Professional Documents
Culture Documents
Teacher Script
เคมี ม. 6
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6
ตำมผลกำรเรียนรู้ เล่ม 1
กลุ่มสำระกำรเรียนรู้วิทยำศำสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตำมหลักสูตรแกนกลำงกำรศึกษำขั้นพื้นฐำน พุทธศักรำช 2551
ผู้เรียบเรียงคู่มือครู บรรณาธิการคู่มือครู
นำงสำวทวิภัทร์ ไพศำลชัชวำล นำงสำวจันจิรำ รัตนนันทเดช
นำงสำวอุษณีย์ อะทะถ�้ำ
พิมพครั้งที่ 1
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ
รหัสสินคา 3648013
ค� ำ แนะน� ำ กำรใช้
คูม่ อื ครูรายวิชาเพิม่ เติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เล่ม 1
จัดท�ำขึ้นส�ำหรับให้ครูผู้สอนใช้เป็นแนวทำงวำงแผนกำรจัดกำรเรียน
กำรสอน เพื่อพัฒนำผลสัมฤทธิ์ทำงกำรเรียนและกำรประกันคุณภำพ
ผูเ้ รียนตำมนโยบำยของส�ำนักงำนคณะกรรมกำรกำรศึกษำขัน้ พืน้ ฐำน
(สพฐ.)
เคมีอนิ ทรีย
การใชความรูเ ดิมฯ (Prior Knowledge)
เพ
ซึ่งครอบคลุมผลการเรียนรู้ตามที่หลักสูตรก�าหนด
เรียนรูที่ 1 เคมีอินทรีย
2. นักเรียนทํา Check for Understanding จาก
หนั ง สื อ เรี ย นรายวิ ช าเพิ่ ม เติ ม วิ ท ยาศาสตร
และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 เพื่อตรวจสอบ
ความเขาใจของตนเองกอนเรียน
1
ผลิตภัณฑต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจ�าวันและที่อยู่รอบตัวเรา รวมทั้งร่างกายมนุษย์และสัตว์ จะมี
ธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ นักวิทยาศาสตร์จงึ เชือ่ ว่า สารทีม่ ธี าตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบจะได้
3. ครู ท บทวนความรู เ ดิ ม ของนั ก เรี ย น โดยให จากสิง่ มีชวี ติ เท่านัน้ และเรียกสารเหล่านีว้ า่ สารประกอบอินทรีย ์ แต่ในปัจจุบนั สามารถสังเคราะห์
ิ่ม Pedagogy ช่วยสร้างความเข้าใจในกระบวนการออกแบบ
เพ
นักเรียนจับคูรูปภาพของธาตุที่สามารถสราง สารประกอบอินทรีย์ขึ้นเองได้ในห้องปฏิบัติการ
พันธะโคเวเลนตได และนํารูปภาพไปติดบน
4. ถามคําถาม
ประสิทธิภาพ • สารประกอบอินทรียเกี่ยวของกับการสราง
พันธะของธาตุคารบอนอยางไร
( แนวตอบ สารประกอบอิ น ทรี ย เป น สาร
เพ และธาตุคารบอนสามารถเกิดพันธะโคเวเลนต
ไดกับธาตุคารบอนหรือธาตุอื่นๆ เชน ธาตุ
จั ด การเรี ย นการสอนทั้ ง หมดของรายวิ ช าก่ อ นที่ จ ะลงมื อ ไฮโดรเจน ธาตุไนโตรเจน)
5. ครูถามคําถาม Big Question เพื่อกระตุน
สอนจริง ความสนใจของนักเรียน
Che�� fo r U n de r s t a n d i ng
ิ่ม
เพ Chapter Overview ช่วยสร้างความเข้าใจและเห็นภาพรวม
ให้นักเรียนพิจารณาข้อความตามความเข้าใจของนักเรียนว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด
พันธะเคมีแบงออกเปน 3 ชนิด คือ พันธะโคเวเลนต พันธะไอออนิก และพันธะโลหะ
พันธะโคเวเลนตเกิดจากอะตอมหรือกลุมของอะตอมมาสรางพันธะกัน โดยอะตอมหรือกลุมของอะตอมหนึ่งใหอิเล็กตรอน
C hemistry
Focus
ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET
สมบัติของสารประกอบอินทรีย
สารประกอบอินทรีย์ส่วนใหญ่เป็นสารประกอบโคเวเลนต์ จึงมีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวต�่า
ยกเว้นสารประกอบอินทรีย์ประเภทพอลิเมอร์บางชนิดจะมีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง สารประกอบ
แนวตอบ Key Question
สารประกอบอินทรีย คือ สารประกอบที่มี ตัวอย่ำงข้อสอบที่มุ่งเน้นกำรคิดวิเครำะห์และสอดคล้องกับ
อินทรีย์มีท้ังที่ละลายน�้าได้และไม่ละลายน�้า เมื่อติดไฟจะได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์หรือเขม่าด�า คารบอนเปนองคประกอบหลัก และประเภทของ
เป็นผลิตภัณฑ์ สารประกอบอินทรียระบุไดจากหมูฟงกชัน เชน
หมูฟงกชันไฮดรอกซิล (-OH) เปนประเภทของ
แนวข้อสอบ O-NET มีทั้งปรนัย-อัตนัย พร้อมเฉลยอย่ำง
เคมีอินทรีย์ 3
สารประกอบแอลกอฮอล ละเอียด
กิจกรรม สรางเสริม เกร็ดแนะครู
ครูยกตัวอยางสารประกอบอินทรียและอนินทรียที่พบในชีวิต ครูอาจหาวิดโี อเกีย่ วกับสารประกอบอินทรียแ ละสารประกอบอนินทรีย เชน
กิจกรรมทาทาย
ประจําวัน เชน NaCl, HCOOH, KNO3, CH3OH, Ca(OH)2,
C6H8O7, NH3, CaCO3, C6H8O6, H2O และ KMnO4 จากนั้นให
https://www.youtube.com/watch?v= lC57cJzM8OA มาเปดใหนักเรียนดู
เพื่อเปนพื้นฐานในการศึกษาเกี่ยวกับสารประกอบอินทรียตอไป เสนอแนะแนวทำงกำรจัดกิจกรรม เพือ่ ต่อยอดส�ำหรับนักเรียน
นักเรียนแตละคนเขียนคําตอบวา สารใดเปนสารประกอบอินทรีย
และสารใดเปนสารประกอบอนินทรียล งในกระดาษ A4 สงครูผสู อน ที่เรียนรู้ได้อย่ำงรวดเร็วและต้องกำรท้ำทำยควำมสำมำรถใน
โซน 3 กิจกรรม ทาทาย ระดับที่สูงขึ้น
ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3 คน แลวรวมกันศึกษา
และคนควาเพิ่มเติมจากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน หองสมุด
อิ น เทอร เ น็ ต เกี่ ย วกั บ สารประกอบอิ น ทรี ย แ ละสารประกอบ
อนินทรีย ในหัวขอตอไปนี้
โซน 2
กิจกรรมสรางเสริม
• ธาตุที่เปนองคประกอบ
• สมบัติของสารประกอบ เสนอแนะแนวทำงกำรจัดกิจกรรมซ่อมเสริมส�ำหรับนักเรียน
แลวสรุปเปนใบความรูสงครูผูสอน
T9
ที่ควรได้รับกำรพัฒนำกำรเรียนรู้
ขั้นการใช้ความรู้เดิมเชื่อมโยงความรู้ใหม่ ขั้นเข้าใจ
ขั้นรู้ ขั้นลงมือท�ำ
เลือกใช้วธิ กี ารสอนทีห่ ลากหลาย เช่น อุปนัย นิรนัย การสาธิต การทดลอง แบบแก้ปญั หา แบบบรรยาย ซึง่ สนับสนุน
การจัดการเรียนการสอนแบบ Concept Based Teaching ที่ท�ำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กระบวนการ ซึ่งท�ำให้ได้ความคิดรวบยอด
ที่ส�ำคัญ อีกทั้งเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และเกิดความเข้าใจในเนื้อหาวิทยาศาสตร์อย่างถ่องแท้
เลือกใช้เทคนิคการสอนทีห่ ลากหลายและเหมาะสมกับเรือ่ งทีเ่ รียน เช่น การใช้คำ� ถาม การใช้ตวั อย่างกระตุน้ ความคิด
การใช้สอื่ การเรียนรูท้ นี่ า่ สนใจ เพือ่ ส่งเสริมวิธกี ารสอนและรูปแบบการสอนให้มปี ระสิทธิภาพในการจัดการเรียนรูใ้ ห้มากยิง่ ขึน้
ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุขและสามารถฝึกฝนทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ได้
Teacher Guide Overview
เคมี ม.6 เล่ ม 1
หน่วย
ผลการเรียนรู้ ทักษะที่ได้ เวลาที่ใช้ การประเมิน สื่อที่ใช้
การเรียนรู้
Chapter
Chapter Teacher
Chapter Title Overview
Concept
Script
Overview
หน่วยการเรียนรูที่ 1 เคมีอินทรีย T2 - T4 T5 - T7 T8
• สารประกอบอินทรีย์ T9-T23
• สารประกอบไฮโดรคาร์บอน T24-T54
• สารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ T55-T77
• สารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ T78-T82
• สารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุไนโตรเจนและธาตุออกซิเจน
เป็นองค์ประกอบ T83-T86
• การใช้ประโยชน์ของสารประกอบอินทรีย์ T87-T92
ท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 T93-T103
• ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์ T111-T116
• โครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์ T117-T118
• ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์ T119-T126
• ผลกระทบที่เกิดจากการใช้และกําจัดผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ T127-T128
ท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 T129-T134
บรรณำนุกรม T136
Chapter Overview
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 1 - หนังสือเรียนรายวิชา 1. อธิบายการเกิดพันธะ แบบเน้น - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการวิเคราะห์ - มีวินัย
พันธะและ เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ของคาร์บอนและธาตุ มโนทัศน์ ก่อนเรียน - ทักษะการสังเกต - ใฝ่เรียนรู้
การเขียนสูตร และเทคโนโลยี เคมี ชนิดอื่นได้ (K) (Concept - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการส�ารวจ - มุ่งมั่นใน
โครงสร้างของ ม.6 เล่ม 1 2. เขียนสูตรโครงสร้างลิวอิส Based - ตรวจใบงาน ค้นหา การท�างาน
สารประกอบ - แบบฝึกหัดรายวิชา สูตรโครงสร้างแบบย่อ Teaching) - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการลงความเห็น
อินทรีย์ เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ และสูตรโครงสร้าง การท�างานกลุ่ม จากข้อมูล
และเทคโนโลยี เคมี แบบเส้นของสาร - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการตีความหมาย
3 ม.6 เล่ม 1 ประกอบอินทรีย์ได้ (P) การท�างานรายบุคคล และลงข้อสรุป
ชั่วโมง - แบบทดสอบก่อนเรียน 3. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหา - สังเกตการตั้งใจเรียน
- ใบงาน ความรู้ (A) และแสวงหาความรู้
- PowerPoint
แผนฯ ที่ 2 - หนังสือเรียนรายวิชา 1. บอกประเภทของ แบบนิรนัย - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการวิเคราะห์ - มีวินัย
ไอโซเมอร์ เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ สารประกอบอินทรีย์ (Deductive - ตรวจใบงาน - ทักษะการสังเกต - ใฝ่เรียนรู้
และหมูฟงก์ชัน และเทคโนโลยี เคมี โดยใช้หมู่ฟงก์ชันเป็น Method) - ประเมินการปฏิบตั กิ าร - ทักษะการท�างาน - มุ่งมั่นใน
ม.6 เล่ม 1 เกณฑ์ได้ (K) - สังเกตพฤติกรรม ร่วมกัน การท�างาน
5 - แบบฝึกหัดรายวิชา 2. เขียนไอโซเมอร์โครงสร้าง การท�างานกลุ่ม - ทักษะการทดลอง
ชั่วโมง เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ของสารประกอบอินทรีย์ - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการลงความเห็น
และเทคโนโลยี เคมี ได้ (P) การท�างานรายบุคคล จากข้อมูล
ม.6 เล่ม 1 3. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหา - สังเกตความมีวินัย - ทักษะการตีความหมาย
- QR Code ความรู้ (A) ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น และลงข้อสรุป
- PowerPoint ในการท�างาน
แผนฯ ที่ 3 - หนังสือเรียนรายวิชา 1. บอกความหมายและจ�าแนก แบบอุปนัย - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการวิเคราะห์ - มีวินัย
สมบัตบิ างประการ เพิม่ เติมวิทยาศาสตร์ ประเภทของสารประกอบ (Inductive - ประเมินการปฏิบตั กิ าร - ทักษะการสังเกต - ใฝ่เรียนรู้
ของสารประกอบ และเทคโนโลยี เคมี ไฮโดรคาร์บอนได้ (K) Method) - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการท�างาน - มุ่งมั่นใน
ไฮโดรคาร์บอน ม.6 เล่ม 1 2. เขียนผลิตภัณฑ์ที่ได้ การท�างานกลุ่ม ร่วมกัน การท�างาน
- แบบฝึกหัดรายวิชา จากปฏิกิริยาการเผาไหม้ - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการทดลอง
3 เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ปฏิกิริยากับโบรมีน การท�างานรายบุคคล - ทักษะการลงความเห็น
ชั่วโมง และเทคโนโลยี เคมี ปฏิกิริยากับโพแทสเซียม - สังเกตความมีวินัย จากข้อมูล
ม.6 เล่ม 1 เปอร์แมงกาเนต ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น - ทักษะการตีความหมาย
- ใบงาน ของสารประกอบ ในการท�างาน และลงข้อสรุป
- PowerPoint ไฮโดรคาร์บอนได้ (P)
3. รับผิดชอบต่อหน้าที่
ที่ได้รับมอบหมาย (A)
แผนฯ ที่ 4 - หนังสือเรียนรายวิชา 1. อธิบายสมบัติของ แบบเน้น - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการวิเคราะห์ - มีวินัย
แอลเคนและ เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ แอลเคนและแอลคีนได้ (K) มโนทัศน์ - ตรวจใบงาน - ทักษะการสังเกต - ใฝ่เรียนรู้
แอลคีน และเทคโนโลยี เคมี 2. เปรียบเทียบจุดเดือด (Concept - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการลงความเห็น - มุ่งมั่นใน
ม.6 เล่ม 1 การละลายน�้าของ Based การท�างานกลุ่ม จากข้อมูล การท�างาน
4 - แบบฝึกหัดรายวิชา แอลเคนและแอลคีนได้ (K) Teaching) - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการตีความหมาย
ชั่วโมง เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ 3. เขียนสูตรโครงสร้าง การท�างานรายบุคคล และลงข้อสรุป
และเทคโนโลยี เคมี และเรียกชื่อแอลเคน - สังเกตความมีวินัย
ม.6 เล่ม 1 และแอลคีนได้ (P) ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น
- ใบงาน 4. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหา ในการท�างาน
- PowerPoint ความรู้ (A)
- QR Code
- ภาพยนตร์สารคดีสั้น
Twig
T2
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 5 - หนังสือเรียนรายวิชา 1. อธิบายสมบัติของ แบบเน้น - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการวิเคราะห์ - มีวินัย
แอลไคน์และ เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ แอลไคน์และอะโรมาติก มโนทัศน์ - ตรวจ - ทักษะการสังเกต - ใฝ่เรียนรู้
อะโรมาติก และเทคโนโลยี เคมี ไฮโดรคาร์บอนได้ (K) (Concept Topic Questions - ทักษะการลงความเห็น - มุ่งมั่นใน
ไฮโดรคาร์บอน ม.6 เล่ม 1 2. เปรียบเทียบจุดเดือด Based - สังเกตพฤติกรรม จากข้อมูล การท�ำงาน
- แบบฝึกหัดรายวิชา การละลายน�้ำของ Teaching) การท�ำงานกลุ่ม - ทักษะการตีความหมาย
4 เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ แอลไคน์และอะโรมาติก - สังเกตพฤติกรรม และลงข้อสรุป
ชั่วโมง และเทคโนโลยี เคมี ไฮโดรคาร์บอนได้ (K) การท�ำงานรายบุคคล
ม.6 เล่ม 1 3. เขียนสูตรโครงสร้าง - สังเกตความมีวินัย
- QR Code และเรียกชื่อแอลไคน์ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น
- PowerPoint และอะโรมาติก ในการท�ำงาน
ไฮโดรคาร์บอนได้ (P)
4. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหา
ความรู้ (A)
แผนฯ ที่ 6 - หนังสือเรียนรายวิชา 1. อธิบายสมบัติของ 5Es - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการวิเคราะห์ - มีวินัย
แอลกอฮอล์ เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ แอลกอฮอล์ ฟีนอล Instructional - ตรวจใบงาน - ทักษะการสังเกต - ใฝ่เรียนรู้
ฟีนอล และเทคโนโลยี เคมี และอีเทอร์ได้ (K) Model - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการลงความเห็น - มุ่งมั่นใน
และอีเทอร์ ม.6 เล่ม 1 2. เปรียบเทียบจุดเดือด การท�ำงานกลุ่ม จากข้อมูล การท�ำงาน
- แบบฝึกหัดรายวิชา การละลายน�้ำของ - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการตีความหมาย
4 เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ แอลกอฮอล์ ฟีนอล การท�ำงานรายบุคคล และลงข้อสรุป
ชั่วโมง และเทคโนโลยี เคมี และอีเทอร์ได้ (K) - สังเกตความมีวินัย
ม.6 เล่ม 1 3. เขียนสูตรโครงสร้าง ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น
- ใบงาน และเรียกชื่อแอลกอฮอล์ ในการท�ำงาน
- QR Code ฟีนอล และอีเทอร์ได้ (P)
- PowerPoint 4. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหา
ความรู้ (A)
แผนฯ ที่ 7 - หนังสือเรียนรายวิชา 1. อธิบายสมบัติของแอลดี 5Es - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการวิเคราะห์ - มีวินัย
แอลดีไฮด์และ เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ไฮด์และคีโตนได้ (K) Instructional - ตรวจใบงาน - ทักษะการสังเกต - ใฝ่เรียนรู้
คีโตน และเทคโนโลยี เคมี 2. เปรียบเทียบจุดเดือด Model - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการลงความเห็น - มุ่งมั่นใน
ม.6 เล่ม 1 การละลายน�ำ้ ของแอลดี การท�ำงานกลุ่ม จากข้อมูล การท�ำงาน
4 - แบบฝึกหัดรายวิชา ไฮด์และคีโตนได้ (K) - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการตีความหมาย
ชั่วโมง เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ 3. เขียนสูตรโครงสร้าง การท�ำงานรายบุคคล และลงข้อสรุป
และเทคโนโลยี เคมี และเรียกชื่อแอลดีไฮด์ - สังเกตความมีวินัย
ม.6 เล่ม 1 และคีโตนได้ (P) ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น
- ใบงาน 4. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหา ในการท�ำงาน
- QR Code ความรู้ (A)
- PowerPoint
แผนฯ ที่ 8 - หนังสือเรียนรายวิชา 1. อธิบายสมบัติของ 5Es - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการวิเคราะห์ - มีวินัย
กรดคาร์บอกซิลกิ เพิม่ เติมวิทยาศาสตร์ กรดคาร์บอกซิลิกและ Instructional - ตรวจใบงาน - ทักษะการสังเกต - ใฝ่เรียนรู้
และเอสเทอร์ และเทคโนโลยี เคมี เอสเทอร์ได้ (K) Model - ตรวจ - ทักษะการท�ำงาน - มุ่งมั่นใน
ม.6 เล่ม 1 2. เปรียบเทียบจุดเดือด Topic Questions ร่วมกัน การท�ำงาน
6 - แบบฝึกหัดรายวิชา การละลายน�้ำของ - ประเมินการปฏิบตั กิ าร - ทักษะการทดลอง
ชั่วโมง เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ กรดคาร์บอกซิลิกและ - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการลงความเห็น
และเทคโนโลยี เคมี เอสเทอร์ได้ (K) การท�ำงานกลุ่ม จากข้อมูล
ม.6 เล่ม 1 3. เขียนสูตรโครงสร้างและ - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการตีความหมาย
- ใบงาน เรียกชื่อกรดคาร์บอกซิลิก การท�ำงานรายบุคคล และลงข้อสรุป
- QR Code และเอสเทอร์ได้ (P) - สังเกตความมีวินัย
- PowerPoint ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น
- ภาพยนตร์สารคดีสั้น ในการท�ำงาน
Twig
T3
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
4. ท�ำการทดลอง เพื่อศึกษา
ปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน
ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส และ
ปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชัน
ได้ (P)
5. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหา
ความรู้ (A)
แผนฯ ที่ 9 - หนังสือเรียนรายวิชา 1. อธิบายสมบัติของเอมีน แบบนิรนัย - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการวิเคราะห์ - มีวินัย
เอมีน เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ได้ (K) (Deductive - ตรวจใบงาน - ทักษะการสังเกต - ใฝ่เรียนรู้
และเทคโนโลยี เคมี 2. เปรียบเทียบจุดเดือด Method) - ตรวจ - ทักษะการลงความเห็น - มุ่งมั่นใน
3 ม.6 เล่ม 1 การละลายน�้ำของเอมีน Topic Questions จากข้อมูล การท�ำงาน
ชั่วโมง - แบบฝึกหัดรายวิชา ได้ (K) - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการตีความหมาย
เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ 3. เขียนสูตรโครงสร้างและ การท�ำงานกลุ่ม และลงข้อสรุป
และเทคโนโลยี เคมี เรียกชื่อเอมีนได้ (P) - สังเกตพฤติกรรม
ม.6 เล่ม 1 4. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหา การท�ำงานรายบุคคล
- ใบงาน ความรู้ (A) - สังเกตความมีวินัย
- PowerPoint ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น
ในการท�ำงาน
แผนฯ ที่ 10 - หนังสือเรียนรายวิชา 1. อธิบายสมบัติของเอไมด์ 5Es - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการวิเคราะห์ - มีวินัย
เอไมด์ เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ได้ (K) Instructional - ตรวจใบงาน - ทักษะการสังเกต - ใฝ่เรียนรู้
และเทคโนโลยี เคมี 2. เปรียบเทียบจุดเดือด Model - ตรวจ - ทักษะการลงความเห็น - มุ่งมั่นใน
2 ม.6 เล่ม 1 การละลายน�้ำของเอไมด์ Topic Questions จากข้อมูล การท�ำงาน
ชั่วโมง - แบบฝึกหัดรายวิชา ได้ (K) - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการตีความหมาย
เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ 3. เขียนสูตรโครงสร้างและ การท�ำงานกลุ่ม และลงข้อสรุป
และเทคโนโลยี เคมี เรียกชื่อเอไมด์ได้ (P) - สังเกตพฤติกรรม
ม.6 เล่ม 1 4. เขียนสมการเคมีแสดง การท�ำงานรายบุคคล
- ใบงาน ปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน - สังเกตความมีวินัย
- PowerPoint ปฏิกิริยาการสังเคราะห์ ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น
เอไมด์ ปฏิกริ ยิ าไฮโดรลิซสิ ในการท�ำงาน
และปฏิกริ ยิ าสะปอนนิฟเิ คชัน
ได้ (P)
5. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหา
ความรู้ (A)
แผนฯ ที่ 11 - หนังสือเรียนรายวิชา 1. สืบค้นข้อมูลและน�ำเสนอ แบบเน้น - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการวิเคราะห์ - มีวินัย
การใช้ประโยชน์ เพิม่ เติมวิทยาศาสตร์ ตัวอย่างการน�ำสาร มโนทัศน์ หลังเรียน - ทักษะการสังเกต - ใฝ่เรียนรู้
ของสารประกอบ และเทคโนโลยี เคมี ประกอบอินทรีย์ไปใช้ (Concept - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการลงความเห็น - มุ่งมั่นใน
อินทรีย์ ม.6 เล่ม 1 ประโยชน์ได้ (K) Based - ตรวจใบงาน จากข้อมูล การท�ำงาน
- แบบฝึกหัดรายวิชา 2. สร้างแบบจ�ำลองการ Teaching) - ตรวจ - ทักษะการตีความหมาย
4 เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ น�ำสารประกอบอินทรีย์ Topic Questions และลงข้อสรุป
ชั่วโมง และเทคโนโลยี เคมี ไปใช้ประโยชน์ (P) - ตรวจ Unit Questions
ม.6 เล่ม 1 3. ตั้งใจเรียนรู้และแสวงหา - ตรวจ Test for U
- ใบงาน ความรู้ (A) - สังเกตพฤติกรรม
- PowerPoint การท�ำงานกลุ่ม
- ภาพยนตร์สารคดีสั้น - สังเกตความมีวินัย
Twig ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น
ในการท�ำงาน
T4
Chapter Concept Overview
สารประกอบอินทรีย์
สารประกอบอินทรีย์ คือ สารประกอบที่มีธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลัก และอาจประกอบด้วยธาตุอื่น ๆ เช่น H, O, N และ S
อาจเกิดจากสิ่งมีชีวิตหรือเกิดจากการสังเคราะห์
การเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์
สามารถเขียนได้หลายแบบ ดังนี้
H H
H C C H CH2 CHCH3
H H
สูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ สูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม
ไอโซเมอริซึม
• ไอโซเมอริซึม (isomerism) เป็นปรากฏการณ์ที่สารประกอบอินทรีย์ที่มีสูตรโมเลกุลเหมือนกัน แต่มีสูตรโครงสร้างต่างกัน
• ไอโซเมอร์ (isomer) เป็นสารที่มีสูตรโมเลกุลเหมือนกัน แต่มีสูตรโครงสร้างต่างกัน อาจจะมีโครงสร้างที่เป็นไปได้ทั้งโครงสร้างที่เป็น
โซ่เปิด (โซ่ตรงหรือโซ่กิ่ง) และโครงสร้างที่เป็นแบบวง
หมูฟงก์ชัน
หมูอ่ ะตอมทีแ่ สดงสมบัตเิ ฉพาะในโมเลกุลของสารประกอบอินทรีย ์ เป็นสิง่ ทีก่ า� หนดสมบัตแิ ละการเกิดปฏิกริ ยิ าของสารประกอบ เรียกว่า
หมู่ฟงก์ชัน (funtional group)
หมูฟงก์ชัน ชื่อหมูฟงก์ชัน ประเภทของสารประกอบ
C C พันธะเดี่ยว แอลเคน
C C พันธะคู่ แอลคีน
C C พันธะสาม แอลไคน์
OH ไฮดรอกซิล แอลกอฮอล์
O แอลคอกซี อีเทอร์
O
C OH คาร์บอกซิล กรดคาร์บอกซิลิก
O
C O แอลคอกซีคาร์บอนิล เอสเทอร์
O
C H คาร์บอกซาลดีไฮด์ แอลดีไฮด์
O
C คาร์บอนิล คีโตน
H
N อะมิโน เอมีน
H
O H
C N H เอไมด์ เอไมด์
T5
Chapter Concept Overview
สารประกอบไฮโดรคาร์บอน
สารประกอบอินทรีย์ที่ประกอบด้วยธาตุคาร์บอนและธาตุไฮโดรเจน เรียกว่า สารประกอบไฮโดรคาร์บอน
ประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน
สมบัติและปฏิกิริยาของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนประเภทต่าง ๆ แสดงดังตาราง
ประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน
สมบัติ/ปฏิกิริยา อะโรมาติก
แอลเคน แอลคีน แอลไคน์ ไฮโดรคาร์บอน
สูตรทั่วไป CnH2n + 2 CnH2n CnH2n - 2 -
สี ไม่มีสี ไม่มีสี ไม่มีสี ไม่มีสี
กลิ่น ไม่มีกลิ่น มีกลิ่นเฉพาะตัว มีกลิ่นเฉพาะตัว มีกลิ่นเฉพาะตัว
ขั้วโมเลกุล ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี
พันธะคู่ พันธะสาม พันธะคู่
พันธะ พันธะเดี่ยวทั้งหมด
อย่างน้อย 1 แห่ง อย่างน้อย 1 แห่ง อย่างน้อย 3 แห่ง
การละลายน�้า ไม่ละลาย ไม่ละลาย ไม่ละลาย ไม่ละลาย
การละลายใน
ละลาย ละลาย ละลาย ละลาย
ตัวท�าละลายไม่มีขั้ว
แรงยึดเหนี่ยวระหว่าง
แรงลอนดอน แรงลอนดอน แรงลอนดอน แรงลอนดอน
โมเลกุล
จุดเดือด ต�่า ต�่าที่สุด สูง สูงมาก
ความหนาแน่น น้อยกว่าน�้า น้อยกว่าน�้า น้อยกว่าน�้า น้อยกว่าน�้า
การเผาไหม้ ไม่มีเขม่า มีเขม่า มีเขม่ามาก มีเขม่ามากที่สุด
การฟอกสี Br2
• ในที่มืด ไม่ฟอกสี ฟอกสี ฟอกสี ไม่ฟอกสี
• ในที่สว่าง ฟอกสี ฟอกสี ฟอกสี ไม่ฟอกสี
การฟอกสี KMnO4 ไม่ฟอกสี ฟอกสี ฟอกสี ไม่ฟอกสี
ปฏิกิริยากับ H2/Pt ไม่เกิด เกิด เกิด ไม่เกิด
T6
หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
ประเภทของสารประกอบอินทรีย์
ประเภทของ ชื่อสาร สูตรทั่วไป สมบัติทางกายภาพ
สารประกอบอินทรีย์ ประกอบอินทรีย์
สารประกอบอินทรีย์ • แอลกอฮอล์โมเลกุลเล็กจะละลายน�ำ้ ได้ดี
ที่มีธาตุออกซิเจน แอลกอฮอล์ R OH • จุดเดือดเพิ่มขึ้น เมื่อจ�ำนวนอะตอมของคาร์บอนเพิ่มขึ้น
เป็นองค์ประกอบ • แอลกอฮอล์ไม่เกิดปฏิกริ ยิ ากับ NaHCO3 แต่สามารถเกิดปฏิกริ ยิ ากับ
โลหะที่ว่องไว เช่น Na
OH • สมบัติของฟีนอลส่วนใหญ่แตกต่างจากแอลกอฮอล์
ฟีนอล • เป็นของแข็งที่อุณหภูมิห้อง มีจุดหลอมเหลว 41 ํC
• เป็นไอโซเมอร์โครงสร้างกับแอลกอฮอล์และฟีนอล
อีเทอร์ R O R′ • จดุ เดือดใกล้เคียงกับแอลเคนทีม่ ขี นาดโมเลกุลใกล้เคียงกัน แต่จดุ เดือดต�ำ่
กว่าแอลกอฮอล์
• อีเทอร์ที่มีมวลโมเลกุลน้อยละลายน�ำ้ ได้บ้าง
• แอลดีไฮด์โมเลกุลเล็กจะละลายน�ำ้ ได้ดี
O • จุดเดือดเพิม่ ขึน้ ตามจ�ำนวนอะตอมของคาร์บอน
แอลดีไฮด์
R C H • หมู่คาร์บอกซาลดีไฮด์ของแอลดีไฮด์จะท�ำปฏิกิริยากับสารละลาย
เบเนดิกส์ได้ตะกอนสีส้มของ Cu2O
O • คีโตนโมเลกุลเล็กจะละลายน�ำ้ ได้ดี
คีโตน
R C R′ • จุดเดือดเพิ่มขึ้นตามจ�ำนวนอะตอมของคาร์บอน
• จัดเป็นกรดอ่อน โมเลกุลเล็กจะละลายน�ำ้ ได้ดี
O • จุดเดือดเพิ่มขึ้นตามจ�ำนวนอะตอมของคาร์บอน
กรดคาร์บอกซิลิก • กรดคาร์บอกซิลกิ ท�ำปฏิกริ ยิ ากับแอลกอฮอล์ โดยมีสารละลาย H2SO4
R C OH เข้มข้นเป็นตัวเร่งปฏิกริ ยิ าจะได้เอสเทอร์และน�ำ้ เป็นผลิตภัณฑ์เรียกว่า
ปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน
• กรดคาร์บอกซิลิกท�ำปฏิกิริยากับหมู่อะมิโนได้เอไมด์
• โมเลกุลเล็กจะละลายน�ำ้ ได้ดี
• จุดเดือดเพิ่มขึ้นตามจ�ำนวนอะตอมของคาร์บอน
O • เป็นไอโซเมอร์โครงสร้างกับกรดคาร์บอกซิลิก และมีจุดเดือดต�่ำกว่า
เอสเทอร์ R C O R′ กรดคาร์บอกซิลิก
• เอสเทอร์ได้จากปฏิกิริยาระหว่างกรดคาร์บอกซิลิกกับแอลกอฮอล์
เรียกว่า ปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน
• เอสเทอร์สามารถเกิดปฏิกริ ยิ าสะปอนนิฟเิ คชันเป็นปฏิกริ ยิ าไฮโดรลิซสิ
ทีส่ ภาวะเบส ได้เกลือของกรดคาร์บอกซิลกิ และแอลกอฮอล์เป็นผลิตภัณฑ์
สารประกอบอินทรีย์ เอมีนปฐมภูมิ (R NH2) • ละลายได้ทงั้ ในน�ำ้ และตัวท�ำละลายมีขวั้ เอมีนทีม่ ขี นาดเล็กจะละลายน�ำ้
ที่มีธาตุไนโตรเจน ได้ดี แต่การละลายลดลงเมื่อเอมีนมีขนาดใหญ่ขึ้น
R N R′
เอมีนทุติยภูม ิ (
H )
เป็นองค์ประกอบ เอมีน • จุดเดือดเพิ่มขึ้นตามจ�ำนวนอะตอมของคาร์บอน
R N R′
เอมีนตติยภูมิ ( ′′ )
R
สารประกอบอินทรีย์ O H • เอไมด์โมเลกุลเล็กจะละลายในน�้ำได้ แต่การละลายน�้ำจะลดลง
ที่มีธาตุออกซิเจน (
เอไมด์ปฐมภูมิ R C N
H ) เมื่อจ�ำนวนอะตอมของคาร์บอนเพิ่มขึ้น
และธาตุไนโตรเจน O • มีสมบัติเป็นกลาง
R′
เป็นองค์ประกอบ เอไมด์
(
เอไมด์ทุติยภูมิ R C N
H ) • จุดเดือดเพิ่มขึ้นตามจ�ำนวนอะตอมของคาร์บอน
• เตรียมได้จากปฏิกิริยาระหว่างกรดคาร์บอกซิลิกกับแอมโมเนีย
O R′ หรือเอมีนที่อุณหภูมิสูง
(
เอไมด์ตติยภูมิ R C N )
R′′
• สามารถเกิดปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสได้ทั้งในสภาวะกรดและเบส
T7
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
เคมีอนิ ทรีย
การใชความรูเ ดิมฯ (Prior Knowledge)
1. นักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการ หนวยการเรียนรู้ที่
เรียนรูที่ 1 เคมีอินทรีย
2. นักเรียนทํา Check for Understanding จาก
หนั ง สื อ เรี ย นรายวิ ช าเพิ่ ม เติ ม วิ ท ยาศาสตร
และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 เพื่อตรวจสอบ
ความเขาใจของตนเองกอนเรียน
1
ผลิตภัณฑต่าง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจ�าวันและที่อยู่รอบตัวเรา รวมทั้งร่างกายมนุษย์และสัตว์ จะมี
ธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบ นักวิทยาศาสตร์จงึ เชือ่ ว่า สารทีม่ ธี าตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบจะได้
3. ครู ท บทวนความรู เ ดิ ม ของนั ก เรี ย น โดยให จากสิง่ มีชวี ติ เท่านัน้ และเรียกสารเหล่านีว้ า่ สารประกอบอินทรีย ์ แต่ในปัจจุบนั สามารถสังเคราะห์
นักเรียนจับคูรูปภาพของธาตุที่สามารถสราง สารประกอบอินทรีย์ขึ้นเองได้ในห้องปฏิบัติการ
พันธะโคเวเลนตได และนํารูปภาพไปติดบน
กระดาน พรอมทั้งบอกวา เกิดพันธะเดี่ยว นํ้าส้มสายชูแท้กับนํ้าส้มสายชูปลอม
แตกตางกันอยางไร
พันธะคู หรือพันธะสาม
4. ถามคําถาม
• สารประกอบอินทรียเกี่ยวของกับการสราง
พันธะของธาตุคารบอนอยางไร
( แนวตอบ สารประกอบอิ น ทรี ย เป น สาร
ประกอบที่มีธาตุคารบอนเปนองคประกอบ
และธาตุคารบอนสามารถเกิดพันธะโคเวเลนต
ไดกับธาตุคารบอนหรือธาตุอื่นๆ เชน ธาตุ
ไฮโดรเจน ธาตุไนโตรเจน)
5. ครูถามคําถาม Big Question เพื่อกระตุน
ความสนใจของนักเรียน
Che�� fo r U n de r s t a n d i ng
ให้นักเรียนพิจารณาข้อความตามความเข้าใจของนักเรียนว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด
พันธะเคมีแบงออกเปน 3 ชนิด คือ พันธะโคเวเลนต พันธะไอออนิก และพันธะโลหะ
พันธะโคเวเลนตเกิดจากอะตอมหรือกลุมของอะตอมมาสรางพันธะกัน โดยอะตอมหรือกลุมของอะตอมหนึ่งใหอิเล็กตรอน
กลายเปนประจุบวก ในขณะที่อีกอะตอมหรือกลุมของอะตอมหนึ่งไดรับอิเล็กตรอน กลายเปนประจุลบ
ธาตุคารบอนและธาตุไฮโดรเจนยึดเหนี่ยวกันดวยพันธะโคเวเลนต
เมื่อธาตุคารบอนและธาตุไฮโดรเจนมาสรางพันธะกัน ธาตุคารบอนจะเสียอิเล็กตรอน และธาตุไฮโดรเจนจะรับอิเล็กตรอน
แนวตอบ Check for Understanding ธาตุคารบอนสามารถสรางพันธะไอออนิกกับธาตุไนโตรเจนและธาตุออกซิเจนได
T8
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
การใชความรูเ ดิมฯ (Prior Knowledge)
Key Question
สารประกอบอินทรีย 1. สารประกอบอินทรีย์ 6. ถามคําถาม Key Question
คืออะไร และสิ่งใด - สารประกอบอินทรียคืออะไร และสิ่งใดใช
สารประกอบอินทรีย์ (organic compound) หมายถึง
ใชระบุประเภทของ
สารประกอบที่มีธาตุคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลัก และอาจ ระบุประเภทของสารประกอบอินทรีย
สารประกอบอินทรีย
ประกอบด้วยธาตุอื่น ๆ เช่น H O N S อาจเกิดจากสิ่งมีชีวิต
หรือเกิดจากการสังเคราะห์ขึ้น ตัวอย่างของสารประกอบอินทรีย์ เช่น สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ขัน้ สอน
กรดอินทรีย์ แอลกอฮอล์ เอสเทอร์ แอลดีไฮด์ คีโตน รู (Knowing)
สารประกอบอินทรีย์ส่วนใหญ่เป็นสารโคเวเลนต์ที่มีธาตุคาร์บอนและธาตุไฮโดรเจนเป็น 1. ครูเตรียมรูปภาพสารเคมีตา งๆ ในชีวติ ประจําวัน
องค์ประกอบหลัก โดยธาตุคาร์บอนสามารถเกิดพันธะโคเวเลนต์ได้ โดยใช้อเิ ล็กตรอนร่วมกันตัง้ แต่ ทัง้ ทีเ่ ปนสารประกอบอินทรียแ ละสารประกอบ
1 คู่ 2 คู่ หรือ 3 คู่ เกิดเป็นพันธะเดี่ยว พันธะคู่ และพันธะสาม ตามล�าดับ อนินทรีย เชน แอลกอฮอลลา งแผล นํา้ สมสายชู
นํ้ายาลางหองนํ้า สบู นํ้ามันพืช เกลือแกง ดาง
พันธะเดี่ยว พันธะคู่ พันธะสาม
ทับทิม แลวใหนักเรียนระบุวา สารใดเปน
H H H
C C H C C H สารประกอบอินทรีย สารใดเปนสารประกอบ
H C H
H H H อนินทรีย
H O H H H Cl
H C C C H N C H H C Cl
H H H H Cl
C hemistry
Focus สมบัติของสารประกอบอินทรีย
สารประกอบอินทรีย์ส่วนใหญ่เป็นสารประกอบโคเวเลนต์ จึงมีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวต�่า แนวตอบ Key Question
ยกเว้นสารประกอบอินทรีย์ประเภทพอลิเมอร์บางชนิดจะมีจุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง สารประกอบ
อินทรีย์มีท้ังที่ละลายน�้าได้และไม่ละลายน�้า เมื่อติดไฟจะได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์หรือเขม่าด�า สารประกอบอินทรีย คือ สารประกอบที่มี
เป็นผลิตภัณฑ์ คารบอนเปนองคประกอบหลัก และประเภทของ
เคมีอินทรีย์ 3
สารประกอบอินทรียระบุไดจากหมูฟงกชัน เชน
หมูฟงกชันไฮดรอกซิล (-OH) เปนประเภทของ
สารประกอบแอลกอฮอล
กิจกรรม ทาทาย
ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3 คน แลวรวมกันศึกษา
และคนควาเพิ่มเติมจากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน หองสมุด
อิ น เทอร เ น็ ต เกี่ ย วกั บ สารประกอบอิ น ทรี ย แ ละสารประกอบ
อนินทรีย ในหัวขอตอไปนี้
• ธาตุที่เปนองคประกอบ
• สมบัติของสารประกอบ
แลวสรุปเปนใบความรูสงครูผูสอน
T9
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
2. เมื่อนักเรียนสามารถระบุไดวา สารประกอบ 1.1 การเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์
อิ น ทรี ย มี ลั ก ษณะอย า งไร ครู ใ ห นั ก เรี ย นดู สูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรียเ์ ป็นสูตรทีแ่ สดงการจัดเรียงอะตอมของธาตุองค์ประกอบ
รู ป ภาพโครงสร า งของสารประกอบอิ น ทรี ย ในโมเลกุลของสารนั้น 1 โมเลกุ
1 ล ซึ่งสามารถเขียนได้หลายแบบ ดังนี้
โดยประกอบไปดวยสูตรโครงสรางแบบลิวอิส 1. สูตรโครงสร้างลิวอิส (lewis structure) เป็นสูตรโครงสร้างทีใ่ ช้เส้นหรือจุดแทนอิเล็กตรอน
สูตรโครงสรางแบบยอ และสูตรโครงสราง วงนอกสุดของอะตอมของธาตุทมี่ าสร้างพันธะกัน ซึง่ เส้น 1 เส้น จะแทนอิเล็กตรอน 2 ตัว หรือ 1 คู่
แบบเสนและมุม แลวใหนักเรียนบอกวา สูตร
โครงสรางแตละแบบมีจุดใดบางที่เหมือนกัน C2H6 เขียนเป็น CH3Cl เขียนเป็น
จุดใดบางทีต่ า งกัน และใหนกั เรียนวิเคราะหวา H H H
H H H
โครงสรางแตละแบบแตกตางจากสูตรโมเลกุล H C C H หรือ H C C H H C Cl หรือ H C Cl
อยางไร ใชสัญลักษณใดแทนอะไรบาง H H H H H H
ซ�้ำกัน 4 กลุ่ม
CH3(CH2)4CH3
T10
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
3. สูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม (line-angle formula) เป็นสูตรที่แสดงโครงสร้างตาม 3. ครูยกตัวอยางสูตรโครงสรางแบบลิวอิส สูตร
ลักษณะการจัดเรียงตัวของอะตอมใน 3 มิติ โดยใช้เส้นตรงแทนโซ่ของคาร์บอน ถ้ามีจ�านวน โครงสรางแบบยอและสูตรโครงสรางแบบเสน
คาร์บอนต่อกันมากกว่า 2 อะตอม ให้ใช้เส้นต่อกันแบบซิกแซ็กแทนโซ่ของคาร์บอนทีป่ ลายเส้นตรง และมุมของสารประกอบอินทรียท ปี่ ระกอบดวย
และทีแ่ ต่ละมุมของโซ่ หมายถึง อะตอมของคาร์บอนทีต่ อ่ อยูก่ บั ไฮโดรเจนในจ�านวนทีท่ า� ให้อะตอม ธาตุคารบอนกับธาตุไฮโดรเจน หรือธาตุคารบอน
ของคาร์บอนมีเวเลนซ์อเิ ล็กตรอนครบแปด ถ้าในโมเลกุลมีหมูอ่ ะตอมแยกออกมาจากโซ่ของคาร์บอน ไฮโดรเจน และธาตุออกซิเจน หรือธาตุคารบอน
ให้ลากเส้นต่อออกมาจากมุมของโซ่และให้จุดตัดของเส้นแทนอะตอมของคาร์บอน ตัวอย่างเช่น ธาตุไฮโดรเจน และธาตุไนโตรเจน แลวให
นักเรียนบอกวา มีวิธีการเขียนสูตรโครงสราง
CH2 CH3
(CH3)3CCH2CH(CH2CH3)2 CH3 CH CH CH CH3 ที่แตกตางกันอยางไร
เขียนเป็น เขียนเป็น
เขียนเป็น เขียนเป็น
N
H
H H. O. T. S.
H C H คําถามทาทายการคิดขั้นสูง
C C สารประกอบ
C C C อินทรีย์ที่มี
H H
H โมเลกุลขนาด
ใหญ่ หรือมีโครงสร้างแบบวง
เขียนเป็น ควรเขียนแสดงด้วยสูตร
โครงสร้างแบบใด เพราะเหตุใด
แนวตอบ H. O. T. S.
เคมีอินทรีย์ 5
สูตรโครงสรางแบบเสนและมุม เนือ่ งจากเขียน
ไดสะดวกและรวดเร็วกวาสูตรโครงสรางแบบอืน่ ๆ
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
4. นักเรียนศึกษาความแตกตางของโครงสราง การเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ที่พบในชีวิตประจ�าวันบางชนิด
ของสารประกอบอิ น ทรี ย จ ากหนั ง สื อ เรี ย น
สูตรโครงสร้างลิวอิส
รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
เคมี ม.6 เลม 1 หรือจาก PowerPoint H H H H
5. นักเรียนรวมกันวิเคราะหและสรุปความแตกตาง H C C C C H
H H H H
ของการเขียนสูตรโครงสรางของสารประกอบ
อินทรียแตละแบบ สูตรโครงสร้างแบบย่อ
สูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม
C4H10
(บิวเทน)
สูตรโครงสร้างลิวอิส
H O
H C C
H OH
สูตรโครงสร้างแบบย่อ
CH3COOH
สูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม
O C2H4O2
OH (กรดแอซีติก)
ขอสอบเนน การคิด
จงเขียนสูตรโครงสรางแบบยอของโมเลกุลตอไปนี้ (วิเคราะหคําตอบ
สูตรโครงสรางแบบยอของโครงสราง ก. คือ
H H H H H H H H H H H
CH3(CH2)3CH3
H C C C C C H H C C C C C C H
H H H H H H H H H สูตรโครงสรางแบบยอของโครงสราง ข. คือ
โครงสราง ก. โครงสราง ข. CH3(CH2)2CH CHCH3
สูตรโครงสรางแบบยอของโครงสราง ค. คือ
H CH3(CHCH3)2CH3
H C H H H H H
H H H H C C C C C H สูตรโครงสรางแบบยอของโครงสราง ง. คือ
H C C C C H H H H (CH3)2C CHCH2CH3)
H H H H C H
H C H H
H
โครงสราง ค. โครงสราง ง.
