Professional Documents
Culture Documents
Teacher Script
โลก
ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม. 6
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6
ตามผลการเรียนรู เล่ม 2
กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
ผูเรียบเรียงคูมือครู บรรณาธิการคูมือครู
นางสาวชุลีพร สุวัฒนาพิบูล นางสาววราภรณ ทวมดี
นางสาววรรษมล เสนาะคํา นางสาวกนกพร วิลัยศิลป
นางสาววริษา ปานเจริญ
พิมพครั้งที่ 3
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ
รหัสสินคา 3648018
ค� ำ แนะน� ำ กำรใช้
คู ่ มื อ ครู ร ายวิ ช าเพิ่ ม เติ ม วิ ท ยาศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี โลก
ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.6 เล่ม 2 เล่มนี้ จัดท�าขึ้นส�าหรับให้ครู
ผู้สอนใช้เป็นแนวทางวางแผนการจัดการเรียนการสอน เพื่อพัฒนา
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการประกันคุณภาพผู้เรียนตามนโยบาย
ของส�านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)
ซึ่งครอบคลุมผลการเรียนรู้ตามที่หลักสูตรก�าหนด
วัดความรูเดิมของนักเรียนกอนเขาสูบทเรียน
2. ครูตั้งคําถาม Big Question จากหนังสือเรียน หนวยการเรียนรู้ที่
ทรงกลมฟา
ิ่ม
หรือใชคําถาม ดังตอไปนี้
• เมือ่ นักเรียนสังเกตดวงดาวบนทองฟาจะเห็น
วาดาวเคลื่อนที่ เพราะเหตุใดจึงเปนเชนนั้น 4
เพ Pedagogy ช่วยสร้างความเข้าใจในกระบวนการออกแบบ
(แนวตอบ เพราะโลกหมุนรอบตัวเอง) วัตถุทองฟ้านั้นมีการเคลื่อนที่ขึ้นและตกจากขอบฟ้า เราสามารถอธิบายการเคลื่อนที่ของวัตถุ
• เพราะเหตุใดในเวลาเดียวกันของแตละฤดู ท้องฟ้าได้งา่ ยขึน้ โดยการใช้แนวคิดของทรงกลมฟ้า ซึง่ เป็นทรงกลมสมมติทวี่ ตั ถุทอ้ งฟ้าอาศัยอยู่
จึงเห็นดาวตางกัน การหมุนของทรงกลมนี้เองเป็นสิ่งที่ท�าให้วัตถุท้องฟ้าเคลื่อนที่รอบ ๆ ตัวเรา
การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ได้อย่างมี (แนวตอบ โลกโคจรรอบดวงอาทิตย)
• ดาวบนทองฟาอยูห า งจากโลกเทากันทุกดวง
ประสิทธิภาพ หรือไม ดวงจันทร์และดวงดาวมีการขึ้น
และตกเหมือนดวงอาทิตย์หรือไม
(แนวตอบ ไมเทากัน) และมีการขึ้นและตกในทิศทางใด
3. ครู ใ ห นั ก เรี ย นพิ จ ารณาข อ ความในตาราง
เพ ตามความเขาใจของนักเรียนเพื่อวัดความรู
เดิมของนักเรียนเกี่ยวกับหนวยการเรียนรูที่ 4
จั ด การเรี ย นการสอนทั้งหมดของรายวิชาก่อนที่จะลงมือ ทรงกลมฟา
สอนจริง
Che�� fo r U n de r s t a n d i ng
ิ่ม
เพ Chapter Overview ช่วยสร้างความเข้าใจและเห็นภาพรวม
ให้นักเรียนพิจารณาข้อความตามความเข้าใจของนักเรียนว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด
ทรงกลมฟา คือ ทรงกลมสมมติขนาดใหญที่มีรัศมีอนันต โดยมีโลกเปนจุดศูนยกลางของทรงกลม
พิกัดของวัตถุทองฟาในระบบศูนยสูตรจะเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาและตําแหนงของผูสังเกต
ในการออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้แต่ละหน่วย เสนขอบฟา คือ ระนาบที่ตั้งฉากกับจุดเหนือศีรษะของผูสังเกต
คาไรตแอสเซนชันเปนมุมวัดตามแนวเสนศูนยสูตรไปทางทิศตะวันออก โดยเริ่มจากจุดศารทวิษุวัตไปจนถึงเสนที่บอกมุมชั่วโมง
ของดาว
แนวตอบ Check for Understanding ผูสังเกตที่จังหวัดอุบลราชธานี (ลองจิจูด 105 องศาตะวันออก) จะเห็นดวงอาทิตยผานเมริเดียนหลังกรีนิช 7 ชั่วโมง
ขอสอบเนนการคิดแนว O-NET
ที่มา : มติพล ตั้งมติธรรม
ผลการเรียนรู้
1. ส ร้างแบบจ�ำลองทรงกลมฟ้า สังเกตและเชื่อมโยงจุดและเส้นส�ำคัญของแบบจ�ำลองทรงกลมฟ้ากับท้องฟ้าจริง และ
อธิบายการระบุพิกัดของดาวในระบบขอบฟ้า และระบบศูนย์สูตร
2. สังเกตท้องฟ้าและอธิบายเส้นทางการขึ้น การตกของดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์
3. อธิบายเวลาสุรยิ คติปรากฏ โดยรวบรวมข้อมูลและเปรียบเทียบเวลาขณะทีด่ วงอาทิตย์ผา่ นเมริเดียนของผูส้ งั เกตในแต่ละวัน
4. อธิบายเวลาสุริยคติปานกลาง และการเปรียบเทียบเวลาของแต่ละเขตเวลาบนโลก
5. อธิบายมุมห่างทีส่ มั พันธ์กบั ต�ำแหน่งในวงโคจร และอธิบายเชือ่ มโยงกับต�ำแหน่งปรากฏของดาวเคราะห์ทสี่ งั เกตได้จากโลก
6. สบื ค้นข้อมูล อธิบายการส�ำรวจอวกาศ โดยใช้กล้องโทรทรรศน์ในช่วงความยาวคลืน่ ต่าง ๆ ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานี
อวกาศ และน�ำเสนอแนวคิดการน�ำความรู้ทางด้านเทคโนโลยีอวกาศมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�ำวันหรือในอนาคต
7. สืบค้นข้อมูล ออกแบบ และน�ำเสนอกิจกรรมการสังเกตดาวบนท้องฟ้าด้วยตาเปล่าและ/หรือกล้องโทรทรรศน์
รวม 7 ผลการเรียนรู้
Pedagogy
คู่มือครูรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.6 เล่ม 2 รวมถึงสือ่ การเรียนรูร้ ายวิชาเพิม่ เติมวิทยาศาสตร์
และเทคโนโลยี โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชั้น ม.6 ผู้จัดท�ำได้ออกแบบการสอน (Instructional Design) อันเป็น
วิธีการจัดการเรียนรู้และเทคนิคการสอนที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและมีความหลากหลายให้กับผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียน
สามารถบรรลุผลสัมฤทธิต์ ามผลการเรียนรู้ รวมถึงสมรรถนะและคุณลักษณะอันพึงประสงค์ของผูเ้ รียนทีห่ ลักสูตรก�ำหนดไว้
โดยครูสามารถน�ำไปใช้จัดการเรียนรู้ในชั้นเรียนได้อย่างเหมาะสม ส�ำหรับ Pedagogy หลักที่น�ำมาใช้ออกแบบกิจกรรม
การเรียนรู้ประกอบด้วย
ขั้นการใช้ความรู้เดิมเชื่อมโยงความรู้ใหม่ ขั้นเข้าใจ
ขั้นรู้ ขั้นลงมือท�ำ
เลือกใช้วธิ กี ารสอนทีห่ ลากหลาย เช่น อุปนัย นิรนัย การสาธิต การทดลอง แบบแก้ปญั หา แบบบรรยาย ซึง่ สนับสนุน
การจัดการเรียนการสอนแบบ Concept Based Teaching ที่ทำ� ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กระบวนการ ท�ำให้ได้ความคิดรวบยอด
ที่ส�ำคัญ อีกทั้งเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และเกิดความเข้าใจในเนื้อหาวิทยาศาสตร์อย่างถ่องแท้
เลือกใช้เทคนิคการสอนทีห่ ลากหลายและเหมาะสมกับเรือ่ งทีเ่ รียน เช่น การใช้คำ� ถาม การใช้ตวั อย่างกระตุน้ ความคิด
การใช้สอื่ การเรียนรูท้ นี่ า่ สนใจ เพือ่ ส่งเสริมวิธกี ารสอนและรูปแบบการสอนให้มปี ระสิทธิภาพในการจัดการเรียนรูใ้ ห้มากยิง่ ขึน้
ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุขและสามารถฝึกฝนทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ได้
Teacher Guide Overview
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.6 เล่ ม 2
หน่วย
ผลการเรียนรู้ ทักษะที่ได้ เวลาที่ใช้ การประเมิน สื่อที่ใช้
การเรียนรู้
4 1. ส ร้างแบบจ�ำลองทรงกลมฟ้า
สังเกตและเชื่อมโยงจุดและ
- ทักษะการสังเกต
- ทักษะการวัด
- ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน
- ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน
- แบบทดสอบก่อนเรียน
- แบบทดสอบหลังเรียน
ทรงกลมฟ้า เส้นส�ำคัญของแบบจ�ำลอง - ทักษะการสื่อสาร - ตรวจแบบฝึกหัด - หนังสือเรียนรายวิชา
ทรงกลมฟ้ากับท้องฟ้าจริง และ - ทักษะการวิเคราะห์ - ตรวจใบงาน เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และ
อธิบายการระบุพิกัดของดาว - ทักษะการสร้าง - ประเมินการปฏิบัติกิจกรรม เทคโนโลยี โลก ดาราศาสตร์
ในระบบขอบฟ้า และระบบ แบบจ�ำลอง การหมุนของทรงกลมฟ้า และอวกาศ ม.6 เล่ม 2
ศูนย์สูตร - ทักษะการท�ำงาน 20 - ประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน - แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติม
2. สังเกตท้องฟ้าและอธิบาย ร่วมกัน ชั่วโมง - ประเมินการปฏิบัติกิจกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เส้นทางการขึ้น การตกของ - ทักษะการจัดกระท�ำ การประมาณละติจูดที่เราอยู่ โลก ดาราศาสตร์ และ
ดวงอาทิตย์และดาวฤกษ์ และสื่อความหมาย - ตรวจและประเมินแบบจ�ำลอง อวกาศ ม.6 เล่ม 2
ข้อมูล - สังเกตและประเมินการน�ำเสนอ - ใบงาน
ชิ้นงานสรุปความรู้ตามที่ได้รับ - PowerPoint
มอบหมาย - QR Code
- ภาพยนตร์สารคดีสั้น Twig
5 3. อ ธิบายเวลาสุริยคติปรากฏ โดย
รวบรวมข้อมูลและเปรียบเทียบ
- ทักษะการสังเกต
- ทักษะการวัด
- ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน
- ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน
- แบบทดสอบก่อนเรียน
- แบบทดสอบหลังเรียน
การเคลื่อนที่ เวลาขณะที่ดวงอาทิตย์ผ่าน - ทักษะการสื่อสาร - ตรวจแบบฝึกหัด - หนังสือเรียนรายวิชา
ปรากฏของ เมริเดียนของผูส้ งั เกตในแต่ละวัน - ทักษะการวิเคราะห์ - ตรวจใบงาน เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และ
ดาวเคราะห์ 4. อธิบายเวลาสุริยคติปานกลาง - ทักษะการใช้จ�ำนวน - ประเมินการปฏิบัติกิจกรรม เทคโนโลยี โลก ดาราศาสตร์
และการเปรียบเทียบเวลาของ - ทักษะการท�ำงาน การเคลื่อนที่วกกลับของ และอวกาศ ม.6 เล่ม 2
แต่ละเขตเวลาบนโลก ร่วมกัน 8 ดาวอังคาร - แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติม
5. อธิบายมุมห่างที่สัมพันธ์กับ - ทักษะการจัดกระท�ำ ชั่วโมง - ประเมินการปฏิบัติกิจกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ต�ำแหน่งในวงโคจร และอธิบาย และสื่อความหมาย คาบดาราคติและคาบซินอดิก โลก ดาราศาสตร์ และ
เชื่อมโยงกับต�ำแหน่งปรากฏ ข้อมูล - สังเกตและประเมินการน�ำเสนอ อวกาศ ม.6 เล่ม 2
ของดาวเคราะห์ที่สังเกตได้ ชิ้นงานสรุปความรู้ตามที่ได้รับ - ใบงาน
จากโลก มอบหมาย - PowerPoint
- QR Code
6 6. ส ืบค้นข้อมูล อธิบายการส�ำรวจ
อวกาศ โดยใช้กล้องโทรทรรศน์
- ทักษะการสังเกต
- ทักษะการทดลอง
- ตรวจแบบทดสอบก่อนเรียน
- ตรวจแบบทดสอบหลังเรียน
- แบบทดสอบก่อนเรียน
- แบบทดสอบหลังเรียน
เทคโนโลยี ในช่วงความยาวคลื่นต่าง ๆ - ทักษะการค�ำนวณ - ตรวจแบบฝึกหัด - หนังสือเรียนรายวิชา
อวกาศกับ ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานี - ทักษะการสื่อสาร - ตรวจใบงาน เพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และ
การประยุกต์ใช้ อวกาศ และน�ำเสนอแนวคิด - ทักษะการวิเคราะห์ - ประเมินการปฏิบัติกิจกรรม เทคโนโลยี โลก ดาราศาสตร์
การน�ำความรู้ทางด้าน - ทักษะการท�ำงาน การสังเกตการณ์ท้องฟ้า และอวกาศ ม.6 เล่ม 2
เทคโนโลยีอวกาศมาประยุกต์ใช้ ร่วมกัน
ในชีวิตประจ�ำวันหรือในอนาคต - ทักษะการจัดกระท�ำ 12 - สังเกตและประเมินการน�ำเสนอ
ชิ้นงานสรุปความรู้ตามที่ได้รับ
- แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติม
ชั่วโมง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
7. สืบค้นข้อมูล ออกแบบ และ และสื่อความหมาย มอบหมาย
น�ำเสนอกิจกรรมการสังเกตดาว ข้อมูล โลก ดาราศาสตร์ และ
บนท้องฟ้าด้วยตาเปล่าและ/ อวกาศ ม.6 เล่ม 2
หรือกล้องโทรทรรศน์ - ใบงาน
- PowerPoint
- QR Code
- ภาพยนตร์สารคดีสั้นTwig
สำรบั ญ
Chapter
Chapter Teacher
Chapter Title Overview
Concept
Script
Overview
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ทรงกลมฟำ T2 -T3 T4 -T5 T6
• ทรงกลมฟาและลูกโลก T7-T15
• พิกัดท้องฟา T16 -T25
• การกําหนดเวลาบนโลก T26- T30
ท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 T31-T39
T2
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 4 - หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม 1. อธิบายต�ำแหน่งของ แบบเน้น - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการสังเกต - ซื่อสัตย์ สุจริต
ต�ำแหน่งของ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดวงอาทิตย์บนทรงกลม มโนทัศน์ - ตรวจใบงาน - ทักษะการสื่อสาร - ใฝ่เรียนรู้
ดวงอาทิตย์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ฟ้าได้ (K) (Concept - ตรวจชิ้นงาน - ทักษะการวิเคราะห์ - มุ่งมั่นในการ
บนทรงกลม ม.6 เล่ม 2 2. จัดท�ำอินโฟกราฟิก Based อินโฟกราฟิก - ทักษะการท�ำงาน ท�ำงาน
ฟ้า - แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติม ได้อย่างถูกต้องและ Teaching) เรื่อง ต�ำแหน่ง ร่วมกัน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นล�ำดับขั้นตอน (P) ดวงอาทิตย์บน
2 โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 3. ซื่อสัตย์ สุจริต ใฝ่เรียนรู้ ทรงกลมฟ้า
ชั่วโมง ม.6 เล่ม 2 และมุ่งมั่นในการท�ำงาน
- ใบงาน (A)
- ใบกิจกรรม
- PowerPoint
แผนฯ ที่ 5 - หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม 1. อธิบายพิกัดสุริยวิถีและ แบบเน้น - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการสังเกต - ซื่อสัตย์ สุจริต
พิกัดสุริยวิถี วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บอกต�ำแหน่งวัตถุ มโนทัศน์ - ตรวจใบงาน - ทักษะการสื่อสาร - ใฝ่เรียนรู้
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ บนท้องฟ้าโดยใช้พิกัด (Concept - ตรวจชิ้นงาน - ทักษะการวิเคราะห์ - มุ่งมั่นในการ
3 ม.6 เล่ม 2 สุริยวิถีได้ (K)
- แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติม 2. จัดท�ำผังมโนทัศน์
Based
Teaching)
ผังมโนทัศน์
เรื่อง พิกัดสุริยวิถี
- ทักษะการท�ำงาน
ร่วมกัน
ท�ำงาน
ชั่วโมง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้อย่างถูกต้องและ - ประเมินการน�ำเสนอ - ทักษะการ
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เป็นล�ำดับขั้นตอน (P) ผลงาน จัดกระท�ำและ
ม.6 เล่ม 2 3. ซื่อสัตย์ สุจริต ใฝ่เรียนรู้ สื่อความหมาย
- ใบงาน และมุ่งมั่นในการท�ำงาน ข้อมูล
- PowerPoint (A)
- QR Code
- ภาพยนตร์สารคดีสั้น Twig
แผนฯ ที่ 6 - หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม 1. อธิบายเวลาสุริยคติ แบบเน้น - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการสังเกต - ซื่อสัตย์ สุจริต
เวลาสุริยคติ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ปรากฏและสุริยคติ มโนทัศน์ - ตรวจใบงาน - ทักษะการสื่อสาร - ใฝ่เรียนรู้
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ปานกลางได้ (K) (Concept - ตรวจชิ้นงาน - ทักษะการวิเคราะห์ - มุ่งมั่นในการ
2 ม.6 เล่ม 2
- แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติม
2. จัดท�ำแผนที่ความคิดได้
อย่างถูกต้องและ
Based
Teaching)
แผนที่ความคิด
เรื่อง เวลาสุริยคติ
- ทักษะการท�ำงาน
ร่วมกัน
ท�ำงาน
ชั่วโมง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เป็นล�ำดับขั้นตอน (P) - ทักษะการ
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ 3. ซื่อสัตย์ สุจริต ใฝ่เรียนรู้ ลงความเห็น
ม.6 เล่ม 2 และมุ่งมั่นในการท�ำงาน จากข้อมูล
- ใบงาน (A)
- PowerPoint
แผนฯ ที่ 7 - แบบทดสอบหลังเรียน 1. อธิบายดาราคติและ แบบเน้น - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการวัด - ซื่อสัตย์ สุจริต
เวลาดาราคติ - หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม เปรียบเทียบเวลาสุริยคติ มโนทัศน์ หลังเรียน - ทักษะการสื่อสาร - ใฝ่เรียนรู้
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กับเวลาดาราคติได้ (K) (Concept - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการวิเคราะห์ - มุ่งมั่นในการ
2 โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ
ม.6 เล่ม 2
2. อธิบายประโยชน์ของ
ข้อมูลเวลามาตรฐานได้
Based
Teaching)
- ตรวจใบงาน
- ประเมินการปฏิบัติ
- ทักษะการ
สร้างแบบจ�ำลอง
ท�ำงาน
ชั่วโมง
- แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติม (K) กิจกรรมวันสุริยคติ - ทักษะการท�ำงาน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 3. ปฏิบัติกิจกรรมวันสุริยคติ กับวันดาราคติ ร่วมกัน
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ กับวันดาราคติ - ตรวจชิ้นงาน
ม.6 เล่ม 2 ได้อย่างถูกต้องและ แผนที่ความคิด
- ใบงาน เป็นล�ำดับขั้นตอน (P) เรื่อง เวลาดาราคติ
- PowerPoint 4.ซื่อสัตย์ สุจริต ใฝ่เรียนรู้ - ตรวจรายงาน
- ภาพยนตร์สารคดีสั้น Twig และมุ่งมั่นในการท�ำงาน เรื่อง ประโยชน์ของ
(A) ข้อมูลเวลามาตรฐาน
T3
Chapter Concept Overview
สวนประกอบบนทรงกลมฟา
• ทรงกลมฟาแบบไมมีเสนขอบฟา
ขั้วฟาเหนือ
เป็นบริเวณของทรงกลมฟ้าที่ขั้วโลกเหนือของโลกชี้ไป ส�าหรับผู้สังเกตในซีกโลก
เหนือสามารถสังเกตเห็นขั้วฟ้าเหนืออยู่เหนือขอบฟ้าทางทิศเหนือเป็นมุมเท่ากับ
ละติจูดที่ผู้สังเกตอยู่
เสนศูนยสูตรฟา
อยูใ่ นระนาบเดียวกับเส้นศูนย์สตู รของโลก ซึง่ จะลากขยายวงกว้างออกไปจนถึงระยะ
อนันต์ เส้นนี้จะปรากฏบนทรงกลมฟ้าของผู้สังเกตแต่ละคนต่างกัน โดยขึ้นอยู่กับ
ต�าแหน่งละติจูดของผู้สังเกต
ขั้วฟาใต
เป็นบริเวณของทรงกลมฟ้าที่ขั้วโลกใต้ของโลกชี้ไป ส�าหรับผู้สังเกตในซีกโลกเหนือ
จะไม่สามารถสังเกตเห็นขัว้ ฟ้าใต้ได้ เนือ่ งจากขัว้ ฟ้าใต้จะอยูต่ า�่ กว่าขอบฟ้าทางทิศใต้
เป็นมุมเท่ากับละติจูดที่ผู้สังเกตอยู่
• ทรงกลมฟาแบบมีเสนขอบฟา
เสนศูนยสูตรฟา
ขั้วฟ้าเหนือ
E
N S
เสนขอบฟา
W เป็นแนวบรรจบของทรงกลมฟ้าส่วนบนกับทรงกลมฟ้าส่วนล่าง ซึง่ อยูใ่ น
แนวระดับสายตาของผู้สังเกต
ขั้วฟ้าใต้
พิกัดท้องฟา
• พิกัดขอบฟา
จุดเหนือศีรษะ
ฟ้า
จุดบนทรงกลมฟ้าที่อยู่เหนือศีรษะของผู้สังเกต ซึ่งมีค่ามุมเงยเป็น 90 องศา
ดียน
เมรเิ
เมริเดียนฟา
มุมเงย
เส้นที่ลากจากขอบฟ้าทางทิศเหนือผ่านจุดเหนือศีรษะลงไปยังขอบฟ้าทางทิศใต้
มุมทิศ
ซึ่งเส้นนี้จะแบ่งทรงกลมฟ้าออกเป็นซีกตะวันออกและซีกตะวันตก
No
เส้นขอบฟ้า
มุมเงย
มักแทนด้วยสัญลักษณ์ A วัดจากเส้นขอบฟ้าขึ้นไปยังจุดเหนือศีรษะจนถึงต�าแหน่ง
ของดาว โดยจะมีค่า 0-90 องศา
จุดใตเทา มุมทิศ
จุดบนทรงกลมฟ้าที่อยู่ใต้เท้าของผู้สังเกต มักแทนด้วยสัญลักษณ์ h วัดตามแนวเส้นขอบฟ้าจากทิศเหนือไปในทิศทางตาม
เข็มนาฬิกาจนถึงแนวเส้นวงกลมใหญ่ที่ลากผ่านดาว โดยจะมีค่า 0-360 องศา
T4
หนวยการเรียนรูที่ 4
• พิกัดศูนยสูตร
ขั้วฟ้าเหนือ เดคลิเนชัน
แทนด้วยสัญลักษณ์ δ (delta) ใช้บอกระยะเชิงมุมของดาวว่า อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรฟ้า
60 � เท่าใด มีค่า -90 ถึง 90 องศา โดยหากวัดไปทางทิศเหนือจะมีค่าเป็นบวก แต่หากวัดไป
ทางทิศใต้จะมีค่าเป็นลบ
เดคลิเนชัน
30 �
0 ไ� รต์แอสเซนชัน
เส้นศูนย์สูต ไรตแอสเซนชัน
รฟ้า
-30 � แทนด้วยสัญลักษณ์ α (alpha) คือ มุมที่วัดตามแนวเส้นศูนย์สูตรฟ้าไปทางทิศตะวันออก
โดยเริม่ จากจุดวสันตวิษวุ ตั ไปจนถึงเส้นทีบ่ อกมุมชัว่ โมงของดาว มีหน่วยเป็นเวลา (ชัว่ โมง
นาที และวินาที) หรือมุม (องศา ลิปดา และพิลิปดา)
ขั้วฟ้าใต้
• พิกัดสุริยวิถี
ขั้วฟ้าเหนือสุริยวิถี
ละติจูดสุริยวิถี
β
ระนาบสุริยวิถี
λ ลองจิจูดสุริยวิถี
ขั้วฟ้าใต้สุริยวิถี
• พิกัดกาแล็กซี
การกําหนดเวลาบนโลก
• เวลาสุริยคติ
เป็นการบอกต�าแหน่งของดวงอาทิตย์เทียบกับเมริเดียน
• เวลาดาราคติ
เป็นการบอกต�าแหน่งของดาวฤกษ์บนท้องฟ้า มีค่าเท่ากับ RA ของดาวที่อยู่บนเมริเดียน
T5
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
Che�� fo r U n de r s t a n d i ng
ให้นักเรียนพิจารณาข้อความตามความเข้าใจของนักเรียนว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด
ทรงกลมฟา คือ ทรงกลมสมมติขนาดใหญที่มีรัศมีอนันต โดยมีโลกเปนจุดศูนยกลางของทรงกลม
พิกัดของวัตถุทองฟาในระบบศูนยสูตรจะเปลี่ยนแปลงไปตามเวลาและตําแหนงของผูสังเกต
เสนขอบฟา คือ ระนาบที่ตั้งฉากกับจุดเหนือศีรษะของผูสังเกต
คาไรตแอสเซนชันเปนมุมวัดตามแนวเสนศูนยสูตรไปทางทิศตะวันออก โดยเริ่มจากจุดศารทวิษุวัตไปจนถึงเสนที่บอกมุมชั่วโมง
ของดาว
ผูสังเกตที่จังหวัดอุบลราชธานี (ลองจิจูด 105 องศาตะวันออก) จะเห็นดวงอาทิตยผานเมริเดียนหลังกรีนิช 7 ชั่วโมง
แนวตอบ Check for Understanding
1. ถูก 2. ผิด 3. ถูก
4. ผิด 5. ผิด
T6
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจค้นหา (Exploration)
Key Question
ทรงกลมฟาคืออะไร 1. ทรงกลมฟ้าและลูกโลก 1. ครูถามคําถาม Key Question จากหนังสือ
และมีสว นประกอบ เรียน โดยครูทิ้งชวงใหนักเรียนคิด แลวให
หากสังเกตท้องฟ้าในยามค�่าคืน จะพบว่าดวงอาทิตย์
อะไรบาง
ดวงจั น ทร์ และดวงดาว มี ก ารเคลื่ อ นที่ ขึ้ น และตกไปตาม นักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นโดยที่ครูยัง
กาลเวลา มนุษย์ในยุคโบราณแทบทุกอารยธรรมมักจะเชื่อว่า การเคลื่อนที่ขึ้นและตกของ ไมเฉลยวาคําตอบนั้นถูกหรือผิด
วัตถุท้องฟ้าเป็นกลไกของเทพเจ้าหรือสรวงสวรรค์ แต่ในปัจจุบันสามารถอธิบายได้ว่า การที่เห็น 2. ครู ใ ห นั ก เรี ย นแบ ง กลุ ม กลุ ม ละ 4-5 คน
วัตถุท้องฟ้าเคลื่อนที่นั้นที่จริงแล้ววัตถุท้องฟ้าไม่ได้เคลื่อนที่ แต่เป็นเพราะโลกหมุนรอบตัวเอง คละกันตามความสามารถ คือ เกง ปานกลาง
ถึงแม้ว่าการเคลื่อนที่ของวัตถุท้องฟ้านั้น แท้จริงแล้วมาจากการหมุนรอบตัวเองของโลก คอนขางเกง ปานกลางคอนขางออน และออน
แต่สา� หรับผูส้ งั เกตบนโลก สิง่ ทีม่ นุษย์ในยุคโบราณสังเกตก็คอื การทีว่ ตั ถุทอ้ งฟ้ารอบ ๆ ตัวหมุนไป แลวใหนกั เรียนรวมกันศึกษา เรือ่ ง ทรงกลมฟา
พร้อม ๆ กัน ประหนึง่ ว่ามีทรงกลมขนาดใหญ่ทพี่ าดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว เคลือ่ นทีไ่ ป จากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน หนังสือเรียน
พร้อมทรงกลม เราเรียกทรงกลมนี้ว่า ทรงกลมฟ้า (celestial sphere)
อินเทอรเน็ต โดยครูเนนยํ้าใหนักเรียนเลือก
ส�าหรับการเคลื่อนที่ขึ้นและตกของดวง ขั้วฟ้าเหนือ
อาทิตย์ เราทราบกันอยู่แล้วว่าดวงอาทิตย์น้ัน ศึกษาจากแหลงขอมูลที่นาเชื่อถือ
ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตก 3. ครูแจกกระดาษฟลิปชารตใหแตละกลุม กลุม ละ
และถ้าใช้เวลาสังเกตท้องฟ้าใน 1 วัน เราจะ 1 แผน แลวใหนักเรียนแตละกลุมรวมกันสรุป
พบว่า ดวงจันทร์ ดวงดาว และดาวเคราะห์ ความรูที่ศึกษาไดโดยจัดทําเปนอินโฟกราฟก
ต่าง ๆ ก็ขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศ เรือ่ ง ทรงกลมฟา โดยครูคอยใหคาํ แนะนําและ
ตะวั น ตกเช่ น เดี ย วกั บ ดวงอาทิ ต ย์ หากเรา ตรวจสอบความถูกตองของชิ้นงาน
พยายามจะอธิบายเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของ
วัตถุทั้งหมดถือว่าเป็นเรื่องที่ซับซ้อน แต่ถ้าเรา (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
เส้นศูนย์สตู รฟ้า
จินตนาการว่า ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และ แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
ดวงดาวเป็นเพียงวัตถุที่อยู่บนทรงกลมเสมือน
ขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบตัวเราจะสามารถอธิบาย
ปรากฏการณ์ทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย เพื่อ
ที่ จ ะอธิ บ ายถึ ง ทรงกลมฟ้ า ให้ เ ข้ า ใจได้ ง ่ า ย ขั้วฟ้าใต้
เราควรเริ่ ม จากการเอาส่ ว นต่ า ง ๆ ออกไป ภาพที ่ 4.1 ทรงกลมฟ้ าเป็นทรงกลมสมมติขนาดใหญ่ที่
ห่อหุ้มโลกกับตัวเราเอาไว้
ให้เหลือเพียงทรงกลมฟ้า ที่มา : คลังภาพ อจท.
ภาพที่ 4.2 เส้นแสงดาวแสดงการเคลือ่ นทีข่ องดาว ถ่ายได้โดยการเปิดหน้ากล้องทิง้ ไว้นาน ๆ จะพบว่าดวงดาวบนท้องฟ้า
จะมีการหมุนไปรอบ ๆ จุดจุดหนึ่ง ราวกับว่าทั้งท้องฟ้าเป็นทรงกลมขนาดใหญ่ที่หมุนไปรอบ ๆ แกนหมุนของโลก
ที่มา : มติพล ตั้งมติธรรม
ขัน้ สอน
สํารวจค้นหา (Exploration)
4. นักเรียนแตละกลุมนําอินโฟกราฟกของกลุม 1.1 ทรงกลมฟ้าแบบไม่มีเส้นขอบฟ้า
ตนเองมาติดรอบชั้นเรียน แลวเดินชมผลงาน หากเราลอยอยูใ่ นอวกาศ ไร้ซงึ่ บรรยากาศและพืน้ ดิน หรือหากเราสามารถมองทะลุพนื้ โลกได้
ของเพื่อนรวมชั้นเรียน โดยครูคอยกระตุน สิ่งที่เราจะเห็นก็คือ อวกาศอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวนับล้าน
ใหนักเรียนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับ ประดับบริเวณรอบ ๆ เราทุกทิศทุกทาง คล้ายกับทรงกลม เราเรียกทรงกลมนี้ว่า ทรงกลมฟ้า
ผลงานที่แตละกลุมไดทํา หากเราเริ่มหมุนรอบตัวเองไปเรื่อย ๆ จะสังเกตเห็นว่าทรงกลมฟ้านี้มีการหมุนรอบตัวเอง
5. ครูแจงใหนกั เรียนทราบวาจะไดสรางแบบจําลอง (จริง ๆ แล้วสืบเนือ่ งมาจากว่าเราก�าลังหมุนรอบตัวเองอยู)่ เมือ่ เวลาผ่านไปเราอาจเริม่ เห็นว่าวัตถุ
ทรงกลมฟา แลวแจกใบกิจกรรมการสรางแบบ บางอย่าง เช่น ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว มีการเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ไปบนทรงกลมฟ้านี้
จําลองทรงกลมฟาใหนกั เรียนแตละกลุม ในทรงกลมฟ้านี้เราอาจเริ่มก�าหนดต�าแหน่งและพิกัด วิธีการก�าหนดพิกัดบนทรงกลมฟ้า
6. นักเรียนแตละกลุมรวมกันออกแบบและเลือก สามารถท�าได้หลายวิธี แต่โดยส่วนมากมักจะก�าหนดพิกัดโดยเริ่มจากแกน ขั้วทั้งสองด้าน และ
วัสดุอุปกรณที่มาใชในการสรางแบบจําลอง วงกลมใหญ่ เช่นเดียวกับโลกของเราที่ก�าหนดพิกัดโดยขั้วโลกเหนือ ขั้วโลกใต้ และเส้นศูนย์สูตร
ทรงกลมฟ า แล ว ร ว มกั น สร า งแบบจํ า ลอง การก�าหนดขัว้ บนท้องฟ้านัน้ วิธที ใี่ ช้บอ่ ยทีส่ ดุ ก็คอื การก�าหนดขัว้ ฟ้าเหนือ (North Celestial
ทรงกลมฟาตามที่ไดออกแบบไว Pole; NCP) และขัว้ ฟ้าใต้ (South Celestial Pole; SCP) ซึง่ ก็คอื บริเวณบนท้องฟ้าทีข่ วั้ โลกเหนือและ
7. ครูแจงใหนกั เรียนทราบวาทุกกลุม จะไดออกมา ขัว้ โลกใต้ของโลกชีไ้ ปบนทรงกลมฟ้า จากนัน้ บริเวณกึง่ กลางจากขัว้ ฟ้าทัง้ สองเป็นวงกลม เรียกว่า
นําเสนอแบบจําลองของกลุมตนเองในชั่วโมง เส้นศูนย์สูตรฟ้า (celestial equator) ซึ่งก็คือ บริเวณเส้นศูนย์สูตรของโลกที่ขยายไปบรรจบลง
ถัดไป โดยแบบจําลองที่จะออกมานําเสนอได บนทรงกลมฟ้านั่นเอง
ตองผานการตรวจสอบและการใหคําแนะนํา
ขั้วฟ้าเหนือ
จากครูกอน เป็นบริเวณของทรงกลมฟ้าทีข่ วั้ โลกเหนือของโลกชีไ้ ป
ส�าหรับผู้สังเกตในซีกโลกเหนือสามารถสังเกตเห็น
ขัว้ ฟ้าเหนืออยูเ่ หนือขอบฟ้าทางทิศเหนือเป็นมุมเท่ากับ
ละติจูดที่ผู้สังเกตอยู่
เส้นศูนย์สูตรฟ้า
อยู่ในระนาบเดียวกับเส้นศูนย์สูตรของโลก ซึ่งจะลาก
ขยายวงกว้างออกไปจนถึงระยะอนันต์ เส้นนีจ้ ะปรากฏ
บนทรงกลมฟ้าของผูส้ งั เกตแต่ละคนต่างกัน โดยขึน้ อยู่
กับต�าแหน่งละติจูดของผู้สังเกต
ขั้วฟ้าใต้
เป็นบริเวณของทรงกลมฟ้าที่ขั้วโลกใต้ของโลกชี้ไป
ส�าหรับผู้สังเกตในซีกโลกเหนือจะไม่สามารถสังเกต
เห็นขัว้ ฟ้าใต้ได้ เนือ่ งจากขัว้ ฟ้าใต้จะอยูต่ า�่ กว่าขอบฟ้า
ภาพที่ 4.3 ทรงกลมฟ้าแบบไม่มีเส้นขอบฟ้า ทางทิศใต้เป็นมุมเท่ากับละติจูดที่ผู้สังเกตอยู่
ที่มา : คลังภาพ อจท.
ขัน้ สอน
อธิบายความรู้ (Explanation)
หากสังเกตการเคลื่อนที่ของทรงกลมฟ้า จะพบว่าทรงกลมฟ้านี้มีการหมุนรอบแกนหมุน 8. นักเรียนแตละกลุม สงตัวแทนออกมานําเสนอ
ที่เชื่อมระหว่างขั้วฟ้าเหนือและขั้วฟ้าใต้ นั่นคือ ทุกต�าแหน่งบนทรงกลมฟ้ามีการเคลื่อนที่ ผลงานแบบจําลองทรงกลมฟา
เป็นวงกลมไปรอบ ๆ ขั้วฟ้าเหนือและขั้วฟ้าใต้ และมีเพียง 2 จุด ที่ไม่มีการหมุนเลย นั่นคือ 9. ครูถามคําถามเพื่อใหนักเรียนอธิบายความรู
บริเวณขั้วฟ้าเหนือและขั้วฟ้าใต้ นอกจากนี้ หากลากเส้นจากจุดใด ๆ บนทรงกลมฟ้าไปยัง โดยใชคําถาม ดังนี้
ขั้วฟ้าเหนือหรือขั้วฟ้าใต้ การหมุนของทรงกลมฟ้าจะหมุนไปในลักษณะที่ท�าให้จุดนั้น ๆ เคลื่อนที่ • ทรงกลมฟาคืออะไร และมีลกั ษณะอยางไร
ไปในทิศทางตั้งฉากกับทิศของขั้วฟ้า
(แนวตอบ ทรงกลมฟา คือ ทรงกลมสมมติ
1.2 ทรงกลมฟ้าแบบมีเส้นขอบฟ้า ขนาดใหญที่มีจุดศูนยกลางของโลกเปน
ในความเป็นจริงเราไม่สามารถสังเกตทรงกลมฟ้าได้ทั้งหมดไปพร้อม ๆ กัน แต่กลับพบว่า จุดศูนยกลางของวงกลมและมีดาวอยูบน
ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง ครึ่งหนึ่งของทรงกลมฟ้าจะถูกบดบังไปด้วยพื้นดินที่เรายืนอยู่ เราสามารถ ผิวในของทรงกลม โดยมีเสนแบงครึ่งทรง
มองพืน้ ดินนีแ้ ผ่ออกเป็นวงกลมไปรอบ ๆ ตัวผูส้ งั เกต บดบังครึง่ หนึง่ ของทรงกลมฟ้าทีอ่ ยูภ่ ายใต้เท้า กลมเปนวงกลมใหญที่แบงครึ่งทรงกลม
ของเรา เรียกเส้นขอบของผืนดินนี้ว่า เส้นขอบฟ้า (horizon) ท้องฟ้าที่ผู้สังเกตจะสามารถเห็นได้
ในเวลาหนึ่ง ๆ อาจแบ่งออกได้เป็นเส้นขอบฟ้า ขอบฟ้าทางทิศเหนือ ขอบฟ้าทางทิศใต้ ขอบฟ้า ออกเปน 2 ซีก)
ทางทิศตะวันออก และขอบฟ้าทางทิศตะวันตก • ทรงกลมฟามีกี่แบบ อะไรบาง
(แนวตอบ 2 แบบ คือ ทรงกลมฟาแบบไมมเี สน
ขอบฟาและทรงกลมฟาแบบมีเสนขอบฟา)
ขั้วฟ้าเหนือ เส้นศูนย์สูตรฟ้า 10. นักเรียนแตละกลุมออกมาเขียนคําตอบหนา
ชัน้ เรียน แลวครูใหนกั เรียนชวยกันตรวจสอบ
E ความถูกตอง โดยครูจะเปนผูเฉลยคําตอบที่
N S ถูกตองในตอนสุดทาย
เส้นขอบฟ้า W
เป็นแนวบรรจบของ
ทรงกลมฟ้าส่วนบนกับ
ทรงกลมฟ้าส่วนล่าง ซึ่งอยู่ ขั้วฟ้าใต้
ในแนวระดับสายตาของผู้สังเกต
T9
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจค้นหา (Exploration)
กิจกรรม ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
11. ครูถามคําถามกระตุนความคิดนักเรียนวา • การสังเกต
• การสร้างแบบจ�าลอง
การหมุนของทรงกลมฟาสงผลอยางไร โดย การหมุนของทรงกลมฟ้า
จิตวิทยาศาสตร์
ครูยงั ไมเฉลยคําตอบแตแจงนักเรียนใหทราบ • ความรอบคอบ
• ความมุ่งมั่นอดทน
วาจะรูคําตอบเมื่อจบชั่วโมง วัสดุอปุ กรณ์
12. ครูใหนกั เรียนแบงกลุม (กลุม เดิม) โดยแจงให
นักเรียนทราบวาจะไดทํากิจกรรมการหมุน 1. ร่ม
2. โต๊ะ
ของทรงกลมฟา พรอมแจงจุดประสงคการ 3. สติกเกอร์หรือปากกาเมจิก
ทํากิจกรรม
13. นักเรียนแตละกลุม ทํากิจกรรมตามขัน้ ตอนใน วิธปี ฏิบตั ิ
หนังสือเรียน
14. นักเรียนแตละกลุม ออกมานําเสนอผลการทํา
กิจกรรมการหมุนของทรงกลมฟา
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบประเมินการปฏิบัติกิจกรรม)
T10
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา (Exploration)
?
ค�าถามท้ายกิจกรรม 15. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายผลการทํา
1. ด้านในของร่มและภาพวาดดวงดาวใช้จ�าลองแทนสิ่งใด กิจกรรม โดยครูและนักเรียนจะตองใหขอ สรุป
2. เมือ่ ชูก้านร่มไว้เหนือศีรษะ เมื่อน�าก้านร่มวางทาบลงกับพื้นโต๊ะให้ครึ่งหนึ่งของชายร่มถูกโต๊ะบังเอาไว้ รวมกันวา การหมุนของทรงกลมฟาจะทําให
และเมื่อเอียงก้านร่มขึ้น เป็นการจ�าลองผู้สังเกตอยู่บริเวณใด และดวงดาวมีการเคลื่อนที่อย่างไร เราเห็นการเคลื่อนที่ของดวงดาวแตกตางกัน
เมื่อเราสังเกตที่ตําแหนงแตกตางกันของโลก
อภิปรายผลกิจกรรม
16. ครู แ จกกระดาษฟลิ ป ชาร ต ให แ ต ล ะกลุ ม
จากกิจกรรมเป็นการจ�าลองการหมุนของทรงกลมฟ้า การชูก้านร่มไว้เหนือศีรษะ เป็นการจ�าลอง กลุมละ 1 แผน แลวใหนักเรียนแตละกลุม
ผูส้ งั เกตจากขัว้ โลกเหนือและขัว้ โลกใต้ ผูส้ งั เกตบริเวณนีจ้ ะไม่เห็นการขึน้ และตกของดวงดาว ส่วนการน�าก้านร่ม
วางทาบลงกับพื้นโต๊ะครึ่งหนึ่งของชายร่มถูกโต๊ะบังเอาไว้ เป็นการจ�าลองผู้สังเกตจากเส้นศูนย์สูตร ซึ่งสังเกต นําความรูจากการทํากิจกรรมและการสืบคน
เห็นดวงดาวขึ้นและตกเป็นมุมตั้งฉากกับเส้นขอบฟ้า และเมื่อเอียงก้านร่มขึ้น โดยให้ก้านร่มอยู่สูงจาก ขอมูลเพิม่ เติมจากแหลงการเรียนรูต า งๆ เชน
ขอบโต๊ะเล็กน้อย เป็นการจ�าลองผู้สังเกตจากบริเวณอื่น ๆ บนโลก ซึ่งดวงดาวจะขึ้นเป็นมุมละติจูดกับทิศ หนังสือเรียน อินเทอรเน็ต มารวมกันจัดทํา
ตั้งฉากจากเส้นขอบฟ้า อินโฟกราฟก เรื่อง ปรากฏการณที่สังเกตได
เมื่อผูสังเกตอยูบริเวณตางๆ ของโลก โดยครู
คอยใหคาํ แนะนําและตรวจสอบความถูกตอง
ปรากฏการณที่สังเกตไดเมื่อผูสังเกตอยู่บริเวณต่าง ๆ ของโลก ของชิ้นงาน
ผู้สังเกตจากขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้
ขั้วฟ้าเหนือ
ผูส้ งั เกตทีอ่ ยูข่ วั้ โลกเหนือ จะสามารถสังเกต
เห็นขั้วฟ้าเหนือได้บริเวณเหนือศีรษะของผู้สังเกต
พอดี ในขณะที่ขั้วฟ้าใต้จะอยู่ใต้เท้าของผู้สังเกต
ซึ่งหมายความว่าขั้วฟ้าใต้ถูกผืนดินบดบัง แนวตอบ คําถามทายกิจกรรม
ในขณะเดียวกันผูส้ งั เกตทีอ่ ยูบ่ ริเวณขัว้ โลกใต้
จะพบขั้วฟ้าใต้อยู่เหนือศีรษะของผู้สังเกต แต่ไม่ 1. จําลองแทนทรงกลมฟา
สามารถสังเกตเห็นขั้วฟ้าเหนือได้ 2. การชูกา นรมไวบนศีรษะเปนการจําลองผูส งั เกต
เนื่ อ งจากขั้ ว ฟ้ า มี ทิ ศ ทางตั้ ง ฉากกั บ เส้ น จากขัว้ โลกเหนือและขัว้ โลกใต ผูส งั เกตบริเวณนี้
ขอบฟ้า ทรงกลมฟ้าจะมีลักษณะการหมุนที่ขนาน จะไมเห็นการขึน้ และตกของดวงดาว สวนการนํา
ไปกับเส้นขอบฟ้าและไม่มีดาวดวงใดที่ขึ้นและตก
กานรมวางทาบลงกับพื้นโตะใหครึ่งหนึ่งของ
จากขอบฟ้าเลย ส�าหรับผู้สังเกตจากขั้วโลกเหนือ
และขั้วโลกใต้จะไม่สามารถนิยามทิศเหนือ ทิศใต้ ชายรมถูกโตะบังเอาไวเปนการจําลองผูสังเกต
เส้นขอบฟ้า 1 ทิศตะวันออก หรือทิศตะวันตกจากการเคลื่อนที่ของ จากเสนศูนยสูตร ซึ่งจะสังเกตเห็นดวงดาวขึ้น
ขั้วฟ้าใต้ เส้นศูนย์สูตรฟ้า ดวงดาวได้ และตกเปนมุมตั้งฉากกับเสนขอบฟา และเมื่อ
ภาพที่ 4.6 ปรากฏการณ์ทสี่ งั เกตได้เมือ่ ผูส้ งั เกตอยูบ่ ริเวณต่าง ๆ ของโลก เอียงกานรมขึ้น โดยใหกานรมอยูสูงจากขอบ
ที่มา : คลังภาพ อจท.
