาเปนแบบเรียนมีผลดีทําใหผูอานไดรับความเพลิดเพลินจากเนื้อเรื่อง แลวยังไดรับขอคิดคุณธรรมจริยธรรมจากนิทานอีกดวย
2. การประพฤติที่มิชอบของเหลาเสนาอํามาตย สงผลใหเมืองสาวัตถีเกิดภัยพิบัติ ทุกคนในเมืองตางพยายามเอาตัวรอดหนีออกนอกเมือง
3. กาพยเรื่องพระไชยสุริยากลาวถึงมาตราตัวสะกด ดังนี้
• แม ก กา เชน “จะรํ่าคําตอไป พอลอใจกุมารา • แมกด เชน “พระสงฆลงจากกุฏิ์ วิ่งอุตลุดฉุดมือเณร
ธรณีมีราชา เจาพาราสาวะถี” หลวงชีหนีหลวงเณร ลงโคลนเลนเผนผาดโผน”
• แมกน เชน “สวนสุมาลี วันทาสามี เทวีอยูงาน • แมกบ เชน “ประกอบชอบเปนผิด กลับจริตผิดโบราณ
เฝาอยูดูแล เหมือนแตกอนกาล ใหพระภูบาล สําราญวิญญา” สามัญอันธพาล ผลาญคนซื่อถือสัตยธรรม”
• แมกง เชน “เห็นกวางยางเยื้องชําเลืองเดิน เหมือนอยางนางเชิญ • แมกม เชน “สุขเกษมเปรมปรีดิ์วิมาน อิ่มหนําสําราญ
พระแสงสําอางขางเคียง” ศฤงคารหอมลอมพรอมเพรียง”
• แมกก เชน “ลูกนกยกปกปอง อาปากรองซองแซเสียง • แม เกย เชน “ขึ้นเกยเลยกลาวทาวไท ฟงธรรมนํ้าใจ
แมนกปกปกเคียง เลี้ยงลูกออนปอนอาหาร” เลื่อมใสศรัทธากลาหาญ”
คูมือครู 81
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระราม
อาสา
2. วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมเรื่อง
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
3. อธิบายคุณคาวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอน
สมิงพระรามอาสา
4. สรุปความรูและขอคิดจากการอานเรื่อง
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
เพื่อประยุกตใชในชีวิตจริง
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
๕
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวินัย
2. ใฝเรียนรู
3. มุงมัน่ ในการทํางาน
หน่วยที่
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
ตัวชี้วัด
กระตุน ความสนใจ Engage
■■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑)
วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ
ร าชาธิราชเป็นเรื่องแปลจากพงศาวดารมอญ
■■
ซึ่งเชื่อถือกันสืบมาว่าเขียนขึ้นจากเรื่องจริงเกี่ยวกับ
(ท ๕.๑ ม.๑/๒)
บุคคลในประวัติศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธ-
นักเรียนดูภาพหนาหนวย จากนั้นครูตั้งคําถาม ■■
■■
อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓)
สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้
แลวใหนักเรียนรวมกันระดมความคิดตอบคําถาม (ท ๕.๑ ม.๑/๔) เจ้ า พระยาพระคลั ง (หน) เป็ น ผู ้ อ� า นวยการแปลและ
• บุคคลในภาพกําลังอยูในสถานการณใด เรียบเรียงแต่งร่วมกับนักปราชญ์ในราชส�านักอีกหลายท่าน
สาระการเรียนรู้แกนกลาง ราชาธิราชถือเป็นวรรณคดีร้อยแก้วที่มีส� านวนโวหาร
(แนวตอบ ครูใหนักเรียนบรรยายเหตุการณใน คมคาย ไพเราะ เนื้อเรื่องชวนติดตาม และมีข้อคิดเป็นคติ
การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม
ภาพหนาหนวยดวยมุมมองของนักเรียนเอง)
■■
เกร็ดแนะครู
หนวยการเรียนรูนี้ ครูควรใหนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมที่ชวยสรางปฏิสัมพันธและ
รวมกันระดมความคิดที่มีตอการดูภาพหนาหนวย หรือจากขอมูลความรูเกี่ยวกับ
เรื่องราชาธิราช เพื่อพัฒนาสติปญญาและสรางความสัมพันธอันดีระหวางเพื่อนรวม
ชั้นเรียน โดยในการปฏิบัติกิจกรรมนั้นนักเรียนตั้งคําถามเพื่อคนหาคําตอบจากเรื่องที่
กําลังจะอาน โดยจดคําถามลงสมุดเพื่อรวมกันหาคําตอบ หรือการแบงกลุมรวมกัน
ตั้งสมมติฐาน เพื่อคาดเดาความหมายของถอยคําหรือแนวคิดที่ไดจากเรื่อง จากนั้น
จึงรวมกันอภิปราย
82 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใชคําถามกระตุนความสนใจนักเรียน ดังนี้
๑ ความเป็นมา • นักเรียนคิดวาเรื่องราชาธิราชเปนเรื่อง
เกี่ยวกับอะไร
ราชาธิราชตอนสมิงพระรามอาสาเป็นหนังสือที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก- (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย เชน
มหาราชโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาพระคลัง (หน) พระยาอินทรอัคคราช พระภิรมย์รัศมีและพระศรี- เปนเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตรเกี่ยวกับการ
ภูริปรีชาช่วยกันแปลและเรียบเรียงแต่งขึ้น เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๘ “ด้วยพระราชหฤทัยประสงค์จะให้เป็น ทําสงคราม เกี่ยวกับวีรบุรุษ ผูชนะสงคราม
หิต านุหิตประโยชน์ แก่ พระบรมวงศานุ วงศ์ ข้ าทู ลละอองธุ ลี พ ระบาทผู ้ น้ อ ยผู ้ ใ หญ่ ใ นฝ่ า ยทหาร เปนตน)
ฝ่ายพลเรือน จะได้สดับจ�าไว้เป็นคติบ�ารุงสติปัญญาไปภายหน้า”
ราชาธิราชมีเนื้อหาสาระและส่วนประกอบปลีกย่อยมาจากมหายุทธสงครามในพระราช- สํารวจคนหา Explore
พงศาวดารรามัญ (มอญ) แปลจากภาษารามัญเป็นภาษาสยาม นิยมอ่านเพื่อเป็นความรู้ด้านกลอุบาย 1. นักเรียนศึกษาประวัติความเปนมาของเรื่อง
ทางการเมือง เห็นถึงวิสัยของมนุษย์ เรื่องราวทางศีลธรรม และการใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหา ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
2. นักเรียนศึกษาลักษณะคําประพันธเรื่อง
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
๒ ประวัติผู้แต่ง 3. นักเรียนอานเรื่องยอเรื่องราชาธิราช ตอน
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เกิดในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศสมัยอยุธยาตอนปลาย สมิงพระรามอาสา
และถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๘ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้รับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงสรวิชิต นายด่าน อธิบายความรู Explain
เมืองอุทัยธานี ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้เลื่อนเป็นพระยา นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับประวัติความ
พิพัฒนโกษาและเจ้าพระยาพระคลัง เปนมาของเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระราม
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) มีความสามารถในการประพันธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง ผลงาน
1 อาสา
ที่ส�าคัญ ได้แก่ ลิลิตเพชรมงกุฎ อิเหนาค�าฉันท์ ราชาธิราช สามก๊ก กากีค�ากลอน ลิลิตพยุหยาตรา- (แนวตอบ เจาพระยาคลัง (หน) พระยาอินทร-
เพชรพวง ลิลิตศรีวิชัยชาดก กลอนและร่ายจารึกเรื่องสร้างภูเขาที่วัดราชคฤห์ ร่ายยาวมหาเวสสันดร อัคคราช พระภิรมยรัศมีและพระศรีภูมิปรีชา
ชาดก กัณฑ์กุมารและกัณฑ์มัทรี สมบัติอมรินทร์ค�ากลอน เป็นต้น ชวยกันแปลและเรียบเรียงแตงขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2328
ซึ่งแปลตามพระราชประสงคของพระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราชที่ตองการใหเปน
๓ ลักษณะคÓประพันธ์ ประโยชนแกพระบรมวงศานุวงศ ขาราชการนอย
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา แปลและเรียบเรียงแต่งเป็นร้อยแก้ว ใช้ประโยคที่มีขนาด ใหญทั้งฝายทหารและฝายพลเรือน ราชาธิราชมี
สั้นยาวได้จังหวะ มีคารมคมคาย ใช้โวหารต่างๆ ได้อย่างจับใจ และมีกลวิธีในการด�าเนินเรื่องแบบ เนื้อหามาจากยุทธสงครามในพระราชพงศาวดาร
เรื่องเล่าลักษณะคล้ายนิทาน
รามัญ)
• คําประพันธเรื่องราชาธิราช ตอน
83 สมิงพระรามอาสา มีลักษณะอยางไร
(แนวตอบ ลักษณะคําประพันธเรื่องราชาธิราช
ตอน สมิงพระรามอาสา แปลและเรียบเรียง
แตงเปนรอยแกว)
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับประวัติความเปนมาของเรื่องราชาธิราช 1 สามกก เปนผลงานเลมหนึ่งที่เจาพระยาพระคลัง (หน) เปนผูอํานวยการแปล
เพิ่มเติม เชน ราชาธิราชมีทั้งหมดกี่ตอน และมีการแบงใหเรียนกี่ตอน ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ใน พ.ศ. 2345
มีตอนใดบาง ในรูปแบบสมุดไทย สามกกเปนวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร และจัดเปน
วรรณกรรมเพชรนํ้าเอกของโลก เปนมรดกทางปญญาของปราชญชาวตะวันออก
เนื้อเรื่องของสามกกคลายกับเรื่องราชาธิราชที่ใหความรูเรื่องกลอุบายทางการเมือง
กิจกรรมทาทาย และการสงคราม
นักเรียนศึกษาเรื่องราชาธิราชทุกตอน จากนั้นสรุปเรื่องยอทั้งหมด
ลงสมุด ครูใหนักเรียนชวยกันเลาเรื่องยอหนาชั้นเรียน
คูมือครู 83
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ครูสุมนักเรียน 3-4 คน มาเลาเรื่องยอหนา
ชั้นเรียน ๔ เรื่องย่อ
(แนวตอบ พระเจากรุงตาฉิงแหงจีน ยกทัพมา
ลอมกรุงรัตนบุระอังวะ ใหพระเจามณเฑียรทอง พระเจ้ากรุงต้าฉิงแห่งเมืองจีนยกทัพมาล้อมกรุงอังวะ ต้องการให้พระเจ้ามณเฑียรทอง
ออกไปถวายบังคม และขอใหสงทหารออกมาขี่มา ออกไปถวายบั ง คมและขอให้ ส ่ ง ทหารออกมาขี่ ม ้ า ร� า ทวนต่ อ สู ้ กั น ตั ว ต่ อ ตั ว กั บ กามะนี ท หารเอก
รําทวนตอสูกันตัวตอตัวกับกามะนีทหารเอกของ ของเมืองจีน ถ้าฝ่ายกรุงรัตนบุระอังวะแพ้ต้องยกเมืองให้ฝ่ายจีน แต่ถ้าฝ่ายจีนแพ้ก็จะยกทัพกลับทันที
พระเจากรุงจีน ถาฝายกรุงรัตนบุระอังวะแพตองยก
พระเจ้ามณเฑียรทองประกาศหาผู้ที่จะอาสาออกไปรบกับกามะนี ถ้าสามารถรบชนะจีน
เมืองใหฝายจีน แตถาฝายจีนแพจะยกทัพกลับทันที
พระเจากรุงอังวะประกาศหาผูที่จะอาสาออกไปรบ จะโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นพระมหาอุปราชและแบ่งสมบัติให้กึ่งหนึ่ง
กับกามะนี เมื่อสมิงพระรามทราบขาว ก็คิด ฝ่ายสมิงพระรามที่ถูกจับเป็นเชลยเมืองอังวะทราบข่าวก็คิดตรึกตรองว่า หากจีนชนะศึกครั้งนี้
ตรึกตรองวา หากจีนชนะศึกครั้งนี้ จีนคงยกทัพไปตี จีนคงจะยกทัพไปตีเมืองหงสาวดีของตนต่อเป็นแน่ ควรคิดป้องกันไว้ก่อนจึงอาสาออกรบ แม้แรกๆ
เมืองหงสาวดีของตนตอไปแน ควรคิดปองกันไวกอน จะเกรงว่าการอาสาออกรบครั้งนี้จะเป็นการ หาบสองบ่าอาสาสองเจ้า ก็ตาม โดยขอพระราชทาน
จึงอาสาออกรบสูศึกและขอพระราชทานมาฝเทาดี ม้าฝีเท้าดีตวั หนึง่ และได้เลือกม้าของหญิงม่าย ซึง่ มีลกั ษณะดีทกุ ประการ สมิงพระรามน�าม้าออกไปฝึกหัด
ตัวหนึ่งเปนลูกมาของหญิงมาย สมิงพระรามนํามา ให้รู้จักท�านองจนคล่องแคล่วสันทัดขึ้น พร้อมทั้งทูลขอขอเหล็กและตะกรวยผูกข้างม้า
ออกไปฝกหัด เมื่อสูกันสมิงพระรามเห็นวา กามะนีมี
ในระหว่างการรบ สมิงพระรามเห็นว่ากามะนีมีความช�านาญด้านการรบเพลงทวนมากและ
ความชํานาญดานการรบเพลงทวนมาก และยังสวม
หุมเกราะไวแนนหนา สมิงพระรามจึงใชอุบายวาให ยังสวมเกราะไว้แน่นหนา สมิงพระรามจึงใช้อุบายว่าให้แต่ละฝ่ายแสดงท่าร�าให้อีกฝ่ายร�าตามก่อนที่จะ
แตละฝายแสดงทารําใหอีกฝายรําตามกอนที่จะตอสู ต่อสู้กัน ทั้งนี้เพื่อจะคอยหาช่องทางที่จะแทงทวนให้ถูกตัวกามะนี
กัน ครั้นเมื่อสูกันไมเห็นผลแพชนะ สมิงพระรามจึง เมื่อสมิงพระรามได้หลอกล่อให้กามะนีร�าตามในท่าต่างๆ สมิงพระรามเห็นช่องใต้รักแร้
หยุดรําทําทีวาสูไมไดขับมาหนี ใหมาของกามะนี กับบริเวณเกราะซ้อนท้ายหมวกเปิดออกได้ สมิงพระรามจึงหยุดร�าและให้ต่อสู้กันโดยท�าทีว่าสู้ไม่ได้
ตามจนเหนื่อย เมื่อไดทีก็สอดทวนแทงซอกใตรักแร จากนั้นจึงขับม้าหนีให้ม้าของกามะนีเหนื่อยเมื่อได้ทีก็สอดทวนแทงซอกใต้รักแร้แล้วฟันย้อนกลีบ-
แลวฟนยอนกลีบเกราะตัดศีรษะของกามะนีขาด เกราะตัดศีรษะของกามะนีขาดและเอาขอเหล็กสับใส่ตะกรวยโดยไม่ให้ศีรษะตกดิน น�ามาถวาย
แลวเอาขอเหล็กสับใสตะกรวยโดยไมใหตกดิน นํามา
พระเจ้ามณเฑียรทอง
ถวายพระเจามณเฑียรทอง เมื่อฝายจีนแพพระเจา
กรุงจีนก็สั่งใหยกทัพกลับตามสัญญา พระเจา เมื่ อ ฝ่ า ยจี น แพ้ พระเจ้ า กรุ ง จี น ก็ สั่ ง ให้ ย กทั พ กลั บ ตามสั ญ ญา พระเจ้ า มณเฑี ย รทอง
มณเฑียรทองพระราชทานตําแหนงมหาอุปราชและ พระราชทานต�าแหน่งพระมหาอุปราชและพระราชธิดาให้เป็นบาทบริจาริกาแก่สมิงพระรามตามที่ได้
พระราชธิดา ใหเปนบาทบริจาริกาแกสมิงพระราม รับสั่งไว้
ตามที่ไดรับสั่งไว)
ตรวจสอบผล Evaluate
นักเรียนสรุปและเลาเรื่องยอเปนสํานวนภาษา
ของนักเรียนเอง 84
บูรณาการ
บูรณาการเชื่อมสาระ
เศรษฐกิจพอเพียง เรื่องราชาธิราชเปนเรื่องที่มีเนื้อหาสาระและสวนประกอบตางๆ มาจาก
มหาสงครามในพระราชพงศาวดารมอญ ซึ่งเปนชนชาติที่เคยรุงเรืองในอดีต
จากวรรณคดีเรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ใหนักเรียนวิเคราะห มีประวัติศาสตรความเปนมาที่นาสนใจ เรื่องราวที่บันทึกเปนพงศาวดารมี
ลักษณะและพฤติกรรมของตัวละคร “สมิงพระราม” วาเปนผูที่นายกยองและสมควร อิทธิพลตอวรรณคดีและวรรณกรรมชาติมอญและชาติใกลเคียง จึงเปนเรื่อง
นํามาเปนแบบอยางในการดําเนินชีวิตอยางไร ครูชี้แนะใหศึกษาวิเคราะหตัวละคร ที่นาสนใจหากจะศึกษาหาความรูเพิ่มเติม โดยครูบูรณาการเกี่ยวกับประวัติ
ภายใตบริบทของความมีเหตุผลและการมีภูมิคุมกันที่ดีในตัว ความเปนมาของเรื่องราชาธิราชเขากับวิชากลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา
ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร
84 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูเปดวีซีดีละครพันทาง เรื่องราชาธิราช ตอน
๕ เนื้อเรื่อง สมิงพระรามรบกามะนี ใหนักเรียนชม แลวให
นักเรียนตั้งคําถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ราชาธิราช
ตอน สมิงพระรามอาสา สํารวจคนหา Explore
ฝ่ายพระเจ้ากรุงต้าฉิง ซึ่งเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงจีนนั้นมีทหารเอกคนหนึ่งชื่อกามะนีมีฝีมือ 1. นักเรียนอานเรื่องราชาธิราช ตอน
ขี่ม้าแทงทวนสันทัดดีหาผู้เสมอมิได้ จีนทั้งปวงก็สรรเสริญว่า กามะนีมิใช่มนุษย์ดุจเทพยดาก็ว่าได้ สมิงพระรามอาสาในใจ
อยูม่ าวันหนึง่ พระเจ้ากรุงจีนเสด็จออกตรัสปรึกษาด้วยเสนาบดีมนตรีมขุ ทัง้ ปวงว่า ท�าไฉนเราจะได้เห็น 2. นักเรียนสืบคนประเด็นสําคัญของเรื่องราชาธิราช
ทหารขี่ม้าสู้กันกับกามะนีตัวต่อตัวดูเล่นให้เป็นขวัญตาสักครั้งหนึ่ง กษัตริย์กรุงใดยังจะมีทแกล้วทหาร ตอน สมิงพระรามอาสา
ที่สามารถจะสู้กามะนีได้ แต่พอชมเล่นเป็นที่เจริญตาได้บ้าง เสนาบดีทั้งปวงจึงกราบทูลว่า กษัตริย์ที่ • นักเรียนรวบรวมพระนามที่หมายความถึง
จะมีทแกล้วทหารขี่ม้าสันทัดนั้นมีอยู่แต่กรุงรัตนบุระอังวะกับกรุงหงสาวดี กษัตริย์ทั้งสองพระองค์นี้ กษัตริยแหงกรุงรัตนบุระอังวะ
ย่อมท�าสงครามแก่กันอยู่มิได้ขาด (แนวตอบ พระนามที่หมายความถึง
พระเจ้ากรุงจีนได้ทรงฟังก็มีพระทัยยินดีนัก จึงสั่งให้จัดพลพยุหเสนาทั้งปวงเป็นอันมากจะนับ กษัตริยแหงกรุงรัตนบุระอังวะ ไดแก
ประมาณมิได้ ครั้นได้ศุภฤกษ์แล้ว พระองค์ก็เสด็จทรงม้าพระที่นั่ง ยกทัพบกมายังกรุงรัตนบุระอังวะ พระเจามณเฑียรทอง พระเจากรุงอังวะ
พระเจ้ากรุงจีนยกมาครั้ง1นั้น อุปมาดังฝนตกห่าใหญ่ตกลงน�้านองท่วมป่าไหลเชี่ยวมาเมื่อวสันตฤดูนั้น
พระเจาฝรั่งมังฆอง)
หาสิ่งใดจะต้านทานมิได้ ครั้นเสด็จด�าเนินกองทัพมาถึงกรุงรัตนบุระอังวะ ทอดพระเนตรเห็นก�าแพง
อธิบายความรู Explain
เมืองถนัดก็ให้ตั้งทัพมั่นลง
ฝ่ายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้แจ้งว่า ทัพจีนยกมามากเหลือก�าลังก็มิให้ออกรบสู้ต้านทาน ให้แต่ นักเรียนอธิบายประเด็นคําถามตอไปนี้
รักษาพระนครมั่นไว้เป็นสามารถ ฝ่ายพระเจ้ากรุงจีน จึงให้มีพระราชก� าหนดประกาศแก่ทหาร • ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาเปนการสู
ทั้งปวงว่า ถ้าผู้ใดไม่มีอาวุธสู้รบ อย่าได้ท�าอันตรายเป็นอันขาด ถ้าผู้ใดมิฟังจะให้ตัดศีรษะเสี รบกันระหวางเมืองใด
2 ยบเสีย (แนวตอบ พระเจากรุงตาฉิงแหงเมืองจีนกับ
ครั้นพระเจ้ากรุงจีนให้ตั้งค่ายมั่นลงแล้วก็ให้แต่งพระราชสาส์นฉบับหนึ่ง แล้วให้จัดแพรลายมังกร
ร้อยม้วน แพรลายทองร้อยม้วน กับเครื่องยศประดับหยกอย่างกษัตริย์ส�ารับหนึ่งให้ขุนนางในต�าแหน่ง
พระเจามณเฑียรทองกรุงรัตนบุระอังวะ)
• เหตุใดจึงมีการสูรบกันระหวางสองเมือง
ฝ่ายพลเรือน ชื่อโจเปียวพูดภาษาพม่าได้ กับไพร่พอสมควร เชิญพระราชสาส์นกับเครื่องราช-
(แนวตอบ เพราะพระเจากรุงตาฉิงแหงเมืองจีน
บรรณาการเข้ามาถวายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง โจเปียวก็ถวายบังคมลา ถือพระราชสาส์นคุมเครื่องราช-
ตองการเห็นกามะนีทหารเอกของตนขี่มาสูกับ
บรรณาการมากับด้วยไพร่ จึงเรียกทหารผู้รักษาหน้าที่ให้เปิดประตูเมืองรับ นายทัพนายกองได้แจ้ง ทหารที่มีฝมือทัดเทียมกัน จึงจัดทัพไปยัง
ดังนั้น ก็เข้ากราบบังคมทูลพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง จึงโปรดให้รับผู้ถือพระราชสาส์นเข้ามา โจเปียว กรุงรัตนบุระอังวะ สงพระราชสาสนพรอม
ก็ เข้ า มากราบถวายบั ง คมหน้ า พระที่ นั่ ง ถวายพระราชสาส์ น กั บ เครื่ อ งราชบรรณาการพระเจ้ า เครื่องราชบรรณาการถวายแกพระเจาฝรั่ง-
ฝรั่งมังฆ้องๆ จึงรับสั่งให้ล่ามเจ้าพนักงานเข้ามาแปลพระราชสาส์น ล่ามแปลแล้วจึงตรัสสั่งให้ มังฆอง และใหสงทหารฝมือดีมาสูกับทหาร
อาลักษณ์อ่าน ในพระราชสาส์นนั้นว่า ของฝายตน หากทหารของตนคือกามะนีชนะ
85 ก็จะยึดเอากรุงรัตนบุระอังวะ แตหากแพก็จะ
ถอยทัพกลับ)
บูรณาการเชื่อมสาระ
จากเนื้อเรื่องจะเห็นวา พระเจากรุงจีนใชกําลังทางทหารเขารุกราน และ เกร็ดแนะครู
ยื่นขอความประสงคเรียกรองขมขูดวยกําลังทางทหารใหพระเจาฝรั่งมังฆอง ครูเสริมความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระราม
ปฏิบัติตาม ซึ่งในอดีตการครอบครองและขยายเขตแดนการปกครองจะใช อาสา วานิยมนําไปแสดงมหรสพ นําไปแสดงละครพันทาง ทั้งนี้เพราะเรื่อง
กําลังเขายึด ครูบูรณาการความรูเขากับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสามีความสมบูรณดวยอรรถรสของเนื้อเรื่อง
ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร เรื่องการปกครองและการขยาย การรายรําที่สวยงาม เพลงและดนตรีที่ผสานและสอดคลองกับเรื่องอยางกลมกลืน
อาณาเขตของอาณาจักรตางๆ ในสมัยกอน
นักเรียนควรรู
1 อุปมาดังฝนตกหาใหญตกลงนํ้านองทวมปาไหลเชี่ยวมาเมื่อวสันตฤดูนั้นหา
สิ่งใดจะตานทานมิได หมายถึงเหตุการณที่พระเจากรุงจีนยกทัพกําลังพลมามาก
ยากที่กรุงรัตนบุระอังวะจะตานทานได
2 แพร ผาที่มีเนื้อลื่นเรียบเปนมัน เนื้อหนาหรือบางก็ได เดิมทอดวยใยไหม
ปจจุบันอาจทอดวยไหมเทียม
คูมือครู 85
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนรวมกันอธิบายประเด็นคําถามตอไปนี้
• ในความเห็นของพระเจาฝรั่งมังฆองเรื่องการ เรายกพยุหเสนามาครั้งนี้ ด้วยมีความปรารถนาสองประการๆ หนึ่งจะให้พระเจ้าอังวะ
ทําศึกตามพระราชประสงคของพระเจาตาฉิง อยู่ในอ�านาจออกมาถวายบังคมเรา ประการหนึ่งจะใคร่ดูทหารขี่ม้าร�าทวนสู้กัน ตัวต่อตัว
มีความยุติธรรมหรือไม อยางไร ชมเล่ น เป็ น ขวั ญ ตา แม้ น ทหารกรุ ง รั ต นบุ ร ะอั ง วะแพ้ ก็ ใ ห้ ย อมถวายเมื อ งแก่ เ ราโดยดี
(แนวตอบ พระเจาฝรั่งมังฆองเห็นวาการสูรบ อย่าให้สมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อนเลย ถ้าทหารฝ่ายเราแพ้ก็จะ
กันตามความประสงคของพระเจากรุงตาฉิง เลิกทัพกลับไปยังพระนคร และราษฎรในกรุงรัตนบุระอังวะนั้นโดยต�่าลงไปแต่กระท่อมน้อย
มีความยุติธรรม ดังที่กลาวในเนื้อเรื่องวา หลังหนึ่ง ก็มิให้เป็นอันตราย พระเจ้าอังวะจะคิดประการใดก็เร่งบอกออกมา
“ดวยทรงพระดําริวาการทําสงครามครั้งนี้
เปนธรรมยุทธใหญยิ่ง สมณชีพราหมณอาณา พระเจ้ า ฝรั่ ง มั ง ฆ้ อ งได้ แจ้ ง ในพระราชสาส์ น นั้ น แล้ ว ก็ ดี พ ระทั ย นั ก ด้ ว ยทรงพระด� า ริ ว ่ า
ประชาราษฎรจะมิไดความเดือดรอนสมควร การสงครามครั้งนี้เป็นธรรมยุทธ์ใหญ่ยิ่ง สมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรจะมิได้ความเดือดร้อน
แกพระเจาแผนดินผูตั้งอยูในยุติธรรม” สมควรแก่พระเจ้าแผ่นดินผู้ตั้งอยู่ในยุติธรรม ทรงพระด�าริแล้วจึงให้พระราชทานเงินทองเสื้อผ้าแก่
พระเจาฝรั่งมังฆองทรงเห็นความปลอดภัย ผู ้ ถื อ หนั งสื อ เป็ นอั นมาก แล้ ว1ให้ แ ต่ งพระราชสาส์ นตอบฉบั 2 บหนึ่ง ให้จัดเครื่องราชบรรณาการ
ของประชาชนเปนสําคัญ) ผ้าสักหลาดยี่สิบพับ นอระมาดห้าสิบยอด น�้าดอกไม้เทศสามสิบเต้า ช้างพลายผูกเครื่องทองช้างหนึ่ง
2. ครูทบทวนความรูความเขาใจเกี่ยวกับตัวละคร มอบให้โจเปียวผู้จ�าทูลพระราชสาส์นน�ากลับไปถวายพระเจ้ากรุงจีนๆ จึงรับสั่งให้ล่ามพม่าเข้ามาแปล
โดยใหนักเรียนทํากิจกรรมตามตัวชี้วัด จาก ให้เจ้าพนักงานอ่านถวาย ในพระราชสาส์นตอบนั้นว่า
แบบวัดฯ ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.10
ซึ่งพระเจ้ากรุงจีน มีพระทัยปรารถนาจะใคร่ชมฝีมือทหารฝ่ายพม่าขี่ม้าร�าทวนสู้กัน
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ เป็น สงครามธรรมยุทธ์นั้น เราเห็นชอบด้วยมีความยิน ดียิ่งนัก เพราะสมควรแก่พระองค์
ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.10
เร�่อง ราชาธ�ราช เป็นกษัตริย์ผู้ใหญ่อันประเสริฐ แต่การสงครามครั้งนี้เป็นมหายุทธนาการใหญ่หลวง จะด่วน
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กระท�าโดยเร็วนัน้ มิได้ ของดไว้ภายในเจ็ดวัน อนึ่ง พระองค์กเ็ สด็จมาแต่ประเทศไกล ไพร่พล
กิจกรรมที่ ๑.๙ ใหนักเรียนบอกชื่อตัวละครจากขอความตอไปนี้ õ
(ท ๕.๑ ม.๑/๑) ทั้งปวงยังเหน็ดเหนื่ อยเมื่อยล้าอยู่ ขอเชิญพระองค์พักพลทหารระงับพระกายให้ส�าราญ
หญิงสาวผูสมบูรณดวยลักษณะและสิริ
พระทัยก่อนเถิด แล้วเราจึงจะให้มีก�าหนดนัดหมายออกไปแจ้ง ตามมีพระราชสาส์นมานั้น
มารยาทที่งดงาม พระราชธิดาของพระเจาฝรั่งมังฆอง
.........................................................................................
พระเจ้ากรุงจีนได้แจ้งในพระราชสาส์นตอบแล้วก็ดีพระทัย จึงสั่งให้นายทัพนายกองทั้งปวง
ทหารเอกคนหนึ่งมีฝมือขี่มา แทงทวน
สันทัดดีหาผูเสมอมิได จีนทั้งปวงตาง กามะนี
.........................................................................................
สงบไว้
สรรเสริญวาทหารผูนี้ดุจเทพยดา
ฝ่ายพระเจ้ามณเฑียรทอง ครั้นส่งพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการไปแล้ว จึงตรัส
เรารักสัตยยงิ่ กวาทรัพย อยาวาแตสมบัติ
ฉบับ มนุษ ยนี้เลย ถึงทานจะเอาทิพยสมบัติ
เฉลย พระเจากรุงตาฉิง
ปรึกษาเสนาพฤฒามาตย์ราชปุโรหิตข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยทแกล้วทหารทั้งปวงว่า ผู้ใดจะรับอาสา
ของสมเด็จอมรินทรมายกใหเรา เราก็ .........................................................................................
๙๐
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูใหนักเรียนถายทอดประสบการณกอนเริ่มเรียนเรื่องราชาธิราช ตอน สมิง- นักเรียนศึกษาเนื้อเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ในหนา 86
พระรามอาสา ครูขออาสาสมัครที่รูจักเรื่องราชาธิราชมาเลาใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน โดยพิจารณาวา เนื้อความตอนใดในเรื่องที่แสดงใหเห็นความเชื่อของ
โดยครูคอยซักถามใหการเลาเรื่องของนักเรียนนําไปสูการเริ่มบทเรียน และเปด คนสมัยนั้น จดบันทึกลงสมุด
โอกาสใหนักเรียนคนอื่นๆ ซักถาม โดยครูชวยแนะคําตอบ หรือใหนักเรียนบันทึก
คําถามนั้นลงสมุดและตอบคําถามเมื่ออานเนื้อเรื่องจบแลว
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
นักเรียนศึกษาเนื้อเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ในหนา 86
1 นอระมาด หรือหนอแรด ใชทําเครื่องประดับ ในอดีตใชเปนเครื่องบรรณาการ
โดยพิจารณาวา เนื้อความตอนใดในเรื่องที่แสดงใหเห็นความเชื่อของ
2 นํ้าดอกไมเทศ หมายถึง หัวนํ้าหอมทําจากดอกกุหลาบชนิดหนึ่ง คนสมัยนั้น และวิเคราะหวาความเชื่อนั้นสงผลตอการดําเนินเรื่องอยางไร
นักเรียนจดบันทึกความรูลงสมุด
86 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับสถานการณของ
พระเจ้ามณเฑียรทองได้ทรงฟังก็ดีพระทัย จึงให้ตีฆ้องร้องป่าวทั่วทั้งพระนครว่า ถ้าผู้ใดรับ สมิงพระรามอาสา
อาสาสู้กับกามะนีทหารพระเจ้ากรุงจีนได้ พระเจ้าแผ่นดินจะโปรดให้เป็นมหาอุปราช เสนาบดีรับสั่ง • สมิงพระรามมีประวัติความเปนมาอยางไร
แล้วก็ให้ป่าวร้องไปทั่วพระนคร ไม่มีผู้ใดที่จะอาจออกรับอาสาได้ (แนวตอบ สมิงพระรามเปนเชลยศึกเมือง
ฝ่ายผู้คุมซึ่งคุมสมิงพระรามนั้น จึงเจรจากับเพื่อนกันตามเรื่องราว แล้วครั้งนี้พระเจ้าอยู่หัว หงสาวดี เปนทหารเอกมีฝมือของพระเจา
จะแบ่งสมบัติให้กึ่งหนึ่ง ก็ยังไม่มีผู้ใดรับอาสา เห็นเมืองจะตกต�่าเสียละกระมัง สมิงพระรามได้ยิน ราชาธิราช ซึ่งครั้งหนึ่งมังรายกะยอฉะวา
ดังนั้นก็คิดว่า แต่เราต้องพันธนาการตรากตร�าอยู่นานแล้ว มิได้ขี่ช้างขี่ม้าเหยียดมือเหยียดเท้า พระราชโอรสของพระเจาฝรั่งมังฆอง ยกทัพ
เยื้องแขนซ้ายย้ายแขนขวาเล่นบ้างเลยร�าคาญใจนัก เราจะกลัวอะไรกับกามะนีทหารจีน อันจะเอา มาตีเมืองหงสาวดี ครั้งนั้นสมิงพระราม
ชัยชนะนั้นไม่สู้ยากนัก ครั้นจะรับอาสาบัดนี้เล่าก็เหมือนหาบสองบ่าอาสาสองเจ้าหาควรไม่ คิดแล้ว ทหารมอญผูมีฝมือในการรบเปนเยี่ยม
ก็ นิ่ ง อยู ่ ครั้ น รุ ่ ง ขึ้ น ผู ้ คุ ม ได้ ยิ น ข้ า หลวงมาป่ า วร้ อ งอี ก จึ ง พู ด กั บ เพื่ อ นกั น ว่ า ทั พ จี น ยกมาครั้ ง นี้ มีความองอาจเขมแข็งบังคับชาง มา
ใหญ่หลวงนัก หาทหารผู้ใดที่จะรับอาสาป้องกันพระนครไว้นั้นเป็นอันยากแล้ว อย่าว่าแต่เมืองพม่า ไดชํานาญ แตชางศึกพลายประกายมาศ
เท่านี้เลย ถึงเมืองใหญ่ๆ กว่าเมืองพม่าสักสิบเมืองก็เห็นจะสู้ไม่ได้ น่าที่จะเสียเมืองแก่จีนเป็นมั่นคง
ตกหลม มังรายกะยอฉะวาจึงจับสมิง-
พระรามได และนําไปจองจําไวที่กรุงอังวะ
สมิงพระรามได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า กรุงอังวะนี้เป็นต้นทาง อุปมาดังหน้าด่านกรุงหงสาวดี
ในฐานะเชลย)
พระเจ้ากรุงจีนยกทัพมาครั้งนี้ก็มีความปรารถนาจะใคร่ดูทแกล้วทหารอันมีฝีมือขี่ม้าร�าเพลงทวน
• เหตุใดสมิงพระรามจึงอาสาออกรบ
สู้กันตัวต่อตัว ถ้าไม่มีผู้ใดสู้รบ ถึงจะได้เมืองอังวะแล้วก็ไม่สิ้นความปรารถนาแต่เพียงนี้ เห็นศึกจีน
(แนวตอบ สมิงพระรามรูวาการศึกครั้งนี้
จะก�าเริบยกล่วงเลยลงไปติดกรุงหงสาวดีด้วยเป็นมั่นคง ตัวเราเล่าก็ต้องจองจ�าตรากตร�าอยู่ ถ้าเสีย
ยิ่งใหญ ความปรารถนาของพระเจากรุงจีน
กรุงอังวะแล้วจะหมายใจว่าจะรอดคืนไปเมืองหงสาวดีได้ก็ใช่ที่ จ�าเราจะรับอาสาตัดศึกเสียจึงจะชอบ ที่ตองการเห็นทหารเอกของตนสูกันตัวตอตัว
อย่าให้ศึกจีนยกลงไปติดกรุงหงสาวดีได้ คิดแล้วจึงพูดกับผู้คุมว่า จะกลัวอะไรกับกามะนีทหารพระเจ้า กับทหารของเมืองอื่นยากจะหยุดยั้ง
กรุงจีนนั้นจะมีฝีมือดีสักเพียงไหน เรากลัวแต่ทหารเทพยดาที่เหาะได้ ซึ่งกามะนีกับเราก็เป็นมนุษย์ หากไมมีใครในกรุงอังวะรับอาสาการศึก
เดินดินเหมือนกันเราหากลัวไม่ พอจะสู้รบเอาชัยชนะได้ นายผู้คุมได้ฟังก็ดีใจจึงตอบว่า ถ้าท่านรับ ครั้งนี้ พระเจากรุงจีนจะยึดกรุงอังวะไวใน
อาสาได้แล้วก็ดียิ่งนัก เห็นท่านจะพ้นโทษได้ที่มหาอุปราชมียศถาศักดิ์ใหญ่เป็นมั่นคง ไปเบื้องหน้า ครอบครอง และจะเสาะหาทหารที่จะมาทา
เราจะขอพึ่งบุญท่าน สมิงพระรามตอบว่า ซึ่งเรารับอาสานี้จะหวังยศถาบรรดาศักดิ์หามิได้ ประสงค์ สูกับกามะนีในเมืองอื่นตอไป ซึ่งสมิงพระราม
จะกู้พระนครให้เป็นเกียรติยศไว้ และจะให้ราษฎรสมณชีพราหมณ์อยู่เย็นเป็นสุขเท่านั้น ผู้คุมได้ฟัง ก็คาดวานาจะเปนกรุงหงสาวดีของตน จึง
ก็ชอบใจ จึงน�าถ้อยค�าสมิงพระรามรีบเข้าไปแจ้งแก่เสนาบดีๆ ได้ฟังก็มีความชื่นชม จึงน�าความเข้า ถือโอกาสนี้ชวยกรุงหงสาวดีและชวยให
กราบทูลพระเจ้ามณเฑียรทองตามค�าสมิงพระรามว่านั้นทุกประการ ตัวเองหลุดพนโทษเปนอิสระ)
พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ทรงฟังก็เฉลียวพระทัย ทรงพระด�าริระลึกขึ้นมาได้ว่า สมิงพระรามนี้
ขี่ช้างม้าสันทัดดี ฝีมือเข้มแข็งแกล้วกล้าในการสงครามหาผู้เสมอตัวยาก เห็นจะสู้ทหารพระเจ้ากรุงจีน
ได้เป็นแท้ ทรงพระด�าริแล้วก็มีพระทัยยินดีนัก จึงตรัสแก่เสนาบดีทั้งปวงว่า สมิงพระรามนี้มีฝีมือ
เป็นทหารเอกเมืองหงสาวดี เราลืมคิดไปพึ่งระลึกขึ้นได้ จึงตรัสสั่งขุนนางกรมนครบาล ให้ไปถอดสมิง
พระรามมากระท�าสัตย์เสียจึงน�าเข้าเฝ้า สมิงพระรามก็เข้ามากราบถวายบังคมหน้าพระที่นั่ง พระเจ้า
87
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
เหตุใดสมิงพระรามจึงกลาววา “เหมือนหาบสองบาอาสาสองเจาหาควรไม”
ครูแนะใหนักเรียนเห็นวากอนจะตัดสินใจทํากิจการงานใดๆ นั้น ควรตรึกตรอง
1. เพราะคนเราไมควรทํางานพรอมๆกันสองอยาง
พิจารณาใหรอบคอบ ดังที่สมิงพระรามใครครวญปญหากอนจะตัดสินใจวาควร
2. เพราะสมิงพระรามนั้นเปนชาวมอญไมควรไปรับใชชาวพมา
หรือไม ที่จะรับอาสาสูศึกจีน ทั้งนี้สมิงพระรามนอกจากจะเปนผูที่มีปญญามีฝมือแลว
3. เพราะสมิงพระรามอาสามาสูรบกับพมาแลวยังจะอาสาไปสูรบกับจีนอีก
สมิงพระรามยังมองการณไกล สามารถคิดถึงปญหาใหญที่จะเกิดแกกรุงหงสาวดีได
4. เพราะสมิงพระรามนั้นเปนทหารของพระเจาราชาธิราชแลวยังจะมารับใช
จึงหาวิธีการปองกันปญหาดวยการรับอาสาสูศึกจีน
พระเจาฝรั่งมังฆอง
วิเคราะหคําตอบ สมิงพระรามเปนทหารเอกของพระเจาราชาธิราช แตตอ
มาถูกจับมาเปนเชลยที่กรุงอังวะ เมื่อเกิดศึกจีนกรุงอังวะประกาศหาผูมา มุม IT
อาสาขี่มารําทวนสูตัวตอตัวกับทหารจีน แมสมิงพระรามเห็นวาศึกจีนครั้งนี้
ศึกษาเกี่ยวกับประวัติของสมิงพระรามจากเรื่องราชาธิราชเพิ่มเติม ไดที่
คงไมยากที่จะเอาชนะ แตการรับอาสานั้นอาจเปนเรื่องไมควร เพราะตนเปน
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=12b5ad97ea4090c6
ทหารของพระเจาราชาธิราชแลวยังจะมารับใชพระเจาฝรั่งมังฆองเปนเรื่อง
ไมควร แตทายที่สุด เมื่อเห็นวากรุงอังวะชนะจะเปนประโยชนตอกรุงหงสาวดี
ดวยจึงรับอาสา ตอบขอ 4.
คูมือครู 87
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับเรื่องดังตอไปนี้
• สมิงพระรามอาสากลาวถึงการเลือกมาที่ดี ฝรั่งมังฆ้องทอดพระเนตรเห็นสมิงพระรามก็มีพระทัยยินดีนัก จึงตรัสถามว่า ศึกมาติดกรุงอังวะครั้งนี้
อยางไรบาง หาผู้ใดที่จะอาสาออกสู้กับทหารจีนมิได้ ท่านจะรับอาสาเราหรือประการใด สมิงพระรามจึงกราบทูล
(แนวตอบ ลักษณะชางดีเมื่อขี่จึงจะรูวาดี มาดี ว่า อันการสงครามเพียงนี้มิพอเป็นไรนัก ข้าพเจ้าจะขอรับอาสาพระองค์ออกไปต่อสู้ด้วยกามะนี
ตองเอามือตองหลังดูจึงจะรูวาดี ทหารตอง สนองพระเดชพระคุณมิให้อัปยศแก่พระเจ้ากรุงจีนนั้นพอจะได้อยู่ แต่ข้าพเจ้าจะขอรับพระราชทาน
เห็นตอนอาสาทําศึกจึงจะรูวาดี ทองตองลอง ม้าที่ดีมีฝีเท้าตัวหนึ่ง ถ้าได้สมคะเนแล้วอย่าว่าแต่กามะนีผู้เดียวเลย เว้นไว้แต่เทพยดานอกกว่านั้น
ขีดลงบนหินจึงจะรูวาดี สตรีตองมีกิริยา ข้าพเจ้าจะสู้ได้สิ้น
มารยาทดีจึงจะเรียกวางาม อาหารตองชิมรส ฝ่ายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ทรงฟังสมิงพระรามทูลดังนั้น ก็มีความโสมนัสยินดียิ่งนัก จึงตรัสว่า
กอนจึงจะรูวาดี) ม้าของเรามีอยู่เป็นอันมากนับได้หลายหมื่นแสน ท่านจะปรารมภ์ไปไยด้วยม้าตัวเดียวที่จะให้ชอบใจ
• จากคํากลาวของสมิงพระรามในการเลือกมา นั้นพอจะหาได้ ถ้าชอบใจตัวใดแล้วก็เลือกเอาเถิด สมิงพระรามจึงทูลว่าลักษณะช้างดีต่อเมื่อขี่จึงรู้ว่าดี
แสดงใหเห็นคุณลักษณะใด ม้าดีได้ต้องเอามือต้องหลังดูก่อนจึงจะรู้ว่าดี ทแกล้วทหารก็ดี ถ้าอาสาออกสงครามท�าศึกจึงจะรู้ว่าดี
(แนวตอบ จากคํากลาวของสมิงพระรามใน
ทองนพคุณเล่าขีดลงหน้าศิลาก่อน จึงจะรู้ว่าดี สตรีรูปงามถ้าพร้อมด้วยลักษณะกิริยามารยาท
การเลือกมา แสดงใหเห็นวาเปนผูมีปญญา
ต้องอย่างจึงควรนับว่างาม ถ้าจะให้รู้รสอร่อยได้สัมผัสถูกต้องก่อนจึงนับถือว่ามีโอชาอร่อย ถ้าใจดี
และมีความรอบรูในเรื่องตางๆ ดังที่พระเจา
ต้องทดลองให้สิ้นเชิงปัญญาก่อนจึงจะนับว่าดี ความอุปมาสี่ข้อ ข้าพเจ้าทูลถวายดังนี้เป็นของหายาก
ฝรั่งมังฆองตรัสสรรเสริญสมิงพระรามวา
ซึง่ พระองค์ตรัสว่าม้ามีมากนัน้ ก็มากจริง แต่ขา้ พเจ้าเกรงว่าจะไม่ใคร่มดี ี ทีด่ จี ะหายาก พระเจ้าฝรัง่ มังฆ้อง
“สมิงพระรามนี้นับวาเปนชายผูหนึ่ง มีความ
ได้ทรงฟังสมิงพระรามทูลเปรียบเทียบหลักแหลมดังนั้น ก็แย้มพระสรวลชอบพระทัยจึงสั่งกรมม้า
สัตยซื่อยิ่งนัก และกลาหาญเขมแข็งรูศิลป-
ศาสตรสันทัด หาตัวเปรียบเสมอมิได”) ให้จัดม้าต้น ม้าทรงระวางนอกระวางใน และม้าทั้งปวงมาให้สมิงพระรามดูที่หน้าพระลานหลวง
พระองค์ก็เสด็จไปทอดพระเนตรพร้อมด้วยเสนาบดีขุนนางผู้ใหญ่ทั้งปวง กรมม้าผู้รับสั่ง ก็ให้จัดม้า
ส่งเข้ามามากกว่าหมื่นแสน สมิงพระรามกราบถวายบังคมแล้วก็ออกไปยกมือขึ้นต้องหลังดู ม้าบรรดา
ที่ส่งเข้ามาเป็นอันมากนั้นเลือกเสียสิ้นไม่ชอบใจสักตัวหนึ่ง ขุนนางทั้งปวงเห็นดังนั้นก็พากันหัวเราะ
เยาะเล่นว่า มอญพูดมากอวดแต่ปาก ครั้นจะเอาจริงแสร้งเลือกม้าเสียนับหมื่นนับแสนม้าทั้งปวงนี้
ก็สามารถ เคยผจญท�าสงครามได้รบั อับจนมาเป็นอันมาก แต่ลว้ นดีๆ ทัง้ นัน้ เลือกมิได้ แกล้งท�าบิดเบือน
แก้ไขแต่พอให้เนิ่นช้าไปกว่าจะได้ช่องก็จะหนีเอาตัวรอดกลับไปเมือง แต่พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องนั้น
พระองค์มิได้สงสัย เพราะทรงทราบอยู่ว่าสมิงพระรามเป็นคนดีมีฝีมือจริง สมิงพระรามก็เข้ามา
กราบทูลว่า ข้าพเจ้าเลือกม้ามิได้ชอบใจสักตัวหนึง่ พระเจ้าฝรัง่ มังฆ้องจึงตรัสว่า เราจะให้หามาเลือกอีก
ให้ชอบใจท่านจงได้ จึงตรัสสั่งเสนาบดีให้จัดหาม้าเชลยศักดิ์ในพระนครนอกพระนครมาให้สิ้นเชิง
ขณะเมื่อพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง ให้มีพระราชก�าหนดออกไปแก่พระเจ้ากรุงจีนไปครั้งนั้น ไพร่พล
ทั้งสองฝ่ายและชาวบ้านชาวเมืองก็เที่ยวไปมา เดินซื้อขายแก่กันเป็นปรกติอยู่หาท�าอันตรายแก่กันไม่
พวกเสนาข้าหลวงจึงเที่ยวจัดหาม้าเชลยศักดิ์ไปใกล้กองทัพ1นอกเมือง พบม้าสองตัวแม่ลูก หญิงม่าย
ผู้หนึ่งเป็นเจ้าของเลี้ยงไว้ ม้าสองตัวนั้นกินหญ้าอยู่ริมมาบน�้าแห่งหนึ่งลึกเพียงขาม้า กว้างประมาณ
88
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดไมใชสิ่งที่สมิงพระรามกลาวเปรียบขณะเลือกมาศึก
ครูแนะความรูเกี่ยวกับคุณลักษณะที่ดีของสมิงพระรามเพิ่มเติม ในเรื่องการเปน
1. ผาแพรดีตองไดลองสวมใส
คนมีสติปญญาและรอบคอบ โดยแนะวาการเปนคนฉลาดแตขาดความเฉลียวคือ
2. สตรีงามตองมีกิริยามารยาทงาม
รอบคอบถี่ถวนนั้น จะทําใหประสบกับอุปสรรคติดขัดและทําการใดๆ ก็ไมประสบ
3. ทองนพคุณแทตองลองขีดกับหิน
ความสําเร็จ นักเรียนจึงควรขยันหมั่นเรียนรูเพื่อใหเปนผูมีปญญา และตองมีสติ
4. ทหารดีรูวาดีเมื่ออาสาออกสงครามทําศึก
คิดพิจารณาในการตัดสินใจ โดยนักเรียนสามารถยึดเอาคุณลักษณะการเปนคนมี
ปญญาและรอบคอบมายึดถือเปนแบบอยางในการดําเนินชีวิต วิเคราะหคําตอบ จากเนื้อความที่สมิงพระรามเปนผูกลาวความเปรียบถึง
คุณลักษณะของสิ่งตางๆ ที่ดีและควรเลือก โดยกลาววา “ลักษณะชางดีตอ
เมื่อขี่จึงจะรูวาดี มาดีไดตองเอามือตองหลังดูกอนจึงจะรูวาดี ทแกลวทหารก็
นักเรียนควรรู ดี ถาอาสาออกสงครามทําศึกจึงจะรูวาดี ทองนพคุณเลาขีดลงหนาศิลากอน
จึงจะรูวาดี สตรีรูปงามถาพรอมดวยลักษณะกิริยามารยาทตองอยางจึงควร
1 มาบ หมายความวา บริเวณที่ลุมกวางใหญซึ่งอาจมีนํ้าขังหรือไมมีก็ได นับวางาม ถาจะใหรูรสอรอยไดสัมผัสถูกตองกอนจึงนับถือวามีโอชาอรอย
ถาใจดีตองทดลองใหสิ้นเชิงปญญากอนจึงจะนับวาดี” สิ่งที่ไมไดกลาวถึงคือ
ผาแพร ตอบขอ 1.