T12
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
สูตรโครงสร้างลิวอิส
6. นั ก เรี ย นร ว มกั น สํ า รวจและยกตั ว อย า งสาร
H H ประกอบอินทรียที่มีพันธะเดี่ยว พันธะคู และ
H C C O H พันธะสาม ที่พบในชีวิตประจําวัน และบอก
H H สู ต รโครงสร า งแบบลิ ว อิ ส สู ต รโครงสร า ง
แบบยอ และสูตรโครงสรางแบบเสนและมุม
สูตรโครงสร้างแบบย่อ
ของสารประกอบอินทรีย
CH3CH2OH
สูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม
C2H6O
(เอทานอล) OH
สูตรโครงสร้างลิวอิส
H H H H H H
H C C C C C C H
H H H H H H
สูตรโครงสร้างแบบย่อ
CH3CH2CH2CH2CH2CH3
สูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม
C6H14
(เฮกเซน)
เคมีอินทรีย์ 7
ขอสอบเนน การคิด
จงเขียนสูตรโครงสรางแบบเสนและมุมของโมเลกุลตอไปนี้
CH3 H H H H H
CH3 CH2 CH3
CH3 C CH3 H C C C C C H
H3C C CH CH2 OH CH3 CH CH CH CH3
CH3 H H H
โครงสราง ก. โครงสราง ข. โครงสราง ค. โครงสราง ง.
สูตรโครงสรางแบบเสนและมุมของโครงสราง ข. คือ
สูตรโครงสรางแบบเสนและมุมของโครงสราง ค. คือ OH
สูตรโครงสรางแบบเสนและมุมของโครงสราง ง. คือ )
T13
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
7. ถามคํ า ถามว า C 6H 14 สามารถเขี ย นสู ต ร สูตรโครงสร้างลิวอิส
โครงสรางลิวอิส สูตรโครงสรางแบบยอ สูตร H O H
โครงสรางแบบเสนและมุมไดอยางไร H C C C H
(แนวตอบ สูตรโครงสรางลิวอิส เปนดังนี้ H H
H H H H H H สูตรโครงสร้างแบบย่อ
H C C C C C C H
H H H H H H
CH3COCH3 หรือ (CH3)2CO
สูตรโครงสรางแบบยอ เปนดังนี้ CH3(CH2)4CH3
สูตรโครงสรางแบบเสนและมุม เปนดังนี้
สูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม
) C3H6O O
(แอซีโตน)
CH2O
(ฟอรมาลดีไฮด)
T14
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
ขอสอบเนน การคิด
จงเขียนสูตรโครงสรางลิวอิสของโมเลกุล 3 มิติ ดังนี้ (วิเคราะหคําตอบ
สูตรโครงสรางลิวอิสของโครงสราง ก. เปนดังนี้
H H
H C O C H
H H
สูตรโครงสรางลิวอิสของโครงสราง ข. เปนดังนี้
H H
โครงสราง ก. โครงสราง ข. H
H C C N )
H
เมื่อกําหนดให ลูกสีดํา = อะตอมของคารบอน H H
ลูกสีขาว = อะตอมของไฮโดรเจน
ลูกสีแดง = อะตอมของออกซิเจน
และลูกสีฟา = อะตอมของไนโตรเจน
T15
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
1. นักเรียนและครูรว มกันสรุปความรูเ กีย่ วกับสาร
ประกอบอินทรียและการเขียนสูตรโครงสราง สูตรโครงสร้างลิวอิส แบบจําลองโมเลกุล 3 มิติ
ของสารประกอบอินทรีย
2. นั ก เรี ย นแต ล ะคนนํ า ข อ สรุ ป ที่ ไ ด ม าเขี ย น H H
เรียบเรียงเปนองคความรูของตนเอง พรอม C C
H C C H
ยกตัวอยางประกอบองคความรูนั้น C C
H H
ขัน้ ประเมิน C6H6 (เบนซีน)
1. ครูประเมินความรู เรือ่ ง พันธะและการเขียนสูตร
โครงสรางของสารประกอบอินทรีย โดยสังเกต
พฤติกรรมการตอบคําถาม การทําแบบฝกหัด
และการทําใบงาน เรื่อง สูตรโครงสรางของ H C C H
สารประกอบอินทรีย และเรื่อง การเขียนสูตร
โครงสรางของสารประกอบอินทรีย C2H2 (อีไทน)
2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ
สั ง เกตพฤติ ก รรมการทํ า งานรายบุ ค คล
พฤติกรรมการทํางานกลุม จากการทํากิจกรรม
เรื่อง การจัดเรียงโครงสรางของสารประกอบ H H
อินทรีย โดยใชแบบจําลองโมเลกุล 3 มิติ และ C C
H H
กิ จ กรรมสื บ ค น ข อ มู ล เกี่ ย วกั บ สารประกอบ
อินทรียที่พบในชีวิตประจําวัน
3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ
C2H4 (อีทีน)
ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต
พฤติกรรมของนักเรียน
H
H C O H
H
CH3OH (เมทานอล)
10
T16
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ไอโซเมอร เคมีอินทรีย์ 11
www.aksorn.com/interactive3D/RNC1B
ไอโซเมอร
www.aksorn.com/interactive3D/RKC1B
กิจกรรม ทาทาย
นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5-6 คน แตละกลุมเตรียมโจทย
เกี่ยวกับสูตรโมเลกุลของสารประกอบอินทรีย แลวใหเพื่อนกลุม
อื่นๆ เขียนโครงสรางที่เปนไปไดของสารนั้น
T17
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
กําหนดขอบเขตของปญหา
2. นั ก เรี ย นดู แ บบจํ า ลองโมเลกุ ล 3 มิ ติ ของ สารประกอบที่มีสูตรโมเลกุลเป็น C5H8 จะมีไอโซเมอร์ได้ทั้งหมด 30 ไอโซเมอร์ ซึ่งต่อไปนี้
สารประกอบ C4H10 ที่สามารถตอได 2 แบบ นักเรียนจะได้ศึกษาตัวอย่างการเขียนไอโซเมอร์ของสารประกอบที่มีสูตรโมเลกุล C5H8 จ�านวน
แลวพิจารณาวา เพราะเหตุใดสารประกอบ 11 ไอโซเมอร์
CH3
C4H10 จึงสามารถตอแบบจําลองโมเลกุล 3 มิติ
ไดทั้ง 2 แบบ แลวโครงสรางทั้ง 2 แบบ มีผล H3C CH3
C5H8 CH3
ตอสมบัติของสารหรือไม H3C CH3 CH3
H H H H H3C CH3
H C C C C H
H H H H CH3
H CH C CH CH3
H C H CH C CH2 CH2 CH3 CH3 C C CH2 CH3
H H H CH3
H C C C H
H H H จะเห็นได้ว่า การเปลี่ยนโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์ที่มีสูตรโมเลกุลเหมือนกัน จาก
โครงสรางของสารประกอบ C4H10 โซ่ตรงเป็นโซ่กิ่ง และจากโซ่เปดเป็นแบบวง รวมทั้งการเปลี่ยนต�าแหน่งของพันธะคู่ พันธะสาม
ระหว่างอะตอมของคาร์บอน จะท�าให้เกิดโครงสร้างใหม่ซึ่งต่างก็เป็นไอโซเมอร์กัน ดังนั้น การเกิด
ไอโซเมอร์จึงนับว่าเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ท�าให้มีสารประกอบอินทรีย์เกิดขึ้นเป็นจ�านวนมาก
ลักษณะส�าคัญของไอโซเมอร์ มีดังนี้
• สารประกอบอินทรีย์ที่เป็นไอโซเมอร์กัน จะมีสมบัติบางประการแตกต่างกัน เช่น จุดเดือด
จุดหลอมเหลว ความหนาแน่น
แนวตอบ Concept Question • ไอโซเมอร์ ข องสารประกอบอิ น ทรี ย ์ ที่ ค าร์ บ อนต่ อ กั น เป็ น โซ่ ย าว จะมี จุ ด เดื อ ดและ
C5H10 มีโครงสรางที่เปนไปได 6 แบบ คือ จุดหลอมเหลวสูงกว่าไอโซเมอร์ของสารประกอบอินทรียท์ ค่ี าร์บอนต่อกันเป็นโซ่กงิ่ เพราะไอโซเมอร์
1) CH2 CH CH2 CH2 CH3 ทีค่ าร์บอนต่อกันเป็นโซ่ยาวจะมีแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล หรือแรงแวนเดอร์วาลส์สงู กว่าไอโซเมอร์
ของสารประกอบอินทรีย์ที่คาร์บอนต่อกันเป็นโซ่กิ่ง
2) CH3 CH CH CH2 CH3 หลักในการเขียนไอโซเมอร์ คือ ให้พิจารณาจากสูตรโมเลกุลก่อนว่าเป็นสารประเภทใด
CH3 เมื่อทราบว่าเป็นสารประเภทใดแล้ว จึงน�ามาเขียนเป็นไอโซเมอร์ ในกรณีที่โซ่เปด มักจะเริ่มเขียน
3) CH2 CH CH CH3 ไอโซเมอร์จากตัวที่มีคาร์บอนต่อกันเป็นสายตรงยาวที่สุดก่อน หลังจากนั้นจึงลดความยาวของ
CH3 คาร์บอนสายตรงลงครัง้ ละอะตอม ในกรณีทเี่ ป็น Con���t Q�e����n
4) CH2 C CH2 CH3 ไฮโดรคาร์บอนแบบวงมักจะเริม่ จากวงขนาดเล็ก เขียนสูตรโมเลกุลของสารประกอบอินทรีย
CH3 ก่อน คือ เริ่มจากคาร์บอน 3 อะตอม แล้วจึง C5H10 ที่เปนไปไดทั้งหมด
5) CH3 CH C CH3 เพิ่มจ�านวนคาร์บอนครั้งละอะตอม ตามล�าดับ
12
6)
ขอสอบเนน การคิด
สาร C4H8 มีโครงสรางที่เปนไปไดทั้งหมดกี่แบบ
1. 4 แบบ 2. 5 แบบ 3. 6 แบบ
4. 7 แบบ 5. 8 แบบ
(วิเคราะหคําตอบ C4H8 มีโครงสรางที่เปนไปไดทั้งหมด 5 แบบ คือ
1) CH3 CH2 CH CH2 5) CH3
2) CH3 CH CH CH3 CH
H2C CH2
3) CH3 C CH2
CH3 ดังนั้น ตอบขอ 2.)
4) CH2 CH2
CH2 CH2
T18
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
แสดงและอธิบายทฤษฎี หลักการ
1.3 หมูฟงก์ชัน 1. ครูเตรียมรูปโครงสรางของสารประกอบตางๆ
สารประกอบอินทรีย์แต่ละชนิดอาจมีสมบัติและการเกิดปฏิกิริยาที่เหมือนหรือแตกต่างกัน แลวใหนักเรียนพิจารณาวา สารประกอบนั้น
เพราะเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ให้ศึกษาจากการทดลองต่อไปนี้ สามารถเขียนโครงสรางแบบอื่นๆ ไดหรือไม
2. นักเรียนศึกษาเกีย่ วกับไอโซเมอริซมึ จากหนังสือ
เรียนรายวิชาเพิม่ เติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
การทดลอง ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์ เคมี ม.6 เลม 1
• การสังเกต
สมบัติบางประการของเอทานอลและกรดแอซีติก • การทดลอง 3. ครูถามนักเรียนตอวา สารไอโซเมอรทมี่ โี ครงสราง
• การลงความเห็นจากข้อมูล
แตกตางกัน แตสูตรโมเลกุลเหมือนกัน จะมี
จิตวิทยาศาสตร์
• ความสนใจใฝรู้ สมบั ติ แ ตกต า งกั น หรื อ ไม ถ า แตกต า งกั น
จุดประสงค์ • ความรอบคอบ
โครงสรางสวนใดที่ทําใหสารประกอบนั้นมี
เพื่อศึกษาสมบัติบางประการของเอทานอลและกรดแอซีติก สมบัติแตกตางกัน
วัสดุอปุ กรณ์และสารเคมี 4. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5-6 คน ทําการ
ทดลอง เรือ่ ง สมบัตบิ างประการของเอทานอล
1. คีมคีบ 10. น�้ากลั่น
2. หลอดหยด 11. กระบอกตวง และกรดแอซีติก โดยศึกษาการทําการทดลอง
3. โลหะโซเดียม (Na) 12. กระจกนาฬิกา ไดในหนังสือเรียนรายวิชาเพิม่ เติมวิทยาศาสตร
4. จุกที่มีหลอดน�าแก๊ส 13. แท่งแก้วคนสาร และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1
5. เอทานอล (C2H5OH) 14. สารละลายแคลเซียมไฮดรอกไซด์ (Ca(OH)2)
6. หลอดทดลองขนาดเล็ก 15. สารละลายโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต (NaHCO3)
7. หลอดทดลองขนาดกลาง
8. กรดแอซีติก (CH3COOH)
9. กระดาษลิตมัสสีแดงและสีน�้าเงิน
วิธกี ารทดลอง
1. ใส่เอทานอล 10 หยด ในหลอดทดลองขนาดเล็ก 2. น�าเอทานอลไปทดสอบด้วยกระดาษลิตมัสสีแดง
แล้วเติมน�้ากลั่นลงไป 10 หยด จากนั้นเขย่า และสีน�้าเงิน สังเกตการเปลี่ยนแปลง
แล้วสังเกตการละลาย
น�้ากลั่น
C2H5OH
เคมีอินทรีย์ 13
ขอสอบเนน การคิด
สารคูใดตอไปนี้เปนไอโซเมอรกัน O
ก. CH3(CH2)3CHO และ (CH3CH2)2CO ข. CH3CH2CO(CH2)2CH3 และ
ค. CH3 CH2
CH3 CH2 CH CH3 และ CH3 CH2 CH CH2 CH3
CH3
1. ขอ ก. เทานั้น 2. ขอ ข. เทานั้น 3. ขอ ค. เทานั้น
4. ขอ ก. และขอ ข. 5. ขอ ข. และขอ ค.
(วิเคราะหคาํ ตอบ ขอ ก. เปนไอโซเมอรกนั เนือ่ งจากมีสตู รโครงสรางตางกัน แตมสี ตู รโมเลกุล C5H10O เหมือนกัน
ขอ ข. เปนไอโซเมอรกนั เนือ่ งจากมีสตู รโครงสรางตางกัน แตมสี ตู รโมเลกุล C6H12O เหมือนกัน
ขอ ค. ไมเปนไอโซเมอรกัน เนื่องจากเปนสารชนิดเดียวกัน
ดังนั้น ตอบขอ 4.)
T19
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
แสดงและอธิบายทฤษฎี หลักการ
5. นักเรียนแตละกลุมสงตัวแทนออกมารายงาน 3. คีบโลหะโซเดียมขนาดเท่าเมล็ดถั่วเขียวมา 1 ชิ้น 4. เติมสารละลายโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตเข้มข้น
ผลการทดลอง นักเรียนรวมกันอภิปรายผลการ แล้วซับน�า้ มันให้แห้ง จากนัน้ ใส่ลงในหลอดทดลอง 0.5 mol/dm3 จ�านวน 2 cm3 ลงในหลอดทดลอง
ทดลอง เพื่อใหไดผลการทดลองที่ถูกตอง ขนาดเล็กที่มีเอทานอลอยู่ 0.5 cm3 สังเกตการ ขนาดกลางทีม่ เี อทานอลอยู ่ 2 cm3 จากนัน้ ปิดด้วย
6. ครูสุมนักเรียนออกมาสรุปผลการทดลองและ เปลี่ยนแปลง จุกที่มีหลอดน�าแก๊สซึ่งต่อลงไปในหลอดทดลอง
ที่มีสารละลายแคลเซียมไฮดรอกไซด์อยู่ 2 cm3
อภิปรายผลการทดลองหนาชั้นเรียน โดยควร
แล้วสังเกตการเปลี่ยนแปลง
ไดผลการทดลอง ดังนี้
เอทานอลและกรดแอซีตกิ มีสว นของโครงสราง
โมเลกุลที่แตกตางกัน นั่นคือ เอทานอลมีหมู NaHCO3
โลหะโซเดียม
ไฮดรอกซิล ( OH) และกรดแอซีติกมีหมูคาร
O
บอกซิล ( C OH) จากการทดลองพบวา
การทดลองที่ 1 เอทานอลเกิดปฏิกิริยากับ C2H5OH C2H5OH
โลหะโซเดียม ในขณะที่กรดแอซีติกไมเกิด Ca(OH)2
ปฏิกริ ยิ า แสดงวาหมูไ ฮดรอกซิลในโมเลกุลของ
เอทานอลเปนสวนของโครงสรางทีแ่ สดงสมบัติ 5. ท�าการทดลองเช่นเดียวกับข้อ 1.-4. แต่เปลี่ยนมาใช้กรดแอซีติกแทนเอทานอล
เฉพาะของเอทานอล ในขณะที่การทดลองที่ 2
กรดแอซีติกเกิดปฏิกริ ิยากับโซเดียมไฮโดรเจน ค�าถามท้ายการทดลอง
?
คารบอเนต แตเอทานอลไมเกิดปฏิกริ ยิ า แสดงวา
หมูค ารบอกซิลเปนสวนโครงสรางทีแ่ สดงสมบัติ เอทานอลและกรดแอซีติกมีสมบัติเหมือนหรือแตกต่างกัน อย่างไร
เฉพาะของกรดแอซีติก
อภิปรายผลการทดลอง
เอทานอลและกรดแอซีติกสามารถละลายน�้าได้ เมื่อน�ามาทดสอบด้วยกระดาษลิตมัสสีแดงและสีน�้าเงิน
พบว่า เอทานอลไม่เปลี่ยนสีกระดาษลิตมัส แต่กรดแอซีติกเปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากสีน�้าเงินไปเป็นสีแดง
เมื่อน�าเอทานอลและกรดแอซีติกมาท�าปฏิกิริยากับโลหะโซเดียมจะมีแก๊สเกิดขึ้น แต่กรดแอซีติกจะเกิด
ปฏิกิริยาได้ดีกว่า เมื่อน�าเอทานอลและกรดแอซีติกมาท�าปฏิกิริยากับโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต พบว่า
กรดแอซีตกิ เท่านัน้ ทีเ่ กิดปฏิกริ ยิ า ซึง่ จะมีแก๊สเกิดขึน้ และเมือ่ ผ่านแก๊สนีไ้ ปท�าปฏิกริ ยิ ากับแคลเซียมไฮดรอกไซด์
จะมีตะกอนสีขาวเกิดขึ้น
14
ขัน้ สอน
แสดงและอธิบายทฤษฎี หลักการ
จากการทดลอง พบว่า 7. ครูใหนักเรียนเลนเกม จับคูหมูฟงกชัน โดยครู
• เอทานอลและกรดแอซีติกเป็นโมเลกุลมีขั้ว เนื่องจากสามารถละลายในน�้าได้ดี เตรียมแผนปายหมูฟงกชันและประเภทของ
• เอทานอลมีสมบัติเป็นกลาง เพราะไม่เปลี่ยนสีกระดาษลิตมัส ส่วนกรดแอซีติกมีสมบัติ สารประกอบติดบนกระดานดํา แลวใหนกั เรียน
เป็นกรด เพราะเปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากสีน�้าเงินเป็นสีแดง แตละกลุม ชวยกันเปดแผนปายจับคูห มูฟ ง กชนั
• เอทานอลและกรดแอซีติกสามารถท�าปฏิกิริยากับโลหะโซเดียมได้ และเกิดแก๊สไฮโดรเจน กลุมไหนใชเวลานอยที่สุดจะไดคะแนนพิเศษ
เป็นผลิตภัณฑ์ โดยปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ดังนี้
ขัน้ สรุป
2C2H5OH + 2Na 2C2H5ONa + H2 ตรวจสอบและสรุป
เอทานอล โลหะโซเดียม โซเดียมเอทอกไซด์ แก๊สไฮโดรเจน
1. นักเรียนทําใบงาน เรือ่ ง หมูฟ ง กชนั แลวออกมา
2CH3COOH + 2Na 2CH3COONa + H2 นําเสนอผลการทําใบงานหนาชั้นเรียน
กรดแอซีติก โลหะโซเดียม โซเดียมแอซีเตต แก๊สไฮโดรเจน 2. นักเรียนแตละกลุมรวมกันสรุปความรู เรื่อง
ไอโซเมอริ ซึ ม และหมู ฟ ง ก ชั น ในกระดาษ
• เอทานอลไม่ท�าปฏิกิริยากับโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต แต่กรดแอซีติกท�าปฏิกิริยา ฟลิปชารต แลวติดในชั้นเรียน
กับโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต เกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์เป็นผลิตภัณฑ์ เมื่อน�าแก๊ส 3. นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ ม ศึ ก ษาและสรุ ป ความรู ท่ี
คาร์บอนไดออกไซด์ไปท�าปฏิกิริยากับแคลเซียมไฮดรอกไซด์ จะเกิดตะกอนของแคลเซียม เพื่อนติดไวในชั้นเรียน
คาร์บอเนต โดยปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ดังนี้ 4. นักเรียนแตละคนเขียนสรุปความรูในรูปแบบ
ของผังมโนทัศนลงในกระดาษ A4 สงครูผสู อน
CH3COOH + NaHCO3 CH3COONa + H2O + CO2
กรดแอซีติก โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต โซเดียมแอซีเตต น�้า แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์
เคมีอินทรีย์ 15
ขอสอบเนน การคิด
ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับการทดลองสมบัติบางประการของเอทานอลและกรดแอซีติก
1. เอทานอลมีสมบัติเปนกลาง สวนกรดแอซีติกมีสมบัติเปนกรด
2. เอทานอลและกรดแอซีติกมีหมูอะตอมที่แสดงสมบัติเฉพาะแตกตางกัน
3. เอทานอลและกรดแอซีติกเปนโมเลกุลมีขั้ว จึงละลายไดดีในตัวทําละลายอินทรีย
4. เอทานอลทําปฏิกิริยากับโลหะโซเดียมไดผลิตภัณฑเปนโซเดียมเอทอกไซดกับแกสไฮโดรเจน
5. กรดแอซีติกเทานั้นที่ทําปฏิกิริยากับโซเดียมไฮโดรเจนคารบอเนตไดผลิตภัณฑเปนแกสคารบอนไดออกไซด
(วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. ถูกตอง เอทานอลมีสมบัติเปนกลาง เพราะไมเปลี่ยนสีกระดาษลิตมัส สวนกรดแอซีติกมีสมบัติเปนกรด เพราะเปลี่ยนสี
กระดาษลิตมัสจากสีนํ้าเงินไปเปนสีแดง
ขอ 2. ถูกตอง เอทานอลมีหมูไฮดรอกซิลเปนสวนที่แสดงสมบัติเฉพาะ สวนกรดแอซีติกมีหมูคารบอกซิลเปนสวนที่แสดงสมบัติเฉพาะ
ขอ 3. ไมถูกตอง เอทานอลและกรดแอซีติกเปนโมเลกุลมีขั้ว จึงละลายไดดีในนํ้า แตไมละลายในตัวทําละลายอินทรีย
ขอ 4. ถูกตอง เอทานอลทําปฏิกิริยากับโลหะโซเดียมไดโซเดียมเอทอกไซด (C2H5ONa) เปนผลิตภัณฑ
ขอ 5. ถูกตอง กรดแอซีติกเทานั้นที่ทําปฏิกิริยากับโซเดียมไฮโดรเจนคารบอเนต เกิดแกสคารบอนไดออกไซดเปนผลิตภัณฑ
ดังนั้น ตอบขอ 3.)
T21
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
ฝกปฏิบตั ิ
5. ครูใหนกั เรียนรวมกลุม กันอีกครัง้ แลวใหแตละ เมื่อพิจารณาสูตรโครงสร้างของกรดแอซีติก พบว่า กรดแอซีติกสามารถท�าปฏิกิริยากับ
กลุม รวมกันตอบคําถาม ดังนี้ C2H6O สามารถ โซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนตได้และสามารถเปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากสีน�้าเงินเป็นสีแดงได้
เขียนสูตรโครงสรางได 2 แบบ ดังนี้ แสดงว่า กรดแอซีติกมีหมู่อะตอมที่แสดงสมบัติเฉพาะแตกต่างจากเอทานอล พบว่า ส่วนของ
O
H H H H โครงสร้างที่เกิดการเปลี่ยนแปลง คือ หมู่คาร์บอกซิล ( C OH ) แสดงว่า หมู่คาร์บอกซิลเป็น
H C C O H H C O C H หมู่อะตอมที่แสดงสมบัติเฉพาะของกรดแอซีติก รวมทั้งกรดคาร์บอกซิลิกอื่น ๆ
H H H H H H H O
แบบที่ 1 แบบที่ 2 H C C OH หมู่ไฮดรอกซิล H C C หมู่คาร์บอกซิล
H H H O H
จากโครงสรางของสาร เปนสารประกอบชนิด
เดียวกันหรือไม พรอมทั้งระบุหมูฟงกชันและ เอทานอล กรดแอซีติก
บอกชนิดของสารประกอบ หมู่อะตอมที่แสดงสมบัติเฉพาะในโมเลกุลของสารประกอบอินทรีย์ เรียกว่า หมู่ฟังก์ชัน
(แนวตอบ สารทั้งสองเปนสารตางชนิดกัน โดย (functional group) โดยหมู่ฟังก์ชันที่เป็นองค์ประกอบในสารประกอบนั้นจะเป็นสิ่งที่ก�าหนดสมบัติ
สูตรโครงสรางที่ 1 มีหมูไ ฮดรอกซิลเปนฟงกชนั และการเกิดปฏิกริ ยิ าของสารประกอบ ดังนัน้ จึงใช้หมูฟ่ งั ก์ชนั เป็นเกณฑ์ในการจ�าแนกสารประกอบ
จั ด เป น สารประกอบประเภทแอลกอฮอล อินทรียช์ นิดต่าง ๆ โดยตัวอย่างหมูฟ่ งั ก์ชนั และประเภทของสารประกอบอินทรียแ์ สดงดังตารางที ่ 1.1
สวนสูตรโครงสรางที่ 2 มีหมูอ อกซีเปนฟงกชนั
ตารางที่ 1.1 : หมู่ฟังก์ชันและประเภทของสารประกอบอินทรีย์
จัดเปนสารประกอบประเภทอีเทอร)
ชื่อของ ประเภทของ ตัวอย่าง
6. นักเรียนทํา Topic Questions ในหนังสือเรียน หมู่ฟังก์ชัน หมู่ฟังก์ชัน สารประกอบ โครงสร้างของสารประกอบ ชือ่ ของสารประกอบ
รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
H
เคมี ม.6 เลม 1 หนา 17 H C H
C C พันธะเดี่ยว แอลเคน มีเทน
H
H H
C C พันธะคู่ แอลคีน C C อีทีน
H H
H H
OH ไฮดรอกซิล แอลกอฮอล์ H C C O H เอทานอล
H H
H H H H
O แอลคอกซี อีเทอร์ H C C O C C H ไดเอทิลอีเทอร์
H H H H
16
T22
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
1. ครูประเมินความรู เรื่อง ไอโซเมอริซึมและหมู
ตารางที่ 1.1 : หมู่ฟังก์ชันและประเภทของสารประกอบอินทรีย์ (ต่อ) ฟงกชัน โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคําถาม
ตัวอย่าง การทําแบบฝกหัด และการทําใบงาน เรือ่ ง หมู
ชื่อของ ประเภทของ
หมู่ฟังก์ชัน หมู่ฟังก์ชัน สารประกอบ โครงสร้างของสารประกอบ ชือ่ ของสารประกอบ ฟงกชัน
H O 2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการสังเกต
O คาร์บอก-
พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล พฤติกรรม
C H ซาลดีไฮด์
แอลดีไฮด์ H C C H เอทานาล
H การทํางานกลุมจากการปฏิบัติกิจกรรมการ
H O H H
O คาร์บอนิล คีโตน H C C C C H เมทิล เอทิล คีโตน ทดลอง เรือ่ ง สมบัตบิ างประการของเอทานอล
C H H H และกรดแอซีติก
H O 3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ
O คาร์บอกซิล คาร์บอกซิลิก H C C OH กรดแอซีติก
C OH H ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต
H O H H พฤติกรรมของนักเรียน
O แอลคอกซี-
เอสเทอร์ H C C O C C H เอทิลแอซีเตต
C O คาร์บอนิล
H H H
H H H H
N อะมิโน เอมีน H C C N H เอทิลเอมีน
H H H
H O H
O H เอไมด์ เอไมด์ H C C N H แอซีทาไมด์
C N H H
Core Concept
ให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญ เรื่อง
Topic สารประกอบอินทรีย์
Questions
ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้
1. จงเขียนสูตรโครงสร้างลิวอิสและสูตรโครงสร้าง 3. ระบุหมู่ฟังก์ชันทั้งหมดของสารต่อไปนี้
แบบเส้นและมุมของสารต่อไปนี้ HO O
C6H14 C4H8O2 C4H10O OH
F OH
CH3
2. สารที่มีสูตรโมเลกุล C2H6O จะมีสูตรโครงสร้าง
N N CH3
ที่เป็นไปได้จ�านวนกี่ไอโซเมอร์
N CH3
H3C S
O O
เคมีอินทรีย์ 17
3
ระดับคะแนน
2 1
คาชี้แจง : ให้ผู้สอนประเมินการปฏิบัติการของนักเรียนตามรายการที่กาหนด แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับ 1. การออกแบบ เข้าใจปัญหาตั้งสมมติฐาน เข้าใจปัญหาตั้งสมมติฐาน เข้าใจปัญหาตั้งสมมติฐาน เข้าใจปัญหาตั้งสมมติฐาน
ระดับคะแนน การทดลอง ได้สอดคล้องกับปัญหา ได้ถูกต้อง ออกแบบการ ได้ถูกต้อง ออกแบบการ ได้ถูกต้อง ต้องอาศัยการ
CH3
ออกแบบการทดลองและ ทดลองและใช้เทคนิควิธี ทดลองและใช้เทคนิควิธี แนะนาในการออกแบบ
ระดับคะแนน ใช้เทคนิควิธีถูกต้อง ถูกต้อง ยังไม่ถูกต้อง การทดลอง
ลาดับที่ รายการประเมิน
4 3 2 1 แสดงถึงความคิดริเริม่
1 การออกแบบการทดลอง 2. การ การดาเนินการทดลอง การดาเนินการทดลอง การดาเนินการทดลอง การดาเนินการทดลอง
ดาเนินการ มีขั้นตอนครบถ้วนถูกต้อง มีขั้นตอนครบถ้วนถูกต้อง มีขั้นตอนถูกต้องเป็นส่วน ไม่ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่
N N
2 การดาเนินการทดลอง
ทดลอง มีการทาซ้า และการเก็บ แต่ไม่มีการทาซ้า และการ ใหญ่ และการเก็บข้อมูล และการเก็บข้อมูล
3 การนาเสนอ ข้อมูลได้ละเอียดรอบคอบ เก็บข้อมูลได้ครบถ้วน ได้ครบถ้วนตามที่ต้องการ ไม่ครบถ้วน
รวม ครบถ้วนตามทีต่ ้องการ ตามที่ต้องการ
3. การนาเสนอ เหมาะสมกับลักษณะของ นาเสนอข้อมูลถูกต้อง นาเสนอข้อมูลถูกต้อง นาเสนอข้อมูลถูกต้อง
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน
ข้อมูล แสดงถึงความคิด ครบถ้วน วิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลได้ครบถ้วน วิเคราะห์ข้อมูล
................./................/...............
หมูอะมิโน
สร้างสรรค์ในการนาเสนอ ได้ครบถ้วน สรุปผลการ นาเสนอผลการทดลอง ไม่ครบถ้วน สรุปผลการ
N CH3
วิเคราะห์ข้อมูลได้ ทดลองถูกต้อง มีการนา ถูกต้อง ทดลองไม่ถูกต้อง
ครบถ้วนเหมาะสม เหตุผลและความรู้มา
สรุปผลการทดลองถูกต้อง อ้างอิงประกอบการ
H3C S มีการนาเหตุผลและ
ความรู้มาอ้างอิง
ประกอบการสรุป
สรุปผลการทดลอง
O O
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
11-12 ดีมาก
9-10 ดี
6-8 พอใช้
ต่ากว่า 6 ปรับปรุง
T23
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
T24
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เปรียบเทียบ
กฎเกณฑ
C6H12 2 cm3
4. ครูสุมนักเรียนออกมาสรุปผลการทดลอง
5. ท�าการทดลองเช่นเดียวกับข้อ 1.-4. แต่เปลี่ยนมาใช้เฮกเซนและเบนซีนแทนเฮกซีน
5. นักเรียนรวมกันสรุปผลการทดลอง โดยใหมี
ความเขาใจตรงกันวา จากการศึกษาสมบัติ
?
ค�าถามท้ายการทดลอง บางประการของสารประกอบไฮโดรคารบอน
เฮกเซน เฮกซีน และเบนซีนมีสมบัติที่แตกต่างกันอย่างไร พบว า สารประกอบไฮโดรคาร บ อนมี ทั้ ง
สมบัติที่เหมือนกันและแตกตางกัน เนือ่ งจาก
สารประกอบไฮโดรคารบอนมีทั้งพันธะเดี่ยว
อภิปรายผลการทดลอง พันธะคู และพันธะสาม และสารประกอบ
การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ การท�าปฏิกิริยากับสารละลาย Br2 ไฮโดรคารบอนมีทงั้ ชนิดอิม่ ตัวและไมอมิ่ ตัว จึง
ชนิดของสาร ปฏิกิริยากับสาร ทําใหสามารถแบงสารประกอบไฮโดรคารบอน
การละลายในน�้า การเผาไหม้ ละลาย KMnO4
ที่มีแสงสว่าง ที่มืด ออกไดเปน 4 ประเภท คือ แอลเคน แอลคีน
เฮกเซน แยกเป็น 2 ชั้น เปลวไฟสว่าง สารละลาย สีส้มของ สารละลาย Br2 แอลไคน และอะโรมาติกไฮโดรคารบอน
เฮกเซนอยูช่ นั้ บน ไม่มีเขม่า KMnO4 สารละลาย Br2 มีสสี ม้ เหมือนเดิม
ไม่เปลี่ยนสี จางหายไป และ กระดาษลิตมัส
กระดาษลิตมัส ไม่เปลี่ยนสี
เปลี่ยนจาก
สีนา�้ เงินเป็นสีแดง
เคมีอินทรีย์ 19
บันทึก การทดลอง
• เฮกเซน ไมละลายนํ้า แยกเปน 2 ชั้น โดยเฮกเซนจะอยูชั้นบน เมื่อนําไปเผาไหม พบวา ติดไฟ แตไมมีเขมา นําไปทําปฏิกิริยากับสารละลาย KMnO4
พบวา สารละลาย KMnO4 ไมเปลี่ยนสี เมื่อนําไปทําปฏิกิริยากับสารละลาย Br2 พบวา เฮกเซนไมเกิดปฏิกิริยากับ Br2 ในที่มืด แตเกิดปฏิกิริยากับ Br2 ในที่
สวาง ซึ่งสังเกตจากสีของ Br2 จะจางหายไป เมื่อนําไปทดสอบแกสที่เกิดขึ้นดวยกระดาษลิตมัสชื้น พบวา กระดาษลิตมัสเปลี่ยนสีจากสีนํ้าเงินไปเปนสีแดง
• เฮกซีน ไมละลายนํ้า แยกเปน 2 ชั้น โดยเฮกซีนจะอยูชั้นบน เมื่อนําไปเผาไหม พบวา ติดไฟ มีเขมาเล็กนอย นําไปทําปฏิกิริยากับสารละลาย
KMnO4 พบวา สารละลาย KMnO4 เปลี่ยนจากสีมวงเปนไมมีสี เกิดตะกอนสีนํ้าตาลดําเล็กนอย เมื่อนําไปทําปฏิกิริยากับสารละลาย Br2 พบวา
เฮกซีนเกิดปฏิกิริยากับ Br2 ทั้งในที่มืดและที่สวาง สังเกตจากสีของ Br2 จะจางหายไป เมื่อนําไปทดสอบแกสที่เกิดขึ้นดวยกระดาษลิตมัสชื้น พบวา
กระดาษลิตมัสไมเปลี่ยนสี
• เบนซีน ไมละลายนํ้า แยกเปน 2 ชั้น โดยเบนซีนจะอยูชั้นบน เมื่อนําไปเผาไหม พบวา ติดไฟงายและมีเขมามาก นําไปทําปฏิกิริยากับสารละลาย KMnO4
พบวา สารละลาย KMnO4 ไมเปลี่ยนสี เมื่อนําไปทําปฏิกิริยากับสารละลาย Br2 พบวา เบนซีนไมเกิดปฏิกิริยากับ Br2 ทั้งในที่มืดและที่สวาง
T25
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
นําไปใช
6. ครูกําหนดสถานการณตอไปนี้ การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้ การท�าปฏิกิริยากับสารละลาย Br2
ใหนกั เรียนสืบคนเกีย่ วกับสมบัตขิ องสารประกอบ ชนิดของสาร ปฏิกิริยากับสาร
การละลายในน�้า การเผาไหม้ ที่มีแสงสว่าง ที่มืด
ไฮโดรคารบอน และรวบรวมขอมูลที่ไดจาก ละลาย KMnO4
การสืบคนและจากการทดลอง แลวพิจารณาวา เฮกซีน แยกเป็น 2 ชั้น เปลวไฟสว่าง สีของสารละลาย สีส้มของ สีส้มของ
เฮกซีนอยู่ชั้นบน มีเขม่าเล็กน้อย KMnO4 สารละลาย Br2 สารละลาย Br2
สารประกอบตอไปนี้ควรมีสมบัติอยางไร จางหายไป จางหายไป จางหายไป
- แก ส มี เ ทน เป น ผลิ ต ภั ณ ฑ ที่ ไ ด จ ากการ แต่กระดาษลิตมัส แต่กระดาษลิตมัส
กลัน่ ลําดับสวนนํา้ มันดิบ ใชเปนเชือ้ เพลิงใน ไม่เปลี่ยนสี ไม่เปลี่ยนสี
การผลิตกระแสไฟฟา เปนเชื้อเพลิงสําหรับ เบนซีน แยกเป็น 2 ชั้น เปลวไฟสว่าง สารละลาย สารละลาย Br2 สารละลาย Br2
ยานยนต เบนซีนอยู่ชั้นบน มีเขม่าเล็กน้อย KMnO4 มีสสี ม้ เหมือนเดิม มีสสี ม้ เหมือนเดิม
ไม่เปลี่ยนสี กระดาษลิตมัส กระดาษลิตมัส
- อีทีนหรือเอทิลีนใชในการบมผลไมและใช ไม่เปลี่ยนสี ไม่เปลี่ยนสี
เปนสารตั้งตนในการผลิตสารอื่นๆ
(แนวตอบ - แกสมีเทน เปนสารประกอบไฮโดร
คารบอนที่เปนพันธะเดี่ยว เปนสารประกอบ
ไฮโดรคารบอนประเภทอิ่มตัว มีสมบัติ คือ จะเห็นว่า ทั้งเฮกเซน เฮกซีน และเบนซีน จะมีสมบัติทั้งที่เหมือนและแตกต่างกัน
ไมละลายนํ้า เมื่อเกิดการเผาไหมแลวจะไมมี จากการทดลอง สามารถสรุปได้ ดังนี้
1
เขม าเกิ ดขึ้ น ไม ทํา ปฏิ กิ ริย ากั บ สารละลาย 1. เฮกเซน เฮกซีน และเบนซีนเป็นโมเลกุลไม่มขี วั้ เนือ่ งจากไม่ละลายน�า้ และมีความหนาแน่น
KMnO4 เมื่อทําปฏิกิริยากับสารละลาย Br2 ใน น้อยกว่าน�้า เพราะแยกตัวอยู่ชั้นบนของน�้า
ที่สวาง สีของสารละลาย Br2 จะจางหายไป 2. เฮกเซนเมื่อเผาไหม้แล้วจะไม่มีเขม่า ซึ่งสอดคล้องกับโครงสร้างของโมเลกุลเฮกเซน
เมื่อใชกระดาษลิตมัสทดสอบ กระดาษลิตมัส ที่มีแต่พันธะเดี่ยว จะใช้พลังงานในการสลายพันธะน้อยกว่าพันธะคู่หรือพันธะสาม ท�าให้เกิดการ
จะเปลี่ยนจากสีนํ้าเงินไปเปนสีแดง แตเมื่อทํา เผาไหม้อย่างสมบูรณ์ ได้ผลิตภัณฑ์เป็นแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และน�้า ส่วนเฮกซีนและเบนซีน
ปฏิกิริยากับ Br2 ในที่มืด สีของสารละลาย Br2 เมื่อเผาไหม้แล้วจะมีเขม่าเล็กน้อย เนือ่ งจากโครงสร้างโมเลกุลของเฮกซีนและเบนซีนเป็นพันธะคู่
ไมจางหาย กระดาษลิตมัสไมเปลี่ยนสี ต้องใช้พลังงานในการสลายพันธะมาก ถ้าหากพลังงานทีใ่ ช้ไม่มากพอจะเกิดการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์
- อีทนี หรือเอทิลนี เปนสารประกอบไฮโดรคารบอน จึงท�าให้มีเขม่าเกิดขึ้น
ทีเ่ ปนพันธะคู เปนสารประกอบไฮโดรคารบอน 3. เฮกเซนและเบนซีนไม่ท�าปฏิกิริยากับสารละลายโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต ส่วน
ประเภทไมอิ่มตัว มีสมบัติ คือ ไมละลายนํ้า เฮกซีนสามารถท�าปฏิกิริยากับสารละลายโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตได้
เมื่อเกิดการเผาไหมแลวมีเขมาเล็กนอย เมื่อ 4. เฮกเซนจะท�าปฏิกิริยากับสารละลายโบรมีนได้ในที่มีแสงสว่าง แต่ไม่ท�าปฏิกิริยาในที่มืด
ทํ า ปฏิ กิ ริ ย ากั บ สารละลาย KMnO 4 สี ข อง เฮกซีนจะท�าปฏิกิริยากับสารละลายโบรมีนได้ทั้งในที่มีแสงสว่างและที่มืด ส่วนเบนซีนจะไม่ท�า
สารละลาย KMnO4 จางหายไป และเมื่อทํา ปฏิกิริยากับสารละลายโบรมีนทั้งในที่มีแสงสว่างและที่มืด
ปฏิกริ ยิ ากับสารละลาย Br2 ในทีส่ วางและในทีม่ ดื
สีของสารละลาย Br2 จางหายไป เมื่อทดสอบ 20
กับกระดาษลิตมัสไมเกิดการเปลี่ยนสี)
ขัน้ สรุป
1. นักเรียนสรุปความรู เรื่อง สมบัติบางประการ
จากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า สารประกอบไฮโดรคาร์บอนมีทั้งพันธะเดี่ยว พันธะคู่ ของสารประกอบไฮโดรคารบอน ในรูปแบบของ
และพันธะสาม แสดงว่า สารประกอบไฮโดรคาร์บอนมีทั้งชนิดอิ่มตัวและไม่อิ่มตัว ส่งผลให้ ผังมโนทัศนลงในกระดาษ A4 สงครูผูสอน
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนมีสมบัติบางประการที่แตกต่างกัน 2. นักเรียนทําแบบฝกหัดในแบบฝกหัดรายวิชา
H เพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6
H H H H H H H H H H H H H C เลม 1
H C C C C C C H C C C C C C H C C
H C C
H H H H H H H H H H C H ขัน้ ประเมิน
H
เฮกเซน เฮกซีน เบนซีน 1. ครูประเมินความรู เรื่อง สมบัติบางประการ
ของสารประกอบไฮโดรคารบอน โดยสังเกต
ภาพที่ 1.1 สูตรโครงสร้างของเฮกเซน เฮกซีน และเบนซีน
ที่มา : คลังภาพ อจท. พฤติกรรมการตอบคําถาม
2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ
โดยสารประกอบไฮโดรคาร์บอนสามารถแบ่งออกได้ 4 ประเภท ดังนี้ สั ง เกตพฤติ ก รรมการทํ า งานรายบุ ค คล
2.1 แอลเคน พฤติกรรมการทํางานกลุมจากกิจกรรมการ
แอลเคน (alkane) เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว มีโครงสร้างเป็นได้ทั้งโซ่ตรงและ ทดลอง เรื่ อ ง สมบั ติ บ างประการของสาร
โซ่กงิ่ โดยแอลเคนโซ่เปิดจะมีสตู รทัว่ ไปเป็น CnH2n + 2 ส่วนแอลเคนโซ่ปดิ จะมีสตู รทัว่ ไปเป็น CnH2n ประกอบไฮโดรคารบอน
(เมื่อ n เป็นจ�านวนคาร์บอนอะตอมในโมเลกุล) 3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ
ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต
H พฤติกรรมของนักเรียน
H C H
H
ประเภทของสารประกอบไฮโดรคารบอน เคมีอินทรีย์ 21
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
11-12 ดีมาก
9-10 ดี
6-8 พอใช้
ต่ากว่า 6 ปรับปรุง
T27
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
22
200 จุดเดือด
5. C9H20 และ C10H22
100
0 (วิเคราะหคําตอบ ขอ 3. ถูกตอง เพราะ C4H10 มีสถานะเปนแกส
-100 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1112 13 14 15 16 17 และ C5H12 มีสถานะเปนของเหลว ดังนั้น ตอบขอ 3.)
-200
จํานวนอะตอมของคารบอน
-300
T28
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
ปฏิกิริยาที่ส�าคัญของแอลเคน มีดังนี้ 1. ครูเตรียมสูตรโมเลกุลและสูตรโครงสรางของ
1. ปฏิกริ ยิ าการเผาไหม้ (combustion reaction) ถ้าแอลเคนเกิดการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ สารประกอบแอลเคน ดังนี้
จะได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และน�้าเป็นผลิตภัณฑ์ และให้พลังงานความร้อนออกมา H H H
2C4H10 (g) + 13O2 (g) Δ 8CO2 (g) + 10H2O (g) + ความร้อน H C H H C C H
H H H
CxHy + (x + 4y ) O2 xCO2 + 2y H2O + ΔH CH4 C2H6
H. O. T. S.
คําถามทาทายการคิดขั้นสูง
สารประกอบ
จากสูตรโมเลกุลและสูตรโครงสรางของสาร
CO2
แอลเคนที่เป็น ประกอบแอลเคน ใหนักเรียนพิจารณาวา
H2O
O2 ไอโซเมอร์ กั น • สารประกอบแอลเคนนี้มีอะไรเหมือนหรือ
สารประกอบที่เป็นโซ่ตรงและ แตกตางกัน อยางไร
CxHy สารประกอบทีเ่ ป็นโซ่กงิ่ จะเกิด
การเผาไหม้แตกต่างกันหรือไม่
(แนวตอบ จากตัวอยาง พบวา จํานวนอะตอม
อย่างไร ของคารบอนเพิ่มขึ้น จํานวนอะตอมของ
ภาพที่ 1.3 การเกิดปฏิกิริยาการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์
ที่มา : คลังภาพ อจท. ไฮโดรเจนก็เพิม่ ขึน้ ซึง่ เขียนเปนสูตรทัว่ ไปได
ดังนี้ CnH2n + 2 เมื่อ n เปนจํานวนคารบอน
แต่เมื่อแอลเคนเกิดการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อมีปริมาณออกซิเจน
อะตอมในโมเลกุล)
ไม่เพียงพอ ท�าให้เกิดเขม่า (C) แก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และพลังงานความร้อน ซึง่ พลังงาน
ความร้อนที่ได้จะน้อยกว่าปฏิกิริยาการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ 2. นักเรียนศึกษาสมบัติ ปฏิกริ ยิ าของสารประกอบ
แอลเคนจากหนั ง สื อ เรี ย นรายวิ ช าเพิ่ ม เติ ม
2CH4 (g) + 3O2 (g) Δ 2CO (g) + 4H2O (g) + ความร้อน + เขม่า วิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1
3. นักเรียนรวมกันตอบคําถาม H. O. T. S.
