Professional Documents
Culture Documents
เฉ จ
พา ก
ะค ฟ
ู้สอ ร
รูผ
น ี
˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹ ÃÒÂÇÔªÒ¾×é¹°Ò¹
ภาษาไทย
หลักภาษาและการใช้ภาษา ¡ÅØ‹ÁÊÒÃСÒÃàÃÕ¹ÃÙŒÀÒÉÒä·Â
µÒÁËÅÑ¡ÊÙµÃ᡹¡ÅÒ§¡ÒÃÈÖ¡ÉÒ¢Ñé¹¾×é¹°Ò¹ ¾Ø·¸ÈÑ¡ÃÒª qttp
คูม
่ อ
ื ครู อจท. Á.
q
ªÑé¹ÁѸÂÁÈÖ¡ÉÒ»Õ·Õè q
ÀÒÉÒä·Â ËÅÑ¡ÀÒÉÒáÅСÒÃ㪌ÀÒÉÒ Á.
ใช้ประกอบการสอนคู่กับหนังสือเรียน
วิธีการสอนเพื่อยกผลสัมฤทธิ์
เพิ่ม ผ่านกระบวนการเรียนรู้ 5Es
ข้อสอบวัดความสามารถ
เพิ่ม
ด้านการเรียนตามแนวสอบ
O-NET ใหม่
q
ตัวอย่างข้อสอบ O-NET
เพื่อชี้แนะเนื้อหาที่เคย
เพิ่ม ออกข้อสอบ
กิจกรรมบูรณาการทักษะชีวิต
ใหม่
และการทำงานตามแนวคิด
เศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมเสริมสร้างประสบการณ์
พร้อม การเรียนรู้สอ
ู่ าเซียน
|}ÙФx¡²| w¡¬w¢Ð
ÈÃÕÇÃó ªŒÍÂËÔÃÑÞ ÀÒÊ¡Ã à¡Ô´Í‹Í¹ ݢءÙÝÜÙÐ
ภาพปกนีม
้ ข
ี นาดเท่ากับหนังสือเรียนฉบับจริงของนักเรียน
เอกสารประกอบคูมือครู
กลุมสาระการเรียนรู ภาษาไทย
ภาษาไทย
หลักภาษาและการใชภาษา
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 สําหรับครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate Engage Explore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
สมรรถนะของผูเรียน
คุณลักษณะอันพึงประสงค
หน า หน า
โซน 1 หนั ง สื อ เรี ย น หนั ง สื อ เรี ย น โซน 1
กระตุน ความสนใจ Engage
สํารวจคนหา Explore
อธิบายความรู Explain
ขยายความเขาใจ Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
ขอสอบ O-NET
นักเรียนควรรู
บูรณาการเชื่อมสาระ
โซน 2 โซน 3 โซน 3 โซน 2
กิจกรรมสรางเสริม บูรณาการ
เศรษฐกิจพอเพียง
กิจกรรมทาทาย
บูรณาการอาเซียน
มุม IT
2. สัญลักษณ
สัญลักษณ วัตถุประสงค สัญลักษณ วัตถุประสงค
คูม อื ครู
5Es การจัดกิจกรรมตามขั้นตอนวัฏจักรการเรียนรู 5Es
ขั้นตอนการสอนที่สัมพันธกับขั้นตอนการคิดและการทํางานทางสมองของผูเรียนที่นิยมใชอยางแพรหลาย คือ
วัฏจักรการเรียนรู 5Es ซึ่งผูจัดทําคูมือครูไดนํามาใชเปนแนวทางออกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนในแตละหนวย
ตามลําดับขั้นตอนการเรียนรู ดังนี้
ขั้นที่ 1 กระตุนความสนใจ (Engage)
เสร�ม
เปนขั้นที่ผูสอนนําเขาสูบทเรียน เพื่อกระตุนความสนใจของผูเรียนดวยเรื่องราวหรือเหตุการณที่นาสนใจโดยใชเทคนิควิธีการ
และคําถามทบทวนความรูหรือประสบการณเดิมของผูเรียน เพื่อเชื่อมโยงผูเรียนเขาสูความรูของบทเรียนใหม ชวยใหผูเรียนสามารถ 3
สรุปความสําคัญหัวขอและสาระการเรียนรูของบทเรียนได จึงเปนขั้นตอนการสอนที่สําคัญ เพราะเปนการเตรียมความพรอมและสราง
แรงจูงใจใฝเรียนรูแกผูเรียน
คูม อื ครู
คําอธิบายรายวิชา
รายวิชา ภาษาไทย หลักภาษาและการใชภาษา กลุมสาระการเรียนรู ภาษาไทย
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 ภาคเรียนที่ 1-2
รหัสวิชา ท………………………………… เวลา 60 ชั่วโมง/ป
ตัวชี้วัด
ท 1.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8
ท 2.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6 ม.2/7 ม.2/8
ท 3.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5 ม.2/6
ท 4.1 ม.2/1 ม.2/2 ม.2/3 ม.2/4 ม.2/5
รวม 27 ตัวชี้วัด
คูม อื ครู
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
ภาษาไทย
หลักภาษาและการใชภาษา ม.๒
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
ผูเรียบเรียง
นางฟองจันทร สุขยิ่ง
นางกัลยา สหชาติโกสีย
นางสาวศรีวรรณ ชอยหิรัญ
นายภาสกร เกิดออน
นางสาวระวีวรรณ อินทรประพันธ
ผูตรวจ
นางประนอม พงษเผือก
นางจินตนา วีรเกียรติสุนทร
นางวรวรรณ คงมานุสรณ
บรรณาธิการ
นายเอกรินทร สี่มหาศาล
รหัสสินคา ๒๒๑๑๐๐๙
¾ÔÁ¾¤ÃÑ駷Õè 9 คณะผูจัดทําคูมือครู
ÃËÑÊÊÔ¹¤ŒÒ 2241016 ประนอม พงษเผือก
พิมพรรณ เพ็ญศิริ
สมปอง ประทีปชวง
เกศรินทร หาญดํารงครักษ
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
ภาษาไทย
หลักภาษาและการใชภาษา ม.๒
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒
กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑
พิมพครั้งที่ ๑๑๑
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ
ISBN : 978-616-203-588-3
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
¤íÒá¹Ð¹íÒ㹡ÒÃ㪌˹ѧÊ×ÍàÃÕ¹
หนังสือเรียนภาษาไทย หลักภาษาและการใชภาษาเลมนี้ เปนสื่อสําหรับใชประกอบการเรียน
การสอนรายวิชาพื้นฐาน กลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปที่ ๒
เนื้อหาตรงตามสาระการเรียนรูแกนกลางขั้นพื้นฐาน อานทําความเขาใจงาย ใหทั้งความรูและ
ชวยพัฒนาผูเรียนตามหลักสูตรและตัวชี้วัด เนื้อหาสาระแบงออกเปนหนวยการเรียนรูตามโครงสรางรายวิชา
สะดวกแกการจัดการเรียนการสอนและการวัดผลประเมินผล พรอมเสริมองคประกอบอื่นๆ ที่จะชวยทําให
ผูเรียนไดรับความรูอยางมีประสิทธิภาพ
¨Ñ´¡ÅØ‹Áà¹×éÍËÒ໚¹Ë¹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒ à¡ÃÔè¹¹íÒà¾×èÍãˌࢌÒ㨶֧ÊÒÃÐÊíÒ¤ÑÞ
ã¹Ë¹‹Ç·Õè¨ÐàÃÕ¹ ºÍ¡àÅ‹Òà¡ŒÒÊÔº ໚¹àÃ×Íè §¹‹ÒÃÙàŒ ¾ÔÁè àµÔÁ
Êдǡᡋ¡ÒèѴ¡ÒÃàÃÕ¹¡ÒÃÊ͹ ¨Ò¡à¹×éÍËÒÁÕá·Ã¡à»š¹ÃÐÂÐæ
ó
รับสั่ง การเมือง เคยด�ารงต�าแหน่งนายกรั เด่น ได้แก่ ทางด้าน
ช�ำระพระหัตถ์ ล้ำงมือ ฐมนตรี ใน พ.ศ. ๒๕๑๘ - ๒๕๑๙
ทรงพระด�ำเนิน เดิน เริม่ ต้นงานเขียนอย่างจริงจัง เมือ่ ก่ ทางด้านงานเขียนท่านได้
ชอบ, รัก, เอ็นดู อตัง้ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ใน พ.ศ.
ให้ โปรด เจ้าของ ผู้อ�านวยการ และนักเขี ๒๔๙๓ โดยท่านด�ารงต�าแหน่ง
หน่วยที่ พระรำชทำน
หนังสือพิมพ์สยามรัฐเป็นประจ�า
ยนประจ�า งานเขียนของท่านหลายเ
รื่องได้รับการตีพิมพ์ลงใน
๓.๕) หมวดเครื่องอุปโภค เช่น ผลงานเขียนซึ่งได้รับความนิยมมาจนถ
กำรแต่งบทร้อยกรองประเภทกลอน ค�ำรำชำศัพท์ ค�ำสำมัญ ค�ำรำชำศัพท์ ค�ำสำมัญ
เช่น สี่แผ่นดิน หลายชีวิต โครงกระ
ได้รับเลือกให้เป็นบทเรียนในวิชาภาษาไท
ดูกในตู้ กาเหว่าที่บางเพลง และมอม
ึงปัจจุบันมีหลายเรื่อง
ซึ่งเป็นเรื่องสั้นที่เคย
ตัวชี้วัด หมวก ยระดับมัธยมศึกษา
ร รองเท้ำ พระมำลำ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
อยกรองประเภทกลอน เปน ฉลองพระบำท แหวน ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบด้วยโรคชรา
ท ๔.๑ ม.๒/๓
ร อ ยกรองที่ นั บ ได ว า แพร ห ลายที่ ส ก�ำไล พระธ�ำมรงค์ ๕ เดือน ส�าหรับเกียรติคุณที่ท่านได้ สิริอายุได้ ๘๔ ปี
แตงบทรอยกรอง ุด ทองพระกร กระโถนเล็ก รับ ใน พ.ศ. ๒๕๒๘ ได้รับการยกย
■
¹íÒàʹÍà¹×éÍËÒã¹ÃٻẺµÒÃÒ§
µÑÇÍ‹ҧẺ½ƒ¡à¾×Íè ãËŒ¹¡Ñ àÃÕ¹½ƒ¡·Ñ¡ÉÐ à¾×èÍãËŒ§‹Òµ‹Í¡Ò÷íÒ¤ÇÒÁࢌÒã¨
㹡Òþٴ Í‹Ò¹ áÅÐà¢Õ¹ ËÇÁ¡Ñ¹¨¹à¡Ô´ áÅÐà¡Ô´¤ÇÒÁ¤Ô´ÃǺÂÍ´
¤ÇÒÁªíÒ¹ÒÞã¹·Ñ¡ÉÐ ¤íÒ¶ÒÁ»ÃШíÒ˹‹Ç¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙŒáÅСԨ¡ÃÃÁÊÌҧÊÃä
¾Ñ²¹Ò¡ÒÃàÃÕ¹ÃÙàŒ ¾×Íè ¾Ñ²¹Ò¼ÙàŒ ÃÕ¹ãËŒÁ¤Õ ³
Ø ÀÒ¾µÒÁµÑǪÕÇé ´Ñ
• ความรู้สึกของผู้เขียน คือ การพิจารณาอารมณ์ ความรู้ส
เช่น รู้สึกสลดใจ รู้สึกสะเทือนใจ เป็นต้น
๔) พิจารณาการเรียงล�าดับเหตุการณ์ คือ การพิจารณาวิ
ึกของผู้เขียนที่สื่อสารมาสู่ผู้อ่าน
ธีที่ผู้เขียนใช้ล�าดับเหตุการณ์
ล�าดับการเกิดก่อน - หลัง เป็นต้น
ตอนที่ ñ การพัฒนาทักษะการอาน
หรือเนื้อหาภายในเรื่อง เช่น จากเหตุไปหาผล ผลไปหาเหตุ ค�ำถำม
ยนใช้ภาษาเหมาะสมกบั ประเภท ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
๕) พิจารณาการใช้สา� นวนภาษา คือ การพิจารณาว่าผูเ้ ขี
อไม่ เป็นต้น
ของงานเขียน ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ สื่อความชัดเจนหรื
๑. การเขียนย่อความ การเขียนบรรยาย และการเขียนพรรณนา มีประโยชน์อย่างไร
๒.๔ ตัวอย่างการอ่านเพือ่ วิเคราะห์ ๒. การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าและโครงงาน มีหลักการเขียนอย่างไร
๓. การเขียนจดหมายกิจธุระสามารถน�าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวันได้อย่างไร
บทความสÓหรับการอ่านเพื่อวิเคราะห์ ๔. การเขียนวิเคราะห์มีหลักการเขียนอย่างไร
๕. การเขียนแสดงความคิดเห็นและการเขียนโต้แย้ง มีลักษณะการเขียนเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ธุรกิจฮาลาล...ตลาดใหญ่ในอาเซียน
ญญัติอนุมัติให้ชาวมุสลิมที่อยู่ใน
ฮาลาล (Halal) เป็นค�าที่มาจากภาษาอาหรับ คือ กฎบั
ัติให้ เช่น
ศาสนนิต ิ ภ าวะกระท� า ได้ อั น ได้แก่ การนึกคิด วาจา และการกระท�าที่ศาสนาได้อนุม
งถู ก ต้ อ ง การค้ า ขายโดยสุ จริตวิธี การสมรสกับสตรีตาม
การรับประทานเนื้อปศุสัตว์ที่ได้เชือดอย่า
อาหารที่ได้ผ่านกรรมวิธีในการท�า ผสม
กฎเกณฑ์ที่ได้ระบุไว้ เป็นต้น ในส่วน “อาหารฮาลาล” คือ
นการรับประกันว่าชาวมุสลิมโดยทั่วไป
ปรุง ประกอบ หรือแปรสภาพตามศาสนบัญญัตินั่นเอง เป็
ทใจ เราสามารถสังเกตผลิตภัณฑ์
สามารถบริโภคหรืออุปโภคสินค้าหรือบริการต่างๆ ได้โดยสนิ
ที่ข้างบรรจุภัณฑ์นั้นเป็นส�าคัญ
ว่าเป็น “ฮาลาล” หรือไม่นั้น ได้จากการประทับตรา “ฮาลาล” กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้
ลามให้มสุ ลิมบริโภคหรือใช้ประโยชน์ได้
นอกจากอาหาร ผลิตภัณฑ์ซงึ่ อนุมตั ติ ามบัญญัตศิ าสนาอิส
นว่า ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจ�าวัน
ผลิตภัณฑ์ฮาลาลยังครอบคลุมถึงสินค้าหลายชนิด เป็นต้ กิจกรรมที่ ๑ ให้นักเรียนเขียนเรียงความสั้นๆ ความยาวประมาณ ๑ หน้า กระดาษ A4
เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้บริโภค
ตลอดจนงานบริการ เช่น ธนาคาร โรงพยาบาล และการโรงแรม เกี่ยวกับข้อคิด คติธรรม และคุณธรรม เช่น ความกตัญญู ความสามัคคี
่วไปก็เป็นกลุ่มลูกค้าผลิตภัณฑ์ฮาลาล
สินค้าฮาลาลไม่ได้จ�ากัดเฉพาะชาวมุสลิมเท่านั้น ผู้บริโภคทั ความมีวินัย เป็นต้น แล้วน�าเสนอหน้าชั้นเรียน
นฮาลาลหมายความว่า นั่นคือสินค้า
เพราะปัจจุบันสินค้าหรือบริการที่ได้รับตรารับรองความเป็ กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มร่วมกันจัดท�ารายงานการศึกษาค้นคว้าเรื่องที่
ภาษาไทยไทยบูชิตสมคุณคา
ที่เชื่อถือได้ด้านสุขอนามัยและมีประโยชน์ต่อร่างกาย ภาษาไทยไทยรักสลักจิต สมาชิกในกลุ่มสนใจ เช่น ค�ายืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
ภาษาไทยมรดกตกทอดมา ชนชาติไทยรักษาใหยืนยง การปลูกพืชสวนครัวในโรงเรียน โดยเรียบเรียงตามหลักการเขียน
ทัง้ ในทวีปยุโรป อเมริกา แอฟริกา
ปัจจุบนั จ�านวนชาวมุสลิมทัว่ โลกมีประมาณ ๒ พันล้านคน ภาษาไทยไดมาแตบรรพบุรุษ ภาษาไทยพิสุทธิ์ใหสูงสง และน�าเสนอเป็นรูปเล่มส่งครูผู้สอน
มทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น ๒.๒ พันล้านคน ใหถูกตองยอมมั่นคงคูชาติไทย
และเอเชีย โดยคาดว่าภายในปี ๒๐๓๐ จะมีจ�านวนมุสลิ ภาษาไทยชาวไทยใฝจํานง กิจกรรมที่ ๓ ให้นักเรียนเลือกบทความ สารคดี หรือบทเพลงที่ชื่นชอบ คนละ ๑ เรื่อง
า
จ� นวนมหาศาลน ้ ี า
ท� ต
ให้ ลาดสิ นค้าฮาลาลทัง้ ทีเ่ ป็นอาหารและ
ซึง่ จากจ�านวนประชากรชาวมุสลิม (แดภาษาไทย : ฐะปะนีย นาครทรรพ) น�ามาเขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ หรือแสดงความคิดเห็นตามหลักการ
ดครองนั่นเอง
ไม่ใช่อาหาร กลายเป็นตลาดเนื้อหอมที่หลายประเทศจ้องยึ แล้วน�าเสนอหน้าชั้นเรียน
29
28
µÅÍ´àÅ‹Á ª‹ÇÂãˌ͋ҹ·íÒ¤ÇÒÁࢌÒã¨ä´Œ§‹ÒÂ
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
สารบัญ
ตอนที่ ๑ การพัฒนาทักษะการอาน ๑
หนวยการเรียนรูที่ ๑ การอานออกเสียง ๒
● ความรูพื้นฐานในการอาน ๓
● การอานออกเสียงบทรอยแกว ๖
● การอานออกเสียงรอยกรอง ๑๒
หนวยการเรียนรูที่ ๒ การอานในชีวิตประจําวัน ๒๒
● การอานเพื่อจับใจความสําคัญ ๒๓
● การอานเพื่อวิเคราะห ๒๘
● การอานเพื่อประเมินคา ๓๑
ตอนที่ ๒ การพัฒนาทักษะการเขียน ๓๕
หนวยการเรียนรูที่ ๑ การคัดลายมือ ๓๖
● ความสําคัญของลายมือ ๓๗
● ประโยชนของการคัดลายมือ ๓๗
● หลักการคัดลายมือ ๓๗
● รูปแบบตัวอักษร ๓๙
หนวยการเรียนรูที่ ๒ การเขียนเพื่อการสื่อสาร ๔๓
● ความรูพื้นฐานเกี่ยวกับการเขียน ๔๔
● การใชคําในการเขียน ๔๖
● การเขียนบรรยาย ๔๙
● การเขียนพรรณนา ๕๑
● การเขียนเรียงความ ๕๔
● การเขียนยอความ ๕๙
● การเขียนจดหมายกิจธุระ ๖๑
● การเขียนรายงานการศึกษาคนควา ๖๔
● การเขียนรายงานโครงงาน ๖๗
● การเขียนวิเคราะหวิจารณ ๖๘
● การเขียนแสดงความรู ๗๐
● การเขียนแสดงความคิดเห็น ๗๓
● การเขียนโตแยง ๗๔
กระตุน ความสนใจ สํารวจคนหา อธิบายความรู ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engage Explore Explain Expand Evaluate
ภาษาไทยไทยรักสลักจิต ภาษาไทยไทยบูชิตสมคุณคา
ภาษาไทยมรดกตกทอดมา ชนชาติไทยรักษาใหยืนยง
ภาษาไทยไดมาแตบรรพบุรุษ ภาษาไทยพิสุทธิ์และสูงสง
ภาษาไทยชาวไทยใฝจํานง ใชถูกตองยอมมั่นคงคูชาติไทย
(แด่ภาษาไทย: ฐะปะนีย์ นาครทรรพ)
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนในตอนที่ 1 การพัฒนาทักษะการอาน เปาหมายสําคัญคือ
นักเรียนสามารถนําความรู ความเขาใจเกี่ยวกับแนวทางการอานไปปรับใชกับ
การอานในชีวิตประจําวันของตนเองใหมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อให
การอานในแตละครั้งเกิดประโยชนอยางแทจริง
การจะบรรลุเปาหมายดังกลาว ครูควรเห็นความสําคัญของการอานและสราง
เจตคติที่ดีตอการอานใหแกนักเรียน ชี้แนะใหเห็นวา การอานเปนการแสวงหาความรู
กาวออกไปสูโลกกวางโดยไมเสียคาใชจายที่สิ้นเปลือง เมื่อนักเรียนเกิดความรูสึก
ในเชิงบวกกับการอาน จึงใชวิธีใหนักเรียนมีสวนรวมในกระบวนการเรียนการสอน
เปนผูสืบคนองคความรูดวยตนเอง เรียนรูแนวทางการปฏิบัติ รวมกันอธิบายความรู
ความเขาใจผานขอคําถามของครู จนสามารถนําแนวทางไปปฏิบัติไดจริง โดยอาน
งานเขียนจากสื่อที่หลากหลาย เพื่อพัฒนาทักษะการอานของตนเอง
คู่มือครู 1
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. อธิบายความหมายของการอานออกเสียง
และการอานในใจไดถูกตอง
2. อานออกเสียงรอยแกวและรอยกรองไดถูกตอง
ตามอักขรวิธี มีความไพเราะเหมาะสมกับ
ทวงทํานอง
3. ระบุและปฏิบัติมารยาทในการอานไดถูกตอง
เหมาะสมกับสถานการณ
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวินัย
2. ใฝเรียนรู
3. มุงมัน่ ในการทํางาน
หนวยที่ ñ
กระตุน้ ความสนใจ Engage กำรอ่ำนออกเสียง
ครูชวนนักเรียนสนทนาในประเด็นการอาน
ออกเสียง จากนั้นตั้งคําถามกับนักเรียนวา
ตัวชี้วัด ก ารอานออกเสียงเปนการอาน
ท ๑.๑ ม.๒/๑, ๘ เพื่ อ ให ผู ฟ ง เกิ ด ความรู ความคิ ด
• การอานออกเสียงใหถูกวิธีมีประโยชนตอชีวิต ■ อานออกเสียงบทรอยแกวและบทรอยกรองไดถูกตอง ความรูส กึ และจินตนาการรวมกับผูอ า น
ประจําวันของนักเรียนอยางไร ■ มีมารยาทในการอาน การอานออกเสียงเปนทักษะที่ตองไดรับ
(แนวตอบ ทําใหเปนผูที่มีบุคลิกภาพดี การฝก ฝนใหอ อกเสีย งอักขระไดชัดเจน
สาระการเรียนรูแกนกลาง ถู ก ต อ ง ใช นํ้ า เสี ย ง จั ง หวะ และลี ล าให
มีความมั่นใจในตนเอง อีกทั้งยังเปนที่ ■ การอานออกเสียง สอดคลองกับเรือ่ งทีอ่ า น การฝกอานรอยแกว
นาเชื่อถือในสายตาของผูอื่นที่มีโอกาส - บทรอยแกวที่เปนบทบรรยายและบทพรรณนา
- บทรอยกรอง เชน กลอนบทละคร กลอนเพลงยาว ทีเ่ ปนบทบรรยาย บทพรรณนา รวมทัง้ การอาน
ไดรับฟง) กลอนนิทาน และกาพยหอโคลง บทร อ ยกรองประเภทต า งๆ จะช ว ยพั ฒ นา
มารยาทในการอาน ทักษะการอานไดเปนอยางดี
• หากนักเรียนตองการเปนผูที่มีความสามารถ
■
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรู การอานออกเสียง เปาหมายสําคัญคือ
นักเรียนสามารถอานออกเสียงรอยแกวและรอยกรองได โดยคํานึงถึงอักขรวิธี
การเวนวรรคตอน การออกเสียงใหถกู ตองตามฉันทลักษณของบทรอยกรอง ใชนาํ้ เสียง
ไดเหมาะสมกับเนื้อหาสาระที่อาน รวมถึงการวางทาทางขณะอานไดเหมาะสม
การจะบรรลุเปาหมายดังกลาว ครูควรจัดกระบวนการเรียนการสอนภายใน
ชั้นเรียน โดยมุงเนนใหนักเรียนไดฝกฝนทักษะการอานออกเสียง จนกระทั่งเกิดความ
ชํานาญ เริ่มจากการฝกเปนกลุมแลวขยายผลไปสูการฝกเปนรายบุคคล โดยคํานึงถึง
ความแตกตางระหวางบุคคล บุคลิกภาพขณะอาน อัตราความเร็วขณะที่อาน
การแบงวรรคตอน ทวงทํานอง ลีลา และนํ้าเสียง สังเกตพฤติกรรม แลวชี้แนะให
ปรับปรุง แกไขเปนรายบุคคล จะชวยพัฒนาทักษะการอานออกเสียงใหมีประสิทธิภาพ
รวมถึงรวมกันกําหนดเกณฑเพื่อใชประเมินการอานออกเสียง
การเรียนการสอนในลักษณะนี้จะชวยฝกทักษะการอาน ทักษะการตั้งเกณฑ
และทักษะการประเมินใหแกนักเรียนนําไปประยุกตใชตอไปในอนาคต
2 คู่มือครู
ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expand Evaluate
ส�ารวจค้นหา Explore
แบงกลุมนักเรียนจํานวน 5-6 คน หรือตาม
๑ ความรู้พื้น°านในการอ่าน ความเหมาะสม ใหไดจํานวน 8 กลุม จากนั้น
การอ่านออกเสียงเป็นวิธีการสื่อสารประเภทหนึ่ง ที่ช่วยให้ผู้อ่านและผู้ฟังได้รับความรู้ รวมกันลงมติเลือกประธานกลุมเพื่อกําหนดทิศทาง
การคนหาความรูและเลขานุการกลุม ทําหนาที่
ประสบการณ์ และความเพลิดเพลิน เมื่อจะอ่านให้ผู้อื่นฟังผู้อ่านควรอ่านให้น่าฟัง หมายถึง ท�าให้ผู้ฟัง
จดบันทึกความรู ซึ่งแตละกลุมจะตองรวมกัน
ได้รับสารจากบทอ่านถูกต้องและครบถ้วน ผู้อ่านต้องออกเสียงให้ถูกอักขรวิธี แบ่งวรรคตอนถูกต้อง
คนหาความรูในประเด็นตอไปนี้
เหมาะสม และอ่านสอดแทรกอารมณ์ได้สอดคล้องกับบทที่อ่าน ดังนั้น ก่อนอ่านออกเสียงผู้อ่านควรฝึก • ความหมายของการอาน
ทักษะการอ่านและท�าความเข้าใจสารในบทอ่านให้ชัดเจน • ความสําคัญของการอาน
• องคประกอบพื้นฐานในการฝกอานออกเสียง
๑.๑ ความหมาย
1 • มารยาทในการอาน
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๕๔ ให้ความหมายของค�าว่า “อ่าน” หมายถึง สมาชิกทุกคนภายในกลุมตองมีสวนรวมในการ
ว่าตามตัวหนังสือ สืบคนความรูจากแหลงขอมูลตางๆ ที่เขาถึงได
การอ่านเป็นทักษะที่ส�าคัญและเป็นประโยชน์ต่อชีวิตประจ�าวัน เพราะท�าให้ได้รับทราบข้อมูล และมีความนาเชื่อถือ
ข่าวสาร และความรูส้ กึ นึกคิดของผูอ้ นื่ การอ่านแบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ การอ่านในใจและการอ่านออกเสียง
การอ่านในใจ เป็นการอ่านเพื่อท�าความเข้าใจสัญลักษณ์ที่มีผู้บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร อธิบายความรู้ Explain
รูปภาพ และเครื่องหมายต่างๆ จากการคนควารวมกันของนักเรียน ใหแตละ
การอ่านออกเสียง เป็นการเปล่งเสียงตามตัวอักษรและสัญลักษณ์ต่างๆ เพื่อให้ผู้ฟังเข้าใจ กลุมจับคูกลุมใหเหลือ 4 กลุมใหญ สรุปความรู
ความหมาย ซึ่งอาจมีจุดมุ่งหมายต่างกัน เช่น อ่านเพื่อความเพลิดเพลิน อ่านเพื่อเร้าให้เกิดอารมณ์ รวมกันอีกครัง้ เปนเวลา 10 นาที ครูทาํ สลากจํานวน
2
ความรู้สึกสะเทือนใจ อ่านเพื่อจุดมุ่งหมายเฉพาะ เช่น อ่านประกาศ อ่านแถลงการณ์ อ่านเพื่อความรู้ 4 ใบ โดยเขียนหมายเลข 1-4 พรอมระบุขอ ความ
อ่านเพื่อถ่ายทอดข้อมูลข่าวสาร ในแตละหมายเลข แตละกลุม สงตัวแทนออกมา
จับสลากประเด็นสําหรับการอธิบายความรู
๑.๒ องค์ประกอบพืน้ ฐานในการฝึกอ่านออกเสียง หนาชั้นเรียน ดังนี้
ประสิทธิภาพในการอ่านออกเสียง ขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐานที่ส�าคัญหลายประการ ดังนี้ หมายเลข 1 ความหมายของการอาน
๑) ฝึกใช้สายตา โดยใช้สายตากวาดตามข้อความแต่ละช่วง จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง หมายเลข 2 ความสําคัญของการอาน
จากค�าต้นวรรคไปยังค�าท้ายวรรคเพื่อรับทราบข้อมูลที่จะอ่านอย่างมีสมาธิ หมายเลข 3 องคประกอบพื้นฐานในการฝก
๒) ฝึกใช้เสียง เสียงต้องชัดเจน แจ่มใส ไพเราะ มีน�้าหนัก ดังพอประมาณให้ได้ยินทั่วถึงกัน อานออกเสียง
หมายเลข 4 มารยาทในการอาน
ใช้เสียงหนักเบาเพื่อเน้นความส�าคัญของข้อความให้สอดคล้องกับเนื้อเรื่อง
๓) ฝึกการใช้อารมณ์ ควรศึกษาบทอ่านล่วงหน้าให้เข้าใจ เพื่อฝึกอ่านสอดแทรกอารมณ์
ให้เหมาะสมกับเนื้อเรื่องและเจตนาของผู้เขียน
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
“ขอแตกตางระหวางการอานออกเสียงกับการอานในใจ คือ การอานออกเสียง
1 พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน คือ หนังสืออางอิงที่รวบรวมความหมาย
ผูอานจะเปลงเสียงตามตัวอักษรและสัญลักษณตางๆ เพื่อใหผูฟงเขาใจ ของคํา โดยเรียงลําดับตามตัวอักษร พรอมบอกชนิดของคํา และยกตัวอยางการนํา
ความหมาย แตการอานในใจ คือ การทีผ่ อู า นแตละคนทําความเขาใจสัญลักษณ ไปใชใหเขาใจในรูปประโยค ทั้งนี้คําศัพทที่ถูกตองตามแบบแผนใหยึดถือตามที่
ตางๆ ที่มีผูบันทึกไวเปนลายลักษณอักษร” พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานระบุไว
นักเรียนจะมีหลักปฏิบัติอยางไรใหการอานในใจทุกครั้งเปนการอานในใจ
โดยสมบูรณ 2 แถลงการณ คือ ขอความที่ทางราชการแถลงเพื่อทําความเขาใจกับประชาชน
ในกิจกรรมของทางราชการ เหตุการณ หรือกรณีใดๆ ที่ทางราชการมีความประสงค
แนวตอบ การอานในใจโดยสมบูรณ ผูอานจะตองอานโดยไมมีเสียงพึมพํา จะใหทราบโดยทั่วกัน ลักษณะถอยคําที่ใชจึงเปนภาษาระดับแบบแผน สุภาพ ถูกหลัก
ในลําคอ ไมมีการเคลื่อนไหวริมฝปาก ลิ้น หลอดเสียง และลําคอ รวมถึงการ ไวยากรณ ชัดเจน และไดใจความสมบูรณ
สายศีรษะไปมา การอานในใจจะใชเพียงสายตา กลาวคือ ในขณะที่อาน
ผูอานจะไมสงเสียงออกมา แตจะใชสายตาในการกวาดขอความจากตัวอักษร
ทางดานซายมือไปยังตัวอักษรทางดานขวามือ เมื่อจบบรรทัดแลวจึงขึ้นตน มุม IT
บรรทัดใหม ทําเชนนี้เรื่อยๆ ไปจนกระทั่งจบขอความ
นักเรียนสามารถเขาไปศึกษาเกีย่ วกับลักษณะการใชถอ ยคําในการเขียนแถลงการณ
ไดจาก http://www.brh.thaigov.net/newsite/publish/show.php?id_news=2
คู่มือครู 3
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ตัวแทนของแตละกลุมออกมาอธิบายความรู
ในประเด็นที่กลุมของตนเองไดรับมอบหมาย ๔) ฝึกอ่านให้คล่องและถูกต้องตามอักขรวิธี โดยเฉพาะ ร ล ค�าควบกล�า้ ต้องออกเสียงให้
พรอมระบุแหลงที่มาของขอมูล ชัดเจน เน้นเสียง และถ้อยค�าตามน�า้ หนักความส�าคัญของใจความ ใช้เสียง จังหวะให้เป็นไปตามเนือ้ เรือ่ ง
2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน ๕) ฝึกใช้อวัยวะในการออกเสียง การฝึกฝนใช้อวัยวะต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการออกเสียง
อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับ ให้ท�างานได้ถูกต้องจะท�าให้เสียงที่เปล่งออกมาชัดเจนและถูกต้องตามอักขระ
การอาน โดยใชความรู ความเขาใจที่ไดรับ ๖) ฝึกการวางบุคลิกภาพ ทั้งการยืนอ่านและการนั่งอ่าน ควรยืดตัวตรง วางสีหน้าปกติ
จากการฟงเปนขอมูลเบื้องตนสําหรับ จับหนังสือให้ถูกต้องโดยห่างจากสายตาประมาณ ๑ ฟุต ไม่ยกหนังสือขึ้นบังหน้า จะช่วยให้ผู้อ่าน
ตอบคําถาม เกิดความมั่นใจ และสร้างความชื่นชมให้แก่ผู้ฟัง
• นักเรียนเคยพบเห็นปายนี้หรือไม และถาเคย 1
ไดพบเห็นในบริเวณใด ๑.๓ ความส�าคัญของการอ่าน
๑) ได้รับสาระความรู้ต่างๆ ซึ่งจะท�าให้ผู้อ่านเป็นผู้ที่ทันต่อเหตุการณ์ ปรับตัวเข้ากับ
กระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกได้
๒) ได้สร้างจินตนาการ การอ่านหนังสือท�าให้ผู้อ่านมีอิสระทางความคิด ได้ฝึกฝนทักษะ
การตีความไปตามประสบการณ์ของตน
๓) ฝึกกระบวนการคิด ท�าให้เกิดสมาธิ ดังนั้น หากมีการฝึกฝนอย่างสม�่าเสมอจะท�าให้เกิด
การพัฒนาและสัมฤทธิผล
(แนวตอบ คําตอบของนักเรียนควรเปนไป
๑.๔ มารยาทในการอ่าน
ในเชิงเคยพบเห็น และพบบริเวณหองสมุด)
• จากรูป นักเรียนคิดวากลุมบุคคลในภาพ การอ่านเป็นทักษะการรับสารที่ส�าคัญและจ�าเป็นในชีวิตประจ�าวัน เป็นเครื่องมือที่ใช้แสวงหา
กําลังทํากิจกรรมใด และเปนกิจกรรมที่มี ความรูเ้ พือ่ ให้ทนั โลก ทันเหตุการณ์ ผูอ้ า่ นควรมีมารยาทในการอ่าน ดังนี2้
ประโยชนอยางไร ๑) ไม่อา่ นจดหมาย หนังสือ หรือสมุดบันทึกส่วนตัว (อนุทนิ ) ของผูอ้ นื่ โดยไม่ได้รบั อนุญาต
เพราะเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลและเสียมารยาท
๒) ในร้านขายหนังสือ บางแห่งจัดสถานที่ส�าหรับให้บุคคลทั่วไปได้นั่งอ่าน ซึ่งผู้อ่านควร
นั่งอ่านเงียบๆ ไม่ส่งเสียงดัง ไม่คัดลอกข้อความ หรือฉีกกระดาษหุ้มปกหนังสือใหม่ออกโดยพลการ
และไม่แสดงพฤติกรรมต่างๆ ที่จะสร้างความร�าคาญให้แก่ผู้อื่น
๓) ไม่ควรชะโงกศีรษะ เข้าไปยังหนังสือขณะที่ผู้อื่นก�าลังอ่านอยู่
๔) การอ่านออกเสียง ต้องอ่านด้วยเสียงที่ดังเหมาะสม หากอ่านในใจไม่ควรให้มีเสียงหรือ
ท�าปากขมุบขมิบขณะอ่าน
(แนวตอบ เลือกซื้อหนังสือ ประโยชนที่ไดรับ ๕) เมื่ออยู่ในวงสนทนา หรือที่ประชุมไม่ควรหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน เพราะเป็นการเสีย
คือ ไดความรู ความบันเทิง และชวยตอยอด มารยาทแสดงถึงความไม่ใส่ใจ
จินตนาการใหแกตนเอง)
• นักเรียนมีแนวทางเลือกอานหนังสืออยางไร 4
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
ไดอยางอิสระ)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
การอานออกเสียงมีความแตกตางจากการอานในใจอยางไร และมีแนวทาง
1 ความสําคัญของการอาน การอานชวยยกระดับสติปญญาของมนุษยใหสูงขึ้น
การปฏิบัติเพื่อใหการอานในแตละครั้งเกิดประสิทธิภาพไดอยางไร
สามารถนําความรู ความเขาใจ และประสบการณจากการอานไปใชแกไขปญหา
ทั้งของตนเองและผูอื่นได เพราะการรูจักเลือกอานและอานอยางถูกวิธี ทําใหมีความรู แนวตอบ การอานออกเสียง คือ การที่ผูอานเปลงเสียงออกมาดังๆ ในขณะ
ความเขาใจ และประสบการณสั่งสม เมื่อพบเจอสถานการณที่เปนปญหาก็จะสามารถ ที่อาน โดยมีจุดมุงหมายที่แตกตางกันออกไป การอานในใจเปนการทําความ
แกไขไดอยางมีประสิทธิภาพ เขาใจสัญลักษณที่มีผูบันทึกไวเปนลายลักษณอักษร แนวทางสําหรับการฝก
2 อนุทิน สมุดสวนตัว หรือทีน่ ยิ มเรียกวา diary เปนบันทึกรายงานสิง่ ตางๆ ทีเ่ กิด ปฏิบัติเพื่อใหการอานออกเสียงและการอานในใจมีประสิทธิภาพแตกตางกัน
ขึน้ ในแตละชวงเวลาหรือในแตละวัน โดยมีจุดประสงคหลากหลายขึ้นอยูกับความ เปนตนวา การอานออกเสียงผูอานจะตองอานใหถูกตองตามอักขรวิธี
ตองการของผูบันทึก เชน เพื่อสื่อสารความคิด เพื่อแสดงอารมณความรูสึก เพื่อแสดง การเวนวรรค ออกเสียงคําควบกลํ้า รวมถึงใชนํ้าเสียงถายทอดเนื้อหาสาระ
พัฒนาการ ความเจริญกาวหนา เพื่อใหผูฟงเกิดความรูสึกคลอยตาม สวนการอานในใจใหมีประสิทธิภาพนั้น
ผูอานตองมีสมาธิจดจออยูกับเรื่องที่อาน เพื่อจับใจความหรือสาระสําคัญ
ของเรื่อง ตั้งคําถามกับตนเองเกี่ยวกับเรื่องที่อาน เชน เรื่องที่อานมีความ
นาเชื่อถือมากนอยเพียงใด เพราะเหตุใด เพื่อใหเกิดโลกทัศนที่กวางไกล
4 คู่มือครู
ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
ขยายความเข้าใจ Expand
1 1. นักเรียนรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับขอความ
๑.๕ มารยาทในการใช้หอ้ งสมุด ตอไปนี้ “อาวุธสําคัญของชาติคือปญญา
ห้องสมุดเป็นสาธารณสมบัตทิ ที่ กุ คนสามารถเข้ามาใช้บริการได้ แต่ควรค�านึงถึงมารยาทในการ ปญญาเกิดจากการอาน” สรุปมติที่ไดจากการ
เข้าใช้ ดังนี้ อภิปรายลงสมุด
๑) ไม่อา่ นเสียงดังสร้างความร�าคาญให้แก่ผอู้ นื่ เพราะห้องสมุด เป็นสถานทีเ่ พือ่ การอ่าน 2. ครูมอบหมายใหนักเรียนทั้งระดับชั้นรวมกัน
และการศึกษาค้นคว้าหาความรู้ของส่วนรวม จัดกิจกรรมสัปดาหรณรงคสงเสริมการอาน
๒) ไม่ฉีก พับมุมท�าให้หนังสือยับ ช�ารุด สกปรก ฉีกขาด หรือสูญหาย ถ้าต้องการ ภายในโรงเรียน โดยจัดทําปายนิเทศ แผนพับ
ข้อความหรือภาพในหนังสือ ควรใช้วิธีคัดลอก หรือถ่ายส�าเนาด้วยความระมัดระวัง หรือประชาสัมพันธผานเสียงตามสาย
๓) การใช้หนังสือพิมพ์ เมื่ออ่านจบแล้วต้องจัดเรียงหน้าตามเดิมและเก็บให้เรียบร้อย ทั้งนี้ ใหเพื่อนๆ พี่ๆ นองๆ ในโรงเรียน เห็นคุณคา
เพื่อความเป็นระเบียบและสะดวกส�าหรับผู้อื่นที่จะหยิบมาอ่านต่อ และความสําคัญของการอานซึ่งไมไดเกิดขึ้น
๔) หนังสือที่มีผู้อื่นอ่านอยู่ก่อนควรให้ผู้อื่นอ่านจนจบก่อน ไม่ควรยื่นหน้าไปอ่านด้วย ในระดับปจเจกเทานั้น แตยังมีความสําคัญ
เพราะเป็นการเสียมารยาท ในระดับกลุมสังคมหรือประเทศชาติ
๕) ไม่นา� อาหาร ขนม น�า้ เข้าไปรับประทาน เพราะจะท�าให้เกิดกลิน่ และสร้างความสกปรก เผยแพรแนวทางที่ถูกตองสําหรับการอาน
เลอะเทอะให้แก่สถานที่และหนังสือที่ค้นคว้า และรวมถึงขอควรปฏิบัติเมื่อตองอานหนังสือ
๖) เมื่ออ่านหนังสือเสร็จแล้วให้น�าไปวางไว้ในจุดที่ก�าหนด เพื่อที่บรรณารักษ์จะได้ ในที่สาธารณะรวมกับผูอื่น เพื่อใหเพื่อนๆ พี่ๆ
สะดวกในการจัดหนังสือเข้าชั้นได้ถูกต้อง นองๆ ภายในโรงเรียนนําความรู ความเขาใจ
๗) ไม่ใช้อปุ กรณ์สอื่ สารภายในห้องสมุด เพราะท�าให้เกิดเสียงรบกวนสมาธิการอ่านของผ้อู นื่ ที่ไดรับจากการเขารวมกิจกรรมสัปดาหรณรงค
สงเสริมการอาน ไปปรับใชกับการอานของ
ตนเองในชีวิตประจําวัน
▲ นิสัยรักการอ่านและมารยาทในการอ่านเปนสิ่งสําคัญที่ทุกครอบครัวจะต้องปลูกฝงให้แก่เด็กและเยาวชน
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
เมื่อนักเรียนไปคนควาขอมูลที่หองสมุดของโรงเรียนเพื่อนํามาทํารายงาน
1 หองสมุด เปนสถานที่จัดเก็บ รวบรวมองคความรูที่หลากหลาย ทั้งที่เปนวัสดุ
แตพบวาหนังสือที่ตองการมีผูยืมไปกอนหนานี้แลว จากสถานการณนี้นักเรียน
ตีพิมพ วัสดุไมตีพิมพ และวัสดุอิเล็กทรอนิกส โดยหองสมุดสามารถแบงตามลักษณะ
จะมีวิธีการแกไขปญหาอยางไร โดยคํานึงถึงความเหมาะสมและมารยาท
และวัตถุประสงคของการใหบริการ ดังนี้
ในการใชหองสมุดรวมกับผูอื่น
1. หองสมุดโรงเรียน
แนวตอบ หากไมสามารถยืมหนังสือเลมที่ตองการจากหองสมุดของ 2. หองสมุดมหาวิทยาลัย
โรงเรียนได ผูคนควาขอมูลควรเขาเว็บไซตของหองสมุดอื่นๆ เชน หองสมุด 3. หองสมุดเฉพาะ
ประชาชน หองสมุดระดับมหาวิทยาลัย หรือหอสมุดแหงชาติ เพือ่ ตรวจสอบวา 4. หองสมุดประชาชน
หนังสือที่ตองการนั้นมีอยูหรือไม ถาหนังสือเลมนั้นมีอยูในหองสมุดของ 5. หอสมุดแหงชาติ
สถานทีอ่ นื่ ๆ ก็สามารถเขาไปคนควาได และถาไมสามารถยืมหนังสือกลับบานได
เนือ่ งจากไมใชสมาชิก และหอสมุดแหงชาติไมอนุญาตใหยมื หนังสือกลับบาน
ผูคนควาจึงตองใชวิธีการอานแลวจดบันทึก หรือถายสําเนาเนื้อหาสวนที่
ตองการดวยความระมัดระวัง โดยระบุหมายเลขหนาที่ตองการแกผูใหบริการ
ถายสําเนา เพื่อความสะดวกรวดเร็ว
คู่มือครู 5
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
• ปญหาการอานออกเสียงที่พบในปจจุบัน ๒ การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว
นักเรียนคิดวาจะรวมเปนสวนหนึ่งของการ
แกไขปญหาไดอยางไร ร้อยแก้ว หมายถึง ถ้อยค�าที่พูดและเขียนเพื่อสื่อสารกันอยู่เป็นปกติในชีวิตประจ�าวัน ถูกต้อง
(แนวตอบ การแกไขปญหาดังกลาวตองเริ่มตน ตามแบบแผน หรือไวยากรณ์ ท�าให้ผู้ฟัง ผู้อ่านเข้าใจได้
ที่ตนเองกอน ดวยวิธีการศึกษาคนควา ข้อความในร้อยแก้วไม่จ�ากัดถ้อยค�าและประโยค จะเขียนให้สั้นหรือยาวเท่าไรก็ได้ ไม่มีการ
เพิ่มเติม เพื่อสรางความรูที่ถูกตองเกี่ยวกับ บังคับฉันทลักษณ์ แต่ต้องเขียนให้มีความหมายตรงตามตัวอักษรโดยขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของผู้ส่งสาร
การอานออกเสียง รวมถึงกลวิธีที่จะทําให การอ่านออกเสียงร้อยแก้ว หมายถึง การอ่านออกเสียงงานเขียนประเภทความเรียง โดย
การอานมีความไพเราะ จากนั้นจึงเผยแพร การเปล่งเสียงให้ถูกต้องตามอักขรวิธี น�้าเสียง จังหวะเสียงให้เป็นปกติเหมือนการพูด เหมาะสมกับ
ความรูไปสูคนรอบขาง) เรือ่ งทีอ่ า่ น เพือ่ ถ่ายทอดอารมณ์ไปสูผ่ ฟู้ งั ซึง่ จะท�าให้ผฟู้ งั เกิดอารมณ์รว่ มคล้อยตามไปกับเรือ่ ง การอ่าน
ออกเสียงร้อยแก้วจะเป็นพื้นฐานส�าคัญของการอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง
๒.๑ หลักการอ่านออกเสียงร้อยแก้ว
การอ่านออกเสียงร้อยแก้วจะต้องค�านึงถึงหลักเกณฑ์การอ่านให้ถูกต้องตามอักขรวิธีหรือตาม
ความนิยม ดังนี้
๑) อ่านให้ถูกต้องตามอักขรวิธี คือ การออกเสียงตามหลักเกณฑ์ของภาษาไทย เช่น
1
อ่านออกเสียงควบกล�า้
■
■ อ่านออกเสียงอักษรน�า
■ อ่านแบบเรียงพยางค์
สมาคม อ่านว่า สะ - มา - คม
บุษยา ” บุด - สะ - ยา
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ขอใดตอไปนี้ปรากฏคําที่อานออกเสียงควบกลํ้าแทมากที่สุด
ครูควรชี้แนะเพิ่มเติมใหแกนักเรียนวา การอานออกเสียงคําควบกลํ้าใหชัดเจน
1. ทรวดทรงของทรามเชยสวยงามจริงๆ
ถูกตอง มีสวนทําใหการอานออกเสียงในแตละครั้งมีความไพเราะ สละสลวย และมี
2. เศรษฐีสมชายสรางศาลาริมนํ้าใตตนไทร
เสนหชวนฟง ครูอาจชวยเพิ่มพูนทักษะการอานคําควบกลํ้าใหแกนักเรียนไดดวยการ
3. รางกายของเธอดูทรุดโทรมลงกวาแตกอน
เขียนคําควบกลํ้าแทบนกระดาน “กราดเกรี้ยว” “กริ้วโกรธ” “กริ่งเกรง” “เกรียงไกร”
4. คุณแมปรุงอาหารรสชาติกลมกลอมไมเปลี่ยนแปลง
เปนตน จากนั้นใหนักเรียนอานออกเสียงพรอมๆ กัน และแตงประโยคโดยใชคําขางตน
นําสงเปนรายบุคคล วิเคราะหคําตอบ การอานออกเสียงพยัญชนะควบกลํ้าในภาษาไทย
หากคําๆ นั้น มีพยัญชนะตนเปน ก ค ต ป พ และพยัญชนะตัวที่สองเปน
ร ล ว ใหออกเสียงพยัญชนะทั้ง 2 ตัวพรอมกันโดยไมมีเสียงสระคั่น แต
นักเรียนควรรู ถาพยัญชนะตนควบกับ ร แตออกเสียงเฉพาะตัวแรกหรือออกเสียงเปน
พยัญชนะอื่น เรียกคําควบกลํา้ ทีม่ ลี กั ษณะเชนนีว้ า คําควบกลํา้ ไมแท ขอ 1.
1 เสียงควบกลํ้า ในภาษาไทย คือ เสียงพยัญชนะตนสองเสียงประสมกับสระเสียง และขอ 2. ไมปรากฏคําควบกลํ้าแท ขอ 3. ปรากฏคําควบกลํ้าแท 1 คํา
เดียวกัน โดยมี ก ค ต ป พ เปนพยัญชนะเสียงทีห่ นึง่ และ ร ล ว เปนพยัญชนะเสียง คือ “กวา” ขอ 4. ปรากฏคําควบกลํ้าแท 3 คํา คือ “ปรุง” “กลมกลอม”
ที่สองโดยไมมีสระคั่น ซึ่งเรียกคําที่มีลักษณะนี้วา “คําควบกลํ้าแท” และ “เปลี่ยนแปลง” ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
6 คู่มือครู
ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expand Evaluate
ส�ารวจค้นหา Explore
1 แบงนักเรียนเปน 3 กลุม โดยมีสมาชิก
■ อ่านออกเสียงค�าบาลี สันสกฤต จํานวนเทาๆ กัน หรือเฉลีย่ ตามความเหมาะสม
จากนัน้ ใหสมาชิกลงมติเลือกประธานและเลขานุการ
เมรุ อ่านว่า เมน
กลุม เพื่อทําหนาที่กําหนดทิศทางการสืบคนและ
เมรุมาศ ” เม - รุ - มาด
จดบันทึกสาระสําคัญ ครูทําสลากจํานวน 3 ใบ
■ อ่านออกเสียงค�าสมาส โดยเขียนหมายเลข 1, 2 และ 3 พรอมระบุขอ ความ
ในแตละหมายเลข ประธานกลุมออกมาจับสลาก
พุทธศาสนา อ่านว่า พุด - ทะ - สาด - สะ - หฺนา ดังนี้
อุตสาหกรรม ” อุด - สา - หะ - ก�า
หมายเลข 1 แนวทางการอานออกเสียง
๒) อ่านตามความนิยม คือ การอ่านทีไ่ ม่ได้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ เน้นความไพเราะ และความ รอยแกว
นิยมทั่วไป เช่น หมายเลข 2 ปญหาที่พบในการอานออกเสียง
รอยแกว
อุดมคติ อ่านว่า อุ - ดม - คะ - ติ หรือ อุ - ดม - มะ - คะ - ติ หมายเลข 3 วิธีการอานออกเสียง
โบราณคดี ” โบ - ราน - คะ - ดี หรือ โบ - ราน - นะ - คะ - ดี รอยแกวที่เปนบทบรรยาย
ดิเรก ” ดิ - เหฺรก และบทพรรณนา
ผลไม้ ” ผน - ละ - ไม้
2 อธิบายความรู้ Explain
๓) การอ่านตัวย่อ ควรอ่านค�าเต็มของค�าที่ถูกย่อไว้ เช่น
กห. ได้งบฯ จาก กค. ปรับปรุงกองทัพ ๑๐ ล้าน อ่านว่า
ประธานกลุมหรือตัวแทนกลุมที่จับสลากได
กระทรวงกลาโหมได้งบประมาณจากกระทรวงการคลัง ปรับปรุงกองทัพ ๑๐ ล้าน
หมายเลข 1 ออกมาอธิบายความรูเ กีย่ วกับแนวทาง
การอานออกเสียงรอยแกวใหเพื่อนๆ ฟง
๔) การอ่านตัวเลขและเครื่องหมายต่างๆ มีหลักการที่ต่างกัน เช่น หนาชั้นเรียน พรอมระบุแหลงที่มาของขอมูล
■ การอ่านจ�านวนเลขตัง้ แต่ ๒ หลักขึน้ ไป ถ้าเลขต�าแหน่งท้ายเป็น ๑ ให้ออกเสียงว่า “เอ็ด” (แนวตอบ การอานออกเสียงรอยแกว ผูอานจะ
ตองศึกษาเกี่ยวกับอักขรวิธีในการอานคําควบกลํ้า
๑๑ อ่านว่า สิบ - เอ็ด
อักษรนํา คําสมาส คําบาลี สันสกฤต รูวาคําใด
๒๕๐๑ ” สอง - พัน - ห้า - ร้อย - เอ็ด
นิยมอานอยางไร เขาใจความหมายของอักษรยอ
■ การอ่านตัวเลขที่มีจุดทศนิยม ตัวเลขหน้าจุดทศนิยมอ่านแบบจ�านวนเต็ม ตัวเลขหลัง วิธีการอานตัวเลข ซึ่งความรู ความเขาใจเหลานี้
จุดทศนิยมให้อ่านแบบเรียงตัว เช่น สามารถคนควาไดจากพจนานุกรม หนังสือ
อานอยางไร เขียนอยางไร ซึ่งจัดพิมพโดย
๑.๒๓๔ อ่านว่า หฺนึ่ง - จุด - สอง - สาม - สี่ ราชบัณฑิตยสถานหรือสังเกตจากบุคคลตนแบบ
๕๙.๐๑๒ ” ห้า - สิบ - เก้า - จุด - สูน - หฺนึ่ง - สอง เชน ผูประกาศขาว ผูดําเนินรายการ เปนตน)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
คําในขอใดอานออกเสียงไดเพียงรูปแบบเดียว
1 อานออกเสียงคําบาลี สันสกฤต การใชตัวอักษรไทยเขียนคําบาลี สันสกฤต
1. สมาชิกภาพ
จะปรากฏเครื่องหมายนิคหิต ( ํ ) และพินทุ ( ฺ ) กํากับ ซึ่งเครื่องหมายทั้งสอง
2. สมานฉันท
มีวิธีการอานที่แตกตางกัน กลาวคือ คําภาษาบาลีที่มีเครื่องหมายนิคหิตกํากับให
3. สรรเสริญ
อานเหมือนมี ง เปนตัวสะกด เชน สรณํ อานวา สะ-ระ-นัง แตถาเปนคําภาษา
4. สังคายนา
สันสกฤตใหอานเหมือนมี ม เปนตัวสะกด เชน พุทฺธํ อานวา พุด-ทัม สวนคําที่มี
วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให ขอ 2. อานได 2 รูปแบบ คือ เครื่องหมายพินทุอยูขางใต ใหอานโดยใชพยัญชนะตัวนั้นเปนตัวสะกด เชน จิตฺต
สะ-มา-นะ-ฉัน และ สะ-หฺมาน-นะ-ฉัน ขอ 3. อานได 2 รูปแบบ คือ สัน-เสิน อานวา จิด-ตะ แตถามีพยัญชนะตอไปนี้ ย ร ล ว ตามหลังพยัญชนะที่มีเครื่องหมาย
และ สัน-ระ-เสิน ขอ 4. อานได 2 รูปแบบ คือ สัง-คา-ยะ-นา และ สัง-คาย- พินทุกํากับ ใหอานออกเสียงพยัญชนะที่มีเครื่องหมายพินทุกํากับเปนตัวสะกดของ
ยะ-นา สวนคําวา สมาชิกภาพ อานวา สะ-มา-ชิก-กะ-พาบ ไดเพียงรูปแบบ พยางคแรก และเปนพยัญชนะตนของพยางคที่สองโดยเติมเสียงสระ -ะ เชน จตฺวา
เดียวเทานั้น ดังนั้นจึงตอบขอ 1. อานวา จัด-ตะ-วา, ชิตฺวา อานวา ชิด-ตะ-วา
2 การอานตัวยอ โดยทั่วไปจะใชอักษรยอเมื่อเคยกลาวถึงคําเต็มของคํายอนั้นแลว
ซึ่งคํายอมักเปนคําที่คนสวนใหญคุนเคย
คู่มือครู 7
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ประธานกลุมหรือตัวแทนกลุมที่จับสลากได 1
หมายเลข 2 และ 3 ออกมาอธิบายความรู ■ การอ่านตัวเลขบอกเวลา
เกี่ยวกับปญหาที่พบในการอานออกเสียง
๒๓.๐๐ อ่านว่า ยี่ - สิบ - สาม - นา - ลิ - กา
รอยแกว และวิธีการอานออกเสียงรอยแกว ๑๒.๓๕ ” สิบ - สอง - นา - ลิ - กา - สาม - สิบ - ห้า - นา - ที
ทีเ่ ปนบทบรรยายและบทพรรณนาใหเพือ่ นๆ ฟง ๖ : ๓๐ : ๔๕ ” หก - นา - ลิ - กา - สาม - สิบ - นา - ที - สี่ - สิบ - ห้า -
หนาชั้นเรียน พรอมระบุแหลงที่มาของขอมูล วิ - นา - ที
2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับ
สิ่งที่ไดรับจากการคนควา และการฟงบรรยาย ■ การอ่านบ้านเลขที่ บ้านเลขทีม่ ตี วั เลข ๒ หลัก ให้อา่ นแบบจ�านวนเต็ม ถ้ามี ๓ หลักขึน้ ไป
ของเพื่อนๆ ผานขอคําถามของครู ให้อ่านเรียงตัวหรือจ�านวนเต็มก็ได้ แต่ตัวเลขหลังเครื่องหมาย / ให้อ่านเรียงตัว
• ปญหาที่พบเปนประจําเกี่ยวกับการอาน บ้านเลขที่ ๕๖/๓๙๒ อ่านว่า บ้าน - เลก - ที่ - ห้า - สิบ - หก - ทับ - สาม -
ออกเสียงในภาษาไทย ไดแกอะไรบาง เก้า - สอง
(แนวตอบ การอานคําในภาษาไทยผิดเพี้ยน บ้านเลขที่ ๖๕๓/๒๑ ” บ้าน - เลก - ที่ - หก - ห้า - สาม - ทับ - สอง -
เนื่องมาจากผูอานไมมีความรูเกี่ยวกับอักขรวิธี หฺนึ่ง หรือ
การอาน ไมใสใจ ละเลย หรือขาดการฝกฝน บ้าน - เลก - ที่ - หก - ร้อย - ห้า - สิบ - สาม - ทับ -
ซึง่ ปญหาทีพ่ บเปนประจํา ไดแก การออกเสียง สอง - หฺนึ่ง
วรรณยุกตผิด อานตูคํา อานตกหลน
อานคําเกิน เวนวรรคตอนไมถูกตอง ทําให ■ การอ่านเครื่องหมายไปยาลน้อย ให้อ่านเต็มค�าที่ย่อไว้
เสียความ อานโดยใชเสียงในระดับเดียวกัน กรุงเทพฯ อ่านว่า กฺรุง - เทบ - มะ - หา - นะ - คอน
ตลอดทั้งเรื่อง เปนตน) โปรดเกล้าฯ ” โปฺรด - เกฺล้า - โปฺรด - กฺระ - หฺม่อม
• การอานออกเสียงรอยแกวที่เปนบทบรรยาย ทูลเกล้าฯ ” ทูน - เกฺล้า - ทูน - กฺระ - หฺม่อม
แตกตางจากการอานที่เปนบทพรรณนา ล้นเกล้าฯ ” ล้น - เกฺล้า - ล้น - กฺระ - หฺม่อม
อยางไร
(แนวตอบ การอานออกเสียงรอยแกวที่เปน ■ การอ่านเครื่องหมายไปยาลใหญ่ ข้อความที่เขียนเครื่องหมาย ฯลฯ ไว้ท้ายข้อความ
บทพรรณนา ผูอานจะตองมีความสามารถ ให้อ่านว่า ละ หรือ และอื่นๆ เครื่องหมายไปยาลใหญ่ ที่อยู่ตรงกลางข้อความ ให้อ่านว่า ละถึง เช่น
ในการเลือกใชนํ้าเสียง เพื่อถายทอดอารมณ
ความรูสึกตางๆ ใหผูฟงเกิดจินตภาพ และ สิ่งของที่ซื้อขายกันในห้างสรรพสินค้ามีเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องส�าอาง ฯลฯ
อารมณความรูสึกคลอยตาม ในขณะที่การ อ่านว่า สิ่ง - ของ - ที่...เคฺรื่อง - ส�า - อาง - ละ
อานออกเสียงรอยแกวที่เปนบทบรรยาย สิ่ง - ของ - ที่...เคฺรื่อง - ส�า - อาง - และ - อื่น - อื่น
จะไมเนนเรื่องการถายทอดอารมณความรูสึก พยัญชนะไทย ๔๔ ตัว มี ก ฯลฯ ฮ
อ่านว่า พะ - ยัน - ชะ - นะ - ไท - สี่ - สิบ - สี่ - ตัว - มี - กอ - ละ - ถึง - ฮอ
มากนัก)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ประโยคในขอใดตอไปนี้อานออกเสียงไมยมกแตกตางจากขออื่น
1 การอานตัวเลข นอกจากที่ปรากฏในหนังสือเรียนแลว ยังมีวิธีการอานตัวเลข
1. เธอเห็นลูกแมวตัวสีดําๆ วิ่งมาทางนี้บางหรือไม
ที่ควรทราบไว คือ การอานตัวเลข ร.ศ. และ พ.ศ. ซึ่งอานไดถึง 4 แบบ ดังนี้
2. เด็กตัวเล็กๆ เมื่อตะกี้ เปนหลานชายของฉันเอง
ร.ศ. 112 (พ.ศ. 2436)
3. ในวันหนึ่งๆ ปาแกตองอาบเหงื่อตางนํ้าหาบของไปขายทุกวัน
อานวา รัด-ตะ-นะ-โก-สิน-สก-รอย-สิบ-สอง-ตรง-กับ-พุด-ทะ-สัก-กะ-หฺลาด-สอง-
4. ทุกๆ วัน แถวนี้จะเต็มไปดวยรถนานาชนิดที่ทําใหการจราจรคับคั่ง
พัน-สี่-รอย-สาม-สิบ-หก หรือ
อานวา รอ-สอ-รอย-สิบ-สอง-ตรง-กับ-พอ-สอ-สอง-สี่-สาม-หก หรือ วิเคราะหคําตอบ การอานเครื่องหมายไมยมก (ๆ) ที่ใชวางหลังคําหรือ
อานวา รัด-ตะ-นะ-โก-สิน-สก-รอย-สิบ-สอง-วง-เล็บ-เปด-พุด-ทะ-สัก-กะ-หฺลาด- ขอความที่ตองการใหอานออกเสียงซํ้า ซึ่งอาจซํ้าคําเดียวหรือมากกวาหนึ่งคํา
สอง-พัน-สี่-รอย-สาม-สิบ-หก-วง-เล็บ-ปด หรือ ก็ได แลวแตความหมาย การอานไมยมกจึงสามารถอานไดหลายแบบ เชน
อานวา รอ-สอ-รอย-สิบ-สอง-วง-เล็บ-เปด-พอ-สอ-สอง-สี่-สาม-หก-วง-เล็บ-ปด อานซํ้าคํา ของดีๆ อานวา ของ-ดี-ดี อานซํ้ากลุมคํา เชน วันละคนๆ อานวา
วัน-ละ-คน-วัน-ละ-คน อานซํ้าประโยค เชน โอเลี้ยงมาแลวครับๆ อานวา
โอ-เลี้ยง-มา-แลว-คฺรับ-โอ-เลี้ยง-มา-แลว-คฺรับ จากตัวเลือกที่กําหนด ขอ 1.
อานวา สี-ดํา-ดํา ขอ 2. อานวา ตัว-เล็ก-เล็ก ขอ 4. อานวา ทุก-ทุก-วัน
สวนขอ 3. อานวา ไน-วัน-หฺนึ่ง-วัน-หฺนึ่ง ดังนั้นจึงตอบขอ 3.
8 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนใชความรู ความเขาใจเกี่ยวกับ
๕) อ่านนามเฉพาะ (วิสามานยนาม) เช่น สถานที่ ถนน ต�าบล ชื่อบุคคล ชื่อสกุล ต้องอ่าน เครื่องหมายที่ใชสําหรับการอานออกเสียง
ตามความต้องการของผู้เป็นเจ้าของ เช่น ทําแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.2 ตอนที่ 1 หนวยที่ 1
กิจกรรมตามตัวชี้วัด กิจกรรมที่ 1.2
จตุรพักตรพิมาน อ่านว่า จะ - ตุ - ระ - พัก - พิ - มาน (อ�าเภอในจังหวัดร้อยเอ็ด)
บ้านแพรก ” บ้าน - แพฺรก (อ�าเภอในจังหวัดลพบุรี) ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ภาษาไทย ม.2 กิจกรรมที่ 1.2
กันตวจรมวล ” กัน - ตวด - ระ - มวน (อ�าเภอในจังหวัดสุรินทร์) เรื่อง เครื่องหมายที่ใช้ในการอานออกเสียง
จิตรลดารโหฐาน ” จิด - ละ - ดา - ระ - โห - ถาน คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๒ ใหนักเรียนบอกหนาที่ของเครื่องหมายที่ใชเวนวรรค õ
ราชบัณฑิตยสถาน ” ราด - ชะ - บัน - ดิด - ตะ - ยะ - สะ - ถาน ในการอานบทรอยแกว (ท ๑.๑ ม.๒/๑)
//
การออกเสียงให้มรี ะดับเสียงถูกต้องตามส�าเนียงของเจ้าของภาษา ไม่เพีย้ นเสียงวรรณยุกต์ ___
เวนวรรคยาว คัน่ ระหวางคําเมือ่ อานจบขอความหลัก จะเวนวรรคยาวกวา / เล็กนอย
..........................................................................................................................................................................................................................
ขีดใตคํา คําที่เนนเสียงหนัก
..........................................................................................................................................................................................................................
เขียนบนคําที่ตองการเนนเสียงสูง
..........................................................................................................................................................................................................................
V
เขียนบนคําที่ตองการเนนเสียงตํ่า
๒.๒ การฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยแก้ว
..........................................................................................................................................................................................................................
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๓ ใหนักเรียนสรุปหลักการอานออกเสียงบทรอยแกว õ
งานเขียนร้อยแก้วที่จะน�ามาฝึกอ่านมีหลายประเภท ในที่นี้จะยกตัวอย่างแบบฝึกการอ่าน (ท ๑.๑ ม.๒/๑,๘) ฉบับ
เฉลย
ฝกใสอารมณใหถูกตองเหมาะสมกับเนื้อเรื่อง
.................................................................................................................................................................................................................................................
การอานบทพรรณนาผูอานตองใชนํ้าเสียงใหเหมาะกับบรรยากาศของเรื่อง ถาเปน
..................................................................................................................................................................................................................................................
เรือ่ งมอม งานประพันธ์ของหม่อมราชวงศ์คกึ ฤทธิ์ ปราโมช โดยสังเกตการใช้ถอ้ ยค�า ส�านวน ฝึกออกเสียง บรรยากาศสดชื่นสวยงาม ควรใชนํ้าเสียงสดชื่นเบิกบาน และถาเปนบรรยากาศเศราก็ควร
..................................................................................................................................................................................................................................................
จะใชนํ้าเสียงสั่นเครือและจะตองออกเสียงอักขระใหถูกตอง ชัดเจน
.................................................................................................................................................................................................................................................
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
บุคคลใดปฏิบัติไดถูกตองและเหมาะสมเมื่ออานออกเสียงขอความที่เปน
การอานออกเสียงที่มีประสิทธิภาพเกิดขึ้นจากปจจัยตางๆ เชน สายตา นํ้าเสียง
ชื่อ-นามสกุลของผูอื่น
และอารมณในการอาน ซึ่งการอานออกเสียงใหผูอื่นฟง หรือการประกอบอาชีพที่จะ
1. ธิดาพรอานตามที่เคยไดยินมา
ตองใชทักษะการอานออกเสียง เชน ผูประกาศขาว ผูดําเนินรายการ ปจจัยเรื่อง
2. กนกอรอานตามความเขาใจของตนเอง
สายตา เสียงและอารมณอยางเดียวอาจไมเพียงพอ แตจะตองประกอบดวยบุคลิกภาพ
3. วันดีอานตามที่บัญญัติไวในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
หรือการแสดงทาทางในขณะที่อาน
4. กรรวีอานดวยความระมัดระวัง เมื่อไมแนใจจึงสอบถามผูรู
ครูควรจัดเตรียมแบบฝกประเภทขาวในพระราชสํานัก ความยาวไมเกิน 10 บรรทัด
หรือผูเปนเจาของชื่อ-นามสกุลนั้น
มาใหนักเรียนฝกอาน และรวมถึงฝกการวางบุคลิกภาพใหเหมาะสม หรืออาจให
วิเคราะหคําตอบ การอานออกเสียงชือ่ -นามสกุลของผูอ นื่ และหมายรวมถึง นักเรียนเขียนสคริปขึ้นเองเพื่อทําหนาที่เปนผูด าํ เนินรายการโทรทัศน ฝกการใช
ชื่อสถานที่ตางๆ ซึ่งคําเหลานี้เปนคําวิสามานยนาม หรือนามที่เปนชื่อเฉพาะ นํา้ เสียง และการแสดงทาทางใหเหมาะสมในขณะที่พูด สุมเรียกนักเรียนเพื่อใหออกมา
เมื่อจะตองอานออกเสียง ผูอานจะตองอานดวยความระมัดระวัง หาก นําเสนอหนาชั้นเรียน ซึ่งการปฏิบัติกิจกรรมดังกลาวจะทําใหนักเรียนไดฝกการใช
ไมแนใจควรสอบถามผูรู หรือเจาของชื่อ ไมควรอานตามที่ไดยินมา หรือตาม สายตา นํ้าเสียง อารมณ และการวางบุคลิกภาพ สามารถนําไปปรับใชใหเกิดประโยชน
ความเขาใจของตนเอง แมจะอานถูกตองตามพจนานุกรม แตที่เหมาะสม ในชีวิตประจําวันของตนเองตอไป
ควรอานตามความตองการของผูเปนเจาของชื่อ ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
คู่มือครู 9
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนรวมกันสนทนาเกี่ยวกับเรื่อง มอม หรือ
รวมกันยกตัวอยางเรื่องสั้นที่นักเรียนอานแลว แบบฝึกอ่านออกเสียงบทบรรยาย
ประทับใจ สลับกันเลาเรื่องยอใหเพื่อนๆ
รวมชั้นเรียนฟง มอม
2. นักเรียนรวมกันฝกปฏิบัติอานออกเสียง
มอมมันโตวันโตคืนกลายเป็นหนุม่ ใหญ่/แม่หายไปจากโลกของมัน/ซึง่ เดีย๋ วนีเ้ หลือแต่นาย//
บทบรรยายในเรื่อง มอม จากหนังสือเรียน
มอมไม่ได้รกั นายเท่าชีวติ /แต่นายเป็นชีวติ ของมอม//เช้าขึน้ นายหายไปจากบ้าน/มันก็รสู้ กึ ว่าชีวติ
ภาษาไทย หนา 10 โดยครูคอยชี้แนะและ
มันว่างเปล่า/แต่มอมรูว้ า่ ตกบ่ายก็ตอ้ งกลับ//ฉะนัน้ ตามปกติ/มันก็ไม่เดือดร้อนเท่าไรนัก//มอมใช้
สังเกตการมีสวนรวมของนักเรียนแตละคน เวลาทีน่ ายไม่อยูห่ าอะไรกินบ้าง/เล่นกับหนูบา้ ง/บางทีหนูกด็ งึ หูดงึ หางมัน/เล่นกับมันเจ็บๆ/แต่มอม
3. นักเรียนใชความรู ความเขาใจเกีย่ วกับแนวทาง มันก็ทนได้/เพราะกลิน่ ของนายติดอยูท่ ต่ี วั ของหนู/เหมือนกับคนๆ เดียวกัน/ชัว่ แต่วา่ หนูตวั เล็กกว่า//
การอานออกเสียงรอยแกว และบทรอยกรอง บางทีมอมมันก็ออกไปเทีย่ วนอกบ้าน/เดินไปก็ดมกลิน่ อะไรต่ออะไรไป/กลิน่ คนแปลกๆ ทีต่ ดิ อยูต่ าม
ทําแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.2 ตอนที่ 1 ทางเดิน/กลิน่ หนูทอี่ อกหากินตามถังขยะ/ในเวลากลางคืน/กลิน่ หมาบ้านใกล้เรือนเคียง/และหมา
หนวยที่ 1 กิจกรรมตามตัวชี้วัด กิจกรรมที่ 1.3 กลางถนน/ทัง้ ตัวผูต้ วั เมีย//เมือ่ มอมตัวยังเล็กอยู/่ มันไม่คอ่ ยกล้าออกจากบ้าน/เพราะหมาอืน่ ๆ มัน
รุมกันเห่า/มันรุมกันกัด/แต่เดีย๋ วนีม้ อมตัวโตกว่าหมาอืน่ /พอออกนอกบ้านถึงหมาอืน่ จะเห่า/แต่ก็
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ วิง่ หนีมอมทุกตัวไป//ในบรรดาหมาตัวผูใ้ นละแวกบ้าน/มอมมันเคยแสดงฝีมอื ให้ปรากฏมาแล้ว//
ภาษาไทย ม.2 กิจกรรมที่ 1.3
เรื่อง หลักการอานออกเสียงร้อยแก้ว ไอ้ตวั ไหนทีเ่ คยเป็นจ่าฝูง/เป็นหัวโจก/มอมมันก็เคยปราบมาแล้ว//ตามธรรมเนียมหมานัน้ //ถ้าจะ
ออกจากบ้านไปไหน/จะต้องถ่ายปัสสาวะรายทางไว้/ส�าหรับดมกลิ่นของตนเองกลับบ้านได้ถูก
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๒ ใหนักเรียนบอกหนาที่ของเครื่องหมายที่ใชเวนวรรค
ในการอานบทรอยแกว (ท ๑.๑ ม.๒/๑)
õ ที่/ที่จะถ่ายรดนั้น/ก็ต้องเป็นที่สังเกตได้ง่าย/สูงเพียงระดับจมูก/ไม่ต้องก้มลงดมให้เสียเวลา//
/ เวนวรรคนอย คั่นระหวางคําเมื่อจบขอความหนึ่งๆ เพื่อหยุดพักหายใจ
..........................................................................................................................................................................................................................
เป็นต้นว่า/เสาไฟฟ้าหรือต้นไม้ขา้ งทาง/ออกจากบ้านเดินไป/ก็ตอ้ งยกขาถ่ายรดเอาไว้เป็นส�าคัญ/
___
// เวนวรรคยาว คัน่ ระหวางคําเมือ่ อานจบขอความหลัก จะเวนวรรคยาวกวา / เล็กนอย
..........................................................................................................................................................................................................................
ขีดใตคํา คําที่เนนเสียงหนัก
แต่ถ้ามีหมาตัวอื่นมาถ่ายทับเสีย/กลิ่นนั้นก็เพี้ยนไป/อาจถึงกลับบ้านไม่ถูก/หรืออย่างน้อยก็ต้อง
..........................................................................................................................................................................................................................
เขียนบนคํา เมื่อเปนคําที่ตองทอดเสียง
.......................................................................................................................................................................................................................... ล�าบากทุลกั ทุเล//การถ่ายปัสสาวะรดทีต่ วั อืน่ ท�าไว้แล้ว/จึงเป็นอนันตริยกรรมของสุนขั /อภัยให้กนั
^
V
เขียนบนคําที่ตองการเนนเสียงสูง
..........................................................................................................................................................................................................................
เขียนบนคําที่ตองการเนนเสียงตํ่า
..........................................................................................................................................................................................................................
ไม่ได้/แล้วถ้าท�ากันต่อหน้าก็เป็นการท้าทายกันโดยตรง/เป็นการท�าลายเกียรติของหมาตัวผู้ด้วย
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กัน/แสดงว่าหมดความเกรงใจนับถือกัน/ต้องต่อสู้จนแพ้กันไปข้างหนึ่ง//มอมมันเคยถูกท้าทาย
กิจกรรมที่ ๑.๓ ใหนักเรียนสรุปหลักการอานออกเสียงบทรอยแกว õ
(ท ๑.๑ ม.๒/๑,๘) ฉบับ
เฉลย
ด้วยวิธีนี้มามาก/แต่มันก็สู้จนเอาชนะได้ทุกตัว/บางทีมันกลับบ้านเป็นแผลยับไปตามหน้าและ
การอานบทบรรยาย แข้งขา/นายผู้หญิงต้องคอยล้างแผลใส่ยาให้/หลังจากนั้นมันก็จะถูกขังไปสองสามวัน/แล้วมันก็
ตองรูจักสังเกตการใชถอยคํา สํานวน การเวนวรรค การเวนจังหวะหายใจ พยายาม
.................................................................................................................................................................................................................................................. แอบหนีไปเที่ยวนอกบ้านได้อีก// 1
ศึกษาและทําความเขาใจวาเนื้อหากลาวถึงอะไรบาง และมีใจความสําคัญอยางไร อีกทั้งควร
..................................................................................................................................................................................................................................................
ฝกใสอารมณใหถูกตองเหมาะสมกับเนื้อเรื่อง
.................................................................................................................................................................................................................................................
(มอม:
(มอม: ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช)
การอานบทพรรณนา
จากแบบฝึกอ่าน เรือ่ ง มอม บทประพันธ์ของหม่อมราชวงศ์คกึ ฤทธิ์ ปราโมช เป็นบทบรรยายที่
การอานบทพรรณนาผูอานตองใชนํ้าเสียงใหเหมาะกับบรรยากาศของเรื่อง ถาเปน
ท�าให้ผู้อ่านได้รู้จักกับตัวละครเอกและตัวละครรองของเรื่อง ดังนั้น การอ่านบทบรรยายจากเรื่อง
..................................................................................................................................................................................................................................................
10
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
การใชเสียงและการสรางอารมณในการอานมีความสัมพันธกันอยางไร
ครูอาจเสริมสรางทักษะความชํานาญเกี่ยวกับการอานออกเสียงบทบรรยายใหแก
หากนักเรียนตองการใหการอานออกเสียงในแตละครั้งสามารถใชนํ้าเสียงได
นักเรียนดวยการเตรียมแบบฝก โดยอาจตัดตอนไดจากหนังสือเรื่อง ถกเขมร
ตรงกับอารมณของเรื่อง จะมีแนวทางปฏิบัติตนอยางไร จงแสดงความคิดเห็น
ของหมอมราชวงศคึกฤทธิ์ ปราโมช หรือจากหนังสือเรื่องอื่นๆ ที่มีบทบรรยายที่โดดเดน
มาใหนักเรียนฝกอานรวมกัน ควรสังเกตทักษะและพฤติกรรมขณะที่อาน เพื่อแนะนํา แนวตอบ การอานออกเสียงใหเกิดประสิทธิภาพ อารมณของผูอานจะตอง
ใหแกไขเปนรายบุคคล มีความสอดคลองกับเรื่อง เมื่อมีอารมณสอดคลองตองกันจะทําใหผูอาน
เปลงเสียงออกมาสัมพันธกับอารมณของเรื่อง ไมอานเนือยๆ ไรอารมณ เชน
ถาอานเรื่องเศรา ก็จะตองใชนํ้าเสียงเบาลงกวาปกติ ทําเสียงเครือให
นักเรียนควรรู เหมาะสมกับบทอาน ซึ่งผูอานแตละคนควรเตรียมตัวพิจารณาเนื้อความ
ที่จะอานมาลวงหนา จัดแบงวรรคตอน ฝกออกเสียงใหถูกตอง ออกแบบ
1 มอม เปนเรื่องสั้นที่แตงโดย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เนื้อหาสาระเปนเรื่องราว นํ้าเสียงใหเหมาะสมกับอารมณของบทอาน
ของสุนัขพันธุผสมที่มีความรักและซื่อสัตยตอนายอยางที่สุด ซึ่งเรื่องมอมไดนํามาใช
เปนบทเรียนในหนังสือวิชาภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษา
10 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนรวมกันฝกปฏิบัติอานออกเสียง
๒) การอ่านบทพรรณนา บทพรรณนาเป็นงานเขียนทีส่ อดแทรกอารมณ์ ความรูส้ กึ ของผูเ้ ขียน บทพรรณนาในเรื่อง กามนิต จากหนังสือเรียน
ทีม่ ตี อ่ สิง่ ใดสิง่ หนึง่ เพือ่ ให้ผอู้ า่ นเกิดความซาบซึง้ ประทับใจ และคล้อยตาม โดยผูเ้ ขียนเลือกใช้ถอ้ ยค�าที่ ภาษาไทย หนา 11 โดยครูคอยชี้แนะและ
ไพเราะ สร้างจินตภาพ สังเกตการมีสวนรวมของนักเรียนแตละคน
2. นักเรียนรวมกันฝกอานบทพรรณนา ซึ่งครู
แบบฝึกอ่านออกเสียงบทพรรณนา ผูสอนเปนผูจัดเตรียม
ขณะพระองค์เสด็จมาใกล้เบญจคีรนี คร/คือราชคฤห์/เป็นเวลาจวนสิน้ ทิวาวาร//แดดในยามเย็น ขยายความเข้าใจ Expand
ก�าลังอ่อนลงสูส่ มัยใกล้วกิ าล /ทอแสงแผ่ซา่ นไปยังสาลีเกษตร//แลละลิว่ /เห็นเป็นทาง/สว่างไปทัว่
ประเทศ/สุดสายตา//ดูประหนึ่งมีหัตถ์ทิพย์มาปกแผ่อ�านวยสวัสดี//เบื้องบนมีกลุ่มเมฆเป็นคลื่น จากความรู ความเขาใจเกี่ยวกับเครื่องหมาย
ซ้อนซับสลับกัน/เป็นทิวแถว/ต้องแสงแดดจับเป็นสีระยับ/วะวับแวว/ประหนึ่งเอาทรายทองมา ที่ใชสําหรับการอานออกเสียง และแนวทาง
โปรยปรายเลือ่ นลอย/ลิว่ ๆ เรีย่ ๆ ราย/ลงจรดขอบฟ้า//ชาวนาและโคก็เมือ่ ยล้าด้วยตรากตร�าท�างาน// การอานออกเสียงรอยแกวและบทรอยกรอง
ต่างพากันเดินดุ่มๆ เดินกลับเคหสถาน/เห็นไรๆ//เงาหมู่ไม้อันโดดเดี่ยวอยู่กอเดียวก็ยืดยาว/ นักเรียนทําแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.2 ตอนที่ 1
ออกมาทุกทีๆ//มีขอบปริมณฑลเป็นรัศมีแห่งสีรุ้ง//อันก�าแพงเชิงเทินป้อมปราการที่ล้อมกรุง/ หนวยที่ 1 กิจกรรมตามตัวชี้วัด กิจกรรมที่ 1.4
รวมทั้งทวารบถทางเข้านครเล่า/มองดูในขณะนั้น เห็นรูปเค้าได้ชัดถนัดแจ้ง/ดั่งว่านิรมิตไว้//มี
สุมทุมพุ่มไม้/ดอกออกดก/โอบอ้อมล้อมแน่นเป็นขนัด//ถัดไปเป็นทิวเขาสูงตระหง่าน/มีสีในเวลา ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
ตะวันยอแสง/ปานจะฉายเอาไว้/เพื่อจะแข่งกับแสงสีมณีวิเศษ/มีบุษราคบรรณฑรวรรณ/แลก่อง ภาษาไทย ม.2 กิจกรรมที่ 1.4
แก้วโกเมน/แม้รวมกันให้พ่ายแพ้ฉะนั้น//พระตถาคตเจ้าทอดพระเนตรภูมิประเทศดั่งนี้/พลาง เรื่อง การอานออกเสียงร้อยแก้ว
รอพระบาทยุคลหยุดเสด็จพระด�าเนิน/มีพระหฤทัยเปี่ยมด้วยโสมนัสอินทรีย์/ในภูมิภาพที่ทรง คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๔ ฝกอานออกเสียงบทรอยแกว ออกเสียงใหชัดเจน ñð
จ�ามาได้แต่กาลก่อน/เช่น/ยอดเขากาฬกูฏ/ไวบูลยบรรพต/อิสิคิลิ/และคิชฌกูฏ/ซึ่งสูงตระหง่าน และเวนวรรคใหถูกตอง (ท ๑.๑ ม.๒/๑,๘)
พระอภิสัมโพธิญาณ/ได้เคยประทับส�าราญพระอิริยาบถอยู่ในที่นั้นเป็นครั้งแรก/ก่อนที่จะเสด็จ มัน…
ฉันหยิบมันขึ้นมาพินิจ ความใสของเนื้อหินและเสนสีชมพูบางๆ นั่น ทําใหรูสึกวา
11
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดแบงวรรคตอนในการอานออกเสียงไดถูกตอง
แบบฝกอานบทพรรณนาบทนี้เพิ่มเติมจากหนังสือเรียน เพื่อใหครูนําไปใหนักเรียน
1. ในการดูตาสําคัญ / ที่สุด / ในการฟงหูสําคัญ / ที่สุด
ฝกทักษะการอานออกเสียงรอยแกวรวมกันในกระบวนการขั้นอธิบายความรู
2. ในการดูตาสําคัญที่สุด / ในการฟงหูสําคัญที่สุด
“...เสียงรํ่าไหสะอึกสะอื้นของแมเฒา ดังผสานเสียงรินไหลของสายนํ้ามูล เชาวันนั้น
3. ในการดู / ตาสําคัญที่สุด / ในการฟง / หูสําคัญที่สุด
แมคอยๆ แผวเบาลงดวยความอิดโรย แตก็ทําใหบรรยากาศแหงความเวทนาสงสาร
4. ในการดูตา / สําคัญที่สุด / ในการฟงหู / สําคัญที่สุด
ปกคลุมไปทั่วทั้งคุงนํ้า ชวงที่ไหลผานบานตากลาง หมูบานคนเลี้ยงชางแหงอําเภอ
วิเคราะหคําตอบ การอานออกเสียง การแบงวรรคตอนในการอานใหถกู ตอง ทาตูม จังหวัดสุรินทร ไมไกลกัน ลูกชายของหลอนซึ่งอยูในสภาพที่ทรุดโทรม
มีความสําคัญเปนอยางยิ่ง เพราะหากผูอานแบงวรรคตอนในการอานผิด ทั้งรางกายและจิตใจ ไมตางอะไรกับนักสูผูปราชัยในการศึกยืดเยื้อนานถึงสองวัน
จะสงผลใหผูฟงไมเขาใจเนื้อหาสาระ เพราะตีความผิดพลาดคลาดเคลื่อน สองคืน กําลังลงมีดชําแหละราง “แมคําแปน” ที่ไรวิญญาณ อยูอยางอิดโรย เนิบนาบ
การแบงวรรคตอนทีถ่ กู ตอง นอกจากจะยึดจากชวงจังหวะหยุดพักหายใจของ ปลายมีดที่กดลงไปบนหนั่นเนื้อแนนและเหนียวแตละครั้ง ไมตางจากคมมีดที่กรีดลึก
ผูอ า นแลว ตองยึดเนือ้ หาเปนสําคัญ ไมควรแบงวรรคตอนแลวทําใหเสียความ ลงในจิตวิญญาณลูกชายคนเลี้ยงชาง...” (แมคําแปน โศกนาฏกรรมริมฝงมูล: ธีรภาพ
ดังนั้นจึงตอบขอ 3. โลหิตกุล)
คู่มือครู 11
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูกระตุน ความสนใจเพือ่ นําเขาสูห วั ขอการเรียน
การสอน ดวยการเปดคลิปเสียงการเหชมกระบวนเรือ จรด อ่านว่า จะ - หฺรด หมายถึง เข้าไปชิด
พระราชพิธีใหนักเรียนฟง จากนั้นตั้งคําถามวา ตถาคต ” ตะ - ถา - คด ” พระพุทธเจ้า
• เมื่อไดฟงบทเหชมกระบวนเรือจบลงแลว ทวารบถ ” ทะ - วา - ระ - บด ” ทางเข้าออก
นักเรียนมีความรูสึกอยางไร กาฬกูฏ ” กา - ละ - กูด ” ยอดสีด�า
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ไวบูลยบรรพต ” ไว - บูน - ยะ - บัน - พด ” ภูเขาที่สมบูรณ์
ไดอยางอิสระ) พระเยาวกาล ” พฺระ - เยา - วะ - กาน ” เวลาที่ยังยาวอยู่
• จากบทเหชมกระบวนเรือที่ไดฟง นักเรียน อิฏฐารมณ์ ” อิด - ถา - รม ” อารมณ์ สิง่ ทีน่ า่ ปรารถนา
คิดวาผูเหมีกลวิธีพิเศษอยางไร ที่ทําใหบทเห ผงม ” ผะ - หฺงม ” ประคบประหงม
มีความไพเราะ
(แนวตอบ ผูเหจะตองมีความรู ความเขาใจ ๓ การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง
เกี่ยวกับฉันทลักษณของบทรอยกรองแตละ
ร้อยกรอง เป็นบทประพันธ์ที่แต่งตามลักษณะข้อบังคับของฉันทลักษณ์ เช่น บังคับจ�านวนค�า
ประเภทเปนอยางดี เพื่อแบงวรรคตอน
ในการอานไดถูกตอง นอกจากนี้ตองเปน สัมผัส เสียงหนัก เบา เป็นต้น ร้อยกรองแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ ๖ ประเภท คือ โคลง ฉันท์ กาพย์
ผูมีจิตใจละเอียดออน มีความสามารถในการ กลอน ร่าย และลิลิต
ตีความเนื้อหาสาระ เพราะหากผูเหมีความ การอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง 1คือ การอ่านบทร้อยกรองแต่ละประเภทให้ไพเราะตามลีลา
เขาใจในเนื้อหาสาระ รูวากลาวถึงอะไร อารมณ์ ท�านองฉันทลักษณ์ของร้อยกรองประเภทนั้นๆๆ โดยผู้อ่านต้องฝึกฝนทักษะการอ่าน ฝึกการใช้
เพื่ออะไร ก็จะสามารถออกแบบการใช น�้าเสียง เพื่อให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ จินตนาการตามเนื้อเรื่อง
นํ้าเสียงใหเขากับเนื้อความไดโดยงาย กอให
๓.๑ หลักการฝึกอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง
เกิดความไพเราะ เหมาะสม เปนทวงทํานอง
ที่นาฟง) การอ่านออกเสียงบทร้อยกรองให้ถูกต้อง ไพเราะ ควรค�
2 านึงถึงหลักการอ่าน ดังนี้
• เพราะเหตุใดการอานออกเสียงบทรอยแกว ๑. ฝึกอ่านให้ถูกต้องตามท�านองและลีลาของลักษณะค�าประพันธ์
กับการอานออกเสียงบทรอยกรองจึงมี ๒. ฝึกอ่านออกเสียงอักขระ ค�าควบกล�้า ให้ถูกต้องชัดเจน
ทวงทํานองในการอานแตกตางกัน ๓. ฝึกอ่านเอื้อเสียงสัมผัส เพื่อให้เกิดความไพเราะ เช่น
(แนวตอบ เพราะบทรอยกรองมีการบังคับ ■ “ข้าขอเคารพอภิวันท์” ค�าว่า อภิวันท์ ต้องอ่านว่า อบ - พิ - วัน เพื่อเอื้อเสียงให้สัมผัส
จํานวนคํา จํานวนวรรค และเสียงวรรณยุกต กับค�าว่า เคารพ
หรือที่เรียกวาฉันทลักษณ ซึ่งฉันทลักษณ ■ “มิใช่จักลืมคุณกรุณา” ค�าว่า กรุณา ต้องอ่านว่า กะ - รุน - นา เพื่อเอื้อเสียงให้สัมผัส
เปนสิ่งกําหนดทวงทํานองในการอาน กับค�าว่า คุณ
ในขณะที่บทรอยแกวมีลักษณะเปนความเรียง ๔. ฝึกอ่านให้เต็มเสียงและต่อเนื่อง ไม่ขาดเป็นห้วงๆ ฝึกสอดแทรกอารมณ์ให้เหมาะสม
ที่สละสลวย ไมมีการกําหนดจํานวนคํา กับเนื้อเรื่อง
จํานวนวรรค จึงไมมีทวงทํานองขณะอาน
แตถึงอยางไรการอานออกเสียงบทรอยแกว
ผูอานก็จะตองแบงวรรคตอนในการอาน 12
ใหเหมาะสม เกิดเปนชวงจังหวะ และสือ่ ความ
ไดชัดเจน)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
เพราะเหตุใดการอานออกเสียงบทรอยกรองจึงตองมีการใสทว งทํานอง
1 ฉันทลักษณของรอยกรอง กวีที่ดีจะเลือกใชฉันทลักษณที่มีความเหมาะสม โดยมี
ในขณะอาน
ลีลาและเสียงสอดคลองกับเนื้อหาและอารมณของเรื่อง ซึ่งจะทําใหผูฟงเขาถึงอารมณ
ของเรื่อง และไดรับสุนทรียทางดานเสียงอยางลึกซึ้ง แนวตอบ ตัง้ แตสมัยโบราณคนไทยเปนคนเจาบท เจากลอน ถอยคํา สํานวน
2 ถูกตองตามทํานองและลีลา การอานออกเสียงบทรอยกรองใหถูกตองตามทํานอง ที่ใชอยูในชีวิตประจําวันจึงมักมีเสียงสัมผัสคลองจอง ภาษาไทยเปนภาษา
และลักษณะคําประพันธ เปนสวนสําคัญในการอานออกเสียงบทรอยกรอง เพราะจังหวะ ดนตรี มีเอกลักษณเฉพาะตัว เมื่อนํามารอยเรียงตอกันจึงทําใหเกิดเปน
และทวงทํานองของฉันทลักษณที่แตกตางกันจะใหอารมณความรูสึกที่แตกตางกัน บทรอยกรอง ซึ่งการอานบทรอยกรอง ถาอานในใจก็จะไดประโยชนเฉพาะ
ตัวผูอาน ไมวาจะเปนทวงทํานองที่ไพเราะ หรือความซาบซึ้งในเนื้อหาสาระ
ดังนั้น การอานออกเสียงบทรอยกรองเปนทํานองจึงไดเกิดขึ้น และหากอาน
มุม IT โดยใชกระแสเสียงเพียงเสียงเดียว ก็จะทําใหผูฟงไมไดรับอรรถรสจากการฟง
เทาที่ควร ทั้งยังไมสามารถจินตนาการเกี่ยวกับเรื่องที่ฟงไดอยางเต็มที่
นักเรียนสามารถเขาไปสืบคนเพิ่มเติมเกี่ยวกับฉันทลักษณของบทรอยกรองไทย การใสทวงทํานองขณะอานออกเสียงบทรอยกรอง จึงเทากับเปนการเพิ่ม
ไดจากเว็บไซต http://kanchanapisek.or.th/kp6/Book17/chapter2/chap2.htm อรรถรสในการฟง ทําใหไมนาเบื่อ และสงเสริมจินตนาการ
12 คู่มือครู
ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expand Evaluate
ส�ารวจค้นหา Explore
แบงนักเรียนเปน 4 กลุม ในจํานวนเทาๆ กัน
๕. ฝึกอ่านเว้นวรรคตอนให้เหมาะกับเนือ้ หา บางครัง้ ต้องอ่านรวบค�า หรือผ่อนเสียงตามเนือ้ หา หรือเฉลี่ยตามความเหมาะสม ครูทําสลากจํานวน
เช่น “แขกเต้าจับเต่าร้างร้อง” ต้องอ่านว่า แขกเต้า-จับเต่าร้าง-ร้อง หมายถึง นกแขกเต้าจับต้นเต่าร้าง 4 ใบ พรอมระบุขอความในแตละหมายเลข
ส่งเสียงร้อง ถ้าหากอ่านเว้นวรรคตอนผิดความหมายจะผิดไปจากเดิม จากนั้นใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมาจับสลาก
๖. ฝึกอ่านจากครูผู้สอนที่มีทักษะในการอ่านที่ถูกต้อง หรือฝึกอ่านจากอุปกรณ์บันทึกเสียง ประเด็นสําหรับการสืบคนความรูรวมกัน ดังนี้
จะช่วยให้เข้าใจศิลปะการออกเสียง เช่น การเอือ้ นเสียง การหลบเสียง การครัน่ เสียง การกระแทกเสียง
1 หมายเลข 1 การอานออกเสียงกลอนบทละคร
การทอดเสียง เพื่อน�าทักษะดังกล่าวมาปฏิบัติด้วยตนเอง หมายเลข 2 การอานออกเสียงกลอนเพลงยาว
การเอือ้ นเสียง หมายถึง การลากเสียงให้เข้าจังหวะและไว้หางเสียงเพือ่ ความไพเราะ หมายเลข 3 การอานออกเสียงกลอนนิทาน
การหลบเสียง หมายถึง การปรับระดับเสียงที่สูงเกินไปหรือต�่าเกินไปให้พอดีกับ หมายเลข 4 การอานออกเสียงกาพยหอ โคลง
ระดับเสียงของตน สมาชิกทุกคนภายในกลุม รวมกันสืบคนความรู
การครั่นเสียง หมายถึง การท�าเสียงสะเทือน ให้สะดุด ฟังแล้วรู้สึกเศร้าสร้อย จากแหลงขอมูลตางๆ ทีเ่ ขาถึงได และมีความ
การกระแทกเสียง หมายถึง การกระชากเสียงให้ดังกว่าปกติเพื่อแสดงอารมณ์ของ นาเชือ่ ถือ สรุปขอมูลทีเ่ ปนประโยชน เหมาะสม
บทอ่าน เช่น โกรธ ไม่พอใจ หรือต้องการเน้นเสียงให้เห็นถึง ทีจ่ ะนําเสนอหนาชัน้ เรียน โดยใหมคี วามครอบคลุม
เนื้อความที่เป็นการแสดงความรวดเร็ว ว่องไว รุนแรง ดังนี้
การทอดเสียง หมายถึง การผ่อนเสียงคลายจังหวะให้ช้าลง • ฉันทลักษณบทรอยกรอง (ที่จับสลากได)
๓.๒ แบบฝึกการอ่านออกเสียงบทร้อยกรอง • แนวทางหรือกลวิธีการฝกฝน
ร้อยกรองแต่ละประเภทมีลักษณะท่วงท�านอง ลีลา และจังหวะในการอ่านต่างกัน ผู้อ่านต้อง
ศึกษาให้เข้าใจเพื่อจะได้อ่านออกเสียงให้ถูกต้อง อธิบายความรู้ Explain
ส�าหรับในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ นี้ เลือกมาให้ศึกษาเพียง ๔ ประเภท คือ กลอนบทละคร 1. สมาชิกกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 1 รวมกัน
กลอนเพลงยาว กลอนนิทาน 2และกาพย์ห่อโคลง ซึ่งมีลักษณะการอ่าน ดังนี้ อธิบายความรูเกี่ยวกับการอานออกเสียง
๑) กลอนบทละคร มีหลักการอ่าน ดังนี้ บทรอยกรองประเภทกลอนบทละคร
๑. การอ่านค�าน้อย ให้อ่านโดยใส่เสียงเอื้อนให้ยาวกว่าปกติ เช่น “เมื่อนั้น...” 2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับ
๒. การอ่านค�ามาก ให้อ่านรวบค�าให้มีความกระชับตรงวรรคและระมัดระวังไม่ให้ผิด การอานออกเสียงบทรอยกรองประเภท
ไปจากความหมาย เช่น กลอนบทละคร โดยใชความรู ความเขาใจ
“มาจะกล่าวบทไป” ต้องอ่านรวมทั้งห้าพยางค์ ทีไ่ ดรบั จากการฟงบรรยาย เปนขอมูลเบื้องตน
“ท้าวสหัสนัย/ตรัยตรึงสา” สําหรับตอบคําถาม
ผู้อ่านต้องอ่านค�าว่า ท้าวสหัสนัย ให้ติดต่อกันโดยใช้การเอื้อนเสียง • กลอนบทละครมีฉันทลักษณอยางไร
๓. การอ่านค�าจ�านวนปกติ เช่น (แนวตอบ มีฉันทลักษณเชนเดียวกับกลอน
“รจนา/นารี/มีศักดิ์” สุภาพ วรรคหนึง่ มีจาํ นวนคํา 6-9 คํา แตนยิ ม
“เทพไท/อุปถัมภ์/น�าชัก” ใชเพียง 6-7 คํา จึงจะเขาจังหวะในการรอง
“นงลักษณ์/ดูเงาะ/เจาะจง” และรําของตัวละคร ทําใหมีความไพเราะ
13 กลอนบทละครมักขึ้นตนบทวา “เมื่อนั้น”
“บัดนั้น” “มาจะกลาวบทไป” ทั้งนี้ขึ้นอยูกับ
วากลอนบทนั้นๆ กลาวถึงตัวละครตัวใด)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ใหนักเรียนแสดงความคิดเห็นวาผูที่จะอานทํานองเสนาะไดดีควรมี
1 ปฏิบัติดวยตนเอง การอานออกเสียงบทรอยกรองใหมีความไพเราะ ผูอาน
คุณสมบัติที่โดดเดนอยางไร
จะตองมีความรู ความเขาใจทีถ่ กู ตองเกีย่ วกับฉันทลักษณของบทรอยกรองแตละประเภท
แนวตอบ ผูที่จะอานทํานองเสนาะไดดีจะตองมีสุขภาพที่แข็งแรง สมบูรณ เพื่อใหแบงวรรคตอนไดถูกตอง รวมถึงใชนํ้าเสียงใหเหมาะสมกับบทอาน
มีนํ้าเสียงที่ดังกังวาน แจมใส มีความรอบรู แตกฉานในฉันทลักษณของ สิ่งสําคัญที่สุดผูอานควรฝกปฏิบัติดวยตนเอง โดยเริ่มฝกจากบทรอยกรองประเภท
บทรอยกรองแตละประเภทเปนอยางดี มีความเพียรพยายาม ความอดทน กลอนแปด เนื่องจากมีจํานวนคําที่พอดีกับการแบงจังหวะและการทอดเสียง ฝกอาน
ทีจ่ ะฝกฝน เมือ่ ตองอานบทรอยกรองทีต่ นเองยังไมมคี วามชํานาญหรือมี ไปทีละวรรคๆ จนเกิดความชํานาญ จากนั้นจึงหาบทรอยกรองที่ตนเองมีความ
ความชํานาญไมเพียงพอ มีความเชื่อมั่นในตนเอง กลาแสดงออก ประทับใจฝกในลักษณะดังกลาว เมือ่ เกิดความชํานาญแลว จึงเริม่ ฝกจากบทรอยกรอง
มีสมาธิจดจออยูกับสิ่งที่กําลังกระทํา มีความรอบคอบ ปฏิภาณไหวพริบ ประเภทอื่นๆ โดยสังเกตจํานวนคํา ทํานอง แลวฝกฝนอยางสมํ่าเสมอ สํารวจ
สามารถแกไขสถานการณเฉพาะหนาไดดี เชน ในกรณีที่อานบทรอยกรอง ขอบกพรองของตนเองจากการฝกฝนในแตละครั้ง แกไขจนกระทั่งไมพบขอบกพรอง
แลวพบวาภายในวรรคนั้น มีคําที่เกินหรือขาดไปจากที่แผนผังกําหนดไว 2 กลอนบทละคร การอานออกเสียงกลอนบทละครจะมีความไพเราะและสราง
ผูอานจะตองแกปญหาโดยอานรวบคําหรือยืดเสียงใหไดจังหวะครบถวน อารมณความรูสึกใหแกผูฟงไดมากนอยเพียงใดนั้น ขึ้นอยูกับการใสอารมณและความ
เปนตน รูสึกขณะอาน โดยมีหลักอยูวาตองมีความเหมาะสมกับบรรยากาศของเรื่อง
ที่ผูแตงกําหนดไว
คู่มือครู 13
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการอาน อาจแบ่งจังหวะการอ่าน เช่น
ออกเสียงบทรอยกรองประเภทกลอนบทละคร อ่านแบบ ๒/๓/๒ “ประทาน/ให้ล้างเท้า/เทวา”
โดยใชความรู ความเขาใจทีไ่ ดรับจากการ อ่านแบบ ๓/๒/๓ “จนผมโกร๋น/โล้นเกลี้ยง/ถึงเพียงหู”
ฟงบรรยาย เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับ อ่านแบบ ๒/๒/๓ “ดูเงา/ในน�้า/แล้วร้องไห้”
ตอบคําถาม ๔. อ่านเน้นค�าที่ต้องการให้โดดเด่น เช่น
• กลอนบทละครเปนบทรอยกรองที่มีลักษณะ “เป็นชายดูดู๋มาหมิ่นชาย มิตายก็จะได้เห็นหน้า”
เฉพาะที่โดดเดนอยางไร ๕. อ่านแสดงอารมณ์ให้สมกับบทบาทของตัวละคร เช่น อารมณ์โกรธต้องกระแทกเสียง
(แนวตอบ ในขั้นตอนของการประพันธ บทเศร้าต้องทอดเสียง บทโอ้โลมต้องท�าเสียงออดอ้อน เป็นต้น
ผูประพันธจะตองเลือกสรรถอยคําใหมี
ความสัมพันธกับทารายรําและทํานองที่ใช แบบฝึกอ่านออกเสียงกลอนบทละคร
บรรเลง สวนในขั้นตอนของการขับรอง
ผูขับรองจะตองใชนํ้าเสียงใหมีความ มาจะกล่าวบทไป ถึงนนทก/น�้าใจ/กล้าหาญ
เหมาะสมตามบทบาทของตัวละคร ตั้งแต่/พระสยม/ภูวญาณ ประทาน/ให้ล้างเท้า/เทวา
เพื่อสงเสริมการรําบทหรือตีบทของตัวละคร อยู่บันได/ไกรลาส/เป็นนิจ สุราฤทธิ์/ตบหัว/แล้วลูบหน้า
แตละตัวภายในเรื่อง ใหมีความสมจริง) บ้างให้ตัก/น�้าล้าง/บาทา บ้างถอน/เส้นเกศา/วุ่นไป
• หากจํานวนคําภายในวรรคมีคําเกินไปจาก จนผมโกร๋น/โล้นเกลี้ยง/ถึงเพียงหู ดูเงา/ในน�้า/แล้วร้องไห้
ที่กําหนดไว จะมีวิธีการแกไขปญหา ฮึดฮัด/ขัดแค้น/แน่นใจ ตาแดง/ดั่งแสง/ไฟฟ้า
ขณะอานอยางไร เป็นชาย/ดูดู๋/มาหมิ่นชาย มิตาย/ก็จะได้/เห็นหน้า
(แนวตอบ อานรวบคํา โดยออกเสียงเบาใน คิดแล้ว/ก็รีบ/เดินมา เฝ้าพระ/อิศรา/ธิบดี
พยางคที่เกินมา แลวจึงออกเสียงใหชัดเจน ฯ ๘ ค�า ฯ เสมอ
เมื่อถึงพยางคที่กําหนดตรงกับฉันทลักษณ) (รามเกียรติ์ ตอน นารายณ์ปราบนนทก: พระบาทสมเด็จ
พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช)
2. นักเรียนรวมกันอานออกเสียงบทรอยกรอง
ประเภทกลอนบทละคร จากหนังสือเรียน กลอนบทละครบทนี้ แสดงอารมณ์ โ กรธแค้ น ของนนทกเมื่ อ ถู ก เทวดารั ง แก วรรคที่ ว ่ า
ภาษาไทย หนา 14 โดยครูคอยสังเกตการ “เป็นชายดูดู๋มาหมิ่นชาย มิตายก็จะได้เห็นหน้า” จะต้องอ่านกระแทกเสียงเพื่อแสดงอารมณ์โกรธ
แบงวรรคตอน ทวงทํานอง การใชนํ้าเสียง ส่วนเนื้อความตอนที่นนทกมาขอพรจากพระอิศวร ผู้อ่านต้องครั่นเสียง ท�าเสียงสะดุด และทอดเสียง
ใหคําแนะนําเมื่อการอานสิ้นสุดลง หรืออาจให ในตอนท้าย เพื่อแสดงอารมณ์ความรู้สึกเศร้าใจ เสียใจ และน้อยใจของนนทก
นักเรียนรวมกันอานกลอนบทละครเรื่องอิเหนา ๒) กลอนเพลงยาว มีหลักการอ่าน ดังนี้
ซึ่งยกตัวอยางไวในเกร็ดแนะครู ๑. ผูอ้ า่ นต้องพิจารณาจ�านวนค�าทีอ่ า่ นว่าวรรคใดควรอ่านลงจังหวะ ๒/๒/๓, ๓/๒/๓ หรือ
๓/๓/๓ และรู้จักรวบค�า เช่น
14
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ใหนักเรียนประเมินวาจากบทรอยกรองที่กําหนดให ตัวละครกําลังอยูใน
บทรอยกรองนี้สําหรับครูใชเปนตัวอยางใหนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมขอ 2.
