You are on page 1of 166

Scale : 100% / ขนาดปก AL / จำนวนหนา 164 หนา / สันปกหนา 0.7 cm.

/ ราคา 350 บาท / พิมพ 4 สี (CMYK)


เฉ จ
พา ก
สร้างอนาคตเด็กไทย ะค ฟ
รูผ
ู้สอ ร
น ี
ด้วยนวัตกรรมการเรียนรูร
้ ะดับโลก

คู่มือครู
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÀÒÉÒä·Â ÇÃó¤´ÕáÅÐÇÃó¡ÃÃÁ Á. ๑
คูม
่ อ
ื ครู อจท.
ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสือเรียน

วิธีการสอนเพื่อยกผลสัมฤทธิ์
เพิ่ม ผ่านกระบวนการเรียนรู้ 5Es

ข้อสอบวัดความสามารถ

เพิ่ม
ด้านการเรียนตามแนวสอบ
O-NET ใหม่

ตัวอย่างข้อสอบ O-NET
เพื่อชี้แนะเนื้อหาที่เคย
เพิ่ม ออกข้อสอบ

กิจกรรมบูรณาการทักษะชีวิต

ใหม่
และการทำงานตามแนวคิด
เศรษฐกิจพอเพียง

กิจกรรมเสริมสร้างประสบการณ์
พร้อม การเรียนรู้สอ
ู่ าเซียน

>> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสัง
่ ซือ
้ ของ อจท. ภาพปกนีม
้ ข
ี นาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
คู่มือครู บร. ภาษาไทย วรรณคดีฯ ม.1

บริษทั อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด


142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
8 858649 122643
โทร. /แฟกซ์. 02 6222 999 (อัตโนมัติ 20 คูส
่ าย)
www.aksorn.com Aksorn ACT 350 .-
ราคานี้ เป็นของฉบับคูม
่ อ
ื ครูเท่านัน

เอกสารประกอบคูมือครู
กลุมสาระการเรียนรู ภาษาไทย

ภาษาไทย
วรรณคดีและวรรณกรรม
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 สําหรับครู

ลักษณะเดน คูมือครู Version ใหม


ขยายพื้นที่รูปเลมใหญขึ้นกวาเดิม จัดแบงพื้นที่ออกเปนโซน
เพื่อคนหาขอมูลไดงาย สะดวก รวดเร็ว และดูเปนระเบียบ

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate Engage Explore Explain Expand Evaluate

เปาหมายการเรียนรู

สมรรถนะของผูเรียน

คุณลักษณะอันพึงประสงค

หน า หน า
โซน 1 หนั ง สื อ เรี ย น หนั ง สื อ เรี ย น โซน 1
กระตุน ความสนใจ Engage

สํารวจคนหา Explore

อธิบายความรู Explain

ขยายความเขาใจ Expand

ตรวจสอบผล Evaluate

ขอสอบเนน การคิด ขอสอบเนน การคิด


แนว  NT  O-NE T แนว O-NET เกร็ดแนะครู

ขอสอบ O-NET
นักเรียนควรรู
บูรณาการเชื่อมสาระ
โซน 2 โซน 3 โซน 3 โซน 2
กิจกรรมสรางเสริม บูรณาการ
เศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมทาทาย
บูรณาการอาเซียน

มุม IT

No. คูมือครู คูมือครู No.

โซน 1 ขั้นตอนการสอนแบบ 5Es โซน 2 ชวยครูเตรียมสอน โซน 3 ชวยครูเตรียมนักเรียน


เพื่อใหครูเตรียมจัดกิจกรรมการเรียน เพื่อชวยลดภาระครูผูสอน โดยแนะนํา เพื่อใหครูสะดวกตอการจัดกิจกรรม โดย
การสอน โดยแนะนําขั้นตอนการสอนและ เกร็ดความรูสําหรับครู ความรูเสริมสําหรับ แนะนํากิจกรรมบูรณาการเชือ่ มระหวางสาระหรือ
การจัดกิจกรรมแบบ 5Es อยางละเอียด นักเรียน รวมทั้งบูรณาการความรูสูอาเซียน กลุมสาระการเรียนรู วิชา กิจกรรมสรางเสริม
เพื่อใหนักเรียนบรรลุตามตัวชี้วัด กิจกรรมบูรณาการเศรษฐกิจพอเพียง และ กิจกรรมทาทาย รวมถึงเนื้อหาที่เคยออกขอสอบ
มุม IT O-NET แนวขอสอบ NT/O-NET ทีเ่ นนการคิด
พรอมเฉลยและคําอธิบายอยางละเอียด
แถบสีและสัญลักษณ ที่ใชในคูมือครู

1. แถบสี 5Es แถบสีแสดงขั้นตอนการสอนและการจัดกิจกรรม


แบบ 5Es เพื่อใหครูทราบวาเปนขั้นการสอนขั้นใด
สีแดง สีเขียว สีสม สีฟา สีมวง

กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล


Engage Explore Explain Expand Evaluate
เสร�ม
2 • เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใช • เปนขั้นที่ผูสอน • เปนขั้นที่ผูสอน • เปนขั้นที่ผูสอน • เปนขั้นที่ผูสอน
เทคนิคกระตุน ใหผูเรียนสํารวจ ใหผูเรียนคนหา ใหผูเรียนนําความรู ประเมินมโนทัศน
ความสนใจ เพื่อโยง ปญหา และศึกษา คําตอบ จนเกิดความรู ไปคิดคนตอๆ ไป ของผูเรียน
เขาสูบทเรียน ขอมูล เชิงประจักษ

2. สัญลักษณ
สัญลักษณ วัตถุประสงค สัญลักษณ วัตถุประสงค

• แสดงเปาหมายการเรียนรูที่นักเรียน • ชีแ้ นะเนือ้ หาทีเ่ คยออกขอสอบ


ตองบรรลุตามตัวชี้วัด ตลอดจนสมรรถนะ
ที่จะตองมี และคุณลักษณะที่พึงเกิดขึ้น ขอสอบ O-NET O-NET โดยยกตัวอยางขอสอบ
พรอมวิเคราะหคาํ ตอบ
เปาหมายการเรียนรู กับนักเรียน อยางละเอียด
(เฉพาะวิชา ชัน้ ทีส่ อบ O-NET)
• แสดงรองรอยหลักฐานตามภาระงาน • เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
ที่ครูมอบหมาย เพื่อแสดงผลการเรียนรู ขอสอบเนน การคิด การคิดและเปนแนวขอสอบ
ตามตัวชี้วัด แนว  NT  O-NE T
หลักฐานแสดง NT/O-NET ในระดับมัธยมศึกษา
ผลการเรียนรู ตอนตน มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย
(เฉพาะระดับชัน้
มัธยมศึกษาตอนตน) พรอมเฉลยอยางละเอียด
• แทรกความรูเสริมสําหรับครู ขอเสนอแนะ
ขอควรระวัง ขอสังเกต แนวทางการจัด • เปนตัวอยางขอสอบทีม่ งุ เนน
กิจกรรมและอืน่ ๆ เพื่อประโยชนในการ ขอสอบเนน การคิด การคิดและเปนแนวขอสอบ
เกร็ดแนะครู จัดการเรียนการสอน แนว O-NET O-NET ในระดับมัธยมศึกษา
ตอนปลาย มีทงั้ ปรนัย - อัตนัย
(เฉพาะระดับชัน้
• ขยายความรูเพิ่มเติมจากเนื้อหา เพื่อให มัธยมศึกษาตอนปลาย)
พรอมเฉลยอยางละเอียด
ครูนําไปใชอธิบายเพิ่มเติมใหนักเรียน
ไดมีความรูมากขึ้น • แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
นักเรียนควรรู
เชือ่ มกับสาระหรือกลุม สาระ
บูรณาการเชื่อมสาระ การเรียนรู ระดับชัน้ หรือวิชาอืน่
• กิจกรรมเสริมสรางพฤติกรรมและปลูกฝง ทีเ่ กีย่ วของ
คานิยมตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
บูรณาการ
เศรษฐกิจพอเพียง
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
• ความรูห รือกิจกรรมเสริม ใหครูนาํ ไปใช กิจกรรมสรางเสริม ซอมเสริมสําหรับนักเรียนทีค่ วร
เตรียมความพรอมใหกบั นักเรียนกอนเขาสู ไดรบั การพัฒนาการเรียนรู
ประชาคมอาเซียนใน พ.ศ. 2558 โดย
บูรณาการอาเซียน บูรณาการกับวิชาทีก่ าํ ลังเรียน
• แนะนําแนวทางการจัดกิจกรรม
ตอยอดสําหรับนักเรียนทีเ่ รียนรู
• แนะนําแหลงคนควาจากเว็บไซต เพื่อให
กิจกรรมทาทาย ไดอยางรวดเร็ว และตองการ
ครูและนักเรียนไดเขาถึงขอมูลความรู ทาทายความสามารถในระดับ
ที่หลากหลาย ทั้งไทยและตางประเทศ ทีส่ งู ขึน้
มุม IT

คูม อื ครู
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es
ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ
วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย
ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้
ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ (Engage)
เสร�ม
เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ
และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ 3
สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง
แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน

ขั้นที่ 2 สํารวจคนหา (Explore)


เปนขัน้ ทีผ่ สู อนเปดโอกาสใหผเู รียนลงมือศึกษา สังเกต หรือรวมมือกันสํารวจ เพือ่ ใหเห็นขอบขายของประเด็นหรือปญหา รวมถึง
วิธีการศึกษาคนควา การรวบรวมขอมูลความรูที่จะนําไปสูการสรางความเขาใจประเด็นหรือปญหานั้นๆ เมื่อผูเรียนทําความเขาใจใน
ประเด็นหรือปญหาที่จะศึกษาคนควาอยางถองแทแลว ก็ลงมือปฏิบัติเพื่อเก็บรวบรวมขอมูลความรู สํารวจตรวจสอบ โดยวิธีการตางๆ
เชน สัมภาษณ ทดลอง อานคนควาขอมูลจากเอกสาร แหลงขอมูลตางๆ จนไดขอมูลความรูที่เกี่ยวของกับประเด็นหรือปญหาที่ศึกษา

ขั้นที่ 3 อธิบายความรู (Explain)


เปนขั้นที่ผูสอนมีปฏิสัมพันธกับผูเรียน เชน ใหการแนะนํา ตั้งคําถามกระตุนใหคิด เพื่อใหผูเรียนคนหาคําตอบ และนําขอมูล
ความรูจากการศึกษาคนควาในขั้นที่ 2 มาวิเคราะห สรุปผล และนําเสนอผลที่ไดศึกษาคนความาในรูปแบบสารสนเทศตางๆ เชน
เขียนแผนภูมิ ผังมโนทัศน เขียนความเรียง เขียนรายงาน เปนตน ในขั้นตอนนี้ฝกใหผูเรียนใชสมองคิดวิเคราะหและสังเคราะห
อยางเปนระบบ

ขั้นที่ 4 ขยายความเขาใจ (Expand)


เปนขั้นที่ผูสอนเลือกใชเทคนิควิธีสอนตางๆ ที่สงเสริมใหผูเรียนนําความรูที่เกิดขึ้นไปคิดคนสืบคนตอๆ ไป เพื่อพัฒนาทักษะ
การเรียนรูและการทํางานรวมกันเปนกลุม ระดมสมองเพื่อคิดสรางสรรครวมกัน ผูเรียนสามารถนําความรูที่สรางขึ้นใหมไปเชื่อมโยง
กับประสบการณเดิมโดยนําขอสรุปทีไ่ ดไปใชอธิบายเหตุการณตา งๆ หรือนําไปปฏิบตั ใิ นสถานการณใหมๆ ทีเ่ กีย่ วของกับชีวติ ประจําวัน
ของตนเอง เพื่อขยายความรูความเขาใจใหกวางขวางยิ่งขึ้น ในขั้นตอนนี้ฝกสมองของผูเรียนใหสามารถคิดริเริ่มสรางสรรคอยางมี
คุณภาพ เสริมสรางวิสัยทัศนใหกวางไกลออกไป

ขั้นที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate)


เปนขัน้ ทีผ่ สู อนประเมินมโนทัศนของผูเ รียน โดยตรวจสอบจากความคิดทีเ่ ปลีย่ นไปและความคิดรวบยอดทีเ่ กิดขึน้ ใหม ตรวจสอบ
ทักษะ กระบวนการปฏิบัติ การแกปญหา การตอบคําถามรวบยอด หรือการเคารพความคิดหรือยอมรับเหตุผลของคนอื่น เพื่อการ
สรางสรรคความรูร ว มกัน ผูเ รียนสามารถประเมินผลการเรียนรูข องตนเอง เพือ่ สรุปผลวามีความรูอ ะไรเพิม่ ขึน้ มาบาง เกิดความเขาใจ
มากนอยเพียงใด และจะนําความรูเหลานั้นไปประยุกตใชในการเรียนรูเรื่องอื่นๆ หรือในชีวิตประจําวันไดอยางไร ผูเรียนจะเกิดเจตคติ
และเห็นคุณคาของตนเองจากผลการเรียนรูที่เกิดขึ้น ซึ่งเปนการเรียนรูที่มีความสุขอยางแทจริง

การจัดกิจกรรมการเรียนรูตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es จึงเปนรูปแบบการเรียนการสอนที่เนนผูเรียน


เปนสําคัญอยางแทจริง เพราะสงเสริมใหผูเรียนไดเรียนรูตามขั้นตอนของกระบวนการสรางความรูดวยตนเอง และ
ฝกฝนใหใชกระบวนการคิดและกระบวนการกลุมอยางชํานาญ กอใหเกิดทักษะชีวิต ทักษะการทํางาน และทักษะการ
เรียนรูที่มีประสิทธิภาพ สงผลตอการยกระดับผลสัมฤทธิ์ของผูเรียน ตามเปาหมายของการปฏิรูปการศึกษาทศวรรษที่ 2
(พ.ศ. 2552-2561) ทุกประการ

คูม อื ครู
คําอธิบายรายวิชา
รายวิชา ภาษาไทย วรรณคดีและวรรณกรรม กลุมสาระการเรียนรู ภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 1 ภาคเรียนที่ 1-2
รหัสวิชา ท………………………………… เวลา 60 ชั่วโมง/ป

ฝกทักษะการอาน การเขียน การฟง การดูและการพูด การวิเคราะหและประเมินคาวรรณคดีและ


เสร�ม วรรณกรรมโดยศึกษาเกีย่ วกับการอานออกเสียงการอานจับใจความ การอานตามความสนใจ ฝกทักษะการคัด
4 ลายมือ การเขียนขอความตามสถานการณและโอกาสตางๆ เขียนอัตชีวประวัติหรือชีวประวัติ เขียนยอความ
การเขียนจดหมายกิจธุระ เขียนอธิบาย ชี้แจง แสดงความคิดเห็น และโตแยง เขียนวิเคราะหวิจารณ และ
แสดงความรูค วามคิดเห็น หรือโตแยงจากสือ่ ตางๆ กรอกแบบสมัครงาน เขียนรายงาน ฝกทักษะการพูดแสดง
ความคิดเห็นและการประเมินเรื่องจากการฟงและการดู พูดวิเคราะหวิจารณจากเรื่องที่ฟงและดู พูดรายงาน
การศึกษาคนควา พูดในโอกาสตางๆ พูดโนมนาว และศึกษาเกี่ยวกับคําภาษาตางประเทศที่ใชในภาษาไทย
คําทับศัพทและศัพทบัญญัติ คําศัพททางวิชาการและวิชาชีพ การแตงบทรอยกรองประเภทโคลงสี่สุภาพ
วิเคราะหวิถีไทย ประเมินคา ความรูและขอคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม ทองจําบทอาขยานที่
กําหนดและบทรอยกรองที่มีคุณคาตามความสนใจ โดยใชกระบวนการอานเพื่อสรางความรูความคิดนําไป
ใชตัดสินใจ แกปญหาในการดําเนินชีวิตกระบวนการเขียนเขียนสื่อสารอยางมีประสิทธิภาพกระบวนการฟง
การดู และการพูด สามารถเลือกฟงและดู และพูดแสดงความรูความคิดอยางมีวิจารณญาณและสรางสรรค
เพื่อใหเขาใจธรรมชาติภาษาและหลักภาษาไทย การเปลี่ยนแปลงของภาษา พลังภาษา ภูมิปญญาทางภาษา
วิเคราะหวิจารณวรรณคดีและวรรณกรรมอยางเห็นคุณคาและนํามาประยุกตใชในชีวิตจริง รักษาภาษาไทยไว
เปนสมบัตขิ องชาติ และมีนสิ ยั รักการอาน การเขียน มีมารยาทในการอาน การเขียน การฟง การดู และการพูด

ตัวชี้วัด
ท 5.1 ม.1/1 ม.1/2 ม.1/3 ม.1/4 ม.1/5
รวม 5 ตัวชี้วัด

คูม อื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน

ภาษาไทย
วรรณคดีและวรรณกรรม ม.๑
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

ผูเรียบเรียง
นางฟองจันทร สุขยิ่ง
นางกัลยา สหชาติโกสีย
นางสาวศรีวรรณ ชอยหิรัญ
นายภาสกร เกิดออน
นางสาวระวีวรรณ อินทรประพันธ
ผูตรวจ
นางประนอม พงษเผือก
นางจินตนา วีรเกียรติสุนทร
นางวรวรรณ คงมานุสรณ
บรรณาธิการ
นายเอกรินทร สี่มหาศาล

รหัสสินคา ๒๑๑๑๐๐๘

¾ÔÁ¾¤ÃÑ駷Õè 7 คณะผูจัดทําคูมือครู
ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ 2141017 ประนอม พงษเผือก
พิมพรรณ เพ็ญศิริ
สมปอง ประทีปชวง
เกศรินทร หาญดํารงครักษ
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน

ภาษาไทย
วรรณคดีและวรรณกรรม ม.๑
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑

หนังสือเลมนี้ไดรับการคุมครองตาม พ.ร.บ. ลิขสิทธิ์ หามมิใหผูใด ทําซํ้า คัดลอก เลียนแบบ ทําสําเนา จําลองงานจากตนฉบับหรือแปลงเปนรูปแบบอื่น


ตือน

ในวิธีตางๆ ทุกวิธี ไมวาทั้งหมดหรือบางสวน โดยมิไดรับอนุญาตจากเจาของลิขสิทธิ์ถือเปนการละเมิด ผูกระทําจะตองรับผิดทั้งทางแพงและทางอาญา


คําเ


กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน วรรณคดีและวรรณกรรมเลมนี้ สรางขึ้นเพื่อใหเปนสื่อสําหรับ
ใชประกอบการเรียนการสอนในรายวิชาพื้นฐาน กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๑
โดยเนื้อหาตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลางขั้นพื้นฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทั้งความรูและ
ชวยพัฒนาผูเรียนตามหลักสูตรและตัวชี้วัด เนื้อหาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูตามโครงสรางรายวิชา
สะดวกแกการจัดการเรียนการสอนและการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอื่นๆ ที่จะชวยทําให
ผูเรียนไดรับความรูอยางมีประสิทธิภาพ
ºÍ¡àÅ‹Òà¡ŒÒÊÔº ໚¹àÃ×èͧ¹‹ÒÃÙŒà¾ÔèÁàµÔÁ¨Ò¡à¹×éÍËÒ
â´ÂÁÕá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ
¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ
Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹
ºÍ¡àÅ‹Òà¡ŒÒÊÔº

เรือสําเภา

Design ˹ŒÒẺãËÁ‹ ÊǧÒÁ ¾ÔÁ¾ ô ÊÕ สมัยกอนบานเรือนของคนไทยมั


จึงปรากฏมเี รือลักษณะตางๆ
ออกจากเมืองสาวัตถีดวยเรือ
กตั้งอยูริมแมนํ้า ซึ่งตองอาศั
เกิดขึน้ มากมาย อยางเชนในกาพย ยเรือเปนพาหนะในการเดินทาง
เ รือ่ งนี้ พระไชยสุรยิ า จําตองเดิ
µÅÍ´àÅ‹Á ª‹ÇÂãˌ͋ҹ·íÒ¤ÇÒÁࢌÒã¨ä´Œ§‹Ò คําวา ตะเภา หมายถึง ลมที่พ
ทายเรือสูงและยืน่ ออกนอกตั
สําเภา ซึ่งเปนเรือที่มีที่มาจากปร
ัดมาจากทิศใตเขาสูอาวไทยใน
วเรือ สวนหัวเรือจะอยูต าํ่ กวา
ะเทศจีน คําวา สําเภา (Junk)
ฤดูรอน เรือสําเภาเปนเรือที่ม
นทาง
มาจาก
ีลักษณะ
มีหลายชนิดดวยกัน ดังนี้ ท
า ยเรื อ มีจดุ เดนทีใ่ ชใบแขวน เรือสํา
เภา
สําเภาไทย เปนเรือสําเภาที่ต
อดวยไมตะเคียน มีตนแบบมาจ
มีความยาวประมาณ ๓๐-๔๐ ากเรือสําเภาจีน ๓ กระโดง
เมตร
สําเภาจีน ๒ กระโดง เปนเรือสํ
๒ นิทาน¾ืéนบ้านไทยãนท้อง¶ิ่นµ่างæ
าเภาทีม่ เี สากระโดงเพียง ๒ เสา
ออกแบ บมาให  ส ามารถ ฝ า
มรสุ ม ได ดั ง นั้ น
การที่มีเสากระโดง ๒ เสา
ก็เพื่อประโยชน
ในการลดแรงตานลม เรือสํ
าเภาจีน
๒ กระโดงนี้นิยมใชในการขนส
งสินคา
สําเภาจีน ๓ กระโดง เปนเรื

สามกษัตริย์ สําเภาที่มีเสากระโดง ๓ เสา
มีขนาด
เล็กและเหมาะสําหรับแลนในนํ
้าตื้น
ใชในการขนสงสินคาและการ

ó
โดยสาร
ไดรับการออกแบบใหสามารถผ
าน
ทางแคบและกระแสนํ้าเชี่ยวได
หนวยที่ อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อุสาบารส หอนางอุสา สําเภาจีน ๔ กระโดง เปนเรื

จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดอุดรธานี สําเภาทีม่ เี สากระโดง ๔ เสา มีขนาดใหญ
สุภำษิตพระร่วง เหมาะสําหรับแลนในนํ้าลึก
ใชในการ

ตัวชี้วัด บรรทุกสินคาที่มีนํ้าหนัก ๕๐๐-๑,
๐๐๐
ตัน


สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท
วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน พรอ
(ท ๕.๑ ม.๑/๒)
๕.๑ ม.๑/๑)
มยกเหตุผลประกอบ
สุ
ภ าษิ ต หมายถึ ง ถ อ ยคํ า หรื อ ข อ ความ
ที่ ก ล า วสื บ ต อ กั น มาช า นานและมี ค วามหมายเป


อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ
สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุก
คติสอนใจ ดังที่ปรากฏในพระไตรปฎกหรือ
าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓)
ที่เรียกวา พระยากง พระยาพาน
ตใชในชีวิตจริง
พุทธศาสนสุภาษิต
(ท ๕.๑ ม.๑/๔)
คนไทยคงจะใชสุภาษิตซึ่งสวนใหญไดรับอิท
ธิพลจาก
พระพุทธศาสนามาสั่งสอนและแนะนําลูกหลาน
สาระการเรียนรูแกนกลาง แนวทางในการปฏิบตั ติ นไดอยางถูกตองเหมาะสม
เพื่อใหมี
■ การวิเคราะหคุณคาและขอคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม สุภาษิตเปนขอความขนาดสั้น สามารถจดจํ
เนือ่ งจาก พระปฐมเจดีย์
เรื่อง สุภาษิตพระรวง าไดงาย มีเนื้อหา
สาระลึกซึง้ กินใจ และสามารถนําไปเปนขอคิด
ในการดําเนินชีวติ จังหวัดนครปฐม
ไดเปนอยางดี จึงไดรับความนิยมแพรหลายและมี
การถายทอด
สืบตอกันมา ในสมัยหลังจึงไดมีการรวบรวมและ
เรียบเรียงให
ไพเราะสละสลวยและมีสมั ผัสคลองจองดวยการประพั 43
นธในรูปของ
บทรอยกรองประเภทตางๆ
74

มัสยิดกรือเซะ จังหวัดปัตตานี
µÑǪÕéÇÑ´áÅÐÊÒÃСÒÃàÃÕ¹Ãٌ᡹¡ÅÒ§ µÒÁ·ÕèËÅÑ¡Êٵà เจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว

¡íÒ˹´ à¾×èÍãËŒ·ÃÒº¶Ö§à»‡ÒËÁÒÂ㹡ÒÃÈÖ¡ÉÒ
ศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว
จังหวัดปัตตานี
¤íÒÈѾ·¤ÇÃÃÙŒ ¨Ò¡à¹×éÍËÒà¾×Íè à¾ÔÁè ¾Ù¹áÅТÂÒ 129

¾ÃÁá´¹¤ÇÒÁÃÙ㌠ˌ¡ÇŒÒ§¢ÇÒ§ÍÍ¡ä» ¤íÒ ¶ÒÁ»ÃШíÒ Ë¹‹Ç ¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒáÅСԨ¡ÃÃÁÊÌҧÊÃä


¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒà¾×è;Ѳ¹Ò¼ÙŒàÃÕ¹ãËŒÁդسÀÒ¾µÒÁµÑǪÕéÇÑ´
าย
ความหม ิ
จันทรคต
ิ้นปี ซึ่งตร
ุษไทยก�า
หนดตาม ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรีย
ค�าศัพท สิ น้ วาสนา
ตกต�่า
ิฬ แปลว
่า การส ขวา
นรู้
ษา ทม อ อย ู ่ ท าง ๑. สุภาษิตพระร่วงแสดง
ประดาษ ุษ เป็นภา เดือน ๔ ือผู้ที่เรา
นับถื ให้เ
ตก ค�าว่า ตร ค�่า นับถือหร ๒. ค�าสอนในสุภาษิตพระร่ ห็นลักษณะเด่นของภาษาไทยอย่างไรบ้าง
นแรม ๑๕ ห้สิ่งที่เรา วงข้อใดที่นักเรียนสามารถน�
ตรงกับวั กา โดยใ ย
ตรุษ เข็มนาฬ เครื่องหมา จงยกตัวอย่างประกอบ ามาประยุกต์ใช้ได้ในการศ
เวียนตาม เสมาเป็น ึกษาเล่าเรียน
การเดิน หิ นหรือใบ ๓. เพราะเหตุใดค�าสอนใน

ี ลั ก มผ้าให้ วรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่

ั ษิ ณ ขอ งผู้เวียน ตโ บสถ์ โดยม ่ ผล ดิบใช้ย้อ วงยังคงทันสมัย น�ามาปรั
ปร ะท รก�าหน ดเข ดใ หญ บใช้ได้อยู่เสมอ
ีมา คือ กา นไม้ขนา
ผูกพัทธส ซึ่งเป็นต้
มะเกลือ
 ้วยผลของ ีกลิ่นหอม
ผูกโบสถ รที่ย้อมด ให้ม
อ ผ้าแพ ไปอบร�่า
รด า
� ร� ่ามะเกลื เป็นสีด�า แล้วน�า รากใช้ท�า
ยา
ผ้าแพ ิด คือ ้มุงหลังคา
ชน�้า ๔ ชน ขึ้นเป็นกอ ใบใช ใช้ท�ายา
เป็นชื่อพื ึ่ง
ังคา เหง้
า มุ่ ชืน้
้าชนิดหน ทีม่ สี ภาพช ่อ
กค าแ ขมกก แฝ ก - หญ ิดหนึ่ง ใบใช้มุงหล ยปา่ และชายเขา นกลมใช้สานเสื
แฝ หญ้าชน ชา �าต้
คา - มชายน�า้ ชนิดที่มีล
มักขึน้ ตา ลายชนิด
ไมล้ ม้ ลุก ม
่ ุ แฉะ มีห
แขม - เกิด ใน ที ช

- ไม้ล้มลุก
กก
กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำ
รเรียนรู้
กิจกรรมที่ ๑ ให้นกั เรียนยกตวั อย่างสุภ
แขม
าษิตพระร่วง ทีน่ กั เรียนยึ
ชีวิตคนละ ๑ สุภาษิต พร้ ดเป็นคติประจ�าใจได้ในการด
กิจกรรมที่ ๒ ให้น อมทั้งบอกวิธีการปฏิบัติต า� เนิน
ักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม นและผลจากการปฏิบัติ

แฝก และค�าพังเพย กลุ่มละ ๑ แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาค้นคว้าเรื่องสุภาษิต ส�า
ตัวอย่าง และช่วยกันวาดภา นวน
ป้ายนิเทศ พประกอบ แล้วน�าไปติด
กิจกรรมที่ ๓ จัดนิ ไว้ที่
ทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกั
สุภาษิตกับวิถีชีวิตไทย ค บค�าสอนในสุภาษิตพระร่วงในหัวข้อที่น่าสนใจ เช่
ุณค่าสุภาษิตไทย สุภาษิ น
กก นิทานพื้นบ้าน เป็นต้น ตในวรรณกรรมไทย สุภ
าษิตกับ
คา

1๔
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

สารบัญ
ตอนที่ ๕
วรรณคดีและวรรณกรรม
บทนํา (๑)
หนวยการเรียนรูที่ ๑ นิราศภูเขาทอง ๒
หนวยการเรียนรูที่ ๒ โคลงโลกนิติ ๒๔
หนวยการเรียนรูที่ ๓ สุภาษิตพระรวง ๔๓
หนวยการเรียนรูที่ ๔ กาพยเรื่องพระไชยสุริยา ๕๗
หนวยการเรียนรูที่ ๕ ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ๘๒
หนวยการเรียนรูที่ ๖ กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน ๑๑๐
หนวยการเรียนรูที่ ๗ นิทานพื้นบาน ๑๒๔
บทอาขยาน ๑๔๕
บรรณานุกรม ๑๔๘
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. รูความหมายและแนวทางการพินิจวรรณคดี
บทนÓ 2. อธิบายและวิเคราะหคุณคาของวรรณคดีและ
วรรณกรรมที่อาน
การเรียนวรรณคดีไทยในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น มีความมุ่งหมายประการส�าคัญ คือ • ดานเนื้อหา
ให้ผู้เรียนได้ศึกษาและภูมิใจในวรรณคดีไทยอันเป็นมรดกที่ล�้าค่าของชาติ พัฒนาทักษะการอ่าน • ดานสังคม
และสามารถพินิจคุณค่าของวรรณคดีแล้วน�าความรู้และข้อคิดจากการอ่านไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง • ดานวรรณศิลป
ตลอดจนเป็นการศึกษาวัฒนธรรมทางภาษาไทยไปพร้อมกันด้วย

กระตุน ความสนใจ Engage


๑ ความหมายของวรรณคดี
“วรรณคดี” มาจากค�าว่า “วรรณ” (ภาษาบาลีใช้ว่า วณฺณ, สันสกฤต ใช้ว่า วรฺณ) ซึ่งแปลว่า ครูยกบทประพันธตอไปนี้อานใหนักเรียนฟง
หนังสือ กับค�าว่า “คดี” ซึ่งมาจากค�าว่า “คติ” แปลว่า แบบอย่าง วิธี หรือแนวทาง รวมความว่า แลวใหนักเรียนตอบคําถาม
วรรณคดี แปลตามรูปศัพท์ หมายถึง แบบอย่างหรือแนวทางแห่งหนังสือ “นางใดชื่อวาสวามิภักดิ์
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๔๒ ได้ให้ความหมายของค�าว่าวรรณคดี จงรักตอสามีอยางยิ่งใหญ
ไว้ว่า หนังสือที่ได้รับการยกย่องว่าแต่งดี ไมยอมใหยักษพามาลิงพาไป
นางนั้นไซรเปนยอดเยาวมาลย”
• บทประพันธขางตนมาจากวรรณคดีเรื่อง
๒ แนวการพินิจวรรณคดี อะไร และนักเรียนรูไดอยางไร
การอ่านเพื่อการพินิจหรือการพิจารณาวรรณคดีนั้น อาจใช้ค�าเรียกหลากหลายว่าการวิจักษณ์
(แนวตอบ เรื่องรามเกียรติ์ เพราะกลาวถึง
(วิจักษ์) การวิจารณ์ หรือการวิเคราะห์ แต่มีความหมายไปในแนวทางเดียวกัน คือ การอ่านอย่าง ยักษกับลิง ยักษ หมายถึง กองทัพของฝาย
ใคร่ครวญ ศึกษาให้ถ่องแท้ พิจารณาว่าหนังสือนั้นๆ แต่งดีอย่างไร ใช้ถ้อยค�าไพเราะลึกซึ้งเพียงใด ทศกัณฑ และลิง หมายถึง กองทัพของฝาย
และให้คุณค่า ข้อคิด หรือคติสอนใจอย่างไร เพื่อให้เข้าใจและตระหนักในคุณค่าของวรรณคดี พระรามที่รบกันเพราะทศกัณฑลักพานาง
ส�าหรับแนวทางในการพิจารณาวรรณคดี มีดังนี้ สีดาชายาของพระรามไป)
๒.๑ พิจารณาเนือ้ หาวรรณคดี • นางในบทประพันธในขางตนหมายถึงใคร
เนื้อหาของวรรณคดีมีหลายประเภท เมื่อจ�าแนกตามจุดประสงค์ในการประพันธ์ (แนวตอบ นางสีดา)
ดังนั้น ผู้เรียนจึงควรเข้าใจเนื้อหาของเรื่องที่อ่านโดยสรุป เพื่อน�าไปสู่การพิจารณาในขั้นตอนต่อไป • นักเรียนชอบวรรณคดีไทยเรื่องใดที่สุด
ประเภทของวรรณคดี มีดังนี้ เพราะเหตุใด
๑) วรรณคดีศาสนา มีเนื้อหามุ่งแสดงหลักค�าสอนทางศาสนา ผลแห่งการกระท�า (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลายขึ้นอยู
ความดีและความชั่ว เช่น ไตรภูมิพระร่วง มหาชาติค�าหลวง ปฐมสมโพธิกถา เป็นต้น กับประสบการณและความสนใจของนักเรียน
๒) วรรณคดีค�าสอน มีเนื้อหาเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตนในสังคม เช่น แตละคน)
สุภาษิตพระร่วง กฤษณาสอนน้องค�าฉันท์ โคลงโลกนิติ อิศรญาณภาษิต เป็นต้น
(๑)

เกร็ดแนะครู
ครูใหนักเรียนอธิบายความหมายของวรรณคดีไทยตามความเขาใจของนักเรียน
กอนเริ่มเรียนวรรณคดี จากนั้นจึงสรุปความรูใหนักเรียนฟง โดยยกตัวอยางวรรณคดี
เรื่องที่ไดรับการยกยองวาแตงดีมีคุณคาทางวรรณศิลป กลาวยกยองความสามารถ
ของกวีไทยในการประพันธผลงานและชื่นชมภาษาไทยที่มีความงดงาม จากนั้นครู
ใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวรรณคดีในฐานะที่เปนมรดกของชาติ

คูมือครู (1)
สํารวจคนหา อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Expand Evaluate
สํารวจคนหา Explore
1. นักเรียนศึกษาความหมายของวรรณคดี
2. นักเรียนศึกษาแนวทางการพิจารณาวรรณคดี ๓) วรรณคดีประเพณีและพิธกี รรม เป็นวรรณคดีทใี่ ห้รายละเอียดเกีย่ วกับประเพณี
3. นักเรียนศึกษาวรรณศิลปในวรรณคดีไทย และใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ เช่น ลิลิตโองการแช่งน�้า ลิลิตพยุหยาตราเพชรพวง พระราชพิธี-
สิบสองเดือน ฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมช้าง กาพย์เห่เรือส�านวนต่างๆ เป็นต้น
อธิบายความรู Explain ๔) วรรณคดีประวัติศาสตร์ เป็นวรรณคดีที่บันทึก หรือมีเนื้อหาเกี่ยวกับเหตุการณ์
นักเรียนตอบคําถามเกี่ยวกับการศึกษาวรรณคดี ส�าคัญในประวัติศาสตร์ การสดุดีวีรชนผู้กล้าหาญ เช่น โคลงยวนพ่าย ราชาธิราช ลิลิตตะเลงพ่าย
และวรรณกรรม ดังตอไปนี้ โคลงชะลอพระพุทธไสยาสน์ พระราชพงศาวดารฉบับหลวงประเสริฐอักษรนิติ เป็นต้น
• การจําแนกวรรณคดีตามจุดประสงคในการ ๕) วรรณคดีบันทึกการเดินทาง มีเนื้อหาเป็นบันทึกความรู้และการเดินทางของกวี
ประพันธสามารถจําแนกไดกี่ประเภท จัดเป็นวรรณคดีประเภทนิราศ มีเนื้อความพรรณนาถึงความอาลัยรักต่อสตรี หรือบรรยายสภาพ
อะไรบาง บ้านเมือง ผู้คน สังคม และวัฒนธรรมต่างๆ ตลอดการเดินทาง เช่น นิราศนรินทร์ นิราศพระบาท
(แนวตอบ การจําแนกวรรณคดีตามจุดประสงค นิราศหริภุญชัย นิราศนครวัด ลิลิตพายัพ เป็นต้น
ในการประพันธ จําแนกได 6 ประเภท ดังนี้ ๖) วรรณคดี เ พื่ อ ความบั น เทิ ง วรรณคดี ป ระเภทนี้ แ ต่ ง ขึ้ น เพื่ อ แสดงมหรสพ
วรรณคดีศาสนา วรรณคดีคําสอน วรรณคดี ประเภทต่างๆ เช่น เรื่องรามเกียรติ์ส�าหรับใช้แสดงโขน เรื่องพระอภัยมณีส�าหรับใช้แสดงหุ่นกระบอก
ประเพณีและพิธีกรรม วรรณคดีประวัติศาสตร มัทนะพาธาส�าหรับใช้แสดงละครพูด
วรรณคดีบันทึกการเดินทาง และวรรณคดีเพื่อ
๒.๒ พิจารณารูปแบบการแต่ง
ความบันเทิง)
รูปแบบ หมายถึง ลักษณะของงานประพันธ์ที่ผู้แต่งหรือกวีเลือกใช้ในการน�าเสนอ
• วรรณคดีรอยกรองกับวรรณคดีรอยแกว
แตกตางกันอยางไร ผลงาน แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ
(แนวตอบ วรรณคดีรอยกรองจะแตงขึ้นตาม ๑) วรรณคดี ร ้ อ ยกรอง หมายถึ ง วรรณคดี ที่ แ ต่ ง ขึ้ น ตามรู ป แบบฉั น ทลั ก ษณ์
รูปแบบฉันทลักษณที่มีกฎเกณฑขอบังคับที่ มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับที่ค่อนข้างแน่นอน เช่น สัมผัสระหว่างวรรค
1 จ�านวนค�2า ระดับเสียงสูงต�่า และ
แนนอน ตางจากวรรณคดีรอยแกวที่ไมมี ความหนักเบาของค�า เช่น โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย ลิลิลิต กาพย์
กาพย์ห่อโคลง เป็
โคลง นต้น
กฎเกณฑขอบังคับในการแตงเหมือนวรรณคดี ๒) วรรณคดี ร ้ อ ยแก้ ว หมายถึ ง วรรณคดี ที่ แ ต่ ง เป็ น ความเรี ย งด้ ว ยถ้ อ ยค� า
รอยกรอง) และถ้อยความที่สละสลวย ไพเราะเหมาะสมด้วยเสียงและความหมาย ไม่มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับ
• การพิจารณาคุณคาดานเนื้อหาของวรรณคดี ในการแต่งเหมือนวรรณคดีร้อยกรอง
มีหลักในการพิจารณาอยางไร ๒.๓ พิจารณาคุณค่าของวรรณคดี
(แนวตอบ หลักในการพิจารณาคุณคาดาน การพิจารณาคุณค่าของวรรณคดี แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ คุณค่าด้านเนือ้ หาและคุณค่า
เนื้อหาของวรรณคดี คือ พิจารณาวาผูแตงมี ด้านวรรณศิลป์
จุดมุงหมายอยางไร เนื้อเรื่องมีแนวคิดคําสอน ๑) คุณค่าด้านเนื้อหา คือ การพิจารณาเนื้อหาที่ให้คุณประโยชน์ ซึ่งผู้อ่านควรอ่าน
หรือเปนแนวทางในการดําเนินชีวิตอยางไร อย่างมีวิจารณญาณ หาคุณค่าของวรรณคดีอย่างมีหลักเกณฑ์ ส�าหรับแนวทางในการพิจารณาคุณค่า
พิจารณาวาสะทอนสภาพสังคมในสมัยนั้น
ด้านเนื้อหา มีหลายประการ ดังนี้
อยางไร และสรางเสริมสติปญญาแกผูอาน
(๒)
หรือไม)

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 ลิลิต หมายถึง หนังสือที่แตงดวยคําประพันธประเภท โคลง และราย สลับกัน นักเรียนศึกษาความรูเกี่ยวกับรูปแบบการแตงคําประพันธเพิ่มเติม แลว
เปนชวงๆ ตามธรรมเนียม มักจะใชโคลงและรายในแบบเดียวกัน กลาวคือ ยกตัวอยางวรรณคดีหรือวรรณกรรมที่มีลักษณะเปนรอยกรองและรอยแกว
โคลงดั้นสลับกับรายดั้น โคลงสุภาพสลับกับรายสุภาพ เปนตน โคลงและราย ประเภทละ 2 เรื่อง
ที่สลับกันนั้นมักจะรอยสัมผัสดวยกัน เรียกวา “เขาลิลิต” วรรณคดีที่แตงตาม
แบบแผนลิลิต มักจะใชรายและโคลงสลับกันเปนชวงๆ ตามจังหวะ ลีลา และ
ทวงทํานอง และความเหมาะสมของเนื้อหาในชวงนั้นๆ ลิลิตที่ไดรับการยกยอง กิจกรรมทาทาย
จากวรรณคดีสโมสรวา เปนยอดของโคลงลิลิต คือ ลิลิตพระลอ
2 กาพยหอโคลง แตงขึ้นโดยใชกาพยยานีสลับกับโคลงสี่สุภาพ กาพยยานีกับ
โคลงสี่สุภาพนั้น จะตองมีความอยางเดียวกัน คือใหวรรคที่หนึ่งของกาพยยานีกับ นักเรียนอธิบายเกณฑในการจําแนกประเภทวรรณคดีอื่นๆ ที่นอกเหนือ
บาทที่หนึ่งของโคลงสี่สุภาพ บรรยายขอความอยางเดียวกัน หรือบางทีก็ใหคําตน จากการจําแนกดวยรูปแบบ เชน การจําแนกตามลักษณะเนื้อหา เปน
วรรคของกาพยกับคําตนบทของโคลง เปนคําเหมือนกัน วรรณคดีนิราศ วรรณคดีคําสอน เปนตน

(2) คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับวรรณศิลปในวรรณคดี-
๑.๑) ควรพิจารณาว่าผู้แต่งมีจุดมุ่งหมายอย่างไร เนื้อเรื่องมีแนวคิด ให้ค�าสอน ไทย
คติธรรม ข้อเตือนใจ หรือให้แนวทางในการด�าเนินชีวิตอย่างไร • วรรณศิลปมีความสําคัญอยางไร
๑.๒) พิ จ ารณาภาพสะท้ อ นของสั ง คม วิ ถี ชี วิ ต ความเป็ น อยู ่ วั ฒ นธรรม (แนวตอบ วรรณศิลปมีความสําคัญอยางยิ่ง
ขนบธรรมเนียม ประเพณี ความเชื่อ และค่านิยมต่างๆ ในสมัยของผู้แต่ง เพราะเปนสิ่งที่แสดงถึงความไพเราะงดงาม
๑.๓) พิจารณาคุณค่าในด้านความรู้ที่จะช่วยเสริมสร้างสติปัญญาแก่ผู้อ่าน ของภาษาไทย ทั้งนี้ดวยความสามารถ
๒) คุณค่าด้านวรรณศิลป์ เป็นการพิจารณาการใช้ถ้อยค�า ส�านวนโวหารที่แสดง และภูมิปญญาของกวีไทยที่มีศิลปะในการ
ความสามารถของผู้แต่งว่าใช้ศิลปะทางภาษาในการเรียบเรียง คัดสรรถ้อยค�า ส�านวนโวหาร เพื่อสื่อ สรางสรรควรรณศิลปแตละสมัยไวเปนสมบัติ
ให้ผู้อ่านได้รับความเพลิดเพลินและเกิดสุนทรียะทางอารมณ์อย่างไร ของชาตินับตั้งแตอดีตมาจนถึงปจจุบัน)
วรรณศิ ล ป์ เ ป็ น ภาษาเฉพาะที่ ผู ้ แ ต่ ง คั ด สรรค� า มาใช้ ใ นงานประพั น ธ์ ไ ด้ อ ย่ า ง • รสวรรณคดีมีความสําคัญอยางไร
ไพเราะงดงาม มีการใช้โวหารภาพพจน์เพื่อให้ผู้อ่านเกิดจินตภาพและความรู้สึกคล้อยตามเหตุการณ์ (แนวตอบ รสวรรณคดีจะทําใหเกิดความรูสึก
ในตอนต่างๆ ของเนื้อเรื่อง คลอยตามความเปนไปของเรื่อง อันเกิดจาก
ความเขาใจวรรณศิลป การสรรคํา เพื่อให
๓ วรรณศิลป์ในวรรณคดีไทย สื่อความหมายไดชัดเจนยิ่งขึ้น มีความลึกซึ้ง
วรรณศิ ล ป์ ใ นวรรณคดี ไ ทยเป็ น เครื่ อ งสะท้ อ นให้ เ ห็ น ว่ า งานประพั น ธ์ แ ต่ ล ะเรื่ อ งจะต้ อ ง ดื่มดํ่ากับเนื้อเรื่อง)
เลือกสรรค�าประพันธ์ให้เหมาะสมกับผลงาน เพื่อสื่อความหมายและถ้อยค�าที่ไพเราะสละสลวย
อันเป็นลักษณะเฉพาะของภาษากวีและท�าให้ผู้อ่านเกิดความสะเทือนอารมณ์ กลวิธีในการพิจารณา
วรรณศิลป์ในวรรณคดีไทย มีดังนี้
๓.๑ รสวรรณคดี
รสวรรณคดีเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ด้วยตาและหู เป็นรสที่บ่งบอกถึงสภาวะของอารมณ์
ถ้าวรรณคดีเรื่องใดสามารถโน้มน้าวใจผู้อ่านให้เกิดความเพลิดเพลินและเกิดอารมณ์ฝ่ายสูง วรรณคดี
เรือ่ งนัน้ ก็มคี ณ
ุ ค่าทางวรรณศิลป์และรสวรรณคดียอ่ มถ่ายทอดผ่านภาษาจากผูแ้ ต่งสูผ่ อู้ า่ น ดังนัน้ ภาษา
กับวรรณคดีจึงแยกกันไม่ได้
รสวรรณคดีไทย แบ่งออกได้เป็น ๔ รส ดังนี้
๑) เสาวรจนี เป็นบททีช่ มความงาม ไม่วา่ จะเป็นความงามของตัวละครหรือความงาม
ของสถานที่ เช่น ความงามของนางศกุนตลา
ดูผิวสินวลละอองอ่อน มะลิซ้อนดูด�ำไปหมดสิ้น
สองเนตรงำมกว่ำมฤคิน นำงนี้เป็นปิ่นโลกำ
งำมโอษฐ์ดังใบไม้อ่อน งำมกรดังลำยเลขำ
งำมรูปเลอสรรขวัญฟ้ำ งำมยิ่งบุปผำเบ่งบำน
(ศกุนตลา : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว)
(๓)

กิจกรรมสรางเสริม
บูรณาการอาเซียน
นักเรียนศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรมไทยเรื่องที่มีเคาโครงและไดรับ วรรณคดีไทยมีลักษณะรวมกันกับวรรณคดีในเอเชียตะวันออกเฉียงใตชาติอื่นๆ
อิทธิพลมาจากประวัติศาสตรหรือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในสังคมสมัยกอน คือ แตเดิมเรื่องแตงตางๆ มักมาจากการดํารงชีวิต หรือการเอาชีวิตรอดของผูคน
จากนั้นเลือกเรื่องที่นาสนใจ 1 เรื่อง มานําเสนอประวัติความเปนมาของ ซึ่งยังไมมีแบบแผนที่แนนอน เมื่อสังคมเริ่มมีความเจริญกาวหนา พัฒนาการของ
วรรณคดีและวรรณกรรมเรื่องนั้นใหเพื่อนๆ ฟงหนาชั้นเรียน วรรณคดีและวรรณกรรมจึงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ทั้งในรูปแบบของนิทาน นิทาน
พื้นบาน ตลอดจนเพลงพื้นบานตางๆ
เมื่อประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใตไดรับอิทธิพลจากวัฒนธรรมอินเดียและจีน
กิจกรรมทาทาย และเปนภูมิภาคที่อยูระหวางสองอารยธรรมดังกลาว จึงไดนําวรรณคดีหลายเรื่อง
มาดัดแปลง โดยอาจนําเรื่องที่เปนที่รูจักของจีนและอินเดียมาแปลหรือปรับใหม
โดยพระมหากษัตริย ขุนนาง หรือพระสงฆในสมัยนั้น ปจจุบันไดมีการเปดหลักสูตร
นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับวรรณคดีและวรรณกรรมไทยวา การเรียนการสอนวิชาวาดวยเรื่องวรรณคดีเอเชียตะวันออกเฉียงใตในระดับอุดมศึกษา
เปนภาพกระจกเงาสะทอนเรื่องราวในอดีต แตมิใชขอมูลทางประวัติศาสตร หลายแหง ตลอดจนมีการจัดหมวดหมูในหองสมุดตางๆ โดยใชการจัดอยูในหมวด
895.9 ตามระบบทศนิยมของดิวอี้

คูมือครู (3)
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับรสในวรรณคดีไทย
(แนวตอบ รสในวรรณคดีไทย แบงออกเปน ๒) นารีปราโมทย์ เป็นบทที่แสดงความรักใคร่หรือพูดจาโอ้โลมให้อีกฝ่ายเกิดความ-
4 รส ดังนี้ ปฏิพัทธ์ เช่น บทแสดงความรักที่ท้าวชัยเสนมีต่อนางมัทนา
• เสาวรจนี บทชมความงาม
• นารีปราโมทย บทที่แสดงความรักใคร ผิลิ้นพี่จะมีหลำย
• พิโรธวาทัง บทแสดงความโกรธ ตัดพอ ก็ทุกลิ้นจะรุมกล่ำว แสดงรัก ณ โฉมฉำย, 1
เหน็บแนม แสดงความเคียดแคน และทุกลิ้นจะเปรยปรำย ประกำศถ้ ศถ้อยปะฏิญญำ
• สัลลาปงคพิสัย บทที่แสดงการครํ่าครวญ พะจีว่ำจะรักยืด บจำงจืดสิเนหำ,
เศราโศก) สบถให้ละต่อหน้ำ พระจันทร์แจ่ม ณ เวหน.
(มัทนะพาธา : พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว)
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนวิเคราะหรสวรรณคดีของบทประพันธ ๓) พิโรธวาทัง เป็นบทแสดงความโกรธ ตัดพ้อ เหน็บแนม เสียดสี หรือแสดงถึง
ตอไปนี้ ความเคียดแค้น เช่น
“โจนลงกลางชานรานดอกไม
ของขุนชางปลูกไวอยูดาษดื่น ตัวนำงเป็นไทแต่ใจทำส ไม่รักชำติรสหวำนมำพำนขม
รวยรสเกสรเมื่อคอนคืน
ดั่งสุกรฟอนฝ่ำแต่อำจม ห่อนนิยมรักรสสุคนธำร
ชื่นชื่นลมชายสบายใจ
น�้ำใจนำงเหมือนอย่ำงชลำลัย ไม่เลือกไหลห้วยหนองคลองละหำน2
กระถางแถวแกวเกดพิกุลแกม
เสียดำยทรงแสนวิไลแต่3ใจพำล ประมำณเหมื
ณเหมือนหนึ่งผลอุทุมพร
ยี่สุนแซมมะสังดัดดูไสว
สมอรัดดัดทรงสมละไม สุกแดงดั่งแสงปัทมรำช ข้ำงในล้วนกิมิชำติเบียนบ่อน
ตะขบขอยคัดไวจังหวะกัน (กากีกลอนสุภาพ : เจ้าพระยาพระคลัง (หน))
ตะโกนาทิ้งกิ่งประกับยอด
แทงทวยทอดอินพรหมนมสวรรค ๔) สัลลาปังคพิสัย เป็นบทที่แสดงการคร�่าครวญ โศกเศร้า เช่น
บางผลิดอกออกชอขึ้นชูชัน
แสงพระจันทรจับแจมกระจางตา
แล้วว่ำอนิจจำควำมรัก พึ่งประจักษ์ดั่งสำยน�้ำไหล
ยี่สุนกุหลาบมะลิซอน
ตั้งแต่จะเชี่ยวเป็นเกลียวไป ที่ไหนเลยจะไหลคืนมำ
ซอนชูชูกลิ่นถวิลหา
สตรีใดในพิภพจบแดน ไม่มีใครได้แค้นเหมือนอกข้ำ
ลําดวนกวนใจใหไคลคลา
สาวหยุดหยุดชาแลวยืนชม” ด้วยใฝ่รักให้เกินพักตรำ จะมีแต่เวทนำเป็นเนื องนิตย์
(เสภาเรื่องขุนชางขุนแผน) (อิเหนา : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
(แนวตอบ บทประพันธที่ยกมาเปนบทเสาวรจนี
เปนบทชมความงามของเรือนขุนชางที่มีการตกแตง (๔)
รานดอกไมนานาชนิด ในเวลากลางคืนออกดอก
สวยงามสงกลิ่นหอม)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
เสียงโหยเสียงไหมี่ เรือนหลวง
1 ปะฏิญญา ปกติใช “ปฏิญญา” คือการใหคํามั่นสัญญาหรือการแสดงยืนยัน
ขุนหมื่นมนตรีปวง ปวยชํ้า
โดยถือเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือความสุจริตใจเปนที่ตั้ง
เรือนราษฎรรํ่าตีทรวง ทุกขทั่ว
2 ผลอุทุมพร หมายถึง ผลมะเดื่อชนิดหนึ่งใบเกลี้ยง ผลออกเปนกลุมรูปทรง เมืองจะเย็นเปนนํ้า ยอมนํ้าตาครวญ
กลมรี เกาะกลุมตามตนและกิ่งหอยระยาสวยงามมาก ผลสุกมีสีแดงมวง บทประพันธขางตนมีรสวรรณคดีใด
รับประทานได รสฝาดอมหวาน ดอกและผลออกทั้งป 1. เสาวรจนี 2. นารีปราโมทย
3 ปทมราช หรือ ปทมราค หมายถึง พลอยสีแดงหรือทับทิม 3. พิโรธวาทัง 4. สัลลาปงคพิสัย
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธถอดคําประพันธไดวา เสียงรองไหดังไป
ทั่วเรือนหลวง ทั้งขุนนางทั้งราษฎรตางพากันทุกขเศรานํ้าตาไหลจนเมืองจะ
มุม IT เย็นเหมือนนํ้าตา เปนบทประพันธมีรสที่แสดงความเศราโศกเสียใจ ซึ่งก็คือ
สัลลาปงคพิสัย ตอบขอ 4.
ศึกษาเกี่ยวกับความหมายของวรรณศิลปเพิ่มเติม ไดที่ http://literature.ocac.
go.th/news-detail-222.html

(4) คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายการใชภาพพจนในวรรณคดีไทย
๓.๒ การใช้ภาพพจน์ • การใชภาพพจนในวรรณคดีไทยสงผลตอการ
1 พจนานุ ก รมฉบั บ ราชบั ณ ฑิ ต ยสถาน พุ ท ธศั ก ราช ๒๕๕๔ ได้ ใ ห้ ค วามหมายของ เลือกใชคําอยางไร
“ภาพพจน์” ว่า ถ้อยค�าที่เป็นส�านวนโวหารท�าให้นึกเป็นภาพ ถ้อยค�าที่เรียบเรียงอย่างมีชั้นเชิง (แนวตอบ ภาพพจนชวยใหกลาวคํานอย
เป็นโวหาร มีเจตนาให้มีประสิทธิผลต่อความคิด ความเข้าใจ ให้จินตนาการและถ่ายทอดอารมณ์ แตไดความมาก สื่อความและสื่ออารมณ
ได้อย่างกว้างขวางลึกซึ้งมากกว่าการบอกอย่างตรงไปตรงมา ไดคมชัด กวาง และลึก ทําใหวรรณคดี
กลวิธีในการน�าเสนอภาพพจน์ที่ผู้แต่งนิยมใช้ในการประพันธ์ มีดังนี้ เขาสูประสาทสัมผัสของผูรับสารไดงายขึ้น
๑) การใช้ความเปรียบว่าสิง่ หนึง่ เหมือนกับสิง่ หนึง่ เรียกว่า อุปมา โดยมีคา� เปรียบ โดยไดยิน ไดเห็น ไดกลิ่น ไดสัมผัส ไดมี
ปรากฏอยู่ในข้อความ ค�าเปรียบเหล่านี้ เช่น เสมือน ดุจ เฉก ดัง ดั่ง ปูน เพียง เหมือน เป็นต้น ประสบการณที่กวีถายทอด)
ดังตัวอย่าง
...อันสตรีรูปงาม ไม่ดีเท่าสตรีที่น�้าใจงาม อันสตรีรูปงามอุปมาดังดอกสายหยุด ขยายความเขาใจ Expand
ทรงคันธรสประทิ่นอยู่แต่เวลาเช้า ครั้นสายแสงสุริย์ส่องกล้าแล้ว ก็สิ้นกลิ่นหอม อันสตรี
น�า้ ใจงามน�า้ ใจดีซอื่ สัตย์ตอ่ สามีนนั้ อุปมาดังดอกซ่อนกลิน่ ดอกพิกลุ ย่อมหอมชืน่ อยูช่ า้ นาน... จากบทประพันธตอไปนี้ใหนักเรียนวิเคราะห
(ราชาธิราช : เจ้าพระยาพระคลัง (หน)) การใชภาพพจน
“พิศพักตรผองพักตรดั่งจันทร
อ่อนหวานมานมิตรล้น เหลือหลาย พิศขนงกงงอนดั่งคันศิลป
หยาบบ่มีเกลอกราย เกลื่อนใกล้ พิศเนตรดั่งเนตรมฤคิน
ดุจดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดับนา พิศทนตดั่งนิลอันเรียบราย”
สุริยส่องดาราไร้ เพื่อร้อนแรงแสง (รามเกียรติ์)
(โคลงโลกนิติ : สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร)
(แนวตอบ บทประพันธขางตนมีการใชภาพพจน
๒) การเปรียบว่าสิ่งหนึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่ง เรียกว่า อุปลักษณ์ เป็นภาพพจน์ที่น�าสิ่ง อุปมา กวีใชคําวา “ดั่ง” เปนคําแสดงความเปรียบ
ที่แตกต่างกัน แต่มีลักษณะร่วมกันมาเปรียบเทียบกัน โดยใช้ค�าเชื่อมว่า เป็น คือ หรือไม่ปรากฏค�าเชื่อม ในทุกวรรค เปรียบหนาวาผองเหมือนพระจันทร
ก็ได้ เปรียบคิ้ววาโคงโกงเหมือนคันศร เปรียบดวงตาวา
ชายข้าวเปลือกหญิงข้าวสารโบราณว่า น�้าพึ่งเรือเสือพึ่งป่าอัชฌาสัย เหมือนตากวาง และเปรียบวาฟนเรียบดําเหมือน
เราก็จิตคิดดูเล่าเขาก็ใจ รักกันไว้ดีกว่าชังระวังการ นิล)
(อิศรญาณภาษิต : หม่อมเจ้าอิศรญาณ)

สารสยามภาคพร้อม กลกานท์ นี้ฤๅ


คือคู่มาลาสวรรค์ ช่อช้อย
เบญญาพิศาลแสดง เดิมเกียรติ พระฤๅ
คือคู่ไหมแสร้งร้อย กึ่งกลาง
(ลิลิตยวนพ่าย : ไม่ปรากฏนามผู้แต่ง)
(๕)

ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับการใชภาพพจน นักเรียนควรรู
หญาฝากเกสรดอกหญา ไปกับลมชวยพาผสานผสม
1 ภาพพจน ชวยเพิ่มอรรถรสในเนื้อความได ดังลักษณะตอไปนี้
แจงขาวคราวเคลื่อนเยือนชม ชวยทอพรมคลุมพื้นใหแผนดิน
• ภาพพจนใหความสําเริงอารมณที่ไดจากการใชความคิดและจินตนาการ
ประเภทของภาพพจนขางตนคลายคลึงกับขอใด
• ภาพพจนทําสิ่งที่เปนนามธรรมใหเปนรูปธรรม
1. ไผซอออเอียดเบียดออด ลมลอดไลเลียวเรียวไผ
• ภาพพจนชวยใหความเขมขนทางอารมณเพิ่มมากขึ้น
2. เปลวแดดแผดเปลวเตน ระริกเลนเนนทํานอง
• ภาพพจนชวยใหกลาวคํานอยแตไดความมาก
3. ฤๅดูดาราระยาระยับสรวง ดุจดวงเพชรพลอยประเสริฐศรี
4. ตระเวนไพรรอนรองตระเวนไพร เหมือนเวรใดใหนิราศเสนหา
วิเคราะหคําตอบ บทประพันธที่ยกมาเปนการใชภาพพจนบุคคลวัตที่
สมมติใหธรรมชาติ คือ หญา เกสร ดอกไม ลม ใหมีลักษณะอาการเหมือน
มนุษย คือ ใหหญาแจงขาวและใหลมชวยทอพรม ขอ 2. เปนภาพพจน
บุคคลวัตที่เปลวแดดแสดงทาทางเตน ดังนั้น ขอที่มีภาพพจนที่เหมือนกันกับ
บทประพันธที่ยกมา คือ ภาพพจนบุคคลวัต ตอบขอ 2.

คูมือครู (5)
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายการสรรคําในวรรณคดีไทย
(แนวตอบ การสรรคํา คือ การเลือกคํา วลี ๓) การสมมติให้สิ่งต่างๆ มีกิริยาอาการหรือความรู้สึกเหมือนมนุษย์ เรียกว่า
สํานวน การเรียบเรียงคําในการประพันธ โดยเนน บุคคลวัต เป็นการสมมติให้สิ่งไม่มีชีวิต พืช สัตว์ มีความคิดและการแสดงออกเหมือนมนุษย์ เช่น
ลีลาอันงดงามและสื่อความหมายไดอยางมี การทีก่ วีกล่าวว่าสัตว์ทงั้ หลายในมหาสมุทรก็พลอยแสดงความโศกเศร้าเสียใจไปด้วย เมือ่ ถึงวันทีก่ วีตอ้ ง
ประสิทธิผล การสรรคําในวรรณคดี กวีหรือผูแตง จากนางอันเป็นที่รัก
นิยมใชคําที่มีความหมายโดยนัยคือไมไดมี
แสนสัตว์นาเนกถ้วน แสนสินธุ์
ความหมายตามตัวอักษร เพราะไดความหมาย
ทุกข์บันดาลไฟฟอน ช่วยเศร้า
ลึกซึ้งกวางไกลเกินออกไปจากความหมายโดยตรง
วันเจียรสุดาพินท์ พักเตรศ
หากกวีเขาใจการใชคําสื่อความหมายทั้ง 2 แบบ คือ
แสนสุเมรุม้วนเข้า ดั่งลาญ
ทั้งโดยตรงและโดยนัย และรูจักเลือกใชอยาง
(โคลงทวาทศมาส : พระเยาวราช)
เหมาะสม ก็จะชวยในการสื่ออารมณความรูสึก
ไดดียิ่งขึ้น บทประพันธมีความคมคาย)
สัตภัณฑ์บรรพตทั้งหลาย อ่อนเอียงเพียงปลาย
ประนอมประนมชัย
ขยายความเขาใจ Expand
(บทพากย์เอราวัณ : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
จากตัวอยางบทประพันธที่ยกมามีกลวิธี
กวีเปรียบเทียบว่า ภูเขาทั้งหลายต่างค้อมศีรษะลงเพื่อแสดงความเคารพ เมื่อเห็น
การสรรคําโดยการการเลนเสียง นักเรียนพิจารณา
ขบวนเสด็จขององค์อมรินทร์
บทประพันธวาเปนการเลนเสียงลักษณะใด
“ลางลิงลิงลอดไม ลางลิง ๔) การใช้ค�าเลียนเสียงธรรมชาติ เรียกว่า สัทพจน์ คือ การใช้ถ้อยค�าเพื่อ
แลลูกลิงลงชิง ลูกไม เลียนเสียงของธรรมชาติ เช่น เสียงสัตว์ร้อง เสียงคนร้อง เสียงดนตรี เช่น
ลิงลมไลลมติง ลิงโลด หนีนา ระวังตัวกลัวครูหนูเอ๋ย ไม้เรียวเจียวเหวย
แลลูกลิงลางไหล ลอดเลี้ยวลางลิง” กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวียว
(ลิลิตพระลอ) 1
(กาพย์พระไชยสุริยาา : สุนทรภู่)
(แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธที่ยกมามีการ
เลนเสียงพยัญชนะ มีการใชคําที่มีพยัญชนะตนเสียง ค�าว่า “ขวาบเขวียว” เป็นค�าเลียนเสียงของไม้เรียวยามทีแ่ หวกอากาศมากระทบผิวหนัง
เดียวกัน คือ เสียง /ล/ ทําใหเกิดเสียงที่ไพเราะและ ๓.๓ การสรรค�า
สื่อความไดดี แสดงใหเห็นลักษณะของภาษาไทย การสรรค�า คือ การเลือกใช้ค�าให้สื่อความคิด ความเข้าใจ ความรู้สึก และอารมณ์
ที่คําๆ เดียวสื่อความหมายไดหลายความหมาย) ได้อย่างงดงาม โดยค�านึงถึงความงามด้านเสียงของถ้อยค�าเป็นส�าคัญ
กลวิธีในการเลือกสรรค�า มีดังนี้
๑) การเล่นเสียง เป็นการสรรค�าที่ท�าให้เกิดท่วงท�านองที่ไพเราะ ไม่ว่าจะเป็น
การเล่นเสียงสระ การเล่นเสียงพยัญชนะ และการเล่นเสียงวรรณยุกต์
(๖)

กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
1 กาพยพระไชยสุริยา เมื่อพิจารณาในแงวรรณคดี จะเห็นวากาพยพระไชยสุริยา นักเรียนยกบทประพันธจากวรรณคดีเรื่องที่มีความโดดเดนในการเลน
เปนนิทานที่เลาไดอยางมีวรรณศิลป มีการดําเนินเรื่องรวดเร็วและรวบรัดดวย เสียง 1 บท โดยนักเรียนสามารถระบุไดวา บทประพันธที่ยกมานั้นเปนการ
บทบรรยาย เลนเสียงลักษณะใด การเลนเสียงสระ การเลนพยัญชนะ หรือการเลนเสียง
วรรณยุกต นักเรียนอานบทประพันธที่ยกมาหนาชั้นเรียนใหไพเราะแสดง
ใหเห็นการเลนเสียงอยางชัดเจน

(6) คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายการเลนคําซึ่งเปนสวนหนึ่งของ
๑.๑) การเล่นเสียงสระ เป็นการใช้คา� ทีม่ เี สียงสระตรงกัน ถ้ามีตวั สะกดก็ตอ้ งเป็น วรรณศิลป
ตัวสะกดในมาตราเดียวกัน ส่วนวรรณยุกต์จะต่างรูปหรือต่างเสียงกันก็ได้ เช่น (แนวตอบ การเลนคําเปนกลวิธีอยางหนึ่งในการ
แตงคําประพันธดวยวิธีการใชอักษร คํา วลี หรือ
ดูหนูสู่รูงู งูสุดสู้หนูสู้งู
สํานวนที่นอกเหนือไปจากที่กําหนดไวตามกฎเกณฑ
หนูงูสู้ดูอยู่ รูปงูทู่หนูมูทู เพื่อใหเกิดความงามทางภาษา ทําใหเกิดเสียง
ดูงูขู่ฝูดฝู้ พรูพรู ประกอบและจังหวะลีลาที่ชวยใหไพเราะยิ่งขึ้น
หนูสู่รูงูงู สุดสู้ ใหความหมายที่ลึกซึ้งกินใจ กวีอาจเลนคําไดหลาย
งูสู้หนูหนูสู้ งูอยู่ วิธี แตมักถือเอาความงามของเสียงและความหมาย
หนูรู้งูงูรู้ รูปถู้มูทู เปนสําคัญ เชน การซํ้าคําที่เปนคําเดิม ความหมาย
(กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง : เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร) เดิมและคําซํ้าที่มีความหมายตางกัน และการหลาก
คํา คือ คําที่มีความหมายเหมือนกันแตเขียนหรือ
๑.๒) การเล่นเสียงพยัญชนะ เป็นการใช้ค�าที่มีพยัญชนะต้นเสียงเดียวกัน อาจ
ออกเสียงตางกัน)
เป็นตัวอักษรที่เป็นพยัญชนะรูปเดียวกัน หรือพยัญชนะที่มีเสียงสูงต�่าเข้าคู่กัน หรือพยัญชนะควบ
ชุดเดียวกันก็ได้ เช่น ขยายความเขาใจ Expand
ฝูงลิงไต่กิ่งลำงลิงไขว่ ลำงลิงแล่นไล่กันวุ่นวิ่ง นักเรียนรวมกันอภิปรายการการซํ้าคําเดิมใน
ลำงลิงชิงค่ำงขึ้นลำงลิง กำหลงลงกิ่งกำหลงลง หลายที่ ดังบทประพันธตอไปนี้
เพกำกำเกำะทุกก้ำนกิ่ง กรรณิกำร์กำชิงกันชมหลง “สุดสายนัยนาแลวที่แมจะตามไปเล็งแล
มัดกำกำกวนล้วนกำดง กำฝำกกำลงท�ำรังกำ สุดโสตแลวที่แมจะซับทราบฟงสําเนียง สุด
(เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน : พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย) สุรเสียงที่แมจะรํ่าเรียกพิไรรอง สุดฝเทาที่แม
จะเยื้องยองยกยางลงเหยียบดิน ก็สุดสิ้นสุด
๑.๓) การเล่นเสียงวรรณยุกต์ เสียงวรรณยุกต์เป็นข้อก�าหนดที่บังคับใช้ใน
1 ปญญาสุดหาสุดคนเห็นสุดคิด”
การแต่งค�าประพันธ์บางประเภท เช่น ฉันท์หรือกลบท กลบท การเล่นเสียงวรรณยุกต์เป็นการไล่ระดับเสียง
(รายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑมัทรี)
เป็นชุด ซึ่งท�าให้เกิดเสียงที่ไพเราะชวนฟังเป็นอย่างยิ่ง เช่น (แนวตอบ จากบทประพันธขางตน กวีเลนคํา
เสนำสูสู่สู้ ศรแผลง โดยการซํ้าคําวา “สุด” เพื่อตองการบอกความ
ยิงค่ำยทลำยเมืองแยง แย่งแย้ง มุงหมายหรือเนนเนื้อความแสดงใหเห็นอารมณ
รุกร้นร่นรนแรง ฤทธิ์รีบ ของตัวละครอยางกระจางชัดวา หมดสิ้นหนทาง
จนปญญาที่จะแกไข)
ลวงล่วงล้วงวังแว้ง รวบเร้ำเอำมำ
(โคลงอักษรสามหมู่ : พระศรีมโหสถ)

(๗)

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
ขอใดเปนการซํ้าคําเพื่อเลียนเสียงธรรมชาติ
ครูใหนักเรียนฝกสังเกตพิจารณาการเลนคําในวรรณคดีไทย โดยครูยกตัวอยาง
1. ปาบรรเลงเพลงกระซิบจิบความหวาน ฮือฮือผานบางคราวราวรองไห
บทประพันธที่มีการเลนคํามา 1 บท จากนั้นใหนักเรียนรวมกันอภิปรายวา กวีมีการ
2. นํ้าคางพรมลมเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยโหย ยิ่งดิ้นโดยเดือนดับไมหลับเลย
เลนคําในบทประพันธนั้นอยางไร ซึ่งการยกตัวอยางใหนักเรียนไดฝกคิดฝกสังเกตนั้น
3. สุมามาลยบานกลิ่นระรินรื่น ในเที่ยงคืนเสียงแตผึ้งหึ่งกระหึม
นอกจากจะเปนวิธีใหนักเรียนจดจําลักษณะบทประพันธที่มีการเลนคําแลว นักเรียน
4. เหลามารยาปาโปงเที่ยวโทงเถื่อน ตะโกนเพื่อนเพิกเสียงสําเนียงโหย
ยังเกิดความเขาใจและสามารถพิจารณาวรรณศิลปที่มีลักษณะการเลนคําในบท
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. ใชภาพพจนสัทพจนกลาวถึงปาวากําลังบรรเลงเพลง ประพันธอื่นได
สงเสียงดังเหมือนรองไห “ฮือฮือ” ขอ 2. มีคําซํ้าวา “เฉื่อยเฉื่อย” เปนจังหวะ
ของลมพัดอยางเรื่อยๆ ชาๆ แตไมใชเสียงของลม ขอ 3. กลาวถึงเสียงผึ้งบิน
ดังหึ่งกระหึม แตไมมีคําซํ้า และขอ 4. มีความโดดเดนในเสียงสัมผัสทั้งอักษร นักเรียนควรรู
และสระ ดังนั้น ขอที่มีการซํ้าคําและเลียนมีการเสียงธรรมชาติดวย คือ
“ปาบรรเลงเพลงกระซิบจิบความหวาน ฮือฮือผานบางคราวราวรองไห” 1 กลบท คําประพันธที่กวีแตงพลิกแพลง ใหมีลักษณะวิจิตรพิสดารขึ้นกวา
ตอบขอ 1. ลักษณะบังคับตามปกติ โดยทําเปนระเบียบสมํ่าเสมอ เพื่อแสดงชั้นเชิงและฝปาก
ในสวนของกวีเอง และเพื่อใหคําประพันธนั้นงดงามขึ้น อาจมีชื่อเรียกตางๆ กัน
ตามแตกวีกําหนด
คูมือครู (7)
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนหาคําที่มีความหมายเหมือนกันหรือ
คําไวพจนของคําวา พระจันทร ดอกไม สวางสุกใส ๒) การเล่นค�า เป็นความไพเราะของบทประพันธ์ที่เกิดจากการเลือกใช้ถ้อยค�า
รบ หญิงงาม มาอยางนอย 3 คํา จากนั้นทําตาราง เป็นพิเศษ การเล่นค�าแบ่งออกเป็นการซ�้าค�าและการหลากค�า
คําพองความหมาย ๒.๑) การซ�้าค�า เป็นการกล่าวซ�้าๆ ในค�าเดิมเพื่อเพิ่มน�้าหนักของค�าและย�้าให้
(แนวตอบ คําที่มีความหมายเหมือนกันหรือคํา ความหมายชัดเจนขึ้น เช่น
ไวพจนของคําวา พระจันทร ดอกไม สวางสุกใส รบ
หญิงงาม มีดังนี้ เหลือบเห็นสตรีวิไลลักษณ์ พิศพักตร์ผ่องเพียงแขไข
• พระจันทร ไดแก มาส รัชนีกร แข โสม งามโอษฐ์งามแก้มงามจุไร งามนัยน์งามเนตรงามกร
• ดอกไม ไดแก กุสุมาลย ผกา บุษบา งามถันงามกรรณงามขนง งามองค์ยิ่งเทพอัปสร
• สวางสุกใส ไดแก จํารัส โชติ รุจี งามจริตกิริยำงามงอน งามเอวงามอ่อนทั้งกำยำ
• รบ ไดแก ราญ รําบาญ ยุทธ ผจัญ (รามเกียรติ์ : พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช)
• หญิงงาม ไดแก นงราม วิลาสินี อรนุช) 1
๒.๒) การหลากค� า เป็ น การใช้ ค� า ที่ มี ค วามหมายเหมื อ นกั น หรื อ ค� า ไวพจน์
ตรวจสอบผล Evaluate ในบทประพันธ์เดียวกัน เช่น
❀ ชื่อพระอิศวร ใช้ สยมภู ศุลี ศิวะ ตรีโลจนะ จันทรเศขร รุทร ทิคัมพร
1. นักเรียนวิเคราะหรสวรรณคดีของบทประพันธ ภูเตศวร ปิศาจบดี ศังกร เป็นต้น
ที่ยกมาได ❀ ดวงอาทิตย์ ใช้ ตะวัน พันแสง สหัสรังสี ภาณุ จาตุรนต์ ไถง ทิพากร
2. นักเรียนวิเคราะหและระบุการใชภาพพจนใน
ภาสกร สุริยา เป็นต้น
วรรณคดีไทยได
การเข้ า ใจความหมายและแนวทางของการวิ จั ก ษ์ ว รรณคดี ตลอดจนศิ ล ปะในการแต่ ง
3. นักเรียนหาคําที่มีความหมายเหมือนกันหรือ
และการใช้ถอ้ ยค�าส�านวนอันเป็นหัวใจของวรรณคดี ดังกล่าวไปข้างต้น ผูเ้ รียนสามารถน�าความรูเ้ หล่านี้
คําไวพจนตามที่กําหนดได
มาใช้เป็นพื้นฐานในการวิจารณ์และประเมินค่าวรรณคดี เพื่อให้สามารถอ่านวรรณคดีที่น�ามาศึกษาได้
อย่างเข้าใจและได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. ยกบทประพันธที่มีการเลนคํา
2. ตารางคําพองความหมาย

(๘)

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 คําไวพจน เปนชื่อเรียกคําในภาษาไทยอีกพวกหนึ่ง พจนานุกรมฉบับ นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับการหลากคําวามีความสําคัญกับการประพันธ
ราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช 2554 ใหคําอธิบายวา “คําที่เขียนตางกันแตมี อยางไร โดยนักเรียนยกตัวอยางบทประพันธที่มีการหลากคําประกอบการ
ความหมายเหมือนกันหรือใกลเคียงกันมาก เชน ‘มนุษย’ กับ ‘คน’ ‘บาน’ กับ ‘เรือน’ อธิบาย บันทึกความรูลงสมุดสงครู
‘รอ’ กับ ‘คอย’ ‘ปา’ กับ ‘ดง’ คําพองความ ก็วา” คําไวพจนในความหมายของ
พจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน คือ คําตางรูป ตางเสียง แตมีความหมายเหมือนหรือ
ใกลเคียงกัน กิจกรรมทาทาย

มุม IT นักเรียนพิจารณาการหลากคําวาเปนลักษณะของภาษาไทยที่แสดงให
เห็นศิลปะการใชคําอยางไร โดยนักเรียนยกตัวอยางบทประพันธที่มีการ
ศึกษาเกี่ยวกับการใชถอยคําเพื่อการสื่อสารเพิ่มเติม ไดที่
หลากคําประกอบการอธิบาย บันทึกความรูลงสมุดสงครู
http://www.ipesp.ac.th/learning/thai/chapter5-11.html

(8) คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage

ตอนที่ õ วรรณคดีและวรรณกรรม ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวยวรรณคดีและ


วรรณกรรม ม.1 ทั้ง 7 ภาพ แลวใหนักเรียนบอกชื่อ
วรรณคดีและวรรณกรรม หากมีเรื่องที่นักเรียน
ไมรูจัก ครูแนะใหนักเรียนเปดดูที่ดานในปกหนา
ของหนังสือเรียน
(แนวตอบ วรรณคดีและวรรณกรรม ม.1
ทั้ง 7 เรื่อง มีดังนี้
• หนวยการเรียนรูที่ 1 นิราศภูเขาทอง
• หนวยการเรียนรูที่ 2 โคลงโลกนิติ
• หนวยการเรียนรูที่ 3 สุภาษิตพระรวง
• หนวยการเรียนรูที่ 4 กาพยเรื่อง
พระไชยสุริยา
• หนวยการเรียนรูที่ 5 ราชาธิราช ตอน
สมิงพระรามอาสา
• หนวยการเรียนรูที่ 6 กาพยเหชม
เครื่องคาวหวาน
• หนวยการเรียนรูที่ 7 นิทานพื้นบาน)
• นักเรียนเคยเรียนหรือรูจักวรรณคดีและ
วรรณกรรมเรื่องใดที่ปรากฏในหนาหนวยบาง
อยางไร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย
ขึ้นอยูกับประสบการณของนักเรียน และ
บางเรื่องนักเรียนอาจมีประสบการณรวมกัน
เพราะเปนเรือ่ งทีก่ าํ หนดใหเรียนในชัน้ ประถม
เชน นิทานพื้นบานไทย เรื่องสังขทอง)

เกร็ดแนะครู
ครูทบทวนความจําของนักเรียนเกี่ยวกับวรรณคดีและวรรณกรรมที่จะเรียน
ใน ม.1 จากการทายชื่อวรรณคดีและวรรณกรรมที่นักเรียนเคยเรียนหรือรูจัก โดยครู
บอกชื่อตัวละครเอกของเรื่อง เลาเรื่องยอหรือแกนเรื่องโดยสังเขป ใหนักเรียนทาย
จากนั้นครูขออาสาสมัคร 2-3 คน มาเลาเกี่ยวกับวรรณคดีหรือวรรณกรรมที่จะเรียน
ใน ม.1 ที่นักเรียนรูจักและจําได

คูมือครู 1
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาเรื่องนิราศภูเขาทอง
2. วิเคราะหคุณคาและขอคิดจากเรื่องนิราศ
ภูเขาทอง
3. สรุปความรูและขอคิดจากเรื่องนิราศภูเขาทอง
เพื่อนํามาประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
4. ทองจําบทอาขยานและบทรอยกรองที่มีคุณคา
ตามความสนใจ

สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต

คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. ใฝเรียนรู


2. มุงมั่นในการทํางาน
3. รักความเปนไทย
หน่วยที่
กระตุน ความสนใจ Engage
นิราศภูเขาทอง
นิ
ตัวชี้วัด
ครูกระตุนความสนใจของนักเรียนดวยการใช ■■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑) ราศภูเขาทองเป็นนิราศเรือ่ งเอกของสุนทรภู่
คําถามวา ■■ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ
(ท ๕.๑ ม.๑/๒)
ที่เล่าถึงการเดินทางรอนแรมจากวัดราชบุรณะไป
นมัสการเจดียภ์ เู ขาทองทีเ่ มืองกรุงเก่าเมือ่ สมัยรัชกาล
• นักเรียนรูจัก “ภูเขาทอง” หรือไม ■■ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓)
ที่ ๓ นิราศเรื่องนี้นับว่ามีความดีเด่นทั้งด้านถ้อยค�า
สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
และนักเรียนคิดวาภูเขาทองจากนิราศของ
■■

(ท ๕.๑ ม.๑/๔) และส�านวนโวหาร สามารถถือเป็นแบบอย่างของการ


สุนทรภูอยูที่ใด ■■ ท่องจ�าบทอาขยานตามที่ก�าหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า
ตามความสนใจ (ท ๕.๑ ม.๑/๕)
แต่งนิราศค�ากลอนได้เป็นอย่างดี
การศึกษานิราศเรื่องต่างๆ ของสุนทรภู่นับว่ามีประโยชน์
(แนวตอบ ภูเขาทองจากนิราศของสุนทรภูเปน อย่างมาก เนื่องจากสุนทรภู่มิได้บรรยายเฉพาะเรื่องราวการ
โบราณสถานอยูที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา) สาระการเรียนรู้แกนกลาง เดินทางหรือพรรณนาเรือ่ งความรักเพียงอย่างเดียว แต่สนุ ทรภู่
■■ การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม ยั ง ได้ ส อดแทรกข้ อ คิ ด ซึ่ ง สามารถน� า ไปใช้ ใ นการด� า เนิ น ชี วิ ต
เรื่อง นิราศภูเขาทอง รวมทั้งเกร็ดความรู้และสภาพความเป็นอยู่ของผู้คนในช่วงต้น
■■ บทอาขยานและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า สมัยรัตนโกสินทร์ ตลอดจนชีวประวัติของสุนทรภู่เองอีกด้วย

เกร็ดแนะครู
หนวยการเรียนการสอนนี้ ครูควรจัดกิจกรรมที่ทําใหการเรียนนิราศภูเขาทอง
เกิดความสนุกสนานนาสนใจและเขาใจเนื้อหา โดยใชการทายปญหาปริศนาจาก
วรรณคดี หรือใหนักเรียนถามตอบจากการดูภาพหนาหนวย ครูกระตุนใหนักเรียน
ลองวิเคราะหคําถามและหาคําตอบดวยตัวเอง

2 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูกระตุน ความสนใจนักเรียนกอนเขาสูบ ทเรียน
๑ ความเป็นมา 1
โดยใชคาํ ถาม
• นักเรียนรูจักหรือเคยเรียนวรรณกรรมประเภท
สุุนทรภู่แต่งนิราศภูเขาทองในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อราวปลาย
นิราศหรือไม อยางไร
พ.ศ. ๒๓๗๓ โดยเล่ า ถึ ง การเดิ น ทางเพื่ อ ไปนมั ส การเจดี ย ์ ภู เขาทองที่ เ มื อ งกรุ ง เก่ า หรื อ จั ง หวั ด
2. ใหนักเรียนเลาประสบการณและความรู
พระนครศรีอยุธยาในปัจจุบัน หลังจากจ�าพรรษาอยู่ที่วัดราชบุรณราชวรวิหารหรือวัดเลียบ
เกี่ยวกับนิราศที่นักเรียนรูจัก
นิราศ (แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย
นิราศเป็นงานประพันธ์ประเภทหนึ่งของไทย มีมาตั้งแต่2สมัยโบราณ เท่าที่ปรากฏหลักฐาน
ขึ้นอยูกับความรูและประสบการณของนักเรียน)
ในปัจจุบัน นิราศเรื่องแรกของไทยนั้น ได้แก่ โคลงนิราศหริภุญชัย ซึ่งแต่งขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา
3. “ถึงหนาวังดังหนึ่งใจจะขาด
เนื้อหาของนิราศส่วนใหญ่มักเป็นการคร�่าครวญของกวี (ชาย) ต่อสตรีอันเป็นที่รัก เนื่องจาก
ต้องพลัดพรากจากนางมาไกล อย่างไรก็ตาม นางในนิราศที่กวีพรรณนาว่าจากมานั้น อาจมีตัวตนจริง
คิดถึงบาทบพิตรอดิศร
หรือไม่ก็ได้ แต่กวีส่วนใหญ่ถือว่านางผู้เป็นที่รักเป็นปัจจัยส�าคัญที่จะเอื้อให้กวีแต่งนิราศได้ไพเราะ โอผานเกลาเจาประคุณของสุนทร
แม้ในสมัยหลังกวีอาจไม่ได้ให้ความส�าคัญเรื่องการคร�่าครวญถึงนาง แต่เน้นที่การบันทึกระยะทาง แตปางกอนเคยเฝาทุกเชาเย็น”
เหตุการณ์ และอารมณ์ แต่ก็ยังคงมีบทครวญถึงนางแทรกอยู่ ดังเช่นที่สุนทรภู่แต่งนิราศภูเขาทอง ครูอานบทประพันธขางตนใหนักเรียนฟง
ทั้งๆ ที่ก�าลังบวชอยู่ สุนทรภู่ก็ยังเห็นว่าการครวญถึงสตรีเป็นสิ่งจ�าเป็นในการแต่งนิราศ จึงกล่าวไว้ แลวใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้
ในกลอนตอนท้ายนิราศเรื่องนี้ว่า • บทประพันธกลาวถึงใคร ทําอะไร ที่ไหน
และอยางไร
ใช่จะมีที่รักสมัครมาด แรมนิราศร้างมิตรพิสมัย
(แนวตอบ กลาวถึงสุนทรภูที่เมื่อเดินทางมาถึง
ซึ่งคร�่าครวญท�าทีพิรี้พิไร ตามวิสัยกาพย์กลอนแต่ก่อนมา
เหมือนแม่ครัวคั่วแกงพะแนงผัด สารพัดเพียญชนังเครื่องมังสา
หนาพระราชวัง แลวคิดถึงรัชกาลที่ 2
อันพริกไทยใบผักชีเหมือนสีกา ต้องโรยหน้าเสียสักหน่อยอร่อยใจ เหมือนใจจะขาด ซึ่งเมื่อกอนเคยเขาเฝา
จงทราบความตามจริงทุกสิ่งสิ้น อย่านึกนินทาแกล้งแหนงไฉน ทุกวันทั้งเชาเย็น)
นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ จึงร�่าไรเรื่องร้างเล่นบ้างเอย
สํารวจคนหา Explore
บอกเล่าเก้าสิบ
1. นักเรียนศึกษาประวัติความเปนมาของผูแตง
วัดราชบุรณราชวรวิหาร นิราศภูเขาทอง
วัดราชบุรณราชวรวิหารหรือวัดเลียบ เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัย 2. นักเรียนสืบคนลักษณะคําประพันธประเภท
อยุธยาโดยพ่อค้าชาวจีน วัดนี้นับเป็นหนึ่งใน ๓ วัดส�าคัญประจ�าราชธานี คือ นิราศ
วัดมหาธาตุ วัดราชประดิษฐ์ และวัดราชบุรณะ แต่เนื่องจากวัดราชบุรณะ 3. ใหนักเรียนรวบรวมรายชื่อวรรณคดีที่ประพันธ
ตั้งอยู่ใกล้สถานที่ส�าคัญทางยุทธศาสตร์ คือ สะพานพระพุทธยอดฟ้าฯ และ เปนนิราศของสุนทรภู
โรงไฟฟ้า เป็นเหตุให้สิ่งก่อสร้างส�าคัญภายในวัดโดยเฉพาะพระอุโบสถซึ่งมี
ภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่งถูกระเบิดท�าลายในระหว่างสงครามโลก
ครั้งที่ ๒ คงเหลือแต่พระปรางค์ซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๓

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนศึกษาความเปนมาของงานประพันธประเภทนิราศเพิ่มเติม 1 นิราศภูเขาทอง นิราศภูเขาทองแตงดวยกลอนนิราศ มีความคลายคลึงกับ
โดยใหนักเรียนเขียนสรุปเปนใบความรู กลอนสุภาพ แตเริ่มดวยวรรครับ จบดวยวรรคสง ลงทายดวยคําวา “เอย” มีความ
ยาวเพียง 89 คํากลอนเทานั้น แตมีความไพเราะ และเรียบงาย ตามแบบฉบับของ
สุนทรภู ใชภาษาที่เขาใจงาย บรรยายความรูสึกขณะเดียวกันก็เลาถึงสภาพของ
กิจกรรมทาทาย เสนทางที่กําลังเดินทางไปดวย สุนทรภูมักจะเปรียบเทียบชีวิตและโชคชะตาของตน
กับธรรมชาติรอบขางที่ไดเดินทางผานไป
2 โคลงนิราศหริภุญชัย ไมปรากฏวาผูใดแตง ทราบแตเพียงวาผูแตงเปน
นักเรียนศึกษาความเปนมาของนิราศภูเขาทองนอกจากในหนังสือเรียน ชาวเชียงใหม และอาจแตงขึ้นในราว พ.ศ. 2060 เนื้อหาวาดวยการแสดงความรัก
เพิ่มเติม โดยใหนักเรียนเขียนสรุปเปนใบความรูและเลือกบทประพันธจาก ความอาลัยตอสตรีที่ผูแตงตองจากเมืองเชียงใหมมา เพื่อไปนมัสการพระธาตุหริ-
นิราศภูเขาทองที่เปนบทเดนหรือเปนที่รูจักมา 1 บท พรอมระบุเหตุผล ภุญชัยที่จังหวัดลําพูน

คูมือครู 3
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนจัดกลุม กลุมละ 5-6 คน แตละกลุม
อธิบายความรูเกี่ยวกับนิราศที่นักเรียนไดสืบคน ò ประวัติ¼ู้แต่ง
มาตามหัวขอตอไปนี้
• ความเปนมาของนิราศ สุนทรภู่ มีนามเดิมว่า ภู เกิดในรัชกาลพระบาท-
(แนวตอบ นิราศเรื่องแรกของไทยนั้น คือ “โคลง สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อวันที่
นิราศหริภุญชัย” ซึ่งแตงในสมัยอยุธยา นิราศ ๒๖ มิถนุ ายน พ.ศ. ๒๓๒๙ ในวัยเด็กสุนทรภูไ่ ด้อาศัย
มักมีเนื้อหาในเชิงพรรณนาถึงการเดินทาง อยูก่ บั มารดาซึง่ ถวายตัวเป็นพระนมในพระองค์เจ้า-
เปนหลัก มักจะเลาถึงเสนทาง การเดินทาง หญิงจงกล พระธิดาในกรมพระราชวังบวรสถานพิมขุ
และบอกเลาถึงสิง่ ทีพ่ บเห็นระหวางการเดินทาง และได้รับการศึกษาขั้นต้นที่วัดชีปะขาวซึ่งปัจจุบัน
ขณะเดียวกันกวีก็จะสอดแทรกความคิด คือวัดศรีสุดาราม
ความรูสึกตางๆ ที่เกิดขึ้นระหวางการเดินทาง ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธ-
ดวย ในทางหนึ่ง “นิราศ” อาจหมายถึงงาน เลิศหล้านภาลัย สุนทรภู่ได้เข้ารับราชการและได้แสดง
ประพันธที่พรรณนาถึงเหตุการณตามลําดับ ความสามารถด้านการประพันธ์ จนเป็นทีพ่ อพระราชหฤทัย
พรอมทั้งแสดงอารมณความรูสึกที่เชื่อมโยง จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุนสุนทรโวหาร แต่เมื่อสิ้น
กับเหตุการณนั้นๆ โดยมิไดมีการเดินทางหรือ รัชกาล สุนทรภู่ได้ออกบวชเป็นเวลาร่วม ๒๐ ปี ในระหว่างนี้สุนทรภู่ได้มีโอกาสเดินทางไปยังหัวเมือง
การพลัดพรากก็ได หนังสือที่แตงตามขนบของ ต่างๆ และแต่งนิราศขึ้นหลายเรื่องซึ่งรวมถึงนิราศภูเขาทอง
นิราศนั้นมีปรากฏมาตั้งแตครั้งกรุงศรีอยุธยา เมื่อลาสิกขาบทแล้ว สุนทรภู่ได้กลับเข้ารับราชการอีกครั้งในปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จ-
ดังเชน โคลงนิราศหริภุญชัย แตงขึ้นในสมัย พระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเป็นอาลักษณ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจุธามณี กรมขุนอิศเรศ-
พระเจาปราสาททอง โคลงกําสรวล แตงขึ้นใน รังสรรค์
สมัยสมเด็จพระนารายณมหาราช นอกจากนี้
ในรัชกาลที่ ๔ สุนทรภู่ไ1ด้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระสุนทรโวหาร เจ้ากรมอาลักษณ์
ยังมีโคลงทวาทศมาส โคลงมังทรารบเชียงใหม
ฝ่ายพระราชวังบวรสถานมงคล ซึ่งเป็นต�าแหน่งราชการสุดท้ายก่อนถึงแก่กรรมใน พ.ศ. ๒๓๙๘
เปนตน)
รวมอายุได้ ๗๐ ปี
• ลักษณะคําประพันธประเภทนิราศ
สุนทรภู่ได้รับการยกย่องว่าเป็นกวีที่มีความสามารถในการแต่งกลอน เนื่องจากกลอนที่
(แนวตอบ ลักษณะกลอนนิราศมีสัมผัสเหมือน
กลอนสุภาพแตตางกันที่การขึ้นตน คือ กลอน สุนทรภูแ่ ต่งมีลกั ษณะเฉพาะเป็นของตนเอง จึงได้รบั ความนิยมอย่างกว้างขวาง และถือเป็นแบบอย่าง
นิราศจะขึ้นตนดวยวรรครับและไมจํากัด ที่มีผู้แต่งตามตลอดมา นอกจากนี้ผลงานของสุนทรภู่อีกหลายเรื่องยังมีการน�าไปแปลและดัดแปลง
จํานวนบท และวรรคสงในบทสุดทายลงทาย เป็นการ์ตูน ภาพยนตร์ เพลง และละคร 2
วา “เอย”) ใน พ.ศ. ๒๕๒๙ ในโอกาสครบรอบ ๒๐๐ ปีชาตกาล สุนทรภู่ได้รับการยกย่องจากองค์การ
2. นักเรียนจดบันทึกสรุปการอธิบายความรูของ การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (United Nations Educational, Scientific
แตละกลุมลงสมุด and Cultural Organization) หรือยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นบุคคลที่มีผลงานดีเด่นของโลก
ด้านวรรณกรรม

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับสุนทรภู
1 เจากรมอาลักษณ ฝายพระราชวังบวรสถานมงคล กรมพระอาลักษณเปน
1. นิราศเรื่องแรกของสุนทรภูคือนิราศพระบาท
หนวยงานราชเลขานุการดานหนังสือของพระมหากษัตริยมาทุกยุคทุกสมัย สมัยนั้น
2. นิราศภูเขาทองเปนเรื่องที่สุนทรภูแตงในสมัยรัชกาลที่ 3
ยังไมมีการพิมพ ดังนั้น การคัดลอก การจารึกหรือบันทึกขอความตางๆ ตองใชวิธี
3. สุนทรภูไดรับการแตงตั้งเปนพระสุนทรโวหารในสมัยรัชกาลที่ 2
ชุบหมึกเขียน กรมพระอาลักษณเปนหนวยงานของผูที่รูหนังสือแตกฉาน มีลายมือ
4. สุนทรภูเขามาอยูในกรมพระราชวังหลัง เพราะมารดาเปนแมนมของ
สวยงามและเปนที่ไววางพระราชหฤทัย ฝายวังหนาหรือกรมพระราชวังบวรสถาน-
พระธิดา
มงคล ก็มงี านเกีย่ วกับหนังสือของตนเอง อันจําเปนตองมีคนทีไ่ ววางใจไดอกี กรมหนึง่
แยกจากกรมพระอาลักษณฝายวังหลวง สุนทรภู หรือพระสุนทรโวหาร (ภู) นั้นได วิเคราะหคําตอบ นิราศเรื่องแรกที่สุนทรภูแตง คือนิราศเมืองแกลง แตงขึ้น
สังกัดกรมพระอาลักษณ ฝายวังหนา ใน พ.ศ. 2349 เลาเรื่องเมื่อครั้งเดินทางไปหาบิดา ซึ่งขณะนั้นบวชอยูที่วัดปา
2 ในโอกาสครบรอบ 200 ปชาตกาล เปนวาระครบรอบปเกิดของสุนทรภู คือชวง ตําบลบานกรํ่า อําเภอแกลง จังหวัดระยอง เมื่อแตงนิราศเรื่องนี้สุนทรภูอายุ
เวลาตั้งแตวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2329 จนถึงวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2529 รวม ยางเขา 22 ป สวนนิราศพระบาทแตงขึ้นใน พ.ศ. 2350 หลังจากกลับจาก
เปนระยะเวลา 200 ป เมืองแกลง และตองตามเสด็จพระองคเจาปฐมวงศไปนมัสการรอย
พระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีในวันมาฆบูชา ตอบขอ 1.

4 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายประวัติของสุนทรภู
ส�าหรับผลงานของสุนทรภู่ เท่าที่มีหลักฐานปรากฏในปัจจุบัน มีอยู่ด้วยกัน ๒๓ เรื่อง ดังนี้ (แนวตอบ สุนทรภูเกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน
พ.ศ. 2329 ในรัชกาลที่ 1 มีความสามารถดาน
ประเภท เรื่อง การประพันธ ในรัชกาลที่ 2 ไดรับแตงตั้งเปน
ขุนสุนทรโวหาร จนมาลาสิกขาเปนเวลา 20 ป
๑. นิราศ มี ๙ เรื่อง นิราศเมืองแกลง นิราศพระบาท นิราศภูเขาทอง
ในรัชกาลที่ 3 และตอมาเมื่อเขารับราชการ
นิราศวัดเจ้าฟ้า นิราศอิเหนา โคลงนิราศสุพรรณ
ไดรับพระราชทานบรรดาศักดิ์เปนพระสุนทร
ร�าพันพิลาป นิราศพระประธม และนิราศเมืองเพชร
โวหาร ในรัชกาลที่ 4 กอนถึงแกกรรมใน พ.ศ.
๒. นิทาน มี ๕ เรื่อง นิทานค�ากลอนเรื่องโคบุตร พระอภัยมณี ลักษณวงศ์ 2398)
สิงหไกรภพ และกาพย์เรื่องพระไชยสุริยา 2. นักเรียนบอกผลงานที่สุนทรภูแตงเปนนิราศ
• นิราศของสุนทรภูมีทั้งหมดกี่เรื่อง อะไรบาง
๓. บทเห่กล่อม มี ๔ เรื่อง บทเห่เรื่องจับระบ�า กากี พระอภัยมณี และโคบุตร (แนวตอบ มี 9 เรื่อง ไดแก นิราศเมืองแกลง
นิราศพระบาท นิราศเมืองเพชร นิราศ
๔. บทเสภา มี ๒ เรื่อง บทเสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนก�าเนิดพลายงาม
1 ภูเขาทอง นิราศวัดเจาฟา นิราศอิเหนา
และเสภาพระราชพงศาวดาร
นิราศสุพรรณ รําพันพิราป และนิราศ
๕. วรรณกรรมค�าสอน มี ๒ เรื่อง สวัสดิรักษาและเพลงยาวถวายโอวาท พระประธม)
3. ครูสุมนักเรียน 5-6 คน บอกผลงานเรื่องอื่นๆ
๖. บทละคร มี ๑ เรื่อง อภัยนุราช ของสุนทรภูพรอมบอกลักษณะคําประพันธของ
เรื่องนั้น คนละ 2 เรื่อง
(แนวตอบ ตัวอยางเชน เรื่องพระอภัยมณี
บอกเล่าเก้าสิบ เปนนิทานคํากลอน เรื่องขุนชางขุนแผน
เปนกลอนเสภา เปนตน)
ภาพยนตร เรื่อง สุดสาคร
นิทานค�ากลอนเรื่อง พระอภัยมณี ได้มีการน�าไปดัดแปลงเป็น ขยายความเขาใจ Expand
ภาพยนตร์การ์ตนู แนวผจญภัยในชือ่ เรือ่ ง สุดสาคร ฝีมอื การก�ากับของ
ปยุต เงากระจ่าง นับเป็นภาพยนตร์การ์ตนู ขนาดยาวเรือ่ งแรกของไทย นักเรียนแตละกลุมยกบทประพันธจากนิราศ
ออกฉายครั้งแรกเมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน พ.ศ. ๒๕๒๒ มีความยาว ๘๒ เรื่องอื่นๆ ของสุนทรภูที่มีขอคิดประทับใจ
นาที ภาพยนตร์เรื่องนี้ด�าเนินเรื่องตั้งแต่ตอนก�าเนิดสุดสาครจนถึง มา 1 เรื่อง พรอมบอกเหตุผล จดบันทึกสงครู
การเดินทางตามหาพระอภัยมณี ภายหลังกรมวิชาการ กระทรวง
ศึกษาธิการได้น�าภาพในภาพยนตร์ไปจัดพิมพ์เป็นหนังสือส�าหรับให้
(แนวตอบ ตัวอยางเชน บทประพันธที่ยกมาจาก
เยาวชนอ่านในโรงเรียน นิราศเมืองแกลง
(ใบปดภาพยนตรการตูนเรื่อง สุดสาคร ผลงานของปยุต เงากระจาง) “กระแสชลวนเชี่ยวเรือเลี้ยวลด
ดูคอมคดขอบคุงคงคาไหล

แตสายชลเจียวยังวนเปนวงไป
นี่หรือใจที่จะตรงอยาสงกา”
จากบทประพันธที่ยกมาใหขอคิดเตือนวาอยา
กิจกรรมสรางเสริม ไวใจใครโดยไมไตรตรองใหดีเสียกอน)
นักเรียนควรรู
นักเรียนศึกษาผลงานของสุนทรภูเพิ่มเติม โดยนักเรียนเลือกหาขอมูล 1 เสภาพระราชพงศาวดาร พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัว
เกี่ยวกับผลงานของสุนทรภูเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่นักเรียนประทับใจ จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหสุนทรภูแตงขึ้นสําหรับขับถวายทรงฟงในเวลา
เขียนสรุปขอมูลเบื้องตนเกี่ยวกับเรื่องที่นักเรียนเลือกพรอมระบุเหตุผลที่ ทรงเครื่องใหญ และตอมาโปรดใหใชเปนบทสําหรับนางในขับสงมโหรีหลวง
เลือกผลงานเรื่องนั้น

มุม IT
กิจกรรมทาทาย ศึกษาเกี่ยวกับผลงานของสุนทรภูเพิ่มเติม ไดที่ http://knowledge.eduzones.
com/knowledge-2-4-27483.html
นักเรียนเลือกผลงานของสุนทรภูที่นักเรียนชื่นชอบมา 1 เรื่อง จากนั้น
นักเรียนพิจารณาผลงานเรื่องที่นักเรียนเลือกมาวา จัดเปนวรรณกรรม
ประเภทใด และใหนักเรียนยกบทประพันธที่เปนบทเอกของเรื่อง พรอม
ถอดความเปนรอยแกวโดยใชภาษาสละสลวย บันทึกลงสมุด

คูมือครู 5
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนเลือกบทประพันธในนิราศภูเขาทอง
มา 1 บท อธิบายสัมผัสในคําประพันธทั้งสัมผัส ๓ ลักษณะคÓประพันธ์
นอกและสัมผัสใน
(แนวตอบ ตัวอยางเชน นิราศภูเขาทองแต่งด้วยค�าประพันธ์ประเภทกลอนนิราศซึ่งมีลักษณะคล้ายกลอนสุภาพ
“ตลาดแกวแลวไมเห็นตลาดตั้ง แต่มีความแตกต่างกันตรงที่กลอนนิราศจะแต่งขึ้นต้นเรื่องด้ 1 วยกลอนวรรครับและจะแต่งต่อไปอีก
สองฟากฝงก็แตลวนสวนพฤกษา โดยไม่จ�ากัดจ�านวนบท แต่ต้องให้ค�าสุดท้ายซึ่งอยู่ในวรรคส่งจบลงด้วยค�าว่า “เอย”
โอรินรินกลิ่นดอกไมใกลคงคา แผนผังและตัวอย่าง กลอนนิราศ
เหมือนกลิ่นผาแพรดํารํ่ามะเกลือ”
จากบทประพันธมีสัมผัส ดังนี้ สัมผัสใน ไดแก  
  
  
  

แกว-แลว ต(ลาด)-ตั้ง, ลวน-สวน สอง-สวน
ฟาก-ฝง, ริน-กลิ่น ไม-ใกล ริน-ริน กลิ่น-ใกล,    
  
  
      
    
  
  

ดํา-รํ่า กลิ่น-เกลือ สัมผัสนอก ไดแก ตั้ง-ฝง    
  
  
  
    
  
  
  

(พฤก)ษา-(คง)คา-ผา)
2. นักเรียนตอบคําถามจากเรื่องยอนิราศภูเขาทอง    
  
  
  
    
  
  
  

• การเดินทางของสุนทรภู เริ่มจากที่ใดและ
ไปสิ้นสุดที่ใด เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระวสา
(แนวตอบ สุนทรภูเดินทางโดยเรือไปกับหนูพัด รับกฐินภิญโญโมทนา ชุลีลาลงเรือเหลืออาลัย
ซึ่งเปนบุตรชาย จากวัดราชบุรณราชวรวิหาร .............................. ................................
ไปนมัสการเจดียภูเขาทอง การเดินทาง จงทราบความตามจริงทุกสิ่งสิ้น อย่านึกนินทาแถลงแหนงไฉน
ขากลับสิ้นสุดที่วัดอรุณราชวรารามราช นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ จึงร�่าไรเรื่องร้างเล่นบ้างเอย
วรมหาวิหาร)

ขยายความเขาใจ Expand
๔ เรื่องย่อ
นักเรียนเลือกบทประพันธที่นักเรียนประทับใจ สุนทรภูเ่ ริม่ เรือ่ งด้วยการกล่าวถึงสาเหตุทตี่ อ้ งออกจากวัดราชบุรณราชวรวิหารและการเดินทาง
มาทองจําบทอาขยาน จํานวน 6-8 บท พรอมบอก โดยเรือพร้อมหนูพัดซึ่งเป็นบุตรชาย ล่องไปตามล�าน�้าเจ้าพระยาผ่านพระบรมมหาราชวัง จนมาถึง
เหตุผลในการเลือกบทประพันธนั้น วัดประโคนปัก ผ่านโรงเหล้า บางจาก บางพลู บางพลัด บางโพ บ้านญวน วัดเขมา ตลาดแก้ว ตลาดขวัญ
บางธรณี เกาะเกร็ด บางพูด บ้านใหม่ บางเดือ่ บางหลวง เชิงราก2สามโคก บ้านงิว้ เกาะใหญ่ราชคราม จนถึง
ตรวจสอบผล Evaluate กรุงเก่าเมื่อเวลาเย็น โดยจอดเรือพักที่ท่าน�้าวัดหน้าพระเมรุ ครั้นรุ่งเช้าจึงไปนมัสการเจดีย์ภูเขาทอง
1. นักเรียนอธิบายความเปนมาและลักษณะ ส่วนขากลับ สุนทรภู่กล่าวแต่เพียงว่า เมื่อถึงกรุงเทพฯ ได้จอดเทียบเรือที่ท่าน�้าหน้าวัดอรุณราช-
คําประพันธของวรรณกรรมประเภทนิราศได วราราม ราชวรมหาวิหาร
2. นักเรียนตอบคําถามจากการอานเรื่องยอได 6
3. นักเรียนบอกชื่อผลงานและยกตัวอยาง
บทประพันธนิราศเรื่องอื่นๆ ของสุนทรภูได

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ลักษณะนิราศตามความคิดของนักเรียนเปนอยางไร
1 วรรคสง หมายถึง วรรคสุดทายของบท กลอนสุภาพในแตละบทจะมี 4 วรรค
วรรคแรกเรียก วรรคสดับ วรรคที่สองเรียก วรรครับ วรรคที่สามเรียก วรรครอง แนวตอบ นิราศสวนใหญมักเปนการครํ่าครวญของกวีตอสตรีอันเปนที่รัก
และวรรคที่สี่เรียก วรรคสง เนื่องจากตองพลัดพรากจากนางมาไกล นางในนิราศอาจมีตัวตนหรือไมก็ได
2 วัดหนาพระเมรุ หรือวัดหนาพระเมรุ เดิมชือ่ วัดพระเมรุราชิการาม สันนิษฐานวา ลักษณะคําประพันธที่แตงเปนนิราศมีทั้งโคลง และตอมานิยมกลอนสุภาพ
สรางขึ้นในสมัยอยุธยาตอนตน วัดนี้มีความสําคัญทางประวัติศาสตร โดยเฉพาะนิราศของสุนทรภู แตในนิราศคํากลอนนั้น มีขอสังเกตวาจะไมมี
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเมื่อครั้งทําศึกกับพระเจาบุเรงนองไดมีการทําสัญญา บทสดุดี เมื่อเริ่มเรื่องก็จะเริ่มดวยการรําพันถึงการนิราศจากไป แลวบอกถึง
สงบศึก เมื่อ พ.ศ. 2106 และไดสรางพลับพลาที่ประทับขึ้นระหวางวัดหนาพระเมรุ สาเหตุของการจาก มีการกลาวอําลาสถานที่ที่เคยอยูบอกเวลาที่เดินทางไว
กับวัดหัสดาวาส

6 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนากับนักเรียนและชวนใหนักเรียน
๕ เนื้อเรื่อง สังเกตและพิจารณาการขึ้นตนของนิราศภูเขาทอง
รวมกันแลวตอบคําถาม
นิราศภูเขาทอง • บทขึ้นตนของนิราศภูเขาทองกลาวถึงอะไร
เดือนสิบเอ็ดเสร็จธุระพระวสา บาง
รับกฐินภิญโญโมทนา ชุลีลาลงเรือเหลืออาลัย (แนวตอบ บทขึ้นตนบอกวาเปนชวงทอดกฐิน
ออกจากวัดทัศนาดูอาวาส เมื่อตรุษสารทพระพรรษาได้อาศัย และกวีลาวัดที่เคยจําพรรษาอยู โดยเริ่มการ
สามฤดูอยู่ดีไม่มีภัย มาจ�าไกลอารามเมื่อยามเย็น เดินทางทางเรือในตอนเย็น บอกเหตุผลของ
โอ้อาวาสราชบุรณะพระวิหาร แต่นี้นานนับทิวาจะมาเห็น การเดินทางออกจากวัดราชบุรณราชวรวิหาร
เหลือร�าลึกนึกน่าน�้าตากระเด็น เพราะขุกเข็ญคนพาลมารานทาง วาเพราะมีคนพาลมาเบียดเบียน ทําใหอยูที่
จะยกหยิบธิบดีเป็นที่ตั้ง ก็ใช้ถังแทนสัดเห็นขัดขวาง วัดราชบุรณราชวรวิหารตอไปไมไดตองออก
จึ่งจ�าลาอาวาสนิราศร้าง มาอ้างว้างวิญญาณ์ในสาคร ฯ จากวัดเดินทางไปที่อื่น)
ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด คิดถึงบาทบพิตรอดิศร
โอ้ผ่านเกล้า1เจ้าประคุณของสุนทร แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น
พระนิพพานปานประหนึ่งศีรษะขาด ษะขาด ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็ญ
สํารวจคนหา Explore
ทั้งโรคซ�้ากรรมซัดวิบัติเป็น ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา 1. นักเรียนคนหาขอมูลและศึกษาการอานงาน
จึงสร้างพรตอตส่าห์ส่งส่วนบุญถวาย ประพฤติฝ่ายสมถะทั้งวสา เขียนประเภทรอยกรอง จากหนังสือเรียน
เป็นสิ่งของฉลองคุณมุลิกา ขอเป็นข้าเคียงบาททุกชาติไป ฯ หลักภาษาและการใชภาษา ม.1
ถึงหน้าแพแลเห็นเรือที่นั่ง คิดถึงครั้งก่อนมาน�้าตาไหล 2. นักเรียนแตละกลุม ชวยกันสืบหาขอมูลเกี่ยวกับ
เคยหมอบรับกับพระจมื่นไวย แล้วลงในเรือที่นั่งบัลลังก์ทอง สถานที่ตางๆ ที่ปรากฏในนิราศภูเขาทองจาก
เคยทรงแต่งแปลงบทพจนารถ เคยรับราชโองการอ่านฉลอง หนังสือ บทความตางๆ หรือเว็บไซตที่เกี่ยวของ
จนกฐินสิ้นแม่น�้าในล�าคลอง มิได้ข้องเคืองขัดหัทยา
เคยหมอบใกล้ได้กลิ่นสุคนธ์ตรลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา
สิ้นแผ่นดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ์ ฯ
อธิบายความรู Explain
ดูในวังยังเห็นหอพระอัฐิ ตั้งสติเติมถวายฝ่ายกุศล นักเรียนตอบคําถามจากบทประพันธตอไปนี้
ทั้งปิ่นเกล้าเจ้าพิภพจบสากล ให้ผ่องพ้นภัยส�าราญผ่านบุรินทร์ ฯ “ถึงวังหนาดังหนึ่งใจจะขาด
ถึงอารามนามวัดประโคนปัก ไม่เห็นหลักลือเล่าว่าเสาหิน คิดถึงบาทบพิตรอดิศร
เป็นส�าคัญปันแดนในแผ่นดิน มิรู้สิ้นสุดชื่อที่ลือชา โอผานเกลาเจาคุณของสุนทร
ขอเดชะพระพุทธคุณช่วย แม้นมอดม้วยกลับชาติวาสนา แตปางกอนเคยเฝาทุกเชาเย็น”
อายุยืนหมื่นเท่าเสาศิลา อยู่คู่ฟ้าดินได้ดังใจปอง
• “บาทบพิตรอดิศร” หมายถึงใคร
ไปพ้นวัดทัศนาริมท่าน�้า แพประจ�าจอดรายเขาขายของ
(แนวตอบ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา-
มีแพรผ้าสารพัดสีม่วงตอง ทั้งสิ่งของขาวเหลืองเครื่องส�าเภา ฯ
นภาลัย รัชกาลที่ 2 แหงกรุงรัตนโกสินทร)
7 • นักเรียนคิดวากวีรูสึกอยางไร
(แนวตอบ กวีออกเดินทางดวยความรูส กึ อาลัย
ทุกขใจ และรูสึกจําใจที่ตองจากที่ที่เคยอยู)

บูรณาการเชื่อมสาระ
จากเรื่องยอนิราศภูเขาทองแสดงใหเห็นถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนา เกร็ดแนะครู
อยางเดนชัด ซึ่งเนื้อเรื่องกลาวถึงการเดินทางของสุนทรภูเมื่อออกบวชแลว ครูแนะความรูใหนักเรียนเกี่ยวกับการใชภาพพจนอติพจนในนิราศภูเขาทอง คือ
และไดเดินทางไปนมัสการ พระเจดียภูเขาทอง โดยจะเห็นไดวาคนไทย การกลาวเกินจริงในแงอารมณความรูสึก เพื่อใหผูฟงผูอานเกิดอารมณคลอยตาม เชน
ในสมัยกอนมีความผูกพันกับศาสนาพุทธและศาสนสถานเปนอยางมาก “ขอเดชะพระพุทธคุณชวย แมนมอดมวยกลับชาติวาสนา
ครูบูรณาการความรูนี้เชื่อมโยงกับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา อายุยืนหมื่นเทาเสาศิลา อยูคูฟาดินไดดังใจปอง”
และวัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนา เพื่อศึกษาความแตกตางของการเปน
พุทธศาสนิกชนในอดีตกับปจจุบันที่พบวาในปจจุบันมีปจจัยหลายอยางที่
สงผลใหพุทธศาสนิกชนลดความสําคัญในการปฏิบัติตนตามวิถีที่เคยปฏิบัติ นักเรียนควรรู
มาตั้งแตเกากอน เราจึงควรนําสาระที่แทรกอยูในนิราศภูเขาทองมาประยุกต
ใชกับชีวิตประจําวัน โดยปฏิบัติหนาที่ของชาวพุทธยึดมั่นในคําสอน สิ่งเหลานี้ 1 พระนิพพาน ในพจนานุกรมใหความหมายวา ความดับสนิทแหงกิเลสและ
จะชวยใหเปนคนที่มีจิตใจออนโยน มีคุณธรรม และชวยใหมีสติมากขึ้น กองทุกข ตาย เปนคําที่ใชแกพระอรหันต แตในที่นี้สุนทรภูนําคําวา “นิพพาน”
มาใชกับการสวรรคตของรัชกาลที่ 2 ทั้งนี้แสดงใหเห็นความเชิดชูนับถือ

คูมือครู 7
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนแตละกลุมจับสลากแบงเนื้อเรื่องนิราศ
ภูเขาทอง ถึงโรงเหล้าเตากลั่นควันโขมง มีคันโพงผูกสายไว้ปลายเสา
2. นักเรียนแตละกลุมฝกอานบทประพันธตอนที่ โอ้บาปกรรมน�้านรกเจียวอกเรา ให้มัวเมาเหมือนหนึ่งบ้าเป็นน่าอาย
จับสลากได โดยอานเปนทํานองเสนาะ ท�าบุญบวชกรวดน�้าขอส�าเร็จ พระสรรเพชญโพธิญาณประมาณหมาย
3. แตละกลุมชวยกันถอดคําประพันธเปนรอยแกว ถึงสุราพารอดไม่วอดวาย ไม่ใกล้กรายแกล้งเมินก็เกินไป
4. ใหแตละกลุมสงตัวแทนอานบทประพันธตอนที่ ไม่เมาเหล้าแล้วแต่เรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน
จับสลากไดและนําเสนอการถอดคําประพันธ ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจ�าทุกค�่าคืน ฯ
หนาชั้นเรียน ถึงบางจากจากวัดพลัดพี่น้อง มามัวหมองม้วนหน้าไม่ฝ่าฝืน
5. นักเรียนทุกคนบันทึกการถอดคําประพันธของ เพราะรักใคร่ใจจืดไม่ยืดยืน จ�าต้องขืนใจพรากมาจากเมือง
ทุกกลุมลงสมุด ถึงบางพลูคิดถึงคู่เมื่ออยู่ครอง เคยใส่ซองส่งให้ล้วนใบเหลือง
6. นักเรียนทบทวนความรูในการเรียงลําดับ ถึงบางพลัดเหมือนพี่พลัดมาขัดเคือง ทั้งพลัดเมืองพลัดสมรมาร้อนรน
เหตุการณการเดินทางในนิราศภูเขาทอง โดยการ ถึงบางโพโอ้พระศรีมหาโพธิ ร่มนิโรธรุกขมูลให้พูนผล
ทํากิจกรรมตามตัวชี้วัด จากแบบวัดฯ ภาษาไทย ขอเดชะอานุภาพพระทศพล ให้ผ่องพ้นภัยพาลส�าราญกาย ฯ
ม.1 กิจกรรมที่ 1.1 ถึงบ้านญวนล้วนแต่โรงแลสะพรั่ง มีข้องขังกุ้งปลาไว้ค้าขาย
ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพร้อมเพรียงมาเมียงมอง
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ จะเหลียวกลับลับเขตประเทศสถาน ทรมานหม่นไหม้ฤทัยหมอง
ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.1 ถึงเขมาอารามอร่ามทอง พึ่งฉลองเลิกงานเมื่อวานซืน ฯ
เร�่อง นิราศภูเขาทอง
1
โอ้ปางหลังครั้งสมเด็จบรมโกศ
บรมโกศ มาผูกโบสถ์ก็ได้มาบูชาชื่น
กิจกรรมตามตัวชี้วัด
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
ชมพระพิมพ์ริมผนังยังยั่งยืน ทั้งแปดหมื่นสี่พันได้วันทา
กิจกรรมที่ ๑.๑ ใหนักเรียนเรียงลําดับเหตุการณการเดินทางของสุนทรภู õ
จากเรื่องนิราศภูเขาทอง โดยใสหมายเลขหนาขอความให โอ้ครั้งนี้มิได้เห็นเล่นฉลอง เพราะตัวต้องตกประดาษวาสนา
ถูกตอง (ท ๕.๑ ม.๑/๑)
เป็นบุญน้อยพลอยนึกโมทนา พอนาวาติดชลเข้าวนเวียน
๘ ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปนเกลา ดูน�้าวิ่งกลิ้งเชี่ยวเป็นเกลียวกลอก กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน
๔ มาถึงบางธรณีทวีโศก บ้างพลุ่งพลุ่งวุ้งวงเหมือนกงเกวียน ดูเวียนเวียนคว้างคว้างเป็นหว่างวน
๑๐ มาจอดทาหนาวัดพระเมรุขาม ทั้งหัวท้ายกรายแจวกระชากจ้วง ครรไลล่วงเลยทางมากลางหน
๒ ถึงอารามนามวัดประโคนปก
โอ้เรือพ้นวนมาในสาชล ใจยังวนหวังสวาทไม่คลาดคลา ฯ
ฉบับ
เฉลย ๖ ถึงบางพูดพูดดีเปนศรีศักดิ์ เริ่มตนที่วัดราชบูรณะราชวรวิหาร
ตลาดแก้วแล้วไม่เห็นตลาดตั้ง สองฟากฝั่งก็แต่ล้วนสวนพฤกษา
๓ ถึงบางจากจากวัดพลัดพี่นอง
โอ้รินรินกลิ่นดอกไม้ใกล้คงคา เหมือนกลิ่นผ้าแพรด�าร�่ามะเกลือ
๑ ถึงหนาวังดังหนึ่งใจจะขาด เห็นโศกใหญ่ใกล้น�้าระก�าแฝง ทั้งรักแซงแซมสวาทประหลาดเหลือ
๕ ถึงเกร็ดยานบานมอญแตกอนเกา เหมือนโศกพี่ที่ช�้าระก�าเจือ เพราะรักเรื้อแรมสวาทมาคลาดคลาย
๙ ถึงบานงิ้วเห็นแตงิ้วละลิ่วสูง ถึงแขวงนนท์ชลมารคตลาดขวัญ มีพ่วงแพแพรพรรณเขาค้าขาย
๗ ถึงบานใหมใจจิตก็คิดอาน ทั้งของสวนล้วนเรืออยู่เรียงราย พวกหญิงชายประชุมกันทุกวันคืน ฯ
จุดหมายคือ เจดียภูเขาทอง
8
๘๒

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดมีการเปรียบเทียบเหมือนคําประพันธที่ยกมานี้
ครูแนะนักเรียนเรื่องการเลนคําวา คําประพันธที่มีการเลนคํามีลักษณะเดน
เคยหมอบใกลไดกลิ่นสุคนธตรลบ ละอองอบรสรื่นชื่นนาสา
ทางวรรณศิลป คือ ทําใหคําประพันธมีภาษาไพเราะและมีความหมายลึกซึ้งกินใจ
สิ้นแผนดินสิ้นรสสุคนธา วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ
ชวยพัฒนาความคิดความรูทางภาษา กวีที่แสดงใหเห็นการเลนคํา ยอมหมายถึงวา
1. ลวนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไรรังเรอยูเอกา
กวีผูนั้นมีความสามารถในการใชภาษาไดดี
2. ถึงบานงิ้วเห็นแตงิ้วละลิ่วสูง ไมมีฝูงสัตวสิงกิ่งพฤกษา
3. ดูนํ้าวิ่งกลิ้งเชี่ยวเปนเกลียวกลอก กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน
นักเรียนควรรู 4. โอบุญนอยลอยลับครรไลไกล เสียนํ้าใจเจียนจะสิ้นดิ้นชีวิน
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธที่ยกมามีการใชคําเปรียบเทียบคําวา
1 สมเด็จบรมโกศ คํานี้แปลอยางขยายความคือ “สมเด็จพระเจาอยูหัวใน “เหมือน” จากความวา “วาสนาเราก็สิ้นเหมือนกลิ่นสุคนธ” คําประพันธที่มี
พระบรมโกศ” หมายถึง พระเจาแผนดินที่สวรรคตไปแลว (พระบรมศพยังอยูใน การเปรียบเทียบเหมือนกัน คือ “เหมือนนกไรรังเรอยูเอกา” ตอบขอ 1.
พระโกศ) นิราศภูเขาทองนี้สุนทรภูแตงไวในสมัยรัชกาลที่ 3 “สมเด็จบรมโกศ”
ในที่นี้จึงหมายถึง รัชกาลที่ 2 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลานภาลัย บางคน
อาจเขาใจผิดวาคํานี้หมายถึง พระเจาอยูหัวบรมโกศ กษัตริยในสมัยอยุธยา

8 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนบอกชื่อสถานที่ที่ปรากฏในนิราศ
มาถึงบางธรณีทวีโศก ยามวิโยคยากใจให้สะอื้น ภูเขาทองคนละ 1 ชื่อ ไมซํ้ากัน พรอมทั้ง
โอ้สุธาหนาแน่นเป็นแผ่นพื้น ถึงสี่หมื่นสองแสนทั้งแดนไตร อธิบายลักษณะของสถานที่ดังกลาว ครูเรียกชื่อ
เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้ ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย ใหนักเรียนบอกทีละคน อาจเรียงตามเลขที่หรือ
ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกา ฯ ตามแถวที่นั่ง
ถึงเกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา 2. นักเรียนรวบรวมและจดบันทึกชื่อสถานที่ตางๆ
เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา ทั้งผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย ที่เพื่อนๆ บอกลงสมุด
โอ้สามัญผันแปรไม่แท้เที่ยง เหมือนอย่างเยี่ยงชายหญิงทิ้งวิสัย (แนวตอบ สถานที่ที่ปรากฏในนิราศภูเขาทอง
นี่หรือจิตคิดหมายมีหลายใจ ที่จิตใครจะเป็นหนึ่งอย่าพึงคิด ฯ ไดแก วัดราชบุรณราชวรวิหาร พระบรม-
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต มหาราชวัง วัดประโคนปก บางจาก บางพลู
แม้นพูดชั่วตัวตายท�าลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา ฯ บางโพ บานญวน วัดเขมา ตลาดแกว บางพูด
ถึงบ้านใหม่ใจจิตก็คิดอ่าน จะหาบ้านใหม่มาดเหมือนปรารถนา ตลาดขวัญ บางธรณี บานใหม บางเดื่อ
ขอให้สมคะเนเถิดเทวา จะได้ผาสุกสวัสดิ์ก�าจัดภัย บางหลวง สามโคก บานงิ้ว วัดหนาพระเมรุ
ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้ และเจดียภูเขาทอง)
เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา
ถึงบางหลวงเชิงรากเหมือนจากรัก สู้เสียศักดิ์สังวาสพระศาสนา
เป็นล่วงพ้นรนราคราคา ถึงนางฟ้าจะมาให้ไม่ไยดี ฯ
ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่นเกล้า พระพุทธเจ้าหลวงบ�ารุงซึ่งกรุงศรี
ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว
โอ้พระคุณสูญลับไม่กลับหลัง แต่ชื่อตั้งก็ยังอยู่เขารู้ทั่ว
แต่เรานี้ที่สุนทรประทานตัว ไม่รอดชั่วเช่นสามโคกยิ่งโศกใจ
สิ้นแผ่นดินสิ้นนามตามเสด็จ ต้องเที่ยวเตร็ดเตร่หาที่อาศัย
แม้นก�าเนิดเกิดชาติใดใด ขอให้ได้เป็นข้าฝ่าธุลี
สิ้นแผ่นดินขอให้สิ้นชีวิตบ้าง อย่ารู้ร้างบงกชบทศรี
เหลืออาลัยใจตรมระทมทวี ทุกวันนี้ก็ซังตายทรงกายมา ฯ
ถึงบ้านงิ้วเห็นแต่งิ้วละลิ่วสูง ไม่มีฝูงสัตว์สิงกิ่งพฤกษา
ด้วยหนามดกรกดาษระดะตา นึกก็น่ากลัวหนามขามขามใจ
งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวากแซมเสี้ยมแทรกแตกไสว
ใครท�าชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพอง
เราเกิดมาอายุเพียงนี้แล้ว ยังคลาดแคล้วครองตัวไม่มัวหมอง
ทุกวันนี้วิปริตผิดท�านอง เจียนจะต้องปีนบ้างหรืออย่างไร ฯ

ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับความหมายของสํานวนในคําประพันธ เกร็ดแนะครู
ถึงบางเดื่อโอมะเดื่อเหลือประหลาด บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส ครูเพิ่มเติมความรูที่เปนขอมูลทางประวัติศาสตรของชุมชนเรื่องชื่อบานนามเมือง
เหมือนคนพาลหวานนอกยอมขมใน อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา ที่เปลี่ยนไป สุนทรภูไดบันทึกไววา
คําประพันธนี้ตรงกับสํานวนใด “ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปนเกลา พระพุทธเจาหลวงบํารุงซึ่งกรุงศรี
1. ปากหวานกนเปรี้ยว ประทานนามสามโคกเปนเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว”
2. ปากปราศรัย นํ้าใจเชือดคอ
3. ขางนอกสุกใส ขางในเปนโพรง
4. มือถือสาก ปากถือศีล มุม IT
วิเคราะหคําตอบ สํานวนแตละขอเปนสํานวนเกี่ยวกับการพูด ขอ 1. และ
ขอ 2. มีความหมายคลายกันวา พูดจาดี ออนหวาน แตใจคิดราย สํานวน ศึกษาเกี่ยวกับความเปนมาของสามโศกจากนิราศภูเขาทองเพิ่มเติม ไดที่
ขอ 3. มีความหมายสองทาง ทางหนึ่งหมายถึงสิ่งที่แลดูภายนอกเปนของดี http://nararapee.blogspot.com/2009/06/blog-post_4906.html
หรือของแท แตแทจริงกลับไมใช อีกทางหนึ่งเปรียบไดกับสตรีที่งามแตรูป
แตกิริยาและความประพฤติไมงาม สํานวนขอ 4. หมายถึง คนที่แสรงใหผูอื่น
เขาใจวาตนเองเปนอยางหนึ่ง แตในความเปนจริงเปนอีกอยางหนึ่งซึ่งไมได
เจาะจงวาเปนอยางไร จึงตอบขอ 3.
คูมือครู 9
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนพิจารณาและอธิบายการเลนเสียงสัมผัส
ในนิราศภูเขาทอง ซึ่งเปนลักษณะเดนของกลอน โอ้คิดมาสารพัดจะตัดขาด ตัดสวาทตัดรักมิยักไหว
สุนทรภู โดยยกบทประพันธประกอบการอธิบาย ถวิลหวังนั่งนึกอนาถใจ ถึงเกาะใหญ่ราชครามพอยามเย็น
(แนวตอบ บทประพันธมีการเลนเสียงสัมผัสใน ดูห่างย่านบ้านช่องทั้งสองฝั่ง ระวังทั้งสัตว์น�้าจะท�าเข็ญ
อยางไพเราะ เดนทั้งสัมผัสพยัญชนะและสัมผัสสระ เป็นที่อยู่ผู้ร้ายไม่วายเว้น เที่ยวซ่อนเร้นตีเรือเหลือระอา ฯ
เสียงสัมผัสคลองจองกัน อีกทั้งมีการเลียนเสียง พระสุริยงลงลับพยับฝน ดูมัวมนมืดมิดทุกทิศา
ธรรมชาติ ทําใหจินตภาพจากบทประพันธไดชัดขึ้น ถึงทางลัดตัดทางมากลางนา ทั้งแฝกคาแขมกกขึ้นรกเรี้ยว
ดังบทประพันธ เป็นเงาง�้าน�้าเจิ่งดูเวิ้งว้าง ทั้งกว้างขวางขวัญหายไม่วายเหลียว
“ทั้งกบเขียดเกรียดกรีดจังหรีดเรื่อย เห็นดุ่มดุ่มหนุ่มสาวเสียงกราวเกรียว ล้วนเรือเพรียวพร้อมหน้าพวกปลาเลย
พระพายเฉื่อยฉิวฉิววะหวิวหวาม เขาถ่อคล่องว่องไวไปเป็นยืด เรือเราฝืดเฝือมานิจจาเอ๋ย
วังเวงจิตคิดคะนึงรําพึงความ ต้องถ่อค�้าร�่าไปล้วนไม่เคย ประเดี๋ยวเสยสวบตรงเข้าพงรก
ถึงเมื่อยามยังอุดมโสมนัส”) กลับถอยหลังรั้งรอเฝ้าถ่อถอน เรือขย้อนโยกโยนกระโถนหก
• นักเรียนคิดวา กวีเลาเรื่องราวการเดินทาง เงียบสงัดสัตว์ป่าคณานก น�้าค้างตกพร่างพรายพระพายพัด
ดวยอารมณความรูสึกอยางไร ไม่เห็นคลองต้องค้างอยู่กลางทุ่ง พอหยุดยุงฉู่ชุมมารุมกัด
(แนวตอบ กวีมีความรูสึกเศราใจ และหวน เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกายเหมือนทรายซัด ต้องนั่งปัดแปะไปมิได้นอน ฯ
อาลัยถึงความหลังเมื่อครั้งยังมีความสุข) แสนวิตกอกเอ๋ยมาอ้างว้าง ในทุ่งกว้างเห็นแต่แขมแซมสลอน
จนดึกดาวพราวพร่างกลางอัมพร กระเรียนร่อนร้องก้องเมื่อสองยาม
ทั้งกบเขียดเกรียดกรีดจังหรีดเรื่อย พระพายเฉื่อยฉิวฉิววะหวิวหวาม
วังเวงจิตคิดคะนึงร�าพึงความ ถึงเมื่อยามยังอุดมโสมนัส
ส�ารวลกับเพื่อนรักสะพรักพร้อม อยู่แวดล้อมหลายคนปรนนิบัติ
โอ้ยามเข็ญเห็นอยู่แต่หนูพัด ช่วยนั่งปัดยุงให้ไม่ไกลกาย
จนเดือนเด่นเห็นเหล่ากระจับจอก ระดะดอกบัวเผื่อนเมื่อเดือนหงาย
เห็นร่องน�้าล�าคลองทั้งสองฝ่าย ข้างหน้าท้ายถ่อมาในสาคร
จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเห็นพันธุ์ผัก ดูน่ารักบรรจงส่งเกสร
เหล่าบัวเผื่อนแลสล้างริมทางจร ก้ามกุ้งซ้อนเสียดสาหร่ายใต้คงคา
สายติ่งแกมแซมสลับต้นตับเต่า เป็นเหล่าเหล่าแลรายทั้งซ้ายขวา
กระจับจอกดอกบัวบานผกา ดาษดาดูขาวดังดาวพราย
โอ้เช่นนี้สีกาได้มาเห็น จะลงเล่นกลางทุ่งเหมือนมุ่งหมาย
ที่มีเรือน้อยน้อยจะลอยพาย เที่ยวถอนสายบัวผันสันตะวา
ถึงตัวเราเล่าถ้ามีโยมหญิง ไหนจะนิ่งดูดายอายบุปผา
คงจะใช้ให้ศิษย์ที่ติดมา อุตส่าห์หาเอาไปฝากตามยากจน
10

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดใชภาพพจน
ครูแนะความรูทางวรรณศิลปเรื่องการเลนคํา โดยยกตัวอยางจากนิราศภูเขาทอง
1. จะแวะหาถาทานเหมือนเมื่อเปนไวย ก็จะไดรับนิมนตขึ้นบนจวน
ใหนักเรียนฟงวา การเลนคํา คือ การใชถอยคําคําเดียวในความหมายตางกันเพื่อให
2. อายุยืนหมื่นเทาเสาศิลา อยูคูฟาดินไดดังใจปอง
การพรรณนาไพเราะนาอาน และมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้น เชน คําวา โศก ระกํา รัก
3. โอเชนนี้สีกาไดมาเห็น จะลงเลนกลางทุงเหมือนมุงหมาย
สวาท ดังวา
4. จนดึกดาวพราวพรางกลางอัมพร กระเรียนรอนรองกองเมื่อสองยาม
“เห็นโศกใหญใกลนํ้าระกําแฝง ทั้งรักแซงแซมสวาทประหลาดเหลือ
เหมือนโศกพี่ที่ระกําก็ซํ้าเจือ เพราะรักเรื้อแรมสวาทมาคลาดคลาย” วิเคราะหคําตอบ จากคําประพันธขอที่มีการใชการภาพพจน เปนการใช
ในบาทแรกเปนชื่อของตนไม และคําที่กลาวในบาทตอมาเปนคําที่ใชแสดง ภาพพจนอติพจน คือ “อายุยืนหมื่นเทาเสาศิลา อยูคูฟาดินไดดังใจปอง”
อารมณความรูสึกของกวี มีการใชคําวา “เทา” เปรียบอายุยืนยาวนานเทากับเสาหินที่มั่นคงแมผานกาล
เวลามานาน ขออื่นมีคําที่ใชคลายการเปรียบ โดยใชคําวา “เหมือน” แตทั้งนี้
ไมแสดงใหเห็นการเปรียบเทียบกับสิ่งที่กลาวถึง ดังนั้นจึงตอบขอ 2.
มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับเนื้อเรื่องจากการถอดคําประพันธนิราศภูเขาทองเพิ่มเติม ไดที่
http://guru.sanook.com/pedia/topic/นิราศภูเขาทอง/
10 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. จากบทประพันธในหนา 11 นี้ กวีถกู โจรเขามา
นี่จนใจไม่มีเท่าขี้เล็บ ขี้เกียจเก็บเลยทางมากลางหน ขโมยของในเรือ ใหนักเรียนเลาเหตุการณ
พอรอนรอนอ่อนแสงพระสุริยน ถึงต�าบลกรุงเก่ายิ่งเศร้าใจ ฯ ดังกลาว พรอมยกบทประพันธใหตรงกับ
มาทางท่าหน้าจวนจอมผู้รั้ง คิดถึงครั้งก่อนมาน�้าตาไหล เหตุการณ
จะแวะหาถ้าท่านเหมือนเมื่อเป็นไวย ก็จะได้รับนิมนต์ขึ้นบนจวน (แนวตอบ เมื่อกวีเดินทางมาถึงวัดหนาพระเมรุ
แต่ยามยากหากว่าถ้าท่านแปลก อกมิแตกเสียหรือเราเขาจะสรวล มีการแสดงรองเลนกันสนุกสนาน ครัน้ พอตกดึก
เหมือนเข็ญใจใฝ่สูงไม่สมควร จะต้องม้วนหน้ากลับอัประมาณ ฯ เวลาประมาณตีสาม มีโจรเขามาขโมยขาวของ
มาจอดท่าหน้าวัดพระเมรุข้าม ริมอารามเรือเรียงเคียงขนาน ในเรือ แตเรือเอียงเกิดเสียงดังทําใหโจรดํานํ้า
บ้างขึ้นล่องร้องร�าเล่นส�าราญ ทั้งเพลงการเกี้ยวแก้กันแซ่เซ็ง หนีไปได และเมื่อตรวจดูก็ไมพบวามีขาวของ
บ้างฉลองผ้าป่าเสภาขับ ระนาดรับรัวคล้ายกับนายเส็ง หาย ดังบทประพันธ
มีโคมรายแลอร่ามเหมื 1 อนสามเพ็ง เมื่อคราวเคร่งก็มิใคร่จะได้ดู “ไดฟงเลนตางตางที่ขางวัด
ไอ้ล�าหนึ่งครึ่งท่อนกลอนมันมาก มาก ช่างยาวลากเลื้อยเจื้อยจนเหนื่อยหู ดึกสงัดเงียบหลับลงกับหมอน
ไม่จบบทลดเลี้ยวเหมือนเงี้ยวงู จนลูกคู่ขอทุเลาว่าหาวนอน ฯ ประมาณสามยามคลํ้าในอัมพร
ได้ฟังเล่นต่างต่างที่ข้างวัด ดึกสงัดเงียบหลับลงกับหมอน อายโจรจรจูจวงเขาลวงเรือ
ประมาณสามยามคล�้าในอัมพร อ้ายโจรจรจู่จ้วงเข้าล้วงเรือ นาวาเอียงเสียงกุกลุกขึ้นรอง
นาวาเอียงเสียงกุกลุกขึ้นร้อง มันด�าล่องน�้าไปช่างไวเหลือ มันดําลองนํ้าไปชางไวเหลือ
ไม่เห็นหน้าสานุศิษย์ที่ชิดเชื้อ เหมือนเนื้อเบื้อบ้าเลอะดูเซอะซะ ไมเห็นหนาสานุศิษยที่ชิดเชื้อ
แต่หนูพัดจัดแจงจุดเทียนส่อง ไม่เสียของขาวเหลืองเครื่องอัฏฐะ เหมือนเนื้อเบื้อบาเลอะดูเซอะซะ
ด้วยเดชะตบะบุญกับคุณพระ ชัยชนะมารได้ดังใจปอง ฯ แตหนูพัดจัดแจงจุดเทียนสอง
ครั้นรุ่งเช้าเข้าเป็นวันอุโบสถ เจริญรสธรรมาบูชาฉลอง ไมเสียของขาวเหลืองเครื่องอัฏฐะ
ไปเจดีย์ที่ชื่อภูเขาทอง ดูสูงล่องลอยฟ้านภาลัย ดวยเดชะตบะบุญกับคุณพระ
อยู่กลางทุ่งรุ่งโรจน์สันโดษเด่น เป็นที่เล่นนาวาคงคาใส ชัยชนะมารไดดังใจปอง”)
ที่พื้นลานฐานบัทม์ถัดบันได คงคาไหลล้อมรอบเป็นขอบคัน 2. หลังจากนักเรียนอานเนือ้ เรือ่ งจบแลวใหนกั เรียน
มีเจดีย์วิหารเป็นลานวัด ในจังหวัดวงแขวงก�าแพงกั้น รวมกันอภิปรายตอบคําถามตอไปนี้
ที่องค์ก่อย่อเหลี่ยมสลับกัน เป็นสามชั้นเชิงชานตระหง่านงาม • กวีแตงนิราศภูเขาทองโดยมีวัตถุประสงคใด
บันไดมีสี่ด้านส�าราญรื่น ต่างชมชื่นชวนกันขึ้นชั้นสาม (แนวตอบ แตงไวเปนขอคิดเตือนใจวาไมมี
ประทักษิณจินตนาพยายาม ได้เสร็จสามรอบค�านับอภิวันท์
อะไรแนนอน)
มีห้องถ�้าส�าหรับจุดเทียนถวาย ด้วยพระพายพัดเวียนดูเหียนหัน
เป็นลมทักษิณาวรรตน่าอัศจรรย์ แต่ทุกวันนี้ชราหนักหนานัก
ทั้งองค์ฐานรานร้าวถึงเก้าแฉก เผยอแยกยอดทรุดก็หลุดหัก
โอ้เจดีย์ที่สร้างยังร้างรัก เสียดายนักนึกน่าน�้าตากระเด็น

11

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
...โอเจดียที่สรางยังรางรัก เสียดายนักนึกนานํ้าตากระเด็น
ครูอธิบายบทประพันธในหนา 11 เพิ่มเติมวา สุนทรภูและหนูพัดลูกชายตองเผชิญ
กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ จะมิหมดลวงหนาทันตาเห็น...
กับเหตุการณถูกโจรเขามาขโมยของในเรือ ครูทบทวนความเขาใจของนักเรียนเกี่ยวกับ
คําประพันธขางตนสะทอนความเชื่อเรื่องใดของคนในสังคม
การเดินทางที่มีความยากลําบาก ซึ่งเปนที่มาของบทประพันธที่สุนทรภูพรรณนาการ
แนวตอบ จากคําประพันธขางตนสะทอนความเชื่อเรื่องความไมแนนอนของ เดินทางดวยความทุกขระทมมากยิ่งขึ้น
ชีวิต โดยเปรียบเจดียที่เคยเปนที่เคารพศรัทธาของผูคน แตเมื่อเวลาลวงเลย
ผานไปก็ถูกปลอยใหเการางทรุดโทรม เทียบกับชื่อเสียงเกียรติยศของคนวา
ไมมีความแนนอน นักเรียนควรรู
1 ครึ่งทอน เปนชื่อของเพลงพื้นเมืองโบราณ มักเลนกันในฤดูนํ้าหลาก
เหมือนเลนสักวาหรือเพลงเรือ ในการเลนจะมีพอเพลงรอง 1 คน และมีลูกคู
9-10 คน เปนผูรองรับ เครื่องดนตรีที่ใชในการเลนเพลงนี้ คือ กรับพวง และที่เรียก
เพลงครึ่งทอน เพราะเวลารองไมไดรองเต็มตามจํานวนบท ลดหรือตัดบางทอน
บางตอนลงได

คูมือครู 11
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ใหนักเรียนเขียนแผนที่แสดงการเดินทางตาม
รอยสุนทรภูไปยังเจดียภูเขาทอง กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น
(แนวตอบ เป็นผู้ดีมีมากแล้วยากเย็น คิดก็เป็นอนิจจังเสียทั้งนั้น ฯ
• เจดียภูเขาทอง (อยุธยา) ขอเดชะพระเจดีย์คิรีมาศ บรรจุธาตุที่ตั้งนรังสรรค์
วัดหนาพระเมรุ ข้าอุตส่าห์มาเคารพอภิวันท์ เป็นอนันต์อานิสงส์ด�ารงกาย
บานงิ้ว จะเกิดชาติใดใดในมนุษย์ ให้บริสุทธิ์สมจิตที่คิดหมาย
สามโศก ทั้งทุกข์โศกโรคภั
บางหลวง 1 ยอย่าใกล้กราย แสนสบายบริบูรณ์ประยูรวงศ์
ทั้งโลโภโทโสและโมหะ
โลโภโทโสและโมหะ ให้ชนะใจได้อย่าใหลหลง
บางเดื่อ ขอฟุ้งเฟื่องเรืองวิชาปัญญายง ทั้งให้ทรงศีลขันธ์ในสันดาน
บานใหม อีกสองสิ่งหญิงร้ายและชายชั่ว อย่าเมามัวหมายรักสมัครสมาน
บางพูด ขอสมหวังตั้งประโยชน์โพธิญาณ ตราบนิพพานชาติหน้าให้ถาวร ฯ
บางธรณี พอกราบพระปะดอกปทุมชาติ พบพระธาตุสถิตในเกสร
ตลาดขวัญ สมถวิลยินดีชุลีกร ประคองช้อนเชิญองค์ลงนาวา
ตลาดแกว กับหนูพัดมัสการส�าเร็จแล้ว ใส่ขวดแก้ววางไว้ใกล้เกศา
วัดเขมา มานอนกรุงรุ่งขึ้นจะบูชา ไม่ปะตาตันอกยิ่งตกใจ
บานญวน แสนเสียดายหมายจะชมบรมธาตุ ใจจะขาดคิดมาน�้าตาไหล
บางโพ โอ้บุญน้อยลอยลับครรไลไกล เสียน�้าใจเจียนจะดิ้นสิ้นชีวัน
บางพลู สุดจะอยู่ดูอื่นไม่ฝืนโศก ก�าเริบโรคร้อนฤทัยเฝ้าใฝ่ฝัน
บางจาก พอตรู่ตรู่สุริย์ฉายขึ้นพรายพรรณ ให้ล่องวันหนึ่งมาถึงธานี ฯ
วัดประโคนปก ประทับท่าหน้าอรุณอารามหลวง ค่อยสร่างทรวงทรงศีลพระชินสีห์
พระบรมมหาราชวัง นิราศเรื่องเมืองเก่าของเรานี้ ไว้เป็นที่โสมนัสทัศนา
• วัดราชบุรณราชวรวิหาร) ด้วยได้ไปเคารพพระพุทธรูป ทั้งสถูปบรมธาตุพระศาสนา
เป็นนิสัยไว้เหมือนเตือนศรัทธา ตามภาษาไม่สบายพอคลายใจ
ตรวจสอบผล Evaluate ใช่จะมีที่รักสมัครมาด แรมนิราศร้างมิตรพิสมัย
1. นักเรียนถอดคําประพันธที่กําหนดได ซึ่งครวญคร�่าท�าทีพิรี้พิไร ตามวิสัยกาพย์กลอนแต่ก่อนมา
2. นักเรียนเขียนแผนที่การเดินทางตามรอยนิราศ เหมือนแม่ครัวคั่วแกงพะแนงผัด สารพัดเพียญชนังเครื่องมังสา
ภูเขาทองได อันพริกไทยใบผักชีเหมือนสีกา ต้องโรยหน้าเสียสักหน่อยอร่อยใจ ฯ
3. นักเรียนทองจําบทอาขยานจากบทประพันธ จงทราบความตามจริงทุกสิ่งสิ้น อย่านึกนินทาแถลงแหนงไฉน
ที่เลือกได นักเลงกลอนนอนเปล่าก็เศร้าใจ จึงร�่าไรเรื่องร้างเล่นบ้างเอย ฯ

12

บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู จากบทประพันธนิราศภูเขาทองมีเนื้อความที่แสดงใหเห็นสถานที่และ
1 โลโภโทโส คําสองคํานี้ คือ คําวา “โลภะ” และ “โทสะ” ตามปกตินั่นเอง ทั้งนี้ ทําเลที่ตั้งที่สามารถนําไปบูรณาการเชื่อมกับกลุมสาระสังคมศึกษา ศาสนา
เพราะหากใชวา “ทั้งโลภะโทสะและโมหะ” แลว จะมีสัมผัสสระดวยเสียง “อะ” และวัฒนธรรม วิชาภูมิศาสตร ครูบูรณาการเขากับการเรียนนิราศภูเขาทอง
ซึ่งเปนคําตายซํ้ากันมากเกินควร ทําใหกลอนเสียความไพเราะไป จึงตองแปลงคํา ที่กลาวถึงลักษณะภูมิประเทศ โดยการศึกษาเสนทางคมนาคมทางนํ้าในสมัย
สองคํานี้ตามระเบียบวิธีของภาษาบาลีเพื่อใหกลอนมีความไพเราะยิ่งขึ้น แตก็ยัง กอน เพื่อใหนักเรียนมีความเขาใจในความไมสะดวกของการเดินทางไปยัง
คงมีความหมายเชนเดิม ไมสงผลใหเกิดปญหาดานความเขาใจหรือการตีความ สถานที่ตางๆกอนจะถึงจุดหมาย และเกี่ยวกับลักษณะทั่วไปทางภูมิศาสตร
แตประการใด จะเห็นไดวาลักษณะการตั้งบานเรือนของคนไทยสมัยรัตนโกสินทร มักตั้งอยู
ริมนํ้า โดยสังเกตจากชื่อสถานที่มักมีคําวา “บาง” จึงแสดงใหเห็นวาสภาพ
ภูมิประเทศสมัยนั้นนาจะเปนพื้นที่ที่มีแมนํ้าหรือแหลงนํ้าอยูมาก
มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับการเดินทางตามรอยนิราศภูเขาทองของสุนทรภูจากวิดีโอจําลอง
การเดินทางเพิ่มเติม ไดที่ http://www.youtube.com/watch?v=QiXVMQFAepQ

12 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูกระตุนความสนใจนักเรียนดวยคําถาม
ö คÓศัพท์ “อะไรเอย” โดยใหนักเรียนหาคําตอบจากคําศัพท
ในบทเรียน ตัวอยางเชน
ค�าศัพท ความหมาย • อะไรเอยใชขังปลา
(แนวตอบ ของ)
ก้ามกุ้ง ชื่อพันธุ์ไม้พุ่มชนิดหนึ่ง มีล�าต้นตรง กิ่งมีสี่เหลี่ยมและมีหนามแหลมเล็ก ออกดอก
เป็นกระจุกสีชมพูหรือแดงอมเหลือง ปลูกเป็นไม้ประดับ
• อะไรเอยใชมุงหลังคา
(แนวตอบ แฝก คา)
ขวาก ไม้หรือเหล็กมีปลายแหลม ส�าหรับปักหรือโปรยเพื่อดักหรือให้ต�า ผู้ผ่านเข้าไป • อะไรเอยใชยอมผาใหเปนสีดํา
ข้อง เครื่องจักสานส�าหรับใส่ปลา ปู (แนวตอบ ผลมะเกลือ)
คันโพง เครื่องวิดน�้า มีคันถือยาว
สํารวจคนหา Explore
ครึ่งท่อน ชื่อเพลงพื้นบ้านชนิดหนึ่ง
คิรีมาศ ภูเขาทอง (คิรี หมายถึง ภูเขา, ใหนักเรียนคนหาและรวบรวมคําไวพจนจาก
มาศ หมายถึง ทอง) ข้อง เนื้อเรื่องนิราศภูเขาทอง ดังนี้
• แมนํ้า
เครื่องอัฏฐะ หมายถึง เครื่องอัฐบริขาร เป็นเครื่องใช้สอยส�าหรับภิกษุมี ๘ อย่าง คือ สบง
จีวร สังฆาฏิ ประคดเอว บาตร มีดโกนหรือมีดตัดเล็บ เข็ม และกระบอกหรือ • ฟา
หม้อกรองน�้า • ดวงอาทิตย
(แนวตอบ เชน แมนํ้า ไดแก คําวา คงคา
จวน ทีอ่ ยูอ่ าศัยของเจ้าเมือง หรือบ้านทีท่ างราชการจัดให้เป็นทีอ่ ยูข่ องผูว้ า่ ราชการจังหวัด
เรียกว่า จวนผูว้ า่ ราชการจังหวัด ชลธาร)
จับเขม่า วิธีแต่งผมของผู้หญิงสมัยโบราณ โดยการน�าเขม่าผสมน�้ามันตานีทาไรผมให้ด�า
อธิบายความรู Explain
ทักษิณาวรรต การเวียนขวา (เวียนไปทางขวาตามเข็มนาฬกา)
นักเรียนยกบทประพันธที่มีคําศัพทเปน
ฐานบัทม หรือ ฐานปัทม เป็นองค์ประกอบส�าคัญทาง
โครงสร้างของเจดีย์ท�าหน้าที่รับน�้าหนักหรือ
คําไวพจน หมายถึง “แมนํ้า” และอธิบายวาทําไม
ใช้เสริมองค์เจดีย์ให้ดูสูงขึ้น เหตุที่เรียกว่า กวีจึงเลือกคํานี้
ฐานปัทม์ เนื่องจากฐานชนิดนี้มักก่อเป็น (แนวตอบ ตัวอยางเชน คําวา “คงคา”
รู ป บั ว หงาย (๑) และบั ว คว�่ า (๒) (ปั ท ม์ “ตลาดแกวแลวไมเห็นตลาดตั้ง
แปลว่า ดอกบัว) ฐานบัทม สองฟากฝงก็แตลวนสวนพฤกษา
โอรินรินกลิ่นดอกไมใตคงคา
เหมือนกลิ่นผาแพรดํารํ่ามะเกลือ”
จากบทประพันธที่กวีเลือกคําวา “คงคา”
เพื่อใหสัมผัสกับคําวา “พฤกษา” และ “ผา”
13 ซึ่งเปนสัมผัสบังคับของคําประพันธประเภท
กลอนสุภาพ)

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
การรูคําไวพจนเปนพื้นฐานในการอานวรรณคดีไทย เพราะคําไวพจน ครูเพิ่มเติมความรูนักเรียนเกี่ยวกับคําไวพจนวาเปนคําตางๆ ที่มีความหมาย
เปนคําที่พบมากในวรรณคดีไทย ใหนักเรียนหาความหมายและบอกความ เหมือนกัน และแนะใหนักเรียนเห็นวาการรูคําไวพจนชวยในการอานงานรอยกรอง
สําคัญของคําไวพจนในวรรณคดีไทย พรอมยกตัวอยางคําประพันธประกอบ ใหเขาใจไดดียิ่งขึ้น เห็นการเลือกสรรคําหลากหลายมาใชในบทประพันธใหเกิด
ความไพเราะในเรื่องของรสคําไมเสียสัมผัสในการอาน อีกทั้งไมเสียเนื้อเรื่อง ความ
ที่กวีตองการสื่อยังคงอยูเหมือนเดิม
กิจกรรมทาทาย
มุม IT
นักเรียนรวมรวบคําไวพจนจํานวน 5 คํา และยกตัวอยางประกอบ
อยางนอย 3 คํา เชน คําวา “ฟา” ไดแก นภา อัมพร คัคนานต เปนตน ศึกษาเกี่ยวกับคําไวพจนที่มักปรากฏในวรรณคดีไทยเพิ่มเติม ไดที่
http://www.sahavicha.com/?name=blog&file=readblog&id=2658

คูมือครู 13
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนเรียนรูคําซอนในวรรณคดีไทย โดยหา
คําศัพทที่เปนคําซอนในนิราศภูเขาทอง พรอม ค�าศัพท ความหมาย
บอกความหมาย
ตกประดาษ สิ้นวาสนา ตกต�่า
(แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย ครูให
นักเรียนบอกเลขหนาที่ปรากฏคําศัพทนั้น เชน ตรุษ ค�าว่า ตรุษ เป็นภาษาทมิฬ แปลว่า การสิ้นปี ซึ่งตรุษไทยก�าหนดตามจันทรคติ
ตัวอยางคําซอนในบทประพันธ หนา 8 ตรงกับวันแรม ๑๕ ค�่า เดือน ๔
• ทั้งพลัดเมืองพลัดสมรมารอนรน ประทักษิณ การเดินเวียนตามเข็มนาฬกา โดยให้สิ่งที่เรานับถือหรือผู้ที่เรานับถืออยู่ทางขวา
• พวกหญิงชายพรอมเพรียงมาเมียงมอง ของผู้เวียน
• ทรมานหมนไหมฤทัยหมอง ผูกโบสถ ผูกพัทธสีมา คือ การก�าหนดเขตโบสถ์ โดยมีหลักหินหรือใบเสมาเป็นเครื่องหมาย
• กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน เปนตน) ผ้าแพรด�าร�่ามะเกลือ ผ้าแพรที่ย้อมด้วยผลของมะเกลือ ซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ผลดิบใช้ย้อมผ้าให้
2. นักเรียนพิจารณาคําซอนที่นักเรียนเลือกมาจาก เป็นสีด�า แล้วน�าไปอบร�่าให้มีกลิ่นหอม
บทประพันธในเรื่องนิราศภูเขาทองวาเปนคํา
ซอนเพื่อเสียงหรือคําซอนเพื่อความหมาย แฝกคาแขมกก เป็นชื่อพืชน�้า ๔ ชนิด คือ
แฝก - หญ้าชนิดหนึ่ง ขึ้นเป็นกอ ใบใช้มุงหลังคา รากใช้ท�ายา
(แนวตอบ จากตัวอยางคําซอนในคําประพันธ
คา - หญ้าชนิดหนึ่ง ใบใช้มุงหลังคา เหง้าใช้ท�ายา
ขางตนเปนคําซอนเพื่อเสียง สวนคําวา 1
แขม - ไม้ลม้ ลุก มักขึน้ ตามชายน�า้ ชายป่า และชายเขาทีม่ สี ภาพชุม่ ชืน้
“หมนไหม” เปนคําซอนเพื่อความหมาย)
กก - ไม้ล้มลุก เกิดในที่ชุ่มแฉะ มีหลายชนิด ชนิดที่มีล�าต้นกลมใช้สานเสื่อ
3. นักเรียนตอบคําถามตอไปนี้
• การเลือกใชคําซอนสงผลตอบทประพันธ
อยางไร
(แนวตอบ การเลือกใชคําซอนเปนการเลือก
คําโดยคํานึงถึงเสียงของคํา ทําใหเห็นราย
ละเอียดของสิ่งที่กวีกลาวถึง สรางความมีชีวิต
ใหแกถอยคําที่เลือกอยางพิถีพิถัน สงผลให แฝก แขม
บทประพันธมีความไพเราะมีจังหวะเสนาะหู
กระตุนใหเห็นภาพที่กวีบรรยาย)

คา กก

1๔

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
คําประพันธในขอใดมีความหมายเหมือนคําที่ขีดเสนใต
ครูใหนักเรียนทําตารางแยกหมวดหมูคําศัพท เพื่อใหงายตอการจดจําและนํา
“พระสุริยงลงลับพยับฝน”
ไปใช โดยเกณฑในการแยกอาจแยกตามชนิดของคํา หรือแยกตามความหมาย
1. แตนี้นานนับทิวาจะมาเห็น
ที่บอกถึงคุณประโยชนตางๆ ของสิ่งๆ นั้นที่มีเหมือนกัน
2. มาอางวางวิญญาณในสาคร
3. จนดึกดาวพราวพรางกลางอัมพร
4. จนแจมแจงแสงตะวันเห็นพันธุผัก
นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ “พระสุริยง” หมายความวา พระอาทิตย คําที่ขีดเสนใต
1 แขม เปนไมลมลุกจําพวกหญา สกุลเดียวกับออ มักขึ้นเปนกอขนาดใหญตามที่ ในคําประพันธขอ 1. “ทิวา” มีความหมายวา วัน ขอ 2. “สาคร” มีความหมาย
ลุมตํ่า มีนํ้าทวมขัง ลําตนสูงประมาณ 3 เมตร เปนปลองคลายตนออย ขางในกลวง วา แมนํ้า ขอ 3. “อัมพร” มีความหมายวา ทองฟา และขอ 4. ตะวันมี
ใบยาวปลายเรียว ขอบใบหยาบ เสนกลางใบสีขาว ผิวกาบเรียบเกลี้ยง เสนใบเปนเยื่อ ความหมายวาพระอาทิตย ตอบขอ 4.
ตื้นๆ ขอบเปนขนแข็งเกลี้ยงคลายเสนไหม ชอดอกยอย (spike) มีขนยาว สีขาว
เปนมันปกคลุม ตนแขมเปนพืชที่ชอบนํ้าสะอาด ในอดีตตามริมคลองภาษีเจริญใน
เขตหนองแขมจะมีตนแขมขึ้นอยูทั่วไป ปจจุบันเหลืออยูนอยเนื่องจากสภาวะนํ้าเสีย

14 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนเลือกคําศัพทจากบทเรียนที่ใชใน
ค�าศัพท ความหมาย ปจจุบัน 5 คํา แลวพิจารณาความหมายวา
ความหมายของคําศัพทที่เลือกมานั้นมีความหมาย
พระวสา วันออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค�่า เดือน ๑๑
เหมือนกับที่ใชหรือสื่อความในปจจุบันหรือไม
โพงพาง เครือ่ งมือดักปลาชนิดหนึง่ เป็นถุงตาข่ายรูปยาวรี ใช้ผกู กับเสาใหญ่ ๒ ต้น อยางไร
ที่ปักขวางล�าน�้า ส�าหรับจับปลา กุ้งทุกชนิด (แนวตอบ คําที่ยังปรากฏใชในปจจุบัน
1
เพียญชนัง มาจากค�าว่า พยัญชนะ หมายถึง กับข้าวประเภทนึ่ง ต้ม เป็นต้น เชนคําวา กามกุง จวน มะเกลือ สถูป สารท
ผู้รั้ง หมายถึง ต�าแหน่งผู้รักษาการหัวเมืองต่างๆ ในสมัยโบราณ เปนตน คําที่เลือกมายังมีความหมายเหมือนเดิม)
2
มุลิกา มหาดเล็กหรือผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา
ขยายความเขาใจ Expand
มะเกลือ ชื่อไม้ต้นขนาดใหญ่ แก่นด�า ผลดิบ
ใช้ย้อมผ้าให้เป็นสีด�าและใช้ท�ายาได้ นักเรียนเลือกคําศัพทที่นักเรียนสนใจคนละ
วสา มาจากค�าว่า วัสสะ แปลว่า ฤดูฝน
5 คํา และนําแตละคํามาแตงประโยคความเดียว
เสร็จธุระพระวสา สุนทรภู่หมายถึง คําละ 1 ประโยค
ออกพรรษา ผลมะเกลือ (แนวตอบ ตัวอยางเชน คําวา กามกุง จวน
มะเกลือ สถูป สารท แตงประโยคความเดียวได
ไวย ในข้อความ“จะแวะหาถ้าทานเหมือนเมื่อเปนไวย” หมายถึง พระจมื่นไวย
วรนาถ (เผือก) ซึ่งเป็นเพื่อนของสุนทรภู่ ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์
ดังนี้
เป็นพระยาไชยวิชิต เจ้าเมืองกรุงเก่า
• บานครูจันทรเพ็ญปลูกตนกามกุง
• ถนนเสนนี้ผานจวนผูวา
เรือเพรียว เรือขุดรูปคล้ายเรือแข่ง แต่ขนาดเล็กกว่า หัวยาวท้ายสัน้ เป็นเรือทีข่ นุ นางหรือ
• คนสมัยกอนใชมะเกลือยอมผา
ผู้มีฐานะดีนิยมใช้กันในสมัยโบราณ
• วันหยุดนี้เราจะไปไหวพระสถูปเจดีย
สถูป สิง่ ก่อสร้างส�าหรับบรรจุของควรบูชา มีกระดูกของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ • ยายทําบุญสารทเปนประจําทุกป)
เป็นต้น บางทีใช้เข้าคูก่ บั ค�าว่า เจดีย์ เป็นสถูปเจดีย์
สัด ชื่อมาตราตวงโบราณ รูปทรงกระบอก
ใช้ตวงข้าว
สารท เทศกาลท�าบุญในวันสิ้นเดือน ๑๐
สันตะวา ชื่อไม้น�้าชนิดหนึ่ง ใบอ่อน และยอดอ่อน
กินได้ สันตะวา

เหียนหัน เปลี่ยนท่าทาง พลิกแพลง

1๕

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
“ถึงทางลัดตัดทางมากลางนา ทั้งแฝกคาแขมกกขึ้นรกเรี้ยว”
1 เพียญชนัง คํานี้คําเดิมในภาษาบาลีสันสกฤตเปน “พฺยญชนํ” แปลวากับขาว
จากบทประพันธขางตนปรากฏชื่อพืชกี่ชนิด
ของแหงที่มิใชแกง คําเดิม “พ” กับ “ย” จะควบกลํ้ากันเปน “พฺย” ออกเสียงคลาย
1. 2 ชนิด
“เพียะ” และเมื่อมีตัว “ญ” สะกด จึงออกเสียงคลาย “เพียญชนัง” อยางมาก หากไม
2. 3 ชนิด
ใชคํานี้ในคําประพันธ แตใชเปน “พยัญชนัง” ที่อานเปน พะ-ยัน-ชะ-นัง ก็จะมีเสียง
3. 4 ชนิด
หลายพยางคเกินควร และคนไทยก็ไมถนัดที่จะออกเสียง “พย” ควบกัน
4. 5 ชนิด
2 มุลิกา คํานี้เปนคําตัดใหเสียงสั้นลง ในพจนานุกรมมีคําวา “มูลิกากร” แปลวา
วิเคราะหคําตอบ พิจารณาจากวรรคในคําประพันธที่กลาววา “ทั้งแฝกคา ขาทูลละอองธุลีพระบาท และคําเต็มคือ “บาทมูลิกากร” สุนทรภูตัดใหเหลือเพียง
แขมกกขึ้นรกเรี้ยว” คําที่เปนชื่อพืช ไดแก แฝก คา แขม และ กก ซึ่งเปนพืช “มูลิกา” ลดเสียงสระใหสั้นลงจาก อู เปน อุ กลายเปนมุลิกา
ที่มักเกิดในที่ชุมชื้น รวมทั้งหมด 4 ชนิด ตอบขอ 3.

คูมือครู 15
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. นักเรียนตอบประเด็นคําถามตอไปนี้ลงสมุด
• นอกจากเจดียภูเขาทองแลว นักเรียนรูจัก ºÍ¡àÅ‹Òà¡ŒÒÊÔº
เจดียที่มีชื่อเสียงอะไรอีกบาง
(แนวตอบ ตัวอยางเชน พระปฐมเจดีย เปน เจดียภูเขาทอง
เจดียองคใหญ ตั้งอยูในตําบลพระปฐมเจดีย เจดียภูเขาทองเปนโบราณสถานเกาแก ตั้งอยูกลางทุง-
อําเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม หาง ภูเขาทอง นอกเกาะเมืองจังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกไปทาง
จากกรุงเทพฯ ประมาณ 60 กิโลเมตร นับวา ทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ ๒ กิโลเมตร เปนเจดียยอมุม
ไมสิบสองบนฐานสี่เหลี่ยมขนาดใหญ ๔ ชั้น กวาง ๘๐ เมตร
เปนปูชนียสถานที่เกาแกที่สุดแหงหนึ่งในไทย ความสูงจากพื้นถึงยอด ๖๔ เมตร
สันนิษฐานวา สรางขึ้นในสมัยพระเจาอโศก- สั น นิ ษ ฐานว า เจดี ย  ภู เ ขาทองสร า งขึ้ น ในสมั ย กรุ ง -
มหาราช เมื่อครั้งทรงสงสมณทูตมาเผยแผ ศรีอยุธยา ในรัชกาลสมเด็จพระราเมศวร เมือ่ ประมาณ พ.ศ. ๑๙๓๐
พระศาสนา) แตไมปรากฏหลักฐานวามีชื่อเดิมอยางไร ตอมาใน พ.ศ. ๒๑๑๒
ซึ่งตรงกับรัชกาลสมเด็จพระมหินทราธิราช พระเจาบุเรงนอง
2. นักเรียนแลกเปลี่ยนความรูและประสบการณ แหงกรุงหงสาวดี ยกกองทัพเขามาตีกรุงศรีอยุธยาไดสําเร็จ
โดยครูขออาสาสมัคร 3-4 คน ตอบคําถาม จึงโปรดใหสรางเจดียองคใหญในแบบมอญขึ้นไวเปนอนุสรณ
หนาชั้นเรียนรวมกัน แหงชัยชนะ แลวใหเรียกชื่อวา เจดียภูเขาทอง
ครัน้ ถึงรัชกาลสมเด็จพระเจาอยูห วั บรมโกศใน พ.ศ.
๒๒๘๗ เจดียภูเขาทองพังทลายลง พระองคจึงโปรดเกลาฯ
ตรวจสอบผล Evaluate ใหปฏิสังขรณและเปลี่ยนรูปแบบองคเจดียใหมใหเปน
1. นักเรียนยกบทประพันธที่มีลักษณะเดนทาง ทรงยอมุมไมสิบสอง สวนฐานเจดียยังคงเปนรูปทรง
แบบมอญ
วรรณศิลปในการใชคําไวพจนและคําซอนได หลังจากนั้นยังไมพบหลักฐาน
2. นักเรียนแตงประโยคความเดียวจากคําศัพทใน ว า มี พ ระมหากษั ต ริ ย  พ ระองค ใ ดใน
บทเรียนได ส มั ย ก รุ ง ศ รี อ ยุ ธ ย า ไ ด  โ ป ร ด ใ ห 
ปฏิ สั ง ขรณ เ จดี ย  แ ห ง นี้ จนเมื่ อ
ต น กรุ ง รั ต นโกสิ น ทร ใ น พ.ศ.
๒๓๗๓ สุ น ทรภู  ไ ด เ ดิ น ทาง
มานมั ส การ พร อ มทั้ ง
แตงนิราศภูเขาทองไวใน
ครั้งนั้น

๑๖

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูแนะใหนักเรียนหาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษาวรรณคดีวา เมื่ออาน นักเรียนศึกษาคนหาวรรณคดีและวรรณกรรมไทยเรื่องอื่นที่เนื้อเรื่อง
วรรณคดีแลวนักเรียนควรพิจารณาคุณคาของวรรณคดีดานตางๆ เชน คุณคาทาง กลาวถึงสถานที่สําคัญทางประวัติศาสตรของไทย พรอมระบุชื่อเรื่อง
อารมณ คุณคาทางสติปญญา คุณคาทางศีลธรรม คุณคาทางวัฒนธรรม คุณคาทาง ประวัติความเปนมาของสถานที่ที่กลาวถึง และบอกความสําคัญของสถานที่
ประวัติศาสตร เปนตน แหงนั้น จัดทําเปนใบงานสงครู

มุม IT กิจกรรมทาทาย
ศึกษาเกี่ยวกับความสําคัญของเจดียภูเขาทองที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เพิ่มเติม ไดที่ http://ayutthayastudies.aru.ac.th/content/view/211/56/
นักเรียนวิเคราะหบทประพันธที่กลาวถึงสถานที่สําคัญทางประวัติศาสตร
วามีการสอดแทรกขอคิดคติธรรมคําสอนหรือไม และวิเคราะหวรรณศิลป
การใชสํานวนภาษา หรือโวหารตางๆ จัดทําเปนใบงานสงครู

16 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนากับนักเรียนเกี่ยวกับนิราศภูเขาทอง
๗ บทวิเคราะห์ วาเปนนิราศที่มีความดีเดนทั้งในดานเนื้อหาและ
วรรณศิลป จากนั้นครูใหนักเรียนตอบคําถาม
นิราศภูเขาทอง เป็นนิราศเรื่องที่สั้นที่สุดของสุนทรภู่ โดยมีความยาวเพียง ๘๙ ค�ากลอน • นักเรียนไดประโยชนอะไรบางจากการศึกษา
แต่มีความดีเด่นทั้งในด้านเนื้อหาและวรรณศิลป์ จนได้รับการยกย่องว่าเป็นนิราศที่มีความไพเราะ นิราศภูเขาทอง
มากที่สุดในจ�านวนนิราศทั้ง ๙ เรื่องของสุนทรภู่ ดังจะเห็นได้จากคุณค่าในด้านต่างๆ ดังนี้ • นักเรียนคิดวาจะนําขอคิดจากนิราศ
๗.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา ภูเขาทองไปใชในชีวิตจริงอยางไร
เนื้อหาดังที่ปรากฏในนิราศภูเขาทอง แสดงให้เห็นถึงความรอบรู้และความช่างสังเกต
ของสุนทรภู่ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสุนทรภู่ได้บันทึกเรื่องราวและเหตุการณ์ต่างๆ ที่ตนได้พบเห็น สํารวจคนหา Explore
ตลอดเส้นทาง ตั้งแต่ออกจากวัดราชบุรณราชวรวิหารจนถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท�าให้นิราศ
เรื่องนี้มีคุณค่าในด้านเนื้อหา ควรค่าแก่การศึกษา ดังตัวอย่างต่อไปนี้ 1. นักเรียนรวบรวมความรูจากนิราศภูเขาทอง
๑) สะท้อนวิถีชีวิตและวัฒนธรรม นิราศภูเขาทองมีเนื้อหาที่แสดงให้เห็นถึง (แนวตอบ สะทอนสภาพบานเมืองและสังคม
สภาพบ้านเมือง สังคม วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนโดยเฉพาะริมฝั่งแม่น�้าเจ้าพระยาในช่วงสมัย ในสมัยนั้น)
รัตนโกสินทร์ตอนต้นได้เป็นอย่างดี อาทิ 2. นักเรียนจับคูแลวหาขอคิดที่ไดจากเรื่อง นํามา
๑.๑) การติดต่อค้าขาย สุนทรภู่มักถ่ายทอดสภาพสังคมสองฝั่งแม่น�้าเจ้าพระยา บันทึกลงสมุด
ไว้ในบทประพันธ์เรื่องต่างๆ ที่ตนเองแต่งอยู่เสมอ เช่นเดียวกับในนิราศภูเขาทองที่สุนทรภู่ได้บรรยาย (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย ตัวอยาง
สภาพบ้านเมืองและวิถีชีวิตของผู้ คน ตลอดจนบรรยากาศของสถานที่ อาทิ ภาพการค้ าขายที่ เชน การคบคนอยาดูแตภายนอก เปนตน)
ด�าเนินไปอย่างคึกคัก มีการน�าสินค้าหลากหลายประเภทที่บรรทุกมากับเรือส�าเภามาวางขายในแพ 3. ใหแตละคูศึกษาลักษณะเดนของกลอนสุนทรภู
ที่จอดเรียงรายอยู่ตามริมน�้า (แนวตอบ สุนทรภูเปนกวีที่แตงคําประพันธได
ไพเราะ กลอนมีความโดดเดนดวยสัมผัสใน
ไปพ้นวัดทัศนาริมท่าน�้า แพประจ�าจอดรายเขาขายของ ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร)
มีแพรผ้าสารพัดสีม่วงตอง ทั้งสิ่งของขาวเหลืองเครื่องส�าเภา
อธิบายความรู Explain
1
นอกจากนีี้ สุนทรภู่ยังกล่าวถึง “ตลาดขวัญ” โดยบรรยายไว้ว่าเมื่อเดินทางผ่าน นักเรียนอธิบายสภาพบานเมืองในสมัยกอน
ตลาดขวัญก็เห็นภาพการค้าขาย หรือการจับจ่ายสินค้าหลากหลายชนิด ทั้งเสื้อผ้า และพืชผลต่างๆ พรอมยกบทประพันธประกอบ
อยู ่ บ นเรื อ มากมายหลายล� า และตลาดแห่ ง นี้ ยั ง เป็ น สถานที่ ที่ ใช้ ส� า หรั บ พบปะพู ด คุ ย กั น ของ (แนวตอบ นิราศภูเขาทองสะทอนใหเห็นวิถีชีวิต
ชาวบ้านอีกด้วย ของคนไทยที่ผูกพันกับแมนํ้ามาตั้งแตสมัยกอน
เปนเสนทางคมนาคม การติดตอขายคา มี
ถึงแขวงนนท์ชลมารคตลาดขวัญ มีพ่วงแพแพรพรรณเขาค้าขาย ตลาดที่สําคัญๆ และมีการตั้งบานเรือนชุมชน
ทั้งของสวนล้วนเรืออยู่เรียงราย พวกหญิงชายประชุมกันทุกวันคืน ตามริมนํ้า ดังบทประพันธ
“ไปพนวัดทัศนาริมทานํ้า
17 แพประจําจอดรายเขาขายของ
มีแพรผาสารพัดสีมวงตอง
ทั้งสิ่งของขาวเหลืองเครื่องสําเภา”)

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
เมื่อถึงภูเขาทองสุนทรภูไดกลาวคําอธิษฐานหลายขอยกเวนขอใด
ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลงานของสุนทรภูวา เปนวรรณกรรม
1. ขอใหมีความสุขสบายพรอมดวยหมูญาติทั้งหลาย
สําหรับประชาชนโดยแท กวีมิไดมุงแตในเชิงรักอยางเดียว แตไดแทรกคติธรรม
2. อยาใหมีโลภะ โทสะ และโมหะใดๆ
โดยการอุปมาอุปไมยตํานานของทองถิ่น ความเชื่อเรื่องเวรกรรม และยังไดพรรณนา
3. อยาใหมีความทุกขและโรคภัย
สถานที่ที่เดินทางผานทั้งธรรมชาติและวิถีชีวิตที่หลากหลายของผูคนในแตละชุมชน
4. ขอใหมีชื่อเสียงขจรไปไกล
วิเคราะหคําตอบ คําอธิษฐานของสุนทรภูกลาววา
“จะเกิดชาติใดใดในมนุษย ใหบริสุทธิ์สมจิตที่คิดหมาย นักเรียนควรรู
ทั้งทุกขโศกโรคภัยอยาใกลกราย แสนสบายบริบูรณประยูรวงศ
ทั้งโลโภโทโสแลโมหะ ใหชนะใจไดอยาใหลหลง 1 ตลาดขวัญ เปนตําบลหนึ่งที่อยูในเขตเทศบาลนครนนทบุรี เปนชุมชนเกาแก
ขอฟุงเฟองเรืองวิชาปญญายง ทั้งใหทรงศีลขันธในสันดาน” ที่มีมาตั้งแตสมัยอยุธยา ไดยกฐานะเปนเมืองนนทบุรีใน พ.ศ. 2092 เพื่อประโยชน
ขอที่สุนทรภูไมไดขอ คือ ขอใหมีชื่อเสียงขจรไปไกล ตอบขอ 4. ตอการเกณฑไพรพลหากเกิดสงคราม รวมทั้งใหเปนเมืองทาและเมืองหนาดาน
ทางทิศใตของกรุงศรีอยุธยา

คูมือครู 17
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนนําขอคิดที่ไดจากศึกษาคนควาในนิราศ
ภูเขาทองมานําเสนอ ๑.๒) ชุมชนชาวต่างชาติ การตั้งบ้านเรือนของชาวต่างชาติมีมานานแล้ว จน
(แนวตอบ ขอคิดที่ไดจากนิราศภูเขาทอง ชาวต่างชาติส่วนใหญ่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยและได้ซึมซับขนบธรรมเนียม ประเพณีและ
มีหลายขอ เชน คติความเชื่อต่างๆ เข้าไปผสมผสานกับวัฒนธรรมและวิถีการด�าเนินชีวิตที่ติดตัวมาแต่เดิม ดังตอนที่
• ขอคิดเรื่องการพูด ดังวา สุนทรภู่กล่าวถึงหญิงสาวชาวมอญ ซึ่งอาศัยอยู่ในย่านปากเกร็ด (เขตจังหวัดนนทบุรี) ในสมัยนั้น
“ถึงบางพูดพูดดีเปนศรีศักดิ์ นิยมแต่งหน้าและแต่งผมตามอย่างหญิงสาวชาวไทย เช่น การผัดหน้า ถอนไรจุก คือ ถอนผมรอบๆ ผมจุก
มีคนรักรสถอยอรอยจิต” ให้เป็นแนวเล็กๆ จนเป็นวงกลมรอบผมจุกและจับเขม่า ซึ่งเป็นวิธีการแต่งผมเพื่อให้ผมมีสีด�าเป็นมัน
• ขอคิดเรื่องโลกนี้ไมมีอะไรเที่ยงแทแนนอน โดยใช้เขม่าผสมกับน�้ามันหอม
ดังวา
“โอสามัญผันแปรไมแทเที่ยง ถึงเกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา
เหมือนอยางเยี่ยงชายหญิงทิ้งวิสัย” เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา ทั้งผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย
• ขอคิดเรื่องการคบคน ดังวา
นอกจากนี
1 ้สุนทรภู่ยังได้กล่าวถึงการประกอบอาชีพของชาวต่างชาติในช่วงที่สุนทรภู่
“ถึงบางเดื่อโอมะเดื่อเหลือประหลาด
เดินทางผ่าน บ้านญวน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าชาวญวนในสมัยนั้นเลี้ยงชีพด้วยการท�าประมง
บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส
เหมือนคนพาลหวานนอกยอมขมใน ถึงบ้านญวนล้วนแต่โรงแลสะพรั่ง มีข้องขังกุ้งปลาไว้ค้าขาย
อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา”) ตรงหน้าโรงโพงพางเขาวางราย พวกหญิงชายพร้อมเพรียงมาเมียงมอง
• นักเรียนอธิบายวาขอคิดในบทรอยกรอง
ขางตนมีประโยชนอยางไร ๑.๓) การละเล่นและงานมหรสพ สุนทรภูไ่ ด้กล่าวถึงการละเล่นและงานมหรสพ
(แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย พื้นบ้าน ซึ่งเป็นที่นิยมกันในสมัยนั้นและจัดขึ้นในช่วงเทศกาลส�าคัญประจ�าปี อาทิ งานฉลองผ้าป่า
ครูกระตุนใหนักเรียนแสดงความคิดเห็น ที่วัดพระเมรุ มีการประดับประดาโคมไฟ แลดูสว่างไสวไปทั่วบริเวณงาน และยังมีการขับเสภา
ตัวอยางเชน เรื่องการใชคําพูด ถาพูดดีมีคน และร้องเพลงเรือเกี้ยวกันระหว่างหนุ่มสาวชาวบ้าน
รักใคร แตถาพูดไมดีก็จะไมเปนที่ชื่นชม
มาจอดท่าหน้าวัดพระเมรุข้าม ริมอารามเรือเรียงเคียงขนาน
ดังนั้น การจะเปนคนที่นานิยมชมชอบ
บ้างขึ้นล่องร้องร�าเล่นส�าราญ ทั้งเพลงการเกี้ยวแก้กันแซ่เซ็ง
หรือไมนั้น อยูที่คําพูดจา)
บ้างฉลองผ้าป่าเสภาขับ ระนาดรับรัวคล้ายกับนายเส็ง
มีโคมรายแลอร่ามเหมือนสามเพ็ง เมื่อคราวเคร่งก็มิใคร่จะได้ดู
๒) ต� า นานสถานที่ เนื่ อ งจากเนื้ อ หาของนิ ร าศส่ ว นใหญ่ ได้ แ ก่ การพรรณนา
การเดินทาง ดังนั้น เมื่อกวีล่องเรือผ่านสถานที่ใด ก็มักจะกล่าวถึงสถานที่นั้น เช่นเดียวกับสุนทรภู่
เมื่อเดินทางผ่านสถานที่ อาทิ วัดประโคนปัก สุนทรภู่ได้บอกเล่าเรื่องราวอันเป็นที่มาของชื่อวัดแห่งนี้
ไว้ว่าเหตุที่วัดมีชื่อว่าประโคนปัก เนื่องจากมีการเล่าสืบต่อกันมาว่าบริเวณนี้เป็นที่ปักเสาประโคน
เพื่อปันเขตแดน
18

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดใชอวัจนภาษา
1 บานญวน หรือชุมชนบานญวนสามเสน เกิดขึ้นเพราะพระบาทสมเด็จพระ-
1. นาวาเอียงเสียงกุกลุกขึ้นรอง มันดําลองนํ้าไปชางไวเหลือ
นั่งเกลาเจาอยูหัวโปรดเกลาฯ ใหชาวญวนที่ติดตามกองทัพไทยเขามา เมื่อครั้งที่
2. ตลิ่งเบื้องบูรพาศาลาลาน เรือขนานจอดโจษกันจอแจ
เจาพระยาบดินทรเดชา (สิงห สิงหเสนี) ยกกองทัพไปทําสงครามขับไลญวนออกจาก
3. ถึงวัดแจงแสงจันทรจํารัสเรือง แลชําเลืองเหลียวหลังหลั่งนํ้าตา
เขมรเปนครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2376 โดยทรงพระกรุณาโปรดเกลาฯ ใหไปตั้งบานเรือน
4. พี่เรงเตือนเพื่อนชายพายสะโพก ถึงสามโคกตองแดดยิ่งแผดเผา
อยูบริเวณวัดสมเกลี้ยงเหนือบานเขมร บริเวณที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟา-
จุฬาโลกมหาราช พระองคทรงใชเงินสวนพระองคซื้อที่ดินสวนแปลงใหญใกลเคียงกัน วิเคราะหคําตอบ ขอที่มีการใชวัจนภาษา ไดแก ขอ 1. มีคําวา โจษ ขอ 2.
พระราชทานใหเปนที่อยูอาศัย ดานการอาชีพ อาชีพหลักคือการเขารับราชการทหาร มีคําวา รอง และขอ 4. มีคําวา เตือน สวนขอที่มีการใชอวัจนภาษา คือ
สังกัดกอง “ญวนสวามิภักดิ์” รองมาคือทํานา ทําการประมง รับจางตอเรือ ปลูกบาน ขอที่มีการแสดงกิริยาอาการเพื่อสื่ออารมณความรูสึก โดยไมใชถอยคํา ดังวา
และชางไม อาชีพรับจางตอเรือเปนอาชีพสําคัญของหมูบานแหงนี้ เพราะมีโรงตอเรือ “ถึงวัดแจงแสงจันทรจํารัสเรือง แลชําเลืองเหลียวหลังหลั่งนํ้าตา”
ถึง 8 แหง ลวนมีชื่อเสียงและฝมือดีทั้งสิ้น สื่อความวา กําลังโศกเศรา คิดถึง และอาลัยอาวรณ ตอบขอ 3.

18 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับความเชื่อของ
บอกเล่าเก้าสิบ คนในสังคมไทยจากนิราศภูเขาทอง
(แนวตอบ ความเชื่อของคนไทยที่พบในนิราศ
วัดประโคนปัก ภูเขาทองมีความเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธศาสนา
วัดประโคนปักหรือวัดเสาประโคน เป็นวัดที่มีมาแต่เมื่อครั้ง เรื่องนรก สวรรค ดังบทประพันธ “ดวยเดชะตบะ
อยุธยา ตั้งอยู่ริมแม่น�้าเจ้าพระยาใกล้ปากคลองบางกอกน้อย บุญกับคุณพระ ชัยชนะมารไดดังใจปอง” เมื่อมี
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงศรีสนุ ทรเทพ พระเจ้าลูกเธอ โจรเขามาขโมยของในเรือแตขาวของไมถูกขโมย
ในรัชกาลที่ ๑ ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ทงั้ วัด ต่อมากรมพระราชวัง-
บวรมหาเสนานุรกั ษ์ทรงปฏิสงั ขรณ์ และพระราชทานนามใหม่ว่า
กวีก็ขอบคุณพระที่ปกปองคุมครองใหแคลวคลาด
วัดดุสิดาราม โดยโปรดให้รวมวัดภุมรินราชปักษี ซึ่งเป็นวัดร้าง ปลอดภัย)
ขนาดเล็กที่อยู่ติดกันเข้าไว้ด้วย สิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจภายในวัด ครูทดสอบความรูโดยใหนักเรียนทํากิจกรรม
ได้แก่ พระอุโบสถ ซึง่ มีภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมอื ช่างสมัยรัชกาล ตามตัวชี้วัด จากแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.1
ที ่ ๑ โดยเฉพาะภาพนรกภูมทิ วี่ าดอยูบ่ นผนังด้านหลังพระประธาน
ได้รบั การยกย่องว่าเขียนได้งามราวกับมีชวี ติ
กิจกรรมที่ 1.3

ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ


ถึงอารามนามวัดประโคนปัก ไม่เห็นหลักลือเล่าว่าเสาหิน ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.3
เร�่อง นิราศภูเขาทอง
เป็นส�าคัญปันแดนในแผ่นดิน มิรู้สิ้นสุดชื่อที่ลือชา
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๒ ใหนักเรียนยกตัวอยางคําประพันธจากเรื่องนิราศภูเขาทอง õ
ที่มีคุณคาตามหัวขอตอไปนี้ (ท ๕.๑ ม.๑/๒,๓)
นอกจากนี้ สุนทรภู่ยังได้กล่าวถึงสถานที่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งเดิมมีชื่อว่า สามโคก แต่ต่อมา
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยพระราชทานเปลี่ยนชื่อให้ใหม่เป็น ปทุมธานี เพราะมี ๑. วิถีชีวิตและความเปนอยูของผูคนในสังคม
ถึงเกร็ดยานบานมอญแตกอนเกา ผูหญิงเกลามวยงามตามภาษา
................................................................................................................................................................................................................................................

พระราชด�าริว่าเมืองนี้เป็นเมืองที่มีดอกบัวขึ้นอยู่มาก (ปทุม หมายถึง ดอกบัว และ ธานี หมายถึง เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุกตา ทั้งผัดหนาจับเขมาเหมือนชาวไทย


................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................

เมือง) ................................................................................................................................................................................................................................................
๒. ขอคิด คติสอนใจ
ถึงบางพูดพูดดีเปนศรีศักดิ์ มีคนรักรสถอยอรอยจิต
................................................................................................................................................................................................................................................
แมพูดชั่วตัวตายทําลายมิตร จะชอบผิดในมนุษยเพราะพูดจา
................................................................................................................................................................................................................................................
ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปิ่นเกล้า พระพุทธเจ้าหลวงบ�ารุงซึ่งกรุงศรี ................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................

ประทานนามสามโคกเป็นเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว ๓. กําเนิดสถานที่


ถึงสามโคกโศกถวิลถึงปนเกลา พระคุณเจาหลวงบํารุงซึ่งกรุงศรี
ฉบับ
................................................................................................................................................................................................................................................ เฉลย
ประทานนามสามโคกเปนเมืองตรี ชื่อปทุมธานีเพราะมีบัว
................................................................................................................................................................................................................................................

๓) ความเชือ่ ของคนไทย สุนทรภูไ่ ด้สอดแทรกคติความเชือ่ ของคนไทย ซึง่ ส่วนใหญ่ ................................................................................................................................................................................................................................................


................................................................................................................................................................................................................................................
๔. ความเชื่อ
มักเกี่ยวเนื่องในพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเรื่องนรก-สวรรค์ อาทิ ความเชื่อที่ว่าหากใครคบชู้ คือ งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวากแซมแทรกแตกไสว
................................................................................................................................................................................................................................................
ใครทําชูคูทานครั้นบรรลัย ก็ตองไปปนตนนาขนพอง
ประพฤติตนผิดศีลข้อ ๓ ตามหลักศีล ๕ เมื่อตายไป ผู้นั้นจะตกนรกและต้องปีนต้นงิ้วซึ่งมีหนามยาว
................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................

และแหลมคม ๕. ความงามดานภาษา
1 ดูนํ้าวิ่งกลิ้งเชี่ยวเปนเกลียวกลอก กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน
................................................................................................................................................................................................................................................
บางพลุงพลุงวุงวงเหมือนกงเวียน ดูเวียนเวียนควางควางเปนหวางวน
................................................................................................................................................................................................................................................

งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวากแซมเสี้ยมแทรกแตกไสว ................................................................................................................................................................................................................................................


................................................................................................................................................................................................................................................

ใครท�าชู้คู่ท่านครั้นบรรลัย ก็ต้องไปปีนต้นน่าขนพอง (พิจารณาคําตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน)


๘๓
19

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
คําประพันธใดแสดงความเชื่อของสังคมไทย
ครูใหความรูนักเรียนเรื่องหลักการตั้งชื่อเรื่องของนิราศ ดังนี้
1. สายติ่งแซมสลับตนตับเตา เปนเหลาเหลาแลรายทั้งซายขวา
1. ตั้งชื่อตามชื่อผูแตง เชน นิราศนรินทร
กระจับจอกดอกบัวบานผกา ดาษดาขาวดั่งดาวพราย
2. ตั้งชื่อตามตัวละครเอกในวรรณคดี เชน นิราศอิเหนา
2. งิ้วนรกสิบหกองคุลีแหลม ดังขวากแซมเสี้ยมแซกแตกไสว
3. ตั้งชื่อตามสถานที่ที่เปนจุดหมายปลายทาง เชน นิราศพระบาท
ใครทําชูคูทานครั้นบรรลัย ก็ตองไปปนตนนาขนพอง
นิราศเมืองแกลง นิราศภูเขาทอง เปนตน
3. อยูกลางทุงรุงโรจนสันโดษเดน เปนที่เลนนาวาคงคาไหล
ที่พื้นลานฐานบัทมถัดบันได คงคาลัยลอมรอบเปนขอบคัน
4. แสนวิตกอกเอยมาอางวาง ในทุงกวางเห็นแตแขมแซมสลอน
จนดึกดาวพราวพรางกลางอัมพร กระเรียนรอนรองกองเมื่อสองยาม
นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ บทประพันธแตละขอพรรณนาดอกไมพันธุไม ขอที่แสดง 1 สิบหกองคุลี องคุลี หมายถึง นิ้วมือ เปนชื่อมาตราวัดแตโบราณ ยาวเทากับ
ใหเห็นความเชื่อของสังคม คือ ขอที่กลาวถึงตนงิ้ววาเปนสัญลักษณของการ ขอปลายของนิ้วกลาง สิบหกองคุลี คือ ความยาว 16 ขอปลายนิ้วกลาง
เปนชูผิดคูผิดเมียผูอื่น จะถูกลงโทษใหปนตนงิ้วถูกหนามงิ้วทิ่มแทงโดยเชื่อวา
เปนการลงโทษ ตอบขอ 2.

คูมือครู 19
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนพิจารณาบทประพันธตอไปนี้
“ถึงบางเดื่อโอมะเดื่อเหลือประหลาด ๔) แง่ คิ ด เกี่ ย วกั บ ความจริ ง ของชี วิ ต บทประพั น ธ์ ข องสุ น ทรภู ่ มั ก ได้ รั บ การ
บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส ยกย่องอยู่เสมอมาว่ามีเนื้อหาที่สอดแทรกข้อคิด คติการด�าเนินชีวิต และช่วยยกระดับจิตใจของผู้อ่าน
เหมือนคนพาลหวานนอกยอมขมใน ให้ปฏิบัติตนไปตามแนวทางที ่เหมาะสม ดังปรากฏในบทกลอนตอนหนึ่งซึ่งมีเนื้อหากล่าวเกี่ยวเนื่อง
1
อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา” ถึงเรื่อง โลกธรรม
โลกธรรม ๘ ตามหลักค�าสอนทางพระพุทธศาสนา โดยสุนทรภู่กล่าวว่า แม้เจดีย์ภูเขาทอง
• นักเรียนคิดวากวีเปรียบมะเดื่อกับการพูดได ที่ครั้งหนึ่งเคยงดงามก็ยังมีวันทรุดโทรม ชื่อเสียงเกียรติยศก็เช่นเดียวกัน เมื่อมีรุ่งเรืองก็มีเสื่อมได้
หรือไม หากเปรียบไดกวีเปรียบในลักษณะใด เป็นธรรมดาจึงควรมองโลกอย่างเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นอนิจจัง
(แนวตอบ บทประพันธขางตนสามารถนํามาใช
กับการพูดได โดยกวีเปรียบมะเดื่อเหมือนการ ทั้งองค์ฐานรานร้าวถึงเก้าแฉก เผยอแยกยอดทรุดก็หลุดหัก
พูดคําหวานแตเจตนาราย คิดไมดี คือ ดีแค โอ้เจดีย์ที่สร้างยังร้างรัก เสียดายนักนึกน่าน�้าตากระเด็น
ภายนอกแตภายในนั้นเปรียบไดกับผลมะเดื่อ กระนี้หรือชื่อเสียงเกียรติยศ จะมิหมดล่วงหน้าทันตาเห็น
เต็มไปดวยแมลงหวี่ เต็มไปดวยความคิดราย) เป็นผู้ดีมีมากแล้วยากเย็น คิดก็เป็นอนิจจังเสียทั้งนั้น

สุนทรภู่ยังให้แง่คิดเรื่องการเลือกคบคนว่า ไม่ควรประมาทและไม่ควรวางใจผู้ใดง่ายๆ
ขยายความเขาใจ Expand
เนื่องจากบางคนอาจพูดหรือท�าให้เราเห็นว่าเขาเป็นคนดี แต่แท้ที่จริงเขาอาจเป็นคนที่มีจิตใจไม่ดี
นักเรียนแสดงความคิดเห็นตอประเด็นคําถาม เปรียบได้กับผลมะเดื่อที่ภายนอกมีสีสันสวยงาม แต่กลับเต็มไปด้วยหนอนแมลงหวี่ชอนไชอยู่ภายใน
ตอไปนี้ จดบันทึกลงสมุดสงครู
• จากบทประพันธที่ยกมาขางตนใหขอคิดกับ ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้
นักเรียนอยางไร เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา
(แนวตอบ จากบทประพันธที่ยกมาเปรียบเทียบ
การพูดดีแตเจตนารายวาเหมือนผลมะเดื่อ บอกเล่าเก้าสิบ
โดยใหขอคิดวาอยาไวใจหลงเชื่อใครเพียง
เพราะเขาพูดดีดวย ทั้งนี้คนไมดีจะพิจารณา มะเดื่อ
แตภายนอก ซึ่งพูดจาออนหวานหรือมีรูปงาม มะเดื่อเป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ออกดอกเป็นช่อ
ไมได เพราะอาจเหมือนผลมะเดื่อที่ภายนอก ผลมีรูปกลมแป้นหรือรูปไข่และมีขน ออกผลเป็นกระจุก
ตามกิ่งและล�าต้น เมื่อฉีกผลออกจะพบเกสรเล็กๆ อยู่
สวยงาม แตภายในเต็มไปดวยแมลงหวี่
ภายใน เมือ่ ผลสุกมีสแี ดง ส�าหรับสาเหตุทพ
ี่ บหนอนแมลง
ชอนไช) อยู่ภายในผลมะเดื่อเสมอ จนท�าให้คนไทยมีทัศนคติไม่ดี ชื่อสามัญ : Fig
ต่อมะเดื่ออาจเป็นเพราะสิ่งมีชีวิตทั้ง ๒ ชนิด ต่างต้อง ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ficus racemosa Lin
วงศ์ : MORACEAE
พึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน โดยมะเดื่ออาศัยแมลงผสม ชื่ออื่น : หมากเดื่อ (อีสาน)
เกสรให้ติดเมล็ด ส่วนแมลงอาศัยมะเดื่อเป็นอาหารและ อุทุมพร มะเดื่ออุทุมพร
มะเดื่อเกลี้ยง เดื่อน�้า (ใต้)
ฟักไข่ให้เป็นตัวจนบินได้

20

บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู บูรณาการเชื่อมความรูในเรื่องแงคิดที่ไดจากนิราศภูเขาทองเกี่ยวกับ
1 โลกธรรม 8 หมายถึง เรื่องของโลกซึ่งมีอยูประจํากับชีวิต สังคมและโลกของ ความจริงของชีวิตเขากับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และ
มนุษย เปนความจริงที่ทุกคนตองประสบดวยกันทั้งนั้นอยางหลีกเลี่ยงไมได โลกธรรม วัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนา เรื่องของโลกธรรม 8 ซึ่งเปนหลักธรรม
แบงออกเปน 8 ชนิด จําแนกออกเปน 2 ฝายควบคูกัน ซึ่งมีความหมายตรงขามกัน คําสอนทางพระพุทธศาสนา และคําสอนอื่นๆ ที่กวีไดรับอิทธิพลมาจาก
คือ ฝายอิฏฐารมณ อารมณที่นาปรารถนา และฝายอนิฏฐารมณ อารมณที่ไมนา พระพุทธศาสนา ซึ่งสามารถศึกษาความสัมพันธเกี่ยวกับความคิดความเชื่อ
ปรารถนา ดังนี้ ของคนในสังคมที่มีผลตอวรรณกรรมในยุคสมัยนั้น
1. มีลาภ 5. สรรเสริญ
2. เสื่อมลาภ 6. นินทา
3. มียศ 7. สุข
4. เสื่อมยศ 8. ทุกข

20 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน มาอธิบายการเลน
นอกจากนี้ สุนทรภู่ยังได้แทรกค�าสอน ซึ่งสามารถน�ามาปรับใช้ในชีวิตได้เป็นอย่าง เสียงหนาชั้นเรียน
ดี อาทิ ค�าสอนเรื่องการพูด โดยสอนให้รู้จักพูด เพื่อป้องกันไม่ให้ค�าพูดก่อให้เกิดโทษแก่ตนเอง (แนวตอบ เปนศิลปะการเลือกเสียงของคําใน
เนื่องจากการพูดดีจะเป็ นมงคลแก่ตัวและมีแต่คนรักใคร่ เอ็นดู แต่ถ้าพู ดไม่ดี ย่ อมมีผลกระทบ การแตงคําประพันธ เปนความงามอยางหนึ่งที่
ในด้านลบแก่ตนเอง กวีจะพิถีพิถันและถือวาการเลนเสียงเปนกลวิธี
ที่จะแสดงความสามารถของกวี)
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต 2. นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับ “การเลนเสียง”
แม้นพูดชั่วตัวตายท�าลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา • การเลนเสียงในคําประพันธนิราศภูเขาทอง
มีลักษณะอยางไร
๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์ (แนวตอบ การเลนเสียงภายในวรรค ทั้งสัมผัส
นิราศภูเขาทอง นอกจากจะมีคุณค่าด้านเนื้อหาแล้ว ในด้านวรรณศิลป์ก็ได้รับการ สระและสัมผัสอักษร ทําใหกลอนมีความ
ยอมรับว่ามีความงดงามและมีความไพเราะ แม้สุนทรภู่จะใช้ถ้อยค�าธรรมดาสามัญในการประพันธ์ ไพเราะมากขึ้น)
แต่ทว่ามีความหมายลึกซึ้ง สะเทือนอารมณ์ และสร้างจินตภาพได้อย่างชัดเจน นิราศภูเขาทองจึงมี
คุณค่าและความดีเด่นในด้านวรรณศิลป์ ดังต่อไปนี้ ขยายความเขาใจ Expand
๑) การเล่นเสียง บทประพันธ์ของสุนทรภู่ ถือได้ว่ามีความดีเด่นเรื่องการเล่นเสียง
นักเรียนยกบทประพันธที่นักเรียนชื่นชอบมา
โดยเฉพาะการเล่นเสียงสัมผัสภายในวรรค ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร ท�าให้กลอนนิราศภูเขาทอง
1 บท แลวแสดงใหเห็นวา บทประพันธที่ยกมานั้นมี
มีความไพเราะเป็นอย่างมาก เช่น
การเลนเสียงอยางไร โดยจดลงสมุดบันทึก จากนั้น
ดูน�้าวิ่งกลิ้งเชี่ยวเป็นเกลียวกลอก กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน ครูสุมนักเรียน 2-3 คน นําเสนอหนาชั้นเรียน
บ้างพลุ่งพลุ่งวุ้งวงเหมือนกงเกวียน ดูเวียนเวียนคว้างคว้างเป็นหว่างวน (แนวตอบ นักเรียนสามารถยกบทประพันธได
หลากหลาย ตัวอยางเชน
สัมผัสในวรรค เช่น วิ่ง – กลิ้ง เชี่ยว – เกลียว ฉอก – ฉาด – ฉัด ฉวัด – เฉวียน “ถึงแขวงนนทชลมารคตลาดขวัญ
เป็นต้น มีพวงแพแพรพรรณเขาคาขาย
๒) ความเปรียบลึกซึ้งกินใจ สุนทรภู่เลือกใช้ถ้อยค�าเปรียบเปรยที่สร้างอารมณ์ ทั้งของสวนลวนเรืออยูเรียงราย
สะเทือนใจให้แก่ผู้อ่าน เช่น พวกหญิงชายประชุมกันทุกวันคืน”
สัมผัสในวรรคทั้งสัมผัสอักษรและสระ ไดแก
เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้ ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย
แขวง-ขวัญ นนท-ชล(มารค), พวง-แพ-แพร-พรรณ
ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกา
เขา-คา-ขาย, สวน-ลวน เรือ-เรียง-ราย, ชาย-(ประ)
บทกลอนตอนนี ชุม กัน-วัน)
1 ้มีเนื้อความแสดงถึงการคร�่าครวญโศกเศร้า ซึ่งตรงกับรสวรรณคดี
ที่ เรี ย กว่ า สั ล ลาปั ง คพิ สั ย โดยท� า ให้ เ ห็ น ภาพพจน์ ที่ ว ่ า คนเรามี ร ่ า งกายเล็ ก มากหากเที ย บกั บ
พื้นแผ่นดินซึ่งกว้างใหญ่ แต่เมื่อถึงคราวตกอับ กลับไม่มีพื้นที่จะอาศัย
21

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
คําประพันธใดเดนในการเลนเสียงสัมผัสอักษรที่สุด
ครูแนะความรูเรื่องการสรรคําใหนักเรียนเพิ่มเติมจากพจนานุกรมศัพท
1. เผยอแยกยอดทรุดก็หลุดหัก
วรรณกรรมไทยฉบับราชบัณทิตยสถาน พ.ศ. 2552 วา “การสรรคําที่ดีในคําประพันธ
2. ตรงหนาโรงโพงพางเขาวางราย
มิใชเพียงแตทําใหเห็นภาพชัดเจน ทําใหเปนที่เขาใจและมีอารมณรวมในความรูสึก
3. พวกหญิงชายพรอมเพรียงมาเมียงมอง
ของกวีเทานั้น แตยังสรางสรรคจินตนาการและความหยั่งเห็นอันลึกซึ้งตามถอยคํา
4. เปนกลุมกลุมกลุมกายเหมือนทรายซัด
ที่เรียบเรียงนั้นดวย”
วิเคราะหคําตอบ กลอนของสุนทรภูมีความเดนในสัมผัส ทั้งสัมผัสสระและ
สัมผัสอักษร แตวรรคที่เดนในการเลนเสียงอักษรที่สุด คือ ขอ 3. พวกหญิง
ชายพรอมเพรียงมาเมียงมอง สัมผัสอักษรในวรรคนี้ไดแก พรอม-เพรียง, นักเรียนควรรู
มา-เมียง-มอง จะเห็นวามีจํานวนคําที่มีอักษรคลองจองกันมากกวาวรรคอื่น
ตอบขอ 3. 1 สัลลาปงคพิสัย คือ การแตงที่มีทํานองครํ่าครวญ คะนึงถึง ใฝฝนหา
หรือรํ่ารําพันถึงบุคคลอันเปนที่รัก โดยเฉพาะเมื่อยามจากกัน เมื่อความรักยังไม
สมปรารถนา การรํ่ารองรําพันถึงความทุกขกายทุกขใจประการใดๆ ก็จัดอยูใน
สัลลาปงคพิสัย

คูมือครู 21
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ Expand
ครูใหนักเรียนเลือกถอดคําประพันธในบทที่
นักเรียนเห็นวากวีเลือกใชคําที่สรางจินตภาพไดดี สุนทรภู่ยังใช้ความเปรียบแบบ อุปมาโวหาร คือ ค�าว่า เหมือน โดยเปรียบตนเอง
(แนวตอบ นักเรียนสามารถยกบทประพันธได เหมือนกับ นก ที่ต้อง (บิน) ร่อนเร่เรื่อยไปตามล�
1 าพัง ไม่มีที่อยู่อาศัย (รัง) เป็นหลักแหล่ง
หลากหลาย ตัวอยางเชน นอกจากนี้ยังมี วรรคทอง ที่ได้รับการจดจ�าและมีการอ้างอิงอยู่เสมอ เมื่อกล่าวถึง
“ไมเห็นคลองตองคางอยูกลางทุง ชีวประวัติของสุนทรภู่ ก็คือ บทที่สุนทรภู่ร�าพันถึงความหลัง เมื่อครั้งที่เคยเข้าเฝ้าฯ รับใช้ใกล้ชิด
พอหยุดยุงฉูชุมมารุมกัด เบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย แต่เมื่อสิ้นรัชสมัยของพระองค์ สุนทรภู่ก็
เปนกลุมกลุมกลุมกายเหมือนทรายซัด ถึงคราวตกยาก จึงร�าพันไว้ในนิราศภูเขาทองได้อย่างสะเทือนอารมณ์ว่า
ตองนั่งปดแปะไปมิไดนอน”
จากบทประพันธที่ยกมาถอดคําประพันธไดวา ถึงหน้าวังดังหนึ่งใจจะขาด คิดถึงบาทบพิตรอดิศร
กวีตองจอดเรือกลางทุงเพราะมองไมเห็นคลอง เมื่อ โอ้ผ่านเกล้าเจ้าประคุณของสุนทร แต่ปางก่อนเคยเฝ้าทุกเช้าเย็น
เรือไมขยับก็ทําใหยุงมารุมกัดรุมตอมเต็มไปหมด พระนิพพานปานประหนึ่งศีรษะขาด ด้วยไร้ญาติยากแค้นถึงแสนเข็ญ
ตองคอยนั่งปดยุงจนไมไดนอน) ทั้งโรคซ�้ากรรมซัดวิบัติเป็น ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา
นักเรียนทบทวนความรูเรื่องวรรณศิลปจากนิราศ 2
ภูเขาทอง โดยทําใบงานที่ 1.2 จากแผนการจัด ๓) การใช้ค�าเพื่อสร้างจินตภาพ เป็นการพรรณนาความด้วยถ้อยค�าที่เรียบง่าย
การเรียนรูที่ 3 แต่เห็นภาพชัดเจน ดังเช่น
✓ ใบงาน แบบวัดฯ แบบฝกฯ จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเห็นพันธุ์ผัก ดูน่ารักบรรจงส่งเกสร
ภาษาไทย ม.1 ใบงานที่ 1.2 เหล่าบัวเผื่อนแลสล้างริมทางจร ก้ามกุ้งซ้อนเสียดสาหร่ายใต้คงคา
เร�่อง คุณคาดานวรรณศิลปนิราศภูเขาทอง
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 นิราศภูเขาทอง
เรื่องที่ 3 การวิเคราะห์และอธิบายคุณค่าด้านวรรณศิลป์ บทกลอนตอนนี้สุนทรภู่ได้พรรณนาภาพบรรยากาศธรรมชาติระหว่างการเดินทาง
ใบงานที่
1.2 คุณค่าด้านวรรณศิลป์ของนิราศภูเขาทอง
ท�าให้ผู้อ่านจินตนาการเห็นถึงภาพท้องน�้ายามรุ่งเช้าที่ละลานตาไปด้วยพืชน�้านานาชนิดที่ชูช่อประชัน
คาชี้แจง ให้นักเรียนวิเคราะห์และอธิบายคุณค่าด้านวรรณศิลป์จากวรรณคดีเรื่อง นิราศภูเขาทอง กัน และยังท�าให้เห็นว่าสายน�้านั้นมีความใสสะอาดจนสามารถมองเห็นพืชที่ขึ้นอยู่ใต้น�้าได้
ถึงบางเดื่อโอ้มะเดื่อเหลือประหลาด บังเกิดชาติแมลงหวี่มีในไส้
1.
เหมือนคนพาลหวานนอกย่อมขมใน อุปไมยเหมือนมะเดื่อเหลือระอา

มีความดีเด่นก้านการใช้ความเปรียบที่ลึกซึ้งกินใจ เข้าใจง่าย โดยให้เปรียบเทียบให้เห็นถึงคนที่มจี ิตใจไม่ดี


เปรียบได้กับผลมะเดื่อทีภ่ ายนอกมีสีสันสวยงาม แต่ข้างในกลับเต็มไปด้วยแมลงหวี่ทชี่ อนไชอยู่ข้างใน นิราศภูเขาทอง มีลักษณะการแต่งแบบกลอนนิราศ จึงได้ปรุงเรื่องขึ้นตามขนบ
2.
ดูน้าวิ่งกลิ้งเชี่ยวเป็นเกลียวกรอก
บ้างพลุ่งพลุ่งวุ้งวงเหมือนกงเกวียน
กลับกระฉอกฉาดฉัดฉวัดเฉวียน
ดูเวียนเวียนคว้างคว้างเป็นหว่างวน
นิราศ คือ กล่าวถึงการเดินทางและรÓพึงถึงนางอันเป็นที่รัก แต่มิได้มีการจากหญิง
มีความดีเด่นด้านการละเล่นเสียง โดยเฉพาะการเล่นเสียงสัมผัสในวรรค เช่น วิ่ง-กลิ้ง เชี่ยว-เกลียว คนรักจริง เพียงแต่สมมติขน ึ้ ตามนิสยั กาพย์กลอนแต่กอ่ นมา นอกจากนีน้ ริ าศภูเขาทอง
ฉอก-ฉาด-ฉัด-ฉวัด-เฉวียน

จนแจ่มแจ้งแสงตะวันเห็นพันธุ์ผัก ดูน่ารักบรรจงส่งเกสร
ยังเปี่ยมด้วยคุณค่าทั้งด้านเนื้อหาและวรรณศิลป์จึงควรค่าแก่การอ่านเป็นอย่างยิ่ง
3. เหล่าบัวเผื่อนแลสล้างริมทางจร ก้ามกุ้งซ้อนเสียดสาหร่ายใต้คงคา
สายติ่งแกมแซมสลับต้นตับเต่า เป็นเหล่าเหล่าแลรายทั้งซ้ายขวา
กระจับจอกดอกบัวบานผกา ดาษดาดูขาวดังดาวพราย

มีความดีเด่นด้านการใช้คาเพือ่ สร้างจินตภาพ โดยการพรรณาภาพบรรยากาศธรรมชาติระหว่างการเดินทาง


ทาให้ผู้อ่านจินตนาการเห็นภาพท้องน้ายามรุง่ เช้าที่ละลานตาด้วยพืชน้านานาชนิด

จนดึกดาวพราวพร่างกลางอัมพร กระเรียนร่อนร้องก้องเมื่อสองยาม
4.
ทั้งกบเขียดเกรียดกรีดจังหรีดเรื่อย พระพายเฉื่อยฉิวฉิววะหวิวหวาม

ความดีเด่นด้านการใช้คา โดยการพรรณาบรรยากาศในยามดึกที่มีนกกระเรียนและสัตว์ต่างๆ ส่งเสียงดัง


ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านเฉื่อยฉิว
22
40
วรรณคดีฯ ม.1

ขอสอบ O-NET
นักเรียนควรรู ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับการใชความเปรียบในคําประพันธนิราศภูเขาทอง
ถึงเกร็ดยานบานมอญแตกอนเกา ผูหญิงเกลามวยงามตามภาษา
1 วรรคทอง คือ คําประพันธบางสวนหรือบางบทที่มีคุณคาตอจิตใจของหมูชน
เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุกตา ทั้งผัดหนาจับเขมาเหมือนชาวไทย
ชวนใหจดจํา เปนบทที่กินใจ ดวยคําประพันธดังกลาวนั้นมีการเรียงรอยคําที่ไพเราะ
โอสามัญผันแปรไมแทเที่ยง เหมือนอยางเยี่ยงชายหญิงทิ้งวิสัย
อีกทั้งใหพลังในดานความรูสึกที่ชัดเจนและสะเทือนอารมณกอใหเกิดจินตภาพ
นี่หรือจิตคิดหมายมีหลายใจ ที่จิตใครจะเปนหนึ่งอยาพึงคิด
2 จินตภาพ หรือ “ภาพลักษณ” หมายถึง ภาพที่เกิดจากความนึกคิด หรือที่คิดวา
อุปมาอุปไมยที่ปรากฏในนิราศที่คัดมานี้คืออะไร
ควรจะเปนเชนนั้น หรือก็คือภาพที่เกิดจากจินตนาการ จากภาพ สัมผัส รส กลิ่น
1. เปรียบความเปลี่ยนแปลงของโลกกับชาวมอญ
เสียง และการเคลื่อนไหวที่สวยงาม
2. เปรียบความไมแนนอนของใจกับการแตงกาย
3. เปรียบความหลากหลายของชีวิตกับการแตงกาย
4. เปรียบความนารักของตุกตากับชาวไทยที่นารัก
วิเคราะหคําตอบ คําประพันธบทแรกกลาวถึงการแตงกายของหญิง
ชาวมอญที่เปลี่ยนตามหญิงไทย และคําประพันธบทที่ 2 กลาวถึงความ
ไมแนนอนของใจคนทั้งหญิงชาย ดังนั้นจึงเปรียบความไมแนนอนของใจคน
เหมือนกับการแตงกาย ตอบขอ 2.

22 คูมือครู
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนอธิบายสภาพบานเมืองและสังคมที่
ปรากฏในบทประพันธได
2. นักเรียนบอกขอคิดที่นําไปใชในชีวิตประจําวัน
ค�าถาม ประจ�าหน่วยการเรียนรู้
จากนิราศภูเขาทองได
๑. วรรณคดีนิราศ มีลักษณะเฉพาะในการประพันธ์อย่างไร ยกตัวอย่างจากเรื่องประกอบค�าอธิบาย 3. นักเรียนอธิบายและยกตัวอยางบทประพันธที่มี
๒. นิราศภูเขาทองสะท้อนภาพวิถีชีวิตของผู้คนริมฝั่งแม่น�้าในสมัยนั้นอย่างไรบ้าง การเลนเสียงในนิราศภูเขาทองได
๓. นริ าศภูเขาทองมีความดีเด่นด้านสัมผัสใน นักเรียนเห็นด้วยหรือไม่ เพราะเหตุใด อธิบายและยกตัวอย่าง
ประกอบ
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. บันทึกการถอดคําประพันธ
2. แผนที่การเดินทางตามรอยนิราศภูเขาทอง
3. การทองจําบทอาขยานที่นักเรียนชื่นชอบ

กิจกรรม สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้

กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้นกั เรียนแต่งนิราศบันทึกการเดินทางไปยังสถานทีต่ า่ งๆ ทีต่ นเองประทับใจ คนละ


๑-๓ บท น�าเสนอหน้าชั้นเรียนเป็นรายบุคคล
กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มกันตามความเหมาะสม เขียนแผนที่การเดินทางและสถานที่ที่
สุนทรภู่เดินทางผ่านเพื่อไปนมัสการเจดีย์ภูเขาทอง ตกแต่งให้สวยงาม แล้วน�าไป
ติดที่ป้ายนิเทศ
กิจกรรมที่ ๓ จัดกิจกรรมอ่านท�านองเสนาะจากนิราศภูเขาทอง โดยเลือกค�าประพันธ์ที่นักเรียน
ชื่นชอบ ท่องจ�าไว้ ๓-๕ บท น�าเสนอเป็นรายบุคคลหรือกลุ่ม

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. วรรณคดีนิราศมีลักษณะเฉพาะในการประพันธ สวนใหญมักเปนการพรรณนาอาลัยรัก ตอสตรีอันเปนที่รัก เลาถึงเหตุการณ การเดินทางของกวี เชน
“ถึงบางพลูคิดถึงคูเมื่ออยูครอง เคยใสซองสงใหลวนใบเหลือง
ถึงบางพลัดเหมือนพี่พลัดมาขัดเคือง ทั้งพลัดเมืองพลัดสมรมารอนรน”
2. - การติดตอคาขาย ภาพการคาขายที่ดําเนินไปอยางคึกคัก มีการนําสินคาหลากหลายประเภทที่บรรทุกมากับเรือสําเภา
- การตั้งบานเรือนมักเรียงรายไปตามริมนํ้า จึงไดมีเรือนําสินคาทางการเกษตรมาจอดเรียงราย
3. เห็นดวย เพราะบทประพันธของสุนทรภูมีการเลนเสียงสัมผัสภายในวรรคทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร ทําใหกลอนสุนทรภู
มีความไพเราะอยางมาก ตัวอยางเชน
“เหมือนแมครัวคั่วแกงพะแนงผัด สารพัดเพียญชนังเครื่องมังสา
อันพริกไทยใบผักชีเหมือนสีกา ตองโรยหนาเสียสักหนอยอรอยใจ”
สัมผัสในวรรค สัมผัสสระ ไดแก ครัว-คั่ว แกง-พะแนง (เพียญ)ชนัง-มัง(สา) (พริก)ไทย-ใบ ผักชี-สีกา หนอย-อรอย สัมผัสอักษร ไดแก เหมือน -แม (สาร)พัด-เพียญ(ชนัง)
เสีย-สัก

คูมือครู 23
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาโคลงโลกนิติ
2. วิเคราะหวรรณคดีเรื่องโคลงโลกนิติและอธิบาย
คุณคาจากเรื่อง
3. สรุปความรูและความคิดจากโคลงโลกนิติ
เพื่อนําไปประยุกตใชในชีวิตจริง
4. ทองจําบทอาขยานตามที่กําหนดและบท
รอยกรองที่มีคุณคาตามความสนใจ

สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต

คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. ใฝเรียนรู


2. มีความรับผิดชอบ
3. รักความเปนไทย
หน่วยที่
กระตุน ความสนใจ Engage
โคลงโลกนิติ
ตัวชี้วัด
ครูยกบทประพันธจากโคลงโลกนิติบทที่ตรงกับ ■■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑)
วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน พร้อมยกเหตุผลประกอบ
โ คลงโลกนิติ เป็นโคลงสุภาษิตเก่าแก่ทแี่ นะแนว-
หนาหนวยมาอานใหนักเรียนฟง แลวใหนักเรียน ■■

(ท ๕.๑ ม.๑/๒)
ทางการปฏิบัติตนในสังคม คนไทยใช้สอนและยึดถือ
ปฏิบัติกันสืบมาตั้งแต่สมัยโบราณ ถ้อยค�าภาษาที่ใช้
ชวยกันถอดคําประพันธ ■■ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓)
เรียบง่าย แต่มีความไพเราะและมีความเปรียบคมคาย
■■ สรุปความรูแ้ ละข้อคิดจากการอ่านเพือ่ ประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
“นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย (ท ๕.๑ ม.๑/๔) จึงท�าให้ได้รับความนิยมเรื่อยมา
ท่องจำาบทอาขยานตามทีก่ าำ หนดและบทร้อยกรองทีม่ คี ณ ุ ค่า
เลื้อยบทําเดโช แชมชา ■■

ตามความสนใจ (ท ๕.๑ ม.๑/๕)


ค�าสอนในโคลงโลกนิติล้วนให้ข้อคิดและคติเตือนใจ
ในการด� า เนิ น ชี วิ ต ท� า ให้ มี วิ จ ารณญาณไตร่ ต รองอย่ า ง
พิษนอยหยิ่งโยโส แมลงปอง รอบด้าน เข้าใจการปฏิบัติตนให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
ชูแตหางเองอา อวดอางฤทธี” สาระการเรียนรู้แกนกลาง เพื่อจะได้สามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาวการณ์ต่างๆ ในสังคม
(แนวตอบ โคลงที่ยกมาถอด คําประพันธไดวา ■■ การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม
เรื่อง โคลงโลกนิติ
ได้เป็นอย่างดี
งูใหญแมมีพิษมากแตก็ไมโออวดตนเอง ตางกับ 24
■■ บทอาขยานและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า

แมลงปองที่มีพิษนอยแตอวดอางวาตนเหนือกวา
ผูอื่น)

เกร็ดแนะครู
ในการเรียนการสอนโคลงโลกนิติ ครูใหความสําคัญกับการถอดคําประพันธ
ประเภทโคลงสี่สุภาพ โดยครูคอยแนะความรูใหนักเรียนเมื่อนักเรียนถอดความไมได
ติดขัดหรือไมแนใจในความหมายของคําบางคํา ทั้งนี้เพื่อใหการถอดคําประพันธ
งายขึ้น กอนการเรียนโคลงโลกนิติ ครูใหนักเรียนไปสืบคนคําศัพทที่นักเรียนมีปญหา
ไมสามารถถอดคําประพันธได และอภิปรายแสดงความคิดเห็น สรางเกณฑในการจด
คําประพันธใชเปนแนวทางรวมกัน

24 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนเลือกโคลงโลกนิติในเนื้อเรื่อง
๑ ความเป็นมา มา 1 บท และใหอานออกเสียงทํานองเสนาะให
ไพเราะพรอมเพรียงกัน ครูและนักเรียนรวมกัน
โคลงโลกนิติ (อ่านว่า โลก-กะ-นิด แปลว่า ระเบียบ
ถอดคําประพันธโคลงที่นักเรียนเลือกมาอาน
แบบแผนแห่งโลก) เป็นวรรณคดีที่มีเนื้อหาเป็นค�าสอนใน จากนั้นครูนํานักเรียนเขาสูเนื้อเรื่อง โดยใหนักเรียน
ด้านต่างๆ ทั้งทางโลกและทางธรรม ถือเป็นค�าสอนที่เก่าแก่ รวมกันบอกความหมายของโคลงโลกนิติ
และแพร่หลายมาตั้งแต่สมัยโบราณ เนื้อหาส่วนมากมีที่มาจาก (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลายตามความ
คาถาภาษาบาลีที่ปรากฏอยู่ในคัมภีร์ต่างๆ เช่น คัมภีร์โลกนิติ เขาใจของนักเรียนที่ไดอานและถอดความโคลง-
คั ม ภี ร ์ ธ รรมนิ ติ คั ม ภี ร ์ ร าชนี ติ หิ โ ตปเทศ ธรรมบท และ โลกนิติที่นักเรียนเลือกมา ครูชวยแนะความหมาย
พระไตรปิฎก เป็นต้น นักปราชญ์ในอดีตได้เลือกสรรคาถา ที่ถูกตองวาหมายถึง ระเบียบแบบแผนแหงโลก)
มาแปลเป็นร้อยแก้วแล้วเรียบเรียงแต่งเป็นโคลงสี่สุภาพ
เมื่ อ พระบาทสมเด็ จ พระนั่ ง เกล้ า เจ้ า อยู ่ หั ว เสด็ จ - แผ่นศิลาจารึกเรื่องโคลงโลกนิติ สํารวจคนหา Explore
พระราชด�าเนินถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส ได้ทอดพระเนตรเห็นพระอาราม

1. นักเรียนคนหาความเปนมาของโคลงโลกนิติ
มีความทรุดโทรม จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์ใหม่และให้รวบรวมความรู้หลายสาขา- พรอมประวัติผูแตง
วิชา จารึกไว้บนแผ่นหินอ่อนประดับไว้ภายในบริเวณวัด ด้วยมีพระราชประสงค์จะให้เป็นแหล่งศึกษา 2. นักเรียนศึกษาลักษณะคําประพันธประเภท
ศิลปวิทยาการแขนงต่างๆ ส�าหรับประชาชนและยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้า- โคลงสี่สุภาพ ตามหัวขอตอไปนี้
บรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร ซึง่ ขณะนัน้ ทรงด�ารงพระยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ กรมขุนเดชอดิศร • คําเอก คําโท
ให้ทรงรวบรวมโคลงโลกนิตขิ องเก่ามาช�าระ แล้วน�าขึน้ ทูลเกล้าฯ ถวาย เพือ่ จารึกไว้บนแผ่นศิลาประดับ (แนวตอบ คําเอก คือ คําที่มีเครื่องหมาย
1 วรรณยุกตเอกกํากับอยู ไมกําหนดบังคับวา
ศาลาทิศทั้ง ๔ โดยรอบพระมณฑป (หอไตรจตุรมุข) โคลงโลกนิติจึงปรากฏแพร่หลายตั้งแต่ครั้งนั้น
คํานั้นจะเปนเสียงวรรณยุกตใด เชน กอน
เป็นต้นมา
คา ขุน คําโท คือ คําทีม่ เี ครือ่ งหมาย
เนื่องด้วยโคลงโลกนิติ มีเนื้อหาที่ท�าให้ผู้อ่านมีความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นไปของโลก วรรณยุกตโทกํากับอยู ไมกําหนดบังคับวา
เพื่อจะได้ด�าเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้องดีงาม ประกอบกับมีถ้อยค�าและเนื้อความที่ไพเราะ มีความ- คํานั้นจะเปนเสียงวรรณยุกตใด เชน ชาง
เหมาะสมทั้งด้านรูปแบบและเนื้อหา ครบคุณค่าทางวรรณกรรม จึงได้รับการยกย่องและได้รับ คํ้า ฟา กลา)
2
การจัดให้เป็นหนึ่งในหนังสือดี ๑๐๐ เล่มที่คนไทยควรอ่าน • คําเอกโทษ คําโทโทษ
(แนวตอบ คําเอกโทษ คือ คําที่ไมใชไมเอก
แตเอามาแปลงโดยเปลี่ยนวรรณยุกตเปนเอก
เพื่อใหไดวรรณยุกตเอกตามบังคับ เชน
๑ ในสมัยรัชกาลที่ ๔ ทรงเปลี่ยนสร้อยนามวัดเป็น วิมลมังคลาราม
สราง เปลี่ยนเปน ซาง เสี้ยม เปลี่ยนเปน
เซี่ยม คําโทโทษ คือ คําที่ไมใชไมโท แตเอา
มาแปลงโดยเปลี่ยนวรรณยุกตเปนโท
25
เพื่อใหไดวรรณยุกตโทตามบังคับ เชน เลน
เปลี่ยนเปน เหลน ชวย เปลี่ยนเปน ฉวย)

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดเปนความหมายของโคลงโลกนิติ
1 พระมณฑป คือ อาคารที่มีรูปแบบสถาปตยกรรมเปนอยางเรือนรูปสี่เหลี่ยม
1. คติคําสอนสําหรับสัตวโลก
มักทําหลังคาเปนรูปทรงกรวยสี่เหลี่ยม ปลายเรียวแหลม ใชเปนสถานที่สําหรับ
2. ระเบียบแบบแผนแหงโลก
ประดิษฐานพระพุทธรูป รอยพระพุทธบาท หรือพระไตรปฎกที่สําคัญ ตัวอยางเชน
3. บันทึกเรื่องราวของโลก
พระมณฑปวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กรุงเทพมหานคร และพระมณฑป
4. ความเปนไปของโลก
วัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี
วิเคราะหคําตอบ โคลงโลกนิติ มาจาก โคลง+โลก+นิติ อธิบายความหมาย 2 หนังสือดี 100 เลมที่คนไทยควรอาน เปนหนังสือภาษาไทยที่เขียนขึ้นในชวง
ไดวา นิติ แปลวา กฎหมาย กฎปฏิบัติ แบบแผน เยี่ยงอยางขนบธรรมเนียม ประมาณสมัยรัชกาลที่ 5 ถึง พ.ศ. 2519 ในสาขาวิชาความรูตางๆ เปนหนังสือ
ประเพณี วิธีปกครอง เครื่องแนะนํา อุบายอันดี คําอื่นที่สังเกตความหมาย ที่มีศิลปะในการเขียนและการใชภาษาที่ดี มีคุณคาทางศิลปวรรณกรรม ทั้งในแง
ได เชน นิติศาสตร นิติบัญญัติ เปนตน ในที่นี้กลาวโดยสรุป “นิติ” คือระเบียบ รูปแบบ (ความงาม ความไพเราะ ความสะเทือนอารมณ) ไดรับความรู ความคิดอาน
แบบแผน ดังนั้น โคลงโลกนิติจึงหมายความวา ระเบียบแบบแผนแหงโลก ความบันเทิงทางศิลปวัฒนธรรมที่เปนประโยชน ทําใหผูอานฉลาด และมีความคิด
ตอบขอ 2. แบบเสรี หรือใจกวาง (liberal) มากขึ้น เขาใจชีวิต และสังคมมากขึ้น มีอคติในเรื่อง
เผาพันธุ เพศ ฯลฯ ลดลง เปนหนังสือที่โดดเดน มีอิทธิพลตอความคิดอารมณ
ความรูสึกของผูอานจํานวนมากในยุคหนึ่งๆ ที่มีผลสะเทือนสืบทอดมาถึงปจจุบัน

คูมือครู 25
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนสรุปยอความเปนมาและประวัติผูแตง
โคลงโลกนิติลงบนสมุดบันทึก ๒ ประวัติผู้แต่ง
(แนวตอบ โคลงโลกนิติ แปลวา ระเบียบแบบแผน
สมเด็ จ พระเจ้ า บรมวงศ์ เ ธอ กรมพระยาเดชาดิ ศ ร มี พ ระนามว่ า พระองค์ เจ้ า ชายมั่ ง
ของโลก มีเนื้อหาเปนคําสอนทั้งทางโลกและทาง
เป็ น พระราชโอรสในพระบาทสมเด็ จ พระพุ ท ธเลิ ศ หล้ า นภาลั ย กั บ เจ้ า จอมมารดานิ่ ม ธิ ด า
ธรรม เนื้อหามาจากคาถาบาลีที่ปรากฏในคัมภีร
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๓๓๖
ตางๆ เดิมนักปราชญสมัยกอนแปลโคลงโลกนิติ
ในสมั ย รั ช กาลที่ ๒ ทรงรั บ สถาปนาเป็ น กรมหมื่ น เดชอดิ ศ ร ก� า กั บ กรมพระอาลั ก ษณ์
เปนรอยแกว กอนแตงเปนโคลงสี่สุภาพ รัชกาลที่
ในรัชกาลที่ ๓ ได้ทรงเลื่อนเป็นกรมขุนเดชอดิศร และในรัชกาลที่ ๔ ทรงเลื่อนเป็นกรมสมเด็จ-
3 ทรงมีรับสั่งใหสมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ
พระเดชาดิศร๒ สิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๐๒ พระชันษาได้ ๖๗ ปี ทรงเป็นต้นราชสกุล เดชาติ 1 วงศ์
กรมพระยาเดชาดิศร รวบรวมโคลงโลกนิติ
งานพระนิพนธ์ที่ปรากฏ ได้แก่ โคลงโลกนิติ โคลงนิราศเสด็จไปทัพเวียงจันทน์ ฉันท์สังเวย-
ของเกามาชําระ แลวนําทูลเกลาฯ ถวาย เพือ่ จารึก
พระมหาเศวตฉัตร และฉันท์ดุษฎีสังเวยต่างๆ
ไวบนแผนศิลาประดับศาลาทิศทั้ง 4 โดยรอบ
พระมณฑป สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ
กรมพระยาเดชาดิศร มีพระนามวา พระองค ๓ ลักษณะค�าประพันธ์
เจาชายมั่ง เปนพระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 กับ โคลงโลกนิติ แต่งด้วยค�าประพันธ์ประเภทโคลงสี่สุภาพและมีบางบทเป็นโคลงกระทู้
เจาจอมมารดานิ่ม ธิดาเจาพระยาพระคลัง (หน)
งานพระนิพนธที่ปรากฏ ไดแก โคลงโลกนิติ แผนผังและตัวอย่าง โคลงสี่สุภาพ
โคลงนิราศเสด็จไปทัพเวียงจันทน ฉันทสังเวย-
พระมหาเศวตฉัตร และฉันทดุษฎีสังเวยตางๆ)  
  
  
  ่ ้  ) 
  )
2. จากการศึกษาแผนผังและตัวอยางโคลงสี่สุภาพ
ใหนักเรียนอธิบายคณะของโคลงสี่สุภาพ  
  
  
  ่ ่ ้
 

(แนวตอบ โคลงสี่สุภาพ บทหนึ่งมี 4 บาท บาท ่ )  )
ที่ 1, 2 และ 3 มีบาทละ 7 คํา บาทที่ 4 มี 9 คํา
 
  
  
  ่  

แตละบาทแบงออกเปน 2 วรรค วรรคหนา มี 5 คํา  


  
 ่
 
  ้ ่  
  ้  
และ วรรคหลังมี 2 คํา สวนบาทที่ 4 วรรคหลังมี
4 คํา ทั้งนี้อาจใชคําสรอยเสริมทายบาทที่ 1 บาท (๗๒) น�้ำเคี้ยวยูงว่ำเงี้ยว ยูงตำม
ที่ 3 ไดอีกบาทละ 2 คํา) ทรำยเหลือบหำงยูงงำม ว่ำหญ้ำ
ตำทรำยยิ่งนิลวำม พรำยเพริศ
ขยายความเขาใจ Expand ลิงว่ำหว้ำหวังหว้ำ หว่ำดิ้นโดดตำม

นักเรียนเขียนแผนผังโคลงสี่สุภาพ พรอมโยงเสน ๒ พระยศ “กรมสมเด็จพระ” พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้ยกเลิก แล้วทรงบัญญัติให้มี


สัมผัสลงสมุดบันทึก
พระยศ “กรมพระยา” ขึ้นแทน
(แนวตอบ ๐ ๐ ๐ ๐่ ๐้ ๐ ๐ (๐๐)
26
๐ ๐่ ๐ ๐ ๐ ๐่ ๐้
๐ ๐ ๐่ ๐ ๐ ๐ ๐่ (๐๐)
๐ ๐่ ๐ ๐ ๐้ ๐่ ๐้ ๐ ๐
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมวา โคลงสี่สุภาพมีลักษณะบังคับพื้นฐาน คือ นํ้าเคี้ยวยูงวาเงี้ยว ยูงตาม
คณะ สัมผัส คําเอก คําโท และคําสรอย ซึ่งมีขอบังคับที่จะตองใชใหถูกตอง และครู ทรายเหลือบหางยูงงาม วาหญา
ชี้ใหนักเรียนเห็นวาการรูขอบังคับพื้นฐานของโคลงสี่สุภาพ จะทําใหนักเรียนสามารถ ตาทรายยิ่งนิลวาม พรายเพริศ
แตงคําประพันธประเภทโคลงสี่สุภาพได ลิงวาหวาหวังหวา หวาดิ้นโดดตาม
จากบทประพันธคําที่ขีดเสนใตแสดงใหเห็นการสรรคําอยางไร
1. กวีตัดคํา 2. กวีแผลงคํา
นักเรียนควรรู 3. กวีแทรกคํา 4. กวีสรางศัพทใหม
วิเคราะหคําตอบ “เคี้ยว” มาจากคําวา “คดเคี้ยว” สวน “เงี้ยว” มาจากคําวา
1 โคลงนิราศเสด็จไปทัพเวียงจันทน ทรงนิพนธขึ้นใน พ.ศ. 2370 เมื่อเจา
“งูเงี้ยว” ซึ่งกวีใชวิธีตัดคําเพื่อใหเขากับจํานวนพยางคในบังคับของ
อนุวงศแหงเวียงจันทนเปนกบฏเขามายึดเมืองโคราชและสระบุรี พระบาทสมเด็จ
คําประพันธประเภทโคลงสี่สุภาพที่วรรคหนาตองมี 5 คํา เปนการเลือกใชคําที่
พระนั่งเกลาเจาอยูหัวทรงโปรดฯ ใหจัดกําลังทัพยกไปปราบ สมเด็จพระเจา
ใหเขาใจในบทประพันธ แตนําไปใชโดยปกตินั้นไมได ความตรงนี้จะเขาใจได
บรมวงศเธอกรมพระยาเดชาดิศรไดตามเสด็จไปในทัพหลวง และทรงนิพนธโคลง
ก็โดยอาศัยการรูความหมายของคําศัพทที่ตองใชบริบทเขาชวย ตอบขอ 1.
เรื่องนั้นขึ้นเปนรายและโคลงสี่สุภาพ จํานวน 163 บท

26 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนบอกความเหมือนและความแตกตาง
โคลงกระทู คือ โคลงสีส่ ภุ าพทีม่ กี ารตัง้ ขอความหรือหัวขอ (กระทู) วางไวขา งหนาโคลง ระหวางโคลงสี่สุภาพกับโคลงกระทู
ทั้ง ๔ บาท แล1วแตงถอยคําตอไปใหมีเนื้อความอธิบายหรือขยายความของกระทูใหชัดเจนยิ่งขึ้น (แนวตอบ โคลงสี่สุภาพเหมือนกับโคลงกระทู
บางครั้ ง ตั ว กระทู  เ องอาจจะไม มี ค วามหมายก็ ต  อ งแต ง เติ ม ถ อ ยคํ า ในโคลงให มี ค วามเหมาะสม ทุกประการ คือ คณะ สัมผัส คําเอก คําโท
โคลงกระทูมี ๔ ชนิด คือ โคลงกระทู ๑ คํา (กระทูเดี่ยว) โคลงกระทู ๒ คํา โคลงกระทู ๓ คํา คําสรอย แตตางกันที่คําขึ้นตนในแตละบาท
และโคลงกระทู ๔ คํา ของโคลงกระทูจะเปนขอความ (กระทู)
แผนผังและตัวอยาง โคลงกระทู ๓ คํา เมื่ออานแตละกระทูเรียงกันจากบาทที่ 1 ถึง
บาทที่ 4 จะไดความหมาย)
 ่ ้   ( ) 2. นักเรียนอธิบายสัมผัสจากแผนผังโคลงสี่สุภาพ
(แนวตอบ สัมผัสบังคับในโคลงสี่สุภาพ
   ่ ่ ้ เปนสัมผัสสระ กําหนดไวดังนี้
  ่  ่ ( ) คําที่ 7 ของบาทที่ 1 สงสัมผัสไปยังคําที่ 5 ของ
  ่ ้ ่ ้   บาทที่ 2 และบาทที่ 3 และคําที่ 7 ของบาทที่
2 สงสัมผัสไปยังคําที่ 5 ของบาทที่ 4)
ปาพึ่งเรือ หมูไม มากมูล
เรือพึ่งพาย พายูร ยาตรเตา
นายพึ่งบาว บริบูรณ ตามติด มากแฮ ขยายความเขาใจ Expand
เจาพึ่งขา คํ่าเชา ชวยสิ้นเสร็จงานฯ
นักเรียนเลือกบทประพันธจากเนื้อเรื่องมา 1
(ปถมมาลา)
บท บันทึกลงในสมุด แลวโยงเสนสัมผัสใหถูกตอง
พรอมทั้งระบุตําแหนงคําเอกคําโท
(แนวตอบ ตัวอยางเชน
“รูนอยวามากรู เริงใจ
กลกบเกิดอยูใน สระจอย
ไปเห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมวานํ้าบอนอย มากลํ้าลึกเหลือ”)

ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนสรุปยอประวัติความเปนมาของ
โคลงโลกนิติได
2. นักเรียนเขียนแผนผังและโยงเสนสัมผัส
ศาลารายรอบพระมณฑป วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ)์ มีแผนศิลาจารึกเรือ่ งโคลงโลกนิตปิ ระดับไว
ใหถูกตองตามลักษณะคําประพันธได
๒๗ 3. นักเรียนระบุตําแหนงคําเอกคําโท
ในโคลงสี่สุภาพได

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
บาทที่สี่ของโคลงสี่สุภาพในขอใดมีตําแหนงคําเอกคําโทถูกตองตาม
จากกิจกรรมขยายความเขาใจบทประพันธที่ยกมาไมเครงครัดคําเอก คําโทนัก
ฉันทลักษณ
ตําแหนงที่เปนคําเอก คําวา “มาก” “กบ” “ช(ล)” เปนคําตายที่มีเสียงสั้น ไมมี
1. ชมวานํ้าบอนอย มากลํ้าลึกเหลือ
รูปวรรณยุกตเอก และแมวาบทประพันธบทนี้จะไมเครงครัดคําเอกคําโทก็ไมทําให
2. เหมือนขอบฟามาปอง ปาไมมาบัง
เสียความไพเราะ
3. บาปยอมทําโทษซํ้า ใสผูบาปเอง
4. หายากฝากผีไข ยากแทจักหา
วิเคราะหคําตอบ บาทที่สี่ตําแหนงคําเอกคําโท คือ ๐ ๐่ ๐ ๐ ๐้ ๐่ ๐้ ๐ ๐ นักเรียนควรรู
ซึ่งตรงกับคําประพันธวา “บาปยอมทําโทษซํ้า ใสผูบาปเอง” เปนบาทที่ตรง
กับแผนผังคําประพันธ ตอบขอ 3. 1 กระทู ในที่นี้ คือกระทูโคลงหรือกระทูโคลงที่เปนกระทูสุภาษิต เปนหลัก
หรือขอความที่นําไปสูการขยายความ จํานวนคําของกระทู จะเปนกี่คําก็ตาม
นิยมใชเทากันทุกบาท แตก็ไมไดวางเปนขอบังคับ ตั้งกระทูไวหนาบาทจํานวนคํา
ไมเทากันก็มี เชน “ชา ชา ได พราสองเลม งาม” ขอสําคัญคือตองแยกกระทูให
หางจากเนื้อความอื่น

คูมือครู 27
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูยกคําสอนหรือนิทานพื้นบานมาเลาเปน
ตัวอยางของวรรณกรรมคําสอนใหนักเรียนฟง ๔ เนื้อเรื่อง
แลวใหนักเรียนบอกขอคิด
(แนวตอบ ตัวอยางเชน นิทานเรื่องพญานกแขก โคลงโลกนิติ
เตา กาลครั้งหนึ่งมีนกแขกเตาฝูงหนึ่งหากินที่
ทุงขาวสาลีของเศรษฐีใจดีคนหนึ่งซึ่งปลอยให (๗)๓ ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ
1
นกแขกเตากินขาวได มาวันหนึ่งเศรษฐีสังเกต ภำยนอกแดงดูฉัน ชำดบ้ำย
เห็นวาจาฝูงนกแขกเตาคาบเอาขาวสาลีกลับไป ภำยในย่อมแมลงวัน หนอนบ่อน
ดวยก็โกรธมากสั่งใหทํากับดักดักฝูงนกไว เมื่อ ดุจดั่งคนใจร้ำย นอกนั้นดูงำม
ฝูงนกแขกเตาถูกจับ พญานกแขกเตาก็ขอรอง
(๒๓) นำคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
ใหปลอยนกตัวอื่นๆไป เศรษฐีชื่นชมในความ
เลื้อยบ่ท�ำเดโช แช่มช้ำ
กลาหาญและความเสียสละของพญานกแขกเตา
พิษน้อยหยิ่งโยโส แมลงป่อง
จึงถามเหตุที่คาบเอาขาวสาลีกลับไปดวย พญา
ชูแต่หำงเองอ้ำ อวดอ้ำงฤทธี
แขกเตาอธิบายเหตุ 3 ประการ ประการแรกให
กูยืม หมายถึงเอาขาวไปใหลูกนกเล็กๆ ที่ยังไม (๒๔) ควำมรู้ผู้ปรำชญ์นั้น นักเรียน
สามารถชวยเหลือตัวเองได เมื่อแกชราลงลูกนก ฝนทั่งเท่ำเข็มเพียร ผ่ำยหน้ำ
เหลานั้นจะไดหามาใหกินบาง ประการที่สอง คนเกียจเกลียดหน่ำยเวียน วนจิต
คือ ฝากไว หมายถึงใหนกแกเฒาที่มีพระคุณ กลอุทกในตะกร้ำ เปี่ยมล้นฤๅมี
ประการสุดทายคือ ใชหนี้เกา หมายถึงใหพอแม
ซึ่งแกชราไมสามารถเลี้ยงตัวเองได เศรษฐีไดยิน (๔๑) ห้ำมเพลิงไว้อย่ำให้ มีควัน
ดังนั้นก็ชื่นชมพญานก จึงปลอยนกทุกตัวให ห้ำมสุริยแสงจันทร์ ส่องไซร้
เปนอิสระและใหฝูงนกแขกเตามากินขาวสาลีได ห้ำมอำยุให้หัน คืนเล่ำ
ตลอดไป ห้ำมดั่งนี้ไว้ได้ จึ่งห้ำมนินทำ
เรื่องนี้ใหขอคิดวาการรูจักหนาที่ มีความ
กตัญูรูคุณ อยูที่ไหนก็ไมลําบาก เพราะจะมีคน (๕๘) รู้น้อยว่ำมำกรู้ เริงใจ
นับถือและใหความชวยเหลือ) กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
2. ครูถามนักเรียนวา นักเรียนรูจักวรรณกรรม ไป่เห็นชเลไกล กลำงสมุทร
คําสอนเรื่องใดบาง ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน ชมว่ำน�้ำบ่อน้อย มำกล�้ำลึกเหลือ
มาเลาประสบการณหนาชั้นเรียน
๓ หมายเลขในวงเล็บ หมายถึงลำาดับโคลงจากหนังสือประชุมโคลงโลกนิติของสถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ
สํารวจคนหา Explore กระทรวงศึกษาธิการ ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๔๓

นักเรียนศึกษาและพิจารณาโคลงโลกนิติตาม 28
หนังสือเรียน แลวสืบคนแนวคิดของโคลงโลกนิติ
แตละบท
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู โคลงโลกนิติเปนวรรณกรรมคําสอนเกี่ยวกับเรื่องตางๆ ในชีวิต ซึ่งเปน
ธรรมดาของโลก โดยยกเอาสิ่งแวดลอมรอบตัวที่ใหแงคิดมาสอน ทําใหรูจัก
1 ชาด วัตถุสีแดงสดชนิดหนึ่ง เปนผงก็มี เปนกอนก็มี ใชทํายาไทยหรือประสม
สังเกตสิ่งแวดลอมรอบตัวเองไมวาจะเปนสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งที่ไมมีชีวิต ซึ่งเปน
กับนํ้ามันสําหรับประทับตราหรือทาสิ่งของ สมัยกอนชาดที่มาจากเมืองจอแส
หลักการเดียวกับการเรียนรูทางวิทยาศาสตร ดวยตางก็เปนการเรียนรู
ประเทศจีนเรียก “ชาดจอแส” ชาดที่มาจากเมืองอายมุยประเทศจีนเรียก “ชาด
สิ่งแวดลอมรอบตัวเพื่อปรับตัวใหเขากับสิ่งแวดลอมนั้นๆ และรูจักนํา
อายมุย” หรือเปนคําวิเศษณของสีแดงสดอีกอยางหนึ่ง เรียกวา “สีแดงชาด”
ขอสังเกตที่ไดมาปรับปรุงพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยในทางวิทยาศาสตรจะ
พัฒนาดานคุณภาพชีวิตความเปนอยู ชวยยกระดับคุณภาพชีวิตใหสูงขึ้น
มุม IT สวนวรรณกรรมคําสอนจะชวยพัฒนาดานจิตใจ ชวยยกระดับจิตใจใหสูงขึ้น
ดังนั้นจึงควรเรียนรูรวมกันทั้งดานชีวิตและจิตใจ
ศึกษาเกี่ยวกับตัวอยางการอานบทอาขยานโคลงโลกนิติเพิ่มเติม ไดที่
http://www.youtube.com/watch?v=i0y0LWuMu7o

28 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
ครูและนักเรียนรวมกันอภิปราย จากโคลง
(๖๐) จระเข้คับน่ำนน�้ำ ไฉนหำ ภักษ์เฮย โลกนิติ บทที่ 98
รถใหญ่กว่ำรัถยำ ยำกแท้ “เจ็ดวันเวนดีดซอม ดนตรี
เสือใหญ่กว่ำวนำ ไฉนอยู่ ได้แฮ อักขระหาวันหนี เนิ่นชา
เรือเขื่องคับชเลแล้ แล่นโล้ไปไฉน สามวันจากนารี เปนอื่น
วันหนึ่งเวนลางหนา อับเศราศรีหมอง”
(๖๙) เสียสินสงวนศักดิ์ไว้ วงศ์หงส์ • โคลงบทนี้มีแนวคิดวาอยางไร
เสียศักดิ์สู้ประสงค์ สิ่งรู้ (แนวตอบ หากจะทําการใดตองหมั่นฝกฝน
เสียรู้เร่งด�ำรง ควำมสัตย์ ไว้นำ ตั้งใจจริง ดังเชนการฝกเลนดนตรี การเขียน
อาน การไปมาหาสูคนรัก ก็ตองตั้งใจจริง
เสียสัตย์อย่ำเสียสู้ ชีพม้วยมรณำ
หากทิ้งชวงก็อาจหลงลืมได เหมือนการลาง
(๗๒) น�้ำเคี้ยวยูงว่ำเงี้ยว ยูงตำม หนาก็ตองทําทุกวันเพื่อไมใหหนาหมนหมอง
1 หมดราศี)
ทรำยเหลือบหบหำงยูงงำม ว่ำหญ้ำ
• จากบาทที่วา “สามวันจากนารี เปนอื่น”
ตำทรำยยิ่งนิลวำม พรำยเพริศ
ผูหญิงมีหลักเลือกคูครองอยางไร และใน
ลิงว่ำหว้ำหวังหว้ำ หว่ำดิ้นโดยตำม
ปจจุบันนักเรียนมีความเห็นอยางไร
(๗๗) พระสมุทรสุดลึกล้น คณนำ (แนวตอบ ในสังคมสมัยกอนถาชายหนุมจะ
ผูกสัมพันธใกลชิดกับหญิงสาวตองหมั่นไป
สำยดิ่งทิ้งทอดมำ หยั่งได้
มาหาสู หากชายหนุมเริ่มขาดการติดตอ
เขำสูงอำจวัดวำ ก�ำหนด
หญิงสาวก็จะรูสึกไมมั่นใจในชายหนุมและ
จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยำกแท้หยั่งถึง คิดวาชายหนุมอาจจะไมรักจริง และจะมีใจ
ใหคนที่ไปมาหาสูบอยกวาแทน แสดงใหเห็น
(๘๘) รักกันอยู่ขอบฟ้ำ เขำเขียว
วาผูหญิงสมัยกอนจะอยูในสถานะผูถูกเลือก
เสมออยู่หอแห่งเดียว ร่วมห้อง
และใหความสําคัญกับความมุง มัน่ จริงใจของ
ชังกันบ่แลเหลียว ตำต่อ กันนำ ชายหนุมที่จะมาเปนคูครอง ตางจากผูหญิง
เหมือนขอบฟ้ำมำป้อง ป่ำไม้มำบัง ในปจจุบนั ทีม่ สี ถานะเปนผูเ ลือกและใหความ
สําคัญกับหลายเรือ่ งขึน้ อยูก บั ความเหมาะสม
(๙๘) เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม ดนตรี
ทางสังคม ดังนั้นจากบาทที่กลาววา
อักขระห้ำวันหนี เนิ่นช้ำ “สามวันจากนารี เปนอื่น” ในสังคมปจจุบัน
สำมวันจำกนำรี เป็นอื่น จึงอาจเปนไปไดวาทั้งผูหญิงทั้งผูชายมี
วันหนึ่งเว้นล้ำงหน้ำ อับเศร้ำศรีหมอง โอกาสเปนอื่น)
29

ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับบทประพันธของโคลงโลกนิติ เกร็ดแนะครู
พระสมุทรสุดลึกลน คณนา ครูใหนักเรียนสังเกตโคลงบทที่ 72 วากวีใชการตัดคําใหเหลือนอยกวาเดิม เพื่อ
สายดิ่งทิ้งทอดมา หยั่งได ใหพยางคสั้นลง จากคําวา “คดเคี้ยว” มาเปน “เคี้ยว” และคําวา “งูเงี้ยว” มาเปน
เขาสูงอาจวัดวา กําหนด “เงี้ยว” วิธีตัดคํานี้เกิดจากกวีผูรอยกรองบทประพันธ เมื่อคําใดมีคําประพันธมาก
จิตมนุษยนี้ไซร ยากแทหยั่งถึง เกินไป จะนําเขาบรรจุในบทประพันธก็ยาวเยิ่นเกินกวาลักษณะบังคับที่วางไวในกฎ
โคลงบทนี้เนนสอนเรื่องใด จึงหาวิธีลดพยางคของคําใหเหลือนอยพอที่จะบรรจุคําลงได แตก็ยังคงมีความหมาย
1. ความลึกของนํ้า เทาเดิม คําที่ตัดตองอาศัยความรูในภาษากวีและการตีความตามบริบทเขาชวย
2. ความไววางใจ
3. ความพากเพียร
4. ความมีอุเบกขา นักเรียนควรรู
วิเคราะหคําตอบ โคลงบทนี้ถอดคําประพันธไดวา มหาสมุทรที่วาลึกยัง
หาสายดิ่งมาวัดใหรูความลึกได เชนเดียวกับภูเขาสูงก็สามารถวัดได แตกับ 1 ทราย หรือ เนื้อทราย มีเขาเฉพาะเพศผู ลักษณะเขาคลายกวาง เมื่อพบศัตรู
ใจมนุษยนี้ไมมีอะไรมาวัดได ใจมนุษยยากที่จะรูไดจึงตองระมัดระวังเรื่อง จะวิ่งหนีไมกระโดดเหมือนเกงและกวาง ตามคติของคนไทยถือวาเปนสัตวที่มี
ความไววางใจ ตอบขอ 2. นัยนตาสวย จึงมีคําเปรียบเปรยวา “ตาสวยดังเนื้อทราย” เนื้อทราย ยังมีชื่อเรียก
อื่นๆ อีก ไดแก กวางแขม ลําโอง และกวางทราย
คูมือครู 29
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
จากบทประพันธที่ยกมานี้ใหนักเรียนอภิปราย
แลวตอบคําถาม (๑๐๑) ใครจักผูกโลกแม้ รัดรึง
“ความรูดูยิ่งลํ้า สินทรัพย เหล็กเท่ำล�ำตำลตรึง ไป่หมั้น
คิดคาควรเมืองนับ ยิ่งไซร มนตร์ยำผูกนำนหึง หำยเสื่อม
เพราะเหตุจักอยูกับ กายอาต-มานา ผูกเพื่อไมตรีนั้น แน่นเท้ำวันตำย
โจรจักเบียนบได เรงรูเรียนเอา”
• นักเรียนคิดวา บทประพันธขางตนเกี่ยวของ (๑๑๗) ควำมรู้ดูยิ่งล�้ำ สินทรัพย์
กับนักเรียนอยางไร คิดค่ำควรเมืองนับ ยิ่งไซร้
(แนวตอบ บทประพันธขางตนเกี่ยวของในเรื่อง เพรำะเหตุจักอยู่กับ กำยอำต-มำนำ
หนาที่ของนักเรียน คือ ตองศึกษาหาความ โจรจักเบียนบ่ได้ เร่งรู้เรียนเอำ
รู เพราะความรูเปนสิ่งที่มีคามากแตก็ไมมี
ใครลักขโมยเอาไปได เมื่อมีแลวก็จะอยูกับเรา (๑๓๑) สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน 1
ตลอดไป) กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร�้ำ
บำปเกิดแต่ตนคน เป็นบำป
ขยายความเขาใจ Expand
บำปย่อมท�ำโทษซ�้ำ ใส่ผู้บำปเอง
ใหนักเรียนเลือกบทประพันธที่นักเรียน
ประทับใจ แลวแนะการนําขอคิดจากบทประพันธ (๑๘๖) นกน้อยขนน้อยแต่ พอตัว
ไปใชในชีวิตจริง รังแต่งจุเมียผัว อยู่ได้
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย มักใหญ่ย่อมคนหวัว ไพเพิด
ตัวอยางเชน ท�ำแต่พอตัวไซร้ อย่ำให้คนหยัน
“นกนอยขนนอยแต พอตัว
รังแตงจุเมียผัว อยูได (๑๘๗) เห็นท่ำนมีอย่ำเคลิ้ม ใจตำม
มักใหญยอมคนหวัว ไพเพิด เรำยำกหำกใจงำม อย่ำคร้ำน
ทําแตพอตัวไซร อยาใหคนหยัน” อุตส่ำห์พยำยำม กำรกิจ
จากบทประพันธที่ยกมาเหมาะสําหรับการนํา เอำเยี่ยงอย่ำงเพื่อนบ้ำน อย่ำท้อท�ำกิน
ไปใชในชีวิตอยางยิ่ง โดยเฉพาะในสังคมปจจุบันที่
มีการอุปโภคบริโภคสินคากันอยางฟุมเฟอย นําไปสู (๒๑๔) คนใดละพ่อทั้ง มำรดำ
ปญหาตางๆ เชน การติดหนี้ การขวนขวายใหไดมา อันทุพพลชรำ- ภำพแล้ว
ดวยวิธีการที่ผิด เปนตน ดังนั้นจึงควรเตือนตนเอง ขับไล่ไป่มีปรำ- ณีเนตร
และคนรอบขางใหรูจักพอเพียง พอดี พอใช ดังที่ คนดั่งนี้ฤ ๅแคล้ว คลำดพ้นไภยัน
กลาวในบทประพันธขางตน)
30

บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู จากแนวคิดเรื่องความพอเพียง เรื่องการรูจักประมาณในโคลงโลกนิติ
ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใชเครื่องหมายยัติภังค (-) ครูบูรณาการเชื่อมกับสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
ดังเชน บาทที่ 2 และ 3 ในบทที่ 214 ที่วา “อันทุพพลชรา- ภาพแลว” และ เรื่องปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดําริในพระบาทสมเด็จ
“ขับไลไปมีปรา- ณีเนตร” เกิดจากกวีตองการใหจํานวนคําถูกตองตาม พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นักเรียนสามารถประยุกตใชปรัชญาของ
ฉันทลักษณที่บังคับใหวรรคหนามี 5 คํา แตเมื่อมีคําเกินจึงตองแยกคําไปอยูวรรค เศรษฐกิจพอเพียงในการดําเนินชีวิตของนักเรียน ใหความสําคัญ รูคุณคา
หลัง และใชเครื่องหมายยัติภังคมาไวระหวางพยางคที่แยกออกจากกัน เพื่อใหรูวา และเล็งเห็นประโยชนตอสังคมไทยวา แนวคิดเรื่องความพอเพียงทั้งจาก
เปนคําเดียวกันเพียงแตแยกพยางคแยกวรรค ซึ่งจะทําใหผูอานเขาใจความหมายได โคลงโลกนิติและพระราชดําริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพล
ถูกตองตามบทประพันธนั้น อดุลยเดช ชวยรักษาคํ้าจุน สังคมไทยใหมั่นคง คนไทยมีความผาสุก
มีความเปนอยูที่ดี

นักเรียนควรรู
1 ขรํ้า ในบทที่ 131 เปนคําโทโทษ โดยปกติเขียนวา “ครํ่า” หมายความวา
เกาผุไป แตเมื่อเปนคําที่อยูในตําแหนงที่ตองใชรูปวรรณยุกตโท จึงเขียนเปน “ขรํ้า”
ออกเสียงเหมือนกันกับ “ครํ่า”
30 คูมือครู
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ Expand
ใหนักเรียนยกโคลงโลกนิติบทที่ใหแงคิดตรงกับ
(๒๓๑) คุณแม่หนำหนักเพี้ยง พสุธำ สํานวนสุภาษิตตอไปนี้ พรอมบอกความหมายของ
คุณบิดรดุจอำ- กำศกว้ำง สํานวนสุภาษิต
คุณพี่พ่ำงศิขรำ เมรุมำศ • สี่เทายังรูพลาด นักปราชญยังรูพลั้ง
คุณพระอำจำรย์อ้ำง อำจสู้สำคร (แนวตอบ บทประพันธที่ตรงกับสํานวนสุภาษิต
“สี่เทายังรูพลาด นักปราชญยังรูพลั้ง” คือ
(๒๗๘) ก้ำนบัวบอกลึกตื้น ชลธำร “สูงสารสี่เทายาง เหยียบหยัน
มำรยำทส่อสันดำน ชำติเชื้อ บางคาบเชี่ยวไปพลัน พลวกพลั้ง
โฉดฉลำดเพรำะค�ำขำน ควรทรำบ นักรูรํ่าเรียนธรรม ถึงมาก ก็ดี
หย่อมหญ้ำเหี่ยวแห้งเรื้อ บอกร้ำยแสลงดิน กลาวดั่งนํ้าผลั้งผลั้ง พลาดถอยทางความ”
โคลงบทนี้หมายความวา ทุกคนสามารถทํา
(๒๘๘) ถึงจนทนสู้กัด กินเกลือ ผิดพลาดได หากประมาทไมระมัดระวัง ทั้งนี้
อย่ำเที่ยวแล่เนื้อเถือ พวกพ้อง “สี่เทา” หมายถึง สัตวสี่เทา เชน ชาง ซึ่งมัก
อดอยำกเยี่ยงอย่ำงเสือ สงวนศักดิ์ กาวเดินไดมั่นคง แตก็อาจกาวพลาดได เชน
โซก็เสำะใส่ท้อง จับเนื้อกินเอง
เดียวกับนักปราชญคือผูรู บางครั้งอาจ
พลาดได)
(๓๐๘) โคควำยวำยชีพได้ เขำหนัง
เป็นสิ่งเป็นอันยัง อยู่ไซร้
คนเด็ดดับสูญสัง- ขำรร่ำง
เป็นชื่อเป็นเสียงได้ แต่ร้ำยกับดี
1
(๓๑๙) สูงสำรสี่เท้ำย่ำง เหยียบยัน
บำงคำบเชี่ยวไปพลัน พลวกพลั้ง
นักรู้ร�่ำเรียนธรรม์ ถึงมำก ก็ดี
กล่ำวดั่งน�้ำผลั้งผลั้ง พลำดถ้อยทำงควำม

(๔๐๓) เพื่อนกินสิ้นทรัพย์แล้ว แหนงหนี


หำง่ำยหลำยหมื่นมี มำกได้
เพื่อนตำยถ่ำยแทนชี- วำอำตม์
หำยำกฝำกผีไข้ ยำกแท้จักหำ
31

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
สูงสารสี่เทายาง เหยียบหยัน
1 สาร มีหลายความหมาย ในที่นี้หมายถึง ชางใหญ อาจใชวา ชางสาร
บางคาบเชี่ยวไปพลัน พลวกพลั้ง
นักรูรํ่าเรียนธรรม ถึงมาก ก็ดี
กลาวดั่งนํ้าผลั้งผลั้ง พลาดถอยทางความ
จากโคลงขางตน บาทใดมีคําสรอย
1. บาทที่ 1 สูงสารสี่เทายาง เหยียบหยัน
2. บาทที่ 2 บางคาบเชี่ยวไปพลัน พลวกพลั้ง
3. บาทที่ 3 นักรูรํ่าเรียนธรรม ถึงมาก ก็ดี
4. บาทที่ 4 กลาวดั่งนํ้าผลั้งผลั้ง พลาดถอยทางความ
วิเคราะหคําตอบ คําสรอย คือคําที่เปนสวนประกอบเพิ่มเติมที่ตอทาย
วรรค บาท หรือบท ไมบังคับ อาจมีหรือไมมีก็ได ในโคลงโลกนิติบาทที่มัก
ปรากฏคําสรอย ไดแก บาทที่ 1 และบาทที่ 3 จากโคลงขางตนบาทที่มี
คําสรอย คือ บาทที่ 3 มีคําวา “ก็ดี” ตอบขอ 3.