2. ปฏิกริ ยิ าการแทนที ่ (substitution reaction) เป็นปฏิกริ ยิ าทีไ่ ฮโดรเจนอะตอมในแอลเคน - สารประกอบแอลเคนที่เปนไอโซเมอรกัน
ถูกแทนทีด่ ว้ ยอะตอมของธาตุแฮโลเจน (halogen; F, Cl, Br, I) ได้ในทีท่ มี่ แี สงสว่าง เรียกว่า ปฏิกริ ยิ า สารประกอบที่เปนโซตรงและสารประกอบ
แฮโลจีเนชัน (halogenation reaction) โดยอะตอมของแฮโลเจนจะแทนที่อะตอมของไฮโดรเจน ที่เปนโซกิ่งจะเกิดการเผาไหมแตกตางกัน
1 อะตอม ไฮโดรเจนที่ถูกแทนที่จะรวมกับแฮโลเจนเกิดเป็นแก๊สไฮโดรเจนเฮไลด์ ซึ่งเป็นแก๊ส หรือไม อยางไร
ที่มีสมบัติเป็นกรด จึงเปลี่ยนสีกระดาษลิตมัสจากสีน�้าเงินเป็นสีแดง แต่แอลเคนจะไม่เกิดปฏิกิริยา
การแทนที่ในที่มืด ปฏิกิริยาการแทนที่มีสมการทั่วไป ดังนี้
แนวตอบ H. O. T. S.
CnH2n + 2 + X2 แสง CnH2n + 1X + HX
แอลเคน ธาตุแฮโลเจน แอลคิลเฮไลด์ แก๊สไฮโดรเจนเฮไลด์
แตกตางกัน สารประกอบแอลเคนทีม่ โี ครงสราง
เปนโซตรงจะมีจดุ เดือดสูงกวาสารประกอบแอลเคน
เคมีอินทรีย์ 23
ทีม่ โี ครงสรางเปนโซกงิ่ ดังนัน้ สารประกอบแอลเคน
ทีม่ โี ครงสรางเปนโซกงิ่ จะเกิดการเผาไหมไดเร็วกวา
สารประกอบแอลเคนที่มีโครงสรางเปนโซตรง
T29
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
4. นักเรียนทําใบงาน เรือ่ ง ปฏิกริ ยิ าของสารประกอบ ตัวอย่างปฏิกิริยาแทนที่ เช่น
แอลเคน
5. ครูทบทวนเกี่ยวกับปฏิกิริยาของสารประกอบ H H H H H Cl
H C C C H + Cl2 แสง H C C C H + HCl
แอลเคนดวยคําถาม Concept Question
H H H H H H
- ถาสารประกอบ CH3CH2CH3 เกิดปฏิกิริยา 1
โพรเพน คลอรีน คลอโรโพรเพน ไฮโดรเจนคลอไรด์
แทนที่กับ Br2 มีโอกาสเกิดผลิตภัณฑได
กี่ไอโซเมอร (ถา Br เขาแทนที่ H ไดเพียง คลอโรโพรเพนที่เกิดขึ้นอาจมีไอโซเมอร์อื่น ๆ ซึ่งเกิดจากอะตอมของคลอรีนเข้ามาแทนที่
1 อะตอม) อะตอมของไฮโดรเจนที่ต่อกับคาร์บอนต�าแหน่งต่าง ๆ โดยอาจมีปริมาณของแต่ละไอโซเมอร์
แตกต่างกัน เช่น
H H H H H H
H C C C H H C C C H
H H Cl H Cl H
ถ้าไฮโดรเจนอะตอมในแอลเคนถูกแทนที่ด้วยคลอรีนจะเรียกว่า ปฏิกิริยาคลอริเนชัน
(chlorination reaction) ถ้าแทนทีด่ ว้ ยโบรมีนจะเรียกว่า ปฏิกริ ยิ าโบรมิเนชัน (bromination reaction)
แอลเคนจะไม่ เ กิ ด ปฏิ กิ ริ ย าฟอกจางสี Con���t Q�e����n
สารละลายโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนตและ ถาสารประกอบ CH CH CH เกิดปฏิกริ ยิ าแทนที่
3 2 3
ไม่เกิดปฏิกิริยาการแทนที่ในที่มืด กับ Br2 มีโอกาสเกิดผลิตภัณฑไดกี่ไอโซเมอร
(ถา Br เขาแทนที่ H ไดเพียง 1 อะตอม)
C hemistry
Focus ปฏิกิริยาการแตกสลาย (cracking or pyrolysis)
เมื่อเผาสารประกอบแอลเคนที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ที่อุณหภูมิ 450-550 องศาเซลเซียส
ภายใต้สภาวะความดันต�่า และมี Al2O3 SiO2 เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา จะเกิดการสลายตัวให้สาร
ไฮโดรคาร์บอนที่โมเลกุลเล็กกว่าเดิม และได้แก๊สไฮโดรเจนอีกด้วย เรียกว่า ปฏิกิริยาการแตกสลาย
กระบวนการนี้น�าไปใช้ประโยชน์ทางด้านอุตสาหกรรมน�้ามัน โดยเป็นการเพิ่มเลขออกเทนของน�้ามัน
ท�าให้น�้ามันมีคุณภาพดีขึ้น
CH3 CH2 CH2 CH3 Al450-550 O SiO C2H6 + C2H4
2 3 2
T30
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
การเรียกชื่อแอลเคนตามระบบ IUPAC มีหลักการ ดังนี้ 6. เมือ่ นักเรียนศึกษาเกีย่ วกับสมบัตแิ ละปฏิกริ ยิ า
1. เรียกชือ่ แอลเคนตามจ�านวนอะตอมของคาร์บอน โดยใช้การนับจ�านวนในภาษากรีก ระบุ ของสารประกอบแอลเคนแลว ครูใหนักเรียน
จ�านวนอะตอมของคาร์บอน และลงท้ายด้วยเสียง เ-น (-ane) ซึ่งจ�านวนนับในภาษากรีก เป็นดังนี้ ลองพิจารณาวา สารประกอบแอลเคนจะมี
1 = มีทหรือเมท (meth-) 6 = เฮกซ (hex-) หลักการการเรียกชื่ออยางไร
2 = อีทหรือเอท (eth-) 7 = เฮปท (hept-) 7. นั ก เรี ย นศึ ก ษาเกี่ ย วกั บ การเรี ย กชื่ อ สาร
3 = โพรพ (prop-) 8 = ออกท (oct-)
4 = บิวท (but-) 9 = โนน (non-) ประกอบแอลเคนจากหนั ง สื อ เรี ย นรายวิ ช า
5 = เพนท (pent-) 10 = เดกค (dec-) เพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6
เลม 1
CH3CH3 CH3CH2CH2CH2CH2CH3 CH3CH2CH2CH2CH2CH2CH2CH3
อีเทน เฮกเซน ออกเทน
มีเทน เคมีอินทรีย์ 25
www.aksorn.com/interactive3D/RNC1C
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
8. นั ก เรี ย นเรี ย กชื่ อ สารประกอบแอลเคนตาม จากนั้นให้เรียกชื่อแอลเคนที่มีโซ่กิ่งตามหลักเกณฑ์ต่อไปนี้
ระบบ IUPAC ที่ประกอบไปดวยหมูฟงกชัน 1) เลือกสายโซ่คาร์บอนที่ต่อกันยาวที่สุดเป็นโซ่หลัก ซึ่งไม่จ�าเป็นต้องเป็นเส้นตรง
จากตัวอยางสูตรโครงสรางในหนังสือเรียน ในแนวเดียวกันตลอด เช่น
รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
เคมี ม.6 เลม 1 หนา 26-27 จากนัน้ ครูตรวจสอบ
6 5 4 3 2 1 1 2 3 4
ความถู ก ต อ งและอธิ บ ายเพิ่ ม เติ ม ถ า หาก CH3 CH2 CH2 CH2 CH CH3 CH3 CH2 CH2 CH CH2 CH3
5 6 7 8
นักเรียนยังมีขอสงสัย CH3 CH2 CH2 CH2 CH3
9. ครูเตรียมตัวอยางโครงสรางของสารประกอบ
แอลเคน แลวสุมนักเรียนออกมาเรียกชื่อสาร เฮกเซน ออกเทน
ประกอบแอลเคนที่ประกอบไปดวยหมูฟงกชัน
ตามระบบ IUPAC ถ้าสามารถเลือกโซ่หลักได้หลายแบบ ให้เลือกแบบที่มีจ�านวนหมู่แอลคิลมากกว่า
เป็นโซ่หลัก เช่น
✗ ✓
CH3 CH3 CH3 CH3
1 2 3 4 1 2 3 4 5 6 7
CH3 CH2 CH CH CH2 CH CH3 CH3 CH2 CH CH CH2 CH CH3
5 6 7
CH2 CH2 CH3 CH2 CH2 CH3
2) ก�าหนดตัวเลขแสดงต�าแหน่งของคาร์บอนในโซ่หลัก โดยเริ่มจากปลายด้านใดก็ได้
ที่ท�าให้หมู่แอลคิลอยู่ในต�าแหน่งที่มีตัวเลขน้อย ๆ เช่น
H H
C 2 H C6 2 7
✗ H H
C2 2 H C 2
✓
1
H3C C5 CH3 H3C 3C CH3
H3C CH CH H3C CH CH
4 4
3 5
2 2
H2C2 1 H2C6 7
CH3 CH3
26
เรียกวา 2-โบรโมบิวเทน
ดังนั้น ตอบขอ 1.)
T32
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
3) เรี ย กชื่ อ หมู ่ แ อลคิ ล น� า หน้ า ชื่ อ Con���t Q�e����n 10. ถามคําถาม Concept Question
ของแอลเคน โดยระบุตัวเลขแสดงต�าแหน่ง สารประกอบแอลเคนตอไปนี้ มีชื่อเรียก - สารประกอบแอลเคนตอไปนี้ มีชื่อเรียก
ของคาร์บอนที่หมู่แอลคิลต่ออยู่ ถ้าหมู่แอลคิล ตามระบบ IUPAC วาอยางไร ตามระบบ IUPAC วาอยางไร
ต่ออยู่กับโซ่หลักเหมือนกัน ให้ใช้ค�าน�าหน้า Cl Cl
แสดงจ�านวนหมู่แอลคิลเป็นภาษากรีก เช่น
ได (di) ไตร (tri) เตตระ (tetra) แทนจ�านวน Br
Br
หมู่แอลคิล 2, 3, 4 หมู่ ตามล�าดับ โดยเขียนไว้
ระหว่ า งชื่ อ ของหมู ่ แ อลคิ ล กั บ ตั ว เลขแสดง 11. ครูถามนักเรียนวา
ต�าแหน่ง โดยระหว่างตัวเลขให้เขียนคั่นด้วยเครื่องหมายจุลภาค (,) และระหว่างตัวเลขให้เขียน • นอกจากสารประกอบแอลเคนแบบโซตรง
คั่นด้วยขีด (-) เช่น นักเรียนคิดวา สารประกอบแอลเคนจะมี
โครงสรางแบบอื่นไดหรือไม
(แนวตอบ นอกจากสารประกอบแอลเคน
CH3 CH3 แบบโซตรงหรือโซเปด สารประกอบแอล
5 4 3 2 1 1 2 3 4 5 6 7 8 9
CH3 CH2 C CH CH3 CH3 CH CH2 CH CH2 CH2 CH2 CH2 CH3
เคนยังมีโครงสรางแบบวง)
CH3CH3 CH3
2, 3, 3-trimethylpentane 2, 4-dimethylnonane
2, 3, 3-ไตรเมทิลเพนเทน 2, 4-ไดเมทิลโนเนน
ถ้าหมู่แอลคิลต่ออยู่กับโซ่หลักไม่เหมือนกัน ให้เรียกชื่อเรียงล�าดับหมู่แอลคิลตาม
ล�าดับตัวอักษรภาษาอังกฤษ และระบุตัวเลขแสดงต�าแหน่งไว้หน้าชื่อหมู่แอลคิล เช่น
CH3
CH3
CH2 1 2
3 4 5
CH3 C CH CH2 CH3
CH2 CH3
7 6 5 4 3 2 1 CH3 CH2
CH3 CH2 CH CH CH2 C CH3
CH3 แนวตอบ Concept Question
CH3 CH3
Br
เคมีอินทรีย์ 27
เรียกวา 3-โบรโม-4-คลอโร-7, 8-ไดเมทิล-6-
ไอโซโพรพิลโนเนน
T33
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
12. นักเรียนศึกษาตารางที่ 1.4 ในหนังสือเรียน นอกจากแอลเคนที่มีโครงสร้างแบบโซ่เปิด
รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี แล้ว ยังมีแอลเคนที่มีโครงสร้างแบบวง เรียกว่า
เคมี ม.6 เลม 1 แลวพิจารณาวา สารประกอบ ไซโคลแอลเคน (cycloalkane) โดยประกอบด้วย
แอลเคนแบบวงมีโครงสรางและสมบัตอิ ยางไร คาร์บอนตั้งแต่ 3 อะตอมขึ้นไป สร้างพันธะเดี่ยว
13. นั ก เรี ย นศึ ก ษาปฏิ กิ ริ ย าของสารประกอบ ต่อกันเป็นวงรูปเหลีย่ มต่าง ๆ มีสตู รทัว่ ไป คือ CnH2n
แอลเคนแบบวง จากหนังสือเรียนรายวิชา โดยไซโคลแอลเคนเป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอน
เพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ชนิดอิ่มตัวเช่นเดียวกับแอลเคน ดังนั้น สมบัติและ
ม.6 เลม 1 แลวยกตัวอยางการเขียนปฏิกริ ยิ า การเกิดปฏิกิริยาของไซโคลแอลเคนจะมีแนวโน้ม ภาพที่ 1.4 โครงสร้าง 3 มิติ ของไซโคลแอลเคน
แตละประเภท พรอมทั้งอานชื่อสารประกอบ คล้ายกับแอลเคน ที่มา : คลังภาพ อจท.
ที่เปนผลิตภัณฑ สมบัติทางกายภาพของไซโคลแอลเคน มีดังนี้
1. ไม่ละลายน�้า แต่ละลายได้ดีในตัวท�าละลายอินทรีย์ เช่น เบนซีน อีเทอร์
2. จุดเดือดและจุดหลอมเหลวจะมีแนวโน้มมีคา่ สูงขึน้ ตามจ�านวนคาร์บอนอะตอมทีเ่ พิม่ ขึน้
ตารางที่ 1.4 : จุดหลอมเหลวและจุดเดือดของไซโคลแอลเคนบางชนิด
H2C CH2
4 ไซโคลบิวเทน หรือ -90.7 12.6
H2C CH2
H2
C
5 ไซโคลเพนเทน H2C CH2
หรือ -93.4 49.3
H2C CH2
H
C2
H2C C H2
6 ไซโคลเฮกเซน หรือ 6.6 80.7
H2C C H2
C
H2
28
T34
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
ปฏิกิริยาที่ส�าคัญของไซโคลแอลเคน มีดังนี้ 14. ครูใหนักเรียนพิจารณาโครงสรางของสาร
1. ปฏิกิริยาการเผาไหม้ (combustion reaction) ไซโคลแอลเคนเป็นสารประกอบ ประกอบตอไปนี้
ไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว เมื่อเกิดการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ จะได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และไอน�้า H H H H
เป็นผลิตภัณฑ์ และให้พลังงานความร้อนออกมา เช่น H C C H C C
H H H H
2 + 15O2 (g) 10CO2 (g) + 10H2O (g) + ความร้อน สารประกอบแอลเคน สารประกอบ ก.
แลวเปรียบเทียบวาโครงสรางของสารประกอบ
2. ปฏิกิริยาการแทนที่ (substitution reaction) เป็นปฏิกิริยาที่ไฮโดรเจนอะตอมในไซโคล ก. กับโครงสรางของสารประกอบแอลเคน
แอลเคนถูกแทนที่ด้วยอะตอมของธาตุแฮโลเจน (halogen; F, Cl, Br, I) ได้ในที่ที่มีแสงสว่าง แตกตางกันหรือไม อยางไร
ยกเว้นไซโคลโพรเพนและไซโคลบิวเทน ( แนวตอบ เมื่ อ เปรี ย บเที ย บโครงสร า งของ
ถ้าไฮโดรเจนอะตอมในแอลเคนถูกแทนที่ด้วยคลอรีนจะเรียกว่า ปฏิกิริยาคลอริเนชัน สารประกอบ ก. กับโครงสรางของสารประกอบ
(chlorination reaction) ถ้าแทนทีด่ ว้ ยโบรมีนจะเรียกว่า ปฏิกริ ยิ าโบรมิเนชัน (bromination reaction) แอลเคน พบวา มีโครงสรางที่แตกตางกัน
สารประกอบ ก. ประกอบดวยพันธะคู แตสาร
Br ประกอบแอลเคนประกอบดวยพันธะเดี่ยว
+ Br2 แสง + HBr
สารทั้งสองจะมีจํานวนอะตอมของคารบอน
ไซโคลเฮกเซน โบรมีน 1-โบรโมไซโคลเฮกเซน ไฮโดรเจนโบรไมด์ เทากัน แตมีจํานวนอะตอมของไฮโดรเจน
ตางกัน)
+ Cl2 แสง Cl + HCl
การเรียกชื่อไซโคลแอลเคนท�าได้เช่นเดียวกับการเรียกชื่อแอลเคน แต่น�าหน้าด้วยค�าว่า
ไซโคล (cyclo) เช่น
เคมีอินทรีย์ 29
T35
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
15. ครูอธิบายวา สารประกอบไฮโดรคารบอนที่มี 2.2 แอลคีน
พันธะคู เรียกวา สารประกอบแอลคีน ครูถาม แอลคีน (alkene) เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไม่อิ่มตัว ภายในโมเลกุลจะมีพันธะคู่
นักเรียนตอวา แลวสูตรทัว่ ไปของสารประกอบ ระหว่างอะตอมของคาร์บอนอย่างน้อย 1 พันธะ โดยแอลคีนโซ่เปิดจะมีสูตรทั่วไปเป็น CnH2n
แอลเคนกับสารประกอบแอลคีนแตกตางกัน ส่วนแอลคีนโซ่ปิดจะมีสูตรทั่วไปเป็น CnH2n - 2 (เมื่อ n เป็นจ�านวนคาร์บอนอะตอมในโมเลกุล)
หรือไม อยางไร
(แนวตอบ ในโมเลกุลของสารประกอบแอล
เคนจะมีพันธะเดี่ยวระหวางอะตอม มีสูตร
ทั่วไป คือ CnH2n+2 แตในโมเลกุลของสาร H H
C C
ประกอบแอลคีนจะมีพันธะคูระหวางอะตอม H H
ดั ง นั้ น สารประกอบแอลคี น จะมี จํ า นวน
ไฮโดรเจนน อ ยกว า จะได สู ต รทั่ ว ไป คื อ
CnH2n )
16. นักเรียนศึกษาเกีย่ วกับปฏิกริ ยิ าของสารประกอบ
แอลคีน จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม
วิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 ภาพที่ 1.5 สูตรโครงสร้างและแบบจ�าลองโมเลกุล 3 มิติ ของ C2H4
ที่มา : คลังภาพ อจท.
สมบัติทางกายภาพของแอลคีน
แอลคีนที่มีจ�านวนคาร์บอนอะตอม 2-4 อะตอม จะมีสถานะเป็นแก๊ส ถ้ามีจ�านวนคาร์บอนอะตอม 5-8
อะตอม จะมีสถานะเป็นของเหลว ถ้ามีจ�านวนคาร์บอนอะตอมมากกว่า 8 อะตอมขึ้นไป จะมีสถานะเป็น
ของแข็ง
30
T36
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
ปฏิกิริยาที่ส�าคัญของแอลคีน มีดังนี้
1. ปฏิกิริยาการเผาไหม้ (combustion reaction) ปกติจะเกิดเขม่าหรือมีควัน แต่ถ้าเผา
ในบริเวณที่มีแก๊สออกซิเจนจ�านวนมากเกินพอ จะเกิดปฏิกิริยาอย่างสมบูรณ์ ไม่มีเขม่า ได้แก๊ส
คาร์บอนไดออกไซด์และไอน�้าเป็นผลิตภัณฑ์ และให้พลังงานความร้อนออกมา
ปฏิกิริยาการเผาไหม้สมบูรณ์ เกิดดังสมการ
2C3H6 (g) + 9O2 (g) Δ 6CO2 (g) + 6H2O (g) + ความร้อน
ปฏิกิริยาการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ เกิดดังสมการ
C5H10 (g) + 4O2 (g) Δ 3C (s) + CO (g) + CO2 (g) + 5H2O (g) + ความร้อน
เคมีอินทรีย์ 31
CH3
CH3 C CH CH2CH2CH3
CH3 I
3-ไอโอไดด-2, 2-ไดเมทิลเฮกเซน)
T37
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
19. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา สารประกอบแอลคีน 1) ปฏิกิริยาการเติมธาตุแฮโลเจนหรือเรียกว่า ปฏิกิริยาแฮโลจีเนชัน (halogenation
บางชนิดจะมีสูตรโครงสรางเหมือนกัน แต reaction) เป็นปฏิกิริยาที่ Cl2 หรือ Br2 สามารถรวมตัวกับแอลคีนตรงพันธะคู่ โดยไม่ต้องมีตัวเร่ง
มี ส มบั ติ ท างกายภาพและทางเคมี ต า งกั น ปฏิกิริยาและเกิดได้ทั้งในที่มีแสงสว่างและที่มืด และไม่เกิดแก๊สไฮโดรเจนเฮไลด์ (HX)
เนื่องจากมีการจัดเรียงตัวในลักษณะ 3 มิติ
ของอะตอมหรือหมูอะตอมในแตละดานของ H H H H
พันธะแตกตางกัน จัดเปนไอโซเมอรชนิดหนึง่ C C + Cl Cl H C C H
เรียกวา ไอโซเมอรเรขาคณิต H H Cl Cl
20. นักเรียนทําแบบฝกหัดในแบบฝกหัดรายวิชา
เพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี H H H
ม.6 เลม 1 C + Br Br H C Br
C H C Br
H H H
H H H H
C C + H2 Pt H C C H
H H H H
H H H2SO4
H H
C C + H2O H C C H
H H H OH
32
T38
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
4) ปฏิกิริยาการเติม HCl HBr และ HI หรือเรียกว่า ปฏิกิริยาไฮโดรแฮโลจีเนชัน 21. นักเรียนรวมกันสํารวจและยกตัวอยางสาร
(hydrohalogenation reaction) โดยแอลคีนจะรวมตัวกับ HCl HBr หรือ HI ได้เป็นแอลคิลเฮไลด์ ประกอบไฮโดรคาร บ อนประเภทแอลเคน
และแอลคีนที่พบไดในชีวิตประจําวัน และ
H H H H H ยกตั ว อย า งปฏิ กิ ริ ย าในชี วิ ต ประจํ า วั น ที่
H C C C H + HBr H C C C H เกี่ ย วข อ งกั บ สารประกอบไฮโดรคาร บ อน
H H H Br H ประเภทแอลเคนและแอลคีน แลวจัดทําใน
แอลคีน แอลคิลเฮไลด์ รูปแบบหนังสือเลมเล็ก
H H H H H H H H
C C C C H + KMnO4 + H3O+ H C C C C H + MnO2 + KOH
H H H OH OH H H
ไกลคอล ตะกอน
สีน�้าตาลด�า
เคมีอินทรีย์ 33
T39
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
22. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5-6 คน แลว ตารางที่ 1.6 : สูตรและชื่อของสารประกอบแอลคีนโซ่ตรงบางชนิด (ต่อ)
ใหนักเรียนเลนเกม โดยที่ครูเตรียมบัตรคํา จ�านวนอะตอมของคาร์บอน สูตรโมเลกุล ชื่อสารประกอบแอลคีน
แสดงโครงสรางของสารประกอบแอลเคนและ
7 C7H14 เฮปทีน (heptene)
แอลคีน แลวใหแตละกลุม เรียกชือ่ สารประกอบ
ที่สุมจับได กลุมไหนตอบไดถูกตองมากที่สุด 8 C8H16 ออกทีน (octene)
ภายในเวลาที่กําหนด จะไดรับคะแนนพิเศษ 9 C9H18 โนนีน (nonene)
23. นักเรียนตอบคําถาม Topic Questions ใน 10 C10H20 เดคีน (decene)
หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร
และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 2. แสดงต�าแหน่งของพันธะคูร่ ะหว่างอะตอมของคาร์บอนซึง่ เริม่ ต้นจากปลายโซ่ดา้ นใดก็ได้
24. นักเรียนทําแบบฝกหัดในแบบฝกหัดรายวิชา ที่ท�าให้ต�าแหน่งของพันธะคู่เป็นตัวเลขที่น้อยที่สุด แล้วเขียนตัวเลขไว้หน้าชื่อของแอลคีน ยกเว้น
เพิม่ เติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6 อีทีนและโพรพีนไม่ต้องแสดง
เลม 1
CH2 CH2 CH2 CHCH3
อีทีน โพรพีน
1 2 3 4 1 2 3 4 5 4 3 2 1
CH2 CHCH2CH3 CH3CH CHCH3 CH3CH2CH2CH CH2
1-บิวทีน 2-บิวทีน 1-เพนทีน
3. การเรียกชื่อแอลคีนโซ่กิ่ง ให้เลือกโซ่ไฮโดรคาร์บอนที่ยาวที่สุดและมีพันธะคู่อยู่ใน
สายโซ่ เริ่มต้นจากปลายที่ท�าให้ต�าแหน่งของพันธะคู่อยู่ในต�าแหน่งที่น้อยที่สุด และเรียกชื่อ
โดยใช้วิธีเดียวกับแอลคีนแบบโซ่ตรง หมู่แอลคิลเรียกเหมือนแอลเคน และเขียนไว้ด้านหน้าชื่อ
ของแอลคีน
CH3 CH3 CH3
5 4 3 2 1
CH3 CH CH CH CH2 8 7 5 64 3 2 1
CH3 CH2 CH CH2 C CH CH2 CH3
CH3
3, 4-ไดเมทิล-1-เพนทีน 4, 6-ไดเมทิล-3-ออกทีน
34
CH 3
ไอโซบิวทิลีน (isobutylene)
H3C C CH
T40
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ลงมือทํา (Doing)
สารประกอบแอลคีนบางชนิดถึงแม้จะมีสูตรโครงสร้างเหมือนกัน แต่มีสมบัติทางกายภาพ 25. ครู เ ตรี ย มตั ว อย า งชื่ อ สารประกอบไฮโดร
และทางเคมีต่างกัน เนื่องจากอะตอมหรือหมู่อะตอมที่แต่ละด้านของพันธะคู่มีการจัดเรียงตัว คารบอนแลวใหนักเรียนจับคูกับเพื่อนที่นั่ง
ใน 3 มิติ แตกต่างกัน ซึ่งสารประกอบอินทรีย์ที่มีลักษณะนี้จัดเป็นไอโซเมอร์อีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า ขางกัน แตละคูออกมาจับสลากชื่อสารเคมี
ไอโซเมอร์เรขาคณิต (geometric isomer) อาจจะเป็นไอโซเมอร์แบบซิสหรือไอโซเมอร์แบบทรานส์ ที่ครูเตรียมไวคูละ 1 ชื่อ แลวนําไปวิเคราะห
โดยซิส คือ อะตอมหรือกลุ่มอะตอมที่เหมือนกันจัดอยู่ด้านเดียวกันของพันธะคู่ ส่วนทรานส์ วาสารที่ไดเปนสารประกอบไฮโดรคารบอน
คือ อะตอมหรือกลุ่มอะตอมที่เหมือนกันอยู่ในด้านตรงข้ามกัน ประเภทแอลเคนหรือแอลคีน แลวนําไปสืบคน
ขอมูลเพิม่ เติมวา สารประกอบไฮโดรคารบอน
ที่ไดมีสมบัติอยางไร นําไปใชประโยชนได
H H H CH3
C C C C อยางไร ถาหากไดสารประกอบแอลคีนให
H3C CH3 H3C H ตอบเพิ่มเติมวา สารประกอบแอลคีนที่ไดมี
ไอโซเมอรแบบเรขาคณิตหรือไม โดยทําการ
ด้านเดียวกัน ด้านตรงข้ามกัน
สืบคนจากแหลงขอมูลตางๆ เชน อินเทอรเน็ต
ไอโซเมอร์แบบซิส (cis-) ไอโซเมอร์แบบทรานส์ (trans-) หนังสือในหองสมุด แลวนําขอมูลที่ไดมา
จัดทําในรูปแบบที่นาสนใจ เชน โปสเตอร
การเรียกชือ่ แอลคีนทีม่ ไี อโซเมอร์แบบซิสหรือทรานส์ ให้ใช้คา� ว่า ซิส- หรือทรานส์- น�าหน้าชือ่ อินโฟกราฟก แลวนําเสนอผลการสืบคนหนา
ชั้นเรียน
ของแอลคีนและเขียนด้วยตัวเอน
H H H CH3
C C C C
H3C CH3 H3C H
ซิส-2-บิวทีน ทรานส์-2-บิวทีน
H H H3C H
C C C C
H3C CH2CH3 H CH2CH3
ซิส-2-เพนทีน ทรานส์-2-เพนทีน
เคมีอินทรีย์ 35
ขัน้ สรุป
1. นักเรียนและครูรว มกันสรุปความรูเ กีย่ วกับสาร
ประกอบแอลเคนและแอลคีน ส�าหรับแอลคีนทีค่ าร์บอนตรงต�าแหน่งพันธะคูม่ อี ะตอมหรือกลุม่ อะตอมชนิดเดียวกัน จะไม่มี
2. นั ก เรี ย นแต ล ะคนนํ า ข อ สรุ ป ที่ ไ ด ม าเขี ย น ไอโซเมอร์เรขาคณิต
เรียบเรียงเปนองคความรูของตนเอง พรอมยก
ตัวอยางประกอบองคความรูนั้น
H CH2 CH3 H CH3 หมู่อะตอม
อะตอม
C C C C ชนิดเดียวกัน
ขัน้ ประเมิน ชนิดเดียวกัน
H H H CH3
1. ครูประเมินความรู เรื่อง สารประกอบแอลเคน 1-บิวทีน 2-เมทิลโพรพีน
และแอลคีน โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบ
คําถาม การทําแบบฝกหัด และการทําใบงาน
เรื่อง สารประกอบแอลเคนและสารประกอบ แอลคีนที่มีโครงสร้างเป็นวง เรียกว่า ไซโคลแอลคีน (cycloalkene) โดยไซโคลแอลคีนที่มี
แอลคีน พันธะคู่ 1 พันธะ จะมีจ�านวนอะตอมของไฮโดรเจนน้อยกว่าแอลคีนที่มีจ�านวนคาร์บอนเท่ากัน
2. ครู ป ระเมิ น ทั ก ษะและกระบวนการ โดย อยู ่ 2 อะตอม ดังนัน้ จึงมีสตู รทัว่ ไปเป็น CnH2n - 2 ซึง่ สมบัตแิ ละการเกิดปฏิกริ ยิ าของไซโคลแอลคีน
การสั ง เกตพฤติ ก รรมการทํ า งานรายบุ ค คล จะมีแนวโน้มคล้ายคลึงกับแอลคีน
พฤติ ก รรมการทํ า งานกลุ ม จากการทํ า การเรียกชือ่ ไซโคลแอลคีนท�าได้เช่นเดียวกับการเรียกชือ่ แอลคีน แต่นา� หน้าด้วยค�าว่า ไซโคล
กิจกรรมสืบคนเพิ่มเติมเกี่ยวกับสารประกอบ (cyclo)
ไฮโดรคารบอนประเภทแอลเคนและแอลคีน
ในชีวิตประจําวัน 5 4
3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ H3C 6 3 CH3
ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต 1 2
พฤติกรรมของนักเรียน
ไซโคลโพรพีน ไซโคลเฮกซีน 3, 6-ไดเมทิลไซโคลเฮกซีน
สมบัติทางกายภาพของไซโคลแอลคีน มีดังนี้
1. ไม่ละลายน�้า แต่ละลายได้ดีในตัวท�าละลายอินทรีย์ เช่น เบนซีน อีเทอร์
2. จุดเดือดและจุดหลอมเหลวจะมีแนวโน้มมีค่าสูงขึ้นตามจ�านวนอะตอมของคาร์บอน
ที่เพิ่มขึ้น
เนื่องจากไซโคลแอลคีนมีพันธะคู่ระหว่างอะตอมของคาร์บอน 1 พันธะ จึงเกิดปฏิกิริยาเคมี
ได้คล้ายกับแอลคีน ได้แก่ ปฏิกิริยาการเติมตรงต�าแหน่งพันธะคู่ ตัวอย่างเช่น
36
(วิเคราะหคําตอบ
ของนักเรียน มอบหมาย
ผลงานกลุ่ม คะแนน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
CH3 CH3
CH3 + H2 CH3
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน
............./.................../...............
สาร A 1, 1-dimethylcyclohexane
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
T42
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
3) ปฏิกิริยาออกซิเดชันกับสารละลายโพแทสเซียมเปอรแมงกาเนต
OH
+ KMnO4 + H2O
OH
2.3 แอลไคน
แอลไคน (alkyne) เปนสารประกอบไฮโดรคารบอนไมอิ่มตัว ภายในโมเลกุลจะมีพันธะสาม
ระหวางอะตอมของคารบอนอยางนอย 1 พันธะ มีสูตรทั่วไปเปน CnH2n - 2 (เมื่อ n เปนจํานวน
อะตอมของคารบอนในโมเลกุล)
H C C H
กิจกรรม ทาทาย
ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3 คน แลวทําการสรุปความรู
จากการศึกษาเพิ่มเติม จาก YouTube เรื่อง Alkenes & Alkynes:
Crash Course Chemistry #41 (https://www.youtube.com/
watch?v=CEH3O6l1pbw) พรอมทั้งทําการเปรียบเทียบสมบัติ
ของสารประกอบแอลคีนและสารประกอบแอลไคน แลวนําเสนอ
หนาชั้นเรียน
T43
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
การใชความรูเ ดิมฯ (Prior Knowledge)
2. ครูถามนักเรียนวา สมบัติทางกายภาพของแอลไคน์
• สารประกอบไฮโดรคารบอนที่มีพันธะสาม
จะมีลักษณะอยางไร เป็นโมเลกุลไม่มีขั้ว ไม่ละลายน�้า แต่ละลายได้ดีในตัวท�าละลายอินทรีย์
(แนวตอบ สารประกอบไฮโดรคารบอนที่มี
ความหนาแน่นน้อยกว่าน�้า จุดหลอมเหลวและจุดเดือดต�่า เมื่อแอลไคน์มีจ�านวนคาร์บอนอะตอมเพิ่มขึ้น
พันธะสาม แสดงวามีพันธะสามระหวาง จุดเดือดและจุดหลอมเหลวก็จะมีค่าสูงขึ้น
คารบอนอะตอม เปนสารประกอบไฮโดร
คารบอนไมอิ่มตัว)
ตารางที่ 1.7 : จุดหลอมเหลวและจุดเดือดของแอลไคน์โซ่ตรงบางชนิด
3. ครู อ ธิ บ ายเพิ่ ม เติ ม ว า สารประกอบไฮโดร
คารบอนที่มีพันธะสาม เรียกวา สารประกอบ จ�านวนอะตอมของคาร์บอน สูตรโมเลกุล จุดหลอมเหลว ( �C) จุดเดือด ( �C)
ไฮโดรคาร บ อนประเภทแอลไคน เป น สาร 2 C2H2 -80.7* -84.7**
ประกอบไฮโดรคารบอนไมอิ่มตัว เนื่องจาก 3 C3H4 -102.7 -23.2
มีพันธะสามระหวางคารบอนอะตอม 4 C4H6 -125.7 8.1
5 C5H8 -90.0 40.1
6 C6H10 -131.9 71.3
7 C7H12 -81.0 99.7
8 C8H14 -79.3 126.3
หมายเหตุ : *จุดหลอมเหลวภายใต้อุณหภูมิและความดันที่มีทั้งสถานะของแข็ง ของเหลว และแก๊สอยู่รวมกันในภาวะสมดุล
**อุณหภูมิที่เกิดการระเหิด
ปฏิกิริยาที่ส�าคัญของแอลไคน์ มีดังนี้
1. ปฏิกริ ยิ าการเผาไหม้ (combustion reaction) การเผาไหม้แอลไคน์ในบรรยากาศปกติหรือ
มีออกซิเจนน้อย จะให้เขม่ามากกว่าแอลคีน แต่ถ้าเผาในบริเวณที่มีออกซิเจนมากเกินพอ จะไม่มี
เขม่า ได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และไอน�้าเป็นผลิตภัณฑ์ และให้พลังงานความร้อนออกมา เช่น
2C4H6 (g) + 11O2 Δ 8CO2 (g) + 6H2O (g) + ความร้อน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
1) ปฏิกิริยาการเติมธาตุแฮโลเจนหรือเรียกว่า ปฏิกิริยาแฮโลจีเนชัน (halogenation 1. ครูนําอภิปรายเกี่ยวกับสารประกอบแอลไคน
reaction) เป็นปฏิกิริยาที่ Cl2 หรือ Br2 สามารถรวมตัวกับแอลไคน์ตรงพันธะสาม โดยไม่ต้องมี โดยใช PowerPoint เรือ่ ง สารประกอบอินทรีย
ตัวเร่งปฏิกิริยา และเกิดได้ทั้งในที่ที่มีแสงสว่างและที่มืด และไม่เกิดแก๊สไฮโดรเจนเฮไลด์ (HX) และหนังสือเรียนรายวิชาเพิม่ เติมวิทยาศาสตร
และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1
Br Br 2. นักเรียนสืบคนเกีย่ วกับปฏิกริ ยิ าของสารประกอบ
Br R แอลไคน แลวสรุปความรูอ อกมาในรูปแบบของ
R C C R + Br2 C C + Br2 R C C R
R Br Br Br ผังมโนทัศน พรอมทั้งวิเคราะหวา ปฏิกิริยา
ของสารประกอบแอลไคน เ กี่ ย วข อ งกั บ สาร
ประกอบแอลเคนและสารประกอบแอลคี น
2) ปฏิกิริยาการเติมแก๊สไฮโดรเจนหรือเรียกว่า ปฏิกิริยาไฮโดรจีเนชัน (hydrogenation หรือไม อยางไร
reaction) โดยแอลไคน์จะรวมตัวกับ H2 ได้เป็นแอลคีนและแอลเคน ตามล�าดับ โดยมี Pt Ni
หรือ Pd เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
H R H H
R C C R + H2 Pt C C + H2 Pt R C C R
R H H H
O
H2SO4
R C CH + H2O R C CH3
แอลไคน์ คีโตน
O
H2SO4
CH CH + H2O H C CH3
อีไทน์ แอลดีไฮด์
เคมีอินทรีย์ 39
T45
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
3. นั ก เรี ย นศึ ก ษาหลั ก เกณฑ ใ นการเรี ย กชื่ อ 4) ปฏิกิริยาการเติม HCl HBr และ HI หรือเรียกว่า ปฏิกิริยาไฮโดรแฮโลจีเนชัน1
สารประกอบแอลไคนตามระบบ IUPAC จากนัน้ (hydrohalogenation reaction) โดยแอลไคน์จะรวมตัวกับ HCl HBr หรือ HI ได้เป็นแอลคิลเฮไลด์
อภิ ป รายร ว มกั น เกี่ ย วกั บ การเรี ย กชื่ อ สาร และไดแฮโลแอลเคน
ประกอบแอลไคน Cl H Cl H
4. นั ก เรี ย นเรี ย กชื่ อ สารประกอบแอลไคน ต าม R C C H + HCl C C + HCl R C C H
ระบบ IUPAC จากตัวอยางสูตรโครงสรางใน R H Cl H
หนังสือเรียนรายวิชาเพิม่ เติมวิทยาศาสตรและ
เทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 หนา 40-41 3. ปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidation reaction) เป็นปฏิกิริยาที่แอลไคน์ฟอกจางสีหรือ
5. ใหนกั เรียนสรุปความรูเ กีย่ วกับการเรียกชือ่ สาร
ท�าปฏิกิริยากับสารละลายโพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต เกิดตะกอนสีน�้าตาลด�าของ MnO2
ประกอบแอลไคนตามระบบ IUPAC แลวให • แอลไคน์ที่มีพันธะสามอยู่ที่อะตอมของคาร์บอนต�าแหน่งที่ 1 จะเกิดปฏิกิริยา ได้กรด
นักเรียนทําแบบฝกหัดเพื่อทบทวนความรู คาร์บอกซิลิก ดังสมการ
3RC CH + 8KMnO4 + 4H2O 3RCOOH + 3CO2 + 8MnO2 + 8KOH
40
T46
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
2. แสดงต�าแหน่งของพันธะสามระหว่างอะตอมของคาร์บอน ซึง่ เริม่ ต้นจากปลายโซ่ดา้ นใด 6. ครูเตรียมบัตรคําสารประกอบแอลไคนจํานวน
ก็ได้ที่ท�าให้ต�าแหน่งของพันธะสามเป็นตัวเลขที่น้อยที่สุด แล้วเขียนตัวเลขไว้หน้าชื่อของแอลไคน์ 10 ใบ แลวสุมนักเรียนออกมาอานชื่อสาร
ยกเว้นอีไทน์และโพรไพน์ไม่ต้องแสดง ประกอบแอลไคน
7. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา นอกจากสารประกอบ
1 2 3 4 5
ไฮโดรคารบอนทัง้ 3 ประเภท ยังมีสารประกอบ
CH CH CH CCH3 CH CCH2CH2CH3 ไฮโดรคาร บ อนอี ก 1 ประเภท เรี ย กว า
อะโรมาติกไฮโดรคารบอน เปนสารประกอบ
อีไทน์ โพรไพน์ 1-เพนไทน์
ไฮโดรคารบอนที่มีเบนซีนเปนองคประกอบ
3. การเรียกชื่อแอลไคน์โซ่กิ่ง ให้เลือกโซ่ไฮโดรคาร์บอนที่ยาวที่สุดและมีพันธะสามอยู่ใน
สายโซ่ เริม่ ต้นจากปลายทีท่ า� ให้ตา� แหน่งของพันธะสามอยูใ่ นต�าแหน่งทีน่ อ้ ยทีส่ ดุ และเรียกชือ่ โดย
ใช้วิธีเดียวกับแอลไคน์แบบโซ่ตรง หมู่แอลคิลเรียกเหมือนแอลเคน และเขียนไว้ด้านหน้าชื่อของ
แอลไคน์
CH3 CH3
4 231 1 2 3 4 5 6 7
H3C C C CH CH3 C C C CH2 CH2 CH3
CH3 CH3
3, 3-ไดเมทิล-1-บิวไทน์ 2, 2-ไดเมทิล-3-เฮปไทน์
5 2
4 3
H3C CH3
ไซโคลออกไทน์ 3, 4-ไดเมทิลไซโคลเฮกไซน์
เคมีอินทรีย์ 41
T47
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
8. นั ก เรี ย นศึ ก ษาเกี่ ย วกั บ สมบั ติ แ ละปฏิ กิ ริ ย า 2.4 อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน
ของอะโรมาติกไฮโดรคารบอนจากหนังสือเรียน อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (aromatic hydrocarbon) เป็นสารประกอบไฮโดรคาร์บอนไม่อมิ่ ตัว
รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี ที่มีเบนซีนเป็นองค์ประกอบหรือเป็นอนุพันธ์ของเบนซีน
เคมี ม.6 เลม 1 และสืบคนเพิ่มเติมจากแหลง
เรียนรูตางๆ เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต
โมเลกุลของเบนซีนประกอบด้วยคาร์บอน 6 อะตอม ต่อกันเป็นวง โดยคาร์บอนทุกอะตอม
อยู่ในระนาบเดียวกัน และต่อกับไฮโดรเจนอีก 1 อะตอม ซึ่งพันธะระหว่างอะตอมของคาร์บอน
ทัง้ 6 พันธะ มีความยาวเท่ากัน คือ 139 พิโกเมตร ซึง่ เป็นค่าระหว่างความยาวพันธะของคาร์บอน
ที่เป็นพันธะเดี่ยว (154 พิโกเมตร) กับพันธะคู่ (134 พิโกเมตร) และมีมุมระหว่างพันธะเท่ากัน
ทุกมุม คือ 120 องศา เบนซีนจึงมีสูตรโมเลกุลเป็น C6H6
H
H H C
C C
C C
H C H
H
(1) (2) (3)
เนื่องจากอิเล็กตรอนในพันธะคู่ของวงเบนซีนไม่ได้อยู่ประจ�าที่เหมือนในแอลคีน การเขียน
สูตรโครงสร้างของเบนซีนจึงควรเขียนเป็นโครงสร้างเรโซแนนซ์ ดังนี้
H H H
H H C H H C H CH
C C C C หรือ C C
C C C C C C
H C H H C H H C H
H H H
เบนซีน
42 www.aksorn.com/interactive3D/RNC1H
T48
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
หรือเขียนเป็นโครงสร้างแบบเส้นและมุมได้ ดังนี้ 9. นักเรียนแบงกลุมเปน 4 กลุม แตละกลุม
จั บ สลากเลื อ กประเภทของสารประกอบ
ไฮโดรคารบอน แลวสืบคนและรวบรวมขอมูล
หรือ เกีย่ วกับสารประกอบไฮโดรคารบอนทีจ่ บั สลาก
ไดจากหนังสือเรียน อินเทอรเน็ต ตามหัวขอ
ตอไปนี้
สมบัติทางกายภาพของอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน - ลักษณะของสารประกอบ
- สมบัติของสารประกอบ
เป็นของเหลวใส ไม่มีสีจนถึงสีเหลืองอ่อน ๆ และมีกลิ่นเฉพาะตัว - การเรียกชื่อ
ไม่ละลายน�้า เนื่องจากเป็นโมเลกุลไม่มีขั้ว จึงละลายได้ในตัวท�าละลายไม่มีขั้ว เช่น เฮกเซน - การเกิดปฏิกิริยา
เมทิลเบนซีน CH3
(โทลูอีน) C7H8 -95 111
CH3
เอทิลเบนซีน C8H10 -94 136
เคมีอินทรีย์ 43
T49
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
10. ใหนักเรียนแตละกลุมนําขอมูลเกี่ยวกับสาร ตารางที่ 1.9 : จุดหลอมเหลวและจุดเดือดของอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (ต่อ)
ประกอบอะโรมาติกไฮโดรคารบอนที่ไดจาก ชื่อ สูตรโครงสร้าง จุดหลอมเหลว จุดเดือด
การสืบคนมาอภิปรายรวมกัน และเปรียบเทียบ สารประกอบ สูตรโมเลกุล แบบเส้นและมุม ( �C) ( �C)
สมบัติตางๆ ของสารประกอบอะโรมาติก
ไฮโดรคารบอน พรอมทัง้ ออกแบบการนําเสนอ แนฟทาลีน C10H8 80.3 217.9
ขอมูลในรูปแบบทีน่ า สนใจ เชน คลิปวิดโี อสัน้
อินโฟกราฟก แอนทราซีน C14H10 215.8 339.9
CH3 Cl
แอนิลีน
44 www.aksorn.com/interactive3D/RNC1J
T50
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ลงมือทํา (Doing)
2. ถ้ามีหมู่แอลคิลหรืออะตอมของธาตุอื่นมาสร้างพันธะกับวงเบนซีนมากกว่า 1 หมู่ ให้ 11. หลังจากทีน่ กั เรียนไดศกึ ษาเกีย่ วกับสารประกอบ
ก�าหนดต�าแหน่งอะตอมของคาร์บอน โดยเริม่ จากอะตอมทีห่ มูแ่ อลคิลต่ออยูเ่ ป็นต�าแหน่งที ่ 1 และ ไฮโดรคารบอนประเภทตางๆ มาแลว ให
ต�าแหน่งต่อ ๆ ไป นับไปทางด้านที่มีหมู่แอลคิลที่ต่ออยู่ใกล้กับต�าแหน่งที่ 1 มากที่สุด และเรียก นักเรียนแบงกลุม กลุม ละ 5-6 คน แลวสืบคน
ชื่อตามหลักการเรียกชื่อของแอลเคนที่มีโซ่กิ่ง แล้วเปลี่ยนเสียงท้ายเป็นเบนซีน เช่น ขอมูลเกี่ยวกับสารประกอบไฮโดรคารบอน
ในชีวิตประจําวัน เชน มีเทน มีสูตรเคมี คือ
CH2CH2CH3 CH3 CH3 CH4 เปนสารประกอบไฮโดรคารบอนประเภท
1
6 2 H3C 2
3
แอลเคน เปนองคประกอบสวนใหญของแกส
1
5 3
CH3 6 4 ธรรมชาติ เปนแกสไมมีสี ติดไฟได นํามาใช
4 CH3
โพรพิลเบนซีน 1, 3-ไดเมทิลเบนซีน
5
2-เอทิล-1, 4-ไดเมทิลเบนซีน
เปนเชื้อเพลิง สามารถพบแกสมีเทนไดในชั้น
ถานหิน เกิดจากการสะสมแกสในชองวาง
โมเลกุลของอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนที่เสียอะตอมของไฮโดรเจนตั้งแต่ 1 อะตอมขึ้นไป ของถานหิน หรืออาจไดจากการหมักมูลสัตว
เรียกว่า หมูแ่ อริล (aryl group) ซึง่ เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ Ar หรือ หรือ C6H5 เรียกชือ่ ว่า ให นั ก เรี ย นนํ า ข อ มู ล ที่ ไ ด ม าออกแบบแล ว
หมู่ฟีนิล (phenyl group) นําเสนอในรูปแบบของโปสเตอร แลวนําไปติด
บริเวณโรงเรียน เพื่อเปนการเผยแพรความรู
เมื่อเบนซีนเป็นหมู่แทนที่ จะใช้ค�าว่า ฟีนิล แทนเบนซีน เช่น
1 2 3 4
CH3 C CHCH3
2-ฟีนิล-2-บิวทีน
ปฏิกิริยาที่ส�าคัญของอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน มีดังนี้
1. ปฏิกิริยาเผาไหม้ (combustion reaction) การเผาไหม้อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน
ในบรรยากาศปกติหรือมีออกซิเจนน้อย จะให้เขม่ามากกว่าแอลคีนและแอลไคน์ แต่ถ้าเผา
ในบริเวณที่มีออกซิเจนมากเกินพอ จะไม่มีเขม่า จึงได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และไอน�้าเป็น
ผลิตภัณฑ์ และให้พลังงานความร้อนออกมา
เคมีอินทรีย์ 45
4 2
O2N 3 NO2
มีชื่อเรียกวา 2, 4-ไดไนโตรโทลูอีน ดังนั้น ตอบขอ 2.)