อารมณความรูสึกใด และควรใชนํ้าเสียงใหเหมาะสมกับอารมณของเรื่อง
กระบวนการขั้นอธิบายความรู
อยางไร
เมื่อนั้น โฉมยงองคระเดนจินตะหรา
เมื่อมึงพอใจทรลักษณ ไมรักสุริยวงศยักษี
คอนใหไมแลดูสารา กัลยาคั่งแคนแนนใจ
ขอใหวิบัติอัปรีย อยามีสิ่งซึ่งสถาวร
แลววาอนิจจาความรัก พึ่งประจักษดั่งสายนํ้าไหล
มาตรแมนจะออกตอยุทธ ใหตายดวยอาวุธแสงศร
ตั้งแตจะเชี่ยวเปนเกลียวไป ที่ไหนเลยจะไหลคืนมา
ขององคพระรามสี่กร พายแพฤทธิรอนทุกวันไป
สตรีใดในพิภพจบแดน ไมมีใครไดแคนเหมือนอกขา
(รามเกียรติ์: รัชกาลที่ 1)
ดวยใฝรักใหเกินพักตรา จะมีแตเวทนาเปนเนืองนิตย
โอวานาเสียดายตัวนัก เพราะเชื่อลิ้นหลงรักจึงชํ้าจิต แนวตอบ ตัวละครกําลังอยูในอารมณเกรี้ยวกราด โกรธแคน จนกระทั่ง
จะออกชื่อลือชั่วไปทั่วทิศ เมื่อพลั้งผิดแลวจะโทษใคร สาปแชงใหบุคคลผูนั้นไมมีความมั่นคงในชีวิต หากแมตองไปตอสูก็ขอให
... พบกับความพายแพ การใชนํ้าเสียงจึงตองแสดงใหเห็นอารมณของความ
โอแตนี้สืบไปภายหนา จะอายชาวดาหาเปนแมนมั่น โกรธแคน ดวยการกระแทกเสียง กระชากเสียงใหดังกวาปกติ เนนเสียง
เขาจะคอนนินทาทุกสิ่งอัน นางรําพันวาพลางทางโศกาฯ ใหรวดเร็ว เพื่อถายทอดอารมณโกรธของตัวละคร ซึ่งกวีวางไวไดอยาง
ฯ14 คําฯ โอด เหมาะสม ครบถวน
14 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. สมาชิกกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 2 รวมกัน
อ่านลงจังหวะ ๓/๓/๓ “ควรมิควร/จวนจะพราก/จากสถาน” อธิบายความรูเกี่ยวกับการอานออกเสียง
อ่านลงจังหวะ ๓/๓/๓ “ขอขอบคุณ/ทูลกระหม่อม/ถนอมรัก” บทรอยกรองประเภทกลอน เพลงยาว
อ่านลงจังหวะ ๓/๒/๓ “เสด็จมา/ปราศรัย/ถึงในกุฎี” 2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
ต้องรวมค�า กุฎี โดยออกเสียง กุ เบาๆ อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับ
อ่านลงจังหวะ ๓/๒/๓ “ดังวารี/รดซาบ/อาบละออง” การอานออกเสียงบทรอยกรองประเภท
๒. ผูอ้ า่ นต้องพิจารณาบทอ่านว่าสือ่ อารมณ์ใด ควรอ่านใส่อารมณ์ให้สอดคล้องกับเนือ้ หา กลอนเพลงยาว โดยใชความรู ความเขาใจ
เช่น บทที่คัดมาให้ฝึกอ่าน เป็นจดหมายลาต้องอ่านทอดเสียงเศร้า ทีไ่ ดรบั จากการฟงบรรยาย เปนขอมูลเบื้องตน
๓. ผู้อ่านควรอ่านโดยเน้นค�าส�าคัญเพื่อแสดงอารมณ์ เช่น สําหรับตอบคําถาม
“มาครั้งนี้/วิบาก/จากพระบาท ใจจะขาด/คิดหมาย/ไม่วายหวัง” • กลอนเพลงยาวมีฉันทลักษณอยางไร
ค�าว่า ใจจะขาด ต้องครั่นเสียงเหมือนก�าลังสะอื้นไห้ (แนวตอบ มีลักษณะเชนเดียวกับกลอนสุภาพ
๔. ผู้อ่านต้องทอดเสียงในวรรคสุดท้ายเพื่อให้รู้ว่าจบความ แตกตางกันที่กลอนเพลงยาวขึ้นตนบทดวย
1 วรรครับ คําสุดทายของกลอนเพลงยาว
ตัวอย่แบบฝึ กอ่านออกเสี
าง แบบฝึ ยงกลอนเพลงยาว
กอ่านออกเสี ยงกลอนเพลงยาว มักลงดวยคําวา “เอย” ผูประพันธสามารถ
เพลงยาวถวายโอวาท
ประพันธใหยาวเทาใดก็ได โดยไมจํากัด
ควรมิควร/จวนจะพราก/จากสถาน
จํานวนบท)
จึงเขียนความ/ตามใจ/อาลัยลาญ ขอประทาน/โทษา/อย่าราคี//
• นักเรียนรวมกันยกตัวอยางวรรณคดี
ด้วยขอบคุณ/ทูลกระหม่อม/ถนอมรัก เหมือนผัดพักตร์/ผิวหน้า/เป็นราศี
ที่ประพันธดวยกลอนเพลงยาว
เสด็จมา/ปราศรัย/ถึงในกุฎี ดังวารี/รดซาบ/อาบละออง//
(แนวตอบ กลอนเพลงยาวสรรเสริญพระเกียรติ
ทั้งการุญ/สุนทรา/คารวะ ถวายพระ/วรองค์/จ�านงสนอง
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกลาเจาอยูหัว
ขอพึ่งบุญ/มุลิกา/ฝ่าละออง พระหน่อสอง/สุริย์วงศ์/ทรงศักดา//
กลอนเพลงยาวรบพมาที่ทาดินแดง
ด้วยเดี๋ยวนี้/มิได้รอง/ละอองบาท จะนิราศ/แรมไป/ไพรพฤกษา
กลอนเพลงยาวถวายโอวาท เปนตน)
ต่อถึงพระ/วสาอื่น/จักคืนมา พระยอดฟ้า/สององค์/จงเจริญ//
3. นักเรียนรวมกันอานออกเสียงบทรอยกรอง
อย่ารู้โรค/โศกเศร้า/เหมือนเขาอื่น พระยศยืน/ยอดมนุษย์/สุดสรรเสริญ
ประเภทกลอนเพลงยาว จากหนังสือเรียน
มธุรส/ชดช้อย/ให้พลอยเพลิน จะต้องเหิน/ห่างเห/ทุกเวลา//
ภาษาไทย หนา 15 โดยครูคอยสังเกต
ไหนจะคิด/พิศวง/ถึงองค์ใหญ่ ทั้งอาลัย/องค์น้อย/ละห้อยหา
การแบงวรรคตอน ทวงทํานอง การใชนํ้าเสียง
มิเจียมตัว/กลัวพระราช/อาชญา จะใส่บ่า/แบกวาง/ข้างละองค์//
ใหคําแนะนําเมื่อการอานสิ้นสุดลง
พาเที่ยวชม/ยมนา/มหาสมุทร เมืองมนุษย์/นกไม้/ไพรระหง
ต่อรอนรอน/อ่อนอับ/พยับลง จึงจะส่ง/เสด็จให้/เข้าในวัง//
2
(เพลงยาวถวายโอวาท: สุนทรภู่)
(เพลงยาวถวายโอวาท:
15
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ในการอานทํานองเสนาะบทรอยกรองเมื่อถึงวรรคจบควรปฏิบัติอยางไร
1 กลอนเพลงยาว แตเดิมนั้นคนมักจะเขาใจกันวา กลอนเพลงยาวจะตองมี
1. อานโดยใชเสียงหลบ
เนื้อความในเชิงเกี้ยวพาราสี ซึ่งที่จริงแลวกลอนเพลงยาวมีเนื้อหาที่หลากหลาย
2. อานโดยใชนํ้าเสียงสั้นและหวน
เชน กลอนเพลงยาวสรรเสริญบุคคล กลอนเพลงยาวที่เกี่ยวกับการศึกสงคราม
3. อานโดยการทอดเสียงใหยาวออกไปชาๆ
กลอนเพลงยาวที่แตงเปนทํานองจดหมายเหตุบันทึกเรื่องราว เปนตน
4. อานโดยการกระแทกเสียงเพื่อใหผูฟงทราบวาใกลจะจบแลว
กลอนเพลงยาวนิยมประพันธมาตั้งแตสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายและสืบตอเนื่อง
วิเคราะหคําตอบ การอานออกเสียงทํานองเสนาะบทรอยกรองใหมีความ มาจนถึงสมัยรัตนโกสินทรตอนตน และเฟองฟูมากในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ-
ไพเราะ และถูกตองตามความนิยม เมื่ออานมาถึงวรรคที่เปนวรรคจบ ผูอาน พระนั่งเกลาเจาอยูหัว
ควรใชวิธีการอาน โดยการทอดเสียงใหยาวออกไปชาๆ ไมควรใชนํ้าเสียง 2 เพลงยาวถวายโอวาท เปนผลงานของสุนทรภู ซึ่งสันนิษฐานกันวา แตงขึ้น
ที่สั้น หวน สวนการใชเสียงหลบจะใชเพื่อปรับระดับเสียงที่สูงหรือตํ่าเกินไป ในสมัยรัชกาลที่ 3 ขณะทีส่ นุ ทรภูบ วชอยู ณ วัดราชบุรณะ สมเด็จพระเจาบรมวงศเธอ
ใหเขากับเสียงของผูอาน ในขณะที่การกระแทกเสียงจะใชเมื่อแสดงอารมณ เจาฟากุณฑลทิพยวดี ไดทรงมอบพระราชโอรส 2 พระองคใหเปนศิษยของสุนทรภู คือ
ความรูสึกโกรธของตัวละคร ดังนั้นจึงตอบขอ 3. เจาฟากลางและเจาฟาปว ไมนานสุนทรภูไดถูกอธิกรณขับไลออกจากวัดราชบุรณะ
จึงไดแตงเพลงยาวบทนี้ทูลลาและถวายโอวาทเจาฟาซึ่งเปนศิษยทั้งสองพระองค
คู่มือครู 15
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. สมาชิกกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 3 รวมกัน
อธิบายความรูเกี่ยวกับการอานออกเสียง ๓) กลอนนิทาน มีหลักการอ่าน ดังนี้
บทรอยกรองประเภทกลอนนิทาน ๑. การอ่านท�านองเสนาะกลอนนิทานเหมือนการอ่านกลอนสุภาพทัว่ ไป แบ่งจังหวะการอ่าน
2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย เป็น ๓/๒/๓, ๒/๒/๓, ๒/๓/๓ หรือ ๓/๓/๓ ก็ได้ แต่ส่วนมากมักเป็น ๓/๒/๓ เช่น
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการอาน ฝ่ายผีเสื้อ/เหลือโกรธ/โลดทะลึ่ง เสียงโผงผึง/เผ่นโผน/ตะโกนผัว
ออกเสียงบทรอยกรองประเภทกลอนนิทาน เหตุไฉน/ไปนั่ง/ก�าบังตัว เชิญทูนหัว/เยี่ยมหน้า/มาหาน้อง
โดยใชความรู ความเขาใจที่ไดรับจากการ ๒. ท�านองในการอ่านกลอนนิทาน โดยทั่วไปนิยมอ่านเสียงสูง ๒ วรรค เสียงต�่า ๒ วรรค
ฟงบรรยาย เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับ จากตัวอย่างข้างต้น เสียงสูงคือค�าท้ายวรรคสดับและวรรครับ เสียงต�่าคือค�าท้ายวรรครองและวรรคส่ง
ตอบคําถาม ๓. อ่านค�าให้สัมผัสกันเพื่อความไพเราะ เช่น
• นักเรียนคิดวา เพราะเหตุใดกลอนนิทาน “ข้าขอเคารพอภิวันท์ ระลึกมั่น/พระคุณครู/ผู้อารี”
ซึ่งมีลักษณะเชนเดียวกับกลอนสุภาพ จึงมี ต้องอ่าน ข้าขอเคารพ - อบ - พิ - วัน (อภิวันท์) เพื่อให้คล้องจองกับ เคารพ
ชื่อเรียกเฉพาะวากลอนนิทาน ๔. อ่านให้ได้อารมณ์ตามเนื้อเรื่อง ปรับน�้าเสียงให้สอดคล้องกับอารมณ์ของตัวละคร เช่น
(แนวตอบ จากความหมายของนิทาน บทนางยักษ์เมื่อออดอ้อนพระอภัยมณี ควรอ่านเสียงอ่อนหวาน แต่เมื่อพระฤๅษีแห่งเกาะแก้วพิสดาร
ที่กลาววา นิทานเปนเรื่องที่เกิดขึ้นจาก มาตักเตือน นางยักษ์จึงเกิดอารมณ์โกรธ ใช้ถ้อยค�าหยาบคายตอบโต้ ควรอ่านกระแทกเสียง เป็นต้น
จินตนาการของผูแตง มีทั้งเรื่องผจญภัย กลอนนิทานที่คัดเลือกมาให้ฝึกอ่าน เป็นตอนที่พระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อสมุทร
ความรัก ความโศกเศรา วีรบุรุษ ตลกขบขัน โดยอาศัยนางเงือกและพ่อแม่เงือกช่วยพาหนี นางผีเสื้อสมุทรแค้นใจเมื่อจับพ่อแม่เงือกได้จึงกินเสีย
เหนือธรรมชาติ ตัวละครมีลักษณะ นางเงือกพาพระอภัยมณีหนีมาถึงเกาะแก้วพิสดาร พระฤๅษีแห่งเกาะแก้วพิสดารช่วยเสกคาถาไม่ให้
หลากหลาย ทั้งมนุษย อมนุษย ผูวิเศษ นางผีเสื้อสมุทรเข้ามาใกล้ และสั่งสอนให้นางสงบใจกลับไปถ�้าของตน นางยักษ์ก�าลังโกรธจึงตอบโต้
สัตวตางๆ ที่มีอารมณ ความรูสึกนึกคิด พระฤ ๅษีอย่างรุนแรง ให้ผอู้ า่ นสังเกตอารมณ์ของตัวละครในเรือ่ ง ซึง่ มีทงั้ อารมณ์เสียใจ ออดอ้อน ตัดพ้อ
มีจิตใจเชนเดียวกับมนุษย จึงเรียกบทกลอน
ต่อว่า และโกรธเคือง แล้วฝึกอ่านตามท�านองและลีลาอารมณ์ ดังนี้
ที่ถายทอดเรื่องราวในลักษณะเชนนี้วา
“กลอนนิทาน”) แบบฝึกอ่านออกเสียงกลอนนิทาน
3. นักเรียนรวมกันอานออกเสียงบทรอยกรอง
ประเภทกลอนนิทาน จากหนังสือเรียนภาษาไทย สินสมุทร/สุดแสน/สงสารแม่ ช�าเลืองแล/ดูหน้า/น�้าตาไหล
หนา 16-17 โดยครูคอยสังเกตการแบงวรรคตอน จึงกราบกราน/มารดา/แล้วว่าไป จะเข้าใกล้/ทูนหัว/ลูกกลัวนัก
ทวงทํานอง การใชนํ้าเสียง ใหคําแนะนํา เมื่อวานนี้/ตีข้า/น้อยไปหรือ ระบมมือ/เหมือนกระดูก/ลูกจะหัก
เมื่อการอานสิ้นสุดลง ซึ่งรักลูก/ลูกก็รู้/อยู่ว่ารัก มิใช่จัก/ลืมคุณ/กรุณา*
ถึงตัวไป/ใจลูก/ยังผูกคิด พอปลดปลิด/เรื่องธุระ/จะมาหา
อย่ากริ้วโกรธ/โปรดปราน/เถิดมารดา ไปไสยา/อยู่ในถ�้า/ให้ส�าราญ
* อ่านว่า กะ-รุน-นา เพื่อให้สัมผัสกับ คุณ
16
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ความรูในเรื่องใดสําคัญที่สุดที่จะทําใหการอานออกเสียงทํานองเสนาะ
นอกจากกลอนนิทานเรื่องพระอภัยมณีแลว ครูควรคัดลอกกลอนนิทานจากเรื่อง
กลอนนิทานมีความนาสนใจ และผูฟงไดรับอรรถรสจากการฟง
อื่นๆ มาใหนักเรียนรวมกันฝกอาน เชน โคบุตร สิงหไกรภพ ลักษณวงศ เปนตน
1. ความรูเกี่ยวกับคําและสํานวน
หรืออาจใชตัวอยางคําประพันธตอไปนี้ ซึ่งคัดมาจากเรื่องพระอภัยมณี โดยมีความ
2. ความรูเกี่ยวกับการอานจับใจความสําคัญ
โดดเดนดานการแสดงอารมณความรูสึก
3. ความรูเกี่ยวกับการใชนํ้าเสียงใหเขากับอารมณของบทอาน
ถึงมวยดินสิ้นฟามหาสมุทร ไมสิ้นสุดความรักสมัครสมาน
4. ความรูเกี่ยวกับประวัติศาสตร แหลงที่มาของกลอนนิทานเรื่องนั้นๆ
แมเกิดในใตหลาสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไมคลาดคลา
แมเนื้อเย็นเปนหวงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เปนมัจฉา
แมเปนบัวตัวพี่เปนภุมรา เชยผกาโกสุมปทุมทอง วิเคราะหคําตอบ กลอนนิทาน คือ บทรอยกรองที่มีเนื้อหาสาระเปนเรื่อง
เจาเปนถํ้าอําไพขอใหพี่ เปนราชสีหสิงสูเปนคูสอง เกี่ยวกับจินตนาการของผูแตง มีตัวละครตางๆ ที่แสดงอารมณความรูสึกได
จะติดตามทรามสงวนนวลละออง เปนคูครองพิศวาสทุกชาติไป เชนเดียวกับมนุษย ดังนั้น การอานออกเสียงกลอนนิทานใหมีความนาสนใจ
ผูฟงไดรับอรรถรสจากการฟง เกิดจินตภาพที่ชัดเจน ผูอานจึงควรมีความรู
เกี่ยวกับการใชนํ้าเสียงประกอบการอาน เพื่อถายทอดอารมณความรูสึกของ
ตัวละครภายในเรื่องไดอยางสมจริง ดังนั้นจึงตอบขอ 3.
16 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. สมาชิกกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 4 รวมกัน
ฝ่ายโยคี/มียศ/พจนารถ ให้โอวาท/นางยักษ์/ไม่หักหาญ อธิบายความรูเกี่ยวกับการอานออกเสียง
จงตัดบ่วง/ห่วงใย/อาลัยลาน อย่าปองผลาญ/ลูกผัว/ของตัวเลย บทรอยกรองประเภทกาพยหอโคลง
ทั้งนี้เพราะ/เคราะห์กรรม/ท�าให้วุ่น จึงสิ้นบุญ/วาสนา/สีกาเอ๋ย 2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
เห็นมิได้/ไปอยู่/เป็นคู่เชย ด้วยสองเคย/ปลูกเลี้ยง/กันเพียงนั้น อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับ
อย่าครวญคิด/ติดตาม/ด้วยความโกรธ จะเป็นโทษ/กับสีกา/เมื่ออาสัญ การอานออกเสียงบทรอยกรองประเภท
จงยับยั้ง/ฟังค�า/รูปร�าพัน ไปสวรรค์/นฤพาน/ส�าราญใจ กาพยหอ โคลง โดยใชความรู ความเขาใจ
นางผีเสื้อ/เหลือโกรธ/พิโรธร้อง มาตั้งซ่อง/ศีลจะมี/อยู่ที่ไหน ที่ไดรับจากการฟงบรรยาย เปนขอมูลเบื้องตน
ช่างเฉโก/โยคี/หนีเขาใช้ ไม่อยู่ใน/ศีลสัตย์/มาตัดรอน สําหรับตอบคําถาม
เขาว่ากัน/ผัวเมีย/กับแม่ลูก ยื่นจมูก/เข้ามาบ้าง/ช่วยสั่งสอน • กาพยหอโคลงเปนบทรอยกรองที่มีความ
แม้นคบคู่/กูไว้/มิให้นอน จะราญรอน/รบเร้า/เฝ้าตอแย 1 โดดเดนอยางไร
(พระอภัยมณี: สุนทรภู่) (แนวตอบ กาพยหอโคลงเปนบทรอยกรอง
ที่ใชคําประพันธสองประเภทรวมกันในการ
กลอนนิทานเรื่องพระอภัยมณี เนื้อหาให้ความสนุกสนาน ตื่นเต้น ปรากฏอารมณ์ที่หลากหลาย
ประพันธ คือ กาพยยานีแตงรวมกับโคลง
ของตัวละคร แต่ละตอนให้ข้อคิด คติเตือนใจ การอ่านจึงต้องปรับน�้าเสียงให้สอดคล้องกับอารมณ์
สี่สุภาพ โดยมีเนื้อความประการเดียวกัน
เหมาะสมกับเนื้อเรื่อง
๔) การอ่านกาพย์หอ่ โคลง มีหลักการอ่าน ดังนี้ กาพยยานีที่นํามาแตงตองมีลักษณะบังคับ
๑. การอ่านกาพย์ยานี ๑๑ วรรคหน้ามี ๕ ค�า จะแบ่งจังหวะเป็น ๒/๓ วรรคหลัง พื้นฐานหรือฉันทลักษณตามที่กําหนดไว
มี ๖ ค�า จะแบ่งจังหวะเป็น ๓/๓ 2 สวนโคลงสี่สุภาพอนุโลมใหมีขอยกเวน
๒. การอ่านโคลงสี่สุภาพ มี ๔ บาท หนึ่งบาทแบ่งเป็น ๒ วรรค วรรคหน้า ๕ ค�า จะแบ่ง บางประการ เชน อาจไมเครงครัดคําเอก
จังหวะเป็น ๒/๓ หรือ ๓/๒ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเนื้อความที่ปรากฏในวรรค วรรคหลัง ๒ ค�า ค�าท้ายบาทที่ ๒ ในทุกตําแหนง นอกจากนี้ยังกําหนดให
ถ้าเป็นเสียงโทให้อ่านเสียงต�่า ถ้าเป็นเสียงตรีให้อ่านเสียงสูง (เสียงค้าง) บาทที่ ๔ วรรคหลัง มี ๔ ค�า คําขึ้นตนแตละวรรคของกาพยกับคําขึ้นตน
แบ่งจังหวะเป็น ๒/๒ ตอนท้ายบทต้องอ่านทอดเสียง แตละบาทของโคลงเปนคําเดียวกัน)
แบบฝึกอ่านออกเสียงกาพย์ห่อโคลง*
๔๔
งูเขียวรัดตุ๊กแก ตุ๊กแกแก่คางแข็งขยัน
กัดงูงูยิ่งพัน อ้าปากง่วงล้วงตับกิน
งูเขียวแลเหลื้อมพ่น พิษพลัน
ตุ๊กแกคางแข็งขยัน คาบไว้
กัดงูงูเร่งพัน ขนดเครียด
ปากอ้างูจึงได้ ลากล้วงตับกิน
* อักขรวิธยี ดึ ตามการอ่านออกเสียงกาพย์หอ่ โคลงของกระทรวงศึกษาธิการ
17
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ในการอานออกเสียงบทรอยกรอง ผูอานควรออกแบบการใชนํ้าเสียง
1 พระอภัยมณี เปนนิทานคํากลอนเรื่องยิ่งใหญ โดยถือกันวาเปนผลงานชิ้นเอก
ใหสอดคลองกับสวนใดของบทอาน
ของสุนทรภู กวีเอกแหงกรุงรัตนโกสินทร และไดรับการยกยองวาเปนยอดของกลอน
1. ใหสอดคลองกับชื่อเรื่อง
นิทาน มีความยาว 96 เลมสมุดไทย ปรากฏลักษณะพิเศษซึ่งมีความแตกตางจาก
2. ใหสอดคลองกับลักษณะของคําประพันธ
กลอนนิทานเรื่องอื่นๆ ที่แตงขึ้นในชวงเวลาเดียวกัน คือ การผูกเรื่องที่เกิดขึ้นจาก
3. ใหสอดคลองกับสาระและแนวคิดสําคัญของเรื่อง
จินตนาการ มีตัวละครที่หลากหลาย ตางชาติ ตางภาษา ซึ่งแสดงใหเห็นถึงวิสัยทัศน
4. ใหสอดคลองกับความหมายและความรูสึกภายในเรื่อง
ความเปดกวาง และความเปนนักคิดของสุนทรภู
วิเคราะหคําตอบ การอานออกเสียงทํานองเสนาะ ผูอานจะตองใหความ 2 โคลงสีส่ ภุ าพ ทีแ่ ตงรวมกับกาพยยานี 11 นัน้ ตองพรรณนาความทีม่ อี ยูใ นกาพย
สําคัญกับการใชนํ้าเสียงเพื่อทําใหผูฟงไดรับอรรถรสขณะฟงไดอยางเต็มที่ ใหครบถวน ผูประพันธมุงเนนที่ใจความเปนสําคัญ การสรรคําใหมีใจความที่ตองการ
ซึ่งผูอานควรออกแบบการใชเสียงใหมีความสอดคลองกับความหมายและ และไดลักษณะตรงตามกําหนดบังคับไวในฉันทลักษณ จึงมีความยากกวาปกติ
อารมณความรูสึกของเรื่อง หรือของตัวละคร ดังนั้นจึงตอบขอ 4. ดวยเหตุนี้โคลงสี่สุภาพที่แตงรวมกับกาพยยานี 11 ในกาพยหอโคลงจึงไมเครงครัด
ตําแหนงคําเอก
คู่มือครู 17
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่อตอบคําถาม
• การอานออกเสียงบทรอยกรองประเภท ๕๒
ดูหนูสู่รูงู งูสุดสู้หนูสู้งู
กาพยหอโคลงใหมีความไพเราะ นักเรียน หนูงูสู้ดูอยู่ รูปงูทู่หนูมูทู
คิดวาควรมีแนวทางการอานอยางไร ดูงูขู่ฝูดฝู้ พรูพรู
(แนวตอบ ผูอานตองศึกษาเกี่ยวกับฉันทลักษณ หนูสู่รูงูงู สุดสู้
ของกาพยยานี 11 และโคลงสี่สุภาพ งูสู้หนูหนูสู้ งูอยู่
เพื่อใหแบงวรรคตอนในการอานไดถูกตอง หนูรู้งูงูรู้ รูปถู้มูทู
โดยกาพยยานี 11 วรรคที่มี 5 คํา จะแบง ๘๖
หัวลิงหมากลางลิง
ต้นลางลิงแลหูลิง
จังหวะการอาน 2/3 หรือ 3/2 ขึ้นอยูกับ ลิงไต่กระไดลิง ลิงโลดคว้าประสาลิง
เนื้อความเปนสําคัญ วรรคที่มี 6 คํา จะแบง หัวลิงหมากเรียกไม้ ลางลิง
จังหวะ 3/3 สวนการอานโคลงสี่สุภาพ ลางลิงหูลิงลิง หลอกขู้
วรรคที่มี 5 คํา แบงจังหวะ 2/3 หรือ 3/2 ลิงไต่กระไดลิง ลิงห่ม
ขึ้นอยูกับเนื้อความเปนสําคัญ วรรคที่มี 4 คํา ลิงโลดฉวยชมผู้ ฉีกคว้าประสาลิง
แบงจังหวะ 2/2 วรรคที่มี 2 คํา ไมตอง (กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง: เจ้าฟ้าธรรมธิเบศร)
แบงวรรคในการอาน นอกจากนี้ผูอานยังตอง
คํานึงวา ความไพเราะของการอานออกเสียง กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงมีเนื้อหาเล่าเรื่องการเดินทางไปพระพุทธบาทและชม
โคลงสี่สุภาพอยูที่เสียง โดยเฉพาะคําทายบาท ธรรมชาติที่พบเห็นระหว่างทาง การสรรค�าของกวีท�าให้ผู้อ่านได้รับความรู้และเข้าใจธรรมชาติของสัตว์
ที่จะตองควบคุมเสียงขึ้น ลง ใหถึงเสียง และพืชชนิดต่างๆ การอ่านให้ไพเราะจึงควรอ่านด้วยน�้าเสียงแจ่มใส ร่าเริง ด้วยจังหวะที่เร็วกว่าปกติ
วรรณยุกตนั้นๆ) ผู้อ่านจึงจะได้รับรสไพเราะและจินตนาการภาพตามได้โดยง่าย
2. นักเรียนรวมกันอานออกเสียงบทรอยกรอง
ประเภทกาพยหอโคลง จากหนังสือเรียน เกร็ดภาษา
ภาษาไทย หนา 17-18 โดยครูคอยสังเกตการ
แบงวรรคตอน ทวงทํานอง การใชนํ้าเสียง การเล่นคำาพ้องรูป - พ้องเสียงในคำาประพันธ์
ใหคําแนะนําเมื่อการอานสิ้นสุดลง ในภาษาไทยคำาคำาหนึ่ง อาจมีหลายความหมาย ขึ้นอยู่กับบริบทที่ประกอบคำานั้นๆ ตัวอย่างเช่น
คำาว่า “ลิง” ในกาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง มีการเล่นคำาพ้องรูป - พ้องเสียงที่ไพเราะตอนหนึ่งว่า
“หัวลิงหมากลางลิง ต้นลางลิงแลหูลิง
ลิงไต่กระไดลิง ลิงโลดคว้าประสาลิง”
หัวลิง หมายถึง ไม้เถาชนิดหนึ่ง ผลขนาดเท่าส้มจีน
หมากลางลิง ” ปาล์มชนิดหนึ่ง
ลางลิง, กระไดลิง ” ไม้เถาเนื้อแข็งชนิดหนึ่ง
หูลิง ” ชื่อพรรณไม้ชนิดหนึ่ง
18
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูอาจคัดลอกบทรอยกรองบทอื่นๆ จากกาพยหอโคลงประพาสธารทองแดง นักเรียนสังเกตวิธีการอานออกเสียงของผูประกาศขาวในพระราชสํานัก
พระนิพนธในเจาฟาธรรมธิเบศรมาใหนักเรียนฝกอานรวมกัน เชน เพื่อหาแนวทางการแบงวรรคตอน อัตราความเร็วในขณะที่อาน การใช
ธารไหลใสสะอาด มัจฉาชาติดาษนานา นํ้าเสียง และการวางบุคลิกภาพ สรุปแนวทางที่ไดจากการสังเกตนํามา
หวั่นหวายกินไคลคลา ตามกันมาใหเห็นตัว อภิปรายรวมกันภายในชั้นเรียน
ธารไหลใสสอาดนํ้า รินมา
มัจฉาชาตินานา หวั่นหวาย
จอกสาหรายกินไคลคลา
ตามคูมาคลายคลาย
เชยหมู
ผุดใหเห็นตัวฯ...
กิจกรรมทาทาย
เมื่อครูใหนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมสรางเสริมและกิจกรรมทาทาย ควรสุมเรียกชื่อ
ออกมานําเสนอหนาชั้นเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนความรูซึ่งกันและกัน ผลที่ไดรับจากการ นักเรียนคนหาคลิปเสียงการพากยละครวิทยุ หรือการเหชมกระบวนเรือ
ปฏิบัติกิจกรรมจะทําใหนักเรียนมีความรูเกี่ยวกับการอานออกเสียงทั้งบทรอยแกว การพากยโขนตอนตางๆ ของกรมศิลปากร เพือ่ หาแนวทางการแบงวรรคตอน
และบทรอยกรอง สามารถนําไปปรับใชสําหรับการอานออกเสียงของตนตอไป การใชนํ้าเสียง สรุปแนวทางที่ไดจากการสังเกตนํามาอภิปรายรวมกัน
ภายในชั้นเรียน
18 คู่มือครู
ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
ขยายความเข้าใจ Expand
1 1. จากความรู ความเขาใจเกี่ยวกับเครื่องหมาย
การศึกษาจากการอ่านเป็นการเรียนรูต้ ลอดชีวติ ทักษะการอ่านมิได้เกิดขึน ้ เองตาม
ที่ใชสําหรับการอานออกเสียง และแนวทาง
ธรรมชาติ แต่เกิดจากการฝึกฝน ฝน 2ผูท้ ร่ี กั การอ่านและฝึกอ่านอยูเ่ สมอจะสามารถใช้ทกั ษะ
การอานออกเสียงบทรอยกรอง นักเรียน
การอ่านเพือ่ พัฒนาตนเองและพัฒนาอาชีพให้เจริญก้าวหน้าได้
หากกล่าวถึงเฉพาะการอ่านออกเสี ย งผู้ท่ีฝึก ฝนทั ก ษะในด้ า นนี้อย่ า งสม่ Ó เสมอ
ทําแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.2 ตอนที่ 1 หนวยที่ 1
จนเกิดความเชี่ยวชาญ จะเกิดประโยชน์ต่อตนเองอย่างมาก เพราะจะเป็นผู้ท่สี ามารถ กิจกรรมตามตัวชี้วัด กิจกรรมที่ 1.1
ใช้เสียงเพื่อสื่อสารในชีวิตประจÓวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเสริมสร้างให้เป็นผู้ที่
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
มีบุคลิกภาพดี
ภาษาไทย ม.2 กิจกรรมที่ 1.1
เรื่อง การอานออกเสียงบทร้อยกรอง
กิจกรรมตามตัวชี้วัด
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๑.๑ ใหนกั เรียนทําเครือ่ งหมาย / แบงจังหวะการอานบทรอยกรอง ñð
แบบอาขยาน และอานใหไพเราะถูกตองตามฉันทลักษณ
ของคําประพันธ (ท ๑.๑ ม.๒/๑)
เมื่อนั้น พระองคทรงพิภพดาหา
ทราบสารเคืองแคนแนนอุรา จึงตรัสแกกัลยาทั้งหาองค
จะรีรองอไปไยเลา อันลูกเราเขาไมมีประสงค
พระเชษฐารักศักดิ์สุริยวงศ จึงทรงอาลัยไกลเกลี่ยมา
ซึ่งจะคอยทาหลานตามสารศรี อีกรอยปก็ไมจากเมืองหมันหยา
แตจะเวียนงดงานการวิวาห จะซํ้ารายอายหนายิ่งนัก
แมนใครมาขอก็จะให ไมอาลัยที่ระคนปนศักดิ์
ฉบับ ถึงไพรประดาษชาติทรลักษณ จะแตงใหงามพักตรพงศพันธุ
เฉลย
......................................................................................................................................................................................................................................................
......................................................................................................................................................................................................................................................
2. นักเรียนคัดเลือกบทรอยแกวที่เปนบทบรรยาย
หรือบทพรรณนาที่ประทับใจ ความยาวไมเกิน
1 หนากระดาษ A4 นํามาฝกซอมอาน
ออกเสียงโดยใชแนวทางทีไ่ ดศกึ ษา บันทึกเสียง
แลวนําสงครู
3. นักเรียนคัดเลือกบทรอยกรองจากวรรณคดี
เรื่องที่ประทับใจ ความยาวไมเกิน 4 บท
19 นํามาฝกซอมอานออกเสียงทํานองเสนาะ
โดยใชแนวทางที่ไดศึกษา บันทึกเสียง แลวนํา
สงครู
บูรณาการเชื่อมสาระ
การอานออกเสียงสามารถนําไปบูรณาการไดกับเรื่องการขับรองเพลงไทย นักเรียนควรรู
ในกลุมสาระการเรียนรูศิลปะ วิชาดนตรี-นาฏศิลป โดยใหนักเรียนวิเคราะหวา
1 การอานเปนการเรียนรูตลอดชีวิต มนุษยจะมีความฉลาดขึ้นไดนั้น ก็ดวยรูจัก
ทักษะการอานออกเสียงมีความสัมพันธกับการขับรองเพลงไทยอยางไร จัดทํา
นําความรู ความคิด หรือประสบการณที่มีอยูมาใชใหเกิดประโยชนตอตนเอง
เปนใบความรูเฉพาะบุคคล สงครู
ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ ซึ่งความรู ความคิด และประสบการณเหลานั้น
ผลที่ไดรับจากการปฏิบัติกิจกรรมบูรณาการ จะทําใหนักเรียนมีความรู
ลวนไดมาจากการแสวงหาความรูดวยการอาน การอานจึงเปนการเรียนรูตลอดชีวิต
ความเขาใจเกี่ยวกับความสัมพันธระหวางการอานออกเสียงกับการขับรอง
เปนการแสวงหาความรูอยางไมมีขอบเขต ไมหยุดนิ่งตราบเทาที่สังคมมนุษยยังมี
เพลงไทย รวมถึงเห็นความสําคัญของการออกเสียง เพราะการขับรองเพลงไทย
การพัฒนาในดานตางๆ
ไมวา จะเปนการขับรองเดีย่ วหรือขับรองหมู มีพนื้ ฐานทีจ่ ะตองปฏิบตั เิ ชนเดียวกับ
การอานออกเสียง คือ การใชเสียง ผูขับรองจะตองฝกออกเสียงใหเต็มเสียง 2 การฝกฝน การฝกฝนตนเองใหเปนนักปราชญหรือผูรอบรูสามารถทําได
รักษาระดับเสียงใหเปนไปตามทํานองของเพลง ซึ่งทักษะเหลานี้ลวนไดมาจาก โดยยึดหลัก 4 ประการ ไดแก 1. สุตะ คือ การฟง ดู และอานเรื่องราวที่เปน
การฝกทักษะการอานออกเสียงจนเกิดความชํานาญ ประโยชนตอตนเองจากสื่อตางๆ 2. จิตตะ คือ การคิด พิจารณา ไตรตรอง
ใครครวญ โดยนําสิ่งที่ฟง ดู และอานมาคิดพิจารณา 3. ปุจฉา คือ การสอบถามผูรู
เพื่อแสวงหาคําตอบของสิ่งที่สงสัย ใครรู และ 4. ลิขิต คือ การเขียน เมื่อไดอาน ฟง
ดู หรือไดรับคําตอบที่ถูกตอง เปนประโยชนตอตนเองแลว ควรที่จะจดบันทึกความรู
เหลานั้นไวมิใหสูญหาย เพื่อนําไปใชหรือเผยแพรแกผูอื่นตอไปในอนาคต
คู่มือครู 19
ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
ขยายความเข้าใจ Expand
นักเรียนรวมกันกําหนดเกณฑเพื่อใชประเมิน
การอานออกเสียงบทรอยแกว บทรอยกรองของ บอกเล่าเก้าสิบ
ตนเอง รวมถึงเพื่อนๆ ในชั้นเรียน และใชเปน
แนวทางปรับปรุง แกไขในครั้งตอไป ศาสตราจารย์ (พิเศษ) พลตรี หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช
(แนวตอบ เกณฑการอานออกเสียงบทรอยแกว
ควรครอบคลุม ดังตอไปนี้ ศาสตราจารย์ (พิเศษ) พลตรี หม่อมราชวงศ์
• อานไดถูกตองตามเกณฑการอานออกเสียง คึกฤทธิ์ ปราโมช เกิดเมือ่ วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๔
หรืออักขรวิธี เป็นโอรสสุดท้องของพลโท พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้า
• ออกเสียงพยัญชนะ ร ล และคําควบกลํ้า ค�ารบกับหม่อมแดง (บุนนาค) ปราโมช ณ อยุธยา
ชัดเจน หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์จบการศึกษาระดับมัธยมจาก
• อานไมเกินคํา ไมขาดคํา และไมตูคํา โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ก่อนจะไปศึกษาต่อที่
• แบงวรรคตอน จังหวะในการอาน และลง ประเทศอังกฤษ จนจบการศึกษาระดับปริญญาตรี
นํา้ หนักเสียงไปทีค่ าํ แตละคําไดอยางเหมาะสม ในสาขาปรัชญา การเมืองและเศรษฐศาสตร์ ที่ควีนส์
คอลเลจ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ได้รับปริญญาตรี
• วางบุคลิกภาพ ทาทางสงาผาเผย สบสายตา
เกียรตินิยม
ผูฟง และการแตงกายที่สะอาด เรียบรอย
ศาสตราจารย์ (พิเศษ) พลตรี หม่อมราชวงศ์
เกณฑการอานออกเสียงบทรอยกรอง
คึกฤทธิ์ ปราโมช ถือได้ว่าเป็นปูชนียบุคคลและเป็น
ควรครอบคลุม ดังตอไปนี้
นักปราชญ์คนหนึ่งของประเทศไทย มีผลงานหลายด้านที่มีชื่อเสียงและโดดเด่น ได้แก่ ทางด้าน
• อานไดถูกตองตามฉันทลักษณของ
การเมือง เคยด�ารงต�าแหน่งนายกรัฐมนตรี ใน พ.ศ. ๒๕๑๘ - ๒๕๑๙ ทางด้านงานเขียนท่านได้
บทรอยกรองแตละประเภท
เริม่ ต้นงานเขียนอย่างจริงจัง เมือ่ ก่อตัง้ หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ใน พ.ศ. ๒๔๙๓ โดยท่านด�ารงต�าแหน่ง
• ออกเสียงพยัญชนะ ร ล และคําควบกลํ้า เจ้าของ ผู้อ�านวยการ และนักเขียนประจ�า งานเขียนของท่านหลายเรื่องได้รับการตีพิมพ์ลงใน
ชัดเจน หนังสือพิมพ์ส1ยามรัฐเป็น2ประจ�า ผลงานเขียนซึ่งได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบันมีหลายเรื่อง
• แบงวรรคตอน ใชนาํ้ เสียงไดถกู ตอง เหมาะสม เช่น สี่แผ่นดิน หลายชีวิต โครงกระดูกในตู้ กาเหว่าที่บางเพลง และมอม ซึ่งเป็นเรื่องสั้นที่เคย
สอดคลองกับอารมณของบทอาน ได้รับเลือกให้เป็นบทเรียนในวิชาภาษาไทยระดับมัธยมศึกษา
• วางบุคลิกภาพ ทาทางสงาผาเผย สบสายตา หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบด้วยโรคชรา สิริอายุได้ ๘๔ ปี
ผูฟง และการแตงกายที่สะอาด เรียบรอย) ๕ เดือน ส�าหรับเกียรติคุณที่ท่านได้รับ ใน พ.ศ. ๒๕๒๘ ได้รับการยกย่องเป็นศิลปินแห่งชาติ
สาขาวรรณศิลป์
พ.ศ. ๒๕๔๒ องค์การยูเนสโกได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นบุคคลส�าคัญของโลก
ใน ๔ สาขา ได้แก่ การศึกษา วัฒนธรรม สังคมศาสตร์ และสื่อสารมวลชน
20
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 สี่แผนดิน เปนนวนิยายอิงประวัติศาสตรที่แตงโดยหมอมราชวงศคึกฤทธิ์ นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับบุคคลซึ่งไดรับการยกยองใหเปนศิลปนแหงชาติ
ปราโมช ไดรับการยกยองใหเปนวรรณกรรมแหงกรุงรัตนโกสินทร ดวยความ สาขาวรรณศิลป โดยเลือกศึกษาจํานวน 1 ทาน นําเสนอเกี่ยวกับประวัติ
โดดเดนทางดานเนื้อหาและตัวละครที่หลากหลาย สี่แผนดินจึงไดถูกนํามาถายทอด ชีวิตสวนตัว ผลงาน ระบุเหตุผลที่เลือกศึกษา นําสงในรูปแบบใบงาน
ในรูปแบบละครวิทยุ โดยคณะสโมสรเสียงใส รวมถึงละครโทรทัศน และละครเวที เฉพาะบุคคล
2 หลายชีวิต เปนรวมเรื่องสั้นผลงานของหมอมราชวงศคึกฤทธิ์ ปราโมช เนื้อหา
สาระเปนเรือ่ งราวของบุคคลตางเพศ ตางวัย ตางชาติตระกูล ตางอาชีพ ตางชนชัน้
ทุกคนตางเดินทางลงเรือโดยสารลําเดียวกัน เพื่อไปสูปลายทางเดียวกัน ดวยจุด กิจกรรมทาทาย
มุงหมายที่แตกตางกัน แตเมื่อเรือโดยสารลําดังกลาวถูกพายุฝนพัดจนลม ทุกชีวิต
บนเรือลํานั้นก็จบชีวิตลงพรอมกัน เปนการแสดงใหเห็นแนวคิดหลักของเรื่อง คือ
“ไมวาจะยากดีมีจนอยางไร ทุกคนตางหนีความตายไมพน” ดวยเนื้อหาสาระ นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับประวัตินักเขียนของกลุมประเทศสมาชิกอาเซียน
ที่เขมขนและใหแงคิดแกชีวิตจึงไดถูกนํามาถายทอดในรูปแบบละครโทรทัศนถึง โดยเลือกศึกษา 1 ทาน จากประเทศใดก็ได นําเสนอเกี่ยวกับประวัติชีวิต
สองครั้ง ซึ่งครั้งหลังสุดออกอากาศทางสถานีโทรทัศนทีวีไทย (Thai PBS) สวนตัว ผลงาน ระบุเหตุผลที่เลือกศึกษา พรอมแสดงความคิดเห็นสวนตัว
เกีย่ วกับประเด็น “นักเขียนทีด่ ี คือ นักเขียนทีถ่ า ยทอดความเปนจริงของชีวติ
ไดใกลเคียงที่สุด” นําสงในรูปแบบใบงานเฉพาะบุคคล
20 คู่มือครู
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engaae Expore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. ครูตรวจสอบแถบบันทึกเสียงการอานออกเสียง
บทรอยแกวและบทรอยกรองของนักเรียน
แตละคน โดยใชหลักเกณฑเดียวกับที่นักเรียน
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
รวมกันกําหนดภายใตคําแนะนําของครู
2. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวยการเรียนรู
๑. องค์ประกอบพื้นฐานในการอ่านออกเสียงมีอะไรบ้าง
๒. การอ่านออกเสียงบทร้อยแก้วและบทร้อยกรอง ผู้อ่านควรปฏิบัติอย่างไร
๓. การอ่านในใจและการอ่านออกเสียงมีความแตกต่างกันอย่างไร หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
๔. การอ่านออกเสียงโดยผู้อ่านเน้นค�าที่ส�าคัญจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ฟังอย่างไร
๕. นักเรียนควรมีมารยาทในการอ่านอย่างไรบ้าง 1. แถบบันทึกเสียงการอานออกเสียงบทรอยแกว
ที่เปนบทบรรยายหรือบทพรรณนา ซึ่งเลือกจาก
ความประทับใจ
2. แถบบันทึกเสียงการอานออกเสียงบทรอยกรอง
จากวรรณคดีเรื่องที่ประทับใจ
3. แบบวัดและบันทึกผลการเรียนรู
กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้
กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้นักเรียนจับคู่กับเพื่อนฝึกอ่านบทความตามความชื่นชอบหรือสนใจโดยให้
ถูกต้องสอดคล้องกับหลักการอ่านออกเสียง จากนั้นสรุปใจความส�าคัญ
จากเรื่องที่อ่าน
กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนคัดเลือกบทร้อยกรองที่ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครจากเรื่อง
พระอภัยมณี ตอนพระอภัยมณีหนีนางผีเสื้อ จ�านวนไม่ต�่ากว่า ๒ บท
น�ามาอ่านออกเสียงหน้าชั้นเรียน โดยก่อนอ่านต้องระบุว่าบทร้อยกรอง
ที่เลือกมีใจความส�าคัญอย่างไร สื่อสารอารมณ์ใด มีสาเหตุมาจากอะไร
และถ้าเป็นนักเรียนจะแก้ไขปัญหาอย่างไร
21
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. องคประกอบพื้นฐานสําหรับการอานออกเสียง ไดแก ผูอานจะตองฝกการใชสายตา ใชเสียง ฝกอานใหคลองถูกตองตามอักขรวิธี ฝกใชอวัยวะในการออกเสียง
ฝกการวางบุคลิกภาพ
2. การอานออกเสียงบทรอยแกว ผูอานควรอานใหถูกตองตามอักขรวิธีหรืออานตามความนิยม แบงวรรคตอนไดถูกตอง ใชนํ้าเสียง เพื่อถายทอดอารมณไดเหมาะสม
กับบทอาน สวนการอานบทรอยกรอง ผูอานตองมีความรู ความเขาใจเกี่ยวกับฉันทลักษณของบทรอยกรองแตละประเภท เพื่อใหแบงวรรคตอนการอานไดถูกตอง
ออกเสียงคําควบกลํ้าใหชัดเจน ฝกใชนํ้าเสียงใหเหมาะสมกับอารมณของบทอาน
3. การอานในใจเปนการอานทําความเขาใจสัญลักษณที่มีผูบันทึกไวเปนลายลักษณอักษร โดยใชเพียงสายตากวาดขอความ สวนการอานออกเสียงเปนการเปลงเสียงตาม
ตัวอักษรและสัญลักษณตางๆ เพื่อใหเกิดความรู ความเขาใจ
4. จะชวยใหผูฟงทราบวาขอความใดเปนขอความสําคัญ และสามารถจับใจความสําคัญของเรื่องที่ฟงได
5. มารยาทในการอานที่ควรปฏิบัติ คือ ไมสรางความรําคาญใหแกผูอื่นไมวาจะดวยการกระทําใดๆ ไมละเมิดสิทธิ์ดวยการอานบันทึกของผูอื่น ไมฉีก ลบ ขูด ฆา
ทําลายหนังสือสาธารณะ รวมถึงควรปฏิบัติตามกฎกติกา มารยาทในการใชหองสมุดของแตละสถานที่อยางเครงครัด เปนตน
คู่มือครู 21
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สามารถสรุปใจความสําคัญของเรื่องที่อานได
2. สามารถเขียนแผนผังความคิดเพื่อแสดงความ
เขาใจในบทเรียน หรือเรื่องที่เลือกอานจาก
ความสนใจได
3. อานเรื่องที่กําหนดหรือเรื่องที่เลือกจาก
ความสนใจ เพื่อวิเคราะห จําแนกขอเท็จจริง
ขอคิดเห็น การชวนเชื่อ การโนมนาว
ความสมเหตุสมผลของเรื่อง โดยแสดง
ความคิดเห็น หรือโตแยงอยางมีเหตุผล
และนําคุณคาหรือแนวคิดที่ไดรับไปประยุกต
ใชในชีวิตประจําวัน
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวินัย
2. ใฝเรียนรู
หนวยที่ ò
3. มุงมัน่ ในการทํางาน กำรอ่ำนในชีวิตประจ�ำวัน
ตัวชี้วัด ก ารอานเปนทักษะทีท ่ าํ ใหไดรบ
ั รู
ท ๑.๑ ม.๒/๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗ ข อ มู ล ข า วสารต า งๆ ข า วสารเหล า นี้
กระตุน้ ความสนใจ Engage ■ จับใจความสําคัญ สรุปความ และอธิบายรายละเอียดจากเรื่องที่อาน ลวนเปนประโยชนและมีบทบาทสําคัญ
■ เขียนผังความคิดเพื่อแสดงความเขาใจในบทเรียนตางๆ ที่อาน ตอการดําเนินชีีวิตของคนทุกเพศทุกวัย
■ อภิปรายแสดงความคิดเห็นและขอโตแยงเกี่ยวกับเรื่องที่อาน ดังนัน ้ การรับขาวสารอยางมีประสิทธิภาพ
ครูนําเขาสูหนวยการเรียนรู โดยใหนักเรียน ■ วิเคราะหและจําแนกขอเท็จจริง ขอมูลสนับสนุน และขอคิดเห็น
ผู ร ั บ สารต อ งฝ ก ทั ก ษะการอ า นในระดั บ
จากบทความที่อาน
รวมกันแสดงความคิดเห็นในประเด็น “การอานชวย ■ ระบุขอสังเกตการชวนเชื่อ การโนมนาว หรือความสมเหตุสมผล ต า งๆ คื อ การอ า นเพื่ อ จั บ ใจความสํ า คั ญ
พัฒนาชีวิตไดอยางไร” ■ อานหนังสือ บทความ อยางหลากหลายและประเมินคุณคา การอานเพื่อการวิเคราะห และการอานเพื่อ
ประเมินคา เพื่อนําความรูและความคิดที่มี
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น สาระการเรียนรูแกนกลาง คุณคามาใชใหเกิดประโยชนตอ ตนเองและสังคม
ไดอยางอิสระ ครูควรกระตุนใหนักเรียนทุกคน ■ การอานจับใจความจากสื่อตางๆ เชน วรรณคดีในบทเรียน
ไดมีสวนรวมในกิจกรรมนี้) ■ การอานตามความสนใจ เชน หนังสืออานนอกเวลา
22
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรู การอานในชีวิตประจําวัน เปาหมายสําคัญ
คือ นักเรียนสามารถอานจับใจความสําคัญ สรุปความ อธิบายรายละเอียดของเรื่อง
ที่อาน เขียนผังความคิด สรุปความรูที่ไดจากการอาน รวมถึงสามารถแยกแยะ ระบุ
ขอเท็จจริง ขอคิดเห็น การชวนเชื่อ โนมนาว ความสมเหตุสมผลของเรื่องที่อาน
โดยแสดงความคิดเห็น วิเคราะห วิจารณในเชิงโตแยง หรือเห็นดวยอยางมีเหตุผล
นําไปสูการตัดสินประเมินคา เพื่อนําขอคิดมาประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
การจะบรรลุเปาหมายดังกลาว ครูควรใหนักเรียนไดคนควาองคความรูรวมกัน
จากนั้นใชวิธีการตั้งคําถาม เพื่อใหนักเรียนไดเห็นแนวทางปฏิบัติของการอานแตละ
ประเภท โดยประมวลจากคําตอบที่ถูกตองของคําถามแตละขอ สุดทายจึงใหนําทฤษฎี
ที่ไดเรียนรูมาใชปฏิบัติจริง โดยกําหนดหรือใหเลือกอานงานเขียนจากความสนใจ โดยใช
การอานทั้ง 3 ประเภทประกอบกัน
การเรียนการสอนในลักษณะนี้จะชวยฝกทักษะที่จําเปนใหแกนักเรียน เชน ทักษะ
การเชื่อมโยง ทักษะการวิเคราะห ทักษะการคิดอยางมีวิจารณญาณ
22 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
1 ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอน โดยให
๑ การอ่านเพื่อจับใจความสÓคัญ นักเรียนชมภาพทีด่ าวนโหลดจาก http://www.
whereisthailand.info/2012/04/april-fools/
๑.๑ ความหมาย จากนัน้ ตัง้ คําถามกระตุน ทักษะการคิด
การอ่านเพื่อจับใจความส�าคัญ หมายถึง การอ่านเพื่อค้นหาสาระส�าคัญของเรื่อง ซึ่งผู้เขียน
ต้องการสื่อ โดยในย่อหน้าหนึ่งๆ จะมีใจความส�าคัญเพียงใจความเดียว นอกจากนั้นเป็นพลความหรือ
ส่วนประกอบ การอ่านเพือ่ จับใจความส�าคัญเป็นทักษะการอ่านขัน้ พืน้ ฐานก่อนทีจ่ ะพัฒนาไปสูก่ ารอ่าน
ในระดับอื่นๆ
2
๑.๒ ความส�าคัญของการอ่านจับใจความส�าคัญ
การอ่านจับใจความส�าคัญมีความส�าคัญ ดังนี้
๑) เปนพื้นฐานของการอ่าน สามารถน�าไปต่อยอดเป็นการวิเคราะห์และประเมินค่า
เรื่องที่อ่านได้ เพราะการอ่านเพื่อจับใจความส�าคัญท�าให้ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร • นักเรียนคิดวา ภาพดังกลาวสะทอนใหเห็น
หรือใคร ท�าอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร และท�าไม
ลักษณะการอานหนังสือของคนไทยอยางไร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
๒) เปนการรับทราบข้อมูลในระยะเวลาสัน้ การอ่านจับใจความส�าคัญเป็นการอ่านคร่าวๆ
ไดอยางอิสระ ครูควรเฉลยคําตอบที่ถูกตอง
เพื่อค้นหาใจความส�าคัญที่สุด ผู้อ่านจึงใช้เวลาในการอ่านสั้นและรับสารได้ตรงประเด็น หลังสิ้นสุดการเรียนการสอนในหนวยนี้)
๓) เปนการน�าความรูไ้ ปใช้ในชีวติ ประจ�าวัน การอ่านจับใจความส�าคัญท�าให้ทราบความคิด • นักเรียนคิดวา บุคคลที่มีความรูหรือ
และความรู้ที่ผู้เขียนถ่ายทอด เมื่อน�าสารที่ได้มาวิเคราะห์และประเมินค่า ก็สามารถเลือกสรรสิ่งที่เป็น มีแนวทางที่ถูกตองสําหรับการจับใจ
ประโยชน์มาใช้ในชีวิตประจ�าวันได้ ความสําคัญจากเรื่องที่อาน มีขอไดเปรียบ
กวาบุคคลที่ไมมีแนวทางสําหรับการจับใจ
๑.๓ หลักการอ่านเพือ่ จับใจความส�าคัญ ความสําคัญอยางไร
การอ่านเพื่อจับใจความส�าคัญมีหลักการ ดังนี้ (แนวตอบ ในชีวิตประจําวัน มนุษยรับสาร
๑) อ่าน ผู้อ่านควรท�าความเข้าใจเนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อสรุปให้ได้ว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับ จากชองทางการสื่อสารตางๆ อยาง
อะไร หรือใคร ท�าอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร และท�าไม หลากหลาย เชน การอาน การฟง การดู
๒) พิจารณา ผู้อ่านควรพิจารณาข้อความในแต่ละย่อหน้า เพื่อค้นหาใจความส�าคัญหลัก หากไมมีแนวทางสําหรับจับใจความสําคัญ
ซึ่งจะมีลักษณะเป็นประโยค โดยอาจปรากฏตอนต้น ตอนกลาง หรือตอนท้ายย่อหน้า นอกจากนี้ควร สารที่ไดรับจะไมเกิดประโยชนใด เปนเพียง
พิจารณาใจความรองที่เป็นรายละเอียดสนับสนุนใจความส�าคัญให้ชัดเจนยิ่งขึ้น เรื่องเรื่องหนึ่งที่ไดยิน แตไมสามารถจับ
สาระสําคัญทีอ่ าจเปนประโยชนตอ ตนเองได
๓) เรียบเรียง ผู้อ่านควรเรียบเรียงใจความส�าคัญของเรื่องที่รวบรวมได้ด้วยส�านวนภาษา
ดังนัน้ ผูท มี่ แี นวทางสําหรับจับใจความสําคัญ
ของตนเอง ให้เนื้อหาสอดคล้องกัน โดยเลือกใช้สันธานหรือค�าเชื่อมให้เหมาะสม
จากเรื่องที่ไดอาน ไดฟง หรือไดดู จึงมีขอ
ไดเปรียบประการสําคัญ คือ สามารถ
23 คัดกรองเนื้อหาสาระที่เปนประโยชนตอ
ตนเองไดภายใตขอจํากัดของเวลา
และจํานวนสารที่ไดรับ)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
การอานจับใจความสําคัญมีความสําคัญตอชีวิตประจําวันของนักเรียน
1 การอาน เปนทักษะการรับสารที่มีความสําคัญอยางยิ่งในการแสวงหาความรู
อยางไร จงแสดงความคิดเห็น
ของมนุษย โดยเฉพาะปจจุบันเปนยุคของขอมูลขาวสาร วิทยาการ เทคโนโลยี
แนวตอบ การอานจับใจความสําคัญเปนพื้นฐานเบื้องตนของการอาน และความรูตางๆ มีใหคนควาอยางหลากหลาย การอานนับเปนกุญแจสําคัญที่
สามารถนําไปตอยอดเปนการอานวิเคราะห วิจารณ และนําไปสูการตัดสิน ไขประตูนาํ มนุษยไปสูค วามรูแ จง เห็นจริง นอกจากนีก้ ารอานยังสรางความเพลิดเพลิน
ประเมินคาเรื่องที่อานได การอานจับใจความสําคัญจะทําใหผูอานทราบวา ชวยกลอมเกลาจิตใจของมนุษยใหหลุดพนจากความเศราหมองทั้งปวง ดังคํากลาว
เรื่องที่อานเปนเรื่องเกี่ยวกับอะไร หรือเปนเรื่องของใคร ทําอะไร กับใคร ของฟรานซีส เบคอน ที่กลาวไววา “การอานทําใหคนเปนคนโดยสมบูรณ”
ที่ไหน อยางไร เมื่อไร ดวยเหตุผลใด นอกจากนี้การอานจับใจความสําคัญ 2 ใจความสําคัญ เกิดจากการนําประโยคหลักของแตละยอหนาในเรื่องมาเขียน
ยังจะทําใหผูรับสารสามารถรับสารไดอยางมีประสิทธิภาพ ภายใตขอจํากัด เรียงรอยเขาดวยกัน ใจความสําคัญของเรื่องจึงมีมากกวา 1 ประโยค ขึ้นอยูกับ
ของเวลา และจํานวนสารที่ไดรับในแตละวัน ความยาวของเรือ่ ง ดังนัน้ การจับใจความสําคัญของเรือ่ งทีม่ หี ลายยอหนา ใหพจิ ารณา
จากประโยคสําคัญของแตละยอหนา จากนั้นใหนําประโยคสําคัญเหลานั้นมาจัด
ระเบียบใหถูกตองตามหลักไวยากรณจึงจะไดใจความที่สมบูรณ
คู่มือครู 23
ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expand Evaluate
ส�ารวจค้นหา Explore
แบงนักเรียนออกเปน 2 กลุม ครูทําสลาก
จํานวน 2 ใบ เขียนหมายเลข 1 และ 2 พรอมระบุ ๔) ทบทวน ผู้อ่านควรทบทวนเนื้อหาที่เรียบเรียงขึ้นใหม่ว่ามีใจความส�าคัญครบถ้วน
ขอความในแตละหมายเลข จากนั้นใหแตละกลุม หรือไม่ รวมถึงพิจารณาความถูกต้องเหมาะสมของภาษา
สงตัวแทนออกมาจับสลากประเด็นสําหรับการ
สืบคนความรูรวมกัน ดังนี้ ๑.๔ ตัวอย่างการอ่านเพือ่ จับใจความส�าคัญ
หมายเลข 1 การอานจับใจความสําคัญ
หมายเลข 2 การเขียนผังความคิด บทความสÓหรับการอ่านเพื่อจับใจความสÓคัญ
พระอรหันต์อยู่ในบ้าน
อธิบายความรู้ Explain
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) วัดระฆังโฆษิตารามที่คนไทยให้ความเคารพเลื่อมใส
1. นักเรียนกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 1 อย่างยิ่ง ครั้งหนึ่งเจ้าประคุณสมเด็จฯ ได้รับนิมนต์ไปแสดงธรรม ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ใน
สงตัวแทน 2 คน ออกมาอธิบายความรูเกี่ยวกับ พระบรมมหาราชวัง เรื่อง “พระอรหันต์อยู่ในบ้าน” ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
การอานจับใจความสําคัญที่ไดจากการสืบคน เหล่าขุนนาง ข้าราชการ และข้าราชบริพารต่างก็มีความสงสัย เพราะต่างก็เคยได้ยินได้ฟังมาว่า
รวมกับเพื่อน พรอมระบุแหลงที่มาของขอมูล พระอรหันต์จะอยูใ่ นถ�า้ ในป่า ในเขา ในทีเ่ งียบสงัด หรือทีว่ ดั วาอารามเท่านัน้ เจ้าประคุณสมเด็จฯ
2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน ได้ขยายความว่าจิตพระอรหันต์เป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยม หากใครได้ท�าบุญกับ
อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการ พระอรหันต์แล้วไซร้ ก็ถือได้ว่าเป็นลาภอันประเสริฐที่สุด บุญที่ได้ท�าจะให้ผลในชาติปัจจุบันทันที
อานจับใจความสําคัญ โดยใชความรู ไม่ต้องรอไปถึงชาติหน้า ทุกๆ คนมุ่งแต่เสาะแสวงหาพระอรหั
1 นต์ที่อยู่นอกบ้าน จึงไม่เคยมองเห็น
ความเขาใจที่ไดรับจากการฟงบรรยาย พระอรหันต์ที่อยู่ในบ้านเลย เหมือนใกล้เกลือกินด่าง
เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม น�้าใจของพ่อแม่ที่มีให้ลูก มีแต่ความบริสุทธิ์ ไม่คิดหวังสิ่งตอบแทน เช่นเดียวกับน�้าใจของ
• การอานจับใจความสําคัญมีลักษณะสําคัญ พระอรหันต์ที่มีให้ต่อมนุษย์ มีความบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน พ่อแม่จึงเปรียบเหมือนพระอรหันต์ของ
ที่โดดเดนอยางไร ลูก พ่อแม่เลี้ยงดูเรามาตั้งแต่อยู่ในท้องของท่าน ไม่เคยปริปากบ่น มีแต่ความสุขใจ แม้ลูกเกิดมา
(แนวตอบ การอานจับใจความสําคัญ พิกลพิการหูหนวก ตาบอด ท่านก็ยังรัก ยังสงสาร เพราะท่านคิดเสมอว่าลูกคือสายเลือด ขณะที่
เปนการอานเพื่อคนหาสาระสําคัญของเรื่อง เราเป็นเด็กไร้เดียงสา ซุกซน เคยหยิก ข่วน ทุบตี พ่อ แม่ ต่างๆ นานา ท่านไม่เคยโกรธเคือง
ที่ไดอาน ไดฟง หรือไดดู) กลับยิ้มร่าชอบอกชอบใจ เมื่อเราเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ รู้สึกผิดชอบชั่วดีแล้วก็ตาม แต่บางครั้งด้วย
• นักเรียนมีแนวทางการอานเพื่อจับใจความ ความโกรธ ความหลง เราพลั้งเผลอกระท�าไม่ดีต่อท่าน ท่านก็ให้อภัยในการกระท�าของเราเสมอ
สําคัญอยางไร เพราะท่านกลัวว่าเราจะมีบาปติดตัว จึงยอมที่จะเจ็บ ยอมทุกข์เสียเอง น�้าใจของพ่อแม่ที่มีต่อลูก
(แนวตอบ มีแนวทางปฏิบัติ ดังตอไปนี้ เช่นนี้ เปรียบเท่ากับน�้าใจของพระอรหันต์โดยแท้ พ่อแม่จึงเป็นพระอรหันต์ในบ้านของเราจริงๆ
• พิจารณาชื่อเรื่องของบทอานกอน ท�าไมพวกท่านจึงไม่คิดที่จะท�าบุญกับพระอรหันต์ที่อยู่ในบ้านของท่านเล่า?
เพราะเนื้อหาในแตละสวน หรือแตละ
ยอหนายอมเชื่อมโยงสูชื่อเรื่องทั้งสิ้น ในยามทีพ่ อ่ แม่ยงั มีชวี ติ อยู่ เราควรทีจ่ ะเลีย้ งดู จัดหาอาหาร เสือ้ ผ้า พาท่านไปท�าบุญท�าทาน
• จับใจความสําคัญในแตละยอหนา เพือ่ ให้ทา่ นมีความสุข และทีส่ า� คัญต้องเลีย้ งดูจติ ใจท่านด้วย ไม่ปล่อยทิง้ ให้ทา่ นอยูอ่ ย่างเดียวดาย
• นําใจความสําคัญในแตละยอหนาที่สรุปได
มารอยเรียงตอกัน) 24
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
นักเรียนอานขอความที่กําหนดใหตอไปนี้ แลวระบุใจความสําคัญของเรื่อง
ครูควรชี้แนะเพิ่มเติมใหแกนักเรียนวา การพิจารณาชื่อเรื่องของงานเขียนที่
“ครอบครัวคนไทยรับประทานอาหารพรอมกัน วางสํารับกับขาวไวกลางวง
ไดอานมีความเกี่ยวของกับแนวทางการอานเพื่อจับใจความสําคัญ เพราะชื่อเรื่อง
มารยาทในการรับประทานอาหารจึงเปนเรื่องหนึ่งที่ผูใหญอบรมเด็ก เชน
เปนใจความสําคัญที่สุดของงานเขียนเรื่องหนึ่งๆ กลาวคือ เนื้อหาในทุกๆ สวนของ
ไมมูมมาม ไมเคี้ยว หรือซดเสียงดัง ไมพูดเมื่ออาหารเต็มปาก รูจักใช
เรื่องยอมเชื่อมโยงสูชื่อเรื่องทั้งสิ้น ดังนั้น การอานจับใจความสําคัญ ผูอานจึงตอง
พิจารณาชื่อเรื่องกอน ซึ่งเปนกุญแจสําคัญในการวิเคราะหประเด็นสําคัญตางๆ ชอนกลาง แมในบางทองถิ่นที่รับประทานขาวเหนียวนึ่ง ลูกหลานไดรับการ
ที่ปรากฏภายในเรื่อง สั่งสอนใหหยิบขาวพอคํา และเปบขาวอยางเรียบรอย”
(สารานุกรมไทยสําหรับเยาวชนฯ ฉบับเสริมการเรียนรู เลม 2, 2548 หนา 67)
แนวตอบ ใจความสําคัญของขอความขางตนปรากฏอยูในสวนตนของ
นักเรียนควรรู ขอความ คือ มารยาทในการรับประทานอาหาร เปนสิ่งที่ผูใหญจะตองอบรม
ใหแกเด็ก
1 ใกลเกลือกินดาง เปนสํานวน สุภาษิต หมายถึง สิ่งที่มีคุณคาที่อยูใกลตัวหรือ
หางาย กลับไมใสใจ แตกลับไปหาสิ่งที่ไมมีคุณคาที่อยูไกลตัวหรือหายากกวามาใช
24 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 2
ต้องคอยเอาใจใส่ปรนนิบัติดูแลท่านอย่างใกล้ชิด แต่คนส่วนมากมักจะท�าบุญให้พ่อแม่ ในยาม สงตัวแทน 2 คน ออกมาอธิบายความรู
ที่ท่านตายจากเราไปแล้ว จึงเป็นการพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต เราควรที่จะท�าบุญให้กับพ่อแม่ เกี่ยวกับการเขียนผังความคิดที่ไดจากการ
ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ จึงจะได้ชื่อว่าเป็นผู้กตัญญูกตเวที การท� าบุญแบบนี้จะได้อานิสงส์ สืบคนรวมกับเพื่อน พรอมระบุแหลงที่มาของ
ทันตาเห็นในชาติปัจจุบัน บุญที่ให้ผลในชาติปัจจุบัน คือ บุญที่ท�ากับพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ ขอมูล
2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
พระอรหันต์ที่อยู่นอกบ้าน พวกเราๆ ท่านๆ ไม่อาจจะล่วงรู้ได้ว่า องค์ใดจริง หรือไม่จริง แต่
อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับ
ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดและเป็นของจริงแท้แน่นอน บูชาได้อย่างแน่นอน คือ พ่อแม่ของเรา ไม่มีผู้ใดที่มี
การเขียนผังความคิด โดยใชความรู
ความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ แล้วต้องพบกับความวิบัติ ไม่เคยมี มีแต่จะท�ามาหากินอะไรก็เจริญ
ความเขาใจที่ไดรับจากการฟงบรรยาย
รุ่งเรือง แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง
เปนขอมูลเบือ้ งตนสําหรับตอบคําถาม
(ปรับจากพระอรหันต์อยู่ในบ้าน: กองบรรณาธิการวารสาร ราชรถ ฉบับเดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๗) • การเขียนผังความคิดมีขั้นตอนอยางไรบาง
จากบทความเรื่อง “พระอรหันต์อยู่ในบ้าน”1 สรุปใจความส�าคัญได้ ดังนี้ (แนวตอบ 1. เขียนประเด็นหลักไวตรงกลาง
๑) จับใจความส�าคัญในแต่ละย่อหน้า หนากระดาษ 2. เขียนประเด็นรองไวรอบๆ
ย่อหน้าที่ ๑ ทุกๆ คน มุ่งแต่เสาะแสวงหาที่จะท�าบุญกับพระอรหันต์ที่อยู่นอกบ้าน และโยงเสนจากประเด็นหลัก 3. เขียน
จึงไม่เคยมองเห็นพระอรหันต์ที่อยู่ในบ้าน ประเด็นยอยโยงเสนมาจากประเด็นรอง
ย่อหน้าที่ ๒ น�้าใจของพ่อ แม่ มีความบริสุทธิ์เทียบได้กับน�้าใจของพระอรหันต์ โดยอาจมีการเพิ่มเติมภาพที่มีความสัมพันธ
ย่อหน้าที่ ๓ ในฐานะที่น�้าใจของพ่อ แม่ เทียบเท่ากับน�้าใจของพระอรหันต์ เราจึงควร กับประเด็นนั้นๆ ลงไป โดยวางไวบน
ท�าบุญกับพ่อแม่ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เพราะได้บุญทันตาเห็น เสนเชื่อมหรือระบายสีใหสวยงาม)
ย่อหน้าที่ ๔ ไม่มีผู้ใดที่กตัญญูต่อพ่อ แม่ แล้วจะได้พบกับความวิบัติ • หากตองเขียนผังความคิดเพื่อแสดงความ
๒) เขียนเรียบเรียงใหม่ เขาใจในบทเรียนจะตองเริ่มจากสิ่งใด
ทุกๆ คน มุ่งแต่เสาะแสวงหาที่จะท�าบุญกับพระอรหันต์ที่อยู่นอกบ้าน จนท�าให้มอง (แนวตอบ จะตองเริ่มจากการอาน ฟง หรือ
ไม่เห็นพระอรหันต์ที่สถิตย์อยู่ในบ้าน ซึ่งคือ พ่อ แม่ การเลี้ยงดูโดยไม่หวังผลตอบแทน การให้อภัยใน ดูเรื่องนั้นๆ ใหเกิดความเขาใจที่ถองแท
ความผิดพลาด เหล่านี้ คือ น�้าใจของพ่อ แม่ ซึ่งบริสุทธิ์เทียบเท่ากับน�้าใจของพระอรหันต์ ความกตัญญู เสียกอน โดยใชแนวทางการจับใจความ
กตเวทีที่บุตรพึงมีต่อพ่อ แม่ ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ จึงเป็นการท�าบุญที่ได้ผลเทียบเท่าการท�าบุญ สําคัญ พยายามจับใจความ หรือสาระสําคัญ
กับพระอรหันต์ ซึ่งไม่มีผู้ใดที่กตัญญูต่อพ่อ แม่ แล้วจะได้พบกับความวิบัติ ของเรือ่ งใหได เมือ่ มีขอ มูลเบือ้ งตนทีเ่ พียงพอ
ก็จะสามารถถายทอดเปนผังความคิด
๑.๕ การเขียนผังความคิด2 ที่มีความครอบคลุมเรื่องที่อาน)
ผังความคิด หรือ Mind Map คือ การสรุปความรู้ ความคิดโดยใช้ภาพ สี เส้น และการเชื่อมโยง • การอานจับใจความสําคัญมีความสัมพันธ
แทนการจดบันทึกในรูปแบบความเรียง ผูเ้ ขียนผังความคิดสามารถแตกประเด็นความคิดได้หลากหลาย กับการเขียนผังความคิดอยางไร
ไม่จ�ากัด แต่ทั้งหมดต้องสัมพันธ์กัน โดยเริ่มจากประเด็นหลัก เชื่อมโยงไปสู่ประเด็นรอง แตกแขนงไปสู่ (แนวตอบ การเขียนผังความคิดเพื่อแสดง
ประเด็นย่อย ความเขาใจในบทเรียน หรือเรื่องที่อาน
ผูเขียนจะตองทราบสาระสําคัญของเรื่อง
25 เปนอยางดี ดังนัน้ การอานจับใจความสําคัญ
จึงเปนจุดเริม่ ตนของการเขียนผังความคิดทีด่ )ี
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
การเขียนผังความคิดมีความสัมพันธอยางไรกับทักษะการคิด
1 ยอหนา หมายถึง ขอความตอนหนึ่งๆ ซึ่งมีใจความสําคัญเพียงเรื่องเดียว
และการทํางานรวมกัน จงแสดงความคิดเห็น
และมีสวนที่ขยายใจความสําคัญดังกลาวใหไดความชัดเจนและสมบูรณ ยอหนา
แนวตอบ การเขียนผังความคิดจะชวยพัฒนาทักษะการคิดของมนุษย หนึ่งๆ จะมีความยาวเทาใดก็ได แลวแตรายละเอียดของงานเขียนแตละเรื่อง
ใหเปนระบบหรือการคิดแบบเชื่อมโยง โดยเริ่มคิดจากประเด็นหลักไปสู สิ่งสําคัญที่สุด คือ แตละยอหนาตองมีใจความสําคัญเพียงเรื่องเดียว
ประเด็นรอง จากนั้นจึงคอยๆ แตกประเด็นยอยโดยมีหลักการวาจะตอง 2 Mind Map เปนวิธีการฝกกระบวนการการทํางานของสมอง 2 ทาง กลาวคือ
มีความสัมพันธเชื่อมโยงมาจากประเด็นหลักของเรื่อง นอกจากนี้การเขียน การฝกเขียน Mind Map เปนการถายทอดความรู ความคิด และขอมูลตางๆ
ผังความคิดยังมีความสัมพันธกับการทํางานรวมกันของมนุษย ในกรณีที่ใช ที่บรรจุอยูในสมองลงสูกระดาษ โดยใชเสน สี และภาพ เปนตัวชวยในการถายทอด
ผังความคิดเพื่อรวบรวมความคิดเห็นของกลุมที่มีตอประเด็นหนึ่งๆ ทําใหเกิด แทนการจดบันทึก ในขณะเดียวกัน Mind Map ยังชวยใหขอมูล ความรูตางๆ
การยอมรับฟงความคิดเห็นซึ่งกันและกัน อันเปนปจจัยพื้นฐานของการ จากตํารา หนังสือ คําบรรยายตางๆ เขาสูสมองไดโดยงาย ดวยวิธีการจดจํา
ทํางานและการอยูรวมกันในสังคมปจจุบัน เปนภาพ การทํางานของสมองจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อขอมูลที่เขาสูสมอง
มีลักษณะเปนภาพองครวม
คู่มือครู 25
ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
ขยายความเข้าใจ Expand
1. นักเรียนใชความรู ความเขาใจเกีย่ วกับการอาน
จับใจความสําคัญทําแบบวัดฯ ภาษาไทย ม.2 การเขียนผังความคิดมีขั้นตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 หนวยที่ 2 กิจกรรมตามตัวชี้วัด ๑. เขียนประเด็นหลักไว้ตรงกึ่งกลางหน้ากระดาษที่ไม่มีเส้นบรรทัดและวางในแนวนอน
กิจกรรมที่ 2.1 ๒. เขียนประเด็นรองไว้รอบๆ ประเด็นหลัก แล้วจึงลากเส้นเชื่อมโยง
๓. เขียนประเด็นย่อยที่สัมพันธ์กับประเด็นรองแตกออกไปเรื่อยๆ แล้วจึงลากเส้นเชื่อมโยง
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ ๔. เขียนสัญลักษณ์สื่อความหมาย เป็นเครื่องแทนความคิดให้มากที่สุด
ภาษาไทย ม.2 กิจกรรมที่ 2.1 ๕. ระบายสีเส้นประเด็นรองและประเด็นย่อยแต่ละด้านที่โยงออกไปให้เป็นสีเดียวกัน
เรื่อง การอานจับใจความส�าคัญ
การใช้ผังความคิดมีประโยชน์ ดังนี้
กิจกรรมตามตัวชี้วัด
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
๑. ช่วยให้เข้าใจและจดจ�าเรือ่ งทีอ่ า่ นได้ดยี งิ่ ขึน้ เพราะจดจ�าผ่านภาพ ถ้อยค�า หรือข้อความสัน้ ๆ
กิจกรรมที่ ๒.๑ ใหนักเรียนอานบทประพันธที่กําหนดใหแลวตอบคําถาม
(ท ๑.๑ ม.๒/๒)
ñð ๒. ช่วยให้จัดการความคิดเป็นระบบ มองเห็นความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันของข้อเท็จจริงต่างๆ
นงคราญองคเอกแกว
มานมนัสกัตเวที
กระษัตรีย
ยิ่งลํ้า
ที่ปรากฏในเรื่องที่อ่านหรือศึกษาค้นคว้า
เกรงพระราชสามี
ขับคเชนทรเขนคํ้า
ขุนมอญรอนงาวฟาด
มลายพระ ชนมเฮย
สะอึกสูดัสกร
ฉาดฉะ
๓. ช่วยให้เกิดจินตนาการในการสร้างสรรค์ผลงาน เพราะผังความคิดสามารถอธิบายขยายความคิด
ขาดแลงตราบอุระ
โอรสรีบกันพระ
สูญชีพไปสูญสิ้น
หรุบดิ้น
ศพสู นครแฮ
พจนผูสรรเสริญ
ต่อไปได้อีกหลายประเด็น
๑. สมเด็จพระศรีสุริโยทัย
นงคราญ หมายถึงใคร .........................................................................................................................................................................
ฉบับ
๒.
๓.
พระมหาจักรพรรดิ
พระราชสามี หมายถึงใคร ...............................................................................................................................................................
พระเจาแปร
ขุนมอญ หมายถึงใคร........................................................................................................................................................................... การเขียนผังความคิดสรุปความเข้าใจจากบทเรียน
เฉลย ๔. สละชีวิตของพระองคเพื่อชวยชีวิต
สมเด็จพระศรีสุริโยทัยไดแสดงวีรกรรมอยางไร...........................................................................................................
พระมหาจักรพรรดิ
....................................................................................................................................................................................................................................
ถูกพระเจาแปรฟนดวยพระแสงของาวพระอังสา
๕. สมเด็จพระศรีสุริโยทัยสิ้นพระชนมอยางไร......................................................................................................................
ขาดสะพายแลง
....................................................................................................................................................................................................................................
เรื่องย่อ รามเกียรติ์ ตอนนารายณ์ปราบนนทก
อานบทประพันธตอ ไปนีแ้ ลวตอบคําถามขอ ๖-๑๐
สรรเพชญที่แปดเจา
เสด็จประพาสทรงปลา
ลองเรือเอกไชยมา
อยุธยา
ปากนํ้า
ถึงโคก ขามพอ
นนทกท�าหน้าที่ล้างเท้าให้แก่เทวดาที่ขึ้นเฝ้าพระอิศวร ซึ่งนนทกมักจะถูกเทวดากลั่นแกล้ง
คลองคดโขนเรือคํ้า ขัดไมหักสลาย
ด้วยการเขกศีรษะ ลูบศีรษะ ถอนผมอยู่เป็นประจ�าจนศีรษะล้าน ด้วยความคั่งแค้นนนทกจึงไป
๖. สมเด็จพระเจาเสือ
บทประพันธนี้กลาวถึงกษัตริยพระองคใด .........................................................................................................................
๗.
๘.
ทรงเบ็ดตกปลา
เหตุที่เสด็จประพาสในครั้งนี้ ...........................................................................................................................................................
เรือเอกชัย
ทรงลองเรือใดในการเสด็จประพาส .........................................................................................................................................
ขอพรจากพระอิศวรให้ตนมีนิ้วเพชรที่สามารถชี้สังหารใครๆ ได้ เมื่อได้รับพร นนทกจึงระบาย
๙.
๑๐.
คลองคดเคี้ยว
เพราะเหตุใดโขนเรือพระที่นั่งจึงหัก ........................................................................................................................................