88 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1 นักเรียนรวมกันอธิบายเกี่ยวกับลักษณะนิสัย
ห้าวา ลูกม้านั้นโจนข้ามไปฟากข้างหนึ่งได้ทุกวัน หญิงม่ายเจ้าของต�าข้าวฝัดร�าไว้แล้วก็ร้องเรียก ของตัวละครสมิงพระรามอาสา
ลูกม้านั้นๆ ก็กระโจนข้ามมาบน�้ามากิน แต่แม่ม้านั้นก�าลังน้อยโจนข้ามล�ามาบมิได้ ลงลุยข้ามน�้ามา • จากคํากลาวของพระเจาฝรั่งมังฆองตอผูคุม
แต่ดังนั้นทุกวันมิได้ขาด เสนาบดีเห็นลูกม้าตัวนั้นมีก�าลังมาก และประกอบด้วยลักษณะต้องอย่าง วา “สมิงพระรามจะลอลวงเราหนีไปจริง
ก็ชอบใจ จึงให้พวกข้าหลวงช่วยกันล้อมเข้าจะจับเอาลูกม้าๆ เปรียวอยู่ก็ดีดขบกัดด้วยก�าลังจับมิได้ หรือประการใด” นักเรียนเห็นดวยหรือไม
เสนาบดีจึงให้เรียกหญิงเจ้าของมาแล้วบอกว่า บัดนี้พระเจ้าแผ่นดินมีพระราชประสงค์ม้า เราเห็น อธิบายยกตัวอยางประกอบ
ม้าของท่านงามดีต้องลักษณะในต�ารา ท่านจงยอมให้เราน�าไปถวายเถิด จะได้รับพระราชทานรางวัล (แนวตอบ เห็นดวยที่กลาววาสมิงพระราม
แต่ท่านเป็นเจ้าของคุ้นเคยช่วยจับให้เราด้วย หญิงเจ้าของจึงค�านับว่าถ้าท่านจะให้ข้าพเจ้าจับให้แล้ว เปนชายที่มีความสัตยซื่อ เพราะจากที่ผูคุม
เชิญท่านกับข้าหลวงพากันหลีกไปเสียก่อนเถิด อย่าท�าวุ่นวายเลย หญิงเจ้าของว่าดังนั้นแล้ว เสนาบดี กลาวกับพระเจาฝรั่งมังฆองวา “อันสมิง-
กับข้าหลวงทั้งปวงก็ชวนกันถอยออกไปให้ห่างไกล หญิงเจ้าของจึงเอาข้าวเปลือกมาต�าได้ร�าแล้ว พระรามผูนี้มีความสัตยซื่อมั่นคงนัก ซึ่งจะ
ก็ ร ้ อ งเรี ย กลู ก ม้ า ดุ จ ดั ง ทุ ก วั น แม่ ม ้ า นั้ น ก็ ท ่ อ งน�้ า ข้ า มคลองมา ลู ก ม้ า นั้ น โจนข้ า มคลองมากิ น ร� า หนีพระองคไปนั้นขาพเจาหาเห็นเปนไม”
หญิงเจ้าของจึงยกมือขึ้นลูบหน้าลูบหลังลูกม้าแล้วก็ปลอบโยนให้กินร�า จึงค่อยเอาเชือกสอดผูกคอ คํากลาวของผูคุมตอสมิงพระรามเปนสิ่ง
เข้าไว้กับต้นไม้ให้มั่นคง แล้วไปค�านับเชิญเสนาบดีกับข้าหลวงทั้งปวงให้ผูกเอาลูกม้านั้นไป เสนาบดี สนับสนุนที่วาสมิงพระรามสัตยซื่อ)
แจ้งแล้วก็ดีใจ จึงชวนกันมาดู ให้ผูกม้านั้นจูงเข้าไปถวายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องเสด็จออก เสนาบดีน�าม้า • หลังจากที่พระเจาฝรั่งมังฆองไดฟงที่ผูคุม
เข้าไปถวาย กราบทูลโดยความที่ได้แต่หญิงม่ายนั้นทุกประการ กราบทูลแลวทรงมีทีทาอยางไร
พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องทอดพระเนตรเห็นลูกม้ารูปร่างอ้วนงามดีก็ชอบพระทัย จึงตรัสสั่งให้สมิง (แนวตอบ หลังจากที่ฟงผูคุมกราบทูลวา
พระรามมาดูม้าหน้าพระที่นั่ง สมิงพระรามกราบถวายบังคมแล้ว ก็ออกไปพิจารณาดูเห็นลูกม้านั้น สมิงพระรามคนนี้เปนคนสัตยซื่อ เมื่อมามี
รูปงาม ประกอบด้วยลักษณะดีต้องอย่าง สมเป็นม้าส�าหรับรบศึกจึงเอามือต้องหลังดู ม้านั้นมิได้ กําลังเหนื่อยออนก็จะกลับ ก็ไมทําใหพระเจา
อ่อนหลังทรุดลงดุจม้าทั้งปวงที่เลือกมาแต่หนหลัง ก็รู้ว่าม้าตัวนี้ดีมีก�าลังมาก หาม้าอื่นเสมอมิได้ ฝรั่งมังฆองคลายความกังวลลงแตอยางใด
จึงให้เอาบังเหียนมาใส่ผูกอานเข้าแล้ว ก็กราบทูลว่าม้าตัวนี้ดีได้ลักษณะตามต�ารับที่เคยเชื่อถือ อีกทั้งก็มีเหลาเสนาบดีที่คอยกลาวราย
ชอบใจข้าพเจ้านัก ข้าพเจ้าจะขอทดลองฝึกหัดเสียให้เชื่องก่อน กราบถวายบังคมแล้วก็จูงม้าออกมา สมิงพระรามอยูตลอด พระเจาฝรั่งมังฆองจึง
พ้นหน้าพระที่นั่ง จึงถือทวนสะพายแส้เผ่นขึ้นหลังม้า พาควบออกไปนอกเมือง ผงคลีกลุ้มตลบมืดไป รูสึกไมคอยไวใจสมิงพระราม)
แลมิได้เห็นตัวม้าและคน
ฝ่ายเสนาบดีก็ร้องอื้ออึงขึ้นว่า อ้ายมอญโกหกมันลวงพระองค์หนีกลับไปเมืองหงสาวดีแล้ว
พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ทรงฟังเสนาบดีว่าดังนั้นก็ตกพระทัย จึงให้หาผู้คุมเข้ามาตรัสถามด้วยพระองค์ว่า
สมิงพระรามจะล่อลวงเราหนีไปจริงหรือประการใด ผู้คุมก็กราบทูลว่า อันสมิงพระรามผู้นี้มีความสัตย์
ซื่อมั่นคงนัก ซึ่งจะหนีพระองค์ไปนั้นข้าพเจ้าเห็นหาเป็นไม่ เพราะม้าตัวนี้เป็นลูกม้าหนุ่มยังมิได้พาด
อานมีก�าลังนัก สมิงพระรามจึงควบไปไกล หวังจะทรมานให้เหนื่อยอ่อนลง จึงจะฝึกสอนได้โดยง่าย
ข้าพเจ้าเห็นคงจะกลับมา ขอพระองค์ทรงเสด็จคอยท่าอยู่ก่อนเถิด พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ทรงฟังผู้คุม
ดังนั้นก็ยังไม่คลายพระวิตก มิได้เสด็จเข้า ตรัสบัญชาการด้วยเสนาบดีทั้งปวงตั้งพระทัยคอยท่าสมิง
พระรามอยู่
89
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนขยายความรูความเขาใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับชื่อเมืองที่ปรากฏอยู 1 ฝด เปนคํากริยา หมายถึง อาการกระพือขาว เพื่อใหแกลบหรือเศษผงออก
ในเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา นักเรียนคนหาขอมูลเกี่ยวกับ จากขาว
กรุงรัตนบุระอังวะและกรุงหงสาวดีอาณาจักรที่เจริญรุงเรืองในอดีต
มุม IT
กิจกรรมทาทาย ศึกษาเกี่ยวกับละครพันทางและชมการแสดงละครพันทางเรื่องราชาธิราช ตอน
สมิงพระรามรบกามะนี ไดที่ http://www.youtube.com/watch?v=LOoCWy_
ayGg
นักเรียนสรุปปญหาความขัดแยงระหวางกรุงรัตนบุระอังวะ กรุงหงสาวดี
และกรุงตาฉิง โดยบอกสาเหตุของความขัดแยง ชวงระยะเวลาของความ
ขัดแยง และผลจากความขัดแยง
คูมือครู 89
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับการสงเครื่องราช-
บรรณาการในเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระราม ฝ่ายสมิงพระรามขึ้นม้าควบไปแต่เวลาเช้าจนสามโมงบ่าย ฝึกหัดม้านั้นให้รู้จักท� านองรบรับ
อาสา ได้ แ คล่ ว คล่ อ งสั น ทั ด แล้ ว ก็ ชั ก ม้ า สะบั ด ย่ า งน้ อ ยเป็ น เพลงทวนกลั บ เข้ า มา เสนาบดี ทั้ ง ปวงแล
• การสงเครื่องราชบรรณาการมีลักษณะอยางไร เห็นสมิงพระรามขี่ม้ามาแต่ไกล ก็ร้องอื้ออึงขึ้นว่า สมิงพระรามกลับมาแล้วเหมือนค�าผู้คุมทูลจริง
(แนวตอบ การสงเครื่องราชบรรณาการจะสงไป ทุกประการ
พรอมกับพระราชสาสนเพื่อแจงความประสงค
พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องทอดพระเนตรเห็น ก็ดีพระทัยนักจึงตรัสสรรเสริ 1 ญว่า สมิงพระรามนี้นับว่า
ของแตละฝาย ดังจะเห็นไดวา เมื่อพระเจา
กรุงจีนตองการแจงความประสงคในการทํา เป็นชายผู้หนึ่ง มีความสัตย์ซื่อยิ่งนัก และกล้าหาญเข้มแข็งรู้ศิลปศาสตร์สันทัด หาตัวเปรียบเสมอมิได้
สงครามก็จะสงพระราชสาสนไปแจงพระเจา ฝ่ายสมิงพระรามก็ชักม้าร�าเป็นเพลงทวนเข้ามา จนถึงหน้าพระที่นั่งก็ลงจากหลังม้าเข้าเฝ้ากราบถวาย
ฝรั่งมังฆอง พรอมกับที่มีการแตงเครื่องราช- บังคมพระเจ้ามณเฑียรทองแล้วทูลว่า ข้าพเจ้าได้ม้าสมคะเนชอบใจแล้ว อันศีรษะกามะนีนั้นก็อยู่ใน
บรรณาการไปดวย เมื่อพระเจาฝรั่งมังฆอง เงื้อมมือข้าพเจ้า จะเอามาถวายพระองค์ให้จงได้ ข้าพเจ้าจะขอรับพระราชทานขอเหล็กกับตะกรวย
มีพระราชสาสนตอบรับการทําศึกก็มอบ ใบหนึ่งส�าหรับผูกข้างม้า เมื่อข้าพเจ้าตัดศีรษะกามะนีขาดแล้ว จะได้รับเอาศีรษะมิให้ทันตกลงถึงดิน
เครื่องราชบรรณาการใหแกลามคือ โจเปยว ใส่ในตะกรวยซึ่งแขวนไปกับข้างม้านั้นเข้ามาถวายพระองค์
นํากลับไปถวายพระเจากรุงจีนพรอมกับ ฝ่ายเสนาบรรดาเฝ้าอยู่พร้อมกัน ได้ยินสมิงพระรามทูลดังนั้นก็กระซิบเจรจากันว่า มอญพูด
พระราชสาสนที่ตอบรับ)
มากเห็นพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดสรรเสริญว่าดีแล้วก�าเริบใจอวดตัวเหลือไปนัก พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง
• การสงเครื่องราชบรรณาการมีความสําคัญ
อยางไร ก็พระราชทานเครื่องม้2าทองค�าประดับพลอยส�าหรับม้า กับผ้าโพกศีรษะเสื้อชมพูขลิบทองจีบเอว
(แนวตอบ การสงเครื่องราชบรรณาการแสดงให ทองต้นแขนปลายแขน แหวนสอดก้อยแต่ล้วนประดับเนาวรัตน์สิ้น จึงสั่งให้มังนันทะมิตรจัดเครื่อง
เห็นถึงการใหเกียรติกับอีกฝายไมวาจะเปนผู ยุทธนาการทั้งปวงให้สมิงพระรามตามปรารถนา แล้วให้มีพระราชสาส์นก�าหนดนัดหมายออกไปถึง
ที่มีอํานาจเหนือกวาหรือนอยกวา และการสง พระเจ้ากรุงจีนอีกฉบับหนึ่ง ให้จัดฉลองพระองค์อย่างดี ท�าด้วยขนสมุนคู่หนึ่ง ให้มังมหาราชาเป็นผู้
เครื่องราชบรรณาการเปนขั้นตอนแรกของวิธี จ�าทูลคุมสิ่งของออกไปถวายพระเจ้ากรุงจีน
การเจรจาตอรอง ซึ่งจะทําใหฝายที่มีอํานาจ มังมหาราชาก็ถวายบังคมลา ถือพระราชสาส์นก�าหนด คุมเครื่องราชบรรณาการออกไปยัง
นอยกวาอยางพระเจาอังวะมีทางเลือกมากขึ้น กองทัพนอกเมือง ทหารทัง้ ปวงเห็นก็ไปแจ้งแก่เสนาบดีๆ จึงเข้ากราบทูล พระเจ้ากรุงจีนจึงโปรดให้รบั
ดวยการสงเครื่องราชบรรณาการตอบแทน
เข้าไป ณ พลับพลาในค่ายมังมหาราชาก็เข้าไปกราบถวายบังคมหน้าพระที่นั่ง ถวายพระราชสาส์น
หรือหากไมยินดีกับขอเรียกรองก็จะเลือกวิธี
ตอสูใชกําลัง) ก�าหนดกับเครื่องราชบรรณาการแก่พระเจ้ากรุงจีน
พระเจ้ากรุงจีนจึงรับสั่งให้ล่ามแปล ให้เจ้าพนักงานอ่านถวาย ในพระราชสาส์นก�าหนดนั้นว่า
ซึ่งพระองค์มีพระทัยปรารถนาจะใคร่ทอดพระเนตรดูทหารขี่ม้าร�าทวนสู้กันตัวต่อตัวนั้น
ขอพระองค์ให้ตกแต่งการซึ่งจะทอดพระเนตรไว้จงพร้อมเถิด ถึง ณ วันพฤหัสบดี เป็นค�ารบ
เจ็ดวันแล้วเมื่อใด จงแต่งทหารให้ออกมาสู้กันตามสัญญา จะได้ทรงชมส�าราญพระทัย
90
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูบูรณาการเรื่องการสงเครื่องราชบรรณาการเขากับกลุมสาระการเรียนรู
1 ศิลปศาสตร หมายถึง การศึกษาที่มุงจะใหความรูทั่วไป และทักษะเชิง สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร ในการทําการคากับ
ปญญา มิใชวิชาชีพเฉพาะดาน หรือความทักษะเชิงชาง เดิมนั้น คําวา จีนในสมัยโบราณ พอคามักจะนําของกํานัลไปใหเพื่อขอความสะดวกในการ
“ศิลปศาสตร” เปนศัพทภาษาสันสกฤต (ศิลฺป + ศาสฺตฺร) หมายถึง วิชาความรูทั้ง ทํามาคาขาย แตจีนมักถือวาผูที่มาสวามิภักดิ์ขอเปนเมืองขึ้น เมื่อมีของกํานัล
ปวง มาให นอกจากจีนจะใหความสะดวกในการคาแลว พระเจากรุงจีนยังตอบแทน
ดวยของกํานัลอยางมากมายดวย พอคาไทยจึงนิยมสงเครื่องราชบรรณาการ
2 ทองตนแขนปลายแขน คือ ทองตนแขนกับทองปลายแขน ทองตนแขนเปน ใหจีน จึงเห็นไดวาการสงเครื่องราชบรรณาการกับจีนนั้นมีประวัติศาสตรมา
เครื่องประดับชนิดหนึ่งใชสําหรับสวมรัดตนแขน เรียกอีกชื่อหนึ่งวา “พาหุรัด” สวน ยาวนานและเปนธรรมเนียมการปฏิบัติที่มีปรากฏในวรรณคดีและวรรณกรรม
ทองปลายแขนใชสวมรัดขอมือ
90 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนตอบคําถามจากสถานการณการสูกัน
พระเจ้ากรุงจีนได้แจ้งในพระราชสาส์นก�าหนดนั้นแล้ว ก็ดีพระทัยนัก จึงสั่งให้จัดฉลอง- ระหวางสมิงพระรามและกามะนี
พระองค์มังกรห้าเล็บอย่างดี กับเครื่องม้าทองประดับพลอยลายหยกส� ารับหนึ่ง เป็นราชบรรณาการ • สมิงพระรามมีแผนในการสูกันครั้งนี้อยางไร
ตอบแทน มอบให้มังมหาราชาคุมเข้ามาถวายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง มังมหาราชาก็ถวายบังคมลา (แนวตอบ สมิงพระรามสังเกตวากามะนีขี่มา
คุ ม สิ่ ง ของตอบแทนกลั บ มาถวายพระเจ้ า ฝรั่ ง มั ง ฆ้ อ งๆ ก็ มี พ ระทั ย ยิ น ดี ครั้ น ก� า หนดสั ญ ญากั น แตงตัวหุมเกราะอยู กามะนีมีทาทางชํานาญ
เสร็จแล้ว กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ก็สั่งให้เสนาบดีแต่งที่ปลูกพลับพลาหน้าเมือง เสนาบดีฝ่ายพม่า ในการรําทวนอยางยิ่ง ไมเห็นชองที่จะใช
และนายทั พ นายกองฝ่ า ยจี น รั บ รั บ สั่ ง สองกษั ต ริ ย ์ แ ล้ ว ก็ ใ ห้ เ กณฑ์ พ ลมาจั ด การปลู ก พลั บ พลา
ทวนแทงเขาไปได จึงวางแผนชวนใหรําเพลง
ทวนกันกอน ใหมาอีกฝายวิ่งจนออนกําลัง
ทั้งสองข้างให้ตรงกัน ประกอบด้วยที่ข้างหน้าข้างใน1 และโรงใหญ่ส�าหรับเสนาข้าราชการใหญ่น้อย
ซึ่งจะทําใหสมิงพระรามมีโอกาสสอดทวน
อันจะได้เฝ้าอยู่ตามต�าแหน่งมีระยะห่างกันยี่สิบเส้น ไว้หว่างกลางเป็นสนามทวนซึ่งจะสู้กันในขบวน
แทงตรงชองเกราะเอาชนะ คิดไดดังนั้น
ทวนนั้น เจ้าพนักงานก็ผูกพระวิสูตรแต่งพระที่รับเสด็จเตรียมไว้พร้อมทั้งสองข้าง สมิงพระรามก็รองชวนกามะนีรําเพลงทวน
ครั้นถึงวันนัดก�าหนดแล้ว 2กษัตริย์ทั้งสองก็พรั่งพร้อมไปด้วยพยุหเสนาแห่แหนหน้าหลัง ถวายพระเจาอยูหัวทั้งสองพระองคใหได
เป็นอันมาก ตามขบวนพิชัยสงครามเสด็จไปสู่ท้องสนาม ขึ้นยังที่พลับพลาประทับพร้อมกัน ทอดพระเนตร และใหทหารทั้งสองฝาย
ฝ่ายกามะนีก็แต่งตัวใส่เสื้อหุ้มเกราะ แล้วด้วยทองเป็นอันงาม คาดสายรัดเอวประดับหยก ไดชมฝมือ แสดงไวเปนเกียรติยศสืบไป)
เหน็บกระบี่ ขึ้นขี่ม้าร�าทวนออกมา ณ ท้องสนาม ฝ่ายสมิงพระรามก็แต่งตัว ใส่เสื้อสีชมพูขลิบทอง • สิ่งสําคัญที่ทําใหการออกอุบายของสมิง-
จีบเอว โพกผ้าชมพูขลิบแล้วไปด้วยทอง ใส่กา� ไลต้นแขนปลายแขน แหวนสอดก้อยแล้วไปด้วยเนาวรัตน์ พระรามในการชักชวนใหกามะนีรําเพลงทวน
แต่ล้วนทองเป็นอันงาม แล้วสอดดาบสะพายแล่งขึ้นม้า ฟ้อนร�าเป็นเพลงทวนออกมายังท้องสนาม ประสบความสําเร็จคืออะไร
แลเห็นกามะนีขี่ม้าแต่งตัวหุ้มเกราะอยู่ ไม่เห็นส�าคัญที่จะหมายแทงได้ จึงคิดว่ากามะนีคนนี้ ช�านาญ (แนวตอบ การใชวาทศิลปพูดจาโนมนาว
ในเพลงทวนว่องไวนัก แล้วก็หุ้มเกราะใส่เสื้อบังอยู่ยังไม่เห็นช่องที่จะสอดทวนแทงแห่งใดได้ จ�า จะ เยินยออีกฝาย โดยการชี้ใหเห็นดานดีของ
ชวนให้ร�าดูส�าคัญก่อน อนึ่งเล่าก�าลังม้าก็ยังก�้ากึ่งกันอยู่กับก�าลังม้าเรา จ�าจะขับเคี่ยวกันไปก่อนจึงจะ การรําเพลงทวนกอน ทําใหฝายกามะนี
หย่อนก�าลังลง เห็นจะเสียทีท�านองจึงเอาชัยชนะได้โดยง่าย คิดแล้วก็ให้ล่ามร้องแปลไปว่า เราทั้งสอง ตายใจยอมตกลงดวยดี)
เป็นทหารเอกอันประเสริฐ จะสู้กันครั้งนี้เป็นที่สุด จะไว้เกียรติยศการงานจนตลอดกัลปาวสาน
ครั้นจะสู้กันเอาแพ้ชนะทีเดียวก็หาสิ้นฝีมือไม่ เราทั้งสองอย่าเพ่อท�าอันตรายแก่กันก่อน ให้ท่าน
ร�าเพลงทวนถวายไปให้สิ้นฝีมือแล้ว เราจะร�าตามท่านให้เหมือนจงได้ แล้วเราจะร�าให้ท่านร�าตาม
เราบ้างให้สิ้นฝีมือเหมือนกัน ให้พระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ทอดทัศนาเจริญพระเนตรและทแกล้ว
ทหารทั้งสองฝ่ายดูเล่นเป็นขวัญตา ถ้าเราร�าสิ้นเพลงหยุดหายเหนื่อยแล้ว เมื่อจะสู้กันเอาแพ้และ
ชนะนั้นจึงจะบอกกันให้รู้ตัวทั้งสองฝ่าย
กามะนีได้ฟังล่ามร้องออกมาดังนั้นก็มีความยินดีนัก จึงร้องตอบมาว่าชอบแล้ว แต่เราเป็นแขก
มาท่านเป็นเจ้าของบ้าน เราจะร�าก่อนให้ท่านท�าตามเราไปเถิด ว่าแล้วกามะนีก็ขับม้าสะบัดย่างเป็น
เพลงทวนฟ้อนร�าออกมา สมิงพระรามก็ขับม้าฟ้อนร�าตามกามะนีได้ทุกเพลง
91
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดสอดคลองกับขอความตอไปนี้
1 เสน ชื่อมาตราวัด 20 วา เปน 1 เสน โดยมีมาตราเทียบดังนี้
“สงครามถายังไมสิ้นสุดจะคาดหมายวาใครเปนผูแพหรือชนะมิได”
12 นิ้ว เทากับ 1 คืบ
1. การสงครามเปรียบดังฟองอัณฑชะจะหมายแนวาผูเมียแพและชนะนั้นมิได
2 คืบ เทากับ 1 ศอก
2. อันตัวขาพเจาบัดเดี๋ยวนี้อุปมาดังวานรนั่งอยูบนตอไม อันไฟไหมมาเมื่อ
4 ศอก เทากับ 1 วา
วสันตฤดูนั้นจะงามฉันใด
20 วา เทากับ 1 เสน
3. ครั้งนี้พระเจาราชาธิราชเปรียบเหมือนอสรพิษหาเขี้ยวแกวมิได
4. ครั้งนี้แขนเราขาดไปสองขาง คิดอะไรก็ขัดขวาง 2 พิชัยสงคราม ชื่อตําราวาดวยกลยุทธวิธีการเอาชนะในศึกสงคราม อาทิ
การรุก การตั้งรับ การใชอุบายทําลายขาศึก การแปรขบวนทัพ โดยมีความเชื่อทาง
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. “ฟองอัณฑชะ” หมายถึง ไขที่ยังไมฟกออกเปนตัว ดานโหราศาสตรแทรกอยูดวย เชน การดูฤกษยามในการเคลื่อนทัพ การทําพิธี
ไมมีใครรูวาจะเปนตัวผูหรือตัวเมีย เชนเดียวกับสงครามหากยังไมถึงที่สิ้นสุด ขมขวัญขาศึก เปนตน
จะคาดหมายวาใครเปนผูแพหรือชนะมิได ขอ 2. กลาวถึงการที่สมิงพระราม
อยูในสงครามจึงจะมีความสงางาม ขอ 3. งูไมมีเขี้ยวก็ไมนากลัว เชนเดียว
กับพระเจาราชาธิราชหากไมมีทหารเอกก็ไมนากลัว ขอ 4. หากพระราชา
ไมมีทหารกลาก็เหมือนกับคนไมมีแขนซายขวา ดังนั้น ขอ 1. มีความหมาย
สอดคลองกับขอความขางตน ตอบขอ 1.
คูมือครู 91
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนตอบคําถามตอไปนี้
• ชองเกราะที่สมิงพระรามเห็นในตัวกามะนีอยู ขณะเมื่อสมิงพระรามร�าตามกันนั้น พระเจ้ากรุงต้าฉิงและพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องทอดพระเนตร
ตําแหนงใดบาง เห็นทหารเอกทั้งสอง ร�าเยื้องกรายตามขบวนเพลงทวน ดูท่วงทีรับรองว่องไวนัก งามเป็นอัศจรรย์ด้วย
(แนวตอบ ชองเกราะบนตัวกามะนีที่สมิง-
1
กันทั้งสองฝ่าย เปรียบประดุจได้เห็นเทพยดาและพิทยาธรอันร� าณรงค์ประลองกันในกลางสนาม
พระรามสังเกตเห็นมีอยูสองที่ คือ “ชองใต นายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งสองฝ่าย ก็สรรเสริญกามะนีและสมิงพระรามว่า เหมือนเทพยดา
รักแรทั้งสองเปนหวางอยูพอสอดทวนได” และ
ลงฟ้อนร�ากลางสนามงามยิ่งนัก มีตาสองตาดูมิทันเลย ดูกามะนีแล้วกลับมาดูสมิงพระรามเล่า
“เกราะซอนทายหมวกเปดออก พอจะยอนฟน
ดูสมิงพระรามแล้วกลับมาดูกามะนีเป็นขวัญตายิ่งนัก ครั้นกามะนีร�าสิ้นเพลงแล้ว สมิงพระรามก็ร�าให้
ไดแหงหนึ่ง”)
2. นักเรียนอธิบายกลอุบายของสมิงพระรามในการ กามะนีร�าตามบ้าง
ทําใหมาของกามะนีออนกําลัง ขณะเมื่อสมิงพระรามร�าสิ้นเพลงทวนแล้ว แกล้งท�ากลอุบายหวังจะดูช่องเกราะหมายส�าคัญ
(แนวตอบ สมิงพระรามแกลงควบมาหนีใหกามะนี ที่จะสอดทวนแทงนั้น ก็แสร้งท�ายกแขนซ้ายเหยียดตรง เหยียดแขนขวาเบื้องบนแล้วท�ายืนควบม้า
ควบมาไลตามตนเอง เมื่อเห็นกามะนีควบมา ไปมา แล้วกลับห้อยศีรษะลงบ้าง แล้วท�ากลับเอาหลังนอนลงควบวกเวียนไปต่างๆ กามะนีหารู้
เต็มกําลังก็รั้งมารอ เพื่อดูกําลังของมากามะนี กลไม่ ส�าคัญว่าเพลงทวนฝ่ายพม่าดังนั้นจริงก็มิได้สงสัย ร�าตามไปสิ้นทุกประการ สมิงพระรามทอดตา
พอเห็นวาเหงื่อมากามะนีตกถึงกีบก็รูวามาออน แลดู เห็นเป็นช่องใต้รักแร้ทั้งสองเป็นหว่างอยู่พอจะสอดทวนแทงได้ แล้วเมื่อกลับศีรษะลงมานั้น
กําลังลงแลว จึงชักมาเปนเพลงโคมเวียนตาม เห็นเกราะซ้อนท้ายหมวกเปิดออก พอจะย้อนฟันได้แห่งหนึ่งหมายส� าคัญได้ถนัดมั่นคงแล้ว ก็ชักม้า
ดวยเพลงผาหมาก จนมากามะนีหอบรวนกลับ หยุดพักพอหายเหนื่อยจึงให้ล่ามร้องบอกว่า เราทั้งสองร�าถวายก็สิ้นเพลงด้วยกันแล้ว ทีนี้เราทั้งสอง
ตัวตามเพลงไมทัน จึงไดโอกาสสอดทวนแทง
จะสู้กันเอาแพ้และชนะแก่กัน
เขาไปที่ชองรักแร เมื่อกามะนีเอนตัวลงก็ฟนซํ้า
กามะนีได้ฟังดังนั้นก็ขับม้าร�าเข้ามา สมิงพระรามก็ขับม้าออกไปสู้กันเป็นหลายสิบเพลง
อีกครั้งที่ศีรษะซึ่งเปนชองเกราะ)
ต่างคนต่างรับรองว่องไว ยังหาเพลี่ยงพล�้าแก่กันไม่ สมิงพระรามจึงคิดว่า ถ้าจะสู้กันอยู่ฉะนี้เห็นจะ
เอาชัยชนะยาก ด้วยม้ากามะนีก็ยังมิถอยก�าลัง จ�าจะลวงให้ม้ากามะนีหย่อนก�าลังลงจงได้จึงจะท�า
ถนั ด คิ ด แล้ ว แกล้ ง ท� า เป็ น เสี ย ที ค วบม้ า หนี อ อกไป กามะนี เ ห็ น ได้ ที ก็ ค วบม้ า ทะลวงไล่ ต ามม้ า
สมิงพระรามไป
ครั้นสมิงพระรามแลเห็นกามะนีควบม้าเต็มก�าลังแล้วมิทัน ก็แสร้งรอม้าไว้หวังจะดูท่วงที
เห็นกามะนียังไกลเชิงนักอยู่ ส�าคัญได้ว่าเหงื่อม้ากามะนีตกจนถึงกีบ ก็รู้ว่าม้าหย่อนก�าลังลงแล้ว
จึงชักม้าวกเป็นเพลงโคมเวียน เข้ารับกามะนีๆ ชักม้าเป็นเพลงผ่าหมากแลกเปลี่ยนกันต่างๆ ฝ่าย
ม้ า กามะนี ห อบรวนหย่ อ นก� า ลั ง ลงกลั บ ตั ว ตามเพลงไม่ ทั น สมิ ง พระรามได้ ที ก็ ส อดทวนแทงถู ก
ซอกรักแร้กามะนีๆ เอนตัวลง สมิงพระรามจึงชักดาบกระทืบม้า เข้าฟันย้อนตามกลีบเกราะขึ้นไป
ต้องศีรษะกามะนีขาดออกตกลงมายังมิทันถึงดิน ก็เอาขอเหล็กสับเอาศีรษะกามะนีได้ ใส่ตะกรวย
แล้วก็ชักม้าฟ้อนร�าเป็นเพลงทวนเข้ามา ตรงหน้าพลับพลาพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง
92
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู การรําเพลงทวนเปนการรําที่มีความสําคัญในการดําเนินเรื่อง เปนการ
1 พิทยาธร เปนภาษาบาลี หมายถึง อมนุษยพวกหนึ่ง มีฐานะตํ่ากวาเทวดา รําตอสูระหวางสมิงพระรามกับกามะนี ครูบูรณาการความรูเขากับกลุมสาระ
เชื่อวามีวิชากายสิทธิ์สามารถเหาะเหินเดินอากาศได อยูในภูเขาหิมาลัย มีหนาที่ การเรียนรูศิลปะ วิชานาฏศิลป รําทวนจัดเปนการรําคูเชิงศิลปะการตอสู
ปรนนิบัติพระศิวะ ภาษาสันสกฤตใชวา วิทฺยาธร เชนเดียวกับการรํากระบี่กระบอง รําดาบสองมือ รําโล รําดาบ รํากริช คือ
เปนการรําที่ไมมีบทรอง ผูรําทั้งคูตองมีทารําที่สัมพันธกันอยางดีในเชิง
ศิลปะการตอสูที่หวาดเสียวกับความสวยงามในทางนาฏศิลป เปนการอวด
มุม IT ลีลาทารํา เพราะการตอสูมีทั้งรุกและรับ ผูแสดงทั้งสองฝายตอสูกันดวยลีลา
คนละแบบ ในการแสดงละครพันทางมักใชแสดงสลับฉาก หรือในโอกาส
ศึกษาเกี่ยวกับการรําเพลงทวนเพิ่มเติม ไดที่ http://www.oknation.net/blog/ ตางๆ ตามความเหมาะสม
assada999/2009/11/23/entry-1
92 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
“เมื่อกามะนีพายแพแกสมิงพระราม ฝาย
พระเจ้ากรุงจีนและนายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นก็อัศจรรย์ยิ่งนัก จึงให้ เสนาบดีนายทัพนายกองของพระเจากรุงจีนไม
ทหารไปเอาศพกามะนีมาท�าศีรษะต่อเข้า ใส่หีบไปฝังเสียในที่สมควร พระเจ้ากรุงจีนก็เสด็จกลับ ยอม ตองการที่จะยึดกรุงอังวะใหไดแตพระเจา
เข้ า ค่ า ย สมิ ง พระรามก็ เ อาศี ร ษะเข้ า มาถวายพระเจ้ า มณเฑี ย รทองๆ ทอดพระเนตรเห็ น ดั ง นั้ น กรุงจีนคัดคาน” นักเรียนคิดวาการยกคํากลาวของ
ก็มีพระทัยยินดีนัก แล้วเสด็จกลับคืนเข้าสู่พระนคร ฝ่ายพม่าเสนาบดีขุนนางน้อยใหญ่ไพร่พลทั้งปวง พระเจากรุงจีนนี้ แสดงใหเห็นวา พระเจากรุงจีน
ก็สรรเสริญสมิงพระรามว่ามิใช่มนุษย์เลยเสมอเทพยดา แต่ศรี ษะกามะนีนนั้ ก็มใิ ห้ตกถึงดิน เอาขอเหล็ก ทรงมีคุณธรรมในฐานะที่เปนกษัตริยอยางไร
สับเอาได้ดังทูลไว้ทุกประการ (แนวตอบ จากที่พระเจากรุงจีนตรัสกับเหลา
ฝ่ายเสนาบดีนายทัพนายกองจีนทั้งปวง ครั้นเห็นเสียกามะนีดังนั้นแล้วก็โกรธ จึงกราบทูล เสนาบดีนายทัพนายกองทหารทั้งหลายวา “เราเปน
พระเจ้ากรุงจีนว่า พระองค์เสด็จยาตราทัพมาครั้งนี้ ตั้งพระทัยจะท�าสงครามให้พระเจ้ากรุงอังวะอยู่ใน กษัติยผูใหญอันประเสริฐ ไดใหคํามั่นสัญญาแกเขา
เงื้อมพระหัตถ์ ถึงมาตรว่าเสียกามะนีทหารเอกแล้วใช่ข้าพเจ้าทั้งปวงนี้จะตีกรุงอังวะถวายไม่ได้นั้น ไวแลว จะกลับคํา ดังนั้นควรไม พมาทั้งปวงจะ
หามิได้ เสียแรงด�าเนินกองทัพเข้ามาเหยียบถึงชานก�าแพงเมืองแล้ว จะกลับไปเปล่านั้นได้ความอัปยศ ชวนกันดูหมิ่นไดวาจีนพูดมิจริง เรารักสัตยยิ่งกวา
แก่พม่านัก ท�าไมกับเมืองอังวะสักหยิบมือหนึ่งเท่านี้จะเอาแต่มูลดินทิ้งเข้าไปในก�าแพงเมืองคนละ ทรัพย อยาวาแตสมบัติมนุษยนี้เลย ถึงทานจะเอา
ก้อนๆ เท่านั้น ถมเสียให้เต็มก�าแพงเมืองในเวลาเดียวก็จะได้ ทิพยสมบัติของสมเด็จอมรินทรมายกใหเราๆ ก็
พระเจ้ากรุงจีนได้ฟังก็ตรัสห้ามนายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งปวงว่าเราเป็นกษัตริย์ผู้ใหญ่ มิไดปรารถนา” แสดงใหเห็นวาพระเจากรุงจีนทรง
อันประเสริฐ ได้ให้ค�ามั่นสัญญาไว้แก่เขาแล้ว จะกลับค�าไปดังนั้นควรไม่ พม่าทั้งปวงจะชวนกันดูหมิ่น มีคุณธรรมเรื่องการรักษาความสัตย พูดแลวไม
ได้ว่าจีนพูดมิจริง เรารักสัตย์ยิ่งกว่าทรัพย์ อย่าว่าแต่สมบัติมนุษย์นี้เลย ถึงท่านจะเอาทิพยสมบัติของ คืนคํา ดวยทรงเห็นวาตนเปนกษัตริยที่มีราชอํานาจ
สมเด็จอมรินทร์มายกให้เราๆ ก็มิได้ปรารถนา ตรัสดังนั้นแล้วก็สั่งให้เลิกทัพเสด็จกลับไปยังกรุงจีน มากกวา ไมควรถือโอกาสในการศึกครั้งนี้ยึดครอง
พระเจ้ามณเฑีย1รทองเสด็จออกทรงบัญชาราชการ พร้อมด้วยเสนาพฤฒามาตย์ราชปุโรหิต กรุงอังวะที่เล็กกวามาเปนของตน แสดงใหเห็น
ทั้งปวง จึงตรัสว่าโหรซึ่งดูชะตาเมืองว่าไม่ขาดพระชันษาเล่าก็ดีอยู่ นานไปจะได้ลาภอันประเสริฐ ศักดิ์ศรีความทะนงตนของผูเปนกษัตริย)
อี ก นั้ น ก็ ต ้ อ งด้ ว ยค� า ท� า นาย จึ ง ให้ พ ระราชทานบ� า เหน็ จ และเครื่ อ งอุ ป โภคบริ โ ภคเป็ น อั น มาก
แล้วพระราชทานบ้านส่วยแห่งหนึ่งให้เป็นค่าผลหมากด้วย และหญิงม่ายเจ้าของม้านั้น ก็พระราชทาน
เครื่องอุปโภคบริโภคให้ตามสมควร และอ�าเภอแขวงบ้านซึ่งอยู่นั้นก็ให้ขึ้นแก่หญิงม่ายนั้น แล้วตรัสว่า
พระเจ้ากรุงจีนยกพลทแกล้วทหารมาเหยียบเมืองเราครั้งนี้ ประดุจดังแผ่นดินจะถล่มลง หามีผู้ใด
ที่จะรบสู้ต้านทานไม่ ครั้งนี้สมิงพระรามรับอาสากู้เมืองเราไว้ได้ชัยชนะแล้ว ศึกจีนยกทัพเลิกกลับ
ไป สมิงพระรามมีความชอบมาก บัดนี้ควรเราจะให้สมิงพระรามเป็นมหาอุปราช และราชธิดาเรา
จะประทานให้ เ ป็ น บาทบริ จ าริ ก าด้ ว ยตามสั ญ ญาจึ ง จะชอบ ท่ า นทั้ ง ปวงจะเห็ น เป็ น ประการใด
เสนาพฤฒามาตย์ราชกระวีมนตรีมุขทั้งปวงยังมิทันจะกราบทูล
ขณะนั้นสมิงพระรามเฝ้าอยู่ด้วย ครั้นได้ฟังพระราชโองการก็กราบทูลว่า ข้าพเจ้ารับอาสา
พระองค์ครั้งนี้ มีความปรารถนาสี่ประการ คือข้าพเจ้าต้องพันธนาการตรากตร� าล�าบากอยู่นานแล้ว
หวังจะให้พ้นจากเครื่องจองจ�าหนึ่ง จะไว้ฝีมือให้เป็นเกียรติยศไปชั่วกัลปาวสานหนึ่ง จะให้พระองค์ฆ่า
ข้าพเจ้าหนึ่ง ถ้าพระองค์มิฆ่าข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะขอกราบถวายบังคมลากลับไปเมืองหงสาวดีหนึ่ง
93
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
เมื่อกามะนีเสียทีแกสมิงพระรามแลว พระเจากรุงจีนทรงกระทําตามขอใด
ครูแนะแนวทางการดํารงตนใหเปนคนรูจักรักษาคําสัตย โดยนําขอคิดจากเรื่อง
1. เตรียมบุกเขาตีกรุงอังวะ
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา มาแนะแนวทางใหนักเรียนวา นอกจากจะเปน
2. สงทูตมาขอตัวสมิงพระรามไปอยูยังกรุงจีน
คุณธรรมสําหรับผูปกครองและเหลาทหารแลว นักเรียนสามารถนําคุณธรรมขอนี้
3. สงพระราชสาสนมาทารบกับพระเจาฝรั่งมังฆอง
มาปรับใชกับตนเอง เพื่อใหเปนบุคคลนาเชื่อถือไดรับความไววางใจใหรับผิดชอบ
4. ใหเลิกทัพกลับไปยังกรุงจีนตามที่ไดใหสัญญาไว
งานสําคัญตางๆ ซึ่งนําไปสูโอกาสที่จะเจริญกาวหนาในอาชีพการงาน และที่สําคัญ
วิเคราะหคําตอบ เมื่อสมิงพระรามสูศึกชนะกามะนี เสนาบดีและเหลา เปนการเสริมสรางคุณลักษณะเดนใหเปนคนที่มีเกียรติ มีคุณคา นานับถือ
นายทัพนายกองทหารทั้งหลายของพระเจากรุงจีน ไมยอมรับความพายแพ
ตองการที่จะทําสงครามกับกรุงรัตนบุระอังวะ ดวยเห็นวาฝายตนมีกําลัง
มากกวา การเอาชนะกรุงรัตนบุระอังวะเปนเรื่องงาย แตพระเจากรุงจีนเปน นักเรียนควรรู
กษัตริยที่ยึดมั่นในคําสัตย จึงสั่งใหเลิกทัพกลับไปกรุงจีนตามที่ไดใหสัญญาไว
ตอบขอ 4. 1 โหร นับเนื่องสมัยโบราณ คําวาโหรมิไดใชกันเปรอะ เพราะโหรตองเปนโหรหลวง
คือ ขุนนางสังกัดกรมโหร ตําแหนงที่รูจักกันมาก คือ โหราธิบดี อธิบดีโหร นอกจาก
ชํานาญโหราศาสตรแลวยังเชี่ยวชาญทางอักษรศาสตร ตอมาสมัยที่มีนามสกุล โหรที่
ขอพระราชทานนามสกุล โดยมากที่ทายนามสกุลก็จะลงทายวา “โชติ”
คูมือครู 93
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนตอบคําถามในประเด็นตางๆ ตอไปนี้
• พระเจาฝรั่งมังฆองพระราชทานสิ่งใดเปน เป็นความปรารถนาสีป่ ระการ ซึง่ พระองค์จะพระราชทานให้ขา้ พเจ้าเป็นมหาอุปราช และพระราชทาน
บําเหน็จรางวัลใหแกสมิงพระรามที่ชนะศึก พระราชธิดานั้นพระคุณหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้ามิได้รับพระราชทานแล้วจะขอคืนถวายไว้ดังเก่า พระเจ้า
(แนวตอบ พระเจาฝรั่งมังฆองพระราชทาน มณเฑียรทองได้ทรงฟังก็ทรงพระด�าริว่า สมิงพระรามคนนี้มิเสียทีที่เกิดมาเป็นเชื้อชาติทหารนับว่า
ตําแหนงมหาอุปราชพรอมกับยกพระราชธิดา ชายชาตรีแท้ มิได้เกรงกลัวแก่ความตาย ทั้งราชสมบัติก็มิได้รักใคร่ แล้วองอาจแกล้วกล้าหาผู้ใด
ใหแกสมิงพระราม) เปรียบเสมอมิได้ ครั้นจะฆ่าเสียตามค�าบัดนี้เล่าก็มิควร เขาได้มีคุณแก่เรา ช่วยกู้พระนครไว้เป็น
• ความปรารถนาของสมิงพระราม 4 ประการ ความชอบใหญ่หลวงยังเสียดายนัก ครั้นจะปล่อยให้กลับไปเมืองหงสาวดีเล่า การสงครามพระเจ้า
ที่ทูลขอพระเจาฝรั่งมังฆองมีอะไรบาง ราชาธิราชกับเราก็ยงั ติดพันกันอยูห่ าขาดกันไม่ ทรงพระด�าริดงั นัน้ แล้ว ก็ทรงนิง่ อยูม่ ไิ ด้ตรัสประการใด
(แนวตอบ คําขอของสมิงพระราม มีดังนี้ แล้วก็เสด็จเข้าข้างใน
1. หวังจะหลุดพนจากการเปนเชลยที่ตองถูก ฝ่ายเสนาที่เฝ้าผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงและสมิงพระรามก็กลับไปที่อยู่สิ้น พระเจ้ามณเฑียรทอง
จองจํา เสด็จเข้าข้างในแล้ว ก็ทรงพระวิตกนัก จึงตรั
2. ตองการจะฝากฝมือไวใหเปนเกียรติยศ 1 สบอกแก่พระอัครมเหสีว่า สมิงพระรามนี้มีความซื่อสัตย์
มั่นคงนัก เราจะให้ธิดาเป็นบ�าเหน็จรางวัลและที่มหาอุปราชก็มิรับ จะขอให้ฆ่าเสีย ถ้าแม้นมิฆ่าก็จะ
ตลอดไป ลากลับไปเมืองหงสาวดี เราเสียดายนัก ด้วยเขารู้ศิลปศาสตร์สันทัด และฝีมือเล่าก็เข้มแข็งกล้าหาญ
3. ใหพระเจาฝรั่งมังฆองประหารชีวิตได
ยิ่งนักหาผู้เสมอมิได้ ท�าไฉนจึงจะให้สมิงพระรามรับราชสมบัติอยู่ด้วยเราได้
4. หากพระเจาฝรั่งมังฆองไมฆาก็จะขอกลับ
พระอัครมเหสีได้ฟังดังนั้นจึงทูลว่า พระองค์จะทรงพระวิตกไปไย ซึ่งจะเกลี้ยกล่อมผูกพันสมิง
ไปกรุงหงสาวดี)
พระรามไว้ให้ตั้งใจสวามิภักดิ์อยู่ด้วยพระองค์นั้น ตกพนักงานข้าพเจ้าจะรับอาสาผูกจิตสมิงพระรามไว้
2. นักเรียนอธิบายความหมายของคําตอไปนี้
ให้อยู่จงได้ อุปมาดังแพทย์ผู้วิเศษผูกกัณหสัปปะชาติคืองูเห่าใหญ่ด้วยมนตราคมอันกล้าขลัง มิให้พ่น
• ดวยเขารูศิลปศาสตรสันทัด
พิษและเลื้อยหนีไปได้ พระเจ้ามณเฑียรทองจึงตรัสถามว่า น้องจะคิดอ่านประการใด หรือมีมนตรา
(แนวตอบ หมายความวา สมิงพระรามเปนผูมี
ความรูความสามารถทางศิลปะการตอสูอยาง วิเศษจึงจะผูกจิตสมิงพระรามไว้ได้ พระอัครมเหสีทูลว่า ข้าพเจ้าจะได้มีเวทมนตร์ผูกนั้นหามิได้ ซึ่ง
เชี่ยวชาญ) ข้าพเจ้าจะคิดผูกสมิงพระรามให้อยู่ก็หวังจะผูกด้วยยางรัก เพราะธรรมดาชนอันเวียนวนข้องอยู่ใน
• ผูกสมิงพระรามใหอยูก็หวังจะผูกดวยยางรัก สงสารภพนี้ แต่ล้วนมีความก�าหนัดยินดีในกามสังวาสรสสิ้นทั้งนั้น เพราะมูลตัณหาเครื่องเกี่ยวพัน
(แนวตอบ ใชความรักมาผูกใจใหสมิงพระราม อุดหนุนเป็นปัจจัย แต่พระดาบสทรงฌานสมาบัติเหาะเหินไปได้ในอากาศแล้ว พอได้ย2ินเสียงสตรีขับ-
ไมไปไหน) ร้องเพราะจับจิตเข้าก็ยังพลัดตกลงมาสู่ภูมิภาคปัถพี ด้วยความก�าหนัดในรัชนียารมณ์ จะนับอะไรกับ
3. นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนการ เจ้าสมิงพระรามนี้ ซึ่งว่ามิรับที่มหาอุปราชและราชธิดา เพราะยังมิได้เห็นราชธิดาของเราอันสมบูรณ์
ของพระมเหสีพระเจาฝรั่งมังฆอง ด้วยลักษณะและสิริมารยาทงามยิ่งนัก ถ้าบุรุษผู้ใดได้เห็นและได้นั่งใกล้แล้วเมื่อใด ก็มิอาจจะด�ารงจิต
(แนวตอบ พระมเหสีวางแผนที่จะใชความรัก อยู่ได้ ดวงกมลก็จะหวั่นไหวไปด้วยความปฏิพัทธ์ อุปมาดังชายธงอันต้องลม ข้าพเจ้าคิดจะให้แต่ง
ผูกใจสมิงพระราม ใชความงามของพระราชธิดา สุปะเพียญชนาหารเครื่องเลี้ยงอันประณีต เวลาพรุ่งนี้ขอพระองค์ให้หาเจ้าสมิงพระรามเข้ามากินเลี้ยง
มาลอใจสมิงพระราม อีกทั้งทรงใชธรรมชาติของ ในพระราชมนเทียร แล้วจึงให้พระธิดาเราออกไปให้เจ้าสมิงพระรามเห็นตัวถนัดแต่ข้างเดียว เจ้าสมิง
มนุษยเพศชายที่มักจะหลงใหลพึงใจสตรีรูปงาม) พระรามได้เห็นรูปโฉมธิดาเราเท่านั้น ยังมิทันจะเข้าใกล้ได้กลิ่น ก็จะมีความปลื้มปลาบจนสุดจิต
ไหนจะคิดกลับเมืองหงสาวดีได้ เพราะพระธิดาของเรางามเป็นเสน่ห์อยู่ทั่วกาย ซึ่งข้าพเจ้าคิดท�าดังนี้
94
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 บําเหน็จรางวัล เปนการสรางความรูสึกที่ดีกับผูใตบังคับบัญชาที่ทําประโยชน นักเรียนสรุปประเด็นหลักของเรื่องตามที่นักเรียนเห็นวานาสนใจ
โดยปกติจะพิจารณาจากผลงาน และในบางครั้งก็พิจารณาจากความสัมพันธระหวาง จากนั้นเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกลาว
บุคคล ซึ่งระบบการใหรางวัลจะชวยกระตุนการปฏิบัติงาน สรางขวัญและกําลังใจแก
พนักงานในการปฏิบัติงาน
2 รัชนียารมณ หมายความวา อารมณอันเปนที่ตั้งแหงความรักใคร กิจกรรมทาทาย
จากการอานเนื้อเรื่องแลวสรุปเปนประเด็นสําคัญ นักเรียนยกสํานวน
สุภาษิตไทยที่นักเรียนคิดวาตรงกับประเด็นของเรื่องที่นักเรียนสรุปมา
โดยยกเนื้อเรื่องตอนนั้นประกอบ
94 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนตอบคําถามตอไปนี้จากคํากลาวของ
เปรียบประดุจนางเมขลาเทพธิดาล่อแก้วให้รามสูรเห็น รามสูรหรือจะไม่รักแก้ว ซึ่งข้าพเจ้าว่าจะ พระมเหสีที่กลาวกับพระราชธิดาวา
ผูกจิตสมิงพระรามให้อยู่ด้วยยางรักนั้น ก็คือจะให้ใจสมิงพระรามมาผูกรักอยู่ด้วยสิ่งนี้ อันจะผูกด้วย “อันบุรุษเปรียบประดุจพืชธัญญาหาร ถาโรย
มนตราคมและโซ่ตรวนเชือกพวนสรรพเครื่องจองจ�าทั้งสิ้นนั้น ก็พลันที่จะหลุดถอนเคลื่อนคลาย ปลูกเพาะหวานแลว ก็มีแตงอกงามสูงใหญขึ้นไป
ไม่แน่นเหนียวเหมือนยางรัก ถ้าผู้ใดผูกติดอยู่ด้วยยางรักแล้ว ถึงจะเอาเชือกพวนเข้ามาฉุดชักก็มิอาจ ลูกนี้ถึงเปนราชบุตรี เกิดในวงศกษัตริยมีชาติ
จะหลุดเคลื่อนคลายได้ เห็นสมิงพระรามจะสวามิภักดิ์อยู่ด้วยพระองค์เพราะสิ่งนี้เป็นมั่นคง ตระกูลสูง ก็เปรียบเหมือนตัณฑุลา จะโปรยหวาน
พระเจ้ามณเฑียรทองได้ทรงฟังพระอัครมเหสีทูลดังนั้น ก็เห็นด้วยจึงตรัสว่า การข้างใน เพาะปลูกมิอาจเจริญขึ้นได”
พระน้องเข้าใจจงช่วยคิดอ่านเถิด แล้วบอกกล่าวธิดาของเราให้รู้ตัวสั่งสอนเสียด้วย พระอัครมเหสี • คํากลาวในขางตนหมายความวาอยางไร
รับสั่งแล้ว เวลาค�่าก็เสด็จไปสู่ห้องต�าหนักพระราชธิดา จึงตรัสบอกว่า บัดนี้สมเด็จพระราชบิดา (แนวตอบ ผูชายนั้นเปรียบไดกับพืชพันธุขาว
จะโปรดให้เจ้าสมิงพระรามผู้มีความชอบเป็นมหาอุปราชแล้วพระราชทานพระลูกให้เป็นมเหสี พระลูก อาหาร ถาเอาไปหวานเพาะก็เจริญงอกงาม
อย่ามีความโทมนัสเกี่ยงงอนขัดพระราชโองการเลย ขึ้นมาได ตางกับผูหญิงที่แมจะเกิดในตระกูล
พระราชธิดาได้ฟังก็ทรงพระกันแสง ซบพระพักตร์ลงทูลว่า ลูกนี้คิดจะไม่มีสวามีแล้ว หวังจะ สูงศักดิ์ก็เหมือนขาวสารจะเอาไปหวานเพาะ
บวชเป็นชีบ�าเพ็ญกุศลหมายสวรรค์นิพพานฝ่ายเดียว เมื่อสมเด็จพระราชบิดาตรัสห้ามมิให้เดินทาง ก็ไมอาจเติบโตขึ้นมาได)
ตรงจะให้เดินทางอ้อมแล้วก็จนใจ แท้ว่ากรรมลูกท�ามาแต่หลัง อนึ่งถ้าได้สวามีเป็นลูกกษัตริย์ มี • สารในคํากลาวนี้คืออะไร
ชาติตระกูลเสมอกันเล่าก็ตาม นี่จะได้ผัวมอญต่างภาษาเป็นเพียงนายทหาร อุปมาดังหงส์ตกลงใน (แนวตอบ แมตองการใหลูกสาวลดทิฐิมานะที่
ฝูงกา ราชสีห์เข้าปนกับหมู่เสือ ลูกมีความโทมนัสนัก พระอัครมเหสีจึงตรัสปลอบว่า ซึ่งลูกมีศรัทธา มีตอชายตํ่าศักดิ์กวาตนเองคือสมิงพระราม
จะบวชเป็นชีหนีสงสารนั้นก็ชอบอยู่ แต่จะด่วนบวชเมื่อยังเจริญรุ่นสาวฉะนี้ แม่เกรงจะถือเคร่งบวชไป โดยชี้ใหเห็นวาแมจะเปนผูตํ่าศักดิ์กวาแต
มิตลอด ด้วยโรคสาวเป็นข้าศึกคอยเบียดเบียนนั้นมีอยู่ มักกระท�าศีลให้เศร้าหมอง ค่อยบวชเมื่อแก่ ผูชายนั้นก็สามารถเติบโตกาวหนาเปนใหญ
เถิดแม่จะบวชด้วย ซึ่งลูกจะถือชาติตระกูลว่ามีอิสริยยศอยู่นั้นหาควรไม่ ด้วยสมเด็จพระราชบิดา ในภายภาคหนาได)
เห็นชอบแล้ว จึงจะทรงปลูกฝัง อันสมิงพระรามนี้เขามีความชอบในแผ่นดินเป็นอันมาก ช่วยกู้
พระนครไว้ให้สมณพราหมณ์ราษฎรอยู่เป็นสุข เหมือนรักษาชาติตระกูลของลูกไว้ ถ้ามิได้สมิงพระราม ขยายความเขาใจ Expand
แล้ ว เมื อ งเราก็ จ ะเสี ย แก่ ก รุ ง จี น ซึ่ ง ลู ก เปรี ย บชาติ เขาเหมื อ นกานั้ น ก็ ช อบอยู ่ แต่ เขาประกอบ
นักเรียนยกสํานวนสุภาษิตที่มีความหมายตรง
ศิลปศาสตร์วชิ าการเป็นทหารมีฝมี อื หาผูเ้ สมอมิได้ ก็เปรียบเหมือนกาขาวมิใช่กาด�า สมเด็จพระราชบิดา
กับคํากลาวของพระมเหสีในกิจกรรมขางตน
จะทรงชุบขึ้นแล้วก็คงเป็นหงส์ ซึ่งเปรียบเหมือนเสือนั้น ถ้าพระราชบิดาชุบย้อมแล้ว ก็คงจะกลับเป็น
(แนวตอบ สํานวนสุภาษิตวา “ชายขาวเปลือก
ราชสีห์ อันบุรุษเปรียบประดุจพืชธัญญาหาร ถ้าโรยปลูกเพาะหว่านแล้ว ก็มีแต่งอกงามสูงใหญ่ขึ้นไป
หญิงขาวสาร” ผูหญิงมักเสียหายไดมากกวาผูชาย