T51
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
1. นั ก เรี ย นและครู ร ว มกั น สรุ ป ความรู เ กี่ ย วกั บ
แอลไคนและอะโรมาติกไฮโดรคารบอน 2. ปฏิกิริยาการแทนที่ (substitution reaction) เป็นปฏิกิริยาที่ไฮโดรเจนอะตอมใน
2. นั ก เรี ย นแต ล ะคนนํ า ข อ สรุ ป ที่ ไ ด ม าเขี ย น อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอนถูกแทนที่ด้วยอะตอมของธาตุหรือสารอื่น ตัวอย่างเช่น
เรี ย บเรี ย งเป น องค ความรู ข องตนเองพร อ ม 1) ปฏิกริ ยิ าแทนทีด่ ว้ ยแฮโลเจน (halogenation reaction) เบนซีนจะท�าปฏิกริ ยิ ากับ Cl2
ยกตัวอยางประกอบองคความรูนั้นในรูปแบบ
หรือ Br2 โดยมีผง Fe หรือ FeCl3 เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ได้แก๊สไฮโดรเจนเฮไลด์เป็นผลิตภัณฑ์ ดังนี้
ผังมโนทัศน
FeCl3 Cl
+ Cl2 + HCl
SO3H
HNO3 /H2SO4
H2SO4 NO2
+ HNO3
46
ขอสอบเนน การคิด
สารประกอบอะโรมาติกไฮโดรคารบอนที่มีสูตรโมเลกุล C8H10 เมื่อทําปฏิกิริยากับโบรมีนจะใหสารที่มีสูตรโมเลกุล
C8H9Br 3 ชนิด สารประกอบอะโรมาติกไฮโดรคารบอนที่มีสูตรโมเลกุล C8H10 จะมีโครงสรางอยางไร
H3C CH3
1. 2. H3C CH3 3. H3C CH3
H3C CH3
CH3
C2H5 Br
4. 5.
C2H5 CH3
ขัน้ สรุป
3. นักเรียนตอบคําถาม Topic Questions ใน
จากการศึกษาเกี่ยวกับสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ประเภทแอลเคน แอลคีน แอลไคน์ หนังสือเรียนรายวิชาเพิม่ เติมวิทยาศาสตรและ
และอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน สามารถเปรียบเทียบสมบัติและการเกิดปฏิกิริยาเคมีได้ ดังตาราง เทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1
ที่ 1.10 4. นักเรียนทําแบบฝกหัดในแบบฝกหัดรายวิชา
เพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6
ตารางที่ 1.10 : สมบัติและการเกิดปฏิกิริยาเคมีของแอลเคน แอลคีน แอลไคน์ เลม 1
และอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน
อะโรมาติก
สมบัติ/ปฏิกิริยา แอลเคน แอลคีน แอลไคน์ ไฮโดรคาร์บอน ขัน้ ประเมิน
สูตรทั่วไป CnH2n + 2 CnH2n CnH2n - 2 - 1. ครูประเมินความรู เรื่อง สารประกอบแอลไคน
สี ไม่มีสี ไม่มีสี ไม่มีสี ไม่มีสี และอะโรมาติกไฮโดรคารบอน โดยสังเกต
พฤติ ก รรมการตอบคํ า ถามและการทํ า แบบ
กลิ่น ไม่มีกลิ่น มีกลิ่นเฉพาะตัว มีกลิ่นเฉพาะตัว มีกลิ่นเฉพาะตัว
ฝกหัด
ขั้วโมเลกุล ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี
พันธะคู่ พันธะสาม พันธะคู่
พันธะ พันธะเดี่ยวทั้งหมด
อย่างน้อย 1 แห่ง อย่างน้อย 1 แห่ง อย่างน้อย 3 แห่ง
การละลายน�้า ไม่ละลาย ไม่ละลาย ไม่ละลาย ไม่ละลาย
การละลายใน
ละลาย ละลาย ละลาย ละลาย
ตัวท�าละลายไม่มีขั้ว
แรงยึดเหนี่ยว
แรงลอนดอน แรงลอนดอน แรงลอนดอน แรงลอนดอน
ระหว่างโมเลกุล
จุดเดือด ต�่า ต�่าที่สุด สูง สูงที่สุด
ความหนาแน่น น้อยกว่าน�้า น้อยกว่าน�้า น้อยกว่าน�้า น้อยกว่าน�้า
การเผาไหม้ ไม่มีเขม่า มีเขม่า มีเขม่ามาก มีเขม่ามากที่สุด
การฟอกสี Br2
• ในที่มืด ไม่ฟอกสี ฟอกสี ฟอกสี ไม่ฟอกสี
• ในที่สว่าง ฟอกสี ฟอกสี ฟอกสี ไม่ฟอกสี
การฟอกสี KMnO4 ไม่ฟอกสี ฟอกสี ฟอกสี ไม่ฟอกสี
ปฏิกิริยากับ H2/Pt ไม่เกิด เกิด เกิด ไม่เกิด
เคมีอินทรีย์ 47
ทําใหกระดาษลิตมัสเปลี่ยนสีคือสารใด ลาดับที่
ชื่อ–สกุล
ของนักเรียน
การแสดง การยอมรับ
ความคิดเห็น ฟังคนอื่น
การทางาน
ตามที่ได้รับ ความมีน้าใจ
มอบหมาย
การมี
ส่วนร่วมใน
การปรับปรุง
รวม
15
ผลงานกลุ่ม คะแนน
ขัน้ ประเมิน
2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการสังเกต
พฤติกรรมการทํางานรายบุคคล พฤติกรรมการ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน สามารถพบได้ในธรรมชาติ เช่น ยางไม้ ถ่านหิน ปิโตรเลียม
ทํางานกลุมจากการทํากิจกรรมสืบคนขอมูล และยังสามารถสังเคราะห์ข้ึนเองได้ ซึ่งแหล่งก�าเนิดที่ส�าคัญของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน คือ
เกี่ยวกับสารประกอบไฮโดรคารบอนที่พบใน ปิโตรเลียม ซึ่งเกิดจากการทับถมและสลายตัวของซากพืชซากสัตว์ที่คลุกเคล้าอยู่กับตะกอน
ชีวิตประจําวัน ในชั้นกรวดทรายและโคลนตมใต้ผิวโลก เมื่อเวลาผ่านไปนับล้านปี ตะกอนนั้นจะจมตัวลง
3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ และถู ก อั ด ด้ ว ยความดั น และความร้ อ นสู ง ในสภาวะที่ มี ป ริ ม าณออกซิ เ จนจ� า กั ด ตะกอนจึ ง
ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต สลายตัวกลายเป็นแก๊สธรรมชาติและน�้ามันดิบแทรกอยู่ระหว่างชั้นหินที่มีรูพรุน และจากการ
พฤติกรรมของนักเรียน กลั่นล�าดับส่วนของน�้ามันดิบ ท�าให้แยกองค์ประกอบของน�้ามันดิบได้ ดังนี้ สารประกอบ
ไฮโดรคาร์บอน ได้แก่ กลุ่มแอลเคนหรือพาราฟิน กลุ่มแนฟทีนหรือไซโคลพาราฟิน และกลุ่ม
อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน และสารประกอบที่
ไม่ใช่ไฮโดรคาร์บอน ได้แก่ สารประกอบอินทรีย์
ของก�ามะถัน สารประกอบไนโตรเจน สารที่มี Core Concept
ออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ และสารที่มีโลหะ ให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญ เรื่อง
สารประกอบไฮโดรคาร์บอน
เป็นองค์ประกอบ
Topic
Questions
ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้
1. จงเรียกชื่อสารประกอบไฮโดรคาร์บอนต่อไปนี้
1) 2) 3)
Br
CH2 CH3
2. จงเขียนโครงสร้างของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนต่อไปนี้
1) 5-เอทิล-2, 8-ไดเมทิลดีเคน
2) 1, 1-ไดคลอโร-2, 2-ไดฟลูออโรอีเทน
3) 1, 3-ไดเมทิลเบนซีน
3. จงเขียนผลิตภัณฑ์ที่ได้จากปฏิกิริยาต่อไปนี้
1) ปฏิกิริยาระหว่างเฮกเซนกับโบรมีน โดยเกิดในที่ที่มีแสงสว่าง
2) ปฏิกิริยาระหว่างอีไทน์กับน�้า โดยมีกรดซัลฟิวริกเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
48
O
H2SO4
2) CH CH + H2O H C CH3
T54
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
T55
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
1. นักเรียนศึกษาเกีย่ วกับสมบัตทิ างกายภาพของ จุดเดือดของแอลกอฮอล์จะเพิ่มขึ้นตามจ�านวน
แอลกอฮอล ฟนอล และอีเทอร และการเรียกชือ่ อะตอมของคาร์บอน เนื่องจากการเพิ่มจ�านวน
ตามระบบ IUPAC ในหนังสือเรียนรายวิชา อะตอมของคาร์บอนท�าให้แอลกอฮอล์มีขนาด
เพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6 โมเลกุ ล ใหญ่ ขึ้ น และมี ม วลโมเลกุ ล เพิ่ ม ขึ้ น
R
δ-
+
เลม 1 ส่งผลให้แรงยึดเหนีย่ วระหว่างโมเลกุลมีคา่ สูงขึน้ δ
ด้วย เนือ่ งจากแอลกอฮอล์เป็นโมเลกุลมีขวั้ แรง O H O
2. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5-6 คน แลวให R
แตละกลุมทํากิจกรรมจับคูโครงสรางของสาร
ยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลจึงมีทั้งแรงลอนดอน H
และแรงดึงดูดระหว่างขั้ว รวมทั้งหมู่ไฮดรอกซิล
กับชื่อตามระบบ IUPAC พรอมทั้งบอกสมบัติ ยังสามารถเกิดพันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุล
ของสาร ของแอลกอฮอล์ได้อีกด้วย จึงท�าให้แอลกอฮอล์ ภาพที่ 1.9 พันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลของ
แอลกอฮอล์กับแอลกอฮอล์
มีจุดเดือดสูงกว่าแอลเคนที่มีมวลโมเลกุลใกล้ ที่มา : คลังภาพ อจท.
เคียงกัน
ปฏิกิริยาที่ส�าคัญของแอลกอฮอล์ มีดังนี้
1. ปฏิกิริยาการเผาไหม้ (combustion reaction) แอลกอฮอล์สามารถติดไฟได้ดี ไม่มี
เขม่าและควัน ได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และไอน�้าเป็นผลิตภัณฑ์ และให้พลังงานความร้อน
ออกมา เช่น
50
เกร็ดแนะครู
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเภทของแอลกอฮอลวาขึ้นอยูกับตําแหนงของหมูไฮดรอกซิล ( OH) ในสายโซของแอลกอฮอล ดังนี้
• แอลกอฮอลปฐมภูมิ เปนแอลกอฮอลที่มีหมู OH เกิดพันธะกับอะตอมของคารบอนปฐมภูมิซึ่งเปนอะตอมคารบอนที่เกิดพันธะกับคารบอน
ขางเคียง 1 พันธะ โดยแอลกอฮอลปฐมภูมิมีสูตรทั่วไป คือ H
R C OH
H
• แอลกอฮอลทุติยภูมิ เปนแอลกอฮอลที่หมู OH เกิดพันธะกับอะตอมคารบอนทุติยภูมิซึ่งเปนอะตอมคารบอนที่เกิดพันธะกับคารบอนขางเคียง
2 พันธะ โดยแอลกอฮอลทุติยภูมิมีสูตรทั่วไป คือ R′
R C OH
H
• แอลกอฮอลตติยภูมิ เปนแอลกอฮอลที่มีหมู OH เกิดพันธะกับอะตอมคารบอนตติยภูมิซึ่งเปนอะตอมคารบอนที่เกิดพันธะกับคารบอนขางเคียง
3 พันธะ โดยแอลกอฮอลตติยภูมิมีสูตรทั่วไป คือ R′
R C OH
R′′
T56
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
การเรียกชื่อแอลกอฮอล์ตามระบบ IUPAC มีหลักการ ดังนี้ 3. ถามคําถาม Concept Question
1. เลือกโซ่คาร์บอนที่ยาวที่สุดที่มีหมู่ OH เกาะอยู่ด้วยเป็นโซ่หลัก โดยให้คาร์บอนที่มี - สารประกอบแอลกอฮอลตอไปนี้มีชื่อเรียก
หมู่ OH เกาะอยู่เป็นต�าแหน่งที่ต�่าที่สุด ตามระบบ IUPAC วาอยางไร
2. เรียกชื่อแอลกอฮอล์ตามจ�านวนคาร์บอน แล้วลงท้ายด้วย -านอล (-anol) พร้อมทั้ง
บอกต�าแหน่งของคาร์บอนที่มีหมู่ OH เกาะอยู่
3. การเรียกชือ่ หมูแ่ ทนทีห่ รือหมูแ่ อลคิล Con���t Q�e����n
จะใช้หลักการเดียวกับการเรียกชือ่ ของแอลเคน สารประกอบแอลกอฮอลตอไปนี้ มีชื่อเรียก
พร้อมทั้งบอกต�าแหน่งคาร์บอนที่มีหมู่แอลคิล ตามระบบ IUPAC วาอยางไร
เกาะอยู่ Br
OH
4. ส�าหรับโมเลกุลที่เป็นวง ให้ต�าแหน่ง
คาร์บอนอะตอมที่มีหมู่ OH เกาะอยู่เป็น Cl
ต�าแหน่งที่ 1 เสมอ
CH3CH2CHCH2OH OH
CH3CH2CH2CH2CH2OH CH3
CH3
1-เพนทานอล 2-เมทิล-1-บิวทานอล 1-เมทิลไซโคลเพนทานอล
การเรียกชื่อแอลกอฮอล์ตามระบบสามัญจะนิยมใช้เรียกแอลกอฮอล์ที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก
โดยจะเรียกชื่อหมู่แอลคิลก่อน แล้วลงท้ายด้วยค�าว่า แอลกอฮอล์ เช่น
CH3OH CH3CH2OH
ขอสอบเนน การคิด
จากโครงสรางของสารอินทรียที่มีสูตรโมเลกุล C5H12O จํานวนไอโซเมอรที่ทําปฏิกิริยากับโลหะโซเดียมไดมีอยูเทาใด
1. 5 2. 6 3. 7 4. 8 5. 9
(วิเคราะหคําตอบ จํานวนไอโซเมอรที่เปนไปได มีดังนี้
OH OH O OH
OH
O OH O
O OH
O OH O OH
T57
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
อธิบายความรู
4. นักเรียนกลุมเดิมนําความรูที่ไดจากการศึกษา แอลกอฮอลที่มีจํานวนอะตอมของคารบอนนอยที่สุด คือ เมทานอลหรือเมทิลแอลกอฮอล
ในหนังสือเรียน จากการทํากิจกรรม มาเรียบเรียง แตเดิมสามารถเตรียมเมทานอลไดจากการเผาไมที่อุณหภูมิสูงในสภาวะที่ปราศจากอากาศ
ปจจุบนั ในอุตสาหกรรมสามารถเตรียมเมทานอลไดจากการสังเคราะหขนึ้ จากปฏิกริ ยิ าระหวางแกส
เป น องค ค วามรู ข องตนเอง แล ว เขี ย นเป น คารบอนมอนอกไซดกับแกสไฮโดรเจน ภายใตอุณหภูมิและความดันสูง โดยมีโลหะออกไซด เชน
ผังมโนทัศนลงในกระดาษฟลิปชารต จากนัน้ นํา Fe2O3 หรือ ZnO/Cr2O3 เปนตัวเรงปฏิกิริยา ดังสมการ
เสนอหนาชัน้ เรียน พรอมทัง้ ใหเพือ่ นตัง้ คําถาม 300-400 ํC, 200 atm
และกลุมที่นําเสนอเปนผูตอบคําถาม CO (g) + 2H2 (g) Fe2O3
CH3OH (l)
สําหรับเอทานอลที่ใชในประเทศไทย สวนใหญจะผลิตจากกระบวนการเทคโนโลยีชีวภาพ
จากการหมักนํ้าตาลกับยีสต เอทานอลนํามาใชบริโภคในรูปของเหลา เบียร และไวน แตการ
บริโภคเครื่องดื่มมีเอทานอลเปนองคประกอบในปริมาณมากเปนประจําจะทําใหเกิดอันตราย
ตอตับและระบบประสาทได นอกจากนี้ เอทานอลยังนํามาใชเปนตัวทําละลายในการผลิตนํ้าหอม
และยา ใชเปนสารฆาเชือ้ นํามาผสมกับนํา้ มันเบนซินจะไดนาํ้ มันแกสโซฮอลนาํ มาใชเปนเชือ้ เพลิง
ในยานพาหนะ และใชเปนสารตั้งตนในการผลิตสียอม ยา เครื่องสําอาง และสารประกอบอินทรีย
อื่น ๆ เชน กรดแอซีติก
C hemistry
Focus การเตรียมเอทานอลจากการหมัก
เอทานอลที่เตรียมไดจากการหมักสารตั้งตนตางชนิดกัน จะมีชื่อเรียกตางกัน เชน เอทานอล
ที่เตรียมจากนํ้าองุน (กลูโคส) จะเรียกวา ไวน เอทานอลที่เตรียมจากมันฝรั่ง (แปง) จะเรียกวา วอดกา
เอทานอลที่เตรียมจากขาวบารเลยหรือขาวฮอป จะเรียกวา เบียร เอทานอลที่ไดจากกระบวนการหมัก
จะมีประมาณรอยละ 12 ในการทําวิสกี้ รัม วอดกา และอื่น ๆ จะตองมีปริมาณแอลกอฮอลรอยละ
40-60 จึงตองนําผลผลิตที่ไดจากการหมักทั้งหมดมากลั่นอีกครั้งเพื่อเพิ่มปริมาณแอลกอฮอล
เมทิลแอลกอฮอล
52 www.aksorn.com/interactive3D/RNC1G
T58
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
3.2 ฟนอล 5. ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อนที่นั่งขางกัน ศึกษา
ฟีนอล (phenol) เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีหมู่ไฮดรอกซิล (hydroxyl group; OH) เพิ่ ม เติ ม เกี่ ย วกั บ แอลกอฮอล ฟ น อล และ
ต่ออยู่กับหมู่แอริลมีสูตรทั่วไปเป็น Ar OH ซึ่งการที่หมู่ OH ต่ออยู่กับหมู่แอริล ท�าให้สมบัติ อีเทอร แลวรวมกันตอบคําถามวา แอลกอฮอล
ส่วนใหญ่ของฟีนอลแตกต่างจากแอลกอฮอล์ โดยฟีนอลจะมีสถานะเป็นของแข็งที่อุณหภูมิห้อง ฟนอล และอีเทอรมีความสัมพันธกันอยางไร
มีจุดหลอมเหลว 41 องศาเซลเซียส น�ามาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตพลาสติกบางชนิด ท�ายา 6. นักเรียนทําใบงาน เรื่อง แอลกอฮอล ฟนอล
สีย้อม และยาฆ่าเชื้อโรค
และอีเทอร
OH
O CH2
H3C
HO
โครงสร้างของยูจีนอล
ภาพที่ 1.12 ยูจีนอล เป็นน�้ามันหอมระเหยที่พบในกานพลู
ที่มา : คลังภาพ อจท.
ฟนอล เคมีอินทรีย์ 53
www.aksorn.com/interactive3D/RNC19
ขัน้ สอน
ขยายความเขาใจ
7. นักเรียนทําแบบฝกหัดในแบบฝกหัดรายวิชา 3.3 อีเทอร์
เพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6 อีเทอร์ (ether) เป็นสารประกอบอินทรียท์ มี่ หี มูฟ่ งั ก์ชนั เป็นหมูแ่ อลคอกซี (alcoxy group; O )
เลม 1 มีสูตรทั่วไปเป็น R O R′ มีสูตรโมเลกุลเหมือนแอลกอฮอล์และฟีนอล จึงเป็นไอโซเมอร์
โครงสร้างกับแอลกอฮอล์และฟีนอล
ขัน้ สรุป
นักเรียนสรุปความรู เรื่อง แอลกอฮอล ฟนอล สมบัติทางกายภาพของอีเทอร์
และอีเทอร ในรูปแบบของผังมโนทัศน ลงกระดาษ โมเลกุลของอีเทอร์จะมีข้ัวเพียงเล็กน้อย จึงมี
A4 สงครูผูสอน จุดเดือดใกล้เคียงกับแอลเคนที่มีขนาดโมเลกุล
ใกล้เคียงกัน แต่จะมีจุดเดือดต�่ากว่าแอลกอฮอล์
H
ที่ เ ป็ น ไอโซเมอร์ ม าก เนื่ อ งจากโมเลกุ ล ของ
พันธะไฮโดรเจน
H O
อีเทอร์ไม่สามารถเกิดพันธะไฮโดรเจนได้เหมือน
กับแอลกอฮอล์ R O
R′
อี เ ทอร์ ที่ มี ม วลโมเลกุ ล น้ อ ยจะละลายน�้ า ได้
เล็กน้อย เพราะสามารถเกิดพันธะไฮโดรเจน ภาพที่ 1.13 การเกิดพันธะไฮโดรเจนระหว่าง
ระหว่างออกซิเจนของอีเทอร์กับไฮโดรเจนของ ออกซิเจนของอีเทอร์กับไฮโดรเจนของน�้า
ที่มา : คลังภาพ อจท.
น�้าได้
อีเทอร
54 www.aksorn.com/interactive3D/RNC1F
ขอสอบเนน การคิด
พิจารณาสารประกอบตอไปนี้วา สารในขอใดเปนแอลกอฮอล ฟนอล และอีเทอรตามลําดับ
O
ก. HO O CH3 ข. ค. HO CH3
CH3
OH H H2
C C
ง. จ. O C CH3
H2
T60
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
ตรวจสอบผล
การเรียกชื่ออีเทอร์ตามระบบ IUPAC มีหลักการ ดังนี้ 1. ครูประเมินความรู เรื่อง พันธะและการเขียน
1. ให้พิจารณาหมู่ที่ต่อกับออกซิเจนทั้ง 2 หมู่ แล้วให้หมู่ที่มีจ�านวนคาร์บอนมากกว่าเป็น สูตรโครงสรางของสารประกอบอินทรีย โดย
ชื่อหลัก ส่วนหมู่ที่มีคาร์บอนน้อยกว่าให้เรียกรวมกับออกซิเจนเป็นหมู่แอลคอกซี สั ง เกตพฤติ ก รรมการตอบคํ า ถาม การทํ า
2. ให้เรียกหมูแ่ อลคอกซีกอ่ นตามจ�านวนอะตอมของคาร์บอน โดยลงท้ายด้วย -อกซี (-oxy) แบบฝกหัด และการทําใบงาน เรือ่ ง แอลกอฮอล
แล้วจึงตามด้วยชื่อหลักของแอลเคน ฟนอล และอีเทอร
2. ครู ป ระเมิ น ทั ก ษะและกระบวนการ โดย
การสั ง เกตพฤติ ก รรมการทํ า งานรายบุ ค คล
CH3CH2CH2OCH2CH3 CH3CH2OCH2CH3 พฤติ ก รรมการทํ า งานกลุ ม จากการทํ า
กิ จ กรรมจั บ คู โ ครงสร า งของสารกั บ ชื่ อ ตาม
เอทอกซีโพรเพน เอทอกซีอีเทน ระบบ IUPAC พรอมทั้งบอกสมบัติของสาร
3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ
ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต
ในอดีตมีการน�าเอทอกซีอีเทน ซึ่งนิยมเรียกว่า อีเทอร์ มาใช้เป็นยาสลบ และยังใช้อีเทอร์ พฤติกรรมของนักเรียน
เป็นตัวท�าละลายในห้องปฏิบตั กิ ารและในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังมีอเี ทอร์ชนิดอืน่ ๆ ทีน่ า� มาใช้
ประโยชน์ได้อีก เช่น
เมทิลเทอร์เชียรีบวิ ทิลอีเทอร์ (methyl tertiary butyl ether; MTBE) เป็นสารประกอบอีเทอร์
ที่น�ามาเติมลงในน�้ามันเบนซิน เพื่อช่วยเพิ่มค่าออกเทนให้กับน�้ามันเบนซิน แต่น�้ามันเบนซิน
ที่ผสมเมทิลเทอร์เชียรีบิวทิลอีเทอร์ เมื่อเกิดการรั่วไหลจะท�าให้แหล่งน�้าใต้ดินเกิดการปนเปื้อน
ซึ่งเป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต ในปี พ.ศ 2541 ประเทศไทยจึงจ�ากัดปริมาณการใช้สารดังกล่าว
ในน�้ามันเบนซิน โดยให้ใช้เอทิลเทอร์เชียรีบิวทิลอีเทอร์ (ethyl tertiary butyl ether; ETBE) แทน
ซึ่งเป็นสารที่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิตน้อยกว่า
CH3 CH3
CH3 C O CH3 CH3 C O CH3 CH3
CH3 CH3
สูตรโครงสร้างของ MTBE สูตรโครงสร้างของ ETBE
เคมีอินทรีย์ 55
T61
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
56
ขอสอบเนน การคิด
สารประกอบในขอใดเปนแอลดีไฮด
CH3 H OH O
1. H3C O 2. H3C O 3. H3C OH
O O
4. H3C CH3 5.
O
( วิเคราะหคําตอบ สารประกอบแอลดี ไ ฮด จ ะประกอบไปด ว ยหมู ฟ ง ก ชั น คาร บ อกซาลดี ไ ฮด ( C H) ดังนั้น
ตอบขอ 2.)
T62
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
ปฏิกิริยาที่ส�าคัญของแอลดีไฮด์ มีดังนี้ 1. ครูนําเสนอตัวอยางของสาร แลวใหนักเรียน
1. ปฏิกิริยาออกซิเดชัน (oxidation reaction) แอลดีไฮด์เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันกับ บอกวาสารใดคือสารประกอบแอลดีไฮด
ออกซิเจนในสภาวะที่เหมาะสม จะได้กรดคาร์บอกซิลิก เช่น O O
CH3CHO ออกซิเดชัน CH3COOH H C H CH3 CH2 C H
O O O
2. ปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกส์ หมู่คาร์บอกซาลดีไฮด์ ( C H) ของแอลดีไฮด์ CH3 C CH3 CH3 C
จะท�าปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกส์ และได้ตะกอนสีส้มของ Cu2O ซึ่งในโครงสร้างของน�้าตาล
โมเลกุลเดี่ยวจะมีหมู่คาร์บอกซาลดีไฮด์อยู่ ดังนั้น น�้าตาลโมเลกุลเดี่ยวจึงท�าปฏิกิริยากับสาร 2. เมื่อนักเรียนสามารถบอกไดวาสารใดคือสาร
ละลายเบเนดิกส์ได้ ประกอบแอลดีไฮด ครูใหนกั เรียนบอกหมูฟ ง กชนั
O O ของแอลดีไฮดและรวมกันสรุปวาแอลดีไฮด
R C H + 2Cu2+ + 5OH- R C O- + Cu2O + 3H2O มีสูตรทั่วไปอยางไร
สารละลายเบเนดิกส์ ตะกอนสีส้มหรือ (แนวตอบ แอลดีไฮดจะมีหมูฟงกชัน CHO
สีน�้าตาลแดง
เรียกวา หมูคารบอกซาลดีไฮด มีสูตรทั่วไป
คือ RCHO)
การเรียกชื่อของแอลดีไฮด์ตามระบบ IUPAC มีหลักการ ดังนี้ ให้เรียกตามจ�านวนอะตอม
ของคาร์บอน โดยให้อะตอมของคาร์บอนที่มีหมู่คาร์บอกซาลดีไฮด์ต่ออยู่เป็นคาร์บอนล�าดับที่ 1
แล้วลงท้ายเสียงด้วย -านาล (-anal)
การเรียกชือ่ ของแอลดีไฮด์ตามระบบชือ่ สามัญ มีหลักการ ดังนี้ ให้เรียกชือ่ ตามกรดคาร์บอก
ซิลิกที่มีจ�านวนคาร์บอนเท่ากัน แต่เปลี่ยนค�าลงท้ายเป็น -าลดีไฮด์ (-aldehyde)
ตารางที่ 1.13 : การเรียกชื่อแอลดีไฮด์บางชนิด
ชนิดของแอลดีไฮด์ ชื่อสามัญ ชื่อ IUPAC
O
C ฟอร์มาลดีไฮด์ เมทานาล
H H
O
C อะเซตาลดีไฮด์ เอทานาล
H3C H
O
H3C C โพรพิโอนาลดีไฮด์ โพรพานาล
C H
H2
เคมีอินทรีย์ 57
เกร็ดแนะครู
ครูยกตัวอยางโครงสรางของแอลดีไฮด แลวอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเรียกชื่อตามระบบ IUPAC ดังนี้
• ถาหมูคารบอกซาลดีไฮด ( CHO) ติดอยูกับโครงสรางที่เปนวง ใหเรียกชื่อเต็มของวงแลวตอทายดวย -คารบาลดีไฮด (-carbaldehyde)
O OH O
C C H
H
ไซโคลโพรเพนคารบาลดีไฮด 2-ไฮดรอกซี ไซโคลเฮกเซนคารบาลดีไฮด
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
3. นักเรียนแบงกลุมออกเปน 5 กลุม แลวให แอลดีไฮด์ที่นิยมน�ามาใช้อย่างกว้างขวาง คือ เมทานาล
แตละกลุม จับสลากเลือกสารประกอบแอลดีไฮด หรื อ ฟอร์ ม าลดี ไ ฮด์ ซึ่ ง เป็ น แอลดี ไ ฮด์ ที่ มี โ มเลกุ ล เล็ ก ที่ สุ ด
ที่ครูเตรียมไว แลวใหสืบคนขอมูลตามหัวขอ มีสถานะเป็นแก๊สที่อุณหภูมิห้อง มีกลิ่นฉุน และละลายน�้าได้ดี
ตอไปนี้ เมือ่ ละลายน�า้ จะได้สารละลายทีเ่ รียกว่า ฟอร์มาลิน ซึง่ ฟอร์มาลิน
- สูตรโครงสราง เข้มข้นร้อยละ 40 โดยมวลต่อปริมาตร น�ามาใช้รักษาสภาพศพ
- การเรียกชื่อ ไม่ให้เน่าเปือย ใช้ดองสัตว์และพืชเพื่อศึกษาทางการแพทย์และ
- สมบัติทางกายภาพ ทางชีววิทยา และใช้เป็นสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมพอลิเมอร์
ซึ่งในทางอุตสาหกรรมสามารถเตรียมฟอร์มาลดีไฮด์ได้จาก ภาพที่ 1.16 ฟอร์มาลินน�ามาใช้
- ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น ปฏิกิริยาระหว่างเมทานอลและออกซิเจน ภายใต้อุณหภูมิสูง
ดองสัตว์ เพือ่ การศึกษาทางชีววิทยา
ที่มา : คลังภาพ อจท.
- การนําไปใชประโยชน โดยมีโลหะเงินเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา ดังสมการ
พรอมทัง้ ออกแบบการนําเสนอขอมูลในรูปแบบ
2CH3OH (g) + O2 (g) 600 �C 2HCHO (g) + 2H2O (g)
ของอินโฟกราฟก และนําเสนอหนาชั้นเรียน Ag
แอลดีไฮด์ในธรรมชาติส่วนใหญ่จะเป็นสารที่มีกลิ่นหอม และมักพบในผลไม้หรือพืชต่าง ๆ
จึงน�ามาใช้เป็นสารปรุงรสและแต่งกลิ่นอาหาร เช่น
O แวนิลลิน พบได้ในเมล็ดของ
O แวนิลลา ใช้เป็นสารให้กลิ่น
H3C H วานิลลานิยมน�าไปใช้ในการ
HO แต่งกลิ่นอาหารประเภทของ
หวานและไอศกรีม และยัง
โครงสร้างของแวนิลลิน ถู ก น� า ไปใช้ ในการแต่งกลิ่น
ภาพที่ 1.17 เมล็ดแวนิลลา น�า้ หอมอีกด้วย
ที่มา : คลังภาพ อจท.
ฟอรมาลดีไฮด
58 www.aksorn.com/interactive3D/RNC1E
ฟอรมาลดีไฮด
www.aksorn.com/interactive3D/RKC1E
กิจกรรม ทาทาย
นักเรียนทีจ่ บั คูก นั แลวใหจบั กลุม กับเพือ่ นอีก 1 คู สืบคนขอมูล
เพิ่มเติมเกี่ยวกับแอลดีไฮดในธรรมชาติจากแหลงเรียนรูตางๆ
เชน หองสมุด อินเทอรเน็ต แลวนําเสนอขอมูลในรูปแบบทีน่ า สนใจ
เชน โปสเตอร
T64
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
3.5 คี โตน 4. ครู ย กตั ว อย า งโครงสร า งของสารประกอบ
O
คีโตน (ketone) เป็นสารประกอบที่มีหมู่ฟังก์ชันเป็นหมู่คาร์บอนิล (carbonyl; C หรือ แอลดี ไ ฮด แ ละสารประกอบคี โ ตน แล ว ให
O นักเรียนพิจารณาวา สารประกอบแอลดีไฮด
CO ) มีสูตรทั่วไปเป็น R C R′ หรือ RCOR′ หรือ CnH2nO เมื่อ R และ R′ เป็นหมู่
และสารประกอบคี โ ตนแตกต า งกั น หรื อ ไม
แอลคิลหรือหมู่แอริล โดยคีโตนตัวแรกจะเริ่มต้นที่คาร์บอน 3 อะตอม ซึ่งจะสังเกตได้ว่า
อยางไร
แอลดีไฮด์และคีโตนจะมีสูตรโมเลกุลเหมือนกัน แต่มีสูตรโครงสร้างต่างกัน ดังนั้น แอลดีไฮด์
และคีโตนที่มีจ�านวนอะตอมของคาร์บอนเท่ากันจะเป็นไอโซเมอร์กัน O O
CH3 CH2 C H CH3 C CH3
สมบัติทางกายภาพของคีโตน H. O. T. S. แอลดีไฮด คีโตน
คําถามทาทายการคิดขั้นสูง
จุดเดือดของคีโตนจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจ�านวนอะตอมของ O เขียนสูตร (แนวตอบ แอลดีไฮดและคีโตนมีสูตรโมเลกุล
คาร์บอน C
R R′
โครงสร้างของ เหมือนกัน แตมีสูตรโครงสรางแตกตางกัน
สารที่มีสูตร ดังนั้น แอลดีไฮดและคีโตนที่มีจํานวนอะตอม
คีโตนที่มีโมเลกุลเล็กจะละลายน�้าได้ดี แต่สภาพการละลายจะลดลง โมเลกุล C3H6O พร้อมทั้ง
ระบุประเภทของสาร ของคารบอนเทากันจะเปนไอโซเมอรกัน)
เมื่อจ�านวนอะตอมของคาร์บอนเพิ่มขึ้น
5. เมื่อนักเรียนพิจารณาสูตรโครงสรางของสาร
ประกอบคีโตนแลว ครูถามคําถาม H. O. T. S.
ตารางที่ 1.14 : จุดเดือดและสภาพละลายได้ในน้ำาที่ 20 องศาเซลเซียส ของคีโตนบางชนิด
ชื่อ สูตรโครงสร้าง จุดเดือด ( Cํ ) สภาพละลายได้ในนํ้า
ที่ 20 Cํ (g/นํ้า 100 g)
โพรพาโนน CH3COCH3 56.1 ละลายได้ดีมาก
บิวทาโนน CH3COCH2CH3 79.6 29.0
2-เพนทาโนน CH3CO(CH2)2CH3 102.3 6.0
2-เฮกซาโนน CH3CO(CH2)3CH3 127.6 1.4
เคมีอินทรีย์ 59
แนวตอบ H. O. T. S.
เขียนสูตรโครงสรางของสารที่มีสูตรโมเลกุล C3H6O ได ดังนี้
O O
H3C C C H H O H H3C O H
C C C C H3C C CH3
H2 H3C H H H
แอลดีไฮด แอลกอฮอล แอลกอฮอล คีโตน
H
O H H2C O
H H H2C C
H3C C CH2 C C C O H
H O CH3 H2 H2C CH2
แอลกอฮอล อีเทอร แอลกอฮอล อีเทอร
H2 H3C H3C
C C CH2 C CH2
H2C CH O H H
H O O
แอลกอฮอล อีเทอร อีเทอร
T65
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
อธิบายความรู
6. นั ก เรี ย นร ว มกั น สํ า รวจและยกตั ว อย า ง การเรียกชือ่ คีโตนตามระบบ IUPAC มีหลักการ ดังนี้ ให้เรียกตามจ�านวนอะตอมของคาร์บอน
สารประกอบแอลดี ไ ฮด แ ละคี โ ตนที่ มี สู ต ร แล้วลงท้ายด้วยเสียง -าโนน (-anone) แล้วระบุตัวเลขแสดงต�าแหน่งของหมู่คาร์บอนิลไว้หน้าชื่อ
โมเลกุ ล เหมือนกัน พรอมทั้งบอกประโยชน คีโตน ยกเว้นโพรพาโนนและบิวทาโนนไม่ต้องระบุต�าแหน่งของหมู่คาร์บอนิล
และเปรียบเทียบสมบัติทางกายภาพของสาร
ทัง้ 2 ชนิด เชน จุดเดือดการละลายนํา้ การ
O O
ละลายในตัวทําละลายอินทรีย สภาพขั้วของ CH3 C CH2CH3 CH3 C CH2CH2CH3
สารแตละชนิด
ขยายความเขาใจ บิวทาโนน 2-เพนทาโนน
7. ให นั ก เรี ย นจั บ คู กั บ เพื่ อ นที่ นั่ ง ข า งกั น แล ว
สลับกันถามคําถามและตอบคําถามเกี่ยวกับ คีโตนทีม่ กี ารน�ามาใช้อย่างกว้างขวาง คือ โพรพาโนนหรือแอซีโตน ซึง่ เป็นคีโตนทีม่ โี มเลกุล
สารประกอบแอลดีไฮดและคีโตน ที่เล็กที่สุด มีสถานะเป็นของเหลวใส ไม่มีสี มีกลิ่นอ่อน ๆ และระเหยง่าย ละลายในน�้าและ
8. นักเรียนทําแบบฝกหัดในแบบฝกหัดรายวิชา สารประกอบอินทรีย์อื่น ๆ ได้ดี น�ามาใช้ในอุตสาหกรรมพลาสติก ยา แล็กเกอร์ แต่แอซีโตน
เพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6 เป็นสารทีไ่ วไฟ จึงต้องใช้ความระมัดระวัง หากสูดดมสารนีเ้ ข้าไปในปริมาณมาก จะท�าให้เกิดอาการ
เลม 1 มึนงง ซึม และหมดสติได้ ซึ่งแอซีโตนสามารถเตรียมได้จากปฏิกิริยาออกซิเดชันของแอลกอฮอล์
นอกจากนี้ ยังมีการบูรซึ่งเป็นคีโตนที่ได้จากธรรมชาติ พบในต้นการบูร โดยผลึกสีขาวของ
ขัน้ สรุป การบูรทีน่ า� มาใช้ จะพบว่าแทรกอยูใ่ นเนือ้ ไม้ของต้นการบูร แต่จะพบมากทีส่ ดุ ในส่วนแก่นของราก
นั ก เรี ย นสรุ ป ความรู เ กี่ ย วกั บ สารประกอบ และแก่นของต้น โดยผงการบูรจะเป็นเกล็ดเล็ก ๆ สีขาว มีความแห้ง หรืออาจจะจับกัน
แอลดีไฮดและคีโตนในรูปแบบของผังมโนทัศน เป็นก้อนร่วน แตกง่าย หากทิ้งไว้ในอากาศจะระเหิดไปจนหมด และส่วนของ
ลงในกระดาษ A4 สงครูผูสอน เปลือก ราก กิ่งของต้นการบูรยังสามารถน�าไปสกัดเป็นน�้ามันหอมระเหยได้
ซึ่งการบูรจะนิยมน�าไปใช้เป็นสารไล่แมลง และ
ขัน้ ประเมิน เป็นส่วนผสมในยาดมและเครื่องส�าอาง
ตรวจสอบผล
1. ครูประเมินความรู เรื่อง แอลดีไฮดและคีโตน
โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคําถาม การทํา O
แบบฝกหัด และการทําใบงาน เรือ่ ง แอลดีไฮด โครงสร้างของการบูร
และคีโตน
2. ครู ป ระเมิ น ทั ก ษะและกระบวนการ โดย
การสั ง เกตพฤติ ก รรมการทํ า งานรายบุ ค คล ภาพที่ 1.19 ผลึกของการบูร จะพบว่าแทรกอยู่ในเนื้อไม้ของต้นการบูร
พฤติกรรมการทํางานกลุม จากการทํากิจกรรม ที่มา : คลังภาพ อจท.