คูมือครู 31
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. นักเรียนเลือกบทประพันธที่นักเรียนชื่นชอบ
คนละ 2 บท พรอมบอกเหตุผลที่นักเรียนเลือก (๔๑๑) อ่อนหวำนมำนมิตรล้น เหลือหลำย
บทประพันธนั้น หยำบบ่มีเกลอกรำย เกลื่อนใกล้
2. นักเรียนทองจําบทประพันธที่เลือกมาเปน ดุจดวงศศิฉำย ดำวดำษ ประดับนำ
ทํานองเสนาะหนาชั้นเรียน โดยศึกษาความรู สุริยะส่องดำรำไร้ เพื่อร้อนแรงแสง
จากหนังสือเรียนหลักภาษาและการใชภาษา
ม.1 หนวยการเรียนรูที่ 1 การอานออกเสียง
เรื่องการอานโคลงสี่สุภาพ ในหนา 9 -10 บอกเล่าเก้าสิบ

ตรวจสอบผล Evaluate วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร


วัดพระเชตุพนฯ เป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา แต่ไม่ปรากฏหลักฐานเกี่ยวกั
1 บการสร้าง
1. นักเรียนวิเคราะหคุณคาโคลงโลกนิติได เดิมเรียกว่า วัดโพธาราม หรือ วัดโพธิ์ ได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวงในสมัยธนบุรี
2. นักเรียนยกสํานวนสุภาษิตที่มีขอคิดสอดคลอง ครัน้ ถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชได้โปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาวัดนีใ้ หม่
กับโคลงโลกนิติได ใน พ.ศ. ๒๓๓๑ เมื่อแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๓๔๔ พระราชทานนามว่า วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาวาส
3. นักเรียนทองจําบทอาขยานที่สนใจพรอมบอก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงเปลี่ยนสร้อยนามวัดเป็น วิมลมังคลาราม
ขอคิดได วัดพระเชตุพนฯ เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร และเป็นวัดประจ�ารัชกาล
ในรัชกาลที่ ๑ ทั้งยังเปรียบเสมือนเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศ เนื่องด้วยเป็นที่รวมจารึก
สรรพวิชาหลายแขนงและทางยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกความทรงจ�าโลก เมื่อเดือนมีนาคม
พ.ศ. ๒๕๕๑
วัดพระเชตุพนฯ ยังถือว่าเป็นวัดที่มีเจดีย์มากที่สุดในประเทศไทย โดยมีจ�านวนประมาณ
๙๙ องค์

32

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
คําประพันธตอไปนี้มีจุดประสงคตามขอใด
1 พระอารามหลวง คือ วัดที่พระมหากษัตริย หรือพระบรมวงศานุวงศทรงสราง
ถึงจนทนสูกัด กินเกลือ
หรือทรงบูรณปฏิสังขรณ หรือมีผูสรางนอมเกลานอมกระหมอมถวายเปนวัดหลวง
อยาเที่ยวแลเนื้อเถือ พวกพอง
และวัดที่ราษฎรสราง หรือบูรณปฏิสังขรณ และขอพระราชทานใหทรงรับไวเปน
อดอยากเยี่ยงอยางเสือ สงวนศักดิ์
พระอารามหลวง
โซก็เสาะใสทอง จับเนื้อกินเอง
1. ใหรูจักอดทน 2. ใหรูจักประมาณตน
3. ใหรูจักรักศักดิ์ศรี 4. ใหรูจักชวยเหลือตนเอง
มุม IT
วิเคราะหคําตอบ จากคําประพันธขางตนถอดคําประพันธไดวา แมจะยากจน
ศึกษาเกี่ยวกับโคลงสี่สุภาพที่ใหขอคิดเหมือนสํานวน คําพังเพยและสุภาษิตไทย อยางไรก็ใหทนกัดกอนเกลือกิน อยาไดไปเบียดเบียนเพื่อนฝูง ใหเปนอยางเสือ
เพิ่มเติม ไดที่ http://www.st.ac.th/bhatips/klong_4.html ที่เมื่อหิวก็สูพยายามจับเนื้อกินเองอยางมีศักดิ์ศรี จากความวา
“อดอยากเยี่ยงอยางเสือ สงวนศักดิ์” คือ สอนใหรูรักรักศักดิ์อยางเสือ
ตอบขอ 3.

32 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูใชเกมคําศัพทกระตุนความสนใจนักเรียน
๕ ค�าศัพท์ โดยเริ่มจากจัดนักเรียนออกเปน 2 กลุม
กลุมที่ 1 ใหนักเรียนเลือกจดคําศัพทที่
ค�าศัพท์ ความหมาย นักเรียนสนใจลงในกระดาษ คนละ 1 คํา
กร่อน หมดไปทีละน้อย สึกหรอ ร่อยหรอ กลุมที่ 2 ใหนักเรียนเลือกจดความหมายของ
กล่าวดั่งน�้า พูดคล่องราวกับน�้าไหล คําศัพทที่นักเรียนสนใจลงในกระดาษ คนละ 1
ขร�้า คร�่า คร�่าคร่า เก่าผุไป ในความว่า กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขรํ้า หมายความว่า ความหมาย
สนิมกัดเนื้อเหล็กให้ผุกร่อน ใช้การไม่ได้ 2. ครูใหสัญญาณนักเรียนเริ่มจับคูคําศัพทกับ
เขื่อง ใหญ่ โต ความหมาย หากคนใดไมมีคูใหบอกคําศัพท
ค้อม โน้มลง น้อมลง หรือความหมายที่เขาคูกันใหถูกตอง
ค่าควรเมือง มีค่ามาก
เคลิ้มใจ เผลอใจ ลืมตัวลืมใจ สํารวจคนหา Explore
เคี้ยว คด คดเคี้ยว
1. จากการเลนเกมจับคูคําศัพท ใหนักเรียนคนหา
เงี้ยว งู
คําศัพทหรือความหมายของคําศัพทที่ไมมีคู
โฉด โง่ เขลา 2. จดบันทึกคําศัพทจากการเลนเกมลงสมุด
ชเล ทะเล
ชาด สีแดงสดอย่างหนึ่ง เรียก สีแดงชาด ชาด
อธิบายความรู Explain
เชี่ยว รีบร้อน รีบเร่ง
นักเรียนบอกความสําคัญของการรูความหมาย
โซ 1 หิว
ของคําศัพทในโคลงโลกนิติ
ศศิ ดวงจันทร์
(แนวตอบ คําศัพทในโคลงโลกนิติเปนศัพทเกา
เด็ด ท�าให้ขาดหรือหลุดออก แต่ในความที่ว่า คนเด็ดดับสูญสังขารร่าง มีความหมาย
ว่า ตาย
โบราณ ซึ่งยากตอการอานและถอดความ การรูความ
หมายของคําศัพทในโคลงโลกนิติจึงชวยใหสามารถ
ถ่ายแทน ตายแทน สับเปลี่ยน
อานโคลงโลกนิติไดเขาใจมากขึ้น โดย
ทั่ง แท่งเหล็กที่ช่างใช้รองรับในการตีโลหะ
บางชนิด เช่น เหล็ก ทอง ให้เป็นรูปต่างๆ
ผูอานเขาใจถึงความคิด สาร ที่กวีตองการสื่อ โดย
ไมตองกังวลเกี่ยวกับศัพทที่ยาก และยังเปนพื้นฐาน
นวย น้อม
ของการศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรมเรื่องอื่นไดเปน
นักรู้ ผู้รู้ ผู้มีปญญา นักปราชญ์
อยางดี)
นิลวาม มีสีด�าวาววาม ทั่ง
บอกร้ายแสลงดิน บอกให้รู้ว่าดินตรงนั้นไม่ดี

33

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนคัดลอกโคลงสี่สุภาพจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมเรื่องอื่น เชน ครูควรแนะใหนักเรียนเห็นความสําคัญของการรูคําศัพท และชี้ใหนักเรียนเห็นถึง
นิราศสุพรรณของสุนทรภู นิราศนรินทร เปนตน นักเรียนคัดลอกมาคนละ ประโยชนของการจดจําคําศัพท และสะสมเปนคลังศัพทที่จะทําใหนักเรียนไดเปรียบ
1 บท จากนั้นนักเรียนแลกโคลงสี่สุภาพที่คัดลอกมากับเพื่อน นักเรียน ในการเขียนงานประเภทตางๆ นักเรียนจะเปนผูใชถอยคําไดถูกตองตรงความหมาย
อธิบายฉันทลักษณโคลงของเพื่อนที่นักเรียนแลกมาสงครู และสรรคําใชไดอยางหลากหลาย มีชั้นเชิงในการเขียนงานประเภทตางๆ

กิจกรรมทาทาย นักเรียนควรรู
1 ศศิ มีความหมายวา “พระจันทร” คําที่มีความหมายเหมือนคํานี้ เชน นิศากร
นักเรียนแตงโคลงสี่สุภาพ โดยเลือกเรื่องที่นักเรียนสนใจเปนหัวขอใน รัชนีกร แข ดวงเดือน ศศิธร เปนตน
การแตง หรือนักเรียนอาจเลียนลอเนื้อเรื่องจากโคลงสี่สุภาพชั้นครู เชน
นิราศสุพรรณของสุนทรภู นิราศนรินทร เปนตน ทั้งนี้นักเรียนคัดลอกโคลง
ตนแบบมาดวย นักเรียนแตงคนละ 1 บทสงครู

คูมือครู 33
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนคนหาคําศัพทจากเอกสารงานตางๆ
ที่นักเรียนเคยอานหรือเคยเห็นวาเปนคําที่เหมือน ค�าศัพท์ ความหมาย
กับคําศัพทในโคลงโลกนิติที่อยูในบทเรียน โดยยก ผลั้งผลั้ง หลั่งไหลพรั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสาย
ขอความนั้นมาคนละ 1 ขอความ พิจารณาวา ผ่ายหน้า ภายหน้า ข้างหน้า
คําศัพทนั้นมีความหมายเหมือนหรือตางจาก ฝน ถูหรือลับให้มีขนาดเล็กลง
ความหมายในโคลงโลกนิติหรือไม อยางไร พลวกพลั้ง พลาดพลั้ง
(แนวตอบ คําวา “หวัว” จากนิราศเมืองเพชร
พ่าง เปรียบได้กับ
ผลงานของสุนทรภู ความวา
ไพ มาจากค�าว่า ไยไพ แปลว่า เยาะเย้ย พูดให้อาย
“เสียงชะนีที่เหลาเขายี่สาน
เพิด ขับไล่
วิเวกหวานหวัวหวัวผัวผัวโหวย
หวิวหวิวไหวไดยินยิ่งดิ้นโดย มาน มี
ชะนีโหยหาคูไมรูวาย” เมรุมาศ หมายถึง เขาพระสุ1เมรุ ซึง่ มีสที อง เป็นภูเขาอยูก่ ลางจักรวาลบนยอดเขาเป็นที่ตั้ง
สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ของพระอินทร์
พิจารณาความหมายของคําวา “หวัว” จาก
กลอนที่ยกมาเปนคําเลียนเสียงธรรมชาติ เสียงรอง โยโส อวดดี
หาคูของชะนี มีความหมายตางจากโคลงโลกนิติ รังแต่ง ในความว่า รังแต่งจุเมียผัว อยู่ได้ หมายความว่า นกสร้างรัง
ที่หมายถึง เสียงหัวเราะเยาะ) รัถยา ทางเดิน
เรื้อ ห่างเหินไปนาน
ตรวจสอบผล Evaluate ลิขิต 2 เขียน หนังสือ
ศิขรา ภูเขา
1. นักเรียนอธิบายความหมายคําศัพทในบทเรียน
สระจ้อย สระน�้าเล็กๆ
ได
สายดิ่ง เชือกที่ผูกก้อนหินหรือท่อนเหล็กที่ปลาย เพื่อใช้วัดความลึกของน�้า
2. นักเรียนบอกความสําคัญของการรูคําศัพทได
หนอนบ่อน หนอนกินฟอนเฟะอยู่ข้างใน
หวัว หัวเราะเยาะ
หว้า ชื่อต้นไม้ขนาดใหญ่
ผลสุกสีม่วงด�ากินได้
หว่า หวั่นไหว
หัน หวนกลับคืน
อักขระ ตัวหนังสือ ในทีน่ หี้ มายถึง
ต้นหว้า
การเล่าเรียนเขียนอ่าน

34

ขอสอบ O-NET
นักเรียนควรรู ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับคําซอน
1 สวรรคชั้นดาวดึงส อยูเหนือสวรรคชั้นจาตุมหาราชิกาขึ้นไป ตั้งอยูบนยอดเขา คําประพันธในขอใด ไมมีคําซอน
พระสุเมรุ เปนที่อยูของพระอินทร ผูเปนใหญกวาเทวดาทั้งหลาย ตัวเมืองกวางขวาง 1. นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
ใหญโต และยาวถึง 8 ลานวา มีปราสาทแกว ลอมรอบดวยกําแพงแกว มีประตู 2. เลื้อยบทําเดโช แชมชา
1,000 ประตู ทุกประตูมียอดปราสาท ทําดวยทองประดับดวยแกว 7 ประการ 3. พิษนอยหยิ่งโยโส แมลงปอง
เวลาเปดปดประตูจะมีเสียงดังไพเราะราวกับดนตรี 4. ชูแตหางเองอา อวดอางฤทธี
วิเคราะหคําตอบ คําซอนมี 2 ประเภท คือ ซอนเสียงและซอนความหมาย
2 ศิขรา มีความหมายวา “ภูเขา” คําที่มีความหมายเหมือนคํานี้ เชน บรรพต จากโคลงขางตนมีคําซอน ดังนี้ “แชมชา” ในขอที่ 2. “หยิ่งโยโส” ในขอที่ 3.
นคินทร มเหยงค ศิขริน เปนตน และ “อวดอาง” ในขอที่ 4. ขอที่ไมมีคําซอน คือ “นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย”
ตอบขอ 1.

34 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูกระตุนความสนใจของนักเรียนโดยใช
๖ บทวิเคราะห์ คําถามนําเขาสูบทเรียนดวยคําถามที่เกี่ยวของกับ
โคลงโลกนิติเป็นโคลงสุภาษิตที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อสอนให้ทุกคนในสังคมเป็นคนดี ปฏิบัติตน
การดําเนินชีวิต เพื่อใหนักเรียนรูและเขาใจตรงตาม
จุดมุงหมายของโคลงโลกนิติที่เสนอขอคิดตางๆ
ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมในทุกโอกาสและสามารถด�ารงชีวิตได้อย่างมีความสุข
อันเปนธรรมดาของโลก และเปนขอเตือนสติเตือนใจ
นอกจากนี้โคลงโลกนิติยังมีศิลปะการประพันธ์ที่ดีเด่นด้านความเปรียบที่คมคายและมีเนื้อหา
ในการดําเนินชีวิต
ที่เป็นคติสอนใจ จากบทที่คัดมาให้ศึกษา สามารถวิเคราะห์คุณค่าได้ ดังต่อไปนี้
• นักเรียนคิดวาเราควรปฏิบัติตัวอยางไรจึงจะ
๖.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา 1 ดําเนินชีวิตในสังคมไดอยางมีความสุข
โคลงโลกนิติ มีเนื้อหาที่สะท้อนให้เห็นความเชื่อ ค่านิยม จริยธรรม ที่ผู้คนในสังคม (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย
ยึดถือเป็นอุดมคติและเป็นหลักในการปฏิบัติตนสืบต่อมาช้านาน หากผู้อ่านพิจารณาให้ลึกซึ้ง จะท�าให้ ตัวอยางเชน ยึดมั่นในความดี มีไมตรีจิต
เข้าใจถึงสัจธรรมของชีวิตมากยิ่งขึ้นและสามารถน�าข้อคิดไปปรับใช้ในชีวิตประจ�าวันได้ ดังเช่น รูกตัญู ตั้งใจเรียน รูจักประมาณตน
ไมฟุมเฟอย ขยัน อดทน มีระเบียบวินัย
สอนให้ยึดมั่นในความดี สอนให้สนใจการศึกษา ไมละเมิดกฎหมาย เปนตน)

สํารวจคนหา Explore
สอนให้มีไมตรีจิต สอนให้พึ่งพาตนเอง
1. นักเรียนรวบรวมขอคิดที่ไดจากโคลงโลกนิติ
2. นักเรียนแลกเปลี่ยนขอมูลกับเพื่อนขางเคียงที่
สอนให้คิดกตัญญู สอนให้เป็นผู้รู้จักประมาณตน แตกตางจากตนเอง อยางนอย 5 ขอ และจด
บันทึกลงในสมุด
(แนวตอบ ตัวอยางเชน ยึดมั่นในความดี
สอนให้รู้รักษาความสัตย์ สอนให้เป็นคนตั้งใจจริง มีไมตรีจิต มีความกตัญูรูคุณ รูรักษาความ
ซื่อสัตย รูจักเลือกคบคน ใสใจในการศึกษา
หาความรู รูจักพึ่งพาตนเอง รูจักประมาณตน
สอนให้หัดเลือกคบคน สอนให้ละทิ้งความโอ้อวด ใหอยูในความพอดี เปนผูมีความตั้งใจจริง
ละทิ้งความโออวดหลงตัวเอง)

๑) สอนให้ ยึ ด มั่ น ในความดี โคลงโลกนิติมีค�าสอนเรื่องการยึดมั่นในศีลธรรม


หรือความดี และเชื่อในเรื่องกฎแห่งกรรม คือ การท�าดีย่อมได้รับผลเป็นความดี การท�าชั่วย่อม
ได้รับผลเป็นความชั่ว และความชั่วนั้นย่อมกัดกร่อนจิตใจและให้ผลร้ายแก่คนที่กระท�าความชั่ว
เช่นเดียวกับสนิมที่กัดเนื้อเหล็กให้กร่อน ใช้การไม่ได้ และผุพังไปในที่สุด ดังบทที่ว่า
35

บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูเชื่อมโยงขอคิดคําสอนเรื่องการคบคนจากโคลงโลกนิติบูรณาการเขากับ นักเรียนควรรู
กลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนา 1 คานิยม คือ สิ่งที่บุคคลในสังคมเห็นวาเปนสิ่งดี ควรคาแกการรักษาไว
ซึ่งมาจากคําสอนทางพระพุทธศาสนา โดยกลาวเปนพุทธศาสนสุภาษิตวา อุดมคติเปนมาตรฐานแหงความดีงามสูงสุดที่มนุษยพยายามยึดไวเปนเปาหมาย
“ยํ เว เสวติ ตาทิโส” หมายความวา คบคนเชนใดยอมเปนเชนนั้น ซึ่งการ ในวรรณคดีและวรรณกรรมมีคานิยมของสังคมและของมนุษยปรากฏไวเสมอ
บูรณาการเชื่อมสาระนี้จะทําใหนักเรียนมีความรูเรื่องคําสอนทางพระพุทธ- ผูศึกษาวรรณคดียอมไมมองขามคานิยมที่มีสวนในการกําหนดบทบาทของเนื้อเรื่อง
ศาสนาและการเขาถึงสัจธรรมของชีวิตมากขึ้น ซึ่งเปนหลักในการดําเนินชีวิต และดวยที่คานิยมมีความเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยและลักษณะชีวิตของผูคน
ใหสงบสุข อีกทั้งเปนหนาที่ของพุทธศาสนิกชนที่พึงปฏิบัติ หรือศึกษาหา ในสังคม ผูศึกษาวรรณคดีและวรรณกรรมจึงควรพึงระวังไมนําคานิยมของปจจุบัน
ความรูเพื่อเปนแกนในการดําเนินชีวิต ไปตัดสินคานิยมในเนื้อเรื่องที่ยุคสมัยแตกตางกัน

คูมือครู 35
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
โคลงโลกนิติมีหลายบทที่มีคุณคาดานเนื้อหา
สอนใหคิดเรื่องความกตัญู ใหนักเรียนอธิบาย (๑๓๑) สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อ ในตน
ประเด็นตอไปนี้ กินกัดเนื้อเหล็กจน กร่อนขร�้ำ
• เพราะเหตุใดหลักคิดเรื่องความกตัญู บำปเกิดแต่ตนคน เป็นบำป
จึงมีความสําคัญและเหมาะที่จะสอนใหแก บำปย่อมท�ำโทษซ�้ำ ใส่ผู้บำปเอง
นักเรียน
(แนวตอบ ความกตัญูเปนคุณธรรมที่ดีงาม
นอกจากนี้ โคลงโลกนิติ ยังกล่าวถึงความชั่วและความดี โดยเปรียบเทียบว่าวัวควาย
หากปฏิบัติตนเปนผูมีความกตัญูแลว ยอม
เมื่อตายไปก็ยังเหลือเขาและหนังซึ่งยังเป็นประโยชน์ แต่คนเราเมื่อตายแล้ว ย่อมสูญสลายทุกอย่าง
หมายถึงชีวิตจะไดรับแตสิ่งดีๆ เพราะความ
คงเหลือแต่ค�ากล่าวขานถึงความดีงามและความชั่ว ที่ได้กระท�าไว้เมื่อยังมีชีวิต ดังความว่า
กตัญูเปนพื้นฐานของคนดี ซึ่งก็คือ เปนผูที่
มีจิตใจดีงาม รูจักเอาใจเขามาใสใจเรา รูจัก
ดูแลหวงใยผูอื่น เมื่อนักเรียนมีความกตัญู (๓๐๘) โคควำยวำยชีพได้ เขำหนัง
ก็จะเปนที่รักใครของคนทั่วไป) เป็นสิ่งเป็นอันยัง อยู่ไซร้
ครูเสริมทักษะความรูโดยใหนักเรียนทํากิจกรรม คนเด็ดดับสูญสัง- ขำรร่ำง
ตามตัวชี้วัด จากแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.1 กิจกรรม เป็นชื่อเป็นเสียงได้ แต่ร้ำยกับดี
ที่ 1.4
๒) สอนให้มีไมตรีจิต ดังโคลงที่กล่าวว่า ในโลกนี้จะมีสิ่งใดที่สามารถผูกใจหมู่ชน
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ทั้งหลายได้ แม้จะใช้เหล็กที่มีขนาดใหญ่เท่าล�าตาลมัดตรึงไว้ก็ไม่แน่นหนา หรือจะใช้เวทมนตร์คาถา
ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.4
เร�่อง โคลงโลกนิติ นานเข้าก็เสื่อมหาย แต่หากผูกใจผู้คนทั้งหลายด้วยไมตรีย่อมยั่งยืนอย่างไม่เสื่อมคลาย
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๔ ใหนกั เรียนเลือกโคลงโลกนิตบิ ททีน่ กั เรียนชืน่ ชอบ พรอมทัง้ ñð
อธิบายคุณคาทีไ่ ดรบั และการนําไปประยุกตใชในชีวติ ประจําวัน
(ท ๕.๑ ม.๑/๒, ๓, ๔)
(๑๐๑) ใครจักผูกโลกแม้ รัดรึง
๑๑๗
โคลงโลกนิติบทที…่ ………………………………………….
เหล็กเท่ำล�ำตำลตรึง ไป่หมั้น
ความรูดูยิ่งลํ้า สินทรัพย
................................................................................................................................................................................................................................................... มนตร์ยำผูกนำนหึง หำยเสื่อม
คิดคาควรเมืองนับ ยิ่งไซร
ผูกเพื่อไมตรีนั้น แน่นเท้ำวันตำย
...................................................................................................................................................................................................................................................

เพราะเหตุจักอยูกับ กายอาต- มานา


...................................................................................................................................................................................................................................................

โจรจักเบียนบได เรงรูเรียนเอา
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................

ฉบับ
๓) สอนให้คิดกตัญญู โคลงโลกนิติมีค�าสอนเรื่องความกตัญญูและการรู้ส�านึก
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
คุณคาที่ไดรับ ในพระคุณของบิดา มารดา และครูอาจารย์ โดยกล่าวเปรียบเทียบว่าพระคุณของมารดานั้นยิ่งใหญ่
ใหขอคิดวาความรูเปนสิ่งที่มีคายิ่งกวาทรัพยสินเงินทอง ดังนั้นเราจึงควรตั้งใจ และ
...................................................................................................................................................................................................................................................

มุงมั่นในการศึกษาหาความรู ซึ่งความรูนั้นเปนสิ่งที่จะอยูกับเราไปตลอดไมมีใครขโมยได
...................................................................................................................................................................................................................................................
เปรียบได้กับแผ่นดิน พระคุ1ณของบิดาก็กว้างขวางราวกับท้องฟ้าหรืออากาศ พระคุณของพี่นั้น
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................
ก็สูงราวกับยอดเขาพระสุเมรุ และพระคุณของครูก็ล�้าลึกและกว้างขวางราวกับแม่น�้าหรือมากมาย
การนําไปประยุกตใช ราวกับน�้าในแม่น�้า
ตัง้ ใจศึกษาเลาเรียนเพือ่ เปนการเพิม่ พูนความรูข องตน เมือ่ เติบโตจะไดเปนผูม วี ชิ าความรู
...................................................................................................................................................................................................................................................

สามารถดํารงชีวิตอยูในสังคมไดอยางมีความสุข และมีความเจริญกาวหนา
...................................................................................................................................................................................................................................................

...................................................................................................................................................................................................................................................
36
...................................................................................................................................................................................................................................................

(พิจารณาคําตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน)
๘๕

บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู จากความรูเรื่องคุณธรรมดานตางๆ ในโคลงโลกนิติสามารถบูรณาการ
เชื่อมโยงเขากับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
1 ยอดเขาพระสุเมรุ ตามความเชื่อทางพระพุทธศาสนาเปนศูนยกลางของจักรวาล
วิชาพระพุทธศาสนาเรื่องคุณธรรมที่ควรถือเปนแบบอยาง เชน ความกตัญู
ตั้งอยูบนเขาตรีกูฏ บนยอดภูเขาพระสุเมรุเปนที่ประดิษฐานสวรรคชั้นดาวดึงส มีเมือง
การรักษาความสัตย การเปนผูมีความตั้งใจแนวแน การเปนผูใฝในการศึกษา
สุทัศนอันเปนที่ประทับของพระอินทรตั้งอยู ในวรรณคดีไทยหลายเรื่องกลาวถึงเขา
เปนตน โดยศึกษาจากประวัติของพุทธสาวก พุทธสาวิกา และศาสนิกชน
พระสุเมรุและสิ่งที่เกี่ยวเนื่องกับเขาพระสุเมรุ เชน กําสรวลโคลงดั้น กาพยเหเรือ
ตัวอยางเชน ประวัติของพระมหากัสสปะที่พระพุทธเจาทรงยกยองและแตงตั้ง
เจาฟาธรรมธิเบศร นิราศนรินทร
ใหเปน “เอตทัคคะ” ผูเปนเลิศกวาคนอื่น ในทางผูทรงธุดงคเมื่อศึกษาประวัติ
ของทานจะพบวาทาน มีคุณธรรมที่ควรถือเปนแบบอยางหลายขอ ทั้งเปนผูที่มี
ความกตัญูกตเวทีและเปนผูมีสัจจะรักษาสัญญาที่พูดไวเสมอ จากตัวอยาง
ที่ยกมาบูรณาการความรู จะสงผลใหนักเรียนมีความรูความเขาใจในคําสอน
ทั้งทางโลกและทางธรรมมากขึ้น เปนแบบอยางที่ดีในการปฏิบัติตนของ
นักเรียน

36 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
จากโคลงโลกนิติที่สอนใหรูรักษาความสัตย
1
(๒๓๑) คุณแม่หนำหนั
หนักเพี้ยง พสุธำ ในหนา 37 ใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้
คุณบิดรดุจอำ- กำศกว้ำง • โคลงบทที่ 69 หากตองแลกกับการรักษา
คุณพี่พ่ำงศิขรำ เมรุมำศ ความสัตยอาจตองสูญเสียสิ่งใดบาง
คุณพระอำจำรย์อ้ำง อำจสู้สำคร (แนวตอบ เสียทรัพยสิน เสียศักดิ์ เสียรู)
• โคลงบทที่ 69 นี้ กวีใหความสําคัญกับสิ่งใด
นอกจากนี้ยังมีโคลงอีกบทหนึ่งซึ่งกล่าวถึงความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณโดยเฉพาะบิดา มากที่สุด เพราะเหตุใด
มารดา ถ้าบุคคลใดละทิ้งหรือไม่ดูแลยามที่ท่านแก่ชรา อันเป็นการกระท�าที่ปราศจากความกตัญญู (แนวตอบ โคลงบทนี้ใหความสําคัญกับความ
ชีวิตของผู้นั้นย่อมพานพบแต่สิ่งไม่ดี สัตยมากที่สุด ยอมเสียทรัพยสินเพื่อรักษาชื่อ
(๒๑๔) คนใดละพ่อทั้ง มำรดำ เสียงวงศตระกูล ยอมเสียศักดิ์ศรีเพื่อแลกกับ
อันทุพพลชรำ- ภำพแล้ว ความรู ยอมเสียรูเพื่อรักษาความสัตย แมตอง
ขับไล่ไป่มีปรำ- ณีเนตร แลกดวยชีวิตก็ยังคงรักษาความสัตยไว เพราะ
คนดั่งนี้ฤ ๅแคล้ว คลำดพ้นไภยัน การรักษาความสัตยเปนคุณธรรมพื้นฐานที่จะ
นําไปสูคุณธรรมขออื่น หากนําไปเปนหลักคิด
๔) สอนให้รรู้ กั ษาความสัตย์ โคลงโลกนิตบิ ทหนึง่ กล่าวถึงการรักษาความสัตย์ไว้วา่ หลักปฏิบัติจะทําใหไดรับความไววางใจ เปน
เป็นสิ่งส�าคัญมากที่สุด นอกเหนือจากการรักษาศักดิ์ศรีและการแสวงหาความรู้ แม้จะต้องสละชีวิต ที่เชื่อถือของเพื่อนฝูง มิตรสหาย และบุคคลที่
ก็อย่ายอมเสียความสัตย์เป็นอันขาด เกี่ยวของทั่วไป)
(๖๙) เสียสินสงวนศักดิ์ไว้ วงศ์หงส์
เสียศักดิ์สู้ประสงค์ สิ่งรู้
ขยายความเขาใจ Expand
เสียรู้เร่งด�ำรง ควำมสัตย์ ไว้นำ 1. นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ
เสียสัตย์อย่ำเสียสู้ ชีพม้วยมรณำ เรื่องการรักษาความสัตย
• การรักษาความสัตยมีความสําคัญอยางไร
๕) สอนให้หัดเลือกคบคน โคลงโลกนิติสอนให้รู้จักการพิจารณาและไม่ประมาท
เพราะเหตุใดจึงตองรักษาความสัตย
ในการเลือกคบคน โดยเปรียบเทียบว่ามหาสมุทร แม้จะลึกเพียงใด ยังอาจใช้สายดิ่งวัดได้ หรือภูเขา
(แนวตอบ การรักษาไวซึ่งความสัตย เปน
จะสูงเพียงใด ก็ยังวัดระยะความสูงได้ แต่จิตใจของคนนั้นยากที่จะหยั่งถึงหรือเข้าใจได้ ดังนั้น
คุณธรรมที่นานับถือและมีเกียรติ หากนําไป
จึงไม่ควรไว้วางใจหรือเชื่อใจใครง่ายๆ ดังโคลงบทที่ว่า
เปนหลักคิดและเปนคุณธรรมประจําใจ
(๗๗) 2 พระสมุทรสุดลึกล้น คณนำ จะสงผลใหเปนทีเ่ ชือ่ ถือไววางใจของเพือ่ นฝูง
สำยดิ่งทิ้งทอดม
ทอดมำ หยั่งได้ มิตรสหาย)
เขำสูงอำจวัดวำ ก�ำหนด 2. จดบันทึกความรูลงสมุด
จิตมนุษย์นี้ไซร้ ยำกแท้หยั่งถึง
37

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
เสียสินสงวนศักดิ์ไว วงศหงส
1 พสุธา มีความหมายวา “แผนดิน” คําที่มีความหมายเหมือนกับคํานี้ เชน
เสียศักดิ์สูประสงค สิ่งรู
พสุธาดล ภพ ธรา ธรณี ปฐพี ปถวี เปนตน
เสียรูเรงดํารง ความสัตย ไวนา
เสียสัตยอยาเสียสู ชีพมวยมรณา 2 สายดิ่ง คือ เชือกที่ปลายดานหนึ่งผูกติดกับลูกดิ่ง สําหรับวัดความลึกของนํ้า
ขอใดกลาวถูกตอง หรือตรวจสอบเสา หรือกําแพงวาอยูในแนวดิ่งหรือไม
1. การรักษาความสัตยสําคัญที่สุด
2. การเสียสัตยยอมดีกวาการเสียศักดิ์
3. การเสียรูไมคุมคาเมื่อแลกกับการเสียศักดิ์ มุม IT
4. การสูญเสียสิ่งใดก็ไมรายแรงเทาการเสียทรัพย
ศึกษาเกี่ยวกับบทวิเคราะหของโคลงโลกนิติเพิ่มเติม ไดที่
วิเคราะหคําตอบ โคลงขางตนมีความหมายวา การเสียทรัพยสินเพื่อรักษา http://www.st.ac.th/bhatips/tip48/student48/loganit_student.html
ชื่อเสียงวงศตระกูล การเสียศักดิ์ศรีเพื่อแลกกับความรู การยอมเสียรูเพื่อ
รักษาความสัตย และแมแตชีวิตก็ยอมสละไดเพื่อรักษาความสัตยไว การ
รักษาความสัตยจึงเปนสิ่งที่นายกยอง เชิดชู และเปนสิ่งที่สําคัญกวาทุกสิ่ง
ที่กลาวมาทั้งหมด ตอบขอ 1.
คูมือครู 37
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนทํากิจกรรมรวมกัน โดยใหนักเรียนยกบท
ประพันธใหตรงกับขอคิดตอไปนี้ ๖) สอนให้สนใจการศึกษา คือ สอนให้เห็นความส�าคัญของการเรียน มีความขยัน
• เปนผูรูจักประมาณตน หมั่นเพียรในการศึกษา เนื่องจากวิชาความรู้มีคุณค่ายิ่งกว่าทรัพย์สมบัติทั้งหลายและคงอยู่ติดตัว
(แนวตอบ “นกนอยขนนอยแต พอตัว ไปจนตาย ไม่มีใครมาแย่งชิงไปได้ ดังโคลงบทที่ว่า
รังแตงจุเมียผัว อยูได
มักใหญยอมคนหวัว ไพเพิด (๑๗๗) ความรู้ดูยิ่งล�้า สินทรัพย์
ทําแตพอตัวไซร อยาใหคนหยัน”) คิดค่าควรเมืองนับ ยิ่งไซร้
• รูจักพึ่งพาตนเอง เพราะเหตุจักอยู่กับ กายอาต-มานา
(แนวตอบ “ถึงจนทนสูกัด กินเกลือ โจรจักเบียนบ่ได้ เร่งรู้เรียนเอา
อยาเที่ยวแลเนื้อเถือ พวกพอง
อดอยากเยี่ยงอยางเสือ สงวนศักดิ์ ๗) สอนให้พึ่งพาตนเอง ซึ่งตรงกับพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า อัตตาหิ อัตโนนาโถ
โซก็เสาะใสทอง จับเนื้อกินเอง”) หมายถึง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แม้เราจะตกอยู่ในภาวะอับจน แต่ก็ต้องรู้จักน�าพาตนเองให้หลุดพ้น
2. ครูพิจารณาบทประพันธที่นักเรียนยกมา โดยให
จากภาวะดั งกล่ าว โดยไม่ เที่ ยวไปเบี ยดเบีย นหรื อ ขอความช่ วยเหลื อ ผู้ อื่ น แต่ ค วรพึ่ งพาตนเอง
นักเรียนอธิบายเพิ่มเติมวา โคลงบทที่นักเรียนยก
เป็นอันดับแรก
มาตรงตามขอคิดที่ครูบอกอยางไร จากนั้นให
นักเรียนจดบันทึกลงสมุด (๒๘๘) ถึงจนทนสู้กัด กินเกลือ
อย่าเที่ยวแล่เนื้อเถือ พวกพ้อง
ขยายความเขาใจ Expand
อดอยากเยี่ยงอย่างเสือ สงวนศักดิ์
นักเรียนเสนอแนวทางในการดําเนินชีวิตที่ โซก็เสาะใส่ท้อง จับเนื้อกินเอง
สามารถนําขอคิด “การเปนผูรูจักประมาณตน” และ
“การรูจักพึ่งพาตัวเอง” ไปใชในชีวิตจริง โดยเขียน ๘) สอนให้เป็นผู้รู้จักประมาณตน โคลงโลกนิติสอนให้เป็นผู้รู้จักประเมินความ
เปนความเรียง ความยาวไมนอยกวา 15 บรรทัด สามารถและประมาณก�าลังของตน โดยกล่าวเปรียบเทียบกับนกในธรรมชาติว่า นกจะหากินและ
ท�ารังแต่พอตัวเองและครอบครั
1 ว ดังนัน้ มนุษย์กค็ วรด�าเนินชีวติ ด้วยความพอดี อันเป็นวิถที างทีส่ อดคล้อง
กับหลักเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชด�าริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมพิ ลอดุลยเดช

(๑๘๖) นกน้อยขนน้อยแต่ พอตัว


รังแต่งจุเมียผัว อยู่ได้
มักใหญ่ย่อมคนหวัว ไพเพิด
ท�าแต่พอตัวไซร้ อย่าให้คนหยัน

38

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดไมมีการเสนอแนวคิด
ครูแนะนําหนังสือประชุมโคลงโลกนิติใหนักเรียนรูจักและเปนแนวทางใหนักเรียน
1. กานบัวบอกลึกตื้น ชลธาร
คนควาความรูเพิ่มเติมจากแหลงการเรียนรูตางๆ วา หนังสือประชุมโคลงโลกนิติ
มรรยาทสอสันดาน ชาติเชื้อ
เปนหนังสือรวมสุภาษิตเกาแกที่เชื่อถือกันมานาน ดวยเปนเรื่องที่นําเอาธรรมดาของ
2. ถึงจนทนสูกัด กินเกลือ
โลกมากลาวไว และนักเรียนสามารถนํามาปรับใชเปนคติเตือนใจในการดําเนินชีวิต
อยาเที่ยวแลเนื้อเถือ พวกพอง
โคลงโลกนิติเปนภูมิปญญาไทยที่แสดงใหเห็นความงามทั้งดานความคิดและการใช
3. ออนหวานมานมิตรลน เหลือหลาย
ภาษา
หยาบบมีเกลอกลาย เกลื่อนใกล
4. ผลเดื่อเมื่อสุกไซร มีพรรณ
นักเรียนควรรู ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบาย
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. เสนอแนวคิดวา กิริยามรรยาทสอสกุล ขอ 2. เสนอ
1 หลักเศรษฐกิจพอเพียง เปนปรัชญาการดํารงชีวิตและปฏิบัติตนของประชาชน
แนวคิดวา ใหรักศักดิ์ศรี ขอ 3. เสนอแนวคิดวา การพูดจาออนหวานจะทําให
ทุกระดับ ตั้งแตครอบครัว ชุมชน จนถึงระดับรัฐ ทั้งในการดํารงชีวิตประจําวัน
มีเพื่อนมาก ตางกับคนที่ชอบพูดจาหยาบคายยอมไมมีเพื่อนเขาใกล ขอ 4.
การพัฒนาและบริหารประเทศ โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจใหดําเนินไปในทาง
บอกเพียงลักษณะของผลมะเดื่อวามีสีแดงชาด ไมมีการเสนอแนวคิด ดังนั้น
สายกลาง ที่สามารถจะรับมือความผันผวนของเศรษฐกิจโลกไดดี
จึงตอบขอ 4.
38 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
ใหนักเรียนเลือกบทประพันธโคลงโลกนิติคนละ
๙) สอนให้เป็นคนตั้งใจจริง การท�าสิ่งใดก็ตาม ให้ท�าด้วยความตั้งใจ โดยเฉพาะ 1 บท ถอดคําประพันธเปนสํานวนของนักเรียนเอง
ในเรือ่ งการเรียนและการท�างาน เพราะหากละเลยหรือไม่เอาใจใส่ในสิง่ ทีท่ า� ย่อมไม่มวี นั ทีจ่ ะเกิดความ- และอธิบายใหเห็นวามีคุณคาดานเนื้อหาอยางไร
ช�านาญและประสบความส�าเร็จได้ ดังโคลงโลกนิติในบทที่ว่า (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย ขึ้นอยูกับ
ความสนใจของนักเรียน
(๙๘) เจ็ดวันเว้นดีดซ้อม ดนตรี
ตัวอยางเชน
อักขระห้ำวันหนี เนิ่นช้ำ
“เพื่อนกินสิ้นทรัพยแลว แหนงหนี
สำมวันจำกนำรี เป็นอื่น
หางายหลายหมื่นมี มากได
วันหนึ่งเว้นล้ำงหน้ำ อับเศร้ำศรีหมอง
1 เพื่อนตายถายแทนชี- วาอาตม
๑๐) สอนให้ละทิ้งความโอ้อวด โคลงโลกนิติบทหนึ่งสอนถึงเรื่องความโอ้อวดไว้ หายากฝากผีไข ยากแทจักหา”
โดยเปรียบเทียบกับกิริยา หรือธรรมชาติของสัตว์อย่างงูและแมงป่อง เนื่องจากงูเป็นสัตว์ที่มีพิษ จากโคลงโลกนิติขางตนสอนวา เพื่อนกินหางาย
แต่โดยปกติมักเคลื่อนไหวหรือเลื้อยอย่างเชื่องช้า และเราไม่อาจเดาได้ว่างูตัวนั้นมีพิษมากน้อย เพื่อนตายหายาก ซึ่งเนื้อหาเปนคําสอนที่ทําใหรูจัก
เพียงใด ต่างไปจากแมงป่องซึ่งมีพิษน้อยกว่างู แต่กลับชูหางข่มขู่ศัตรูหรือสัตว์ที่เข้าใกล้ ดังนั้น ระมัดระวังในการคบคน สังเกตและพิจารณาผูคน
ในฐานะที่เราเป็นมนุษย์จึงควรมีความอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ควรโอ้อวดสรรพคุณของตนเอง เพราะไม่มี ที่รูจักวาแทที่จริงแลวเขาคบเราเพื่ออะไร นับวาเปน
ใครอยากจะอยู่ใกล้กับคนที่ชอบโอ้อวด นอกจากนี้ความโอ้อวด อาจท�าให้เราอับอายได้ในภายหลัง ประโยชนตอการดําเนินชีวิตในสังคม)
หากไม่มีความรู้ หรือความสามารถดังที่เคยโอ้อวดไว้
(๒๓) นำคีมีพิษเพี้ยง สุริโย ขยายความเขาใจ Expand
เลื้อยบ่ท�ำเดโช แช่มช้ำ 1. ใหนักเรียนแตละกลุม แตงนิทานที่มีเนื้อเรื่อง
พิษน้อยหยิ่งโยโส แมลงป่อง* สอดคลองกับโคลงโลกนิติบทใดบทหนึ่ง
ชูแต่หำงเองอ้ำ อวดอ้ำงฤทธี ตามความสนใจของนักเรียน
* ในที่นี้หมายถึง แมงป่อง ในทางกีฏวิทยา แมลงใช้กับสัตว์ที่มี ๖ ขา และมีปีกบิน 2. แตละกลุมนํานิทานที่ชวยกันแตงมาแสดง
บอกเล่าเก้าสิบ บทบาทสมมติหนาชั้นเรียน
3. ใหเพื่อนในชั้นเรียนเขียนขอคิดที่ไดจากการชม
แมงป่อง การแสดงของแตละกลุมลงสมุดบันทึก
แมงป่อง (Scorpion) เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง มีมาตั้งแต่ยุค
ดึกด�าบรรพ์ เป็นสัตว์มพ ี ษิ ล�าตัวยาว มีกา้ มคล้ายก้ามปู ๑ คู ่ ทีป่ ลายหาง
มีอวัยวะส�าหรับต่อย ไม่ชอบแสงสว่าง มักจะซ่อนตัวอยูต่ ามสถานทีม่ ดื
และชืน้ หรือขุดรูอยูต่ ามป่า ออกหากินเวลากลางคืน ทัว่ โลกมีแมงป่อง
ประมาณ ๑,๒๐๐ ชนิด อยูท่ งั้ ในเขตทะเลทราย เขตร้อนชืน้ หรือแม้แต่
แถบชายฝัง่ ทะเล ในประเทศไทยมีแมงป่องประมาณ ๑๑ ชนิด พบมาก
ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

39

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
คําประพันธตอไปนี้ใชภาพพจนกี่แหง
ครูแนะความรูใหนักเรียนฟงเรื่องคําเอกโทษ โทโทษวา ใชเมื่อฉันทลักษณบังคับ
ผลเดื่อเมื่อสุกไซร มีพรรณ
คํานั้นใหเปนคําเอก คําโท กลาวคือ ถาโคลงบังคับคําเอก ถาไมมีคําเอก (คือคําที่มี
ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบาย
รูปวรรณยุกตเอกกํากับอยู) ก็ใหใชคําตายแทนหรือทําใหคํานั้นเปนคําเอกโทษ
ภายในยอมแมลงวัน หนอนบอน
ถาเปนคําบังคับคําโท (คือคําที่มีรูปวรรณยุกตโทปรากฏอยู) เมื่อไมมีคําโทตรงนั้น
ดุจดั่งคนใจราย นอกนั้นดูงาม
ก็ใหใชคําโทโทษแทนได
1. 1 แหง 3. 3 แหง
2. 2 แหง 4. 4 แหง
วิเคราะหคําตอบ คําประพันธในขางตนมีการใขภาพพจนอุปมา 2 แหง คือ นักเรียนควรรู
“ภายนอกแดงดูฉัน ชาดบาย” และ “ดุจดั่งคนใจราย นอกนั้นดูงาม”
ตอบขอ 2. 1 โออวด ในพระพุทธศาสนสุภาษิตก็มีการเตือนตนเกี่ยวกับความโออวด
ไวดังนี้
อปฺปตฺโต โน จ อุลฺลเป (อัปปตโต โน จะ อุลละเป) หมายความวา
เมื่อความสําเร็จยังมาไมถึง ไมพึงพูดโออวด

คูมือครู 39
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานวรรณศิลป
จากโคลงโลกนิติ ดังนี้ ๖.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
“คุณแมหนาหนักเพี้ยง พสุธา โคลงโลกนิติ เป็นวรรณคดีที่มีความดีเด่นในด้านถ้อยค�าและส�านวนโวหารที่เข้าใจง่าย
คุณบิดรดุจอา- กาศกวาง แต่มีความหมายลึกซึ้งและมีความไพเราะสละสลวย เนื่องด้วยกวีมีกลวิธีในการประพันธ์ ดังต่อไปนี้
คุณพี่พางศิขรา เมรุมาศ ๑) การใช้ภาพพจน์ ด้วยการใช้ความเปรียบว่าสิง่ หนึง่ เหมือนกับสิง่ หนึง่ หรือ อุปมา
คุณพระอาจารยอาง อาจสูสาคร” เป็นการเปรียบเทียบกับสิ่งใกล้ตัวเพื่อให้เห็นจริง กลวิธีนี้เป็นการน�าสิ่งใกล้ตัวที่ผู้อ่านพบเห็นหรือรู้จัก
• โคลงโลกนิติที่ยกมามีความโดดเดนในดาน มาใช้เป็นคติเตือนใจ ท�าให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจมากขึ้น ดังบทที่กล่าวถึงผลมะเดื่อ เมื่อสุกจะมีสีแดง
วรรณศิลปอยางไร สวยงาม แต่ภายในกลับมีหนอนแมลงวันมากมายเปรียบเทียบกับคนทีภ่ ายนอกดูดี แต่กลับมีจติ ใจชัว่ ร้าย
(แนวตอบ โคลงโลกนิติที่ยกมามีความโดดเดน
(๗) ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้ มีพรรณ
ในการใชภาพพจนอปุ มาแสดงการเปรียบเทียบ
ภำยนอกแดงดูฉัน ชำดบ้ำย
โดยใชคําวา “เพี้ยง” “ดุจ” “พาง” มาแสดง
ภำยในย่อมแมลงวัน หนอนบ่อน
ความเปรียบ ดังนี้ เปรียบเทียบพระคุณแมวา
ดุจดั่งคนใจร้ำย นอกนั้นดูงำม
ยิ่งใหญเทาฟา พระคุณบิดาเทาอากาศ
พระคุณของผูเปนพี่เปรียบไดกับเขาพระสุเมรุ ๒) การใช้ภาษาสร้างจินตภาพ เป็นศิลปะการประพันธ์ที่พบมากในโคลงโลกนิติ
และพระคุณของครูบาอาจารยเทียบเทาไดกับ ท�าให้เนื้อความลึกซึ้งและสร้างจินตนาการได้อย่างแจ่มชัด เช่นโคลงที่กล่าวถึงการไม่ท�าอะไรเกิน
แมนํ้า) ความพอดีที่ว่า
(๖๐) จระเข้คับน่ำนน�้ำ ไฉนหำ ภักษ์เฮย
ขยายความเขาใจ Expand รถใหญ่กว่ารัถยำ ยำกแท้
1. ใหนักเรียนยกบทประพันธที่นักเรียนเห็นวา เสือใหญ่กว่าวนำ ไฉนอยู่ ได้แฮ
เปนการใชภาษาสรางจินตภาพไดชัดเจนที่สุด เรือเขื่องคับชเลแล้ แล่นโล้ไปไฉน
(แนวตอบ คําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจของครู
โคลงบทนี้เน้นใช้ค�าว่า “คับ” ซึ่งแปลว่า มีลักษณะหรือปริมาณเกินพอดี และ “กว่า”
ผูสอน ตัวอยางเชน
ซึ่งแปลว่า เกิน อันเป็นค�าที่ท�าให้รู้สึกหรือนึกถึงเรื่องของ ขนาด เพื่อแสดงให้เห็นว่าการขาดความ-
“นาคีมีพิษเพี้ยง สุริโย
พอดีหรือความเหมาะสมจะส่งผลเสียอย่างไร โดยอาศัยการเปรียบเทียบค�าที่สื่อความหมายเข้าคู่กันได้
เลื้อยบทําเดโช แชมชา
ตามการรับรู้ของคนทั่วไป ได้แก่
พิษนอยหยิ่งโยโส แมลงปอง
จระเข้ กับ แม่น�้า ➝ จระเข้ หากมีขนาดใหญ่กว่าแม่น�้า ย่อมหาเหยื่อได้ยาก
ชูแตหางเองอา อวดอางฤทธี”)
รถ กับ ถนน ➝ รถ หากมีขนาดใหญ่กว่าถนน ย่อมสัญจรติดขัด
2. นักเรียนเขียนบรรยายโคลงบทที่ยกมาเปน
เสือ กับ ป่า ➝ เสือ หากมีขนาดใหญ่กว่าป่า ย่อมมีชีวิตอยู่อย่างล�าบาก
รอยแกว
เรือ กับ ทะเล ➝ เรือ หากมีขนาดใหญ่กว่าทะเล คงแล่นไปไหนไม่ได้
3. ครูสุมนักเรียน 3-4 คน มาอานโคลงที่นักเรียน
จุดมุ่งหมายของโคลงบทนี้ คือ สอนให้ทุกคนด�ารงตนหรือด�าเนินชีวิตให้พอเหมาะกับ
เลือก และถอดความโคลงพรอมทั้งอานให
สภาพแวดล้อมและฐานะความเป็นอยู่
เพื่อนฟง
40

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดจัดเปนคุณคาที่สําคัญสูงสุดของโคลงโลกนิติ
ครูใหความรูนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใชภาษาสรางจินตภาพที่ทําใหเกิด
1. ความงามและความซาบซึ้งในรสวรรณคดี
กระบวนจินตภาพวา มีความสําคัญตอบทประพันธทั้งหลาย โดยเฉพาะบทรอยกรอง
2. การใชถอยคําเหมาะสมกับลักษณะคําประพันธ
เพื่อใหบังเกิดประสิทธิผล ในดานเราความรูสึก ใหความประทับใจ ปลุกจิตสํานึก
3. นําคติที่ไดไปประยุกตใชในการดําเนินชีวิต
ชวยสงสารหรือแนวคิดใหกวางขวางและลึกซึ้งขึ้น กระบวนจินตภาพเปนคุณสมบัติ
4. เห็นภาพสะทอนสังคมในอดีตชัดเจนมากขึ้น
และคุณคาที่แสดงแงงามและใหรสแหงวรรณคดีนั้นๆ โดยตรง
วิเคราะหคําตอบ จุดมุงหมายของโคลงโลกนิติ คือ สอนใหทุกคนในสังคม
เปนคนดี ปฏิบัติไดอยางถูกตองเหมาะสมในทุกโอกาส และสามารถดํารงชีวิต
ไดอยางมีความสุข ดังนั้น การนําคติจากโคลงโลกนิติไปใชในชีวิตประจําวัน
นับวาเปนสิ่งที่ทําใหบรรลุจุดมุงหมายและจัดเปนคุณคาสูงสุดของโคลงโลกนิติ
ตอบขอ 3.

40 คูมือครู
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนเลือกบทประพันธที่นักเรียนชื่นชอบมา
๓) การเล่นเสียง เป็นการใช้สมั ผัสสระหรือสัมผัสอักษรในวรรคเดียวกันช่วยท�าให้เกิด 1 บท แลววิเคราะหวา บทประพันธที่นักเรียนเลือก
ความไพเราะ มีลีลาจังหวะ และเสียงของค�ากลมกลืนกัน ดังในโคลงบทที่กล่าวว่า มีการซํ้าคําหรือไม อยางไร
(แนวตอบ ตัวอยางเชน การซํ้าคํา โดยซํ้าคําวา
(๓๑๙) สูงสารสี่เท้าย่าง เหยียบยัน “บาป” เห็นการเนนยํ้าความหมายเพื่อเตือนสติ
บางคาบเชี่ยวไปพลัน พลวกพลั้ง ใหระวังบาป ทําใหจุดมุงหมายของโคลงบทนี้
นักรู้ร�่าเรียนธรรม์ ถึงมาก ก็ดี แจมชัดยิ่งขึ้น
กล่าวดั่งน�้าผลั้งผลั้ง พลาดถ้อยทางความ สนิมเหล็กเกิดแตเนื้อ ในตน
กินกัดเนื้อเหล็กจน กรอนขรํ้า
โคลงบทนี้ใช้การเล่นเสียงสัมผัสอักษร เพื่อเน้นเนื้อความซึ่งเป็นการเปรียบเทียบกัน บาปเกิดแตตนคน เปนบาป
ระหว่างสัตว์สี่เท้า คือ ช้าง และสัตว์สองเท้า คือ คน ซึ่งในที่นี้ได้แก่ นักปราชญ์ ว่า ช้าง แม้สูงใหญ่ บาปยอมทําโทษซํ้า ใสผูบาปเอง)
และใช้เท้าถึงสี่ข้างในการเดิน บางครั้งหากรีบร้อนก็อาจท�าให้เดินหรือก้าวพลาดได้ เช่นเดียวกับ ครูทดสอบความรูโดยใหนักเรียนทํากิจกรรรม
นักปราชญ์ แม้จะมีความรู้ แต่หากรีบร้อน โดยเฉพาะในเรื่องของการพูด คือ ขาดความระมัดระวัง ตามตัวชี้วัด จากแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.1 กิจกรรม
ในการพูด ก็อาจพูดผิดหรือพูดในสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียหายและไม่เป็นประโยชน์ได้ ที่ 1.3
1 2
๔) การเล่นค�า โดยใช้การซ�้าค�าเพื่อช่วยด้านเสียงและเน้นย�้าความหมาย ดังเช่น ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
โคลงบทที่ ๔๑ ๕๖ และโคลงบทที่ ๖๙ ซึ่งใช้ค�าซ�้าต้นวรรคด้วยค�าเดียวกันว่า ห้าม ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.3
เร�่อง การอธ�บายคุณคาของวรรณคดี
(๔๑) ห้ามเพลิงไว้อย่าให้ มีควัน กิจกรรมที่ ๑.๓ ใหนักเรียนพิจารณาวาโคลงตอไปนี้มีความหมายตรงกับ
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
õ
สํานวนใด (ท ๕.๑ ม.๑/๔)
ห้ามสุริยแสงจันทร์ ส่องไซร้
ห้ามอายุให้หัน คืนเล่า ๏ รูนอยวามากรู
กลกบเกิดอยูใน
เริงใจ
สระจอย
๏ เพื่อนกิน สิ้นทรัพยแลว
หางาย หลายหมื่นมี
แหนงหนี
มากได

ห้ามดั่งนี้ไว้ได้ จึ่งห้ามนินทา ไปเห็นชเลไกล


ชมวานํ้าบอนอย
กลางสมุทร
มากลํ้าลึกเหลือ
เพื่อนตาย ถายแทนชี-
หายาก ฝากผีไข
วาอาตม
ยากแทจกั หา

สํานวนอะไรนะ สํานวนอะไรนะ
กบในกะลา
................................................................................................................. เพื่อนกินหางาย เพื่อนตายหายาก
.................................................................................................................

โคลงโลกนิ ติ นอกจากจะได้ รั บ การยอมรั บ ว่ า เป็ น หนั ง สื อ ที่ แ ต่ ง ดี มี ศิ ล ปะ ................................................................................................................. .................................................................................................................

การประพันธ์ทโี่ ดดเด่น ทัง้ ในด้านถ้อยคÓและสÓนวนภาษาทีม่ คี วามไพเราะและอ่านเข้าใจ ๏ เสียสินสงวนศักดิ์ไว


เสียศักดิ์สูประสงค
วงศหงส
สิ่งรู
๏ ตีนงูงูไซรหาก
นมไกไกสําคัญ
เห็นกัน
ไกรู
ฉบับ

ง่าย ยังเป็นวรรณคดีที่ทรงคุณค่าควรแก่การศึกษาและสามารถนÓคÓสอนในเรื่องต่างๆ เฉลย เสียรูเรงดํารง


เสียสัตยอยาเสียสู
ความสัตย ไวนา
ชีพมวยมรณา
หมูโจรตอโจรหัน
เชิงปราชญฉลาดกลาวผู
เห็นเลห กันมา
ปราชญรูเชิงกัน

ไปปรับใช้ในการดÓเนินชีวิตประจÓวันในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี สํานวนอะไรนะ สํานวนอะไรนะ


เสียชีพ อยาเสียสัตย
................................................................................................................. ไกเห็นตีนงู งูเห็นนมไก
.................................................................................................................

................................................................................................................. .................................................................................................................

๏ พระสมุทรสุดลึกลน คณนา ๏ ความรูผูปราชญนั้น นักเรียน


สายดิ่งทิ้งทอดมา หยั่งได ฝนทั่งเทาเข็มเพียร ผายหนา
เขาสูงอาจวัดวา กําหนด คนเกียจเกลียดหนายเวียน วนจิต
จิตมนุษยนี้ไซร ยากแทหยั่งถึง กลอุทกในตะกรา เปยมลนฤ ๅมี

สํานวนอะไรนะ สํานวนอะไรนะ
รูหนาไมรูใจ
................................................................................................................. ฝนทั่งใหเปนเข็ม
.................................................................................................................

41 ................................................................................................................. .................................................................................................................

๘๔

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
โคลงโลกนิติบทตอไปนี้สอนในเรื่องใด
จามรีขนของอยู หยุดปลด 1 การเลนคํา เปนกลวิธีอยางหนึ่งในการแตงหนังสือโดยใชอักษร คํา วลี หรือ
ชีพบรักรักยศ ยิ่งไซร ขอความเปนพิเศษ นอกเหนือจากที่กําหนดไวเปนกฎเกณฑ เพื่อใหเกิดความงาม
1. ใหมนุษยรักษาความดีเชนเดียวกับจามรีหวงแหนขน ทางภาษาหรือวรรณศิลป เกิดเสียงประกอบและจังหวะลีลาที่ชวยใหไพเราะยิ่งขึ้น
2. ใหมนุษยมีความอดทนเชนเดียวกับจามรีหวงแหนขน ทําใหบทประพันธมีความหมายที่นาประทับใจ กินใจยิ่งขึ้น เชน การเลนคําดวยการ
3. ใหมนุษยรักษาความสัตยเชนเดียวกับจามรีหวงแหนขน ซํ้าคํา ทําใหเห็นความมุงหมายของกวีที่จะเนนหรือยํ้าเนื้อความที่แตง หรืออารมณ
4. ใหมนุษยรูจักรักษาเกียรติยศเชนเดียวกับจามรีหวงแหนขน ที่ผูแตงตองการแสดงใหแนนแฟนกระจางชัด
2 การซํ้าคํา อาจซํ้าคําที่มีเสียงและความหมายเหมือนกัน เพื่อเนนคําสําคัญ
วิเคราะหคําตอบ โคลงโลกนิติบทขางตนสอนใหมนุษยรูจักรักษาเกียรติยศ ใหมีนํ้าหนักเพิ่มมากขึ้นหรือลดลง เปนการสรางความงามในวรรณคดีอยางหนึ่ง
เชนเดียวกับจามรีสัตวที่มีขนงามหวงแหนขนของตนยิ่งกวาชีวิต โดยสังเกต ลักษณะการซํ้าคํานี้ชวยสรางอารมณ ความนึกคิด หรือสรางความสนใจดวยการ
จากคําวา “ขนของอยู” และ “รักยศ” ดังนั้นจึงตอบขอ 4. กลาวถึงบอยๆ หรือการซํ้าคําอาจซํ้าคําที่มีเสียงเหมือนกันแตความหมายตางกัน
ซึ่งเกิดการซํ้าเสียงแตไมซํ้าความหมายทําใหบทประพันธลึกซึ้งคมคายยิ่งขึ้น

คูมือครู 41
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนวิเคราะหการเลนคําในบทประพันธที่
เลือกมาได
2. นักเรียนนําขอคิดที่ไดจากโคลงโลกนิติมาแตง
เปนนิทานได
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้

3. นักเรียนบอกขอคิดคําสอนที่มีในบทประพันธ ๑. โคลงโลกนิติสะท้อนให้เห็นความเชื่อ ค่านิยม และจริยธรรมของคนในสังคมไทยอย่างไรบ้าง


และนําไปใชในชีวิตประจําวันได ๒. โคลงโลกนิติบทใดบ้างที่สามารถน�าไปประพฤติปฏิบัติได้ในชีวิตประจ�าวัน ยกตัวอย่างมา ๓ บท
4. นักเรียนเขียนความเรียงที่มีขอคิดเรื่องการรูจัก ๓. ให้นักเรียนเขียนเล่าเรื่องราวหรือประสบการณ์ของนักเรียนที่อาจเทียบกับค�าสอนหรือข้อคิด
ประมาณตนหรือการรูจักตนเอง ในโคลงโลกนิติ

หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. บันทึกขอคิดที่ไดจากการอานโคลงโลกนิติ
2. การทองจําบทอาขยานที่นักเรียนชื่นชอบ
3. การแตงนิทานที่สอดคลองกับขอคิดใดแนวคิด
หนึ่งในโคลงโลกนิติ
4. ความเรียงเรื่องการรูจักประมาณตนและการรูจัก
ตนเอง
กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้

กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้นกั เรียนท�า “บัตรส�านวนสุภาษิต” โดยศึกษาค้นคว้าโคลงโลกนิต ิ แล้วเปรียบเทียบกับ


ส�านวนไทยคนละ ๑ ส�านวน บอกความหมายของส�านวนให้ชัดเจน
กิจกรรมที่ ๒ จ ดั กิจกรรมสวนสุภาษิตทีส่ วนหย่อมโรงเรียนหรือห้องสมุดตามความเหมาะสม โดยให้
นักเรียนวาดภาพระบายสีประกอบโคลงสุภาษิต จัดตกแต่งให้สวยงาม
กิจกรรมที่ ๓ ใ ห้นกั เรียนเลือกโคลงโลกนิตบิ ททีช่ นื่ ชอบ แล้วเรียบเรียงเป็นร้อยแก้ว พร้อมทัง้ อธิบาย
ความหมายหรือค�าสอนของโคลงบทนั้น

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. โคลงโลกนิติสะทอนใหเห็นประเด็นตอไปนี้ “ออนหวานมานมิตรลน เหลือหลาย
ความเชื่อ หยาบบมีเกลอกราย เกลื่อนใกล
• เรื่องการทําความดียอมไดรับผลดี สวนผูที่ทําชั่ว ยอมไดรับผลของความชั่ว ดุจดวงศศิฉาย ดาวดาษ ประดับนา
• เรื่องความกตัญู ผูที่มีความกตัญู จะเปนผูที่มีแตความสุขความเจริญ สุริยะสองดาราไร เพื่อรอนแรงแสง”
คานิยม • ความรูเปนสิ่งมีคาที่ผูใดก็แยงชิงเอาไปมิได
• การรักษาความสัตย “ความรูดูยิ่งลํ้า สินทรัพย
• การศึกษาหาความรู คิดคาควรเมืองนับ ยิ่งไซร
• การมีชีวิตอยูอยางพอเพียง เพราะเหตุจักอยูกับ กายอาต- มานา
จริยธรรม โจรจักเบียนบได เรงรูเรียนเอา”
• พูดจาไพเราะออนหวาน • ความกตัญูเปนคุณธรรมอันประเสริฐที่จะทําใหชีวิตเจริญงอกงาม
• การมีไมตรีจิตตอกัน “คุณ แมหนาหนักเพี้ยง พสุธา
• ยึดมั่นในความดี คุณ บิดรดุจอา- กาศกวาง
2. โคลงโลกนิติที่สามารถนําไปประพฤติปฏิบัติไดในชีวิตประจําวัน คุณ พี่พางศิขรา เมรุมาศ
• การพูดจาไพเราะออนหวานจะเปนที่นิยมชมชอบ คุณ พระอาจารยอาง อาจสูสาคร”

42 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาสุภาษิตพระรวง
2. วิเคราะหเรื่องสุภาษิตพระรวง พรอมยกเหตุผล
ประกอบ
3. สรุปความรูและขอคิดจากเรื่องสุภาษิตพระรวง
เพื่อประยุกตใชในชีวิตจริง

สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต

คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวินัย
2. ใฝเรียนรู
3. มุงมั่นในการทํางาน

ó
4. รักความเปนไทย

หนวยที่
กระตุน ความสนใจ
สุภำษิตพระร่วง Engage
ตัวชี้วัด ครูกระตุนความสนใจนักเรียน โดยใหนักเรียน
■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท ๕.๑ ม.๑/๑) สุ ภ าษิ ต หมายถึ ง ถ อ ยคํ า หรื อ ข อ ความ พิจารณาภาพหนาหนวย แลวรวมกันแสดงความ
■ วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน พรอมยกเหตุผลประกอบ
(ท ๕.๑ ม.๑/๒)
ที่ ก ล า วสื บ ต อ กั น มาช า นานและมี ค วามหมายเป น คิดเห็น
■ อธิบายคุณคาของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อาน (ท ๕.๑ ม.๑/๓) คติสอนใจ ดังที่ปรากฏในพระไตรปฎกหรือที่เรียกวา • จากลักษณะความใกลชิดระหวาง
สรุปความรูและขอคิดจากการอานเพื่อประยุกตใชในชีวิตจริง พุทธศาสนสุภาษิต
พระมหากษัตริยกับราษฎรในภาพ นักเรียน

(ท ๕.๑ ม.๑/๔) คนไทยคงจะใชสุภาษิตซึ่งสวนใหญไดรับอิทธิพลจาก


พระพุทธศาสนามาสั่งสอนและแนะนําลูกหลาน เพื่อใหมี คิดวาเปนสมัยใด เพราะเหตุใด
สาระการเรียนรูแกนกลาง แนวทางในการปฏิบตั ติ นไดอยางถูกตองเหมาะสม เนือ่ งจาก (แนวตอบ สมัยสุโขทัย เพราะสมัยสุโขทัย
สุ ภาษิตเปนขอความขนาดสั้น สามารถจดจําไดงาย มีเนื้อหา
■ การวิเคราะหคุณคาและขอคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม
เรื่อง สุภาษิตพระรวง สาระลึกซึง้ กินใจ และสามารถนําไปเปนขอคิดในการดําเนินชีวติ มีจํานวนประชากรนอย จึงเหมาะแกการ
ไดเปนอยางดี จึงไดรับความนิยมแพรหลายและมีการถายทอด ปกครองดวยระบอบพอปกครองลูก
สืบตอกันมา ในสมัยหลังจึงไดมีการรวบรวมและเรียบเรียงให พระมหากษัตริยมีความใกลชิดกับราษฎร
ไพเราะสละสลวยและมีสมั ผัสคลองจองดวยการประพันธในรูปของ 43
บทรอยกรองประเภทตางๆ ทรงรับเรื่องรองทุกขของราษฎรและตัดสิน
ความให ทรงสั่งสอนราษฎรเหมือนพอ
สอนลูก)

เกร็ดแนะครู
การจัดการเรียนการสอนของหนวยการเรียนรูนี้ ครูควรใหนักเรียนไดแลกเปลี่ยน
ความคิดเห็น โดยการยกตัวอยางสุภาษิตพระรวงและรวมกันอธิบายความหมาย
จากนั้นครูชี้แนะใหนักเรียนเห็นคุณคาทางสังคมจากเนื้อเรื่องที่สะทอนใหเห็นการ
ดําเนินชีวิตของคนในสมัยนั้น และการสอดแทรกขอคิดคติสอนใจที่นําไปปรับใชได
ในชีวิตประจําวัน

คูมือครู 43
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูและนักเรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกับ
ความหมายของ “สุภาษิต” โดยครูตั้งคําถามตอไปนี้ ๑ ความเป็นมา
• นักเรียนรูจักสุภาษิตใดบาง และรูความหมาย
ของสุภาษิตนั้นหรือไม สุภาษิตพระร่วง หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า บัญญัติ
(แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย ขึน้ อยูก บั พระร่วง เป็นสุภาษิตเก่าแก่ เชื่อกันมาแต่เดิมว่าแต่งขึ้นใน
ความรูและประสบการณของนักเรียน สมัยสุโขทัย แต่ทั้งนี้มีปรากฏเป็นหลักฐานว่าใน พ.ศ. ๒๓๗๙
ครูพิจารณาสุภาษิตและความหมายที่นักเรียน พระบาทสมเด็ จ พระนั่ ง เกล้ า เจ้ า อยู ่ หั ว ได้ ท รงพระกรุ ณ า
ยกมา) โปรดเกล้าฯ ให้จารึกเรือ่ งสุภาษิตพระร่วงลงบนแผ่นศิลาประดับ
ไว้บนฝาผนังด้านในศาลาหลังเหนือหน้าพระมหาเจดีย์ ภายใน
สํารวจคนหา Explore วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
อย่างไรก็ตาม นอกจากจารึกเรื่องสุภาษิตพระร่วงที่
แผ่นศิลาจารึกเรื่องสุภาษิตพระร่วง
ใหนักเรียนสืบคนความรูตามหัวขอตอไปนี้ วั ด พระเชตุ พ นฯ แล้ ว ยั ง พบสุ ภ าษิ ต พระร่ ว งในสมุ ด ไทย มี รู ป ร่ า งคล้ า ยกั บ ศิ ล าจารึ ก เรื่ อ ง
• ศึกษาความเปนมาของสุภาษิตพระรวง อี ก หลายฉบั บ รวมถึ ง สมุ ด ไทยด� า เรื่ อ ง บั ณ ฑิ ต พระร่ ว ง โคลงโลกนิ ติ แต่ ติ ด ไว้ บ นผนั ง ซุ ้ ม
• ศึกษาลักษณะคําประพันธของสุภาษิต พระนิพนธ์สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ก�าแพงด้านในพระมหาเจดีย์ ๔ รัชกาล
พระรวง วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์)
รวมอยู่กับเรื่อง กฤษณาสอนน้องค�าฉันท์ และ แม่สอนลูก
เรื่องบัณฑิตพระร่วงนี้มีข้อความคล้ายคลึงสุภาษิตพระร่วงมากและมีเนื้อเรื่องครบถ้วน กรมศิลปากร
อธิบายความรู Explain จึงใช้เป็นเอกสารในการตรวจสอบช�าระสุภาษิตพระร่วงจนเป็นฉบับสมบูรณ์
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับความเปนมา ส� า หรั บสุ ภาษิ ต พระร่ ว งฉบั บที่ ก รมวิ ช าการก� า หนดให้ เ ป็ นวรรณคดี ที่ เ สนอให้ เ ลื อ กเรี ย น
ของสุภาษิตพระรวง โดยใหนักเรียนตอบคําถาม ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑ นี้ พิมพ์รวมอยู่ในหนังสือประชุมสุภาษิตพระร่วงของสถาบันภาษาไทย
ในประเด็นตอไปนี้ กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด ๖ ส�านวน ส�าหรับฉบับที่น�ามาเป็นแบบเรียนนี้
• สุภาษิตพระรวงมีกี่สํานวน อะไรบาง เป็นสุภาษิตพระร่วงส�านวนที่ ๑
(แนวตอบ สุภาษิตพระรวงที่กรมวิชาการเสนอ สุภาษิตพระร่วง ๖ ส�านวน
ใหเลือกเรียน มี 6 สํานวน ไดแก
๑. ร่ายสุภาษิตพระร่วง ฉบับจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
1. รายสุภาษิตพระรวง (ฉบับจารึกวัดเชตุพน-
พระนิพนธ์ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
วิมลมังคลาราม สมเด็จพระมหาสมณเจา
กรมพระปรมานุชิตชิโนรสทรงนํามาชําระ ๒. โคลงประดิษฐ์พระร่วง ฉบับพระราชนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ
ใหม) เปนสํานวนที่นักเรียนกําลังเรียนอยู ๓. ร่ายสุภาษิตพระร่วง ฉบับวัดเกาะ ส�านวนร่าย
2. โคลงประดิษฐพระรวง ๔. สุภาษิตพระร่วงค�าโคลง ฉบับพระราชนิพนธ์ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว
1
3. รายสุภาษิตพระรวง ๕. ร่ายสุภาสิทตัง ฉบับวัดลาด อ�าเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี
(ฉบับวัดเกาะสํานวนราย)
๖. กาพย์สุภาษิตพระร่วง ฉบับวัดเกาะ ส�านวนกาพย์
4. สุภาษิตพระรวงคําโคลง
5. รายสุภาสิทตัง 44
6. กาพยสุภาษิตพระรวง)

บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู ครูสามารถบูรณาการเชื่อมสาระความรูกับกลุมสาระการเรียนรู
ครูแนะความรูจากตอนขึ้นตนและลงทายของสุภาษิตพระรวงที่ระบุไวชัดเจนวา สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร ซึ่งจะใหความรู
พระรวงเจาเปนผูบัญญัติคําสอนนี้ ประกอบกับภาษาที่ปรากฏบางแหง มีลักษณะ เกี่ยวกับการเมืองการปกครองของสมัยสุโขทัย รวมถึงสภาพสังคมและ
โบราณแบบสุโขทัย จึงเปนเหตุผลสนับสนุนใหจัดวรรณกรรมเรื่องนี้อยูในสมัยสุโขทัย ความเปนอยูของผูคนในสมัยนั้น เมื่อนักเรียนมีความรูความเขาใจเกี่ยวกับ
ซึ่งยังไมมีขอยุติหรือแกไขเปนอยางอื่น ประวัติศาสตรในชวงสุโขทัยแลว ก็จะทําใหนักเรียนรู เขาใจ จุดมุงหมาย
ของกวีในการแตงสุภาษิตพระรวงหรือบัญญัติพระรวงที่ตองการใหราษฎร
นําคําสอนจากบัญญัตินี้ไปใชในชีวิต เพื่อใหราษฎรอยูรวมกันอยางรมเย็น
นักเรียนควรรู เปนสุข และคําสอนดังกลาวเปนสิ่งที่มีคุณคาทางประวัติศาสตรเปนมรดก
ที่ตกทอดสืบตอกันมาเปนเวลาหลายรอยป ควรชวยกันรักษาสืบตอไป
1 รายสุภาสิทตัง ผูพบตนฉบับ คือ นายลอม เพ็งแกว เมื่อนํามาเปรียบเทียบกับ
“โคลงประดิษฐพระรวง” แลว เทียบไดตรงกันวรรคตอวรรค นายลอมจึงสันนิษฐาน
วา “โคลงประดิษฐพระรวง” นาจะลอกขยายมาจากสุภาสิทตัง อยางไรก็ดีสุภาสิทตัง
เปนรายที่แตงตามกฎเกณฑเครงครัด วรรคละ 6 คํา เชน “เมื่อนอยใหเรียนวิชา
ใหคดิ หาสินตอใหญ อยาไดใฝเอาสินทาน” จึงนาจะสรุปไดอยางเดียวกับ “รายสุภาษิต
พระรวง” วา แตงขึ้นตามกฎเกณฑใหมในสมัยรัตนโกสินทร
44 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
จากที่นักเรียนไดสืบคนเกี่ยวกับลักษณะ
๒ ประวัติ¼Ù้แต่ง คําประพันธ ใหนักเรียนอธิบายลักษณะคําประพันธ
ของสุภาษิตพระรวง
สุ ภ าษิ ต พระร่ ว ง ไม่ ป รากฏนามผู ้ แ ต่ ง แน่ น อนและพบ (แนวตอบ สุภาษิตพระรวงแตงดวยคําประพันธ
หลายฉบับ ส�าหรับฉบับที่น�ามาเป็นแบบเรียนในหนังสือเล่มนี้ ประเภทรายสุภาพ ซึ่งประกอบดวย รายสุภาพและ
ได้รับการช�าระโดยสมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิต- โคลงสองสุภาพ โดยรายสุภาพในแตละวรรคจะมีคํา
ชิโนรส 5-8 คํา มีการรับสงสัมผัสสระในคําสุดทายของวรรค-
สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระปรมานุชิตชิโนรส หนากับคําใดก็ไดของวรรคถัดไป และแตงโคลงสอง-
เป็ น พระราชโอรส พระองค์ ที่ ๒๘ ในพระบาทสมเด็ จ - สุภาพปดทายเรื่อง)
พระพุ ท ธยอดฟ้ า จุ ฬ าโลกมหาราช ประสู ติ เ มื่ อ วั น เสาร์ ที่
๑๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๓๓๓ มีพระนามว่า พระองค์เจ้าวาสุกรี ขยายความเขาใจ Expand
ทรงผนวชเป็นภิกษุและประทับจ�าพรรษาที่วัดพระเชตุพนวิมล-
มังคลาราม จนตลอดพระชนมชีพ สิริรวมพระชนมายุได้ ๖๓ นักเรียนพิจารณาตัวอยางบทประพันธในหนา 45
พรรษา พระรูปสมเด็จพระมหาสมณเจ้า แลวคัดลอกตัวอยางคําประพันธประเภทรายสุภาพ
กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ประดิษฐาน
บทพระนิพนธ์ของพระองค์มีเป็นจ�านวนมาก เช่น ลิลิต- ณ พระต�าหนักวาสุกรี วัดพระเชตุพน- และโคลงสองสุภาพลงสมุด โยงเสนสัมผัสใหถูกตอง
ตะเลงพ่าย ปฐมสมโพธิกถา โคลงดัน้ เรือ่ งปฏิสงั ขรณ์วดั พระเชตุพนฯ วิมลมังคลาราม (แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธที่เลือกมาโยงเสน
กฤษณาสอนน้องค�าฉันท์ สมุทรโฆษค�าฉันท์ตอนปลาย สรรพสิทธิค�าฉันท์ ต�าราฉันท์มาตราพฤติและ สัมผัส มีดังนี้
วรรณพฤติ เป็นต้น • รายสุภาพ
“ปางสมเด็จพระรวงเจา เผาแผนภพสุโขทัย
๓ ลักษณะคÓประพัน¸์ มลักเห็นในอนาคต จึงผายพจนประภาษ
เปนอนุสาสนกถา สอนคณานรชน...”
สุภาษิตพระร่วงแต่งด้วยค�าประพันธ์ประเภทร่ายสุภาพ วรรคละ ๕-๘ ค�า ร่ายแต่ละวรรค
• โคลงสองสุภาพ
มีการรับส่งสัมผัสอย่างสม�่าเสมอ โดยค�าสุดท้ายของวรรคหน้าจะสั1มผัสสระกับค�าในวรรคต่อไป
“โดยอรรถอันถองถวน แถลงเลศเหตุเลือกลวน
แต่ไม่มีก�าหนดต�าแหน่งค�ารับสัมผัสที่ตายตัวและจบด้วยโคลงสองสุภาพ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
เลิศอางทางธรรม แลนาฯ”)
ร่ายสุภาพ
ป่างสมเด็จพระร่วงเจ้า เผ้าแผ่นภพสุโขทัย มลักเห็นในอนาคต จึงผายพจน
ประภาษ เป็นอนุสาสนกถา สอนคณานรชน…..

โคลงสองสุภาพ
โดยอรรถอันถ่องถ้วน แถลงเลศเหตุเลือกล้วน
เลิศอ้างทางธรรม แลนา ฯ
45

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
โดยอรรถอันถองถวน แถลงเลศเหตุเลือกลวน
1 โคลงสองสุภาพ มีสัมผัสบังคับกําหนดไวแหงเดียว คือ คําที่ 5 ของวรรคที่ 1
เลิศอางทางธรรม แลนา
สงสัมผัสไปยังคําที่ 5 ของวรรคที่ 2 อนึ่งการวางรูปโคลงสองสุภาพ อาจเรียง
คําในขอใดเปนสัมผัสบังคับระหวางวรรคของโคลงสองสุภาพ
ตอเนื่องกันไป ไมจําเพาะเจาะจงวางอยางแผนผัง
1. ถอง - ถวน
2. ถวน - ลวน
บูรณาการ
3. เลือก - ลวน
4. ลวน - เลิศ
เศรษฐกิจพอเพียง
วิเคราะหคําตอบ สัมผัสบังคับระหวางวรรคของโคลงสองสุภาพมีเพียง คําสอนที่ไดจากวรรณคดีเรื่อง สุภาษิตพระรวง สะทอนใหเห็นถึง คานิยม
แหงเดียว คือ คําสุดทายของวรรคแรกสัมผัสสระกับคําสุดทายของวรรคที่ 2 ของสังคมไทยในอดีตในดานตางๆ เชน ดานการศึกษาหาความรู ความประหยัด
ความกตัญูรคู ณ ุ เปนตน นักเรียนคิดวาขอคิดและคติคาํ สอนจากเรือ่ งนีแ้ สดงใหเห็น
ดังนี้ “โดยอรรถอันถองถวน แถลงเลศเหตุเลือกลวน” ตอบขอ 2.
ถึงคุณคาที่สําคัญที่สุดของชีวิตมนุษยในดานใด และคุณคานั้นสามารถนํามาใชเปน
แนวทางในการดํารงชีวิตไดอยางไร

คูมือครู 45
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน มาแสดงทาทาง
ประกอบสํานวนสุภาษิตที่ครูกําหนดให ใหเพื่อนใน ๔ เน×้อเร×่อง
ชั้นทาย และบอกความหมายของสํานวนสุภาษิตนั้น
ตัวอยางสํานวนสุภาษิตที่ครูกําหนดให เชน สุภาษิตพระร่วง
• ตีงูใหกากิน
ป่างสมเด็จพระร่วงเจ้า เผ้าแผ่นภพสุโขทัย มลักเห็นในอนาคต
(แนวตอบ ทําสิ่งที่ตนควรไดประโยชนแตผล
จึงผายพจนประภาษ เป็นอนุสาสนกถา สอนคณานรชน ทั่วธราดล
กลับไปตกแกผูอื่น)
พึงเพียร เรียนอ�ารุงผดุงอาตม์ อย่าเคลื่อนคลาดคลาถ้อย เมื่อ
• ตีปลาหนาไซ
น้อยให้เรียนวิชา ให้หาสินเมื่อใหญ่ อย่าใฝ่เอาทรัพย์ท่าน อย่าริ
(แนวตอบ ตีปลาหนาไซ หมายถึง พูดหรือ
ร่านแก่ความ ประพฤติตามบูรพระบอบ เอาแต่ชอบ
ทําใหกิจการของผูอื่น ซึ่งกําลังดําเนินไปดวยดี
เสียผิด อย่าประกอบกิจเป็นพาล อย่าอวด
ตองเสียไป)
• หิ่งหอยอยาแขงไฟ
หาญแก่เพื่อน เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า หน้า
(แนวตอบ ผูที่มีกําลังนอยกวาไมควรแขงกับผูที่ ศึกอย่านอนใจ ไปเรือนท่านอย่านั่งนาน
มีกําลังมากกวา เปนตน) การเรือนตนเร่งคิด อย่านั่งชิดผู้ใหญ่ อย่า
ใฝ่สูงให้พ้น ศักดิ์ ที่รักอย่าดูถูก ปลูกไมตรี
สํารวจคนหา Explore อย่ารู้ร้าง สร้างกุศลอย่ารู้โรย อย่าโดยค�า
คนพลอด เข็นเรือทอดทางถนน เป็นคนอย่า
1. นักเรียนศึกษาเนื้อเรื่องสุภาษิตพระรวงจาก ท�าใหญ่ ข้าคนไพร่อย่าไฟฟุน คบขุน นาง
หนังสือเรียนดวยตนเอง อย่าโหด โทษตนผิดร�าพึง อย่าคะนึ งถึง
2. ครูใหนักเรียนอานเนื้อเรื่องสุภาษิตพระรวง โทษท่าน หว่านพืชจักเอาผล เลี้ยงคน
พรอมเพรียงกัน 1 รอบ จักกินแรง อย่าขัดแข็งผู้ใหญ่ อย่าใฝ่ตน
3. นักเรียนจดบันทึกคํา หรือขอความที่นักเรียนไม ให้เกิน เดินทางอย่าเดินเปลี่ยว น�้าเชี่ยว
เขาใจเพื่อคนความหมายของคํานั้น อย่าขวางเรือ ที่สุ้ม๑เสือจงประหยัด จงเร่งระมัดฟนไฟ 1 ตนเป็นไทอย่าคบทาส อย่า2ประมาท
ท่านผูด้ ี มีสนิ อย่าอวดมัง่ ผูเ้ ฒ่าสัง่ จงจ�าความ ทีข่ วากหนามอย่าเสียเกือก ท�ารัว้ เรือกไว้กนั ตน
อธิบายความรู Explain คนรักอย่าวางใจ ที่มีภัยพึงหลีก ปลีกตนไปโดยด่วน ได้ส่วนอย่ามักมาก อย่ามีปากว่3าคน
1. ครูแบงเนื้อเรื่องสุภาษิตพระรวงใหนักเรียนแตละ รักตนกว่ารักทรัพย์ อย่าได้รับของเข็ญ เห็นงามตาอย่าปอง ของฝากท่านอย่ารับ ที่ทับจงมี
คนอธิบายความหมายและความสําคัญของสุภาษิต ไฟ ที่ไปจงมีเพื่อน ทางแถวเถื่อนไคลคลา ครูบาสอนอย่าโกรธ โทษตนผิดพึงรู้ สู้เสียสินอย่า
นั้น คนละ 2-3 ประโยค เสียศักดิ์ ภักดีอย่าด่วนเคียด อย่าเบียดเสียดแก่มิตร ที่ผิดช่วยเตือนตอบ ที่ชอบช่วยยกยอ
2. นักเรียนทําบัตรคํา โดยเขียนเนื้อเรื่องและคํา อย่าขอของรักมิตร ชอบชิดมักจางจาก พบศัตรูปากปราศรัย ความในอย่าไขเขา อย่ามัวเมา
อธิบายสุภาษิตพระรวงที่รับผิดชอบลงกระดาษแข็ง ๑ ปจจุบันสะกดวา ซุม
ตกแตงใหสวยงาม
3. จากนั้นนักเรียนยืนขึ้นอธิบายสุภาษิตเรียง 4๖
ตอกันจนจบเนื้อเรื่อง
4. นักเรียนนําบัตรคําไปจัดปายนิเทศในชั้นเรียน

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 ขวาก ความหมายโดยตรง หมายถึง ไมหรือเหล็กเปนเครื่องดักชนิดหนึ่ง นักเรียนเลือกสุภาษิตไทยจากแหลงการเรียนรูตางๆ ที่มีความหมาย
ทําดวยไมหรือเหล็กมีปลายแหลม สําหรับปกใหคนและสัตวเหยียบหรือสะดุด เดียวกับสุภาษิตพระรวง 2 สํานวน และบอกความสําคัญของสุภาษิตนั้น
สวนความหมายโดยนัยที่ปรากฏรวมกับคําวา “หนาม” เปน “ขวากหนาม”
หมายถึง ปรปกษ ศัตรู อันตราย หรือ อุปสรรค เครื่องขัดของ เครื่องขัดขวาง
2 เรือก คือ ไมไผหรือไมรวกเปนตนที่ผาออกเปนซีกๆ แลวถักดวยหวายสําหรับ กิจกรรมทาทาย
ปูพื้นหรือกั้นเปนรั้ว ทั้งนี้ใชเรียกพื้นที่ลาดปูดวยไมถักหรือดวยหวาย และเรียก
สะพานชั่วคราวที่ทําดวยไมไผผาซีกถักดวยหวายหรือเชือกวาสะพานเรือก
นักเรียนจัดแยกขอคิดและคติคําสอนในสุภาษิตพระรวงตามเกณฑ
3 ทับ มีหลายความหมาย ในที่นี้เปนคํานาม หมายถึงกระทอมหรือสิ่งปลูกสราง
ตอไปนี้
ที่ทําเพื่ออยูชั่วคราว
• หลักการปฏิบัติตนโดยทั่วไป
• หลักการปฏิบัติตอผูที่สูงกวา
• หลักการปฏิบัติตอผูเสมอกัน
• หลักการปฏิบัติตอผูตํ่ากวา
• หลักการปฏิบัติตอผูที่ตนรัก
46 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับเนื้อเรื่องใน
เนืองนิตย์ คิดตรองตรึกทุกเมื่อ พึงผันเผื่อต่อญาติ รู้ที่ขลาดที่หาญ คนพาลอย่าพาลผิด ประเด็นตอไปนี้
อย่าผูกมิตรไมตรี เมื่อพาทีพึงตอบ จงนบนอบผู้ใหญ่ ช้างไล่แล่นเลี่ยงหลบ สุวานขบ • นักเรียนอธิบายจุดมุงหมายของกวีวามี
อย่าขบตอบ อย่ากอปรจิตริษยา เจรจาตามคดี อย่าปลุกผีกลางคลอง อย่าปองเรียน ความเหมาะสมสัมพันธกับภาษาที่ใชอยางไร
อาถรรพ์ พลันฉิบหายวายม้วย อย่ายลเยี่ยงถ้วยแตกมิติด จงยลเยี่ยงสัมฤทธิ์แตกมิเสีย (แนวตอบ สุภาษิตพระรวงใหขอคิดเตือนใจ
ลูกเมียอย่าวางใจ ภายในอย่าน�าออก ภายนอกอย่าน�าเข้า อาสาเจ้าจนตัวตาย อาสานายจง ในการดําเนินชีวิต คําสอนมีทั้งเปนขอหาม
พอแรง ของแพงอย่ามักกิน อย่ายินค�าคนโลภ โอบอ้อมเอาใจคน อย่ายลเหตุแต่ใกล้ ท่าน และคําแนะนํา กวีใชภาษาไดเหมาะสมกับ
ไท้อย่าหมายโทษ คนโหดให้เอ็นดู ยอครูยอต่อหน้า ยอข้าเมื่อแล้วกิจ ยอมิตรเมื่อลับหลัง ลักษณะคําสอน โดยคําสอนที่เปนขอหาม
ลูกเมียยังอย่าสรรเสริญ เยียวสะเทินจะอดสู อย่าชังครูชงั มิตร ผิดอย่าเอาเอาแต่ชอบ นอบ จะขึ้นตนดวยคําวา “อยา” ในขณะที่
ตนต่อผู้เฒ่า เข้าออกอย่าวางใจ ระวังระไวหน้าหลัง เยียวผู้ชังจะคอยโทษ อย่ากริ้วโกรธ คําแนะนําจะใชคําที่สื่อความตรงไปตรงมา
เนืองนิตย์ ผิวผิดปลิดไป่รา้ ง ข้างตนไว้อาวุธ เครือ่ งสรรพยุทธอย่าวางจิต คิดทุกข์ในสงสาร คําสั้น กระชับ เขาใจงาย)
อย่าท�าการที่ผิด คิดขวนขวายที่ชอบ โต้ตอบอย่าเสียค�า คนข�าอย่าร่วมรัก พรรคพวกพึง
ท�านุก ปลุกเอาแรงทั่วตน ยลเยี่ยงไก่นกกระทา พาลูกหลานมากิน ระบือระบิลอย่าฟังค�า ขยายความเขาใจ Expand
การจะท�าอย่าด่วนได้ อย่าใช้คนบังบด ทดแทนคุณท่านเมื่อยาก ฝากของรักจงพอใจ เฝ้า นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ
ท้าวไทอย่าทะนง ภักดีจงอย่าเกียจ เจ้าเคียดอย่าเคียดตอบ นอบนบใจใสสุทธิ์ อย่าขุด ความสําคัญของสุภาษิตพระรวงในประเด็นตอไปนี้
คนด้วยปาก อย่าถากคนด้วยตา อย่าพาผิดด้วยหู อย่าเลียนครูเตือนด่า อย่าริกล่าวค�าคด • สาระสําคัญในสุภาษิตพระรวงจะนํามาใชใน
คนทรยศอย่าเชื่อ อย่าแผ่เผื่อความผิด อย่าผูกมิตรคนจร ท่านสอนอย่าสอนตอบ ความ สังคมปจจุบันไดหรือไม อยางไร
ชอบจ�าใส่ใจ ระวังระไวที่ไปมา เมตตาตอบต่อมิตร คิดแล้วจึ่งเจรจา อย่านินทาผู้อื่น อย่า (แนวตอบ สาระสําคัญนํามาใชในสังคม
ตื่นยกยอตน คนจนอย่าดูถูก ปลูกไมตรีทั่วชน ตระกูลตนจงค�านับ อย่าจับลิ้นแก่คน1ท่าน ปจจุบันไดเปนอยางดี เชน
รักตนจงรักตอบ ท่านนอบตนจงนอบแทน ความแหนให้ประหยัด เผ่ากษัตริย์เพลิงงู อย่า • การศึกษาหาความรูยังเปนสิ่งจําเปน ดังวา
ดูถูกว่าน้อย หิ่งห้อยอย่าแข่งไฟ อย่าปองภัยต่อท้าว อย่ามักห้าวพลันแตก อย่าเข้าแบก “เมื่อนอยใหเรียนวิชา ใหหาสินเมื่อใหญ”
งาช้าง อย่าออกก้างขุนนาง ปางมีชอบท่านช่วย ปางป่วยท่านชิงชัง ผิจะบังบังจงลับ ผิ • สอนในเรื่องการทํางานสุจริต ดังวา
จะจับจับจงมัน่ ผิจะคัน้ คัน้ จงตาย ผิจะหมายหมายจงแท้ ผิจะแก้แก้จงกระจ่าง อย่ารักห่าง “อยาทําการที่ผิด คิดขวนขวายที่ชอบ”
กว่าชิด คิดข้างหน้าอย่าเบา อย่าถือเอาตืน้ กว่าลึก เมือ่ เข้าศึกระวังตน เป็นคนเรียนความรู้ • สอนใหเห็นความสําคัญของการพูด
จงยิ่งผู้ผู้มีศักดิ์ อย่ามักง่ายมิดี อย่าตีงูให้แก่กา อย่าตีปลาหน้าไซ อย่าใจเบาจงหนัก อย่า รูกาลเทศะและจังหวะในการพูด ดังวา
ตีสุนัขห้ามเห่า ข้าเก่าร้ายอดเอา อย่ารักเหากว่าผม อย่ารักลมกว่ารักน�้า อย่ารักถ�้ากว่า “ยอครูยอตอหนา ยอขาเมื่อแลวกิจ
เรือน อย่ารักเดือนกว่าตะวัน สบสิง่ สรรพโอวาท ผูเ้ ป็นปราชญ์พงึ สดับ ตรับตริตรองปฏิบตั ิ ยอมิตรเมื่อลับหลัง ” และ “คิดแลวจึง
โดยอรรถอันถ่องถ้วน แถลงเลศเหตุเลือกล้วน เลิศอ้างทางธรรม แลนา ฯ เจรจา อยานินทาผูอื่น ”)

ตรวจสอบผล Evaluate
47 1. นักเรียนอธิบายความหมายและบอก
ความสําคัญของสุภาษิตพระรวงได
2. นักเรียนนําคําสอนจากสุภาษิตพระรวง
ไปปรับใชในชีวิตประจําวันได
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดที่ไมใชคําสอนเกี่ยวกับการพูด
1 เผากษัตริยเพลิงงู หมายความวา ระมัดระวังตัวอยูเสมอ อยาประมาท คือ
1. อยาขุดคนดวยปาก
อยาทําใหกษัตริยขัดเคือง เพราะทรงมีพระราชอํานาจเด็ดขาด หากทําสิ่งที่ไมถูก
2. ยอมิตรเมื่อลับหลัง
ไมควรจะทําใหไดรับโทษ อยาไวใจงู เพราะเปนสัตวอันตรายแมจะฝกดีก็ไมสามารถ
3. อยาริกลาวคําคด
ทําใหเชื่องได และอยาประมาทฟนไฟ เพราะเมื่อไฟลุกลามแลวก็ยากที่จะควบคุมได
4. อยาเบา
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. อยาขุดคนดวยปาก หมายความวา อยาพูดจา
ทิ่มแทงใหคนอื่นเสียหาย ขอ 2. ยอมิตรเมื่อลับหลังเปนการพูดถึงมิตรในทาง
ที่ดี แมผูเปนมิตรจะไมไดยินก็ตาม ขอ 3. อยาริกลาวคําคด หมายถึง อยา
เริ่มโกหก สวนขอ 4. อยาเบา หมายถึง อยาหลงเชื่อคนงาย เรามักจะคุนกับ
สํานวนวา “อยาหูเบา” ซึ่งไมเกี่ยวกับการพูดแตเกี่ยวกับการฟง ตอบขอ 4.

คูมือครู 47
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูยกคําศัพทในบทเรียนมา 4-5 คํา ใหนักเรียน
ชวยกันหาความหมายของคําศัพท ตัวอยางเชน ๕ คÓศัพท์
• อยาดวนเคียด
(แนวตอบ อยาดวนโกรธ) ค�าศัพท์ ความหมาย
• อยาจับลิ้นคนแก ของเข็ญ สิง่ ของทีน่ า� ความเดือดร้อนมาให้ ของทีม่ ลี บั ลมคมใน ของไม่สจุ ริต
(แนวตอบ อยาคอยจับผิดคําพูดผูอื่น) เข็นเรือทอดทางถนน (อย่า) เข็นเรือจอดขวางทางผู้อื่น
• เผาแผนภพ คนข�า คนเจ้าเล่ห์ คนที่มีลับลมคมใน
(แนวตอบ พระเจาแผนดิน) คนพาลอย่าพาลผิด คนเขาพาลก็อย่าหลงผิดไปกับเขา
• คนขํา คนโหดให้เอ็นดู ให้สงสารคนที่ยากไร้ ค�าว่า โหด ในที่นี้ หมายถึง ยากไร้
(แนวตอบ คนเจาเลห คนที่มีลับลมคมใน ความแหนให้ประหยัด สิ่งที่ควรหวงแหนก็ให้ระมัดระวัง รักษาให้ดี หรืออาจแปลว่า
เปนตน) สิ่งใดเป็นความลับก็ให้รักษาไว้ให้ได้
เคียด โกรธ
สํารวจคนหา Explore จงยลเยี่ยงสัมฤทธิ์แตกมิเสีย เป็นการเปรียบเทียบกับสัมฤทธิ์ ซึ่งเมื่อแตกหักแล้วก็น�ามาหลอมใหม่ให้ดี
ได้ดังเดิม
1. นักเรียนคนหาคําศัพทที่เปนสํานวนหรือใกลเคียง เจรจาตามคดี ให้พูดความจริงหรือพูดตามทางที่ควรพูด
กับสํานวนในเรื่องสุภาษิตพระรวง พรอมศึกษา ได้ส่วนอย่ามักมาก มีความหมายเช่นเดียวกับ ได้คืบอย่าเอาศอก หมายความว่า อย่าอยากได้
ความหมาย มากกว่าที่ได้มาแล้ว
(แนวตอบ ตัวอยางเชน สํานวนวา “ขุดดวยปาก ตระกูลตนจงค�านับ ให้ความเคารพและไม่อับอายในชาติก�าเนิดของตระกูลตน
ถากดวยตา” มีความหมายใกลเคียงกับสํานวน โต้ตอบอย่าเสียค�า พูดสิ่งใดออกไปแล้ว ก็อย่ากลับค�าพูด
“อยาขุดคนดวยปาก” ในสุภาษิตพระรวง ที่ชอบ สิ่งที่ถูกต้องตามท�านองคลองธรรม
• อยาขุดคนดวยปาก หมายความวา อยาพูดจา ที่ทับ ที่อยู่อาศัย บ้านเรือน
1
ทิ่มแทงคนอื่นใหไดรับความเสียหาย ที่สุ้มเสือจงประหยัด ที่ที่เสือแอบซ่อนอยู่ ให้มีความระมัดระวัง
• ขุดดวยปาก ถากดวยตา หมายความวา แสดง ธราดล พื้นแผ่นดิน
อาการเหยียดหยามทั้งวาจาและสายตา) บูรพระบอบ แบบแผนแต่ครั้งโบราณ
2. นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับ “พระรวง” จาก ปลุกเอาแรง บ�ารุงเลี้ยง ให้เขามีแรง
แหลงเรียนรูตางๆ เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต
ผิดอย่าเอาเอาแต่ชอบ อย่าท�าในสิ่งที่ผิด ให้ท�าในสิ่งที่ชอบธรรม
เปนตน
ผิวผิดปลิดไป่ร้าง ถ้าท�าความผิด ความผิดนั้นย่อมติดตัวไปตลอด
เผ้าแผ่นภพ พระเจ้าแผ่นดิน
ไฟฟุน ปัจจุบนั ใช้ ฟืนไฟ ในทีน่ หี้ มายถึง โมโหกราดเกรีย้ ว เป็นฟืนเป็นไฟ
เมื่อยาก เมื่อ (ท่าน) ล�าบาก

48

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
สุภาษิตพระรวงที่วา “ที่สุมเสือจงประหยัด” คําวา “ประหยัด” มีความหมาย
1 จงประหยัด คําวา “ประหยัด” เปนคํากริยา หมายความวา ยับยั้ง ระมัดระวัง ตรงกับขอใด
ซึ่งผูใชภาษามักคุนเคยที่จําใชคํานี้กับเงินหรือทรัพยากรธรรมชาติ แตในบริบทอื่น 1. สุมนาเปนคนตระหนี่
ก็มีใช เชน ประหยัดปาก ประหยัดคํา คําวา “จงประหยัด” ในสุภาษิตพระรวง 2. อรทัยทําอะไรระมัดระวังเสมอ
จึงหมายถึง จงระมัดระวัง 3. สุพรจะยั้บยั้งเพื่อนไมใหไปเที่ยว
4. กาญจนาใชจายแตพอควรแกฐานะ
มุม IT วิเคราะหคําตอบ “ที่สุมเสือ” ในความหมายตรง อาจหมายถึงที่ที่มีเสืออยู
จริงๆ หรือความหมายโดยนัยอาจหมายถึงที่อันตราย จากความหมายตรง
ศึกษาเกี่ยวกับคําสุภาษิตพระรวงและความหมายเพิ่มเติม ไดที่ http://www. และความหมายโดยนัย “จงประหยัด” จึงหมายถึง ระมัดระวัง ซึ่งตรงกับ
school.net.th/library/create-web/10000/literature/10000-6006.html ความหมายที่วา “อรทัยทําอะไรระมัดระวังเสมอ” ตอบขอ 2.

48 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนนําสํานวนสุภาษิตที่นักเรียนรวบรวม
คําศัพท ความหมาย ได มาวิเคราะหความเปลี่ยนแปลงทางดานภาษา
ยอครูยอตอหนา ควรชมครูหรือเชิดชูครูเมื่ออยูตอหนา • สุภาษิตพระรวงมีการใชภาษาตางจาก
ยอขาเมื่อแลวกิจ รูจักชมขาทาสเมื่องานเสร็จเขาจะไดมีกําลังใจ หายเหนื่อย ปจจุบันอยางไร
ยอมิตรเมื่อลับหลัง เปนการชมอยางจริงใจ ไมเสแสรง (แนวตอบ มีการเปลี่ยนแปลงคํา คือ บางคํา
เยียวผูชังจะคอยโทษ คนที่ไมชอบเรา อาจจะคอยหาเรื่องหรือทํารายเรา ในสุภาษิตพระรวงใชตางจากปจจุบัน เชน
เยียวสะเทินจะอดสู ถาทําสิ่งใดไมพอดีหรือไมดีพอก็อาจเปนที่อับอาย “เคียด” ในความหมายวา โกรธ ปจจุบัน
ระบือระบิล ถอยคําเลาลือ ขาวลือ
ใชรวมกับคําวา “แคน” เปน “เคียดแคน”
หนาศึก ชวงที่มีศึกสงครามหรือเมื่ออยูตอหนาขาศึก
หมายถึง โกรธมากจนฝงใจ จากตัวอยาง
จะเห็นไดวา นอกจากจะเปลี่ยนแปลงการ
อยาเกียจ อยาไมซื่อ อยาคด
ใชคําแลว ความหมายที่ใชก็เปลี่ยนแปลง
อยาขุดคนดวยปาก อยาพูดจาทิ่มแทงใหคนอื่นเสียหาย
ไปดวย)
อยาเขาแบกงาชาง อยาทําการใดที่เสี่ยงภัยอันตรายและไมเกิดประโยชน
อยาจับลิ้นแกคน อยาจับผิดคําพูดคนอื่น
ขยายความเขาใจ Expand
อยาใชคนบังบด เมื่อใชเขาทําสิ่งใดแลว อยาปดบังความดีของเขา หรืออาจแปลวา อยาใชคน
ที่ทําอะไรไมโปรงใส คนที่มีเงื่อนงํา ครูอานโคลงบทตอไปนี้ใหนักเรียนฟง แลวให
อยาดวนเคียด อยาดวนโกรธ (คนที่ภักดีตน) นักเรียนยกสํานวนที่มีความหมายตรงกับโคลง
อยาเดินเปลี่ยว อยาเดินคนเดียว บทนี้ พรอมถอดคําประพันธ
อยาโดยคําคนพลอด อยาเชื่อตามคําพูดที่หวานหู “กระทุมนํ้าที่หนา ลอบไซ
อยาตีงูใหแกกา อยาทําสิ่งอันไรประโยชน เพราะอาจเกิดโทษแกตน ปลากระจายเลยไป ลอบแหง
อยาตีปลาหนาไซ อยาขัดขวางประโยชนที่กําลังจะเกิดขึ้น เจาของดักเสียใจ จักขาด
ลาภทานหาอยาแกลง กลาวกั้นกางขวาง”
ºÍ¡àÅ‹Òà¡ŒÒÊÔº
(แนวตอบ โคลงบทนี้ตรงกับสํานวนวา “อยาตี
ไซ
ปลาหนาไซ” ซึ่งหมายความวา อยาขัดขวาง
ประโยชนที่กําลังจะเกิดขึ้น ดังที่กลาวในโคลง
ไซเปนเครื่องมือดักสัตวนํ้า โดยเฉพาะปลาขนาดเล็กและมัก
ใชงานในแหลงนํ้าไมลึก มีหลายรูปทรง เชน ไซปากแตร สานเปน
ถอดคําประพันธไดวา เมื่อกระทุมนํ้าที่หนาไซที่ลอบ
รูปกรวย ปากไซบานออกเปนรูปปากแตร ไซทอ สานคลายทอดักปลา จับปลาอยู จะทําใหปลาตื่นตกใจหนีไปไมเขาใกล
ไซสองหนา มีชอง ๒ ดาน ไซลอย ใชวางลอยในชวงนํ้าตื้นๆ ไซปลา กับดักนั้น ผูเปนเจาของก็เสียใจที่ตองสูญเสียปลา
กระดี่ ใช ดั ก ปลากระดี่ ไซกบสานเป น ลายขั ด สี่ เ หลี่ ย มรู ป ทรง ที่เปรียบเหมือนลาภที่ควรจะได หากไมมีคนจงใจ
กระบอก ใชดักกบ ไซโปง สานกนโปงเล็กนอย แมไซจะมีรูปทรงที่
ตางกัน แตมลี กั ษณะรวมกัน คือ สานเปนทรงกระบอกและทําปากทางเขาเปนซีไ่ มเสีย้ มปลายแหลม ขัดขวาง)
รูปทรงคลายกรวยที่บีบแบนๆ ทําใหปลาเขาได แตวายสวนความคมของปลายไมออกมาไมได

๔๙

บูรณาการเชื่อมสาระ
ในแงหนึ่ง สุภาษิตจะกลาวถึงเหตุการณอยางใดอยางหนึ่ง การสรุป เกร็ดแนะครู
ประสบการณ การเปรียบเทียบสิ่งแวดลอมใกลตัว สิ่งของเครื่องใชที่พบเห็น ครูจัดกิจกรรมเกี่ยวกับคําศัพทเพิ่มเติม โดยการใหนักเรียนคนหาคําศัพทใน
อยูเ สมอ โดยเฉพาะเครือ่ งมือในการประกอบอาชีพ สิง่ ทีเ่ กีย่ วของกับการทํา- บทเรียน เริ่มจากครูบอกคําศัพทมา 1 คํา แลวใหนักเรียนหาคําศัพทจากเนืื้อเรื่อง
มาหากิน ซึ่งคนสมัยกอนทําอาชีพเกษตรกรรม ปลูกพืช เลี้ยงสัตวเปนหลัก ใหถูกตอง จากนั้นใหนักเรียนทุกคนหรือครูอาจสุมนักเรียนบางคนมาอธิบาย
สํานวนสุภาษิตจึงมักกลาวถึงสัตวที่ใกลชิดกับมนุษย ปรากฏการณทาง ความหมายของคําศัพทนั้นที่ปรากฏอยูในเนื้อเรื่อง นักเรียนจดบันทึกคําศัพท
ธรรมชาติ ดังนั้น การมีความรูรอบตัวในสาระความรูวิชาตางๆ เชน และความหมายที่ไดจากการทํากิจกรรมคนหาคําศัพทลงในสมุด โดยเรียงตาม
วิทยาศาสตร งานเกษตร จะเปนประโยชนตอการเรียนรูสุภาษิตและ พจนานุกรมใหถูกตอง
วรรณกรรม

คูมือครู 49
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนแบงกลุม กลุมละเทาๆ กัน ทํารายงาน
โดยยกเหตุการณหรือสถานการณในปจจุบันที่ ค�าศัพท์ ความหมาย
นักเรียนคิดวาเปนปญหา มารวมกันอภิปรายและหา อย่าตีสุนัขห้ามเห่า อย่าขัดขวางผู้ที่ปฏิบัติตามหน้าที่ หรืออาจแปลอีกอย่าง
แนวทางการแกไขปญหา โดยใชขอคิดและคติ ว่าอย่าท�าสิ่งที่สวนทางกับธรรมชาติ
คําสอนจากสุภาษิตพระรวง อย่าเบา อย่าเชื่อคนง่าย
(แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลายขึ้นอยูกับ อย่าปลุกผีกลางคลอง อย่าท�าสิ่งที่ไม่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานที่หรืออย่าท�าสิ่งที่
ประสบการณของนักเรียน ครูพิจารณาวาเหตุการณ ไม่สมควร เพราะอาจน�าภัยมาสู่ตนเอง
ที่นักเรียนยกมาตรงตามคําศัพทในบทเรียนหรือไม อย่าแผ่เผื่อความผิด อย่าโยนความผิดหรือความไม่ดีให้แก่คนอื่น
โดยครูใหนักเรียนอธิบายเหตุผล ตัวอยางเชน ขาว อย่าพาผิดด้วยหู อย่าด่วนเชื่อสิ่งที่ได้ยิน
จากไทยรัฐออนไลน วันที่ 19 กรกฎาคม 2555 อย่ามักห้าวพลันแตก อย่าแข็งเกินไป จะก่อให้เกิดอันตรายแก่ตนเอง
http://www.thairath.co.th/content/edu/272801 อย่ายลเยี่ยงถ้วยแตกมิติด อย่าเอาอย่างถ้วย (กระเบื้อง) ซึ่งเมื่อแตกแล้ว ไม่สามารถท�าให้กลับคืนดี
เรื่องการเรียกรองใหกระทรวงพัฒนาสังคมและความ ดังเดิมได้
มั่นคงของมนุษยเปนเจาภาพหลักในการรณรงคการ อย่าริร่านแก่ความ อย่าใจร้อนหาเรือ่ งหรืออย่าหาเหตุกอ่ การวิวาท (ร่าน แปลว่า อยาก)
พนันทุกรูปแบบ หลังการแขงขันฟุตบอลยูโรจบลง อย่าเลียนครู อย่าล้อเลียนครู
รวมถึงใหมีมาตรการแกไขปญหา ฟนฟู ผูติดการ พระมหาเจดีย์ ๔ รัชกาล (ตั้งอยู่ในวัดโพธิ์) มีจารึกเรื่องต่างๆ รวมทั้งจารึกเรื่องสุภาษิตพระร่วง
พนันที่อยากเลิก พรอมทั้งเสนอแนวทางจัดตั้ง
กองทุนเยียวยาสังคมลดปญหาการพนัน จากปญหา
การพนันที่มีแนวโนมการเกิดอาชญากรรมสูงขึ้น
จึงควรมีหนวยงานที่เกี่ยวของทบทวนถึงผลกระทบที่
รุนแรงที่เกิดจากการพนัน โดยขอมูลทางการแพทย
ระบุชัดเจนวา โรคติดการพนันสามารถรักษาใหหาย
ได ดวยการทําพฤติกรรมบําบัดและฟนฟูเยียวยา
จากสถานการณดังกลาวเปนปญหาทางสังคม
ในขณะนี้ ซึ่งเปนเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมของบุคคล
บางกลุมที่สงผลกระทบตอความปลอดภัยของคนใน
สังคม ตรงกับเนื้อความที่วา “อยาใฝเอาทรัพย
ทาน อยาริรานแกความ ประพฤติตามบูรพระบอบ
เอาแตชอบเสียผิด อยาประกอบกิจเปนพาล” ซึ่งเปน
ขอหามไมใหเอาทรัพยสินของคนอื่นมาเปนของตน
ไมใหมีเรื่องทะเลาะวิวาท ใหประพฤติตามแบบแผน
ที่ดีงาม)
5๐

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดเปนคําสอนที่นํามาใชในการทํางาน
ครูใหนักเรียนสังเกตภาพพระมหาเจดีย ๔ รัชกาล (ในหนา ๕๐) แลวศึกษา
1. อยาพาผิดดวยหู
หาความรูเพิ่มเติมในบริบทที่เกี่ยวของกับสุภาษิตพระรวงดานการเมืองการปกครอง
2. อยาเขาแบกงาชาง
ประเพณีวัฒนธรรมในสมัยสุโขทัย จากนั้นอภิปรายแลกเปลี่ยนความรูในชั้นเรียน
3. อยาโดยคําคนพลอด
4. อยายลเยี่ยงถวยแตกมิติด
วิเคราะหคําตอบ อยาพาผิดดวยหู คือ อยาดวนเชื่อในสิ่งที่ไดยิน อยาเขา
แบกงาชาง คือ อยาทําการเสี่ยงภัยอันใดโดยไมเกิดประโยชน อยาโดยคํา
คนพลอด คือ อยาเชื่อตามคําพูดที่หวานหู และอยายลเยี่ยงถวยแตกมิติด
คือ อยาเอาอยางถวยที่เมื่อแตกแลว เพราะถวยที่แตกแลว ไมสามารถทําให
ดีไดดังเดิม ดังนั้น สํานวนที่สอนเกี่ยวกับการทํางาน คือ อยาเขาแบกงาชาง
สอนใหระวังอยาทํางานที่เสี่ยงภัยโดยไมเกิดประโยชนกับตนเองหรือผูอื่น
ตอบขอ 2.