ลูกนี้ถึงเป็นราชบุตรี เกิดในวงศ์กษัตริย์มีชาติตระกูลสูง ก็เปรียบเหมือนตัณฑุลา จะโปรยหว่าน
กลาวคือ ขาวเปลือกตกไปไหนก็งอกขยายพันธุได
เพาะปลูกมิอาจเจริญขึ้นได้ ลูกอย่าถือทิฐิมานะเลย สมเด็จพระราชบิดาได้ทราบจะทรงพระพิโรธนัก
แตขาวสารงอกใหมไมได หรือผูหญิงมีโอกาสนอยที่
ถึงบุรุษจะมีชาติสูงต�่าเป็นประการใดเขาได้เป็นสวามีแล้วจงปฏิบัติเคารพนบน้อม นับถือดุจเจ้าของตน
จะเจริญกาวหนาไดเทากับผูชาย)
จึงจะเจริญสิริราศีเป็นสวัสดิมงคลอันยิ1่ง พระอัครมเหสีตรัสสอนพระราชธิดาด้วยความอุปมาอุปไมย
ต่างๆ ให้พระราชธิดาคลายทิ 2 ฐิมานะลงแล้ว พระนางก็เสด็จกลับมายังห้องพระต�าหนัก มีพระราช-
เสาวนีย์ตรัสสั่งพวกวิเสทชาวเครื่อง ให้แต่งโภชนาหารของเลี้ยงอันเอมโอชทั้งปวงเตรียมไว้ มไ
95
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดแรกเริ่มตนพระราชธิดาในพระเจาฝรั่งมังฆอง
1 ทิฐิมานะ มาจาก ทิฐิ+มานะ “ทิฐิ” หมายถึง ความเห็น สวนคําวา “มานะ”
จึงไมยินยอมที่จะแตงงานตามคําสั่งพระราชบิดา ยกเหตุผลประกอบ
หมายถึง ดื้อรั้น อวดดีหรือถือตัว ทิฐิมานะ จึงหมายถึง ความเห็นดื้อดึง แมวาผิด
แนวตอบ เพราะพระราชธิดายังไมรูจักนิสัยใจคอของสมิงพระราม และการ ก็ไมยอมแกไข
ที่สมิงพระรามเปนเพียงทหารที่ถูกจับมาเปนเชลย ทําใหพระราชธิดาตั้งแง 2 วิเสท อานวา วิ-เสด หมายถึง ผูที่ทํากับขาวหลวง
รังเกียจคิดวาไมเหมาะสมกับตนซึ่งเปนถึงเชื้อวงศกษัตริย จนกระทั่งพระ-
ราชมารดาไดชี้ใหเห็นวา การที่สมิงพระรามอาสาออกสูศึกและชนะนั้นแสดง
วาเปนผูเกงกลามีความสามารถ ตอไปภายหนาจะยิ่งใหญมีเกียรติยศ จึงลด
ทิฐิและยอมแตงงานกับสมิงพระราม
คูมือครู 95
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายการใชความเปรียบในหนา 95
• การใชความเปรียบเหมาะสมกับเนื้อเรื่องใน ครั้นเวลาเช้าพระเจ้ามณเฑียรทอง จึงมีรับสั่งให้หาเจ้าสมิงพระรามเข้ามากินเลี้ยงบนพระราช-
หนา 95 หรือไม อยางไร มนเทียร สมิงพระรามรับพระราชทานเครื่องเลี้ยงพอควรแล้ว ก็เข้ามากราบถวายบังคมเฝ้าอยู่
(แนวตอบ เรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระราม โดยล�าดับ พระเจ้ามณเฑียรทองจึงตรัสว่า เราเป็นกษัตริย์อันประเสริฐได้ออกวาจาแล้ว จึงจะตาย
อาสา มีความโดดเดนทางวรรณศิลปในการใช ก็หาเสียดายชีวิตไม่ เพราะรักสัตย์ยิ่งกว่ารักชีวิตได้ร้อยเท่า ซึ่งที่มหาอุปราชกับราชธิดาเรานั้น เราได้
ความเปรียบทั้งเรื่อง จากเนื้อเรื่องในหนา 95 ออกปากแล้วว่าจะให้เป็นบ�าเหน็จความชอบแก่ท่าน ถึงมาตรว่าจะมิรับด้วยท่านค�านึงถึงพระเจ้า
เปนตอนที่พระมเหสีเกลี้ยกลอมพระราชธิดา ราชาธิราชอยู่ ก็จงรับเสียแต่พอเป็นเหตุตามสัญญาเถิด อย่าให้เราเสียสัตย์เลย อนึ่งเราเกรงคนทั้งปวง
ใหยินยอมอภิเษกกับสมิงพระราม จึงใชความ จะครหานินทาได้ ท่านรับอาสากู้พระนครไว้มีความชอบเป็นอันมาก มิได้รับบ�าเหน็จรางวัลสิ่งใด
เปรียบมาเปนวาทศิลปเกลี้ยกลอมใหถอยคํามี นานไปเบื้องหน้าถ้าบ้านเมืองเกิดจลาจลหรือข้าศึกมาย�่ายีเหลือก�าลัง ก็จะไม่มีผู้ใดรับอาสาอีกแล้ว
นํ้าหนักพอที่จะทําใหพระราชธิดาคลอยตาม) เห็นเราจะได้ความขัดขวางเป็นมั่นคง ตรัสแล้วจึงสั่งให้พระราชธิดายกพานพระศรีมาตั้ง ให้เจ้าสมิง
พระรามกินต่อหน้าพระที่นั่ง พระราชธิดาก็อายพระทัยยิ่งนัก ด้วยเป็นราชบุตรีกษัตริย์ แต่ทรง
ขยายความเขาใจ Expand พระเยาว์มาจนเจริญพระชนม์ ยังไม่เคยยกพานพระศรีให้ทหารและขุนนางผู้ใดกิน แต่ขยับขยั้นยั้ง
พระองค์อยู่มิใคร่จะแหวกพระวิสูตรออกมาได้ พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องก็ตรั1สเตือนว่ามาเร็วๆ พระราชธิดา
1. นักเรียนยกเนื้อความที่นักเรียนเห็นวาเปนความ
เกรงพระราชอาญาขัดรับสั่งสมเด็จพระราชบิดามิได้ ก็ยกพานพระศรีมาตั้งลงเฉพาะหน้าสมิงพระราม
เปรียบที่นาสนใจ อยางนอย 2 แหง พรอม
แต่ห่างๆ ช้อยช�าเลืองดูสมิงพระรามไม่ทันจะเต็มพระเนตร ด้วยความอายก็เสด็จกลั2บเข้าไป เจ้าสมิง
อธิบายความหมายประกอบ
พระรามเห็นพระราชบุตรียกพานพระศรีออกมานั้น ประกอบด้วยเยาวรูปสิริวิลาสลักษณ์เป็นอันงาม
(แนวตอบ ตัวอยางเชน
ก็แลตะลึงลืมตัวไม่เป็นสมประดี จนพระราชบุตรีเสด็จกลับเข้าไป พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องทอดพระเนตร
• “นี่จะไดผัวมอญตางภาษาเปนเพียงนายทหาร
เห็นแล้วก็ดีพระทัย ทรงด�าริว่า เจ้าสมิงพระรามเห็นจะมีความรักธิดาเราว่ารูปงาม สมค�าพระอัคร-
อุปมาดังหงสตกลงในฝูงกา” เปนสิ่งที่พระ
มเหสีทูลไว้ ทรงพระร�าพึงนิ่งอยู่ในพระทัยแล้วก็เสด็จขึ้น
ราชธิดาพูดกับพระมเหสีวา การแตงงานที่มี
ครั้ น เวลาวั น หนึ่ ง เสด็ จ ออกพร้ อ มด้ ว ยเสนาบดี ข ้ า ราชการทั้ ง ปวง พระองค์ จึ ง ตรั ส แก่
สามีเปนชาวมอญตางภาษาอีกทั้งเปนเพียง
สมิงพระรามว่าท่านอาสากู้พระนครเราไว้ได้ครั้งนี้ มีพระเกียรติยศปรากฏไปแก่ประเทศราชธานี
ทหาร ก็เปรียบตนเองเปนหงส สวนทหาร
ทั้งปวง จนตลอดกัลปาวสาน ซึ่งท่านจะไม่รับรางวัลนั้นมิชอบ ดุจท�าลายเกียรติยศเราให้เสื่อมเสีย
มอญที่จะมาเปนสามีเปนกา
เพราะจะเป็นที่ติเตียนแก่กษัตริย์ทั้งปวง ท่านด�าริดูจงควรเถิด
• “ถาบุรุษใดไดเห็นและไดนั่งใกลแลวเมื่อใด
สมิงพระรามได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า เรารับอาสาท�าความชอบครั้งนี้ คิดจะแก้ตัวกลับไปเมือง
ก็มิอาจจะดํารงจิตอยูได ดวงกมลก็หวั่นไหว
เมื่อพระเจ้ามณเฑียรทองมิทรงพระอนุญาต จะหน่วงเหนี่ยวไว้ฉะนี้ ครั้นเราจะหนีไปก็เสียสัตย์
ไปดวยความปฏิพัทธ อุปมาดังชายธงอันตอง
หาควรไม่ ทั้งนี้ก็ตามแต่วาสนา เมื่อพระเจ้าอังวะจะโปรดพระราชทานพระราชธิดาแล้ว เราก็จะอยู่ชม
ลม” เปนสิ่งที่พระมเหสีกลาวกับพระสวามี
รสนางพม่าเสียก่อน เผื่อจะมีโอชาหวานดีกว่ารสมอญกระมัง ถ้าแม้บุญยังจะกลับไปเมืองหงสาวดี
พระเจาฝรั่งมังฆอง ดวยเห็นวาบุตรธิดาของ
ได้โดยสัตย์ คิดแล้วจึงทูลว่า ซึ่งพระองค์ทรงพระราชทานที่มหาอุปราชแก่ข้าพเจ้าๆ มิรับนั้น เหตุด้วย
ตนนั้นงดงามมากไมมีชายใดที่จะไมหวั่นไหว
พระราชบุตรของพระองค์ยังจะมีอยู่ อนึ่งข้าพเจ้าเล่าก็ต่างประเทศภาษา อุปมาดังนกเค้าถึงมีก�าลังอยู่
ไปกับความงามของพระราชธิดา เปรียบชาย
ก็จริง แต่ตกเข้าอยู่ในท่ามกลางฝูงกาเมื่อกลางวัน ข้าพเจ้าจะบัญชาราชกิจฉันใด ครั้นข้าพเจ้ามิรับ
ทั้งหลายเปนเหมือนธงที่เมื่อตองลม ก็คือได
บ�าเหน็จรางวัลเล่า ก็จะเสียราชประเพณีของพระองค์ไป ข้าพเจ้าจะยอมเป็นทหารอยู่กับพระองค์แล้ว
เขาใกลความงามของพระราชธิดายอมเปน
96
ธรรมดาที่จะไหวเหมือนธง)
2. ครูสุมนักเรียน 2-3 คน มานําเสนอใหเห็น
การใชความเปรียบ
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู จากเนื้อเรื่องเมื่อสมิงพระรามสามารถเอาชนะกามะนีทหารเอกของ
จีนได พระเจาฝรั่งมังฆองไดมอบบําเหน็จรางวัลใหแกสมิงพระราม ซึ่งเปน
1 พานพระศรี เปนคําราชาศัพทในหมวดเครื่องราชูปโภค เปนสํารับสําหรับทรง
แนวคิดสําคัญของตอน สมิงพระรามอาสา ครูบูรณาการความรูเขากับวิชา
ใชประจําวัน พานใสหมากพลูของพระเจาแผนดิน โบราณเรียก พานพระขันหมาก
พระพุทธศาสนา เรื่องหลักปฏิบัติระหวางผูบังคับบัญชาและผูที่อยูใตบังคับ
หรือพระขันหมาก เครื่องพานพระศรี แบงไดอีก 2 สํารับ คือ เครื่องทองลงยาและ
บัญชา ซึ่งก็คือ ทิศ 6 โดยเฉพาะ “เหฏฐิมทิศ” ทิศเบื้องตํ่า เจานาย ผูบังคับ
เครื่องนาก เครื่องทองลงยาใชวันเวลาปกติ และเครื่องนากใชสําหรับใชในวันพระ
บัญชา พึงบํารุงบาว หรือผูใตบังคับบัญชา ดวย 5 สถาน ไดแก ดวยการ
2 วิลาส หรือพิลาส เปนคําบาลีสันสกฤต แปลวา งามมีเสนห งามอยางสดใส จัดงานใหตามกําลัง ดวยการใหอาหารและบําเหน็จรางวัล ดวยการรักษา
พยาบาลยามเจ็บไข ดวยแจกของมีรสดีแปลกๆ ใหกิน และดวยใหมีวันหยุด
และพักผอนหยอนใจตามโอกาสอันควร ดวยหลักคิดนี้จะทําใหความสัมพันธ
ระหวางผูบังคับบัญชากับผูอยูใตบังคับบัญชากระชับแนนแฟนขึ้น พระเจา
ฝรั่งมังฆองก็ปรารถนาที่จะใหสมิงพระรามมีใจภักดีอยูรับใช นอกจากนี้การ
มอบบําเหน็จรางวัลใหแกผูทําความดีความชอบตามสัญญา จะทําใหไมเปนที่
ครหาวาเปนกษัตริยผูมีอํานาจแลวไมรักษาคําสัตย
96 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนตอบคําถามและรวมกันแสดงความคิด
แต่จะขอรับพระราชทานความอนุญาตอยู่สองประการๆ หนึ่งห้ามมิให้คนทั้งปวงเรียกว่าเชลย ถ้าผู้ใด เห็นในประเด็นตอไปนี้
มิฟังขืนเรียก ข้าพเจ้าได้ยินแล้วก็จะถวายบังคมลากลับไปเมืองหงสาวดี ประการหนึ่งถ้ามีสงคราม • สมิงพระรามตัดสินใจที่จะรับบําเหน็จรางวัล
สมเด็จพระเจ้าราชาธิราชมาเมื่อใด ข้าพเจ้ามิขอเข้าท�าสงครามด้วยทั้งสองฝ่าย แม้นมีสงครามกษัตริย์ จากพระเจาฝรั่งมังฆองหรือไม อยางไร
อื่นมา ข้าพเจ้าจะขอรับอาสาสู้รบกว่าจะสิ้นชีวิต ถ้าพระองค์โปรดอนุญาตความสองประการนี้แล้ว (แนวตอบ สมิงพระรามยอมรับบําเหน็จรางวัล
ข้าพเจ้าก็จะยอมรับพระราชทานรางวัลอยู่ด้วยพระองค์สืบไป ที่พระเจาฝรั่งมังฆองจะพระราชทานให แตมี
พระเจ้ามณเฑียรทองได้ทรงฟังก็ดีพระทัยนัก จึงตรัสว่า เหตุเท่านี้เราจะอนุญาตให้ได้ อย่าว่า เงื่อนไข 2 ขอที่จะขอกับพระเจาฝรั่งมังฆอง
แต่ท่านจะขออนุญาตเท่านี้เลย ถึงจะให้มากกว่านี้สักร้อยประการ ถ้าควรแล้วเราจะอนุญาตให้ท่านสิ้น คือ ขอแรกหามไมใหผูใดเรียกตนวาเชลย
จึงสั่งให้เสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวง ให้ตีฆ้องร้องป่าวทั่วทั้งพระนครว่า ตั้งแต่วันนี้ไปให้คน ถามีผูใดเรียก แลวตนไดยินจะลากลับ
ทั้งปวงเรียกว่าเจ้าสมิงพระรามกู้เมือง ถ้าผู้ใดเรียกเชลยแล้ว จะฆ่าเสียให้สิ้นทั้งโคตร ถ้าเราแต่งการ
เมืองหงสาวดี ขอสองถามีสงครามระหวาง
พระเจาราชาธิราชกับพระเจาฝรั่งมังฆอง
อภิ เ ษกสมิ ง พระรามขึ้ น เป็ น อุ ป ราชแล้ ว ให้ อ อกนามว่ า พระมหาอุ ป ราชผดุ ง พระนคร เสนาบดี
เมื่อใด จะไมเขาทําสงครามกับทั้งสองฝาย
ข้าราชการใหญ่น้อยรับๆ สั่งแล้วก็ถวายบังคมลาออกจากเฝ้า จึงแต่งคนให้เที่ยวตีฆ้องร้องป่าวไปทั่ว
นอกจากจะเปนสงครามกษัตริยอื่นจะขอ
กรุงรัตนบุระอังวะ ชาวเมืองทั้งปวงรู้แล้วก็เกรงพระราชอาญา ต่างคนชวนกันสรรเสริญพระเจ้าฝรั่ง
อาสารบจนกวาจะสิ้นชีพ)
มังฆ้องว่า พระเจ้าอยู่หัวของเราทรงโปรดทแกล้วทหารรักยิ่งกว่าพระราชธิดาอันเกิดแต่พระอุระ
• เหตุใดสมิงพระรามจึงรับบําเหน็จรางวัลจาก
หวังจะบ�ารุงพระนครให้คนทั้งปวงอยู่เป็นสุข และจะให้ข้าศึกย�าเกรงพระเดชานุภาพจึงทรงปลูก พระเจาฝรั่งมังฆอง
เลี้ยงสมิงพระรามไว้ ตั้งให้เป็นมหาอุปราชแล้วชมฝีมือและบุญญาธิการสมิงพระรามเป็นอันมาก (แนวตอบ เหตุที่สมิงพระรามยอมรับบําเหน็จ
พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องจึงตรัสสั่งให้ปลูกต�าหนักใหญ่อย่างที่มหาอุปราช และแต่งการเฉลิม รางวัล เพราะคิดวาหากจะกลับไปเมือง
พระต� า หนั ก เครื่ อ งภิ เ ษกทั้ ง ปวงเสร็ จ แล้ ว พระโหรจึ ง ถวายฤกษ์ อั น เป็ น ศุ ภ มงคล เข้ า พิ ธี เ ฉลิ ม หงสาวดีพระเจาฝรั่งมังฆองก็คงไมอนุญาต
พระต�าหนักพร้อมด้วยพระญาติวงศา พราหมณ์พฤฒามาตย์ราชปุโรหิตทั้งปวง อภิเษกพระราชธิดากับ หากจะหนีไปทั้งสมิงพระรามและพระเจา
เจ้าสมิงพระรามเป็นมหาอุปราช ตามราชประเพณีมาแต่ก่อนแล้ว พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องก็พระราชทาน ฝรั่งมังฆองก็คงเสียเกียรติ)
เครื่องยศส�าหรับที่ลูกหลวงเอกให้สมิงพระรามเป็นมหาอุปราช ครั้งนั้นกรุงรัตนบุระอังวะก็เงียบสงบ
ศึกลง สมณพราหมณ์อาณาประชาราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข ขยายความเขาใจ Expand
ครั้นอยู่มาประมาณสามเดือน พระราชธิดาพระเจ้ามณเฑียรทองก็ทรงพระครรภ์ ถ้วนทศมาส
แล้วก็ประสูติพระราชโอรส พระเจ้ามณเฑียรทองได้ทราบก็มีพระทัยเสน่หายิ่งนัก เสด็จไปรับพระราช- จากที่สมิงพระรามตัดสินใจหนีกลับเมือง
นัดดาด้วยพระหัตถ์1 ของพระองค์ แล้วพระราชทานเครื่องประดับทั้งปวงส�าหรับพระราชกุมารโดย
หงสาวดี นักเรียนคิดวาสมิงพระรามมีลักษณะนิสัย
อยางไร
ขบวนลูกหลวงเอก
(แนวตอบ สมิงพระรามเปนผูที่ยึดมั่นกับคําสัตย
ครั้นพระราชกุมารมีชันษาได้ขวบเศษ พอย่างพระบาทด�าเนินได้ พระเจ้ามณเฑียรทองเสด็จ
วาจา เปนผูที่ทําตามคําสัตยที่ใหไวกับพระเจา
ออกว่าราชการครั้งใด ก็ทรงอุ้มพระราชนัดดาขึ้นนั่งเหนือพระเพลาทุกครั้ง อยู่มาวันหนึ่งทรงอุ้ม
ฝรั่งมังฆองและคาดหวังวาจะไดรับการยึดมั่น
พระราชนัดดาเสด็จออก ณ พระที่นั่งพร้อมด้วยเสนาบดีทั้งปวง สมิงพระรามมหาอุปราชก็เฝ้าอยู่
รักษาคําสัตยดุจเดียวกัน เพื่อใหสามารถอยูรวมกัน
ที่นั้นด้วย ไดอยางปกติสุขไมบาดหมางกัน ก็ตองเชื่อใจกัน
97
การละเมิดคําสัตยจะทําใหไมสามารถอยูรวมกันได
เพราะไมไวใจกัน สมิงพระรามจึงหนีกลับเมือง
หงสาวดี)
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับเงื่อนไขสัญญาที่สมิงพระรามทูลขอจาก
1 ลูกหลวงเอก หมายถึง พระราชโอรสซึ่งประสูติจากพระมารดาซึ่งทรงเปน
พระเจาฝรั่งมังฆอง
พระราชธิดาของสมเด็จพระเจาแผนดิน หรือที่เรียกกันในสมัยนั้นวา ลูกหลวง
1. เมื่อเกิดศึกระหวางพมาและมอญ สมิงพระรามจะชวยพมา
เพราะทรงมีฐานันดรศักดิ์เปน “ลูกหลวงเอก”
2. เมื่อเกิดศึกระหวางพมาและมอญ สมิงพระรามจะชวยมอญ
3. เมื่อเกิดศึกระหวางพมาและมอญ สมิงพระรามจะชวยทั้งสอง
4. เมื่อเกิดศึกระหวางพมาและมอญ สมิงพระรามจะไมชวยทั้งสอง
มุม IT
วิเคราะหคําตอบ สัญญาที่สมิงพระรามทูลขอจากพระเจาฝรั่งมังฆองก็เพื่อ
รอมชอมกัน ไมใหฝายใดฝายหนึ่งเสียเปรียบ เพราะไมเชนนั้นแลว ศึกษาเกี่ยวกับฐานันดรศักดิ์ของกษัตริยเพิ่มเติม ไดที่ http://www.laksanathai.
พระเจาฝรั่งมังฆองจะไมยินยอมรับเงื่อนไขสัญญา หากชวยฝายใดฝายหนึ่งก็ com/book2/p007.aspx
ไมอาจตกลงกันได และเมื่อเกิดสงครามก็เปนไปไมไดที่สมิงพระรามจะรบทั้ง
สองฝาย ดังนั้น สิ่งที่สมิงพระรามจะเสนอ คือ ไมชวยทั้งสองฝาย ตอบขอ 4.
คูมือครู 97
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนตอบคําถามและรวมกันแสดงความ
คิดเห็นในประเด็นตอไปนี้ ฝ่ายพระราชกุมารเป็นทารกยังทรงพระเยาว์ไม่แจ้งความก�าดัดคะนองลุกจากพระเพลา ยืนขึน้
• เหตุใดสมิงพระรามจึงหนีไปเมืองหงสาวดี ยุดพระอังสาพระเจ้ามณเฑียรทองไว้แล้วเอื้อมพระหัตถ์ขึ้นไปเล่นบนที่สูง พระเจ้ามณเฑียรทองผัน
(แนวตอบ เหตุที่สมิงพระรามหนีไปเมือง พระพักตร์มา ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ตรัสพลั้งพระโอษฐ์ออกไปว่า ลูกอ้ายเชลยนี้กล้าหาญนัก
หงสาวดีอันเมืองที่อยูเดิมของตนเองนั้น นานไปเห็นองอาจแทนมังรายกะยอฉะวาได้ สมิงพระรามได้ยินพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องดังนั้นก็น้อยใจ
ก็เพราะพระเจาฝรั่งมังฆองพลั้งเผลอพูดใน จึงคิดว่าครั้งนี้สิ้นวาสนากันแล้ว เป็นผลที่เราจะได้กลับไปเมืองหงสาวดีด้วยความสัตย์ ครั้นพระเจ้า
สิ่งที่สมิงพระรามเคยขอหามไมใหผูใดพูด คือ มณเฑียรทองเสด็จขึ้นแล้ว
พูดวาสมิงพระรามเปนเชลย สมิงพระรามจึง ฝ่ายสมิงพระรามก็กลับมาที่อยู่ จึงเขียนหนังสือสองฉบับ ฉบับหนึ่งซ่อนไว้ใต้หมอน ฉบับหนึ่ง
หนีไปโดยไมลา ดวยไมอยากใหมีคนมา เหน็บพกไว้ แล้วคิดเป็นห่วงอาลัยบุตรและพระราชธิดา แล้วหักจิตข่มลงได้ มิได้บอกผู้ใด พระราชธิดา
ขัดขวางได) อันเป็นที่รักนั้นก็มิแจ้งให้รู้ กลัวจะห้ามปรามขัดขวาง ความจะทราบถึงพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องจึงเอาเบาะ
• นักเรียนคิดวาสมิงพระรามตัดสินใจถูกหรือ บังเหียนมาผูกม้าซึง่ ขีส่ กู้ บั กามะนีนนั้ แล้วจัดแจงแต่งกายนุง่ ห่มเสร็จถือทวนสะพายดาบเผ่นขึน้ หลังม้า
ควบหนีออกจากเมืองอังวะ
ไมที่หนีไปทั้งที่มีความรักใครหวงใยพระราช-
ฝ่ายพม่าชาวเมืองเห็นก็ร้องอื้ออึงขึ้นว่า มหาอุปราชผดุงพระนครหนีไปแล้ว ความทราบถึง
ธิดาและบุตร
เสนาบดีๆ ก็รีบเข้าไปกราบทูลพระเจ้ามณเฑียรทองๆ ได้แจ้งแล้ว ก็สะดุ้งตกพระทัย จึงสั่งให้จัดทัพม้า
(แนวตอบ การที่สมิงพระรามหนีไปทั้งนี้ พันหนึ่ง ไปตามเจ้าสมิงพระรามๆ ก็ควบม้าหนีมาเต็มพักม้าแล้วก็หยุดพักม้า นั่งคอยท่าอยู่กลาง
เกิดจากพระเจาฝรั่งมังฆองไมรักษาคําสัตย ท้องนาใต้ต้นไม้แห่งหนึ่ง มีต้นตาลเรียงอยู่ที่นั้นสามต้น สูงประมาณสิบห้าวาสิบหกวา มีผลสุกต้นละ
ที่ตนเองเปนผูรับปาก หากอยูตอไปก็อาจเกิด สี่ทะลายบ้างห้าทะลายบ้าง ครั้นแลเห็นทัพพม่ายกตามมาแต่ไกล จึงขึ้นบนหลังม้า ชักม้าฟ้อนร�าเป็น
ความระแวงสงสัยกันนําความเดือดรอนมาให เพลงทวน แล้วพุ่งผลตาลสุกทั้งสามต้นหล่นลงทีละผล มือขวารับทวนมือซ้ายรับผลตาลหล่นลงมา
แกทั้งสองฝาย เพราะเมื่อไดเสียสัตยไปแลว หาทันจะตกถึงดินไม่ แล้วก็โยนไปให้นายทัพนายกองพม่าๆ เห็นดังนั้นก็ตกใจหยุดยืนอยู่สิ้น กลัว
ครั้งหนึ่งก็ยอมเกิดครั้งตอๆ ไปได การทําตาม ขยาดฝีมือนัก ไม่มีผู้ใดจะสามารถเข้าหักหาญจับกุมได้ ก็ค่อยรอตามมาจนสุดแดน สมิงพระรามจึง
สัญญาที่ใหไวจึงดีที่สุด เพราะตามสัญญาที่ เอาหนังสือนั้นใส่ไม้คีบปักไว้ แล้วก็รีบควบม้ากลับเข้ากรุงหงสาวดี
พระเจาฝรั่งมังฆองใหไวนั้นผูที่เอยวา ฝ่ายนายทัพนายกองพม่าทั้งปวงที่ติดตามมานั้น ครั้นได้หนังสือแล้ว ก็พากันยกกลับไปยัง
สมิงพระรามจะตองถูกประหารทั้งโคตร กรุงรัตนบุระอังวะ จึงน�าหนังสือเข้าถวายพระเจ้ามณเฑียรทองๆ ทรงรับหนังสือนั้นมาทอดพระเนตร
แตผูที่ผิดสัญญากลับเปนคนเดียวกับผูที่ให ด้วยพระองค์เป็นใจความว่า
สัญญา การจากไปจึงเปนการเห็นแก ข้าพเจ้าสมิงพระรามขอกราบถวายบังคมทูลไว้ให้ทราบใต้ฝา่ พระบาทยุคล ด้วยพระองค์
พระราชธิดาและบุตร) ออกพระโอษฐ์ทรงพระอนุ ญาตให้ความสัตย์ไว้แก่ข้าพเจ้าว่า จะมิให้ผู้ใดเรียกว่าเป็นเชลย
ถ้าผูอ้ นื่ เรียกแล้วจะให้ลงพระราชทัณฑ์ตดั ศีรษะเสียสิน้ ทัง้ โคตร บัดนี้พระองค์กลับมาเรียกว่า
ขยายความเขาใจ Expand อ้ า ยเชลยอี ก เล่ า ซึ่ ง ข้ า พเจ้ า จะอยู ่ ด ้ ว ยพระองค์ สื บ ไปนั้ น ก็ เ ห็ น ว่ า ผิ ด ประเพณี แ ผ่ น ดิ น
เมืองอังวะแปรปรวนมิได้ยั่งยืนแล้ว ข้าพเจ้าจะขอถวายบังคมลา กลับไปเมืองหงสาวดีที่
นักเรียนแสดงความคิดเห็นที่มีตอตัวละครที่ตนเอง เคยอยู่ข้าพเจ้าแล้ว เชิญพระองค์จงเสวยสิริราชสมบัติเป็นสุขพระทัยเถิด ซึ่งพระราชธิดา
ประทับใจในเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา และพระราชนัดดาของพระองค์นั้น ข้าพเจ้าขอฝากไว้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วย ถ้า
โดยเขียนความยาวไมนอยกวา 15 บรรทัด เจริญพระชนม์ยิ่งยืนแล้ว จะได้อยู่ท�าราชการสนองพระเดชพระคุณแทนตัวข้าพเจ้าสืบไป
(แนวตอบ นักเรียนสามารถเขียนแสดงความคิดเห็น
98
ไดหลากหลายขึ้นอยูกับความประทับใจของนักเรียน
แตละคน)
ขอสอบเนน การคิด
บูรณาการอาเซียน แนว O-NET
ขอใดมิใชเหตุผลที่สมิงพระรามกลับกรุงหงสาวดี
ราชาธิราช เปนเรื่องที่มาจากเคาเรื่องจริงในพงศาวดารมอญที่มีการบันทึก
1. เกรงพระราชทัณฑตัดศีรษะทั้งโคตร
เรื่องราวทางประวัติศาสตรของอาณาจักรไว ซึ่งเปนชวงเวลาที่มอญและดินแดนใน
2. เกรงจะเสียงานที่ไดรับมอบหมาย
เอเชียถูกคุกคามจากกษัตริยมองโกลผูยิ่งใหญ “กุบไลขาน” แตทั้งนี้ไทยไมไดรับ
3. เกรงวาจะผิดประเพณีแผนดิน
ผลกระทบเพราะกษัตริยไทยสงเครื่องราชบรรณาการไปเจริญสัมพันธไมตรีเสียกอน
4. ไดรับความอัปยศ
แตอยางไรก็ตามเหตุการณทางประวัติศาสตรดังกลาวเปนบอเกิดวรรณกรรมของ
เอเชียตะวันออกเฉียงใตที่มีการแทรกปนเรื่องจากจินตนาการเขาไปดวยแตยังคงที่ วิเคราะหคําตอบ ภายหลังพระเจาฝรั่งมังฆองพลั้งเผลอเรียกลูกสมิงพระราม
มาไววา จีนไดแผขยายอํานาจมาถึงอาณาจักรของตน ภายหลังการจัดตั้งสมาคม ซึ่งก็เปนหลานของพระองควา “ลูกอายเชลย” สมิงพระรามรูสึกอัปยศจึง
อาเซียนในความรวมมือทางวัฒนธรรมไดมีการจัดโครงการเกี่ยวกับวรรณกรรมของ ตัดสินใจกลับกรุงหงสาวดี เพราะตามที่ไดสัญญากันไว ผูใดเรียกสมิงพระราม
กลุมประเทศอาเซียน เชน โครงการโลกทัศนพมาจากวรรณกรรมหายาก วาเชลยจะไดรับโทษประหารชีวิตทั้งโคตร ในที่นี้หมายถึงพระราชธิดาและ
เรื่องราชาธิราช เปนตน นับวาเปนจุดเริ่มตนของการขยายและพัฒนาในเชิง พระราชนัดดาของพระเจาฝรั่งมังฆอง และหากไมทําก็จะเสียสัตยผิดประเพณี
วิชาการสูเวทีอาเซียน ซึ่งจะนําไปสูการกําหนดนโยบายระหวางพมากับไทยสืบไป แผนดิน แตการไปจากกรุงอังวะไมเกี่ยวกับงาน สมิงพระรามไมไดรับมอบ-
หมายงานแตอยางใด ตอบขอ 2.
98 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นใน
พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้แจ้งดังนั้นก็ทรงทราบว่าเจ้าสมิงพระรามหนีไปทั้งนี้ด้วยมีความน้อยใจ ประเด็นตอไปนี้
ในถ้อยค�าที่เราพูดพลั้งไปนั้น ก็มีพระทัยอาลัยเสียดายนัก มิได้ตรัสประการใดแก่เสนาบดีทั้งปวง เกรง • คุณธรรมใดในเรื่องราชาธิราช ตอน
ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยจะติเตียนได้ว่า พระองค์ไม่รักษาพระวาจาตรัสผิดไปเอง สมิงพระรามจึงได้ สมิงพระรามอาสาที่สําคัญที่สุด
หนีไป อุปมาดังคนปลูกพฤกษชาติให้ใหญ่สูงแล้วตัดยอดหักกิ่งเสีย จึงเสด็จเข้าข้างใน พระราชทาน (แนวตอบ การรักษาคําสัตยเปนคุณธรรมที่
หนังสือนั้นให้แก่พระอัครมเหสี มีความสําคัญที่สุดในเรื่องราชาธิราช ตอน
พระอัครมเหสีรับมาอ่านแจ้งความแล้ว ก็เสียดายสมิงพระรามยิ่งนัก และเกรงว่าพระราชธิดา สมิงพระรามอาสา การรักษาคําสัตยสง
จะเป็นม่าย จึงทูลว่าเป็นธรรมดาสืบมา พลั้งปากก็ย่อมเสียการ พลั้งมีดพลั้งขวานมักจะบาดเจ็บ ผลตอการดําเนินเรื่องกลาวคือ ตลอดการ
ซึ่งพระองค์เสียทแกล้วทหารที่ดีไปทั้งนี้ เพราะพลั้งพระโอษฐ์มิทันทรงด�าริ ถึงกระนั้นก็อย่าเพ่อ ดําเนินเรื่องตัวละครจะตัดสินใจทําการใด
จะตองมีการขอคําสัตยจากอีกฝายและให
ทรงพระวิตกเลย ด้วยพระราชนัดดาของพระองค์ยังมีอยู่ ถ้าเจริญพระชนม์เติบใหญ่ไปเบื้องหน้า
คําสัตยกับอีกฝาย เชน สมิงพระรามขอ
แล้วเราจะให้ไปติดตามมา ถึงสมิงพระรามจะไม่สู้รักใคร่อาลัยแม่ก็คงอาลัยลูก ข้าพเจ้าเห็นทีจะเสียลูก
คําสัตยกับพระเจาฝรั่งมังฆองวาตองไมให
มิได้คงจะกลับมา
ผูใดเรียกตนวาเชลย และใหคําสัตยวาจะ
ฝ่ายพระราชธิดาเมื่อสมิงพระรามหนีไปนั้น เป็นเวลาตะวันบ่าย พระราชธิดาบรรทมหลับอยู่
ยอมเปนทหารอยูกับพระเจาฝรั่งมังฆอง
ครั้นฟื้นบรรทมขึ้น นางสาวใช้เข้ามาทูลว่าพระมหาอุปราชหนีไปแล้ว พระราชธิดาได้แจ้งก็ตกพระทัย เปนตน)
ทรงพระกันแสงร�่ารัก แล้วเข้าไปดูดาบในที่นอนสมิงพระรามก็หายไป ดูผ้าโพกและแหวนเครื่อง-
ประดับมีค่าทั้งปวงก็หาเห็นไม่ จึงเหลือบพระเนตรเห็นหนังสือที่ใต้หมอน พระนางก็หยิบมาคลี่อ่าน ขยายความเขาใจ Expand
ใจความในหนังสือนั้นว่า
นักเรียนยกเหตุการณและเนื้อความที่นักเรียน
เห็นวาเปนคุณธรรมที่สําคัญที่สุดในเรื่องราชาธิราช
สมเด็ จ พระราชบิ ดาปลู กเลี้ ยงให้ เราทั้ งสองอยู ่ ค รองกั น เป็ น สุ ข สถาพรแล้ ว บั ด นี้ ตอน สมิงพระรามอาสา
พระองค์เสียสัตย์ท�าให้เราได้ความอัปยศ เราอยู่ด้วยมิได้จึงหนี ไป ขอฝากแต่หลานหลวง (แนวตอบ เนื้อความตอนที่พระเจากรุงจีนตรัส
ไว้ด้วยเถิด ชาตินี้เรามีกรรมจึงจากกันทั้งรัก ไปในชาติเบื้องหน้าขอให้เราได้เป็นคู่ครองกัน กับเหลานายทัพนายกองของพระองควา “เราเปน
อย่ารู้แรมนิราศจนบรรลุนฤพาน กษัตริยผูใหญอันประเสริฐไดใหคํามั่นสัญญาแกเขา
ไวแลว จะกลับคําดังนั้นควรไม พมาทั้งปวงจะชวน
พระราชธิดาได้แจ้งในหนังสือนั้นแล้ว ก็ยิ่งทรงพระโศกด้วยความอาลัย แค้นสมเด็จพระราช- กันดูหมิ่นไดวาจีนพูดมิจริง เรารักสัตยยิ่งกวาทรัพย
บิดานัก อยาวาแตสมบัติมนุษยนี้เลย ถึงทานจะเอาทิพย-
ฝ่ายสมิงพระรามเข้ามาถึงกรุงหงสาวดีแล้ว ชาวพระนครทั้งปวงเห็นก็ร้องชมอื้ออึงไปว่า สมบัติของสมเด็จอมรินทรมายกใหเราๆ ก็มิได
เจ้าสมิงพระรามหนีกลับมาได้แล้ว เสนาบดีทั้งปวงรู้ ต่างคนก็ออกมาพูดไต่ถามกันแล้ว จึงพากัน ปรารถนา”)
เข้าไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้าราชาธิราช เจ้าสมิงพระรามจึงกราบทูลตามกิจการทั้งปวง ซึ่งได้กระท�ามา
แต่หนหลังสิ้นทุกประการ
99
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนจัดกลุมชวยกันระดมความคิดเห็นนําคุณธรรมจากเรื่อง ครูเนนเกี่ยวกับคุณธรรมเรื่องความกลาหาญและการรักษาคําสัตยของตัวละครใน
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา มาแตงคําขวัญเชิญชวนเพื่อสราง เรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา โดยแนะใหนักเรียนพิจารณาภาพที่สะทอน
คานิยมที่ดีของคนในสังคม นักเรียนนําคําขวัญที่ไดมาจัดปายนิเทศใน จากเรื่องวา ไดสงเสริมความดีงามใหคุณคาทางจิตใจแกผูอาน เปนเครื่องหมาย
ชั้นเรียน ชี้ใหเห็นถึงคานิยมหรือความตองการสรางคานิยมที่ดีใหแกคนในยุคสมัยนั้น ครูให
นักเรียนพิจารณาประเด็นนี้ภายหลังการอานเนื้อเรื่องจบ
กิจกรรมทาทาย
มุม IT
นักเรียนจัดกลุมทําผังความคิดคุณธรรมของตัวละครหลักในเรื่อง ศึกษาเกี่ยวกับวรรณคดีเรื่องสมิงพระราม ตอน สมิงพระรามอาสา ซึ่งเปน
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา จัดแสดงผลงานของนักเรียนในชั้นเรียน ความรูเสริมเพิ่มเติม ไดที่ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/424755
คูมือครู 99
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
จากเนื้อเรื่องที่นักเรียนศึกษาและอานนักเรียน
สรุปขอคิดที่ไดจากเรื่อง สมเด็จพระเจ้าราชาธิราชได้ฟงั ดังนัน้ ก็มพี ระทัยโสมนัสยิง่ นัก จึงสัง่ ให้เล่นการมหรสพ สมโภช
(แนวตอบ ขอคิดที่ไดจากเรื่อง มีดังนี้ เจ้าสมิงพระรามเจ็ดวันเจ็ดคืน แล้วพระราชทานเครือ่ งยศและเครือ่ งอุปโภคบริโภคเป็นอันมาก แล้วโปรด
1. คนดีมีความสามารถแมอยูในเมืองศัตรูก็ยังมี ให้กนิ เมืองวาน ขณะเมือ่ เจ้าสมิงพระรามกลับมาได้แต่กรุงอังวะครัง้ นัน้ จุลศักราชได้ ๗๘๗ ปี
คนเชิดชูไดเสมอ
2. ผูเปนกษัตริยยอมถือความสัตยเปนสิ่งประเสริฐ
บอกเล่าเก้าสิบ
ที่สุด
3. ความประมาทเปนหนทางแหงความตาย เชน
กามะนี หงสาวดี
4. ผูที่ทํากิจโดยอาศัยปฏิภาณไหวพริบและความ หงสาวดี หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งวา พะโค เปนหนึ่งในหลายเมืองสําคัญของมอญที่ปรากฏอยู
สามารถเฉพาะตนจะประสบความสําเร็จใน ในเรื่องราชาธิราช ตั้งอยูทางตอนใตของประเทศพมา ในอดีตหงสาวดีเคยเปนเมืองของมอญ กอนที่
พระเจาตะเบ็งชะเวตี้จะยึดครองไดใน พ.ศ. ๒๐๘๒ หงสาวดีเจริญรุงเรืองถึง1ขีดสุดในรัชสมัยของ
ชีวิตได พระเจาบุเรงนอง พระองคไดโปรดใหสรางพระราชวังที่ชื่อวา กัมโพชธานี เปนพระราชวังที่มี
5. บานเมืองจะประกอบไปดวยกษัตริยที่อยูใน ขนาดใหญไวเปนที่ประทับ
ความสัตย) หงสาวดียังมีสถานที่สําคัญประจําเมือง ไดแก พระธาตุชเวมอดอ หรือที่คนไทยนิยมเรียกวา
พระธาตุมุเตา เปนพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คูเมือง เลากันวา เมื่อพระเจาบุเรงนองจะทรงทําศึกครั้งใด
จะเสด็จมาทรงสักการะพระธาตุแหงนี้ทุกครั้ง แมแตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 2เมื่อไดประทับ
ตรวจสอบผล Evaluate ที่เมืองหงสาวดีก็ไดเสด็จมาทรงสักการะพระธาตุแหงนี้ดวยเชนกัน ปจจุบันหงสาวดีเปนเมืองที่ทํา
รายได ใ ห แ ก ป ระเทศพม า เป น อย า งมาก ด ว ยความที่ เ ป น เมื อ งท อ งเที่ ย วที่ มี ค วามสํ า คั ญ ทาง
1. นักเรียนยกสํานวนสุภาษิตที่มีความหมาย ประวัติศาสตรศิลปะและวัฒนธรรม
ตรงกับเนื้อความที่กําหนดได
2. นักเรียนยกเนื้อความที่นักเรียนเห็นวาเปน
ความเปรียบที่นาสนใจได
3. นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นที่มีตอตัวละคร
ที่นักเรียนประทับใจในเรื่องราชาธิราช ตอน
สมิงพระรามอาสาได
100
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดไมใชบุคลิกลักษณะของสมิงพระราม
1 กัมโพชธานี เปนพระราชวังใหญโต สรางขึ้นเมื่อครั้งที่พระเจาบุเรงนองเสด็จ
1. รักศักดิ์ศรี รอบคอบ
ขึ้นครองราชย ใน พ.ศ.2094 ดวยการปราบดาภิเษก เพราะมีกบฏเกิดหลังการ
2. รักษาคําสัตย ไหวพริบดี
สิ้นพระชนมของพระเจาตะเบงชะเวตี้ ทรงสรางพระราชวังกัมโพชธานี (Kamboza
3. โหดเหี้ยม มีเลหเหลี่ยม
Thadi Palace) ของพระองคที่กรุงหงสาวดี
4. กลาหาญ เฉลียวฉลาด
2 หงสาวดี เดิมเปนเมืองศูนยกลางของมอญ ตอมาศูนยกลางอํานาจไดยาย
ไปยังอังวะ อมรปุระ และมัณฑะเลยตามลําดับ จนถึงวันที่พมาเสียเอกราชใหแก วิเคราะหคําตอบ การที่สมิงพระรามเอาชนะกามะนีทหารเอกของพระเจา
อังกฤษ กรุงจีนไดนั้นตองอาศัยปญญา ไหวพริบ ความรอบคอบ และที่สําคัญคือ
เมื่อสมิงพระรามเผชิญหนากับกามะนีก็รูทันทีวากามะนีเปนทหารเกงกลา
มีฝมือ แตสมิงพระรามก็ไมไดขลาดกลัว คิดวางแผนพยายามที่จะเอาชนะ
ใหได แสดงใหเห็นความมุงมั่นและกลาหาญ เมื่อชนะไดรับบําเหน็จรางวัล
สมิงพระรามก็ปฏิเสธดวยสํานึกวาตนเปนทหารของพระเจาราชาธิราชควร
ยึดมั่นในศักดิ์ศรี ดังนั้น ความโหดเหี้ยมจึงไมใชบุคลิกลักษณะเดนของสมิง-
พระราม เพราะการตัดศีรษะของกามะนีนั้นทําไปตามหนาที่ ตอบขอ 3.
100 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนเลนเกมคําศัพท โดยครูบอก
๖ คÓศัพท์ คําศัพทจากบทเรียน 4-5 คํา แลวใหนักเรียนบอก
ความหมาย
ค�ำศัพท์ ควำมหมำย (แนวตอบ ตัวอยางคําศัพท เชน
กระทืบม้ำ เร่งม้า • ธรรมยุทธ หมายความวา การรบในทางธรรม
กัณหสัปปะชำติ ในที่นี้หมายถึง งูเห่าใหญ่ (กัณห-ด�า, สัปปะ-งู, ชาติ-จ�าพวก) • มาบนํ้า หมายความวา บริเวณฝงแมนํ้าที่
ก�ำดัดคะนอง ในความว่า ทารกยังทรงพระเยาว์ไม่แจ้งความ ก�าดัดคะนองลุกจากพระเพลา กวางใหญ
หมายถึง วัยก�าลังซน • กัณหสัปปะชาติ หมายความวา งูเหาใหญ
กินเมือง ครองเมือง • บาทบริจาริกา หมายความวา หญิงที่มี
ค่ำผลหมำก รายได้ที่เป็นค่าเลี้ยงชีพ ในความว่า พระราชทานบ้านส่วยแห่งหนึ่งให้เป็นค่า หนาที่รับใชปฏิบัติพระเจาแผนดิน เปนตน)
ผลหมาก
ตกพนักงำน ในความว่า ตกพนักงานข้าพเจ้า หมายถึง เป็นหน้าที่ สํารวจคนหา Explore
ตะกรวย กรวย 1. นักเรียนพิจารณาคําศัพทในเรื่องราชาธิราช
ตัณฑุลำ ข้าวสาร ตอน สมิงพระรามอาสาที่เปนสํานวน
ถอยก�ำลัง เหนื่อย 2. นักเรียนรวบรวมคําศัพทที่เปนสํานวนนั้น
ทวน อาวุธคล้ายหอกแต่เรียวเล็กกว่า เบากว่า ด้ามยาวมาก บันทึกลงสมุด
ทแกล้ว ผู้กล้า ทหาร (แนวตอบ คําศัพททเี่ ปนสํานวน เชน เหงือ่ ตกกีบ
ที่สูง ศีรษะ ในความว่า เอื้อมพระหัตถ์ขึ้นไปเล่นบนที่สูง ตกพนักงาน กินเมือง เปนตน)
ธรรมยุทธ์ การรบในทางธรรม คือการรบในการแข่งขันสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
นอ สิ่งที่งอกขึ้นเหนือจมูกแรด ยาวประมาณ ๑๒-๑๕ เซนติเมตร แข็งเหมือน
อธิบายความรู Explain
เขาสัตว์ นักเรียนอธิบายคําศัพทที่เปนสํานวนตอไปนี้
บรรณำกำร สิ่งที่ส่งไปด้วยความเคารพนับถือ • เหงื่อตกกีบ
บำทบริจำริกำ หญิงที่มีหน้าที่รับใช้ปฏิบัติพระเจ้าแผ่นดิน (แนวตอบ เหงื่อตกกีบ หมายถึง อาการของมา
บ้ำนส่วย หมู่บ้านที่ต้องส่งส่วย ที่เหนื่อยมากจนเหงื่อไหลลงมาถึงกีบเทา)
ผ้ำสักหลำด ผ้าที่ท�าด้วยขนสัตว์ • กินเมือง
ผู้จ�ำทูล ผู้น�าสาส์นไปถวาย (แนวตอบ กินเมือง หมายถึง ครองเมืองที่อยู
พยุหเสนำ หมู่เสนา รอบเมืองหลวง)
พระรำชสำส์น จดหมายของกษัตริย์ที่ใช้ในการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ
พฤฒำมำตย์ อาจารย์ผู้เฒ่า พราหมณ์ผู้เฒ่า
101
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนทบทวนคําศัพทในวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอน ครูชี้ใหนักเรียนเห็นวาคําศัพทเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา โดย
สมิงพระรามอาสา จากนั้นเลือกคําศัพทที่ไมนิยมใชในปจจุบัน มา 2 คํา ทั่วไปแลวเปนคําอานงายๆ ไมใชคําศัพทยากจนไมสามารถอธิบายความได แตหาก
บอกความหมายและอธิบายเนื้อความที่ปรากฏคําศัพท มีบางคําที่นักเรียนไมรูความหมายของคําศัพทนั้น นักเรียนควรพิจารณาบริบทรอบ
เนื้อความนั้น เพื่อนักเรียนจะเขาใจไดวาคําศัพทนั้นเกี่ยวของกับอะไร และนักเรียน
จะเขาใจความหมายไดในที่สุด หรือถาหากนักเรียนไมเขาใจบริบทโดยรอบแลว
กิจกรรมทาทาย นักเรียนควรจดคําศัพทนั้นไวและนําไปหาความหมายเพิ่มเติมจากแหลงการเรียนรู
ตางๆ
นักเรียนศึกษาคําศัพทในบทเรียน จากนั้นนําทักษะความรูเกี่ยวกับการ
สรางคํา ไดแก การประสม การสมาสอยางมีสนธิ การสมาสอยางไมมีสนธิ
มาเปนแนวทางการวิเคราะหคําศัพท โดยยกคําศัพทในบทเรียนมาแสดง
ใหเห็นวิธีสรางคํา วิธีละ 1 คํา
คูมือครู 101
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับสํานวนตอไปนี้ โดยยก
เนื้อความมาประกอบ ค�าศัพท์ ความหมาย
(แนวตอบ สํานวน “เหงื่อตกกีบ” มาจากเนื้อความ พลับพลา ที่ประทับชั่วคราวของพระมหากษัตริย์
ที่วา “ครั้นสมิงพระรามแลเห็นกามะนีควบมาเต็ม
พันธนาการ การจองจ�า
กําลังแลวมิทัน ก็แสรงรอมาไวหวังจะดูทวงทีเห็น
พานพระศรี พานหมาก
กามะนียังไกลเชิงนักอยู สําคัญไดวาเหงื่อมากามะนี
ตกจนถึงกีบ ก็รูวามาหยอนกําลังลงแลว” จาก พิทยาธร อมนุษย์พวกหนึ่ง มีฐานะต�่ากว่าเทวดา
เชื่อว่าสามารถเหาะเหินได้
เนื้อความที่ยกมา หมายความวา สมิงพระรามลอให
กามะนีควบมาเต็มกําลัง แตมาของกามะนีก็ยังวิ่ง เพลงโคมเวียน โคมเวียน หมายถึง โคมชนิดที่มีที่ครอบ
หมุ น ได้ เมื่ อ จุ ด ไฟแล้ ว ที่ ค รอบจะหมุ น
ตามไมทันมาของสมิงพระราม สมิงพระรามจึงรั้งมา ไปช้ า ๆ เพลงโคมเวี ย น เป็ น กระบวน
รอเพื่อสังเกตมาของกามะนีวาออนกําลังลงหรือยัง วิ ธี ร� า ดาบร� า ทวนในการต่ อ สู ้ ลั ก ษณะ พานพระศรี
และเห็นวามาของกามะนีเหนื่อยมากจนมีเหงื่อไหล การเคลื่อนไหวเป็นวงกลม
ไปถึงกีบแลว) เพลงผ่าหมาก ผ่าหมาก ใช้เรียกอาการเตะเข้าหว่างขาของคู่ต่อสู้ว่าเตะผ่าหมาก เพลงผ่าหมาก
หมายถึง วิธีร�าดาบร�าทวนในการต่อสู้แบบฝ่าเข้าไปตรงกลางวง
ขยายความเขาใจ Expand ฟากมาบน�้า บริเวณฝั่งแม่น�้าที่กว้างใหญ่
มนตราคม เวทมนตร์คาถา มาจากค�าว่า มนตร์และอาคม
นักเรียนยกตัวอยางคํากลาวที่สนับสนุนการเปน
กษัตริยที่ดี ม้าเชลยศักดิ์ ม้าที่ไม่ใช่ม้าหลวงเป็นม้าของชาวบ้าน
(แนวตอบ ตัวอยางเชน ไดใหคํามั่นสัญญา ระมาด แรด เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีขนาดใหญ่ มีนอ
แลวจะไมคืนคํา รักสัตยยิ่งกวาทรัพย เปนตน) วิเสท ผู้ท�ากับข้าวของหลวง
ศุภฤกษ์ คราว เวลาที่ก�าหนดหรือคาดว่าจะให้ผลดี
ตรวจสอบผล Evaluate สันทัด ถนัด จัดเจน
1
1. นักเรียนรวบรวมคําศัพทที่เปนสํานวนและ สุปะเพียญชนาหาร อาหารจ�าพวกแกง (สุปะ) และที่ไม่ใช่แกง (เพียญชนะ)
อธิบายความหมายประกอบในเนื้อความได หยก หินแก้วมีลักษณะแข็ง เป็นสีต่างๆ ใช้ท�าเครื่องประดับและเครื่องใช้ ถือว่าเป็น
2. นักเรียนยกตัวอยางคํากลาวที่สนับสนุนการเปน ของมีราคา
กษัตริยที่ดีได เหงื่อตกกีบ ส�านวน หมายถึง เหนื่อยมาก ในที่นี้กล่าวถึงลักษณะอาการของม้าที่เหนื่อยมาก
จนเหงื่อออกและไหลลงมาถึงเล็บเท้าม้า
2
อมรินทร์ พระอินทร์
อัปยศ เสื่อมเสียชื่อเสียง น่าอับอาย
อาลักษณ์ ผู้ท�าหน้าที่ทางหนังสือในราชส�านัก
102
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดมีความหมายตรงกับสํานวน “เหงื่อตกกีบ”
ครูแนะนักเรียนใหอานและทองจําคําศัพทที่นาสนใจ จากนั้นครูจัดกิจกรรม
1. กระวนกระวายตัดสินใจไมได
ทดสอบความรูเกี่ยวกับคําศัพทในบทเรียน โดยใหนักเรียนอธิบายความหมายของ
2. วิ่งไมหยุดจนเหนื่อยหอบ
คําศัพทที่ครูถาม หากนักเรียนตอบไมได ครูแนะวิธีการแกปญหาดังกลาว โดยให
3. เหงื่อออกเพราะรอนจัด
นักเรียนสืบคนความรูจากบทประพันธอื่นๆ และสังเกตเรียนรูคําศัพทตางๆ
4. รีบรอนจนลนลาน
วิเคราะหคําตอบ เหงื่อตกกีบเปนสํานวนที่ใชกับมา ในเรื่องเปนเหตุการณ
นักเรียนควรรู ที่สมิงพระรามกับกามะนีขี่มารําทวนสูกัน สมิงพระรามทดสอบกําลังมาของ
กามะนี โดยการควบมาหนีใหกามะนีควบมาตาม ปรากฏวามาของกามะนี
1 สุปะเพียญชนาหาร มาจากคําวา “สุปะ” ที่มักเขาคูกับคําวา “พยัญชนะ” ซึ่ง กําลังลดลงกอน ขอที่มีสํานวนตรงกับ “เหงื่อตกกีบ” คือ วิ่งไมหยุดจนเหนื่อย
สมาสอยางมีสนธิกับคําวา “อาหาร” รวมเปน สุปะเพียญชนาหาร หอบ ตอบขอ 2.