สืบคนขอมูลเกี่ยวกับสารประกอบแอลดีไฮด
และคีโตน แอซีโตน
3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ 60 www.aksorn.com/interactive3D/RNC1D
ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต
พฤติกรรมของนักเรียน
T66
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
T67
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
1. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับปฏิกิริยาของกรดคาร ตารางที่ 1.15 : จุดเดือดและสภาพละลายได้ในน้าำ ที่ 20 องศาเซลเซียส ของกรดคาร์บอกซิลกิ บางชนิด
บอกซิลิก จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม สภาพละลายได้ในนํ้า
วิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 ชื่อ สูตรโครงสร้าง จุดเดือด ( Cํ ) ที่ 20 Cํ (g/นํ้า 100 g)
2. ถามคําถาม Concept Question กรดเมทาโนอิก HCOOH 101.0 ละลายได้ดีมาก
- เขียนสมการแสดงปฏิกิริยาระหวาง กรดเอทาโนอิก CH3COOH 117.9 ละลายได้ดีมาก
CH3COOH กับ CH3CH2OH กรดโพรพาโนอิก CH3CH2COOH 141.2 ละลายได้ดีมาก
กรดบิวทาโนอิก CH3(CH2)2COOH 163.8 ละลายได้ดีมาก
กรดเพนทาโนอิก CH3(CH2)3COOH 186.1 2.4
กรดเฮกซาโนอิก CH3(CH2)4COOH 205.2 1.1
ปฏิกิริยาที่ส�าคัญของกรดคาร์บอกซิลิก มีดังนี้
1. ปฏิกิริยาระหว่างกรดคาร์บอกซิลิกกับแอลกอฮอล์ โดยมีสารละลาย H2SO4 เข้มข้น
เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา จะได้เอสเทอร์และน�้าเป็นผลิตภัณฑ์ เรียกว่า ปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน
O O
H2SO4
R C O H + H O R′ R C O R′ + H2O
กรดคาร์บอกซิลิก แอลกอฮอล์ เอสเทอร์ น�้า
Con���t Q�e����n
เขียนสมการแสดงปฏิกิริยาระหวาง CH3COOH
แนวตอบ Concept Question กับ CH3CH2OH
62
CH3COOH + CH3CH2OH
CH3COOCH2CH3 + H2O
ขอสอบเนน การคิด
ขอใดถูกตองเกี่ยวกับปฏิกิริยาระหวางกรดซาลิซิลิกกับเอทานอลโดยมีกรดซัลฟวริกเปนตัวเรงปฏิกิริยา
1. ไดเมทิลซาลิซิเลตและนํ้าเปนผลิตภัณฑ
2. ไดเมทิลซาลิซิเลตเปนผลิตภัณฑสวนใหญเทานั้น
3. ผลิตภัณฑที่ไดเปนสารอินทรียประเภทแอลดีไฮด
4. ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น เรียกวา ปฏิกิริยาสะปอนนิฟเคชัน
OH O
C
5. ผลิตภัณฑที่ไดมีโครงสราง ดังนี้ CH2CH3
(วิเคราะหคาํ ตอบ สมการแสดงปฏิกริ ยิ าระหวางกรดซาลิซลิ กิ กับเอทานอลโดยมีกรดซัลฟวริกเปนตัวเรงปฏิกริ ยิ าเขียนได
ดังนี้
OH O OH O
C H SO
2 4 C
OH + CH3CH2OH CH2CH3 + H2O
กรดซาลิซิลิก เอทานอล เอทิลซาลิซิเลต นํ้า
จากสมการ จะเห็นวา ไดผลิตภัณฑเปนเอทิลซาลิซิเลตและนํ้า เรียกปฏิกิริยาดังกลาววา ปฏิกิริยาเอสเทอริฟเคชัน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
4. ปฏิกริ ยิ าสะเทินระหวางกรดคารบอกซิลกิ กับสารละลายเบส จะไดเกลือของกรดคารบอกซิลกิ 3. ครู กํ า หนดสู ต รเคมี ข องกรดคาร บ อกซิ ลิ ก
และนํ้าเปนผลิตภัณฑ แลวใหนักเรียนจับสลาก นําไปเขียนปฏิกิริยา
ของกรดคารบอกซิลิกกับสารตางๆ พรอมทั้ง
CH3COOH (aq) + NaOH (aq) CH3COONa (aq) + H2O (l) อานชื่อของสารที่จับสลากได
C hemistry
Focus การเรียกชื่อสามัญของกรดคาร์บอกซิลิก
การเรียกชื่อสามัญของกรดคารบอกซิลิกมักจะตั้งตามชื่อของสิ่งมีชีวิต หรือสิ่งที่พบกรด
ชนิดนั้น เชน
• กรดฟอรมิก มาจากคําวา ฟอรไมกา ในภาษาละตินมีความหมายวา มด
• กรดแอซีติก มาจากคําวา แอซีตุม ในภาษาละตินที่มีความหมายวา เปรี้ยว
นอกจากนี้ การเรียกชือ่ สามัญของกรดคารบอกซิลกิ อาจจะใชภาษากรีก เชน แอลฟา (α) บีตา (β)
หรือแกมมา (γ) เพื่อระบุตําแหนงของคารบอนที่ตออยูกับหมูคารบอกซิลิกตําแหนงที่ 1 2 และ 3
ตามลําดับ ดังตัวอยาง
เคมีอินทรีย์ 63
ขอสอบเนน การคิด
จงเขียนสูตรโครงสรางของกรดคารบอกซิลิกที่มีสูตรโมเลกุลเปน C6H12O2 พรอมทั้งเรียกชื่อตามระบบ IUPAC
(วิเคราะหคําตอบ
O O O O
5 3 5 5 3
5 3 2 1 3 1 4 1
6 4 2
1
OH 4 OH 4 2 OH 2 OH
กรดเฮกซาโนอิก กรด 2-เมทิลเพนทาโนอิก กรด 3-เมทิลเพนทาโนอิก กรด 4-เมทิลเพนทาโนอิก
O O O
3 3 O 3
2 1
4
2 1
OH 4 2
1
OH 3 1
4 OH
4 2 OH
กรด 2, 2-ไดเมทิลบิวทาโนอิก กรด 2, 3-ไดเมทิลบิวทาโนอิก กรด 3, 3-ไดเมทิลบิวทาโนอิก กรด 2-เอทิลบิวทาโนอิก)
T69
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
4. นักเรียนศึกษาตัวอยางของกรดคารบอกซิลิก ตัวอยางของกรดคารบอกซิลิกที่พบในธรรมชาติ เชน
ที่พบในธรรมชาติ จากนั้นใหนักเรียนสืบคน
ข อ มู ล เพิ่ ม เติ ม เกี่ ย วกั บ ตั ว อย า งของกรด กรดฟอรมิก กรดเมทาโนอิก
O หรือกรดมด (HCOOH) พบได
คาร บ อกซิ ลิ ก ที่ พ บในธรรมชาติ โดยให
H OH ในแมลง ผึ้ง และมด นํามาใช
ยกตัวอยางมาคนละ 1 ชนิด แลวสรุปออกมา ในอุตสาหกรรมยอมผาและ
ในรูปแบบของผังมโนทัศน หนัง ในปจจุบันกรดฟอรมิก
สังเคราะหไดจากกระบวนการ
หมักและการเผาไหมเพือ่ การ
รมควัน
ภาพที่ 1.22 กรดฟอรมกิ หรือกรดมด พบไดในมดและแมลง
ที่มา : คลังภาพ อจท.
กรดแอซีติก กรดเอทาโนอิก
หรือกรดนํ้าสม (CH3COOH)
พบไดในนํ้าผลไมหมัก เชน
O นํ้าสมสายชู จะมีกรดแอซีติก
อยูรอยละ 4-5 โดยปริมาตร
H3C OH นํามาใชเปนตัวทําละลายใน
การผลิตพลาสติกและเสนใย
สังเคราะห
กรดแอซีติก
64 www.aksorn.com/interactive3D/RNC1A
T70
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
กรดแอลฟาไฮดรอกซีหรือเอเอชเอ (alpha hydroxy 5. นักเรียนจับคูกับเพื่อนที่นั่งขางกัน ทํากิจกรรม
acid; AHA) พบในนมและผลไม้หลายชนิด เช่น Extra Activity โดยรวมกันศึกษาเกี่ยวกับกรด
กรดแลกติกพบในนมเปรีย้ ว กรดไกลโคลิกพบใน คารบอกซิลิกในชีวิตประจําวัน ทําการสืบคน
O อ้อย กรดมาลิกพบในแอปเปิล ปัจจุบันมีการน�า
OH ขอมูลเพิม่ เติมไดจากอินเทอรเน็ตหรือหองสมุด
HO เอเอชเอทีม่ คี วามเข้มข้นน้อย ๆ มาใช้เป็นส่วนผสม
ของผลิตภัณฑ์บา� รุงผิว เพือ่ เร่งการผลัดเซลล์ผวิ เก่า จากนั้นบันทึกขอมูลที่ไดตามแบบบันทึกใน
และสร้างเซลล์ผวิ ใหม่ ท�าให้ผวิ นุม่ และลดริว้ รอย หนังสือเรียนรายวิชาเพิม่ เติมวิทยาศาสตรและ
ให้จางลง
ภาพที่ 1.25 กรดแลกติก พบได้ในนมเปรี้ยวและโยเกิร์ต เทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 หนา 65
ที่มา : คลังภาพ อจท.
Extra Activity
กรดคาร์บอกซิลิกในชีวิตประจําวัน
วิธีปฏิบัติ
ให้นกั เรียนจับคูก่ บั เพือ่ นทีน่ งั่ ข้างกัน แล้วศึกษาเกีย่ วกับกรดคาร์บอกซิลกิ ทีพ่ บได้ในชีวติ ประจ�าวัน
โดยสืบค้นข้อมูลเพิม่ เติมได้จากอินเทอร์เน็ตหรือห้องสมุด แล้วบันทึกข้อมูลตามแบบบันทึกข้อมูลต่อไปนี้
ชื่อกรดคาร์บอกซิลิก สูตรโมเลกุล สูตรโครงสร้าง การนําไปใช้ประโยชน์
กรดฟอร์มิก CH2O2 O อุตสาหกรรมย้อมผ้า
C และหนัง
H OH
ท ก
ึ ข ้อมูล)
รบนั
ยา่ งกา
(ตัวอ
เคมีอินทรีย์ 65
ขอสอบเนน การคิด
ขอใดคือผลิตภัณฑที่ไดจากการทําปฏิกิริยาระหวางกรดแอลฟาไฮดรอกซีกับเอทานอล โดยมีกรดซัลฟวริก
เขมขนเปนตัวเรงปฏิกิริยา
O O O
1. HO 2. HO 3. OCH2CH3
OCH2CH3 OCH3 HO
O O
4. OCH3 5. OCH2CH3
HO CH3CH2
(วิเคราะหคําตอบ กรดแอลฟาไฮดรอกซีทําปฏิกิริยากับเอทานอล เขียนปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นได ดังนี้
O H2SO4 O
OH + CH3CH2OH HO
HO OCH2CH3 + H2O
กรดแอลฟาไฮดรอกซี เอทานอล
T71
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
6. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5-6 คน ทําการ 3.7 เอสเทอร์
ทดลอง เรือ่ ง ปฏิกริ ยิ าระหวางกรดคารบอกซิลกิ ผลไม้หรือดอกไม้บางชนิดจะมีกลิ่นเฉพาะตัว เช่น ส้ม กล้วย แอปเปิล สับปะรด ดอกมะลิ
และแอลกอฮอล โดยศึกษาวิธีการทดลองได ซึ่งสามารถน�ามาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้ เช่น น�ามาสกัดเพื่อท�าน�้าหอม ท�าสารปรุงแต่งกลิ่น
ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร อาหาร สารทีม่ กี ลิน่ หอมนีจ้ ดั เป็นสารประกอบอินทรียป์ ระเภทใด ให้นกั เรียนศึกษาจากการทดลอง
และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 หนา 66 ต่อไปนี้
การทดลอง ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
• การสังเกต
ปฏิกร
ิ ย
ิ าระหว่างกรดคาร์บอกซิลก
ิ กับแอลกอฮอล์ • การทดลอง
• การลงความเห็นจากข้อมูล
จิตวิทยาศาสตร์
• ความสนใจใฝรู้
จุดประสงค์ • ความรอบคอบ
เพื่อศึกษาปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นระหว่างกรดคาร์บอกซิลิกกับแอลกอฮอล์
วัสดุอปุ กรณ์และสารเคมี
1. หลอดทดลองขนาดเล็ก 5. ตะเกียงแอลกอฮอล์ 9. กรดซาลิซิลิก (C7H6O3)
2. หลอดหยด 6. กรดซัลฟิวริกเข้มข้น (H2SO4) 10. เมทานอล (CH3OH)
3. จุกยาง 7. กรดแอซีติก (CH3COOH) 11. เอทานอล (C2H5OH)
4. บีกเกอร์ 8. กรดบิวทาโนอิก (C3H7COOH) 12. เพนทานอล (C5H11OH)
วิธกี ารทดลอง
1. หยดกรดแอซีตกิ จ�านวน 3 หยด 2. น�าหลอดทดลองในข้อ 1. ไป 3. ท�าการทดลองเช่นเดียวกับข้อ
และเอทานอลจ�านวน 3 หยด อุน่ ในน�า้ ทีม่ อี ณ
ุ หภูมปิ ระมาณ 1.-2. แต่ใช้สารคูต่ อ่ ไปนีแ้ ทน
ลงในหลอดทดลองขนาดเล็ก 60-70 �C เป็นเวลา 2-3 นาที • กรดแอซีติกกับเพนทานอล
จากนัน้ หยดกรดซัลฟิวริกเข้มข้น จากนั้นปิดจุกยางและดมกลิ่น • กรดซาลิซิลิกกับเมทานอล
ลงไป 1 หยด เขย่าให้เข้ากัน สารที่ได้ แล้วเปรียบเทียบกับ • กรดบิวทาโนอิกกับเมทานอล
แล้วดมกลิ่น และบันทึกผล กลิ่นของสารตั้งต้น พร้อมทั้ง
จากนั้นน�าจุกยางมาปิดหลอด บันทึกผล
ทดลองไว้อย่างหลวม ๆ
H2SO4
น�้า 60-70 �C
66
บันทึก การทดลอง
T72
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
H
H H O H H H OC C H+ O
H2SO4 (conc.)
H C C O + C C H H C C O H H H
H H H H O H H H
เอทานอล กรดเอทาโนอิก เอทิลเอทาโนเอต น�้า
(แอลกอฮอล์) (กรดคาร์บอกซิลิก) (เอสเทอร์)
เคมีอินทรีย์ 67
แนวตอบ คําถามทายการทดลอง
1. จากการทดลอง เมื่อกรดคารบอกซิลิกทําปฏิกิริยากับแอลกอฮอลจะไดสารใหมซึ่งมีกลิ่นที่แตกตางไปจากสารตั้งตน
แสดงวามีปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้น และผลิตภัณฑใหมที่เกิดขึ้น เรียกวา เอสเทอร
H2SO4
2. หลอดที่ 1 CH3COOH + CH3CH2OH CH3COOCH2CH3 + H2O
H2SO4
หลอดที่ 2 CH3COOH + CH3CH2CH2CH2CH2OH CH3COOCH2CH2CH2CH2CH3 + H2O
O O
H2SO4 O CH3
หลอดที่ 3 OH + CH3OH + H2O
OH OH
H2SO4
หลอดที่ 4 CH3CH2CH2COOH + CH3OH CH3CH2CH2COOCH3 + H2O
T73
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
9. นักเรียนกลุม เดิมทําการทดลอง เรือ่ ง ปฏิกริ ยิ า สมบัติทางกายภาพของเอสเทอร์
ของเอสเทอร โดยศึกษาวิธีการทดลองได
ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร เอสเทอร์โมเลกุลเล็กจะละลายน�้าได้เล็กน้อย และสภาพละลายได้จะลดลงเมื่อจ�านวนอะตอมของ
คาร์บอนเพิม่ ขึน้ แต่เอสเทอร์ละลายได้ดใี นตัวท�าละลายอินทรีย์ ตัวท�าละลายทีม่ สี ภาพขัว้ ต�า่ หรือตัวท�าละลาย
และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 หนา 68 ที่ไม่มีขั้ว เช่น อีเทอร์ แอลกอฮอล์ เบนซีน
10. เมื่อทําการทดลองเสร็จ นักเรียนแตละกลุม
รวมกันตอบคําถามทายการทดลอง เอสเทอร์เป็นไอโซเมอร์โครงสร้างกับกรดคาร์บอกซิลิก เอสเทอร์จะมีจุดเดือดเพิ่มขึ้นตามจ�านวนอะตอม
ของคาร์บอน แต่เอสเทอร์จะมีจุดเดือดต�่ากว่ากรดคาร์บอกซิลิกที่เป็นไอโซเมอร์กัน เนื่องจากเอสเทอร์
ไม่มีพันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุล ท�าให้มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลมีค่าน้อยกว่ากรดคาร์บอกซิลิก
การทดลอง ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
• การสังเกต
ปฏิกร
ิ ย
ิ าของเอสเทอร์ • การทดลอง
• การลงความเห็นจากข้อมูล
จิตวิทยาศาสตร์
• ความสนใจใฝรู้
จุดประสงค์ • ความรอบคอบ
เพื่อศึกษาปฏิกิริยาของเอสเทอร์
วัสดุอปุ กรณ์และสารเคมี
1. หลอดทดลองขนาดกลาง 4. ตะเกียงแอลกอฮอล์ 7. กรดซัลฟิวริก (H2SO4)
2. หลอดหยด 5. บีกเกอร์ เข้มข้น 2 mol/dm3
3. จุกยาง 6. เอทิลแอซีเตต (C4H8O2)
วิธกี ารทดลอง
บันทึก การทดลอง 1. ใส่เอทิลแอซีเตตลงในหลอดทดลองขนาดกลาง 2. น�าหลอดทดลองในข้อ 1. ไปอุน่ ในน�า้ ร้อนประมาณ
จ�านวน 5 หยด แล้วดมกลิ่น พร้อมทั้งบันทึกผล 5 นาที จากนัน้ ตัง้ ทิง้ ไว้ให้เย็น แล้วดมกลิน่ พร้อมทัง้
สารในหลอดทดลอง กลิ่นของสาร จากนั้นหยดกรดซัลฟิวริกเข้มข้น 2 mol/dm3 บันทึกผล
ลงไป 5 หยด แล้วน�าจุกยางมาปิดหลอดทดลอง
กลิ่นคลาย ไว้อย่างหลวม ๆ H2SO4 น�้าร้อน
เอทิลแอซีเตต
นํา้ ยาลางเล็บ
C4H8O2
เอทิลแอซีเตต + กรดซัลฟวริก กลิ่นคลาย 68
นําไปอุน ในนํา้ รอนตัง้ ทิง้ ไวใหเย็น นํ้าสมสายชู
ขอสอบเนน การคิด
จงเขียนวิธีการเตรียมเอทิลเอทาโนเอตจากเอทานาลและอีทีน
(วิเคราะหคําตอบ เตรียมกรดแอซีติกจากเอทานาลดวยปฏิกิริยาออกซิเดชัน ดังนี้
ออกซิเดชัน
CH3CHO CH3COOH
เอทานาล กรดแอซีติก
เตรียมเอทานอลจากอีทีนดวยปฏิกิริยาการเติมนํ้า หรือปฏิกิริยาไฮเดรชัน ดังนี้
H H H H
H2SO4
C C + H2O H C C H
H H H OH
อีทีน เอทานอล
เตรียมเอทิลเอทาโนเอตจากปฏิกิริยาระหวางกรดแอซีติกและเอทานอล H
O
H H O H H2SO4 (conc.)
H H C C H + O
H C C O + C C H H C C O H H H)
H H H H O H H H
เอทานอล กรดแอซีติก เอทิลเอทาโนเอต
T74
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
2. ปฏิกริ ยิ าสะปอนนิฟเิ คชัน (saponification reaction) ซึง่ เป็นปฏิกริ ยิ าไฮโดรลิซสิ ทีส่ ภาวะ
เบส ได้เกลือของกรดคาร์บอกซิลิกและแอลกอฮอล์เป็นผลิตภัณฑ์
O H2O O
CH3 C O CH2CH3 + NaOH CH3 C ONa + CH3CH2 OH
T75
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
อธิบายความรู
13. นักเรียนแบงกลุม กลุม ละ 5-6 คน แตละกลุม เอสเทอร์เป็นสารที่มีกลิ่นหอม โดยจะพบในผลไม้หรือดอกไม้ ซึ่งจะให้กลิ่นต่าง ๆ และ
รวมกันสืบคนเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรดคารบอก เอสเทอร์ยังได้จากการสังเคราะห์ เช่น สังเคราะห์จากปฏิกิริยาระหว่างแอลกอฮอล์กับกรดอินทรีย์
ซิลกิ และเอสเทอร แลวนําขอมูลทีไ่ ดมานําเสนอ ตัวอย่างกลิ่นของเอสเทอร์ที่ได้จากการสังเคราะห์ เช่น
ในรูปแบบของผังมโนทัศน แลวรวมกันวิเคราะห
วา กรดคารบอกซิลิกกับเอสเทอรมีสมบัติ
ตางกันหรือไม อยางไร และกรดคารบอกซิลกิ CH3COOH
กับเอสเทอรมีความสัมพันธกันอยางไร + ➡ CH3COOCH2CH3
ขยายความเขาใจ CH3CH2OH
14. ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อนที่นั่งขางกัน แลว เอทิลเอทาโนเอต ใช้เป็นส่วนผสมในน�้ายาล้างเล็บ
สลับกันถามคําถามและตอบคําถามเกี่ยวกับ
กรดคารบอกซิลิกและเอสเทอร CH3COOH
15. นักเรียนทําแบบฝกหัดในแบบฝกหัดรายวิชา
เพิม่ เติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6 + ➡ CH3COOC5H11
เลม 1 C5H11OH เพนทิลเอทาโนเอตหรือกลิ่นดอกนมแมว
ใช้เป็นสารแต่งกลิ่นในอาหาร
O
O
OH
OCH3
OH ➡ OH
+ เมทิลซาลิซิเลตหรือน�้ามันระก�า ใช้เป็นส่วนผสม
CH3OH ในยาบรรเทาอาการปวดเมื่อย
CH3COOH O
O C CH3
+
OH
➡
เบนซิลเอทาโนเอตหรือกลิ่นดอกมะลิ ใช้เป็นสารแต่งกลิ่น
อาหารและใช้ท�าน�้าหอม
70
1) เฮกซานอล CH3CH2CH2CH2CH2CH2OH OH
O
2) โพรพานาล CH3CH2CHO
H
O
3) 2-เมทิลบิวทาโนอิกแอซิด CH3CH2CH(CH3)COOH 4 3
2
1
OH
T76
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
1. นักเรียนสรุปสาระสําคัญของกรดคารบอกซิลกิ
นอกจากจะพบเอสเทอรในผลไมหรือดอกไมที่มีกลิ่นเฉพาะตัวแลว ยังพบเอสเทอรเปน และเอสเทอรในรูปแบบของผังมโนทัศน โดยทํา
องคประกอบของไขมันและนํ้ามัน เชน ไตรสเตียริน พบไดในไขมันพืชและสัตว และเอสเทอร ลงในกระดาษ A4 สงครูผูสอน
บางชนิดยังถูกมาใชประโยชนในอุตสาหกรรมการผลิตเสนใยอีกดวย 2. นักเรียนทํา Topic Questions ในหนังสือเรียน
รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
O เคมี ม.6 เลม 1 หนา 71 โดยใหทําลงใน
CH2O C (CH2)16CH3 สมุดบันทึกของนักเรียน
O
CHO C (CH2)16CH3
O ขัน้ ประเมิน
CH2O C (CH2)16CH3 ตรวจสอบผล
1. ครูประเมินความรู เรือ่ ง กรดคารบอกซิลกิ และ
เอสเทอร โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคําถาม
ภาพที่ 1.28 สูตรเคมีและสูตรโครงสราง 3 มิติ ของสารไตรสเตียริน การทําแบบฝกหัด และการทําใบงาน เรือ่ ง กรด
ที่มา : คลังภาพ อจท.
คารบอกซิลิกและเอสเทอร
Core Concept 2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ
ใหนักเรียนสรุปสาระสําคัญ เรื่อง สั ง เกตพฤติ ก รรมการทํ า งานรายบุ ค คล
สารประกอบอินทรียที่มีธาตุออกซิเจน
เปนองคประกอบ พฤติกรรมการทํางานกลุม จากการทํากิจกรรม
Topic สืบคนขอมูลเกีย่ วกับสารประกอบกรดคารบอก
Questions
ซิลิกและเอสเทอร
คําชี้แจง : ใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้ 3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ
1. จงเรียกชื่อพรอมทั้งเขียนสูตรโมเลกุลและสูตรโครงสรางของสารตอไปนี้ ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต
1) เฮกซานอล 2) โพรพานาล 3) 2-เมทิลบิวทาโนอิก แอซิด
พฤติกรรมของนักเรียน
2. เปรียบเทียบจุดเดือดของสารตอไปนี้ พรอมทั้งใหเหตุผลประกอบ
1) HCOOH กับ CH3CH2OH 2) CH3CHO กับ CH3COCH3
3. จงเขียนสมการแสดงการเกิดปฏิกิริยาระหวางสารตอไปนี้
1) CH3CH2COOH กับ CH3CH2OH
O
2) CH3CH2CH2COCH2CH3 กับ H2O
O
C CH2CH3
3) O กับ NaOH
เคมีอินทรีย์ 71
3)
1. การออกแบบ เข้าใจปัญหาตั้งสมมติฐาน เข้าใจปัญหาตั้งสมมติฐาน เข้าใจปัญหาตั้งสมมติฐาน เข้าใจปัญหาตั้งสมมติฐาน
ระดับคะแนน การทดลอง ได้สอดคล้องกับปัญหา ได้ถูกต้อง ออกแบบการ ได้ถูกต้อง ออกแบบการ ได้ถูกต้อง ต้องอาศัยการ
ออกแบบการทดลองและ ทดลองและใช้เทคนิควิธี ทดลองและใช้เทคนิควิธี แนะนาในการออกแบบ
ระดับคะแนน ใช้เทคนิควิธีถูกต้อง ถูกต้อง ยังไม่ถูกต้อง การทดลอง
ลาดับที่ รายการประเมิน
O O
4 3 2 1 แสดงถึงความคิดริเริม่
1 การออกแบบการทดลอง 2. การ การดาเนินการทดลอง การดาเนินการทดลอง การดาเนินการทดลอง การดาเนินการทดลอง
ดาเนินการ มีขั้นตอนครบถ้วนถูกต้อง มีขั้นตอนครบถ้วนถูกต้อง มีขั้นตอนถูกต้องเป็นส่วน ไม่ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่
2 การดาเนินการทดลอง
ทดลอง มีการทาซ้า และการเก็บ แต่ไม่มีการทาซ้า และการ ใหญ่ และการเก็บข้อมูล และการเก็บข้อมูล
3 การนาเสนอ
C CH2CH3 C
ข้อมูลได้ละเอียดรอบคอบ เก็บข้อมูลได้ครบถ้วน ได้ครบถ้วนตามที่ต้องการ ไม่ครบถ้วน
รวม ครบถ้วนตามทีต่ ้องการ ตามที่ต้องการ
O ONa
3. การนาเสนอ เหมาะสมกับลักษณะของ นาเสนอข้อมูลถูกต้อง นาเสนอข้อมูลถูกต้อง นาเสนอข้อมูลถูกต้อง
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน
ข้อมูล แสดงถึงความคิด ครบถ้วน วิเคราะห์ข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลได้ครบถ้วน วิเคราะห์ข้อมูล
................./................/...............
+ NaOH + CH3CH2OH
สร้างสรรค์ในการนาเสนอ ได้ครบถ้วน สรุปผลการ นาเสนอผลการทดลอง ไม่ครบถ้วน สรุปผลการ
วิเคราะห์ข้อมูลได้ ทดลองถูกต้อง มีการนา ถูกต้อง ทดลองไม่ถูกต้อง
ครบถ้วนเหมาะสม เหตุผลและความรู้มา
สรุปผลการทดลองถูกต้อง อ้างอิงประกอบการ
มีการนาเหตุผลและ สรุปผลการทดลอง
ความรู้มาอ้างอิง
ประกอบการสรุป
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
11-12 ดีมาก
9-10 ดี
6-8 พอใช้
ต่ากว่า 6 ปรับปรุง
T77
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
H N R H N R R′′ N R
H R′ R′
โดยในระดับนี้จะกล่าวถึงเอมีนปฐมภูมิเท่านั้น
สมบัติทางกายภาพของเอมีน
เอมีนที่มีจ�านวนคาร์บอนอะตอม 1-3 อะตอม จะมีสถานะเป็นแก๊ส เมื่อจ�านวนคาร์บอนอะตอมมากกว่า
3 อะตอมขึ้นไป จะมีสถานะเป็นของเหลว
T78
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
แสดงและอธิบายทฤษฎี หลักการ
เมือ่ เอมีนละลายในน�า้ จะได้สารละลายทีม่ ี 1. ครู เ ตรี ย มโครงสร า งของสารประกอบเอมี น
สมบัตเิ ป็นเบส เนือ่ งจากไนโตรเจนมีอเิ ล็กตรอน δ- δ
+ แลวใหนักเรียนพิจารณาวาสารประกอบเอมีน
คู่โดดเดี่ยว จึงรับโปรตอนจากน�้าได้ดี เกิด R N+ H ทั้ง 3 ชนิด แตกตางกันหรือไม อยางไร
δ
แอลคิลแอมโมเนียมไอออน (alkyl ammonium H H CH3 H3C CH3
ion; [RNH3]+) และไฮดรอกไซด์ไอออน (OH- ) N N
H
เป็นผลิตภัณฑ์ เช่น ส่วนที่ไม่มีขั้ว ส่วนที่มีขั้ว H3C N
ภาพที่ 1.29 สภาพขั้วในโมเลกุลของเอมีน
H
ที่มา : คลังภาพ อจท. (1) (2) (3)
CH3 CH2 CH2 NH2 + H2O [CH3 CH2 CH2 NH3]+ + OH- (แนวตอบ โครงสรางของเอมีนทั้ง 3 ชนิด มี
โครงสรางทีแ่ ตกตางกัน พบวา การทีโ่ ครงสราง
ของเอมีนแตกตางกัน เกิดจากการเขาแทนที่
เอมีนมีสมบัติเป็นเบสจึงเกิดปฏิกิริยากับกรดอนินทรีย์ ได้ผลิตภัณฑ์เป็นเกลือเอมีน
ในโมเลกุลของแอมโมเนียอาจเกิดไดมากกวา
CH3 CH2 CH2 CH2 NH2 + HCl [CH3 CH2 CH2 CH2 NH3]+Cl- 1 อะตอม ทําใหสามารถแบงเอมีนได 3 ประเภท
คือ
- เอมีนปฐมภูมิ เปนเอมีนที่หมูแอลคิลหรือ
เอมีนจะมีแนวโน้มของจุดเดือดเพิม่ ขึน้ ตามจ�านวนอะตอมของคาร์บอนทีเ่ พิม่ ขึน้ เนือ่ งจากโมเลกุลมีขนาด หมูแอริล 1 หมูตอกับไนโตรเจนอะตอม
ใหญ่ขึ้น แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลจึงมีค่าเพิ่มขึ้น - เอมีนทุติยภูมิ เปนเอมีนที่มีหมูแอลคิลหรือ
หมูแอริล 2 หมูตอกับไนโตรเจนอะตอม
เมือ่ เปรียบเทียบจุดเดือดของเอมีน แอลเคน และแอลกอฮอล์ - เอมีนตติยภูมิ เปนเอมีนที่มีหมูแอลคิลหรือ
ทีม่ มี วลโมเลกุลใกล้เคียงกัน พบว่า เอมีนมีจดุ เดือดสูงกว่าแอลเคน หมูแอริล 3 หมูตอกับไนโตรเจนอะตอม)
H N R
แต่ตา�่ กว่าแอลกอฮอล์ แสดงว่า แรงยึดเหนีย่ วระหว่างโมเลกุลของ 2. นั ก เรี ย นศึ ก ษาเกี่ ย วกั บ สมบั ติ ท างกายภาพ
แอลกอฮอล์ > เอมีน > แอลเคน เนือ่ งจากแอลเคนเป็นโมเลกุล H H
การเกิ ด ปฏิ กิ ริ ย าของเอมี น ในหนั ง สื อ เรี ย น
ไม่มีขั้ว แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลจึงมีเฉพาะแรงลอนดอน R N H N H รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
ในขณะที่เอมีนเป็นโมเลกุลมีขั้ว แรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุล H
จึงมีทั้งแรงลอนดอนและแรงดึงดูดระหว่างขั้ว ซึ่งสภาพขั้วของ
R เคมี ม.6 เลม 1
เอมีนเกิดที่ไนโตรเจน ซึ่งมีค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตีสูง จึงมีสภาพ H N R
ขั้วไฟฟ้าค่อนข้างลบกับไฮโดรเจนซึ่งมีค่าอิเล็กโทรเนกาติวิตีต�่า H
จึงมีสภาพขั้วไฟฟ้าค่อนข้างบวก นอกจากนี้ โมเลกุลของเอมีน
ภาพที่ 1.30 พันธะไฮโดรเจน
ยังสามารถเกิดพันธะไฮโดรเจนระหว่างโมเลกุลได้อีกด้วย จึง ระหว่างโมเลกุลของเอมีน
ท�าให้เอมีนมีจดุ เดือดสูงกว่าแอลเคนทีม่ มี วลโมเลกุลใกล้เคียงกัน ที่มา : คลังภาพ อจท.
เคมีอินทรีย์ 73
เกร็ดแนะครู
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเปนเบสของสารละลายเอมีน เมื่อเอมีนละลายในนํ้าจะไดสารละลายเอมีนที่มีสมบัติเปนเบส
เพราะไนโตรเจนจะมีอิเล็กตรอนคูอิสระจึงรับอิเล็กตรอนจากกรดได เมื่อเอมีนทําปฏิกิริยากับกรดจะไดเกลือ สมการทั่วไป คือ
H
R NH2 + H O H R NH2+ + OH-
T79
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
แสดงและอธิบายทฤษฎี หลักการ
3. ครู ถ ามนั ก เรี ย นต อ ว า จากโครงสร า งของ ในส่วนของเอมีนและแอลกอฮอล์ซงึ่ เป็นโมเลกุลมีขวั้ และเกิดพันธะไฮโดรเจนได้ทงั้ คู่ แต่เอมีน
สารประกอบเอมีนที่ครูใหนักเรียนศึกษา ให มีสภาพขั้วไฟฟ้าอ่อนกว่าแอลกอฮอล์ จึงมีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างโมเลกุลน้อยกว่าแอลกอฮอล์
นั ก เรี ย นเปรี ย บเที ย บจุ ด เดื อ ดของสารทั้ ง ท�าให้เอมีนมีจุดเดือดต�่ากว่าแอลกอฮอล์ที่มีมวลโมเลกุลใกล้เคียงกัน
3 ชนิด
ตารางที่ 1.16 : จุดเดือดและสภาพละลายได้ในน้ำาที่ 20 องศาเซลเซียส ของเอมีนบางชนิด
( แนวตอบ เอมี น ปฐมภู มิ แ ละเอมี น ทุ ติ ย ภู มิ
จุดเดือด ( Cํ ) สภาพละลายได้ในนํ้า
สามารถเกิดพันธะไฮโดรเจนระหวางโมเลกุล ชื่อ สูตรโครงสร้าง ที่ 20 Cํ (g/นํ้า 100 g)
ได ทําใหมีจุดเดือดสูงกวาเอมีนตติยภูมิ แต เมทานามีน CH3NH2 -6.3 ละลายได้ดี
เอมีนปฐมภูมิจะเกิดพันธะไฮโดรเจนระหวาง เอทานามีน CH3CH2NH2 16.5 ละลายได้ดี
โมเลกุลไดดีกวาเอมีนทุติยภูมิ สามารถเรียง 1-โพรพานามีน CH3(CH2)2NH2 47.2 ละลายได้ดี
ลําดับจุดเดือดได ดังนี้ เอมีนปฐมภูมิ > เอมีน 1-บิวทานามีน CH3(CH2)3NH2 77.0 ละลายได้ดี
ทุติยภูมิ > เอมีนตติยภูมิ)
1-เพนทานามีน CH3(CH2)4NH2 104.3 ละลายได้ดี
CH3CH2CH2CH2NH2 CH3CH2CH2CH2CH2NH2
บิวทิลามีน เพนทิลามีน
74
ขอสอบเนน การคิด
สารใดตอไปนี้ละลายนํ้าแลวใหสารละลายที่มีสมบัติเปนเบส
H3C CH3
N O
1. NH3 2. 3. H N(CH3)2
O O
4. OH 5. NH2
T80
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
ฝกปฏิบตั ิ
เอมีนหลายชนิดถูกน�ามาใช้ในการผลิตสารก�าจัดแมลง สารก�าจัดวัชพืช ยาฆ่าเชื้อ ยา 5. นักเรียนแบงกลุม กลุม ละ 5-6 คน แลวรวมกัน
สีย้อม สบู่ และเครื
1 ่องส�าอาง ตัวอย่างเอมีนที่ใช้ในชีวิตประจ�าวัน เช่น เอมีนที่พบในพืช เรียกว่า สืบคนขอมูลเกีย่ วกับเอมีนทีพ่ บในชีวติ ประจําวัน
แอลคาลอยด์ พบได้ในส่วนต่าง ๆ ของพืช เช่น ใบ เมล็ด เปลือก ราก โดยสืบคนตามหัวขอตอไปนี้
- สูตรโครงสรางของสาร
นิโคติน พบได้ในใบยาสูบ ซึ่ง - ปฏิกิริยาการเตรียมเอมีน
N นิโคตินจะส่งผลต่อความดัน - การนําไปใชประโยชน
CH3 เลือด และอัตราการเต้นของ
N 6. นักเรียนทําแบบฝกหัดในแบบฝกหัดรายวิชา
หัวใจเพิ่มขึ้น
โครงสร้างของนิโคติน เพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6
เลม 1
ภาพที่ 1.31 ใบยาสูบแห้ง เป็นแหล่งที่พบสารนิโคติน 7. นักเรียนตอบคําถาม Topic Questions ใน
ที่มา : คลังภาพ อจท. หนั ง สื อ เรี ย นรายวิ ช าเพิ่ ม เติ ม วิ ท ยาศาสตร
H และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 หนา 76
H2C C โดยทําลงในสมุดบันทึกของนักเรียน
H ควินนิ สกัดได้จากเปลือกของ
HO N ต้นซิงโคนา น�ามาใช้ท�าเป็น
H ยาแก้ไข้มาลาเรีย
H3CO
N
โครงสร้างของควินิน
นักเรียนควรรู
1 แอลคาลอยด (alkaloid) เปนสารประกอบอินทรียที่มีธาตุไนโตรเจนประกอบอยูในโมเลกุล มีรสขม ไมละลายนํ้า แตละลายไดดีในตัวทําละลายอินทรีย
แอลคาลอยดแบงตามชนิดของสารตั้งตนได 3 กลุม ดังนี้
• แอลคาลอยดแทจริง (true alkaloids) เปนสารประกอบที่มีกรดอะมิโนเปนสารตั้งตนในกระบวนการสังเคราะหสารชีวโมเลกุลจากสารโมเลกุลเล็ก
เกิดไดในสิ่งมีชีวิตและถูกเรงปฏิกิริยาโดยเอนไซม
• โพรโทแอลคาลอยด (protoalkaloids) เปนสารประกอบที่คลายกับแอลคาลอยดแทจริง แตไมไดเปนเฮเทอโรไซคลิก เชน เมสคาลีน ฮอรดินีน
โดยมีแอล-ไทโรซีนและแอล-ทริปโตเฟนเปนสารตั้งตน
• ซูโดแอลคาลอยดหรือแอลคาลอยดเทียม (pseudoalkaloids) เปนสารประกอบที่ไมไดเกิดจากการสังเคราะหกรดอะมิโน แตมีไนโตรเจนเปน
สวนประกอบในโมเลกุล เชน กาเฟอีน แคปไซซิน ทีโอโบรมีน โดยมีแอซีเตต กรดไพรูวิก กรดเฟอรูลิก เจอรานิออล ซาโปนิน และอะดีนีน เปนสารตั้งตน
T81
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
1. ครูประเมินความรู เรื่อง เอมีน โดยสังเกต
พฤติกรรมการตอบคําถาม การทําแบบฝกหัด เอมีนบางชนิดพบในร่างกาย เช่น อะดรีนาลีนเป็นฮอร์โมนที่พบในร่างกาย จะเพิ่ม
และการทําใบงาน อัตราการเต้นของหัวใจ ท�าให้น�้าตาลในเลือดเพิ่มขึ้น เอมีนบางชนิดเกิดจากการสังเคราะห์ เช่น
2. ครู ป ระเมิ น ทั ก ษะและกระบวนการ โดย แอมเฟตามีน มีฤทธิ์กระตุ้นประสาทส่วนกลาง ท�าให้ประสาทหลอน
การสั ง เกตพฤติ ก รรมการทํ า งานรายบุ ค คล
พฤติกรรมการทํางานกลุม จากการทํากิจกรรม
สืบคนเกี่ยวกับเอมีนในชีวิตประจําวัน
OH H
3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ N
NH2
ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต HO CH3
โครงสร้างของ
พฤติกรรมของนักเรียน HO แอมเฟตามีน
โครงสร้างของอะดรีนาลีน
Topic
Questions
คําชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้
1. เฮกซานามีนมีสูตรโครงสร้างอย่างไร
2. เอมีนที่มีสูตรโมเลกุล C4H11N มีกี่ไอโซเมอร์ แต่ละไอโซเมอร์เขียนสูตรโมเลกุลได้อย่างไร
แนวตอบ Topic Questions 3. เมื่อเอมีนละลายน�้า สารละลายที่ได้จะมีสมบัติอย่างไร
1. เฮกซานามีน สูตรโมเลกุล 4. เปรียบเทียบจุดเดือดระหว่าง CH3CH2NH2 กับ CH3CH2OH พร้อมทั้งให้เหตุผล
CH3CH2CH2CH2CH2CH2NH2
และมีสูตรโครงสราง ดังนี้ 76
NH2
T82
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
สมบัติทางกายภาพของเอไมด
δ-
เอไมดเปนโมเลกุลมีขั้ว สามารถละลายนํ้าได แตสภาพละลายได O δ- +
δ
ในนํ้าจะลดลงเมื่อจํานวนอะตอมของคารบอนเพิ่มขึ้น R Cδ+ N + H แนวตอบ Key Question
Hδ สารประกอบเอไมดเตรียมไดจากปฏิกิริยา
สารละลายของเอไมดจะมีสมบัติเปนกลาง ซึ่งตางจากสารละลาย สวนที่ไมมีขั้ว สวนที่มีขั้ว
ระหวางกรดคารบอกซิลกิ กับแอมโมเนียหรือเอมีน
ของเอมีนที่มีสมบัติเปนเบส เนื่องจากอะตอมของออกซิเจนในหมู ที่อุณหภูมิสูง เชน
คารบอนิลดึงดูดอิเล็กตรอนจากอะตอมของไนโตรเจนในหมูอะมิโน ภาพที่ 1.36 สภาพขั้วในโมเลกุล O
สงผลใหไนโตรเจนมีสภาพขัว้ ไฟฟาลดลงจนไมสามารถรับโปรตอนได ของเอไมด
ที่มา : คลังภาพ อจท. CH3 CH2 C OH + H N CH3
H
เคมีอินทรีย์ 77 O
CH3 CH2 C N CH3 + H2O
H
T83
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
1. นักเรียนศึกษาเกีย่ วกับสมบัตทิ างกายภาพและ จุดเดือดของเอไมด์ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามจ�านวนอะตอมของ O
การเกิดปฏิกิริยาของเอไมดจากหนังสือเรียน คาร์บอนที่เพิ่มขึ้น และเอไมด์จะมีจุดเดือดสูงกว่าเอมีนที่มีมวล R C
N H
รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี โมเลกุลใกล้เคียงกัน เนื่องจากเอไมด์มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่าง
โมเลกุลสูงกว่าเอมีน เพราะออกซิเจนมีคา่ อิเล็กโทรเนกาติวติ สี งู จึงมี H
เคมี ม.6 เลม 1 H
สภาพขัว้ ไฟฟ้าค่อนข้างลบ และไฮโดรเจนมีคา่ อิเล็กโทรเนกาติวติ ตี า�่ O H
2. ครูเตรียมภาพโครงสรางของสารประกอบเอไมด จึงมีสภาพขั้วไฟฟ้าค่อนข้างบวก R C
N
หลายๆ ชนิด แลวใหนกั เรียนแบงกลุม กลุม ละ N H O C
5-6 คน ใหแตละกลุมเลือกกลุมละ 1 ชนิด เอไมด์เป็นโมเลกุลมีขวั้ และเกิดพันธะไฮโดรเจนได้ ซึง่ พันธะไฮโดรเจน
H R
แลวนํามาพิจารณารวมกันตามหัวขอตอไปนี้ ทีเ่ กิดขึน้ ในเอไมด์จะมีความแข็งแรงมากกว่าพันธะไฮโดรเจนในเอมีน ภาพที่ 1.37 พันธะไฮโดรเจน
- การเรียกชื่อตามระบบ IUPAC จึงท�าให้เอไมด์มีจุดเดือดสูงกว่าเอมีนที่มีมวลโมเลกุลใกล้เคียงกัน ระหว่างโมเลกุลของเอไมด์
ที่มา : คลังภาพ อจท.
- สมบัติทางกายภาพ
- การเกิดปฏิกิริยา
ตารางที่ 1.17 : จุดเดือดและสภาพละลายได้ในน้ำาที่ 20 องศาเซลเซียส ของเอไมด์บางชนิด
พรอมทัง้ นําสารประกอบเอไมดของกลุม ตนเอง
ไปเปรียบเทียบกับกลุมอื่นวา มีสมบัติแตกตาง ชื่อ สูตรโครงสร้าง จุดเดือด ( Cํ ) สภาพละลายได้ในนํ้า
ที่ 20 Cํ (g/นํ้า 100 g)
กันหรือไม อยางไร โดยทําการเปรียบเทียบ เมทานาไมด์ HCONH2 220.0 ละลายได้ดีมาก
สมบัติการละลายนํ้า จุดเดือด และสภาพขั้ว
เอทานาไมด์ CH3CONH2 222.0 ละลายได้ดี
โพรพานาไมด์ CH3CH2CONH2 213.0 ละลายได้ดี
บิวทานาไมด์ CH3(CH2)2CONH2 216.0 ละลายได้ดี
เพนทานาไมด์ CH3(CH2)3CONH2 225.0 ละลายได้ดี
ปฏิกิริยาที่ส�าคัญของเอสเทอร์ มีดังนี้
1. ปฏิกริ ยิ าการเตรียมเอไมด์ เตรียมได้จากปฏิกริ ยิ าระหว่างกรดคาร์บอกซิลกิ กับแอมโมเนีย
หรือเอมีนที1่อุณหภูมิสูง ซึ่งจะคล้ายกับปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน แต่เปลี่ยนจากแอลกอฮอล์เป็น
แอมโมเนียหรือเอมีน โดยปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น เป็นดังนี้
O O
R C OH + H N H Δ R C NH2 + H O H
H
กรดคาร์บอกซิลิก แอมโมเนีย เอไมด์ น�้า
78
T84
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
2. ปฏิกิริยาไฮโดรลิซิส เอไมด์สามารถเกิดปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสได้ทั้งในสภาวะกรดและเบส 3. ครูถามคําถาม Concept Question
เกิดปฏิกิริยา ดังนี้ - เขียนสมการแสดงปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสของ
• เมื่อถูกแยกสลายด้วยกรด ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น เป็นดังนี้ เอทานาไมดในสภาวะเบส
อธิบายความรู
O O
R C NH2 + H2O H+ R C OH + NH3 4. นักเรียนจับคูเพื่อนที่น่ังขางกัน ทําการศึกษา
ตัวอยางของเอไมดที่พบในชีวิตประจําวัน ใน
เอไมด์ น�้า กรดคาร์บอกซิลิก แอมโมเนีย หนั ง สื อ เรี ย นรายวิ ช าเพิ่ ม เติ ม วิ ท ยาศาสตร
และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 หนา 80
และทําการสืบคนเพิ่มเติมจากหองสมุดหรือ
• เมื่อถูกแยกสลายด้วยเบส ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น เป็นดังนี้ จากอินเทอรเน็ต แลวเลือกสารประกอบเอไมด
ทีน่ กั เรียนสนใจทีไ่ มใชตวั อยางในหนังสือเรียน
O O มา 1 ชนิด แลวนําเสนอขอมูลที่ไดออกมาใน
R C NH2 + NaOH H2O R C ONa + NH3 รูปแบบของแผนพับ
T85
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
1. นักเรียนสรุปสาระสําคัญของเอไมดในรูปแบบ
ของผังมโนทัศนลงกระดาษ A4 สงครูผูสอน ตัวอยางเอไมดที่พบไดในชีวิตประจําวัน เชน
2. นั ก เรี ย นตอบคํ า ถาม Topic Questions
ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร H CH3 อะเซตามิ โ นเฟนหรื อ พารา
N
และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 หนา 80 โดยทํา O
เซตามอล นํามาใชผสมในยา
ลงในสมุดบันทึกของนักเรียน HO บรรเทาอาการปวดและลดไข
โครงสรางของ
ภาพที่ 1.38 ยาพาราเซตามอลเปนยา
ขัน้ ประเมิน แกปวดลดไขที่ใชกันอยางแพรหลาย
อะเซตามิโนเฟน
ตรวจสอบผล ที่มา : คลังภาพ อจท.
O แซ็กคารินหรือขัณฑสกร ซึ่ง
1. ครูประเมินความรู เรื่อง เอไมด โดยสังเกต เปนสารใหความหวานชนิด
NH ไม มี คุ ณ ค า ทางโภชนาการ
พฤติกรรมการตอบคําถาม การทําแบบฝกหัด S และให ค วามหวานสู ง กว า
และการทําใบงาน เรื่อง เอไมด O O ซูโครส 300-400 เทา
โครงสรางของ
2. ครู ป ระเมิ น ทั ก ษะและกระบวนการ โดย แซ็กคาริน
ยู เ รี ย เป น เอไมด ท่ี พ บใน
การสั ง เกตพฤติ ก รรมการทํ า งานรายบุ ค คล ภาพที่ 1.39 แซ็กคารินใชเปนสารใหความหวานในผลไมดอง
ป ส สาวะของสั ต ว เ ลี้ ย งลู ก
ที่มา : คลังภาพ อจท.