50 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับคําวา “พระรวง”
บอกเล่าเก้าสิบ ดังหัวขอตอไปนี้
• ความเปนมา
พระร่วง • คําศัพท “พระรวง”
พระร่วง สันนิษฐานกันว่าเป็นค�าที่ใช้เรียกกษัตริย์สมัยสุโขทัย โดยไม่เจาะจงว่าเป็น 2. ครูสุมนักเรียน 2-3 คน มานําเสนอหนาชั้นเรียน
พระองค์ใด นอกจากนี้ ยังมีนัยที่แสดงให้เห็นถึงความโบราณเก่าแก่จนไม่สามารถสืบหาที่มา
หรือต้นตอที่แท้จริงของเรื่องราวได้ เช่นเดียวกับสุภาษิตพระร่วง ซึ่งไม่ปรากฏหลักฐานอย่างชัดเจน ขยายความเขาใจ Expand
ว่าแต่งขึ้นในสมัยใด แต่เชื่อกันมาแต่เดิมว่าอาจแต่งขึ้นในสมัยสุโขทัยและได้มีการคัดลอกสืบต่อ
กันมาเป็นเวลาช้านาน จึงมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างไรก็ตาม ค�าว่า 1. นักเรียนบันทึกประสบการณการอานเกี่ยวกับ
พระร่วงยังถูกน�าไปใช้เป็นชือ่ เรียกสิง่ ของและสถานทีต่ า่ งๆ อย่างเช่น “พระรวง”
ข้าวตอกพระร่วง ในทางธรณีวิทยาถือว่าเป็นแร่โลหะ (แนวตอบ นักเรียนสามารถเขียนเกี่ยวกับพระรวง
ชนิดหนึง่ ชือ่ ว่า แร่ไพไรต์ (Pyrite) แต่ในทางต�านาน เชือ่ กันว่าเกิดจาก ไดหลากหลายขึ้นอยูกับความรูและประสบการณ
วาจาสิทธิ์ของพระร่วงในขณะออกผนวช วันหนึ่งเมื่อฉันภัตตาหาร
เสร็จ ข้าวทีเ่ หลือก้นบาตรท่านได้โปรยลงบนลานวัดและอธิษฐานว่า
ของนักเรียน ตัวอยางเชน วรรณคดีเรื่อง
ขอข้าวนี้กลายเป็นหินและมีอายุยืนนานชั่วลูกชั่วหลาน ไตรภูมิพระรวง เปนพระราชนิพนธในพระมหา-
แก้งขี้พระร่วง เป็นไม้ยืนต้น เปลือกสีเทา ก้านใบและ ธรรมราชาลิไท โดยมีพระประสงคที่จะเทศนา
ช่อดอกมีขนนุม่ สัน้ ใบเป็นรูปไข่แกมรูปใบหอก ดอกมีขนาดเล็กออก โปรดพระมารดา และเพื่อจําเริญพระอภิธรรม
เป็นช่อสั้นๆ ตามง่ามใบ ผลรูปไข่ แต่ปลายผลเป็นติ่ง เนื้อไม้มีกลิ่น ไตรภูมิพระรวงเปนหลักฐานชิ้นหนึ่งที่แสดงให
เหม็นคล้ายกลิน่ อุจจาระ มักน�ามาปรุงเป็นยาขับพยาธิไส้เดือนในเด็ก เห็นถึงพระปรีชาสามารถอยางลึกซึ้งในดาน
ในทางต�านานเล่าว่า ครั้งหนึ่งพระร่วงประพาสป่า เสด็จไปลงพระ- พระพุทธศาสนาของพระมหาธรรมราชาลิไทที่
บังคน เมื่อแล้วเสร็จทรงหยิบไม้ใกล้ๆ พระองค์มาทรงช�าระแล้วโยน
ไม้นั้นก็เกิดเป็นต้น1ไม้และขยายพันธุ์มาจนทุกวันนี้
ทิ้งไป ไม้
ทรงรวบรวมขอความตางๆ ในคัมภีรพระพุทธ
ท�านบพระร่วงง หรือสรีดภงค์ เป็นท�านบกั้นน�้าหรือเขื่อน ศาสนา นับแตพระไตรปฎก อรรถกถา ฎีกา
ตั้ ง อยู ่ ตรงบริเวณที่ถูกขนาบด้วยภูเขาสองลูกเป็นรูปก้ามปู คือ และปกรณพิเศษตางๆ มาเรียบเรียงขึ้นเปน
เขาพระบาทใหญ่และเขากิว่ อ้ายมา ภูเขาทัง้ สองลูกนีอ้ ยูใ่ นทิวเขาหลวง วรรณคดีโลกศาสตรเลมแรกที่แตงเปนภาษาไทย
ด้านหลังตัวเมืองสุโขทัยเก่า คนท้องถิ่น ต�าบลเมืองเก่า อ�าเภอเมือง เทาที่มีหลักฐานอยูในปจจุบันนี้)
จังหวัดสุโขทัยเรียกร่องรอยคันดินโบราณเพือ่ การชลประทานแห่งนี้ 2. ครูขออาสาสมัคร 2-3 คน มาเลาเรื่องเกี่ยวกับ
ว่า ท�านบพระร่วง เนือ่ งจากเชือ่ กันสืบมาว่ากษัตริยส์ โุ ขทัยพระองค์ใด พระรวงหนาชั้นเรียน
พระองค์หนึ่งทรงสร้างขึ้น จึงถือว่าเป็นของที่ท�าหรือเกิดขึ้นด้วย
อิทธิฤทธิ์ของพระร่วง
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนบอกความหมายของคําศัพทใน
บทเรียนได
2. นักเรียนยกคําศัพทใหตรงกับโคลงที่กําหนดได
51 3. นักเรียนเลาเรื่องเกี่ยวกับพระรวงจาก
ประสบการณได

บูรณาการเชื่อมสาระ
สุภาษิตพระรวง บางตอนแปลจากพุทธศาสนสุภาษิตโดยตรง บางตอน นักเรียนควรรู
ดัดแปลงมาจากศาสนธรรม เชน อยาใฝเอาทรัพยทาน ดัดแปลงมาจาก
1 ทํานบพระรวง มีลักษณะเปนคันดินไมสูงนัก รวมทั้งมิไดมีสภาพการกอสราง
“อทินนาทานา เวรมณี” หมายความวา เวนจากการลักทรัพย เปนตน สวนที่
ที่แข็งแรงพอ จึงอาจที่จะวิเคราะหไดวา คันดินโบราณที่เรียกวาทํานบพระรวงนี้
แปลมาจากพุทธศาสนสุภาษิตมีอยูมาก เชน “เอาแตชอบเสียผิด” คือ
มิไดทําหนาที่เปนเขื่อนกักเก็บนํ้าเหมือนกับเขื่อนดินที่กรมชลประทานมาสรางไว
ตํ คณเยยยํ ยทปณณกํ หมายความวา สิ่งใดไมผิดถือเอาสิ่งนั้น “อยาประกอบ
ทํานบพระรวงของเดิมจะทําหนาที่บังคับทิศทางของนํ้าที่มีมากในฤดูฝน มิใหไหลลน
กิจเปนพาล” คือ ปาปานิ ปริวชฺชเย หมายความวา พึงละเวนกรรมชั่วทั้งหลาย
ไปในทิศทางอื่นที่มิใชทิศทางไปสูเมืองสุโขทัย แตจะทําหนาที่เบนนํ้าทั้งหมดที่ไหล
เปนตน สุภาษิตพระรวงเปนวรรณกรรมที่ไดรับอิทธิพลจากพระพุทธศาสนา
มาจากเขาทั้งสองลูกนี้ใหไหลลงไปในคลองเสาหอทั้งหมด เพื่อนําไปสูคูเมืองสุโขทัย
ดังนั้นการบูรณาการความรูระหวางวรรณคดีและวรรณกรรมกับกลุมสาระการ
เรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนาเขาดวยกัน
จะทําใหนักเรียนเขาใจหลักคิด ความเชื่อ ของคนในสังคมไทยทั้งในอดีตและ มุม IT
ปจจุบันมากขึ้น
ศึกษาเกี่ยวกับทํานบพระรวงและการปรับปรุงตั้งแตอดีตจนถึงปจจุบันเพิ่มเติม
ไดที่ http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=4b6fc8c325dd4756

คูมือครู 51
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูยกขอคิดหรือคติคําสอนของบุคคลสําคัญ
หรือของครูเอง โดยเลือกที่เหมาะกับนักเรียนมา ๖ บทวิเคราะห์
พูดใหนักเรียนฟง นักเรียนแสดงความคิดเห็นวา เนื่องจากเนื้อความของสุภาษิตพระร่วง มีที่มาจากการรวบรวมค�าสอนหรือสุภาษิตเก่าแก่
นักเรียนจะนําขอคิดหรือคติคําสอนนั้นไปใชใน ตั้งแต่สมัยโบราณเข้าไว้ด้วยกัน จึงไม่1มีการเรียงล�าดับเนื้อความที่แน่นอน แต่สามารถสรุปได้ว่า
ชีวิตไดหรือไม อยางไร เนื้อความหรือค�าสอนในสุภาษิตพระร่วง แบ่งออกเป็น ๒ ลักษณะด้วยกัน ได้แก่ ค�าสอนที่เป็นข้อห้าม
ตัวอยางเชน และค�าสอนที่เป็นค�าแนะน�า ดังตัวอย่างต่อไปนี้
• “ปญญาดียอมมีความสุข คนมีปญญายอมใช
ปญญาในการแกปญหาเพื่อใหพนทุกข ดังนั้น ค�ำสอนที่เป็นข้อห้ำม ➝ อย่าใฝ่เอาทรัพย์ท่าน อย่าประกอบกิจเป็นพาล
สําหรับคนมีปญญา วิกฤตอยูไหน ปญญา อย่าอวดหาญแก่เพื่อน อย่าชังครูชังมิตร อย่ามีปากว่าคน
อยูนั่น สวนคนดอยปญญา โอกาสอยูไหน อย่าขุดคนด้วยปาก อย่าถากคนด้วยตา อย่านั่งชิดผู้ใหญ่
วิกฤตอยูนั่น จงเรียนรูที่จะเปลี่ยนปญหาให อย่าใฝ่ตนให้เกิน
เปนปญญา เปลี่ยนอุปสรรคเปนอุปกรณ ค�ำสอนที่เป็นค�ำแนะน�ำ ➝ ผิจะบังบังจงลับ ผิจะจับจับจงมั่น ผิจะคั้นคั้นจงตาย
(ว. วชิรเมธี) ทีม่ ีภัยพึงหลีก โอบอ้อมเอาใจคน คนโหดให้เอ็นดู
• “ผูที่ออนแอไมสามารถใหอภัยใครได เพราะ เมือ่ น้อยให้เรียนวิชา ประพฤติตามบูรพระบอบ
การใหอภัยนั้นนับเปนความเขมเเข็งที่เเทจริง”
(มหาตมะ คานธี) ๖.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา
2. ครูใหนักเรียนมีสวนรวมในการแสดงความ ค�าสอนในสุภาษิตพระร่วง เป็นการสอนอย่างกว้างๆ ครอบคลุมทั้งคติทางโลกและ
คิดเห็น โดยใหนักเรียนบอกขอคิดหรือคติ ทางธรรม สามารถน�าไปปฏิบัติได้จริงในชีวิต จึงท�าให้สุภาษิตพระร่วงมีคุณค่าในด้านเนื้อหา ดังนี้
คําสอนประจําใจของตนเอง ๑) ข้ อ คิ ด และคติ ท างโลก สุภาษิตพระร่วงมีเนื้อหามุ่งสอนให้รู้วิธีด� าเนินชีวิต
และการปฏิบัติในด้านต่างๆ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่นอย่างเหมาะสม เพื่อความสงบสุขในสังคม เช่น
สํารวจคนหา Explore ๑.๑) ความส� า คั ญ ของการศึ ก ษาหาความรู ้ สุภาษิตพระร่วงมีค�าสอนที่สื่อ
1. นักเรียนศึกษาสุภาษิตพระรวง แลวคนหาขอคิด ให้เห็นคุณค่าของการศึกษาเล่าเรียน เช่น เมื่อน้อยให้เรียนวิชา เป็นคนเรียนความรู้
และคติทั้งทางโลกและทางธรรม ๑.๒) ข้อคิดในการท�างาน สุภาษิตพระร่วงมีค�าสอนให้ประกอบอาชีพหรือ
2. นักเรียนพิจารณาการใชคําและลักษณะเดนทาง การท�างานที่สุจริตและไม่เกิดโทษ เช่น อย่ากอปรกิจเป็นพาล ให้หาสินเมื่อใหญ่ อย่าท�าการที่ผิด
วรรณศิลปอื่นๆ ในสุภาษิตพระรวง คิดขวนขวายที่ชอบ
๑.๓) ความส�าคัญของการพูด สุภาษิตพระร่วงมีค�าสอนให้รู้กาลเทศะหรือ
จังหวะเวลาในการพูด รู้จักรับผิดชอบในสิ่งที่พูด รู้จักคิดก่อนพูด และไม่พูดเท็จ เช่น

➝ ยอครูยอต่อหน้า ยอข้าเมื่อแล้วกิจ
ยอมิตรเมื่อลับหลัง ลูกเมียยังอย่าสรรเสริญ

52

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดเปนความหมายของสุภาษิตพระรวงที่วา “อยาเขาแบกงาชาง”
1 คําสอนในสุภาษิตพระรวง จะใชเปนเกณฑในการจําแนกวรรณคดีจากที่ได
1. เพราะงาเปนของมีคาไมควรนํามาแบกเลน
พิจารณาเนื้อหาและเนื้อเรื่องวาเปนเรื่องที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ทั้งโดยตรงและ
2. เพราะงาไมใชของเลนที่จะนํามาแบกได
ที่มีอิทธิพลมาจากความเชื่อทางศาสนา จึงอาจจัดสุภาษิตพระรวงใหเปนวรรณคดี
3. เพราะงาชาหนักอาจถูกงาทับได
ศาสนาหรือวรรณคดีสุภาษิต ซึ่งรวมเปนประเภทเดียวกัน
4. เพราะอาจถูกชางแทงได
วิเคราะหคําตอบ งาชางเปนสิ่งที่มีคา ทั้งนี้เพราะเอามายากและเสี่ยงตอ
การถูกชางทําราย เสี่ยงตอการถูกชางแทง การเขาแบกงาชางเปนการทําโดย
ไมคุมกับผลประโยชนที่จะไดรับ จึงมีคําสอนเตือนวา “อยาเขาแบกงาชาง”
ตามความหมายที่กลาววา อยาทําอะไรที่เสี่ยงโดยไมคุมคากับผลที่จะไดรับ
อยาเอาชีวิตเขาเสี่ยงเพื่อแลกกับงาชาง ตอบขอ 4.

52 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความสัมพันธระหวางคติทางโลก
รับผิดชอบในสิ่งที่พูด ➝ โต้ตอบอย่าเสียค�า และทางธรรม
คิดก่อนพูด ➝ คิดแล้วจึงเจรจา (แนวตอบ คติทางโลกเปนหลักในการดําเนินชีวิต
ไม่จับผิดค�ำพูดคนอื่น ➝ อย่าจับลิ้นแก่คน ประจําวัน เปนวิถีในการปฏิบัติตนทั่วไป เชน การ
1 ศึกษาหาความรู การทํางาน การพูดใหถูกกาลเทศะ
ไม่พูดเท็จ ➝ อย่าริกล่าวค�าคด เจรจาตามคดี
เจรจาตามคดี
เปนตน ในขณะที่คติทางธรรมเปนสิ่งที่คอยควบคุม
๑.๔) มารยาทในการเข้าสังคม การใช้ชีวิตอยู่ในสังคม ย่อมต้องพบปะกับ
กํากับความคิดและพฤติกรรมของคนในสังคม ใหคิด
ดี พูดดี และทําดี อันกอใหเกิดสิ่งที่ดีทั้งตอผูปฏิบัติ
บุคคลอื่นๆ อยู่เสมอ จึงต้องปฏิบัติตนให้เหมาะสมกับโอกาสและบุคคล เช่น ไปเรือนท่านอย่านั่งนาน
ผูอื่น และสังคม จึงสรุปไดวาเราตองนําคติทางธรรม
อย่านั่งชิดผู้ใหญ่ จงนบนอบผู้ใหญ่
มาใชรวมกันกับคติทางโลก จึงจะบังเกิดความสุข
๑.๕) การรู้จักปรับตัวในสังคม เช่น น�้าเชี่ยวอย่าขวางเรือ เข็นเรือทอดทางถนน
ความสําเร็จในชีวิต)
๑.๖) การประหยัด เช่น ของแพงอย่ามักกิน
๑.๗) การด�าเนินชีวิตครอบครัวให้มีความสุข เช่น การเรือนตนเร่งคิด จงเร่ง ขยายความเขาใจ Expand
ระมัดฟืนไฟ ความในอย่าไขเขา ภายในอย่าน�าออก ภายนอกอย่าน�าเข้า
๑.๘) การให้ความส�าคัญของญาติพี่น้องที่มีสายเลือดเดียวกัน ให้มากกว่า นักเรียนยกขอความที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับ
คนนอกครอบครัว เช่น อย่ารักห่างกว่าชิด ขอคิดและคติคําสอนทางโลกหรือทางธรรมที่นักเรียน
๑.๙) การรับราชการ มุ่งเน้นสอนผู้ที่ท�างานใกล้ชิดเจ้านาย ต้องเป็นผู้รู้จัก พบเห็นในชีวิตประจําวัน จากสื่อตางๆ ไดแก
ระมัดระวังตน รู้จักการเคารพนับถือกันตามล�าดับชั้น ดังที่เคยปฏิบัติกันมาแต่อดีต เช่น อย่าออกก้าง หนังสือพิมพ วารสาร/นิตยสาร วิทยุ โทรทัศน
ขุนนาง คบขุนนางอย่าโหด อาสาเจ้าจนตัวตาย อาสานายจนพอแรง เฝ้าท้าวไทอย่าทะนง เจ้าเคียดอย่า และอินเทอรเน็ต เปนตน จากนั้นใหนักเรียนแสดง
ความคิดเห็น
เคียดตอบ
(แนวตอบ ตัวอยางเชน บทสัมภาษณณเดชน
๒) ข้อคิดและคติทางธรรม เป็นค�าสอนที่เชื่อมโยงกับหลักศาสนา จริยธรรม และ
คูกิมิยะ ในนิตยสารซีเคร็ต ปที่ 4 ฉบับที่ 97 วันที่
คุณธรรมมีหลายด้าน เช่น
10 กรกฎาคม 2555 หัวเรื่อง “เผยเบื้องหลังซูเปอร
๒.๑) สอนให้มีศีล มีธรรม และมีความเมตตา เช่น อย่าใฝ่เอาทรัพย์ท่าน เมตตา
สตาร พรอมเปดตัวมารดาผูเปนดั่งลมใตปก” จาก
ตอบต่อมิตร สร้างกุศลอย่ารู้โรย อย่ามัวเมาเนืองนิตย์ อย่ากริ้วโกรธเนืองนิตย์ คําถามทีว่ า “โลกทุกวันนีเ้ ต็มไปดวยสารพัดสิง่ มีทงั้ ดี
๒.๒) สอนให้มีความโอบอ้อมอารี เช่น ปลูกไมตรีอย่ารู้ร้าง พึงผันเผื่อต่อญาติ และไมดี คิดวาการเปนวัยรุนที่อยูในศีลธรรมยาก
โอบอ้อมเอาใจคน แคไหนครับสําหรับตัวเอง” ณเดชนตอบคําถามวา
๒.๓) สอนให้มีความกตัญญูรู้คุณ เช่น อย่าชังครูชังมิตร ครูบาสอนอย่าโกรธ “จริงๆ แลวไมยากนะครับ เพียงแตเราจะมีสติพอที่
ทดแทนคุณท่านเมื่อยาก อย่าเลียนครูเตือนด่า จะนํามาใชใหเหมาะกับวัยและสถานะของตัวเอง
๒.๔) สอนให้ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท เช่น เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า เดินทาง อยางไร วัยรุนเปนวัยอยากรูอยากเห็น มีสิ่งที่ตอง
อย่าเดินเปลี่ยว ที่สุ้มเสือจงประหยัด จงเร่งระมัดฟืนไฟ เรียนรูม ากมาย แตกค็ วรมีศลี ธรรมกํากับชีวติ สิง่ หนึง่
ที่วัยรุนสมัยนี้ขาดคือ เวลาที่ควรจะมีใหครอบครัว
53 เอาใจใสครอบครัว รวมถึงการดูแลขางในตนเอง...
คือมีสติและความคิดอยางการมองโลกในแงดี”)

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนบอกขอคิดและคติคําสอนที่นําไปปรับใชไดเหมาะสมและ ครูแนะแนวทางในการคนหาขอมูลจากสื่อการเรียนรูอยางเหมาะสม โดยครูอาจ
สอดคลองกับชีวิตประจําวันของนักเรียน จัดกิจกรรมพานักเรียนไปเรียนรูที่หองสมุด ใหนักเรียนเลือกสืบคนความรูตางๆ
จากหองสมุด แลวใหนักเรียนบันทึกความรูที่ไดลงสมุด ครูแนะนักเรียนเพิ่มเติมวา
ใหนักเรียนระบุแหลงที่มาของขอมูลใหครบถวนชัดเจน
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
นักเรียนยกสถานการณปจจุบันที่เปนปญหา แลวใหนักเรียนพิจารณาวา
จะนําขอคิดและคติคําสอนในสุภาษิตพระรวงไปปรับใชในการปองกันหรือ 1 คดี มีความหมายวา เรื่อง “การเจรจาตามคดี” จึงหมายถึงการพูดคุยตาม
แกไขปญหานั้นไดอยางไร เรื่อง คือ พูดกันอยางตรงไปตรงมา ไมออกนอกเรื่องไมบิดเบือนเรื่อง หรือพูดจา
คลุมเครือชวนใหเขาใจผิด สับสน กอกวนใหการสนทนาพูดคุยกันไมเปนผลสําเร็จ
ทั้งนี้คําวา “คดี” มักใชประกอบคําศัพทอื่นๆ เชน โบราณคดี วรรณคดี สารคดี
คดีโลก คดีธรรม เปนตน

คูมือครู 53
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานวรรณศิลป
• การใชคํานอยแตกินความมาก ๒.๕) สอนให้เป็นผู้รู้ประมาณ เช่น อย่าใฝ่ตนให้เกิน มีสินอย่าอวดมั่ง รักตน
(แนวตอบ สุภาษิตพระรวงแตงดวยรายสุภาพ กว่ารักทรัพย์ อย่าใฝ่สูงให้พ้นศักดิ์
ซึ่งมีขอจํากัดเรื่องจํานวนคํา ทําใหแตละวรรค ๖.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
จําเปนตองใชคําสั้น กระชับ แตมีใจความ สุภาษิตพระร่วงแต่งด้วยร่ายสุภาพที่มีสัมผัสคล้องจอง จดจ�าง่าย มีความไพเราะ
มาก) และยังมีประโยชน์ต่อการศึกษาภาษาไทย ด้วยท�าให้มีความรู้เรื่องค�าศัพท์และส�านวนเก่าที่ใช้กันมา
2. นักเรียนพิจารณาการใชคําในสุภาษิตพระรวง ตั้งแต่ครั้งอดีต ท�าให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของภาษาที่เป็นไปตามกาลเวลา คุณค่าด้านวรรณศิลป์
เปรียบเทียบกับปจจุบัน และอธิบายการ ของสุภาษิตพระร่วงมีดังต่อไปนี้
เปลี่ยนแปลงของภาษาอยางกวางๆ
๑) การใช้ค�าน้อยแต่กินความมาก เนื่องจากสุภาษิตพระร่วงแต่งด้วยร่ายสุภาพ
(แนวตอบ การใชคําในสุภาษิตพระรวงไมมีการ
ซึ่งมีข้อจ�ากัดเรื่องจ�านวนค�า ท�าให้ในแต่ละวรรคจ�าเป็นต้องใช้ค�าน้อยแต่ให้ได้ใจความมาก ผู้อ่าน
ใชคําสันธาน ไมมีสวนขยายหรือรอยเรียงเปน
ต้องตีความให้ถูกต้องจึงจะเข้าใจความหมายที่แท้จริง เช่น
ประโยคความรวมและความซอน ใชคํานอยแต
1
กินความมาก ใชคําสั้นกระชับซึ่งแตกตางจากคํา ลำงคลอง มีความหมายว่า ไม่ควรรื้อฟื้นเรื่องราวที่ได้ยุติหรือ
อย่ำปลุกผีกลำงคลอง
ที่ใชในปจจุบันที่ใชคําจํานวนพยางคมากขึ้นและ สิ้นสุดลงไปแล้วขึ้นมาใหม่ ในขณะที่การงานก�าลังด�าเนินไปได้ด้วยดีหรือในระหว่างที่อยู่
มีลักษณะเปนคําซอน เชน “จงเรงระมัดฟนไฟ” ในภาวะคับขัน เป็นค�าสอนที่เป็นความเปรียบและแสดงให้เห็นถึงความเชื่อของคนในอดีต
ปจจุบันใชเปน “ระมัดระวัง” “นอบตนตอผูเฒา” ที่ถือกันว่าเมื่อน�าวิญญาณไปถ่วงน�้า (คลอง) แล้ว ไม่ควรปลุกหรือเรียกวิญญาณนั้นให้
ปจจุบันใชเปน “นบนอบ” หรือ “นอบนอม” ฟื้นขึ้นมาอีก อันเป็นการกระท�าที่ไม่มีเหตุผลและไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แต่อย่างใด
เปนตน)

ขยายความเขาใจ Expand เผ่ำกษัตริย์เพลิงงู อย่ำดูถูก น้อย มีความหมายว่า อย่าได้ประมาทหรือ


ดูหมิ่นใน ๓ สิ่ง คือ พระเจ้าแผ่น ดิน ไม่ควรหมิ่นว่าทรงพระเยาว์ ไฟ ไม่ควรดูหมิ่น
นักเรียนยกตัวอยางประโยค ที่มีการเปลี่ยนแปลง
ว่าเล็กน้อย งู ไม่ควรดูหมิ่นว่าตัวเล็ก เพราะ ๓ สิ่งนี้สามารถบันดาลความหายนะและ
ทางภาษานอกเหนือจากตัวอยางในบทเรียน คนละ 3
ความทุกข์มาให้ได้
ประโยค พรอมอธิบายการเปลี่ยนแปลง
(แนวตอบ นักเรียนสามารถยกตัวอยางไดหลาก ๒) การใช้ค�าศัพท์ค�าเดียว เป็นการน�าศัพท์มาใช้เพียงค�าเดียวโดดๆ และแตกต่าง
หลาย โดยครูพิจารณาบริบทของเนื้อความวามีการใช จากค�าที่ใช้ในปัจจุบันมาก ผู้อ่านต้องพินิจพิจารณา จึงจะเข้าใจความหมายของค�าและเนื้อความ
คําในปจจุบันอยางถูกตองเหมาะสมหรือไม ตัวอยาง
เชน จงเร่งระมัดฟืนไฟ ปัจจุบันใช้ ระมัดระวัง
• ครูบาสอนอยาโกรธ ปจจุบันมักใชเปน นอบตนต่อผู้เฒ่า ปัจจุบันใช้ นบนอบ หรือ นอบน้อม
ครูบาอาจารยสอนอยาโกรธ พรรคพวกพึงท�ำนุก ปัจจุบันใช้ ท�านุบ�ารุง หรือ ทะนุบ�ารุง
• ภักดีอยาดวนเคียด ปจจุบันมักใชเปน มีสินอย่าอวดมั่ง ปัจจุบันใช้ มั่งมี
ภักดีอยาดวนเคียดแคน
54
• ความแหนใหประหยัด ปจจุบันมักใชเปน
ความหวงแหนใหประหยัด เปนตน)

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดคือคุณคาดานวรรณศิลปของสุภาษิตพระรวง
1 อยาปลุกผีกลางคลอง ตรงกับสํานวนปลํ้าผีลุก ปลุกผีนั่ง หมายความวา
1. มีการเลนเสียงสัมผัสคลองจองในวรรค
พยายามทําเรื่องที่จบใหกลับเปนเรื่องขึ้นมาใหม สํานวนนี้มีที่มาจากความเชื่อของ
2. มีการพรรณนาดวยภาษาสละสลวย
คนสมัยกอนวา อาจใชเวทมนตรปลุกคนตายขึ้นมา เพื่อใชใหทําการอยางใดอยาง
3. มีการใชภาพพจนอติพจน
หนึ่งได
4. มีขอคิดคําสอน
วิเคราะหคําตอบ ลักษณะทางวรรณศิลปของสุภาษิตพระรวงมีการใชคํานอย
แตกินความมาก ใชคําไมเยิ่นเยอ จึงไมมีการพรรณนาดวยภาษาสละสลวย
ตามขอ 2. อีกทั้งไมมีการใชภาพพจนอติพจน ซึ่งเปนการกลาวเกินจริงตาม
ขอ 3. สวนขอคิดคําสอนในขอ 4. เปนสิ่งที่สามารถนําไปปฏิบัติไดจริง แต
ทั้งนี้ขอคิดคําสอนไมใชคุณคาดานวรรณศิลปแตเปนคุณคาดานเนื้อหา คุณคา
ดานวรรณศิลป คือ การเลนเสียงสัมผัสในวรรคทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร
ตอบขอ 1.

54 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain

1 นักเรียนอธิบายการสรรคําในสุภาษิตพระรวง
๓) การสรรค�า สุภาษิตพระร่วง เป็นร่ายที่ใช้ภาษาได้อย่างกระชับตรงไปตรงมา จากประเด็นตอไปนี้
แต่มีสัมผัสคล้องจอง จึงจดจ�าได้ง่ายและมีความไพเราะ โดยเฉพาะจากการเล่นเสียงและการเล่นค�า • การเลนเสียง
ดังนี้ (แนวตอบ มีการเลนเสียงสัมผัสทั้งเสียงสัมผัส
๓.๑) การเล่นเสียง เป็นการเล่นเสียงสัมผัส ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร สระและสัมผัสอักษรในวรรคเดียวกัน
ในวรรคเดียวกัน เช่น การเลนเสียงอักษร เชน
สัมผัสอักษร
“สูเสียสินอยาเสียศักดิ์” สู-เสีย-สิน-เสีย-ศักดิ์
อย่าเคลื่อนคลำดคลำถอย เล่นเสียงสัมผัสอักษร คือ เคลื่อน-คลาด-คลา
เปนตน การเลนเสียงสระ เชน “อยาเบียด
เสียดแกมิตร” เบียด-เสียด เปนตน)
อย่าก รธเนืองนิตย์ เล่นเสียงสัมผัสอักษร คือ กริ้ว-โกรธ, เนื อง-นิตย์
• การเลนคํา
ช้างไล่แล่นเลี่ยงหลบ เล่นเสียงสัมผัสอักษร คือ ไล่-แล่น-เลี่ยง-หลบ
(แนวตอบ ลักษณะการเลนคําในสุภาษิต-
สู้เสียสินอย่าเสียศักดิ์ เล่นเสียงสัมผัสอักษร คือ สู้-เสีย-สิน-เสีย-ศักดิ์
พระรวง มีการซํ้าคํา เชน คําวา “ยอ” ความ
สัมผัสสระ วา “ยอครูยอตอหนา ยอขาเมื่อแลวกิจ ยอ
อย่าตีปลำหน้ำไซ เล่นเสียงสัมผัสสระ คือ ปลา-หน้า มิตรเมื่อลับหลัง” ซํ้าคําวา “อยา” ในความวา
อย่ากอปรจิตริษยา เล่นเสียงสัมผัสสระ คือ จิต-ริษ(ยา) “อยารักเหากวาผม อยารักลมกวารักนํ้า
อย่าเบียดเสียดแก่มิตร เล่นเสียงสัมผัสสระ คือ เบียด-เสียด อยารักถํ้ากวาเรือน อยารักเดือนกวาตะวัน”
พลันฉิบหำย ม้วย เล่นเสียงสัมผัสสระ คือ หาย-วาย เปนตน ซึ่งการเลนคําในลักษณะนี้เปนการ
๓.๒) การเล่นค�า การเล่นค�าโดยเฉพาะการซ�้าค�าที่ต้นวรรค ภายในวรรค และ เนนเจตนาของกวีใหมีนํ้าหนักมากขึ้น)
ระหว่างวรรค ช่วยเน้นย�้าความหมายและยังได้ความไพเราะจากเสียงสัมผัสที่คล้องจอง เช่น
ขยายความเขาใจ Expand
ยอครูยอต่อหน้า ยอข้าเมื่อแล้วกิจ ยอมิตรเมื่อลับหลัง
นักเรียนจับคูกันแตงคําประพันธเรื่องที่นักเรียน
อย่ำถากคนด้วยตา อย่ำพาผิดด้วยหู อย่ำเลียนครูเตือนด่า อย่ำริกล่าวค�าคด
สนใจดวยรายสุภาพ ใหมีลักษณะการเลนคําโดย
อย่ำรักเหากว่าผม อย่ำรักลมกว่ารักน�า้ อย่ำรักถ�า้ กว่าเรือน อย่ำรักเดือนกว่าตะวัน
การซํ้าคําขึ้นตนประโยค อยางนอย 3 วรรคขึ้นไป
อย่ายลเยี่ยงถ้วยแตกมิติด จงยลเยี่ยงสัมฤทธิ์แตกมิเสีย
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแตงคําประพันธได
ท่ำนรักตนจงรักตอบ ท่ำนนอบตนจงนอบแทน
หลากหลายตามความสนใจของนักเรียน แตครู
รู้ที่ขลาดที่หาญ คนพำลอย่าพำลผิด
พิจารณาวาควรเปนเรื่องที่สรางสรรคเหมาะกับวัย
เข้าเถื่อนอย่ำลืมพร้า หน้าศึกอย่ำนอนใจ ไปเรือนท่านอย่ำนั่งนาน
ของนักเรียน สามารถนําไปเปนขอคิดหรือคติ
ผิจะบังบังจงลับ ผิจะจับจับจงมัน่ ผิจะคัน้ คัน้ จงตาย ผิจะหมายหมายจงแท้ ผิจะแก้แก้จงกระจ่าง
เตือนใจได ตัวอยางเชน “อยานอนตื่นสาย อยาอาย
ทํากิน อยาหมิ่นเงินนอย อยาคอยวาสนา”)
สุภาษิตพระร่วง แม้จะเป็นวรรณคดีที่มีขนาดสั้น แต่คุณค่านั้นมีมากมายด้วยได้
ให้แนวทางในการปฏิบัติตนที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการดÓเนินชีวิต
55

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ผิจะบังบังจงลับ ผิจะจับจับจงมั่น
1 การสรรคํา การสรรคําที่ดีมีประสิทธิผลเปนเครื่องแสดงออกของความเขาใจ
ผิจะคั้นคั้นจงตาย ผิจะหมายหมายจงแท
ความรู และความคิดของผูพูด หรือผูประพันธ ซึ่งไมเพียงแตจะมีความถูกตอง
ขอใดไมใชลักษณะทางวรรณศิลปของบทประพันธขางตน
ชัดเจนตรงเจตนาเทานั้น แตจะตองประกอบดวยความสงางาม โดยคํา ความคิด
1. มีการซํ้าคําทุกวรรค
และวิธีการแสดงออกจะผสมผสานกันอยางกลมกลืน แมถอยคําและวิธีการเรียบ
2. มีการซํ้าคําที่ขึ้นตนวรรค
เรียงคําจะแตกตางกันไปตามยุคสมัย
3. มีการใชคําเลียนเสียงธรรมชาติ
4. มีการเลนเสียงสัมผัสระหวางวรรค
วิเคราะหคําตอบ ลักษณะทางวรรณศิลปของบทประพันธนี้ มีดังนี้ มีการ
เลนเสียงสัมผัสระหวางวรรค คือ ลับ-จับ มั่น-คั้น และตาย-หมาย มีการซํ้า
คําวา “ผิ” ในตนวรรค มีการซํ้าคําทุกวรรค ไดแก “บังบัง” ในวรรคแรก
“จับจับ” ในวรรคที่ 2 “คั้นคั้น” ในวรรคที่ 3 และ “หมายหมาย” ในวรรคที่ 4
ดังนั้นจึงเห็นไดวา สุภาษิตพระรวงไมมีการใชคําเลียนเสียงธรรมชาติ ตอบ
ขอ 3.

คูมือครู 55
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนอธิบายความสัมพันธระหวางคติทางโลก
และคติทางธรรมได
2. นักเรียนยกขอความที่มีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับขอคิด ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
และคติคําสอนทางโลกหรือทางธรรมที่นักเรียน
พบเห็นในชีวิตประจําวันจากสื่อตางๆ ได ๑. สุภาษิตพระร่วงแสดงให้เห็นลักษณะเด่นของภาษาไทยอย่างไรบ้าง
3. นักเรียนยกตัวอยางประโยคที่มีการเปลี่ยนแปลง ๒. คา� สอนในสุภาษิตพระร่วงข้อใดที่นักเรียนสามารถน�ามาประยุกต์ใช้ได้ในการศึกษาเล่าเรียน
ทางภาษาที่นอกเหนือจากตัวอยางในบทเรียนได จงยกตัวอย่างประกอบ
4. นักเรียนแตงคําประพันธเรื่องที่นักเรียนสนใจ ๓. เพราะเหตุใดค�าสอนในวรรณคดีเรื่องสุภาษิตพระร่วงยังคงทันสมัย น�ามาปรับใช้ได้อยู่เสมอ
ดวยรายสุภาพ และคําประพันธที่แตงมีลักษณะ
การเลนคําโดยการซํ้าคําขึ้นตนประโยค

หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. เขียนแผนผังลักษณะคําประพันธประเภท
รายสุภาพและโคลงสองสุภาพ
2. จัดปายนิเทศดวยบัตรคําศัพทในบทเรียน
3. รายงานเกี่ยวกับเหตุการณในสังคมที่นําคําสอน
ในสุภาษิตพระรวงไปปรับใชในชีวิตจริง กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้
4. บันทึกขอคิดและคติคําสอนที่นักเรียนประทับใจ กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้นกั เรียนยกตัวอย่างสุภาษิตพระร่วง ทีน่ กั เรียนยึดเป็นคติประจ�าใจได้ในการด�าเนิน
5. แตงคําประพันธเรื่องที่นักเรียนสนใจ ดวยราย ชีวิตคนละ ๑ สุภาษิต พร้อมทั้งบอกวิธีการปฏิบัติตนและผลจากการปฏิบัติ
สุภาพ ใหมีลักษณะการเลนคําโดยการซํ้าคํา กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนแบ่งออกเป็นกลุ่ม แต่ละกลุ่มร่วมกันศึกษาค้นคว้าเรื่องสุภาษิต ส�านวน
ขึ้นตนประโยค และค�าพังเพย กลุ่มละ ๑ ตัวอย่าง และช่วยกันวาดภาพประกอบ แล้วน�าไปติดไว้ที่
ป้ายนิเทศ
กิจกรรมที่ ๓ จัดนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับค�าสอนในสุภาษิตพระร่วงในหัวข้อที่น่าสนใจ เช่น
สุภาษิตกับวิถีชีวิตไทย คุณค่าสุภาษิตไทย สุภาษิตในวรรณกรรมไทย สุภาษิตกับ
นิทานพื้นบ้าน เป็นต้น

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. สุภาษิตพระรวงแสดงใหเห็นลักษณะเดนของภาษาไทย ดังนี้
1) การเปลี่ยนแปลงของภาษาที่เปนไปตามกาลเวลา
2) การใชคํานอยแตกินความมาก
3) การเลนเสียงเปนการเลนเสียงสัมผัสคลองจอง จดจํางายมีความไพเราะ
4) การเลนคํา การซํ้าคําทําใหเกิดความไพเราะ
2. คําสอนในสุภาษิตพระรวงสามารถนํามาประยุกตใชในการศึกษาเลาเรียน ยกตัวอยางเชน
1) เมื่อนอยใหเรียนวิชา ใหหาสินเมื่อใหญ 2) ครูบาสอนอยาโกรธ
3) อยาชังครูชังมิตร 4) เปนคนเรียนความรู
3. แมเวลาจะผานเลยไปคําสอนในสุภาษิตพระรวงก็คงทันสมัยอยูเสมอ เพราะเปนการสอนทั้งทางคดีโลกและคดีธรรม สอนความเปนไปของชีวิต สามารถนําไปปฏิบัติ
ไดจริงในชีวิต เชน
1) ความสําคัญของการศึกษาหาความรู
2) ความสําคัญของการพูด
3) การรูจักปรับตัวใหอยูในสังคมอยางมีความสุข
4) มีศีลธรรม มีความเมตตา เอื้อเฟออารี มีความกตัญู เปนตน

56 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหากาพยเรื่องพระไชยสุริยา
2. วิเคราะหคุณคากาพยเรื่องพระไชยสุริยา
3. สรุปความรูและขอคิดจากกาพยเรื่อง
พระไชยสุริยา
4. ทองจําบทอาขยานตามความสนใจ

สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต

คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวินัย
2. ใฝเรียนรู
3. มุงมั่นในการทํางาน


4. รักความเปนไทย

หน่วยที่
กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา กระตุน ความสนใจ Engage
ตัวชี้วัด ครูกระตุนความสนใจของนักเรียนดวยการให
■■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑) ก าพย์เรือ่ งพระไชยสุรยิ าเป็นหนังสือแบบเรียน นักเรียนดูภาพหนาหนวย จากนั้นครูชวนนักเรียน
■■ วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน พร้อมยกเหตุผลประกอบ
(ท ๕.๑ ม.๑/๒)
ที่มีคุณค่าและน่าสนใจ เนื่องจากเนื้อเรื่องเป็นนิทาน สนทนาเกี่ยวกับเหตุการณที่อยูในภาพ และให
ช่วยตอบสนองธรรมชาติของเด็ก นับเป็นกุศโลบาย
■■ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓)
อย่างหนึ่งที่ท�าให้บรรยากาศในการเรียนสนุกสนาน
นักเรียนรวมกันเลาเรื่องจากภาพ
สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
• ถานักเรียนอยูในเหตุการณดังภาพหนาหนวย
■■

(ท ๕.๑ ม.๑/๔) นอกจากนี้ กาพย์ พ ระไชยสุ ริ ย ายั ง มี ค วามไพเราะ


■■ ท่องจ�าบทอาขยานตามที่ก�าหนด และบทร้อยกรองที่มีคุณค่า
ตามความสนใจ (ท ๕.๑ ม.๑/๕)
ค�าที่ใช้เป็นค�าไทยง่ายๆ มีสัมผัสคล้องจอง เหมาะส�าหรับ นักเรียนจะทําอยางไร
การท่องจ�า และยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับมาตราตัวสะกดและ
ลักษณะของการแต่งค�าประพันธ์ประเภทกาพย์ ทัง้ ยังได้ขอ้ คิด
(แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย
สาระการเรียนรู้แกนกลาง คติธรรมจากเนื้อเรื่องอีกด้วย ขึ้นอยูกับเหตุผลของนักเรียน)
■■ การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจากวรรณคดี และวรรณกรรม
เรื่อง กาพย์พระไชยสุริยา
■■ บทอาขยานและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า 57

เกร็ดแนะครู
การสอนใหนักเรียนเกิดความซาบซึ้งในรสวรรณคดีขึ้นอยูกับปจจัยหลาย
ประการ เชน ความเขาใจในเนื้อเรื่อง ความหมายของคําศัพท ความสามารถของ
กวีในการบรรยาย เลาเรื่อง การพรรณนาความงามขององคประกอบตางๆ ในเรื่อง
การเลือกสรรถอยคํามาใช การใชถอยคําเปรียบเทียบอุปมาอุปไมย เปนตน ดังนั้น
จึงควรจัดกิจกรรมใหนักเรียนปฏิบัติใหสอดคลองกับจุดมุงหมายของการเรียน คือ
ใหเกิดความซาบซึ้งในรสวรรณคดีและเขาใจเนื้อเรื่อง

คูมือครู 57
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูเปดวีดิทัศนเกี่ยวกับการอานกาพยเรื่อง
พระไชยสุริยาใหนักเรียนชม จากนั้นใหนักเรียน ๑ ความเป็นมา
บันทึกความประทับใจจากการชมกาพยเรื่อง กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา มีเนื้อหาเป็นนิทานขนาดสั้น มีความยาวเพียง ๑ เล่มสมุดไทย
พระไชยสุริยาลงสมุด สุนทรภู่ได้แต่งขึ้นขณะจ�1าพรรษาอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี ราว พ.ศ. ๒๓๖๘ หรืออาจแต่งขึ้นเมื่อครั้ง
บวชอยู่ที่วัดเทพธิดาราม ระหว่าง พ.ศ. ๒๓๘๒-๒๓๘๕
สํารวจคนหา Explore สุนทรภู่แต่งกาพย์พระไชยสุริยาขึ้นเพื่อใช้เป็นแบบสอนอ่านและเขียนสะกดค�าในมาตรา
1. นักเรียนศึกษาความเปนมาของกาพยเรื่อง ต่างๆ โดยผูกให้เป็นเรื่องราว เพื่อให้เด็กมีความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการอ่านและการเล่าเรียน
พระไชยสุริยา ศึกษา ครั้นต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย
2. นักเรียนศึกษาและสรุปความรูเกี่ยวกับลักษณะ อาจารยางกูร) ครั้งเป็นหลวงสารประเสริฐ เมื่อแต่งหนังสือมูลบทบรรพกิจ ส�าหรับใช้เป็นแบบเรียน
คําประพันธและเรื่องยอกาพยเรื่อง หนังสือไทยในโรงเรียนหลวง คงเห็นว่ากาพย์ 2 เรื่องพระไชยสุริยาเป็นบทกวีที่ไพเราะ ทั้งอ่านเข้าใจง่าย
พระไชยสุริยาลงสมุด จึงได้น�ามารวมไว้ในหนังสือมูลบทบรรพกิจ

ºÍ¡àÅ‹Òà¡ŒÒÊÔº
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความเปนมาของกาพยเรื่อง โอเอวิหารราย
พระไชยสุริยาพรอมทั้งตอบคําถาม ความสําคัญของกาพยเรื่องพระไชยสุริยา นอกจากจะเปนแบบเรียนสอนอานที่มีคุณคาดาน
(แนวตอบ กาพยพระไชยสุริยาเปนแบบเรียน เนือ้ หาแลว ยังมีการนํามาเปนบทสวดทีเ่ รียกวา การสวดโอเอวหิ ารราย คือ การสวดกาพยเปนทํานอง
ตามศาลารายรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในวันเขาพรรษา วันกลางพรรษา และ
ที่สุนทรภูแตงขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 แหงกรุง- วันออกพรรษา สันนิษฐานวามีมาตั้งแตสมัยอยุธยา เรื่องที่นิยมนํามาสวด คือ มหาชาติ ตอมา
รัตนโกสินทร ทานสุนทรภูแตงขึ้น เมื่อประมาณ พ.ศ. สมัยรัตนโกสินทร พระบาทสมเด็จพระจอมเกลาเจาอยูหัวโปรดเกลาฯ ใหมีการสวดโอเอวิหารราย
2382-2385 ขณะที่บวชเปนพระอยูที่วัดเทพธิดาราม ในชวงเขาพรรษาโดยนํากาพยเรือ่ งพระไชยสุรยิ ามาสวดเปนครัง้ แรก เนือ่ งจากการใชบทสวดมหาชาติ
ทานแตงเปนกาพยซึ่งแทรกความรูเกี่ยวกับภาษาไทย มีผูสนใจฟงนอย
ในเรื่องของมาตราตัวสะกดแมตางๆ นอกจากนั้น
ยังสอดแทรกคติธรรมตางๆ ที่เปนประโยชนอีกดวย
ครั้นตอมาในรัชกาลที่ 5 เมื่อพระยาศรีสุนทรโวหาร
(นอย อาจารยางกูร) แตงหนังสือมูลบทบรรพกิจ
สําหรับใชเปนแบบเรียนหนังสือไทยในโรงเรียนหลวง
คงเห็นวากาพยเรื่องพระไชยสุริยานี้เปนบทกวีนิพนธ
ที่ไพเราะทั้งอานเขาใจงายและเปนคติจึงนํามาบรรจุ
ไวในมูลบทบรรพกิจเปนตอนๆ ตั้งแตแม ก กา
ไปจนจบแมเกย ในการศึกษากาพยพระไชยสุริยา การสวดโอ้เอ้วิหารรายในปจจุบัน ศาลารายรอบพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
ผูเรียนจะไดเรียนรูเกี่ยวกับลักษณะการแตง
คําประพันธประเภทกาพย ไดแก กาพยยานี 11 58
กาพยฉบัง16 และกาพยสุรางคนางค 28)

บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู การอานบทรอยกรองกาพยเรื่องพระไชยสุริยาใหไพเราะตามเจตนาของ
ผูแตงที่แตงขึ้นเพื่อใชเปนแบบสอนอานและเขียนสะกดคําในมาตราตางๆ
1 วัดเทพธิดาราม เปนวัดอารามชั้นตรี รัชกาลที่ 3 ทรงโปรดฯ ใหสรางขึ้นเพื่อ
ซึ่งรูปแบบแตกตางจากหนังสือเรียนแบบเดิม คือ ผูกใหเปนเรื่องราว และ
เฉลิมพระเกียรติแกพระเจาบรมวงศเธอ กรมหมื่นอัปสรสุดาเทพ ใน พ.ศ. 2379
มีความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการอาน ทําใหการเรียนภาษานาสนใจ
ตั้งอยูที่ริมถนนมหาไชยใกลวัดราชนัดดา เดิมชื่อวัดบานพระยาไกรสวนหลวง
ครูบูรณาการความรูนี้เขากับกลุมสาระการเรียนรูศิลปะ วิชาดนตรี ซึ่งสอน
2 หนังสือมูลบทบรรพกิจ เปนตําราที่วาดวยเรื่องของสระ พยัญชนะ จําแนก เรื่องการขับรอง นักเรียนนําเทคนิคการขับรองจากวิชาดนตรีมาปรับใชใน
เปนมาตราแม ก กา และมาตราที่มีตัวสะกด มีแบบฝกหัดอานกาพยเรื่องพระไชย- การอานกาพยเรื่องพระไชยสุริยาใหนาสนใจ
สุริยาของสุนทรภูแทรกอยูในเลมดวย

58 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายลักษณะคําประพันธของกาพย
๒ ประวัติผู้แต่ง เรื่องพระไชยสุริยา ดังตอไปนี้
• กาพยยานี 11
ประวัติของสุนทรภู่ ผู้แต่งกาพย์เรื่องพระไชยสุริยา สามารถอ่านได้จากหน่วยการเรียนรู้ที่ ๑
(แนวตอบ กาพยยานี 11 มี 2 บาท คือ บาท
เรื่องนิราศภูเขาทอง เอกและบาทโท บาทหนึ่งมี 2 วรรค วรรคหนา
มี 5 คํา วรรคหลังมี 6 คํา รวมบาทละ 11 คํา
๓ ลักษณะคÓประพันธ์ สัมผัสบังคับเปนสัมผัสสระ คือ คําสุดทายของ
กาพย์ เรื่ อ งพระไชยสุ ริ ย า แต่ ง ด้ ว ยค� า ประพั น ธ์ ป ระเภทกาพย์ ได้ แ ก่ กาพย์ ย านี ๑๑ วรรคที่ 1 สัมผัสกับคําที่ 1 2 หรือ 3 ของวรรค
กาพย์ฉบัง ๑๖ และกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘ ที่ 2 และคําสุดทายของวรรคที่ 2 สงสัมผัสไป
ยังคําสุดทายของวรรคที่ 3 ถาแตงสองบทขึ้น
แผนผังและตัวอย่างกาพย์ยานี ๑๑
ไปคําสุดทายของบทแรก สัมผัสกับคําสุดทาย
ของวรรคที่ 2 ในบทถัดไป ในกาพยเรื่องพระ
 
  
     
  
  

ไชยสุริยาใชกาพยยานี 11 ในการบรรยาย
   
  
  *
    
  
  
 • กาพยฉบัง 16
     
  
     
  
  
 (แนวตอบ กาพยชนิดนีม้ จี าํ นวนคําในบท 16 คํา
แบงออกเปน 3 วรรค วรรคแรกมี 6 คํา วรรค
   
  
     
  
  
 ที่ 2 มี 4 คํา และวรรคที่ 3 มี 6 คํา โดยคํา
ขุนนางต่างลุกวิ่ง ท่านผู้หญิงวิ่งยุดหลัง สุดทายของวรรคที่ 1 สงสัมผัสไปยังคําสุดทาย
พัลวันดันตึงตัง พลั้งพลัดตกหกคะเมน ของวรรคที่ 2 และสัมผัสระหวางบท คือ
พระสงฆ์ลงจากกุฏิ์ วิ่งอุตลุดฉุดมือเณร คําสุดทายของบทแรกสงสัมผัสไปยังคําสุดทาย
หลวงชีหนีหลวงเถร ลงโคลนเลนเผ่นผาดโผน ของวรรคแรกในบทที่ 2 กาพยนี้จะบรรยาย
เหตุการณที่รวบรัดรวดเร็ว)
แผนผังและตัวอย่างกาพย์ฉบัง ๑๖ • กาพยสุรางคนางค 28
(แนวตอบ กาพยสุรางคนางค 28 บทหนึ่ง
 
  
  
    
  
 ประกอบดวยคําทัง้ หมด 7 วรรค วรรคละ 4 คํา
   
  
  
     รวมเปน 28 คํา โดยสัมผัสบังคับในบทมีดังนี้
คําที่ 4 ของวรรคที่ 1 สงสัมผัสไปยังคําที่ 4
     
  
  
    
  

ของวรรคที่ 2 คําที่ 4 ของวรรคที่ 3 สงสัมผัส
   
  
  
  ไปยังคําที่ 4 ของวรรคที่ 5 และคําที่ 4 ของ
วรรคที่ 6 สวนสัมผัสระหวางบท คือ คํา
* หมายเหตุ คำาสุดท้ายของวรรคที่ ๓ อาจจะสัมผัสกับคำาที่ ๑ ๒ หรือ ๓ ของวรรคที่ ๔ หรือไม่สัมผัสก็ได้ สุดทายของบทแรก สัมผัสกับคําที่ 4 ของวรรค
59 ที่ 3 ในบทถัดไป กาพยชนิดนีม้ ลี ลี าออนหวาน
เศรา มักใชในการพรรณนาอารมณความรูสึก)

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
บทประพันธตอไปนี้เรียงลําดับใหถูกตองตามฉันทลักษณไดตรงกับขอใด
ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเสริมสัมผัสในกาพยเรื่อง
ก. แตนํ้าใจไมนําพา ข. ขาเฝาเหลาเสนา
พระไชยสุริยาวา มีลักษณะเสริมระหวางจังหวะกับจังหวะในวรรคทั้ง 4 วรรค
ค. มิไดวาหมูขาไท ง. ถือนํ้ารํ่าเขาไป
ทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร ดังบทประพันธ
1. (ก) (ข) (ค) (ง)
“ขึ้นกก/ตกทุกยาก แสนลําบาก/จากเวียงไชย
2. (ข) (ค) (ง) (ก)
มันเผือก/เลือกเผาไฟ กินผลไม/ไดเปนแรง”
3. (ค) (ง) (ก) (ข)
กวีใชสัมผัสสระคั่นระหวางจังหวะกับจังหวะในแตละวรรค ดังนี้ วรรคแรก คําวา
4. (ค) (ง) (ก) (ข)
กก-ตก วรรคที่ 2 คําวา บาก-จาก วรรคที่ 3 คําวา เผือก-เลือก และวรรคที่ 4 คําวา
วิเคราะหคําตอบ บทประพันธขางตนจะสังเกตไดวา บางวรรคมี 5 คํา ไม-ได
บางวรรคมี 6 คํา ซึ่งเปนฉันทลักษณของกาพยยานี 11 ที่วรรคหนามี 5 คํา
วรรคหลังมี 6 คํา และการลําดับความที่กลาวถึงหมูเสนาเขาพิธีถือนํ้าดวยใจ
ที่ไมซื่อสัตยภักดี เรียงลําดับไดวา (ข) (ค) (ง) (ก) ตอบขอ 2.

คูมือครู 59
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอานเรื่องยอกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
แลวสรุปเปนสํานวนภาษาของนักเรียนเอง กลางไพรไก่ขันบรรเลง ฟังเสียงเพียงเพลง
(แนวตอบ มีกษัตริยพระองคหนึ่งมีพระนามวา ซอเจ้งจ�าเรียงเวียงวัง
“พระไชยสุริยา” ครองเมืองสาวัตถี มีพระมเหสี ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง
พระนามวา “สุมาลี” ครองบานเมืองดวยความผาสุก แตรสังข์กังสดาลขานเสียง
ตอมาขาราชการเสนาอํามาตยประพฤติตนไมถูกตอง
ตามทํานองคลองธรรม จึงเกิดเหตุอาเพศนํ้าปาไหล แผนผังและตัวอย่างกาพย์สุรางคนางค์ ๒๘
ทวมเมือง ผีปาอาละวาด ทําใหชาวเมืองลมตาย
จํานวนมาก พระไชยสุริยากับพระมเหสีจึงหนีลงเรือ  
  
  
  
    
  

สําเภา แตก็ถูกพายุพัดจนเรือแตก พระไชยสุริยาและ
   
  
   
  
   
  
   
  

มเหสีขึ้นฝงได พระอินทรจึงเสด็จมาสั่งสอนธรรมะ
ใหทั้งสองพระองคปฏิบัติธรรมตลอดชีวิต จนไดเสด็จ      
  
  
  
    
  

ไปสูสวรรค)    
  
   
  
   
  
   
  

ขยายความเขาใจ Expand วันนั้นจันทร มีดารากร เป็นบริวาร


1. นักเรียนอานเรื่องยอกาพยเรื่องพระไชยสุริยา เห็นสิ้นดินฟ้า ในป่าท่าธาร มาลีคลี่บาน ใบก้านอรชร
แลววาดภาพจากจินตนาการ ตกแตงระบายสี เย็นฉ�่าน�้าฟ้า ชื่นชะผกา วายุพาขจร
ภาพใหสวยงาม สารพันจันทน์อิน รื่นกลิ่นเกสร แตนต่อคลอร่อน ว้าว่อนเวียนระวัน
2. นักเรียนนําภาพที่วาดไปจัดปายนิเทศ
ในชั้นเรียน หรือชมรมภาษาไทย
๔ เรื่องย่อ
ตรวจสอบผล Evaluate กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา เริ่มต้นด้วยบทไหว้ครูโดยใช้ค�าในมาตราแม่ ก กา จากนั้นเป็น
1. นักเรียนอธิบายความเปนมาของกาพยเรื่อง เนื้อความ แต่งเรียงตามมาตราตัวสะกด คือ แม่ ก กา แม่กน แม่กง แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กม
พระไชยสุริยาได และแม่เกย เมื่อจะขึ้นมาตราใดก็จะบอกไว้อย่างชัดเจน
2. นักเรียนอธิบายลักษณะคําประพันธของกาพย ต่ อ มาเป็ น เนื้ อ เรื่ อ งกล่ า วถึ ง พระไชยสุ ริ ย าครองเมื อ งสาวั ต ถี มี ม เหสี พ ระนามว่ า สุ ม าลี
เรื่องพระไชยสุริยาได พระไชยสุริยาทรงปกครองบ้านเมืองด้วยความผาสุก แต่ต่อมาบรรดาข้าราชการประพฤติตนไม่ดี
3. นักเรียนสรุปเรื่องยอกาพยเรื่องพระไชยสุริยาได ไม่อยู่ในศีลธรรม ท�าให้เกิดอาเพศ น�้าป่าไหลท่วมบ้านเมือง พระไชยสุริยาจึงทรงพานางสุมาลีลง
เรือส�าเภา เรือถูกพายุพัดอับปาง พระไชยสุริยาและมเหสีขึ้นฝั่งได้ ก็เดินทางรอนแรมกลางป่าได้รับ
ความทุกข์ ต่อมาพบพระอินทร์เสด็จมาสอนธรรมะ พระไชยสุริยาและพระมเหสีจึงเสด็จออกผนวช
บ�าเพ็ญพรตตลอดพระชนมชีพ
60

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูเพิ่มเติมความรูเรื่องสัมผัสภายในบทของคําประพันธกาพยสุรางคนางค 28 นักเรียนศึกษารูปแบบแผนผังลักษณะคําประพันธกาพยสุรางคนางค 28
วามีการเพิ่มสัมผัสอีก 1 แหง คือคําสุดทายของวรรคที่ 4 สงสัมผัสไปยังคําที่ 2 ของ ที่มี 2 แบบ โดยนํารูปแบบที่ตางไปจากหนังสือเรียน มาเขียนแผนผัง
วรรคที่ 5 ทัง้ นีอ้ า งตามหลักฐานทางวรรณคดีทเ่ี ชือ่ ถือไดวา ผูท ส่ี รางสัมผัสคูน ล้ี งไปใน คําประพันธลงสมุด
บทของกาพยสุรางคนางค คือ สุนทรภู ดังที่ปรากฏในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา

มุม IT กิจกรรมทาทาย
ศึกษาเกี่ยวกับลักษณะคําประพันธกาพยเรื่องพระไชยสุริยาเพิ่มเติม ไดที่
http://www.nmk.ac.th/myweb/de_poet.html นักเรียนโยงเสนสัมผัสแผนผังลักษณะคําประพันธกาพยสุรางคนางค 28
ทั้ง 2 รูปแบบ บันทึกลงสมุด

60 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูเลานิทานเรื่องที่มีขอคิดเหมาะกับนักเรียน
๕ เนื้อเรื่อง ใหนักเรียนฟง จากนั้นครูตั้งคําถามกระตุนความ
สนใจนักเรียน
กาพย์เรื่องพระไชยสุริยา • นักเรียนชอบฟงนิทานหรือไม ทําไมจึงชอบ
ยานี ๑๑
• จากนิทานที่ครูเลานักเรียนไดขอคิดอะไร
และนักเรียนจะนําไปปรับใชในชีวิตจริงได
สะธุสะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา
อยางไร
พ่อแม่แลครูบา เทวดาในราศี • นักเรียนชอบแบบเรียนที่เนื้อเรื่องมีลักษณะ
ข้าเจ้าเอา ก ข เข้ามาต่อ ก กามี
1 เปนนิทานใหขอคิดสอนใจหรือไม อยางไร
แก้ไขในเท่านี้ ดีมิดีอย่าตรีชา
จะร�่าค�าต่อไป พอล่อใจกุมารา สํารวจคนหา Explore
ธรณีมีราชา เจ้าพาราสาวะถี 1. นักเรียนศึกษากาพยเรื่องพระไชยสุริยา
ชื่อพระไชยสุริยา มีสุดามเหสี จากหนังสือเรียน
ชื่อว่าสุมาลี อยู่บุรีไม่มีภัย 2. นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด
ข้าเฝ้าเหล่าเสนา มีกิริยาอัชฌาศัย ในภาษาไทย
พ่อค้ามาแต่ไกล ได้อาศัยในพารา 3. นักเรียนรวบรวมคําศัพทจากกาพยเรื่อง
พระไชยสุริยาตามมาตราตัวสะกด ดังนี้
ไพร่ฟ้าประชาชี ชาวบุรีก็ปรีดา
แม ก กา แมกน แมกก แมกง แมกด แมกบ
ท�าไร่ข้าวไถนา ได้ข้าวปลาแลสาลี แมกม แมเกย
อยู่มาหมู่ข้าเฝ้า ก็หาเยาวนารี
ที่หน้าตาดีดี ท�ามโหรีที่เคหา อธิบายความรู Explain
ค�่าเช้าเฝ้าสีซอ เข้าแต่หอล่อกามา
1. นักเรียนจับคูฝกอานกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
หาได้ให้ภริยา โลโภพาให้บ้าใจ 2. ครูใหนักเรียนจับคูถอดคําประพันธคูละ 3 บท
ไม่จ�าค�าพระเจ้า เหไปเข้าภาษาไสย 3. นักเรียนแตละคูมาทองบทประพันธและ
ถือดีมีข้าไท ฉ้อแต่ไพร่ใส่ขื่อคา ถอดความตามที่รับผิดชอบหนาชั้นเรียน
คดีที่มีคู่ คือไก่หมูเจ้าสุภา
ใครเอาข้าวปลามา ให้สุภาก็ว่าดี
ที่แพ้แก้ชนะ ไม่ถือพระประเวณี
ขี้ฉ้อก็ได้ดี ไล่ด่าตีมีอาญา
61

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
ตําแหนงสัมผัสในขอใดตางจากขออื่น
ในการจัดกิจกรรมใหนักเรียนแตละคูทองจําบทอาขยานใหครูฟง เพื่อใหนักเรียน
1. ทําไรขาวไถนา ไดขาวปลาแลสาลี
สามารถทํากิจกรรมนี้ไดครบทุกคน ครูอาจใหนักเรียนทองจํานอกเวลาเรียน เพื่อ
2. ที่แพแกชนะ ไมถือพระประเวณี
นักเรียนจะไดมีเวลาในการทํากิจกรรมอื่นในชั้นเรียนตอไป การทองจําบทอาขยานนี้
3. ธรณีมีราชา เจาพาราสาวะถี
นอกจากจะใหความรูเกี่ยวกับแบบเรียนสระ พยัญชนะของไทยสมัยกอนแลว นักเรียน
4. ขี้ฉอก็ไดดี ไลดาตีมีอาญา
จะไดตระหนักและเห็นคุณคาของภาษาไทยที่ตองใชใหถูกตอง และเปนแนวทาง
วิเคราะหคําตอบ สัมผัสในวรรคมีทงั้ สัมผัสสระและสัมผัสอักษร โดยสัมผัสใน ในการฝกหัดการอานการเขียนภาษาไทย
ในขอ 2. ไดแก แพ-แก พระ-ประ ขอ 3. ณี-มี พารา-สา ขอ 4. ฉอ-ก็ ตี-มี
สัมผัสในลวนอยูต ดิ กัน แตขอ 1. สัมผัสในอยูค าํ ที่ 2 และ 4 ในวรรคแรก และ
สัมผัสอยูในคําที่ 3 และ 5 ในวรรคหลัง ตอบขอ 1. นักเรียนควรรู
1 ตรีชา ไมมีในพจนานุกรม แตในวรรณคดีมีใชอยูในหลายแหง มีความหมายวา
ติฉิน ตําหนิ ในที่อื่นก็มีใช เชน ในเรื่องพระอภัยมณีวา “มาตรีชาวากูผิดในกิจกรม”

คูมือครู 61
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับมาตราแม ก กา
ในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา ที่ซื่อถือพระเจ้า ว่าโง่เง่าเต่าปูปลา
(แนวตอบ มาตราแม ก กา คําในแม ก กา เปน ผู้เฒ่าเหล่าเมธา ว่าใบ้บ้าสาระย�า
คําที่ไมมีพยัญชนะเปนตัวสะกดทายคําหรือ
ภิกษุสมณะ เหล่าก็ละพระสธรรม
ทายพยางค อานออกเสียงสระโดยไมมีเสียง
คาถาว่าล�าน�า ไปเร่ร�่าท�าเฉโก
พยัญชนะ 1
ตัวอยางคําที่สะกดในมาตราแม ก กา ใน ไม่จ�าค�าผู้ใหญ่ ศีรษะไม้ใจโยโส
กาพยเรื่องพระไชยสุริยา เชน พระศรีไตรสรณา ที่ดีมีอะโข ข้าขอโมทนาไป
อานออกเสียงสระอยางเดียวไดวา พระ-สี-ไตร- พาราสาวะถี ใครไม่มีปรานีใคร
สะ-ระ-นา เปนตน) ดุดื้อถือแต่ใจ ที่ใครได้ใส่เอาพอ
2. นักเรียนตอบคําถามเกี่ยวกับเนื้อเรื่องตอนตน ผู้ที่มีฝีมือ ท�าดุดื้อไม่ซื้อขอ
ของกาพยเรื่องพระไชยสุริยา ไล่คว้าผ้าที่คอ อะไรล่อก็เอาไป
• สาเหตุใดที่ทําใหบานเมืองเกิดอาเพศภัย
ธรรมชาติ 2 ข้าเฝ้าเหล่าเสนา มิได้ว่าหมู่ข้าไท
ถือน�้าร�่าเข้าไป แต่น�้าใจไม่น�าพา
(แนวตอบ สาเหตุเกิดจากบรรดาขุนนาง
ขาราชการประพฤติตนไมดี ไมอยูในศีลธรรม หาได้ใครหาเอา ไพร่ฟ้าเศร้าเปล่าอุรา
คดโกงฉอราษฎรบังหลวง เมื่อเกิดอาเพศ ผู้ที่มีอาญา ไล่ตีด่าไม่ปรานี
นํ้าปาไหลทวมบานเมือง ก็ไมสามารถแกไข ผีป่ามากระท�า มรณกรรมชาวบุรี
ปญหาได ชาวเมืองพากันเดือดรอน) น�้าป่าเข้าธานี ก็ไม่มีที่อาศัย
• นักเรียนยกบทประพันธที่แสดงใหเห็นสภาพ ข้าเฝ้าเหล่าเสนา หนีไปหาพาราไกล
บานเมืองที่กําลังเกิดปญหา พรอมทั้งอธิบาย ชีบาล่าลี้ไป ไม่มีใครในธานี ฯ
ใหเห็นสภาพปญหา
(แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธที่แสดงใหเห็น
ฉบัง ๑๖
สภาพบานเมืองที่กําลังเกิดปญหา
“พาราสาวะถี ใครไมมีปรานีใคร พระไชยสุริยาภูมี พาพระมเหสี
ดุดื้อถือแตใจ ที่ใครไดใสเอาพอ มาที่ในล�าส�าเภา
ผูที่มีฝมือ ทําดุดื้อไมซื้อขอ ข้าวปลาหาไปไม่เบา นารีที่เยาว์
ไลควาผาที่คอ อะไรลอก็เอาไป” ก็เอาไปในเภตรา
จากบทประพันธกลาวถึงเมืองสาวัตถีวา ไมมีใคร เถ้าแก่ชาวแม่แซ่มา เสนีเสนา
มีความเมตตา มีแตผูทําตามใจตนเอง อยากได ก็มาในล�าส�าเภา
อะไรก็ไปแยงควาเอาของผูอื่นมาโดยไมซื้อหรือ
ขอ ทําใหประชาชนเจาของทรัพยสินเดือดรอน) 62

บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูบูรณาการความรูเกี่ยวกับพระราชพิธีถือนํ้าพิพัฒนสัตยากับกลุมสาระ
การเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตรวา
1 ศีรษะไมใจโยโส เปนความเปรียบถึงเด็กหรือผูที่อายุออนกวาวาไมเคารพผูที่
พระราชพิธีนี้มีความเกี่ยวของกับประวัติศาสตรความเปนมาของชาติไทย
มีอายุมากกวา เรียกพฤติกรรมลักษณะนี้วา “ศีรษะไม” คือ หัวแข็ง ไมเชื่อฟงผูใหญ
เปนพระราชพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์และยิ่งใหญมาตั้งแตโบราณ มีความผูกพันกับ
ที่มีประสบการณมากกวา “ศีรษะไมใจโยโส” คือ คนแข็งกราวไมเคารพยําเกรงผูใหญ
สถาบันพระมหากษัตริยในระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชยที่พระมหากษัตริย
2 ถือนํ้า เปนคําที่ตัดมาจาก “ถือนํ้าพิพัฒนสัตยา” หมายความวา ดื่มนํ้าสาบาน ทรงมีพระราชอํานาจสูงสุด และเปนศูนยกลางของพระราชอาณาจักร
ถวายพระเจาแผนดินวา ถาไมซื่อสัตยแลวจะตองมีอันเปนไปตางๆ ในที่นี้ ขาราชการ พระราชพิธีนี้เชื่อวามีมากอนการกอตั้งกรุงศรีอยุธยา และเปนที่แพรหลาย
เมืองสาวัตถีก็ถือนํ้าดังกลาวนั้นไปตามพิธี แตไมไดปฏิบัติตนไปตามคําสาบานแต ในดินแดนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต รูปแบบที่จัดขึ้นเพื่อให
ประการใด พระบรมวงศานุวงศและขาราชการดื่มนํ้าสาบานวาจะจงรักภักดี และซื่อตรง
ตอพระมหากษัติรยเปนการใหสัตยสาบานประเภทหนึ่งที่ใชนํ้าเปนสื่อกลาง
มักปรากฏเปนหลักฐานในวรรณคดีและวรรณกรรมไทยหลายเรื่อง ดังที่
ปรากฏในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา ความวา “ถือนํ้ารํ่าเขาไป แตนํ้าใจ
ไมนําพา”

62 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันตอบคําถามในประเด็นตอไปนี้
ตีม้าล่อช่อใบใส่เสา วายุพยุเพลา • เมื่อเกิดเหตุวุนวายในเมืองสาวัตถีแลว
ส�าเภาก็ใช้ใบไป พระไชยสุริยาและพระมเหสีสุมาลีทําอยางไร
(แนวตอบ พระไชยสุริยาพาพระมเหสีลงเรือ
เภตรามาในน�้าไหล ค�่าเช้าเปล่าใจ
สําเภาหนีออกจากเมือง โดยนําเสบียงอาหาร
ที่ในมหาวารี
ลงเรือไปจํานวนมาก และมีขาราชบริพาร
พสุธาอาศัยไม่มี ราชานารี ตามเสด็จไปดวย)
อยู่ที่พระแกลแลดู • กวีเลาเหตุการณความวุนวายในขางตน
1
ปลากะโห้โลมาราหู เหราปลาทู โดยใชลักษณะคําประพันธอยางไร
มีอยู่ในน�้าคล�่าไป (แนวตอบ กวีเลาเหตุการณที่กําลังเดินทางลง
ราชาว้าเหว่หฤทัย วายุพาคลาไคล เรือ ดวยกาพยฉบัง 16 ที่ตองการเลาความ
มาในทะเลเอกา เปนไปตางๆ ใหไดใจความ และใชคําที่เปน
มาตราตัวสะกดแม ก กา ซึ่งเปนคําอานงาย
แลไปไม่ปะพสุธา เปล่าใจนัยนา
เขาใจเร็ว คําประพันธตอนนี้เปนการแตง
โพล้เพล้เวลาราตรี
เพื่อใหผูอานอานเอาเรื่องเปนสําคัญวาใคร
ราชาว่าแก่เสนี ใครรู้คดี ทําอะไร ที่ไหน และอยางไร ไมไดสอดแทรก
วารีนี้เท่าใดนา การพรรณนาอารมณความรูสึกของตัวละคร
ข้าเฝ้าเล่าแก่ราชา ว่าพระมหา ที่ตองเผชิญกับความยากลําบากและ
วารีนี้ไซร้ใหญ่โต เหตุการณที่ไมคาดคิด)
2
ไหลมาแต่ในคอโค แผ่ไปใหญ่โต
มโหฬาร์ล�้าน�้าไหล
บาลีมิได้แก้ไข ข้าพเจ้าเข้าใจ
ผู้ใหญ่ผู้เฒ่าเล่ามา
ว่ามีพญาสกุณา ใหญ่โตมโหฬาร์
กายาเท่าเขาคีรี
ชื่อว่าพญาส�าภาที ใคร่รู้คดี
วารีนี้โตเท่าใด
โยโสโผผาถาไป พอพระสุริใส
จะใกล้โพล้เพล้เวลา

63

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
“พระไชยสุริยาภูมีพาพระมเหสีมาที่ในลําสําเภา” ขอความขางตนแบง
1 ราหู ชื่อปลากระเบนทะเลชนิดหนึ่ง ลักษณะทั่วไปคลายปลากระเบนนก
จังหวะอานเปนพยางคอยางไรใหไพเราะ
มีเนื้อยื่นเปนแผนคลายใบหูอยูที่มุมขอบนอกปลายสุดของหัวขางละอันใชสําหรับ
1. 2/2/3// 2/3// 3/2//
โบกพัดอาหารเขาปาก
2. 2/3/2// 2/3// 2/2/2//
2 คอโค คนในอินเดียเชื่อวานํ้าในแมนํ้าคงคาไหลมาจากคอของโคอุสุภราช
3. 3/2/2// 2/3// 2/2/2//
ซึ่งเปนพาหนะของพระอิศวร
4. 2/3/2// 3/2// 2/2/2//
วิเคราะหคําตอบ เนื้อความขางตนเปนคําประพันธประเภทกาพยฉบัง 16
ใหดูที่เนื้อความเปนหลัก คือ วรรคแรก 6 คํา วรรคที่สอง 4 คํา และวรรคที่ มุม IT
สาม 6 คํา จังหวะของกาพยฉบัง วรรคที่มี 6 คํา มักจะอานเปน 2/2/2 ทั้งนี้
ตองดูเนื้อความ คือตองแบงจังหวะแลวไมขาดชวงเสียความวา พระไชย/ ศึกษาเกี่ยวกับคุณคาดานเนื้อหาในกาพยเรื่องพระไชยสุริยาเพิ่มเติม ไดที่
สุริยา/ภูมี พาพระ/มเหสี มาที่/ในลํา/สําเภา ตอบขอ 2. https://sites.google.com/site/kruthai012/kaphy-phra-chiy-suriya/bth-thi-6
-khunkha-wrrnkhdi

คูมือครู 63
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนเขียนเลาเหตุการณที่เกิดขึ้น หลังจากที่
พระไชยสุริยาพาพระมเหสีลงเรือสําเภาลงใน แลไปไม่ปะพสุธา ย่อท้อรอรา
สมุดบันทึก ชีวาก็จะประลัย
(แนวตอบ เมื่อพากันลงเรือมาแลวก็เกิดพายุพัด พอปลามาในน�้าไหล สกุณาถาไป
กระหนํ่าเรือ สภาพเรือที่มีสมอและเสาใบเกา อาศัยที่ศีรษะปลา
ทําใหนํ้าไหลเขาเรือ พระไชยสุริยามัดสไบของ ชะแง้แลไปไกลตา จ�าของ้อปลา
พระมเหสีไวกับตัวไมใหหลุดจากกัน สวนขาราช- ว่าขอษมาอภัย
บริพารก็ถูกจระเขเหราเอาชีวิต ดวยผลกรรมที่ วารีที่เราจะไป ใกล้หรือว่าไกล
ทํามา ทําใหพระไชยสุริยาและพระมเหสีถูกพัด ข้าไหว้จะขอมรคา
ขึ้นฝง และเดินทางรอนเรทามกลางปาเขาตอไป) ปลาว่าข้าเจ้าเยาวภา มิได้ไปมา
2. ครูสุมนักเรียน 2-3 คน มาชวยกันเลาเรื่อง
อาศัยอยู่ต่อธรณี
หนาชั้นเรียน
สกุณาอาลัยชีวี ลาปลาจรลี
สู่ที่ภูผาอาศัย
ขยายความเขาใจ Expand
ข้าเฝ้าเล่าแก่ภูวไนย พระเจ้าเข้าใจ
นักเรียนจัดทําตารางมาตราแม ก กา จากคํา ฤทัยว้าเหว่เอกา
ในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา โดยแยกคําตามตาราง จ�าไปในทะเลเวรา พายุใหญ่มา
ตอไปนี้ เภตราก็เหเซไป
1
สระ -ะ สระ -า สระ - ิ สระ -ี สระ - ิ สมอก็เกาเสาใบ ทะลุปรุไป
น�้าไหลเข้าล�าส�าเภา
ผีน�้าซ�้าไต่ใบเสา เจ้ากรรมซ�้าเอา
ส�าเภาระย�าคว�่าไป
ราชาคว้ามืออรไท เอาผ้าสไบ
ต่อไว้ไม่ไกลกายา
เถ้า2แก่ชาวแม่เสนา น�้าเข้าหูตา
จระเข้เหราคร่าไป
ราชานารีร�่าไร มีกรรมจ�าใจ
จ�าไปพอปะพสุธา
มีไม้ไทรใหญ่ใบหนา เข้าไปไสยา
เวลาพอค�่าร�าไร ฯ

64

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 สมอก็เกาเสาใบ “สมอก็เกา” เปนคําของชาวเรือ อธิบายวาเรือที่จอดอยูโดย นักเรียนแตงประโยคชนิดใดก็ได คนละ 5 ประโยค โดยใชคําศัพท
ทิ้งสมอลงดิน เพื่อยึดเรือใหอยูในตําแหนงนั้น หากมีคลื่นลมแรงเรืออาจเคลื่อนที่ ที่ปรากฏในกาพยเรื่องพระไชยสุริยาที่เปนมาตราแม ก กา จากนั้นนํา
ทําใหสมอลากครูดไปกับพื้นดิน สวนคําวา “เสาใบ” เปนคําที่มีความหมายตอเนื่อง ประโยคดังกลาวมารอยเรียงเปนความเรียง โดยใชคําเชื่อมชวยให
กับคําวา “ทะลุปรุไป” หมายความวา สมอลากครูดไปตามพื้น และใบเรือทะลุปรุ สละสลวย
ไปหมด
2 เหรา เปนสัตวในหิมพานต มีลักษณะคอนไปทางจําพวกจระเขผสมนาค
เชื่อวาเปนสัตวที่อยูไดทั้งบนบกและในนํ้า กินเนื้อเปนอาหาร กลาวถึงในวรรณคดี กิจกรรมทาทาย
เรื่องอื่น คือ เรื่องอุณรุท ตอนนางศรีสุดาลงสําเภาในทะเลวา “มังกรเกี้ยวกัน
กลับกลอก เหราเลนระลอกกระฉอกสินธุ”
นักเรียนแตงประโยคประโยคชนิดใดก็ได คนละ 5 ประโยค โดยใช
คําศัพทที่ปรากฏในกาพยเรื่องพระไชยสุริยาที่เปนมาตราแม ก กา จากนั้น
นําประโยคดังกลาวมารอยเรียงเปนความเรียงใหสละสลวย โดยไมใช
คําเชื่อมในการแตงประโยคแตละประโยค แตใหความตอเนื่องกัน

64 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด
สุรางคนางค์ ๒๘ แมกน พรอมทั้งยกคําจากกาพยเรื่องพระไชย-
ขึ้นใหม่ในกน ก กา ว่าปน ระคนกันไป สุริยาประกอบ
เอ็นดูภูธร มานอนในไพร มณฑลต้นไทร แทนไพชยนต์สถาน (แนวตอบ มาตราแมกน คือ พยางคที่ออกเสียง
ส่วนสุมาลี วันทาสามี เทวีอยู่งาน เหมือนมีตัว “น” สะกด พยัญชนะที่ใชเปนตัว
เฝ้าอยู่ดูแล เหมือนแต่ก่อนกาล ให้พระภูบาล ส�าราญวิญญา
สะกดในมาตราแมกน ไดแก น ณ ญ ร ล ฬ
เปนตัวสะกด เชน ระคน เอ็นดู นอน มณฑล
พระชวนนวลนอน เข็ญใจไม้ขอน เหมือนหมอนแม่นา
ตน ภูบาล จันทร บริวาร อรชร อารัญ เปนตน)
ภูธรสอนมนต์ ให้บ่นภาวนา เย็นค�่าร�่าว่า กันป่าภัยพาล 2. นักเรียนยกคําที่มีตัวสะกดมาตราแมกน
วันนั้นจันทร มีดารากร เป็นบริวาร ในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
เห็นสิ้นดินฟ้า ในป่าท่าธาร มาลีคลี่บาน ใบก้านอรชร (แนวตอบ ตัวอยางคําที่มีตัวสะกดมาตราแมกน
เย็นฉ�่าน�้าฟ้า ชื่นชะผกา วายุพาขจร • สะกดดวย “น” เชน ชวน นอน ขอน หมอน
สารพันจันทน์อิน รื่นกลิ่นเกสร แตนต่อคลอร่อน ว้าว่อนเวียนระวัน เย็น เปนตน
จันทราคลาเคลื่อน กระเวนไพรไก่เถื่อน เตือนเพื่อนขานขัน • สะกดดวย “ล” เชน นวล ภูบาล พาล
ปู่เจ้าเขาเขิน กู่เกริ่นหากัน สินธุพุลั่น ครื้นครั่นหวั่นไหว เปนตน
พระฟื้นตื่นนอน ไกลพระนคร สะท้อนถอนหทัย • สะกดดวย “ร” เชน ภูธร บริวาร อรชร
เช้าตรู่สุริยน ขึ้นพ้นเมรุไกร มีกรรมจ�าไป ในป่าอารัญ ฯ
เปนตน)

ฉบัง ๑๖
ขยายความเขาใจ Expand
ขึ้นกงจงจ�าส�าคัญ ทั้งกนปนกัน 1. นักเรียนแตงประโยคความซอนโดยใชคําที่
ร�าพันมิ่งไม้ในดง สะกดดวยแมกน ใหมากที่สุด 1 ประโยค
ไกรกร่างยางยูงสูงระหง ตะลิงปลิงปริงประยงค์ พรอมทั้งระบุวาคําใดที่ใชตัวสะกดแมกนบาง
คันทรงส่งกลิ่นฝิ่นฝาง (แนวตอบ นักเรียนสามารถแตงประโยคได
มะม่วงพลวงพลองช้องนาง หล่นเกลื่อนเถื่อนทาง
หลากหลาย ทั้งนี้นักเรียนจะนําศัพทที่อยูใน
กาพยเรือ่ งพระไชยสุรยิ ามาแตงดวยหรือไมกไ็ ด
กินพลางเดินพลางหว่างเนิน
ครูพิจารณาประโยคที่นักเรียนแตงวาสะกดได
เห็นกวางย่างเยื้องช�าเลืองเดิน เหมือนอย่างนางเชิญ ถูกตอง โดยยกตัวอยางประโยค เชน
พระแสงส�าอางข้างเคียง • ฉันตื่นนอนตอนที่คุณแมทําอาหาร
เขาสูงฝูงหงส์ลงเรียง เริงร้องซ้องเสียง • บนตนตาลมีผลตาลเบียดแนนกันอยู เปนตน)
ส�าเนียงน่าฟังวังเวง 2. ครูสุมนักเรียน 4-5 คน มานําเสนอตัวอยาง
ประโยค และใหเพื่อนๆ ในชั้นชวยกันพิจารณา
65
วาคําใดในประโยคที่สะกดดวยมาตราตัวสะกด
แมกน

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
ขอใดที่ไมไดกลาวถึงในแมกง
ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับคําที่ใชตัว จ ญ ร ล ฬ สะกด เปนคํา
1. เห็นกวางยางเยื้องชําเลืองเดิน
ที่ไทยรับมาจากคําเขมรหรือคําบาลีสันสกฤตเปนสวนใหญ ตัวสะกดเหลานี้มักเขียน
2. ไกรกรางยางยูงสูงระหง
เปนรูปคําในภาษาเดิม จึงตองใชการสังเกตจดจํา เชน “ญ” สะกด คําวา ลําเค็ญ
3. ฝูงละมั่งฝงดินกินเพลิง
เหรียญ สําคัญ เจริญ “ล” สะกด คําวา ตําบล กํานัล รางวัล “ร” สะกด คําวา เพียร
4. กิ่งกาหลงสงกลิ่น
ละคร ควร “ฬ” สะกด คําวา กาฬ ทมิฬ เปนตน
วิเคราะหคําตอบ กลอนที่สอนมาตราตัวสะกดแมกง เนื้อเรื่องจะพรรณนา
ถึงธรรมชาติบรรดาสัตวปาตางๆ กวีใชคําประพันธประเภทกาพยฉบัง 16 ใน
การพรรณนา ทุกขอกลาวถึงธรรมชาติทั้งหมด แตหากพิจารณาที่จํานวนคํา
ใหตรงตามลักษณะคําประพันธของกาพยฉบัง 16 ซึ่งแตละบทมี 3 วรรค คือ
วรรคแรก 6 คํา วรรคที่สอง 4 คํา และวรรคที่สาม 6 คํา จะเห็นไดวา ขอ
4. “กิ่งกาหลงสงกลิ่น” มี 5 คํา ซึ่งไมตรงกับจํานวนคําที่บังคับในกาพยฉบัง
ตอบขอ 4.

คูมือครู 65
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด
แมกง พรอมทั้งยกคําที่มีตัวสะกดแมกงจาก กลางไพรไก่ขันบรรเลง ฟังเสียงเพียงเพลง
กาพยเรื่องพระไชยสุริยาประกอบ ซอเจ้งจ�าเรียงเวียงวัง
(แนวตอบ พยัญชนะที่เปนตัวสะกดในมาตราตัว ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง
สะกดแมกง ใช “ง” สะกด เชน ดง กราง ยูง สูง แตรสังข์กังสดาลขานเสียง
ระหง ประยงค ชองนาง ทาง เปนตน) กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง พญาลอคลอเคียง
2. นักเรียนพิจารณาและอธิบายการซํ้าคําโดยการ แอ่นเอี้ยงอีโก้งโทงเทง
เลียนเสียง จากบทประพันธที่เปนมาตราตัว ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง เพลินฟังวังเวง
สะกดแมกง อีเก้งเริงร้องลองเชิง
(แนวตอบ การซํ้าคํามีลักษณะแบบคําสรอย กลาว
ฝูงละมั่งฝังดินกินเพลิง ค่างแข็งแรงเริง
คือเปนการซํ้าเพียงบางเสียงหรือหลายเสียง โดย
ยืนเบิ่งบึ้งหน้าตาโพลง
ซํ้ากับคําที่กลาวมาแลว และคําที่ซํ้านั้นไมมี
ป่าสูงยูงยางช้างโขลง อึงคะนึงผึงโผง
ความหมายใดๆ ที่จะเปนคําสมบูรณในภาษาได
โยงกันเล่นน�้าคล�่าไป ฯ
มีหนาที่เพียงเพิ่มความไพเราะหรือเพิ่มจังหวะ
ของคําใหไดตามที่กวีตองการ)
ยานี ๑๑
ขยายความเขาใจ Expand ขึ้นกกตกทุกข์ยาก แสนล�าบากจากเวียงไชย
มันเผือกเลือกเผาไฟ กินผลไม้ได้เป็นแรง
1. นักเรียนยกบทประพันธมาตราตัวสะกดแมกง รอนรอนอ่อนอัสดง พระสุริยงเย็นยอแสง
ที่กลาวพรรณนาธรรมชาติอยางนอย 2 บท ช่วงดังน�้าครั่งแดง แฝงเมฆเขาเงาเมรุธร
(แนวตอบ ตัวอยางเชน ลิงค่างครางโครกครอก ฝูงจิ้งจอกออกเห่าหอน
“ยูงทองรองกะโตงโหงดัง เพียงฆองกลองระฆัง
ชะนีวิเวกวอน นกหกร่อนนอนรังเรียง
แตรสังขกังสดาลขานเสียง
ลูกนกยกปีกป้อง อ้าปากร้องซ้องแซ่เสียง
กะลิงกะลางนางนวลนอนเรียง พญาลอคลอเคียง
แม่นกปกปีกเคียง เลี้ยงลูกอ่อนป้อนอาหาร
แอนเอี้ยงอีโกงโทงเทง
ภูธรนอนเนินเขา เคียงคลึงเคล้าเยาวมาลย์
คอนทองเสียงรองปองเปง เพลินฟงวังเวง
อีเกงเริงรองลองเชิง”) ตกยากจากศฤงคาร สงสารน้องหมองพักตรา
2. นักเรียนจดบันทึกลงสมุด ครูสุมนักเรียน 2-3 คน ยากเย็นเห็นหน้าเจ้า สร่างโศกเศร้าเจ้าพี่อา
อานบทประพันธที่นักเรียนยกมาใหเพื่อนฟง อยู่วังดังจันทรา มาหม่นหมองละอองนวล
เพื่อนทุกข์สุขโศกเศร้า จะรักเจ้าเฝ้าสงวน
มิ่งขวัญอย่ารัญจวน นวลพักตร์น้องจะหมองศรี

66

บูรณาการเชื่อมสาระ
เกร็ดแนะครู การใชนิคหิต (อํ) ออกเสียงในมาตราตัวสะกดแมกง ซึ่งจะใชในภาษา
บาลีสันสกฤต ครูบูรณาการเรื่องนี้เชื่อมกับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา
ครูแนะการอานบทประพันธในหนา 66 นี้วา กาพยเรื่องพระไชยสุริยาตอนนี้
ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนา เพราะนักเรียนจะพบคําศัพท
บรรยายฉากปา ซึ่งมีสัตวหลายชนิด ควรอานในลักษณะบทบรรยาย ทอดเสียง
ที่ใชตัวนิคหิตในหนังสือหรือตําราทางพระพุทธศาสนา หรือที่เกี่ยวของกับ
ปานกลาง เนนความชัดเจนแจมใสของนํ้าเสียงและชื่อสัตว ทั้งตองรวบคําเลียนเสียง
เนื้อหาคําสอนทางพระพุทธศาสนา เชน การยกพุทธศาสนสุภาษิต เปนตน
ดังนี้ คําที่ตองรวบเสียงใหกระชับเปน 1 จังหวะ คือ กะลิงกะลาง พระยาลอ
นักเรียนจึงควรสังเกตลักษณะการใชตัวนิคหิตและวิธีการอานออกเสียงให
ฝูงละมั่ง อึงคะนึง คําที่ตองเลียนเสียงธรรมชาติ คือ ปองเปง คําที่ตองอานใหได
ถูกตอง โดยศึกษาความรูเพิ่มเติมเรื่องการอานคําบาลีสันสกฤตไดทั้งจาก
รสคําและรสความ คือ เบิ่ง บึ้งหนาตาโพลง อึงคะนึง ผึงโผง คําที่ตองอานเนน
หนังสือเรียนภาษาไทย หลักภาษาและการใชภาษา หรือหนังสือเรียน
ความชัดเจนแจมแจง คือ ชื่อสัตวทั้งหมด
พระพุทธศาสนา

66 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด
ชวนชื่นกลืนกล�้ำกลิ่น มิรู้สิ้นกลิ่นมำลี แมกด พรอมทั้งยกคําจากกาพยเรื่องพระไชย-
คลึงเคล้ำเย้ำยวนยี ที่ทุกข์ร้อนหย่อนเย็นทรวง ฯ สุริยาประกอบ
(แนวตอบ มาตราตัวสะกดแมกด คือ คําที่มีตัว
ยำนี ๑๑ จ ช ชร ซ ด ต ตร ติ รถ รท ฎ ฏ ฐ ฒ ถ ท ธ
1
ขึ้นกดบทอัศจรรย์ เสียงครื้นครั่นชั้นเขำหลวง ศ ษ ส เปนตัวสะกด อานออกเสียง “ด” สะกด
นกหกตกรังรวง สัตว์ทั้งปวงง่วงงุนโงง เชน ดุจ มนุษย โลด ระนาด ยุด ธาตุ เปนตน)
แดนดินถิ่นมนุษย์ เสียงดังดุจพระเพลิงโพลง 2. นักเรียนอธิบายบรรยากาศหรือฉากที่ชวยใน
ตึกกว้ำนบ้ำนเรือนโรง โคลงคลอนเคลื่อนเขยื้อนโยน การดําเนินเรื่อง ในหนา 67
บ้ำนช่องคลองเล็กใหญ่ บ้ำงตื่นไฟตกใจโจน
(แนวตอบ เมื่อเกิดภัยพิบัติทุกคนตางตื่น
ตระหนกตกใจ บรรยากาศในเรื่องเกิดความ
ปลุกเพื่อนเตือนตะโกน
2 ลุกโลดโผนโดนกันเอง
โกลาหลปนปวน ตางพากันหนีเอาตัวรอด กวี
พิณพำทย์ระน ะนำดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง
บรรยายเหตุการณชาวบาน ขุนนาง พระสงฆ
ระฆังดังวังเวง โหง่งหง่ำงเหง่งเก่งก่ำงดัง
เณร ชี พากันวิ่งหนีกันอลหมานเห็นภาพความ
ขุนนำงต่ำงลุกวิ่ง ท่ำนผู้หญิงวิ่งยุดหลัง วุนวายอยางชัดเจน)
พัลวันดันตึงตัง พลั้งพลัดตกหกคะเมน
พระสงฆ์ลงจำกกุฏิ วิ่งอุตลุดฉุดมือเณร ขยายความเขาใจ Expand
หลวงชีหนีหลวงเถร ลงโคลนเลนเผ่นผำดโผน
พวกวัดพลัดเข้ำบ้ำน ล้ำนต่อล้ำนซำนเซโดน จากบทประพันธเหตุการณที่ตองหนีภัยพิบัติ
ต้นไม้ไกวเอนโอน ลิงค่ำงโจนโผนหกหัน นักเรียนยกบทประพันธที่มีการเลียนเสียงธรรมชาติ
พวกผีที่ปั้นลูก ติดจมูกลูกตำพลัน จากเหตุการณดังกลาว
ขิกขิกระริกกัน ปั้นไม่ทันมันเดือดใจ (แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธที่มีการเลียนเสียง
สององค์ทรงสังวำส โลกธำตุหวำดหวั่นไหว ธรรมชาติ
“พิณพาทยระนาดฆอง ตะโพนกลองรองเปนเพลง
ตื่นนอนอ่อนอกใจ เดินไม่ได้ให้อำดูร ฯ
ระฆังดังวังเวง โหงงหงางเหงงเกงกางดัง”
จากบทประพันธมีการเลียนเสียงของระฆังดัง
ยำนี ๑๑
“โหงงหงางเหงงเกงกาง”)
ขึ้นกบจบแม่กด พระดำบสบูชำกูณฑ์
ผำสุกรุกขมูล พูนสวัสดิ์สัตถำวร
ระงับหลับเนตรนิ่ง เอนองค์อิงพิงสิงขร
เหมือนกับหลับสนิทนอน สังวรศีลอภิญญำณ

67

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
พิณพาทยระนาดฆอง ตะโพนกลองรองเปนเพลง
1 บทอัศจรรย เปนบทรักหรือบทโลมที่บรรยายโดยการใชสัญลักษณ โดยใชคํา
ระฆังดังวังเวง โหงงหงางเหงงเกงกางดัง
ที่เปนคําสัญลักษณ คือมีความหมายไมตรงกับความหมายในพจนานุกรม แตมี
ขอใดเปนลักษณะเดนของคําประพันธขางตน
ความหมายโดยนัย การใชสัญลักษณลักษณะนี้เปนศิลปะที่ลบลางความรูสึกวาขัด
1. การเลนคํา
กับขนบธรรมเนียมประเพณีไทยในเรื่องการบรรยายบทโอโลม และเปนเครื่องชี้ให
2. การใชคําหนักเบา
เห็นความเปนศิลปะที่ไมใชอนาจาร
3. การใชความเปรียบ
4. การเลียนเสียงธรรมชาติ 2 พิณพาทย หมายถึง เครื่องประโคมวงหนึ่ง มีกําหนดเครื่องดนตรีตั้งแต 5 ชิ้น
ขึ้นไป คือ ตะโพน ป ฆองวง ระนาด กลอง บางทีเรียก ปพาทย
วิเคราะหคําตอบ ลักษณะเดนของคําประพันธขางตน คือ มีการเลียนเสียง
ธรรมชาติวา “โหงงหงางเหงงเกงกาง” ซึ่งเปนเสียงที่เกิดจากการตีระฆัง
ตอบขอ 4.

คูมือครู 67
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด
แมกบ พรอมทั้งยกคําจากกาพยเรื่องพระไชย- บ�าเพ็งเล็งเห็นจบ พื้นพิภพจบจักรวาล
สุริยาประกอบ สวรรค์ชั้นวิมาน ท่านเห็นแจ้งแหล่งโลกา
(แนวตอบ มาตราตัวสะกดแมกบ คือ คําที่มีตัว บ
เข้าฌานนานนับเดือน ไม่เขยื้อนเคลื่อนกายา
ป พ ภ เปนตัวสะกด อานออกเสียง “บ” สะกด
จ�าศีลกินวาตา เป็นผาสุกทุกเดือนปี
เชน ระงับ หลับ จบ พิภพ ประกอบ ชอบ ลอบ
โลภ ลาภ บาป เปนตน) วันนั้นครั้นดินไหว เกิดเหตุใหญ่ในปถพี
2. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด เล็งดูรู้คดี กาลกิณีสี่ประการ
แมกก แมกด และแมกบ ซึ่งเปนมาตราตัวสะกด ประกอบชอบเป็นผิด กลับจริตผิดโบราณ
ที่เปนคําตาย พรอมทั้งยกตัวอยางประกอบ สามัญอันธพาล ผลาญคนซื่อถือสัตย์ธรรม์
(แนวตอบ คําตายนอกจากจะเปนคําที่ประสมดวย ลูกศิษย์คิดล้างครู ลูกไม่รู้คุณพ่อมัน
สระเสียงสั้นที่ไมมีตัวสะกด ยังเปนคําที่มีตัวสะกด ส่อเสียดเบียดเบียนกัน ลอบฆ่าฟันคือตัณหา
ในมาตราตัวสะกดแมกก แมกด และแมกบ เชน
โลภลาภบาปบคิด โจทก์จับผิดริษยา
ทุกข สุข พักตร กุฏิ วัด พิภพ หลับ เปนตน)
อุระพสุธา ป่วนเป็นบ้าฟ้าบดบัง
3. นักเรียนถอดคําประพันธหนา 68 แลวตอบ 1
คําถาม ดังนี้ บรรดาสามัญสัตว์ เกิดวิบัติปัตติปาปัง
• กาลกิณีสี่ประการที่เปนสาเหตุใหบานเมือง ไตรยุคทุกขตรัง สังวัจฉระอวสาน ฯ
เกิดความปนปวนไดแกอะไรบาง
(แนวตอบ กาลกิณีสี่ประการ มีดังนี้ ฉบัง ๑๖
2
1. การเห็นผิดเปนชอบ ขึ้นกมสมเด็จจอมอารย์ เอ็นดูภูบาล
2. การไมรูบุญคุณ ผู้ผ่านพาราสาวะถี
3. การเบียดเบียนทํารายซึ่งกันและกัน
ซื่อตรงหลงเล่ห์เสนี กลอกกลับอัปรีย์
4. ความโลภ)
บุรีจึงล่มจมไป
ขยายความเขาใจ Expand ประโยชน์จะโปรดภูวไนย นิ่งนั่งตั้งใจ
เลื่อมใสส�าเร็จเมตตา
นักเรียนคัดลอกบทประพันธตอไปนี้ที่อยูในหนา เปล่งเสียงเพียงพิณอินทรา บอกข้อมรณา
67 ลงสมุด แลวระบุคําในบทประพันธที่เปนคําตาย
“แดนดินถิ่นมนุษย เสียงดังดุจพระเพลิงโพลง คงมาวันหนึ่งถึงตน
ตึกกวานบานเรือนโรง โคลงคลอนเคลื่อนเขยื้อนโยน เบียนเบียดเสียดส่อฉ้อฉล บาปกรรมน�าตน
บานชองคลองเล็กใหญ บางตื่นไฟตกใจโจน ไปทนทุกข์นับกัปกัลป์
ปลุกเพื่อนเตือนตะโกน ลุกโลดโผนโดนกันเอง”
(แนวตอบ คําตายในบทประพันธบทแรก ไดแก 68
คําวา มนุษย ดุจ พระ ตึก บทที่สอง ไดแกคําวา
เล็ก ตก ปลุก ตะ (โกน) ลุก โลด)

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
หลังจากที่นักเรียนอานเนื้อเรื่องกาพยเรื่องพระไชยสุริยาจบแลว ครูสรุปความรู นักเรียนอานกาพยเรื่องพระไชยสุริยา แลวสรุปสาเหตุที่นําไปสูความ
เรื่องตัวสะกดของภาษาไทยใหนักเรียนฟง โดยครูสรุปความรูเพิ่มเติมวา พยัญชนะที่ ปนปวนวุนวายที่ชาวเมืองตางพากันหนี ลงในสมุด
ไมนิยมใชเปนตัวสะกดมีอยู 6 ตัว (ไมรวม ฃ กับ ฅ และ ห ที่ตองมี ม สะกดดวย)
คือ ฉ ฌ ผ ฝ อ ฮ ทั้งนี้ ตัว “อ” ในหนังสือเรียนสมัยกอนจัดใหเปนตัวสะกดในแม
เกย เชน เคย คือ เคอ+ย ฯลฯ แตปจจุบันถือวาเปนสระ และจัดใหอยูในแม ก กา กิจกรรมทาทาย

นักเรียนควรรู นักเรียนพิจารณาสาเหตุที่นําไปสูความวุนวายตางๆ ในกาพยเรื่อง


พระไชยสุริยา แลวใหนักเรียนเสนอแนวทางในการปองกันไมใหเกิดความ
1 ปตติปาปง มาจากคําวา ปตติ+ปาปง ซึ่งมาจากภาษาบาลี “ปตติ” แปลวา
เดือดรอนดังเนื้อเรื่อง โดยนําหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามาเปนหลักคิด
ถึงแลวหรือบรรลุแลว “ปาปง” คําบาลีวา “ปาป” ไทยใชเปน “บาป” แปลรวมไดวา
บาปหรือบรรลุบาปแลว
2 จอมอารย ในที่นี้หมายถึง พระอินทร (อารย แปลวา เจริญ)

68 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับมาตราตัวสะกด
เมตตากรุณาสามัญ จะได้ไปสวรรค์ แมเกย พรอมทั้งยกคําจากกาพยเรื่องพระไชย-
เป็นสุขทุกวันหรรษา สุริยาประกอบ
(แนวตอบ มาตราแม เกย คือ คําที่มีตัว ย เปน
สมบัติสัตว์มนุษย์ครุฑา กลอกกลับอัปรา
ตัวสะกด อานออกเสียง ย สะกด เชน เลย
เทวาสมบัติชัชวาล
เขนย เหนื่อย เสวย นอย เปนตน)
สุขเกษมเปรมปรีดิ์วิมาน อิ่มหน�าส�าราญ 2. ในตอนทายเรื่องพระไชยสุริยาและพระมเหสี
ศฤงคารห้อมล้อมพร้อมเพรียง สุมาลีทรงพบกับความสุขหรือไม อยางไร
กระจับปี่สีซอท่อเสียง ขับร�าจ�าเรียง (แนวตอบ เมื่อทั้งสองพระองคไดตั้งใจใฝในธรรม
ส�าเนียงนางฟ้าน่าฟัง มีจิตเมตตาเลื่อมใสศรัทธาในพระธรรมคําสอน
เดชะพระกุศลหนหลัง สิ่งใดใจหวัง รักษาศีลปฏิบัติธรรมเปนประจํา แมเหนื่อยยาก
ได้ดังมุ่งมาดปรารถนา ก็พยายามปฏิบัติอยางพากเพียร จนสําเร็จ
ไดไปเปนสุขอยูบนสวรรค)
จริงนะประสกสีกา สวดมนต์ภาวนา
เบื้องหน้าจะได้ไปสวรรค์
ขยายความเขาใจ Expand
จบเทศน์เสร็จค�าร�าพัน พระองค์ทรงธรรม์
ด้นดั้นเมฆาคลาไคล ฯ นักเรียนรวมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็น
ในประเด็นคําถามตอไปนี้ แลวสรุปความรูลงสมุด
• นักเรียนคิดวาเปาหมายของการบําเพ็ญ
ฉบัง ๑๖
ตนรักษาศีลคือการไดไปสวรรคจริงหรือไม
ขึ้นเกยเลยกล่าวท้าวไท ฟังธรรมน�้าใจ
อยางไร
เลื่อมใสศรัทธากล้าหาญ (แนวตอบ นักเรียนแสดงความคิดเห็นได
1
เห็นภัยในขันธสันดาน ตัดห่วงบ่วงมาร หลากหลาย แตครูควรชี้ใหนักเรียนเห็น
ส�าราญส�าเร็จเมตตา คุณคาของวรรณคดีที่ไดรับอิทธิพลจาก
สององค์ทรงหนังพยัคฆา จัดจีบกลีบชฎา พระพุทธศาสนาวา เปาหมายของการบําเพ็ญ
รักษาศีลถือฤๅษี ตนรักษาศีลแลวจะไดไปสวรรคหรือไมนนั้ เปน
เช้าค�่าท�ากิจพิธี กองกูณฑ์อัคคี เรื่องที่พิสูจนไมได แตเปนกุศโลบายใหคนทํา
ความดี ประพฤติปฏิบัติตนอยูในศีลในธรรม
เป็นที่บูชาถาวร
เพื่อใหสังคมไมเกิดปญหาความวุนวาย
ปถพีเป็นที่บรรจถรณ์ เอนองค์ลงนอน
หากทุกคนปฏิบัติดีมีศีลธรรมกํากับยอม
เหนื อขอนเขนยเกยเศียร ไมเบียดเบียนกัน คนในสังคมไมเดือดรอน
สังคมมีแตความสงบสุข)
69

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับวรรณคดีและวรรณกรรมไทยที่ไดรับ ครูแนะขอสังเกตใหนักเรียนเห็นวา เมื่อเรียนกาพยเรื่องพระไชยสุริยามาถึงแมกม
อิทธิพลจากพระพุทธศาสนา โดยรวบรวมรายชื่อวรรณคดีหรือวรรณกรรม คําที่เคยเขียนเปนแม ก กา มาแตกอน เชนคําวา “สาวัตถี” กอนนั้นเขียนเปน
ใหไดมากที่สุด “สาวะถี” นั้น ถึงตอนนี้สุนทรภูก็กลับมาเขียนเปน “สาวัตถี” ตามเดิม

กิจกรรมทาทาย นักเรียนควรรู
1 ขันธสันดาน มาจากคําวา “ขันธสันดาน” ตัวการันต “ธ” เพื่อลดพยางคใหคํา
นักเรียนสรุปความรูในประเด็นที่วา “พระพุทธศาสนามีอิทธิพลตอ ลงกับคําประพันธกาพยฉบัง 16 ที่วรรคแรกมี 6 คํา ขันธสันดาร แปลวา การสืบตอ
วรรณคดีและวรรณกรรมไทยอยางไร” แหงขันธ

คูมือครู 69
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนยกตัวอยางบทประพันธกาพยเรื่อง
พระไชยสุริยาที่เปนขอคิดเตือนใจที่ไมควรปฏิบัติ ค�่าเช้าเอากราดกวาดเตียน เหนื่อยยากพากเพียร
(แนวตอบ ตัวอยางการประพฤติปฏิบัติที่ไมดี เรียนธรรมบ�าเพ็ญเคร่งครัน
• “ที่แพแกชนะ ไมถือพระประเวณี
ส�าเร็จเสร็จได้ไปสวรรค์ เสวยสุขทุกวัน
ขี้ฉอก็ไดดี ไลดาตีมีอาญา”
นานนับกัปกัลป์พุทธันดร
• “ผูที่มีฝมือ ทําดุดื้อไมซื้อขอ
ไลควาผาที่คอ อะไรลอก็เอาไป” ภุมราการุญสุนทร ไว้หวังสั่งสอน
• “ลูกศิษยคิดลางครู ลูกไมรูคุณพอมัน เด็กอ่อนอันเยาว์เล่าเรียน
สอเสียดเบียดเบียนกัน ลอบฆาฟนคือตัณหา”) ก ข ก กา ว่าเวียน หนูน้อยค่อยเพียร
อ่านเขียนผสมกมเกย
ตรวจสอบผล Evaluate ระวังตัวกลัวครูหนูเอ๋ย ไม้เรียวเจียวเหวย
1. นักเรียนถอดคําประพันธตามบทที่รับผิดชอบได กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวียว
2. นักเรียนจําแนกคําตามตารางมาตราแม ก กาได หันหวดปวดแสบแปลบเสียว หยิกซ�้าช�้าเขียว
3. นักเรียนแตงประโยคคําซอนโดยใชคําที่สะกด อย่าเที่ยวเล่นหลงจงจ�า
ดวยมาตราแมกนได บอกไว้ให้ทราบบาปกรรม เรียงเรียบเทียบท�า
4. นักเรียนยกบทประพันธที่มีมาตราตัวสะกดแมกง
แนะน�าให้เจ้าเอาบุญ
และเปนบทกลาวพรรณนาธรรมชาติได
5. นักเรียนยกบทประพันธที่มีการเลียนเสียง เดชะพระมหาการุญ ใครเห็นเป็นคุณ
ธรรมชาติได แบ่งบุญให้เราเจ้าเอย ฯ
6. นักเรียนทองจําบทอาขยานตามที่กําหนดได

70

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดเปนสาเหตุสําคัญที่ทําใหเมืองสาวัตถีลมจม
วรรณคดีกับจินตนาการนั้นเปนสิ่งที่แยกกันไมได ครูจึงควรจัดบรรยากาศ
1. เพราะประชาชนประพฤติชั่ว
การเรียนและหาวิธีการตางๆ ที่จะชวยสงเสริมจินตนาการที่ไดจากการเรียน
2. เพราะขุนนางประพฤติมิชอบ
วรรณคดี เชน ใหนักเรียนพูดหรือเขียนแสดงความรูสึกของตนเอง ความรูสึกดื่มดํ่า
3. เพราะนางสุมาลีประพฤติตนเหลวไหล
ตื่นเตน ความเศราโศกเสียใจตอเนื้อเรื่อง และความประทับใจในความไพเราะของ
4. เพราะพระไชยสุริยาไมตั้งอยูในทศพิธราชธรรม
วรรณคดี
วิเคราะหคําตอบ เหตุความวุนวายของบานเมือง เริ่มมาจากการที่ขุนนาง
ประพฤติตนมิชอบในหนาที่ ไมจงรักภักดีตอพระมหากษัตริย เอารัดเอาเปรียบ
มุม IT ประชาชน บานเมืองจึงตกอยูในสภาพยํ่าแย ประชาชนเริ่มเบียดเบียนกัน
ไมเคารพยําเกรงผูใหญ จนเกิดนํ้าทวมเมืองทําใหประชาชนลมตายไรที่อยู
ศึกษาเกี่ยวกับการสรุปประเด็นสําคัญของกาพยเรื่องพระไชยสุริยาเพิ่มเติม ไดที่ ดังนั้น สาเหตุสําคัญที่ทําใหเมืองสาวัตถีลมจม คือ ขุนนางประพฤติมิชอบ
http://www.kaipop.com/CAI/midci.htm ตอบขอ 2.

70 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา
Engage Explore อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนเลนตอคําศัพท โดยครูกําหนด
๖ คÓศัพท์ มาตราตัวสะกดให แลวใหนักเรียนบอกคําศัพทที่มี
ตัวสะกดตรงตามที่ครูกําหนด
ค�าศัพท์ ความหมาย (แนวตอบ ครูยกมาตราตัวสะกดในภาษาไทย
กระจับปี่ พิณสี่สาย ทั้ง 9 มาตรา ดังนี้ แม ก กา แมกน แมกก แมกง
กังสดาล ระฆังวงเดือน แมกด แมกบ แมกม แมเกย และแมเกอว
กัปกัลป์ ระยะเวลาอันยาวนาน โบราณถือว่าโลกประลัยครั้งหนึ่งเป็นสิ้นกัปหรือกัลป์หนึ่ง (ในกาพยเรื่องพระไชยสุริยาไมไดแยกมาตรา
กาลกิณี ลักษณะที่เป็นอัปมงคล ตัวสะกดแมเกอว))
กูณฑ์ ไฟ
ขอษมา ขอโทษ ขออภัย
สํารวจคนหา Explore
ขันธสันดาน อุปนิสัยที่มีมาแต่ก�าเนิดในตัวของตนเอง 1. นักเรียนคนหาและนําคําศัพทในบทเรียนมา
ขื่อคา เครื่องจองจ�านักโทษ ท�าด้วยไม้เจาะรูประกอบกับคอและข้อมือทั้งสองข้างของ จัดกลุมตามมาตราตัวสะกด มาตราละ 10 คํา
นักโทษ 2. นักเรียนศึกษาคําภาษาอื่นในกาพยเรื่อง
คอโค คนอินเดียเชือ่ ว่าน�า้ ในแม่นา�้ คงคาไหลมาจากคอของโคอุสภุ ราชพาหนะ พระไชยสุริยา
ของพระอิศวรซึ่งอยู่วิมานบนเขาไกรลาส 3. นักเรียนสํารวจคนหาคําที่มีความหมาย
ฉ้อ โกง ขี้โกง ใช้อุบายหลอกลวง เหมือนกันในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
เฉโก ฉลาดแกมโกง ไม่ตรงไปตรงมา
ตรีชา ความหมายตามบริบท หมายถึง ติเตียน (ไม่มคี วามหมายในพจนานุกรม)
ตะรัง ดั้น ตะบึงไป
1
ไตรยุค ก�าหนดเวลาของโลกมี ๔ ยุค ได้แก่ กฤดายุค ไตร (ดา) ยุค ทวาปรยุค และกลียคุ
ระยะเวลาของทัง้ ๔ ยุค ยาวไม่เท่ากัน โดยไตรยุคเป็นยุคทีค่ วามเทีย่ งธรรมหายไป
๑ ใน ๔ ความเสือ่ มเริม่ เข้ามา มนุษย์เห็นแก่ประโยชน์สว่ นตน
ไตรสรณา ที่พึ่งทั้งสาม คือ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์
ถือน�้า เป็นการท�าพิธีดื่มน�้าสาบานถวายพระเจ้าแผ่นดิน
เถื่อน ป่า
บรรจถรณ์ ที่นอน
บา ครู อาจารย์ ชายหนุ่ม
ประเวณี ในที่นี้ใช้ในความหมายว่า ประเพณี

71

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
จะรํ่าคําตอไป พอลอใจกุมารา
1 ยุค ตามคติพราหมณ เชื่อวามี 4 ยุค ไดแก กฤดายุค ไตรดายุค ทวาปรยุค
ธรณีมีราชา เจาพาราสาวะถี
และกลียุค กฤดายุคเปนยุคทอง เปนยุคที่ปราศจากความชั่ว ทุกคนนับถือเทพเจา
คําประพันธในขอใดมีความหมายตางจากคําที่ขีดเสนใต
องคเดียวกันและปฏิบัติตามกฎหมายฉบับเดียวกัน ไตรดายุคเปนยุคที่มีความ
1. ชื่อวาสุมาลี อยูบุรีไมมีภัย
เที่ยงธรรมหายไป 1 ใน 4 ความเสื่อมเริ่มเขามาเพราะมนุษยเริ่มปรารถนาสิ่ง
2. หาไดใครหาเอา ไพรฟาเศราเปลาอุรา
ตอบแทนจากสิ่งที่ตนกระทํา ทวาปรยุคเปนยุคที่ความเที่ยงธรรมหายไปครึ่งหนึ่ง
3. พระฟนตื่นนอน ไกลพระนคร
ความทะเยอทะยานอยากและภัยพิบตั กิ เ็ ขามาแผวพานจนทําใหตอ งหันไปบําเพ็ญตบะ
4. นํ้าปาเขาธานี ก็ไมมีที่อาศัย
สวนกลียุค เปนยุคที่ความเที่ยงธรรมเหลือเพียง 1 ใน 4 มนุษยละทิ้งหนาที่และ
วิเคราะหคําตอบ จากคําประพันธ “เจาพาราสาวะถี” คําวา “พารา” มี ศาสนา มีรางกายและจิตใจออนแอ มีความเสื่อมอยูทั่วไป
ความหมายวาเมือง เปนคําที่มีความหมายเหมือนกับคําอื่นอีกหลายคํา เชน
ธานิน ธานี นคร นคเรศ บุรี ซึ่งหากไมรูความหมายสามารถพิจารณาดวยการ
ถอดคําประพันธ โดยการแทนความหมายวาเมืองในคําที่ขีดเสนใตแตละขอ
ใหสอดคลองกับเนื้อเรื่อง ดังนี้ ขอ 1. ชื่อสุมาลีอยูเมืองไมมีภัย ขอ 3. พระตื่น
ขึ้นมารูวาหางจากเมืองแลวเศราใจ ขอ 4. นํ้าปาไหลเขาเมืองไมมีที่อยู
จากเนื้อเรื่องขอที่ไมสมเหตุสมผล คือ ประชาชนเศราเมือง ตอบขอ 2.
คูมือครู 71
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนหาคําศัพทที่มีความหมายตรงตามที่ครู
กําหนดจากกาพยเรื่องพระไชยสุริยาอยางนอย 2 คํา คําศัพท ความหมาย
อธิบายความหมายของคําศัพทนั้นและจําแนกวาเปน
ประสกสีกา ประสก มาจากคําวา อุบาสก สีกา มาจากคําวา อุบาสิกา หมายถึง ชายหญิงที่
มาตราตัวสะกดแมใด คําที่ครูกําหนดมีดังนี้ คําวา เปนคฤหัสถที่นับถือพระพุทธศาสนา
อรัญ ไฟ กษัตริย และเมือง
(แนวตอบ นักเรียนสามารถนําเสนอความรูไดหลาย ปตติ สวนบุญ
รูปแบบ เชน การนําเสนอดวยตาราง ปาปง บาป
คําศัพท มาตราตัว คําที่มีความหมาย พญาสําภาที พญานกในวรรณคดีเรือ่ งรามเกียรติ์ พีข่ อง
สะกด เหมือนกัน นกสดายุเปนผูบ อกทางไปกรุงลงกาใหแก
อรัญ แมกน เถื่อน พงไพร หนุมาน

ไฟ แม ก กา เพลิง กูณฑ พระแกล หนาตาง


1
กษัตริย แมกด ราชา ภูวไนย พระดาบส ผูบําเพ็ญตบะ ฤๅษี พญาสําภาที

เมือง แมกง พารา บุรี ) พระแสง อาวุธหรือเครื่องใชมีคมที่พระมหากษัตริยทรงใชสอย


พุทธันดร ชวงเวลาที่วางจากพระพุทธเจา คือ ชวงเวลาหลังจากที่พระพุทธเจาองคหนึ่ง
นิพพานแลว กับที่พระพุทธเจาอีกองคหนึ่งจะมาตรัสรู
ขยายความเขาใจ Expand 2
ไพชยนต ชื่อรถและวิมานของพระอินทร ปราสาททั่วไปของหลวง
1. นักเรียนจับคูกัน แตละคูเลือกคําศัพทที่มี
ความหมายเหมือนกัน ภาษาไสย ลัทธิอันเนื่องดวยเวทมนตรคาถา
(แนวตอบ ตัวอยางเชน คําวา “พสุธา” กับ “ธรณี” ภุมรา แมลงภู ผึ้ง ในที่นี้หมายถึง ตัวสุนทรภู
ที่มีความหมายเหมือนกันวา “แผนดิน”)
เภตรา เรือ
2. นักเรียนยกบทประพันธที่มีคําศัพทดังขางตน
(แนวตอบ คําวา “พสุธา” ในบทประพันธที่วา มรคา ทาง
“พสุธาอาศัยไมมี ราชานารี โมทนา บันเทิง ยินดี พลอยบันเทิง พลอยยินดี
อยูที่พระแกลแลดู”
ยอแสง อาการที่พระอาทิตยออนแสงลง เวลาจะพลบคํ่า
และ คําวา “ธรณี” ในบทประพันธที่วา
“ปลาวาขาเจาเยาวภา มิไดไปมา เยาวนารี สาวรุน
อาศัยอยูตอธรณี”) โยโส อวดดี

๗๒

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 พระดาบส นักพรตผูบําเพ็ญตบะเพื่อเผากิเลส การบําเพ็ญตบะเปนการ นักเรียนศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับคําศัพทที่มีประวัติ หรือคําอธิบาย
ทรมานกายอยางยิ่งยวด ใชจิตเพงวัตถุอยางใดอยางหนึ่ง เพื่อใหจิตแนวแนเปน ยาวๆ เชน พุทธันดร ไพชยนต พญาสําภาที เปนตน ครูมอบหมายให
สมาธิ เชื่อกันวาเปนผูมีสมาธิจนสามารถบรรลุฌานสมาบัติและอภิญญา 6 ประการ นักเรียนไปศึกษาคนควาขอมูลเกี่ยวกับคําศัพทนั้นเพิ่มเติม สงเปนบันทึก
ไดแก มีฤทธิ์ หูทิพย รูจักกําหนดใจผูอื่น ระลึกชาติได ตาทิพย และรูจักทําอาสวะ ความรู
ใหสิ้นไป จึงนับเปนดาบส
2 พระอินทร เปนเทพที่มีบทบาทมากที่สุดในวรรณคดี พระอินทรซึ่งเดิมเปน
เทพชั้นสูงสุดถูกลดฐานะลงใหตํ่ากวาพระพรหม พระศิวะ และพระนารายณ ในยุค กิจกรรมทาทาย
มหากาพยใหเปนแตเพียงราชาแหงทวยเทพเทานั้น พระอินทรเสื่อมความนิยมลง
เพราะความประพฤติไมดีงามในกามวิสัย แตในทางพระพุทธศาสนา พระอินทร
เปนผูทรงคุณธรรมเปนสาวกที่ดี เปนอุบาสกที่เปนเลิศ นักเรียนพิจารณาคําศัพทในบทเรียนวามีคําใดบางที่เปนคําพองรูป คํา
พองเสียง และคําพองความหมาย เลือกมาคําใดคําหนึ่งแลวระบุวาเปนคํา
พองชนิดใด จากนั้นใหนักเรียนคนหาคําศัพทนอกบทเรียนอยางนอย 3 คํา
ที่เปนคําพองกับคําศัพทที่เลือกมา

72 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายคําภาษาอื่นที่มีปรากฏใน
ค�าศัพท์ ความหมาย วรรณคดีไทย
รัญจวน ป่วนใจ สะเทือนใจด้วยความกระสันถึง
(แนวตอบ คําในภาษาอื่นที่นํามาใชในภาษาไทย
โดยมากมีคําบาลีสันสกฤต คําเขมร คําจีน
ราศี ลักษณะความดีงามของคน สิริมงคล คําอังกฤษ ทั้งนี้ที่พบมากในกาพยกลอนคือ
รุกขมูล โคนต้นไม้ คําบาลี คําสันสกฤต และคําเขมร ทั้งนี้
โลโภ ความโลภ ความอยากได้ไม่รู้จักพอ
เนื่องจากอิทธิพลทางศาสนาและวัฒนธรรมของ
อินเดียซึ่งเปนตนกําเนิดของภาษาบาลีสันสกฤต
วิบัติ พิบัติ ความเคลื่อนคลาด ความผิด โทษ ความตาย ความยากเข็ญ อันตราย ที่มีตอเขมร ซึ่งเปนชาติที่เจริญรุงเรืองมากอน
สะธุสะ ค�าที่เปล่งขึ้นก่อนกล่าวค�าอื่น เพื่อขอความสวัสดิมงคล เมื่อเป็นภาษาพูด ไทยไดรับอิทธิพลดังกลาว จึงทําใหไทยรับเอา
จะพูดสั้นๆ ว่า สาธุ ในความหมายว่า ดีแล้ว ชอบแล้ว เปล่งวาจาแสดงความ วัฒนธรรมและภาษาทั้งเขมรและอินเดียเปน
เห็นว่าชอบแล้ว อันมาก)
สังวัจฉระ ปี 2. นักเรียนระบุคําภาษาอื่นที่ปรากฏในกาพย
เรื่องพระไชยสุริยา
สัตถาวร แผลงมาจากค�าว่า สถาวร แปลว่า ยั่งยืน
(แนวตอบ คําในภาษาอื่นที่มีในกาพยเรื่อง
สุภา หมายถึง พระยาราชสุภาวดี ซึ่งเป็นบรรดาศักดิ์ของผู้มีต�าแหน่งตุลาการใน พระไชยสุริยา ไดแก คําบาลี คําสันสกฤต
สมัยโบราณ
และคําเขมร)
เมธา นักปราชญ์ ผู้รู้

อภิญญาณ ความรู้ยิ่ง มี ๖ อย่าง คือ ๑. อิทธิวิธี แสดงฤทธิ์ได้ ๒. ทิพยโสต มีหูทิพย์ ขยายความเขาใจ Expand
๓. เจโตปริยญาณ รู้จักก�าหนดใจผู้อื่น ๔. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ระลึกชาติได้
1. นักเรียนยกคําศัพทในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
๕. ทิพยจักขุ มีตาทิพย์ ๖. อาสวักขยญาณ รู้จักท�าอาสวะ (กิเลสที่หมักหมมใน
ใจ) ให้สิ้นไป ที่เปนคําบาลี คําสันสกฤต และคําเขมร
อยางละ 3 คํา
อะโข มาจากค�าว่า อักโขภิณี มีความหมายว่า มากมาย (แนวตอบ ตัวอยางคําบาลี คําสันสกฤต และ
อัชฌาศัย กิรยิ าดี นิสยั ใจคอ ความรูจ้ กั ผ่อนปรน คําเขมรในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
• คําบาลี เชน เมตตา มนต องค อัคคี
อัปรา แพ้
เปนตน
อัสดง เวลาพระอาทิตย์ตก • คําสันสกฤต เชน รักษา ศีล ฤๅษี ศรัทธา
อาญา อ�านาจ โทษ ธรรม ศฤงคาร สวรรค เปนตน
อารย์ เจริญ • คําเขมร เชน สําราญ เสร็จ สําเร็จ เขนย
เปนตน)
2. นักเรียนบันทึกความรูลงสมุด ครูขออาสา-
73
สมัครนําเสนอความรูหนาชั้นเรียน 3-4 คน
ครูเพิ่มเติมคําศัพทใหนักเรียน นักเรียนจด
บันทึกคําศัพทจากเพื่อนและครูเพิ่มเติม
บูรณาการเชื่อมสาระ
การศึกษาความรูเรื่องคําบาลีสันสกฤตและคําเขมรในภาษาไทยเพิ่มเติม เกร็ดแนะครู
โดยครูเชื่อมสัมพันธความรูเรื่องหลักภาษาและการใชภาษา ซึ่งจะบอก การสอนคําศัพทในวรรณคดีนั้นเปนเรื่องสําคัญ จึงจําเปนตองแบงเวลาให
ขอสังเกตของคําที่มาจากภาษาตางประเทศ โดยเฉพาะคําบาลีสันสกฤตและ เหมาะสม เพราะนักเรียนจะตองเรียนวรรณคดีดานอื่นๆ อาจใหนักเรียนเลนตอ
คําเขมรที่พบมากในภาษาและวรรณกรรมไทย รวมไปถึงความเขาใจเรื่องการ คําศัพทใหสอดคลองตอเนื่องกันโดยครูกําหนดเงื่อนไขของเกมคําศัพท ทั้งนี้อาจให
มีรากทางภาษาและวัฒนธรรมรวมกันกับชาติดังกลาว การมีความคิด นักเรียนใชความรูในหลักภาษามารวมในการเลนเกม เชน การจําแนกชนิดของคํา
ความเชื่อที่คลายคลึงกันของคนในสังคม การสรางคํา การแตงประโยคชนิดตางๆ เปนตน

มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับคําศัพทจากกาพยเรื่องพระไชยสุริยาเพิ่มเติม ไดที่
http://www.st.ac.th/bhatips/tip48/student48/gbpsuriya_history_st48.html

คูมือครู 73
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนยกบทประพันธที่กลาวถึงสําเภาใน
กาพยเรื่องพระไชยสุริยา พรอมทั้งถอดคําประพันธ ºÍ¡àÅ‹Òà¡ŒÒÊÔº
บทนั้น
(แนวตอบ บทประพันธที่กลาวถึงสําเภาในกาพย เรือสําเภา
เรื่องพระไชยสุริยา ความวา สมัยกอนบานเรือนของคนไทยมักตั้งอยูริมแมนํ้า ซึ่งตองอาศัยเรือเปนพาหนะในการเดินทาง
“จําไปในทะเลเวรา พายุใหญมา จึงปรากฏมีเรือลักษณะตางๆ เกิดขึน้ มากมาย อยางเชนในกาพยเรือ่ งนี้ พระไชยสุรยิ า จําตองเดินทาง
เภตราก็เหเซไป ออกจากเมืองสาวัตถีดวยเรือสําเภา ซึ่งเปนเรือที่มีที่มาจากประเทศจีน คําวา สํ1าเภา (Junk) มาจาก
คําวา ตะเภา หมายถึง ลมที่พัดมาจากทิศใตเขาสูอาวไทยในฤดูรอน เรือสําเภาเปนเรือที่มีลักษณะ
สมอก็เกาเสาใบ ทะลุปรุไป ทายเรือสูงและยืน่ ออกนอกตัวเรือ สวนหัวเรือจะอยูต าํ่ กวาทายเรือ มีจดุ เดนทีใ่ ชใบแขวน เรือสําเภา
นํ้าไหลเขาลําสําเภา มีหลายชนิดดวยกัน ดังนี้ 2
ผีนํ้าซํ้าไตใบเสา เจากรรมซํ้าเอา สําเภาไทย เปนเรือสําเภาที่ตอดวยไมตะเคียน มีตนแบบมาจากเรือสําเภาจีน ๓ กระโดง
สําเภาระยําควํ่าไป” มีความยาวประมาณ ๓๐-๔๐ เมตร
สําเภาจีน ๒ กระโดง เปนเรือสําเภาทีม่ เี สากระโดงเพียง ๒ เสา
ถอดคําประพันธไดวา พระไชยสุริยาและมเหสี ออกแบบมาให ส ามารถฝ า มรสุ ม ได ดั ง นั้ น
สุมาลีพรอมทั้งขาราชบริพารตองติดอยูในเรือสําเภา การที่มีเสากระโดง ๒ เสา ก็เพื่อประโยชน
จนกระทั่งเกิดพายุใหญมาพัดเรือใหเซไปมา สมอดึง ในการลดแรงตานลม เรือสําเภาจีน
รั้งตานแรงพายุไมไหวครูดไปกับพื้น ใบเรือนั้นเมื่อ ๒ กระโดงนี้นิยมใชในการขนสงสินคา
สําเภาจีน ๓ กระโดง เปนเรือ
โดนพายุก็ขาด ทําใหเรือไปตอไมไดนํ้าไหลทะลัก สําเภาที่มีเสากระโดง ๓ เสา มีขนาด
เขาไปในลําเรือ ในที่สุดเรือก็ควํ่า) เล็กและเหมาะสําหรับแลนในนํ้าตื้น
ใชในการขนสงสินคาและการโดยสาร
ตรวจสอบผล Evaluate ไดรับการออกแบบใหสามารถผาน
ทางแคบและกระแสนํ้าเชี่ยวได
1. นักเรียนคนหาและนําคําศัพทในบทเรียนมาจัด สําเภาจีน ๔ กระโดง เปนเรือ
สําเภาทีม่ เี สากระโดง ๔ เสา มีขนาดใหญ
กลุมตามมาตราตัวสะกดตางๆได เหมาะสําหรับแลนในนํ้าลึก ใชในการ
2. นักเรียนจําแนกคําศัพทใหถูกตองตรงตาม บรรทุกสินคาที่มีนํ้าหนัก ๕๐๐-๑,๐๐๐
มาตราตัวสะกดได ตัน
3. นักเรียนยกคําศัพทในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
ที่เปนคําบาลี คําสันสกฤต และคําเขมรได

74

บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู จากความรูเรื่องเรือสําเภาซึ่งเปนพาหนะสําคัญในกาพยเรื่องพระไชย-
สุริยา ครูบูรณาการความรูกับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา
1 เรือสําเภา ในสมัยโบราณการแลกเปลี่ยนสินคาและการคาขายจะคาขายกัน
และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร สมัยรัตนโกสินทรตอนตน ในสวนที่มี
เฉพาะในเขตพื้นที่ที่สามารถไปถึงดวยเทา ลา มา และเรือแจว เพื่อขนถายสินคา
ความเกี่ยวของกับชาวจีน โดยเฉพาะอยางยิ่งกับชาวจีนที่ไดติดตอคาขายกับ
จากถิ่นหนึ่งไปยังอีกถิ่นหนึ่ง ตอมาเมื่อการคาขายเริ่มขยายวงกวางมากขึ้น สินคาหนึ่ง
ชาวไทยมายาวนาน ทั้งนี้การรูประวัติศาสตรดังกลาวจะชวยในการวิเคราะห
เปนที่ตองการของอีกสถานที่หนึ่ง เหลาพอคาจึงไดคิดสรางเรือเพื่อขนสงสินคาไปยัง
ประเด็นที่วาผูมีเรือสําเภาตองเปนผูมีความมั่งคั่ง และการเดินทางขามทะเล
สถานที่อันไกลนั้นๆ จนเกิดเปนเรือสําเภา การไปคาขายแตละครั้งใชเวลานานเปน
มหาสมุทรในยุคสมัยกอนเหมาะที่จะใชเรือสําเภา เพราะเปนที่คุนเคยและ
แรมเดือน แรมป แตพอกลับมาแตละครั้งเหลาพอคาจะไดความรูใหมๆ สินคาใหมๆ
รูจักกันดีในสมัยนั้น ดังที่ปรากฏการใชเรือสําเภาในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
กลับมาดวย จึงทําใหผูที่เปนพอคาทางเรือจะเปนผูที่มีทักษะความรูใหมๆ พรั่งพรอม
ซึ่งมีตนแบบมาจากจีน
ดวยความมั่งคั่ง รํ่ารวย จึงทําใหมีผูคนนับหนาถือตา เพราะการไดไปพบเห็นศิลปะ
วัฒนธรรมของตางถิ่น ตางแดน ที่มีความเจริญรุงเรืองกวาก็จะนํากลับมาสูดินแดน
ของตนเอง จึงพูดไดวาผูที่มีเรือสําเภาเปนผูที่มั่งคั่งทั้งความรู ทรัพยสิน และเกียรติยศ
ชื่อเสียง สามารถเปนขุนนางสรางความเจริญรุงเรืองใหแกตนเองและประเทศชาติได
2 กระโดง คือ เสาสําหรับกางใบเรือ เสาเดินเรือในทะเลใหญๆ บนยอดเสามี
รังกาซึ่งเปนที่สําหรับใหยามยืนเฝาคอยระวังสิ่งผิดปกติตางๆ

74 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูกระตุนความสนใจของนักเรียนดวยคําถาม
๗ บทวิเคราะห์ ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นรวมกัน
• นักเรียนจําไดหรือไมวาเรียนเรื่องมาตรา
กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแต่งขึ้นเพื่อเป็นแบบเรียนเรื่องการสะกดและการใช้ถ้อยค�า เหมาะ ตัวสะกดในชั้นเรียนใด
ส� า หรั บ เด็1 ก เนื่ อ งด้ ว ยส� า นวนภาษาที่ ใช้ ใ นการเรี ย บเรี ย งตรงไปตรงมา เรี ย งตามล� า ดั บ มาตรา • นักเรียนคิดวาแบบเรียนมาตราตัวสะกดใน
ตัวสะกด คือ แม่ ก กา แม่กน แม่กง แม่กก แม่กด แม่กบ แม่กม แม่เกย ส่วนแม่เกอว ไม่มีบท ภาษาไทยของสมัยกอนยากหรืองายกวาที่
อ่านแยกออกมาต่างหาก แต่รวมไว้ในแม่เกย ลักษณะเนื้อหาเริ่มสอนจากง่ายไปหายาก มีการ นักเรียนเรียนอยางไร
ทบทวนความรู้เดิมทุกครั้ง เช่น บทที่ใช้ค�าในแม่กก มีการแทรกค�าในแม่ ก กา แม่กน แม่กง เพื่อให้
อ่านทบทวน ท�าให้บทเรียนสนุกน่าสนใจ น่าติดตาม สํารวจคนหา Explore
นอกจากผู ้ อ ่ า นจะได้ รั บ ความเพลิ ด เพลิ น จากเนื้ อ หาของนิ ท านเรื่ อ งพระไชยสุ ริ ย าแล้ ว
1. นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับแบบเรียนของ
ยังได้รับคุณค่าจากบทฝึกอ่า นเขียนภาษาไทยตามแบบโบราณ ที่ สามารถท่ องจ� า เพื่อประโยชน์
ไทยในชวงสมัยรัชกาลที่ 3 จนถึงปจจุบัน
ในการศึกษาเรื่องมาตราตัวสะกดและลักษณะของการแต่งค�าประพันธ์ประเภทกาพย์ได้เป็นอย่างดี
2. นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับการเลนเสียงใน
๗.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา กาพยเรื่องพระไชยสุริยา
๑) ให้ความรู้ตามจุดประสงค์ของผู้แต่ง คือ ใช้เป็นสื่อในการสอนมาตราตัวสะกด 3. นักเรียนศึกษาบทวิเคราะหวรรณคดีจากบทเรียน
ผู้ที่ใช้กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาเป็นแบบเรียนจะสามารถอ่านและเขียนภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง
อธิบายความรู Explain
และสามารถใช้ทบทวนความรู้ทางการใช้ภาษาได้
๒) สะท้อนสภาพสัง คมไทย สุนทรภู่เกิดหลังการสร้างกรุงรัตนโกสินทร์เพียง หลังจากที่นักเรียนอานกาพยพระไชยสุริยาจบแลว
สามปี ได้รับรู้เหตุการณ์ตอนเสียกรุงจากผู้ใหญ่ที่เคยพบสภาพทั้งก่อนเสียกรุง ขณะเสียกรุง การกอบกู้ และไดศึกษาบทวิเคราะห ใหนักเรียนพิจารณาและ
บ้านเมือง และสร้างบ้านแปลงเมืองมา จึงสอดแทรกสภาพสังคมไทยก่อนเสียกรุง โดยสร้างตัวละคร อธิบายคุณคาดานเนื้อหาของกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
ในเรื่องว่าข้าราชบริพาร เสนาบดีไม่ใส่ใจบ้านเมือง ฉ้อราษฎร์บังหลวง คดโกง ไม่ยุติธรรม หมกมุ่น (แนวตอบ กาพยเรื่องพระไชยสุริยาใชสอนเรื่อง
อยู่กับความสนุกสนานเพลิดเพลินมัวเมาในกาม เหมือนสภาพคนไทยก่อนเสียกรุง ดังนี้ การสะกดคํา โดยเรียงตามลําดับมาตราตัวสะกด คือ
แม ก กา แมกน แมกง แมกก แมกด แมกบ แมกม
แมเกย ลักษณะเนื้อหาเริ่มสอนจากงายไปหายาก
อยู่มาหมู่ข้าเฝ้า ก็หาเยาวนารี
มีการทบทวน ความรูเดิมทุกครั้ง ทําใหนาสนใจ
ที่หน้าตาดีดี ท�ามโหรีที่เคหา นาติดตาม แตยังไมจบเรื่อง คือ ขาดมาตราตัวสะกด
ค�่าเช้าเฝ้าสีซอ เข้าแต่หอล่อกามา แมเกอวไปอีกหนึ่งมาตรา กาพยพระไชยสุริยาเปน
หาได้ให้ภริยา โลโภพาให้บ้าใจ แบบฝกอานที่มีคุณคาดานเนื้อหา คือ เปนนิทาน
ไม่จ�าค�าพระเจ้า เหไปเข้าภาษาไสย เรื่องเลาที่ใหแงคิดในการประพฤติปฏิบัติตนใหดี
ถือดีมีข้าไท ฉ้อแต่ไพร่ใส่ขื่อคา มีศีลธรรม และใหความซึ่งตรงตามจุดประสงคของ
การแตง คือ ตองการใหผูอานมีความรูเรื่องสระและ
75 พยัญชนะที่เปนตัวสะกดในมาตราตางๆ)

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดไมปรากฏในบทประพันธตอไปนี้
1 ตัวสะกด กลาวอีกนัยหนึ่ง คือ พยัญชนะที่ทําหนาที่ประสมเปนสวนที่ 4
คํ่าเชาเฝาสีซอ เขาแตหอลอกามา
ของคํา ไดแก สระ+พยัญชนะ+วรรณยุกต+ตัวสะกด ซึ่งตัวสะกดแบงออกเปน
หาไดใหภริยา โลโภพาใหบาใจ
5 ชนิด ดังนี้
ไมจําคําพระเจา เหไปเขาภาษาไสย
1. เปนพยัญชนะโดด เชน คน วิ่ง มาก ขาด ฯลฯ
ถือดีมีขาไท ฉอแตไพรใสขื่อคา
2. เปนอักษรควบแท เชน บุตร จักร อัคร นิทร ฯลฯ
1. หลงระเริงมัวเมาในกามารมณ 2. งมงายในเวทมนตรคาถา
3. เปนอักษรควบไมแท เชน สรรพ มารค ธรรม พรหม ฯลฯ
3. เชื่อในภาษาศาสตร 4. ฉอราษฎรบังหลวง
4. เปนอักษรนํา เชน พิศวง เมขลา วาสนา ศาสนา ฯลฯ
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธกลาวถึงการฉอราษฎรบังหลวง ยึดถือ 5. เปนนิคหิต เชน พุทธํ ธมฺมํ สงฺฆํ ฯลฯ
ประโยชนสวนตนเปนสําคัญมีแตความโลภ หลงระเริงในกามารมณ และ
ไมเชื่อในคําสอนของพระพุทธศาสนางมงายในเวทมนตรคาถาไสยศาสตร
ไมมีศีลธรรม ขอที่ไมเกี่ยวของและไมไดกลาวถึงในบทประพันธขางตน คือ
เชื่อในภาษาศาสตร ซึ่งเปนการศึกษาเกี่ยวกับภาษาในสังคม ตอบขอ 3.