ทรงกลมฟ้า 7
โตะเล็กนอยเปนการจําลองผูสังเกตจากบริเวณ
อื่นๆ บนโลก ซึ่งดวงดาวจะขึ้นเปนมุมละติจูด
กับทิศตั้งฉากจากเสนขอบฟา
T11
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจคนหา (Exploration)
17. ครูสมุ กลุม ทีจ่ ดั ทําอินโฟกราฟกไดถกู ตองและ
มีวธิ กี ารนําเสนอทีน่ า สนใจใหออกมานําเสนอ ผู้สังเกตจากเส้นศูนย์สูตร
ขั้วฟ้าเหนือ ขั้วฟ้าใต้
ผลงานที่หนาชั้นเรียน ส�าหรับผูส้ งั เกตทีอ่ ยูบ่ ริเวณเส้นศูนย์สตู รนัน้
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช จะพบว่าขั้วฟ้าเหนือและขั้วฟ้าใต้จะอยู่บริเวณเส้น
ขอบฟ้าพอดี โดยเส้นศูนย์สูตรฟ้าจะพาดผ่านทิศ
แบบประเมินการนําเสนอผลงาน) ตะวันออกและทิศตะวันตกลากขึ้นไปถึงเหนือศีรษะ
18. นักเรียนแตละคนทําใบงาน เรือ่ ง ทรงกลมฟา ของผู้สังเกต และจะพบว่าทุกจุดบนทรงกลมฟ้าจะ
และลูกโลก
เส้นศูนย์สูตรฟ้า
เคลือ่ นทีข่ นึ้ และตกเป็นมุมตัง้ ฉากกับเส้นขอบฟ้าพอดี
19. ครูขออาสาสมัครใหออกมาเขียนเฉลยใบงาน ณ เวลาหนึง่ ๆ บริเวณครึง่ หนึง่ ของทรงกลม
แตละขอลงบนกระดานหนาชั้นเรียน แลวครู ฟ้าจะอยู่ภายใต้เส้นขอบฟ้า แต่ภายในเวลา 1 วัน
ตรวจสอบความถูกตอง ทุกจุดบนทรงกลมฟ้าจะโผล่พ้นขอบฟ้า
20. ครูมอบหมายใหนกั เรียนแตละคนทํากิจกรรม
การประมาณละติจูดที่เราอยูเปนการบาน
โดยตกลงรวมกับนักเรียนวา ในชั่วโมงถัดไป ผู้สังเกตจากบริเวณอื่น ๆ
นักเรียนจะตองมีผลการทํากิจกรรมมาสงครู
ส�าหรับผู้สังเกตจากบริเวณอื่น ๆ บนโลก
ต� า แหน่ ง ของขั้ ว ฟ้ า เหนื อ จะขึ้ น อยู ่ กั บ ละติ จู ด ของ
ดาวค้างฟ้า
ผู ้ สั ง เกต เช่ น ผู ้ สั ง เกตจากกรุ ง เทพมหานคร
ขั้วฟ้าเหนือ (13 องศาเหนือ) จะพบว่าขั้วฟ้าเหนือจะอยู่เหนือ
ขอบฟ้าทางทิศเหนือขึ้นไป 13 องศา เส้นศูนย์สูตร
ฟ้าเอียงไปทางใต้ 13 องศา และจะเห็นดาวขึ้น
และตกเป็นมุม 13 องศากับเส้นขอบฟ้า
ผู้สังเกตที่บริเวณนี้จะพบว่ามีดาวที่อยู่ใกล้
ขั้วฟ้าเหนือบางดวงที่ไม่มีวันตกลับขอบฟ้า และ
มี ด าวบางบริ เ วณใกล้ ขั้ ว ฟ้ า ใต้ ที่ ไ ม่ เ คยโผล่ ขึ้ น มา
เหนือขอบฟ้าเลย
ขั้วฟ้าใต้ ในลักษณะเดียวกัน ผูส้ งั เกตจากละติจดู อืน่ ๆ
จะพบขั้วฟ้าและทรงกลมฟ้าท�ามุมเอียงแตกต่างกัน
ไปตามละติจูดของผู้สังเกต
เส้นศูนย์สูตรฟ้า
ดาวที่ไม่เคยโผล่เหนือขอบฟ้า Con���t Q�e����n
ผูสังเกตบริเวณใดจะไมเห็นดวงดาวเคลื่อนที่
ขึ้นและตกจากขอบฟา
8
แนวตอบ Concept Question
ผูสังเกตบริเวณเสนศูนยสูตรฟา
ขอบฟาลงในทรงกลมฟาที่ผูสังเกตจากเชียงใหมจะสามารถสังเกตเห็น
ศูน
ขั้วฟาเหนือ
ยสูต
เสนขอบฟา
T12
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
สํารวจค้นหา (Exploration)
กิจกรรม ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
• การวัด 21. ครูถามคําถามกระตุน ความคิดนักเรียนวา เรา
การประมาณละติจูดที่เราอยู่ • การสังเกต สามารถประมาณละติจูดที่เราอยูไดอยางไร
จิตวิทยาศาสตร์
• ความรอบคอบ โดยครูยังไมเฉลยคําตอบแตแจงนักเรียนให
วัสดุอปุ กรณ์ • ความมุ่งมั่นอดทน ทราบวาจะรูคําตอบเมื่อจบชั่วโมง
1. ปากกา 2. สมุดบันทึก 22. ครูใชเทคนิคเพื่อนคูคิด โดยใหนักเรียนจับคู
กับเพื่อนรวมชั้นเรียนอยางอิสระ
วิธปี ฏิบตั ิ 23. นักเรียนแตละคูน าํ ผลการทํากิจกรรมมาแลก
1. รอวันที่ฟ้าเปิด ไม่มีเมฆ แล้วออกไปบริเวณที่โล่งแจ้ง ปราศจากแสงไฟรบกวน เปลี่ยนกันดูและอภิปรายรวมกัน แลวรวมกัน
2. หาดาวเหนือ โดยสามารถหาดาวเหนือได้จากกลุ่มดาวหมีใหญ่และกลุ่มดาวค้างคาว สรุปผลการทํากิจกรรมโดยมีครูคอยใหคํา
3. วัดมุมเงยของขั้วฟ้าเหนือจากขอบฟ้า ซึ่งสามารถประมาณมุมได้โดยใช้ร่างกายของเราเอง ถ้าเราเหยียด ปรึกษาและคําแนะนํา
แขนออกไปข้างหน้าให้สุด แล้วเอานิ้วมือเทียบกับระยะห่างที่ต้องการวัด (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
1� 2�
แบบประเมินการปฏิบัติกิจกรรม)
ความกว้างของนิ้วก้อย ความกว้างของนิ้วหัวแมมือ
มีค่าประมาณ 1 องศา มีค่าประมาณ 2 องศา อธิบายความรู้ (Explanation)
24. ครูสมุ นักเรียนบางคูอ อกมานําเสนอผลการทํา
กิจกรรมของคูตนเอง
25. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายผลการทํา
5� 10 � กิจกรรม โดยครูและนักเรียนจะตองใหขอ สรุป
ความกว้ า งของนิ้ ว ชี้ ความกว้างของกําปน
นิ้ ว กลาง และนิ้ ว นาง มีค่าประมาณ 10 องศา รวมกันวา มุมเงยของดาวเหนือจะมีคา เทากับ
รวมกัน ละติจดู ของผูสังเกตซึ่งจะมีคาแตกตางกันไป
มีค่าประมาณ 5 องศา ตามตําแหนงของผูสังเกต
15 � 22 �
ความกว้างระหวาง ความกว้างระหวาง
นิ้วชี้กับนิ้วก้อย นิ้วหัวแมมือกับนิ้วก้อย
มีค่าประมาณ 15 องศา มีค่าประมาณ 22 องศา
T13
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
อธิบายความรู (Explanation)
26. ครูถามคําถามเพื่อใหนักเรียนอธิบายความรู ค�าถามท้ายกิจกรรม
โดยถามวา ?
เนื่องจากมุมเงยของขั้วฟ้าเหนือ (ดาวเหนือ) จะเท่ากับละติจูดที่เราอาศัยอยู่ จากกิจกรรม นักเรียน
• เพราะเหตุใดเมื่อนักเรียนกับเพื่อนสังเกต
สามารถประมาณละติจูดที่อาศัยอยู่ได้เท่าไร และได้ค่าใกล้เคียงกับค่าละติจูดจริงของจังหวัดที่นักเรียนอาศัย
ดาวดวงเดียวกันแตอยูกันคนละตําแหนง อยู่หรือไม่ อย่างไร
บนโลก นักเรียนกับเพื่อนจึงเห็นดาวดวง
เดียวกันอยูคนละตําแหนงกัน อภิปรายผลกิจกรรม
(แนวตอบ เนื่ อ งจากโลกหมุ น รอบตั ว เอง มุมเงยของขัว้ ฟ้าเหนือ (ดาวเหนือ) จะมีคา่ เท่ากับละติจดู ของผูส้ งั เกตซึง่ มีคา่ แตกต่างกันไปตามต�าแหน่ง
ตามเวลาที่เปลี่ยนไป ขอบฟาของผูสังเกต ของผู้สังเกต
จะเปลีย่ นไปดวย เมือ่ ผูส งั เกตอยูก นั คนละ
ตําแหนง ละติจูดจะทําใหคามุมเงยของ
ดาวดวงเดียวกันไมเทากัน ผูสังเกตจึงเห็น ในความเป็นจริงแล้ว ในเวลา 1 วัน ทุกซีกของทรงกลมฟ้าจะหมุนเวียนกันขึ้นมาอยู่
ดาวดวงเดียวกันคนละตําแหนงกัน) เหนือขอบฟ้า (ยกเว้นส่วนที่ไม่เคยโผล่พ้นขอบฟ้าเลย) อย่างไรก็ตาม ใน 1 วัน เวลาประมาณ
12 ชัว่ โมง จะเป็นเวลากลางวัน ท�าให้ไม่สามารถสังเกตเห็นดวงดาวบนท้องฟ้าได้ นัน่ คือ ดาวฤกษ์
ขยายความเขาใจ (Elaboration) ทีโ่ ผล่ขนึ้ มาพ้นขอบฟ้าในเวลาเดียวกันกับทีด่ วงอาทิตย์โผล่ขนึ้ มาพ้นขอบฟ้า จะไม่สามารถสังเกต
27. ครูใหความรูเ พิม่ เติม โดยทีค่ รูอาจใช Power- เห็นได้ เนื่องจากถูกบดบังด้วยแสงอาทิตย์
Point เรือ่ ง ทรงกลมฟาและลูกโลก มาชวยใน เราสามารถพิจารณาดวงอาทิตย์ได้วา่ เป็นเพียงวัตถุหนึง่ บนทรงกลมฟ้าทีห่ มุนไปพร้อมๆ กับ
การอธิบาย ทรงกลมฟ้า แต่ในความเป็นจริง ต�าแหน่งของดวงอาทิตย์บนทรงกลมฟ้าจะค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง
28. ครูใหนักเรียนตอบคําถามทายกิจกรรมการ ไปเรื่อย ๆ ตามแนวที่เรียกว่า เส้นสุริยวิถี (ecliptic)
ประมาณละติจูดที่เราอยู จากหนังสือเรียน ในวันหนึ่ง ๆ เราสามารถพิจารณาดวงอาทิตย์เป็นเพียงวัตถุหนึ่ง ๆ บนทรงกลมฟ้าที่มีการ
เคลื่อนที่ไปพร้อม ๆ กับดาวฤกษ์ทั้งปวง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโลกมีการโคจรรอบดวงอาทิตย์
ลงในสมุดประจําตัว และแกนโลกท�ามุม 23.5 องศากับระนาบการโคจร ต�าแหน่งดวงอาทิตย์บนทรงกลมฟ้าจึงเปลีย่ นไป
29. ครู ม อบหมายให นั ก เรี ย นทํ า แบบฝ ก หั ด เรื่อย ๆ และเมื่อโลกโคจรกลับมาครบ 1 รอบ ต�าแหน่งของดวงอาทิตย์บนทรงกลมฟ้าก็จะวน
เรื่อง ทรงกลมฟา จากแบบฝกหัดรายวิชา กลับมาครบต�าแหน่งเดิม เมื่อเวลาผ่านไป 1 ปีพอดี
เพิ่ ม เติ ม วิ ท ยาศาสตร แ ละเทคโนโลยี 1
เส้นสุริยวิถี
โลก ดาราศาสตร และอวกาศ ม.6 เลม 2 เส้นแสดงเส้นทางของดวงอาทิตย์ในรอบ 1 ปี
ขั้วฟ้าเหนือ
หนวยการเรียนรูที่ 4 เปนการบานสงครูใน ซึง่ เป็นระนาบของระบบสุรยิ ะพาดผ่านกลุม่ ดาว
ชั่วโมงถัดไป จักรราศี ซึง่ ดาวเคราะห์และดวงจันทร์กส็ ามารถ
ํ
พบได้เช่นกัน
23.5
แนวตอบ คําถามทายกิจกรรม เส้นขอบฟ้า
หากนักเรียนอยูที่ละติจูด 18 องศาเหนือ จะได ภาพที่ 4.8 ต�าแหน่งของดวงอาทิตย์
เส้นศูนย์สูตรฟ้า ขั้วฟ้าใต้ บนทรงกลมฟ้าตามแนวเส้นสุรยิ วิถี
คามุมเงยของขั้วฟาเหนือ (ดาวเหนือ) 18 องศา ที่มา : คลังภาพ อจท.
เหนือ หรือใกลเคียง เนือ่ งจากมุมเงยของขัว้ ฟาเหนือ 10
(ดาวเหนือ) จะมีคาเทากับละติจูดของผูสังเกตซึ่งมี
คาแตกตางกันไปตามตําแหนงของผูสังเกต
T14
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
นักเรียนและครูรว มกันสรุปความรูเ กีย่ วกับทรง
เนือ่ งจากโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ในระนาบทีเ่ รียกว่า ระนาบสุรยิ วิถี (ecliptic plane) ดังนัน้ กลมฟาและลูกโลก โดยนักเรียนจดบันทึกลงใน
จึงสังเกตเห็นดวงอาทิตย์เคลื่อนที่ผ่านทรงกลมฟ้าเป็นแนววงกลม โดยเรียกเส้นทางเดินของ สมุดประจําตัวเปนรายบุคคล
ดวงอาทิตย์นี้ว่า เส้นสุริยวิถี ซึ่งท�ามุม 23.5 องศากับเส้นศูนย์สูตรฟ้า โดยกลุ่มดาวที่เส้นสุริยวิถี
พาดผ่าน คือ กลุ่มดาวจักรราศี มีน กุมภ์
ขัน้ ประเมิน
เมษ 21 มี.ค. 21 ก.พ. ตรวจสอบผล (Evaluation)
21 เม.ย.
พฤษภ มังกร
21 ม.ค.
1. ครูตรวจสอบผลการทําใบงาน เรือ่ ง ทรงกลมฟา
21 พ.ค.
21 พ.ย.
21 ต.ค. 21 ก.ย. 21 ส.ค.
เวลากลางคืน และลูกโลก
ธนู
เวลากลางวัน
21 ก.ค. 21 ธ.ค. 2. ครูตรวจแบบฝกหัด เรือ่ ง ทรงกลมฟาและลูกโลก
21 ธ.ค.
เมถุน
21 มิ.ย.
21 มิ.ย. 3. ครูตรวจและประเมินผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมการ
ลก
งิ ของโ
21 ม.ค.
21 ก.พ.
เส้นทางการโคจรที่แทจ้ ร
21 พ.ค.
สรางแบบจําลองทรงกลมฟา
กรกฎ
21 ก.ค.
ตา� แหน่งทีด่ วงอ
21 มี.ค. 21 เม.ย. 4. ครูตรวจและประเมินผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมการ
าทิตย์ปรากฏในจักรราศี
สิงห์
21 ส.ค.
พิจิก
21 พ.ย. หมุนของทรงกลมฟา
ตุลย์
กันย์ 21 ต.ค. 5. ครูตรวจและประเมินผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมการ
21 ก.ย.
ประมาณละติจูดที่เราอยู
ภาพที่ 4.9 วันที่ 21 สิงหาคม ดวงอาทิตย์ปรากฏอยูท่ รี่ าศีสงิ ห์ ซึง่ จะไม่สามารถสังเกตเห็นราศีสงิ ห์ได้ เนือ่ งจากกลุม่ ดาว
อยูเ่ หนือขอบฟ้าในเวลากลางวัน แต่จะเห็นราศีกมุ ภ์ได้ตลอดทัง้ คืน เพราะกลุม่ ดาวอยูต่ รงข้ามดวงอาทิตย์ 6. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ
ที่มา : Bennett, et al (2013) สังเกตการตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางาน
แนวความคิดการท�านายโชคชะตาด้วยกลุ่มดาวจักรราศีมีมาตั้งแต่สมัยบาบิโลเนียเมื่อ รายบุคคลและพฤติกรรมการทํางานกลุม
ประมาณ 4,000 ปีที่แล้ว ชาวบาบิโลเนียได้ค้นพบว่า กลุ่มดาวจักรราศีใดอยู่บริเวณขอบฟ้า 7. ครูวดั และประเมินผลจากชิน้ งานอินโฟกราฟก
ก่อนดวงอาทิตย์ขึ้น จะสามารถท�านายฤดูกาลได้ และช่วยให้สังคมกสิกรรมสามารถวางแผน เรื่อง ทรงกลมฟาและลูกโลก
ช่วงเวลาในการเพาะปลูกได้อย่างเหมาะสม 8. ครูวดั และประเมินผลจากชิน้ งานอินโฟกราฟก
Core Concept เรื่อง ปรากฏการณที่สังเกตไดเมื่อผูสังเกตอยู
ให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญ เรื่อง บริเวณตางๆ ของโลก
ทรงกลมฟ้าและลูกโลก
Topic
Questions
ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้
1. บริเวณใดที่ผู้สังเกตจะสามารถเห็นทั้งขั้วฟ้าเหนือและขั้วฟ้าใต้
2. จงอธิบายเกี่ยวกับเส้นขอบฟ้า
3. เพราะเหตุใดเราถึงสังเกตเห็นดาวบางกลุ่มได้ในบางฤดู
ทรงกลมฟ้า 11
ลาดับที่
กับระดับคะแนน
รายการประเมิน
ระดับคะแนน
3. การโคจรของโลกรอบดวงอาทิตยทาํ ใหดวงดาวถูกบดบังดวยแสงอาทิตย
4 3 2 1
1 การปฏิบัติการทากิจกรรม
2 ความคล่องแคล่วในขณะปฏิบัติกิจกรรม
3 การบันทึก สรุปและนาเสนอผลการทากิจกรรม
ทากิจกรรมตามขั้นตอน
3
ทากิจกรรมตามขั้นตอน
ระดับคะแนน
2
ต้องให้ความช่วยเหลือ
1
ต้องให้ความช่วยเหลือ
กิจกรรม และใช้อุปกรณ์ได้อย่าง และใช้อุปกรณ์ได้อย่าง บ้างในการทากิจกรรม อย่างมากในการทา
ถูกต้อง ถูกต้อง แต่อาจต้องได้รับ และการใช้อุปกรณ์ กิจกรรม และการใช้
คาแนะนาบ้าง อุปกรณ์
2. ความ มีความคล่องแคล่ว มีความคล่องแคล่ว ขาดความคล่องแคล่ว ทากิจกรรมเสร็จไม่
คล่องแคล่ว ในขณะทากิจกรรมโดยไม่ ในขณะทากิจกรรมแต่ ในขณะทากิจกรรมจึงทา ทันเวลา และทาอุปกรณ์
ในขณะปฏิบัติ ต้องได้รับคาชี้แนะ และ ต้องได้รับคาแนะนาบ้าง กิจกรรมเสร็จไม่ทันเวลา เสียหาย
กิจกรรม ทากิจกรรมเสร็จทันเวลา และทากิจกรรมเสร็จ
ทันเวลา
3. การบันทึก สรุป บันทึกและสรุปผลการทา บันทึกและสรุปผลการทา ต้องให้คาแนะนาในการ ต้องให้ความช่วยเหลือ
และนาเสนอผล กิจกรรมได้ถูกต้อง รัดกุม กิจกรรมได้ถูกต้อง แต่การ บันทึก สรุป และนาเสนอ อย่างมากในการบันทึก
การปฏิบัติ นาเสนอผลการทา นาเสนอผลการทา ผลการทากิจกรรม สรุป และนาเสนอผลการ
กิจกรรม กิจกรรมเป็นขั้นตอน กิจกรรมยังไม่เป็นขั้นตอน ทากิจกรรม
ชัดเจน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
10-12 ดีมาก
7-9 ดี
4-6 พอใช้
0-3 ปรับปรุง
T15
นํา นํา สอน
สอน สรุป ประเมิน
อินเทอรเน็ต โดยครูเนนยํ้าใหนักเรียนเลือก
เมรเิ
เมริเดียนฟ้า
ศึกษาจากแหลงขอมูลที่นาเชื่อถือ
มุมเงย
เส้นทีล่ ากจากขอบฟ้าทางทิศเหนือผ่านจุดเหนือศีรษะลงไป
2. ครูแจกกระดาษฟลิปชารตใหแตละกลุม กลุม มุมทิศ
ยังขอบฟ้าทางทิศใต้ ซึ่งเส้นนี้จะแบ่งทรงกลมฟ้าออกเป็น
No
ละ 1 แผน แลวใหนักเรียนแตละกลุมรวมกัน ซีกตะวันออกและซีกตะวันตก
เส้นขอบฟ้า
สรุปความรูที่ศึกษาไดโดยจัดทําเปนผังมโน มุมเงย
ทัศน เรื่อง พิกัดขอบฟา โดยครูคอยใหคํา มักแทนด้วยสัญลักษณ์ A วัดจากเส้นขอบฟ้าขึ้นไปยังจุด
เหนือศีรษะจนถึงต�าแหน่งของดาว โดยจะมีคา่ 0-90 องศา
แนะนําและตรวจสอบความถูกตองของชิน้ งาน
มุมทิศ
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช จุดใต้เท้า
จุดบนทรงกลมฟ้าที่อยู่ใต้เท้าของผู้สังเกต มักแทนด้วยสัญลักษณ์ h วัดตามแนวเส้นขอบฟ้าจากทิศ
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม) เหนือไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกาจนถึงแนวเส้นวงกลม
ภาพที่ 4.10 การระบุตา� แหน่งวัตถุบนท้องฟ้า ใหญ่ที่ลากผ่านดาว โดยจะมีค่า 0-360 องศา
ในระบบพิกดั ขอบฟ้า
ที่มา : คลังภาพ อจท.
12 พิกัดขอบฟา
T16
นํา สอน สรุป ประเมิน
T17
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ขยายความเข้าใจ (Elaboration)
7. ครู ใ ห ค วามรู เ พิ่ ม เติ ม โดยที่ ค รู อ าจจะใช ตัวอย่างที่ จากภาพที่ 4.12 จงหามุมทิศและมุมเงยของดาว A และ B
PowerPoint เรื่อง ทรงกลมฟาและลูกโลก 4.1
14
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
เหนือ ขั้วฟาเหนือจะยกขึ้นมา 13.8 องศา นั่นคือ เสนศูนยสูตร
ฟาจะอยูคอนไปทางใต 13.8 องศา จึงเห็นดวงอาทิตยอยูตํ่ากวา
เสนศูนยสตู รฟาอีก 23.5 องศา ดังนัน้ ดวงอาทิตยจะคอนไปทางใต
เกณฑ์การให้คะแนน
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน
............./.................../............... โดยอยูเหนือขอบฟา 90 ∞- 23.5∞ - 13.8 = 52.7 องศา ขณะที่ผาน
เมริเดียน)
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
T18
8–10 พอใช้
ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง
นํา นํา สอน
สอน สรุป ประเมิน
30 � เป็นลบ โดยไมเฉลยคําตอบ
0� ขัน้ สอน
เส้นศูนย์ส ไรต์แอสเซนชัน รู้ (Knowing)
ูตรฟ้า
ไรต์แอสเซนชัน
-30 � แทนด้วยสัญลักษณ์ α (alpha) มุมที่วัดตาม 1. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 4 คน แลว
แนวเส้นศูนย์สูตรฟ้าไปทางทิศตะวันออก โดย ใหนักเรียนรวมกันศึกษา เรื่อง พิกัดศูนยสูตร
เริ่มจากจุดวสันตวิษุวัตไปจนถึงเส้นที่บอกมุม
ชั่วโมงของดาว มีหน่วยเป็นเวลา (ชั่วโมง นาที จากแหลงการเรียนรูตางๆ เชน หนังสือเรียน
และวินาที) หรือมุม (องศา ลิปดา และพิลิปดา) อินเทอรเน็ต โดยครูเนนยํ้าใหนักเรียนเลือก
ขั้วฟ้าใต้ ศึกษาจากแหลงขอมูลที่นาเชื่อถือ
ภาพที่ 4.14 การระบุตา� แหน่งวัตถุบนท้องฟ้าในระบบพิกดั ศูนย์สตู ร 2. นักเรียนแตละกลุมจัดทําผังมโนทัศน เรื่อง
ที่มา : คลังภาพ อจท. พิกัดศูนยสูตร ในรูปแบบที่นาสนใจ จากนั้น
สงตัวแทนออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน
ทรงกลมฟ้า 15
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
T19
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
3. ครูถามคําถามใหนักเรียนอธิบายสิ่งที่นักเรียน ในการระบุต�าแหน่งพิกัดบนทรงกลมฟ้า เราใช้วิธีใกล้เคียงกับพิกัดละติจูดและลองจิจูด
ไดเรียนรู โดยใหนกั เรียนแขงขันกันตอบคําถาม บนโลก โดยในระบบพิกัดศูนย์สูตรแบ่งพิกัดออกเป็นเดคลิเนชันและไรต์แอสเซนชัน จุดส�าคัญ
หากนักเรียนคนใดตอบไดถูกตองรวดเร็วที่สุด ต่าง ๆ บนทรงกลมฟ้าในพิกัดศูนย์สูตร ได้แก่
ครูจะใหรางวัล เชน คะแนนพิเศษ โดยครูอาจ 1. ขั้วฟ้าเหนือ เป็นบริเวณของท้องฟ้าที่แกนหมุนของโลกชี้ไปทางทิศเหนือ ปัจจุบันอยู่
ใชคําถามจากแบบฝกหัด เรื่อง พิกัดศูนยสูตร ใกล้เคียงกับดาวเหนือ (polaris) โดยห่างประมาณ 1 องศา ซึ่งดาวเหนือเป็นดาวฤกษ์ธรรมดา
ไม่ได้เป็นดาวที่สว่างที่สุดหรือมีความพิเศษแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้บริเวณ
ลงมือทํา (Doing) ขั้วเหนือของท้องฟ้าเพียงเท่านั้น
4. นักเรียนแตละคนทําใบงาน เรือ่ ง พิกดั ศูนยสตู ร 2. ขั้วฟ้าใต้ เช่นเดียวกับขั้วฟ้าเหนือ แต่เป็นขั้วหมุนของทรงกลมฟ้าทางทิศใต้แทน
5. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําแบบฝกหัด เรื่อง ณ ปัจจุบันไม่มีดาวฤกษ์สว่างดวงใดอยู่บริเวณขั้วฟ้าใต้
พิกัดศูนยสูตร จาก Unit Questions 4 เปน 3. เส้นศูนย์สูตรฟ้า คือ เส้นสมมติที่ได้จากการฉายเส้นศูนย์สูตรของโลกไปยังบนท้องฟ้า
การบานสงครูในชั่วโมงถัดไป เส้นศูนย์สตู รฟ้านีจ้ ะแบ่งทรงกลมฟ้าออกเป็นซีกฟ้าเหนือและซีกฟ้าใต้ ส่วนบริเวณเส้นศูนย์สตู รฟ้า
จะเป็นบริเวณที่สามารถสังเกตผู้สังเกตที่อยู่จากทั่วทุกมุมโลกได้
ขัน้ สรุป 4. เดคลิเนชัน (Declination; Dec) แทนด้วยสัญลักษณ์ δ (delta) จะมีลักษณะคล้าย ๆ
กับละติจูดบนโลก ใช้บอกระยะเชิงมุมของดาวว่าอยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรฟ้าเท่าใด มีค่า -90 ถึง
1. ครูใหความรูเ พิม่ เติม โดยทีค่ รูอาจจะใช Power- 90 องศา โดยถ้าวัดไปทางทิศเหนือมีคา่ เป็นบวก แต่ถา้ วัดไปทางทิศใต้จะมีคา่ เป็นลบ เช่น ดาวเวกา
Point เรื่อง พิกัดศูนยสูตร มาชวยอธิบาย (Vega) จะมี Dec ประมาณ δ = +39 องศา
2. นั ก เรี ย นและครู ร ว มกั น สรุ ป ความรู เ กี่ ย วกั บ 5. ไรต์แอสเซนชัน (Right Ascension; RA) แทนด้วยสัญลักษณ์ α (alpha) จะมีลกั ษณะ
พิกดั ศูนยสตู ร โดยนักเรียนจดบันทึกลงในสมุด คล้าย ๆ กับเส้นลองจิจูดบนโลก คือ มุมที่ห่างจากเส้นอ้างอิง ส�าหรับทรงกลมฟ้าเราใช้เส้นอ้างอิง
ประจําตัวเปนรายบุคคล คือ เส้นที่ลากผ่านจุดวสันตวิษุวัต (vernal equinox) หรือต�าแหน่งของดวงอาทิตย์ประมาณวันที่
21 มีนาคม หน่วยของ RA จะมีลักษณะที่ต่างออกไป โดยใช้หน่วยเป็น ชั่วโมง (h) นาที (m)
และวินาที (s) โดยรอบเส้นศูนย์สูตรฟ้าจะแบ่งออกเป็น 24 ชั่วโมง เช่น ดาวเวกามี RA ประมาณ
ขัน้ ประเมิน α = 18 h 36 m หรืออาจบอกเป็นมุม ในกรณีนี้ค่า RA จะมีค่าตั้งแต่ 0-360 องศา
1. ครู ต รวจสอบผลการทํ า ใบงาน เรื่ อ ง พิ กั ด
ศูนยสูตร Earth Science
Focus ดาวเหนือของโลก
2. ครูตรวจแบบฝกหัด เรื่อง พิกัดศูนยสูตร
ดาวเหนือของโลกไม่ใช่ดาวเหนือถาวร และมีการ
3. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ เปลีย่ นแปลงไปตลอดเวลา สาเหตุเป็นเพราะว่าแกนโลกที่
สังเกตการตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางาน เอียงก�าลังหมุนคล้ายกับลูกข่างทีก่ า� ลังล้ม ท�าให้แกนของ
รายบุคคลและพฤติกรรมการทํางานกลุม โลกส่ายไปรอบ ๆ โดยการส่าย 1 รอบ จะใช้เวลาประมาณ
26,000 ปี ในสมัยกรีกโบราณขัว้ ฟ้าเหนือชีไ้ ปทีร่ ะหว่างกลุม่
4. ครูวัดและประเมินผลจากชิ้นงานผังมโนทัศน ดาวหมีใหญ่และหมีเล็ก ในต�านานกรีกโบราณจึงเล่าขานกัน
เรื่อง พิกัดศูนยสูตร ว่า แม่หมีกบั ลูกหมีกา� ลังวิง่ วนหากันอยูใ่ นสรวงสวรรค์
ภาพที่ 4.15 การหมุนส่ายของแกนโลกท�าให้
ต�าแหน่งของขั้วฟ้าเหนือเปลี่ยนแปลงได้
ที่มา : Tau'olunga
16
T20
8–10 พอใช้
ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง
นํา นํา สอน
สอน สรุป ประเมิน
ขอสอบเนน การคิด
นักปราชญชาวกรีกคนหนึ่งชื่อ เอราทอสเทนีส (Eratosthenes) อาศัยอยูที่เมืองไซรีนี (Cyrene) ซึ่งมีเพียง 1 วัน ที่สามารถสังเกตเห็นเงาสะทอน
ของดวงอาทิตยอยูในบอนํ้าได (ดวงอาทิตยอยูกลางศีรษะ) หากเมืองไซรีนีอยูในซีกโลกเหนือ เมืองนี้จะมีละติจูดเทาใด และวันที่สามารถสังเกตเห็น
เงาสะทอนของดวงอาทิตยไดจะตรงกับวันอะไร
(วิเคราะหคําตอบ ใน 1 ป พิกัดเดคลิเนชันของดวงอาทิตยจะมีการเปลี่ยนแปลงคอนไปทางเหนือและใตไมเกิน +/- 23.5 องศา จากเสนศูนยสูตรฟา
จึงสามารถพบดวงอาทิตยอยูเหนือศีรษะไดเมื่อคาเดคลิเนชันของดวงอาทิตยมีคาเทากับคาเดคลิเนชันที่กลางศีรษะ โดยประเทศในแถบศูนยสูตรจะ
สามารถพบปรากฏการณนี้ไดปละ 2 ครั้ง เชน ที่กรุงเทพมหานคร จะพบเมื่อคาเดคลิเนชันกําลังเคลื่อนที่ไปทางเหนือสูวันครีษมายัน และอีกครั้งเมื่อ
ดวงอาทิตยกาํ ลังเคลือ่ นกลับลงมาทางใตสวู นั วสันตวิษวุ ตั แตทเี่ มืองไซรีนสี ามารถพบปรากฏการณนไี้ ดเพียงครัง้ เดียว แสดงวาดวงอาทิตยจะอยูเ หนือศีรษะ
ที่ตรงจุดวนกลับพอดี นั่นคือ เมืองนี้จะตองมีคาเดคลิเนชันบริเวณเหนือศีรษะเทากับ +23.5 องศา ตรงกับละติจูด 23.5 องศาเหนือ ซึ่งเรียกละติจูดนี้วา
ทรอปกออฟแคนเซอร (Tropic of Cancer) และวันที่ดวงอาทิตยมีคาเดคลิเนชัน +23.5 องศา จะตรงกับวันที่กลางวันยาวที่สุดในซีกโลกเหนือ ซึ่งคือ
วันครีษมายัน)
T21
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ลงมือทํา (Doing)
3. ครูใชเทคนิคเพื่อนคูคิด โดยใหนักเรียนจับคู ขั้วฟ้าเหนือ ครีษมายัน
กับเพื่อนรวมชั้นเรียนอยางอิสระ โดยนักเรียน วิษุวัต
แตละคูรวมกันทําใบงาน เรื่อง ตําแหนงของ
ดวงอาทิตยบนทรงกลมฟา โดยไมปรึกษากับ
เพื่อนนักเรียนคูอื่น เหมายัน
4. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําแบบฝกหัด เรื่อง
ตําแหนงของดวงอาทิตยบนทรงกลมฟา จาก
Unit Questions 4 เปนการบานสงครูในชั่วโมง
ถัดไป
ขั้วฟ้าใต้
ขัน้ สรุป
ภาพที่ 4.17 ต�าแหน่งการขึน้ และตกของดวงอาทิตย์ในวันต่าง ๆ ส�าหรับผูส้ งั เกตในซีกโลกเหนือ
ครู ม อบหมายให นั ก เรี ย นเขี ย นสรุ ป เนื้ อ หา ที่มา : คลังภาพ อจท.
ตําแหนงของดวงอาทิตยบนทรงกลมฟา ลงในสมุด
จากตารางที่ 4.1 และภาพที่ 4.17 ท�าให้ทราบถึงฤดูกาลและปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ
บันทึกประจําตัวเปนรายบุคคล ดวงอาทิตย์ ดังนี้
ในวันที่ 21 มีนาคม และ 21 กันยายน ดวงอาทิตย์จะอยูบ่ นเส้นศูนย์สตู รฟ้า เนือ่ งจากเส้นศูนย์
ขัน้ ประเมิน สูตรฟ้าจะถูกแบ่งครึ่งโดยเส้นขอบฟ้า ไม่ว่าผู้สังเกตจะอยู่บนละติจูดใดก็ตาม หมายความว่า
1. ครูตรวจผลการทําใบงาน เรื่อง ตําแหนงของ ใน 2 วันนี้ดวงอาทิตย์จะใช้เวลาโผล่พ้นขอบฟ้าและอยู่ใต้ขอบฟ้าเป็นเวลาเท่า ๆ กัน นั่นคือ
ดวงอาทิตยบนทรงกลมฟา เป็นวันที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน จึงเรียกว่า วิษุวัต (equinox/equal night and day)
2. ครูตรวจแบบฝกหัด เรื่อง ตําแหนงของดวง ในวันที่ 21 มิถุนายน ดวงอาทิตย์จะอยู่ค่อนมาทางเหนือจากเส้นศูนย์สูตรฟ้ามากที่สุด
อาทิตยบนทรงกลมฟา นั่นหมายความว่า ดวงอาทิตย์จะใช้เวลาอยู่เหนือขอบฟ้ามากที่สุดส�าหรับผู้สังเกตในซีกโลกเหนือ
3. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ คือ จะเป็นวันที่กลางวันยาวที่สุด เป็นตัวบ่งบอกถึงฤดูร้อนส�าหรับประเทศในซีกโลกเหนือ
สังเกตการตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางาน ในวันที่ 21 ธันวาคม ดวงอาทิตย์จะอยู่ค่อนมาทางใต้ของทรงกลมฟ้ามากที่สุด ส�าหรับ
รายบุคคล และพฤติกรรมการทํางานกลุม ผู้สังเกตในซีกโลกเหนือจะพบกลางคืนยาวที่สุด ซึ่งเป็นตัวบ่งบอกถึงฤดูหนาวส�าหรับประเทศ
4. ครูวดั และประเมินผลจากชิน้ งานอินโฟกราฟก ในซีกโลกเหนือ
เรื่อง ตําแหนงของดวงอาทิตยบนทรงกลมฟา ทั้งนี้ หากผู้สังเกตไปอยู่ในซีกโลกใต้ จะพบว่า ในวันที่ 21 มิถุนายน ดวงอาทิตย์จะอยู่ใต้
ขอบฟ้านานกว่า นั่นหมายความว่า ผู้สังเกตในซีกโลกใต้จะอยู่ในช่วงฤดูหนาว ในเดือนมิถุนายน
สลับกับผูส้ งั เกตในซีกโลกเหนือ ดังนัน้ ค�าว่า ครีษมายัน (summer solstice) ส�าหรับเดือนมิถนุ ายน
จึงใช้ได้ส�าหรับซีกโลกเหนือเท่านั้น ในบางครั้งอาจจะเรียกว่า Northward Solstice และ South-
ward Solstice แทน
18
4. ขึน้ ทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือและตกทางทิศตะวันตก
ชือ่ –สกุล ฟังคนอื่น น้าใจ
ลาดับที่ คิดเห็น มอบหมาย ปรับปรุง 15
ของนักเรียน
ผลงานกลุ่ม คะแนน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
เฉียงไปทางใต
5. ขึน้ ทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางเหนือและตกทางทิศตะวันตก
เฉียงไปทางเหนือ
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้
............./.................../...............
3 คะแนน
(วิเคราะหคําตอบ ในชวงฤดูหนาวสําหรับผูสังเกตซีกโลกเหนือ
ดวงอาทิตยจะขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใตมากที่สุดและ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
T22
8–10 พอใช้
ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง
นํา นํา สอน
สอน สรุป ประเมิน
ดวงอาทิตย ทรงกลมฟ้า 19
www.aksorn.com/interactive3D/RNC54
T23
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
3. ครูใชคาํ ถามใหนกั เรียนอธิบายสิง่ ทีน่ กั เรียนได 2. ขั้วฟ้าเหนือสุริยวิถี (North Ecliptic Pole; NEP) และขั้วฟ้าใต้สุริยวิถี (South
เรียนรู โดยใหนักเรียนแขงขันกันตอบคําถาม Ecliptic Pole; SEP) ระนาบสุริยวิถีได้ท�าการแบ่งทรงกลมฟ้าออกเป็น 2 ส่วน โดยบริเวณ
หากนักเรียนคนใดตอบไดถูกตองรวดเร็วที่สุด ส่วนทีช่ อี้ อกจากระนาบเป็นมุมฉากพอดีคอื แกนสุรยิ วิถี ซึง่ เราสามารถแบ่งออกได้เป็นขัว้ ฟ้าทัง้ สอง
ครูจะใหรางวัล เชน คะแนนพิเศษ โดยครูอาจ เพื่อความสะดวกในการเรียก เราจึงเรียกขั้วฟ้าในระบบพิกัดสุริยวิถีเป็นขั้วฟ้าเหนือสุริยวิถีและ
ใชคําถาม ดังตอไปนี้ ขั้วฟ้าใต้สุริยวิถี ตามขั้วฟ้าเหนือและขั้วฟ้าใต้ในระบบพิกัดศูนย์สูตร อย่างไรก็ตาม ขั้วสุริยวิถี
• พิกดั สุรยิ วิถคี อื อะไร และใชสงิ่ ใดเปนระนาบ ทั้งสองนี้ไม่ได้สอดคล้องกับการหมุนหรือจุดที่มีความพิเศษแต่อย่างใด แต่เป็นเพียงต�าแหน่งบน
อางอิง ทรงกลมฟ้าที่อยู่ห่างจากเส้นสุริยวิถีมากที่สุด
(แนวตอบ พิกัดสุริยวิถีเปนพิกัดที่ใชเสนทาง
3. ละติจดู สุรยิ วิถี (ecliptic latitude) เป็นมุมทีห่ า่ งจากระนาบสุรยิ วิถใี นลักษณะเดียวกับ
เดิ น ปรากฏของดวงอาทิ ต ย เ ป น เส น หลั ก
ละติจูดของโลก โดยใช้เส้นสุริยวิถีเป็นจุดอ้างอิง สามารถเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ β (beta) มีค่า
ซึ่งอยูบนระนาบการโคจรของโลกรอบดวง
เป็นบวกเมือ่ ไปทางทิศเหนือและติดลบเมือ่ ไปทางทิศใต้ เช่น ขัว้ ฟ้าใต้สรุ ยิ วิถจี ะมีพกิ ดั β = -90 องศา
อาทิตย โดยใชระนาบสุริยวิถี เปนระนาบ
อางอิง) 4. ลองจิจูดสุริยวิถี (ecliptic longitude) เป็นมุมที่วัดไปตามแนวสุริยวิถีในลักษณะ
• สวนประกอบสําคัญของพิกัดสุริยวิถีมีอะไร เดียวกับเส้นลองจิจดู ของโลก สามารถเขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ λ (lambda) แต่เนือ่ งจากทรงกลม
บาง มีลกั ษณะสมมาตรรอบ ๆ แกน เราจึงนิยามให้จดุ ตัดบริเวณต�าแหน่งของดวงอาทิตย์ในวันวสันตวิษวุ ตั
(แนวตอบ ขัว้ ฟาเหนือสุรยิ วิถี ขัว้ ฟาใตสรุ ยิ วิถี มีคา่ ลองจิจดู สุรยิ วิถเี ป็นศูนย์ ในลักษณะเดียวกันกับลองจิจดู ของโลกทีใ่ ช้เมืองกรีนชิ เป็นจุดอ้างอิง
ระนาบสุริยวิถี ลองจิจูดสุริยวิถี และละติจูด
สุริยวิถี) Earth Science
• พิกัดสุริยวิถีใชขอมูลใดในการระบุตําแหนง Focus การหาดาวเหนือ
ดาวบนทองฟา เราสามารถหาดาวเหนือได้โดยใช้กลุ่ม
(แนวตอบ ลองจิจดู สุรยิ วิถแี ละละติจดู สุรยิ วิถ)ี ดาวหมีใหญ่ หรือจากกลุม่ ดาวค้างคาว โดยกลุม่ กลุ่มดาวหมีใหญ่
Ursa Major
ดาวหมีใหญ่สามารถสังเกตได้จากดาว 7 ดวง
ลักษณะคล้ายกระบวยตักน�า้ เมือ่ ลากดาว 2 ดวง กลุ่มดาวค้างคาว
ดาวเหนือ
Polaris
Cassiopea
ตรงปลายกระบวยจะชี้ไปยังดาวเหนือ ส�าหรับ กลุ่มดาวหมีเล็ก
กลุ่มดาวค้างคาวจะมีลักษณะคล้ายตัว M และ Ursa Minor
สามารถใช้หาดาวเหนือได้ โดยการลากหาจุดตัด
จากด้านข้างทั้งสองข้างของตัว M ทั้งสองข้าง
และจากจุดตัดลากเส้นตรงผ่านดาวตรงกลาง
ตัว M เพื่อชี้ไปยังดาวเหนือ ภาพที่ 4.19 กลุ่มดาวหมีใหญ่ กลุ่มดาวหมีเล็ก
กลุ่มดาวค้างคาว และดาวเหนือ
ที่มา : มติพล ตั้งมติธรรม
20
T24
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ลงมือทํา (Doing)
2.4 พิกัดกาแล็กซี 4. นักเรียนทําใบงาน เรื่อง พิกัดสุริยวิถีและพิกัด
กาแล็กซี
5. นักเรียนแตละคนตอบคําถามทายหัวขอ Topic
Questions ลงในสมุดบันทึกประจําตัว
6. ครูมอบหมายใหนกั เรียนทําแบบฝกหัด เรือ่ ง พิกดั
สุรยิ วิถแี ละพิกดั กาแล็กซี จาก Unit Questions 4
เปนการบานสงครูในชั่วโมงถัดไป
ขัน้ สรุป
1. ครูใหความรูเ พิม่ เติมในสวนนัน้ โดยทีค่ รูอาจจะ
ใช PowerPoint เรื่อง พิกัดสุริยวิถีและพิกัด
ภาพที่ 4.20 ทรงกลมฟ้าแสดงในพิกดั กาแล็กซี พิกดั นีจ้ ะใช้ระนาบกาแล็กซีทางช้างเผือกเป็นระนาบอ้างอิง กาแล็กซี มาชวยอธิบาย
ที่มา : 2MASS project
2. นักเรียนและครูรว มกันสรุปความรูเ กีย่ วกับพิกดั
นอกจากพิกัดขอบฟ้า พิกัดศูนย์สูตร และพิกัดสุริยวิถีแล้ว เรายังสามารถใช้ระนาบของ สุรยิ วิถแี ละพิกดั กาแล็กซี โดยนักเรียนจดบันทึก
กาแล็กซีทางช้างเผือกเป็นระนาบอ้างอิงได้อีกด้วย ระบบพิกัดนี้เหมาะแก่การศึกษากาแล็กซี ลงในสมุดบันทึกประจําตัวเปนรายบุคคล
ทางช้างเผือก แบ่งพิกดั กาแล็กซีออกเป็นละติจดู กาแล็กซี (galactic latitude) และลองจิจดู กาแล็กซี
(galactic longitude) โดยมีทิศของลองจิจูดกาแล็กซีที่ 0 องศา ชี้ไปยังศูนย์กลางกาแล็กซีบริเวณ ขัน้ ประเมิน
กลุ่มดาวคนยิงธนู (sagittarius) และทิศบวกในละติจูดกาแล็กซีชี้ไปหาขั้วเหนือของกาแล็กซี ซึ่งชี้ 1. ครูตรวจสอบผลการทําใบงาน เรือ่ ง พิกดั สุรยิ วิถี
ไปยังบริเวณกลุ่มดาวโคม่าเบเรนิซ (coma berenices) และพิกัดกาแล็กซี
2. ครูตรวจแบบฝกหัดจาก Topic Questions เรือ่ ง
Core Concept พิกัดสุริยวิถีและพิกัดกาแล็กซี ในสมุดบันทึก
ให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญ เรื่อง ประจําตัว
พิกัดท้องฟ้า
3. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ
Topic
Questions สังเกตการตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางาน
ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้ รายบุคคลและพฤติกรรมการทํางานกลุม
1. ระบบพิกัดขอบฟ้าและระบบพิกัดศูนย์สูตรเป็นระบบที่ระบุพิกัดบนท้องฟ้าแบบใด จงอธิบาย 4. ครูวัดและประเมินผลจากชิ้นงานผังมโนทัศน
2. การระบุพิกัดบนทรงกลมฟ้าด้วยระบบพิกัดศูนย์สูตรต้องระบุค่าใดบ้าง เรื่อง พิกัดสุริยวิถีและพิกัดกาแล็กซี
3. ดวงอาทิตย์ ณ วันที่กลางคืนยาวนานที่สุดในซีกโลกเหนือมีพิกัดสุริยวิถีเท่าใด
ทรงกลมฟ้า 21
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
T25
8–10 พอใช้
ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง
นํา นํา สอน
สอน สรุป ประเมิน
22
สุริยุปราคาและจันทรุปราคา
แนวตอบ Key Question www.aksorn.com/interactive3D/RNC55
ดาวฤกษจํานวนหลายแสนลานดวง
T26
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เข้าใจ (Understanding)
อย่างไรก็ตาม เราจะพบว่า เวลาทีด่ วงอาทิตย์ใช้ในการกลับมาอยูใ่ นต�าแหน่งเดิมบนท้องฟ้า 5. ครูใชคาํ ถามใหนกั เรียนอธิบายสิง่ ทีน่ กั เรียนได
(1 วันสุริยคติปรากฏ) จะไม่เท่ากันตลอดทั้งปี ที่เป็นเช่นนี้เนื่องจากโลกมีวงโคจรเป็นวงรี ท�าให้ เรียนรู โดยใหนักเรียนแขงขันกันตอบคําถาม
เวลาที่ใช้ต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่หากเราน�ามาเฉลี่ยวันสุริยคติปรากฏตลอดทั้งปีแล้ว จะได้ว่า หากนักเรียนคนใดตอบไดถูกตองรวดเร็วที่สุด
เวลาเฉลี่ยใน 1 วัน จะมีค่าเท่ากับ 24 ชั่วโมงพอดี เราเรียกเวลา 24 ชั่วโมงว่า 1 วันสุริยคติเฉลี่ย ครูจะใหรางวัล เชน คะแนนพิเศษ
(mean solar day)
นาฬิกาที่เราใช้เป็นการแบ่ง 1 วันสุริยคติเฉลี่ย ออกเป็น 24 ชั่วโมง และเวลาสุริยคติปรากฏ ลงมือทํา (Doing)
เป็นตัวบอกว่า ดวงอาทิตย์ผ่านเมริเดียนมานานเท่าไร เช่น เวลา 11.30 น. หมายความว่า 6. นักเรียนแตละคูรวมกันทําใบงาน เรื่อง เวลา
ดวงอาทิ ต ย์ ก� า ลั ง จะผ่ า นเมริ เ ดี ย นในอี ก 30 นาที ในขณะที่ 19.00 น. หมายความว่ า สุริยคติ โดยไมปรึกษากับเพื่อนนักเรียนคูอื่น
ดวงอาทิตย์ได้ผา่ นเมริเดียนไปเมือ่ 7 ชัว่ โมงทีแ่ ล้ว เราสามารถเรียกมุมทีด่ วงอาทิตย์ทา� กับเมริเดียน 7. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําแบบฝกหัด เรื่อง
ได้วา่ มุมชัว่ โมง (Hour Angle; HA) โดยเราสามารถวัดแทนได้ดว้ ยเวลาทีด่ วงอาทิตย์ผา่ นเมริเดียน
เวลาสุริยวิถี จาก Unit Questions 4 เปน
มา เช่น เวลา 11.30 น. ดวงอาทิตย์จะมีมุมชั่วโมงประมาณ -30 นาที
การบานสงครูในชั่วโมงถัดไป
การใช้เวลาสุริยคติปรากฏ หมายความว่า ผู้สังเกตที่อยู่ลองจิจูดที่แตกต่างกันจะมีเวลาที่ไม่
ตรงกัน (ผู้สังเกตที่อยู่ทางทิศตะวันออกจะเห็นดวงอาทิตย์ผ่านเมริเดียนก่อน) เพื่อความสะดวก
ในการนัดหมายเวลา จึงได้มีการก�าหนดเวลาสากล และแบ่งเวลามาตรฐานออกเป็นชั่วโมง โดย ขัน้ สรุป
เทียบเวลาสากลที่เมืองกรีนิช (Greenwich Mean Time; GMT) และเรียกเวลานี้ว่า เวลาสากล นั ก เรี ย นและครู ร ว มกั น สรุ ป ความรู เ กี่ ย วกั บ
(Universal Time; UT) โดยส�าหรับประเทศไทยมีอาณาเขตอยู่ระหว่างลองจิจูด 97.5 องศาตะวัน โดยนักเรียนจดบันทึกลงในสมุดบันทึกประจําตัว
ออกถึงลองจิจูด 105 องศาตะวันออก ซึ่งถ้าผู้สังเกตที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน (ลองจิจูด 97.5 องศา
ตะวันออก) จะเห็นดวงอาทิตย์ผ่านเมริเดียน Con���t Q�e����n เปนรายบุคคล
ก่อนเมืองกรีนชิ 6.5 ชัว่ โมง แต่ถา้ ผูส้ งั เกตจังหวัด
จากตําแหนงของนักเรียน หากสังเกตดวงอาทิตย
อุบลราชธานี (ลองจิจูด 105 องศาตะวันออก) เวลา 12.00 น. ตามเวลามาตรฐานประเทศไทย ขัน้ ประเมิน
จะเห็นดวงอาทิตย์ผา่ นเมริเดียนก่อนเมืองกรีนชิ จะเห็นดวงอาทิตยกอนหรือหลัง 1. ครูตรวจสอบผลการทําใบงาน เรือ่ ง เวลาสุรยิ -
7 ชั่วโมง ผานเมริเดียน
คติ
2. ครูตรวจสอบจากแบบฝกหัด เรือ่ ง เวลาสุรยิ วิถี
ตัวอย่างที่ ผู้สังเกต A อยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี ลองจิจูด 105 องศาตะวันออก ในขณะที่ผู้สังเกต B 3. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ
4.3 อยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน ลองจิจูด 97.5 องศาตะวันออก หากผู้สังเกต A สังเกตเห็นดาว สังเกตการตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางาน
ซิริอุสผ่านเมริเดียน ณ เวลา 21.08 น. ผู้สังเกต B จะสังเกตเห็นดาวซิริอุสผ่านเมริเดียน รายบุคคลและพฤติกรรมการทํางานกลุม
ณ เวลาเท่าใด 4. ครูประเมินผลจากรายงาน เรือ่ ง ประโยชนของ
วิธีท�า ซึ่งทุก ๆ 15 องศา ที่ต่างกันตามแนวลองจิจูด จะเทียบเท่า 1 ชั่วโมง ที่แตกต่างกันในเวลา ขอมูลเวลามาตรฐาน
ขึ้นและตก 5. ครูวดั และประเมินผลจากชิน้ งานแผนทีค่ วามคิด
ผู้สังเกต A และ B อยู่ห่างกัน 7.5 องศา เทียบเท่า 7.5
15 = 0.5 ชั่วโมง หรือ 30 นาที เรือ่ ง เวลาสุรยิ คติ
ดังนั้น ผู้สังเกต B จึงเห็นดาวซิริอุสผ่านเมริเดียน ณ เวลาหลังจากผู้สังเกต A เมื่อเวลา 21.38 น.