โคกขาม
เรือพายมาถึงที่ใดโขนเรือจึงหัก.................................................................................................................................................. ความคั่งแค้นไล่ชี้เทวดาสร้างความปั่นป่วนไปทั้งสวรรค์ พระอินทร์จึงไปกราบทูลให้พระอิศวร
๘ ทรงทราบ พระอิศวรจึงบัญชาให้พระนารายณ์ไปปราบนนทก
พระนารายณ์แปลงองค์เป็นนางอัปสรมายัว่ ยวนนนทก แล้วชวนออกร่ายร�าจนถึงท่าชีข้ าตนเอง
2. นักเรียนคัดสรรงานเขียนประเภทใหความรู ด้วยเดชนิ้วเพชรศักดิ์สิทธิ์ขานนทกจึงหักพับลง นางแปลงกลับกลายเป็นพระนารายณ์ นนทกจึง
นํามาอานเพื่อจับใจความสําคัญของเรื่อง ตัดพ้อว่า เพราะพระนารายณ์มีสี่กร ท�าให้ตนที่มีเพียงสองมือนั้นสู้ไม่ได้ พระนารายณ์จึงให้นนทก
นําเสนอในรูปแบบใบงานเฉพาะบุคคล ไปอุบัติในชาติใหม่ ให้มีสิบหน้า ยี่สิบมือ ส่วนพระองค์จะอวตารเป็นมนุษย์ตามไปปราบนนทก
ให้ส�าเร็จ นนทกจึงได้อุบัติเป็นทศกัณฐ์ โอรสท้าวลัสเตียนแห่งกรุงลงกา ส่วนพระนารายณ์
อวตารเป็นพระราม โอรสท้าวทศรถแห่งเมืองอโยธยา (อยุธยา)
จากการศึกษาเรื่องย่อรามเกียรติ์ ตอนนารายณ์ปราบนนทก สามารถเขียนผังความคิด
สรุปความเข้าใจจากบทเรียนได้ ดังนี้
26
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
“ทองฟามีอยูแบบทองฟา กอนเมฆลอยอยูแบบกอนเมฆ พระอาทิตย
ครูควรใหความรู ความเขาใจที่ถูกตองแกนักเรียนเกี่ยวกับการอานจับใจความ
สาดแสงในแบบของพระอาทิตย นกรองแบบที่มันรอง ดอกไมสวยงามเปน
สําคัญ ซึ่งการอานจับใจความสําคัญที่มีประสิทธิภาพจะตองมีความครอบคลุมประเด็น
ธรรมชาติของดอกไม ลมพัดเพราะมันคือลม หอยทากเดินชาอยางที่หอยทาก
ตอไปนี้
เปน เหมือนธรรมชาติกําลังกระซิบบอกฉันวามันเพียงเปนของมันอยางนั้น
• จุดมุงหมายของเรื่อง
มันไมรองขอ ฉันจะมองเห็นมัน หรือไมเห็นมัน มันไมเรียกรองใหตองชื่นชม
• การลําดับเหตุการณ
ตองแลกเปลี่ยน ตองขอบคุณ เปนของมันอยางนั้น ไมไดตองการอะไร
• สิ่งสําคัญที่ผูเขียนตองการนําเสนอ
มันเพียงแตเปนไป ทุกอยางเปนธรรมชาติของมัน” ใจความสําคัญของ
ขอความนี้คืออะไร
1. ธรรมชาติไมเคยสนใจมนุษย
มุม IT 2. ธรรมชาติไมเคยเรียกรองอะไรจากมนุษย
นักเรียนสามารถสืบคนความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเขียนแผนผังความคิดไดจาก 3. ธรรมชาติไมตองการคําชื่นชมจากมนุษย
เว็บไซต http://www.1.si.mahidol.ac.th/km/sites/default/fif iles/Mind_Map- 4. ทุกอยางที่เปนธรรมชาติ ลวนมีความสวยงาม
ping30_4_55.pdf วิเคราะหคําตอบ จากขอความขางตนไดกลาวถึงความเปนไปของธรรมชาติ
ธรรมชาติทุกสิ่งลวนเปนไปตามแบบฉบับของมัน และดวยความ
26 คู่มือครู ที่เปนธรรมชาติมันจึงสวยงาม ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
ขยายความเข้าใจ Expand
1. นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับขั้นตอนการ
เขียนผังความคิด จากหนังสือเรียนภาษาไทย
ึงขอนิ้วเพชรจากพระอิศวร
ถูกเทวดากลั่นแกลง
น พระราม
างแ ปลง
ั ณ ฐ
ราบนนทก
า
นพญาอนัน คราช
ถอื อาวุธ ตรี คทา จกั ร สงั ข
รู กั ษ
เทพผ
หนา 26-27 จากนั้นใชความรู ความเขาใจ
ตนา
เสียทีเพราะหลงน
อุบัติเป
อวตารเป
ปั สรมาป
ที่ไดรับจากการศึกษาดวยตนเอง ทําแบบวัดฯ
ภาษาไทย ม.2 ตอนที่ 1 หนวยที่ 2 กิจกรรม
นางอ
ไลชี้เทวดา พ
งเปน
า ใ ห เ ท
็บแคนจ
ะปร
แปล
มสี กี่ ร
ทรจ
มุ
ง เท
ยี รส
ูผกใจเจ
ษ
ที่ลา
งเก
ยกู ลา ✓ แบบวัดฯ
า
ทํ
ภาษาไทย ม.2 กิจกรรมที่ 2.2
เรื่อง การเขียนผังความคิด
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
กิจกรรมที่ ๒.๒ ใหนักเรียนเขียนผังความคิดจากเรื่องที่อานตอไปนี้ ñð
(ท ๑.๑ ม.๒/๓)
๑. โคลงสุภาษิตอิศปปกรณํา เรื่องราชสีหกับหนู
ราชสีหตัวหนึ่งนอนหลับ มีหนูตัวหนึ่งวิ่งไปบนหนา ราชสีหนั้นตกใจตื่น ลุกขึ้นดวย
รายณ
ก
ทก
1
หรื
อ โคอุศภุ รา
รามเกียรติ์
ราชสีหกับหนู
พระ
ตอน
ู สดุ ในศ
มีหนูวิ่งบนใบหนา
ราชสีหจับหนูไดจะฆาหนู หนูออนวอน ทุกชีวิตตองพึ่งอาศัยกัน
พาหนะ คื
เจา สง
ขอชีวิต ราชสีหจึงปลอยหนูไป
มเหสี คอื
อาวธุ
เท
หนูมาชวยกัดบวงนายพราน ตัวละคร
เหลา
อนิ ทร
ราชสีห หนู
นักเรียนจะนําขอคิดจากเรื่องนี้ไปใชในการดําเนินชีวิตประจําวันอยางไร
พ ระ
(พิจารณาคําตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน)
๙
บ
รง ทรา
ก
าลโล
ทูลเรื่อ ามเดือดรอนใหพระอิศวรท
อภิบ
2. นักเรียนเลือกอานบทความที่มีเนื้อหาสาระ
ของตน
ผูปกครองสวรรคชั้นดาวดึงส
ตน
ใหความรูในดานตางๆ โดยเลือกจากความ
รังแกขมเหงผูท ดี่ อ ยกวา
ไดรบั ผลแหงการกระทาํ
ณ
ด า
ว ั
า
ช
พระวรกายสีเขียว
ร
สุ
อ
ง
เ
งน นทก
ง
า
ในรูปแบบผังความคิด
ชา
น
รงชื่อ
คื อ
ค ว
มเหส ี
ชางท
สร า ง
๒๗
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนอานบทความสุขภาพที่ปรากฏในนิตยสารหรือวารสารตางๆ เมื่อครูใหนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมสรางเสริมและกิจกรรมทาทาย ผลที่จะไดรับ
จากนั้นใหสรุปความรู ความเขาใจของตนเองที่มีตอเรื่องที่อาน นําเสนอ จากการปฏิบัติกิจกรรมจะทําใหนักเรียนมีความรู ความเขาใจที่ถูกตองเกี่ยวกับการ
ในรูปแบบผังความคิด แตกประเด็นความคิด เห็นความสําคัญของการเขียนผังความคิดที่ชวยถายทอดขอมูล
ความรู ความเขาใจจากสมองลงสูกระดาษ ในขณะเดียวกันที่ขอมูล ความรู
ความเขาใจที่ไดจากการแสวงหาความรูดวยวิธีการตางๆ เขาสูสมอง
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนควรรู
นักเรียนตั้งประเด็นที่สนใจและเปนประโยชนตอชีวิตประจําวันของมนุษย
1 พระอิศวร หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งวา พระศิวะ ผูซึ่งเปนเทพเจาสูงสุดในศาสนา
เชน เรา...จะลดการใชพลังงานไดอยางไร แตกประเด็นความคิดหลัก
พราหมณ-ฮินดู (พระพรหม พระวิษณุ (พระนารายณ) พระศิวะ) ซึ่งรูปลักษณของ
ความคิดรองที่มีความสัมพันธกับประเด็นที่เลือก โดยหาความรูเพิ่มเติม
พระศิวะมีปรากฏหลายลักษณะ แตจุดเดนที่ถือวาเปนเอกลักษณของพระองค คือ
เพื่อใชเปนขอมูลสําหรับการแตกประเด็นความคิด นําเสนอในรูปแบบ
รูปพระจันทรเสี้ยว ดวงตาที่ 3 บนหนาผาก สรอยประคํารูปหัวกะโหลก และงู
ผังความคิด
ที่คลองพระศอ
คู่มือครู 27
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา
Engage Explore อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Elaborate Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอนดวยวิธีการ
ตั้งคําถามกระตุนทักษะการคิด โดยใชพื้นฐานหรือ ๒ การอ่านเพื่อวิเคราะห์
รองรอยความรูเดิมของตนเอง เปนขอมูลเบื้องตน
สําหรับตอบคําถาม
๒.๑ ความหมาย
วิเคราะห์ หมายถึง แยกออกเป็นส่วนๆ เพื่อท�าความเข้าใจและมองเห็นความสัมพันธ์ของ
• เมื่อนักเรียนทราบสาระสําคัญของเรื่อง
ส่วนย่อยต่างๆ ดังนั้น การอ่านเพื่อวิเคราะห์ จึงหมายถึง การอ่านเพื่อแยกแยะเนื้อหาที่ผู้เขียนสื่อสาร
เพราะมีทักษะการอานจับใจความสําคัญ ให้ได้ว่าข้อความใดเป็นข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น หรือความรู้สึกของผู้เขียน
หากตองการจะทราบองคประกอบและมองเห็น นอกจากนี้ ผู้อ่านจะต้องพิจารณาเนื้อหาทั้งด้านศิลปะการเขียนและเนื้อเรื่อง วิเคราะห์จนได้
ความสัมพันธของสวนยอยๆ ภายในเรื่อง แก่นส�าคัญและน�ามาพิจารณาคุณค่าที่ปรากฏในเรื่อง
ที่อาน นักเรียนจะตองฝกทักษะการอาน
ในรูปแบบใด ๒.๒ ความส�าคัญของการอ่านเพือ่ วิเคราะห์
(แนวตอบ ฝกทักษะการอานเพื่อการวิเคราะห การอ่านเพื่อวิเคราะห์มีความส�าคัญ ดังนี้
เพราะการอานวิเคราะหจะทําใหผอู า นทราบวา ๑) ผูอ้ า่ นทราบใจความส�าคัญของเรือ่ ง การอ่านเพือ่ วิเคราะห์จะท�าให้ผอู้ า่ นทราบว่าเรือ่ ง
สารที่รับมาดวยวิธีการอาน ฟง และดู ที่อ่านกล่าวถึงอะไร อย่างไรบ้าง และน�ามาวิเคราะห์ให้ได้แก่นเรื่อง
มีองคประกอบใดบาง และองคประกอบ ๒) ผู้อ่านเห็นความสัมพันธ์ของข้อมูล เป็นการพัฒนาทักษะการคิดเชื่อมโยงอย่างเป็น
เหลานั้นมีความสัมพันธกันอยางไร) ระบบ ผู้อ่านจะทราบถึงที่มาที่ไป แรงบันดาลใจของผู้เขียน หรือสาเหตุของเรื่อง น�าไปสู่การระบุได้ว่า
เรื่องที่อ่านมีความสมเหตุสมผลหรือไม่ ข้อมูลต่างๆ สัมพันธ์กันและส่งผลต่อเรื่องอย่างไร
๓) ผู้อ่านทราบข้อมูลในระดับสูง เนื่องจากการวิเคราะห์แยกแยะข้อมูลและพิจารณา
ส�ารวจค้นหา Explore ความเป็นเหตุเป็นผลของเนื้อเรื่อง จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจแก่นเรื่องและสาเหตุของเรื่อง
แบงนักเรียนออกเปน 3 กลุม ครูทําสลาก ๔) ผู้อ่านเกิดความประทับใจในสิ่งที่อ่าน เมื่อวิเคราะห์จนทราบสาเหตุและความเป็นไป
โดยเขียนหมายเลข 1, 2 และ 3 พรอมระบุขอความ ของเรือ่ ง จะท�าให้ผอู้ า่ นเกิดความเข้าใจ ซาบซึง้ และมองเห็นคุณค่าของเรือ่ งทีอ่ า่ น
ในแตละหมายเลข จากนั้นใหแตละกลุมสงตัวแทน ๒.๓ หลักการอ่านเพือ่ วิเคราะห์
ออกมาจับสลากประเด็นสําหรับการสืบคนความรู การอ่านเพื่อวิเคราะห์มีหลักการ ดังนี้
รวมกัน ดังนี้ ๑) พิจารณารูปแบบ ผู้อ่านควรพิจารณาว่าผู้เขียนเลือกใช้รูปแบบงานเขียนประเภทใด
หมายเลข 1 การอานเพื่อวิเคราะห ในการน�าเสนอเนื้อหาสาระ
หมายเลข 2 การอานเพื่อวิจารณ ๒) จับใจความส�าคัญ ผูอ้ า่ นควรอ่านเรือ่ งโดยละเอียดตัง้ แต่ตน้ จนจบ เพือ่ จับใจความส�าคัญ
หมายเลข 3 การอานเพื่อประเมินคา ๓) แยกพิจารณา โดยจ�าแนกเป็นประเด็น ดังนี้
โดยสามารถสืบคนความรูไดจากแหลงขอมูล • ข้อเท็จจริง คือ การพิจารณาเนื้อหาในส่วนที่น�าเสนอสิ่งที่เป็นความจริง มีข้อพิสูจน์ หรือ
ตางๆ ที่เขาถึงได และมีความนาเชื่อถือ มีแหล่งอ้างอิงที่เชื่อถือได้ เช่น การรายงานข่าวโดยน�าเสนอว่าเกิดเหตุการณ์อะไร ใคร ท�าอะไร เมื่อไร
ที่ไหน และอย่างไร เป็นต้น
• ข้อคิดเห็น คือ การพิจารณาเนื้อหาในส่วนที่เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลของ
ผู้เขียน ข้อความที่เป็นการสื่อสารความคิดเห็นของผู้เขียน อาจสังเกตได้จากค�าหรือวลี เช่น น่าจะ
คงจะ เชื่อว่า เป็นต้น
28
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
การวิเคราะหขอเท็จจริงและขอคิดเห็นที่ปรากฏในเรื่องที่อาน
ครูควรชี้แจงใหนักเรียนเขาใจวา การอานทั้ง 3 ประเภท เปนการอานที่มีความ
มีความสําคัญอยางไรตอการรับสารของมนุษย จงแสดงความคิดเห็น
สัมพันธเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน หากนักเรียนจะตัดสินเรื่องที่อาน ดวยคําวา “ชอบ”
“ไมชอบ” “ดี” “ไมดี” นั้น เปนเหตุผลที่ไมเพียงพอ การจะตัดสินเรื่องที่ไดอานวามี แนวตอบ ขอเท็จจริงเปนขอมูลที่สามารถพิสูจนและตรวจสอบได สวนขอ
คุณคาเพียงใด และอยางไร นักเรียนจะตองมีความรู ความเขาใจเกี่ยวกับการวิเคราะห คิดเห็นเปนทัศนคติของผูสงสารซึ่งไมสามารถตัดสินถูกผิดใหชัดเจนได
คือ สามารถแยกแยะองคประกอบตางๆ ภายในเรื่องที่อานไดครบถวน จากนั้นจึง ขึ้นอยูกับมุมมองและการใหเหตุผลสนับสนุนความคิดเห็นของแตละบุคคล
วิจารณหรือแสดงความคิดเห็นที่มีตอเรื่องทั้งในเชิงสนับสนุนและโตแยง โดยยกเหตุผล ดังนั้น หากการอานหรือการรับสารในทุกๆ ครั้ง ขาดการคิด วิเคราะห จําแนก
ที่ชัดเจนประกอบ สุดทายแลวจะมองเห็นชองทางทําใหสามารถตัดสินหรือประเมินไดวา ขอเท็จจริง ขอคิดเห็น อาจทําใหผูรับสารคลอยตามเนื้อหาสาระของสิ่งที่ได
เรื่องนั้นๆ มีคุณคาอยางไร ดวยเหตุผลที่เพียงพอ และปราศจากอคติหรือความลําเอียง อาน ฟงและดู แลวกอใหเกิดการวิพากษ วิจารณหรือที่เรียกวา “เขาขาง”
อีกทั้งการแสดงเหตุผลที่เพียงพอจะทําใหการประเมินคาในแตละครั้งมีความนาเชื่อถือ โดยที่ไมรูตื้นลึกหนาบางหรือสาเหตุที่แทจริง หลงเชื่อ แลวทําใหไดรับความ
เดือดรอนทั้งแกตนเองและผูอื่นไดในภายหลัง
28 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 1
• ความรู้สึกของผู้เขียน คือ การพิจารณาอารมณ์ ความรู้สึกของผู้เขียนที่สื่อสารมาสู่ผู้อ่าน สงตัวแทนออกมาอธิบายความรูเกี่ยวกับ
เช่น รู้สึกสลดใจ รู้สึกสะเทือนใจ เป็นต้น 1 การอานเพื่อการวิเคราะหที่ไดจากการสืบคน
๔) พิจารณาการเรียงล�าดับเหตุการณ์ คือ การพิจารณาวิธีที่ผู้เขียนใช้ล�าดับเหตุการณ์ รวมกับเพื่อนในกลุม พรอมระบุแหลงที่มาของ
หรือเนื้อหาภายในเรื่อง เช่น จากเหตุไปหาผล ผลไปหาเหตุ ล�าดับการเกิดก่อน - หลัง เป็นต้น ขอมูล
๕) พิจารณาการใช้สา� นวนภาษา คือ การพิจารณาว่าผูเ้ ขียนใช้ภาษาเหมาะสมกับประเภท 2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบายความรู
ของงานเขียน ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ สื่อความชัดเจนหรือไม่ เป็นต้น เกี่ยวกับการอานเพื่อวิเคราะห โดยใช
๒.๔ ตัวอย่างการอ่านเพือ่ วิเคราะห์ ความรู ความเขาใจทีไ่ ดรบั จากการฟงบรรยาย
เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม
บทความสÓหรับการอ่านเพื่อวิเคราะห์ • การอานเพื่อวิเคราะห คือ การอาน
เพื่อแยกแยะสวนประกอบหรือองคประกอบ
ธุรกิจฮาลาล...ตลาดใหญ่ในอาเซียน ภายในเรื่องวามีความสัมพันธกันอยางไร
ฮาลาล (Halal) เป็นค�าที่มาจากภาษาอาหรับ คือ กฎบัญญัติอนุมัติให้ชาวมุสลิมที่อยู่ใน จากคํานิยามขางตน นักเรียนคิดวา
ศาสนนิติภาวะกระท�าได้ อันได้แก่ การนึกคิด วาจา และการกระท�าที่ศาสนาได้อนุมัติให้ เช่น เราสามารถแยกแยะสวนประกอบใดของ
การรับประทานเนื้อปศุสัตว์ที่ได้เชือดอย่างถูกต้อง การค้าขายโดยสุจริตวิธี การสมรสกับสตรีตาม เรื่องไดบาง
(แนวตอบ ในเรื่องหนึ่งๆ ที่ไดอาน ไดฟง
กฎเกณฑ์ที่ได้ระบุไว้ เป็นต้น ในส่วน “อาหารฮาลาล” คือ อาหารที่ได้ผ่านกรรมวิธีในการท�า ผสม
หรือดู ผูรับสารจะสามารถแยกแยะ
ปรุง ประกอบ หรือแปรสภาพตามศาสนบัญญัตินั่นเอง เป็นการรับประกันว่าชาวมุสลิมโดยทั่วไป
สวนประกอบของเรื่องได ดังนี้
สามารถบริโภคหรืออุปโภคสินค้าหรือบริการต่างๆ ได้โดยสนิทใจ เราสามารถสังเกตผลิตภัณฑ์
• รูปแบบ เชน รอยแกว รอยกรอง
ว่าเป็น “ฮาลาล” หรือไม่นั้น ได้จากการประทับตรา “ฮาลาล” ที่ข้างบรรจุภัณฑ์นั้นเป็นส�าคัญ
• ขอเท็จจริง ขอคิดเห็น
นอกจากอาหาร ผลิตภัณฑ์ซงึ่ อนุมตั ติ ามบัญญัตศิ าสนาอิสลามให้มสุ ลิมบริโภคหรือใช้ประโยชน์ได้ • ความสมเหตุสมผล หรือความนาเชื่อถือ
ผลิตภัณฑ์ฮาลาลยังครอบคลุมถึงสินค้าหลายชนิด เป็นต้นว่า ข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจ�าวัน ของขอมูลภายในเรื่อง
ตลอดจนงานบริการ เช่น ธนาคาร โรงพยาบาล และการโรงแรม เป็นต้น นอกจากนี้ ผู้บริโภค • กลวิธีการนําเสนอหรือการเรียงลําดับ
สินค้าฮาลาลไม่ได้จ�ากัดเฉพาะชาวมุสลิมเท่านั้น ผู้บริโภคทั่วไปก็เป็นกลุ่มลูกค้าผลิตภัณฑ์ฮาลาล เหตุการณภายในเรื่อง
เพราะปัจจุบันสินค้าหรือบริการที่ได้รับตรารับรองความเป็นฮาลาลหมายความว่า นั่นคือสินค้า • การใชสํานวนภาษา)
ที่เชื่อถือได้ด้านสุขอนามัยและมีประโยชน์ต่อร่างกาย
ปัจจุบนั จ�านวนชาวมุสลิมทัว่ โลกมีประมาณ ๒ พันล้านคน ทัง้ ในทวีปยุโรป อเมริกา แอฟริกา
และเอเชีย โดยคาดว่าภายในปี ๒๐๓๐ จะมีจ�านวนมุสลิมทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น ๒.๒ พันล้านคน
ซึง่ จากจ�านวนประชากรชาวมุสลิมจ�านวนมหาศาลนี้ ท�าให้ตลาดสินค้าฮาลาลทัง้ ทีเ่ ป็นอาหารและ
ไม่ใช่อาหาร กลายเป็นตลาดเนื้อหอมที่หลายประเทศจ้องยึดครองนั่นเอง
29
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
การวิเคราะห วิจารณองคประกอบดานภาษาในงานเขียนมีแนวทางอยางไร
1 การเรียงลําดับเหตุการณ สามารถเรียงลําดับไดหลายรูปแบบ ขึ้นอยูกับกลวิธีการ
และองคประกอบดานภาษาสงผลตอการประเมินคุณคางานเขียนอยางไร
เขียนของผูเขียน ประเภทของเรื่อง ความเหมาะสมกับเนื้อเรื่อง เชน
แนวตอบ ผูวิเคราะห วิจารณหรือผูรับสารควรสังเกตความกลมกลืนระหวาง - เรียงลําดับตามเวลา
ภาษากับเนื้อหาสาระที่ผูสงสารนําเสนอ การใชโวหารภาพพจนวามีความ - เรียงลําดับตามความสําคัญ
สอดประสานกับเนื้อเรื่องมากนอยเพียงใด พิจารณาความถูกตองตามหลัก - เรียงลําดับตามเหตุและผล
ไวยากรณทางภาษาวามีความเหมาะสมกับบริบทและสถานการณหรือไม - เรียงลําดับตามหมวดหมู กลุม จําพวก
อยางไร - เรียงลําดับตามกระบวนการ
หากงานเขียนเรื่องนั้นๆ ผูเขียนหรือผูสงสารสามารถใชภาษา - เรียงลําดับตามขั้นตอน
ไดสอดคลองกลมกลืนกับเนื้อหาสาระที่นําเสนอ มีการใชโวหารภาพพจน
เหมาะสมกับบริบทของเรื่อง ก็สามารถประเมินเบื้องตนไดวางานเขียน
เรื่องนั้นๆ มีคุณคาทางดานภาษา
คู่มือครู 29
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 2
สงตัวแทนออกมาอธิบายความรูเกี่ยวกับ โดยปัจจุบันผู้ส่งออกสินค้าอาหารฮาลาลรายใหญ่ที่สุดของโลก คือ ออสเตรเลีย ตามด้วย
การอานเพื่อวิจารณที่ไดจากการสืบคน บราซิล อาร์เจนตินา แคนาดา อินเดีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ส�าหรับประเทศอื่น
รวมกับเพื่อนในกลุม พรอมระบุแหลงที่มาของ ในเอเชียที่เริ่มให้ความสนใจอย่างจริงจังในการเจาะตลาดสินค้าฮาลาลในเอเชียและตลาดโลก
ขอมูล คือ มาเลเซีย ซึ่งตั้งเป้าเป็นศูนย์กลางฮาลาลระดับนานาชาติ ส่วนประเทศสิงคโปร์ก็ประกาศ
2. ครูสมุ เรียกชือ่ นักเรียนเพือ่ อธิบายความรูเ กีย่ วกับ วิสยั ทัศน์เป็นศูนย์กลางผลิตอาหารฮาลาลเช่นกัน ในขณะทีป่ ระเทศไทยตัง้ เป้าเป็นศูนย์วทิ ยาศาสตร์
การอานเพื่อวิจารณ โดยใชความรู
และการตรวจสอบอาหารฮาลาล
ความเขาใจที่ไดรับจากการฟงบรรยาย
เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม จากทีก่ ล่าวมา จะเห็นได้วา่ ปัจจุบนั การแข่งขันเพือ่ จับตลาดฮาลาลของประเทศต่างๆ ทัว่ โลก
• “วิจารณ” มีความหมายวาอยางไร และผูที่ มีความตืน่ ตัวมากขึน้ อย่างต่อเนือ่ ง ดังนัน้ การเปิดเสรีทางด้านเศรษฐกิจของอาเซียนจึงเป็นโอกาส
จะทําหนาที่วิจารณไดดีควรมีคุณสมบัติ ของผู้ประกอบการในธุรกิจฮาลาลที่จะส่งออกสินค้าโดยใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและการหา
อยางไร แหล่งวัตถุดิบใหม่ในอาเซียน นอกจากนี้ ผู้ที่สนใจและอยากจะท�าธุรกิจร้านอาหารฮาลาล ก็คง
(แนวตอบ การวิจารณ คือ การใหคําอธิบายวา เป็นทางเลือกที่น่าศึกษาและลงทุน เพราะประเทศในอาเซียนที่นับถือศาสนาอิสลามก็นับว่าเป็น
เรื่องนั้นหรือสิ่งนั้นๆ มีความงดงาม โดดเดน ตลาดที่มีขนาดใหญ่ไม่น้อยเลยทีเดียว หากผู้ประกอบการสามารถน�าพาอาหารฮาลาลไทยไปบุก
มีขอดีหรือขอบกพรองอยางไร ซึ่งผูที่จะ ตลาดอาเซียนได้แล้ว ความหวังของการเป็น “ศูนย์กลางอาหารฮาลาลของโลกก็คงอยู่ไม่ไกล”
ทําหนาที่วิจารณไดดี ควรเปนผูที่มีความรู
(ปรับจากธุรกิจฮาลาล...ตลาดใหญ่ในอาเซียน: กองบรรณาธิการจดหมายข่าว
ในเรื่องนั้นๆ เปนอยางดี มีจิตใจเปนกลาง
ยอมรับฟงความคิดเห็นของผูอื่น) สมาคมอาเซียน - ประเทศไทย ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๒ เมษายน - มิถุนายน ๒๕๕๖)
• จากที่มักจะไดยินคําวา “การอานวิเคราะห จากบทความเรื่อง “ธุรกิจฮาลาล...ตลาดใหญ่ในอาเซียน” ของกองบรรณาธิการจดหมายข่าว
วิจารณ” ควบคูกันเสมอ นักเรียนคิดวาคํา
สมาคมอาเซียน - ประเทศไทย สามารถวิเคราะห์ได้ ดังนี้
ทั้งสองนี้มีความสัมพันธกันอยางไร
(แนวตอบ การอานวิเคราะห วิจารณเปนการ ๑) รูปแบบ ผูเ้ ขียนน�าเสนอเนือ้ หาผ่านงานเขียนประเภทบทความแสดงความคิดเห็น โดยน�า
อานที่ตอยอดขึ้นมาจากการอานเอาเรื่อง ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประชาคมอาเซียนมาน�าเสนอ เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องหรือผู้อ่านมีความตื่นตัวและ
หรือการอานจับใจความสําคัญ เพื่อใหการ มองเห็นข้อดีของการเป็นหนึ่งในประเทศสมาชิกอาเซียนของประเทศไทย
อานเกิดประโยชนสูงสุด ควรที่จะตอง ๒) ใจความส�าคัญ ผู้เขียนกล่าวถึงธุรกิจฮาลาลที่ก�าลังเติบโตอย่างเต็มที่อันเนื่องมาจาก
วิเคราะหองคประกอบของเรื่อง เพื่อใหเห็น การเพิ่มขึ้นของประชากรชาวมุสลิม หลายๆ ประเทศจึงพยายามครอบครองพื้นที่การตลาด โดยเฉพาะ
ความสัมพันธของแตละสวน และเมื่อทราบวา ตลาดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งประเทศไทยก็มีความพยายามที่จะเป็นศูนย์กลางอาหารฮาลาลเช่นกัน
เรื่องนั้นๆ มีองคประกอบใดบางจึงแสดง ๓) แยกพิจารณา โดยจ�าแนกเป็นประเด็น ดังนี้
ความคิดเห็นของตนเองที่มีตอองคประกอบ • ข้อเท็จจริง การเพิ่มขึ้นของจ�านวนประชากรชาวมุสลิมทั่วโลก ส่งผลต่อความต้องการ
นั้นๆ ทั้งในเชิงเห็นดวยหรือโตแยง ซึ่งเรียก อาหารทีเ่ พิม่ ขึน้ โดยต้องเป็นอาหารทีผ่ า่ นกระบวนการท�า ผสม ปรุง ประกอบ แปรสภาพตามศาสนบัญญัติ
ขั้นตอนนี้วา การวิจารณ ดังนั้น การอาน หรือเรียกว่าอาหารฮาลาล ความต้องการนีส้ ง่ ผลให้ธรุ กิจฮาลาลก�าลังเติบโต หลายๆ ประเทศจึงต้องการ
วิเคราะห วิจารณจึงเปนการอานที่มีความ ได้ส่วนแบ่งทางการตลาดรวมทั้งประเทศไทย
สัมพันธตอเนื่องกัน ผูอานตองวิเคราะห
องคประกอบของเรื่องใหไดเสียกอน จากนั้น 30
จึงวิจารณหรือแสดงความคิดเห็น ซึ่งการ
วิจารณที่ดีจะนําไปสูการตัดสินประเมินคา)
ขอสอบเนน การคิด
บูรณาการ
เศรษฐกิจพอเพียง แนว NT O-NE T
ขอใดใหความหมายของคําวา “วิเคราะห” ไดถูกตองที่สุด
ความพอเพียงไมไดครอบคลุมเฉพาะดานเศรษฐกิจ แตยังรวมถึงความพอเพียง 1. พิจารณาความหมายแฝงเรนของเรื่อง
ดานอื่นๆ เปนตนวา ความคิด สังคม ทรัพยากร ในฐานะที่นักเรียนยังอยูในชวงวัย 2. พิจารณาเจตนาหรือแนวคิดสําคัญของเรื่อง
ของการแสวงหาความรู และการอานก็เปนชองทางหนึง่ ทีจ่ ะใชเพือ่ ประโยชนดงั กลาว 3. พิจารณายอหนาเพื่อจับสาระสําคัญของเรื่อง
นักเรียนจะนําแนวทางการอานเพือ่ วิเคราะห วิจารณมาใชพฒ
ั นาตนเองใหมคี วาม 4. พิจารณาแยกแยะองคประกอบแตละสวนภายในเรื่อง
พอเพียงดานความคิดอยางไร จากนัน้ ใหรว มกันจัดปายนิเทศในหัวขอ “การสรางความ
พอเพียงดานความคิด” วิเคราะหคําตอบ ในการรับสาร นอกจากการทําความเขาใจสารแลว
ผูรับสารจําเปนตองวิเคราะหสารที่ไดรับมานั้น วามีความถูกตอง นาเชื่อถือ
มากนอยเพียงใด มีความเปนเหตุเปนผลหรือไม สวนใดเปนขอเท็จจริง
ขอคิดเห็น ซึ่งสิ่งเหลานี้จะมองเห็นไดก็ตอเมื่อผูรับสารสามารถวิเคราะห
หรือแยกแยะองคประกอบแตละสวนภายในเรื่องไดอยางละเอียดถี่ถวน
ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
30 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 3
• ข้อคิดเห็น ผู้เขียนได้แสดงข้อคิดเห็นสนับสนุนผู้ที่สนใจและต้องการจะประกอบธุรกิจ สงตัวแทนออกมาอธิบายความรูเกี่ยวกับ
ร้านอาหารฮาลาล โดยมองว่าเป็นทางเลือกทีน่ า่ สนใจ น่าลงทุน เพราะประเทศอาเซียนจ�านวนไม่นอ้ ยที่ การอานเพื่อประเมินคาที่ไดจากการสืบคน
มีประชากรนับถือศาสนาอิสลาม รวมกับเพือ่ นในกลุม พรอมระบุแหลงที่มาของ
• ความรู้สึกของผู้เขียน ผู้เขียนแสดงความรู้สึกดีต่อการเข้าร่วม เป็นหนึ่งในประเทศ ขอมูล
สมาชิกอาเซียนของประเทศไทย และมีความหวังว่าประเทศไทยจะได้เป็นศูนย์กลางอาหารฮาลาล 2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนอธิบายความรูเกี่ยวกับ
จากการเปิดเสรีทางด้านเศรษฐกิจ การอานเพื่อประเมินคา โดยใชความรู
๔) การเรียงล�าดับเหตุการณ์ ผู้เขียนเรียงล�าดับเหตุการณ์จากเหตุไปหาผล กล่าวคือ ความเขาใจที่ไดรับจากการฟงบรรยาย
เพราะจ�านวนประชากรชาวมุสลิมทีเ่ พิม่ มากขึน้ ผลจึงท�าให้ความต้องการอาหารมีมากขึน้ ธุรกิจการผลิต เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม
อาหารฮาลาลจึงเป็นธุรกิจที่มีช่องทางการเติบโต • การประเมินคางานเขียนมีลักษณะสําคัญ
๕) การใช้ส�านวนภาษา ผู้เขียนเลือกใช้ภาษาระดับกึ่งทางการสื่อสารกับผู้อ่าน สื่อความ อยางไร และมีความสัมพันธกับการอาน
ชัดเจน ตรงไปตรงมา
เพื่อวิเคราะห วิจารณอยางไร
1 (แนวตอบ การประเมินคุณคางานเขียนเปน
๓ การอ่านเพื่อประเมินค่า ขั้นตอนที่ผูรับสารตองพิจารณาสารอยาง
๓.๑ ความหมาย รอบคอบ เพื่อหาคุณคาของสาร ซึ่งจะตอง
ตรึกตรองและพิจารณาโดยปราศจากอคติ
การอ่านเพื่อประเมินค่า คือ การใช้วิจารณญาณ ความรู้ หรือประสบการณ์ของตนเอง ไมใชอารมณหรือความรูสึกสวนตนมามีสวน
ท�าความเข้าใจเรื่องที่อ่านอย่างมีเหตุผล แล้วตัดสินใจได้ว่าผู้เขียนน�าเสนอเนื้อหาถูกต้อง น่าเชื่อถือ ในการประเมินคา รวมถึงไมใหผูอื่นมาชักจูง
หรือไม่ ประเมินคุณค่าของเรือ่ งทัง้ ในด้านศิลปะการใช้ถอ้ ยค�าและด้านสังคม ระบุได้วา่ ภาพรวมของเรือ่ ง หรือโนมนาว ซึ่งการประเมินคางานเขียน
ดีหรือไม่ อย่างไร น�าสิ่งที่ได้รับจากการอ่านมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวันได้ เปนขั้นตอนที่ตอยอดมาจากการอาน
๓.๒ ความส�าคัญของการอ่านเพือ่ ประเมินค่า วิเคราะห วิจารณ เมื่อผูรับสารไดวิเคราะห
วิจารณ สวนประกอบตางๆ ของงานเขียน
การอ่านเพื่อประเมินค่ามีความส�าคัญ ดังนี้ ที่ไดอานอยางครบถวน ลึกซึ้งแลว จะทําให
๑) ท�าให้เกิดวิจารณญาณ การอ่านเพือ่ ประเมินคุณค่า เป็นการอ่านเพือ่ ตัดสินว่าเรือ่ งทีอ่ า่ น ตัดสินไดวางานเขียนที่ไดอานนั้นมีคุณคา
ดีหรือบกพร่องอย่างไร ใช้วจิ ารณญาณใคร่ครวญเกีย่ วกับงานเขียนอย่างมีเหตุผล ท�าให้ผอู้ า่ นตัดสินได้วา่ หรือไม อยางไร ซึ่งการตัดสินวาเรื่องที่
งานเขียนนั้นน่าเชื่อถือหรือไม่ มีคุณค่าเพี
2 ยงใด สามารถน�าไปใช้กับการอ่านงานเขียนประเภทอื่นๆ ไดอาน ไดฟง และดูมีคุณคาหรือไม อยางไร
๒) พัฒนาศักยภาพการอ่าน การประเมินคุณค่างานเขียนจะท�าให้ผอู้ า่ นได้พฒั นาศักยภาพ เรียกวา การประเมินคา)
การอ่านของตน ใช้ทกั ษะการอ่านอย่างหลากหลาย เช่น การอ่านจับใจความ การอ่านวิเคราะห์ การอ่าน
ตีความ เป็นต้น
๓) ได้ข้อคิดน�าไปใช้ในชีวิตประจ�าวัน เมื่อผู้อ่านสามารถประเมินคุณค่างานเขียนได้
จะท�าให้เกิดความเข้าใจและได้รับคุณค่าจากเรื่องที่อ่านน�าไปปรับใช้ในชีวิตประจ�าวันของตนเอง
31
บูรณาการเชื่อมสาระ
การวิเคราะห วิจารณ และการประเมินคาสามารถบูรณาการไดกับเรื่อง นักเรียนควรรู
การประเมินและวิจารณงานทัศนศิลป ในกลุมสาระการเรียนรูศิลปะ วิชา
1 ประเมินคา เปนหัวใจสําคัญของการรับสาร การตัดสินประเมินคาสิ่งที่ได
ทัศนศิลป โดยครูชี้แนะใหนักเรียนเห็นวาการวิจารณและประเมินคาผลงาน
รับรูดวยวิธีการอาน การฟง หรือการดู ผูร บั สารแตละคนยอมมีสทิ ธิท์ จี่ ะประเมินคา
ตางๆ ไมวาจะเปนงานวรรณกรรม หรืองานศิลปะ ตางมีความหมายตอผูชม
ไดอยางอิสระ สิง่ สําคัญสําหรับการประเมินคาสาร คือ การใหเหตุผล ซึ่งอาจมีความ
และผูสรางสรรคผลงาน โดยเฉพาะอยางยิ่งในมุมของผูสรางสรรคหากไดนํา
แตกตางกันตามความเชื่อ ทัศนคติ คานิยม หรือแมกระทั่งการอบรมเลี้ยงดู เชน
แนวคิด ขอติชมจากผูวิจารณมาปรับใชกับแนวทางการสรางผลงานของตนเอง
คนอื่นชอบละครเรื่องนี้ในขณะที่นักเรียนมองวาละครเรือ่ งนีไ้ มมปี ระโยชน ไรแกนสาร
กอใหเกิดเปนผลงานที่มีคุณคา ดังนั้น หลักการวิจารณและประเมินผลงาน
แตถา ผูร บั สารแตละคนไดมโี อกาสพิจารณาการประเมินคาหรือการใหเหตุผลของผูอื่น
โดยมาตรฐานจึงอยูที่ผูวิจารณตองมีความรู ความเขาใจในเรื่องที่จะวิจารณ
ก็จะทําใหเกิดมุมมองใหม และขยายโลกทัศนของตนเองใหกวางขึ้นดวย
เปนอยางดี เพื่อใหมีเหตุผลเพียงพอ นาเชื่อถือสําหรับการแสดงความคิดเห็น
ของตนเอง ไมมีอคติทั้งตอผลงานและผูสรางผลงาน ซึ่งผลงานแตละแขนง 2 ศักยภาพการอาน ของแตละบุคคลมีความแตกตางกัน ซึ่งปจจัยที่มีอิทธิพล
จะมีแนวทางการวิจารณลงลึกในรายละเอียดแตกตางกัน ครูมอบหมายชิ้นงาน ตอศักยภาพการอานของบุคคล ไดแก สภาพแวดลอมไมเอื้ออํานวย สภาพรางกาย
ยอยใหแกนักเรียนสืบคนแนวทางสําหรับการวิจารณและประเมินงานทัศนศิลป และจิตใจไมพรอม และรวมถึงการขาดทักษะการอาน จับใจความสําคัญ การแยกแยะ
รวมถึงกําหนดขึ้นจากความรู ความเขาใจของตนเอง คัดเลือกผลงานทัศนศิลป ขอเท็จจริง ขอคิดเห็น เปนตน
แขนงใดก็ได จํานวน 1 ชิ้น นํามาเขียนวิจารณและประเมินคาตามแนวทาง
ที่ไดสืบคนและกําหนด นําเสนอเปนใบงานเฉพาะบุคคล พรอมแนบสําเนา
ผลงาน
คู่มือครู 31
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการอานวิเคราะห ๓.๓ หลักการอ่านเพือ่ ประเมินค่า
วิจารณ และประเมินคา โดยใชความรู ความเขาใจ การอ่านเพื่อประเมินค่ามีหลักการ ดังนี้
ที่ไดรับจากการฟงบรรยาย เปนขอมูลเบื้องตน ๑) จับใจความส�าคัญ ผู้อ่านควรอ่านเรื่องอย่างละเอียดตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อท�าความเข้าใจ
สําหรับตอบคําถาม เนื้อหาว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร หรือใคร ท�าอะไร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร และท�าไม
• การวิเคราะหหรือการจําแนกขอเท็จจริงและ ๒) วิเคราะห์องค์ประกอบของเรื่อง ผู้อ่านควรแยกแยะเนื้อหาว่าส่วนใดเป็นข้อเท็จจริง
ขอคิดเห็นจากเรื่องที่อานมีประโยชนอยางไร
ข้อคิดเห็น และความรู้สึกของผู้เขียน
(แนวตอบ สําหรับการรับสารเรื่องหนึ่งๆ
๓) วิเคราะห์กลวิธีการน�าเสนอและการใช้ภาษา ผู้อ่านควรอธิบายได้ว่าผู้เขียนใช้วิธีใด
ในชีวิตประจําวัน มีความจําเปนอยางมาก
ภาษาเหมาะสมสอดคล้องกับเนื้อหาที่น�าเสนอหรือไม่ อย่างไร
ที่ผูรับสารจะตองวิเคราะหวาเรื่องที่ไดอาน
ขอความใดเปนขอเท็จจริง ขอความใดเปน ๔) พิจารณาแนวคิ1ดหรือข้อคิด ผู้อ่านควรตี 2 ความสาร คือ ท�าความเข้าใจความหมาย
ขอคิดเห็น โดยเฉพาะอยางยิ่งการรับสาร ของค�า ทัทั้งความหมายโดยตรงและความหมายโดยนัย รวมถึงสัญลักษณ์ที่ผู้เขียนได้แฝงความหมายไว้
ที่ใหความรู จําเปนที่ผูอานจะตองให ๓.๔ ตัวอย่างการอ่านเพือ่ ประเมินค่า
ความสําคัญกับการวิเคราะหขอเท็จจริง
ขอคิดเห็น เพราะแมวาเรื่องที่ไดอานจะมี กวีนิพนธ์สÓหรับการอ่านเพื่อประเมินค่า
ความนาสนใจเพียงใด แตถาเนื้อหาที่นําเสนอ
ผิดจากขอเท็จจริงทําใหผูรับสารหลงเชื่อ เจ้าสาวใบตอง
อาจกอใหเกิดความเสียหายไดในภายหลัง เธอเจ้าสาวใบตองในร่องสวน เคยขอนวลมาพอห่อข้าวขาว
ในขณะที่การวิเคราะหวาขอความใดของเรื่อง จะออกทุ่งออกทางทุกครั้งคราว ต้องห่อข้าวห่อของแล้วท่องไป
เปนขอคิดเห็นหรือเปนการแสดงความคิดเห็น จึงยามหิวแกะห่อก็ข้าวหอม ถึงกลางแดดแผดดอมก็หอมได้
ของผูเขียน จะทําใหผูรับสารขยายโลกทัศน ละค�าเคยอิ่มหอมถึงหัวใจ หอมแต่น้อยคุ้มใหญ่หอมไม่จาง
ของตนเอง มีมุมมองตอสิ่งตางๆ รอบตัว รักเจ้าสาวใบตองในร่องสวน เคยหวงนวลนักหนามาจ�าห่าง
กวางขวางขึ้น) กระแสลมโหมยุคทั้งรุกบาง จนเริดทิศแรมทางอยู่ร้างโรย
• การจะระบุวาเรื่องที่อานมีความสมเหตุสมผล อยู่ร้างโรยโดยทางของยุคใหม่ อยู่เหน็บหนาวกับสมัยซึ่งไห้โหย
หรือมีความนาเชื่อถือหรือไม สามารถ อยู่รวดร้าวกับรักกระอักโอย ดั้นและด้นจ�านนโดยสถานเดียว
พิจารณาจากสิ่งใดไดบาง พบเจ้าสาวพลาสติกระริกระรี้ หว่างวิถีทางแยกปลอมแปลกเปลี่ยว
(แนวตอบ สามารถพิจารณาเบื้องตนไดจาก มากแต่ยิ้มยั่วใจให้ลดเลี้ยว หลอกให้ลืมนวลเขียวเคยเคียงครอง
ผูสงสารหรือผูเขียนวามีความรู ความชํานาญ โอ้เจ้าสาวใบตองในร่องสวน ยุคฉะนี้เขียวนวลคงด่วนหมอง
เกีย่ วกับเรือ่ งนัน้ ๆ ดีหรือไม อยางไร พิจารณา ยินแต่เพลงพลาสติกระริกร้อง หรือสิ้นเพลงใบตองเสียแล้วเอย
จากสื่อวามีความนาเชื่อถือหรือเปนกลาง (เจ้าสาวใบตอง ใน ม้าก้านกล้วย: ไพวรินทร์ ขาวงาม)
มากนอยเพียงใด การอางอิงแหลงที่มาของ
ขอมูลในงานเขียน พิจารณาจากขอเท็จจริง
ขอคิดเห็นที่ปรากฏในเรื่องและรวมถึงการใช 32
สํานวนภาษา)
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
“ผูใดเกิดเปนสตรีอันมีศักดิ์ บํารุงรักกายไวใหเปนผล
ครูควรเฉลยเกี่ยวกับภาพที่ใชกระตุนความสนใจเพื่อนําเขาสูหัวขอการเรียน
สงวนงามตามระบอบไมชอบกล จึงจะพนภัยพาลการนินทา”
การสอน คําวา ถั่วงา เปนคําที่นักรองมือสมัครเลนใชสําหรับการลิปซิงกเพลง
ขอใดคือขอคิดที่ไดรับจากบทรอยกรองขางตน
เมื่อผูฟงที่อยูไกลๆ เห็นปากขมุบขมิบวา ถั่วงาๆ ก็เขาใจวานักรองกําลังรองเพลง
นั้นๆ อยู ผูทําภาพประกอบจึงไดนําแนวคิดนี้มาใชทํา infographic เพื่ออธิบาย 1. เปนผูหญิงตองรูจักรักนวลสงวนตัว
ลักษณะการอานของคนไทย คือ ไมใสใจกับการอาน เปนการอานผานๆ จับใจความ 2. เปนผูหญิงตองรูจักเจียมเนื้อเจียมตัว
สําคัญของเรื่องไมได หลงเชื่อโดยปราศจากการวิเคราะห ไตรตรอง และเกิดผลเสีย 3. เปนผูหญิงตองงดเวนการนินทาวาราย
4. เปนผูหญิงตองแตงกายใหเหมาะสมกับกาลเทศะ
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนอานบทรอยกรอง “ไหมแททแ่ี มทอ” วิเคราะห วิจารณองคประกอบ กิจกรรมที่ใหนักเรียนปฏิบัติไมวาจะดวยการสอดแทรกไวในเกร็ดแนะครู หรือ
ของงานเขียน โดยมุงเนนไปที่วิธีการเขียน การใชภาษาและเนื้อหาสาระ ปรากฏในรูปแบบกิจกรรมสรางเสริมและกิจกรรมทาทาย ลวนเปนการสรางทักษะ
หรือแนวคิดที่นําเสนอ พรอมระบุแนวทางการนําขอคิดที่ไดรับไปประยุกต ที่จําเปนใหแกนักเรียน หากครูใหนักเรียนไดปฏิบัติกิจกรรมอยางครบถวน สุดทาย
ใชในชีวิตประจําวัน นําขอมูลมาแลกเปลี่ยนเรียนรูกันภายในชั้นเรียน นักเรียนจะมีทักษะเพียงพอที่จะนํามาใชปฏิบัติกิจกรรมในกระบวนการขยายความ
เขาใจไดเปนอยางดี ซึ่งกิจกรรมในกระบวนการขยายความเขาใจนักเรียนจะตอง
ใชทักษะการวิเคราะห ทักษะการจําแนกประเภท ทักษะการใหเหตุผล ทักษะ
กิจกรรมทาทาย กระบวนการคิดอยางมีวิจารณญาณ ทักษะการประเมิน และทักษะการนําความรู
ไปประยุกตใชประกอบกันในการปฏิบัติกิจกรรม
เมื่อครูใหนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมสรางเสริมและกิจกรรมทาทายทางดานซายมือ
นักเรียนอานบทรอยกรอง “มากานกลวย 1” วิเคราะห วิจารณ องคประกอบ ควรใหนักเรียนทุกคนนําความรูมาแลกเปลี่ยนเรียนรูซึ่งกันและกัน รวมกันจัดปาย
ของงานเขียน โดยมุงเนนไปที่วิธีการเขียน การใชภาษาและเนื้อหาสาระ นิเทศประจําชั้นเรียน ในหัวขอ “เรียนรูชีวิต แนวคิด ผานวรรณกรรม” ซึ่งการปฏิบัติ
หรือแนวคิดที่นําเสนอ พรอมระบุแนวทางการนําขอคิดที่ไดรับไปประยุกตใช กิจกรรมดังกลาว จะทําใหนักเรียนสามารถนําความรู ขอคิดที่ไดรับจากการอานไป
ในชีวิตประจําวัน นําขอมูลมาแลกเปลี่ยนเรียนรูกันภายในชั้นเรียน ประยุกตใชใหเกิดประโยชน และแกปญหาในชีวิตประจําวันได
คู่มือครู 33
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engaae Expore Explain Elaborate
ตรวจสอบผล Evaluate
1. ครูตรวจสอบใบงานการอานจับใจความสําคัญ
โดยพิจารณาความถูกตองของใจความสําคัญ
2. ครูใชวธิ กี ารสมุ เรียกชือ่ นักเรียนนําเสนอผลงาน
ของตนเองหนาชั้นเรียน หากมีเวลาควรให
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
นักเรียนทุกคนไดมีโอกาสนําเสนอ
๑. การอ่านเพื่อจับใจความส�าคัญ การอ่านเพื่อวิเคราะห์ และการอ่านเพื่อประเมินค่า
3. ครูตรวจสอบใบงาน โดยพิจารณาวานักเรียน
มีความส�าคัญต่อชีวิตประจ�าวันอย่างไร
วิเคราะห วิจารณสวนประกอบของเรื่องได ๒. การอ่านหนังสือเรียนจะต้องใช้ทักษะการอ่านแบบใดจึงจะเหมาะสมที่สุด เพราะเหตุใด
ครอบคลุมในประเด็น ตอไปนี้หรือไม ๓. การอ่านเพื่อจับใจความส�าคัญ การอ่านเพื่อวิเคราะห์ และการอ่านเพื่อประเมินค่า
• รูปแบบ มีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร
• ขอเท็จจริง ขอคิดเห็น ๔. การอ่านเพื่อจับใจความส�าคัญ การอ่านเพื่อวิเคราะห์ และการอ่านเพื่อประเมินค่า
• ความนาเชื่อถือหรือความสมเหตุสมผล มีความแตกต่างกันอย่างไร
ของเรื่อง นักเรียนตองระบุไดวาพิจารณา ๕. นักเรียนคิดว่าการอ่านเพื่อประเมินค่าเป็นการอ่านในระดับสูงหรือไม่ เพราะเหตุใด
หรือสังเกตจากสิ่งใด
• กลวิธีการนําเสนอหรือการลําดับเรื่อง
• การใชสํานวนภาษา
นักเรียนจะตองแสดงความคิดเห็นเชิงสนับสนุน
หรือโตแยงเรื่องที่เลือกอาน และกําหนดใหอาน
อยางมีเหตุผลโดยอาศัยขอมูลรอบดาน จากนั้น กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้
จะตองประเมินวาเรื่องที่เลือกอานและบท
รอยกรองที่กําหนดใหอานมีคุณคาอยางไร กิจกรรมที่ ๑ ให้นักเรียนเลือกอ่านบทความ บันทึกเหตุการณ์ หรือเรื่องสั้น ๑ เรื่อง
แลวจะนําแนวคิดที่ไดรับไปปรับใชใหเกิด แล้วจับใจความส�าคัญ วิเคราะห์เนื้อหา ประเมินค่าจากเรื่องที่อ่านลงใน
ประโยชนในชีวิตประจําวันไดอยางไร กระดาษ A4 พร้อมเขียนผังความคิดแสดงความเข้าใจในเรื่องที่อ่าน
4. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวยการเรียนรู น�ามาอภิปรายหน้าชั้นเรียน
กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนเลือกอ่านบทร้อยกรองที่ตนชื่นชอบ สรุปความ แล้วประเมินค่า
เรื่องที่อ่านทั้งในด้านวรรณศิลป์และด้านสังคมให้เพื่อนๆ ฟังหน้าชั้นเรียน
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
1. ใบงานการอานจับใจความสําคัญ
2. ผังความคิดแสดงความรู ความเขาใจเกี่ยวกับ
บทความประเภทที่เลือกอานจากความสนใจ
3. ใบงานเฉพาะบุคคล การอานวิเคราะห วิจารณ
และประเมินคุณคางานเขียน
4. แบบวัดและบันทึกผลการเรียนรู
34
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. ในชีวิตประจําวันมนุษยรับสารอยางหลากหลาย การมีความรู ความเขาใจเกี่ยวกับการอานในลักษณะดังกลาวจะทําใหการอานในแตละครั้งเกิดประสิทธิภาพ
และประโยชนสูงสุด สามารถนําความรู ความเขาใจ ขอคิดตางๆ ที่ไดรับไปปรับใชตอยอดได อีกทั้งไมหลงเชื่อขอความตางๆ โดยปราศจากการคิดวิเคราะหใหถี่ถวน
2. การอานหนังสือเรียน ผูอานจะตองใชทักษะการอานเพื่อจับใจความสําคัญมากที่สุด เพื่อใหไดสาระสําคัญที่ครบถวน
3. เปนการอานที่พัฒนาสืบเนื่องจากขั้นตอนหนึ่งสูขั้นตอนหนึ่ง กลาวคือ ผูอานจะตองจับใจความสําคัญเรื่องที่อานใหไดเสียกอนวาเปนเรื่องเกี่ยวกับอะไร หรือใคร ทําอะไร
กับใคร อยางไร ที่ไหน เมื่อไร และทําไม แลวจึงจะวิเคราะหไดวาเรื่องที่อานมีองคประกอบใดบาง แสดงความคิดเห็นหรือวิจารณแตละองคประกอบ จากนั้นจึงจะ
สามารถตัดสินหรือประเมินคาเรื่องที่อานได
4. การอานเพือ่ จับใจความสําคัญ เปนการอานเพือ่ ใหทราบสาระสําคัญของเรือ่ งทัง้ หมด การอานเพือ่ วิเคราะหเปนการแยกแยะสวนประกอบของเรือ่ ง การอานเพือ่ ประเมินคา
เปนการตัดสินวาเรื่องที่อานนั้นมีคุณคาหรือไม อยางไร โดยใชขอมูลจากการวิเคราะห
5. เปน เพราะจะตองใชทักษะการอานที่หลากหลายกอนที่จะประเมินคาได ทั้งทักษะการอานเพื่อจับใจความสําคัญ ทักษะการอานเพื่อวิเคราะห แลวจึงจะประเมินคาโดยใช
วิจารณญาณอยางละเอียด รอบคอบ ปราศจากอคติ มีความสมเหตุสมผล จึงจะทําใหการอานเพื่อประเมินคามีประสิทธิภาพ
34 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนในตอนที่ 2 การพัฒนาทักษะการเขียน เปาหมายสําคัญ คือ
นักเรียนเห็นความสําคัญ ตระหนักในคุณคาของลายมือ เกิดทัศนคติที่ดี มีความเพียร
พยายามในการฝกฝนคัดลายมือของตนเอง มีความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับกลวิธี
การเขียนสื่อสารรูปแบบตางๆ โดยองคความรูทั้งหมดเกิดจากการรวมกันสืบคน
ภายใตคําชี้แนะของครู นําไปใชพัฒนาทักษะการเขียนของตนเอง สรางสรรค
งานเขียน รวมถึงประเมินผลงานของตนเองและผูอื่นอยางมีเหตุผล นาเชื่อถือ
การจะบรรลุเปาหมายดังกลาว ครูควรเริ่มตนสอนใหนักเรียนเห็นความสําคัญ
ของทฤษฎี ออกแบบการเรียนการสอนเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนของนักเรียน โดยให
ศึกษากลวิธีการเขียนรูปแบบตางๆ ฝกฝนการเขียนในหัวขอ และรูปแบบที่หลากหลาย
อยางสมํ่าเสมอ รวมถึงการศึกษางานเขียนของผูอื่นเพื่อนํามาพัฒนางานเขียน
ของตนเองตอไป
คู่มือครู 35
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
คัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด ดวยรูปแบบ
ตัวอักษรที่กําหนดใหหรือเลือกจากความสนใจ
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวินัย
2. มุง มั่นในการทํางาน
3. รักความเปนไทย
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรู การคัดลายมือ เปาหมายสําคัญคือ
นักเรียนสามารถคัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัดตามรูปแบบอักษรไทย โดยคํานึงถึง
ความถูกตองดานรูปแบบ ความสวยงาม และความสะอาดเรียบรอย
การจะบรรลุเปาหมายดังกลาว ครูควรออกแบบการเรียนการสอนโดยใหนักเรียน
รวมกันสรางองคความรูดวยตนเอง ศึกษาลักษณะของพยัญชนะ สระ วรรณยุกต
และตัวเลขของตัวอักษรไทยแตละรูปแบบ หลักการหรือแนวทางการคัดลายมือ เพื่อนํา
ความรู ความเขาใจไปประยุกตใชกบั การฝกปฏิบตั ดิ ว ยตนเอง และรวมถึงรวมกัน
กําหนดเกณฑเพือ่ ใชประเมินคุณภาพการคัดลายมือของตนเองและเพื่อนในชั้นเรียน
การเรียนการสอนในลักษณะนี้จะชวยฝกทักษะที่จําเปนใหแกนักเรียน ไดแก
ทักษะการสังเกต ทักษะการตั้งเกณฑ และทักษะการประเมิน นําไปปรับใชกับชีวิต
ประจําวันของตนเองตอไป
36 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูกระตุนความสนใจ โดยใหนักเรียนรวมกัน
๑ ความสÓคัญของลายมือ ตัง้ ขอสังเกตจากสถานการณปจ จุบนั หากอักษรไทย
มีการเปลี่ยนแปลงไปอยางตอเนื่อง สถานการณใด
ตัวอักษรเป็นสัญลักษณ์ที่ใช้เขียนถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ จากผู้เขียนไปสู่ผู้อ่าน ถ้าผู้เขียนเขียน จะเกิดขึ้น
ตัวอักษรได้ถกู ต้องและเป็นระเบียบ หรือเรียกว่า ลายมือดี จะช่วยให้ผอู้ า่ นรับสารได้ถกู ต้อง แต่ถา้ ลายมือ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
อ่านยาก ย่อมเป็นอุปสรรคในการสือ่ สาร เพราะผูอ้ า่ นไม่สามารถรับสารทีผ่ เู้ ขียนต้องการสือ่ ได้ตรงตาม ไดอยางอิสระ)
วัตถุประสงค์
ส�ารวจค้นหา Explore
๒ ประโยชน์ของการคัดลายมือ นักเรียนจับกลุมยอย กลุมละ 3 คน รวมกัน
ปัจจุบันเทคโนโลยีมีความเจริญก้าวหน้ามากขึ้น ประดิษฐ์ตัวอักษรใช้เพื่อความสะดวก รวดเร็ว สืบคนความรูแบบองครวมในประเด็น “การคัด
แต่อย่างไรก็ตาม การฝึกคัดลายมือก็ยังคงมีความส�าคัญและก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ฝึก ดังนี้ ลายมือ” จากแหลงขอมูลตางๆ ที่เขาถึงได และมี
๑) ท�าให้เกิดสมาธิ การคัดลายมือเป็นทักษะที่ต้องใช้สมาธิในการฝึกฝน การฝึกคัดลายมือ ความนาเชื่อถือ บันทึกสาระสําคัญ ขอมูลลงสมุด
ที่ถูกต้อง สวยงาม ไม่ผิดพลาด จึงเป็นการฝึกให้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับปัจจุบันขณะ
๒) ท�าให้เกิดความเพียรพยายาม การฝึกฝนคัดลายมือจ�าเป็นต้องฝึกอย่างสม�่าเสมอ อธิบายความรู้ Explain
จนเกิดความเชีย่ วชาญซึง่ เป็นผลของความเพียรพยายาม น�าไปสูค่ วามเพียรพยายามในการท�างานอืน่ ๆ ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่อตอบคําถาม โดยใช
ให้ส�าเร็จตามเป้าหมาย ความรู ความเขาใจที่ไดรับจากการสืบคนรวมกับ
เพื่อน เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม
๓ หลักการคัดลายมือ • ลายมือมีความสําคัญตอกระบวนการสื่อสาร
การคัดลายมือให้ถูกต้องสวยงามมีหลักการ ดังนี้ ของมนุษยอยางไร
(แนวตอบ ลายมือ คือ การเขียนสัญลักษณ
๑) จับดินสอหรือปากกาให้ถกู ต้อง โดยดินสอหรือปากกาจะอยูร่ ะหว่างนิว้ หัวแม่มอื กับนิว้ ชี้
ที่ยอมรับกันในแตละสังคมเพื่อสื่อสาร
นิ้วกลางช่วยประคอง ส่วนนิ้วก้อยและนิ้วนางงอไว้ในฝ่ามือ
ถายทอดเรื่องราวตางๆ จากผูสงสารไปยัง
๒) วางสมุดให้ตรง ไม่เอียงไปทางใดทางหนึ
1 ่ง ผูรับสาร ถาผูสงสารมีลายมือที่เปนระเบียบ
๓) จัดท่าทางในการเขียนให้ถกู ต้องง โดยต้องนัง่ ตัวตรง ค้อมศีรษะเล็กน้อย สายตาห่างจาก เขียนสัญลักษณนั้นๆ ไดถูกตองตรงรูปแบบ
กระดาษประมาณ ๑ ฟุต มือที่ไม่ได้จับอุปกรณ์การเขียนให้วางไว้บนสมุด หรือกระดาษเพื่อไม่ให้เลื่อน ที่ยอมรับกันในแตละสังคม ผูรับสารยอม
ไปมาขณะคัดลายมือ เขาใจเนื้อหาสาระได แตถาผูสงสารเขียน
๔) เขียนตัวอักษรให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยมีหลักในการพิจารณาขนาด ดังนี้ สัญลักษณนั้นๆ ผิดเพี้ยนไปจากรูปแบบ
๑. ตัวอักษรที่มีความกว้างน้อย คือ มีความกว้างน้อยกว่าตัวอักษรธรรมดา ได้แก่ ข ฃ ง จ ยอมทําใหผูรับสารเขาใจเนื้อหาสาระ
ช ซ ฐ ธ ร
ผิดพลาด คลาดเคลือ่ นได ทําใหกระบวนการ
สื่อสารไมสัมฤทธิผล)
37
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
บุคคลใดตอไปนี้มองเห็นประโยชนของการคัดลายมือแตกตางจากผูอื่น
เพือ่ ใหนกั เรียนเห็นความสําคัญของการคัดลายมือ ครูควรหาตัวอยางบทรอยกรอง
1. สมปองฝกฝนคัดลายมือเพื่อฝกสมาธิของตนเอง
จากวรรณคดีไทยเรื่องตางๆ ที่กลาวถึงความสําคัญของลายมือ เชน ผลงานของ
2. สมทรงฝกฝนคัดลายมือเพื่อใหตนเองมีระเบียบวินัย
สุนทรภู นํามาอานใหนักเรียนฟงหรือสุมเรียกชื่อนักเรียนที่มีความสามารถในการอาน
3. สมยศฝกฝนคัดลายมือเพื่อตองการใหเพื่อนยอมรับเขากลุม
ออกเสียงออกมาอานใหเพื่อนฟงหนาชั้นเรียน จากนั้นใหรวมกันถอดความเปน
4. สมเกียรติฝกฝนคัดลายมือเพื่อใหเขียนสื่อสารไดสัมฤทธิผล
รอยแกว แลวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสาระสําคัญของบทรอยกรองดังกลาว
วิเคราะหคําตอบ แมวาในปจจุบันเทคโนโลยีดานการพิมพจะเขามา ครูควรสรางบรรยากาศภายในชั้นเรียนใหเกิดการแลกเปลี่ยนและแสดงความคิดเห็น
มีบทบาทสําคัญแทนการคัดลายมือ เนื่องจากความไดเปรียบดานความ รวมกัน
สะดวกรวดเร็ว แตการคัดลายมือก็ยังกอใหเกิดประโยชนตอผูฝกฝนในดาน
นามธรรม เชน ทําใหมีสมาธิ ฝกระเบียบวินัยใหแกตนเอง ทําใหสามารถ
เขียนสื่อสารกับผูอื่นไดตรงวัตถุประสงค ไมผิดพลาด คลาดเคลื่อนไปจาก นักเรียนควรรู
เจตนา เพียงเพราะผูรับสารอานลายมือนั้นไมได ทําใหตีความผิด ซึ่งการ
ฝกฝนคัดลายมือ ไมไดเปนการฝกเพื่อใหเปนที่ยอมรับของสังคม ดังนั้น 1 จัดทาทางในการเขียนใหถูกตอง เปนหลักการคัดลายมือ ที่สงผลตอลักษณะ
จึงตอบขอ 3. ของตัวอักษร เพราะบางคนอาจวางกระดาษเอียงไปทางใดทางหนึ่ง สงผลใหตัวอักษร
เอียงไปดวยเชนกัน ดังนั้น การวางกระดาษจึงควรวางใหมีลักษณะตรง ไมเอียงไป
ทางใดทางหนึ่ง
คู่มือครู 37
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย 1
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการคัดลายมือ ๒. ตัวอักษรที่มีขนาดกลาง คือ มีขนาดเท่าตัวอักษรธรรมดา ได้แก่ ก ค ฅ ฆ ฉ ฎ ฏ ฑ ด
ฎฏ
โดยใชความรู ความเขาใจที่ไดรับจากการสืบคน ต ถ ท น บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม ย ล ว ศ ษ ส ห ฬ อ ฮ
รวมกับเพือ่ น เปนขอมูลเบือ้ งตนสําหรับตอบคําถาม ๓. ตัวอักษรทีม่ คี วามกว้างมากทีส่ ดุ คือ กว้างเป็นสองเท่าของตัวอักษรขนาดกลาง ได้แก่ ฌ
• ผูที่จะไดรับการยอมรับวามีลายมือสวยงาม ญ ฒ ณ
ลายมือของบุคคลนั้นควรมีลักษณะอยางไร 2
๕) ไม่เขียนหัวอักษรบอดษรบอด ลักษณะส�าคัญของอักษรไทย คือ จุดเริ่มต้นหรือหัว ซึ่งผู้เขียน
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
ไดอยางอิสระ เชน มีรูปแบบที่ถูกตอง) จะต้องเขียนให้ครบวง ไม่เขียนเป็นจุดทึบหรือเรียกว่าหัวบอด
• นักเรียนมีหลักปฏิบัติอยางไร เพื่อฝกฝน ๖) เขียนหางตัวอักษรยาวพองาม ตัวอักษรที่มีหาง คือ ช ซ ป ฝ ฟ ศ ส ฬ ฮ หางจะยาว
ทักษะการคัดลายมือของตนเอง เหนือเส้นบรรทัดขึน้ ไปพองาม ส่วนตัวอักษรทีม่ เี ชิงหรือมีหางยาวลงมาใต้บรรทัด คือ ญ ฎ ฏ ฐ ฤ ฤๅ
(แนวตอบ มีหลักปฏิบัติ ดังนี้ ฦ ฦๅ เชิงหรือส่วนหางจะห้อยต�า่ ลงมาใต้บรรทัด
• อานขอความที่จะคัดใหจบ ครบถวน ๗) เว้นช่องไฟสม�า่ เสมอ เพือ่ ให้แยกตัวอักษรออกจากกันได้ โดยต้องเว้นระยะให้เท่าๆ กัน
• จับดินสอหรือปากกา รวมถึงวางทาทาง ๘) วางพยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์ให้สมั พันธ์กนั สระทุกตัวต้องมีตา� แหน่งทีส่ มั พันธ์
การเขียนใหถูกตอง เหมาะสม
กับพยัญชนะ ดังนี้
• ศึกษาลักษณะสําคัญของพยัญชนะ สระ
วรรณยุกต ตัวเลขของอักษรแตละรูปแบบ ๑. สระที่อยู่หน้าพยัญชนะ คือ เ- แ- เขียนให้มีขนาดสูงเท่ากับพยัญชนะ
ใหเขาใจ และจดจําได ๒. สระที่อยู่หลังพยัญชนะ คือ -ะ -า -อ -ว เขียนให้มีขนาดสูงเท่ากับพยัญชนะ
• เริ่มเขียนจากสวนหัวกอน โดยไมยกดินสอ ิ ี ึ ื วนท้ายต้องตรงกับเส้นหลังของพยัญชนะ และ
๓. สระที่อยู่บนพยัญชนะ คือ - - - - ส่
ขณะที่เขียนตัวอักษรนั้นๆ มีความกว้างเท่ากับพยัญชนะขนาดกลาง หรือแคบกว่าเล็กน้อย
• การเขียนตัวอักษรครั้งหนึ่งๆ หากใช ๔. สระทีอ่ ยู่ใต้พยัญชนะ -ุ -ู ส่วนหางของสระต้องตรงกับเส้นหลังของพยัญชนะ ถ้าพยัญชนะ
รูปแบบใดก็ควรใชรูปแบบนั้น จนกระทั่ง มีเชิงให้ตัดเชิงออกก่อนจึงใส่สระ เช่น กตัญญู เป็นต้น
จบขอความ 3
๕. -ั ไม้
ไม้หันอากาศ -็
อากาศ ไม้ไต่คู้ -� นิคหิต จะวางเหนือพยัญชนะในต�าแหน่งกลางพยัญชนะ
• ขนาดของตัวอักษรตองมีความเหมาะสม 4
๖. เครือ่ งหมายทัณฑฆาต ต้
ฑฆาต องเขียนให้ตรงกับพยัญชนะทีไ่ ม่ออกเสียง เช่น รถยนต์ เป็นต้น
ไมใหญ เล็ก หรือลีบ ตองตั้งตรง ไมเอียง
โยไปดานใดดานหนึ่ง ๗. วรรณยุกต์ต้องเขียนบนพยัญชนะให้ตรงกับเส้นหลัง ถ้าพยัญชนะต้นมี ๒ ตัว ต้องวาง
• เวนชองไฟหรือระยะหางของตัวอักษร บนตัวที่สอง ถ้ามีรูปสระบนให้วางบนรูปสระอีกชั้นหนึ่ง
ใหสมํ่าเสมอ ไมเขียนเบียดชิด เกยกัน ๘. ค�าที่มีพยัญชนะต้น ๒ ตัว สระที่อยู่บนและใต้พยัญชนะจะวางที่ตัวที่สอง
และรวมถึงไมเขียนแบบนั่งเสน การฝึกฝนคัดลายมือนอกจากผูฝ้ กึ จะต้องจดจ�าขนาดของตัวอักษรเพือ่ เขียนให้สวยงามแล้ว
โดยเสนลางของตัวอักษรทับเสนบรรทัด ยังต้องจดจ�าลักษณะของตัวอักษรรูปแบบต่างๆ เพื่อเขียนให้ถูกต้องที่ส�าคัญควรฝึกฝนอย่างสม�่าเสมอ
• การคัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด ก็จะท�าให้เป็นผู้มีลายมือสวยงาม เขียนสัญลักษณ์ที่ใช้แทนเสียงสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสูงของตัวอักษรจะตองสูงเสมอกัน
• การวางตําแหนงของพยัญชนะ สระ
วรรณยุกตมีความถูกตองตาม
หลักไวยากรณ 38
• รักษาความสะอาดในการคัดลายมือ)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
นักเรียนมีวิธีการเขียนพยัญชนะ ศ ส อยางไร ใหถูกตองตามแบบอักษรไทย
1 ฎ ฏ เปนตัวอักษรที่ตองเขียนหยักใหเห็นชัดเจนเพื่อปองกันการออกสียง
หรือสะกดคําผิดพลาด แนวตอบ ศ ส เปนพยัญชนะขนาดกลาง ดังนั้นจึงตองเขียนขนาดของ
2 หัวอักษรบอด หรือตัวหนังสือหัวบอด หมายถึง หัวของตัวอักษรมีลักษณะ พยัญชนะทั้งสองใหเปนมาตรฐานเดียวกัน พยัญชนะทั้งสองตัวเปนพยัญชนะ
เปนวงทึบ ไมโปรง หรือเขียนหัวไมครบวง เขียนหัวเปนเสนงอๆ จัดเปนการเขียน ที่มีหัว เมื่อเริ่มตนเขียนจึงตองเขียนที่สวนหัวกอน โดยไมยกดินสอขณะเขียน
ที่ไมถูกตอง เมื่อเขียนมาถึงบริเวณสวนที่เปนหางของพยัญชนะ ตองไมเขียนแบบเลนหาง
และความยาวของหางตองเปนมาตรฐานเดียวกัน
3 ไมหันอากาศ หากสังเกตใหดีจะพบวา สวนหางของไมหันอากาศ จะยื่นออกไป
เหนือพยัญชนะตัวที่ตามมาเล็กนอย
4 เครื่องหมายทัณฑฆาต ( )์ เปนเครื่องหมายซึ่งใชเขียนบนพยัญชนะที่ไม
ตองการออกเสียง เชน คัมภีร ปรางค เปนตน นอกจากนี้คําที่ยืมมาจากภาษา
สันสกฤตบางคํา พยัญชนะที่ไมตองการออกเสียงมีหลายตัว เมื่อใสเครื่องหมาย
ทัณฑฆาตบนพยัญชนะตัวสุดทายแลว ไมตองใสเครื่องหมายทัณฑฆาตบนพยัญชนะ
ตัวอื่นอีก เชน พักตร ราษฎร เปนตน
38 คู่มือครู
ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expand Evaluate
ส�ารวจค้นหา Explore
ครูทําสลากเทากับจํานวนนักเรียนในชั้นเรียน
๔ รูปแบบตัวอักษร โดยเขียนหมายเลข 1, 2 และ 3 พรอมระบุ
ขอความในแตละหมายเลข ในจํานวนเทาๆ กัน
ตัวอักษรไทยที่มีรูปแบบถูกต้องสวยงามเป็นตัวอย่างของการฝึกคัดลายมือ มีหลายแบบ หรือเฉลี่ยตามความเหมาะสม จากนั้นใหนักเรียน
แต่อาจจัดรูปแบบกว้างๆ ได้ คือ ตัวอักษรประเภทหัวเหลี่ยมและตัวอักษรประเภทหัวกลม แตละคนออกมาจับสลาก ใครที่จับไดหมายเลข
๑) ตัวอักษรประเภทหัวเหลี่ยม หัวของตัวอักษรจะมีลักษณะเหลี่ยม เรียกว่า อักษรแบบ เหมือนกันใหอยูกลุม เดียวกัน ดังนี้
หัวบัวหรืออาลักษณ์ ล�าตัวก็จะเป็นเหลี่ยมเช่นกัน ตัวอาลักษณ์เป็นแบบอักษรของแผนกอาลักษณ์ หมายเลข 1 ตัวอักษรแบบอาลักษณ
ส�านักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะใช้ในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับราชการหรือในเอกสารพิเศษอื่นๆ เช่น หมายเลข 2 ตัวอักษรแบบกระทรวง
ปริญญาบัตร ประกาศนียบัตร เป็นต้น ศึกษาธิการ
หมายเลข 3 ตัวอักษรแบบภาควิชา
ตัวอักษรแบบหัวเหลี่ยม ประถมศึกษา คณะครุศาสตร
1 จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
พยัญชนะ
นักเรียนสามารถสืบคนความรูไดจากแหลง
ก ข ฃ ค ฅ ฆ ง จ ฉ ขอมูลตางๆ ที่เขาถึงได และมีความนาเชื่อถือ
ช ซ ฌ ญ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ซึ่งสมาชิกทุกคนภายในกลุมควรมีสวนรวมในการ
สืบคนความรูใหครอบคลุมประเด็นลักษณะสําคัญ
ณ ด ต ถ ท ธ น บ ป ของพยัญชนะ สระ วรรณยุกต และตัวเลขของ
ผ ฝ พ ฟ ภ ม ย ร ล อักษรรูปแบบที่กลุมของตนเองไดรับมอบหมาย
ว ศ ษ ส ห ฬ อ ฮ
อธิบายความรู้ Explain
สระและเครื่องหมาย
นักเรียนกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 1
ะ ั า ำ ิ ี ึ สงตัวแทน 2 คน ออกมาอธิบายลักษณะสําคัญของ
ื ุ ู เ แ ็ โ ใ พยัญชนะ สระ วรรณยุกต และตัวเลขของอักษร
ไ ฯ ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ์ รูปแบบที่กลุมของตนเองไดรับมอบหมาย
โดยแสดงตัวอยางประกอบคําอธิบายใหชัดเจน
วรรณยุกต์ พรอมระบุแหลงที่มาของขอมูล
เมื่อตัวแทนของกลุมที่ 1 อธิบายความรู
่ ้ ๊ ๋
เสร็จแลว ครูควรสุมเรียกชื่อนักเรียนในชั้นเรียน
ตัวเลข
อธิบายความรู ความเขาใจของตนเองที่ไดรับจาก
๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๐ การฟงบรรยาย และมอบหมายใหนักเรียนทุกคน
คัดคําขวัญประจําจังหวัดที่ตนเองชื่นชอบ
39 ดวยตัวอักษรรูปแบบอาลักษณ เพื่อเตรียม
ความพรอมคัดขอความที่มีขนาดยาวขึ้นตอไป
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ในการเขียนประกาศนียบัตร นักเรียนจะเลือกเขียนดวยอักษรรูปแบบใด
1 พยัญชนะ พยัญชนะไทยมีลักษณะสําคัญที่ควรสังเกต คือ ตัวตั้งตรง
จึงจะถูกตองเหมาะสมกับงาน
มีความกวางนอยกวาความสูง แตละตัวมีความกวางไมเทากัน ลักษณะสําคัญ
1. ตัวอักษรแบบตัวกลม หัวกลม
ของพยัญชนะไทยมีสวนหัวที่แตกตางกันถึง 4 แบบ ดังนี้
2. ตัวอักษรแบบตัวเหลี่ยม หัวกลม
1. หัวมีแวว หรือพยัญชนะที่มีหัวเปนวงกลม มี 2 แบบ คือ แบบหัวเขากับแบบ
3. ตัวอักษรแบบตัวกลม หัวเหลี่ยม
หัวออก ซึง่ พยัญชนะหัวเขา สวนหัวจะอยูภ ายในตัวพยัญชนะ มี 16 ตัว ไดแก
4. ตัวอักษรแบบตัวเหลี่ยม หัวเหลี่ยม
ง ฌ ญ ฒ ณ ด ต ถ ผ ฝ ย ล ว ส อ ฮ สวนพยัญชนะหัวออก สวนหัว
วิเคราะหคําตอบ การเขียนประกาศนียบัตร ซึ่งเปนเอกสารสําคัญที่ใหไว จะอยูนอกตัวพยัญชนะ มี 20 ตัว ไดแก ค ฅ จ ฉ ฎ ฏ ฐ ท น บ ป พ ฟ ภ
แกบุคคลผูนั้น ที่ไดประกอบคุณงามความดี สมควรประกาศไว จึงตองใช มรศษหฬ
อักษรที่มีลักษณะของเสนที่ใหอารมณความรูสึกแบบไทย ออนชอย แตมี 2. หัวสองชั้น มีลักษณะการเขียนหัวขมวด 2 ชั้น คลายพยัญชนะหัวเขา แตเมื่อ
ความสงางาม อักษรที่เหมาะสมจะใชเขียนประกาศนียบัตร จึงตองเปน เขียนเปนวงแลว จะเขียนเสนตอวนอีกรอบหนึ่ง ไดแก ข ช
อักษรที่มีลักษณะเสนลําตัว และสวนหัวเปนเหลี่ยม หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งวา 3. หัวหยักหรือหัวแตก มีลักษณะการเขียนคลายหัวสองชั้น แตมีรอยหยักกอนที่
“ตัวอาลักษณ” ดังนั้นจึงตอบขอ 4. จะลากเสนใหจบสวนหัว ไดแก ฃ ซ ฆ ฑ
4. พยัญชนะที่ไมมีหัว ไดแก ก ธ
คู่มือครู 39
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุม ทีจ่ บั สลากไดหมายเลข 2 และ 3
สงตัวแทนกลุมละ 2 คน ออกมาอธิบายลักษณะ ๒) ตวั อักษรประเภทหัวกลม คือ อักษรทีม่ ลี กั ษณะกลมมน เรียกตามโครงสร้างของตัวอักษร
สําคัญของพยัญชนะ สระ วรรณยุกต และ ว่าหัวกลมตัวมน ได้แก่ ตัวอักษรแบบกระทรวงศึกษาธิการ หรือบางแบบมีหัวกลม แต่ตัวเหลี่ยม ได้แก่
ตัวเลขของอักษรรูปแบบที่กลุมของตนเองไดรับ รูปแบบตัวอักษรของภาควิชาประถมศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
มอบหมาย พรอมระบุแหลงที่มาของขอมูล
2. หลังการอธิบายความรูของตัวแทนแตละกลุม ตัวอักษรแบบกระทรวงศึกษาธิการ
ใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหความแตกตางดาน
รูปแบบของอักษรแบบอาลักษณ แบบกระทรวง
ศึกษาธิการ และแบบภาควิชาประถมศึกษา
คณะครุศาสตร จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย
โดยเปรียบเทียบกันตัวตอตัว บันทึกความ
แตกตางลงสมุด
3. นักเรียนรวมกันตอบคําถามและแสดงความ
คิดเห็นผานขอคําถามตอไปนี้
• นักเรียนมองเห็นความเปลี่ยนแปลงที่กําลัง
เกิดขึ้นกับรูปแบบอักษรไทยในปจจุบันหรือไม
อยางไร สาเหตุเกิดจากอะไร
(แนวตอบ ความเปลี่ยนแปลงดานรูปแบบ
พยัญชนะบางตัวมีรูปแบบผิดเพี้ยน เชน หัวโต
แตมีขนาดความกวางของพยัญชนะลีบเล็กลง
หรือที่เรียกกันวา “ตัวถั่วงอก” พยัญชนะ
บางตัวที่มีหัว กลายเปนไมมีหัว ซึ่งสาเหตุ 1
ของความเปลี่ยนแปลงอาจเกิดจากการละเลย
ตองการความสะดวกรวดเร็ว หรือการดัดแปลง 2
จนทําใหสูญเสียเอกลักษณของอักษรไทย)
• นักเรียนคิดวาตนเองจะมีสวนรวมในการ
แกไขความเปลี่ยนแปลงนั้นไดอยางไร
(แนวตอบ การมีสวนรวมแกไขควรเริ่มตน 3
ที่ตนเอง แมวาในชีวิตประจําวันจะไมไดใช
ตัวอักษรแบบอาลักษณ ตัวอักษรแบบหัวกลม
ตัวเหลี่ยมในการสื่อสาร เปนการเรียนเพื่อรู
และตระหนักในคุณคา แตอยางนอยการเขียน
สื่อสารในชีวิตประจําวัน ควรเขียนตัวอักษร 40
ใหมีหัว ลําตัวตั้งตรง เปนระเบียบ)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
การระบุวา ขอความหนึง่ ๆ คัดดวยอักษรรูปแบบใด ขอใดคือจุดสังเกตสําคัญ
1 ไ ใ โ เมื่อจะเขียนรูปสระทั้ง 3 ตัว ปรากฏอยูหนาพยัญชนะ จะตองเขียนใหมี
1. การเวนชองไฟ
ขนาดสูงกวาพยัญชนะและมีชองไฟหางจากพยัญชนะเทากับชองไฟระหวางพยัญชนะ
2. โครงสรางของตัวอักษร
ดวยกัน
3. การลงนํ้าหนักมือบนตัวอักษร
2 วรรณยุกต เครื่องหมายวรรณยุกตในภาษาไทย มี 4 รูป ไดแก ่ ้ ๊ ๋ 4. ความเสมอตนเสมอปลายของตัวอักษร
เขียนบนพยัญชนะ โดยใหตรงกับเสนหลังหรือคอนไปทางซายของพยัญชนะ หากมี
พยัญชนะตน 2 ตัว รูปวรรณยุกตจะวางอยูบนพยัญชนะตัวที่สอง หากพยัญชนะ วิเคราะหคําตอบ การจะระบุวาขอความหนึ่งๆ คัดดวยอักษรรูปแบบใด
มีรูปสระอยูขางบนแลว รูปวรรณยุกตจะวางบนรูปสระอีกชั้นหนึ่ง เชน “ที่” “ปลิว” คือ การสังเกตโครงสรางของตัวอักษรวามีลักษณะอยางไร เชน การเขียน
“ครั้น” สวนหัว การโคง การหยัก แนวเสน เปนตน สวนการเวนชองไฟ การลง
นํ้าหนักมือ และความเสมอตนเสมอปลายของตัวอักษรที่คัด เปนเกณฑที่ใช
3 ตัวเลข มีทั้งสิ้น 10 ตัว คือ ๐ ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ใชสําหรับเขียนบอก สําหรับวัดคุณภาพของลายมือ เพื่อการตัดสินประกวดคัดลายมือ หรือใชเปน
จํานวน ตัวเลข 2 ตัว เขียนติดกันใชบอกจํานวนสิบ ตัวเลข 3 ตัว เขียนติดกันใชบอก แนวทางเพื่อฝกฝนคัดลายมือ ดังนั้นจึงตอบขอ 2.
จํานวนรอย ตัวเลข 4 ตัว เขียนติดกันใชบอกจํานวนพัน เปนตน
40 คู่มือครู
ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
ขยายความเข้าใจ Expand
1. จากความรู ความเขาใจเกี่ยวกับรูปแบบอักษร
ตัวอักษรแบบคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหลักการคัดลายมือ ใหนักเรียนรวมกัน
กําหนดเกณฑเพื่อใชประเมินการคัดลายมือ
ของตนเอง รวมถึงเพื่อนๆ ในชั้นเรียน และใช
เปนแนวทางปรับปรุง แกไขในครั้งตอไป
โดยเกณฑที่รวมกันกําหนดขึ้นนั้นไดจาก
การศึกษาเปรียบเทียบผลงานการคัดลายมือ
ทั้งที่ไดรับรางวัลและไมไดรับรางวัล เพื่อให
เกิดการตั้งขอสังเกต จนสามารถกําหนดเปน
มาตรฐานการคัดลายมือที่มีประสิทธิภาพได
ครูควรมีสวนรวมในกระบวนการนี้ โดยหา
ตัวอยางผลงานมาใหนักเรียนไดศึกษา
เปรียบเทียบ
(แนวตอบ เกณฑควรครอบคลุม ดังตอไปนี้
• ความถูกตองดานรูปแบบอักษร
• ความถูกตองของการวางตําแหนงสระ
วรรณยุกตบนพยัญชนะ
• การลงนํ้าหนักมือลงบนเสนของพยัญชนะ
สระ วรรณยุกต หรือตัวเลขที่คัด
• ความสวยงามดานขนาดของพยัญชนะ
ในกรณีคัดตัวบรรจงครึ่งบรรทัดความสูง
ของพยัญชนะตองเทากัน แนวเสนตอง
ตั้งตรง ไมเอียงโยไปดานหนา หรือดานหลัง
• ความสะอาด เปนระเบียบเรียบรอย
• ในกรณีประกวดตองเสร็จตามกําหนดเวลา)
2. นักเรียนบันทึกเกณฑทรี่ ว มกันกําหนดลงสมุด
1 2 จากนั้นใหคัดสรรพระบรมราโชวาทที่ตนเอง
ลายมือทีส่ วยงามเป็นระเบียบจะทÓให้งานเขียนน่าอ่าน น นอกจากนี ้ ลายมือยังบ่งบอก ประทับใจ จากหนังสือคําพอสอน หรือจาก
อุปนิสยั ของผูเ้ ขียนได้ ถ้าหากลายมือเรียบร้อยสวยงาม ย่อมแสดงว่าผูเ้ ขียนเป็นผูม้ รี ะเบียบ สื่ออื่นๆ ความยาวไมตํ่ากวา 20 บรรทัด
3
การฝึกฝนคัดลายมือจึงนับเป็นปัจจัยสÓคัญอย่างหนึง่ ทีจ่ ะทÓให้เขียนสือ่ สารในชีวติ ประจÓวัน นํามาคัดดวยลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยใชรูปแบบอักษร 2 ใน 3 ของรูปแบบ
ที่ไดศึกษา
41
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับระเบียบวิธีการคัดลายมือ
1 ลายมือที่สวยงามเปนระเบียบ ลายมือที่เรียบรอย สวยงามแสดงถึงความ
1. สระทีเ่ ขียนอยูใ ตพยัญชนะ -ุ -ู จะมีสว นหัวตรงกับเสนหลังของพยัญชนะ
มีระเบียบ เรียบรอยของผูเขียนหรือเจาของลายมือนั้นๆ และยังแสดงถึงความตั้งใจ
2. หางของไมหันอากาศจะตรงกับเสนหลังของพยัญชนะตัวที่มีไมหันอากาศ
และใหเกียรติผูรับสารอีกดวย
วางอยูขางบน
3. เครื่องหมายไปยาลนอย ตองเขียนใหมีขนาดความสูงเพียงครึ่งหนึ่งของ 2 งานเขียนนาอาน การเขียนภาษาไทยจะเขียนตัวอักษรที่ประสมกันแทนคํา
พยัญชนะตัวที่นํามาขางหนา แลวเรียงตอกันจากซายไปขวา มีชองวางระหวางตัวอักษรตัวหนึ่งๆ พอใหแยก
4. เครื่องหมายไมยมกเขียนหลังพยัญชนะ ใหมีขนาดความสูงอยูในระดับ ตัวอักษรออกจากกันหรือเรียกวา “ชองไฟ” งานเขียนทีม่ คี วามเรียบรอย สวยงาม นาอาน
เดียวกับพยัญชนะ ผูเขียนตองจัดชองไฟระหวางตัวอักษรใหเทากัน
วิเคราะหคําตอบ การเขียนสระ -ุ -ู สวนหางของสระตองตรงกับเสนหลัง 3 การฝกฝนคัดลายมือ ควรฝกฝนคัดลายมือเปนประจําสมํ่าเสมอ โดยในชวงแรก
ของพยัญชนะ หางของไมหันอากาศจะยื่นออกไปหาพยัญชนะตัวที่สอง ควรฝกเขียนบนกระดาษสีขาวที่มีเสนบรรทัดหรือกระดาษสมุด โดยใชดินสอดํา 2B
เล็กนอย การเขียนเครื่องหมายไปยาลนอย ตองเขียนใหมีขนาดเทากับ ฝกฝนจนกระทั่งเกิดความชํานาญ จากนั้นจึงเริ่มฝกโดยใชปากกาหมึกซึม
พยัญชนะตัวที่นํามาขางหนา เชนเดียวกับการเขียนเครื่องหมายไปยาลใหญ หรือปากกาหัวสักหลาด สีดําหรือสีนํ้าเงิน ขนาดหัว 0.5 มิลลิเมตร
และไมยมก ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
คู่มือครู 41
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engaae Expore Explain Elaborate
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนนําผลงานการคัดลายมือของตนเอง
และเพื่อนๆ มาวางกลางหอง รวมกันลงคะแนน
คัดเลือกผลงานที่เขาหลักเกณฑ รูปแบบละ
3 ผลงาน ใหหัวหนาชั้นเรียนบันทึกรายชื่อไว
คําถาม ประจําหนวยการเรียนรู
2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่อระบุวาตนเองได
๑. นักเรียนคิดวาการฝกคัดลายมือมีความจําเปนหรือไม อยางไร
ลงคะแนนคัดเลือกผลงานของเพื่อนคนใด
๒. หากนักเรียนไดรับคัดเลือกใหเปนตัวแทนของหองไปประกวดคัดลายมือในระดับชั้น นักเรียน
เพราะเหตุใด จากเหตุผลที่นักเรียนชี้แจงนั้น จะมีวิธีการเตรียมตัวอยางไร
จะทําใหครูสามารถประเมินไดวา นักเรียนผูนั้น ๓. การฝกฝนคัดลายมือเปนประโยชนตอตนเองและประเทศชาติอยางไร
มีทักษะการประเมินผลงานของผูอื่นเปนอยางไร
มีความรู ความเขาใจเกี่ยวกับลักษณะสําคัญ
ของลายมือที่ดีหรือไม อยางไร
3. ครูตรวจสอบผลงานการคัดลายมือของนักเรียน
ทุกคน โดยใชหลักเกณฑเดียวกับที่นักเรียน
รวมกันกําหนดภายใตคาํ แนะนําของครู
เขียนคําแนะนําสําหรับการปรับปรุง แกไข
ในครั้งตอไป สงผลงานคืน รวมถึงแจงผล
การตัดสินของครูวา ตรงกับนักเรียนหรือไม
เพื่อเปนการตรวจสอบทักษะการประเมินของ กิจกรรม สรางสรรคพัฒนาการเรียนรู
นักเรียนอีกชั้นหนึ่ง
4. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวยการเรียนรู กิจกรรมที่ ๑ ใหนักเรียนเลือกบทประพันธจากวรรณคดีเรื่องที่ชื่นชอบจํานวน ๖ บท
เพื่อฝกคัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัด โดยใชตัวอักษรแบบคณะครุศาสตร
จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย นําสงครูผูสอน
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู กิจกรรมที่ ๒ ใหนักเรียนเลือกบทความที่ใหแงคิด มีความยาวไมนอยกวา ๕ บรรทัด แลว
ฝกคัดลายมือตัวบรรจงครึ่งบรรทัดโดยใชตัวอักษรแบบกระทรวงศึกษาธิการ
ผลงานการคัดลายมือเฉพาะบุคคล “บทความที่ พรอมจัดปายนิเทศเพื่อแสดงผลงาน
ใหแงคิด” โดยใชรูปแบบอักษร 2 ใน 3 ของรูปแบบ กิจกรรมที่ ๓ ครูจัดกิจกรรมประกวดคัดลายมือในชั้นเรียน เพื่อคัดเลือกตัวแทนของหอง
ที่ไดศึกษา ไปประกวดคัดลายมือในระดับชั้นตอไป
๔๒
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. การฝกคัดลายมือมีความจําเปนอยางยิ่งตอการเขียนสื่อสารในชีวิตประจําวัน เพราะในบางครั้งหากผูสงสารตองการจะถายทอดเนื้อหาสาระตางๆ ไปยังผูรับสาร
โดยใชสัญลักษณหรืออักษรที่ยอมรับกันในแตละสังคม แตถาผูสงสารเขียนสัญลักษณเหลานั้นผิดเพี้ยนไปจากรูปแบบที่กําหนดและยอมรับกัน ยอมทําใหผูรับสาร
แปลสัญลักษณนั้นไมได สงผลใหเขาใจสารผิดพลาดคลาดเคลื่อน การสื่อสารจะไมสัมฤทธิผล
2. ตองศึกษาวารูปแบบอักษรที่กําหนดใหคัดคือรูปแบบใด หากมีความถนัดในรูปแบบนั้นๆ อยูแลว ก็ควรฝกฝนคัดอยางสมํ่าเสมอ ดวยการหาขอความมาฝกคัด
แตถาไมมีความชํานาญก็ควรที่จะศึกษาลักษณะสําคัญของพยัญชนะ สระ วรรณยุกต และตัวเลขของอักษรรูปแบบนัน้ จดจําลักษณะสําคัญไว แลวจึงหาขอความ
มาฝกคัดจนกระทัง่ เกิดความชํานาญ หลังฝกเสร็จควรตรวจสอบตนเองวา รูปแบบอักษรที่คัดมีความถูกตอง สมํ่าเสมอเปนรูปแบบเดียวกันทั้งขอความหรือไม
ขนาด ความสูง แนวเสนของอักษรทั้งหนาและหลังตั้งตรงหรือไม การเวนชองไฟ การลงนํ้าหนักมือ ความสะอาด เรียบรอย การสํารวจตนเองในแตละครั้ง
ผูฝกควรจดบันทึกผลการสํารวจแลวฝกคัดใหม แกไขขอบกพรอง จนกระทั่งไมพบขอบกพรองในการฝก
3. ชวยใหตระหนักในความสําคัญของลายมือ เพราะลายมือเปนเครื่องมือที่ใชในการสื่อสาร และยังเปนสิ่งสะทอนใหเห็นลักษณะนิสัยของบุคคล ผูที่มีลายมือสวยงามเปน
ระเบียบยอมแสดงใหเห็นวาเปนผูที่ผานการฝกฝนโดยใชความเพียรพยายาม และที่สําคัญการฝกคัดลายมือใหมีความสวยงามยังแสดงใหเห็นถึงวัฒนธรรมทางดานภาษา
ของชาติ
42 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
เขียนสื่อสารในรูปแบบตางๆ ไดแก
เขียนบรรยาย พรรณนา เรียงความ ยอความ
รายงานการศึกษาคนควา จดหมายกิจธุระ
วิเคราะห วิจารณ แสดงความรู ความคิดเห็น
โตแยงเรือ่ งทีอ่ า นไดถกู ตองตามรูปแบบ โดยเลือก
ใชถอ ยคํา สํานวนโวหาร ถูกตองตามหลักไวยากรณ
มีความไพเราะ เหมาะสม และคํานึงถึงมารยาท
ในการเขียน
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการแกปญหา
4. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
5. ความสามารถในการใชเทคโนโลยี
หน่วยที่ ò คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวินัย
2. ใฝเรียนรู
กำรเขียนเพื่อกำรสื่อสำร 3. มุงมัน่ ในการทํางาน
ตัวชี้วัด ก ารเขียนเปนทักษะการสื่อสาร
ท ๒.๑ ม.๒/๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๗, ๘ เพือ่ ใชถา ยทอดเรือ่ งราวจากผูเ ขียนไปสู
■ เขียนบรรยายและพรรณนา
เขียนเรียงความ
ผูอาน การเขียนในชีวิตประจําวัน เชน กระตุน้ ความสนใจ Engage
■
■ เขียนยอความ
เรียงความ ยอความ จดหมายกิจธุระตางๆ
■ เขียนรายงานการศึกษาคนควา การเขียนรายงานการศึกษาคนควา เขียน ครูนาํ เขาสูห นวยการเรียนการสอน ตัง้ ประเด็น
■ เขียนจดหมายกิจธุระ วิ เ คราะห วิ จ ารณ แสดงความคิ ด เห็ น สนทนาเกี่ยวกับการใชทักษะการเขียนในชีวิต
■ เขียนวิเคราะห วิจารณ แสดงความรู ความคิดเห็น โตแยง และเขียนโตแยง ผูเขียนควรศึกษา เรียนรู
■ มีมารยาทในการเขียน
ทําความเขาใจรูปแบบ หลักการเขียน การใช ประจําวันของนักเรียนแตละคน จากนัน้ ตัง้ คําถามวา
สาระการเรียนรู้แกนกลาง สํานวนภาษาใหถูกตองเหมาะสมเพื่อใหเขียน • การเขียนสื่อสารมีความจําเปนตอชีวิต
■ การเขียนบรรยายและพรรณนา สื่อสารไดอยางมีประสิทธิภาพ ประจําวันของมนุษยอยางไร โดยยกตัวอยาง
■ การเขียนเรียงความเกี่ยวกับประสบการณ
■ การเขียนยอความจากสื่อตางๆ ประกอบใหชัดเจน
การเขียนรายงาน เขียนรายงานจากการศึกษา ฯลฯ
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
■
43
ไดอยางอิสระ ทําใหไดคําตอบที่หลากหลาย
พิจารณาตามดุลยพินิจของครู)
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรู การเขียนเพื่อการสื่อสาร เปาหมายสําคัญ
คือ นักเรียนสามารถใชความรู ความเขาใจเกี่ยวกับการใชถอยคําเปนเครื่องมือสําหรับ
ถายทอดความรู ความคิด และจินตนาการของตนเองไปสูผูอื่นโดยผาน
งานเขียนในรูปแบบที่กําหนด โดยคํานึงถึงความถูกตองดานรูปแบบ การใชถอยคํา
ที่ถูกตองตามหลักไวยากรณ การสื่อความ ความไพเราะ เหมาะสม และมารยาทใน
การเขียน
การจะบรรลุเปาหมายดังกลาว ครูควรออกแบบการเรียนการสอนโดยใชวิธีการ
จับคู จับกลุมยอย หรือจับกลุม ใหญตามความยากงายของหัวขอการเรียนการสอน
รวมกันสืบคนองคความรู อธิบายความรูผานขอคําถามของครูเพื่อทดสอบวามีความรู
ความเขาใจในทฤษฎีเพียงพอตอการลงมือปฏิบัติจริง และรวมถึงรวมกันกําหนดเกณฑ
เพื่อใชประเมินงานเขียนของตนเองและเพื่อนในชั้นเรียน
การเรียนการสอนในลักษณะนี้จะชวยฝกทักษะที่จําเปนใหแกนักเรียน ไดแก
ทักษะการคิดสรางสรรค ทักษะการสังเคราะห และทักษะการประเมิน เพื่อนําไป
ปรับใชในชีวิตประจําวัน
คู่มือครู 43
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
1. ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอนดวยวิธีการ
ตั้งคําถามกระตุนทักษะการเปรียบเทียบ ๑ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการเขียน
และทักษะการวิเคราะห
• ทักษะการพูดและทักษะการเขียน คือ การเขียนเป็นทักษะการสือ่ สารด้วยตัวอักษร ใช้ถา่ ยทอดความรู ้ ความคิด ประสบการณ์ อารมณ์
กระบวนการที่มนุษยใชสําหรับถายทอด ความรูส้ กึ ของผูเ้ ขียนไปสูผ่ อู้ า่ น การเขียนเป็นทัง้ ศาสตร์และศิลป์ เพราะการเขียนทุกชนิดต้องมีรปู แบบ
ความรู ความคิด จินตนาการ นักเรียนลอง หลักการที่ผู้เขียนต้องเรียนรู้ ท�าความเข้าใจ เพื่อปฏิบัติได้ถูกต้อง และมีศิลปะในการเลือกใช้ค�าถูกต้อง
วิเคราะหวาทักษะการพูดและทักษะการเขียน ตามหลักภาษา ไพเราะ เหมาะสม
มีลักษณะสําคัญที่แตกตางกันอยางไร ๑.๑ ความส�าคัญของการเขียน
(แนวตอบ ทักษะการพูดและทักษะการเขียน การเขียนมีความส�าคัญส�าหรับมนุษย์ ดังนี้
เปนกระบวนการสื่อสารของมนุษย แตมี ๑. การเขียนเป็นทักษะการสื่อสารที่ท�าให้มนุษย์รับรู้ความต้องการของอีกฝ่ายหนึ่ง
ความแตกตางกันในเรื่องความคงทนของสาร ๒. การเขียนเป็นการแสดงออกซึ่งภูมิปัญญาของมนุษย์
กลาวคือ กระบวนการเขียนมีหลักฐานปรากฏ ๓. การเขียนเป็นเครื่องถ่ายทอดมรดกทางภูมิปัญญา
เปนลายลักษณอักษร ทําใหสามารถตรวจสอบ ๔. การเขียนเป็นเครื่องสร้างความสามัคคีและความเจริญรุ่งเรือง
หรือกลับมาทบทวนตอยอดไดในภายหลัง) 1
2. ครูชวนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับการเขียนสื่อสาร ๑.๒ จุดม่งุ หมายของการเขียน
ในยุคปจจุบัน โดยเฉพาะอยางยิ่งการเขียน จุดมุ่งหมายส�าคัญของการเขียน คือ เขียนให้ผู้อ่านเข้าใจและรับรู้ได้ตรงกับเจตนาของผู้เขียน
สื่อสารผานสื่ออิเล็กทรอนิกส ครูควรมีบทบาท การตั้งจุดมุ่งหมายไว้ล่วงหน้าช่วยให้ผู้เขียนเลือกสรรเนื้อหา รูปแบบ และภาษาได้สะดวก จุดมุ่งหมาย
ในการกระตุนนักเรียนใหรวมกันตั้งขอสังเกต ในการเขียนแบ่งได้ ดังนี้
เกี่ยวกับลักษณะของขอความที่ใชสื่อสารผานสื่อ ๑) การเขียนเพือ่ เล่าเรือ่ ง เป็นการเขียนเล่าเรือ่ งราวตามล�าดับเหตุการณ์ทเี่ กิดขึน้ โดยเรือ่ ง
ประเภทนี้ ที่เล่าผู้เขียนอาจประสบด้วยตนเองหรือเป็นเรื่องที่ได้อ่าน ได้ฟังมา เช่น นิทาน ข่าว สารคดี เป็นต้น
(แนวตอบ ลักษณะของขอความที่ใชสื่อสาร ๒) การเขียนเพื่ออธิบาย เป็นการเขียนเพื่อชี้แจงหรือแจกแจงเพื่อให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจ
ระหวางกันบนสื่ออิเล็กทรอนิกส สวนใหญเปน และปฏิบัติตามได้ เช่น อธิบายวิธีใช้เครื่องมือต่างๆ เป็นต้น
ขอความที่มีขนาดสั้น สะกดไมถูกตองตาม ๓) การเขียนเพือ่ แสดงความคิดเห็น เป็นการเขียนเพือ่ วิเคราะห์ วิจารณ์ แนะน�า หรือแสดง
หลักไวยากรณ เนื่องดวยสมัยนิยม และรวมถึง ความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยจะต้องค�านึงถึงหลักฐาน ข้อเท็จจริง และเหตุผล
ความสะดวก รวดเร็วในการสื่อสาร เชน คําวา ๔) การเขียนเพือ่ สร้างจินตนาการ เป็นการเขียนทีผ่ เู้ ขียนมีจดุ ม่งุ หมายให้ผอู้ า่ นเกิดอารมณ์
“พิมพ” จะสะกดเปน “พิม”) ความรู้สึก จินตนาการภาพตามได้
หลังคําตอบ ครูควรใหนักเรียนรวมกันแสดง ๕) การเขียนเพื่อโน้มน้าวใจ เป็นการเขียนที่ผู้เขียนมีจุดมุ่งหมายเพื่อชักจูง โน้มน้าวใจ
ความคิดเห็นเกี่ยวกับการใชภาษา เพื่อการ ให้ผู้อ่านเชื่อและยอมรับในสิ่งที่ผู้เขียนน�าเสนอ เช่น ค�าขวัญ โฆษณา เป็นต้น
สื่อสารในลักษณะขางตน จะกอใหเกิดความ ๖) การเขียนเพื่อกิจธุระ เป็นการเขียนที่ผู้เขียนมีจุดมุ่งหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง มีรูปแบบ
เปลี่ยนแปลงตอภาษาเขียนหรือไม อยางไร การเขียนและลักษณะการใช้ภาษาแตกต่างกันไปตามประเภทของงานเขียน
44
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ชื่อเรื่องในขอใดมีจุดมุงหมายในการเขียนแตกตางจากขออื่น
1 จุดมุงหมายของการเขียน หรือวัตถุประสงคในการเขียน หากจําแนกเปน
1. การรีไซเคิลขยะ
จุดมุงหมายหลักๆ จะแบงได 3 กรณี ดังนี้
2. วงการโทรทัศนไทย
1. การเขียนเพื่อใหขอมูลขาวสาร เปนการเขียนเพื่อใหขอมูล ขอเท็จจริง
3. ผิวสวย หนาใสดวยออโรรา
หรือความรูแกผูอาน รวมถึงการอธิบายหรือเลาเรื่องราวเหตุการณตางๆ
4. ชีวประวัติพระยาอนุมานราชธน
ที่เกิดขึ้น โดยจะพบการเขียนที่มีจุดมุงหมายลักษณะนี้ในตําราเรียน ขาว
บทวิเคราะหขาว วิเคราะหคําตอบ ชื่อเรื่องที่ปรากฏในแตละขอสามารถอนุมานไดวา ผูเขียน
2. การเขียนเพื่อจูงใจหรือโนมนาวใจ เปนการเขียนเพื่อใหผูอานเกิดความเขาใจ มีจุดประสงคในการเขียนสื่อสารอยางไร จากตัวเลือกในขอ 1., 2. และ 4.
และรูสึกตามที่ผูเขียนตองการ ซึ่งการโนมนาวใจนั้นมีเปาหมาย 3 ประการ ผูเ ขียนมีจดุ มุง หมายเพือ่ สรางความรู ความเขาใจหรืออธิบายเรือ่ งใดเรือ่ งหนึง่
ไดแก ใหคลอยตาม ใหเปลี่ยนทัศนคติ และใหเกิดการกระทํา แกผอู า น แตตวั เลือกในขอ 3. มีการใชภาษาชวนเชือ่ โนมนาวใจ โดยสวนใหญ
3. การเขียนเพือ่ ใหความบันเทิง เปนการเขียนทีม่ งุ ใหความสนุกสนาน เพลิดเพลิน จะพบในงานเขียนประเภทโฆษณา ซึ่งเปนงานเขียนที่มีจุดมุงหมายหรือ
ผอนคลายอารมณ มุง สรางจินตนาการและความรูส กึ เปนหลัก เชน การเขียน วัตถุประสงคเพื่อโนมนาวใจ จูงใจใหผูรับสารตัดสินใจซื้อสินคาและบริการ
นิทาน เรื่องสั้น นวนิยาย เปนตน ดวยถอยคําชวนเชื่อตางๆ ดังนั้นจึงตอบขอ 3.