คูมือครู 75
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับเนื้อหาของ
กาพยเรื่องพระไชยสุริยาในประเด็นตอไปนี้ นอกจากนี้ในการตัดสินคดีความต่างๆ ตุลาการก็ไม่มีความยุติธรรม ใครติดสินบนก็พลิกคดี
• ตัวสะกดหรือพยัญชนะทายในภาษาไทย จากที่ แ พ้ ใ ห้ ช นะ คนชั่ ว ได้ ดี คนดี ถู ก กดขี่ ข ่ ม เหง ซึ่ ง สภาพสั ง คมไทยก่ อ นกรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยาแตก
มีลักษณะอยางไร คงเป็นเช่นนี้ จนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงทนไม่ได้และคงทรงเห็นสุดก�าลังที่จะรักษากรุง
(แนวตอบ ตัวสะกดหรือพยัญชนะทาย ไว้ได้ จึงต้องหาสมัครพรรคพวกหนีไปตั้งหลักที่จันทบุรี สภาพก่อนกรุงสาวัตถีจะล่มจมเป็น ดังนี้
ในภาษาไทยจะออกเสียงไดคราวละเสียงเดียว)
• นักเรียนคิดวาการสอนมาตราตัวสะกด คดีที่มีคู่ คือไก่หมูเจ้าสุภา
ในภาษาไทย โดยการใชนทิ านมีความนาสนใจ ใครเอาข้าวปลามา ให้สุภาก็ว่าดี
กวาการสอนโดยตรงหรือไม อยางไร ที่แพ้แก้ชนะ ไม่ถือพระประเวณี
(แนวตอบ การสอนโดยการใชนิทานมีความ ขี้ฉ้อก็ได้ดี ไล่ด่าตีมีอาญา
นาสนใจมากกวาการสอนโดยตรง เพราะ ที่ซื่อถือพระเจ้า ว่าโง่เง่าเต่าปูปลา
ผูเรียนจะสนใจติดตามเรื่องราวในนิทาน ผู้เฒ่าเหล่าเมธา ว่าใบ้บ้าสาระย�า
ตัง้ แตตน จนจบ ทําใหไดเรียนรูม าตราตัวสะกด
ตางๆ ไปพรอมกัน และกวีเนนความสําคัญ ๓) แสดงความคิด ความเชื่อ และค่านิยมของคนในสังคม เช่น
ของมาตราตัวสะกดแมตางๆ ดวยการขึ้นตน ๓.๑) ความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ กาพย์เรื่องพระไชยสุริยาแสดงให้เห็นความเชื่อ
บทประพันธเปนตอนๆ ตอเนื่องสัมพันธ ของผู้คนในสมัยนั้นว่านับถือไสยศาสตร์มากกว่าหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา จนมีความประพฤติ
กับการดําเนินเรื่องเปนอยางดี ผูเรียนจึงได ในทางที่ผิด เช่น
ทั้งความรูและความเพลิดเพลิน)
ไม่จ�าค�าพระเจ้า เหไปเข้าภาษาไสย
ถือดีมีข้าไท ฉ้อแต่ไพร่ใส่ขื่อคา

๓.๒) แสดงค่ า นิ ย มของครอบครั ว คู ่ ส ามี ภ รรยายามตกทุ ก ข์ ไ ด้ ย ากต้ อ ง


ไม่ทอดทิ้งกัน ภรรยาต้องให้ความเคารพและปรนนิบัติสามีทั้งยามทุกข์และยามสุข เช่น

ส่วนสุมาลี วันทาสามี เทวีอยู่งาน


เฝ้าอยู่ดูแล เหมือนแต่ก่อนกาล ให้พระภูบาล ส�าราญวิญญา

๓.๓) แสดงความเคารพในสิ่งที่ควรเคารพ การแสดงความเคารพศรัทธาใน


พระรัตนตรัย พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น

สะธุสะจะขอไหว้ พระศรีไตรสรณา
พ่อแม่แลครูบา เทวดาในราศี
76

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวสะกดในภาษาไทยวา เสียง นักเรียนอธิบายเรื่องระบบมาตราตัวสะกดไทยและการออกเสียง
พยัญชนะทายในภาษาไทยจะออกเสียงไดเพียงคราวละเสียงเดียว ซึ่งผิดกับภาษาอื่น พยัญชนะทายของภาษาไทย พรอมยกตัวอยางประกอบ
เชน ภาษาอังกฤษที่อาจจะออกเสียงพยัญชะทายไดมากกวาคราวละหนึ่งเสียง
เมื่อไทยรับคําภาษาอังกฤษเขามาในภาษาไทยจึงตองตัดเสียงพยัญชนะทายใหเหลือ
เพียงเสียงเดียว เชน คําวา “เต็นท” ไทยตัดเสียงสุดทายออกใหเหลือเพียงเสียงเดียว กิจกรรมทาทาย
คือ พยัญชนะสะกดตามมาตราตัวสะกดแมกน

นักเรียนยกตัวอยางคําภาษาอื่นที่มีการตัดเสียงพยัญชนะทายออกให
เหลือเพียงเสียงเดียว ยกมาคนละ 2 คํา พรอมบอกที่มาและความหมาย
ของคํานั้น

76 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนบอกขอคิดที่ไดจากการศึกษากาพยเรื่อง
๓.๔) ให้ข้อคิด คติธรรม ส�าหรับน�าไปใช้ในการด�าเนินชีวิต ดังนี้ พระไชยสุริยา
❀■ ข้าราชการที่ดีต้องไม่คดโกง ฉ้อราษฎร์บังหลวง กดขี่ข่มเหงประชาชน (แนวตอบ ขอคิดที่ไดจากกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
❀■ คนไทยไม่ควรหลงระเริง มัวเมาแต่ความสนุกสนานเพลิดเพลินในกามารมณ์ • คนเราเมื่อประพฤติดียอมไดดีและมีความสุข
❀■ ผู้น�าของประเทศต้องควบคุมดูแลข้าราชการ อย่าให้รังแกประชาชน • คนเราควรเคารพในสิ่งที่ควรเคารพเทานั้น
❀■ ถ้าข้าราชการไม่สจุ ริต คดโกง ผูน้ า� ไม่เข้มแข็ง ประชาชนหลงระเริง เอาแต่สนุก • การประพฤติตนอยูในศีลในธรรม ยอมทําให
ประเทศชาติจะประสบความหายนะต่างๆ ตนเองและสังคมเจริญดวย
❀■ บ้านเมืองจะเกิดภัยพิบัติถ้าสังคมเกิดกาลกิณี ๔ ประการ คือ ผู้คนเห็น • การประพฤติชั่วนอกจากจะทําใหตนเอง
ผิดเป็นชอบ เปิดโอกาสให้คนผิดท�าลายล้างคนดี ลูกศิษย์คิดล้างครู ลูกไม่กตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้คน ดูไมดีแลวยังทําใหประเทศชาติและสังคม
ในสังคมเบียดเบียนกัน สังคมไม่มีความสุขและเกิดความเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เสื่อมโทรมดวย
❀■ คนเราทุกคนต้องตาย ไม่มีใครอยู่ค�้าฟ้า การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข คือ • ความเจริญรุงเรืองของชาติบานเมืองขึ้นอยูกับ
ทุกคนต้องไม่เบียดเบียนกัน เมตตาต่อกัน หมั่นรักษาศีล สวดมนต์ภาวนา ท�าจิตใจให้สงบ ทุกคนในชาติที่จะตองชวยกันธํารงรักษาไว)
๗.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
๑) การใช้ค�าง่ายๆ บรรยายให้เห็นภาพชัดเจน เช่น การเริ่มต้นเรื่องด้วยเนื้อความ ขยายความเขาใจ Expand
สั้นๆ ว่ามีเมืองๆ หนึ่ง มีพระราชาและมเหสี รวมทั้งข้าราชการและประชาชนซึ่งท�ามาหาเลี้ยงชีพและ 1. นักเรียนแสดงความคิดเห็นรวมกันในประเด็น
มีความเป็นอยู่อย่างอุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังมีพ่อค้าเดินทางมาค้าขายจากต่างแดน ทุกคนในเมือง ตอไปนี้
ล้วนอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นสุข • นักเรียนคิดวาจะนําขอคิดที่ไดจากกาพยเรื่อง
ข้าเฝ้าเหล่าเสนา มีกิริยาอัชฌาศัย พระไชยสุริยาไปแกไขสถานการณความ
พ่อค้ามาแต่ไกล ได้อาศัยในพารา วุนวายในสังคมปจจุบันไดหรือไม อยางไร
ไพร่ฟ้าประชาชี ชาวบุรีก็ปรีดา (แนวตอบ สามารถนําขอคิดที่ไดจากกาพย
ท�าไร่ข้าวไถนา ได้ข้าวปลาแลสาลี เรื่องพระไชยสุริยาไปแกไขสถานการณ
๒) ใช้ถ้อยค�าให้เกิดจินตภาพ เช่น การพรรณนาบรรยากาศและธรรมชาติแวดล้อม ความวุนวายในสังคมปจจุบันได เชน
ที่มีความสวยงามในยามค�่าคืน ท�าให้นึกถึงภาพของดวงจันทร์ที่ลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง สถานการณนํ้าทวมที่เปนปญหารุนแรง
และเต็มไปด้วยดวงดาวจ�านวนมาก ธรรมชาติมีแต่ความสดชื่นและชุ่มชื้น มีสายลมอ่อนๆ พัดกลิ่นหอม ในประเทศ ประชาชนไดรับความเดือดรอน
ของเกสรดอกไม้กระจายไปทั่ว แมวาสาเหตุสวนใหญจะเกิดจากความ
แปรปรวนทางธรรมชาติ แตอีกสวนมีสาเหตุ
วันนั้นจันทร มีดารากร เป็นบริวาร เหมือนในกาพยเรือ่ งพระไชยสุรยิ า จึงควรนํา
เห็นสิ้นดินฟ้า ในป่าท่าธาร มาลีคลี่บาน ใบก้านอรชร ขอคิดจากเรื่องมาปรับเปลี่ยนคานิยมการทํา
ประโยชนและเสียสละเพื่อสังคม เพื่อแกไข
1 เย็นฉ�่าน�้าฟ้า ชื่นชะผกา วายุพาขจร
สารพันจันทน์อิน รื่นกลิ่นเกสร แตนต่อคลอร่อน ว้าว่อนเวียนระวัน สถานการณที่เปนปญหาดังกลาว)
2. นักเรียนบันทึกความรูลงสมุด
77

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
คําประพันธในขอใดเปนจุดประสงคในการแตงกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
ครูแนะนําความรูเรื่องเสียงของคําที่ทําใหเกิดภาพชัดเจน สามารถจินตภาพ
1. ภุมราการุญสุนทร ไวหวังสั่งสอน
ตามที่กวีบรรยายได โดยกวีเลือกใชคําที่ทําใหคลอยตามงายใหความหมายกินใจ
เด็กออนอันเยาวเลาเรียน
การอานวรรณคดีและวรรณกรรม ชวยฝกการคิดจินตภาพ ชวยสงเสริมประสบการณ
2. จริงนะประสกสีกา สวดมนตภาวนา
การเรียนรูในเรื่องราวและความรูสึกตางๆ ชวยสรางความสัมพันธที่ดีกับผูอื่นและ
เบื้องหนาจะไดไปสวรรค
ธรรมชาติรอบตัว
3. ประโยชนจะโปรดภูวไนย นิ่งนั่งตั้งใจ
เลื่อมใสสําเร็จเมตตา
4. ซื่อตรงหลงเลหเสนี กลอกกลับอัปรีย นักเรียนควรรู
บุรีจึงลมจมไป
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธกาพยเรื่องพระไชยสุริยานี้ แมเนื้อเรื่อง 1 จันทนอิน ปจจุบันเขียนเปน “จันอิน” เปนชื่อไมสูง ผลสุกมีสีเหลือง มีกลิ่นหอม
จะใหขอคิดที่วา ขุนนางตองซื่อสัตยสุจริต แตจุดมุงหมายของการแตง คือ รูปรางของผลอวนหรือกลมแปน เนื้อผลมีรสหวาน นิยมรับประทานเมื่อสุก
เพราะตองการใหใชเปนแบบเรียนสอนการอาน เขียน ภาษาไทย ตอบขอ 1.

คูมือครู 77
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาทางวรรณศิลปใน
กาพยเรื่องพระไชยสุริยา ๓) ใช้โวหารนาฏการ คือ เห็นกิริยาอาการที่ท�าต่อเนื่อง เช่น
• กาพยเรื่องพระไชยสุริยามีลักษณะเดนทาง
วรรณศิลปอยางไรบาง เห็นกวางย่างเยื้องช�าเลืองเดิน เหมือนอย่างนางเชิญ
(แนวตอบ กาพยเรื่องพระไชยสุริยามีลักษณะ พระแสงส�าอางข้างเคียง
เดนทางวรรณศิลป คือ การใชคํางายในการ ................................... 1 ...................................
บรรยายเรื่องราว ทําใหการดําเนินเรื่องนา
ฝูงละมั่งฝังดินกินเพลิง ค่างแข็งแรงเริง
ติดตามเขาใจงาย ใชถอยคําใหเกิดจินตภาพ
ยืนเบิ่งบึ้งหน้าตาโพลง
ทําใหเห็นภาพชัดเจน ฉากและบรรยากาศ
ป่าสูงยูงยางช้างโขลง อึงคะนึงผึงโผง
ในเรื่องมีความสมจริง เชน เหตุการณตอนที่
เกิดอาเพศในเมืองสาวัตถีประชาชนแตกตื่น โยงกันเล่นน�้าคล�่าไป
หนีกันวุนวาย เหตุการณความยากลําบาก ................................... ...................................
ของพระไชยสุริยาและพระมเหสีตอนที่อยูใน ลิงค่างครางโครกครอก ฝูงจิ้งจอกออกเห่าหอน
ปา เปนตน และยังมีการใชความเปรียบทําให ชะนีวิเวกวอน นกหกร่อนนอนรังเรียง
เขาใจเนื้อเรื่องไดแจมชัดยิ่งขึ้น เชน “ยูงทอง ลูกนกยกปีกป้อง อ้าปากร้องซ้องแซ่เสียง
รองกะโตงโหงดัง เพียงฆองกลองระฆัง” ใช แม่นกปกปีกเคียง เลี้ยงลูกอ่อนป้อนอาหาร
คําวา “เพียง” ซึ่งมีความหมายวา “เหมือน”
ยูงทองรองเสียงดังเหมือนฆอง กลอง และ
ระฆัง) ๔) การใช้ความเปรียบว่าสิง่ หนึง่ เหมือนกับสิง่ หนึง่ หรือ อุปมา คือ การเปรียบเทียบ
สิง่ หนึง่ เหมือนกับอีกสิง่ หนึง่ ท�าให้เข้าใจได้ชดั เจน เช่น
ขยายความเขาใจ Expand
กลางไพรไก่ขันบรรเลง ฟังเสียงเพียงเพลง
นักเรียนยกบทประพันธที่มีการใชความเปรียบ ซอเจ้งจ�าเรียงเวียงวัง
หรืออุปมา พรอมถอดคําประพันธใหเห็นการใช
ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง
ความเปรียบ
แตรสังข์กังสดาลขานเสียง
(แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธที่ใชความเปรียบ
เชน ................................... ...................................
“เห็นกวางยางเยื้องชําเลืองเดิน เหมือนอยางนางเชิญ ยากเย็นเห็นหน้าเจ้า สร่างโศกเศร้าเจ้าพี่อา
พระแสงสําอางขางเคียง” อยู่วังดังจันทรา มาหม่นหมองละอองนวล
จากบทประพันธใชความเปรียบวา “เหมือน” เพื่อนทุกข์สุขโศกเศร้า จะรักเจ้าเฝ้าสงวน
กลาวถึงทาชายตาเดินของกวางวาเหมือนทาทางของ มิ่งขวัญอย่ารัญจวน นวลพักตร์น้องจะหมองศรี
หญิงสาว)
78

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
คําประพันธในขอใดใชโวหารนาฏการ
1 กินเพลิง ชะลอ ชวยบํารุง ไดคนควาวา ละมั่งกินพืชชนิดหนึ่ง เปนพืช
1. ปาสูงยูงยางชางโขลง อึงคะนึงผึงโผง
ประเภทขิง เรียกวา “ขิงปา” หรือบางสํานวนที่เปน “ดินเพลิง” จะหมายถึง ดินโปง
โยงกันเลนนํ้าคลํ่าไป
ดินเปนอาหารของสัตวประเภทกวางลักษณะเปนดินเค็มหรือดินที่มีเกลือปนอยู
2. สําเร็จเสร็จไดไปสวรรค เสวยสุขทุกวัน
นานนับกัปกัลปพุทธันดร
3. ระวังตัวกลัวครูหนูเอย ไมเรียวเจียวเหวย
กูเคยเข็ดหลาบขวาบเขวียว
4. กระจับปสีซอคลอเสียง ขับรําจําเรียง
สําเนียงนางฟานาฟง
วิเคราะหคําตอบ โวหารนาฏการเปนโวหารทีแ่ สดงใหเห็นภาพการเคลือ่ นไหว
ภาพการแสดงกิริยาอาการของสิ่งตางๆ ใหเห็นชัดเจน ในขณะที่กําลังดําเนิน
ไปอยางสวยงาม ขอที่เห็นภาพการเคลื่อนไหว คือ ขอที่เห็นภาพโขลงชาง
เอะอะเสียงดังพากันเลนนํ้า ตอบขอ 1.

78 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันอธิบายความรูเกี่ยวกับการ
๕) การเลียนเสียงธรรมชาติ คือ การน�าเสียงที่ได้ยินมาบรรยาย ซึ่งจะท�าให้เกิด เลียนเสียงธรรมชาติในกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
1
มโนภาพเหมือนได้ยินเสียงนั้นจริงๆ เช่น เสียง กะโต้งโห่ง ของนกยูงที่ดังกังวานคล้ายเสียง จากนั้นบันทึกความรูลงสมุด
เครื่องดนตรีไทยหลายชนิดผสมกัน เสียง ป๋องเป๋ง ของนกค้อนทอง ที่มีความไพเราะจับใจ • การเลียนเสียงธรรมชาติ
คล้ายเสียงเพลง เสียง โครกครอก ของลิงค่าง หรือเสียง หง่างเหง่ง ของระฆังเมื่อถูกตี เป็นต้น (แนวตอบ การเลียนเสียงธรรมชาติที่พบใน
กาพยเรื่องพระไชยสุริยา เชน เสียงดนตรี
ยูงทองร้องกะโต้งโห่งดัง เพียงฆ้องกลองระฆัง
เสียงสัตว ประโยชนของคําเลียนเสียง
แตรสังข์กังสดาลขานเสียง
ธรรมชาติจะเราจินตนาการของผูอานไดดีขึ้น
................................... ...................................
การใชคําเลียนเสียงลักษณะนี้จะทําใหเหมือน
ค้อนทองเสียงร้องป๋องเป๋ง เพลินฟังวังเวง
ไดยินเสียงนั้นจริงๆ)
อีเก้งเริงร้องลองเชิง
• การเลนเสียงและการใชลีลาในการอาน
(แนวตอบ การเลนเสียงในกาพยเรื่องพระไชย-
ลิงค่างครางโครกครอก ฝูงจิ้งจอกออกเห่าหอน สุริยามีการเลนเสียงสัมผัสใน ทั้งสัมผัสสระ
ชะนีวิเวกวอน นกหกร่อนนอนเรียงรัง และสัมผัสอักษรทําใหเสียงรื่นหู สวนจังหวะ
................................... ................................... ลีลา กวีใชคําเหมาะสมกับคําประพันธที่เปน
พิณพาทย์ระนาดฆ้อง ตะโพนกลองร้องเป็นเพลง กาพยชนิดตางๆ เชน การใชกาพยยานีที่เนน
ระฆังดังวังเวง โหง่งหง่างเหง่งเก่งก่างดัง เสียงหนักเบาในตอนที่ตองการใหเรื่องสนุกมี
๖) การเล่นเสียง คือ การเล่นเสียงสัมผัส ซึง่ หมายถึงพยางค์ทคี่ ล้องจองกันด้วยเสียง อารมณขัน และใชกาพยสุรางคนางคในการ
สระและเสียงพยัญชนะ กาพย์พระไชยสุรยิ ามีการเน้นสัมผัสในทุกวรรคทัง้ สัมผัสสระและสัมผัสอักษร บรรยายบรรยากาศที่มีความสงบ สรรพสิ่ง
ดําเนินไปอยางชาๆ เปนที่จับจองใหคิดคํานึง)
ขึ้นกงจงจ�าส�าคัญ ทั้งกนปนกัน
ร�าพันมิ่งไม้ในดง ขยายความเขาใจ Expand
ไกรกร่างยางยูงสูงระหง ตะลิงปลิงปริงประยงค์
คันทรงส่งกลิ่นฝิ่นฝาง นักเรียนยกบทประพันธที่มีการเลียนเสียง
มะม่วงพลวงพลองช้องนาง หล่นเกลื่อนเถื่อนทาง ธรรมชาติจากกาพยเรื่องพระไชยสุริยา อธิบายการ
กินพลางเดินพลางหว่างเนิน เลียนเสียงธรรมชาติในบทนั้น และการเลนเสียง
สัมผัสในทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร
สัมผัสอักษร เช่น จง-จ�า มิ่ง-ไม้ ไกร-กร่าง ยาง-ยูง ปริง-ประยงค์ ฝิ่น-ฝาง (แนวตอบ ตัวอยางบทประพันธ
พลวง-พลอง “คอนทองเสียงรองปองเปง เพลินฟงวังเวง
สัมผัสสระ เช่น กง-จง จ�า-ส�า กน-ปน ไม้-ใน กร่าง-ยาง ยูง-สูง ลิง-ปริง-ปลิง อีเกงเริงรองลองเชิง”
ทรง-ส่ง กลิ่น-ฝิ่น ม่วง-พลวง พลอง-ช้อง เกลื่อน-เถื่อน พลาง-หว่าง จากบทประพันธมีการเลียนเสียงรองของสัตว
คือ นกคอนทองรองเสียงดัง “ปองเปง” และ
79
การเลนเสียงสัมผัสในวรรค ดังนี้ สัมผัสสระ ไดแก
ทอง-รอง, ฟง-วัง, เริง-เชิง รอง-ลอง สัมผัสอักษร
ไดแก ปอง-เปง, เริง-รอง)
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับการเลียนเสียงธรรมชาติในวรรณคดีไทย ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับลีลาการอานกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
อยางกวางขวาง จากนั้นนักเรียนยกบทประพันธจากวรรณคดีเรื่องใดก็ได ใหสนุก ครูชี้ใหนักเรียนเห็นวา บางตอนของกาพยเรื่องพระไชยสุริยามีทั้งการเลียน
ที่นักเรียนเห็นวามีการพรรณนาหรือบรรยายโดยการเลียนเสียงธรรมชาติ เสียงธรรมชาติและการสอดแทรกอารมณขนั เชน บททีเ่ กิดเหตุการณชลุ มุน ตองอาน
นักเรียนยกตัวอยางมา 1 ตัวอยาง เขียนเปนบันทึกความรูสงครู ดวยลีลากระชับฉับไว

กิจกรรมทาทาย นักเรียนควรรู
1 มโนภาพ หมายความวา ความคิดที่เห็นเปนภาพขึ้นในใจ ซึ่งการเกิดมโนภาพ
นักเรียนศึกษาวรรณศิลปที่มีการเลียนเสียงธรรมชาติในงานประพันธ ไดนั้นขึ้นอยูกับความสามารถของกวีในการเลือกสรรคํา วลี หรือการลําดับภาพดวย
จากนั้นใหนักเรียนวิเคราะหวา การเลียนเสียงธรรมชาติสงผลตอวรรณคดี ถอยคํา
อยางไร โดยนักเรียนยกตัวอยางประกอบการอธิบาย นักเรียนทําเปนใบงาน
สงครู

คูมือครู 79
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนยกบทประพันธกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
ที่นักเรียนเห็นวามีลีลาจังหวะในการอานสนุกและ
1
กระจับปี่สีซอท่อเสียง ขับร�าจ�าเรียง
เกิดอารมณตามเนื้อเรื่อง พรอมยกเหตุผลประกอบ ส�าเนียงนางฟ้าน่าฟัง
(แนวตอบ นักเรียนยกบทประพันธไดหลากหลาย เดชะพระกุศลหนหลัง สิ่งใดใจหวัง
ขึ้นอยูกับเหตุผลของนักเรียน ได้ดังมุ่งมาดปรารถนา
“เภตรามาในนํ้าไหล คํ่าเชาเปลาใจ
ที่ในมหาวารี สัมผัสอักษร เช่น สี-ซอ-เสียง ร�า-เรียง เนียง-นาง-น่า ฟ้า-ฟัง ได้-ดัง มุ่ง-มาด
พสุธาอาศัยไมมี ราชานารี สัมผัสสระ เช่น ปี่-สี ซอ-ท่อ ร�า-จ�า ฟ้า-น่า ชะ-พระ ศล-หน ใด-ใจ มาด-ปรารถ(นา)
อยูที่พระแกลแลดู
ปลากระโหโลมาราหู เหราปลาทู กาพย์เรือ่ งพระไชยสุรยิ า มีลกั ษณะการแต่งเหมาะสมกับเนือ้ หา ให้ความสนุกสนาน
มีอยูในนํ้าคลํ่าไป เพลิดเพลิน ไม่ยาวเกินไป เหมาะสมกับวัยของเด็กสามารถใช้สอนได้ผลตามจุดประสงค์
ราชาวาเหวหฤทัย วายุพาคลาไคล ของผู้แต่ง นอกจากนี้ยังมีคุณค่าด้านวรรณศิลป์และด้านสังคมหลายประการ นับเป็น
มาในทะเลเอกา” 2
วรรณคดีที่เป็นมรดกของชาติ ควรค่าแก่การศึกษาด้วยความภูมิใจและมีความเหมาะสม
บทประพันธที่ยกมาเปนกาพยฉบัง 16 ที่ได้รับเลือกเป็นแบบเรียนแก่เยาวชนไทย ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ เป็นต้นมา
กวีเลือกสรรถอยคําที่สั้นกระชับมีความหมายเดนทุก
ถอยคํา และมีเสียงสัมผัสในวรรคที่ทําใหคําประพันธ
มีความไพเราะ จังหวะของคําชวยกระตุนใหเห็นภาพ
ของเรือที่แลนไปตามนํ้าทะเลเปนวันแลววันเลา ได
แตมองหาแผนดินจากขางหนาตางแตก็ไมเห็น เห็น
แตสัตวทะเลตางๆ พระไชยสุริยาก็รูสึกเศราใจ)

80

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
นักเรียนจะอานบทรอยกรองใหสนุกและเกิดอารมณตามเนื้อเรื่องไดอยางไร
1 จําเรียง เปนคํากริยา หมายถึง ขับรอง ขับกลอม รองเพลง แผลงมาจาก
คําเขมร คําวา “เจรียง” แนวตอบ การอานบทรอยกรองใหสนุกและเกิดอารมณตามเนื้อเรื่องนั้น
2 วรรณคดีที่เปนมรดกของชาติ หมายถึง วรรณคดีที่ไดรับการยกยองกันมา เริ่มตนจากการศึกษาคําใหเขาใจ ใหถูกตองตามหลักภาษาและพจนานุกรม
หลายชั่วอายุคน ในดานวรรณศิลปกับในดานที่แสดงคานิยมและความเชื่อในสมัย ราชบัณฑิตยสถาน และที่สําคัญตองรูวาเมื่อไรจะตองอานโดยอนุโลมของ
ของบรรพบุรุษ สงเสริมใหเปรียบเทียบชีวิตมนุษยในสมัยของบรรพบุรุษกับชีวิตใน บทรอยกรอง โดยสังเกตจากการใชสัมผัสในวรรค เชน เคารพอภิวันท
ปจจุบัน อานวา เคา-รบ-อบ-พิ-วัน เปนตน ออกเสียงตัว ร ล ตัวควบกลํ้า และเสียง
วรรณยุกตตางๆ ใหชัดเจน ปรับเสียงใหสอดคลองกับเนื้อความ คือ นักเรียน
ตองพยายามทําความเขาใจกับเนื้อเรื่องวากลาวถึงสิ่งใด เหตุการณและ
บรรยากาศของเรื่องเปนอยางไร แลวอานใหเสียงคลอยตามสัมพันธกัน
ใชนํ้าเสียงใหเหมาะสมกับตัวบท เชน อารมณโกรธอานใหเต็มเสียง หนักแนน
กระชับ ถาเศราอาจใชเสียงเบากวาปกติ เปนตน

80 คูมือครู
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนสรุปความรูที่ไดจากการอานกาพยเรื่อง
พระไชยสุริยา
ค�าถาม ประจ�าหน่วยการเรียนรู้ 2. นักเรียนบอกขอคิดที่ไดจากกาพยเรื่องพระไชย-
สุริยา และบอกแนวทางในการนําขอคิดไปใชใน
๑. นักเรียนคิดว่าการน�านิทานมาเป็นแบบเรียนมีผลดีหรือไม่ อย่างไร ชีวิตจริงได
๒. การประพฤติมิชอบของบรรดาเสนาอ�ามาตย์ในเมืองสาวัตถีมีผลต่อบ้านเมืองอย่างไรบ้าง 3. นักเรียนยกบทประพันธที่มีการใชความเปรียบ
๓. กาพย์เรื่องพระไชยสุริยากล่าวถึงตัวสะกดมาตราใดบ้าง ยกตัวอย่างตัวสะกด มาตราละ ๑ บท หรืออุปมาได
4. นักเรียนอธิบายความรูและยกบทประพันธที่มี
การเลียนเสียงธรรมชาติในกาพยเรื่องพระไชย-
สุริยาได

หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. ตารางจําแนกคําศัพทตามมาตราตัวสะกด
2. บอกขอคิดที่ไดจากกาพยเรื่องพระไชยสุริยา
3. การยกบทประพันธที่มีการใชความเปรียบหรือ
อุปมา
กิจกรรม สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้
4. การทองจําบทอาขยานที่ชื่นชอบได
กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้นกั เรียนแบ่งกลุม่ ตามความเหมาะสม วาดภาพประกอบจากนิทานเรือ่ งพระไชยสุรยิ า
กลุ่มละ ๑-๒ ภาพ ระบายสีให้สวยงาม ติดป้ายนิเทศในห้องเรียน
กิจกรรมที่ ๒ อา่ นท�านองเสนาะกาพย์เรือ่ งพระไชยสุรยิ าเป็นรายบุคคล เลือกท่องจ�าคนละ ๑ มาตรา
จ�านวน ๓ บท หลังจากนั้นอ่านท�านองเสนาะพร้อมกันทั้งชั้นเรียน
กิจกรรมที่ ๓ ศึกษาค้นคว้าลักษณะของพรรณไม้และสัตว์ป่าที่ปรากฏในกาพย์เรื่องพระไชยสุริยา
พร้อมภาพประกอบ คัดเลือกมา คนละ ๕ ชนิด จัดท�าเป็นรูปเล่มให้สวยงาม

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. การนํานิทานมาเปนแบบเรียนมีผลดีทําใหผูอานไดรับความเพลิดเพลินจากเนื้อเรื่อง แลวยังไดรับขอคิดคุณธรรมจริยธรรมจากนิทานอีกดวย
2. การประพฤติที่มิชอบของเหลาเสนาอํามาตย สงผลใหเมืองสาวัตถีเกิดภัยพิบัติ ทุกคนในเมืองตางพยายามเอาตัวรอดหนีออกนอกเมือง
3. กาพยเรื่องพระไชยสุริยากลาวถึงมาตราตัวสะกด ดังนี้
• แม ก กา เชน “จะรํ่าคําตอไป พอลอใจกุมารา • แมกด เชน “พระสงฆลงจากกุฏิ์ วิ่งอุตลุดฉุดมือเณร
ธรณีมีราชา เจาพาราสาวะถี” หลวงชีหนีหลวงเณร ลงโคลนเลนเผนผาดโผน”
• แมกน เชน “สวนสุมาลี วันทาสามี เทวีอยูงาน • แมกบ เชน “ประกอบชอบเปนผิด กลับจริตผิดโบราณ
เฝาอยูดูแล เหมือนแตกอนกาล ใหพระภูบาล สําราญวิญญา” สามัญอันธพาล ผลาญคนซื่อถือสัตยธรรม”
• แมกง เชน “เห็นกวางยางเยื้องชําเลืองเดิน เหมือนอยางนางเชิญ • แมกม เชน “สุขเกษมเปรมปรีดิ์วิมาน อิ่มหนําสําราญ
พระแสงสําอางขางเคียง” ศฤงคารหอมลอมพรอมเพรียง”
• แมกก เชน “ลูกนกยกปกปอง อาปากรองซองแซเสียง • แม เกย เชน “ขึ้นเกยเลยกลาวทาวไท ฟงธรรมนํ้าใจ
แมนกปกปกเคียง เลี้ยงลูกออนปอนอาหาร” เลื่อมใสศรัทธากลาหาญ”

คูมือครู 81
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระราม
อาสา
2. วิเคราะหวรรณคดีและวรรณกรรมเรื่อง
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
3. อธิบายคุณคาวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอน
สมิงพระรามอาสา
4. สรุปความรูและขอคิดจากการอานเรื่อง
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
เพื่อประยุกตใชในชีวิตจริง

สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต


คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวินัย
2. ใฝเรียนรู
3. มุงมัน่ ในการทํางาน
หน่วยที่
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
ตัวชี้วัด
กระตุน ความสนใจ Engage
■■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑)
วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ
ร าชาธิราชเป็นเรื่องแปลจากพงศาวดารมอญ
■■
ซึ่งเชื่อถือกันสืบมาว่าเขียนขึ้นจากเรื่องจริงเกี่ยวกับ
(ท ๕.๑ ม.๑/๒)
บุคคลในประวัติศาสตร์ พระบาทสมเด็จพระพุทธ-
นักเรียนดูภาพหนาหนวย จากนั้นครูตั้งคําถาม ■■

■■
อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓)
สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง ยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้
แลวใหนักเรียนรวมกันระดมความคิดตอบคําถาม (ท ๕.๑ ม.๑/๔) เจ้ า พระยาพระคลั ง (หน) เป็ น ผู ้ อ� า นวยการแปลและ
• บุคคลในภาพกําลังอยูในสถานการณใด เรียบเรียงแต่งร่วมกับนักปราชญ์ในราชส�านักอีกหลายท่าน
สาระการเรียนรู้แกนกลาง ราชาธิราชถือเป็นวรรณคดีร้อยแก้วที่มีส� านวนโวหาร
(แนวตอบ ครูใหนักเรียนบรรยายเหตุการณใน คมคาย ไพเราะ เนื้อเรื่องชวนติดตาม และมีข้อคิดเป็นคติ
การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม
ภาพหนาหนวยดวยมุมมองของนักเรียนเอง)
■■

เรื่อง ราชาธิราช เตือนใจ ตลอดจนปลูกฝังให้มีความรักชาติและภักดีต่อสถาบัน


• นักเรียนบอกไดหรือไมวา เหตุการณในภาพ พระมหากษัตริย์
เปนการสูกันระหวางทหารชาติใด 82
(แนวตอบ นักเรียนอาจตอบวาไดหรือไมได
ครูแนะใหนักเรียนสังเกตการแตงกายวาเปน
เอกลักษณของชาติมอญหรือพมากับชาติจีน)

เกร็ดแนะครู
หนวยการเรียนรูนี้ ครูควรใหนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมที่ชวยสรางปฏิสัมพันธและ
รวมกันระดมความคิดที่มีตอการดูภาพหนาหนวย หรือจากขอมูลความรูเกี่ยวกับ
เรื่องราชาธิราช เพื่อพัฒนาสติปญญาและสรางความสัมพันธอันดีระหวางเพื่อนรวม
ชั้นเรียน โดยในการปฏิบัติกิจกรรมนั้นนักเรียนตั้งคําถามเพื่อคนหาคําตอบจากเรื่องที่
กําลังจะอาน โดยจดคําถามลงสมุดเพื่อรวมกันหาคําตอบ หรือการแบงกลุมรวมกัน
ตั้งสมมติฐาน เพื่อคาดเดาความหมายของถอยคําหรือแนวคิดที่ไดจากเรื่อง จากนั้น
จึงรวมกันอภิปราย

82 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใชคําถามกระตุนความสนใจนักเรียน ดังนี้
๑ ความเป็นมา • นักเรียนคิดวาเรื่องราชาธิราชเปนเรื่อง
เกี่ยวกับอะไร
ราชาธิราชตอนสมิงพระรามอาสาเป็นหนังสือที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก- (แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย เชน
มหาราชโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาพระคลัง (หน) พระยาอินทรอัคคราช พระภิรมย์รัศมีและพระศรี- เปนเรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตรเกี่ยวกับการ
ภูริปรีชาช่วยกันแปลและเรียบเรียงแต่งขึ้น เมื่อ พ.ศ. ๒๓๒๘ “ด้วยพระราชหฤทัยประสงค์จะให้เป็น ทําสงคราม เกี่ยวกับวีรบุรุษ ผูชนะสงคราม
หิต านุหิตประโยชน์ แก่ พระบรมวงศานุ วงศ์ ข้ าทู ลละอองธุ ลี พ ระบาทผู ้ น้ อ ยผู ้ ใ หญ่ ใ นฝ่ า ยทหาร เปนตน)
ฝ่ายพลเรือน จะได้สดับจ�าไว้เป็นคติบ�ารุงสติปัญญาไปภายหน้า”
ราชาธิราชมีเนื้อหาสาระและส่วนประกอบปลีกย่อยมาจากมหายุทธสงครามในพระราช- สํารวจคนหา Explore
พงศาวดารรามัญ (มอญ) แปลจากภาษารามัญเป็นภาษาสยาม นิยมอ่านเพื่อเป็นความรู้ด้านกลอุบาย 1. นักเรียนศึกษาประวัติความเปนมาของเรื่อง
ทางการเมือง เห็นถึงวิสัยของมนุษย์ เรื่องราวทางศีลธรรม และการใช้สติปัญญาในการแก้ปัญหา ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
2. นักเรียนศึกษาลักษณะคําประพันธเรื่อง
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
๒ ประวัติผู้แต่ง 3. นักเรียนอานเรื่องยอเรื่องราชาธิราช ตอน
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) เกิดในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศสมัยอยุธยาตอนปลาย สมิงพระรามอาสา
และถึงแก่อสัญกรรมเมื่อ พ.ศ. ๒๓๔๘ ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
ในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี ได้รับราชการมีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงสรวิชิต นายด่าน อธิบายความรู Explain
เมืองอุทัยธานี ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้เลื่อนเป็นพระยา นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับประวัติความ
พิพัฒนโกษาและเจ้าพระยาพระคลัง เปนมาของเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระราม
เจ้าพระยาพระคลัง (หน) มีความสามารถในการประพันธ์ทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง ผลงาน
1 อาสา
ที่ส�าคัญ ได้แก่ ลิลิตเพชรมงกุฎ อิเหนาค�าฉันท์ ราชาธิราช สามก๊ก กากีค�ากลอน ลิลิตพยุหยาตรา- (แนวตอบ เจาพระยาคลัง (หน) พระยาอินทร-
เพชรพวง ลิลิตศรีวิชัยชาดก กลอนและร่ายจารึกเรื่องสร้างภูเขาที่วัดราชคฤห์ ร่ายยาวมหาเวสสันดร อัคคราช พระภิรมยรัศมีและพระศรีภูมิปรีชา
ชาดก กัณฑ์กุมารและกัณฑ์มัทรี สมบัติอมรินทร์ค�ากลอน เป็นต้น ชวยกันแปลและเรียบเรียงแตงขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2328
ซึ่งแปลตามพระราชประสงคของพระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราชที่ตองการใหเปน
๓ ลักษณะคÓประพันธ์ ประโยชนแกพระบรมวงศานุวงศ ขาราชการนอย
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา แปลและเรียบเรียงแต่งเป็นร้อยแก้ว ใช้ประโยคที่มีขนาด ใหญทั้งฝายทหารและฝายพลเรือน ราชาธิราชมี
สั้นยาวได้จังหวะ มีคารมคมคาย ใช้โวหารต่างๆ ได้อย่างจับใจ และมีกลวิธีในการด�าเนินเรื่องแบบ เนื้อหามาจากยุทธสงครามในพระราชพงศาวดาร
เรื่องเล่าลักษณะคล้ายนิทาน
รามัญ)
• คําประพันธเรื่องราชาธิราช ตอน
83 สมิงพระรามอาสา มีลักษณะอยางไร
(แนวตอบ ลักษณะคําประพันธเรื่องราชาธิราช
ตอน สมิงพระรามอาสา แปลและเรียบเรียง
แตงเปนรอยแกว)
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนศึกษาคนควาเกี่ยวกับประวัติความเปนมาของเรื่องราชาธิราช 1 สามกก เปนผลงานเลมหนึ่งที่เจาพระยาพระคลัง (หน) เปนผูอํานวยการแปล
เพิ่มเติม เชน ราชาธิราชมีทั้งหมดกี่ตอน และมีการแบงใหเรียนกี่ตอน ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ใน พ.ศ. 2345
มีตอนใดบาง ในรูปแบบสมุดไทย สามกกเปนวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร และจัดเปน
วรรณกรรมเพชรนํ้าเอกของโลก เปนมรดกทางปญญาของปราชญชาวตะวันออก
เนื้อเรื่องของสามกกคลายกับเรื่องราชาธิราชที่ใหความรูเรื่องกลอุบายทางการเมือง
กิจกรรมทาทาย และการสงคราม

นักเรียนศึกษาเรื่องราชาธิราชทุกตอน จากนั้นสรุปเรื่องยอทั้งหมด
ลงสมุด ครูใหนักเรียนชวยกันเลาเรื่องยอหนาชั้นเรียน

คูมือครู 83
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ครูสุมนักเรียน 3-4 คน มาเลาเรื่องยอหนา
ชั้นเรียน ๔ เรื่องย่อ
(แนวตอบ พระเจากรุงตาฉิงแหงจีน ยกทัพมา
ลอมกรุงรัตนบุระอังวะ ใหพระเจามณเฑียรทอง พระเจ้ากรุงต้าฉิงแห่งเมืองจีนยกทัพมาล้อมกรุงอังวะ ต้องการให้พระเจ้ามณเฑียรทอง
ออกไปถวายบังคม และขอใหสงทหารออกมาขี่มา ออกไปถวายบั ง คมและขอให้ ส ่ ง ทหารออกมาขี่ ม ้ า ร� า ทวนต่ อ สู ้ กั น ตั ว ต่ อ ตั ว กั บ กามะนี ท หารเอก
รําทวนตอสูกันตัวตอตัวกับกามะนีทหารเอกของ ของเมืองจีน ถ้าฝ่ายกรุงรัตนบุระอังวะแพ้ต้องยกเมืองให้ฝ่ายจีน แต่ถ้าฝ่ายจีนแพ้ก็จะยกทัพกลับทันที
พระเจากรุงจีน ถาฝายกรุงรัตนบุระอังวะแพตองยก
พระเจ้ามณเฑียรทองประกาศหาผู้ที่จะอาสาออกไปรบกับกามะนี ถ้าสามารถรบชนะจีน
เมืองใหฝายจีน แตถาฝายจีนแพจะยกทัพกลับทันที
พระเจากรุงอังวะประกาศหาผูที่จะอาสาออกไปรบ จะโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นพระมหาอุปราชและแบ่งสมบัติให้กึ่งหนึ่ง
กับกามะนี เมื่อสมิงพระรามทราบขาว ก็คิด ฝ่ายสมิงพระรามที่ถูกจับเป็นเชลยเมืองอังวะทราบข่าวก็คิดตรึกตรองว่า หากจีนชนะศึกครั้งนี้
ตรึกตรองวา หากจีนชนะศึกครั้งนี้ จีนคงยกทัพไปตี จีนคงจะยกทัพไปตีเมืองหงสาวดีของตนต่อเป็นแน่ ควรคิดป้องกันไว้ก่อนจึงอาสาออกรบ แม้แรกๆ
เมืองหงสาวดีของตนตอไปแน ควรคิดปองกันไวกอน จะเกรงว่าการอาสาออกรบครั้งนี้จะเป็นการ หาบสองบ่าอาสาสองเจ้า ก็ตาม โดยขอพระราชทาน
จึงอาสาออกรบสูศึกและขอพระราชทานมาฝเทาดี ม้าฝีเท้าดีตวั หนึง่ และได้เลือกม้าของหญิงม่าย ซึง่ มีลกั ษณะดีทกุ ประการ สมิงพระรามน�าม้าออกไปฝึกหัด
ตัวหนึ่งเปนลูกมาของหญิงมาย สมิงพระรามนํามา ให้รู้จักท�านองจนคล่องแคล่วสันทัดขึ้น พร้อมทั้งทูลขอขอเหล็กและตะกรวยผูกข้างม้า
ออกไปฝกหัด เมื่อสูกันสมิงพระรามเห็นวา กามะนีมี
ในระหว่างการรบ สมิงพระรามเห็นว่ากามะนีมีความช�านาญด้านการรบเพลงทวนมากและ
ความชํานาญดานการรบเพลงทวนมาก และยังสวม
หุมเกราะไวแนนหนา สมิงพระรามจึงใชอุบายวาให ยังสวมเกราะไว้แน่นหนา สมิงพระรามจึงใช้อุบายว่าให้แต่ละฝ่ายแสดงท่าร�าให้อีกฝ่ายร�าตามก่อนที่จะ
แตละฝายแสดงทารําใหอีกฝายรําตามกอนที่จะตอสู ต่อสู้กัน ทั้งนี้เพื่อจะคอยหาช่องทางที่จะแทงทวนให้ถูกตัวกามะนี
กัน ครั้นเมื่อสูกันไมเห็นผลแพชนะ สมิงพระรามจึง เมื่อสมิงพระรามได้หลอกล่อให้กามะนีร�าตามในท่าต่างๆ สมิงพระรามเห็นช่องใต้รักแร้
หยุดรําทําทีวาสูไมไดขับมาหนี ใหมาของกามะนี กับบริเวณเกราะซ้อนท้ายหมวกเปิดออกได้ สมิงพระรามจึงหยุดร�าและให้ต่อสู้กันโดยท�าทีว่าสู้ไม่ได้
ตามจนเหนื่อย เมื่อไดทีก็สอดทวนแทงซอกใตรักแร จากนั้นจึงขับม้าหนีให้ม้าของกามะนีเหนื่อยเมื่อได้ทีก็สอดทวนแทงซอกใต้รักแร้แล้วฟันย้อนกลีบ-
แลวฟนยอนกลีบเกราะตัดศีรษะของกามะนีขาด เกราะตัดศีรษะของกามะนีขาดและเอาขอเหล็กสับใส่ตะกรวยโดยไม่ให้ศีรษะตกดิน น�ามาถวาย
แลวเอาขอเหล็กสับใสตะกรวยโดยไมใหตกดิน นํามา
พระเจ้ามณเฑียรทอง
ถวายพระเจามณเฑียรทอง เมื่อฝายจีนแพพระเจา
กรุงจีนก็สั่งใหยกทัพกลับตามสัญญา พระเจา เมื่ อ ฝ่ า ยจี น แพ้ พระเจ้ า กรุ ง จี น ก็ สั่ ง ให้ ย กทั พ กลั บ ตามสั ญ ญา พระเจ้ า มณเฑี ย รทอง
มณเฑียรทองพระราชทานตําแหนงมหาอุปราชและ พระราชทานต�าแหน่งพระมหาอุปราชและพระราชธิดาให้เป็นบาทบริจาริกาแก่สมิงพระรามตามที่ได้
พระราชธิดา ใหเปนบาทบริจาริกาแกสมิงพระราม รับสั่งไว้
ตามที่ไดรับสั่งไว)

ตรวจสอบผล Evaluate
นักเรียนสรุปและเลาเรื่องยอเปนสํานวนภาษา
ของนักเรียนเอง 84

บูรณาการ
บูรณาการเชื่อมสาระ
เศรษฐกิจพอเพียง เรื่องราชาธิราชเปนเรื่องที่มีเนื้อหาสาระและสวนประกอบตางๆ มาจาก
มหาสงครามในพระราชพงศาวดารมอญ ซึ่งเปนชนชาติที่เคยรุงเรืองในอดีต
จากวรรณคดีเรื่อง ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ใหนักเรียนวิเคราะห มีประวัติศาสตรความเปนมาที่นาสนใจ เรื่องราวที่บันทึกเปนพงศาวดารมี
ลักษณะและพฤติกรรมของตัวละคร “สมิงพระราม” วาเปนผูที่นายกยองและสมควร อิทธิพลตอวรรณคดีและวรรณกรรมชาติมอญและชาติใกลเคียง จึงเปนเรื่อง
นํามาเปนแบบอยางในการดําเนินชีวิตอยางไร ครูชี้แนะใหศึกษาวิเคราะหตัวละคร ที่นาสนใจหากจะศึกษาหาความรูเพิ่มเติม โดยครูบูรณาการเกี่ยวกับประวัติ
ภายใตบริบทของความมีเหตุผลและการมีภูมิคุมกันที่ดีในตัว ความเปนมาของเรื่องราชาธิราชเขากับวิชากลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา
ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร

84 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูเปดวีซีดีละครพันทาง เรื่องราชาธิราช ตอน
๕ เนื้อเรื่อง สมิงพระรามรบกามะนี ใหนักเรียนชม แลวให
นักเรียนตั้งคําถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ราชาธิราช
ตอน สมิงพระรามอาสา สํารวจคนหา Explore
ฝ่ายพระเจ้ากรุงต้าฉิง ซึ่งเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงจีนนั้นมีทหารเอกคนหนึ่งชื่อกามะนีมีฝีมือ 1. นักเรียนอานเรื่องราชาธิราช ตอน
ขี่ม้าแทงทวนสันทัดดีหาผู้เสมอมิได้ จีนทั้งปวงก็สรรเสริญว่า กามะนีมิใช่มนุษย์ดุจเทพยดาก็ว่าได้ สมิงพระรามอาสาในใจ
อยูม่ าวันหนึง่ พระเจ้ากรุงจีนเสด็จออกตรัสปรึกษาด้วยเสนาบดีมนตรีมขุ ทัง้ ปวงว่า ท�าไฉนเราจะได้เห็น 2. นักเรียนสืบคนประเด็นสําคัญของเรื่องราชาธิราช
ทหารขี่ม้าสู้กันกับกามะนีตัวต่อตัวดูเล่นให้เป็นขวัญตาสักครั้งหนึ่ง กษัตริย์กรุงใดยังจะมีทแกล้วทหาร ตอน สมิงพระรามอาสา
ที่สามารถจะสู้กามะนีได้ แต่พอชมเล่นเป็นที่เจริญตาได้บ้าง เสนาบดีทั้งปวงจึงกราบทูลว่า กษัตริย์ที่ • นักเรียนรวบรวมพระนามที่หมายความถึง
จะมีทแกล้วทหารขี่ม้าสันทัดนั้นมีอยู่แต่กรุงรัตนบุระอังวะกับกรุงหงสาวดี กษัตริย์ทั้งสองพระองค์นี้ กษัตริยแหงกรุงรัตนบุระอังวะ
ย่อมท�าสงครามแก่กันอยู่มิได้ขาด (แนวตอบ พระนามที่หมายความถึง
พระเจ้ากรุงจีนได้ทรงฟังก็มีพระทัยยินดีนัก จึงสั่งให้จัดพลพยุหเสนาทั้งปวงเป็นอันมากจะนับ กษัตริยแหงกรุงรัตนบุระอังวะ ไดแก
ประมาณมิได้ ครั้นได้ศุภฤกษ์แล้ว พระองค์ก็เสด็จทรงม้าพระที่นั่ง ยกทัพบกมายังกรุงรัตนบุระอังวะ พระเจามณเฑียรทอง พระเจากรุงอังวะ
พระเจ้ากรุงจีนยกมาครั้ง1นั้น อุปมาดังฝนตกห่าใหญ่ตกลงน�้านองท่วมป่าไหลเชี่ยวมาเมื่อวสันตฤดูนั้น
พระเจาฝรั่งมังฆอง)
หาสิ่งใดจะต้านทานมิได้ ครั้นเสด็จด�าเนินกองทัพมาถึงกรุงรัตนบุระอังวะ ทอดพระเนตรเห็นก�าแพง
อธิบายความรู Explain
เมืองถนัดก็ให้ตั้งทัพมั่นลง
ฝ่ายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้แจ้งว่า ทัพจีนยกมามากเหลือก�าลังก็มิให้ออกรบสู้ต้านทาน ให้แต่ นักเรียนอธิบายประเด็นคําถามตอไปนี้
รักษาพระนครมั่นไว้เป็นสามารถ ฝ่ายพระเจ้ากรุงจีน จึงให้มีพระราชก� าหนดประกาศแก่ทหาร • ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาเปนการสู
ทั้งปวงว่า ถ้าผู้ใดไม่มีอาวุธสู้รบ อย่าได้ท�าอันตรายเป็นอันขาด ถ้าผู้ใดมิฟังจะให้ตัดศีรษะเสี รบกันระหวางเมืองใด
2 ยบเสีย (แนวตอบ พระเจากรุงตาฉิงแหงเมืองจีนกับ
ครั้นพระเจ้ากรุงจีนให้ตั้งค่ายมั่นลงแล้วก็ให้แต่งพระราชสาส์นฉบับหนึ่ง แล้วให้จัดแพรลายมังกร
ร้อยม้วน แพรลายทองร้อยม้วน กับเครื่องยศประดับหยกอย่างกษัตริย์ส�ารับหนึ่งให้ขุนนางในต�าแหน่ง
พระเจามณเฑียรทองกรุงรัตนบุระอังวะ)
• เหตุใดจึงมีการสูรบกันระหวางสองเมือง
ฝ่ายพลเรือน ชื่อโจเปียวพูดภาษาพม่าได้ กับไพร่พอสมควร เชิญพระราชสาส์นกับเครื่องราช-
(แนวตอบ เพราะพระเจากรุงตาฉิงแหงเมืองจีน
บรรณาการเข้ามาถวายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง โจเปียวก็ถวายบังคมลา ถือพระราชสาส์นคุมเครื่องราช-
ตองการเห็นกามะนีทหารเอกของตนขี่มาสูกับ
บรรณาการมากับด้วยไพร่ จึงเรียกทหารผู้รักษาหน้าที่ให้เปิดประตูเมืองรับ นายทัพนายกองได้แจ้ง ทหารที่มีฝมือทัดเทียมกัน จึงจัดทัพไปยัง
ดังนั้น ก็เข้ากราบบังคมทูลพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง จึงโปรดให้รับผู้ถือพระราชสาส์นเข้ามา โจเปียว กรุงรัตนบุระอังวะ สงพระราชสาสนพรอม
ก็ เข้ า มากราบถวายบั ง คมหน้ า พระที่ นั่ ง ถวายพระราชสาส์ น กั บ เครื่ อ งราชบรรณาการพระเจ้ า เครื่องราชบรรณาการถวายแกพระเจาฝรั่ง-
ฝรั่งมังฆ้องๆ จึงรับสั่งให้ล่ามเจ้าพนักงานเข้ามาแปลพระราชสาส์น ล่ามแปลแล้วจึงตรัสสั่งให้ มังฆอง และใหสงทหารฝมือดีมาสูกับทหาร
อาลักษณ์อ่าน ในพระราชสาส์นนั้นว่า ของฝายตน หากทหารของตนคือกามะนีชนะ
85 ก็จะยึดเอากรุงรัตนบุระอังวะ แตหากแพก็จะ
ถอยทัพกลับ)

บูรณาการเชื่อมสาระ
จากเนื้อเรื่องจะเห็นวา พระเจากรุงจีนใชกําลังทางทหารเขารุกราน และ เกร็ดแนะครู
ยื่นขอความประสงคเรียกรองขมขูดวยกําลังทางทหารใหพระเจาฝรั่งมังฆอง ครูเสริมความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระราม
ปฏิบัติตาม ซึ่งในอดีตการครอบครองและขยายเขตแดนการปกครองจะใช อาสา วานิยมนําไปแสดงมหรสพ นําไปแสดงละครพันทาง ทั้งนี้เพราะเรื่อง
กําลังเขายึด ครูบูรณาการความรูเขากับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสามีความสมบูรณดวยอรรถรสของเนื้อเรื่อง
ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร เรื่องการปกครองและการขยาย การรายรําที่สวยงาม เพลงและดนตรีที่ผสานและสอดคลองกับเรื่องอยางกลมกลืน
อาณาเขตของอาณาจักรตางๆ ในสมัยกอน

นักเรียนควรรู
1 อุปมาดังฝนตกหาใหญตกลงนํ้านองทวมปาไหลเชี่ยวมาเมื่อวสันตฤดูนั้นหา
สิ่งใดจะตานทานมิได หมายถึงเหตุการณที่พระเจากรุงจีนยกทัพกําลังพลมามาก
ยากที่กรุงรัตนบุระอังวะจะตานทานได
2 แพร ผาที่มีเนื้อลื่นเรียบเปนมัน เนื้อหนาหรือบางก็ได เดิมทอดวยใยไหม
ปจจุบันอาจทอดวยไหมเทียม

คูมือครู 85
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนรวมกันอธิบายประเด็นคําถามตอไปนี้
• ในความเห็นของพระเจาฝรั่งมังฆองเรื่องการ เรายกพยุหเสนามาครั้งนี้ ด้วยมีความปรารถนาสองประการๆ หนึ่งจะให้พระเจ้าอังวะ
ทําศึกตามพระราชประสงคของพระเจาตาฉิง อยู่ในอ�านาจออกมาถวายบังคมเรา ประการหนึ่งจะใคร่ดูทหารขี่ม้าร�าทวนสู้กัน ตัวต่อตัว
มีความยุติธรรมหรือไม อยางไร ชมเล่ น เป็ น ขวั ญ ตา แม้ น ทหารกรุ ง รั ต นบุ ร ะอั ง วะแพ้ ก็ ใ ห้ ย อมถวายเมื อ งแก่ เ ราโดยดี
(แนวตอบ พระเจาฝรั่งมังฆองเห็นวาการสูรบ อย่าให้สมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรได้ความเดือดร้อนเลย ถ้าทหารฝ่ายเราแพ้ก็จะ
กันตามความประสงคของพระเจากรุงตาฉิง เลิกทัพกลับไปยังพระนคร และราษฎรในกรุงรัตนบุระอังวะนั้นโดยต�่าลงไปแต่กระท่อมน้อย
มีความยุติธรรม ดังที่กลาวในเนื้อเรื่องวา หลังหนึ่ง ก็มิให้เป็นอันตราย พระเจ้าอังวะจะคิดประการใดก็เร่งบอกออกมา
“ดวยทรงพระดําริวาการทําสงครามครั้งนี้
เปนธรรมยุทธใหญยิ่ง สมณชีพราหมณอาณา พระเจ้ า ฝรั่ ง มั ง ฆ้ อ งได้ แจ้ ง ในพระราชสาส์ น นั้ น แล้ ว ก็ ดี พ ระทั ย นั ก ด้ ว ยทรงพระด� า ริ ว ่ า
ประชาราษฎรจะมิไดความเดือดรอนสมควร การสงครามครั้งนี้เป็นธรรมยุทธ์ใหญ่ยิ่ง สมณชีพราหมณ์อาณาประชาราษฎรจะมิได้ความเดือดร้อน
แกพระเจาแผนดินผูตั้งอยูในยุติธรรม” สมควรแก่พระเจ้าแผ่นดินผู้ตั้งอยู่ในยุติธรรม ทรงพระด�าริแล้วจึงให้พระราชทานเงินทองเสื้อผ้าแก่
พระเจาฝรั่งมังฆองทรงเห็นความปลอดภัย ผู ้ ถื อ หนั งสื อ เป็ นอั นมาก แล้ ว1ให้ แ ต่ งพระราชสาส์ นตอบฉบั 2 บหนึ่ง ให้จัดเครื่องราชบรรณาการ
ของประชาชนเปนสําคัญ) ผ้าสักหลาดยี่สิบพับ นอระมาดห้าสิบยอด น�้าดอกไม้เทศสามสิบเต้า ช้างพลายผูกเครื่องทองช้างหนึ่ง
2. ครูทบทวนความรูความเขาใจเกี่ยวกับตัวละคร มอบให้โจเปียวผู้จ�าทูลพระราชสาส์นน�ากลับไปถวายพระเจ้ากรุงจีนๆ จึงรับสั่งให้ล่ามพม่าเข้ามาแปล
โดยใหนักเรียนทํากิจกรรมตามตัวชี้วัด จาก ให้เจ้าพนักงานอ่านถวาย ในพระราชสาส์นตอบนั้นว่า
แบบวัดฯ ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.10
ซึ่งพระเจ้ากรุงจีน มีพระทัยปรารถนาจะใคร่ชมฝีมือทหารฝ่ายพม่าขี่ม้าร�าทวนสู้กัน
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ เป็น สงครามธรรมยุทธ์นั้น เราเห็นชอบด้วยมีความยิน ดียิ่งนัก เพราะสมควรแก่พระองค์
ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.10
เร�่อง ราชาธ�ราช เป็นกษัตริย์ผู้ใหญ่อันประเสริฐ แต่การสงครามครั้งนี้เป็นมหายุทธนาการใหญ่หลวง จะด่วน
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กระท�าโดยเร็วนัน้ มิได้ ของดไว้ภายในเจ็ดวัน อนึ่ง พระองค์กเ็ สด็จมาแต่ประเทศไกล ไพร่พล
กิจกรรมที่ ๑.๙ ใหนักเรียนบอกชื่อตัวละครจากขอความตอไปนี้ õ
(ท ๕.๑ ม.๑/๑) ทั้งปวงยังเหน็ดเหนื่ อยเมื่อยล้าอยู่ ขอเชิญพระองค์พักพลทหารระงับพระกายให้ส�าราญ
หญิงสาวผูสมบูรณดวยลักษณะและสิริ
พระทัยก่อนเถิด แล้วเราจึงจะให้มีก�าหนดนัดหมายออกไปแจ้ง ตามมีพระราชสาส์นมานั้น
มารยาทที่งดงาม พระราชธิดาของพระเจาฝรั่งมังฆอง
.........................................................................................

พระเจ้ากรุงจีนได้แจ้งในพระราชสาส์นตอบแล้วก็ดีพระทัย จึงสั่งให้นายทัพนายกองทั้งปวง
ทหารเอกคนหนึ่งมีฝมือขี่มา แทงทวน
สันทัดดีหาผูเสมอมิได จีนทั้งปวงตาง กามะนี
.........................................................................................
สงบไว้
สรรเสริญวาทหารผูนี้ดุจเทพยดา
ฝ่ายพระเจ้ามณเฑียรทอง ครั้นส่งพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการไปแล้ว จึงตรัส
เรารักสัตยยงิ่ กวาทรัพย อยาวาแตสมบัติ
ฉบับ มนุษ ยนี้เลย ถึงทานจะเอาทิพยสมบัติ
เฉลย พระเจากรุงตาฉิง
ปรึกษาเสนาพฤฒามาตย์ราชปุโรหิตข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยทแกล้วทหารทั้งปวงว่า ผู้ใดจะรับอาสา
ของสมเด็จอมรินทรมายกใหเรา เราก็ .........................................................................................

มิไดปรารถนา ขี่ม้าแทงทวนสู้กามะนีทหารพระเจ้ากรุงจีนตัวต่อตัวได้บ้าง เสนาพฤฒามาตย์ผู้ใหญ่ผู้น้อยทแกล้ว


มิเสียทีทเี่ กิดมาเปนเชือ้ ชาติทหาร นับวา ทหารทั้งปวงก็มิอาจรับอาสาได้ พระเจ้ามณเฑียรทองก็ทรงพระวิตกเป็นทุกข์พระทัยนัก จึงให้หาโหร
ชายชาตรีแท มิไดเกรงกลัวแกความตาย
ทั้งราชสมบัติก็มิไดรักใคร แลวองอาจ
แกลวกลาหาผูใดเปรียบเสมอมิได
สมิงพระราม
.........................................................................................
มาค�านวณพระชันษาและชะตาเมืองดู โหรก็ค�านวณฎีกาดูทูลถวายว่าพระชันษาและชะตาเมืองยังดี
อยู่หาเสียไม่ นานไปจะได้ลาภอันประเสริฐอีก
พระเจาอยูหัวของเราทรงโปรดทแกลว
ทหาร รักยิ่งกวาพระราชธิดาอันเกิดแต
พระอุระ หวังจะบํารุงพระนครใหคนทัง้ ปวง พระเจาฝรั่งมังฆอง
.........................................................................................
86
อยู  เ ป น สุ ข และจะให ข  า ศึ ก ยํ า เกรง
พระเดชานุภาพ

๙๐

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูใหนักเรียนถายทอดประสบการณกอนเริ่มเรียนเรื่องราชาธิราช ตอน สมิง- นักเรียนศึกษาเนื้อเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ในหนา 86
พระรามอาสา ครูขออาสาสมัครที่รูจักเรื่องราชาธิราชมาเลาใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน โดยพิจารณาวา เนื้อความตอนใดในเรื่องที่แสดงใหเห็นความเชื่อของ
โดยครูคอยซักถามใหการเลาเรื่องของนักเรียนนําไปสูการเริ่มบทเรียน และเปด คนสมัยนั้น จดบันทึกลงสมุด
โอกาสใหนักเรียนคนอื่นๆ ซักถาม โดยครูชวยแนะคําตอบ หรือใหนักเรียนบันทึก
คําถามนั้นลงสมุดและตอบคําถามเมื่ออานเนื้อเรื่องจบแลว
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
นักเรียนศึกษาเนื้อเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ในหนา 86
1 นอระมาด หรือหนอแรด ใชทําเครื่องประดับ ในอดีตใชเปนเครื่องบรรณาการ
โดยพิจารณาวา เนื้อความตอนใดในเรื่องที่แสดงใหเห็นความเชื่อของ
2 นํ้าดอกไมเทศ หมายถึง หัวนํ้าหอมทําจากดอกกุหลาบชนิดหนึ่ง คนสมัยนั้น และวิเคราะหวาความเชื่อนั้นสงผลตอการดําเนินเรื่องอยางไร
นักเรียนจดบันทึกความรูลงสมุด

86 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับสถานการณของ
พระเจ้ามณเฑียรทองได้ทรงฟังก็ดีพระทัย จึงให้ตีฆ้องร้องป่าวทั่วทั้งพระนครว่า ถ้าผู้ใดรับ สมิงพระรามอาสา
อาสาสู้กับกามะนีทหารพระเจ้ากรุงจีนได้ พระเจ้าแผ่นดินจะโปรดให้เป็นมหาอุปราช เสนาบดีรับสั่ง • สมิงพระรามมีประวัติความเปนมาอยางไร
แล้วก็ให้ป่าวร้องไปทั่วพระนคร ไม่มีผู้ใดที่จะอาจออกรับอาสาได้ (แนวตอบ สมิงพระรามเปนเชลยศึกเมือง
ฝ่ายผู้คุมซึ่งคุมสมิงพระรามนั้น จึงเจรจากับเพื่อนกันตามเรื่องราว แล้วครั้งนี้พระเจ้าอยู่หัว หงสาวดี เปนทหารเอกมีฝมือของพระเจา
จะแบ่งสมบัติให้กึ่งหนึ่ง ก็ยังไม่มีผู้ใดรับอาสา เห็นเมืองจะตกต�่าเสียละกระมัง สมิงพระรามได้ยิน ราชาธิราช ซึ่งครั้งหนึ่งมังรายกะยอฉะวา
ดังนั้นก็คิดว่า แต่เราต้องพันธนาการตรากตร�าอยู่นานแล้ว มิได้ขี่ช้างขี่ม้าเหยียดมือเหยียดเท้า พระราชโอรสของพระเจาฝรั่งมังฆอง ยกทัพ
เยื้องแขนซ้ายย้ายแขนขวาเล่นบ้างเลยร�าคาญใจนัก เราจะกลัวอะไรกับกามะนีทหารจีน อันจะเอา มาตีเมืองหงสาวดี ครั้งนั้นสมิงพระราม
ชัยชนะนั้นไม่สู้ยากนัก ครั้นจะรับอาสาบัดนี้เล่าก็เหมือนหาบสองบ่าอาสาสองเจ้าหาควรไม่ คิดแล้ว ทหารมอญผูมีฝมือในการรบเปนเยี่ยม
ก็ นิ่ ง อยู ่ ครั้ น รุ ่ ง ขึ้ น ผู ้ คุ ม ได้ ยิ น ข้ า หลวงมาป่ า วร้ อ งอี ก จึ ง พู ด กั บ เพื่ อ นกั น ว่ า ทั พ จี น ยกมาครั้ ง นี้ มีความองอาจเขมแข็งบังคับชาง มา
ใหญ่หลวงนัก หาทหารผู้ใดที่จะรับอาสาป้องกันพระนครไว้นั้นเป็นอันยากแล้ว อย่าว่าแต่เมืองพม่า ไดชํานาญ แตชางศึกพลายประกายมาศ
เท่านี้เลย ถึงเมืองใหญ่ๆ กว่าเมืองพม่าสักสิบเมืองก็เห็นจะสู้ไม่ได้ น่าที่จะเสียเมืองแก่จีนเป็นมั่นคง
ตกหลม มังรายกะยอฉะวาจึงจับสมิง-
พระรามได และนําไปจองจําไวที่กรุงอังวะ
สมิงพระรามได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า กรุงอังวะนี้เป็นต้นทาง อุปมาดังหน้าด่านกรุงหงสาวดี
ในฐานะเชลย)
พระเจ้ากรุงจีนยกทัพมาครั้งนี้ก็มีความปรารถนาจะใคร่ดูทแกล้วทหารอันมีฝีมือขี่ม้าร�าเพลงทวน
• เหตุใดสมิงพระรามจึงอาสาออกรบ
สู้กันตัวต่อตัว ถ้าไม่มีผู้ใดสู้รบ ถึงจะได้เมืองอังวะแล้วก็ไม่สิ้นความปรารถนาแต่เพียงนี้ เห็นศึกจีน
(แนวตอบ สมิงพระรามรูวาการศึกครั้งนี้
จะก�าเริบยกล่วงเลยลงไปติดกรุงหงสาวดีด้วยเป็นมั่นคง ตัวเราเล่าก็ต้องจองจ�าตรากตร�าอยู่ ถ้าเสีย
ยิ่งใหญ ความปรารถนาของพระเจากรุงจีน
กรุงอังวะแล้วจะหมายใจว่าจะรอดคืนไปเมืองหงสาวดีได้ก็ใช่ที่ จ�าเราจะรับอาสาตัดศึกเสียจึงจะชอบ ที่ตองการเห็นทหารเอกของตนสูกันตัวตอตัว
อย่าให้ศึกจีนยกลงไปติดกรุงหงสาวดีได้ คิดแล้วจึงพูดกับผู้คุมว่า จะกลัวอะไรกับกามะนีทหารพระเจ้า กับทหารของเมืองอื่นยากจะหยุดยั้ง
กรุงจีนนั้นจะมีฝีมือดีสักเพียงไหน เรากลัวแต่ทหารเทพยดาที่เหาะได้ ซึ่งกามะนีกับเราก็เป็นมนุษย์ หากไมมีใครในกรุงอังวะรับอาสาการศึก
เดินดินเหมือนกันเราหากลัวไม่ พอจะสู้รบเอาชัยชนะได้ นายผู้คุมได้ฟังก็ดีใจจึงตอบว่า ถ้าท่านรับ ครั้งนี้ พระเจากรุงจีนจะยึดกรุงอังวะไวใน
อาสาได้แล้วก็ดียิ่งนัก เห็นท่านจะพ้นโทษได้ที่มหาอุปราชมียศถาศักดิ์ใหญ่เป็นมั่นคง ไปเบื้องหน้า ครอบครอง และจะเสาะหาทหารที่จะมาทา
เราจะขอพึ่งบุญท่าน สมิงพระรามตอบว่า ซึ่งเรารับอาสานี้จะหวังยศถาบรรดาศักดิ์หามิได้ ประสงค์ สูกับกามะนีในเมืองอื่นตอไป ซึ่งสมิงพระราม
จะกู้พระนครให้เป็นเกียรติยศไว้ และจะให้ราษฎรสมณชีพราหมณ์อยู่เย็นเป็นสุขเท่านั้น ผู้คุมได้ฟัง ก็คาดวานาจะเปนกรุงหงสาวดีของตน จึง
ก็ชอบใจ จึงน�าถ้อยค�าสมิงพระรามรีบเข้าไปแจ้งแก่เสนาบดีๆ ได้ฟังก็มีความชื่นชม จึงน�าความเข้า ถือโอกาสนี้ชวยกรุงหงสาวดีและชวยให
กราบทูลพระเจ้ามณเฑียรทองตามค�าสมิงพระรามว่านั้นทุกประการ ตัวเองหลุดพนโทษเปนอิสระ)
พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ทรงฟังก็เฉลียวพระทัย ทรงพระด�าริระลึกขึ้นมาได้ว่า สมิงพระรามนี้
ขี่ช้างม้าสันทัดดี ฝีมือเข้มแข็งแกล้วกล้าในการสงครามหาผู้เสมอตัวยาก เห็นจะสู้ทหารพระเจ้ากรุงจีน
ได้เป็นแท้ ทรงพระด�าริแล้วก็มีพระทัยยินดีนัก จึงตรัสแก่เสนาบดีทั้งปวงว่า สมิงพระรามนี้มีฝีมือ
เป็นทหารเอกเมืองหงสาวดี เราลืมคิดไปพึ่งระลึกขึ้นได้ จึงตรัสสั่งขุนนางกรมนครบาล ให้ไปถอดสมิง
พระรามมากระท�าสัตย์เสียจึงน�าเข้าเฝ้า สมิงพระรามก็เข้ามากราบถวายบังคมหน้าพระที่นั่ง พระเจ้า
87

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
เหตุใดสมิงพระรามจึงกลาววา “เหมือนหาบสองบาอาสาสองเจาหาควรไม”
ครูแนะใหนักเรียนเห็นวากอนจะตัดสินใจทํากิจการงานใดๆ นั้น ควรตรึกตรอง
1. เพราะคนเราไมควรทํางานพรอมๆกันสองอยาง
พิจารณาใหรอบคอบ ดังที่สมิงพระรามใครครวญปญหากอนจะตัดสินใจวาควร
2. เพราะสมิงพระรามนั้นเปนชาวมอญไมควรไปรับใชชาวพมา
หรือไม ที่จะรับอาสาสูศึกจีน ทั้งนี้สมิงพระรามนอกจากจะเปนผูที่มีปญญามีฝมือแลว
3. เพราะสมิงพระรามอาสามาสูรบกับพมาแลวยังจะอาสาไปสูรบกับจีนอีก
สมิงพระรามยังมองการณไกล สามารถคิดถึงปญหาใหญที่จะเกิดแกกรุงหงสาวดีได
4. เพราะสมิงพระรามนั้นเปนทหารของพระเจาราชาธิราชแลวยังจะมารับใช
จึงหาวิธีการปองกันปญหาดวยการรับอาสาสูศึกจีน
พระเจาฝรั่งมังฆอง
วิเคราะหคําตอบ สมิงพระรามเปนทหารเอกของพระเจาราชาธิราช แตตอ
มาถูกจับมาเปนเชลยที่กรุงอังวะ เมื่อเกิดศึกจีนกรุงอังวะประกาศหาผูมา มุม IT
อาสาขี่มารําทวนสูตัวตอตัวกับทหารจีน แมสมิงพระรามเห็นวาศึกจีนครั้งนี้
ศึกษาเกี่ยวกับประวัติของสมิงพระรามจากเรื่องราชาธิราชเพิ่มเติม ไดที่
คงไมยากที่จะเอาชนะ แตการรับอาสานั้นอาจเปนเรื่องไมควร เพราะตนเปน
http://guru.google.co.th/guru/thread?tid=12b5ad97ea4090c6
ทหารของพระเจาราชาธิราชแลวยังจะมารับใชพระเจาฝรั่งมังฆองเปนเรื่อง
ไมควร แตทายที่สุด เมื่อเห็นวากรุงอังวะชนะจะเปนประโยชนตอกรุงหงสาวดี
ดวยจึงรับอาสา ตอบขอ 4.

คูมือครู 87
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับเรื่องดังตอไปนี้
• สมิงพระรามอาสากลาวถึงการเลือกมาที่ดี ฝรั่งมังฆ้องทอดพระเนตรเห็นสมิงพระรามก็มีพระทัยยินดีนัก จึงตรัสถามว่า ศึกมาติดกรุงอังวะครั้งนี้
อยางไรบาง หาผู้ใดที่จะอาสาออกสู้กับทหารจีนมิได้ ท่านจะรับอาสาเราหรือประการใด สมิงพระรามจึงกราบทูล
(แนวตอบ ลักษณะชางดีเมื่อขี่จึงจะรูวาดี มาดี ว่า อันการสงครามเพียงนี้มิพอเป็นไรนัก ข้าพเจ้าจะขอรับอาสาพระองค์ออกไปต่อสู้ด้วยกามะนี
ตองเอามือตองหลังดูจึงจะรูวาดี ทหารตอง สนองพระเดชพระคุณมิให้อัปยศแก่พระเจ้ากรุงจีนนั้นพอจะได้อยู่ แต่ข้าพเจ้าจะขอรับพระราชทาน
เห็นตอนอาสาทําศึกจึงจะรูวาดี ทองตองลอง ม้าที่ดีมีฝีเท้าตัวหนึ่ง ถ้าได้สมคะเนแล้วอย่าว่าแต่กามะนีผู้เดียวเลย เว้นไว้แต่เทพยดานอกกว่านั้น
ขีดลงบนหินจึงจะรูวาดี สตรีตองมีกิริยา ข้าพเจ้าจะสู้ได้สิ้น
มารยาทดีจึงจะเรียกวางาม อาหารตองชิมรส ฝ่ายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ทรงฟังสมิงพระรามทูลดังนั้น ก็มีความโสมนัสยินดียิ่งนัก จึงตรัสว่า
กอนจึงจะรูวาดี) ม้าของเรามีอยู่เป็นอันมากนับได้หลายหมื่นแสน ท่านจะปรารมภ์ไปไยด้วยม้าตัวเดียวที่จะให้ชอบใจ
• จากคํากลาวของสมิงพระรามในการเลือกมา นั้นพอจะหาได้ ถ้าชอบใจตัวใดแล้วก็เลือกเอาเถิด สมิงพระรามจึงทูลว่าลักษณะช้างดีต่อเมื่อขี่จึงรู้ว่าดี
แสดงใหเห็นคุณลักษณะใด ม้าดีได้ต้องเอามือต้องหลังดูก่อนจึงจะรู้ว่าดี ทแกล้วทหารก็ดี ถ้าอาสาออกสงครามท�าศึกจึงจะรู้ว่าดี
(แนวตอบ จากคํากลาวของสมิงพระรามใน
ทองนพคุณเล่าขีดลงหน้าศิลาก่อน จึงจะรู้ว่าดี สตรีรูปงามถ้าพร้อมด้วยลักษณะกิริยามารยาท
การเลือกมา แสดงใหเห็นวาเปนผูมีปญญา
ต้องอย่างจึงควรนับว่างาม ถ้าจะให้รู้รสอร่อยได้สัมผัสถูกต้องก่อนจึงนับถือว่ามีโอชาอร่อย ถ้าใจดี
และมีความรอบรูในเรื่องตางๆ ดังที่พระเจา
ต้องทดลองให้สิ้นเชิงปัญญาก่อนจึงจะนับว่าดี ความอุปมาสี่ข้อ ข้าพเจ้าทูลถวายดังนี้เป็นของหายาก
ฝรั่งมังฆองตรัสสรรเสริญสมิงพระรามวา
ซึง่ พระองค์ตรัสว่าม้ามีมากนัน้ ก็มากจริง แต่ขา้ พเจ้าเกรงว่าจะไม่ใคร่มดี ี ทีด่ จี ะหายาก พระเจ้าฝรัง่ มังฆ้อง
“สมิงพระรามนี้นับวาเปนชายผูหนึ่ง มีความ
ได้ทรงฟังสมิงพระรามทูลเปรียบเทียบหลักแหลมดังนั้น ก็แย้มพระสรวลชอบพระทัยจึงสั่งกรมม้า
สัตยซื่อยิ่งนัก และกลาหาญเขมแข็งรูศิลป-
ศาสตรสันทัด หาตัวเปรียบเสมอมิได”) ให้จัดม้าต้น ม้าทรงระวางนอกระวางใน และม้าทั้งปวงมาให้สมิงพระรามดูที่หน้าพระลานหลวง
พระองค์ก็เสด็จไปทอดพระเนตรพร้อมด้วยเสนาบดีขุนนางผู้ใหญ่ทั้งปวง กรมม้าผู้รับสั่ง ก็ให้จัดม้า
ส่งเข้ามามากกว่าหมื่นแสน สมิงพระรามกราบถวายบังคมแล้วก็ออกไปยกมือขึ้นต้องหลังดู ม้าบรรดา
ที่ส่งเข้ามาเป็นอันมากนั้นเลือกเสียสิ้นไม่ชอบใจสักตัวหนึ่ง ขุนนางทั้งปวงเห็นดังนั้นก็พากันหัวเราะ
เยาะเล่นว่า มอญพูดมากอวดแต่ปาก ครั้นจะเอาจริงแสร้งเลือกม้าเสียนับหมื่นนับแสนม้าทั้งปวงนี้
ก็สามารถ เคยผจญท�าสงครามได้รบั อับจนมาเป็นอันมาก แต่ลว้ นดีๆ ทัง้ นัน้ เลือกมิได้ แกล้งท�าบิดเบือน
แก้ไขแต่พอให้เนิ่นช้าไปกว่าจะได้ช่องก็จะหนีเอาตัวรอดกลับไปเมือง แต่พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องนั้น
พระองค์มิได้สงสัย เพราะทรงทราบอยู่ว่าสมิงพระรามเป็นคนดีมีฝีมือจริง สมิงพระรามก็เข้ามา
กราบทูลว่า ข้าพเจ้าเลือกม้ามิได้ชอบใจสักตัวหนึง่ พระเจ้าฝรัง่ มังฆ้องจึงตรัสว่า เราจะให้หามาเลือกอีก
ให้ชอบใจท่านจงได้ จึงตรัสสั่งเสนาบดีให้จัดหาม้าเชลยศักดิ์ในพระนครนอกพระนครมาให้สิ้นเชิง
ขณะเมื่อพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง ให้มีพระราชก�าหนดออกไปแก่พระเจ้ากรุงจีนไปครั้งนั้น ไพร่พล
ทั้งสองฝ่ายและชาวบ้านชาวเมืองก็เที่ยวไปมา เดินซื้อขายแก่กันเป็นปรกติอยู่หาท�าอันตรายแก่กันไม่
พวกเสนาข้าหลวงจึงเที่ยวจัดหาม้าเชลยศักดิ์ไปใกล้กองทัพ1นอกเมือง พบม้าสองตัวแม่ลูก หญิงม่าย
ผู้หนึ่งเป็นเจ้าของเลี้ยงไว้ ม้าสองตัวนั้นกินหญ้าอยู่ริมมาบน�้าแห่งหนึ่งลึกเพียงขาม้า กว้างประมาณ
88

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดไมใชสิ่งที่สมิงพระรามกลาวเปรียบขณะเลือกมาศึก
ครูแนะความรูเกี่ยวกับคุณลักษณะที่ดีของสมิงพระรามเพิ่มเติม ในเรื่องการเปน
1. ผาแพรดีตองไดลองสวมใส
คนมีสติปญญาและรอบคอบ โดยแนะวาการเปนคนฉลาดแตขาดความเฉลียวคือ
2. สตรีงามตองมีกิริยามารยาทงาม
รอบคอบถี่ถวนนั้น จะทําใหประสบกับอุปสรรคติดขัดและทําการใดๆ ก็ไมประสบ
3. ทองนพคุณแทตองลองขีดกับหิน
ความสําเร็จ นักเรียนจึงควรขยันหมั่นเรียนรูเพื่อใหเปนผูมีปญญา และตองมีสติ
4. ทหารดีรูวาดีเมื่ออาสาออกสงครามทําศึก
คิดพิจารณาในการตัดสินใจ โดยนักเรียนสามารถยึดเอาคุณลักษณะการเปนคนมี
ปญญาและรอบคอบมายึดถือเปนแบบอยางในการดําเนินชีวิต วิเคราะหคําตอบ จากเนื้อความที่สมิงพระรามเปนผูกลาวความเปรียบถึง
คุณลักษณะของสิ่งตางๆ ที่ดีและควรเลือก โดยกลาววา “ลักษณะชางดีตอ
เมื่อขี่จึงจะรูวาดี มาดีไดตองเอามือตองหลังดูกอนจึงจะรูวาดี ทแกลวทหารก็
นักเรียนควรรู ดี ถาอาสาออกสงครามทําศึกจึงจะรูวาดี ทองนพคุณเลาขีดลงหนาศิลากอน
จึงจะรูวาดี สตรีรูปงามถาพรอมดวยลักษณะกิริยามารยาทตองอยางจึงควร
1 มาบ หมายความวา บริเวณที่ลุมกวางใหญซึ่งอาจมีนํ้าขังหรือไมมีก็ได นับวางาม ถาจะใหรูรสอรอยไดสัมผัสถูกตองกอนจึงนับถือวามีโอชาอรอย
ถาใจดีตองทดลองใหสิ้นเชิงปญญากอนจึงจะนับวาดี” สิ่งที่ไมไดกลาวถึงคือ
ผาแพร ตอบขอ 1.

88 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1 นักเรียนรวมกันอธิบายเกี่ยวกับลักษณะนิสัย
ห้าวา ลูกม้านั้นโจนข้ามไปฟากข้างหนึ่งได้ทุกวัน หญิงม่ายเจ้าของต�าข้าวฝัดร�าไว้แล้วก็ร้องเรียก ของตัวละครสมิงพระรามอาสา
ลูกม้านั้นๆ ก็กระโจนข้ามมาบน�้ามากิน แต่แม่ม้านั้นก�าลังน้อยโจนข้ามล�ามาบมิได้ ลงลุยข้ามน�้ามา • จากคํากลาวของพระเจาฝรั่งมังฆองตอผูคุม
แต่ดังนั้นทุกวันมิได้ขาด เสนาบดีเห็นลูกม้าตัวนั้นมีก�าลังมาก และประกอบด้วยลักษณะต้องอย่าง วา “สมิงพระรามจะลอลวงเราหนีไปจริง
ก็ชอบใจ จึงให้พวกข้าหลวงช่วยกันล้อมเข้าจะจับเอาลูกม้าๆ เปรียวอยู่ก็ดีดขบกัดด้วยก�าลังจับมิได้ หรือประการใด” นักเรียนเห็นดวยหรือไม
เสนาบดีจึงให้เรียกหญิงเจ้าของมาแล้วบอกว่า บัดนี้พระเจ้าแผ่นดินมีพระราชประสงค์ม้า เราเห็น อธิบายยกตัวอยางประกอบ
ม้าของท่านงามดีต้องลักษณะในต�ารา ท่านจงยอมให้เราน�าไปถวายเถิด จะได้รับพระราชทานรางวัล (แนวตอบ เห็นดวยที่กลาววาสมิงพระราม
แต่ท่านเป็นเจ้าของคุ้นเคยช่วยจับให้เราด้วย หญิงเจ้าของจึงค�านับว่าถ้าท่านจะให้ข้าพเจ้าจับให้แล้ว เปนชายที่มีความสัตยซื่อ เพราะจากที่ผูคุม
เชิญท่านกับข้าหลวงพากันหลีกไปเสียก่อนเถิด อย่าท�าวุ่นวายเลย หญิงเจ้าของว่าดังนั้นแล้ว เสนาบดี กลาวกับพระเจาฝรั่งมังฆองวา “อันสมิง-
กับข้าหลวงทั้งปวงก็ชวนกันถอยออกไปให้ห่างไกล หญิงเจ้าของจึงเอาข้าวเปลือกมาต�าได้ร�าแล้ว พระรามผูนี้มีความสัตยซื่อมั่นคงนัก ซึ่งจะ
ก็ ร ้ อ งเรี ย กลู ก ม้ า ดุ จ ดั ง ทุ ก วั น แม่ ม ้ า นั้ น ก็ ท ่ อ งน�้ า ข้ า มคลองมา ลู ก ม้ า นั้ น โจนข้ า มคลองมากิ น ร� า หนีพระองคไปนั้นขาพเจาหาเห็นเปนไม”
หญิงเจ้าของจึงยกมือขึ้นลูบหน้าลูบหลังลูกม้าแล้วก็ปลอบโยนให้กินร�า จึงค่อยเอาเชือกสอดผูกคอ คํากลาวของผูคุมตอสมิงพระรามเปนสิ่ง
เข้าไว้กับต้นไม้ให้มั่นคง แล้วไปค�านับเชิญเสนาบดีกับข้าหลวงทั้งปวงให้ผูกเอาลูกม้านั้นไป เสนาบดี สนับสนุนที่วาสมิงพระรามสัตยซื่อ)
แจ้งแล้วก็ดีใจ จึงชวนกันมาดู ให้ผูกม้านั้นจูงเข้าไปถวายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องเสด็จออก เสนาบดีน�าม้า • หลังจากที่พระเจาฝรั่งมังฆองไดฟงที่ผูคุม
เข้าไปถวาย กราบทูลโดยความที่ได้แต่หญิงม่ายนั้นทุกประการ กราบทูลแลวทรงมีทีทาอยางไร
พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องทอดพระเนตรเห็นลูกม้ารูปร่างอ้วนงามดีก็ชอบพระทัย จึงตรัสสั่งให้สมิง (แนวตอบ หลังจากที่ฟงผูคุมกราบทูลวา
พระรามมาดูม้าหน้าพระที่นั่ง สมิงพระรามกราบถวายบังคมแล้ว ก็ออกไปพิจารณาดูเห็นลูกม้านั้น สมิงพระรามคนนี้เปนคนสัตยซื่อ เมื่อมามี
รูปงาม ประกอบด้วยลักษณะดีต้องอย่าง สมเป็นม้าส�าหรับรบศึกจึงเอามือต้องหลังดู ม้านั้นมิได้ กําลังเหนื่อยออนก็จะกลับ ก็ไมทําใหพระเจา
อ่อนหลังทรุดลงดุจม้าทั้งปวงที่เลือกมาแต่หนหลัง ก็รู้ว่าม้าตัวนี้ดีมีก�าลังมาก หาม้าอื่นเสมอมิได้ ฝรั่งมังฆองคลายความกังวลลงแตอยางใด
จึงให้เอาบังเหียนมาใส่ผูกอานเข้าแล้ว ก็กราบทูลว่าม้าตัวนี้ดีได้ลักษณะตามต�ารับที่เคยเชื่อถือ อีกทั้งก็มีเหลาเสนาบดีที่คอยกลาวราย
ชอบใจข้าพเจ้านัก ข้าพเจ้าจะขอทดลองฝึกหัดเสียให้เชื่องก่อน กราบถวายบังคมแล้วก็จูงม้าออกมา สมิงพระรามอยูตลอด พระเจาฝรั่งมังฆองจึง
พ้นหน้าพระที่นั่ง จึงถือทวนสะพายแส้เผ่นขึ้นหลังม้า พาควบออกไปนอกเมือง ผงคลีกลุ้มตลบมืดไป รูสึกไมคอยไวใจสมิงพระราม)
แลมิได้เห็นตัวม้าและคน
ฝ่ายเสนาบดีก็ร้องอื้ออึงขึ้นว่า อ้ายมอญโกหกมันลวงพระองค์หนีกลับไปเมืองหงสาวดีแล้ว
พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ทรงฟังเสนาบดีว่าดังนั้นก็ตกพระทัย จึงให้หาผู้คุมเข้ามาตรัสถามด้วยพระองค์ว่า
สมิงพระรามจะล่อลวงเราหนีไปจริงหรือประการใด ผู้คุมก็กราบทูลว่า อันสมิงพระรามผู้นี้มีความสัตย์
ซื่อมั่นคงนัก ซึ่งจะหนีพระองค์ไปนั้นข้าพเจ้าเห็นหาเป็นไม่ เพราะม้าตัวนี้เป็นลูกม้าหนุ่มยังมิได้พาด
อานมีก�าลังนัก สมิงพระรามจึงควบไปไกล หวังจะทรมานให้เหนื่อยอ่อนลง จึงจะฝึกสอนได้โดยง่าย
ข้าพเจ้าเห็นคงจะกลับมา ขอพระองค์ทรงเสด็จคอยท่าอยู่ก่อนเถิด พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้ทรงฟังผู้คุม
ดังนั้นก็ยังไม่คลายพระวิตก มิได้เสด็จเข้า ตรัสบัญชาการด้วยเสนาบดีทั้งปวงตั้งพระทัยคอยท่าสมิง
พระรามอยู่
89

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนขยายความรูความเขาใจเพิ่มเติมเกี่ยวกับชื่อเมืองที่ปรากฏอยู 1 ฝด เปนคํากริยา หมายถึง อาการกระพือขาว เพื่อใหแกลบหรือเศษผงออก
ในเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา นักเรียนคนหาขอมูลเกี่ยวกับ จากขาว
กรุงรัตนบุระอังวะและกรุงหงสาวดีอาณาจักรที่เจริญรุงเรืองในอดีต

มุม IT
กิจกรรมทาทาย ศึกษาเกี่ยวกับละครพันทางและชมการแสดงละครพันทางเรื่องราชาธิราช ตอน
สมิงพระรามรบกามะนี ไดที่ http://www.youtube.com/watch?v=LOoCWy_
ayGg
นักเรียนสรุปปญหาความขัดแยงระหวางกรุงรัตนบุระอังวะ กรุงหงสาวดี
และกรุงตาฉิง โดยบอกสาเหตุของความขัดแยง ชวงระยะเวลาของความ
ขัดแยง และผลจากความขัดแยง

คูมือครู 89
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับการสงเครื่องราช-
บรรณาการในเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระราม ฝ่ายสมิงพระรามขึ้นม้าควบไปแต่เวลาเช้าจนสามโมงบ่าย ฝึกหัดม้านั้นให้รู้จักท� านองรบรับ
อาสา ได้ แ คล่ ว คล่ อ งสั น ทั ด แล้ ว ก็ ชั ก ม้ า สะบั ด ย่ า งน้ อ ยเป็ น เพลงทวนกลั บ เข้ า มา เสนาบดี ทั้ ง ปวงแล
• การสงเครื่องราชบรรณาการมีลักษณะอยางไร เห็นสมิงพระรามขี่ม้ามาแต่ไกล ก็ร้องอื้ออึงขึ้นว่า สมิงพระรามกลับมาแล้วเหมือนค�าผู้คุมทูลจริง
(แนวตอบ การสงเครื่องราชบรรณาการจะสงไป ทุกประการ
พรอมกับพระราชสาสนเพื่อแจงความประสงค
พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องทอดพระเนตรเห็น ก็ดีพระทัยนักจึงตรัสสรรเสริ 1 ญว่า สมิงพระรามนี้นับว่า
ของแตละฝาย ดังจะเห็นไดวา เมื่อพระเจา
กรุงจีนตองการแจงความประสงคในการทํา เป็นชายผู้หนึ่ง มีความสัตย์ซื่อยิ่งนัก และกล้าหาญเข้มแข็งรู้ศิลปศาสตร์สันทัด หาตัวเปรียบเสมอมิได้
สงครามก็จะสงพระราชสาสนไปแจงพระเจา ฝ่ายสมิงพระรามก็ชักม้าร�าเป็นเพลงทวนเข้ามา จนถึงหน้าพระที่นั่งก็ลงจากหลังม้าเข้าเฝ้ากราบถวาย
ฝรั่งมังฆอง พรอมกับที่มีการแตงเครื่องราช- บังคมพระเจ้ามณเฑียรทองแล้วทูลว่า ข้าพเจ้าได้ม้าสมคะเนชอบใจแล้ว อันศีรษะกามะนีนั้นก็อยู่ใน
บรรณาการไปดวย เมื่อพระเจาฝรั่งมังฆอง เงื้อมมือข้าพเจ้า จะเอามาถวายพระองค์ให้จงได้ ข้าพเจ้าจะขอรับพระราชทานขอเหล็กกับตะกรวย
มีพระราชสาสนตอบรับการทําศึกก็มอบ ใบหนึ่งส�าหรับผูกข้างม้า เมื่อข้าพเจ้าตัดศีรษะกามะนีขาดแล้ว จะได้รับเอาศีรษะมิให้ทันตกลงถึงดิน
เครื่องราชบรรณาการใหแกลามคือ โจเปยว ใส่ในตะกรวยซึ่งแขวนไปกับข้างม้านั้นเข้ามาถวายพระองค์
นํากลับไปถวายพระเจากรุงจีนพรอมกับ ฝ่ายเสนาบรรดาเฝ้าอยู่พร้อมกัน ได้ยินสมิงพระรามทูลดังนั้นก็กระซิบเจรจากันว่า มอญพูด
พระราชสาสนที่ตอบรับ)
มากเห็นพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดสรรเสริญว่าดีแล้วก�าเริบใจอวดตัวเหลือไปนัก พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง
• การสงเครื่องราชบรรณาการมีความสําคัญ
อยางไร ก็พระราชทานเครื่องม้2าทองค�าประดับพลอยส�าหรับม้า กับผ้าโพกศีรษะเสื้อชมพูขลิบทองจีบเอว
(แนวตอบ การสงเครื่องราชบรรณาการแสดงให ทองต้นแขนปลายแขน แหวนสอดก้อยแต่ล้วนประดับเนาวรัตน์สิ้น จึงสั่งให้มังนันทะมิตรจัดเครื่อง
เห็นถึงการใหเกียรติกับอีกฝายไมวาจะเปนผู ยุทธนาการทั้งปวงให้สมิงพระรามตามปรารถนา แล้วให้มีพระราชสาส์นก�าหนดนัดหมายออกไปถึง
ที่มีอํานาจเหนือกวาหรือนอยกวา และการสง พระเจ้ากรุงจีนอีกฉบับหนึ่ง ให้จัดฉลองพระองค์อย่างดี ท�าด้วยขนสมุนคู่หนึ่ง ให้มังมหาราชาเป็นผู้
เครื่องราชบรรณาการเปนขั้นตอนแรกของวิธี จ�าทูลคุมสิ่งของออกไปถวายพระเจ้ากรุงจีน
การเจรจาตอรอง ซึ่งจะทําใหฝายที่มีอํานาจ มังมหาราชาก็ถวายบังคมลา ถือพระราชสาส์นก�าหนด คุมเครื่องราชบรรณาการออกไปยัง
นอยกวาอยางพระเจาอังวะมีทางเลือกมากขึ้น กองทัพนอกเมือง ทหารทัง้ ปวงเห็นก็ไปแจ้งแก่เสนาบดีๆ จึงเข้ากราบทูล พระเจ้ากรุงจีนจึงโปรดให้รบั
ดวยการสงเครื่องราชบรรณาการตอบแทน
เข้าไป ณ พลับพลาในค่ายมังมหาราชาก็เข้าไปกราบถวายบังคมหน้าพระที่นั่ง ถวายพระราชสาส์น
หรือหากไมยินดีกับขอเรียกรองก็จะเลือกวิธี
ตอสูใชกําลัง) ก�าหนดกับเครื่องราชบรรณาการแก่พระเจ้ากรุงจีน
พระเจ้ากรุงจีนจึงรับสั่งให้ล่ามแปล ให้เจ้าพนักงานอ่านถวาย ในพระราชสาส์นก�าหนดนั้นว่า
ซึ่งพระองค์มีพระทัยปรารถนาจะใคร่ทอดพระเนตรดูทหารขี่ม้าร�าทวนสู้กันตัวต่อตัวนั้น
ขอพระองค์ให้ตกแต่งการซึ่งจะทอดพระเนตรไว้จงพร้อมเถิด ถึง ณ วันพฤหัสบดี เป็นค�ารบ
เจ็ดวันแล้วเมื่อใด จงแต่งทหารให้ออกมาสู้กันตามสัญญา จะได้ทรงชมส�าราญพระทัย
90

บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูบูรณาการเรื่องการสงเครื่องราชบรรณาการเขากับกลุมสาระการเรียนรู
1 ศิลปศาสตร หมายถึง การศึกษาที่มุงจะใหความรูทั่วไป และทักษะเชิง สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาประวัติศาสตร ในการทําการคากับ
ปญญา มิใชวิชาชีพเฉพาะดาน หรือความทักษะเชิงชาง เดิมนั้น คําวา จีนในสมัยโบราณ พอคามักจะนําของกํานัลไปใหเพื่อขอความสะดวกในการ
“ศิลปศาสตร” เปนศัพทภาษาสันสกฤต (ศิลฺป + ศาสฺตฺร) หมายถึง วิชาความรูทั้ง ทํามาคาขาย แตจีนมักถือวาผูที่มาสวามิภักดิ์ขอเปนเมืองขึ้น เมื่อมีของกํานัล
ปวง มาให นอกจากจีนจะใหความสะดวกในการคาแลว พระเจากรุงจีนยังตอบแทน
ดวยของกํานัลอยางมากมายดวย พอคาไทยจึงนิยมสงเครื่องราชบรรณาการ
2 ทองตนแขนปลายแขน คือ ทองตนแขนกับทองปลายแขน ทองตนแขนเปน ใหจีน จึงเห็นไดวาการสงเครื่องราชบรรณาการกับจีนนั้นมีประวัติศาสตรมา
เครื่องประดับชนิดหนึ่งใชสําหรับสวมรัดตนแขน เรียกอีกชื่อหนึ่งวา “พาหุรัด” สวน ยาวนานและเปนธรรมเนียมการปฏิบัติที่มีปรากฏในวรรณคดีและวรรณกรรม
ทองปลายแขนใชสวมรัดขอมือ

90 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนตอบคําถามจากสถานการณการสูกัน
พระเจ้ากรุงจีนได้แจ้งในพระราชสาส์นก�าหนดนั้นแล้ว ก็ดีพระทัยนัก จึงสั่งให้จัดฉลอง- ระหวางสมิงพระรามและกามะนี
พระองค์มังกรห้าเล็บอย่างดี กับเครื่องม้าทองประดับพลอยลายหยกส� ารับหนึ่ง เป็นราชบรรณาการ • สมิงพระรามมีแผนในการสูกันครั้งนี้อยางไร
ตอบแทน มอบให้มังมหาราชาคุมเข้ามาถวายพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง มังมหาราชาก็ถวายบังคมลา (แนวตอบ สมิงพระรามสังเกตวากามะนีขี่มา
คุ ม สิ่ ง ของตอบแทนกลั บ มาถวายพระเจ้ า ฝรั่ ง มั ง ฆ้ อ งๆ ก็ มี พ ระทั ย ยิ น ดี ครั้ น ก� า หนดสั ญ ญากั น แตงตัวหุมเกราะอยู กามะนีมีทาทางชํานาญ
เสร็จแล้ว กษัตริย์ทั้งสองพระองค์ก็สั่งให้เสนาบดีแต่งที่ปลูกพลับพลาหน้าเมือง เสนาบดีฝ่ายพม่า ในการรําทวนอยางยิ่ง ไมเห็นชองที่จะใช
และนายทั พ นายกองฝ่ า ยจี น รั บ รั บ สั่ ง สองกษั ต ริ ย ์ แ ล้ ว ก็ ใ ห้ เ กณฑ์ พ ลมาจั ด การปลู ก พลั บ พลา
ทวนแทงเขาไปได จึงวางแผนชวนใหรําเพลง
ทวนกันกอน ใหมาอีกฝายวิ่งจนออนกําลัง
ทั้งสองข้างให้ตรงกัน ประกอบด้วยที่ข้างหน้าข้างใน1 และโรงใหญ่ส�าหรับเสนาข้าราชการใหญ่น้อย
ซึ่งจะทําใหสมิงพระรามมีโอกาสสอดทวน
อันจะได้เฝ้าอยู่ตามต�าแหน่งมีระยะห่างกันยี่สิบเส้น ไว้หว่างกลางเป็นสนามทวนซึ่งจะสู้กันในขบวน
แทงตรงชองเกราะเอาชนะ คิดไดดังนั้น
ทวนนั้น เจ้าพนักงานก็ผูกพระวิสูตรแต่งพระที่รับเสด็จเตรียมไว้พร้อมทั้งสองข้าง สมิงพระรามก็รองชวนกามะนีรําเพลงทวน
ครั้นถึงวันนัดก�าหนดแล้ว 2กษัตริย์ทั้งสองก็พรั่งพร้อมไปด้วยพยุหเสนาแห่แหนหน้าหลัง ถวายพระเจาอยูหัวทั้งสองพระองคใหได
เป็นอันมาก ตามขบวนพิชัยสงครามเสด็จไปสู่ท้องสนาม ขึ้นยังที่พลับพลาประทับพร้อมกัน ทอดพระเนตร และใหทหารทั้งสองฝาย
ฝ่ายกามะนีก็แต่งตัวใส่เสื้อหุ้มเกราะ แล้วด้วยทองเป็นอันงาม คาดสายรัดเอวประดับหยก ไดชมฝมือ แสดงไวเปนเกียรติยศสืบไป)
เหน็บกระบี่ ขึ้นขี่ม้าร�าทวนออกมา ณ ท้องสนาม ฝ่ายสมิงพระรามก็แต่งตัว ใส่เสื้อสีชมพูขลิบทอง • สิ่งสําคัญที่ทําใหการออกอุบายของสมิง-
จีบเอว โพกผ้าชมพูขลิบแล้วไปด้วยทอง ใส่กา� ไลต้นแขนปลายแขน แหวนสอดก้อยแล้วไปด้วยเนาวรัตน์ พระรามในการชักชวนใหกามะนีรําเพลงทวน
แต่ล้วนทองเป็นอันงาม แล้วสอดดาบสะพายแล่งขึ้นม้า ฟ้อนร�าเป็นเพลงทวนออกมายังท้องสนาม ประสบความสําเร็จคืออะไร
แลเห็นกามะนีขี่ม้าแต่งตัวหุ้มเกราะอยู่ ไม่เห็นส�าคัญที่จะหมายแทงได้ จึงคิดว่ากามะนีคนนี้ ช�านาญ (แนวตอบ การใชวาทศิลปพูดจาโนมนาว
ในเพลงทวนว่องไวนัก แล้วก็หุ้มเกราะใส่เสื้อบังอยู่ยังไม่เห็นช่องที่จะสอดทวนแทงแห่งใดได้ จ�า จะ เยินยออีกฝาย โดยการชี้ใหเห็นดานดีของ
ชวนให้ร�าดูส�าคัญก่อน อนึ่งเล่าก�าลังม้าก็ยังก�้ากึ่งกันอยู่กับก�าลังม้าเรา จ�าจะขับเคี่ยวกันไปก่อนจึงจะ การรําเพลงทวนกอน ทําใหฝายกามะนี
หย่อนก�าลังลง เห็นจะเสียทีท�านองจึงเอาชัยชนะได้โดยง่าย คิดแล้วก็ให้ล่ามร้องแปลไปว่า เราทั้งสอง ตายใจยอมตกลงดวยดี)
เป็นทหารเอกอันประเสริฐ จะสู้กันครั้งนี้เป็นที่สุด จะไว้เกียรติยศการงานจนตลอดกัลปาวสาน
ครั้นจะสู้กันเอาแพ้ชนะทีเดียวก็หาสิ้นฝีมือไม่ เราทั้งสองอย่าเพ่อท�าอันตรายแก่กันก่อน ให้ท่าน
ร�าเพลงทวนถวายไปให้สิ้นฝีมือแล้ว เราจะร�าตามท่านให้เหมือนจงได้ แล้วเราจะร�าให้ท่านร�าตาม
เราบ้างให้สิ้นฝีมือเหมือนกัน ให้พระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ทอดทัศนาเจริญพระเนตรและทแกล้ว
ทหารทั้งสองฝ่ายดูเล่นเป็นขวัญตา ถ้าเราร�าสิ้นเพลงหยุดหายเหนื่อยแล้ว เมื่อจะสู้กันเอาแพ้และ
ชนะนั้นจึงจะบอกกันให้รู้ตัวทั้งสองฝ่าย
กามะนีได้ฟังล่ามร้องออกมาดังนั้นก็มีความยินดีนัก จึงร้องตอบมาว่าชอบแล้ว แต่เราเป็นแขก
มาท่านเป็นเจ้าของบ้าน เราจะร�าก่อนให้ท่านท�าตามเราไปเถิด ว่าแล้วกามะนีก็ขับม้าสะบัดย่างเป็น
เพลงทวนฟ้อนร�าออกมา สมิงพระรามก็ขับม้าฟ้อนร�าตามกามะนีได้ทุกเพลง
91

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดสอดคลองกับขอความตอไปนี้
1 เสน ชื่อมาตราวัด 20 วา เปน 1 เสน โดยมีมาตราเทียบดังนี้
“สงครามถายังไมสิ้นสุดจะคาดหมายวาใครเปนผูแพหรือชนะมิได”
12 นิ้ว เทากับ 1 คืบ
1. การสงครามเปรียบดังฟองอัณฑชะจะหมายแนวาผูเมียแพและชนะนั้นมิได
2 คืบ เทากับ 1 ศอก
2. อันตัวขาพเจาบัดเดี๋ยวนี้อุปมาดังวานรนั่งอยูบนตอไม อันไฟไหมมาเมื่อ
4 ศอก เทากับ 1 วา
วสันตฤดูนั้นจะงามฉันใด
20 วา เทากับ 1 เสน
3. ครั้งนี้พระเจาราชาธิราชเปรียบเหมือนอสรพิษหาเขี้ยวแกวมิได
4. ครั้งนี้แขนเราขาดไปสองขาง คิดอะไรก็ขัดขวาง 2 พิชัยสงคราม ชื่อตําราวาดวยกลยุทธวิธีการเอาชนะในศึกสงคราม อาทิ
การรุก การตั้งรับ การใชอุบายทําลายขาศึก การแปรขบวนทัพ โดยมีความเชื่อทาง
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. “ฟองอัณฑชะ” หมายถึง ไขที่ยังไมฟกออกเปนตัว ดานโหราศาสตรแทรกอยูดวย เชน การดูฤกษยามในการเคลื่อนทัพ การทําพิธี
ไมมีใครรูวาจะเปนตัวผูหรือตัวเมีย เชนเดียวกับสงครามหากยังไมถึงที่สิ้นสุด ขมขวัญขาศึก เปนตน
จะคาดหมายวาใครเปนผูแพหรือชนะมิได ขอ 2. กลาวถึงการที่สมิงพระราม
อยูในสงครามจึงจะมีความสงางาม ขอ 3. งูไมมีเขี้ยวก็ไมนากลัว เชนเดียว
กับพระเจาราชาธิราชหากไมมีทหารเอกก็ไมนากลัว ขอ 4. หากพระราชา
ไมมีทหารกลาก็เหมือนกับคนไมมีแขนซายขวา ดังนั้น ขอ 1. มีความหมาย
สอดคลองกับขอความขางตน ตอบขอ 1.
คูมือครู 91
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนตอบคําถามตอไปนี้
• ชองเกราะที่สมิงพระรามเห็นในตัวกามะนีอยู ขณะเมื่อสมิงพระรามร�าตามกันนั้น พระเจ้ากรุงต้าฉิงและพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องทอดพระเนตร
ตําแหนงใดบาง เห็นทหารเอกทั้งสอง ร�าเยื้องกรายตามขบวนเพลงทวน ดูท่วงทีรับรองว่องไวนัก งามเป็นอัศจรรย์ด้วย
(แนวตอบ ชองเกราะบนตัวกามะนีที่สมิง-
1
กันทั้งสองฝ่าย เปรียบประดุจได้เห็นเทพยดาและพิทยาธรอันร� าณรงค์ประลองกันในกลางสนาม
พระรามสังเกตเห็นมีอยูสองที่ คือ “ชองใต นายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งสองฝ่าย ก็สรรเสริญกามะนีและสมิงพระรามว่า เหมือนเทพยดา
รักแรทั้งสองเปนหวางอยูพอสอดทวนได” และ
ลงฟ้อนร�ากลางสนามงามยิ่งนัก มีตาสองตาดูมิทันเลย ดูกามะนีแล้วกลับมาดูสมิงพระรามเล่า
“เกราะซอนทายหมวกเปดออก พอจะยอนฟน
ดูสมิงพระรามแล้วกลับมาดูกามะนีเป็นขวัญตายิ่งนัก ครั้นกามะนีร�าสิ้นเพลงแล้ว สมิงพระรามก็ร�าให้
ไดแหงหนึ่ง”)
2. นักเรียนอธิบายกลอุบายของสมิงพระรามในการ กามะนีร�าตามบ้าง
ทําใหมาของกามะนีออนกําลัง ขณะเมื่อสมิงพระรามร�าสิ้นเพลงทวนแล้ว แกล้งท�ากลอุบายหวังจะดูช่องเกราะหมายส�าคัญ
(แนวตอบ สมิงพระรามแกลงควบมาหนีใหกามะนี ที่จะสอดทวนแทงนั้น ก็แสร้งท�ายกแขนซ้ายเหยียดตรง เหยียดแขนขวาเบื้องบนแล้วท�ายืนควบม้า
ควบมาไลตามตนเอง เมื่อเห็นกามะนีควบมา ไปมา แล้วกลับห้อยศีรษะลงบ้าง แล้วท�ากลับเอาหลังนอนลงควบวกเวียนไปต่างๆ กามะนีหารู้
เต็มกําลังก็รั้งมารอ เพื่อดูกําลังของมากามะนี กลไม่ ส�าคัญว่าเพลงทวนฝ่ายพม่าดังนั้นจริงก็มิได้สงสัย ร�าตามไปสิ้นทุกประการ สมิงพระรามทอดตา
พอเห็นวาเหงื่อมากามะนีตกถึงกีบก็รูวามาออน แลดู เห็นเป็นช่องใต้รักแร้ทั้งสองเป็นหว่างอยู่พอจะสอดทวนแทงได้ แล้วเมื่อกลับศีรษะลงมานั้น
กําลังลงแลว จึงชักมาเปนเพลงโคมเวียนตาม เห็นเกราะซ้อนท้ายหมวกเปิดออก พอจะย้อนฟันได้แห่งหนึ่งหมายส� าคัญได้ถนัดมั่นคงแล้ว ก็ชักม้า
ดวยเพลงผาหมาก จนมากามะนีหอบรวนกลับ หยุดพักพอหายเหนื่อยจึงให้ล่ามร้องบอกว่า เราทั้งสองร�าถวายก็สิ้นเพลงด้วยกันแล้ว ทีนี้เราทั้งสอง
ตัวตามเพลงไมทัน จึงไดโอกาสสอดทวนแทง
จะสู้กันเอาแพ้และชนะแก่กัน
เขาไปที่ชองรักแร เมื่อกามะนีเอนตัวลงก็ฟนซํ้า
กามะนีได้ฟังดังนั้นก็ขับม้าร�าเข้ามา สมิงพระรามก็ขับม้าออกไปสู้กันเป็นหลายสิบเพลง
อีกครั้งที่ศีรษะซึ่งเปนชองเกราะ)
ต่างคนต่างรับรองว่องไว ยังหาเพลี่ยงพล�้าแก่กันไม่ สมิงพระรามจึงคิดว่า ถ้าจะสู้กันอยู่ฉะนี้เห็นจะ
เอาชัยชนะยาก ด้วยม้ากามะนีก็ยังมิถอยก�าลัง จ�าจะลวงให้ม้ากามะนีหย่อนก�าลังลงจงได้จึงจะท�า
ถนั ด คิ ด แล้ ว แกล้ ง ท� า เป็ น เสี ย ที ค วบม้ า หนี อ อกไป กามะนี เ ห็ น ได้ ที ก็ ค วบม้ า ทะลวงไล่ ต ามม้ า
สมิงพระรามไป
ครั้นสมิงพระรามแลเห็นกามะนีควบม้าเต็มก�าลังแล้วมิทัน ก็แสร้งรอม้าไว้หวังจะดูท่วงที
เห็นกามะนียังไกลเชิงนักอยู่ ส�าคัญได้ว่าเหงื่อม้ากามะนีตกจนถึงกีบ ก็รู้ว่าม้าหย่อนก�าลังลงแล้ว
จึงชักม้าวกเป็นเพลงโคมเวียน เข้ารับกามะนีๆ ชักม้าเป็นเพลงผ่าหมากแลกเปลี่ยนกันต่างๆ ฝ่าย
ม้ า กามะนี ห อบรวนหย่ อ นก� า ลั ง ลงกลั บ ตั ว ตามเพลงไม่ ทั น สมิ ง พระรามได้ ที ก็ ส อดทวนแทงถู ก
ซอกรักแร้กามะนีๆ เอนตัวลง สมิงพระรามจึงชักดาบกระทืบม้า เข้าฟันย้อนตามกลีบเกราะขึ้นไป
ต้องศีรษะกามะนีขาดออกตกลงมายังมิทันถึงดิน ก็เอาขอเหล็กสับเอาศีรษะกามะนีได้ ใส่ตะกรวย
แล้วก็ชักม้าฟ้อนร�าเป็นเพลงทวนเข้ามา ตรงหน้าพลับพลาพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง
92

บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู การรําเพลงทวนเปนการรําที่มีความสําคัญในการดําเนินเรื่อง เปนการ
1 พิทยาธร เปนภาษาบาลี หมายถึง อมนุษยพวกหนึ่ง มีฐานะตํ่ากวาเทวดา รําตอสูระหวางสมิงพระรามกับกามะนี ครูบูรณาการความรูเขากับกลุมสาระ
เชื่อวามีวิชากายสิทธิ์สามารถเหาะเหินเดินอากาศได อยูในภูเขาหิมาลัย มีหนาที่ การเรียนรูศิลปะ วิชานาฏศิลป รําทวนจัดเปนการรําคูเชิงศิลปะการตอสู
ปรนนิบัติพระศิวะ ภาษาสันสกฤตใชวา วิทฺยาธร เชนเดียวกับการรํากระบี่กระบอง รําดาบสองมือ รําโล รําดาบ รํากริช คือ
เปนการรําที่ไมมีบทรอง ผูรําทั้งคูตองมีทารําที่สัมพันธกันอยางดีในเชิง
ศิลปะการตอสูที่หวาดเสียวกับความสวยงามในทางนาฏศิลป เปนการอวด
มุม IT ลีลาทารํา เพราะการตอสูมีทั้งรุกและรับ ผูแสดงทั้งสองฝายตอสูกันดวยลีลา
คนละแบบ ในการแสดงละครพันทางมักใชแสดงสลับฉาก หรือในโอกาส
ศึกษาเกี่ยวกับการรําเพลงทวนเพิ่มเติม ไดที่ http://www.oknation.net/blog/ ตางๆ ตามความเหมาะสม
assada999/2009/11/23/entry-1

92 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
“เมื่อกามะนีพายแพแกสมิงพระราม ฝาย
พระเจ้ากรุงจีนและนายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งปวงเห็นดังนั้นก็อัศจรรย์ยิ่งนัก จึงให้ เสนาบดีนายทัพนายกองของพระเจากรุงจีนไม
ทหารไปเอาศพกามะนีมาท�าศีรษะต่อเข้า ใส่หีบไปฝังเสียในที่สมควร พระเจ้ากรุงจีนก็เสด็จกลับ ยอม ตองการที่จะยึดกรุงอังวะใหไดแตพระเจา
เข้ า ค่ า ย สมิ ง พระรามก็ เ อาศี ร ษะเข้ า มาถวายพระเจ้ า มณเฑี ย รทองๆ ทอดพระเนตรเห็ น ดั ง นั้ น กรุงจีนคัดคาน” นักเรียนคิดวาการยกคํากลาวของ
ก็มีพระทัยยินดีนัก แล้วเสด็จกลับคืนเข้าสู่พระนคร ฝ่ายพม่าเสนาบดีขุนนางน้อยใหญ่ไพร่พลทั้งปวง พระเจากรุงจีนนี้ แสดงใหเห็นวา พระเจากรุงจีน
ก็สรรเสริญสมิงพระรามว่ามิใช่มนุษย์เลยเสมอเทพยดา แต่ศรี ษะกามะนีนนั้ ก็มใิ ห้ตกถึงดิน เอาขอเหล็ก ทรงมีคุณธรรมในฐานะที่เปนกษัตริยอยางไร
สับเอาได้ดังทูลไว้ทุกประการ (แนวตอบ จากที่พระเจากรุงจีนตรัสกับเหลา
ฝ่ายเสนาบดีนายทัพนายกองจีนทั้งปวง ครั้นเห็นเสียกามะนีดังนั้นแล้วก็โกรธ จึงกราบทูล เสนาบดีนายทัพนายกองทหารทั้งหลายวา “เราเปน
พระเจ้ากรุงจีนว่า พระองค์เสด็จยาตราทัพมาครั้งนี้ ตั้งพระทัยจะท�าสงครามให้พระเจ้ากรุงอังวะอยู่ใน กษัติยผูใหญอันประเสริฐ ไดใหคํามั่นสัญญาแกเขา
เงื้อมพระหัตถ์ ถึงมาตรว่าเสียกามะนีทหารเอกแล้วใช่ข้าพเจ้าทั้งปวงนี้จะตีกรุงอังวะถวายไม่ได้นั้น ไวแลว จะกลับคํา ดังนั้นควรไม พมาทั้งปวงจะ
หามิได้ เสียแรงด�าเนินกองทัพเข้ามาเหยียบถึงชานก�าแพงเมืองแล้ว จะกลับไปเปล่านั้นได้ความอัปยศ ชวนกันดูหมิ่นไดวาจีนพูดมิจริง เรารักสัตยยิ่งกวา
แก่พม่านัก ท�าไมกับเมืองอังวะสักหยิบมือหนึ่งเท่านี้จะเอาแต่มูลดินทิ้งเข้าไปในก�าแพงเมืองคนละ ทรัพย อยาวาแตสมบัติมนุษยนี้เลย ถึงทานจะเอา
ก้อนๆ เท่านั้น ถมเสียให้เต็มก�าแพงเมืองในเวลาเดียวก็จะได้ ทิพยสมบัติของสมเด็จอมรินทรมายกใหเราๆ ก็
พระเจ้ากรุงจีนได้ฟังก็ตรัสห้ามนายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งปวงว่าเราเป็นกษัตริย์ผู้ใหญ่ มิไดปรารถนา” แสดงใหเห็นวาพระเจากรุงจีนทรง
อันประเสริฐ ได้ให้ค�ามั่นสัญญาไว้แก่เขาแล้ว จะกลับค�าไปดังนั้นควรไม่ พม่าทั้งปวงจะชวนกันดูหมิ่น มีคุณธรรมเรื่องการรักษาความสัตย พูดแลวไม
ได้ว่าจีนพูดมิจริง เรารักสัตย์ยิ่งกว่าทรัพย์ อย่าว่าแต่สมบัติมนุษย์นี้เลย ถึงท่านจะเอาทิพยสมบัติของ คืนคํา ดวยทรงเห็นวาตนเปนกษัตริยที่มีราชอํานาจ
สมเด็จอมรินทร์มายกให้เราๆ ก็มิได้ปรารถนา ตรัสดังนั้นแล้วก็สั่งให้เลิกทัพเสด็จกลับไปยังกรุงจีน มากกวา ไมควรถือโอกาสในการศึกครั้งนี้ยึดครอง
พระเจ้ามณเฑีย1รทองเสด็จออกทรงบัญชาราชการ พร้อมด้วยเสนาพฤฒามาตย์ราชปุโรหิต กรุงอังวะที่เล็กกวามาเปนของตน แสดงใหเห็น
ทั้งปวง จึงตรัสว่าโหรซึ่งดูชะตาเมืองว่าไม่ขาดพระชันษาเล่าก็ดีอยู่ นานไปจะได้ลาภอันประเสริฐ ศักดิ์ศรีความทะนงตนของผูเปนกษัตริย)
อี ก นั้ น ก็ ต ้ อ งด้ ว ยค� า ท� า นาย จึ ง ให้ พ ระราชทานบ� า เหน็ จ และเครื่ อ งอุ ป โภคบริ โ ภคเป็ น อั น มาก
แล้วพระราชทานบ้านส่วยแห่งหนึ่งให้เป็นค่าผลหมากด้วย และหญิงม่ายเจ้าของม้านั้น ก็พระราชทาน
เครื่องอุปโภคบริโภคให้ตามสมควร และอ�าเภอแขวงบ้านซึ่งอยู่นั้นก็ให้ขึ้นแก่หญิงม่ายนั้น แล้วตรัสว่า
พระเจ้ากรุงจีนยกพลทแกล้วทหารมาเหยียบเมืองเราครั้งนี้ ประดุจดังแผ่นดินจะถล่มลง หามีผู้ใด
ที่จะรบสู้ต้านทานไม่ ครั้งนี้สมิงพระรามรับอาสากู้เมืองเราไว้ได้ชัยชนะแล้ว ศึกจีนยกทัพเลิกกลับ
ไป สมิงพระรามมีความชอบมาก บัดนี้ควรเราจะให้สมิงพระรามเป็นมหาอุปราช และราชธิดาเรา
จะประทานให้ เ ป็ น บาทบริ จ าริ ก าด้ ว ยตามสั ญ ญาจึ ง จะชอบ ท่ า นทั้ ง ปวงจะเห็ น เป็ น ประการใด
เสนาพฤฒามาตย์ราชกระวีมนตรีมุขทั้งปวงยังมิทันจะกราบทูล
ขณะนั้นสมิงพระรามเฝ้าอยู่ด้วย ครั้นได้ฟังพระราชโองการก็กราบทูลว่า ข้าพเจ้ารับอาสา
พระองค์ครั้งนี้ มีความปรารถนาสี่ประการ คือข้าพเจ้าต้องพันธนาการตรากตร� าล�าบากอยู่นานแล้ว
หวังจะให้พ้นจากเครื่องจองจ�าหนึ่ง จะไว้ฝีมือให้เป็นเกียรติยศไปชั่วกัลปาวสานหนึ่ง จะให้พระองค์ฆ่า
ข้าพเจ้าหนึ่ง ถ้าพระองค์มิฆ่าข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะขอกราบถวายบังคมลากลับไปเมืองหงสาวดีหนึ่ง
93