แนวตอบ Concept Question
ทรงกลมฟ้า 23
เวลา 12.00 น. ดวงอาทิตยไดผานเมริเดียน
มาแลว
ไปทางทิศตะวันตก ลาดับที่
ชือ่ –สกุล
ของนักเรียน
การแสดง
ความ
คิดเห็น
การยอมรับ
ฟังคนอื่น
การทางาน
ตามที่ได้รับ
มอบหมาย
ความมี
น้าใจ
ส่วนร่วมใน
การ
ปรับปรุง
รวม
15
ผลงานกลุ่ม คะแนน
ทองฟาวัดจากเสนเมริเดียนสวนบนไปทางทิศตะวันตก ดังนั้น
ตอบขอ 5.)
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน
............./.................../...............
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่่าเสมอ ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครั้ง ให้ 1 คะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14–15 ดีมาก
11–13 ดี
8–10 พอใช้
T27
ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง
นํา นํา สอน
สอน สรุป ประเมิน
บันทึก กิจกรรม
กิจกรรม 21st Century Skills
จากกิจกรรม เมื่อนักเรียนที่เปนโลกหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบ
1. นักเรียนแบงกลุมตามความสมัครใจ กลุมละ 4-5 คน
ดวงอาทิตยไปทางขวา แลวนิ้วกลับมาชี้ที่ดวงอาทิตยอีกครั้ง และเมื่อ
2. นักเรียนรวมกันสืบคนประเภทของนาฬกาแดดและยกตัวอยาง
นักเรียนที่เปนโลกหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบดวงอาทิตยไปทางขวา
ประติมากรรมนาฬกาแดด พรอมทั้งระบุประเภท
แลวนิ้วกลับมาชี้ที่ดวงดาว ใชเวลาไมเทากัน
3. สมาชิกในกลุม รวมกันเลือกขอมูลและจัดเตรียมขอมูล เพือ่ นําเสนอ
ตามรูปแบบที่นักเรียนคิดวานาสนใจอยางอิสระ
4. นําเสนอขอมูลหนาชัน้ เรียน ดวยวิธกี ารสือ่ สารทีท่ าํ ใหผอู นื่ เขาใจ
ไดงาย
5. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปขอมูลเกี่ยวกับประเภทของนาฬกา
แดดและประโยชนของนาฬกาแดด
T28
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เข้าใจ (Understanding)
?
ค�าถามท้ายกิจกรรม 5. นักเรียนแตละกลุมรวมสืบคนและศึกษา เรื่อง
จากกิจกรรมการปฏิบัติ ในช่วงใดที่แทน 1 วันสุริยคติ และช่วงใดแทน 1 วันดาราคติ เวลาดาราคติ จากหนังสือเรียนหรือแหลงการ
เรียนรูตางๆ เชน อินเทอรเน็ต โดยครูเนนยํ้า
อภิปรายผลกิจกรรม กับนักเรียนวา ควรคัดเลือกศึกษาแหลงขอมูล
จากกิจกรรม เมือ่ นักเรียนทีเ่ ป็นโลกหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบดวงอาทิตย์ไปทางขวา แล้วนิว้ กลับมาชี้ ที่นาเชื่อถือ
ที่ดวงอาทิตย์อีกครั้ง เป็นการอธิบายแทนปรากฏการณ์ 1 วันสุริยคติ ซึ่งเป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์ใช้เคลื่อนที่กลับ 6. นักเรียนแตละกลุม อภิปรายรวมกัน แลวบันทึก
มาอยู่ ณ ต�าแหน่งเดิมบนท้องฟ้า ส่วนเมื่อนักเรียนที่เป็นโลกหมุนรอบตัวเองและโคจรรอบดวงอาทิตย์ไปทาง
ขวา แล้วนิ้วกลับมาชี้ที่ดวงดาว เป็นการอธิบายแทนปรากฏการณ์ 1 วันดาราคติ ซึ่งเป็นเวลาที่ดาวฤกษ์โคจร
ผลการอภิปรายลงในสมุดประจําตัว
กลับมาอยู่ ณ ต�าแหน่งเดิมอีกครั้ง เราจะพบว่า 1 วันดาราคตินั้นสั้นกว่า 1 วันสุริยคติ ซึ่งในความเป็นจริง 7. นักเรียนแตละกลุมจัดทําแผนที่ความคิด เรื่อง
แล้ว 1 วันดาราคติ จะสั้นกว่า 1 วันสุริยคติอยู่ 4 นาที เวลาดาราคติ ลงในกระดาษ A4 1 แผน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
แบบประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด)
เวลาดาราคติ คือ ไรต์แอสเซนชัน (RA) ที่อยู่บนเมริเดียน ณ ปัจจุบันนี้ ดังนั้น หากเรา
ทราบพิกัดของดาวที่อยู่บนเมริเดียน ก็จะทราบเวลาดาราคติทันที
ถ้ามีดาวที่เราทราบพิกัด แต่อยู่ห่างจากเมริเดียนเท่ากับมุมชั่วโมง จะสามารถหาเวลา
ดาราคติได้เช่นกัน จากการค�านวณว่าดวงดาวนี้จะใช้เวลาอีกเท่าไรกว่าจะถึงเมริเดียนตามสมการ
ST คือ เวลาดาราคติ
ST = RA + HA RA คือ ไรต์แอสเซนชัน
HA คือ มุมชั่วโมง
ขัน้ สอน
เข้าใจ (Understanding)
8. นั ก เรี ยนแต ล ะคนศึ ก ษาตั ว อย า งที่ 4.5 ใน ตัวอย่างที่ หากนักเรียนสังเกตเห็นดาวเวกาอยู่ห่างจากเส้นเมริเดียนไปทางทิศตะวันออกเปนมุม 15
หนังสือเรียน แลวตอบคําถาม Topic Questions 4.5 องศา จงหาว่าปจจุบันเปนเวลาดาราคติเท่าไร
ลงในสมุดบันทึกประจําตัวเปนรายบุคคล
วิธีท�า เปลี่ยนมุม 15 องศา ให้เป็นมุมชั่วโมง เราทราบว่าใน 1 วัน ดวงดาวจะหมุนครบ 360 องศา
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช โดยใช้เวลา 24 ชั่วโมง นั่นหมายความว่า 360 องศา คิดเป็น 24 ชั่วโมง
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) ดังนั้น 15 องศา คิดเป็น = 15360× 24 = 1 ชั่วโมง
Core Concept
ให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญ เรื่อง
การกําหนดเวลาบนโลก
Topic
Questions
ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้
1. จงอธิบายเกี่ยวกับเวลาสุริยคติปรากฏ
2. ประเทศญี่ปุนมีลองจิจูด 135 องศาตะวันออก จะเห็นดวงอาทิตย์ผ่านเมริเดียนก่อนเมืองกรีนิชกี่ชั่วโมง
3. นักเรียนสังเกตเห็นดาวเวกาขึ้นเหนือขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเวลา 06.20 น. หากนักเรียนท�าการ
สังเกตใน 10 วันต่อมา นักเรียนจะเห็นดาวเวกาขึ้นเหนือขอบฟ้าทางทิศตะวันออกในเวลากี่โมง
26
T30
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เข้าใจ (Understanding)
Earth Science 9. ครูใชคําถามเพื่อใหนักเรียนแตละกลุมอธิบาย
in real life ขณะนี้เปนเวลากี่โมง ? สิ่งที่นักเรียนไดเรียนรู โดยใหนักเรียนแตละ
เวลาท้องถิ่นประเทศไทยที่เราใช้อยู่นั้น มีพื้นฐานมาจากเวลาสุริยคติท้องถิ่นหรือจากต�าแหน่งของ กลุมแขงขันกันตอบคําถาม หากกลุมใดตอบ
ดวงอาทิตย์ เนื่องจากมนุษย์นั้นอิงชีวิตประจ�าวันกับความเป็นอยู่กับต�าแหน่งของดวงอาทิตย์ เราออกไป ไดถูกตองรวดเร็วที่สุดครูจะใหรางวัล เชน
เรียนและท�างานในช่วงเช้าหลังดวงอาทิตย์ขึ้น และเข้านอนหลังดวงอาทิตย์ตก ด้วยเหตุนี้เราจึงสามารถ คะแนนพิเศษ โดยครูใชคําถามที่เคยถามเมื่อ
ใช้ดวงอาทิตย์ในการประมาณเวลาคร่าว ๆ ได้ ตอนตนชั่วโมงมาถามอีกครั้ง หรือใชคําถามที่
ในทุก ๆ วัน ดวงอาทิตย์จะเคลือ่ นทีผ่ า่ นเมริเดียน 1 ครัง้ ซึง่ ตรงกับเวลา 12.00 น. ทัง้ นีเ้ วลา 12.00 น. สามารถวัดความเขาใจของนักเรียนได ดังตอ
นั้น ดวงอาทิตย์จะไม่ได้อยู่บนบริเวณเหนือศีรษะเสมอไป ขึ้นอยู่กับพิกัดเดคลิเนชันของดวงอาทิตย์
ไปนี้
ในขณะนัน้ หากดวงอาทิตย์ในวันนัน้ มีพกิ ดั เดคลิเนชันเท่ากับละติจดู ทีอ่ าศัยอยู่ ดวงอาทิตย์จะผ่านเมริเดียน
ในบริเวณตรงกับจุดเหนือศีรษะพอดี ซึ่งส�าหรับประเทศไทย (ตั้งอยู่ที่ละติจูด 6-20 องศาเหนือ) นั้น • เวลาดาราคติคืออะไร และ 1 วันดาราคติ
ในแต่ละละติจูดจะเกิดขึ้นปีละ 2 ครั้ง ในช่วงประมาณเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม และอีกครั้ง ยาวนานเทาไร
ในเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน ขึ้นอยู่กับละติจูดที่อาศัยอยู่ ( แนวตอบ เวลาดาราคติ เ ป น สิ่ ง ที่ บ อกถึ ง
ส่วนเมริเดียนเป็นเส้นสมมติทลี่ ากจากขอบฟ้าทางทิศเหนือผ่านจุดเหนือศีรษะ ไปบรรจบยังขอบฟ้า ตําแหนงดาว ซึง่ เปนเวลาทีโ่ ลกหมุนจนดาวดวง
ทางทิศใต้ ท�าให้เมริเดียนแบ่งท้องฟ้าออกเป็นซีกตะวันออกและซีกตะวันตก ก่อนที่ดวงอาทิตย์จะข้าม เดิมกลับมาทีต่ าํ แหนงเดิม โดย 1 วันดาราคติ
เมริเดียนนัน้ ดวงอาทิตย์จะอยูใ่ นบริเวณซีกตะวันออกของท้องฟ้า และจะเป็นช่วงเวลาเช้าซึง่ ตรงกับภาษา จะยาวนานและใชเวลาทั้งสิ้น 23 ชั่วโมง
ละตินว่า ante meridiem (แปลว่า ก่อนเมริเดียน) อันเป็นทีม่ าของตัวย่อ a.m. ซึง่ แสดงถึงช่วงเช้า ในขณะ 56 นาที)
ที่ในช่วงบ่ายดวงอาทิตย์จะอยู่ในซีกตะวันตกของท้องฟ้า ภายหลังจากที่ดวงอาทิตย์ข้ามเมริเดียนไปแล้ว • เวลาสุริยคติกับเวลาดาราคติแตกตางกัน
ซึ่งตรงกับภาษาละตินว่า post meridiem (แปลว่า หลังเมริเดียน) อันเป็นที่มาของตัวย่อ p.m. ดังนั้น อยางไร
การที่เราสามารถระบุได้ว่าดวงอาทิตย์นั้นอยู่ในซีกฟ้าตะวันออกหรือตะวันตก จะบอกให้เราทราบได้ว่า
(แนวตอบ เวลาสุริยคติเปนเวลาที่ไดจากการ
ดวงอาทิตย์ได้ข้ามเมริเดียนไปแล้วหรือยัง และบอกได้ว่าขณะนั้นเป็นเวลาเช้าหรือบ่าย
สังเกตดวงอาทิตยจริงที่ปรากฏเคลื่อนที่ขึ้น
และตก สวนเวลาดาราคติเปนสิ่งที่บอกถึง
ตําแหนงดาว ซึ่งเปนเวลาที่โลกหมุนจนดาว
ดวงเดิมกลับมาที่ตําแหนงเดิม โดย 1 วัน
ดาราคติ จะสั้นกวา 1 วันสุริยคติ 4 นาที)
ทรงกลมฟ้า 27
T31
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ลงมือทํา (Doing)
10. นักเรียนแตละกลุมรวมกันทําใบงาน เรื่อง
เวลาดาราคติ โดยปรึกษาหารือรวมกันเพื่อ หากเราสามารถวัดมุมชั่วโมงของดวงอาทิตย์เมื่อ
หาคําตอบ เทียบกับเมริเดียนได้ เราจะทราบได้อย่างแน่ชดั ว่า ดวงอาทิตย์
นั้นจะข้ามเมริเดียน (ในกรณีช่วงเช้าที่ดวงอาทิตย์ยังอยู่ใน
11. ครูขออาสาสมัครใหออกมาเขียนเฉลยของ
ซีกฟ้าตะวันออก) หรือข้ามเมริเดียนไปแล้ว (ในกรณีชว่ งบ่าย
คําถามในใบงาน เรือ่ ง เวลาดาราคติ แตละขอ ที่ดวงอาทิตย์อยู่ในซีกฟ้าตะวันตก) เป็นเวลาเท่าใด และ
ลงบนกระดานหนาชัน้ เรียน แลวครูตรวจสอบ จะท�าให้เราสามารถระบุเวลาได้อย่างชัดเจน เช่น หาก
ความถูกตองและกลาวชื่นชมอาสาสมัคร ดวงอาทิตย์อยู่ในซีกฟ้าตะวันตกเป็นมุมชั่วโมง 2.5 ชั่วโมง
แสดงว่าดวงอาทิตย์นั้นผ่านเมริเดียนไปแล้วตั้งแต่เมื่อ 12.5
ชัว่ โมงทีแ่ ล้ว ท�าให้เวลานีเ้ ป็นเวลา 14.30 น. นาฬิกาแดดนัน้
ช่วยในการระบุมมุ ชัว่ โมงของดวงอาทิตย์ ท�าให้เราทราบเวลา ภาพที่ 4.25 นาฬิกาแดดแบบศูนย์สูตร
สุริยคติได้อย่างแม่นย�ายิ่งขึ้น ที่มา : คลังภาพ อจท.
อย่างไรก็ตาม เวลาที่วัดได้จากดวงอาทิตย์นั้นเป็นเพียงเวลาสุริยคติท้องถิ่น ซึ่งแตกต่างจากเวลา
มาตรฐานประเทศไทยเล็กน้อย เริ่มจากเวลามาตรฐานประเทศไทยนั้นอ้างอิงจากเวลาสุริยคติท้องถิ่น
เฉลี่ย ณ เส้นลองจิจูด 105 องศาตะวันออก ซึ่งตรงกับจังหวัดอุบลราชธานี ผู้สังเกตที่อยู่เส้นลองจิจูดอื่น
จะมีเวลาสุริยคติที่แตกต่างไปจากนี้ อีกทั้งเวลาที่ดวงอาทิตย์ผ่านเมริเดียนในแต่ละวันของปีนั้นจะมีความ
แตกต่างกันเล็กน้อย เนื่องจากความเร็วโคจรของโลกที่เปลี่ยนไปตามวงรีของวงโคจร แต่โดยทั่วไปแล้ว
เวลาสุริยคติท้องถิ่นหรือต�าแหน่งของดวงอาทิตย์นั้นสามารถใช้ระบุเวลาโดยคร่าว ๆ ได้โดยไม่ล�าบาก
เท่าใดนัก
ภาพที่ 4.26 ประติมากรรมนาฬิกาแดด ตั้งอยู่ริมแม่น�้าเทมส์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
ที่มา : คลังภาพ อจท.
28
T32
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
Summary ลงมือทํา (Doing)
12. ครูใชเทคนิคเพือ่ นคูค ดิ โดยใหนกั เรียนจับคูก บั
ทรงกลมฟ้า เพื่อนรวมชั้นเรียนอยางอิสระ แลวมอบหมาย
ใหนักเรียนแตละคูทํารายงาน เรื่อง ประโยชน
ส่วนประกอบบนทรงกลมฟ้า ของขอมูลเวลามาตรฐาน มาสงครูในอีก 2
ทรงกลมฟ้าแบบไม่มีเส้นขอบฟ้า สัปดาหถัดไป
ขั้วฟ้าเหนือ 1
เป็นบริเวณของทรงกลมฟ้าที่ขั้วโลกเหนือของโลกชี้ไป
ส� า หรั บ ผู ้ สั ง เกตในซี ก โลกเหนื อ สามารถสั ง เกตเห็ น
ขัว้ ฟ้าเหนืออยูเ่ หนือขอบฟ้าทางทิศเหนือเป็นมุมเท่ากับ
ละติจูดที่ผู้สังเกตอยู่
เส้นศูนย์สูตรฟ้า
อยู่ในระนาบเดียวกับเส้นศูนย์สูตรของโลก ซึ่งจะลาก
ขยายวงกว้างออกไปจนถึงระยะอนันต์ เส้นนี้จะปรากฏ
บนทรงกลมฟ้าของผู้สังเกตแต่ละคนต่างกัน โดยขึ้นอยู่
กับต�าแหน่งละติจูดของผู้สังเกต
ขั้วฟ้าใต้ 2
เป็ น บริ เ วณของทรงกลมฟ้ า ที่ ขั้ ว โลกใต้ ข องโลกชี้ ไ ป
ส�าหรับผู้สังเกตในซีกโลกเหนือจะไม่สามารถสังเกตเห็น
ภาพที่ 4.27 ทรงกลมฟ้าแบบไม่มีเส้นขอบฟ้า ขั้วฟ้าใต้ได้ เนื่องจากขั้วฟ้าใต้จะอยู่ต�่ากว่าขอบฟ้าทาง
ที่มา : คลังภาพ อจท.
ทิศใต้เป็นมุมเท่ากับละติจูดที่ผู้สังเกตอยู่
ทรงกลมฟ้าแบบมีเส้นขอบฟ้า
ขั้วฟ้าเหนือ เส้นศูนย์สูตรฟ้า
E
N S
เส้นขอบฟ้า
W เป็นแนวบรรจบของทรงกลมฟ้าส่วนบนกับทรงกลมฟ้า
ส่วนล่าง ซึ่งอยู่ในแนวระดับสายตาของผู้สังเกต
ขั้วฟ้าใต้
ภาพที่ 4.28 ทรงกลมฟ้าแบบมีเส้นขอบฟ้า
ที่มา : คลังภาพ อจท. ทรงกลมฟ้า 29
T33
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ลงมือทํา (Doing)
13. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อ พิกัดท้องฟ้า จุดเหนือศีรษะ
ตรวจสอบความเขาใจหลังเรียนของนักเรียน จุดบนทรงกลมฟ้าที่อยู่เหนือศีรษะของผู้สังเกต ซึ่งมีค่า
มุมเงยเป็น 90 องศา
14. ครู ม อบหมายให นั ก เรี ย นทํ า แบบฝ ก หั ด
้า เมริเดียนฟ้า
Unit Questions 4 และ Test for U จาก ยนฟ เส้นที่ลากจากขอบฟ้าทางทิศเหนือผ่านจุดเหนือศีรษะ
เดี
หนังสือเรียนลงในสมุดบันทึกประจําตัวสงครู
เมริ
ลงไปยังขอบฟ้าทางทิศใต้ ซึ่งเส้นนี้จะแบ่งทรงกลมฟ้า
ในชั่วโมงถัดไป ออกเป็นซีกตะวันออกและตะวันตก
มุมเงย
มุมเงย
มุมทิศ มักแทนด้วยสัญลักษณ์ A วัดจากเส้นขอบฟ้าขึ้นไปยัง
เส้นขอบฟ้า จุดเหนือศีรษะจนถึงต�าแหน่งของดาว โดยจะมีค่า 0-90
องศา
มุมทิศ
มักแทนด้วยสัญลักษณ์ h วัดตามแนวเส้นขอบฟ้าจากทิศ
เหนือไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกาจนถึงแนวเส้นวงกลม
ใหญ่ที่ลากผ่านดาว โดยจะมีค่า 0-360 องศา
จุดใต้เท้า
ภาพที่ 4.29 ทรงกลมฟ้าในระบบพิกัดขอบฟ้า จุดบนทรงกลมฟ้าที่อยู่ใต้เท้าของผู้สังเกต
ที่มา : คลังภาพ อจท.
พิกัดศูนย์สูตร
ขั้วฟ้าเหนือ เดคลิเนชัน
แทนด้วยสัญลักษณ์ δ (delta) ใช้บอกระยะเชิงมุมของ
60 � ดาวว่า อยู่ห่างจากเส้นศูนย์สูตรฟ้าเท่าใด มีค่า -90 ถึง
90 องศา โดยหากวัดไปทางทิศเหนือจะมีค่าเป็นบวก
เดคลิเนชัน
30 � แต่หากวัดไปทางทิศใต้จะมีค่าเป็นลบ
0 ไ� รต์แอสเซนชัน
เส้นศูนย์สูต ไรต์แอสเซนชัน
รฟ้า
-30 � แทนด้วยสัญลักษณ์ α (alpha) คือ มุมที่วัดตามแนว
เส้นศูนย์สูตรฟ้าไปทางทิศตะวันออก โดยเริ่มจากจุด
วสันตวิษุวัตไปจนถึงเส้นที่บอกมุมชั่วโมงของดาว มี
หน่วยเป็นเวลา (ชั่วโมง นาที และวินาที) หรือมุม
ขั้วฟ้าใต้
(องศา ลิปดา และพิลิปดา)
ภาพที่ 4.30 ทรงกลมฟ้าในระบบพิกัดศูนย์สูตร
ที่มา : คลังภาพ อจท.
30
ขัน้ สรุป
ครูมอบหมายใหนกั เรียนเขียนสรุปเนือ้ หา เรือ่ ง
พิกัดสุริยวิถี เวลาดาราคติ ลงในสมุ ด บั น ทึ ก ประจํ า ตั ว เป น
ขั้วฟ้าเหนือสุริยวิถี รายบุคคลและทําแบบฝกหัด เรื่อง เวลาดาราคติ
จุดทีอ่ ยูห่ า่ งจากระนาบสุรยิ วิถเี ป็นมุม 90 องศา ซึง่ อยูห่ า่ ง จากแบบฝกหัดรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตรและ
จากขั้วฟ้าเหนือของท้องฟ้าประมาณ 23.5 องศา เทคโนโลยี โลก ดาราศาสตร และอวกาศ ม.6 เลม 2
ระนาบสุริยวิถี หนวยการเรียนรูที่ 4 ทรงกลมฟา เปนการบานสง
ระนาบเส้นทางเดินปรากฏของดวงอาทิตย์ที่ผ่านกลุ่ม
ดาวต่าง ๆ ในรอบปี โดยท�ามุมประมาณ 23.5 องศา กับ ครูในชั่วโมงถัดไป
ระนาบศูนย์สูตรฟ้า
ละติจูดสุริยวิถี
β
เป็นมุมที่ดาวอยู่ห่างจากระนาบสุริยวิถี โดยวัดในแนว
ตั้งฉากกับเส้นสุริยวิถี ซึ่งหากวัดไปทางทิศเหนือจะมีค่า
λ เป็นบวก แต่หากวัดไปทางทิศใต้จะมีค่าเป็นลบ
ลองจิจูดสุริยวิถี
เป็นค่าที่วัดตามแนวเส้นสุริยวิถีไปทางทิศตะวันออก
โดยเริ่มจากจุดวสันตวิษุวัตจนถึงเส้นที่บอกมุมชั่วโมง
ของดาว
ขั้วฟ้าใต้สุริยวิถี
จุดที่อยู่ห่างจากระนาบสุริยวิถีเป็นมุม 90 องศา ซึ่งอยู่
ภาพที่ 4.31 ทรงกลมฟ้าในระบบพิกัดสุริยวิถี ห่างจากขั้วฟ้าใต้ของท้องฟ้าประมาณ 23.5 องศา
ที่มา : คลังภาพ อจท.
พิกัดกาแล็กซี
เป็นพิกัดที่ใช้ระนาบของกาแล็กซีทางช้างเผือกเป็นระนาบอ้างอิง โดยระบบพิกัดนี้เหมาะแก่การศึกษากาแล็กซี
ทางช้างเผือก แบ่งพิกัดออกเป็นละติจูดกาแล็กซีและลองจิจูดกาแล็กซี
การกําหนดเวลาบนโลก
• เวลาสุริยคติ เป็นการบอกต�าแหน่งของดวงอาทิตย์เทียบกับเมริเดียน
• เวลาดาราคติ เป็นการบอกต�าแหน่งของดาวฤกษ์บนท้องฟ้า มีค่าเท่ากับ RA ของดาวที่อยู่บนเมริเดียน
• 1 วันดาราคติ จะสั้นกว่า 1 วันสุริยคติ 4 นาที
ทรงกลมฟ้า 31
T35
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน
2. ครูตรวจสอบผลการทําใบงาน เรือ่ ง เวลาดารา Apply Your Knowledge
คติ คําชี้แจง ให้นักเรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 3-4 คน ร่วมกันปฏิบัติกิจกรรมโดยมีขั้นตอน ดังนี้
3. ครูตรวจแบบฝกหัดจาก Topic Questions เรือ่ ง 1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการระบุต�าแหน่งบนทรงกลมฟ้า โดยแต่ละกลุ่มเลือกศึกษากลุ่มละ
เวลาดาราคติ ในสมุดประจําตัว 1 หัวข้อ จากนั้นสร้างแบบจ�าลองทรงกลมฟ้าในหัวข้อที่เลือก ดังนี้
4. ครูตรวจแบบฝกหัด เรื่อง เวลาดาราคติ จาก - การระบุต�าแหน่งดาวตามระบบพิกัดขอบฟ้า
Unit Questions 4 - การระบุต�าแหน่งดาวตามระบบพิกัดศูนย์สูตร
5. ครูตรวจและประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรม - การระบุต�าแหน่งดาวตามระบบพิกัดสุริยวิถี
2. แต่ละกลุ่มส่งตัวแทนออกมาน�าเสนอแบบจ�าลองทรงกลมฟ้าหน้าชั้นเรียน
วันสุริยคติกับวันดาราคติ
6. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ
สังเกตการตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางาน Self Check
รายบุคคลและพฤติกรรมการทํางานกลุม ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด
7. ครูประเมินผลจากรายงาน เรือ่ ง ประโยชนของ หากพิจารณาข้อความไม่ถูกต้อง ให้กลับไปทบทวนเนื้อหาตามหัวข้อที่ก�าหนดให้
ขอมูลเวลามาตรฐาน ถูก/ผิด ทบทวนที่หัวขอ
8. ครูวดั และประเมินผลจากชิน้ งานแผนทีค่ วามคิด 1. ผู้สังเกตที่อยู่ขั้วโลกเหนือจะสามารถพบทั้งขั้วฟ้าเหนือและขั้วฟ้าใต้ได้ 1.
เรือ่ ง เวลาดาราคติ 2. การระบุพกิ ดั แบบระบบพิกดั ขอบฟ้า ไม่วา่ ผูส้ งั เกตจะอยู่ ณ ต�าแหน่งใด ๆ 2.1
บนโลก จะเห็นวัตถุอยู่ในพิกัดเดียวกัน
3. จุดเหนือศีรษะมีค่ามุมเงยเป็น 90 องศา 2.1
4. ระบบพิกัดศูนย์สูตรเป็นระบบที่ใช้โลกเป็นศูนย์กลางและอ้างอิงกับ 2.2
เส้นศูนย์สูตรระบุต�าแหน่งเป็นมุมทิศและมุมเงย
5. ค่าเดคลิเนชันใช้บอกระยะเชิงมุมของดาวว่าห่างจากเส้นศูนย์สูตรฟ้า 2.2
ุด
สม
เท่าใด
ใน
ลง
ทึ ก
6. เมื่อดวงอาทิตย์อยู่ค่อนมาทางทิศเหนือจากเส้นศูนย์สูตรมากที่สุด 2.2
บั น
จะเป็นวันที่กลางคืนยาวนานที่สุด
7. วันที่ 21 มิถุนายน เป็นวันที่กลางคืนยาวนานที่สุดของผู้สังเกตใน 2.3
ซีกโลกใต้
8. จังหวัดแม่ฮ่องสอนและจังหวัดอุบลราชธานีจะเห็นดวงอาทิตย์ผ่าน 3.1
เมริเดียนก่อนเมืองกรีนชิ 6.5 ชัว่ โมง และ 7 ชัว่ โมง ตามล�าดับ ดังนัน้ จังหวัด
แม่ฮ่องสอนจะเห็นดวงอาทิตย์ผ่านเมริเดียนก่อนจังหวัดอุบลราชธานี
9. หากดาวฤกษ์ดวงหนึง่ ขึน้ เหนือขอบฟ้าทางทิศตะวันออกเวลา 05.30 น. 3.2
แนวตอบ Self Check เมื่อผ่านไป 1 เดือน ดาวฤกษ์ดวงนั้นจะขึ้นเหนือขอบฟ้าทางทิศ
1. ผิด 2. ผิด 3. ถูก ตะวันออกเวลา 03.30 น.
4. ผิด 5. ถูก 6. ผิด 10. 1 วันดาราคติ มีเวลายาวนานกว่า 1 วัน สุริยคติ 4 นาที 3.2
32
7. ถูก 8. ผิด 9. ถูก
10. ผิด
1. ผลงานตรงกับ
จุดประสงค์ที่กาหนด
4
ผลงานสอดคล้ อ งกั บ
จุดประสงค์ทุกประเด็น
3
ระดับคะแนน
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14-16 ดีมาก
11-13 ดี
8-10 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรับปรุง
T36
นํา สอน สรุป ประเมิน
U nit
คําชี้แจง :
Questions 4
ให้ นั ก เรี ย นตอบค� า ถามต่ อ ไปนี้
1. การที่เห็นดวงอาทิตย ดวงจันทร และดวงดาว
มีการขึน้ และตกจากขอบฟานัน้ เปนผลมาจาก
การหมุนรอบตัวเองของโลก ซึ่งดวงอาทิตย
1. ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวมีการโคจรขึ้นจากขอบฟ้าเหมือนหรือต่างกัน อย่างไร ดวงจันทร และดวงดาวมีการขึ้นและตกจาก
2. บริเวณจุดเหนือศีรษะมีมุมเงยกี่องศา ขอบฟาเหมือนกัน โดยขึ้นจากขอบฟาทาง
3. ดวงอาทิตย์มีมุมเงยสูงที่สุดที่บริเวณใดของท้องฟ้า ทิศตะวันออกและลับขอบฟาทางทิศตะวันตก
แตสิ่งที่ตางกันคือตําแหนงที่อยูบนทองฟา
4. จงวาดภาพทรงกลมฟ้าแสดงเส้นขอบฟ้า จุดเหนือศีรษะ ทิศทั้งสี่ และเมริเดียน
5. หากนักเรียนอยูท่ ลี่ ะติจดู 30 องศาเหนือ นักเรียนจะพบเส้นศูนย์สตู รฟ้าอยูห่ า่ งจากจุดยอดฟ้า 2. จุดเหนือศีรษะ คือ จุดบนทองฟาที่อยูเหนือ
กี่องศา ศีรษะของผูสังเกต ซึ่งมีมุมเงย 90 องศา
6. ผู้สังเกตจากละติจูด 45 องศาเหนือ จะพบดาวเหนืออยู่บริเวณใดของท้องฟ้า 3. ดวงอาทิตยจะขึ้นจากขอบฟาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ทางทิศตะวันตก ซึ่งสามารถพบดวงอาทิตยมี
7. หากระบุตา� แหน่งของดาวฤกษ์ดวงหนึง่ ในระบบพิกดั ขอบฟ้า ระบบพิกดั ศูนย์สตู ร และระบบ
มุมเงยสูงที่สุดที่บริเวณเสนเมริเดียน ซึ่งเปน
พิกัดกาแล็กซี เมื่อเวลาผ่านไป 5 นาที ดาวดวงนี้จะมีพิกัดในระบบใดเปลี่ยนไปบ้าง
เสนแบงกึ่งกลางระหวางทองฟาทางทิศตะวัน
8. ในเวลาเที่ยงวันตามเวลาสุริยคติ ดวงอาทิตย์จะอยู่บริเวณใดของท้องฟ้า ออกกับทางทิศตะวันตก
9. ผู้สังเกตที่อยู่บริเวณละติจูด 23.5 องศาเหนือ จะสังเกตเห็นดวงอาทิตย์อยู่เหนือศีรษะได้ใน
4. ภาพทรงกลมฟาแสดงเสนขอบฟา จุดเหนือ
วันใดของปี
ศีรษะ ทิศทั้งสี่ และเสนเมริเดียน
10. ประเทศที่อยู่ในซีกโลกใต้ ช่วงเดือนใดจะมีเวลากลางวันยาวที่สุด
จุดเหนือศีรษะ
11. 1 วันดาราคติ กับ 1 วันสุริยคติ เท่ากันหรือไม่ อย่างไร ียน
ริเด
12. ดวงอาทิตย์จะมีการเลื่อนพิกัด RA เพิ่มขึ้นประมาณวันละ 4 m หรือเดือนละ 2 h หากวันที่
ม
เสน เ
21 มีนาคม ดวงอาทิตย์มีพิกัด RA = 0 h 0 m วันที่ 13 เมษายน ดวงอาทิตย์จะมี RA E
ประมาณเท่าใด
N S
13. เวลาเทีย่ งวันของวันที่ 13 เมษายน ดวงอาทิตย์อยูบ่ นเมริเดียนพอดี เวลานัน้ จะตรงกับเวลา า
ดาราคติเท่าใด W เสนขอบฟ
14. ในวันที่ 13 เมษายน ดาวเวกา (RA = 18 h 36 m) จะผ่านเมริเดียนเมื่อเวลาเท่าใด และ
จะสามารถเห็นดาวเวกาในช่วงเดือนเมษายนได้หรือไม่ 5. หากนักเรียนอยูท ลี่ ะติจดู 30 องศาเหนือ จะพบ
15. ประเทศ A อยูท่ ลี่ องจิจดู 90 องศาตะวันออก ประเทศ B อยูท่ ลี่ องจิจดู 120 องศาตะวันออก เส น ศู น ย สู ต รฟ า อยู ห า งจากจุ ด ยอดฟ า
ทั้ง 2 ประเทศ มีเวลาท้องถิ่นมาตรฐานต่างกันเท่าไร และถ้าขณะนั้นประเทศ A เป็นเวลา 30 องศา เนื่องจากที่ละติจูด 30 องศาเหนือ
12.00 น. เวลาของประเทศ B จะเป็นเวลากี่โมง ขั้ ว ฟ า เหนื อ และทรงกลมฟ า ทั้ ง หมดจะทํ า
ทรงกลมฟ้า 33
มุมเอียงขึน้ จากขอบฟา ทางทิศเหนือ 30 องศา
ดั ง นั้ น เส น ศู น ย สู ต รฟ า จึ ง ทํ า มุ ม เอี ย งกั บ
จุดยอดฟา 30 องศาเชนกัน
T37
นํา สอน สรุป ประเมิน
T38
นํา สอน สรุป ประเมิน
T39
Chapter Overview
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 1 - แบบทดสอบก่อนเรียน 1. อธิบาย สืบค้น และ แบบเน้น - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการสังเกต - ซื่อสัตย์ สุจริต
การเคลื่อนที่ - หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม อภิปรายเกี่ยวกับ มโนทัศน์ ก่อนเรียน - ทักษะการวิเคราะห์ - ใฝ่เรียนรู้
ปรากฏของ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การเคลื่อนที่ปรากฏ (Concept - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการท�ำงาน - มุ่งมั่นในการ
ดาวเคราะห์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ของดาวเคราะห์ได้ (K) Based - ประเมินการปฏิบัติ ร่วมกัน ท�ำงาน
ม.6 เล่ม 2 2. ปฏิบัติกิจกรรมการ Teaching) กิจกรรมการหมุน - ทักษะการ
4 - แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติม เคลื่อนที่วกกลับของ เคลื่อนที่วกกลับของ ตีความหมาย
ชั่วโมง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ดาวอังคารได้อย่าง ดาวอังคาร ข้อมูลและ
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ถูกต้อง (P) - ประเมินการน�ำเสนอ ลงข้อสรุป
ม.6 เล่ม 2 3. ซื่อสัตย์ สุจริต ใฝ่เรียนรู้ ผลงาน
- ใบงาน และมุ่งมั่นในการท�ำงาน - สังเกตพฤติกรรม
- PowerPoint (A) การท�ำงานกลุ่ม
- สังเกตพฤติกรรม
การท�ำงานรายบุคคล
- สังเกตคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 2 - แบบทดสอบหลังเรียน 1. อธิบาย สืบค้น และ แบบเน้น - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการสังเกต - ซื่อสัตย์ สุจริต
มุมห่างและ - ห นังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม อภิปรายเกี่ยวกับมุมห่าง มโนทัศน์ หลังเรียน - ทักษะการวัด - ใฝ่เรียนรู้
คาบการโคจร วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และคาบการโคจรของ (Concept - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการใช้ - มุ่งมั่นในการ
ของดาวเคราะห์ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ดาวเคราะห์ได้ (K) Based - ตรวจใบงาน เรื่อง จ�ำนวน ท�ำงาน
ม.6 เล่ม 2 2. ปฏิบัติกิจกรรม Teaching) มุมห่างและคาบการ - ทักษะการวิเคราะห์
4 - แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติม คาบดาราคติและ โคจรของดาวเคราะห์ - ทักษะการท�ำงาน
ชั่วโมง
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คาบซินอดิกได้อย่าง - ประเมินการปฏิบัติ ร่วมกัน
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ถูกต้อง (P) กิจกรรมคาบดาราคติ
ม.6 เล่ม 2 3. ซื่อสัตย์ สุจริต ใฝ่เรียนรู้ และคาบซินอดิก
- ใบงาน และมุ่งมั่นในการท�ำงาน - ตรวจและประเมิน
- PowerPoint (A) ชิ้นงานสรุปความรู้
- QR Code เรื่อง มุมห่างและ
คาบการโคจรของ
ดาวเคราะห์
- ประเมินการน�ำเสนอ
ผลงาน
- สังเกตพฤติกรรม
การท�ำงานกลุ่ม
- สังเกตพฤติกรรม
การท�ำงานรายบุคคล
- สังเกตคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์
T40
Chapter Concept Overview
หน่วยการเรียนรู้ที่ 5
การเคลื่อนที่ปรากฏของดาวเคราะห
ดาวเคราะหทุกดวงจะเคลื่อนที่ไปทางตะวันออก เรียกวา การเคลื่อนที่เดินหนา (prograde motion) แตในบางครั้งดาวเคราะหวงนอกจะมี
การเคลื่อนที่ไปทางตะวันตก เรียกวา การเคลื่อนที่วกกลับ (retrograde motion)
ทิศตะวันออก 4 3 2 1
ทิศตะวันตก
5
6 7 8 9
13
12 มุมมองบนทองฟา
11 10
9 8 7 6 5
11 10 4
12 3
9 8 7 6 2 มุมมองในอวกาศ
13 10 5 1
4 จากเหนือระนาบวงโคจร
11 3 ของดาวเคราะห
12 2
13 1
วงโคจรของ
ดาวเคราะหวงนอก
วงโคจรของโลก
มุมหางและคาบการโคจรของดาวเคราะห
• มุมหาง (elongation) คือ มุมระหวางเสนตรงที่เชื่อมโลกกับดวงอาทิตยกับเสนตรงที่เชื่อมโลกกับดาวเคราะห
ดาวเคราะหวงใน รวมทิศ
ดาวเคราะหวงนอก วงโคจรของดาวเคราะหวงนอก
โลก
วงโคจรของโลก
รวมทิศแนววงนอก
วงโคจรของดาวเคราะหวงใน
หางไปทางตะวันออกมากที่สุด หางไปทางตะวันตกมากที่สุด
รวมทิศแนววงใน
ตั้งฉากทางทิศตะวันออก ตั้งฉากทางทิศตะวันตก
ตรงขาม
คาบดาราคติ (sidereal period; P) คือ ระยะเวลาทีด่ าวเคราะห คาบซินอดิก (synodic period; S) คือ ระยะเวลาทีด่ าวเคราะห
ใชในการโคจรกลับมายังตําแหนงเดิมในวงโคจรรอบดวงอาทิตย ใชในการโคจรกลับมายังมุมหางเดิมระหวางดวงอาทิตยกับ
โลกอีกครั้ง
- ดาวเคราะหวงในใชสูตร 1 = P1 - S1 สวนดาวเคราะหวงนอกใชสูตร 1 = P1 + S1
T41
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ดาวเคราะหบนทองฟา
มีการเคลื่อนที่อยางไร
Che�� fo r U n de r s t a n d i ng
ให้นักเรียนพิจารณาข้อความตามความเข้าใจของนักเรียนว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด
ดาวเคราะหที่มีการเคลื่อนที่ไปทางตะวันออกเรียกวา การเคลื่อนที่เดินหนา สวนดาวเคราะหที่เคลื่อนที่ไปทางตะวันตกเรียกวา
การเคลื่อนที่วกกลับ
ดาวเคราะหทุกดวงมีการเคลื่อนที่เดินหนา แตในบางครั้งดาวเคราะหวงในมีการเคลื่อนที่วกกลับ
ตําแหนงดาวเคราะหวงนอกที่อยูตรงขามกับดวงอาทิตยเปนตําแหนงที่ผูสังเกตจะไมสามารถเห็นดาวเคราะหปรากฏบนทองฟา
เราไมสามารถเห็นดาวเคราะหวงในเต็มดวงไดเมื่อสังเกตจากโลก
ดาวเคราะหที่ตําแหนงรวมทิศมีคามุมหาง 0 องศา
แนวตอบ Check for Understanding
1. ถูก 2. ผิด 3. ผิด
4. ถูก 5. ถูก
T42
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
การเคลื่อนที่ปรากฏของดาวเคราะห์ 37
เนือ่ งจากดาวฤกษอยูไ กลมาก และตองใชเวลา
หลายหมื่นปจนกวาจะสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง
ตําแหนงของดาวฤกษไดดวยตาเปลา
T43
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
กิจกรรม ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
1. ครูใหนกั เรียนแบงกลุม กลุม ละ 4-5 คน ปฏิบตั ิ • การสังเกต
กิจกรรม การเคลื่อนที่วกกลับของดาวอังคาร การเคลื่อนที่วกกลับของดาวอังคาร • การตีความหมายข้อมูลและ
ลงข้อสรุป
โดยใหนักเรียนแบงบทบาทหนาที่ของสมาชิก จิตวิทยาศาสตร์
ภายในกลุมวาใครมีบทบาทหนาที่อยางไร วัสดุอปุ กรณ์ • ความรอบคอบ
• ความมุ่งมั่น อดทน
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
1. ปากกา 2. กรรไกร 3. เทปใส
แบบประเมินการปฏิบัติกิจกรรม) 4. ไม้บรรทัด 5. กระดาษแข็ง 6. ไม้เสียบลูกชิ้น
เข้าใจ (Understanding)
วิธปี ฏิบตั ิ
2. ครูใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมารายงานผล 1. ตัดกระดาษแข็งแทนวงโคจรของโลกและวงโคจรของดาวอังคาร จากนั้นติดปลายทั้ง 2 ด้าน เข้าด้วยกัน
ที่ไดจากการทํากิจกรรมหนาชั้นเรียน แลวครู ให้เป็นวงกลม
สอบถามนักเรียนกลุม อืน่ วาไดผลการเคลือ่ นที่ 5 cm 3.5 cm
ส่วนที่ใช้วางซ้อนกัน 7 6 5 4 3 2 1
เหมือนหรือตางกันหรือไม อยางไร ถาไมตรงกัน
ภาพที่ 5.1 กระดาษแข็งแทนวงโคจรของโลก
ใหชว ยกันวิเคราะหและสรุปวาผลทีถ่ กู ตองเปน ที่มา : คลังภาพ อจท.