พฤติกรรมการทํางานกลุม จากการทํากิจกรรม O ด ว ยนํ้ า นม เป น ผลิ ต ภั ณ ฑ
สื บ ค น ข อ มู ล เกี่ ย วกั บ สารประกอบเอไมด C ที่ ไ ด จ ากการสลายโปรตี น
ยูเรียเปนสารประกอบอินทรีย
ในชีวิตประจําวัน H2N NH2 ชนิดแรกที่สังเคราะหไดจาก
3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ โครงสรางของยูเรีย สารประกอบอนินทรีย นําไป
ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต ใชในดานอุตสาหกรรมและ
พฤติกรรมของนักเรียน ภาพที่ 1.40 ปุย ยูเรียสังเคราะหไดจากแกสคารบอนไดออกไซดกับแกสแอมโมเนีย เกษตรกรรม เชน ใชเปนปุย
ที่มา : คลังภาพ อจท.
Core Concept
ใหนักเรียนสรุปสาระสําคัญ เรื่อง
สารประกอบอินทรียที่มีธาตุออกซิเจน
Topic และธาตุไนโตรเจนเปนองคประกอบ
Questions
คําชี้แจง : ใหนักเรียนตอบคําถามตอไปนี้
1. เพราะเหตุใดเอไมดจึงมีจุดเดือดสูงกวากรดคารบอกซิลิกที่มีมวลโมเลกุลใกลเคียงกัน
2. ปฏิกริ ยิ าไฮโดรลิซสิ ของเอไมดโดยใชกรดหรือเบสเปนตัวเรงปฏิกริ ยิ า ผลิตภัณฑทไี่ ดมคี วามแตกตางกัน
หรือไม อยางไร
ยูเรีย
80 www.aksorn.com/interactive3D/RNC1K
T86
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
OIL
ประโยชน์ : ท�าเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์เบนซิน
นํ้ามันก๊าด จํานวน C : 10-14
SAG จุดเดือด : 170-250 �C
ประโยชน์ : เชื้อเพลิงในตะเกียงและเครื่องยนต์ไอพ่น
จุดเดือด LIO GAS
ประโยชน์ : ท�าเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ดีเซล
นํ้ามันหล่อลื่น จํานวน C : 19-35
จุดเดือด : > 350 �C GAS
OIL
T87
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
1. ครูเตรียมวีดิทัศนเกี่ยวกับการกลั่นลําดับสวน นํ้ามันเบนซิน เป็นผลิตภัณฑ์ท่ีได้จากการกลั่นน�้ามันดิบ น�าไปใช้เป็นเชื้อเพลิงยานยนต์
นํา้ มันดิบจาก YouTube เชน An Overview of ซึ่งน�้ามันเบนซินประกอบด้วยไฮโดรคาร์บอนต่างชนิดกันและมีไอโซเมอร์ต่างกัน ซึ่งมีอะตอมของ
the Refining Process (https://www.youtube. คาร์บอน 6-12 อะตอม ท�าให้เกิดการระเบิดขึ้น ซึ่งการติดไฟและการระเบิดเกิดขึ้นไม่พร้อมกัน
com/watch?v=GYRwWyG3Qqw) โดยสารประกอบไฮโดรคาร์บอนชนิดโซ่ตรงจะติดไฟได้ง่ายกว่าและเกิดการระเบิดเร็วกว่าจังหวะที่
2. นักเรียนศึกษาวีดทิ ศั นทคี่ รูเตรียมให แลวรวมกัน ควรเป็นในกระบอกสูบ ท�าให้เครื่องยนต์เดินไม่เรียบ เรียกว่า การชิงจุดระเบิด
ตั้งคําถามจากการดูวีดิทัศนคนละ 5 คําถาม
ดังนั้น จึงมีการก�าหนดคุณภาพของน�้ามันเบนซินด้วยเลขออกเทน (octane number)
โดยไอโซเมอร์ของออกเทนที่ชื่อว่า ไอโซออกเทน ซึ่งมีโครงสร้างเป็นโซ่กิ่ง เป็นเชื้อเพลิงที่
3. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5-6 คน รวมกัน เหมาะกับเครื่องยนต์ที่ใช้น�้ามันเบนซิน เพราะช่วยป้องกันการชิงจุดระเบิดของเครื่องยนต์
ศึกษาเกีย่ วกับผลิตภัณฑทไี่ ดจากกระบวนการ ส่วนไอโซเมอร์ที่ไม่เหมาะกับเครื่องยนต์ประเภทนี้ คือ เฮปเทน ซึ่งมีโครงสร้างเป็นโซ่ตรง จึงมี
กลั่นลําดับสวนนํ้ามันดิบ แลวใหแตละกลุม การก�าหนดให้น�้ามันเบนซินที่มีสมบัติในการเผาไหม้เช่นเดียวกับไอโซออกเทนมีเลขออกเทน
นํ า ข อ มู ล ที่ ไ ด จ ากการศึ ก ษามาออกแบบ เป็น 100 ส่วนน�้ามันเบนซินที่มีสมบัติในการเผาไหม้เช่นเดียวกับเฮปเทนมีเลขออกเทนเป็น 0
นําเสนอขอมูลในรูปแบบของแบบจําลอง เช่น น�า้ มันเบนซินทีม่ เี ลขออกเทน 95 จึงมีสมบัตใิ นการเผาไหม้เช่นเดียวกับเชือ้ เพลิงทีไ่ ด้จากการ
ผสมไอโซออกเทนร้อยละ 95 กับเฮปเทนร้อยละ 5 โดยมวล
CH3
CH3 C CH2 CH CH3 CH3 CH2 CH2 CH2 CH2 CH2 CH3
CH3 CH3
ไอโซออกเทน เฮปเทน
เกร็ดแนะครู
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับปรุงคุณภาพของนํ้ามันเชื้อเพลิงวา นํ้ามันเบนซินที่ประกอบดวยสารประกอบไฮโดรคารบอนที่มีโครงสรางแบบโซกิ่ง
จะมีคุณภาพดีกวานํ้ามันเบนซินที่ประกอบดวยสารประกอบไฮโดรคารบอนที่มีโครงสรางแบบโซตรง โดยมีวิธีการ ดังนี้
• กระบวนการรีฟอรมมิง (reforming) เปนการเปลี่ยนสารประกอบไฮโดรคารบอนที่มีโครงสรางแบบโซตรงใหเปนแบบโซกิ่ง หรือเปนสารประกอบ
อะโรมาติกไฮโดรคารบอนและใชเปลี่ยนสารประกอบไฮโดรคารบอนแบบวงใหเปนสารประกอบอะโรมาติกไฮโดรคารบอน โดยใชความรอน ความดัน และ
ตัวเรงปฏิกิริยาชวย
• กระบวนการแอลคิเลชัน (alkylation) เปนการรวมโมเลกุลของแอลเคนและแอลคีน โดยมีกรดซัลฟวริกเปนตัวเรงปฏิกิริยาไดเปนโมเลกุลแอลเคน
ที่มีโครงสรางแบบโซกิ่ง
• กระบวนการโอลิโกเมอไรเซชัน (oligomerization) เปนการรวมสารประกอบไฮโดรคารบอนไมอิ่มตัว (แอลคีน) โมเลกุลเล็กๆ เขาดวยกัน โดยใช
ความรอนและตัวเรงปฏิกิริยาจะไดสารประกอบไฮโดรคารบอนไมอิ่มตัวที่มีจํานวนคารบอนอะตอมเพิ่มขึ้น เมื่อนําไปทําปฏิกิริยาตอกับแกสไฮโดรเจน โดยมี
Ni หรือ Pt เปนตัวเรงปฏิกิริยาจะไดเปนสารประกอบแอลเคน
T88
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
ปัจจุบันจึงใช้เมทิลเทอร์เชียรีบิวทิลอีเทอร์ (สาร MTBE) เอทานอล หรือเมทานอลแทน 4. เมื่อนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับการกลั่นลําดับสวน
และเรียกน�า้ มันทีไ่ ด้วา่ น�า้ มันไร้สารตะกัว่ น�า้ มัน นํา้ มันดิบแลว ใหนาํ ความรูท ไี่ ดมาตอบคําถาม
เบนซินเป็นสารระเหยง่ายและไวไฟ จึงไม่ควรเก็บ CH3 ที่ตนเองตั้งคําถามไว
หรือใช้งานใกล้กับแหล่งความร้อน เป็นสาร CH3 C O CH3 5. ครูถามคําถามนักเรียนวา
อันตรายต่อสิ่งมีชีวิต หากสูดดมไอระเหยของ CH3 • ผลิตภัณฑที่ไดจากกระบวนการกลั่นลําดับ
น�า้ มันเบนซินจะท�าให้มอี าการมึนงง ปวดศีรษะ เมทิลเทอร์เชียรีบิวทิลอีเทอร์ สวนนํ้ามันดิบมีอะไรบาง
และอาจหมดสติได้ หากสัมผัสอาจท�าให้ผวิ หนัง
ภาพที่ 1.44 โครงสร้างของเมทิลเทอร์เชียรีบวิ ทิลอีเทอร์
(แนวตอบ ผลิตภัณฑที่ไดจากกระบวนการ
แห้งและน�าไปสู่โรคผิวหนังได้ ที่มา : คลังภาพ อจท. กลัน่ ลําดับสวนนํา้ มันดิบ ไดแก แกสปโตรเลียม
แนฟทาหนัก แนฟทาเบา นํ้ามันกาด นํ้ามัน
ดีเซล นํ้ามันหลอลื่น ไข นํ้ามันเตา บิทูเมน)
6. ครูถามตอวา
• ผลิตภัณฑที่ไดจากกระบวนการกลั่นลําดับ
สวนนํา้ มันดิบแตละชนิดมีความแตกตางกัน
หรือไมอยางไร สามารถนําไปใชประโยชน
ไดอยางไร
ภาพที่ 1.45 เครื่องยนต์แต่ละชนิดใช้น�้ามันเชื้อเพลิงที่แตกต่างกัน ซึ่งเชื้อเพลิงแต่ละชนิดจะให้พลังงานจากการเผาไหม้ (แนวตอบ ผลิตภัณฑที่ไดจากกระบวนการ
ในปริมาณที่ต่างกัน กลัน่ นํา้ มันดิบแตละชนิดจะมีจาํ นวนอะตอม
ที่มา : คลังภาพ อจท.
ของคารบอนแตกตางกัน เชน แกสปโตรเลียม
จํานวนคารบอน 1-4 อะตอม นํ้ามันกาด
นํ้ามันดีเซล ประกอบด้วยไฮโดรคาร์บอนที่มีจุดเดือดสูงกว่าน�้ามันเบนซิน ซึ่งมีการก�าหนด
คุณภาพของน�้ามันดีเซลด้วยเลขซีเทน (cetane number) โดยก�าหนดให้ซีเทน (C16H34) มีเลข จํานวนคารบอน 10-14 อะตอม ผลิตภัณฑ
ซีเทน 100 และแอลฟาเมทิลแนฟทาลีน (C11H10) มีเลขซีเทน 0 แต ล ะชนิ ด สามารถนํ า ไปใช ป ระโยชน ไ ด
เชน แกสปโตรเลียมนําไปใชเชื้อเพลิง แกส
หุงตม นํ้ามันดีเซล นําไปใชทําเชื้อเพลิง
CH3
ในเครื่องยนตดีเซล)
CH3 (CH2)14 CH3
ซีเทน แอลฟาเมทิลแนฟทาลีน
ภาพที่ 1.46 โครงสร้างของซีเทนและแอลฟาเมทิลแนฟทาลีน
ที่มา : คลังภาพ อจท.
เคมีอินทรีย์ 83
T89
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
7. ผลิ ต ภั ณ ฑ ที่ ไ ด จ ากกระบวนการกลั่ น ลํ า ดั บ น�ำ้ มันดีเซลแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ น�ำ้ มันดีเซลหมุนเร็ว (High Speed Diesel) หรือโซลำ
ส ว นนํ้ า มั น ดิ บ ที่ ถู ก นํ า มาใช ม ากที่ สุ ด คื อ ใช้สำ� หรับเครือ่ งยนต์ทมี่ รี อบหมุนมำกกว่ำ 1,000 รอบ/นำที เช่น รถกระบะ รถบรรทุก รถโดยสำรทัว่ ไป
ผลิตภัณฑประเภทเชื้อเพลิง ไมวาจะเปนแกส และอีกชนิดหนึ่ง คือ น�้ำมันดีเซลหมุนช้ำ (Low Speed Diesel) หรือขี้โล้ ใช้ส�ำหรับเครื่องยนต์
ปโตรเลียม ใชเปนแกสหุงตม นํ้ามันเบนซิน ที่มีรอบหมุน 300-1,000 รอบ/นำที เช่น รถไฟ เรือยนต์
นํ า ไปใช เ ป น เชื้ อ เพลิ งในเครื่ อ งยนต เ บนซิ น เนื่องจำกควำมต้องกำรน�้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้น จึงมีกำรผลิตพลังงำนทดแทนเพื่อลด
นํ้ามันกาด ถูกนําไปใชในเครื่องยนตไอพน กำรน�ำเข้ำน�้ำมันดิบจำกต่ำงประเทศ และลดแก๊สที่ส่งผลต่อสภำวะเรือนกระจก ตัวอย่ำงเช่น
นํา้ มันดีเซล นําไปใชเปนเชือ้ เพลิงในเครือ่ งยนต • แก๊สโซฮอล์ (gasohol) ผลิตขึ้นเพื่อใช้แทนน�้ำมันเบนซิน โดยเกิดจำกกำรผสมระหว่ำง
ดีเซล ครูถามคําถามกับนักเรียนวา น�้ำมันเบนซินกับเอทิลแอลกอฮอล์ มีระบบกำรเผำไหม้ที่สมบูรณ์กว่ำน�้ำมันเบนซิน จึงลดปัญหำ
• ปจจุบันมีการใชนํ้ามันเชื้อเพลิงที่เพิ่มสูงขึ้น มลพิษทำงอำกำศ ลดปริมำณไฮโดรคำร์บอนและแก๊สคำร์บอนมอนอกไซด์ แก๊สโซฮอล์ที่ใช้
ผลจากการใชนํ้ามันเชื้อเพลิงที่มากขึ้นนั้น ในปัจจุบันมี 3 ชนิด ดังนี้
สงผลตอสิ่งแวดลอมหรือไม อยางไร - แก๊สโซฮอล์ E10 แบ่งออกเป็นแก๊สโซฮอล์ 91 และแก๊สโซฮอล์ 95 โดยมีส่วนผสม
(แนวตอบ การใชนาํ้ มันเชือ้ เพลิงในเครือ่ งยนต ของเอทำนอลไม่เกินร้อยละ 10 และไม่ต�่ำกว่ำร้อยละ 9 กับน�้ำมันเบนซินร้อยละ 90 โดยปริมำตร
จะเกิดการเผาไหม ซึ่งการเผาไหมแบงออก - แก๊สโซฮอล์ E20 มีส่วนผสมของเอทำนอลไม่เกินร้อยละ 20 และไม่ต�่ำกว่ำร้อยละ
เปน 2 ประเภท คือ การเผาไหมสมบูรณ 19 กับน�้ำมันเบนซินร้อยละ 80 โดยปริมำตร
จะทําใหเกิดแกสคารบอนไดออกไซด และ - แก๊สโซฮอล์ E85 มีส่วนผสมของเอทำนอลไม่เกินร้อยละ 85 กับน�้ำมันเบนซินร้อยละ
การเผาไหมไมสมบูรณ จะทําใหเกิดแกส 15 โดยปริมำตร
คารบอนมอนอกไซดและเขมา เมื่อมีการ • ไบโอดีเซล (biodiesel) เป็นเอสเทอร์ทผี่ ลิตจำกน�ำ้ มันพืชหรือน�ำ้ มันสัตว์โดยผ่ำนกระบวนกำร
ใชเชื้อเพลิงในปริมาณที่มาก ทําใหมีแกส ทรำนส์เอสเทอริฟิเคชัน (transesterification) โดยกำรน�ำน�้ำมันพืชหรือน�้ำมันสัตว์ไปท�ำปฏิกิริยำ
คารบอนไดออกไซดมาก ซึ่งแกสคารบอน กับแอลกอฮอล์ โดยมีกรดหรือเบสเป็นตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำ จะได้เอสเทอร์กบั กลีเซอรอลเป็นผลพลอยได้
ไดออกไซด เ ป น แก ส ที่ ทํ า ให เ กิ ด สภาวะ ซึ่งไบโอดีเซลที่ได้จะมีชื่อเรียกตำมชนิดของแอลกอฮอล์ ถ้ำเป็นเมทิลแอลกอฮอล์ เรียกว่ำ เมทิล
เรือนกระจก สงผลใหโลกมีอณ ุ หภูมทิ สี่ งู ขึน้ ) เอสเทอร์ ถ้ำเป็นเอทิลแอลกอฮอล์ เรียกว่ำ เอทิลเอสเทอร์
O O
CH2 O C R1 R1 C O CH3 CH2 OH
O O
CH O C R2 + 3CH3 OH ตัวเร่งปฏิกริ ยิ ำ R2 C O CH3 + CH OH
O O
CH2 O C R3 R3 C O CH3 CH2 OH
ไตรกลีเซอไรด์ เมทำนอล เมทิลเอสเทอร์ กลีเซอรอล
(น�ำ้ มันพืชหรือน�ำ้ มันสัตว์)
84
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
6.2 แก๊สธรรมชาติ 8. ครูถามคําถามนักเรียนวา
แก๊สธรรมชาติที่ได้จากการขุดเจาะปิโตรเลียมประกอบด้วยส่วนที่เป็นของเหลว เรียกว่า • จากผลกระทบการใชนาํ้ มันเชือ้ เพลิงในปริมาณ
แก๊สธรรมชาติเหลว (liquefied natural gas; LNG) และส่วนที่เป็นแก๊ส เรียกว่า แก๊สธรรมชาติ มาก นักเรียนจะมีแนวทางในการชวยลด
(natural gas) ซึ่งแก๊สธรรมชาติจะประกอบด้วยสารประกอบไฮโดรคาร์บอน และสารที่ไม่ใช่ ปญหาดังกลาวอยางไร
สารประกอบไฮโดรคาร์บอน (แนวตอบ ลดการใชรถยนตสวนบุคคล ใช
มีเทน (CH4) รถโดยสารประจําทางหรือใชพลังงานทดแทน
สารประกอบ ร้อยละ 50-80
ไฮโดรคาร์บอน
เชน นํ้ามันแกสโซฮอล นํ้ามันไบโอดีเซล
คาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อีเทน (C2H6) แก ส ธรรมชาติ (คํ า ตอบอาจขึ้ น อยู กั บ
ร้อยละ 10-25 ร้อยละ 5-10 ดุลยพินิจของครูผูสอน))
9. จากการศึกษาเกี่ยวกับการใชประโยชนของ
สารประกอบ โพรเพน (C3H8)
ในแก๊ส สารประกอบอินทรีย ครูใหนักเรียนนําความรู
ไนโตรเจน (N2) ร้อยละ 2-7
ธรรมชาติ ที่ไดมาเรียบเรียง แลวเชื่อมโยงความรูที่ได
ร้อยละ 1-4
บิวเทน (C4H10) ออกมาเป น ผั ง มโนทั ศ น โดยใช หั ว ข อ ว า
ร้อยละ 1-3 ปโตรเคมีภัณฑ
อื่น ๆ (เฮกเซน ไอนํ้า ฮีเลียม
ไฮโดรเจนซัลไฟด์ ปรอท) ไม่ใช่สารประกอบ
ไฮโดรคาร์บอน เพนเทน (C5H12)
< ร้อยละ 0.5
< ร้อยละ 1
เคมีอินทรีย์ 85
T91
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
10. นักเรียนทําใบงาน เรือ่ ง การใชประโยชนของ 6.3 ปโตรเคมีภัณฑ์
สารประกอบอินทรีย ปิโตรเคมีภณั ฑ์ หมายถึง ผลิตภัณฑ์ทไี่ ด้จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึง่ อุตสาหกรรมปิโตรเคมี
11. นักเรียนตอบคําถาม Topic Questions ใน หมายถึง อุตสาหกรรมทีน่ า� สารประกอบไฮโดรคาร์บอนทีไ่ ด้จากการกลัน่ น�า้ มันดิบมาเป็นวัตถุดบิ ใน
หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร การผลิตมอนอเมอร์หรือพอลิเมอร์ อุตสาหกรรมปิโตรเคมีแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ อุตสาหกรรม
และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 หนา 86 ปิโตรเคมีขั้นต้น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นกลาง และอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นปลาย
โดยทําลงในสมุดบันทึกของนักเรียน
12. นักเรียนรวมกันสรุปสาระสําคัญ เรื่อง การใช อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้น อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นกลาง
ประโยชนของสารประกอบอินทรีย (upstream petrochemical industry) (intermediate petrochemical industry)
เป็นอุตสาหกรรมทีน่ า� สารประกอบไฮโดรคาร์บอน เป็นอุตสาหกรรมที่น�าสารผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก
ทีไ่ ด้จากการกลัน่ น�า้ มันดิบ เช่น อีเทน โพรเพน อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้นมาเป็นวัตถุดิบ
แนฟทา มาเป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตสารที่จะน�าไป เพื่อผลิตสารที่จะน�าไปใช้ในอุตสาหกรรมเคมี
ใช้ในอุตสาหกรรมเคมีขั้นต่อไป เช่น เอทิลีน ขัน้ ปลาย เช่น เอทิลนี ไกลคอล (ethylene glycol)
(ethylene) โพรพิลีน (propylene) สไตรีนมอนอเมอร์ (styrene monomer) ฟีนอล
(phenol)
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นปลาย
(downstream petrochemical industry)
เป็นอุตสาหกรรมที่น�าสารผลิตภัณฑ์ที่ได้จาก
อุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นกลางมาเป็นวัตถุดิบ Core Concept
เพือ่ ผลิตสารทีเ่ ป็นวัตถุดบิ ส�าหรับผลิตสารต่าง ๆ ให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญ เรื่อง
เช่น พอลิเอทิลีน พอลิโพรพิลีน ไนลอน การใชประโยชน์ของสารประกอบอินทรีย์
Topic
Questions
คําชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้
1. จงอธิบายการน�าผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นล�าดับส่วนของน�้ามันดิบไปใช้ประโยชน์
2. สารที่ได้จากการกลั่นน�้ามันดิบและการแยกแก๊สธรรมชาติชนิดใดที่น�ามาเป็นสารตั้งต้นในอุตสาหกรรม
ปิโตรเคมีขั้นต้น
86
T92
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
Chemistry 13. นักเรียนแบงกลุม กลุม ละ 5-6 คน ใหแตละกลุม
in real life ปิโตรเลียม
ศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเคมีอินทรีย
ป โ ตรเลี ย มจั ด เป น สารไฮโดรคาร บ อนที่ เ กิ ด ขึ้ น เองตาม 14. นักเรียนศึกษา Summary เรื่อง เคมีอินทรีย
ธรรมชาติ ซึ่งมีธาตุคารบอนและไฮโดรเจนเปนองคประกอบหลัก
และอาจมีธาตุอโลหะชนิดอื่น เชน กํามะถัน ออกซิเจน ไนโตรเจน ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร
ปนอยูด ว ย ปโตรเลียมมีทงั้ 3 สถานะ คือ ของแข็ง ของเหลว และแกส และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 หนา 88-92
ขึ้นอยูกับองคประกอบ รวมถึงความรอนและความดันของสภาพ
แวดลอมในการเกิดและการกักเก็บปโตรเลียม แบงตามสถานะ
ไดเปน 2 ชนิด คือ นํ้ามันดิบและแกสธรรมชาติ
นํ้ามันดิบเปนของเหลว ประกอบดวยสารไฮโดรคารบอน
ชนิดระเหยงายเปนสวนใหญ ที่เหลือเปนสารกํามะถัน ไนโตรเจน
และสารประกอบออกไซดอื่น แบงออกเปน 3 ประเภท ตาม
คุณสมบัตแิ ละชนิดของไฮโดรคารบอนทีเ่ ปนองคประกอบ คือ นํา้ มัน ภาพที่ 1.48 นํ้ามันดิบ คือ
ดิบฐานพาราฟน นํ้ามันดิบฐานแอสฟลต และนํ้ามันดิบฐานผสม ป โ ตรเลี ย มที่ มี ส ถานะเป น
ซึ่งเมื่อนําไปกลั่นจะใหผลิตภัณฑนํ้ามันในสัดสวนที่แตกตางกัน ของเหลว มีสดี าํ หรือสีนาํ้ ตาล
ที่มา : https://www.
แกสธรรมชาติเปนปโตรเลียมทีอ่ ยูใ นสถานะแกส ณ อุณหภูมิ brecorder.com
และความกดดันที่ผิวโลก ประกอบดวยสารไฮโดรคารบอนเปนหลัก
อาจมีสัดสวนสูงถึงรอยละ 95 สวนที่เหลือ ไดแก ไนโตรเจนและคารบอนไดออกไซด บางครั้งจะพบ
ไฮโดรเจนซัลไฟดปะปนอยูดวย ไฮโดรคารบอนในแกสธรรมชาติจัดอยูในอนุกรมพาราฟน มีสภาพ
อิ่มตัวในบรรยากาศ และไมเปลี่ยนแปลงทางเคมีใด ๆ ในสภาวะปกติ ไฮโดรคารบอนในกลุมนี้จะมี
แกสมีเทนซึ่งมีนํ้าหนักเบาที่สุดและจุดมีเดือดตํ่าที่สุดอยูถึงรอยละ 70 ขึ้นไป
เคมีอินทรีย์ 87
กิจกรรม ทาทาย
นักเรียนที่จับคูกันใหมาจับกลุมกับเพื่อนอีก 1 คู แลวใหนํา
ขอมูลที่ไดจากการสืบคนมาอภิปรายรวมกัน เพื่อหาขอสรุปที่
ถูกตอง พรอมทั้งนําเสนอขอมูลที่ไดสรุปรวมกันหนาชั้นเรียน
เพื่อใหมีความเขาใจตรงกัน
T93
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
15. นักเรียนทําแบบฝกหัดในแบบฝกหัดรายวิชา
Summary
เพิม่ เติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6 เคมีอนิ ทรีย์
เลม 1
สารประกอบอินทรีย์
สารประกอบอินทรีย์ คือ สารประกอบที่มีคาร์บอนเป็นองค์ประกอบหลัก และอาจประกอบด้วยธาตุอื่น ๆ
เช่น H O N S อาจเกิดจากสิ่งมีชีวิตหรือเกิดจากการสังเคราะห์
การเขียนสูตรโครงสร้างของสารประกอบอินทรีย์
H H
H C C H CH2 CHCH3
H H
สูตรโครงสร้างลิวอิส สูตรโครงสร้างแบบย่อ สูตรโครงสร้างแบบเส้นและมุม
ไอโซเมอริซึม
• ไอโซเมอริซึม (isomerism) เป็นปรากฏการณ์ที่สารประกอบอินทรีย์มีสูตรโมเลกุลเหมือนกัน แต่มีสูตร
โครงสร้างต่างกัน
• ไอโซเมอร์ (isomer) เป็นสารที่มีสูตรโมเลกุลเหมือนกัน แต่มีสูตรโครงสร้างต่างกัน อาจจะมีโครงสร้างที่เป็น
ไปได้ทั้งโครงสร้างที่เป็นโซ่เปิด (โซ่ตรงหรือโซ่กิ่ง) และโครงสร้างที่เป็นแบบวง
หมู่ฟังก์ชัน
หมู่อะตอมที่แสดงสมบัติเฉพาะในโมเลกุลของสารประกอบอินทรีย์ เป็นสิ่งที่ก�าหนดสมบัติและการเกิด
ปฏิกิริยาของสารประกอบ เรียกว่า หมู่ฟังก์ชัน (functional group)
หมู่ฟังก์ชัน ชื่อหมู่ฟังก์ชัน ประเภทของสารประกอบ
C C พันธะเดี่ยว แอลเคน
C C พันธะคู่ แอลคีน
C C พันธะสาม แอลไคน์
OH ไฮดรอกซิล แอลกอฮอล์
O แอลคอกซี อีเทอร์
O
C OH คาร์บอกซิล กรดคาร์บอกซิลิก
88
ขอสอบเนน การคิด
สารที่มีสูตรโมเลกุล C4H10O สามารถเขียนสูตรโครงสรางที่เปนไปไดกี่โครงสราง และเปนสารประกอบแอลกอฮอล
กี่โครงสราง
1. สูตรโครงสรางทั้งหมด 4 สูตรโครงสรางที่เปนแอลกอฮอล 2
2. สูตรโครงสรางทั้งหมด 5 สูตรโครงสรางที่เปนแอลกอฮอล 3
3. สูตรโครงสรางทั้งหมด 7 สูตรโครงสรางที่เปนแอลกอฮอล 3
4. สูตรโครงสรางทั้งหมด 7 สูตรโครงสรางที่เปนแอลกอฮอล 4
5. สูตรโครงสรางทั้งหมด 8 สูตรโครงสรางที่เปนแอลกอฮอล 4
(วิเคราะหคําตอบ สารที่มีสูตรโมเลกุล C4H10O เขียนโครงสรางที่เปนไดทั้งหมด 7 โครงสราง ดังนี้
OH OH
OH OH
บิวทานอล 2-บิวทานอล 2-เมทิล-1-โพรพานอล 2-เมทิล-2-โพรพานอล
O O
O
ไดเอทิล อีเทอร 2-เมทอกซีโพรเพน 1-เมทอกซีโพรเพน
มีโครงสรางที่เปนแอลกอฮอลทั้งหมด 4 โครงสราง ดังนั้น ตอบขอ 4.)
T94
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ลงมือทํา (Doing)
หมู่ฟังก์ชัน ชื่อหมู่ฟังก์ชัน ประเภทของสารประกอบ 16. นักเรียนจับคูกับเพื่อนที่นั่งขางกัน แลวทํา
O กิจกรรม Apply Your Knowledge ใน
C O แอลคอกซีคาร์บอนิล เอสเทอร์ หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร
O และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 หนา 93 โดย
C H คาร์บอกซาลดีไฮด์ แอลดีไฮด์ ทําการศึกษาสถานการณทกี่ าํ หนดใหตอ ไปนี้
O “นักเรียนพบสารอินทรีย 5 ชนิด ที่มีลักษณะ
C คาร์บอนิล คีโตน เปนของเหลวใส ไมมสี ี ซึง่ ฉลากติดสารไดหลุด
H หายไป จึงทําใหไมทราบวาสารอินทรียนั้นๆ
N อะมิโน เอมีน เปนสารประเภทใด” จากนัน้ รวมกันออกแบบ
H
O H การทดลองเพื่อใหสามารถระบุไดวา สาร
C N H เอไมด์ เอไมด์ อินทรียแตละชนิดคือสารอินทรียประเภทใด
โดยใชวัสดุและอุปกรณที่หาไดงาย รวมทั้ง
สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ตองคํานึงถึงความปลอดภัยในการทําการ
สารประกอบอินทรีย์ที่ประกอบด้วยธาตุคาร์บอนและธาตุไฮโดรเจน เรียกว่า สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ทดลองดวย
ประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน
สมบัติและปฏิกิริยาของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนประเภทต่าง ๆ แสดงดังตาราง
ประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน
สมบัติ/ปฏิกิริยา อะโรมาติก
แอลเคน แอลคีน แอลไคน์ ไฮโดรคาร์บอน
สูตรทั่วไป CnH2n + 2 CnH2n CnH2n - 2 -
สี ไม่มีสี ไม่มีสี ไม่มีสี ไม่มีสี
กลิ่น ไม่มีกลิ่น มีกลิ่นเฉพาะตัว มีกลิ่นเฉพาะตัว มีกลิ่นเฉพาะตัว
ขั้วโมเลกุล ไม่มี ไม่มี ไม่มี ไม่มี
พันธะ พันธะเดี่ยวทั้งหมด พันธะคู่ พันธะสาม พันธะคู่
อย่างน้อย 1 แห่ง อย่างน้อย 1 แห่ง อย่างน้อย 3 แห่ง
การละลายนํ้า ไม่ละลาย ไม่ละลาย ไม่ละลาย ไม่ละลาย
การละลายใน ละลาย ละลาย ละลาย ละลาย
ตัวทําละลายไม่มีขั้ว
แรงยึดเหนี่ยว แรงลอนดอน แรงลอนดอน แรงลอนดอน แรงลอนดอน
ระหว่างโมเลกุล
เคมีอินทรีย์ 89
T95
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ลงมือทํา (Doing)
17. นักเรียนตรวจสอบความเขาใจของตนเองโดย ประเภทของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน
การตอบคําถาม Self Check ในหนังสือเรียน สมบัติ/ปฏิกิริยา อะโรมาติก
รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี แอลเคน แอลคีน แอลไคน์ ไฮโดรคาร์บอน
เคมี ม.6 เลม 1 หนา 93 จุดเดือด ต�่ำ ต�่ำที่สุด สูง สูงที่สุด
ความหนาแน่น น้อยกว่ำน�้ำ น้อยกว่ำน�้ำ น้อยกว่ำน�้ำ น้อยกว่ำน�้ำ
การเผาไหม้ ไม่มีเขม่ำ มีเขม่ำ มีเขม่ำมำก มีเขม่ำมำกที่สุด
การฟอกสี Br2
• ในที่มืด ไม่ฟอกสี ฟอกสี ฟอกสี ไม่ฟอกสี
• ในที่สว่าง ฟอกสี ฟอกสี ฟอกสี ไม่ฟอกสี
การฟอกสี KMnO4 ไม่ฟอกสี ฟอกสี ฟอกสี ไม่ฟอกสี
ปฏิกิริยากับ H2/Pt ไม่เกิด เกิด เกิด ไม่เกิด
สารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุออกซิเจนเป็นองค์ประกอบ
90
ขอสอบเนน การคิด
ขอใดเรียงลําดับจุดเดือดของสารตอไปนี้ไดถูกตอง
ก. CH3CH2CH2COOH ข. CH3CH2CH2CH2OH
ค. CH3CH2CH2CH2NH2 ง. CH3CH2CH2CH2CH3
1. ก. > ข. > ค. > ง. 2. ข. > ค. > ง. > ก.
3. ค. > ง. > ก. > ข. 4. ง. > ก. > ข. > ค.
5. ง. > ข. > ก. > ค.
(วิเคราะหคําตอบ เมื่อเปรียบเทียบจุดเดือดของแอลเคน แอลกอฮอล กรดคารบอกซิลิก และเอมีนที่มีมวลโมเลกุล
ใกลเคียงกัน พบวา แอลกอฮอลเปนโมเลกุลมีขวั้ และเกิดพันธะไฮโดรเจนไดจงึ มีจดุ เดือดสูงกวาแอลเคน กรดคารบอกซิลกิ
จะมีจุดเดือดสูงกวาแอลกอฮอลเนื่องจากโมเลกุลของกรดคารบอกซิลิกเกิดพันธะไฮโดรเจนไดมากกวาโมเลกุลของ
แอลกอฮอล เอมีนเกิดพันธะไฮโดรเจนไดเชนเดียวกับแอลกอฮอล แตแรงยึดเหนี่ยวระหวางโมเลกุลนอยกวาแอลกอฮอล
จึงทําใหเอมีนมีจุดเดือดตํ่ากวาแอลกอฮอล สามารถเรียงลําดับจุดเดือดได ดังนี้ กรดคารบอกซิลิก > แอลกอฮอล >
เอมีน > แอลเคน ดังนั้น ตอบขอ 1.)
T96
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
1. นักเรียนแตละคนนําขอสรุปที่ไดจากการรวม
ชือ่ สารประกอบอินทรีย์ สูตรทั่วไป สมบัติทางกายภาพ สรุปกับครู มาเขียนเรียบเรียงเปนองคความรู
O • คีโตนโมเลกุลเล็ก จะละลายน�้าได้ดี
ของตนเอง พร อ มยกตั ว อย า งประกอบ
คีโตน องคความรูนั้น
R C R′ • จุดเดือดเพิ่มขึ้นตามจ�านวนอะตอมของคาร์บอน
• จัดเป็นกรดอ่อน 2. นักเรียนทํา Unit Questions ในหนังสือเรียน
• โมเลกุลเล็กละลายน�้าได้ดี แต่การละลายน�้าลดลง เมื่อจ�านวน รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
O อะตอมของคาร์บอนเพิ่มขึ้น เคมี ม.6 เลม 1 หนา 94-96
• กรดคาร์บอกซิลิกท�าปฏิกิริยากับแอลกอฮอล์ โดยมีสารละลาย
กรดคาร์บอกซิลิก R C OH H2SO4 เข้มข้นเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา จะได้เอสเทอร์และน�้าเป็น 3. เมื่อนักเรียนทํา Unit Questions เสร็จแลว
ผลิตภัณฑ์ เรียกว่า ปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน ครูใหนักเรียนทบทวนความรูโดยการทําแบบ
• กรดคาร์บอกซิลกิ ท�าปฏิกริ ยิ ากับหมูอ่ ะมิโน ได้สารประกอบเอไมด์ ทดสอบ Test For U เพื่อเปนการทบทวน
• จุดเดือดเพิ่มขึ้นตามจ�านวนอะตอมของคาร์บอน
ความรูและเตรียมความพรอมในการสอบเขา
• เอสเทอร์ได้จากปฏิกริ ยิ าระหว่างกรดคาร์บอกซิลกิ กับแอลกอฮอล์ มหาวิทยาลัย
เรียกว่า ปฏิกิริยาเอสเทอริฟิเคชัน
• เอสเทอร์สามารถเกิดปฏิกิริยาสะปอนนิฟิเคชัน เป็นปฏิกิริยา
O ไฮโดรลิซิสที่สภาวะเบส ได้เกลือของกรดคาร์บอกซิลิกและ
เอสเทอร์ R C O R′ แอลกอฮอล์เป็นผลิตภัณฑ์
• โมเลกุลเล็กละลายน�้าได้ดี
• จุดเดือดเพิ่มขึ้นตามจ�านวนอะตอมของคาร์บอน
• เป็นไอโซเมอร์โครงสร้างกับกรดคาร์บอกซิลิก และมีจุดเดือดต�่า
กว่ากรดคาร์บอกซิลิก
สารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ
เคมีอินทรีย์ 91
ขอสอบเนน การคิด
เรียงลําดับความเปนเบสของสารละลายเอมีนตอไปนี้
NH2
ก. NH ข. NH3 ค. ง. จ. N CH3
N
1. ก. > ข. > ค. > ง. > จ. 2. ข. > ก. > จ. > ง. > ค.
3. .ก > ค. > จ. > ข. > ง. 4. จ. > ง. > ค. > ข. > ก.
5. ง. > ก. > ข. > ค. > จ.
(วิเคราะหคําตอบ ความเปนเบสของเอมีนเรียงลําดับได ดังนี้ R2NH > RNH2 > R3N > NH3 และอะโรมาติกเอมีน
จะมีอิเล็กตรอนคูที่ไนโตรเจนเคลื่อนที่เขาไปในวงอะโรมาติกไดเพราะมีคอนจูเกชัน จึงทําใหหมูอะริลเปนหมูที่
ดึงอิเล็กตรอนทําใหความหนาแนนของอิเล็กตรอนของไนโตรเจนลดลง ความเปนเบสจึงลดลง เอมีนแอโรมาติก
จึงเปนเบสที่ออนกวาอะลิฟาติกเอมีน (สารประกอบเอมีนที่เปนโซเปดหรือเปนวง) อะโรมาติกเอมีนจะมีความ
เปนเบสนอยที่สุด ดังนั้น ตอบขอ 3.)
T97
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
1. ครูประเมินความรู เรือ่ ง ประโยชนของสารประกอบ
อินทรีย โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบคําถาม สารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุออกซิเจนและธาตุไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบ
การทําแบบฝกหัด และการทําใบงาน เรื่อง
ชือ่ สารประกอบอินทรีย์ สูตรทั่วไป สมบัติทางกายภาพ
ประโยชนของสารประกอบอินทรีย
เอไมด์แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ • เอไมด์โมเลกุลเล็กจะละลายในน�้าได้ แต่การละลายน�้า
2. ครู ป ระเมิ น ทั ก ษะและกระบวนการ โดย O จะลดลงเมื่อจ�านวนอะตอมของคาร์บอนเพิ่มขึ้น
H
การสั ง เกตพฤติ ก รรมการทํ า งานรายบุ ค คล (
เอไมด์ปฐมภูมิ R C N
H ) • มีสมบัติเป็นกลาง
พฤติกรรมการทํางานกลุม จากการทําแบบจําลอง • จุดเดือดเพิ่มขึ้นตามจ�านวนอะตอมของคาร์บอน
O R′ • ได้จากปฏิกิริยาระหว่างกรดคาร์บอกซิลิก
ผลิตภัณฑทไี่ ดจากการกลัน่ ลําดับสวนนํา้ มันดิบ เอไมด์
(
เอไมด์ทุติยภูมิ R C N ) กับแอมโมเนียหรือเอมีนที่อุณหภูมิสูง
3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ H
• สามารถเกิดปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสได้ทั้งในสภาวะกรด
O R′
ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต และเบส
พฤติกรรมของนักเรียน
(
เอไมด์ตติยภูมิ R C N ′′
R )
การใช้ประโยชน์ของสารประกอบอินทรีย์
นํ้ามันดิบ
การกลั่นล�าดับส่วนน�้ามันดิบ เป็นการแยกสารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่ผสมอยู่ในน�้ามันดิบ โดยอาศัย
หลักการที่ส่วนประกอบต่าง ๆ ในน�้ามันดิบจะมีจุดเดือดและจุดควบแน่นที่แตกต่างกันตามจ�านวนคาร์บอน
แก๊สธรรมชาติ
แก๊สธรรมชาติได้จากการขุดเจาะปิโตรเลียม ประกอบด้วยส่วนทีเ่ ป็นของเหลว เรียกว่า แก๊สธรรมชาติเหลว
(liquefied natural gas) และส่วนทีเ่ ป็นแก๊ส เรียกว่า แก๊สธรรมชาติ (natural gas) ซึง่ แก๊สธรรมชาติจะประกอบด้วย
สารประกอบไฮโดรคาร์บอนและสารที่ไม่ใช่สารประกอบไฮโดรคาร์บอน
ปิโตรเคมีภัณฑ์
ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ซึ่งอุตสาหกรรมปิโตรเคมี หมายถึง อุตสาหกรรมที่น�าสาร
ประกอบไฮโดรคาร์บอนที่ได้จากการกลั่นน�้ามันดิบมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตมอนอเมอร์หรือพอลิเมอร์
92
ไมทําปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกส
(วิเคราะหคําตอบ แอลดีไฮดทําปฏิกิริยากับสารบางชนิดกลาย
เกณฑ์การให้คะแนน
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน
............./.................../...............
เปนกรดคารบอกซิลิกไดงาย แตคีโตนจะไมเกิดปฏิกิริยา เชน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง
ให้
ให้
ให้
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
3 คะแนน
2 คะแนน
1 คะแนน
แอลดีไฮดสามารถทําปฏิกิริยากับสารละลายเบเนดิกสไดเกลือ
ช่วงคะแนน
14–15
11–13
8–10
ระดับคุณภาพ
ดีมาก
ดี
พอใช้
ของกรดคารบอกซิลิก ตะกอนสีแดงอิฐของคอปเปอร (I) ออกไซด
และนํ้า แตคีโตนจะไมเกิดปฏิกิริยานี้ ดังนั้น ตอบขอ 4.)
ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง
T98
นํา สอน สรุป ประเมิน
Self Check
ให้นกั เรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด หากพิจารณา
ข้อความไม่ถูกต้อง ให้กลับไปทบทวนเนื้อหาตามหัวข้อที่กําหนดให้
ถูก/ผิด ทบทวนที่หัวขอ
1. สารประกอบอินทรีย์เป็นสารที่มีธาตุคาร์บอนและไฮโดรเจน 1.
เป็นองค์ประกอบหลัก
เป็นองค์ประกอบ
4. เรียงล�าดับจุดเดือดของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนได้ ดังนี้ 2.
อะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน > แอลไคน์ > แอลเคน > แอลคีน
เคมีอินทรีย์ 93
T99
นํา สอน สรุป ประเมิน
ค) H O ง) O H
H C C O H C N
H H C C H
H H
2. พิจารณาสารประกอบอินทรีย์ที่ก�าหนดให้ แล้วระบุว่าเป็นไอโซเมอร์กันหรือไม่ ถ้าไม่ได้เป็น
ไอโซเมอร์กัน ให้ระบุว่าเป็นสารเดียวกันหรือสารคนละชนิด
CH3
OH CH2
ก) CH3 CH2 CH CH2 CH3 กับ CH3 CH2 CH OH
ข) (CH3CH2)2CHCH3 กับ CH3CH2C(CH3)3
OH
ค) CH3COOCH3 กับ CH3CHOCH3
ง) CH3(CH2)3CHO กับ (CH3CH2)2CO
3. จงบอกประเภท พร้อมระบุชื่อหมู่ฟังก์ชันของสารประกอบอินทรีย์ต่อไปนี้
O NH2
ก) CH3 C OH ข) CH3 CH CH2 CH3
O CH3
ค) CH3 C O CH2 CH3 ง) CH3 O C CH3
CH3
O CH3
จ) CH3 CH2 CH2 C CH3 ฉ) CH3 CH2 CH OH
94
ขอสอบเนน การคิด
ขอใดไมถูกตองเกี่ยวกับสมบัติของแอลกอฮอล
1. แอลกอฮอลที่มีโซยาวจะละลายนํ้าไดดีกวาแอลกอฮอลที่มีโซกิ่ง
2. เมื่อแอลกอฮอลมีโมเลกุลที่ใหญขึ้นจะมีสวนที่ไมมีขั้วเพิ่มมากขึ้น
3. การละลายนํ้าของแอลกอฮอลจะเกี่ยวของกับสภาพขั้วโมเลกุลของแอลกอฮอล
4. แอลกอฮอลที่มีจํานวนคารบอนมากจะมีจุดเดือดสูงกวาแอลกอฮอลที่มีจํานวนคารบอนนอย
5. แอลกอฮอลที่มีจํานวนคารบอนนอยจะละลายนํ้าไดดีกวาแอลกอฮอลที่มีจํานวนคารบอนมาก
(วิเคราะหคําตอบ แอลกอฮอลที่มีจํานวนคารบอนมากจะมีจุดเดือดสูงกวาแอลกอฮอลที่มีจํานวนคารบอนนอย
และแอลกอฮอลที่มีจํานวนคารบอน 1-3 อะตอม จะลายนํ้าไดดี เนื่องจากแอลกอฮอลมีหมูไฮดรอกซิลที่เปนสวนที่มีขั้ว
จะเกิดพันธะไฮโดรเจนกับนํ้าได แตเมื่อจํานวนคารบอนเพิ่มมากขึ้น ความสามารถในการละลายนํ้าจะลดลง เนื่องจาก
โมเลกุลมีขนาดใหญขึ้นและมีสวนที่ไมมีขั้วเพิ่มมากขึ้น สภาพขั้วจึงลดลง การละลายนํ้าจึงลดลงดวย การละลายนํ้า
ของแอลกอฮอลยังขึ้นอยูกับรูปรางของโมเลกุล ตําแหนง และจํานวนหมูไฮดรอกซิล เชน แอลกอฮอลที่เปนโซกิ่ง
จะละลายนํ้าไดดีกวาแอลกอฮอลที่เปนโซยาว ดังนั้น ตอบขอ 1.)