2 อมรินทร เปนชื่อพระอินทรในภาษาสันสกฤต มีชื่อและฉายาอื่นๆ ที่เปน
ภาษาสันสกฤต เชน “ศจี” แปลวา ผูมีกําลัง ผูมีความสามารถ “มัฆวาน” แปลวา
ผูเอื้อเฟอเผื่อแผ “สหัสนัยน” แปลวา ผูมีนัยนตาเปนพัน ทาวพันตา เปนตน
102 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูยกสํานวนสุภาษิตที่เกี่ยวกับการรักษา
๗ บทวิเคราะห์ คําสัตยวา “พลั้งปากเสียสิน(ศีล) พลั้งตีนตกตนไม”
แลวใหนักเรียนชวยกันบอกความหมาย
ราชาธิราชเป็นเรื่องแต่งที่มีเรื่องราวสนุกสนานเพลิดเพลิน การด� าเนินเรื่องชวนติดตาม
1 (แนวตอบ “พลั้งปากเสียสิน(ศีล) พลั้งตีนตก
เรียบเรียงด้วยส�านวนภาษาสละสลวย นับเป็นวรรณคดีที่ถือเป็นแบบฉบับในการเขียนความเรียงที่ดี ตนไม” หมายความวา พูดหรือทําโดยไมระมัดระวัง
เรื่องหนึ่งและมีข้อคิดเป็นคติเตือนใจหลายประการ แบ่งตามหัวข้อได้ ดังต่อไปนี้ ยอมไดรับความเดือดรอน นักเรียนชวยกันแสดง
ความคิดเห็น และครูสรุปในตอนทายวาเรื่อง
๗.๑ แนวคิดหรือสาร ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาเนนการรักษา
ข้อคิดที่ได้รับจากเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา มีดังนี้ คําสัตย)
๑) ปัญญาย่อมน�ามาสู่ความส�าเร็จ แนวคิดส�าคัญของเรื่อง คือ คุณค่าของสติปัญญา
เพราะความส�าเร็จเกิดขึ้นได้ด้วยสติปัญญาและฝีมือ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม ควรใช้ สํารวจคนหา Explore
ความรอบคอบ คิดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ ในการท�าศึกสงครามนั้น ทหารที่ดีนอกจากมีฝีมือและมี
1. นักเรียนศึกษาแนวคิดสําคัญของเรื่องราชาธิราช
ความกล้าหาญแล้ว ยังต้องมีไหวพริบในการวางแผนอย่างฉลาดรอบคอบ จึงจะสามารถชนะศัตรูได้
ตอน สมิงพระรามอาสา
ดังสมิงพระรามเมื่อครั้งอาสาประลองฝีมือทวนกับกามะนี ได้ทูลขอม้าฝีเท้าดีฝึกม้าจนรู้จักท�านอง 2. นักเรียนศึกษาคุณคาดานเนื้อหาและวรรณศิลป
รุกรับได้ ทัง้ ยังใช้อบุ ายอันชาญฉลาด “จ�าจะขับเคีย่ วกันไปก่อนจึงจะหย่อนก�าลังลง เห็นจะเสียทีทา� นอง ในเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
จึงเอาชัยชนะได้โดยง่าย” สมิงพระรามสังเกต “เห็นเป็นช่องใต้รกั แร้ทงั้ สองเป็นหว่างอยูพ่ อจะสอดทวน
แทงได้” ท�าให้สามารถสังหารกามะนีได้ในที่สุด อธิบายความรู Explain
๒) การรักษาค�าสัตย์ย่อมเป็นที่สรรเสริญ ผู้รักษาวาจาย่อมได้รับความนับถือจาก
นักเรียนสรุปความรูเกี่ยวกับแนวคิดของเรื่อง
ผู้คนทั่วไป ผู้ที่จะปกครองผู้อื่นได้นั้นต้องมีน�้าใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ มีใจเป็นธรรม และรักษาค�าสัตย์
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ลงสมุด
ดังเช่นตัวละครเด่นหลายตัวในราชาธิราชที่ยึดถือความสัตย์เป็นที่ตั้ง ผู้ที่เอื้อนเอ่ยวาจาแต่มิสามารถ (แนวตอบ แนวคิดที่ไดจากเรื่อง มีดังนี้ ปญญา
ปฏิบัติได้ดั่งค�าพูด ย่อมได้รับการต�าหนิจากผู้คนทั่วไป ดังพระเจ้ากรุงจีนและพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องที่ ยอมนํามาซึ่งความสําเร็จ สมิงพระรามเปนผูที่มี
ยึดมั่นในวาจายิ่งกว่าชีวิต ศิลปศาสตรวิทยารูจักวางแผนในการศึกดังที่
กามะนีแมจะมีฝมือการตอสูทัดเทียมกับ
พระเจ้ากรุงจีน ตรัสว่า “...เราเป็นกษัตริย์ผู้ใหญ่อันประเสริฐ ได้ให้ค�ามั่นสัญญาไว้
สมิงพระราม แตสมิงพระรามมีสติปญญาไหวพริบ
ดีกวาก็เปนฝายชนะ และสาระสําคัญที่ไดจากเรื่อง
แก่เขาแล้ว จะกลับค�าไปดังนั้นหาควรไม่ พม่าทั้งปวงจะชวนกันดูหมิ่นได้ว่าจีนพูดมิจริง
คือ การรักษาคําสัตยยอมเปนที่สรรเสริญ โดย
เรารักสัตย์ยิ่งกว่าทรัพย์...” เฉพาะผูปกครองการรักษาคําสัตยมีความสําคัญ
พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องตรัสว่า “...เราเป็นกษัตริย์อันประเสริฐ ได้ออกวาจาแล้วถึงจะตาย อยางยิ่ง เพราะผูปกครองที่รักษาคําสัตยจะไดรับ
ก็หาเสียดายชีวิตไม่ เพราะรักสัตย์ยิ่งกว่ารักชีวิตได้ร้อยเท่า...” ความนับถือ และความจงรักภักดีเชื่อมั่นจากผูใต
ปกครอง)
103
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนบอกแนวคิดหรือสารที่ไดจากการอานเรื่องราชาธิราช ตอน ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวละครในเรื่องราชาธิราช ตอน
สมิงพระรามอาสาจากมุมมองของนักเรียนเอง สมิงพระรามอาสา โดยครูใหความรูเรื่องประเภทของตัวละครที่แบงตามบทบาท
หนาที่ที่ทําใหตัวละครสมิงพระรามเปนตัวละครเอก เพราะมีบทบาทในเหตุการณ
หลักหรือเหตุการณสําคัญของเรื่อง มีบุคลิกลักษณะนิสัยที่นาชื่นชม ครูใหนักเรียน
กิจกรรมทาทาย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบุคลิกที่นาชื่นชอบของสมิงพระราม
นักเรียนเสนอแนวทางในการดํารงตนตามแนวคิดจากเรื่องราชาธิราช นักเรียนควรรู
ตอน สมิงพระรามอาสา ที่นักเรียนเห็นวาเหมาะที่จะนําไปปรับใชในชีวิตจริง
1 ความเรียง เปนลักษณะคําประพันธเรื่องราชาธิราช ซึ่งจัดวาเปนความเรียงแบบ
เปนกันเอง คือ ไมเครงครัดในเรื่องรูปแบบ โครงสราง มีลีลาการเขียนแบบสนทนา
สามารถใชพรรณนาโวหารบรรยายโวหาร และอารมณขันเพื่อใหบรรลุจุดประสงค
นอกจากนี้ความเรียงแบบนี้ก็มักใหความรู สติปญญาและความหยั่งเห็นในดาน
อุดมคติและสรางแรงจูงใจใหแกผูอานดวย
คูมือครู 103
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายวา ตัวละครตอไปนี้
รักษาคําสัตยหรือไม อยางไร ๗.๒ ตัวละคร 1
• สมิงพระราม ลักษณะนิสัยของตัวละครส�าคัญในเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
(แนวตอบ สมิงพระรามเปนตัวละครที่ยึดมั่น ๑) สมิงพระราม ทหารเอกของพระเจ้าราชาธิราชกษัตริยม์ อญแห่งกรุงหงสาวดี มีฝมี อื
ในการรักษาวาจาสัตยและเกียรติยศของตน การรบเก่งกาจจนเป็นที่เลื่องลือว่า “สมิงพระรามนี้ขี่ช้างขี่ม้าสันทัดดี ฝีมือเข้มแข็งแกล้วกล้าใน
เมื่อรับปากวาจะอาสาออกรบก็ทําตามที่พูด การสงครามหาผู้เสมอตัวยาก” สมิงพระรามนอกจากจะช�านาญการยุทธแล้วยังเปี่ยมไปด้วยไหวพริบ
ไมหลบหนี และเมื่อไดรับบําเหน็จรางวัลก็ทํา
สติปัญญา รู้จักกลอุบายศึกจนมีชัยเหนือกามะนีทหารฝีมือเก่งกาจของพระเจ้ากรุงจีนได้
ตามขอตกลงที่ใหไวกับพระเจาฝรั่งมังฆอง
สมิงพระรามเป็นตัวละครที่ยึดมั่นในการรักษาวาจาสัตย์และเกียรติยศของตน เมื่อรบ
สมิงพระรามยึดเอาสัญญาในการตัดสินใจที่
ชนะกามะนี จ�าต้องรับพระราชทานรางวัลจากพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง เพราะเหตุว่า “ครั้นเราจะหนีไป
จะอยูหรือหนีไป)
• พระเจากรุงจีน ก็จะเสียสัตย์หาควรไม่” แต่ก็ตระหนักดีว่าตนเป็นคนต่างบ้านต่างเมือง ต่างภาษา อาจไม่เป็นที่ยอมรับ
(แนวตอบ พระเจากรุงจีนหรือพระเจาตาฉิงเปน ของชาวอังวะ จึงยื่นวาจาเด็ดขาดเพื่อรักษาเกียรติยศของตนว่า ห้ามมิให้ใครเรียกตนว่าเชลย มิฉะนั้น
กษัตริยที่รักษาคําสัตย คือ เมื่อสงพระราช- จะขอกลับเมืองหงสาวดีทันที
สาสนใหพระเจาฝรั่งมังฆองก็ทําตามขอตกลง สิง่ ทีน่ า่ ยกย่องทีส่ ดุ ของสมิงพระราม คือ ความจงรักภักดีตอ่ พระเจ้าราชาธิราชแต่ผเู้ ดียว
นั้น คือ เมื่อทหารตนแพก็ยกทัพกลับเมือง) สมิงพระรามตระหนักว่า ไม่สมควรอาสาพระเจ้าฝรัง่ มังฆ้องกษัตริยพ์ ม่าสูร้ บกับทัพจีน “ครัน้ จะรับอาสา
• พระเจาฝรั่งมังฆอง บัดนี้เล่า ก็เหมือนหาบสองบ่าอาสาสองเจ้าหาควรไม่” แต่เมื่อตริตรองอย่างถ้วนถี่ เห็นว่าถ้ากรุงอังวะ
(แนวตอบ พระเจาฝรั่งมังฆองเปนนักปกครอง ต้านทานก�าลังจีนไม่ได้ อันตรายอาจไปสู่เมืองหงสาวดีด้วยเพราะทัพจีนอาจแสดงแสนยานุภาพยกทัพ
ที่รักษาคําสัตยมุงมั่นในการรักษาบานเมือง ไปตีบ้านเมืองของตน จึงคิดได้ว่า“จ�าเราจะรับอาสาตัดศึกเสียจึงจะชอบ อย่าให้ศึกจีนยกลงไปติด
ครั้นสมิงพระรามไมขอรับพระราชทานรางวัล กรุงหงสาวดีได้” และเมือ่ ครัง้ ต้องอยูก่ รุงอังวะในต�าแหน่งมหาอุปราช ก็ทลู ขอพระเจ้าฝรัง่ มังฆ้องว่า หากมี
ใดๆ พระองคทรงเกลี้ยกลอมและใหเหตุผลวา สงครามระหว่างพม่ากับมอญตนจะไม่ขอเข้าท�าสงครามกับฝ่ายใดเลย
“...ถึงมาตรวาจะมิรับดวยทานคํานึงถึง ๒) พระเจ้าฝรัง่ มังฆ้อง หรือพระเจ้ามณเฑียรทอง กษัตริยพ์ ม่าครองกรุงรัตนบุระอังวะ
พระเจาราชาธิราชอยู ก็จงรับเสียแตพอเปน
โปรดชุบเลี้ยงนักรบ ผู้ที่เก่งกล้ามีความสามารถ ทรงชื่นชมในความเก่งกล้าสามารถของสมิงพระราม
เหตุตามสัญญาเถิด อยาใหเราเสียสัตยเลย
จึงพระราชทานรางวัลเพื่อเหนี่ยวรั้งสมิงพระรามให้อยู่เป็นก�าลังส�าคัญให้กับบ้านเมืองของพระองค์
อนึ่งเราเกรงคนทั้งปวงจะครหานินทาได”)
พระเจ้ า ฝรั่ ง มั ง ฆ้ อ งเป็ น นั ก ปกครองที่ รั ก ษาค� า สั ต ย์ มุ ่ ง มั่ น ในการรั ก ษาบ้ า นเมื อ ง
ครั้นสมิงพระรามไม่ขอรับพระราชทานรางวัลใดๆ พระองค์ทรงเกลี้ยกล่อมและให้เหตุผลว่า
“...ถึ ง มาตรว่ า จะมิ รั บด้ ว ยท่ า นค� า นึ ง ถึ ง พระเจ้ า ราชาธิ ร าชอยู ่ ก็ จงรั บ เสี ย แต่ พ อ
เป็นเหตุตามสัญญาเถิด อย่าให้เราเสียสัตย์เลย อนึ่งเราเกรงคนทั้งปวงจะครหานินทาได้ ท่าน
รับอาสากูพ้ ระนครไว้มคี วามชอบเป็นอันมาก มิได้รบั บ�าเหน็จรางวัลสิง่ ใด นานไปเบือ้ งหน้า ถ้าบ้าน
เมืองเกิดจลาจลหรือข้าศึกมาย�่ายีเหลือก�าลังก็จะไม่มีผู้ใดรับอาสาอีกแล้ว...”
104
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ลักษณะนิสัยของตัวละครสมิงพระรามที่สามารถนํามาเปนแบบอยางของ
ครูเชิญชวนใหนักเรียนมีสวนรวมในการทํากิจกรรมที่มีการวิเคราะหหรือ
นักเรียนในเรื่องใดบาง
อภิปรายในประเด็นคําถามตางๆ โดยอาจจัดนักเรียนออกเปน 2 กลุม แลวให
อภิปรายแสดงความคิดเห็นโตแยงกันอยางมีเหตุผล ครูกลาวชมเชยนักเรียนที่กลา แนวตอบ ลักษณะนิสัยของสมิงพระรามที่สามารถนํามาเปนแบบอยาง ไดแก
แสดงความคิดเห็นและครูสรุปความรูใหนักเรียนในการทํากิจกรรมแตละครั้ง หรือ เรื่องการรักษาสัตยคําพูด ความรักชาติบานเกิดเมืองนอน และความจงรัก
เพิ่มชิ้นงานใหนักเรียนไปตอยอดความรูในประเด็นตางๆ ที่ครูและนักเรียนเห็นวา ภักดีตอพระมหากษัตริยที่เทิดทูนไวเหนือสิ่งใด สิ่งเหลานี้เปนสิ่งที่สามารถ
นาสนใจ นํามาปรับใชในชีวิตจริงได ซึ่งจะทําใหชีวิตเจริญกาวหนา การเทิดทูนสถาบัน
พระมหากษัตริยซึ่งเปนที่หลอมรวมใจของคนในชาติใหรูสึกเปนหนึ่งเดียวกัน
ในการดํารงความเปนชาติไทย
นักเรียนควรรู
1 ตัวละคร อาจเปนกลุมคนในเรื่องเลาที่ผูแตงสรางขึ้น ถาเปนเรื่องแนว
จินตนาการเหนือจริง ตัวละครอาจไมใชมนุษย เชน เทพ เทวดา สัตว แตผูแตงก็จะ
ใหอมนุษยเหลานั้นแสดงพฤติกรรมของคน ดังนั้น ตัวละครดังกลาวจึงเปนมนุษย
ในรูปแบบอื่นนั่นเอง
104 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนรวมกันอภิปรายประเด็นตอไปนี้
บรรดาชาวเมืองอังวะต่างพากันสรรเสริญพระเกียรติยศพระองค์ว่า “พระเจ้าอยู่หัว • เรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
ของเราทรงโปรดทแกล้วทหารรักยิ่งกว่าพระราชธิดาอันเกิดแต่พระอุระหวังจะบ�ารุงพระนครให้คน ตัวละครมีสวนในการดําเนินเรื่องอยางไร
ทั้งปวงอยู่เป็นสุข และจะให้ข้าศึกย�าเกรงพระเดชานุภาพจึงทรงปลูกเลี้ยงสมิงพระรามไว้” (แนวตอบ ลักษณะนิสัยของตัวละครจะนํา
๓) พระอัครมเหสีของพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง เป็นผู้มีบทบาทส�าคัญในเรื่องราชาธิราช ไปสูเหตุการณ ปมปญหา และการหาวิธี
ตอนสมิงพระรามอาสาอย่างยิ่ง ทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องให้ดูแล แกไขปญหา ทําใหเรื่องดําเนินไปดวยความ
กิจการฝ่ายใน “การข้างในพระน้องเข้าใจจงช่วยคิดอ่านเถิด” พระอัครมเหสีมีความเฉลียวฉลาด สนุกสนานนาติดตาม)
รู้ซึ้งถึงจิตใจคน ทรงผูกใจสมิงพระรามด้วยความรักอันเป็นธรรมดาของมนุษย์ และโน้มน้าวใจ • กลวิธีในการแตงเรื่องราชาธิราช ตอน
พระราชธิดาให้ละทิฐิยอมอภิเษกกับสมิงพระรามเพื่อบ้านเมือง สมิงพระรามอาสา มีลักษณะอยางไร
๗.๓ กลวิธกี ารแต่ง (แนวตอบ กลวิธีในการแตงเรื่องราชาธิราช
กลวิธีการแต่งวรรณกรรมเรื่องราชาธิราช มีลักษณะคล้ายกับนวนิยายในปัจจุบัน ตอน สมิงพระรามอาสามีลักษณะคลาย
ทั้งการด�าเนินเรื่อง ตัวละคร บทสนทนา ฉาก การเขียนบรรยายความที่ต่อเนื่องกันไป บทสนทนา นวนิยายในปจจุบัน มีความตอเนื่องกัน)
มิได้แยกให้เห็นชัดเจนอย่างนวนิยาย แต่ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ว่าส่วนใดเป็นบทบรรยาย ส่วนใด 2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมตามตัวชี้วัดทบทวน
เป็นบทสนทนา โดยมีหลักสังเกตคือค�าเชื่อม “ว่า” ดังเช่น จึงตรัสว่า จึงพูดว่า จึงตอบว่า กราบทูลว่า ความรูความเขาใจเกี่ยวกับตัวละคร
เป็นต้น และสรรพนามแทนตัวผู้พูดในข้อความนั้นๆ ดังตัวอย่าง จากแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.9
“...สมิงพระรามจึงทูลว่าลักษณะช้างดีต่อเมื่อขี่จึงรู้ว่าดี ม้าดีได้ต้องเอามือต้องหลั
1ง ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ดูก่อนจึงจะรู้ว่าดี ทแกล้วทหารก็ดี ถ้าอาสาออกสงครามท�าศึกจึงจะรู้ว่าดี ทองนพคุณเล่า
ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.9
ขีดลงหน้าศิลาก่อนจึงจะรู้ว่าดี สตรีรูปงามถ้าพร้อมด้วยลักษณะกิริยามารยาทต้องอย่าง เร�่อง ราชาธ�ราช
จึงควรนับว่างาม ถ้าจะให้รู้รสอร่อยได้สัมผัสถูกต้องก่อนจึงนับถือว่ามีโอชาอร่อย...” คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๑๐ ใหนักเรียนปฏิบัติตามกิจกรรมที่กําหนดตอไปนี้ใหถูกตอง ñð
บอกเล่าเก้าสิบ (ท ๕.๑ ม.๑/๑)
๑. ตัวละครตอไปนี้เปนตัวละครของฝายใด ใหนักเรียนนํามาใสลงในตารางใหถูกตอง
พระเจากรุงตาฉิง โจเปยว กามะนี
ขนมจีน อาหารมอญ มังมหาราชา
พระเจาฝรั่งมังฆอง
สมิงพระราม หญิงมายเจาของมา
กามะนี
สมิงพระราม
............................................................................. หญิงมายเจาของมา
.............................................................................
มังมหาราชา
ความนิยมในหมูคนไทย คงไดแก ขนมจีน
............................................................................. ............................................................................. .............................................................................
โจเปยว
............................................................................. ............................................................................. พระเจาฝรั่งมังฆอง
.............................................................................
ที่ยึดมั่นในวาจาสัตยยิ่งกวาชีวิต
เปนแปง ภายหลังไดกรอนเปน “ขนม” ดังนัน้ คําวาขนมในความหมายดัง้ เดิมจึงมิใชของหวานอยางที่ ................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................
(พิจารณาคําตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน)
๙๑
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับกลวิธีการแตงในขอความตอไปนี้
1 ทองนพคุณ หรือทองคําเนื้อเกา เปนทองบริสุทธิ์ โบราณกําหนด ราคาตาม
“...สมิงพระรามจึงทูลวาลักษณะชางดีตอเมื่อขี่จึงรูวาดี มาดีไดตองเอามือ
คุณภาพของเนื้อทอง หนัก 1 บาท เปนเงิน 9 บาท เรียกวา ทองเนื้อเกา หรือ
ตองหลังดูกอนจึงจะรูวาดี ทแกลวทหารก็ดี ถาอาสาออกสงครามทําศึกจึงจะ
ทองนพคุณเกานํ้า เรียกสั้นๆ วา ทองนพคุณ ทองธรรมชาติ ทองเนื้อแท หรือ
รูวาดี ทองนพคุณเลาขีดลงหนาศิลากอนจึงจะรูวาดี สตรีรูปงามถาพรอมดวย
ทองชมพูนุท ก็เรียก
ลักษณะกิริยามารยาทตองอยางจึงควรนับวางาม ถาจะใหรูรสอรอยไดสัมผัส
ถูกตองกอนจึงนับวามีโอชาอรอย...” 2 สุวรรณภูมิ มีความหมายวา “แผนดินทอง” หมายถึงดินแดนที่มีความอุดม
1. บทสนทนา 2. บรรยายโวหาร สมบูรณ สวนมากปรากฏในคัมภีรพุทธศาสนาชาดก (เรื่องราวที่มีอดีตมายาวนาน)
3. พรรณนาโวหาร 4. สํานวนเปรียบเทียบ เชน มหาชนกชาดก สุวรรณภูมิอยูทางทิศตะวันออกของอินเดีย เมื่อพิจารณา
จากแผนที่โลก จึงนาจะสันนิษฐานไดตอไปวา สุวรรณภูมิ สวนที่เปนแผนดิน ไดแก
วิเคราะหคําตอบ กลวิธีในการแตงของเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระราม พมา ไทย กัมพูชา สวนสุวรรณทวีป ที่เปนเกาะ นาจะไดแก หมูเกาะชวา สุมาตรา
อาสา มีลักษณะการดําเนินเรื่องดวยบทสนทนา และการบรรยายวิธีการเลือก หรืออินโดนีเซีย ตลอดทั้งฟลิปปนส
มา โดยใชสํานวนเปรียบเทียบกับการเลือกสิ่งอื่นเพื่อใหเห็นความสําคัญของ
การเลือกมาเพิ่มขึ้น ดังนั้น ขอที่กลาวไมถูกตองเกี่ยวกับกลวิธีการแตงใน
ขอความขางตน คือ การใชพรรณนาโวหาร ตอบขอ 3.
คูมือครู 105
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบExplain
ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานเนื้อหาจาก
เรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาวา สะทอน ๗.๔ คุณค่าด้านเนือ้ หาและวรรณศิลป์
สังคม คานิยม และความเชื่ออยางไร ๑) คุณค่าด้านสังคม ค่านิยม และความเชื่อ
(แนวตอบ สะทอนสังคม คานิยม และความเชื่อ ๑.๑) ความเชื่ อ ถื อ ในเรื่ อ งฤกษ์ เช่ น ตอนพระเจ้ า กรุ ง ต้ า ฉิ ง ยกทั พ มายั ง
ดังนี้ กรุงรัตนบุระอังวะต้องรอให้ได้ฤกษ์ดีก่อนจะยกทั
• ความเชื่อในเรื่องฤกษ เชน ตอนพระเจากรุง
1 พมาได้ ดังความว่า “...พระเจ้ากรุงจีนได้ทรงฟังก็
พระทัยยินดีนัก จึงสั่งให้จัดพระพยุหเสนาทั้งปวงเป็นอันมากจะนับประมาณมิได้ ครั้นได้ศุภฤกษ์แล้ว
ตาฉิงยกทัพมายังกรุงรัตนบุระอังวะก็ตองรอ พระองค์ก็เสด็จทรงม้าพระที่นั่งยกทัพบกมายังกรุงรัตนบุระอังวะ...”
ใหฤกษดีกอนจะยกทัพมาได ๑.๒) ขนบธรรมเนียมของการส่งเครื่องราชบรรณาการไปเพื
• ขนบธรรมเนียมในการสงเครื่องราชบรรณาการ
2 ่อตอบแทน เมื่อ
อีกฝ่ายหนึ่งประพฤติปฏิบัติตามที่ฝ่ายตนร้องขอหรือส่งเครื่องราชบรรณาการไปเพื่อขอให้อีกฝ่าย
ไปเพื่อตอบแทน เมื่ออีกฝายหนึ่งประพฤติ หนึ่งท�าตามที่ตนเองขอ เช่น การส่งพระราชสาส์นจากพระเจ้ากรุงต้าฉิง เพื่อจะให้พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง
ปฏิบัติตามที่ฝายตนรองขอ หรือสงเครื่องราช- อยู่ในอ�านาจออกมาถวายบังคมและมีพระราชประสงค์จะดูทหารร�าทวนขี่ม้าสู้กัน
บรรณาการไปเพื่อขอใหอีกฝายหนึ่งทําตามที่ ๑.๓) การรักษาสัจจะของบุคคลที่อยู่ในฐานะกษัตริย์ เช่น การรักษาค�าพูดของ
ตนเองขอ เชน การสงพระราชสาสนจาก พระเจ้ากรุงต้าฉิงเมื่อกามะนีแพ้ก็ยกทัพกลับไปโดยไม่ท�าอันตรายแก่ผู้ใดเลย ตามที่ได้พูดไว้ ดังตอน
พระเจากรุงตาฉิง เพื่อจะใหพระเจาอังวะออก ที่ว่า
มาถวายบังคมและตองการจะดูทหารรําทวน
“...พระเจ้ากรุงจีนได้ฟงั ก็ตรัสห้าม นายทัพนายกองทแกล้วทหารทัง้ ปวงว่าเราเป็นกษัตริย ์
ขี่มาสูกัน
ผูใ้ หญ่อนั ประเสริฐ ได้ให้คา� มัน่ สัญญาไว้แก่เขาแล้ว จะกลับค�าไปดังนัน้ หาควรไม่ พม่าทัง้ ปวง
• การรักษาสัจจะของบุคคลที่อยูในฐานะ
จะชวนกันดูหมิ่นได้ว่าจีนพูดมิจริง เรารักสัตย์ยิ่งกว่าทรัพย์...”
กษัตริย เชน การรักษาคําพูดของพระเจากรุง
ตาฉิง เมื่อกามะนีแพก็ยกทัพกลับไปโดยไมทํา ๑.๔) ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น สมิงพระรามแม้จะ
อันตรายแกผูใดเลยตามที่ไดพูดไว อาสารบให้กับพระเจ้าอังวะ แต่โดยใจจริงแล้วก็ท�าเพื่อบ้านเมืองของตนและยังคงจงรักภักดีต่อ
• ความจงรักภักดีตอพระมหากษัตริย เชน พระมหากษัตริย์ของตนเสมอ ดังความตอนหนึ่งว่า
สมิงพระรามแมจะอาสารบใหกับพระเจาอังวะ “...เห็นศึกจีนจะก�าเริบยกล่องเลยลงไปติดกรุงหงสาวดีด้วยเป็นมั่นคง ตัวเราเล่าก็ต้อง
แตโดยใจจริงแลวก็ทําเพื่อบานเมืองของตน จองจ�าตรากตร�าอยู่ ถ้าเสียกรุงอังวะแล้วจะหมายใจว่าจะรอดคืนไปเมืองหงสาวดีได้ก็ใช่ที่
และยังคงจงรักภักดีตอพระมหากษัตริย จ�าเราจะรับอาสาตัดศึกเสียจึงจะชอบ อย่าให้ศึกจีนยกลงไปติดกรุงหงสาวดีได้...”
ของตน
๑.๕) การปูนบ�าเหน็จรางวัลให้แก่ผู้ท�าคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ เป็นการ
• การปูนบําเหน็จรางวัลใหแกผูทําคุณประโยชน
สร้างก�าลังใจและผูกใจคน ดังตอนที่พระเจ้าอังวะให้เหตุผลต่อสมิงพระราม เมื่อครั้นรู้ว่าสมิงพระราม
ตอประเทศชาติ เปนการสรางกําลังใจและผูก
จะไม่รับบ�าเหน็จจากการอาสารบ
ใจคนไวได)
“...อนึ่งเราเกรงคนทั้งปวงจะครหานินทาได้ ท่านรับอาสากู้พระนครไว้มีความชอบ
เป็นอันมาก มิได้รับบ�าเหน็จรางวัลสิ่งใด นานไปเบื้องหน้าถ้าบ้านเมืองเกิดจลาจลหรือข้าศึก
มาย�่ายีเหลือก�าลัง ก็จะไม่มีผู้ใดรับอาสาอีกแล้ว...”
106
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดเปนคานิยมที่เกิดประโยชนตอตนเองและสังคม
1 พระพยุหเสนา เปนคําบาลีมาจากคําวา พฺยูห + เสนา แปลวา หมูเสนา
1. การรักษาคําสัตย
2 เครื่องราชบรรณาการ คือ สิ่งของที่มีคาที่เมืองประเทศราชตางๆ ตองสงให 2. ความเชื่อถือในเรื่องโชคลาง
ประเทศอํานาจเพื่อแสดงความจงรักภักดี ตอเมืองนั้นๆ จะเปนสิ่งของเครื่องใช 3. ขนบธรรมเนียมการสงเครื่องราชบรรณาการ
ตางๆ เชน แกว แหวน เงิน ทอง จนไปถึงบุตรธิดาของเจาเมืองนั้นๆ ไทยนั้นได 4. การปูนบําเหน็จรางวัลใหแกผูทําคุณประโยชนตอประเทศชาติ
รับและสงเครื่องราชบรรณาการมาตั้งแตสมัยสุโขทัยจนถึงกรุงรัตนโกสินทร ซึ่งหนึ่ง วิเคราะหคําตอบ คานิยม หมายถึง สิ่งที่สังคมถือวามีคาพึงปรารถนา
ในที่ๆ ไทยเคยสงเครื่องราชบรรณาการให ก็คือ จีน การสงเครื่องราชบรรณาการ ตองการใหเปนเปาหมายรวมกันของสังคม และปลูกฝงใหสมาชิกของสังคม
ใหกับจีนนั้นมีคําเฉพาะอยู คําหนึ่ง คือคําวา “จิ้มกอง” ซึ่งหมายถึง การเชื่อมความ ยึดถือเปนเปาหมายในการดําเนินชีวิต คานิยมเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาได
สัมพันธระหวางประเทศสองประเทศใหเปนมิตรที่ดีตอกัน จิ้มกองมาจากภาษาจีน และมีความแตกตางกันไปตามสังคมและวัฒนธรรม ดังขอ 1. การรักษา
คําวา “จิ้นกง” เปนธรรมเนียมทํากันมาโดยตลอด ซึ่งทําเพื่อประโยชนทางดาน ความสัตย ซึ่งทุกคนสามารถปฏิบัติได การรักษาคําสัตยชวยสงเสริมใหสังคม
การคามากกวาดานการทูต นาอยู จัดวาเปนคานิยมที่เกิดประโยชนทั้งตอตนเองและสังคม ตอบขอ 1.
106 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายคุณคาดานวรรณศิลปเรื่อง
ด้วยเหตุผลของพระเจ้าอังวะข้างต้น สมิงพระรามจึงต้องรับรางวัลในครั้งนี้ ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
๒) คุณค่าด้านวรรณศิลป์ (แนวตอบ คุณคาดานวรรณศิลป มีการเลาเรื่อง
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสามีความดี
1 เด่นด้านวรรณศิลป์ ดังนี้ ดวยการใชบรรยายโวหาร และใชสํานวน
๒.๑) การเล่าเรื่องใช้บรรยายโวหาร
รรยายโวหาร รูปประโยคไม่ซับซ้อนแต่ทว่าผูกประโยค เปรียบเทียบไดอยางคมคาย)
ได้เหมาะสม เลือกสรรถ้อยค�าได้จินตภาพเด่นชัด ภาษาที่ใช้สละสลวย ดังเช่น บทชมโฉมพระราชธิดา 2. ครูอธิบายความรูเพิ่มเติม จากนั้นนักเรียนสรุป
พระเจ้าฝรัง่ มังฆ้องว่า “สมบูรณ์ดว้ ยลักษณะและสิรมิ ารยาทงามยิ่งนัก ถ้าบุรษุ ผูใ้ ดได้เห็นและได้นงั่ ใกล้ ความรูลงสมุด
แล้วเมื่อใดก็มิอาจจะด�ารงจิตอยู่ได้ ดวงกมลก็จะหวั่นไหวไปด้วยความปฏิพัทธ์” ส่วนส�านวนถ้อยค�า
บางค�าเป็นค�าเก่า อาจต้องศึกษาความหมายจึงจะเข้าใจความทั้งหมด แต่ผู้อ่านก็สามารถเข้าใจ ขยายความเขาใจ Expand
ความหมายได้ ดังเช่นลีลาการเขียนที่อธิบายความหมายของค�าไปพร้อมๆ กัน ดังความว่า
นักเรียนยกตัวอยางเนื้อความที่แสดงใหเห็นวา
“...อุปมาดังแพทย์ผู้วิเศษผูกกัณหสัปปะชาติคืองูเห่าใหญ่ด้วยมนตราคมอันกล้าขลัง การเลาเรื่องดวยการใชบรรยายโวหารมีความ
มิให้พ่นพิษและเลื้อยหนีไปได้...” สัมพันธในการดําเนินเรื่องกัน
(แนวตอบ ตัวอยางเชน
๒.๒) การใช้ ส�า นวนเปรี ยบเที ยบคมคาย ราชาธิราชตอนที่จัดมาให้เรียนนี้ “กามะนีไดฟงดังนั้นก็ขับมารําเขามา สมิง
มีความโดดเด่นด้านความเปรียบเกือบตลอดทั้งเรื่อง เช่น เปรียบกับต�านานเรื่องเล่าที่เป็นที่รับรู้ พระรามก็ขับมาออกไปสูกันเปนหลายสิบเพลงตาง
ในสังคมไทยเป็นอย่างดี ดังความว่า คนตางรับรองวองไว ยังหาเพลี่ยงพลํ้าแกกันไม
“...เวลาพรุ่งนี้ ขอพระองค์ให้หาเจ้าสมิงพระรามเข้ามากิน เลี้ยงในพระราชมนเทียร สมิงพระรามจึงคิดวา ถาจะสูกันอยูฉะนี้เห็นจะ
แล้วจึงให้พระธิดาเราออกไปให้เจ้าสมิงพระรามเห็น ตัวถนัดแต่ข้างเดียว เจ้าสมิงพระราม เอาชนะยาก ดวยกามะนีก็ยังมิถอยกําลัง จําจะลวง
ได้เห็น รูปโฉมธิดาเราเท่านั้น ยังมิทันจะเข้าใกล้ได้กลิ่น ก็จะมีความปลื้มปลาบจนสุดจิต ใหกามะนีหยอนกําลังจงไดจึงจะทําถนัด คิดแลว
ไหนจะคิดกลับเมืองหงสาวดีได้ เพราะพระธิดาของเรางามเป็นเสน่ห์อยู่ทั่วกาย ซึ่งข้าพเจ้า
แกลงทําเปนเสียทีควบมาหนีออกไป กามะนีเห็น
ไดทีก็ควบมาหนีทะลวงไลตามมาสมิงพระรามไป”
คิดท�าดังนี้เปรียบประดุจนางเมขลาเทพธิดาล่อแก้วให้รามสูรเห็น รามสูรหรือจะไม่รกั แก้ว...”
จากเนื้อความที่ยกมา แสดงใหเห็นวาการเลาเรื่อง
นอกจากนี้ยังใช้การเปรียบเทียบที่แฝงข้อคิดและให้ภาพชัดเจนดังตอนที่ว่า โดยใชบรรยายโวหารมีความสําคัญอยางยิ่งในการ
บรรยายเหตุการณการตอสูระหวางสมิงพระรามกับ
“...พระองค์เสด็จยาตราทัพมาครั้งนี้ ตั้งพระทัยท�าสงครามให้พระเจ้ากรุงอังวะอยู่ใน กามะนี ในขณะที่ทั้งสองตอสูกันอยูนั้นสมิงพระราม
เงื้อมพระหัตถ์ ถึงมาตรว่าเสียกามะนีทหารเอกแล้ว ใช่ข้าพเจ้าทั้งปวงนี้จะตีกรุงอังวะถวาย ไดคิดวางแผนที่จะหลอกลอใหมากามะนีออนกําลัง
ไม่ได้นั้นหามิได้ เสียแรงด�าเนินกองทัพเข้ามาเหยียบถึงชานก�าแพงเมืองแล้ว จะกลับไปเปล่า จะไดมีโอกาสเอาชนะได บรรยายโวหารชวยใหผู
นั้นได้ความอัปยศแก่พม่านัก ท�าไมเมืองอังวะสักหยิบมือหนึ่งเท่านี้จะเอาแต่มูลดินทิ้งเข้าไป อานเขาใจความคิดของตัวละครและทําใหเห็นวา
ในก�าแพงเมืองคนละก้อนๆ เท่านั้น ถมเสียให้เต็มก�าแพงเมืองในเวลาเดียวก็จะได้ เหตุการณดําเนินไปอยางไร)
107
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
ขอใดใชโวหารตางจากขออื่น
ครูเพิ่มเติมความรูดานวรรณศิลปในการอานเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระราม
1. อันตัวขาพเจาบัดเดี๋ยวนี้อุปมาดังวานรนั่งอยูบนตอไม อันไฟไหมมาเมื่อ
อาสา โดยครูเสนอมุมมองใหนักเรียนไดพิจารณาในแงที่วา วรรณกรรมที่ประสบ
วสันตฤดูนั้นจะงามฉันใด
ความสําเร็จนั้น คือ วรรณกรรมที่สามารถทําใหผูอานเกิดอารมณคลอยตาม ทั้งยัง
2. การสงครามเปรียบดังฟองอัณฑชะจะหมายแนวาผูเมียแพและชนะนั้นมิได
ไมไดแสดงขอมูลใหรูเทานั้น แตเปนการถายทอดอารมณความรูสึกเขาแทรกดวย
3. ครั้งนี้พระเจาราชาธิราชเปรียบเหมือนอสรพิษหาเขี้ยวแกวมิได
เมื่ออานแลวนอกจากจะเขาใจเนื้อเรื่องยังเปนการสงใหเรื่องมีความสมจริงอีกดวย
4. ครั้งนี้แขนเราขาดไปสองขาง คิดอะไรก็ขัดขวาง
วิเคราะหคําตอบ ขอ 4. ใชภาพพจนแบบอุปลักษณในการเปรียบเทียบ
สิ่งหนึ่งเปนอีกสิ่งหนึ่ง อุปลักษณจะไมกลาวโดยตรงเหมือนอุปมา แตใชวิธี นักเรียนควรรู
กลาวเปนนัยใหเขาใจเอาเองดังวา “ครั้งนี้แขนเราขาดไปสองขาง คิดอะไร
ก็ขัดขวาง” อุปลักษณจะไมมีคําเชื่อมเหมือนอุปมาซึ่งปรากฏในขออื่นๆ 1 บรรยายโวหาร เปนกระบวนการแตงที่มีเนื้อเรื่อง มีบทบาท ดําเนินเรื่อง
ดังนั้นจึงตอบขอ 4. วาใครทําอะไร ทําอยางไร ที่ไหน และเมื่อไร บรรยายโวหารใชในการเลาเรื่อง
ทําใหทราบวาเรื่องราวดําเนินไปอยางไร รวมถึงเขาใจความรูสึกหยั่งลึกในจิตใจ
ของตัวละคร
คูมือครู 107
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนยกเนื้อความที่นักเรียนเห็นวามีการใช
สํานวนเปรียบเทียบที่นาประทับใจ และแสดงใหเห็น พระเจ้ากรุงจีนได้ฟังก็ตรัสห้ามนายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งปวงว่า เราเป็นกษัตริย์
วามีการใชสํานวนเปรียบเทียบอยางไร ผู้ใหญ่อันประเสริฐ ได้ให้ค�ามั่นสัญญาไว้แก่เขาแล้ว จะกลับค�าไปดังนั้นหาควรไม่ พม่าทั้ง
(แนวตอบ นักเรียนสามารถยกตัวอยางได ปวงจะชวนกันดูหมิ่นได้ว่าจีนพูดมิจริง เรารักสัตย์ยิ่งกว่าทรัพย์ อย่าว่าแต่สมบัติมนุษย์นี้เลย
หลากหลายขึ้นอยูกับความสนใจของนักเรียน ทั้งนี้ ถึงท่านจะเอาทิพยสมบัติของสมเด็จอมรินทร์มายกให้เราๆ ก็มิได้ปรารถนา ตรัสดังนั้นแล้ว
ครูพิจารณาวาตัวอยางที่นักเรียนยกมามีการใช ก็สั่งให้เลิกทัพเสด็จกลับไปยังกรุงจีน...”
สํานวนเปรียบเทียบ เชน
“พระเจากรุงจีนยกมาครั้งนี้อุปมาดังฝนตก บทสนทนาในเรื่ อ งใช้ โวหารเปรี ย บเที ย บที่ ค มคายและให้ แ ง่ คิ ด สอนใจ ดั ง
หาใหญตกลงนํ้านองทวมปาไหลเชี่ยวมาเมื่อ บทสนทนาระหว่างพระอัครมเหสีและพระราชธิดาของพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง พระราชธิดาตรัสว่า
วสันตฤดูนั้นหาสิ่งใดจะตานทานมิได” หมายถึง
“อนึ่ ง ถ้ า ได้ ส วามี เ ป็ น ลู ก กษั ต ริ ย ์ มี ช าติ ต ระกู ล เสมอกั น เล่ า ก็ ต าม นี่ จ ะได้ ผั ว มอญต่ า งภาษา
กองทัพของพระเจากรุงจีนเปนกองทัพที่ยิ่งใหญไมมี
เป็นเพียงนายทหาร อุปมาดังหงส์ตกลงในฝูงกา ราชสีห์เข้าปนกับหมู่เสือ ลูกมีความโทมนัสนัก”
ใครสามารถตานทานได” จากเนื้อความที่ยกมาเปน
พระอัครมเหสีตรัสโน้มน้าวใจว่า
ตัวอยางเปนตอนที่พระเจากรุงจีนยกทัพมาประชิด
กรุงอังวะ ดวยวากรุงจีนทรงมีพระราชอํานาจมาก “...ซึ่งลูกเปรียบชาติเขาเหมือนกานั้นก็ชอบอยู่ แต่เขาประกอบศิลปศาสตร์วิชาการ
การยกทัพมานี้ไพรพลจึงมีกําลังพลจํานวนมากและ เป็น ทหารมีฝีมือหาผู้เสมอมิได้ ก็เปรียบเหมือนกาขาวมิใช่กาด�า สมเด็จพระราชบิดาจะ
มีความยิ่งใหญเปรียบไดกับปริมาณนํ้าฝนที่ตกลงมาก ทรงชุบขึ้นแล้วก็คงเป็นหงส์ ซึ่งเปรียบเหมือนเสือนั้น ถ้าพระราชบิดาชุบย้อมแล้วก็คงจะ
และความรุนแรงของการเกิดนํ้าทวมปาไหลเชี่ยวใน กลับเป็นราชสีห์...”
ฤดูฝนที่ไมมีอะไรมาตานทานได การเปรียบเทียบ 1
ลักษณะนี้เปนการใชแนวเทียบกับภัยธรรมชาติ จะเห็ น ได้ ว ่ า มี ก ารเปรี ย บเที ย บกั บ สิ่ ง ตรงกั น ข้ า มต่ า งเผ่ า พั น ธุ ์ กั น (กา-หงส์ ,
ซึ่งเปนสถานการณที่ผูคนรูจักดี ทําใหเห็นภาพความ เสือ-ราชสีห์) ท�าให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันอย่างชัดเจน หงส์และราชสีห์ย่อมมีศักดิ์และเกียรติ
ยิ่งใหญของทัพพระเจากรุงจีนไดชัดเจนขึ้น) สูงกว่า แต่ด้วยฝีมือความสามารถ กาก็อาจกลายเป็นหงส์ เสือก็อาจกลายเป็นราชสีห์ได้เช่นกัน
108
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
จากเนื้อความ “พระเจากรุงจีนไดฟงก็ตรัสหามนายกองทแกลวทหารทั้ง
1 การเปรียบเทียบกับสิ่งตรงกันขาม คือ การใชคําหรือขอความที่มีความหมาย
ปวงวาเราเปนกษัตริยผูใหญอันประเสริฐ ไดใหคํามั่นสัญญาแกเขาแลว จะกลับ
ตรงกันขามหรือแตกตางกันมาเทียบกัน เพื่อใหความหมายคมชัดขึ้น
คําไปดังนั้นหาควรไม พมาทั้งปวงจะชวนดูหมิ่นไดวาจีนพูดมิจริง เรารักสัตย
ยิ่งกวาทรัพย อยาวาแตสมบัติมนุษยนี้เลย ถึงทานจะเอาทิพยสมบัติของ
สมเด็จอมรินทรมายกใหเราๆ ก็มิไดปรารถนา” ตรงกับสํานวนใดในโคลง
มุม IT โลกนิติ เพราะเหตุใด
ศึกษาเกี่ยวกับความเปนมาของเรื่องราชาธิราชที่เปนตนฉบับเพิ่มเติม ไดที่ แนวตอบ เนื้อความที่ยกมาตรงกับโคลงโลกนิติบทที่วาดวยเรื่องการให
http://blogazine.in.th/blogs/ong/post/2611 ความสําคัญกับการรักษาคําสัตย ดังวา
เสียสินสงวนศักดิ์ไว วงศหงส
เสียศักดิ์สูประสงค สิ่งรู
เสียรูเรงดํารงความสัตย ไวนา
เสียสัตยอยาเสียสู ชีพมวยมรณา
108 คูมือครู
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนสรุปความรูเกี่ยวกับแนวคิดของเรื่อง
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาได
ค�าถาม ประจ�าหน่วยการเรียนรู้ 2. นักเรียนยกตัวอยางเนื้อความที่มีการเลาเรื่อง
โดยการใชบรรยายโวหารได
๑. นักเรียนคิดว่าเพราะเหตุใดสมิงพระรามจึงรับอาสาสู้รบกับกามะนี 3. นักเรียนยกเนื้อความที่นักเรียนเห็นวามีการใช
๒. นักเรียนประทับใจบทบาทของตัวละครใดมากที่สุด เพราะเหตุใด สํานวนเปรียบเทียบได
๓. ค�าเปรียบเทียบที่ว่า “หาบสองบ่าอาสาสองเจ้าหาควรไม่” เป็นความคิดของตัวละครใด และมี
ความหมายว่าอย่างไร
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. บันทึกการสรุปเรื่องยอ
2. การเขียนแสดงความคิดเห็นที่มีตอตัวละคร
ในเรื่อง
3. การเขียนสรุปแนวคิดที่ไดจากเรื่องราชาธิราช
ตอน สมิงพระรามอาสา
กิจกรรม สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. สมิงพระรามสูรบกับกามะนี เพราะเห็นวาถาพมาตานทานกําลังจีนไมได ทัพจีนอาจจะรุกไปถึงเมืองหงสาวดีได เพราะทัพจีนอาจจะแสดงแสนยานุภาพ ยกทัพไปตี
บานเมืองของตน จึงคิดไดตามที่กลาววา “จําเราจะรับอาสาตัดศึกเสียจึงจะชอบ อยาใหศึกจีนยกลงไปติดกรุงหงสาวดีได”
2. ประทับใจบทบาทของตัวละครสมิงพระราม เพราะเปนตัวละครที่ยึดมั่นในการรักษาวาจาสัตย รักเกียรติของตน มีความกลาหาญ มีไหวพริบสติปญญา มีความรักชาติ
บานเมือง มีความจงรักภักดีตอพระมหากษัตริย
3. คําเปรียบเทียบที่วา “หาบสองบาอาสาสองเจาหาควรไม” เปนความคิดของสมิงพระราม มีความหมายวา การที่สมิงพระรามอาสาออกรบรับใชกรุงอังวะทั้งที่ตนเอง
เปนทหารของกรุงหงสาวดีตองมารับอาสาทั้งสองเมือง รับใชกษัตริยทั้ง 2 พระองค ทั้งพระเจาราชาธิราชและพระเจาฝรั่งมังฆอง ซึ่งทั้งสองเมืองทําสงครามกันอยู
มิไดขาด สมิงพระรามอยูในสถานะที่ตัดสินใจยาก
คูมือครู 109
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาวรรณคดีเรื่องกาพยเหชมเครื่อง
คาวหวาน
2. อธิบายคุณคาของเรื่องกาพยเหชมเครื่อง
คาวหวาน
3. สรุปความรูและขอคิดจากการอานเรื่องกาพยเห
ชมเครื่องคาวหวาน
4. ทองจําบทอาขยานที่กําหนด และบทรอยกรอง
ที่มีคุณคาตามความสนใจ
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
๖
1. มีวินัย
2. ใฝเรียนรู
3. รักความเปนไทย หน่วยที่
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
กระตุน ความสนใจ Engage ตัวชี้วัด
■■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑)
วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ
อ าหารไทย นั บ เป็ น ที่ รู ้ จั ก ในระดั บ
ครูใชคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียน ■■
(ท ๕.๑ ม.๑/๒)
นานาชาติ โดดเด่ น ทั้ ง รสชาติ สี สั น ความ
ประณีตในการปรุงและการจัดวาง เป็นเสน่ห์
โดยถามวา นักเรียนเคยอานหรือเคยฟงกาพยเห ■■ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓)
ทางศิลปะทีเ่ ป็นความภาคภูมใิ จของคนไทยทัง้ ชาติ
■■ สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
ชมเครื่องคาวหวานหรือไม หากนักเรียนเคยรูจัก (ท ๕.๑ ม.๑/๔) เมือ่ พูดถึงอาหารไทยทัง้ คาวหวาน ผลไม้รสเลิศ
ท่องจ�าบทอาขยานตามที่ก�าหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า
นักเรียนรูจักจากที่ใด นักเรียนรวมกันแสดงความ ■■
เกร็ดแนะครู
หนวยการเรียนรูนี้ ครูแนะความรูเกี่ยวกับอาหารวาเปนภูมิปญญาที่ตกทอดมา
จากบรรพบุรุษจนถึงปจจุบัน อาหารสะทอนใหเห็นเอกลักษณของความเปนชาติ
อาหารจะสัมพันธกับสภาพแวดลอมของแตละภูมิภาค วิถีชีวิตความเปนอยูของคน
ขึ้นอยูกับอาหารซึ่งเปนปจจัยในการดํารงชีวิต ดังนั้นดวยสภาพแวดลอมที่ตางกัน
ทําใหอาหารแตละภูมิภาคตางกันดวย นอกจากนี้อาหารที่ปรากฏในบทประพันธ
สามารถสะทอนการไดรับการถายทอดวัฒนธรรมจากตางชาติดวย
110 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูกระตุนความสนใจของนักเรียนโดยถาม
๑ ความเป็นมา เกี่ยวกับเรื่องอาหาร ดังนี้
• นักเรียนรูจักอาหารไทยอะไรบาง
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ารงราชานุภาพ ได้ประทานค�าอธิบายความเป็นมา (แนวตอบ นักเรียนชวยกันบอกชื่ออาหารไทย
ของกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานไว้ว่า รัชกาลที่ ๒ คงได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ที่นักเรียนรูจัก)
เพื่อชมสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี แต่ครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้าหญิง1- • นักเรียนเคยทําอาหารหรือไม เปนอาหาร
บุ ญ รอด ด้ ว ยทรงมี ค วามสามารถเป็ น เลิ ศ ในการปรุ ง เครื่ อ งเสวย และเพื่ อ ใช้ เ ป็ น บทเห่ เรื อ ชนิดใด
เสด็จประพาสส่วนพระองค์ 2. นักเรียนแลกปลี่ยนประสบการณเกี่ยวกับอาหาร
กาพย์เห่บทนี้มิได้ชมขบวนเรือ หรือชมธรรมชาติในการเดินทางแต่เป็นการเห่ชมเครื่องคาว รวมกัน
ผลไม้ และเครื่องหวานเป็นส�าคัญ ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้ใช้กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานใน
การเห่เรือของทางราชการคู่กับบทเห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร สํารวจคนหา Explore
1. นักเรียนศึกษาประวัติความเปนมาของ
กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน
๒ ประวัติผู้แต่ง 2. นักเรียนศึกษาลักษณะคําประพันธของ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเป็นพระมหากษัตริยพ์ ระองค์ท ี่ ๒ ในพระบรมราชวงศ์จกั รี กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน
มีพระนามเดิมว่า ฉิม ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ ที่ต�าบลอัมพวา อ�าเภอ 3. นักเรียนศึกษาเนื้อเรื่องกาพยเหชมเครื่อง-
อัมพวา เมืองสมุทรสงคราม เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช คาวหวานวามีอะไรบาง
และสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี
(แนวตอบ บทเหชมเครื่องคาว บทเหชมผลไม
และบทเหชมเครื่องหวาน)
ในรัชสมัยของพระองค์ วรรณคดีและศิลปกรรมเจริญรุ่งเรืองมาก พระองค์มีพระอัจฉริยภาพ
ทางด้านวรรณศิลป์ พระราชนิพนธ์ของพระองค์หลายเรื่องมีความประณีตงดงามในเชิงอักษรศาสตร์
อธิบายความรู Explain
และสามารถน�าไปผสมผสานกับนาฏยศาสตร์และดุริยางคศาสตร์ได้อย่างกลมกลืน พระองค์ทรงฟื้นฟู
การแสดงละคร โขน การขับร้อง และดนตรี ให้มีระเบียบแบบแผนถูกต้องจนเป็นที่นิยมสืบมา นักเรียนอธิบายประวัติความเปนมาของ
ผลงานด้ า นภาษา ศิ ล ปะ และวั ฒ นธรรมของพระองค์ เ ป็ น ที่ ป ระจั ก ษ์ เ ด่ น ชั ด แก่ ส ายตา กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน
ชาวโลก จึงทรงได้รับการเทิดพระเกียรติจากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่ง (แนวตอบ กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน
สหประชาชาติหรือยูเนสโก (UNESCO) เนื่องในอภิลักขิตสมัยครบ ๒๐๐ ปีแห่งพระบรมราชสมภพ สันนิษฐานวา รัชกาลที่ 2 ทรงพระราชนิพนธขึ้น
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ ในฐานะบุคคลส�าคัญของโลกและรัฐบาลไทยจึงก�าหนดให้วันคล้ายวันพระราชสมภพ ในสมัยรัชกาลที่ 1 เพราะมีความบางตอนทรงชม
วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันศิลปินแห่งชาติ จนถึงทุกวันนี้ สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี เมื่อครั้งยัง
เปนสมเด็จพระเจาหลานเธอ ซึ่งมีฝพระหัตถใน
กระบวนเครื่องเสวยไมมีผูใดจะมีฝมือเทียบได
กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน สะทอนใหเห็น
111 ความประณีตละเอียดออนของชนชาติไทยที่บรรจง
ประดิดประดอยอาหารนานาชนิดใหเลิศดวย
รสชาติและงดงามดวยรูปลักษณ บทเหแบงเปนชม
เครื่องคาว ชมผลไม และชมเครื่องหวาน)
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนศึกษาคนควาความรูเกี่ยวกับบทประพันธกาพยเหเรือสํานวน 1 บทเหเรือ บทเหเรือที่เกาที่สุด และเหลือเปนหลักฐานสืบทอดมาจนถึงปจจุบัน
เจาฟาธรรมธิเบศร (เจาฟากุง) โดยนักเรียนสรุปประวัติความเปนของกาพย คือ กาพยเหเรือบทพระนิพนธในเจาฟาธรรมธิเบศร หรือที่เรียกกันทั่วไปวา
เหเรือสํานวนนั้น พรอมทั้งยกตัวอยางประพันธที่เปนโคลงบทนําและกาพย กาพยเหเรือเจาฟากุง ซึ่งพระนิพนธในขณะที่ทรงเปนพระมหาอุปราชในรัชสมัย
บทตนประกอบ สมเด็จพระเจาอยูหัวบรมโกศ ในสมัยอยุธยาตอนปลาย
กิจกรรมทาทาย มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเปนมาของกาพยเหชมเครื่องคาวหวานเพิ่มเติม ไดที่
http://www.suandusitcuisine.com/food4/central/royalfood/kab_index.php
นักเรียนศึกษาประเพณีการเหเรือในอดีต จากนั้นเปรียบเทียบการเหเรือ
ในอดีตกับปจจุบันใหเห็นพัฒนาการการเหเรือวาเหมือนหรือตางไปจากเดิม
อยางไร
คูมือครู 111
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูและตอบคําถามตอไปนี้
• จุดมุงหมายของกาพยเหเรือคืออะไร ๓ ลักษณะคÓประพันธ์
(แนวตอบ จุดมุงหมายเพื่อเปนบทเหเรือ 1
พระที่นั่งเวลาเสด็จประพาสสวนพระองค กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานแต่งเป็นกาพย์เห่ ประกอบด้วยโคลงสี่สุภาพและกาพย์ยานี ๑๑
และเพื่อชมฝพระหัตถในการปรุงเครื่องเสวย โดยมีโคลงสี่สุภาพ ๑ บท เป็นบทน�าหรื
2 อบทขึ้นต้น แล้วแต่งกาพย์ยานี ๑๑ อีกหลายบท ให้มีเนื้อความ
ของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี) สอดคล้องและสัมพันธ์กับโคลงบทน�า
• กาพยเหชมเครื่องคาวหวานแตงดวย
คําประพันธใด
(แนวตอบ กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน แตงดวย ๔ เนื้อเรื่อง
กาพยและโคลงสี่สุภาพ ประกอบดวยโคลง กาพย์ เ ห่ ช มเครื่ อ งคาวหวานพระราชนิ พ นธ์ ใ นรั ช กาลที่ ๒ มี เ นื้ อ ความพรรณนาอาหาร
สี่สุภาพ จํานวน 1 บท และกาพยยานี 11) คาวหวานและผลไม้แต่ละชนิด ดังต่อไปนี้
2. ครูสุมนักเรียน 10 คน บอกชื่ออาหารคาวหรือ
อาหารหวานที่มีในเนื้อเรื่องกาพยเหชมเครื่อง- เห่ชมเครื่องค�ว
คาวหวาน
มัสมั่น ย�าใหญ่ ตับเหล็กลวก หมูแนม ก้อยกุ้ง แกงเทโพ
น�้ายา แกงอ่อม ข้าวหุงเครื่องเทศ แกงคั่วส้มหมูปาใส่ระก�า
ขยายความเขาใจ Expand
พล่าเนื้อ ล่าเตียง หรุ่ม รังนก ไตปลา แสร้งว่า
นักเรียนจัดทําแผนผังชื่ออาหารที่ปรากฏใน
กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน อาหารเครื่องคาว
ผลไม เครื่องหวาน
เห่ชมผลไม้
ตรวจสอบผล Evaluate ผลชิด ลูกตาล ลูกจาก มะปราง มะม่วง ลิ้นจี่ ลูกพลับ
นักเรียนจัดทําแผนผังชื่ออาหารจากกาพยเหชม น้อยหน่า ผลเกด ทับทิม ทุเรียน ลางสาด เงาะ สละ
เครื่องคาวหวานได
เห่ชมเครื่องหว�น
ข้าวเหนียวสังขยา ซ่าหริ่ม ล�าเจียก มัศกอด ลุดตี่ ขนมจีบ
ขนมเทียน ทองหยิบ ขนมผิง รังไร ทองหยอด ทองม้วน
จ่ามงกุฎ บัวลอย ช่อม่วง ฝอยทอง
112
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
คําประพันธในขอใดกลาวถึงอาหาร 2 ชนิด
1 กาพยเห หมายถึง กาพยเหเรือหรือกาพยหอโคลงเปนกาพยผสมที่ใชกาพยยานี
1. ไตปลาเสแสรงวา ดุจวาจากระบิดกระบวน
แตงรวมกับโคลงสีส่ ภุ าพ แบบรูปของกาพยยานีทนี่ าํ มาแตงนัน้ มีลกั ษณะบังคับพืน้ ฐาน
2. ตับเหล็กลวกหลอนตม เจือนํ้าสมโรยพริกไทย
ตามที่กําหนดไว สวนโคลงสี่สุภาพมีขอยกเวนบางประการ กลาวคือ ไมเครงครัด
3. กอยกุงปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย
คําเอกในทุกตําแหนง
4. ขาวหุงปรุงอยางเทศ รสพิเศษใสลูกเอ็น
2 โคลงบทนํา เปนการแตงโคลงสี่สุภาพกอน 1 บท แลวแตงกาพยยานีพรรณนา
ความที่ไมกําหนดหรือจํากัดจํานวนบท ทั้งนี้กาพยบทตนตองมีเนื้อความเชนเดียวกับ วิเคราะหคําตอบ คําประพันธแตละขอเปนกาพยเหชมเครื่องคาว ขอ 1.