อยางไร จากนั้นครูเปนผูเฉลยผลที่ไดจากการ 1.7 cm 2.5 cm
ทํากิจกรรมที่ถูกตอง 2.5 cm 7 654321 ส่วนที่ใช้วางซ้อนกัน
58 cm
3. นักเรียนและครูรวมกันสรุปเกี่ยวกับกิจกรรม ภาพที่ 5.2 กระดาษแข็งแทนวงโคจรของดาวอังคาร
การเคลื่อนที่วกกลับของดาวอังคาร เพื่อให ที่มา : คลังภาพ อจท.
ไดขอสรุปวา ดาวฤกษเปนดาวที่มีตําแหนง 2. ก�าหนดจุดตรงกลางกระดาษแข็งอีกแผ่นหนึง่ ให้เป็นต�าแหน่งของดวงอาทิตย์ แล้วน�าวงโคจรของโลกและวงโคจร
ของดาวอังคารวางบนกระดาษนั้น โดยให้ต�าแหน่งเลข 4 อยู่ตรงกัน
สัมพัทธคงที่ ดาวเคราะหมกี ารเคลือ่ นทีท่ งั้ เดิน
3. วางกระดาษแข็งอีกแผ่นหนึง่ เป็นฉาก วางไม้เสียบ
หนาและวกกลับ การเคลือ่ นทีเ่ ดินหนาเปนการ ลูกชิ้นลงบนร่องหมายเลขที่ตรงกัน โดยให้ปลาย
เคลือ่ นทีไ่ ปทางทิศตะวันออก และการเคลือ่ นที่ ไม้แตะที่ฉาก แล้วเขียนต�าแหน่งของดาวอังคาร 6 5
7 6 5 4
3
4 3 21
วกกลับจะเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันตก ลงบนฉากจนครบทุกหมายเลข
?
ค�าถามท้ายกิจกรรม ดวงอาทิตย์
อภิปรายผลกิจกรรม
ดาวเคราะห์ทุกดวงในระบบสุริยะจะเคลื่อนที่ไปทางตะวันออกตามเส้นสุริยวิถี แต่บางครั้งดาวเคราะห์
วงนอกจะมีการเคลื่อนที่ไปทางตะวันตกด้วย ซึ่งดาวอังคารเป็นดาวเคราะห์วงนอกในบางช่วงของการโคจรจึง
มีการเคลื่อนที่วกกลับด้วย
38
ในขั้นสอนครูอาจจัดกิจกรรมใหนักเรียนไดสังเกตการเคลื่อนที่ปรากฏของ การเคลื่อนที่ปรากฏของดาวอังคาร
ดาวเคราะหวงนอก โดยคลิปใน YouTube เรือ่ ง การเคลือ่ นทีป่ รากฏของดาวเคราะห 1
2
วงนอก (https://www.youtube.com/watch?v=b4wq0HdIT6s) หรือสื่อการ 4
เรียนรูอื่นที่เนนการเคลื่อนที่ปรากฏของดาวเคราะห แลวใหนักเรียนรวมกัน 3 5
อภิปรายจนไดขอสรุปรวมกัน 6
(ขึ้นอยูกับดุลยพินิจผูสอน โดยพิจารณาจากความถูกตองและเหมาะสม
ของขอมูลที่นักเรียนบันทึก)
T44
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ลงมือทํา (Doing)
อย่ า งไรก็ ต าม ในบางครั้ ง ดาวเคราะห์ ชั้ น นอกจะมี ก ารเคลื่ อ นที่ ถ อยหลั ง โดยเรี ย ก 4. ครูมอบหมายใหนกั เรียนฝกทําแบบฝกหัด Topic
การเคลื่อนที่ไปทางตะวันออกของดาวเคราะห์ เช่นเดียวกับดาวเคราะห์ทุกดวงว่า การเคลื่อนที่ Questions เรื่อง การเคลื่อนที่ปรากฏของ
เดินหน้า (prograde motion) และการเคลื่อนที่ไปทางตะวันตกที่เกิดขึ้นน้อยกว่าว่า การเคลื่อนที่ ดาวเคราะห จากหนังสือเรียนลงในสมุดบันทึก
วกกลับ (retrograde motion) ประจําตัว
การเคลื่อนที่ปรากฏของดาวเคราะห์วงในเกิดจากการเคลื่อนที่จริงของดาวเคราะห์รอบดวง
อาทิตย์เทียบกับผู้สังเกตที่อยู่บนโลกซึ่งเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ไปด้วยในเวลาเดียวกัน ส่วนการ ขัน้ สรุป
เคลื่อนที่ปรากฏของดาวเคราะห์วงนอกเกิดจากการเคลื่อนที่ที่ผู้สังเกตมองจากบนโลก ซึ่งโลก
และดาวเคราะห์ต่างเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ในแนวเดียวกัน แต่โลกโคจรด้วยความเร็วที่มากกว่า 1. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนสอบถามเนื้อหาที่ได
ท�าให้สังเกตเห็นดาวเคราะห์วงนอกเคลื่อนที่วกกลับในบางช่วง ศึกษาผานมาแลววามีสวนไหนที่ยังไมเขาใจ
ทิศตะวันตก แลวใหความรูเ พิม่ เติมในสวนนัน้ โดยทีค่ รูอาจ
ทิศตะวันออก 4 3 2 1
5 จะใช PowerPoint เรื่อง การเคลื่อนที่ปรากฏ
6 7 8 9
13
12 มุมมองบนท้องฟา ของดาวเคราะห มาชวยในการอธิบาย
11 10
2. ครูมอบหมายใหนกั เรียนเขียนสรุปความรู เรือ่ ง
การเคลือ่ นทีป่ รากฏของดาวเคราะห ในรูปแบบ
ที่นาสนใจ เชน แผนที่ความคิด อินโฟกราฟก
9 8 7 6 5 ลงในสมุดบันทึกประจําตัวเปนรายบุคคลสงครู
11 10 4
12
8 7 6 5
3
2
ในชั่วโมงถัดไป
13 10
9
1
มุมมองในอวกาศ
4 จากเหนือระนาบวงโคจร
11 3
12 2 ของดาวเคราะห์ ขัน้ ประเมิน
13 1
วงโคจรของ 1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบกอนเรียน
ดาวเคราะห์วงนอก
ภาพที่ 5.4 การเคลื่อนที่ปรากฏของ วงโคจรของโลก 2. ครูตรวจแบบฝกหัดจาก Topic Questions เรือ่ ง
ดาวเคราะห์วงนอก (ตามล�าดับเลข) Core Concept การเคลือ่ นทีป่ รากฏของดาวเคราะห
ที่มา : คลังภาพ อจท.
ให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญ เรื่อง 3. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ
Topic การเคลื่อนที่ปรากฏของดาวเคราะห สังเกตการตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางาน
Questions รายบุคคลและพฤติกรรมการทํางานกลุม
ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้ 4. ครูตรวจและประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรม
1. จงอธิบายเกี่ยวกับการเคลื่อนที่เดินหน้าและการเคลื่อนที่วกกลับของดาวเคราะห์ การเคลื่อนที่วกกลับของดาวอังคาร
2. ดาวเคราะห์ดวงใดบ้างที่มีการเคลื่อนที่วกกลับ
3. เพราะเหตุใดการเคลื่อนที่ปรากฏของดาวเคราะห์วงนอกที่ผู้สังเกตมองจากโลกจึงเห็นเหมือน
การเคลื่อนที่วกกลับ
การเคลื่อนที่ปรากฏของดาวเคราะห์ 39
T45
0-3 ปรับปรุง
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
ร่วมทิศแนววงนอก เส้นศูนย์สูตรฟ้า
อยู่ในระนาบเดียวกับเส้นวงโคจรของดาวเคราะห์ วงใน
ศูนย์สูตรของโลก ซึ่งจะลาก
ขยายวงกว้างออกไปจนถึงระยะอนันต์ เส้นนีจ้ ะปรากฏ
บนทรงกลมฟ้าของผูส้ งั เกตแต่ละคนต่างกัน โดยขึน้ อยู่
แนวตอบ Key Question ห่างไปทาง กับต�าแหน่งละติจูดของผูห่้สาังงไปทางตะวั
เกต นตกมากที่สุด
ตะวันออกมากที่สุด
เราสามารถสังเกตเห็นดาวเคราะหวงในได ร่วมทิศแนววงในขั้วฟ้าใต้
เมือ่ ดาวเคราะหวงในอยูท ตี่ าํ แหนงหางไปทางตะวัน เป็นบริเวณของทรงกลมฟ้าที่ขั้วโลกใต้ของโลกชี้ไป
ตั้งฉากทางทิศตะวันออก ส�าหรับผู้สังเกตในซีกโลกเหนืตัอ้งจะไม่ ฉากทางทิ สามารถสั ศตะวังนเกต
ตก
ตกและตะวันออกมากที่สุด ซึ่งจะเห็นลักษณะเปน เห็นขัว้ ฟ้าใต้ได้ เนือ่ งจากขั
ภาพทีว้่ 5.5
ฟ้าใต้
มุมจห่ะอยู ต่ า�่ กว่าขอบฟ้า
างของดาวเคราะห์
เสี้ยว เราสามารถสังเกตเห็นดาวเคราะหวงนอก ภาพที่ 4.3 ทรงกลมฟ้าแบบไม่มีเส้นขอบฟ้า ตรงข้าม ทางทิศใต้เป็นมุมเท่าทีกั่ตบ�าละติ
แหน่จงูดต่ทีาง่ผู้สๆังเกตอยู่
เมื่ออยูตําแหนงตั้งฉากทางทิศตะวันตก ตําแหนง ที่มา : คลังภาพ อจท. ที่มา : คลังภาพ อจท.
ตัง้ ฉากทางทิศตะวันออก และตําแหนงตรงขามโดย 404 ตําแหนงหลักในวงโคจรของดาวเคราะหวงใน
ตําแหนงนีจ้ ะสามารถสังเกตเห็นดาวเคราะหวงนอก
ไดตลอดทั้งคืน
T46
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
1. ต�าแหนงหลักในวงโคจรของดาวเคราะห์วงใน มี 4 ต�าแหน่ง ดังนี้ 1. ครูถามคําถามเพือ่ นําเขาสูบ ทเรียน โดยถามวา
1) ต�าแหนงรวมทิศแนววงใน (inferior conjunction) เมือ่ ดาวเคราะห์อยูร่ ะหว่างโลกกับ • เส น การสั ง เกตตํ า แหน ง ดาวเคราะห บ น
ดวงอาทิตย์ หรืออยูด่ า้ นหน้าดวงอาทิตย์เมือ่ สังเกตจากโลก มีมมุ ห่างเท่ากับ 0 องศา ซึง่ ไม่สามารถ ทองฟาควรสังเกตในชวงเวลาใด
สังเกตเห็นดาวเคราะห์วงในได้ ยกเว้นในกรณีทดี่ าวเคราะห์อยูใ่ นระนาบเดียวกับดวงอาทิตย์ ผูส้ งั เกต (แนวตอบ ช ว งที่ ด วงอาทิ ต ย กํ า ลั ง ตกจาก
บนโลกจะสังเกตเห็นดาวเคราะห์เป็นจุดสีด�าเคลื่อนผ่านหน้าดวงอาทิตย์ ขอบฟา หรือชวงที่ดวงอาทิตยกําลังขึ้นจาก
2) ต�าแหนงรวมทิศแนววงนอก (superior conjunction) เป็นต�าแหน่งทีด่ าวเคราะห์วงใน ขอบฟา)
อยู่ด้านหลังดวงอาทิตย์ มีมุมห่างเท่ากับ 0 องศา ท�าให้ผู้สังเกตบนโลกไม่สามารถสังเกตเห็น 2. ครูแจงใหนักเรียนทราบวาจะไดศึกษา เรื่อง
ดาวเคราะห์วงในที่ต�าแหน่งนี้
3) ต�าแหนงหางไปทางตะวันตกมากที่สุด (greatest western elongation) โดยดาวศุกร์ มุมหางและคาบการโคจรของดาวเคราะห
ไม่เคยอยูห่ า่ งจากดวงอาทิตย์เกิน 47 องศา และดาวพุธไม่เคยอยูห่ า่ งจากดวงอาทิตย์เกิน 28 องศา 3. ครูใหนักเรียนนับจํานวน 1-5 วนไปเรื่อยๆ
ผู้สังเกตบนโลกจะสังเกตเห็นดาวเคราะห์วงในช่วงเช้ามืดและเห็นลักษณะเป็นเสี้ยว จนครบทุกคน เพื่อแบงนักเรียนออกเปนกลุม
4) ต�าแหนงหางไปทางตะวันออกมากที่สุด (greatest eastern elongation) โดยดาวศุกร์ กลุมละ 5 คน โดยคนที่นับจํานวนเดียวกัน ให
ไม่เคยอยูห่ า่ งจากดวงอาทิตย์เกิน 47 องศา และดาวพุธไม่เคยอยูห่ า่ งจากดวงอาทิตย์เกิน 28 องศา อยูกลุมเดียวกัน
ผู้สังเกตบนโลกจะสังเกตเห็นดาวเคราะห์วงในช่วงหัวค�่าหลังดวงอาทิตย์ตกและเห็นลักษณะเป็น
เสี้ยว
2. ต�าแหนงหลักในวงโคจรของดาวเคราะห์วงนอก มี 4 ต�าแหน่ง ดังนี้
1) ต�าแหนงรวมทิศ (conjunction) เป็นต�าแหน่งที่ดาวเคราะห์วงนอกอยู่ด้านหลัง
ดวงอาทิตย์ มีมมุ ห่างเท่ากับ 0 องศา ท�าให้ผสู้ งั เกตบนโลกไม่สามารถสังเกตเห็นดาวเคราะห์วงนอก
ทีต่ า� แหน่งนี้
2) ต�าแหนงตัง้ ฉากทางทิศตะวันตก (western quadrature) เมือ่ ดาวเคราะห์ทา� มุมฉากกับ
ดวงอาทิตย์ มีมมุ ห่างเท่ากับ 90 องศา ดาวเคราะห์จะอยูใ่ กล้เหนือศีรษะเวลาทีด่ วงอาทิตย์กา� ลังขึน้
3) ต�าแหนงตัง้ ฉากทางทิศตะวันออก (eastern quadrature) เมือ่ ดาวเคราะห์ทา� มุมฉากกับ
ดวงอาทิตย์ มีมมุ ห่างเท่ากับ 90 องศา ดาวเคราะห์จะอยูใ่ กล้เหนือศีรษะเวลาทีด่ วงอาทิตย์กา� ลังตก
4) ต�าแหนงตรงข้าม (opposition) เมือ่ ดาวเคราะห์อยูต่ รงข้ามกับดวงอาทิตย์ มีมมุ ห่าง
เท่ากับ 180 องศา เป็นต�าแหน่งที่ดาวเคราะห์วงนอกอยู่ใกล้โลกมากที่สุด โดยผู้สังเกตบนโลก
จะสังเกตเห็นดาวเคราะห์วงนอกได้ตลอดทั้งคืน
ภาพที่ 5.6 ท้องฟาช่วงเช้ามืดจากดอยอินทนนท์ ดาวที่สว่างที่สุดบนท้องฟาในภาพ
คือ ดาวศุกร์ หรือเรียกว่าดาวประกายพรึก
ที่มา : มติพล ตั้งมติธรรม
ดาวประกายพรึก
ตําแหนงหลักในวงโคจรของดาวเคราะหวงนอก 41
T47
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
1
4. แตละกลุม รวมกันศึกษา เรือ่ ง มุมหางและคาบ 2.2 คาบ
การโคจรของดาวเคราะห แหลงการเรียนรู คาบ (period) คือ ระยะเวลาที่ดาวเคราะห์ใช้ในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ ซึ่งการ
ตางๆ เชน อินเทอรเน็ต โดยครูเนนยํ้ากับ นิยาม 1 รอบ สามารถท�าได้หลายวิธี ดังนี้
นักเรียนวา ควรคัดเลือกศึกษาแหลงขอมูลที่ 1. คาบดาราคติ (sidereal period; P) คือ ระยะเวลาที่ดาวเคราะห์ใช้ในการโคจรกลับมายัง
นาเชื่อถือ ต�าแหน่งเดิมในวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ หรือทีเ่ รียกว่า “1 ปของดาวเคราะห์” ในกรณีทวั่ ๆ ไป เวลา
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช เรียกว่า คาบหรือคาบการโคจร เช่น คาบดาราคติของดาวอังคารเท่ากับ 687 วัน หมายความว่า
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม) หากเราอยูบ่ นดาวอังคาร จะสังเกตว่า ใน 1 ปของดาวอังคาร จะมีระยะเวลาเท่ากับ 687 วันบนโลก
5. แตละกลุม รวมกันอภิปรายเกีย่ วกับความรูท ไี่ ด อย่างไรก็ตาม คาบดาราคติเป็นสิ่งที่ไม่สามารถสังเกตได้โดยตรงจากบนโลก เนื่องจาก
รวมกันศึกษา แลวสรุปความรูที่ไดศึกษาลงใน ในขณะที่ดาวเคราะห์โคจรรอบดวงอาทิตย์ โลกก็มีการโคจรไปรอบดวงอาทิตย์เช่นเดียวกัน และ
สมุดประจําตัวเปนรายบุคคล เมื่อดาวเคราะห์ได้โคจรครบคาบดาราคติมาต�าแหน่งเดิมแล้ว ต�าแหน่งของโลกที่เปลี่ยนไปก็ท�าให้
ต�าแหน่งปรากฏของดาวเคราะห์เปลี่ยนแปลงไปด้วย
2. คาบซินอดิก (synodic period; S) คือ ระยะเวลาที่ดาวเคราะห์ใช้ในการวนกลับมาที่
มุมห่างเดิมจากดวงอาทิตย์อีกครั้ง เช่น ระยะเวลาระหว่างดาวอังคารที่อยู่ตรงข้ามกับดวงอาทิตย์
จนกลับมาอยูต่ รงข้ามดวงอาทิตย์ซา�้ อีกครัง้ หนึง่ หรือคาบซินอดิกของดาวอังคาร มีคา่ เท่ากับ 780 วัน
ส�าหรับดาวเคราะห์วงใน จะมีการโคจรที่เร็วกว่าโลก โดยหากดาวเคราะห์วงในที่มีคาบ
การโคจร P ป (ส�าหรับดาวเคราะห์วงใน จะได้ว่า P < 1) แต่มีคาบซินอดิก S ป เมื่อเวลาผ่านไป
P ป ดาวเคราะห์วงในจะกลับมาที่ต�าแหน่งเดิมในวงโคจร แต่เนื่องจาก P < 1 ส�าหรับดาวเคราะห์
วงใน โลกจะโคจรไปแค่เพียง 360P องศา นั่นหมายความว่า ทุก ๆ รอบการโคจรของดาวเคราะห์
วงในจะแซงโลกไปเป็นมุม 360 - 360P จนกลับมาพบกันใหม่อีกครั้งเมื่อดาวเคราะห์วงใน
ได้แซงกลับมาครบเป็นมุม 360 องศา นั่นคือ
ดาวเคราะห์วงในจะแซงโลกไปเป็นมุม 360(1 - P) องศา ทุก ๆ P ป
ดาวเคราะห์วงในจะแซงโลกไปเป็นมุม 360 องศา ทุก ๆ 1 P- P ป
ส่วนเวลาที่ดาวเคราะห์วงในแซงโลกจนกลับมา
ครบ 1 รอบอีกครั้ง คือ คาบซินอดิก (S) นั่นคือ
H. O. T. S.
S = 1 P- P คําถามทาทายการคิดขั้นสูง
แนวตอบ H. O. T. S. คาบดาราคติกับ
1 1 คาบซินอดิกมี
คาบดาราคติ คือ ระยะเวลาทีด่ าวเคราะหใชใน S =P-1 ความแตกต่างกัน
การโคจรกลับมายังตําแหนงเดิมในวงโคจรรอบดวง 1 = P1 - S1
อย่างไร
อาทิตย ซึง่ ไมสามารถสังเกตไดโดยตรงจากบนโลก
แตคาบซินอดิก คือ ระยะเวลาที่ดาวเคราะหใชใน 42
การโคจรกลับมายังมุมหางเดิมระหวางดวงอาทิตย
กับโลกอีกครั้ง
T48
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
ส�าหรับดาวเคราะห์วงนอก ซึง่ มีคา่ P > 1 เมือ่ เวลาผ่านไป P ป โลกจะแซงหน้าดาวเคราะห์ 6. ครู ถ ามคํ า ถามให แ ต ล ะกลุ ม แข ง ขั น กั น หา
ไปแล้วเป็นมุม 360(P - 1) องศา และจะกลับมาแซงครบ 360 องศา เมื่อผ่านไป 1 คาบซินอดิก คําตอบและมอบรางวัลใหกับกลุมที่ตอบได
S = P P- 1 รวดเร็วและถูกตองทีส่ ดุ โดยครูอาจใชคาํ ถาม
ดังนี้
1 = P1 + S1 • มุมหางหาไดอยางไร
(แนวตอบ มุมหางหาไดจากมุมระหวางเสนตรง
ตัวอยางที่ ดาวอังคารจะเข้าใกล้โลกที่สุดในชวงเวลาที่ท�ามุมตรงข้ามกับดวงอาทิตย์ โดยระยะเวลา ทีเ่ ชือ่ มโลกกับดวงอาทิตยกบั เสนตรงทีเ่ ชือ่ ม
5.1 ระหวางการเข้าใกล้โลก 2 ครั้ง จะหางกัน 780 วัน ดาวอังคารมีคาบดาราคติเทาใด โลกกับดาวเคราะห โดยมีโลกเปนจุดหมุน)
วิธีท�า ระยะเวลาระหว่างการเข้าใกล้โลก 2 ครั้ง คือ คาบซินอดิก (S) นั่นคือ • มุมหางใชบอกตําแหนงของดาวเคราะหได
คาบซินอดิกของดาวอังคาร = 780 วัน = 2.14 ป อยางไร
จากสมการ 1 = P1 + S1 (แนวตอบ มุมหางใชบอกตําแหนงของดาว
แทนค่า 1 = P1 + 2.14 1 เคราะหได โดยดาวเคราะหอยูหางจากดวง
P = 1.88 ป = 685 วัน อาทิตยไปทางตะวันออก เรียกวา มุมหาง
ดังนั้น ดาวอังคารมีคาบดาราคติเท่ากับ 685 วัน ทางตะวันออก และเมื่อดาวเคราะหอยูหาง
จากดวงอาทิตยไปทางตะวันตก)
กิจกรรม ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
• การวัด
คาบดาราคติและคาบซินอดิก • การสังเกต
• การใช้จ�านวน
จิตวิทยาศาสตร์
• ความรอบคอบ
วัสดุอปุ กรณ์ • ความมุ่งมั่น อดทน
1. เชือก 2. ชอล์ก 3. สายวัดหรือตลับเมตร
วิธปี ฏิบตั ิ
1. ให้นกั เรียน 1 คน ถือเชือกเอาไว้ โดยก�าหนดให้นกั เรียนแทนดวงอาทิตย์ จากนัน้ ให้นกั เรียนอีกคนลากเชือก
ออกมาจากดวงอาทิตย์เป็นระยะทางพอประมาณ แล้วขีดเส้นวงกลมบนพื้นด้วยชอล์ก เพื่อแทนวงโคจร
ของดาวเคราะห์วงใน
2. ลากเชือกออกมาเป็นระยะทางไกลกว่าเดิม แล้วขีดเส้นวงกลมอีกวงหนึง่ เพือ่ แทนวงโคจรของดาวเคราะห์
วงนอก
3. ให้นักเรียนอีก 1 คน แทนดาวเคราะห์วงในและแทนการเคลื่อนที่ของดาวเคราะห์วงในด้วยการวิ่งเหยาะ ๆ
แล้วจับเวลาที่ใช้ในการวิ่งกลับมายังจุดเริ่มต้น เพื่อวัดคาบดาราคติของดาวเคราะห์วงใน
43
T49
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
7. ครูแจงใหนักเรียนทราบวาจะไดทํากิจกรรม 4. ให้นักเรียนอีก 1 คน แทนดาวเคราะห์วงนอกและแทนการ ดาวเคราะห์วงนอก
คาบดาราคติและคาบซินอดิก พรอมแจงจุด เคลื่อนที่ของดาวเคราะห์วงนอกด้วยการเดิน แล้วจับเวลา เพื่อ
ดาวเคราะห์วงในและโลก
ประสงคการทํากิจกรรม วัดคาบดาราคติของดาวเคราะห์วงนอก
8. แตละกลุม ทํากิจกรรมตามขัน้ ตอนในหนังสือ 5. จับเวลาอีกครั้งโดยให้นักเรียนยืนต�าแหน่ง ดังภาพที่ 5.7 ซึ่ง
เรียน โดยครูแจงใหนักเรียนทราบวา เมื่อ จะเริ่มจากเวลาที่ดาวเคราะห์ทั้งสองอยู่ในแนวเดียวกันจาก
ดวงอาทิตย์ แล้วเริม่ พร้อมกัน โดยนักเรียนทีแ่ ทนโลกวิง่ เหยาะ ๆ
ทํากิจกรรมเสร็จแลวใหแตละกลุมออกมา ส่วนนักเรียนอีกคนที่แทนดาวเคราะห์วงนอกเดิน และหยุดเวลา
นําเสนอผลการทํากิจกรรมของกลุมตนเอง เมือ่ ดาวเคราะห์ทงั้ สองกลับมาอยูใ่ นแนวเดียวกันอีกครัง้ ซึง่ เวลา
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช ที่ได้ คือ คาบซินอดิก
แบบประเมินการปฏิบัติกิจกรรม) 6. เปรียบเทียบและอภิปรายความแตกต่างระหว่างคาบดาราคติและ ภาพที่ 5.7 จ�าลองกิจกรรมคาบดาราคติ
คาบซินอดิกที่วัดได้ และคาบซินอดิก
9. แตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอผลการ ที่มา : คลังภาพ อจท.
ทํากิจกรรมหนาชั้นเรียน โดยในระหวางที่ ค�าถามท้ายกิจกรรม
?
นักเรียนนําเสนอ ครูคอยใหขอ เสนอแนะและ คาบซินอดิกของดาวเคราะห์คิดเป็นเวลามากหรือน้อยกว่าคาบดาราคติของดาวเคราะห์วงในและวงนอก
ขอมูลเพิ่มเติมเพื่อใหนักเรียนมีความเขาใจ
ที่ถูกตอง อภิปรายผลกิจกรรม
Core Concept
ให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญ เรื่อง
มุมหางและคาบการโคจรของดาวเคราะห
Topic
Questions
ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้
1. จงอธิบายเกี่ยวกับมุมห่างและคาบการโคจรของดาวเคราะห์
2. ดาวเคราะห์วงในที่ต�าแหน่งใดที่ผู้สังเกตบนโลกจะไม่สามารถสังเกตเห็นดาวเคราะห์วงในนั้นปรากฏ
บนท้องฟา
3. ถ้าเกิดปรากฏการณ์ดาวเสาร์ใกล้โลก แสดงว่า ดาวเสาร์อยู่ต�าแหน่งใดเมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์
และมีมุมห่างเท่ากับเท่าใด
แนวตอบ คําถามท้ายกิจกรรม
44
คาบซินอดิกของดาวเคราะหคดิ เปนเวลามากกวา
คาบดาราคติของดาวเคราะหวงในและวงนอก
(ขึ้นอยูกับดุลยพินิจผูสอน โดยพิจารณาจากความถูกตองและเหมาะสม
ของขอมูลที่นักเรียนบันทึก)
T50
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เข้าใจ (Understanding)
Earth Science 11. ครูเปดโอกาสใหนกั เรียนสอบถามเนือ้ หาทีไ่ ด
in real life ดาวเคียงเดือน ศึกษาผานมาแลววามีสวนไหนที่ยังไมเขาใจ
ปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือนเป็นปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์อย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจ�า แลวใหความรูเพิ่มเติมในสวนนั้น โดยที่ครู
เนื่องจากดวงจันทร์และดาวเคราะห์ในระบบสุริยะมีการเปลี่ยนต�าแหน่งไปเรื่อย ๆ ตามคาบการ อาจจะใช PowerPoint เรื่อง การเคลื่อนที่
โคจรรอบดวงอาทิตย์ จึงท�าให้ดวงจันทร์และดาวเคราะห์สามารถปรากฏบนท้องฟาในทิศเดียวกัน หรือ
เคลือ่ นทีม่ าอยูใ่ นต�าแหน่งใกล้เคียงกันได้ เราสามารถสังเกตเห็นดาวเคียงเดือนได้อย่างชัดเจนในช่วงที่ ปรากฏของดาวเคราะห มาชวยในการอธิบาย
ดวงจันทร์ปรากฏเห็นเป็นเสี้ยวบาง เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่แสงสว่างจากดวงจันทร์จะไม่บดบัง 12. นักเรียนทําใบงาน เรื่อง มุมหางและคาบการ
ดาวเคราะห์ โคจรของดาวเคราะห
ในวันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ได้เกิดปราฏการณ์ดาวเคียงเดือนทีน่ า่ สนใจบนท้องฟา เพราะมี (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
การเรียงตัวของดาวศุกร์และดาวพฤหัสอยูเ่ หนือดวงจันทร์ทเี่ ป็นรูปดวงจันทร์เสีย้ ว จึงท�าให้มลี กั ษณะ แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
เหมือนคนก�าลังยิ้มอยู่ จึงท�าให้มีการเรียกว่า 13. ครูมอบหมายใหนักเรียนฝกทําแบบฝกหัด
พระจันทร์ยิ้ม
Topic Questions เรื่อง การเคลื่อนที่ปรากฏ
ในวันที่ 28-30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562
ของดาวเคราะห จากหนังสือเรียน ลงในสมุด
ก็เกิดปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือนเช่นกัน โดยมี
ดาวพฤหัส ดาวศุกร์ และดาวเสาร์ อยู่เคียงดวง บันทึกประจําตัว
จันทร์เสี้ยว ซึ่งในวันดังกล่าวปรากฏการณ์ดาว1
เคียงเดือนได้เกิดพร้อมกับปรากฏการณ์แสงโลก
ซึง่ จะเกิดหลังจากดวงอาทิตย์ลบั ขอบฟา ทางทิศ ภาพที่ 5.8 ปรากฏการณ์ดาวเคียงเดือน ในวันที่ 1
ตะวันตกเฉียงใต้ โดยสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ธันวาคม พ.ศ. 2551 ซึ่งถูกเรียกว่า พระจันทร์ยิ้ม
ที่มา : คลังภาพ อจท.
ดวงจันทร์
ดวงจันทร์
การเคลื่อนที่ปรากฏของดาวเคราะห์ 45
T51
นํา สอน สรุป สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ลงมือทํา (Doing)
14. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อ
Summary
ตรวจสอบความเขาใจหลังเรียนของนักเรียน การเคลื่อนที่ปรากฏของ
ดาวเคราะห
15. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําแบบฝกหัด Unit
Questions 5 เรือ่ ง มุมหางและคาบการโคจร การเคลื่อนที่ปรากฏของดาวเคราะห
ของดาวเคราะห และ Test for U จากหนังสือ ดาวเคราะห์ทุกดวงจะเคลื่อนที่ไปทางตะวันออก เรียกว่า การเคลื่อนที่เดินหน้า (prograde motion) แต่
เรียนลงในสมุดประจําตัวสงครูในชัว่ โมงถัดไป ในบางครั้งดาวเคราะห์วงนอกจะมีการเคลื่อนที่ไปทางตะวันตก เรียกว่า การเคลื่อนที่วกกลับ (retrograde
motion)
1
ขัน้ สรุป มุมหางและคาบการโคจรของดาวเคราะห
ครูมอบหมายใหนกั เรียนเขียนสรุปความรู เรือ่ ง • มุมหาง (elongation) คือ มุมระหว่างเส้นตรงทีเ่ ชือ่ มโลกกับดวงอาทิตย์ กับเส้นตรงทีเ่ ชือ่ มโลกกับดาวเคราะห์
มุมหางและคาบการโคจรของดาวเคราะห ในรูปแบบ ดาวเคราะห์วงใน
ที่นาสนใจ เชน แผนที่ความคิด อินโฟกราฟก ดาวเคราะห์วงนอก
ร่วมทิศ
โลก
ลงในสมุดประจําตัวเปนรายบุคคลสงครูในชัว่ โมง วงโคจรของดาวเคราะห์วงนอก
ถัดไป วงโคจรของโลก
ร่วมทิศแนววงนอก
วงโคจรของดาวเคราะห์วงใน
ห่างไปทางตะวันออกมากที่สุด ห่างไปทางตะวันตกมากที่สุด
ร่วมทิศแนววงใน
ตั้งฉากทางทิศตะวันออก ตั้งฉากทางทิศตะวันตก
ตรงข้าม
ภาพที่ 5.10 มุมห่างของดาวเคราะห์ที่ต�าแหน่งต่าง ๆ
ที่มา : คลังภาพ อจท.
คาบดาราคติ (sidereal period; P) คือ ระยะ คาบซินอดิก (synodic period; S) คือ ระยะ
เวลาที่ดาวเคราะห์ใช้ในการโคจรกลับมายัง เวลาที่ดาวเคราะห์ใช้ในการโคจรกลับมายัง
ต�าแหน่งเดิมในวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ มุมห่างเดิมระหว่างดวงอาทิตย์กับโลกอีกครั้ง
- ดาวเคราะห์วงในใช้สูตร 1 = P1 - S1 ส่วนดาวเคราะห์วงนอกใช้สูตร 1 = P1 + S1
46
θ
มุมกม มุมเงย
T52
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน
Apply Your Knowledge 2. ครูตรวจสอบผลการทําใบงาน เรื่อง มุมหาง
คําชี้แจง ให้นักเรียนตอบค�าถามจากสถานการณ์ที่ก�าหนดให้ตอไปนี้ และคาบการโคจรของดาวเคราะห
ช่วงพลบค�่านักเรียนสังเกตเห็นดาวศุกร์มีความสว่างสดใส และเป็นดาวที่สว่างที่สุดบนท้องฟา 3. ครูตรวจแบบฝกหัดจาก Topic Questions เรือ่ ง
มุมหางและคาบการโคจรของดาวเคราะห ใน
จากสถานการณ์นักเรียนคิดว่า ดาวศุกร์ปรากฏที่ทิศใด อยู่ที่มุมห่างต�าแหน่งใดเมื่อเทียบกับ
ดวงอาทิตย์ และเรียกดาวศุกร์ที่ขึ้นในช่วงพลบค�่าว่าอย่างไร สมุดประจําตัว
4. ครูตรวจแบบฝกหัด เรื่อง มุมหางและคาบการ
โคจรของดาวเคราะห จาก Unit Questions 5
5. ครูตรวจแบบฝกหัด เรื่อง การเคลื่อนที่ปรากฏ
Self Check ของดาวเคราะห จาก Test for U
6. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ
ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความวาถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด สังเกตการตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางาน
หากพิจารณาข้อความไมถูกต้อง ให้กลับไปทบทวนเนื้อหาตามหัวข้อที่ก�าหนดให้ รายบุคคลและพฤติกรรมการทํางานกลุม
ถูก/ผิด ทบทวนที่หัวขอ
1. การเคลื่อนที่เดินหน้า คือ การเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออก
7. ครูวดั และประเมินผลจากชิน้ งานแผนภาพหรือ
1.
ตามเส้นสุริยวิถี อินโฟกราฟก เรื่อง มุมหางและคาบการโคจร
2. ดาวพุธและดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์ที่มีการเคลื่อนที่วกกลับ 1.