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
เมื่อกามะนีเสียทีแกสมิงพระรามแลว พระเจากรุงจีนทรงกระทําตามขอใด
ครูแนะแนวทางการดํารงตนใหเปนคนรูจักรักษาคําสัตย โดยนําขอคิดจากเรื่อง
1. เตรียมบุกเขาตีกรุงอังวะ
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา มาแนะแนวทางใหนักเรียนวา นอกจากจะเปน
2. สงทูตมาขอตัวสมิงพระรามไปอยูยังกรุงจีน
คุณธรรมสําหรับผูปกครองและเหลาทหารแลว นักเรียนสามารถนําคุณธรรมขอนี้
3. สงพระราชสาสนมาทารบกับพระเจาฝรั่งมังฆอง
มาปรับใชกับตนเอง เพื่อใหเปนบุคคลนาเชื่อถือไดรับความไววางใจใหรับผิดชอบ
4. ใหเลิกทัพกลับไปยังกรุงจีนตามที่ไดใหสัญญาไว
งานสําคัญตางๆ ซึ่งนําไปสูโอกาสที่จะเจริญกาวหนาในอาชีพการงาน และที่สําคัญ
วิเคราะหคําตอบ เมื่อสมิงพระรามสูศึกชนะกามะนี เสนาบดีและเหลา เปนการเสริมสรางคุณลักษณะเดนใหเปนคนที่มีเกียรติ มีคุณคา นานับถือ
นายทัพนายกองทหารทั้งหลายของพระเจากรุงจีน ไมยอมรับความพายแพ
ตองการที่จะทําสงครามกับกรุงรัตนบุระอังวะ ดวยเห็นวาฝายตนมีกําลัง
มากกวา การเอาชนะกรุงรัตนบุระอังวะเปนเรื่องงาย แตพระเจากรุงจีนเปน นักเรียนควรรู
กษัตริยที่ยึดมั่นในคําสัตย จึงสั่งใหเลิกทัพกลับไปกรุงจีนตามที่ไดใหสัญญาไว
ตอบขอ 4. 1 โหร นับเนื่องสมัยโบราณ คําวาโหรมิไดใชกันเปรอะ เพราะโหรตองเปนโหรหลวง
คือ ขุนนางสังกัดกรมโหร ตําแหนงที่รูจักกันมาก คือ โหราธิบดี อธิบดีโหร นอกจาก
ชํานาญโหราศาสตรแลวยังเชี่ยวชาญทางอักษรศาสตร ตอมาสมัยที่มีนามสกุล โหรที่
ขอพระราชทานนามสกุล โดยมากที่ทายนามสกุลก็จะลงทายวา “โชติ”
คูมือครู 93
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนตอบคําถามในประเด็นตางๆ ตอไปนี้
• พระเจาฝรั่งมังฆองพระราชทานสิ่งใดเปน เป็นความปรารถนาสีป่ ระการ ซึง่ พระองค์จะพระราชทานให้ขา้ พเจ้าเป็นมหาอุปราช และพระราชทาน
บําเหน็จรางวัลใหแกสมิงพระรามที่ชนะศึก พระราชธิดานั้นพระคุณหาที่สุดมิได้ ข้าพเจ้ามิได้รับพระราชทานแล้วจะขอคืนถวายไว้ดังเก่า พระเจ้า
(แนวตอบ พระเจาฝรั่งมังฆองพระราชทาน มณเฑียรทองได้ทรงฟังก็ทรงพระด�าริว่า สมิงพระรามคนนี้มิเสียทีที่เกิดมาเป็นเชื้อชาติทหารนับว่า
ตําแหนงมหาอุปราชพรอมกับยกพระราชธิดา ชายชาตรีแท้ มิได้เกรงกลัวแก่ความตาย ทั้งราชสมบัติก็มิได้รักใคร่ แล้วองอาจแกล้วกล้าหาผู้ใด
ใหแกสมิงพระราม) เปรียบเสมอมิได้ ครั้นจะฆ่าเสียตามค�าบัดนี้เล่าก็มิควร เขาได้มีคุณแก่เรา ช่วยกู้พระนครไว้เป็น
• ความปรารถนาของสมิงพระราม 4 ประการ ความชอบใหญ่หลวงยังเสียดายนัก ครั้นจะปล่อยให้กลับไปเมืองหงสาวดีเล่า การสงครามพระเจ้า
ที่ทูลขอพระเจาฝรั่งมังฆองมีอะไรบาง ราชาธิราชกับเราก็ยงั ติดพันกันอยูห่ าขาดกันไม่ ทรงพระด�าริดงั นัน้ แล้ว ก็ทรงนิง่ อยูม่ ไิ ด้ตรัสประการใด
(แนวตอบ คําขอของสมิงพระราม มีดังนี้ แล้วก็เสด็จเข้าข้างใน
1. หวังจะหลุดพนจากการเปนเชลยที่ตองถูก ฝ่ายเสนาที่เฝ้าผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวงและสมิงพระรามก็กลับไปที่อยู่สิ้น พระเจ้ามณเฑียรทอง
จองจํา เสด็จเข้าข้างในแล้ว ก็ทรงพระวิตกนัก จึงตรั
2. ตองการจะฝากฝมือไวใหเปนเกียรติยศ 1 สบอกแก่พระอัครมเหสีว่า สมิงพระรามนี้มีความซื่อสัตย์
มั่นคงนัก เราจะให้ธิดาเป็นบ�าเหน็จรางวัลและที่มหาอุปราชก็มิรับ จะขอให้ฆ่าเสีย ถ้าแม้นมิฆ่าก็จะ
ตลอดไป ลากลับไปเมืองหงสาวดี เราเสียดายนัก ด้วยเขารู้ศิลปศาสตร์สันทัด และฝีมือเล่าก็เข้มแข็งกล้าหาญ
3. ใหพระเจาฝรั่งมังฆองประหารชีวิตได
ยิ่งนักหาผู้เสมอมิได้ ท�าไฉนจึงจะให้สมิงพระรามรับราชสมบัติอยู่ด้วยเราได้
4. หากพระเจาฝรั่งมังฆองไมฆาก็จะขอกลับ
พระอัครมเหสีได้ฟังดังนั้นจึงทูลว่า พระองค์จะทรงพระวิตกไปไย ซึ่งจะเกลี้ยกล่อมผูกพันสมิง
ไปกรุงหงสาวดี)
พระรามไว้ให้ตั้งใจสวามิภักดิ์อยู่ด้วยพระองค์นั้น ตกพนักงานข้าพเจ้าจะรับอาสาผูกจิตสมิงพระรามไว้
2. นักเรียนอธิบายความหมายของคําตอไปนี้
ให้อยู่จงได้ อุปมาดังแพทย์ผู้วิเศษผูกกัณหสัปปะชาติคืองูเห่าใหญ่ด้วยมนตราคมอันกล้าขลัง มิให้พ่น
• ดวยเขารูศิลปศาสตรสันทัด
พิษและเลื้อยหนีไปได้ พระเจ้ามณเฑียรทองจึงตรัสถามว่า น้องจะคิดอ่านประการใด หรือมีมนตรา
(แนวตอบ หมายความวา สมิงพระรามเปนผูมี
ความรูความสามารถทางศิลปะการตอสูอยาง วิเศษจึงจะผูกจิตสมิงพระรามไว้ได้ พระอัครมเหสีทูลว่า ข้าพเจ้าจะได้มีเวทมนตร์ผูกนั้นหามิได้ ซึ่ง
เชี่ยวชาญ) ข้าพเจ้าจะคิดผูกสมิงพระรามให้อยู่ก็หวังจะผูกด้วยยางรัก เพราะธรรมดาชนอันเวียนวนข้องอยู่ใน
• ผูกสมิงพระรามใหอยูก็หวังจะผูกดวยยางรัก สงสารภพนี้ แต่ล้วนมีความก�าหนัดยินดีในกามสังวาสรสสิ้นทั้งนั้น เพราะมูลตัณหาเครื่องเกี่ยวพัน
(แนวตอบ ใชความรักมาผูกใจใหสมิงพระราม อุดหนุนเป็นปัจจัย แต่พระดาบสทรงฌานสมาบัติเหาะเหินไปได้ในอากาศแล้ว พอได้ย2ินเสียงสตรีขับ-
ไมไปไหน) ร้องเพราะจับจิตเข้าก็ยังพลัดตกลงมาสู่ภูมิภาคปัถพี ด้วยความก�าหนัดในรัชนียารมณ์ จะนับอะไรกับ
3. นักเรียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแผนการ เจ้าสมิงพระรามนี้ ซึ่งว่ามิรับที่มหาอุปราชและราชธิดา เพราะยังมิได้เห็นราชธิดาของเราอันสมบูรณ์
ของพระมเหสีพระเจาฝรั่งมังฆอง ด้วยลักษณะและสิริมารยาทงามยิ่งนัก ถ้าบุรุษผู้ใดได้เห็นและได้นั่งใกล้แล้วเมื่อใด ก็มิอาจจะด�ารงจิต
(แนวตอบ พระมเหสีวางแผนที่จะใชความรัก อยู่ได้ ดวงกมลก็จะหวั่นไหวไปด้วยความปฏิพัทธ์ อุปมาดังชายธงอันต้องลม ข้าพเจ้าคิดจะให้แต่ง
ผูกใจสมิงพระราม ใชความงามของพระราชธิดา สุปะเพียญชนาหารเครื่องเลี้ยงอันประณีต เวลาพรุ่งนี้ขอพระองค์ให้หาเจ้าสมิงพระรามเข้ามากินเลี้ยง
มาลอใจสมิงพระราม อีกทั้งทรงใชธรรมชาติของ ในพระราชมนเทียร แล้วจึงให้พระธิดาเราออกไปให้เจ้าสมิงพระรามเห็นตัวถนัดแต่ข้างเดียว เจ้าสมิง
มนุษยเพศชายที่มักจะหลงใหลพึงใจสตรีรูปงาม) พระรามได้เห็นรูปโฉมธิดาเราเท่านั้น ยังมิทันจะเข้าใกล้ได้กลิ่น ก็จะมีความปลื้มปลาบจนสุดจิต
ไหนจะคิดกลับเมืองหงสาวดีได้ เพราะพระธิดาของเรางามเป็นเสน่ห์อยู่ทั่วกาย ซึ่งข้าพเจ้าคิดท�าดังนี้
94

กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 บําเหน็จรางวัล เปนการสรางความรูสึกที่ดีกับผูใตบังคับบัญชาที่ทําประโยชน นักเรียนสรุปประเด็นหลักของเรื่องตามที่นักเรียนเห็นวานาสนใจ
โดยปกติจะพิจารณาจากผลงาน และในบางครั้งก็พิจารณาจากความสัมพันธระหวาง จากนั้นเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นดังกลาว
บุคคล ซึ่งระบบการใหรางวัลจะชวยกระตุนการปฏิบัติงาน สรางขวัญและกําลังใจแก
พนักงานในการปฏิบัติงาน
2 รัชนียารมณ หมายความวา อารมณอันเปนที่ตั้งแหงความรักใคร กิจกรรมทาทาย

จากการอานเนื้อเรื่องแลวสรุปเปนประเด็นสําคัญ นักเรียนยกสํานวน
สุภาษิตไทยที่นักเรียนคิดวาตรงกับประเด็นของเรื่องที่นักเรียนสรุปมา
โดยยกเนื้อเรื่องตอนนั้นประกอบ

94 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนตอบคําถามตอไปนี้จากคํากลาวของ
เปรียบประดุจนางเมขลาเทพธิดาล่อแก้วให้รามสูรเห็น รามสูรหรือจะไม่รักแก้ว ซึ่งข้าพเจ้าว่าจะ พระมเหสีที่กลาวกับพระราชธิดาวา
ผูกจิตสมิงพระรามให้อยู่ด้วยยางรักนั้น ก็คือจะให้ใจสมิงพระรามมาผูกรักอยู่ด้วยสิ่งนี้ อันจะผูกด้วย “อันบุรุษเปรียบประดุจพืชธัญญาหาร ถาโรย
มนตราคมและโซ่ตรวนเชือกพวนสรรพเครื่องจองจ�าทั้งสิ้นนั้น ก็พลันที่จะหลุดถอนเคลื่อนคลาย ปลูกเพาะหวานแลว ก็มีแตงอกงามสูงใหญขึ้นไป
ไม่แน่นเหนียวเหมือนยางรัก ถ้าผู้ใดผูกติดอยู่ด้วยยางรักแล้ว ถึงจะเอาเชือกพวนเข้ามาฉุดชักก็มิอาจ ลูกนี้ถึงเปนราชบุตรี เกิดในวงศกษัตริยมีชาติ
จะหลุดเคลื่อนคลายได้ เห็นสมิงพระรามจะสวามิภักดิ์อยู่ด้วยพระองค์เพราะสิ่งนี้เป็นมั่นคง ตระกูลสูง ก็เปรียบเหมือนตัณฑุลา จะโปรยหวาน
พระเจ้ามณเฑียรทองได้ทรงฟังพระอัครมเหสีทูลดังนั้น ก็เห็นด้วยจึงตรัสว่า การข้างใน เพาะปลูกมิอาจเจริญขึ้นได”
พระน้องเข้าใจจงช่วยคิดอ่านเถิด แล้วบอกกล่าวธิดาของเราให้รู้ตัวสั่งสอนเสียด้วย พระอัครมเหสี • คํากลาวในขางตนหมายความวาอยางไร
รับสั่งแล้ว เวลาค�่าก็เสด็จไปสู่ห้องต�าหนักพระราชธิดา จึงตรัสบอกว่า บัดนี้สมเด็จพระราชบิดา (แนวตอบ ผูชายนั้นเปรียบไดกับพืชพันธุขาว
จะโปรดให้เจ้าสมิงพระรามผู้มีความชอบเป็นมหาอุปราชแล้วพระราชทานพระลูกให้เป็นมเหสี พระลูก อาหาร ถาเอาไปหวานเพาะก็เจริญงอกงาม
อย่ามีความโทมนัสเกี่ยงงอนขัดพระราชโองการเลย ขึ้นมาได ตางกับผูหญิงที่แมจะเกิดในตระกูล
พระราชธิดาได้ฟังก็ทรงพระกันแสง ซบพระพักตร์ลงทูลว่า ลูกนี้คิดจะไม่มีสวามีแล้ว หวังจะ สูงศักดิ์ก็เหมือนขาวสารจะเอาไปหวานเพาะ
บวชเป็นชีบ�าเพ็ญกุศลหมายสวรรค์นิพพานฝ่ายเดียว เมื่อสมเด็จพระราชบิดาตรัสห้ามมิให้เดินทาง ก็ไมอาจเติบโตขึ้นมาได)
ตรงจะให้เดินทางอ้อมแล้วก็จนใจ แท้ว่ากรรมลูกท�ามาแต่หลัง อนึ่งถ้าได้สวามีเป็นลูกกษัตริย์ มี • สารในคํากลาวนี้คืออะไร
ชาติตระกูลเสมอกันเล่าก็ตาม นี่จะได้ผัวมอญต่างภาษาเป็นเพียงนายทหาร อุปมาดังหงส์ตกลงใน (แนวตอบ แมตองการใหลูกสาวลดทิฐิมานะที่
ฝูงกา ราชสีห์เข้าปนกับหมู่เสือ ลูกมีความโทมนัสนัก พระอัครมเหสีจึงตรัสปลอบว่า ซึ่งลูกมีศรัทธา มีตอชายตํ่าศักดิ์กวาตนเองคือสมิงพระราม
จะบวชเป็นชีหนีสงสารนั้นก็ชอบอยู่ แต่จะด่วนบวชเมื่อยังเจริญรุ่นสาวฉะนี้ แม่เกรงจะถือเคร่งบวชไป โดยชี้ใหเห็นวาแมจะเปนผูตํ่าศักดิ์กวาแต
มิตลอด ด้วยโรคสาวเป็นข้าศึกคอยเบียดเบียนนั้นมีอยู่ มักกระท�าศีลให้เศร้าหมอง ค่อยบวชเมื่อแก่ ผูชายนั้นก็สามารถเติบโตกาวหนาเปนใหญ
เถิดแม่จะบวชด้วย ซึ่งลูกจะถือชาติตระกูลว่ามีอิสริยยศอยู่นั้นหาควรไม่ ด้วยสมเด็จพระราชบิดา ในภายภาคหนาได)
เห็นชอบแล้ว จึงจะทรงปลูกฝัง อันสมิงพระรามนี้เขามีความชอบในแผ่นดินเป็นอันมาก ช่วยกู้
พระนครไว้ให้สมณพราหมณ์ราษฎรอยู่เป็นสุข เหมือนรักษาชาติตระกูลของลูกไว้ ถ้ามิได้สมิงพระราม ขยายความเขาใจ Expand
แล้ ว เมื อ งเราก็ จ ะเสี ย แก่ ก รุ ง จี น ซึ่ ง ลู ก เปรี ย บชาติ เขาเหมื อ นกานั้ น ก็ ช อบอยู ่ แต่ เขาประกอบ
นักเรียนยกสํานวนสุภาษิตที่มีความหมายตรง
ศิลปศาสตร์วชิ าการเป็นทหารมีฝมี อื หาผูเ้ สมอมิได้ ก็เปรียบเหมือนกาขาวมิใช่กาด�า สมเด็จพระราชบิดา
กับคํากลาวของพระมเหสีในกิจกรรมขางตน
จะทรงชุบขึ้นแล้วก็คงเป็นหงส์ ซึ่งเปรียบเหมือนเสือนั้น ถ้าพระราชบิดาชุบย้อมแล้ว ก็คงจะกลับเป็น
(แนวตอบ สํานวนสุภาษิตวา “ชายขาวเปลือก
ราชสีห์ อันบุรุษเปรียบประดุจพืชธัญญาหาร ถ้าโรยปลูกเพาะหว่านแล้ว ก็มีแต่งอกงามสูงใหญ่ขึ้นไป
หญิงขาวสาร” ผูหญิงมักเสียหายไดมากกวาผูชาย
ลูกนี้ถึงเป็นราชบุตรี เกิดในวงศ์กษัตริย์มีชาติตระกูลสูง ก็เปรียบเหมือนตัณฑุลา จะโปรยหว่าน
กลาวคือ ขาวเปลือกตกไปไหนก็งอกขยายพันธุได
เพาะปลูกมิอาจเจริญขึ้นได้ ลูกอย่าถือทิฐิมานะเลย สมเด็จพระราชบิดาได้ทราบจะทรงพระพิโรธนัก
แตขาวสารงอกใหมไมได หรือผูหญิงมีโอกาสนอยที่
ถึงบุรุษจะมีชาติสูงต�่าเป็นประการใดเขาได้เป็นสวามีแล้วจงปฏิบัติเคารพนบน้อม นับถือดุจเจ้าของตน
จะเจริญกาวหนาไดเทากับผูชาย)
จึงจะเจริญสิริราศีเป็นสวัสดิมงคลอันยิ1่ง พระอัครมเหสีตรัสสอนพระราชธิดาด้วยความอุปมาอุปไมย
ต่างๆ ให้พระราชธิดาคลายทิ 2 ฐิมานะลงแล้ว พระนางก็เสด็จกลับมายังห้องพระต�าหนัก มีพระราช-
เสาวนีย์ตรัสสั่งพวกวิเสทชาวเครื่อง ให้แต่งโภชนาหารของเลี้ยงอันเอมโอชทั้งปวงเตรียมไว้ มไ
95

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
นักเรียนคิดวาเพราะเหตุใดแรกเริ่มตนพระราชธิดาในพระเจาฝรั่งมังฆอง
1 ทิฐิมานะ มาจาก ทิฐิ+มานะ “ทิฐิ” หมายถึง ความเห็น สวนคําวา “มานะ”
จึงไมยินยอมที่จะแตงงานตามคําสั่งพระราชบิดา ยกเหตุผลประกอบ
หมายถึง ดื้อรั้น อวดดีหรือถือตัว ทิฐิมานะ จึงหมายถึง ความเห็นดื้อดึง แมวาผิด
แนวตอบ เพราะพระราชธิดายังไมรูจักนิสัยใจคอของสมิงพระราม และการ ก็ไมยอมแกไข
ที่สมิงพระรามเปนเพียงทหารที่ถูกจับมาเปนเชลย ทําใหพระราชธิดาตั้งแง 2 วิเสท อานวา วิ-เสด หมายถึง ผูที่ทํากับขาวหลวง
รังเกียจคิดวาไมเหมาะสมกับตนซึ่งเปนถึงเชื้อวงศกษัตริย จนกระทั่งพระ-
ราชมารดาไดชี้ใหเห็นวา การที่สมิงพระรามอาสาออกสูศึกและชนะนั้นแสดง
วาเปนผูเกงกลามีความสามารถ ตอไปภายหนาจะยิ่งใหญมีเกียรติยศ จึงลด
ทิฐิและยอมแตงงานกับสมิงพระราม

คูมือครู 95
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายการใชความเปรียบในหนา 95
• การใชความเปรียบเหมาะสมกับเนื้อเรื่องใน ครั้นเวลาเช้าพระเจ้ามณเฑียรทอง จึงมีรับสั่งให้หาเจ้าสมิงพระรามเข้ามากินเลี้ยงบนพระราช-
หนา 95 หรือไม อยางไร มนเทียร สมิงพระรามรับพระราชทานเครื่องเลี้ยงพอควรแล้ว ก็เข้ามากราบถวายบังคมเฝ้าอยู่
(แนวตอบ เรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระราม โดยล�าดับ พระเจ้ามณเฑียรทองจึงตรัสว่า เราเป็นกษัตริย์อันประเสริฐได้ออกวาจาแล้ว จึงจะตาย
อาสา มีความโดดเดนทางวรรณศิลปในการใช ก็หาเสียดายชีวิตไม่ เพราะรักสัตย์ยิ่งกว่ารักชีวิตได้ร้อยเท่า ซึ่งที่มหาอุปราชกับราชธิดาเรานั้น เราได้
ความเปรียบทั้งเรื่อง จากเนื้อเรื่องในหนา 95 ออกปากแล้วว่าจะให้เป็นบ�าเหน็จความชอบแก่ท่าน ถึงมาตรว่าจะมิรับด้วยท่านค�านึงถึงพระเจ้า
เปนตอนที่พระมเหสีเกลี้ยกลอมพระราชธิดา ราชาธิราชอยู่ ก็จงรับเสียแต่พอเป็นเหตุตามสัญญาเถิด อย่าให้เราเสียสัตย์เลย อนึ่งเราเกรงคนทั้งปวง
ใหยินยอมอภิเษกกับสมิงพระราม จึงใชความ จะครหานินทาได้ ท่านรับอาสากู้พระนครไว้มีความชอบเป็นอันมาก มิได้รับบ�าเหน็จรางวัลสิ่งใด
เปรียบมาเปนวาทศิลปเกลี้ยกลอมใหถอยคํามี นานไปเบื้องหน้าถ้าบ้านเมืองเกิดจลาจลหรือข้าศึกมาย�่ายีเหลือก�าลัง ก็จะไม่มีผู้ใดรับอาสาอีกแล้ว
นํ้าหนักพอที่จะทําใหพระราชธิดาคลอยตาม) เห็นเราจะได้ความขัดขวางเป็นมั่นคง ตรัสแล้วจึงสั่งให้พระราชธิดายกพานพระศรีมาตั้ง ให้เจ้าสมิง
พระรามกินต่อหน้าพระที่นั่ง พระราชธิดาก็อายพระทัยยิ่งนัก ด้วยเป็นราชบุตรีกษัตริย์ แต่ทรง
ขยายความเขาใจ Expand พระเยาว์มาจนเจริญพระชนม์ ยังไม่เคยยกพานพระศรีให้ทหารและขุนนางผู้ใดกิน แต่ขยับขยั้นยั้ง
พระองค์อยู่มิใคร่จะแหวกพระวิสูตรออกมาได้ พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องก็ตรั1สเตือนว่ามาเร็วๆ พระราชธิดา
1. นักเรียนยกเนื้อความที่นักเรียนเห็นวาเปนความ
เกรงพระราชอาญาขัดรับสั่งสมเด็จพระราชบิดามิได้ ก็ยกพานพระศรีมาตั้งลงเฉพาะหน้าสมิงพระราม
เปรียบที่นาสนใจ อยางนอย 2 แหง พรอม
แต่ห่างๆ ช้อยช�าเลืองดูสมิงพระรามไม่ทันจะเต็มพระเนตร ด้วยความอายก็เสด็จกลั2บเข้าไป เจ้าสมิง
อธิบายความหมายประกอบ
พระรามเห็นพระราชบุตรียกพานพระศรีออกมานั้น ประกอบด้วยเยาวรูปสิริวิลาสลักษณ์เป็นอันงาม
(แนวตอบ ตัวอยางเชน
ก็แลตะลึงลืมตัวไม่เป็นสมประดี จนพระราชบุตรีเสด็จกลับเข้าไป พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องทอดพระเนตร
• “นี่จะไดผัวมอญตางภาษาเปนเพียงนายทหาร
เห็นแล้วก็ดีพระทัย ทรงด�าริว่า เจ้าสมิงพระรามเห็นจะมีความรักธิดาเราว่ารูปงาม สมค�าพระอัคร-
อุปมาดังหงสตกลงในฝูงกา” เปนสิ่งที่พระ
มเหสีทูลไว้ ทรงพระร�าพึงนิ่งอยู่ในพระทัยแล้วก็เสด็จขึ้น
ราชธิดาพูดกับพระมเหสีวา การแตงงานที่มี
ครั้ น เวลาวั น หนึ่ ง เสด็ จ ออกพร้ อ มด้ ว ยเสนาบดี ข ้ า ราชการทั้ ง ปวง พระองค์ จึ ง ตรั ส แก่
สามีเปนชาวมอญตางภาษาอีกทั้งเปนเพียง
สมิงพระรามว่าท่านอาสากู้พระนครเราไว้ได้ครั้งนี้ มีพระเกียรติยศปรากฏไปแก่ประเทศราชธานี
ทหาร ก็เปรียบตนเองเปนหงส สวนทหาร
ทั้งปวง จนตลอดกัลปาวสาน ซึ่งท่านจะไม่รับรางวัลนั้นมิชอบ ดุจท�าลายเกียรติยศเราให้เสื่อมเสีย
มอญที่จะมาเปนสามีเปนกา
เพราะจะเป็นที่ติเตียนแก่กษัตริย์ทั้งปวง ท่านด�าริดูจงควรเถิด
• “ถาบุรุษใดไดเห็นและไดนั่งใกลแลวเมื่อใด
สมิงพระรามได้ฟังดังนั้นก็คิดว่า เรารับอาสาท�าความชอบครั้งนี้ คิดจะแก้ตัวกลับไปเมือง
ก็มิอาจจะดํารงจิตอยูได ดวงกมลก็หวั่นไหว
เมื่อพระเจ้ามณเฑียรทองมิทรงพระอนุญาต จะหน่วงเหนี่ยวไว้ฉะนี้ ครั้นเราจะหนีไปก็เสียสัตย์
ไปดวยความปฏิพัทธ อุปมาดังชายธงอันตอง
หาควรไม่ ทั้งนี้ก็ตามแต่วาสนา เมื่อพระเจ้าอังวะจะโปรดพระราชทานพระราชธิดาแล้ว เราก็จะอยู่ชม
ลม” เปนสิ่งที่พระมเหสีกลาวกับพระสวามี
รสนางพม่าเสียก่อน เผื่อจะมีโอชาหวานดีกว่ารสมอญกระมัง ถ้าแม้บุญยังจะกลับไปเมืองหงสาวดี
พระเจาฝรั่งมังฆอง ดวยเห็นวาบุตรธิดาของ
ได้โดยสัตย์ คิดแล้วจึงทูลว่า ซึ่งพระองค์ทรงพระราชทานที่มหาอุปราชแก่ข้าพเจ้าๆ มิรับนั้น เหตุด้วย
ตนนั้นงดงามมากไมมีชายใดที่จะไมหวั่นไหว
พระราชบุตรของพระองค์ยังจะมีอยู่ อนึ่งข้าพเจ้าเล่าก็ต่างประเทศภาษา อุปมาดังนกเค้าถึงมีก�าลังอยู่
ไปกับความงามของพระราชธิดา เปรียบชาย
ก็จริง แต่ตกเข้าอยู่ในท่ามกลางฝูงกาเมื่อกลางวัน ข้าพเจ้าจะบัญชาราชกิจฉันใด ครั้นข้าพเจ้ามิรับ
ทั้งหลายเปนเหมือนธงที่เมื่อตองลม ก็คือได
บ�าเหน็จรางวัลเล่า ก็จะเสียราชประเพณีของพระองค์ไป ข้าพเจ้าจะยอมเป็นทหารอยู่กับพระองค์แล้ว
เขาใกลความงามของพระราชธิดายอมเปน
96
ธรรมดาที่จะไหวเหมือนธง)
2. ครูสุมนักเรียน 2-3 คน มานําเสนอใหเห็น
การใชความเปรียบ
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู จากเนื้อเรื่องเมื่อสมิงพระรามสามารถเอาชนะกามะนีทหารเอกของ
จีนได พระเจาฝรั่งมังฆองไดมอบบําเหน็จรางวัลใหแกสมิงพระราม ซึ่งเปน
1 พานพระศรี เปนคําราชาศัพทในหมวดเครื่องราชูปโภค เปนสํารับสําหรับทรง
แนวคิดสําคัญของตอน สมิงพระรามอาสา ครูบูรณาการความรูเขากับวิชา
ใชประจําวัน พานใสหมากพลูของพระเจาแผนดิน โบราณเรียก พานพระขันหมาก
พระพุทธศาสนา เรื่องหลักปฏิบัติระหวางผูบังคับบัญชาและผูที่อยูใตบังคับ
หรือพระขันหมาก เครื่องพานพระศรี แบงไดอีก 2 สํารับ คือ เครื่องทองลงยาและ
บัญชา ซึ่งก็คือ ทิศ 6 โดยเฉพาะ “เหฏฐิมทิศ” ทิศเบื้องตํ่า เจานาย ผูบังคับ
เครื่องนาก เครื่องทองลงยาใชวันเวลาปกติ และเครื่องนากใชสําหรับใชในวันพระ
บัญชา พึงบํารุงบาว หรือผูใตบังคับบัญชา ดวย 5 สถาน ไดแก ดวยการ
2 วิลาส หรือพิลาส เปนคําบาลีสันสกฤต แปลวา งามมีเสนห งามอยางสดใส จัดงานใหตามกําลัง ดวยการใหอาหารและบําเหน็จรางวัล ดวยการรักษา
พยาบาลยามเจ็บไข ดวยแจกของมีรสดีแปลกๆ ใหกิน และดวยใหมีวันหยุด
และพักผอนหยอนใจตามโอกาสอันควร ดวยหลักคิดนี้จะทําใหความสัมพันธ
ระหวางผูบังคับบัญชากับผูอยูใตบังคับบัญชากระชับแนนแฟนขึ้น พระเจา
ฝรั่งมังฆองก็ปรารถนาที่จะใหสมิงพระรามมีใจภักดีอยูรับใช นอกจากนี้การ
มอบบําเหน็จรางวัลใหแกผูทําความดีความชอบตามสัญญา จะทําใหไมเปนที่
ครหาวาเปนกษัตริยผูมีอํานาจแลวไมรักษาคําสัตย

96 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนตอบคําถามและรวมกันแสดงความคิด
แต่จะขอรับพระราชทานความอนุญาตอยู่สองประการๆ หนึ่งห้ามมิให้คนทั้งปวงเรียกว่าเชลย ถ้าผู้ใด เห็นในประเด็นตอไปนี้
มิฟังขืนเรียก ข้าพเจ้าได้ยินแล้วก็จะถวายบังคมลากลับไปเมืองหงสาวดี ประการหนึ่งถ้ามีสงคราม • สมิงพระรามตัดสินใจที่จะรับบําเหน็จรางวัล
สมเด็จพระเจ้าราชาธิราชมาเมื่อใด ข้าพเจ้ามิขอเข้าท�าสงครามด้วยทั้งสองฝ่าย แม้นมีสงครามกษัตริย์ จากพระเจาฝรั่งมังฆองหรือไม อยางไร
อื่นมา ข้าพเจ้าจะขอรับอาสาสู้รบกว่าจะสิ้นชีวิต ถ้าพระองค์โปรดอนุญาตความสองประการนี้แล้ว (แนวตอบ สมิงพระรามยอมรับบําเหน็จรางวัล
ข้าพเจ้าก็จะยอมรับพระราชทานรางวัลอยู่ด้วยพระองค์สืบไป ที่พระเจาฝรั่งมังฆองจะพระราชทานให แตมี
พระเจ้ามณเฑียรทองได้ทรงฟังก็ดีพระทัยนัก จึงตรัสว่า เหตุเท่านี้เราจะอนุญาตให้ได้ อย่าว่า เงื่อนไข 2 ขอที่จะขอกับพระเจาฝรั่งมังฆอง
แต่ท่านจะขออนุญาตเท่านี้เลย ถึงจะให้มากกว่านี้สักร้อยประการ ถ้าควรแล้วเราจะอนุญาตให้ท่านสิ้น คือ ขอแรกหามไมใหผูใดเรียกตนวาเชลย
จึงสั่งให้เสนาบดีข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยทั้งปวง ให้ตีฆ้องร้องป่าวทั่วทั้งพระนครว่า ตั้งแต่วันนี้ไปให้คน ถามีผูใดเรียก แลวตนไดยินจะลากลับ
ทั้งปวงเรียกว่าเจ้าสมิงพระรามกู้เมือง ถ้าผู้ใดเรียกเชลยแล้ว จะฆ่าเสียให้สิ้นทั้งโคตร ถ้าเราแต่งการ
เมืองหงสาวดี ขอสองถามีสงครามระหวาง
พระเจาราชาธิราชกับพระเจาฝรั่งมังฆอง
อภิ เ ษกสมิ ง พระรามขึ้ น เป็ น อุ ป ราชแล้ ว ให้ อ อกนามว่ า พระมหาอุ ป ราชผดุ ง พระนคร เสนาบดี
เมื่อใด จะไมเขาทําสงครามกับทั้งสองฝาย
ข้าราชการใหญ่น้อยรับๆ สั่งแล้วก็ถวายบังคมลาออกจากเฝ้า จึงแต่งคนให้เที่ยวตีฆ้องร้องป่าวไปทั่ว
นอกจากจะเปนสงครามกษัตริยอื่นจะขอ
กรุงรัตนบุระอังวะ ชาวเมืองทั้งปวงรู้แล้วก็เกรงพระราชอาญา ต่างคนชวนกันสรรเสริญพระเจ้าฝรั่ง
อาสารบจนกวาจะสิ้นชีพ)
มังฆ้องว่า พระเจ้าอยู่หัวของเราทรงโปรดทแกล้วทหารรักยิ่งกว่าพระราชธิดาอันเกิดแต่พระอุระ
• เหตุใดสมิงพระรามจึงรับบําเหน็จรางวัลจาก
หวังจะบ�ารุงพระนครให้คนทั้งปวงอยู่เป็นสุข และจะให้ข้าศึกย�าเกรงพระเดชานุภาพจึงทรงปลูก พระเจาฝรั่งมังฆอง
เลี้ยงสมิงพระรามไว้ ตั้งให้เป็นมหาอุปราชแล้วชมฝีมือและบุญญาธิการสมิงพระรามเป็นอันมาก (แนวตอบ เหตุที่สมิงพระรามยอมรับบําเหน็จ
พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องจึงตรัสสั่งให้ปลูกต�าหนักใหญ่อย่างที่มหาอุปราช และแต่งการเฉลิม รางวัล เพราะคิดวาหากจะกลับไปเมือง
พระต� า หนั ก เครื่ อ งภิ เ ษกทั้ ง ปวงเสร็ จ แล้ ว พระโหรจึ ง ถวายฤกษ์ อั น เป็ น ศุ ภ มงคล เข้ า พิ ธี เ ฉลิ ม หงสาวดีพระเจาฝรั่งมังฆองก็คงไมอนุญาต
พระต�าหนักพร้อมด้วยพระญาติวงศา พราหมณ์พฤฒามาตย์ราชปุโรหิตทั้งปวง อภิเษกพระราชธิดากับ หากจะหนีไปทั้งสมิงพระรามและพระเจา
เจ้าสมิงพระรามเป็นมหาอุปราช ตามราชประเพณีมาแต่ก่อนแล้ว พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องก็พระราชทาน ฝรั่งมังฆองก็คงเสียเกียรติ)
เครื่องยศส�าหรับที่ลูกหลวงเอกให้สมิงพระรามเป็นมหาอุปราช ครั้งนั้นกรุงรัตนบุระอังวะก็เงียบสงบ
ศึกลง สมณพราหมณ์อาณาประชาราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข ขยายความเขาใจ Expand
ครั้นอยู่มาประมาณสามเดือน พระราชธิดาพระเจ้ามณเฑียรทองก็ทรงพระครรภ์ ถ้วนทศมาส
แล้วก็ประสูติพระราชโอรส พระเจ้ามณเฑียรทองได้ทราบก็มีพระทัยเสน่หายิ่งนัก เสด็จไปรับพระราช- จากที่สมิงพระรามตัดสินใจหนีกลับเมือง
นัดดาด้วยพระหัตถ์1 ของพระองค์ แล้วพระราชทานเครื่องประดับทั้งปวงส�าหรับพระราชกุมารโดย
หงสาวดี นักเรียนคิดวาสมิงพระรามมีลักษณะนิสัย
อยางไร
ขบวนลูกหลวงเอก
(แนวตอบ สมิงพระรามเปนผูที่ยึดมั่นกับคําสัตย
ครั้นพระราชกุมารมีชันษาได้ขวบเศษ พอย่างพระบาทด�าเนินได้ พระเจ้ามณเฑียรทองเสด็จ
วาจา เปนผูที่ทําตามคําสัตยที่ใหไวกับพระเจา
ออกว่าราชการครั้งใด ก็ทรงอุ้มพระราชนัดดาขึ้นนั่งเหนือพระเพลาทุกครั้ง อยู่มาวันหนึ่งทรงอุ้ม
ฝรั่งมังฆองและคาดหวังวาจะไดรับการยึดมั่น
พระราชนัดดาเสด็จออก ณ พระที่นั่งพร้อมด้วยเสนาบดีทั้งปวง สมิงพระรามมหาอุปราชก็เฝ้าอยู่
รักษาคําสัตยดุจเดียวกัน เพื่อใหสามารถอยูรวมกัน
ที่นั้นด้วย ไดอยางปกติสุขไมบาดหมางกัน ก็ตองเชื่อใจกัน
97
การละเมิดคําสัตยจะทําใหไมสามารถอยูรวมกันได
เพราะไมไวใจกัน สมิงพระรามจึงหนีกลับเมือง
หงสาวดี)
ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับเงื่อนไขสัญญาที่สมิงพระรามทูลขอจาก
1 ลูกหลวงเอก หมายถึง พระราชโอรสซึ่งประสูติจากพระมารดาซึ่งทรงเปน
พระเจาฝรั่งมังฆอง
พระราชธิดาของสมเด็จพระเจาแผนดิน หรือที่เรียกกันในสมัยนั้นวา ลูกหลวง
1. เมื่อเกิดศึกระหวางพมาและมอญ สมิงพระรามจะชวยพมา
เพราะทรงมีฐานันดรศักดิ์เปน “ลูกหลวงเอก”
2. เมื่อเกิดศึกระหวางพมาและมอญ สมิงพระรามจะชวยมอญ
3. เมื่อเกิดศึกระหวางพมาและมอญ สมิงพระรามจะชวยทั้งสอง
4. เมื่อเกิดศึกระหวางพมาและมอญ สมิงพระรามจะไมชวยทั้งสอง
มุม IT
วิเคราะหคําตอบ สัญญาที่สมิงพระรามทูลขอจากพระเจาฝรั่งมังฆองก็เพื่อ
รอมชอมกัน ไมใหฝายใดฝายหนึ่งเสียเปรียบ เพราะไมเชนนั้นแลว ศึกษาเกี่ยวกับฐานันดรศักดิ์ของกษัตริยเพิ่มเติม ไดที่ http://www.laksanathai.
พระเจาฝรั่งมังฆองจะไมยินยอมรับเงื่อนไขสัญญา หากชวยฝายใดฝายหนึ่งก็ com/book2/p007.aspx
ไมอาจตกลงกันได และเมื่อเกิดสงครามก็เปนไปไมไดที่สมิงพระรามจะรบทั้ง
สองฝาย ดังนั้น สิ่งที่สมิงพระรามจะเสนอ คือ ไมชวยทั้งสองฝาย ตอบขอ 4.

คูมือครู 97
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนตอบคําถามและรวมกันแสดงความ
คิดเห็นในประเด็นตอไปนี้ ฝ่ายพระราชกุมารเป็นทารกยังทรงพระเยาว์ไม่แจ้งความก�าดัดคะนองลุกจากพระเพลา ยืนขึน้
• เหตุใดสมิงพระรามจึงหนีไปเมืองหงสาวดี ยุดพระอังสาพระเจ้ามณเฑียรทองไว้แล้วเอื้อมพระหัตถ์ขึ้นไปเล่นบนที่สูง พระเจ้ามณเฑียรทองผัน
(แนวตอบ เหตุที่สมิงพระรามหนีไปเมือง พระพักตร์มา ทอดพระเนตรเห็นดังนั้น ก็ตรัสพลั้งพระโอษฐ์ออกไปว่า ลูกอ้ายเชลยนี้กล้าหาญนัก
หงสาวดีอันเมืองที่อยูเดิมของตนเองนั้น นานไปเห็นองอาจแทนมังรายกะยอฉะวาได้ สมิงพระรามได้ยินพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องดังนั้นก็น้อยใจ
ก็เพราะพระเจาฝรั่งมังฆองพลั้งเผลอพูดใน จึงคิดว่าครั้งนี้สิ้นวาสนากันแล้ว เป็นผลที่เราจะได้กลับไปเมืองหงสาวดีด้วยความสัตย์ ครั้นพระเจ้า
สิ่งที่สมิงพระรามเคยขอหามไมใหผูใดพูด คือ มณเฑียรทองเสด็จขึ้นแล้ว
พูดวาสมิงพระรามเปนเชลย สมิงพระรามจึง ฝ่ายสมิงพระรามก็กลับมาที่อยู่ จึงเขียนหนังสือสองฉบับ ฉบับหนึ่งซ่อนไว้ใต้หมอน ฉบับหนึ่ง
หนีไปโดยไมลา ดวยไมอยากใหมีคนมา เหน็บพกไว้ แล้วคิดเป็นห่วงอาลัยบุตรและพระราชธิดา แล้วหักจิตข่มลงได้ มิได้บอกผู้ใด พระราชธิดา
ขัดขวางได) อันเป็นที่รักนั้นก็มิแจ้งให้รู้ กลัวจะห้ามปรามขัดขวาง ความจะทราบถึงพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องจึงเอาเบาะ
• นักเรียนคิดวาสมิงพระรามตัดสินใจถูกหรือ บังเหียนมาผูกม้าซึง่ ขีส่ กู้ บั กามะนีนนั้ แล้วจัดแจงแต่งกายนุง่ ห่มเสร็จถือทวนสะพายดาบเผ่นขึน้ หลังม้า
ควบหนีออกจากเมืองอังวะ
ไมที่หนีไปทั้งที่มีความรักใครหวงใยพระราช-
ฝ่ายพม่าชาวเมืองเห็นก็ร้องอื้ออึงขึ้นว่า มหาอุปราชผดุงพระนครหนีไปแล้ว ความทราบถึง
ธิดาและบุตร
เสนาบดีๆ ก็รีบเข้าไปกราบทูลพระเจ้ามณเฑียรทองๆ ได้แจ้งแล้ว ก็สะดุ้งตกพระทัย จึงสั่งให้จัดทัพม้า
(แนวตอบ การที่สมิงพระรามหนีไปทั้งนี้ พันหนึ่ง ไปตามเจ้าสมิงพระรามๆ ก็ควบม้าหนีมาเต็มพักม้าแล้วก็หยุดพักม้า นั่งคอยท่าอยู่กลาง
เกิดจากพระเจาฝรั่งมังฆองไมรักษาคําสัตย ท้องนาใต้ต้นไม้แห่งหนึ่ง มีต้นตาลเรียงอยู่ที่นั้นสามต้น สูงประมาณสิบห้าวาสิบหกวา มีผลสุกต้นละ
ที่ตนเองเปนผูรับปาก หากอยูตอไปก็อาจเกิด สี่ทะลายบ้างห้าทะลายบ้าง ครั้นแลเห็นทัพพม่ายกตามมาแต่ไกล จึงขึ้นบนหลังม้า ชักม้าฟ้อนร�าเป็น
ความระแวงสงสัยกันนําความเดือดรอนมาให เพลงทวน แล้วพุ่งผลตาลสุกทั้งสามต้นหล่นลงทีละผล มือขวารับทวนมือซ้ายรับผลตาลหล่นลงมา
แกทั้งสองฝาย เพราะเมื่อไดเสียสัตยไปแลว หาทันจะตกถึงดินไม่ แล้วก็โยนไปให้นายทัพนายกองพม่าๆ เห็นดังนั้นก็ตกใจหยุดยืนอยู่สิ้น กลัว
ครั้งหนึ่งก็ยอมเกิดครั้งตอๆ ไปได การทําตาม ขยาดฝีมือนัก ไม่มีผู้ใดจะสามารถเข้าหักหาญจับกุมได้ ก็ค่อยรอตามมาจนสุดแดน สมิงพระรามจึง
สัญญาที่ใหไวจึงดีที่สุด เพราะตามสัญญาที่ เอาหนังสือนั้นใส่ไม้คีบปักไว้ แล้วก็รีบควบม้ากลับเข้ากรุงหงสาวดี
พระเจาฝรั่งมังฆองใหไวนั้นผูที่เอยวา ฝ่ายนายทัพนายกองพม่าทั้งปวงที่ติดตามมานั้น ครั้นได้หนังสือแล้ว ก็พากันยกกลับไปยัง
สมิงพระรามจะตองถูกประหารทั้งโคตร กรุงรัตนบุระอังวะ จึงน�าหนังสือเข้าถวายพระเจ้ามณเฑียรทองๆ ทรงรับหนังสือนั้นมาทอดพระเนตร
แตผูที่ผิดสัญญากลับเปนคนเดียวกับผูที่ให ด้วยพระองค์เป็นใจความว่า
สัญญา การจากไปจึงเปนการเห็นแก ข้าพเจ้าสมิงพระรามขอกราบถวายบังคมทูลไว้ให้ทราบใต้ฝา่ พระบาทยุคล ด้วยพระองค์
พระราชธิดาและบุตร) ออกพระโอษฐ์ทรงพระอนุ ญาตให้ความสัตย์ไว้แก่ข้าพเจ้าว่า จะมิให้ผู้ใดเรียกว่าเป็นเชลย
ถ้าผูอ้ นื่ เรียกแล้วจะให้ลงพระราชทัณฑ์ตดั ศีรษะเสียสิน้ ทัง้ โคตร บัดนี้พระองค์กลับมาเรียกว่า
ขยายความเขาใจ Expand อ้ า ยเชลยอี ก เล่ า ซึ่ ง ข้ า พเจ้ า จะอยู ่ ด ้ ว ยพระองค์ สื บ ไปนั้ น ก็ เ ห็ น ว่ า ผิ ด ประเพณี แ ผ่ น ดิ น
เมืองอังวะแปรปรวนมิได้ยั่งยืนแล้ว ข้าพเจ้าจะขอถวายบังคมลา กลับไปเมืองหงสาวดีที่
นักเรียนแสดงความคิดเห็นที่มีตอตัวละครที่ตนเอง เคยอยู่ข้าพเจ้าแล้ว เชิญพระองค์จงเสวยสิริราชสมบัติเป็นสุขพระทัยเถิด ซึ่งพระราชธิดา
ประทับใจในเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา และพระราชนัดดาของพระองค์นั้น ข้าพเจ้าขอฝากไว้ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วย ถ้า
โดยเขียนความยาวไมนอยกวา 15 บรรทัด เจริญพระชนม์ยิ่งยืนแล้ว จะได้อยู่ท�าราชการสนองพระเดชพระคุณแทนตัวข้าพเจ้าสืบไป
(แนวตอบ นักเรียนสามารถเขียนแสดงความคิดเห็น
98
ไดหลากหลายขึ้นอยูกับความประทับใจของนักเรียน
แตละคน)

ขอสอบเนน การคิด
บูรณาการอาเซียน แนว O-NET
ขอใดมิใชเหตุผลที่สมิงพระรามกลับกรุงหงสาวดี
ราชาธิราช เปนเรื่องที่มาจากเคาเรื่องจริงในพงศาวดารมอญที่มีการบันทึก
1. เกรงพระราชทัณฑตัดศีรษะทั้งโคตร
เรื่องราวทางประวัติศาสตรของอาณาจักรไว ซึ่งเปนชวงเวลาที่มอญและดินแดนใน
2. เกรงจะเสียงานที่ไดรับมอบหมาย
เอเชียถูกคุกคามจากกษัตริยมองโกลผูยิ่งใหญ “กุบไลขาน” แตทั้งนี้ไทยไมไดรับ
3. เกรงวาจะผิดประเพณีแผนดิน
ผลกระทบเพราะกษัตริยไทยสงเครื่องราชบรรณาการไปเจริญสัมพันธไมตรีเสียกอน
4. ไดรับความอัปยศ
แตอยางไรก็ตามเหตุการณทางประวัติศาสตรดังกลาวเปนบอเกิดวรรณกรรมของ
เอเชียตะวันออกเฉียงใตที่มีการแทรกปนเรื่องจากจินตนาการเขาไปดวยแตยังคงที่ วิเคราะหคําตอบ ภายหลังพระเจาฝรั่งมังฆองพลั้งเผลอเรียกลูกสมิงพระราม
มาไววา จีนไดแผขยายอํานาจมาถึงอาณาจักรของตน ภายหลังการจัดตั้งสมาคม ซึ่งก็เปนหลานของพระองควา “ลูกอายเชลย” สมิงพระรามรูสึกอัปยศจึง
อาเซียนในความรวมมือทางวัฒนธรรมไดมีการจัดโครงการเกี่ยวกับวรรณกรรมของ ตัดสินใจกลับกรุงหงสาวดี เพราะตามที่ไดสัญญากันไว ผูใดเรียกสมิงพระราม
กลุมประเทศอาเซียน เชน โครงการโลกทัศนพมาจากวรรณกรรมหายาก วาเชลยจะไดรับโทษประหารชีวิตทั้งโคตร ในที่นี้หมายถึงพระราชธิดาและ
เรื่องราชาธิราช เปนตน นับวาเปนจุดเริ่มตนของการขยายและพัฒนาในเชิง พระราชนัดดาของพระเจาฝรั่งมังฆอง และหากไมทําก็จะเสียสัตยผิดประเพณี
วิชาการสูเวทีอาเซียน ซึ่งจะนําไปสูการกําหนดนโยบายระหวางพมากับไทยสืบไป แผนดิน แตการไปจากกรุงอังวะไมเกี่ยวกับงาน สมิงพระรามไมไดรับมอบ-
หมายงานแตอยางใด ตอบขอ 2.

98 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายแสดงความคิดเห็นใน
พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องได้แจ้งดังนั้นก็ทรงทราบว่าเจ้าสมิงพระรามหนีไปทั้งนี้ด้วยมีความน้อยใจ ประเด็นตอไปนี้
ในถ้อยค�าที่เราพูดพลั้งไปนั้น ก็มีพระทัยอาลัยเสียดายนัก มิได้ตรัสประการใดแก่เสนาบดีทั้งปวง เกรง • คุณธรรมใดในเรื่องราชาธิราช ตอน
ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยจะติเตียนได้ว่า พระองค์ไม่รักษาพระวาจาตรัสผิดไปเอง สมิงพระรามจึงได้ สมิงพระรามอาสาที่สําคัญที่สุด
หนีไป อุปมาดังคนปลูกพฤกษชาติให้ใหญ่สูงแล้วตัดยอดหักกิ่งเสีย จึงเสด็จเข้าข้างใน พระราชทาน (แนวตอบ การรักษาคําสัตยเปนคุณธรรมที่
หนังสือนั้นให้แก่พระอัครมเหสี มีความสําคัญที่สุดในเรื่องราชาธิราช ตอน
พระอัครมเหสีรับมาอ่านแจ้งความแล้ว ก็เสียดายสมิงพระรามยิ่งนัก และเกรงว่าพระราชธิดา สมิงพระรามอาสา การรักษาคําสัตยสง
จะเป็นม่าย จึงทูลว่าเป็นธรรมดาสืบมา พลั้งปากก็ย่อมเสียการ พลั้งมีดพลั้งขวานมักจะบาดเจ็บ ผลตอการดําเนินเรื่องกลาวคือ ตลอดการ
ซึ่งพระองค์เสียทแกล้วทหารที่ดีไปทั้งนี้ เพราะพลั้งพระโอษฐ์มิทันทรงด�าริ ถึงกระนั้นก็อย่าเพ่อ ดําเนินเรื่องตัวละครจะตัดสินใจทําการใด
จะตองมีการขอคําสัตยจากอีกฝายและให
ทรงพระวิตกเลย ด้วยพระราชนัดดาของพระองค์ยังมีอยู่ ถ้าเจริญพระชนม์เติบใหญ่ไปเบื้องหน้า
คําสัตยกับอีกฝาย เชน สมิงพระรามขอ
แล้วเราจะให้ไปติดตามมา ถึงสมิงพระรามจะไม่สู้รักใคร่อาลัยแม่ก็คงอาลัยลูก ข้าพเจ้าเห็นทีจะเสียลูก
คําสัตยกับพระเจาฝรั่งมังฆองวาตองไมให
มิได้คงจะกลับมา
ผูใดเรียกตนวาเชลย และใหคําสัตยวาจะ
ฝ่ายพระราชธิดาเมื่อสมิงพระรามหนีไปนั้น เป็นเวลาตะวันบ่าย พระราชธิดาบรรทมหลับอยู่
ยอมเปนทหารอยูกับพระเจาฝรั่งมังฆอง
ครั้นฟื้นบรรทมขึ้น นางสาวใช้เข้ามาทูลว่าพระมหาอุปราชหนีไปแล้ว พระราชธิดาได้แจ้งก็ตกพระทัย เปนตน)
ทรงพระกันแสงร�่ารัก แล้วเข้าไปดูดาบในที่นอนสมิงพระรามก็หายไป ดูผ้าโพกและแหวนเครื่อง-
ประดับมีค่าทั้งปวงก็หาเห็นไม่ จึงเหลือบพระเนตรเห็นหนังสือที่ใต้หมอน พระนางก็หยิบมาคลี่อ่าน ขยายความเขาใจ Expand
ใจความในหนังสือนั้นว่า
นักเรียนยกเหตุการณและเนื้อความที่นักเรียน
เห็นวาเปนคุณธรรมที่สําคัญที่สุดในเรื่องราชาธิราช
สมเด็ จ พระราชบิ ดาปลู กเลี้ ยงให้ เราทั้ งสองอยู ่ ค รองกั น เป็ น สุ ข สถาพรแล้ ว บั ด นี้ ตอน สมิงพระรามอาสา
พระองค์เสียสัตย์ท�าให้เราได้ความอัปยศ เราอยู่ด้วยมิได้จึงหนี ไป ขอฝากแต่หลานหลวง (แนวตอบ เนื้อความตอนที่พระเจากรุงจีนตรัส
ไว้ด้วยเถิด ชาตินี้เรามีกรรมจึงจากกันทั้งรัก ไปในชาติเบื้องหน้าขอให้เราได้เป็นคู่ครองกัน กับเหลานายทัพนายกองของพระองควา “เราเปน
อย่ารู้แรมนิราศจนบรรลุนฤพาน กษัตริยผูใหญอันประเสริฐไดใหคํามั่นสัญญาแกเขา
ไวแลว จะกลับคําดังนั้นควรไม พมาทั้งปวงจะชวน
พระราชธิดาได้แจ้งในหนังสือนั้นแล้ว ก็ยิ่งทรงพระโศกด้วยความอาลัย แค้นสมเด็จพระราช- กันดูหมิ่นไดวาจีนพูดมิจริง เรารักสัตยยิ่งกวาทรัพย
บิดานัก อยาวาแตสมบัติมนุษยนี้เลย ถึงทานจะเอาทิพย-
ฝ่ายสมิงพระรามเข้ามาถึงกรุงหงสาวดีแล้ว ชาวพระนครทั้งปวงเห็นก็ร้องชมอื้ออึงไปว่า สมบัติของสมเด็จอมรินทรมายกใหเราๆ ก็มิได
เจ้าสมิงพระรามหนีกลับมาได้แล้ว เสนาบดีทั้งปวงรู้ ต่างคนก็ออกมาพูดไต่ถามกันแล้ว จึงพากัน ปรารถนา”)
เข้าไปเฝ้าสมเด็จพระเจ้าราชาธิราช เจ้าสมิงพระรามจึงกราบทูลตามกิจการทั้งปวง ซึ่งได้กระท�ามา
แต่หนหลังสิ้นทุกประการ
99

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนจัดกลุมชวยกันระดมความคิดเห็นนําคุณธรรมจากเรื่อง ครูเนนเกี่ยวกับคุณธรรมเรื่องความกลาหาญและการรักษาคําสัตยของตัวละครใน
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา มาแตงคําขวัญเชิญชวนเพื่อสราง เรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา โดยแนะใหนักเรียนพิจารณาภาพที่สะทอน
คานิยมที่ดีของคนในสังคม นักเรียนนําคําขวัญที่ไดมาจัดปายนิเทศใน จากเรื่องวา ไดสงเสริมความดีงามใหคุณคาทางจิตใจแกผูอาน เปนเครื่องหมาย
ชั้นเรียน ชี้ใหเห็นถึงคานิยมหรือความตองการสรางคานิยมที่ดีใหแกคนในยุคสมัยนั้น ครูให
นักเรียนพิจารณาประเด็นนี้ภายหลังการอานเนื้อเรื่องจบ

กิจกรรมทาทาย
มุม IT
นักเรียนจัดกลุมทําผังความคิดคุณธรรมของตัวละครหลักในเรื่อง ศึกษาเกี่ยวกับวรรณคดีเรื่องสมิงพระราม ตอน สมิงพระรามอาสา ซึ่งเปน
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา จัดแสดงผลงานของนักเรียนในชั้นเรียน ความรูเสริมเพิ่มเติม ไดที่ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/424755

คูมือครู 99
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
จากเนื้อเรื่องที่นักเรียนศึกษาและอานนักเรียน
สรุปขอคิดที่ไดจากเรื่อง สมเด็จพระเจ้าราชาธิราชได้ฟงั ดังนัน้ ก็มพี ระทัยโสมนัสยิง่ นัก จึงสัง่ ให้เล่นการมหรสพ สมโภช
(แนวตอบ ขอคิดที่ไดจากเรื่อง มีดังนี้ เจ้าสมิงพระรามเจ็ดวันเจ็ดคืน แล้วพระราชทานเครือ่ งยศและเครือ่ งอุปโภคบริโภคเป็นอันมาก แล้วโปรด
1. คนดีมีความสามารถแมอยูในเมืองศัตรูก็ยังมี ให้กนิ เมืองวาน ขณะเมือ่ เจ้าสมิงพระรามกลับมาได้แต่กรุงอังวะครัง้ นัน้ จุลศักราชได้ ๗๘๗ ปี
คนเชิดชูไดเสมอ
2. ผูเปนกษัตริยยอมถือความสัตยเปนสิ่งประเสริฐ
บอกเล่าเก้าสิบ
ที่สุด
3. ความประมาทเปนหนทางแหงความตาย เชน
กามะนี หงสาวดี
4. ผูที่ทํากิจโดยอาศัยปฏิภาณไหวพริบและความ หงสาวดี หรือที่เรียกอีกชื่อหนึ่งวา พะโค เปนหนึ่งในหลายเมืองสําคัญของมอญที่ปรากฏอยู
สามารถเฉพาะตนจะประสบความสําเร็จใน ในเรื่องราชาธิราช ตั้งอยูทางตอนใตของประเทศพมา ในอดีตหงสาวดีเคยเปนเมืองของมอญ กอนที่
พระเจาตะเบ็งชะเวตี้จะยึดครองไดใน พ.ศ. ๒๐๘๒ หงสาวดีเจริญรุงเรืองถึง1ขีดสุดในรัชสมัยของ
ชีวิตได พระเจาบุเรงนอง พระองคไดโปรดใหสรางพระราชวังที่ชื่อวา กัมโพชธานี เปนพระราชวังที่มี
5. บานเมืองจะประกอบไปดวยกษัตริยที่อยูใน ขนาดใหญไวเปนที่ประทับ
ความสัตย) หงสาวดียังมีสถานที่สําคัญประจําเมือง ไดแก พระธาตุชเวมอดอ หรือที่คนไทยนิยมเรียกวา
พระธาตุมุเตา เปนพระธาตุศักดิ์สิทธิ์คูเมือง เลากันวา เมื่อพระเจาบุเรงนองจะทรงทําศึกครั้งใด
จะเสด็จมาทรงสักการะพระธาตุแหงนี้ทุกครั้ง แมแตสมเด็จพระนเรศวรมหาราช 2เมื่อไดประทับ
ตรวจสอบผล Evaluate ที่เมืองหงสาวดีก็ไดเสด็จมาทรงสักการะพระธาตุแหงนี้ดวยเชนกัน ปจจุบันหงสาวดีเปนเมืองที่ทํา
รายได ใ ห แ ก ป ระเทศพม า เป น อย า งมาก ด ว ยความที่ เ ป น เมื อ งท อ งเที่ ย วที่ มี ค วามสํ า คั ญ ทาง
1. นักเรียนยกสํานวนสุภาษิตที่มีความหมาย ประวัติศาสตรศิลปะและวัฒนธรรม
ตรงกับเนื้อความที่กําหนดได
2. นักเรียนยกเนื้อความที่นักเรียนเห็นวาเปน
ความเปรียบที่นาสนใจได
3. นักเรียนเขียนแสดงความคิดเห็นที่มีตอตัวละคร
ที่นักเรียนประทับใจในเรื่องราชาธิราช ตอน
สมิงพระรามอาสาได

พระราชวัง (จ�าลอง) ที่ประทับของพระเจ้าบุเรงนองที่เมืองหงสาวดี สร้างเลียนแบบของเดิมที่ถูกไฟไหม้ ซึ่งได้รับ


ความเสียหายในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒

100

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดไมใชบุคลิกลักษณะของสมิงพระราม
1 กัมโพชธานี เปนพระราชวังใหญโต สรางขึ้นเมื่อครั้งที่พระเจาบุเรงนองเสด็จ
1. รักศักดิ์ศรี รอบคอบ
ขึ้นครองราชย ใน พ.ศ.2094 ดวยการปราบดาภิเษก เพราะมีกบฏเกิดหลังการ
2. รักษาคําสัตย ไหวพริบดี
สิ้นพระชนมของพระเจาตะเบงชะเวตี้ ทรงสรางพระราชวังกัมโพชธานี (Kamboza
3. โหดเหี้ยม มีเลหเหลี่ยม
Thadi Palace) ของพระองคที่กรุงหงสาวดี
4. กลาหาญ เฉลียวฉลาด
2 หงสาวดี เดิมเปนเมืองศูนยกลางของมอญ ตอมาศูนยกลางอํานาจไดยาย
ไปยังอังวะ อมรปุระ และมัณฑะเลยตามลําดับ จนถึงวันที่พมาเสียเอกราชใหแก วิเคราะหคําตอบ การที่สมิงพระรามเอาชนะกามะนีทหารเอกของพระเจา
อังกฤษ กรุงจีนไดนั้นตองอาศัยปญญา ไหวพริบ ความรอบคอบ และที่สําคัญคือ
เมื่อสมิงพระรามเผชิญหนากับกามะนีก็รูทันทีวากามะนีเปนทหารเกงกลา
มีฝมือ แตสมิงพระรามก็ไมไดขลาดกลัว คิดวางแผนพยายามที่จะเอาชนะ
ใหได แสดงใหเห็นความมุงมั่นและกลาหาญ เมื่อชนะไดรับบําเหน็จรางวัล
สมิงพระรามก็ปฏิเสธดวยสํานึกวาตนเปนทหารของพระเจาราชาธิราชควร
ยึดมั่นในศักดิ์ศรี ดังนั้น ความโหดเหี้ยมจึงไมใชบุคลิกลักษณะเดนของสมิง-
พระราม เพราะการตัดศีรษะของกามะนีนั้นทําไปตามหนาที่ ตอบขอ 3.

100 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนเลนเกมคําศัพท โดยครูบอก
๖ คÓศัพท์ คําศัพทจากบทเรียน 4-5 คํา แลวใหนักเรียนบอก
ความหมาย
ค�ำศัพท์ ควำมหมำย (แนวตอบ ตัวอยางคําศัพท เชน
กระทืบม้ำ เร่งม้า • ธรรมยุทธ หมายความวา การรบในทางธรรม
กัณหสัปปะชำติ ในที่นี้หมายถึง งูเห่าใหญ่ (กัณห-ด�า, สัปปะ-งู, ชาติ-จ�าพวก) • มาบนํ้า หมายความวา บริเวณฝงแมนํ้าที่
ก�ำดัดคะนอง ในความว่า ทารกยังทรงพระเยาว์ไม่แจ้งความ ก�าดัดคะนองลุกจากพระเพลา กวางใหญ
หมายถึง วัยก�าลังซน • กัณหสัปปะชาติ หมายความวา งูเหาใหญ
กินเมือง ครองเมือง • บาทบริจาริกา หมายความวา หญิงที่มี
ค่ำผลหมำก รายได้ที่เป็นค่าเลี้ยงชีพ ในความว่า พระราชทานบ้านส่วยแห่งหนึ่งให้เป็นค่า หนาที่รับใชปฏิบัติพระเจาแผนดิน เปนตน)
ผลหมาก
ตกพนักงำน ในความว่า ตกพนักงานข้าพเจ้า หมายถึง เป็นหน้าที่ สํารวจคนหา Explore
ตะกรวย กรวย 1. นักเรียนพิจารณาคําศัพทในเรื่องราชาธิราช
ตัณฑุลำ ข้าวสาร ตอน สมิงพระรามอาสาที่เปนสํานวน
ถอยก�ำลัง เหนื่อย 2. นักเรียนรวบรวมคําศัพทที่เปนสํานวนนั้น
ทวน อาวุธคล้ายหอกแต่เรียวเล็กกว่า เบากว่า ด้ามยาวมาก บันทึกลงสมุด
ทแกล้ว ผู้กล้า ทหาร (แนวตอบ คําศัพททเี่ ปนสํานวน เชน เหงือ่ ตกกีบ
ที่สูง ศีรษะ ในความว่า เอื้อมพระหัตถ์ขึ้นไปเล่นบนที่สูง ตกพนักงาน กินเมือง เปนตน)
ธรรมยุทธ์ การรบในทางธรรม คือการรบในการแข่งขันสร้างสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
นอ สิ่งที่งอกขึ้นเหนือจมูกแรด ยาวประมาณ ๑๒-๑๕ เซนติเมตร แข็งเหมือน
อธิบายความรู Explain
เขาสัตว์ นักเรียนอธิบายคําศัพทที่เปนสํานวนตอไปนี้
บรรณำกำร สิ่งที่ส่งไปด้วยความเคารพนับถือ • เหงื่อตกกีบ
บำทบริจำริกำ หญิงที่มีหน้าที่รับใช้ปฏิบัติพระเจ้าแผ่นดิน (แนวตอบ เหงื่อตกกีบ หมายถึง อาการของมา
บ้ำนส่วย หมู่บ้านที่ต้องส่งส่วย ที่เหนื่อยมากจนเหงื่อไหลลงมาถึงกีบเทา)
ผ้ำสักหลำด ผ้าที่ท�าด้วยขนสัตว์ • กินเมือง
ผู้จ�ำทูล ผู้น�าสาส์นไปถวาย (แนวตอบ กินเมือง หมายถึง ครองเมืองที่อยู
พยุหเสนำ หมู่เสนา รอบเมืองหลวง)
พระรำชสำส์น จดหมายของกษัตริย์ที่ใช้ในการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ
พฤฒำมำตย์ อาจารย์ผู้เฒ่า พราหมณ์ผู้เฒ่า

101

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนทบทวนคําศัพทในวรรณคดีเรื่องราชาธิราช ตอน ครูชี้ใหนักเรียนเห็นวาคําศัพทเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา โดย
สมิงพระรามอาสา จากนั้นเลือกคําศัพทที่ไมนิยมใชในปจจุบัน มา 2 คํา ทั่วไปแลวเปนคําอานงายๆ ไมใชคําศัพทยากจนไมสามารถอธิบายความได แตหาก
บอกความหมายและอธิบายเนื้อความที่ปรากฏคําศัพท มีบางคําที่นักเรียนไมรูความหมายของคําศัพทนั้น นักเรียนควรพิจารณาบริบทรอบ
เนื้อความนั้น เพื่อนักเรียนจะเขาใจไดวาคําศัพทนั้นเกี่ยวของกับอะไร และนักเรียน
จะเขาใจความหมายไดในที่สุด หรือถาหากนักเรียนไมเขาใจบริบทโดยรอบแลว
กิจกรรมทาทาย นักเรียนควรจดคําศัพทนั้นไวและนําไปหาความหมายเพิ่มเติมจากแหลงการเรียนรู
ตางๆ

นักเรียนศึกษาคําศัพทในบทเรียน จากนั้นนําทักษะความรูเกี่ยวกับการ
สรางคํา ไดแก การประสม การสมาสอยางมีสนธิ การสมาสอยางไมมีสนธิ
มาเปนแนวทางการวิเคราะหคําศัพท โดยยกคําศัพทในบทเรียนมาแสดง
ใหเห็นวิธีสรางคํา วิธีละ 1 คํา

คูมือครู 101
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับสํานวนตอไปนี้ โดยยก
เนื้อความมาประกอบ ค�าศัพท์ ความหมาย
(แนวตอบ สํานวน “เหงื่อตกกีบ” มาจากเนื้อความ พลับพลา ที่ประทับชั่วคราวของพระมหากษัตริย์
ที่วา “ครั้นสมิงพระรามแลเห็นกามะนีควบมาเต็ม
พันธนาการ การจองจ�า
กําลังแลวมิทัน ก็แสรงรอมาไวหวังจะดูทวงทีเห็น
พานพระศรี พานหมาก
กามะนียังไกลเชิงนักอยู สําคัญไดวาเหงื่อมากามะนี
ตกจนถึงกีบ ก็รูวามาหยอนกําลังลงแลว” จาก พิทยาธร อมนุษย์พวกหนึ่ง มีฐานะต�่ากว่าเทวดา
เชื่อว่าสามารถเหาะเหินได้
เนื้อความที่ยกมา หมายความวา สมิงพระรามลอให
กามะนีควบมาเต็มกําลัง แตมาของกามะนีก็ยังวิ่ง เพลงโคมเวียน โคมเวียน หมายถึง โคมชนิดที่มีที่ครอบ
หมุ น ได้ เมื่ อ จุ ด ไฟแล้ ว ที่ ค รอบจะหมุ น
ตามไมทันมาของสมิงพระราม สมิงพระรามจึงรั้งมา ไปช้ า ๆ เพลงโคมเวี ย น เป็ น กระบวน
รอเพื่อสังเกตมาของกามะนีวาออนกําลังลงหรือยัง วิ ธี ร� า ดาบร� า ทวนในการต่ อ สู ้ ลั ก ษณะ พานพระศรี
และเห็นวามาของกามะนีเหนื่อยมากจนมีเหงื่อไหล การเคลื่อนไหวเป็นวงกลม
ไปถึงกีบแลว) เพลงผ่าหมาก ผ่าหมาก ใช้เรียกอาการเตะเข้าหว่างขาของคู่ต่อสู้ว่าเตะผ่าหมาก เพลงผ่าหมาก
หมายถึง วิธีร�าดาบร�าทวนในการต่อสู้แบบฝ่าเข้าไปตรงกลางวง
ขยายความเขาใจ Expand ฟากมาบน�้า บริเวณฝั่งแม่น�้าที่กว้างใหญ่
มนตราคม เวทมนตร์คาถา มาจากค�าว่า มนตร์และอาคม
นักเรียนยกตัวอยางคํากลาวที่สนับสนุนการเปน
กษัตริยที่ดี ม้าเชลยศักดิ์ ม้าที่ไม่ใช่ม้าหลวงเป็นม้าของชาวบ้าน
(แนวตอบ ตัวอยางเชน ไดใหคํามั่นสัญญา ระมาด แรด เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม มีขนาดใหญ่ มีนอ
แลวจะไมคืนคํา รักสัตยยิ่งกวาทรัพย เปนตน) วิเสท ผู้ท�ากับข้าวของหลวง
ศุภฤกษ์ คราว เวลาที่ก�าหนดหรือคาดว่าจะให้ผลดี
ตรวจสอบผล Evaluate สันทัด ถนัด จัดเจน
1
1. นักเรียนรวบรวมคําศัพทที่เปนสํานวนและ สุปะเพียญชนาหาร อาหารจ�าพวกแกง (สุปะ) และที่ไม่ใช่แกง (เพียญชนะ)
อธิบายความหมายประกอบในเนื้อความได หยก หินแก้วมีลักษณะแข็ง เป็นสีต่างๆ ใช้ท�าเครื่องประดับและเครื่องใช้ ถือว่าเป็น
2. นักเรียนยกตัวอยางคํากลาวที่สนับสนุนการเปน ของมีราคา
กษัตริยที่ดีได เหงื่อตกกีบ ส�านวน หมายถึง เหนื่อยมาก ในที่นี้กล่าวถึงลักษณะอาการของม้าที่เหนื่อยมาก
จนเหงื่อออกและไหลลงมาถึงเล็บเท้าม้า
2
อมรินทร์ พระอินทร์
อัปยศ เสื่อมเสียชื่อเสียง น่าอับอาย
อาลักษณ์ ผู้ท�าหน้าที่ทางหนังสือในราชส�านัก

102

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดมีความหมายตรงกับสํานวน “เหงื่อตกกีบ”
ครูแนะนักเรียนใหอานและทองจําคําศัพทที่นาสนใจ จากนั้นครูจัดกิจกรรม
1. กระวนกระวายตัดสินใจไมได
ทดสอบความรูเกี่ยวกับคําศัพทในบทเรียน โดยใหนักเรียนอธิบายความหมายของ
2. วิ่งไมหยุดจนเหนื่อยหอบ
คําศัพทที่ครูถาม หากนักเรียนตอบไมได ครูแนะวิธีการแกปญหาดังกลาว โดยให
3. เหงื่อออกเพราะรอนจัด
นักเรียนสืบคนความรูจากบทประพันธอื่นๆ และสังเกตเรียนรูคําศัพทตางๆ
4. รีบรอนจนลนลาน
วิเคราะหคําตอบ เหงื่อตกกีบเปนสํานวนที่ใชกับมา ในเรื่องเปนเหตุการณ
นักเรียนควรรู ที่สมิงพระรามกับกามะนีขี่มารําทวนสูกัน สมิงพระรามทดสอบกําลังมาของ
กามะนี โดยการควบมาหนีใหกามะนีควบมาตาม ปรากฏวามาของกามะนี
1 สุปะเพียญชนาหาร มาจากคําวา “สุปะ” ที่มักเขาคูกับคําวา “พยัญชนะ” ซึ่ง กําลังลดลงกอน ขอที่มีสํานวนตรงกับ “เหงื่อตกกีบ” คือ วิ่งไมหยุดจนเหนื่อย
สมาสอยางมีสนธิกับคําวา “อาหาร” รวมเปน สุปะเพียญชนาหาร หอบ ตอบขอ 2.
2 อมรินทร เปนชื่อพระอินทรในภาษาสันสกฤต มีชื่อและฉายาอื่นๆ ที่เปน
ภาษาสันสกฤต เชน “ศจี” แปลวา ผูมีกําลัง ผูมีความสามารถ “มัฆวาน” แปลวา
ผูเอื้อเฟอเผื่อแผ “สหัสนัยน” แปลวา ผูมีนัยนตาเปนพัน ทาวพันตา เปนตน

102 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูยกสํานวนสุภาษิตที่เกี่ยวกับการรักษา
๗ บทวิเคราะห์ คําสัตยวา “พลั้งปากเสียสิน(ศีล) พลั้งตีนตกตนไม”
แลวใหนักเรียนชวยกันบอกความหมาย
ราชาธิราชเป็นเรื่องแต่งที่มีเรื่องราวสนุกสนานเพลิดเพลิน การด� าเนินเรื่องชวนติดตาม
1 (แนวตอบ “พลั้งปากเสียสิน(ศีล) พลั้งตีนตก
เรียบเรียงด้วยส�านวนภาษาสละสลวย นับเป็นวรรณคดีที่ถือเป็นแบบฉบับในการเขียนความเรียงที่ดี ตนไม” หมายความวา พูดหรือทําโดยไมระมัดระวัง
เรื่องหนึ่งและมีข้อคิดเป็นคติเตือนใจหลายประการ แบ่งตามหัวข้อได้ ดังต่อไปนี้ ยอมไดรับความเดือดรอน นักเรียนชวยกันแสดง
ความคิดเห็น และครูสรุปในตอนทายวาเรื่อง
๗.๑ แนวคิดหรือสาร ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาเนนการรักษา
ข้อคิดที่ได้รับจากเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา มีดังนี้ คําสัตย)
๑) ปัญญาย่อมน�ามาสู่ความส�าเร็จ แนวคิดส�าคัญของเรื่อง คือ คุณค่าของสติปัญญา
เพราะความส�าเร็จเกิดขึ้นได้ด้วยสติปัญญาและฝีมือ ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม ควรใช้ สํารวจคนหา Explore
ความรอบคอบ คิดไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ ในการท�าศึกสงครามนั้น ทหารที่ดีนอกจากมีฝีมือและมี
1. นักเรียนศึกษาแนวคิดสําคัญของเรื่องราชาธิราช
ความกล้าหาญแล้ว ยังต้องมีไหวพริบในการวางแผนอย่างฉลาดรอบคอบ จึงจะสามารถชนะศัตรูได้
ตอน สมิงพระรามอาสา
ดังสมิงพระรามเมื่อครั้งอาสาประลองฝีมือทวนกับกามะนี ได้ทูลขอม้าฝีเท้าดีฝึกม้าจนรู้จักท�านอง 2. นักเรียนศึกษาคุณคาดานเนื้อหาและวรรณศิลป
รุกรับได้ ทัง้ ยังใช้อบุ ายอันชาญฉลาด “จ�าจะขับเคีย่ วกันไปก่อนจึงจะหย่อนก�าลังลง เห็นจะเสียทีทา� นอง ในเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
จึงเอาชัยชนะได้โดยง่าย” สมิงพระรามสังเกต “เห็นเป็นช่องใต้รกั แร้ทงั้ สองเป็นหว่างอยูพ่ อจะสอดทวน
แทงได้” ท�าให้สามารถสังหารกามะนีได้ในที่สุด อธิบายความรู Explain
๒) การรักษาค�าสัตย์ย่อมเป็นที่สรรเสริญ ผู้รักษาวาจาย่อมได้รับความนับถือจาก
นักเรียนสรุปความรูเกี่ยวกับแนวคิดของเรื่อง
ผู้คนทั่วไป ผู้ที่จะปกครองผู้อื่นได้นั้นต้องมีน�้าใจนักกีฬา รู้แพ้รู้ชนะ มีใจเป็นธรรม และรักษาค�าสัตย์
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา ลงสมุด
ดังเช่นตัวละครเด่นหลายตัวในราชาธิราชที่ยึดถือความสัตย์เป็นที่ตั้ง ผู้ที่เอื้อนเอ่ยวาจาแต่มิสามารถ (แนวตอบ แนวคิดที่ไดจากเรื่อง มีดังนี้ ปญญา
ปฏิบัติได้ดั่งค�าพูด ย่อมได้รับการต�าหนิจากผู้คนทั่วไป ดังพระเจ้ากรุงจีนและพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องที่ ยอมนํามาซึ่งความสําเร็จ สมิงพระรามเปนผูที่มี
ยึดมั่นในวาจายิ่งกว่าชีวิต ศิลปศาสตรวิทยารูจักวางแผนในการศึกดังที่
กามะนีแมจะมีฝมือการตอสูทัดเทียมกับ
พระเจ้ากรุงจีน ตรัสว่า “...เราเป็นกษัตริย์ผู้ใหญ่อันประเสริฐ ได้ให้ค�ามั่นสัญญาไว้
สมิงพระราม แตสมิงพระรามมีสติปญญาไหวพริบ
ดีกวาก็เปนฝายชนะ และสาระสําคัญที่ไดจากเรื่อง
แก่เขาแล้ว จะกลับค�าไปดังนั้นหาควรไม่ พม่าทั้งปวงจะชวนกันดูหมิ่นได้ว่าจีนพูดมิจริง
คือ การรักษาคําสัตยยอมเปนที่สรรเสริญ โดย
เรารักสัตย์ยิ่งกว่าทรัพย์...” เฉพาะผูปกครองการรักษาคําสัตยมีความสําคัญ
พระเจ้าฝรั่งมังฆ้องตรัสว่า “...เราเป็นกษัตริย์อันประเสริฐ ได้ออกวาจาแล้วถึงจะตาย อยางยิ่ง เพราะผูปกครองที่รักษาคําสัตยจะไดรับ
ก็หาเสียดายชีวิตไม่ เพราะรักสัตย์ยิ่งกว่ารักชีวิตได้ร้อยเท่า...” ความนับถือ และความจงรักภักดีเชื่อมั่นจากผูใต
ปกครอง)
103

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนบอกแนวคิดหรือสารที่ไดจากการอานเรื่องราชาธิราช ตอน ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวละครในเรื่องราชาธิราช ตอน
สมิงพระรามอาสาจากมุมมองของนักเรียนเอง สมิงพระรามอาสา โดยครูใหความรูเรื่องประเภทของตัวละครที่แบงตามบทบาท
หนาที่ที่ทําใหตัวละครสมิงพระรามเปนตัวละครเอก เพราะมีบทบาทในเหตุการณ
หลักหรือเหตุการณสําคัญของเรื่อง มีบุคลิกลักษณะนิสัยที่นาชื่นชม ครูใหนักเรียน
กิจกรรมทาทาย แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบุคลิกที่นาชื่นชอบของสมิงพระราม

นักเรียนเสนอแนวทางในการดํารงตนตามแนวคิดจากเรื่องราชาธิราช นักเรียนควรรู
ตอน สมิงพระรามอาสา ที่นักเรียนเห็นวาเหมาะที่จะนําไปปรับใชในชีวิตจริง
1 ความเรียง เปนลักษณะคําประพันธเรื่องราชาธิราช ซึ่งจัดวาเปนความเรียงแบบ
เปนกันเอง คือ ไมเครงครัดในเรื่องรูปแบบ โครงสราง มีลีลาการเขียนแบบสนทนา
สามารถใชพรรณนาโวหารบรรยายโวหาร และอารมณขันเพื่อใหบรรลุจุดประสงค
นอกจากนี้ความเรียงแบบนี้ก็มักใหความรู สติปญญาและความหยั่งเห็นในดาน
อุดมคติและสรางแรงจูงใจใหแกผูอานดวย
คูมือครู 103
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนรวมกันอภิปรายวา ตัวละครตอไปนี้
รักษาคําสัตยหรือไม อยางไร ๗.๒ ตัวละคร 1
• สมิงพระราม ลักษณะนิสัยของตัวละครส�าคัญในเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
(แนวตอบ สมิงพระรามเปนตัวละครที่ยึดมั่น ๑) สมิงพระราม ทหารเอกของพระเจ้าราชาธิราชกษัตริยม์ อญแห่งกรุงหงสาวดี มีฝมี อื
ในการรักษาวาจาสัตยและเกียรติยศของตน การรบเก่งกาจจนเป็นที่เลื่องลือว่า “สมิงพระรามนี้ขี่ช้างขี่ม้าสันทัดดี ฝีมือเข้มแข็งแกล้วกล้าใน
เมื่อรับปากวาจะอาสาออกรบก็ทําตามที่พูด การสงครามหาผู้เสมอตัวยาก” สมิงพระรามนอกจากจะช�านาญการยุทธแล้วยังเปี่ยมไปด้วยไหวพริบ
ไมหลบหนี และเมื่อไดรับบําเหน็จรางวัลก็ทํา
สติปัญญา รู้จักกลอุบายศึกจนมีชัยเหนือกามะนีทหารฝีมือเก่งกาจของพระเจ้ากรุงจีนได้
ตามขอตกลงที่ใหไวกับพระเจาฝรั่งมังฆอง
สมิงพระรามเป็นตัวละครที่ยึดมั่นในการรักษาวาจาสัตย์และเกียรติยศของตน เมื่อรบ
สมิงพระรามยึดเอาสัญญาในการตัดสินใจที่
ชนะกามะนี จ�าต้องรับพระราชทานรางวัลจากพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง เพราะเหตุว่า “ครั้นเราจะหนีไป
จะอยูหรือหนีไป)
• พระเจากรุงจีน ก็จะเสียสัตย์หาควรไม่” แต่ก็ตระหนักดีว่าตนเป็นคนต่างบ้านต่างเมือง ต่างภาษา อาจไม่เป็นที่ยอมรับ
(แนวตอบ พระเจากรุงจีนหรือพระเจาตาฉิงเปน ของชาวอังวะ จึงยื่นวาจาเด็ดขาดเพื่อรักษาเกียรติยศของตนว่า ห้ามมิให้ใครเรียกตนว่าเชลย มิฉะนั้น
กษัตริยที่รักษาคําสัตย คือ เมื่อสงพระราช- จะขอกลับเมืองหงสาวดีทันที
สาสนใหพระเจาฝรั่งมังฆองก็ทําตามขอตกลง สิง่ ทีน่ า่ ยกย่องทีส่ ดุ ของสมิงพระราม คือ ความจงรักภักดีตอ่ พระเจ้าราชาธิราชแต่ผเู้ ดียว
นั้น คือ เมื่อทหารตนแพก็ยกทัพกลับเมือง) สมิงพระรามตระหนักว่า ไม่สมควรอาสาพระเจ้าฝรัง่ มังฆ้องกษัตริยพ์ ม่าสูร้ บกับทัพจีน “ครัน้ จะรับอาสา
• พระเจาฝรั่งมังฆอง บัดนี้เล่า ก็เหมือนหาบสองบ่าอาสาสองเจ้าหาควรไม่” แต่เมื่อตริตรองอย่างถ้วนถี่ เห็นว่าถ้ากรุงอังวะ
(แนวตอบ พระเจาฝรั่งมังฆองเปนนักปกครอง ต้านทานก�าลังจีนไม่ได้ อันตรายอาจไปสู่เมืองหงสาวดีด้วยเพราะทัพจีนอาจแสดงแสนยานุภาพยกทัพ
ที่รักษาคําสัตยมุงมั่นในการรักษาบานเมือง ไปตีบ้านเมืองของตน จึงคิดได้ว่า“จ�าเราจะรับอาสาตัดศึกเสียจึงจะชอบ อย่าให้ศึกจีนยกลงไปติด
ครั้นสมิงพระรามไมขอรับพระราชทานรางวัล กรุงหงสาวดีได้” และเมือ่ ครัง้ ต้องอยูก่ รุงอังวะในต�าแหน่งมหาอุปราช ก็ทลู ขอพระเจ้าฝรัง่ มังฆ้องว่า หากมี
ใดๆ พระองคทรงเกลี้ยกลอมและใหเหตุผลวา สงครามระหว่างพม่ากับมอญตนจะไม่ขอเข้าท�าสงครามกับฝ่ายใดเลย
“...ถึงมาตรวาจะมิรับดวยทานคํานึงถึง ๒) พระเจ้าฝรัง่ มังฆ้อง หรือพระเจ้ามณเฑียรทอง กษัตริยพ์ ม่าครองกรุงรัตนบุระอังวะ
พระเจาราชาธิราชอยู ก็จงรับเสียแตพอเปน
โปรดชุบเลี้ยงนักรบ ผู้ที่เก่งกล้ามีความสามารถ ทรงชื่นชมในความเก่งกล้าสามารถของสมิงพระราม
เหตุตามสัญญาเถิด อยาใหเราเสียสัตยเลย
จึงพระราชทานรางวัลเพื่อเหนี่ยวรั้งสมิงพระรามให้อยู่เป็นก�าลังส�าคัญให้กับบ้านเมืองของพระองค์
อนึ่งเราเกรงคนทั้งปวงจะครหานินทาได”)
พระเจ้ า ฝรั่ ง มั ง ฆ้ อ งเป็ น นั ก ปกครองที่ รั ก ษาค� า สั ต ย์ มุ ่ ง มั่ น ในการรั ก ษาบ้ า นเมื อ ง
ครั้นสมิงพระรามไม่ขอรับพระราชทานรางวัลใดๆ พระองค์ทรงเกลี้ยกล่อมและให้เหตุผลว่า
“...ถึ ง มาตรว่ า จะมิ รั บด้ ว ยท่ า นค� า นึ ง ถึ ง พระเจ้ า ราชาธิ ร าชอยู ่ ก็ จงรั บ เสี ย แต่ พ อ
เป็นเหตุตามสัญญาเถิด อย่าให้เราเสียสัตย์เลย อนึ่งเราเกรงคนทั้งปวงจะครหานินทาได้ ท่าน
รับอาสากูพ้ ระนครไว้มคี วามชอบเป็นอันมาก มิได้รบั บ�าเหน็จรางวัลสิง่ ใด นานไปเบือ้ งหน้า ถ้าบ้าน
เมืองเกิดจลาจลหรือข้าศึกมาย�่ายีเหลือก�าลังก็จะไม่มีผู้ใดรับอาสาอีกแล้ว...”

104

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ลักษณะนิสัยของตัวละครสมิงพระรามที่สามารถนํามาเปนแบบอยางของ
ครูเชิญชวนใหนักเรียนมีสวนรวมในการทํากิจกรรมที่มีการวิเคราะหหรือ
นักเรียนในเรื่องใดบาง
อภิปรายในประเด็นคําถามตางๆ โดยอาจจัดนักเรียนออกเปน 2 กลุม แลวให
อภิปรายแสดงความคิดเห็นโตแยงกันอยางมีเหตุผล ครูกลาวชมเชยนักเรียนที่กลา แนวตอบ ลักษณะนิสัยของสมิงพระรามที่สามารถนํามาเปนแบบอยาง ไดแก
แสดงความคิดเห็นและครูสรุปความรูใหนักเรียนในการทํากิจกรรมแตละครั้ง หรือ เรื่องการรักษาสัตยคําพูด ความรักชาติบานเกิดเมืองนอน และความจงรัก
เพิ่มชิ้นงานใหนักเรียนไปตอยอดความรูในประเด็นตางๆ ที่ครูและนักเรียนเห็นวา ภักดีตอพระมหากษัตริยที่เทิดทูนไวเหนือสิ่งใด สิ่งเหลานี้เปนสิ่งที่สามารถ
นาสนใจ นํามาปรับใชในชีวิตจริงได ซึ่งจะทําใหชีวิตเจริญกาวหนา การเทิดทูนสถาบัน
พระมหากษัตริยซึ่งเปนที่หลอมรวมใจของคนในชาติใหรูสึกเปนหนึ่งเดียวกัน
ในการดํารงความเปนชาติไทย
นักเรียนควรรู
1 ตัวละคร อาจเปนกลุมคนในเรื่องเลาที่ผูแตงสรางขึ้น ถาเปนเรื่องแนว
จินตนาการเหนือจริง ตัวละครอาจไมใชมนุษย เชน เทพ เทวดา สัตว แตผูแตงก็จะ
ใหอมนุษยเหลานั้นแสดงพฤติกรรมของคน ดังนั้น ตัวละครดังกลาวจึงเปนมนุษย
ในรูปแบบอื่นนั่นเอง

104 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนรวมกันอภิปรายประเด็นตอไปนี้
บรรดาชาวเมืองอังวะต่างพากันสรรเสริญพระเกียรติยศพระองค์ว่า “พระเจ้าอยู่หัว • เรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
ของเราทรงโปรดทแกล้วทหารรักยิ่งกว่าพระราชธิดาอันเกิดแต่พระอุระหวังจะบ�ารุงพระนครให้คน ตัวละครมีสวนในการดําเนินเรื่องอยางไร
ทั้งปวงอยู่เป็นสุข และจะให้ข้าศึกย�าเกรงพระเดชานุภาพจึงทรงปลูกเลี้ยงสมิงพระรามไว้” (แนวตอบ ลักษณะนิสัยของตัวละครจะนํา
๓) พระอัครมเหสีของพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง เป็นผู้มีบทบาทส�าคัญในเรื่องราชาธิราช ไปสูเหตุการณ ปมปญหา และการหาวิธี
ตอนสมิงพระรามอาสาอย่างยิ่ง ทรงได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากพระเจ้าฝรั่งมังฆ้องให้ดูแล แกไขปญหา ทําใหเรื่องดําเนินไปดวยความ
กิจการฝ่ายใน “การข้างในพระน้องเข้าใจจงช่วยคิดอ่านเถิด” พระอัครมเหสีมีความเฉลียวฉลาด สนุกสนานนาติดตาม)
รู้ซึ้งถึงจิตใจคน ทรงผูกใจสมิงพระรามด้วยความรักอันเป็นธรรมดาของมนุษย์ และโน้มน้าวใจ • กลวิธีในการแตงเรื่องราชาธิราช ตอน
พระราชธิดาให้ละทิฐิยอมอภิเษกกับสมิงพระรามเพื่อบ้านเมือง สมิงพระรามอาสา มีลักษณะอยางไร
๗.๓ กลวิธกี ารแต่ง (แนวตอบ กลวิธีในการแตงเรื่องราชาธิราช
กลวิธีการแต่งวรรณกรรมเรื่องราชาธิราช มีลักษณะคล้ายกับนวนิยายในปัจจุบัน ตอน สมิงพระรามอาสามีลักษณะคลาย
ทั้งการด�าเนินเรื่อง ตัวละคร บทสนทนา ฉาก การเขียนบรรยายความที่ต่อเนื่องกันไป บทสนทนา นวนิยายในปจจุบัน มีความตอเนื่องกัน)
มิได้แยกให้เห็นชัดเจนอย่างนวนิยาย แต่ผู้อ่านสามารถเข้าใจได้ว่าส่วนใดเป็นบทบรรยาย ส่วนใด 2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมตามตัวชี้วัดทบทวน
เป็นบทสนทนา โดยมีหลักสังเกตคือค�าเชื่อม “ว่า” ดังเช่น จึงตรัสว่า จึงพูดว่า จึงตอบว่า กราบทูลว่า ความรูความเขาใจเกี่ยวกับตัวละคร
เป็นต้น และสรรพนามแทนตัวผู้พูดในข้อความนั้นๆ ดังตัวอย่าง จากแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.9
“...สมิงพระรามจึงทูลว่าลักษณะช้างดีต่อเมื่อขี่จึงรู้ว่าดี ม้าดีได้ต้องเอามือต้องหลั
1ง ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ดูก่อนจึงจะรู้ว่าดี ทแกล้วทหารก็ดี ถ้าอาสาออกสงครามท�าศึกจึงจะรู้ว่าดี ทองนพคุณเล่า
ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.9
ขีดลงหน้าศิลาก่อนจึงจะรู้ว่าดี สตรีรูปงามถ้าพร้อมด้วยลักษณะกิริยามารยาทต้องอย่าง เร�่อง ราชาธ�ราช
จึงควรนับว่างาม ถ้าจะให้รู้รสอร่อยได้สัมผัสถูกต้องก่อนจึงนับถือว่ามีโอชาอร่อย...” คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๑๐ ใหนักเรียนปฏิบัติตามกิจกรรมที่กําหนดตอไปนี้ใหถูกตอง ñð
บอกเล่าเก้าสิบ (ท ๕.๑ ม.๑/๑)

๑. ตัวละครตอไปนี้เปนตัวละครของฝายใด ใหนักเรียนนํามาใสลงในตารางใหถูกตอง
พระเจากรุงตาฉิง โจเปยว กามะนี
ขนมจีน อาหารมอญ มังมหาราชา
พระเจาฝรั่งมังฆอง
สมิงพระราม หญิงมายเจาของมา

นอกจากวรรณกรรมเรื่องราชาธิราชแลว ไทยยังอาจไดรับอิทธิพล กรุงตาฉิง กรุงหงสาวดี กรุงรัตนบุระอังวะ

ทางด า นอาหารมาจากชนชาติ ม อญ ซึ่ ง หนึ่ ง ในอาหารมอญที่ ไ ด รั บ พระเจากรุงตาฉิง


.............................................................................

กามะนี
สมิงพระราม
............................................................................. หญิงมายเจาของมา
.............................................................................

มังมหาราชา
ความนิยมในหมูคนไทย คงไดแก ขนมจีน
............................................................................. ............................................................................. .............................................................................

โจเปยว
............................................................................. ............................................................................. พระเจาฝรั่งมังฆอง
.............................................................................

คําวา “ขนมจีน” อันที่จริงแลวไมใชอาหารหรือขนมของชาวจีน ............................................................................. ............................................................................. .............................................................................

เนื่องจากคําวา “จีน” ที่ตอทายคําวาขนมนั้นสันนิษฐานวาอาจจะมาจาก ๒. เรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพระรามอาสาใหขอคิดอะไรบาง


ฉบับ
เฉลย
ภาษามอญ ซึ่งเรียกขนมจีนวา “คนอมจิน” คนอม หมายความวา จับกัน - ปญญายอมนํามาสูค วามสําเร็จ เห็นไดจากการทีส่ มิงพระรามมีไหวพริบและใชปญ ญาในการรบ
................................................................................................................................................................................................................................................

เปนกลุมเปนกอน จิน แปลวา ทําใหสุก จึงสามารถชนะกามะนีได


................................................................................................................................................................................................................................................

นอกจากนี้คําวา “คนอม” ยังใกลเคียงกับคําไทยวา “เขาหนม” ซึ่งหมายถึง ขาวที่นํามานวดให - การรักษาคําสัตยยอมเปนที่สรรเสริญ เห็นไดจากพระเจากรุงจีนและพระเจาฝรั่งมังฆอง


................................................................................................................................................................................................................................................

ที่ยึดมั่นในวาจาสัตยยิ่งกวาชีวิต
เปนแปง ภายหลังไดกรอนเปน “ขนม” ดังนัน้ คําวาขนมในความหมายดัง้ เดิมจึงมิใชของหวานอยางที่ ................................................................................................................................................................................................................................................

๓. หากตกอยูในฐานะเชลยเชนเดียวกับสมิงพระราม นักเรียนจะอาสาออกรบใหกบั เมืองทีข่ นึ้ ชือ่


คนไทยเขาใจกันในปจจุบนั (ขนมหรือหนมในภาษาเขมร ก็หมายถึงอาหารทีท่ าํ จากแปง) จึงทําใหเกิด2 วาเปนศัตรูกับเมืองของนักเรียนหรือไม อยางไร
สมมติฐานวา ดัง้ เดิมขนมจีนเปนอาหารมอญ แลวจึงแพรหลายไปสูช นชาติอนื่ ๆ ในดินแดนสุวรรณภูมิ ขาพเจาจะออกรบ เพราะถือวาเปนการชวยปองกันไมใหขาศึกรุกรานไปถึงเมืองของขาพเจาเอง
................................................................................................................................................................................................................................................

ตั้งแตเมื่อครั้งโบราณกาล 105 ................................................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................................................

................................................................................................................................................................................................................................................

(พิจารณาคําตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน)
๙๑

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับกลวิธีการแตงในขอความตอไปนี้
1 ทองนพคุณ หรือทองคําเนื้อเกา เปนทองบริสุทธิ์ โบราณกําหนด ราคาตาม
“...สมิงพระรามจึงทูลวาลักษณะชางดีตอเมื่อขี่จึงรูวาดี มาดีไดตองเอามือ
คุณภาพของเนื้อทอง หนัก 1 บาท เปนเงิน 9 บาท เรียกวา ทองเนื้อเกา หรือ
ตองหลังดูกอนจึงจะรูวาดี ทแกลวทหารก็ดี ถาอาสาออกสงครามทําศึกจึงจะ
ทองนพคุณเกานํ้า เรียกสั้นๆ วา ทองนพคุณ ทองธรรมชาติ ทองเนื้อแท หรือ
รูวาดี ทองนพคุณเลาขีดลงหนาศิลากอนจึงจะรูวาดี สตรีรูปงามถาพรอมดวย
ทองชมพูนุท ก็เรียก
ลักษณะกิริยามารยาทตองอยางจึงควรนับวางาม ถาจะใหรูรสอรอยไดสัมผัส
ถูกตองกอนจึงนับวามีโอชาอรอย...” 2 สุวรรณภูมิ มีความหมายวา “แผนดินทอง” หมายถึงดินแดนที่มีความอุดม
1. บทสนทนา 2. บรรยายโวหาร สมบูรณ สวนมากปรากฏในคัมภีรพุทธศาสนาชาดก (เรื่องราวที่มีอดีตมายาวนาน)
3. พรรณนาโวหาร 4. สํานวนเปรียบเทียบ เชน มหาชนกชาดก สุวรรณภูมิอยูทางทิศตะวันออกของอินเดีย เมื่อพิจารณา
จากแผนที่โลก จึงนาจะสันนิษฐานไดตอไปวา สุวรรณภูมิ สวนที่เปนแผนดิน ไดแก
วิเคราะหคําตอบ กลวิธีในการแตงของเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระราม พมา ไทย กัมพูชา สวนสุวรรณทวีป ที่เปนเกาะ นาจะไดแก หมูเกาะชวา สุมาตรา
อาสา มีลักษณะการดําเนินเรื่องดวยบทสนทนา และการบรรยายวิธีการเลือก หรืออินโดนีเซีย ตลอดทั้งฟลิปปนส
มา โดยใชสํานวนเปรียบเทียบกับการเลือกสิ่งอื่นเพื่อใหเห็นความสําคัญของ
การเลือกมาเพิ่มขึ้น ดังนั้น ขอที่กลาวไมถูกตองเกี่ยวกับกลวิธีการแตงใน
ขอความขางตน คือ การใชพรรณนาโวหาร ตอบขอ 3.

คูมือครู 105
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบExplain
ายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับคุณคาดานเนื้อหาจาก
เรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาวา สะทอน ๗.๔ คุณค่าด้านเนือ้ หาและวรรณศิลป์
สังคม คานิยม และความเชื่ออยางไร ๑) คุณค่าด้านสังคม ค่านิยม และความเชื่อ
(แนวตอบ สะทอนสังคม คานิยม และความเชื่อ ๑.๑) ความเชื่ อ ถื อ ในเรื่ อ งฤกษ์ เช่ น ตอนพระเจ้ า กรุ ง ต้ า ฉิ ง ยกทั พ มายั ง
ดังนี้ กรุงรัตนบุระอังวะต้องรอให้ได้ฤกษ์ดีก่อนจะยกทั
• ความเชื่อในเรื่องฤกษ เชน ตอนพระเจากรุง
1 พมาได้ ดังความว่า “...พระเจ้ากรุงจีนได้ทรงฟังก็
พระทัยยินดีนัก จึงสั่งให้จัดพระพยุหเสนาทั้งปวงเป็นอันมากจะนับประมาณมิได้ ครั้นได้ศุภฤกษ์แล้ว
ตาฉิงยกทัพมายังกรุงรัตนบุระอังวะก็ตองรอ พระองค์ก็เสด็จทรงม้าพระที่นั่งยกทัพบกมายังกรุงรัตนบุระอังวะ...”
ใหฤกษดีกอนจะยกทัพมาได ๑.๒) ขนบธรรมเนียมของการส่งเครื่องราชบรรณาการไปเพื
• ขนบธรรมเนียมในการสงเครื่องราชบรรณาการ
2 ่อตอบแทน เมื่อ
อีกฝ่ายหนึ่งประพฤติปฏิบัติตามที่ฝ่ายตนร้องขอหรือส่งเครื่องราชบรรณาการไปเพื่อขอให้อีกฝ่าย
ไปเพื่อตอบแทน เมื่ออีกฝายหนึ่งประพฤติ หนึ่งท�าตามที่ตนเองขอ เช่น การส่งพระราชสาส์นจากพระเจ้ากรุงต้าฉิง เพื่อจะให้พระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง
ปฏิบัติตามที่ฝายตนรองขอ หรือสงเครื่องราช- อยู่ในอ�านาจออกมาถวายบังคมและมีพระราชประสงค์จะดูทหารร�าทวนขี่ม้าสู้กัน
บรรณาการไปเพื่อขอใหอีกฝายหนึ่งทําตามที่ ๑.๓) การรักษาสัจจะของบุคคลที่อยู่ในฐานะกษัตริย์ เช่น การรักษาค�าพูดของ
ตนเองขอ เชน การสงพระราชสาสนจาก พระเจ้ากรุงต้าฉิงเมื่อกามะนีแพ้ก็ยกทัพกลับไปโดยไม่ท�าอันตรายแก่ผู้ใดเลย ตามที่ได้พูดไว้ ดังตอน
พระเจากรุงตาฉิง เพื่อจะใหพระเจาอังวะออก ที่ว่า
มาถวายบังคมและตองการจะดูทหารรําทวน
“...พระเจ้ากรุงจีนได้ฟงั ก็ตรัสห้าม นายทัพนายกองทแกล้วทหารทัง้ ปวงว่าเราเป็นกษัตริย ์
ขี่มาสูกัน
ผูใ้ หญ่อนั ประเสริฐ ได้ให้คา� มัน่ สัญญาไว้แก่เขาแล้ว จะกลับค�าไปดังนัน้ หาควรไม่ พม่าทัง้ ปวง
• การรักษาสัจจะของบุคคลที่อยูในฐานะ
จะชวนกันดูหมิ่นได้ว่าจีนพูดมิจริง เรารักสัตย์ยิ่งกว่าทรัพย์...”
กษัตริย เชน การรักษาคําพูดของพระเจากรุง
ตาฉิง เมื่อกามะนีแพก็ยกทัพกลับไปโดยไมทํา ๑.๔) ความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น สมิงพระรามแม้จะ
อันตรายแกผูใดเลยตามที่ไดพูดไว อาสารบให้กับพระเจ้าอังวะ แต่โดยใจจริงแล้วก็ท�าเพื่อบ้านเมืองของตนและยังคงจงรักภักดีต่อ
• ความจงรักภักดีตอพระมหากษัตริย เชน พระมหากษัตริย์ของตนเสมอ ดังความตอนหนึ่งว่า
สมิงพระรามแมจะอาสารบใหกับพระเจาอังวะ “...เห็นศึกจีนจะก�าเริบยกล่องเลยลงไปติดกรุงหงสาวดีด้วยเป็นมั่นคง ตัวเราเล่าก็ต้อง
แตโดยใจจริงแลวก็ทําเพื่อบานเมืองของตน จองจ�าตรากตร�าอยู่ ถ้าเสียกรุงอังวะแล้วจะหมายใจว่าจะรอดคืนไปเมืองหงสาวดีได้ก็ใช่ที่
และยังคงจงรักภักดีตอพระมหากษัตริย จ�าเราจะรับอาสาตัดศึกเสียจึงจะชอบ อย่าให้ศึกจีนยกลงไปติดกรุงหงสาวดีได้...”
ของตน
๑.๕) การปูนบ�าเหน็จรางวัลให้แก่ผู้ท�าคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ เป็นการ
• การปูนบําเหน็จรางวัลใหแกผูทําคุณประโยชน
สร้างก�าลังใจและผูกใจคน ดังตอนที่พระเจ้าอังวะให้เหตุผลต่อสมิงพระราม เมื่อครั้นรู้ว่าสมิงพระราม
ตอประเทศชาติ เปนการสรางกําลังใจและผูก
จะไม่รับบ�าเหน็จจากการอาสารบ
ใจคนไวได)
“...อนึ่งเราเกรงคนทั้งปวงจะครหานินทาได้ ท่านรับอาสากู้พระนครไว้มีความชอบ
เป็นอันมาก มิได้รับบ�าเหน็จรางวัลสิ่งใด นานไปเบื้องหน้าถ้าบ้านเมืองเกิดจลาจลหรือข้าศึก
มาย�่ายีเหลือก�าลัง ก็จะไม่มีผู้ใดรับอาสาอีกแล้ว...”
106

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดเปนคานิยมที่เกิดประโยชนตอตนเองและสังคม
1 พระพยุหเสนา เปนคําบาลีมาจากคําวา พฺยูห + เสนา แปลวา หมูเสนา
1. การรักษาคําสัตย
2 เครื่องราชบรรณาการ คือ สิ่งของที่มีคาที่เมืองประเทศราชตางๆ ตองสงให 2. ความเชื่อถือในเรื่องโชคลาง
ประเทศอํานาจเพื่อแสดงความจงรักภักดี ตอเมืองนั้นๆ จะเปนสิ่งของเครื่องใช 3. ขนบธรรมเนียมการสงเครื่องราชบรรณาการ
ตางๆ เชน แกว แหวน เงิน ทอง จนไปถึงบุตรธิดาของเจาเมืองนั้นๆ ไทยนั้นได 4. การปูนบําเหน็จรางวัลใหแกผูทําคุณประโยชนตอประเทศชาติ
รับและสงเครื่องราชบรรณาการมาตั้งแตสมัยสุโขทัยจนถึงกรุงรัตนโกสินทร ซึ่งหนึ่ง วิเคราะหคําตอบ คานิยม หมายถึง สิ่งที่สังคมถือวามีคาพึงปรารถนา
ในที่ๆ ไทยเคยสงเครื่องราชบรรณาการให ก็คือ จีน การสงเครื่องราชบรรณาการ ตองการใหเปนเปาหมายรวมกันของสังคม และปลูกฝงใหสมาชิกของสังคม
ใหกับจีนนั้นมีคําเฉพาะอยู คําหนึ่ง คือคําวา “จิ้มกอง” ซึ่งหมายถึง การเชื่อมความ ยึดถือเปนเปาหมายในการดําเนินชีวิต คานิยมเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลาได
สัมพันธระหวางประเทศสองประเทศใหเปนมิตรที่ดีตอกัน จิ้มกองมาจากภาษาจีน และมีความแตกตางกันไปตามสังคมและวัฒนธรรม ดังขอ 1. การรักษา
คําวา “จิ้นกง” เปนธรรมเนียมทํากันมาโดยตลอด ซึ่งทําเพื่อประโยชนทางดาน ความสัตย ซึ่งทุกคนสามารถปฏิบัติได การรักษาคําสัตยชวยสงเสริมใหสังคม
การคามากกวาดานการทูต นาอยู จัดวาเปนคานิยมที่เกิดประโยชนทั้งตอตนเองและสังคม ตอบขอ 1.

106 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายคุณคาดานวรรณศิลปเรื่อง
ด้วยเหตุผลของพระเจ้าอังวะข้างต้น สมิงพระรามจึงต้องรับรางวัลในครั้งนี้ ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา
๒) คุณค่าด้านวรรณศิลป์ (แนวตอบ คุณคาดานวรรณศิลป มีการเลาเรื่อง
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสามีความดี
1 เด่นด้านวรรณศิลป์ ดังนี้ ดวยการใชบรรยายโวหาร และใชสํานวน
๒.๑) การเล่าเรื่องใช้บรรยายโวหาร
รรยายโวหาร รูปประโยคไม่ซับซ้อนแต่ทว่าผูกประโยค เปรียบเทียบไดอยางคมคาย)
ได้เหมาะสม เลือกสรรถ้อยค�าได้จินตภาพเด่นชัด ภาษาที่ใช้สละสลวย ดังเช่น บทชมโฉมพระราชธิดา 2. ครูอธิบายความรูเพิ่มเติม จากนั้นนักเรียนสรุป
พระเจ้าฝรัง่ มังฆ้องว่า “สมบูรณ์ดว้ ยลักษณะและสิรมิ ารยาทงามยิ่งนัก ถ้าบุรษุ ผูใ้ ดได้เห็นและได้นงั่ ใกล้ ความรูลงสมุด
แล้วเมื่อใดก็มิอาจจะด�ารงจิตอยู่ได้ ดวงกมลก็จะหวั่นไหวไปด้วยความปฏิพัทธ์” ส่วนส�านวนถ้อยค�า
บางค�าเป็นค�าเก่า อาจต้องศึกษาความหมายจึงจะเข้าใจความทั้งหมด แต่ผู้อ่านก็สามารถเข้าใจ ขยายความเขาใจ Expand
ความหมายได้ ดังเช่นลีลาการเขียนที่อธิบายความหมายของค�าไปพร้อมๆ กัน ดังความว่า
นักเรียนยกตัวอยางเนื้อความที่แสดงใหเห็นวา
“...อุปมาดังแพทย์ผู้วิเศษผูกกัณหสัปปะชาติคืองูเห่าใหญ่ด้วยมนตราคมอันกล้าขลัง การเลาเรื่องดวยการใชบรรยายโวหารมีความ
มิให้พ่นพิษและเลื้อยหนีไปได้...” สัมพันธในการดําเนินเรื่องกัน
(แนวตอบ ตัวอยางเชน
๒.๒) การใช้ ส�า นวนเปรี ยบเที ยบคมคาย ราชาธิราชตอนที่จัดมาให้เรียนนี้ “กามะนีไดฟงดังนั้นก็ขับมารําเขามา สมิง
มีความโดดเด่นด้านความเปรียบเกือบตลอดทั้งเรื่อง เช่น เปรียบกับต�านานเรื่องเล่าที่เป็นที่รับรู้ พระรามก็ขับมาออกไปสูกันเปนหลายสิบเพลงตาง
ในสังคมไทยเป็นอย่างดี ดังความว่า คนตางรับรองวองไว ยังหาเพลี่ยงพลํ้าแกกันไม
“...เวลาพรุ่งนี้ ขอพระองค์ให้หาเจ้าสมิงพระรามเข้ามากิน เลี้ยงในพระราชมนเทียร สมิงพระรามจึงคิดวา ถาจะสูกันอยูฉะนี้เห็นจะ
แล้วจึงให้พระธิดาเราออกไปให้เจ้าสมิงพระรามเห็น ตัวถนัดแต่ข้างเดียว เจ้าสมิงพระราม เอาชนะยาก ดวยกามะนีก็ยังมิถอยกําลัง จําจะลวง
ได้เห็น รูปโฉมธิดาเราเท่านั้น ยังมิทันจะเข้าใกล้ได้กลิ่น ก็จะมีความปลื้มปลาบจนสุดจิต ใหกามะนีหยอนกําลังจงไดจึงจะทําถนัด คิดแลว
ไหนจะคิดกลับเมืองหงสาวดีได้ เพราะพระธิดาของเรางามเป็นเสน่ห์อยู่ทั่วกาย ซึ่งข้าพเจ้า
แกลงทําเปนเสียทีควบมาหนีออกไป กามะนีเห็น
ไดทีก็ควบมาหนีทะลวงไลตามมาสมิงพระรามไป”
คิดท�าดังนี้เปรียบประดุจนางเมขลาเทพธิดาล่อแก้วให้รามสูรเห็น รามสูรหรือจะไม่รกั แก้ว...”
จากเนื้อความที่ยกมา แสดงใหเห็นวาการเลาเรื่อง
นอกจากนี้ยังใช้การเปรียบเทียบที่แฝงข้อคิดและให้ภาพชัดเจนดังตอนที่ว่า โดยใชบรรยายโวหารมีความสําคัญอยางยิ่งในการ
บรรยายเหตุการณการตอสูระหวางสมิงพระรามกับ
“...พระองค์เสด็จยาตราทัพมาครั้งนี้ ตั้งพระทัยท�าสงครามให้พระเจ้ากรุงอังวะอยู่ใน กามะนี ในขณะที่ทั้งสองตอสูกันอยูนั้นสมิงพระราม
เงื้อมพระหัตถ์ ถึงมาตรว่าเสียกามะนีทหารเอกแล้ว ใช่ข้าพเจ้าทั้งปวงนี้จะตีกรุงอังวะถวาย ไดคิดวางแผนที่จะหลอกลอใหมากามะนีออนกําลัง
ไม่ได้นั้นหามิได้ เสียแรงด�าเนินกองทัพเข้ามาเหยียบถึงชานก�าแพงเมืองแล้ว จะกลับไปเปล่า จะไดมีโอกาสเอาชนะได บรรยายโวหารชวยใหผู
นั้นได้ความอัปยศแก่พม่านัก ท�าไมเมืองอังวะสักหยิบมือหนึ่งเท่านี้จะเอาแต่มูลดินทิ้งเข้าไป อานเขาใจความคิดของตัวละครและทําใหเห็นวา
ในก�าแพงเมืองคนละก้อนๆ เท่านั้น ถมเสียให้เต็มก�าแพงเมืองในเวลาเดียวก็จะได้ เหตุการณดําเนินไปอยางไร)

107

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
ขอใดใชโวหารตางจากขออื่น
ครูเพิ่มเติมความรูดานวรรณศิลปในการอานเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระราม
1. อันตัวขาพเจาบัดเดี๋ยวนี้อุปมาดังวานรนั่งอยูบนตอไม อันไฟไหมมาเมื่อ
อาสา โดยครูเสนอมุมมองใหนักเรียนไดพิจารณาในแงที่วา วรรณกรรมที่ประสบ
วสันตฤดูนั้นจะงามฉันใด
ความสําเร็จนั้น คือ วรรณกรรมที่สามารถทําใหผูอานเกิดอารมณคลอยตาม ทั้งยัง
2. การสงครามเปรียบดังฟองอัณฑชะจะหมายแนวาผูเมียแพและชนะนั้นมิได
ไมไดแสดงขอมูลใหรูเทานั้น แตเปนการถายทอดอารมณความรูสึกเขาแทรกดวย
3. ครั้งนี้พระเจาราชาธิราชเปรียบเหมือนอสรพิษหาเขี้ยวแกวมิได
เมื่ออานแลวนอกจากจะเขาใจเนื้อเรื่องยังเปนการสงใหเรื่องมีความสมจริงอีกดวย
4. ครั้งนี้แขนเราขาดไปสองขาง คิดอะไรก็ขัดขวาง
วิเคราะหคําตอบ ขอ 4. ใชภาพพจนแบบอุปลักษณในการเปรียบเทียบ
สิ่งหนึ่งเปนอีกสิ่งหนึ่ง อุปลักษณจะไมกลาวโดยตรงเหมือนอุปมา แตใชวิธี นักเรียนควรรู
กลาวเปนนัยใหเขาใจเอาเองดังวา “ครั้งนี้แขนเราขาดไปสองขาง คิดอะไร
ก็ขัดขวาง” อุปลักษณจะไมมีคําเชื่อมเหมือนอุปมาซึ่งปรากฏในขออื่นๆ 1 บรรยายโวหาร เปนกระบวนการแตงที่มีเนื้อเรื่อง มีบทบาท ดําเนินเรื่อง
ดังนั้นจึงตอบขอ 4. วาใครทําอะไร ทําอยางไร ที่ไหน และเมื่อไร บรรยายโวหารใชในการเลาเรื่อง
ทําใหทราบวาเรื่องราวดําเนินไปอยางไร รวมถึงเขาใจความรูสึกหยั่งลึกในจิตใจ
ของตัวละคร

คูมือครู 107
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนยกเนื้อความที่นักเรียนเห็นวามีการใช
สํานวนเปรียบเทียบที่นาประทับใจ และแสดงใหเห็น พระเจ้ากรุงจีนได้ฟังก็ตรัสห้ามนายทัพนายกองทแกล้วทหารทั้งปวงว่า เราเป็นกษัตริย์
วามีการใชสํานวนเปรียบเทียบอยางไร ผู้ใหญ่อันประเสริฐ ได้ให้ค�ามั่นสัญญาไว้แก่เขาแล้ว จะกลับค�าไปดังนั้นหาควรไม่ พม่าทั้ง
(แนวตอบ นักเรียนสามารถยกตัวอยางได ปวงจะชวนกันดูหมิ่นได้ว่าจีนพูดมิจริง เรารักสัตย์ยิ่งกว่าทรัพย์ อย่าว่าแต่สมบัติมนุษย์นี้เลย
หลากหลายขึ้นอยูกับความสนใจของนักเรียน ทั้งนี้ ถึงท่านจะเอาทิพยสมบัติของสมเด็จอมรินทร์มายกให้เราๆ ก็มิได้ปรารถนา ตรัสดังนั้นแล้ว
ครูพิจารณาวาตัวอยางที่นักเรียนยกมามีการใช ก็สั่งให้เลิกทัพเสด็จกลับไปยังกรุงจีน...”
สํานวนเปรียบเทียบ เชน
“พระเจากรุงจีนยกมาครั้งนี้อุปมาดังฝนตก บทสนทนาในเรื่ อ งใช้ โวหารเปรี ย บเที ย บที่ ค มคายและให้ แ ง่ คิ ด สอนใจ ดั ง
หาใหญตกลงนํ้านองทวมปาไหลเชี่ยวมาเมื่อ บทสนทนาระหว่างพระอัครมเหสีและพระราชธิดาของพระเจ้าฝรั่งมังฆ้อง พระราชธิดาตรัสว่า
วสันตฤดูนั้นหาสิ่งใดจะตานทานมิได” หมายถึง
“อนึ่ ง ถ้ า ได้ ส วามี เ ป็ น ลู ก กษั ต ริ ย ์ มี ช าติ ต ระกู ล เสมอกั น เล่ า ก็ ต าม นี่ จ ะได้ ผั ว มอญต่ า งภาษา
กองทัพของพระเจากรุงจีนเปนกองทัพที่ยิ่งใหญไมมี
เป็นเพียงนายทหาร อุปมาดังหงส์ตกลงในฝูงกา ราชสีห์เข้าปนกับหมู่เสือ ลูกมีความโทมนัสนัก”
ใครสามารถตานทานได” จากเนื้อความที่ยกมาเปน
พระอัครมเหสีตรัสโน้มน้าวใจว่า
ตัวอยางเปนตอนที่พระเจากรุงจีนยกทัพมาประชิด
กรุงอังวะ ดวยวากรุงจีนทรงมีพระราชอํานาจมาก “...ซึ่งลูกเปรียบชาติเขาเหมือนกานั้นก็ชอบอยู่ แต่เขาประกอบศิลปศาสตร์วิชาการ
การยกทัพมานี้ไพรพลจึงมีกําลังพลจํานวนมากและ เป็น ทหารมีฝีมือหาผู้เสมอมิได้ ก็เปรียบเหมือนกาขาวมิใช่กาด�า สมเด็จพระราชบิดาจะ
มีความยิ่งใหญเปรียบไดกับปริมาณนํ้าฝนที่ตกลงมาก ทรงชุบขึ้นแล้วก็คงเป็นหงส์ ซึ่งเปรียบเหมือนเสือนั้น ถ้าพระราชบิดาชุบย้อมแล้วก็คงจะ
และความรุนแรงของการเกิดนํ้าทวมปาไหลเชี่ยวใน กลับเป็นราชสีห์...”
ฤดูฝนที่ไมมีอะไรมาตานทานได การเปรียบเทียบ 1
ลักษณะนี้เปนการใชแนวเทียบกับภัยธรรมชาติ จะเห็ น ได้ ว ่ า มี ก ารเปรี ย บเที ย บกั บ สิ่ ง ตรงกั น ข้ า มต่ า งเผ่ า พั น ธุ ์ กั น (กา-หงส์ ,
ซึ่งเปนสถานการณที่ผูคนรูจักดี ทําใหเห็นภาพความ เสือ-ราชสีห์) ท�าให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันอย่างชัดเจน หงส์และราชสีห์ย่อมมีศักดิ์และเกียรติ
ยิ่งใหญของทัพพระเจากรุงจีนไดชัดเจนขึ้น) สูงกว่า แต่ด้วยฝีมือความสามารถ กาก็อาจกลายเป็นหงส์ เสือก็อาจกลายเป็นราชสีห์ได้เช่นกัน

จากการศึกษาข้างต้น นับได้วา่ ราชาธิราชเป็นหนังสือทีม่ คี ณ


ุ ค่าอย่างสูง เนือ้ เรือ่ ง
ช่วยเพิ่มพูนความรู้ทางสติปัญญาแก่ผู้อ่าน การดÓเนินเรื่องสนุกสนานชวนติดตามและ
มีศลิ ปะแห่งการร้อยเรียงถ้อยคÓสละสลวย เป็นวรรณคดีทถี่ อื เป็นแบบฉบับได้เป็นอย่างดี
หากมีเวลาผู้เรียนควรหาโอกาสอ่านราชาธิราชในตอนอื่นๆ ประกอบ เพื่อเพิ่มพูน
ความรู้และสติปัญญา

108

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
จากเนื้อความ “พระเจากรุงจีนไดฟงก็ตรัสหามนายกองทแกลวทหารทั้ง
1 การเปรียบเทียบกับสิ่งตรงกันขาม คือ การใชคําหรือขอความที่มีความหมาย
ปวงวาเราเปนกษัตริยผูใหญอันประเสริฐ ไดใหคํามั่นสัญญาแกเขาแลว จะกลับ
ตรงกันขามหรือแตกตางกันมาเทียบกัน เพื่อใหความหมายคมชัดขึ้น
คําไปดังนั้นหาควรไม พมาทั้งปวงจะชวนดูหมิ่นไดวาจีนพูดมิจริง เรารักสัตย
ยิ่งกวาทรัพย อยาวาแตสมบัติมนุษยนี้เลย ถึงทานจะเอาทิพยสมบัติของ
สมเด็จอมรินทรมายกใหเราๆ ก็มิไดปรารถนา” ตรงกับสํานวนใดในโคลง
มุม IT โลกนิติ เพราะเหตุใด
ศึกษาเกี่ยวกับความเปนมาของเรื่องราชาธิราชที่เปนตนฉบับเพิ่มเติม ไดที่ แนวตอบ เนื้อความที่ยกมาตรงกับโคลงโลกนิติบทที่วาดวยเรื่องการให
http://blogazine.in.th/blogs/ong/post/2611 ความสําคัญกับการรักษาคําสัตย ดังวา
เสียสินสงวนศักดิ์ไว วงศหงส
เสียศักดิ์สูประสงค สิ่งรู
เสียรูเรงดํารงความสัตย ไวนา
เสียสัตยอยาเสียสู ชีพมวยมรณา

108 คูมือครู
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนสรุปความรูเกี่ยวกับแนวคิดของเรื่อง
ราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสาได
ค�าถาม ประจ�าหน่วยการเรียนรู้ 2. นักเรียนยกตัวอยางเนื้อความที่มีการเลาเรื่อง
โดยการใชบรรยายโวหารได
๑. นักเรียนคิดว่าเพราะเหตุใดสมิงพระรามจึงรับอาสาสู้รบกับกามะนี 3. นักเรียนยกเนื้อความที่นักเรียนเห็นวามีการใช
๒. นักเรียนประทับใจบทบาทของตัวละครใดมากที่สุด เพราะเหตุใด สํานวนเปรียบเทียบได
๓. ค�าเปรียบเทียบที่ว่า “หาบสองบ่าอาสาสองเจ้าหาควรไม่” เป็นความคิดของตัวละครใด และมี
ความหมายว่าอย่างไร
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. บันทึกการสรุปเรื่องยอ
2. การเขียนแสดงความคิดเห็นที่มีตอตัวละคร
ในเรื่อง
3. การเขียนสรุปแนวคิดที่ไดจากเรื่องราชาธิราช
ตอน สมิงพระรามอาสา

กิจกรรม สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้

กิจกรรมที่ ๑ จ ัดท�าที่คั่นหนังสือ “ค�าคมจากราชาธิราช” เลือกค�าคมที่นักเรียนประทับใจทั้งจาก


บทเรียนหรือนอกบทเรียน เขียนลงในที่คั่นหนังสือคนละ ๓ อัน เพื่อแลกเปลี่ยน
กับเพื่อน
กิจกรรมที่ ๒ แสดงบทบาทสมมติในชัน้ เรียน ให้นกั เรียนแบ่งเป็น ๒ กลุม่ แต่ละกลุม่ ช่วยกันเขียน
บทสนทนาเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา คัดเลือกนักแสดง น�าเสนอ
หน้าชั้นเรียน
กิจกรรมที่ ๓ ให้นักเรียนย่อเรื่องราชาธิราช ตอน สมิงพระรามอาสา เพื่อพัฒนาทักษะการจับใจ
ความส�าคัญจากเรื่องที่อ่าน ความยาว ๑ หน้ากระดาษ
กิจกรรมที่ ๔ รวบรวมความเปรียบทีป่ รากฏในวรรณคดีเรือ่ งราชาธิราช จากนัน้ ให้จบั กลุม่ กลุม่ ละ
๓ คน ร่วมกันอภิปรายความหมายของความเปรียบทีแ่ ต่ละคนรวบรวมได้

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. สมิงพระรามสูรบกับกามะนี เพราะเห็นวาถาพมาตานทานกําลังจีนไมได ทัพจีนอาจจะรุกไปถึงเมืองหงสาวดีได เพราะทัพจีนอาจจะแสดงแสนยานุภาพ ยกทัพไปตี
บานเมืองของตน จึงคิดไดตามที่กลาววา “จําเราจะรับอาสาตัดศึกเสียจึงจะชอบ อยาใหศึกจีนยกลงไปติดกรุงหงสาวดีได”
2. ประทับใจบทบาทของตัวละครสมิงพระราม เพราะเปนตัวละครที่ยึดมั่นในการรักษาวาจาสัตย รักเกียรติของตน มีความกลาหาญ มีไหวพริบสติปญญา มีความรักชาติ
บานเมือง มีความจงรักภักดีตอพระมหากษัตริย
3. คําเปรียบเทียบที่วา “หาบสองบาอาสาสองเจาหาควรไม” เปนความคิดของสมิงพระราม มีความหมายวา การที่สมิงพระรามอาสาออกรบรับใชกรุงอังวะทั้งที่ตนเอง
เปนทหารของกรุงหงสาวดีตองมารับอาสาทั้งสองเมือง รับใชกษัตริยทั้ง 2 พระองค ทั้งพระเจาราชาธิราชและพระเจาฝรั่งมังฆอง ซึ่งทั้งสองเมืองทําสงครามกันอยู
มิไดขาด สมิงพระรามอยูในสถานะที่ตัดสินใจยาก

คูมือครู 109
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหาวรรณคดีเรื่องกาพยเหชมเครื่อง
คาวหวาน
2. อธิบายคุณคาของเรื่องกาพยเหชมเครื่อง
คาวหวาน
3. สรุปความรูและขอคิดจากการอานเรื่องกาพยเห
ชมเครื่องคาวหวาน
4. ทองจําบทอาขยานที่กําหนด และบทรอยกรอง
ที่มีคุณคาตามความสนใจ

สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต

คุณลักษณะอันพึงประสงค


1. มีวินัย
2. ใฝเรียนรู
3. รักความเปนไทย หน่วยที่
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
กระตุน ความสนใจ Engage ตัวชี้วัด
■■ สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑)
วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ
อ าหารไทย นั บ เป็ น ที่ รู ้ จั ก ในระดั บ
ครูใชคําถามกระตุนความสนใจของนักเรียน ■■

(ท ๕.๑ ม.๑/๒)
นานาชาติ โดดเด่ น ทั้ ง รสชาติ สี สั น ความ
ประณีตในการปรุงและการจัดวาง เป็นเสน่ห์
โดยถามวา นักเรียนเคยอานหรือเคยฟงกาพยเห ■■ อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓)
ทางศิลปะทีเ่ ป็นความภาคภูมใิ จของคนไทยทัง้ ชาติ
■■ สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
ชมเครื่องคาวหวานหรือไม หากนักเรียนเคยรูจัก (ท ๕.๑ ม.๑/๔) เมือ่ พูดถึงอาหารไทยทัง้ คาวหวาน ผลไม้รสเลิศ
ท่องจ�าบทอาขยานตามที่ก�าหนดและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า
นักเรียนรูจักจากที่ใด นักเรียนรวมกันแสดงความ ■■

ตามความสนใจ (ท ๕.๑ ม.๑/๕)


ในวรรณคดี ย่อมนึกถึงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒
ซึ่ ง พรรณนาอาหารคาวหวาน ผลไม้ ห ลากชนิ ด
คิดเห็น ทัง้ รูปลักษณ์ สีสน ั วิธกี ารตกแต่งอย่างวิจติ ร และต้อง
(แนวตอบ นักเรียนตอบไดหลากหลาย ขึ้นอยูกับ สาระการเรียนรู้แกนกลาง ใช้ฝีมือในการถ่ายทอดผ่านชั้นเชิงทางด้านวรรณศิลป์
ประสบการณของนักเรียนแตละคน) ■■ การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจากวรรณคดีและวรรณกรรม
เรื่อง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
ได้ อ ย่ า งไพเราะคมคาย และยั ง สะท้ อ นให้ เ ห็ น สภาพ
ความเป็นอยู่ของผู้คนในสมัยรัชกาลที่ ๒ อีกด้วย
110
■■ บทอาขยานและบทร้อยกรองที่มีคุณค่า

เกร็ดแนะครู
หนวยการเรียนรูนี้ ครูแนะความรูเกี่ยวกับอาหารวาเปนภูมิปญญาที่ตกทอดมา
จากบรรพบุรุษจนถึงปจจุบัน อาหารสะทอนใหเห็นเอกลักษณของความเปนชาติ
อาหารจะสัมพันธกับสภาพแวดลอมของแตละภูมิภาค วิถีชีวิตความเปนอยูของคน
ขึ้นอยูกับอาหารซึ่งเปนปจจัยในการดํารงชีวิต ดังนั้นดวยสภาพแวดลอมที่ตางกัน
ทําใหอาหารแตละภูมิภาคตางกันดวย นอกจากนี้อาหารที่ปรากฏในบทประพันธ
สามารถสะทอนการไดรับการถายทอดวัฒนธรรมจากตางชาติดวย

110 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
1. ครูกระตุนความสนใจของนักเรียนโดยถาม
๑ ความเป็นมา เกี่ยวกับเรื่องอาหาร ดังนี้
• นักเรียนรูจักอาหารไทยอะไรบาง
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ารงราชานุภาพ ได้ประทานค�าอธิบายความเป็นมา (แนวตอบ นักเรียนชวยกันบอกชื่ออาหารไทย
ของกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานไว้ว่า รัชกาลที่ ๒ คงได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๑ ที่นักเรียนรูจัก)
เพื่อชมสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี แต่ครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าหลานเธอ เจ้าฟ้าหญิง1- • นักเรียนเคยทําอาหารหรือไม เปนอาหาร
บุ ญ รอด ด้ ว ยทรงมี ค วามสามารถเป็ น เลิ ศ ในการปรุ ง เครื่ อ งเสวย และเพื่ อ ใช้ เ ป็ น บทเห่ เรื อ ชนิดใด
เสด็จประพาสส่วนพระองค์ 2. นักเรียนแลกปลี่ยนประสบการณเกี่ยวกับอาหาร
กาพย์เห่บทนี้มิได้ชมขบวนเรือ หรือชมธรรมชาติในการเดินทางแต่เป็นการเห่ชมเครื่องคาว รวมกัน
ผลไม้ และเครื่องหวานเป็นส�าคัญ ซึ่งต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้ใช้กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานใน
การเห่เรือของทางราชการคู่กับบทเห่เรือของเจ้าฟ้าธรรมธิเบศร สํารวจคนหา Explore
1. นักเรียนศึกษาประวัติความเปนมาของ
กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน
๒ ประวัติผู้แต่ง 2. นักเรียนศึกษาลักษณะคําประพันธของ
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเป็นพระมหากษัตริยพ์ ระองค์ท ี่ ๒ ในพระบรมราชวงศ์จกั รี กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน
มีพระนามเดิมว่า ฉิม ทรงพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๓๑๐ ที่ต�าบลอัมพวา อ�าเภอ 3. นักเรียนศึกษาเนื้อเรื่องกาพยเหชมเครื่อง-
อัมพวา เมืองสมุทรสงคราม เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช คาวหวานวามีอะไรบาง
และสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี
(แนวตอบ บทเหชมเครื่องคาว บทเหชมผลไม
และบทเหชมเครื่องหวาน)
ในรัชสมัยของพระองค์ วรรณคดีและศิลปกรรมเจริญรุ่งเรืองมาก พระองค์มีพระอัจฉริยภาพ
ทางด้านวรรณศิลป์ พระราชนิพนธ์ของพระองค์หลายเรื่องมีความประณีตงดงามในเชิงอักษรศาสตร์
อธิบายความรู Explain
และสามารถน�าไปผสมผสานกับนาฏยศาสตร์และดุริยางคศาสตร์ได้อย่างกลมกลืน พระองค์ทรงฟื้นฟู
การแสดงละคร โขน การขับร้อง และดนตรี ให้มีระเบียบแบบแผนถูกต้องจนเป็นที่นิยมสืบมา นักเรียนอธิบายประวัติความเปนมาของ
ผลงานด้ า นภาษา ศิ ล ปะ และวั ฒ นธรรมของพระองค์ เ ป็ น ที่ ป ระจั ก ษ์ เ ด่ น ชั ด แก่ ส ายตา กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน
ชาวโลก จึงทรงได้รับการเทิดพระเกียรติจากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่ง (แนวตอบ กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน
สหประชาชาติหรือยูเนสโก (UNESCO) เนื่องในอภิลักขิตสมัยครบ ๒๐๐ ปีแห่งพระบรมราชสมภพ สันนิษฐานวา รัชกาลที่ 2 ทรงพระราชนิพนธขึ้น
เมื่อ พ.ศ. ๒๕๑๑ ในฐานะบุคคลส�าคัญของโลกและรัฐบาลไทยจึงก�าหนดให้วันคล้ายวันพระราชสมภพ ในสมัยรัชกาลที่ 1 เพราะมีความบางตอนทรงชม
วันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันศิลปินแห่งชาติ จนถึงทุกวันนี้ สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี เมื่อครั้งยัง
เปนสมเด็จพระเจาหลานเธอ ซึ่งมีฝพระหัตถใน
กระบวนเครื่องเสวยไมมีผูใดจะมีฝมือเทียบได
กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน สะทอนใหเห็น
111 ความประณีตละเอียดออนของชนชาติไทยที่บรรจง
ประดิดประดอยอาหารนานาชนิดใหเลิศดวย
รสชาติและงดงามดวยรูปลักษณ บทเหแบงเปนชม
เครื่องคาว ชมผลไม และชมเครื่องหวาน)
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนศึกษาคนควาความรูเกี่ยวกับบทประพันธกาพยเหเรือสํานวน 1 บทเหเรือ บทเหเรือที่เกาที่สุด และเหลือเปนหลักฐานสืบทอดมาจนถึงปจจุบัน
เจาฟาธรรมธิเบศร (เจาฟากุง) โดยนักเรียนสรุปประวัติความเปนของกาพย คือ กาพยเหเรือบทพระนิพนธในเจาฟาธรรมธิเบศร หรือที่เรียกกันทั่วไปวา
เหเรือสํานวนนั้น พรอมทั้งยกตัวอยางประพันธที่เปนโคลงบทนําและกาพย กาพยเหเรือเจาฟากุง ซึ่งพระนิพนธในขณะที่ทรงเปนพระมหาอุปราชในรัชสมัย
บทตนประกอบ สมเด็จพระเจาอยูหัวบรมโกศ ในสมัยอยุธยาตอนปลาย

กิจกรรมทาทาย มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเปนมาของกาพยเหชมเครื่องคาวหวานเพิ่มเติม ไดที่
http://www.suandusitcuisine.com/food4/central/royalfood/kab_index.php
นักเรียนศึกษาประเพณีการเหเรือในอดีต จากนั้นเปรียบเทียบการเหเรือ
ในอดีตกับปจจุบันใหเห็นพัฒนาการการเหเรือวาเหมือนหรือตางไปจากเดิม
อยางไร

คูมือครู 111
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความรูและตอบคําถามตอไปนี้
• จุดมุงหมายของกาพยเหเรือคืออะไร ๓ ลักษณะคÓประพันธ์
(แนวตอบ จุดมุงหมายเพื่อเปนบทเหเรือ 1
พระที่นั่งเวลาเสด็จประพาสสวนพระองค กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานแต่งเป็นกาพย์เห่ ประกอบด้วยโคลงสี่สุภาพและกาพย์ยานี ๑๑
และเพื่อชมฝพระหัตถในการปรุงเครื่องเสวย โดยมีโคลงสี่สุภาพ ๑ บท เป็นบทน�าหรื
2 อบทขึ้นต้น แล้วแต่งกาพย์ยานี ๑๑ อีกหลายบท ให้มีเนื้อความ
ของสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี) สอดคล้องและสัมพันธ์กับโคลงบทน�า
• กาพยเหชมเครื่องคาวหวานแตงดวย
คําประพันธใด
(แนวตอบ กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน แตงดวย ๔ เนื้อเรื่อง
กาพยและโคลงสี่สุภาพ ประกอบดวยโคลง กาพย์ เ ห่ ช มเครื่ อ งคาวหวานพระราชนิ พ นธ์ ใ นรั ช กาลที่ ๒ มี เ นื้ อ ความพรรณนาอาหาร
สี่สุภาพ จํานวน 1 บท และกาพยยานี 11) คาวหวานและผลไม้แต่ละชนิด ดังต่อไปนี้
2. ครูสุมนักเรียน 10 คน บอกชื่ออาหารคาวหรือ
อาหารหวานที่มีในเนื้อเรื่องกาพยเหชมเครื่อง- เห่ชมเครื่องค�ว
คาวหวาน
มัสมั่น ย�าใหญ่ ตับเหล็กลวก หมูแนม ก้อยกุ้ง แกงเทโพ
น�้ายา แกงอ่อม ข้าวหุงเครื่องเทศ แกงคั่วส้มหมูปาใส่ระก�า
ขยายความเขาใจ Expand
พล่าเนื้อ ล่าเตียง หรุ่ม รังนก ไตปลา แสร้งว่า
นักเรียนจัดทําแผนผังชื่ออาหารที่ปรากฏใน
กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน อาหารเครื่องคาว
ผลไม เครื่องหวาน
เห่ชมผลไม้

ตรวจสอบผล Evaluate ผลชิด ลูกตาล ลูกจาก มะปราง มะม่วง ลิ้นจี่ ลูกพลับ
นักเรียนจัดทําแผนผังชื่ออาหารจากกาพยเหชม น้อยหน่า ผลเกด ทับทิม ทุเรียน ลางสาด เงาะ สละ
เครื่องคาวหวานได


เห่ชมเครื่องหว�น

ข้าวเหนียวสังขยา ซ่าหริ่ม ล�าเจียก มัศกอด ลุดตี่ ขนมจีบ
ขนมเทียน ทองหยิบ ขนมผิง รังไร ทองหยอด ทองม้วน

จ่ามงกุฎ บัวลอย ช่อม่วง ฝอยทอง

112

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
คําประพันธในขอใดกลาวถึงอาหาร 2 ชนิด
1 กาพยเห หมายถึง กาพยเหเรือหรือกาพยหอโคลงเปนกาพยผสมที่ใชกาพยยานี
1. ไตปลาเสแสรงวา ดุจวาจากระบิดกระบวน
แตงรวมกับโคลงสีส่ ภุ าพ แบบรูปของกาพยยานีทนี่ าํ มาแตงนัน้ มีลกั ษณะบังคับพืน้ ฐาน
2. ตับเหล็กลวกหลอนตม เจือนํ้าสมโรยพริกไทย
ตามที่กําหนดไว สวนโคลงสี่สุภาพมีขอยกเวนบางประการ กลาวคือ ไมเครงครัด
3. กอยกุงปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย
คําเอกในทุกตําแหนง
4. ขาวหุงปรุงอยางเทศ รสพิเศษใสลูกเอ็น
2 โคลงบทนํา เปนการแตงโคลงสี่สุภาพกอน 1 บท แลวแตงกาพยยานีพรรณนา
ความที่ไมกําหนดหรือจํากัดจํานวนบท ทั้งนี้กาพยบทตนตองมีเนื้อความเชนเดียวกับ วิเคราะหคําตอบ คําประพันธแตละขอเปนกาพยเหชมเครื่องคาว ขอ 1.
โคลงที่แตงไวกอนนั้น สวนกาพยบทตอๆ ไปจะขยายความใหละเอียดพิสดารอยางไร กลาวถึงไตปลาและแสรงวา ขอ 2. กลาวถึงตับเหล็กลวก ขอ 3. กลาวถึง
ก็ได เพียงแตใหมีเนื้อหาสอดคลองกัน โคลงสี่สุภาพที่ขึ้นตนนี้เรียกวา “โคลงเกริ่น” กอยกุง และขอ 4. กลาวถึงขาวหุงเครื่องเทศ คําประพันธที่กลาวถึงอาหาร
เมื่อจบความแลวจึงขึ้นโคลงใหมในบทตอไป 2 ชนิด คือ “ไตปลาเสแสรงวา ดุจวาจากระบิดกระบวน” กวีเลือกใชคําวา
“เสแสรงวา” หรือ “แสรงวา” เปนการเลนคําที่มี 2 ความหมาย คือ แกลง
พูดใหเขาใจผิดจากความจริง และอีกความหมายเปนชื่ออาหารชนิดหนึ่งที่
ทําดวยกุงปรุงเปนเครื่องจิ้ม ตอบขอ 1.