44 คู่มือครู
ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expand Evaluate
ส�ารวจค้นหา Explore
นักเรียนจับกลุมกับเพื่อน กลุมละ 3 คน
๑๑.๓ ความสัมพันธ์ของการเขียนและการอ่าน ครูทําสลากเทากับจํานวนกลุมทั้งหมด โดยเขียน
การเขียนเป็นการใช้ภาษาที่ต้องแสดงออกทั้งความรู้ ความคิด และความรู้สึก ผู้เขียนจ�าเป็น หมายเลข 1-4 ในจํานวนเทาๆ กัน หรือเฉลี่ย
ต้องมีประสบการณ์ในด้านต่างๆ พอสมควร การหาประสบการณ์จึงเป็นสิ่งส�าคัญที่เปิดโอกาสให้ ตามความเหมาะสม พรอมระบุขอความในแตละ
ผู้เขียนได้สัมผัสประสบการณ์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ผู้เขียนสามารถเขียนได้ หมายเลข จากนั้นใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมา
อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง “การอ่าน” เป็นช่องทางในการสะสมประสบการณ์เช่นเดียวกับ “การฟัง” จับสลากประเด็นสําหรับสืบคนความรูรวมกัน ดังนี้
ผู้เขียน ผู้อ่าน หมายเลข 1 ความรูพื้นฐานเกี่ยวกับการเขียน
มีจุดมุ่งหมายในการถ่ายทอด มีจุดมุ่งหมายในการอ่านเพื่อ
เช่น เพื่ออธิบาย เพื่อชี้แจง ให้เลือกอ่านงานเขียนได้ตรง หมายเลข 2 การใชคําในการเขียน
สร้างจินตนาการ กับจุดมุ่งหมาย หมายเลข 3 การเขียนบรรยาย
มีความรู้ ความคิด และ
มีความรู้ด้านภาษา เพื่อให้
หมายเลข 4 การเขียนพรรณนา
ประสบการณ์ที่จะถ่ายทอด เกิดเป็น
เกิดขึ้น แปลความ ตีความงานเขียน ประสบการณ์
มีความรู้ด้านภาษา การใช้
จากการอ่าน
และฟังให้มาก ถ้อยค�า ส�านวนโวหาร
ที่อ่านได้อย่างลึกซึ้ง น�าไปถ่ายทอด
อธิบายความรู้ Explain
มีความรู้ด้านงานเขียน เช่น มีความรู้ด้านงานเขียน
องค์ประกอบ ลักษณะเฉพาะ เพื่อให้วิเคราะห์งานที่อ่านได้ 1. นักเรียนกลุมยอยที่ศึกษาในประเด็นเดียวกัน
ของงานเขียน เขากลุมใหญเพื่อแลกเปลี่ยนขอมูล สราง
ความรู ความเขาใจที่ถูกตองตรงกัน จากนั้น
จากแผนภาพผู้เขียนที่ดีย่อมเป็นผู้อ่านที่ดีมาก่อน ความรู้ความเข้าใจที่ผู้เขียนต้องมีเพื่อ ลงมติเลือกตัวแทน 2 คน ที่มีความรู
การสร้างสรรค์งานเขียนสะสมมาจากการอ่านและเมื่ออ่านมากแล้วย่อมเกิดความรู้ ความเข้าใจ และ
ความเขาใจแมนยําในขอมูลและมีทักษะ
ประสบการณ์นา� ไปถ่ายทอดเป็นงานเขียนทีเ่ ป็นประโยชน์ตอ่ ผูอ้ า่ นคนอืน่ ๆ ตามจุดมุง่ หมายทีก่ า� หนดไว้
การถายทอดที่ดีเปนตัวแทนออกมาอธิบาย
๑.๔ มารยาทในการเขียน ความรูใหเพื่อนๆ กลุมอื่นฟงหนาชั้นเรียน
1
๑) เขียนให้ถูกต้องตามอักขรวิธี เรียบเรียงประโยคถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ ใช้ถ้อยค�า 2. นักเรียนที่เปนตัวแทนของกลุมที่ศึกษา
ที่เหมาะสมกับเนื้อหา กาลเทศะ และสถานะของบุคคล ในประเด็น “ความรูพื้นฐานเกี่ยวกับการเขียน”
๒) เขียนสิ่งที่เป็นจริง ศึกษา ค้นคว้า และตรวจสอบว่าสิ่งที่เขียนถูกต้องแล้ว ถ้าเขียน ออกมาอธิบายความรู พรอมระบุแหลงที่มา
เรื่องส่วนตัวของผู้อื่นต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของเรื่องเสียก่อน ของขอมูล
๓) เขียนด้วยความรับผิดชอบ ถูกศีลธรรม จรรยา จารีต ประเพณี ไม่เขียนเรื่องที่จะ 3. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่อแสดงพื้นฐาน
ท�าให้สังคมส่วนรวมได้รับความเดือดร้อน เสียหาย หรือน�าไปสู่การแตกความสามัคคี ความรูเ ดิมเกีย่ วกับลักษณะสําคัญของการเขียน
๔) ใช้ถ้อยค�าสุภาพไพเราะ หลีกเลี่ยงค�าหยาบ ไม่ใช้อารมณ์ ความรู้สึกส่วนตนหรืออคติ (แนวตอบ การเขียนเปนศาสตรเพราะผูเขียน
วิจารณ์ผู้อื่น จะตองมีความรู ความเขาใจเปนอยางดี
๕) เขียนสิ่งที่มีคุณค่าก่อให้เกิดความสงบสุขแก่ประเทศชาติ เขียนสิ่งที่จะก่อให้เกิด เกี่ยวกับหลักการใชถอยคําใหถูกตองตาม
องค์ความรู้ใหม่ที่มีผลต่อการพัฒนาประเทศชาติ หลักไวยากรณ และเขียนใหถูกตองตาม
๖) ไม่คัดลอกงานเขียนของผู้อื่น แต่เมื่อน�าข้อความหรือผลงานของผู้อื่นมาใช้ประกอบ รูปแบบ ในขณะเดียวกันการเขียนก็เปนศิลป
จะต้องให้เกียรติเจ้าของผลงานด้วยการเขียนอ้างอิงทีม่ าของเรือ่ งและชือ่ ผูเ้ ขียนทุกครัง้ เพราะผูเขียนตองมีศิลปะ รสนิยมในการเลือก
45 ใชถอยคําเพื่อสรางภาพในจินตนาการของ
ผูอานที่ชัดเจน)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
บุคคลใดมีมารยาทในการเขียนที่ไมเหมาะสม
ครูจัดกิจกรรมยอยภายในชั้นเรียน โดยใหนักเรียนรวมกันแสดงความคิดเห็นวา
1. สุมิตราใชถอยคําที่สุภาพ ไพเราะในการเขียนสื่อสาร
“หากขาดมารยาทในการเขียนจะกอใหเกิดผลเสียตอผูเขียน และงานเขียนอยางไร”
2. แกวตาเขียนสื่อสารโดยใชถอยคําสุภาพ เหมาะสมกับระดับของผูอาน
รวมทั้งชวยกันอธิบายวา “ลักษณะอยางไรที่ระบุไดวาบุคคลผูนั้นมีมารยาทใน
3. สมปรารถนาคนควาขอมูลอยางรอบดานและหลากหลายกอนลงมือเขียน
การเขียน” โดยใชพื้นฐานหรือรองรอยความรูเดิมของแตละคน และมีครูคอยชี้แนะ
4. ลีลาศึกษางานเขียนของผูอื่น แลวลงมือเขียนโดยคัดลอกขอความนั้นๆ มา
เพิ่มเติมเพื่อสรางความเขาใจที่ถูกตองตรงกัน จากนั้นใหนักเรียนบันทึกสาระสําคัญ
เพื่อแสดงหลักฐานการคนควา
ที่ไดจากการแสดงความคิดเห็นรวมกันลงสมุด
วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกขอ 1., 2. และ 3. เปนมารยาทที่ควรกระทํา
ในการสรางงานเขียนดวยตนเอง สวนขอ 4. การคัดลอกงานเขียนของผูอ นื่
มาเปนผลงานของตนเองเปนสิง่ ทีไ่ มควรปฏิบัติ เพราะนอกจากจะเปนการ นักเรียนควรรู
ไมใหเกียรติเจาของผลงานนั้นแลวยังผิดกฎหมายในขอหาละเมิดลิขสิทธิ์
ทางปญญา สงผลใหผูเขียนไดรับความเดือดรอน เสียหาย และงานเขียน 1 เขียนใหถูกตองตามอักขรวิธี นักเรียนสามารถศึกษาวิธีการเขียนสะกดคํา
ชิ้นนั้นๆ ไมไดรับการเชื่อถือ ดังนั้นจึงตอบขอ 4. ใหถูกตองตามอักขรวิธีไดจาก พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช
2554
คู่มือครู 45
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนทีเ่ ปนตัวแทนของกลุม ทีศ่ กึ ษาในประเด็น
“การใชคําในการเขียน” ออกมาอธิบายความรู ๒ การใช้คÓในการเขียน
พรอมระบุแหลงที่มาของขอมูล
2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบายความรู การใช้ค�าในการเขียน คือ การน�าค�าชนิดต่างๆ มาร้อยเรียงกันให้ถูกต้องเหมาะสม โดยค�านึงถึง
เกี่ยวกับการเขียนผานขอคําถามของครู โดยใช หลักไวยากรณ์และการสื่อความ การเรียบเรียงอาจมีลักษณะเป็นค�า กลุ่มค�า ประโยค กลุ่มประโยค
ความรู ความเขาใจที่ไดรับจากการฟงบรรยาย ย่อหน้าเดียว หรือหลายย่อหน้า
ลักษณะการใช้ค�าผูกประโยค มีข้อควรพิจารณา ดังนี้
และพื้นฐานหรือรองรอยความรูเดิมของตนเอง
๑) ใช้ค�าให้ตรงความหมาย ในภาษาไทยมีค�าจ�านวนมากที่มีความหมายคล้ายกัน หากไม่
เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม
ทราบความหมายที่แท้จริง ก็จะน�ามาใช้ไม่ถูกต้อง ประโยคที่เรียบเรียงจากถ้อยค�าที่ตรงความหมายจะ
• หากสังเกตสื่อตางๆ ที่อานในชีวิตประจําวัน สื่อความได้ชัดเจน ตรงตามเจตนาของผู้เขียน เช่น
นักเรียนคิดวาสื่อที่ไดอานนั้น ผูเขียนมี ■ พ่อฝานมะม่วงรับประทานกับน�้าปลาหวาน
วัตถุประสงคในการถายทอดอยางไรบาง ■ แม่แล่ปลากะพงที่ซื้อมาเมื่อวาน
(แนวตอบ การเขียนเพื่อสื่อสารมีวัตถุประสงค คุณตาเฉือนเนื้อหมูในตู้เย็นที่คุณยายซื้อมาเมื่อวาน
■
1
หลายประการ เชน เขียนเพื่อเลาเรื่อง แต่จะใช้ในบริบทที่แตกต่างกัน
จากตัวอย่างข้างต้น ค�าทั้ง ๓ ค�า มีความหมายใกล้เคียงกัน แต่
เขียนเพื่ออธิบาย เขียนเพื่อแสดงความคิดเห็น ตามความหมายที่แท้จริง ดังนี้
เขียนเพื่อสรางแรงบันดาลใจ จินตนาการ ฝาน มีความหมายว่า ตัดบางๆ (มักใช้กับผลไม้)
เขียนเพื่อชักจูงโนมนาว และเขียนเพื่อกิจธุระ) แล่ มีความหมายว่า ท�าให้แผ่ออก และตัดออกเป็นชิ้น
• วัตถุประสงคการเขียนที่แตกตางกันสงผลตอ เฉือน มีความหมายว่า ตัดออกมาเล็กน้อย
รูปแบบและแนวทางการเขียนอยางไร ๒) ใช้ค�าที่แสดงความหมายชัดเจน ไม่คลุมเครือ ซับซ้อน เช่น
(แนวตอบ การเขียนที่มีวัตถุประสงค ■ ฉันพร้อมน้องก�าลังจะออกไปออกก�าลังกาย
แตกตางกันยอมมีรูปแบบ ขั้นตอน หรือขนบ ประโยคที่ถูกต้อง คือ ฉันกับน้องก�าลังไปออกก�าลังกาย
ในการเขียน การเริ่มเรื่อง การดําเนินเรื่อง ■ ชายชราใจดีผู้นี้ให้เงินคนจนหมดตัว
การสรุปจบ การใหเหตุผล หรือกลวิธีในการ ประโยคที่ถูกต้อง คือ ชายชราใจดีผู้นี้ให้เงินคนจนที่หมดตัว หรือชายชราใจดีผู้นี้ให้เงิน
ทําใหผูอานเกิดอารมณความรูสึกแตกตางกัน) คนจนจนเขาหมดตัว 2
• การเขียนและการอานมีความสัมพันธกัน ๓) ใช้คา� ให้ถกู ต้องตามชนิดของค�า ค�าในภาษาไทยมีหลายชนิด แต่ละชนิดมีลกั ษณะและ
อยางไร หน้าที่แตกต่างกัน การใช้ค�าให้ถูกต้องตามชนิดของค�า ถูกหลักไวยากรณ์ จะท�าให้ประโยคชัดเจน เช่น
ค�าลักษณนาม คือ ค�านามที่บอกลักษณะว่าค�านามนี้จะใช้ลักษณะอย่างไร โดยจะอยู่ท้ายค�าคุณศัพท์
(แนวตอบ การอาน คือ การแสวงหาและ
บอกจ�านวนนับหรือบอกปริมาณเพือ่ ขยายค�านามข้างหน้า โดยบอกรูปลักษณะชนิดของค�าทีอ่ ยูข่ า้ งหน้า
สรางเสริมประสบการณ ความรู ความคิด
ค�าบอกจ�านวนนับและยังช่วยให้ค�าที่มีหลายความหมายมีความหมายที่ชัดเจนขึ้น แต่ที่ใช้อยู่ใน
และจินตนาการ ซึ่งสิ่งเหลานี้ลวนเปนวัตถุดิบ ปัจจุบันบางครั้งน�าค�าบอกจ�านวนมาไว้หน้าค�านาม โดยละค�าลักษณนาม
สําหรับการสรางสรรคงานเขียน เทียบเทากับ ตัวอย่าง
ความรู ความเขาใจในเรื่องการใชถอยคํา ■ สองดาราสาวร่วมกันบ�าเพ็ญประโยชน์เนื่องในวันวิสาขบูชา
ซึ่งผูเขียนที่ดีควรมี) ควรใช้ค�าว่า ดาราสาวสองคน แทน สองดาราสาว
46
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ประโยคสื่อสารในขอใดใชถอยคําไดถูกตอง
1 บริบท คําหรือขอความแวดลอม เพื่อชวยใหผูอานเขาใจความหมายของคํานั้นๆ
1. เธอติดตามขาวของเขาอยางไมลดราวาศอก
โดยสังเกตจากคําใกลเคียง เรียกไดอีกอยางหนึ่งวา “ปริบท”
2. ในหองนอนของนองชายคละคลุงไปดวยกลิ่นหอม
2 ชนิดของคํา คําในภาษาไทยมีหลายชนิด แตละชนิดมีลักษณะและหนาที่ 3. ใกลจะสอบแลวเธอยังจะมาปลอยตัว ปลอยใจอยูได
แตกตางกัน การใชคําใหถูกตองตรงตามหนาที่จะทําใหงานเขียนมีความถูกตอง 4. เขาไมเคารพพอแม ลูกของเขาก็เหมือนกงเกวียนกําเกวียน
เหมาะสมกับกาลเทศะ บุคคล และทําใหการสื่อสารสัมฤทธิผล เกิดผลตามที่ผูเขียน
ตั้งใจไว วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. ลดราวาศอก มีความหมายวา ยอมให ผอนปรน
ไมเหมาะทีจ่ ะใชในประโยคนี้ ควรใชในรูปประโยค เชน คนเปนพีต่ อ งลดรา
วาศอกใหนองบาง ขอ 2. คละคลุง เปนคําขยาย ใชกับกลิ่นเหม็น เชน หองนี้
คละคลุงไปดวยกลิ่นขยะ ขอ 3. ปลอยตัว ปลอยใจ หมายถึง ใจแตก
ไมเหมาะที่จะใชในรูปประโยคนี้ ควรใชในรูปประโยค เชน ลูกสาวบานนี้
ปลอยตัวปลอยใจไมยอมเรียนหนังสือเลย สวนขอ 4. เปนคําอุปมา หมายถึง
เวรสนองเวร กรรมสนองกรรม ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
46 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1 นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
๔) ใช้คาให้
๔) ใ า� ให้เหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล
คล ภาษาไทยเป็นภาษาทีม่ วี ฒั นธรรม การใช้คา� อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการใช
บางค�าเหมาะส�าหรับใช้กับเด็ก บางค�าเหมาะส�าหรับผู้ใหญ่ ผู้ชาย ผู้หญิง ผู้ที่มีสถานภาพทางสังคม คําในการเขียน โดยใชความรู ความเขาใจ
แตกต่างกัน ผู้เขียนควรพิจารณาว่าจะใช้อย่างไร เช่น ทีไ่ ดรบั จากการฟงบรรยาย และพืน้ ฐานหรือรองรอย
■ แม่ ให้มาถามครูว่าบ่ายวันพรุ่งนี้จะมาหาได้ไหม (ผิดกาลเทศะและสถานภาพของ ความรูเดิมของตนเอง เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับ
บุคคล) ตอบคําถาม
ประโยคที่ควรใช้ คือ คุณแม่ ให้มาเรียนคุณครูว่าบ่ายวันพรุ่งนี้จะขอพบได้หรือไม่ • การใชคําในการเขียนประเภทหนึ่งๆ
■ เจ้าอาวาสก�าลังนอนหลับ (ผิดสถานภาพของบุคคล) ผูเขียนควรใชใหมีลักษณะอยางไร
ประโยคที่ควรใช้ คือ เจ้าอาวาสก�าลังจ�าวัด 2 (แนวตอบ ผูเขียนควรคํานึงถึงหลักสําคัญ
๕) ใช้ค�าให้กระชับ การใช้ค�ามากแต่สื่อความเท่าเดิม เรียกว่า ใช้ ใช้ค�าฟุ่มเฟือย ผู
ย ้เขียนควรใช้
2 ประการ คือ ใชคําใหถูกตองตามหลัก
ถ้อยค�าเท่าที่จ�าเป็น หรือใช้ค�าให้กระชับ ชัดเจน เช่น
ไวยากรณ และใชคําเพื่อสรางความรูสึก
■ เขาถูกจับฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา ใช้คา� ฟุม่ เฟือย เพราะ ฆ่า หมายถึง ท�าให้ตาย ประโยคนี้
จินตนาการ ซึ่งการใชคําใหถูกตองตามหลัก
ปรากฏค�าทีม่ คี วามหมายคล้ายกัน คือ “ฆ่า” และ “ตาย” ประโยคทีค่ วรใช้ คือ เขาถูกจับ
ฐานฆ่าคนโดยเจตนา ไวยากรณ ผูเขียนยังตองคํานึงถึงลักษณะ
■ ขายของวันนีพ้ อ่ ได้กา� ไรไม่ขาดทุน ใช้คา� ไม่กระชับ เพราะ “ไม่ขาดทุน” เป็นความหมาย การใชยอยๆ ไดแก ใชคําไดตรงกับ
ของ “ก�าไร” ประโยคที่ควรใช้ คือ ขายของวันนี้พ่อได้ก�าไร ความหมายที่แทจริง ใชคําไดตรงตามชนิด
3
๖) ใช้ค�าให้หลากหลาย ผู้เขียนควรใช้ถ้อยค�าไม่ซ�้า และรู้จักหลากค�า โดยเลือกค�าที่มี และหนาที่ของคํา ใชคําไดถูกตอง
ความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันมาใช้ เช่น ตามโอกาส กาลเทศะ และบุคคล
เรียบเรียงถอยคําเขาประโยคไดถูกตอง
ข้อความที่ไม่มีการหลากคÓ วางสวนขยายถูกตําแหนง สวนการใช
ฉันชอบทีจ่ ะมีชี ว่ งเวลาการได้ใช้ชวี ติ อยูค่ นเดียว เพราะการได้ใช้ชวี ติ อยูค่ นเดียว ท�าให้ฉันได้ ถอยคํา เพื่อสรางความรูสึก จินตนาการนั้น
คิดทบทวนถึงเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ที่ผ่านเข้ามา ฉันชอบที่ได้คิดทบทวนถึงคนดีๆ ที่ผ่านเข้ามา เปนศิลปะ ขึ้นอยูกับความสามารถ
ให้รู้จักและมีมิตรภาพยั่งยืนจนทุกวันนี้ ขณะเดียวกันฉันชอบที่ได้คิดทบทวนถึงความผิดพลาด และรสนิยมในการเลือกสรรถอยคําของ
ไม่ใช่จมอยู่กับอดีต แต่เป็นเพราะการคิดทบทวนท�าให้ฉันได้ค�าตอบว่าควรใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร ผูเขียนแตละคน ซึ่งแสดงออกไดหลายวิธี
เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดขึ้นอีก เชน ใชถอยคําที่สื่อความหมายชัดเจน
มีความไพเราะทั้งดานเสียง ความหมาย
ข้อความที่ใช้วิธีหลากคÓ สามารถสรางภาพที่แจมชัดในจินตนาการ
ฉันชอบที่จะมีช่วงเวลาการได้ใช้ชีวิตอยู่คนเดียว เพราะการได้อยู่ตามล�าพัง ท�าให้ได้ ของผูอาน สงผลใหเกิดอารมณความรูสึก
คิดทบทวนถึงเรื่องราวทั้งสุขและทุกข์ที่ผ่านเข้ามา ฉันพอใจที่ได้ระลึกถึงคนดีๆ ที่มีโอกาสได้รู้จัก คลอยตามไปกับเนื้อหาสาระของงานเขียน)
และมีมิตรภาพยั่งยืนจนทุกวันนี้ ขณะเดียวกันฉันรู้สึกดีที่ได้พิจารณาถึงความผิดพลาด ไม่ใช่ • การเรียบเรียงคําเขาประโยคมีความสําคัญ
จมอยู่กับอดีต แต่เป็นเพราะการไตร่ตรองท�าให้ได้ค�าตอบว่าควรใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร เพื่อไม่ให้ อยางไรตอการเขียนเพื่อการสื่อสาร
เดินซ�้ารอยเดิม (แนวตอบ หากผูเขียนปราศจากความรู
ความเขาใจเกี่ยวกับการเรียบเรียงคํา
47 เขาประโยค จะทําใหการเขียนสื่อสาร
ครั้งหนึ่งๆ ไมเปนไปตามวัตถุประสงค)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดเปนความหมายของคําที่ขีดเสนใตในรูปประโยค “สุภาภรณชอบพูด
1 ใชคําใหเหมาะสมกับกาลเทศะและบุคคล เปนสิ่งสะทอนใหเห็นวัฒนธรรมการใช
ใหเพื่อนๆ จี้เสนเปนประจํา”
ภาษาของคนไทยที่แสดงถึงความออนนอม การเคารพระบบอาวุโส และการใหเกียรติ
1. ทําใหขบขัน
ผูที่มีวัยวุฒิ คุณวุฒิ ชาติวุฒิสูงกวา
2. ทําใหหายเหนื่อย
3. ทําใหเครงเครียด 2 คําฟุมเฟอย เปนการใชคําที่ยืดยาว หรือมากเกินความจําเปน ซึ่งบางครั้งอาจเกิด
4. ทําใหกระวนกระวาย จากการใชคําเชื่อม หรือคําขยายมากจนเกินไป
วิเคราะหคําตอบ คําวา “จี้เสน” เปนคําที่มีความหมายโดยนัย หมายถึง 3 หลากคํา ในภาษาไทยมีการหลากคํา เพื่อใหไมใชคําคําเดียวกันสื่อสารซํ้าไปซํ้า
พูดหรือแสดงทาทางใหเกิดอารมณขัน ดังนั้นจึงตอบขอ 1. มาจนเกิดความเบื่อหนาย ซึ่งถือเปนศิลปะการใชภาษาอยางหนึ่ง
คู่มือครู 47
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
จากความรู ความเขาใจเกี่ยวกับการใชถอยคํา
ในการเขียน นักเรียนรวมกันแสดงความรู ความเขาใจ ๗) ใช้ถ้อยค�าสุภาพ ผู้เขียนควรใช้ภาษาสุภาพ ประณีตในการใช้ให้เหมาะสมกั1 บบุคคลและ
และความคิดเห็นของตนเองผานขอคําถามตอไปนี้ โอกาส ค�าที่ใช้ต้องไม่หยาบ ไม่เป็นค�าด่า ค�าผวนที่มีความหมายหยาบคาย ค�ค�าสแลง
สแลง ค�าคะนอง หรือใช้
• ทักษะการเลือกใชถอ ยคําเพือ่ การเขียนสือ่ สาร ค�าภาษาต่างประเทศในการเขียนสื่อสาร เช่น “การกินอาหารให้ครบ ๕ หมู่ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง” ผู้เขียน
เปนสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นไดกับทุกคนหรือไม ควรเปลีย่ นค�าว่า “กิน” เป็น “รับประทาน” เพราะเป็นค�าสุภาพ ใช้ได้กบั บุคคลทุกระดับ ในรูปประโยค
แลวมีวิธีการอยางไร “การรับประทานอาหารให้ครบ ๕ หมู่ เป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติ” 2
(แนวตอบ เปนสิ่งที่ทุกคนสามารถแสวงหา ๘) ไม่ใช้ภาษาพูดในการเขียน ภาษาพูด หรือภาษาปากมีความแตกต่างจากภาษาเขียน น
หรือสรางใหเกิดขึ้นกับตนเองได หากบุคคล ผูเ้ ขียนไม่ควรใช้ภาษาพูดในการสือ่ สารผ่านงานเขียน ยกเว้นงานเขียนบางประเภททีต่ อ้ งการความสมจริง
ของบทสนทนา เช่น ถ้าพูดว่า “จังหวัดลพบุรีบ้านของฉันเกิดน�้าท่วม ปี ๕๔” เมื่อจะเขียนสื่อสารควร
ผูน นั้ มีความเพียรพยายาม ขวนขวายหาความรู
ใช้ว่า “จังหวัดลพบุรีบ้านของข้าพเจ้าเกิดอุทกภัยในปี พ.ศ. ๒๕๕๔” หรือถ้าพูดว่า “ที่ กทม. มีคนจรจัด
นํามาฝกปฏิบัติ นอกจากนี้แลวจะตองมี
เยอะแยะ” เมื่อจะเขียนสื่อสารควรใช้ว่า “ที่กรุงเทพมหานครฯ พบคนไร้บ้านจ�านวนมาก”
โลกทัศนที่กวางไกล ดวยวิธีการศึกษา
๙) ใช้ค�าให้เกิดจินตภาพ ผู้เขียนควรใช้ถ้อยค�าที่ท�าให้ผู้รับสารเห็นภาพชัดเจน หรือเกิด
งานเขียนของผูอื่น เพื่อวิเคราะห สังเคราะห
อารมณ์ความรู้สึกคล้อยตามผู้เขียน เช่น
แนวทางการใชถอยคํา แลวนํามาปรับใช
กับงานเขียนของตน) ข้อความที่เลือกใช้คÓทÓให้เกิดจินตภาพ
• นักเรียนมีแนวทางสําหรับการฝกฝนใหตนเอง
เปนผูมีทักษะในการใชถอยคําเพื่อการเขียน ไม่ไกลกัน ลูกชายของหล่อน ซึ่งอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรมทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ต่างอะไร
กับนักสู้ผู้ปราชัยในการศึกยืดเยื้อนานถึงสองวันสองคืน ก�าลังลงมีดช�าแหละร่าง “แม่ค�าแป้น”
สื่อสารอยางไร ที่ไร้วิญญาณอยู่อย่างอิดโรย เนิบนาบ ปลายมีดที่กดลงไปบนหนั่นเนื้อแน่นและเหนียวแต่ละครั้ง
(แนวตอบ ตองมีความรู ความเขาใจเกี่ยวกับ ไม่ต่างจากคมมีดที่กรีดลึกลงในจิตวิญญาณลูกผู้ชายคนเลี้ยงช้าง
ไวยากรณทางภาษา ไดแก ชนิดและหนาที่ (แม่คำ�แป้น โศกน�ฏกรรมริมฝั่งมูล: ธีรภ�พ โลหิตกุล)
ของคํา วิธีการเรียบเรียงคําเขาประโยค
ความสัมพันธทางไวยากรณระหวางคํา จากตัวอย่างผู้เขียนใช้ถ้อยค�าที่ให้ภาพชัดเจน เพื่อพรรณนาให้ผู้รับสารเห็นเหตุการณ์
ในประโยค ความหมายของคํา ศักดิห์ รือระดับ ที่เกิดขึ้นและรับรู้ถึงบรรยากาศที่โอบรอบตัวละคร
ของคํา เพื่อใหใชคํานั้นๆ ไดถูกตองกับระดับ ข้อความที่เลือกใช้คÓทÓให้เกิดจินตภาพ
ของบุคคล กาลเทศะ แตยังเปนความรูที่
ไมเพียงพอ หากผูเขียนตองการใหผูอานเกิด เฒ่าเราะบูร์อายุน้อยกว่ายาย ทว่าร่างกายแกดูไม่ได้เอาเสียเลย โครงร่างใหญ่เหมือนผู้ชาย
อารมณความรูสึกไปกับเนื้อหาสาระ หรือเกิด แต่ผอมซูบเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ดวงตาลึกลงไปเหนือแก้มตอบ กลายเป็นหลุมด�าใหญ่แลดู
น่ากลัว ผมขาวโพลนปล่อยยาวเป็นกระเซิง ห่อร่างด้วยผ้าด�ามากกว่าสี่ผืน ว่ากันว่าแกเป็นแม่มด
ผลอื่นใดภายหลังการอาน ผูเขียนจะตองมี ชอบบ่นพึมพ�าด้วยภาษาประหลาดๆ บางครั้งในยามดึก หลังขังตัวเองไว้ในบ้านอันมิดชิด ไม่มี
ความรูเกี่ยวกับการเลือกใชถอยคําหรือศิลปะ หน้าต่างสักบาน มีคนได้ยินแกร้องภาษาประหลาดๆ นั้นด้วยน�้าเสียงโหยหวน
การเลือกใชคําที่มีพลัง กระทบอารมณความ (ถนนโคลีเซียม: กนกพงศ์ สงสมพันธุ์)
รูสึกของผูอาน ที่สําคัญตองมีความเพียร
จากตัวอย่างผูเ้ ขียนใช้ถอ้ ยค�าเพือ่ พรรณนาถึงเฒ่าเราะบูร ์ โดยกล่าวถึงสภาพร่างกาย การแต่งกาย
พยายามในการฝกฝนอยางแทจริง)
ลักษณะเฉพาะด้วยการเปรียบเทียบให้เห็นภาพ คือ เปรียบดวงตาที่ลึกลงไปว่าเหมือนหลุุมขนาดใหญ่
48
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ประโยคในขอใดมีวิธีการเรียงคําเขาประโยคแตกตางจากขออื่น
1 คําสแลง เปนถอยคําหรือสํานวนที่ใชกันเฉพาะกลุม และใชในระยะเวลาไมนาน
1. เนื้อหมู เนื้อปลา เนื้อไก และถั่ว ลวนใหโปรตีนแกรางกาย
เมื่อหมดความนิยมก็จะเลิกใชไป เชน ชิมิ งุงิ จาบ แอบแบว
2. สุภาษิตโบราณกลาวไววา คบคนเชนใด ยอมเปนคนเชนนั้น
2 ภาษาปาก เปนภาษาที่ใชสนทนากันระหวางบุคคลที่มีความสนิทสนม คุนเคยกัน 3. นํ้าตะไคร มะตูม กระเจี๊ยบ ตางเปนนํ้าสมุนไพรไทยพื้นบาน
เปนอยางดี โดยมีลักษณะ ดังนี้ 4. นายสมภพ นายสมเกียรติ นายสมโชค ทั้งสามคนนี้มีอาชีพเปนชาวนา
• ใชคําสแลง
• ใชคํายอ วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกขอ 1., 3. และ 4. มีวธิ กี ารเรียงคําเขาประโยค
• ใชคําไมสุภาพ หรือมีวิธีผูกประโยคโดยคํานึงถึงกระชับของประโยค โดยใชคําหรือวลีมา
• ใชคําผวน ประกอบในประโยคที่มีประธานหลายประธาน ใหมีความกระชับขึ้น
• ใชคําเฉพาะกลุม สวนขอ 2. มีวิธีการผูกประโยคในลักษณะที่เรียกวา ขนานความ โดยใช
คําเชื่อมเพื่อใหประโยคมีความตอเนื่องเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน ดังนั้น
จึงตอบขอ 2.
48 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนที่เปนตัวแทนของกลุมที่ศึกษา
๓ การเขียนบรรยาย ในประเด็น “การเขียนบรรยาย” ออกมา
อธิบายความรู พรอมระบุแหลงที่มาของขอมูล
การเขียนบรรยาย หมายถึง การเขียนเพือ่ เล่าเรือ่ งใดเรือ่ งหนึง่ หรือให้ขอ้ มูลทีเ่ กิดขึน้ ตามล�าดับ 2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
เหตุการณ์ ท�าให้ผอู้ า่ นทราบว่ามีเหตุการณ์ใดเกิดขึน้ บ้างและมีลกั ษณะอย่างไร ผ่านการใช้ภาษาทีก่ ระชับ อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับ
ชัดเจน เข้าใจง่าย มักพบในงานเขียน เช่น การเขียนเล่าเหตุการณ์ การเขียนรายงานทางวิชาการ
การเขียนบรรยาย โดยใชความรู ความเขาใจ
ผู้เขียนจะต้องมีความรู้ในเรื่องที่จะเขียนบรรยายเป็นอย่างดี รู้จักน�าจุดส�าคัญมาเขียนให้มี
ที่ไดรับจากการฟงบรรยาย และพื้นฐานหรือ
ความเหมาะสมกับกาลเทศะ โดยใช้ภาษาที่กะทัดรัด ไม่ควรมีศัพท์ยาก การเรียบเรียงเรื่องควรเป็น
รองรอยความรูเดิมของตนเอง เปนขอมูล
ไปตามล�าดับไม่วกวน อาจมีตัวอย่าง ข้อเปรียบเทียบเพื่อให้เรื่องเด่นชัดขึ้นท�าให้ผู้อ่านเกิดความเข้าใจ
เบื้องตนสําหรับตอบคําถาม
ติดตามอ่านต่อไปจนจบ
• ลักษณะสําคัญของการเขียนบรรยายที่ทําให
๓.๑ ประเภทของเรือ่ งทีใ่ ช้วธิ กี ารเขียนบรรยาย แตกตางจากการเขียนประเภทอืน่ ๆ คืออะไร
งานเขียนที่ใช้วิธีการเขียนบรรยาย แบ่งออกเป็นประเภทต่ (แนวตอบ การเขียนบรรยายเปนการเขียนเลา
1 างๆ ดังนี้
๑. ประวัติชีวิตบุคคลต่างๆ หรือเรียกว่า ชีชีวประวัติ เหตุการณหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้น
๒. ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ เพื่อใหผูอานเห็นภาพเหตุการณ ลําดับเวลา
๓. เรื่องที่แต่งขึ้น สถานที่ บุคคล การเขียนบรรยายผูเขียน
๔. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะไมสอดแทรกความคิดเห็นสวนตัวลงไป
แตอาจมีพบบางในงานเขียนบรรยาย
๓.๒ หลักการเขียนบรรยาย ประสบการณ)
๑. เขียนเฉพาะสาระส�าคัญ โดยผู้เขียนต้องมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องที่จะเขียนเป็นอย่างดี หาก • นักเรียนสามารถนําแนวทางการเขียน
ไม่มีความรู้แต่จ�าเป็นต้องเขียน ควรศึกษาหาข้อมูลจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากกว่าหนึ่งแหล่ง บรรยายไปใชในงานเขียนประเภทเรื่องเลา
เพื่อเปรียบเทียบข้อมูล จากประสบการณไดหรือไม เพราะเหตุใด
๒. ใช้ภาษาที่กระชับ ชัดเจน (แนวตอบ สามารถทําได เพราะการเขียน
๓. เรียบเรียงข้อมูล หรือความคิดที่ต้องการสื่อสารให้สอดคล้อง สัมพันธ์ และต่อเนื่องกัน เรื่องเลาจากประสบการณ คือการเขียน
บรรยายหรือเลาเรื่องที่เกิดขึ้นตามจริง
การเขียนบรรยายข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์
โดยเปนประสบการณตรงของผูเขียน
‘ริ้วขบวนพระอิสริยยศ’ เชิญ ‘พระโกศพระศพ’ อาจมีการสอดแทรกความคิดเห็นไวบาง)
ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา 3. นักเรียนศึกษาตัวอยางการเขียนบรรยาย
*
กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ โปรดเกล้ าฯ ให้ถือปฏิบัติตาม ขอเท็จจริงหรือเหตุการณทางประวัติศาสตร
โบราณราชประเพณีโดยก�าหนดริว้ ขบวนพระอิสริยยศเชิญพระโกศพระศพ รวม ๖ ริว้ ขบวน ดังนี้ จากหนังสือเรียนภาษาไทย หนา 49-50
ริ้วขบวนที่ ๑ เชิญพระโกศ โดยพระยานมาศสามล�าคาน จากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พิจารณาขอมูลและลักษณะของงานเขียน
ไปยังพระมหาพิชัยราชรถหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ บันทึกสิ่งที่สังเกตได เพื่อใชในกิจกรรมตอไป
* “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยูห่ วั ฯ” ในทีน่ หี้ มายถึง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมพิ ลอดุลยเดชมหาราช โดยใชเวลาสําหรับการศึกษา 15 นาที
บรมนาถบพิตร 49
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดเปนลักษณะสําคัญของการเขียนบรรยาย
1 ชีวประวัติ หรือเรียกอีกอยางหนึ่งวา สารคดีชีวประวัติ เปนงานเขียนประเภท
1. การใชถอยคําเพื่อทําใหผูอานเกิดจินตภาพ
รอยแกวที่กลาวถึงเรื่องราวและพฤติกรรมของบุคคลที่มีความนาสนใจ โดยใชทักษะ
2. การใชถอยคําเพื่อทําใหผูอานเกิดอารมณสะเทือนใจ
ความสามารถทางภาษาของผูเ ขียน ผูเ รียบเรียงเพือ่ ใชเปนบทเรียนหรือสรางแรงบันดาลใจ
3. การใชถอยคําเพื่อทําใหผูอานเกิดความรู ความเขาใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ในการดําเนินชีวิตใหแกผูอาน ซึ่งการเขียนสารคดีชีวประวัติ ผูเขียนตองใชวิธี
4. การใชถอยคําเพื่อทําใหผูอานเกิดอารมณความรูสึกคลอยตามไปกับเนื้อหา
การบรรยาย อธิบาย โดยมีกลวิธีการเขียน ดังนี้
สาระ
• ผูเขียนไมควรมุงที่จะบอกวาเจาของประวัติเปนใคร แตควรชี้ใหเห็นวาเขา
วิเคราะหคําตอบ การเขียนบรรยาย หรือการเขียนอธิบายมีลักษณะสําคัญ เปนคนอยางไร ทําไมจึงเปนเชนนั้น
เชนเดียวกัน การเขียนบรรยาย คือ การเขียนเลาเหตุการณอยางตรงไปตรงมา • เขียนดวยความบริสุทธิ์ใจ ปราศจากอคติ และไมควรเขียนในลักษณะที่
การใชถอ ยคํามีลกั ษณะเฉพาะ คือ เลือกใชถอ ยคําทีก่ ระชับ ชัดเจน สือ่ ความ ยกยองเกินไป ควรแสดงใหเห็นแงมุมของชีวิตทั้งดานที่ประสบความสําเร็จ
ถูกตอง ครอบคลุม ทําใหผูอานเกิดความกระจางแจง มีความรู ความเขาใจ และลมเหลว เพื่อใหผูอานเกิดความเขาใจในโลกและชีวิต สรางแรงบันดาลใจ
ในสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเหตุการณใดเหตุการณหนึ่ง ดังนั้นจึงตอบขอ 3. ในการดําเนินชีวิต ที่ในบางครั้งอาจจะมีปญหาหรืออุปสรรคใหตองแกไข
หากใชความเพียรพยายามในการฝาฟน ใชสติปญญาพิจารณาไตรตรอง
แกไขก็จะประสบความสําเร็จได ซึ่งเปนจุดมุงหมายสําคัญของการเขียน
สารคดีชีวประวัติ
คู่มือครู 49
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการเขียนบรรยาย หลังจากทรงประกอบพระราชพิธีภายในแล้ว นายทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์เชิญ
ขอเท็จจริงหรือเหตุการณทางประวัติศาสตร โดยใช พระโกศออกทางมุขตะวันตกลงจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทไปประดิษฐานที่พระยานมาศ
ความรู ความเขาใจที่ไดรับจากการตั้งขอสังเกต สามล�าคานหน้าประตูก�าแพงแก้วด้านตะวันตก
เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม พระยานมาศสามล�าคานจะเคลื่อนออกทางประตูศรีสุนทร ประตูเทวาภิรมย์ เข้าประจ�า
• นักเรียนคิดวางานเขียนที่นํามาเปนตัวอยาง ริ้วขบวนพระอิสริยยศ เจ้าหน้าที่ยกสัปตปฎลเศวตฉัตรคันดาลถวายกางกั้นพระโกศ ซึ่งรูปแบบ
การจัดริ้วขบวนที่ ๑ นั้นเป็นขบวนพยุหยาตรา ๘ สาย ซ้าย ๔ สาย ขวา ๔ สาย สายกลางเป็น
มีลักษณะเปนการเขียนบรรยายอยางไร ขบวนเสลีย่ งกลีบบัวสมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผูป้ ฏิบตั หิ น้าทีส่ มเด็จพระสังฆราชนั * ง่ อ่าน
(แนวตอบ งานเขียนที่นํามาเปนตัวอยาง พระอภิธรรมน�า
มีลักษณะเปนการเขียนบรรยาย เพราะ ตามด้วยขบวนพระยานมาศสามล�าคาน เรียงล�าดับได้ดังนี้ นายต�ารวจขี่ม้าน�า-ผู้น�าริ้ว-ธง
เปนเหตุการณที่เกิดขึ้นจริง อีกทั้งผูเขียน ๓ ชาย-ประตูหน้า (คน)-คูแ่ ห่นายทหาร-กลองชนะ แดง เงิน ทอง-จ่าปี ่ จ่ากลอง-แตรฝรัง่ แตรงอน
ไมไดแสดงความคิดเห็นสวนตนลงไปใน สังข์-สารวัตรกลอง-สารวัตรแตร-ฉัตรเครือ่ งสูงทองแผ่ลวด ฉัตร ๕ ชัน้ ฉัตร ๗ ชัน้ -บังแทรก-พัดยศ
งานเขียน) สมณศักดิ์-เสลี่ยงกลีบบัวพระน�า-บังสูรย์-สัปทนตาด-พัดโบก-มหาดเล็กหลวงเชิญพระแสงราย
ตีน-ตอง-อินทร์ พรหมเชิญจามร-คู่เสลี่ยงกลีบบัว-ฉัตรเครื่องสูงทองแผ่ลวด ฉัตร ๗ ชั้น ฉัตร
• นักเรียนวิเคราะหวา ผูเขียนตองมีความรู
๕ ชั้น-บังแทรก หลังพระน�า
ความเขาใจในเรื่องใด จึงจะสามารถ ฉัตรเครื่องสูงปักหักทองขวางฉัตร ๗ ชั้น ฉัตร ๕ ชั้น-บังแทรกหน้า-มหาดเล็กหลวงเชิญ
ถายทอดงานออกมาไดในลักษณะขางตน พระแสงหว่างเครื่องหน้า-นายกรัฐมนตรี-เลขาธิการส�านักพระราชวัง-ผอ.กองพระราชพิธี-ผู้บอก
(แนวตอบ ผูเขียนตองมีความรู ความเขาใจ ขบวน (กรับสัญญาณ)-พระยานมาศสามล�าคาน-คูเ่ คียงพระยานมาศ-ข้าราชการพลเรือนชัน้ ผูใ้ หญ่-
ในเรื่องตอไปนี้ ทหารนายพลราชองครักษ์-ต�ารวจหลวงคูแ่ ห่-มหาดเล็กหลวงคูแ่ ห่-อินทร์เชิญต้นไม้เงิน-พรหมเชิญ
• ความรูเกี่ยวกับการใชถอยคํา โดยเฉพาะ ต้นไม้ทอง-ภูษามาลาประคองพระโกศ-พระกลด-บังสูรย์ปกั หักทองขวาง-พัดโบก-มหาดเล็กหลวง
อยางยิ่งคําราชาศัพท เชิญพระแสงรายตีนทอง-ฉัตรเครื่องสูงปักหักทองขวาง
ฉัตร ๗ ชั้น ฉัตร ๕ ชั้น-บังแทรก-ชุมสาย-มหาดเล็กหลวงเชิญพระแสงหว่างเครื่อง-พระ
• ความรูเกี่ยวกับหลักเกณฑ กลวิธีการ ประยูรญาติเชิญเครือ่ งพระอิสริยยศ-นาลิวนั -ประตูหลัง-สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎ
เรียบเรียงคําเขาประโยค เพื่อใหสื่อความ **
ราชกุมาร และสมเด็
***
จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ตามกระบวน ต่อด้วย
ไดครบถวน ชัดเจน แตไมเยิ่นเยอ พระบรมวงศานุวงศ์ ท่านผู้หญิงทัศนาวลัย ศรสงคราม และครอบครัว ข้าหลวง มหาดเล็ก
• ความรูเ กีย่ วกับการพระราชพิธพี ระราชทาน และข้าราชบริพาร 1
เพลิงพระศพ เพื่อนําเสนอขอมูลไดถูกตอง) จากนั้น พระยานมาศสามล�าคานเทียบที่เกรินบันไดนาคพระมหาพิชัยราชรถ ราชรถ เชิญพระโกศ
• งานเขียนบรรยายที่นักเรียนไดศึกษาจัดเปน ประดิษฐานที่พระมหาพิชัยราชรถ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จ
พระสังฆราช ขึ้นไปนั่งในบุษบกราชรถพระน�า ที่หน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ
งานเขียนที่ดีหรือไม อยางไร เข้ า สู ่ ริ้ ว ขบวนที่ ๒ เชิ ญ พระโกศโดยพระมหาพิ ชั ย ราชรถจากหน้ า วั ด พระเชตุ พ น
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น วิมลมังคลารามฯ ไปยังพระเมรุ ณ มณฑลพิธที อ้ งสนามหลวง โดยแบ่งรูปแบบกระบวนออกเป็น
ไดอยางอิสระ คําตอบใหอยูในดุลยพินิจ ๓ ส่วน ได้แก่ ๑. ขบวนทหารน�า ประกอบด้วย วงโยธวาทิต ผู้บัญชาการกระบวนทหารเกียรติยศ
ของครู โดยพิจารณาจากเหตุผลที่นักเรียน ๒. ขบวนพระอิสริยยศ จะคล้ายกับริ้วขบวนที่ ๑ แต่จะใหญ่กว่าด้วยจ�านวนคน จากพระยานมาศ
ยกประกอบหรือกลาวอาง) * “สมเด็จพระสังฆราช” ในที่นี้หมายถึง สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
** “สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” ในที่นี้หมายถึง พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
*** “สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” ในที่นี้หมายถึง สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตน
ราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
50
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
นักเรียนอานขอความตอไปนี้ แลวระบุวาเปนการเขียนที่มีวัตถุประสงค
1 พระมหาพิชัยราชรถ เปนราชรถที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟาจุฬาโลก
อยางไร
มหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกลาโปรดกระหมอมใหสรางขึ้นในพุทธศักราช 2338
“มะรุมจอมพลัง คนเรารูจักใชมะรุมเปนยารักษาโรคผิวหนัง โรคทางเดิน
เพื่อใชเชิญพระโกศพระบรมอัฐิสมเด็จพระปฐมบรมมหาราชชนกออกถวายพระเพลิง
หายใจ โรคระบบทางเดินอาหาร และโรคภัยไขเจ็บอืน่ ๆ มานานหลายรอยปแลว
ณ พระเมรุมาศทองสนามหลวง ในพุทธศักราช 2339 เปนครั้งแรก จากนั้นจึงถือเปน
อีกทั้งปจจุบันยังไดรับการกลาวขวัญถึงวา อาจเปนทางออกหนึ่งในการรับมือ
ราชประเพณีที่จะนําราชรถองคนี้เปนราชรถเชิญพระโกศพระบรมศพพระมหากษัตริย
กับความอดอยากและภาวะทุพโภชนาการ พืชทนแลงที่เติบโตเร็วในอัตราสูงถึง
พระศพสมเด็จพระอัครมเหสี หรือโปรดใหเชิญพระโกศพระศพพระบรมวงศผูทรงศักดิ์
3.6 เมตรตอป ชนิดนี้มีใบอุดมไปดวยวิตามินและเกลือแร”
ชั้นสมเด็จเจาฟาบางพระองคในสมัยตอๆ มา
1. การเขียนโนมนาวใหเชื่อ 2. การเขียนเพื่อใหความบันเทิง
3. การเขียนเพื่อใหความรู 4. การเขียนเพื่อชี้แจง
วิเคราะหคําตอบ ขอความขางตนปรากฏลักษณะสําคัญ คือ ใชถอยคํา
เรียบเรียงเพื่อใหความรูเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ซึ่งในที่นี้ คือ มะรุม ดังนั้น
จึงตอบขอ 3.
50 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนที่เปนตัวแทนของกลุมที่ศึกษา
เป็นพระมหาพิชัยราชรถ พระน�าจากเสลี่ยงเป็นราชรถน้อย และมีพระประยูรญาติ ราชสกุล ในประเด็น “การเขียนพรรณนา” ออกมา
ข้าราชบริพาร ปิดท้าย โดยมีส่วนที่ ๓ ขบวนทหารตาม ปิดท้ายกระบวนใหญ่ ยาตราไปตามถนน อธิบายความรู พรอมระบุแหลงที่มาของขอมูล
สนามไชย ถนนราชด�าเนิน เลี้ยวเข้าถนนตัดกลางท้1องสนามหลวง ราชรถเทียบเกรินบันไดนาค 2. นักเรียนรวมกันพิจารณาขอความตอไปนี้
เชิญพระโกศประดิษฐานที่พระยานมาศสามล�าคาน เพื่อเวียนพระเมรุ เพื่อวิเคราะหวาแสดงใหเห็นลักษณะสําคัญ
ริ้วขบวนที่ ๓ ขบวนเชิญพระโกศเวียนรอบพระเมรุ โดยอุตราวัฏ (เวียนซ้าย) ครบ ๓ รอบ ของการเขียนพรรณนาหรือไม อยางไร
แล้วเชิญพระโกศประดิษฐานบนพระเมรุ ริ้วขบวนนี้จะมีขนาดเล็กลง เปลี่ยนจากพระมหาพิชัย
ราชรถมาใช้ พ ระยานมาศสามล� า คานเหมื อ นริ้ ว ขบวนแรก สมเด็ จ พระบรมโอรสาธิ ร าชฯ ลําคลองนั้นสะดุงคดไปตามอารมณของ
**
สยามมกุ ฎ ราชกุ ม าร* และสมเด็ จ พระเทพรั ต นราชสุ ด าฯ สยามบรมราชกุ ม ารีี เสด็ จ ฯ กระแสนํ้าเซาะตลิ่ง...และไมนานเกินกวาเศรา
เวียนพระเมรุ ตามด้วยพระบรมวงศานุวงศ์ พระประยูรญาติ ราชสกุล ข้าหลวง มหาดเล็ก และ ระทมของเปลวไฟบนดุนฟนชื้น...แดดจาน
ข้าราชบริพาร สาดทอความกราดเกรี้ยวปนลงมากับเสนแสง
ริว้ ขบวนที่ ๔ (วันอาทิตย์ที่ ๑๖ พฤศจิกายน) เชิญพระโกศพระอัฐิ โดยพระทีน่ งั่ ราเชนทรยาน พุงประสาน เปนผืนอันโปรงประณีตคลุมเวลา
และเชิญพระสรีรางคารโดยพระวอสีวิกากาญจน์ เข้าสู่พระบรมมหาราชวัง จะจัดริ้วขบวนใหญ่
กอนเที่ยงของกลางวันอําไพ กรีดโรยคมบน
คล้ายกับริ้วขบวนที่ ๒ แต่จะตัดขบวนพระน�า ทหารน�าและตามออกไป
ริว้ ขบวนที่ ๕2 (วันอังคารที่ ๑๘ พฤศจิกายน) เชิญพระอัฐปิ ระดิษฐาน ณ พระวิมาน พระทีน่ งั่ พลิ้วนํ้าที่บิดเบียด วิวาทลมคะนอง...สีนํ้าเงิน
จักรีมหาปราสาท ซึ่งจะเป็นขบวนที่เล็กลงกว่าขบวนอื่นๆ มาก แต่ยังคงใช้พระที่นั่งราเชนทรยาน ผากของฟา...เขียวขรึมของแมกไม...พงขนัด
เหมือนเดิม กอบนดินเปยกลูโอน แลเรียวกานของมัน
ริ้วขบวนที่ ๖ (วันพุธที่ ๑๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๑) เชิญพระสรีรางคารจากพระศรีรัตนเจดีย์ ประคองพุมปุยสยายของดอก...ตะเพียนผวา
ภายในวัดพระศรีรตั นศาสดารามฯ โดยรถยนต์พระทีน่ งั่ ไปยังอนุสรณ์สถานรังษีวฒ ั นา วัดราชบพิธ- โจนอวดเกล็ดเงิน...กุมพลิกใบ...มะเดื่อ...
สถิตมหาสีมาราม หมาก...มะกอกนํ้าและชอใบหนาของมะดัน...
(คมชัดลึก ฉบับที่ ๒๕๖๗ วันพฤหัสบดีที่ ๓๐ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑) มวงออนและกลีบดอกบางของผักตบ...นั้นจะ
จากตัวอย่างผู้เขียนบรรยายภาพของริ้วขบวนพระอิสริยยศเชิญพระโกศพระศพในสมเด็จ พามาถึงสะบัดไหวรื่นเริงผกผันทํานองของ
พระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยใช้ภาษาที่ให้ภาพชัดเจน แมนํ้าเจาพระยา งามเกินกวาเอกกวีผูไหนเคย
สื่อสารรายละเอียดเกี่ยวกับจ�านวนและลักษณะของแต่ละริ้วขบวน โดยล�าดับเนื้อหาตามความส�าคัญ รําพันไว
และต่อเนื่องกัน (รงค วงษสวรรค: หอมดอกประดวน)
ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับคุณสมบัติของผูเขียน นักเรียนควรรู
ผูที่จะเขียนเลาเรื่องจากจินตนาการไดอยางมีคุณคานั้น จําเปนตองมี
1 พระยานมาศสามลําคาน คานหามขนาดใหญ ทําดวยไมปดทอง ฐานประดับ
คุณลักษณะใด
รูปเทพนมและครุฑเปน 2 ชั้น มีพนัก คานหามสามคาน ใชคนหามทั้งสิ้น 60 คน
1. ยึดมั่นในกรอบปฏิบัติที่สืบตอกันมา
2. เชื่อมั่นในตนเองไมรับฟงความคิดใคร 2 พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เปนหนึ่งในหมูพระที่นั่ง ซึ่งสรางขึ้นในพระบรม
3. คิดสรางสรรค มองโลกอยางหลากหลาย มหาราชวัง ไดแก พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระที่นั่งอาภรณภิโมกขปราสาท
4. หลีกหนีสังคม ชอบอยูในโลกแหงความฝน พระทีน่ งั่ จักรีมหาปราสาท พระทีน่ งั่ มหิศรปราสาท และพระทีน่ งั่ สุทไธสวรรยปราสาท
โดยพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เปนอาคารสถาปตยกรรมแบบยุโรป หลังคาเปน
วิเคราะหคําตอบ ผูที่จะเขียนเลาเรื่องจากจินตนาการไดดี และมีคุณคานั้น
สถาปตยกรรมไทย ทรงปราสาท มี 3 ยอด
จําเปนตองมีคุณสมบัติที่โดดเดนในเรื่องความคิดสรางสรรค มีมุมมองในการ
มองโลกและชีวิตอยางหลากหลาย ไมยึดมั่นอยูกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกับตนเอง
มากเกินไป จนกลายเปนการหลีกหนีสังคม ดังนั้นจึงตอบขอ 3.
คู่มือครู 51
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย
ความรูแ บบโตตอบรอบวงเกีย่ วกับการเขียนพรรณนา ๔.๑ ประเภทของเรือ่ งทีใ่ ช้วธิ กี ารเขียนพรรณนา
โดยใชความรู ความเขาใจ ที่ไดรับจากการฟง งานที่ใช้วิธีการเขียนพรรณนา แบ่งออกได้ ดังนี้
บรรยาย และพื้นฐานหรือรองรอยความรูเดิมของ ๑. การพรรณนาบุคคล ผู้เขียนควรสังเกตรูปร่าง หน้าตา ลักษณะท่าทาง เพื่อค้นหาบุคลิก
ตนเอง เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม ลักษณะเฉพาะของบุคคลมาเป็นข้อมูลในการพรรณนา
• ทักษะการเขียนพรรณนามีประโยชนตอการ ๒. การพรรณนาสถานที ่ ผูเ้ ขียนควรสังเกตลักษณะของสถานที ่ ต�าแหน่งทีต่ งั้ เหตุการณ์ทที่ า� ให้
สรางสรรคงานเขียนอยางไร ประทับใจ เพื่อน�ามาเป็นข้อมูลในการพรรณนาแล้วล�าดับความให้เหมาะสม
(แนวตอบ ทักษะการเขียนพรรณนามีประโยชน ๓. การพรรณนาธรรมชาติ ผูเ้ ขียนควรสังเกตทิวทัศน์ บรรยากาศ สิง่ มีชวี ติ และไม่มชี วี ติ โดยรอบ
ตอการสรางสรรคงานเขียนประเภทอื่นๆ น�ามาเป็นข้อมูลในการเขียน ใช้ถ้อยค�าที่เร้าความรู้สึก ประสาทสัมผัสของผู้รับสาร
โดยเฉพาะอยางยิ่งงานเขียนประเภท ๔. การพรรณนาเหตุการณ์ ผู้เขียนควรสังเกตลักษณะเด่นของเหตุการณ์ เช่น ความส�าคัญ
บันเทิงคดี เชน นิทาน เรื่องสั้น นิยาย ความประทับใจ ผลกระทบ และควรใช้การบรรยายประกอบให้เนื้อเรื่องชัดเจน
เพราะการเขียนพรรณนาเปนการให ๔.๒ หลักการเขียนพรรณนา
รายละเอียดของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เรื่องใด ๑. วิเคราะห์สิ่งที่จะพรรณนาทั้งภาพรวมและรายละเอียด
เรื่องหนึ่ง ซึ่งงานเขียนประเภทดังกลาว ๒. กล่าวถึงลักษณะเด่นตามล�าดับความส�าคัญ เช่น กล่าวพรรณนาสถานที่ ควรเริ่มจากที่ตั้ง
ขางตน ผูเขียนตองใหรายละเอียดที่แจมชัด ทิวทัศน์ บรรยากาศโดยรอบ
เพื่อสรางจินตภาพใหเกิดขึ้นแกผูอาน
หากงานเขียนขาดกระบวนความพรรณนา การเขียนพรรณนาสถานที่
อาจทําใหงานเขียนนั้นๆ ขาดความแจมชัด เครื่องตกแต่งในห้องเป็นไม้สลักสีน�้าตาลเข้ม ขัดขึ้นเงาเกือบทุกชิ้น สลับโลหะทองเหลือง
ในรายละเอียด) สุกสว่าง แจกันทองเหลืองปักดอกไม้สดดอกใหญ่จัดเป็นพุ่มกระจาย พื้นไม้มันวับสะอาด ปูด้วย
• การเขียนพรรณนาเปนศิลปะการใชถอยคํา หนังเสือดาวผืนใหญ่ กางเรียงต่อกันหลายผืน 1
ที่มีลักษณะอยางไร (ดอกแก้วก�ระบุ
ระบุหนิง: แก้วเก้��))
(แนวตอบ การเขียนพรรณนานับเปนศิลปะ จากตัวอย่าง ผู้เขียนพรรณนาถึงห้องๆ หนึ่ง ภายในประกอบด้วยของตกแต่ง โดยเริ่มพรรณนา
เพราะผูเขียนหรือผูถายทอดจะตองเลือกใช จากเครื่องเรือนที่ท�าด้วยไม้ ไล่เรียงไปที่พื้น พรม เป็นการพรรณนาไปตามล�าดับการมองเห็น
ถอยคําใหมีลักษณะ ดังตอไปนี้ ๓. กล่าวถึงลักษณะประกอบของสิง่ ทีพ่ รรณนาให้สอดคล้องกับลักษณะเด่น เช่น พรรณนาบุคคล
• ผูเขียนตองเลือกใชถอยคําใหมีความ หากกล่าวถึงลักษณะเด่น คือ ใบหน้า ควรพรรณนาให้เห็นส่วนประกอบอืน่ เพือ่ แสดงให้เห็นว่าเด่นอย่างไร
เหมาะสมกับเนื้อหาสาระ และองคประกอบ
การเขียนพรรณนาบุคคล
อื่นๆ ของงานเขียน
• ผูเขียนตองเลือกใชถอยคําเพื่อสรางภาพ ฟักมีโอกาสเพ่งพิศหล่อนอย่างเต็มตาคราวนีเ้ อง ดวงหน้าอิม่ กลมเหมือนตอนเด็กๆ นัน้ บัดนี้
ใหผูอานหรือผูรับสารสามารถจินตนาการ เมื่อเข้าสู่วัยสาวค่อยเรียวลงบ้างจนเป็นรูปไข่ แต่ก็ยังอิ่มเปล่งปลั่งเหมือนเดือนเต็มดวงอยู่นั่นเอง
ถึงสิ่งที่ผูเขียนถายทอดไดโดยงาย ล้อมด้วยกรอบผมหนาดกด�าเป็นมันขลับยาวสยายถึงบ่า ผิดไปจากสาวๆ ชาวเมืองทั้งปวงที่ไว้
• ผูเขียนตองเลือกใชถอยคําอยางประณีต ผมสั้นแค่ท้ายทอยคล้ายผมผู้ชาย
บรรจง จัดวางถอยคําใหเกิดเสียงไพเราะ
ชวงจังหวะที่เหมาะสมลงตัว เกิดเปน 52
ทวงทํานองของงานเขียนเรื่องนั้นๆ)
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
1 แกวเกา เปนนามปากกาของ รองศาสตราจารย ดร.คุณหญิงวินิตา ดิถียนต นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับกลวิธีการใชภาษาเพื่อสรางภาพพจน จากนั้นให
นักประพันธนวนิยายไทยผูมีชื่อเสียงและผลงานมากมาย เชน นํ้าใสใจจริง เบญจรงค ฟงบทเพลงเทพธิดาดอย หรืออาจเปนบทเพลงอืน่ ทีป่ ระทับใจ เพือ่ วิเคราะห
หาสี รัตนโกสินทร เรือนไมสีเบจ เสนไหมสีเงิน เปนตน ไดรับการยกยองใหเปนศิลปน วาผูเขียนมีวิธีการใชถอยคําอยางไร ในการสรางภาพพจนใหเกิดขึ้นแก
แหงชาติ สาขาวรรณศิลป ประจําป 2547 โดยนามปากกาของทานมีหลากหลาย ดังนี้ ผูอาน นําขอมูลมาแลกเปลี่ยนเพื่อจัดปายนิเทศรวมกันภายในชั้นเรียน
• ว.วินิจฉัยกุล
• รักรอย
• ปารมิตา
• วัสสิกา
กิจกรรมทาทาย
• อักษรานีย
นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับกลวิธีการใชภาษาเพื่อสรางภาพพจน จากนั้นให
เลือกอานงานบันเทิงคดีประเภทใดก็ได แลวคัดลอกขอความที่มีลักษณะ
การใชภาษาเพื่อสรางภาพพจน จํานวน 10 ขอความ โดยมีแหลงที่มา
ไมซํ้ากัน เขียนอธิบายลักษณะการใช นําขอมูลมาแลกเปลี่ยนเพื่อจัดปาย
นิเทศรวมกันภายในชั้นเรียน
52 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนใชความรู ความเขาใจเกี่ยวกับการ
แม่เพ็งห่มสไบสีครามอ่อนรับกับผิวเนื้อเหลืองนวลละอองตลอดตั้งแต่ช่วงบ่าลงมาจนถึง เขียนบรรยายและการเขียนพรรณนา ทําแบบวัดฯ
ล�าแขนที่กลมเรียวราวกับกลึง หล่อนไม่ได้ประดับเครื่องถนิมพิมพาภรณ์เพราะว่าอยู่บ้าน แต่ว่า ภาษาไทย ม.2 ตอนที่ 2 หนวยที่ 2 กิจกรรม
รูปโฉมของหล่อนนั้นใสกระจ่างยิ่งกว่าอัญมณีเนื้อใสใดๆ ทั้งสิ้น ตามตัวชีว้ ดั กิจกรรมที่ 2.1
(รัตนโกสินทร์: ว. วินิจฉัยกุล)
ใบงาน ✓ แบบวัดฯ แบบฝกฯ
จากตัวอย่าง ผู้เขียนพรรณนาถึงหญิงสาวโดยเรียงล�าดับจากใบหน้า เส้นผม การแต่งกาย สีผิว ภาษาไทย ม.2 กิจกรรมที่ 2.1
และกล่าวถึงลักษณะประกอบที่สัมพันธ์ส่งเสริมลักษณะเด่น เช่น ลักษณะเด่นคือ เส้นผมหนา ลักษณะ เรื่อง โวหารในการเขียน
ประกอบ คือ ดกด�า เป็นมัน และยาวสยาย
กิจกรรมตามตัวชี้วัด
๔. เลือกใช้ถอ้ ยค�าทีใ่ ห้ภาพชัดเจน โดดเด่นทัง้ ความหมายและเสียง เช่น การใช้คา� นาม ค�ากริยา กิจกรรมที่ ๒.๑ ใหนักเรียนพิจารณาขอความที่กําหนดให แลวระบุโวหาร
คะแนนเต็ม คะแนนที่ได
õ
และค�าวิเศษณ์ เป็นต้น ซึ่งควรใช้ให้สอดคล้องกับเนื้อความ ที่ใชในขอความใหถูกตอง (ท ๒.๑ ม.๒/๒)
๓. องคพระที่นั่งไมสักงดงามตระหงานรอเราอยูทามกลางหมูแมกไมรมรื่น ไดยินเสียงนกรอง
พร่างพร้อย ดั่งดาวใหญ่น้อยแย้มยิ้มหยอกเอินกัน แววมาจากยอดจามจุรีตนใหญ ที่แผกิ่งกานสาขารมครึ้ม สายลมเย็นพัดพลิ้ว ระลอกนํ้า ฉบับ
สีเขียวประหลาดลอเปลวแดดเลนอยูระยิบระยับ
เฉลย
๔. ปราสาทเขาพระวิหารตั้งอยูบนทิวเขาพนมดงรัก ซึ่งกั้นแบงเขตระหวางประเทศกัมพูชากับ
จากตัวอย่าง ผู้เขียนพรรณนาถึงท้องฟ้ายามค�่าคืน เมื่อดวงเดือนตกไปแล้ว ดาวดวงเล็กๆ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ปราสาทเขาพระวิหารเปนศาสนสถานขอม ซึ่ง
สรางขึ้นระหวางพุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๘ มีประตูซุม (โคปุระ) และบันไดศิลาเดินขึ้นไปยัง
ก็เปล่งแสงแข่งกัน โดยเลือกใช้ค�าซ�้าและการหลากค�า เพื่อเน้นความหมาย สร้างอาการเคลื่อนไหวของ ศาสนสถานหลังกลาง ซึ่งเปนเทวาลัยสรางถวายพระอิศวร
บรรยายโวหาร
............................................................................................................................................................
ความรูส้ กึ ให้คล้อยตามไปกับเรือ่ งราว เช่น ใช้การเปรียบเทียบ การสมมติให้สงิ่ ไม่มชี วี ติ แสดงกิรยิ าอาการ พรรณนาโวหาร
............................................................................................................................................................
ได้เหมือนมนุษย์ การใช้ค�าเลียนเสียงธรรมชาติ ๒๕
การเขียนพรรณนาธรรมชาติและความรู้สึก
ลมระรวยรืน่ หอมนานาบุหงาลดาวัลย์ เป็นกลิน่ ของดอยดงพงชัฏประหลาดลีล้ บั ชวนละเมอ ขยายความเข้าใจ Expand
เพ้อฝัน ป่าโปร่งประกอบด้วยไม้เบญจพรรณ มีกอไผ่ปา่ มากมาย กาบยังเป็นสีนา�้ ตาลเข้ม ชูลา� สลับ
นักเรียนใชความรู ความเขาใจเกี่ยวกับการ
สล้าง ละม้ายปรายหอกปลายทวนของทแกล้วทหาญดึกด�าบรรพ์ ซุ่มอยู่รอโห่ร้องตะลุยเศอก
เขียนบรรยายและการเขียนพรรณนาสรางสรรค
เอาฤกษ์เอาชัย แต่เราผู้ปราชัยยังเหม่อมองไปทุกค่าคบไม้สูง ยูงยางกร่างไกร มะค่าจ�าปาป่าและ
งานเขียนจํานวน 2 ชิ้น ดังนี้
ที่ไม่รู้จักก็มากมาย มีกล้วยไม้ประหลาด ผลิดอกประดับไว้ประดุจถนิมพิมพาภรณ์ของป่าชัฏ
ตรงกันข้ามกับป่าช้าแห่งหัวใจเราอันประดับด้วยความว่างเปล่า วิเวกและวังเวง • การเขียนบรรยายประวัติสวนตัวของตนเอง
(บันทึกของจิตรกร: อังค�ร กัลย�ณพงศ์) • การเขียนพรรณนาความงดงาม
ของธรรมชาติ
53 โดยงานเขียนทั้งสองประเภทมีความยาว
ไมเกิน 1 หนากระดาษ A4
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
รูปประโยคในขอใดใชถอยคําเพื่อสรางภาพพจนไดชัดเจนที่สุด
1 ภาพพจน หรือ “การใชภาษาภาพพจน” คือ กลวิธีการใชภาษาเพื่อใหเกิด
1. ผมไมใชพระอิฐพระปูน
ภาพขึ้นภายในใจของผูอาน ใหความหมายที่ชัดเจน มีพลัง มีนํ้าหนัก มีความเขมขน
2. เขามีเพชรอยูในมือแทๆ
เขมขลัง สามารถโนมนาวจิตใจของผูอาน หรือทําใหเกิดสภาวะสะเทือนอารมณ
3. ถํ้าแหงนี้เต็มไปดวยหินงอกหินยอย
หรือสะเทือนใจ เปนการใชถอยคําใหตางไปจากการเขียนสื่อสารธรรมดา
4. ธรรมชาติรอบขางโศกสลดหมดความคะนองทุกสิ่ง
กลวิธีที่จะทําใหเกิดภาพขึ้นภายในใจของผูอานสามารถกระทําไดหลายวิธี เชน
วิเคราะหคําตอบ การใชภาษาภาพพจน คือ กลวิธีการใชถอยคําเพื่อ • อุปมา เปนการเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งวาเหมือนกับอีกสิ่งหนึ่ง
สรางภาพใหเกิดขึ้นภายในใจของผูอาน เกิดอารมณ ความรูสึกซาบซึ้งไปกับ • อุปลักษณ เปนการเปรียบเทียบสิ่งหนึ่งเปนอีกสิ่งหนึ่ง
เนื้อหาสาระของงานเขียน จากตัวเลือกรูปประโยคที่สามารถใชถอยคํา • บุคลาธิษฐาน เปนการสมมติสิ่งที่ไมมีชีวิตใหมีกิริยา อาการมีชีวิตเหมือน
เพือ่ สรางภาพใหเกิดขึน้ ภายในใจของผูอ า นไดชดั เจนทีส่ ดุ คือ ขอ 4. โดยเปน มนุษย
การใชภาพพจนแบบบุคลาธิษฐาน หรือการใชถอยคําเพื่อใหสิ่งที่ไมใชมนุษย • อติพจน เปนการกลาวเกินความเปนจริง
สิ่งที่ไมมีชีวิต เชน วัตถุ สิ่งของ สามารถแสดงอากัปกิริยาไดเชนเดียว • สัทพจน เปนการเลียนเสียงธรรมชาติ เชน เสียงรองของสัตว เสียงดนตรี
กับมนุษย ดังนั้นจึงตอบขอ 4. เสียงลม เสียงนํ้า
คู่มือครู 53
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Elaborate Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอนดวยวิธีการ
ตั้งคําถาม จากตัวอย่าง ผู้เขียนพรรณนาถึงความต่างระหว่างป่ากับจิตใจของผู้เขียนที่มีแต่ความเงียบ
• เรียงความเปนงานเขียนที่มีลักษณะสําคัญ และวังเวง ในข้อความปรากฏภาพพจน์เปรียบเทียบ เช่น เปรียบกอไผ่เหมือนดาบของทหาร เปรียบ
อยางไร ดอกกล้วยไม้ซึ่งมีสีสันสดใสว่าเหมือนเครื่องประดับของป่า
(แนวตอบ เรียงความเปนงานเขียนที่แสดง ๕ การเขียนเรียงความ
ความคิด ความรู และจินตนาการของผูเขียน 1
สูผูอาน โดยเลือกใชภาษาที่ถูกตองตาม เรียงความ เป็ เป็นงานเขียนร้อยแก้วทีผ่ เู้ ขียนมุง่ ถ่ายทอดเรือ่ งราว
งราว ความรู ้ ความคิด ทัศนคติทมี่ ตี อ่
หลักไวยากรณ ในขณะเดียวกันก็คํานึงถึง เรื่องใดเรื่องหนึ่ง ผ่านโครงเรื่องที่ก�าหนดไว้และส�านวนภาษาที่เรียบเรียงขึ้นอย่างมีแบบแผน
ความไพเราะ สละสลวย มีศิลปะในการ ในการเขียนเรียงความผู้เขียนจะต้องวางโครงเรื่อง ค้นคว้าข้อมูล จัดเรียงล�าดับความคิด
เรียบเรียง เนื้อหามีความสมบูรณนาอาน ให้สัมพันธ์กับหัวเรื่อง เพื่อให้สื่อสารได้ตรงตามจุดประสงค์ เรียงความหนึ่งๆ ประกอบด้วยข้อความ
หลายย่อหน้า ข้อความหลายๆ ย่อหน้านั้นมีจุดมุ่งหมายเดียวกันเพื่อให้ข้อเท็จจริง ความรู้ ข้อคิด
มีองคประกอบครบถวน ไดแก คํานํา
หรือท�าให้ผู้อ่านรู้สึกคล้อยตาม
เนื้อเรื่อง และสรุป โดยเรียงความเรื่องหนึ่งๆ
จะตองมีความเปนเอกภาพ สัมพันธภาพ ๕.๑ องค์ประกอบของเรียงความ
และสารัตถภาพ) เรียงความมี2 องค์ประกอบที่ส�าคัญ คือ ค�าน�า เนื้อเรื่อง และสรุป
๑) ค�าน�า อยู่ส่วนต้นของเรียงความ เป็นส่วนแรกที่เกริ่นน�าให้ผู้อ่านทราบว่าเรียงความ
ส�ารวจค้นหา Explore เรื่องนี้จะกล่าวถึงอะไร จึงต้องเขียนค�าน�าให้กระชับ กระตุ้นความสนใจของผู้อ่านด้วยวิธีการต่างๆ
เช่น ยกค�าคม สุภาษิต บทร้อยกรองที่สอดคล้องกับเนื้อหา
ครูทําสลากเทากับจํานวนนักเรียนภายใน
๒) เนือ้ เรือ่ ง เป็นองค์ประกอบทีส่ า� คัญทีส่ ดุ เพราะบรรจุเนือ้ หาสาระทีผ่ เู้ ขียนต้องการสือ่ สาร
ชัน้ เรียน โดยเขียนหมายเลข 1, 2 และ 3 ในจํานวน จะมีกี่ย่อหน้าก็ได้ขึ้นอยู่กับขนาดของเรื่อง เรียงความที่ดีจะต้องมีเอกภาพ คือ เนื้อหาไปในทิศทาง
เทาๆ กัน หรือเฉลี่ยตามความเหมาะสม พรอมระบุ เดียวกันและไม่กล่าวนอกเรือ่ ง มีสมั พันธภาพ คือ เนือ้ หาเชือ่ มโยงสัมพันธ์กนั ตลอดทัง้ เรือ่ ง วางโครงเรือ่ ง
ขอความในแตละหมายเลข จากนั้นใหแตละคน และจัดย่อหน้าไปตามล�าดับ และมีสารัตถภาพ คือ เนื้อหาสาระสมบู รณ์ตลอดทั้งเรื่อง แต่ละย่อหน้า
ออกมาจับสลาก ดังนี้ 3
มีประโยคใจความส�าคัญที่ชัดเจนและมีประโยคขยายความที่มีน�้าหนัก ช่วยให้ประโยคใจความส�าคัญ
หมายเลข 1 องคประกอบของเรียงความ มีความสมบูรณ์ ผู้อ่านเข้าใจวัตถุประสงค์ของผู้เขียนได้เป็นอย่างดี
หมายเลข 2 วิธีการเขียนองคประกอบ ๓) สรุป ใช้เพือ่ ปิดเรือ่ ง เป็นการฝากข้อคิด ความรู ้ ความประทับใจไว้แก่ผู้อ่าน การเขียนสรุป
ของเรียงความ ท�าได้หลายวิธี โดยผู้เขียนต้องเลือกให้เหมาะสมและเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่อง เช่น สรุปด้วยค�าถาม ข้อคิด
หมายเลข 3 ขั้นตอนการเขียนเรียงความ สุภาษิต บทร้อยกรอง อย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้เขียนไม่ควรให้รายละเอียดเพิ่มเติม แต่ต้องเขียนเพื่อเน้น
นักเรียนที่จับสลากไดหมายเลขเหมือนกันให สาระส�าคัญของเรียงความ
อยูกลุมเดียวกัน เพื่อรวมกันสืบคนความรูจากแหลง
ขอมูลตางๆ ที่เขาถึงได และมีความนาเชื่อถือ ๕.๒ การเขียนเรียงความจากประสบการณ์โดยใช้ผงั ความคิด
การเขียนเรียงความจากประสบการณ์โดยใช้ผังความคิด หมายถึง การที่ผู้เขียนน�าความรู้
อธิบายความรู้ Explain และประสบการณ์ที่มีต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาจัดล�าดับเค้าโครงความคิด เพื่อเป็นแนวทางในการเขียน ท�าให้
งานเขียนเกิดเอกภาพ สัมพันธภาพ และสารัตถภาพ โดยสร้างแผนภาพให้เห็นเป็นรูปธรรม
นักเรียนกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 1, 2
และ 3 สงตัวแทนออกมาอธิบายความรูในประเด็น 54
ที่กลุมของตนเองไดรับมอบหมาย พรอมระบุแหลง
ที่มาของขอมูล
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดกลาวถึงองคประกอบของเรียงความไดถูกตอง
1 งานเขียน โดยทั่วไปจะมีองคประกอบสําคัญ 3 สวน ไดแก เนื้อหา ภาษา
1. เนื้อหา ภาษา รูปแบบ
และรูปแบบ โดยเนื้อหาหรือเนื้อเรื่อง คือ สิ่งที่ผูเขียนตองการใหผูอานรับทราบ
2. สวนตน สวนกลาง สวนทาย
ภาษา คือ ถอยคํา สํานวนโวหารที่ผูเขียนไดปรุงแตงขึ้นใหมีความแตกตางไปจาก
3. สวนคํานํา สวนเนื้อเรื่อง สวนสรุป
ถอยคําที่ใชสื่อสารกันในชีวิตประจําวัน เพื่อใชถายทอดเนื้อหาสาระ และรูปแบบของ
4. สวนคํานํา สวนเนื้อเรื่อง สวนทาย
งานเขียน เชน รอยแกว รอยกรอง โดยผูเขียนจะเลือกใชรูปแบบและภาษาที่เหมาะสม
ในการถายทอดเนื้อหาสาระไปสูผูอาน เรียงความจึงจัดเปนงานเขียนรูปแบบหนึ่ง วิเคราะหคําตอบ เนื้อหาสาระของเรียงความเรื่องหนึ่งๆ ประกอบดวย
โดยมีเนื้อหาสาระแบงออกเปน 3 สวน ไดแก คํานํา เนื้อเรื่อง และสรุป สวนสําคัญ 3 สวน ไดแก สวนคํานํา สวนเนือ้ เรือ่ ง และสวนสรุป ซึง่ ไมได
2 คํานํา คือ สวนเปดเรื่องที่ดึงดูดความสนใจของผูอาน การเขียนคํานําที่ดี หมายความวา เรียงความจะตองมีเพียง 3 ยอหนาใหญ เรียงความเรือ่ งหนึง่ ๆ
และมีความนาสนใจจะจูงใจใหผูอานอานเรียงความเรื่องนั้นๆ ตั้งแตตนจนจบ จะมีกยี่ อ หนาก็ได แตยอ หนาเล็กๆ เหลานัน้ ตองมีความสัมพันธกบั ยอหนาใหญ
เชน เรียงความเรือ่ งนี้ อาจจะมีสว นคํานํา 2 ยอหนา แตสองยอหนานีต้ อ งมี
3 ประโยคขยายความ งานเขียนเรือ่ งหนึง่ ๆ ผูเ ขียนตองใหความสําคัญกับการลําดับ ลักษณะเนือ้ ความอยูในสวนของยอหนาคํานํา ดังนั้นจึงตอบขอ 3.
ประโยค ตองพิจารณาวาควรใชประโยคใดนํา ประโยคใดขยายความ และเรียงลําดับ
ใหมีความสัมพันธกันตลอดจนจบทั้งเรื่อง จะทําใหไดงานเขียนที่มีคุณภาพ
54 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
การสรางแผนภาพความคิด ผูเขียนตองกําหนดวาจะเขียนเรื่องอะไร ควรมีเนื้อหาอะไรบาง อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับ
แลวจดประเด็นความคิดเปนขอๆ โดยมีแนวทางวาประเด็นที่คลายกันใหอยูกลุมเดียวกัน จากนั้นจึง กระบวนการสรางสรรคงานเขียนประเภท
จัดลําดับความคิดเพื่อใหเรื่องสอดคลองกันตั้งแตตนจนจบ พิจารณาทบทวนเคาโครงเรื่องที่เขียนวา เรียงความ โดยใชความรู ความเขาใจที่ไดรับจาก
ครอบคลุมและมีประเด็นความคิดครบถวนหรือไม จากนั้นจึงนําเคาโครงความคิดที่วางไวมาสรางเปน การฟงบรรยาย และพืน้ ฐานหรือรองรอยความรูเ ดิม
ผังความคิด การใชผังความคิดนี้สามารถนํ
1 าไปใชเปนแนวทางในการเขียนเรียงความไดดี ของตนเอง เปนขอมูลเบือ้ งตนสําหรับตอบคําถาม
ตัวอยาง การเขียนเรียงความเรือ่ ง “ครูดที ฉี่ นั ประทับใจ” ตองจัดลําดับความคิดเพือ่ ทําเคาโครง • คํานํามีความสําคัญอยางไรตอเรียงความ
และเขียนเรื่องตามเคาโครง ดังนี้ เรื่องหนึ่งๆ และมีวิธีการเขียนอยางไร
๑) ระดมความคิด อาจคิดคนเดียวหรือชวยกันคิด เพื่อรวบรวมความรู ความคิดเกี่ยวกับ (แนวตอบ มีความสําคัญในการเปดประเด็น
หัวขอที่จะเขียนใหไดมากที่สุดกอน เชน กระตุนใหผูอานเกิดความกระหายใครรู
ที่จะติดตามอานตอไป การมีความรู
ความเขาใจเกี่ยวกับกลวิธีการเขียนคํานํา
ขอมูลของครู เชน ชื่อ วิชาที่สอน จึงเทากับเปนใบเบิกทางความสนใจของ
ผูอาน ซึ่งการเขียนสวนคํานําของเรียงความ
สามารถทําไดหลายวิธี เชน นําดวยการ
ความสําเร็จของลูกศิษย ความหมายคําวา “ครู” ตั้งคําถาม ยกสํานวน สุภาษิต คําพังเพย
คําคม บทกวี ขาว เหตุการณ เปนตน)
• สวนเนื้อเรื่องมีความสําคัญอยางไร
ตอเรียงความ
(แนวตอบ เปนสวนบรรจุเนื้อหาสาระ ความรู
ความคิด จินตนาการของผูเขียนไปสูผูอาน)
ความสําคัญของครู ครูดีที่ วิธกี ารสอน • เรียงความเรื่องหนึ่งๆ สามารถนําเสนอ
ฉันประทับใจ เนื้อหาในลักษณะใดไดบาง
(แนวตอบ เนื้อหาสาระของเรียงความ
เรื่องหนึ่งๆ ไมจําเปนตองมีขอมูลที่เปนจริง
ทั้งหมด ผูเขียนอาจเขียนจากจินตนาการ
หรือความรูสึก เชน เรียงความเรื่องบาน
ความรูสึกประทับใจที่มีตอครู ความกตัญูตอครู ในฝนของขาพเจา แตถาเปนเรียงความที่มี
ขอมูลที่เปนจริง ผูเขียนจะตองแสดงความรู
ความคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ อยางแจมแจง
ดังนั้น ลักษณะเนื้อหาของเรียงความจึงอาจ
เปนการถายทอดความรูส กึ นึกคิด จินตนาการ
๕๕ โลกทัศนของผูเขียนหรือความรู)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
หัวขอใดมีความจําเปนนอยที่สุดตอการวางโครงเรื่องเรียงความ “ครูดีที่ฉัน
1 การเขียนเรียงความ การสรางสรรคงานเขียนประเภทเรียงความใหผูอาน
ประทับใจ”
ประทับใจหรือเกิดอารมณ ความรูสึกซาบซึ้ง คลอยตาม ผูเขียนจะตองมีความรู
1. วิธีการสอนในชั้นเรียนของครู
ความเขาใจ และทักษะความสามารถในการใชโวหารเรียบเรียงเนื้อหาสาระ
2. ประวัติชีวิตในชวงวัยเด็กของครู
ซึ่งโวหารที่ใชสําหรับการสรางสรรคงานเขียน ไดแก บรรยายโวหาร เปนโวหาร
3. ความเมตตากรุณาของครูที่มีตอศิษย
ที่เหมาะสําหรับการเลาเรื่อง อธิบายเรื่องราวตามลําดับเหตุการณ พรรณนาโวหาร
4. ผลงานทางวิชาการที่ไดรับการยอมรับ
เปนโวหารทีเ่ หมาะสําหรับการใหรายละเอียด ทําใหผอู า นเกิดอารมณ ความรูส กึ ซาบซึง้
วิเคราะหคําตอบ การระดมความคิดเพื่อกําหนดหัวขอแลวนํามาวาง เพลิดเพลิน เทศนาโวหาร เปนโวหารที่มีจุดมุงหมายเพื่อแสดงความแจมแจง มุงชักจูง
โครงเรื่องมีความจําเปนตอการเขียนเรียงความ เพราะทําใหสามารถเรียบเรียง ใหผูอานคลอยตามอารมณ ความรูสึกของผูเขียน อุปมาโวหาร เปนโวหารเปรียบเทียบ
เนื้อหาไดตรงกับจุดมุงหมายของเรื่อง มีความสอดคลองกับชื่อเรื่อง แตละ เพื่อใหเกิดความชัดเจนดานความหมาย ภาพ สาธกโวหาร เปนโวหารที่มุงใหความ
หัวขอมีสัมพันธภาพระหวางกัน จากตัวเลือกที่กําหนดให หัวขอที่มีความ ชัดเจน ดวยวิธีการยกตัวอยางเพื่ออธิบายหรือสนับสนุนความคิดเห็นของผูเขียนใหมี
สัมพันธกับหัวขออื่นๆ และชื่อเรื่องนอยที่สุด คือ ประวัติชีวิตในชวงวัยเด็ก ความหนักแนนยิ่งขึ้น โดยเรียงความหรืองานเขียนรูปแบบหนึ่งๆ ผูเขียนจะใชโวหาร
ของครู ดังนั้นจึงตอบขอ 2. ขางตนประกอบกันเพื่อสรางสรรคผลงาน แตอาจมีความโดดเดนแตกตางกัน
คู่มือครู 55
อธิบายความรู
กระตุนความสนใจ สํารวจคนหา Explain ขยายความเขาใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู Explain
1. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย 1
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับกระบวนการ ๒) น�ำข้อควำมที
มที่ระดมควำมคิดมำจัดหมวดหมู่ โดยจัดล�ำดับหมวดหมู่ตำมรูปแบบของ
สรางสรรคงานเขียนประเภทเรียงความ โดยใช กำรเขียนเรียงควำม ดังนี้
ความรู ความเขาใจที่ไดรับจากการฟงบรรยาย ค�ำน�ำ ➔ ควำมหมำยหรือค�ำประพันธ์เกี่ยวกับครู
และพื้นฐานหรือรองรอยความรูเดิมของตนเอง เนื้อหำ ➔ ครูทดี่ ี ทีฉ่ นั ประทับใจ ชือ่ ....................... นำมสกุล ....................... สอนวิชำ .......................
เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม ➔ วิธีสอนของครู
➔ ควำมส�ำเร็จของลูกศิษย์
• การเขียนสวนสรุปในเรียงความสามารถใช
วิธีการใดไดบาง สรุป ➔ ควำมรู้สึกประทับใจที่มีต่อครู
➔ ควำมรู้สึกถึงพระคุณของครูและควำมกตัญญูต่อครู
(แนวตอบ สรุปดวยการสั่งสอน บอกใหทํา
หรือใหเลิกทํา สรุปดวยขอคิด หรือคํา ๓) น�ำข้อมูลที่ได้มำเขียนขยำยควำมในรูปแบบเรียงควำม
ประพันธ เปนตน)
• การเขียนเรียงความใหประสบความสําเร็จ เรียงความ
ตามจุดมุงหมายในทัศนคติของนักเรียน ครูดี ที่ฉันประทับใจ
ผูเขียนตองมีความรู ความเขาใจใน “ใครคือครูครูคือใครในวันนี้ ใช่อยู่ที่ปริญญำมหำศำล
เรื่องใดบาง ใช่อยู่ที่เรียกว่ำครูอำจำรย์ ใช่อยู่นำนสอนนำนในโรงเรียน
(แนวตอบ มีความรู ความเขาใจเกี่ยวกับ ครูคือผู้ชี้น�ำทำงควำมคิด ให้รู้ถูกรู้ผิดคิดอ่ำนเขียน
องคประกอบของเรียงความ กลวิธีการเขียน ให้รู้ทุกข์รู้ยำกรู้พำกเพียร ให้รู้เปลี่ยนแปลงสู้รู้สู้งำน
แตละสวนของเรียงความ และการใชถอยคํา ครูคือผู้ยกระดับวิญญำณมนุษย์ ให้สูงสุดกว่ำสัตว์เดียรัจฉำน
สํานวนโวหาร) ปลุกส�ำนึกสั่งสมอุดมกำรณ์ มีดวงมำนเพื่อมวลชนใช่ตนเอง
• หากไดรับมอบหมายใหปฏิบัติชิ้นงานเขียน ครูจึงเป็นนักสร้ำงผู้ใหญ่ยิ่ง สร้ำงคนจริงสร้ำงคนกล้ำสร้ำงคนเก่ง
เรียงความ นักเรียนจะมีขั้นตอนการเขียน สร้ำงคนให้เป็นตัวของตัวเอง ขอมอบเพลงนี้มำบูชำครู”
ของตนเองอยางไร
(แนวตอบ มีขั้นตอนการเขียน ดังตอไปนี้ บทกลอนข้ำงต้นของท่ำนอำจำรย์เนำวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชำติ กล่ำวถึง
• เลือกหัวขอเรื่อง กําหนดจุดมุงหมาย ครูที่มีจิตวิญญำณของควำมเป็นครูอย่ำงแท้จริง สังคมไทยก�ำลังต้องกำรครูที่เป็นแบบอย่ำงที่ดี
• รวบรวม จัดกลุมขอมูล เพื่อนํามาวาง เช่นนี้ เพรำะในปัจจุบันโลกมีวิทยำกำรและเทคโนโลยีที่ก้ำวล�้ำและทันสมัยมำกยิ่งขึ้น เรียกว่ำ
โครงเรื่อง “ยุ ค โลกำภิ วั ต น์ ” ครู จึ ง มี บ ทบำทส� ำ คั ญ ไม่ ต ่ ำ งไปจำกพ่ อ แม่ ยิ่ ง สั ง คมยุ ค ใหม่ ต ้ อ งดิ้ น รน
• เลือกใชสํานวนภาษาใหเหมาะสม ท�ำมำหำกินส่งผลให้พ่อแม่ไม่มีเวลำดูแลลูกๆ เท่ำที่ควร ภำระหน้ำที่ของครูจึงเป็นภำระที่หนัก
สอดคลองกับจุดมุงหมายและเนื้อหา เพรำะกำรสร้ำงคนให้เป็นคนที่สมบูรณ์นั้น มิใช่เพียงกำรสอนหนังสือให้อ่ำนออก เขียนได้ หรือ
• ลงมือเขียน ทบทวน แกไข) ให้ควำมรู้ในบทเรียนเท่ำนั้น แต่เป็นภำระควำมรับผิดชอบที่ผูกพันด้วยจิตวิญญำณอย่ำงต่อเนื่อง
2. นักเรียนอานเรียงความตัวอยางครูดีที่ฉัน ที่ต้องอำศัยควำมเพียรพยำยำม วิริยะ อุตสำหะอย่ำงเสมอต้นเสมอปลำย ครูที่ดีจึงต้องทุ่มเท
ประทับใจ จากหนังสือเรียนภาษาไทย อุทิศกำยและใจให้กับกำรสร้ำงคนเพื่อให้ได้คนที่มีคุณภำพ
หนา 56-58 และศึกษาการเขียนเรียงความ
โดยใชแผนผังความคิด ใชเวลา 10 นาที 56
บันทึกขอสังเกตของตนเอง
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดมีความเกี่ยวของกับศิลปะการเขียนเรียงความนอยที่สุด
1 ระดมความคิดมาจัดหมวดหมู กระบวนการสรางสรรคงานเขียนประเภท
1. การเลือกใชถอยคําเพื่อสรางลีลาการเขียนของตนเอง
เรียงความ การกําหนดจุดมุงหมายในการเขียนจะทําใหทราบวาตนเองจะตองรวบรวม
2. การเขียนขอความในแตละสวนใหมีความสัมพันธสอดคลองกัน
คัดเลือก จัดหมวดหมูขอมูลในลักษณะใดเพื่อใหครอบคลุมจุดมุงหมายที่วางไว เมื่อได
3. การเลือกใชถอยคําที่มีความกระชับ ชัดเจน สื่อความตรงไปตรงมา
ขอมูลที่มีคุณภาพ ครบถวน จึงนํามาจัดลําดับความสําคัญในการนําเสนอ เขียนขยาย
4. การวางโครงเรื่องเพื่อใหการจัดลําดับความคิดในการนําเสนอเปนไป
แนวคิด เรียบเรียงเปนถอยคําเพื่อนํามาวางโครงเรื่อง จากขั้นตอนนี้จะทําใหผูเขียน
โดยสมบูรณ
มองเห็นแนวทางในการใชภาษาเพื่อสรางสรรคเรียงความ ผูเขียนจะตองตั้งคําถาม
กับตนเองวา ตองการใหผูอานรูสึกอยางไร หลังจากอานเรียงความเรื่องนี้จบลง เชน วิเคราะหคําตอบ การสรางสรรคงานเขียนประเภทเรียงความ หลังจาก
ตองการใหมีความรู ความเขาใจในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือตองการใหเกิดความรูสึก กําหนดจุดมุงหมายในการเขียนไดแลว ผูเขียนจะตองรวบรวม คัดเลือก
ประทับใจ เปนแรงบันดาลใจ โดยมีหลักการอยูวา ผูเขียนจะตองมีความรู ความเขาใจ จัดหมวดหมูขอมูลเปนสวนๆ วางโครงเรื่อง เพื่อจัดลําดับความคิด เรียบเรียง
ในสํานวนโวหารทั้ง 5 ประเภท แลวเลือกใชใหเหมาะสมกับเนื้อหาสาระ จุดมุงหมาย สวนตางๆ ใหมีความสัมพันธสอดคลองกัน โดยใชสํานวนภาษาที่มีความ
หรือใชทุกโวหารประกอบกันในการสรางสรรค ไพเราะ เหมาะสม และมีลีลาเปนของตนเอง ดังนั้นจึงตอบขอ 3.
56 คูมือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
บางคนอาจมีค�าถามในใจว่า ในสภาพสังคมปัจจุบันจะยังมีครูดีที่น่าประทับใจอย่างที่ อธิบายความรู แสดงความคิดเห็นและขอสังเกต
บทกลอนกล่าวไว้จริงหรือ...แต่ส�าหรับผมมีค�าตอบ ผมได้รู้จักคุณครูท่านหนึ่ง และประทับใจมาก ของตนเอง ซึง่ เกิดจากการศึกษาตัวอยางเรียงความ
ตัง้ แต่วนั ทีผ่ มมาสมัครสอบเข้าเรียนต่อชัน้ มัธยมศึกษาปีท ี่ ๑ ทีโ่ รงเรียนวรนารีเฉลิม จังหวัดสงขลา ครูดที ฉี่ นั ประทับใจผานขอคําถามของครู
วันนั้นครูท�าหน้าที่คอยดูแลความเรียบร้อยอ�านวยความสะดวกให้กับผู้ปกครองและนักเรียน • นักเรียนคิดวาเรียงความเรื่องครูดีที่ฉัน
ทีม่ าสมัครสอบด้วยใบหน้าทีย่ มิ้ แย้มแจ่มใส ผมยืนถือใบสมัครเพือ่ เข้าแถวเตรียมให้ตรวจใบสมัคร ประทับใจ แสดงลักษณะสําคัญของ
ครูเดินเข้ามาโอบบ่าผมแล้วพูดว่า “สอบให้ได้นะ ครูอยากสอนเธอ” ครูคงไม่ทราบว่า ครูได้ เรียงความที่ดีหรือไม อยางไร
สร้างก�าลังใจให้ผมอย่างมาก เพราะตอนอยู่ชั้นประถม ใครๆ ก็มองว่าผมเป็นเด็กสมาธิสั้น และ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
เรียนหนังสือก็ไม่เก่ง คงสอบเข้าเรียนต่อทีไ่ หนไม่ได้ ตัง้ แต่วนั นัน้ วันทีผ่ มพบครู ผมตัง้ ใจอ่านหนังสือ ไดอยางอิสระ คําตอบใหอยูในดุลยพินิจ
และสามารถสอบเข้าเรียนต่อได้จริงๆ ผมสอบติด ๑ ใน ๑๒๐ คน และสอบจัดห้องได้อยู่ห้อง ๑ ของครู โดยพิจารณาจากการใหเหตุผล
ผมดีใจมากและไม่เคยลืมค�าพูดของคุณครูอีกเลย ครูท่านนั้นคือ ครูสุพัตรา นัครา ของนักเรียน)
จนมาถึงวันนี้ผมอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ ผมดีใจมากผมได้มีโอกาสได้เป็นลูกศิษย์ของ • จากเรียงความตัวอยางที่ไดศึกษา นักเรียน
ครูสุพัตรา นัครา อย่างเต็มตัว ครูเป็นหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย และเป็นครูที่สอน คิดวาเนื้อหาสาระของเรียงความเขียนได
วิชาภาษาไทยชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๓ และในตอนเช้าทุกวันผมเห็นครูสุพัตรา นัครา จัดกิจกรรม ครอบคลุม ครบถวนตามผังความคิดที่
ให้นักเรียนอ่านหนังสือในตอนเช้าข้างสนามหน้าโรงเรียน มีนักเรียนนั่งห้อมล้อมครู ผมมองดูครู วางไวหรือไม อยางไร
แล้วผมยิ่งสัมผัสได้ถึงครูที่มีจิตวิญญาณของความเป็นครูอย่างแท้จริง อาจเป็นเพราะตลอดชีวิต (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
การเรียนที่ผ่านมาของผมไม่ค่อยได้รับการยอมรับจากคุณครูหลายๆ ท่าน เพราะผมเป็นคนชอบ ไดอยางอิสระ คําตอบใหอยูในดุลยพินิจ
สนุกสนาน ครูหลายคนจึงมองว่าผมเอาแต่ไร้สาระไปวันๆ ท่าทางไม่น่าจะเอาดีได้ แต่ครูสุพัตรา ของครู โดยพิจารณาจากการใหเหตุผล
ไม่เคยท�าให้รู้สึกเช่นนั้นเลย เวลาสอนครูเอาใจใส่นักเรียนทุกคน ครูพยายามเข้าใจในเรื่องความ ของนักเรียน)
แตกต่างของนักเรียนแต่ละคนในห้องและหาทางพัฒนานักเรียนทุกคนได้อย่างเหมาะสม • จากขั้นตอนการเขียนเรียงความที่ไดศึกษา
ไม่เพียงเท่านี้ ในการปฐมนิเทศและกิจกรรมทักษะชีวิต ครูท�าหน้าที่ดูแลนักเรียนให้มี นักเรียนคิดวากลวิธีการเขียนเรียงความ
ระเบียบ วินัย รู้จักท�างานร่วมกันอย่างสนุกสนานและมีความสุข ครูท�าหน้าที่เสมือนเป็นพ่อแม่ โดยใชผังความคิด นาจะนําไปใชใน
คนที่สองของลูกที่ทั้งสอนและเป็นแบบอย่างที่ดีในการปลูกฝังค่านิยมในการด�ารงชีวิต ให้ศรัทธา ขั้นตอนใดของการเขียนเรียงความ
ในการท�าความดีว่าเป็นรากฐานของความส�าเร็จทุกอย่าง สอนให้รู้จักประหยัด ซื่อสัตย์ อดทน (แนวตอบ การเขียนเรียงความ หลังจาก
มีวินัย รู้จักรับผิดชอบต่อตนเองและส่วนรวม สอนให้รู้จักมีชีวิตอยู่อย่างพอดีและพอเพียง ที่เลือกเรื่อง หรือกําหนดจุดมุงหมายที่
ครูสอนให้พวกเรามีความสามัคคี มีน�้าใจให้แก่กัน ครูจุดประกายพลังความดี พลังความเป็นคน จะเขียนไดแลว ขั้นตอนตอมา คือ การเก็บ
พลังของความกระตือรือร้น พลังของความใฝ่ฝัน จุดประกายให้ผมและเพื่อนๆ รู้จักตนเอง รวบรวมขอมูล นําขอมูลเหลานั้นมาจัด
รูว้ า่ ตนเองอยากท�าอะไร รูว้ า่ เกิดมาเพือ่ อะไร ครูสอนให้ผมรูจ้ กั ความเป็นคนทีส่ มบูรณ์ทงั้ ร่างกาย หมวดหมูเพื่อวางโครงเรื่อง ดังนั้น การใช
และจิตใจ ผังความคิดเพื่อการเขียนเรียงความจึงควร
เป็นที่รู้กันว่าวิชาภาษาไทยเปรียบเสมือนยาขมส�าหรับนักเรียนหลายคน รวมทั้งผมด้วย
นําไปใชในขั้นตอนของการรวบรวมขอมูล
แต่ครูก็มีวิธีสอนที่สนุก ไม่น่าเบื่อ บางครั้งครูให้เล่นเกมเกี่ยวกับภาษาไทย ท�าให้เราสนุกและ
หรือการระดมความคิด เพื่อนําขอมูลมาจัด
หมวดหมูวางโครงเรื่อง)
57
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนอานเรียงความเรื่อง “ตัวเลือกที่มากขึ้น ชีวิตที่สดใส นี่คือ ครูควรชี้แนะเพิ่มเติมใหแกนักเรียนเกี่ยวกับความแตกตางระหวางความเรียง
ผลประโยชนของผูบริโภคในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)” หรือเรื่อง กับเรียงความ ดังตารางตอไปนี้
อื่นๆ ที่ไดรับการยกยอง ยอมรับ แลววิเคราะหวาเรียงความเรื่องดังกลาว ลักษณะเฉพาะ ความเรียง เรียงความ
มีลักษณะการใชถอยคําและสํานวนโวหารอยางไร
รูปแบบ มีรูปแบบไมตายตัว โดยแบง มีรูปแบบที่ชัดเจน แบงเปน
เปนสวนๆ 3 สวน ไดแก 3 สวน คือ คํานํา เนื้อเรื่อง
สวนตน สวนกลาง และ และสรุป
กิจกรรมทาทาย สวนทาย
ภาษา ใชภาษาไดหลายระดับ นิยมใชภาษาแบบทางการ
หรือกึ่งทางการ
นักเรียนอานเรียงความเรื่องเดียวกับกิจกรรมสรางเสริม แลววิเคราะห
วาผูเขียนใชกลวิธีใดในการเขียนสวนคํานํา การดําเนินเรื่อง และการเขียน เนื้อหา มุงเสนอแนวคิดและอารมณ มุงเสนอแงคิด จินตนาการ
สวนสรุป พรอมทั้งแสดงความคิดเห็นวา กลวิธีดังกลาวมีความเหมาะสม ความรูสึกของผูเขียน และความรู
หรือไม อยางไร
คู่มือครู 57
ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
ขยายความเข้าใจ Expand
1. นักเรียนอานเรียงความตัวอยางครูดีที่ฉัน
ประทับใจอีกครั้งหนึ่ง แลววิเคราะหในประเด็น เรียนรู้ภาษาไทยไปด้วย และผมชอบฟังครูเล่าเรื่องวรรณคดีไทย ท�าให้ผมเห็นคุณค่าของการมี
ตอไปนี้ ภาษาไทยเป็นภาษาประจ�าชาติ รู้สึกภูมิใจที่เกิดมาบนแผ่นดินไทย มีวัฒนธรรมและประเพณี
• กลวิธีการเขียนสวนคํานํา ที่ดีงาม มีภาษาไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติ ซึ่งแสดงถึงรากเหง้าแห่งความเป็นไทย
• กลวิธีการเขียนสวนเนื้อเรื่อง นอกจากนี้ครูยังปลูกฝังนิสัยรักการอ่านให้ผมและเพื่อนๆ ในห้อง และคงจะไม่ใช่
• กลวิธีการเขียนสวนสรุป แต่เฉพาะห้องที่ครูสอนเท่านั้น เพราะผมเห็นครูให้นักเรียนอ่านหนังสือแล้วบันทึกการอ่านมาให้
• เอกภาพ สัมพันธภาพ และสารัตถภาพ ครูทุกวันตอนเช้าก่อนเข้าแถว ครูชี้ให้เห็นถึงความส�าคัญของการอ่านว่า จะท�าให้เราเกิดปัญญา
ของเรียงความเปนอยางไร นําเสนอในรูปแบบ รู้จักคิดวิเคราะห์และเขียนสื่อความได้ การถ่ายทอดความรู้ของครูเต็มไปด้วยความเมตตา
ใบงานเฉพาะบุคคล โอบอ้อมอารีตอ่ ผมและเพือ่ นๆ โดยไม่หวังผลตอบแทน ครูให้ความรูโ้ ดยไม่ปดิ บัง ทุม่ เทก�าลังกาย
2. นักเรียนใชองคความรู ความเขาใจเกี่ยวกับ และใจในการสอนลูกศิษย์อย่างเต็มที่ ครูมีความยุติธรรม ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
กระบวนการสรางสรรคงานเขียนประเภท ในคาบสอนครูไม่เคยยึดถืออารมณ์และความต้องการของครูเป็นใหญ่ ครูจะถามนักเรียน
เรียงความ สรางผลงานเรียงความดวยฝมือ ในห้อง ถ้าเห็นใครมีพฤติกรรมที่น่าเป็นห่วง บางครั้งครูก็ดุและปลอบนักเรียนไปพร้อมๆ กัน
ของตนเองคนละ 1 เรื่อง ความยาวไมเกิน 1 แต่ ผ มเข้ า ใจดี ว ่ า ครู มี ค วามปรารถนาดี ต ่ อ นั ก เรี ย นทุ ก คน ต้ อ งการให้ ลู ก ศิ ษ ย์ ป ระพฤติ ดี
หนา กระดาษ A4 ในประเด็น “เพื่อนดีที่ฉันรัก” มีคุณธรรม เป็นคนดีของครอบครัว ของสังคม ของประเทศชาติและด�ารงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่าง
โดยใชผังความคิดเปนหนึ่งในกระบวนการ มีความสุข
รวบรวมและจัดหมวดหมูขอมูล พรอมแนบ ผมขอเป็นตัวแทนของเพื่อนๆ อยากบอกครูว่า ครูคือ “ครูดี ที่น่าประทับใจ” ส�าหรับ
ผังความคิดนั้นสงมาพรอมกับเรียงความ พวกเราทุกคน ผมและเพื่อนๆ มีความรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณของครูเป็นที่สุด และขอสัญญาว่า
3. นักเรียนรวมกันกําหนดเกณฑเพื่อใชประเมิน จะพยายามประพฤติตนเป็นคนดีตามที่ครูพร�่าสอนจะตั้งใจศึกษาหาความรู้เพื่ออนาคตข้างหน้า
ผลงานการเขียนเรียงความ จะน�าความรู้ความสามารถสร้างสรรค์ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ต่อสังคม ประเทศชาติต่อไป
(แนวตอบ เกณฑควรครอบคลุม ดังตอไปนี้ ผมจะศรัทธามั่นคงในการท�าความดีตามที่ครูสอน เพื่อเป็นก�าลังส�าคัญน�าพาประเทศชาติอันเป็น
• มีรูปแบบและองคประกอบครบถวน ถูกตอง ที่รักของเราก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและความผาสุกมั่นคงตลอดไป
และในสัดสวนที่เหมาะสม มีคนเปรียบครูเป็นเช่นเรือจ้าง
• เนื้อหาสาระมีเหตุผล ความเปนไปได ชัดเจน เปรียบเป็นเทียนส่องทางสว่างไสว
สอดคลองกับประเด็นที่กําหนด เปรียบเป็นสายธารน�้าฉ�่าชื่นใจ
• มีกลวิธีการเขียนหรือการใชภาษาถูกตองตาม เปรียบธงชัยสรรค์สร้างทางชีวิต
หลักไวยากรณ ใชถอยคําในการเขียน แต่ฉันขอเปรียบครูเป็นเช่นพ่อแม่
เหมาะสมกับเนื้อหาสาระ มีความไพเราะ คอยดูแลแนะน�าลูกชี้ถูกผิด
สละสลวย ลีลา ทวงทํานองในการเขียน เป็นพ่อแม่อุปถัมภ์น�าชีวิต
เหมาะสม นาติดตาม และเปนลักษณะเฉพาะ ให้ลูกศิษย์อยู่รอดปลอดภัยพาล
(เรียงคว�มหัวข้อ ครูดีที่ฉันประทับใจ: เด็กช�ยมนวัสน์ มนตรี)
ของตนเอง
• ความถูกตองของการเขียนสะกดคํา การแบง
วรรคตอน ความสะอาดเรียบรอยของลายมือ
• แสดงมารยาทในการเขียน) 58
ขอสอบเนน การคิด
บูรณาการอาเซียน แนว NT O-NE T
ยอหนา คืออะไร และมีความสําคัญอยางไรตอการสรางสรรคงานเขียน
คุณคาของงานเขียน ไมไดอยูที่การใหความบันเทิง งานเขียนที่สรางสรรคมีพลัง
ที่มีขนาดยาว เชน เรียงความ บทความ
ตอความคิด ความเชื่อของบุคคล และบางเลมยังสามารถพลิกประวัติศาสตรของ
ชนชาติไดอีกดวย การเรียนการสอนเกี่ยวกับการสรางสรรคงานเขียน ครูควรให แนวตอบ ยอหนา คือ ขอความตอนหนึ่งๆ ซึ่งประกอบดวยประโยคหลายๆ
นักเรียนไดศึกษาผลงานของนักเขียนเพื่อนบานอาเซียนผานวรรณกรรมแปล เพื่อเปด ประโยคที่มีความสัมพันธกัน โดยมีความคิดหลักหรือใจความสําคัญเพียง
โลกทัศน สรางแรงบันดาลใจ เปนแนวทางการสรางสรรคผลงาน ที่สําคัญยังทําให ประการเดียว และมีประโยคขยายความเพื่อใหความคิดหลักหรือใจความ
ไดเรียนรูประวัติศาสตร ความคิด ความเชื่อ และคานิยมของประเทศเพื่อนบาน สําคัญนั้นมีความชัดเจนสมบูรณขึ้น การจัดและเขียนยอหนาใหมีความ
เพื่อความเขาใจอันดีระหวางกัน ครูควรมอบหมายใหนักเรียนชมรายการ “เปดโลก เหมาะสมมีความสําคัญ ดังนี้
เปดเลม” ยอนหลังผานทางเว็บไซตของสถานีโทรทัศนไทยพีบีเอส ซึ่งออกอากาศ • ชวยใหผูอานจับประเด็นหรือจับใจความสําคัญของเรื่องไดงาย
ในวันที่ 28 ตุลาคม 2555 เพื่อใหเห็นพลังสรางสรรคของงานเขียน อีกทั้งเห็นความ • ชวยใหผูอานติดตามเรื่องไดสะดวก
สําคัญของการเรียนรูประเทศเพื่อนบานผานงานวรรณกรรม เพราะงานวรรณกรรม • ชวยจํากัดขอบเขตเนื้อหาของเรื่อง
ไมจาํ กัดชนชาติ หาความรูเ พิม่ เติมเกีย่ วกับวรรณกรรมอาเซียน นําขอมูลมาจัดการ • ชวยใหผูอานไดมีโอกาสพักสายตา และความคิด
ความรูรวมกันในลักษณะปายนิเทศประจําชั้นเรียนภายใตหัวขอ “วรรณกรรมอาเซียน • ชวยทําใหงานเขียนนาอาน
เรียนรูประวัติศาสตร ความคิด ชีวิต วัฒนธรรม ผานปลายปากกา”
58 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอนดวยวิธีการ
เรียงความเรื่องนี้เขียนตามผังความคิดที่น�าเสนอไว้ หากผู้อื่นน�ามาเขียนใหม่ก็อาจได้เรียงความ ตัง้ คําถามกระตุน ทักษะการสังเกตและการวิเคราะห
ที่มีการน�าเสนอแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับผู้เขียนต้องการน�าเสนอสิ่งใด ซึ่งผังความคิดนี้น�าไปใช้ • ถานักเรียนตองการเลานิทานใหเพื่อนฟง
เป็นแนวทางเขียนเรียงความเรื่องอื่นๆ ได้ โดยใชเวลาสั้นๆ จะตองใชวิธีการใด
(แนวตอบ จะตองใชวิธีการอานเพื่อจับใจ
๖ การเขียนย่อความ ความสําคัญ หรือจับประเด็นแลวนํามา
เรียบเรียงดวยสํานวนภาษาของผูเลา
ย่อความ หมายถึง การจับใจความส�าคัญ จับประเด็นส�าคัญของเรื่องที่ได้อ่าน ได้ฟัง หรือ ซึ่งเรียกวิธีการนี้วา “การยอความ”)
ได้ดูมา ให้ได้ความว่าใคร ท�าอะไร ที่ไหน อย่างไร เมื่อใด เพราะเหตุใดหรือมีแนวคิดอย่างไร แล้วน�ามา
เรียบเรียงใหม่ให้ได้ใจความครบถ้วน สั้น กระชับ ด้วยส�านวนภาษาของตนเอง ส�ารวจค้นหา Explore
๖.๑ หลักการเขียนย่อความ นักเรียนจับคูกับเพื่อนตามความสมัครใจ
การเขียนย่อความมีหลักการเขียน ดังนี้ รวมกันศึกษาในประเด็น “กระบวนการยอความ”
๑. อ่านหรือฟังเรือ่ งทีจ่ ะย่อตัง้ แต่ตน้ 1จนจบอย่างน้อย ๒ ครัง้ ครัง้ แรกเป็นการอ่านหรือ2ฟังคร่าวๆ
ให้ได้ความว่าใคร
ใคร ท�าอะไร
อะไร ที่ไหน
หน อย่างไรงไร ครั้งที่สองเป็นการจับใจความส�าคัญของเรื่องอย่างย่อๆ อธิบายความรู้ Explain
แล้วจดบันทึกสาระส�าคัญไว้
๒. เปลี่ยนการใช้ค�าสรรพนามบุรุษที่ ๑ หรือสรรพนามบุรุษที่ ๒ เป็นสรรพนามบุรุษที่ ๓ นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
๓. ย่อค�าพูดหรือค�าสนทนาของบุคคลรวมกันไปโดยไม่ใช้เครื่องหมาย “ ” หรือขึ้นบรรทัดใหม่ อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการเขียน
๔. ใช้ส�านวนภาษาของผู้ย่อในการเขียนเรียบเรียงโดยไม่ให้สาระส�าคัญเปลี่ยนไป ยอความ โดยใชความรู ความเขาใจที่ไดรับจาก
๕. ถ้าเรื่องเดิมมีการใช้ค�าราชาศัพท์เมื่อย่อแล้วก็ต้องใช้ให้ถูกต้อง การสืบคนรวมกับเพื่อน เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับ
๖. ถ้าเรื่องเดิมมีหลายย่อหน้า ใจความที่ย่อแล้วให้เขียนรวมเป็นย่อหน้าเดียว ตอบคําถาม
๗. ถ้าเป็นบทร้อยกรองต้องถอดความเป็นร้อยแก้วก่อน แล้วจึงจับใจความส�าคัญ • การเขียนคํานํายอความมีความสําคัญ
๘. เรียบเรียงถ้อยค�าให้สั้น กระชับ มีความยาว ๑ ใน ๓ ของเนื้อความเดิม อยางไร
(แนวตอบ การเขียนคํานํายอความ เปนวิธีการ
๖.๒ รูปแบบการเขียนย่อความ ระบุแหลงที่มาของเรื่องที่ไดอาน หรือฟง
รูปแบบของย่อความไม่ได้ก�าหนดชัดเจน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเรื่องที่จะย่อ ซึ่งอาจใช้รูปแบบ ดังนี้ แลวนํามายอความเพื่อใชเปนหลักฐานอางอิง
๑) การย่อนิทาน นิยาย พงศาวดาร ให้บอกประเภท ชื่อเรื่อง ผู้แต่ง ที่มาของเรื่องเท่าที่ และสามารถคนควาไดอีกในอนาคต)
ทราบ เช่น • นักเรียนมีวิธีการอยางไรสําหรับการอาน
เรื่องหนึ่งๆ เพื่อนํามายอความ
ย่อนิทาน เรื่อง ....................................... ของ ....................................... จาก ........................................ หน้า ..................... (แนวตอบ ตองอานเรื่องอยางละเอียด จนจบ
ความว่า ตลอดทั้งเรื่อง เพื่อคนหาใจความสําคัญหลัก
.............................................................................................................................................................................................................................