ของดาวเคราะห
3. มุมห่าง คือ มุมระหว่างเส้นตรงที่เชื่อมโลกกับดวงอาทิตย์ กับเส้นตรง 2.1
ที่เชื่อมโลกกับดาวเคราะห์
4. ดาวเคราะห์วงในและดาวเคราะห์วงนอกมีมุมห่างเท่ากัน 2.1
ุด
สม
ใน
T53
นํา สอน สรุป ประเมิน
T54
นํา สอน สรุป ประเมิน
การเคลื่อนที่ปรากฏของดาวเคราะห์ 49
T55
Chapter Overview
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 1 - แบบทดสอบก่อนเรียน 1. อธิบายหลักการท�ำงาน แบบเน้น - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการสังเกต - ซื่อสัตย์ สุจริต
กล้อง - หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม และเปรียบเทียบ มโนทัศน์ ก่อนเรียน - ทักษะการทดลอง - ใฝ่เรียนรู้
โทรทรรศน์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ความแตกต่างของ (Concept - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการค�ำนวณ - มุ่งมั่นในการ
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ กล้องโทรทรรศน์ประเภท Based - ตรวจใบงาน - ทักษะการวิเคราะห์ ท�ำงาน
6 ม.6 เล่ม 2
- แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติม
ต่าง ๆ ได้ (K)
2. ค�ำนวณหาก�ำลังขยาย
Teaching) - ประเมินการ
ปฏิบัติกิจกรรม
- ทักษะการท�ำงาน
ร่วมกัน
ชั่วโมง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และก�ำลังแยกของ การสังเกตการณ์
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ กล้องโทรทรรศน์ได้ (P) ท้องฟ้า
ม.6 เล่ม 2 3. ปฏิบัติกิจกรรม - ประเมินการน�ำเสนอ
- ใบงาน การสังเกตการณ์ท้องฟ้า ผลงาน
- PowerPoint ได้อย่างถูกต้อง (P)
- QR Code 4. ซื่อสัตย์ สุจริต ใฝ่เรียนรู้
- ภาพยนตร์สารคดีสั้น Twig และมุ่งมั่นในการท�ำงาน
(A)
แผนฯ ที่ 2 - หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม 1. อธิบายหลักการท�ำงาน แบบเน้น - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการสังเกต - ซื่อสัตย์ สุจริต
เครื่องบันทึก วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ของเครื่องบันทึก มโนทัศน์ - ตรวจใบงาน - ทักษะการสื่อสาร - ใฝ่เรียนรู้
สัญญาณทาง โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ สัญญาณทางดาราศาสตร์ (Concept - ตรวจชิ้นงาน - ทักษะการวิเคราะห์ - มุ่งมั่นในการ
ดาราศาสตร์ ม.6 เล่ม 2 ได้ (K) Based ผังมโนทัศน์ - ทักษะการท�ำงาน ท�ำงาน
- แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติม 2. สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ Teaching) เรื่อง เครื่องบันทึก ร่วมกัน
2 วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เครื่องบันทึกสัญญาณ
โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ทางดาราศาสตร์ได้ (P)
สัญญาณทาง
ดาราศาสตร์
- ทกั ษะการจัดกระท�ำ
และสื่อความหมาย
ชั่วโมง ม.6 เล่ม 2 3. ซื่อสัตย์ สุจริต ใฝ่เรียนรู้ - ประเมินการน�ำเสนอ ข้อมูล
- ใบงาน และมุ่งมั่นในการท�ำงาน ผลงาน
- PowerPoint (A)
แผนฯ ที่ 3 - หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม 1. อธิบายหลักการท�ำงาน แบบเน้น - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการสังเกต - ซื่อสัตย์ สุจริต
ดาราศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และประโยชน์ของ มโนทัศน์ - ตรวจใบงาน - ทักษะการสื่อสาร - ใฝ่เรียนรู้
ในช่วง โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ กล้องโทรทรรศน์ในช่วง (Concept - ตรวจชิ้นงาน - ทักษะการวิเคราะห์ - มุ่งมั่นในการ
ความยาวคลื่น ม.6 เล่ม 2 ความยาวคลื่นต่าง ๆ ได้ Based ผังมโนทัศน์ เรื่อง - ทักษะการท�ำงาน ท�ำงาน
ต่าง ๆ - แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติม (K) Teaching) ดาราศาสตร์ในช่วง ร่วมกัน
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2. สืบค้นข้อมูลเกี่ยวกับ ความยาวคลื่นต่าง ๆ - ทกั ษะการจัดกระท�ำ
2 โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ กล้องโทรทรรศน์ในช่วง
ม.6 เล่ม 2 ความยาวคลื่นต่าง ๆ ได้
- ประเมินการน�ำเสนอ
ผลงาน
และสื่อความหมาย
ข้อมูล
ชั่วโมง
- ใบงาน อย่างถูกต้อง (P)
- PowerPoint 3. ซื่อสัตย์ สุจริต ใฝ่เรียนรู้
- ภาพยนตร์สารคดีสั้น Twig และมุ่งมั่นในการท�ำงาน
(A)
แผนฯ ที่ 4 - แบบทดสอบหลังเรียน 1. อธิบายหลักการท�ำงาน แบบเน้น - ตรวจแบบทดสอบ - ทักษะการสังเกต - ซื่อสัตย์ สุจริต
อุปกรณ์ที่ใช้ - หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติม และประโยชน์ของ มโนทัศน์ หลังเรียน - ทักษะการสื่อสาร - ใฝ่เรียนรู้
ในการส�ำรวจ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อุปกรณ์ที่ใช้ในการส�ำรวจ (Concept - ตรวจแบบฝึกหัด - ทักษะการวิเคราะห์ - มุ่งมั่นในการ
อวกาศ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ อวกาศได้ (K) Based - ตรวจใบงาน - ทักษะการท�ำงาน ท�ำงาน
ม.6 เล่ม 2 2. สืบค้นข้อมูลเกีย่ วกับ Teaching) - ตรวจชิ้นงาน ร่วมกัน
2 - แบบฝึกหัดรายวิชาเพิ่มเติม
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
อุปกรณ์ที่ใช้ในการส�ำรวจ
อวกาศได้อย่างถูกต้อง
แผนภาพ เรื่อง
อุปกรณ์ที่ใช้ในการ
- ทกั ษะการจัดกระท�ำ
และสื่อความหมาย
ชั่วโมง โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ (P) ส�ำรวจอวกาศ ข้อมูล
ม.6 เล่ม 2 3. ซื่อสัตย์ สุจริต ใฝ่เรียนรู้ - ประเมินการน�ำเสนอ
- ใบงาน และมุ่งมั่นในการท�ำงาน ผลงาน
- PowerPoint (A)
- QR Code
- ภาพยนตร์สารคดีสั้น Twig
T56
Chapter Concept Overview
กล้องโทรทรรศน์
• หน้าที่ของกล้องโทรทรรศน์
- ร วมแสงด้วยพื้นที่รับแสงที่มากกว่านัยน์ตามนุษย์
- เพิ่มขนาดเชิงมุมปรากฏของวัตถุหรือเพิ่มก�ำลังขยาย
- เพิ่มก�ำลังแยกภาพ
- ร ะบุต�ำแหน่งของวัตถุ
• อ ัตราส่วนโฟกัส (F) หาได้จากอัตราส่วนระหว่างความยาวโฟกัสของเลนส์ใกล้วัตถุ (f) กับเส้นผ่านศูนย์กลางของเลนส์ใกล้วัตถุ (D)
F = Df
2
อัตราส่วนก�ำลังรวมแสง = (เส้นผ่านศูนย์กลางของเลนส์ A)
เส้นผ่านศูนย์กลางของเลนส์ B
f
M = fobs
eye
• ป ระเภทของกล้องโทรทรรศน์
T57
เครื่องบันทึกสัญญาณทางดาราศาสตร์
• เพลตถ่ายภาพและฟล์ม ฉาบด้วยสารไวแสงเพื่อบันทึกแสง เมื่อน�ามาล้างภาพของดาวฤกษ์ที่สว่างจะมีสัญญาณติดอยู่บนเพลตถ่ายภาพ
และฟิล์มมาก
• มาตรแสง เป็นอุปกรณ์ที่ใช้วัดความเข้มของแสง โดยหากใช้แผ่นกรองแสงโพลาไรส์จะเรียกว่า โพลาริมิเตอร์
• ตัวเพิ่มความเข้มภาพ มีลักษณะเดียวกันกับที่พบได้ในกล้องมองกลางคืน มักใช้ในช่วงคลื่นที่มีการตรวจวัดได้ยากหรือมีสัญญาณน้อย
• กล้องซีซีดี มีสารกึ่งตัวน�าแบ่งออกเป็นพิกเซล เมื่อมีแสงตกกระทบพิกเซลจะเก็บสัญญาณไว้ แล้วแปลงออกมาเป็นสัญญาณภาพ
• อินเตอร์ฟีรอมิเตอร์ ใช้หลักการรวมแสงที่ได้จากกล้องโทรทรรศน์ 2 กล้องขึ้นไป เพื่อเพิ่มรายละเอียดของภาพ
ดาราศาสตร์ ในชวงความยาวคลื่นตาง ๆ
• กล้องโทรทรรศน์วทิ ยุ มีหลักการท�างานเหมือนกับเครือ่ งรับสัญญาณ
วิทยุ เนือ่ งจากคลืน่ วิทยุมคี วามยาวคลืน่ ค่อนข้างมาก ท�าให้ตอ้ งใช้
จานรับสัญญาณขนาดใหญ่หรือหลายจานท�างานร่วมกัน
• กล้องโทรทรรศน์ไมโครเวฟ รังสีไมโครเวฟในบางช่วงคลื่นไม่
สามารถทะลุผ่านชั้นบรรยากาศลงมายังพื้นโลกได้ การศึกษารังสี
ไมโครเวฟที่ความละเอียดสูงจึงต้องท�าในอวกาศ
• กล้องโทรทรรศน์อินฟราเรด รังสีอินฟราเรดเป็นรังสีความร้อนที่
แผ่ออกมาจากวัตถุทมี่ อี ณุ หภูมใิ กล้เคียงกับอุณหภูมหิ อ้ ง การท�างาน
ของกล้องโทรทรรศน์อนิ ฟราเรดจึงจ�าเป็นต้องมีการหล่อเย็น
• กล้องโทรทรรศน์รังสีอัลตราไวโอเลต รังสีอัลตราไวโอเลตไม่
สามารถผ่านชั้นบรรยากาศมาได้มากนัก กล้องโทรทรรศน์รังสี
อัลตราไวโอเลตจึงต้องถูกส่งออกไปส�ารวจนอกโลก
• กล้องโทรทรรศน์รังสีเอกซ์ รังสีเอกซ์มีอ�านาจทะลุทะลวงสูงมาก
ดังนั้น กล้องโทรทรรศน์รังสีเอกซ์ จึงใช้แผ่นโลหะหนาหลายชั้นที่
ท�ามุมป้านให้รังสีเอกซ์ค่อย ๆ เบี่ยงเบนเข้าไปหาจุดโฟกัส
• กล้องโทรทรรศน์รังสีแกมมา เนื่องจากชั้นบรรยากาศดูดซับรังสี
แกมมาไว้ได้หมด การสังเกตปรากฏการณ์รังสีแกมมาจึงต้องท�า
เหนือชั้นบรรยากาศ
• เครื่องตรวจวัดรังสีคอสมิก ถึงแม้ว่ารังสีคอสมิกจะมีพลังงานสูง
แต่ไม่สามารถผ่านชั้นบรรยากาศลงมาสู่พื้นโลกได้ การศึกษา
รั ง สี ค อสมิ ก จึ งต้อ งศึกษาจากรังสีอื่น ๆ ที่เกิด ขึ้ น เนื่ อ งจาก
รังสีคอสมิกชนกับโมเลกุลต่าง ๆ ในชั้นบรรยากาศ
• เครือ่ งตรวจจับนิวทริโน หอสังเกตการณ์นวิ ทริโนมักถูกสร้างไว้ใต้
ภูเขาขนาดใหญ่ เพือ่ ป้องกันการรบกวนจากรังสีอนื่ ๆ ทีอ่ าจส่งผล
กระทบต่อเครื่องตรวจจับ
T58
หนวยการเรียนรู้ที่ 6
อุปกรณ์ที่ใช้ในการสํารวจอวกาศที่นาสนใจ
• ดาวเทียม เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นและส่งไปโคจรรอบโลกเพื่อใช้ในการสื่อสาร
1) การส่งและการโคจรของดาวเทียม ดาวเทียมโคจรรอบโลกนั้นเคลื่อนที่ด้วยอัตราเร็วโคจร ซึ่งอัตราเร็วโคจรขึ้นอยู่กับแรงโน้มถ่วงจึงมี
ค่าที่สูงเมื่ออยู่ใกล้พื้นโลกและช้าลงเมื่ออยู่สูงจากพื้นโลก
2) การใช้ประโยชน์จากดาวเทียม ปัจจุบนั เรามีการใช้ประโยชน์จาก
ดาวเทียมมากมาย เช่น
- ดาวเที ย มสั ง เกตการณ์ โ ลก เป็ น ดาวเที ย มที่ ท� า การ
สังเกตการณ์บนพืน้ โลก เช่น ท�าแผนที่ (เช่น Google Maps)
ส�ารวจทรัพยากรโลก อุตนุ ยิ มวิทยา ศึกษาสิง่ แวดล้อม
- ดาวเทียมสือ่ สาร เป็นดาวเทียมท�าหน้าทีใ่ นการส่งสัญญาณ
สื่อสาร เช่น สัญญาณโทรทัศน์และสัญญาณอินเทอร์เน็ต
ผ่านดาวเทียม
- ดาวเทียมทหาร เป็นดาวเทียมที่ท�าหน้าที่สอดแนมหรือ
ตรวจจับการปล่อยรังสี เช่น การทดลองนิวเคลียร์ ข้อมูลเกี่ยวกับดาวเทียมจ�าพวกนี้มักถูกเก็บเป็นความลับทางการทหาร
- ดาวเทียมน�าทาง เป็นระบบดาวเทียมที่ท�าหน้าที่ส่งสัญญาณวิทยุเพื่อระบุต�าแหน่งบนพื้นโลก เช่น ระบบจีพีเอสที่ใช้บนโทรศัพท์
เคลื่อนที่มาจากการจับเวลาของสัญญาณที่มาจากระบบ
ดาวเทียมแหล่านี้
- กล้ อ งโทรทรรศน์ อ วกาศ เป็ น ดาวเที ย มที่ ท� า หน้ า ที่
สังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์
• สถานีอวกาศ คือ ห้องปฏิบัติการลอยฟ้าที่โคจรรอบโลก สถานี
อวกาศเป็นห้องปฏิบัติการที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ในระยะยาว และ
มีภารกิจหลักในการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับสภาวะ
ไร้น�้าหนักที่มีต่อมนุษย์ พืช สัตว์ วัสดุศาสตร์
• ยานอวกาศ เป็นยานพาหนะทีน่ า� มนุษย์หรืออุปกรณ์ทางดาราศาสตร์
ขึน้ ไปสูอ่ วกาศ เพือ่ ส�ารวจหรือเดินทางไปยังดาวดวงอืน่
• กล้องโทรทรรศน์อวกาศ ปัจจุบนั มีกล้องโทรทรรศน์ทโี่ คจรอยูร่ อบ
โลกและท�าการศึกษาวัตถุท้องฟ้าในหลายช่วงความยาวคลื่นที่ไม่
สามารถสังเกตบนโลกและมักถูกติดตัง้ อยูก่ บั ดาวเทียม
• หุ่นยนต์ส�ารวจอวกาศไร้คนขับ เนื่องจากการส่งมนุษย์ไปส�ารวจ
อวกาศจะตามมาด้วยน�า้ หนักบรรทุกทีม่ าก ระบบพยุงชีพทีว่ นุ่ วาย
อาหาร ระบบก�าจัดของเสีย น�้าดื่ม ระยะเวลาอันยาวนานในการ
ส�ารวจระบบสุริยะไปจนถึงความจ�าเป็นที่จะต้องเดินทางเพื่อน�า
มนุษย์อวกาศกลับคืนมายังโลก หุ่นยนต์ส�ารวจอวกาศไร้คนขับ
จึงเป็นทางเลือกที่ถูกและปลอดภัยกว่ามาก
เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ ใช้
เทคโนโลยีอวกาศสามารถน�ามาประยุกต์ใช้เป็นเครือ่ งมือเครือ่ งใช้
ในชีวิตประจ�าวันซึ่งได้มีการคิดค้นวิจัยขึ้นมาจากการผลักดันทาง
เทคโนโลยีอวกาศ เช่น จีพีเอส เมมโมรีโฟม ซีมอส เหล็กจัดฟัน
แว่นสายตา แขนขาเทียม เครื่องช่วยฟัง เทคโนโลยีการแช่แข็ง
อาหาร ปรอทวัดอุณหภูมิแบบอินฟราเรด เครื่องดูดฝุ่น ผ้าห่ม
อวกาศ อาหารเด็ก
T59
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
Che�� fo r U n de r s t a n d i ng
ให้นักเรียนพิจารณาข้อความตามความเข้าใจของนักเรียนว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด
กลองโทรทรรศนที่มีขนาดหนากลองมากจะมีความไวแสงสูงกวากลองโทรทรรศนที่มีขนาดเสนผานศูนยกลางกลองนอย
กลองโทรทรรศนแบบสะทอนแสงเปนกลองโทรทรรศนที่ใชเลนสนูนทําหนาที่ในการรวมแสง
เครื่องบันทึกสัญญาณทางดาราศาสตรมีหนาที่เก็บบันทึกสะสมแสงไวไดนานเปนนาที ชั่วโมง หรือเปนสัปดาห
ดาวเทียมที่โคจรใกลผิวโลกจะโคจรดวยความเร็วที่นอยกวาดาวเทียมอยูสูงขึ้นไป
สวนประกอบของระบบขนสงอวกาศที่สามารถนํากลับมาใชใหมไดอีกครั้ง คือ จรวดเชื้อเพลิงแข็งและยานขนสงอวกาศ
แนวตอบ Check for Understanding
1. ถูก 2. ผิด 3. ถูก
4. ผิด 5. ถูก
T60
นํา นํา สอน
สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ นํา
การใชความรูเ ดิมฯ (Prior Knowledge)
Key Question
อุปกรณใดบางที่ใชใน 1. เทคโนโลยีอวกาศกับการส�ารวจ 4. ครูถามคําถาม Key Question จากหนังสือ
เรี ย น เพื่ อ เชื่ อ มโยงไปสู ก ารเรี ย นรู เรื่ อ ง
การสํารวจอวกาศ อวกาศ กลองโทรทรรศน จากนัน้ ครูกลาวเชือ่ มโยงเขาสู
การศึกษาวัตถุหรือปรากฏการณ์ต่าง ๆ บนท้องฟ้า ต้องอาศัยอุปกรณ์ที่สามารถตรวจ
กิจกรรมการเรียนการสอน
จับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากวัตถุท้องฟ้าซึ่งอุปกรณ์ที่จ�าเป็นอย่างหนึ่ง นั่นคือ กล้องโทรทรรศน์
โดยปัจจุบันกล้องโทรทรรศน์มีหลายประเภทซึ่งมีหลักการท�างานแตกต่างกัน
ขัน้ สอน
1.1 กล้องโทรทรรศน์ รู (Knowing)
สามารถเปรียบเทียบการท�างานของกล้องโทรทรรศน์ได้กับการพยายามกินน�้าฝน ซึ่งพบว่า 1. ครูใหนกั เรียนจับคูก บั เพือ่ น โดยแตละคูศ กึ ษา
หากต้องการกินน�า้ ฝนให้ได้มากทีส่ ดุ จะต้องแหงนหน้าและอ้าปากให้กว้างมากทีส่ ดุ เพือ่ เพิม่ พืน้ ที่ หนาทีข่ องกลองโทรทรรศนจากแหลงการเรียนรู
ในการรองรับน�้าเข้ามาในปาก ซึ่งสามารถเปรียบเทียบแสงของดาวได้กับน�้าฝนที่ตกลงมา และ ตางๆ เชน หนังสือเรียน อินเทอรเน็ต โดยครู
ดวงตาที่ใช้สังเกตเปรียบได้กับปากที่ก�าลังรองรับน�้าฝน ดังนั้น หากยิ่งเปิดรูม่านตาให้กว้างขึ้น เนนยํ้าใหนักเรียนเลือกศึกษาจากแหลงขอมูล
จะสามารถดักแสงดาวได้มากขึ้น โดยรูม่านตาของมนุษย์สามารถเปิดกว้างได้เพียงไม่เกิน 1 ที่นาเชื่อถือ
เซนติเมตรเท่านั้น 2. นั ก เรี ย นนํ า ข อ มู ล ที่ ไ ด ม าศึ ก ษาร ว มกั น แล ว
จากที่กล่าวมาข้างต้นนั้น หากต้องการจะรองรับน�้าฝนให้ได้ปริมาณมาก สามารถท�าได้ บั น ทึ ก ผลการอภิ ป รายลงในสมุ ด บั น ทึ ก
โดยการเพิ่มพื้นที่รองรับน�้าฝนให้มากขึ้น เช่น การใช้กรวยรองรับน�้าฝน จะสามารถเปรียบเทียบ ประจําตัว
กล้องโทรทรรศน์ได้กับกรวยขนาดใหญ่ที่ท�าหน้าที่รองรับแสงจากดวงดาวให้เข้าสู่ตาของมนุษย์
ไม่เพียงแต่การรวมแสงนี้จะท�าให้ได้ปริมาณแสงที่เพิ่มขึ้นเพียงเท่านั้น แต่ยังท�าให้สามารถได้รับ
ข้อมูลและรายละเอียดของภาพที่มากขึ้นด้วย
ภาพที่ 6.1 กล้องโทรทรรศน์ช่วยเพิ่มขอบเขต
การสังเกตของมนุษย์ให้มากกว่าที่ตาเห็นเป็น
อย่างมาก ในภาพเป็นกล้องโทรทรรศน์ทางไกล
อัตโนมัติซีกฟ้าใต้ ประเทศชิลี
ที่มา : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
(องค์การมหาชน)
T61
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
3. ครูใหความรูเ กีย่ วกับหนาทีข่ องกลองโทรทรรศน กล้องโทรทรรศน์ที่ใช้สังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์มีหน้าที่ ดังนี้
ดังนี้ • รวมแสงด้วยพื้นที่รับแสงที่มากกว่านัยน์ตามนุษย์
- รวมแสงดวยพื้นที่รับแสงที่มากกวา • เพิ่มขนาดเชิงมุมปรากฏของวัตถุหรือเพิ่มก�าลังขยาย
- เพิ่มขนาดเชิงมุมปรากฏของวัตถุหรือเพิ่ม • เพิ่มก�าลังแยกภาพ
กําลังขยาย • ระบุต�าแหน่งของวัตถุ
- เพิ่มกําลังแยกภาพ ค�าถามที่เกิดจากความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกล้องโทรทรรศน์ที่มักจะได้ยินบ่อย ๆ ก็คือ
- ระบุตําแหนงของวัตถุ “กล้องโทรทรรศน์นเี้ ห็นได้ไกลเพียงใด” แต่กอ่ นจะตอบค�าถามนี้ ควรจะมาลองตอบอีกค�าถามหนึง่
ว่า “นัยน์ตามนุษย์สามารถมองเห็นได้ไกลเพียงใด”
จากค�าถามข้างต้น หากนักเรียนมองมาทีต่ วั หนังสือเหล่านี้ จะมองเห็นได้ไกลเพียงประมาณ
20 เซนติเมตร หากมองไปยังเพื่อนที่นั่งอยู่ฝังตรงข้าม จะมองเห็นได้เป็นเมตร หากมองไปยัง
กระดานด�าที่อยู่หน้าห้องเรียน จะมองเห็นได้เกือบ 10 เมตร หากมองไปนอกหน้าต่าง จะมอง
เห็นได้หลาย 100 เมตร หากมองไปที่เส้นขอบฟ้า จะมองเห็นได้ไกลหลายกิโลเมตร หากมอง
ไปยังดวงอาทิตย์ จะมองเห็นได้ไกลกว่า 150 ล้านกิโลเมตร และหากมองไปยังดาวตอนกลางคืน
จะมองเห็นได้ไกลกว่าหลายปีแสง
เห็นได้ว่า ค�าตอบของค�าถามที่ว่า “นัยน์ตามนุษย์มองเห็นได้ไกลเพียงใด” นั้น ขึ้นอยู่กับว่า
นัยน์ตามองไปที่สิ่งใด และสิ่งที่มองนั้นมีความสว่างเพียงใด ดังนั้น ค�าตอบของค�าถามที่ว่า
“กล้องโทรทรรศน์นสี้ ามารถมองได้ไกลเพียงใด” ไม่ได้ขนึ้ อยูก่ บั ความสามารถของกล้องโทรทรรศน์
แต่ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งที่เราต้องการสังเกตนั้นอยู่ไกลเพียงใดและมีความสว่างแค่ไหน
ภาพที่ 6.2 กาแล็กซีแอนโดรเมดา วัตถุที่ไกลที่สุดวัตถุหนึ่งที่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า ซึ่งหากสังเกตเห็นจุดฝ้า ๆ
จุดหนึ่งระหว่างกลุ่มดาวแอนโดรเมดากับกลุ่มดาวค้างคาว ตาของเราก�าลังมองออกไปถึงกว่า 2.6 ล้านปีแสง
ที่มา : มติพล ตั้งมติธรรม
52
T62
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
1. อัตราส่วนโฟกัส (Focal ratio; F) เป็นค่าที่บอกถึงความสามารถในการรวมแสงของ 4. ครูใหนกั เรียนแบงกลุม กลุม ละ 5-6 คน โดยคละ
กล้องโทรทรรศน์ เนื่องจากกล้องโทรทรรศน์ที่ใช้เลนส์ซึ่งมีความยาวโฟกัสไม่เท่ากันจะมองเห็น ความสามารถของนักเรียน
ส่วนของท้องฟ้าไม่เท่ากัน ถึงแม้ว่าจะมีพื้นที่รองรับแสงใกล้เคียงกัน ดังนั้น จึงนิยามอัตราส่วน 5. นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ ม สื บ ค น ข อ มู ล เกี่ ย วกั บ
โฟกัส โดยหาได้จากอัตราส่วนระหว่างความยาวโฟกัสของเลนส์ใกล้วัตถุกับเส้นผ่านศูนย์กลาง กลองโทรทรรศน แลกเปลี่ยนกันอภิปรายเรื่อง
ของเลนส์ใกล้วัตถุหรือช่องรับแสง (aperture) ดังสมการ ที่ตนเองศึกษาใหเพื่อนในกลุม และอภิปราย
รวมกันในกลุมจนทุกคนเขาใจ โดยครูกําหนด
F คือ อัตราส่วนโฟกัส ประเด็นใหนักเรียนอภิปราย ดังนี้
F = Df f คือ ความยาวโฟกัสของเลนส์ใกล้วัตถุ - อัตราสวนโฟกัส
1
D คือ เส้นผ่านศูนย์กลางของเลนส์ใกล้วัตถุหรือช่องรับแสง - กําลังรวมแสง
- กําลังขยาย
หากขนาดของช่องรับแสงมีค่าน้อย จะได้อัตราส่วน - ความสูงของภาพ
Earth Science
โฟกัสที่มีค่ามาก ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่าเลนส์นี้มีความไวแสงต�่า in real life - กําลังแยกภาพ
แต่หากขนาดของช่องรับแสงมีค่ามาก จะได้อัตราส่วนโฟกัสที่ สั ญ ลั ก ษณ์ บ นกล้ อ งถ่ า ยรู ป (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
มีคา่ น้อย ซึง่ เป็นการบ่งบอกว่าเลนส์นมี้ คี วามไวแสงมาก นัน่ คือ เช่น เลนส์ที่มี “f/8” แสดงว่า แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
มี ช ่ อ งรั บ แสงแคบกว่ า ความ 6. ครูอธิบาย เรือ่ ง อัตราสวนโฟกัส โดยอัตราสวน
สามารถรับแสงมากได้ภายในเวลาอันสั้น ยาวโฟกัสถึง 8 เท่า ส่วนเลนส์
โฟกัสเปนคาที่จะบอกวากลองโทรทรรศนมี
2. ก�าลังรวมแสง เนื่องจากกล้องโทรทรรศน์ท�าหน้าที่ ที่มี “f/2” แสดงว่า มีช่องรับ
แสงแคบกว่าความยาวโฟกัส
คล้ายกรวยรวมแสง ซึ่งคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่บอกถึงคุณภาพ เพียง 2 เท่า ดังนั้น เลนส์ที่มี ความไวแสงเทาใด ซึ่งกลองที่มีขนาดเสนผาน
ของกล้องโทรทรรศน์ได้ดีก็คือ พื้นที่ในการรับแสง โดยทั่วไป “f/2” จึงมีความไวแสงมากกว่า ศูนยกลางของเลนสใกลวัตถุมากเมื่อเทียบกับ
มักจะระบุขนาดกล้องเป็นค่าเส้นผ่านศูนย์กลางหน้ากล้อง ซึ่ง ความยาวโฟกัสจะมีอัตราสวนโฟกัสนอย จึงมี
ขนาดหน้ากล้องบ่งบอกถึงความสามารถในการรวมแสง นั่นคือ กล้องที่มีขนาดหน้ากล้องมาก ความไวแสงมาก และกําลังรวมแสงแปรผันตรง
จะสามารถรวมแสงได้มากกว่า และมีความไวแสงสูงกว่ากล้องที่มีขนาดหน้ากล้องน้อย กับพื้นที่ของเลนสใกลวัตถุ คือ แปรผันตรงกับ
ก�าลังรวมแสงของกล้องโทรทรรศน์ (light-gathering power) หาได้จากอัตราส่วน กําลังสองของเสนผานศูนยกลางของเลนส
ระหว่างพื้นที่รับแสง เช่น กล้องที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 0.5 เมตร จะมีพื้นที่รับแสงเท่ากับ
πr2 นั่นคือ π(0.25)2 ตารางเมตร เมื่อเทียบกับอีกกล้องหนึ่งที่มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง
0.1 เมตร ซึ่งมีพื้นที่แสงตกกระทบเพียง π(0.05)2 ตารางเมตร เมื่อเทียบกันแล้ว กล้องตัวแรก
มีพื้นที่รับแสงเท่ากับ 25 เท่าของพื้นที่รับแสง Con���t Q�e����n แนวตอบ Concept Question
ของกล้องตัวทีส่ อง นัน่ คือ กล้องตัวแรกมีกา� ลัง กํ า ลั ง รวมแสงของกล อ งโทรทรรศน ห าได
ในการรวมแสงมากกว่ากล้องตัวที่สอง 25 เท่า อยางไร กําลังรวมแสงของกลองโทรทรรศน หาไดจาก
อัตราสวนระหวางพื้นที่รับแสง 2 บริเวณ ดังสมการ
อัตราสวนกําลังรวมแสง =
เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ใช้ 53
เสนผานศูนยกลางของเลนส A 2
( เสนผานศูนยกลางของเลนส B )
T63
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
7. ครู แ ละนั ก เรี ย นร ว มกั น อภิ ป รายเกี่ ย วกั บ เมื่อสนใจเพียงอัตราส่วนระหว่างพื้นที่รวมแสง 2 บริเวณ สามารถก�าจัดค่าคงที่ (π)
อัตราสวนกําลังรวมแสง ดังสมการ ออกไป แล้วเขียนอัตราส่วนก�าลังรวมแสงได้ ดังนี้
อัตราสวนกําลังรวมแสง =
เสนผานศูนยกลางของเลนส A 2 อัตราส่วนก�าลังรวมแสง = (เส้นผ่านศูนย์กลางของเลนส์ A)
2
(เสนผานศูนยกลางของเลนส B ) เส้นผ่านศูนย์กลางของเลนส์ B
โดยการรวมแสงของกลองโทรทรรศนนอกจาก
จะชวยใหมองเห็นวัตถุสวางขึ้นแลว ยังชวย จากการรวมแสง
ใหมองเห็นวัตถุที่มีความเขมแสงนอยซึ่งไม ของกล้องโทรทรรศน์ นอกจาก
สามารถมองเห็นไดดวยตาเปลา และรวมกัน จะช่ ว ยให้ ส ามารถมองเห็ น
ศึกษาตัวอยางที่ 6.1 จากหนังสือเรียน วัตถุได้สว่างขึ้นแล้ว ยังช่วย
ให้มองเห็นวัตถุที่มีความเข้ม
แสงน้อยซึง่ ไม่สามารถมองเห็น
ได้ด้วยตาเปล่า และนอกจากนี้
ยังช่วยให้สามารถใช้อุปกรณ์
ทางดาราศาสตร์ เช่น เครื่อง
แยกสเปกตรัม (spectrograph)
ในการศึ ก ษาสมบั ติ ข องวั ต ถุ ภาพที่ 6.3 กล้องโทรทรรศน์แห่งชาติ ณ หอดูดาวแห่งชาติที่ดอยอินทนนท์
มีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่ที่สุดและมีก�าลังรวมแสงมากที่สุดในเอเชียตะวันออก
ท้องฟ้าได้ เฉียงใต้ โดยมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.4 เมตร
ที่มา : มติพล ตั้งมติธรรม
54
T64
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
3. ก�าลังขยาย กล้องโทรทรรศน์โดยทั่วไปประกอบด้วยเลนส์ใกล้วัตถุหรือกระจกเว้า 8. ครูอธิบายวา กําลังขยาย คือ อัตราสวนระหวาง
ซึ่งมีหน้าที่รวมแสงของวัตถุไปยังจุดโฟกัส และเลนส์ใกล้ตาท�าหน้าที่ขยายภาพ โดยสามารถหา ความยาวโฟกัสของเลนสใกลวัตถุ (fobs) กับ
ก�าลังขยายของกล้องโทรทรรศน์ (Magnification; M) ได้จากอัตราส่วนระหว่างความยาวโฟกัส ความยาวโฟกัสของเลนสใกลตา (feye) ซึ่งจะ
ของเลนส์ใกล้วัตถุกับความยาวโฟกัสของเลนส์ใกล้ตา เทากับอัตราสวนของขนาดเชิงมุมของภาพ
ที่ไดรับ (uimg) เมื่อเทียบกับภาพจริง (uobj)
f fobs คือ ความยาวโฟกัสของเลนส์ใกล้วัตถุ f u
M = fobs ดังสมการ M = fobs = uimg
eye feye คือ ความยาวโฟกัสของเลนส์ใกล้ตา eye obj
ภาพดั้งเดิมความละเอียดต�่า ภาพดั้งเดิมความละเอียดสูง
ขยายขนาด 10 เท่า
T65
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
9. ครู ใ ห แ ต ล ะกลุ ม ร ว มกั น ศึ ก ษาตั ว อย า งที่ ตัวอยางที่ กล้องโทรทรรศน์กล้องหนึ่งมีขนาดความยาวโฟกัสของกระจกหลัก 24 เมตร หากใช้
6.2-6.3 ในหนังสือเรียน โดยใหนกั เรียนทําตาม 6.2
เลนส์ตาทีม่ คี วามยาวโฟกัส 24 เซนติเมตร จะได้กา� ลังขยายเท่าใด และหากใช้เลนส์ตานีก้ บั
ขั้นตอนการแกโจทยปญหา ดังนี้ กล้องโทรทรรศน์เพื่อส่องดวงจันทร์ ซึ่งมีขนาดเชิงมุม 0.5 องศา จะสังเกตเห็นดวงจันทร์
• ขั้นที่ 1 ทําความเขาใจโจทยตัวอยาง มีขนาดเชิงมุมเท่าใด
• ขั้นที่ 2 สิง่ ทีโ่ จทยตอ งการถามหา และจะ วิธีท�า จากสมการก�าลังขยายของกล้องโทรทรรศน์
หาสิ่งที่โจทยตองการตองทําอยางไร M = ffobs
eye
• ขั้นที่ 3 ดําเนินการ 24 m
M = 0.24
• ขั้นที่ 4 ตรวจสอบคํ า ตอบของโจทย m
ตัวอยาง M = 100
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช ดังนั้น เมื่อใช้เลนส์ตาที่มีความยาวโฟกัส 24 เซนติเมตร กล้องโทรทรรศน์นี้จะมีก�าลังขยาย 100 เท่า
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม) และเมื่อสังเกตดวงจันทร์ ซึ่งมีขนาดเชิงมุม 0.5 องศา ดวงจันทร์จะมีขนาดเชิงมุมปรากฏใหญ่
10. ครู สุ ม บางกลุ ม ให อ อกมานํ า เสนอวิ ธีทํ า ขึ้น 100 เท่า และจะสังเกตเห็นดวงจันทร์มีขนาดเชิงมุม = 0.5(100) = 50 องศา
ตัวอยางที่ 6.2-6.3 ตามขั้นตอนการแกโจทย
ปญหา โดยในขณะทีน่ กั เรียนนําเสนอ ครูคอย ตัวอยางที่ วันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2003 ดาวอังคารโคจรเข้ามาอยู่ใกล้โลกมากที่สุดในรอบหกหมื่นปี
เพิ่มเติมขอมูลที่ถูกตองใหแกนักเรียน 6.3
และมีขนาดเชิงมุมปรากฏ 0.007 องศา ในขณะที่ดวงจันทร์ของโลกมีขนาดเชิงมุมปรากฏ
0.5 องศา หากสังเกตด้วยตาเปล่า ดาวอังคารจะใหญ่เท่าดวงจันทร์ของโลกหรือไม่ และ
หากต้องการเห็นดาวอังคารใหญ่เท่าดวงจันทร์ของโลก จะต้องใช้กล้องทีม่ กี า� ลังขยายเท่าใด
วิธีท�า หากสังเกตด้วยตาเปล่า จะไม่สามารถเห็นดาวอังคารที่มีขนาดเชิงมุมเพียง 0.007 องศา มีขนาด
ใหญ่เท่าดวงจันทร์ที่มีขนาดเชิงมุม 0.5 องศาได้ แต่หากใช้กล้องโทรทรรศน์ที่มีก�าลังขยาย
เหมาะสม สามารถเห็นดาวอังคารมีขนาดเชิงมุมปรากฏผ่านกล้องโทรทรรศน์เท่ากับ 0.5 องศาได้
ซึ่งต้องขยายภาพให้ใหญ่ขึ้น
จากสมการก�าลังขยายของกล้องโทรทรรศน์
u
M = uimg obj
0.5 องศา
M = 0.007 องศา
M = 71.4
ดังนั้น หากส่องดาวอังคารด้วยกล้องโทรทรรศน์ที่มีเลนส์ตามีก�าลังขยาย 71.4 เท่า จะสามารถเห็น
ดาวอังคารในวันที่ 27 สิงหาคม ค.ศ. 2003 มีขนาดใหญ่เท่ากับดวงจันทร์ของโลกที่สังเกตด้วย
ตาเปล่าได้
56
T66
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
4. ก�าลังแยกภาพ (resolving power) คือ ระยะห่างเชิงมุมที่เล็กที่สุดที่กล้องโทรทรรศน์ 11. ครูอธิบายวา กําลังแยกภาพ คือ ระยะหาง
สามารถแยกจุด 2 จุด ออกจากกันได้ โดยเปรียบได้กับการสังเกตรถยนต์เวลากลางคืน โดย เชิงมุมที่เล็กที่สุดที่กลองโทรทรรศนสามารถ
ขณะที่รถยนต์อยู่ไกลจากผู้สังเกตจะมีไฟหน้า 2 ดวง ห่างกันด้วยระยะเชิงมุมต�่า จนไม่สามารถ แยกจุด 2 จุด ออกจากกันได และกําลังแยก
แยกภาพดวงไฟออกจากกันได้ จึงสังเกตเห็น ภาพสูงสุดที่เปนไปไดในทางทฤษฎี เรียกวา
เป็นไฟดวงเดียว แต่เมือ่ รถยนต์อยูใ่ กล้ผสู้ งั เกต ขีดจํากัดกําลังแยกภาพ ซึ่งเกิดจากสมบัติ
ระยะเชิ ง มุ ม ของไฟหน้ า ทั้ ง สองจะมี ค ่ า มาก ของคลื่นแสง เมื่อผานชองเล็กๆ จะพบวา
จนท�าให้สามารถแยกภาพออกเป็นไฟ 2 ดวงได้ แสงเกิดการเลี้ยวเบนและแทรกสอดกัน
ก�าลังแยกภาพนี้ ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับ
คุณภาพของชิน้ เลนส์หรือกระจกทีใ่ ช้ เช่นเดียว
กับสายตาของมนุษย์ ซึ่งบางคนอาจมีความ
สามารถในการแยกภาพไม่เท่ากัน บางคนอาจ
ไม่ ส ามารถแยกรายละเอี ย ดได้ ดี เ ท่ า ใดนั ก
เนื่องจากความผิดปกติของเลนส์ตาที่ท�าให้
สายตาสั้น แต่เราสามารถแก้ไขความผิดพลาด ภาพที่ 6.5 หากรถยนต์อยูไ่ กลจากผูส้ งั เกต จะไม่สามารถ
นี้โดยการใส่แว่นตาหรือคอนแทกต์เลนส์เพื่อ มองเห็นไฟหน้าทั้ง 2 ดวง แยกออกจากกันได้ แต่หาก
รถยนต์อยู่ใกล้ผู้สังเกต จะสามารถมองเห็นไฟหน้าแยก
เพิ่มก�าลังแยกภาพ และท�าให้สามารถแยก เป็น 2 ดวงได้
รายละเอียดที่ไกลออกไปได้ ที่มา : คลังภาพ อจท.
อย่างไรก็ตาม ส�าหรับสายตามนุษย์นั้น เราสามารถพัฒนาก�าลังแยกภาพได้เพียง
รายละเอียดสูงสุดที่ 601 องศา หรือ 1 ลิปดา (arcminute) และไม่ว่าเราจะพยายามใส่แว่นตาหรือ
คอนแทกต์เลนส์ใด ๆ ก็จะไม่สามารถพัฒนาสายตามนุษย์ให้มกี า� ลังแยกภาพทีล่ ะเอียดเล็กกว่านีไ้ ด้
เช่นเดียวกัน กล้องโทรทรรศน์จะมีก�าลังแยกภาพสูงสุดที่เป็นไปได้ในทางทฤษฎี
ขีดจ�ากัดสูงสุดของก�1าลังแยกภาพนี้เกิดจากสมบัติของคลื่นแสง เมื่อผ่านช่องเล็ก ๆ
จะพบว่า แสงเกิดการเลี้ยวเบนและแทรกสอดกัน ส่งผลให้แสงที่ลอดผ่านช่องเล็ก ๆ นั้นแผ่ออก
เป็นมุมกว้างเล็กน้อย และยิ่งช่องนั้นแคบลงเท่าใด แสงจะยิ่งเกิดการเลี้ยวเบนและแทรกสอด
มากขึ้นเท่านั้น
ในลักษณะเดียวกัน แสงจากดาวฤกษ์ที่ผ่านช่องหน้ากล้องโทรทรรศน์จะแผ่ออกเป็นวง
เรียกว่า วงแอรี (airy disc) เนือ่ งจากวงแอรีเกิดจากสมบัตขิ องคลืน่ แสง จึงขึน้ อยูก่ บั ความยาวคลืน่
และขนาดของช่องรับแสงหรือเส้นผ่านศูนย์กลางของเลนส์ใกล้วตั ถุ ซึง่ สามารถเขียนมุมการแผ่ออก
ของวงแอรีได้ ดังสมการ
เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ใช้ 57
T67
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
12. ครูอธิบายเพิม่ เติมวา แสงจากดาวฤกษทผี่ า น
θคือ ระยะห่างเชิงมุมของวัตถุ
ชองหนากลองโทรทรรศนจะแผออกเปนวง λ
sin θ = 1.22 D λ คือ ความยาวคลื่นแสง ซึ่งมีค่า 5.5 × 10-4 มิลลิเมตร
เรียกวา วงแอรี ซึง่ สามารถเขียนมุมการแผออก
D คือ เส้นผ่านศูนย์กลางของเลนส์ใกล้วัตถุหรือช่องรับแสงของกล้อง
ของวงแอรีได ดังสมการ sin θ = 1.22 Dλ
หากเขียนมุม θ ในหนวยเรเดียน เมื่อ θ มีคา 1
หากเขียนมุม θ ในหน่วยของเรเดียน เมือ่ θ มีคา่ น้อยมากดังทีพ่ บได้ในกล้องโทรทรรศน์
นอยมากดังที่พบในกลองโทรทรรศนทั่วไป ทั่วไป จะได้ว่า sin θ ≈ θ นั่นคือ
จะไดวา sin θ ≈ θ นั่นคือ θ = 1.22 Dλ
θ = 1.22 Dλ
T68
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
เนื่องจากแสงของดาวฤกษ์ที่ตกกระทบฉากรับภาพหรือตาของมนุษย์ มีลักษณะ 13. ครูถามคําถามเพื่อเปดประเด็นการอภิปราย
กระจายออกเป็นวงแอรี เมือ่ ใดก็ตามทีว่ งแอรีของดาวฤกษ์ 2 ดวง ซ้อนทับกัน ย่อมหมายความว่า รวมกันวา นักเรียนคิดวากลองโทรทรรศน
จะแยกดาว 2 ดวงนั้น ออกจากกันได้ยากหรือแยกไม่ได้ ดังนั้น ขนาดของวงแอรีสามารถบอกได้ มีกี่ประเภท อะไรบาง ซึ่งควรไดขอสรุปวา
ว่า ก�าลังแยกภาพที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้ในทางทฤษฎีของกล้องโทรทรรศน์มีค่าเท่าใด โดยเรียก กลองโทรทรรศน มี 3 ประเภท คือ กลอง
ขีดจ�ากัดก�าลังแยกภาพที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้ตามทฤษฎีนี้ว่า ขีดจ�ากัดการแยกภาพ (diffraction โทรทรรศนแบบหักเหแสง กลองโทรทรรศน
limit) ซึ่งมีหน่วยเป็นเรเดียน แบบสะทอนแสง และกลองโทรทรรศนแบบ
ผสม
ขีดจ�ากัดการแยกภาพ (เรเดียน) = 1.22 Dλ 14. ครู ใ ห นั ก เรี ย นจั บ คู กั บ เพื่ อ น โดยแต ล ะคู
รวมกันเปรียบเทียบสวนประกอบและหลักการ
ขีดจ�ากัดการแยกภาพนี้เป็นเพียงค่าที่เป็นไปได้สูงสุดตามทฤษฎีเท่านั้น ซึ่งกล้อง ทํางานของกลองโทรทรรศนแตละประเภท
โทรทรรศน์ส่วนมากจะมีก�าลังการแยกภาพต�่ากว่าค่าขีดจ�ากัดการแยกภาพ โดยขึ้นอยู่กับความ ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน แลวบันทึก
ไม่สมบูรณ์ของเลนส์และสภาพท้องฟ้า ในลักษณะเดียวกันกับที่ตามนุษย์ไม่สามารถแยก ลงสมุดประจําตัว
รายละเอียด 1 ลิปดาได้เสมอ
1
5. ประเภทของกล้องโทรทรรศน์ หน้าที่หลักของกล้องโทรทรรศน์ คือ การรวมแสง
ซึ่งสามารถจ�าแนกประเภทของกล้องโทรทรรศน์ได้ตามอุปกรณ์ที่ใช้รวมแสง โดยแบ่งออกเป็น
กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง และกล้องโทรทรรศน์แบบผสม
เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ใช้ 59
T69
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
15. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและสรุปเกีย่ ว 1) กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง (refracting telescope) ใช้เลนส์นูนเป็นเลนส์
กับขอดีและขอจํากัดของกลองโทรทรรศน ใกล้วัตถุ ท�าหน้าที่รวมแสง แล้วใช้เลนส์ใกล้ตา (อาจเป็นเลนส์นูนหรือเลนส์เว้า) เพื่อขยายภาพ
แบบหักเหแสงวา กลองโทรทรรศนแบบหักเห และแปลงภาพที่ได้รับให้เป็นภาพเสมือนที่ตามนุษย์สามารถสังเกตได้ ซึ่งเป็นกล้องโทรทรรศน์
แสงใชเลนสนูนเปนเลนสใกลวัตถุ ทําหนาที่ แบบแรกที่ประดิษฐ์ขึ้น
รวมแสง แลวใชเลนสใกลตา (ซึ่งอาจเปน • กล้ อ งโทรทรรศน์ แ บบกาลิ เ ลโอ (Galilean
เลนสนูนหรือเลนสเวา) ทําหนาที่ขยายภาพ telescope) ผลิตขึน้ โดยฮานส์ ลิปเพอร์เชย์ (Hans Lippershey)
ทํ า ให ภ าพมี คุ ณ ภาพสู ง ซึ่ ง เหมาะสํ า หรั บ ในปี ค.ศ. 1609 ซึ่งเป็นกล้องประเภทเดียวกับที่กาลิเลโอใช้
การสังเกตดวงจันทรและดาวเคราะห แตมี สังเกตวัตถุท้องฟ้า โดยใช้เลนส์ใกล้ตาเป็นเลนส์เว้า ท�าให้ได้
ความคลาดรงค (chromatic aberration) ภาพหัวตั้ง แต่กล้องแบบนี้มีคุณภาพค่อนข้างต�่า ภาพที่ได้
เนื่องจากแสงที่มีความยาวคลื่นตางกันจะ จึงบิดเบี้ยวและไม่คมชัด
โฟกัสไมตรงกัน จึงมีการหักเหไมเทากัน • กล้ อ งโทรทรรศน์ เ คพเลอร์ (Keplerian
telescope) ตั้งชื่อตามโยฮันเนส เคพเลอร์ (Johannes Kepler)
ซึง่ เป็นผูป้ รับปรุงกล้องโทรทรรศน์แบบกาลิเลโอ โดยใช้เลนส์นนู
เป็นเลนส์ใกล้ตา ซึ่งผลอย่างหนึ่งของการใช้เลนส์นูนเป็นเลนส์ ภาพที่ 6.8 กล้องโทรทรรศน์ 2
ใกล้ตา คือ ท�าให้ได้ภาพหัวกลับ แต่เนือ่ งจากการศึกษาวัตถุทอ้ งฟ้า กล้องแรก ของกาลิเลโอจัดแสดงที่
ในทางดาราศาสตร์มักท�ากับวัตถุที่อยู่โดดเดี่ยวในอวกาศ ดังนั้น พิพธิ ภัณฑ์ประวัตศิ าสตร์วทิ ยาศาสตร์
เมืองฟลอเรนซ์
การกลับทิศทางของภาพจึงไม่เป็นปัญหาดังเช่นในการศึกษาบน ที่มา : Scalal Art Resource,
พืน้ โลก การใช้เลนส์นนู นีน้ อกจากมีตน้ ทุนทีถ่ กู กว่าแล้ว ยังท�าให้ New York
กล้องโทรทรรศน์มีก�าลังขยายที่ดีขึ้น และให้ภาพคมชัดมากขึ้น
กล้องโทรทรรศน์แบบนี้จึงได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน Earth Science
การหักเหแสงด้วยเลนส์มีข้อจ�ากัด คือ แสงที่ in real life
มีความยาวคลื่นต่างกันจะมีการหักเหไม่เท่ากัน นั่นคือ แสง กล้ อ งโทรทรรศน์ แ บบหั ก เห
แต่ละสีมีระยะโฟกัสไม่เท่ากัน โดยแสงที่มีความยาวคลื่นยาวจะ แสงที ่มีขนาดใหญ่ จะใช้เลนส์
ขนาดใหญ่และมีน�้าหนักมาก
มีความยาวโฟกัสยาวกว่าแสงทีม่ คี วามยาวคลืน่ สัน้ ท�าให้ได้ภาพ ซึ่ ง การรองรั บ น�้ า หนั ก เลนส์
ทีม่ ลี กั ษณะเป็นสีเหลือบประกายรุง้ เรียกว่า เกิดความคลาดรงค์ ขนาดใหญ่ที่มีขอบบางนี้ท�าได้
(chromatic aberration) ซึง่ สามารถแก้ไขความคลาดรงค์ได้โดย ยาก กล้ อ งโทรทรรศน์ แ บบ
การน�าเลนส์มาประกอบกันเพื่อชดเชยดัชนีหักเหที่แตกต่างกัน หัส�ากหรัเหแสงจึ ง ไม่ เ ป็ น ที่ นิ ย ม
บกล้องขนาดใหญ่
ในแต่ละช่วงความยาวคลื่น
60
กลองโทรทรรศนเคพเลอร
www.aksorn.com/interactive3D/RNC46
T70
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
2) กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสง (reflecting telescope) ด้วยปัญหาทางวิศวกรรมของ 16. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและสรุปเกีย่ ว
กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสงทีต่ อ้ งใช้เลนส์ขนาดใหญ่และมีนา�้ หนักมาก ท�าให้กล้องโทรทรรศน์ กับขอดีและขอจํากัดของกลองโทรทรรศน
แบบหักเหแสงขนาดใหญ่มีต้นทุนสูง จึงมีการประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์แบบใหม่ที่ไม่ใช้เลนส์ แบบสะทอนแสงวา กลองโทรทรรศนแบบ
เป็นตัวรวมแสง แต่ใช้กระจกเว้าแทน สะทอนแสงใชกระจกเวาเปนเลนสใกลวัตถุ
กระจกเว้ามีข้อได้เปรียบกว่าเลนส์หลายประการ เนื่องจากการสะท้อนแสงเกิดขึ้น ซึ่งทําหนาที่สะทอนแสง มีขนาดใหญ ให
เพียงพื้นผิวของกระจก กระจกเว้าจึงไม่จ�าเป็นต้องท�าจากวัสดุใสเช่นเดียวกับเลนส์ ราคาจึงถูก ภาพที่มีคุณภาพสูง จึงไมมีความคลาดรงค
กว่า และสามารถรองรับน�้าหนักได้จากด้านหลัง ท�าให้สามารถสร้างโครงสร้างที่รับน�้าหนักกระจก และสามารถรองรับนํ้าหนักไดจากดานหลัง
ขนาดใหญ่กว่าได้งา่ ย นอกจากนี้ การสะท้อนของแสงสามารถเกิดขึน้ ได้เท่ากันในทุกความยาวคลืน่ ทําใหสามารถสรางโครงสรางที่รับนํ้าหนัก
กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงจึงมีปัญหาเรื่องความคลาดรงค์น้อยกว่าแบบหักเหแสง ด้วย กระจกขนาดใหญกวาไดงาย แตเนื่องจากใช
เหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้ จึงท�าให้กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะ กระจกเวาจึงอาจมีความคลาดเคลื่อนที่เกิด
กล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่ซงึ่ มีเส้นผ่านศูนย์กลางได้ถงึ 10 เมตร ส่วนกล้องโทรทรรศน์แบบหักเห จากรูปทรงเรขาคณิตของกระจก
แสงขนาดใหญ่ที่สุดมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 1.25 เมตร
ภาพที่ 6.9 กล้องโทรทรรศน์ Yerkes เป็นกล้องโทรทรรศน์ ภาพที่ 6.10 กล้องโทรทรรศน์ Gran Telescopio Canarias
แบบหักเหแสงขนาดใหญ่ที่สุดที่ยังมีการใช้งานอยู่ ซึ่งมี (GTC) เป็นกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงที่มีขนาด
ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 102 เซนติเมตร ใหญ่ทสี่ ดุ ซึง่ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10.4 เมตร
ที่มา : มติพล ตั้งมติธรรม ที่มา : มติพล ตั้งมติธรรม
1
กลองโทรทรรศนอวกาศฮั บ เบิ ล
เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ใช้ 61
www.aksorn.com/interactive3D/RNC44
กลองโทรทรรศนอวกาศฮับเบิล
www.aksorn.com/interactive3D/RKC44
T71
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
17. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายกลองโทร - ผลอย่างหนึ่งของการใช้กระจกเว้าเป็นตัวรวมแสง คือ แสงจะถูกรวมเข้าไปยังจุด
ทรรศนแบบสะทอนแสงและควรไดขอสรุป โฟกัสซึ่งอยู่ในเส้นทางเดินของแสงที่เข้ามาในกล้อง หมายความว่า หากสังเกตภาพที่บริเวณ
วา กลองโทรทรรศนแบบสะทอนแสงแบงเปน จุดโฟกัส ศีรษะของผู้สังเกตจะบดบังแสงที่เดินทางเข้ามาในกล้อง ซึ่งสามารถแก้ไขได้โดยการ
4 แบบ ดังนี้ ใช้กระจกอีกบานหนึง่ เพือ่ เบนแนวของแสง โดยเรียกกระจกบานหลักทีท่ า� หน้าทีร่ วมแสงว่า กระจก
1) กลองโทรทรรศนสะทอนแสงแบบโฟกัส ปฐมภูมิ (primary mirror) และเรียกกระจกทีท่ า� หน้าทีเ่ บนแสงออกไปว่า กระจกทุตยิ ภูมิ (secondary
หลัก ใชกระจกปฐมภูมิสะทอนแสงเพียง mirror) และอาจมีกระจกบานที่สาม เรียกว่า กระจกตติยภูมิ (tertiary mirror) ตามล�าดับ
ครั้งเดียว หากพิจารณาจากวิธแี ละเส้นทางของการเบีย่ งเบนแสงออกจากกระบอกเลนส์สามารถ
2) กลองโทรทรรศนสะทอนแสงทีม่ โี ฟกัสแบบ แบ่งกล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงออกเป็นแบบต่าง ๆ ดังนี้
นิวตัน ใชกระจกทุติยภูมิสะทอนแสงออก • กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงแบบโฟกัสหลัก (prime focus telescope) สะท้อน
นอกลํากลอง แสงโดยกระจกปฐมภูมเิ พียงครัง้ เดียวโดยไม่มกี ระจกทุตยิ ภูมิ และติดตัง้ เครือ่ งมือบันทึกภาพเอาไว้
3) กลองโทรทรรศนสะทอนแสงทีม่ โี ฟกัสแบบ ทีจ่ ดุ โฟกัสหลักโดยตรง ซึง่ ปัจจุบนั กล้องโทรทรรศน์วทิ ยุสว่ นมากใช้หลักการออกแบบในลักษณะนี้
แคสสิเกรน ใชกระจกทุตยิ ภูมสิ ะทอนแสง • กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงแบบนิวตัน (newtonian telescope) ใช้กระจก
กลับไปทะลุกระจกปฐมภูมิ แลวไปโฟกัส ทุติยภูมิสะท้อนแสงออกไปโฟกัสนอกล�ากล้อง กล้องโทรทรรศน์แบบนี้จึงมีเลนส์ตาอยู่บริเวณ
นอกลํากลอง ด้านหน้าของล�ากล้องชี้ไปด้านข้าง และมักมีกระบอกกล้องตั้งอยู่บนฐานที่หมุนและเลื่อนได้
4) กลองโทรทรรศนสะทอนแสงทีม่ โี ฟกัสแบบ กล้องโทรทรรศน์แบบนี้มีต้นทุนค่อนข้างต�่า ใช้งานง่าย จึงเป็นที่นิยมของนักดาราศาสตร์รุ่นใหม่
คูเด ใชกระจกทุตยิ ภูมแิ ละกระจกตติยภูมิ ซึ่งเรียกว่า กล้องแบบดอบโซเนียน (dobsonian telescope)
สะทอนแสงออกไปโฟกัสนอกลํากลอง • กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงแบบแคสสิเกรน (cassegrain telescope) ใช้กระจก
ทุติยภูมิสะท้อนแสงกลับไปทางด้านกระจกปฐมภูมิ แล้วไปโฟกัสนอกล�ากล้องหลังต�าแหน่งของ
กระจกปฐมภูมิ
fp
M1
M2
S1
O S2
a b
ภาพที่ 6.11 กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงแบบแคสสิเกรนจะใช้กระจกหลัก (M1) สะท้อนแสงไปยังจุดโฟกัส (S1) และ
ใช้กระจกนูนรูปไฮเพอร์โบลา (M2) สะท้อนแสงกลับมายังรูขนาดเล็กทางด้านท้ายของกล้องเพื่อโฟกัสต�าแหน่งใหม่ (S2)
ที่มา : คลังภาพ อจท.