112 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูเปดวีซีดีใหนักเรียนชมการขับกาพยเหชม
¡Ò¾ÂàË‹ªÁà¤Ã×èͧ¤ÒÇËÇÒ¹ เครื่องคาวหวาน แลวใหนักเรียนอานออกเสียงเปน
ทํานองเสนาะตามวีซีดี
โคลง
แกงไก่มัสมั่นเนื้อ นพคุณ พี่เอย
สํารวจคนหา Explore
หอมยี่หร่�รสฉุน เฉียบร้อน
ช�ยใดบริโภคภุญช์ พิศว�ส หวังน� นักเรียนศึกษาและอานเนื้อเรื่อง จากนั้นให
แรงอย�กยอหัตถ์ข้อน อกให้หวนแสวง ฯ คนหาและรวบรวมรายชื่ออาหารทั้งอาหารคาว
ก�พย์ อาหารหวาน และผลไม จากกาพยเหชม
เครื่องคาวหวาน
มัสมั่นแกงแก้วต� หอมยี่หร่�รสร้อนแรง
ช�ยใดได้กลืนแกง แรงอย�กให้ใฝฝนห� อธิบายความรู Explain
ยำ�ใหญ่ใส่ส�รพัด ว�งจ�นจัดหล�ยเหลือตร�
รสดีด้วยนำ้�ปล� 1 ญี่ปุนลำ้�ยำ้�ยวนใจ 1. นักเรียนพิจารณาโคลงสี่สุภาพที่ขึ้นตนเรื่อง
• โคลงสี่สุภาพกลาวถึงอาหารใด
ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม เจือนำ้�ส้มโรยพริกไทย
(แนวตอบ แกงมัสมั่นไก)
โอช�จะห�ไหน ไม่มีเทียบเปรียบมือน�ง
2 2. นักเรียนถอดคําประพันธโคลงบทนํา โดยยก
หมูแนมแหลมเลิศรส พร้อมพริกสดใบทองหล�ง กาพยยานีบทที่แตงเลียนโคลงประกอบ
พิศห่อเห็นร�งช�ง ห่�งห่อหวนปวนใจโหย (แนวตอบ ถอดคําประพันธไดวา แกงมัสมั่นไก
ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น ว�งถึงลิ้นดิ้นแดโดย ที่นองปรุงดวยยี่หรานั้น มีกลิ่นหอมฉุน รสชาติ
รสทิพย์หยิบม�โปรย ฤ ๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ
จัดจาน เมื่อพี่ไดชิมก็ถูกปากจนอยากจะกิน
เทโพพื้นเนื้อท้อง เป็นมันย่องล่องลอยมัน อีกครั้งใหได ดังกาพยบทแรกวา
น่�ซดรสคร�มครัน ของสวรรค์เสวยรมย์ “มัสมั่นแกงแกวตา หอมยี่หรารสรอนแรง
คว�มรักยักเปลี่ยนท่� ทำ�นำ้�ย�อย่�งแกงขม ชายใดไดกลืนแกง แรงอยากใหใฝฝนหา”)
กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม ชมไม่ว�ยคลับคล้�ยเห็น
ข้�วหุงปรุงอย่�งเทศ รสพิเศษใส่ลูกเอ็น
ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ�
เหลือรู้หมูป�ต้ม แกงคั่วส้มใส่ระกำ�
รอยแจ้งแห่งคว�มขำ� ชำ้�ทรวงเศร้�เจ้�ตร�กตรอม
ช้�ช้�พล่�เนื้อสด ฟุ้งปร�กฏรสหื่นหอม
คิดคว�มย�มถนอม สนิทเนื้อเจือเส�วคนธ์
11๓

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
“แกงไกมัสมั่นเนื้อ นพคุณ พี่เอย”
1 ตับเหล็ก คือ การนําสวนที่เปนมามของหมู นํามาหั่นซาวนํ้าเกลือแลวลวก
คําที่ขีดเสนใตในคําประพันธนี้สอดคลองกับขอใด
นํ้ารอน ผสมกับเครื่องปรุงอื่นๆ
1. เหมือนสีฉวีกาย สายสวาทพี่ที่คูคิด
2. คิดความยามนิทรา อุราแนบแอบอกอร 2 ใบทองหลาง มีรูปลักษณะของใบทองหลาง เปนไมยืนตน ผลัดใบ สูง 10-15
3. พิศหอเห็นรางชาง หางหอหวนปวนใจโหย เมตร ใบประกอบ มีใบยอย 3 ใบ เรียงสลับ ใบยอยรูปไข หรือรูปแกมไขสี่เหลี่ยม
4. ความรักยักเปลี่ยนทา ทํานํ้ายาอยางแกงขม ขนมเปยกปูน ดอกชอออกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีสมหรือแดง รูปดอกถั่ว ผล
เปนฝกยาวคอดเปนขอๆ สีนํ้าตาลเขม เมล็ดสีแสด สรรพคุณของใบทองหลาง
วิเคราะหคําตอบ จากเนื้อความวา “แกงไกมัสมั่นเนื้อ นพคุณ พี่เอย” ใชใบแกสดรมควัน ชุบนํ้าสุกปดแผล และเนื้อรายที่บวม ดูดหนองใหไหลออกมา
หมายความถึง แกงมัสมั่นไกเปนดังเนื้อนพคุณ “นพคุณ” จึงตีความได และทําใหแผลยุบ ใบคั่วใชเปนยาเย็น ดับพิษ บดทาแกขอบวม
วา หญิงสาว เชนเดียวกับคําวา “สายสวาท” ที่หมายถึง หญิงสาว “นิทรา”
หมายถึง หลับ “รางชาง” แปลวา งาม สวน “แกงขม” เปนเครื่องกินกับ
ขนมจีนนํ้ายา มีมะระหั่นเปนชิ้นเล็กๆ แลวลวกใหสุก ดังนั้นจึงตอบขอ 1.

คูมือครู 113
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายการเปรียบเทียบอาหารกับนาง
ผูเปนที่รัก ล่�เตียงคิดเตียงน้อง นอนเตียงทองทำ�เมืองบน
(แนวตอบ การพรรณนาถึงอาหารแตละชนิด ลดหลั่นชั้นชอบกล ยลอย�กนิทรคิดแนบนอน
เปนการชื่นชมฝมือของหญิงผูเปนที่รักที่เปน เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้� รุ่มรุ่มเร้�คือไฟฟอน
ผูปรุงอาหาร จึงแสดงใหเห็นความรักใครตอกัน ดัง เจ็บไกลใจอ�วรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกล�งทรวง
บทประพันธที่วา รังนกนึ่งน่�ซด โอช�รสกว่�ทั้งปวง
“ผักโฉมชื่อเพราะพรอง นกพร�กจ�กรังรวง เหมือนเรียมร้�งห่�งห้องหวน
เปนโฉมนองฤๅโฉมไหน
ไตปล�เสแสร้งว่� ดุจว�จ�กระบิดกระบวน
ผักหวานซานทรวงใน
ใบโศกบอกโศกครวญ ให้พี่เคร่�เจ้�ดวงใจ
ใครครวญรักผักหวานนาง”)
ผักโฉมชื่อเพร�ะพร้อง เป็นโฉมน้องฤ ๅโฉมไหน


ขยายความเขาใจ Expand ผักหว�นซ่�นทรวงใน ใคร่ครวญรักผักหว�นน�ง ฯ

นักเรียนเลือกอาหารคาวที่นักเรียนรูจักหรือ โคลง
เปนชื่ออาหารที่นักเรียนสนใจในกาพยเหชมเครื่อง ผลชิดแช่อิ่มโอ้ เอมใจ
คาวหวาน จากนั้นนักเรียนหาภาพประกอบใหตรง หอมชื่นกลืนหว�นใน อกชู้
กับชื่ออาหารชนิดนั้น พรอมทั้งเขียนแนะนําบรรยาย รื่นรื่นรสรมย์ใด ฤา ดุจ นี้แม่
โดยมีจุดประสงคเพื่อแนะนําเชิญชวนใตภาพ หว�นเลิศเหลือรู้รู้ แต่เนื้อนงพ�ล ฯ


ก�พย์
ผลชิดแช่อิ่มอบ หอมตลบลำ้�เหลือหว�น
รสไหนไม่เปรียบป�น หว�นเหลือแล้วแก้วกลอยใจ
ต�ลเฉ�ะเหม�ะใจจริง รสเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ
คิดคว�มย�มพิสมัย หม�ยเหมือนจริงยิ่งอย�กเห็น
1
ผลจ�กเจ้�ลอยแก้ว บอกคว�มแล้วจ�กจำ�เป็น
จ�กชำ้�นำ้�ต�กระเด็น เป็นทุกข์ท่�หน้�นวลแตง
หม�กปร�งน�งปอกแล้ว ใส่โถแก้วแพร้วพร�ยแสง
ย�มชื่นรื่นโรยแรง ปร�งอิ่มอ�บซ�บน�ส�
หวนห่วงม่วงหมอนทอง อีกอกร่องรสโอช�
คิดคว�มย�มนิทร� อุร�แนบแอบอกอร
11๔

บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูบูรณาการเชื่อมโยงความรูเกี่ยวกับเรื่องอาหาร จากกาพยเหชม
เครื่องคาวหวานกับสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี วิชางานบาน
1 ผลจาก หรือ “จาก” เปนพืชในวงศเดียวกับ “ตาว” ซึ่งลูกของตาวนั้น เมื่อนํา
ซึ่งจะเพิ่มเติมความรูทั่วไปเกี่ยวกับอาหารและโภชนาการ การรูจักวัตถุดิบใน
มาทําขนมเรียกวา ลูกชิด ดวยลักษณะที่คลายคลึงกัน จึงมักจะมีความเขาใจสับสน
การปรุงอาหารประเภทตางๆ ทั้งอาหารแหงและอาหารสด ไดแก ผัก ผลไม
วา “จาก” กับ “ชิด” เปนพืชชนิดเดียวกัน โดยเรียกตนวา “จาก” และเรียกผลวา
เนื้อสัตว รวมถึงเรียนรูขั้นตอนพื้นฐานของการประกอบอาหาร ความรูเบื้องตน
“ชิด” ดังที่กลาวไวในบทประพันธดังนี้
เกี่ยวกับอาหารนี้จะชวยใหนักเรียนเห็นภาพการปรุงอาหาร การจัดวางที่กวี
“ในลําคลองสองฟากลวนจากปลูก ทะลายลูกดอกจากขึ้นฝากแฝง
พรรณนาในกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน
ตนจากถูกลูกชิดนั้นติดแพง เขาชางแปลงชื่อถูกเรียกลูกชิดฯ”
(คํากลอนในนิราศเมืองเพชร ของสุนทรภู)

มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับเนื้อเรื่องกาพยเหชมเครื่องคาวหวานเพิ่มเติม ไดที่ http://www.
yorwor2.ac.th/thaionline/work%20web%20page%20maker/kaphechom.
html
114 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. ครูทําสลากบทเหชมผลไม โดยใหนักเรียนจับคู
ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น เรียกส้มฉุนใช้น�มกร ถอดคําประพันธสลากที่จับไดคูละ 1 บท
หวนถวิลลิ้นลมงอน ชะอ้อนถ้อยร้อยกระบวน (แนวตอบ ครูพิจารณาการถอดคําประพันธของ
พลับจีนจักด้วยมีด ทำ�ประณีตนำ้�ต�ลกวน นักเรียนใหมีความถูกตองเหมาะสม)
คิดโอษฐ์อ่อนยิ้มยวน ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ 2. นักเรียนแตละคูมาอานคําประพันธและถอด
น้อยหน่�นำ�เมล็ดออก ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์ คําประพันธใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน
มือใครไหนจักทัน1 เทียบเทียมที่ฝีมือน�ง 3. นักเรียนอธิบายการเตรียมและจัดวางผลไม
ผลเกดพิเศษสด โอช�รสลำ้�เลิศป�ง ในบทเหชมผลไมกอนรับประทาน
คำ�นึงถึงเอวบ�ง ส�งเกศเส้นขนเม่นสอย (แนวตอบ การเตรียมผลไมแตละชนิดจะ
ทับทิมพริ้มต�ตรู ใส่จ�นดูดุจเม็ดพลอย แตกตางกันไป ขึ้นอยูกับลักษณะของผลไมวา
สุกแสงแดงจักย้อย อย่�งแหวนก้อยแก้วต�ช�ย จะรับประทานสวนไหน หรือนําไปแปรรูปเพิ่ม
ทุเรียนเจียนตองปู เนื้อดีดูเหลืองเรืองพร�ย รสชาติอยางไร เชน ผลจากจะนํามาทําเปน
เหมือนสีฉวีก�ย ส�ยสว�ทพี่ที่คู่คิด ลอยแกว หมากปรางหรือมะปรางก็ตองปอก
ล�งส�ดแสวงเนื้อหอม ผลงอมงอมรสหว�นสนิท เปลือกกอนแลวนําไปจัดวางใสในโถแกวอยาง
กลืนพล�งท�งเพ่งพิศ คิดย�มส�รทย�ตร�ม� สวยงาม หรือการเตรียมผลนอยหนา นอกจาก
จะลอกเปลือกพรอมแลว ยังตองเอาเมล็ดออก
ผลเง�ะไม่ง�มแงะ มล่อนเมล็ดและเหลือปญญ�
กอนดวย การจัดทับทิมนั้นจะแกะเอาเมล็ดไป
หวนเห็นเช่นรจน� จ�เจ้�เง�ะเพร�ะเห็นง�ม
จัดวางใสจานใหนากิน การวางเนื้อทุเรียนจะ
สละสำ�แลงผล คิดลำ�ต้นแน่นหน�หน�ม
วางบนใบตองที่เจียนหรือตัดเล็มขอบใหไดรูป
ท่�ทิ่มปิมปนก�ม น�มสละมละเมตต� ฯ
แลว และผลเงาะที่ตองควานเมล็ดออกกอน)
โคลง
สังขยาหน้าไข่คุ้น เคยมี ขยายความเขาใจ Expand
แกมกับข้าวเหนียวสี โศกย้อม
นักเรียนจัดปายนิเทศเพื่อเปนสื่อการเรียนรูใน
เป็นนัยน�าวาที
2 สมรแม่ มาแม่
หองเรียน โดยนําภาพผลไมมาจับคูใหตรงกับบท
แถลงว่าโศกเสมอพ้อม เพียบแอ้อกอร ฯ ประพันธที่มีชื่อผลไมที่ปรากฏในกาพยเหชมเครื่อง
ก�พย์ คาวหวาน
สังขย�หน้�ตั้งไข่ ข้�วเหนียวใส่สีโศกแสดง (แนวตอบ นักเรียนรับผิดชอบตามที่ไดจับคู
เป็นนัยไม่เคลือบแคลง แจ้งว่�เจ้�เศร้�โศกเหลือ ในการถอดคําประพันธ)
ซ่�หริ่มลิ้มหว�นลำ้� แทรกใส่นำ้�กะทิเจือ
วิตกอกแห้งเครือ ได้เสพหริ่มพิมเสนโรย
11๕

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
“พิศหอเห็นรางชาง” มีความหมายสอดคลองกับขอใด
ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติม สําหรับการใชคําวา “หมาก” ขึ้นตนชื่อผัก
1. มองดูหอแลวนึกถึงความอรอย
ผลไมในสมัยกอน ดังที่ปรากฏในบทประพันธวา “หมากปรางนางปอกแลว”
2. มองดูหอแลวเห็นวาสวยงาม
ปจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงดานเสียง คือ มีการกรอนเสียงทําใหออกเสียงเปน
3. มองดูหอแลวรูสึกสบายใจ
“มะ” เชน มะปราง มะพราว มะมวง มะขาม มะนาว เปนตน
4. มองดูหอแลวรูสึกอิ่มเอม
วิเคราะหคําตอบ “พิศหอเห็นรางชาง” มาจากคําประพันธที่วา
“หมูแนมแหลมเลิศรส พรอมพริกสดใบทองหลาง นักเรียนควรรู
พิศหอเห็นรางชาง หางหอหวนปวนใจโหย”
ถอดคําประพันธไดวา หมูแนมหอดวยใบทองหลาง เมื่อเห็นวาสวยก็ทําให 1 ผลเกด หรือลูกเกด คือ ลูกองุนแหงชนิดหนึ่งที่เพี้ยนมาจากคําวา grape ที่
รูสึกหวนไหเมื่อตองหางกัน ตอบขอ 2. แปลวา องุน คนไทยออกเสียงแลวลากเขาความวา “เกด”
2 โศก เปนสีเขียวออนอยางสีใบอโศกออน เรียกวา สีโศก

คูมือครู 115
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับขนมหวานและ
อาหารวางที่ปรากฏในกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน ลำ�เจียกชื่อขนม นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
• ขนมหวานหรืออาหารวางชนิดใดที่กวีไมได ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย โหยไห้ห�บุหง�ง�ม
อธิบายรูปรางลักษณะและมีความสงสัยในชื่อที่ มัศกอดกอดอย่�งไร น่�สงสัยใคร่ขอถ�ม
1
ใชเรียก กอดเคล้นจะเห็นคว�ม ขนมน�มนี้ยังแคลง
(แนวตอบ มัศกอด เปนชื่อขนมชนิดหนึ่งที่กวี ลุดตี่นี้น่�ชม แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง
ไมไดอธิบายวา มีลักษณะรูปรางอยางไร โอช�หน้�ไก่แกง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอ�ย
ความวา ขนมจีบเจ้�จีบห่อ ง�มสมส่อประพิมพ์ประพ�ย
“มัศกอดกอดอยางไร นาสงสัยใครขอถาม นึกน้องนุ่งจีบกร�ย ๑ ช�ยพกจีบกลีบแนบเนียน
กอดเคลนจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังแคลง”) รสรักยักลำ�นำ� ประดิษฐ์ทำ�ขนมเทียน
คำ�นึงนิ้วน�งเจียน เทียนหล่อเหล�เกล�กลึงกลม
ขยายความเขาใจ Expand ทองหยิบทิพย์เทียมทัด ส�มหยิบชัดน่�เชยชม
นักเรียนยกบทประพันธที่มีชื่ออาหารที่นักเรียน หลงหยิบว่�ย�ดม ก้มหน้�เมินเขินขวยใจ
ชื่นชอบมาหนึ่งบท จากนั้นนักเรียนศึกษาวิธีทํา ขนมผิงผิงผ่�วร้อน เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
อาหารในบทประพันธที่เลือกและเขียนอธิบาย ร้อนนักรักแรมไกล เมื่อไรเห็นจะเย็นทรวง
ขั้นตอนการทําอาหารชนิดนั้น รังไรโรยด้วยแป้ง เหมือนนกแกล้งทำ�รังรวง
(แนวตอบ นักเรียนสามารถเลือกบทประพันธ โอ้อกนกทั้งปวง ยังยินดีด้วยมีรัง
ไดหลากหลายตามความสนใจของนักเรียน ครู ทองหยอดทอดสนิท ทองม้วนมิดคิดคว�มหลัง
พิจารณาการเขียนอธิบายลําดับขั้นตอนวิธีการทําให สองปีสองปิดบัง แต่ลำ�พังสองต่อสอง
ถูกตองชัดเจน) ง�มจริงจ่�มงกุฎ ใส่ชื่อ2ดุจมงกุฎทอง
เรียมรำ่�คำ�นึงปอง สะอิ้งน้องนั้นเคยยล
ตรวจสอบผล Evaluate บัวลอยเล่ห์บัวง�ม คิดบัวก�มแก้วกับตน
1. นักเรียนเลือกภาพประกอบอาหารใหตรงกับชื่อ ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล สถนนุชดุจประทุม
อาหารคาวที่มีในกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน ช่อม่วงเหม�ะมีรส หอมปร�กฏกลโกสุม
และเขียนคําบรรยายใตภาพได คิดสีสไบคลุม หุ้มห่อม่วงดวงพุดต�น
2. นักเรียนยกบทประพันธที่มีชื่ออาหารที่นักเรียน ฝอยทองเป็นยองใย เหมือนเส้นไหมไข่ของหว�น
ชื่นชอบ และเขียนอธิบายขั้นตอนการทําอาหาร คิดคว�มย�มเย�วม�ลย์ เย็บชุนใช้ไหมทองจีน ฯ
ชนิดนั้นได

๑ บางฉบับวา นุงจีบทวาย บางฉบับวา นุงจีบถวาย


11๖

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดใชโวหารภาพพจนตางจากขออื่น
1 ขนมนามนี้ยังแคลง ในที่นี้ มัศกอด ก็คือ “ฮะหรั่ว” ชนิดหนึ่งที่เวลากวนใช
1. ฝอยทองเปนยองใย เหมือนเสนไหมไขของหวาน
นํ้ามันเนยแทนกะทิ กวนคอนขางยาก เมื่อจวนสุกจะใส “มะดํ่า” (ภาษาเปอรเซีย)
2. ขนมผิงผิงผาวรอน เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
หรือเมล็ดอัลมอนดบุบปนไปในเนื้อขนมดวย รสชาติจะหอมเนยเปนพิเศษ เรียก
3. ทับทิมพริ้มตาตรู ใสจานดูดุจเม็ดพลอย
ฮะหรั่วชนิดนี้วา “ฮะหรั่วเนย” หรือ “ฮะหรั่วมัศกอด” บางคนเรียกวา “ฮะหรั่ว-
4. เห็นหรุมรุมทรวงเศรา รุมรุมเราคือไฟฟอน
มัสกัด” ชื่อ “มัศกอด” นั้น มาจากชื่อเมือง “มัสกัต” (Muscat) เปนเมืองทาบริเวณ
ปากอาวโอมาน ในอดีตหากจะเดินทางจากประเทศเปอรเชีย (อิหรานในปจจุบัน) วิเคราะหคําตอบ ดังที่ปรากฏมีการใชโวหารภาพพจนอุปมาและการใช
จะตองเดินทางโดยทางเรือผานอาวเปอรเชียไปออกอาวโอมาน จอดเรือพักที่เมือง โวหารภาพพจนอุปลักษณ การแยกโวหารวาเปนชนิดใดนั้นสามารถพิจารณา
มัสกัตแลวจึงออกสูมหาสมุทรอินเดีย ไดจากคําที่แสดงความเปรียบ กลาวคือ โวหารภาพพจนอุปมาจะมีคําวา
2 สะอิ้ง เปนคํากริยา หมายถึง อาการที่เดินเอวออนไปออนมา เชน เดินสะอิ้ง “เหมือน” “ดุจ” “ดัง” “เพียง” “เทา” ในขณะที่โวหารภาพพจนอุปลักษณจะ
สวนคํานาม หมายถึง สายรัดเอว ในที่นี้ “สะอิ้งนองนั้นเคยยล” หมายความวา มีคําวา “เปน” “คือ” ขอที่มีโวหารตางจากขออื่น คือ “เห็นหรุมรุมทรวงเศรา
เคยมองดูสายคาดเอวนอง รุมรุมเราคือไฟฟอน” เปนโวหารอุปลักษณ เพราะมีคําวา “คือ” ตอบขอ 4.

116 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนเลนเกมคําศัพท โดยใหนักเรียน
๕ คÓศัพท์ เขียนคําศัพทที่อยูในบทเรียนที่นักเรียนสนใจ คนละ
1 คํา ลงบนกระดาน ครูตรวจสอบวาคําศัพทไมซํ้า
คำ�ศัพท์ คว�มหม�ย กัน จากนั้นใสกระดาษคําศัพทลงในกลอง ครูเรียก
กล เหมือน ชื่อนักเรียนทีละคนจับสลาก ใหนักเรียนบอก
ข้อน ยกมือทุบแรงๆ ความหมายของคําศัพทที่นักเรียนจับสลากได
คว�มขำ� สิ่งหรือข้อความที่มีนัย ไม่ควรเปิดเผย ในที่นี้หมายถึงความสงบระหว่างกวี
กับนาง สํารวจคนหา Explore
เคร่� คอย
นักเรียนคัดเลือกคําศัพทในบทเรียนที่มี
ง�มแงะ งามน่าดู ความหมาย ดังตอไปนี้
เจียน ตัด ขริบ หรือเฉือนให้ไปตามแนวหรือให้ได้รูปตามที่ต้องการ เช่น • งาม
เจียนใบตอง
(แนวตอบ เชน งามแงะ รางชาง เปนตน)
ฉม กลิ่นหอม • หญิงสาวหรือคนรัก
แด ใจ (แนวตอบ เชน เสาวคนธ เอวบาง เปนตน)
นิทร ในที่นี้อ่านว่า นิด หมายถึง นอน
ประทิ่น เครื่องหอม อธิบายความรู Explain
ประพิมพ์ประพ�ย ลักษณะหรือส่วนที่คล้ายคลึงกัน
1. นักเรียนรวมกันอภิปราย การใชคําศัพทที่มี
พร้อง พูด กล่าว
ความหมายวา “งาม” ในบทประพันธวา
พิมเสน ชื่อสารชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นเกล็ดสีขาวขุ่น มีทั้งที่ได้จากธรรมชาติ
มีลักษณะการใชอยางไร
และได้จากการสังเคราะห์ ใช้ท�ายา
(แนวตอบ การชื่นชมความงามในกาพยเหชม-
ไฟฟอน กองไฟที่แม้ดับแล้ว ยังมีความร้อนระอุ เปรียบได้กับจิตใจอันรุ่มร้อน
เครื่องคาวหวาน ใชคําวา “งาม” ชมฝมือการ
ภุญช์ รับประทาน
ทําอาหารของนางผูเปนที่รักวา ทําไดงาม คือ
มือน�ง ฝีมือของนาง อาหารงามละเมียดละไม และชมอาหารวา
เมืองบน เมืองสวรรค์ งามเหมือนนางที่เปนคนทํา)
ร�งช�ง ในที่นี้หมายถึง สวยงาม เด่น 2. นักเรียนบันทึกความรูลงสมุด
ลดหลั่นชั้นชอบกล ลวดลายที่เป็นชั้นๆ มีความสวยงาม
เส�วคนธ์ กลิ่นหอม ในที่นี้หมายถึง คนรัก
1
เอวบ�ง ผู้ที่มีเอวบอบบางอ้อนแอ้น ในที่นี้หมายถึง ผู้หญิง
โอช� มีรสดี อร่อย

117

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ใหนักเรียนศึกษาลักษณะคําประพันธประเภทกาพยยานี 11 และแตง กาพยเหชมเครื่องคาวหวานมีคําศัพทบางคําที่เปนคําไวพจน ครูจัดกิจกรรม
คําประพันธประเภทกาพยยานี 11 จํานวน 1 บท ทั้งนี้นักเรียนเลือกหัวขอ ที่สงเสริมการเรียนการสอนเกี่ยวกับคําศัพทในบทเรียนที่มีลักษณะการหลากคํา
ในการแตงไดตามความสนใจ และใหนําคําศัพทในบทเรียนไปใชในการแตง โดยอาจใหนักเรียนหาคําที่มีความหมายเหมือนกันกับวรรณกรรมเรื่องอื่น หรือให
คําประพันธ โดยแตงใหถูกตองตามฉันทลักษณที่นักเรียนไดศึกษามา นักเรียนจัดกลุมจําแนกคําไวพจนใหเปนหมวดหมู นําไปจัดปายนิเทศใหความรู
หนาชั้นเรียน

กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
ใหนักเรียนศึกษาลักษณะคําประพันธประเภทกาพยยานี 11 และศึกษา 1 เอวบาง มีความหมายวา ผูหญิง เปนคําไวพจนที่มีความหมายเหมือนกับคําวา
เกี่ยวกับคําไวพจนและการหลากคําเพิ่มเติม เพื่อแตงคําประพันธประเภท อนงค สมร พะงา
กาพยยานี 11 จํานวน 1 บท ทั้งนี้นักเรียนเลือกหัวขอในการแตงไดตาม
ความสนใจ แตใหนําคําศัพทในบทเรียนที่เปนคําไวพจนไปใชในการแตง
คําประพันธและแสดงใหเห็นการหลากคําในบทประพันธนั้น
คูมือครู 117
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. นักเรียนยกบทประพันธจากกาพยเหชม
เครื่องคาวหวานที่ปรากฏการใชคําวา “งาม” บอกเล่าเก้าสิบ
(แนวตอบ บทประพันธที่ปรากฏการใชคําวา
อยาง “งาม” ตัวอยางเชน ขนมมงคล ๙ อยาง
“งามจริงจามงกุฎ ใสชื่อดุจมงกุฎทอง ขนมไทย นั บ เป็ น สิ่ ง หนึ่ ง ที่ แ สดงให้ เ ห็ น เอกลั ก ษณ์ ท างวั ฒ นธรรมของไทย ในกาพย์
เรียมรํ่าคํานึงปอง สะอิ้งนองนั้นเคยยล”) เห่ชมเครื่องคาวหวาน มีการกล่าวถึงชื่อขนมต่างๆ หลายชนิด ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความไพเราะและ
2. หลังจากนักเรียนยกบทประพันธแลว ครูให สื่อให้เห็นความหมายอันเป็นมงคล อันเป็นภูมิปญญาของคนไทยในอดีตที่มีความชาญฉลาด
นักเรียนทํากิจกรรมตามตัวชี้วัด จากแบบวัดฯ ในการผนวกชื่อเรียกขนมไทย ด้วยค�าที่แฝงความหมายอันเป็นมงคลเข้ากับงานพิธีมงคลต่างๆ
ได้อย่างกลมกลืน
ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.11 ในงานพิธีมงคลต่างๆ นิยมน�าขนมไทยไปใช้ประกอบเครื่องคาวหวานเพื่อถวายพระหรือ
เลี้ยงแขก ตัวอย่างขนมมงคล ๙ อย่าง มีดังนี้
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ทองเอก
ภาษาไทย ม.1 กิจกรรมที่ 1.11 น
ั ท ร 
เร�่อง กาพยเหชมเคร�่องคาวหวาน เสนหจ ค�าอวยพรแสดงถึงความ
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได แสดงถึงความมีเสน่ห์ เป็นหนึ่ง
กิจกรรมที่ ๑.๑๑ ใหนักเรียนพิจารณาวาคําประพันธตอไปนี้กลาวถึงอาหาร õ
ชนิดใดบาง (ท ๕.๑ ม.๑/๑) แก่ผู้พบเห็น

๑. มัสมั่นแกงแกวตา หอมยี่หรารสรอนแรง มัสมั่น
........................................................................ ขนมถว ยฟ
จา มงกฎุ
ชายใดไดกลืนแกง แรงอยากใหใฝฝนหา
๒. หมูแนมแหลมเลิศรส พรอมพริกสดใบทองหลาง
พิศหอเห็นรางชาง หางหอหวนปวนใจโหย
หมูแนม
........................................................................
แสดงถึงความเจริญ
แสดงถึงการเป็น รุ่งเรืองเฟองฟู
๓. ความรักยักเปลี่ยนทา ทํานํ้ายาอยางแกงขม
กลออมกลอมเกลี้ยงกลม ชมไมวายคลายคลายเห็น
ขนมจีนนํา้ ยา แกงขม แกงออม
........................................................................
หัวหน้าสูงสุด ความ
๔. ผลจากเจาลอยแกว บอกความแลวจากจําเปน มีเกียรติยศสูงส่ง
ลูกจากลอยแกว
........................................................................
จากชํ้านํ้าตากระเด็น เปนทุกขทาหนานวลแตง

ฉบับ
เฉลย
๕. หมากปรางนางปอกแลว ใสโถแกวแพรวพรายแสง
ยามชื่นรื่นโรยแรง ปรางอิ่มอาบซาบนาสา
มะปราง
........................................................................
ทองหยบิ
๖. ทับทิมพริ้มตาตรู ใสจานดูดุจเม็ดพลอย ทับทิม
........................................................................
แสดงถึงการหยิบจับ
สุกแสงแดงจักยอย อยางแหวนกอยแกวตาชาย
การงานสิ่งใดก็จะ
ขนมชั้น
๗. มัศกอดกอดอยางไร นาสงสัยใครขอถาม
กอดเคลนจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังแคลง
มัศกอด
........................................................................ ร�่ารวยมีเงินมีทอง
๘. งามจริงจามงกุฎ ใสชื่อดุจมงกุฎทอง จามงกุฎ
........................................................................
เรียมรํ่าคํานึงปอง สะอิ้งนองนั้นเคยยล
การได้เลื่อนขั้น เลื่อนยศ
เม็ดขนุน
๙. สังขยาหนาตั้งไข ขาวเหนียวใสสีโคกแสดง ขาวเหนียวสังขยา
........................................................................ ต�าแหน่งให้สูงยิ่งๆ ขึ้นไป
เปนนัยไมเคลือบแคลง แจงวาเจาเศราโศกเหลือ
๑๐. รังไรโรยดวยแปง เหมือนนกแกลงทํารังรวง ขนมรังไร (เรไร)
โออกนกทั้งปวง ยังยินดีดวยมีรัง
........................................................................
ช่วยให้มีคนสนับสนุน

ทองหยอ ฝอยทอง หนุนให้ชีวิตก้าวหน้า
๙๒
แสดงถึงการจับวางอะไร
ค�าอวยพรให้มีชีวิต
เป็นเงินเป็นทอง
ยืนยาวหรือครองชีวิตคู่
ตรวจสอบผล Evaluate ยืนยาวตลอดไป

1. นักเรียนคัดเลือกคําศัพทในบทเรียนไดตรงตาม 11๘
ความหมายที่กําหนด
2. นักเรียนยกบทประพันธจากกาพยเหชม
เครื่องคาวหวานที่ปรากฏการใชคําวา “งาม”
กิจกรรมสรางเสริม
บูรณาการอาเซียน
สิ่งที่เปนเอกลักษณและบงบอกความเปนชาติมีหลายอยาง และอาหารคือหนึ่ง นักเรียนรวบรวมรายชื่อขนมไทยที่เปนมงคล ลักษณะของขนม และ
ในเอกลักษณที่แตละประเทศมีตางกันทั้งการปรุงและรสชาติ ปจจัยสําคัญที่ทําให บอกรายละเอียดวา งานมงคลตางๆ มีการใชขนมชนิดใดบาง จัดทําเปน
อาหารแตละประเทศแตกตางกัน คือ แหลงวัตถุดิบ ซึ่งเปนตัวกําหนดรูปลักษณ ใบความรูสงครู
รสชาติของอาหาร รวมไปถึงคนในถิ่นนั้นจะตองรังสรรคดัดแปลงปรุงแตงอาหาร
ใหหลากหลายจากวัตถุดิบที่มีในทองถิ่นตน ดังนั้น อาหารการกินในแตละสํารับ
จะบอกเลาอะไรไดมากมาย ทั้งเชื้อชาติ วัฒนธรรมประเพณี ฐานะทางเศรษฐกิจ กิจกรรมทาทาย
ไปจนถึงสภาพแวดลอม นอกจากความภาคภูมิใจในเอกลักษณของชาติแลว ดาน
เศรษฐกิจในปจจุบันอาหารไดเปลี่ยนเปนอุตสาหกรรมระดับโลกทั้งที่แปรรูปและไม
แปรรูป ซึ่งประเทศสมาชิกอาเซียนเปนประเทศสําคัญในการสงออกอาหาร ซึ่งเปน นักเรียนยกงานมงคลของไทย 1 งาน จากนั้น ระบุวางานมงคลนั้นใช
สินคาสําคัญที่แตละปมูลคาสูง การรวมตัวกันจึงมีแนวโนมที่จะชวยสงเสริมความ ขนมใดบาง ขนมที่ใชแตละชนิดมีลักษณะอยางไรพรอมทั้งอธิบายความ
มั่นคงทางเศรษฐกิจใหเขมแข็งยิ่งขึ้น สําคัญและความหมายของชื่อขนมไทยที่ใชในงานมงคลวา มีขนมแตละ
ชนิดมีความสอดคลองกับงานมงคลนั้นอยางไร จัดทําเปนใบความรูสงครู

118 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูนํารูปภาพอาหารไทยทั้งคาวหวาน หรือ
๖ บทวิเคราะห์ บััตรคําทายบอกลักษณะเดนของอาหารที่ปรากฏ
ในกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน เพื่อใหนักเรียนทาย
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานบรรยายอาหารคาวหวานและผลไม้ได้อย่างละเอียดอ่อน นับเป็น ชื่ออาหาร
วรรณคดี ที่ ส� า คั ญ อี ก เรื่ อ งหนึ่ ง ที่ แ สดงพระปรี ช าสามารถในเชิ ง กวี ข องรั ช กาลที่ ๒ แม้ เ นื้ อ เรื่ อ ง
จะไม่มากนัก ทว่าให้คุณค่าที่เป็นประโยชน์หลายประการ ดังนี้ สํารวจคนหา Explore
๖.๑ คุณค่าด้านเนือ้ หา นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับคุณคาดานเนื้อหา
๑) ให้คว�มรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมด้�นอ�ห�รก�รกินของคนไทยสมัยโบร�ณ ดานวรรณศิลป และดานสังคม ในกาพยเหชม
กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน สะท้อนให้เห็นถึงความละเอียดอ่อน พิถีพิถันในทุกขั้นตอนของการท�า
เครื่องคาวหวาน
อาหาร ไม่ว่าจะเป็นการจัดวาง สีสัน และรูปลักษณ์ของอาหารคาวหวาน รวมทั้งผลไม้ชนิดต่างๆ1
โดยอาหารบางชนิดนั้นไม่ปรากฏแพร่หลายหรือไม่คุ้นชื่อในปจจุบัน เช่น แสร้งว่า หรุ่ม ล่าเตียง
อธิบายความรู Explain
ย�าใหญ่ มัศกอด ช่อม่วง เป็นต้น
1. นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับวัฒนธรรม
แสร้งว่� เรื่องอาหารของคนในสมัยกอน
• กาพยเหชมเครื่องคาวหวานสะทอน
เปนอาหารประเภทยํา วิธีทํา นํากุงชีแฮ ยางไฟพอนํ้าตก ปอกเปลือกแลวเอา
วัฒนธรรมของคนไทยในสมัยกอนอยางไร
เสนดําที่หลังออก นํานํ้ามะนาวหรือมะกรูดผสมกับเกลือปนใหเขากัน เทลงในถวยกุง
(แนวตอบ กาพยเหชมเครื่องคาวหวานสะทอน
เคลาใหเขากัน โรยตะไครหั่นซอย หัวหอมเล็กซอย ขิงออนซอย ตนหอม ผักชี พริกแดง วัฒนธรรมดานอาหารการกิน สะทอนใหเห็น
พริกเหลืองหั่นโรย คลุกเคลาใหเขากัน รับประทานพรอมกับผัก แตงกวา มะเขือ ถึงความประณีตพิถีพิถันในทุกขั้นตอนของ
การทําอาหาร ตั้งแตการทําเครื่องปรุง
การจัดวาง สีสัน และรูปลักษณของอาหาร
คาวหวาน และผลไม แสดงใหเห็นวาชนชาติ
ไทยเปนชนชาติที่มีศิลปะความงดงาม
ล่�เตียง ในทุกอยาง แมเรื่องอาหารการกินก็ชาง
เป น อาหารว า ง วิ ธี ทํ า นํ า รากผั ก ชี กระเที ย ม พริ ก ไทยที่ บ ดแล ว ผั ด จนหอม ประดิดประดอยใหงดงาม)
ใสหอมแดง หมูบด กุงแหง ปรุงรสดวยนํ้าปลา นํ้าตาล ผัดจนแหง ใสถั่วลิสงคั่วบด 2. นักเรียนบันทึกความรูที่ไดจากการอภิปราย
ตักใสจาน ตีไขไก ๑ ฟอง ไขเปด ๓ ฟองจนเขากัน ใชนิ้วจุมไข โรยไขในกระทะใหเปน รวมกันลงสมุด
รูปตารางสี่เหลี่ยม ลอกใสจาน วางพริกชี้ฟาแดงหั่นเปนเสนยาวบนแผนไข วางทับดวย
ผักชี ใสไสที่ผัดไวหอเปนรูปสี่เหลี่ยมขนาดพอคํา

11๙

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวถึงสวนประกอบของอาหาร
1 ลาเตียง มีลักษณะวิธีทําคลายหรุม คือ ใชไขโรยฝอยเปนรางแห ไสทําดวยหมู
1. ซาหริ่มลิ้มหวานลํ้า แทรกใสนํ้ากะทิเจือ
หั่นเปนชิ้นเล็กๆ ผัดกับถั่วลิสงหัวหอมและเครื่องปรุง หอขนาดพอดีคํา แตตางกัน
วิตกอกแหงเครือ ไดเสพหริ่มพิมเสนโรย
ที่ลาเตียงหอไสซึ่งทําดวยกุงผัดกับเครื่องปรุง ในขณะที่หรุมเวลาหอจะแผแผนหรุม
2. ลําเจียกชื่อขนม นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
แลวเรียงเครื่องลงไป เริ่มจากพริกชี้ฟาแดงหั่นเปนเสน ใบผักชีสด ทับดวยหนากุง
ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย โหยไหหาบุหงางาม
ตามลําดับ เมื่อมวนหอพอดีคํา จะมองทะลุรางแหหรุมเห็นสีสันของหนากุง ทุกวันนี้
3. มัศกอดกอดอยางไร นาสงสัยใครขอถาม
หรุมไมคอยจะเปนที่พบเห็นโดยทั่วไป แตจะเปนอาหารเฉพาะขอกุฎีใหญหรือมัสยิด
กอดเคลนจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังแคลง
ตนสน
4. ขนมจีบเจาจีบหอ งามสมสอประพิมพประพาย
นึกนองนุงจีบกราย ชายพกจีบกลีบแนบเนียน
วิเคราะหคําตอบ ขอที่กลาวถึงสวนประกอบอาหาร คือ ขอ 1. กลาวถึง
ขนมซาหริ่ม ซึ่งมีสวนผสมของกะทิ และพิมเสน สวนในขออื่น กลาวถึง
ชื่อขนมและความรูสึกของกวีที่มีตอนางอันเปนที่รัก ดังนั้นจึงตอบขอ 1.

คูมือครู 119
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับการแกะสลักผักผลไม
ซึ่งเปนศิลปะเดนของไทย ความประณีตพิถีพิถัน ช่างประดิดประดอยที่ปรากฏในเรื่อง นับวันจะมีผู้รู้กรรมวิธี
(แนวตอบ การแกะสลักผักและผลไมเดิมเปน เหล่านี้น้อยลง เช่น ศิลปะในการจัดแต่งอาหารด้วยการแกะสลัก ซึ่งเป็นงานที่ผู้หญิงไทยสมัยก่อน
วิชาการขั้นสูงของกุลสตรีในรั้วในวัง ตองฝกฝน ต้องเรียนรู้และฝกหัดโดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในวัง
และเรียนรูจนเกิดความชํานาญ บรรพบุรุษของ การแกะสลักผักผลไม้เป็นงานฝีมือที่แสดงถึงความพยายามและความประณีตของผู้ท�า
ไทยเราไดมีการแกะสลักกันมานานแลว ปรุงแต่งด้วยความวิจิตรสวยงามทั้งรูปลักษณ์ภายนอกและรสชาติของอาหาร ผลไม้ต้องปอกเปลือก
ในสมัยรัตนโกสินทรตอนตน พระบาทสมเด็จ- คว้านเมล็ดออก โดยยังคงรูปลักษณ์เดิม เช่น “นอยหนานําเมล็ดออก ปลอนเปลือกปอกเปนอัศจรรย์”
พระพุทธเลิศหลานภาลัย ทรงโปรดการประพันธ หรือดัดแปลงให้งดงามยิ่งขึ้นอย่างมะปรางริ้ว “หมากปรางนางปอกแลว ใสโถแกวแพรวพรายแสง”
ยิ่งนัก พระองคทรงพระราชนิพนธกาพยแหชม ส่วนขนมไทยนั้น บางชนิดคนรุ่นหลังแทบไม่มีโอกาสได้เห็น เนื่องจากกรรมวิธีการท�า
เครื่องคาวหวาน และบทเหชมผลไมไดพรรณนา ยุ่งยาก ต้องอาศัยฝีมือและความอุตสาหะอย่างยิ่ง เช่น
ชมฝมือการทําอาหาร การปอกควานผลไม
และประดิดประดอยขนมอรอยและสวยงาม
ทั้งหลายวา เปนฝมืองามเลิศของสตรีชาววัง
จ่�มงกุฎ
สมัยนั้น ดังบทประพันธที่พรรณนาถึงการจัด
เตรียมผลไมอยางพิถีพิถันวา เป น สุ ด ยอดขนมไทยที่ รํ่ า ลื อ กั น ว า ยากนั ก เพราะต อ งใช มื อ กวาดเมล็ ด แตงโม
“นอยหนานําเมล็ดออก ในกระทะทองเหลืองที่ตั้งบนเตาไฟ จนนํ้าเชื่อมที่พรมลงไปจับที่ผิวเมล็ดแตงโมจนเปน
ปลอนเปลือกปอกเปนอัศจรรย หนามพราว เอาไปติดประดับรอบๆ ตัวขนม ที่ตองทําฐานเปนถวยขนมกอน โดยปน
มือใครไหนจักทัน ขนมจากแปงสาลีและไขแดงเปนทองเอกกลมๆ วางตรงกลาง ใชมีดปลายแหลมผาเปน
เทียบเทียมที่ฝมือนาง” ๖ พู เหมือนเม็ดมะยม แลวปนเปนกอนเล็กๆ วางบนยอดขนม ใชทองคําเปลวตัดเปน
และ “ผลเงาะไมงามแงะ สี่เหลี่ยมเล็กๆ ติดตรงยอดมองเห็นเหมือนมงกุฎ
มลอนเมล็ดและเหลือปญญา
หวนเห็นเชนรจนา
จาเจาเงาะเพราะเห็นงาม”) ช่อม่วง
2. ครูสุมนักเรียน 2-3 คน มาชวยกันนําเสนอ 1
เป น ขนมไทยที่ ต  อ งใช ฝ  มื อ ในการทํ า อย า งมาก โดยผสมแป ง กั บ นํ้ า ดอกอั ญ ชั น
หนาชั้นเรียน จากนั้นครูชี้แนะเพิ่มเติม
คนในกระทะทองเหลืองดวยไฟออนๆ ใหสุก นํามานวด แบงเปนกอน กอนจะนําแปง
มาแผตักไสที่มีสวนผสมของถั่วนึ่งบดกับฟก ผสมนํ้าตาลทรายและเกลือ คนในกระทะ
ทองเหลือง ทิ้งใหเย็นหอแปงใหมิด ใชที่หนีบขนมจับจีบใหเปนกลีบดอกไมนึ่งจนสุก
แลวใชหัวกะทิพรมไมใหติดกัน

120

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
คําประพันธใดสะทอนวัฒนธรรมไทยสมัยกอน
1 ดอกอัญชัน ควรเลือกอัญชันสีนํ้าเงินมาประกอบอาหาร เชื่อวาสารอาหาร
1. ชอมวงเหมาะมีรส หอมปรากฏกลโกสุม
จะมีมากกวาสีอื่นและใหสีสวยงาม หากมีดอกสดมากสามารถผึ่งในที่รอนและแหง
2. ทุเรียนเจียนตองปู เนื้อดีดูเหลืองเรืองพราย
โดยไมโดนแดดจัด รอใหแหงเก็บไวในโถปดสนิท จะใชไดประมาณ 6 เดือน
3. ทองหยอดทอดสนิท ทองมวนมิดคิดความหลัง
ดอกอัญชันแหง 10 ดอกตอแกว แทนดอกสด 5 ดอก ดอกแหงสามารถนํามาทําชา
4. นึกนองนุงจีบกราย ชายพกจีบกลีบแนบแนน
อัญชัน ซึ่งจะไมมีกลิ่นเหม็นเขียว และไมมีรสชาติ สามารถปรุงแตงรสไดตามชอบ
เชน นํ้าผึ้ง นํ้าตาล นํ้ามะนาว เปนตน วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. กลาวชมขนมชอมวงวาหอมเหมือนดอกไม ขอ 2.
กลาวถึงทุเรียนที่วางบนใบตองที่เจียนอยางดี ขอ 3. กลาวถึงทองหยอดและ
ทองมวนที่ทําใหนึกถึงความหลัง และขอ 4. กลาวถึงผานุงของนางผูเปนที่รัก
มุม IT ที่จับจีบชายพกไวอยางแนน ซึ่งสะทอนใหเห็นวัฒนธรรมการแตงกายของ
หญิงสาวในสมัยนั้น ตอบขอ 4.
ศึกษาเกี่ยวกับขั้นตอนวิธีการประกอบอาหารชนิดตางๆ ที่ปรากฏในกาพยเหชม-
เครื่องคาวเพิ่มเติม ไดที่ http://www.siamsouth.com/smf/index. php?topic=
8153.0

120 คูมือครู
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับการรับวัฒนธรรม
บอกเล่าเก้าสิบ อาหารการกินของตางชาติในสมัยกอนที่พบไดจาก
กาพยเหชมเครื่องคาวหวาน
เครื่องเทศ • คนไทยรับเอาวัฒนธรรมการกินของตางชาติ
เครือ่ งเทศ เป็นของเผ็ดร้อนและมีกลิน่ อยางไรบาง
หอมฉุน มีสรรพคุณทางยา ได้มาจากส่วน (แนวตอบ ไทยมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
ต่างๆ ของพืช เช่น เมล็ด ผล ดอก ราก หรือ การกินจากชาติที่มาติดตอคาขายดวยทั้งจีน
ล�าต้น แล้วน�ามาท�าให้แห้ง เพื่อใช้ปรุงแต่ง
อาหารให้มีรสและกลิ่นที่ชวนรับประทาน อินเดีย เปอรเซีย แตที่กลาวถึงในกาพยเห
เครื่ อ งเทศส่ ว นหนึ่ ง เป็ น พื ช ท้ อ งถิ่ น ชมเครื่องคาวหวาน ไดแก ขาวหุงของ
ของไทย แต่ ส ่ ว นใหญ่ มั ก น� า เข้ า มาโดย ชาวเปอรเซีย แตเดิมเรียกขาวชนิดนี้วา
ชาวต่ า งชาติ จึ ง ได้ ชื่ อ หรื อ เป็ น ที่ ม าของ “บริญาณี” เปนการหุงขาวโดยใชเนยหรือ
ค�าว่า เครือ่ งเทศ และสันนิษฐานกันว่าอาจน�า
เข้ า มาสู ่ ค รั ว ไทยตามการอพยพโยกย้ า ย นํ้ามันเนยเปนตัวรัดเมล็ดขาวใหเรียงตัว
ของชาวอินเดียตั้งแต่สมัยโบราณ 1 สวยงาม และใสเครื่องเทศที่มีชื่อวา
เครื่องเทศซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยมีหลายอย่าง อาทิ อบเชย ลูกผักชี ยี่หร่า หญ้าฝรั่น “ลูกเฮลท” ไทยเพี้ยนเสียงมาเปน “ลูกเอ็น”
จันทน์เทศ พริกไทย กระวานหรือลูกเอ็น กานพลู เป็นต้น ดังความวา “ขาวหุงปรุงอยางเทศ รสพิเศษ
ใสลูกเอ็น” และสีเหลืองของขาวที่หุงนั้น
๒) สะท้อนสภ�พบ้�นเมืองในสมัยอดีต การติดต่อค้าขายกับชาวต่างชาติ เช่น
เกิดจากการใชสมุนไพรชนิดหนึ่งที่เรียกวา
ชาวจีน ชาวอินเดีย หรือชาวเปอร์เซีย ท�าให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมด้านอาหารการกิน ในเรื่อง
“หญาฝรั่น” ความจริงไมใชหญาแตเปนเกสร
กล่าวถึงอาหารคาวหวานที่ไทยได้รับกรรมวิธีการท�ามาจากชาวต่างชาติ เช่น การหุงข้าวโดยใช้เนย ดอกไมชนิดหนึ่ง ขาวหุงนี้เมื่อเขามาเผยแพร
หรือน�้ามันเนยเป็นตัวรัดเมล็ดข้าวให้เรียงตัวดูสวยงามและใส่เครื่องเทศชนิดหนึ่งมีชื่อว่า ลูกเฮลท์ ในไทยจากที่เรียก “บริญาณี” ก็เพี้ยนมาเปน
ซึ่งเพี้ยนเสียงมาเป็น ลูกเอ็น ท�าให้มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ “ขาวบุเหลา” และ “ขาวบุหลี่” ในที่สุด
ข้�วหุงปรุงอย่�งเทศ รสพิเศษใส่ลูกเอ็น ซึ่งปจจุบันนําไปปรับปรุงเปนขาวหมกไก
ใครหุงปรุงไม่เป็น เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ� ขาวหมกแพะ)

นอกจากนี้ ยั ง มี อ าหารที่ เรี ย กว่ า ลุ ด ตี่ มี ลั ก ษณะเป็ น แผ่ น ท� า จากข้ า วเจ้ า ที่ ขยายความเขาใจ Expand
โม่ใหม่ๆ เป็นวิธีแบบโบราณโดยน�าไข่ไก่มาตีผสมกับแป้งข้าวเจ้า แล้วผสมด้วยสีเหลืองที่ได้จาก
หญ้าฝรั่นหรือขมิ้นผง เสร็จแล้วตักแป้งหยอดลงกระทะ กลอกแป้งไปมาให้แป้งแผ่เป็นแผ่นกลม นักเรียนบอกชื่ออาหารในกาพยเหชม
เมื่อแป้งสุกจะร่อนจากกระทะ มีสีเหลืองนวล รับประทานกับแกงไก่ ซึ่งต่อมากินเป็นขนมหรือของว่าง
เครื่องคาวหวานที่ไดรับอิทธิพลจากตางชาติ
(แนวตอบ อาหารคาวที่ไทยรับมาจากตางชาติ
ลุดตี่นี้น่�ชม แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง เชน มัสมั่น ขาวหุงเครื่องเทศ เปนตน อาหาร
โอช�หน้�ไก่แกง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอ�ย หวานและอาหารวางที่ไทยรับมาจากตางชาติ เชน
ลุดตี่ ซาหริ่ม เปนตน)
121

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
ขอใดไมกลาวถึงการรับวัฒนธรรมจากตางประเทศ
1 ยี่หรา มีสรรพคุณทางอาหาร ใชเปนเครื่องปรุง นําไปใชเปนสวนประกอบใน
1. ยําใหญใสสารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา
การปรุงอาหารบางชนิด ไดแก แกง ตมยํา ซุป มักเปนที่นิยมกันในแถบยุโรปหรือ
รสดีดวยนํ้าปลา ญี่ปุนลํ้ายํ้ายวนใจ
ตะวันออกกลาง ชวยใหมีกลิ่นหอมดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว และเปนสวนประกอบ
2. รังนกนึ่งนาซด โอชารสกวาทั้งปวง
ของการถนอมอาหารประเภทเนื้อสัตว โดยนํามาปนหรือตําผสมหมักในเนื้อสัตว
นกพรากจากรังรวง เหมือนเรียมรางหางหองหวน
เพราะนํ้ามันหอมระเหยมีฤทธิ์ฆาเชื้อจุลินทรียได ชวยปองกันไมใหเกิดการบูดเนา
3. มัศกอดกอดอยางไร นาสงสัยใครขอถาม
เร็วขึ้น ปองกันกลิ่นเหม็นอับของเนื้อสัตวเวลาหมักกอนนําไปตากแหง สวนประกอบ
กอดเคลนจะเห็นความ ขนมนามนี้ยังแคลง
ของเครื่องแกง เชน แกงกะหรี่ แกงมัสมั่น แกงเผ็ดเห็ด แกงฮังเล บาเยีย การทํา
4. ลุดตี่นี้นาชม แผแผนกลมเพียงแผนแผง
เนื้อสวรรค
โอชาหนาไกแกง แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย
วิเคราะหคําตอบ อาหารไทยที่กลาวถึงในกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน
แสดงใหเห็นการติดตอคาขายระหวางไทย เปอรเซีย และญี่ปุนกอใหเกิดการ
รับวัฒนธรรมการบริโภคอาหารจากตางประเทศเขามาในวัฒนธรรมไทย ซึ่ง
ไดแก รสดีดวยนํ้าปลาจากญี่ปุน มัศกอดและลุดตี่จากเปอรเซีย ขอที่ไมได
กลาวถึงวัฒนธรรมอาหารที่รับจากตางประเทศ ตอบขอ 2.
คูมือครู 121
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายการใชวรรณศิลปในกาพยเหชม
เครื่องคาวหวาน ๖.๒ คุณค่าด้านวรรณศิลป์
• กาพยเหชมเครื่องคาวหวานมีการใชโวหาร กวีสามารถพรรณนาอาหารคาวหวาน ผลไม้แต่ละชนิดได้อย่างเห็นภาพ เข้าใจชัดเจน
เปรียบเทียบอยางไร มีการใช้ถ้อยค�าเปรียบเทียบลึกซึ้งกินใจและไพเราะ เช่น
(แนวตอบ ใชโวหารเปรียบเทียบสิ่งที่ไมมีชีวิต ๑) ก�รเล่นเสียงพยัญชนะและก�รเล่นเสียงวรรณยุกต์ ช่วยให้เกิดความคล้องจอง
อยางอาหารกับนางผูเปนที่รัก โดยเทียบกับ ไพเราะ เช่น
รูปลักษณ สีสัน เครื่องแตงกาย กลิ่น กิริยา เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้� รุ่มรุ่มเร้�คือไฟฟอน
ทาทาง ดังที่เปรียบทับทิมกับแหวนที่เปน เจ็บไกลใจอ�วรณ์ ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกล�งทรวง
เครื่องประดับของนางผูเปนที่รัก ความวา
“ทับทิมพริ้มตาตรู ใสจานดูดุจเม็ดพลอย พลับจีนจักด้วยมีด ทำ�ประณีตนำ้�ต�ลกวน
สุกแสงแดงจักยอย อยางแหวนกอยแกวตาชาย” คิดโอษฐ์อ่อนยิ้มยวน ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ
และมีการกลาวเปรียบเกินจริง เพื่อตองการให
๒) ก�รใช้โวห�รเปรียบเทียบ ช่วยท�าให้เกิดจินตภาพ เช่น
เกิดจินตภาพชัดเจนยิ่งขึ้น จําเปนตองแสดง
ดวยถอยคําที่มีความหมายเกินจริงจึงจะมีนํ้า ทับทิมพริ้มต�ตรู ใส่จ�นดูดุจเม็ดพลอย
หนักเทียบเทากับสิ่งที่อยูในจินตภาพได สุกแสงแดงจักย้อย อย่�งแหวนก้อยแก้วต�ช�ย
“กอยกุงปรุงประทิ่น วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย ๓) ก�รใช้โวห�รเกินจริง เพือ่ เน้นย�า้ ความหมาย ให้ผอู้ า่ นเห็นถึงฝีมอื การปรุงอาหาร
รสทิพยหยิบมาโปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ”)
ที่เป็นเลิศ ยากจะหาใครเทียบได้ เช่น

ขยายความเขาใจ Expand ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น ว�งถึงลิ้นดิ้นแดโดย


รสทิพย์หยิบม�โปรย ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ
นักเรียนยกบทประพันธที่มีการใชโวหารเปรียบ
๔) ก�รเล่นคำ� เพื่อสร้างอารมณ์สะเทือนใจให้แก่ผู้อ่าน เช่น
เทียบ คนละ 1 บท และระบุสัมผัสในของแตวรรค
(แนวตอบ บทประพันธที่มีการใชโวหาร ผลจ�กเจ้�ลอยแก้ว บอกคว�มแล้วจ�กจำ�เป็น
เปรียบเทียบ ตัวอยางเชน จ�กชำ้�นำ้�ต�กระเด็น เป็นทุกข์ท่�หน้�นวลแตง
“ขนมผิงผิงผาวรอน
เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน อาหารคาว อาหารหวาน และผลไม้ที่ปรากฏในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน
รอนนักรักแรมไกล สามารถเล่าเรื่องราวได้มากมาย ทั้งวัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และสภาพบ้านเมือง
ทÓให้ภมู ใิ จในเอกลักษณ์ของอาหารไทยทีม่ คี วามงดงามวิจติ ร ละเอียดอ่อน และพิถพ ี ถิ น

เมื่อไรเห็นจะเย็นทรวง”
ในทุกขัน้ ตอนการทÓ เป็นแบบอย่างทีด่ ที ผี่ หู้ ญิงไทยในปัจจุบน
ั ควรยึดถือและตระหนักถึง
สัมผัสในมีทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร ดังนี้ ความสÓคัญของเสน่ห์ปลายจวัก ซึ่งผู้เรียนสามารถนÓความรู้ที่ได้รับจากการอ่านไปใช้
สัมผัสสระ ไดแก ผิง-ผิง, ไฟ-ใน, นัก-รัก, เห็น-เย็น ประโยชน์ในชีวติ ประจÓวันได้ รวมทัง้ สามารถถ่ายทอดความรูท้ ไี่ ด้รบั ให้กบั บุคคลใกล้ชดิ
สัมผัสอักษร ไดแก ผิง-ผาว, ไฟ-ฟอน-ฟอก, รอน- หรือคนในสังคมให้เห็นถึงความประณีตในการปรุงอาหารของคนไทย
รัก-แรม)
122

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
ขอใดกวีใชโวหารเปรียบเทียบไดชัดเจนที่สุด
ครูสรุปความรูความเขาใจเรื่องอาหารและวรรณคดีไทยวา อาหารในกาพยเหชม
1. เห็นหรุมรุมทรวงเศรา รุมรุมเราคือไฟฟอน
เครื่องคาวหวานมีความสําคัญเทียบไดกับขบวนเรือพยุหยาตรา อันถือวาเปน
2. ตับเหล็กลวกหลอนตม เจือนํ้าสมโรยพริกไทย
ศิลปกรรมชั้นสูง และเปนสัญลักษณแทนความยิ่งใหญแหงสถาบันพระมหากษัตริย
3. เทโพพื้นเนื้อทอง เปนมันยองลองลอยมัน
คือ การยกยองอาหารใหเปนตัวแทนของนางอันเปนที่รัก ทําใหกาพยเหชม
4. ยําใหญใสสารพัด วางจานจัดหลายเหลือตรา
เครื่องคาวหวานเปนหลักฐานสําคัญในการรังสรรคบทกวีรักในรูปแบบอลังการที่
สะทอนทัศนคติเกี่ยวกับความสําคัญของอาหาร และอารมณรักใครที่มีตอนาง วิเคราะหคําตอบ การใชโวหารเปรียบเทียบทําใหเกิดจินตภาพไดชัดยิ่งขึ้น
อันทําใหผูอานเกิดความสะเทือนอารมณ จากขอที่วา “เห็นหรุมรุมทรวงเศรา รุมรุมเราคือไฟฟอน” กวีใชคําวา “คือ”
ซึ่งเปนโวหารภาพพจนอุปลักษณ ถอดคําประพันธไดวา เมื่อเห็นหรุมก็รูสึก
รอนรุมในทรวง เปรียบความรอนรุมนั้นคือไฟที่ยังรอนระอุอยูแมจะดับมอด
ไปแลว ตอบขอ 1.

122 คูมือครู
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนบอกชื่ออาหารที่ไดรับอิทธิพลจาก
ตางชาติได
ค�าถาม ประจ�าหน่วยการเรียนรู้ 2. นักเรียนยกบทประพันธที่มีการใชโวหาร
เปรียบเทียบ คนละ 1 บท และระบุสัมผัสใน
๑. นักเรียนคิดว่าความไพเราะของกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน เป็นผลมาจากการประพันธ์ด้วยกลวิธี ของแตวรรคได
ใดบ้าง ยกตัวอย่างและอธิบาย
๒. ให้นักเรียนยกตัวอย่างอาหารคาว อาหารหวาน ในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานที่ไทยรับมาจาก
ต่างชาติ ประเภทละ ๒ ตัวอย่าง หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
๓. นักเรียนคิดว่าลักษณะเด่นของอาหารไทย ดังที่ปรากฏในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานคืออะไร
และท�าให้อาหารไทยมีความแตกต่างจากอาหารของชาติอื่นอย่างไร 1. ปายนิเทศสื่อการเรียนรูภาพผลไมจับคูกับ
บทประพันธในหองเรียน
2. การเขียนคําบรรยายภาพอาหาร
3. การยกบทประพันธที่มีโวหารเปรียบเทียบ

กิจกรรม สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้

กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้นักเรียนศึกษาค้นคว้าขนมไทย จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เช่น ห้องสมุด


อินเทอร์เน็ต จัดท�าป้ายนิเทศ น�ารูปภาพมาติดประกอบ โดยอาจอธิบายเกี่ยวกับ
ส่วนประกอบ วิธีท�าขนมไทยชนิดต่างๆ
กิจกรรมที่ ๒ ให้นกั เรียนเขียนบันทึกความทรงจ�าถึงงานประเพณีตา่ งๆ ทีม่ ขี นมไทยจากกาพย์เห่-
ชมเครื่องคาวหวานเป็นส่วนประกอบพิธีกรรม เรียบเรียงด้วยถ้อยค�าที่สละสลวยและ
บรรยายให้เห็นภาพชัดเจน
กิจกรรมที่ ๓ แบ่งนักเรียนออกเป็น ๕ กลุ่ม หรือตามความเหมาะสม แข่งขันทายปริศนาอาหาร
อะไรเอ่ย ตัวแทนกลุ่มสลับออกมาหน้าชั้น บอกส่วนประกอบ รูปลักษณ์ รสชาติ
อาหาร กลุ่มใดตอบถูกต้องและรวดเร็วที่สุดจะได้คะแนน
กิจกรรมที่ ๔ ให้นักเรียนฝึกแต่งกาพย์ยานี ๑๑ ชมเครื่องคาวหวานในปัจจุบัน คนละ ๓ บท

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. ความไพเราะของกาพยเหชมเครื่องคาวหวานเปนผลมาจากการประพันธที่ใชกลวิธี ดังนี้
• การใชโวหารเปรียบเทียบทําใหเกิดจินตภาพ
• การใชโวหารเกินจริง เนนยํ้าความหมายใหผูอานเห็นถึงฝมือการปรุงอาหารที่เปนเลิศยากจะหาใครเทียบได
• การเลนคําเพื่อสรางอารมณสะเทือนใจ
• การเลนเสียงทั้งเสียงพยัญชนะและเสียงวรรณยุกต ทําใหเกิดความคลองจองไพเราะ
2. อาหารคาวที่ไทยรับมาจากตางชาติ เชน มัสมั่น ขางหุงเครื่องเทศ อาหารหวานที่ไทยรับมาจากตางชาติ เชน ลุดตี่ ซาหริ่ม
3. ลักษณะของอาหารไทยดังที่ปรากฏในกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน คือ มีความงดงามละเอียดออน และความพิถีพิถันในการปรุงอาหารของคนไทย ซึ่งทําใหอาหาร
มีรูปลักษณสวยงาม เปนเอกลักษณเฉพาะตัวที่ไมเหมือนชาติอื่น

คูมือครู 123
กระตุน ความสนใจ
Engage สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สรุปเนื้อหานิทานพื้นบาน
2. วิเคราะหนิทานพื้นบานพรอมยกเหตุผลประกอบ
3. อธิบายคุณคาของนิทานพื้นบาน
4. สรุปความรูและขอคิดที่ไดจากนิทานพื้นบาน
เพื่อใชในชีวิตจริง

สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต

คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. ใฝเรียนรู
2. รักความเปนไทย

กระตุน ความสนใจ
ครูใหนักเรียนดูภาพหนาหนวย แลวถาม
Engage หน่วยที่ ๗
นักเรียนวา นิทานพื้นบ้าน
• จากภาพหนาหนวยนักเรียนคิดวาเปนนิทาน ตัวชี้วัด
เรื่องอะไร และมีตัวละครใดในภาพบาง ■■

■■
สรุปเนื้อหาวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๑)
วิเคราะห์วรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่านพร้อมยกเหตุผลประกอบ
นิ ทานพืน้ บ้าน เป็นเรือ่ งราวทีเ่ ล่าขานกัน
(แนวตอบ เรื่องสังขทอง มีนางรจนา เจาเงาะ (ท ๕.๑ ม.๑/๒)
สืบมา แม้ยากที่จะเชื่อว่าเป็นความจริง แต่ถ้า
อธิบายคุณค่าของวรรณคดีและวรรณกรรมที่อ่าน (ท ๕.๑ ม.๑/๓) ได้พิจารณาเนื้อหาอย่างถ่องแท้แล้ว จะพบว่า
และพระสังข) ■■

สรุปความรู้และข้อคิดจากการอ่านเพื่อประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง
■■
แฝงเร้ น ไว้ ด ้ ว ยสาระที่ เ ป็ น ประโยชน์ และยั ง
(ท ๕.๑ ม.๑/๔)
สะท้อนให้เห็นถึงภูมปิ ญ ั ญาและทัศนคติของมนุษย์
ในแต่ละสังคม ในแต่ละด้านได้เป็นอย่างดี
สาระการเรียนรู้แกนกลาง
นอกจากนี้ การศึกษานิทานพืน ้ บ้านยังจะท�าให้เกิด
■■ การวิเคราะห์คุณค่าและข้อคิดจากวรรณคดี และวรรณกรรม
เรื่อง นิทานพื้นบ้าน ความเข้าใจในเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นอันน�าไปสู่
การยอมรับในความหลากหลายทางวัฒนธรรมซึ่งจะ
ท�าให้มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเป็นสุข
124

เกร็ดแนะครู
หนวยการเรียนรูนี้ ครูใหนักเรียนแลกเปลี่ยนประสบการณและความรูเกี่ยวกับ
นิทานพื้นบาน โดยครูขออาสาสมัครมาเลานิทานเรื่องที่เห็นวาเปนเรื่องที่นาสนใจที่
เคยอานหรือเคยฟงหนาชั้นเรียน และใหเพื่อนในชั้นเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็น
เกี่ยวกับนิทานที่เพื่อนเลา เชน บอกขอคิดที่ไดจากเรื่อง แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับ
ตัวละครในเรื่อง เปนตน

124 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนออกมาเลาประสบการณเกี่ยวกับ
๑ ความเป็นมา นิทานหนาชั้นเรียน
นิทานพื้นบ้าน คือ เรื่องราวที่เล่าสืบทอดกันมาด้วยปากต่อปากจากความทรงจ�าโดยไม่อาจ
• นักเรียนชอบฟงหรืออานนิทานหรือไม
เพราะเหตุใด
สืบสาวได้วา่ ใครเป็นผูแ้ ต่งหรือผูเ้ ล่าเป็นครัง้ แรก บอกได้แต่เพียงว่าเป็นเรือ่ งเก่าทีเ่ ล่าสืบกันมา ภายหลัง
• นักเรียนเคยฟง เคยอาน หรือเคยเลานิทาน
จึงได้มีการถ่ายทอดเรื่องเล่าเหล่านั้นเป็นลายลักษณ์ 1 อักษรด้วยการเขียนหรือการพิมพ์ พื้นบานหรือไม อยางไร
นิทานพืน้ บ้านถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมทีป่ รากฏอยูใ่ นทุกท้องถิน่ ของไทย เนือ่ งจากสามารถ
น�ามาเล่าได้ในทุกโอกาส ทุกสถานที่ แม้การถ่ายทอดอาจท�าให้มกี ารเปลีย่ นแปลงให้เข้ากับความเคยชิน
สํารวจคนหา Explore
ในท้องถิ่น แต่เนื้อหาและโดยเฉพาะโครงเรื่องของนิทานมักมีความคล้ายคลึงกัน สะท้อนให้เห็นว่า
นิทานพื้นบ้านได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วทุกภาคของประเทศไทย 1. นักเรียนศึกษาความเปนมาและความสําคัญ
ของนิทานพื้นบาน
๑.๑ ความส�าคัญและประโยชน์ของนิทานพืน้ บ้าน 2. นักเรียนศึกษาประเภทของนิทานพื้นบาน
๑) ให้ความบันเทิงแก่ผู้ฟัง สั2งคมไทยในอดีตโดยเฉพาะสังคมชนบทนิยมเล่าและ
ฟังนิทานเป็นกิจกรรมบันเทิงใจ เนื่องจากนิทานสามารถน�ามาเล่าได้โดยไม่ต้องมีพิธีรีตอง จึงได้รับ อธิบายความรู Explain
การสืบทอดและแพร่หลายในทุกท้องถิ่น แม้เนื้อหาของนิทานจะมีหลายรูปแบบ แต่จุดประสงค์ดั้งเดิม
ของการเล่านิทาน คือ เพื่อเป็นสิ่งบันเทิงใจในยามว่างจากการงาน 1. นักเรียนสรุปความเปนมาของนิทานพื้นบาน
๒) ให้ความรู้ นิทานพื้นบ้านหลายเรื่องอาจมีความรู้สอดแทรกอยู่ เช่น ความรู้ ลงสมุด
เกี่ยวกับจารีต ประเพณี พิธีกรรม ศาสนา และประวัติศาสตร์ (แนวตอบ นิทานพื้นบานเปนเรื่องที่เลาสืบตอกัน
๓) ให้แนวทางในการด�าเนินชีวิต นิทานพื้นบ้านโดยทั่วไปมักมีแก่นหรือแนวคิด มาจากความทรงจําแบบปากตอปาก โดยไม
ส�าคัญของเรื่องอิงอยู่กับหลักธรรมในทางพระพุทธศาสนา ดังนั้น การเล่า การอ่าน หรือการแสดง สามารถบอกไดวาใครเปนคนเลาหรือคนแตง
นิทานพื้นบ้านในที่ประชุมชน จึงมีส่วนปลูกฝังจริยธรรมพร้อมๆ กับความบันเทิงแก่ผู้ฟัง เช่น ชีวิต
คนแรก ตอมาจึงมีการบันทึกเปนลายลักษณ
อักษร)
หรือพฤติกรรมของตัวเอกฝ่ายดีและฝ่ายไม่ดี เป็นแบบอย่างให้ผู้ฟังน� ามาใช้และละเว้นการปฏิบัติ
2. ครูสมุ นักเรียน 2-3 คน มานําเสนอหนาชัน้ เรียน
ในการด�าเนินชีวิตหรือน�ามาอบรมบุตรหลานของตนต่อไป
๔) ให้ค�าอธิบายความเป็นมาของชุมชนและเผ่าพันธุ์ นิทานพื้นบ้านบางส่วน
มีเนื้อหาเป็นต�านาน หรืออธิบายความเป็นมาของชุมชนเผ่าพันธุ์ที่ตั้งรกรากอยู่ในแต่ละท้องถิ่น
ของไทย เช่ น เรื่ อ ง ท้ า วแสนปม เป็ น นิ ท านพื้ น บ้ า นที่ อ ธิ บ ายความเป็ น มาของบรรพบุ รุ ษ ของ
ชาวภาคกลาง เรื่อง ขุนบรม อธิบายความเป็นมาของบรรพบุรุษของชาวอีสาน เป็นต้น
๕) ให้แรงจูงใจชาวบ้านในการไปวัด ชาวไทยในอดีตนิยมไปวัดเพื่อฟังธรรม
ซึ่งมักมีนิทานสอดแทรกอยู่ด้วย เพราะเชื่อว่าการฟังธรรมเป็นกุศลผลบุญอย่างหนึ่งที่มีอานิสงส์
สูงมาก ความเชื่อเรื่องนี้ได้สืบต่อกันมา โดยจะพบเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อนิทานพื้นบ้านอยู่ในรูปของ
วรรณกรรมลายลักษณ์
125

บูรณาการเชื่อมสาระ
ครูบูรณาการความรูจากการจําแนกนิทานพื้นบานตามความสําคัญและ นักเรียนควรรู
ประโยชนเขากับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม
1 มรดกทางวัฒนธรรม นิทานพื้นบานแสดงใหเห็นถึงวัฒนธรรมของผูคน
วิชาประวัติศาสตร ซึ่งประวัติศาสตรทองถิ่นจะเปนเรื่องราวและประวัติ
ในทองถิ่นหรือชุมชนนั้น นิทานมีความสัมพันธกับวิถีชีวิตของคนในทองถิ่น ทําให
ความเปนมาของคนในทองถิ่นหรือชุมชน โดยวิธีการเลาสืบตอกันมาและแมวา
มองเห็นการดําเนินชีวิต อาชีพ ความเชื่อ ศาสนา และแนวความคิดของคน
จะไดรับการแตงเติมจากจิตนาการของผูเลา แตก็มีการอิงเคาความเปนจริง
ในทองถิ่น จึงนับวานิทานเปนบันทึกสังคมที่สําคัญ และเปนมรดกทางวัฒนธรรม
ตามวิถีชีวิตและสภาพแวดลอมของทองถิ่น การศึกษานิทานพื้นบานทําให
ที่มีคุณคาอยางหนึ่ง
เห็นการดําเนินชีวิต อาชีพ ความเชื่อ ศาสนา และแนวความคิดของคน
ในทองถิ่น เมื่อนําไปบูรณาการเชื่อมสาระกับวิชาประวัติศาสตรจะชวยให 2 นิทาน เปนเรื่องที่เกิดจากจินตนาการก็จริง แตเนื้อเรื่องของนิทานมักจะ
นักเรียนเห็นคุณคาของนิทานพื้นบานในฐานะที่เปนมรดกทางวัฒนธรรมที่มี เลียนแบบชีวิตจริงของคนอื่นๆ คือสรางเรื่องใหตัวละคร ซึ่งมักจะเปนตัวพระเอก
คุณคาอยางหนึ่งที่ตองเรียนรูและรักษาตอไป ออกเดินทางไปผจญภัยในโลกกวาง ไดพบกับอุปสรรคนานัปการ พระเอกฝาฟน
อุปสรรคและไดรับความสุขสําเร็จในตอนจบเรื่อง

คูมือครู 125
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนอธิบายความสําคัญและประโยชนของ
นิทานพื้นบาน ๖) ให้เนื้อเรื่องแก่การแสดงพื้นบ้าน การละเล่นและการแสดงพื้นบ้านในแต่ละ
(แนวตอบ ความสําคัญและประโยชนของนิทาน ท้องถิ่น ส่วนหนึ่งมักสัมพันธ์กับนิทานพื้นบ้าน เนื่องด้วยนักแสดงหรือนักเล่านิทานย่อมได้รับอิทธิพล
พื้นบาน มีดังนี้ หรือได้เนื้อเรื่องบางส่วนบางตอนมาจากนิทานพื้นบ้าน
1. ใหความรูเกี่ยวกับวัฒนธรรมของเจาของ ๗) ให้อทิ ธิพลต่อศิลปกรรม นิทานพืน้ บ้านมีอทิ ธิพลต่1 อศิลปกรรมท้องถิน่ โดยเฉพาะ
นิทาน เชน ความรูเกี่ยวกับชีวิตความเปน นิ ท านพื้ น บ้ า นที่ มี เ นื้ อ หาเกี่ ย วเนื่ อ งกั บ พระพุ ท ธศาสนาและชาดก เช่ น ภาพจิ ต รกรรมฝาผนั ง
อยู จารีตประเพณี ความเชื่อ คานิยม สภาพ เรื่ อ ง คั น ธกุ ม ารหรื อ คั ช นาม ที่ วิ ห ารจั ตุ ร มุ ข วั ด ภู มิ น ทร์ จั ง หวั ด น่ า น ภาพจิ ต รกรรมฝาผนั ง
เศรษฐกิจ ภูมิประเทศ และถิ่นฐานบานเรือน เรื่อง สินไซ ที่พระอุโบสถวัดฝังแดง จังหวัดนครพนม เป็นต้น
ทั้งรูปแบบการเลานิทานที่ใชคําประพันธ
เขามาชวย เชน แหล เทศน เสภา ทั้งยังสราง
ความงามดานรูปแบบอีกประการหนึ่ง ดังนั้น
หากเยาวชนไดเรียนรูนิทานพื้นบานของตน
จึงเปนชองทางในการรูตนเอง สามารถ
อธิบายที่มาของตนเองได รวมทั้งอาจจะบอก
ไดถึงขอดีและขอจํากัดในวัฒนธรรมนั้นๆ
ของตน
2. ใหความสนุกสนานเพลิดเพลิน ปกติแลว
ผูเลานิทานมักเปนผูใหญหรือผูมปี ระสบการณ
สวนผูฟงมักจะเปนเด็กหรือมีประสบการณ
นอยกวา การเลานิทานพื้นบานเปนกิจกรรม
ที่ผูฟงทุกหมูทุกเหลาชื่นชอบ ปจจุบันการเลา
นิทานก็ยังมีอยูทั่วไป เพียงแตเปลี่ยนไปตาม
สถานการณหรือผูฟงเทานั้น
วิหารจัตุรมุข วัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน
3. นิทานพื้นบานนอกจากจะใหความบันเทิงแลว
ยังแทรกคติคําสั่งสอน แนวทางการประพฤติ เนื่องจากนิทานพื้นบ้านเป็นวรรณกรรมประเภทหนึ่งซึ่งเรียกว่า วรรณกรรมมุขปาฐะ คือ เป็น
ปฏิบัติ ใหแงคิดและแนวทางการดําเนินชีวิต วรรณกรรมที่เป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมา ครั้นเมื่อมีผู้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร จึงเรียกว่า วรรณกรรม
สวนใหญจะเปนหลักธรรมวา “ทําดีไดดี ลายลักษณ์ และถ้าปรุงแต่งส�านวนโวหารดีเยีย่ มเป็นทีย่ อมรับกันทัว่ ไป ก็บญ
ั ญัตเิ รียกว่า วรรณคดี ดังนัน้
ทําชั่วไดชั่ว” แนวปฏิบัติที่มักจะสอดแทรก นิทานพื้นบ้านจึงเป็นส่วนหนึ่งของวรรณกรรมลายลักษณ์ วรรณคดี และส�านวนโวหาร นิทานพื้นบ้าน
ในเนื้อหา เชน ความซื่อสัตย ความกตัญู จึงมีคุณค่าในด้านภาษาและวรรณคดีไทยอีกหลายประการ ได้แก่
ความขยันหมั่นเพียร การเชื่อฟงผูใหญ
เปนตน)
126

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
ขอใดหมายถึงนิทานมุขปาฐะ
1 ชาดก คือ เรื่องราวหรือชีวประวัติในชาติกอนของพระพุทธเจาในสมัยที่พระองค
1. นิทานที่ถายทอดกันปากตอปาก
เปนพระโพธิสัตวบําเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรูอยู พระองคทรงนํามาเลาใหพระสงฆฟง
2. นิทานที่ถายทอดกันดวยการเขียน
ในโอกาสตางๆ คือเลาถึงการที่พระพุทธเจาทรงเวียนวายตายเกิด ถือเอากําเนิด
3. นิทานที่ถายทอดกันดวยตัวหนังสือ
ในชาติตางๆ ไดพบปะผจญกับเหตุการณดีบางชั่วบาง แตก็ไดพยายามทําความดี
4. นิทานที่ถายทอดกันดวยลายลักษณอักษร
ติดตอกันตลอดมาจนเปนพระพุทธเจาในชาติสุดทาย กลาวอีกอยางหนึ่ง จะถือวา
เรื่องชาดกเปนวิวัฒนาการแหงการบําเพ็ญคุณงามความดีของพระพุทธเจา ตั้งแต วิเคราะหคําตอบ นิทานเริ่มถายทอดดวยการเลาสูกันฟง หากนิทานเรื่องใด
ยังเปนพระโพธิสตั วอยูก ไ็ ด ในอรรถกถาแสดงดวยวา ผูน น้ั ผูน ก้ี ลับชาติมาเกิดเปนใคร ที่มีการใชภาษาสํานวนโวหารดีก็จะมีการบันทึกเปนลายลักษณอักษรเรียกวา
ในสมัยพระพุทธเจา แตในบาลีพระไตรปฎกกลาวถึงเพียงบางเรื่อง เพราะฉะนั้น วรรณกรรมลายลักษณ ดังนั้น ขอที่ไมใชวรรณกรรมลายลักษณแตเปน
สาระสําคัญจึงอยูที่คุณงามความดีและอยูที่คติธรรมในนิทานนั้นๆ วรรณกรรมมุขปาฐะ คือ นิทานที่ถายทอดกันปากตอปาก ตอบขอ 1.

126 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายหัวขอตอไปนี้
๑) นิ ท านพื้ น บ้ า นเป็ น บ่ อ เกิ ด ของวรรณกรรมลายลั ก ษณ์ แ ละวรรณคดี • วรรณกรรมมุขปาฐะ
วรรณกรรมลายลักษณ์ในท้องถิ่นต่างๆ ได้พัฒนามาจากนิทานพื้นบ้านในท้องถิ่นนั้นๆ โดยมีการน�า (แนวตอบ วรรณกรรมมุขปาฐะ คือ
เนื้อเรื่องนิทานพื้นบ้านมาประพันธ์ตามฉันทลักษณ์ที่นิยมกันในท้องถิ่น เป็นวรรณกรรมลายลักษณ์ วรรณกรรมที่เปนเรื่องเลาสืบตอกันมา)
เพือ่ ใช้อา่ นหรือขับล�าน�าในทีช่ มุ ชน นอกจากนีย้ งั มีการน�านิทานพืน้ บ้านบางเรือ่ งมาปรุงแต่งด้วยส�านวน • วรรณกรรมลายลักษณ
และโวหารอันประณีตจนได้รับการยกย่องว่าเป็น วรรณคดีของชาติ เช่น กลอนบทละครเรื่องสังข์ทอง (แนวตอบ วรรณกรรมลายลักษณ คือ
วรรณกรรมที่มีการบันทึกไวเปนลายลักษณ
เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน เป็นต้น
อักษร ซึ่งหากใชสํานวนภาษาดีเยี่ยม
๒) นิทานพื้นบ้านมีอิทธิพลต่อส�านวนที่ใช้ในภาษาไทย ส�านวนพูดในภาษาไทย ก็บัญญัติวาเปน “วรรณคดี”)
ส่วนหนึ่งมีที่มาจากนิทานพื้นบ้าน โดยอาจน�ามาจากชื่อตัวละครหรือเหตุการณ์ต่างๆ ในเรื่อง เช่น 2. นักเรียนอธิบายวา เหตุใดนิทานพื้นบานจึงมี
กระต่ายตื่นตูม ได้ทีขี่แพะไล่ หัวล้านได้หวี ตาบอดได้แว่น กิ้งก่าได้ทอง ลูกทรพี แพะรับบาป อิทธิพลตอสํานวนที่ใชในภาษาไทย
สิบแปดมงกุฎ ไก่ได้พลอย กบเลือกนาย เป็นต้น (แนวตอบ เหตุที่นิทานพื้นบานมีอิทธิพลตอ
สํานวนทีใ่ ชในภาษาไทย ก็เพราะนิทานพืน้ บาน
๑.๒ ประเภทของนิทานพืน้ บ้าน ใหขอ คิดเตือนใจทีส่ ามารถนํามาใชในชีวติ จริงได
นิทานพื้นบ้านไทย จ�าแนกได้เป็น ๗ ประเภท โดยพิจารณาจากเนื้อหาหรือรูปแบบ ซึ่งประโยชนดังกลาวทําใหมีผูกลาวถึงนิทาน
ที่มีความคล้ายกัน ดังนี้ พื้นบานเมื่อตองการใหขอคิดเตือนใจ โดยนํา
๑) นิทานมหัศจรรย์ หรือนิทานประโลมโลกหรือนิทานจักรๆ วงศ์ๆ มักมีเนื้อเรื่อง ชื่อตัวละครหรือเหตุการณสําคัญในเรื่องมาเปน
ที่ให้ความสนุกสนาน เล่าถึงการผจญภัยของตัวเอก ของวิเศษ อิทธิฤทธิ์ต่างๆ โดยมีแนวคิดหลัก สํานวน เชน กระตายตื่นตูม ไดทีขี่แพะไล
คือ ธรรมะย่อมชนะอธรรม เช่น เรื่องท้าวก�่ากาด�า โสนน้อยเรือนงาม มโนราห์ เป็นต้น กิ้งกาไดทอง กบเลือกนาย เปนตน)
๒) นิทานวีรบุรุษ เป็นเรื่องราวของวีรบุรุษประจ�าท้องถิ่นที่เชื่อกันว่าบุคคลเหล่านั้น 3. นักเรียนตอบคําถามวา นิทานพื้นบานไทย
มีชีวิตจริง มีชื่อปรากฏอยู่ในประวัติศาสตร์ และได้สร้างวีรกรรมไว้ โดยน�าเนื้อเรื่องมาผูกกับอิทธิฤทธิ์ แบงเปนกี่ประเภทอะไรบาง
ปาฏิหาริย์และความเก่งกล้าเหนือมนุษย์ธรรมดามากกว่ (แนวตอบ นิทานพื้นบานไทย แบงเปน 7
1 าที่จะเล่าตามข้อเท็จจริง เช่น เรื่องพระร่วง ประเภท ไดแก นิทานมหัศจรรย นิทานวีรบุรุษ
มีวาจาสิทธิ์เป็นกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ท้าวแสนปมคือพระเจ้าอู่ทอง ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา
นิทานประจําถิ่น นิทานอธิบายเหตุ นิทาน
เป็นต้น
เทพนิยาย นิทานคติธรรม นิทานมุกตลก)
๓) นิทานประจ�าถิ่น เป็นเรื่องที่เล่าสืบต่อกันมาในท้องถิ่น ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นการ
อธิบายชื่อสถานที่หรือประวัติความเป็นมาของโบราณสถาน โดยน�าเนื้อเรื่องหรือตัวละครมาเกี่ยวพัน
กับสถานที่ในท้องถิ่น และเชื่อกันว่าเป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งอดีตกาลนานมาแล้ว แต่ยัง
ปรากฏหลักฐานเป็นพยานยืนยันอยู่ เช่น เรือ่ งพระยากงพระยาพาน เล่าความเป็นมาของพระปฐมเจดีย์
เรื่องท้าวปาจิต-นางอรพิม เล่าความเป็นมาของปราสาทหินพิมาย เรื่องเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว เล่าความ
เป็นมาของมัสยิดกรือเซะและศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว เป็นต้น
127

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
นิทานพื้นบานประเภทนิทานมหัศจรรยมีความสําคัญและประโยชนใน
1 ทาวแสนปม นอกจากคําเลาขานของชาวบานแลว ทาวแสนปมตามตํานานใน
ขอใดมากที่สุด
ตนพระราชพงศาวดารกรุงเกาฉบับสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรสวา ใน จ.ศ. 681 หรือ
1. ใหความรู
พ.ศ. 1862 ทาวแสนปม ไดไปสรางเมืองใหมขึ้นที่เมืองเทพนครและขึ้นครองราชย
2. ใหความบันเทิง
สมบัติในเมืองเทพนครทรงพระนามวาพระเจาสิริชัยเชียงแสนครองราชยสมบัติ
3. ใหแรงจูงใจในการไปวัด
25 ป สวรรคตเมื่อ จ.ศ. 706 หรือ พ.ศ. 1887 ทรงมีพระราชโอรสพระนามวา
4. ใหคําอธิบายความเปนมาของชุมชน
“พระเจาอูทอง” ไดชื่อเชนนี้ เพราะพระราชบิดานําทองคํามาทําเปนอู (เปล) ใหนอน
วิเคราะหคําตอบ นิทานพื้นบานมหัศจรรยมักมีเนื้อเรื่องใหความสนุกสนาน จึงขนานนามพระองควาพระเจาอูทอง ภายหลังพระเจาอูทองเปนผูสถาปนา
เลาถึงการผจญภัยของตัวเอก ของวิเศษ และอิทธิฤทธิ์ตางๆ จากจินตนาการ กรุงศรีอยุธยาเปนเมืองหลวง พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกลาเจาอยูหัว ทรงวิจารณ
ของผูแตง ซึ่งตัวละครและสถานที่อาจไมมีอยูจริง และไมเกี่ยวกับคานิยม เรื่องทาวแสนปมไวในหนังสือบทละครเรื่องทาวแสนปมที่พระองคทรงพระราชนิพนธ
ความเชื่อเรื่องการฟงธรรมแลวจะเกิดอานิสงสที่จะทําใหเกิดแรงจูงใจในการ วา ตํานานเรื่องทาวแสนปมนี้จะตองมีมูลความจริง เพราะอยางนอยศักราชที่ทรง
ไปวัด จึงเห็นไดวานิทานมหัศจรรยใหความบันเทิงมากกวาขออื่น ตอบขอ 2. ทิวงคตเปนของแนนอน แตมีผูเลาตอๆ กันมาภายหลัง เลาไปในทางปาฏิหาริย
จนเหลือเชื่อ

คูมือครู 127
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
1. นักเรียนจับคูเลานิทานที่เปนบอเกิดของสํานวน
ที่ใชในภาษาไทยคูละ 1 เรื่อง พรอมบอก ๔) นิทานอธิบายเหตุ เป็นนิทานทีต่ อบค�าถามเกีย่ วกับความเป็นมาของสิง่ ของต่างๆ
ความหมายของสํานวนนั้น และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ส่วนใหญ่มีขนาดสั้นๆ เล่ากันกว้างขวางไม่จ� ากัดท้องถิ่น เช่น ท�าไม
(แนวตอบ นักเรียนเลือกไดหลากหลาย ตัวอยาง จึงมีรูปกระต่ายในดวงจันทร์ ท�าไมข้าวจึงมีเมล็ดเล็ก ท�าไมหมากับแมวเป็นศัตรูกัน หรืออธิบาย
เชน สํานวนกบเลือกนาย สํานวนนี้มาจากนิทาน ความเชื่อและพิธีกรรม เช่น นิทานเรื่องธงจระเข้ในงานทอดกฐิน ประเพณีการปล่อยปลา เรื่อง
อีสปเรื่องกบเลือกนาย กบขอใหเทวดาสงนาย บวชนาค เป็นต้น
ลงมาให เทวดาสงขอนไมลงมา แตกบเลือก ๕) นิทานเทพนิยาย เป็นนิทานที่อธิบายถึงการสร้างโลก ก�าเนิดโลก ก�าเนิดมนุษย์
มากอยากเปลี่ยนนาย เทวดาจึงสงนกกระสาซึ่ง เทวดา และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายหรืออธิบายปรากฏการณ์ธรรมชาติและพิธีกรรม เช่น เรื่องพระยาแถน
ชอบกินกบลงมาให นกกระสาไดกินกบจนหมด สร้างโลก เรื่องเมขลารามสู รที่อธิบายเรื่องฟ้าแลบฟ้าผ่า เรื่องท้าวมหาสงกรานต์ที่อธิบายประเพณี
สํานวนนี้ หมายความวา คนชางเลือก เลือกจน 1
วันตรุษสงกรานต์ เรื่องพญาคันคากที่อธิบายเรื่องการแห่บั้งไฟ เป็นต้น
ทําใหตัวเองเดือดรอน)
๖) นิทานคติธรรม หรือนิทานสอนใจ นิทานประเภทนี้น�าหลักธรรมมาผูกเป็น
2. นักเรียนเลือกนิทานเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่นักเรียน
เรื่องให้สนุกสนาน ตัวละครเป็นบุคคลที่ปรากฏอยู่ในพุทธประวัติบ้าง อัครสาวกบ้าง และสัตว์บ้าง
ชื่นชอบ แลววิเคราะหวา นิทานเรื่องที่นักเรียน
เลือกเปนนิทานประเภทใด เพราะเหตุใด เนื้อเรื่องชี้ให้เห็นการท�าดีได้ดี ท�าชั่วได้ชั่ว แสดงถึงคุณธรรมต่างๆ เพื่อสอนใจในการด�าเนินชีวิต เช่น
(แนวตอบ นักเรียนสามารถเลือกนิทานได นิทานชาดก นิทานสุภาษิต นิทานที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ เป็นต้น
หลากหลาย ครูพิจารณาแนวทางการวิเคราะห ๗) นิทานมุกตลก เป็นนิทานที่มุ่งเสนอความขบขัน ให้ความบันเทิงใจแก่ผู้ฟัง
ของนักเรียนวา สมเหตุสมผลหรือไม ตัวอยาง เนื้อเรื่องส่วนใหญ่เป็นเรื่องสั้นๆ ตอนเดียวจบ ผูกเรื่องขึ้นเพื่อความขบขัน เช่น เรื่องศรีธนญชัย
นิทานพื้นบาน เชน เรื่องพระยาแถนสรางโลก เป็นต้น
เปนตน)
บอกเล่าเก้าสิบ
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนเลานิทานที่เปนบอเกิดของสํานวนที่ใช ทำ�ไมข้�วจึงมีเมล็ดเล็ก
ในภาษาไทยได ในภาคเหนือ มีนิทานอธิบายเหตุว่า ท�าไมข้าวจึงมี
2. นักเรียนวิเคราะหนิทานพื้นบานและจัดแบง เมล็ดเล็ก โดยเล่าว่าแต่เดิมเมล็ดข้าวมีขนาดเท่าลูกฟัก
ประเภทไดถูกตอง ผู้คนไม่ต้องปลูกและเก็บเกี่ยวเอง พอข้าวสุกก็จะกลิ้งมา
เข้ายุง้ ฉางเอง แต่มหี ญิงม่ายคนหนึง่ สร้างฉางไม่ทนั เสร็จ
เมล็ดข้าวกลิง้ เข้ามาในฉางมากมาย นางโกรธจึงคว้าค้อน
ไล่ทุบเมล็ดข้าว เมล็ดข้าวแตกกระจาย ท�าให้ข้าวมีเมล็ด
เล็กแต่นั้นมา

128

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูแนะความรูใหนักเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสําคัญของนิทานพื้นบานวา นิทาน นักเรียนทํากิจกรรมเพิ่มเติมความรูเกี่ยวกับนิทานพื้นบาน โดยนักเรียน
พื้นบานใหความสําคัญและคติในการดํารงชีวิต ใหความสําคัญแกวีรบุรุษประจําถิ่น ศึกษาและคนหานิทานพื้นบานที่นาสนใจจากแหลงการเรียนรูใดก็ไดมา
หรือประจําชาติ ใหคําอธิบายเกี่ยวกับปรากฏการณธรรมชาติหรือที่มาของสถานที่ 1 เรื่อง จากนั้นจดบันทึกจากการอานการฟงหรือนิทานพื้นบานนั้นลงสมุด
ตางๆ ในทองถิ่น ใหกําลังใจในการดําเนินชีวิตและยังใหความเพลิดเพลินใจอีกดวย

นักเรียนควรรู กิจกรรมทาทาย
1 ประเพณีวันตรุษสงกรานต สืบเนื่องจากสงกรานตเปนประเพณีเกาแกของไทย
ซึ่งสืบทอดมาแตโบราณคูมากับประเพณีตรุษ จึงมีการเรียกรวมกันวา “ประเพณีตรุษ นักเรียนเลานิทานพื้นบานที่อานหรือฟงมาหนาชั้นเรียน โดยใชทักษะ
สงกรานต” หมายถึง ประเพณีสงทายปเกาและตอนรับปใหม คําวา “ตรุษ” เปน ในการเลาเรื่องใหนาสนใจ พรอมบอกขอคิดจากนิทานที่เลา
ภาษาทมิฬ แปลวา การสิ้นป แตในปจจุบันการเฉลิมฉลองในประเพณีสงกรานตนั้น
ไดละทิ้งความงดงามของประเพณีในสมัยโบราณไปเกือบหมดสิ้น คงไวเพียงแต
ภาพลักษณแหงความสนุกสนาน
128 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูใหนักเรียนเลนเกมทายภูมิภาค โดยให
๒ นิทาน¾ืéนบ้านไทยãนท้อง¶ิ่นµ่างæ นักเรียนทายวานิทานที่ครูยกมาเปนนิทานจาก
ภูมิภาคใดของประเทศไทย
• มโนราห
(แนวตอบ ภาคใต)
สามกษัตริย์ • พระยาแถน
(แนวตอบ ภาคเหนือกับภาคอีสาน)
• พระยากงพระยาพาน
(แนวตอบ ภาคกลาง)
อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ อุสาบารส หอนางอุสา
จังหวัดเชียงใหม่
จังหวัดอุดรธานี สํารวจคนหา Explore
1. นักเรียนอานตัวอยางเนื้อเรื่องนิทานพื้นบาน
ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต
2. นักเรียนคนหาวาแตละทองถิ่นในประเทศไทย
พระยากง พระยาพาน
มีนิทานใดเปนที่รูจักบาง

พระปฐมเจดีย์ อธิบายความรู Explain


จังหวัดนครปฐม
1. นักเรียนแบงกลุมออกเปน 4 กลุม จับสลาก
นิทานพื้นบานไทยในหนังสือเรียนดังนี้ เรื่อง
สามกษัตริย เรื่องอุสาบารส เรื่องพระยากง
พระยาพาน และเรื่องเจาแมลิ่มกอเหนี่ยว
2. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนมาเลาเรื่องยอ
หนาชั้น
เจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว มัสยิดกรือเซะ จังหวัดปัตตานี 3. หลังจากนักเรียนแตละกลุมนําเสนอ ใหเพื่อนๆ
ในหองชวยกันตอบคําถาม

ศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว
จังหวัดปัตตานี
129

บูรณาการเชื่อมสาระ
การศึกษานิทานพื้นบานโดยแบงตามประเพณีวัฒนธรรมของไทยออกเปน เกร็ดแนะครู
ภาคตางๆ 4 ภาค คือ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคใต และภาคตะวันออก- ครูจัดกิจกรรมพัฒนาทักษะการพูดของนักเรียนควบคูกับการศึกษานิทานพื้นบาน
เฉียงเหนือ โดยครูเชื่อมโยงความรูเขากับกลุมสาระการเรียนรูสังคมศึกษา ไทยในทองถิ่นตางๆ โดยใหนักเรียนจัดกลุมแลวเลือกศึกษานิทานพื้นบานที่นักเรียน
ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาการปกครองทองถิ่น ซึ่งเนื้อหาจะอธิบายเกี่ยวกับ มีความสนใจรวมกัน จากนั้นใหนักเรียนทุกคนในแตละกลุมมานําเสนอนิทานที่ศึกษา
ลักษณะทางวัฒนธรรมของแตละทองถิ่น ทั้งความเหมือนและความแตกตาง มาหนาชั้นเรียน เมื่อนักเรียนเลาเรื่องจบแลว ครูตั้งคําถามเกี่ยวกับนิทานที่นักเรียน
ทางวัฒนธรรมประเพณีจะสอดคลองกับเนื้อหา ประวัติความเปนมา และการ แตละกลุมนําเสนอ เพื่อนําไปสูการเปดอภิปรายประเด็นตางๆ ที่เหมาะสมหรือนําไป
อธิบายสถานที่สําคัญของแตละทองถิ่นในนิทานพื้นบาน ประยุกตใชในชีวิตประจําวันได ครูชวยกระตุนใหนักเรียนทุกคนมีสวนรวมในการ
แสดงความคิดเห็น ไมวาจะเปนการเห็นดวยหรือการโตแยง นําความรูเกี่ยวกับ
มารยาทในการพูดและการฟงมาเปนกรอบในการรวมกันอภิปราย

คูมือครู 129
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนกลุมที่ 1 มาเลาเรื่องยอเรื่องสามกษัตริย
หนาชั้นเรียน เรื่อง สามกษัตริย์
(แนวตอบ เรื่องสามกษัตริย เปนเรื่องเกี่ยวกับ นิทานพื้นบ้านภาคเหนือ
กษัตริย 3 องค คือ พอขุนรามคําแหง พอขุนมังราย
พ่อขุนรามค�าแหง พ่อขุนมังราย พ่อขุนง�าเมือง เป็นโอรสของกษัตริย์ ทั้ง ๓ พระองค์อยู่ใน
พอขุนงําเมือง ทั้งสามพระองคเปนเพื่อนรักกัน มักไป วัยเดียวกัน เป็นพระสหายกันมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์และได้เดินทางไปศึกษาศิลปวิทยาการด้วยกัน
มาหาสูกันเสมอ พอขุนรามคําแหงหรือพระยารวงมัก ที่ส�านักสุกทันตฤษี วัดเขาสมอคอน เมืองละโว้ ครั้นเมื่อเจริญวัยต่างก็ได้ครองเมืองทุกพระองค์
เดินทางโดยขบวนชางผานเมืองแพรไปเมืองพะเยา คือพ่อขุนรามค�าแหงครองเมืองสุโขทัย พ่อขุนมังรายครองเมืองเชียงราย (ภายหลังย้ายมาเมืองเชียงใหม่)
จนเปนรองลึกและเกิดเปนลําธารจึงเรียกวา “แมรอง พ่อขุนง�าเมืองครองเมืองพะเยา ทัง้ สามพระองค์ยงั เป็นพระสหายรักใคร่กนั อยู่ เช่น เมือ่ ครัง้ พ่อขุนมังราย
ชาง” เมื่อครั้งพระยางําเมืองมีพระชายาชื่อ “นางอั้ว ย้ายราชธานีมาเมืองเชียงใหม่ ยังเชิญพระสหายทั้งสองไปดูท�าเลสร้ 1 างเมืองด้วย
เชียงแสน” ผูมีรูปโฉมงดงาม พระยารวงเสด็จมา พ่ อ ขุ น รามค� า แหง (พงศาวดารโยนกเรี ย กว่ า พระยาร่ ว ง) ปกติ จ ะเสด็ จ ไปเยี่ ย มพระยา
เยี่ยมเยียนพระยางําเมือง แตกลับหลงใหลรักใคร ง�าเมือง ปีละครั้ง และถือโอกาสเสด็จไปสรงน�้าในแม่น�้าโขงด้วย พระยาร่วงจะเสด็จโดยขบวนช้างผ่าน
นางอั้วเชียงแสนซึ่งมีใจตรงกัน ทั้งสองลอบเปนชูกัน เมืองแพร่ไปเมืองพะเยาจนเส้นทางเป็นร่องลึก เกิดเป็นทางล�าธารเรียกชื่อว่า แม่ร่องช้าง
จนรูถึงพระยางําเมือง พระยางําเมืองรายเวทมนตใส พระยาง�าเมืองก็ทรงต้อนรับพระสหายอย่างดียิ่ง เมื่อยามพระร่วงเสด็จมาเยี่ยมเยียน พระยา
พระยารวง ซึ่งไดแปลงกายเปนนกเอี้ยงบินหนีไปและ ง�าเมืองมีพระชายาชื่อ นางอั้วเชียงแสน มีรูปโฉมงดงาม พระยาร่วงเห็นเข้าก็ทรงสมัครรักใคร่
ไปตกที่หนองนํ้าจึงเรียกกันตอมาวา “หนองนกเอี้ยง” ส่วนพระนางก็มีพระทัยตรงกัน พระยาร่วงหาโอกาสลอบเป็นชู้กับพระนางจนทราบถึงพระยาง�าเมือง
พระยางําเมืองจับตัวพระยารวงไดก็นําไปขังไว และ จึงสั่งให้เสนาจับตัวพระยาร่วง พระยาร่วงจ�าแลงเป็นนกเอี้ยง พระยาง�าเมืองร่ายเวทมนตร์ให้นก
สงพระราชสาสนไปถึงพระยามังรายใหชวยมาตัดสิน เอี้ยงอ่อนก�าลังบินไม่ได้ตกลงในหนองน�้าซึ่งเรียกว่า หนองเอี้ยง ทุกวันนี้ ในที่สุดพระยาง�าเมืองจับตัว
ในขณะที่พระยารวงถูกขังไดคิดหนีโดยแปลงกายเปน พระยาร่วงได้และกักขังไว้เพราะยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะท�าอย่างไรกับพระสหาย จึงส่งพระราชสาส์น
ตุนขุดรูหนี เรียกบริเวณนั้นวา “บานตุน” และบริเวณ เชิญพระยามังรายพระสหายมาเป็นผู้ตัดสิน เมื่อพระยามังรายมาถึงเมืองพะเยาแล้วทรงร�าพึงว่า ถ้า
หากพระยาร่วงกับพระยาง�าเมืองผิดใจกันก็จะเป็นเวรกรรม (รบราฆ่าฟันกัน) ต่อไปภายหน้า พระยา
ที่เปนนํ้า เรียก “หวยแมตุน” แตเมื่อพระยารวงรูวา
มังรายจึงหาวิธีการที่นุ่มนวลคือให้พระยาร่วงเสียค่าสินไหมแก่พระยาง�าเมือง แล้วไกล่เกลี่ยให้ทั้ง
พระยามังรายมาถึงจึงไมคิดหนีอีกตอไป พระยา-
สองสหายเป็นมิตรไมตรีกันเช่นเดิม
มังรายตัดสินใหพระยารวงเสียคาปรับไหมใหแก ในระหว่ า งนั้ น พระยาร่ ว งถู ก จองจ� า อยู ่ ด ้ ว ยความทุ ก ข์ จึ ง จ� า แลงกายเป็ น ตุ ่ น ขุ ด ดิ น เป็ น รู
พระยางําเมืองและปรับความเขาใจกัน ทั้งสาม หนีออกจากที่จ�าขัง บริเวณนั้นเรียกชื่อว่า บ้านตุ่น และรูที่ตุ่นขุดหนีนั้นกลายเป็นแม่น�้าเรียกว่า
ไดกลาวคําปฏิญาณตอกันวาจะซื่อตรงตอกันที่ริมฝง ห้วยแม่ตุ่น แต่พระยาง�าเมืองก็จับพระยาร่วงได้อีก และพระยาร่วงทราบว่าพระยามังราย พระสหาย
แมนํ้า “ขุนภู” ทั้งสามนั่งอิงปรึกษาหารือกันอยูนาน มาถึงเมืองพะเยาแล้วจึงไม่คิดจะหนีต่อไป 2
จึงเรียกแมนํ้านั้นวา “แมอิง” จากนั้นจึงแยกยายกลับ เมื่ อ พระยามั ง รายตั ด สิ น ให้ พ ระยาร่ ว งเสี ย ค่ า สิ น ไหมแก่ พ ระยาง� า เมื อ งและให้ คื น ดี เ ป็ น
เมืองของตน) มิตรไมตรีกนั ต่อไป พระยาร่วงก็รบั เสียสินไหมให้แต่โดยดี ทัง้ สามสหายก็พากันไปกล่าวค�าสัจจะปฏิญาณ
• นักเรียนบอกขอคิดที่ไดจากนิทานพื้นบานเรื่อง กันที่ริมฝั่งแม่น�้า ขุนภู ว่าต่อไปจะเป็นมิตรสหายที่ซื่อตรงต่อกัน ไม่ท�าศึกสงครามกันไม่ว่ากรณี
สามกษัตริย ใดๆ ทั้งสามกษัตริย์ทรงนั่งอิงปรึกษากันอยู่นาน จึงเรียกชื่อแม่น�้านั้นว่า แม่อิง สืบต่อมาจนทุกวันนี้
(แนวตอบ การเปนเพื่อนกันควรมีความซื่อสัตย เมื่อเสร็จพิธีปฏิญาณแล้ว พระยาร่วงและพระยามังรายก็แยกย้ายกลับเมือง
ตอกัน ควรใหความสําคัญกับมิตรภาพ เพราะ (สรุปจาก พงศาวดารโยนก ฉบับหอสมุดแห่งชาติ ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๐๔)
เมื่อถึงคราวเดือดรอนมิตรแทจะใหความ 130
ชวยเหลือ)

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
นักเรียนไดขอคิดอะไรบางจากการอานนิทานพื้นบานเรื่องพระยากง
ครูแนะใหนักเรียนศึกษาขอมูลเกี่ยวกับนิทานพื้นบานภาคเหนือที่เนื้อเรื่องมี
พระยาพาน และขอคิดนั้นชวยดํารงและสงเสริมสังคมอยางไร
ลักษณะเปนนิทานประเภทอธิบายความเปนมาของชุมชนและเผาพันธุ โดยครูให
นักเรียนเลือกนิทานพื้นบานภาคเหนือมา 1 เรื่อง แลวใหนักเรียนรวมกันอภิปราย แนวตอบ พระยาพานไดทําปตุฆาต ซึ่งเปนอนันตริยกรรมเปนบาปสูงสุด
ถึงความสําคัญของการใชนิทานอธิบายความเปนมาของชุมชนเพื่อแสดงใหเห็นถึง คือการทํารายผูที่ใหกําเนิดและผูมีพระคุณที่เลี้ยงดูมา และจากการอานนิทาน
วัฒนธรรมของผูคนในชุมชน พื้นบานเรื่องพระยากง พระยาพาน ใหขอคิดเรื่องความกตัญูรูคุณบิดา
มารดา ผูเลี้ยงดูเรามาใหเติบใหญใหเปนผูที่มีความพรอมบริบูรณทั้งทางกาย
และปญญาตามความสามารถ แตสิ่งที่สําคัญที่สุด คือ การที่ผูมีพระคุณตางก็
นักเรียนควรรู คาดหวังมอบสิ่งที่ดีที่สุดใหกับผูที่อยูในความดูแล การแสดงความกตัญู
จึงชวยดํารงความสัมพันธระหวางคนในครอบครัว ซึ่งเปนสถาบันสําคัญที่จะ
1 พระยา เดิมใชคําวา “พญา” ใชกับเจาแผนดิน เชน พญาลิไทย ผูเปนใหญ ชวยสงเสริมใหสังคมอยูรวมกันอยางปกติสุข
ผูเปนหัวหนา (มักใชนําหนานามอื่น) เชน พญานาค พญาหงส
2 สินไหม เงินคาปรับผูแพคดีใหแกผูชนะ