และใจความสําคัญรองของแตละยอหนา)
59
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดตอไปนี้คือองคประกอบของยอความ
1 ใคร ทําอะไร ที่ไหน อยางไร การยอความที่ถูกตอง คือ การจับใจความ
1. รูปแบบและสรุป
สําคัญของเรื่องที่อานใหไดวาเปนเรื่องเกี่ยวกับอะไร หรือใคร ทําอะไร กับใคร ที่ไหน
2. หลักการและรูปแบบ
อยางไร เมื่อไร และทําไม ดังนั้น การยอความแมวาผูยอความจะเปนคนละคนกัน
3. สวนนําและเนื้อความ
แตถา ยอความเรือ่ งเดียวกัน ใจความสําคัญทีไ่ ดจะเปนไปในทิศทางเดียวกัน การฝกฝน
4. เนื้อความและสวนสรุป
ตนเองใหยอความจากเรื่องที่อานหรือฟงอยางหลากหลายจะชวยฝกทักษะการสรุปยอ
วิเคราะหคําตอบ การยอความเปนทักษะการเขียนซึ่งมีรูปแบบเฉพาะ และทักษะการสังเคราะห สามารถนําไปประยุกตใชใหเกิดประโยชนในชีวิตประจําวัน
โดยยอความครั้งหนึ่งๆ จะประกอบดวยสวนสําคัญสองสวน ไดแก สวนนํา ตอไปได
เปนสวนที่ระบุแหลงที่มาของเนื้อเรื่องที่นํามายอความ โดยระบุรายละเอียดที่ 2 การจับใจความสําคัญของเรื่อง เมื่ออานเรื่องที่มีขนาดยาว การยอความจําเปน
แตกตางกันออกไปขึน้ อยูก บั ประเภทของเรือ่ ง สวนที่ 2 คือ สวนทีเ่ ปนเนือ้ ความ ตองอาศัยความรูเกี่ยวกับยอหนาเปนพื้นฐาน เพื่อใหสามารถจับใจความสําคัญ
บอกใหรูวาเปนเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร หรือสาระสําคัญของเรื่องเปนอยางไร ในแตละยอหนาไดถูกตอง
ซึ่งผูยอไดเรียบเรียงเปนสํานวนภาษาของตนเองหลังจากอานเรื่องจนเขาใจ
เปนอยางดีแลว ดังนั้นจึงตอบขอ 3.
คู่มือครู 59
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบายความรู
เกี่ยวกับแนวทางการเขียนยอความผานขอคําถาม ๒) การย่อค�าสอน ค�ากล่าวปาฐกถา ให้บอกประเภท ชื่อเรื่อง เจ้าของเรื่อง โอกาส วัน
ของครู เดือน ปี ที่ฟัง และสถานที่ เช่น
• นักเรียนมีหลักปฏิบัติในการยอความอยางไร 1
(แนวตอบ ตองอานหรือฟงเรื่องที่ยอตั้งแตตน ย่อสุนทรพจน์ เรื่อง ............................................ ของ .............................................. โอกาส .............................................
จนจบ พิจารณาวาขอความใดเปนใจความหลัก วันที่ .......................................... เดือน ............................................. ปี ............................................ ณ ............................................. ความว่า
.............................................................................................................................................................................................................................
ใจความรอง เรียบเรียงเปนสํานวนของตนเอง
โดยเนื้อความที่ปรากฏตองทําใหทราบวาเปน
ย่อค�าสอน เรื่อง ............................................ ของ ........................................... จากหนังสือ ............................................
เรื่องเกี่ยวกับอะไร ใคร ทําอะไร กับใคร
หน้า ................................................................................................. ความว่า
ทีไ่ หน อยางไร เมือ่ ไร และทําไม หากเนือ้ เรือ่ ง ............................................................................................................................................................................................................................
เดิมใชสรรพนามบุรุษที่ 1 และ 2 ใหเปลี่ยน
เปนบุรุษที่ 3 แตถาปรากฏคําราชาศัพทใหคง ๓) การย่อบทความทางวิชาการ ให้บอกประเภท ชื่อเรื่อง เจ้าของเรื่อง ที่มาของเรื่อง เช่น
ไวเชนเดิม ถาเรื่องที่นํามายอเปนรอยกรอง
ตองถอดความเปนรอยแกวกอน แลวจึง ย่อบทความ เรื่อง ................................................ ของ ............................................... จาก ...................................................
ฉบับที่ ............................................................................................. หน้า ..................................................... ความว่า
ยอความ เขียนสวนที่ระบุแหลงที่มาของเรื่อง
.............................................................................................................................................................................................................................
ใหถูกตอง แลวจึงลงมือเขียนยอความ)
2
ขยายความเข้าใจ Expand การเขียนย่อความประเภทคÓสอน
1. นักเรียนคัดเลือกงานเขียนเกี่ยวกับประชาคม เรื่อง คิดก่อนพูด
อาเซียน นํามาอานแลวใชทักษะการยอความ
เก็บสาระสําคัญของเรื่อง โดยใชรูปแบบ ลูกรัก...
การเขียนสวนนําใหถูกตอง ปากคนนัน้ น�าสุขมาให้กไ็ ด้ น�าทุกข์มาให้กไ็ ด้ มีคา� เตือนมากมายเกีย่ วกับปาก เช่นว่า “พูดไป
2. นักเรียนรวมกันกําหนดเกณฑเพื่อใชประเมิน สองไพเบีย้ นิง่ เสียต�าลึงทอง” เมือ่ ลูกคบหากับใคร ท�างานทีไ่ หนก็ตาม สิง่ ทีต่ อ้ งระวังให้มากคือปาก
การยอความ ท่านกล่าวว่า “จงเก็บปากไว้ที่ใจ อย่าเก็บใจไว้ที่ปาก” คืออยากพูดอะไรก็เก็บไว้ในใจ อย่าพูด
(แนวตอบ เกณฑควรครอบคลุม ดังตอไปนี้ ทุกอย่างตามทีใ่ จคิด พูดมากโอกาสพลาดก็มมี าก พูดน้อยก็พลาดน้อย เมือ่ จ�าเป็นต้องพูดก็ควรพูด
• ใชรูปแบบการขึ้นตนสวนนําไดถูกตองกับ อย่างมีสติ พูดพอประมาณ พูดอย่างสร้างสรรค์ ถูกธรรม และประกอบด้วยประโยชน์ ท่านบอกไว้
ประเภทของเรื่องที่นํามายอ ว่า “ค�าพูดที่ดังเกินไป ค�าพูดที่แรงเกินไป ค�าพูดที่เกินความจริง ล้วนฆ่าคนพูดผู้โง่เขลาได้ทั้งสิ้น”
• สรุปสาระสําคัญของเรื่องไดครบถวนและ คนสมัยนีพ้ ดู เก่งและพูดได้มาก แต่ลกู พิจารณาดูให้ดี คนทีพ่ ดู เก่งอย่างนัน้ มีสกั กีค่ นทีพ่ ดู แบบ
เปนสํานวนของผูยอ สร้างสรรค์ ท�าให้เกิดความสมานสามัคคี ท�าให้ทกุ ฝ่ายเกิดความสบายใจ แต่เราจะไปห้ามเขาไม่ให้
• มีขนาดความยาวของเนื้อความที่ยอแลว พูดก็ไม่ได้ เขาจะพูดดีไม่ดีอย่างไร พูดก้าวร้าวเสียดสีใครเป็นสิทธิส่วนตัวของเขา เขาพูดเขาก็ต้อง
เหมาะสมกับความยาวทั้งหมดของเรื่อง
กอนนํามายอ 60
• การเขียนสะกดคํา การเวนวรรคตอน ลายมือ
• มารยาทในการเขียน)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
บุคคลใดตอไปนี้ใชวิธีการอานเพื่อยอความไดถูกตอง
1 สุนทรพจน เปนถอยคํา คําพูดที่มีความไพเราะ คมคาย ลึกซึ้ง กินใจ สามารถ
1. บุปผาใชวิธีการอานไปยอไปเพื่อความรวดเร็ว
กระตุนหรือโนมนาวใหผูฟงคลอยตาม ซาบซึ้ง และมีอารมณรวมไปกับผูพูดได
2. มาลีอานเฉพาะยอหนาสุดทายเพื่อใหจับใจความสําคัญได
2 การเขียนยอความ มีประโยชนตอนักเรียน เพราะทุกครั้งที่เกิดการแสวงหา 3. นารีอานเนื้อเรื่องใหเขาใจโดยตลอดจนจบกอนลงมือยอความ
ความรู หากไมละเลยที่จะจดบันทึกสาระสําคัญไวโดยใชหลักการยอความที่ไดเรียนรูไป 4. ชอผกาอานเฉพาะหัวขอใหญแลวนํามาเรียบเรียงเปนใจความสําคัญ
มีการจัดเก็บไวอยางเปนระบบจะทําใหมีคลังความรูที่สามารถกลับมาทบทวนไดเสมอ
วิเคราะหคําตอบ การยอความ คือ การจับสาระสําคัญของเรื่องที่อานวา
เปนเรือ่ งเกีย่ วกับอะไร ใคร ทําอะไร กับใคร ทีไ่ หน อยางไร เมือ่ ไร และทําไม
โดยใชสาํ นวนภาษาของผูย อ เอง ซึง่ วิธกี ารอานทีเ่ หมาะสมสําหรับการยอความ
มุม IT คือ ผูยอจะตองอานเนื้อหาสาระใหจบตลอดทั้งเรื่อง กอนลงมือยอความ
ดังนั้นจึงตอบขอ 3.
นักเรียนสามารถเขาไปทบทวนหรือตรวจสอบความรู ความเขาใจของตนเองดวย
การทําแบบฝกหัดเกี่ยวกับการยอความไดจากเว็บไซต http://school.obec.go.th/
wachirathamsopit/wachira/thai/pretestool.html
60 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา
Engage Explore อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูชวนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับประสบการณ
รับผิดชอบเอง ส�าคัญลูกอย่าไปพูดอย่างเขาก็แล้วกัน คิดให้ดกี อ่ นพูดเสมอ ยิง่ พูดถึงบุคคลอืน่ ด้วย การไปทัศนศึกษายังสถานที่ตางๆ ซึ่งโรงเรียน
แล้วยิ่งต้องระวัง เพราะเราไม่รู้จักเขาดีพอ ไม่รู้ถึงความรู้สึกนึกคิดของเขาดีเท่ากับตัวเขาหรอก เคยจัดไป จากนั้นตั้งคําถามวา
เราจะไปคาดเดาเองว่าเขาเป็นอย่างนัน้ เป็นอย่างนีแ้ ล้วไปพูดท�าให้เขาเสียหาย ดูจะไม่ยตุ ธิ รรมนัก • นักเรียนคิดวาการติดตอเพือ่ ขอเขาชมสถานที่
ดีที่สุดคือไม่พูดถึงคนอื่นโดยไม่รู้ข้อเท็จจริงดีพอ แม้จะรู้จริงก็ไม่ควรพูด ถ้าจ�าเป็นต้องพูดก็ควร หนึ่งๆ เปนหมูคณะ มีวิธีการหรือ
พูดอย่างมีสติ พูดด้วยความระมัดระวัง เพราะการพูดถึงคนอื่นนั้นเสี่ยงต่อความเป็นศัตรูกัน หลักปฏิบัติอยางไร
และจะเป็นบาปกรรมด้วย ระวังไว้เป็นดีที่สุด (แนวตอบ หลักการที่มีความเหมาะสมที่สุด
(คำ�พ่อคำ�แม่: พระธรรมกิตติวงศ์ ร�ชบัณฑิต) สําหรับการติดตอเพื่อขอเขาชมสถานที่หนึง่ ๆ
เปนหมูคณะนั้น โรงเรียน หัวหนาคณะ
ย่อค�าสอน เรื่องคิดก่อนพูด ของพระธรรมกิตติวงศ์ ราชบัณฑิต จากหนังสือ ค�าพ่อค�าแม่ การเดินทาง หัวหนาโครงการ หรือผูรับผิด
หน้า ๙๔ - ๙๕ ความว่า ชอบโครงการ จะตองเขียนจดหมายเพื่อขอ
ปากสามารถน�าความสุขหรือความทุกข์มาให้เจ้าของก็ได้ หากพูดมากโอกาสที่จะพลาด อนุญาตเขาชมสถานที่)
ก็มีมาก คนสมัยนี้พูดเก่งและพูดได้มาก แต่มีเป็นจ�านวนน้อยที่จะพูดได้สร้างสรรค์ ท�าให้ผู้อื่นเกิด
ความสบายใจ หรือสร้างความสมัครสมานสามัคคีให้แก่หมูค่ ณะ แต่ทา่ นไม่สามารถห้ามผูอ้ นื่ ไม่ให้พดู ได้
สิ่งส�าคัญคือ ท่านอย่าไปพูดไม่ดีตามเขา เมื่อจะพูดต้องพูดอย่างมีสติ ระมัดระวังค�าพูด ไม่พูดพาดพิงถึง
ส�ารวจค้นหา Explore
ผู้อื่น เพราะอาจสร้างศัตรูให้เกิดขึ้นได้ นักเรียนจับคูกับเพื่อนตามความสมัครใจ
เพื่อพิจารณาจดหมายกิจธุระที่นํามาเปนตัวอยาง
๗ การเขียนจดหมายกิจธุระ ในหนังสือเรียนภาษาไทย หนา 62-63 บันทึก
จดหมาย หมายถึง ข้อความที่เขียนติดต่อระหว่างผู้เขียนกับผู้รับโดยตรง มีรูปแบบเฉพาะ ขอสังเกตเกี่ยวกับประเด็น ตอไปนี้
การเขียนจดหมายมีขอ้ ควรระมัดระวังในเรือ่ งการใช้คา� ควรใช้คา� ให้ถกู ต้องตามแบบแผน กาลเทศะ และ • โครงสรางของจดหมาย
สถานภาพของบุคคล จึงจะส่งผลให้การติดต่อกิจธุระประสบผลส�าเร็จ • ลักษณะสําคัญของจดหมายกิจธุระประเภท
จดหมายกิจธุระ เป็นจดหมายที่เกี่ยวข้องกับธุระการงานที่เป็นส่วนหนึ่งของการด�าเนินชีวิต ตางๆ
โดยอาจเป็นจดหมายระหว่างบุคคลถึงบุคคล บุคคลถึงบริษัทห้างร้าน หรือเป็นจดหมายของบุคคล • ลักษณะถอยคํา ภาษาที่ใชในการเขียน
ถึงส่วนราชการ ใจความในจดหมายต้องระบุวตั ถุประสงค์ให้ชดั เจน โดยใช้ภาษาทีถ่ กู ต้องเหมาะสม
1 จดหมาย
๗.๑ หลักการเขียนจดหมายกิจธุระ
การเขียนจดหมายกิจธุระมีหลักการเขียน ดังนี้
๑. เขียนให้ถูกต้องตามรูปแบบของจดหมายแต่ละประเภท
๒. ใช้ค�าน�า (ค�าขึ้นต้น) ค�าสรรพนาม ค�าลงท้ายที่เหมาะสมกับสถานภาพของบุคคลและ
สัมพันธภาพระหว่างผู้เขียนและผู้รับ 2
๓. ใช้ถ้อยค�าส�านวนภาษาที่ชัดเจน กระชั
เจน กระชับ รัรัดกุม สุภาพ
๔. สะกดค�าให้ถูกต้องตามหลักภาษา ถูกต้องตามระดับภาษา กาลเทศะ และบุคคล
๕. พิมพ์หรือเขียนด้วยลายมือที่อ่านง่าย เรียบร้อย สะอาดตา
61
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
จดหมายสวนตัวมีลักษณะสําคัญซึ่งแตกตางจากจดหมายกิจธุระอยางไร
1 การเขียนจดหมาย มีประโยชนตอการสื่อสารของมนุษย เพราะจดหมายทําให
แนวตอบ จดหมายสวนตัว คือ จดหมายที่เขียนถึงกันอยางไมเปนทางการ มนุษยสามารถสง “สาร” ถึงกันได โดยที่บุคคลทั้งสองฝายไมจําเปนตองพบหนากัน
กับบุคคลที่มีความสนิทสนมคุนเคย เพื่อสงขาวคราว แจงธุระเล็กๆ นอยๆ ทําใหการติดตอสื่อสารดําเนินไปไดโดยสะดวก รวดเร็ว ประหยัด การเขียนจดหมาย
หรือไตถามทุกขสุขกันดวยความคุนเคย ดังนั้น จึงไมเครงครัดเรื่องรูปแบบ ผูสงหรือผูเขียนจะตองคํานึงถึงจุดประสงคที่จะสื่อสาร และผูที่จะติดตอสื่อสารดวย
ภาษาและถอยคําในการเขียน ทั้งนี้ขึ้นอยูกับความสนิทสนมระหวางผูสง หากตองติดตอกับบุคคลที่ไมรูจักดวยกิจธุระการงานตางๆ ควรใชถอยคําที่มีความ
และผูรับ หากเปนบุคคลที่สนิทสนมมากๆ อาจใชภาษาไมเปนทางการ เปนทางการ คงความสุภาพไวจะเหมาะสมมากที่สุด ดังนั้น สิ่งที่ผูเขียนจดหมาย
หรือภาษาปากในการเขียน แตถาเปนบุคคลที่มีอาวุโสสูงกวาควรใชภาษากึ่ง จะตองคํานึงถึงทุกครั้ง ไดแก จุดประสงคที่ตองการสื่อสาร และบุคคลที่สื่อสารดวย
ทางการ แตแสดงออกซึ่งความออนนอม ใหความเคารพนับถือ สวนจดหมาย ซึ่งทั้งสองประการนี้จะสงผลตอการเลือกใชรูปแบบและถอยคําในการเขียนจดหมาย
กิจธุระเปนจดหมายที่เขียนขึ้นโดยมีวัตถุประสงคเฉพาะในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง 2 ใชถอ ยคําสํานวนภาษาทีช่ ดั เจน กระชับ รัดกุม ในการเขียนจดหมายฉบับหนึง่ ๆ
กับบุคคลหรือหนวยงาน จึงมีความเครงครัดในเรื่องรูปแบบ และการใชถอยคํา นอกจากจะใหความสําคัญกับรูปแบบที่ถูกตองแลว ผูเขียนตองใหความสําคัญกับ
ในการสื่อสาร โดยทั่วไปจะใชภาษาที่เปนทางการ ใชถอยคําตรงไปตรงมา สํานวนภาษาในการเขียน ตองใชถอ ยคําทีส่ อื่ ความไดชดั เจน ครบถวน ควรคํานึงวาผูรับ
สื่อถึงจุดประสงคครบถวน ชัดเจน ไมมีโอกาสสอบถามผูเขียน หากเกิดความไมกระจางในเนื้อหาสาระ จะตีความเอง
จากขอความทีป่ รากฏ ซึง่ อาจทําใหการสือ่ สารไมสมั ฤทธิผลตามจุดประสงค
คู่มือครู 61
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย
ความรูแ บบโตตอบรอบวงเกีย่ วกับการเขียนจดหมาย ๗.๒ ตัวอย่างการเขียนจดหมายกิจธุระ
กิจธุระ โดยใชความรู ความเขาใจที่ไดรับจาก ตัวอย่างที่ ๑ จดหมายเชิญวิทยากร
การสืบคนรวมกับเพื่อน เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับ
ตอบคําถาม การเขียนจดหมายเชิญวิทยากร
• จากจดหมายกิจธุระที่ศึกษาวิเคราะห
ที่ ๓/๒๕๕๘ ชมรมสร้างสรรค์ศิลปะจากวัสดุเหลือใช้
แสดงใหเห็นโครงสรางของจดหมายอยางไร
ชุมชนตรอกครุฑ แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ
(แนวตอบ จดหมายกิจธุระ ประกอบดวย
เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ๑๐๒๐๐
โครงสรางสําคัญ 3 สวน ไดแก สวนหัว 1
ประกอบดวย เลขที่ของจดหมาย ที่อยู ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘
๒๗ เมษายน
ของหนวยงานที่เปนเจาของจดหมาย 2
เรื่อง
ง ขอเชิญเป็นวิทยากร
วัน เดือน ปที่เขียนจดหมาย เรื่อง เรียน 3
เรียน
น คุคุณนิภ4า ทั
า ศนาวิไล
สิ่งที่สงมาดวย (ถามี) สวนเนื้อเรื่อง สิ่งที่ส่งมาด้วย
ย ก�าหนดการอบรม
ประกอบดวย ยอหนาแรกเปนที่มาของเรื่อง 5
ด้วยกระผม ยกระผม นายวรพจน์ พากเพียร เป็นประธานชมรมสร้างสรรค์ศลิ ปะจากวัสดุเหลือใช้
หรือที่มาของการเขียนจดหมายฉบับนี้ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อให้คนในชุมชนตรอกครุฑรู้จักใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และร่วมกันอนุรักษ์
ยอหนาทีส่ องเปนวัตถุประสงคและรายละเอียด สิ่งแวดล้อม ด้วยการสนับสนุนของผู้อ�านวยการเขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ภายในชุมชน
ของจดหมาย และยอหนาที่สามเปนยอหนา มีวสั ดุเหลือใช้จา� นวนมากและหลากหลายน่าจะน�ามาสร้างสรรค์เป็นชิน้ งานศิลปะได้ สมาชิกชมรม
สรุป โดยที่ยอหนาแรกและยอหนาที่สอง มีความประสงค์จะขอรับค�าแนะน�าจากผูท้ รงคุณวุฒ ิ ซึง่ ทางชมรมเห็นว่าท่านเป็นผูม้ คี วามเชีย่ วชาญ
สามารถรวมอยูในยอหนาเดียวกันได เกีย่ วกับการสร้างสรรค์ศลิ ปะจากวัสดุเหลือใช้ สามารถจะให้ความรูแ้ ก่สมาชิกชมรมได้เป็นอย่างดี
สวนทาย ประกอบดวย คําลงทาย ลายมือชื่อ จึงเรียนมาเพื่อขอเชิญท่านเป็นวิทยากร เรื่องการสร้างสรรค์ศิลปะจากวัสดุเหลือใช้
เจาของจดหมาย ชื่อและตําแหนงของเจาของ ในวันจันทร์ที่ ๑๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ ศาลาอเนกประสงค์ของชุมชนตามก�าหนดการ
จดหมาย ที่อยูและหมายเลขโทรศั
วรพจน์ พากเพีพทของยร ดังแนบ ทางชมรมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับความอนุเคราะห์จากท่านและขอขอบพระคุณ
หนวยงานที่เปนเจาของเรื่อง) เป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้
• จากจดหมายที่ศึกษาวิเคราะห นักเรียน
มองเห็นแนวทางการใชภวรพจน์ าษาเพื่อพากเพี
การเขียยรน ขอแสดงความนับถือ
สื่อสารในรูปแบบจดหมายกิจธุระอยางไร วรพจน์ พากเพียร
(แนวตอบ ผูเขียนควรใชภาษาในระดับทางการ (นายวรพจน์ พากเพียร)
หรือกึ่งทางการ แตคงความสุภาพ ออนนอม ประธานชมรมสร้างสรรค์ศิลปะจากวัสดุเหลือใช้
ถอมตน เลือกใชถอยคําที่สื่อความไดกระชับ
ชัดเจน ตรงไปตรงมา สอดคลองกับ ชมรมสร้างสรรค์ศิลปะจากวัสดุเหลือใช้
จุดประสงค) โทร. ๐๘-๑๘๑๑-๘๑๑๘
62
ขอสอบ O-NET
นักเรียนควรรู ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับการเขียนวันที่และคําขึ้นตนในจดหมายราชการ
จงเลือก “(1) การเขียนวันที”่ “(2) คําขึน้ ตนจดหมาย” ของจดหมายราชการ
1 ๒๗ เมษายน ๒๕๕๘ หมายถึง วัน เดือน ปที่เขียนหรือออกจดหมาย โดยวิธีการ
ทีห่ นวยงานราชการเขียนถึงหนวยงานราชการ เรือ่ ง ขอใหประชาสัมพันธ
เขียนที่ถูกตองใหลงตัวเลขของวันที่ ชื่อเต็มของเดือน และตัวเลขของปพุทธศักราช
ใหนกั เรียนตรวจสอบสนามสอบ
2 เรื่อง ใหระบุขอความที่เปนใจความสําคัญที่สุดของจดหมาย
(1) การเขียนวันที่ (2) คําขึ้นตนจดหมาย
3 เรียน คําขึ้นตนจดหมายซึ่งจะตองใชใหเหมาะสมกับระดับของบุคคล สําหรับ วันที่ 4 กุมภาพันธ 2553 เรียน
การเขียนจดหมายกิจธุระ คําขึ้นตนที่เหมาะสมที่สุด คือ คําวา “เรียน” 4 กุมภาพันธ 2553 สวัสดี
4 สิ่งที่สงมาดวย หมายถึง เอกสาร บรรณสาร หรือสิ่งของที่สงไปพรอมกับ วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ พ.ศ. 2553 กราบเทา
จดหมายฉบับนั้น โดยผูสงตองระบุชื่อสิ่งของหรือเอกสาร ในกรณีที่ไมสามารถสงไป วันที่ 4 กุมภาพันธ พ.ศ. 2553 นมัสการ
ในซองเดียวกันได ตองแจงดวยวาสงไปทางใด วันอังคารแรม 5 คํ่า ปฉลู จ.ศ. 1371 เจริญพร
5 ดวยกระผม คําขึ้นตนเนื้อความ ถาเปนจดหมายฉบับแรกที่ติดตอระหวางกัน วิเคราะหคําตอบ การเขียนวันที่ในจดหมายกิจธุระและจดหมายราชการ
มักใชคําขึ้นตนวา “เนื่องดวย...” “เนื่องจาก...” “ดวย...” และตามดวยขอความที่เปน ใหลงเฉพาะตัวเลข ชื่อเต็มของเดือน ตัวเลขปพุทธศักราช สวนคําขึ้นตนใหใช
จุดประสงค แตถาเปนจดหมายตอบรับ มักใชคําขึ้นตนวา “ตามที่...” “ตาม...” คําวา “เรียน” จะมีความเหมาะสมมากทีส่ ดุ ดังนัน้ จึงตอบ “4 กุมภาพันธ 2553”
และ “เรียน”
62 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
จดหมายเชิญวิทยากรฉบับนี้ เป็นจดหมายจากประธานชมรมฯ ที่เขียนถึงวิทยากรเพื่อขอ อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการเขียน
ความอนุเคราะห์ การใช้ค�าจึงต้องใช้ให้ถูกตามศักดิ์ ฐานะ และแสดงการร้องขออย่างสุภาพ จดหมายกิจธุระผานขอคําถามของครู
ตัวอย่างที่ ๒ จดหมายขอความอนุเคราะห์ • นักเรียนคิดวาการเขียนจดหมายกิจธุระ
1 ควรคํานึงถึงสิ่งใด
การเขียนจดหมายขอความอนุเคราะห์ (แนวตอบ ควรเขียนใหมีความชัดเจน
ที่ ๕/๒๕๕๔ ชุมชนหมูบ่ า้ นป้าแดง ถนนพระราม ๒ สอดคลองกับวัตถุประสงค ใชรูปแบบ
ซอย ๒๔ เขตจอมทอง โครงสรางใหถูกตอง สมบูรณ แสดงมารยาท
กรุงเทพมหานคร ๑๐๑๕๐ ที่ดีของผูเขียน ผานการใชถอยคํา การเลือก
ใชกระดาษ สีของหมึก การจาหนาซอง
๘ เมษายน ๒๕๕๘
และความสะอาด)
เรื่อง ขออนุเคราะห์เจ้าหน้าที่พ่นยาปราบยุง
เรียน ประธานสภาเขตจอมทอง ขยายความเข้าใจ Expand
ดิฉัน นางแดง รวยรื่น ประธานชุมชนหมู่บ้านป้าแดง ถนนพระราม ๒ ซอย ๒๔
มีความประสงค์จะเรียนให้ทราบว่า ขณะนีป้ ระชาชนในชุมชนก�าลังได้รบั ความเดือดร้อน เนือ่ งจาก 1. นักเรียนใชความรู ความเขาใจเกี่ยวกับ
มียุงลายชุกชุมจนเป็นเหตุให้สมาชิกในชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ ถูกยุงลายกัดและป่วย โครงสรางและลักษณะการใชถอยคํา
เป็นไข้เลือดออกจ�านวนมาก ดิฉันเกรงว่าจะเป็นสาเหตุท�าให้โรคไข้เลือดออกระบาดมากขึ้น เพื่อการเขียนสื่อสารในรูปแบบจดหมาย
จึงขอความอนุเคราะห์จากท่านประธานสภาเขตจอมทอง กรุณาช่วยประสานงาน เขียนจดหมายกิจธุระขอความอนุเคราะห
เจ้าหน้าที่ให้มาด�าเนินการพ่นยาปราบยุงและก�าจัดแหล่งน�้าขัง พร้อมทั้งให้ค�าแนะน�าวิธีป้องกัน เขาชมพิพิธภัณฑสถานแหงชาติประจําจังหวัด
และแก้ไขปัญหาแก่สมาชิกในชุมชนอย่างเร่งด่วน จึงเรียนมาเพื่อขอความอนุเคราะห์และ หรือศูนยการเรียนรูชุมชน โดยเขียนในนาม
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ ของประธานชมรมอนุรกั ษมรดกวัฒนธรรมไทย
2 พรอมแนบซองจดหมายที่จาหนาซอง
ขอแสดงความนับถือ
เรียบรอยแลว แตไมตองผนึกซอง
แดง รวยรื่น 2. นักเรียนรวมกันกําหนดเกณฑเพื่อใชประเมิน
(นางแดง รวยรื่น) การเขียนจดหมายกิจธุระ
ประธานชุมชนหมู่บ้านป้าแดง (แนวตอบ เกณฑควรครอบคลุม ดังตอไปนี้
ชุมชนหมู่บ้านป้าแดง • มีโครงสรางครบถวนทั้ง 3 สวน ไดแก
โทร. ๐-๒๘๒๑-๒๑๘๑ สวนหัว สวนเนื้อหา และสวนทาย
• ใชถอยคํา สอดคลองกับเนื้อหาสาระ
จดหมายฉบับนี ้ เป็นจดหมายจากประธานชุมชนฯ ถึงประธานสภาเขต เพือ่ ขอความอนุเคราะห์
ระบุจุดประสงคและขอความสําคัญครบถวน
ให้ช่วยประสานงานติดต่อเจ้าหน้าที่มาด�าเนินการพ่นยาปราบยุงลายและก�าจัดแหล่งน�้าขัง จึงต้องใช้
• ลายมือสะอาด เรียบรอย การเขียนสะกดคํา
ภาษาให้กระชับ เพื่อบอกวัตถุประสงค์ของจดหมายให้ชัดเจน
การเวนวรรคตอน
63 • การเลือกใชกระดาษ ซอง สีของหมึก
การจาหนาซอง และมารยาทในการเขียน)
ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับการใชคําขึ้นตนเนื้อความ คําลงทายเนื้อความ นักเรียนควรรู
และคําลงทายในจดหมายราชการ
1 การเขียนจดหมายขอความอนุเคราะห ใหบรรลุจุดประสงค นอกจากผูเขียน
จงเลือก “(3) คําขึ้นตนเนื้อความ” “(4) คําลงทายเนื้อความ”
“(5) คําลงทาย” ของจดหมายราชการที่หนวยงานราชการเขียนถึงหนวยงาน จะแสดงความชื่นชมในหนวยงานแลว ควรแจงใหทราบวา ผูเขียนทํากิจกรรมอะไร
ราชการ เรื่อง ขอใหประชาสัมพันธใหนักเรียนตรวจสอบสนามสอบ มีประโยชนอยางไร เพื่อทําใหผูใหการสนับสนุนเกิดความรูสึกตองการที่จะใหความ
รวมมือ ในกรณีที่ขอความอนุเคราะหดานสิ่งของ ผูเขียนควรใหขอมูลของสิ่งที่ตองการ
(3) คําขึ้นตนเนื้อความ (4) คําลงทายเนื้อความ (5) คําลงทาย จํานวน การรับ-สง สิ่งของที่ไดรับจะนําไปใชประโยชนอยางไร สวนในกรณีที่ขอ
สวัสดี จึงเรียนมาเพื่อทราบ ดวยความเคารพอยางสูง ความอนุเคราะหเรื่องงบประมาณ ผูเขียนควรระบุจํานวนงบประมาณที่ตองการ
ตามที่ จึงเรียนมาเพือ่ โปรดพิจารณา ดวยรักและเคารพ การจัดสรรนําไปใชในสวนใด อยางไร หากผูเขียนตองการที่จะตอบแทนผูสนับสนุน
อนุสนธิ จึงเรียนมาเพื่อขอ ขอแสดงความนับถือ ดวยการประชาสัมพันธหนวยงานหรือองคกร ผูเ ขียนควรแจงใหผสู นับสนุนทราบวา
เนื่องจาก จึงนมัสการมาเพื่อ ขอใหเจริญในธรรม จะประชาสัมพันธในลักษณะใด
ไมตองใชคําขึ้นตน ไมตองใชคําลงทาย สวัสดี 2 ขอแสดงความนับถือ เปนคําลงทายจดหมาย ซึ่งตองใชใหถูกตองตามฐานะ
วิเคราะหคําตอบ จดหมายฉบับนี้เปนจดหมายที่ติดตอถึงกันฉบับแรก ของผูรับหนังสือ หากเปนบุคคลธรรมดาติดตอกัน ใหใช “ขอแสดงความนับถือ”
จึงควรใชคําขึ้นตนเนื้อความวา “เนื่องจาก” วัตถุประสงคของจดหมาย แตถาผูรับเปนประธานองคมนตรี นายกรัฐมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานสภาผูแทน
ตองการใหโรงเรียนดําเนินการตอ จึงควรใชคําลงทายเนื้อความวา “จึงเรียน ราษฎร ประธานวุฒิสภา และประธานศาลฎีกา ใหใช “ขอแสดงความนับถืออยางยิ่ง”
มาเพื่อโปรดพิจารณา” และคําลงทายจดหมายคือ “ขอแสดงความนับถือ”
คู่มือครู 63
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Elaborate Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอน โดยเริ่มจาก
การแบงนักเรียนออกเปนกลุม กลุมละ 5 คน ๘ การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า
จากนั้นใหแตละกลุมจัดโตะหันหนาเขาหากัน 1
รายงานการศึกษาค้นคว้า หมายถึง การน�าเสนอผลงานที่ได้จากการศึกษา ค้นคว้า รวบรวม
เปนวงกลม นําตัวอยางรูปเลมรายงานการศึกษา
ส�ารวจหรือปฏิบตั เิ กีย่ วกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างละเอียด เรียบเรียงเนื้อหาโดยใช้วิธกี ารเขียนเชิงวิชาการ
คนควาใหนักเรียนศึกษาพิจารณากลุมละ 1-3 เลม
น�าเสนอเพื่อให้ผู้อื่นพิจารณาหรือรับทราบ
การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า เป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ผู้เขียนจะต้องใช้ความสามารถ
ส�ารวจค้นหา Explore ในการเรียบเรียงเนื้อหาจากข้อมูลให้สัมพันธ์กันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจถูกต้องชัดเจน
นักเรียนแตละกลุมศึกษาพิจารณารูปเลม ผู้เขียนจึงต้องมีความรู้เกี่ยวกับขั้นตอนในการเขียนรายงานเป็นอย่างดี
รายงาน รวมกันตั้งขอคําถามและหาคําตอบดวย ๘.๑ ความส�าคัญของการเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า
ตนเอง เพื่อเปนการเตรียมขอมูลสําหรับกิจกรรม การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้ามีความส�าคัญ ดังนี้
ตอไป ซึ่งคําถามที่นักเรียนรวมกันคิดและหาคําตอบ ๑) สามารถค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง เป็นการฝึกให้รู้หลักการสืบค้นข้อมูลจาก
ไวในเบื้องตน อาจมีลักษณะ ดังนี้ แหล่งข้อมูลต่างๆ แล้วน�ามาวิเคราะห์ความน่าเชื่อถือก่อนจะน�าข้อมูลไปใช้
• รายงานการศึกษาคนความีความสําคัญอยางไร ๒) สามารถรวบรวมความรู้ได้อย่างเป็นระบบ ตามหัวข้อเรื่องที่ตนเองสนใจศึกษา
• รายงานการศึกษาคนควาเลมนี้ ๓) สามารถแสดงความรู้ด้วยการใช้ภาษาที่เป็นแบบแผน การเขียนรายงานการศึกษา
มีองคประกอบใดบาง ค้นคว้า จะต้องใช้ภาษาที่เป็นทางการเพื่อความน่าเชื่อถือและน�าไปอ้างอิงได้
• กวาจะไดรายงานการศึกษาคนควาเลมนี้มา ๔) ใช้กระบวนการคิดอย่างมีระบบ เรียงล�าดับอย่างเหมาะสม
ผูจัดทําตองเริ่มจากขั้นตอนใด ๕) เรียบเรียงเนือ้ หาโดยใช้วธิ กี ารเขียนเชิงวิชาการ การล�าดับเนือ้ หา การอ้างอิงแหล่งทีม่ า
ขอคําถามของนักเรียนอาจมีประเด็นมากกวา อย่างเป็นระบบ
ที่ยกตัวอยาง
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการเขียนรายงาน
การศึกษาคนควา โดยใชความรู ความเขาใจทีไ่ ดรบั
จากการรวมกันคนหาคําตอบในกระบวนการสํารวจ
คนหา เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม
• การทํารายงานการศึกษาคนควาเกิดประโยชน
ตอชีวิตประจําวันของนักเรียนอยางไร
(แนวตอบ ชวยทําใหผูทํารายงานไดฝกทักษะ
ที่จําเปนตอการดําเนินชีวิตประจําวัน เชน ▲ การเก็บรวบรวมข้อมูลด้วยวิธีการต่างๆ นับเป็นขั้นตอนที่มีความส�าคัญต่อการเขียนรายงานเชิงวิชาการ
ทักษะการสรางสรรค การวิเคราะห การเก็บ
รวบรวม แยกแยะ จัดหมวดหมูขอมูล 64
ฝกวิจารณญาณในการเลือกใชขอมูล)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดเปนสิ่งสําคัญที่สุดสําหรับการเขียนรายงานการศึกษาคนควา
1 รายงานการศึกษาคนควา มีความแตกตางจากการปฏิบัติโครงงานในดานตางๆ
1. ผูเขียนตองเขาใจวัตถุประสงคของรายงาน
ดังตาราง
2. ผูเขียนตองสอบถามอาจารยใหแนใจกอนลงมือเรียบเรียง
หัวขอ ผูจัดทําสนใจหรือครูเปนผูกําหนดให 3. ผูเขียนตองคนควาขอมูลกอนกําหนดจุดประสงคในการทํา
เกิดจากปญหา ความสงสัย การตั้งคําถามของผูจัดทํา 4. ผูเขียนควรลงมือเขียนดวยความเขาใจ แลวจึงแบงเนื้อหาเปนบทๆ
ทักษะที่ เนนกระบวนการรวบรวม วิเคราะห สังเคราะหขอมูล แลวนํามา วิเคราะหคําตอบ การเขียนรายงานการศึกษาคนควาผูเขียนจะตองเลือก
ใชปฏิบัติ เรียบเรียงตามความเขาใจ โดยใชสํานวนภาษาของผูจัดทํา เรื่อง กําหนดวัตถุประสงคและขอบเขตของการทํารายงาน วางโครงเรื่อง
ใชกระบวนการทางวิทยาศาสตรในการดําเนินงานตั้งแตตนจนจบ รวบรวม วิเคราะห จัดหมวดหมูขอมูล สังเคราะห แลวนํามาเรียบเรียง
เปาหมาย ไดขอสรุปเปนรูปเลมรายงาน ผูจัดทํามีความเขาใจในหัวขอนั้น ตามความเขาใจ โดยใชสํานวนภาษาของตนเอง จากตัวเลือกที่กําหนดให
มีแนวทางที่ถูกตองเพียงประการเดียวและนับเปนสิ่งสําคัญที่สุดสําหรับ
ไดคําตอบสําหรับคําถามที่ตั้งไว หรือมีชิ้นงานที่นําไปตอยอดได
การเขียนรายงานการศึกษาคนควา คือ ผูเขียนตองเขาใจวัตถุประสงคของ
หมายเหตุ: บรรทัดบนเปนลักษณะของรายงาน สวนบรรทัดลางเปนโครงงาน รายงานที่ตนเองจะจัดทํากอน ดังนั้นจึงตอบขอ 1.
64 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
๘.๒ ขัน้ ตอนการเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้า อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการเขียน
รายงานการศึกษาคนควาผานขอคําถามของครู
การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้ามีขั้นตอนการเขียน ดังนี้
• โครงงานแตกตางจากรายงานการศึกษา
๑) ก�าหนดเรือ่ งและขอบเขตของเนือ้ หา โดยอาจเป็นเรือ่ งทีถ่ กู ก�าหนดหัวข้อหรือก�าหนด คนควาอยางไร
หัวข้อเอง ซึ่งการก�าหนดหัวข้อเอง ควรค�านึงถึงสิ่งต่อไปนี้ (แนวตอบ รายงานการศึกษาคนควา คือ
๑. เป็นเรื่องที่น่าสนใจ มีแหล่งข้อมูลเพียงพอที่จะศึกษาค้นคว้า การศึกษาเรื่องหรือประเด็นที่เลือกจาก
๒. เป็นเรื่องที่ผู้เขียนสนใจและมีความถนัด เหมาะสมกับเวลาและความสามารถ ความสนใจหรือไดรับมอบหมาย โดยใช
๒) ก�าหนดจุดมุ่งหมาย เมื่อได้หัวข้อผู้เขียนควรก�าหนดจุดมุ่งหมายของการท�ารายงานว่า วิธีการเก็บรวบรวม สังเคราะหขอมูล แลวนํา
จะศึกษาค้นคว้าหัวข้อนั้นในด้านใด อย่างไร เพื่อตอบค�าถามใด คาดหวังจะได้รับความรู้ใด มาเรียบเรียงดวยความเขาใจและสํานวน
๓) เขียนโครงเรือ่ ง โดยใช้เป็นกรอบเพือ่ เป็นแนวทางในการเขียนรายงาน ก�าหนดหัวข้อหลัก ภาษาของตนเอง สวนโครงงานเปนกิจกรรม
หัวข้อย่อย ตามล�าดับ โดยเขียนให้สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายของรายงาน ซึ่งเปดโอกาสใหผูจัดทําไดศึกษาคนควา
๔) ส�ารวจแหล่งข้อมูล โดยแบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ ลงมือปฏิบัติดวยตนเอง โดยใชกระบวนการ
๑. ข้อมูลที่เป็นลายลักษณ์อักษร ได้แก่ เอกสารหรือหลักฐานต่างๆ เช่น หนังสือ วารสาร ทางวิทยาศาสตร)
นิตยสาร จดหมายเหตุ วิทยานิพนธ์ บทความ เป็นต้น • หากกลุมของนักเรียนไดรับมอบหมายใหทํา
๒. ข้อมูลภาคสนาม ได้แก่ ข้อมูลที่รวบรวมขึ้นจากการส�ารวจ การใช้แบบสอบถาม รายงานการศึกษาคนควาจะมีลําดับขั้น
การสัมภาษณ์ การสังเกต เป็นต้น ในการทํารายงานครั้งนี้อยางไร
๕) รวบรวมข้ อ มู ล โดยเก็ บ รวบรวมข้ อ มู ล อย่ า งเป็ น ระเบี ย บและแยกเป็ น กลุ ่ ม เพื่ อ (แนวตอบ ควรปฏิบัติเปนลําดับขั้น ดังตอไปนี้
ความสะดวกในการวิเคราะห์ ควรจัดท�าบัตรบันทึกข้อมูลที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับหัวข้อเรื่องที่บันทึก • ปรึกษาและลงมติเพื่อเลือกเรื่อง
1 • กําหนดวัตถุประสงคของรายงาน
แหล่งที่มาของข้อมูล แหล่งค้นคว้า และการสรุปใจความส�าคัญของเรื่อง การท�าบัตรบันทึกข้อมูลควร
บันทึกข้อมูล ๑ หัวข้อต่อบัตรบันทึกข้อมูล ๑ แผ่น • สํารวจแหลงขอมูลเบื้องตน
• เขียนโครงเรือ่ งเพือ่ กําหนดเนือ้ หา ขอบเขต
๖) วิ เ คราะห์ ข ้ อ มู ล โดยควรท� า ความเข้ า ใจ ตี ค วามข้ อ มู ล ที่ ศึ ก ษา หากข้ อ มู ล เป็ น
ของรายงาน
การแสดงความคิดเห็น ผู้เขียนรายงานต้องอภิปรายว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ถ้าเป็นข้อมูลภาคสนาม
• รวบรวม วิเคราะห จัดหมวดหมูขอมูล
อาจใช้วิธีการทางสถิติร่วมด้วย 2
• เรียบเรียงขอมูลตามโครงเรื่อง โดยใช
๗) เรียบเรียงเนื้อหา หา โดยผู้เขียนจะต้องเรียบเรียงรายงานตามส่วนประกอบของรายงาน ความเขาใจและสํานวนภาษาของตนเอง
คือ ส่วนประกอบตอนหน้า ส่วนเนื้อหา และส่วนประกอบตอนท้าย โดยเฉพาะส่วนเนื้อหาผู้เขียน • อานทบทวนเนื้อหา หากพบขอบกพรอง
ต้องน�าข้อมูลที่จัดระเบียบ วิเคราะห์ และตีความแล้วมาเรียบเรียงจากความเข้าใจโดยใช้ภาษาทางการ ควรแกไข และเขียนบรรณานุกรม
๘) อ่านทบทวน โดยผู้เขียนควรปรับปรุง แก้ไขส�านวนภาษาเพื่อให้รายงานมีความสมบูรณ์ • นําสวนเนื้อหาที่เรียบเรียงแลว รวบรวม
๙) เขียนส่วนประกอบอื่นของรายงาน เช่น บรรณานุกรม สารบัญ หน้าปก จัดท�าเป็น เขากับสวนประกอบอื่นๆ ของรายงาน
รูปเล่ม เพื่อน�าเสนอ ใหไดเปนรูปเลมรายงานที่มีความครบถวน
สมบูรณ)
65
บูรณาการเชื่อมสาระ
การรวบรวมขอมูลเปนหนึ่งในขั้นตอนการเขียนรายงานการศึกษาคนควา นักเรียนควรรู
สามารถบูรณาการไดกับเรื่องการยอความ ในกลุมสาระการเรียนรูภาษาไทย
1 บัตรบันทึกขอมูล วิธีการบันทึกขอมูลลงบนบัตรบันทึกขอมูล ผูบันทึกจะตอง
วิชาหลักภาษาและการใชภาษา โดยใหนักเรียนใชทักษะการยอความ
ระบุหัวเรื่อง แหลงที่มาของเรื่อง เนื้อเรื่อง แหลงคนควาใหละเอียด ครบถวน ชัดเจน
อานตําราวิชาการเกี่ยวกับการเขียนรายงานการศึกษาคนควา จํานวน 15 เลม
แลวจึงจัดเก็บเรียงตามลําดับตัวอักษรของหัวเรื่อง หรือชื่อผูแตง ดังตัวอยาง
แลวบันทึกสาระสําคัญลงบนบัตรบันทึกขอมูลทีจ่ ดั ทําขึน้ เองจากกระดาษ
100 ปอนด หรือกระดาษที่มีความแข็งเทากับปกสมุด โดยตัดใหมีขนาด 3 คูณ การเขียน
5 นิ้ว, 4 คูณ 6 นิ้ว หรือ 5 คูณ 7 นิ้ว รวบรวมสงครู กองเทพ เคลือบพณิชกุล. การเขียนเชิงปฏิบัติการ. กรุงเทพฯ: โอเดียน
ผลที่ไดรับจากการปฏิบัติกิจกรรมบูรณาการจะทําใหนักเรียนไดฝกทักษะ สโตร, 2544, หนา 48.
แบบเชื่อมโยง โดยนําแนวทางการยอความมาใชใหเกิดประโยชนตอชีวิต การเขียน คือ ทักษะการใชภาษาที่แสดงออกเพื่อถายทอดความรูสึก ความคิด
ประจําวัน นอกจากนี้ขอมูลที่นักเรียนบันทึกไว ยังเปนประโยชนเมื่อตองจัดทํา ความรู ประสบการณ จินตนาการ เปนลายลักษณอักษรสูผูอาน
รายงานการศึกษาคนควา หอสมุดแหงชาติ
คู่มือครู 65
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
ครูสุมเรียกชื่อนักเรียน เพื่ออธิบายความรูของ
ตนเองผานขอคําถามของครู ๘.๓ ส่วนประกอบของรายงาน
• โครงเรื่องมีความสําคัญตอการจัดทํารายงาน
ส่วนประกอบของรายงาน สามารถแบ่งได้ ๓ ส่วน ดังนี้
การศึกษาคนควาอยางไร
๑) ส่วนประกอบตอนหน้า ได้แก่
(แนวตอบ โครงเรื่อง คือ กรอบที่ผูทํารายงาน
๑. ปกนอก ประกอบด้วย ชื่อเรื่อง ชื่อผู้เขียนรายงาน ชื่อครูผู้สอน ชื่อวิชา ชื่อสถาบัน
เขียนขึ้น เพื่อกําหนดเนื้อหาสวนตางๆ
ภาคการศึกษา ปีการศึกษา
ใชเปนแนวทางสําหรับการเขียนเรียบเรียง
๒. ใบรองปก เป็นกระดาษเปล่า ๑ แผ่น ที่คั่นอยู่ระหว่างปกนอกและปกใน
เนือ้ หาสาระ โดยลําดับความสําคัญของเนือ้ หา
๓. ปกใน เป็นกระดาษสีขาวธรรมดา เขียนรายละเอียดเหมือนปกนอก
เปนหัวขอใหญ หัวขอรอง และหัวขอยอย
๔. ค�าน�า กล่าวถึงเนื้อหาโดยสรุปของรายงาน เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจภาพรวมของรายงาน
ทําใหมองเห็นภาพรวมของเนื้อหา พิจารณา
ในเบื้องต้น เช่น บอกจุดมุ่งหมายในการศึกษาค้นคว้า ความส�าคัญ ขอบเขต ประโยชน์ของรายงาน
ไดวายังขาดเนื้อหาในสวนใด ปรับปรุงให
ตลอดจนกล่าวขอบคุณผู้ให้ความช่วยเหลือจนกระทั่งรายงานเสร็จสมบูรณ์
ครอบคลุมกับวัตถุประสงคและขอบเขตของ
๕. สารบัญ เป็นการเรียงล�าดับหัวข้อของเนื้อเรื่องในรายงานโดยบอกเลขหน้าก�ากับ
รายงาน)
เพื่อสะดวกในการค้นหา 1
๒) ส่วนเนื้อหา
หา ได้แก่
ขยายความเข้าใจ Expand ๑. บทน�า กล่าวถึง หัวข้อของรายงาน หลักการ เหตุผล สภาพปัญหา หรือความส�าคัญ
1. นักเรียนเขากลุมเดิมอีกครั้ง รวมกันจัดทํา ของเรื่องที่ศึกษาค้นคว้า
รายงานการศึกษาคนควาในหัวขอที่กลุมสนใจ ๒. เนือ้ หาสาระ ส่วนทีส่ า� คัญทีส่ ดุ ของรายงาน เพราะเป็นความรูท้ ไี่ ด้จากการศึกษาค้นคว้า
ใชเวลาสําหรับการจัดทํา 1 สัปดาห นําเสนอ ถ้าเป็นรายงานที่มีขนาดยาวอาจแบ่งเนื้อหาเป็นบทย่อยๆ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย
เปนรูปเลมรายงานที่ถูกตอง สมบูรณ พรอมสง ๓. บทสรุป เป็นการสรุปผลการศึกษาค้นคว้า อาจมีการอภิปรายเพิม่ เติมหรือข้อเสนอแนะ
บัตรบันทึกขอมูลทีร่ ว มกันสืบคนขณะทํารายงาน ในการศึกษาเรื่องนั้นๆ ต่อไป
2. นักเรียนรวมกันกําหนดเกณฑเพื่อใชประเมิน ๓) ส่วนท้าย ได้แก่
รูปเลมของรายงานที่รวมกันจัดทํา ๑. บรรณานุกรม หมายถึง รายชื่อหนังสือ เอกสารอ้างอิงที่น�ามาใช้เป็นข้อมูลในการเขียน
(แนวตอบ เกณฑควรครอบคลุม ดังตอไปนี้ รายงานทางวิชาการ การเขียนบรรณานุกรมจะต้องจัดล�าดับของหนังสือหรือเอกสาร โดยเรียงล�าดับ
• ความสมบูรณ ถูกตองขององคประกอบ ชื่อผู้แต่งตามล�าดับอักษรในพจนานุกรม ชื่อผู้แต่งภาษาไทยล�าดับก่อนชื่อผู้แต่งชาวต่างประเทศ เช่น
• หัวขอรายงานมีความนาสนใจ เรียบเรียง ราชบัณฑิตยสถาน. (๒๕๕๐). พจนานุกรมศัพท์วรรณกรรมไทย. กรุงเทพมหานคร: ยูเนียน
เนื้อหาไดสอดคลองกับโครงเรื่องที่วางไว อุลตร้าไวโอเล็ต.
• ใชภาษาเรียบเรียงไดเหมาะสม เขาใจงาย Dr. Ou. (1998). โรคเอดส์ (AIDS). [ออนไลน์]. เข้าถึงได้จาก: http: //www.thaiclinic.
ชัดเจน สื่อความรู ความคิด ความเขาใจ com/hiv.html. (วันที่สืบค้นข้อมูล: ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๑).
• อางอิงแหลงขอมูลไดถูกตองในรูปแบบ ๒. ภาคผนวก หมายถึง เนื้อหาหรือข้อมูลเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อเรื่อง ซึ่งผู้เขียน
เชิงอรรถและบรรณานุกรม คิดว่ามีประโยชน์ต่อผู้อ่าน ซึ่งส่วนประกอบส่วนนี้จะมีหรือไม่มีก็ได้
• มารยาทในการทํารายงาน เชน การเลือก
ใชปก รูปแบบ ขนาดตัวอักษร) 66
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดเปนหลักการใชภาษาเพื่อเขียนสื่อสารในรูปแบบรายงานการศึกษา
1 สวนเนื้อหา รายงานการศึกษาคนควาเลมหนึ่งๆ จะมีคุณภาพ สื่อความรู
คนควา
ความคิดที่เปนประโยชนแกผูอานหรือไมนั้น สําคัญที่การวางโครงเรื่อง ซึ่งเปน
1. ผูเขียนสามารถเขียนอยางไรก็ได เพราะเปนรายงานของตนเอง
กรอบที่ผูเขียนรายงานวางไวเพื่อกําหนดสวนตางๆ ของเนื้อหา และใชเปนแนวทาง
2. ผูเขียนควรใชศัพททางวิชาการ เพื่อเพิ่มคุณคาใหแกรายงานของตนเอง
ประเทศไทยกับประชาคมอาเซียน การเรียบเรียงเนื้อหาสาระ วิธีการวาง 3. ผูเขียนควรเขียนดวยสํานวนภาษาที่มีความไพเราะ งดงาม สละสลวย
1. ความรูเบื้องตนเกี่ยวกับประชาคม โครงเรื่องจะเริ่มกําหนดเนื้อหาเปนหัวขอ
อาเซียน 4. ผูเขียนควรเขียนใหชัดเจนดวยสํานวนภาษาของตนเอง ผูอื่นอาน
1.1 สภาพภูมิศาสตรของอาเซียน ใหญ หัวขอรอง และหัวขอยอยไวตาม แลวเขาใจ
1.2 ประเทศสมาชิกอาเซียน ลําดับความสําคัญ โครงเรื่องที่ดีตอง
1.3 อัตลักษณอาเซียน
2. พัฒนาการอาเซียน มีความสอดคลองกับวัตถุประสงคและ วิเคราะหคําตอบ การเขียนรายงานการศึกษาคนควาที่ดี ควรใชถอยคํา
2.1 ความเปนมาของอาเซียน ขอบเขตของรายงาน เชน ถาจะทํา สํานวนโวหารในระดับทางการหรือกึ่งทางการ ตรงไปตรงมา ผูอื่นอานแลว
2.2 ประชาคมอาเซียน
3. ประเทศไทยกับประชาคมอาเซียน รายงานเกี่ยวกับประเทศสมาชิกอาเซียน เขาใจไดงาย ใชคําไดถูกตองตามหนาที่ ใชคําศัพททางวิชาการไดเหมาะสม
3.1 การเตรียมตัวเขาสูประชาคม การเตรียมตัวเขาเปนสมาชิกอาเซียน ไมควรมากจนเกินไป ใชประโยคที่กระชับ ถูกตองตามหลักไวยากรณ
อาเซียนของไทย
3.2 ประโยชนของไทยกับการเขาสู ประโยชนที่ไดรับ โดยกําหนดขอบเขตวา เปนสํานวนภาษาของตนเอง จากตัวเลือกที่กําหนดขอที่มีความถูกตองที่สุด
ประชาคมอาเซียน จะศึกษาเฉพาะประเทศไทย จะทําให ผูเขียนรายงานควรเขียนใหชัดเจน อานเขาใจงาย และเปนสํานวนของตนเอง
3.3 บทบาทของไทยในอาเซียน
สามารถวางโครงเรื่องไดดังภาพซายมือ ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
66 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอน โดยเริ่ม
๓. อภิธานศัพท์ หมายถึง การอธิบายค�าศัพท์เฉพาะเรื่อง ซึ่งเป็นค�าศัพท์ยากที่ได้กล่าวไว้ จากการใหคํานิยามของ “โครงงาน” จากนั้นให
นักเรียนยกตัวอยางโครงงานวิชาตางๆ ที่เคย
ในเนื้อหาของรายงาน เพื่อช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งส่วนประกอบส่วนนี้จะมีหรือไม่มีก็ได้
ปฏิบัติ
๔. ดัชนี หมายถึง บัญชีคา� ทีจ่ ดั เรียงตามล�าดับตัวอักษรเฉพาะค�าส�าคัญทีก่ ล่าวไว้ในรายงาน
และมีเลขหน้าของค�าเหล่านั้นปรากฏในรายงานเพื่อให้สะดวกต่อการค้นคว้า ซึ่งส่วนประกอบส่วนนี้
จะมีหรือไม่มีก็ได้
ส�ารวจค้นหา Explore
แบงนักเรียนออกเปนกลุม กลุมละ 5 คน
๙ การเขียนรายงานโครงงาน ตามความสมัครใจ หรืออาจใชกลุม เดิมทีศ่ กึ ษา
โครงงาน หมายถึง งานทีผ่ สู้ อนมอบหมายให้ผเู้ รียนศึกษาหาความรูด้ ว้ ยตนเองตามความสนใจ ในหัวขอรายงานการศึกษาคนควา แตละกลุม
และความถนัด โดยการแสวงหาความรู้อย่างเป็นระบบ ระบุปัญหา ตั้งสมมติฐาน วางแผนการศึกษา จัดโตะหันหนาเขากัน รวมสนทนาเพื่อหาคําตอบ
ค้นคว้า รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ สรุปผลการศึกษาค้นคว้า แล้วน�าเสนอผลงานต่อครูผู้สอน ในประเด็น “การปฏิบัติโครงงานและการเขียน
ส่วนการเขียนรายงานโครงงาน หมายถึง รายงานการท�างานตามโครงงาน ผู้เขียนควรมี รายงานโครงงาน”
ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับองค์ประกอบและขั้นตอนการเขียนรายงานเป็นอย่างดี จึงจะสามารถ
เขียนได้ถกู ต้องและชัดเจน การเขียนรายงานโครงงานจึงมีลกั ษณะคล้ายกับการเขียนรายงานการศึกษา อธิบายความรู้ Explain
ค้นคว้า นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
ส่วนประกอบของการเขียนรายงานโครงงาน แบ่งได้ ๓ ส่วน ดังนี้ อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการเขียน
๑) ส่วนหน้า ประกอบด้วย ปกนอก ใบรองปก ปกใน บทคัดย่อ กิตติกรรมประกาศ ค�าน�า รายงานโครงงาน โดยใชความรู ความเขาใจ
และสารบัญ ที่ไดรับจากการสนทนาภายในกลุมของตนเอง
๒) ส่วนเนื้อหา แบ่งเป็น ๕ บท ดังนี้ เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม
บทที่ ๑ บทน�า กล่าวถึงหลักการ เหตุผล สภาพปัญหา เป้าหมาย และจุดประสงค์ของ • การเขียนรายงานโครงงานมีลักษณะสําคัญ
การท�าโครงงาน ก�าหนดขอบข่ายการด�าเนินงาน ระยะเวลา สถานที่ และสมมติฐาน อยางไร
บทที่ ๒ การส�ารวจแหล่งข้อมูลที่ใช้ในการท�าโครงงาน แบ่งเป็น ๒ ประเภท คือ (แนวตอบ การเขียนรายงานโครงงานเปน
๑. ข้อมูลจากเอกสารหรือหลักฐานต่างๆ ที่บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เช่น วิธีหนึ่งในการนําเสนอโครงงาน ที่คณะ
หนังสือ บทความ วารสาร นิตยสาร จดหมายเหตุ จารึก วิทยานิพนธ์ และรายงาน เป็นต้น ผูจัดทําไดลงมือปฏิบัติตั้งแตตนจนจบ
๒. ข้อมูลภาคสนาม เป็นข้อมูลที่ผู้เขียนรายงานได้รวบรวมขึ้นจากการส�ารวจ ภายในระยะเวลาที่กําหนด ดังนั้น การเขียน
การสังเกต การสัมภาษณ์ แบบทดสอบ และการทดลอง รายงานโครงงานจึงเกิดขึ้นหลังจากการ
บทที่ ๓ ขั้นตอนการท�างาน วิธีการด�าเนินงาน แนวทางแก้ไขเพื่อให้ได้ค�าตอบในสิ่งที่ ลงมือปฏิบัติโครงงานแลว)
ผู ้ เรี ย นตั้ ง ประเด็ น ไว้ เริ่ ม ตั้ ง แต่ ก ารก� า หนดเรื่ อ ง ขอบเขตของเนื้ อ หา การส� า รวจแหล่ ง ข้ อ มู ล
การรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การเรียบเรียงเนื้อหา การอ้างอิง และบรรณานุกรม
67
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดแบงระยะของการปฏิบัติโครงงานไดเหมาะสมและถูกตอง
ครูควรชี้แจงแกนักเรียนวาการเขียนรายงานการศึกษาคนควากับการเขียนรายงาน
1. ขั้นออกแบบ ขั้นลงมือ และรายงานผล ขั้นติดตามผล
โครงงานแตกตางกัน โดยการเขียนรายงานการศึกษาคนควา คือ การเขียนเรียบเรียง
2. ขั้นออกแบบและเขียนเคาโครง ขั้นลงมือ ขั้นรายงานผล
เนื้อหาสาระที่ไดจากการศึกษาในหัวขอหนึ่งๆ ที่เลือกเอง หรือครูเปนผูกําหนดให
3. ขั้นออกแบบ ขั้นเขียนเคาโครง ขั้นลงมือ ขั้นแกปญหา ขั้นรายงานผล
สวนการเขียนรายงานโครงงานเปนกระบวนการหนึ่งของการนําเสนอโครงงานซึ่งได
4. ขั้นออกแบบ ขั้นเขียนเคาโครง ขั้นลงมือ และแกปญหา ขั้นรายงานผล
กระทําจนแลวเสร็จตามระยะเวลาที่กําหนด ความแตกตางที่ปรากฏนั้นอยูในสวน
วิเคราะหคําตอบ ขั้นตอนการปฏิบัติโครงงานมีทั้งสิ้น 3 ระยะ ไดแก ของเนื้อหา ครูอาจยกตัวอยางหนาสารบัญของรายงานการศึกษาคนควาใหนกั เรียนดู
ขั้นออกแบบและเขียนเคาโครง สมาชิกภายในกลุมจะตองชวยกันออกแบบ 2-3 ตัวอยาง เปรียบเทียบกับหนาสารบัญของรายงานโครงงาน 2-3 ตัวอยาง เชนกัน
โครงงาน แลวเขียนเคาโครงของโครงงานเพื่อนําเสนอ ขอความเห็นจาก ความแตกตางที่สังเกตได คือ แตละบทซึ่งถูกบรรจุอยูในรายงานการศึกษาคนควา
อาจารยที่ปรึกษาโครงงาน ระยะที่ 2 ขั้นลงมือปฏิบัติ เมื่อเคาโครงที่นําเสนอ เลมหนึ่งๆ จะไมมีรูปแบบตายตัวขึ้นอยูกับวาผูจัดทํารายงานเลือกศึกษาในประเด็นใด
ไดรับความเห็นชอบ ผูรับผิดชอบนําไปปฏิบัติตามขั้นตอนที่วางไวตามระยะ สวนบทซึ่งถูกบรรจุในรายงานโครงงานจะมีทั้งสิ้น 5 บท ไดแก บทที่ 1 บทนํา
เวลาที่กําหนด และระยะที่ 3 คือ รายงานผลการปฏิบัติโครงงาน บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวของ บทที่ 3 วิธีการดําเนินโครงงาน บทที่ 4 ผลการศึกษาของ
ดังนั้นจึงตอบขอ 2. โครงงาน บทที่ 5 สรุปผลการศึกษาและขอเสนอแนะ
คู่มือครู 67
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
ครูสมุ เรียกชือ่ นักเรียนเพือ่ อธิบายความรูเ กีย่ วกับ
ขั้นตอนการปฏิบัติโครงงานและการเขียนรายงาน บทที่ ๔ การวิเคราะห์จัดเก็บข้อมูล ท�าความเข้าใจ และตีความข้อมูลที่ได้ศึกษา ถ้าข้อมูล
โครงงาน ผานขอคําถามของครู ที่เป็นความคิดเห็น ผู้เขียนต้อ1งอภิปรายว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นนั้น พร้อมเหตุผล
• หากกลุมของนักเรียนไดรับมอบใหปฏิบัติ ถ้าเป็นข้อมูลภาคสนามผูเ้ ขียนรายงานควรใช้วธิ กี ารทางสถิตเิ ข้ามาช่วยย ไม่ควรน�าข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
โครงงาน และเขียนรายงานโครงงานจะมี มาเรียงต่อกัน การเรียบเรียงเนือ้ หารายงานควรเรียงล�าดับตามส่วนประกอบของรายงาน คือ ส่วนประกอบ
ขั้นตอนการปฏิบัติอยางไร ส่วนหน้า ส่วนเนื้อหา และส่วนท้าย ต้องน�าข้อมูลที่จัดระเบียบ วิเคราะห์ และตีความมาเรียบเรียง
(แนวตอบ มีขั้นตอนการปฏิบัติ ดังตอไปนี้ ตามล�าดับขั้นตอนด้วยส�านวนภาษาของตนเอง ใช้ภาษาระดับทางการ มีแบบแผน ตรงไปตรงมา
• รวมกลุมกันเพื่อเลือกหัวขอ หรือประเด็น ชัดเจน และสมบูรณ์
โครงงาน บทที่ ๕ เป็นการสรุปการด�าเนินงานด้วยถ้อยค�าภาษาที่กระชับ ได้ใจความครบถ้วน
• วางแผนดวยวิธีการเขียนโครงราง เขียนสรุปความรูท้ ไี่ ด้จากการศึกษา ปัญหา และอุปสรรคทีพ่ บระหว่างการด�าเนินงาน แนวทางการแก้ไข
หรือเคาโครงของโครงงานเพื่อนําเสนอ ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
ขอความเห็นชอบจากอาจารยที่ปรึกษา ๓) ส่วนท้ายหรือส่วนอ้างอิง ได้แก่
• เมื่อไดรับความเห็นชอบแลว จึงลงมือ ๑. บรรณานุกรม (เอกสารอ้างอิง) หมายถึง แหล่งที่มาของข้อมูล หนังสือ หรือเอกสาร
ปฏิบัติตามแผนการที่วางไว หากพบ ที่น�ามาใช้ในการเขียนรายงานโครงงาน โดยจัดล�าดับของหนังสือหรือเอกสารตามอักษรชื่อผู้แต่ง
ปญหาหรืออุปสรรคระหวางปฏิบัติ เรียงตามล�าดับอักษรในพจนานุกรม เพื่อให้ผู้อ่านสามารถตรวจทานข้อเท็จจริง หรือศึกษาเพิ่มเติมได้
ควรแจงที่ปรึกษา หาวิธีการแกไข บันทึก ๒. ภาคผนวก
ขอมูล เหตุการณ วิธีการแกไขไวอยาง - รูปภาพกิจกรรม
ละเอียดเพื่อประโยชนสําหรับการเขียน - เอกสารขออนุญาตทางราชการ
รายงานโครงงาน - แบบสอบถาม แบบทดสอบต่างๆ
• นําเสนอในรูปแบบรายงานโครงงาน)
• เคาโครงของโครงงานมีสวนประกอบใดบาง ๑๐ การเขียนวิเคราะห์วิจารณ์
(แนวตอบ ไดแก ชื่อโครงงาน ผูรับผิดชอบ การเขียนวิเคราะห์วิจารณ์ เป็นกระบวนการเขียนที่ผู้เขียนน�าเสนอสารผ่านการพิจารณา
โครงงาน ที่มาของโครงงาน จุดประสงคของ แยกแยะข้อมูล วิเคราะห์ข้อดี ข้อเสีย จุดเด่น จุดด้อย น�าไปประเมินค่า เพื่อน�าไปใช้ในชีวิตประจ�าวัน
โครงงาน ขอบเขตเนื้อหาและระยะเวลา ๑๐.๑ หลักการเขียนวิเคราะห์วจิ ารณ์
การทําโครงงาน หลักวิชาที่นํามาใชในการ การเขียนวิเคราะห์วิจารณ์มีหลักการ ดังนี้
ทําโครงงาน วิธีปฏิบัติในการทําโครงงาน ๑. ศึกษาเรื่องที่จะวิเคราะห์วิจารณ์อย่างละเอียดให้เข้าใจถ่องแท้
และผลที่คาดวาจะไดรับ) ๒. วิเคราะห์แยกแยะเนือ้ หาเป็นส่วนๆ ว่ามีลกั ษณะอย่างไร มีความสัมพันธ์กนั หรือไม่ อย่างไร
๓. วิเคราะห์ วิจารณ์เนื้อหาของเรื่องที่อ่านแล้วประเมินค่าว่ามีข้อดี ข้อเสีย จุดเด่น จุดด้อย
ขยายความเข้าใจ Expand และมีคุณค่าอย่างไร
๔. วิจารณ์ในทางสร้างสรรค์ เป็นประโยชน์ต่อตนเองและผู้อื่น
นักเรียนเขากลุมเดิมรวมกันจัดทําโครงงาน
๕. เรียบเรียงความคิดทีว่ เิ คราะห์วจิ ารณ์โดยใช้คา� ทีก่ ระชับ ชัดเจน
ภาษาไทย โดยเลือกประเด็นตามมติของกลุม
แลวดําเนินการตามขั้นตอนการปฏิบัติที่ถูกตอง 68
พรอมนําเสนอรูปเลมรายงานโครงงาน
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ขอใดกลาวถึงลักษณะสําคัญของการเขียนวิเคราะหวิจารณไดถูกตองที่สุด
การเรียนการสอนในหัวขอการเขียนแสดงความรู การเขียนวิเคราะหวิจารณ
1. เปนกระบวนการเขียนเพื่อแสดงความรูของผูเขียน
การเขียนแสดงความคิดเห็น และการเขียนโตแยง เหลานี้ลวนเปนการเขียนที่มี
2. เปนกระบวนการเขียนเพื่อทําใหผูอานเกิดอารมณความรูสึกคลอยตาม
วัตถุประสงคเฉพาะ ในกระบวนการอธิบายความรูจึงไดนํามาตั้งเปนขอคําถามรวมกัน
3. เปนกระบวนการเรียบเรียงเนื้อหาสาระที่ไดจากการศึกษาในประเด็นหนึ่งๆ
สวนกระบวนการขยายความเขาใจจะใหนักเรียนสรางสรรคงานเขียนของตนเอง
4. เปนกระบวนการเขียนเพือ่ แสดงความคิดเห็น โดยชีใ้ หเห็นทัง้ ขอดี และขอดอย
ในลักษณะองครวม สรางสรรคบทวิจารณดวยตนเอง เพราะในบทวิจารณยอมแสดง
ความรู ความคิดเห็น อาจปรากฏขอโตแยงของผูเขียนไดในขณะเดียวกัน วิเคราะหคําตอบ การเขียนวิเคราะหวิจารณ คือ การเขียนแสดงความ
คิดเห็นของผูเขียนที่มีตอสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยแจกแจงให
เห็นสวนประกอบแตละสวนวามีขอดี ขอดอยอยางไร เปนกระบวนการเขียน
นักเรียนควรรู เพื่อแสดงความคิดเห็นโดยการวิเคราะห แยกแยะขอมูล ทําใหมองเห็น
แตละสวนประกอบวามีความสัมพันธกันอยางไร นําไปสูการตัดสินประเมินคา
1 ผูเขียน ผูเขียนวิเคราะห วิจารณที่ดีตองมีความเปนกลาง ไมลําเอียงเขาขาง ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
ฝายใดฝายหนึ่ง มีอคติตองาน หรือเจาของงาน รวมทั้งควรเปนผูที่มองโลกอยาง
สรางสรรค ผูเขียนวิเคราะห วิจารณ และแสดงความคิดเห็นควรตระหนักไวเสมอวา
“ความคิดเห็นที่ดีคือความคิดที่สามารถแกปญหาได”
68 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
1. ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอน กระตุน
๑๐.๒ ตัวอย่างการเขียนวิเคราะห์วจิ ารณ์ ความสนใจดวยวิธีการแสดงใหดูเปนตัวอยาง
เริ่มจากตั้งประเด็นสนทนาเกี่ยวกับโฆษณา
สารคดีที่นÓมาเขียนวิเคราะห์วิจารณ์ ในปจจุบัน จากนั้นครูยกตัวอยางโฆษณาที่ครู
ชื่นชอบ เลาเรื่องโดยสังเขปใหนักเรียนฟง
ตลาดน�้าอัมพวา ชีวิตชีวาก�าลังจะหวนคืน บอกสาเหตุที่ครูชอบโฆษณาดังกลาว จากนั้น
เสียงเพลงลูกทุ่งแว่วหวานกังวานมาแต่ไกล ในขณะที่แสงไฟเริ่มเต้นกะพริบไปตามจังหวะ ตั้งคําถามกับนักเรียนวา
เสียงเพลง ห่างออกไปไม่ไกลนัก เรือพายล�าน้อยหากเต็มไปด้วยขนม ผลไม้จากบ้านสวนหลายล�า • พฤติกรรมที่ครูทําไปขางตน นักเรียนคิดวา
ก�าลังมุ่งหน้าใกล้เข้ามา...นานมาแล้วที่ความครึกครื้นเช่นนี้ห่างหายไปจากล�าคลองอัมพวา เปนพฤติกรรมในลักษณะใด
หลายสิบปีผ่านมาแล้วที่ตลาดน�้าอัมพวา อ�าเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ผ่านวันเวลา (แนวตอบ คําตอบของนักเรียนมีความ
อันเงียบเหงา หลังจากเส้นทางสัญจรทางน�า้ เริม่ หมดความส�าคัญและถนนหนทางเข้ามาทดแทนที ่ หลากหลาย ขึ้นอยูกับพื้นฐานความรูเดิม)
ตลาดน�้าบริเวณปากน�้าอัมพวาติดกับแม่น�้าแม่กลองแห่งนี้ ซึ่งเดิมทีเป็นจุดแลกเปลี่ยนซื้อขาย หลังคําตอบของนักเรียนครูควรชี้แนะเพิ่มเติม
สินค้าอันส�าคัญที่สุดของเมืองแม่กลองจึงค่อยๆ ซบเซาลงไป เรือหลายร้อยที่เคยลอยล�าบรรทุก วาพฤติกรรมเมื่อสักครู คือ การพูดเพื่อแสดง
ข้าวของเครื่องใช้ อาหารคาวหวาน ก็ห่างหายไปจนล�าคลองแห่งนี้เงียบเหงาตามไปด้วย ความคิดเห็น ซึ่งเปนพื้นฐานของการพูด
หากวันนี้ ภาพอดีตของล�าคลองสายนี้คล้ายก�าลังถูกปะติดปะต่อฟื้นกลับขึ้นมาอีกหน ด้วย วิเคราะหวิจารณ การแสดงความคิดเห็น
ความพยายามของชาวชุมชนอัมพวากับการสนับสนุนของเทศบาลต�าบลอัมพวา ที่ช่วยกันพัฒนา ของมนุษยสามารถกระทําได 2 ชองทาง คือ
บริเวณถนนหน้าเทศบาลให้เป็นสถานทีจ่ า� หน่ายอาหาร ขนม และผลไม้หลากหลายชนิดพร้อมๆ กับ ผานการพูดและการเขียน
ชักชวนชาวบ้านสวนจากล�าคลองอื่นละแวกใกล้เคียง ให้ลอยเรือน�าสินค้าอาหารมาจ�าหน่าย 2. ครูนําภาพนี้ใหนักเรียนดู แลวตั้งคําถาม
เพื่อน�าพาความคึกคักของตลาดน�้าในอดีตกลับคืนสู่ล�าคลองอัมพวา โดยก�าหนดให้มีสัปดาห์ละ
๓ วัน คือ ทุกวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ ช่วงเวลาบ่ายสี่โมงเย็นไปจนถึงเวลาประมาณสามทุ่ม
ทุกเย็นวันศุกร์ เสาร์ และอาทิตย์ เรือนแถวไม้เก่าแก่ริมคลองที่เคยเงียบเหงา จึงกลับมา
มีชีวิตชีวาอีกหน เมื่อคนในชุมชนช่วยกันจัดช่วยกันหาสินค้าผลิตภัณฑ์ซึ่งท�ากันในชุมชนมาวาง
จ�าหน่าย บ้างก็จดั หาเครือ่ งขยายเสียงผลัดกันร้องร�าท�าเพลงสร้างความครึกครืน้ ในขณะทีล่ า� คลอง
เต็มไปด้วยเรือลอยล�าจ�าหน่ายอาหารการกิน ทั้งก๋วยเตี๋ยวเรือ ผัดไทย หอยทอด และขนมไทย
หลากหลายชนิด • นักเรียนคิดวาบุคคลในภาพกําลังแสดง
ตลาดน�า้ ยามเย็นอัมพวาจึงนับเป็นจุดหมายใหม่สา� หรับการท่องเทีย่ วเพือ่ สัมผัสกับอดีตและ พฤติกรรมใด มีความเหมาะสมหรือไม
ความเป็นไปของชุมชนอันเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งซึ่งไม่ควรผ่านเลย ทั้งยังมีระยะทางไม่ห่างไกลจาก และสัมพันธกับการเขียนแสดงความคิดเห็น
กรุงเทพฯ มากนัก การเดินทางมาท่องเที่ยวซื้อหาอาหารการกิน นอกจากจะช่วยให้ชาวบ้านมี อยางไร
รายได้เสริมเพิ่มขึ้นแล้ว ยังอาจช่วยต่อเติมก�าลังใจให้กับความพยายามพลิกฟื้นและรักษาอดีต (แนวตอบ บุคคลในภาพกําลังรวมกันแสดง
อันสวยงามของชุมชนได้อีกทางหนึ่งด้วย ความคิดเห็น ซึ่งการยกมือเพื่อแสดง
เจตจํานงในการแสดงความคิดเห็นถือเปน
มารยาทที่เหมาะสม และไมวาจะพูด
69 หรือเขียนเพื่อแสดงความคิดเห็น มารยาท
ถือเปนสิ่งสําคัญ)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดเปนคุณสมบัติของผูที่จะเขียนวิเคราะหวิจารณไดดี
ครูควรใหความรูเพิ่มเติมแกนักเรียนเกี่ยวกับลักษณะของผูเขียนที่ดี ไมวาจะเขียน
1. มีอารมณละเอียดออน
งานเขียนประเภทใดก็ตาม ผูเขียนควรมีคุณสมบัติ ดังนี้
2. มีอคติตองานเขียนของผูอื่น
• มีความพรอมและความตองการที่จะเขียน มีแรงบันดาลใจที่จะถายทอดความรู
3. เชื่อมั่นในความคิดเห็นของตนเอง
ความคิดเห็นของตนเอง
4. พิจารณาสิ่งตางๆ ดวยความละเอียดถี่ถวน
• เปนผูมีประสบการณในชีวิต ทั้งทางตรงและทางออม
วิเคราะหคําตอบ ผูที่จะเขียนวิเคราะหวิจารณไดดีจะตองสามารถ • เปนผูมองโลกในแงดี มีคุณธรรม เพราะจะสงผลตอการสรางสรรคงานเขียน
พิจารณา วิเคราะหองคประกอบแตละสวนของสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือเรื่องใด ที่จะชวยประเทืองสติปญญา ยกระดับ และจรรโลงจิตใจผูอานใหสูงขึ้น
เรื่องหนึ่ง โดยสามารถชี้แจงไดวามีลักษณะอยางไร ดีหรือไมดีอยางไร • มีอารมณละเมียดละไม มีความสามารถในการใชภาษาที่ดี
ควรปรับปรุงอยางไร นอกจากนี้จะตองมีใจที่เปนกลาง ปราศจากอคติ • มีทัศนคติที่ดีตองานเขียน
ยอมรับฟงความคิดเห็นของผูอื่น ดังนั้นจึงตอบขอ 4. • มีมุมมองความคิดเปนของตนเอง และกวางไกล
คู่มือครู 69
ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Elaborate Evaluate
ส�ารวจค้นหา Explore
นักเรียนจับคูก บั เพือ่ นตามความสมัครใจ รวมกัน
สนทนาแลกเปลี่ยนขอมูล ความรู ความเขาใจ เสียงเพลงลูกทุ่งแว่วหวานกังวานมาแต่ไกล ในขณะที่แสงไฟเริ่มเต้นกะพริบไปตามจังหวะ
เกีย่ วกับคําทีก่ าํ หนดให ตอไปนี้ “แสดงความคิดเห็น” เสียงเพลง ห่างออกไปไม่ไกลนัก เรือพายล�าน้อยหากเต็มไปด้วยขนม ผลไม้จากบ้านสวนหลายล�า
“วิเคราะห วิจารณ” “แสดงความรู” “โตแยง” บันทึก ก�าลังมุ่งหน้าใกล้เข้ามา...นานมาแล้วที่ความครึกครื้นเช่นนี้ห่างหายไปจากล�าคลองอัมพวา
สาระสําคัญของการสนทนาลงสมุด เพื่อใชใน หากวันนี้ บรรยากาศเหล่านั้นคล้ายจะกลับมาเยี่ยมเยือนล�าคลองสายนี้อีกหน
กิจกรรมตอๆ ไป (อนุส�ร อ.ส.ท. เดือน กุมภ�พันธ์ ๒๕๔๘: ส�ยัณห์ ชื่นอุดมสวัสดิ์)
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
การเขียนเพื่อแสดงความรูควรใชเกณฑในขอใดสําหรับการเลือกเรื่อง
ครูควรชี้แนะนักเรียนเกี่ยวกับลักษณะของงานเขียนที่ดี ไดแก
1. เลือกเรื่องที่ตนเองยังหาคําตอบไมได
• มีความเปนเอกภาพ หรือเปนอันหนึ่งอันเดียวกันของเนื้อความภายในเรื่อง
2. เลือกเรื่องที่คิดวานาจะเกิดประโยชน
• มีสารัตถภาพ มีเนื้อหาใจความครบถวน สมบูรณ ไมกลาววกไปวนมา
3. เลือกเรื่องที่กําลังเปนที่สนใจของสังคม
• มีสัมพันธภาพ เนื้อหาในเรื่องไมวาจะมีกี่ยอหนาตองมีความเกี่ยวของ สัมพันธกัน
4. เลือกเรื่องที่ตนเองสนใจและมีความรูเปนอยางดี
• มีความกระจางแจง เนื้อหาสาระมีความชัดเจน ไมคลุมเครือ หรือทําใหผูอานเกิด
ขอสงสัยได วิเคราะหคําตอบ การเขียนเพื่อแสดงความรู คือ การเขียนเพื่อแสดงขอมูล
ขอเท็จจริงของเรื่อง เปนการเผยแพรความรู หรือคลายความสงสัย การเลือก
เรื่องเพื่อนํามาเขียน จึงควรเลือกเรื่องที่ตนเองมีความรูและสนใจ เพราะจะ
นักเรียนควรรู ทําใหเกิดความกระตือรือรนที่จะคนควา หากเลือกเรื่องที่กําลังเปนที่สนใจ
หรือเรื่องที่นาจะเปนประโยชน แตตนเองไมมีความรูที่แจมแจง และถูกตอง
1 ผูเขียน ในการเขียนสารคดี ผูเขียนจะตองมีความรูในเรื่องที่จะเขียนเปนอยางดี ก็ไมสามารถบรรลุจดุ ประสงคของการเขียนเพือ่ แสดงความรูไ ด ดังนัน้
รวมทั้งตองกําหนดจุดประสงคในการเขียนแตละครั้งใหมีความชัดเจน เพื่อไมใหหลง จึงตอบขอ 4.
ประเด็น หรือเกิดการลําดับความวกวน ซึ่งจะสงผลใหงานเขียนไมมีประสิทธิภาพ
70 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
ขออาสาสมัครนักเรียนอานขอความที่กําหนด
๑๑ การเขียนแสดงความรู้ แลวรวมกันอธิบายความรูแบบโตตอบรอบวง
เกี่ยวกับการเขียนเพือ่ วัตถุประสงคเฉพาะ โดยใช
ความรูต้ า่ งๆ หากไม่มกี ารบันทึกไว้ยอ่ มสูญหาย ปัจจุบนั ความรูใ้ หม่ๆ เกิดขึน้ มากมาย ผูเ้ รียนจึง ความรู ความเขาใจที่ไดรับจากการสนทนากับคู
ควรฝึกเขียนแสดงความรู้ ถ่ายทอดสิ่งที่ตนเองรู้ให้ผู้อื่นทราบ เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ซึ่งกันและกัน ของตนเอง เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม
๑๑.๑ หลักการเขียนแสดงความรู้ มีขอ สันนิษฐานวาแตเดิมคนไทยกินขาวเหนียว
การเขียนแสดงความรู้มีหลักการ ดังนี้ เปนอาหารหลัก ตอมาเมื่อไดรับอิทธิพลทาง
๑. ตั้งจุดประสงค์ว่าต้องการสื่อสารประเด็นใด ให้ความรู้ ให้ประโยชน์แก่ผู้อ่านอย่างไร วัฒนธรรมจากอินเดีย จึงเริ่มนําขาวเจามาปลูก
๒. ก�าหนดหัวเรื่อง โดยผู้เขียนต้องมีความรู้และข้อมูลประกอบการเขียนครบถ้วน น่าเชื่อถือ แตชาวบานทั่วไปไมนิยมกินกันนัก เนื่องจาก
๓. จัดท�าโครงเรื่องเพื่อล�าดับเนื้อหา ศึกษาค้นคว้า รวบรวมความรู้ ความคิดให้เป็นระบบ ขาวเจาใหพลังงานนอยกวาขาวเหนียว ผูที่กินขาว
๔. เขียนอธิบายตามโครงเรือ่ งทีร่ า่ งไว้ โดยใช้ภาษาสือ่ ความชัดเจน ตรงไปตรงมา และเหมาะสม คือกลุมชนชั้นเจานายในราชสํานัก เปนที่มาของ
กับวัยของผูอ้ า่ น เรียบเรียงโดยเขียนความน�าให้นา่ สนใจ เขียนเนือ้ หาให้ถกู ต้องตามข้อเท็จจริง สรุปเรือ่ ง ชื่อ ขาวเจา ปจจุบันคนไทยกินขาวเจาเปน
ให้ผู้อ่านเห็นประโยชน์สามารถน�าไปประยุกต์ใช้ได้ อาหารหลัก มีการปลูกขาวเจาเพื่อบริโภคภายใน
๕. อ่านทบทวนเพื่อพิจารณาว่าเป็นไปตามจุดประสงค์หรือไม่ ประเทศและสงออก จากขอมูลของ FAO (Food
๑๑.๒ ตัวอย่างการเขียนแสดงความรู้ and Agriculture Organization of the united
nations) ป 2552 ประเทศไทยปลูกขาวมากเปน
การเขียนแสดงความรู้ ลําดับที่ 7 และสงออกมากเปนอันดับหนึ่งของโลก
แหลงปลูกขาวสําคัญของประเทศไทยมีอยูสอง
มะเร็งโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทย แหลงใหญ ไดแก บริเวณที่ราบภาคกลาง และ
ปัจจุบันนี้แม้การแพทย์ของไทยจะเจริญก้าวหน้าไปมาก เช่น แพทย์ไทยมีความสามารถ บริเวณที่ราบสูงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในการผ่าตัดสมอง หัวใจ ศัลยกรรมตกแต่งใบหน้า ผ่าตัดด้วยแสงเลเซอร์ ฯลฯ และมียาบ�ารุงร่างกาย โดยเฉพาะพื้นที่ทุงกุลารองไห ซึ่งเปนที่ราบ
ต่อต้านโรคภัยต่างๆ ได้มากมาย ท�าให้คนไทยอายุยืนยาวมากขึ้น แต่โรคหนึ่งที่คร่าชีวิตคนไทย ขนาดใหญ มีพื้นที่ประมาณ 2 ลานไรเศษ ในเขต
ทุกชั่วโมงในปัจจุบันนี้ มิใช่โรคเอดส์ โรคหัวใจ โรคความดัน หรือเบาหวาน แต่เป็นมะเร็งร้ายที่ จังหวัดสุรินทร ศรีสะเกษ รอยเอ็ด มหาสารคาม
แฝงมากับความเจริญก้าวหน้าของโลกยุคใหม่ บุรีรัมย และยโสธร เปนแหลงปลูกขาวหอมมะลิ
นายแพทย์ไพจิตร วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้เปิดเผยว่าโรคทีเ่ ป็นภัยร้ายแรงทีส่ ดุ ที่มีชื่อเสียงของโลก
ของคนไทยในขณะนี ้ คือ โรคมะเร็ง ตามสถิตขิ องกระทรวงสาธารณสุข พบว่าในช่วง ๑๐ ปีทผี่ า่ นมา
มีคนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งเฉลี่ยปีละประมาณสามแสนคน ตัวเลขล่าสุดพบว่าปี ๒๕๕๑ มี • นักเรียนคิดวาขอความขางตน
คนไทยตายด้วยโรคมะเร็ง ๕๕,๔๐๓ คน เป็นชาย ๓๒,๐๖๐ คน หญิง ๒๓,๓๔๓ คน ร้อยละ ๕๓ เปนการเขียนเพื่อแสดงความรูหรือไม
ของผู้เสียชีวิตเป็นผู้มีอายุมากกว่า ๖๐ ปี ผู้มีอายุวัยใช้แรงงาน คือ อายุระหว่าง ๑๕ - ๕๙ ปี เฉลี่ย แลวสังเกตจากสิ่งใด
ร้อยละ ๔๖ ในแต่ละวันจะมีคนไทยตายด้วยโรคมะเร็ง วันละ ๑๕๒ คน หรือชั่วโมงละ ๖ คน (แนวตอบ ขอความขางตนเปนการเขียน
เพื่อแสดงความรู โดยสังเกตจากลักษณะ
การใชภาษา ซึ่งเปนกระบวนความอธิบาย
71
ใจความสําคัญชัดเจน การผูกประโยคหลัก
ประโยคขยายความสอดคลองกัน)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขั้นตอนในขอใดมีความสําคัญที่สุดสําหรับการเขียนแสดงความรู
เพื่อความรู ความเขาใจที่มากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับทักษะการเขียนแสดงความรู
1. การวางโครงเรื่อง
ครูควรหาตัวอยางบทความที่เขียนขึ้นเพื่อแสดงความรูในเรื่องตางๆ ประมาณ 4-5
2. การกําหนดจุดประสงคในการเขียนใหชัดเจน
ตัวอยาง นํามาใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหในประเด็นตอไปนี้
3. การเรียบเรียงภาษาใหมีความชัดเจน แจมแจง
• จุดประสงคในการเขียนบทความของผูเขียน
4. การรวบรวมและหาขอมูลจากเอกสารที่มีความนาเชื่อถือ
• การเลือกเรื่องเพื่อนํามาเขียนแสดงความรูมีความนาสนใจหรือไม อยางไร
วิเคราะหคําตอบ การเขียนแสดงความรู ขั้นตอนแรก และถือเปนขั้นตอน • โครงเรื่องที่ผูเขียนไดวางไวมีลักษณะเปนอยางไร
ที่สําคัญที่สุด คือ ผูเขียนตองกําหนดจุดประสงคในการเขียนใหชัดเจน • กระบวนการเขียนอธิบายมีความชัดเจนหรือไม อยางไร
วาจะเขียนเพื่อแสดงความรูในเรื่องใด แลวจึงวางโครงเรื่องเพื่อเปนกรอบ • ลักษณะภาษาที่ใชมีความเหมาะสมหรือไม อยางไร
สําหรับเรียบเรียงเนื้อหาสาระ รวบรวม วิเคราะหจัดหมวดหมูขอมูล แลวจึง กิจกรรมที่ใหปฏิบัติจะชวยทําใหนักเรียนมีความรู ความเขาใจเกี่ยวกับการเขียน
เขียนเรียบเรียงเนื้อหา ใชภาษาใหมีความชัดเจน แจมแจง ไมทําใหเกิด แสดงความรู มองเห็นแนวทางในการเขียนเพื่อนํามาพัฒนางานเขียนของตนเองตอไป
ขอสงสัยในงานเขียน ดังนั้นจึงตอบขอ 2.