62
กลองโทรทรรศนแบบสะทอนแสงแบบนิวตัน
www.aksorn.com/interactive3D/RNC45
T72
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงแบบแคสสิเกรนใช้กระจกนูนสะท้อนแสง ท�าให้ 18. ครู แ ละนั ก เรี ย นร ว มกั น อภิ ป รายและสรุ ป
ความยาวโฟกัสเปลี่ยนไป เราเรียกความยาวโฟกัสรวมที่ได้ว่า ความยาวโฟกัสยังผล (effective เกีย่ วกับขอดีและขอจํากัดของกลองโทรทรรศน
focal length; fe) ซึ่งค�านวณได้จากสมการ แบบผสมวา กลองโทรทรรศนแบบผสมใช
หลักการทํางานทั้งการหักเหแสงผานเลนส
a คือ ระยะห่างระหว่างกระจกทุตยิ ภูมกิ บั จุดโฟกัสของกระจกปฐมภูมิ
fe = ba fp b คือ ความยาวโฟกัสของกระจกทุติยภูมิ
และการสะท อ นแสงโดยกระจก เป น การ
fp คือ ความยาวโฟกัสของกระจกปฐมภูมิ ผสมผสานจุดเดนของกลองโทรทรรศนแบบ
หักเหแสงและกลองโทรทรรศนแบบสะทอน
หากเราใช้กระจกทุติยภูมิเป็นกระจกแบนราบ จะพบว่า เพียงแค่เบนทางเดิน แสง จะไดกลองโทรทรรศนที่มีขนาดเล็กแต
ของแสงจากกระจกปฐมภูมิไปทางด้านขวา จะได้ a = b โดยที่ fe = fp เช่นเดิม แต่จะได้ ยังมีความละเอียดและรายละเอียดสูง แต
กล้องโทรทรรศน์ที่มีความยาวกระบอกสั้นลงครึ่งหนึ่ง กลองโทรทรรศนแบบผสมมีความจําเปนตอง
• กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงแบบคูเด (coudé focus telescope) มีกระจกทุตยิ ภูมิ ติดตั้งเลนสปรับแก
ทีส่ ะท้อนแสงกลับไปยังกระจกปฐมภูมิ และมีกระจกตติยภูมสิ ะท้อนแสงออกไปด้านข้างของล�ากล้อง
กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงใช้1 กระจกเป็นเครื่องมือในการรวมแสง ซึ่งไม่
ขึ้นอยู่กับความยาวคลื่น จึงไม่มีความคลาดรงค์ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกล้องโทรทรรศน์แบบ
สะท้อนแสงใช้กระจกเว้า จึงอาจมีความคลาดเคลื่อนที่เกิดจากรูปทรงเรขาคณิตของกระจก
กระจกเว้ามีรูปร่างเป็นทรงกลมเพื่อโฟกัสแสงเข้าไปยังจุดโฟกัส แต่รูปร่าง แนวตอบ Concept Question
ทรงกลมนั้นไม่สามารถโฟกัสแสงทั้งหมดไปที่จุดโฟกัสเดียวกันได้ ภาพที่ได้จึงมีการกระจายออก
จากจุดโฟกัสเล็กน้อย เรียกว่า ความคลาดเคลื่อนทรงกลม (spherical aberration) กลองโทรทรรศนแบบหักเหแสง มีขอดี คือ
อย่างไรก็ตาม รูปทรงทีส่ ามารถโฟกัสแสงทัง้ หมดไปยังจุดโฟกัสได้ คือ พาราโบลา ใหภาพที่มีคุณภาพสูง ซึ่งเหมาะสําหรับการสังเกต
แต่กระจกที่มีรูปร่างเป็นพาราโบลาจะสามารถโฟกัสได้เฉพาะแสงที่เข้ามาบริเวณกึ่งกลางเท่านั้น ดวงจันทรและดาวเคราะห แตมีขอเสีย คือ มี
ส่วนแสงทีอ่ ยูบ่ ริเวณขอบของภาพจะมีจดุ โฟกัสเลือ่ นออกไป ท�าให้ภาพมีความยาวออกไป เรียกว่า ความคลาดรงค (chromatic aberration) เนือ่ งจาก
ความคลาดเคลื่อนแบบโคม่า (coma aberration) แสงที่ มี ค วามยาวคลื่ น ต า งกั น จะโฟกั ส ไม ต รง
3) กล้องโทรทรรศน์แบบผสม (catadioptric telescope) เป็นกล้องที่ใช้ทั้งเลนส์และ กัน สวนกลองโทรทรรศนแบบสะทอนแสง มีขอดี
กระจกเว้ารวมแสง เป็นการผสมผสานจุดเด่นของกล้องทัง้ แบบหักเหแสงและแบบสะท้อนแสงเข้า คื อ ให ภ าพที่ มี คุ ณ ภาพสู ง จึ ง ไม มี ค วามคลาด
ด้วยกัน ท�าให้ได้ภาพทีป่ ราศจากความคลาดรงค์ดว้ ยมุมมองทีก่ ว้างขึน้ นอกจากนี้ การรวมอุปกรณ์ รงค และสามารถรองรับนํ้าหนักไดจากดานหลัง
ทั้งสองเข้าด้วยกัน จะท�าให้ความยาวของกล้องสั้นลง ได้กล้องโทรทรรศน์ที่มีขนาดเล็กแต่ยังมี ทําใหสามารถสรางโครงสรางที่รับนํ้าหนักกระจก
ความสามารถและรายละเอียดสูง ซึ่งกล้องแบบที่ได้รับความนิยม คือ กล้องโทรทรรศน์แบบ ขนาดใหญกวาไดงาย แตมีขอเสีย คือ เนื่องจาก
ชมิดท์-แคสสิเกรน (Schmidt-Cassegrain) Con���t Q�e����n ใชกระจกเวาจึงอาจมีความคลาดเคลื่อนที่เกิดจาก
และกล้องโทรทรรศน์แบบมักซูตอฟ-แคสสิเกรน กลองโทรทรรศนแตละแบบมีขอดีและ รูปทรงเรขาคณิตของกระจก และกลองโทรทรรศน
(Maksutov-Cassegrain) ขอเสียอยางไร แบบผสม มีขอ ดี คือ เปนกลองโทรทรรศนทมี่ ขี นาด
เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ใช้ 63
เล็กแตยังมีความละเอียดและรายละเอียดสูง แตมี
ขอเสีย คือ กลองโทรทรรศนแบบผสมมีความจําเปน
ตองติดตั้งเลนสปรับแก
T73
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ลงมือทํา (Doing)
19. ครู ใ ห ค วามรู เ พิ่ ม เติ ม กั บ นั ก เรี ย นเกี่ ย วกั บ 6. ระบบแสงของกล้องโทรทรรศน์ ก�าลังแยกภาพของกล้องโทรทรรศน์ถูกจ�ากัดโดย
ระบบแสงของกล อ งโทรทรรศน แ ละระบบ ปัจจัยมากมาย ตัง้ แต่ความคลาดในตัวกล้องเอง ไปจนถึงสภาพลมฟ้าอากาศและบรรยากาศทีค่ อย
ฐานของกลองโทรทรรศน ตามรายละเอียด บิดเบือนแสงจากดวงดาวให้ไม่คมชัดเท่าที่ควร ในอดีตอุปกรณ์รวมแสงของกล้องโทรทรรศน์เป็น
ในหนังสือเรียน เพียงอุปกรณ์ทถี่ กู ผลิตเอาไว้แล้ว และไม่สามารถเปลีย่ นแปลงได้ โดยเราสามารถเรียกระบบแสง
20. ครูใหนกั เรียนทุกคนทําใบงาน เรือ่ ง กลองโทร- ทีใ่ ช้กระจกหรือเลนส์ทตี่ ายตัวว่า ระบบแสงแบบแพสซิฟ (passive optics) จนกระทัง่ ปัจจุบนั เรามี
ทรรศน พรอมทั้งสังเกตคําตอบของนักเรียน เทคโนโลยีทจี่ ะสามารถพัฒนาระบบแสงเพือ่ ชดเชยปัจจัยดังกล่าวได้
เพือ่ ประเมินพฤติกรรมนักเรียนเปนรายบุคคล 1) ระบบแสงแบบแอ็กทิฟ (active optics) เมื่อใช้งานกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่เป็น
พรอมใหคําแนะนําเพิ่มเติม ระยะเวลานาน กระจกทีใ่ ช้รวมแสงอาจเกิดการบิดงอ ยืดหด หรือคลาดเคลือ่ นได้จากสภาพแวดล้อม
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช เช่น ลม อุณหภูมิ ความเค้นเชิงกล ซึ่งการแก้ไขรูปทรงของกระจกที่ผิดปกติไปนั้นท�าได้ยาก
แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล) อาจต้องผลิตกระจกใหม่ทั้งบาน ซึ่งมีต้นทุนสูงมาก
วิธีหนึ่งที่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้ คือ ใช้กระจกที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
ได้โดยควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อชดเชยความคลาดเคลื่อนต่าง ๆ และรักษาระนาบกล้องให้อยู่
ในสภาพที่สมบูรณ์ ซึ่งเทคโนโลยีนี้ท�าให้ประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่ได้ โดยไม่ต้อง
กังวลเรื่องการบิดเบี้ยวของกระจกที่อาจเกิดภายหลัง และยังท�าให้ใช้กระจกที่ประกอบขึ้นจาก
กระจกขนาดเล็กหลายบานได้
2) ระบบปรับตามสภาพแสง (adaptive optics) ขีดจ�ากัดของกล้องโทรทรรศน์ที่อยู่
ภาคพื้นดินนั้นมักเป็นความแปรปรวนของชั้นบรรยากาศที่เป็นตัวจ�ากัดก�าลังแยกภาพของกล้อง
โทรทรรศน์ นี่เป็นสาเหตุที่ว่า ท�าไมกล้องโทรทรรศน์จึงมักอยู่ในทะเลทรายที่แห้งแล้ง และ
บนภูเขาสูง และเป็นเหตุผลที่เราต้องส่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลออกไปนอกโลกเพื่อลด
การรบกวนของชั้นบรรยากาศ
เราสามารถลดปัจจัยที่เกิดจาก
ความแปรปรวนของชั้นบรรยากาศได้โดยการ
ใช้กระจกที่สามารถบิดงอได้ตามสภาพอากาศ
โดยใช้แสงเลเซอร์เป็นตัวชี้น�าเพื่อวัดสภาพ
การแปรปรวนของชั้นบรรยากาศในขณะนั้น
จากนั้นคอมพิวเตอร์จะชดเชยการแปรปรวน
ของบรรยากาศตามเวลาจริ ง โดยการบิ ด งอ
ภาพที่ 6.12 กล้องโทรทรรศน์ Very Large Telescope ของกระจก เทคโนโลยีนี้ท�าให้กล้องโทรทรรศน์
(VLT) ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 8.2 เมตร ใช้แสงเลเซอร์
ศึกษาและชดเชยการแปรปรวนของชั้นบรรยากาศด้วย ภาคพื้ น ดิ น มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพใกล้ เ คี ย งกั บ
ระบบปรับตามสภาพ เพือ่ ท�าให้ได้กา� ลังแยกภาพทีด่ ขี น้ึ กล้องโทรทรรศน์อวกาศมากขึ้น
ที่มา : Yuri Beletsky (ESO)
64
T74
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ลงมือทํา (Doing)
7. ระบบฐานของกล้องโทรทรรศน์ ฐานของกล้องโทรทรรศน์เป็นอุปกรณ์ทที่ า� ให้สามารถ 21. ครูมอบหมายใหนักเรียนกลับไปทํากิจกรรม
หันกล้องโทรทรรศน์ไปต�าแหน่งต่าง ๆ บนท้องฟ้า และช่วยระบุตา� แหน่งวัตถุทอ้ งฟ้าได้ นอกจากนี้ การสังเกตทองฟาจริง ตามขัน้ ตอนในหนังสือ
ฐานกล้องโทรทรรศน์ทสี่ ามารถเคลือ่ นทีไ่ ด้จะช่วยในการติดตามการเคลือ่ นทีข่ องวัตถุบนทรงกลมฟ้า เรียนเปนรายบุคคล โดยครูแจงใหนักเรียน
ได้อกี ด้วย ทราบว า ในชั่ ว โมงถั ด ไปจะนํ า ผลการทํ า
ฐานของกล้องโทรทรรศน์แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้ กิจกรรมที่ไดมาอภิปรายและสรุปผลรวมกัน
1) ฐานระบบขอบฟ้า (alt-azimuth mount) เป็นฐานที่
สามารถหันกล้องขึน้ -ลง และหมุนซ้าย-ขวาได้เช่นเดียวกับระบบ
พิกัดขอบฟ้า ฐานแบบนี้มีข้อจ�ากัดในการติดตามวัตถุท้องฟ้า หมุนซ้าย-ขวา
เนื่องจากทรงกลมฟ้ามีการหมุนรอบขั้วฟ้า ซึ่งไม่สอดคล้องกับ
ทิศทางของมุมเงยและมุมทิศของกล้องโดยตรง นัน่ หมายความว่า
ทิศทางในการติดตามวัตถุทอ้ งฟ้าจะต้องมีการเปลีย่ นแปลงเสมอ
ตามต�าแหน่งของวัตถุท้องฟ้า นอกจากนี้ วัตถุท้องฟ้ายังมีพิกัด
ขอบฟ้าที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงท�าให้การแปลงพิกัดจาก
พิกดั ศูนย์สตู รมาเป็นพิกดั ขอบฟ้าท�าได้คอ่ นข้างยาก ฐานระบบนี้ ภาพที่ 6.13 กล้องโทรทรรศน์แบบ
มีขอ้ ได้เปรียบเรือ่ งการแบกรับน�า้ หนัก ด้วยเหตุนกี้ ล้องโทรทรรศน์ ผสมบนฐานระบบขอบฟ้า สามารถ
หมุ น ไปตามมุ ม เงย-มุ ม ทิ ศ ของ
ขนาดใหญ่จึงมักใช้ฐานระบบนี้ควบคุมการเคลื่อนที่ด้วยระบบ ระบบพิกัดขอบฟ้าได้
คอมพิวเตอร์ ที่มา : มติพล ตั้งมติธรรม
2) ฐานระบบศูนย์สตู ร (equatorial mount) เป็นฐานที่
มีการเอียงแกนหมุนให้สอดคล้องกับขัว้ ฟ้าของทรงกลมฟ้า ทัง้ นี้
เพื่อให้สอดคล้องกับการหมุนของโลกตามระบบพิกัดศูนย์สูตร ชี้ไปยังขั้วฟ
้าเหน
นั่นคือ แกนของฐานกล้องจะหมุนตามพิกัดไรต์แอสเซนชัน ือใต้
หมุนไปตาม
และเดคลิเนชันของทรงกลมฟ้า นอกจากนี้ การจัดเรียงพิกัดนี้ ไรต์แอสเซนชัน
ท�าให้แกน RA หมุนไปในแนวเดียวกันกับการหมุนของโลก
นัน่ หมายความว่า สามารถติดตามการเคลือ่ นทีข่ องวัตถุทอ้ งฟ้าได้
เพี ย งการหมุ น แกนนี้ ไ ปในอั ต ราเดี ย วกั บ การหมุ น ของโลก หมุ นไปตาม
เดคลิเนชัน
(1 รอบ ในทุก ๆ 23 ชั่วโมง 56 นาที) ฐานระบบนี้จึงท�าให้การ
ภาพที่ 6.14 กล้องโทรทรรศน์แบบ
ติดตามวัตถุท้องฟ้าเป็นไปได้ง่ายและแม่นย�า อย่างไรก็ตาม หักเหแสงบนฐานระบบศูนย์สตู ร ซึง่
การติดตั้งแกนหมุนที่ท�ามุมเอียงกับพื้นโลกท�าให้ฐานระบบนี้ ชี้แกนหมุนไปตามขั้วฟ้า หมุนไป
ตามขั้วฟ้า และหมุนไปตาม RA
มีข้อจ�ากัดเรื่องน�้าหนักและเหมาะกับกล้องที่มีขนาดไม่ใหญ่ และ Dec ในระบบพิกัดศูนย์สูตร
เกินไปนัก ที่มา : มติพล ตั้งมติธรรม
เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ใช้ 65
T75
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ลงมือทํา (Doing)
กิจกรรม ทักษะกระบวนการวิทยาศาสตร์
22. นักเรียนกลับเขาสูกลุมเดิมตามที่ไดแบงไว • การสังเกต
ในชั่วโมงแรก แลวสมาชิกแตละคนภายใน การสังเกตการณ์ท้องฟ้าจริง • การลงความเห็นจากข้อมูล
จิตวิทยาศาสตร์
กลุมนําผลการทํากิจกรรมของตนเองรวมกัน • ความรอบคอบ
แลกเปลีย่ นความรูแ ละวิเคราะหผลการปฏิบตั ิ วัสดุอปุ กรณ์
• ความมุ่งมั่น อดทน
กิจกรรมและสรุปผลรวมกัน
1. กล้องโทรทรรศน์หรือกล้องสองตา 2. แผนที่ดาว
23. นักเรียนแตละกลุม สงตัวแทนออกมานําเสนอ
ผลการทํากิจกรรม ในระหวางที่นักเรียนนํา ท้องฟ้ายามเย็นส�าหรับเดือนมกราคม
เวลาท้องฟ้าปรากฏ N
เสนอครูคอยใหขอเสนอแนะเพิ่มเติม เพื่อให 1 มกราคม 21:00 น.
15 มกราคม 21:00 น.
นักเรียนมีความเขาใจที่ถูกตอง 31 มกราคม 19:00 น.
E W
SE SW
สัญลักษณ์วัตถุท้องฟ้า
กระจุกดวงทรงกลม เนบิวลา ความสว่างของดาว
กระจุกดาวปิด กาแล็กซี่
เนบิวลาดาวเคราะห์ วัตถุพิเศษ 5 4 3 2 1 0 -1
ซูเปอร์โนวาเรมแนนต์
S
T76
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
1. ครูใหนกั เรียนแตละคนพิจารณาวา จากเนือ้ หา
?
ค�าถามท้ายกิจกรรม ที่ศึกษามาและจากการปฏิบัติกิจกรรมมีจุด
1. นักเรียนสามารถสังเกตกลุ่มดาวใดได้บ้าง ใดที่ยังเขาใจไมชัดเจนหรือยังมีขอสงสัย ถามี
2. เนือ่ งจากดาวเคราะห์นั้นจะเป็นดาวสว่างที่ไม่ปรากฏอยู่ในแผนที่ดาวและอยู่บนเส้นสุริยวิถี อยากทราบว่า ครูชว ยอธิบายเพิม่ เติมและทดสอบความเขาใจ
คืนที่นักเรียนท�าการสังเกตการณ์นั้นมีดาวเคราะห์อยู่หรือไม่
3. เมื่อเวลาเปลี่ยนไป ดาวบนท้องฟ้ามีการเคลื่อนที่อย่างไร ของนักเรียนโดยการใหตอบคําถาม
2. ครูมอบหมายใหนกั เรียนฝกทําแบบฝกหัด จาก
อภิปรายผลกิจกรรม Unit Questions 6 เรื่อง กลองโทรทรรศน จาก
เมื่อสังเกตการณ์ท้องฟ้าในคืนที่ฟ้าเปิดและมืดปราศจากแสงรบกวน จะเห็นวัตถุบนท้องฟ้า เช่น กลุ่ม หนังสือเรียนลงในสมุดประจําตัว เพือ่ นําสงครู
ดาวต่าง ๆ แต่อาจไม่ชัดเจนนัก หากใช้กล้องโทรทรรศน์หรือกล้องสองตาก็จะช่วยให้เห็นวัตถุบนท้องฟ้าได้ ทายชั่วโมง
ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ขัน้ ประเมิน
1. ครูตรวจผลการทําใบงาน เรือ่ ง กลองโทรทรรศน
1.2 เครื่องบันทึกสัญญาณทางดาราศาสตร์ 2. ครูตรวจแบบฝกหัดจาก Unit Questions เรื่อง
หากเปรียบแสงของดาวเป็นสายฝนที่ตกลงมาบนพื้นดิน กล้องโทรทรรศน์ก็เปรียบได้กับ กลองโทรทรรศน
กรวยที่ท�าหน้าที่รองรับน�้าฝน หากต้องการสะสมสัญญาณปริมาณมาก ๆ จ�าเป็นที่จะต้องมีเครื่อง 3. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ
บันทึกสัญญาณทางดาราศาสตร์ ซึ่งเปรียบได้กับถังรองรับน�้าฝน
สังเกตการตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางาน
นัยน์ตามนุษย์สามารถบันทึกแสงดาวได้เพียงประมาณ 0.1 วินาที ก่อนที่ข้อมูลทั้งหมด รายบุคคลและพฤติกรรมการทํางานกลุม
จะถู ก ส่ ง ไปยั ง สมองและลบล้ า งทิ้ ง ไปหมด แต่ ด ้ ว ยเครื่ อ งบั น ทึ ก สั ญ ญาณทางดาราศาสตร์ 4. ครูตรวจและประเมินผลการปฏิบัติกิจกรรม
เราสามารถเก็บบันทึกสะสมแสงเอาไว้ได้นานเป็นนาที ชั่วโมง หรือสัปดาห์
การสังเกตการณทองฟา
แนวตอบ คําถามท้ายกิจกรรม
1. ขึน้ อยูก บั ดุลยพินจิ ผูส อน โดยพิจารณาจากความ
ถูกตองและเหมาะสมของขอมูลทีน่ กั เรียนบันทึกได
2. นั ก เรี ย นสามารถสั ง เกตเห็ น ดาวเคราะห บ น
ทองฟาได แตขึ้นอยูกับเวลาขึ้นและตกของดาว
เคราะหดวงนั้นๆ ดาวเคราะหที่สามารถสังเกต
ไดดว ยตาเปลานัน้ มีเวลาขึน้ และตกแตกตางกัน
ซึง่ ขึน้ อยูก บั ตําแหนงในวงโคจรของดาวเคราะห
ภาพที่ 6.16 ห้วงอวกาศลึก (Hubble Ultra Deep Field; HUDF) เป็นการรวบรวมแสงจากห้วงอวกาศที่ลึกที่สุดด้วย เชน สามารถพบดาวศุกรในชวงเชามืดและชวง
กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล โดยรวมเวลารับแสงทั้งสิ้นประมาณ 23 วัน ซึ่งพบกาแล็กซีที่อยู่ไกลมากกว่า 10,000 หัวคํ่าหลังพระอาทิตยตก
กาแล็กซี ที่ส่องแสงออกมาตั้งแต่ที่เอกภพยังอายุเพียงไม่กี่ล้านปี
ที่มา : สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) 3. ดาวบนทองฟามีการเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงไป
เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ใช้ 67 ตามแต ล ะฤดู ก าล แต เ นื่ อ งดาวฤกษ มี ร ะยะ
ไกลจากโลกมาก จึงไมสามารถสังเกตเห็นการ
เคลื่อนที่ของดาวฤกษได
4. อินเตอรฟรอมิเตอร
กับระดับคะแนน
ระดับคะแนน
ลาดับที่ รายการประเมิน
4 3 2 1
1 การปฏิบัติการทากิจกรรม
5. ตัวเพิ่มความเขมภาพ 2
3
ความคล่องแคล่วในขณะปฏิบัติกิจกรรม
การบันทึก สรุปและนาเสนอผลการทากิจกรรม
รวม
(วิเคราะหคําตอบ เครื่องบันทึกสัญญาณทางดาราศาสตรทํางาน
ลงชื่อ ................................................... ผู้ประเมิน
................./................../..................
เกณฑ์การประเมินการปฏิบัติกิจกรรม
ระดับคะแนน
โดยการวิเคราะหการเหลื่อมกันของเฟสในคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่
ประเด็นที่ประเมิน
4 3 2 1
1. การปฏิบัติ ทากิจกรรมตามขั้นตอน ทากิจกรรมตามขั้นตอน ต้องให้ความช่วยเหลือ ต้องให้ความช่วยเหลือ
กิจกรรม และใช้อุปกรณ์ได้อย่าง และใช้อุปกรณ์ได้อย่าง บ้างในการทากิจกรรม อย่างมากในการทา
ถูกต้อง ถูกต้อง แต่อาจต้องได้รับ และการใช้อุปกรณ์ กิจกรรม และการใช้
T77
นํา นํา สอน
สอน สรุป ประเมิน
T78
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เข้าใจ (Understanding)
ประจุอิเล็กตรอน และเมื่อมีการอ่านสัญญาณ จ�านวนอิเล็กตรอนที่ถูกเก็บไว้จะถ่ายเทออกไปยัง 4. ครูสุมตัวแทนของนักเรียนแตละกลุมออกมา
ตัวอ่านค่า แล้วแปลงออกมาเป็นสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะแปลงต่อไปเป็นสัญญาณภาพ อธิ บ ายเกี่ ย วกั บ เครื่ อ งบั น ทึ ก สั ญ ญาณทาง
จ�านวนประจุอิเล็กตรอนที่อยู่ในพิกเซลจะสอดคล้องกับปริมาณแสงที่ตกกระทบบน ดาราศาสตร
พิกเซล ซึง่ การเปรียบเทียบปริมาณประจุอเิ ล็กตรอนในแต่ละพิกเซลนี้ ท�าให้สามารถวัดความสว่าง 5. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายสรุปเกี่ยวกับ
ของวัตถุท้องฟ้าได้ อย่างไรก็ตาม สัญญาณที่ เครือ่ งบันทึกสัญญาณทางดาราศาสตร
อยู่ในกล้องซีซีดีจะไม่สามารถระบุได้ว่า แสงที่ ลงมือทํา (Doing)
ตกกระทบนัน้ เป็นแสงสีใด นัน่ คือ ภาพทีไ่ ด้จาก
กล้องซีซดี จี ะเป็นภาพขาวด�า แต่สามารถประยุกต์ 6. นักเรียนทําใบงาน เรือ่ ง เครือ่ งบันทึกสัญญาณ
ใช้แผ่นกรองแสงสีตา่ ง ๆ มาบันทึกสัญญาณแสง ทางดาราศาสตร
เพื่อแปลงไปเป็นภาพสีได้ นอกจากนี้ ในทาง 7. นักเรียนแตละคนตอบคําถามทายหัวขอ Topic
ดาราศาสตร์ยังสามารถเลือกแผ่นกรองแสงที่ Questions ลงในสมุดบันทึกประจําตัว
กรองเฉพาะแสงที่ปล่อยออกมาจากช่วงคลื่น ภาพที่ 6.17 แผงกล้องซีซีดีของกล้องโทรทรรศน์อวกาศ 8. ครูมอบหมายใหนกั เรียนทําแบบฝกหัด จาก Unit
เคพเลอร์
ต่าง ๆ เพือ่ ศึกษาลักษณะทางกายภาพของวัตถุ ที่มา : NASA Questions 6 เรื่อง เครื่องบันทึกสัญญาณทาง
ที่ก�าลังสังเกตได้อีกด้วย ดาราศาสตร ลงในสมุดประจําตัวเปนการบาน
5. อินเตอร์ฟีรอมิเตอร์ (interferometer) ใช้หลักการรวมแสงที่ได้จากกล้องโทรทรรศน์ สงครูในชั่วโมงถัดไป
2 กล้องขึ้นไป เพื่อเพิ่มรายละเอียดของภาพ โดยน�ากล้องโทรทรรศน์ 2 กล้อง วางไว้ในต�าแหน่ง
ห่างกัน อินเตอร์ฟรี อมิเตอร์ทา� งานโดยการรวมคลืน่ แสงทีไ่ ด้จากกล้องโทรทรรศน์ 2 กล้อง โดยการ ขัน้ สรุป
วิเคราะห์การเหลื่อมกันของเฟสในคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ได้จากกล้องทั้งสอง และการแทรกสอด นักเรียนสรุปผังมโนทัศน เรื่อง เครื่องบันทึก
ของคลื่นจากทั้งสองกล้อง จะท�าให้ได้ภาพของวัตถุที่มีความละเอียดสูงกว่าภาพที่ได้จาก สัญญาณทางดาราศาสตร ลงในสมุดประจําตัว
กล้องโทรทรรศน์เพียงกล้องเดียว และแม้วา่ อินเตอร์ฟรี อมิเตอร์สามารถท�าได้คอ่ นข้างยากส�าหรับ
เปนรายบุคคล
กล้องโทรทรรศน์คลื่นแสง แต่เทคนิคนี้นิยมใช้มากในกล้องโทรทรรศน์วิทยุ
4. นําเสนอขอมูลหนาชั้นเรียน ดวยวิธีการสื่อสารที่มทําใหผูอื่น
การมี
การแสดง การทางาน ส่วนร่วมใน
การยอมรับ ความมี
ความ ตามที่ได้รับ การ รวม
ชือ่ –สกุล ฟังคนอื่น น้าใจ
ลาดับที่ คิดเห็น มอบหมาย ปรับปรุง 15
ของนักเรียน
เขาใจไดงาย
ผลงานกลุ่ม คะแนน
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
T79
8–10 พอใช้
ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
คําถามวา “นักดาราศาสตรใชความรูเกี่ยวกับ
คลื่ น แม เ หล็ ก ไฟฟ า เพื่ อ การสํ า รวจวั ต ถุ บ น
ทองฟาอยางไร” เพื่อเชื่อมโยงไปสูการเรียนรู ความยาวคลื่น (nm) 700 600 500 400
เรื่อง ดาราศาสตรในชวงความยาวคลื่นตางๆ
5 รังสีอลั ตราไวโอเลต (ultraviolet) 6 รังสีเอกซ์ (X-rays) 7 รังสีแกมมา (gamma ray)
f = 1015 - 1018 Hz f = 1017 - 1021 Hz f = 1019 Hz
λ = 10-10 - 10-7 m λ = 10-13 - 10-9 m λ = 10-13 m
ลักษณะ : ถูกชั้นบรรยากาศ ลักษณะ : บางช่วงความถี่ ลักษณะ : ถูกชั้นบรรยากาศ
ปิดกั้นไว้เกือบทั้งหมด สามารถผ่านชั้นบรรยากาศได้ ปิดกั้นไว้ทั้งหมด
70
T80
นํา สอน
สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู (Knowing)
สิง่ มีชวี ติ บนโลกได้ววิ ฒ
ั นาการมากับช่วง 1. นักเรียนแบงกลุม กลุม ละ 8 คน ตามความสมัคร
คลื่นแสงที่ส่องผ่านชั้นบรรยากาศของโลกได้ ใจของนักเรียน แลวใหแตละกลุม รวมกันศึกษา
มากที่สุด แต่ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ คนควาขอมูลเกี่ยวกับเรื่อง การสังเกตการณ
นั้นไม่ได้จ�ากัดอยู่ในช่วงคลื่นแสงที่ตามองเห็น ทางดาราศาสตรในชวงความยาวคลื่นตางๆ
เพียงเท่านั้น หากเราจ�ากัดการศึกษาของเรา จากหนังสือเรียนหรือแหลงการเรียนรูตางๆ
เพียงแต่แสงในช่วงทีต่ ามองเห็น เราจะสามารถ เชน อินเทอรเน็ต โดยใหแตละคนภายในกลุม
เรียนรู้เพียงแค่ส่วนหนึ่งของธรรมชาติ การที่ ภาพที่ 6.19 กล้องโทรทรรศน์วทิ ยุ FAST (Five hundred แบงหนาทีก่ นั ศึกษาคนละ 1 เรือ่ ง จากนัน้ ให
เราสามารถประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ทสี่ ามารถ meter Aperture Spherical Telescope; FAST) เป็นกล้อง แตละคนภายในกลุมนําเรื่องที่ตนเองศึกษา
โทรทรรศน์วิทยุจานเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมี
ศึกษาช่วงคลืน่ อืน่ นอกจากทีต่ ามองเห็น จึงช่วย ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 500 เมตร ค น คว า มาอธิ บ ายให เ พื่ อ นในกลุ ม ฟ ง แล ว
ให้เราสามารถศึกษาธรรมชาติได้ถี่ถ้วนมากขึ้น ที่มา : NASA ร ว มกั น สรุ ป ข อ มู ล ที่ ไ ด ล งในสมุ ด ประจํ า ตั ว
1. กล้องโทรทรรศน์วิทยุ (radio telescope) มนุษย์คุ้นเคยกับช่วงคลื่นวิทยุในรูปของ หัวขอเรือ่ ง มีดงั นี้
เสียงเพลงที่ส่งมาตามคลื่นวิทยุ สัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ รีโมตคอนโทรล สัญญาณไวไฟ - คนที่ 1 ศึกษากลองโทรทรรศนวทิ ยุ
ในคอมพิวเตอร์ แต่นอกจากแหล่งก�าเนิดคลื่นวิทยุที่มนุษย์สร้างขึ้นแล้ว ในธรรมชาติก็ยังมี - คนที่ 2 ศึกษากลองโทรทรรศนรงั สีเอกซ
ปรากฏการณ์อีกมากที่ปล่อยคลื่นออกมาในช่วงคลื่นวิทยุ เช่น ดาวฤกษ์ แก่นกาแล็กซีกัมมันต์ - คนที่ 3 ศึกษากลองโทรทรรศนรงั สีแกมมา
(active galactic nuclei) พัลซาร์ (pulsar)
- คนที่ 4 ศึกษากลองโทรทรรศนรังสีอัลตรา
คลื่นวิทยุเป็นคลื่นชนิดหนึ่งที่สามารถผ่านชั้นบรรยากาศลงมายังพื้นผิวโลกได้ ด้วย
ไวโอเลต
เหตุนี้ มนุษย์จึงสามารถรับส่งสัญญาณวิทยุผ่านดาวเทียมสื่อสารได้ ซึ่งหลักการท�างานของ
กล้องโทรทรรศน์วิทยุไม่แตกต่างกับเครื่องรับสัญญาณวิทยุ โดยกล้องเหล่านี้อาจมีรูปร่างคล้าย - คนที่ 5 ศึกษากลองโทรทรรศนอนิ ฟราเรด
เสาอากาศหรือจานดาวเทียม อย่างไรก็ตาม เนือ่ งจากคลืน่ วิทยุมคี วามยาวคลืน่ ค่อนข้างมาก ท�าให้ - คนที่ 6 ศึกษากลองโทรทรรศนไมโครเวฟ
ต้องใช้จานขนาดใหญ่หรือจานหลายจานท�างานร่วมกันด้วยวิธอี นิ เตอร์เฟอรอมิทรี (interferometry) - คนที่ 7 ศึกษาเครือ่ งตรวจวัดรังสีคอสมิก
- คนที่ 8 ศึกษาเครือ่ งตรวจวัดนิวทริโน
ภาพที่ 6.20 กล้องโทรทรรศน์วทิ ยุ ALMA (Atacama Large Millimeter/submillimeter Array; ALMA)
จ�านวนมากบนเทือกเขาในประเทศชิลี (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
ที่มา : ESO แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม)
เขาใจ (Understanding)
2. ครู แ ละนั ก เรี ย นร ว มกั น อภิ ป รายเกี่ ย วกั บ
กลองโทรทรรศนวทิ ยุวา กลองโทรทรรศนมหี ลัก
การทํางานเหมือนกับเครื่องรับสัญญาณวิทยุ
คลื่นวิทยุเปนคลื่นชนิดหนึ่งที่สามารถผานชั้น
บรรยากาศลงมายังพืน้ โลกได เนือ่ งจากคลืน่ วิทยุ
มีความยาวคลื่นคอนขางมาก ทําใหตองใช
เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ใช้ 71 จานรั บ สั ญ ญาณขนาดใหญ ห รื อ หลายจาน
ทํางานรวมกัน
T81
นํา สอน
สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เข้าใจ (Understanding)
3. ครู แ ละนั ก เรี ย นร ว มกั น อภิ ป รายเกี่ ย วกั บ 2. กล้องโทรทรรศน์ไมโครเวฟ จากการศึกษาทางดาราศาสตร์ พบว่า ช่องว่างระหว่าง
กลองโทรทรรศนไมโครเวฟวา รังสีไมโครเวฟใน ดาวทีด่ เู หมือนจะไม่มแี สงจากดาวหรือกาแล็กซีใด ๆ นัน้ ยังมีพลังงานทีห่ ลงเหลือมาจากการก�าเนิด
บางชวงคลืน่ ไมสามารถทะลุผา นชัน้ บรรยากาศ ของเอกภพซึ่งอยู่ในรูปของรังสีไมโครเวฟพื้นหลัง (cosmic microwave background)
ลงมายังพื้นโลกได การศึกษารังสีไมโครเวฟที่ รังสีไมโครเวฟพื้นหลังเป็นแสงที่เกิดจากการรวมตัวกันของโปรตอนกับอิเล็กตรอน ซึ่ง
ความละเอียดสูงจึงตองทําในอวกาศ จากการ เกิดขึน้ เมือ่ เอกภพมีอายุประมาณ 380,000 ปี ถือเป็นแสงแรกของเอกภพทีส่ ามารถสังเกตได้ เป็น
ศึกษาทางดาราศาสตร พบวา ชองวางระหวาง หลักฐานที่ยืนยันทฤษฎีบิกแบง อีกทั้งยังช่วยให้ทราบถึงอัตราการขยายตัว อายุ และองค์ประกอบ
ดาวทีด่ เู หมือนจะไมมแี สงจากดาวหรือกาแล็กซี ของเอกภพ ซึง่ ปัจจุบนั รังสีไมโครเวฟพืน้ หลังเป็นแหล่งข้อมูลทีบ่ อกถึงสภาพของเอกภพได้ดที สี่ ดุ
ใดๆ นัน้ ยังมีพลังงานทีห่ ลงเหลือมากจากการ อย่างไรก็ตาม รังสีไมโครเวฟในบางช่วงคลื่นไม่สามารถทะลุผ่านชั้นบรรยากาศลงมายังพื้นโลกได้
กําเนิดของเอกภพซึง่ อยูใ นรูปของรังสีไมโครเวฟ อีกทั้งวัตถุเกือบทุกชนิดที่อยู่ในอุณหภูมิห้องจะดูดกลืนและ Earth Science
พืน้ หลัง เปล่งแสงในช่วงคลืน่ ไมโครเวฟ ด้วยเหตุนกี้ ารศึกษารังสีไมโครเวฟ in real life
ที่ความละเอียดสูงจึงต้องท�าในอวกาศ รั ง สี ไ มโครเวฟพื้ น หลั ง นั้ น มี
การแผ่รังสีที่ใกล้เคียงกับการ
กล้องโทรทรรศน์ที่ศึกษารังสีไมโครเวฟพื้นหลังเริ่ม แผ่รังสีของวัตถุด�าในอุดมคติ
ตั้งแต่กล้องที่ติดไปกับดาวเทียมโคบี (Cosmic Background ทีอ่ ณุ หภูมิ 2.7 เคลวิน จึงกล่าว
Explorer; COBE) ในปี ค.ศ. 1989 ตามมาด้วยกล้องทีต่ ดิ ไปกับ ได้ว่า เอกภพในยุคปัจจุบันมี
ดาวเทียมดับเบิลยูแมป (Wilkinson Microwave Anisotropy อุณหภูมิ 2.7 เคลวิน อย่างไร
ก็ตาม แต่ละบริเวณของเอกภพ
Probe; WMAP) ในปี ค.ศ. 2001 และล่าสุด คือ กล้องที่ติดไป มี อุ ณ หภู มิ ต ่ า งกั น ในระดั บ
กับดาวเทียมพลังค์ (Planck) ในปี ค.ศ. 2009 โดยได้ภาพที่มี ไมโครเคลวิน ซึ่งถูกแสดงด้วย
รายละเอียดของรังสีไมโครเวฟพื้นหลังมากขึ้น จุดสีนา�้ เงินและจุดสีแดงในภาพ
ที่ 6.21 (ก)
T82
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เข้าใจ (Understanding)
3. กล้องโทรทรรศน์อินฟราเรด (infrared telescope) รังสีอินฟราเรดมีความยาวคลื่น 4. ครู แ ละนั ก เรี ย นร ว มกั น อภิ ป รายเกี่ ย วกั บ
ในช่วง 0.7 ไมโครเมตร ถึง 1 มิลลิเมตร เป็นรังสีที่มีพลังงานน้อย ถูกดูดกลืนได้ยาก จึงมีอ�านาจ กลองโทรทรรศนอนิ ฟราเรดวา รังสีอนิ ฟราเรด
ทะลุทะลวงได้ดี ท�าให้สามารถสังเกตวัตถุด้านหลังฝุนหรือแกสในอวกาศได้ เช่น บริเวณที่มี สามารถทะลุทะลวงฝุนไดดี ทําใหสามารถ
ดาวฤกษ์ก�าลังก่อตัวบริเวณเนบิวลา อย่างไรก็ตาม รังสีอินฟราเรดถูกดูดกลืนได้ง่ายโดยไอน�้าใน เห็ น โครงสร า งที่ ถู ก บดบั ง ด ว ยฝุ น ได หอ
ชัน้ บรรยากาศ ดังนัน้ กล้องโทรทรรศน์อนิ ฟราเรดจึงต้องอยูใ่ นบริเวณทีเ่ ป็นภูเขาสูง มีความชืน้ ต�า่ สังเกตการณทางอินฟราเรดตองสรางบนยอด
หรืออยู่นอกชั้นบรรยากาศ เขาสูงหรือนอกโลกเพือ่ ลดผลกระทบจากไอนํา้
เนือ่ งจากรังสีอนิ ฟราเรดเป็นรังสีความร้อนทีแ่ ผ่ออกมาจากวัตถุทมี่ อี ณ ุ หภูมใิ กล้เคียงกับ ในชั้นบรรยากาศ
อุณหภูมิห้อง ดังนั้น การท�างานของกล้องโทรทรรศน์อินฟราเรดจึงจ�าเป็นต้องมีการหล่อเย็นด้วย
อุณหภูมิที่ต�่ามาก โดยเฉพาะในช่วงอินฟราเรดไกล (far infrared) ที่มีความยาวคลื่นสูง ดังเช่น
กล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ (Spitzer
Space Telescope; SST) ที่ถูกส่งขึ้นไปสู่
อวกาศเมื่อปี ค.ศ. 2003 และได้บรรทุกฮีเลียม
เหลวขึ้นไปด้วยเพื่อหล่อเย็นอุปกรณ์ให้อยู่ที่
อุณหภูมิ 4 เคลวิน เมื่อฮีเลียมเหลวหมดไป
ในวันที่ 15 พฤษภาคม ค.ศ. 2009 จึงท�าให้
อุปกรณ์สว่ นมากไม่สามารถท�างานได้อกี ต่อไป
แต่ยังคงท�างานต่อไปได้ในช่วง “ภารกิจอุ่น”
(Spitzer Warm Mission) โดยใช้อุปกรณ์ที่
ไม่ตอ้ งอาศัยการหล่อเย็นจากฮีเลียมเหลว และ ภาพที่ 6.22 กล้องโทรทรรศน์อวกาศสปิตเซอร์ (spitzer)
ในปัจจุบนั กล้องโทรทรรศน์สปิตเซอร์ได้ถกู ปลด ที่มา : NASA
ประจ�าการเมื่อวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 2020
ส� า หรั บ กล้ อ งโทรทรรศน์ อ วกาศ
ฮับเบิลแม้ว่าจะท�างานในช่วงคลื่นแสงที่ตา
มองเห็ น แต่ ก ารที่ อ ยู ่ น อกชั้ น บรรยากาศ
จึ ง ท� า ให้ ส ามารถสั ง เกตการณ์ ใ นช่ ว งคลื่ น
อินฟราเรดใกล้ (near infrared) ได้ด้วย
จากภาพที่ 6.23 (ก) เป็นเนบิวลาที่
ถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลในช่วง
(ก) ช่วงคลืน่ แสงทีต่ ามองเห็น (ข) ช่วงคลื่นอินฟราเรด
คลื่นที่ตามองเห็น และภาพที่ 6.23 (ข) เป็น
ภาพที่ถ่ายเนบิวลาในช่วงคลื่นอินฟราเรด จะ ภาพที่ 6.23 เนบิวลาที่ถ่ายโดยกล้องโทรทรรศน์อวกาศ
ฮับเบิลในช่วงคลื่นแสงต่างกัน
เห็นได้ว่า คลื่นอินฟราเรดสามารถส่องทะลุฝุน ที่มา : NASA
และแกสในเนบิวลาที่บดบังแสงจากดาวฤกษ์
เบื้องหลังได้ เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ใช้ 73
T83
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เข้าใจ (Understanding)
5. ครู แ ละนั ก เรี ย นร ว มกั น อภิ ป รายเกี่ ย วกั บ 4. กล้องโทรทรรศน์รังสีอัลตราไวโอเลต รังสีอัลตราไวโอเลต (ultraviolet) หรือรังสี
กลองโทรทรรศนรังสีอัลตราไวโอเลตวา รังสี ยูวี (UV) มีความยาวคลื่นสั้นกว่าแสงที่ตามองเห็น โดยอยู่ในช่วง 10-400 นาโนเมตร สามารถ
อัลตราไวโอเลตมีความยาวคลื่นสั้นกวาแสงที่ ใช้ฆ่าเชื้อในทางการแพทย์และน�้าดื่มได้ แต่
ตามองเห็น ศึกษาพลังงานในชวงความยาวคลืน่ เป็นอันตรายต่อมนุษย์โดยท�าให้ผิวหนังไหม้
10-400 นาโนเมตร รังสีอัลตราไวโอเลตไม และน�าไปสู่โรคมะเร็งผิวหนัง อย่างไรก็ตาม
สามารถผ า นชั้ น บรรยากาศมาได ม ากนั ก โลกมีชั้นโอโซนในบรรยากาศห่อหุ้มอยู่ ซึ่งกั้น
กลองโทรทรรศนรังสีอัลตราไวโอเลตจึงตอง ไม่ให้รังสียูวีผ่านมายังพื้นโลกได้มากนัก แต่
ถู ก ส ง ออกไปสํ า รวจนอกโลก กระบวนการ ในด้านดาราศาสตร์นั้นการที่รังสียูวีไม่สามารถ
ทางดาราศาสตร ที่ ส ามารถปล อ ยวั ต ถุ รั ง สี ผ่ า นชั้ น บรรยากาศมาได้ ม ากนั ก ท� า ให้ ไ ม่
อัลตราไวโอเลตจะเปนวัตถุทองฟาพวกที่มี สามารถสังเกตปรากฏการณ์ในช่วงรังสียูวีของ
อุณหภูมิสูง เชน ดาวยักษนํ้าเงิน ดาวฤกษ วัตถุท้องฟ้าได้จากบนโลก กล้องโทรทรรศน์ที่
อายุมาก เนบิวลา ดาวแคระขาว กาแล็กซี สังเกตปรากฏการณ์ของรังสียูวีได้จึงต้องเป็น ภาพที่ 6.24 กล้องโทรทรรศน์อวกาศ GALEX (Galaxy
Evolution Explorer; GALEX) ศึกษาในช่วงรังสีอลั ตรา
กัมมันต ควาซาร รวมไปถึงชั้นโฟโตสเฟยร กล้องโทรทรรศน์อวกาศทีถ่ กู ส่งออกไปนอกโลก ไวโอเลต
ของดวงอาทิตยดวย กระบวนการทางดาราศาสตร์ ที่ ที่มา : NASA
T84
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เข้าใจ (Understanding)
5. กล้องโทรทรรศน์รังสีเอกซ์ รังสีเอกซ์เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ใช้อย่างแพร่หลายใน 6. ครู แ ละนั ก เรี ย นร ว มกั น อภิ ป รายเกี่ ย วกั บ
ทางการแพทย์ มีอ�านาจทะลุทะลวงและพลังงานสูง แต่สามารถผ่านมายังพื้นโลกได้ไม่มากนัก กลองโทรทรรศนรังสีเอกซวา รังสีเอกซเปน
เนื่องจากโลกมีชั้นบรรยากาศห่อหุ้มอยู่ จึงท�าให้การศึกษาปรากฏการณ์ในย่านรังสีเอกซ์ของ คลื่นแมเหล็กไฟฟา มีอํานาจทะลุทะลวงและ
วัตถุท้องฟ้าต้องท�าจากนอกโลกเท่านั้น พลังงานสูง ดังนั้น กลองโทรทรรศนรังสีเอกซ
การปลดปล่อยรังสีเอกซ์เกิดขึ้นกับ จึงใชแผนโลหะหนาหลายชั้นที่ทํามุมปานให
วัตถุทมี่ คี วามร้อนสูง เช่น การระเบิดของดาวฤกษ์ รังสีเอกซคอยๆ เบี่ยงเบนเขาไปหาจุดโฟกัส
กระจุกกาแล็กซี สสารที่ก�าลังตกลงสู่หลุมด�า วัตถุทอ งฟาทีส่ ามารถปลอยรังสีเอกซ เชน การ
มวลสารระหว่างกาแล็กซี ระเบิดของดาวฤกษ กระจุกกาแล็กซี สสารที่
กําลังตกลงสูหลุมดํา
ปั ญ หาหนึ่ ง ของกล้ อ งโทรทรรศน์
รังสีเอกซ์ คือ รังสีเอกซ์มีอ�านาจทะลุทะลวงสูง ภาพที่ 6.26 กล้องโทรทรรศน์อวกาศจันทรา
ที่มา : คลังภาพ อจท.