T100
นํา สอน สรุป ประเมิน
เคมีอินทรีย์ 95
ขอสอบเนน การคิด
สารชนิดหนึ่งมีสูตรโครงสราง ดังนี้
H
N
N NH
O
สารชนิดนี้มีหมูฟงกชันกี่ชนิดที่ไมใชสารประกอบไฮโดรคารบอน
1. 1 2. 2 3. 3 4. 4 5. 5
(วิเคราะหคําตอบ
H หมูอะมิโน
N
N NH
O หมูเอไมด
T101
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขอสอบเนน การคิด
โครงสรางในขอใดเปนสารประกอบที่มีชื่อวา โพรพานาล
O O O
1.
| 2. H 3. H
H O
4.
O 5. O
T102
นํา สอน สรุป ประเมิน
+ H2O 2. Br
O
C4H9 C CH3 + Br2
ถ้าต้องการสังเคราะห์ 2,8-nonanedione ตามปฏิกิริยาข้างต้น ควรใช้สารใดเป็นสารตั้งต้น H
2. ไฮโดรคาร์บอน X สามารถเกิดปฏิกิริยากับ Br2 ในที่สว่าง เกิดแก๊ส HBr โดยมีสมการที่เกิดขึ้น สาร X
เป็นดังนี้ Br
X + Br2 Y + HBr C4H9 C CH3 + HBr2
Br Br
ถ้าสาร Y มีสูตรโครงสร้างเป็น C4H9 C CH3 สาร X ควรมีสูตรโครงสร้างเป็นอย่างไร สาร Y
Br
3. สารประกอบไฮโดรคาร์บอนชนิดหนึ่งมีสมบัติ ดังนี้ ไม่ละลายน�้า ไม่ท�าปฏิกิริยากับ Na และ ดังนั้น สาร X ควรมีสูตรโครงสรางเปน
NaOH เกิดแรงดึงดูดระหว่างขั้ว และเมื่อน�ามาต้มกับสารละลายกรดเจือจางจะได้กรดเบนโซอิก Br
เป็นผลิตภัณฑ์ สารประกอบไฮโดรคาร์บอนดังกล่าวควรมีสูตรโครงสร้างอย่างไร C4H9 C CH3
4. เมื่อน�าสารประกอบไฮโดรคาร์บอน A มาท�าปฏิกิริยากับ KMnO4 พบว่า จะเกิดแก๊สที่ท�าให้ H
สาร X
น�้าปูนใสขุ่น และเมื่อน�าสาร A 1 โมล มาท�าปฏิกิริยากับ H2 2 โมล โดยมี Ni เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา
จะเกิดสาร B ซึ่งเป็นไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัว และสาร B 2 โมล จะเกิดการเผาไหม้สมบูรณ์กับ
O2 13 โมล สาร A และ B ควรเป็นสารชนิดใด 3. O OH
CH3
5. ไฮโดรคาร์บอน Y เกิดปฏิกิริยากับสารละลาย KMnO4 ในที่เย็น จะเกิดแก๊ส CO2 ซึ่งปฏิกิริยาที่ O2
เกิดขึ้น เป็นดังนี้ -H2O
โทลูอีน กรดเบนโซอิก
3Y + 8KMnO4 + 4H2O 3CO2 + 3Z + 8MnO2 + 8KOH
น�าสาร Y มา 5.44 กรัม เมื่อเกิดปฏิกิริยาสมบูรณ์จะได้แก๊ส CO2 1.64 ลิตร วัดความดันได้
1.2 บรรยากาศ ที่อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส สาร Z ที่เกิดขึ้นควรเป็นสารใด สารประกอบดังกลาวควรมีสูตรโครงสรางเปน
CH3
เคมีอินทรีย์ 97
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 1 - หนังสือเรียนรายวิชา 1. อธิบายการเกิดพอลิเมอร์และ แบบบรรยาย - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการสังเกต - มีวินัย
ปฏิกิริยาการเกิด เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ บอกความแตกต่างของปฏิกริ ยิ า (Lecture ก่อนเรียน - ทักษะการส�ารวจ - ใฝ่เรียนรู้
พอลิเมอร์ และเทคโนโลยี เคมี พอลิเมอไรเซชันแบบเติมและ Method) - ตรวจแบบฝึกหัด ค้นหา - มุ่งมั่นใน
ม.6 เล่ม 1 ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบ - ตรวจใบงาน - ทักษะการ การท�างาน
3 - แบบฝึกหัดรายวิชา ควบแน่นได้ (K) - ตรวจ Topic Questions ลงความเห็น
ชั่วโมง เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ 2. เขียนแสดงปฏิกิริยาการเกิด - สังเกตพฤติกรรม จากข้อมูล
และเทคโนโลยี เคมี พอลิเมอร์แต่ละประเภทได้ (P) การท�างานรายบุคคล - ทักษะการ
ม.6 เล่ม 1 3. ตัง้ ใจเรียนรูแ้ ละแสวงหาความรู้ - สังเกตพฤติกรรม ตีความหมายข้อมูล
- แบบทดสอบก่อนเรียน (A) การท�างานกลุ่ม และลงข้อสรุป
- ใบงาน - สังเกตความมีวินัย
- PowerPoint ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น
ในการท�างาน
T104
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 3 - หนังสือเรียนรายวิชา 1. อธิบายความหมายของ 5Es - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการสังเกต - มีวินัย
พลาสติก เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ พลาสติกและจ�ำแนกประเภท Instructional - ตรวจใบงาน - ทักษะการส�ำรวจ - ใฝ่เรียนรู้
และเทคโนโลยี เคมี ของพลาสติกได้ (K) Model - ประเมินการปฏิบตั กิ าร ค้นหา - มุ่งมั่นใน
5 ม.6 เล่ม 1 2. ท�ำการตรวจสอบสมบัติทาง - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการวิเคราะห์ การท�ำงาน
ชั่วโมง - แบบฝึกหัดรายวิชา กายภาพบางประการของ การท�ำงานกลุ่ม - ทักษะการทดลอง
เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ พลาสติกได้ (P) - สังเกตพฤติกรรม - ทักษะการ
และเทคโนโลยี เคมี 3. ตัง้ ใจเรียนรูแ้ ละแสวงหาความรู้ การท�ำงานรายบุคคล ลงความเห็น
ม.6 เล่ม 1 (A) - สังเกตความมีวินัย จากข้อมูล
- ใบงาน ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น - ทักษะการ
- QR Code ในการท�ำงาน ตีความหมายข้อมูล
- PowerPoint และลงข้อสรุป
T105
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 5 - หนังสือเรียนรายวิชา 1. อภิปรายผลกระทบจากการใช้ แบบเน้น - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการสังเกต - มีวินัย
ผลกระทบที่เกิด เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ และก�ำจัดผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ มโนทัศน์ หลังเรียน - ทักษะการส�ำรวจ - ใฝ่เรียนรู้
จากการใช้และ และเทคโนโลยี เคมี ได้ (K) (Concept - ตรวจแบบฝึกหัด ค้นหา - มุ่งมั่นใน
ก�ำจัดผลิตภัณฑ์ ม.6 เล่ม 1 2. เสนอแนวทางในการใช้และ Based - ตรวจใบงาน - ทักษะการ การท�ำงาน
พอลิเมอร์ - แบบฝึกหัดรายวิชา การก�ำจัดผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ Teaching) - ตรวจ Topic Questions ลงความเห็น
เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์ ได้ถูกต้องและเหมาะสม (P) - ตรวจ Unit Questions จากข้อมูล
4 และเทคโนโลยี เคมี 3. ตระหนักถึงผลกระทบทีเ่ กิดจาก - ตรวจ Test for U - ทักษะการ
ชั่วโมง ม.6 เล่ม 1 การใช้และการก�ำจัดผลิตภัณฑ์ - สังเกตพฤติกรรม ตีความหมายข้อมูล
- แบบทดสอบหลังเรียน พอลิเมอร์ (A) การท�ำงานรายบุคคล และลงข้อสรุป
- ใบงาน - สังเกตพฤติกรรม
- PowerPoint การท�ำงานกลุ่ม
- สังเกตความมีวินัย
ใฝ่เรียนรู้ และมุ่งมั่น
ในการท�ำงาน
T106
Chapter Concept Overview
พอลิเมอร์
เป็นสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่มีมวลโมเลกุลตั้งแต่ 10,000 ขึ้นไป เกิดจากการรวมตัวของสารโมเลกุลขนาดเล็กที่เรียกว่า มอนอเมอร์
(monomer) โดยเชื่อมต่อกันด้วยพันธะโคเวเลนต์
มอนอเมอร์ พอลิเมอร์
ประเภทของพอลิเมอร์
พิจารณาตามชนิดของมอนอเมอร์
พิจารณาตามลักษณะการเกิด
พอลิเมอร์ธรรมชาติ (natural polymer) เป็นพอลิเมอร์ที่พบตาม พอลิเมอร์สงั เคราะห์ (synthetic polymer) เป็นพอลิเมอร์ทเี่ กิดขึน้
ธรรมชาติ เช่น ไหม เซลลูโลส แป้ง ไกลโคเจน โปรตีน จากการสังเคราะห์โดยมนุษย์ เช่น พอลิเอทิลนี พอลิไวนิลคลอไรด์
ไนลอน ซิลิโคน
ปฏิกริ ยิ าการเกิดพอลิเมอร์
ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์ เรียกว่า ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชัน (polymerization reaction) แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ปฏิกิริยา
พอลิเมอไรเซชันแบบควบแน่นและปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบเติม
O O
n C CH2 CH2 CH2 CH2 C
HO OH + n[HO CH2 CH2 OH]
กรดอะดิปก เอทิลีนไกลคอล
O O
n C CH2 CH2 CH2 CH2 C + 2nH2O
O O CH2 CH2 O
พอลิเอสเทอร์ น�้า
T107
H H H H H H H H
+ C C + C C + C C C C
H H H H H H H H
เอทิลีน พอลิเอทิลีน
ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบเติม (addition polymerization reaction) เกิดจากมอนอเมอร์ที่มีพันธะคู่ระหว่างอะตอมของคาร์บอน เช่น
เอทิลีน โพรพิลีน ไวนิลคลอไรด์ เกิดปฏิกิริยาการเติมที่ต�ำแหน่งพันธะคู่ได้พอลิเมอร์เป็นผลิตภัณฑ์ โดยไม่มีสารโมเลกุลเล็กเกิดขึ้น
โครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์
ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์
พลาสติก เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการน�ำพอลิเมอร์มาขึ้นรูป โดยมีสมบัติ คือ สลายตัวยาก มีมวลน้อย เบา เป็นฉนวนความร้อน
และไฟฟ้าที่ดี เมื่อพิจารณาลักษณะของพลาสติกเมื่อได้รับความร้อนสามารถจ�ำแนกประเภทของพลาสติกออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
T108
หน่วยการเรียนรู้ที่ 2
ผลกระทบที่เกิดจากการใช้และก�ำจัดผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์
ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์เข้ามีบทบาทในชีวติ ประจ�ำวันอย่างมากมาย เช่น การใช้ถงุ พลาสติก การใช้บรรจุภณ ั ฑ์อาหารต่าง ๆ เป็นทีน่ ยิ ม
และมีปริมาณการใช้งานเพิม่ มากขึน้ อย่างต่อเนือ่ ง ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์แม้จะมีประโยชน์มากมาย แต่กก็ อ่ ให้เกิดผลต่อสิง่ แวดล้อมได้มากมาย
เช่นกัน โดยผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ส่วนใหญ่สลายตัวยาก เมื่อมีปริมาณการใช้ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ท�ำให้มีปริมาณขยะมากขึ้น บางส่วนถูกทิ้ง
ลงในแม่น�้ำ ส่งผลให้เกิดการเน่าเสียของน�้ำ บางส่วนลอยลงสู่ทะเล ท�ำให้มีผลกระทบต่อสัตว์ทะเล หากก�ำจัดโดยการให้ย่อยสลายต้องใช้
เวลานานหลายสิบปีหรือหลายร้อยปี หากน�ำไปเผาจะก่อให้เกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และแก๊สพิษอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อบรรยากาศ หรือหาก
น�ำไปฝังดินอาจจะท�ำให้ดินบริเวณนั้นเสื่อมสภาพได้ ปัจจุบันจึงมีแนวทางในแก้ปัญหาขยะพลาสติก คือ การลดการใช้ (reduce) เช่น
ใช้ใบตองห่ออาหาร น�ำถุงผ้ามาใช้ใส่ของ เพื่อลดการใช้พลาสติก การใช้ซ�้ำ (reuse) เช่น การใช้ถุงพลาสติกใส่ของที่ได้มาจากร้าน
สะดวกซือ้ ไปใช้ใส่ขยะ การน�ำกลับมาใช้ใหม่หรือการแปรรูปใหม่ (recycle) เช่น การน�ำเอาขวดน�ำ้ พลาสติกมาผ่านกระบวนการย่อยให้กลายเป็น
เม็ดพลาสติก แล้วน�ำมาหลอมขึ้นใหม่เป็นเส้นใย น�ำไปท�ำเป็นเสื้อผ้าได้
T109
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
พอลิเมอร
การเตรียมบรรยาย
1. นักเรียนทําแบบทดสอบกอนเรียน หนวยการ หน่วยการเรียนรู้ที่
เรียนรูที่ 2 พอลิเมอร
2. นั ก เรี ย นทํ า Check for Understanding
จากหนังสือเรียนรายวิชาเพิม่ เติมวิทยาศาสตร
และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 เพื่อตรวจสอบ
ความเขาใจของตนเองกอนเรียน
2
ผลิตภัณฑ์หลายชนิดรอบตัวมนุษย์ เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสมบัติยืดหยุ่นได้ มีความคงทนต่อ
สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ผลิตได้จากพอลิเมอร์ อาจจะเป็นพอลิเมอร์ที่ได้จาก
3. ครู ท บทวนความรู เ ดิ ม ของนั ก เรี ย นเกี่ ย วกั บ ธรรมชาติหรือพอลิเมอร์ที่เกิดจากการสังเคราะห์
สารประกอบอินทรีย แลวถามคําถามวา
• สารประกอบอินทรียม แี หลงกําเนิดจากสิง่ ใด
และนําไปใชประประโยชนไดอยางไร ขวดนํ้าพลาสติก ยางรถยนต์ และ
เสื้อผ้า ใช้วัสดุในการผลิตแตกต่างกัน
(แนวตอบ สารประกอบอินทรีย คือ สารประกอบ หรือไม่ อย่างไร
ที่มีธาตุคารบอนเปนองคประกอบ พบไดใน
ธรรมชาติหรือเกิดจากการสังเคราะห เชน
สารประกอบไฮโดรคารบอนไดจากการกลัน่
ลําดับสวนนํ้ามันดิบ นําไปเปนสารตั้งตน
ในการผลิตพอลิเมอร)
4. ถามคําถาม Big Question เพื่อกระตุนความ
สนใจของนักเรียน
- ขวดนํา้ พลาสติก ยางรถยนต และเสือ้ ผา ใช
วัสดุในการผลิตแตกตางกันหรือไม อยางไร
Che�� fo r U n de r s t a n d i ng
ให้นักเรียนพิจารณาข้อความตามความเข้าใจของนักเรียนว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด
พอลิเมอรเปนสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ มีมวลโมเลกุลมาก
เซลลูโลสจัดเปนพอลิเมอรธรรมชาติ
พอลิเมอรแบบรางแหมีความหนาแนนและจุดหลอมเหลวตํ่า
ขวดนํ้าจัดเปนพลาสติกเทอรมอเซต
การปรับปรุงคุณภาพของยาง เรียกวา กระบวนการวัลคาไนเซชัน
แนวตอบ Check for Understanding
1. ถูก 2. ถูก 3. ผิด
4. ผิด 5. ถูก
T110
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
การเตรียมบรรยาย
Key Question
พอลิเมอรเกิดขึ้นได 1. ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์ 5. ถามคําถาม Key Question
อยางไร - พอลิเมอรเกิดขึ้นไดอยางไร
พอลิเมอร์ (polymer) เป็นสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่
มีมวลโมเลกุลตั้งแต่ 10,000 ขึ้นไป ซึ่งเกิดจากการรวมตัว
ของสารโมเลกุลขนาดเล็กที่เรียกว่า มอนอเมอร์ (monomer) โดยเชื่อมต่อกันด้วยพันธะโคเวเลนต์ ขัน้ สอน
การบรรยาย
1. ครู เ ตรี ย มวี ดิ ทั ศ น เ กี่ ย วกั บ พอลิ เ มอร จ าก
YouTube เชน The Polymer Explosion: Crash
Course Engineering #20 (https://www
youtube.com/watch?v=XjDDHnByfuo)
แล ว ให นั ก เรี ย นสรุ ป สาระสํ า คั ญ จากการดู
มอนอเมอร์ พอลิเมอร์ วีดิทัศน
ภาพที่ 2.1 ลักษณะของมอนอเมอร์และพอลิเมอร์
ที่มา : คลังภาพ อจท.
หากพิจารณาชนิดของมอนอเมอร์ที่เป็นองค์ประกอบสามารถแบ่งพอลิเมอร์ออกได้เป็น
2 ประเภท ดังนี้
1. ฮอมอพอลิเมอร์ (homopolymer) หรือพอลิเมอร์เอกพันธุ ์ เป็นพอลิเมอร์ทปี่ ระกอบด้วย
มอนอเมอร์ชนิดเดียวกัน เช่น พอลิไวนิลคลอไรด์ (polyvinyl chloride; PVC) เกิดจากการเชื่อม
ต่อกันของไวนิลคลอไรด์ (CH2 CHCl) หลายโมเลกุล
H H H H H H H H H H H H
+ C C + C C + C C + C C C C C C
H Cl H Cl H Cl H Cl H Cl H Cl
พอลิเมอร์ 99
พอลิเมอรเกิดจากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชัน
โดยเกิดจากการรวมตัวของสารโมเลกุลขนาดเล็ก
เรียกวา มอนอเมอร
T111
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
การบรรยาย
2. นักเรียนแบงกลุม กลุม ละ 5-6 คน ใหแตละกลุม 2. โคพอลิ เ มอร์ ( copolymer ) หรื อ พอลิ เ มอร์ ร ่ ว ม เป็ น พอลิ เ มอร์ ที่ ป ระกอบด้ ว ย
ร ว มกั น ศึ ก ษาค น คว า เกี่ ย วกั บ ประเภทของ มอนอเมอร์ต่างชนิดกัน เช่น ไนลอน-6,6 เกิดจากการเชื่อมต่อกันระหว่างเฮกซะเมทิลีนไดเอมีน
พอลิเมอร โดยศึกษาตามหัวขอตอไปนี้ พรอมทัง้ (hexamethylenediamine) กับกรดอะดิปิก (adipic acid)
ยกตัวอยางพอลิเมอร
- ประเภทของพอลิเมอรตามชนิดของ O O
nHO C (CH2)4 C OH + nH2N (CH2)6 NH2
มอนอเมอร
- ประเภทของพอลิเมอรตามลักษณะการเกิด กรดอะดิปิก เฮกซะเมทิลีนไดเอมีน
O O
C (CH2)4 C NH(CH2)6 NH + 2nH2O
n
ไนลอน-6,6
100
เกร็ดแนะครู
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับโคพอลิเมอรหรือพอลิเมอรรวมวา โคพอลิเมอรสามารถจําแนกออกเปน 4 แบบ ดังนี้
• โคพอลิเมอรแบบสุม (ramdom copolymer) มีโครงสราง ดังนี้
A A B A B B A B B A A A
T112
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
การบรรยาย
ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์ เรียกว่า ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชัน (polymerization reaction) 3. จากการศึกษาประเภทของพอลิเมอรตามชนิด
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้ ของมอนอเมอร ครูถามคําถามนักเรียน
1. ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบควบแน่น (condensation polymerization reaction) • พอลิเมอรแตละประเภทมีปฏิกริ ยิ าการเกิด
เกิดจากมอนอเมอร์ทมี่ หี มูฟ่ งั ก์ชนั มากกว่า 1 หมู ่ ท�าปฏิกริ ยิ ากันได้พอลิเมอร์และสารโมเลกุลขนาด พอลิเมอรที่แตกตางกันหรือไม อยางไร
เล็ก เช่น น�้า แก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์ แอมโมเนีย หรือเมทานอลเป็นผลพลอยได้ (แนวตอบ ประเภทของพอลิเมอรตามชนิด
ของมอนอเมอร เมือ่ พิจารณาแลวจะเกิดจาก
O ปฏิกิริยาพอลิเมอรที่แตกตางกัน เนื่องจาก
O
n C CH2 CH2 CH2 CH2 C พอลิ เ มอร แ ต ล ะชนิ ด เกิ ด จากมอนอเมอร
HO OH + n[HO CH2 CH2 OH] ตางชนิดกัน โดยฮอมอพอลิเมอรเกิดจาก
กรดอะดิปิก เอทิลีนไกลคอล มอนอเมอรชนิดเดียวกัน สวนโคพอลิเมอร
เกิดจากมอนอเมอรตางชนิดกัน)
O O
C CH2 CH2 CH2 CH2 C + 2nH2O
n O O CH2 CH2 O
พอลิเอสเทอร์ น�้า
H H H H H H H H
+ C C + C C + C C C C
H H H H H H H H
เอทิลีน พอลิเอทิลีน
พอลิเมอร์ 101
เกร็ดแนะครู
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการของปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันวา ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันเปนปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอรโดยเกิดการสรางสาร
ที่มีโมเลกุลขนาดใหญ (พอลิเมอร) จากสารที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก (มอนอเมอร) โดยการเกิดปฏิกิริยาจะเกิดภายใตสภาวะตางๆ เชน ตัวเรงปฏิกิริยา อุณหภูมิ
ความดัน กลไกการเกิดปฏิกิริยา มีดังนี้
• ปฏิกริ ยิ าพอลิเมอไรเซชันแบบควบแนนหรือปฏิกริ ยิ าเปนขัน้ ตอน ปฏิกริ ยิ าจะเริม่ ตนจากการควบแนนของมอนอเมอรโมเลกุลที่ 1 กับมอนอเมอรโมเลกุล
ที่ 2 โดยมีกรดหรือเบสเปนตัวเรงปฏิกิริยา หลังจากที่มอนอเมอรโมเลกุลที่ 1 และมอนอเมอรโมเลกุลที่ 2 ควบแนนไดโมเลกุลใหมแลว ในโมเลกุลใหมก็ยังคง
มีหมูฟงกชันที่สามารถเกิดปฏิกิริยาไดตอไปอีกเรื่อยๆ โดยในปฏิกิริยาจะกําจัดโมเลกุลขนาดเล็กออกมา เชน นํ้า (H2O) แอมโมเนีย (NH3)
• ปฏิกริ ยิ าพอลิเมอไรเซชันแบบเติมหรือปฏิกริ ยิ าลูกโซ ปฏิกริ ยิ าจะเริม่ จากตัวริเริม่ ทีม่ พี ลังงานสูงทําปฏิกริ ยิ ากับมอนอเมอรโมเลกุลที่ 1 แลวมอนอเมอร
โมเลกุลที่ 1 มีพลังงานสูงขึน้ จะทําปฏิกริ ยิ าตอกับมอนอเมอรโมเลกุลที่ 2 และมอนอเมอรโมเลกุลที่ 3 ตอไปเรือ่ ยๆ เปนลูกโซจนสิน้ สุดปฏิกริ ยิ า และไมมกี ารสูญเสีย
โมเลกุลเล็กๆ ออกไป
T113
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
การบรรยาย
4. นักเรียนกลุม เดิมเลือกพอลิเมอรมา 1 ตัวอยาง ตารางที่ 2.1 : พอลิเมอร์จากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบควบแน่นและการใช้ประโยชน์
ทําการศึกษาเพิม่ เติมเกีย่ วกับพอลิเมอรทเี่ ลือก
พอลิเมอร์ มอนอเมอร์ สมบัติ ประโยชน์
แลวนําเสนอขอมูลที่ไดในรูปแบบของแผนพับ พอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต ไดเมทิลเทเรฟทาเลต - แข็ง - เส้นใย เชือก ด้าย
5. นั ก เรี ย นทํ า ใบงาน เรื่ อ ง ปฏิ กิ ริ ย าการเกิ ด (PET, PETE)
O O - ทนความชื้น - เส้นเอ็น แห อวน
- เหนียว - ขวดน�้าพลาสติก
พอลิเมอร O O H3CO C C OCH3 - ทนต่อการขัดถู ชนิดแข็งและใส
C C OCH2CH2 O n + - หินอ่อนเทียม
เอทิลีนไกลคอล - สารเคลือบรูปภาพ
HOCH2CH2OH
พอลิเอไมด์ (PA) - เหนียว - เชือก ด้าย
(ไนลอน เช่น ไนลอน-6,6) เฮกซะเมทิลีนไดเอมีน - ผิวเรียบ - ถุงน่อง
H2N (CH2)6 NH2 - ยืดหดได้ - ชุดชั้นใน
O O - ทนต่อการขัดถู - ชิ้นส่วนเครื่องจักร
NH (CH2)6 NH C (CH2)4 C n + - ทา� ความสะอาดง่าย เช่น เกียร์ เฟือง
กรดอะดิปิก - ไม่ทนต่อการ - ปลอกหุม้ สายไฟฟ้า
(CH2)4(COOH)2 ใช้งานภายนอก
อาคาร
พอลิคาร์บอเนต (PC) บิสฟีนอลเอ - เหนียว - ขวดน�้าพลาสติก
- ผิวใส ขนาดใหญ่
CH3 O CH3
- ทนความร้อน - ขวดนมเด็ก
O C O HO OH - ทนแรงกระแทก - กระจกกันกระสุน
CH3 n CH3 - ไม่ชื้นง่าย - เลนส์แว่นตา
+ - ติดไฟแล้วดับเอง - แผ่นดีวีดี
ฟอสจีน - กระจกครอบไฟ
COCl2 รถยนต์
พอลิยูรีเทน (PU) 1,4-บิวเทนไดออล - ยืดหยุ่น - เส้นใยท�าชุดว่ายน�้า
O O (CH2)4(OH)2 - ทนการขีดข่วน - ล้อรถเข็น
C NH (CH2)6 NH C O (CH2)4 O - ทนต่อตัวท�าละลาย - น�้ายาเคลือบผิว
n +
เฮกซะเมทิลีนไดไอโซไซยาเนต - ทนแรงกระแทก - โฟมที่ใช้บุเก้าอี้
O C N(CH2)6N C O
พอลิฟีนอลฟอร์มาลดีไฮด์ (PF) ฟีนอล - แข็งแต่เปราะ - กาว
(เบเคอไลต์) OH - ทนความร้อนสูง - แผงวงจรไฟฟ้า
- ทนสารเคมี - หูหม้อ หูกระทะ
O O - ฉนวนไฟฟ้า - ด้ามจับของ
C + ภาชนะเครื่องครัว
n
ฟอร์มาลดีไฮด์
CH2O
102
T114
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
1. นักเรียนสรุปสาระสําคัญ เรื่อง ปฏิกิริยาการ
ตารางที่ 2.1 : พอลิเมอร์จากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบควบแน่นและการใช้ประโยชน์ (ต่อ) เกิดพอลิเมอร ลงในกระดาษ A4 สงครูผูสอน
พอลิเมอร์ มอนอเมอร์ สมบัติ ประโยชน์
2. นักเรียนตอบคําถาม Topic Questions ใน
พอลิยูเรียฟอร์มาลดีไฮด์ (UF) ยูเรีย - แข็งแต่เปราะ - แผงวงจร หนั ง สื อ เรี ย นรายวิ ช าเพิ่ ม เติ ม วิ ท ยาศาสตร
(NH2)2CO - ทนความร้อนสูง อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 หนา 104 ทําลง
O + - ทนสารเคมี - กาว
ในสมุดบันทึกของนักเรียน
CH2 NH C NH ฟอร์มาลดีไฮด์ - โฟม
n
CH2O 3. นักเรียนทําแบบฝกหัดในแบบฝกหัดรายวิชา
พอลิเมลามีนฟอร์มาลดีไฮด์ (MF) เมลามีน - เหนียว - แผงวงจร
เพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6
NH2 - ผิวใส - เส้นใยกันน�้า เลม 1
NH - ทนความร้อน - ถ้วย จาน
N N
- ทนแรงกระแทก
N N H2N N NH2
NH N NH n
+
ฟอร์มาลดีไฮด์
CH2O
ขอสอบเนน การคิด
พอลิเมอรในขอใดเกิดจากการรวมตัวแบบควบแนน
1. พอลิเอทิลีน 2. พอลิโพรพิลีน 3. พอลิคารบอเนต
4. พอลิบิวทาไดอีน 5. พอลิไวนิลคลอไรด
(วิเคราะหคําตอบ พอลิคารบอเนตเกิดจากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบควบแนน แสดงไดดังปฏิกิริยาตอไปนี้
CH3
n OH C OH + n O
CH3 Cl Cl
CH3
O C O C + 2 n HCl
CH3 O n
ดังนั้น ตอบขอ 3.)
T115
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
1. ครูประเมินความรู เรื่อง ปฏิกิริยาการเกิด
พอลิ เ มอร โดยสั ง เกตพฤติ ก รรมการตอบ ตารางที่ 2.2 : พอลิเมอร์จากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบเติมและการใช้ประโยชน์ (ต่อ)
คําถาม การทําแบบฝกหัด และการทําใบงาน พอลิเมอร์ มอนอเมอร์ สมบัติ ประโยชน์
เรื่อง ประเภทของพอลิเมอร และใบงาน เรื่อง พอลิเตตระฟลูออโรเอทิลีน เตตระฟลูออโรเอทิลีน (TFE) - เหนียว - เคลือบผิวภาชนะ
ปฏิกิริยาของพอลิเมอร (PTFE = Teflon) - ทนสารเคมี
- ทนความร้อน
หุงต้ม
- ลูกปืนในเครือ่ งยนต์
2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ CF2 CF2 n CF2 CF2 - ไม่น�าไฟฟ้า - วงแหวนลูกสูบ
สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล พฤติกรรมการ - ผิวลื่น
- ทนแรงกระแทก
- เคลือบสายเคเบิล
- หุ้มสายไฟฟ้า
ทํางานกลุม จากการทําแผนพับเกีย่ วกับปฏิกริ ยิ า
พอลิสไตรีน (PS) สไตรีน - แข็งแต่เปราะ - กล่องพลาสติกใส
การเกิดพอลิเมอร - ไม่ทนต่อตัว - โฟม
3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ CH2 CH n
CH2 CH ท�าละลายอินทรีย์ - ฉนวนในกระติกน�้า
- ทนต่อกรด-เบส - ชิ้นส่วนของตู้เย็น
ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต - ผิวเรียบ ใส
พฤติกรรมของนักเรียน - ไม่น�าไฟฟ้า
พอลิเมทิลเมทาคริเลต (PMMA) เมทิลเมทาคริเลต (MMA) - ใส โปร่งแสง - กระจกครอบไฟ
CH3 CH3 - ทนแรงกระแทก รถยนต์
- ทนต่อการขีดข่วน - เลนส์แว่นตา
CH2 C n CH2 C - ไม้บรรทัด
ได้น้อยกว่าแก้ว
COCH3 COCH3 พลาสติกแบบใส
O O - วัตถุทันตกรรม
พอลิอะคริโลไนไตรล์ (PAN) อะคริโลไนไตรล์ - แข็ง เหนียว - ผ้าโอรอน
- ทนความชื้น - ด้ายท�าพรม
CH2 CH n CH2 CH - ทนสารเคมี - ถุงเท้า เสื้อผ้าเด็ก
CN CN - ทนต่อการขีดข่วน - เสื้อกันหนาว
Core Concept
ให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญ เรื่อง
ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์
Topic
Questions
คําชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้
1. พอลิเมอร์เมื่อแบ่งตามชนิดของมอนอเมอร์ที่เป็นองค์ประกอบจะแบ่งออกได้เป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง
2. ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบควบแน่นและปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบเติมแตกต่างกันอย่างไร
104
ลำดับที่
กับระดับคะแนน
รายการประเมิน
ระดับคะแนน
ออกมาดวย สวนปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบเติมเกิดจากมอนอเมอร
ทีม่ พี นั ธะคูร ะหวางอะตอมของคารบอน โดยไมมสี ารโมเลกุลเล็กเกิดขึน้
4 3 2 1
1 ความสอดคล้องกับจุดประสงค์
2 ความถูกต้องของเนื้อหา
3 ความคิดสร้างสรรค์
4 ความตรงต่อเวลา
รวม
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน
................./................../..................
เกณฑ์การประเมินผังมโนทัศน์/แผ่นพับ
ระดับคะแนน
ประเด็นที่ประเมิน
4 3 2 1
1. ความ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานสอดคล้องกับ ผลงานไม่สอดคล้องกับ
สอดคล้องกับ จุดประสงค์ทุกประเด็น จุดประสงค์เป็นส่วน จุดประสงค์บางประเด็น จุดประสงค์
จุดประสงค์ ใหญ่
2. ความถูกต้อง เนื้อหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน เนื้อหาสาระของผลงาน
ของเนื้อหา ถูกต้องครบถ้วน ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ ถูกต้องบางประเด็น ไม่ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่
3. ความคิด ผลงานแสดงถึงความคิด ผลงานแสดงถึงความคิด ผลงานมีความน่าสนใจ ผลงานไม่มีความ
สร้างสรรค์ สร้างสรรค์ แปลกใหม่ สร้างสรรค์ แปลกใหม่ แต่ยังไม่มีแนวคิดแปลก น่าสนใจ และไม่แสดง
และเป็นระบบ แต่ยังไม่เป็นระบบ ใหม่ ถึงแนวคิดแปลกใหม่
4. ความตรงต่อ ส่งชิ้นงานภายในเวลาที่ ส่งชิ้นงานช้ากว่าเวลาที่ ส่งชิ้นงานช้ากว่าเวลาที่ ส่งชิ้นงานช้ากว่าเวลาที่
เวลา กำหนด กำหนด 1 วัน กำหนด 2 วัน กำหนด 3 วันขึ้นไป
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14-16 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง
T116
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
T117
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
กฎเกณฑ
ครูกําหนดโจทยเกี่ยวกับโครงสรางและสมบัติ
พอลิเมอร์แบบร่างแห (network polymer)
ของผลิตภัณฑพอลิเมอร แลวใหนักเรียนรวมกัน เกิดจากการเชื่อมโยงสายโซ่ของพอลิเมอร์
อภิ ป รายว า ผลิ ต ภั ณ ฑ ดั ง กล า วมี โ ครงสร า ง แบบเส้นกับพอลิเมอร์แบบกิ่ง เช่น พอลิฟีนิล
พอลิเมอรแบบใด พรอมทั้งนําเสนอหนาชั้นเรียน ฟอร์มาลดีไฮด์ พอลิเมลามีนฟอร์มาลดีไฮด์
นําไปใช ภาพที่ 2.8 โครงสร้างของพอลิเมอร์แบบร่างแห
ที่มา : คลังภาพ อจท.
1. ครูเตรียมบัตรภาพผลิตภัณฑตางๆ แลวให
นักเรียนพิจารณาวา ผลิตภัณฑน้ันๆ ควรมี สมบัติของพอลิเมอร์แบบร่างแห
โครงสรางพอลิเมอรแบบใด • มีจุดหลอมเหลวสูง แข็ง เปราะ ไม่ยืดหยุ่นหรือโค้งงอ แตกหักง่าย
2. นักเรียนทําใบงาน เรื่อง โครงสรางและสมบัติ • เมื่อขึ้นรูปแล้วไม่สามารถหลอมหรือเปลี่ยนรูปร่างได้
ของพอลิเมอร
นอกจากโครงสร้างของพอลิเมอร์แล้ว มวลโมเลกุลและแรงยึดเหนีย่ วระหว่างโซ่ของพอลิเมอร์
ขัน้ สรุป ก็มีผลต่อสมบัติของพอลิเมอร์ด้วย ดังนี้
1. นั ก เรี ย นสรุ ป สาระสํ า คั ญ เรื่ อ ง โครงสร า ง • พอลิเมอร์ที่มีมวลโมเลกุลสูงและมีโครงสร้างแบบเส้น จะมีความเหนียว
และสมบัติของพอลิเมอร ลงในกระดาษ A4 • พอลิเมอร์ที่ไม่มีแรงยึดเหนี่ยวระหว่างสายโซ่ แต่ยึดเหนี่ยวกันด้วยพันธะไฮโดรเจน
สงครูผูสอน หรือแรงแวนเดอร์วาลส์ จะมีจุดหลอมเหลวสูง
2. นักเรียนตอบคําถาม Topic Questions ใน • พอลิเมอร์ที่มีสายโซ่เรียงชิดกันมาก Core Concept
หนั ง สื อ เรี ย นรายวิ ช าเพิ่ ม เติ ม วิ ท ยาศาสตร จะมีความเป็นผลึกสูง มีความแข็ง ผิวขุ่นหรือ ให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญ เรื่อง
โครงสรางและสมบัติของพอลิเมอร์
และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 หนา 106 ทึบแสง
3. นักเรียนทําแบบฝกหัดในแบบฝกหัดรายวิชา
เพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6 Topic
เลม 1 Questions
คําชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้
ขัน้ ประเมิน 1. โครงสร้างของพอลิเมอร์แบ่งออกได้เป็นกี่แบบ อะไรบ้าง
1. ครูประเมินความรู เรื่อง โครงสรางและสมบัติ 2. จ ากสู ต รโครงสร้ า งที่ ก� า หนดให้ CH CH CH
เป็นพอลิเมอร์ทมี่ โี ครงสร้างแบบใด N 2CO N CH N 2CO N CH N 2CO N CH
ของพอลิเมอร โดยสังเกตพฤติกรรมการตอบ และมีสมบัติอย่างไร 2 2 2
คําถาม การทําแบบฝกหัด และการทําใบงาน CH2 CH2 CH2
N CO N CH2 N CO N CH2 N CO N CH2
2. ครู ป ระเมิ น ทั ก ษะและกระบวนการ โดย CH2 CH2 CH2
การสังเกตพฤติกรรมรายบุคคล พฤติกรรม N CO N CH2 N CO N CH2 N CO N CH2
การทํ า งานกลุ ม จากกิ จ กรรมการอภิ ป ราย CH2 CH2 CH2
ผลิตภัณฑตางๆ
3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ
106
ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต
พฤติกรรมของนักเรียนรรมของนักเรียน
ลำดับที่
ตรงกับระดับคะแนน
รายการประเมิน
ระดับคะแนน
ทํ า ให โ ซ ห ลั ก มี ก ารจั ด เรี ย งตั ว ห า งกั น จึ ง มี ค วามหนาแน น และ
จุดหลอมเหลวตํ่า ยืดหยุนไดนอย เมื่อไดรับความรอนจะออนตัว
3 2 1
1 การแสดงความคิดเห็น
2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
เมื่อเย็นลงจะแข็งตัว
3 การทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
4 ความมีน้ำใจ
5 การตรงต่อเวลา
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่ำเสมอ ให้ 3 คะแนน
หรือโคงงอ เมื่อขึ้นรูปแลวไมสามารถหลอมหรือเปลี่ยนรูปรางได
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
2. จากสูตรโครงสรางทีก่ าํ หนดให เปนพอลิเมอรทมี่ โี ครงสรางแบบรางแห
มีสมบัติ คือ มีจุดหลอมเหลวสูง แข็งแตเปราะ ไมยืดหยุนหรือโคงงอ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่ำกว่า 8 ปรับปรุง
เมื่อขึ้นรูปแลวไมสามารถหลอมหรือเปลี่ยนรูปรางได
T118
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
พลาสติกแต่ละชนิดจึงมีสมบัติแตกต่างกัน การศึกษาชนิดของพลาสติกจึงท�าได้โดยการ
ตรวจสอบสมบัติบางประการของพลาสติก เช่น บางชนิดเมื่อขีดจะเป็นรอยหรือตัดเป็นชิ้นได้ง่าย
บางชนิดเมื่อใช้มีดกรีดจะมีรอยเล็กน้อย แต่บางชนิดก็ไม่มีรอยเลย ส่วนความสามารถในการ
ละลายนัน้ ขึน้ อยูก่ บั ชนิดของตัวท�าละลาย โดยพลาสติกส่วนใหญ่ละลายได้ดใี นตัวท�าละลายอินทรีย์
เช่น เฮกเซน โทลูอีน อีกทั้งพลาสติกแต่ละชนิดยังมีความหนาแน่นต่างกัน ดังตารางที่ 2.3
ตารางที่ 2.3 : ความหนาแน่นของพลาสติกบางชนิด
เกร็ดแนะครู
ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขึ้นรูปพลาสติก ดังนี้
การขึ้นรูปพลาสติกแบงออกไดหลายแบบ โดยขึ้นอยูกับความเหมาะสมกับผลิตภัณฑชนิดนั้นๆ เชน
• การขึ้นรูปโดยการเปา (blow molding) ใชผลิตพลาสติกที่เปนภาชนะกลวง โดยการทําพลาสติกเปนสายทอหรือใชหลอดแกวเปาลมเขาไป ทําให
พลาสติกเกิดรูปรางตางๆ ตามแมพิมพ นําไปใชผลิตขวดนํ้า ขวดนํ้ามันเครื่อง ขวดแชมพู ขวดนมเปรี้ยว
• การขึ้นรูปโดยการฉีด (injection molding) เปนกระบวนการผลิตพลาสติกโดยการเติมเม็ดพลาสติกเขาในเครื่องฉีดพลาสติก ใหเม็ดพลาสติก
ผานความรอนและหลอมเหลว แลวฉีดพลาสติกเหลวเขาไปยังแมพมิ พ นําไปใชผลิตอุปกรณอเิ ล็กทรอนิกส ชิน้ สวนรถยนต เครือ่ งใชไฟฟา ของเลนเด็ก
• การขึ้นรูปโดยการอัด (compression molding) เปนกระบวนการขึ้นรูปโดยการนําผงพลาสติกที่แข็งตัวไดมาอัดในแมพิมพ นําไปใชผลิตผลิตภัณฑ
จากเมลามีน เชน ถวยเมลามีน จานเมลามีน
• การขึ้นรูปโดยการรีด (extrusion molding) เปนกระบวนการขึ้นรูปสําหรับเครื่องอัดรีด โดยเม็ดพลาสติกจะถูกหลอมภายในเครื่องอัดรีด แลวจะถูก
ดันออกสูแมพิมพเพื่อขึ้นรูปตามตองการ นําไปใชผลิตถุงพลาสติก แผนฟลมพลาสติก กระสอบพลาสติก
T119
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา
1. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5-6 คน ทําการ การทดลอง ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
ทดลอง เรือ่ ง การตรวจสอบสมบัตทิ างกายภาพ การตรวจสอบสมบัติทางกายภาพ
• การสังเกต
• การทดลอง
บางประการของพลาสติก โดยศึกษาวิธีการ บางประการของพลาสติก • การลงความเห็นจากข้อมูล
น�้า น�้าเกลืออิ่มตัว
3) น�าชิ้นพลาสติกที่จมในเอทานอล 4) น�าชิ้นพลาสติกที่จมในน�้ามาเช็ด
108
มาเช็ดให้แห้ง แล้วใส่ลงในน�้า ให้แห้ง แล้วใส่ลงในน�า้ เกลืออิม่ ตัว
บันทึก การทดลอง
การจมหรือลอยของพลาสติก
ชนิดของพลาสติก ความแข็ง ความยืดหยุน การขีดขวน
นํ้า เอทานอล นํ้าเกลืออิ่มตัว
ถุงใสอาหารชนิดใส ออน ยืดหยุนเล็กนอย เกิดรอย ลอย ลอย ลอย
ขวดนํ้าชนิดขุน ออน ไมยืดหยุน เกิดรอย จม ลอย ลอย
ขวดนํ้าชนิดใส แข็ง ไมยืดหยุน เกิดรอย จม จม จม
ขวดนมเปรี้ยว ออน ไมยืดหยุน เกิดรอย จม ลอย ลอย
จานชนิดบาง แข็ง ไมยืดหยุน เกิดรอย ลอย ลอย ลอย
T120
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
อธิบายความรู
C hemistry
Focus การค้นพบพลาสติก
ในปี พ.ศ. 2409 จอห์น เวสลีย์ ไฮแอตต์ (John Wesley
Hyatt) นักประดิษฐ์ชาวอเมริกัน ได้ประดิษฐ์ลูกบิลเลียดด้วยสาร
ที่ชื่อว่า เซลลูลอยด์ (celluloid) โดยการใช้เซลลูโลสไนเตรตผสมกับ
การบูร ต่อมาได้ถูกน�าไปใช้ท�ากรอบแว่นตา ด้ามมีด อย่างไรก็ตาม
เซลลูลอยด์ยงั ไม่ใช่สารสังเคราะห์ลว้ น เพราะใช้วตั ถุดบิ เป็นเซลลูโลส
ที่มีในพืช ต่อมาในปี พ.ศ. 2450 เลโอ เฮนดริก เบกแลนด์ (Leo
Hendrick Baekeland) ค้นพบการผลิตพอลิเมอร์สังเคราะห์ โดยการ
ใช้สารฟีนอลท�าปฏิกิริยากับฟอร์มาลดีไฮด์ ได้ผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่า
เบเคอไลต์ (bakelite) เป็นพลาสติกชนิดแรกที่ถูกสังเคราะห์ขึ้น
การค้นพบของเบกแลนด์ ท�าให้เกิดอุตสาหกรรมการผลิตพลาสติก ภาพที่ 2.9 เลโอ เฮนดริก
เบกแลนด์ ผู้ค้นพบการผลิต
มาจนถึงปัจจุบัน พลาสติกเป็นครั้งแรก
ทมี่ า : https://www.science-
history.org
T121
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
1. นักเรียนสรุปความรูเรื่องพลาสติก ในรูปแบบ
ของผังมโนทัศนลงในกระดาษ A4 สงครูผสู อน สมบัติทางกายภาพอีกประการหนึ่งของพลาสติก คือ การอ่อนตัวหรือการหลอมเหลว
2. นักเรียนทําแบบฝกหัดในแบบฝกหัดรายวิชา เมื่อได้รับความร้อน ดังนั้น หากพิจารณาลักษณะของพลาสติกเมื่อได้รับความร้อน สามารถ
เพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6 จ�าแนกพลาสติกออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
เลม 1
เทอร์มอพลาสติก (thermoplastic)
ขัน้ ประเมิน • มีโครงสร้างแบบเส้นหรือแบบกิ่ง
ตรวจสอบผล • เป็นพลาสติกที่อ่อนตัวเมื่อได้รับความร้อน
1. ครูประเมินความรู เรื่อง พลาสติก โดยสังเกต โครงสร้างแบบเส้น
และเมื่ออุณหภูมิลดลงจะแข็งตัว
พฤติกรรมการตอบคําถาม การทําแบบฝกหัด • กลับมาเป็นรูปร่างเดิมหรือเปลี่ยนรูปร่างได้
โดยสมบัติไม่เปลี่ยนแปลง
และการทําใบงาน เรื่อง พลาสติก • ตัวอย่างเช่น พอลิเอทิลีน พอลิโพรพิลีน
2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ พอลิสไตรีน
สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล พฤติกรรมการ
ทํางานกลุมจากการทํากิจกรรมการทดลอง
ภาพที่ 2.10 ขวดน�้า ถุงพลาสติก เชือกพลาสติก
การตรวจสอบสมบัตทิ างกายภาพบางประการ จัดเป็นพลาสติกประเภทเทอร์มอพลาสติก
ของพลาสติก ที่มา : คลังภาพ อจท.