คู่มือครู 71
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการเขียนเพื่อ เมื่อแยกประเภทอวัยวะที่เป็นมะเร็ง พบว่า คนเป็นโรคมะเร็งตับเป็นอันดับหนึ่งและพบว่า
วัตถุประสงคเฉพาะ โดยใชความรู ความเขาใจ ชายเป็นมะเร็งตับมากกว่าหญิง รองลงมา คือ มะเร็งหลอดลมและปอด ซึ่งเป็นในชายมากกว่า
ที่ไดรับจากการสนทนารวมกับเพื่อน เปนขอมูล เช่นกัน โดยเป็นมากกว่าหญิงถึงสองเท่า อวัยวะที่เป็นมะเร็งมากอันดับสาม คือ มะเร็งเต้านม
เบื้องตนสําหรับตอบคําถาม อันดับสี่ คือ มะเร็งล�าไส้ใหญ่และทวารหนัก องค์การอนามัยโลกรายงานว่า ปี ๒๕๔๘ มีผู้เสียชีวิต
• หากนักเรียนไดรับมอบหมายใหเขียนแสดง จากโรคมะเร็งเป็นจ�านวนถึงแปดล้านคน
ส�าหรับสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งยังไม่ทราบสาเหตุ แต่มีแนวทางปฏิบัติตัวเพื่อป้องกัน
ความรูในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง จะมีแนวทาง และลดความเสี่ยงเป็นมะเร็ง ดังนี้
การเขียนอยางไร ๑. รับประทานอาหารประเภทผักในตระกูลกะหล�่าให้มาก เช่น กะหล�่าปลี กะหล�่าดอก
(แนวตอบ มีแนวทางการเขียน ดังตอไปนี้ ผักคะน้า หัวผักกาด บรอกโคลี
• ผูเขียนตองมีจุดประสงคที่ชัดเจนวา ๒. รับประทานอาหารที่มีกากใยมาก เช่น ผัก ผลไม้ ข้าวโพด เมล็ดธัญพืช
จะเขียนแสดงความรูเกี่ยวกับเรื่องอะไร ๓. รับประทานอาหารที่มีสารเบตาแคโรทีนและวิตามินเอสูง เช่น ผักสด ผลไม้ที่มีสีเขียว
อาจเลือกแสดงความรูในเรื่องหรือประเด็น เหลือง เช่น ส้ม มะละกอ และอาหารที่มีวิตามินซีสูง เช่น ผักและผลไม้ต่างๆ ให้มาก
ที่ยังไมเคยมีผูศึกษามากอน หรืออาจเลือก ๔. ออกก�าลังกายอย่างสม�่าเสมอและควบคุมน�้าหนักตัวไม่ให้อ้วน
๕. ระมัดระวังในการรับประทานอาหาร โดยไม่รับประทานอาหารที่มีราขึ้น ลดการ
แสดงความรูในเรื่องที่ยังเปนประเด็นหรือ
รับประทานอาหารไขมัน อาหารดองเค็ม อาหารปิง้ - ย่าง รมควัน ไม่รบั ประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ
ขอถกเถียงทางสังคม เพื่อใหงานเขียน เช่น ลาบ ก้อย ปลาร้า ปลาจ่อม เพราะเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง
ไดรับความสนใจ แตถึงอยางไรก็ตาม ๖. ไม่สูบบุหรี่ งดเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอล์
ควรคํานึงถึงแหลงขอมูลเปนสําคัญ ๗. ไม่ให้ผิวหนังถูกแดดจัด เพราะท�าให้เป็นมะเร็งผิวหนัง
• วางโครงเรื่อง เพื่อรวบรวม วิเคราะห ๘. หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้แหล่งอุตสาหกรรม ซึ่งมักจะปล่อยมลพิษให้สิ่งแวดล้อม
จัดหมวดหมู สังเคราะหขอมูล เนื่องจากการก่อตัวของโรคมะเร็งเป็นไปอย่างช้าๆ ในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป ดังนั้น เรา
• เขียนตามโครงเรื่องที่วางไว โดยใชภาษา จึงควรตรวจสุขภาพประจ�าปีอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง หมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงของร่างกาย
หากมีความผิดปกติบางประการ เช่น มีเลือดออกหรือมีิสิ่งขับถ่ายออกจากร่างกายมากกว่าปกติ
ที่ชัดเจน ถูกตองตามหลักไวยากรณ
มีกอ้ นเนือ้ หูด ตุม่ ในร่างกายและโตเร็ว มีแผลเรือ้ รัง ถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะผิดปกติ มีสเี ปลีย่ นไป
หากเปนเรื่องทางวิชาการจะตองศึกษา จากเดิม เสียงแหบแห้งเรื้อรัง กลืนอาหารล�าบาก ควรรีบไปพบแพทย์โดยเร็ว
คําศัพทเฉพาะใหเขาใจเปนอยางดี มะเร็งเป็นโรคที่อาจจะเกิดขึ้นกับใครก็ได้และโรคนี้ก่อตัวช้าๆ โดยเราไม่รู้สาเหตุและมาโดย
• อานทบทวนเพื่อสํารวจขอบกพรอง ไม่รู้ตัว นับว่าเป็นภัยร้ายที่น่ากลัว แม้ว่าจะไม่มีทางรักษาให้หายได้ แต่ก็สามารถป้องกันได้
และแกไข) โดยการระมัดระวังตนเองตามแนวทางปฏิบัติดังกล่าวมาแล้ว
• นักเรียนเขาใจความหมายของคําวา (ร�ยง�นพิเศษ: มติชนสุดสัปด�ห์ ฉบับที่ ๑๕๖๒ ก.ค. ๒๕๕๓)
“การแสดงความคิดเห็น” อยางไร
จากตัวอย่าง จุดประสงค์ของผู้เขียน คือ การให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติ
(แนวตอบ คําตอบของนักเรียนมีความ
ตนเพื่อป้องกันโรคมะเร็ง โดยผู้เขียนแสดงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคมะเร็งในเชิงสถิติการพบผู้ป่วยและ
หลากหลาย ขึ้นอยูกับพื้นฐานความรูเดิม) ประเภทของโรคมะเร็งที่พบเป็นอันดับหนึ่ง เพื่อให้ผู้อ่านตระหนักถึงภัยของโรคมะเร็ง จนเกิดการเห็น
หลังคําตอบของนักเรียนครูควรชี้แนะวา คุณค่าของการป้องกัน จากนั้นผู้เขียนกล่าวถึงแนวทางปฏิบัติตนเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการเป็น
การแสดงความคิดเห็น คือ การแสดงความคิด โรคมะเร็ง เรียงล�าดับจากวิธีการรับประทานอาหาร การออกก�าลังกาย สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง และแนะน�า
ความรูสึกที่เจาของความคิดเห็นนั้นๆ มีตอสิ่งใด
สิง่ หนึง่ หรือเรือ่ งใดเรือ่ งหนึง่ โดยยกเหตุผลประกอบ 72
ความคิดเห็นของตน
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
จากความรู ความเขาใจของนักเรียนเกี่ยวกับการเขียน ใหเขียนสรุปวา
สําหรับการเรียนการสอนเกี่ยวกับการเขียน ครูควรสรางใหนักเรียนเห็นความสําคัญ
การเขียนเพื่อแสดงความรูมีหลักการเขียนอยางไร
ของการกําหนดจุดมุงหมายในการเขียน โดยชี้แนะใหเห็นวา หากผูเขียนแตละคน
มีจุดมุงหมายในการเขียนที่แตกตางกันจะทําใหงานเขียนนั้นๆ มีลักษณะตางกันดวย แนวตอบ การเขียนเพื่อแสดงความรูมีหลักการเขียน คือ ผูเขียนจะตองมี
เชน เมื่อจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณอุทกภัยในประเทศไทย ผูเขียนแตละคน ความรู และมีขอมูลประกอบการเขียนอยางเพียงพอ เลือกใชถอยคําภาษา
สามารถตั้งจุดมุงหมายไดหลายลักษณะ เชน เขียนเพื่อเลาเรื่องการเกิดอุทกภัย ในการเรียบเรียงใหมีความชัดเจน สื่อความครบถวนในประเด็นที่เลือก
ในประเทศไทยวาเปนอยางไร มีความเสียหาย ความตื่นตระหนกมากนอยเพียงใด นําเสนอ เมื่อผูอานอานแลวจะไมเกิดความสงสัย หรือเกิดขอคําถามขึ้น
เขียนเพื่ออธิบายหรือแสดงความรูเกี่ยวกับสาเหตุที่ทําใหเกิดอุทกภัย เขียนเพื่อ ภายในใจ โดยผูเขียนจะตองตระหนักวา การเขียนเพื่อแสดงความรูชิ้นหนึ่งๆ
โนมนาวใจใหรัฐบาลและประชาชนเห็นความสําคัญ ตระหนักถึงปญหา รวมกันหา จะเปนงานที่ดีไดนั้น ผูอานจะตองไดรับความรู ความเขาใจ และนําไปใช
ทางปองกันแกไข เขียนเพื่อสรางจินตนาการ โดยนําเหตุการณอุทกภัยมาเปน ประโยชน ตอยอดความรูไดจริงในชีวิตประจําวัน
แรงบันดาลใจในการเขียนงานบันเทิงคดี เปนตน
72 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
ให้ตรวจสุขภาพประจ�าปี การล�าดับข้อมูลทีด่ เี กิดจากการวางโครงเรือ่ งอย่างเหมาะสม โดยเริม่ จากภาพ อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการเขียน
รวมกว้างๆ ของโรค จากนัน้ จึงเข้าสูส่ ว่ นเนือ้ หาทีใ่ ห้ขอ้ มูลเกีย่ วกับแนวทางปฏิบตั ติ นและป้องกัน จากนัน้ เพื่อวัตถุประสงคเฉพาะผานขอคําถามของครู
สรุปให้เห็นความส�าคัญของการป้องกันอีกครัง้ โดยใช้ภาษาสือ่ ความชัดเจน ผูอ้ า่ นไม่ตอ้ งตีความ สามารถ • ความคิดเห็นมีโครงสรางเปนอยางไร
น�าข้อมูลไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับตนเองได้ (แนวตอบ ประกอบดวย ที่มา คือ สวนที่เปน
๑๒ การเขียนแสดงความคิดเห็น เรื่องราวตางๆ ที่กอใหเกิดการแสดงความ
คิดเห็น ขอสนับสนุน คือ เหตุผลที่อาจเปน
การรับข้อมูลข่าวสารเรื่องใดเรื่องหนึ่ง ผู้รับสารจะเกิดความคิดเห็นที่มีต่อเรื่องนั้น ทั้งเห็นด้วย หลักการ ขอเท็จจริง หรือขอคิดเห็นของผูอื่น
และไม่เห็นด้วย โดยสามารถแสดงความคิดเห็นผ่านการพูด การเขียน ผู้อ่านหรือผู้ฟังที่รับสาร
ที่ผูแสดงความคิดเห็นยกมากลาวอาง
เรื่องเดียวกันก็ไม่จ�าเป็นต้องมีความคิดเห็นตรงกัน เพราะเป็นการมองต่างมุม
เพื่อสนับสนุนความคิดเห็นของตนเอง
๑๒.๑ หลักการเขียนแสดงความคิดเห็1น ขอสรุป ถือเปนสวนที่สําคัญที่สุดของการ
การเขียนแสดงความคิดเห็นและการโต้แย้งจะเป็นทีเ่ ชือ่ ถือหรือยอมรับของผูอ้ นื่ มีหลักการเขียน แสดงความคิดเห็น เพราะเปนการสรุป
ดังนี้ ประเด็นของการแสดงความคิดเห็น)
๑. ศึกษาเรือ่ งทีจ่ ะเขียนแสดงความคิดเห็นอย่างละเอียด จับใจความส�าคัญให้ได้วา่ กล่าวถึงใคร • การเขียนวิเคราะห วิจารณมีลักษณะสําคัญ
ท�าอะไร ที่ไหน อย่างไร และศึกษาหาความรู้เรื่องที่เกี่ยวข้องจากแหล่งความรู้อื่นๆ ประกอบ อยางไร
๒. พิจารณาข้อเด่น ข้อด้อย พร้อมยกเหตุผลประกอบข้อคิดเห็น (แนวตอบ การเขียนวิเคราะห วิจารณเปน
๓. แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนั้นๆ ด้วยใจเป็นกลาง ใช้ภาษาอย่างสร้างสรรค์เป็นประโยชน์ การเขียนแสดงความคิดเห็น ดวยวิธีการ
ต่อส่วนรวม
แจกแจงใหเห็นสวนประกอบของสิ่งๆ นั้น
๑๒.๒ ตัวอย่างการเขียนแสดงความคิดเห็น ซึ่งขั้นตอนนี้เรียกวาการวิเคราะห หรือการ
ที่ ๕/๒๕๕๔ ่น Óมาแสดงความคิ
บทเพลงที ดเห็น ชุมชนหมู่บ้านป้าแดง ถนน คลี่องคประกอบของสิ่งนั้นๆ ออกมาเปน
พระราม ๒ สวนๆ เมื่อมองเห็นองคประกอบจึงแสดง
เพลง เมดอินไทยแลนด์ ความคิดเห็นวา องคประกอบแตละสวนมี
ค�าร้อง/ท�านอง: ยืนยง โอภากุล ขอดี ขอดอยอยางไร สงเสริม สนับสนุน
เมดอินไทยแลนด์ แดนดินไทยเรา เก็บกันจนเก่า เรามีแต่ของดีดี มาตั้งแต่ก่อนสุโขทัย หักลางกันเองหรือไม อยางไร ซึ่งการ
มาลพบุรี อยุธยา ธนบุรี ยุคสมัยนี้เป็นกอทอมอ เมืองที่คนตกท่อ (ไม่เอา...อย่าไปว่าเขาน่า)
วิเคราะห วิจารณจะนําไปสูการตัดสิน
เมดอินไทยแลนด์ แดนไทยท�าเอง จะร้องร�าท�าเพลง ก็ล�้าลึกลีลา ฝรั่งแอบชอบใจ แต่คนไทย
ไม่เห็นค่า กลัวน้อยหน้าว่าคุณค่านิยมไม่ทันสมัย เมดอินเมืองไทย แล้วใครจะรับประกัน ฮะ ประเมินคา หรือการตัดสินวาสิ่งนั้นๆ ดี
(ฉันว่ามันน่าจะมีคนรับผิดชอบบ้าง) หรือเปนประโยชนหรือไม การวิเคราะห
เมดอินไทยแลนด์ แฟนๆ เข้าใจ ผลิตผลคนไทยใช้เองท�าเอง ตัดเย็บเสื้อผ้ากางโกงกางเกง วิจารณจึงเปนการแสดงความคิดเห็น
กางเกงยีน (ชะหนอยแน่) แล้วขึ้นเครื่องบินไปส่งเข้ามา คนไทยได้หน้า (ฝรั่งมังค่าได้เงิน) อยางมีหลักการ หลักวิชา หลักทฤษฎี)
เมดอินไทยแลนด์ พอแขวนตามร้านค้า มาติดป้ายติดตราว่าเมดอินเจแปน ก็ขายดิบขายดี • การแสดงความคิดเห็นกับการวิเคราะห
มีราคา คุยกันได้ว่า มันมาต่างแดน ทั้งทันสมัย มาจากแมกกาซีน เค้าไม่ได้หลอกเรากินหลอก
เรานั่นหลอกตัวเอง วิจารณมีความเกี่ยวของสัมพันธกันอยางไร
(แนวตอบ การแสดงความคิดเห็นเปน
73 สวนหนึ่งของการวิจารณ เพราะการวิจารณ
คือการแสดงความคิดเห็นตอองคประกอบ
ของสิ่งนั้นๆ อยางมีหลักการ ทฤษฎี)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดไมใช สาเหตุที่ทําใหความคิดเห็นของบุคคลมีความแตกตางกัน
การเรียนการสอนในหัวขอการเขียนแสดงความคิดเห็น ครูควรชี้แนะใหนักเรียน
1. สภาพภูมิประเทศ
เขาใจวา การแสดงความคิดเห็นของมนุษยตอสิ่งตางๆ นั้น สามารถสื่อสาร
2. ความเชื่อและคานิยม
ความคิดเห็นของตนเองได 2 ชองทาง คือ การพูดและการเขียน ซึ่งการพูดแสดง
3. ความรูและประสบการณ
ความคิดเห็นที่ดียอมเปนพื้นฐานของการเขียนแสดงความคิดเห็นที่ดี
4. การอบรมเลี้ยงดูของครอบครัว
วิเคราะหคําตอบ ความคิดเห็นของแตละบุคคลมีความแตกตางกัน
โดยสาเหตุที่ทําใหเกิดความแตกตาง ไดแก ความรู ประสบการณ ศาสนา นักเรียนควรรู
ความเชื่อ คานิยม ประเพณี รวมไปถึงการอบรมเลี้ยงดูของครอบครัว
สภาพภูมิประเทศ ไมใชสาเหตุที่ทําใหความคิดเห็นของบุคคลมีความ 1 การเขียนแสดงความคิดเห็นและการโตแยง ผูเขียนตองมีมารยาทในการเขียน
แตกตางกัน ดังนั้นจึงตอบขอ 1. แสดงความคิดเห็นโดยอยูบนพื้นฐานของขอเท็จจริง มีหลักฐานที่นาเชื่อถือ เปนกลาง
รวมทั้งตองแสดงความคิดเห็นเชิงสรางสรรค ไมใสรายหรือแสดงความคิดเห็นที่เปน
การใหราย พาดพิงผูอื่นใหไดรับความเสียหาย อีกทั้งตองใชภาษาที่สุภาพในการ
แสดงความคิดเห็นทุกครั้ง
คู่มือครู 73
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
ขออาสาสมัครนักเรียนอานขอความตอไปนี้
แลวรวมกันพิจารณาวามีลักษณะเปนงานเขียน การเขียนแสดงความคิดเห็นบทเพลง เมดอินไทยแลนด์ มีดังนี้
เชิงวิเคราะหวิจารณหรือไม เพราะเหตุใด เพลงเมดอินไทยแลนด์ เป็นเพลงเพื่อชีวิต ขับร้องโดยวงดนตรีคาราบาว สาระส�าคัญ กล่าวถึง
คนไทยที่มีค่านิยมใช้ของต่างประเทศ เพราะคิดว่าดีกว่า ทั้งๆ ที่เป็นของที่ผลิตในประเทศไทยแล้วส่ง
...คนแคระ ของวิภาส ศรีทอง เปนนวนิยาย ไปขายต่างประเทศ คนไทยก็ซอื้ กลับมาด้วยความเข้าใจผิด คนไทยมีความสามารถในการผลิตสินค้าต่างๆ
ที่เสนอปญหาสัมพันธภาพระหวางมนุษย เปดเผย หลากหลาย มีศิลปวัฒนธรรมที่น่าภาคภูมิใจ แม้แต่ต่างชาติก็ชื่นชม แต่คนไทยกลับไม่เห็นคุณค่า
ใหเห็นความโดดเดี่ยวอางวางของกลุมคน ซึ่งเปน
น�้าเสียงของบทเพลงมีเจตนากล่าวประชดประชัน และให้ข้อคิดว่าคนไทย เมืองไทยมีของดีๆ แต่ไม่รู้ค่า
ตัวแทนของสังคมรวมสมัย โดยสะทอนใหเห็น
มีค่านิยมผิดๆ ควรจะแก้ไขค่านิยมนี้อย่างไร
การขาดความตระหนักถึงคุณคาของความ
เพลงนี้เป็นเพลงที่สร้างสรรค์สังคม เพราะแสดงข้อเท็จจริงที่เป็นลักษณะนิสัยของคนไทย
เปนมนุษย การหมกมุนอยูกับปญหาของตนเอง
ส่วนมากเชื่อว่าของต่างประเทศเป็นของดี มีคุณภาพกว่า ผู้เขียนคิดว่าเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่
และการโหยหาสัมพันธภาพระหวางมนุษยเสนอ
ต้องช่วยกันรณรงค์ให้คนไทยภูมใิ จในศิลปวัฒนธรรมและความสามารถของตน โดยช่วยกันอนุรกั ษ์และ
ผานตัวละครทีแ่ สดงความเย็นชาตอชะตากรรม
นิยมใช้สินค้าไทย
ของมนุษย และหาทางสรางความชอบธรรมใหแก
การเขียนแสดงความคิดเห็น ผู้เขียนต้องรู้จักการอ่านจับใจความส�าคัญ วิเคราะห์ข้อเท็จจริง
การกระทําของตนเอง ผูเขียนมีกลวิธีการเลาเรื่อง
ข้อคิดเห็น พิจารณาข้อมูล และเหตุผลมาสนับสนุนว่ามีความน่าเชื่อถือเพียงใด มีความสมเหตุสมผล
เนิบชาทวามีพลัง มีการสรางจินตภาพที่ชวนให
หรือไม่ การเขียนแสดงความคิดเห็นควรใช้ภาษาสุภาพ สร้างสรรค์ เป็นกลาง ความคิดเห็นอาจ
เกิดการตีความหลากหลาย มีการนําเสนอตัวละคร
แตกต่างกัน ไม่มีใครผิดหรือถูก แต่จะเชื่อถือที่เหตุผล ผู้เขียนควรหมั่นฝึกฝนเขียนแสดงความคิดเห็น
ที่ซับซอน แปลกแยก และทาทายกฎเกณฑของ
เพื่อพัฒนาทักษะการคิดและการเปิดใจยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
สังคม คุณคาของนวนิยายเรือ่ งนีจ้ งึ อยูท กี่ ารกระตุน
ใหเกิดการสํารวจภาวะความเปนมนุษยในโลก ๑๓ การเขียนโต้แย้ง
รวมสมัย ในขณะเดียวกันก็ตงั้ คําถามกับมโนสํานึก 1
การโต้แย้ง เป็นการแสดงความคิดเห็นทีแ่ ตกต่างกันระหว่างบุคคล ๒ ฝ่าย โดยแต่ละฝ่ายพยายาม
ความรับผิดชอบชั่วดี และสารัตถะของชีวิต
ใช้เหตุผล ข้อมูล สถิติ และการอ้างถึงความคิดเห็นของผู้รู้มาสนับสนุนความคิดของตนและคัดค้าน
ความคิดของอีกฝ่ายหนึ่ง
(แนวตอบ ขอความขางตน มีลักษณะเปนงาน
เขียนเชิงวิเคราะหวิจารณ เพราะไดแสดงใหเห็น ๑๓.๑ หลักการเขียนโต้แย้ง
องคประกอบภายในของนวนิยาย ซึ่งไดแก การเขียนโต้แย้งมีหลักการเขียน ดังนี้
โครงเรื่อง กลวิธีการเลาเรื่อง การสรางและนําเสนอ ๑. ก�าหนดหัวข้อและขอบเขตของการโต้แย้ง เพื่อไม่ให้หลงประเด็น
ตัวละคร เปนตน ผูเขียนไดแสดงความคิดเห็น ๒. แบ่งเนื้อหาออกเป็นประเด็
ที่มีตอองคประกอบภายในเรื่อง ซึ่งความคิดเห็น 2 น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน
๓. ผู้โต้แย้งต้องมีความรู้เกี่ยวกับหัวข้อที่โต้แย้งเป็นอย่างดี
ดังกลาวไดนําไปสูการตัดสินประเมินคาผลงาน
๔. เรียบเรียงและน�าเสนอข้อโต้แย้งให้ละเอียดชัดเจน
คุณคาของนวนิยายเลมนี้ อยูที่การเปนเสมือน
๕. แบ่งกระบวนการโต้แย้งเป็น ๔ ขัน้ ตอน คือ การตัง้ ประเด็น การนิยามค�าทีอ่ ยูใ่ นประเด็นของ
กระจกเงาที่ชวยสองสะทอนความเปนมนุษย
การโต้แย้ง ค้นหา เรียบเรียงข้อสนับสนุน ชีใ้ ห้เห็นจุดอ่อนและข้อผิดพลาดของความคิดเห็นฝ่ายตรงข้าม
ของแตละบุคคล ทําใหเกิดการตั้งคําถามกับตนเอง
ตระหนักในความเปนมนุษย ความผิดชอบชั่วดี) 74
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
ขอใดที่ทําใหการโตแยงแตกตางจากการโตเถียง
1 การโตแยง เปนการแสดงความคิดเห็นประการหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่การแสดง
1. โอกาส และความสัมพันธของบุคคล
ความคิดเห็นในเรื่องใดเรื่องหนึ่งไมสามารถหาขอยุติได แตประเด็นปญหาดังกลาว
2. การแสดงความคิดเห็นที่แตกตางของบุคคล 2 ฝาย
จําเปนจะตองไดรบั การแกไขใหสาํ เร็จลุลว ง หรือจําเปนจะตองมีขอ ยุติ ดังนัน้ ทัง้ สองฝาย
3. การโตแยงใชในสถานการณที่เปนทางการ การโตเถียงใชในสถานการณ
ซึ่งแสดงความคิดเห็นในเรื่องเดียวกัน แตมีความคิดเห็นไมตรงกัน และตองการใหที่
ที่เปนกันเอง
ประชุมเห็นชอบในความคิดเห็นของตน จึงจําเปนตองโตแยงความคิดเห็นของ
4. แตละฝายพยายามใหขอมูล เหตุผลเพื่อสนับสนุนความคิดเห็นของตน
อีกฝายหนึ่ง โดยพยายามชี้ใหเห็นขอบกพรองในความคิดเห็นของอีกฝายหนึ่ง
และหักลางความคิดของฝายตรงขาม
แลวเสนอความคิดเห็นของตน โดยยกเหตุผล หลักทฤษฎี ขอมูล ตัวเลข ตาราง สถิติ
มาประกอบ ซึ่งความคิดเห็นที่ไดรับการยอมรับจากที่ประชุมภายหลังการโตแยง วิเคราะหคําตอบ การโตแยง คือ การแสดงความคิดเห็นของสองฝาย
สิ้นสุดลง เรียกวา มติ ซึ่งมีความคิดเห็นไมตรงกัน แตสิ่งที่ทําใหการโตแยงแตกตางจากการโตเถียง
2 ความรู ผูที่จะเขียนโตแยงไดประสบผลสําเร็จจะตองมีความรูในเรื่อง คือ การใชและการใหเหตุผลเพื่อสนับสนุนความคิดเห็นของตน และหักลาง
ที่จะโตแยงเปนอยางดี และรอบดาน มีขอมูลในเชิงลึกที่สามารถนํามาใชหักลาง ความคิดเห็นของฝายตรงขาม ไมใชการชี้แจงดวยอารมณที่ตองการเอาชนะ
ความคิดเห็นของอีกฝายได แตขอมูลเหลานั้นตองไดมาโดยสุจริต ถูกตอง และเปนจริง ซึ่งเปนลักษณะของการโตเถียง ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
74 คู่มือครู
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบายความรู
๑๓.๒ ตัวอย่างการเขียนโต้แย้ง ความเขาใจเกี่ยวกับการโตแยง
(แนวตอบ ในกระบวนการวิเคราะหวิจารณ
การเขียนโต้แย้ง แสดงความคิดเห็น ยอมเกิดเหตุการณที่บุคคล
ทั้งสองฝายมีความคิดเห็นไมตรงกันในเรื่อง
จากเพลงเมดอินไทยแลนด์ มีผู้เขียนแสดงความคิดเห็นว่า คนไทยส่วนใหญ่นิยมใช้สินค้า
หรือประเด็นเดียวกัน หากเปนในสถานการณของ
จากต่างประเทศ และชืน่ ชมศิลปวัฒนธรรมต่างชาติ เมือ่ เดินทางไปต่างประเทศก็มกั ซือ้ สินค้าทีช่ อบ
การพูด เชน การพูดอภิปราย ผูดําเนินรายการตอง
กลับมาโดยไม่จ�าเป็น โดยไม่รู้ว่าสินค้าหลายชนิดเป็นของที่ผลิตขึ้นในประเทศไทย ในขณะที่
ชาวต่างชาตินิยมศิลปวัฒนธรรมไทยว่ามีเอกลักษณ์และคุณค่า แต่คนไทยบางคนกลับไปชื่นชม
ใหโอกาสทัง้ สองฝายไดพดู เสนอความคิดเห็นของตน
วัฒนธรรมต่างชาติโดยคิดว่าเป็นสิ่งทันสมัย พวกเราจึงควรช่วยกันรณรงค์ให้คนไทยนิยมไทย โดยแสดงเหตุผลเพื่อสนับสนุนความคิดเห็น
ใช้ของไทย เพราะคนไทยมีฝมี อื ในการผลิตสินค้าทีง่ ดงาม มีคณ ุ ภาพ อีกทัง้ ราคาก็ถกู กว่า เป็นการ ในขณะเดียวกันก็ตองยกเหตุผลเพื่อพิสูจนใหไดวา
สนับสนุนให้คนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น มีโอกาสพัฒนาฝีมือ สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ ความคิดเห็นของอีกฝายไมเปนความจริงหรือ
จากข้อคิดเห็นที่มีผู้น�าเสนอข้างต้น ขอโต้แย้งดังนี้ การที่คนไทยบางคนไม่นิยมใช้ของที่ผลิต ไมถูกตอง เมื่อความคิดเห็นของฝายใดฝายหนึ่ง
ในประเทศไทย เพราะเชื่อว่าสินค้าไทยมักไม่มีคุณภาพ ไม่ทนทาน เช่น ผ้าสีตก ฝีมือตัดเย็บ ชนะดวยขอสนับสนุนที่เปนจริง อีกฝายหนึ่งก็ตอง
ไม่เรียบร้อย ไม่ทนั สมัย ช�ารุดเสียหายง่าย หากผูผ้ ลิตสินค้าไทยรักษาคุณภาพ มีการผลิตทีป่ ระณีต ยอมรับความคิดเห็นนั้น ซึ่งกระบวนการโตแยง
ทนทาน มีผู้ออกแบบที่ทันสมัย น่าใช้ มีการตรวจสอบคุณภาพสินค้าอาจจะเปลี่ยนแปลงค่านิยม สามารถเกิดขึ้นไดกับการสื่อสารของมนุษย 2 ทาง
ของคนไทยให้กลับมานิยมสินค้าไทยได้มากยิ่งขึ้น คือ การพูดและการเขียน)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดใชภาษาในการโตแยงไดถูกตองและเหมาะสมที่สุด
ครูควรสรางความรู ความเขาใจที่ถูกตองใหแกนักเรียนเกี่ยวกับรูปแบบการ
1. ผมไมเห็นดวยกับคุณสมศักดิ์
โตแยง ซึ่งสามารถกระทําได 2 ชองทาง คือการพูดและการเขียน ซึ่งในกระบวนการ
2. ขอเสนอของคุณสมศักดิ์มีขอบกพรองในทุกดาน
ขยายความเขาใจจะมอบหมายใหนักเรียนสรางสรรคผลงานบทวิจารณ ซึ่งจะปรากฏ
3. ถาเราทําตามขอเสนอของคุณสมศักดิ์มีหวังไดลมเหลวไมเปนทา
ขอโตแยงอยูภายใน เพื่อใหบรรลุจุดประสงคของตัวชี้วัด ดังนั้น กิจกรรมที่ครูควรจัด
4. ขอเสนอของคุณสมศักดิก์ น็ า พิจารณา แตผมมีความคิดเห็นทีแ่ ตกตางออกไป
เพิ่มเติม คือ การพูดโตแยง โดยครูใหนักเรียนชวยกันจัดบรรยากาศภายในชั้นเรียน
วิเคราะหคําตอบ การโตแยง คือ การทําใหที่ประชุมยอมรับความคิดเห็น เปนที่ประชุม เพื่อหามติหรือขอสรุปเกี่ยวกับประเด็นใดประเด็นหนึ่งที่นักเรียนรวมกัน
ของตนดวยการยกเหตุผลมาสนับสนุน แลวหักลางความคิดเห็นของผูอื่น ตั้งขึ้นแบงหนาทีก่ นั เปนผูด าํ เนินรายการ ผูร ว มแสดงความคิดเห็นในวงประชุม
ดวยเหตุผลเชนกัน การหักลางความคิดเห็นของผูอื่นเปนสิ่งที่ควรระมัดระวัง และผูช ม เปนตน โดยครูเปนผูสังเกตการณวา นักเรียนซึ่งทําหนาที่เปนผูแสดง
ไมควรใชถอยคําที่ทําใหฝายตรงขามรูสึกวาเสียหนา ผูเขียนหรือผูพูดโตแยง ความคิดเห็นในวงประชุมสามารถใชแนวทางการแสดงความคิดเห็นและโตแยง
ควรใชภาษาที่สุภาพในการหักลางความคิดเห็นของผูอื่นและการเสนอ ไดถูกตองหรือไม อยางไร หากมีเวลาควรใหนักเรียนแตละคนไดสลับกันทําหนาที่
ความคิดเห็นของตนเอง ดังนั้นจึงตอบขอ 4. จนครบทุกบทบาท
คู่มือครู 75
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engaae Expore Explain Elaborate
ตรวจสอบผล Evaluate
1. ครูตรวจสอบบทบรรยายและบทพรรณนา
โดยพิจารณาการใชสํานวนภาษา
2. ครูตรวจสอบยอความโดยพิจารณาดานรูปแบบ
และใจความสําคัญ
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
3. ครูตรวจสอบจดหมายกิจธุระ โดยพิจารณา
๑. การเขียนย่อความ การเขียนบรรยาย และการเขียนพรรณนา มีประโยชน์อย่างไร
เนื้อหาวาไดระบุขอความสําคัญครบถวนหรือไม
๒. การเขียนรายงานการศึกษาค้นคว้าและโครงงาน มีหลักการเขียนอย่างไร
รวมถึงโครงสรางของจดหมายและการใชภาษา ๓. การเขียนจดหมายกิจธุระสามารถน�าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวันได้อย่างไร
4. ครูตรวจสอบการเรียบเรียงเนือ้ หา ความสมบูรณ ๔. การเขียนวิเคราะห์มีหลักการเขียนอย่างไร
และถูกตองขององคประกอบรายงานการศึกษา ๕. การเขียนแสดงความคิดเห็นและการเขียนโต้แย้ง มีลักษณะการเขียนเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
คนควา และรายงานโครงงาน
5. นักเรียนออกมาอานออกเสียงเรียงความ “เพือ่ นดี
ที่ฉันรัก” หนาชั้นเรียน นําเรียงความฉบับนั้น
สงพรอมผังความคิด เพื่อตรวจสอบตาม
หลักเกณฑ
6. นักเรียนออกมานําเสนอบทวิจารณหนาชัน้ เรียน
ครูตรวจสอบบทวิจารณ โดยพิจารณา ดังนี้
• ความนาสนใจของสิ่งที่นํามาวิจารณ
• เนื้อหาสาระ แสดงใหเห็นวานักเรียนมีความรู กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้
ความเขาใจเกี่ยวกับเรื่องที่เขียนวิจารณเปน
อยางดี สะทอนใหเห็นความคิดเห็นที่มีตอ กิจกรรมที่ ๑ ให้นักเรียนเขียนเรียงความสั้นๆ ความยาวประมาณ ๑ หน้า กระดาษ A4
สิง่ นัน้ ยกเหตุผลประกอบหรือใชหลักทฤษฎีใด เกี่ยวกับข้อคิด คติธรรม และคุณธรรม เช่น ความกตัญญู ความสามัคคี
ในการวิจารณ ปรากฏขอโตแยงที่ไดมีการ ความมีวินัย เป็นต้น แล้วน�าเสนอหน้าชั้นเรียน
ยกเหตุผลตางๆ มาเปนขอสนับสนุนความ กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนแบ่งกลุ่มร่วมกันจัดท�ารายงานการศึกษาค้นคว้าเรื่องที่
สมาชิกในกลุ่มสนใจ เช่น ค�ายืมภาษาต่างประเทศในภาษาไทย
คิดเห็นของตน การปลูกพืชสวนครัวในโรงเรียน โดยเรียบเรียงตามหลักการเขียน
7. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวยการเรียนรู และน�าเสนอเป็นรูปเล่มส่งครูผู้สอน
กิจกรรมที่ ๓ ให้นักเรียนเลือกบทความ สารคดี หรือบทเพลงที่ชื่นชอบ คนละ ๑ เรื่อง
น�ามาเขียนวิเคราะห์ วิจารณ์ หรือแสดงความคิดเห็นตามหลักการ
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู แล้วน�าเสนอหน้าชั้นเรียน
1. งานเขียนบรรยายและพรรณนา
2. ยอความ
3. จดหมายกิจธุระ
4. รายงานการศึกษาคนควาและรายงานโครงงาน
76
5. เรียงความ
6. บทวิจารณ
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. การเขียนยอความ ทําใหสามารถเก็บสาระสําคัญของสิ่งที่อานหรือฟงไดอยางครบถวน และสามารถกลับไปทบทวนไดอีกในภายหลัง สวนการเขียนบรรยาย
และการเขียนพรรณนามีประโยชนตอการเขียนสื่อสารในชีวิตประจําวัน เพราะการเขียนบรรยายจะทําใหผูเขียนสามารถอธิบายเนื้อหาสาระตางๆ ไดเปนลําดับขั้น
ในขณะที่การเขียนพรรณนาจะทําใหผูเขียนสามารถระบุรายละเอียดของสิ่งตางๆ หรือเรื่องใดเรื่องหนึ่งไดอยางชัดเจน
2. การเขียนรายงานการศึกษาคนควา ผูเขียนจะตองเรียบเรียงเนื้อหาสาระดวยความเขาใจและใชสํานวนภาษาของตนเอง การเขียนรายงานโครงงาน ผูเขียนจะตองระบุ
รายละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการปฏิบัติโครงงานอยางชัดเจน นําเสนอผลการปฏิบัติใหเขาใจงาย
3. การเขียนจดหมายกิจธุระสามารถนําไปประยุกตใชในชีวิตประจําวันได เชน การติดตอกับหนวยงานราชการเรื่องการขอเขาชมสถานที่ การติดตอกับหนวยงานเอกชน
เพื่อสมัครงาน เปนตน
4. การเขียนวิเคราะห ผูเขียนจะตองมีความรู ความเขาใจในเรื่องที่วิเคราะหเปนอยางดี อธิบายใหเห็นรายละเอียด ลักษณะองคประกอบภายในของเรื่องนั้นๆ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
หรือเหตุการณใดเหตุการณหนึ่ง โดยใชภาษาที่กระชับ ชัดเจน ตรงไปตรงมา
5. การเขียนแสดงความคิดเห็นกับการเขียนโตแยงมีลักษณะการเขียนที่เหมือนกัน เพราะการเขียนโตแยงเปนสวนหนึ่งของการเขียนแสดงความคิดเห็น ซึ่งการโตแยง
คือ การที่ผูเขียนยกเหตุผลขึ้นมาเพื่อสนับสนุนความคิดเห็นของตน และยกเหตุผลเพื่อพิสูจนหรือแสดงใหเห็นจริงวา ความคิดเห็นของอีกฝายหนึ่งไมเปนความจริง
76 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ตอนที่ ó การพัฒนาทักษะการฟง
การดู และการพูด
1. ครูนําเขาสูการเรียนการสอนเกี่ยวกับ
การพัฒนาทักษะการฟง การดู และการพูด
โดยใหนักเรียนอานออกเสียงทํานองเสนาะ
บทรอยกรองทีป่ รากฏในหนังสือเรียนภาษาไทย
หนา 77 โดยพรอมเพรียงกัน จากนั้นให
รวมกันแสดงความคิดเห็นวา ผูแ ตงบทรอยกรอง
ดังกลาวมีเจตนาอยางไร ควรใชวิธีการสุม
เรียกชื่อ เพื่อกระตุนบรรยากาศของการแสดง
ความคิดเห็นในชั้นเรียน
(แนวตอบ ผูเขียนตองการสื่อสารใหผูรับสาร
ทราบวา บุคคลทุกคนในสังคมไมวาจะดํารง
สถานภาพใดก็ตาม ยอมไมตอ งการใหบคุ คลอืน่
หรือผูที่สื่อสารดวยใชถอยคําที่ไมสุภาพ
ขณะสื่อสาร)
2. ครูตั้งคําถามกับนักเรียน เพื่อฝกใชทักษะ
การคิดวิเคราะห
• นักเรียนคิดวาทักษะการฟง การดู และ
การพูดมีความสัมพันธกันอยางไร แลวมี
แนวทางอยางไรเพื่อพัฒนาทักษะดังกลาว
(แนวตอบ มนุษยรับสารดวยการฟง การดู
และการอาน สงสารดวย การเขียน
และการพูด สําหรับการฟง และการดูเรื่อง
หนึ่งๆ ผูรับสารยอมเกิดความรูสึก
หลายประการหลังจากฟงและดูจบ เชน
เกิดความสงสัย เกิดความคิดเห็นที่แตกตาง
สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน ไมเหมือนแมนพจมานที่หวานหอม ออกไป จึงตองใชวิธีการพูดหรือการเขียน
กลิ่นประเทียบเปรียบดวงพวงพะยอม อาจจะนอมจิตโนมดวยโลมลม เพื่อสื่อความรูสึก ความคิดของตนเอง
แมนลอลามหยามหยาบไมปลาบปลื้ม ดังดูดดื่มบอระเพ็ดตองเข็ดขม การพัฒนาทักษะการฟงและการดูสามารถ
ผูดีไพรไมประกอบชอบอารมณ ใครฟงลมเมินหนาระอาเอย กระทําได โดยผูฟงและดูควรเลือกรับสาร
(สักวา: พระเจาบรมวงศเธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ) อยางหลากหลาย ไมจาํ กัดอยูเ ฉพาะทีต่ นเอง
ชอบหรือสนใจ ใชวิจารณญาณขณะรับชม
คิดตั้งคําถามเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ กับตนเอง
เพื่อใหเกิดความคิดที่กวางไกล สวนทักษะ
การพูดสามารถพัฒนาไดโดยวิธีการศึกษา
หลักเกณฑ แลวนําไปฝกฝนอยางสมํ่าเสมอ)
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนในตอนที่ 3 การพัฒนาทักษะการฟง การดู และการพูด
ทักษะทางภาษาที่นักเรียนตองไดรับการฝกฝนไปพรอมๆ กัน คือ ทักษะการรับสาร
และทักษะการสงสาร สําหรับเปาหมายสําคัญของทักษะการรับสาร คือ นักเรียนมี
ความรู ความเขาใจ และรูเทาทันสื่อแตละประเภทในชีวิตประจําวัน มีแนวทาง
สําหรับการฟงและดูสื่ออยางมีประสิทธิภาพ
เปาหมายสําคัญของทักษะการสงสาร คือ นักเรียนมีวิจารณญาณในการสงสาร
ตองมีความรู ความเขาใจวา ควรเลือกเรื่องที่มีลักษณะเนื้อหาอยางไรมาถายทอด
ใหผูฟงซึ่งมีวัย ความรู ความคิด ประสบการณ และคานิยมแตกตางกัน พูดอยางไร
ใหสัมฤทธิผลตามจุดมุงหมายที่กําหนดไว
การจะบรรลุเปาหมายทั้งสองประการ ครูควรออกแบบการเรียนการสอน
ในลักษณะการเชื่อมโยงทักษะ โดยสรางสรรคกิจกรรมใหนักเรียนฝกทักษะการฟง
และการดู เพื่อนําสิ่งที่ไดฟงและดูมาแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็น วิเคราะห
ขอเท็จจริง ขอคิดเห็นและประเมินความนาเชื่อถือของสารรวมกันเพื่อฝกทักษะการพูด
คู่มือครู 77
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. นักเรียนสามารถระบุเกี่ยวกับองคประกอบของ
การสื่อสารได
2. นักเรียนสามารถระบุลักษณะสําคัญ ขอดี
และขอจํากัดของสื่อแตละประเภทในชีวิต
ประจําวันได
3. นักเรียนสามารถอธิบายเกี่ยวกับหลักการฟง
และดูสื่ออยางมีประสิทธิภาพ
4. นักเรียนเลือกฟงและดูสื่อไดอยางเหมาะสม
สามารถระบุสาระสําคัญ ขอเท็จจริง ขอคิดเห็น
ความนาเชื่อถือของเรื่องที่ฟงและดูได
5. นักเรียนสามารถประเมินความเหมาะสม
ของพฤติกรรมการฟงและดูสื่อที่กําหนดใหได
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
ñ
3. ความสามารถในการใชทักษะชีวิต
4. ความสามารถในการใชเทคโนโลยี
หนวยที่
คุณลักษณะอันพึงประสงค หลักการฟงและการดูสื่อ
1. มีวินัย
2. ใฝเรียนรู
ตัวชี้วัด ก ารรั บ สารในชี วิ ต ประจํ า วั น
ท ๓.๑ ม.๒/๒, ๓, ๖ ทั้งการฟงและการดู เปนการเปดตาดู
3. มุงมัน่ ในการทํางาน ■ วิเคราะหขอเท็จจริง ขอคิดเห็น และความนาเชื่อถือของขาวสาร เปดหูฟง เพื่อรับรูเรื่องราวเขาสูสมอง
จากสื่ือตางๆ โดยเก็ บ ประเด็ น หรื อ ใจความสํ า คั ญ
■ วิเคราะหและวิจารณเรื่องที่ฟงและดูอยางมีเหตุผล เพื่อนําขอคิด
มาประยุกตใชในการดําเนินชีวิต ตั้งแตตนจนจบ นํามาคิดวิเคราะหอยางมี
■ มีมารยาทในการฟง การดู และการพูด ระบบ ระเบียบ และมีมารยาทกอนนําไปพูด
กระตุน้ ความสนใจ Engage ในโอกาสตางๆ อยางถูกตอง เหมาะสม และ
มีมารยาท
นักเรียนสํารวจทักษะการฟง การดู และการพูด สาระการเรียนรูแกนกลาง
การพูดวิเคราะหและวิจารณจากเรื่องที่ฟงและดู
ในชีวิตประจําวันของตนเองวามีลักษณะอยางไร
■
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็นได
อยางอิสระ จึงทําใหไดคําตอบที่หลากหลาย) ๗๘
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรู หลักการฟงและการดูสื่อ เปาหมายสําคัญคือ
นักเรียนมีความรู ความเขาใจ สามารถระบุองคประกอบของการสื่อสาร รูเทาทันสื่อ
ทั้งขอดีและขอจํากัด มีหลักในการฟงและดูสื่ออยางมีประสิทธิภาพ โดยสามารถระบุ
สาระสําคัญ ขอเท็จจริง ขอคิดเห็น และความนาเชื่อถือ รวมถึงมีหรือระบุมารยาท
ที่เหมาะสมขณะฟงและดูสื่อในที่สาธารณะ
การจะบรรลุเปาหมายดังกลาว ครูควรออกแบบการเรียนการสอนโดยใหนักเรียน
เปนผูสืบคนองคความรูดวยตนเองเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหวางทักษะการฟง การดู
และการพูด หลักการฟงและดูสื่ออยางมีประสิทธิภาพ ครูสรางสรรคกิจกรรม
ใหนักเรียนนําเนื้อหาสาระที่ไดจากการฟงและดูสื่อในชีวิตประจําวันมารวมกันวิเคราะห
แสดงความคิดเห็นในชั้นเรียน กระตุนใหเกิดการตั้งคําถามเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ เพื่อสรุป
ความเปนไปได หรือความนาเชื่อถือ
การเรียนการสอนในลักษณะนี้จะชวยพัฒนาใหนักเรียนเปนผูมีวิจารณญาณและใช
วิจารณญาณในขณะรับ สงสาร นําหลักการไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน
78 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา
Engage Explore อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูขออาสาสมัครนักเรียนจํานวนทั้งสิ้น 8 คน
๑ ความรู้พื้นฐานในการฟังและการดูสื่อ หรืออาจจะนอยหรือมากกวานี้ ขึ้นอยูกับดุลยพินิจ
ของครู จากนั้นใหออกมายืนหนาชั้นเรียน
๑.๑ ความหมาย โดยแตละคนยืนหันขางดานซายมือของตนเอง
การฟัง แตกต่างจากการได้ยิน เพราะการได้ยินเป็นเพียงการรับรู้เสียง แต่การฟัง หมายถึง ใหกับเพื่อนๆ ในชั้นเรียน ครูนําขอความที่มีขนาด
การรับรู้ แล้วแปลความหมายของเสียงที่ได้ยิน ดังนั้น การฟังจึงสัมพันธ์กับกระบวนการคิด ความยาวไมตํ่ากวา 2 บรรทัด ใหนักเรียนที่ยืน
การดู เป็นวิธีการรับสารผ่านประสาทตาหรืออาจเป็นการท�างานประสานกันระหว่างประสาท หัวแถวอานในใจ เมื่อจําไดแลวจึงบอกตอใหกับ
ตาและหู ในกรณีที่สารนั้นเป็นทั้งภาพและเสียง แล้วจึงแปลความหมาย ดังนั้น การฟังและการดูจึงเป็น เพื่อนคนที่ 2 ดวยวิธีการกระซิบ คนที่ 2 บอกตอ
ทักษะการรับสารที่ท�าให้มนุษย์รับรู้และตอบสนองความต้องการของกันและกันได้ถูกต้อง คนที่ 3 ดวยขอความที่ไดยิน ทําตอไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งถึงคนสุดทาย ครูใหนักเรียนคนสุดทาย
๑.๒ องค์ประกอบของการสือ่ สาร บอกขอความที่ไดยิน แลวตรวจสอบวาตรงกับ
๑) ผู้ส่งสาร หมายถึง บุคคลหรือกลุ่มบุคคลซึ่งมีความตั้งใจที่จะถ่ายทอดความรู้ ความคิด ขอความที่ครูกําหนดไวหรือไม
ข้อมูล ข่าวสารไปยังผู้รับสาร โดยอาจใช้กลวิธีถ่ายทอดผ่านภาษา ตลอดจนใช้อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบ
ในการส่งสาร ส�ารวจค้นหา Explore
๒) สาร หมายถึง เรื่องราวหรือเนื้อหาสาระที่ผู้ส่งสารต้องการส่งไปยังผู้รับสาร โดยใช้สื่อ
เป็นตัวกลางในการถ่ายทอด 1. นักเรียนจับกลุมยอย กลุมละ 3 คน รวมกัน
๓) ผู้รับสาร หมายถึง ผู้ที่รับฟังเรื่องราวจากผู้ส่งสาร แล้วน�ามาแปลความหมาย ไตร่ตรอง สืบคนความรูในประเด็น “กระบวนการสื่อสาร
ใคร่ครวญเพื่อน�า1สิ่งที่ได้รับไปประยุกต์ใช้ ของมนุษย” โดยวิธีการสืบคนตองไดจาก
๔) สื่อ หมายถึง ตัวกลางในการถ่ายทอดสารจากผู้ส่งสารไปยังผู้รับสาร การสังเกตผานกิจกรรมในกระบวนการ
๕) ผลการสือ่ สาร หมายถึง ปฏิกริ ยิ าตอบสนองของผูร้ บั สาร เช่น ปฏิบตั ติ ามทีผ่ สู้ ง่ สารแนะน�า กระตุนความสนใจ (Engage) บันทึกขอมูล
ที่ไดแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ลงสมุด
๑.๓ ความสําคัญของการฟังและการดูสอื่ 2. นักเรียนกลุมเดิมรวมกันสืบคนความรู
การฟังและการดู เป็นทักษะการรับสารที่ใช้มากที่สุดในชีวิตประจ�าวัน เพราะสื่อต่างๆ ได้รับ ในประเด็น “มารยาทในการฟงและดู” เพื่อนํา
การพัฒนาให้มีคุณภาพและมีความหลากหลาย การฟังและการดูจึงมีความส�าคัญ และจ�าเป็นส�าหรับ ความรู ความเขาใจ มาใชประเมินพฤติกรรม
สังคมยุคใหม่ซึ่งสามารถสรุปได้ ดังนี้ ของบุคคลและระบุแนวทางปฏิบัติตนที่ถูกตอง
๑) ช่วยพัฒนาสติปัญญา การฟังและการดูช่วยให้ผู้รับสารมีความรอบรู้ในเรื่องราวต่างๆ ในสถานการณการฟงที่กําหนด
มีความทันสมัย ทันเหตุการณ์ เช่น ข่าวกีฬา ข่าวการเมือง ข่าวบันเทิง เป็นต้น
๒) ช่วยให้สนุกสนานเพลิดเพลินใจ การฟังและการดูช่วยให้ผู้รับสารผ่อนคลายจาก
ความเครียด เช่น การฟังเพลง ฟังละครวิทยุ หรือชมละคร ชมภาพยนตร์ ชมรายการทางโทรทัศน์ เป็นต้น
๓) ช่วยพัฒนาสังคม การฟังและการดูชว่ ยให้ผรู้ บั สารมีวจิ ารณญาณ มีจติ ใจประณีต งดงาม
มีสติ รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไม่วู่วาม ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ส�าคัญของการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมอย่างมีความสุข
79
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
การฟงและดูสื่อในขอใดสะทอนใหเห็นความสําคัญของการฟงและดูสื่อ
กิจกรรมที่ใหนักเรียนปฏิบัติในกระบวนการกระตุนความสนใจ (Engage)
ที่ชวยพัฒนาดานสติปญญา
มีเปาหมายสําคัญเพื่อใหนักเรียนตั้งขอสังเกตเกี่ยวกับกระบวนการสื่อสารของมนุษย
1. อมรชมละครหลังขาว
โดยกิจกรรมดังกลาวจะสะทอนใหเห็นวากระบวนการสือ่ สารของมนุษยมอี งคประกอบ
2. เอมอรชมภาพยนตรในโรงภาพยนตร
สําคัญใดบาง มีความสําคัญตอชีวิตประจําวันและสังคมมนุษยอยางไร และหาก
3. เอกชมสารคดีเกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยีนาโน
กิจกรรมที่ใหปฏิบัติ นักเรียนคนสุดทายระบุขอความที่ไดยินไมตรงกับขอความที่
4. อุษาชมการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ที่โรงละครแหงชาติ
กําหนดไว ยอมแสดงใหเห็นถึงความผิดพลาดในกระบวนการสื่อสาร ครูควรกระตุน
วิเคราะหคําตอบ การฟงและดู เปนทักษะการรับสารที่ใชมากที่สุดในชีวิต ใหนักเรียนระบุใหไดวาความผิดพลาดนั้นๆ มีลักษณะอยางไรและเกิดจากอะไร
ประจําวัน โดยการรับสารชวยพัฒนามนุษยในดานตางๆ หลายประการ เชน
พัฒนาสติปญญา พัฒนาจิตใจ ใหความเพลิดเพลิน เปนตน การชมละคร
ภาพยนตร และการแสดงโขน ถือเปนการรับสารเพื่อใหเกิดความเพลิดเพลิน นักเรียนควรรู
แตการรับชมสารคดีซึ่งมีเนื้อหาสาระที่ใหความรูเกี่ยวกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ญา ดังนัน้ จึงตอบขอ 3.
ถือเปนการเลือกฟงและดูสอื่ ทีช่ ว ยพัฒนาดานสติปญ 1 สื่อ นอกจากวิทยุ โทรทัศน แลว ตัวกลางในการถายทอดสารจากผูสงสารไปยัง
ผูรับสาร ยังปรากฏในรูปแบบของการแสดงสีหนา การใชมือ การวางตัว
คู่มือครู 79
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย
ความรูแ บบโตตอบรอบวงเกีย่ วกับกระบวนการสือ่ สาร ๔) ช่วยพัฒนาจิตใจ การฟังและการดูข้อความหรือเรื่องราวที่มีเนื้อหาให้ข้อคิด คติชีวิต
ของมนุษย โดยใชความรู ความเขาใจ ที่ไดรับจาก จะช่วยยกระดับหรือพัฒนาจิตใจให้ด�าเนินไปในทางที่ดีงาม ท�าให้ชีวิตมีความสุข สงบ เช่น การฟัง
การสืบคนรวมกับเพื่อน เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับ ธรรมบรรยาย พระบรมราโชวาท โอวาท เป็นต้น
ตอบคําถาม การฟังและการดูบางประเภท เช่น ฟังเพลง ดูละคร นอกเหนือจากการได้รับความบันเทิง
• ทักษะการฟงและดูสื่อมีลักษณะสําคัญ ผู้ฟังและดูยังสามารถเก็บข้อคิด คุณค่าจากการฟังและดูนั้นๆ ไปใช้ประโยชน์ได้ หรือการฟังและดู
อยางไร ประเภทบันเทิงคดีชว่ ยผ่อนคลายความตึงเครียดจากการท�างานหรือจากปัญหาต่างๆ ในชีวติ ประจ�าวัน
(แนวตอบ การฟงเปนทักษะการรับสารซึ่งเกิด นอกจากนี้ยังสามารถฟังวิทยุเพื่อคลายเหงา เมื่อท้อใจ เสียใจ เศร้าใจ เมื่อล้มเหลวในการแก้ปัญหา
จากกระบวนการทํางานของระบบประสาท การฟังค�าแนะน�าจากพ่อ แม่ ครู อาจารย์ หรือฟังการบรรยายธรรมก็ท�าให้จิตใจที่ว้าวุ่นเกิดความสุข
แลวจึงแปลเสียงที่ไดยินเปนความหมาย สงบ เกิดความคิดที่ถูกต้อง และมองเห็นทางแก้ไขปัญหา
ในขณะทีก่ ารดูเปนทักษะการรับสารซึง่ เกิดจาก หากผู้รับสารรับรู้ข่าวสาร เรื่องราวต่างๆ โดยไม่คิดวิเคราะห์ ไตร่ตรอง ให้ละเอียดรอบคอบ
การทํางานของระบบประสาทตา แลวจึงแปล ผู้รับสารอาจตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาชวนเชื่อ ผู้รับสารจึงต้องคิดวิเคราะห์จุดประสงค์ของผู้ส่งสาร
สัญลักษณที่เห็นเปนความหมาย ดังนั้นทักษะ ตลอดจนประเมินประโยชน์หรือคุณค่าที่ได้รับ ซึ่งจะเป็นการฟังและดูที่เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
การฟงและดูจึงเปนทักษะการรับสาร
ซึ่งเกิดจากการทํางานที่สัมพันธกันระหวาง
๑.๔ มารยาทในการฟังและดู
ประสาทหูและตา) บุคคลควรมีมารยาทในการฟังและดูโดยปฏิบัติตามแนวทาง ดังนี้
• จากกิจกรรมที่ใหปฏิบัติในกระบวนการ ๑) มีจุดมุ่งหมาย ผู้ฟังและดูที่ดีจ�าเป็นจะต้องก�าหนดจุดมุ่งหมายให้ชัดเจน เช่น ฟังและดู
กระตุนความสนใจ องคประกอบของการ เพื่อความบันเทิงจรรโลงใจหรือเพื่อรับทราบข้อมูลข่าวสาร การตั้งจุดมุ่งหมายจะท�าให้ได้รับประโยชน์
สื่อสารประกอบดวยอะไรบาง จากการฟังและดูมากขึ้น
(แนวตอบ ผูสงสาร สาร ผูรับสาร และสื่อ) ๒) วางใจเป็นกลาง ผู้ฟังและดูที่ดีจะต้องเริ่มจากการวางใจเป็นกลางและใช้วิจารณญาณ
• ทักษะการฟงและดูมีความสําคัญ ในการรับสารเพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน
ตอชีวิตประจําวันของนักเรียนอยางไร ๓) ฟังและดูอย่างตั้งใจ อดทน ผู้ฟังและดูที่ดีจะต้องมีสมาธิ ควบคุมจิตใจให้จดจ่อก่อน
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น ที่จะรับสาร อดทนต่ออุปสรรคที่ขัดขวางการฟังและดู เช่น ไม่มีสมาธิ เสียงดังรบกวน สุขภาพไม่ดี
ไดอยางอิสระ ขึ้นอยูกับทัศนคติสวนตน) เก้าอี้นั่งไม่สบาย เป็นต้น
• จากสถานการณที่เพื่อนคนสุดทาย ๔) มีปฏิกริ ยิ าตอบสนอง ผูฟ้ งั และดูทดี่ คี วรตอบสนองต่อสารและผูส้ ง่ สารด้วยสีหน้า แววตา
ระบุขอความไมตรงกับเพื่อนคนที่ 1 ที่สื่อถึงความสนใจและแสดงออกอย่างจริงใจ
หรือขอความที่ครูกําหนดไว แสดงใหเห็น ๕) มีการซักถาม ผู้ฟังและดูที่มีข้อสงสัยควรซักถามอย่างสุภาพ ไม่แฝงเจตนาเพื่อทดสอบ
อุปสรรคในการสื่อสารอยางไร ความรูข้ องผูส้ ง่ สาร ถามในเวลาทีเ่ หมาะสม ไม่เป็นการขัดจังหวะการสือ่ สาร หรือท�าลายบรรยากาศการฟัง
(แนวตอบ อุปสรรคในการสื่อสาร สามารถ ของผู้อื่น
เกิดขึ้นไดกับทุกองคประกอบของการสื่อสาร ๖) ไม่รบกวนสมาธิของผู้อื่น ผู้ฟังและดูไม่ควรน�าอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปรับประทาน
ไดแก ผูสงสาร ผูรับสาร สาร และสื่อ เชน ในระหว่างการฟังและดู รวมถึงไม่พูดคุยส่งเสียงดังกับเพื่อน คนรู้จัก หรือสนทนาผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่
ผูสงสารไมมีความพรอมขณะสงสาร ผูรับสาร
ขาดสมาธิขณะรับสาร สารที่สงมีความยาว 80
เกินไป การเลือกใชสื่อไมเหมาะสม)
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนในหัวขอ มารยาทในการฟงและดู ครูควรสุมเรียกชื่อนักเรียน นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับลักษณะของอุปสรรคในกระบวนการสื่อสาร
เพื่ออธิบายความรูเกี่ยวกับมารยาทในการฟงและดูสื่ออยางเหมาะสมในสถานที่ ของมนุษย ซึ่งเกิดขึ้นขณะสื่อสาร พรอมยกตัวอยางที่ชัดเจนประกอบ
สาธารณะ จากนั้นจึงยกตัวอยางพฤติกรรมของบุคคลตอไปนี้ แลวใหนักเรียน คําอธิบาย นําขอมูลมาแลกเปลี่ยนเรียนรูซึ่งกันและกันภายในชั้นเรียน
รวมกันแสดงความคิดเห็นวา เปนพฤติกรรมที่เหมาะสมหรือไม เชน
• ปญญายกมือถามขอสงสัยทันทีที่วิทยากรกําลังบรรยาย
• เรณูปรบมือเสียงดังเพื่อแสดงความชื่นชม เมื่อการแสดงละครเวทีจบลง กิจกรรมทาทาย
โดยครูควรยกตัวอยางสถานการณที่หลากหลายและเปนจํานวนมากกวาที่ระบุไว
นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับลักษณะสําคัญขององคประกอบการสื่อสาร
ของมนุษย ไดแก ผูสงสาร ผูรับสาร สาร และสื่อ นําขอมูลมาแลกเปลี่ยน
เรียนรูซึ่งกันและกันภายในชั้นเรียน
80 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา
Engage Explore อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูชวนนักเรียนสนทนาเกี่ยวกับสื่อประเภท
๒ สื่อในชีวิตประจÓวัน ตางๆ ที่ตนเองพบเห็นในชีวิตประจําวัน จากนั้น
ตั้งคําถามวา
สือ่ มีความส�าคัญต่อสังคมมนุษย์เพราะสังคมมีการเคลือ่ นไหวอยูต่ ลอดเวลา คนในสังคมจึงจ�าเป็น • ในชีวิตประจําวันนักเรียนรับสารจากสื่อ
ต้องได้รับทราบข้อมูล ข่าวสารอย่างรวดเร็ว เพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ความเปลี่ยนแปลงและปรับตัว ประเภทใดมากที่สุด เพราะเหตุใด
เข้ากับสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม สื่อจึงมีบทบาทส�าคัญในฐานะเป็นตัวกลางในการถ่ายทอดข้อมูล (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
เนื่องจากเทคโนโลยีการสื่อสารเจริญก้าวหน้ามากขึ้น ท�าให้สื่อในปัจจุบันมีหลากหลายชนิดโดยสื่อที่ ไดอยางอิสระ คําตอบที่ไดจึงมีความ
พบเห็นในชีวิตประจ�าวัน มีดังนี้ี หลากหลายตามประสบการณสวนตนและ
คานิยมของแตละคน)
๒.๑ สือ่ สิง่ พิมพ์ • นักเรียนคิดวาสื่อแตละประเภทมีขอดี
ในชีวติ ประจ�าวันมนุษย์สามารถรับรูข้ อ้ มูล ข่าวสาร หรือหาความรู้ ความบันเทิงใจได้จากสือ่ สิง่ พิมพ์ ขอจํากัดแตกตางกันหรือไม อยางไร
ชนิดต่างๆ เช่น นิตยสาร วารสาร จุลสาร เป็นต้น แต่ในทีน่ จี้ ะน�าเสนอสือ่ สิง่ พิมพ์ทพี่ บเห็นและผูร้ บั สาร และเปนสาเหตุใหเกิดสิ่งใด
สามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุด คือ หนังสือพิมพ์ (แนวตอบ สื่อทุกประเภทในชีวิตประจําวัน
หนังสือพิมพ์เป็นสื่อในรูปแบบสิ่งพิมพ์ที่รับสารผ่านการดูและอ่านข้อความ มีหลายประเภท ลวนมีขอดีและขอจํากัดแตกตางกัน เชน
ทั้งรายวัน รายสัปดาห์ รายปักษ์ รายเดือน เป็นสื่อที่มีมานานกว่าสื่อชนิดอื่นๆ และได้รับความนิยม หนังสือพิมพ มีขอดี คือ คนทุกเพศทุกวัย
แพร่ ห ลาย โดยเฉพาะหนั ง สื อ พิ ม พ์ ร ายวั น เพราะสามารถหาอ่ า นได้ ส ะดวกและมี ร าคาย่ อ มเยา สามารถเขาถึงได ไมจํากัดเวลา สถานที่
หนังสือพิมพ์จะน�าเสนอข่าวสาร ความเคลือ่ นไหวทุกด้าน ทัง้ ด้านการเมือง ด้านวิชาการ กีฬา เศรษฐกิจ หางายและมีราคาถูก แตก็ยังมีขอจํากัด คือ
สังคม วัฒนธรรม การศึกษา และบันเทิง ข้อดีของสื่อหนังสือพิมพ์ คือ เป็นสื่อถาวรที่ใช้อ้างอิงได้ ผูรับสารอาจไดรับอรรถรสไมไดเทากับ
การรับชมผานสื่อวิทยุ โทรทัศน เปนตน
๒.๒ สือ่ วิทยุกระจายเสียง และวิทยุโทรทัศน์ ขอจํากัดที่เกิดขึ้นนั้น สงผลใหเกิดสื่อแตละ
วิทยุกระจายเสียงเป็นการส่งข้อมูล ข่าวสารด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความรวดเร็วใน ประเภทที่มีความหลากหลาย เพื่อแกไข
การสื่อสาร เหมาะกับการส่งสารประเภทข่าวที่ต้องการความรวดเร็ว เนื้อหามีความหลากหลาย ขอจํากัดของสื่ออื่นๆ สนองตอบความ
ทัง้ บันเทิงคดีและสารคดี ซึง่ รายการวิทยุในอดีตเป็นการสือ่ สารทางเดียวกล่าวคือ ผูจ้ ดั รายการวิทยุหรือ ตองการบริโภคขาวสาร สาระ และความ
ผู้ส่งสารไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ฟัง แต่ปัจจุบันผู้ผลิตบางรายการได้น�าเทคโนโลยีการสื่อสารมา บันเทิงของผูรับสาร)
ใช้เป็นประโยชน์แก่การผลิตรายการ เช่น การใช้โทรศัพท์สนทนาระหว่างผู้จัดรายการกับผู้ฟังรายการ
เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือสอบถามปัญหา ส�ารวจค้นหา Explore
วิทยุโทรทัศน์เป็นการสื่อสารด้วยภาพและเสียง โดยการส่งสัญญาณด้วยคลื่นวิทยุเพื่อสื่อ
นักเรียนจับคูกับเพื่อนตามความสมัครใจ
ความหมาย ผู้รับสารต้องมีทักษะการตีความสาร ซึ่งส่งผ่านภาพและเสียง เพราะผู้ผลิตสื่อมักใช้
รวมกันสืบคนความรูในประเด็น “สื่อในชีวิต
สี เสียง ภาพ ขนาด รูปแบบ เพื่อช่วยสื่อความและดึงดูดความสนใจของผู้รับสาร ดังนั้น ผู้รับสารจึง ประจําวัน” ใหครอบคลุมทั้งสื่อสิ่งพิมพและสื่อ
ต้องมีสมาธิและทักษะในการใช้ประสาทสัมผัสทางหูและตาไปตลอดการชมสื่อ ทั้งนี้เพื่อไม่ให้พลาด อิเล็กทรอนิกส โดยสามารถสืบคนความรูไดจาก
การรับสารในช่วงใดช่วงหนึง่ ไป เพราะอาจท�าให้การรับสารหรือการสือ่ ความผิดจากทีผ่ สู้ ง่ สารก�าหนดไว้ แหลงขอมูลตางๆ ทีเ่ ขาถึงได และมีความนาเชือ่ ถือ
81
บันทึกขอมูลทีเ่ ปนประโยชน ลงสมุด เพือ่ ใชสาํ หรับ
การปฏิบัติกิจกรรมตอๆ ไป
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T บูรณาการ
เศรษฐกิจพอเพียง
สื่อในขอใดมีความสัมพันธกับขอความที่กําหนดใหตอไปนี้
“การใชภาษามีลักษณะแปลกใหม เพื่อสะดุดตา สะดุดใจผูอาน ใชภาษา ความเจริญกาวหนาดานเทคโนโลยี ทําใหเกิดสื่อตางๆ นําไปสูพฤติกรรมการ
ระดับกึ่งทางการ มีการใชคําเฉพาะกลุม” วิ่งตามเทคโนโลยี นักเรียนจะมีวิธีการอยางไรที่จะแกไขปญหาดังกลาว เพื่อใหคน
1. วิทยุ ใกลชิด เปนตนวา ผูปกครอง เพื่อน เกิดความพอเพียงในการบริโภคสื่อใหเหมาะสม
2. นิตยสาร กับตนเองในมิติตางๆ เชน ความจําเปน ฐานะทางเศรษฐกิจ โดยใช Road map
3. โทรทัศน เพื่อแสดงวิธีการและขั้นตอน
4. หนังสือพิมพ
วิเคราะหคําตอบ หนังสือพิมพจัดเปนสื่อสิ่งพิมพที่นําเสนอขาวสาร สาระ
และความบันเทิงใหแกผูรับสาร มีรูปแบบการใชภาษาที่แปลกใหม กระตุน ให
ผูอ า นเกิดความสนใจ ใครรู หลังจากอานพาดหัวขาว นอกจากนี้ยังปรากฏ
การใชถอยคํางายๆ คําเฉพาะกลุม เชน ในขาวกีฬาจะใชฉายาของทีม
ฟุตบอลในการพาดหัวขาว เชน “ราชันยชุดขาว” “สิงโตคําราม” เปนตน
หากผูอานที่ไมทราบความหมายของคําเหลานี้ อาจทําใหรับสารได
ไมครบถวน หรือตีความคลาดเคลื่อน ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
คู่มือครู 81
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับสื่อ ๒.๓ สือ่ สังคมออนไลน์
ในชีวิตประจําวัน โดยใชความรู ความเขาใจ สือ่ สังคมออนไลน์ หมายถึง ช่องทางการติดต่อสือ่ สารผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทีผ่ สู้ ง่ สาร
ที่ไดรับจากการสืบคนรวมกับเพื่อน และพื้นฐาน และผู้รับสารโต้ตอบกันได้ เป็นสื่อรูปแบบใหม่ที่บุคคลทุกเพศ ทุกวัยเข้าถึง น�าเสนอ เผยแพร่ข้อมูล
หรือรองรอยความรูเดิมของตนเอง เปนขอมูล ข่าวสารต่างๆ ได้ด้วยตนเองสู่สาธารณะ โดยใช้
เบื้องตนสําหรับตอบคําถาม 1 อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สื่อสารประเภทต่างๆ
สื่อสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน เช่น Facebook, Twitter, Google Plus, MySpace, YouTube, Blog
• จากภาพประกอบในหนังสือเรียนภาษาไทย
รวมทั้งเว็บไซต์ต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศ เช่น File sharing, photo sharing, video sharing และ
หนา 82 นักเรียนคิดวาปจจัยใดที่ทําให
กระดานข่าว (webboard)
บุคคลทั้งสองแสดงทาทางในลักษณะดังกลาว
สื่อสังคมออนไลน์เป็นช่องทางหนึ่งที่ผู้ส่งสารเลือกใช้เพื่อสื่อสารข้อมูล และผู้รับสารเลือกใช้
ขณะรับชมสื่อโทรทัศน
เพื่อรับทราบข้อมูล ข่าวสาร มีแนวโน้มการใช้เพิ่มขึ้น ลักษณะเฉพาะของสื่อออนไลน์เป็นสาเหตุส�าคัญ
(แนวตอบ โทรทัศน เปนสื่อที่มีขอไดเปรียบ
ทั้งดานภาพและเสียง ซึ่งจะชวยกระตุน ที่ท�าให้บุคคลเลือกใช้ เพราะใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว ผู้ใช้สามารถสลับบทบาทแสดงความคิดเห็น
หรือมีอิทธิพลตออารมณ ความรูสึกของมนุษย ข้อมูลทีน่ า� มาเผยแพร่หลากหลาย นอกจากนีค้ วามเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทพี่ ฒ ั นาขีดความสามารถ
ดังนั้นการที่บุคคลทั้งสองแสดงทาทางใน ของคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือให้เพิ่มขึ้น กระแสสังคมก็เป็นส่วนหนึ่งที่ท�าให้บุคคลเลือกใช้
ลักษณะดังกลาว ยอมเปนผลมาจากการถูก สื่อออนไลน์แทนสื่อเดิมในชีวิตประจ�าวัน
กระตุนดวยภาพและเสียงขณะรับชม) ลักษณะทีโ่ ดดเด่นของสือ่ ออนไลน์ คือ การเปิดกว้าง สิง่ นีจ้ งึ เป็นข้อควรระวังของผูใ้ ช้บริการ ทุกครัง้
• สื่อตางๆ ในชีวิตประจําวัน มีลักษณะสําคัญ ทีร่ บั สารจากสือ่ ประเภทนี้ ไม่วา่ ด้วยการอ่าน หรือการฟังและดู จะต้องรูเ้ ท่าทันข้อมูล แยกแยะข้อเท็จจริง
ขอดีและขอจํากัดแตกตางกันอยางไร ออกจากข้อคิดเห็น ตรวจสอบความถูกต้อง น่าเชือ่ ถือของข้อมูลโดยเปรียบเทียบกับสือ่ อืน่ และก่อนทีจ่ ะ
(แนวตอบ สื่อสิ่งพิมพ : นําเสนอขาวสาร ส่งต่อข้อมูลควรตั้งค�าถามกับตนเองว่า ถ้าเผยแพร่จะส่งผลดีและผลเสียกับใคร อย่างไร
สาระและความบันเทิง มีขอดี คือ เปนสื่อ
ถาวรที่สามารถหาอานไดงาย ราคาถูก
แตมีขอจํากัดในเรื่องของเวลา เนื้อที่ในการ
นําเสนอ และการใชถอยคําภาษาที่มี
ลักษณะเฉพาะ
สื่ออิเล็กทรอนิกส : นําเสนอขาวสาร สาระ
และความบันเทิงไดสะดวก รวดเร็ว
นําเสนอสถานการณผานทางภาพและเสียง
เกิดการแลกเปลี่ยนขอมูลไดรวดเร็ว แตมี
ขอสังเกตในเรื่องการเขาถึง เพราะเปนสื่อ
ทีเ่ ขาถึงไดงา ย หากผูฟ ง และดูขาดวิจารณญาณ
ในการรับชมอาจทําใหเกิดผลเสียได) ▲ การสื่อสารผานสื่อสังคมออนไลนผูสื่อสารควรมีสติ รูจักยับยั้ง ไตรตรอง กอนสื่อสารหรือเชื่อขอมูล
82
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
การฟงและดูสื่อเปนทักษะการรับสารที่มีความสําคัญในชีวิตประจําวัน
1 Facebook คือ บริการทางอินเทอรเน็ตบริการหนึ่ง ที่ทําใหผูใชสามารถติดตอ
หากนักเรียนจะเลือกฟงและดูเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สิ่งใดคือตัวกําหนดการเลือก
สื่อสารและรวมทํากิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งหรือหลายกิจกรรมกับผูใช Facebook
รับสารของนักเรียน ยกตัวอยางประกอบใหชัดเจน
คนอื่นๆ ได เชน การตั้งประเด็นถามตอบ การโพสตรูปภาพหรือคลิปวิดีโอ การสง
ขอความสนทนากัน การเลนเกม ซึ่งในปจจุบัน Facebook เปน social network แนวตอบ สิง่ ทีเ่ ปนตัวกําหนดการเลือกรับสาร คือ จุดประสงค ซึง่ จุดประสงค
ที่ไดรับความนิยมอยางมาก โดยในประเทศไทยมีผูใชงาน Facebook มากเปน จะเปนตัวกําหนดทิศทางในการฟงและดู การเลือกรับสาร นอกจากนี้
อันดับ 6 ของโลก คือ ประมาณ 26.3 ลานคน (ขอมูลเดือน มกราคม พ.ศ. 2556) จุดประสงคยังกําหนดรูปแบบการดําเนินชีวิต ยกตัวอยางเชน ถาไมตองการ
ใหรา งกายของตนเองประกอบไปดวยไขมันทีม่ ากเกินไป ก็ตอ งเลือกรับประทาน
อาหารจําพวกผัก ผลไม ถั่ว และปลา หรือถาตองการใหบริเวณบานมีความ
รมเย็น ก็ควรเลือกปลูกตนไมทมี่ ลี กั ษณะการเจริญเติบโตแบบแผกิ่งกาน เชน
เดียวกัน ถามีความตึงเครียดจากการเรียน ตองการผอนคลาย ก็ตองเลือกฟง
และดูเรื่องที่ใหความบันเทิง เพลิดเพลินใจ เชน ละคร ภาพยนตร การตนู
มิวสิกวิดโี อ เปนตน จากตัวอยางขางตนจึงแสดงใหเห็นวา “จุดประสงค”
เปนตัวกําหนดการเลือกรับสาร
82 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา
Engage Explore อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
1. ครูกระตุนความสนใจและนําเขาสูหัวขอ
๓ หลักการฟังและการดูสื่ออย่างมีประสิท¸ิภาพ การเรียนการสอน หลักการฟงและดูสื่ออยาง
มีประสิทธิภาพ ดวยวิธีการอธิบายใหนักเรียน
การฟังและดูสื่อ ขึ้นอยู่กับความสนใจใฝ่รู้ของแต่ละบุคคลและความต้องการที่แตกต่างกัน มองเห็นความเชื่อมโยงของแตละขั้นตอน
ผู้ฟังและผู้ดูควรมีหลักการฟัง และการดูที่ถูกต้องเหมาะสม จึงจะได้ประโยชน์ตรงกับจุดมุ่งหมายและ ในการฟงและดูสื่อ โดยควรกลาวถึงประเด็น
สามารถน�าความรู้ ตลอดจนแนวคิดที่ได้รับไปปรับใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจ�าวัน ตอไปนี้
๓.๑ หลักการฟังและการดูสอื่ • จุดประสงคในการฟงและดูสื่อ
• การฟงและดูสื่อเบื้องตน
การฟังและดูสื่ออย่างมีประสิทธิภาพมีแนวปฏิบัติที่ผู้เรียนสามารถน�าไปใช้ได้ ดังนี้
2. นักเรียนสํารวจตนเองวา เมื่อไดฟงและดูสื่อ
๑) เตรียมความพร้อมก่อนการฟังและดู ท�าความเข้าใจเรือ่ งทีก่ า� ลังจะฟังและดูวา่ ผูพ้ ดู จะ ตางๆ จนจบตลอดทั้งเรื่องแลว เคยตั้งคําถาม
บรรยายในประเด็นใด มีขอบเขตเนื้อหามากน้อยเพียงใด รวมถึงการเตรียมความพร้อมทั้งร่างกายและ เหลานี้กับตนเองบางหรือไม
จิตใจ ซึ่งการเตรียมความพร้อมจะช่วยให้ผู้ฟังท�าความเข้าใจเนื้อหาได้ครบถ้วน • เจตนาของผูสงสารคืออะไร
๒) ฟังและดูอย่างมีสมาธิ ตั้งแต่ต้นจนจบ เพราะจะท�าให้จับใจความหรือสาระส�าคัญ • ขอความใดเปนขอเท็จจริงและขอคิดเห็น
ของเรื่องได้ครบถ้วน ผู้ที่ขาดสมาธิจะพลาดเนื้อหาสาระส�าคัญซึ่งไม่สามารถย้อนกลับไปฟังและดูได้อีก • มีการบิดเบือนขอเท็จจริงของเรื่องหรือไม
๓) คิดทบทวนพิจารณาเรือ่ งทีฟ่ งั และดู โดยตัง้ ค�าถาม เช่น เป็นเรือ่ งเกีย่ วกับอะไร เนือ้ หา จากนั้นครูตั้งคําถามวา
ส่วนใดเป็นข้อเท็จจริง ส่วนใดเป็นข้อคิดเห็น ผู้พูดใช้เหตุผลใดสนับสนุนประเด็นที่น�าเสนอ หลักฐาน • นักเรียนคิดวาตนเองมีทักษะการฟงและดู
หรือตัวอย่างที่น�ามาใช้ประกอบมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ อยางไร หากไมสามารถตั้งคําถามขางตน
๔) จับประเด็นส�าคัญของเรือ่ งทีฟ่ งั และดู ผูฟ้ งั อาจสังเกตจากการเน้นย�า้ ของผูพ้ ดู การเว้น กับตนเองได
จังหวะ เพื่อให้เห็นความเชื่อมโยงของแต่ละประเด็น (แนวตอบ สาเหตุที่ไมสามารถตั้งคําถามได
๕) จดบันทึก โดยอาจใช้วิธีการจด บันทึกภาพ และเสียง ในกรณีที่เรื่องที่ฟังและดูไม่จ�ากัด เพราะมีทักษะการฟงและดูเพียงขั้นตน
ลิขสิทธิ์ แต่อย่างไรก็ตาม ควรขออนุญาตจากผู้พูดหรือผู้จัดงานก่อน การจดบันทึกเป็นวิธีการที่จะช่วย เปนการฟงและดูเพียงเพื่อรูวามีอะไรเกิดขึ้น
ให้จับใจความส�าคัญจากการฟังและดูได้เป็นอย่างดี นอกจากจะช่วยเตือนความจ�าแล้ว ยังช่วยให้ผู้ฟัง แตไมรูวาสิ่งเหลานั้นเกิดขึ้นไดอยางไร
และดูมีสมาธิกับเรื่องที่ฟัง ทําไมจึงเกิดขึ้น)
1
๖) ตรวจสอบเปรียบเทียบจากสือ่ อืน่ โดยหลังจากการฟังและดูอย่างตัง้ ใจแล้ว ผูฟ้ งั และดู
ควรพิจารณาตรวจสอบเปรียบเทียบข้อมูลกับสือ่ ประเภทอืน่ ๆ เพือ่ ความถูกต้องตรงกันก่อนน�าไปอ้างอิง ส�ารวจค้นหา Explore
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
พิจารณาพฤติกรรมของบุคคลที่กําหนดใหตอไปนี้ นักเรียนคาดการณวา
1 ตรวจสอบเปรียบเทียบจากสื่ออื่น การตรวจสอบเปรียบเทียบขอมูลที่ไดฟง
บุคคลใดนาจะประสบผลสําเร็จในการฟงมากที่สุด
และดู ควรเลือกแหลงเปรียบเทียบที่มีความนาเชื่อถือและควรกระทําดวยใจที่
1. กุกเสียบหูฟงขางหนึ่งเพื่อฟงเพลงจากคลื่นวิทยุขณะฟงอภิปราย
เปนกลาง ปราศจากอคติ พิจารณาขอมูลดวยเหตุผล ไตรตรองใหรอบคอบกอน
2. กรณสนทนากับกันตเกี่ยวกับประเด็นการอภิปรายที่พึ่งผานไปขณะฟง
ตัดสินใจเชื่อ ซึ่งการเปรียบเทียบขอมูลมีความเกี่ยวของกับการฟงและดูเพื่อจับใจ
3. ไกฟงการอภิปรายอยางตั้งใจแตไมสามารถจับใจความสําคัญของเรื่องได
ความสําคัญ โดยผูรับสารจะตองจับใจความหรือสาระสําคัญของสิ่งที่ไดฟงและดู
4. แกวบันทึกเสียงของผูอภิปรายขณะฟงการอภิปราย แลวนําไปเปดฟง
เพื่อเปรียบเทียบใหไดวาเหตุการณเดียวกัน แตเมื่อรับผานสื่อตางประเภทกัน ใจความ
อีกครั้งหนึ่งที่บาน เพื่อสรุปสาระสําคัญลงในแบบบันทึกการฟง
สําคัญเปลี่ยนแปลงไปหรือไม มีการบิดเบือนขอเท็จจริงหรือไม อยางไร ซึ่งการฟง
วิเคราะหคําตอบ การฟงและดูสื่อเพื่อใหเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ผูฟง และดูในลักษณะดังกลาว ถือเปนการฟงและดูสื่ออยางมีประสิทธิภาพ
และดูควรมีสมาธิ ใจจดจออยูก บั เรือ่ งทีฟ่ ง เพือ่ ใหสามารถจับใจความสําคัญได
ไมสนทนากับผูอื่น เพราะอาจทําใหพลาดสาระสําคัญในสวนตอๆ ไป
เมื่อฟงเรื่องที่มีความยาว และผูฟงขาดพื้นฐานความรู ควรมีอุปกรณชวยจํา
แลวนํากลับมาทบทวนภายหลังจะทําใหการฟงครั้งนั้นๆ เกิดประสิทธิภาพ
ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
คู่มือครู 83
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับหลักการฟงและดู อุปสรรคของการสื่อสารอาจเกิดจากผู้ส่งสาร ผู้รับสาร สื่อ สาร หรือแม้แต่กาลเทศะและ
สื่ออยางมีประสิทธิภาพ โดยใชความรู ความเขาใจ สภาพแวดล้อม ท�าให้การสื่อสารไม่สัมฤทธิผล ในกระบวนการของการวิเคราะห์สาร ผู้วิเคราะห์จ�าเป็น
ที่ไดรับจากการสืบคนรวมกับเพื่อน เปนขอมูล ต้องมีความรู้เกี่ยวกับองค์ประกอบของการสื่อสาร ดังนี้
เบื้องตนสําหรับตอบคําถาม
• การมีความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับการ ผู้ส่งสาร สื่อ สาร สื่อ ผู้รับสาร
วิเคราะหสารที่ไดจากการฟงและดู สงผล
อยางไรตอการรับสารของนักเรียน ๑) การวิเคราะห์องค์ประกอบของการสือ่ สาร การวิเคราะห์องค์ประกอบของการสือ่ สาร
(แนวตอบ ความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับการ แบ่งออกได้ ดังนี้
วิเคราะหสาร จะทําใหการรับสารในแตละครั้ง ๑.๑) วิเคราะห์ผู้ส่งสาร ผู้ส่งสารควรมีความรู้ความสามารถในเรื่องที่สื่อสารเป็นอย่างดี
เกิดประสิทธิภาพ ทําใหผูรับสารไมเชื่อขอมูล ใช้ภาษาไทยได้ถูกต้องเหมาะสม แต่ถ้าผู้ส่งสารต้องการสื่อภาพลักษณ์ ควรแต่งกายให้เหมาะสม และมี
โดยปราศจากการไตรตรอง เนื่องจากมี กิริยามารยาทตามวัฒนธรรมไทย ส่งสารผ่านสื่อไปยังผู้รับสารให้ตรงตามจุดมุ่งหมาย
แนวทางสําหรับการวิเคราะห แยกแยะ ๑.๒) วิเคราะห์สาร การวิเคราะห์เรื่องราวหรือเนื้อหาสาระที่ต้องการส่งไปยังผู้รับสาร
องคประกอบของสาร ขอเท็จจริง ขอคิดเห็น ซึง่ มีหลายประเภท ทัง้ สารทีใ่ ห้ความรู้ ความบันเทิง และคุณธรรม
และความเปนไปไดของเรื่อง) ๑.๓) วิเคราะห์ผู้รับสาร ผู้รับสารอาจเป็นบุคคลเดียวหรือกลุ่มบุคคลก็ได้ การรับสาร
• นักเรียนคิดวาขอเท็จจริงและขอคิดเห็น ควรตั้งใจรับอย่างมีมารยาท รู้จักจับประเด็นหรือใจความส�าคัญ จดบันทึกหรือบันทึกภาพและเสียง
สงผลอยางไรตอสารที่ไดรับจากการฟงและดู ๑.๔) วิ เ คราะห์ สื่ อ การสื่ อ สารโดยตรงระหว่ า งบุ ค คลอาจใช้ สื่ อ เพื่ อ ขยายเสี ย ง
(แนวตอบ ขอเท็จจริงและขอคิดเห็น สงผล
เพียี งอย่างเดียว แต่ถา้ ส่งผ่านสือ่ วิทยุ - โทรทัศน์ ภาพนิง่ ภาพยนตร์ สือ่ อิเล็กทรอนิกส์ตา่ งๆ จะมีขนั้ ตอน
ตอความนาเชื่อถือของสาร โดยสารที่มีความ
ซับซ้อนมากขึ้น อาจเป็นอุปสรรคต่อการรับส่งสารไม่ชัดเจนหรือไม่ประสบความส�าเร็จได้
นาเชื่อถือยอมปรากฏอัตราสวนของ
การวิเคราะห์ผสู้ ง่ สาร ผูร้ บั สาร และสือ่ ย่อมท�าให้เข้าใจได้วา่ สมรรถภาพในการรับรู้
ขอเท็จจริงมากกวาขอคิดเห็น)
จะเกิดขึ้นได้ต้องมีการวิเคราะห์ทุกองค์ประกอบของกระบวนการสื่อสาร
1
๒) การวิเคราะห์ข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็นจากเรื่องที่ฟังและดู การวิเคราะห์ขอ้ เท็จจริง
และข้อคิดเห็นเป็นการแยกแยะสารทีไ่ ด้รบั ว่าส่วนใดเป็นข้อเท็จจริง และส่วนใดเป็นข้อคิดเห็น ผู้พูด
มีจุดประสงค์ในการสื่อสารอย่างไร สารนั้นมีความน่าเชื่อถือและมีประโยชน์เพียงใด
๒.๑) ข้อเท็จจริง หมายถึง ข้อมูลตามจริงที่อ้างอิงได้ มีลักษณะ ดังนี้
๑. เป็นความจริงตามธรรมชาติ เช่น เราเห็นดวงดาวชัดเจนในคืนเดือนมืด
๒. มีความเป็นไปได้ เช่น รับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ อาจเป็นโรคพยาธิได้
๓. มีความสมเหตุสมผล เช่น ไก่เป็นสัตว์จ�าพวกเดียวกับนก
๒.๒) ข้อคิดเห็น หมายถึง ข้อความทีแ่ สดงทรรศนะ ความรูส้ กึ ความคิด ความเชือ่ แนวคิด
ของผู้เขียนหรือผู้พูดที่มีต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มีลักษณะ ดังนี้
84
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
บุคคลใดตอไปนี้ใชวิจารณญาณในการฟงและดูสื่อ
ครูควรอธิบายใหนักเรียนตระหนักในความสําคัญของคําวา “วิจารณญาณ” หรือ
1. นิดฟงและดูแลวเชื่อในทันที
ความรูในเหตุผล ซึ่งเปนทักษะการคิดที่สงผลตอการตัดสินใจของมนุษย การรับสาร
2. นุนคนหาขอเท็จจริง ขอคิดเห็นจากเรื่องที่ฟงและดู
ดวยวิธีการอาน การฟงและการดู ผูรับสารจึงตองใชวิจารณญาณในการตัดสินใจวา
3. นอยไมเชื่อเรื่องที่ฟงและดู เนื่องจากไมเชื่อมั่นในผูสงสาร
จะเชื่อถือขอมูลในสารนั้นๆ หรือไม โดยมีเหตุผลที่เพียงพอ ซึ่งไดมาจากการ
4. หนุมเชื่อเรื่องที่ฟงและดู เนื่องจากเชื่อมั่นในผูดําเนินรายการ
วิเคราะหสารในประเด็นตางๆ อยางครบถวน
วิเคราะหคําตอบ วิจารณญาณ คือ ความรูในเหตุผล การรับสารไมวาจาก
ชองทางใดก็ตาม ผูรับสารจะตองใชวิจารณญาณกอนการตัดสินใจเชื่อขอมูล
นักเรียนควรรู โดยมีเหตุผลที่เพียงพอ ซึ่งเหตุผลนั้นไดมาจากการที่ผูฟงพิจารณาคนหา
ขอเท็จจริงและขอคิดเห็นจากสิ่งที่ไดฟงและดู ตัดสินใจโดยใชเหตุผล
1 การวิเคราะหขอเท็จจริงและขอคิดเห็นจากเรื่องที่ฟงและดู ในปจจุบันมีรายงาน ไมดวนเชื่อโดยปราศจากเหตุผลที่เพียงพอ ดังนั้นจึงตอบขอ 2.
ขาวในรูปแบบการวิเคราะหขาว คุยขาว เลาขาว ซึ่งการรายงานขาวในลักษณะนี้
ผูทําหนาที่ดําเนินรายการมักสอดแทรกความคิดเห็นสวนตัวลงไป ผูรับสารจึงตอง
วิเคราะห แยกแยะวาขอความใดเปนขอเท็จจริง ขอความใดเปนขอคิดเห็น
84 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนรวมกันอธิบายความรูจากประเด็น
๑. เป็นความคิดเห็นส่วนตัว เช่น ฉันคิดว่าคุณไตรภพเป็นพิธกี รทีใ่ ช้ภาษาไทยได้ดมี าก คําถามนี้
๒. เป็นข้อความที่แสดงความรู้สึก เช่น อากาศบนดอยอินทนนท์สดชื่น เย็นสบาย • การฟงและดูสารแตละประเภทมีแนวทาง
น่าอิจฉาชาวเขาแถบนี้นะ การวิเคราะหที่แตกตางกันอยางไร นําเสนอ
๓. เป็นข้อความทีแ่ สดงการคาดคะเน ไม่แน่นอน เช่น ทีเ่ ธอปวดท้อง ฉันคาดว่าต้อง ในรูปแบบตารางเปรียบเทียบหนาชั้นเรียน
เป็นเพราะกินอาหารรสจัดเกินไป (แนวตอบ การฟงและดูสารที่แตกตางกัน
๔. เป็นข้อความทีแ่ สดงความเปรียบเทียบ อุปมาอุปไมย เช่น มานพหลงรักกาญจนา มีแนวทางการวิเคราะหสาร ดังตอไปนี้
น่าสงสารนะ เหมือนดอกฟ้ากับหมาวัด สารใหความรู สารใหความบันเทิง
๕. เป็นข้อความที่แสดงค�าแนะน�าหรือข้อเสนอแนะ เช่น ชนกลุ่มน้อยซ่องสุมก�าลัง
• จับใจความสําคัญ • จับใจความสําคัญ
บริเวณชายแดน รัฐบาลควรส่งทหารไปตรึงก�าลังไว้ • วิเคราะหแหลงขอมูล • วิเคราะห
การรับสารใดๆ ก็ตาม ผู้รับสารจะต้องจับใจความและจับประเด็นส�าคัญของสารที่รับ • วิเคราะหขอเท็จจริง องคประกอบ เชน
โดยใช้ทักษะการฟัง การดู การอ่าน และวิเคราะห์พิจารณาแยกแยะข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น จุดประสงค์ ขอคิดเห็น เรื่องสั้น ควร
ของผู้ส่งสารและสรุปคุณค่าของสาร ช่วยให้ผู้รับสารเกิดความคิด มีวิจารณญาณในการรับสาร • วิเคราะหความ วิเคราะหชื่อเรื่อง
นาเชื่อถือ โครงเรื่อง เนื้อหา
๓) ตัวอย่างการวิเคราะห์สารจากสื่อที่ฟัง • วิเคราะหรูปแบบ สาระ เปนตน
การนําเสนอ • วิเคราะหนัยสําคัญ
สื่อที่นÓมาวิเคราะห์ • วิเคราะหการใชภาษา • ตัดสิน ประเมินคา
เพลง ความฝันอันสูงสุด 2. รวมกันวิเคราะหวา ประโยคใดเปนขอเท็จจริง
ทำ�นอง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และประโยคใดเปนขอคิดเห็นของขอความนี้
คำ�ร้อง ท่านผู้หญิงมณีรัตน์ บุนนาค
ขับร้อง สันติ ลุนเผ่ ตลาดโรงเกลือที่นี่จึงเปรียบไดดั่งสวรรคของ
นักช็อปเดินดิน ที่แตละวันตั้งแตเชาจรดเย็น
ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ ขอสู้ศึกทุกเมื่อไม่หวั่นไหว จะมีนักทองเที่ยวนับพัน นับหมื่น ทยอย
ขอทนทุกข์รุกโรมโหมกายใจ ขอฝ่าฟันผองภัยด้วยใจทะนง เดินทางมาจับจายซื้อหาสินคาแบรนดเนม
จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง ราคาถูก คุณภาพดี จากทั่วทุกมุมโลก ใครที่
จะยอมตายหมายให้เกียรติด�ารง จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา เคยวาของถูกมันมักไมดี ของดีมันมักไมถูก
ไม่ท้อถอยคอยสร้างสิ่งที่ควร ไม่เรรวนพะว้าพะวังคิดกังขา เห็นทีจะใชกับที่นี่ไมไดแน
ไม่เคืองแค้นน้อยใจในโชคชะตา ไม่เสียดายชีวาถ้าสิ้นไป
นี่คือปณิธานที่หาญมุ่ง หมายผดุงยุติธรรมอันสดใส (แนวตอบ ขอเท็จจริงคือ แตละวันตั้งแตเชา
ถึงทนทุกข์ทรมานนานเท่าใด ยังมั่นใจรักชาติองอาจครัน จรดเย็นจะมีนักทองเที่ยวนับพัน นับหมื่นทยอย
โลกมนุษย์ย่อมจะดีกว่านี้แน่ เพราะมีผู้ไม่ยอมแพ้แม้ถูกหยัน เดินทางมาจับจายซื้อหาสินคา ขอคิดเห็น
คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ ยอมอาสัญก็เพราะปองเทิดผองไทย ไดแก 1) ตลาดโรงเกลือที่นี่จึงเปรียบไดดั่ง
สวรรคของนักช็อปเดินดิน 2) สินคาแบรนดเนม
85 ราคาถูกคุณภาพดีจากทั่วทุกมุมโลก 3) ใครที่
เคยวาของถูกมันมักไมดี ของดีมันมักไมถูก
เห็นทีจะใชกับที่นี่ไมไดแน)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
บุคคลใดใชทักษะการฟงและดูสารแตกตางจากผูอื่น
การเรียนการสอนเกี่ยวกับวิธีการวิเคราะหสารที่ไดรับจากการฟงและดูสื่อ
1. กรุณาฟงและดูรายการขาวขน คนขาว
ครูควรชี้แนะใหนักเรียนรูจักการวิเคราะหภาษาที่ปรากฏใชในสารนั้นๆ เพราะภาษา
2. เจนภพฟงและดูรายการทิศทางเศรษฐกิจไทย
ที่ใชอาจเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย กระแสสังคม การวิเคราะหภาษาในสารนับเปน
3. เอกองคฟงและดูรายการสารคดีชีวิตสัตวโลก ตอนโลกใตทะเล
แนวทางหนึง่ ทีส่ ามารถสะทอนไดวา สารทีไ่ ดฟง และดูมคี วามนาเชือ่ ถือมากนอยเพียงใด
4. ปรานีฟงและดูการแสดงโขนของกรมศิลปากร ตอนนารายณปราบนนทก
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1., 2. และ 3. เปนการฟงและดูสารประเภทให
ความรู ผูรับสารจึงตองใชวิจารณญาณในการรับสาร แยกแยะขอเท็จจริง
ออกจากขอคิดเห็น ในขณะที่ขอ 4. เปนการฟงและดูสารประเภทใหความ
บันเทิง ผูรับสารจึงไมตองแยกแยะขอเท็จจริง ขอคิดเห็น แตตองวิเคราะห
องคประกอบอื่นของสาร เชน ตัวละคร แสง สี เสียง เนื้อหาสาระ เสื้อผา
เครื่องแตงกาย ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
คู่มือครู 85
ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
ขยายความเข้าใจ Expand
1. นักเรียนเลือกฟงและดูขาวที่ออกอากาศ
ผานทางสื่อวิทยุ โทรทัศน โดยกําหนด จากการฟังเพลงความฝันอันสูงสุดสามารถจับประเด็น เปรียบเทียบ และวิเคราะห์ได้ ดังนี้
จุดประสงคการฟงและดูดวยตนเอง คนละ ๓.๑) ใจความส�าคัญ เพลงความฝันอันสูงสุด กล่าวถึง ความม่งุ หมายทีจ่ ะต่อสูก้ บั อุปสรรค
1 ขาว บันทึกสาระสําคัญ จากนั้นใหตั้งคําถาม ปณิธาน คือ ความตั้งใจอย่างแน่วแน่ มั่นคงที่จะผดุงความยุติธรรม เพื่อจะรักษาชาติบ้านเมือง โดย
ตอไปนี้กับตนเอง ไม่หวังผลตอบแทน แม้จะถูกเย้ยหยัน ก็จะท�าความดีต่อไป แม้ไม่มีใครรู้เห็น หวังให้ประเทศชาติดีขึ้น
• นักเรียนเชื่อถือขาวนั้นหรือไม และยอมสละชีพเพื่อชาติ
๓.๒) การเปรียบเทียบกับบทเพลงในปัจจุบัน เพลงความฝันอันสูงสุด เป็นเพลงปลุกใจ
• นักเรียนคิดวาเนื้อหาสาระตอนใดบาง
ที่มีเนื้อหาปลุกเร้าอารมณ์ความรู้สึกให้ผู้ฟังเกิดความรักชาติ มีลักษณะการใช้ถ้อยค�าที่สละสลวย
ที่ไมนาจะใชขอเท็จจริง เพราะเหตุใด คล้องจองภายในวรรค ท�าให้ง่ายต่อการจดจ�า ซึ่งเนื้อหาของเพลงเมื่อน�าไปตรวจสอบเปรียบเทียบ
• นักเรียนคิดวาขาวดังกลาวผูสงสาร กับเนือ้ หาของเพลงในปัจจุบนั จะเห็นว่าน�าเสนอความรูส้ กึ ทีเ่ รียกว่า รัก โลภ โกรธ หลง ใช้ภาษาสัน้ ง่าย
มีการบิดเบือนขอเท็จจริงหรือไม สื่อความตรงไปตรงมา บางครั้งไม่ต้องอาศัยการตีความก็สามารถเข้าใจเนื้อหาของเพลงได้
และการบิดเบือนนั้นมุงหวังใหเกิดสิ่งใด ๓.๓) การวิเคราะห์องค์ประกอบ แบ่งออกได้ ดังนี้
โดยใหนักเรียนเรียบเรียงขอมูลเพื่อนํามา ๑. วิเคราะห์ผู้ส่งสาร ผู้ขับร้อง คือ สันติ ลุนเผ่ เป็นนักร้องที่มีน�้าเสียงดังกังวาน
ตอบคําถามขางตนหนาชั้นเรียน ไพเราะ มีพลัง เหมาะแก่การร้องเพลงที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อปลุกใจ
2. นักเรียนออกมาเลาเนื้อหาสาระของขาวที่ไดรับ ๒. วิเคราะห์สาร เนื้อเพลงความฝันอันสูงสุด ให้ทั้งความบันเทิงและใช้ภาษาเพื่อ
จากการฟง และดูผานสื่อวิทยุ โทรทัศน โน้มน้าวใจให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คือ ท�าความดีเพื่อชาติ
พรอมกับตอบคําถามทั้ง 3 ขอขางตน หลังการ ๓. วิเคราะห์ผู้รับสาร ผู้รับสารในที่นี้ หมายถึง ผู้ฟัง ซึ่งเป็นคนไทยส่วนใหญ่ เมื่อฟัง
นําเสนอของนักเรียนทุกๆ คน กอนที่คนตอไป เพลงนี้จะเกิดก�าลังใจที่จะกระท�าความดีเพื่อประเทศชาติ โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
จะออกมานําเสนอ ครูควรชวนนักเรียนคนอื่นๆ ๔. วิเคราะห์สื่อ สื่อควรอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เอื้อ
ตั้งคําถามกับขาวที่เพื่อนนําเสนอ ดังตอไปนี้ ต่อการฟัง
• ถาเปนนักเรียน นักเรียนจะเชื่อขาวนั้นหรือไม ๔) จุดประสงค์ของการฟัง โดยปกติจุดประสงค์ของการฟังเพลง คือ เพื่อความบันเทิงใจ
แต่ถ้าผู้ฟังใช้วิจารณญาณและคิดไตร่ตรองก็จะเห็นคุณค่า แง่คิดที่แฝงอยู่ในบทเพลงที่สามารถน�าไป
• นักเรียนคิดวาขาวนี้จริงหรือไม เพราะเหตุใด
ใช้ประโยชน์ได้
๕) การวิเคราะห์ขอ้ เท็จจริงและข้อคิดเห็นจากสือ่ เนือ้ เพลงนีส้ ะท้อนให้เห็นความจริง ซึง่
เป็นสาเหตุหรือแรงบันดาลใจในการเขียนเนื้อเพลง ความจริงนี้คือ ความขลาดกลัว ความมักง่าย ความ
วุ่นวาย ความปรารถนาในชื่อเสียงเกียรติยศ ซึ่งทั้งหมดส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศชาติ ผู้เขียน
จึงแสดงความนิยมส่งเสริมคนดีให้มีก�าลังใจท�างาน และเตือนสติมิให้ท้อถอยในการท�าความดี ปลูกฝัง
อุดมคติในการท�าความดีเพื่อประเทศชาติ
การรับสารประเภทต่างๆ ผูร้ บั สารควรใช้วจิ ารณญาณในการตัดสิน ซึง่ เป็นทักษะ
ทีส่ ามารถพัฒนาได้ดว้ ยตนเอง โดยการหมัน่ คิดวิเคราะห์ พิจารณาอย่างมีเหตุผล จับประเด็น
ตรวจสอบความน่าเชือ่ ถือ หาจุดประสงค์และคุณค่าของสาร เพือ่ ให้สามารถเลือกรับสาร
ที่เกิดประโยชน์ต่อตนเองและส่วนรวม
86
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
กิจกรรมที่ออกแบบใหนักเรียนปฏิบัติในกระบวนการขยายความเขาใจ นักเรียนศึกษาเนื้อหาสาระของบทเพลง ความฝนอันสูงสุด วิเคราะห
เปนการเรียนการสอนที่ชวยฝกทักษะการฟงและการดูอยางมีวิจารณญาณใหแก เนือ้ หาสาระ โดยใชแนวทางทีร่ ว มกันระบุขน้ึ ในกระบวนการขัน้ อธิบายความรู
นักเรียน โดยฝกผานการตั้งคําถาม ใหนักเรียนไดใชสติปญญาในการคิดใครครวญ พรอมแสดงความคิดเห็นของตนเองที่มีตอบทเพลง แลวนําเสนอผลการ
หาคําตอบ ใชขอมูลที่ไดจากการวิเคราะหสารเบื้องตน ทั้งในสวนของแหลงขอมูล วิเคราะหในรูปแบบใบงานเฉพาะบุคคล
ขอเท็จจริง ขอคิดเห็น รูปแบบการนําเสนอ การใชภาษา ซึ่งผลการวิเคราะหในดาน
ตางๆ เหลานี้จะนําพาไปสูการตัดสินประเมินไดวาสารนั้นๆ มีความนาเชื่อถือ
มีความเปนไปได สมเหตุสมผลหรือไม ซึ่งการประเมินคาจึงเปนกระบวนการที่ตอง กิจกรรมทาทาย
ใชทักษะการคิดอยางมีวิจารณญาณ
นอกจากนี้หากมีเวลามากพอสําหรับการเรียนการสอน ควรใหนักเรียนไดมีโอกาส
นําเสนอผลการวิเคราะหสารประเภทใหความบันเทิง (บทเพลง) เพื่อใหนักเรียน นักเรียนคัดสรรบทเพลงที่ตนเองชื่นชอบ วิเคราะหเนื้อหาสาระ โดยใช
ไดฝกฝนทักษะการฟงและดูสื่ออยางมีประสิทธิภาพโดยการรับสื่ออยางหลากหลาย แนวทางที่รวมกันระบุขึ้นในกระบวนการขั้นอธิบายความรู พรอมแสดง
ความคิดเห็นของตนเองที่มีตอบทเพลง แลวนําเสนอผลการวิเคราะห
ใน รูปแบบใบงานเฉพาะบุคคล
86 คู่มือครู
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engaae Expore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. ครูตรวจรางบทพูดการวิเคราะหขาวที่นักเรียน
เลือกฟงและดูจากสื่อวิทยุ โทรทัศน
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
2. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวยการเรียนรู
กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้
กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้นักเรียนดูรายการข่าวทางโทรทัศน์ หรือฟังข่าวจากรายการวิทยุ
แล้ววิเคราะห์สารที่ได้รับว่ามีสาระส�าคัญอย่างไรและมีความน่าเชื่อถือ
มากน้อยเพียงใด จงอธิบาย
กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนเลือกบทเพลงที่ชื่นชอบ คนละ ๑ บทเพลง น�ามา
จับใจความส�าคัญ เปรียบเทียบ และวิเคราะห์องค์ประกอบ น�าส่งครูผู้สอน
87
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. การวิเคราะหขอเท็จจริง ขอคิดเห็น เปนหนึ่งในกระบวนการวิเคราะหวาสารที่ไดรับจากการอาน การฟง และการดู มีความนาเชื่อถือหรือไม โดยที่ขอเท็จจริง
คือ ขอมูลที่สามารถพิสูจนไดวาเปนจริง ในขณะที่ขอคิดเห็นเปนขอมูลที่แสดงทรรศนะของบุคคลตามความคิด ความเชื่อ คานิยม และประสบการณ
2. การวิเคราะหสารจากสื่อที่ฟงและดู ผูวิเคราะหตองพิจารณาองคประกอบตางๆ ไดแก สาระสําคัญ แหลงขอมูล เนื้อหาสาระอันประกอบดวยขอเท็จจริง ขอคิดเห็น
เพื่อสรุปใหไดวาสารที่ไดฟงและดูมีความนาเชื่อถือหรือไม อยางไร
3. สื่อทุกชนิดไมวาจะเปนสื่อสิ่งพิมพหรือสื่ออิเล็กทรอนิกสตางมีอิทธิพลตอผูรับสารทั้งสิ้น ขึ้นอยูกับวาผูรับสารสามารถเขาถึงสื่อประเภทใดไดสะดวกกวากัน
แตโดยสวนใหญสื่อที่มีทั้งภาพเคลื่อนไหว และเสียงจะสงอิทธิพลตอผูรับสารมากที่สุด
4. หากทราบหัวขอการอภิปรายลวงหนา ควรหาความรูเบื้องตนกอนการเขาฟง เพื่อใหเขาใจเนื้อหาสาระไดงายขึ้น นอกจากนี้ยังสงผลดีตอการมีสวนรวมในการ
ตั้งคําถาม ตั้งขอสังเกต ซึ่งเปนลักษณะสําคัญของการอภิปราย
5. การฟงและการดูเปนทักษะการรับสารที่ใชมากที่สุดในชีวิตประจําวัน สารที่ไดรับจากการฟงและดูมีหลายประเภท หากผูรับสารมีความกระตือรือรน สนใจใครรู
ที่จะฟง และดูสื่ออยางหลากหลาย มีหลักในการฟงและดู สามารถวิเคราะหสารไดรอบดาน จะทําใหไดรับประโยชน ทั้งดานความรู ความบันเทิง ชวยยกระดับ
และจรรโลงจิตใจ
คู่มือครู 87
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
นักเรียนสามารถพูดสรุปความเรื่องที่เลือกฟง
และดูจากสื่อตางๆ รวมถึงพูดวิเคราะห วิจารณ
ไดอยางมีเหตุผล เพื่อนําขอคิดจากเรื่องมาประยุกต
ใชในชีวิตประจําวัน และในขณะที่พูดไดแสดง
มารยาทที่เหมาะสมกับกาลเทศะ
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวินัย
2. ใฝเรียนรู
3. มุงมัน่ ในการทํางาน
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรู การพูดสรุปความจากสื่อที่ฟงและดู
เปาหมายสําคัญคือ นักเรียนมีความรู ความเขาใจ สามารถฝกปฏิบัติการพูดสรุปความ
วิเคราะห วิจารณ เรื่องที่เลือกฟงและดูจากสื่อตางๆ โดยคํานึงถึงธรรมเนียมปฏิบัติ
และมารยาทที่ถูกตอง เหมาะสมกับกาลเทศะ
การจะบรรลุเปาหมายดังกลาว ครูควรชี้แนะใหนักเรียนเขาใจวา การเรียนการสอน
ในหนวยการเรียนรูนี้เปนการนําความรู ความเขาใจ และความสามารถในการวิเคราะห
สารประเภทตางๆ ซึ่งไดเรียนรูจากหนวยการเรียนรูที่ 1 มาประยุกตใชกับการฟงและดู
เพื่อวัตถุประสงคเฉพาะ หรือการฟงและดูเพื่อนําเนื้อหาสาระมาถายทอดสูผูอื่นโดยใช
ทักษะการพูด
การเรียนการสอนในลักษณะนี้จะชวยฝกทักษะการสรุปยอ ทักษะการตีความ
ทักษะการวิเคราะห ทักษะการประยุกตใชความรู ทักษะการคิดอยางมีวิจารณญาณ
และทักษะการวิพากษ วิจารณอยางมีเหตุผลใหแกนักเรียนนําไปประยุกตใชในชีวิต
ประจําวัน
88 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอน ดวยวิธีการ
๑ ความรู้พื้นฐานในการพูด ตั้งคําถามเพื่อกระตุนทักษะการคิด
๑.๑ ความหมาย • ทักษะการพูดมีลักษณะสําคัญที่แตกตาง
จากทักษะการเขียนอยางไร
การพูด หมายถึง การถ่ายทอดความรู้ ความคิด ความรู้สึก หรือความต้องการของผู้พูด เพื่อสื่อ
(แนวตอบ ทักษะการพูดใชเสียงพูด
ความหมายไปยังผู้รับสารหรือผู้ฟัง โดยใช้ถ้อยค�า น�้าเสียง และอากัปกิริยาท่าทางให้เป็นที่เข้าใจกัน
การพูดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ เพราะการพูดจะต้องใช้หลักเกณฑ์และเรียนรู้วิธีปฏิบัติต่างๆ
และอวัจนภาษาหรือภาษาทาทาง เปนสื่อใน
อีกทั้งการพูดยังเป็นเรื่องของความสามารถเฉพาะบุคคลในการเลือกใช้ถ้อยค�าที่ไพเราะงดงามและ การถายทอดเนื้อหาสาระตางๆ ในขณะที่
สื่อความได้ชัดเจน ลึกซึ้ง ดังนั้น ผู้ที่ต้องการจะเป็นผู้พูดที่ดีจึงต้องศึกษาหลักและวิธีการพูด จากนั้นจึง การเขียนถายทอดโดยใชวจั นภาษา)
น�าไปฝึกฝนอย่างสม�่าเสมอ
ส�ารวจค้นหา Explore
๑.๒ องค์ประกอบของการพูด
แบงนักเรียนออกเปน 3 กลุม ตามความ
๑) ผู้พูด หมายถึง ผู้ที่ต้องการถ่ายทอดความรู้ ความคิดไปสู่ผู้ฟัง ผู้พูดต้องรู้จักใช้ภาษา
สมัครใจ ครูทําสลากจํานวน 3 ใบ โดยเขียน
น�้าเสียง สีหน้าท่าทางอย่างเหมาะสมและรวมถึงการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ประกอบการพูดเพื่อให้บรรลุ หมายเลข 1, 2 และ 3 พรอมระบุขอความในแตละ
จุดมุ่งหมายที่ก�าหนดไว้ หมายเลข จากนั้นใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมา
๒) สาร หมายถึง เนือ้ เรือ่ งทีจ่ ะถ่ายทอด ต้องมีความถูกต้อง ชัดเจน มีประโยชน์ เป็นไปในทาง จับสลาก ดังนี้
สร้างสรรค์และที่ส�าคัญควรเป็นเรื่องที่ผู้พูดมีความสนใจ เชี่ยวชาญ และมีองค์ความรู้ครบถ้วนสมบูรณ์ หมายเลข 1 ความรูพื้นฐานในการพูด
๓) ผู้ฟัง หมายถึง ผู้รับสารที่ผู้พูดถ่ายทอดมา ซึ่งผู้ฟังต้องตั้งใจฟังสารอย่างมีสมาธิ สามารถ หมายเลข 2 การพูดสรุปความ
ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้พูดได้ ในขณะที่ฟังควรแสดงอากัปกิริยาให้ผู้พูดทราบด้วยว่าสิ่งที่พูด หมายเลข 3 การพูดวิเคราะห วิจารณ
ตรงกับจุดมุ่งหมายหรือไม่ เช่น การพยักหน้า ปรบมือ ยิ้ม หัวเราะ โดยนักเรียนสามารถสืบคนความรูไดจากแหลง
ขอมูลตางๆ ที่เขาถึงได และมีความนาเชื่อถือ
๑.๓ คุณสมบัตขิ องผูพ้ ดู
๑) มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่จะพูด เมื่อจะพูดเรื่องใด ผู้พูดต้องรู้เรื่องอย่างละเอียด
ไม่ใช่รู้แค่ใคร ท�าอะไร ที่ไหนเท่านั้น ต้องรู้ว่าท�าไม เพราะอะไร อย่างไรอีกด้วย เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐาน
อธิบายความรู้ Explain
ในการพูด ถ้าความรู้พื้นฐานเดิมมีไม่พอ ต้องค้นคว้าเพิ่มเติม หรือถ้าเกรงว่าจะพูดจัดล�าดับได้ไม่ดี 1. นักเรียนกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 1
ควรเตรียมบันทึกย่อไว้เพื่อช่วยให้การพูดประสบความส�าเร็จ สงตัวแทน 2 คน ออกมาอธิบายความรู
๒) รู้จักผู้ฟัง ผู้พูดต้องรู้จักวิเคราะห์ผู้ฟัง เพื่อให้ทราบพื้นฐานความสนใจ ความสามารถ ในประเด็นที่กลุมของตนเองไดรบั มอบหมาย
ของผู้ฟังแต่ละกลุ่ม โดยพิจารณาจากเพศ วัย ความรู้ และอาชีพ ทั้งนี้ในขณะที่พูดก็สามารถวิเคราะห์ พรอมระบุแหลงทีม่ าของขอมูล
ผู้ฟังได้จากความตั้งใจของผู้ฟัง แล้วจึงพูดให้ผู้ฟังเกิดความสนใจ โดยอาศัยปฏิภาณไหวพริบ เมื่อสังเกต 2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย และทบทวน
ได้ว่าผู้ฟังเกิดความเบื่อหน่าย ต้องแก้ไขเพื่อท�าให้บรรยากาศการฟังแจ่มใส น่าสนใจ ดังนั้น ถ้าผู้พูด ความรูที่ไดรับจากการฟงบรรยาย จากนั้น
ทราบพื้นฐานความสนใจของผู้ฟังก่อนการพูด ย่อมช่วยให้การพูดน่าสนใจและช่วยให้การพูดด�าเนินไป รวมกันสรุปความรู ความเขาใจ ใหถูกตอง
อย่างราบรื่นและประสบผลส�าเร็จตามจุดมุ่งหมาย ตรงกันอีกครั้ง บันทึกขอมูลลงสมุด
89
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
พฤติกรรมของบุคคลใดแสดงใหเห็นวาอมรชัยนาจะหรือประสบผลสําเร็จ
ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับองคประกอบของการพูด กลาวคือ องคประกอบ
ในการพูดเพื่อขอความรวมมือจากสมาชิกภายในหมูบานใหชวยกันรักษา
ของการพูดซึ่งไดแก ผูพูด สาร และผูฟง เปนองคประกอบหลักของกระบวนการ
ความสะอาดบริเวณหนาบานของตนเอง
สื่อสาร แตยังมีองคประกอบที่นอกเหนือไปจากที่กลาวไวในหนังสือเรียน คือ
1. วิชิตขมวดคิ้วขณะที่อมรชัยกําลังพูดชี้แจงเหตุผล
เครื่องมือที่ใชในการสื่อสาร และความมุงหมายหรือผลที่ตองการใหเกิดขึ้นหลังการพูด
2. ชนะชัยกมหนาขณะที่อมรชัยกําลังกลาวถึงสาเหตุของการพูด
เครื่องมือที่ใชในการสื่อสาร หมายถึง สื่อหรือสิ่งที่ชวยถายทอดสารไปสูผูฟง
3. ภาณุพยักหนาขณะที่อมรชัยกําลังพูดยกตัวอยางสถานการณ
เชน เสียง บุคลิกภาพตางๆ โสตทัศนูปกรณ ความมุง หมายในการพูด หมายถึง เจตนา
4. ปรานีสายศีรษะขณะที่อมรชัยกําลังพูดขอความคิดเห็นจากทุกคน
ของผูพูด เชน ตองการใหผูฟงเชื่อ คลอยตาม เห็นดวย หรือปฏิบัติตาม โดยจะตอง
วิเคราะหคําตอบ การพูดที่ดีและจะประสบผลสําเร็จได ผูพูดตองมี สอดคลองกับผลของการพูด ซึง่ แสดงผานปฏิกริ ยิ าหรือทาทีของผูฟ ง เชน การพยักหนา
จุดมุงหมายที่ชัดเจน ซึ่งผูพูดสามารถคาดคะเนหรือรับรูผลของการพูด เมื่อเห็นดวยหรือคลอยตาม เปนตน หากทาทีของผูฟงไมสอดคลองกับจุดมุงหมาย
ในขณะที่กําลังพูดไดโดยการสังเกตปฏิกิริยาหรือการวางทาทีของผูฟง ของการพูดที่กําหนดไวยอมสะทอนใหเห็นวาการพูดในครั้งนั้นไมประสบผลสําเร็จ
โดยที่ทาทีเหลานั้นตองสอดคลองกับจุดมุงหมายของการพูด ดังนั้น
จึงตอบขอ 3.