มาก นั่นหมายความว่า รังสีเอกซ์สามารถทะลุ
ผ่านแก้วหรือกระจกทุกชนิดที่ใช้รวมแสงในช่วงคลื่นอื่น ๆ ได้ ดังนั้น ในกล้องโทรทรรศน์รังสีเอกซ์
เช่น กล้องอวกาศจันทรา (Chandra X-ray Observatory) จึงใช้แผ่นโลหะหนาหลายชัน้ ทีท่ า� มุมป้าน
ให้รังสีเอกซ์ค่อย ๆ เบี่ยงเบนเข้าไปหาจุดโฟกัส ซึ่งจะประกอบขึ้นด้วยตัวตรวจวัดรังสีเอกซ์พิเศษ
2 ประเภทหลัก คือ High Resolution Camera (HRC) และ Advanced CCD Imaging Spec-
trometer (ACIS) ซึ่งไวต่อรังสีเอกซ์ในช่วงประมาณ 0.1-10.0 กิโลอิเล็กตรอนโวลต์
แผ่นโลหะ
จุดโฟกัส
รังสีเอกซ์
T85
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เข้าใจ (Understanding)
7. ครู แ ละนั ก เรี ย นร ว มกั น อภิ ป รายเกี่ ย วกั บ 6. กล้องโทรทรรศน์รังสีแกมมา รังสีแกมมาเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีพ1 ลังงานสูง
กล อ งโทรทรรศน รั ง สี แ กมมาและเครื่ อ ง ทีส่ ดุ ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ทปี่ ล่อยรังสีแกมมา อาจมาจากการเกิดซูเปอร์โนวา การยุบตัว
ตรวจวั ด รั ง สี ค อสมิ ก ว า รั ง สี แ กมมาเป น ของดาวฤกษ์ ม วลมาก กลายเป็ น หลุ ม ด� า
คลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีพลังงานสูงที่สุด วัตถุ พัลซาร์ ซากของซูเปอร์โนวา ควาซาร์ รวมไป
ทองฟาทีส่ ามารถปลอยรังสีแกมมา เชน ดาวฤกษ ถึงดวงอาทิตย์ด้วย แต่เนื่องจากชั้นบรรยากาศ
ทีม่ มี วลมาก พัลซาร การเกิดซูเปอรโนวา ซาก ของโลกดูดซับรังสีแกมมาไว้ได้หมด การสังเกต
ของซูเปอรโนวา เควซาร รวมไปถึงดวงอาทิตย ปรากฏการณ์เหล่านี้จึงต้องสังเกตเหนือชั้น
เนือ่ งจากชัน้ บรรยากาศดูดซับรังสีแกมมาไวได บรรยากาศ
หมด การสังเกตปรากฏการณรังสีแกมมาจึง ในยุคแรกดาวเทียมที่ถูกส่งขึ้นไป
ตองทําเหนือชัน้ บรรยากาศ สวนเครือ่ งตรวจวัด เพื่อสังเกตในช่วงรังสีแกมมานั้น ถูกส่งขึ้นไป
รังสีคอสมิก ถึงแมวา รังสีคอสมิกจะมีพลังงานสูง เพื่อศึกษาแหล่งก�าเนิดรังสีแกมมาบนโลกเพื่อ ภาพที่ 6.28 กล้องโทรทรรศน์อวกาศสวิฟต์ (swift)
แตก็ไมสามารถผานชั้นบรรยากาศลงมายัง ค้นหาการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ แต่กลับพบว่า ศึกษาห้วงอวกาศ ในช่วงคลืน่ รังสีแกมมารวมทัง้ รังสีเอกซ์
พืน้ โลกได การศึกษารังสีคอสมิกจึงตองศึกษา มีการระเบิดของรังสีแกมมาบ่อยครัง้ จากแหล่ง ที่มา : คลังภาพ อจท.
จากรังสีอนื่ ๆ ทีเ่ กิดขึน้ เมือ่ รังสีคอสมิกชนกับ ก�าเนิดนอกโลก น�าไปสู่การค้นพบการระเบิดครั้งใหญ่ของรังสีแกมมา (Gamma-Ray Bursts;
โมเลกุลตางๆ ในชัน้ บรรยากาศ GRBs) ซึ่งเป็นการระเบิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งในเอกภพ โดยภายในเวลาไม่กี่วินาทีสามารถ
ปลดปล่อยพลังงานออกมามากกว่าพลังงานที่ดวงอาทิตย์จะปลดปล่อยออกมาตลอดชั่วอายุขัย
ของดวงอาทิตย์ ปัจจุบันมีกล้องโทรทรรศน์อวกาศสวิฟต์คอยติดตามการระเบิดของรังสีแกมมา
อย่างต่อเนื่อง
7. เครือ่ งตรวจวัดรังสีคอสมิก นอกจากการแผ่รงั สีทอี่ ยูใ่ นรูปของคลืน่ แม่เหล็กไฟฟ้าแล้ว
บางกรณีวตั ถุทอ้ งฟ้ายังสามารถปล่อยพลังงานออกมาในรูปของอนุภาคความเร็วสูงหรือรังสีคอสมิก
(cosmic rays) ด้วย แม้จะเรียกว่า รังสี แต่ในความเป็นจริงแล้ว รังสีคอสมิกเป็นอนุภาคที่มีประจุ
และเคลือ่ นทีด่ ว้ ยความเร็วสูงมาก โดยอนุภาครังสีคอสมิกทีม่ พี ลังงานมากทีส่ ดุ สามารถมีพลังงาน
ได้สูงถึง 3 × 1020 อิเล็กตรอนโวลต์ สูงกว่าอนุภาคที่มีพลังงานมากที่สุดที่ถูกเร่งด้วยเครื่องเร่ง
อนุภาคที่มนุษย์สร้างขึ้นถึง 40 ล้านเท่า
รังสีคอสมิกสามารถเกิดขึน้ จากดวงอาทิตย์ จากการระเบิดซูเปอร์โนวา จากแก่นกาแล็กซี
ของกาแล็กซีอน่ื แม้วา่ รังสีคอสมิกจะมีพลังงานสูง แต่ไม่สามารถผ่านชัน้ บรรยากาศลงมาสูพ่ นื้ โลกได้
การศึกษารังสีคอสมิกจึงต้องศึกษาจากรังสีอื่น ๆ ที่เป็นผลลัพธ์จากการชนของอนุภาครังสีคอสมิก
เข้ากับโมเลกุลในชั้นบรรยากาศ ปล่อยออกมาเป็นอนุภาคและรังสีอื่น ๆ ซึ่งจากการศึกษาอนุภาค
และรังสีเหล่านี้ ท�าให้สามารถหาทิศทางและพลังงานของรังสีคอสมิกได้
76
T86
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เข้าใจ (Understanding)
8. เครื่องตรวจจับนิวทริโน อนุภาคอีกชนิดหนึ่งที่มีแหล่งก�าเนิดจากนอกโลก คือ 8. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายเกีย่ วกับเครือ่ ง
อนุภาคนิวทริโน (neutrino) ซึ่งเป็นอนุภาคที่มีมวลน้อยมาก เคลื่อนที่ด้วยความเร็วเกือบเท่าแสง ตรวจวัดนิวทริโนวา นิวทริโนเปนอนุภาคที่มี
และแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับอนุภาคอื่นใดเลย โดยทุก 1 วินาที จะมีนิวทริโนจากดวงอาทิตย์ มวลนอย เคลื่อนที่ดวยความเร็วเกือบเทาแสง
มีปฏิสมั พันธกบั อนุภาคอืน่ ๆ นอยมาก เกิดขึน้
ประมาณ 65 พันล้านอนุภาค ผ่านพื้นที่ 1 ตารางเซนติเมตรบนโลก ส่วนมากจะผ่านโลกไปโดย
จากการระเบิ ด บริ เ วณแก น กลางดาวฤกษ
ไม่ชนกับอนุภาคใด ๆ ซึ่งจากสมบัติที่นิวทริโนสามารถทะลุผ่านสสารได้โดยไม่ชนอนุภาคใด ๆ การเกิดบิกแบง การชนกันของหลุมดํา ทุกวินาที
ท�าให้นิวทริโนสามารถทะลุผ่านห้วงอวกาศหรือหลุดออกมาจากแกนกลางของดาวฤกษ์ได้ง่าย จะมี นิ ว ทริ โ นจากดวงอาทิ ต ย ป ระมาณ 65
แต่ในขณะเดียวกันการตรวจจับนิวทริโนจึงเป็นไปได้ยากด้วย พั น ล า นตั ว เคลื่ อ นที่ ผ า นพื้ น ที่ 1 ตาราง
หอสังเกตการณ์นวิ ทริโน เช่น ซูเปอร์คะเมะโอะคันเดะ (Super-Kamiokande) มักถูกสร้าง เซนติเมตรบนโลก และสวนมากจะผานโลก
ไว้ใต้ภูเขาขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันการรบกวนจากรังสีอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเครื่องตรวจวัด โดยไมชนกับอนุภาคใดๆ หอสังเกตการณ
ภายในซูเปอร์คะเมะโอะคันเดะจะบรรจุด้วยน�้าบริสุทธิ์จ�านวนมหาศาล เมื่อนิวทริโนชนกับอนุภาค นิวทริโนมักถูกสรางไวใตพื้นดินหรือใตภูเขา
โมเลกุลของน�้าจะเกิดการปล่อยรังสีออกมา ซึ่งสามารถตรวจพบได้ด้วยหลอดวัดแสงจ�านวนมาก ขนาดใหญ เพื่อปองกันการรบกวนจากรังสี
ที่อยู่ตามผนัง ดังภาพที่ 6.29 อื่นๆ ที่อาจสงผลกระทบตอเครื่องตรวจวัด
ด้วยสมบัติการทะลุทะลวงของนิวทริโน ท�าให้อนุภาคนิวทริโนสามารถหลุดออกมาจาก ลงมือทํา (Doing)
การระเบิดซูเปอร์โนวาได้กอ่ นคลืน่ แสง ในปี ค.ศ. 1987 มีการค้นพบนิวทริโนภายในหอสังเกตการณ์ 9. นักเรียนทําใบงาน เรื่อง การสังเกตการณทาง
นิวทริโนหลายแห่งบนโลก เป็นเวลา 2-3 ชัว่ โมง ก่อนทีจ่ ะมีการเห็นการระเบิดซูเปอร์โนวา นอกจากนี้ ดาราศาสตรในชวงความยาวคลื่นตางๆ
ในอนาคตหากพัฒนาเครื่องตรวจจับนิวทริโน Con���t Q�e����n
ได้พอดี จะช่วยให้สามารถศึกษาย้อนกลับไป เหตุใดจึงตองสงกลองโทรทรรศนบางประเภท ขัน้ สรุป
ในอดี ต ของเอกภพก่ อ นเกิ ด รั ง สี ไ มโครเวฟ ขึ้นไปในอวกาศ
นักเรียนสรุปผังมโนทัศน เรือ่ ง การสังเกตการณ
พื้นหลังได้
ทางดาราศาสตรในชวงความยาวคลืน่ ตางๆ ลงใน
ภาพที่ 6.29 หอสังเกตการณ์นวิ ทริโนซูเปอร์คะเมะโอะคันเดะในเหมืองใต้ดนิ ซึง่ อยูใ่ ต้ภเู ขาในเมืองคะเมะโอะกะของประเทศ สมุดประจําตัว
ญี่ปุน
ที่มา : Kamiokande Observatory, ICRR (Institute for Cosmic Ray Research), The University of Tokyo
ขัน้ ประเมิน
1. ครู ต รวจสอบผลการทํ า ใบงาน เรื่ อ ง การ
สังเกตการณทางดาราศาสตรในชวงความยาว
คลื่นตางๆ
2. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ
สังเกตการตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางาน
รายบุคคล และพฤติกรรมการทํางานกลุม
3. ครูวัดและประเมินผลจากชิ้นงานผังมโนทัศน
77 เรื่อง การสังเกตการณทางดาราศาสตรในชวง
ความยาวคลื่นตางๆ
3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1 3 2 1
T87
8–10 พอใช้
ต่่ากว่า 8 ปรับปรุง
นํา นํา สอน
สอน สรุป ประเมิน
T88
นํา สอน
สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
• ดาวเทียมสือ่ สาร เป็นดาวเทียมทีท่ า� หน้าทีใ่ นการส่งสัญญาณสือ่ สาร เช่น สัญญาณ 2. ครูสมุ นักเรียนใหออกมานําเสนอผลการศึกษา
โทรทัศน์และสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม การสื่อสารผ่านดาวเทียมช่วยให้สัญญาณที่ส่ง หนาชัน้ เรียน โดยสุม ออกมาเพียง 5 กลุม ซึง่ ครู
ไม่ถูกกีดขวางโดยลักษณะทางภูมิศาสตร์ และสามารถเชื่อมต่อสื่อสารในพื้นที่ที่ห่างไกลได้ เปนคนเลือกวาจะใหกลุม ใดนําเสนอเรือ่ งอะไร
• ดาวเทียมทางทหาร เป็นดาวเทียมทีท่ า� หน้าทีส่ อดแนมหรือตรวจจับการปล่อยรังสี ตามหัวขอเรือ่ ง ดังตอไปนี้
เช่น การทดลองนิวเคลียร์ ข้อมูลเกีย่ วกับดาวเทียมจ�าพวกนีม้ กั ถูกเก็บเป็นความลับทางการทหาร • ดาวเทียม
• ดาวเทียมน�าทาง เป็นระบบดาวเทียมทีท่ า� หน้าทีส่ ง่ สัญญาณวิทยุเพือ่ ระบุตา� แหน่ง • สถานีอวกาศ
บนพื้นโลก ระบบจีพีเอส (Global Positioning System; GPS) ที่ใช้บนโทรศัพท์มาจากการ • ยานอวกาศ
จับเวลาของสัญญาณที่มาจากระบบดาวเทียมเหล่านี้ • กลองโทรทรรศนอวกาศ
• กล้องโทรทรรศน์อวกาศ เป็นดาวเทียมที่ท�าหน้าที่สังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ • หุนยนตสํารวจอวกาศไรคนขับ
กล้องโทรทรรศน์อวกาศที่อยู่บนดาวเทียมเหล่านี้สามารถท�าการสังเกตการณ์โดยปราศจากการ (หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
รบกวนจากสภาพอากาศบนโลกโดยสิ้นเชิง นอกจากนี้ ยังสามารถท�าการสังเกตการณ์ในช่วงคลื่น
แบบประเมินการนําเสนอผลงาน)
ที่ไม่สามารถทะลุผ่านลงมายังพื้นโลกได้อีกด้วย
2. สถานีอวกาศ คือ ห้องปฏิบัติการลอยฟ้าที่โคจรรอบโลก สถานีอวกาศเป็นห้องปฏิบัติ
การที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ในระยะยาว และมีภารกิจหลักในการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับ
สภาวะไร้น�้าหนักที่มีต่อมนุษย์ พืช สัตว์ วัสดุศาสตร์ รวมทั้งการศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อม
ในการส่งมนุษย์เดินทางไปในอวกาศในอนาคต ปัจจุบันสถานีอวกาศนานาชาติเป็นดาวเทียมที่มี
ขนาดใหญ่ที่สุดที่มนุษย์เคยส่งขึ้นไปโคจรรอบโลก
T89
นํา สอน
สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
รู้ (Knowing)
3. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและสรุปความรู 3. ยานอวกาศ เป็นยานพาหนะที่น�า
ที่ไดศึกษาเกี่ยวกับดาวเทียม สถานีอวกาศ มนุษย์หรืออุปกรณ์ทางดาราศาสตร์ขึ้นไปสู่
ยานอวกาศ กลองโทรทรรศนอวกาศ และ อวกาศ เพือ่ ส�ารวจหรือเดินทางไปยังดาวดวงอืน่
หุนยนตสํารวจอวกาศไรคนขับ ยานอวกาศล� า แรกที่ น� า มนุ ษ ย์ ไ ปเยื อ นยั ง
วัตถุอื่นนอกจากโลกของเรา คือ ยานอวกาศ
Eagle ในโครงการอพอลโล 11 ที่ น� า นี ล
อาร์มสตรอง (Neil Armstrong) และบัซซ์
อั ล ดริ น (Buzz Aldrin) ไปเหยี ย บลงบน
ดวงจันทร์ในปี ค.ศ. 1969
4. กล้องโทรทรรศน์อวกาศ ปัจจุบัน
มีกล้องโทรทรรศน์อวกาศที่โคจรอยู่รอบโลก ภาพที่ 6.33 ยานอวกาศ Eagle เป็นยานที่ลงจอดบน
ดวงจันทร์ (Lunar Module) ในโครงการอพอลโล 11
และท�าการศึกษาวัตถุท้องฟ้าในหลายช่วงคลื่น ภายหลังจากภารกิจที่น�ามนุษย์คนแรกลงไปเหยียบบน
ที่ไม่สามารถสังเกตได้จากบนโลก และมักถูก ดวงจันทร์ได้ส�าเร็จ
ติดตั้งอยู่กับดาวเทียม นอกจากนี้ ยังมีกล้อง ที่มา : NASA
โทรทรรศน์อวกาศที่ท�าการศึกษาวัตถุท้องฟ้าโดยเฉพาะอีกด้วย เช่น กล้องโทรทรรศน์อวกาศ
เอสดีโอ (Solar Dynamics Observatory; SDO) ที่ท�าการศึกษาดวงอาทิตย์ ดาวเทียมพลังค์
ขององค์การสหภาพยุโรปที่ท�าการสังเกตการณ์รังสีไมโครเวฟพื้นหลัง
5. หุ่นยนต์ส�ารวจอวกาศไร้คนขับ เนื่องจากการส่งมนุษย์ไปส�ารวจอวกาศจะตามมา
ด้วยน�้าหนักบรรทุกที่มาก ระบบพยุงชีพที่วุ่นวาย อาหาร ระบบก�าจัดของเสีย น�้าดื่ม ระยะเวลา
อันยาวนานในการส�ารวจระบบสุริยะไปจนถึงความจ�าเป็นที่จะต้องเดินทางเพื่อน�ามนุษย์อวกาศ
กลับคืนมายังโลก หุน่ ยนต์สา� รวจอวกาศไร้คนขับจึงเป็นทางเลือกทีถ่ กู และปลอดภัยกว่ามาก อีกทัง้
ยังท�าให้เดินทางไปสถานที่ที่ปัจจุบันมนุษย์ไม่สามารถเดินทางไปได้
ในวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 2004 ยานส�ารวจฮอยเกนส์ (Huygens) ได้ลงจอดลงบนพื้น
ผิวของดวงจันทร์ไททันเป็นครัง้ แรก และได้เปิดเผยพืน้ ผิวทีโ่ ดยปกติถกู ปกคลุมด้วยเมฆทีห่ นา และ
ยังยืนยันถึงมหาสมุทรที่ประกอบด้วยมีเทนบนพื้นผิว
ภาพที่ 6.34 พื้นผิวของดวงจันทร์ไททันที่บันทึกเอาไว้โดยยานส�ารวจฮอยเกนส์
ที่มา : ESA/NASA/JPL/University of Arizona
80
T90
นํา สอน
สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เข้าใจ (Understanding)
นอกจากนี้ ยานส�ารวจอวกาศนิวฮอร์ไรซอนส์ (New Horizons) ใช้เวลาถึง 9 ปี ในการ 4. ครูใหนักเรียนศึกษาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
เดินทางจากโลกไปยังดาวพลูโต และได้เข้าใกล้ดาวพลูโตทีส่ ดุ ในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 2015 และ การขนสงดาวเทียม สถานีอวกาศ ยานอวกาศ
กลองโทรทรรศนอวกาศ และหุนยนตสํารวจ
ได้เปิดเผยให้เห็นถึงภาพถ่ายที่แสดงพื้นผิวของดาวพลูโตเป็นครั้งแรก
อวกาศไรคนขับ จากหนังสือเรียนและแหลง
เรียนรูอื่นๆ เชน วารสารเกี่ยวกับดาราศาสตร
เว็บไซตขององคการนาซา โดยครูชว ยเชือ่ มโยง
ความรูใหมจากความรูเดิมที่ไดเรียนรูมาแลว
Core Concept
ให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญ เรื่อง
เทคโนโลยีอวกาศกับการส�ารวจอวกาศ
Topic
Questions
ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้
1. กล้องโทรทรรศน์แบ่งออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง
2. ปัญหาเรื่องความคลาดรงค์คืออะไร และจะเกิดกับกล้องโทรทรรศน์ชนิดใด
3. เครื่องบันทึกสัญญาณทางดาราศาสตร์คืออะไร
4. เครื่องบันทึกสัญญาณทางดาราศาสตร์แต่ละแบบมีข้อดีและข้อเสียอย่างไร
5. นอกจากคลื่นแสงที่ตามองเห็นยังมีคลื่นชนิดอื่นอีกหรือไม่
6. เครื่องบันทึกสัญญาณทางดาราศาสตร์ประเภทใดที่ใช้วัดความสว่างของท้องฟ้า
7. เพราะเหตุใดจึงต้องส่งกล้องโทรทรรศน์รังสีอัลตราไวโอเลตขึ้นไปยังอวกาศ
8. อัตราเร็วการโคจรของดาวเทียมขึ้นอยู่กับสิ่งใด
เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ใช้ 81
T91
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
เข้าใจ (Understanding)
Key Question
5. ครู นํ า อภิ ป รายเกี่ ย วกั บ เทคโนโลยี อ วกาศ เ ท ค โ น โ ล ยี อ ว ก า ศ 2. เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ ใช้
ว า ป จ จุ บั น ได มี ก ารพั ฒ นารู ป แบบการใช สามารถนํามาประยุกต
เทคโนโลยีอวกาศตางๆ มากมาย เพือ่ ใชในการ ใช ใ นชี วิ ต ประจํ า วั น ได
บางคนอาจมองว่า การส�ารวจอวกาศเป็นเรื่องไกลตัว และ
หรือไม ห่างไกลจากชีวิตประจ�าวันของมนุษย์บนพื้นโลกอย่างพวกเรามาก
สํารวจอวกาศ เชน ดาวเทียมถูกสงขึ้นไปจาก
แต่การจะได้มาซึง่ การส�ารวจอวกาศนัน้ จะต้องผ่านการค้นคว้า วิจยั
โลกโดยจรวดหรือยานขนสงอวกาศ ดาวเทียม
และทดสอบในอีกหลาย ๆ ด้าน แท้จริงแล้วรอบตัวเรากลับเต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่เป็นผลมาจาก
สามารถโคจรรอบโลกได โดยอาศัยหลักการ
การค้นคว้าวิจัยเทคโนโลยีทางอวกาศ
เดียวกับทีด่ วงจันทรโคจรรอบโลก คือ ณ ระดับ
ความสูงจากผิวโลกระดับหนึ่ง ดาวเทียมจะ เริ่มตั้งแต่โทรศัพท์มือถือของเรา กล้องโทรศัพท์มือถือหลาย ๆ กล้องนั้นใช้ซีมอส (CMOS)
ซึ่งพัฒนามาจากการส�ารวจอวกาศและการบันทึกภาพในไฟล์ JPEG ก็มาจากการค้นคว้า
ตองมีอตั ราเร็วในการโคจรรอบโลกทีเ่ หมาะสม
การบีบอัดข้อมูลเพื่อส่งผ่านเสาอากาศส�าหรับยานส�ารวจอวกาศ อินเทอร์เน็ตก็พัฒนามาจาก
ค า หนึ่ ง แรงมี แ รงโน ม ถ ว งของโลกดึ ง ดู ด
ยุคของการส่งยานอวกาศ ร่วมกับดาวเทียมที่
ดาวเทียมเปนแรงสูศูนยกลางและดาวเทียม
คอยสะท้อนสัญญาณอินเทอร์เ1น็ตทีถ่ กู ส่งขึน้ ไป
เปนหองทดลองที่บรรจุอุปกรณไว แลวสงขึ้น
โดยจรวด แม้ ก ระทั่ ง จี พี เ อสที่ ร ะบุ ต�าแหน่ง
ไปโคจรรอบโลก เพื่อประโยชนในดานตางๆ
ของเราก็ประกอบด้วยระบบดาวเทียมที่คอย
6. นักเรียนและครูรว มกันอภิปรายเพิม่ เติมเกีย่ วกับ ส่งสัญญาณมายังพื้นโลก
ประโยชนและความกาวหนาของการสํารวจ
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ยังมีอุปกรณ์
อวกาศ
เครื่องใช้ในชีวิตประจ�าวันอีกหลายอย่างที่ถูก
คิดค้นวิจยั ขึน้ มาจากการผลักดันทางเทคโนโลยี ภาพที่ 6.37 ซีมอสทีเ่ ป็นเซ็นเซอร์รบั ภาพในกล้องถ่ายรูป
อวกาศ เช่น เมมโมรีโฟม (memory foam) ถูกพัฒนามาจากการส�ารวจอวกาศ
ที่มา : คลังภาพ อจท.
เหล็ ก ดั ด ฟั น แว่ น สายตา แขนขาเที ย ม
เครื่องช่วยฟัง เทคโนโลยีการแช่แข็งอาหาร Core Concept
ปรอทวัดอุณหภูมแิ บบอินฟราเรด เครือ่ งดูดฝุน
ให้นักเรียนสรุปสาระส�าคัญ เรื่อง
ผ้าห่มอวกาศ อาหารเด็ก เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ ใช้
Topic
Questions
แนวตอบ Key Question ค�าชี้แจง : ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้
เทคโนโลยีอวกาศสามารถน�ามาประยุกต์เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจ�าวันได้อย่างไร จงอธิบาย
เทคโนโลยี อ วกาศสามารถนํ า มาประยุ ก ต พร้อมยกตัวอย่าง
ใชเปนเครื่องมือเครื่องใชในชีวิตประจําวัน เชน
อิ น เทอร เ น็ ต ที่ ถู ก พั ฒ นามาจากยุ ค ของการส ง 82
ยานอวกาศร ว มกั บ ดาวเที ย มที่ ค อยส ง สั ญ ญาณ
อินเทอรเน็ตที่ถูกสงขึ้นไปโดยจรวด
ครูอาจอธิบายเพิ่มเติมเพื่อปองกันไมใหนักเรียนเขาใจผิดเกี่ยวกับจีพีเอส เทคโนโลยีอวกาศสามารถนํามาประยุกตใชเปนเครื่องมือเครื่องใชใน
และจีพีอารเอส วา ทั้ง 2 เทคโนโลยีมีความแตกตางกัน โดยจีพีเอส คือ ระบบ ชีวิตประจําวัน ซึง่ ไดมกี ารคิดคนวิจยั ขึน้ มาจากการผลักดันทางเทคโนโลยี
การหาตําแหนงหรือพิกัดของสถานที่ตางๆ สวนจีพีอารเอส เปนเทคโนโลยีบน อวกาศ เชน จีพีเอส เมมโมรีโฟม เหล็กจัดฟน แวนสายตา แขนขาเทียม
โทรศัพทเคลื่อนที่ที่มีความสามารถในการสงขอมูลผานโทรศัพทเคลื่อนที่ เครื่ อ งช ว ยฟ ง เทคโนโลยี ก ารแช แ ข็ ง อาหาร ปรอทวั ด อุ ณ หภู มิ แ บบ
อินฟราเรด เครื่องดูดฝุน ผาหมอวกาศ อาหารเด็ก
นักเรียนควรรู
1 จีพเี อส คือ ระบบการหาตําแหนงหรือพิกดั ของสถานทีต่ า งๆ โดยประกอบ
ดวยดาวเทียม 24 ดวง แบงออกเปน 6 รอบวงโคจร แตละวงโคจรมีดาวเทียม 4
ดวง ซึง่ จีพเี อสจะรับสัญญาณจากดาวเทียม ซึง่ ประกอบดวยขอมูลทีร่ ะบุตาํ แหนง
และเวลาขณะสงสัญญาณ จากนั้นตัวเครื่องรับสัญญาณจีพีเอสจะประมวลผล
ความแตกตางของเวลาในการรับสัญญาณเทียบกับเวลาจริง ณ ปจจุบันเพื่อแปร
เปนระยะทางระหวางเครื่องรับสัญญาณกับดาวเทียมแตละดวง
T92
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สอน
ลงมือทํา (Doing)
Earth Science 7. ครูใหนกั เรียนทุกคนทําใบงาน เรือ่ ง อุปกรณที่
in real life ขีดจํากัดกําลังแยกภาพของตามนุษย์ ใชในการสํารวจอวกาศ พรอมทัง้ สังเกตคําตอบ
กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ของนักเรียน เพือ่ ประเมินพฤติกรรมนักเรียนเปน
ดวงตาของมนุษย์ก็ไม่ต่างอะไรกับกล้องโทรทรรศน์กล้องหนึ่ง โดยดวงตาของมนุษย์แต่ละคน รายบุคคล พรอมใหคาํ แนะนําเพิม่ เติม
มีความคมชัดไม่เท่ากัน ดวงตาบางคูอ่ าจมีความคมชัดทีแ่ ย่กว่าและต้องใช้แว่นตาในการแก้ไขสายตา
(หมายเหตุ : ครูเริ่มประเมินนักเรียน โดยใช
ในขณะที่ดวงตาของบางคนอาจคมชัดดีอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ขีดจ�ากัดความคมชัดที่สุดที่สามารถ
สังเกตเห็นได้ด้วยดวงตาของมนุษย์ถูกก�าหนดเอาไว้โดยก�าลังแยกภาพ แบบสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล)
ดวงตาของมนุษย์มีรูม่านตากว้างประมาณ 4 มิลลิเมตร หากพิจารณาความยาวคลื่นของ 8. ครู สุ ม นั ก เรี ย นออกมาเฉลยใบงาน เรื่ อ ง
แสงที่ตามองเห็น จะพบว่า ขีดจ�ากัดก�าลังแยกภาพสูงสุดของมนุษย์อยู่ที่ประมาณ 601 องศา หรือ อุปกรณที่ใชในการสํารวจอวกาศ โดยครูให
1 ลิปดา นั่นหมายความว่า วัตถุใด ๆ ที่มีขนาดเชิงมุมปรากฏเล็กกว่า 1 ลิปดา ดวงตาของมนุษย์ นักเรียนรวมกันพิจารณาวาคําตอบใดถูกตอง
จะไม่สามารถแยกรายละเอียดออกจากกันได้เลย นั่นหมายความว่า ผู้ผลิตโทรศัพท์มือถือจึง จากนั้นครูเฉลยคําตอบที่ถูกตองใหนักเรียน
ไม่มีความจ�าเป็นที่จะพัฒนาหน้าจอให้เล็กเกินไปกว่าขีดจ�ากัดนี้มากนัก เนื่องจากรายละเอียดที่
เล็กกว่าขีดจ�ากัดในการมองเห็นของมนุษย์ไม่ได้ท�าให้ผู้ใช้งานได้รายละเอียดเพิ่มเติมแต่อย่างใด
และยังสิ้นเปลืองต้นทุนการผลิตโดยใช่เหตุ
ขนาดเชิงมุมปรากฏขึ้นอยู่กับระยะห่างจากผู้สังเกต สมมติว่า ระยะที่ใกล้ที่สุดที่จ้องมอง
โทรศัพท์มือถือในมือของเราคือ 25 เซนติเมตร จากดวงตาเราจะพบว่า วัตถุจะต้องมีขนาดเล็ก
กว่า 75 ไมครอน จึงจะมีขนาดเชิงมุมปรากฏเล็กกว่า 1 ลิปดาที่ระยะนี้ นั่นหมายความว่า ขนาด
พิกเซลที่เล็กที่สุดของหน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ดวงตาของมนุษย์จะสังเกตได้ ต้องมีขนาดไม่ต�่ากว่า
75 ไมครอน หากขนาดพิกเซลของหน้าจอที่เล็กกว่า 75 ไมครอน จะไม่มีประโยชน์ต่อการ
มองเห็นของผู้ใช้แต่อย่างใด และหน้าจอที่มีขนาดพิกเซลเล็กกว่า 75 ไมครอนนี้ จะหมายความว่า
ไม่มีมนุษย์คนใดที่สามารถสังเกตเห็นรายละเอียดของพิกเซลหน้าจอได้ และภาพที่ปรากฏจะมี
รายละเอียดที่คมชัดมากเกินกว่าที่ดวงตาของมนุษย์จะสังเกตได้
อย่างไรก็ตาม ขนาดจ�ากัดของพิกเซลนีข้ นึ้ อยูก่ บั ระยะห่างของผูส้ งั เกต ในอุปกรณ์อเิ ล็กทรอนิกส์
ทีม่ รี ะยะในการดูแตกต่างกันออกไป เช่น แท็บเล็ตหรือจอคอมพิวเตอร์ ระยะพิกเซลทีเ่ ล็กทีส่ ดุ ทีม่ นุษย์
ยังคงสามารถแยกแยะได้จะมีขนาดที่ต่างกันออกไป
ขัน้ สอน
ลงมือทํา (Doing)
9. ครูมอบหมายใหนกั เรียนทําแบบฝกหัด Topic
Summary
Questions จากหนังสือเรียนลงในสมุดประจําตัว เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ ใช้
เพื่อนําสงครูทายชั่วโมง
10. ครูใหนักเรียนทําแบบทดสอบหลังเรียน เพื่อ กล้องโทรทรรศน์
ตรวจสอบความเขาใจหลังเรียนของนักเรียน • หน้าที่ของกล้องโทรทรรศน์
- รวมแสงด้วยพื้นที่รับแสงที่มากกว่านัยน์ตามนุษย์
11. ครูมอบหมายใหนักเรียนทําแบบฝกหัด Unit
- เพิ่มขนาดเชิงมุมปรากฏของวัตถุหรือเพิ่มก�าลังขยาย
Questions 6 และ Test for U จากหนังสือเรียน - เพิ่มก�าลังแยกภาพ
ลงในสมุดประจําตัวสงครูในชั่วโมงถัดไป - ระบุต�าแหน่งของวัตถุ
• อัตราส่วนโฟกัส (F) หาได้จากอัตราส่วนระหว่างความยาวโฟกัสของเลนส์ใกล้วตั ถุ (f) กับเส้นผ่านศูนย์กลาง
ของเลนส์ใกล้วัตถุ (D)
F = Df
• ก�าลังรวมแสง หาได้จากอัตราส่วนระหว่างพื้นที่รับแสงกับพื้นที่ที่แสงตกกระทบ เมื่อสนใจเพียงอัตราส่วน
ระหว่างพื้นที่รวมแสง 2 บริเวณ จะหาอัตราส่วนก�าลังรวมแสงได้ ดังนี้
อัตราส่วนก�าลังรวมแสง = (เส้นผ่านศูนย์กลางของเลนส์ A)
2
เส้นผ่านศูนย์กลางของเลนส์ B
• ก�าลังขยาย (M) หาได้จากอัตราส่วนระหว่างความยาวโฟกัสของเลนส์ใกล้วัตถุ (fobs) กับความยาวโฟกัส
ของเลนส์ใกล้ตา (feye)
f
M = fobs
eye
T94
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ สรุป
1. นักเรียนสรุป เรือ่ ง อุปกรณทใี่ ชในการสํารวจ
เครื่องบันทึกสัญญาณทางดาราศาสตร์ อวกาศ ในรูปแบบแผนภาพหรืออินโฟกราฟก
• เพลตถ่ายภาพและฟิล์ม ฉาบด้วยสารไวแสงเพื่อบันทึกแสง เมื่อน�ามาล้างภาพของดาวฤกษ์ที่สว่างจะ 2. ครูใหนกั เรียนแตละคนพิจารณาวา ในหัวขอที่
มีสัญญาณติดอยู่บนเพลตถ่ายภาพและฟิล์มมาก เรียนมาและในการปฏิบตั กิ จิ กรรมมีจดุ ใดทีย่ งั
• มาตรแสง เป็นอุปกรณ์ทใี่ ช้วดั ความเข้มของแสง โดยหากใช้แผ่นกรองแสงโพลาไรซ์จะเรียกว่า โพลาริมเิ ตอร์ เขาใจไมชดั เจนหรือยังมีขอ สงสัย ถามี ครูชว ย
• ตัวเพิ่มความเข้มภาพ มีลักษณะเดียวกันกับที่พบได้ในกล้องมองกลางคืน มักใช้ในช่วงคลื่นที่มีการตรวจวัด
ได้ยากหรือมีสัญญาณน้อย อธิบายเพิ่มเติมและทดสอบความเขาใจของ
• กล้องซีซีดี มีสารกึ่งตัวน�าแบ่งออกเป็นพิกเซล เมื่อมีแสงตกกระทบพิกเซลจะเก็บสัญญาณไว้ แล้วแปลง นักเรียนโดยการใหตอบคําถาม
ออกมาเป็นสัญญาณภาพ 3. ครูเปดโอกาสใหนักเรียนสอบถามเนื้อหาที่ได
• อินเทอร์ฟีรอมิเตอร์ ใช้หลักการรวมแสงที่ได้จากกล้องโทรทรรศน์ 2 กล้องขึ้นไป เพื่อเพิ่มรายละเอียด ศึกษาผานมาแลววามีสว นใดทีย่ งั ไมเขาใจ แลว
ของภาพ
ใหความรูเพิ่มเติมในสวนนั้น โดยครูอาจใช
ดาราศาสตร์ในชวงความยาวคลื่นอื่น ๆ PowerPoint เรื่อง อุปกรณที่ใชในการสํารวจ
• กล้องโทรทรรศน์วิทยุ มี1หลักการท�างานเหมือนกับเครื่องรับสัญญาณ อวกาศ มาชวยในการอธิบาย
วิทยุ เนื่องจากคลื่นวิทยุมีความยาวคลื่นค่อนข้างมาก ท�าให้ต้องใช้
จานรับสัญญาณขนาดใหญ่หรือหลายจานท�างานร่วมกัน
• กล้องโทรทรรศน์ไมโครเวฟ รังสีไมโครเวฟในบางช่วงคลืน่ ไม่สามารถ
ทะลุผ่านชั้นบรรยากาศลงมายังพื้นโลกได้ การศึกษารังสีไมโครเวฟที่
ความละเอียดสูงจึงต้องท�าในอวกาศ
• กล้องโทรทรรศน์อินฟราเรด รังสีอินฟราเรดเป็นรังสีความร้อนที่แผ่ ภาพที่ 6.40 กล้องโทรทรรศน์วิทยุ
ออกมาจากวัตถุทมี่ อี ณุ หภูมใิ กล้เคียงกับอุณหภูมหิ อ้ ง การท�างานของ FAST (Five hundred meter
กล้องโทรทรรศน์อินฟราเรดจึงจ�าเป็นต้องมีการหล่อเย็น Aperture Spherical radio
Telescope; FAST)
• กล้องโทรทรรศน์รังสีอัลตราไวโอเลต รังสีอัลตราไวโอเลตไม่สามารถ ที่มา : NASA
ผ่านชัน้ บรรยากาศมาได้มากนัก กล้องโทรทรรศน์รงั สีอลั ตราไวโอเลต
จึงต้องถูกส่งออกไปส�ารวจนอกโลก
• กล้องโทรทรรศน์รงั สีเอกซ์ รังสีเอกซ์มอี า� นาจทะลุทะลวงสูงมาก ดังนัน้
กล้องโทรทรรศน์รังสีเอกซ์ จึงใช้แผ่นโลหะหนาหลายชั้นที่ท�ามุมป้าน
ให้รังสีเอกซ์ค่อย ๆ เบี่ยงเบนเข้าไปหาจุดโฟกัส
• กล้องโทรทรรศน์รังสีแกมมา เนื่องจากชั้นบรรยากาศดูดซับรังสี
แกมมาไว้ได้หมด การสังเกตปรากฏการณ์รงั สีแกมมาจึงต้องท�าเหนือ
ชั้นบรรยากาศ
• เครื่องตรวจวัดรังสีคอสมิก ถึงแม้ว่ารังสีคอสมิกจะมีพลังงานสูง แต่ ภาพที่ 6.41 กล้องโทรทรรศน์อวกาศ
ไม่สามารถผ่านชัน้ บรรยากาศลงมาสูพ่ นื้ โลกได้ การศึกษารังสีคอสมิก GALEX (Galaxy Evolution
Explorer; GALEX)
จึงต้องศึกษาจากรังสีอื่น ๆ ที่เกิดขึ้น เนื่องจากรังสีคอสมิกชนกับ ที่มา : NASA
โมเลกุลต่าง ๆ ในชั้นบรรยากาศ
• เครื่องตรวจจับนิวทริโน หอสังเกตการณ์นิวทริโนมักถูกสร้างไว้ใต้ภูเขาขนาดใหญ่เพื่อป้องกันการรบกวนจาก
รังสีอื่น ๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อเครื่องตรวจจับ
เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ใช้ 85
T95
นํา สอน สรุป ประเมิน
ขัน้ ประเมิน
1. ครูตรวจสอบผลการทําแบบทดสอบหลังเรียน
2. ครูตรวจสอบผลการทําใบงาน เรื่อง อุปกรณที่ Apply Your Knowledge
ใชในการสํารวจอวกาศ คําชี้แจง อ่านข้อความและสืบค้นข้อมูลเพื่อน�าไปตอบค�าถามที่ก�าหนดให้
3. ครูตรวจแบบฝกหัดจาก Topic Questions ดาวเทียมเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่สามารถโคจรรอบโลกโดยอาศัยแรงดึงดูดของโลก ซึ่งดาวเทียมเป็น
เรือ่ ง อุปกรณทใี่ ชในการสํารวจอวกาศ ในสมุด เครื่องมือที่มีความซับซ้อน มีส่วนประกอบหลายอย่าง สามารถท�างานได้โดยอัตโนมัติ ส่วนประกอบ
ประจําตัว แต่ละส่วนจะมีระบบควบคุมการท�างานแยกกัน และมีอุปกรณ์ที่ควบคุมให้ระบบต่าง ๆ ท�างานร่วมกัน
4. ครูตรวจแบบฝกหัด เรื่อง อุปกรณที่ใชในการ เมื่อดาวเทียมถูกส่งออกไปโคจรรอบโลกจะมีทั้งดาวเทียมที่อยู่บริเวณใกล้ผิวโลกและดาวเทียม
สํารวจอวกาศ จาก Unit Questions 6 ที่อยู่สูงขึ้นไป นักเรียนคิดว่า ดาวเทียมบริเวณใดที่ต้องใช้ความเร็วในการโคจรรอบโลกมากกว่ากัน
เพราะอะไร และดาวเทียมมีทิศทางการเคลื่อนที่อย่างไร เมื่อเทียบกับการเคลื่อนที่ของโลก
5. ครูตรวจแบบฝกหัด เรือ่ ง เทคโนโลยีอวกาศกับ
การประยุกตใช จาก Test for U
Self Check
6. ครูประเมินทักษะและกระบวนการ โดยการ
สังเกตการตอบคําถาม พฤติกรรมการทํางาน ให้นักเรียนตรวจสอบความเข้าใจ โดยพิจารณาข้อความว่าถูกหรือผิด แล้วบันทึกลงในสมุด
รายบุคคล และพฤติกรรมการทํางานกลุม หากพิจารณาข้อความไม่ถูกต้อง ให้กลับไปทบทวนเนื้อหาตามหัวข้อที่ก�าหนดให้
ถูก/ผิด ทบทวนที่หัวขอ
7. ครูวัดและประเมินผลจากชิ้นงานในรูปแบบ
1. สัญลักษณ์บนกล้องถ่ายรูปที่มีเลนส์ f/8 แสดงว่ามีช่องรับแสงแคบกว่า 1.1
แผนภาพหรืออินโฟกราฟก เรื่อง อุปกรณที่ใช ความยาวโฟกัสถึง 8 เท่า จึงมีความไวแสงมากกว่าเลนส์ที่ f/2
ในการสํารวจอวกาศ
2. เมือ่ เพิม่ ก�าลังขยายของกล้องโทรทรรศน์จะท�าให้ภาพมีความละเอียดสูงขึน้ 1.1
3. กล้องโทรทรรศน์แบบสะท้อนแสงสามารถสร้างและรองรับน�้าหนักกล้อง 1.1
ขนาดใหญ่ได้ง่ายที่สุด
4. ฐานระบบศูนย์สตู รสามารถติดตามการเคลือ่ นทีข่ องวัตถุทอ้ งฟ้าได้ โดยการ 1.1
หมุนแกนไปในอัตราเดียวกับการหมุนของโลก
ุด
สม
ใน
5. มาตรแสงเป็นอุปกรณ์ที่ใช้วัดความเข้มแสง 1.2
ลง
ทึ ก
บั น
6. รังสีอินฟราเรดมีอ�านาจทะลุทะลวงได้ดี ท�าให้สามารถสังเกตวัตถุด้านหลัง 1.3
ฝุนหรือแกสในอวกาศได้ เช่น บริเวณเนบิวลา
7. ดาวเทียมแต่ละดวงจะใช้ความเร็วเท่ากันในการโคจรรอบโลก 1.4
8. ยานขนส่งอวกาศส�ารวจสิ่งที่อยู่ไกลจากโลก ส่วนดาวเทียมใช้ส�ารวจสิ่งที่ 1.4
อยู่ใกล้จากโลก
9. ระบบยานขนส่งอวกาศ ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่ จรวดเชือ้ เพลิงแข็ง และ 1.4
แนวตอบ Self Check ยานขนส่งอวกาศ
10. เทคโนโลยีอวกาศใช้ในการศึกษาวิชาดาราศาสตร์เท่านั้น ไม่สามารถน�ามา 2.