โคลงที่แตงไวกอนนั้น สวนกาพยบทตอๆ ไปจะขยายความใหละเอียดพิสดารอยางไร กลาวถึงไตปลาและแสรงวา ขอ 2. กลาวถึงตับเหล็กลวก ขอ 3. กลาวถึง
ก็ได เพียงแตใหมีเนื้อหาสอดคลองกัน โคลงสี่สุภาพที่ขึ้นตนนี้เรียกวา “โคลงเกริ่น” กอยกุง และขอ 4. กลาวถึงขาวหุงเครื่องเทศ คําประพันธที่กลาวถึงอาหาร
เมื่อจบความแลวจึงขึ้นโคลงใหมในบทตอไป 2 ชนิด คือ “ไตปลาเสแสรงวา ดุจวาจากระบิดกระบวน” กวีเลือกใชคําวา
“เสแสรงวา” หรือ “แสรงวา” เปนการเลนคําที่มี 2 ความหมาย คือ แกลง
พูดใหเขาใจผิดจากความจริง และอีกความหมายเปนชื่ออาหารชนิดหนึ่งที่
ทําดวยกุงปรุงเปนเครื่องจิ้ม ตอบขอ 1.
112 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูเปดวีซีดีใหนักเรียนชมการขับกาพยเหชม
¡Ò¾ÂàË‹ªÁà¤Ã×èͧ¤ÒÇËÇÒ¹ เครื่องคาวหวาน แลวใหนักเรียนอานออกเสียงเปน
ทํานองเสนาะตามวีซีดี
โคลง
แกงไก่มัสมั่นเนื้อ นพคุณ พี่เอย
สํารวจคนหา Explore
หอมยี่หร่�รสฉุน เฉียบร้อน
ช�ยใดบริโภคภุญช์ พิศว�ส หวังน� นักเรียนศึกษาและอานเนื้อเรื่อง จากนั้นให
แรงอย�กยอหัตถ์ข้อน อกให้หวนแสวง ฯ คนหาและรวบรวมรายชื่ออาหารทั้งอาหารคาว
ก�พย์ อาหารหวาน และผลไม จากกาพยเหชม
เครื่องคาวหวาน
มัสมั่นแกงแก้วต� หอมยี่หร่�รสร้อนแรง
ช�ยใดได้กลืนแกง แรงอย�กให้ใฝฝนห� อธิบายความรู Explain
ยำ�ใหญ่ใส่ส�รพัด ว�งจ�นจัดหล�ยเหลือตร�
รสดีด้วยนำ้�ปล� 1 ญี่ปุนลำ้�ยำ้�ยวนใจ 1. นักเรียนพิจารณาโคลงสี่สุภาพที่ขึ้นตนเรื่อง
• โคลงสี่สุภาพกลาวถึงอาหารใด
ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือนำ้�ส้มโรยพริกไทย
(แนวตอบ แกงมัสมั่นไก)
โอช�จะห�ไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือน�ง
2 2. นักเรียนถอดคําประพันธโคลงบทนํา โดยยก
หมูแนมแหลมเลิศรส พร้อมพริกสดใบทองหล�ง กาพยยานีบทที่แตงเลียนโคลงประกอบ
พิศห่อเห็นร�งช�ง ห่�งห่อหวนปวนใจโหย (แนวตอบ ถอดคําประพันธไดวา แกงมัสมั่นไก
ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น ว�งถึงลิ้นดิ้นแดโดย ที่นองปรุงดวยยี่หรานั้น มีกลิ่นหอมฉุน รสชาติ
รสทิพย์หยิบม�โปรย ฤ ๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ
จัดจาน เมื่อพี่ไดชิมก็ถูกปากจนอยากจะกิน
เทโพพื้นเนื้อท้อง เป็นมันย่องล่องลอยมัน อีกครั้งใหได ดังกาพยบทแรกวา
น่�ซดรสคร�มครัน ของสวรรค์เสวยรมย์ “มัสมั่นแกงแกวตา หอมยี่หรารสรอนแรง
คว�มรักยักเปลี่ยนท่� ทำ�นำ้�ย�อย่�งแกงขม ชายใดไดกลืนแกง แรงอยากใหใฝฝนหา”)
กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่ว�ยคลับคล้�ยเห็น
ข้�วหุงปรุงอย่�งเทศ รสพิเศษใส่ลูกเอ็น
ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ�
เหลือรู้หมูป�ต้ม แกงคั่วส้มใส่ระกำ�
รอยแจ้งแห่งคว�มขำ� ชำ้�ทรวงเศร้�เจ้�ตร�กตรอม
ช้�ช้�พล่�เนื้อสด ฟุ้งปร�กฏรสหื่นหอม
คิดคว�มย�มถนอม สนิทเนื้อเจือเส�วคนธ์
11๓
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
“แกงไกมัสมั่นเนื้อ นพคุณ พี่เอย”
1 ตับเหล็ก คือ การนําสวนที่เปนมามของหมู นํามาหั่นซาวนํ้าเกลือแลวลวก
คําที่ขีดเสนใตในคําประพันธนี้สอดคลองกับขอใด
นํ้ารอน ผสมกับเครื่องปรุงอื่นๆ
1. เหมือนสีฉวีกาย สายสวาทพี่ที่คูคิด
2. คิดความยามนิทรา อุราแนบแอบอกอร 2 ใบทองหลาง มีรูปลักษณะของใบทองหลาง เปนไมยืนตน ผลัดใบ สูง 10-15
3. พิศหอเห็นรางชาง หางหอหวนปวนใจโหย เมตร ใบประกอบ มีใบยอย 3 ใบ เรียงสลับ ใบยอยรูปไข หรือรูปแกมไขสี่เหลี่ยม
4. ความรักยักเปลี่ยนทา ทํานํ้ายาอยางแกงขม ขนมเปยกปูน ดอกชอออกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีสมหรือแดง รูปดอกถั่ว ผล
เปนฝกยาวคอดเปนขอๆ สีนํ้าตาลเขม เมล็ดสีแสด สรรพคุณของใบทองหลาง
วิเคราะหคําตอบ จากเนื้อความวา “แกงไกมัสมั่นเนื้อ นพคุณ พี่เอย” ใชใบแกสดรมควัน ชุบนํ้าสุกปดแผล และเนื้อรายที่บวม ดูดหนองใหไหลออกมา
หมายความถึง แกงมัสมั่นไกเปนดังเนื้อนพคุณ “นพคุณ” จึงตีความได และทําใหแผลยุบ ใบคั่วใชเปนยาเย็น ดับพิษ บดทาแกขอบวม
วา หญิงสาว เชนเดียวกับคําวา “สายสวาท” ที่หมายถึง หญิงสาว “นิทรา”
หมายถึง หลับ “รางชาง” แปลวา งาม สวน “แกงขม” เปนเครื่องกินกับ
ขนมจีนนํ้ายา มีมะระหั่นเปนชิ้นเล็กๆ แลวลวกใหสุก ดังนั้นจึงตอบขอ 1.
คูมือครู 113
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายการเปรียบเทียบอาหารกับนาง
ผูเปนที่รัก ล่�เตียงคิดเตียงน้อง นอนเตียงทองทำ�เมืองบน
(แนวตอบ การพรรณนาถึงอาหารแตละชนิด ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอย�กนิทรคิดแนบนอน
เปนการชื่นชมฝมือของหญิงผูเปนที่รักที่เปน เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้� รุ่มรุ่มเร้�คือไฟฟอน
ผูปรุงอาหาร จึงแสดงใหเห็นความรักใครตอกัน ดัง เจ็บไกลใจอ�วรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกล�งทรวง
บทประพันธที่วา รังนกนึ่งน่�ซด โอช�รสกว่�ทั้งปวง
“ผักโฉมชื่อเพราะพรอง นกพร�กจ�กรังรวง เหมือนเรียมร้�งห่�งห้องหวน
เปนโฉมนองฤๅโฉมไหน
ไตปล�เสแสร้งว่� ดุจว�จ�กระบิดกระบวน
ผักหวานซานทรวงใน
ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่�เจ้�ดวงใจ
ใครครวญรักผักหวานนาง”)
ผักโฉมชื่อเพร�ะพร้อง เป็นโฉมน้องฤ ๅโฉมไหน
ขยายความเขาใจ Expand ผักหว�นซ่�นทรวงใน ใคร่ครวญรักผักหว�นน�ง ฯ
นักเรียนเลือกอาหารคาวที่นักเรียนรูจักหรือ โคลง
เปนชื่ออาหารที่นักเรียนสนใจในกาพยเหชมเครื่อง ผลชิดแช่อิ่มโอ้ เอมใจ
คาวหวาน จากนั้นนักเรียนหาภาพประกอบใหตรง หอมชื่นกลืนหว�นใน อกชู้
กับชื่ออาหารชนิดนั้น พรอมทั้งเขียนแนะนําบรรยาย รื่นรื่นรสรมย์ใด ฤา ดุจ นี้แม่
โดยมีจุดประสงคเพื่อแนะนําเชิญชวนใตภาพ หว�นเลิศเหลือรู้รู้ แต่เนื้อนงพ�ล ฯ
ก�พย์
ผลชิดแช่อิ่มอบ หอมตลบลำ้�เหลือหว�น
รสไหนไม่เปรียบป�น หว�นเหลือแล้วแก้วกลอยใจ
ต�ลเฉ�ะเหม�ะใจจริง รสเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ
คิดคว�มย�มพิสมัย หม�ยเหมือนจริงยิ่งอย�กเห็น
1
ผลจ�กเจ้�ลอยแก้ว บอกคว�มแล้วจ�กจำ�เป็น
จ�กชำ้�นำ้�ต�กระเด็น เป็นทุกข์ท่�หน้�นวลแตง
หม�กปร�งน�งปอกแล้ว ใส่โถแก้วแพร้วพร�ยแสง
ย�มชื่นรื่นโรยแรง ปร�งอิ่มอ�บซ�บน�ส�
หวนห่วงม่วงหมอนทอง อีกอกร่องรสโอช�
คิดคว�มย�มนิทร� อุร�แนบแอบอกอร
11๔
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูบูรณาการเชื่อมโยงความรูเกี่ยวกับเรื่องอาหาร จากกาพยเหชม
เครื่องคาวหวานกับสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี วิชางานบาน
1 ผลจาก หรือ “จาก” เปนพืชในวงศเดียวกับ “ตาว” ซึ่งลูกของตาวนั้น เมื่อนํา
ซึ่งจะเพิ่มเติมความรูทั่วไปเกี่ยวกับอาหารและโภชนาการ การรูจักวัตถุดิบใน
มาทําขนมเรียกวา ลูกชิด ดวยลักษณะที่คลายคลึงกัน จึงมักจะมีความเขาใจสับสน
การปรุงอาหารประเภทตางๆ ทั้งอาหารแหงและอาหารสด ไดแก ผัก ผลไม
วา “จาก” กับ “ชิด” เปนพืชชนิดเดียวกัน โดยเรียกตนวา “จาก” และเรียกผลวา
เนื้อสัตว รวมถึงเรียนรูขั้นตอนพื้นฐานของการประกอบอาหาร ความรูเบื้องตน
“ชิด” ดังที่กลาวไวในบทประพันธดังนี้
เกี่ยวกับอาหารนี้จะชวยใหนักเรียนเห็นภาพการปรุงอาหาร การจัดวางที่กวี
“ในลําคลองสองฟากลวนจากปลูก ทะลายลูกดอกจากขึ้นฝากแฝง
พรรณนาในกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน
ตนจากถูกลูกชิดนั้นติดแพง เขาชางแปลงชื่อถูกเรียกลูกชิดฯ”
(คํากลอนในนิราศเมืองเพชร ของสุนทรภู)
มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับเนื้อเรื่องกาพยเหชมเครื่องคาวหวานเพิ่มเติม ไดที่ http://www.
yorwor2.ac.th/thaionline/work%20web%20page%20maker/kaphechom.
html
114 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูทําสลากบทเหชมผลไม โดยใหนักเรียนจับคู
ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น เรียกส้มฉุนใช้น�มกร ถอดคําประพันธสลากที่จับไดคูละ 1 บท
หวนถวิลลิ้นลมงอน ชะอ้อนถ้อยร้อยกระบวน (แนวตอบ ครูพิจารณาการถอดคําประพันธของ
พลับจีนจักด้วยมีด ทำ�ประณีตนำ้�ต�ลกวน นักเรียนใหมีความถูกตองเหมาะสม)
คิดโอษฐ์อ่อนยิ้มยวน ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ 2. นักเรียนแตละคูมาอานคําประพันธและถอด
น้อยหน่�นำ�เมล็ดออก ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์ คําประพันธใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน
มือใครไหนจักทัน1 เทียบเทียมที่ฝีมือน�ง 3. นักเรียนอธิบายการเตรียมและจัดวางผลไม
ผลเกดพิเศษสด โอช�รสลำ้�เลิศป�ง ในบทเหชมผลไมกอนรับประทาน
คำ�นึงถึงเอวบ�ง ส�งเกศเส้นขนเม่นสอย (แนวตอบ การเตรียมผลไมแตละชนิดจะ
ทับทิมพริ้มต�ตรู ใส่จ�นดูดุจเม็ดพลอย แตกตางกันไป ขึ้นอยูกับลักษณะของผลไมวา
สุกแสงแดงจักย้อย อย่�งแหวนก้อยแก้วต�ช�ย จะรับประทานสวนไหน หรือนําไปแปรรูปเพิ่ม
ทุเรียนเจียนตองปู เนื้อดีดูเหลืองเรืองพร�ย รสชาติอยางไร เชน ผลจากจะนํามาทําเปน
เหมือนสีฉวีก�ย ส�ยสว�ทพี่ที่คู่คิด ลอยแกว หมากปรางหรือมะปรางก็ตองปอก
ล�งส�ดแสวงเนื้อหอม ผลงอมงอมรสหว�นสนิท เปลือกกอนแลวนําไปจัดวางใสในโถแกวอยาง
กลืนพล�งท�งเพ่งพิศ คิดย�มส�รทย�ตร�ม� สวยงาม หรือการเตรียมผลนอยหนา นอกจาก
จะลอกเปลือกพรอมแลว ยังตองเอาเมล็ดออก
ผลเง�ะไม่ง�มแงะ มล่อนเมล็ดและเหลือปญญ�
กอนดวย การจัดทับทิมนั้นจะแกะเอาเมล็ดไป
หวนเห็นเช่นรจน� จ�เจ้�เง�ะเพร�ะเห็นง�ม
จัดวางใสจานใหนากิน การวางเนื้อทุเรียนจะ
สละสำ�แลงผล คิดลำ�ต้นแน่นหน�หน�ม
วางบนใบตองที่เจียนหรือตัดเล็มขอบใหไดรูป
ท่�ทิ่มปิมปนก�ม น�มสละมละเมตต� ฯ
แลว และผลเงาะที่ตองควานเมล็ดออกกอน)
โคลง
สังขยาหน้าไข่คุ้น เคยมี ขยายความเขาใจ Expand
แกมกับข้าวเหนียวสี โศกย้อม
นักเรียนจัดปายนิเทศเพื่อเปนสื่อการเรียนรูใน
เป็นนัยน�าวาที
2 สมรแม่ มาแม่
หองเรียน โดยนําภาพผลไมมาจับคูใหตรงกับบท
แถลงว่าโศกเสมอพ้อม เพียบแอ้อกอร ฯ ประพันธที่มีชื่อผลไมที่ปรากฏในกาพยเหชมเครื่อง
ก�พย์ คาวหวาน
สังขย�หน้�ตั้งไข่ ข้�วเหนียวใส่สีโศกแสดง (แนวตอบ นักเรียนรับผิดชอบตามที่ไดจับคู
เป็นนัยไม่เคลือบแคลง แจ้งว่�เจ้�เศร้�โศกเหลือ ในการถอดคําประพันธ)
ซ่�หริ่มลิ้มหว�นลำ้� แทรกใส่นำ้�กะทิเจือ
วิตกอกแห้งเครือ ได้เสพหริ่มพิมเสนโรย
11๕
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
“พิศหอเห็นรางชาง” มีความหมายสอดคลองกับขอใด
ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติม สําหรับการใชคําวา “หมาก” ขึ้นตนชื่อผัก
1. มองดูหอแลวนึกถึงความอรอย
ผลไมในสมัยกอน ดังที่ปรากฏในบทประพันธวา “หมากปรางนางปอกแลว”
2. มองดูหอแลวเห็นวาสวยงาม
ปจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงดานเสียง คือ มีการกรอนเสียงทําใหออกเสียงเปน
3. มองดูหอแลวรูสึกสบายใจ
“มะ” เชน มะปราง มะพราว มะมวง มะขาม มะนาว เปนตน
4. มองดูหอแลวรูสึกอิ่มเอม
วิเคราะหคําตอบ “พิศหอเห็นรางชาง” มาจากคําประพันธที่วา
“หมูแนมแหลมเลิศรส พรอมพริกสดใบทองหลาง นักเรียนควรรู
พิศหอเห็นรางชาง หางหอหวนปวนใจโหย”
ถอดคําประพันธไดวา หมูแนมหอดวยใบทองหลาง เมื่อเห็นวาสวยก็ทําให 1 ผลเกด หรือลูกเกด คือ ลูกองุนแหงชนิดหนึ่งที่เพี้ยนมาจากคําวา grape ที่
รูสึกหวนไหเมื่อตองหางกัน ตอบขอ 2. แปลวา องุน คนไทยออกเสียงแลวลากเขาความวา “เกด”
2 โศก เปนสีเขียวออนอยางสีใบอโศกออน เรียกวา สีโศก
คูมือครู 115
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับขนมหวานและ
อาหารวางที่ปรากฏในกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน ลำ�เจียกชื่อขนม นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
• ขนมหวานหรืออาหารวางชนิดใดที่กวีไมได ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย โหยไห้ห�บุหง�ง�ม
อธิบายรูปรางลักษณะและมีความสงสัยในชื่อที่ มัศกอดกอดอย่�งไร น่�สงสัยใคร่ขอถ�ม
1
ใชเรียก กอดเคล้นจะเห็นคว�ม ขนมน�มนี้ยังแคลง
(แนวตอบ มัศกอด เปนชื่อขนมชนิดหนึ่งที่กวี ลุดตี่นี้น่�ชม แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง
ไมไดอธิบายวา มีลักษณะรูปรางอยางไร โอช�หน้�ไก่แกง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอ�ย
ความวา ขนมจีบเจ้�จีบห่อ ง�มสมส่อประพิมพ์ประพ�ย
“มัศกอดกอดอยางไร นาสงสัยใครขอถาม นึกน้องนุ่งจีบกร�ย ๑ ช�ยพกจีบกลีบแนบเนียน
กอดเคลนจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังแคลง”) รสรักยักลำ�นำ� ประดิษฐ์ทำ�ขนมเทียน
คำ�นึงนิ้วน�งเจียน เทียนหล่อเหล�เกล�กลึงกลม
ขยายความเขาใจ Expand ทองหยิบทิพย์เทียมทัด ส�มหยิบชัดน่�เชยชม
นักเรียนยกบทประพันธที่มีชื่ออาหารที่นักเรียน หลงหยิบว่�ย�ดม ก้มหน้�เมินเขินขวยใจ
ชื่นชอบมาหนึ่งบท จากนั้นนักเรียนศึกษาวิธีทํา ขนมผิงผิงผ่�วร้อน เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
อาหารในบทประพันธที่เลือกและเขียนอธิบาย ร้อนนักรักแรมไกล เมื่อไรเห็นจะเย็นทรวง
ขั้นตอนการทําอาหารชนิดนั้น รังไรโรยด้วยแป้ง เหมือนนกแกล้งทำ�รังรวง
(แนวตอบ นักเรียนสามารถเลือกบทประพันธ โอ้อกนกทั้งปวง ยังยินดีด้วยมีรัง
ไดหลากหลายตามความสนใจของนักเรียน ครู ทองหยอดทอดสนิท ทองม้วนมิดคิดคว�มหลัง
พิจารณาการเขียนอธิบายลําดับขั้นตอนวิธีการทําให สองปีสองปิดบัง แต่ลำ�พังสองต่อสอง
ถูกตองชัดเจน) ง�มจริงจ่�มงกุฎ ใส่ชื่อ2ดุจมงกุฎทอง
เรียมรำ่�คำ�นึงปอง สะอิ้งน้องนั้นเคยยล
ตรวจสอบผล Evaluate บัวลอยเล่ห์บัวง�ม คิดบัวก�มแก้วกับตน
1. นักเรียนเลือกภาพประกอบอาหารใหตรงกับชื่อ ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล สถนนุชดุจประทุม
อาหารคาวที่มีในกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน ช่อม่วงเหม�ะมีรส หอมปร�กฏกลโกสุม
และเขียนคําบรรยายใตภาพได คิดสีสไบคลุม หุ้มห่อม่วงดวงพุดต�น
2. นักเรียนยกบทประพันธที่มีชื่ออาหารที่นักเรียน ฝอยทองเป็นยองใย เหมือนเส้นไหมไข่ของหว�น
ชื่นชอบ และเขียนอธิบายขั้นตอนการทําอาหาร คิดคว�มย�มเย�วม�ลย์ เย็บชุนใช้ไหมทองจีน ฯ
ชนิดนั้นได
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดใชโวหารภาพพจนตางจากขออื่น
1 ขนมนามนี้ยังแคลง ในที่นี้ มัศกอด ก็คือ “ฮะหรั่ว” ชนิดหนึ่งที่เวลากวนใช
1. ฝอยทองเปนยองใย เหมือนเสนไหมไขของหวาน
นํ้ามันเนยแทนกะทิ กวนคอนขางยาก เมื่อจวนสุกจะใส “มะดํ่า” (ภาษาเปอรเซีย)
2. ขนมผิงผิงผาวรอน เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
หรือเมล็ดอัลมอนดบุบปนไปในเนื้อขนมดวย รสชาติจะหอมเนยเปนพิเศษ เรียก
3. ทับทิมพริ้มตาตรู ใสจานดูดุจเม็ดพลอย
ฮะหรั่วชนิดนี้วา “ฮะหรั่วเนย” หรือ “ฮะหรั่วมัศกอด” บางคนเรียกวา “ฮะหรั่ว-
4. เห็นหรุมรุมทรวงเศรา รุมรุมเราคือไฟฟอน
มัสกัด” ชื่อ “มัศกอด” นั้น มาจากชื่อเมือง “มัสกัต” (Muscat) เปนเมืองทาบริเวณ
ปากอาวโอมาน ในอดีตหากจะเดินทางจากประเทศเปอรเชีย (อิหรานในปจจุบัน) วิเคราะหคําตอบ ดังที่ปรากฏมีการใชโวหารภาพพจนอุปมาและการใช
จะตองเดินทางโดยทางเรือผานอาวเปอรเชียไปออกอาวโอมาน จอดเรือพักที่เมือง โวหารภาพพจนอุปลักษณ การแยกโวหารวาเปนชนิดใดนั้นสามารถพิจารณา
มัสกัตแลวจึงออกสูมหาสมุทรอินเดีย ไดจากคําที่แสดงความเปรียบ กลาวคือ โวหารภาพพจนอุปมาจะมีคําวา
2 สะอิ้ง เปนคํากริยา หมายถึง อาการที่เดินเอวออนไปออนมา เชน เดินสะอิ้ง “เหมือน” “ดุจ” “ดัง” “เพียง” “เทา” ในขณะที่โวหารภาพพจนอุปลักษณจะ
สวนคํานาม หมายถึง สายรัดเอว ในที่นี้ “สะอิ้งนองนั้นเคยยล” หมายความวา มีคําวา “เปน” “คือ” ขอที่มีโวหารตางจากขออื่น คือ “เห็นหรุมรุมทรวงเศรา
เคยมองดูสายคาดเอวนอง รุมรุมเราคือไฟฟอน” เปนโวหารอุปลักษณ เพราะมีคําวา “คือ” ตอบขอ 4.
116 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนเลนเกมคําศัพท โดยใหนักเรียน
๕ คÓศัพท์ เขียนคําศัพทที่อยูในบทเรียนที่นักเรียนสนใจ คนละ
1 คํา ลงบนกระดาน ครูตรวจสอบวาคําศัพทไมซํ้า
คำ�ศัพท์ คว�มหม�ย กัน จากนั้นใสกระดาษคําศัพทลงในกลอง ครูเรียก
กล เหมือน ชื่อนักเรียนทีละคนจับสลาก ใหนักเรียนบอก
ข้อน ยกมือทุบแรงๆ ความหมายของคําศัพทที่นักเรียนจับสลากได
คว�มขำ� สิ่งหรือข้อความที่มีนัย ไม่ควรเปิดเผย ในที่นี้หมายถึงความสงบระหว่างกวี
กับนาง สํารวจคนหา Explore
เคร่� คอย
นักเรียนคัดเลือกคําศัพทในบทเรียนที่มี
ง�มแงะ งามน่าดู ความหมาย ดังตอไปนี้
เจียน ตัด ขริบ หรือเฉือนให้ไปตามแนวหรือให้ได้รูปตามที่ต้องการ เช่น • งาม
เจียนใบตอง
(แนวตอบ เชน งามแงะ รางชาง เปนตน)
ฉม กลิ่นหอม • หญิงสาวหรือคนรัก
แด ใจ (แนวตอบ เชน เสาวคนธ เอวบาง เปนตน)
นิทร ในที่นี้อ่านว่า นิด หมายถึง นอน
ประทิ่น เครื่องหอม อธิบายความรู Explain
ประพิมพ์ประพ�ย ลักษณะหรือส่วนที่คล้ายคลึงกัน
1. นักเรียนรวมกันอภิปราย การใชคําศัพทที่มี
พร้อง พูด กล่าว
ความหมายวา “งาม” ในบทประพันธวา
พิมเสน ชื่อสารชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวขุ่น มีทั้งที่ได้จากธรรมชาติ
มีลักษณะการใชอยางไร
และได้จากการสังเคราะห์ ใช้ท�ายา
(แนวตอบ การชื่นชมความงามในกาพยเหชม-
ไฟฟอน กองไฟที่แม้ดับแล้ว ยังมีความร้อนระอุ เปรียบได้กับจิตใจอันรุ่มร้อน
เครื่องคาวหวาน ใชคําวา “งาม” ชมฝมือการ
ภุญช์ รับประทาน
ทําอาหารของนางผูเปนที่รักวา ทําไดงาม คือ
มือน�ง ฝีมือของนาง อาหารงามละเมียดละไม และชมอาหารวา
เมืองบน เมืองสวรรค์ งามเหมือนนางที่เปนคนทํา)
ร�งช�ง ในที่นี้หมายถึง สวยงาม เด่น 2. นักเรียนบันทึกความรูลงสมุด
ลดหลั่นชั้นชอบกล ลวดลายที่เป็นชั้นๆ มีความสวยงาม
เส�วคนธ์ กลิ่นหอม ในที่นี้หมายถึง คนรัก
1
เอวบ�ง ผู้ที่มีเอวบอบบางอ้อนแอ้น ในที่นี้หมายถึง ผู้หญิง
โอช� มีรสดี อร่อย
117
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ใหนักเรียนศึกษาลักษณะคําประพันธประเภทกาพยยานี 11 และแตง กาพยเหชมเครื่องคาวหวานมีคําศัพทบางคําที่เปนคําไวพจน ครูจัดกิจกรรม
คําประพันธประเภทกาพยยานี 11 จํานวน 1 บท ทั้งนี้นักเรียนเลือกหัวขอ ที่สงเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับคําศัพทในบทเรียนที่มีลักษณะการหลากคํา
ในการแตงไดตามความสนใจ และใหนําคําศัพทในบทเรียนไปใชในการแตง โดยอาจใหนักเรียนหาคําที่มีความหมายเหมือนกันกับวรรณกรรมเรื่องอื่น หรือให
คําประพันธ โดยแตงใหถูกตองตามฉันทลักษณที่นักเรียนไดศึกษามา นักเรียนจัดกลุมจําแนกคําไวพจนใหเปนหมวดหมู นําไปจัดปายนิเทศใหความรู
หนาชั้นเรียน
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
ใหนักเรียนศึกษาลักษณะคําประพันธประเภทกาพยยานี 11 และศึกษา 1 เอวบาง มีความหมายวา ผูหญิง เปนคําไวพจนที่มีความหมายเหมือนกับคําวา
เกี่ยวกับคําไวพจนและการหลากคําเพิ่มเติม เพื่อแตงคําประพันธประเภท อนงค สมร พะงา
กาพยยานี 11 จํานวน 1 บท ทั้งนี้นักเรียนเลือกหัวขอในการแตงไดตาม
ความสนใจ แตใหนําคําศัพทในบทเรียนที่เปนคําไวพจนไปใชในการแตง
คําประพันธและแสดงใหเห็นการหลากคําในบทประพันธนั้น
คูมือครู 117
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. นักเรียนยกบทประพันธจากกาพยเหชม
เครื่องคาวหวานที่ปรากฏการใชคําวา “งาม” บอกเล่าเก้าสิบ
(แนวตอบ บทประพันธที่ปรากฏการใชคําวา
อยาง “งาม” ตัวอยางเชน ขนมมงคล ๙ อยาง
“งามจริงจามงกุฎ ใสชื่อดุจมงกุฎทอง ขนมไทย นั บ เป็ น สิ่ ง หนึ่ ง ที่ แ สดงให้ เ ห็ น เอกลั ก ษณ์ ท างวั ฒ นธรรมของไทย ในกาพย์
เรียมรํ่าคํานึงปอง สะอิ้งนองนั้นเคยยล”) เห่ชมเครื่องคาวหวาน มีการกล่าวถึงชื่อขนมต่างๆ หลายชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความไพเราะและ
2. หลังจากนักเรียนยกบทประพันธแลว ครูให สื่อให้เห็นความหมายอันเป็นมงคล อันเป็นภูมิปญญาของคนไทยในอดีตที่มีความชาญฉลาด
นักเรียนทํากิจกรรมตามตัวชี้วัด จากแบบวัดฯ ในการผนวกชื่อเรียกขนมไทย ด้วยค�าที่แฝงความหมายอันเป็นมงคลเข้ากับงานพิธีมงคลต่างๆ
ได้อย่างกลมกลืน
ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.11 ในงานพิธีมงคลต่างๆ นิยมน�าขนมไทยไปใช้ประกอบเครื่องคาวหวานเพื่อถวายพระหรือ
เลี้ยงแขก ตัวอย่างขนมมงคล ๙ อย่าง มีดังนี้
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ทองเอก
ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.11 น
ั ท ร
เร�่อง กาพยเหชมเคร�่องคาวหวาน เสนหจ ค�าอวยพรแสดงถึงความ
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได แสดงถึงความมีเสน่ห์ เป็นหนึ่ง
กิจกรรมที่ ๑.๑๑ ใหนักเรียนพิจารณาวาคําประพันธตอไปนี้กลาวถึงอาหาร õ
ชนิดใดบาง (ท ๕.๑ ม.๑/๑) แก่ผู้พบเห็น
ู
๑. มัสมั่นแกงแกวตา หอมยี่หรารสรอนแรง มัสมั่น
........................................................................ ขนมถว ยฟ
จา มงกฎุ
ชายใดไดกลืนแกง แรงอยากใหใฝฝนหา
๒. หมูแนมแหลมเลิศรส พรอมพริกสดใบทองหลาง
พิศหอเห็นรางชาง หางหอหวนปวนใจโหย
หมูแนม
........................................................................
แสดงถึงความเจริญ
แสดงถึงการเป็น รุ่งเรืองเฟองฟู
๓. ความรักยักเปลี่ยนทา ทํานํ้ายาอยางแกงขม
กลออมกลอมเกลี้ยงกลม ชมไมวายคลายคลายเห็น
ขนมจีนนํา้ ยา แกงขม แกงออม
........................................................................
หัวหน้าสูงสุด ความ
๔. ผลจากเจาลอยแกว บอกความแลวจากจําเปน มีเกียรติยศสูงส่ง
ลูกจากลอยแกว
........................................................................
จากชํ้านํ้าตากระเด็น เปนทุกขทาหนานวลแตง
ฉบับ
เฉลย
๕. หมากปรางนางปอกแลว ใสโถแกวแพรวพรายแสง
ยามชื่นรื่นโรยแรง ปรางอิ่มอาบซาบนาสา
มะปราง
........................................................................
ทองหยบิ
๖. ทับทิมพริ้มตาตรู ใสจานดูดุจเม็ดพลอย ทับทิม
........................................................................
แสดงถึงการหยิบจับ
สุกแสงแดงจักยอย อยางแหวนกอยแกวตาชาย
การงานสิ่งใดก็จะ
ขนมชั้น
๗. มัศกอดกอดอยางไร นาสงสัยใครขอถาม
กอดเคลนจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังแคลง
มัศกอด
........................................................................ ร�่ารวยมีเงินมีทอง
๘. งามจริงจามงกุฎ ใสชื่อดุจมงกุฎทอง จามงกุฎ
........................................................................
เรียมรํ่าคํานึงปอง สะอิ้งนองนั้นเคยยล
การได้เลื่อนขั้น เลื่อนยศ
เม็ดขนุน
๙. สังขยาหนาตั้งไข ขาวเหนียวใสสีโคกแสดง ขาวเหนียวสังขยา
........................................................................ ต�าแหน่งให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป
เปนนัยไมเคลือบแคลง แจงวาเจาเศราโศกเหลือ
๑๐. รังไรโรยดวยแปง เหมือนนกแกลงทํารังรวง ขนมรังไร (เรไร)
โออกนกทั้งปวง ยังยินดีดวยมีรัง
........................................................................
ช่วยให้มีคนสนับสนุน
ด
ทองหยอ ฝอยทอง หนุนให้ชีวิตก้าวหน้า
๙๒
แสดงถึงการจับวางอะไร
ค�าอวยพรให้มีชีวิต
เป็นเงินเป็นทอง
ยืนยาวหรือครองชีวิตคู่
ตรวจสอบผล Evaluate ยืนยาวตลอดไป
1. นักเรียนคัดเลือกคําศัพทในบทเรียนไดตรงตาม 11๘
ความหมายที่กําหนด
2. นักเรียนยกบทประพันธจากกาพยเหชม
เครื่องคาวหวานที่ปรากฏการใชคําวา “งาม”
กิจกรรมสรางเสริม
บูรณาการอาเซียน
สิ่งที่เปนเอกลักษณและบงบอกความเปนชาติมีหลายอยาง และอาหารคือหนึ่ง นักเรียนรวบรวมรายชื่อขนมไทยที่เปนมงคล ลักษณะของขนม และ
ในเอกลักษณที่แตละประเทศมีตางกันทั้งการปรุงและรสชาติ ปจจัยสําคัญที่ทําให บอกรายละเอียดวา งานมงคลตางๆ มีการใชขนมชนิดใดบาง จัดทําเปน
อาหารแตละประเทศแตกตางกัน คือ แหลงวัตถุดิบ ซึ่งเปนตัวกําหนดรูปลักษณ ใบความรูสงครู
รสชาติของอาหาร รวมไปถึงคนในถิ่นนั้นจะตองรังสรรคดัดแปลงปรุงแตงอาหาร
ใหหลากหลายจากวัตถุดิบที่มีในทองถิ่นตน ดังนั้น อาหารการกินในแตละสํารับ
จะบอกเลาอะไรไดมากมาย ทั้งเชื้อชาติ วัฒนธรรมประเพณี ฐานะทางเศรษฐกิจ กิจกรรมทาทาย
ไปจนถึงสภาพแวดลอม นอกจากความภาคภูมิใจในเอกลักษณของชาติแลว ดาน
เศรษฐกิจในปจจุบันอาหารไดเปลี่ยนเปนอุตสาหกรรมระดับโลกทั้งที่แปรรูปและไม
แปรรูป ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนเปนประเทศสําคัญในการสงออกอาหาร ซึ่งเปน นักเรียนยกงานมงคลของไทย 1 งาน จากนั้น ระบุวางานมงคลนั้นใช
สินคาสําคัญที่แตละปมูลคาสูง การรวมตัวกันจึงมีแนวโนมที่จะชวยสงเสริมความ ขนมใดบาง ขนมที่ใชแตละชนิดมีลักษณะอยางไรพรอมทั้งอธิบายความ
มั่นคงทางเศรษฐกิจใหเขมแข็งยิ่งขึ้น สําคัญและความหมายของชื่อขนมไทยที่ใชในงานมงคลวา มีขนมแตละ
ชนิดมีความสอดคลองกับงานมงคลนั้นอยางไร จัดทําเปนใบความรูสงครู
118 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูนํารูปภาพอาหารไทยทั้งคาวหวาน หรือ
๖ บทวิเคราะห์ บััตรคําทายบอกลักษณะเดนของอาหารที่ปรากฏ
ในกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน เพื่อใหนักเรียนทาย
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานบรรยายอาหารคาวหวานและผลไม้ได้อย่างละเอียดอ่อน นับเป็น ชื่ออาหาร
วรรณคดี ที่ ส� า คั ญ อี ก เรื่ อ งหนึ่ ง ที่ แ สดงพระปรี ช าสามารถในเชิ ง กวี ข องรั ช กาลที่ ๒ แม้ เ นื้ อ เรื่ อ ง
จะไม่มากนัก ทว่าให้คุณค่าที่เป็นประโยชน์หลายประการ ดังนี้ สํารวจคนหา Explore
๖.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับคุณคาดานเนื้อหา
๑) ให้คว�มรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมด้�นอ�ห�รก�รกินของคนไทยสมัยโบร�ณ ดานวรรณศิลป และดานสังคม ในกาพยเหชม
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน สะท้อนให้เห็นถึงความละเอียดอ่อน พิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการท�า
เครื่องคาวหวาน
อาหาร ไม่ว่าจะเป็นการจัดวาง สีสัน และรูปลักษณ์ของอาหารคาวหวาน รวมทั้งผลไม้ชนิดต่างๆ1
โดยอาหารบางชนิดนั้นไม่ปรากฏแพร่หลายหรือไม่คุ้นชื่อในปจจุบัน เช่น แสร้งว่า หรุ่ม ล่าเตียง
อธิบายความรู Explain
ย�าใหญ่ มัศกอด ช่อม่วง เป็นต้น
1. นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับวัฒนธรรม
แสร้งว่� เรื่องอาหารของคนในสมัยกอน
• กาพยเหชมเครื่องคาวหวานสะทอน
เปนอาหารประเภทยํา วิธีทํา นํากุงชีแฮ ยางไฟพอนํ้าตก ปอกเปลือกแลวเอา
วัฒนธรรมของคนไทยในสมัยกอนอยางไร
เสนดําที่หลังออก นํานํ้ามะนาวหรือมะกรูดผสมกับเกลือปนใหเขากัน เทลงในถวยกุง
(แนวตอบ กาพยเหชมเครื่องคาวหวานสะทอน
เคลาใหเขากัน โรยตะไครหั่นซอย หัวหอมเล็กซอย ขิงออนซอย ตนหอม ผักชี พริกแดง วัฒนธรรมดานอาหารการกิน สะทอนใหเห็น
พริกเหลืองหั่นโรย คลุกเคลาใหเขากัน รับประทานพรอมกับผัก แตงกวา มะเขือ ถึงความประณีตพิถีพิถันในทุกขั้นตอนของ
การทําอาหาร ตั้งแตการทําเครื่องปรุง
การจัดวาง สีสัน และรูปลักษณของอาหาร
คาวหวาน และผลไม แสดงใหเห็นวาชนชาติ
ไทยเปนชนชาติที่มีศิลปะความงดงาม
ล่�เตียง ในทุกอยาง แมเรื่องอาหารการกินก็ชาง
เป น อาหารว า ง วิ ธี ทํ า นํ า รากผั ก ชี กระเที ย ม พริ ก ไทยที่ บ ดแล ว ผั ด จนหอม ประดิดประดอยใหงดงาม)
ใสหอมแดง หมูบด กุงแหง ปรุงรสดวยนํ้าปลา นํ้าตาล ผัดจนแหง ใสถั่วลิสงคั่วบด 2. นักเรียนบันทึกความรูที่ไดจากการอภิปราย
ตักใสจาน ตีไขไก ๑ ฟอง ไขเปด ๓ ฟองจนเขากัน ใชนิ้วจุมไข โรยไขในกระทะใหเปน รวมกันลงสมุด
รูปตารางสี่เหลี่ยม ลอกใสจาน วางพริกชี้ฟาแดงหั่นเปนเสนยาวบนแผนไข วางทับดวย
ผักชี ใสไสที่ผัดไวหอเปนรูปสี่เหลี่ยมขนาดพอคํา
11๙
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวถึงสวนประกอบของอาหาร
1 ลาเตียง มีลักษณะวิธีทําคลายหรุม คือ ใชไขโรยฝอยเปนรางแห ไสทําดวยหมู
1. ซาหริ่มลิ้มหวานลํ้า แทรกใสนํ้ากะทิเจือ
หั่นเปนชิ้นเล็กๆ ผัดกับถั่วลิสงหัวหอมและเครื่องปรุง หอขนาดพอดีคํา แตตางกัน
วิตกอกแหงเครือ ไดเสพหริ่มพิมเสนโรย
ที่ลาเตียงหอไสซึ่งทําดวยกุงผัดกับเครื่องปรุง ในขณะที่หรุมเวลาหอจะแผแผนหรุม
2. ลําเจียกชื่อขนม นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
แลวเรียงเครื่องลงไป เริ่มจากพริกชี้ฟาแดงหั่นเปนเสน ใบผักชีสด ทับดวยหนากุง
ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย โหยไหหาบุหงางาม
ตามลําดับ เมื่อมวนหอพอดีคํา จะมองทะลุรางแหหรุมเห็นสีสันของหนากุง ทุกวันนี้
3. มัศกอดกอดอยางไร นาสงสัยใครขอถาม
หรุมไมคอยจะเปนที่พบเห็นโดยทั่วไป แตจะเปนอาหารเฉพาะขอกุฎีใหญหรือมัสยิด
กอดเคลนจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังแคลง
ตนสน
4. ขนมจีบเจาจีบหอ งามสมสอประพิมพประพาย
นึกนองนุงจีบกราย ชายพกจีบกลีบแนบเนียน
วิเคราะหคําตอบ ขอที่กลาวถึงสวนประกอบอาหาร คือ ขอ 1. กลาวถึง
ขนมซาหริ่ม ซึ่งมีสวนผสมของกะทิ และพิมเสน สวนในขออื่น กลาวถึง
ชื่อขนมและความรูสึกของกวีที่มีตอนางอันเปนที่รัก ดังนั้นจึงตอบขอ 1.
คูมือครู 119
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับการแกะสลักผักผลไม
ซึ่งเปนศิลปะเดนของไทย ความประณีตพิถีพิถัน ช่างประดิดประดอยที่ปรากฏในเรื่อง นับวันจะมีผู้รู้กรรมวิธี
(แนวตอบ การแกะสลักผักและผลไมเดิมเปน เหล่านี้น้อยลง เช่น ศิลปะในการจัดแต่งอาหารด้วยการแกะสลัก ซึ่งเป็นงานที่ผู้หญิงไทยสมัยก่อน
วิชาการขั้นสูงของกุลสตรีในรั้วในวัง ตองฝกฝน ต้องเรียนรู้และฝกหัดโดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในวัง
และเรียนรูจนเกิดความชํานาญ บรรพบุรุษของ การแกะสลักผักผลไม้เป็นงานฝีมือที่แสดงถึงความพยายามและความประณีตของผู้ท�า
ไทยเราไดมีการแกะสลักกันมานานแลว ปรุงแต่งด้วยความวิจิตรสวยงามทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและรสชาติของอาหาร ผลไม้ต้องปอกเปลือก
ในสมัยรัตนโกสินทรตอนตน พระบาทสมเด็จ- คว้านเมล็ดออก โดยยังคงรูปลักษณ์เดิม เช่น “นอยหนานําเมล็ดออก ปลอนเปลือกปอกเปนอัศจรรย์”
พระพุทธเลิศหลานภาลัย ทรงโปรดการประพันธ หรือดัดแปลงให้งดงามยิ่งขึ้นอย่างมะปรางริ้ว “หมากปรางนางปอกแลว ใสโถแกวแพรวพรายแสง”
ยิ่งนัก พระองคทรงพระราชนิพนธกาพยแหชม ส่วนขนมไทยนั้น บางชนิดคนรุ่นหลังแทบไม่มีโอกาสได้เห็น เนื่องจากกรรมวิธีการท�า
เครื่องคาวหวาน และบทเหชมผลไมไดพรรณนา ยุ่งยาก ต้องอาศัยฝีมือและความอุตสาหะอย่างยิ่ง เช่น
ชมฝมือการทําอาหาร การปอกควานผลไม
และประดิดประดอยขนมอรอยและสวยงาม
ทั้งหลายวา เปนฝมืองามเลิศของสตรีชาววัง
จ่�มงกุฎ
สมัยนั้น ดังบทประพันธที่พรรณนาถึงการจัด
เตรียมผลไมอยางพิถีพิถันวา เป น สุ ด ยอดขนมไทยที่ รํ่ า ลื อ กั น ว า ยากนั ก เพราะต อ งใช มื อ กวาดเมล็ ด แตงโม
“นอยหนานําเมล็ดออก ในกระทะทองเหลืองที่ตั้งบนเตาไฟ จนนํ้าเชื่อมที่พรมลงไปจับที่ผิวเมล็ดแตงโมจนเปน
ปลอนเปลือกปอกเปนอัศจรรย หนามพราว เอาไปติดประดับรอบๆ ตัวขนม ที่ตองทําฐานเปนถวยขนมกอน โดยปน
มือใครไหนจักทัน ขนมจากแปงสาลีและไขแดงเปนทองเอกกลมๆ วางตรงกลาง ใชมีดปลายแหลมผาเปน
เทียบเทียมที่ฝมือนาง” ๖ พู เหมือนเม็ดมะยม แลวปนเปนกอนเล็กๆ วางบนยอดขนม ใชทองคําเปลวตัดเปน
และ “ผลเงาะไมงามแงะ สี่เหลี่ยมเล็กๆ ติดตรงยอดมองเห็นเหมือนมงกุฎ
มลอนเมล็ดและเหลือปญญา
หวนเห็นเชนรจนา
จาเจาเงาะเพราะเห็นงาม”) ช่อม่วง
2. ครูสุมนักเรียน 2-3 คน มาชวยกันนําเสนอ 1
เป น ขนมไทยที่ ต อ งใช ฝ มื อ ในการทํ า อย า งมาก โดยผสมแป ง กั บ นํ้ า ดอกอั ญ ชั น
หนาชั้นเรียน จากนั้นครูชี้แนะเพิ่มเติม
คนในกระทะทองเหลืองดวยไฟออนๆ ใหสุก นํามานวด แบงเปนกอน กอนจะนําแปง
มาแผตักไสที่มีสวนผสมของถั่วนึ่งบดกับฟก ผสมนํ้าตาลทรายและเกลือ คนในกระทะ
ทองเหลือง ทิ้งใหเย็นหอแปงใหมิด ใชที่หนีบขนมจับจีบใหเปนกลีบดอกไมนึ่งจนสุก
แลวใชหัวกะทิพรมไมใหติดกัน
120
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
คําประพันธใดสะทอนวัฒนธรรมไทยสมัยกอน
1 ดอกอัญชัน ควรเลือกอัญชันสีนํ้าเงินมาประกอบอาหาร เชื่อวาสารอาหาร
1. ชอมวงเหมาะมีรส หอมปรากฏกลโกสุม
จะมีมากกวาสีอื่นและใหสีสวยงาม หากมีดอกสดมากสามารถผึ่งในที่รอนและแหง
2. ทุเรียนเจียนตองปู เนื้อดีดูเหลืองเรืองพราย
โดยไมโดนแดดจัด รอใหแหงเก็บไวในโถปดสนิท จะใชไดประมาณ 6 เดือน
3. ทองหยอดทอดสนิท ทองมวนมิดคิดความหลัง
ดอกอัญชันแหง 10 ดอกตอแกว แทนดอกสด 5 ดอก ดอกแหงสามารถนํามาทําชา
4. นึกนองนุงจีบกราย ชายพกจีบกลีบแนบแนน
อัญชัน ซึ่งจะไมมีกลิ่นเหม็นเขียว และไมมีรสชาติ สามารถปรุงแตงรสไดตามชอบ
เชน นํ้าผึ้ง นํ้าตาล นํ้ามะนาว เปนตน วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. กลาวชมขนมชอมวงวาหอมเหมือนดอกไม ขอ 2.
กลาวถึงทุเรียนที่วางบนใบตองที่เจียนอยางดี ขอ 3. กลาวถึงทองหยอดและ
ทองมวนที่ทําใหนึกถึงความหลัง และขอ 4. กลาวถึงผานุงของนางผูเปนที่รัก
มุม IT ที่จับจีบชายพกไวอยางแนน ซึ่งสะทอนใหเห็นวัฒนธรรมการแตงกายของ
หญิงสาวในสมัยนั้น ตอบขอ 4.
ศึกษาเกี่ยวกับขั้นตอนวิธีการประกอบอาหารชนิดตางๆ ที่ปรากฏในกาพยเหชม-
เครื่องคาวเพิ่มเติม ไดที่ http://www.siamsouth.com/smf/index. php?topic=
8153.0
120 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับการรับวัฒนธรรม
บอกเล่าเก้าสิบ อาหารการกินของตางชาติในสมัยกอนที่พบไดจาก
กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน
เครื่องเทศ • คนไทยรับเอาวัฒนธรรมการกินของตางชาติ
เครือ่ งเทศ เป็นของเผ็ดร้อนและมีกลิน่ อยางไรบาง
หอมฉุน มีสรรพคุณทางยา ได้มาจากส่วน (แนวตอบ ไทยมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
ต่างๆ ของพืช เช่น เมล็ด ผล ดอก ราก หรือ การกินจากชาติที่มาติดตอคาขายดวยทั้งจีน
ล�าต้น แล้วน�ามาท�าให้แห้ง เพื่อใช้ปรุงแต่ง
อาหารให้มีรสและกลิ่นที่ชวนรับประทาน อินเดีย เปอรเซีย แตที่กลาวถึงในกาพยเห
เครื่ อ งเทศส่ ว นหนึ่ ง เป็ น พื ช ท้ อ งถิ่ น ชมเครื่องคาวหวาน ไดแก ขาวหุงของ
ของไทย แต่ ส ่ ว นใหญ่ มั ก น� า เข้ า มาโดย ชาวเปอรเซีย แตเดิมเรียกขาวชนิดนี้วา
ชาวต่ า งชาติ จึ ง ได้ ชื่ อ หรื อ เป็ น ที่ ม าของ “บริญาณี” เปนการหุงขาวโดยใชเนยหรือ
ค�าว่า เครือ่ งเทศ และสันนิษฐานกันว่าอาจน�า
เข้ า มาสู ่ ค รั ว ไทยตามการอพยพโยกย้ า ย นํ้ามันเนยเปนตัวรัดเมล็ดขาวใหเรียงตัว
ของชาวอินเดียตั้งแต่สมัยโบราณ 1 สวยงาม และใสเครื่องเทศที่มีชื่อวา
เครื่องเทศซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยมีหลายอย่าง อาทิ อบเชย ลูกผักชี ยี่หร่า หญ้าฝรั่น “ลูกเฮลท” ไทยเพี้ยนเสียงมาเปน “ลูกเอ็น”
จันทน์เทศ พริกไทย กระวานหรือลูกเอ็น กานพลู เป็นต้น ดังความวา “ขาวหุงปรุงอยางเทศ รสพิเศษ
ใสลูกเอ็น” และสีเหลืองของขาวที่หุงนั้น
๒) สะท้อนสภ�พบ้�นเมืองในสมัยอดีต การติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ เช่น
เกิดจากการใชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่เรียกวา
ชาวจีน ชาวอินเดีย หรือชาวเปอร์เซีย ท�าให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านอาหารการกิน ในเรื่อง
“หญาฝรั่น” ความจริงไมใชหญาแตเปนเกสร
กล่าวถึงอาหารคาวหวานที่ไทยได้รับกรรมวิธีการท�ามาจากชาวต่างชาติ เช่น การหุงข้าวโดยใช้เนย ดอกไมชนิดหนึ่ง ขาวหุงนี้เมื่อเขามาเผยแพร
หรือน�้ามันเนยเป็นตัวรัดเมล็ดข้าวให้เรียงตัวดูสวยงามและใส่เครื่องเทศชนิดหนึ่งมีชื่อว่า ลูกเฮลท์ ในไทยจากที่เรียก “บริญาณี” ก็เพี้ยนมาเปน
ซึ่งเพี้ยนเสียงมาเป็น ลูกเอ็น ท�าให้มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ “ขาวบุเหลา” และ “ขาวบุหลี่” ในที่สุด
ข้�วหุงปรุงอย่�งเทศ รสพิเศษใส่ลูกเอ็น ซึ่งปจจุบันนําไปปรับปรุงเปนขาวหมกไก
ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ� ขาวหมกแพะ)
นอกจากนี้ ยั ง มี อ าหารที่ เรี ย กว่ า ลุ ด ตี่ มี ลั ก ษณะเป็ น แผ่ น ท� า จากข้ า วเจ้ า ที่ ขยายความเขาใจ Expand
โม่ใหม่ๆ เป็นวิธีแบบโบราณโดยน�าไข่ไก่มาตีผสมกับแป้งข้าวเจ้า แล้วผสมด้วยสีเหลืองที่ได้จาก
หญ้าฝรั่นหรือขมิ้นผง เสร็จแล้วตักแป้งหยอดลงกระทะ กลอกแป้งไปมาให้แป้งแผ่เป็นแผ่นกลม นักเรียนบอกชื่ออาหารในกาพยเหชม
เมื่อแป้งสุกจะร่อนจากกระทะ มีสีเหลืองนวล รับประทานกับแกงไก่ ซึ่งต่อมากินเป็นขนมหรือของว่าง
เครื่องคาวหวานที่ไดรับอิทธิพลจากตางชาติ
(แนวตอบ อาหารคาวที่ไทยรับมาจากตางชาติ
ลุดตี่นี้น่�ชม แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง เชน มัสมั่น ขาวหุงเครื่องเทศ เปนตน อาหาร
โอช�หน้�ไก่แกง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอ�ย หวานและอาหารวางที่ไทยรับมาจากตางชาติ เชน
ลุดตี่ ซาหริ่ม เปนตน)
121
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดไมกลาวถึงการรับวัฒนธรรมจากตางประเทศ
1 ยี่หรา มีสรรพคุณทางอาหาร ใชเปนเครื่องปรุง นําไปใชเปนสวนประกอบใน
1. ยําใหญใสสารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา
การปรุงอาหารบางชนิด ไดแก แกง ตมยํา ซุป มักเปนที่นิยมกันในแถบยุโรปหรือ
รสดีดวยนํ้าปลา ญี่ปุนลํ้ายํ้ายวนใจ
ตะวันออกกลาง ชวยใหมีกลิ่นหอมดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว และเปนสวนประกอบ
2. รังนกนึ่งนาซด โอชารสกวาทั้งปวง
ของการถนอมอาหารประเภทเนื้อสัตว โดยนํามาปนหรือตําผสมหมักในเนื้อสัตว
นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมรางหางหองหวน
เพราะนํ้ามันหอมระเหยมีฤทธิ์ฆาเชื้อจุลินทรียได ชวยปองกันไมใหเกิดการบูดเนา
3. มัศกอดกอดอยางไร นาสงสัยใครขอถาม
เร็วขึ้น ปองกันกลิ่นเหม็นอับของเนื้อสัตวเวลาหมักกอนนําไปตากแหง สวนประกอบ
กอดเคลนจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังแคลง
ของเครื่องแกง เชน แกงกะหรี่ แกงมัสมั่น แกงเผ็ดเห็ด แกงฮังเล บาเยีย การทํา
4. ลุดตี่นี้นาชม แผแผนกลมเพียงแผนแผง
เนื้อสวรรค
โอชาหนาไกแกง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย
วิเคราะหคําตอบ อาหารไทยที่กลาวถึงในกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน
แสดงใหเห็นการติดตอคาขายระหวางไทย เปอรเซีย และญี่ปุนกอใหเกิดการ
รับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารจากตางประเทศเขามาในวัฒนธรรมไทย ซึ่ง
ไดแก รสดีดวยนํ้าปลาจากญี่ปุน มัศกอดและลุดตี่จากเปอรเซีย ขอที่ไมได
กลาวถึงวัฒนธรรมอาหารที่รับจากตางประเทศ ตอบขอ 2.