130 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนกลุมที่ 2 มาเลาเรื่องยอเรื่องอุสาบารส
เรื่อง อุสาบารส หนาชั้นเรียน
(แนวตอบ พระเจากรุงพานและพระมเหสีไมมี
นิทานพื้นบ้านภาคอีสาน
พระธิดา แมจะทําพิธีขอจากเทพยดาหลายครั้งก็ยัง
พระเจ้ า กรุ ง พานและมเหสี ค รองเมื อ งมานาน แต่ ไ ม่ มี โ อรสหรื อ ธิ ด าที่ จ ะสื บ สั น ตติ ว งศ์ ไมมี จนกระทั่งเมื่อไดยินวาพระฤๅษีมีธิดาบุญธรรม
พระองค์ทรงท�าพิ ธีขอโอรสต่ อเทพยดาหลายครั้ ง หลายคราแต่ ก็ ไ ม่ ไ ด้ ผ ล ในป่ า บนเทื อ กเขานั้ น ชื่อนางอุสามีรูปโฉมงามจึงขอมาเลี้ยงไวในวัง
มีพระฤๅษีตนหนึ่งบ�าเพ็ญฌานแก่กล้ามาก วันหนึ่งพระฤๅษีอยากได้ธิดา ก็มีกุมารีเกิดในดอกบัวอยู่ใน ทรงจัดหานางสนมคอยรับใชมากมายและสราง
สระน�้าข้างอาศรม พระฤๅษีได้น�ามาเลี้ยงเป็นธิดาบุญธรรมให้ชื่อว่า นางอุสา ครั้นเจริญวัย นางอุสา หอคําให วันหนึ่งนางอุสารอยมาลัยแตงเปนกระทง
มีโฉมงามยิ่งนัก ความงามของนางได้เลื่องลือไปถึงพระเจ้ากรุงพาน พระเจ้ากรุงพานจึงเสด็จมายัง เสี่ยงหาเนื้อคูลอยนํ้าไปถึงเมืองพะโค เมืองพะโค
มีโอรสเปนหนุมใหญยังไมมีชายาชื่อทาวบารส
อาศรมพระฤๅษี และทรงเห็นว่านางอุสามีลักษณะเป็นผู้มีบุญญาธิการมากจึงตรัสขอไปเป็นพระธิดา
ไดลงสรงนํ้าแลวเห็นกระทงมาลัยลอยนํ้ามาก็เกิด
บุญธรรม พระฤๅษีไม่ขัดข้องจึงยินยอมให้นางอุสามาอยู่ในพระราชวังของพระเจ้ากรุงพาน พระเจ้า ความตองใจ จึงออกคนหาเจาของกระทงมาลัย
กรุงพานได้จัดนางสนมก�านัลอยู่รับใช้นางอุสามากมาย และสร้างหอค�า (หอทองค�า) ให้เป็นที่ประทับ เดินทางมาถึงอุทยานหลวงไดยินเสียงเพลงจึงตาม
นางอุสามีความสุขอยู่กับเหล่านางสนม วันหนึ่งนางประพาสอุทยานพบล�าธารซึ่งมีน�้าไหลอยู่เสมอ ไปจนพบนางอุสา ทั้งสองเกิดความพิสมัยตอกัน
นางคิดว่าล�าธารนี้คงไหลไปไกลผ่านเมืองหลายเมือง นางจึงร้อยมาลัยตกแต่งเป็นกระทงลอยน�้าไป ตามเทพบันดาล นางอุสาพาทาวบารสซอนไว
เพื่อเสี่ยงทายหาเนื้อคู่ โดยขอให้กระทงลอยน�้าไปยังเมืองที่เนื้อคู่อยู่และดลใจให้เขาทราบความนัยของ ในหอคํา เมื่อความรูถึงพระเจากรุงพานจึงรับสั่ง
พระนางด้วย ประหารทาวบารส ทาวบารสจึงทูลวาตนเปนใคร
1 พระเจากรุงพานจึงแจงไปยังเมืองพะโค ทรงทําให
กล่าวถึงเมืองพะโคมีโอรสชื่อว่า ท้าวบารส เจริญวัยเป็นหนุ่มใหญ่ แต่ยังไม่มีพระชายา อยู่มา
พระเจาเมืองพะโคและพระเจากรุงพานทําสงคราม
วันหนึ่งท้าวบารสทรงสุบินว่า “มีแก้วสว่างไสวลอยจากนภากาศมาสู่พระหัตถ์ของพระองค์ พระองค์
ธรรมแขงกันสรางวัด ฝายใดสรางวัดเสร็จภายใน
ทรงมีความปลื้มปีติกับแก้วดวงนี้มาก” ครั้นตื่นบรรทมแก้วก็หายไป ท้าวบารสกลัดกลุ้มพระทัยมาก คืนเดียวจะเปนฝายชนะ หากพระเจากรุงพานชนะ
จึงชวนเสนาอมาตย์ไปสรงน�้า ขณะที่สรงน�้านั้นเห็นกระทงอันตกแต่งร้อยกรองดอกมาลัยอย่างวิจิตร ทาวบารสจะยอมใหประหารชีวิต แตหากแพก็ตอง
ท้าวบารสจึงไปเก็บกระทงนัน้ และทรงพิจารณาว่ากระทงนีฝ้ มี อื ผูป้ ระดิษฐ์คงไม่ใช่ฝมี อื ชาวบ้านธรรมดา ยินยอมยกนางอุสาใหเปนชายาทาวบารส ปรากฏ
ครั้นพิจารณาอยู่นานๆ กลิ่นไม้หอมจากกระทงได้ส่งกลิ่นให้ท้าวบารสเกิดความรัญจวนใจ อยากจะพบ วาทาวบารสชนะไดนางอุสามาเปนชายาและไปอยู
ผู้เป็นเจ้าของกระทง เมืองพะโค)
ท้าวบารสจึงทูลลาพระราชบิดาติดตามเจ้าของกระทงนั้น ท้าวบารสทรงม้าเสด็จไปแต่ผู้เดียว
เทพดลใจให้เข้ามายังเมืองพาน ผูกม้าไว้แล้วก็เข้าไปในเมืองสืบหานางในฝัน วันหนึ่งท้าวบารส
หลงเข้าไปในอุทยานหลวงได้ยินเสียงเพลงขับขานไพเราะ ท้าวบารสจึงตามหาเจ้าของเสียงเพลง
ครั้ น พบนางอุ ส าที่ ก� า ลั ง ขั บ ขานเพลงอยู ่ ใ นอุ ท ยาน ทั้ ง สองต่ า งก็ มี จิ ต พิ ส มั ย ซึ่ ง กั น และกั น ตาม
เทพบันดาล ทั้งสองก็ปราศรัยไมตรีกันและนางอุสาก็พาท้าวบารสมาซ่อนไว้ที่หอค�า
131

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับนิทานพื้นบานไทยที่มีเคาโครงเรื่องเกี่ยวกับ ครูใหความรูนักเรียนเกี่ยวกับนิทานพื้นบานเพิ่มเติมวา เกิดจากจินตนาการของ
ความรัก การพลัดพรากจากกัน จากนั้นนักเรียนรวบรวมชื่อเรื่องนิทาน ผูแตง ดังนั้นจึงไมมีกฎเกณฑเฉพาะในการแตง เนื้อเรื่องไมซับซอนแตหลากหลาย
พื้นบานเรื่องตางๆ ที่มีเคาโครงลักษณะนี้ จดบันทึกลงสมุดสงครู ไปตามความคิดฝนของผูแตง เนื้อเรื่องของนิทานพื้นบานจึงเปนเรื่องนานาชนิด
แตกตางกันไป อาจเปนเรื่องเกี่ยวกับการผจญภัย ความรัก ความโกรธ เกลียด
ริษยา อาฆาต ตลกขบขัน หรือแมแตเรื่องแปลกประหลาดผิดปกติธรรมดา
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
นักเรียนยกตัวอยางนิทานพื้นบานที่มีเคาโครงเรื่องเกี่ยวกับความรัก
การพลัดพรากจากกันมา 1 เรื่อง จากนั้นเขียนอธิบายความรูองคประกอบ 1 เมืองพะโค หรือเมืองเวียงงัว ซึ่งอยูในพื้นที่อําเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
ของนิทานเรื่องนั้น ไดแก โครงเรื่อง ตัวละคร แกนเรื่องหรือแนวคิด กับเมืองพาน อําเภอบานผือ จังหวัดอุดรธานี บนเทือกเขาภูพาน ซึ่งยังคงมีซาก
ฉาก บทสนทนา บันทึกลงในใบความรูสงครู สถานที่ปรากฏใหเห็นเปนหลักฐานอยูในปจจุบันวาเปน “หอนางอุสา”

คูมือครู 131
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนฟงเพื่อนเลาเรื่องยอนิทานพื้นบาน
อุสาบารสแลวชวยกันตอบคําถามตอไปนี้ อยู่ต่อมาข่าวเล่าลือถึงพระกรรณของพระเจ้ากรุงพาน พระองค์จึงให้เสนามาจับตัวท้าวบารส
• นิทานพื้นบานเรื่องอุสาบารสเลาความเปนมา ไปเฝ้า ทรงกริ้วที่ท้าวบารสบังอาจไม่เกรงพระราชอาญาจึงสั่งให้ประหารท้าวบารสโดยมิได้ไต่สวน
ของสถานที่ใด คดีความ ฝ่ายท้าวบารสเห็นเช่นนั้นจึงกราบทูลความจริง พระเจ้ากรุงพานจึงแจ้งไปยังเมืองพะโค
(แนวตอบ หอคํานางอุสา) เจ้าเมืองพะโคเห็1นว่าจะเกิดสงครามใหญ่เป็นแน่แท้ จึงยกทัพมาประชิดเมืองพานและให้ต่อสู้กัน
• สงครามธรรมหมายความวาอยางไร โดยสงครามธรรมเพื่อที่จะไม่เป็นเวรเป็นกรรมต่อไปภายหน้า ในที่สุดทั้งสองเมืองก็พนันแข่งขันกัน
(แนวตอบ สงครามธรรมเปนสงครามที่ไม สร้างวัดให้เสร็จในเวลาเพียงคืนเดียว หากพระเจ้ากรุงพานชนะจะให้มีการประหารชีวิตท้าวบารส
เบียดเบียนชีวิต ไมมีผูบาดเจ็บลมตายในการ หากท้าวบารสชนะพระเจ้ากรุงพานต้องยอมยกพระธิดาให้เป็นชายา ทั้งสองเมืองแข่งขันกันสร้าง
แขงขันเอาชนะ) วัด ปรากฏว่าวัดของท้าวบารสร้างเสร็จก่อนรุ่งอรุณ แต่วัดของพระเจ้ากรุงพานไม่เสร็จ เป็นอันว่า
• นิทานพื้นบานเรื่องอุสาบารสเปนนิทานใน
ท้าวบารสเป็นผู้ชนะและได้นางอุสาไปอภิเษกสมรสที่เมืองพะโค
ทองถิ่นใด
(แนวตอบ จังหวัดอุดรธานี ภาคตะวันออก-
เฉียงเหนือของไทย)

ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนเขียนแผนผังลําดับเหตุการณของนิทาน
พื้นบานเรื่องอุสาบารส
(แนวตอบ แผนผังลําดับเหตุการณของนิทาน
พื้นบานเรื่องอุสาบารส มีดังนี้
• เหตุการณแรก พระเจากรุงพานและพระมเหสี
ไมมีโอรสธิดา จึงขอธิดาบุญธรรมของพระ-
ฤๅษีชื่อนางอุสาผูงดงามมาเลี้ยง
• นางอุสาทํากระทงมาลัยลอยนํ้าเสี่ยงหาเนื้อคู
ทาวบารสโอรสเมืองพะโคเจอกระทงมาลัย
ตองใจออกตามหาเจาของ
• ทาวบารสพบนางอุสาเกิดรักใครกัน นางอุสา
พาทาวบารสซอนไวในหอคํา
• พระเจากรุงพานทราบเรื่องทรงกริ้ว แจงไปยัง
เมืองพะโค เมืองพะโคยกทัพมา
หอนางอุสา เป็นโขดดินทรายขนาดใหญ่ ๒ ก้อน ซ้อนเทินกันอยู่ มีรูปร่างคล้ายดอกเห็ดที่ก�าลังบาน สูงประมาณ
• แขงกันสรางวัดใหเสร็จในคืนเดียว ทาวบารส ๑๐ เมตร ด้านบนเจาะเป็นห้องขนาดเล็ก ต้องท�าเป็นบันไดขึ้นไป
ชนะไดนางอุสาเปนชายาอภิเษกที่เมืองพะโค)
132

ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว O-NET
“เจาเมืองพะโคเห็นวาจะเกิดสงครามใหญเปนแนแทจึงยกทัพมาประชิด
ครูใหนักเรียนทบทวนความรูความเขาใจภายหลังการอานนิทานพื้นบานเรื่อง
เมืองพานและใหตอสูกันโดยสงครามธรรม เพื่อที่จะไมเปนเวรเปนกรรมตอไป
อุสาบารส โดยครูตั้งประเด็นคําถามเกี่ยวกับการใหอภัย เพื่อใหนักเรียนสามารถ
ในภายหนา” ขอใดสอดคลองกับความเชื่อในขางตน
พัฒนาการใชทักษะชีวิต การแกไขปญหา การปรับตัวใหเขากับสังคม และการมี
1. ขุนแผนวาจะอยูดูไมได ในคุกใหญยากแคนมันแสนเข็ญ
มนุษยสัมพันธที่ดีกับเพื่อน ครอบครัว และการปฏิสัมพันธที่ดีกับผูอื่น
2. จะสูมวยดวยองคพระทรงธรรม ตามไปเมืองสวรรคชั้นฟา
3. มามีลูกลูกก็จากวิบากกรรม สะอื้นรํ่ารันทดสลดใจ
นักเรียนควรรู 4. ชาตินี้มึงมีแตสองหัตถ จงไปอุบัติเอาชาติใหม
วิเคราะหคําตอบ จากขอความในขางตนสะทอนความเชื่อเรื่องเวรกรรมอยาง
1 สงครามธรรม หมายถึง สงครามที่ไมขัดกับศีลธรรม หรือแมกระทั่งเปน เดนชัด ขอที่ปรากฏความเชื่ออยางเดียวกันนี้คือ “มามีลูกลูกก็จากวิบากกรรม
หนาที่ทางศีลธรรมที่หากไมปฏิบัติแลวจะเกิดความเสียหาย ทั้งนี้พิจารณาภายใต สะอื้นรํ่ารันทดสลดใจ” สอดคลองกับขอความในขางตน ตอบขอ 3.
เงื่อนไขหนึ่งๆ ของการเริ่มตนและการปฏิบัติสงคราม

132 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนกลุมที่ 3 มาเลาเรื่องยอเรื่องพระยากง
เรื่อง พระยากง พระยาพาน พระยาพานหนาชั้นเรียน
(แนวตอบ พระยากงครองเมืองกาญจนบุรี เมื่อ
นิทานพื้นบ้านภาคกลาง
ครั้งที่พระมเหสีทรงพระครรภโหรทํานายวาในครรภ
ครั้งหนึ่ง พระยากง ได้ครองเมืองกาญจนบุรี (บางส�านวนว่าเมืองนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม) เปนพระราชโอรสเปนผูมีบุญหนัก จิตใจเหี้ยมหาญ
เมื่อพระมเหสีทรงพระครรภ์ ได้หาโหรมาท�านายทารกในครรภ์ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย โหรท�านาย อาจเปนปตุฆาต เมื่อพระโอรสประสูติไดนําพาน
ว่าเป็นชายมีบุญบารมีมาก แต่มีจิตใจเหี้ยมหาญ และอาจจะเป็นปิตุฆาต คือ ผู้ที่ฆ่าพ่อของตน ครั้น มารองรับ แตหนาผากพระกุมารกระทบพานจน
เมื่อประสูติ ข้าราชบริพารก็น�าพานทองมารองรับตามราชประเพณี แต่พระนลาฏ (หน้าผาก) กระทบ ขอบพานบูและพระกุมารมีแผลที่พระนลาฏ (หนา
กับขอบพานจนพานเป็นรอยบูแ้ ละเกิดแผลเป็นทีพ่ ระนลาฏ จึงชือ่ ว่า พระยาพาน พระยากงทราบดังนัน้ ผาก) จึงตั้งชื่อวาพระยาพาน พระยากงนึกถึงคํา
ก็คิดถึงค�าท�านายของโหรว่า พระกุมารมีบุญมากจริงจนท�าให้ขอบของพานบู้เป็นรอย จึงสั่งให้น�า ทํานายโหรจึงรับสั่งใหนําพระกุมารไปประหาร
พระกุมารไปประหาร พระมเหสีทราบดังนั้นก็พยายามที่จะหาทางผ่อนคลาย เมื่อคิดหาอุบายแล้ว พระมเหสีทูลขอใหเพียงเอาพระกุมารไปใหคนอื่น
ได้น�าพระกุมารไปฝากยายหอมเลี้ยงไว้ (บางส�านวนว่า น�าพระกุมารไปทิ้งไว้ แล้วยายหอมมาพบเข้าจึง เลี้ยง ซึ่งคนที่เลี้ยงก็คือยายหอม เมื่อพระกุมาร
น�าไปเลี้ยง) เจริญวัยยายหอมไดนําพระกุมารไปถวายใหเปน
ครั้นเจริญวัย ยายหอมก็น�าไปถวายพระยาราชบุรี พระยาราชบุรีทรงพอพระทัยเด็กชาย บุตรบุญธรรมพระยาราชบุรี เมื่อเติบใหญไดทํา
พานมาก ประจวบกับไม่มีพระโอรสจึงรับไว้เป็นพระราชบุตรบุญธรรม พระยาพานได้รับการศึกษา สงครามสูรบกับพระยากง และไดฟนพระยากง
เล่าเรียนศิลปศาสตร์จนมีความรู้แก่กล้ามาก สิ้นพระชนม โดยไมรูวาพระยากงเปนพระราชบิดา
ครั้งหนึ่งพระยาพานถามพระยาราชบุรีว่า ท�าไมต้องส่งเครื่องบรรณาการแก่เมืองกาญจนบุรี ผูใหกําเนิด เมื่อชนะไดครองเมืองกาญจนบุรีได
ทุกปี ขณะนี้บ้านเมืองเราก็ขัดสน งดเว้นมิได้หรือ พระยาราชบุรีตรัสว่าเมืองกาญจนบุรีจะหาว่าขบถ เขาหาพระมเหสีของพระยากง พระมเหสีพระยากง
จํารอยแผลเปนที่พระนลาฏของพระยาพานได จึง
และจะยกทัพใหญ่มา เราไม่มีก�าลังต่อสู้ได้ เมื่อพระยาพานรับอาสาที่จะป้องกันเมือง พระยาราชบุรี
ถามถึงบุพการี ผูใหกําเนิดพระยาพาน และเลาเรื่อง
จึงงดส่งเครื่องบรรณาการ พระยากงเจ้าเมืองกาญจนบุรีเห็นว่าเมืองราชบุรีไม่ส่งเครื่องบรรณาการ
เกี่ยวกับพระโอรสของพระองคใหพระยาพานฟงวา
ตามปกติจึงยกทัพใหญ่มาประชิดเมืองราชบุรี พระยาราชบุรีจึงให้พระยาพานผู้เป็นพระราชบุตร
พระโอรสเมื่อประสูติบุญหนักเอาพานมารองรับขอบ
บุญธรรมเป็นแม่ทัพออกไปสู้กับพระยากง พระยาพานและพระยากงได้ต่อสู้กันจนถึงชนช้าง พระยากง
พานบู พระกุมารมีแผลที่หนาผาก โหรเคยทํานาย
เสียทีจึงถูกฟันสิ้นพระชนม์ กองทัพเมืองกาญจนบุรีแตกถอยกลับเมือง กองทัพของพระยาพานติดตาม วาจะฆาพระราชบิดาจึงสั่งใหประหาร แตสุดทาย
เข้ายึดทรัพย์สินในเมืองกาญจนบุรีได้ ซึ่งเป็นธรรมเนียมของการสงครามที่ผู้ชนะย่อมเป็นเจ้าของ ก็เอาไปฝากยายหอมเลี้ยง พระยาพานไดฟงก็เสีย
กรรมสิทธิ์ในทุกสิ่งของผู้แพ้ พระทัยและโกรธยายหอมมาก จึงรับสั่งประหาร
เมื่อเข้าเมืองกาญจนบุรีได้แล้ว เสนาอ�ามาตย์จึงยกเมืองให้พระยาพานขึ้นครองต่อไป คืนหนึ่ง ชีวิตยายหอม เมื่อคิดไดสํานึกผิดจึงประชุมพระ
พระยาพานคิดจะเข้าห้องบรรทมพระมเหสีของพระยากง โดยไม่ทราบว่าเป็นพระราชมารดาของตน สงฆเพื่อหาทางบรรเทาเวรกรรมที่ตนทํา พระสงฆ
เมื่อปฐมยาม พระยาพานก็เสด็จไปต�าหนักใน ได้พบแมวแม่ลูกอ่อนนอนขวางทางเดิน ครั้นเมื่อเดินเข้า จึงแนะใหสรางเจดียสูงเทานกเขาบินเหินเพื่อลด
มาใกล้ได้ยินแม่แมวพูดว่า “ลูกอย่าเพิ่งร้องหิวนม คอยดูลูกเขาเข้าหาแม่ก่อน” พระยาพานสะดุดใจ บาปหนักหนึ่งในสิบที่ฆาบิดา และสรางพระ
ที่เห็นแมวพูดได้ และเรื่องที่พูดนั้นมีความหมายชอบกลจึงถอยกลับมาต�าหนัก ประโทนเพื่อไถโทษความผิดบาปที่ฆายายหอม)
133

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเปนมาของพระปฐมเจดียเพิ่มเติม จากกิจกรรมเลาเรื่องยอนิทานพื้นบานหนาชั้นเรียน ครูแนะใหนักเรียนใชนํ้าเสียง
จากนั้นใหนักเรียนรวบรวมขอมูลเกี่ยวกับมูลเหตุในการสรางพระปฐมเจดีย แสดงความสมจริงตามอารมณของตัวละครในเรื่อง เพื่อใหนักเรียนที่ฟงเพื่อนเลา
จากนั้นสรุปประเด็นตางๆ ที่อธิบายประวัติความเปนมาของพระปฐมเจดีย เรื่องยอเขาใจเรื่องไดดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเปนการดึงความสนใจของเพื่อนๆ ใหสนใจฟง
ลงสมุดบันทึกสงครู ในขณะที่มีการเลานิทานดวย

กิจกรรมทาทาย

นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเปนมาของพระปฐมเจดียเพิ่มเติม
จากนั้นใหนักเรียนรวบรวมขอมูลเกี่ยวกับมูลเหตุในการสรางพระปฐมเจดีย
แลวเขียนวิเคราะหลงสมุดบันทึกวา นิทานพื้นบานที่ใชอธิบายประวัติความ
เปนมาของพระปฐมเจดียนี้มีความเกี่ยวของสอดคลองกับประวัติศาสตร
อยางไร บันทึกลงสมุดสงครู
คูมือครู 133
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนตอบคําถามเกี่ยวกับนิทานพื้นบานเรื่อง
พระยากง พระยาพาน ดังตอไปนี้ ครั้นยามสอง (เที่ยงคืน) ก็เกิดความสงสัยจึงเสด็จไปต�าหนักในอีกครั้งหนึ่ง ผ่านไปพบม้าแม่ลูก
• พระยาพานรูไดอยางไรวาพระมเหสีของ พูดกันอีกว่า “ลูกอย่าเพิ่งร้องกินนม ดูลูกเขาจะเข้าหาแม่” พระยาพานก็สะดุดใจเห็นเป็นเหตุอัศจรรย์
พระยากงเปนพระราชมารดาของพระองค เพราะแมวและม้าพูดได้ และพูดเนื้อความเดียวกันด้วย จึงกลับที่ประทับเหมือนเดิ 1 ม แต่ก็บรรทมไม่ได้
(แนวตอบ พระยาพานรูวาพระมเหสีของ เพราะสงสัยเรื่องราวที่ม้าและแมวพูด จึงอยากจะรู้เรื่องให้ได้ ครั้นเมื่อยามสาม (๓ นาฬิกา) จึงเสด็จ
พระยากงเปนพระราชมารดาของพระองค ไปต�าหนักในอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้พระยาพานรีบเสด็จโดยไม่ฟังเสียงอะไรทั้งสิ้น เข้าไปในห้องบรรทม
ก็เพราะพระมเหสีพระยากงจํารอยแผลเปน พระมเหสีของพระยากงซึ่งเป็นพระราชมารดาของตนเอง พระราชมารดาเห็นพระยาพานจึงตรัส
ที่พระนลาฏของพระยาพานได พระมเหสี ถามว่า ท่านเป็นโอรสพระยาราชบุรีแท้ๆ หรือ เพราะมีรอยแผลเป็นที่พระนลาฏ พระนางจึงเล่าว่า
ถามถึงบุพการีผูใหกําเนิดพระยาพาน และ พระองค์มโี อรสองค์หนึง่ มีแผลเป็นทีพ่ ระนลาฏ ตอนประสูตใิ ห้พานรองรับจนขอบพานบู้ โหรท�านาย
เลาเรื่องเกี่ยวกับพระโอรสของพระองคให ว่าพระโอรสมีบญ ุ หนักและจะฆ่าพระราชบิดา พระนางจึงน�าไปฝากยายหอมเลีย้ งไว้ ถ้าหากไม่เชือ่
พระยาพานฟงวา พระโอรสบุญหนักเอาพาน ก็สอ่ งพระฉายดูเถิด พระยาพานทราบเรือ่ งก็สา� คัญว่าเป็นพระราชมารดาแน่นอน จึงทรงกันแสง
มารองรับขอบพานก็บู โหรทํานายวาจะฆา ที่ทรงฆ่าพระราชบิดา ด้วยความกริ้วจึงสั่งให้น�ายายหอมไปประหารชีวิต และทิ้งให้แร้งกินจึง
พระราชบิดาสั่งใหประหาร พระนางจึงเอาไป เรียกบริเวณนั้นว่า ท่าแร้ง จนทุกวันนี้
ฝากยายหอมเลี้ยง) หลังจากนั้นพระยาพานก็ทรงโศกเศร้า คิดถึงเวรกรรมที่ได้กระท�าไปเพราะไม่รู้
และเพราะบันดาลโทสะ ทรงคิดจะไถ่บาป จึงได้นิมนต์พระภิกษุสงฆ์มาประชุมปรึกษา
ขยายความเขาใจ Expand เรื่องการไถ่บาปของตนอันเป็นครุกรรม (กรรมหนัก) ที่ประชุมสงฆ์เสนอว่า ให้สร้าง
พระมหาเจดียส์ งู เท่านกเขาเหิน จะบ�าบัดบาปกรรมลดลงได้หนึง่ ในสิบส่วน พระยาพาน
นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับประเด็นคําถาม
ทรงยินดีจงึ โปรดให้สร้างพระมหาเจดียบ์ รรจุพระบรมธาตุเขีย้ วแก้ว คือ พระปฐมเจดีย์
ตอไปนี้
เพื่อไถ่โทษที่ฆ่าพระราชบิดา และให้สร้างเจดีย์ย่อมอีกองค์หนึ่ง คือ พระประโทน
• นักเรียนคิดวานิทานพื้นบานเรื่องพระยากง
เพื่อไถ่โทษที่ฆ่าบุพการีผู้เลี้ยงดู คือ ยายหอม ด้วยเหตุนี้จึงมีพระปฐมเจดียและ
พระยาพานมีแนวคิดเกี่ยวกับสิ่งใดบาง
พระประโทน อยู่ที่อ�าเภอเมือง จังหวัดนครปฐม จนเท่าทุกวันนี้
(แนวตอบ ตํานานพระยากง พระยาพาน
เกี่ยวของกับพระปฐมเจดียและพระประโทน (สรุปจาก เรื่องพระยากง ในพงศาวดารเหนือ
พิมพ์ พ.ศ. ๒๔๙๙)
และยังเกี่ยวกับเรื่องบาปบุญคุณโทษการ
พระปฐมเจดี ย์ จั ง หวั ด นครปฐม มี ค วามสู ง วั ด จากพื้ น ดิ น ถึ ง ยอด
ทํารายบุพการีและผูมีพระคุณ สอนใหรูจักการ ๑๒๐.๔๕ เมตร ถือเป็นพระเจดีย์ที่มีขนาดสูงที่สุด
ควบคุมโทสะ ซึ่งเปนคําสอนทางพระพุทธ- ในประเทศไทย
ศาสนา)
• เหตุการณใดในเรื่องพระยากง พระยาพานที่
ควรมีการควบคุมโทสะ
(แนวตอบ เหตุการณเมื่อพระยาพานรูเรื่องวา
ตนเปนพระราชโอรสของพระยากง รูสึกเสียใจ
มากที่ตนเปนผูฆาพอและจะเขาหาแม พระยา
134
พานบรรลุแกโทสะที่ไมรูเรื่องมากอน จึงโทษ
วาเปนความผิดยายหอมและสั่งประหารยาย
หอมคนที่เลี้ยงดูมาแตเกิด)
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูยกขอคิดจากนิทานพื้นบานเรื่องพระยากง พระยาพานที่ใหขอคิด
เกี่ยวกับการรูจักควบคุมอารมณไปบูรณาการความรูกับกลุมสาระการเรียนรู
1 ยามสาม หรือ สามยาม หมายถึง ชวงเวลา 0 นาฬกา ถึง 3 นาฬกา ยาม
สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม วิชาพระพุทธศาสนา หลักธรรมคําสอน
เปนการนับเวลากลางคืนในประเทศไทยสมัยโบราณ การนับชวงเวลาหนึ่งยามมีคา
ที่สามารถเปนหลักยึดปฏิบัติในเรื่องนี้ได คือ หลักฆราวาสธรรม ธรรมสําหรับ
ประมาณ 3 ชั่วโมง
ผูครองเรือน อันไดแก สัจจะ ทมะ ขันติ และจาคะ โดยเฉพาะขอที่เกี่ยวของ
กับเรื่องนี้โดยตรง คือ ทมะ วาดวยการรูจักขมใจ หักหามใจในเวลามีเรื่องราว
มุม IT ที่ไมสบายใจเกิดขึ้น เชน เวลาโกรธ ก็ใหพยายามขมใจไมใหโกรธ หรือแสดง
ความโกรธนั้นตออีกฝาย เพราะจะทําใหอีกฝายไมพอใจหรืออาจโกรธตอบ
ศึกษาเกี่ยวกับประวัติความเปนมาของพระปฐมเจดียเพิ่มเติม ไดที่ อันจะนําไปสูการทะเลาะกัน เปนตน หากมีหลักธรรมขอนี้พระยาพานคง
http://www.slideshare.net/sukumaporn/ss-5147042 ไมทําผิดดวยการทํารายผูมีพระคุณ

134 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนกลุมที่ 4 มาเลาเรื่องยอเรื่องเจาแม
เรื่อง เ¨ŒาáÁ‹ÅÔ่ÁกอเËนÕ่ยÇ ลิ่มกอเหนี่ยวหนาชั้นเรียน
นิทานพื้นบ้านภาคใต้
(แนวตอบ มีครอบครัวเศรษฐีจีนครอบครัวหนึ่ง
มีลูกชื่อ “ลิ่มโกะเลี่ยม” และลูกสาวชื่อ “ลิ่ม-
ครั้งหนึ่งนานมาแล้วในเมืองจีน มีครอบครัวเศรษฐีครอบครัวหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วยแม่ กอเหนี่ยว” ลิ่มโกะเลี่ยมไดเดินทางมาคาขาย
ลูกชาย และลูกสาว ลูกชายชื่อ ลิ่มโกะเลี่ยม ลูกสาวชื่อ ลิ่มกอเหนี่ยว ลูกชายค้าส�าเภาต่างเมือง กับเรือสําเภาที่เมืองไทย แวะขายสินคาที่เมือง
แทนบิดาที่ตายไปนานแล้ว ส่วนลูกสาวอยู่บ้านปรนนิบัติมารดา นครศรีธรรมราชและไดพบรักกับธิดาของพระยา
ครั้งหนึ่งลิ่มโก๊ะเลี่ยมมาค้าส�าเภายังเมืองไทย แวะขายสินค้าที่เมืองนครศรีธรรมราช ขาย ตานีเจาเมือง จนในที่สุดพระยาตานีก็อนุญาตให
สินค้าได้พอสมควรก็เดินทางไปยังเมืองกรือเซะ (ปัตตานี) ลิ่มโก๊ะเลี่ยมจอดส�าเภาค้าขายอยู่นาน ทั้งสองแตงงานกัน ฝายมารดาและนองสาวลิ่มกอ-
มีความสนิทคุน้ เคยกับนางในจวนเจ้าเมือง และได้ฝากเสือ้ ผ้าแพรพรรณมาถวายพระธิดาของพระยาตานี เหนี่ยวที่อยูเมืองจีนไมเห็นพี่ชายกลับมาก็เปนหวง
เจ้าเมือง อีกไม่นานลิ่มโก๊ะเลี่ยมกับพระธิดาเจ้าเมืองก็รักใคร่กัน แต่พระยาตานียังไม่ทรงวางพระทัย จึงมาตามหาจนพบที่เมืองนครศรีธรรมราช และ
จึงพิสูจน์ความจงรักภักดีและความรู้ความสามารถของลิ่มโก๊ะเลี่ยมนานาประการ ในที่สุดก็ทรง รูวาแตงงานอยูกินกับธิดาพระยาตานีไมยอมกลับ
อนุญาตให้ทั้งสองแต่งงานกันได้โดยมีข้อแม้ว่าลิ่มโก๊ะเลี่ยมจะต้องเข้าศาสนาอิสลาม ด้วยความ เมืองจีน ก็ออนวอนขอรองพี่ชายใหกลับไปเยี่ยม
รักอย่างหลงใหล ลิ่มโก๊ะเลี่ยมจึงยอมทุกประการเพื่อให้ได้พระธิดามาเป็นภรรยา ทั้งสองแต่งงาน มารดาสักครั้ง เมื่อพี่ชายไมยอมกลับลิ่มกอเหนี่ยว
ตั้งบ้านเรือนอยู่ครองรักอย่างสันติสุข จนลิ่มโก๊ะเลี่ยมลืมมารดาและน้องสาวที่เมืองจีนและยังไม่คิด ก็ยืนกรานจะกลับพรอมพี่ชาย เมื่อพระยาตานีคิด
จะกลับบ้านเมืองของตน จะสรางมัสยิดจึงใหลูกเขยรับเปนแมกอง นางลิ่ม-
ฝ่ายมารดาและน้องสาวอยู่เมืองจีน เห็นลิ่มโก๊ะเลี่ยมจากไปนานไม่ได้ข่าวเลย จึงพยายาม กอเหนี่ยวรูก็มาขอใหพี่ชายลมเลิกความตั้งใจแลว
สอบถามกับนายส�าเภาที่ไปค้าขายเมืองไทยแต่ก็ไม่ได้ข่าวชัดเจน ในที่สุดนางลิ่มกอเหนี่ยวก็อาสา กลับเมืองจีน ลิ่มกอเหนี่ยวถูกพี่ชายตอวารุนแรง
ติดตามพี่ชาย ฝ่ายมารดาไม่ค่อยจะเต็มใจนัก แต่ก็อยากจะทราบว่าลูกชายเป็นตายร้ายดีอย่างไร เสียใจมาก จึงไปผูกคอตายและสาปแชงวา
จึงยินยอมจัดเรือส�าเภาให้นางลิ่มกอเหนี่ยวไปค้าขายที่เมืองไทยเพื่อติดตามสืบข่าวของพี่ชาย “ขออยาใหสรางมัสยิดไดสําเร็จ” ลิ่มโกะเลี่ยมเสียใจ
นางลิ่มกอเหนี่ยวเดินทางไปค้าขายที่เมืองนครศรีธรรมราชก่อน นางสืบความรู้ว่าพี่ชายไป มากที่นองสาวผูกคอตายจึงนําไปฝงตามธรรมเนียม
ค้าขายเมืองกรือเซะและได้พระธิดาพระยาตานีเป็นภรรยา นางจึงออกเรือติดตามไปที่เมืองกรือเซะ ในบริเวณที่นางตาย และกลับมาสรางมัสยิดตอ
เมื่อพบพี่ชายแล้วนางก็ขอร้องให้พี่ชายกลับเมืองจีน พี่ชายไม่ยอมกลับ นางก็อ้อนวอนให้พี่ชายกลับ ก็ไมสําเร็จ ชาวบานเชื่อวาคําสาปแชงของหญิง
ไปเยี่ยมมารดาสักครั้งก็ยังดีเพราะมารดาแก่ชรามากแล้ว เมื่อเห็นพี่ชายยังอิดเอื้อนรีรออยู่ นางก็ พรหมจรรยที่ฆาตัวตายนั้นเปนวาจาสิทธิ์ กระทั่ง
บอกว่านางก็จะยังไม่กลับเมืองจีนจะคอยกลับพร้อมกับพี่ชาย ยิ่งทราบว่าลิ่มโก๊ะเลี่ยมเปลี่ยนศาสนา ปจจุบันมัสยิดกรือเซะก็ยังสรางไมเสร็จ ตอมา
นางยิ่งเสียใจมาก นางจึงคอยว่าสักวันหนึ่งพี่ชายคงกลับใจเห็นแก่พ่อแม่และศาสนาของปู่ย่าตายาย ชาวบานตั้งบริเวณที่นางลิ่มกอเหนี่ยวฆาตัวตาย
นางจึงพ�านักอยู่ที่เมืองกรือเซะเพื่อรอกลับมาพร้อมพี่ชาย เปนศาลเจาแมลิ่มกอเหนี่ยว)
ต่อมาพระยาตานีคิดจะสร้างมัสยิดใหญ่ให้ปรากฏชื่อเสี1ยง เพื่อให้พระยาเมืองใกล้เคียง
ยกย่องเลือ่ งลือเกียรติคณ ุ จึงให้ลมิ่ โก๊ะเลีย่ มซึง่ เป็นลูกเขยเป็นแม่กองในการก่อสร้าง เพราะพระยาตานี
เคยเห็นฝีมือและความสามารถ และเชื่อใจว่าท�าอะไรต้องส�าเร็จอย่างดีทุกประการ ลิ่มโก๊ะเลี่ยม
ก็รับอาสาเตรียมสิ่งของและผู้คนจ�านวนมาก
135

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับนิทานพื้นบานภาคใตเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติม แลวสรุป ครูแนะใหนักเรียนหาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับนิทานพื้นบานเรื่องเจาแมลิ่ม-
แนวคิดของนิทานพื้นบานภาคใตที่นักเรียนไดศึกษาบันทึกลงสมุดสงครู กอเหนี่ยว ซึ่งเปนนิทานพื้นบานภาคใตของไทย โดยครูชี้ใหนักเรียนเห็นถึงวิถีชีวิต
และแนวคิดในการดําเนินชีวิตของคนในทองถิ่นนั้นผานทางสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คน
ในทองถิ่นเคารพบูชาวา มีทั้งสถานที่ทางพระพุทธศาสนานิกายมหายานและมัสยิด
กิจกรรมทาทาย ของมุสลิม และสถานที่ทั้งสองนี้เปนที่เคารพบูชาของคนในทองถิ่นมาเปนเวลานาน

นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับนิทานพื้นบานภาคใตเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติม จากนั้น นักเรียนควรรู


พิจารณาเนื้อเรื่องและเปรียบวานิทานพื้นบานของภาคใตเรื่องใดที่มีแนวคิด
เหมือนกับนิทานพื้นบานของภาคอื่น จัดทําเปนใบความรูสงครู 1 แมกอง หมายถึง ผูเปนนายกอง หัวหนางาน เชน แมกองทําปราสาท
พระเทพบิดร แมกองทําประตูประดับมุก เปนตน

คูมือครู 135
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand Evaluate
Engage Explore
อธิบายความรู Explain
จากสถานที่สําคัญในนิทานพื้นบานเรื่องเจาแม
ลิ่มกอเหนี่ยว ปจจุบันมัสยิดกรือเซะและศาลเจาแม ฝ่ายนางลิ่มกอเหนี่ยวทราบเรื่องพี่ชายก่อสร้างมัสยิด นางก็มาต่อว่าพี่ชายให้ล้มเลิกความตั้งใจ
ลิ่มกอเหนี่ยวเปนอยางไร และให้นึกถึงศาสนาเดิมของพ่อแม่ปู่ย่าตายาย แต่ลิ่มโก๊ะเลี่ยมไม่ยอมฟังค�าทัดทาน กลับต�าหนินาง
(แนวตอบ มัสยิดกรือเซะยังคงมีสภาพที่สราง นางเสี ย ใจมากจึ ง คิ ด ผู ก คอตาย ก่ อ นตายนางได้ ส าปแช่ ง ว่ า “ขออย่ า ให้ ส ร้ า งมั ส ยิ ด ได้ ส� า เร็ จ ”
ไมเสร็จเหมือนเดิม และมีการตั้งศาลเจาแมลิ่มกอ- นางผูกคอตายที่ต้นไม้ใหญ่ใกล้มัสยิดนั่นเอง
เหนี่ยวใหมีขนาดใหญขึ้นอยูที่ตลาดปตตานี หางจาก เมื่อลิ่มโก๊ะเลี่ยมพี่ชายทราบว่าน้องสาวผูกคอตายก็เสียใจ แต่ก็ไม่สามารถจะช่วยอะไรได้
ที่เดิมพอสมควร ไดอัญเชิญรูปแกะสลักมาไวที่ศาล จึงน�าศพไปฝังตามธรรมเนียมจีนบริเวณที่นางผูกคอตาย หลังจากนั้นก็สร้างมัสยิดต่อไป แต่เมื่อ
หลังใหม เรียกชื่อใหมวา “เลงจูเกียง”) จะสร้างหลังคามัสยิดก็เกิดฟ้าผ่าหลังคาพัง เมื่อสร้างอีกครั้งหนึ่งฟ้าก็ผ่าอีก ท�าให้ลิ่มโก๊ะเลี่ยม
เลิกล้มความคิดที่จะสร้างมัสยิดต่อไป ส่วนชาวบ้านกรือเซะต่างก็นึกถึงค�าสาปของนางลิ่มกอเหนี่ยว
ขยายความเขาใจ Expand และคนจีนเชื่อกันว่าหญิงสาวพรหมจรรย์ฆ่าตัวตายเช่นนี้ วาจาที 1 ่กล่าวก่อนตายมักจะเป็นวาจาสิทธิ์
ชาวบ้านจึงสร้างศาลไว้ที่บริเวณหลุมศพนาง ส่วนมัสยิดกรือเซะจึงมีอันต้องสร้างไม่ส�าเร็จจนทุกวันนี้
นักเรียนแตละกลุมหาภาพมัสยิดกรือเซะและ หลั ง จากนั้ น ชาวบ้ า นในบริ เวณใกล้ เ คี ย งก็ เ ล่ า ลื อ ความศั ก ดิ์ สิ ท ธิ์ ข องนางลิ่ ม กอเหนี่ ย ว
ศาลเจาแมลิ่มกอเหนี่ยวมาอยางละ 1 ภาพ และ หากลูกหลานเจ็บไข้หรือครอบครัวต้องประสบเคราะห์ร้าย ต่างก็มาบนบานที่ศาลนางลิ่มกอเหนี่ยว
ชวยกันเขียนเรื่องราวที่นักเรียนไดฟงเพื่อนเลา เพื่อให้ช่วยปกป้องคุ้มครอง ต่อมามีคนน�ากิ่งไม้ที่นางผูกคอตายมาแกะเป็นรูปนางไว้ที่ศาลด้วย
ประกอบภาพ และชาวบ้านเรียกกันว่า ศาลเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว
จ�าเนียรกาลนานมา ผู้คนที่นับถือเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยวได้สร้างศาลหลังใหม่ให้ใหญ่ขึ้น อยู่ใน
ตรวจสอบผล Evaluate ตลาดปัตตานีหา่ งจากสถานทีเ่ ดิมพอควร และได้อญ ั เชิญรูปแกะสลักมาประดิษฐานในศาลหลังใหม่ บัดนี้
1. นักเรียนเลาเรื่องยอเรื่องสามกษัตริยและบันทึก เรียกว่า ศาลเจ้าเล่งจูเกียง อยู่ที่ตลาดปัตตานี
ลงสมุดได (นายพีรพงศ์ บุญชูช่วย ผู้เล่า จากหนังสือคติชาวบ้าน โดย ศาสตราจารย์ คุณหญิงกุหลาบ มัลลิกะมาส)
2. นักเรียนบอกขอคิดที่ไดจากนิทานพื้นบานเรื่อง
สามกษัตริยที่นําไปปรับใชในชีวิตจริงได
3. นักเรียนเขียนแผนผังลําดับเหตุการณของนิทาน
พื้นบานเรื่องอุสาบารสได
4. นักเรียนเขียนเรื่องราวที่นักเรียนไดฟงเพื่อนเลา
ประกอบภาพมัสยิดกรือเซะและศาลเจาแมลิ่ม
กอเหนี่ยวได

136

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
“กอนตายนางลิ่มกอเหนี่ยวไดสาปแชงวา ‘ขออยาใหสรางมัสยิดไดสําเร็จ’
1 มัสยิดกรือเซะ มีชื่อเรียกอีกอยางหนึ่งวา “มัสยิดปตูกรือบัน” ชื่อนี้เรียกตาม
นางผูกคอตายที่ตนไมใหญใกลมัสยิดนั่นเอง” ขอใดสะทอนความเชื่อสอดคลอง
รูปทรงของประตูมัสยิด ซึ่งมีลักษณะเปนวงโคงแหลมแบบกอธิคของชาวยุโรป
กับขอความขางตน
และแบบสถาปตยกรรมของชาวตะวันออกกลาง (คําวา “ปตู” แปลวา ประตู
1. แสนเสียดายหมายจะชมบรมธาตุ ใจจะขาดคิดมานํ้าตาไหล
“กรือบัน” แปลวา ชองประตูที่มีรูปโคง) มัสยิดกรือเซะเปนอาคารกออิฐถือปูน
2. ทาหนาอรุณอารามหลวง คอยสรางทรวงทรงศีลพระชินสีห
ขนาดกวาง 15.10 เมตร ยาว 29.60 เมตร สูง 6.50 เมตร เสาทรงกลม เลียนรูป
3. ขอสมหวังตั้งประโยชนโพธิญาณ ตราบนิพพานชาติหนาใหถาวร
ลักษณะแบบเสากอธิคของยุโรป ชองประตูหนาตางมีทั้งแบบโคงแหลมและโคงมน
4. ดวยไดไปเคารพพระพุทธรูป แสนสถูปบรมธาตุพระศาสนา
แบบกอธิค โดมและหลังคามีรูปทรงโคงมน อิฐที่ใชกอมีลักษณะเปนอิฐสมัยอยุธยา
ตรงฐานมัสยิดมีอิฐรูปแบบคลายอิฐสมัยทวารวดีปะปนอยูบาง วิเคราะหคําตอบ จากขอความขางตนสะทอนความเชื่อเกี่ยวกับคําอธิษฐาน
ซึ่งเปนความเชื่อที่มีอยูในสังคมไทยมานาน และมีอิทธิพลตอวรรณกรรมไทย
ขอที่สอดคลองกับความเชื่อนี้ คือ “ขอสมหวังตั้งประโยชนโพธิญาณ
ตราบนิพพานชาติหนาใหถาวร” ตอบขอ 3.

136 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูสนทนาและถามทบทวนความรูนักเรียน
๓ นิทานไทย เรื่องสังข์ทอง 1
เกี่ยวกับนิทานไทยเรื่องสังขทอง
• นักเรียนเคยเรียนหรือเคยฟงนิทานไทยเรื่อง
สังข์ทอง เป็นนิทานที่มีที่มาจากปัญญาสชาดก เรื่อง สุวัณณสังขชาดก ถือเป็นนิทานไทย
สังขทองเมื่อใด
ทีร่ จู้ กั กันอย่างแพร่หลายและเล่ากันอยูท่ วั่ ไปในท้องถิน่ ต่างๆ ของไทย ทัง้ ในรูปแบบวรรณกรรมมุขปาฐะ
(แนวตอบ นักเรียนเคยเรียนเมื่อชั้นประถม
และวรรณกรรมลายลักษณ์ ส�าหรับวรรณกรรมลายลักษณ์เรื่องสังข์ทองมีแพร่หลายใน ๔ ภาค ดังนี้
ศึกษาปที่ 5 ตามหลักสูตรกระทรวง
สังข์ทอง ศึกษาธิการ)
ภาคเหนือ ค่าวซอสุวรรณหอยสังข์ สุวรรณสังขชาดก
สํารวจคนหา Explore
ภาคอีสาน สุวรรณสังขกุมาร สุวัณสังขาร์
นักเรียนศึกษาความเปนมาของนิทานไทยเรื่อง
ภาคกลาง บทละครนอกเรื่องสังข์ทองสมัยอยุธยา บทละครนอกเรื่องสังข์ทอง
ฉบับพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
สังขทอง จากแหลงเรียนรูตางๆ เชน หองสมุด
อินเทอรเน็ต เปนตน
ภาคใต้ สังข์ทองค�ากาพย์

นิทานเรื่องสังข์ทองมิได้เป็นเพียงเรื่องเล่าธรรมดา หากแต่ฝังลึกอยู่ในจิตใจของชาวบ้าน อธิบายความรู Explain


จนท� า ให้ เ กิ ด ความเชื่ อ ว่ า เรื่ อ งสั ง ข์ ท องเป็ น เรื่ อ งที่ เ กิ ด ขึ้ น จริ ง และมี ค วามเกี่ ย วพั น กั บ ชื่ อ สถานที่ นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับความเปนมาของนิทาน
ในท้องถิ่นต่างๆ ดังที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาด�ารงราชานุภาพทรงอธิบายไว้ในค�าน�า ไทยเรื่องสังขทอง
ของบทละครนอกเรื่ อ งสั ง ข์ ท อง พระราชนิ พ นธ์ ใ นพระบาทสมเด็ จ พระพุ ท ธเลิ ศ หล้ า นภาลั ย (แนวตอบ สังขทองเปนนิทานจากปญญาสชาดก
(รัชกาลที่ ๒) ว่า เรื่องสุวัณณสังขชาดก เดิมเปนวรรณกรรมมุขปาฐะ
นิทานเรื่องสังข์ทองนี้มีในคัมภีร์ปัญญาสชาดก เรียกว่า สุวัณณสังขชาดก ซึ่งเชื่อกันว่า ตอมาจึงมีการบันทึกเปนวรรณกรรมลายลักษณ
เป็นเรื่องจริง พวกชาวเมืองเหนื ออ้างว่าเมืองทุ่งยั้งเป็นเมืองท้าวสามนต์ ยังมีลานศิลาแลง สังขทองเปนวรรณกรรมที่มีปรากฏทั้ง 4 ภาค
แห่ง หนึ่ งว่ าเป็ น สนามตี คลี ข องพระสั งข์ อยู ่ ไ ม่ ห ่า งวั ด พระมหาธาตุ นั ก ที่ ใ นวิ หารหลวง ภาคเหนือ คือ คาวซอสุวรรณหอยสังข ภาคอีสาน
วัดพระมหาธาตุ ฝาผนังก็เขียนเรือ่ งสังข์ทอง เป็นฝีมอื ช่างครัง้ กรุงเก่ายังปรากฏอยูจ่ นทุกวันนี้ คือ สุวรรณสังขกุมาร สุวัณสังขาร ภาคกลาง คือ
ทางหัวเมืองฝ่ายตะวันตกก็อ้างว่า เมืองตะกั่วป่าเป็นเมืองท้าวสามนต์อีกแห่ง ๑ เรียกภูเขา บทละครนอกเรื่องสังขทองสมัยอยุธยา และฉบับ
ลูก ๑ ว่า เขาขมังม้า อธิบายว่าเมื่อพระสังข์ตีคลีชนะได้ขี่ม้าเหาะข้ามภูเขานั้นไป พระราชนิพนธในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหลา-
นภาลัย และภาคใต คือ เรื่องสังขทองคํากาพย)
เมื อ งทุ ่ ง ยั้ ง ในจั ง หวั ด อุ ต รดิ ต ถ์ เชื่ อ กั น ว่ า เป็ น เมื อ งของท้ า วสามล * สถานที่ ที่ เรี ย กว่ า
เวี ย งเจ้ า เงาะ เชื่ อ กั น ว่ า เป็ น เมื อ งของสั ง ข์ ท องกั บ นางรจนา ซึ่ ง ถู ก ท้ า วสามลเนรเทศมาจาก
เมืองทุ่งยั้ง อ�าเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ มีต� านานที่อธิบายชื่ออ�าเภอว่าเป็นสถานที่ตีคลีของ
พระสังข์
* หมายเหตุ ค�าว่า สามล ในบทละครนอกรวม ๖ เรื่อง พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๒ ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณ
เขียน สามนต์ 137

บูรณาการเชื่อมสาระ
จากการเรียนการสอนนิทานไทย เรื่องสังขทองที่เปนบทละครนอก นักเรียนควรรู
ครูบูรณาการเชื่อมโยงความรูเขากับกลุมสาระการเรียนรูศิลปะ วิชานาฏศิลป
1 ปญญาสชาดก มีเนื้อหาสาระพรรณนาถึงเรื่องราวเกี่ยวกับจริยวัตรของ
ซึ่งเรื่องสังขทองเมื่อนํามาแตงเปนบทละครนอก ก็มีการนํามาจัดการแสดง
ตัวละครเอกในเรื่อง คือ พระพุทธเจา เมื่อครั้งเสวยพระชาติเปนพระโพธิสัตว
โดยมีองคประกอบในการจัดการแสดงที่ตองใชความรูทางตัวบทจากวรรณคดี
ซึ่งไดมีปณิธานมุงมั่นในการบําเพ็ญบารมีในชาติตางๆ อยางมั่นคง ไมยอทอตอ
และทารํา ดนตรี และองคประกอบการแสดงในวิชานาฏศิลป
ความยากเข็ญและอุปสรรคนานัปประการ โดยปรารถนาสูงสุดเพียงไดบรรลุ
พระสัมมาสัมโพธิญาณเทานั้น ซึ่งทายที่สุดของแตละชาติ พระโพธิสัตวจะ
สามารถบรรลุถึงสัมมาสัมโพธิญาณดวยบารมีที่ถึงพรอมตามแตละชาติ

มุม IT
ศึกษาเกี่ยวกับนิทานไทยเรื่องสังขทองเพิ่มเติม ไดที่ http://www.thaigoodview.
com/library/teachershow/nontaburi/chanatta_p/lakornnok/sec03p01.html

คูมือครู 137
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนอธิบายความสัมพันธของวรรณกรรม
เรื่องสังขทองกับสถานที่ตางๆ ในแตละทองถิ่น จังหวัดชัยภูมิมีต�านานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า เรื่องสังข์ทองเกิดขึ้นที่บริเวณพระธาตุบ้านแก้ง
• สังขทองในแตละทองถิ่นปรากฏหลักฐานตาม อ�าเภอภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ พระสังข์ได้ตีคลีกับพระอินทร์ ลูกคลีไปตกในหนองน�้าใหญ่ ต้องให้คน
สถานที่ตางๆ ในทองถิ่นอยางไร มาช่วยงมหาถึงสามหมื่นคน จึงเรียกสถานที 1 ่นี้ว่า หนองสามหมื่น ทิศเหนือของหนองน�้ามีลานหญ้า
(แนวตอบ ทางภาคเหนือเชื่อวาเมืองทุงยั้งเปน ที่เชื่อว่าเป็นสนามประลองการตีคลีระหว่างพระสังข์กับพระอินทร์ นอกจากนี้ยังเชื่อว่ารูปสลัก
เมืองทาวสามล มีลานศิลาแลงที่เปนสนาม ชายหญิงที่หน้าผาบนผนังอุโมงค์ขนาดเล็ก ห่างจากบ้านแก้งไปทางทิศใต้ ๙ กิโลเมตร เป็นรูปเจ้าเงาะ
ตีคลีของพระสังข และปรากฏเรื่องพระสังข กับรจนา เส้นทางเดินไปยังอุโมงค์เป็นหลืบหินคดเคี้ยวเรียกชื่อว่า ทางไปบ้านเจ้าเงาะ
บนฝาผนังเขียนที่วัดพระมหาธาตุใกลกับลาน นิ ท านไทยเรื่ อ งสั ง ข์ ท อง นั บ เป็ น มรดกทางวั ฒ นธรรมและมี ค วามใกล้ ชิ ด กั บ สั ง คมไทย2
ศิลาแลง ที่เมืองตะกั่วปาทางตะวันตกมีเขา
นอกจากเรื่องเล่าที่จดจ�าสืบต่อกันมาช้านานแล้ว ยังปรากฏในเพลงกล่อมเด็ก ปริศนาค�าทาย บทแหล่
ชื่อ “เขาขมังมา” เชื่อวาพระสังขตีคลีชนะแลว
ประกอบงานมงคลต่างๆ ด้วย ดังเช่น บทแหล่ท�าขวัญบ่าวสาว ส�านวนของนายพุ่ม คงอิศโร แหล่ถึง
เหาะขามภูเขานั้นไป ทางภาคอีสานที่จังหวัด
การแกะบายศรีเป็นชั้นๆ ว่า
ชัยภูมิที่ตํานานเลาวาเรื่องสังขทองเกิดที่
พระธาตุบานแกงเรียก “หนองสามหมื่น” โดย ...แกะเป็นพระสังข์ เมื่อยังสรวมเงาะ ใคร่ได้นางรจนา มาเป็นภริยา พ่อแม่สาปไว้
มีที่มาวา พระสังขตีคลีกับพระอินทรแลวลูก- ว่าลูกชัว่ ร้าย ท�าให้ขายหน้า นิรเทศจากเมือง แสนแค้นเคืองเวทนา ผัวเมียอยูศ่ าลา ปลายนา
คลีตกลงในหนองนํ้าแหงนั้น แลวยังมีรูปสลัก ริมไพร รจนารักสนิท มิได้คิดอ่อนใจ ด้วยรูปทองอยู่ใน ใครไม่เล็งผล นางวอนผัวเย็นเช้า
เจาเงาะกับรจนาหางจากบานแกง 9 กิโลเมตร ว่าพี่เจ้าผ่อนปรน อย่าให้น้องอายคน ทนแก่ความยากไร้ เจ้าเงาะปลอบประคอง แม่อย่าร�่า
ทางเดินคดเคี้ยวเรียกชื่อวา “ทางไปบานเจา ร้อง นิ่งเสียเถิดสาย พี่สบายกาย นางก็ยิ้มหัวเราะ ว่าเชิญเปลื้องคราบเงาะ เถิดหนาคุณพี่
เงาะ” ทางภาคใตมีบทแหลทําขวัญที่กลาวถึง
เงาะกล่อมถนอมขวัญ แม่อย่าโศกศัลย์ให้แสนทวี...
เรื่องราวของพระสังขกับนางรจนา)
(ที่มาจาก หนังสือวรรณกรรมสดุดีและแหล่ท�าขวัญของภาคใต้ อุดม หนูทอง รวบรวม)
2. ครูสุมนักเรียน 4-5 คน อธิบายเรื่องสังขทองที่
นักเรียนศึกษาคนความาหนาชั้นเรียน
เรื่องย่อนิทานไทย เรื่องสังข์ทอง
ท้าวยศวิมลมีมเหสีชื่อนางจันท์เทวี สนมเอกชื่อนางจันทา ไม่มีโอรสธิดา จึงบวงสรวงขอบุตร
พระนางทั้งสองได้ตั้งครรภ์ขึ้น เทวบุตรได้จุติลงมาเกิดในพระครรภ์ของนางจันท์เทวีและพระนาง
ได้ให้ก�าเนิดบุตรเป็นหอยสังข์ นางจันทาอิจฉาริษยามากจึงให้โหรท�านายว่าเป็นผลร้ายต่อแผ่นดิน
ท้าวยศวิมลหลงเชื่อจึงเนรเทศนางจันท์เทวีและหอยสังข์ออกจากเมือง
นางจันท์เทวีได้มาอาศัยอยู่กับตายายชาวไร่ ช่วยท�างานบ้านและเก็บผักหาฟืนเพื่อเลี้ยงชีพ
๕ ปีผ่านไป พระสังข์สงสารมารดาที่ต้องท�างานหนักจึงออกจากหอยสังข์เพื่อช่วยหุงหาอาหาร
ครั้ น นางจั น ท์ เ ทวี ท ราบจึ ง ทุ บ หอยสั ง ข์ แ ตก เมื่ อ นางจั น ทารู ้ ว ่ า พระสั ง ข์ ยั ง มี ชี วิ ต อยู ่ จึ ง ทู ล ยุ ย ง
ท้าวยศวิมลให้ประหารชีวติ พระสังข์เพือ่ ไม่ให้เป็นเสีย้ นหนามต่อแผ่นดิน พระสังข์ถกู จับไปประหารชีวติ
แต่มิได้รับอันตรายจึงถูกจับไปถ่วงน�้า เมื่อพระสังข์จมลงถึงเมืองบาดาล พญานาคได้เลี้ยงดูไว้
138

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
รูปทองที่ซอนอยูในตัวละครเงาะหมายถึงขอใด
1 การตีคลี ในสมัยโบราณมี 3 ประเภท คือ
1. ความมั่งมี
1. คลีชาง ผูเลนจะตองขี่ชางตี นิยมเลนกันมากในสมัยอยุธยา
2. ความดีงาม
2. คลีมา ผูเลนจะตองขี่มาตี นิยมเลนกันมากในสมัยกรุงรัตนโกสินทร
3. ความรํ่ารวย
3. คลีคน ผูเลนเดินหรือวิ่งตี การเลนคลีชนิดนี้จะเลนได 2 ลักษณะ คือ
4. ความเกงกลา
เลนคลีธรรมดากับเลนตีคลีไฟ หรือเอาลูกคลีเผาไฟแลวนําเอามาตี
นิยมเลนกันมากในชนบททองถิ่นภาคอีสาน เชน หนองคาย นครพนม วิเคราะหคําตอบ รูปทองที่ซอนอยูในตัวละครเงาะ หมายถึง รูปกายที่แทจริง
อุบลราชธานี ขอนแกน รอยเอ็ด มหาสารคาม เปนตน ของพระสังขที่ชุบบอเงินบอทองในถํ้าของนางพันธุรัต อีกนัยหนึ่งคําวารูปทอง
2 บทแหล ถายึดเอาบทรองเปนหลักแลวจะมี 2 แบบ คือ แบบที่ 1 เปนการรอง หมายถึง สิ่งที่ซอนอยูภายใน คือ จิตใจ ซึ่งขัดกับรูปลักษณะภายนอกที่เปน
กลอนแปดที่แบงออกเปน 2 วรรค เหมาะสําหรับใชรองจังหวะเร็ว และแบบที่ 2 เงาะปา ดังนั้น รูปทองจึงหมายถึง จิตใจที่มีความดีงาม ตอบขอ 2.
เปนการรองแหลดวยกลอนแปดเชนกันแตแบงเปน 3 วรรค รูปแบบนี้ดีผูรองสามารถ
แบงลมหายใจเขาออกไดมากขึ้น จึงสามารถใสลูกเลนเอื้อนเสียงไดตามความเหมาะ
สม และเหมาะสําหรับใชรองจังหวะที่มีความเร็วปานกลาง ออนหวาน นุมนวล

138 คูมือครู
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนสรุปเรื่องยอนิทานไทยเรื่องสังขทอง
ลงสมุด จากนั้นครูสุมนักเรียน 4-5 คน เลาเรื่องยอ
สังขทองตอกันหนาชั้นเรียน
(แนวตอบ ทาวยศวิมลมีพระมเหสีชื่อจันทเทวีได
คลอดลูกออกมาเปนหอยสังขถูกขับออกจากเมือง
ไปอยูกระทอมตายายที่ชายปา พระสังขไดออกมา
จากหอยสังขชวยแมกวาดถูบานหุงหาอาหาร
นางจันทเทวีมาเห็นเขาจึงทุบหอยสังขแตกทําให
พระสังขกลับเขาไปอยูในหอยสังขไมได พระสังขถูก
จับถวงนํ้า แตทาวภุชงคพญานาคราชชวยเอาไว
และสงใหไปอยูกับนางพันธุรัต พระสังขรูวานาง
พันธุรัตเปนยักษจึงขโมยรูปเงาะ ไมเทา เกือกแกว
เหาะหนีไปอยูบนเขา นางพันธุรัตขึ้นไปหาพระสังข
ไมได จึงไดมอบมนตมหาจินดา เรียกเนื้อเรียกปลา
ใหพระสังขกอนที่จะอกแตกสิ้นใจตายที่เชิงเขา
พระสังข์ออกจากหอยสังข์ ช่วยนางจันท์เทวีหุงหาอาหารและช่วยท�างานบ้าน พระสังขเหาะมาจนถึงเมืองสามลไดเขารวม
พิธีเลือกคูของพระธิดาทั้งเจ็ดของทาวสามล และ
ต่อมาพญานาคได้ส่งไปเป็นบุตรบุญธรรมของนางยักษ์ชื่อพันธุรัต นางได้เลี้ยงดูให้พระสังข์ รจนาพระธิดาองคสุดทองเห็นรูปทองที่ซอนอยูใน
อยู่อย่างสุขสบาย โดยนางได้แปลงตนเป็นมนุษย์ พระสังข์จึงไม่กลัว แต่ห้ามมิให้พระสังข์เข้าไปใน รูปเงาะจึงเสี่ยงมาลัยไปให ทาวสามลพิโรธขับไล
ที่หวงห้ามแห่งหนึ่งซึ่งมีบ่อเงิน บ่อทอง เกือกแก้วที่สวมแล้วเหาะเหินเดินอากาศได้ รูปเงาะที่สวม รจนาใหไปอยูกระทอมปลายนากับเจาเงาะ และ
ส�าหรับพรางกาย และไม้เท้ากายสิทธิ์ พระสังข์ได้แอบเข้าไปและพบของวิเศษเหล่านั้น พระสังข์ คิดกําจัดเจาเงาะ โดยการใหไปหาเนื้อหาปลาแขง
รู้ความจริงว่านางพันธุรัตเป็นยักษ์ จึงคิดหนีและตั้งใจตามหามารดา กับเขยทั้งหก หกเขยหาไมได จึงตองยอมตัดปลาย
อยู่มาวันหนึ่งนางพันธุรัตได้ออกไปหาอาหาร พระสังข์จึงแอบลงไปชุบตัวในบ่อทองสวมรูป หูและปลายจมูกแลกกับเนื้อและปลาจากเจาเงาะ
เงาะ และเกือกแก้ว ถือไม้เท้ากายสิทธิ์แล้วเหาะหนีไป นางพันธุรัตออกติดตามไปถึงภูเขาใหญ่แห่ง ทาวสามลยังคิดหาทางประหารเจาเงาะ รอนถึง
หนึ่ง พระสังข์ไม่ยอมลงไปพบนาง นางเสียใจจนอกแตกตาย ก่อนตายได้เขียนมหาจินดามนตร์ไว้ที่ พระอินทรตองหาทางชวย โดยการลงมาทาตีคลีชิง
แผ่นศิลาเชิงเขา พระสังข์ได้จดจ�าและจัดการปลงศพนางพันธุรัตก่อนที่จะเหาะไปจนถึงนอกด่านเมือง เมืองสามล ทาวสามลสงหกเขยไปสูก็สูไมได
ท้าวสามล แล้วไปอาศัยอยู่กับเด็ก เด็กๆ ชอบพระสังข์ในรูปของเงาะป่ามาก จึงตองยอมใหเจาเงาะไปสูแทน เจาเงาะถอดรูป
ท้าวสามลมีมเหสีชื่อนางมณฑา มีพระธิดา ๗ องค์ ท้าวสามลต้องการหาลูกเขยที่มีความ เปนพระสังขสูกับพระอินทรจนชนะ ทาวสามลจึง
ฉลาดมาปกครองบ้านเมืองจึงให้พระธิดาทั้ง ๗ องค์เลือกคู่ด้วยการเสี่ยงพวงมาลัย ธิดาทั้ง ๖ องค์ ยอมรับพระสังขกลับเขาเมืองและจัดพิธีอภิเษกให
ได้ เ ลื อ กคู ่ ซึ่ ง ล้ ว นแต่ เ ป็ น โอรสของกษั ต ริ ย ์ เ มื อ งอื่ น เหลื อ เพี ย งรจนาธิ ด าองค์ สุ ด ท้ อ งที่ ไ ม่ พ อใจ พระอินทรไปเขาฝนทาวยศวิมล เพื่อบอกเรื่องราว
ชายใดเลย แต่กลับเลือกเจ้าเงาะเป็นคู่ครอง ทั้งหมด ทาวยศวิมลจึงออกตามหาพระนางจันทเทวี
139 และพระสังขจนไดพบกัน)

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET เกร็ดแนะครู
ขอใดไมมีนํ้าเสียงประชด
ครูใหนักเรียนคนควาเนื้อเรื่องสังขทองที่แตงเปนบทละครนอก พระราชนิพนธ
1. อันผัวพี่ดีเหลือเปนเนื้อหนอ เห็นตอจะบุญหนักศักดิ์ใหญ
ในรัชกาลที่ 2 จากนั้นใหนักเรียนจัดกลุมเลือกตอนใดตอนหนึ่งที่นาสนใจ 6-8 บท
รูปรางนอยจอยอรอยใจ จงกอดไวเถิดคะอยาละวาง
มาอานทํานองเสนาะหนาชั้นเรียน พรอมทั้งถอดคําประพันธตอนที่นักเรียนเลือก
2. เออคะกระนั้นและจริงอยู รูปรางผัวกูไมสูเหมาะ
มาดวย
ที่ไหนจะงามพรอมเหมือนหมอมเงาะ ใครเห็นก็หัวเราะวารูปงาม
3. ถึงพี่จะรุงเรืองไปเบื้องหนา ก็ไมพึ่งวาสนาอยาอวดอาง
ดีแตจะมาพานรานทาง ไมอดสูใจบางหรออยางไร มุม IT
4. จงออกมาวากับลูกสาว ชางทําความงามฉาวอีคนชั่ว
เสียยศเสียศักดิ์ไมรักตัว เลือกผัวไดเงาะเห็นเหมาะใจ ศึกษาเกี่ยวกับบทละครนอกเรื่องสังขทองเพิ่มเติม ไดที่ http://www.aoluk.
วิเคราะหคําตอบ จากบทประพันธขางตน เปนตอนที่นางรจนาพระธิดาทาว ac.th/content/SangThong/
สามลเลือกคู โดยการโยนพวงมาลัยดอกไมไปใหเจาเงาะ ทําใหทาวสามล
และพี่สาวตางพากันดาวาติเตียนดวยถอยคําตางๆ ขอที่ไมมีนํ้าเสียงประชด
คือ ขอ 3. เพราะเปนการกลาวอยางตรงไปตรงมา แมจะมีการใชคําถามโดย
ไมตองการคําตอบแตก็ไมมีนํ้าเสียงประชด ตอบขอ 3.
คูมือครู 139
ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนแตละกลุมรวมกันแสดงบทบาทสมมติ
นิทานไทยเรื่องสังขทอง แตละกลุมแบงการแสดง ท้ า วสามลเกิ ด ความอั บ อายและเสี ย พระทั ย มาก จึ ง ได้ คิ ด อุ บ ายก� า จั ด เจ้ า เงาะโดยสั่ ง ให้
เปนเหตุการณตางๆ ดังนี้ เขยทั้งเจ็ดหาปลามาถวาย พระสังข์ได้ถอดรูปเงาะไว้และท่องมหาจินดามนตร์เพื่อเรียกปลามารวมกัน
• พระมเหสีจันทเทวีไดคลอดลูกเปนหอยสังข เขยทั้งหกพบพระสังข์คิดว่าเป็นเทวดามาเฝ้าปลา จึงได้ขอปลาเพื่อน�ามาถวายท้าวสามล โดยแลกกับ
ถูกขับออกจากเมือง พระสังขไดออกมาจาก ปลายจมูก ต่อมาท้าวสามลให้หาเนื้อ เขยทั้งหกก็แลกใบหูเพื่อแลกกับเนื้อ ส่วนพระสังข์ได้น�าปลาและ
หอยสังข ชวยแมกวาดถูบานหุงหาอาหาร เนื้อมาถวายท้าวสามลมากกว่าเขยทั้งหก จึงเอาผิดไม่ได้
นางจันทเทวีมาเห็นเขาจึงทุบหอยสังขแตก เมื่อพระอินทร์เล็งดูด้วยเนตรทิพย์ เห็นนางรจนาได้รับความล� าบากจึงหาวิธีให้พระสังข์
ทําใหถูกจับไปถวงนํา ถอดรูปเงาะ พระอินทร์ทรงเครื่องทิพย์มาท้ารบ พระสังข์ได้ออกตีคลีสามารถเอาชนะพระอินทร์
• ทาวภุชงคพญานาคราชสงพระสังขไปอยูกับ ได้ครองเมืองต่อจากท้าวสามล หลังจากนั้นพระอินทร์ได้ตักเตือนท้าวยศวิมลให้อยู่ในศีลธรรม
นางพันธุรัต พระสังขรูวานางพันธุรัตเปนยักษ และไม่หูเบา ท้าวยศวิมลไปรับนางจันท์เทวีเข้ามาอยู่ในวังตามเดิม
จึงขโมยรูปเงาะ ไมเทา เกือกแกว เหาะหนี ก่อนกลับเมืองท้าวยศวิมลและนางจันท์เทวีได้เดินทางไปเมืองของท้าวสามลเพื่อตามหา
ไปอยูบนเขา นางพันธุรัตขึ้นไปหาพระสังข พระสังข์ โดยทั้งสองได้ปลอมตัวเป็นชาวบ้าน นางจันท์เทวีเข้าไปเป็นคนปรุงอาหารในวัง นางได้
ไมได จึงไดมอบมนตมหาจินดาเรียกเนื้อ แกะสลักผลฟักเป็นเรื่องราวครั้งอดีต พระสังข์เห็นก็จ�าได้ ในที่สุดท้าวยศวิมล นางจันท์เทวี และ
เรียกปลาใหแกพระสังขกอนสิ้นใจตาย พระสังข์ก็ได้พบกัน
• ทาวสามลและนางมณฑากําลังจัดพิธีเลือกคู
ใหธิดาทั้งเจ็ด นางรจนาพระธิดาองคสุดทอง ๔ บทวิเคราะห์
เห็นรูปทองของพระสังขที่ซอนอยูในรูปเงาะ 1
๔.๑ นิทานพืน้ บ้านในท้องถิน่ ต่างๆ
จึงเสี่ยงมาลัยไปให ทาวสามลพิโรธ ๑) นิทานพื้นบ้าน เรื่องสามกษัตริย์ จัดเป็นนิทานพื้นบ้านประเภท นิทานวีรบุรุษ
• ทาวสามลคิดกําจัดเจาเงาะ โดยการใหไปหา ซึ่งเป็นนิทานที่มีเนื้อหาว่าด้วยเรื่องราวของวีรบุรุษซึ่งผู้คนในท้องถิ่นเชื่อถือว่าเคยมีชีวิตอยู่จริงในช่วง
เนื้อหาปลาแขงกับเขยทั้งหก หกเขยหาปลา ต้นประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น นิทานพื้นบ้านประเภทนี้ส่วนใหญ่ยังกล่าวถึงอิทธิปาฏิหาริย์ ความเก่ง-
ไมได จึงตองยอมตัดปลายหูและ กล้าสามารถ หรือวีรกรรมที่มีวีรบุรุษได้ต่อสู้กับชนชาติหรือเผ่าพันธุ์อื่นๆ ซึ่งนอกจากเรื่องพระร่วงแล้ว
ปลายจมูกแลกเนื้อกับปลาจากเจาเงาะ ยังมีนิทานพื้นบ้านประเภทนิทานวีรบุรุษอีกหลายเรื่อง อาทิ เรื่อง ลวจังกราช (ปู่เจ้าลาวจก) ขุนบรม
• พระอินทรลงมาทาตีคลีชิงเมืองสามล (ขุนบูฮม) พระร่วง ท้าวแสนปมขุนหลวงวิลังคะ เป็นต้น
เจาเงาะถอดรูปเปนพระสังขสูกับพระอินทร เรื่องสามกษัตริย์ ยังถือว่าเป็นนิทานวีรบุรุษประเภทแสดงวีรกรรมและอธิบายสถานที่
จนชนะ พระสังขอภิเษกกับนางรจนา คือ มีเนื้อเรื่องที่มุ่งแสดงสถานที่ส�าคัญทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับวีรบุรุษ เพราะว่าได้เน้น
พระอินทรไปเขาฝนทาวยศวิมล เพื่อบอก เรื่องการตั้งชื่อบ้านนามเมือง เช่น แม่ร่องช้าง หนองเอี้ยง บ้านตุ่น ห้วยแม่ตุน และแม่อิง และได้มี
เรื่องราวทั้งหมด ทาวยศวิมลออกตามหา การน�าชื่อบุคคลในประวัติศาสตร์มาผูกเป็นเรื่องอธิบายชื่อสถานที่ เพื่อแสดงว่าเป็นสถานที่ส�าคัญ
นางจันทเทวีและพระสังข ในประวัติศาสตร์ของท้องถิ่น
ส่วนเนือ้ เรือ่ งตอนทีก่ ล่าวว่าพระยาร่วงเป็นชูก้ บั พระชายาของพระยาง�าเมือง น่าจะเป็น
ตรวจสอบผล Evaluate เรื่องเล่าที่แทรกเข้ามาในสมัยหลัง แต่เมื่อได้เล่าขานกันสืบมาเป็นระยะเวลายาวนานจนเมื่อถึงสมัย
ที่มีการบันทึกเป็นหลักฐานลายลักษณ์อักษรจึงยังปรากฏเรื่องดังกล่าวแทรกอยู่ด้วย
1. นักเรียนเขียนเรื่องเลาเกี่ยวกับพระสังขใน
140
ทองถิ่นของนักเรียนลงสมุด
2. นักเรียนในชั้นรวมกันแสดงบทบาทสมมตินิทาน
ไทยเรื่องสังขทอง
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูสรุปความรูเกี่ยวกับบทพระราชนิพนธ “สังขทอง” ในพระบาทสมเด็จ- นักเรียนอานเรื่องยอสังขทอง แลววิเคราะหแนวคิดที่นักเรียนเห็นวา
พระพุทธเลิศหลานภาลัยวา เปนบทละครนอกที่นําเสนอเรื่องราวชีวิตของคนใน สามารถนําไปประยุกตใชในชีวิตจริงได โดยอธิบายใหเห็นวาจะนําไป
สังคมยุครัตนโกสินทรตอนตน โดยผสมผสานความบันเทิงใหนาติดตาม เชน ประยุกตใชไดอยางไร บันทึกลงสมุดสงครู
อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย ความอิจฉาริษยา กิเลสมนุษย ไสยศาสตร อีกทั้งไดสอดแทรก
คติสอนใจหลายแงมุม สะทอนใหเห็นถึงวิถีชีวิตทั้งชาววังและชาวบาน ใหเห็นถึง
ขนบธรรมเนียมประเพณี คานิยม ความเชื่อ และภูมิปญญาของยุคสมัยนั้น กิจกรรมทาทาย

นักเรียนควรรู นักเรียนอานเรื่องยอสังขทอง แลวอธิบายเกี่ยวกับคุณธรรมที่สอดคลอง


1 นิทานพื้นบานในทองถิ่นตางๆ คือ นิทานในแตละทองถิ่นมีเนื้อเรื่องสวนใหญ กับคําสอนทางพระพุทธศาสนา นักเรียนยกคุณธรรมจากเรื่องมาเทียบกับ
คลายคลึงกัน เพราะเมื่อนิทานตกไปอยูในทองถิ่นใดก็มักมีการปรับเนื้อเรื่องใหเขา หลักธรรมคําสอนทางพระพุทธศาสนาใหเห็นความสอดคลอง บันทึกลงสมุด
กับสิ่งแวดลอมของถิ่นนั้น สวนรายละเอียดจะแตกตางไปบางตามสภาพแวดลอม สงครู
และอิทธิพลของวัฒนธรรมความเชื่อของแตละทองถิ่น
140 คูมือครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู
Engage Explore Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน ความสนใจ Engage
ครูทบทวนเรื่องราวของนิทานพื้นบานและ
อย่างไรก็ตาม เรื่องสามกษัตริย์ มีเนื้อเรื่องบางตอนเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ นิทานไทยทั้ง 5 เรื่อง โดยครูใหนักเรียนบอกเรื่องที่
เช่น พ่อขุนรามค�าแหงเป็นกษัตริย์ครองกรุงสุโขทัย พ่อขุนมังรายครองเมืองเชียงรายและพ่อขุน นักเรียนชื่นชอบที่สุด พรอมบอกเหตุผลประกอบ
ง�าเมืองครองเมืองพะเยา รวมทั้งเมื่อครั้งที่พ่อขุนมังรายย้ายราชธานีมายังเมืองเชียงใหม่ ได้มีการ
เชิญพ่อขุนรามค�าแหงและพ่อขุนง�าเมืองมาดูท�าเลการสร้างเมือง เป็นต้น สํารวจคนหา Explore
๒) นิทานพื้นบ้าน เรื่องอุสาบารส เป็นนิทานพื้นบ้านประเภท นิทานประจ�าถิ่น คือ 1. นักเรียนคนหาสถานที่ตางๆที่ปรากฏในนิทาน
เป็นนิทานที่เล่าหรืออธิบายถึงเรื่องราวของโบราณสถาน ความเป็นมาของชื่อบ้านนามเมือง สถานที่ พื้นบาน
และภูมิประเทศในท้องถิ่น โดยผูกเป็นเรื่องราวเพื่อแสดงภูมิหลัง หรือประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับ 2. นักเรียนศึกษาบทวิเคราะหและขอคิดที่ไดจาก
ชื่ อ สถานที่ ที่ เ กี่ ย วพั น กั บ เนื้ อ เรื่ อ งและเชื่ อ ถื อ ว่ า เป็ น เหตุ ก ารณ์ ที่ เ กิ ด ขึ้ น จริ ง โดยมี โ บราณสถาน นิทานพื้นบานและนิทานไทยทั้ง 5 เรื่อง ซึ่ง
เป็นหลักฐานพยานปรากฏอยู่ ไดแก เรื่องสามกษัตริย เรื่องอุสาบารส เรื่อง
ชาวอีสานได้นา� ชือ่ ตัวละครในนิทานพืน้ บ้านเรือ่ งอุสาบารส คือ ท้าวบารส และ นางอุสา พระยากง พระยาพาน เรื่องเจาแมลิ่มกอเหนี่ยว
รวมทั้งเกร็ดของเนื้อเรื่องมาอธิบายชื่อสถานที่ เช่น คอกม้าบารส เป็นสถานที่ที่ท้าวบารสผูกม้าก่อน และนิทานไทยเรื่องสังขทอง
เข้าไปสืบหานางอุสาในเมืองพาน เป็นโขดหินทราย ๒ ก้อน ซ้อนเทินกันอยู่ มีความยาว ๑๕ เมตร กว้าง
๑๐ เมตร มีลักษณะเป็นห้องขนาดใหญ่ ๒ ห้อง หอนางอุสา เป็นหอค�าที่พระเจ้ากรุงพานสร้างให้เป็น อธิบายความรู Explain
ที่ประทับของนางอุสา เป็นก้อนหินทรายขนาดใหญ่ มีรูปร่างคล้ายดอกเห็ดที่ก�าลังบาน กว้าง ๕ เมตร
นักเรียนวิเคราะหความรูเกี่ยวกับสถานที่ตางๆ
ยาว ๗ เมตร สูงประมาณ ๑๐ เมตร ตอนบนเจาะเป็นห้องขนาดเล็ก ต้องท�าเป็นบันไดขึ้นไป
ที่ปรากฏในนิทานพื้นบาน
เมืองพะโค เป็นเมืองที่ท้าวบารสอภิเษกกับนางอุสา ปัจจุบันเรียกว่า บ้านพะโค อยู่ในเขตอ�าเภอเมือง
(แนวตอบ นิทานพื้นบานเปนนิทานที่มีเนื้อหา
จังหวัดหนองคาย วัดพ่อตา และ วัดลูกเขย เป็นวัดที่ท้าวบารสและพระเจ้ากรุงพานสร้างแข่งกัน
วาดวยเรื่องราวของวีรบุรุษของคนในทองถิ่นที่เชื่อ
เป็นวัดโบราณที่สร้างขึ้นโดยดัดแปลงจากหน้าผาธรรมชาติ ภายในมีพระพุทธรูปสลักอยู่ที่หน้าผา
วาเคยมีอยูจริง และนําไปเชื่อมโยงกับสถานที่ที่มี
จ�านวนมากและมีอฐิ โบราณซึง่ แสดงให้เห็นว่ามนุษย์กอ่ สร้างเพิม่ เติม เมืองพาน คือ แถบเขาภูพานน้อย ลักษณะโดดเดนในทองถิ่นนั้น ดังที่ปรากฏตอไปนี้
ในบริ เวณอุ ท ยานประวั ติ ศ าสตร์ ภู พ ระบาท ต� า บลเมื อ งพาน อ� า เภอบ้ า นผื อ จั ง หวั ด หนองคาย • นิทานพื้นบานเรื่องสามกษัตริยเนื้อเรื่องเนน
ซึ่งมีโบราณสถานสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เช่น ถ�้าและเพิงหินที่ถูกดัดแปลงเป็นที่อยู่อาศัย ภายใน การตั้งชื่อบานนามเมือง ดังนี้ แมรองชาง
มีภาพเขียนสี เช่น ภาพคน มือ สัตว์ และภาพลายเรขาคณิต นอกจากนี้ยังพบพระพุทธรูปและ หนองเอี้ยง บานตุน หวยแมตุน และแมอิง
ใบเสมาหินขนาดใหญ่สมัยทวารวดีจ�านวนมาก • นิทานพื้นบานเรื่องอุสาบารสแสดงถึงภูมิหลัง
๓) นิทานพืน้ บ้าน เรือ่ งพระยากง พระยาพาน และเรือ่ งเจ้าแม่ลมิ่ กอเหนีย่ ว จัดเป็น และประวัติความเปนมาเกี่ยวกับชื่อสถานที่
นิทานพื้นบ้านประเภท นิทานประจ�าถิ่น เช่นเดียวกับนิทานพื้นบ้านเรื่องอุสาบารส คือ เป็นนิทานที่ ดังนี้ คอกมาบารส หอนางอุสา วัดพอตา
มีโครงเรื่องผูกพันกับสถานที่ ภูมิประเทศ หรือโบราณสถานในท้องถิ่นหรือเป็นเรื่องราวที่เล่าสืบทอด วัดลูกเขย
กันมา โดยน�าชื่อสถานที่ในท้องถิ่นมาเกี่ยวพันกับเนื้อเรื่องหรือตัวละครในเรื่อง และเชื่อกันว่าเป็น • นิทานพื้นบานเรื่องพระยากง พระยาพาน
เรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริง โดยเรื่องพระยากง พระยาพาน อธิบายความเป็นมาของ พระปฐมเจดีย์ และ อธิบายความเปนมาของพระปฐมเจดียและ
พระประโทน และเรื่องเจ้าแม่ลิ่มกอเหนี่ยว อธิบายความเป็นมาของ มัสยิดกรือเซะ พระประโทน
141 • นิทานพื้นบานเรื่องเจาแมลิ่มกอเหนี่ยว
อธิบายความเปนมาของมัสยิดกรือเซะ
และศาลเจาแมลิ่มกอเหนี่ยว)

บูรณาการเชื่อมสาระ
จากเรื่องราวความเปนมาของนิทานพื้นบานแตละทองถิ่น ครูบูรณาการ บูรณาการอาเซียน
ความรูเขากับกลุมสาระการเรียนรูศิลปะ วิชาดนตรี-นาฏศิลป ซึ่งเกี่ยวของกับ นิทานพื้นบานเปนนิทานที่มีอยูในทุกทองถิ่นของทุกประเทศ เปนวรรณกรรม
นาฏศิลปไทย นิทานพื้นบานเปนสวนหนึ่งการแตงเนื้อรองที่ใชสําหรับประกอบ มุขปาฐะแรกเริ่ม กอนที่จะมีพัฒนาการทางภาษาในการบันทึกเปนลายลักษณอักษร
การแสดง นิทานพื้นบานสามารถประยุกตกับศิลปะการแสดง เรื่องที่นํามา นิทานพื้นบานคือสิ่งที่แสดงใหเห็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของคนในทองถิ่น จึงมิใชเพียง
จัดการแสดงละคร เชน มโนราห สาวเครือฟา ไกรทอง เปนตน นาฏศิลป ความสนุกเพลิดเพลินเทานั้น แตยังเปนสื่อนําไปสูการรูจักและเขาใจสังคม ชุมชน
พื้นบานเปนการแสดงนาฏศิลปของคนไทย 4 ภาค คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง ถิ่นกําเนิดของทองถิ่น ของประเทศ และการรวมเปนกลุมประเทศสมาชิกสมาคม
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต ทั้งนี้เปนการแสดงที่สื่อความหมายใน อาเซียนมากขึ้น ตัวอยางการจัดกิจกรรมที่ใชนิทานพื้นบานเปนสื่อกลางการเรียนรู
เรื่องประวัติศาสตร คานิยม ศาสนา ประเพณี พิธีกรรม วิถีชีวิตความเปนอยู เกี่ยวกับอาเซียนสําหรับเด็กนักเรียนในประเทศไทย เชน กิจกรรม “พิพิธอาเซียน
การประกอบอาชีพของชาวบานในแตละทองถิ่น นาฏศิลปพื้นบานเปนมหรสพ สัญจร” กับ TK Park โดยมีจุดมุงหมายที่จะเผยแพรความรู สังคม และวัฒนธรรม
อยางหนึ่งที่มีจุดมุงหมายเพื่อแสดงอารมณความรูสึกที่กอใหเกิดความบันเทิง อันดีงามของไทยเราไปอีกทางหนึ่งดวย กิจกรรมนี้ถือวาเปนสวนหนึ่งในกิจกรรม
และความสนุกสนาน เพลิดเพลิน หนังสือเดินเทา TK Park เพื่อใหเด็กนักเรียนไดเขามาเสริมทักษะในการอานใหมาก
ยิ่งขึ้นกวาเดิมกับนิทานพื้นบานจาก 10 ประเทศ เพื่อศึกษาและสนุกกับวัฒนธรรมใน
ประเทศตางๆ อีกทั้งยังเปนการเชื่อมความสัมพันธของชนชาวพื้นเมืองตางๆ อีกดวย

คูมือครู 141
อธิบายความรู ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Evaluate
อธิบายความรู Explain
นักเรียนสรุปขอคิดที่ไดจากการอานนิทานไทย
เรื่องสังขทอง ๔.๒ นิทานไทย เรือ่ งสังข์ทอง
(แนวตอบ จากนิทานไทยเรื่องสังขทอง ใหขอคิด นิทานพื้นบ้านเรื่องสังข์ทอง มีเนื้อเรื่องที่สนุกสนาน ให้ความเพลิดเพลิน เนื้อเรื่องมี
วา ไมควรตัดสินคนจากรูปลักษณภายนอก เชน หลากอารมณ์ ขณะเดียวกันก็สะท้อนความเชื่อบางประการที่สามารถน�ามาเป็นข้อคิดเตือนใจผู้ฟัง
เจาเงาะที่ภายนอกไมสวยงาม แตภายในนั้นเปนดั่ง ผู้อ่านได้ ดังต่อไปนี้
ทองมีจิตใจดีงาม ดังนั้น จึงไมควรตัดสินคนจาก ๑) คนดีย่อมตกน�้าไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ การอิจฉาริษยาของตัวละครฝ่ายอธรรม
รูปลักษณภายนอก) ในเรื่อง คือ นางจันทา เป็นผลให้นางจันท์เทวีต้องตกระก�าล�าบาก พระสังข์ต้องถูกจับถ่วงน�้า ต้อง
ผจญภัยต่างๆ แต่ท้ายที่สุดธรรมะก็ชนะอธรรม คนที่ท�าชั่วย่อมได้รับผลกรรมชั่วตอบแทน ด้วยความดี
ขยายความเขาใจ Expand ของพระสังข์จึงสามารถมีชัยเหนือศัตรูที่คิดร้าย สุดท้ายนางจันทาก็ได้รับโทษ นางจันท์เทวีได้กลับคืน
สู่วัง นอกจากนี้พระสังข์ยังมีความกตัญญูต่อมารดา เมื่อเห็นมารดาต้องท�างานเหนื่อยยาก พระสังข์
1. นักเรียนวาดภาพนิทานไทยเรื่องสังขทองตอน ที่ยังเยาว์วัยได้ออกจากหอยสังข์ ช่วยท�างานบ้านเพื่อแบ่งเบาภาระมารดา
ใดตอนหนึ่งที่นักเรียนชื่นชอบและระบายสีให ๒) ความรักอันยิ่งใหญ่ของแม่ที่มีต่อลูก นิทานเรื่องสังข์ทองท�าให้เห็นถึงความรัก
สวยงาม อันยิ่งใหญ่ของแม่อย่างนางจันท์เทวีที่รักลูกมาก มิได้รังเกียจ แม้ว่าลูกจะเกิดเป็นหอยสังข์ก็ยังเฝ้าดูแล
2. นักเรียบรวบรวมชิ้นงานทําปายนิเทศใน ด้วยความห่วงใย นางพันธุรัตที่เป็นยักษ์ก็เลี้ยงดูพระสังข์อย่างดีราวกับเป็นลูกแท้ๆ แม้สุดท้าย
หองเรียนหรือในวันภาษาไทย พระสังข์จะเหาะหนีนางไป นางก็ยังสอนมหาจินดามนตร์ให้พระสังข์ก่อนที่นางจะสิ้นใจตาย
๓) ไม่ควรตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก ผูท้ มี่ รี ปู ลักษณ์ภายนอกน่าเกลียด เช่น
เจ้าเงาะ ภายในอาจมีรูปทองซ่อนอยู่
คนเรามักตัดสินกันทีร่ ปู ลักษณ์ภายนอก ดังบทละครนอก พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๒
พี่สาวทั้ง ๖ ของนางรจนา กล่าววาจาเยาะเย้ยน้องสาวของตนว่า
ชะนางคนดีไม่มีชั่ว ช่างเลือกผัวงามนักน่ารักใคร่
รูปร่างน่าหัวร่อเหมือนตอไม้ เอออะไรพุงโรสันหลังยาว
มันน่าเชยน่าชมสมประกอบ 1 พอชอบท�านองหม่อมน้องสาว
หูตาบั้งแบวเหมือนแมวคราว เขาเล่าลืออื้อฉาวช่างไม่อาย
นอกรีตนอกรอยน้อยหรือนั่น แร่รันไปรักอีมักง่าย
ให้พี่สาวชาวแส้พลอยวุ่นวาย อัปยศอดอายขายหน้าตา ฯ
2
แต่นางรจนา “นางเห็นรูปสุวรรณอยู่ชั้นใน รูปเงาะสวมไว้ให้คนหลง”
เนื้อเรื่องตอนนี้ให้คติสอนใจเกี่ยวกับรูปลักษณ์ภายนอกว่า บางครั้งคนที่มีหน้าตา
ไม่สวยงาม แต่จิตใจอาจดีงามก็ได้ การตัดสินความดีความชั่วของคนจาก
รูปลักษณ์ภายนอก จึงไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป

142

ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว O-NET
“นางเห็นรูปสุวรรณอยูชั้นใน รูปเงาะสวมไวใหคนหลง”
1 แมวคราว เปนแมวตัวผูที่แก รูปรางใหญ หนาตาดุนากลัว และมีหนวดยาว
คําที่ขีดเสนใตสอดคลองกับขอใดมากที่สุด
2 รูปเงาะ มีสํานวนที่ไดแนวคิดจากเรื่อง “สังขทอง” สํานวนวา “เงาะถอดรูป” 1. ภายในยอมแมลงวัน หนอนบอน
หมายถึง การแปลงภาพลักษณใหมแลวดูดีขึ้นกวาเดิมมาก หรืออยาตัดสินคนจาก ดุจดังคนใจราย นอกนั้นดูงาม
รูปลักษณภายนอก 2. ภายในยอมรสา เอมโอช
สาธุชนนั้นแล เลิศดวยดวงใจ
3. คือคนหมูไปหา คบเพื่อน พาลนา
มุม IT ไดแตรายรายฟุง เฟองใหเสียพงศ
4. คือคนเสพเสนหา นักปราชญ
ศึกษาเกี่ยวกับภูมิปญญาจากวรรณกรรมบทละครนอกเรื่องสังขทอง ความสุขซาบมวย ดุจไมกลิ่นหอม
พระราชนิพนธในรัชกาลที่ 2 http://amorna.blogspot.com/2008/10/blog-
post_13.html วิเคราะหคําตอบ “รูปเงาะ” หมายความวา รูปกายภายนอกดูไมงาม
แตภายในนั้นเปนอยางทองคํา ตรงกับขอ 2. หมายความวา ภายในนั้นดี
รสเปนเลิศ ตอบขอ 2.

142 คูมือครู
ขยายความเขาใจ
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู Expand ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Evaluate
ขยายความเขาใจ Expand
นักเรียนเลาประสบการณที่เคยรูเกี่ยวกับ
บอกเล่าเก้าสิบ หอยสังขและหาขอมูลเพิ่มเติมจากแหลงการเรียนรู
ตางๆ เชน ผูรู อินเทอรเน็ต หองสมุด เปนตน
เหตุใดจึงใช้หอยสังข์ในง�นมงคล (แนวตอบ สังขเปนหอยทะเลกาบเดี่ยว เปลือกมี
เคยนึกสงสัยหรือไม่ว่าท�าไมในงานพิธีมงคล สีขาวบริสุทธิ์ เนื้อแข็งละเอียด พวกพราหมณถือวา
ต่างๆ เช่น งานมงคลสมรสจึงใช้สังข์เป็นเครื่อง สังขเปนของศักดิ์สิทธิ์และเปนมงคล เพราะหอย
รดน�้าแก่คู่บ่าวสาว หรือในงานพิธีกรรมต่างๆ จึงมี สังขสีขาว ไมมีลวดลายไฝฝาราคี อีกทั้งเปลือก
การเป่าสังข์เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล หอยนั้นเวียนขวา เมื่อเทนํ้าออกมานํ้าก็จะไหลเวียน
เนื่องจากมีต�านานเล่าขานว่า ยักษ์ตนหนึ่ง
นามว่าสังข์อสูร พบพระพรหมก�าลังบรรทมหลับ
ขวาอันเปนทิศทางที่ถือกันวาเปนมงคล แตเหตุผล
1
อยู่และมีพระเวทต่างๆ ไหลออกมาจากพระโอษฐ์ สําคัญที่สุดก็คือ พระนารายณซึ่งเปนเทพเจาของ
สั ง ข์ อ สู ร จึ ง ขโมยพระเวทนั้ น ไป เพื่ อ ไม่ ใ ห้ พ วก พวกพราหมณทรงสังขดวยอยางหนึ่ง ดวยเหตุที่
พราหมณ์ใช้พระเวทสวดอ้อนวอนพระพรหม และ พระนารายณทรงสังข พระนามหนึ่งของพระองคจึง
เทพเจ้าองค์อื่นๆ อีกต่อไป มีวา “สังขกร” แปลวา ผูมีสังขอยูในมือ ดวยเหตุนี้
พระนารายณ์เห็นการกระท�าของสังข์อสูรจึงออกติดตาม สังข์อสูรจึงกลืนพระเวทแล้วกระโดด พวกพราหมณจึงใชหอยสังขในพิธีมงคล ไมวาใช
หนีลงมหาสมุทร พระนารายณ์จึงเอานิ้วพระหัตถ์จับพระเวทดึงลากออกมาทางปากของสังข์อสูร
และสาปสังข์อสูรว่า “ขอให้เจ้าจงมีสภาพร่างกายแบบนี้ จงอยู่ในน�้าสืบไป อย่าได้ขึ้นมาบนบก
เปาหรือใชใสนํ้ามนต รวมทั้งใชหลั่งนํ้าแกคูสมรส
อีกต่อไป เมื่อชาวมนุษย์จะท�าการมงคลใดๆ จึงค่อยมาจับตัวเจ้าไปร่วมในงานพิธีมงคลนั้นๆ” ซึ่งเปนธรรมเนียมที่ไทยรับมาจากพราหมณ นํ้าที่
อย่างไรก็ตาม ในทางธรรมชาติหอยสังข์ทพ ี่ บเห็นโดยทัว่ ไป เป็นหอยสังข์อนิ เดีย (Indian Chank) หลั่งจากหอยสังขเพื่อใหคูบาวสาวอยูเย็นเปนสุข
เป็นหอยกาบเดี่ยวหรือหอยฝาเดียว เปลือกหนาและแข็ง มีสีน�้าตาล เมื่อเปลือกหลุดออกแล้ว หอยสังขนั้นนอกจากจะใชเปนเครื่องหลั่งนํ้า เพื่อ
จะท�าให้เป็นสีขาวทัง้ ตัว ขนาดความยาวของเปลือกประมาณ ๑๕ ซม. มีถนิ่ ก�าเนิดในมหาสมุทรอินเดีย ใหมีความสุขความเจริญแลว ยังใชเปาเพื่อใหไดยิน
ในประเทศไทย ค่านิยมในการนับถือหอยสังข์ว่ามีความศักดิ์สิทธิ์และเป็นสิ่งของที่เป็นมงคล
เสียง ใหเกิดความเปนสิริมงคลอีกดวย บางตํานาน
อย่างสูงนั้น ได้รับอิทธิพลจากคติความเชื่อของพราหมณ์มาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
และบางความเชื่อก็วา ที่เรานําหอยสังขมาใชในพิธี
รดนํ้าสังข ก็เพราะวา สังข คือหนึ่งในสิ่งศักดิ์สิทธิ์
14 อยาง อันเกิดจากการกวนเกษียรสมุทรของเหลา
เทวดาและอสูร จึงถือเปนของสิริมงคลสําหรับคูบาว
สาว สวนประเพณีการใชนํ้าพระพุทธมนตบรรจุใน
สังข ก็โดยเหตุที่คนไทยเปนพุทธศาสนิกชน ดังนั้น
นํ้าที่เกิดจากการเจริญพระพุทธมนต จึงถือเปนสิ่ง
มงคลยิ่ง จึงทําใหในพิธีแตงงานไดนํานํ้ามาบรรจุใน
หอยสังข การรดนํ้าสังขจึงเสมือนเปนการอวยพรให
คูบาวสาวมีแตความเจริญรุงเรืองในชีวิตคู)

143

ขอสอบเนน การคิด
แนว O-NET นักเรียนควรรู
นักเรียนยกบทประพันธจากกาพยเหชมเครื่องคาวหวานที่มีเนื้อความของ
1 พระเวท เปนคัมภีรทางศาสนาที่พวกพราหมณไดรวบรวมขึ้นจากบทเพลงสวด
เกี่ยวกับเรื่องสังขทอง อธิบายความของเกี่ยวของบทประพันธที่ยกมา
ในเวลาทําศึกและการสังเวย เรียกวา ฤคเวท ซึ่งไดพูดถึงสภาพสังคมของชาวอารยัน
แนวตอบ บทประพันธจากกาพยเหชมเครื่องคาวหวานกลาวถึงเงาะถอดรูป และเพิ่งมาจารึกเปนตัวอักษรหลังการปรินิพพานของพระพุทธเจารวมพันปแลว
ความวา จากฤคเวทพวกพราหมณไดขยายเปน 4 คัมภีร เรียกวา จตุเพทางคศาสตร ไดแก
“ผลเงาะไมงามแงะ มลอนเมล็ดและเหลือปญญา 1. ฤคเวท บทสวดสรรเสริญเทพเจา
หวนเห็นเชนรจนา จาเจาเงาะเพราะเห็นงาม” 2. สามเวท บทสวดออนวอนในพิธีบูชายัญตางๆ
จากบทประพันธขางตนแสดงใหเห็นแนวคิดที่มีความของเกี่ยวกัน 3. ยชุรเวท บทเพลงขับสําหรับสวดหรือรองเปนทํานองบูชายัญ
กลาวคือ พระสังขสวมรูปเงาะ มีเพียงนางรจนาเทานั้นที่สามารถมองเห็น 4. อาถรรพเวท วาดวยอาคมทางไสยศาสตร
รูปกายที่แทจริงของพระสังขวางามดั่งทอง ดังนั้นกวีจึงเปรียบเรื่องนี้กับผล
เงาะวาภายนอกนั้นแมไมงาม แตเมื่อไดแกะเปลือกแลวจึงเห็นวาเนื้อหวาน
นากินเพียงใด และสังเกตไดวาบทละครนอกเรื่องสังขทองเปนพระราชนิพนธ
ในรัชกาลที่ 2 เชนเดียวกับกาพยเหชมเครื่องคาวหวาน แสดงใหเห็นวาใน
ขณะที่พระราชนิพนธบทเหชมผลไม เมื่อทอดพระเนตรผลเงาะทรงนึกถึงเงาะ
ถอดรูปในเรื่องสังขทอง
คูมือครู 143
ตรวจสอบผล
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ Evaluate
Engage Explore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนสรุปขอคิดที่ไดจากการอานนิทานไทย
เรื่องสังขทอง
2. นักเรียนเลาประสบการณที่เคยรูเกี่ยวกับ ค�าถาม ประจ�าหน่วยการเรียนรู้
หอยสังขและหาขอมูลเพิ่มเติมจากแหลงการ
เรียนรูตางๆ ๑. เพราะเหตุใดนักเรียนจึงไม่ควรตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก
๒. นักเรียนชอบอ่านนิทานหรือไม่ และคิดว่าได้รับประโยชน์อย่างไรบ้างจากการอ่านนิทาน
๓. “นิทานเป็นเครื่องมือส�าคัญในการอบรมสั่งสอนเยาวชน” นักเรียนเห็นด้วยกับค�ากล่าวนี้หรือไม่
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู จงแสดงความคิดเห็น

1. แผนผังลําดับเหตุการณของนิทานพื้นบานเรื่อง
อุสาบารส
2. เขียนเรื่องราวที่นักเรียนไดฟงเพื่อนเลาประกอบ
ภาพมัสยิดกรือเซะและศาลเจาแมลิ่มกอเหนี่ยว
3. ภาพวาดนิทานไทยเรื่องสังขทอง

กิจกรรม สร้างสรรค์พัฒนาการเรียนรู้

กิจกรรมที่ ๑ แ บ่งกลุ่มนักเรียนไปรวบรวมนิทานพื้นบ้านประเภทต่างๆ แล้วน�าเสนอในชั้นเรียน


คนละ ๑ เรื่อง
กิจกรรมที่ ๒ จดั ป้ายนิเทศเรือ่ ง “นิทานพืน้ บ้านของเรา” วาดภาพประกอบให้สวยงามโดยน�าเนือ้ เรือ่ ง
นิทานมาจัดแสดงตามท้องถิ่นหรือภูมิภาคของนักเรียน
กิจกรรมที่ ๓ แบ่งกลุ่มศึกษาค้นคว้าพัฒนาการของนิทานพื้นบ้านไทยในสื่อในรูปแบบต่างๆ
เลือกหัวข้อตามความสนใจ เช่น นิทานพื้นบ้านไทยในภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์
การ์ตูน เป็นต้น

แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. นักเรียนไมควรตัดสินคนจากรูปลักษณภายนอก เพราะบางครั้งคนที่หนาตาไมเปนที่ชื่นชม แตอาจมีจิตใจดีงามก็ได ความดีความชั่วรายของคนไมสามารถดูไดจาก
รูปกายภายนอก แตจะดูไดจากการกระทํา
2. นักเรียนชอบการอานนิทาน และการอานนิทานทําใหไดรับประโยชน ดังนี้
• ใหความบันเทิงแกผูอาน
• นิทานบางเรื่องจะสอดแทรกความรูในหลายดาน เชน ขนบธรรมเนียมประเพณี พิธีกรรม ศาสนาและประวัติศาสตร
• นําขอคิดไปใชในการดําเนินชีวิตได
• ใหคําอธิบายความเปนมาของชุมชนและเผาพันธุ
• มีอิทธิพลตอศิลปกรรมพื้นบาน
3. นิทานเปนเครื่องมือสําคัญในการอบรมสั่งสอนเยาวชน เห็นดวยกับคํากลาวนี้ เพราะนิทานโดยทั่วไปมักมีแนวคิดสําคัญของเรื่องสอดแทรกอยูกับหลักธรรมคําสอนในทาง
พระพุทธศาสนาและสารประโยชน จึงมีสวนชวยปลูกฝงคุณธรรมและจริยธรรม พรอมๆ กับใหความบันเทิงแกผูฟง ในพฤติกรรมของตัวละครฝายดีและพฤติกรรมของ
ตัวละครที่ชั่วรายเปนแบบอยางใหผูฟงนํามาปรับใชใหเหมาะสมในการดําเนินชีวิต

144 คูมือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. ทองจําบทอาขยานที่กําหนดและบอกคุณคา
บทอาขยาน บทอาขยาน
๑ การท่องจ�าบทอาขยาน 2. ประยุกตบทประพันธที่มีคุณคานําไปใช
อาขยาน (อา-ขะ-หฺยาน) ตามความหมายจากพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๕๔ ประโยชนในชีวิตจริง
หมายถึง บทท่องจ�า การเล่า การสวด เรื่อง นิทาน
ตัง้ แต่พทุ ธศักราช ๒๕๔๒ เป็นต้นมา กระทรวงศึกษาธิการได้ก�าหนดให้มกี ารท่องบทอาขยานในสถานศึกษา
ขึน้ ทัง้ นีเ้ พือ่ ให้นกั เรียนมีโอกาสท่องจ�าบทร้อยกรองทีม่ คี วามไพเราะ ให้คติสอนใจ ซึง่ เป็นการส่งเสริมให้นกั เรียนเกิด กระตุน้ ความสนใจ Engage
ความซาบซึ้ง เห็นความงดงามของภาษา และเห็นคุณค่าของภาษาและวรรณคดีไทยที่เป็นเอกลักษณ์และมรดก
ทางวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งควรค่าแก่การรักษาและสืบสานให้คงอยู่ตลอดไป รวมทั้งยังช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้น�าไปสู่ ครูยกบทประพันธตอไปนี้อานใหนักเรียนฟง
การด�าเนินชีวิตที่ดีงามอีกด้วย แลวใหนักเรียนตอบคําถาม
วัตถุประสงค์ในการอ่าน “แลวสอนวาอยาไวใจมนุษย
๑. เพือ่ ให้นกั เรียนตระหนักในคุณค่าของภาษาไทย และซาบซึง้ ในความไพเราะของบทร้อยกรอง
๒. เพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจในความสามารถของกวีไทย
มันแสนสุดลึกลํ้าเหลือกําหนด
๓. เพื่อเป็นพื้นฐานในการแต่งค�าประพันธ์ ถึงเถาวัลยพันเกี่ยวที่เลี้ยวลด
๔. เพื่อให้เป็นสื่อในการถ่ายทอดคุณธรรม คติธรรม และข้อคิดที่เป็นประโยชน์แก่เยาวชน ก็ไมคดเหมือนหนึ่งในนํ้าใจคน”
๕. เพื่อส่งเสริมให้มีจิตส�านึกทางวัฒนธรรมของคนในชาติ • บทประพันธที่ครูยกมาเปนผลงานของใคร
บทอาขยานที่ก�าหนดให้ท่องจ�า แยกประเภทได้ดังนี้ และจากเรื่องใด
บทหลัก หมายถึง บทอาขยานที่กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ก�าหนดคัดเลือกกวีนิพนธ์ที่มีคุณค่าทาง (แนวตอบ กลอนสุนทรภู จากเรื่องพระอภัย-
วรรณศิลป์และคติชีวิตให้นักเรียนทุกชั้นทั่วประเทศท่องจ�าทุกภาคเรียน
มณี ตอน พระฤๅษีสอนสุดสาคร)
บทรอง หมายถึง บทอาขยานที่ครูผู้สอนหรือสถานศึกษาเป็1นผู้ก�าหนดให้นักเรียนท่องจ�าเพิ่มเติมจาก
บทหลัก อาจเป็นบทร้อยกรองทีแ่ สดงภูมปิ ญ ั ญาท้องถิน่ เช่น เพลงพืน้ บ้าน เพลงกล่อมเด็ก บทกวีรว่ มสมัย ที่มีคุณค่า • บทประพันธที่ยกมาใหขอคิดอะไร
โดยก�าหนดให้ท่องจ�าภาคเรียนละ ๑ บท เป็นอย่างน้อย (แนวตอบ ใหขอคิดเรื่องอยาไวใจคน เพราะ
บทเลือกอิสระ หมายถึง บทอาขยานทีน่ กั เรียนแต่ละคนชืน่ ชอบและเลือกสรรมาท่องเองด้วยความสมัคร ใจคนคดเคี้ยวยิ่งกวาเถาวัลย)
ใจโดยความเห็นชอบของครูผู้สอนหรือสถานศึกษา แต่ต้องบอกได้ว่ามีเหตุผลอย่างไรจึงได้เลือกบทร้อยกรองนั้นๆ มา
ท่องเป็นบทอาขยานของตนเอง
ส�ารวจค้นหา Explore
๒ บทอาขยานระดับมัธยมศึกษาปีท ี่ ๑
นักเรียนศึกษาวัตถุประสงคและหลักการอาน
นิคมพจน์ กาพย์ห่อโคลง บทอาขยาน และอานบทอาขยานตามที่กําหนด
อย่า นิยมสิ่งร้ายชอบ ชมชั่ว
เห็น สนุกทุกข์ถึงตัว จึ่งรู้
กง จักรว่าดอกบัว บอกรับ เร็วแฮ อธิบายความรู้ Explain
จักร พัดเศียรร้องอู้ จึ่งรู้ผิดตน
อย่า นิยมสิ่งทุกข์ เห็น สนุกกลับทุกข์ทน นักเรียนอธิบายวา บทอาขยาน “บุพการี”
กง จักรว่าบัวจน จักร พัดตนจึ่งรู้ตัว กลาวถึงบิดามารดาอยางไร
(แนวตอบ กลาวถึงวาพอแมเปนผูที่มีพระคุณไม
อาจมีอะไรมาเทียบได หากไมมีพอแมก็เหมือนกับ
145
แสงสวางหมดไปจากโลกนี้ พระคุณของพอแมไมวา
จะทดแทนกี่ชาติก็ไมอาจหมด แมแตรอยเทาของ
พอแมก็มีคาแกการกราบไหวเปนมงคลชีวิต)

เกร็ดแนะครู
ครูจัดกิจกรรมการทองจําบทอาขยานตามตัวชี้วัดของการเรียนวรรณคดีและ
วรรณกรรม นักเรียนทองจําบทอาขยานที่กําหนด โดยจัดใหทองบทอาขยานเดี่ยว
คู หรือกลุม กลุมละ 4-6 คน ตามเวลาและจํานวนนักเรียนที่เหมาะสม

นักเรียนควรรู
1 เพลงพื้นบาน เปนเพลงของชาวบานซึ่งถายทอดมาโดยการเลาจากปากตอปาก
อาศัยการฟงและการจดจํา ไมมีการจดบันทึกเปนลายลักษณอักษร ขอที่นาสังเกต
ก็คือ ไมวาเพลงพื้นบานจะสืบทอดมาตามประเพณีและมุขปาฐะดังกลาวขางตน ทั้งนี้
มิไดหมายความวา เพลงทุกเพลงจะมีตนกําเนิดโดยชาวบานหรือการรองปากเปลา
เทานั้น ชาวบานอาจไดรับเพลงบางเพลงมาจากชาวเมือง แตเมื่อผานการถายทอด
โดยการรองปากเปลา และการทองจํานานๆ เขาก็กลายเปนเพลงชาวบานไป

คู่มือครู 145
สนุกท อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนอธิบายเกี่ยวกับวัตถุประสงคในการ
อานบทอาขยาน โอ้เรานี้ชั่ว ชอบกรรม ชั่วนา
(แนวตอบ วัตถุประสงคและหลักการอานบท เป็น อกตัญญูท�า โทษไว้
ดอก บัวยั่วเนตรน�า นึกชอบ
อาขยาน มีดังนี้ กลับเป็นจักรได้ ดั่งนี้กรรมสนอง
• ชวยใหเกิดความซาบซึ้งในเรื่องที่อานและเปน โอ้ตัวเรานั้น เป็น อกตัญญูมัวหมอง
ตัวอยางการใชภาษาที่ไพเราะ ดอก บัวยั่วจิตจอง บัว ผิดปองเป็นจักรไป
(พระยาอุปกิตศิลปสาร)
• ฝกการคิดวิเคราะหประเมินคาเรื่องที่อาน
• ชวยกลอมเกลาและจรรโลงใจใหประณีตมาก
รามเกี
1 ยรติ์ ตอน ศึกอินทรชิต
ขึ้นมีคติประจําตัว สอนใหระลึกถึงคุณธรรม
บุษเอยบุษบกแก้ว 2
สีแววแสงวับฉายฉาน
ที่ควรจดจํา ห้ายอดเห็นเยี่ยมเทียมวิมาน แก้วประพาฬกาบเพชรสลับกัน
• เปนตัวอยางการแตงคําประพันธตามรูปแบบ ชั้นเหมช่อห้อยล้วนพลอยบุษย์ บัลลังก์ครุฑลายเครือกระหนกคั่น
ของบทอาขยานที่ทองจํา ภาพรายพื้นรูปเทวัญ คนธรรพ์คั่นเทพกินนร 3
เลื่อนเมฆลอยมาในอากาศ อ�าไพโอภาสประภัสสร
• สงเสริมใหมีจิตสํานึกทางวัฒนธรรมของคน ไขแสงแข่งสีศศิธร อัมพรเอี่ยมพื้นโพยมพราย
ในชาติ เกิดความภูมิใจในความสามารถของ ดั่งพระจันทร์เดินจรส่องดวง แลเฉิดลอยช่วงจ�ารัสฉาย
กวีไทย) ดาวกลาดดาษเกลื่อนเรียงราย เร็วคล้ายรีบเคลื่อนเลื่อนลอยมา
(พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช)
2. นักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับการทองจําบท
อาขยาน
นิราศภูเขาทอง
• การทองจําบทประพันธเรื่องรามเกียรติ์ ตอน
มาถึงบางธรณีทวีโศก ยามวิโยคยากใจให้สะอื้น
ศึกอินทรชิต ใหประโยชนในเรื่องใดบาง โอ้สุธาหนาแน่นเป็นแผ่นพื้น ถึงสี่หมื่นสองแสนทั้งแดนไตร
(แนวตอบ ทําใหเห็นคุณคาของภาษาไทยและ เมื่อเคราะห์ร้ายกายเราก็เท่านี้ ไม่มีที่พสุธาจะอาศัย
ซาบซึ้งในความไพเราะของบทประพันธ เกิด ล้วนหนามเหน็บเจ็บแสบคับแคบใจ เหมือนนกไร้รังเร่อยู่เอกา
ถึงเกร็ดย่านบ้านมอญแต่ก่อนเก่า ผู้หญิงเกล้ามวยงามตามภาษา
ความภาคภูมิใจในความสามารถของกวีไทย เดี๋ยวนี้มอญถอนไรจุกเหมือนตุ๊กตา ทั้งผัดหน้าจับเขม่าเหมือนชาวไทย
รูพื้นฐานในการแตงคําประพันธ และทําใหมี โอ้สามัญผันแปรไม่แท้เที่ยง เหมือนอย่างเยี่ยงชายหญิงทิ้งวิสัย
จิตสํานึกในวัฒนธรรมของคนในชาติ) นี่หรือจิตคิดหมายมีหลายใจ ที่จิตใครจะเป็นหนึ่งอย่าพึงคิด
ถึงบางพูดพูดดีเป็นศรีศักดิ์ มีคนรักรสถ้อยอร่อยจิต
• จากบทอาขยานเรื่องรามเกียรติ์ ตอน แม้นพูดชั่วตัวตายท�าลายมิตร จะชอบผิดในมนุษย์เพราะพูดจา
ศึกไมยราพ เปนบทรําพึงของตัวละครใด (พระสุนทรโวหาร (ภู่))
(แนวตอบ เปนบทรําพึงของพระลักษมณ
พระอนุชาของพระราม)
• บทอาขยาน “สักวา” ใหขอคิดเรื่องใด
(แนวตอบ ใหขอคิดเรื่องการพูดวาจะยากดีมี
จนอยางไรก็ตาม การพูดเปนสิ่งสําคัญที่สุด)
146

บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู ครูบูรณาการความรูเรื่องการอานบทอาขยานเขากับกลุมสาระการเรียนรู
ศิลปะ วิชาดนตรี-นาฏศิลป เรื่องการขับรอง การออกเสียง การรูประเภทของ
1 บุษบก เปนมณฑปขนาดเล็กแตดานขางโปรง เปนที่ประทับของพระมหากษัตริย
การขับรอง อวัยวะที่เกี่ยวของกับการขับรอง เพื่อใหรูจักพื้นฐานการบังคับเสียง
ในพระราชพิธี หรือเปนประดิษฐานปูชนียวัตถุ เชน พระพุทธรูป เปนตน
ซึ่งจะชวยใหการอานบทอาขยานไพเราะนาฟงยิ่งขึ้น
2 แกวประพาฬ เปนรัตนะ (แกว) ชนิดหนึ่ง สีแดงออน เกิดจากหินปะการังใต
ทะเล
3 ประภัสสร หมายถึง เลื่อมๆ พรายๆ มีแสงพราวๆ เหมือนแสงพระอาทิตย
แรกขึ้น หมายถึง ผองใส บริสุทธิ์ เชน จิตประภัสสร เขียนเปน ประภัสร ก็มี เชน
“ธรรมรสเรืองรองผองประภัสร เปนมิ่งฉัตรสุขสันตนิรันดร” (ชีวิตและงานของสุนทรภู)

146 คู่มือครู
ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand Evaluate
Engage Explore Explain
ขยายความเข้าใจ Expand
นักเรียนทองจําบทอาขยานที่กําหนด พรอมทั้ง
สักวา บอกคุณคาที่ไดจากการทองจําบทอาขยานนั้น
สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน • นักเรียนจะนําขอคิดที่ไดจากบทอาขยานไป
ไม่เหมือนแม้นพจมานที่หวานหอม ประยุกตใชในชีวิตประจําวันอยางไร
กลิ่นประเทียบเปรียบดวงพวงพะยอม
อาจจะน้อมจิตโน้มด้วยโลมลม (แนวตอบ ตัวอยางเชน บทอาขยานสักวา
แม้นล้อลามหยามหยาบไม่ปลาบปลื้ม ทําใหเห็นความสําคัญของการพูด ใหเปนคน
ดังดูดดื่มบอระเพ็ดต้องเข็ดขม พูดจาดี และบทอาขยานบุพการีทําใหสํานึก
ผู้ดีไพร่ไม่ประกอบชอบอารมณ์
ใครฟังลมเมินหน้าระอาเอย ในพระคุณของบิดามารดา)
(พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ)
ตรวจสอบผล Evaluate
บุพการี
1. นักเรียนถอดคําประพันธบทอาขยานที่นักเรียน
ใครแทนพ่อแม่ได้ ไป่มี เลยท่าน
ชื่นชอบได
คือคู่จันทร์สุรีย์ศรี สว่างหล้า
2. นักเรียนบอกคุณคาการทองจําบทอาขยานได
สิ้นท่านทั่วปฐพี มืดหม่น
หมองมิ่งขวัญซ่อนหน้า นิ่งน�้าตาไหล ฯ 3. นักเรียนสามารถประยุกตขอคิดจากบทอาขยาน
พ่อแม่เสมอพระเจ้า บนสวรรค์ ไปใชในชีวิตจริงได
ลูกนิ่งน้อมมิ่งขวัญ กราบไหว้
น�้าตาต่างรสสุคันธ์ อบร�่า หอมฤๅ
หอมค่าน�้าใจไซร้ ท่านให้หมดเสมอ ฯ หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
ถึงตายเกิดใหม่ซ�้า ไฉนสนอง
คุณพ่อแม่ทั้งสอง สั่งฟ้า 1. การทองจําบทอาขยานตามที่กําหนด
น�้านมที่ลูกรอง ดูดดื่ม 2. การถอดคําประพันธบทอาขยาน
หวานใหม่ในชาติหน้า กี่หล้าฤๅสลาย ฯ
รอยเท้าพ่อแม่ได้ เหยียบลง ใดแล
เพียงแค่ฝุ่นธุลีผง ค่าไร้
กราบรอยท่านมิ่งมง- คลคู่ ใจนา
กายสิทธิ์ใส่เกล้าไว้ เพื่อให้ขวัญขลัง ฯ
(อังคาร กัลยาณพงศ์)

การท่องจ�าบทอาขยานที่มีคุณค่า นอกจากจะช่วยให้นักเรียนเห็นคุณค่าความงามและศิลปะทางภาษาแล้ว
ยังช่วยให้นกั เรียนเป็นผูใ้ ช้ภาษาได้อย่างมีชนั้ เชิงอีกด้วย กล่าวคือนักเรียนสามารถน�าข้อความหรือค�าประพันธ์ทที่ อ่ งจ�า
มาไปใช้ในการพูด การเขียน หรืออ้างอิงประกอบเรื่องราว ตลอดจนเป็นพื้นฐานในการแต่งค�าประพันธ์ ซึ่งจะแสดงให้
เห็นว่านักเรียนมีพื้นฐานทางภาษาอย่างดีและกว้างขวาง สมควรแก่การยกย่องชมเชยนั่นเอง
147

กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนเลือกบทประพันธจากวรรณคดีหรือวรรณกรรมเรื่องใดก็ได ครูยกตัวอยางบทประพันธจากวรรณกรรมเรื่องอื่นที่กลาวถึงบิดามารดา
ตามความสนใจมา 2-4 บท ใหนักเรียนคัดตัวบรรจงครึ่งบรรทัดลงสมุด นอกจากบทประพันธ “บุพการี” ที่นักเรียนทองบทอาขยาน โดยยกวรรณกรรมเรื่อง
พรอมทั้งบอกเหตุผลในการเลือกบทประพันธนั้นวา ใหคุณคาดานเนื้อหา “โคลงโลกนิติ” บทที่ 231 ความวา
วรรณศิลป และสังคมอยางไร จากนั้นใหนักเรียนพิจารณาวา บทประพันธ “คุณ แมหนาหนักเพี้ยง พสุธา
ที่นักเรียนยกมามีขอคิดที่สามารถนําไปประยุกตใชในชีวิตจริงไดหรือไม คุณ บิดรดุจอา- กาศกวาง
อยางไร เขียนอธิบายลงสมุด สงพรอมการคัดลายมือบทประพันธที่ชื่นชอบ คุณ พี่พางศิขรา เมรุมาศ
คุณ พระอาจารยอาง อาจสูสาคร”

คู่มือครู 147
กระตุ้นความสนใจ ส�ำรวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate

บรรณานุกรม
กรมศิลปากร กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์. ๒๕๒๙. รวมนิทาน บทเห่กล่อม และสุภาษิตของ
สุนทรภู.่ กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
กรมศิลปากร. ๒๕๐๖. ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๑. กรุงเทพมหานคร : องค์การค้าของคุรุสภา.
กระทรวงศึกษาธิการ กรมวิชาการ สถาบันภาษาไทย. ๒๕๔๓. ประชุมโคลงโลกนิติ. กรุงเทพมหานคร :
สถาบันภาษาไทย.
กุหลาบ มัลลิกะมาส. ๒๕๑๘. คติชาวบ้าน. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามค�าแหง.
คุรุสภา. ๒๕๓๔. ชีวิตและงานของสุนทรภู่ ฉบับกรมศิลปากรตรวจสอบช�าระใหม่. พิมพ์ครั้งที่ ๑๔.
กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
ทองย้อย แสงสินชัย. ๒๕๔๖. ประชุมโคลงโลกนิติ ฉบับถอดความ. กรุงเทพมหานคร : สหธรรมิก.
ธวัช ปุณโณทก. ๒๕๔๙. นิทานพื้นบ้าน. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน์.
นิยะดา เหล่าสุนทร, บรรณาธิการ. ๒๕๔๔. ประชุมจารึกวัดพระเชตุพน. พิมพ์ครัง้ ที่ ๖. กรุงเทพมหานคร :
อมรินทร์พริ้นติ้งแอนด์พับลิชชิ่ง.
นิยะดา เหล่าสุนทร. ๒๕๔๒. โคลงโลกนิต ิ : การศึกษาทีม่ า. พิมพ์ครัง้ ที่ ๓. กรุงเทพมหานคร : แม่คา� ผาง.
บุษบา ประภาสพงศ์ และคณะ. ๒๕๔๒. ประชุมสุภาษิตพระร่วง (รวม ๖ ส�านวน). กรุงเทพมหานคร :
สถาบันภาษาไทย กรมวิชาการ กระทรวงศึกษาธิการ.
ประชากิจกรจักร (แช่ม บุนนาค), พระยา. ๒๕๑๖. พงศาวดารโยนก ฉบับหอสมุดแห่งชาติ. พิมพ์ครัง้ ที่ ๗.
กรุงเทพมหานคร : คลังวิทยา.
พระคลัง (หน), เจ้าพระยา. ๒๕๔๖. ราชาธิราช. พิมพ์ครั้งที่ ๑๖. กรุงเทพมหานคร : ส�านักวรรณกรรม
และประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร.
เยาวลักษณ์ ชาติสุขศิริเดช. ๒๕๔๔. เรียงถ้อยร้อยกรอง. พิมพ์ครั้งที่ ๒. กรุงเทพมหานคร :
อักษรเจริญทัศน์.
ราชบัณฑิตยสถาน. ๒๕๕๖. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๕๔. กรุงเทพมหานคร :
ศิริวัฒนาอินเตอร์พริ้นท์ จ�ากัด (มหาชน).
ราชบัณฑิตยสถาน. ๒๕๕๐. พจนานุกรมศัพท์วรรณกรรมไทย ภาคฉันทลักษณ์. กรุงเทพมหานคร :
ราชบัณฑิตยสถาน.
สุพศิ ม่วงสวย และปรางทิพย์ เฉลิมวงษ์. ๒๕๔๕. ประชุมกาพย์เห่เรือ. พิมพ์ครัง้ ที่ ๔. กรุงเทพมหานคร :
โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว.
148

148 คู่มือครู
Scale : 100% / ขนาดปก AL / จำนวนหนา 164 หนา / สันปกหนา 0.7 cm. / ราคา 350 บาท / พิมพ 4 สี (CMYK)


เฉ จ
พา ก
สร้างอนาคตเด็กไทย ะค ฟ
รูผ
ู้สอ ร
น ี
ด้วยนวัตกรรมการเรียนรูร
้ ะดับโลก

คู่มือครู
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÀÒÉÒä·Â ÇÃó¤´ÕáÅÐÇÃó¡ÃÃÁ Á. ๑
คูม
่ อ
ื ครู อจท.
ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสือเรียน

วิธีการสอนเพื่อยกผลสัมฤทธิ์
เพิ่ม ผ่านกระบวนการเรียนรู้ 5Es

ข้อสอบวัดความสามารถ

เพิ่ม
ด้านการเรียนตามแนวสอบ
O-NET ใหม่

ตัวอย่างข้อสอบ O-NET
เพื่อชี้แนะเนื้อหาที่เคย
เพิ่ม ออกข้อสอบ

กิจกรรมบูรณาการทักษะชีวิต

ใหม่
และการทำงานตามแนวคิด
เศรษฐกิจพอเพียง

กิจกรรมเสริมสร้างประสบการณ์
พร้อม การเรียนรู้สอ
ู่ าเซียน

>> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสัง
่ ซือ
้ ของ อจท. ภาพปกนีม
้ ข
ี นาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
คู่มือครู บร. ภาษาไทย วรรณคดีฯ ม.1

บริษทั อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด


142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
8 858649 122643
โทร. /แฟกซ์. 02 6222 999 (อัตโนมัติ 20 คูส
่ าย)
www.aksorn.com Aksorn ACT 350 .-
ราคานี้ เป็นของฉบับคูม
่ อ
ื ครูเท่านัน

You might also like