3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ
ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต
พฤติกรรมของนักเรียน พลาสติกเทอร์มอเซต (thermosetting plastic)
• มีโครงสร้างแบบร่างแห
โครงสร้างแบบร่างแห • ทนต่อความร้อนและความดันได้ด ี หากมีอณุ หภูมิ
สูงมากจะแตกและไหม้เป็นเถ้า
• เมื่อขึ้นรูปด้วยความร้อนหรือแรงดันแล้วจะไม่
สามารถน�ากลับมาขึ้นรูปใหม่ได้อีก
• ตัวอย่างเช่น พอลิยูรีเทน พอลิเมลามีน
ฟอร์มาลดีไฮด์ พอลิฟีนอลฟอร์มาลดีไฮด์
110
เข้าใจปัญหาตั้งสมมติฐาน
ได้ถูกต้อง ออกแบบการ
2
เข้าใจปัญหาตั้งสมมติฐาน
ได้ถูกต้อง ออกแบบการ
1
เข้าใจปัญหาตั้งสมมติฐาน
ได้ถูกต้อง ต้องอาศัยการ
5. ฟลมหออาหาร
ระดับคะแนน ออกแบบการทดลองและ
ลำดับที่ รายการประเมิน
(วิเคราะหคําตอบ สเปรยโฟมผลิตมาจากโฟมพอลิยูรีเทนเปน
4 3 2 1 ทดลองและใช้เทคนิควิธี ทดลองและใช้เทคนิควิธี แนะนำในการออกแบบ
ใช้เทคนิควิธีถูกต้อง
ถูกต้อง ยังไม่ถูกต้อง การทดลอง
1 การออกแบบการทดลอง แสดงถึงความคิดริเริม่
2 การดำเนินการทดลอง 2. การ การดำเนินการทดลอง การดำเนินการทดลอง
การดำเนินการทดลอง การดำเนินการทดลอง
ดำเนินการ มีขั้นตอนครบถ้วนถูกต้อง มีขั้นตอนครบถ้วนถูกต้อง
3 การนำเสนอ มีขั้นตอนถูกต้องเป็นส่วน ไม่ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
11-12 ดีมาก
9-10 ดี
6-8 พอใช้
ต่ำกว่า 6 ปรับปรุง
T122
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
แสดงและอธิบายทฤษฎี หลักการ
1. นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับยาง จากหนังสือเรียน ยางมี ส มบั ติ คื อ มี ค วามยื ด หยุ ่ น สู ง
รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เนื่องจากโครงสร้างโมเลกุลมีลักษณะขดไปมา
เคมี ม.6 เลม 1 เป็นเกลียว โดยมีแรงแวนเดอร์วาลส์ยึดเหนี่ยว
2. ถามคําถามกับนักเรียน ระหว่างโซ่ของพอลิเมอร์ อีกทัง้ ยังทนต่อแรงดึง ภาพที่ 2.13 ลักษณะโครงสร้างของยาง
• ยางมีสมบัตแิ ตกตางจากพลาสติกอยางไรบาง การขัดถู ทนต่อน�้าและน�้ามัน แต่ไม่ทนต่อ ที่มา : คลังภาพ อจท.
(แนวตอบ ยางจะมีความยืดหยุนที่มากกวา น�้ามันเบนซินและตัวท�าละลายอินทรีย์ เมื่อได้รับความร้อนจะเหนียวและอ่อนตัว แต่หากอยู่ใน
พลาสติ ก ทนต อ สารเคมี แ ละทนต อ สาร อุณหภูมิต�่ากว่าอุณหภูมิห้องจะมีลักษณะแข็งและเปราะ
ละลายอินทรียมากกวาพลาสติก) เมื่อปี พ.ศ. 2382 ชาลส์ กูดเยียร์ (Charles Goodyear) ค้นพบว่า เมื่อยางท�าปฏิกิริยากับ
• ถาหากตองการใหยางมีสมบัตทิ ดี่ ขี นึ้ ควรทํา ก�ามะถันในปริมาณที่เหมาะสม ณ อุณหภูมิที่สูงกว่าจุดหลอมเหลวของก�ามะถัน จะเกิดพันธะ
อยางไร โคเวเลนต์ของก�ามะถันเชือ่ มต่อระหว่างโซ่พอลิไอโซพรีนในบางต�าแหน่ง ท�าให้ยางมีความยืดหยุน่
(แนวตอบ ตองนํายางไปผานกระบวนการ คงรูปดีขนึ้ ทนความร้อนและแสงได้ดขี นึ้ เรียกว่า ปฏิกริ ยิ าวัลคาไนเซชัน (vulcanization reaction)
วัลคาไนเซชัน โดยการเติมกํามะถันลงไป S S
CH2 CH2 CH2 CH2 CH2 CH2 S S
ซึง่ จะทําใหเกิดพันธะโคเวเลนตของกํามะถัน C C C C C C +
CH3 H CH3 H CH3 H S S
เชื่ อ มต อ ระหว า งโซ พ อลิ ไ อโซพรี น บาง S S
ตําแหนงจะทําใหยางคงรูปดีขนึ้ ทนความรอน
และแสงไดมากขึ้น) ...
CH3 S CH3
3. นักเรียนดูวดี ทิ ศั นเกีย่ วกับกระบวนการวัลคาไน CH2 CH2 C CH CH2 CH2 C CH CH2 CH2
S
เซชันจาก YouTube CH3 S CH3
4. นักเรียนเขียนปฏิกริ ยิ าวัลคาไนเซชัน พรอมทัง้ CH2 CH2 C CH CH2 CH2 C CH CH2 CH2
S
อธิบายกระบวนการที่เกิดขึ้นในรูปแบบของผัง CH3 S CH3
มโนทัศน CH2 CH2 C CH CH2 CH2 C CH CH2 CH2
S
5. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5-6 คน ใหแตละ ... n
กลุมรวมกันสืบคนเกี่ยวกับประโยชนของยาง ภาพที่ 2.14 ปฏิกิริยาวัลคาไนเซชัน
ธรรมชาติและยางสังเคราะห แลวนําเสนอ ที่มา : คลังภาพ อจท.
ในรูปแบบที่นาสนใจ เชน โปสเตอร แผนพับ นอกจากการเติมก�ามะถันแล้ว ยังอาจเติมซิลกิ า ซิลเิ กต หรือผงถ่าน ซึง่ ช่วยเพิม่ ความแข็งแกร่ง
พรอมทั้งนําเสนอหนาชั้นเรียน ให้กับยางเพื่อน�าไปผลิตยางส�าหรับพาหนะ โดยเฉพาะผงถ่านจะช่วยป้องกันการสึกกร่อนและ
ถูกท�าลายจากแสงแดดได้ดี
ยางธรรมชาติน�ามาท�าผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย เช่น ถุงมือแพทย์ ถุงยางอนามัย ยางยืด
กระเป๋าน�้าร้อน ฟองน�้าส�าหรับที่นอนและหมอน
112
T124
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
ตรวจสอบและสรุป
นอกจากการใช้ประโยชน์จากยางธรรมชาติแล้ว ยังมีการผลิตยางสังเคราะห์อกี ด้วย ตัวอย่าง 1. นักเรียนทําใบงาน เรื่อง ยาง แลวออกมา
เช่น นําเสนอผลการทําใบงานหนาชั้นเรียน
พอลิบิวทาไดอีน (polybutadiene) หรือยางบีอาร์ 2. นักเรียนแตละคนสรุปสาระสําคัญของเรื่อง
(butadiene rubber; BR) เป็นยางสังเคราะห์
ชนิดแรกของโลก ซึ่งผลิตในประเทศเยอรมนี ผลิตภัณฑจากพอลิเมอร ลงในกระดาษ A4
( CH2 CH CH CH2) n ในช่วงสงครามโลกครัง้ ที ่ 2 โดยมีมอนอเมอร์เป็น สงครูผูสอน
บิวทาไดอีน (CH2 CH CH CH2) ซึ่ง
โครงสร้างของ มีสมบัติยืดหยุ่นมากกว่ายางธรรมชาติ ไม่ทน
พอลิบิวทาไดอีน ฝกปฏิบตั ิ
ต่อแรงดึง ทนต่อการขัดถู ทนต่อน�้ามันหรือตัว
ท�าละลายทีไ่ ม่มขี วั้ น�าไปใช้ทา� ยางรถยนต์ ยางล้อ 1. นักเรียนกลุมเดิมรวมกันออกแบบผลิตภัณฑ
เครื่องบิน ลูกฟุตบอล
1 ชนิด ที่ใชวัสดุจากพลาสติก ยาง และเสนใย
พอลิคลอโรพรีน (polychloroprene) หรือยาง พรอมทัง้ บอกประโยชนและสมบัตขิ องผลิตภัณฑ
CH2 C CH CH2 นีโอพรีน (neoprene) สังเคราะห์ขนึ้ จากมอนอเมอร์ ที่นักเรียนไดออกแบบ
Cl คลอโรพรี น โมเลกุ ล มี ก ารเรี ย งตั ว อย่ า งเป็ น
โครงสร้างของ
n
ระเบียบ ยางชนิดนีจ้ งึ สามารถตกผลึกได้เช่นเดียว 2. นั ก เรี ย นตอบคํ า ถาม Topic Questions
พอลิคลอโรพรีน กับยางธรรมชาติ สลายตัวยาก ทนไฟ ทนต่อแรงดึง ในหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร
ทนต่อสภาวะที่ต้องสัมผัสกับน�้า อากาศ และ และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 หนา 114
อุ ณ หภู มิ ที่ เ ปลี่ ย นแปลง ทนต่ อ การสลายตั ว
ในน�้ามันเบนซินและตัวท�าละลายอื่น ๆ น�าไปใช้ โดยใหทําลงในสมุดบันทึกของนักเรียน
ท�ายางซีล ยางสายพานล�าเลียงในเหมืองแร่
T125
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
1. ครูประเมินความรู เรือ่ ง ยาง โดยสังเกตพฤติกรรม
การตอบคําถาม การทําแบบฝกหัด และการ ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์อีกชนิดที่นิยมใช้ คือ เส้นใย ซึ่งเป็นพอลิเมอร์ที่มีโครงสร้างที่
ทําใบงาน สามารถน�ามาปัน เป็นเส้นหรือรีดเป็นเส้นด้าย โดยแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท คือ เส้นใยธรรมชาติ
2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ เส้นใยกึ่งสังเคราะห์ และเส้นใยสังเคราะห์
สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล พฤติกรรมการ เส้นใยธรรมชาติ เส้นใยกึ่งสังเคราะห์
ทํางานกลุมจากการปฏิบตั กิ จิ กรรมสืบคนและ เซลลูโลส ได้จากส่วนต่าง ๆ เซลลูโลสแอซีเตต เกิดจาก
นํ า เสนอประโยชน ข องยางธรรมชาติ แ ละ ของพืช เช่น ฝ้าย นุ่น ปฏิกริ ยิ าระหว่างเซลลูโลส
ยางสังเคราะห ลินิน ปาน ปอ สับปะรด กั บ กรดแอซี ติ ก เข้ ม ข้ น
โปรตีน ได้จากสัตว์ เช่น โดยมีกรดซัลฟิวริกเข้มข้น
3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ ขนแกะ ขนแพะ รังไหม เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา มีสมบัติคล้ายเซลลูโลส
ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต ใยหิน เป็นแร่ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เรยอน มีสมบัตคิ ล้ายขนสัตว์ ไหม ลินนิ และฝ้าย
พฤติกรรมของนักเรียน มีลักษณะเป็นเส้นใยละเอียด ข้อดี น�้าหนักเบา ไม่ดูดซับความร้อน และดูด
ข้อดี ดูดซับน�้าได้ดีและระบายอากาศได้ดี ซับเหงื่อได้ดี
ข้อจํากัด ผ้าฝ้ายจะเป็นราและเปือ ยง่าย ผ้าไหม
จะหดตัวเมื่อได้รับความร้อนหรือความชื้น
เส้นใยสังเคราะห์
พอลิเอสเทอร์หรือดาครอน เกิดจากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบควบแน่น
ระหว่างเอทิลีนไกลคอลกับไดเมทิลเทเรฟทาเลต
พอลิเอไมด์หรือไนลอน เช่น ไนลอน 6,6 และไนลอน 6,10 เกิดจากปฏิกิริยา
พอลิเมอไรเซชันแบบควบแน่นระหว่างเอมีนกับกรดคาร์บอกซิลิก
พอลิอะคริโลไนไตรล์ เช่น โอรอนเกิดจากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบเติมของอะคริโลไนไตรล์
ข้อดี น�า้ หนักเบา ทนต่อจุลนิ ทรีย ์ เชือ้ รา และแบคทีเรีย ไม่ยบั ง่าย ไม่ดดู น�า้ ทนต่อสารเคมี ซักง่าย และแห้งเร็ว
Core Concept
ให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญ เรื่อง
ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์
Topic
Questions
คําชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้
1. ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ประเภทพลาสติกและยางแตกต่างกันอย่างไร
2. อธิบายความหมายของเทอร์มอพลาสติกและพลาสติกเทอร์มอเซต
3. การปรับปรุงคุณภาพยางด้วยกระบวนการวัลคาไนเซชันส่งผลต่อยางอย่างไร
114
การแสดง
ความ
การยอมรับ
การทางาน
ตามที่ได้รับ
ความมี
การมี
ส่วนร่วมใน
การ รวม
เปลีย่ นแปลง พลาสติกเทอรมอเซต เมือ่ ขึน้ รูปดวยความรอนหรือแรงดัน
แลวจะไมสามารถนํากลับมาขึ้นรูปใหมไดอีก เปลี่ยนรูปรางไปมาไมได
ชื่อ–สกุล ฟังคนอื่น น้าใจ
ลาดับที่ คิดเห็น มอบหมาย ปรับปรุง 15
ของนักเรียน
ผลงานกลุ่ม คะแนน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
3. ยางที่ผานกระบวนการวัลคาไนเซชันจะทําใหมีคุณภาพดีขึ้น มีความ
ยืดหยุนและคงรูปดีขึ้น ทนตอความรอนและแสงไดดีขึ้น
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน
............./.................../...............
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง
T126
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
การลดการใช้ (reduce)
เป็นการใช้ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์สังเคราะห์ให้น้อยลง อาจใช้วัสดุหรือ
บรรจุภัณฑ์จากธรรมชาติแทน ตัวอย่างเช่น ใช้ใบตองห่ออาหาร
น�าถุงผ้ามาใช้ใส่ของ เพื่อลดการใช้พลาสติก
ภาพที่ 2.15 ใช้ถุงผ้าแทนการใช้ถุงพลาสติก
ที่มา : คลังภาพ อจท.
การใช้ซํ้า (reuse)
เป็นการน�าผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์สังเคราะห์ที่ใช้แล้ว แต่ยังมีคุณภาพ
กลับมาใช้งานอีกครั้ง เช่น การใช้ถุงพลาสติกใส่ของที่ได้มาจากร้าน
สะดวกซื้อไปใช้ใส่ขยะ แนวตอบ Key Question
ภาพที่ 2.16 น�าขวดน�้าที่ใช้แล้วมาท�ากระถางต้นไม้เป็นการน�ากลับมาใช้ซ�้า ผลิตภัณฑจากพอลิเมอรสว นใหญสลายตัวยาก
ที่มา : คลังภาพ อจท. หากปลอยใหยอยสลายเองตามธรรมชาติตองใช
การนํากลับมาใช้ใหม่หรือการแปรรูปใหม่ (recycle)
เวลานานหลายสิบปหรือหลายรอยป เมื่อมีการใช
เป็นการน�าผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์สังเคราะห์ที่ผ่านการใช้งานแล้ว ผลิตภัณฑจากพอลิเมอรที่มากเกินไป จะสงผล
มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น การน�าเอาขวดน�า้ พลาสติกมาผ่าน ทําใหมีปริมาณขยะที่มากขึ้น สงผลกระทบตอ
กระบวนการย่อยให้กลายเป็นเม็ดพลาสติกแล้วน�ามาหลอมขึ้นใหม่ สิ่งแวดลอม คือ เมื่อทิ้งขยะลงแมนํ้าจะกอใหเกิด
เป็นเส้นใย น�าไปท�าเป็นเสื้อผ้าได้
มลพิษทางนํ้า สงกลิ่นเหม็นรบกวน กลายเปน
ภาพที่ 2.17 กระบวนการน�าขวดพลาสติกมาแปรรูป เพื่อน�ากลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง
ที่มา : คลังภาพ อจท. พอลิเมอร์ 115
แหลงที่อยูอาศัยของสัตวที่เปนพาหะนําโรค หาก
นําไปฝงดินจะเกิดการเสื่อมสภาพ ถาหากทิ้ง
ลงในทะเลก็จะสงผลตอสัตวทะเล
T127
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
1. นักเรียนแบงกลุม กลุมละ 5-6 คน แลวให ผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์สังเคราะห์ที่นิยมน�ากลับมาใช้ใหม่หรือแปรรูปใหม่ คือ พลาสติก
แตละกลุมสํารวจบริเวณโรงเรียนวา มีจุดใด ซึง่ พลาสติกแต่ละชนิดก็นา� ไปแปรรูปได้แตกต่างกัน ดังนัน้ ต้องมีการคัดแยกประเภทของพลาสติก
ในโรงเรี ย นที่ มี ป ญ หาจากการใช ผ ลิ ต ภั ณ ฑ ก่อนที่จะน�าไปแปรรูปใหม่ ซึ่งสมาคมอุตสาหกรรมพลาสติกแห่งสหรัฐอเมริกา ได้มีการก�าหนด
พอลิเมอร แลวนํามาวิเคราะห อภิปรายรวมกัน สัญลักษณ์เพื่อแสดงประเภทของพลาสติกที่สามารถน�ากลับมาแปรรูปใหม่ได้ ดังนี้
วา ปญหาที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากอะไร จะมี
แนวทางการแก ไ ขและป อ งกั น ไม ใ ห ป ญ หา
เกิดขึ้นอีกไดอยางไร แลวนําขอมูลที่ไดจาก
การอภิ ป รายร ว มกั น มาเขี ย นลงในกระดาษ
ฟลิปชารต
พอลิเอทิลีนเทเรฟทาเลต พอลิเอทิลีน
ชนิดความหนาแน่นสูง
พอลิไวนิลคลอไรด์
พลาสติกชนิดอื่น ๆ
พอลิเอทิลีน
ชนิดความหนาแน่นต�า่
พอลิสไตรีน พอลิโพรพิลีน
Core Concept
ให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญ เรื่อง
ผลกระทบที่เกิดจากการใช
และกําจัดผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์
Topic
Questions
คําชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้
1. บอกแนวทางในการใช้พอลิเมอร์สังเคราะห์อย่างคุ้มค่าและส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
2. ยกตัวอย่างการน�าผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์มาใช้ซ�้า (reuse)
116
T128
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
Chemistry 2. แตละกลุมนําเสนอผลการทํากิจกรรมหนาชั้น
in real life โฟม
เรียน พรอมทั้งอภิปรายรวมกันกับเพื่อนทั้งชั้น
โฟม เปนพลาสติกที่ผานกระบวนการขึ้นรูปโดยการเติมแกส เรียน
เพื่อทําใหเกิดฟองอากาศแทรกอยูระหวางเนื้อพลาสติก ทําใหมี
นํ้ า หนั ก เบาและมี ค วามยื ด หยุ น โฟมที่ นิ ย มนํ า มาใช ง าน คื อ 3. นักเรียนตอบคําถาม Topic Questions ใน
โฟมพอลิสไตรีน และโฟมพอลิยูรีเทน หนั ง สื อ เรี ย นรายวิ ช าเพิ่ ม เติ ม วิ ท ยาศาสตร
โฟมพอลิสไตรีน (polystyrene; PS) เปนพลาสติกชนิด และเทคโนโลยี เคมี ม.6 เลม 1 หนา 116 โดย
เทอรมอพลาสติกที่สามารถหลอมเหลวหรือเปลี่ยนรูปรางไดเมื่อ ภาพที่ 2.18 โฟมบรรจุอาหาร ใหทําลงในสมุดบันทึกของนักเรียน
ไดรับความรอน และแข็งตัวไดเมื่ออุณหภูมิลดลง เปนพอลิเมอร ทํามาจากโฟมพอลิสไตรีน
ที่ขึ้นรูปไดงาย ทําใหมีราคาถูก จึงนํามาผลิตเปนบรรจุภัณฑ ที่มา : คลังภาพ อจท.
ภาชนะบรรจุอาหาร เชน ถาดใสอาหาร แกว ถวย กลองใสอาหาร
โฟมพอลิยูรีเทน (polyurethane; PU) เปนพลาสติกชนิดพลาสติกเทอรมอเซต ไมสามารถ
หลอมเหลวและขึ้นรูปใหมได ซึ่งนํามาใชประโยชนไดหลายรูปแบบ เชน โฟมยืดหยุน โฟมแข็ง
สารเคลือบปองกันสารเคมี พอลิยูรีเทนบางชนิดเมื่อสัมผัสกับละอองนํ้าในอากาศจะแข็งตัวได ทําให
มีสมบัตยิ ดึ ติดแนน ใชสาํ หรับอุดชองวาง รอยแตก รอยแยกตาง ๆ ได และยังเปนฉนวนกันความรอน
และเสียงได
พอลิเมอร์ 117
ขอสอบเนน การคิด
สาร A เกิดปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันไดโมเลกุลขนาดใหญเกิดเปนพอลิเมอร ภายใตอุณหภูมิและความดันสูง
และมี O2 เปนตัวเรงปฏิกิริยา สาร A คือสารใด
1. อีเทน 2. เอทิลีน 3. แนฟทา 4. เบนซีน 5. เซลลูโลส
(วิเคราะหคําตอบ เอทิลีนสามารถเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันเกิดเปนพอลิเมอรได ดังปฏิกิริยาตอไปนี้
H H H H H H H H H H H H
C C + C C + C C + … C C C C C C
H H H H H H H H H H H H
ดังนั้น ตอบขอ 2.)
T129
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
4. นักเรียนจับคูกับเพื่อนที่นั่งขางกัน แลวอาน
Summary
บทความในใบงาน เรื่อง ผลกระทบที่เกิดจาก พอลิเมอร์
การใชและกําจัดผลิตภัณฑพอลิเมอร จากนั้น
รวมกันตอบคําถาม และครูสุมเลือกตัวแทน พอลิเมอร์ (polymer) เป็นสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ มีมวลโมเลกุลตั้งแต่ 10,000 ขึ้นไป ซึ่งเกิดจาก
นักเรียนออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน การรวมตัวของสารโมเลกุลขนาดเล็กที่เรียกว่า มอนอเมอร์ (monomer) โดยเชื่อมต่อกันด้วยพันธะโคเวเลนต์
5. นักเรียนรวมกันศึกษา Summary เรื่อง ประเภทของพอลิเมอร์
พอลิเมอร พิจารณาตามชนิดของมอนอเมอร์ แบ่งได้ 2 ประเภท คือ พิจารณาตามลักษณะการเกิด แบ่งได้ 2 ประเภท คือ
• ฮอมอพอลิเมอร์ (homopolymer) หรือพอลิเมอร์ • พอลิเมอร์ธรรมชาติ เป็นพอลิเมอร์ทพี่ บตามธรรมชาติ
ลงมือทํา (Doing) เอกพันธุ์ เกิดจากมอนอเมอร์ชนิดเดียวกัน เช่น เช่น โปรตีน เซลลูโลส
พอลิไวนิลคลอไรด์ • พอลิเมอร์สงั เคราะห์ เป็นพอลิเมอร์ทมี่ นุษย์สงั เคราะห์
6. นักเรียนจับคูกับเพื่อนที่นั่งขางกันทํากิจกรรม
• โคพอลิเมอร์ (copolymer) หรือพอลิเมอร์ร่วม ขึน้ เช่น พอลิเอทิลีน ไนลอน
Apply Your Knowledge ในหนังสือเรียน เกิดจากมอนอเมอร์ต่างชนิดกัน เช่น ไนลอน
รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
เคมี ม.6 เลม 1 ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์
ปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์ หรือเรียกว่า ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชัน (polymerization reaction) แบ่งออก
เป็น 2 ประเภท ดังนี้
1. ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบควบแน่น 2. ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบเติม
(condensation polymerization reaction) (addition polymerization reaction)
เกิดจากมอนอเมอร์ทมี่ หี มูฟ่ งั ก์ชนั มากกว่า 1 หมู่ เกิดจากมอนอเมอร์ที่มีพันธะคู่ระหว่างอะตอม
ท�าปฏิกริ ยิ ากันได้พอลิเมอร์และสารโมเลกุลขนาดเล็ก ของคาร์บอน เช่น เอทิลีน โพรพิลีน ไวนิลคลอไรด์
เช่น น�้า แก๊สไฮโดรเจนคลอไรด์ แอมโมเนีย หรือ เกิดปฏิกริ ยิ าการเติมทีต่ า� แหน่งพันธะคูไ่ ด้พอลิเมอร์
เมทานอลเป็นผลพลอยได้ เป็นผลิตภัณฑ์ โดยไม่มีสารโมเลกุลเล็กเกิดขึ้น
โครงสร้างและสมบัติของพอลิเมอร์
พอลิเมอร์แบบเส้น สายโซ่พอลิเมอร์เรียงชิดกัน พอลิเมอร์แบบกิง่ กิง่ แยกออกจากสายโซ่หลัก ท�าให้
มากกว่าแบบอื่น มีแรงยึดเหนี่ยวต่อกันสูง มีความ โซ่หลักเรียงตัวอยู่ห่างกัน มีความหนาแน่นและมี
หนาแน่นและมีจุดหลอมเหลวสูง ยืดหยุ่นได้มาก จุดหลอมเหลวต�่า ยืดหยุ่นได้น้อย
มีความแข็งและเหนียว
พอลิเมอร์แบบร่างแห เกิดจากการเชื่อมโยงสายโซ่ของพอลิเมอร์แบบเส้นกับ
พอลิเมอร์แบบกิ่ง มีจุดหลอมเหลวสูง แข็ง เปราะ ไม่ยืดหยุ่นหรือโค้งงอ และ
แตกหักง่าย
118
T130
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
1. นักเรียนแตละคนสรุปสาระสําคัญ เรื่อง ผล
ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์ กระทบที่เกิดจากการใชและกําจัดผลิตภัณฑ
พอลิเมอร
พลาสติก
2. นักเรียนทบทวนความรู เรื่อง พอลิเมอร โดย
พิจารณาลักษณะของพลาสติกเมื่อได้รับความร้อน สามารถจ�าแนกพลาสติกได้ 2 ประเภท ดังนี้
การทํ า Unit Questions ในหนั ง สื อ เรี ย น
เทอร์มอพลาสติก (thermoplastic) พลาสติกเทอร์มอเซต (thermosetting plastic) รายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
มีโครงสร้างแบบเส้นหรือแบบกิง่ เป็นพลาสติกทีอ่ อ่ นตัว มีโครงสร้างแบบร่างแห ทนต่อความร้อนและความดัน
เมือ่ ได้รบั ความร้อน และเมือ่ อุณหภูมลิ ดลงจะแข็งตัว ได้ดี หากมีอุณหภูมิสูงมากจะแตกและไหม้เป็นเถ้า เคมี ม.6 เลม 1 หนา 121
กลับมาเป็นรูปร่างเดิม หรือเปลี่ยนรูปร่างได้ โดย เมือ่ ขึน้ รูปด้วยความร้อนหรือแรงดันแล้วจะไม่สามารถ 3. นักเรียนทํา Test for U ในหนังสือเรียนรายวิชา
สมบัติไม่เปลี่ยนแปลง ตัวอย่างเช่น พอลิเอทิลีน น�ากลับมาขึน้ รูปใหม่ได้อกี ตัวอย่างเช่น พอลิยรู เี ทน เพิ่มเติมวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี เคมี ม.6
พอลิโพรพิลนี พอลิสไตรีน พอลิเมลามีนฟอร์มาลดีไฮด์ พอลิฟนี อลฟอร์มาลดีไฮด์
เลม 1 หนา 122
ยาง
ขัน้ ประเมิน
ยางธรรมชาติ
มีมอนอเมอร์ คือ ไอโซพรีน มีสมบัติ คือ ยืดหยุ่นสูง ทนต่อแรงดึง การขัดถู ทนต่อน�้าและน�้ามัน แต่ไม่ทน 1. ครูประเมินความรู เรื่อง ผลกระทบที่เกิดจาก
ต่อน�้ามันเบนซินและตัวท�าละลายอินทรีย์ เมื่อได้รับความร้อนจะเหนียวและอ่อนตัว แต่ถ้าอยู่ในอุณหภูมิต่�ากว่า การใชและกําจัดผลิตภัณฑพอลิเมอร โดย
อุณหภูมิห้องจะแข็งและเปราะ น�ามาท�าผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ถุงมือแพทย์ ยางยืด ฟองน�้าส�าหรับที่นอน สังเกตพฤติกรรมการตอบคําถาม การทําแบบ
ยางสังเคราะห์
ฝกหัด และการทําใบงาน เรื่อง ผลกระทบที่
ได้จากการสังเคราะห์สารประกอบไฮโดรคาร์บอน เช่น เกิดจากการใชและกําจัดผลิตภัณฑพอลิเมอร
• พอลิบิวทาไดอีนหรือยางบีอาร์ เป็นยางสังเคราะห์ชนิดแรกของโลก มีมอนอเมอร์เป็นบิวทาไดอีน น�าไปใช้ท�า 2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ
ยางรถยนต์ ยางล้อเครื่องบิน สังเกตพฤติกรรมรายบุคคล พฤติกรรมการ
• พอลิคลอโรพรีนหรือยางนีโอพรีน มีมอนอเมอร์ คือ คลอโรพรีน น�าไปใช้ท�ายางซีล ยางสายพานล�าเลียง
ทํางานกลุมจากการทํากิจกรรมสํารวจบริเวณ
ปฏิกิริยาวัลคาไนเซชัน โรงเรียน
เป็นกระบวนการปรับปรุงคุณภาพยาง ท�าให้ยางมีความยืดหยุ่น คงรูปดีขึ้น ทนความร้อนและแสงได้ดีขึ้น 3. ครูประเมินคุณลักษณะอันพึงประสงคในการ
ตัง้ ใจเรียนรูแ ละแสวงหาความรู โดยการสังเกต
พฤติกรรมของนักเรียน
ผลกระทบที่เกิดจากการใช้และก�าจัดผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์
ปัจจุบันการใช้ผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจ�าวันอย่างมาก เช่น ถุงพลาสติก บรรจุภัณฑ์
อาหาร เป็นที่นิยมและมีปริมาณการใช้งานเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีปริมาณการใช้ท่ีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ท�าให้มีปริมาณขยะมากขึ้น หากปล่อยให้ย่อยสลายเองตามธรรมชาติต้องใช้เวลานานหลายสิบปีหรือหลายร้อยปี
หากจะน�าไปเผาจะก่อให้เกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และแก๊สพิษอืน่ ๆ ทีส่ ง่ ผลต่อบรรยากาศหรือหากน�าไปฝังดิน
อาจจะท�าให้ดินบริเวณนั้นเสื่อมสภาพได้ ปัจจุบันจึงมีแนวทางในการแก้ปัญหา คือ การลดการใช้ (reduce)
การใช้ซ�้า (reuse) และการน�ากลับมาใช้ใหม่หรือการแปรรูปใหม่ (recycle)
พอลิเมอร์ 119
หลอมเหลวและเมื่อเย็นลงจะแข็งตัว จึงจัดเปนเทอรมอพลาสติก
การแสดง การทางาน ส่วนร่วมใน
การยอมรับ ความมี
ความ ตามที่ได้รับ การ รวม
ชื่อ–สกุล ฟังคนอื่น น้าใจ
ลาดับที่ คิดเห็น มอบหมาย ปรับปรุง 15
ของนักเรียน
ผลงานกลุ่ม คะแนน
และเกิดจากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบเติม แสดงไดดังนี้ 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
พอลิเมอไรเซชัน เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง
ให้
ให้
3 คะแนน
2 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
Self Check
ให้นกั เรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด หากพิจารณา
ข้อความไม่ถูกต้อง ให้กลับไปทบทวนเนื้อหาตามหัวข้อที่กําหนดให้
ถูก/ผิด ทบทวนที่หัวขอ
1. ฮอมอพอลิเมอร์หรือพอลิเมอร์ร่วม เกิดจากมอนอเมอร์ต่างชนิดกัน 1.
2. เซลลูโลส ไกลโคเจน จัดเป็นพอลิเมอร์สังเคราะห์ 1.
3. พอลิยูรีเทนเกิดจากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบควบแน่น 1.
4. ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบเติมจะได้สารโมเลกุลเล็กเป็นผลพลอยได้ 1.
5. พอลิเอไมด์น�าไปใช้ท�าเป็นเส้นใยในการผลิตเสื้อผ้า 1.
ุด
สม
6. พ อลิเมอร์แบบกิง่ มีความหนาแน่นและจุดหลอมเหลวต�า่ เมือ่ ร้อนจะอ่อนตัว
ใน
2.
ลง
แต่เมื่อเย็นจะแข็งตัว
ทึ ก
7. พอลิเมอร์แบบร่างแหมีความหนาแน่นมากกว่าพอลิเมอร์แบบเส้น บั น 2.
8. ถ้วยเมลามีนจัดเป็นพลาสติกประเภทเทอร์มอพลาสติก 3.1
9. ยางธรรมชาติมีมอนอเมอร์ คือ ไอโซพรีน ซึ่งมีโครงสร้าง 2 แบบ คือ 3.2
ทรานส์-ไอโซพรีน และซิส-ไอโซพรีน
10. การใช้ซ�้าเป็นการน�าผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์สังเคราะห์ที่ผ่านการใช้งานแล้ว 4.
มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่
120
โครงสรางของไนลอน โครงสรางของฝาย
T132
นํา สอน สรุป ประเมิน
U nit
คําชี้แจง :
Questions 2
ให นั ก เรี ย นตอบคํ า ถามต อ ไปนี้
1. ฮอมอพอลิเมอร เชน แปง เซลลูโลส ยางพารา
โคพอลิเมอร เชน โปรตีน กรดนิวคลีอิก
2. ก) เกิดปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบเติม
1. จงยกตัวอยางพอลิเมอรที่พบในชีวิตประจําวัน ทั้งฮอมอพอลิเมอรและโคพอลิเมอร ข) เกิดปฏิกริ ยิ าพอลิเมอไรเซชันแบบควบแนน
2. พิจารณาสูตรโครงสรางของมอนอเมอรที่กําหนดใหวา หากเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันจะเปน 3. ดูเฉลยในสวนทายเลม
แบบควบแนนหรือแบบเติม 4. ดูเฉลยในสวนทายเลม
ก) CH3 CH CH CH2 ข) NH2 CH2 COOH 5. ก) พอลิเมอร A พอลิเมอร C และพอลิเมอร D
CH3 มีความยืดหยุน พอลิเมอร A และพอลิเมอร B
3. จงบอกมอนอเมอรตั้งตนของพอลิเมอรตอไปนี้ มีจุดหลอมเหลวสูง
ก) CH2 CH CH2 CH CH2 CH ข) CH2 CH CH2 CH CH2 CH ข) พอลิเมอร A มีความหนาแนนและมีความ
OCH3 OCH3 OCH3 ขุนมากที่สุด
6. ก) จะมีความแข็งแรงและยืดหยุนได แตนอย
4. หากไวนิลคลอไรด (CH2 CHCl) เกิดปฏิกิริยากับไดคลอโรเอทิลีน (CH2 CCl2) สูตรทั่วไป กวาโครงสรางแบบเสน
ของพอลิเมอรจะเปนอยางไร ข) มีความแข็งแรงแตไมยืดหยุน เนื่องจาก
5. พิจารณาโครงสรางของพอลิเมอรที่กําหนดให แลวตอบคําถาม มีพันธะเชื่อมระหวางโซ เปนลักษณะของ
โครงสรางแบบรางแห
A B C D 7. สมบัติของเสนใยธรรมชาติ คือ ดูดซับนํา้ ไดดี
ระบายอากาศไดดี แตเมือ่ ถูกความชืน้ จะขึน้ รา
ก) พอลิเมอรใดมีความยืดหยุน และพอลิเมอรใดมีจุดหลอมเหลวสูง
ไดงาย เมื่อไดรับความรอนจะเกิดการหดตัว
ข) หากพิจารณาพอลิเมอร A C และ D พอลิเมอรใดมีความหนาแนนมากทีส่ ดุ และพอลิเมอรใด
มีความขุนมากที่สุด สมบัตขิ องเสนใยสังเคราะห คือ ทนตอจุลนิ ทรีย
เชือ้ รา และแบคทีเรีย ทนตอสารเคมี ไมยบั งาย
6. พอลิเมอรที่มีโครงสราง ดังตอไปนี้ จะมีความแข็งแรงและความยืดหยุนอยางไร
ก) พอลิเมอรโซกิ่งสั้น ข) พอลิเมอรที่มีพันธะเชื่อมระหวางโซปริมาณมาก ไมดูดซับนํ้า ซักงาย แหงเร็ว
8. เทอรมอพลาสติก ไดแก พอลิโพรพิลีน พอลิ
7. จงบอกสมบัติของเสนใยธรรมชาติและเสนใยสังเคราะห
ไวนิลคลอไรด พอลิเอทิลีน พลาสติกเทอร
8. พิจารณาพอลิเมอรที่กําหนดใหตอไปนี้วา เปนเทอรมอพลาสติกหรือพลาสติกเทอรมอเซต มอเซต ไดแก พอลิฟนอลฟอรมาลดีไฮด
พอลิฟนอลฟอรมาลดีไฮด พอลิโพรพิลีน พอลิเมลามีนฟอรมาลดีไฮด พอลิ เ มลามี น ฟอร ม าลดี ไ ฮด พอลิ ยู เ รี ย
พอลิไวนิลคลอไรด พอลิเอทิลีน พอลิยูเรียฟอรมาลดีไฮด ฟอรมาลดีไฮด
9. จงอธิบายวิธีการปรับปรุงคุณภาพยางธรรมชาติ 9. กระบวนการปรั บ ปรุ ง คุ ณ ภาพยางหรื อ
10. บอกผลกระทบของการกําจัดผลิตภัณฑพอลิเมอร และบอกแนวทางในการใชผลิตภัณฑพอลิเมอร กระบวนการวัลคาไนเซชัน เปนกระบวนการ
ใหเกิดผลกระทบตอสิ่งแวดลอมนอยที่สุด ที่ใชในการเพิ่มคุณภาพของยางโดยการเติม
พอลิเมอร์ 121 กํามะถันลงใปในยาง
10. ดูเฉลยในสวนทายเลม
ขอสอบเนน การคิด
ซาแรน (saran) เปนพอลิเมอรที่ใชทําเสนใยฟลม มีโครงสราง ดังนี้
H Cl H Cl
CH2 C CH2 C CH2 C CH2 C
Cl Cl Cl Cl
ขอใดตอไปนี้กลาวไดถูกตอง
1. เปนพอลิเมอรประเภทฮอมอพอลิเมอร 2. จัดเปนพลาสติกประเภทพลาสติกเทอรมอเซต
3. เกิดจากปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบควบแนน 4. มีมอนอเมอร คือ ไวนิลคลอไรดกับไดคลอโรเอทิลีน
5. เกิดปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันเชนเดียวกับพอลิไวนิลคลอไรด
(วิเคราะหคําตอบ ปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันของซาแรนแสดงได ดังนี้
Cl Cl
CH CH2 + C CH2 CH CH2 C CH2
Cl Cl Cl Cl n
ไวนิลคลอไรด ไดคลอโรเอทิลีน พอลิไวนิลลิดีน คลอไรด
จากปฏิกิริยา พบวา เปนปฏิกิริยาพอลิเมอไรเซชันแบบเติม เนื่องจากในมอนอเมอรประกอบดวยพันธะคูระหวาง
อะตอม พอลิเมอรที่ไดเปนโคพอลิเมอร เนื่องจากประกอบดวยมอนอเมอร 2 ชนิด และซาแรนจัดเปนพลาสติก
ประเภทเทอรมอพลาสติก ดังนั้น ตอบขอ 4.) T133
นํา สอน สรุป ประเมิน
122
T134
นํา สอน สรุป ประเมิน
แนวทางการจัดทํากิจกรรม
Fun Science Activity
Fun Sc ence ครู ค วรให คํ า แนะนํ า นั ก เรี ย นในการปฏิ บั ติ
Activity กิจกรรมพลาสติกจากนม ดังนี้
ขั้นตอนการปฏิบัติกิจกรรม
พลาสติกจากนม - การเตรียมนมอาจจะนํานมไปอุน ในไมโครเวฟ
โดยใชความรอนประมาณครึ่งหนึ่งของกําลังวัตต
วัสดุและอุปกรณ์
ไมโครเวฟ โดยใชเวลาประมาณ 5 นาที
1. นม 4. ผ้าขาวบาง - เมื่อเติมนํ้าสมสายชูลงในนม แลวคนจน
2. น�้าส้มสายชู 5. กระดาษช�าระ
3. ตะแกรง
นมแข็งตัวเปนกอน ใหสังเกตลักษณะของนมวา
พลาสติกที่ได้จากนม
จะคลายกับเตาหู
ที่มา : https://www.kiwico.com/diy/Arts-and-Crafts-Projects/1/project/Milk-Plastic-Tags-/2670 - เมือ่ ตองการนํากอนพลาสติกมาปน เปนรูปราง
วิธีท�า ตางๆ ตองทําภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากการทํา
1. เตรียมนมจ�านวน 250 ลูกบาศก์เซนติเมตร แล้วน�าไปอุ่นให้ร้อน แต่อย่าให้เดือด พลาสติก และเพิ่มสีผสมอาหารหรือกลิตเตอร
2. เติมน�า้ ส้มสายชูจา� นวน 10 ลูกบาศก์เซนติเมตร ลงไปในนมทีเ่ ตรียมไว้ แล้วคนให้ทวั่ จนนมแข็งตัวเป็นก้อน ตางๆ เขาไปได จะทําใหติดกับพลาสติกไดดี
3. นา� มากรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วใช้ชอ้ นกดเพือ่ ให้ของเหลวทีป่ นอยูอ่ อกให้มากทีส่ ดุ น�ากระดาษช�าระมาซับ แลวปลอยใหแหงบนผาขนหนูประมาณ 1-2 วัน
ความชื้นที่ติดอยู่บนก้อนนมที่ได้ให้ออกไปมากที่สุด
4. นา� ก้อนนมมาปัน เป็นรูปต่าง ๆ ตามทีต่ อ้ งการ แล้ววางทิง้ ไว้ 1-2 วัน เพือ่ ให้พลาสติกแห้งแล้วน�ามาตกแต่ง เมื่อแหงแลวสามารถนํามาทาสีหรือพนสีตอได
ให้สวยงาม - ครูอาจจะใหนกั เรียนนําสารในชีวติ ประจําวัน
1 2 3 อื่นๆ ที่มีสมบัติเปนกรด เชน นํ้ามะนาว นํ้าสม
มาใชแทนนํ้าสมสายชู แลวใหสังเกตวาไดผล
การทํากิจกรรมเชนเดียวกับนํ้าสมสายชูหรือไม
ขั้นตอนการท�าพลาสติกจากนม อยางไร
ที่มา : https://littlebinsforlittlehands.com/milk-and-vinegar/
หลักการทางวิทยาศาสตร์
พอลิเมอร์ 123
หลักการทางวิทยาศาสตร
การที่นมตกตะกอนและจับตัวเปนกอนนั้นเกิดจากเคซีนซึ่งเปนโปรตีนที่อยูในนม โดยเคซีนจะแยกออกมาจากนมได จะตองมีคา pH ของนม
อยูที่ 4.6-4.7 ซึ่งเปนคา pH ที่จุดไอโซอิเล็กทริก (isoelectric point) คือ คา pH ที่ประจุรวมของกรดอะมิโนหรือโปรตีนเปนศูนย เนื่องจากโมเลกุล
ของกรดอะมิโนจะมีทงั้ หมูอ ะมิโนทีเ่ ปนเบสออนและหมูค ารบอกซิลทีเ่ ปนกรดออน รวมทัง้ หมูแ อลคิลหรือหมูแ อริลทีเ่ ปนไดทงั้ มีขวั้ มีประจุบวก หรือมีประจุลบ
ทําใหกรดอะมิโนเปนไดทงั้ กรดและเบส โดยกรดอะมิโนทีพ่ บในธรรมชาติจะมีประจุเปนลบ ซึง่ ประจุลบจะทําใหเกิดแรงผลักกัน ทําใหกรดอะมิโนแขวนลอยหรือ
ละลายในนํา้ เมือ่ ปรับคา pH ของกรดอะมิโนใหลดลงเทากับจุดไอโซอิเล็กทริก ทําใหแรงผลักระหวางประจุทเี่ หมือนกันลดลง สงผลใหประจุบวกและประจุลบ
มีอยูเทา ๆ กัน จึงทําใหโปรตีนสูญเสียสภาพธรรมชาติและเกิดการตกตะกอน
T135
บรรณานุ ก รม
กุณฑรี เพ็ชรทวีพรเดช และคณะ. 2550. สุดยอดวิธสี อนวิทยาศาสตร์ น�ำไปสูก่ ารจัดการเรียนรูข้ องครูยคุ ใหม่. กรุงเทพมหานคร :
อักษรเจริญทัศน์.
ทิศนา แขมมณี. 2556. ศาสตร์การสอน : องค์ความรู้เพื่อการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ. พิมพ์ครั้งที่ 17.
กรุงเทพมหานคร : ด่านสุทธาการพิมพ์.
พงศธร นันทธเนศ และคณะ. 2563. หนังสือเรียนรายวิชาเพิม่ เติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เคมี ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 6 เล่ม 1.
กรุงเทพมหานคร : อักษรเจริญทัศน์.
พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, ส�ำนักงาน. 2549. หนังสือชุดกิจกรรมส่งเสริม
การเรียนรู้ “การสืบค้นทางวิทยาศาสตร์” ระดับมัธยมศึกษา. ปทุมธานี : ส�ำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แห่งชาติ.
วิจารณ์ พานิช. 2555. วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพมหานคร : ตถาตา พับลิเคชั่น.
ศึกษาธิการ, กระทรวง. 2560. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
(ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพมหานคร :
โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี. สถาบัน. (ม.ป.ป.). คู่มือครูการใช้หลักสูตรกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ส�ำหรับหลักสูตรอนาคต ระดับมัธยมศึกษา. กรุงเทพมหานคร : สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี.
ส�ำนักบริหารวิชาการ วิทยาลัยเทคโนโลยีปญั ญาภิวฒ ั น์, แผนกบริหารหลักสูตร. 2557. เอกสารเผยแพร่ความรูว้ ชิ าการศึกษา :
วิธีการสอน (Teaching Methodology). กรุงเทพมหานคร : วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์.
Callister, W. D. Jr. and Rethwisch, D. G. (2018). Materials science and engineering: an introduction. 10th ed.
New York: John Wiley & Sons.
Hill, J.W., and Petrucci, R.H. (2000). General Chemistry: An Integrated Approach. 2nd edition. New Jersey:
Prentice-Hall Inc.
Tay, B. et al. 2013. Basic Chemistry. Singapore: Pearson Education.
T136