คูมือครู 121
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายการใชวรรณศิลปในกาพยเหชม
เครื่องคาวหวาน ๖.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
• กาพยเหชมเครื่องคาวหวานมีการใชโวหาร กวีสามารถพรรณนาอาหารคาวหวาน ผลไม้แต่ละชนิดได้อย่างเห็นภาพ เข้าใจชัดเจน
เปรียบเทียบอยางไร มีการใช้ถ้อยค�าเปรียบเทียบลึกซึ้งกินใจและไพเราะ เช่น
(แนวตอบ ใชโวหารเปรียบเทียบสิ่งที่ไมมีชีวิต ๑) ก�รเล่นเสียงพยัญชนะและก�รเล่นเสียงวรรณยุกต์ ช่วยให้เกิดความคล้องจอง
อยางอาหารกับนางผูเปนที่รัก โดยเทียบกับ ไพเราะ เช่น
รูปลักษณ สีสัน เครื่องแตงกาย กลิ่น กิริยา เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้� รุ่มรุ่มเร้�คือไฟฟอน
ทาทาง ดังที่เปรียบทับทิมกับแหวนที่เปน เจ็บไกลใจอ�วรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกล�งทรวง
เครื่องประดับของนางผูเปนที่รัก ความวา
“ทับทิมพริ้มตาตรู ใสจานดูดุจเม็ดพลอย พลับจีนจักด้วยมีด ทำ�ประณีตนำ้�ต�ลกวน
สุกแสงแดงจักยอย อยางแหวนกอยแกวตาชาย” คิดโอษฐ์อ่อนยิ้มยวน ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ
และมีการกลาวเปรียบเกินจริง เพื่อตองการให
๒) ก�รใช้โวห�รเปรียบเทียบ ช่วยท�าให้เกิดจินตภาพ เช่น
เกิดจินตภาพชัดเจนยิ่งขึ้น จําเปนตองแสดง
ดวยถอยคําที่มีความหมายเกินจริงจึงจะมีนํ้า ทับทิมพริ้มต�ตรู ใส่จ�นดูดุจเม็ดพลอย
หนักเทียบเทากับสิ่งที่อยูในจินตภาพได สุกแสงแดงจักย้อย อย่�งแหวนก้อยแก้วต�ช�ย
“กอยกุงปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย ๓) ก�รใช้โวห�รเกินจริง เพือ่ เน้นย�า้ ความหมาย ให้ผอู้ า่ นเห็นถึงฝีมอื การปรุงอาหาร
รสทิพยหยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ”)
ที่เป็นเลิศ ยากจะหาใครเทียบได้ เช่น
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดกวีใชโวหารเปรียบเทียบไดชัดเจนที่สุด
ครูสรุปความรูความเขาใจเรื่องอาหารและวรรณคดีไทยวา อาหารในกาพยเหชม
1. เห็นหรุมรุมทรวงเศรา รุมรุมเราคือไฟฟอน
เครื่องคาวหวานมีความสําคัญเทียบไดกับขบวนเรือพยุหยาตรา อันถือวาเปน
2. ตับเหล็กลวกหลอนตม เจือนํ้าสมโรยพริกไทย
ศิลปกรรมชั้นสูง และเปนสัญลักษณแทนความยิ่งใหญแหงสถาบันพระมหากษัตริย
3. เทโพพื้นเนื้อทอง เปนมันยองลองลอยมัน
คือ การยกยองอาหารใหเปนตัวแทนของนางอันเปนที่รัก ทําใหกาพยเหชม
4. ยําใหญใสสารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา
เครื่องคาวหวานเปนหลักฐานสําคัญในการรังสรรคบทกวีรักในรูปแบบอลังการที่
สะทอนทัศนคติเกี่ยวกับความสําคัญของอาหาร และอารมณรักใครที่มีตอนาง วิเคราะหคําตอบ การใชโวหารเปรียบเทียบทําใหเกิดจินตภาพไดชัดยิ่งขึ้น
อันทําใหผูอานเกิดความสะเทือนอารมณ จากขอที่วา “เห็นหรุมรุมทรวงเศรา รุมรุมเราคือไฟฟอน” กวีใชคําวา “คือ”
ซึ่งเปนโวหารภาพพจนอุปลักษณ ถอดคําประพันธไดวา เมื่อเห็นหรุมก็รูสึก
รอนรุมในทรวง เปรียบความรอนรุมนั้นคือไฟที่ยังรอนระอุอยูแมจะดับมอด
ไปแลว ตอบขอ 1.
122 คูมือครู
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนบอกชื่ออาหารที่ไดรับอิทธิพลจาก
ตางชาติได
ค�าถาม ประจ�าหน่วยการเรียนรู้ 2. นักเรียนยกบทประพันธที่มีการใชโวหาร
เปรียบเทียบ คนละ 1 บท และระบุสัมผัสใน
๑. นักเรียนคิดว่าความไพเราะของกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน เป็นผลมาจากการประพันธ์ด้วยกลวิธี ของแตวรรคได
ใดบ้าง ยกตัวอย่างและอธิบาย
๒. ให้นักเรียนยกตัวอย่างอาหารคาว อาหารหวาน ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานที่ไทยรับมาจาก
ต่างชาติ ประเภทละ ๒ ตัวอย่าง หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
๓. นักเรียนคิดว่าลักษณะเด่นของอาหารไทย ดังที่ปรากฏในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานคืออะไร
และท�าให้อาหารไทยมีความแตกต่างจากอาหารของชาติอื่นอย่างไร 1. ปายนิเทศสื่อการเรียนรูภาพผลไมจับคูกับ
บทประพันธในหองเรียน
2. การเขียนคําบรรยายภาพอาหาร
3. การยกบทประพันธที่มีโวหารเปรียบเทียบ
กิจกรรม สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. ความไพเราะของกาพยเหชมเครื่องคาวหวานเปนผลมาจากการประพันธที่ใชกลวิธี ดังนี้
• การใชโวหารเปรียบเทียบทําใหเกิดจินตภาพ
• การใชโวหารเกินจริง เนนยํ้าความหมายใหผูอานเห็นถึงฝมือการปรุงอาหารที่เปนเลิศยากจะหาใครเทียบได
• การเลนคําเพื่อสรางอารมณสะเทือนใจ
• การเลนเสียงทั้งเสียงพยัญชนะและเสียงวรรณยุกต ทําใหเกิดความคลองจองไพเราะ
2. อาหารคาวที่ไทยรับมาจากตางชาติ เชน มัสมั่น ขางหุงเครื่องเทศ อาหารหวานที่ไทยรับมาจากตางชาติ เชน ลุดตี่ ซาหริ่ม
3. ลักษณะของอาหารไทยดังที่ปรากฏในกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน คือ มีความงดงามละเอียดออน และความพิถีพิถันในการปรุงอาหารของคนไทย ซึ่งทําใหอาหาร
มีรูปลักษณสวยงาม เปนเอกลักษณเฉพาะตัวที่ไมเหมือนชาติอื่น
คูมือครู 123
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหานิทานพื้นบาน
2. วิเคราะหนิทานพื้นบานพรอมยกเหตุผลประกอบ
3. อธิบายคุณคาของนิทานพื้นบาน
4. สรุปความรูและขอคิดที่ไดจากนิทานพื้นบาน
เพื่อใชในชีวิตจริง
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. ใฝเรียนรู
2. รักความเปนไทย
กระตุน ความสนใจ
ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวย แลวถาม
Engage หน่วยที่ ๗
นักเรียนวา นิทานพื้นบ้าน
• จากภาพหนาหนวยนักเรียนคิดวาเปนนิทาน ตัวชี้วัด
เรื่องอะไร และมีตัวละครใดในภาพบาง ■■
■■
สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑)
วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ
นิ ทานพืน้ บ้าน เป็นเรือ่ งราวทีเ่ ล่าขานกัน
(แนวตอบ เรื่องสังขทอง มีนางรจนา เจาเงาะ (ท ๕.๑ ม.๑/๒)
สืบมา แม้ยากที่จะเชื่อว่าเป็นความจริง แต่ถ้า
อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓) ได้พิจารณาเนื้อหาอย่างถ่องแท้แล้ว จะพบว่า
และพระสังข) ■■
สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
■■
แฝงเร้ น ไว้ ด ้ ว ยสาระที่ เ ป็ น ประโยชน์ และยั ง
(ท ๕.๑ ม.๑/๔)
สะท้อนให้เห็นถึงภูมปิ ญ ั ญาและทัศนคติของมนุษย์
ในแต่ละสังคม ในแต่ละด้านได้เป็นอย่างดี
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
นอกจากนี้ การศึกษานิทานพืน ้ บ้านยังจะท�าให้เกิด
■■ การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจากวรรณคดี และวรรณกรรม
เรื่อง นิทานพื้นบ้าน ความเข้าใจในเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นอันน�าไปสู่
การยอมรับในความหลากหลายทางวัฒนธรรมซึ่งจะ
ท�าให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเป็นสุข
124
เกร็ดแนะครู
หนวยการเรียนรูนี้ ครูใหนักเรียนแลกเปลี่ยนประสบการณและความรูเกี่ยวกับ
นิทานพื้นบาน โดยครูขออาสาสมัครมาเลานิทานเรื่องที่เห็นวาเปนเรื่องที่นาสนใจที่
เคยอานหรือเคยฟงหนาชั้นเรียน และใหเพื่อนในชั้นเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกับนิทานที่เพื่อนเลา เชน บอกขอคิดที่ไดจากเรื่อง แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ
ตัวละครในเรื่อง เปนตน
124 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนออกมาเลาประสบการณเกี่ยวกับ
๑ ความเป็นมา นิทานหนาชั้นเรียน
นิทานพื้นบ้าน คือ เรื่องราวที่เล่าสืบทอดกันมาด้วยปากต่อปากจากความทรงจ�าโดยไม่อาจ
• นักเรียนชอบฟงหรืออานนิทานหรือไม
เพราะเหตุใด
สืบสาวได้วา่ ใครเป็นผูแ้ ต่งหรือผูเ้ ล่าเป็นครัง้ แรก บอกได้แต่เพียงว่าเป็นเรือ่ งเก่าทีเ่ ล่าสืบกันมา ภายหลัง
• นักเรียนเคยฟง เคยอาน หรือเคยเลานิทาน
จึงได้มีการถ่ายทอดเรื่องเล่าเหล่านั้นเป็นลายลักษณ์ 1 อักษรด้วยการเขียนหรือการพิมพ์ พื้นบานหรือไม อยางไร
นิทานพืน้ บ้านถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมทีป่ รากฏอยูใ่ นทุกท้องถิน่ ของไทย เนือ่ งจากสามารถ
น�ามาเล่าได้ในทุกโอกาส ทุกสถานที่ แม้การถ่ายทอดอาจท�าให้มกี ารเปลีย่ นแปลงให้เข้ากับความเคยชิน
สํารวจคนหา Explore
ในท้องถิ่น แต่เนื้อหาและโดยเฉพาะโครงเรื่องของนิทานมักมีความคล้ายคลึงกัน สะท้อนให้เห็นว่า
นิทานพื้นบ้านได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย 1. นักเรียนศึกษาความเปนมาและความสําคัญ
ของนิทานพื้นบาน
๑.๑ ความส�าคัญและประโยชน์ของนิทานพืน้ บ้าน 2. นักเรียนศึกษาประเภทของนิทานพื้นบาน
๑) ให้ความบันเทิงแก่ผู้ฟัง สั2งคมไทยในอดีตโดยเฉพาะสังคมชนบทนิยมเล่าและ
ฟังนิทานเป็นกิจกรรมบันเทิงใจ เนื่องจากนิทานสามารถน�ามาเล่าได้โดยไม่ต้องมีพิธีรีตอง จึงได้รับ อธิบายความรู Explain
การสืบทอดและแพร่หลายในทุกท้องถิ่น แม้เนื้อหาของนิทานจะมีหลายรูปแบบ แต่จุดประสงค์ดั้งเดิม
ของการเล่านิทาน คือ เพื่อเป็นสิ่งบันเทิงใจในยามว่างจากการงาน 1. นักเรียนสรุปความเปนมาของนิทานพื้นบาน
๒) ให้ความรู้ นิทานพื้นบ้านหลายเรื่องอาจมีความรู้สอดแทรกอยู่ เช่น ความรู้ ลงสมุด
เกี่ยวกับจารีต ประเพณี พิธีกรรม ศาสนา และประวัติศาสตร์ (แนวตอบ นิทานพื้นบานเปนเรื่องที่เลาสืบตอกัน
๓) ให้แนวทางในการด�าเนินชีวิต นิทานพื้นบ้านโดยทั่วไปมักมีแก่นหรือแนวคิด มาจากความทรงจําแบบปากตอปาก โดยไม
ส�าคัญของเรื่องอิงอยู่กับหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา ดังนั้น การเล่า การอ่าน หรือการแสดง สามารถบอกไดวาใครเปนคนเลาหรือคนแตง
นิทานพื้นบ้านในที่ประชุมชน จึงมีส่วนปลูกฝังจริยธรรมพร้อมๆ กับความบันเทิงแก่ผู้ฟัง เช่น ชีวิต
คนแรก ตอมาจึงมีการบันทึกเปนลายลักษณ
อักษร)
หรือพฤติกรรมของตัวเอกฝ่ายดีและฝ่ายไม่ดี เป็นแบบอย่างให้ผู้ฟังน� ามาใช้และละเว้นการปฏิบัติ
2. ครูสมุ นักเรียน 2-3 คน มานําเสนอหนาชัน้ เรียน
ในการด�าเนินชีวิตหรือน�ามาอบรมบุตรหลานของตนต่อไป
๔) ให้ค�าอธิบายความเป็นมาของชุมชนและเผ่าพันธุ์ นิทานพื้นบ้านบางส่วน
มีเนื้อหาเป็นต�านาน หรืออธิบายความเป็นมาของชุมชนเผ่าพันธุ์ที่ตั้งรกรากอยู่ในแต่ละท้องถิ่น
ของไทย เช่ น เรื่ อ ง ท้ า วแสนปม เป็ น นิ ท านพื้ น บ้ า นที่ อ ธิ บ ายความเป็ น มาของบรรพบุ รุ ษ ของ
ชาวภาคกลาง เรื่อง ขุนบรม อธิบายความเป็นมาของบรรพบุรุษของชาวอีสาน เป็นต้น
๕) ให้แรงจูงใจชาวบ้านในการไปวัด ชาวไทยในอดีตนิยมไปวัดเพื่อฟังธรรม
ซึ่งมักมีนิทานสอดแทรกอยู่ด้วย เพราะเชื่อว่าการฟังธรรมเป็นกุศลผลบุญอย่างหนึ่งที่มีอานิสงส์
สูงมาก ความเชื่อเรื่องนี้ได้สืบต่อกันมา โดยจะพบเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อนิทานพื้นบ้านอยู่ในรูปของ
วรรณกรรมลายลักษณ์
125
บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูบูรณาการความรูจากการจําแนกนิทานพื้นบานตามความสําคัญและ นักเรียนควรรู
ประโยชนเขากับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
1 มรดกทางวัฒนธรรม นิทานพื้นบานแสดงใหเห็นถึงวัฒนธรรมของผูคน
วิชาประวัติศาสตร ซึ่งประวัติศาสตรทองถิ่นจะเปนเรื่องราวและประวัติ
ในทองถิ่นหรือชุมชนนั้น นิทานมีความสัมพันธกับวิถีชีวิตของคนในทองถิ่น ทําให
ความเปนมาของคนในทองถิ่นหรือชุมชน โดยวิธีการเลาสืบตอกันมาและแมวา
มองเห็นการดําเนินชีวิต อาชีพ ความเชื่อ ศาสนา และแนวความคิดของคน
จะไดรับการแตงเติมจากจิตนาการของผูเลา แตก็มีการอิงเคาความเปนจริง
ในทองถิ่น จึงนับวานิทานเปนบันทึกสังคมที่สําคัญ และเปนมรดกทางวัฒนธรรม
ตามวิถีชีวิตและสภาพแวดลอมของทองถิ่น การศึกษานิทานพื้นบานทําให
ที่มีคุณคาอยางหนึ่ง
เห็นการดําเนินชีวิต อาชีพ ความเชื่อ ศาสนา และแนวความคิดของคน
ในทองถิ่น เมื่อนําไปบูรณาการเชื่อมสาระกับวิชาประวัติศาสตรจะชวยให 2 นิทาน เปนเรื่องที่เกิดจากจินตนาการก็จริง แตเนื้อเรื่องของนิทานมักจะ
นักเรียนเห็นคุณคาของนิทานพื้นบานในฐานะที่เปนมรดกทางวัฒนธรรมที่มี เลียนแบบชีวิตจริงของคนอื่นๆ คือสรางเรื่องใหตัวละคร ซึ่งมักจะเปนตัวพระเอก
คุณคาอยางหนึ่งที่ตองเรียนรูและรักษาตอไป ออกเดินทางไปผจญภัยในโลกกวาง ไดพบกับอุปสรรคนานัปการ พระเอกฝาฟน
อุปสรรคและไดรับความสุขสําเร็จในตอนจบเรื่อง
คูมือครู 125
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความสําคัญและประโยชนของ
นิทานพื้นบาน ๖) ให้เนื้อเรื่องแก่การแสดงพื้นบ้าน การละเล่นและการแสดงพื้นบ้านในแต่ละ
(แนวตอบ ความสําคัญและประโยชนของนิทาน ท้องถิ่น ส่วนหนึ่งมักสัมพันธ์กับนิทานพื้นบ้าน เนื่องด้วยนักแสดงหรือนักเล่านิทานย่อมได้รับอิทธิพล
พื้นบาน มีดังนี้ หรือได้เนื้อเรื่องบางส่วนบางตอนมาจากนิทานพื้นบ้าน
1. ใหความรูเกี่ยวกับวัฒนธรรมของเจาของ ๗) ให้อทิ ธิพลต่อศิลปกรรม นิทานพืน้ บ้านมีอทิ ธิพลต่1 อศิลปกรรมท้องถิน่ โดยเฉพาะ
นิทาน เชน ความรูเกี่ยวกับชีวิตความเปน นิ ท านพื้ น บ้ า นที่ มี เ นื้ อ หาเกี่ ย วเนื่ อ งกั บ พระพุ ท ธศาสนาและชาดก เช่ น ภาพจิ ต รกรรมฝาผนั ง
อยู จารีตประเพณี ความเชื่อ คานิยม สภาพ เรื่ อ ง คั น ธกุ ม ารหรื อ คั ช นาม ที่ วิ ห ารจั ตุ ร มุ ข วั ด ภู มิ น ทร์ จั ง หวั ด น่ า น ภาพจิ ต รกรรมฝาผนั ง
เศรษฐกิจ ภูมิประเทศ และถิ่นฐานบานเรือน เรื่อง สินไซ ที่พระอุโบสถวัดฝังแดง จังหวัดนครพนม เป็นต้น
ทั้งรูปแบบการเลานิทานที่ใชคําประพันธ
เขามาชวย เชน แหล เทศน เสภา ทั้งยังสราง
ความงามดานรูปแบบอีกประการหนึ่ง ดังนั้น
หากเยาวชนไดเรียนรูนิทานพื้นบานของตน
จึงเปนชองทางในการรูตนเอง สามารถ
อธิบายที่มาของตนเองได รวมทั้งอาจจะบอก
ไดถึงขอดีและขอจํากัดในวัฒนธรรมนั้นๆ
ของตน
2. ใหความสนุกสนานเพลิดเพลิน ปกติแลว
ผูเลานิทานมักเปนผูใหญหรือผูมปี ระสบการณ
สวนผูฟงมักจะเปนเด็กหรือมีประสบการณ
นอยกวา การเลานิทานพื้นบานเปนกิจกรรม
ที่ผูฟงทุกหมูทุกเหลาชื่นชอบ ปจจุบันการเลา
นิทานก็ยังมีอยูทั่วไป เพียงแตเปลี่ยนไปตาม
สถานการณหรือผูฟงเทานั้น
วิหารจัตุรมุข วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน
3. นิทานพื้นบานนอกจากจะใหความบันเทิงแลว
ยังแทรกคติคําสั่งสอน แนวทางการประพฤติ เนื่องจากนิทานพื้นบ้านเป็นวรรณกรรมประเภทหนึ่งซึ่งเรียกว่า วรรณกรรมมุขปาฐะ คือ เป็น
ปฏิบัติ ใหแงคิดและแนวทางการดําเนินชีวิต วรรณกรรมที่เป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมา ครั้นเมื่อมีผู้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร จึงเรียกว่า วรรณกรรม
สวนใหญจะเปนหลักธรรมวา “ทําดีไดดี ลายลักษณ์ และถ้าปรุงแต่งส�านวนโวหารดีเยีย่ มเป็นทีย่ อมรับกันทัว่ ไป ก็บญ
ั ญัตเิ รียกว่า วรรณคดี ดังนัน้
ทําชั่วไดชั่ว” แนวปฏิบัติที่มักจะสอดแทรก นิทานพื้นบ้านจึงเป็นส่วนหนึ่งของวรรณกรรมลายลักษณ์ วรรณคดี และส�านวนโวหาร นิทานพื้นบ้าน
ในเนื้อหา เชน ความซื่อสัตย ความกตัญู จึงมีคุณค่าในด้านภาษาและวรรณคดีไทยอีกหลายประการ ได้แก่
ความขยันหมั่นเพียร การเชื่อฟงผูใหญ
เปนตน)
126
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดหมายถึงนิทานมุขปาฐะ
1 ชาดก คือ เรื่องราวหรือชีวประวัติในชาติกอนของพระพุทธเจาในสมัยที่พระองค
1. นิทานที่ถายทอดกันปากตอปาก
เปนพระโพธิสัตวบําเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรูอยู พระองคทรงนํามาเลาใหพระสงฆฟง
2. นิทานที่ถายทอดกันดวยการเขียน
ในโอกาสตางๆ คือเลาถึงการที่พระพุทธเจาทรงเวียนวายตายเกิด ถือเอากําเนิด
3. นิทานที่ถายทอดกันดวยตัวหนังสือ
ในชาติตางๆ ไดพบปะผจญกับเหตุการณดีบางชั่วบาง แตก็ไดพยายามทําความดี
4. นิทานที่ถายทอดกันดวยลายลักษณอักษร
ติดตอกันตลอดมาจนเปนพระพุทธเจาในชาติสุดทาย กลาวอีกอยางหนึ่ง จะถือวา
เรื่องชาดกเปนวิวัฒนาการแหงการบําเพ็ญคุณงามความดีของพระพุทธเจา ตั้งแต วิเคราะหคําตอบ นิทานเริ่มถายทอดดวยการเลาสูกันฟง หากนิทานเรื่องใด
ยังเปนพระโพธิสตั วอยูก ไ็ ด ในอรรถกถาแสดงดวยวา ผูน น้ั ผูน ก้ี ลับชาติมาเกิดเปนใคร ที่มีการใชภาษาสํานวนโวหารดีก็จะมีการบันทึกเปนลายลักษณอักษรเรียกวา
ในสมัยพระพุทธเจา แตในบาลีพระไตรปฎกกลาวถึงเพียงบางเรื่อง เพราะฉะนั้น วรรณกรรมลายลักษณ ดังนั้น ขอที่ไมใชวรรณกรรมลายลักษณแตเปน
สาระสําคัญจึงอยูที่คุณงามความดีและอยูที่คติธรรมในนิทานนั้นๆ วรรณกรรมมุขปาฐะ คือ นิทานที่ถายทอดกันปากตอปาก ตอบขอ 1.
126 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายหัวขอตอไปนี้
๑) นิ ท านพื้ น บ้ า นเป็ น บ่ อ เกิ ด ของวรรณกรรมลายลั ก ษณ์ แ ละวรรณคดี • วรรณกรรมมุขปาฐะ
วรรณกรรมลายลักษณ์ในท้องถิ่นต่างๆ ได้พัฒนามาจากนิทานพื้นบ้านในท้องถิ่นนั้นๆ โดยมีการน�า (แนวตอบ วรรณกรรมมุขปาฐะ คือ
เนื้อเรื่องนิทานพื้นบ้านมาประพันธ์ตามฉันทลักษณ์ที่นิยมกันในท้องถิ่น เป็นวรรณกรรมลายลักษณ์ วรรณกรรมที่เปนเรื่องเลาสืบตอกันมา)
เพือ่ ใช้อา่ นหรือขับล�าน�าในทีช่ มุ ชน นอกจากนีย้ งั มีการน�านิทานพืน้ บ้านบางเรือ่ งมาปรุงแต่งด้วยส�านวน • วรรณกรรมลายลักษณ
และโวหารอันประณีตจนได้รับการยกย่องว่าเป็น วรรณคดีของชาติ เช่น กลอนบทละครเรื่องสังข์ทอง (แนวตอบ วรรณกรรมลายลักษณ คือ
วรรณกรรมที่มีการบันทึกไวเปนลายลักษณ
เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน เป็นต้น
อักษร ซึ่งหากใชสํานวนภาษาดีเยี่ยม
๒) นิทานพื้นบ้านมีอิทธิพลต่อส�านวนที่ใช้ในภาษาไทย ส�านวนพูดในภาษาไทย ก็บัญญัติวาเปน “วรรณคดี”)
ส่วนหนึ่งมีที่มาจากนิทานพื้นบ้าน โดยอาจน�ามาจากชื่อตัวละครหรือเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่อง เช่น 2. นักเรียนอธิบายวา เหตุใดนิทานพื้นบานจึงมี
กระต่ายตื่นตูม ได้ทีขี่แพะไล่ หัวล้านได้หวี ตาบอดได้แว่น กิ้งก่าได้ทอง ลูกทรพี แพะรับบาป อิทธิพลตอสํานวนที่ใชในภาษาไทย
สิบแปดมงกุฎ ไก่ได้พลอย กบเลือกนาย เป็นต้น (แนวตอบ เหตุที่นิทานพื้นบานมีอิทธิพลตอ
สํานวนทีใ่ ชในภาษาไทย ก็เพราะนิทานพืน้ บาน
๑.๒ ประเภทของนิทานพืน้ บ้าน ใหขอ คิดเตือนใจทีส่ ามารถนํามาใชในชีวติ จริงได
นิทานพื้นบ้านไทย จ�าแนกได้เป็น ๗ ประเภท โดยพิจารณาจากเนื้อหาหรือรูปแบบ ซึ่งประโยชนดังกลาวทําใหมีผูกลาวถึงนิทาน
ที่มีความคล้ายกัน ดังนี้ พื้นบานเมื่อตองการใหขอคิดเตือนใจ โดยนํา
๑) นิทานมหัศจรรย์ หรือนิทานประโลมโลกหรือนิทานจักรๆ วงศ์ๆ มักมีเนื้อเรื่อง ชื่อตัวละครหรือเหตุการณสําคัญในเรื่องมาเปน
ที่ให้ความสนุกสนาน เล่าถึงการผจญภัยของตัวเอก ของวิเศษ อิทธิฤทธิ์ต่างๆ โดยมีแนวคิดหลัก สํานวน เชน กระตายตื่นตูม ไดทีขี่แพะไล
คือ ธรรมะย่อมชนะอธรรม เช่น เรื่องท้าวก�่ากาด�า โสนน้อยเรือนงาม มโนราห์ เป็นต้น กิ้งกาไดทอง กบเลือกนาย เปนตน)
๒) นิทานวีรบุรุษ เป็นเรื่องราวของวีรบุรุษประจ�าท้องถิ่นที่เชื่อกันว่าบุคคลเหล่านั้น 3. นักเรียนตอบคําถามวา นิทานพื้นบานไทย
มีชีวิตจริง มีชื่อปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ และได้สร้างวีรกรรมไว้ โดยน�าเนื้อเรื่องมาผูกกับอิทธิฤทธิ์ แบงเปนกี่ประเภทอะไรบาง
ปาฏิหาริย์และความเก่งกล้าเหนือมนุษย์ธรรมดามากกว่ (แนวตอบ นิทานพื้นบานไทย แบงเปน 7
1 าที่จะเล่าตามข้อเท็จจริง เช่น เรื่องพระร่วง ประเภท ไดแก นิทานมหัศจรรย นิทานวีรบุรุษ
มีวาจาสิทธิ์เป็นกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ท้าวแสนปมคือพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา
นิทานประจําถิ่น นิทานอธิบายเหตุ นิทาน
เป็นต้น
เทพนิยาย นิทานคติธรรม นิทานมุกตลก)
๓) นิทานประจ�าถิ่น เป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาในท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นการ
อธิบายชื่อสถานที่หรือประวัติความเป็นมาของโบราณสถาน โดยน�าเนื้อเรื่องหรือตัวละครมาเกี่ยวพัน
กับสถานที่ในท้องถิ่น และเชื่อกันว่าเป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีตกาลนานมาแล้ว แต่ยัง
ปรากฏหลักฐานเป็นพยานยืนยันอยู่ เช่น เรือ่ งพระยากงพระยาพาน เล่าความเป็นมาของพระปฐมเจดีย์
เรื่องท้าวปาจิต-นางอรพิม เล่าความเป็นมาของปราสาทหินพิมาย เรื่องเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว เล่าความ
เป็นมาของมัสยิดกรือเซะและศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว เป็นต้น
127
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
นิทานพื้นบานประเภทนิทานมหัศจรรยมีความสําคัญและประโยชนใน
1 ทาวแสนปม นอกจากคําเลาขานของชาวบานแลว ทาวแสนปมตามตํานานใน
ขอใดมากที่สุด
ตนพระราชพงศาวดารกรุงเกาฉบับสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรสวา ใน จ.ศ. 681 หรือ
1. ใหความรู
พ.ศ. 1862 ทาวแสนปม ไดไปสรางเมืองใหมขึ้นที่เมืองเทพนครและขึ้นครองราชย
2. ใหความบันเทิง
สมบัติในเมืองเทพนครทรงพระนามวาพระเจาสิริชัยเชียงแสนครองราชยสมบัติ
3. ใหแรงจูงใจในการไปวัด
25 ป สวรรคตเมื่อ จ.ศ. 706 หรือ พ.ศ. 1887 ทรงมีพระราชโอรสพระนามวา
4. ใหคําอธิบายความเปนมาของชุมชน
“พระเจาอูทอง” ไดชื่อเชนนี้ เพราะพระราชบิดานําทองคํามาทําเปนอู (เปล) ใหนอน
วิเคราะหคําตอบ นิทานพื้นบานมหัศจรรยมักมีเนื้อเรื่องใหความสนุกสนาน จึงขนานนามพระองควาพระเจาอูทอง ภายหลังพระเจาอูทองเปนผูสถาปนา
เลาถึงการผจญภัยของตัวเอก ของวิเศษ และอิทธิฤทธิ์ตางๆ จากจินตนาการ กรุงศรีอยุธยาเปนเมืองหลวง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงวิจารณ
ของผูแตง ซึ่งตัวละครและสถานที่อาจไมมีอยูจริง และไมเกี่ยวกับคานิยม เรื่องทาวแสนปมไวในหนังสือบทละครเรื่องทาวแสนปมที่พระองคทรงพระราชนิพนธ
ความเชื่อเรื่องการฟงธรรมแลวจะเกิดอานิสงสที่จะทําใหเกิดแรงจูงใจในการ วา ตํานานเรื่องทาวแสนปมนี้จะตองมีมูลความจริง เพราะอยางนอยศักราชที่ทรง
ไปวัด จึงเห็นไดวานิทานมหัศจรรยใหความบันเทิงมากกวาขออื่น ตอบขอ 2. ทิวงคตเปนของแนนอน แตมีผูเลาตอๆ กันมาภายหลัง เลาไปในทางปาฏิหาริย
จนเหลือเชื่อ
คูมือครู 127
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. นักเรียนจับคูเลานิทานที่เปนบอเกิดของสํานวน
ที่ใชในภาษาไทยคูละ 1 เรื่อง พรอมบอก ๔) นิทานอธิบายเหตุ เป็นนิทานทีต่ อบค�าถามเกีย่ วกับความเป็นมาของสิง่ ของต่างๆ
ความหมายของสํานวนนั้น และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ส่วนใหญ่มีขนาดสั้นๆ เล่ากันกว้างขวางไม่จ� ากัดท้องถิ่น เช่น ท�าไม
(แนวตอบ นักเรียนเลือกไดหลากหลาย ตัวอยาง จึงมีรูปกระต่ายในดวงจันทร์ ท�าไมข้าวจึงมีเมล็ดเล็ก ท�าไมหมากับแมวเป็นศัตรูกัน หรืออธิบาย
เชน สํานวนกบเลือกนาย สํานวนนี้มาจากนิทาน ความเชื่อและพิธีกรรม เช่น นิทานเรื่องธงจระเข้ในงานทอดกฐิน ประเพณีการปล่อยปลา เรื่อง
อีสปเรื่องกบเลือกนาย กบขอใหเทวดาสงนาย บวชนาค เป็นต้น
ลงมาให เทวดาสงขอนไมลงมา แตกบเลือก ๕) นิทานเทพนิยาย เป็นนิทานที่อธิบายถึงการสร้างโลก ก�าเนิดโลก ก�าเนิดมนุษย์
มากอยากเปลี่ยนนาย เทวดาจึงสงนกกระสาซึ่ง เทวดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายหรืออธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติและพิธีกรรม เช่น เรื่องพระยาแถน
ชอบกินกบลงมาให นกกระสาไดกินกบจนหมด สร้างโลก เรื่องเมขลารามสู รที่อธิบายเรื่องฟ้าแลบฟ้าผ่า เรื่องท้าวมหาสงกรานต์ที่อธิบายประเพณี
สํานวนนี้ หมายความวา คนชางเลือก เลือกจน 1
วันตรุษสงกรานต์ เรื่องพญาคันคากที่อธิบายเรื่องการแห่บั้งไฟ เป็นต้น
ทําใหตัวเองเดือดรอน)
๖) นิทานคติธรรม หรือนิทานสอนใจ นิทานประเภทนี้น�าหลักธรรมมาผูกเป็น
2. นักเรียนเลือกนิทานเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่นักเรียน
เรื่องให้สนุกสนาน ตัวละครเป็นบุคคลที่ปรากฏอยู่ในพุทธประวัติบ้าง อัครสาวกบ้าง และสัตว์บ้าง
ชื่นชอบ แลววิเคราะหวา นิทานเรื่องที่นักเรียน
เลือกเปนนิทานประเภทใด เพราะเหตุใด เนื้อเรื่องชี้ให้เห็นการท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ชั่ว แสดงถึงคุณธรรมต่างๆ เพื่อสอนใจในการด�าเนินชีวิต เช่น
(แนวตอบ นักเรียนสามารถเลือกนิทานได นิทานชาดก นิทานสุภาษิต นิทานที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ เป็นต้น
หลากหลาย ครูพิจารณาแนวทางการวิเคราะห ๗) นิทานมุกตลก เป็นนิทานที่มุ่งเสนอความขบขัน ให้ความบันเทิงใจแก่ผู้ฟัง
ของนักเรียนวา สมเหตุสมผลหรือไม ตัวอยาง เนื้อเรื่องส่วนใหญ่เป็นเรื่องสั้นๆ ตอนเดียวจบ ผูกเรื่องขึ้นเพื่อความขบขัน เช่น เรื่องศรีธนญชัย
นิทานพื้นบาน เชน เรื่องพระยาแถนสรางโลก เป็นต้น
เปนตน)
บอกเล่าเก้าสิบ
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนเลานิทานที่เปนบอเกิดของสํานวนที่ใช ทำ�ไมข้�วจึงมีเมล็ดเล็ก
ในภาษาไทยได ในภาคเหนือ มีนิทานอธิบายเหตุว่า ท�าไมข้าวจึงมี
2. นักเรียนวิเคราะหนิทานพื้นบานและจัดแบง เมล็ดเล็ก โดยเล่าว่าแต่เดิมเมล็ดข้าวมีขนาดเท่าลูกฟัก
ประเภทไดถูกตอง ผู้คนไม่ต้องปลูกและเก็บเกี่ยวเอง พอข้าวสุกก็จะกลิ้งมา
เข้ายุง้ ฉางเอง แต่มหี ญิงม่ายคนหนึง่ สร้างฉางไม่ทนั เสร็จ
เมล็ดข้าวกลิง้ เข้ามาในฉางมากมาย นางโกรธจึงคว้าค้อน
ไล่ทุบเมล็ดข้าว เมล็ดข้าวแตกกระจาย ท�าให้ข้าวมีเมล็ด
เล็กแต่นั้นมา
128
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสําคัญของนิทานพื้นบานวา นิทาน นักเรียนทํากิจกรรมเพิ่มเติมความรูเกี่ยวกับนิทานพื้นบาน โดยนักเรียน
พื้นบานใหความสําคัญและคติในการดํารงชีวิต ใหความสําคัญแกวีรบุรุษประจําถิ่น ศึกษาและคนหานิทานพื้นบานที่นาสนใจจากแหลงการเรียนรูใดก็ไดมา
หรือประจําชาติ ใหคําอธิบายเกี่ยวกับปรากฏการณธรรมชาติหรือที่มาของสถานที่ 1 เรื่อง จากนั้นจดบันทึกจากการอานการฟงหรือนิทานพื้นบานนั้นลงสมุด
ตางๆ ในทองถิ่น ใหกําลังใจในการดําเนินชีวิตและยังใหความเพลิดเพลินใจอีกดวย
นักเรียนควรรู กิจกรรมทาทาย
1 ประเพณีวันตรุษสงกรานต สืบเนื่องจากสงกรานตเปนประเพณีเกาแกของไทย
ซึ่งสืบทอดมาแตโบราณคูมากับประเพณีตรุษ จึงมีการเรียกรวมกันวา “ประเพณีตรุษ นักเรียนเลานิทานพื้นบานที่อานหรือฟงมาหนาชั้นเรียน โดยใชทักษะ
สงกรานต” หมายถึง ประเพณีสงทายปเกาและตอนรับปใหม คําวา “ตรุษ” เปน ในการเลาเรื่องใหนาสนใจ พรอมบอกขอคิดจากนิทานที่เลา
ภาษาทมิฬ แปลวา การสิ้นป แตในปจจุบันการเฉลิมฉลองในประเพณีสงกรานตนั้น
ไดละทิ้งความงดงามของประเพณีในสมัยโบราณไปเกือบหมดสิ้น คงไวเพียงแต
ภาพลักษณแหงความสนุกสนาน
128 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนเลนเกมทายภูมิภาค โดยให
๒ นิทาน¾ืéนบ้านไทยãนท้อง¶ิ่นµ่างæ นักเรียนทายวานิทานที่ครูยกมาเปนนิทานจาก
ภูมิภาคใดของประเทศไทย
• มโนราห
(แนวตอบ ภาคใต)
สามกษัตริย์ • พระยาแถน
(แนวตอบ ภาคเหนือกับภาคอีสาน)
• พระยากงพระยาพาน
(แนวตอบ ภาคกลาง)
อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อุสาบารส หอนางอุสา
จังหวัดเชียงใหม่
จังหวัดอุดรธานี สํารวจคนหา Explore
1. นักเรียนอานตัวอยางเนื้อเรื่องนิทานพื้นบาน
ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต
2. นักเรียนคนหาวาแตละทองถิ่นในประเทศไทย
พระยากง พระยาพาน
มีนิทานใดเปนที่รูจักบาง
ศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว
จังหวัดปัตตานี
129
บูรณาการเชื่อมสาระ
การศึกษานิทานพื้นบานโดยแบงตามประเพณีวัฒนธรรมของไทยออกเปน เกร็ดแนะครู
ภาคตางๆ 4 ภาค คือ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต และภาคตะวันออก- ครูจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะการพูดของนักเรียนควบคูกับการศึกษานิทานพื้นบาน
เฉียงเหนือ โดยครูเชื่อมโยงความรูเขากับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ไทยในทองถิ่นตางๆ โดยใหนักเรียนจัดกลุมแลวเลือกศึกษานิทานพื้นบานที่นักเรียน
ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาการปกครองทองถิ่น ซึ่งเนื้อหาจะอธิบายเกี่ยวกับ มีความสนใจรวมกัน จากนั้นใหนักเรียนทุกคนในแตละกลุมมานําเสนอนิทานที่ศึกษา
ลักษณะทางวัฒนธรรมของแตละทองถิ่น ทั้งความเหมือนและความแตกตาง มาหนาชั้นเรียน เมื่อนักเรียนเลาเรื่องจบแลว ครูตั้งคําถามเกี่ยวกับนิทานที่นักเรียน
ทางวัฒนธรรมประเพณีจะสอดคลองกับเนื้อหา ประวัติความเปนมา และการ แตละกลุมนําเสนอ เพื่อนําไปสูการเปดอภิปรายประเด็นตางๆ ที่เหมาะสมหรือนําไป
อธิบายสถานที่สําคัญของแตละทองถิ่นในนิทานพื้นบาน ประยุกตใชในชีวิตประจําวันได ครูชวยกระตุนใหนักเรียนทุกคนมีสวนรวมในการ
แสดงความคิดเห็น ไมวาจะเปนการเห็นดวยหรือการโตแยง นําความรูเกี่ยวกับ
มารยาทในการพูดและการฟงมาเปนกรอบในการรวมกันอภิปราย
คูมือครู 129
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนกลุมที่ 1 มาเลาเรื่องยอเรื่องสามกษัตริย
หนาชั้นเรียน เรื่อง สามกษัตริย์
(แนวตอบ เรื่องสามกษัตริย เปนเรื่องเกี่ยวกับ นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ
กษัตริย 3 องค คือ พอขุนรามคําแหง พอขุนมังราย
พ่อขุนรามค�าแหง พ่อขุนมังราย พ่อขุนง�าเมือง เป็นโอรสของกษัตริย์ ทั้ง ๓ พระองค์อยู่ใน
พอขุนงําเมือง ทั้งสามพระองคเปนเพื่อนรักกัน มักไป วัยเดียวกัน เป็นพระสหายกันมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์และได้เดินทางไปศึกษาศิลปวิทยาการด้วยกัน
มาหาสูกันเสมอ พอขุนรามคําแหงหรือพระยารวงมัก ที่ส�านักสุกทันตฤษี วัดเขาสมอคอน เมืองละโว้ ครั้นเมื่อเจริญวัยต่างก็ได้ครองเมืองทุกพระองค์
เดินทางโดยขบวนชางผานเมืองแพรไปเมืองพะเยา คือพ่อขุนรามค�าแหงครองเมืองสุโขทัย พ่อขุนมังรายครองเมืองเชียงราย (ภายหลังย้ายมาเมืองเชียงใหม่)
จนเปนรองลึกและเกิดเปนลําธารจึงเรียกวา “แมรอง พ่อขุนง�าเมืองครองเมืองพะเยา ทัง้ สามพระองค์ยงั เป็นพระสหายรักใคร่กนั อยู่ เช่น เมือ่ ครัง้ พ่อขุนมังราย
ชาง” เมื่อครั้งพระยางําเมืองมีพระชายาชื่อ “นางอั้ว ย้ายราชธานีมาเมืองเชียงใหม่ ยังเชิญพระสหายทั้งสองไปดูท�าเลสร้ 1 างเมืองด้วย
เชียงแสน” ผูมีรูปโฉมงดงาม พระยารวงเสด็จมา พ่ อ ขุ น รามค� า แหง (พงศาวดารโยนกเรี ย กว่ า พระยาร่ ว ง) ปกติ จ ะเสด็ จ ไปเยี่ ย มพระยา
เยี่ยมเยียนพระยางําเมือง แตกลับหลงใหลรักใคร ง�าเมือง ปีละครั้ง และถือโอกาสเสด็จไปสรงน�้าในแม่น�้าโขงด้วย พระยาร่วงจะเสด็จโดยขบวนช้างผ่าน
นางอั้วเชียงแสนซึ่งมีใจตรงกัน ทั้งสองลอบเปนชูกัน เมืองแพร่ไปเมืองพะเยาจนเส้นทางเป็นร่องลึก เกิดเป็นทางล�าธารเรียกชื่อว่า แม่ร่องช้าง
จนรูถึงพระยางําเมือง พระยางําเมืองรายเวทมนตใส พระยาง�าเมืองก็ทรงต้อนรับพระสหายอย่างดียิ่ง เมื่อยามพระร่วงเสด็จมาเยี่ยมเยียน พระยา
พระยารวง ซึ่งไดแปลงกายเปนนกเอี้ยงบินหนีไปและ ง�าเมืองมีพระชายาชื่อ นางอั้วเชียงแสน มีรูปโฉมงดงาม พระยาร่วงเห็นเข้าก็ทรงสมัครรักใคร่
ไปตกที่หนองนํ้าจึงเรียกกันตอมาวา “หนองนกเอี้ยง” ส่วนพระนางก็มีพระทัยตรงกัน พระยาร่วงหาโอกาสลอบเป็นชู้กับพระนางจนทราบถึงพระยาง�าเมือง
พระยางําเมืองจับตัวพระยารวงไดก็นําไปขังไว และ จึงสั่งให้เสนาจับตัวพระยาร่วง พระยาร่วงจ�าแลงเป็นนกเอี้ยง พระยาง�าเมืองร่ายเวทมนตร์ให้นก
สงพระราชสาสนไปถึงพระยามังรายใหชวยมาตัดสิน เอี้ยงอ่อนก�าลังบินไม่ได้ตกลงในหนองน�้าซึ่งเรียกว่า หนองเอี้ยง ทุกวันนี้ ในที่สุดพระยาง�าเมืองจับตัว
ในขณะที่พระยารวงถูกขังไดคิดหนีโดยแปลงกายเปน พระยาร่วงได้และกักขังไว้เพราะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะท�าอย่างไรกับพระสหาย จึงส่งพระราชสาส์น
ตุนขุดรูหนี เรียกบริเวณนั้นวา “บานตุน” และบริเวณ เชิญพระยามังรายพระสหายมาเป็นผู้ตัดสิน เมื่อพระยามังรายมาถึงเมืองพะเยาแล้วทรงร�าพึงว่า ถ้า
หากพระยาร่วงกับพระยาง�าเมืองผิดใจกันก็จะเป็นเวรกรรม (รบราฆ่าฟันกัน) ต่อไปภายหน้า พระยา
ที่เปนนํ้า เรียก “หวยแมตุน” แตเมื่อพระยารวงรูวา
มังรายจึงหาวิธีการที่นุ่มนวลคือให้พระยาร่วงเสียค่าสินไหมแก่พระยาง�าเมือง แล้วไกล่เกลี่ยให้ทั้ง
พระยามังรายมาถึงจึงไมคิดหนีอีกตอไป พระยา-
สองสหายเป็นมิตรไมตรีกันเช่นเดิม
มังรายตัดสินใหพระยารวงเสียคาปรับไหมใหแก ในระหว่ า งนั้ น พระยาร่ ว งถู ก จองจ� า อยู ่ ด ้ ว ยความทุ ก ข์ จึ ง จ� า แลงกายเป็ น ตุ ่ น ขุ ด ดิ น เป็ น รู
พระยางําเมืองและปรับความเขาใจกัน ทั้งสาม หนีออกจากที่จ�าขัง บริเวณนั้นเรียกชื่อว่า บ้านตุ่น และรูที่ตุ่นขุดหนีนั้นกลายเป็นแม่น�้าเรียกว่า
ไดกลาวคําปฏิญาณตอกันวาจะซื่อตรงตอกันที่ริมฝง ห้วยแม่ตุ่น แต่พระยาง�าเมืองก็จับพระยาร่วงได้อีก และพระยาร่วงทราบว่าพระยามังราย พระสหาย
แมนํ้า “ขุนภู” ทั้งสามนั่งอิงปรึกษาหารือกันอยูนาน มาถึงเมืองพะเยาแล้วจึงไม่คิดจะหนีต่อไป 2
จึงเรียกแมนํ้านั้นวา “แมอิง” จากนั้นจึงแยกยายกลับ เมื่ อ พระยามั ง รายตั ด สิ น ให้ พ ระยาร่ ว งเสี ย ค่ า สิ น ไหมแก่ พ ระยาง� า เมื อ งและให้ คื น ดี เ ป็ น
เมืองของตน) มิตรไมตรีกนั ต่อไป พระยาร่วงก็รบั เสียสินไหมให้แต่โดยดี ทัง้ สามสหายก็พากันไปกล่าวค�าสัจจะปฏิญาณ
• นักเรียนบอกขอคิดที่ไดจากนิทานพื้นบานเรื่อง กันที่ริมฝั่งแม่น�้า ขุนภู ว่าต่อไปจะเป็นมิตรสหายที่ซื่อตรงต่อกัน ไม่ท�าศึกสงครามกันไม่ว่ากรณี
สามกษัตริย ใดๆ ทั้งสามกษัตริย์ทรงนั่งอิงปรึกษากันอยู่นาน จึงเรียกชื่อแม่น�้านั้นว่า แม่อิง สืบต่อมาจนทุกวันนี้
(แนวตอบ การเปนเพื่อนกันควรมีความซื่อสัตย เมื่อเสร็จพิธีปฏิญาณแล้ว พระยาร่วงและพระยามังรายก็แยกย้ายกลับเมือง
ตอกัน ควรใหความสําคัญกับมิตรภาพ เพราะ (สรุปจาก พงศาวดารโยนก ฉบับหอสมุดแห่งชาติ ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๐๔)
เมื่อถึงคราวเดือดรอนมิตรแทจะใหความ 130
ชวยเหลือ)
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
นักเรียนไดขอคิดอะไรบางจากการอานนิทานพื้นบานเรื่องพระยากง
ครูแนะใหนักเรียนศึกษาขอมูลเกี่ยวกับนิทานพื้นบานภาคเหนือที่เนื้อเรื่องมี
พระยาพาน และขอคิดนั้นชวยดํารงและสงเสริมสังคมอยางไร
ลักษณะเปนนิทานประเภทอธิบายความเปนมาของชุมชนและเผาพันธุ โดยครูให
นักเรียนเลือกนิทานพื้นบานภาคเหนือมา 1 เรื่อง แลวใหนักเรียนรวมกันอภิปราย แนวตอบ พระยาพานไดทําปตุฆาต ซึ่งเปนอนันตริยกรรมเปนบาปสูงสุด
ถึงความสําคัญของการใชนิทานอธิบายความเปนมาของชุมชนเพื่อแสดงใหเห็นถึง คือการทํารายผูที่ใหกําเนิดและผูมีพระคุณที่เลี้ยงดูมา และจากการอานนิทาน
วัฒนธรรมของผูคนในชุมชน พื้นบานเรื่องพระยากง พระยาพาน ใหขอคิดเรื่องความกตัญูรูคุณบิดา
มารดา ผูเลี้ยงดูเรามาใหเติบใหญใหเปนผูที่มีความพรอมบริบูรณทั้งทางกาย
และปญญาตามความสามารถ แตสิ่งที่สําคัญที่สุด คือ การที่ผูมีพระคุณตางก็
นักเรียนควรรู คาดหวังมอบสิ่งที่ดีที่สุดใหกับผูที่อยูในความดูแล การแสดงความกตัญู
จึงชวยดํารงความสัมพันธระหวางคนในครอบครัว ซึ่งเปนสถาบันสําคัญที่จะ
1 พระยา เดิมใชคําวา “พญา” ใชกับเจาแผนดิน เชน พญาลิไทย ผูเปนใหญ ชวยสงเสริมใหสังคมอยูรวมกันอยางปกติสุข
ผูเปนหัวหนา (มักใชนําหนานามอื่น) เชน พญานาค พญาหงส
2 สินไหม เงินคาปรับผูแพคดีใหแกผูชนะ
130 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนกลุมที่ 2 มาเลาเรื่องยอเรื่องอุสาบารส
เรื่อง อุสาบารส หนาชั้นเรียน
(แนวตอบ พระเจากรุงพานและพระมเหสีไมมี
นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน
พระธิดา แมจะทําพิธีขอจากเทพยดาหลายครั้งก็ยัง
พระเจ้ า กรุ ง พานและมเหสี ค รองเมื อ งมานาน แต่ ไ ม่ มี โ อรสหรื อ ธิ ด าที่ จ ะสื บ สั น ตติ ว งศ์ ไมมี จนกระทั่งเมื่อไดยินวาพระฤๅษีมีธิดาบุญธรรม
พระองค์ทรงท�าพิ ธีขอโอรสต่ อเทพยดาหลายครั้ ง หลายคราแต่ ก็ ไ ม่ ไ ด้ ผ ล ในป่ า บนเทื อ กเขานั้ น ชื่อนางอุสามีรูปโฉมงามจึงขอมาเลี้ยงไวในวัง
มีพระฤๅษีตนหนึ่งบ�าเพ็ญฌานแก่กล้ามาก วันหนึ่งพระฤๅษีอยากได้ธิดา ก็มีกุมารีเกิดในดอกบัวอยู่ใน ทรงจัดหานางสนมคอยรับใชมากมายและสราง
สระน�้าข้างอาศรม พระฤๅษีได้น�ามาเลี้ยงเป็นธิดาบุญธรรมให้ชื่อว่า นางอุสา ครั้นเจริญวัย นางอุสา หอคําให วันหนึ่งนางอุสารอยมาลัยแตงเปนกระทง
มีโฉมงามยิ่งนัก ความงามของนางได้เลื่องลือไปถึงพระเจ้ากรุงพาน พระเจ้ากรุงพานจึงเสด็จมายัง เสี่ยงหาเนื้อคูลอยนํ้าไปถึงเมืองพะโค เมืองพะโค
มีโอรสเปนหนุมใหญยังไมมีชายาชื่อทาวบารส
อาศรมพระฤๅษี และทรงเห็นว่านางอุสามีลักษณะเป็นผู้มีบุญญาธิการมากจึงตรัสขอไปเป็นพระธิดา
ไดลงสรงนํ้าแลวเห็นกระทงมาลัยลอยนํ้ามาก็เกิด
บุญธรรม พระฤๅษีไม่ขัดข้องจึงยินยอมให้นางอุสามาอยู่ในพระราชวังของพระเจ้ากรุงพาน พระเจ้า ความตองใจ จึงออกคนหาเจาของกระทงมาลัย
กรุงพานได้จัดนางสนมก�านัลอยู่รับใช้นางอุสามากมาย และสร้างหอค�า (หอทองค�า) ให้เป็นที่ประทับ เดินทางมาถึงอุทยานหลวงไดยินเสียงเพลงจึงตาม
นางอุสามีความสุขอยู่กับเหล่านางสนม วันหนึ่งนางประพาสอุทยานพบล�าธารซึ่งมีน�้าไหลอยู่เสมอ ไปจนพบนางอุสา ทั้งสองเกิดความพิสมัยตอกัน
นางคิดว่าล�าธารนี้คงไหลไปไกลผ่านเมืองหลายเมือง นางจึงร้อยมาลัยตกแต่งเป็นกระทงลอยน�้าไป ตามเทพบันดาล นางอุสาพาทาวบารสซอนไว
เพื่อเสี่ยงทายหาเนื้อคู่ โดยขอให้กระทงลอยน�้าไปยังเมืองที่เนื้อคู่อยู่และดลใจให้เขาทราบความนัยของ ในหอคํา เมื่อความรูถึงพระเจากรุงพานจึงรับสั่ง
พระนางด้วย ประหารทาวบารส ทาวบารสจึงทูลวาตนเปนใคร
1 พระเจากรุงพานจึงแจงไปยังเมืองพะโค ทรงทําให
กล่าวถึงเมืองพะโคมีโอรสชื่อว่า ท้าวบารส เจริญวัยเป็นหนุ่มใหญ่ แต่ยังไม่มีพระชายา อยู่มา
พระเจาเมืองพะโคและพระเจากรุงพานทําสงคราม
วันหนึ่งท้าวบารสทรงสุบินว่า “มีแก้วสว่างไสวลอยจากนภากาศมาสู่พระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์
ธรรมแขงกันสรางวัด ฝายใดสรางวัดเสร็จภายใน
ทรงมีความปลื้มปีติกับแก้วดวงนี้มาก” ครั้นตื่นบรรทมแก้วก็หายไป ท้าวบารสกลัดกลุ้มพระทัยมาก คืนเดียวจะเปนฝายชนะ หากพระเจากรุงพานชนะ
จึงชวนเสนาอมาตย์ไปสรงน�้า ขณะที่สรงน�้านั้นเห็นกระทงอันตกแต่งร้อยกรองดอกมาลัยอย่างวิจิตร ทาวบารสจะยอมใหประหารชีวิต แตหากแพก็ตอง
ท้าวบารสจึงไปเก็บกระทงนัน้ และทรงพิจารณาว่ากระทงนีฝ้ มี อื ผูป้ ระดิษฐ์คงไม่ใช่ฝมี อื ชาวบ้านธรรมดา ยินยอมยกนางอุสาใหเปนชายาทาวบารส ปรากฏ
ครั้นพิจารณาอยู่นานๆ กลิ่นไม้หอมจากกระทงได้ส่งกลิ่นให้ท้าวบารสเกิดความรัญจวนใจ อยากจะพบ วาทาวบารสชนะไดนางอุสามาเปนชายาและไปอยู
ผู้เป็นเจ้าของกระทง เมืองพะโค)
ท้าวบารสจึงทูลลาพระราชบิดาติดตามเจ้าของกระทงนั้น ท้าวบารสทรงม้าเสด็จไปแต่ผู้เดียว
เทพดลใจให้เข้ามายังเมืองพาน ผูกม้าไว้แล้วก็เข้าไปในเมืองสืบหานางในฝัน วันหนึ่งท้าวบารส
หลงเข้าไปในอุทยานหลวงได้ยินเสียงเพลงขับขานไพเราะ ท้าวบารสจึงตามหาเจ้าของเสียงเพลง
ครั้ น พบนางอุ ส าที่ ก� า ลั ง ขั บ ขานเพลงอยู ่ ใ นอุ ท ยาน ทั้ ง สองต่ า งก็ มี จิ ต พิ ส มั ย ซึ่ ง กั น และกั น ตาม
เทพบันดาล ทั้งสองก็ปราศรัยไมตรีกันและนางอุสาก็พาท้าวบารสมาซ่อนไว้ที่หอค�า
131
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับนิทานพื้นบานไทยที่มีเคาโครงเรื่องเกี่ยวกับ ครูใหความรูนักเรียนเกี่ยวกับนิทานพื้นบานเพิ่มเติมวา เกิดจากจินตนาการของ
ความรัก การพลัดพรากจากกัน จากนั้นนักเรียนรวบรวมชื่อเรื่องนิทาน ผูแตง ดังนั้นจึงไมมีกฎเกณฑเฉพาะในการแตง เนื้อเรื่องไมซับซอนแตหลากหลาย
พื้นบานเรื่องตางๆ ที่มีเคาโครงลักษณะนี้ จดบันทึกลงสมุดสงครู ไปตามความคิดฝนของผูแตง เนื้อเรื่องของนิทานพื้นบานจึงเปนเรื่องนานาชนิด
แตกตางกันไป อาจเปนเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัย ความรัก ความโกรธ เกลียด
ริษยา อาฆาต ตลกขบขัน หรือแมแตเรื่องแปลกประหลาดผิดปกติธรรมดา
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
นักเรียนยกตัวอยางนิทานพื้นบานที่มีเคาโครงเรื่องเกี่ยวกับความรัก
การพลัดพรากจากกันมา 1 เรื่อง จากนั้นเขียนอธิบายความรูองคประกอบ 1 เมืองพะโค หรือเมืองเวียงงัว ซึ่งอยูในพื้นที่อําเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
ของนิทานเรื่องนั้น ไดแก โครงเรื่อง ตัวละคร แกนเรื่องหรือแนวคิด กับเมืองพาน อําเภอบานผือ จังหวัดอุดรธานี บนเทือกเขาภูพาน ซึ่งยังคงมีซาก
ฉาก บทสนทนา บันทึกลงในใบความรูสงครู สถานที่ปรากฏใหเห็นเปนหลักฐานอยูในปจจุบันวาเปน “หอนางอุสา”
คูมือครู 131
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนฟงเพื่อนเลาเรื่องยอนิทานพื้นบาน
อุสาบารสแลวชวยกันตอบคําถามตอไปนี้ อยู่ต่อมาข่าวเล่าลือถึงพระกรรณของพระเจ้ากรุงพาน พระองค์จึงให้เสนามาจับตัวท้าวบารส
• นิทานพื้นบานเรื่องอุสาบารสเลาความเปนมา ไปเฝ้า ทรงกริ้วที่ท้าวบารสบังอาจไม่เกรงพระราชอาญาจึงสั่งให้ประหารท้าวบารสโดยมิได้ไต่สวน
ของสถานที่ใด คดีความ ฝ่ายท้าวบารสเห็นเช่นนั้นจึงกราบทูลความจริง พระเจ้ากรุงพานจึงแจ้งไปยังเมืองพะโค
(แนวตอบ หอคํานางอุสา) เจ้าเมืองพะโคเห็1นว่าจะเกิดสงครามใหญ่เป็นแน่แท้ จึงยกทัพมาประชิดเมืองพานและให้ต่อสู้กัน
• สงครามธรรมหมายความวาอยางไร โดยสงครามธรรมเพื่อที่จะไม่เป็นเวรเป็นกรรมต่อไปภายหน้า ในที่สุดทั้งสองเมืองก็พนันแข่งขันกัน
(แนวตอบ สงครามธรรมเปนสงครามที่ไม สร้างวัดให้เสร็จในเวลาเพียงคืนเดียว หากพระเจ้ากรุงพานชนะจะให้มีการประหารชีวิตท้าวบารส
เบียดเบียนชีวิต ไมมีผูบาดเจ็บลมตายในการ หากท้าวบารสชนะพระเจ้ากรุงพานต้องยอมยกพระธิดาให้เป็นชายา ทั้งสองเมืองแข่งขันกันสร้าง
แขงขันเอาชนะ) วัด ปรากฏว่าวัดของท้าวบารสร้างเสร็จก่อนรุ่งอรุณ แต่วัดของพระเจ้ากรุงพานไม่เสร็จ เป็นอันว่า
• นิทานพื้นบานเรื่องอุสาบารสเปนนิทานใน
ท้าวบารสเป็นผู้ชนะและได้นางอุสาไปอภิเษกสมรสที่เมืองพะโค
ทองถิ่นใด
(แนวตอบ จังหวัดอุดรธานี ภาคตะวันออก-
เฉียงเหนือของไทย)
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนเขียนแผนผังลําดับเหตุการณของนิทาน
พื้นบานเรื่องอุสาบารส
(แนวตอบ แผนผังลําดับเหตุการณของนิทาน
พื้นบานเรื่องอุสาบารส มีดังนี้
• เหตุการณแรก พระเจากรุงพานและพระมเหสี
ไมมีโอรสธิดา จึงขอธิดาบุญธรรมของพระ-
ฤๅษีชื่อนางอุสาผูงดงามมาเลี้ยง
• นางอุสาทํากระทงมาลัยลอยนํ้าเสี่ยงหาเนื้อคู
ทาวบารสโอรสเมืองพะโคเจอกระทงมาลัย
ตองใจออกตามหาเจาของ
• ทาวบารสพบนางอุสาเกิดรักใครกัน นางอุสา
พาทาวบารสซอนไวในหอคํา
• พระเจากรุงพานทราบเรื่องทรงกริ้ว แจงไปยัง
เมืองพะโค เมืองพะโคยกทัพมา
หอนางอุสา เป็นโขดดินทรายขนาดใหญ่ ๒ ก้อน ซ้อนเทินกันอยู่ มีรูปร่างคล้ายดอกเห็ดที่ก�าลังบาน สูงประมาณ
• แขงกันสรางวัดใหเสร็จในคืนเดียว ทาวบารส ๑๐ เมตร ด้านบนเจาะเป็นห้องขนาดเล็ก ต้องท�าเป็นบันไดขึ้นไป
ชนะไดนางอุสาเปนชายาอภิเษกที่เมืองพะโค)
132
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
“เจาเมืองพะโคเห็นวาจะเกิดสงครามใหญเปนแนแทจึงยกทัพมาประชิด
ครูใหนักเรียนทบทวนความรูความเขาใจภายหลังการอานนิทานพื้นบานเรื่อง
เมืองพานและใหตอสูกันโดยสงครามธรรม เพื่อที่จะไมเปนเวรเปนกรรมตอไป
อุสาบารส โดยครูตั้งประเด็นคําถามเกี่ยวกับการใหอภัย เพื่อใหนักเรียนสามารถ
ในภายหนา” ขอใดสอดคลองกับความเชื่อในขางตน
พัฒนาการใชทักษะชีวิต การแกไขปญหา การปรับตัวใหเขากับสังคม และการมี
1. ขุนแผนวาจะอยูดูไมได ในคุกใหญยากแคนมันแสนเข็ญ
มนุษยสัมพันธที่ดีกับเพื่อน ครอบครัว และการปฏิสัมพันธที่ดีกับผูอื่น
2. จะสูมวยดวยองคพระทรงธรรม ตามไปเมืองสวรรคชั้นฟา
3. มามีลูกลูกก็จากวิบากกรรม สะอื้นรํ่ารันทดสลดใจ
นักเรียนควรรู 4. ชาตินี้มึงมีแตสองหัตถ จงไปอุบัติเอาชาติใหม
วิเคราะหคําตอบ จากขอความในขางตนสะทอนความเชื่อเรื่องเวรกรรมอยาง
1 สงครามธรรม หมายถึง สงครามที่ไมขัดกับศีลธรรม หรือแมกระทั่งเปน เดนชัด ขอที่ปรากฏความเชื่ออยางเดียวกันนี้คือ “มามีลูกลูกก็จากวิบากกรรม
หนาที่ทางศีลธรรมที่หากไมปฏิบัติแลวจะเกิดความเสียหาย ทั้งนี้พิจารณาภายใต สะอื้นรํ่ารันทดสลดใจ” สอดคลองกับขอความในขางตน ตอบขอ 3.