คู่มือครู 89
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับพื้นฐานในการพูด ๓) ใช้ภาษาถูกต้องเหมาะสม การพูดต่อหน้าผู้อื่น ต้องระมัดระวังเรื่องการออกเสียง ผู้พูด
โดยใชความรู ความเขาใจ ที่ไดรับจากการฟง ควรออกเสียงให้ชัดเจน ถูกต้อง โดยเฉพาะค�าควบกล�้า ตัว ร ล เพราะการออกเสียงผิดอาจท�าให้
บรรยาย และการแลกเปลี่ยนความรูรวมกันใน ความหมายของค�าเปลี่ยนไป หรือฟังแล้วน่าข�า ท�าให้เสียบรรยากาศ บั่นทอนความน่าเชื่อถือของผู้พูด
ชั้นเรียน เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม ๔) มี ค วามเชื่ อ มั่ น ในความรู ้ ค วามคิ ด ของตน การพู ด วิ เ คราะห์ ต ้ อ งมี ค วามเชื่ อ มั่ น
• “การพูด คือ ทักษะการสื่อสารที่สําคัญ ในตนเองก่อนที่จะพูดให้ผู้ฟังเชื่อมั่นตาม ดังนั้นจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อม แต่งกายสุภาพเหมาะสม
ของมนุษย ซึ่งการพูดที่ประสบผลสําเร็จ และวางท่าทีให้สง่างาม ไม่หวาดหวัน่ ไม่ประหม่า พูดด้วยเสียงทีม่ นั่ คง หนักแน่น เสียงดังชัดเจน อาจใช้
จะวัดจากปฏิกิริยาอาการของผูฟง” ท่าทางประกอบบ้างอย่างเป็นธรรมชาติ มีชีวิตชีวา น่าสนใจ เพื่อให้ผู้ฟังคิดตามอย่างตั้งใจ
จากขอความขางตนสามารถวิเคราะห ๕) มีความประพฤติดี มีคุณธรรม ผู้พูดต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องที่พูด ใช้ภาษาสุภาพ
ให้เกียรติผู้ฟัง ส่วนการพูดวิเคราะห์นั้นผู้พูดต้องมีใจเป็นกลาง ไม่อคติ
องคประกอบของการพูดไดหรือไม อยางไร
(แนวตอบ จากขอความดังกลาวสามารถ ๑.๔ มารยาทการพูด
วิเคราะหใหเห็นองคประกอบของการพูดได การพูดเป็นการสื่อสารและแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกัน โดยเฉพาะการพูดวิเคราะห์
ดังนี้ ผูพูด สาร ผูฟง เครื่องมือหรือสื่อที่ใช เป็นการพูดแสดงข้อมูล ข้อเท็จจริงเพื่อแก้ปัญหา ดังนั้นจึงควรมีมารยาทการพูด ดังนี้
สําหรับการถายทอดเนือ้ หาสาระ ความมุง หมาย ๑) พูดด้วยค�าสัตย์จริง ผูพ้ ดู ควรน�าเสนอเนือ้ หาให้ถกู ต้องตามความเป็นจริง เป็นข้อเท็จจริง
และผลของการพูด) ที่พิสูจน์ได้ มีเหตุผลที่น่าเชื่อถือสนับสนุนอย่างเพียงพอ
• เมื่อผูพูดไมมีความรู ความเขาใจในเรื่องที่ ๒) รับผิดชอบต่อค�าพูด ผู้พูดควรมีความรับผิดชอบต่อค�าพูดหรือสิ่งที่ได้สื่อสารไปสู่ผู้ฟัง
ไดรับมอบหมายใหพูด แตจําเปนตองพูด หากมีการกล่าวพาดพิงถึงบุคคลอื่น หรือให้ข้อมูลบกพร่อง ไม่ครบถ้วนควรแสดงความรับผิดชอบ
หากสถานการณนี้เกิดขึ้นกับนักเรียน ด้วยการกล่าวขอโทษและชี้แจงแสดงข้อมูลที่ถูกต้อง
จะมีวิธีการเตรียมตัวอยางไร ๓) ใช้ภาษาสุภาพ ผู้พูดควรใช้ค�าพูดที่สุภาพสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ไปสู่ผู้ฟัง เพราะค�าพูด
(แนวตอบ ควรเตรียมตัว โดยการหาขอมูล ที่สุภาพย่อมท�าให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกชื่นชม น�าไปสู่ความศรัทธาในตัวผู้พูดและเรื่องที่ฟังได้
เกี่ยวกับประเด็นที่จะพูดจากแหลงขอมูล ๔) อ่อนน้อมถ่อมตน ผู้พูดควรแสดงภาษากายหรือท่าทางที่เป็นมิตรต่อผู้ฟัง และสื่อถึง
ที่มีความนาเชื่อถือ ศึกษาและทําความเขาใจ ความอ่อนน้อมถ่อมตนเพราะความอ่อนน้อมย่อมสร้างความชื่นชมให้เกิดขึ้นได้ง่าย
ขอมูล เรียบเรียงดวยสํานวนภาษาของตนเอง ๕) ควบคุมอารมณ์ให้มนั่ คง ผูพ้ ดู ควรควบคุมอารมณ์ของตนเองให้เป็นปกติ ในขณะสือ่ สาร
ฝกซอมเปนประจํากอนถึงวันจริง เพื่อลด จะเกิดสถานการณ์ต่างๆ ไม่ควรใช้อารมณ์ตอบโต้หรือแสดงท่าทางไม่พอใจ แต่ควรใช้วาจาและกิริยา
ที่สุภาพสื่อสารกับผู้ฟัง
อาการประหมา หรือตื่นเวทีจนลืมขอมูล
ทั้งหมด) ๒ หลักการพูดสรุปความจากสื่อ
• การวิเคราะหผูฟงเอื้อประโยชนใหการพูด การพูดสรุปความ จะต้องตั้งค�าถามแล้วหาค�าตอบในหัวข้อ ใครท�าอะไร ที่ไหน เมื่อไร ท�าไม
ประสบผลสําเร็จไดอยางไร (เพราะอะไร) และอย่างไรบ้าง เมื่อตอบค�าถามได้ก็นับว่าจับประเด็นหรือใจความส�าคัญได้ครบถ้วน
(แนวตอบ การวิเคราะหผูฟงทั้งในประเด็น แล้วจึงเขียนสรุปความ ซึ่งต้องเขียนให้กระชับ เนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์โดยใช้ส�านวนภาษาของตนเอง
ของวัย เพศ อายุ ความคิด ความตองการ ล�าดับความให้ต่อเนื่องกลมกลืนกัน อาจพูดน�าเสนอแนวคิด การแก้ปัญหา หรือยกตัวอย่างเพื่อเป็น
จะทําใหผูพูดสามารถเลือกเรื่องที่จะนํามา ข้อยืนยันและสร้างความเข้าใจในสิ่งที่ฟังด้วย
ถายทอดไดตรงกับความตองการของผูฟง
เตรียมเนื้อหา วิธีการนําเสนอไดเหมาะสม) 90
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
บุคลิกภาพที่ดีของผูพูดที่ทําใหการพูดประสบผลสําเร็จ หรือสรางศรัทธา
ครูควรใหความรูเพิ่มเติมแกนักเรียนเกี่ยวกับ “สิ่งเราในการพูด” ซึ่งเปนตัวกําหนด
ในความรูสึกของผูฟง สามารถแสดงผานสิ่งใดไดบาง และมีลักษณะอยางไร
พฤติกรรมและการแสดงออกของบุคคลในกระบวนการสื่อสาร จากแผนภาพนี้
แนวตอบ บุคลิกภาพที่ดีของผูพูด สามารถแสดงออกได ดังตอไปนี้
สิ่งแวดลอม • การใชภาษาที่เหมาะสมกับกาลเทศะ สถานการณ ความนิยมของผูฟง
• การใชเสียงและนํา้ เสียง ใหมคี วามดังทีพ่ อเหมาะ ชัดเจน แตในขณะเดียวกัน
ตองแฝงไวดว ยความสุภาพ
• แสดงสีหนา อากัปกิริยาทาทางที่สุภาพ เหมาะสม สอดคลองกับเรื่องที่พูด
ผูพูด ผูฟง • การใชสายตา โดยมองผูฟงอยางทั่วถึง เพื่อแสดงใหเห็นวาผูพูดใหความ
สนใจผูฟง
• สิ่งเราที่เกิดจากผูพูด คือ สิ่งที่ผูฟงจะเห็นและไดยิน
• การเดิน การยืน การนั่งและการแตงกาย ควรมีความเหมาะสมกับ
• สิ่งเราที่เกิดจากผูฟง โดยผูฟงเปนผูที่มีอิทธิพลตอผูพูด หากผูฟงมีทัศนคติที่ดี
กาลเทศะ วางตัวใหเปนธรรมชาติ ไมเครงเครียด แตก็ไมควรทําตัว
ตอผูพูด และเรื่องที่ฟงก็ยอมทําใหการสื่อสารราบรื่น
ตามสบายจนเกินพอดี
• สิ่งแวดลอม เปนสิ่งเราที่มีอิทธิพลตอผูพูดและผูฟง โดยสิ่งแวดลอมที่ไมเหมาะสม
ตอการฟงอาจทําใหการสื่อสารไมประสบผลสําเร็จตามจุดมุงหมายที่ตั้งไว
90 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 2
๒.๑ หลักการพูดสรุปความจากสือ่ สงตัวแทน 2 คน ออกมาอธิบายความรู
๑) ศึกษาเรื่องที่จะต้องสรุปและตีความให้เข้าใจ ผู้พูดจะต้องฟังและดูสื่ออย่างมีสมาธิ ในประเด็นที่กลุมของตนเองไดรบั มอบหมาย
ท�าความเข้าใจเนือ้ หาของเรือ่ งและตีความหมายจากเรือ่ งว่ากล่าวถึงอะไร สิง่ ใด อย่างไร และเพือ่ อะไร พรอมระบุแหลงทีม่ าของขอมูล
๒) สรุปใจความส�าคัญของเรื่อง ผู้พูดต้องทราบความหมายและจุดมุ่งหมายของเรื่อง 2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย และทบทวน
ความรูที่ไดรับจากการฟงบรรยาย จากนั้น
พร้อมทั้งสรุปใจความส�าคัญของเรื่อง
รวมกันสรุปความรู ความเขาใจ ใหถูกตอง
๓) เรียบเรียงเนื้อหาใหม่ ผู้พูดต้องเรียบเรียงเนื้อหาให้มีใจความกระชับ สละสลวย ชัดเจน
ตรงกันอีกครั้งหนึ่ง บันทึกขอมูลลงสมุด
ด้วยส�านวนภาษาของตนเอง
3. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
๔) พูดสรุปความจากเรื่องที่ฟังและดู ผู้พูดต้องพูดสรุปความด้วยภาษาสุภาพ เข้าใจง่าย อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับ
ไม่วกวน สับสน การพูดสรุปความเรื่องจากสื่อที่ฟงและดู
๒.๒ ตัวอย่างการพูดสรุปความจากสือ่ ภาพยนตร์ โดยใชความรู ความเขาใจ ที่ไดรับจากการ
ฟงบรรยาย และการแลกเปลี่ยนความรูรวมกัน
การพูดสรุปความจากการชมภาพยนตร์เรื่อง สิ่งเล็ก ที่เรียกว่ารัก ในชั้นเรียน เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับ
ตอบคําถาม
น�้า เด็กนักเรียนชั้น ม.๑ หน้าตาธรรมดาค่อนข้างไปทางไม่สวย แต่กลับไปหลงรักโชน • หากนักเรียนไดรับมอบหมายใหเลือกฟง
ร่นุ พีท่ ที่ งั้ หล่อ นิสยั ดี เป็นนักกีฬา และเป็นทีห่ มายปองของสาวๆ เกือบทัง้ โรงเรียน น�า้ จึงได้แค่มอง และดูเรื่องตางๆ แลวนํามาพูดสรุปความ
และพยายามหาวิธีใกล้ชิดกับโชน แต่ก็ดูเหมือนกับว่าโชนจะไม่ได้มีท่าทีสนใจน�้าเลยแม้แต่น้อย ใหเพื่อนๆ ฟง จะมีแนวทางการเตรียม
วันหนึ่งกลุ่มเพื่อนของน�้าจึงช่วยกันคิดว่าจะท�าอย่างไรให้โชนหันมาสนใจน�้า น�้าและเพื่อนๆ ความพรอมกอนพูดอยางไร
จึงตัดสินใจใช้ความรักเป็นแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลงตัวเองของน�้า และด้วยความที่น�้า (แนวตอบ มีแนวทางสําหรับเตรียม
อยากไปหาพ่อทีไ่ ปท�างานทีต่ า่ งประเทศและพ่อสัญญาว่าจะส่งตัว๋ เครือ่ งบินมาให้หากสอบได้ที่ ๑ ความพรอม ดังตอไปนี้
น�้าจึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งยิ่งใหญ่ ทั้งในด้านการเรียนและรูปลักษณ์ • กําหนดจุดประสงคในการฟงและดู
น�้าสมัครเข้าชมรมละครภาษาอังกฤษและได้รับเลือกเป็นนางเอก เนื่องจากเธอพูดภาษา วิเคราะหผูฟง เพื่อเลือกเรื่องที่เหมาะสม
อังกฤษได้ดีที่สุดและโชนก็มาช่วยเป็นฝ่ายศิลป์ในการท�าละครเรื่องนี้ด้วย น�้าเริ่มโตเป็นสาว ทั้ง • ในขณะที่ฟง ควรฟงอยางมีสมาธิตลอด
สวยและเก่งขึ้นในทุกๆ ด้าน ขณะเดียวกันท็อปเพื่อนรักของโชนตั้งแต่สมัยเด็กก็ได้ย้ายเข้ามา ทั้งเรื่อง จดบันทึกสาระสําคัญที่ไดจาก
อยู่โรงเรียนเดียวกันและมีท่าทีว่าจะชอบพอน�้าอยู่ไม่น้อย ท็อปให้โชนเป็นพ่อสื่อให้ตนเองกับน�้า การฟง เพราะการจดบันทึกจะทําใหจิตใจ
น�้าเองก็ยอมสนิทกับท็อปเพราะอยากอยู่ใกล้โชน และโชนก็สัญญากับท็อปว่าจะไม่จีบน�้า จดจอ มีสมาธิ
ในวันจบการศึกษาของโชน น�้าตัดสินใจบอกโชนว่าเขาเป็นคนที่เธอแอบรักมาตั้งแต่ ม.๑ แต่ • เรียบเรียงเนือ้ หาทีจ่ ะพูด ดวยสํานวนภาษา
ก็สายไปเสียแล้ว เมื่อโชนได้ตกลงคบหากับปิ่นเพื่อนสนิทของเขา น�้าเสียใจมาก แต่ก็บอกกับ
ของตนเอง โดยคํานึงถึงการใชถอยคํา
โชนว่าเธอยินดีกับความรักครั้งนี้ของเขา ในด้านของโชนเขาเองก็เสียใจมากเช่นกัน เมื่อได้รู้ว่า
ใหเหมาะสมกับผูฟงและเนื้อหาสาระ
ผู้หญิงที่เขาแอบชอบมากว่า ๓ ปี ก็มีใจให้เขาเช่นกัน แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป
ของเรื่อง
• ฝกฝนจนเกิดความคลองตัว หรือชํานาญ
91 โดยอาจออกแบบทาทาง การวางตัว
บุคลิกภาพใหเหมาะสมในขณะที่พูด)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ปจจัยใดที่จะชวยสงเสริมใหการพูดดําเนินไปจนสําเร็จลุลวง
ครูควรใหความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับจุดมุงหมายของการพูดใหแกนักเรียน
1. ภาษา
โดยอธิบายวา จุดมุงหมายของการพูด แบงเปน 4 ประเภท ดังตอไปนี้
2. นํ้าเสียง
1. พูดเพื่อความรู ผูพูดมีจุดประสงคใหผูฟงมีความรู ความเขาใจในเรื่องที่
3. บุคลิกภาพ
นําเสนอ เชน การพูดนําเสนอผลงานทางวิชาการ
4. ความเชื่อมั่นในตนเอง
2. พูดเพื่อความบันเทิง ผูพูดมีจุดประสงคใหผูฟงไดรับความสนุกสนาน
วิเคราะหคําตอบ การพูดใหบรรลุจุดประสงค สิ่งสําคัญประการแรก คือ ความบันเทิง เพลิดเพลินจากเรื่องที่นํามาถายทอด เชน การพูดเกี่ยวกับ
ผูพูดตองมีความรู ความเขาใจในเรื่องที่จะพูดเปนอยางดี ฝกฝนเตรียม ภาพยนตรที่กําลังเขาฉาย และไดรับความนิยม เปนตน
ความพรอมดานตางๆ ไมวาจะเปนการใชภาษา นํ้าเสียง หรือการวาง 3. พูดเพื่อเสนอขาว ผูพูดมีจุดประสงคใหผูฟงรับทราบและพิจารณาเกี่ยวกับ
บุคลิกภาพ แตการพูดที่ดีจะเกิดขึ้นไมได ถาผูพูดปราศจากความเชื่อมั่น เหตุการณที่เกิดขึ้นในแตละวัน เชน การนําเสนอขาวประจําวัน
ในตนเอง ไมเชื่อมั่นวาตนเองจะทําได เมื่อถึงเวลาที่จะตองพูด แมวาจะมี 4. พูดเพื่อจูงใจ ผูพูดมีจุดประสงคเพื่อโนมนาวจิตใจของผูฟง ใหคลอยตาม
ความรูหรือเตรียมตัวมาดีเพียงใดก็ตาม หากไมมั่นใจก็จะไมมีทางสําเร็จ เชื่อถือ ยอมปฏิบัติ หรือสนองตอบตามจุดประสงคของผูพูด
หรือเปนการพูดที่ไมราบรื่น ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
คู่มือครู 91
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 3
สงตัวแทน 2 คน ออกมาอธิบายความรู เมื่อโชนจบการศึกษาเขาก็ได้รับคัดเลือกให้เป็นนักฟุตบอลเยาวชนของสโมสรฟุตบอล
ในประเด็นที่กลุมของตนเองไดรบั มอบหมาย แห่งหนึ่ง ส่วนน�้าก็สอบได้ที่ ๑ และได้รับตั๋วเครื่องบินจากพ่อเป็นรางวัลตามสัญญา ก่อนที่ทั้งสอง
พรอมระบุแหลงทีม่ าของขอมูล จะแยกย้ายกันไปท�าหน้าที่ของตน โชนก็ตัดสินใจบอกความรู้สึกของตนเองให้น�้าได้รู้ โดยน�าสมุด
2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบาย และทบทวน บันทึกที่เขาเขียนและถ่ายรูปน�้าไปวางไว้หน้าบ้าน
ความรูที่ไดรับจากการฟงบรรยาย จากนั้น หลายปีผ่านไป น�้ากลายเป็นดีไซเนอร์ชื่อดังและได้รับเชิญให้ไปออกรายการทีวี โดยมี
รวมกันสรุปความรู ความเขาใจ ใหถูกตอง โชนเป็นแขกรับเชิญพิเศษและทั้งสองก็ได้พบกันอีกครั้งในวันที่ประสบความส�าเร็จในชีวิต โดยมี
ตรงกันอีกครั้งหนึ่ง บันทึกขอมูลลงสมุด แรงบันดาลใจจาก “สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก”
3. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย (ภาพยนตร์ เรื่อง สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก: ก�ากับโดย พุทธิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร)
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการพูด
วิเคราะห วิจารณเรื่องที่ฟงและดูจากสื่อ โดยใช
ความรู ความเขาใจ ที่ไดรับจากการฟงบรรยาย ๓ การพูดวิเคราะห์วิจารณ์จากสื่อที่ฟังและดู
และการแลกเปลี่ยนความรูรวมกันในชั้นเรียน การพู ด วิ เ คราะห์ เป็ นการพู ด แยกแยะเรื่ อ งเป็ นส่ ว นย่ อ ยๆ และพู ด แบบพิ นิ จ พิ จ ารณา
เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม แต่ละส่วนนั้นให้ผู้ฟังเข้าใจว่าส่วนต่างๆ มีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกันอย่างไร
• นักเรียนมีแนวทางสําหรับการพูดวิเคราะห
การพูดวิจารณ์ เป็นการพูดแสดงความคิดเห็นจากเรื่องที่ฟังหรือดู แยกแยะข้อดี ข้อเสีย
วิจารณเรื่องที่ฟงและดูจากสื่ออยางไร
และอาจเสนอแนะสิ่งที่ดีมีประโยชน์แก่ผู้ฟัง
(แนวตอบ มีแนวทาง ดังตอไปนี้
• กําหนดจุดประสงค และวิเคราะหผูฟง การพูดวิจารณ์ที่ดีต้องศึกษารายละเอียดและเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์หาสาเหตุ โดยอาศัย
เพื่อเลือกเรื่องมานําเสนอไดเหมาะสม กระบวนการความคิด ความรู้ ความเข้าใจ น�าข้อมูลที่แยกแยะจากการฟังและดูมาพิจารณาว่าส่วนใด
และไดรับความสนใจจากผูฟง ที่เป็นประโยชน์เพื่อน�าไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจ�าวัน
• ฟงและดูอยางมีสมาธิใหจบตลอดทั้งเรื่อง
จดบันทึกสาระสําคัญ ตั้งขอสังเกต ๓.๑ หลักการพูดวิเคราะห์วจิ ารณ์จากสือ่ ทีฟ่ งั และดู
เพื่อขยายความคิดของตนเองที่มีตอเรื่อง การพูดวิเคราะห์วิจารณ์มีหลักการ ดังนี้
• แยกแยะองคประกอบตามประเภทของเรื่อง ๑. ฟังและดูเรื่องที่จะวิเคราะห์วิจารณ์อย่างตั้งใจ
เชน ถาฟงและดูภาพยนตรก็ควรแยกแยะ ๒. แยกแยะข้อมูลโดยละเอียด
วิเคราะหชื่อเรื่อง บท นักแสดง เครื่อง ๓. พิจารณาว่าส่วนใดเป็นประโยชน์ในการน�าไปประยุกต์ใช้
แตงกาย เพลงประกอบ และเนื้อหาสาระ ๔. น�าเสนอผลการวิเคราะห์ วิจารณ์โดยยกเหตุผลประกอบ
ที่เปนประโยชนตอผูฟง ซึ่งสามารถนํามา ๕. สรุปข้อคิดที่ได้จากการวิเคราะห์วิจารณ์เพื่อน�าไปใช้ในชีวิตประจ�าวัน
ประยุกตใชในชีวิตประจําวันได จากนั้น
จึงแสดงความคิดเห็นหรือวิจารณไปตาม
ลําดับขั้นขององคประกอบที่แยกแยะได
จะทําใหการนําเสนอไมสับสน วกวน
ซึ่งการวิจารณที่ดีควรแสดงเหตุผลที่ชัดเจน 92
ประกอบ)
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
เมื่อครูกําหนดใหเลือกเรื่อง เพื่อนํามาพูดหนาชั้นเรียน คนละ 1 เรื่อง
ครูใหความรูเพิ่มเติมแกนักเรียนเกี่ยวกับหลักการพูด ดังนี้ หลักการพูด
การพูดของบุคคลใดนาจะไดรับความสนใจจากผูฟงมากที่สุด
เปนองคประกอบที่สําคัญสําหรับการพูดใหประสบผลสําเร็จ มีนักวิชาการหลายทาน
1. สมภพเลือกเรื่องที่ครูสนใจมากที่สุด
ไดกลาวถึงหลักการพูดไวหลายลักษณะ เชน จินดา งามสุทธิ ไดนําเสนอ
2. ชมพูนุทเลือกเรื่องที่ใหความรูมากที่สุด
หลักการพูดของสมาคมฝกการพูดแหงประเทศไทยไว ดังนี้
3. ชานนทเลือกเรื่องที่ตนเองสนใจมากที่สุด
1. จงเตรียมพรอม 6. จงใชสายตาใหเปนผลดีตอการพูด
4. จินตนาเลือกเรื่องที่กําลังเปนสถานการณปจจุบัน
2. จงเชื่อมั่นในตนเอง 7. จงใชภาษาที่งายและสุภาพ
3. จงปรากฏตัวอยางสงา ผาเผย 8. จงใชอารมณขัน วิเคราะหคําตอบ วิธีการเลือกเรื่องใหเหมาะสม ผูพูดจะตองทราบวาผูฟง
4. จงพูดโดยใชเสียงอันเปนธรรมชาติ 9. จงจริงใจ เปนใคร อยูใ นชวงวัยใด สนใจอะไร เรียกวิธนี วี้ า การวิเคราะหผฟู ง นอกจากนี้
5. จงใชทาทางประกอบการพูด 10. จงหมั่นฝกฝน ยังควรสังเกตวา ณ ชวงเวลานั้นๆ คนในสังคมใหความสนใจในเรื่องใด
ซึ่งการมีความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับหลักการพูด จะทําใหผูฝกฝนทักษะการพูด เพราะการเลือกเรื่องที่อยูในกระแสสังคม จะชวยกระตุนความกระหายใครรู
สามารถนําไปประยุกตใชเพื่อใหเขากับแนวทางการพูดของตนเอง เพื่อทําใหการพูด ในตัวผูฟง การเลือกเรื่องที่ใครคนใดคนหนึ่งสนใจ หรือเลือกเรื่องที่ตนมี
ในแตละครั้งมีประสิทธิภาพและประสบผลสําเร็จ ความรู แตไมไดอยูในความสนใจของกลุมผูฟง ไมอาจทําใหการพูดไดรับ
ความสนใจ ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
92 คู่มือครู
ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
ขยายความเข้าใจ Expand
1. นักเรียนเลือกฟงและดูเรื่องจากสื่อวิทยุ
๓.๒ ตัวอย่างการพูดวิเคราะห์วจิ ารณ์สอื่ ภาพยนตร์ โทรทัศน คนละ 1 เรื่อง โดยเปนผูกําหนด
จุดประสงคของการฟงและดูดวยตนเอง
การพูดวิเคราะห์วิจารณ์จากการชมภาพยนตร์เรื่อง สิ่งเล็ก ที่เรียกว่ารัก ใชความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับการพูด
สรุปความ และการพูดวิเคราะห วิจารณ
สวัสดีค่ะ ท่านผู้ฟัง บูรณาการรวมกัน รางบทพูดความยาวไมเกิน
ภาพยนตร์เรื่อง สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ได้แสดงให้เห็นถึงความงดงามและพลังของความรัก 3 นาที โดยสรุปความของเรื่องใหครบถวน
ที่สามารถเปลี่ยนความคิดและชีวิตของคนคนหนึ่งให้ดีขึ้นได้ โดยการน�าเสนอผ่านตัวละครเอก วิเคราะห วิจารณองคประกอบ โดยยกเหตุผล
คือ “น�้า” ประกอบใหชัดเจน รวมถึงระบุสาระ ขอคิด
ภาพยนตร์เรื่อง สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก มีคุณค่าในด้านเนื้อหา ถึงแม้ว่าหากดูผิวเผินอาจ
ที่เปนประโยชนจากเรื่อง ซึ่งผูฟงสามารถนําไป
เหมือนกับหนังรักวัยรุ่นทั่วไป แต่หากพิจารณาเนื้อเรื่องอย่างละเอียดแล้ว ก็จะพบว่า ภาพยนตร์
ประยุกตใชในชีวิตประจําวันได
เรื่องนี้ได้สอดแทรกแง่คิดดีๆ เกี่ยวกับความรักไว้ได้อย่างแยบยล ไม่ใช่เพียงแค่ความรักระหว่าง
2. นักเรียนรวมกันกําหนดเกณฑเพื่อใชประเมิน
หน่มุ สาว แต่ยงั กล่าวถึงความรักระหว่างเพือ่ นและครอบครัว ซึง่ ถือเป็นสิง่ จ�าเป็นในชีวติ ของมนุษย์
การพูดสรุปความ การพูดวิเคราะห วิจารณ
ทุกคน
เรื่องที่ฟงและดูจากสื่อ และใชเปนแนวทาง
แก่นเรือ่ งส�าคัญ คือ การใช้ความรักเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเองไปในทางทีด่ ขี นึ้ ซึง่
ปรับปรุง แกไขในครั้งตอไป
ตัวละครที่เห็นการพัฒนาได้ชัดเจนที่สุด คือ น�้า นางเอกของเรื่อง เพราะนอกจากจะพัฒนาตนเอง
เพือ่ ให้ผชู้ ายทีเ่ ธอแอบชอบหันมาสนใจแล้ว เธอยังพยายามตัง้ ใจเรียนเพือ่ ทีจ่ ะได้เดินทางไปหาพ่อ
(แนวตอบ เกณฑควรครอบคลุม ดังตอไปนี้
ของเธอที่ต่างประเทศ ถือเป็นการใช้ความรักในทางที่ถูกต้อง • เรื่องที่เลือกฟงและดู มีความนาสนใจ
การล�าดับความส�าคัญในชีวติ ก็เป็นอีกหนึง่ แง่คดิ ทีผ่ ชู้ มจะได้รบั จากภาพยนตร์เรือ่ งนี้ ช่วงวัยร่นุ เหมาะสม และเปนประโยชนตอผูฟง
เป็นวััยค้นหาและเรียนรู้ มีสิ่งต่างๆ เข้ามาในชีวิตมากมาย ทั้งความรัก มิตรภาพ และกิจกรรม • ผูพูดมีการเกริ่นนําเกี่ยวกับเหตุผลของ
แต่สงิ่ ส�าคัญทีส่ ดุ คือ การศึกษาเล่าเรียน หากไม่หลงลืมความส�าคัญในหน้าที่ สิง่ ดีอนื่ ๆ ก็จะตามมา การเลือกเรื่อง รายละเอียดเกี่ยวกับ เรื่อง
ไดนาสนใจ ชัดเจน
• ผูพูดสามารถสรุปความ วิเคราะห
ความสามารถในการพูดวิเคราะห์วจิ ารณ์ขน้ึ อยูก่ บั วุฒภิ าวะ ความรู ้ วัย และประสบการณ์ องคประกอบของเรื่องครบถวน แสดงความ
ของผู้พูด เช่น วิเคราะห์ภาษาที่ใช้ในงานโฆษณา สมาชิกในครอบครัวอาจช่วยกัน คิดเห็นหรือวิจารณอยางมีเหตุผลไดตาม
พู ด วิ เ คราะห์ อ ย่ า งมี เ หตุ ผ ลว่ า น่ า เชื่ อ ถื อ หรื อ ไม่ ซึ่ ง จะทÓให้ เ ด็ ก เติบโตเป็นผู้ใหญ่ ลําดับขั้น ไมสับสน วกวน และใชสํานวน
ที่มีเหตุผล ไม่หลงเชื่อสิ่งใดง่ายๆ การรู้จักวิเคราะห์ รู้จักอ้างอิงหลั ก ฐานประกอบ ภาษาของตนเอง
จะช่วยให้เป็นผู้มีสติ รู้จักไตร่ตรอง ทันคน ทันเหตุการณ์ อยู่ในโลกสมัยใหม่ท่ีมี
• ผูพูดสามารถระบุสาระ ขอคิดของเรื่องที่เปน
การเปลี่ยนแปลงได้อย่างชาญฉลาด นอกจากนี้ในการพูดผู้พูดต้องคÓนึงถึงมารยาท
ประโยชนตอผูฟง แสดงความคิดเห็น
ในการพูดเพื่อให้การพูดเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และเกิดประโยชน์ต่อผู้ฟัง
เกี่ยวกับแนวทางการนําไปใชไดอยาง
นาเชื่อถือ สมเหตุสมผล
• ผูพูดสามารถใชนํ้าเสียง ทาทาง การวาง
บุคลิกภาพ การใชสื่อประกอบการพูดได
93 เหมาะสม และมีมารยาท)
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนเลือกฟงและดูรายการประเภทสารคดี ใชความรู ความเขาใจ ครูควรใหความรู ความเขาใจเพิ่มเติมแกนักเรียนเกี่ยวกับการใชทาทางประกอบ
เกี่ยวกับการพูดสรุปความ และการพูดวิเคราะห วิจารณ บูรณาการรวมกัน การพูด กลาวคือ การใชทาทางประกอบการพูดชวยทําใหคําพูดมีความกระจางชัด
รางบทพูด พรอมระบุขอคิดที่เปนประโยชน แนวทางการนําไปใชนํามา หรือชวยเนนความคิดมากยิ่งขึ้น
อภิปรายรวมกันภายในชั้นเรียน ทาทางประกอบการพูด หมายถึง การเคลื่อนไหวอยางมีความหมายของอวัยวะ
ในรางกาย เชน ศีรษะ ไหล แขน มือ เปนตน เพื่อกระตุนอารมณความรูสึกของผูฟง
สวนการจับกระดุมเสื้อ หนังสือ กระดาษบนโตะของผูพูด ไมนับวาเปนการแสดง
กิจกรรมทาทาย ทาทางประกอบการพูดเพราะไมมีความหมายและไมเกี่ยวกับความคิดที่พูด
การแสดงทาทางประกอบการพูดที่มีความหมายเปนที่เขาใจโดยทั่วกัน เชน
การควํ่ามือ ใชแสดงอาการไมยอมรับ การชูกําปน ใชเพื่อเนนการแสดงอารมณ
นักเรียนเลือกฟงและดูภาพยนตร ใชความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับการพูด ความรูสึกที่รุนแรง แสดงอาการโกรธหรือการตัดสินใจ เปนตน
สรุปความ และการพูดวิเคราะห วิจารณ บูรณาการรวมกัน รางบทพูด
พรอมระบุขอ คิดทีเ่ ปนประโยชน แนวทางการนําไปใช นํามาอภิปรายรวมกัน
ภายในชั้นเรียน
คู่มือครู 93
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engaae Expore Explain Elaborate
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนออกมาพูดสรุปความและวิเคราะห
วิจารณเรื่องที่เลือกฟงและดูจากสื่อ พรอมระบุ
สาระ ขอคิดที่เปนประโยชนและแนวทางการนํา
ไปปรับใชในชีวิตประจําวัน ใชเวลาไมเกิน
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
3 นาที
๑. การพูดสรุปใจความมีแนวทางในการพูดอย่างไร จงอธิบายพอสังเขป
2. นักเรียนใชเกณฑที่รวมกันกําหนดประเมิน
๒. การพูดสรุปความกับย่อความเหมือนหรือต่างกัน อย่างไร
การพูดสรุปความและการพูดวิเคราะห วิจารณ ๓. การพูดวิเคราะห์วิจารณ์มีแนวทางในการพูดอย่างไร
ของเพื่อนๆ ๔. การพูดวิเคราะห์วิจารณ์จ�าเป็นต้องเสนอแนะแนวทางแก้ไขหรือไม่ อย่างไร
3. ครูสอบถามผลการประเมินของนักเรียน ๕. การพูดสรุปความและวิเคราะห์วิจารณ์ เป็นทักษะที่จ�าเป็นในชีวิตประจ�าวันอย่างไร
แตละคน พรอมเหตุผลประกอบ
4. ครูตรวจสอบรางบทพูดของนักเรียน โดยใช
หลักเกณฑเดียวกับที่นักเรียนรวมกันกําหนด
ภายใตคําแนะนําของครู เขียนขอเสนอแนะหรือ
ขอควรปรับปรุง แกไขในครั้งตอไป แลวสงคืน
5. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวยการเรียนรู
94
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. การพูดสรุปความ คือ การพูดเพื่อถายทอดเนื้อหาสาระของสารที่ไดรับจากการฟงและดู การพูดสรุปความมีแนวทางการพูด คือ หลังจากที่ผูรับสารฟงและดูเรื่องนั้นๆ
จนจบตลอดทั้งเรื่องแลว ใหตั้งคําถามกับตนเองวาเปนเรื่องเกี่ยวกับอะไร ใคร ทําอะไร กับใคร ที่ไหน อยางไร เมื่อไร และทําไม ซึ่งการพูดสรุปความ ผูพูดไมจําเปน
ตองแสดงความคิดเห็นในขณะที่พูด
2. การพูดสรุปความและการยอความ มีลักษณะสําคัญที่เหมือนกัน คือ การสรุปสาระสําคัญวาเปนเรื่องเกี่ยวกับอะไร ใคร ทําอะไร กับใคร ที่ไหน อยางไร เมื่อไร
และทําไม ดวยสํานวนภาษาของผูรับสาร
3. การพูดวิเคราะห และวิจารณเปนการพูดที่มีความตอเนื่องสัมพันธกัน กลาวคือ ผูพูดตองแยะแยก วิเคราะหองคประกอบของเรื่องที่ฟงและดูใหไดเสียกอน จากนั้น
จึงวิจารณหรือแสดงความคิดเห็นของตนเองที่มีตอแตละองคประกอบ แสดงใหเห็นทั้งขอดีและขอดอย โดยยกเหตุผลประกอบชัดเจน
4. การพูดวิเคราะห วิจารณที่ดี ผูพูดควรแสดงความคิดเห็น และเสนอแนะขอคิดเห็นสวนตนอยางมีมารยาท การพูดวิเคราะห วิจารณในลักษณะติเพื่อกอจะทําใหเกิด
มุมมองความคิดที่แปลกใหม
5. ในชีวิตประจําวันมนุษยรับสารหลากหลายประเภทจากสื่อตางๆ หากผูรับสารไมมีความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับการวิเคราะห วิจารณอาจทําใหหลงเชื่อเรื่องตางๆ
โดยปราศจากการคิด พิจารณา ซึ่งอาจกอใหเกิดผลเสียทั้งตอตนเองและคนรอบขาง ดังนั้นความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับการวิเคราะห วิจารณจึงเปนทักษะที่จําเปน
สําหรับการรับสารในชีวิตประจําวัน
94 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. นักเรียนอธิบายความรู ความเขาใจของตนเอง
และสามารถฝกปฏิบัติการพูดในโอกาสตางๆ
ไดโดยคํานึงถึงธรรมเนียมและมารยาท
ที่เหมาะสม
2. นักเรียนอธิบายความรู ความเขาใจของตนเอง
และสามารถฝกปฏิบัติการพูดรายงาน
เรื่องหรือประเด็นที่เลือกศึกษาคนควา
จากการฟง การดู และการสนทนา
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
3. ความสามารถในการใชทกั ษะชีวิต
คุณลักษณะอันพึงประสงค
ó
1. มีวินัย รับผิดชอบ
2. ใฝเรียนรู
3. มุงมัน่ ในการทํางาน
หน่วยที่
กำรพูดในโอกำสต่ำงๆ และกำรพูดรำยงำน
ตัวชี้วัด ก ารพูดในโอกาสตางๆ ตอที่ กระตุน้ ความสนใจ Engage
ท ๓.๑ ม.๒/๔, ๕ ชุมชน เปนการพูดที่พบเห็นอยูเสมอ
■ พูดในโอกาสตางๆ ไดตรงตามวัตถุประสงค ในชีวิตประจําวันมนุษยทุกคนมีโอกาสที่ ครูนําเขาสูหนวยการเรียนรูดวยวิธีการ
■ พูดรายงานเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาคนควาจากการฟง การดู จะพูดตอทีช่ มุ ชนไมโอกาสใดก็โอกาสหนึง่ ตั้งคําถามเพื่อกระตุนทักษะการคิดและการสํารวจ
และการสนทนา
การศึกษาเรียนรู ฝกพูดในโอกาสตางๆ ประสบการณของตนเอง
สาระการเรียนรู้แกนกลาง จึงเปนสิ่งจําเปนเพื่อใหพูดไดเหมาะสมกับ • นักเรียนคิดวาในสถานการณหรือโอกาส
โอกาส เวลา สถานที่
■ การพูดในโอกาสตางๆ เชน การพูดอวยพร การพูดโนมนาวใจ
การพูดโฆษณา
ใดบางที่แขกรับเชิญสามารถมีสวนรวมกับ
■ การพูดรายงานการศึกษา คนควา จากแหลงเรียนรูตางๆ การพูดเพื่อแสดงความรูสึกของตนเอง
ที่มีตอเจาของงาน และนักเรียนเคยมี
โอกาสนั้นหรือไม อยางไร
95 (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
ไดอยางอิสระ ทําใหไดคําตอบที่หลากหลาย
พิจารณาตามดุลยพินิจของครู)
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรู การพูดในโอกาสตางๆ และการพูดรายงาน
เปาหมายสําคัญคือ นักเรียนมีความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับการพูดในสถานการณ
หรือโอกาสตางๆ ไดตรงตามวัตถุประสงค รวมถึงการพูดรายงานการศึกษาคนควา
สามารถฝกปฏิบัติไดดวยตนเอง โดยใชแนวทางที่ถูกตอง
การจะบรรลุเปาหมายดังกลาว ครูควรออกแบบการเรียนการสอน โดยใหนักเรียน
รวมกลุมกันสืบคนความรูที่จําเปนสําหรับการฝกฝน ครูสังเกตการณและตรวจสอบวา
นักเรียนมีความรูที่เพียงพอหรือไม กอนจะมอบหมายใหลงมือฝกปฏิบัติ ซึ่งความรู
ที่นักเรียนควรมี ไดแก ลักษณะสําคัญของการพูดในโอกาสตางๆ และการพูดรายงาน
วิธีการวางโครงเรื่อง การใชถอยคําภาษาสําหรับการเรียบเรียง ขั้นตอน รูปแบบ
หรือวิธีการพูด และรวมกันกําหนดเกณฑเพื่อใชประเมินการพูดของตนเอง รวมถึง
เพื่อนๆ ในชั้นเรียน
การเรียนการสอนในลักษณะนี้จะชวยฝกทักษะที่จําเปนใหแกนักเรียน ไดแก
ทักษะการประยุกตใชความรู ทักษะการตั้งเกณฑ และทักษะการประเมิน
คู่มือครู 95
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา
Engage Explore อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Elaborate Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอน ดวยการ
กระตุน ใหนกั เรียนรวมกันระบุความหมายของการพูด ๑ การพูดในโอกาสต่างๆ
ในโอกาสตางๆ จากรองรอยความรูเดิม ซึ่งคําตอบ
การพูด เป็นกระบวนการติดต่อสื่อสารที่ท�าให้มนุษย์รับรู้ เข้าใจ และสนองตอบความต้องการ
ของนักเรียนควรอยูในขอบขาย ดังนี้
(แนวตอบ การพูดในโอกาสตางๆ หรือการพูด ของกันและกันได้ถูกต้อง ในชีวิตประจ�าวันมนุษย์ย่อมมีกิจกรรมทางสังคมที่ต้องพูดจาสื่อสารกัน เช่น
ในที่ชุมชน คือ การพูดเพื่อแสดงความรู ความคิด การพูดระหว่างพ่อแม่ พี่ น้อง เพื่อน ผู้ร่วมงาน หรือการพูดคุยสังสรรค์กับบุคคลอื่นๆ ถ้าผู้พูดรู้จักพูด
ความรูสึก รวมทั้งขอเสนอแนะตางๆ ตอผูฟง ได้อย่างถูกต้องเหมาะสม จะช่วยให้สามารถติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นได้อย่างเข้าใจและมีมนุษยสัมพันธ์
เปนจํานวนมาก ณ ที่ใดที่หนึ่ง เชน การพูดอวยพร อันดีต่อกัน
เนื่องในวันเกิด วันแตงงาน วันขึ้นบานใหม วันสําเร็จ การพูดที่ดีต้องประกอบด้วยศาสตร์และศิลป์ คือ มีหลักการและใช้ภาษาได้ไพเราะ เหมาะสม
การศึกษา การพูดตอนรับ การพูดโนมนาวใจ กับเนื้อหาสาระและโอกาสของการสื่อสาร
การพูดโฆษณา การพูดรายงาน การพูดอภิปราย ๑.๑ การพูดอวยพร
เปนตน)
การพูดอวยพร หมายถึง การพูดเพื่อแสดงความปรารถนาดี ยินดีต่อบุคคลอื่นในโอกาสที่เป็น
มงคล เช่น งานมงคลสมรส งานขึ้นบ้านใหม่ ตลอดจนการกล่าวอวยพรของญาติผู้ใหญ่ที่อ�านวยพร
ส�ารวจค้นหา Explore
แก่ลูกหลาน ครูอวยพรให้แก่ลูกศิษย์ หรือผู้บังคับบัญชาอวยพรให้แก่พนักงาน ในการกล่าวค�าอวยพร
แบงนักเรียนออกเปน 3 กลุม ตามความสมัครใจ ผู้กล่าวจึงต้องใช้วิจารณญาณในการพูดให้สอดคล้องเหมาะสมกับบุคคล โอกาส และสถานที่ รวมถึง
ครูทําสลากโดยเขียนหมายเลข 1, 2 และ 3 พรอม บุคคลผู้ร่วมงานด้วย
ระบุขอ ความในแตละหมายเลข จากนัน้ ใหแตละกลุม การพูดอวยพรมีหลักการพูด ดังนี้
สงตัวแทนออกมาจับสลาก แลวอานประเด็นที่กลุม ๑. ผู้พูดควรเริ่มต้นทักทายผู้ฟัง กล่าวแสดงความยินดีที่ผู้มีเกียรติมาร่วมงาน กล่าวถึง
ของตนเองไดรับมอบหมายใหสืบคนความรู ดังนี้ ความสัมพันธ์ของตนเองที่มีต่อเจ้าภาพ แล้วจึงกล่าวอวยพร
หมายเลข 1 การพูดอวยพร ๒. ผู ้ พู ด ควรค� า นึ ง ถึ ง บุ ค คลและกาลเทศะ เช่ น การอวยพรให้ ผู ้ ใ หญ่ หรื อ ผู ้ ที่ มี คุ ณ วุ ฒิ
หมายเลข 2 การพูดเพื่อโนมนาวใจ วัยวุฒิสูงกว่า ควรกล่าวอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อน เป็นต้น
หมายเลข 3 การพูดโฆษณา ๓. ผู้พูดควรพูดด้วยถ้อยค�าสุภาพ นุ่มนวล และแสดงความปรารถนาดีต่อผู้อื่น
โดยนักเรียนสามารถสืบคนความรูไดจากแหลง ๔. ผู้พูดควรแสดงกิริยาอาการอ่อนน้อม สุภาพ เรียบร้อย แสดงความเคารพยกย่อง ให้เกียรติ
ขอมูลตางๆ ที่เขาถึงได และมีความนาเชื่อถือ เชน บุคคลที่อวยพรให้
ตําราวิชาการเกี่ยวกับทักษะการพูดในโอกาสตางๆ ๕. ผู้พูดควรพูดด้วยใบหน้าสดชื่น ยิ้มแย้ม จริงใจ และใช้เสียงดังพอควร
บทเรียนอิเล็กทรอนิกส ซึ่งขอมูลที่รวบรวมไดจะตอง ๖. ข้อความที่กล่าวอวยพร ควรเป็นข้อความที่ก่อให้เกิดความปีติยินดีและมีความสุขทั้งผู้พูด
ครอบคลุมประเด็น ตอไปนี้ และผู้ฟัง
• ลักษณะสําคัญของการพูดในแตละโอกาส การพู ด อวยพรไม่ ว ่ า ในโอกาสใด นั บ เป็ น การพู ด ที่ เ ป็ น มงคล ผู ้ พู ด ควรเลื อ กใช้ ถ ้ อ ยค� า
• วิธีการเรียบเรียงเนื้อหา ที่เป็นมงคลเหมาะสมกับงานนั้นๆ เช่น การพูดอวยพรในวันเกิดไม่ควรพูดถึงอาการแก่ เจ็บ ตาย
• วิธีการพูดเพื่อใหประสบผลสําเร็จ บรรลุ หรือไม่ควรพูดยืดยาว ซ�้าซาก ใช้เวลานานเกินไป เป็นต้น
วัตถุประสงค
96
ขอสอบ O-NET
เกร็ดแนะครู ขอสอบป ’ 51 ออกเกี่ยวกับลักษณะเนื้อหาของการพูดอวยพร
ครูควรใหความรู ความเขาใจแกนักเรียนเกี่ยวกับวิธีการพูดใหประสบผลสําเร็จ “ขออํานาจคุณความดีทง้ั ปวงทีไ่ ดทาํ มา จงบันดาลดลใหไดประสบแตความ
ซึ่งการพูดใหประสบผลสําเร็จสําคัญที่การเตรียมตนราง หรือเรียกวาวิธีการวาง เจริญรุง เรืองในหนาทีก่ ารงาน พบแตคนดี พบแตสง่ิ ดีและคลาดแคลวจาก
โครงเรื่อง แบงออกเปน 3 ชวง ไดแก การกลาวนํา การดําเนินเรื่อง และการกลาวสรุป อันตรายทัง้ ปวง” คําอวยพรขางตนใชในโอกาสใด
จบทาย ผูพูดควรเตรียมตนราง แลวฝกซอมจนเกิดความชํานาญ ดังนี้ 1. แตงงาน
การกลาวนํา ถือเปนจุดเรียกรองและกระตุนความสนใจของผูฟง ผูพูดจะตอง 2. เกษียณอายุ
เรียบเรียงเนื้อหาในสวนนี้ใหรวบรัด ตรงประเด็นและชวนใหติดตาม 3. รับตําแหนงใหม
การดําเนินเรื่องผูพูดควรเรียบเรียงเนื้อหาใหมีความนาสนใจ ดึงดูดและตรึง 4. ขึ้นบานใหม
ความสนใจของผูฟงใหฟงจนจบตลอดทั้งเรื่อง อยาพูดออกนอกประเด็น ควรมีความ วิเคราะหคําตอบ การพูดอวยพรในแตละโอกาส จะบรรจุหรือเรียบเรียง
ยืดหยุน คือ พรอมที่จะจบหรือขยายความตอไดหากเกิดเหตุการณเฉพาะหนา เนื้อความแตกตางกันขึ้นอยูกับสถานการณหรือโอกาสในการพูด หากเปน
การสรุปจบทายผูพูดควรใชถอยคําที่สรางความประทับใจแกผูฟง เนนยํ้า งานแตงงานเนื้อความโดยมากจะอวยพรใหมีความสุขในการใชชีวิตคู
วัตถุประสงคที่ตั้งไว งานเกษียณอายุเนื้อความจะปรากฏความอาลัย ความคิดถึง ความเสียดาย
ในตัวผูเ กษียณอายุ สวนงานขึน้ บานใหมเนือ้ ความจะมีลกั ษณะเปนการอํานวยชัย
ใหพร ใหมีความสุข ความรมเย็นในบานหลังใหม ดังนั้นจึงตอบขอ 3.
96 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1 1. นักเรียนกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 1
ตัวอย่าง การพูดอวยพรผู้ใหญ่ สงตัวแทน 2 คน ออกมาอธิบายความรู
ในประเด็นที่กลุมของตนเองไดรบั มอบหมาย
การพูดอวยพรผู้ใหญ่เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ พรอมระบุแหลงทีม่ าของขอมูล
2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
เรียน ท่านประธานบริษัทเจริญกิจและแขกผู้มีเกียรติ อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับ
กระผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ทางบริษัทได้จัดงานสังสรรค์ปีใหม่ให้แก่พนักงานทุกคน การพูดอวยพร โดยครูควรหาตัวอยางบทพูด
และขอบคุณที่ท่านประธานและครอบครัวสละเวลาอันมีค่าของท่านมาร่วมงานในคืนนี้ เนื่องใน
อวยพรในโอกาสตางๆ มาอานใหฟง จากนั้น
โอกาสขึน้ ปีใหม่ กระผมในนามของตัวแทนพนักงานทุกคน ขออาราธนาคุณพระศรีรตั นตรัย จงปกป้อง
ตั้งคําถามกับนักเรียนวา
คุม้ ครองให้ทา่ นประธานบริษทั และครอบครัว มีความสุขความเจริญ สุขภาพแข็งแรง เป็นร่มโพธิ์
ร่มไทรให้ความร่มเย็นแก่พนักงานทุกคนตลอดไป
• จากบทอวยพรที่ไดฟง นักเรียนสังเกตสิ่งใด
ณ โอกาสนี้กระผมขอเป็นตัวแทนมอบดอกไม้แทนใจของพวกเราทุกคนครับ ไดบาง
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
ตัวอย่าง การพูดอวยพรผู้ที่เสมอกัน ไดอยางอิสระ ทําใหไดคําตอบที่หลากหลาย
เชน คําขึ้นตน เนื้อเรื่อง ถอยคําที่ไพเราะ
การพูดอวยพรผู้ที่เสมอกัน เปนตน ซึ่งครูควรชี้แนะวา คําตอบที่ชวยกัน
ระบุนั้น เปนสวนหนึ่งของการวางโครงเรื่อง
สวัสดีสมศักดิ์ เพื่อนรัก เพื่อจัดทําตนรางการพูด)
ในนามตัวแทนของเพื่อนร่วมรุ่น ๒๙ ของโรงเรียนนพรัตน์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เพื่อน • จากความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับการพูด
ได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนไปดูงานที่ต่างประเทศ เพื่อน�าความรู้มาพัฒนางานให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น อวยพร หากนักเรียนไดรับคัดเลือกจาก
ขอให้เพื่อนจงประสบความส�าเร็จและมีความสุขความเจริญ เป็นที่รักของเพื่อนๆ ตลอดไป เพื่อนๆ ใหเปนตัวแทนทําหนาที่กลาว
และขอมอบมาลัยดอกไม้พวงนี้แทนน�้าใจของเพื่อนๆ เพื่อเป็นก�าลังใจในการไปดูงานครั้งนี้ด้วย อวยพรวันเกิดใหแดครูประจําชั้น
จะมีวิธีการเตรียมความพรอมอยางไร
๑.๒ การพูดเพือ่ โน้มน้าวใจ (แนวตอบ หาขอมูลเกี่ยวกับเจาของวันเกิด
เชน ปนี้อายุครบรอบกี่ป มีจุดมุงหมาย
การพูดเพื่อโน้มน้าวใจ หมายถึง การพูดที่ผู้พูดมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ผู้ฟังเชื่อถือปฏิบัติตาม
เปาหมายในอนาคตอยางไร เปนตน
ค�าแนะน�า ค�าขอร้อง ค�าชวนโดยใช้ศิลปะการเลือกใช้ถ้อยค�า การพูดโน้มน้าวใจจึงเป็นความพยายาม
นําขอมูลมาวางโครงเรื่อง โดยใชคําขึ้นตน
ในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติของผู 2 ้ฟังโดยผู้พูดใช้ทั้ง “วัจนภาษา” คือ ภาษาพูด และ “อวัจนภาษา” ใหเหมาะสม เรียบเรียงเนื้อหาสาระ โดยเริ่ม
คือ ภาษากาย กิริยาท่าทาง เพื่อให้เกิดการยอมรับและเปลี่ยนแปลงความคิด พฤติกรรมตามที่ผู้พูด จากการกลาวแสดงความยินดีที่มีโอกาส
ต้องการ ซึ่งการพูดโน้มน้าวใจขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้พูด ผู้ฟังจึงควรใช้วิจารณญาณในการรับสาร ไดอวยพร แสดงใหเห็นความสัมพันธระหวาง
ก่อนตัดสินใจเชื่อหรือปฏิบัติตาม เช่น การพูดรณรงค์ให้ร่วมกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง การอบรมสั่งสอน ผูพูดกับเจาของวันเกิด กลาวอวยพรให
การพูดให้โอวาท การพูดปราศรัยหาเสียง การพูดโฆษณา เจาของวันเกิดมีสุขภาพรางกายและจิตใจ
ที่แข็งแรงสมบูรณ โดยคํานึงวาหากผูนอย
97 อวยพรใหผูใหญ ควรอาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เปนผูประสาทพร และสรุปจบทายใหผูรับ
การอวยพรประทับใจ)
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนทบทวนเกี่ยวกับลักษณะสําคัญของการพูดอวยพร ศึกษาการ 1 การพูดอวยพร เปนการพูดในงานมงคลตางๆ เชน งานครบรอบวันคลายวันเกิด
บรรจุเรียบเรียงเนื้อหาสาระ การเลือกใชถอยคํา นําความรูมาใชรางบทพูด เปนตน ลักษณะการพูดจะเนนไปที่การกลาวใหผูเปนเจาของงานประสบแตสิ่งที่ดีงาม
อวยพรวันเกิดญาติผูใหญ นําเสนอหนาชั้นเรียน หากถูกสุมเรียกชื่อ มีความเจริญรุงเรือง ซึ่งรายละเอียดการพูดจะแตกตางกันในแตละสถานการณ
และโอกาส ผูพูดตองศึกษาวิธีการเรียบเรียงเนื้อหาในแตละสถานการณใหเขาใจ
อยางลึกซึ้ง จนสามารถฝกปฏิบัติไดจริง เพื่อใหการพูดในแตละครั้งประสบผลสําเร็จ
กิจกรรมทาทาย ตามจุดมุงหมายและสรางความประทับใจใหแกผูฟง
2 กิริยาทาทาง ที่แสดงออกขณะกําลังพูดในที่สาธารณชน ตองสดชื่น แจมใส
มีทาทีเปนมิตร ไมหมนหมอง มีความสงาผาเผย กระฉับกระเฉง มีชีวิตชีวา ไมควร
นักเรียนทบทวนเกี่ยวกับลักษณะสําคัญของการพูดอวยพร ศึกษาการ แสดงอาการหงอยเหงา เซื่องซึม กิริยาทาทางที่เหมาะสมขณะพูด เชน การใชสายตา
บรรจุเรียบเรียงเนื้อหาสาระ การเลือกใชถอยคํา นําความรูมาใชรางบทพูด ขณะพูดควรกวาดตามองผูฟงดวยดวงตาอันแจมใส ไมควรมองดวยความรวดเร็ว
โดยสมมติใหตนเองเปนญาติผูใหญของฝายเจาสาวขึน้ กลาวอวยพรในงาน หรือกวาดสายตาเร็วจนเกิดเปนอาการวอกแวก เพราะอาจทําใหผูฟงเกิดความ
มงคลสมรส นําเสนอหนาชั้นเรียน หากถูกสุมเรียกชื่อ ไมเชื่อมั่นหรือไมศรัทธาในผูพูด และสงผลใหการพูดไมประสบผลสําเร็จตาม
จุดมุงหมายที่ตั้งไว
คู่มือครู 97
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่จับสลากไดหมายเลข 2 และ 3 1
สงตัวแทนกลุมละ 2 คน ออกมาอธิบายความรู การพูดโน้มน้าวใจมีหลักการพูด ดังนี้
ในประเด็นที่กลุมของตนเองไดรับมอบหมาย ๑. พูดเร้าความสนใจ โดยใช้ภาษาที่ถูกต้องเหมาะสม ในการพูดโน้มน้าวใจผู้พูดควรใช้วิธี
พรอมระบุแหลงที่มาของขอมูล ปลุกเร้าความสนใจผู้ฟังก่อน2 เมื่อผู้ฟังเริ่มสนใจจึงน�าเข้าสู่จุดมุ่งหมายของการพูด
2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย ๒. พูดให้น่าเชื่อถือ ผู้พูดโน้มน้าวใจต้องพูดให้ผู้ฟังเห็นว่า ตนมีความรู้อย่างแท้จริง สามารถ
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการพูด อธิ บ ายหรื อ ตอบค� า ถามได้ ล ะเอี ย ดชั ด เจน เช่ น ยกประเด็ น ที่ น ่ า สนใจน� า มาพู ด ได้ อ ย่ า งถู ก ต้ อ ง
โนมนาวใจ โดยใชความรู ความเขาใจ ที่ไดรับ มีข้อมูลประกอบจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ พูดให้ผู้ฟังเห็นทั้งด้านดีและด้านเสีย หากไม่ปฏิบัติตาม
จากการฟงบรรยาย เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับ ที่ผู้พูดเสนอแนะ ท�าให้ผู้ฟังรู้สึกยอมรับและอยากปฏิบัติตาม
ตอบคําถาม ๓. พูดให้มีความรู้สึกร่วมกัน เป็นการพูดที่แสดงถึงความเป็นพวกเดียวกัน เช่น ชอบสิ่งที่
• ในความคิดเห็นของนักเรียน การพูด เหมือนหรือคล้ายกัน มีแหล่งก�าเนิด หรืออยู่หมู่บ้านเดียวกัน จบสถาบันการศึกษาเดียวกัน เป็นต้น
โนมนาวใจ มีลักษณะสําคัญที่แตกตางจาก จะท�าให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกเชื่อใจ นอกจากนี้ การพูดเพื่อสร้างความสนิทสนม โดยใช้กิจกรรมสัมพันธ์
การพูดประเภทอื่นอยางไร ที่ให้ความบันเทิง ความสนุกสนาน ด้านดนตรี กีฬา เกมในการแข่งขัน รวมทั้งงานการกุศล ประเพณี
(แนวตอบ การพูดโนมนาวใจเปนการพูดที่ วัฒนธรรมต่างๆ เมื่อจิตใจมีความสนุกหรรษา ย่อมมีความอ่อนโยน ไม่รู้สึกต่อต้าน พร้อมที่จะรับฟัง
ผูพูดมีจุดประสงคใหผูฟงมีความคิดเห็น ๔. พูดให้ถูกเวลา บุคคล สถานที่ การพูดโน้ม3น้าวใจขึ้นอยู่กับจังหวะเวลาที่พอเหมาะพอดี
คลอยตาม เกิดปฏิกิริยาตอบสนองในลักษณะ กับบุคคลที่พร้อมและสนใจ รวมถึงสถานที่ที่เหมาะสม ซึ่งนับเป็นหัวใจส�าคัญของการพูดให้ประสบ
ผลส�าเร็จ
สอดคลองกับจุดประสงคที่กําหนดไว เชน
๕. พูดให้ไพเราะอ่อนหวาน ประทับใจผู้ฟัง ผู้ฟังจะประทับใจและคล้อยตามจุดประสงค์
ตองการใหเชื่อ ตองการใหปฏิบัติหรือเลิก
ของผู้พูด
ปฏิบัติสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยยกขอมูลและผลที่จะ
ไดรบั มาประกอบ ในขณะทีก่ ารพูดประเภทอืน่
อาจมีจุดประสงคเพื่อแสดงความรู ความคิด การพูดวิงวอน
ความรูสึก เปนตน)
สวัสดีครับ พี่น้องชุมชนปิยรมย์ที่รักทั้งหลาย
• การพูดเพื่อรณรงค การพูดเพื่ออบรมสั่งสอน
ขณะนี้เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ยังมีพี่น้องคนไทยร่วมชาติทางภาคเหนือและภาคอีสาน
การพูดใหโอวาท จัดเปนการพูดโนมนาวใจ
ของเราได้รับความเดือดร้อนจากภัยหนาวมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว ซึ่งทางภาครัฐและเอกชน
หรือไม เพราะเหตุใด
ก�าลังด�าเนินการให้ความช่วยเหลือโดยส่งเสื้อกันหนาว ผ้าห่ม เครื่องกันหนาว และเครื่องอุปโภค
(แนวตอบ นักเรียนแสดงความคิดเห็นตาม
บริโภค เพื่อเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้น หากแต่จ�านวนสิ่งของยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ
พื้นฐานความรูของแตละคน ครูควรชี้แนะ
ยังมีเด็กและคนชราจ�านวนมากยังขาดเครื่องกันหนาว ในฐานะที่เราเป็นคนไทย อาศัยอยู่บนผืน
เพิ่มเติมวา การพูดเพื่อรณรงค การพูด
แผ่นดินเดียวกัน กระผมในฐานะคนไทยคนหนึ่งจึงขอวิงวอนให้พี่น้องชาวชุมชนปิยรมย์ได้ร่วม
เพื่ออบรมสั่งสอน และการพูดใหโอวาท
บริจาคเงินหรือสิง่ ของจ�าเป็นส�าหรับกันภัยหนาว ส่งไปช่วยเหลือผูป้ ระสบภัยตามก�าลังทรัพย์และ
จัดเปนการพูดเพื่อโนมนาวใจประเภทหนึ่ง
ศรัทธาเพื่อให้พี่น้องที่เดือดร้อนได้คลายทุกข์ลงบ้างและมีก�าลังใจว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้งให้โดดเดี่ยว
เพราะผูพูดมีจุดประสงคใหผูฟงเปลี่ยนแปลง
ยังมีพี่น้องร่วมชาติเห็นความทุกข์ยากของตน
ความคิด เกิดอารมณความรูสึกคลอยตาม
เห็นคุณคาและนําไปปฏิบัติเพื่อเปลี่ยนแปลง
ตนเอง สูทิศทางที่ดีขึ้นหรือทิศทางที่เปน 98
จุดประสงคที่ผูพูดกําหนดไว)
ขอสอบเนน การคิด
นักเรียนควรรู แนว NT O-NE T
บุคคลใดตอไปนี้นาจะประสบผลสําเร็จในการพูดเพื่อโนมนาวใจมากที่สุด
1 การพูดโนมนาวใจ ตองใชศิลปะการพูดเพื่อใหผูฟงเกิดอารมณความรูสึก
1. ปรานีใชถอยคําเพื่อแสดงความรูสึกของตนเอง
คลอยตาม และยอมปฏิบัติตามคําขอรองหรือเชิญชวน การพูดโนมนาวใจที่พบเห็น
2. บรรจงใชถอยคําเพื่อสงผานความปรารถนาดีไปยังผูฟง
ในชีวิตประจําวัน เชน การโฆษณาขายสินคา โดยผูพูดมีจุดมุงหมายใหผูฟงเชื่อ
ในสรรพคุณของสินคาจนตัดสินใจซื้อสินคาและบริการ 3. เสาวลักษณใชถอยคําเพื่อแสดงความคิดเห็นของตนเอง
4. รุงโรจนใชถอยคําเพื่อทําใหผูฟงรูสึกวาเขาเขาใจความรูสึกของผูฟง
2 พูดใหนาเชื่อถือ การพูดที่ประกอบดวยขอมูลที่เปนความรูผานการศึกษา
ตามหลักวิชา สถิติ ตัวเลขตางๆ ขอมูลที่เปนเหตุเปนผลซึ่งกันและกัน มีสวนทําใหผูพูด วิเคราะหคําตอบ การพูดโนมนาวใจ เปนการพูดทีผ่ พู ดู มีวตั ถุประสงคเฉพาะ
และเรื่องที่นํามาพูดมีความนาเชื่อถือมากขึ้น ตองการใหผูฟงเชื่อ ศรัทธา และสนองตอบเจตนา เชน นักการเมืองพูด
หาเสียง เพื่อใหผูฟงเชื่อถือในนโยบายหรือตัวตน และนําไปสูการลงคะแนน
3 สถานที่ที่เหมาะสม การเลือกสถานที่ใหเหมาะสมกับเรื่องที่จะพูด ลักษณะของ
เสียงให เปนตน ดังนั้นลักษณะการพูดโนมนาวใจที่มีแนวโนมวาจะประสบผล
ผูฟง จํานวนผูฟง เปนปจจัยที่สงผลตอความสําเร็จของการพูด เชน หากตองการพูด
เพื่อโนมนาวใจใหกลุมคนรวมกันกระทําการณบางอยาง หรือการพูดเพื่อหาแนวรวม สําเร็จมากที่สุดจากตัวเลือกที่กําหนด คือ ผูพูดตองใชถอยคําเพื่อกระตุน
ผูพูดควรเลือกพูดในสถานที่ที่มีผูคนมารวมตัวกันหรือสัญจรผานไปมา หากผูพูดเลือก อารมณความรูสึกของผูฟง ทําใหผูฟงรูสึกวาผูพูดเปนอันหนึ่งอันเดียวกันกับ
พูดในสถานที่ที่ไมมีผูคนสัญจร อาจทําใหการพูดในครั้งนั้นไมประสบผลสําเร็จ ผูฟงหรือรับรูและเขาใจความรูสึก หากผูพูดโนมนาวใจสามารถทําใหผูฟง
ยอมรับในตัวผูพูด หรือรับผูพูดเขามาในความรูสึกของตน ยอมทําใหผูฟงเกิด
ความคลอยตามไดโดยงาย ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
98 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนศึกษาตัวอยางการพูดโนมนาวใจ
จากหนังสือเรียนภาษาไทย หนา 98-99
การพูดขอร้อง
จากนั้นใหยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับ
สวัสดีครับ พนักงานแผนกธุรการบริษัท พีพี มาร์เก็ตติ้ง จ�ากัด
การวางโครงเรื่องเพื่อการพูดโนมนาวใจ
“โลกร้อนขึน้ ” ทุกคนคงเคยได้ยนิ ค�านีม้ าแล้ว จากหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ หรือค�าบอกเล่า
โดยใชความรู ความเขาใจ ที่ไดรับจากการฟง
ซึ่งทุกคนทราบดีว่าเมื่อโลกร้อนขึ้นจะส่งผลกระทบต่อมนุษย์โดยตรง แต่จะมีสักกี่คนที่ตระหนัก
บรรยาย เปนขอมูลเบือ้ งตนสําหรับตอบคําถาม
ว่า เราทุกคนมีส่วนท�าให้โลกร้อนขึ้น จากการท�าลายธรรมชาติและใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟือย
หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนตื่นตัวกับการแก้ปัญหาดังกล่าว ด้วยการรณรงค์ลดใช้พลังงาน
• การวางโครงเรื่องเพื่อการพูดโนมนาวใจ
แต่ถงึ อย่างไรก็ตามการมีสว่ นร่วมก็ยงั เกิดขึน้ เฉพาะกลุม่ บุคคล เราในฐานะมนุษย์ผซู้ งึ่ ใช้ประโยชน์
มีวิธีการอยางไร
จากธรรมชาติจงึ ไม่ควรปล่อยให้การแก้ไขปัญหาเป็นเรือ่ งของคนกลุม่ ใดกลุม่ หนึง่ กระผมในฐานะ (แนวตอบ การวางโครงเรื่องสําหรับการพูด
หัวหน้าแผนกธุรการจึงขอร้องให้ทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา ด้วยการช่วยกัน โนมนาวใจ เกิดขึ้นหลังจากที่ผูพูดมี
ลดปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้า ปิดไฟฟ้าดวงที่ไม่ใช้งาน ปิดเครื่องปรับอากาศก่อนพักกลางวัน จุดประสงคที่ชัดเจน วิเคราะหผูฟงในดาน
เป็นเวลา ๑๕ นาที ถ้าพวกเราร่วมมือกันอย่างจริงจัง กระผมคิดว่าปัญหาโลกร้อนคงมีทางแก้ไข ตางๆ แลว จากนั้นจึงวางโครงเรื่อง ดังนี้
ให้ดีขึ้นได้ ท�าเพื่อโลกที่เราใช้ประโยชน์ ท�าเพื่อวันนี้ของเราและท�าเพื่ออนาคตของลูกหลาน คําขึ้นตนควรใชถอยคําเพื่อสรางอารมณ
ความรูสึกรวมเปนนํ้าหนึ่งใจเดียวกัน
การดําเนินเรื่อง ผูพูดควรเรียบเรียงเนื้อหา
การพูดเสนอแนะ สาระดวยสํานวนภาษาของตนเอง กลาวถึง
สาเหตุของการพูด เพื่อปูทางหรือนําไปสู
สวัสดีค่ะ ท่านผู้ฟัง วัตถุประสงคหลัก แสดงเหตุผล ความเปน
เชื่อไหมคะว่าไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ หรือที่เรียกว่าไข้หวัด ๒๐๐๙ ได้แพร่ระบาดไปทั่วโลก ไปได ผลที่จะเกิดขึ้น เพื่อเราใหผฟู ง เกิด
อย่างรวดเร็ว มีการติดต่อกันง่ายมาก ด้วยการไอ จาม ดังนั้น วิธีระวังเบื้องต้นที่แพทย์แนะน�า ความคิดเห็นที่สอดคลอง คลอยตาม
คือ ให้ใช้หน้ากากอนามัยปิดปาก - จมูกไว้ เพื่อเป็นการป้องกันตนเองจากเชื้อไข้หวัด ๒๐๐๙ การสรุปจบ ควรเนนยํ้าใหผฟู ง เห็นวา
ที่กระจายออกมาในอากาศได้ทางหนึ่ง และแนะน�าการใช้หน้ากากอนามัยไว้ว่า ถ้าเป็นชนิดที่ท�า หากเชือ่ ถือ ศรัทธา และปฏิบัติตามในสิ่งที่
ด้วยกระดาษ ควรใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง ส่วนชนิดที่ท�าด้วยผ้า ใช้แล้วซักให้สะอาด อาจน�ามาใช้ ผูพูดสื่อสารจะเกิดสิ่งที่ดีตางๆ ตามมา
ได้อีก แต่ถ้ามีอาการป่วยต้องใช้ชนิดที่แพทย์แนะน�า เพื่อไม่ให้แพร่กระจายสู่ผู้อื่นและควรรีบไป กอใหเกิดผลแหงการเปลี่ยนแปลงในทิศทาง
รับการรักษาจากโรงพยาบาลโดยเร็ว อย่าทิ้งไว้นาน จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ นอกจากนี้ ที่ดีขึ้น)
ยังมีการรณรงค์ให้รักษาความสะอาดด้านอื่นๆ ทางสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง เช่น ด้านโภชนาการ • การพูดโฆษณาจัดเปนการพูดโนมนาวใจ
ได้แนะน�าไว้ดงั นี้ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ทุกท่านจึงควรปฏิบตั ติ ามค�าเสนอแนะ อย่านิ่งนอนใจ
หรือไม อยางไร
(แนวตอบ การพูดโฆษณาจัดเปนการพูด
ควรติดตามสือ่ ต่างๆ ทีใ่ ห้ขอ้ มูล เพือ่ สวัสดิภาพของตนและผูอ้ นื่ โดยเฉพาะช่วยแนะน�าดูแลกลุม่ เสีย่ ง
ที่มีจุดประสงคใหผูฟงเชื่อถือ ในสรรพคุณ
ที่รับเชื้อได้ง่ายเพราะมีภูมิต้านทานน้อย ได้แก่ เด็ก ผู้สูงอายุ และสตรีมีครรภ์
ของสินคาจนตัดสินใจซื้อสินคาและบริการ)
ขอให้ช่วยกันปฏิบัติตามค�าเสนอแนะทุกท่านด้วยค่ะ
2. นักเรียนรวมกันสรุปลงความคิดเห็นวา
แหลงขอมูลของเพื่อนๆ แตละกลุมมีความ
99 นาเชื่อถือ หรือไม เพราะเหตุใด
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
ไดอยางอิสระ ครูควรชี้แนะเพิ่มเติม)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
บุคคลใดตอไปนี้กลาวเริ่มตนการพูดไดเหมาะสมที่สุด
ครูควรสรางความรู ความเขาใจใหแกนักเรียนเกี่ยวกับการวางโครงเรื่องในสวนตน
1. ผมตองขออภัยหากการพูดในวันนี้อาจมีขอบกพรอง
และการสรุปจบของการพูด เพื่อใหมีความรูเพียงพอสําหรับนําไปฝกปฏิบัติการพูด
2. สวัสดีทานผูฟงทุกทาน ที่เสียสละเวลามาฟงการสัมมนาในครั้งนี้
ของตนเอง
3. ทานผูฟงอยากพนจากทุกขหรือไม ความทุกขนั้นหลุดพนไดอยางไร
การเริ่มตนการพูด ถือเปนสวนที่เรียกรองความสนใจจากผูฟง ผูพูดควรใชถอยคํา
4. เรือ่ งทีผ่ มจะพูดในวันนี้ ผมอาจจะมีความรูไ มเพียงพอเหมือนกับทานอืน่ ๆ
เพื่อกระตุนความสนใจของผูฟง ไมควรใชถอยคําที่ทําใหผูฟงเกิดความรูสึกไมมั่นใจ
วิเคราะหคําตอบ การขึ้นตนการพูดที่ดี นับเปนจุดแรกที่เรียกรองความสนใจ หรือหมดความเชื่อมั่นในตัวของผูพูด เชน “การพูดในวันนี้ ผมไมไดเตรียมตัวมาเลย”
จากผูฟง โดยผูพูดควรใชถอยคําที่กระชับ ชัดเจน เราอารมณความรูสึก “ผมจําเปนตองพูดในวันนี้ เพราะรับปากไว” “ผมออกตัวไวกอนวา การพูดในวันนี้
ตรงประเด็น ชวนใหติดตาม ถอยคําที่ไมควรใชเมื่อเริ่มตนการพูด คือ อาจมีขอผิดพลาดบาง” เปนตน
ถอยคําที่ทําใหผูฟงเกิดความรูสึกไมมั่นใจในผูพูด เชน “การพูดในวันนี้อาจมี การสรุปจบนับเปนสวนสําคัญเชนกัน เพราะเปนสวนที่เนนยํ้าจุดประสงคของผูพูด
ขอบกพรอง” “ขอบคุณที่เสียสละเวลามาฟง” “ผมอาจไมมีความรูเพียงพอ ดังนั้นจึงควรใชถอยคําเพื่อสรางความประทับใจใหแกผูฟง ไมควรใชขอความ เชน
ในเรื่องนี้เทากับผูพูดทานอื่นๆ” การเริ่มตนการพูดที่เหมาะสม ควรใชถอยคํา “ผมขอยุติเพียงเทานี้” “ผมขอขอบคุณที่ฟง” “เรื่องที่พูดวันนี้คงมีประโยชนบาง
ที่เราและกระตุน ความสนใจ ความกระหายใครรขู องผูฟ ง ดังนัน้ จึงตอบขอ 3. ไมมากก็นอย” เพราะขอความเหลานี้อาจทําใหผูฟงเกิดความไมประทับใจในผูพูด
หรือไมทราบวาสุดทายผูพูดมีจุดประสงคอยางไร
คู่มือครู 99
ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
ขยายความเข้าใจ Expand
1. นักเรียนเลือกฝกฝนทักษะการพูดประเภท
ที่สนใจและมีความสามารถ จากสถานการณ ๑.๓ การพูดโฆษณา
ตอไปนี้ การโฆษณา คือ การสื่อสารข่าวสาร ข้อมูลจากผู้ส่งสารไปยังผู้รับสารเพื่อโน้มน้าวให้เชื่อ และ
• การพูดอวยพรเนื่องในวันเกิดของญาติผูใหญ เกิดความคล้อยตาม ในชีวิตประจ�าวันโฆษณาที่ผู้รับสารคุ้นเคย คือ การโฆษณาขายสินค้าและบริการ
• การพูดอวยพรเพื่อแสดงความยินดีกับเพื่อนที่ ซึ่งผู้จ�าหน่ายจะเลือกใช้สื่อต่างๆ เป็นช่องทางการสื่อสาร
ไดรับทุนการศึกษาตอตางประเทศ การพูดโฆษณาสินค้าและบริการ ผู้พูดจะใช้ทั้งวัจนภาษาร่วมกับอวัจนภาษาในการสื่อสาร
• การพูดเพื่อลงสมัครรับเลือกตั้งเปนประธาน แนวความคิดของสินค้าไปสู่ผู้รับสารตามจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน เช่น เพื่อแนะน�าให้รู้จักสินค้าและบริการ
นักเรียน
ให้ข่าวสารที่เกี่ยวกับลักษณะ คุณประโยชน์ สร้างแรงจูงใจและดึงดูด หรือเพิ่มยอดจ�าหน่าย
• การพูดเพื่อขอความรวมมือจากเพื่อนๆ
สละเวลาวันเสารมาบําเพ็ญประโยชน คุณสมบัติของผู้พูดโฆษณา
ที่โรงเรียน
• การพูดเพื่อโฆษณาขายสินคา
ใชความรู ความเขาใจเกี่ยวกับลักษณะสําคัญ รู้หลัก
การสื่อสาร ผู้พูดโฆษณาต้องรู้หลักการสื่อสาร รู้ว่าเมื่อใดควรฟัง
ของการพูดประเภทตางๆ การบรรจุเรียบเรียง ควรพูด การเรียบเรียงถ้อยค�าที่สร้างการรับรู้ กระชับ
เนื้อหาสาระ กลวิธีการเลือกใชถอยคํา ชัดเจน มีเนื้อความเดียว และมีศิลปะ
รางบทพูดความยาวไมเกิน 3 นาที ฝกซอม รู้จักลูกค้า รู้จักสินค้า ผู้พูดโฆษณาต้องรู้จักสินค้าที่ตนเองจะน�าเสนอ ได้แก่
ใหเกิดความชํานาญ นํามาพูดหนาชั้นเรียน เปาหมาย และบริการ ประเภท ชือ่ ความโดดเด่นเมือ่ เทียบกับผูจ้ า� หน่ายรายอืน่
เพื่อให้น�าเสนอและตอบค�าถามลูกค้าได้ถูกต้อง
2. นักเรียนรวมกันกําหนดเกณฑเพื่อใชประเมิน
การพูดในโอกาสตางๆ ที่เลือกจากความสนใจ ผู้พูดโฆษณาต้องรู้จักลูกค้า เช่น เพศ วัย ความสนใจ
ฐานะทางเศรษฐกิจ เพื่อให้เ ลื อกใช้ ถ ้ อยค� า วิ ธีการ
ความสามารถของตนเอง และใชเปนแนวทาง เร้าความสนใจ สร้างความสัมพันธ์ได้เหมาะสม ประทับใจ
ปรับปรุง แกไขในครั้งตอไป
(แนวตอบ เกณฑควรครอบคลุม ดังตอไปนี้
• โครงเรื่อง มีความสอดคลองกันในแตละสวน การพูดโฆษณามีหลักการพูด ดังนี้
มุงสูจุดมุงหมายที่ตั้งไว ไมสับสน วกวน ๑. เมือ่ เริม่ ต้น ไม่ควรพูดเกีย่ วกับสินค้าและบริการ แต่ควรเริม่ จากการสร้างความสัมพันธ์ ความ
• บรรจุ เรียบเรียงเนื้อหามีความครบถวน ประทับใจ โดยสื่อสารให้ผู้ฟังรู้สึกว่า ผู้พูดรับรู้ เข้าใจในปัญหาและก�าลังเสนอสิ่งที่จะมาช่วยแก้ปัญหา
เหมาะสมกับสถานการณที่เลือก ๒. เมือ่ ผูฟ้ งั สนใจจึงน�าเสนอสินค้าและบริการ หากเป็นโฆษณาทีม่ งุ่ หวังให้ผฟู้ งั ตัดสินใจซือ้ ทันที
• เลือกใชถอยคําไดไพเราะ สละสลวย อาจต้องสาธิตประกอบโดยพูดให้มลี า� ดับขัน้ น�าเสนอข้อดีของสินค้า แนะน�าวิธกี ารใช้ ความแตกต่างจาก
เหมาะสมกับสถานการณที่เลือกและผูฟง สินค้าประเภทเดียวกัน เมื่อผู้ฟังมีค�าถามต้องตอบด้วยความมั่นใจ ปิดการขายโดยใช้ถ้อยค�าชักจูงให้ซื้อ
• พูดไดเปนลําดับขั้นตอนตามสถานการณ ๓. การเรียบเรียงถ้อยค�าเพือ่ ใช้พดู โฆษณา ควรเป็นภาษาไทยในระดับแบบแผน หรือกึง่ แบบแผน
ที่เลือก เหมาะสมกับกาลเทศะและสังคม เป็นทีเ่ ข้าใจตรงกันของคนส่วนใหญ่ มีเนือ้ ความเดียว กะทัดรัด ชัดเจน
• ขณะที่พูด ผูพูดควรแสดงทาทีที่เปนมิตร สร้างความสนใจ ดึงดูดให้เกิดความต้องการในสินค้าและบริการ
ผานทางสีหนา แววตา ทาทาง และมีมารยาท
ในการพูด) 100
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ในระดับชั้นนี้จะใหนักเรียนไดฝกฝนทักษะการพูดโฆษณาขายสินคาและบริการ นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับแนวทางการเขียนโฆษณาที่ดี โดยอาจสืบคน
ซึ่งโฆษณาที่ดีตองนําเสนอแนวความคิดของสินคาสูกลุมเปาหมาย ถอยคําที่ใชเรียบเรียง ความรูไดจากแหลงขอมูลตางๆ ที่มีความนาเชื่อถือ บันทึกความรูที่เกิดจาก
ตองชวยใหสินคาขายดี สรางแรงจูงใจ ดึงดูดใจ และความเชื่อของผูซื้อใหมีตอสินคา การคนควาเฉพาะบุคคล นํามาอภิปรายรวมกันภายในชั้นเรียน
ครูควรออกแบบการเรียนการสอนในหัวขอนี้ โดยมอบหมายใหนักเรียนปฏิบัติ
กิจกรรมดานขวามือ จากนั้นจึงสุมเรียกชื่อนักเรียนเปนตัวแทนของแตละกิจกรรม
ออกมาอธิบายความรูหนาชั้นเรียน เพื่อแลกเปลี่ยนความรูซึ่งกันและกัน ควรใหนักเรียน
ฝกเขียนขอความเพื่อโฆษณาขายสินคาและบริการ โดยกําหนดชนิดสินคาดวยตนเอง กิจกรรมทาทาย
สงครู
นักเรียนชมรายการโฆษณาขายสินคาและบริการ (แบบขายตรง Direct
Sale) เพื่อวิเคราะหรูปแบบการนําเสนอ และการใชภาษาเพื่อการสื่อสาร
บันทึกผลการวิเคราะห นํามาอภิปรายรวมกันภายในชั้นเรียน
100 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
Engage Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอน ดวยวิธีการ
๒ การพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า ตั้งคําถามกระตุนทักษะการคิด
• นักเรียนคิดวาการพูดรายงานมีความสําคัญ
การพูดรายงาน เป็นทักษะที่ควรศึกษาเรียนรู้และฝึกฝนให้เกิดความช�านาญ โดยเฉพาะ อยางไร
ในวัยศึกษาเล่าเรียนที่จะต้องใช้ทักษะนี้เพื่อรายงานผลการศึกษาค้นคว้าเรื่องต่างๆ ให้ครูและเพื่อนๆ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
ในชั้นเรียนฟัง แม้แต่วัยท�างานก็ต้องใช้เพื่อกล่าวรายงานสรุปผลการประชุมของหน่วยงาน สมาคม ไดอยางอิสระ ทําใหไดคําตอบที่หลากหลาย
หรือมูลนิธติ า่ งๆ ดังนัน้ ในการพูดรายงานผูพ้ ดู จึงต้องมีความสามารถในการชีแ้ จง บอกเล่า หรืออธิบาย ครูควรชี้แนะเพิ่มเติม)
เรื่องต่างๆ ได้ชัดเจน ตรงประเด็น
1
๒.๑ หลักการพูดรายงาน ส�ารวจค้นหา Explore
การพูดรายงานมีหลักการพูด ดังนี้ นักเรียนจับกลุมยอย กลุมละ 3 คน รวมกัน
๑. พูดเสนอเนื้อหาสาระที่เป็นประโยชน์ เป็2 นข้อๆ ชัดเจน ตรงประเด็น สืบคนความรูในประเด็น “การพูดรายงาน
๒. อาจมีอุปกรณ์ประกอบการพูดรายงาน เช่น เอกสาร รูปภาพ แผ่นใส แผนผัง แผนภูมิ การศึกษาคนควาเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษาคนควา
๓. มีความรู้ความเข้าใจเรื่องทั้งหมดเป็นอย่างดี จากการฟง การดู และการสนทนา” โดยสามารถ
๔. พูดด้วยน�้าเสียงแจ่มใส ชัดเจน เสียงดังพอควร ออกเสียง และแบ่งวรรคตอนในการพูด สืบคนความรูไดจากแหลงขอมูลตางๆ ที่เขาถึงได
ได้ถูกต้องเหมาะสม น่าฟัง และมีความนาเชื่อถือ
๕. มีท่าทางประกอบการพูดที่เป็นธรรมชาติเพื่อให้ผู้ฟังรู้สึกผ่อนคลาย
๖. ใช้เวลาให้พอเหมาะ โดยเฉพาะถ้ามีการก�าหนดเวลาไว้ล่วงหน้าแล้ว ต้องรู้จักรักษาเวลา อธิบายความรู้ Explain
๗. พูดด้วยภาษาทางการ อาจมีบางตอนที่ยกมาจากแหล่งอ้างอิงอื่นผู้พูดสามารถใช้ภาษา
กึ่งทางการได้ ควรหลีกเลี่ยงภาษาที่ไม่สุภาพเพื่อให้เกียรติผู้ฟัง นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการพูด
๒.๒ ขัน้ ตอนการพูดรายงาน รายงานการศึกษาคนควาเรื่องหรือประเด็นที่ศึกษา
การพูดรายงานมีขั้นตอน ดังนี้ คนควาจากการฟง การดู และการสนทนา โดยใช
๑. กล่าวทักทายผู้ฟังโดยค�านึงถึงสถานภาพของบุคคล แนะน�าตนเอง และคณะผู้ร่วมงาน ความรู ความเขาใจ ที่ไดรับจากการสืบคนรวมกับ
๒. กล่าวชื่อเรื่องของรายงาน เพื่อน เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม
๓. กล่าวถึงที่มา ความส�าคัญของหัวข้อรายงาน วิธีการศึกษาค้นคว้า • นักเรียนคิดวาการฟง การดู และการสนทนา
๔. กล่าวชื่อบุคคลหรือสื่อที่ให้ความรู้และข้อมูลส�าหรับค้นคว้า มีความสัมพันธรูปแบบใดกับการเขียน
๕. กล่าวถึงเนื้อหาตามล�าดับขั้นตอนโดยพูดให้กระชับ ชัดเจน เข้าใจง่าย ใช้เวลาน้อย แต่ได้ รายงานการศึกษาคนควา
ความมาก เสนอความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ อาจใช้สื่อหรืออุปกรณ์ประกอบเพื่อความเข้าใจ (แนวตอบ รายงานการศึกษาคนควา
๖. สรุปผลการศึกษาค้นคว้า แสดงความคิดเห็น และให้ขอ้ เสนอแนะในการศึกษาค้นคว้าต่อไป ในบางประเด็นตองใชขอมูลซึ่งไดมาจากการ
เมื่อพูดรายงานตามหลักการและขั้นตอนที่น�าเสนอ จะช่วยให้การพูดมีประสิทธิภาพมากขึ้น ที่ผูทํารายงานใชทักษะการฟง การดู
ดังตัวอย่างการพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า ต่อไปนี้ การสนทนา หรือการสัมภาษณเปนหนึ่ง
ในกระบวนการสืบคนขอมูล เชน การทํา
101 รายงานเรื่อง ปราชญชุมชน การทํารายงาน
เรื่องสินคา O-TOP ของชุมชน การทํา
รายงานเรื่อง ลําตัด : การแสดงพื้นบาน
ขอสอบเนน การคิด ที่กําลังเสื่อมสูญ เปนตน)
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
บุคคลใดแสดงทาทางประกอบการพูดไดเหมาะสมมากที่สุด
1 หลักการพูดรายงาน เมือ่ ตองพูดรายงานการศึกษาคนควาหนาชัน้ เรียน ผูพ ดู
1. สมฤทัยยืนนิ่ง ตัวตรง เพื่อใหบุคลิกภาพมีความนาเชื่อถือ
ควรเตรียมความพรอม โดยทําความเขาใจเนื้อหาสาระที่จะตองพูดมาเปนอยางดี
2. สมภพวางมือประสานกันไวดานหนาตลอดเวลาขณะที่พูด
ลําดับความตามหัวขอจากความเขาใจ นําเสนอเนื้อหาครบถวน โดยใชถอยคํา ภาษา
3. สมทรงแสดงสีหนาใหเครงขรึมเพื่อเพิ่มความนาเชื่อถือใหแกตนเอง
ที่เปนทางการหรือกึ่งทางการ เรียบเรียงใหมีความกระชับ ชัดเจน เขาใจงาย ถูกตอง
4. สมพรใชทา ทางประกอบการพูดตามความเหมาะสมเพือ่ ใหเกิดความนาสนใจ
ตามหลักไวยากรณ และออกเสียงใหชัดเจน ไมควรออกมาอานรายงานจากฉบับราง
วิเคราะหคําตอบ การพูดในที่สาธารณชน ผูพูดควรแสดงทาทีที่เปนมิตร ที่เตรียมไว เพราะจะแสดงถึงการไมเตรียมความพรอมของตนเองและอาจทําใหผูฟง
ซึ่งสามารถแสดงผานทางสีหนา ทาทาง แววตา การแสดงทาทางที่เหมาะสม ไมสนใจ เกิดความไมเชื่อมั่นในผูพูด
ควรมีความยืดหยุน ไมควรวางทาทางเครงขรึมจนเกินไป หรืออยูนิ่งเปน 2 อุปกรณประกอบการพูดรายงาน ผูร ายงานตองศึกษาการใชอปุ กรณประกอบ
เวลานาน เพราะอาจสรางบรรยากาศในการฟงใหเกิดความตึงเครียด อึดอัด การพูดรายงานของตนเองใหมคี วามชํานาญ คลองแคลว เพือ่ ความตอเนือ่ ง ไมตดิ ขัด
ผูพูดควรแสดงทาทางประกอบการพูดบางตามความเหมาะสมกับเนื้อหา ขณะพูดรายงาน และควรมีความรูพื้นฐานเกี่ยวกับการแกไขสถานการณเฉพาะหนา
ดังนั้นจึงตอบขอ 4. หากอุปกรณอิเล็กทรอนิกสที่ใชเกิดความขัดของ
คู่มือครู 101
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการพูดรายงาน
การพูดรายงานการศึกษาค้นคว้า
การศึกษาคนควาโดยใชความรู ความเขาใจ
ที่ไดรับจากการสืบคนรวมกับเพื่อน เปนขอมูล เรียนอาจารย์ทเี่ คารพและสวัสดีเพือ่ นๆ ทุกคน ดิฉนั ชือ่ เด็กหญิงสุจริ า ถาวรวัฒนะ เป็นตัวแทน
เบื้องตนสําหรับตอบคําถาม ของกลุม่ ที่ ๑ ซึง่ มีสมาชิกกลุม่ ดังต่อไปนี้ เด็กชายภูสทิ ธิ์ คงมี เด็กชายปฐมพงษ์ ใจดี เด็กหญิงวราภรณ์
• หากครูมอบหมายใหทํารายงานในหัวขอ มากมี และเด็กหญิงจินตนา แจ่มจันทร์ รายงานที่กลุ่มของข้าพเจ้าจะน�าเสนอในวันนี้มีชื่อเรื่องว่า
“ปราชญชุมชน” นักเรียนจะใชทักษะการฟง “ศูนย์การเรียนรู้ชุมชน: ปฐมบทแห่งการพัฒนา”
การดู และการสนทนา เปนหนึ่งใน สาเหตุที่กลุ่มของข้าพเจ้าเลือกศึกษาค้นคว้าเรื่องดังกล่าวเพราะในปัจจุบันเทคโนโลยีจาก