1. ผิด 2. ผิด 3. ถูก ใช้ในชีวิตประจ�าวันได้
4. ถูก 5. ถูก 6. ถูก 86
7. ผิด 8. ถูก 9. ผิด
10. ผิด
ลาดับที่
ระดับคะแนน
รายการประเมิน
4 3
ระดับคุณภาพ
2 1
(geostationary orbit) เปนวงโคจรที่เหมาะสําหรับใชในการสะทอน
1
2
3
4
ความสอดคล้องกับจุดประสงค์ที่กาหนด
ความถูกต้องของเนื้อหา
ความคิดสร้างสรรค์
ความเป็นระเบียบ
สัญญาณโทรคมนาคม
รวม
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
14-16 ดีมาก
11-13 ดี
T96
8-10 พอใช้
ต่ากว่า 8 ปรับปรุง
นํา สอน สรุป ประเมิน
U nit
คําชี้แจง :
Questions 4
ให้ นั ก เรี ย นตอบค� า ถามต่ อ ไปนี้
1. การเพิ่มกําลังขยายของกลองโทรทรรศนไมได
ชวยใหสามารถแยกรายละเอียดของภาพได
มากขึ้น ซึ่งเปรียบไดกับการนําภาพความละ
1. การเพิม่ ก�าลังขยายของกล้องโทรทรรศน์ชว่ ยให้สามารถแยกรายละเอียดของภาพได้มากขึน้ เอียดตํา่ มาสองดูดว ยแวนขยาย ความละเอียด
หรือไม่ อย่างไร ของภาพยอมเทาเดิม แตสงิ่ ทีม่ คี วามสําคัญตอ
รายละเอียดของภาพ คือ กําลังแยกภาพ
2. กล้องโทรทรรศน์และฐานกล้องโทรทรรศน์แบบใดที่สามารถสร้างและรองรับน�้าหนักกล้อง
ขนาดใหญ่ได้ง่ายที่สุด 2. กลองโทรทรรศนและฐานกลองโทรทรรศน
ที่ ส ามารถสร า งและรองรั บ นํ้ า หนั ก กล อ ง
3. ฐานกล้องโทรทรรศน์ในระบบใดทีส่ ามารถติดตามการเคลือ่ นทีข่ องดาวฤกษ์ได้ โดยการหมุน ขนาดใหญ ไ ด คื อ กล อ งโทรทรรศน แ บบ
เพียงแกนเดียว สะทอนแสง โดยมีฐานระบบขอบฟา เนื่องจาก
กลองโทรทรรศนแบบสะทอนแสงใชกระจกเวา
4. กล้องโทรทรรศน์บนหอดูดาวแห่งชาติบนยอดดอยอินทนนท์ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2.4 เปนตัวรวมแสง ซึ่งมีลักษณะหนาโดยรอบแต
เมตร ซึง่ เท่ากับกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล หากนัยน์ตามนุษย์มขี นาดเส้นผ่านศูนย์กลาง บางตรงกลาง และสามารถรองรั บ นํ้ า หนั ก
1 เซนติเมตร กล้องโทรทรรศน์บนหอดูดาวแห่งชาตินี้จะสามารถรวมแสงได้ประมาณกี่เท่า จากด า นหลั ง กระจกได ต า งจากเลนส นู น
ของนัยน์ตามนุษย์ ซึ่งตองรับนํ้าหนักสวนขอบที่บาง สวนฐาน
5. หากใช้เลนส์ตาขนาดความยาวโฟกัส 25 มิลลิเมตร กับกล้องที่มีเลนส์ใกล้วัตถุขนาด กล อ งโทรทรรศน นั้ น หากเป น ฐานระบบ
ความยาวโฟกัส 1,000 มิลลิเมตร จะได้ก�าลังขยายกี่เท่า ศู น ย สู ต รจํ า เป น ต อ งอาศั ย แกนหมุ น ที่ ทํ า
มุมเอียงกับแรงโนมถวงของโลก จึงสรางไดยาก
6. กล้องโทรทรรศน์มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 10.4 เมตร หากสมมติให้ตาของมนุษย์มีขนาด โดยเฉพาะสําหรับกลองที่มีนํ้าหนักมาก
เส้นผ่านศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร กล้องโทรทรรศน์จะมีก�าลังรวมแสงมากกว่าตาของมนุษย์ 3. ฐานกลองโทรทรรศนที่สามารถติดตามการ
กี่เท่า เคลือ่ นทีข่ องดาวฤกษไดโดยการหมุนเพียงแกน
7. กล้องโทรทรรศน์มีความยาวโฟกัส 100 มิลลิเมตร และมีเส้นผ่านศูนย์กลางหน้ากล้อง เดียว คือ ฐานระบบศูนยสูตร ซึ่งเปนฐานที่มี
การเอียงแกนหมุนใหสอดคลองกับขั้วฟาของ
25 มิลลิเมตร กล้องโทรทรรศน์มีอัตราส่วนโฟกัสเท่าใด
ทรงกลมฟา ทัง้ นี้ เพือ่ ใหสอดคลองกับการหมุน
8. กล้องโทรทรรศน์ A มีความยาวโฟกัส 200 มิลลิเมตร และมีขนาดหน้ากล้อง 10 มิลลิเมตร ของโลกตามระบบพิกัดศูนยสูตร ฐานระบบนี้
ส่วนกล้องโทรทรรศน์ B มีความยาวโฟกัส 200 มิลลิเมตร และมีขนาดหน้ากล้อง 20 จึงทําใหการติดตามวัตถุทองฟาเปนไปไดงาย
มิลลิเมตร กล้องโทรทรรศน์ใดมีก�าลังรวมแสงมากกว่ากัน และมากกว่ากันเท่าใด และแมนยํา จึงเหมาะกับการถายภาพวัตถุ
ทองฟา และเหมาะกับกลองโทรทรรศนที่มี
กําลังขยายสูง แตมีขนาดไมใหญมากนัก
เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ใช้ 87
4. จากสมการ 7. จาก F = Df
2
อัตราสวนกําลังรวมแสง = ( เสเสนนผผาานศู นยกลางของเลนส A
นศูนยกลางของเลนส B ) F = 100 mm
25 mm = 4
24 mm 2 ดังนั้น อัตราสวนโฟกัสของกลองโทรทรรศนตัวนี้ คือ f/4
= ( 0.01 mm ) = 57,600
ดังนัน้ กลองโทรทรรศนมกี าํ ลังรวมแสงมากกวาตามนุษย 57,600 เทา 8. จากสมการ
2
5. จาก M = fobs
f
eye
อัตราสวนกําลังรวมแสง = ( เสเสนนผผาานศู นยกลางของเลนส A
นศูนยกลางของเลนส B )
1,000 mm = 40 = (10 mm 2 = 1
= 25 mm 20 mm) 4
ดังนั้น จะไดกําลังขยาย 40 เทา ดังนัน้ กลองโทรทรรศน B มีกาํ ลังรวมแสงมากกวากลองโทรทรรศน A 4 เทา
6. จากสมการ
เสนผานศูนยกลางของเลนส A 2
อัตราสวนกําลังรวมแสง = (
เสนผานศูนยกลางของเลนส B )
= (10.4 m 2 = 1,081,600
0.01 m)
ดังนัน้ กลองโทรทรรศนมกี าํ ลังรวมแสงมากกวาตามนุษย 1,081,600 เทา
T97
นํา สอน สรุป ประเมิน
ของเลนสใกลวัตถุหรือชองรับแสงของกลอง
14. เรียงลําดับคลื่นจากความยาวคลื่นยาว (พลัง
งานตํ่า) ไปยังความยาวคลื่นสั้น (พลังงานสูง) ได ดังนี้ คลื่นวิทยุ คลื่นไมโครเวฟ อินฟราเรด แสงที่ตามองเห็น อัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ และรังสีแกมมา
15. ชวงคลื่นที่สามารถทําการสังเกตไดจากบนพื้นโลก คือ คลื่นวิทยุ แสงที่ตามองเห็น บางสวนของอินฟราเรด และอัลตราไวโอเลต สวนชวงคลื่นอื่นๆ นอก
เหนือจากนี้จะถูกดูดกลืนโดยชั้นบรรยากาศ ทําใหไมสามารถทําการสังเกตบนพื้นโลกได ซึ่งจําเปนตองสังเกตโดยการสงดาวเทียมออกไปใหพนจากชั้น
บรรยากาศของโลก
16. แสงที่ตามองเห็นเปนเพียงสวนหนึ่งของสเปกตรัมคลื่นแมเหล็กไฟฟา วัตถุตางๆ ในเอกภพมีการปลดปลอยคลื่นตางๆ นอกเหนือไปจากที่ตาของมนุษย
มองเห็น ดังนั้น การศึกษาเพียงแคแสงที่ตามองเห็นเปนเพียงสวนหนึ่งของเรื่องราวของเอกภพเทานั้น
17. การสงกลองโทรทรรศนขึ้นสูอวกาศชวยใหสามารถสังเกตวัตถุทองฟาที่อยูในชวงคลื่นที่ไมสามารถสังเกตไดจากบนพื้นโลก และชวยกําจัดปญหากําลัง
แยกภาพที่มีขอจํากัดจากชั้นบรรยากาศ
18. กลองโทรทรรศนไมโครเวฟศึกษาเกี่ยวกับรังสีไมโครเวฟพื้นหลังซึ่งเปนพลังงานที่หลงเหลือมาจากการกําเนิดของเอกภพ
19. กลองโทรทรรศนวิทยุมีกําลังแยกภาพไดดีกวากลองโทรทรรศนที่สังเกตในชวงคลื่นแสง เนื่องจากกําลังแยกภาพแปรผันตรงกับความยาวคลื่น และ
กลองโทรทรรศนวิทยุมีความยาวคลื่นมากกวากลองโทรทรรศนที่สังเกตในชวงคลื่นแสง
20. เทคโนโลยีอวกาศเปนการนําเอาเทคโนโลยีมาใชประโยชนในเรือ่ งของการสํารวจอวกาศและศึกษาเรือ่ งตางๆ เกีย่ วกับโลก เชน เรือ่ งของการสือ่ สารภายใน
ประเทศหรือระหวางประเทศ การพยากรณอากาศ โดยกรมอุตุนิยมวิทยาทุกแหงจะตองใชดาวเทียมอุตุนิยมวิทยาสําหรับการสงสัญญาณภาพถายทาง
อากาศอันประกอบไปดวยขอมูลตางๆ ทําใหรลู ว งหนาวาสภาพอากาศของโลกสวนไหนเปนอยางไร แลวมีการออกเตือนประชาชนใหระวังสิง่ ทีจ่ ะเกิดขึน้ ได
T98
นํา สอน สรุป ประเมิน
เทคโนโลยีอวกาศกับการประยุกต์ใช้ 89
T99
นํา สอน สรุป ประเมิน
5. 4. กลองโทรทรรศนแบบกาลิเลโอนัน้ เปน
ตอบ ขอ
กลองโทรทรรศนแบบหักเหแสงโดยใชเลนส
ใกลตาเปนเลนสเวา
6. ตอบ ขอ 4. สภาวะไรนํ้าหนักนั้นไมไดเกิดขึ้นจาก 5. กล้องโทรทรรศน์ประเภทใดที่ไม่มีกระจกเป็นส่วนประกอบ
ระยะหางจากโลกหรือสภาวะสุญญากาศ แต 1. กล้องโทรทรรศน์แบบผสม
สภาวะไรนํ้าหนักนั้นเกิดขึ้นไดทุกเมื่อกับทุก 2. กล้องโทรทรรศน์แบบหักเห
วัตถุทกี่ าํ ลังตกลงอยางอิสระภายใตแรงโนมถวง 3. กล้องโทรทรรศน์แบบนิวตัน
เชน บนเครือ่ งเลนในสวนสนุก สาเหตุทภี่ ายใน 4. กล้องโทรทรรศน์แบบกาลิเลโอ
สถานี อ วกาศนั้ น เป น สภาวะไร นํ้ า หนั ก เป น 5. กล้องโทรทรรศน์แบบโฟกัสหลัก
เพราะวาสถานีอวกาศกําลังตกอยูอยางอิสระ 6. เราจะพบสภาวะไร้น�้าหนักเมื่อใด
ภายใตแรงโนมถวงของโลก 1. เมื่ออยู่ในสุญญากาศ
7. ตอบ ขอ4. ดาวเที ย มไทยโชตหรื อ ดาวเที ย ม 2. เมื่อเคลื่อนที่ด้วยความเฉื่อย
ธี อ อสเป น ดาวเที ย มที่ ใ ช ใ นการสํ า รวจ 3. เมื่ออยู่สูงจากพื้นโลกเพียงพอ
ทรัพยากรธรรมชาติดวงแรกของไทย 4. เมื่อก�าลังตกลงอย่างอิสระภายใต้แรงโน้มถ่วง
5. เมื่อลดขนาดของมวลให้น้อยจนถือได้ว่าไม่มีแรงมากระท�า
8. ตอบ ขอ4. ชัน้ บรรยากาศและสนามแมเหล็กโลก
เปนสิ่งที่คอยปกปองโลกจากลมสุริยะเอาไว 7. ดาวเทียมไทยโชตหรือดาวเทียมธีออสเป็นดาวเทีียมที่ใช้ประโยชน์ด้านใด
ลมสุริยะนั้นสามารถรบกวนการทํางานของ 1. ด้านการสื่อสาร
ดาวเทียมได ในปจจุบันเรายังไมมีเทคโนโลยี 2. ด้านการทดลองนิวเคลียร์
ใดๆ ที่ จ ะสามารถป อ งกั น ลมสุ ริ ย ะจาก 3. ด้านการตรวจจับการปล่อยรังสี
ดวงอาทิตยได 4. ด้านการส�ารวจทรัพยากรธรรมชาติ
5. ด้านการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์
8. ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ที่ได้จากดาวเทียม
1. พยากรณ์อากาศ
2. ระบบระบุต�าแหน่ง
3. สัญญาณอินเทอร์เน็ต
4. ป้องกันโลกจากลมสุริยะ
5. การสังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์
90
T100
นํา สอน สรุป ประเมิน
แนวทางการจัดทํากิจกรรม
Fun Science Activity
Fun Sc ence ครูอธิบายถึงวัสดุอุปกรณที่ตองเตรียมมาใชใน
Activity กิจกรรม แลวอธิบายถึงวิธีการทํากิจกรรมในแตละ
ขั้ น ตอนเพื่ อ ให นั ก เรี ย นมองเห็ น ภาพในการทํ า
นาฬกาแดด กิจกรรม และปฏิบัติกิจกรรมในแตละกลุมไดอยาง
รวดเร็ว ครูอาจแนะนําใหนักเรียนเปลี่ยนละติจูด
วัสดุอุปกรณ์
ของผูสังเกตเพื่อใหมีความหลากหลายในการบอก
1. กระดาษแข็ง 4. เข็มทิศ เวลาของนาฬกาแดด หลังจากทํ า กิ จ กรรมแล ว
2. ไม้เสียบลูกชิน้ 5. กาว
3. กรรไกร
ใหนักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอชิ้นงานหนา
ชัน้ เรียน จากนัน้ ครูและนักเรียนรวมกันสรุปผลทีไ่ ด
วิธีปฏิบัติ
จากการทํากิจกรรม
1. ตัดส่วนประกอบต่าง ๆ ของนาฬิกาแดดตามทีพ่ มิ พ์จาก https://www.arvindguptatoys.com/arvindgupta/toys/
pdf/Makeyourownsundial.pdf แล้วติดกาวแต่ละส่วนเข้าด้วยกัน ซึ่งจะได้ส่วนประกอบทั้งหมด 3 ส่วน
2. วางส่วนก�าเนิดเงาไว้ที่ฐานโดยให้ละติจูดของผู้สังเกตอยู่ตรงกับขีดสีด�าของฐาน เช่น กรุงเทพมหานคร
มีละติจูด 13.75 องศาเหนือ
3. ตัดบริเวณด้านบนของส่วนก�าเนิดเงาให้ตรงกับละติจูดของผู้สังเกต แล้ววางส่วนหน้าปัดในแนวขวาง
4. วางนาฬิกาแดดบนพื้นราบที่มีแสงแดดส่องถึง โดยหันนาฬิกาแดดให้ส่วนแหลมของไม้เสียบลูกชิ้น
ชี้ไปทางทิศเหนือโดยใช้เข็มทิศ จากนั้นอ่านเวลาโดยดูจากเงาบนสเกลเวลา
1 2 3
ขั้นตอนประกอบนาฬิกาแดด
ที่มา : https://www.arvindguptatoys.com/toys/Makeyourownsundial.html
หลักการทางวิทยาศาสตร์
นาฬิกาแดดเป็นเครื่องมือที่ใช้บอกเวลาของมนุษย์มาตั้งแต่
อดีต ซึ่งช่วยในการระบุมุมชั่วโมงของดวงอาทิตย์ ท�าให้ทราบ
เวลาสุริยคติ แต่นาฬิกาแดดทุกชนิดจะบอกคลาดเคลื่อนจาก
เวลาจริง เนื่องจากแกนของโลกเอียง 23.5 องศา และวงโคจร
ของโลกเป็นรูปวงรี ท�าให้ระยะทางระหว่างโลกกับดวงอาทิตย์
ไม่ใช่ระยะทางคงที่
นาฬิกาแดดแบบศูนย์สูตร
91
T101
ภาคผนวก
การปฏิบัติตนในห้องปฏิบัติการ
1. ข้อปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้ห้องปฏิบัติการ
ข้อปฏิบัติในการใช้ห้องปฏิบัติการถูกก�ำหนดขึ้นเพื่อป้องกันความผิดพลาดที่อาจก่อให้เกิดอันตรายหรืออุบัติเหตุข้ึน
ในห้องปฏิบัติการ ซึ่งข้อปฏิบัติสำ� หรับผู้ใช้ห้องปฏิบัติการ มีดังนี้
1) ระมัดระวังในการท�ำการทดลอง และท�ำการทดลองอย่างตั้งใจ ไม่เล่นหยอกล้อกัน
2) เรียนรู้ต�ำแหน่งที่เก็บ และศึกษาการใช้งานของอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับความปลอดภัย เช่น เครื่องดับเพลิง น�้ำพุส�ำหรับ
ล้างตา ตู้เก็บยาปฐมพยาบาล โทรศัพท์ สัญญาณเตือนภัย นอกจากนี้ ยังต้องเรียนรู้วิธีการใช้อุปกรณ์อย่างถูกต้อง
ตัวอย่างสัญลักษณ์แสดงต�ำแหน่งที่เก็บและอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับความปลอดภัย
T102
9) ห ากท�ำการทดลองทีต่ อ้ งใช้ความร้อนจากตะเกียงและแก๊ส จะต้องท�ำด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่รนิ ของเหลว
ที่ติดไฟง่ายใกล้เปลวไฟ ขณะเผาสารในหลอดทดลองต้องหันปากหลอดไปในบริเวณที่ไม่มีผู้อื่น และดับตะเกียงหรือ
ปิดแก๊สทันทีที่เลิกใช้งาน
10) สารเคมีทุกชนิดในห้องปฏิบัติการเป็นอันตราย จึงไม่ควรสัมผัส ชิม หรือสูดดมสารเคมีใด ๆ นอกจากจะได้รับ
ค�ำแนะน�ำที่ถูกต้องแล้ว และไม่น�ำสารเคมีใด ๆ ออกจากห้องปฏิบัติการ
11) ตรวจสอบฉลากที่ปิดสารเคมีทุกครั้งก่อนน�ำมาใช้ รินหรือตักสารออกมาในปริมาณที่พอใช้เท่านั้น ไม่เทสารเคมีที่
เหลือกลับขวดเดิม และไม่เทน�้ำลงในกรด
12) เมื่อท�ำการทดลองเสร็จแล้ว ต้องท�ำความสะอาดเครื่องมือและเก็บเข้าที่เดิมทุกครั้ง ท�ำความสะอาดโต๊ะปฏิบัติการ
และสอดเก้าอี้เข้าใต้โต๊ะ ล้างมือด้วยสบู่และน�้ำก่อนออกจากห้องปฏิบัติการ
2. ความปลอดภัยในห้องปฏิบัติการ
ในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์จ�ำเป็นต้องมีสิ่งอ�ำนวยความสะดวกในการปฏิบัติการ และเครื่องมือวิทยาศาสตร์
ต่าง ๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจท�ำให้เกิดอันตรายและอุบัติเหตุต่อบุคคล และห้องปฏิบัติการอาจได้รับความเสียหายได้ เพื่อให้การ
ปฏิบัติกิจกรรมในห้องปฏิบัติการมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง จึงมีแนวทางเกี่ยวกับความปลอดภัยด้านต่าง ๆ ดังนี้
1) ความปลอดภัยในการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า มีข้อควรระวัง ดังนี้
• ควรใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าด้วยความระมัดระวัง เช็ดมือและเท้าให้แห้งทุกครั้งที่ต้องสัมผัสกับอุปกรณ์ไฟฟ้า
• ถ้าต้องใช้สายไฟฟ้าต่อจากเต้ารับเดียวกันหลายสายหรือจ�ำเป็นต้องใช้ต่อพ่วงกัน ควรเลือกเต้ารับชนิดที่มีสวิตช์
เปิด-ปิด และไม่ต่อพ่วงเกิน 2 สาย
• หลังเลิกใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้า ให้ถอดเต้าเสียบออกจากเต้ารับทุกครั้ง
• อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิดควรมีสัญญาณไฟที่แสดงว่าเครื่องก�ำลังท�ำงานอยู่ และถ้าเกิดความผิดปกติในระหว่างการ
ใช้งาน ต้องหยุดการท�ำงานของอุปกรณ์นั้นทันที
• เตาไฟฟ้าต้องมีขดลวดของเตาไฟฟ้าอยู่ในเบ้าและไม่ช�ำรุดเสียหาย
• ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟฟ้า สวิตช์ และเครื่องควบคุมอุณหภูมิที่ชำ� รุดทันที
2) ความปลอดภัยในการใช้แก๊สและสารไวไฟ มีข้อควรระวัง ดังนี้
• ไม่น�ำถังแก๊สที่บุบ เป็นสนิม หรือรั่วซึมมาใช้ในห้องปฏิบัติการ
• สถานทีว่ างถังแก๊สต้องเป็นบริเวณทีอ่ ากาศถ่ายเทได้สะดวก และต้องมีการตรวจสอบการรัว่ ของแก๊สอย่างสม�ำ่ เสมอ
• จัดท�ำสัญลักษณ์เตือนอันตรายของสารไวไฟ และติดข้อปฏิบัติไว้ในสถานที่วางถังแก๊ส
• ก่อนเปิดวาล์วควรตรวจสอบสภาพของสายแก๊สและหัวแก๊ส เมื่อเลิกใช้งานต้องปิดวาล์วก่อนปิดเครื่องควบคุม
ความดันของแก๊สที่ใช้ทุกครั้ง
• ตรวจสอบว่าแก๊สที่น�ำมาใช้เป็นประเภทเดียวกับที่ระบุไว้ที่ถังแก๊ส และต้องใช้อุปกรณ์ควบคุมความดันแก๊สตาม
มาตรฐานของแก๊สชนิดนั้น
• ตอ้ งท�ำการปฏิบตั กิ ารทีต่ อ้ งใช้เปลวไฟด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลีย่ งทีจ่ ะอยูใ่ กล้สงิ่ ทีก่ อ่ ให้เกิดความร้อนหรือ
เชื้อเพลิงซึ่งอาจท�ำให้เกิดไฟลุกไหม้
• กรณีเกิดไฟไหม้ตอ้ งรีบปิดตะเกียงแอลกอฮอล์หรือท่อแก๊สทุกท่อทันที ปิดถังแก๊สและน�ำสารไวไฟทุกชนิดออกจาก
บริเวณนั้นให้เร็วที่สุด
T103
• ต้องมีเครื่องดับเพลิงอยู่ในบริเวณที่ใช้งาน และมีทางออกฉุกเฉินที่เปิดได้ตลอดเวลา
• เมือ่ มีสารติดไฟต้องแก้ไขสถานการณ์อย่างเหมาะสม ถ้าลุกไหม้เล็กน้อยให้ใช้ผ้าเปียกคลุมสิ่งนั้นไว้ ถ้าเสื้อผ้าลุก
ติดไฟให้นอนลงกลิ้งตัวกับพื้นหรือใช้ผ้าหนาห่มคลุมทับ และรีบน�ำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลทันที
3) ความปลอดภัยจากรังสีและไอสารพิษ มีข้อควรระวัง ดังนี้
• การทดลองที่มีควันพิษเกิดขึ้นจะต้องใช้ผ้ากรองควันพิษปิดจมูกและปาก และควรท�ำการทดลองในตู้ดูดควันที่อยู่
ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
• การทดลองทีใ่ ช้หลอดเลเซอร์เป็นแหล่งก�ำเนิดแสง ต้องไม่มองทีล่ ำ� แสงโดยตรง และควรมีขอ้ ความเตือนอันตราย
ติดไว้ที่หลอดเลเซอร์ พร้อมชี้แจงถึงวิธีใช้ที่ถูกต้องก่อนการใช้งาน
• การใช้สารกัมมันตรังสีในการท�ำปฏิบัติการ ควรเก็บไว้ในปริมาณที่จ�ำเป็นต้องใช้เท่านั้น และจะต้องขออนุญาต
จากหน่วยราชการที่ควบคุมการใช้สารกัมมันตรังสีด้วย พร้อมทั้งปฏิบัติตามค�ำแนะน�ำอย่างเคร่งครัด ต้องเก็บ
สารกัมมันตรังสีไว้ในกล่องตะกั่วที่มีความหนาโดยรอบไม่น้อยกว่า 6 นิ้ว และการหยิบสารกัมมันตรังสีจะต้องใช้
อุปกรณ์ที่ออกแบบโดยเฉพาะ
• ขณะทดลองเกี่ยวกับสารกัมมันตรังสี ผู้ทดลองจะต้องอยู่ไกลจากแหล่งก�ำเนิดกัมมันตภาพรังสีให้มากที่สุด และ
ต้องใช้เวลาในการทดลองให้น้อยที่สุด ผู้ทำ� การทดลองและผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องมีเครื่องวัดกัมมันตภาพรังสีติดตัว
ไว้ตรวจสอบปริมาณรังสีที่ได้รับตลอดเวลา เพื่อป้องกันการรับรังสีเกินมาตรฐานความปลอดภัย
4) ความปลอดภัยจากไฟไหม้
เมื่อเกิดไฟไหม้ขึ้นในห้องปฏิบัติการ ผู้ปฏิบัติการและผู้ที่เกี่ยวข้องต้องออกจากห้องปฏิบัติการทันที แล้วดึง
สญั ญาณแจ้งเตือนเหตุไฟไหม้ พร้อมเรียกให้คนช่วยเหลือ และจะต้องมีสารเคมีทใี่ ช้ในการดับไฟอยูป่ ระจ�ำห้องปฏิบตั ิ
การและมีสภาพพร้อมใช้งาน โดยผู้ใช้ห้องปฏิบัติการทุกคนต้องมีความรู้เกี่ยวกับวิธีการใช้ กลไกการท�ำงานของการ
ดับไฟ เพื่อให้สามารถใช้ได้อย่างถูกต้องและเกิดประสิทธิภาพ ซึ่งสารที่น�ำมาใช้ดับไฟได้ มีดังนี้
• น�้ำ ช่วยท�ำให้เชื้อเพลิงที่ก�ำลังลุกไหม้ลดอุณหภูมิลงได้ และไม่มีการลุกไหม้เพิ่มขึ้นใหม่ โดยน�้ำใช้ดับไฟที่เกิด
จากเชื้อเพลิงประเภทของแข็งได้ดี แต่ไม่ควรใช้ดับไฟที่เกิดจากสารประเภทของเหลวที่ไวไฟ เนื่องจากจะท�ำให้
ของเหลวกระจายออกเป็นบริเวณกว้าง และของเหลวส่วนทีอ่ ยูบ่ นผิวน�ำ้ ยังคงลุกไหม้และท�ำให้ไฟลุกลามต่อไปได้
• โฟมของคาร์บอนไดออกไซด์ มีลกั ษณะเป็นฟองทีม่ สี มบัตกิ นั อากาศไม่ให้เข้าไปถึงบริเวณทีเ่ กิดไฟไหม้ และป้องกัน
ไม่ให้เชื้อเพลิงระเหยเพิ่มเติมออกมาอีก จึงท�ำให้เปลวไฟลดลงและดับในที่สุด
• แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นสารที่ใช้ในอุปกรณ์ดับเพลิงทั่วไป แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะหนักกว่าอากาศ เมื่อ
เข้าไปผสมอยูก่ บั อากาศในบริเวณไฟไหม้เป็นปริมาณมาก ๆ จะท�ำให้ปริมาณของแก๊สออกซิเจนในอากาศบริเวณ
นั้นเจือจางลง จึงท�ำให้เปลวไฟลดและดับในที่สุด
• ไอของสารอินทรีย์บางชนิด สารอินทรีย์บางชนิดที่เป็นของเหลวที่ระเหยเป็นไอได้ง่าย และหนักกว่าอากาศ เมื่อ
ไอของสารนี้ลอยอยู่เหนือบริเวณไฟไหม้ ก็จะเข้าไปแทนที่อากาศบริเวณนั้น จึงท�ำให้ไฟไม่ลุกลามต่อไป ซึ่งสาร
อินทรีย์ที่ใช้โดยทั่วไป คือ คาร์บอนเตตระคลอไรด์ จะใช้ดับไฟกรณีที่ไฟไหม้บริเวณนอกอาคาร แต่สารอินทรีย์
ชนิดนี้จะมีอันตรายต่อร่างกายมาก จึงต้องใช้อย่างระมัดระวังและต้องไม่ใช้ดับไฟที่เกิดจากการลุกไหม้ของโลหะ
โซเดียม หรือโพแทสเซียม เพราะอาจเกิดการระเบิดขึ้นได้
T104
3. การปฐมพยาบาล
การปฏิบัติการทุกครั้งจะต้องท�ำด้วยความระมัดระวังหรือมีการป้องกันที่ดี เพื่อป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น แต่
อย่างไรก็ตาม หากมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นแล้วจะต้องแก้ไขสถานการณ์และปฐมพยาบาลเบื้องต้นได้ทันที จึงต้องมีความรู้
ความเข้าใจในการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ซึ่งสรุปได้ดังตาราง
ตาราง สรุปข้อมูลการปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากเกิดอุบัติเหตุในห้องปฏิบัติการ
อุบัติเหตุ การปฐมพยาบาล
แก้วบาด ถ้าแก้วบาดเล็กน้อย ให้ห้ามเลือดโดยใช้ผ้าที่สะอาดพับหนา ๆ กดลงบนบาดแผล กรณีที่มี
เลือดไหลออกมามาก ควรใช้ผ้ารัดเหนือบริเวณบาดแผล และน�ำส่งแพทย์ทันที
ไฟลวกหรือโดนของร้อน ใช้นำ�้ ล้างมาก ๆ และห้ามล้างด้วยสารละลายโซเดียมไฮโดรเจนคาร์บอเนต แล้วปิดด้วยผ้าพัน
แผลทีแ่ ห้งหรือสะอาด ถ้าไฟลวกมากให้รบี น�ำส่งแพทย์
สารเคมีถูกผิวหนัง ล้างบริเวณนัน้ ด้วยน�ำ้ สะอาดปริมาณมาก ๆ ในทันที เพือ่ ป้องกันสารซึมเข้าผิวหนังหรือท�ำลาย
เซลล์ผิว และหากมีสารถูกผิวหนังในปริมาณมากต้องรีบน�ำส่งแพทย์ พร้อมกับแจ้งชนิดของ
สารให้แพทย์ทราบ เพื่อจะได้แก้ไขอย่างถูกต้องทันที
สารเข้าตา ล้างด้วยน�้ำสะอาดปริมาณมากในทันทีเป็นเวลานานไม่น้อยกว่า 15 นาที เพื่อให้สารเจือจาง
หรือหมดไป และรีบน�ำส่งแพทย์ทันที
สูดไอหรือแก๊ส ต้องรีบออกจากบริเวณนั้นไปอยู่ในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก พยายามสูดอากาศ
บริสทุ ธิ์ให้เต็มที่ กรณีที่ได้รบั สารเข้าร่างกายในปริมาณมากและหมดสติ ต้องใช้วธิ กี ารผายปอด
หรือใช้เครื่องช่วยหายใจ และน�ำส่งแพทย์ทันที
การกลืนกินสารเคมี ต้องรีบน�ำส่งแพทย์ทันที พร้อมทั้งน�ำตัวอย่างสารหรือสลากไปด้วย เพื่อแจ้งให้แพทย์ได้ช่วย
เหลือและให้การรักษาได้ถูกต้องทันที
ถูกกระแสไฟฟ้าดูด รีบตัดกระแสไฟฟ้าทันที โดยการถอดเต้าเสียบหรือยกสะพานไฟ หรือใช้ฉนวนผลักหรือฉุดให้ผทู้ ี่
ได้รบั อันตรายออกจากแหล่งกระแสไฟฟ้า หรือเขีย่ สายไฟฟ้าให้หลุดออกไปจากตัวผูบ้ าดเจ็บ
ห้ามใช้มอื เปล่าแตะต้องตัวผูท้ กี่ ำ� ลังได้รบั อันตรายจากกระแสไฟฟ้า เมือ่ น�ำผูถ้ กู กระแสไฟฟ้า
ดูดออกจากแหล่งกระแสไฟฟ้าได้แล้ว ต้องท�ำการปฐมพยาบาลเบือ้ งต้นโดยการผายปอดหรือ
เป่าปากให้ปอดท�ำงาน นวดหัวใจแล้วรีบน�ำส่งแพทย์ทันที
4. สิ่งที่ต้องค�ำนึงถึงในการปฏิบัติและเขียนรายงานการปฏิบัติกิจกรรม
• วิธีการทางวิทยาศาสตร์ ประกอบด้วย 5 ขั้น ได้แก่ ขั้นก�ำหนดปัญหา ขั้นตั้งสมมติฐาน ขั้นตรวจสอบสมมติฐาน
ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล และขั้นสรุปผล
• ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ เช่น การสังเกต การค�ำนวณ การทดลอง การตั้งสมมติฐาน
• จติ วิทยาศาสตร์ เช่น ความรับผิดชอบ ความมีเหตุผล การร่วมแสดงความคิดเห็นและยอมรับฟังความคิดเห็นของผูอ้ นื่
การท�ำงานร่วมกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์
• จ ริยธรรมทางวิทยาศาสตร์ เช่น ความซื่อสัตย์ ความรอบคอบ ความน่าเชื่อถือ
สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะท�ำให้ผู้เรียนหรือผู้ปฏิบัติกิจกรรมมีคุณลักษณะหรือลักษณะนิสัยที่เกิดจากการศึกษาหาความรู้
โดยใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างถูกต้อง
T105
บรรณานุ ก รม
กุณฑรี เพ็ชรทวีพรเดช และคณะ. 2550. สุดยอดวิธีสอนวิทยาศาสตร์ น�ำไปสู่การจัดการเรียนรู้ของครูยุคใหม่. กรุงเทพฯ :
อักษรเจริญทัศน์.
ชุติมา วัฒนะคีรี. 2549. กิจกรรมวิทยาศาสตร์ในโรงเรียน. กรุงเทพฯ : สุวีริยาสาส์น.
ทิศนา แขมมณี. 2556. ศาสตร์การสอน องค์ความรูเ้ พือ่ การจัดกระบวนการเรียนรูท้ มี่ ปี ระสิทธิภาพ. พิมพ์ครัง้ ที่ 17. กรุงเทพฯ :
ด่านสุทธาการพิมพ์
พัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, ส�ำนักงาน. 2549. หนังสือชุดกิจกรรมส่งเสริม
การเรียนรู้ “การสืบค้นทางวิทยาศาสตร์” ระดับมัธยมศึกษา. ปทุมธานี : ส�ำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แห่งชาติ.
พิมพ์พนั ธ์ เดชะคุปต์. 2544. การจัดการเรียนการสอนด้วยวิธกี ารสอนแบบสืบสวน. กรุงเทพฯ : เดอะมาสเตอร์กรุฟ๊ แมเนจเม้นท์.
ภพ เลาหไพบูลย์. 2542. แนวการสอนวิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง). พิมพ์ครั้งที่ 3. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.
มติพล ตัง้ มติธรรม. 2558. หนังสือเสริมสร้างศักยภาพและทักษะ โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3 ชัน้ มัธยมศึกษาปีที่ 4-6.
พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.
. 2563. หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่ 6 เล่ม 2. พิมพ์ครั้งที่ 2. กรุงเทพฯ : อักษรเจริญทัศน์.
วิจารณ์ พานิช. 2555. วิถีสร้างการเรียนรู้เพื่อศิษย์ ในศตวรรษที่ 21. กรุงเทพฯ : ตถาตา พับลิเคชั่น.
วิชาการและมาตรฐานการศึกษา ส�ำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, ส�ำนัก. 2553. แนวทาง
การจัดกิจกรรมการเรียนรูเ้ พือ่ พัฒนาทักษะการคิด ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551
ระดับประถมศึกษา. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่งประเทศไทย.
. 2560. ตัวชี้วัดและสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตาม
หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ชุมนุมสหกรณ์การเกษตรแห่ง
ประเทศไทย.
ส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี, สถาบัน. 2554. คู่มือครู รายวิชาเพิ่มเติม โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ เล่ม 3
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ สกสค.
สรศักดิ์ แพรค�ำ. 2544. ทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์. อุบลราชธานี : สถาบันราชภัฏอุบลราชธานี.
ส�ำนักบริหารวิชาการ วิทยาลัยเทคโนโลยีปญั ญาภิวฒ ั น์, แผนกบริหารหลักสูตร. 2557. เอกสารเผยแพร่ความรูว้ ชิ าการศึกษา :
วิธีการสอน (Teaching Methodology). กรุงเทพฯ : วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์.
สุวทิ ย์ มูลค�ำ และอรทัย มูลค�ำ. 2547. 21 วิธจี ดั การเรียนรู้ : เพือ่ พัฒนากระบวนการคิด. พิมพ์ครัง้ ที่ 5. กรุงเทพฯ : ภาพพิมพ์.
T106
สร้างอนาคตเด็กไทย
ด้วยนวัตกรรมการเรียนรูร
้ ะดับโลก
ĔïðøąÖĆîÙčèõćóÿČęĂÖćøđøĊ÷îøĎšøć÷üĉßćđóĉęöđêĉö
คู่มือครู
ĀîĆÜÿČĂđøĊ÷îøć÷üĉßćđóĉęöđêĉöüĉì÷ćýćÿêøŤĒúąđìÙēîēú÷Ċǰ ēúÖǰ éćøćýćÿêøŤǰ ĒúąĂüÖćýǰ ßĆĚîöĆí÷ö
ýċÖþćðŘìĊęǰ đúŠöǰ êćöñúÖćøđøĊ÷îøĎšǰ ÖúŠčöÿćøąÖćøđøĊ÷îøĎšüĉì÷ćýćÿêøŤĒúąđìÙēîēú÷Ċǰ ÞïĆïðøĆïðøčÜǰóýǰ
ǰêćöĀúĆÖÿĎêøĒÖîÖúćÜÖćøýċÖþć×ĆîĚ óČîĚ åćîǰóčìíýĆÖøćßǰǰđúŠöîĊǰĚ ïøĉþìĆ ǰĂĆÖþøđÝøĉâìĆýîŤǰĂÝìǰÝĞćÖĆéǰ
đðŨîñĎÝš ĆéóĉöóŤđñ÷ĒóøŠĒúąÝĞćĀîŠć÷ǰēé÷ĕéšÝĆéìĞćÙĞćĂíĉïć÷øć÷üĉßćđóĉęöđêĉöìĊęöĊìĆĚÜñúÖćøđøĊ÷îøĎǰš ÿćøąÖćøđøĊ÷îøĎš
đóĉęöđêĉöĒúąĂÜÙŤðøąÖĂïÿĞćÙĆâĂČęîìĊęÿĞćîĆÖóĉöóŤÝĆéìĞć×ċĚîǰ đóČęĂĔĀšÿëćîýċÖþćĕéšđìĊ÷ïđÙĊ÷ÜÖĆïĀúĆÖÿĎêø×ĂÜ
ǰ ǰ
ǰ ǰ ǰ ǰ ǰ ǰ ǰ ǰ îć÷ßĆ÷èøÜÙŤ úĉöðşÖĉêêĉÿĉî
ǰ ǰ ǰ ǰ ǰ ǰ ǰ ǰ ÖøøöÖćøñĎšÝĆéÖćøǰïøĉþĆìǰĂĆÖþøđÝøĉâìĆýîŤǰĂÝìǰÝĞćÖĆé
>> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสัง
่ ซือ
้ ของ อจท.
คู่มือครู นร.โลก ดาราศาสตร์ และอวกาศ ม.6 เล่ม 2
บริษท
ั อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด
8 858649 147691
142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
โทร. 0 2622 2999 (อัตโนมัติ 20 คูส
่ าย) 300.-
ID Line : @aksornkrumattayom www.aksorn.com อักษรเจริญทัศน์ อจท.
ราคานีเ้ ป็นของฉบับคูม
่ อ
ื ครูเท่านัน
้