เงื่อนไขหนึ่งๆ ของการเริ่มตนและการปฏิบัติสงคราม
132 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนกลุมที่ 3 มาเลาเรื่องยอเรื่องพระยากง
เรื่อง พระยากง พระยาพาน พระยาพานหนาชั้นเรียน
(แนวตอบ พระยากงครองเมืองกาญจนบุรี เมื่อ
นิทานพื้นบ้านภาคกลาง
ครั้งที่พระมเหสีทรงพระครรภโหรทํานายวาในครรภ
ครั้งหนึ่ง พระยากง ได้ครองเมืองกาญจนบุรี (บางส�านวนว่าเมืองนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม) เปนพระราชโอรสเปนผูมีบุญหนัก จิตใจเหี้ยมหาญ
เมื่อพระมเหสีทรงพระครรภ์ ได้หาโหรมาท�านายทารกในครรภ์ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย โหรท�านาย อาจเปนปตุฆาต เมื่อพระโอรสประสูติไดนําพาน
ว่าเป็นชายมีบุญบารมีมาก แต่มีจิตใจเหี้ยมหาญ และอาจจะเป็นปิตุฆาต คือ ผู้ที่ฆ่าพ่อของตน ครั้น มารองรับ แตหนาผากพระกุมารกระทบพานจน
เมื่อประสูติ ข้าราชบริพารก็น�าพานทองมารองรับตามราชประเพณี แต่พระนลาฏ (หน้าผาก) กระทบ ขอบพานบูและพระกุมารมีแผลที่พระนลาฏ (หนา
กับขอบพานจนพานเป็นรอยบูแ้ ละเกิดแผลเป็นทีพ่ ระนลาฏ จึงชือ่ ว่า พระยาพาน พระยากงทราบดังนัน้ ผาก) จึงตั้งชื่อวาพระยาพาน พระยากงนึกถึงคํา
ก็คิดถึงค�าท�านายของโหรว่า พระกุมารมีบุญมากจริงจนท�าให้ขอบของพานบู้เป็นรอย จึงสั่งให้น�า ทํานายโหรจึงรับสั่งใหนําพระกุมารไปประหาร
พระกุมารไปประหาร พระมเหสีทราบดังนั้นก็พยายามที่จะหาทางผ่อนคลาย เมื่อคิดหาอุบายแล้ว พระมเหสีทูลขอใหเพียงเอาพระกุมารไปใหคนอื่น
ได้น�าพระกุมารไปฝากยายหอมเลี้ยงไว้ (บางส�านวนว่า น�าพระกุมารไปทิ้งไว้ แล้วยายหอมมาพบเข้าจึง เลี้ยง ซึ่งคนที่เลี้ยงก็คือยายหอม เมื่อพระกุมาร
น�าไปเลี้ยง) เจริญวัยยายหอมไดนําพระกุมารไปถวายใหเปน
ครั้นเจริญวัย ยายหอมก็น�าไปถวายพระยาราชบุรี พระยาราชบุรีทรงพอพระทัยเด็กชาย บุตรบุญธรรมพระยาราชบุรี เมื่อเติบใหญไดทํา
พานมาก ประจวบกับไม่มีพระโอรสจึงรับไว้เป็นพระราชบุตรบุญธรรม พระยาพานได้รับการศึกษา สงครามสูรบกับพระยากง และไดฟนพระยากง
เล่าเรียนศิลปศาสตร์จนมีความรู้แก่กล้ามาก สิ้นพระชนม โดยไมรูวาพระยากงเปนพระราชบิดา
ครั้งหนึ่งพระยาพานถามพระยาราชบุรีว่า ท�าไมต้องส่งเครื่องบรรณาการแก่เมืองกาญจนบุรี ผูใหกําเนิด เมื่อชนะไดครองเมืองกาญจนบุรีได
ทุกปี ขณะนี้บ้านเมืองเราก็ขัดสน งดเว้นมิได้หรือ พระยาราชบุรีตรัสว่าเมืองกาญจนบุรีจะหาว่าขบถ เขาหาพระมเหสีของพระยากง พระมเหสีพระยากง
จํารอยแผลเปนที่พระนลาฏของพระยาพานได จึง
และจะยกทัพใหญ่มา เราไม่มีก�าลังต่อสู้ได้ เมื่อพระยาพานรับอาสาที่จะป้องกันเมือง พระยาราชบุรี
ถามถึงบุพการี ผูใหกําเนิดพระยาพาน และเลาเรื่อง
จึงงดส่งเครื่องบรรณาการ พระยากงเจ้าเมืองกาญจนบุรีเห็นว่าเมืองราชบุรีไม่ส่งเครื่องบรรณาการ
เกี่ยวกับพระโอรสของพระองคใหพระยาพานฟงวา
ตามปกติจึงยกทัพใหญ่มาประชิดเมืองราชบุรี พระยาราชบุรีจึงให้พระยาพานผู้เป็นพระราชบุตร
พระโอรสเมื่อประสูติบุญหนักเอาพานมารองรับขอบ
บุญธรรมเป็นแม่ทัพออกไปสู้กับพระยากง พระยาพานและพระยากงได้ต่อสู้กันจนถึงชนช้าง พระยากง
พานบู พระกุมารมีแผลที่หนาผาก โหรเคยทํานาย
เสียทีจึงถูกฟันสิ้นพระชนม์ กองทัพเมืองกาญจนบุรีแตกถอยกลับเมือง กองทัพของพระยาพานติดตาม วาจะฆาพระราชบิดาจึงสั่งใหประหาร แตสุดทาย
เข้ายึดทรัพย์สินในเมืองกาญจนบุรีได้ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของการสงครามที่ผู้ชนะย่อมเป็นเจ้าของ ก็เอาไปฝากยายหอมเลี้ยง พระยาพานไดฟงก็เสีย
กรรมสิทธิ์ในทุกสิ่งของผู้แพ้ พระทัยและโกรธยายหอมมาก จึงรับสั่งประหาร
เมื่อเข้าเมืองกาญจนบุรีได้แล้ว เสนาอ�ามาตย์จึงยกเมืองให้พระยาพานขึ้นครองต่อไป คืนหนึ่ง ชีวิตยายหอม เมื่อคิดไดสํานึกผิดจึงประชุมพระ
พระยาพานคิดจะเข้าห้องบรรทมพระมเหสีของพระยากง โดยไม่ทราบว่าเป็นพระราชมารดาของตน สงฆเพื่อหาทางบรรเทาเวรกรรมที่ตนทํา พระสงฆ
เมื่อปฐมยาม พระยาพานก็เสด็จไปต�าหนักใน ได้พบแมวแม่ลูกอ่อนนอนขวางทางเดิน ครั้นเมื่อเดินเข้า จึงแนะใหสรางเจดียสูงเทานกเขาบินเหินเพื่อลด
มาใกล้ได้ยินแม่แมวพูดว่า “ลูกอย่าเพิ่งร้องหิวนม คอยดูลูกเขาเข้าหาแม่ก่อน” พระยาพานสะดุดใจ บาปหนักหนึ่งในสิบที่ฆาบิดา และสรางพระ
ที่เห็นแมวพูดได้ และเรื่องที่พูดนั้นมีความหมายชอบกลจึงถอยกลับมาต�าหนัก ประโทนเพื่อไถโทษความผิดบาปที่ฆายายหอม)
133
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเปนมาของพระปฐมเจดียเพิ่มเติม จากกิจกรรมเลาเรื่องยอนิทานพื้นบานหนาชั้นเรียน ครูแนะใหนักเรียนใชนํ้าเสียง
จากนั้นใหนักเรียนรวบรวมขอมูลเกี่ยวกับมูลเหตุในการสรางพระปฐมเจดีย แสดงความสมจริงตามอารมณของตัวละครในเรื่อง เพื่อใหนักเรียนที่ฟงเพื่อนเลา
จากนั้นสรุปประเด็นตางๆ ที่อธิบายประวัติความเปนมาของพระปฐมเจดีย เรื่องยอเขาใจเรื่องไดดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเปนการดึงความสนใจของเพื่อนๆ ใหสนใจฟง
ลงสมุดบันทึกสงครู ในขณะที่มีการเลานิทานดวย
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเปนมาของพระปฐมเจดียเพิ่มเติม
จากนั้นใหนักเรียนรวบรวมขอมูลเกี่ยวกับมูลเหตุในการสรางพระปฐมเจดีย
แลวเขียนวิเคราะหลงสมุดบันทึกวา นิทานพื้นบานที่ใชอธิบายประวัติความ
เปนมาของพระปฐมเจดียนี้มีความเกี่ยวของสอดคลองกับประวัติศาสตร
อยางไร บันทึกลงสมุดสงครู
คูมือครู 133
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนตอบคําถามเกี่ยวกับนิทานพื้นบานเรื่อง
พระยากง พระยาพาน ดังตอไปนี้ ครั้นยามสอง (เที่ยงคืน) ก็เกิดความสงสัยจึงเสด็จไปต�าหนักในอีกครั้งหนึ่ง ผ่านไปพบม้าแม่ลูก
• พระยาพานรูไดอยางไรวาพระมเหสีของ พูดกันอีกว่า “ลูกอย่าเพิ่งร้องกินนม ดูลูกเขาจะเข้าหาแม่” พระยาพานก็สะดุดใจเห็นเป็นเหตุอัศจรรย์
พระยากงเปนพระราชมารดาของพระองค เพราะแมวและม้าพูดได้ และพูดเนื้อความเดียวกันด้วย จึงกลับที่ประทับเหมือนเดิ 1 ม แต่ก็บรรทมไม่ได้
(แนวตอบ พระยาพานรูวาพระมเหสีของ เพราะสงสัยเรื่องราวที่ม้าและแมวพูด จึงอยากจะรู้เรื่องให้ได้ ครั้นเมื่อยามสาม (๓ นาฬิกา) จึงเสด็จ
พระยากงเปนพระราชมารดาของพระองค ไปต�าหนักในอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้พระยาพานรีบเสด็จโดยไม่ฟังเสียงอะไรทั้งสิ้น เข้าไปในห้องบรรทม
ก็เพราะพระมเหสีพระยากงจํารอยแผลเปน พระมเหสีของพระยากงซึ่งเป็นพระราชมารดาของตนเอง พระราชมารดาเห็นพระยาพานจึงตรัส
ที่พระนลาฏของพระยาพานได พระมเหสี ถามว่า ท่านเป็นโอรสพระยาราชบุรีแท้ๆ หรือ เพราะมีรอยแผลเป็นที่พระนลาฏ พระนางจึงเล่าว่า
ถามถึงบุพการีผูใหกําเนิดพระยาพาน และ พระองค์มโี อรสองค์หนึง่ มีแผลเป็นทีพ่ ระนลาฏ ตอนประสูตใิ ห้พานรองรับจนขอบพานบู้ โหรท�านาย
เลาเรื่องเกี่ยวกับพระโอรสของพระองคให ว่าพระโอรสมีบญ ุ หนักและจะฆ่าพระราชบิดา พระนางจึงน�าไปฝากยายหอมเลีย้ งไว้ ถ้าหากไม่เชือ่
พระยาพานฟงวา พระโอรสบุญหนักเอาพาน ก็สอ่ งพระฉายดูเถิด พระยาพานทราบเรือ่ งก็สา� คัญว่าเป็นพระราชมารดาแน่นอน จึงทรงกันแสง
มารองรับขอบพานก็บู โหรทํานายวาจะฆา ที่ทรงฆ่าพระราชบิดา ด้วยความกริ้วจึงสั่งให้น�ายายหอมไปประหารชีวิต และทิ้งให้แร้งกินจึง
พระราชบิดาสั่งใหประหาร พระนางจึงเอาไป เรียกบริเวณนั้นว่า ท่าแร้ง จนทุกวันนี้
ฝากยายหอมเลี้ยง) หลังจากนั้นพระยาพานก็ทรงโศกเศร้า คิดถึงเวรกรรมที่ได้กระท�าไปเพราะไม่รู้
และเพราะบันดาลโทสะ ทรงคิดจะไถ่บาป จึงได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาประชุมปรึกษา
ขยายความเขาใจ Expand เรื่องการไถ่บาปของตนอันเป็นครุกรรม (กรรมหนัก) ที่ประชุมสงฆ์เสนอว่า ให้สร้าง
พระมหาเจดียส์ งู เท่านกเขาเหิน จะบ�าบัดบาปกรรมลดลงได้หนึง่ ในสิบส่วน พระยาพาน
นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับประเด็นคําถาม
ทรงยินดีจงึ โปรดให้สร้างพระมหาเจดียบ์ รรจุพระบรมธาตุเขีย้ วแก้ว คือ พระปฐมเจดีย์
ตอไปนี้
เพื่อไถ่โทษที่ฆ่าพระราชบิดา และให้สร้างเจดีย์ย่อมอีกองค์หนึ่ง คือ พระประโทน
• นักเรียนคิดวานิทานพื้นบานเรื่องพระยากง
เพื่อไถ่โทษที่ฆ่าบุพการีผู้เลี้ยงดู คือ ยายหอม ด้วยเหตุนี้จึงมีพระปฐมเจดียและ
พระยาพานมีแนวคิดเกี่ยวกับสิ่งใดบาง
พระประโทน อยู่ที่อ�าเภอเมือง จังหวัดนครปฐม จนเท่าทุกวันนี้
(แนวตอบ ตํานานพระยากง พระยาพาน
เกี่ยวของกับพระปฐมเจดียและพระประโทน (สรุปจาก เรื่องพระยากง ในพงศาวดารเหนือ
พิมพ์ พ.ศ. ๒๔๙๙)
และยังเกี่ยวกับเรื่องบาปบุญคุณโทษการ
พระปฐมเจดี ย์ จั ง หวั ด นครปฐม มี ค วามสู ง วั ด จากพื้ น ดิ น ถึ ง ยอด
ทํารายบุพการีและผูมีพระคุณ สอนใหรูจักการ ๑๒๐.๔๕ เมตร ถือเป็นพระเจดีย์ที่มีขนาดสูงที่สุด
ควบคุมโทสะ ซึ่งเปนคําสอนทางพระพุทธ- ในประเทศไทย
ศาสนา)
• เหตุการณใดในเรื่องพระยากง พระยาพานที่
ควรมีการควบคุมโทสะ
(แนวตอบ เหตุการณเมื่อพระยาพานรูเรื่องวา
ตนเปนพระราชโอรสของพระยากง รูสึกเสียใจ
มากที่ตนเปนผูฆาพอและจะเขาหาแม พระยา
134
พานบรรลุแกโทสะที่ไมรูเรื่องมากอน จึงโทษ
วาเปนความผิดยายหอมและสั่งประหารยาย
หอมคนที่เลี้ยงดูมาแตเกิด)
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูยกขอคิดจากนิทานพื้นบานเรื่องพระยากง พระยาพานที่ใหขอคิด
เกี่ยวกับการรูจักควบคุมอารมณไปบูรณาการความรูกับกลุมสาระการเรียนรู
1 ยามสาม หรือ สามยาม หมายถึง ชวงเวลา 0 นาฬกา ถึง 3 นาฬกา ยาม
สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนา หลักธรรมคําสอน
เปนการนับเวลากลางคืนในประเทศไทยสมัยโบราณ การนับชวงเวลาหนึ่งยามมีคา
ที่สามารถเปนหลักยึดปฏิบัติในเรื่องนี้ได คือ หลักฆราวาสธรรม ธรรมสําหรับ
ประมาณ 3 ชั่วโมง
ผูครองเรือน อันไดแก สัจจะ ทมะ ขันติ และจาคะ โดยเฉพาะขอที่เกี่ยวของ
กับเรื่องนี้โดยตรง คือ ทมะ วาดวยการรูจักขมใจ หักหามใจในเวลามีเรื่องราว
มุม IT ที่ไมสบายใจเกิดขึ้น เชน เวลาโกรธ ก็ใหพยายามขมใจไมใหโกรธ หรือแสดง
ความโกรธนั้นตออีกฝาย เพราะจะทําใหอีกฝายไมพอใจหรืออาจโกรธตอบ
ศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเปนมาของพระปฐมเจดียเพิ่มเติม ไดที่ อันจะนําไปสูการทะเลาะกัน เปนตน หากมีหลักธรรมขอนี้พระยาพานคง
http://www.slideshare.net/sukumaporn/ss-5147042 ไมทําผิดดวยการทํารายผูมีพระคุณ
134 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนกลุมที่ 4 มาเลาเรื่องยอเรื่องเจาแม
เรื่อง เ¨ŒาáÁ‹ÅÔ่ÁกอเËนÕ่ยÇ ลิ่มกอเหนี่ยวหนาชั้นเรียน
นิทานพื้นบ้านภาคใต้
(แนวตอบ มีครอบครัวเศรษฐีจีนครอบครัวหนึ่ง
มีลูกชื่อ “ลิ่มโกะเลี่ยม” และลูกสาวชื่อ “ลิ่ม-
ครั้งหนึ่งนานมาแล้วในเมืองจีน มีครอบครัวเศรษฐีครอบครัวหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วยแม่ กอเหนี่ยว” ลิ่มโกะเลี่ยมไดเดินทางมาคาขาย
ลูกชาย และลูกสาว ลูกชายชื่อ ลิ่มโกะเลี่ยม ลูกสาวชื่อ ลิ่มกอเหนี่ยว ลูกชายค้าส�าเภาต่างเมือง กับเรือสําเภาที่เมืองไทย แวะขายสินคาที่เมือง
แทนบิดาที่ตายไปนานแล้ว ส่วนลูกสาวอยู่บ้านปรนนิบัติมารดา นครศรีธรรมราชและไดพบรักกับธิดาของพระยา
ครั้งหนึ่งลิ่มโก๊ะเลี่ยมมาค้าส�าเภายังเมืองไทย แวะขายสินค้าที่เมืองนครศรีธรรมราช ขาย ตานีเจาเมือง จนในที่สุดพระยาตานีก็อนุญาตให
สินค้าได้พอสมควรก็เดินทางไปยังเมืองกรือเซะ (ปัตตานี) ลิ่มโก๊ะเลี่ยมจอดส�าเภาค้าขายอยู่นาน ทั้งสองแตงงานกัน ฝายมารดาและนองสาวลิ่มกอ-
มีความสนิทคุน้ เคยกับนางในจวนเจ้าเมือง และได้ฝากเสือ้ ผ้าแพรพรรณมาถวายพระธิดาของพระยาตานี เหนี่ยวที่อยูเมืองจีนไมเห็นพี่ชายกลับมาก็เปนหวง
เจ้าเมือง อีกไม่นานลิ่มโก๊ะเลี่ยมกับพระธิดาเจ้าเมืองก็รักใคร่กัน แต่พระยาตานียังไม่ทรงวางพระทัย จึงมาตามหาจนพบที่เมืองนครศรีธรรมราช และ
จึงพิสูจน์ความจงรักภักดีและความรู้ความสามารถของลิ่มโก๊ะเลี่ยมนานาประการ ในที่สุดก็ทรง รูวาแตงงานอยูกินกับธิดาพระยาตานีไมยอมกลับ
อนุญาตให้ทั้งสองแต่งงานกันได้โดยมีข้อแม้ว่าลิ่มโก๊ะเลี่ยมจะต้องเข้าศาสนาอิสลาม ด้วยความ เมืองจีน ก็ออนวอนขอรองพี่ชายใหกลับไปเยี่ยม
รักอย่างหลงใหล ลิ่มโก๊ะเลี่ยมจึงยอมทุกประการเพื่อให้ได้พระธิดามาเป็นภรรยา ทั้งสองแต่งงาน มารดาสักครั้ง เมื่อพี่ชายไมยอมกลับลิ่มกอเหนี่ยว
ตั้งบ้านเรือนอยู่ครองรักอย่างสันติสุข จนลิ่มโก๊ะเลี่ยมลืมมารดาและน้องสาวที่เมืองจีนและยังไม่คิด ก็ยืนกรานจะกลับพรอมพี่ชาย เมื่อพระยาตานีคิด
จะกลับบ้านเมืองของตน จะสรางมัสยิดจึงใหลูกเขยรับเปนแมกอง นางลิ่ม-
ฝ่ายมารดาและน้องสาวอยู่เมืองจีน เห็นลิ่มโก๊ะเลี่ยมจากไปนานไม่ได้ข่าวเลย จึงพยายาม กอเหนี่ยวรูก็มาขอใหพี่ชายลมเลิกความตั้งใจแลว
สอบถามกับนายส�าเภาที่ไปค้าขายเมืองไทยแต่ก็ไม่ได้ข่าวชัดเจน ในที่สุดนางลิ่มกอเหนี่ยวก็อาสา กลับเมืองจีน ลิ่มกอเหนี่ยวถูกพี่ชายตอวารุนแรง
ติดตามพี่ชาย ฝ่ายมารดาไม่ค่อยจะเต็มใจนัก แต่ก็อยากจะทราบว่าลูกชายเป็นตายร้ายดีอย่างไร เสียใจมาก จึงไปผูกคอตายและสาปแชงวา
จึงยินยอมจัดเรือส�าเภาให้นางลิ่มกอเหนี่ยวไปค้าขายที่เมืองไทยเพื่อติดตามสืบข่าวของพี่ชาย “ขออยาใหสรางมัสยิดไดสําเร็จ” ลิ่มโกะเลี่ยมเสียใจ
นางลิ่มกอเหนี่ยวเดินทางไปค้าขายที่เมืองนครศรีธรรมราชก่อน นางสืบความรู้ว่าพี่ชายไป มากที่นองสาวผูกคอตายจึงนําไปฝงตามธรรมเนียม
ค้าขายเมืองกรือเซะและได้พระธิดาพระยาตานีเป็นภรรยา นางจึงออกเรือติดตามไปที่เมืองกรือเซะ ในบริเวณที่นางตาย และกลับมาสรางมัสยิดตอ
เมื่อพบพี่ชายแล้วนางก็ขอร้องให้พี่ชายกลับเมืองจีน พี่ชายไม่ยอมกลับ นางก็อ้อนวอนให้พี่ชายกลับ ก็ไมสําเร็จ ชาวบานเชื่อวาคําสาปแชงของหญิง
ไปเยี่ยมมารดาสักครั้งก็ยังดีเพราะมารดาแก่ชรามากแล้ว เมื่อเห็นพี่ชายยังอิดเอื้อนรีรออยู่ นางก็ พรหมจรรยที่ฆาตัวตายนั้นเปนวาจาสิทธิ์ กระทั่ง
บอกว่านางก็จะยังไม่กลับเมืองจีนจะคอยกลับพร้อมกับพี่ชาย ยิ่งทราบว่าลิ่มโก๊ะเลี่ยมเปลี่ยนศาสนา ปจจุบันมัสยิดกรือเซะก็ยังสรางไมเสร็จ ตอมา
นางยิ่งเสียใจมาก นางจึงคอยว่าสักวันหนึ่งพี่ชายคงกลับใจเห็นแก่พ่อแม่และศาสนาของปู่ย่าตายาย ชาวบานตั้งบริเวณที่นางลิ่มกอเหนี่ยวฆาตัวตาย
นางจึงพ�านักอยู่ที่เมืองกรือเซะเพื่อรอกลับมาพร้อมพี่ชาย เปนศาลเจาแมลิ่มกอเหนี่ยว)
ต่อมาพระยาตานีคิดจะสร้างมัสยิดใหญ่ให้ปรากฏชื่อเสี1ยง เพื่อให้พระยาเมืองใกล้เคียง
ยกย่องเลือ่ งลือเกียรติคณ ุ จึงให้ลมิ่ โก๊ะเลีย่ มซึง่ เป็นลูกเขยเป็นแม่กองในการก่อสร้าง เพราะพระยาตานี
เคยเห็นฝีมือและความสามารถ และเชื่อใจว่าท�าอะไรต้องส�าเร็จอย่างดีทุกประการ ลิ่มโก๊ะเลี่ยม
ก็รับอาสาเตรียมสิ่งของและผู้คนจ�านวนมาก
135
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับนิทานพื้นบานภาคใตเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติม แลวสรุป ครูแนะใหนักเรียนหาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิทานพื้นบานเรื่องเจาแมลิ่ม-
แนวคิดของนิทานพื้นบานภาคใตที่นักเรียนไดศึกษาบันทึกลงสมุดสงครู กอเหนี่ยว ซึ่งเปนนิทานพื้นบานภาคใตของไทย โดยครูชี้ใหนักเรียนเห็นถึงวิถีชีวิต
และแนวคิดในการดําเนินชีวิตของคนในทองถิ่นนั้นผานทางสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คน
ในทองถิ่นเคารพบูชาวา มีทั้งสถานที่ทางพระพุทธศาสนานิกายมหายานและมัสยิด
กิจกรรมทาทาย ของมุสลิม และสถานที่ทั้งสองนี้เปนที่เคารพบูชาของคนในทองถิ่นมาเปนเวลานาน
คูมือครู 135
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
จากสถานที่สําคัญในนิทานพื้นบานเรื่องเจาแม
ลิ่มกอเหนี่ยว ปจจุบันมัสยิดกรือเซะและศาลเจาแม ฝ่ายนางลิ่มกอเหนี่ยวทราบเรื่องพี่ชายก่อสร้างมัสยิด นางก็มาต่อว่าพี่ชายให้ล้มเลิกความตั้งใจ
ลิ่มกอเหนี่ยวเปนอยางไร และให้นึกถึงศาสนาเดิมของพ่อแม่ปู่ย่าตายาย แต่ลิ่มโก๊ะเลี่ยมไม่ยอมฟังค�าทัดทาน กลับต�าหนินาง
(แนวตอบ มัสยิดกรือเซะยังคงมีสภาพที่สราง นางเสี ย ใจมากจึ ง คิ ด ผู ก คอตาย ก่ อ นตายนางได้ ส าปแช่ ง ว่ า “ขออย่ า ให้ ส ร้ า งมั ส ยิ ด ได้ ส� า เร็ จ ”
ไมเสร็จเหมือนเดิม และมีการตั้งศาลเจาแมลิ่มกอ- นางผูกคอตายที่ต้นไม้ใหญ่ใกล้มัสยิดนั่นเอง
เหนี่ยวใหมีขนาดใหญขึ้นอยูที่ตลาดปตตานี หางจาก เมื่อลิ่มโก๊ะเลี่ยมพี่ชายทราบว่าน้องสาวผูกคอตายก็เสียใจ แต่ก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้
ที่เดิมพอสมควร ไดอัญเชิญรูปแกะสลักมาไวที่ศาล จึงน�าศพไปฝังตามธรรมเนียมจีนบริเวณที่นางผูกคอตาย หลังจากนั้นก็สร้างมัสยิดต่อไป แต่เมื่อ
หลังใหม เรียกชื่อใหมวา “เลงจูเกียง”) จะสร้างหลังคามัสยิดก็เกิดฟ้าผ่าหลังคาพัง เมื่อสร้างอีกครั้งหนึ่งฟ้าก็ผ่าอีก ท�าให้ลิ่มโก๊ะเลี่ยม
เลิกล้มความคิดที่จะสร้างมัสยิดต่อไป ส่วนชาวบ้านกรือเซะต่างก็นึกถึงค�าสาปของนางลิ่มกอเหนี่ยว
ขยายความเขาใจ Expand และคนจีนเชื่อกันว่าหญิงสาวพรหมจรรย์ฆ่าตัวตายเช่นนี้ วาจาที 1 ่กล่าวก่อนตายมักจะเป็นวาจาสิทธิ์
ชาวบ้านจึงสร้างศาลไว้ที่บริเวณหลุมศพนาง ส่วนมัสยิดกรือเซะจึงมีอันต้องสร้างไม่ส�าเร็จจนทุกวันนี้
นักเรียนแตละกลุมหาภาพมัสยิดกรือเซะและ หลั ง จากนั้ น ชาวบ้ า นในบริ เวณใกล้ เ คี ย งก็ เ ล่ า ลื อ ความศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ข องนางลิ่ ม กอเหนี่ ย ว
ศาลเจาแมลิ่มกอเหนี่ยวมาอยางละ 1 ภาพ และ หากลูกหลานเจ็บไข้หรือครอบครัวต้องประสบเคราะห์ร้าย ต่างก็มาบนบานที่ศาลนางลิ่มกอเหนี่ยว
ชวยกันเขียนเรื่องราวที่นักเรียนไดฟงเพื่อนเลา เพื่อให้ช่วยปกป้องคุ้มครอง ต่อมามีคนน�ากิ่งไม้ที่นางผูกคอตายมาแกะเป็นรูปนางไว้ที่ศาลด้วย
ประกอบภาพ และชาวบ้านเรียกกันว่า ศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว
จ�าเนียรกาลนานมา ผู้คนที่นับถือเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยวได้สร้างศาลหลังใหม่ให้ใหญ่ขึ้น อยู่ใน
ตรวจสอบผล Evaluate ตลาดปัตตานีหา่ งจากสถานทีเ่ ดิมพอควร และได้อญ ั เชิญรูปแกะสลักมาประดิษฐานในศาลหลังใหม่ บัดนี้
1. นักเรียนเลาเรื่องยอเรื่องสามกษัตริยและบันทึก เรียกว่า ศาลเจ้าเล่งจูเกียง อยู่ที่ตลาดปัตตานี
ลงสมุดได (นายพีรพงศ์ บุญชูช่วย ผู้เล่า จากหนังสือคติชาวบ้าน โดย ศาสตราจารย์ คุณหญิงกุหลาบ มัลลิกะมาส)
2. นักเรียนบอกขอคิดที่ไดจากนิทานพื้นบานเรื่อง
สามกษัตริยที่นําไปปรับใชในชีวิตจริงได
3. นักเรียนเขียนแผนผังลําดับเหตุการณของนิทาน
พื้นบานเรื่องอุสาบารสได
4. นักเรียนเขียนเรื่องราวที่นักเรียนไดฟงเพื่อนเลา
ประกอบภาพมัสยิดกรือเซะและศาลเจาแมลิ่ม
กอเหนี่ยวได
136
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
“กอนตายนางลิ่มกอเหนี่ยวไดสาปแชงวา ‘ขออยาใหสรางมัสยิดไดสําเร็จ’
1 มัสยิดกรือเซะ มีชื่อเรียกอีกอยางหนึ่งวา “มัสยิดปตูกรือบัน” ชื่อนี้เรียกตาม
นางผูกคอตายที่ตนไมใหญใกลมัสยิดนั่นเอง” ขอใดสะทอนความเชื่อสอดคลอง
รูปทรงของประตูมัสยิด ซึ่งมีลักษณะเปนวงโคงแหลมแบบกอธิคของชาวยุโรป
กับขอความขางตน
และแบบสถาปตยกรรมของชาวตะวันออกกลาง (คําวา “ปตู” แปลวา ประตู
1. แสนเสียดายหมายจะชมบรมธาตุ ใจจะขาดคิดมานํ้าตาไหล
“กรือบัน” แปลวา ชองประตูที่มีรูปโคง) มัสยิดกรือเซะเปนอาคารกออิฐถือปูน
2. ทาหนาอรุณอารามหลวง คอยสรางทรวงทรงศีลพระชินสีห
ขนาดกวาง 15.10 เมตร ยาว 29.60 เมตร สูง 6.50 เมตร เสาทรงกลม เลียนรูป
3. ขอสมหวังตั้งประโยชนโพธิญาณ ตราบนิพพานชาติหนาใหถาวร
ลักษณะแบบเสากอธิคของยุโรป ชองประตูหนาตางมีทั้งแบบโคงแหลมและโคงมน
4. ดวยไดไปเคารพพระพุทธรูป แสนสถูปบรมธาตุพระศาสนา
แบบกอธิค โดมและหลังคามีรูปทรงโคงมน อิฐที่ใชกอมีลักษณะเปนอิฐสมัยอยุธยา
ตรงฐานมัสยิดมีอิฐรูปแบบคลายอิฐสมัยทวารวดีปะปนอยูบาง วิเคราะหคําตอบ จากขอความขางตนสะทอนความเชื่อเกี่ยวกับคําอธิษฐาน
ซึ่งเปนความเชื่อที่มีอยูในสังคมไทยมานาน และมีอิทธิพลตอวรรณกรรมไทย
ขอที่สอดคลองกับความเชื่อนี้ คือ “ขอสมหวังตั้งประโยชนโพธิญาณ
ตราบนิพพานชาติหนาใหถาวร” ตอบขอ 3.
136 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนาและถามทบทวนความรูนักเรียน
๓ นิทานไทย เรื่องสังข์ทอง 1
เกี่ยวกับนิทานไทยเรื่องสังขทอง
• นักเรียนเคยเรียนหรือเคยฟงนิทานไทยเรื่อง
สังข์ทอง เป็นนิทานที่มีที่มาจากปัญญาสชาดก เรื่อง สุวัณณสังขชาดก ถือเป็นนิทานไทย
สังขทองเมื่อใด
ทีร่ จู้ กั กันอย่างแพร่หลายและเล่ากันอยูท่ วั่ ไปในท้องถิน่ ต่างๆ ของไทย ทัง้ ในรูปแบบวรรณกรรมมุขปาฐะ
(แนวตอบ นักเรียนเคยเรียนเมื่อชั้นประถม
และวรรณกรรมลายลักษณ์ ส�าหรับวรรณกรรมลายลักษณ์เรื่องสังข์ทองมีแพร่หลายใน ๔ ภาค ดังนี้
ศึกษาปที่ 5 ตามหลักสูตรกระทรวง
สังข์ทอง ศึกษาธิการ)
ภาคเหนือ ค่าวซอสุวรรณหอยสังข์ สุวรรณสังขชาดก
สํารวจคนหา Explore
ภาคอีสาน สุวรรณสังขกุมาร สุวัณสังขาร์
นักเรียนศึกษาความเปนมาของนิทานไทยเรื่อง
ภาคกลาง บทละครนอกเรื่องสังข์ทองสมัยอยุธยา บทละครนอกเรื่องสังข์ทอง
ฉบับพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
สังขทอง จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หองสมุด
อินเทอรเน็ต เปนตน
ภาคใต้ สังข์ทองค�ากาพย์
บูรณาการเชื่อมสาระ
จากการเรียนการสอนนิทานไทย เรื่องสังขทองที่เปนบทละครนอก นักเรียนควรรู
ครูบูรณาการเชื่อมโยงความรูเขากับกลุมสาระการเรียนรูศิลปะ วิชานาฏศิลป
1 ปญญาสชาดก มีเนื้อหาสาระพรรณนาถึงเรื่องราวเกี่ยวกับจริยวัตรของ
ซึ่งเรื่องสังขทองเมื่อนํามาแตงเปนบทละครนอก ก็มีการนํามาจัดการแสดง
ตัวละครเอกในเรื่อง คือ พระพุทธเจา เมื่อครั้งเสวยพระชาติเปนพระโพธิสัตว
โดยมีองคประกอบในการจัดการแสดงที่ตองใชความรูทางตัวบทจากวรรณคดี
ซึ่งไดมีปณิธานมุงมั่นในการบําเพ็ญบารมีในชาติตางๆ อยางมั่นคง ไมยอทอตอ
และทารํา ดนตรี และองคประกอบการแสดงในวิชานาฏศิลป
ความยากเข็ญและอุปสรรคนานัปประการ โดยปรารถนาสูงสุดเพียงไดบรรลุ
พระสัมมาสัมโพธิญาณเทานั้น ซึ่งทายที่สุดของแตละชาติ พระโพธิสัตวจะ
สามารถบรรลุถึงสัมมาสัมโพธิญาณดวยบารมีที่ถึงพรอมตามแตละชาติ
มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับนิทานไทยเรื่องสังขทองเพิ่มเติม ไดที่ http://www.thaigoodview.
com/library/teachershow/nontaburi/chanatta_p/lakornnok/sec03p01.html
คูมือครู 137
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความสัมพันธของวรรณกรรม
เรื่องสังขทองกับสถานที่ตางๆ ในแตละทองถิ่น จังหวัดชัยภูมิมีต�านานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า เรื่องสังข์ทองเกิดขึ้นที่บริเวณพระธาตุบ้านแก้ง
• สังขทองในแตละทองถิ่นปรากฏหลักฐานตาม อ�าเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ พระสังข์ได้ตีคลีกับพระอินทร์ ลูกคลีไปตกในหนองน�้าใหญ่ ต้องให้คน
สถานที่ตางๆ ในทองถิ่นอยางไร มาช่วยงมหาถึงสามหมื่นคน จึงเรียกสถานที 1 ่นี้ว่า หนองสามหมื่น ทิศเหนือของหนองน�้ามีลานหญ้า
(แนวตอบ ทางภาคเหนือเชื่อวาเมืองทุงยั้งเปน ที่เชื่อว่าเป็นสนามประลองการตีคลีระหว่างพระสังข์กับพระอินทร์ นอกจากนี้ยังเชื่อว่ารูปสลัก
เมืองทาวสามล มีลานศิลาแลงที่เปนสนาม ชายหญิงที่หน้าผาบนผนังอุโมงค์ขนาดเล็ก ห่างจากบ้านแก้งไปทางทิศใต้ ๙ กิโลเมตร เป็นรูปเจ้าเงาะ
ตีคลีของพระสังข และปรากฏเรื่องพระสังข กับรจนา เส้นทางเดินไปยังอุโมงค์เป็นหลืบหินคดเคี้ยวเรียกชื่อว่า ทางไปบ้านเจ้าเงาะ
บนฝาผนังเขียนที่วัดพระมหาธาตุใกลกับลาน นิ ท านไทยเรื่ อ งสั ง ข์ ท อง นั บ เป็ น มรดกทางวั ฒ นธรรมและมี ค วามใกล้ ชิ ด กั บ สั ง คมไทย2
ศิลาแลง ที่เมืองตะกั่วปาทางตะวันตกมีเขา
นอกจากเรื่องเล่าที่จดจ�าสืบต่อกันมาช้านานแล้ว ยังปรากฏในเพลงกล่อมเด็ก ปริศนาค�าทาย บทแหล่
ชื่อ “เขาขมังมา” เชื่อวาพระสังขตีคลีชนะแลว
ประกอบงานมงคลต่างๆ ด้วย ดังเช่น บทแหล่ท�าขวัญบ่าวสาว ส�านวนของนายพุ่ม คงอิศโร แหล่ถึง
เหาะขามภูเขานั้นไป ทางภาคอีสานที่จังหวัด
การแกะบายศรีเป็นชั้นๆ ว่า
ชัยภูมิที่ตํานานเลาวาเรื่องสังขทองเกิดที่
พระธาตุบานแกงเรียก “หนองสามหมื่น” โดย ...แกะเป็นพระสังข์ เมื่อยังสรวมเงาะ ใคร่ได้นางรจนา มาเป็นภริยา พ่อแม่สาปไว้
มีที่มาวา พระสังขตีคลีกับพระอินทรแลวลูก- ว่าลูกชัว่ ร้าย ท�าให้ขายหน้า นิรเทศจากเมือง แสนแค้นเคืองเวทนา ผัวเมียอยูศ่ าลา ปลายนา
คลีตกลงในหนองนํ้าแหงนั้น แลวยังมีรูปสลัก ริมไพร รจนารักสนิท มิได้คิดอ่อนใจ ด้วยรูปทองอยู่ใน ใครไม่เล็งผล นางวอนผัวเย็นเช้า
เจาเงาะกับรจนาหางจากบานแกง 9 กิโลเมตร ว่าพี่เจ้าผ่อนปรน อย่าให้น้องอายคน ทนแก่ความยากไร้ เจ้าเงาะปลอบประคอง แม่อย่าร�่า
ทางเดินคดเคี้ยวเรียกชื่อวา “ทางไปบานเจา ร้อง นิ่งเสียเถิดสาย พี่สบายกาย นางก็ยิ้มหัวเราะ ว่าเชิญเปลื้องคราบเงาะ เถิดหนาคุณพี่
เงาะ” ทางภาคใตมีบทแหลทําขวัญที่กลาวถึง
เงาะกล่อมถนอมขวัญ แม่อย่าโศกศัลย์ให้แสนทวี...
เรื่องราวของพระสังขกับนางรจนา)
(ที่มาจาก หนังสือวรรณกรรมสดุดีและแหล่ท�าขวัญของภาคใต้ อุดม หนูทอง รวบรวม)
2. ครูสุมนักเรียน 4-5 คน อธิบายเรื่องสังขทองที่
นักเรียนศึกษาคนความาหนาชั้นเรียน
เรื่องย่อนิทานไทย เรื่องสังข์ทอง
ท้าวยศวิมลมีมเหสีชื่อนางจันท์เทวี สนมเอกชื่อนางจันทา ไม่มีโอรสธิดา จึงบวงสรวงขอบุตร
พระนางทั้งสองได้ตั้งครรภ์ขึ้น เทวบุตรได้จุติลงมาเกิดในพระครรภ์ของนางจันท์เทวีและพระนาง
ได้ให้ก�าเนิดบุตรเป็นหอยสังข์ นางจันทาอิจฉาริษยามากจึงให้โหรท�านายว่าเป็นผลร้ายต่อแผ่นดิน
ท้าวยศวิมลหลงเชื่อจึงเนรเทศนางจันท์เทวีและหอยสังข์ออกจากเมือง
นางจันท์เทวีได้มาอาศัยอยู่กับตายายชาวไร่ ช่วยท�างานบ้านและเก็บผักหาฟืนเพื่อเลี้ยงชีพ
๕ ปีผ่านไป พระสังข์สงสารมารดาที่ต้องท�างานหนักจึงออกจากหอยสังข์เพื่อช่วยหุงหาอาหาร
ครั้ น นางจั น ท์ เ ทวี ท ราบจึ ง ทุ บ หอยสั ง ข์ แ ตก เมื่ อ นางจั น ทารู ้ ว ่ า พระสั ง ข์ ยั ง มี ชี วิ ต อยู ่ จึ ง ทู ล ยุ ย ง
ท้าวยศวิมลให้ประหารชีวติ พระสังข์เพือ่ ไม่ให้เป็นเสีย้ นหนามต่อแผ่นดิน พระสังข์ถกู จับไปประหารชีวติ
แต่มิได้รับอันตรายจึงถูกจับไปถ่วงน�้า เมื่อพระสังข์จมลงถึงเมืองบาดาล พญานาคได้เลี้ยงดูไว้
138
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
รูปทองที่ซอนอยูในตัวละครเงาะหมายถึงขอใด
1 การตีคลี ในสมัยโบราณมี 3 ประเภท คือ
1. ความมั่งมี
1. คลีชาง ผูเลนจะตองขี่ชางตี นิยมเลนกันมากในสมัยอยุธยา
2. ความดีงาม
2. คลีมา ผูเลนจะตองขี่มาตี นิยมเลนกันมากในสมัยกรุงรัตนโกสินทร
3. ความรํ่ารวย
3. คลีคน ผูเลนเดินหรือวิ่งตี การเลนคลีชนิดนี้จะเลนได 2 ลักษณะ คือ
4. ความเกงกลา
เลนคลีธรรมดากับเลนตีคลีไฟ หรือเอาลูกคลีเผาไฟแลวนําเอามาตี
นิยมเลนกันมากในชนบททองถิ่นภาคอีสาน เชน หนองคาย นครพนม วิเคราะหคําตอบ รูปทองที่ซอนอยูในตัวละครเงาะ หมายถึง รูปกายที่แทจริง
อุบลราชธานี ขอนแกน รอยเอ็ด มหาสารคาม เปนตน ของพระสังขที่ชุบบอเงินบอทองในถํ้าของนางพันธุรัต อีกนัยหนึ่งคําวารูปทอง
2 บทแหล ถายึดเอาบทรองเปนหลักแลวจะมี 2 แบบ คือ แบบที่ 1 เปนการรอง หมายถึง สิ่งที่ซอนอยูภายใน คือ จิตใจ ซึ่งขัดกับรูปลักษณะภายนอกที่เปน
กลอนแปดที่แบงออกเปน 2 วรรค เหมาะสําหรับใชรองจังหวะเร็ว และแบบที่ 2 เงาะปา ดังนั้น รูปทองจึงหมายถึง จิตใจที่มีความดีงาม ตอบขอ 2.
เปนการรองแหลดวยกลอนแปดเชนกันแตแบงเปน 3 วรรค รูปแบบนี้ดีผูรองสามารถ
แบงลมหายใจเขาออกไดมากขึ้น จึงสามารถใสลูกเลนเอื้อนเสียงไดตามความเหมาะ
สม และเหมาะสําหรับใชรองจังหวะที่มีความเร็วปานกลาง ออนหวาน นุมนวล
138 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนสรุปเรื่องยอนิทานไทยเรื่องสังขทอง
ลงสมุด จากนั้นครูสุมนักเรียน 4-5 คน เลาเรื่องยอ
สังขทองตอกันหนาชั้นเรียน
(แนวตอบ ทาวยศวิมลมีพระมเหสีชื่อจันทเทวีได
คลอดลูกออกมาเปนหอยสังขถูกขับออกจากเมือง
ไปอยูกระทอมตายายที่ชายปา พระสังขไดออกมา
จากหอยสังขชวยแมกวาดถูบานหุงหาอาหาร
นางจันทเทวีมาเห็นเขาจึงทุบหอยสังขแตกทําให
พระสังขกลับเขาไปอยูในหอยสังขไมได พระสังขถูก
จับถวงนํ้า แตทาวภุชงคพญานาคราชชวยเอาไว
และสงใหไปอยูกับนางพันธุรัต พระสังขรูวานาง
พันธุรัตเปนยักษจึงขโมยรูปเงาะ ไมเทา เกือกแกว
เหาะหนีไปอยูบนเขา นางพันธุรัตขึ้นไปหาพระสังข
ไมได จึงไดมอบมนตมหาจินดา เรียกเนื้อเรียกปลา
ใหพระสังขกอนที่จะอกแตกสิ้นใจตายที่เชิงเขา
พระสังข์ออกจากหอยสังข์ ช่วยนางจันท์เทวีหุงหาอาหารและช่วยท�างานบ้าน พระสังขเหาะมาจนถึงเมืองสามลไดเขารวม
พิธีเลือกคูของพระธิดาทั้งเจ็ดของทาวสามล และ
ต่อมาพญานาคได้ส่งไปเป็นบุตรบุญธรรมของนางยักษ์ชื่อพันธุรัต นางได้เลี้ยงดูให้พระสังข์ รจนาพระธิดาองคสุดทองเห็นรูปทองที่ซอนอยูใน
อยู่อย่างสุขสบาย โดยนางได้แปลงตนเป็นมนุษย์ พระสังข์จึงไม่กลัว แต่ห้ามมิให้พระสังข์เข้าไปใน รูปเงาะจึงเสี่ยงมาลัยไปให ทาวสามลพิโรธขับไล
ที่หวงห้ามแห่งหนึ่งซึ่งมีบ่อเงิน บ่อทอง เกือกแก้วที่สวมแล้วเหาะเหินเดินอากาศได้ รูปเงาะที่สวม รจนาใหไปอยูกระทอมปลายนากับเจาเงาะ และ
ส�าหรับพรางกาย และไม้เท้ากายสิทธิ์ พระสังข์ได้แอบเข้าไปและพบของวิเศษเหล่านั้น พระสังข์ คิดกําจัดเจาเงาะ โดยการใหไปหาเนื้อหาปลาแขง
รู้ความจริงว่านางพันธุรัตเป็นยักษ์ จึงคิดหนีและตั้งใจตามหามารดา กับเขยทั้งหก หกเขยหาไมได จึงตองยอมตัดปลาย
อยู่มาวันหนึ่งนางพันธุรัตได้ออกไปหาอาหาร พระสังข์จึงแอบลงไปชุบตัวในบ่อทองสวมรูป หูและปลายจมูกแลกกับเนื้อและปลาจากเจาเงาะ
เงาะ และเกือกแก้ว ถือไม้เท้ากายสิทธิ์แล้วเหาะหนีไป นางพันธุรัตออกติดตามไปถึงภูเขาใหญ่แห่ง ทาวสามลยังคิดหาทางประหารเจาเงาะ รอนถึง
หนึ่ง พระสังข์ไม่ยอมลงไปพบนาง นางเสียใจจนอกแตกตาย ก่อนตายได้เขียนมหาจินดามนตร์ไว้ที่ พระอินทรตองหาทางชวย โดยการลงมาทาตีคลีชิง
แผ่นศิลาเชิงเขา พระสังข์ได้จดจ�าและจัดการปลงศพนางพันธุรัตก่อนที่จะเหาะไปจนถึงนอกด่านเมือง เมืองสามล ทาวสามลสงหกเขยไปสูก็สูไมได
ท้าวสามล แล้วไปอาศัยอยู่กับเด็ก เด็กๆ ชอบพระสังข์ในรูปของเงาะป่ามาก จึงตองยอมใหเจาเงาะไปสูแทน เจาเงาะถอดรูป
ท้าวสามลมีมเหสีชื่อนางมณฑา มีพระธิดา ๗ องค์ ท้าวสามลต้องการหาลูกเขยที่มีความ เปนพระสังขสูกับพระอินทรจนชนะ ทาวสามลจึง
ฉลาดมาปกครองบ้านเมืองจึงให้พระธิดาทั้ง ๗ องค์เลือกคู่ด้วยการเสี่ยงพวงมาลัย ธิดาทั้ง ๖ องค์ ยอมรับพระสังขกลับเขาเมืองและจัดพิธีอภิเษกให
ได้ เ ลื อ กคู ่ ซึ่ ง ล้ ว นแต่ เ ป็ น โอรสของกษั ต ริ ย ์ เ มื อ งอื่ น เหลื อ เพี ย งรจนาธิ ด าองค์ สุ ด ท้ อ งที่ ไ ม่ พ อใจ พระอินทรไปเขาฝนทาวยศวิมล เพื่อบอกเรื่องราว
ชายใดเลย แต่กลับเลือกเจ้าเงาะเป็นคู่ครอง ทั้งหมด ทาวยศวิมลจึงออกตามหาพระนางจันทเทวี
139 และพระสังขจนไดพบกัน)
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
ขอใดไมมีนํ้าเสียงประชด
ครูใหนักเรียนคนควาเนื้อเรื่องสังขทองที่แตงเปนบทละครนอก พระราชนิพนธ
1. อันผัวพี่ดีเหลือเปนเนื้อหนอ เห็นตอจะบุญหนักศักดิ์ใหญ
ในรัชกาลที่ 2 จากนั้นใหนักเรียนจัดกลุมเลือกตอนใดตอนหนึ่งที่นาสนใจ 6-8 บท
รูปรางนอยจอยอรอยใจ จงกอดไวเถิดคะอยาละวาง
มาอานทํานองเสนาะหนาชั้นเรียน พรอมทั้งถอดคําประพันธตอนที่นักเรียนเลือก
2. เออคะกระนั้นและจริงอยู รูปรางผัวกูไมสูเหมาะ
มาดวย
ที่ไหนจะงามพรอมเหมือนหมอมเงาะ ใครเห็นก็หัวเราะวารูปงาม
3. ถึงพี่จะรุงเรืองไปเบื้องหนา ก็ไมพึ่งวาสนาอยาอวดอาง
ดีแตจะมาพานรานทาง ไมอดสูใจบางหรออยางไร มุม IT
4. จงออกมาวากับลูกสาว ชางทําความงามฉาวอีคนชั่ว
เสียยศเสียศักดิ์ไมรักตัว เลือกผัวไดเงาะเห็นเหมาะใจ ศึกษาเกี่ยวกับบทละครนอกเรื่องสังขทองเพิ่มเติม ไดที่ http://www.aoluk.
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธขางตน เปนตอนที่นางรจนาพระธิดาทาว ac.th/content/SangThong/
สามลเลือกคู โดยการโยนพวงมาลัยดอกไมไปใหเจาเงาะ ทําใหทาวสามล
และพี่สาวตางพากันดาวาติเตียนดวยถอยคําตางๆ ขอที่ไมมีนํ้าเสียงประชด
คือ ขอ 3. เพราะเปนการกลาวอยางตรงไปตรงมา แมจะมีการใชคําถามโดย
ไมตองการคําตอบแตก็ไมมีนํ้าเสียงประชด ตอบขอ 3.
คูมือครู 139
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนแตละกลุมรวมกันแสดงบทบาทสมมติ
นิทานไทยเรื่องสังขทอง แตละกลุมแบงการแสดง ท้ า วสามลเกิ ด ความอั บ อายและเสี ย พระทั ย มาก จึ ง ได้ คิ ด อุ บ ายก� า จั ด เจ้ า เงาะโดยสั่ ง ให้
เปนเหตุการณตางๆ ดังนี้ เขยทั้งเจ็ดหาปลามาถวาย พระสังข์ได้ถอดรูปเงาะไว้และท่องมหาจินดามนตร์เพื่อเรียกปลามารวมกัน
• พระมเหสีจันทเทวีไดคลอดลูกเปนหอยสังข เขยทั้งหกพบพระสังข์คิดว่าเป็นเทวดามาเฝ้าปลา จึงได้ขอปลาเพื่อน�ามาถวายท้าวสามล โดยแลกกับ
ถูกขับออกจากเมือง พระสังขไดออกมาจาก ปลายจมูก ต่อมาท้าวสามลให้หาเนื้อ เขยทั้งหกก็แลกใบหูเพื่อแลกกับเนื้อ ส่วนพระสังข์ได้น�าปลาและ
หอยสังข ชวยแมกวาดถูบานหุงหาอาหาร เนื้อมาถวายท้าวสามลมากกว่าเขยทั้งหก จึงเอาผิดไม่ได้
นางจันทเทวีมาเห็นเขาจึงทุบหอยสังขแตก เมื่อพระอินทร์เล็งดูด้วยเนตรทิพย์ เห็นนางรจนาได้รับความล� าบากจึงหาวิธีให้พระสังข์
ทําใหถูกจับไปถวงนํา ถอดรูปเงาะ พระอินทร์ทรงเครื่องทิพย์มาท้ารบ พระสังข์ได้ออกตีคลีสามารถเอาชนะพระอินทร์
• ทาวภุชงคพญานาคราชสงพระสังขไปอยูกับ ได้ครองเมืองต่อจากท้าวสามล หลังจากนั้นพระอินทร์ได้ตักเตือนท้าวยศวิมลให้อยู่ในศีลธรรม
นางพันธุรัต พระสังขรูวานางพันธุรัตเปนยักษ และไม่หูเบา ท้าวยศวิมลไปรับนางจันท์เทวีเข้ามาอยู่ในวังตามเดิม
จึงขโมยรูปเงาะ ไมเทา เกือกแกว เหาะหนี ก่อนกลับเมืองท้าวยศวิมลและนางจันท์เทวีได้เดินทางไปเมืองของท้าวสามลเพื่อตามหา
ไปอยูบนเขา นางพันธุรัตขึ้นไปหาพระสังข พระสังข์ โดยทั้งสองได้ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน นางจันท์เทวีเข้าไปเป็นคนปรุงอาหารในวัง นางได้
ไมได จึงไดมอบมนตมหาจินดาเรียกเนื้อ แกะสลักผลฟักเป็นเรื่องราวครั้งอดีต พระสังข์เห็นก็จ�าได้ ในที่สุดท้าวยศวิมล นางจันท์เทวี และ
เรียกปลาใหแกพระสังขกอนสิ้นใจตาย พระสังข์ก็ได้พบกัน
• ทาวสามลและนางมณฑากําลังจัดพิธีเลือกคู
ใหธิดาทั้งเจ็ด นางรจนาพระธิดาองคสุดทอง ๔ บทวิเคราะห์
เห็นรูปทองของพระสังขที่ซอนอยูในรูปเงาะ 1
๔.๑ นิทานพืน้ บ้านในท้องถิน่ ต่างๆ
จึงเสี่ยงมาลัยไปให ทาวสามลพิโรธ ๑) นิทานพื้นบ้าน เรื่องสามกษัตริย์ จัดเป็นนิทานพื้นบ้านประเภท นิทานวีรบุรุษ
• ทาวสามลคิดกําจัดเจาเงาะ โดยการใหไปหา ซึ่งเป็นนิทานที่มีเนื้อหาว่าด้วยเรื่องราวของวีรบุรุษซึ่งผู้คนในท้องถิ่นเชื่อถือว่าเคยมีชีวิตอยู่จริงในช่วง
เนื้อหาปลาแขงกับเขยทั้งหก หกเขยหาปลา ต้นประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น นิทานพื้นบ้านประเภทนี้ส่วนใหญ่ยังกล่าวถึงอิทธิปาฏิหาริย์ ความเก่ง-
ไมได จึงตองยอมตัดปลายหูและ กล้าสามารถ หรือวีรกรรมที่มีวีรบุรุษได้ต่อสู้กับชนชาติหรือเผ่าพันธุ์อื่นๆ ซึ่งนอกจากเรื่องพระร่วงแล้ว
ปลายจมูกแลกเนื้อกับปลาจากเจาเงาะ ยังมีนิทานพื้นบ้านประเภทนิทานวีรบุรุษอีกหลายเรื่อง อาทิ เรื่อง ลวจังกราช (ปู่เจ้าลาวจก) ขุนบรม
• พระอินทรลงมาทาตีคลีชิงเมืองสามล (ขุนบูฮม) พระร่วง ท้าวแสนปมขุนหลวงวิลังคะ เป็นต้น
เจาเงาะถอดรูปเปนพระสังขสูกับพระอินทร เรื่องสามกษัตริย์ ยังถือว่าเป็นนิทานวีรบุรุษประเภทแสดงวีรกรรมและอธิบายสถานที่
จนชนะ พระสังขอภิเษกกับนางรจนา คือ มีเนื้อเรื่องที่มุ่งแสดงสถานที่ส�าคัญทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวีรบุรุษ เพราะว่าได้เน้น
พระอินทรไปเขาฝนทาวยศวิมล เพื่อบอก เรื่องการตั้งชื่อบ้านนามเมือง เช่น แม่ร่องช้าง หนองเอี้ยง บ้านตุ่น ห้วยแม่ตุน และแม่อิง และได้มี
เรื่องราวทั้งหมด ทาวยศวิมลออกตามหา การน�าชื่อบุคคลในประวัติศาสตร์มาผูกเป็นเรื่องอธิบายชื่อสถานที่ เพื่อแสดงว่าเป็นสถานที่ส�าคัญ
นางจันทเทวีและพระสังข ในประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น
ส่วนเนือ้ เรือ่ งตอนทีก่ ล่าวว่าพระยาร่วงเป็นชูก้ บั พระชายาของพระยาง�าเมือง น่าจะเป็น
ตรวจสอบผล Evaluate เรื่องเล่าที่แทรกเข้ามาในสมัยหลัง แต่เมื่อได้เล่าขานกันสืบมาเป็นระยะเวลายาวนานจนเมื่อถึงสมัย
ที่มีการบันทึกเป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษรจึงยังปรากฏเรื่องดังกล่าวแทรกอยู่ด้วย
1. นักเรียนเขียนเรื่องเลาเกี่ยวกับพระสังขใน
140
ทองถิ่นของนักเรียนลงสมุด
2. นักเรียนในชั้นรวมกันแสดงบทบาทสมมตินิทาน
ไทยเรื่องสังขทอง
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูสรุปความรูเกี่ยวกับบทพระราชนิพนธ “สังขทอง” ในพระบาทสมเด็จ- นักเรียนอานเรื่องยอสังขทอง แลววิเคราะหแนวคิดที่นักเรียนเห็นวา
พระพุทธเลิศหลานภาลัยวา เปนบทละครนอกที่นําเสนอเรื่องราวชีวิตของคนใน สามารถนําไปประยุกตใชในชีวิตจริงได โดยอธิบายใหเห็นวาจะนําไป
สังคมยุครัตนโกสินทรตอนตน โดยผสมผสานความบันเทิงใหนาติดตาม เชน ประยุกตใชไดอยางไร บันทึกลงสมุดสงครู
อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย ความอิจฉาริษยา กิเลสมนุษย ไสยศาสตร อีกทั้งไดสอดแทรก
คติสอนใจหลายแงมุม สะทอนใหเห็นถึงวิถีชีวิตทั้งชาววังและชาวบาน ใหเห็นถึง
ขนบธรรมเนียมประเพณี คานิยม ความเชื่อ และภูมิปญญาของยุคสมัยนั้น กิจกรรมทาทาย
บูรณาการเชื่อมสาระ
จากเรื่องราวความเปนมาของนิทานพื้นบานแตละทองถิ่น ครูบูรณาการ บูรณาการอาเซียน
ความรูเขากับกลุมสาระการเรียนรูศิลปะ วิชาดนตรี-นาฏศิลป ซึ่งเกี่ยวของกับ นิทานพื้นบานเปนนิทานที่มีอยูในทุกทองถิ่นของทุกประเทศ เปนวรรณกรรม
นาฏศิลปไทย นิทานพื้นบานเปนสวนหนึ่งการแตงเนื้อรองที่ใชสําหรับประกอบ มุขปาฐะแรกเริ่ม กอนที่จะมีพัฒนาการทางภาษาในการบันทึกเปนลายลักษณอักษร
การแสดง นิทานพื้นบานสามารถประยุกตกับศิลปะการแสดง เรื่องที่นํามา นิทานพื้นบานคือสิ่งที่แสดงใหเห็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนในทองถิ่น จึงมิใชเพียง
จัดการแสดงละคร เชน มโนราห สาวเครือฟา ไกรทอง เปนตน นาฏศิลป ความสนุกเพลิดเพลินเทานั้น แตยังเปนสื่อนําไปสูการรูจักและเขาใจสังคม ชุมชน
พื้นบานเปนการแสดงนาฏศิลปของคนไทย 4 ภาค คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ถิ่นกําเนิดของทองถิ่น ของประเทศ และการรวมเปนกลุมประเทศสมาชิกสมาคม
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต ทั้งนี้เปนการแสดงที่สื่อความหมายใน อาเซียนมากขึ้น ตัวอยางการจัดกิจกรรมที่ใชนิทานพื้นบานเปนสื่อกลางการเรียนรู
เรื่องประวัติศาสตร คานิยม ศาสนา ประเพณี พิธีกรรม วิถีชีวิตความเปนอยู เกี่ยวกับอาเซียนสําหรับเด็กนักเรียนในประเทศไทย เชน กิจกรรม “พิพิธอาเซียน
การประกอบอาชีพของชาวบานในแตละทองถิ่น นาฏศิลปพื้นบานเปนมหรสพ สัญจร” กับ TK Park โดยมีจุดมุงหมายที่จะเผยแพรความรู สังคม และวัฒนธรรม
อยางหนึ่งที่มีจุดมุงหมายเพื่อแสดงอารมณความรูสึกที่กอใหเกิดความบันเทิง อันดีงามของไทยเราไปอีกทางหนึ่งดวย กิจกรรมนี้ถือวาเปนสวนหนึ่งในกิจกรรม
และความสนุกสนาน เพลิดเพลิน หนังสือเดินเทา TK Park เพื่อใหเด็กนักเรียนไดเขามาเสริมทักษะในการอานใหมาก
ยิ่งขึ้นกวาเดิมกับนิทานพื้นบานจาก 10 ประเทศ เพื่อศึกษาและสนุกกับวัฒนธรรมใน
ประเทศตางๆ อีกทั้งยังเปนการเชื่อมความสัมพันธของชนชาวพื้นเมืองตางๆ อีกดวย
คูมือครู 141
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนสรุปขอคิดที่ไดจากการอานนิทานไทย
เรื่องสังขทอง ๔.๒ นิทานไทย เรือ่ งสังข์ทอง
(แนวตอบ จากนิทานไทยเรื่องสังขทอง ใหขอคิด นิทานพื้นบ้านเรื่องสังข์ทอง มีเนื้อเรื่องที่สนุกสนาน ให้ความเพลิดเพลิน เนื้อเรื่องมี
วา ไมควรตัดสินคนจากรูปลักษณภายนอก เชน หลากอารมณ์ ขณะเดียวกันก็สะท้อนความเชื่อบางประการที่สามารถน�ามาเป็นข้อคิดเตือนใจผู้ฟัง
เจาเงาะที่ภายนอกไมสวยงาม แตภายในนั้นเปนดั่ง ผู้อ่านได้ ดังต่อไปนี้
ทองมีจิตใจดีงาม ดังนั้น จึงไมควรตัดสินคนจาก ๑) คนดีย่อมตกน�้าไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ การอิจฉาริษยาของตัวละครฝ่ายอธรรม
รูปลักษณภายนอก) ในเรื่อง คือ นางจันทา เป็นผลให้นางจันท์เทวีต้องตกระก�าล�าบาก พระสังข์ต้องถูกจับถ่วงน�้า ต้อง
ผจญภัยต่างๆ แต่ท้ายที่สุดธรรมะก็ชนะอธรรม คนที่ท�าชั่วย่อมได้รับผลกรรมชั่วตอบแทน ด้วยความดี
ขยายความเขาใจ Expand ของพระสังข์จึงสามารถมีชัยเหนือศัตรูที่คิดร้าย สุดท้ายนางจันทาก็ได้รับโทษ นางจันท์เทวีได้กลับคืน
สู่วัง นอกจากนี้พระสังข์ยังมีความกตัญญูต่อมารดา เมื่อเห็นมารดาต้องท�างานเหนื่อยยาก พระสังข์
1. นักเรียนวาดภาพนิทานไทยเรื่องสังขทองตอน ที่ยังเยาว์วัยได้ออกจากหอยสังข์ ช่วยท�างานบ้านเพื่อแบ่งเบาภาระมารดา
ใดตอนหนึ่งที่นักเรียนชื่นชอบและระบายสีให ๒) ความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่ที่มีต่อลูก นิทานเรื่องสังข์ทองท�าให้เห็นถึงความรัก
สวยงาม อันยิ่งใหญ่ของแม่อย่างนางจันท์เทวีที่รักลูกมาก มิได้รังเกียจ แม้ว่าลูกจะเกิดเป็นหอยสังข์ก็ยังเฝ้าดูแล
2. นักเรียบรวบรวมชิ้นงานทําปายนิเทศใน ด้วยความห่วงใย นางพันธุรัตที่เป็นยักษ์ก็เลี้ยงดูพระสังข์อย่างดีราวกับเป็นลูกแท้ๆ แม้สุดท้าย
หองเรียนหรือในวันภาษาไทย พระสังข์จะเหาะหนีนางไป นางก็ยังสอนมหาจินดามนตร์ให้พระสังข์ก่อนที่นางจะสิ้นใจตาย
๓) ไม่ควรตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก ผูท้ มี่ รี ปู ลักษณ์ภายนอกน่าเกลียด เช่น
เจ้าเงาะ ภายในอาจมีรูปทองซ่อนอยู่
คนเรามักตัดสินกันทีร่ ปู ลักษณ์ภายนอก ดังบทละครนอก พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒
พี่สาวทั้ง ๖ ของนางรจนา กล่าววาจาเยาะเย้ยน้องสาวของตนว่า
ชะนางคนดีไม่มีชั่ว ช่างเลือกผัวงามนักน่ารักใคร่
รูปร่างน่าหัวร่อเหมือนตอไม้ เอออะไรพุงโรสันหลังยาว
มันน่าเชยน่าชมสมประกอบ 1 พอชอบท�านองหม่อมน้องสาว
หูตาบั้งแบวเหมือนแมวคราว เขาเล่าลืออื้อฉาวช่างไม่อาย
นอกรีตนอกรอยน้อยหรือนั่น แร่รันไปรักอีมักง่าย
ให้พี่สาวชาวแส้พลอยวุ่นวาย อัปยศอดอายขายหน้าตา ฯ
2
แต่นางรจนา “นางเห็นรูปสุวรรณอยู่ชั้นใน รูปเงาะสวมไว้ให้คนหลง”
เนื้อเรื่องตอนนี้ให้คติสอนใจเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกว่า บางครั้งคนที่มีหน้าตา
ไม่สวยงาม แต่จิตใจอาจดีงามก็ได้ การตัดสินความดีความชั่วของคนจาก
รูปลักษณ์ภายนอก จึงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป
142
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
“นางเห็นรูปสุวรรณอยูชั้นใน รูปเงาะสวมไวใหคนหลง”
1 แมวคราว เปนแมวตัวผูที่แก รูปรางใหญ หนาตาดุนากลัว และมีหนวดยาว
คําที่ขีดเสนใตสอดคลองกับขอใดมากที่สุด
2 รูปเงาะ มีสํานวนที่ไดแนวคิดจากเรื่อง “สังขทอง” สํานวนวา “เงาะถอดรูป” 1. ภายในยอมแมลงวัน หนอนบอน
หมายถึง การแปลงภาพลักษณใหมแลวดูดีขึ้นกวาเดิมมาก หรืออยาตัดสินคนจาก ดุจดังคนใจราย นอกนั้นดูงาม
รูปลักษณภายนอก 2. ภายในยอมรสา เอมโอช
สาธุชนนั้นแล เลิศดวยดวงใจ
3. คือคนหมูไปหา คบเพื่อน พาลนา
มุม IT ไดแตรายรายฟุง เฟองใหเสียพงศ
4. คือคนเสพเสนหา นักปราชญ
ศึกษาเกี่ยวกับภูมิปญญาจากวรรณกรรมบทละครนอกเรื่องสังขทอง ความสุขซาบมวย ดุจไมกลิ่นหอม
พระราชนิพนธในรัชกาลที่ 2 http://amorna.blogspot.com/2008/10/blog-
post_13.html วิเคราะหคําตอบ “รูปเงาะ” หมายความวา รูปกายภายนอกดูไมงาม
แตภายในนั้นเปนอยางทองคํา ตรงกับขอ 2. หมายความวา ภายในนั้นดี
รสเปนเลิศ ตอบขอ 2.
142 คูมือครู
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนเลาประสบการณที่เคยรูเกี่ยวกับ
บอกเล่าเก้าสิบ หอยสังขและหาขอมูลเพิ่มเติมจากแหลงการเรียนรู
ตางๆ เชน ผูรู อินเทอรเน็ต หองสมุด เปนตน
เหตุใดจึงใช้หอยสังข์ในง�นมงคล (แนวตอบ สังขเปนหอยทะเลกาบเดี่ยว เปลือกมี
เคยนึกสงสัยหรือไม่ว่าท�าไมในงานพิธีมงคล สีขาวบริสุทธิ์ เนื้อแข็งละเอียด พวกพราหมณถือวา
ต่างๆ เช่น งานมงคลสมรสจึงใช้สังข์เป็นเครื่อง สังขเปนของศักดิ์สิทธิ์และเปนมงคล เพราะหอย
รดน�้าแก่คู่บ่าวสาว หรือในงานพิธีกรรมต่างๆ จึงมี สังขสีขาว ไมมีลวดลายไฝฝาราคี อีกทั้งเปลือก
การเป่าสังข์เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล หอยนั้นเวียนขวา เมื่อเทนํ้าออกมานํ้าก็จะไหลเวียน
เนื่องจากมีต�านานเล่าขานว่า ยักษ์ตนหนึ่ง
นามว่าสังข์อสูร พบพระพรหมก�าลังบรรทมหลับ
ขวาอันเปนทิศทางที่ถือกันวาเปนมงคล แตเหตุผล
1
อยู่และมีพระเวทต่างๆ ไหลออกมาจากพระโอษฐ์ สําคัญที่สุดก็คือ พระนารายณซึ่งเปนเทพเจาของ
สั ง ข์ อ สู ร จึ ง ขโมยพระเวทนั้ น ไป เพื่ อ ไม่ ใ ห้ พ วก พวกพราหมณทรงสังขดวยอยางหนึ่ง ดวยเหตุที่
พราหมณ์ใช้พระเวทสวดอ้อนวอนพระพรหม และ พระนารายณทรงสังข พระนามหนึ่งของพระองคจึง
เทพเจ้าองค์อื่นๆ อีกต่อไป มีวา “สังขกร” แปลวา ผูมีสังขอยูในมือ ดวยเหตุนี้
พระนารายณ์เห็นการกระท�าของสังข์อสูรจึงออกติดตาม สังข์อสูรจึงกลืนพระเวทแล้วกระโดด พวกพราหมณจึงใชหอยสังขในพิธีมงคล ไมวาใช
หนีลงมหาสมุทร พระนารายณ์จึงเอานิ้วพระหัตถ์จับพระเวทดึงลากออกมาทางปากของสังข์อสูร
และสาปสังข์อสูรว่า “ขอให้เจ้าจงมีสภาพร่างกายแบบนี้ จงอยู่ในน�้าสืบไป อย่าได้ขึ้นมาบนบก
เปาหรือใชใสนํ้ามนต รวมทั้งใชหลั่งนํ้าแกคูสมรส
อีกต่อไป เมื่อชาวมนุษย์จะท�าการมงคลใดๆ จึงค่อยมาจับตัวเจ้าไปร่วมในงานพิธีมงคลนั้นๆ” ซึ่งเปนธรรมเนียมที่ไทยรับมาจากพราหมณ นํ้าที่
อย่างไรก็ตาม ในทางธรรมชาติหอยสังข์ทพ ี่ บเห็นโดยทัว่ ไป เป็นหอยสังข์อนิ เดีย (Indian Chank) หลั่งจากหอยสังขเพื่อใหคูบาวสาวอยูเย็นเปนสุข
เป็นหอยกาบเดี่ยวหรือหอยฝาเดียว เปลือกหนาและแข็ง มีสีน�้าตาล เมื่อเปลือกหลุดออกแล้ว หอยสังขนั้นนอกจากจะใชเปนเครื่องหลั่งนํ้า เพื่อ
จะท�าให้เป็นสีขาวทัง้ ตัว ขนาดความยาวของเปลือกประมาณ ๑๕ ซม. มีถนิ่ ก�าเนิดในมหาสมุทรอินเดีย ใหมีความสุขความเจริญแลว ยังใชเปาเพื่อใหไดยิน
ในประเทศไทย ค่านิยมในการนับถือหอยสังข์ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นสิ่งของที่เป็นมงคล
เสียง ใหเกิดความเปนสิริมงคลอีกดวย บางตํานาน
อย่างสูงนั้น ได้รับอิทธิพลจากคติความเชื่อของพราหมณ์มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
และบางความเชื่อก็วา ที่เรานําหอยสังขมาใชในพิธี
รดนํ้าสังข ก็เพราะวา สังข คือหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์
14 อยาง อันเกิดจากการกวนเกษียรสมุทรของเหลา
เทวดาและอสูร จึงถือเปนของสิริมงคลสําหรับคูบาว
สาว สวนประเพณีการใชนํ้าพระพุทธมนตบรรจุใน
สังข ก็โดยเหตุที่คนไทยเปนพุทธศาสนิกชน ดังนั้น
นํ้าที่เกิดจากการเจริญพระพุทธมนต จึงถือเปนสิ่ง
มงคลยิ่ง จึงทําใหในพิธีแตงงานไดนํานํ้ามาบรรจุใน
หอยสังข การรดนํ้าสังขจึงเสมือนเปนการอวยพรให
คูบาวสาวมีแตความเจริญรุงเรืองในชีวิตคู)
143
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
นักเรียนยกบทประพันธจากกาพยเหชมเครื่องคาวหวานที่มีเนื้อความของ
1 พระเวท เปนคัมภีรทางศาสนาที่พวกพราหมณไดรวบรวมขึ้นจากบทเพลงสวด
เกี่ยวกับเรื่องสังขทอง อธิบายความของเกี่ยวของบทประพันธที่ยกมา
ในเวลาทําศึกและการสังเวย เรียกวา ฤคเวท ซึ่งไดพูดถึงสภาพสังคมของชาวอารยัน
แนวตอบ บทประพันธจากกาพยเหชมเครื่องคาวหวานกลาวถึงเงาะถอดรูป และเพิ่งมาจารึกเปนตัวอักษรหลังการปรินิพพานของพระพุทธเจารวมพันปแลว
ความวา จากฤคเวทพวกพราหมณไดขยายเปน 4 คัมภีร เรียกวา จตุเพทางคศาสตร ไดแก
“ผลเงาะไมงามแงะ มลอนเมล็ดและเหลือปญญา 1. ฤคเวท บทสวดสรรเสริญเทพเจา
หวนเห็นเชนรจนา จาเจาเงาะเพราะเห็นงาม” 2. สามเวท บทสวดออนวอนในพิธีบูชายัญตางๆ
จากบทประพันธขางตนแสดงใหเห็นแนวคิดที่มีความของเกี่ยวกัน 3. ยชุรเวท บทเพลงขับสําหรับสวดหรือรองเปนทํานองบูชายัญ
กลาวคือ พระสังขสวมรูปเงาะ มีเพียงนางรจนาเทานั้นที่สามารถมองเห็น 4. อาถรรพเวท วาดวยอาคมทางไสยศาสตร
รูปกายที่แทจริงของพระสังขวางามดั่งทอง ดังนั้นกวีจึงเปรียบเรื่องนี้กับผล
เงาะวาภายนอกนั้นแมไมงาม แตเมื่อไดแกะเปลือกแลวจึงเห็นวาเนื้อหวาน
นากินเพียงใด และสังเกตไดวาบทละครนอกเรื่องสังขทองเปนพระราชนิพนธ
ในรัชกาลที่ 2 เชนเดียวกับกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน แสดงใหเห็นวาใน
ขณะที่พระราชนิพนธบทเหชมผลไม เมื่อทอดพระเนตรผลเงาะทรงนึกถึงเงาะ
ถอดรูปในเรื่องสังขทอง
คูมือครู 143
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนสรุปขอคิดที่ไดจากการอานนิทานไทย
เรื่องสังขทอง
2. นักเรียนเลาประสบการณที่เคยรูเกี่ยวกับ ค�าถาม ประจ�าหน่วยการเรียนรู้
หอยสังขและหาขอมูลเพิ่มเติมจากแหลงการ
เรียนรูตางๆ ๑. เพราะเหตุใดนักเรียนจึงไม่ควรตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก
๒. นักเรียนชอบอ่านนิทานหรือไม่ และคิดว่าได้รับประโยชน์อย่างไรบ้างจากการอ่านนิทาน
๓. “นิทานเป็นเครื่องมือส�าคัญในการอบรมสั่งสอนเยาวชน” นักเรียนเห็นด้วยกับค�ากล่าวนี้หรือไม่
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู จงแสดงความคิดเห็น
1. แผนผังลําดับเหตุการณของนิทานพื้นบานเรื่อง
อุสาบารส
2. เขียนเรื่องราวที่นักเรียนไดฟงเพื่อนเลาประกอบ
ภาพมัสยิดกรือเซะและศาลเจาแมลิ่มกอเหนี่ยว
3. ภาพวาดนิทานไทยเรื่องสังขทอง
กิจกรรม สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. นักเรียนไมควรตัดสินคนจากรูปลักษณภายนอก เพราะบางครั้งคนที่หนาตาไมเปนที่ชื่นชม แตอาจมีจิตใจดีงามก็ได ความดีความชั่วรายของคนไมสามารถดูไดจาก
รูปกายภายนอก แตจะดูไดจากการกระทํา
2. นักเรียนชอบการอานนิทาน และการอานนิทานทําใหไดรับประโยชน ดังนี้
• ใหความบันเทิงแกผูอาน
• นิทานบางเรื่องจะสอดแทรกความรูในหลายดาน เชน ขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรม ศาสนาและประวัติศาสตร
• นําขอคิดไปใชในการดําเนินชีวิตได
• ใหคําอธิบายความเปนมาของชุมชนและเผาพันธุ
• มีอิทธิพลตอศิลปกรรมพื้นบาน
3. นิทานเปนเครื่องมือสําคัญในการอบรมสั่งสอนเยาวชน เห็นดวยกับคํากลาวนี้ เพราะนิทานโดยทั่วไปมักมีแนวคิดสําคัญของเรื่องสอดแทรกอยูกับหลักธรรมคําสอนในทาง
พระพุทธศาสนาและสารประโยชน จึงมีสวนชวยปลูกฝงคุณธรรมและจริยธรรม พรอมๆ กับใหความบันเทิงแกผูฟง ในพฤติกรรมของตัวละครฝายดีและพฤติกรรมของ
ตัวละครที่ชั่วรายเปนแบบอยางใหผูฟงนํามาปรับใชใหเหมาะสมในการดําเนินชีวิต
144 คูมือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. ทองจําบทอาขยานที่กําหนดและบอกคุณคา
บทอาขยาน บทอาขยาน
๑ การท่องจ�าบทอาขยาน 2. ประยุกตบทประพันธที่มีคุณคานําไปใช
อาขยาน (อา-ขะ-หฺยาน) ตามความหมายจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๕๔ ประโยชนในชีวิตจริง
หมายถึง บทท่องจ�า การเล่า การสวด เรื่อง นิทาน
ตัง้ แต่พทุ ธศักราช ๒๕๔๒ เป็นต้นมา กระทรวงศึกษาธิการได้ก�าหนดให้มกี ารท่องบทอาขยานในสถานศึกษา
ขึน้ ทัง้ นีเ้ พือ่ ให้นกั เรียนมีโอกาสท่องจ�าบทร้อยกรองทีม่ คี วามไพเราะ ให้คติสอนใจ ซึง่ เป็นการส่งเสริมให้นกั เรียนเกิด กระตุน้ ความสนใจ Engage
ความซาบซึ้ง เห็นความงดงามของภาษา และเห็นคุณค่าของภาษาและวรรณคดีไทยที่เป็นเอกลักษณ์และมรดก
ทางวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งควรค่าแก่การรักษาและสืบสานให้คงอยู่ตลอดไป รวมทั้งยังช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้น�าไปสู่ ครูยกบทประพันธตอไปนี้อานใหนักเรียนฟง
การด�าเนินชีวิตที่ดีงามอีกด้วย แลวใหนักเรียนตอบคําถาม
วัตถุประสงค์ในการอ่าน “แลวสอนวาอยาไวใจมนุษย
๑. เพือ่ ให้นกั เรียนตระหนักในคุณค่าของภาษาไทย และซาบซึง้ ในความไพเราะของบทร้อยกรอง
๒. เพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจในความสามารถของกวีไทย
มันแสนสุดลึกลํ้าเหลือกําหนด
๓. เพื่อเป็นพื้นฐานในการแต่งค�าประพันธ์ ถึงเถาวัลยพันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
๔. เพื่อให้เป็นสื่อในการถ่ายทอดคุณธรรม คติธรรม และข้อคิดที่เป็นประโยชน์แก่เยาวชน ก็ไมคดเหมือนหนึ่งในนํ้าใจคน”
๕. เพื่อส่งเสริมให้มีจิตส�านึกทางวัฒนธรรมของคนในชาติ • บทประพันธที่ครูยกมาเปนผลงานของใคร
บทอาขยานที่ก�าหนดให้ท่องจ�า แยกประเภทได้ดังนี้ และจากเรื่องใด
บทหลัก หมายถึง บทอาขยานที่กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ก�าหนดคัดเลือกกวีนิพนธ์ที่มีคุณค่าทาง (แนวตอบ กลอนสุนทรภู จากเรื่องพระอภัย-
วรรณศิลป์และคติชีวิตให้นักเรียนทุกชั้นทั่วประเทศท่องจ�าทุกภาคเรียน
มณี ตอน พระฤๅษีสอนสุดสาคร)
บทรอง หมายถึง บทอาขยานที่ครูผู้สอนหรือสถานศึกษาเป็1นผู้ก�าหนดให้นักเรียนท่องจ�าเพิ่มเติมจาก
บทหลัก อาจเป็นบทร้อยกรองทีแ่ สดงภูมปิ ญ ั ญาท้องถิน่ เช่น เพลงพืน้ บ้าน เพลงกล่อมเด็ก บทกวีรว่ มสมัย ที่มีคุณค่า • บทประพันธที่ยกมาใหขอคิดอะไร
โดยก�าหนดให้ท่องจ�าภาคเรียนละ ๑ บท เป็นอย่างน้อย (แนวตอบ ใหขอคิดเรื่องอยาไวใจคน เพราะ
บทเลือกอิสระ หมายถึง บทอาขยานทีน่ กั เรียนแต่ละคนชืน่ ชอบและเลือกสรรมาท่องเองด้วยความสมัคร ใจคนคดเคี้ยวยิ่งกวาเถาวัลย)
ใจโดยความเห็นชอบของครูผู้สอนหรือสถานศึกษา แต่ต้องบอกได้ว่ามีเหตุผลอย่างไรจึงได้เลือกบทร้อยกรองนั้นๆ มา
ท่องเป็นบทอาขยานของตนเอง
ส�ารวจค้นหา Explore
๒ บทอาขยานระดับมัธยมศึกษาปีท ี่ ๑
นักเรียนศึกษาวัตถุประสงคและหลักการอาน
นิคมพจน์ กาพย์ห่อโคลง บทอาขยาน และอานบทอาขยานตามที่กําหนด
อย่า นิยมสิ่งร้ายชอบ ชมชั่ว
เห็น สนุกทุกข์ถึงตัว จึ่งรู้
กง จักรว่าดอกบัว บอกรับ เร็วแฮ อธิบายความรู้ Explain
จักร พัดเศียรร้องอู้ จึ่งรู้ผิดตน
อย่า นิยมสิ่งทุกข์ เห็น สนุกกลับทุกข์ทน นักเรียนอธิบายวา บทอาขยาน “บุพการี”
กง จักรว่าบัวจน จักร พัดตนจึ่งรู้ตัว กลาวถึงบิดามารดาอยางไร
(แนวตอบ กลาวถึงวาพอแมเปนผูที่มีพระคุณไม
อาจมีอะไรมาเทียบได หากไมมีพอแมก็เหมือนกับ
145
แสงสวางหมดไปจากโลกนี้ พระคุณของพอแมไมวา
จะทดแทนกี่ชาติก็ไมอาจหมด แมแตรอยเทาของ
พอแมก็มีคาแกการกราบไหวเปนมงคลชีวิต)
เกร็ดแนะครู
ครูจัดกิจกรรมการทองจําบทอาขยานตามตัวชี้วัดของการเรียนวรรณคดีและ
วรรณกรรม นักเรียนทองจําบทอาขยานที่กําหนด โดยจัดใหทองบทอาขยานเดี่ยว
คู หรือกลุม กลุมละ 4-6 คน ตามเวลาและจํานวนนักเรียนที่เหมาะสม
นักเรียนควรรู
1 เพลงพื้นบาน เปนเพลงของชาวบานซึ่งถายทอดมาโดยการเลาจากปากตอปาก
อาศัยการฟงและการจดจํา ไมมีการจดบันทึกเปนลายลักษณอักษร ขอที่นาสังเกต
ก็คือ ไมวาเพลงพื้นบานจะสืบทอดมาตามประเพณีและมุขปาฐะดังกลาวขางตน ทั้งนี้
มิไดหมายความวา เพลงทุกเพลงจะมีตนกําเนิดโดยชาวบานหรือการรองปากเปลา
เทานั้น ชาวบานอาจไดรับเพลงบางเพลงมาจากชาวเมือง แตเมื่อผานการถายทอด
โดยการรองปากเปลา และการทองจํานานๆ เขาก็กลายเปนเพลงชาวบานไป
คู่มือครู 145
สนุกท อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับวัตถุประสงคในการ
อานบทอาขยาน โอ้เรานี้ชั่ว ชอบกรรม ชั่วนา
(แนวตอบ วัตถุประสงคและหลักการอานบท เป็น อกตัญญูท�า โทษไว้
ดอก บัวยั่วเนตรน�า นึกชอบ
อาขยาน มีดังนี้ กลับเป็นจักรได้ ดั่งนี้กรรมสนอง
• ชวยใหเกิดความซาบซึ้งในเรื่องที่อานและเปน โอ้ตัวเรานั้น เป็น อกตัญญูมัวหมอง
ตัวอยางการใชภาษาที่ไพเราะ ดอก บัวยั่วจิตจอง บัว ผิดปองเป็นจักรไป
(พระยาอุปกิตศิลปสาร)
• ฝกการคิดวิเคราะหประเมินคาเรื่องที่อาน
• ชวยกลอมเกลาและจรรโลงใจใหประณีตมาก
รามเกี
1 ยรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต
ขึ้นมีคติประจําตัว สอนใหระลึกถึงคุณธรรม
บุษเอยบุษบกแก้ว 2
สีแววแสงวับฉายฉาน
ที่ควรจดจํา ห้ายอดเห็นเยี่ยมเทียมวิมาน แก้วประพาฬกาบเพชรสลับกัน
• เปนตัวอยางการแตงคําประพันธตามรูปแบบ ชั้นเหมช่อห้อยล้วนพลอยบุษย์ บัลลังก์ครุฑลายเครือกระหนกคั่น
ของบทอาขยานที่ทองจํา ภาพรายพื้นรูปเทวัญ คนธรรพ์คั่นเทพกินนร 3
เลื่อนเมฆลอยมาในอากาศ อ�าไพโอภาสประภัสสร
• สงเสริมใหมีจิตสํานึกทางวัฒนธรรมของคน ไขแสงแข่งสีศศิธร อัมพรเอี่ยมพื้นโพยมพราย
ในชาติ เกิดความภูมิใจในความสามารถของ ดั่งพระจันทร์เดินจรส่องดวง แลเฉิดลอยช่วงจ�ารัสฉาย
กวีไทย) ดาวกลาดดาษเกลื่อนเรียงราย เร็วคล้ายรีบเคลื่อนเลื่อนลอยมา
(พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช)
2. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับการทองจําบท
อาขยาน
นิราศภูเขาทอง
• การทองจําบทประพันธเรื่องรามเกียรติ์ ตอน
มาถึงบางธรณีทวีโศก ยามวิโยคยากใจให้สะอื้น
ศึกอินทรชิต ใหประโยชนในเรื่องใดบาง โอ้สุธาหนาแน่นเป็นแผ่นพื้น ถึงสี่หมื่นสองแสนทั้งแดนไตร
(แนวตอบ ทําใหเห็นคุณคาของภาษาไทยและ เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้ ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย
ซาบซึ้งในความไพเราะของบทประพันธ เกิด ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกา
ถึงเกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา
ความภาคภูมิใจในความสามารถของกวีไทย เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา ทั้งผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย
รูพื้นฐานในการแตงคําประพันธ และทําใหมี โอ้สามัญผันแปรไม่แท้เที่ยง เหมือนอย่างเยี่ยงชายหญิงทิ้งวิสัย
จิตสํานึกในวัฒนธรรมของคนในชาติ) นี่หรือจิตคิดหมายมีหลายใจ ที่จิตใครจะเป็นหนึ่งอย่าพึงคิด
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
• จากบทอาขยานเรื่องรามเกียรติ์ ตอน แม้นพูดชั่วตัวตายท�าลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา
ศึกไมยราพ เปนบทรําพึงของตัวละครใด (พระสุนทรโวหาร (ภู่))
(แนวตอบ เปนบทรําพึงของพระลักษมณ
พระอนุชาของพระราม)
• บทอาขยาน “สักวา” ใหขอคิดเรื่องใด
(แนวตอบ ใหขอคิดเรื่องการพูดวาจะยากดีมี
จนอยางไรก็ตาม การพูดเปนสิ่งสําคัญที่สุด)
146
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูบูรณาการความรูเรื่องการอานบทอาขยานเขากับกลุมสาระการเรียนรู
ศิลปะ วิชาดนตรี-นาฏศิลป เรื่องการขับรอง การออกเสียง การรูประเภทของ
1 บุษบก เปนมณฑปขนาดเล็กแตดานขางโปรง เปนที่ประทับของพระมหากษัตริย
การขับรอง อวัยวะที่เกี่ยวของกับการขับรอง เพื่อใหรูจักพื้นฐานการบังคับเสียง
ในพระราชพิธี หรือเปนประดิษฐานปูชนียวัตถุ เชน พระพุทธรูป เปนตน
ซึ่งจะชวยใหการอานบทอาขยานไพเราะนาฟงยิ่งขึ้น
2 แกวประพาฬ เปนรัตนะ (แกว) ชนิดหนึ่ง สีแดงออน เกิดจากหินปะการังใต
ทะเล
3 ประภัสสร หมายถึง เลื่อมๆ พรายๆ มีแสงพราวๆ เหมือนแสงพระอาทิตย
แรกขึ้น หมายถึง ผองใส บริสุทธิ์ เชน จิตประภัสสร เขียนเปน ประภัสร ก็มี เชน
“ธรรมรสเรืองรองผองประภัสร เปนมิ่งฉัตรสุขสันตนิรันดร” (ชีวิตและงานของสุนทรภู)
146 คู่มือครู
ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเข้าใจ Expand
นักเรียนทองจําบทอาขยานที่กําหนด พรอมทั้ง
สักวา บอกคุณคาที่ไดจากการทองจําบทอาขยานนั้น
สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน • นักเรียนจะนําขอคิดที่ไดจากบทอาขยานไป
ไม่เหมือนแม้นพจมานที่หวานหอม ประยุกตใชในชีวิตประจําวันอยางไร
กลิ่นประเทียบเปรียบดวงพวงพะยอม
อาจจะน้อมจิตโน้มด้วยโลมลม (แนวตอบ ตัวอยางเชน บทอาขยานสักวา
แม้นล้อลามหยามหยาบไม่ปลาบปลื้ม ทําใหเห็นความสําคัญของการพูด ใหเปนคน
ดังดูดดื่มบอระเพ็ดต้องเข็ดขม พูดจาดี และบทอาขยานบุพการีทําใหสํานึก
ผู้ดีไพร่ไม่ประกอบชอบอารมณ์
ใครฟังลมเมินหน้าระอาเอย ในพระคุณของบิดามารดา)
(พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ)
ตรวจสอบผล Evaluate
บุพการี
1. นักเรียนถอดคําประพันธบทอาขยานที่นักเรียน
ใครแทนพ่อแม่ได้ ไป่มี เลยท่าน
ชื่นชอบได
คือคู่จันทร์สุรีย์ศรี สว่างหล้า
2. นักเรียนบอกคุณคาการทองจําบทอาขยานได
สิ้นท่านทั่วปฐพี มืดหม่น
หมองมิ่งขวัญซ่อนหน้า นิ่งน�้าตาไหล ฯ 3. นักเรียนสามารถประยุกตขอคิดจากบทอาขยาน
พ่อแม่เสมอพระเจ้า บนสวรรค์ ไปใชในชีวิตจริงได
ลูกนิ่งน้อมมิ่งขวัญ กราบไหว้
น�้าตาต่างรสสุคันธ์ อบร�่า หอมฤๅ
หอมค่าน�้าใจไซร้ ท่านให้หมดเสมอ ฯ หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
ถึงตายเกิดใหม่ซ�้า ไฉนสนอง
คุณพ่อแม่ทั้งสอง สั่งฟ้า 1. การทองจําบทอาขยานตามที่กําหนด
น�้านมที่ลูกรอง ดูดดื่ม 2. การถอดคําประพันธบทอาขยาน
หวานใหม่ในชาติหน้า กี่หล้าฤๅสลาย ฯ
รอยเท้าพ่อแม่ได้ เหยียบลง ใดแล
เพียงแค่ฝุ่นธุลีผง ค่าไร้
กราบรอยท่านมิ่งมง- คลคู่ ใจนา
กายสิทธิ์ใส่เกล้าไว้ เพื่อให้ขวัญขลัง ฯ
(อังคาร กัลยาณพงศ์)
การท่องจ�าบทอาขยานที่มีคุณค่า นอกจากจะช่วยให้นักเรียนเห็นคุณค่าความงามและศิลปะทางภาษาแล้ว
ยังช่วยให้นกั เรียนเป็นผูใ้ ช้ภาษาได้อย่างมีชนั้ เชิงอีกด้วย กล่าวคือนักเรียนสามารถน�าข้อความหรือค�าประพันธ์ทที่ อ่ งจ�า
มาไปใช้ในการพูด การเขียน หรืออ้างอิงประกอบเรื่องราว ตลอดจนเป็นพื้นฐานในการแต่งค�าประพันธ์ ซึ่งจะแสดงให้
เห็นว่านักเรียนมีพื้นฐานทางภาษาอย่างดีและกว้างขวาง สมควรแก่การยกย่องชมเชยนั่นเอง
147
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนเลือกบทประพันธจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมเรื่องใดก็ได ครูยกตัวอยางบทประพันธจากวรรณกรรมเรื่องอื่นที่กลาวถึงบิดามารดา
ตามความสนใจมา 2-4 บท ใหนักเรียนคัดตัวบรรจงครึ่งบรรทัดลงสมุด นอกจากบทประพันธ “บุพการี” ที่นักเรียนทองบทอาขยาน โดยยกวรรณกรรมเรื่อง
พรอมทั้งบอกเหตุผลในการเลือกบทประพันธนั้นวา ใหคุณคาดานเนื้อหา “โคลงโลกนิติ” บทที่ 231 ความวา
วรรณศิลป และสังคมอยางไร จากนั้นใหนักเรียนพิจารณาวา บทประพันธ “คุณ แมหนาหนักเพี้ยง พสุธา
ที่นักเรียนยกมามีขอคิดที่สามารถนําไปประยุกตใชในชีวิตจริงไดหรือไม คุณ บิดรดุจอา- กาศกวาง
อยางไร เขียนอธิบายลงสมุด สงพรอมการคัดลายมือบทประพันธที่ชื่นชอบ คุณ พี่พางศิขรา เมรุมาศ
คุณ พระอาจารยอาง อาจสูสาคร”
คู่มือครู 147
กระตุ้นความสนใจ ส�ำรวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
บรรณานุกรม
กรมศิลปากร กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์. ๒๕๒๙. รวมนิทาน บทเห่กล่อม และสุภาษิตของ
สุนทรภู.่ กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
กรมศิลปากร. ๒๕๐๖. ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๑. กรุงเทพมหานคร : องค์การค้าของคุรุสภา.
กระทรวงศึกษาธิการ กรมวิชาการ สถาบันภาษาไทย. ๒๕๔๓. ประชุมโคลงโลกนิติ. กรุงเทพมหานคร :
สถาบันภาษาไทย.
กุหลาบ มัลลิกะมาส. ๒๕๑๘. คติชาวบ้าน. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามค�าแหง.
คุรุสภา. ๒๕๓๔. ชีวิตและงานของสุนทรภู่ ฉบับกรมศิลปากรตรวจสอบช�าระใหม่. พิมพ์ครั้งที่ ๑๔.
กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
ทองย้อย แสงสินชัย. ๒๕๔๖. ประชุมโคลงโลกนิติ ฉบับถอดความ. กรุงเทพมหานคร : สหธรรมิก.
ธวัช ปุณโณทก. ๒๕๔๙. นิทานพื้นบ้าน. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน์.
นิยะดา เหล่าสุนทร, บรรณาธิการ. ๒๕๔๔. ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน. พิมพ์ครัง้ ที่ ๖. กรุงเทพมหานคร :
อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.
นิยะดา เหล่าสุนทร. ๒๕๔๒. โคลงโลกนิต ิ : การศึกษาทีม่ า. พิมพ์ครัง้ ที่ ๓. กรุงเทพมหานคร : แม่คา� ผาง.
บุษบา ประภาสพงศ์ และคณะ. ๒๕๔๒. ประชุมสุภาษิตพระร่วง (รวม ๖ ส�านวน). กรุงเทพมหานคร :
สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ.
ประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค), พระยา. ๒๕๑๖. พงศาวดารโยนก ฉบับหอสมุดแห่งชาติ. พิมพ์ครัง้ ที่ ๗.
กรุงเทพมหานคร : คลังวิทยา.
พระคลัง (หน), เจ้าพระยา. ๒๕๔๖. ราชาธิราช. พิมพ์ครั้งที่ ๑๖. กรุงเทพมหานคร : ส�านักวรรณกรรม
และประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร.
เยาวลักษณ์ ชาติสุขศิริเดช. ๒๕๔๔. เรียงถ้อยร้อยกรอง. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร :
อักษรเจริญทัศน์.
ราชบัณฑิตยสถาน. ๒๕๕๖. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๕๔. กรุงเทพมหานคร :
ศิริวัฒนาอินเตอร์พริ้นท์ จ�ากัด (มหาชน).
ราชบัณฑิตยสถาน. ๒๕๕๐. พจนานุกรมศัพท์วรรณกรรมไทย ภาคฉันทลักษณ์. กรุงเทพมหานคร :
ราชบัณฑิตยสถาน.
สุพศิ ม่วงสวย และปรางทิพย์ เฉลิมวงษ์. ๒๕๔๕. ประชุมกาพย์เห่เรือ. พิมพ์ครัง้ ที่ ๔. กรุงเทพมหานคร :
โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
148
148 คู่มือครู
Scale : 100% / ขนาดปก AL / จำนวนหนา 164 หนา / สันปกหนา 0.7 cm. / ราคา 350 บาท / พิมพ 4 สี (CMYK)
แ
เฉ จ
พา ก
สร้างอนาคตเด็กไทย ะค ฟ
รูผ
ู้สอ ร
น ี
ด้วยนวัตกรรมการเรียนรูร
้ ะดับโลก
คู่มือครู
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÀÒÉÒä·Â ÇÃó¤´ÕáÅÐÇÃó¡ÃÃÁ Á. ๑
คูม
่ อ
ื ครู อจท.
ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสือเรียน
วิธีการสอนเพื่อยกผลสัมฤทธิ์
เพิ่ม ผ่านกระบวนการเรียนรู้ 5Es
ข้อสอบวัดความสามารถ
เพิ่ม
ด้านการเรียนตามแนวสอบ
O-NET ใหม่
ตัวอย่างข้อสอบ O-NET
เพื่อชี้แนะเนื้อหาที่เคย
เพิ่ม ออกข้อสอบ
กิจกรรมบูรณาการทักษะชีวิต
ใหม่
และการทำงานตามแนวคิด
เศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมเสริมสร้างประสบการณ์
พร้อม การเรียนรู้สอ
ู่ าเซียน
>> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสัง
่ ซือ
้ ของ อจท. ภาพปกนีม
้ ข
ี นาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
คู่มือครู บร. ภาษาไทย วรรณคดีฯ ม.1