กระบวนการสืบคนขอมูลอยางไร ต่างประเทศได้เข้ามามีบทบาทต่อวิถีการด�าเนินชีวิตของคนไทยมากขึ้น ชุมชนในท้องถิ่น
(แนวตอบ เมื่อสมาชิกในกลุมลงมติแลววา มีความตื่นตัวกับปัจจัยภายนอก หลงลืมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ภูมิปัญญาพื้นถิ่น จากสถานการณ์
จะเลือกศึกษาเกี่ยวกับปราชญชุมชนทานใด ดังกล่าวได้มีชุมชนแห่งหนึ่งเล็งเห็นว่าการที่ประเทศชาติจะพัฒนาได้อย่างยั่งยืนนั้นต้องเริ่มที่
เพื่ออะไร จึงวางโครงเรื่องวาจะศึกษาในหัวขอ ชุมชน หากชุมชนมีความเข้มแข็งสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนก็จะส่งผลให้ประเทศชาติ
ใดบาง เชน ชีวประวัติ ความรู ความสามารถ เกิดการพัฒนาอย่างมั่นคง
อุปสรรคที่ผานมา วิธีกาวขามผานอุปสรรค วิธีการด�าเนินการศึกษาค้นคว้าของกลุ่ม คือ เก็บข้อมูลภาคสนามจากการสัมภาษณ์บุคคล
คุณธรรมในการดําเนินชีวิต เปนตน ซึ่งขอมูล ในชุมชนรวมถึงการค้นคว้าจากสื่อต่างๆ เช่น อินเทอร์เน็ต วิทยุ โทรทัศน์ จากนั้นจึงน�าข้อมูล
เหลานี้เปนขอมูลสวนตัว ดังนั้นกระบวนการ ทั้งหมดมารวบรวมน�าเสนอ ดังนี้
ที่จะทําใหไดขอมูลมาคือ การสัมภาษณ ชุมชนบ้านจ�ารุง เป็นชุมชนเล็กๆ ในจังหวัดระยอง ผู้คนมีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย
เจาของประวัติ ซึ่งนับเปนการสนทนา ในขณะที่ความเจริญทางวัตถุเข้ามามีอิทธิพล คนในชุมชนเห็นว่าถ้าไม่รวมตัวกันอาจท� าให้
ประเภทหนึ่ง โดยสมาชิกภายในกลุมจะตอง วัฒนธรรมดัง้ เดิมของชุมชนสูญหายไปกับกาลเวลา คนในชุมชนจึงเริม่ รวมตัวกันเพือ่ ปฏิบตั กิ จิ กรรม
รวมกันเตรียมคําถามเพื่อใหไดขอมูล และน�าไปสู่การพึ่งพาตนเอง โดยมีนายชาติชาย เหลืองเจริญ ประธานสภาองค์กรชุมชนและ
ครอบคลุมโครงเรื่องที่วางไว เมื่อถึงวัน เป็นคณะแกนน�าในการปฏิรูปชุมชน โดยยึดหลัก ๘ ประการ คือ
สัมภาษณ สมาชิกตองรวมกันใชทักษะการฟง
๑. เปลี่ยนแปลงความคิดของคนในชุมชนจากการรอคอยความช่วยเหลือ ให้หันมาพึ่งพา
การดู และการสนทนาเพื่อรับรู บันทึกขอมูล
ตนเอง
นํามาจัดหมวดหมู คัดกรอง รวบรวม เลือกใช
๒. เลิกพึ่งพาปัจจัยภายนอก โดยการปลูกพืชผักกินเองในครัวเรือน ท�าเกษตรอินทรีย์
ขอมูลที่เปนประโยชน สอดคลองกับโครงเรื่อง
๓. ให้คนในชุมชนได้ท�าในสิ่งที่ตนเองถนัดและชื่นชอบ
นํามาเรียบเรียงแลวนําเสนอเปนรูปเลม
๔. ให้คนในชุมชนเคารพ ไว้ใจซึ่งกันและกัน
รายงาน หรือนําเสนอหนาชั้นเรียน)
๕. มีการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน
• นักเรียนมีแนวทางสําหรับการพูดรายงาน
๖. อย่าคิดถึงปัญหาก่อนลงมือท�า ให้ลงมือท�าถ้ามีปัญหาจึงค่อยๆ แก้ไข
การศึกษาคนควาอยางไร
๗. ร่วมแสดงความคิดเห็นภายในชุมชน ทุกคนมีสิทธิแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่างๆ
(แนวตอบ ตองมีความรู ความเขาใจในเรื่องที่
ที่เกี่ยวข้องกับชุมชน
จะพูด ใชภาษาในระดับทางการหรือกึง่ ทางการ
๘. ร่วมคิด ร่วมท�า มีผลประโยชน์ร่วมกัน
เขาใจงาย ถูกหลักไวยากรณ ใชอุปกรณ
หรือทาทางประกอบการพูดไดเหมาะสม
ขณะพูดควรพูดดวยหนาตาที่ยิ้มแยม 102
ใชนํ้าเสียงใหนาฟง ออกเสียง แบงวรรคตอน
ไดถูกตองและรักษาเวลา)
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
นักเรียนคิดวารูปแบบของอักษร ¡ÒþѲ¹ÒªÕÇԵ͋ҧÂÑè§Â×¹
ครูควรชี้แนะแกนักเรียนวา หลังจากผูทํารายงานไดศึกษาหัวขอหรือประเด็นใด
ที่ปรากฏดานขวามือ มีความเหมาะสม
ประเด็นหนึ่งจนแลวเสร็จตามจุดประสงค ไดขอมูลครบถวนตามโครงเรื่องที่วางไวแลว ¡ÒþѲ¹ÒªÕÇԵ͋ҧÂÑè§Â×¹
ที่จะใชในการนําเสนอรายงานการศึกษา
จึงนําขอมูลมาเรียบเรียงนําเสนอเปนรูปเลมรายงาน โดยมีองคประกอบของรูปเลม ¡ÒþѲ¹ÒªÕÇԵ͋ҧÂÑè§Â×¹
คนควาผานโปรแกรม Microsoft Power
ถูกตองสมบูรณ นอกจากการนําเสนอเปนรูปเลม อาจนําเสนอดวยวิธีการพูด
Point ดวยวิธีการพูดหนาชั้นเรียนหรือไม ¡ÒþѲ¹ÒªÕÇԵ͋ҧÂÑè§Â×¹
ซึ่งรายละเอียดที่นํามาพูดจะเปนสาระสําคัญของรายงานทั้งหมด โดยอาจใชวิธีการพูด
เพราะเหตุใด
ปากเปลาจากตนราง ใชแผนใส โสตทัศนูปกรณประกอบ
ปจจุบันมีโปรแกรมคอมพิวเตอรที่ชวยทําใหการนําเสนอรายงานการศึกษาคนควา แนวตอบ ไมเหมาะสม เพราะการนําเสนอรายงานการศึกษาคนควาทาง
ดวยวิธีการพูดมีความนาสนใจ เชน โปรแกรม Microsoft PowerPoint ซึ่งการใช วิชาการ ไมควรใชรูปแบบตัวอักษรที่มีลักษณะการเลนเสน เลนหางของ
โปรแกรมคอมพิวเตอรขางตนเพื่อนําเสนอรายงาน ผูพูดควรคํานึงถึงสิ่งตอไปนี้ รูปแบบ ตัวอักษรมากเกินไป หรือใชแบบอักษรที่ไมมีหัว ตัวกลมมน หรือตัวอักษร
พื้นหลัง การจัดวางขอความ รูปแบบ ขนาด สีของอักษร ภาพประกอบ การใชภาพ ที่มีลักษณะคลายกับลายมือ เพราะทําใหผูรับสารอานยาก
เคลื่อนไหว การใชเสียงประกอบการเปลี่ยนแปลงภาพเลื่อน และเพื่อใหการเรียน
การสอนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ครูควรหาตัวอยางทั้งที่เหมาะสมและไมเหมาะสม
มาประกอบคําอธิบาย เพื่อฝกทักษะการสังเกต และทักษะการเปรียบเทียบของนักเรียน
102 คู่มือครู
ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
ขยายความเข้าใจ Expand
1. นักเรียนจับกลุมกับเพื่อนตามความสมัครใจ
จากความร่วมมือ ร่วมใจ ณ วันนี้ท�าให้คุณภาพชีวิตของคนในชุมชนบ้านจ�ารุงดีขึ้นจากเดิม กลุมละไมเกิน 4 คน รวมกันปรึกษาเพื่อลงมติ
ชุมชนมีความสงบเรียบร้อย วิถีชีวิตดั้งเดิมเริ่มกลับคืนมา พึ่งพาเทคโนโลยีน้อยลง หันมาคิด พูด เลือกหัวขอหรือประเด็นสําหรับการทํารายงาน
ท�า และมีส่วนร่วมในการพัฒนาชุมชน การศึกษาคนควา ดําเนินการตามขั้นตอน
จากผลการศึกษาค้นคว้าสามารถสรุปได้ว่า ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนเปรียบเสมือนองค์กรกลาง ที่ถูกตองของการทํารายงานการศึกษาคนควา
ที่ท�าให้คนในชุมชนรวมตัวกันได้ มีสิ่งยึดเหนี่ยวและเป้าหมายเดียวกัน คือ “เพื่อชุมชน” จาก โดยใชทักษะการฟง การดู และการสนทนา
ผลประโยชน์ทคี่ นในชุมชนบ้านจ�ารุงได้รบั นัน้ เป็นข้อสนับสนุนอย่างดีวา่ ศูนย์การเรียนรูข้ องชุมชน สืบคนขอมูล จากนั้นใหเรียบเรียงขอมูล
เปรียบเสมือนปฐมบทหรือบทเริ่มต้นแห่งการพัฒนา เพราะถ้าชุมชนเข้มแข็ง มีการพัฒนาที่ยั่งยืน เปนรูปเลมรายงานใหมีองคประกอบที่ถูกตอง
และพึ่งพาตนเองได้ ก็จะส่งผลให้ประเทศชาติพัฒนาไปด้วย สมบูรณ รวมถึงซักซอมเพื่อนําเสนอ
กลุ่มของข้าพเจ้าคิดว่า ศูนย์การเรียนรู้ชุมชนมีประโยชน์ต่อทุกชุมชน หากน� าไปปฏิบัติ หนาชั้นเรียน
โดยปรับใช้ให้เข้ากับสภาพแวดล้อมก็จะท�าให้สามารถพัฒนาไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งการศึกษา 2. นักเรียนรวมกันกําหนดเกณฑเพื่อใชประเมิน
ค้นคว้าของกลุ่มข้าพเจ้าเป็นเพียงการน�าเสนอผลการศึกษาจากชุมชนเล็กๆ เพียงแห่งเดียว ซึ่ง การพูดนําเสนอรายงานการศึกษาคนควา
ผู้สนใจยังสามารถน�าแนวทางการศึกษาพัฒนาไปต่อยอดองค์ความรู้ เพื่อเป็นการเผยแพร่ให้เห็น ของตนเอง รวมถึงเพื่อนๆ ในชั้นเรียน และใช
ถึงประโยชน์ของศูนย์การเรียนรู้ชุมชนต่อไป เปนแนวทางปรับปรุง แกไขในครั้งตอไป
(แนวตอบ เกณฑควรครอบคลุม ดังตอไปนี้
การพูดรายงานการศึกษาค้นคว้าที่ดี ผู้พูดจะต้องปฏิบัติตามหลักการพูดรายงานการศึกษา • ใหเกียรติผูฟงดวยการใชคําขึ้นตน
ค้นคว้าและพูดตามขัน้ ตอน โดยการชีแ้ จงอธิบายรายละเอียดต่างๆ ของเรือ่ งให้ครบถ้วน เพือ่ ให้การพูด และลงทายการพูดไดเหมาะสม
รายงานการศึกษาค้นคว้ามีประสิทธิภาพ ผู้ฟังได้รับความรู้ครบถ้วน และสามารถน�าความรู้ไปใช้เพื่อ • นําเขาสูหัวขอหรือประเด็นที่จะนําเสนอ
พัฒนาตนเอง สังคม และประเทศชาติ ไดนาสนใจ กระตุนความรูสึกของผูฟง
• นําเสนอเนื้อหาเปนลําดับขั้นตอน ไมสับสน
การพูดเป็นทักษะการส่งสารที่ใช้มากในชีวิตประจÓวันและทุกคนจÓเป็นต้องใช้ วกวน โดยประยุกตใชโปรแกรมคอมพิวเตอร
เช่น ใช้การพูดเพือ่ ให้ตนเองเป็นทีร่ จู้ กั เป็นทีย่ อมรับของผูอ้ น
่ื ทÓให้ประสบความสÓเร็จ หรือโสตทัศนูปกรณอื่นๆ เพื่อนําเสนอเนื้อหา
ในหน้าทีก่ ารงาน หรือใช้การพูดเพือ่ ส่วนรวม เช่น พูดเพือ่ ให้บคุ คลในสังคมเกิดความรู้ ไดนาสนใจและมีความเหมาะสม
ความเข้าใจ ความร่วมมือทÓกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคม การพูดจึงมี • ใชภาษาทางการหรือกึ่งทางการ ในการ
ความสÓคัญต่อทุกคน การพูดที่ดีทÓให้ผู้พูดแสดงความรู้ ความคิด ความรู้สึกได้ตาม สื่อความที่ชัดเจน เขาใจงาย ถูกตองตาม
จุดมุ่งหมายถูกต้องเหมาะสมกับกาลเทศะ ได้รับการยอมรับนับถือจากผู้อ่ืน ส่งผล หลักไวยากรณ การออกเสียง เวนวรรค
ให้การดÓเนินชีวติ ประจÓวันในด้านอืน ่ ๆ ราบรืน ่ และประสบความสÓเร็จ หรือชวงจังหวะการพูดมีความเหมาะสม
• ใชนํ้าเสียง กิริยาทาทางประกอบการพูด
ไดเหมาะสมและมีมารยาท
• มีความเปน team work)
103
บูรณาการเชื่อมสาระ
การพูดรายงานการศึกษาคนควาสามารถบูรณาการไดกับเรื่องการนํา เกร็ดแนะครู
สารสนเทศไปใชงาน ในกลุมสาระการเรียนรูการงานอาชีพและเทคโนโลยี
เพื่อใหนักเรียนมีความรูเพียงพอสําหรับฝกปฏิบัติ ครูควรชี้แนะวา การพูด
วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยใหนักเรียนศึกษาในประเด็น
รายงานการศึกษาคนควาตองอาศัยการเตรียมบทพูดที่ดีและเตรียมสื่อ เพื่อชวย
ตอไปนี้
ในการนําเสนอ โดยมีขั้นตอน ดังนี้
• การนําสารสนเทศไปใชงาน สามารถนําไปใชในรูปแบบใดไดบาง
1. การกําหนดโครงราง จะชวยทําใหผูพูดเลือกนําเสนอขอมูลที่จําเปน
• สารสนเทศแตละรูปแบบมีขอดี ขอจํากัดอยางไร
ครอบคลุมประเด็น ในแตละหัวขอมีการลําดับความคิดที่สัมพันธกัน
• นักเรียนมีแนวทางการนําสารสนเทศมาใชประกอบการนําเสนอรายงาน
2. การเพิ่มรายละเอียด คือ การเพิ่มเนื้อหา ตัวอยาง การวิเคราะหสวนประกอบ
การศึกษาคนควาอยางไร
อื่นๆ ที่จะชวยเสริมเนื้อหาใหมีความชัดเจนขึ้น เชน กราฟ ตาราง สถิติ
นําเสนอความรูท ไี่ ดจากการสืบคนลงสมุด สงครู ผลทีไ่ ดรบั จากการปฏิบตั ิ
เปนตน
กิจกรรมบูรณาการจะทําใหนกั เรียนมองเห็นแนวทางสําหรับการนําเสนอขอมูล
3. การปรับแตงงานนําเสนอ ใหมีความชัดเจน เขาใจงาย
ความรูทางวิชาการที่ไดจากการศึกษาคนควาอยางเปนกระบวนการในรูปแบบ
4. การทดลองนําเสนอ หากพบขอบกพรอง ควรแกไขกอนการนําเสนอจริง
สารสนเทศ นําไปปรับใชกับการฝกปฏิบัติดวยตนเอง
5. การเตรียมเอกสารประกอบการนําเสนอ เปนคูมือประกอบการฟง
ซึ่งจะชวยใหผูฟงติดตามเนื้อหาและเขาใจในสิ่งที่ผูพูดอธิบายไดสะดวกขึ้น
คู่มือครู 103
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engaae Expore Explain Elaborate
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนนําเสนอการพูดตามสถานการณและ
โอกาสที่เลือกจากความสนใจและความสามารถ
ของตนเอง คนละไมเกิน 3 นาที
2. นักเรียนแตละกลุมนําเสนอการพูดรายงาน
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
การศึกษาคนควาเรื่องหรือประเด็นที่เลือกศึกษา
๑. การพูดอวยพรในโอกาสต่างๆ จ�าเป็นต้องค�านึงถึงสิ่งใดบ้าง จงอธิบายโดยยกตัวอย่างประกอบ
จากการฟง การดู และการสนทนา
๒. การพูดโน้มน้าวใจให้สัมฤทธิผล จะต้องมีหลักในการพูดอย่างไร จงอธิบายโดยยกเหตุผลประกอบ
3. ครูตรวจสอบการพูด และรางบทพูดตาม ๓. นักเรียนคิดว่าอาชีพใดที่ต้องใช้ศิลปะการพูดโน้มน้าวใจมากที่สุด เพราะเหตุใด
สถานการณและโอกาสทีน่ กั เรียนเลือก ๔. การพูดรายงานมีความจ�าเป็นต่อการศึกษาของนักเรียนอย่างไร
โดยเขียนขอเสนอแนะ หรือขอควรปรับปรุง ๕. การพูดโฆษณาสินค้าและบริการมีหลักการอย่างไร จงอธิบาย
ลงในรางบทพูดกอนสงคืนแกนักเรียน
พิจารณาใหสอดคลองกับหลักเกณฑที่นักเรียน
รวมกันกําหนดภายใตคําแนะนําของครู
4. ครูตรวจสอบการพูดรายงานการศึกษาคนควา
หนาชั้นเรียนของนักเรียนแตละกลุม พิจารณา
ใหสอดคลองกับหลักเกณฑที่นักเรียนรวมกัน
กําหนดภายใตคําแนะนําของครู นอกจากนี้
ครูควรมุงพิจารณาไปที่การประยุกตใช
โปรแกรมคอมพิวเตอรเพื่อการนําเสนอ กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้
อาจมอบหมายใหนักเรียนแตละกลุมทําไฟลงาน
นําเสนอสงพรอมรูปเลมรายงาน กิจกรรมที่ ๑ ใ ห้นักเรียนฝึกกล่าวอวยพร โดยเลือกสถานการณ์มาคนละ ๑ สถานการณ์
5. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวยการเรียนรู เช่น อวยพรวันคล้ายวันเกิดเพื่อน อวยพรวันปีใหม่แด่ญาติผู้ใหญ่ที่เคารพ
นับถือ อวยพรในโอกาสที่เพื่อนได้รับทุนไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ เป็นต้น
แล้วพูดหน้าชั้นเรียนให้ครูและเพื่อนๆ ในชั้นช่วยกันเสนอแนะ
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนฝึกพูดโน้มน้าวใจ โดยสมมติสถานการณ์ขึ้นเองตามความสนใจ
เช่น พูดเชิญชวนให้เพื่อนๆ ช่วยกันรักษาความสะอาดของห้องเรียน
1. รางบทพูดตามสถานการณและโอกาสที่เลือก เป็นต้น แล้วพูดหน้าชั้นเรียนให้เพื่อนๆ ร่วมฟังและประเมินผลให้คะแนน
จากความสนใจและความสามารถของตนเอง กิจกรรมที่ ๓ ให้นักเรียนเลือกข้อความที่มีลักษณะชวนเชื่อ หรือใช้ภาษาโน้มน้าวใจ
ความยาวไมเกิน 3 นาที โดยเขียนหรือพิมพ ที่น่าสนใจ แล้วประเมินความน่าเชื่อถือของข้อความนั้นๆ เขียนส่ง
ใหถูกตองเรียบรอย ครูผู้สอน หรือพูดแสดงความคิดเห็นร่วมกันในชั้นเรียน
2. ไฟลงานนําเสนอหนาชั้นเรียน และรูปเลม
รายงานการศึกษาคนควาเรื่องหรือประเด็น
ที่เลือกศึกษาจากการฟง การดู และการสนทนา
104
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. การพูดอวยพร คือ การพูดเพื่อแสดงความรูสึก สงผานความปรารถนาดีของผูพูดในโอกาสที่เปนมงคลของผูฟง หรือผูรับคําอวยพร การพูดอวยพรที่ดีผูพูดตองคํานึงถึง
บุคคล โอกาส และกาลเทศะ ควรแสดงความสุภาพออนนอม ใหเกียรติผูฟง ใชถอยคําที่ไพเราะในการสื่อความหมาย ชวนฟง ขณะพูดควรแสดงความจริงใจผานทาง
สีหนา แววตา และทาทางที่เปนมิตร
2. การพูดโนมนาวใจ คือ การพูดที่มีวัตถุประสงคเฉพาะ ตองการใหผูฟงเห็นดวย และปฏิบัติตามวัตถุประสงคที่ผูพูดกําหนดไว ดังนั้นการพูดโนมนาวใจใหสัมฤทธิผลจึงอยู
ที่การวิเคราะหความตองการของผูฟง และการใชถอยคําเพื่อกระตุนอารมณ ความรูสึกของผูฟงใหเกิดความรูสึกคลอยตาม เชน การใชถอยคําวา “พี่นองชาวเกษตรกร
ที่เคารพ ความเหนื่อยยาก ความลําบากของเรามีใครเห็นบางหรือไม วันนี้ถึงเวลาแลวที่พวกเราจะเรียกรองสิทธิ์ที่ควรมี ควรได” ซึ่งขอความขางตนอาจใชในสถานการณ
การพูดโนมนาวใจเพื่อใหเกษตรกรรวมมือกันเรียกรองสิทธิประโยชนของตนเอง
3. อาชีพที่จะตองใชศิลปะการพูดโนมนาวใจ เชน นักการเมือง พนักงานขาย เพราะบุคคลเหลานี้จะตองใชถอยคําเพื่อทําใหผูฟงเกิดความคิดเห็นที่สอดคลอง
และยอมปฏิบัติตามวัตถุประสงคของผูพูด
4. การพูดรายงานการศึกษาคนความีความจําเปนตอการเรียนการสอนในโรงเรียน เพราะการทํารายงานการศึกษาคนควา จะทําใหนักเรียนเรียนรูการทํางานอยาง
เปนระบบ ตามขั้นตอน เรียนรูการทํางานรวมกับผูอื่น ในขณะที่การพูดรายงานการศึกษาคนควาจะชวยฝกทักษะการพูดใหแกนักเรียน ทําใหกลาแสดงออก เปนตน
5. การพูดโฆษณาสินคาและบริการควรเริ่มจากการสรางความประทับใจแกผูฟง แลวจึงนําเสนอสินคาหรือบริการ โดยอาจมีการสาธิตวิธีการใชประกอบดวย รวมถึงตอง
ตอบคําถามดวยความมั่นใจ ใชภาษาใหเหมาะสมกับกาลเทศะ กะทัดรัด ชัดเจน
104 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
คู่มือครู 105
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
1. สามารถอธิบายลักษณะสําคัญของคําใน
ภาษาไทยที่เกิดจากการสรางดวยวิธีการตางๆ
ไดแก การประสมคํา การซอนคํา การซํ้าคํา
และการสมาสคํา
2. สามารถระบุไดวาคําที่กําหนดใหหรือสืบคน
ดวยตนเองสรางขึ้นดวยวิธีการใด
3. สามารถอธิบายสาเหตุการยืมคํา ลักษณะสําคัญ
ของคํายืมแตละภาษา เพือ่ ระบุวา คําทีก่ าํ หนดให
หรือสืบคนดวยตนเอง เปนคําที่ยืมมาจาก
ภาษาใด รวมถึงอธิบายความหมายของคํายืม
นั้นๆ ได
4. สามารถวิเคราะหโครงสรางของประโยค
ที่กําหนดใหหรือสืบคนดวยตนเองเพื่อระบุวา
เปนประโยคชนิดใด
สมรรถนะของผูเรียน
ñ
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
หน่วยที่
คุณลักษณะอันพึงประสงค กำรสร้ำงค�ำและประโยค
1. ใฝเรียนรู
2. มุงมั่นในการทํางาน
ตัวชี้วัด คํา ที่มีใชในภาษาไทย มีทั้งคํา
ท ๔.๑ ม.๒/๑, ๒, ๕ ทีเ่ ปนคําไทยแทและคําทีย่ มื มาจากภาษา
■ สรางคําในภาษาไทย ต า งประเทศ ซึ่ ง นํ า มาใช ใ นภาษาไทย
■ วิเคราะหโครงสรางประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซอน เพือ่ ประโยชนในการสือ่ สาร การถายทอด
■ รวบรวมและอธิบายความหมายของคําภาษาตางประเทศที่ใช
ในภาษาไทย วัฒ นธรรม และการศึกษาหาความรู โดย
กระตุน้ ความสนใจ Engage การจําแนกคําไทย รวมถึงคําที่ยืมมาจาก
สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง ภาษาตางประเทศได ชวยใหเกิดความเขาใจ
ครูนําเขาสูหนวยการเรียนรู โดยใหนักเรียน ■ การสรางคําสมาส ในเรื่ อ งอิ ท ธิ พ ลของภาษาต า งประเทศที่ มี
ลักษณะของประโยคในภาษาไทย ประโยคสามัญ ประโยครวม ตอภาษาไทยและยังเปนประโยชนตอ การศึกษา
รวมกันสนทนาเกี่ยวกับวิธีการสรางคําในภาษาไทย ■
ประโยคซอน
ที่ตนเองเคยทราบ ■ คําที่มาจากภาษาตางประเทศ วรรณคดี แ ละวรรณกรรมให เ ข า ถึ ง อรรถรส
ไดชดั เจน ลึกซึง้
(แนวตอบ คําตอบเกิดขึน้ จากพืน้ ฐานหรือรองรอย
ความรูเดิมของนักเรียน เชน การประสมคํา 106
การซอนคํา การซํ้าคํา การยืมคํา การสมาส
เปนตน)
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรู การสรางคําและประโยค เปาหมายสําคัญ
ประการแรกนักเรียนมีความรู ความเขาใจในลักษณะสําคัญของการสรางคํา ระบุไดวา
คํานั้นๆ เกิดจากการสรางดวยวิธีการใด มีความรู ความเขาใจในลักษณะสําคัญของ
คํายืมจากภาษาตางๆ รวบรวมและระบุความหมายของคําได ประการที่สองมีความรู
ความเขาใจในลักษณะสําคัญของประโยค วิเคราะหไดวารูปประโยคนั้นๆ เปนประโยค
ชนิดใดโดยพิจารณาจากโครงสรางเปนสําคัญ
การจะบรรลุเปาหมายดังกลาว ครูควรออกแบบการเรียนการสอนโดยใหนักเรียน
สืบคนองคความรูดวยตนเอง แลวรวมกันอธิบายความรู ความเขาใจ ผานขอคําถาม
ของครู
การเรียนการสอนในลักษณะนี้จะชวยฝกทักษะที่จําเปนตอการเรียนรูของนักเรียน
ไดแก ทักษะการวิเคราะห ทักษะการรวบรวมขอมูล และทักษะการสังเคราะห
106 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา
Engage Explore อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอน ดวยวิธีการ
๑ ¡ÒÃÊÌҧ¤Ó ตั้งคําถาม
• จากคํานิยาม “การสรางคํา (word
คํา หมายถึง หนวยเสียงตางๆ ในภาษาที่มาประกอบกันเปนกลุมเสียงและเปนหนวยเสียง
ที่มีความหมาย ในภาษาไทยมีการนําคําตางๆ มาสรางเปนคําใหมเพื่อใหมีคําใชในภาษามากขึ้น
formation) เปนกระบวนการเพิ่มคําใหม
ซึ่งการสรางคําตามหลักเกณฑทางภาษา มี ๔ ประเภท คือ คําประสม คําซํ้า คําซอน และคําสมาส ใหแกภาษา โดยนําคําหรือหนวยคําที่มีใชอยู
โดยแตละประเภทสรางขึ้นจากคํามูล ในภาษามารวมกัน” นักเรียนคิดวาการ
สรางคําในภาษาไทย มีสาเหตุจากอะไร
๑.๑ คํามูล (แนวตอบ การสรางคํา เปนการเพิ่มคําใหม
คํามูล หมายถึง คําที่มีความหมายสมบูรณในตัวเอง ไมสามารถแยกศัพทยอยออกได ซึ่งอาจ ใหแกภาษา ซึ่งสาเหตุของการสรางคํา
เปนคําไทยแท คําที่ยืมมาจากภาษาอื่น ทําหนาที่ในประโยคไดหลายหนาที่ เชน ประธาน กริยา กรรม มีหลายประการ เชน ความเจริญกาวหนา
สวนขยาย คํามูลที่พบในภาษาไทยอาจมีพยางคเดียวหรือหลายพยางค ดังนี้ ทางเทคโนโลยี การติดตอสื่อสารกับกลุมคน
จํานวนพยางค ตางวัฒนธรรม ทําใหคําที่มีใชอยูเดิมใน
คํามูลพยางคเดียว ชาง มา วัว ผม ฉัน เขา กิน นอน เย็น ลาง และ โธ ภาษา มีไมเพียงพอสําหรับการสื่อสารใหตรง
คํามูลสองพยางค ตะไคร กระทะ ดิฉัน กระหมอม สะดุด ชะลูด ระหวาง ปดโธ จุดประสงค จึงมีการสรางคําใหมขึ้นใชใน
ภาษา ดวยวิธีการนําคําที่มีใชอยูเดิมมา
คํามูลสามพยางค กะลาสี นาฬกา จระเข จาละหวั่น บริสุทธิ์
รวมกันใหเกิดเปนคําใหมที่มีความหมายใหม
คํามูลสี่พยางค โกโรโกโส ตะลีตะลาน คะยั้นคะยอ หรืออาจใชวิธีการยืมคําจากภาษาตาง
คํามูลหาพยางค สํามะเลเทเมา ประเทศเขามาใช)
การสังเกตวาคําใดเปนคํามูลใหใชการเปรียบเทียบ เชน ปลาหมอ สามารถแยกศัพทได คือ
ปลา + หมอ มีความหมายในตัวเองชัดเจนทัง้ สองคํา คํานีจ้ งึ ไมใชคาํ มูล จระเข ไมสามารถแยกศัพทเปน ส�ารวจค้นหา Explore
จอ + ระ + เข ดังนั้น คํานี้จึงเปนคํามูล
นักเรียนจับกลุม 4 กลุม ตามความสมัครใจ
๑.๒ คําประสม ครูทําสลากเขียนหมายเลข 1-4 พรอมระบุขอความ
คําประสม หมายถึง คําที่สรางจากคํามูลที่มีความหมายตางกัน มารวมกันเปนคําเดียว ซึ่งอาจ ในแตละหมายเลข จากนั้นใหแตละกลุมสงตัวแทน
ยังคงเคาความหมายเดิมหรือเปลี่ยนแปลงไปก็ได คําประสมมีหนาที่ เชน ออกมาจับสลากประเด็นสําหรับการสืบคนเพือ่ สราง
หนาที่ ชนิดของคําที่นํามาสราง องคความรูร ว มกัน เมือ่ ตัวแทนกลุม ออกมาจับสลาก
เปนคํานาม คําสรรพนาม นาม + นาม เชน รถราง นํ้าปลา หูชาง ลูกชาง ใหอานออกเสียงประเด็นที่ไดรับมอบหมาย ดังนี้
นาม + กริยา เชน หมูหัน หมอดู ไกชน แมพิมพ หมายเลข 1 คําประสม
เปนคํากริยา กริยา + นาม เชน นอนใจ กินแรง วางตัว ออกหนา หมายเลข 2 คําซํ้า
กริยา + วิเศษณ เชน ถือดี ไปดี หมายเลข 3 คําซอน
เปนคําวิเศษณ นาม + วิเศษณ เชน มือเย็น มือออน มือหนัก ใจเย็น หมายเลข 4 คําสมาส
นาม + นาม เชน ใจบาป ใจบุญ ใจเพชร ใจยักษ โดยสามารถสืบคนความรูไดจากแหลงขอมูล
๑๐๗
ตางๆ ที่เขาถึงได และมีความนาเชื่อถือ
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
คําประสมในขอใดประกอบขึ้นจากคําชนิดเดียวกันทุกคํา
ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเกณฑที่ใชแยกคําประสมออกจากคําประเภทอื่นๆ
1. นํ้าปลา ไกชน นํ้าแข็ง
ในประโยค “คําประสมจะแทรกคําใดๆ ลงระหวางกลางคําไมได” โดยยกตัวอยาง
2. ตาขาว มดแดง ดอกฟา
ประกอบคําอธิบาย จากรูปประโยค “ลูกชางเดินตามแมชา ง” ใจความคือ ลูกของชาง
3. บัตรเติมเงิน แปรงสีฟน ใบขับขี่
เดินตามแมชาง ซึ่งสามารถแทรกคําวา “ของ” ลงระหวางคําวา “ลูก” กับ “ชาง” ได
4. ปากนกกระจอก รถไฟฟา เด็กหลอดแกว
ดังนั้น “ลูกชาง” ในรูปประโยคนี้จึงไมใชคําประสม แตถาอยูในรูปประโยค “เจาแม
วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให ขอ 1. “นํ้าปลา” นาม+นาม โปรดชวยลูกชางดวย” “ลูกชาง” ในที่นี้เปนคําสรรพนามบุรุษที่ 1 ใชแทนตัวผูพูด
“ไกชน” นาม+กริยา “นํา้ แข็ง” นาม+วิเศษณ ขอ 2. “ตาขาว” นาม+วิเศษณ เมื่อพูดกับสิ่งศักดิ์ิสิทธิ์ที่เคารพนับถือ จึงไมสามารถแทรกคําวา “ของ” ลงระหวาง
“มดแดง” นาม+วิเศษณ “ดอกฟา” นาม+นาม ขอ 3. “บัตรเติมเงิน” นาม+ คําวา “ลูก” กับ “ชาง” ได ดังนั้น “ลูกชาง” ในประโยคนี้จึงเปนคําประสม
กริยา “แปรงสีฟน” นาม+กริยา “ใบขับขี่” นาม+กริยา สวนขอ 4. “ปากนก นอกจากนี้ควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับสวนประกอบของคําประสม โดยคําที่นํา
กระจอก” นาม+นาม “รถไฟฟา” นาม+นาม “เด็กหลอดแกว” นาม+นาม มาประกอบเปนคําประสม สวนใหญจะเปนคํานาม คํากริยา คําวิเศษณ หรือคําบุพบท
ดังนั้นจึงตอบขอ 4. เมื่อคํานั้นๆ มาประกอบกันแลวจะไดคําประสมที่เปนคํานาม คํากริยา หรือ
คําวิเศษณ
คู่มือครู 107
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่ 1 และ 2 สงตัวแทนออกมา
อธิบายความรูในประเด็นที่กลุมของตนเอง ค�ำประสมที่พบในภำษำไทย มีวิธีกำรสร้ำง ดังนี้
ไดรบั มอบหมาย พรอมระบุแหลงทีม่ าของขอมูล ๑) สร้างจากค�าไทย ดังตัวอย่ำง
2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย นำม + นำม เช่น น�้ำปลำ แม่ยำย พ่อตำ
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับคําประสม นำม + กริยำ เช่น หมูหัน หมอดู ไก่ชน
โดยใชความรู ความเขาใจ ที่ไดรับจากการฟง นำม + วิเศษณ์ เช่น น�้ำหวำน ตำเขียว ใจด�ำ
บรรยาย เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม ๒) สร้างขึ้นจากค�าไทยและภาษาต่างประเทศ ดังตัวอย่ำง
• คําประสมมีลักษณะสําคัญที่แตกตางจากคํา ค�ำไทย + ค�ำยืมภำษำเขมร เช่น ของโปรด จ่ำโขลน กฎหมำย
ที่สรางดวยวิธีการอื่นอยางไร ค�ำไทย + ค�ำยืมภำษำจีน เช่น กินโต๊ะ ของเก๊ ข้ำวต้มกุ๊ย
(แนวตอบ คําประสมเกิดจากการนําหนวยคํา ค�ำไทย + ค�ำยืมภำษำบำลี สันสกฤต เช่น นักประพันธ์ เข้ำฌำน น�้ำมนตร์
อิสระ ที่มีความหมายตางกัน อยางนอย ค�ำไทย + ค�ำยืมภำษำอังกฤษ เช่น น�้ำก๊อก เข้ำคิว เรียงเบอร์
2 หนวยมารวมกัน เกิดเปนคําใหมที่มี ๓) สร้างขึ้นจากค�าภาษาต่างประเทศทั้งหมด ดังตัวอย่ำง
ความหมายใหม หรืออาจยังคงเคา ค�ำยืมภำษำบำลี + ค�ำยืมภำษำบำลี เช่น ผลผลิต วัตถุโบรำณ ภำคภูมิ
ความหมายเดิม) ค�ำยืมภำษำบำลี + ค�ำยืมภำษำสันสกฤต เช่น ยำนอวกำศ สำรพิษ สังเกตกำรณ์
ค�ำยืมภำษำเขมร + ค�ำยืมภำษำบำลี เช่น ผจญภัย อวยพร เผด็จกำร
• หากตองแยกคําประสมออกจากคําประเภท
ค�ำยืมภำษำบำลี + ค�ำยืมภำษำอังกฤษ เช่น รถเมล์ รถบัส รถแท็กซี่
อื่นๆ กลุมคํา และประโยค นักเรียนจะมี
เกณฑสําหรับการคัดแยกหรือสังเกตอยางไร ๑.๓ ค�ำซ�ำ้
(แนวตอบ มีเกณฑ ดังตอไปนี้ ค�ำซ�้ำ หมำยถึง ค�ำชนิดหนึ่งที่สร้ำงโดยกำรน�ำค�ำเดิมค�ำเดียวมำกล่ำวซ�้ำ โดยใช้ ไม้ยมก (ๆ)
• คําประสมเปนคําที่มีความหมายใหม แตยัง ก�ำกับ เช่น ดีๆ สูงๆ ต�่ำๆ แดงๆ เป็นต้น หรือกำรซ�้ำค�ำที่มำจำกกำรเล่นเสียงวรรณยุกต์ เช่น น้ำนนำน
คงเคาความหมายเดิม แก๊แก่ เป็นต้น
• คําประสมจะแทรกคําใดๆ ลงระหวางกลาง ๑) วิธีสร้างค�าซ�้า สำมำรถท�ำได้ ดังนี้
คําไมได ๑.๑) น�าค�าค�าเดียวมาซ�้ากัน เช่น พี่ๆ เรำๆ เร็วๆ นั่งๆ ไกลๆ รำวๆ กรี๊ดๆ เป็นต้น
• คําประสมเปนคําคําเดียว หนวยคําที่นํามา ๑.๒) น�าค�าที่มีความหมายใกล้เคียงกันมาซ้อนกันอีก เช่น สวยๆ งำมๆ เป็นต้น
ประกอบเปนคําประสมแลว จะไมสามารถ ๑.๓) ซ�า้ ค�าเดียวกัน ๒ ครัง้ โดยเน้นระดับเสียงวรรณยุกต์ทคี่ า� หน้า เช่น ว้ำนหวำน เป็นต้น
สลับที่ได ๒) ลักษณะความหมายของค�าซ�้า แบ่งออกได้ ดังนี้
• คําประสมจะออกเสียงตอเนื่องกัน ๒.๑) ความหมายเป็นพหูพจน์ มักเป็นค�ำนำมและสรรพนำม เช่น
โดยไมหยุดหรือเวนจังหวะระหวางหนวยคํา ■ เพื่อนๆ มำร่วมงำนวันเกิดของฉัน
ที่นํามาประกอบ ■ เด็กๆ ก�ำลังร้องไห้
• คําประสมบางคํา หนวยคําที่นํามาประสม ๒.๒) ความหมายเป็นเอกพจน์ แยกจ�ำนวนออกเป็นส่วนๆ มักเป็นค�ำลักษณนำม เช่น
จะไมมีความสัมพันธทางไวยากรณ ■ แม่หั่นมะเขือเทศเป็นแว่นๆ
ระหวางกัน เชน คําวา “กินนํ้า” ไมเปน ■ แม่สั่งให้น้องล้ำงถ้วยให้สะอำดเป็นใบๆ
คําประสมเพราะ “กิน” กับ “นํ้า” มีความ
สัมพันธทางไวยากรณแบบกริยา-กรรม 108
แต “กินใจ” เปนคําประสมเพราะไมมี
ความสัมพันธทางไวยากรณระหวางกัน)
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ตารางที่นักเรียนนําเสนอ ควรมีลักษณะ ดังนี้ นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับสวนประกอบของคําประสม เชน เกิดจาก
กิจกรรมสรางเสริม คํานามกับคํานาม “วัวนม” “ลูกชาง” เกิดจากคํานามกับคํากริยา “มือถือ”
ชนิดของคําที่นํามาประกอบ “หมูหัน” จากนั้นนําคําประสมที่รวบรวมไดมานําเสนอในรูปแบบตาราง
ชนิดของคําประสม เพื่อแสดงสวนประกอบของคําบนปายนิเทศประจําชั้นเรียน
มยก
ต ม
ิ ช น ด
ิ ข องคํา พรอ
เ
คําประสมที่เปนคํานาม ใหนักเรียน งคําลงในชองวาง
ตัวอยา
คําประสมที่เปนคํากริยา
กิจกรรมทาทาย
กิจกรรมทาทาย
ลักษณะความหมาย ตัวอยางคําประสม
นักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับลักษณะความหมายของคําประสมที่
ความหมายเปรียบเทียบ าง
ัวอยางคําลงในชองว ปรากฏใชในปจจุบนั โดยนําเสนอในรูปแบบตาราง พรอมเลือกคําจากตาราง
ความหมายเฉพาะ ยกต
ความหมายใกลเคียงกับคําเดิม
ใหนักเรียน ประเภทละ 2 คํา มาแตงประโยคเพื่อแสดงความหมายของคํา เมื่อนํามา
ใชสื่อสาร
108 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่ 2 สงตัวแทนออกมาอธิบาย
๒.๓) เน้นความหมายของค�าเดิม โดยมำกมักเป็นค�ำขยำย เช่น นั่งดีๆ พูดชัดๆ ความรูในประเด็นที่กลุมของตนเองไดรับ
๒.๔) บอกความหมายโดยประมาณทั้งเวลาและสถานที่ เช่น มอบหมาย พรอมระบุแหลงที่มาของขอมูล
ตอนเช้ำๆ อำกำศดี
■
จากนั้นใหนักเรียนยืนในลักษณะวงกลม
เขำชอบเดินเล่นตอนเย็นๆ
■
เพื่อรวมกันอธิบายความรูแบบโตตอบรอบวง
เกี่ยวกับคําซํ้า
บ้ำนของเขำอยู่แถวๆ ลำดพร้ำว
• คําซํ้ามีลักษณะสําคัญที่แตกตางจากคํา
■
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ประโยคในขอใดปรากฎการสรางคําที่แตกตางจากขออื่น
ครูออกแบบกิจกรรมยอยภายในชั้นเรียน โดยใหนักเรียนชวยกันยกตัวอยาง
1. สมพลเปนคนซุมซามมักเดินชนสิ่งของตางๆ อยูเปนประจํา
“คําซํ้า” ที่ประกอบขึ้นจากคําทั้ง 7 ชนิดในภาษาไทย พรอมแสดงความหมายของ
2. สมภพฟงเรื่องที่สมเกียรติเลาแลวหัวเราะจนนํ้าหูนํ้าตาไหล
คํานั้นๆ ในรูปประโยค เชน
3. สมชายมักถูกหัวหนางานตําหนิติเตียนเสมอเรื่องเวลาเขางาน
4. สมสมรจัดขาวของที่กระจัดกระจายอยูเต็มพื้นหองใหเรียบรอย พี่ๆ เกิดจากการนําคํานามมาสรางเปนคําซํ้า (พี่ๆ ของฉันอยูที่กรุงเทพ)
หนูๆ เกิดจากการนําคําสรรพนามมาสรางเปนคําซํ้า (หนูๆ อยาสงเสียงดัง)
วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให ขอ 2. “นํ้าหูนํ้าตา” เปนคําซอน
โขลงๆ เกิดจากการนําคําลักษณนามมาสรางเปนคําซํ้า (ชางเดินมาเปนโขลงๆ)
4 คํา โดยมีคําที่ 1 และ 3 ซํ้ากัน ขอ 3. “ตําหนิติเตียน” เปนคําซอน 4 คํา
เดินๆ เกิดจากการนําคํากริยามาสรางเปนคําซํ้า (ฉันเดินๆ อยู เขาก็เขามาทัก)
แยกเปน 2 คู โดยมีเสียงคลองจองระหวางพยางคที่ 2 กับ 3 ขอ 4. “กระจัด
คลายๆ เกิดจากการนําคําชวยกริยามาสรางเปนคําซํา้ (เขาหนาตาคลายๆ ดาราคนหนึง่ )
กระจาย” เปนคําซอน 4 คํา ซึ่งเกิดจากการนําคํายืมจากภาษาเขมรมา
ใกลๆ เกิดจากการนําคําบุพบทมาสรางเปนคําซํ้า (บานของฉันอยูใกลๆ กับวัด)
ซอนกัน สวนขอ 1. ไมปรากฏคําที่สรางดวยวิธีการซอนคํา คําวา “ซุมซาม”
สายๆ เกิดจากการนําคําวิเศษณมาสรางเปนคําซํา้ (ตอนสายๆ ฉันจะออกไปขางนอก)
เปนคําที่สรางโดยทําใหมีเสียงบางเสียงเหมือนกัน เขากัน หรือคูกัน
สิบๆ เกิดจากการนําคําบอกจํานวนมาสรางเปนคําซํ้า (เขามีรถเปนสิบๆ คัน)
ดังนั้นจึงตอบขอ 1.
คู่มือครู 109
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนอธิบายความรูแบบ
โตตอบรอบวงเกี่ยวกับคําซอน โดยใชความรู ๒) สร้างขึ้นจากค�าไทยซ้อนกับค�าภาษาต่างประเทศ เช่น
ความเขาใจ ที่ไดรับจากการฟงบรรยาย ค�ำไทย + ค�ำยืมภำษำบำลี เช่น ถิ่นฐำน ขอบเขต รำกฐำน
เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม ค�ำไทย + ค�ำยืมภำษำสันสกฤต เช่น ซื่อสัตย์ ลมปรำณ ซำกศพ
• คําซอนมีลักษณะสําคัญที่แตกตางจากคํา ค�ำไทย + ค�ำยืมภำษำเขมร เช่น แบบฉบับ เงียบสงัด เขียวขจี
ที่สรางดวยวิธีการอื่นอยางไร ค�ำไทย + ค�ำยืมภำษำจีน เช่น ชื่อแซ่ ต้มตุ๋น นั่งจ๋อ
(แนวตอบ คําซอนเกิดจากการนําหนวยคํา ค�ำไทย + ค�ำยืมภำษำอังกฤษ เช่น แบบแปลน แบบฟอร์ม แถมฟรี
ตั้งแต 2 หนวยขึ้นไป มาเรียงตอกัน เพื่อให ๓) สร้างขึ้นจากค�ายืมภาษาต่างประเทศ เช่น
เกิดเปนคําใหม โดยหนวยคําที่นํามาซอน ค�ำยืมภำษำบำลี + ค�ำยืมภำษำบำลี เช่น อำยุขัย เหตุกำรณ์ บุญบำรมี
อาจมีความสัมพันธกันในดานความหมาย ค�ำยืมภำษำบำลี + ค�ำยืมภำษำสันสกฤต เช่น เวรกรรม ญำติมิตร บำปกรรม
ทางใดทางหนึ่ง ดังนี้ ความหมายเหมือนกัน ค�ำยืมภำษำเขมร + ค�ำยืมภำษำเขมร เช่น สนุกสนำน เฉลิมฉลอง อำจหำญ
คลายกัน หรือตรงขามกัน)
2. ครูขออาสาสมัครเขียนคําตอไปนี้บนกระดาน บอกเล่าเก้าสิบ
“กูยืม บานเมือง พัดวี ขาทาส เขียวขจี
แถมฟรี พักเบรก ยักษมาร” คำ�ซ้อนเพื่อเสียง
• คําที่กําหนดให เปนคําซอนทุกคําหรือไม คำ�ซ้อนเพือ่ เสียงนี ้ นักวิช�ก�รบ�งท่�นใช้เรียกเฉพ�ะคำ�ซ้อนทีม่ คี �ำ เดิม (ถือเป็นคำ�ตัง้ หรือคำ�หลัก)
เพราะเหตุใด แล้วมีก�รซ้อนเสียง คือ พย�งค์ที่ไม่มีคว�มหม�ยซึ่งไม่มีฐ�นะเป็นคำ�เข้�ไป เช่น ม�กม�ย (ม�ย ไม่มี
(แนวตอบ คําที่กําหนดใหทั้งหมดขางตน คว�มหม�ย) อ่อนแอ (แอ ไม่มีคว�มหม�ย) พร้อมเพรียง (เพรียง ในพจน�นุกรมมีคว�มหม�ยว่� พร้อม
เปนคําซอน เนื่องดวยหนวยคําที่นํามา แต่ไม่ปร�กฏก�รใช้) พรักพร้อม (พรัก ไม่มคี ว�มหม�ย) แต่ค�ำ ซ้อนเพือ่ เสียงประเภททีไ่ ม่มคี �ำ หลัก แปลคว�ม
ประกอบกันมีความสัมพันธกันในดาน ไม่ได้ทั้ง ๒ พย�งค์ หรือคว�มหม�ยไม่เกี่ยวข้องกัน เป็นแต่เพียงเสียงของพย�งค์ที่ไม่ซ้ำ�กับคำ� เรียกว่� คำ�คู่
ความหมายทางใดทางหนึ่ง) โดยถือว่�เป็นคำ�ทีส่ ร้�งโดยทำ�ให้มเี สียงบ�งเสียงใน ๒ พย�งค์นนั้ เหมือนกัน เข้�กัน หรือคูก่ นั ไม่ใช่เป็นก�รสร้�ง
• สามารถสังเกตที่มาของคําที่นํามาประกอบ โดยก�รซ้อน เช่น กุ๊กกิ๊ก ดุกดิก ดุบดิบ โอ้เอ้ ขลุกขลิก หย็องแหย็ง โมเม ตุ้บตั้บ ฟืดฟ�ด ซุ่มซ่�ม งอดแงด
เปนคําซอนขางตนไดหรือไม อยางไร งัวเงีย ดักด�น โงกเงก บึกบึน โลเล เป็นต้น
(แนวตอบ สามารถสังเกตได ดังนี้
คําซอน ที่มาของคําที่มาซอนกัน ๑.๕ ค�ำสมำส
กูยืม ไทยกลางซอนไทยกลาง ในภำษำไทยมีค�ำที่ยืมมำจำกภำษำอื่นใช้อยู่เป็นจ�ำนวนมำก โดยเฉพำะค�ำที่ยืมมำจำกภำษำ
บานเมือง บำลีและสันสกฤต ด้วยเหตุที่ไทยรับวัฒนธรรมทั้งจำกพระพุทธศำสนำและศำสนำพรำหมณ์ - ฮินดู
พัดวี ไทยกลางซอนไทยถิ่น จึงได้รับภำษำบำลีจำกพระพุทธศำสนำและภำษำสันสกฤตจำกศำสนำพรำหมณ์ - ฮินดู นอกจำกนี ้
ขาทาส ไทยกลางซอนบาลี สันสกฤต ยังรับวิธีกำรสร้ำงค�ำในภำษำบำลีสันสกฤต ซึ่งเรียกว่ำ สมาส มำใช้ด้วย กำรเรียนรู้เกี่ยวกับค�ำสมำส
เขียวขจี ไทยกลางซอนเขมร จึงต้องมีพื้นฐำนควำมรู้เกี่ยวกัับภำษำบำลีสันสกฤต
แถมฟรี ไทยกลางซอนภาษาอังกฤษ 110
พักเบรก
ยักษมาร บาลี สันสกฤตซอนกัน )
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
คําซํ้าในประโยคใดแตกตางจากขออื่น
จากกิจกรรมที่ใหนักเรียนปฏิบัติในกระบวนการ E3 (Explain) อธิบายความรู
1. ในหองนี้มีกลิ่นคาวๆ
ครูควรตั้งคําถามเพิ่มเติมวา “จากตารางขางตน นักเรียนสามารถสรุปเกี่ยวกับที่มา
2. ดาราชองนี้มีแตอายุนอยๆ
ของคําซอนไดหรือไม อยางไร” ซึ่งคําตอบของนักเรียน ควรมีลักษณะ ดังนี้
3. วันนี้คุณๆ จะกินอะไรกันจะ
• คําไทยซอนกับคําไทย
4. แกงถุงนี้นาจะเสียเพราะนํ้ามีลักษณะเปนยางๆ
• คําไทยซอนกับคํายืมจากภาษาตางประเทศ
• คํายืมจากภาษาตางประเทศซอนกัน วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให คําซํ้าในประโยค ขอ 1., 2.
นอกจากนี้ควรเพิ่มเติมความรูในหัวขอ “จํานวนคําของคําซอน” โดยอธิบายวา และ 4. เมื่อนําหนวยคํามาซํ้าแลว กอใหเกิดลักษณะความหมายในประเด็น
คําซอนคําหนึ่งๆ อาจมีจํานวนคําไดตั้งแต 2 คํา, 4 คํา หรือ 6 คํา มีตําแหนงของคํา เดียวกัน คือ มีความหมายในทํานองนั้น ลักษณะอยางนั้นหรือเปนอยางนั้น
ทีบ่ อกความหมายแตกตางกัน จากรูปประโยค “ผูร า ยคนนีใ้ จคอโหดเหีย้ มมาก” คําวา สวนขอ 3. เมื่อนําหนวยคํามาซํ้าแลว กอใหเกิดความหมายที่เปนพหูพจน
“ใจคอ” เปนคําซอน ซึ่งคําที่บอกความหมายของคําอยูในตําแหนงขางหนา คือ คําวา หมายถึง คนจํานวนมากกวาหนึ่ง ซึ่งมีความหมายแตกตางจากตัวเลือกอื่นๆ
“ใจ” สวนรูปประโยค “คนเจ็บผูนี้ พักรักษาตัวไมนานก็กลับบานได เพราะบาดแผล ดังนั้นจึงตอบขอ 3.
ไมลึกมาก” คําวา “บาดแผล” เปนคําซอน ซึ่งคําที่บอกความหมายของคําอยู
ในตําแหนงขางหลัง คือ คําวา “แผล”
110 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
ครูขออาสาสมัครนักเรียน เขียนคําตอไปนี้
ภำษำบำลีและสันสกฤตไม่ใช่ภำษำเดียวกัน แต่มักเรียกพร้อมกััน เพรำะเป็นภำษำตระกูล บนกระดาน อภิเษก ศัตรู ศิลปะ ราษฎร กีฬา
เดียวกัน แต่มีข้อแตกต่ำงเพื่อให้แยกแยะได้ ดังนี้ จริยา สตรี โอษฐ บุญ มัจฉา โมลี วิชชา จากนั้น
ภำษำบำลี ภำษำสันสกฤต ตั้งคําถามวา
ใช้สระ ๘ ตัว ได้แก่ อริยะ สำระ ฤๅษี ไมตรี ใช้สระเหมือนภำษำบำลี และ • คําที่กําหนดใหขางตน คําใดที่มาจากภาษา
อะ อำ อิ อี อุ อู เอ โอ โมลี อุตุ เมำลี ไพบูลย์ เพิ่ม ฤ ฤๅ ฦ ฦๅ ไอ เอำ บาลีและคําใดที่มาจากภาษาสันสกฤต
ค�ำที่ใช้ ส เป็นค�ำในภำษำ สำสนำ สิริ ศำสนำ ศรี ค�ำที่ใช้ ศ ษ เป็นค�ำใน (แนวตอบ คําที่มาจากภาษาบาลี ไดแก กีฬา
บำลี สูญ สุกกะ ศูนย์ ศุกร์ ภำษำสันสกฤต จริยา บุญ มัจฉา โมลี วิชชา
ค�ำที่ใช้ ฬ เป็นค�ำในภำษำ จุฬำ กีฬำ จุฑำ กรีฑำ ค�ำที่ใช้ ฑ เป็นค�ำใน คําที่มาจากภาษาสันสกฤต ไดแก อภิเษก
บำลี บีฬ ครุฬ บีฑำ ครุฑ ภำษำสันสกฤต ศัตรู ศิลปะ ราษฎร สตรี โอษฐ)
ใช้พยัญชนะเรียงพยำงค์ กิริยำ สวำมี กริยำ สวำมี ใช้พยัญชนะควบกล�้ำ และ
ปกติ ปฐม ปรกติ ประถม พยัญชนะประสม ครูควรชี้แนะวา ในบรรดาภาษาตางประเทศ
ใช้พยัญชนะสะกดและ กัมม ธัมม กรรม ธรรม ใช้ รร (แผลงมำจำก ภาษาที่มีอิทธิพลตอภาษาไทยมากที่สุด คือ ภาษา
ตัวตำมตัวเดียวกัน สัพพ วัณณ สรรพ วรรณ ร เรผะ ในภำษำสันสกฤต) บาลีและภาษาสันสกฤต ในภาษาไทยยืมคําจาก
ใช้หลักตัวสะกดตัวตำม ภิกขุ กัมม ทั้งสองภาษานี้ มาใชในชีวิตประจําวันทั้งภาษาพูด
บุปผำ องค์ และภาษาเขียน ภาษาบาลีเปนคํายืมที่รับเขามา
ข้อแตกต่ำงของภำษำบำลีและสันสกฤต ช่วยให้สังเกตได้ว่ำค�ำใดเป็นค�ำที่ยืมมำจำกภำษำ ทางศาสนาพุทธ สวนภาษาสันสกฤตรับเขามาทาง
ต่ำงประเทศ ค�ำใดเป็นค�ำไทยแท้ เพื่อให้รู้เกี่ยวกับที่มำของค�ำ ศาสนาพราหมณ
๑) การสมาสแบบไทย สมำส คือ วิธีกำรผสมค�ำในภำษำบำลีและสันสกฤตที่ไทยได้น�ำมำ
ดัดแปลงให้เข้ำกับไวยำกรณ์และกำรออกเสียงโดยมีหลัก ดังนี้
๑. ต้องเป็นค�ำที่มำจำกภำษำบำลีและสันสกฤตเท่ำนั้น
ที่มำของค�ำ ค�ำ ควำมหมำย
บำลี + บำลี วำตภัย ภัยที่เกิดจำกลม
สันสกฤต + สันสกฤต อักษรศำสตร์ วิชำที่เกี่ยวข้องกับตัวอักษร หรือตัวหนังสือ
บำลี, สันสกฤต + บำลี, สันสกฤต วีรชน ผู้ที่มีควำมกล้ำหำญ
๒. ควำมหมำยหลักของค�ำที่สมำสกันจะอยู่ที่ค�ำหลัง ส่วนควำมหมำยรองจะอยู่ที่ค�ำหน้ำ
ที่มำของค�ำ ค�ำ ควำมหมำย
บำลี, สันสกฤต + บำลี ทันตแพทย์ แพทย์ผู้มีหน้ำที่ตรวจรักษำโรคทำงฟัน โรคในช่องปำก
บำลี, สันสกฤต + บำลี, สันสกฤต วีรชน ผู้ที่มีควำมกล้ำหำญ
บำลี, สันสกฤต + สันสกฤต อำรยประเทศ ประเทศที่มีอำรยธรรม หรือควำมเจริญ
111
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดมีทั้งคําภาษาบาลีและภาษาสันสกฤต
ครูควรใหความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับหนวยเสียงของภาษาบาลีและสันสกฤตวามี 2
1. ฤดู อักขระ บุษกร
หนวยเสียง ไดแก หนวยเสียงพยัญชนะและหนวยเสียงสระ ซึ่งแตกตางจากภาษา
2. ปจจุบัน จุฬา อุณหภูมิ
ไทยที่มี 3 หนวยเสียง ไดแก หนวยเสียงพยัญชนะ หนวยเสียงสระ และหนวยเสียง
3. ปจจุบัน จริยา สิปป
วรรณยุกต ดังนั้นคํายืมที่มาจากภาษาบาลีและสันสกฤตจึงไมปรากฏรูปวรรณยุกต
4. กรรม พราหมณ กันยา
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. คําวา ฤดู และ บุษกรเปนคําภาษาสันสกฤต สวน
คําวา อักขระ เปนคําภาษาบาลี ขอ 2. และขอ 3. เปนคําภาษาบาลีทุกคํา
ขอ 4 เปนคําภาษาสันสกฤตทุกคํา ดังนั้นจึงตอบขอ 1.
คู่มือครู 111
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่ 4 สงตัวแทนออกมาอธิบาย
ความรูในประเด็นที่กลุมของตนเองไดรับ แต่อำจพบค�ำสมำสที่ควำมหมำยของค�ำทั้งสองมีน�้ำหนักเท่ำกัน เช่น บุตรภรรยำ หมำยถึง ลูก
มอบหมาย พรอมระบุแหลงที่มาของขอมูล และเมีย รำชโอรส หมำยถึง โอรสของพระรำชำ
ซึ่งครูควรสังเกตวาขอมูลที่นักเรียนกลุมนี้นํามา ๓. พยำงค์สุดท้ำยของค�ำหน้ำจะประวิสรรชนีย์ หรือปรำกฏเครื่องหมำยทันฑฆำตไม่ได้ เช่น
อธิบายใหเพื่อนๆ ฟง ครอบคลุมประเด็น
ที่มาของค�า ค�า ความหมาย
ตอไปนี้ หรือไม
• ความหมายของคําสมาส บาลี + สันสกฤต แพทยศาสตร์ วิชาที่ว่าด้วยการป้องกันและบ�าบัดโรค
• องคประกอบของคําสมาส บาลี, สันสกฤต + บาลี, สันสกฤต สาธารณชน ประชาชนทั่วไป
• การออกเสียงคําสมาส บาลี, สันสกฤต + สันสกฤต พลศึกษา การศึกษาที่จะน�าไปสู่ความเจริญพัฒนาการทางร่างกาย
หากพบวานักเรียนยังอธิบายความรูไ มครอบคลุม
๔. กำรออกเสียงค�ำสมำส ต้องออกเสียงสระที่ท้ำยศัพท์ค�ำแรก แต่ถ้ำไม่ปรำกฏรูปสระให้ออก
ครูควรชี้แนะเพิ่มเติม
2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย เสียงสระอะ เช่น
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับคําสมาส ที่มาของค�า ค�า ความหมาย
โดยใชความรู ความเขาใจ ที่ไดรับจากการฟง บาลี, สันสกฤต + บาลี, สันสกฤต สิทธิบัตร หนังสือที่ออกให้เพื่อคุ้มครองการประดิษฐ์
บรรยาย เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม
สันสกฤต + บาลี, สันสกฤต ทัศนคติ แนวความคิดเห็น
• “สมาส” เปนวิธีการสรางคําประเภทหนึ่ง
บาลี, สันสกฤต + บาลี, สันสกฤต จินตกวี ผู้สามารถแต่งร้อยกรองตามจินตนาการของตน
เพือ่ ใหมคี าํ ในภาษาใชมากขึน้ ลักษณะสําคัญ
ประการใดที่ทําใหคําสมาส แตกตางจากคํา มีค�ำสมำสบำงค�ำที่นิยมอ่ำนตำมแบบไทย คือ ไม่ออกเสียงสระที่ท้ำยพยำงค์ศัพท์ตัวแรก เช่น
ที่สรางดวยวิธีการอื่นๆ สุขศำลำ อ่ำน สุก - สำ - ลำ หรือ ชำตินิยม อ่ำนว่ำ ชำด - นิ - ยม เป็นต้น
(แนวตอบ การสรางคําสมาส คือ การนําคํา ๒) การสมาสแบบมีสนธิ สนธิ หมำยถึง กำรกลมกลืนหน่วยเสียงของภำษำบำลีและสันสกฤต
ในภาษาบาลี สันสกฤตตั้งแต 2 คําขึ้นไป
ไทยได้น�ำมำใช้ในกำรสร้ำงค�ำและได้ดัดแปลงให้เป็นกำรสนธิแบบไทย มี ๓ ประเภท ดังนี้
มารวมกันเปนคําใหมที่มีความหมายแตกตาง
๑. สระสนธิ คือ กำรน�ำค�ำภำษำบำลีและสันสกฤตมำสนธิค�ำที่ขึ้นต้นด้วยสระ
ไปจากเดิมหรือคําที่นํามาประกอบ)
ตัดสระท้ายของศัพท์ค�าหน้า ความหมาย ค�า
และใช้สระหน้าของศัพท์ค�าหลัง
ผล (บาลี + สันสกฤต) + สิ่งที่เกิดจากการกระท�า
ผลานิสงส์
อานิสงส์ (บาลี + สันสกฤต) ผลแห่งกุศลกรรม
พุทธ (บาลี + สันสกฤต) + ผูต้ รัสรู,้ ผูต้ นื่ แล้ว
พุทโธวาท
โอวาท (บาลี + สันสกฤต) ค�าแนะน�า, ค�าสอน
112
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
คําวา วิทยาลัย เปนคําสมาสแบบมีสนธิที่เกิดจากคําใด
ครูควรออกแบบการเรียนการสอนเพื่อใหนักเรียนมีสวนรวม โดยใหรว มกัน
1. วิทยา + ลัย
ยกตัวอยางคําสมาสสรางทีป่ รากฏใชในภาษาไทย หรือครูเปนผูย กตัวอยางเอง
2. วิทยา + อาลัย
แลวใหนกั เรียนรวมกันวิเคราะหวา คํานัน้ ๆ ประกอบขึน้ จากคํายืมในภาษาใดบาง เชน
3. วิทยะ + ลัย
“ถาวรวัตถุ” ประกอบขึ้นจากคําวา “ถาวร” และ “วตฺถุ” ซึ่งเปนคํายืมจากภาษาบาลี
4. วิทยะ + อาลัย
ทั้งสองคํามาประกอบกันเปนคําสมาส โดยมีความหมายวา “วัตถุ สิ่งของ สิ่งกอสราง
ที่มีความคงทน ถาวร” วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. 2. และ 3. ไมใชคําที่สามารถนํามาสนธิกันได
สวนขอ 4. คํา วิทยะ และ อาลัย สามารถนํามาสนธิกันไดตามหลักสระสนธิ
คือ คําหนาลงทายดวยสระอะ คําหลังขึ้นตนดวยสระอา เมื่อสนธิกันจึงตัด
สระพยางคทา ยคําหนา แลวใชสระพยางคหนาคําหลังไดเปน วิทยาลัย ดังนัน้
จึงตอบขอ 4.
112 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
ตัดสระท้ำยค�ำหน้ำ ใช้สระหน้ำของค�ำหลัง อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับคําสมาส
แต่เปลี่ยน อะ เป็น อำ , อิ เป็น เอ, อุ ควำมหมำย ค�ำ โดยใชความรู ความเขาใจ ที่ไดรับจากการฟง
เป็น อู โอ แล้วใช้หลักกำรเดียวกับแบบที่ ๑
บรรยาย เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม
เทศ (สันสกฤต) + ถิ่นที่, ท้องที่
เทศาภิบาล • นักเรียนมีวิธีการอยางไร เพื่อใหทราบวา
อภิบาล (บาลี + สันสกฤต) บ�ารุงรักษา, ปกครอง
คําสมาสแบบมีสนธิ ประเภทสระสนธิ
คช (บาลี + สันสกฤต) + ช้าง
อินทร์ (สันสกฤต) ชื่อเทวราชผู้เป็นใหญ่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ คเชนทร์ เกิดจากคําใดประสมกับคําใด
และชั้นจาตุมหาราช (แนวตอบ คําสมาสแบบมีสนธิ ประเภทสระ
สนธิ จะมีวิธีการสนธิ ดังนี้
เปลี่ยน อิ อี เป็น ย, อุ อู เป็น ว 1. ตัดสระทายของศัพทคําหนาและใชสระ
ควำมหมำย ค�ำ
แล้วใช้หลักกำรเดียวกับแบบที่ ๑ หนาของศัพทคําหลัง
สามัคคี (บาลี) + ความปรองดองกัน
สามัคยาจารย์ 2. ตัดสระทายของศัพทคําหนา และใชสระ
อาจารย์ (บาลี) ผู้สั่งสอนวิชาความรู้ หนาของศัพทคําหลัง แตเปลี่ยน อะ เปน
ธนู (บาลี) + ราศีที่ ๘ ในจักรราศี อา อิ เปน เอ อุ เปน อู หรือ โอ
ธันวาคม
อาคม (บาลี + สันสกฤต) การมาถึง
3. เปลี่ยนสระทายของศัพทคําหนาจาก อิ
๒. พยัญชนะสนธิ คือ การน�าค�าภาษาบาลีและสันสกฤตมาสนธิกับพยัญชนะ อี เปน ย อุ อู เปน ว แลวใชหลักการ
เดียวกับแบบที่ 1.)
ค�ำที่ลงท้ำยด้วย ส สนธิกับพยัญชนะ • นักเรียนรูจักคําวา “สนธิ” หรือไม
ควำมหมำย ค�ำ
ให้เปลี่ยน ส เป็น โ-
และมีลักษณะสําคัญอยางไร
มนัส (บาลี + สันสกฤต) + ใจ
กรรม (สันสกฤต) การกระท�า
มโนกรรม (แนวตอบ การสนธิ คือ ปรากฏการณที่
รหัส (บาลี + สันสกฤต) + เครือ่ งหมายหรือสัญลักษณ์ลบั ทีร่ กู้ นั เฉพาะ หนวยเสียง 2 หนวย มาอยูชิดกัน
รโหฐาน แลวหนวยเสียงใดหนวยเสียงหนึ่ง
ฐาน (บาลี + สันสกฤต) ล�าดับความเป็นอยู่
หรือทั้งสองหนวยเสียงแปรไป หรือรวมเขา
อุปสรรค ทิสฺ กับ นิสฺ สนธิกับพยัญชนะ เปนหนวยเสียงเดียว หรือมีหนวยเสียง
ควำมหมำย ค�ำ
ให้เปลี่ยน ส เป็น ร เพิ่มเขามา)
ทุสฺ (บาลี + สันสกฤต) + ยาก, ล�าบาก, ไม่มี
ทุรกันดาร
กันดาร (บาลี) อัตคัต, ฝืดเคือง
นิสฺ (บาลี + สันสกฤต) + ไม่, ไม่มี
นิรภัย
ภัย (บาลี + สันสกฤต) สิง่ ทีน่ า่ กลัว, อันตราย
113
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
คําสมาสในขอใดอานออกเสียงตางจากขออื่น
ครูควรใหความรูเพิ่มเติมแกนักเรียนเกี่ยวกับ “คําสมาสเทียม” โดยอธิบายวา
1. เอกชอบเรียนวิชากายวิภาคศาสตร
องคประกอบของคําสมาสในภาษาไทยจะตองเกิดจากคําภาษาบาลีหรือภาษาสันสกฤตทั้ง
2. ฟาผาเปนปรากฏการณทางธรรมชาติ
สองคํา สวนคําสมาสเทียม คือคําสมาสที่มีคํายืมจากภาษาบาลี สันสกฤต ปรากฏอยูสวน
3. แพทยสภาเปนหนวยงานทางราชการ
หนาหรือสวนหลังของคําก็ได แตอีกคําหนึ่งที่มาประกอบนั้น ไมใชคํา
4. พสกนิกรชาวไทยเฝาฯ รับเสด็จสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
ที่ยืมมาจากภาษาบาลี สันสกฤต โดยอาจเปนคําไทย เชน เทพเจา (เทว บ.ส.
วิเคราะหคําตอบ คําสมาสในขอ 1. อานวา กาย-วิ-พาก-สาด ขอ 2. อานวา รวมกับ เจา ท.) หรือคํายืมจากภาษาอังกฤษ เชน ชีวเคมี (ชีว บ.ส. รวมกับ
ปฺรา-กด-กาน ขอ 3. อานวา แพด-สะ-พา หรือ แพด-ทะ-ยะ-สะ-พา สวนขอ 4. เคมี อ.) จึงเรียกคําที่มีลักษณะเชนนี้วา “คําสมาสเทียม”
อานวา พะ-สก-นิ-กอน ซึ่งคําสมาสในขอ 1., 2. และ 4. เปนคําสมาสที่ไมตอง
อานออกเสียงพยางคเชื่อมระหวางคํา คําสมาสในขอ 3. จึงอานออกเสียง
ตางจากขออื่น ดังนั้นจึงตอบขอ 3.
คู่มือครู 113
ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
ขยายความเข้าใจ Expand
ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2 เพื่อใหการเรียน
การสอนเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และนักเรียนมี ๓. นฤคหิตสนธิ คือ กำรน�ำค�ำภำษำบำลีและสันสกฤตสนธิกับนฤคหิต
ความรู ความสามารถอยางเพียงพอ ครูควรให นฤคหิตสนธิกับสระ
นักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตอไปนี้เปนรายบุคคล ควำมหมำย ค�ำ
เปลี่ยน เป็น ม
• นักเรียนใชความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับ ส� (บำลี + สันสกฤต) + -
สมำคม
ลักษณะสําคัญของคําประสม เพื่อระบุวา อำคม (บำลี + สันสกฤต) กำรมำ, กำรมำถึง
คําประสมที่กําหนดใหและรวบรวมดวย ส� (บำลี + สันสกฤต) + -
สมำทำน
ตนเองอีก 30 คํา ประกอบขึ้นจากคําชนิดใด อำทำน (บำลี + สันสกฤต) กำรรับ, กำรยึดถือ
ระบุลักษณะความหมาย พรอมแตงประโยค นฤคหิตสนธิกับพยัญชนะวรรค ควำมหมำย ค�ำ
เพื่อแสดงความหมายเมื่อนํามาใชในการ เปลี่ยนเป็นพยัญชนะท้ำยของวรรคนั้น
สื่อสาร นําเสนอดังตารางตัวอยาง ส� (บำลี + สันสกฤต) + -
สัญจร
จร (บำลี + สันสกฤต) ไป, เที่ยวไป
คํา สวนประกอบ ความหมาย
ส� (บำลี + สันสกฤต) + -
นํ้าแข็ง นาม + วิเศษณ มีความหมาย สัมผัส
ผัส (บำลี + สันสกฤต) กำรกระทบ, กำรถูกต้อง
ใกลเคียงกับ
นฤคหิตสนธิกับเศษวรรค
คําเดิม เปลี่ยน เป็น ง ควำมหมำย ค�ำ
(เขาชอบกิน ส� (บำลี + สันสกฤต) + -
นํ้าแข็ง) สังสรรค์
สรรค์ (สันสกฤต) พบปะกันเป็นครั้งครำวด้วยควำมสนิทสนม
• นักเรียนใชความรู ความเขาใจเกี่ยวกับ ส� (บำลี + สันสกฤต) + -
สังหรณ์
ลักษณะสําคัญของคําซํ้า เพื่อระบุวาคําซํ้า หรณ์ (บำลี + สันสกฤต) รู้สึกคล้ำยมีอะไรมำดลใจ ท�ำให้รู้ว่ำจะมีเหตุ
ที่กําหนดใหและรวบรวมดวยตนเองอีก 20 คํา
- นําคําชนิดใดมาสรางเปนคําซํ้า
- เมื่อซํ้าคําแลวใหความหมายอยางไร
พรอมแตงประโยคเพื่อแสดงความหมาย เมื่อนํา
มาใชในการสื่อสาร
• นักเรียนใชความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับ
ลักษณะสําคัญของคําซอน เพือ่ ระบุวา คําซอน
ทีก่ าํ หนดใหและรวบรวมดวยตนเองอีก 25 คํา มี
- ที่มาอยางไร
- ลักษณะความหมายของคําซอน
- จุดประสงคในการซอน ▲ การมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับค�าสมาส จะช่วยให้เปนผู้มีความสามารถในการใช้ถ้อยค�าและการอ่านออกเสียง
- จํานวนคํา
พรอมแตงประโยคเพื่อแสดงความหมาย 114
เมื่อนํามาใชในการสื่อสาร
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
คําสมาสในขอใดเปนคําสมาสที่มีสนธิทุกคํา
คําที่กําหนดใหนักเรียนเพื่อใชปฏิบัติกิจกรรมในกระบวนการ E4 (Expand)
1. สุโขทัย ปรมาณู ยุทธภูมิ
ขยายความเขาใจ มีดังตอไปนี้
2. จิตรกรรม ปรมาณู สวัสดิภาพ
คําประสมที่กําหนดใหนักเรียน ไดแก ลูกชาง ปดปาก มือเสือ หมาวัด และตีนผี
3. จิตรกรรม กรณียกิจ สวัสดิภาพ
คําซํ้าที่กําหนดใหนักเรียน ไดแก บอยๆ แถวๆ พี่ๆ ไปๆ มาๆ และคุณๆ
4. สุโขทัย พฤษภาคม แสนยานุภาพ
คําซอนที่กําหนดใหนักเรียน ไดแก เสื่อสาด เขียวขจี สูงตํ่า ดําขาว ยักษมาร
และแถมฟรี วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. “สุโขทัย” และ “ปรมาณู” เปนคําสมาสแบบมีสนธิ
สวน “ยุทธภูม”ิ เปนคําสมาสแบบไมมสี นธิ ขอ 2. “จิตรกรรม” และ “สวัสดิภาพ”
เปนคําสมาสแบบไมมีสนธิ สวน “ปรมาณู” เปนคําสมาสแบบมีสนธิ ขอ 3.
“จิตรกรรม” “กรณียกิจ” และ “สวัสดิภาพ” เปนคําสมาสแบบไมมีสนธิ
ทั้ง 3 คํา ขอ 4. “สุโขทัย” “พฤษภาคม” และ “แสนยานุภาพ” เปนคําสมาส
แบบมีสนธิทุกคํา ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
114 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอน ดวยวิธีการ
๒ คÓภาษาต่างประเทศในภาษาไทย ตั้งคําถามเพื่อกระตุนทักษะการสํารวจและทักษะ
การคิด
เมื่อไทยเริ่มมีกำรติดต่อกับประเทศต่ำงๆ ทั้งทำงด้ำนกำรค้ำ กำรทูต กำรสงครำม กำรเมือง • นักเรียนสังเกตการใชภาษาไทยเพื่อการ
กำรศึกษำ วรรณคดี ศำสนำ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีและอืน่ ๆ ท�ำให้มกี ำรรับค�ำในภำษำต่ำงๆ สื่อสารในชีวิตประจําวันของตนเอง
เข้ำมำใช้ในภำษำไทย เช่น ภำษำบำลี - สันสกฤต ภำษำเขมร ภำษำจีน ภำษำอังกฤษ ภำษำฝรั่งเศส พบลักษณะการใชถอยคําอยางไร
ภำษำมลำยู ภำษำญี่ปุ่น เป็นต้น กำรยืมค�ำที่มำจำกภำษำต่ำงประเทศมำใช้ในภำษำไทยท�ำให้ภำษำ (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
มีควำมเจริญงอกงำมและมีค�ำใช้ส�ำหรับกำรสื่อสำรมำกยิ่งขึ้น ไดอยางอิสระ ทําใหไดคําตอบที่หลากหลาย
กำรศึกษำค�ำภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย มีควำมจ�ำเป็นอย่ำงยิ่งที่จะต้องรู้จักลักษณะ ซึ่งมาจากการสํารวจพฤติกรรมของตนเอง)
ของค�ำไทยแท้หรือค�ำทีอ่ ยูใ่ นภำษำไทยแต่เดิมว่ำมีลกั ษณะทัว่ ไปอย่ำงไร จึงจะสำมำรถจ�ำแนกค�ำไทยแท้ จากนั้นครูควรชี้แนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบ
และค�ำภำษำต่ำงประเทศที่ไทยยืมมำใช้ได้อย่ำงถูกต้อง ดังนั้น กำรศึกษำในหัวข้อค�ำภำษำต่ำงประเทศ การใชถอยคําเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจําวัน
ในภำษำไทย จะประกอบด้วย ๒ ประเด็น ได้แก่ ลักษณะของค�ำไทยแท้และค�ำยืมที่มำจำกภำษำ ซึ่งยอมจะตองปรากฏการใชถอยคําปะปนระหวาง
ต่ำงประเทศ คําไทยแทกับคําที่ยืมมาจากภาษาตางประเทศ
และตั้งคําถามเพิ่มเติมหลังคําอธิบาย
๒.๑ ลักษณะของค�ำไทยแท้ • นักเรียนคิดวาเปนเพราะเหตุใด ถอยคํา
ค�าไทยแท้ เป็นค�ำที่มีใช้ดั้งเดิมอยู่ในภำษำไทย มีลัก1ษณะส�ำคัญที่สังเกตได้ ดังนี้ ที่ใชสื่อสารในชีวิตประจําวัน จึงปรากฏ
๑) ค�าไทยแท้มกั เป็นค�าโดด ค�ำไทยแท้เป็นค�ำโดด โดด คือ ไม่ตอ้ งผันค�ำเพือ่ บอกเพศ พจน์ หรือ ทั้งคําไทยแทหรือคําที่มีใชดั้งเดิมอยูใน
กำล และมีควำมหมำยสมบูรณ์ในตัวเอง เมื่อฟังแล้วสำมำรถเข้ำใจได้ทันที เช่น ภาษาไทย และคําที่ยืมมาจากภาษา
ค�ำใช้เรียกเครือญำติ เช่น พ่อ แม่ พี่ น้อง ป้ำ อำ ลุง ตางประเทศ
ค�ำใช้เรียกชื่อสัตว์ เช่น ช้ำง ม้ำ วัว ควำย หมู หมำ นก (แนวตอบ การยืมถอยคําจากภาษา
ค�ำใช้เรียกธรรมชำติ เช่น ดิน น�้ำ ลม ไฟ อุ่น เย็น ร้อน ตางประเทศมาใชในภาษาไทย เพื่อใหมี
ค�ำใช้เรียกเครื่องใช้ เช่น มีด เขียง เตียง ตู้ ครก ไห ช้อน ถอยคําเพียงพอสําหรับการสื่อสาร ใหทัน
ค�ำใช้เรียกอวัยวะ เช่น หัว หู หน้ำ ตำ ปำก นิ้ว แขน กับความเปลี่ยนแปลง ความเจริญกาวหนา
ทั้งนี้ มีค�ำไทยแท้บำงค�ำที่มีหลำยพยำงค์ ซึ่งมีสำเหตุ ดังนี้ ทางเทคโนโลยี รวมถึงการแลกรับวัฒนธรรม
๑.๑) การกร่อนเสียง หมำยถึง กำรทีค่ ำ� เดิมเป็นค�ำประสม ๒ พยำงค์เรียงกัน เมือ่ พูดเร็วๆ ประเพณี ความเชื่อ คานิยม ศาสนาระหวาง
สังคมหนึ่งๆ เปนตน)
ท�ำให้พยำงค์แรกมีกำรกร่อนเสียงลงไป เช่น หมำก เป็น มะ ตัว เป็น ตะ เป็นต้น ท�ำให้กลำยเป็นค�ำ
๒ พยำงค์ เช่น
หมำกขำม ➔ มะขำม ตัวขำบ ➔ ตะขำบ
ตำวัน ➔ ตะวัน สำวใภ้ ➔ สะใภ้
อันไร ➔ อะไร ฉันนั้น ➔ ฉะนั้น
115
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
คําในขอใดตอไปนี้เปนคําไทยแททุกคํา
ครูควรอธิบายเพิ่มเติมใหแกนักเรียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของภาษา โดยชี้แนะ
1. เฆี่ยน ขจี กุศล
ใหเขาใจวา ภาษาทุกภาษายอมมีการเปลี่ยนแปลง มีความแตกตางไปจากภาษา
2. กีฬา กรีฑา ปฏิวัติ
ที่เคยใชในอดีต ซึ่งลักษณะของการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได 4 ลักษณะ ไดแก เสียง
3. เผด็จ กระจาย กวยเตี๋ยว
ไวยากรณ ความหมาย และคํา โดยการเปลีย่ นแปลงทีเ่ กิดขึน้ เหลานี้ ดําเนินไปอยางชาๆ
4. มะขาม กระถิน กระโจน
ในลักษณะคอยเปนคอยไป จนทําใหเจาของภาษาไมรูสึกวาเกิดการเปลี่ยนแปลง
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1. “เฆี่ยน” เปนคําไทยแท “ขจี” เปนคํายืมจาก
ภาษาเขมร “กุศล” เปนคํายืมจากภาษาสันสกฤต ขอ 2. “กีฬา” และ “ปฏิวัติ”
เปนคํายืมจากภาษาบาลี “กรีฑา” เปนคํายืมจากภาษาสันสกฤต ขอ 3. นักเรียนควรรู
“เผด็จ” “กระจาย” เปนคํายืมจากภาษาเขมร “กวยเตี๋ยว” เปนคํายืมจาก
ภาษาจีน ดังนั้นจึงตอบขอ 4. 1 คําโดด หรือภาษาคําโดด คือ ภาษาที่นําคําตั้งหรือคํามูลมาเรียงลําดับกันเขา
เปนประโยค คงรูปคําเหมือนเดิมไมเปลี่ยนแปลง เมื่อสลับตําแหนงของคําในประโยค
ความหมายจะเปลี่ยนไป นอกจากภาษาไทยแลว ยังมีภาษาอื่นๆ ที่จัดเปนภาษา
คําโดด เชน ภาษาพมา ภาษากะเหรี่ยง ภาษามอญ ภาษาเขมร
คู่มือครู 115
ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Elaborate Evaluate
ส�ารวจค้นหา Explore
ครูทําสลากเทากับจํานวนนักเรียนในชั้นเรียน
โดยเขียนหมายเลข 1-7 ในจํานวนเทาๆ กัน ๑.๒) การแทรกเสียง หมำยถึง กำรเติมพยำงค์ลงไประหว่ำงค�ำ ๒ พยำงค์ ท�ำให้เกิด
หรือเฉลี่ยตามความเหมาะสม พรอมระบุขอความ เป็นค�ำหลำยพยำงค์ เช่น
ในแตละหมายเลข จากนั้นใหแตละคนออกมา ลูกตำ ➔ ลูกกะตำ ลูกท้อน ➔ ลูกกระท้อน
จับสลากประเด็นสําหรับการสืบคนความรูรวมกัน นกจอก ➔ นกกระจอก นกจิบ ➔ นกกระจิบ
ดังนี้ ผักถิน ➔ ผักกระถิน ผักเฉด ➔ ผักกระเฉด
หมายเลข 1 คําไทยแท
๑.๓) การเติ ม พยางค์ ห น้ า หมำยถึ ง กำรเติ ม พยำงค์ ล งไปหน้ ำ ค� ำ พยำงค์ เ ดี ย ว
หมายเลข 2 คํายืมจากภาษาบาลี
หรือสองพยำงค์แล้วท�ำให้เกิดเป็นค�ำหลำยพยำงค์ เช่น
หมายเลข 3 คํายืมจากภาษาสันสกฤต
หมายเลข 4 คํายืมจากภาษาจีน โจน ➔ กระโจน ท�ำ ➔ กระท�ำ
หมายเลข 5 คํายืมจากภาษาเขมร เดี๋ยว ➔ ประเดี๋ยว ท้วง ➔ ประท้วง
หมายเลข 6 คํายืมจากภาษาชวา-มลายู จุ๋มจิ๋ม ➔ กระจุ๋มกระจิ๋ม ดุกดิก ➔ กระดุกกระดิก
หมายเลข 7 คํายืมจากภาษาอังกฤษ ๒) ค�าไทยแท้มกั มีตวั สะกดตรงตามมาตรา ลักษณะกำรสังเกตค�ำไทยแท้อกี ประกำรหนึง่
นักเรียนที่จับสลากไดหมายเลขเหมือนกัน คือ ค�ำไทยแท้มักมีตัวสะกดตรงตำมมำตรำ กล่ำวคือ อักษรที่น�ำมำเขียนเป็นตัวสะกดจะตรงกับ
ใหอยูกลุมเดียวกัน โดยสามารถสืบคนความรูได มำตรำตัวสะกด ได้แก่
จากตําราวิชาการ เชน หนังสือบรรทัดฐาน แม่กก ใช้ ก เป็นตัวสะกด เช่น รัก จำก ปีก ลูก ตัก
ภาษาไทย เลม 2 (คํา การสรางคําและการยืมคํา) แม่กด ใช้ ด เป็นตัวสะกด เช่น คด เลือด รำด ปิด
หนังสือภาษาตางประเทศในภาษาไทย เปนตน แม่กบ ใช้ บ เป็นตัวสะกด เช่น จับ เจ็บ สิบ โอบ ดำบ
ซึ่งการสืบคนในครั้งนี้นักเรียนควรมุงเนนไปที่ แม่กง ใช้ ง เป็นตัวสะกด เช่น วำง โยง สอง ปิ้ง
ความรูเกี่ยวกับลักษณะสําคัญของคํายืมแตละภาษา แม่กน ใช้ น เป็นตัวสะกด เช่น ขึ้น เส้น กิน นอน ล้วน
เพื่อใหมีความรู ความเขาใจ เพียงพอที่จะใชเปน แม่กม ใช้ ม เป็นตัวสะกด เช่น ตุ่ม แก้ม คุ้ม ล้ม เต็ม
ฐานขอมูลระบุวาคําที่กําหนดใหหรือรวบรวมดวย
แม่เกย ใช้ ย เป็นตัวสะกด เช่น เย้ย สำย คอย โกย คุย
ตนเองจากสื่อตางๆ ในชีวิตประจําวัน เปนคําที่ยืม
แม่เกอว ใช้ ว เป็นตัวสะกด เช่น เหว สำว นิ้ว แก้ว ข้ำว
มาจากภาษาใด
๓) ค�าไทยแท้ไม่มีการเปลี่ยนรูปค�าเพื่อแสดงลักษณะทางไวยากรณ์ ค�ำในภำษำอื่นๆ
อำจมีกำรเปลี่ยนรูปค�ำเพื่อแสดงลักษณะทำงไวยำกรณ์บอกเพศ พจน์ กำล ขณะที่ในภำษำไทย
อธิบายความรู้ Explain
ไม่มีกำรเปลี่ยนแปลงรูปค�ำ แต่จะอำศัยกำรใช้ค�ำขยำยมำประกอบ เช่น
1. นักเรียนกลุมที่ 1 สงตัวแทน 2 คน ออกมา นก ➔ นกตัวผู้ (แสดงเพศชำย)
อธิบายความรูในประเด็นที่กลุมของตนเองไดรับ คน ➔ คนเดียว (แสดงเอกพจน์)
มอบหมาย พรอมระบุแหลงที่มาของขอมูล นี้ ➔ พรุ่งนี้ (แสดงอนำคตกำล)
2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนอธิบายความรูที่ไดรับ
จากการฟงบรรยาย จากนั้นใหรวมกันสรุป
ความรู ความเขาใจ ใหถูกตองตรงกันอีกครั้ง 116
แลวบันทึกสาระสําคัญลงสมุด เพื่อใชใน
กิจกรรมตอไป
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
คําในขอใดมีตัวสะกดอยูในมาตราเดียวกันและเปนคําไทยแททุกคํา
ครูควรยกตัวอยางคําแทรกเสียงเพิ่มเติมเพื่อใหนักเรียนเขาใจลักษณะการสรางคํา
1. สาย ยาย คอย
ดวยการแทรกเสียง จากนั้นใหบันทึกสาระสําคัญที่ไดเรียนรูลงสมุด นอกจากนี้
2. ถวาย ขนาย เขนย
ควรจัดกิจกรรมยอยภายในชั้นเรียน โดยใหนักเรียนรวมกันอภิปรายวา “การมี
3. ตรวจ เคลือบ เมื่อย
ความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับลักษณะสําคัญของคําไทยแทมีประโยชนอยางไร
4. บังเอิญ เผชิญ ดําเนิน
ตอการศึกษาเรื่องคํายืมภาษาตางประเทศในภาษาไทย” โดยในกิจกรรมนี้ครูควร
ทําหนาที่กระตุนใหนักเรียนทุกคนมีโอกาสแสดงความคิดเห็น หลังจากนั้นจึงเปน วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกที่กําหนดให ขอ 2. “ถวาย” “ขนาย” และ
ผูชี้แนะเพิ่มเติม “เขนย” มีตัวสะกดอยูในมาตราเดียวกัน คือ “แมเกย” แตทั้ง 3 คํา เปนคํายืม
ภาษาเขมร ขอ 3. “ตรวจ” มีตัวสะกดอยูในมาตรา “แมกด” เปนคํายืมภาษา
เขมร “เคลือบ” มีตัวสะกดอยูในมาตรา “แมกบ” เปนคําไทยแท “เมื่อย”
มุม IT มีตัวสะกดอยูในมาตรา “แมเกย” เปนคําไทยแท ขอ 4. “บังเอิญ” “เผชิญ”
และ “ดําเนิน” มีตัวสะกดอยูในมาตรา “แมกน” แตทั้ง 3 คํา เปนคํายืม
นักเรียนสามารถหาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุที่ทําใหภาษาเปลี่ยนแปลง ภาษาเขมร ดังนั้นจึงตอบขอ 1.
ไดจากเว็บไซต http://www.thaieditorial.com/?s=สาเหตุที่ทําใหภาษาเปลี่ยนแปลง
116 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
๔) ค�าไทยแท้มีเสียงวรรณยุกต์ เพื่อให้เกิดระดับเสียงต่ำงกัน ท�ำให้มีค�ำใช้ในภำษำไทย อธิบายความรูแ บบโตตอบรอบวงเกีย่ วกับลักษณะ
มำกขึ้น เกิดเสียงในภำษำที่ไพเรำะ เช่น สําคัญของคําไทยแทโดยใชความรู ความเขาใจ
ปำ หมำยถึง ขว้ำง ขำว หมำยถึง ชื่อสีชนิดหนึ่ง ที่ไดรับจากการฟงบรรยาย เปนขอมูลเบื้องตน
ป่ำ หมำยถึง ที่รกด้วยต้นไม้ ข่ำว หมำยถึง ค�ำบอกเล่ำ เรื่องรำว สําหรับตอบคําถาม
ป้ำ หมำยถึง พี่สำวของพ่อหรือแม่ ข้ำว หมำยถึง อำหำรประเภทหนึ่ง • คําไทยแท หมายถึงอะไร และมีความสําคัญ
๕) ค�าไทยแท้มีลักษณนามใช้ ลักษณนำมเป็นค�ำที่ใช้บอกลักษณะของนำมที่อยู่ข้ำงหน้ำ อยางไร
(แนวตอบ คําไทยแท คือคําที่มีใชดั้งเดิม
ซึ่งในภำษำไทยจะใช้ค�ำเหล่ำนี้แตกต่ำงจำกภำษำอื่นชัดเจน เช่น
ในภาษาไทย ซึ่งมีความสําคัญตอการสื่อสาร
ลักษณนามบอกลักษณะของค�ากริยา ขอกอดที
ทําความเขาใจระหวางคนในสังคม จนเมื่อ
ลักษณนามบอกอาการ พลู ๓ จีบ ดอกไม้ ๓ ก�า เกิดการแลกรับวัฒนธรรม ประเพณี
ลักษณนามบอกรูปร่าง แหวน ๑ วง ดินสอ ๒ แท่ง และความเจริญกาวหนาทางเทคโนโลยี
๖) ค�าไทยแท้ไม่นิยมใช้ตัวการันต์ ลักษณะของตัวกำรันต์ มักเป็นค�ำที่ยืมมำจำกภำษำ ทําใหคําที่มีใชดั้งเดิมอยูในภาษาไมเพียงพอ
ต่ำงประเทศ เพรำะในภำษำไทยจะไม่นยิ มใช้กำรันต์ เช่น โล่ เสำ อิน จัน วัน กำ ขำด ปำ จัก เป็นต้น สําหรับการสื่อสาร จึงเกิดการยืมคํา
เป็นค�ำไทยแท้ ในภาษาของผูซึ่งเปนเจาของวัฒนธรรม
๗) ค�าไทยแท้ไม่นิยมใช้พยัญชนะบางตัว ค�ำไทยแท้ไม่นิยมใช้พยัญชนะบำงตัว เช่น หรือเทคโนโลยีนั้นๆ เขามาใชในภาษาไทย)
ฆ ฌ ญ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ธ ภ ศ ษ ฬ และตัว ฤ ฤๅ ยกเว้นค�ำไทยแท้บำงค�ำ ได้แก่ • นักเรียนมีวิธีการแยกแยะคําไทยแทออกจาก
คํายืมภาษาตางประเทศอยางไร
เฆี่ยน ฆ่ำ ฆ้อง ระฆัง หญิง ศึก (แนวตอบ คําไทยแทมีลักษณะสําคัญ ดังนี้
ใหญ่ ณ ธ เธอ ศอก อ�ำเภอ • คําไทยแทมักเปนคําโดด มีความหมาย
สมบูรณในตัวเอง
๘) การใช้ ใอ และ ไอ ในค�าไทย ค�ำที่ออกเสียง อัย ใช้รูปไม้ม้วน ( ใ ) มีใช้เฉพำะค�ำไทย • คําไทยแทมีตัวสะกดตรงตามมาตรา
เพียง ๒๐ ค�ำเท่ำนัน้ ได้แก่ ใหญ่ ใหม่ ให้ สะใภ้ ใช้ ใฝ่ ใจ ใส่ (หลง)ใหล ใคร ใคร่ ใบ ใส • คําไทยแทไมมีการเปลี่ยนแปลงรูปคํา
ใด ใน ใช่ ใต้ ใบ้ ใย ใกล้ นอกนั้นใช้ไม้มลำย เช่น ไกล ไส ไป ไข ไอ เป็นต้น แต่ค�ำ เพื่อแสดงลักษณะทางไวยากรณ
ที่ใช้ไม้มลำยประกอบ ย ( ไ-ย ) และไม้หันอำกำศประกอบ ย ( -ั ย ) มักเป็นค�ำไทยที่มำจำกภำษำอื่น • คําไทยแทเปนเสียงดนตรี หรือเปนคํา
เช่น ไวยำกรณ์ มำลัย ที่มีเสียงวรรณยุกต
• คําไทยแทมีการใชคําลักษณนาม
๒.๒ ค�ำทีย่ มื มำจำกภำษำต่ำงประเทศในภำษำไทย • คําไทยแทไมนิยมใชการันต
ภำษำไทยมีกำรยืมค�ำจำกภำษำต่ำงๆ จำกหลำยประเทศ อำทิ ภำษำบำลีและสันสกฤต ทีย่ มื มำ • คําไทยแทไมนิยมใชพยัญชนะตอไปนี้
จำกอินเดีย ภำษำจีน ภำษำเขมร ภำษำอังกฤษ ภำษำฝรั่งเศส ภำษำชวำ ภำษำพม่ำ ภำษำมลำยู ภำษำ ฆ ณ ญ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ธ ศ ษ ยกเวน
ญีป่ นุ่ ภำษำเวียดนำม เป็นต้น กำรรับค�ำภำษำต่ำงประเทศมำใช้นนั้ ท�ำให้ภำษำไทยมีคำ� ศัพท์ใช้มำกขึน้ คําไทยแทบางคํา ไดแก หญิง หญา ใหญ
ระฆัง ฆา เฆี่ยน เศิก ศึก ศอก ธ เธอ ณ
117 เศรา
• คําไทยแทที่ออกเสียง “ไอ” จะประสมดวย
สระ “ใอ” ไมมวน ซึ่งมีอยู 20 คํา)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
สาเหตุของการยืมคําในขอใดแตกตางจากขออื่น
เมื่อนักเรียนในชั้นรวมกันอธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับลักษณะสําคัญ
1. เพื่อความรุมรวยทางดานภาษา
ของคําไทยแทจนเกิดองคความรูที่ถูกตอง หรือเปนที่เขาใจตรงกันแลว ครูควรนํา
2. ความสัมพันธทางดานเชื้อชาติ
เขาสูหัวขอการเรียนการสอนตอไปคือ “คํายืมในภาษาไทย” โดยทบทวนความรู
3. การแลกรับวัฒนธรรมระหวางกัน
เกี่ยวกับสาเหตุที่ทําใหภาษาเปลี่ยนแปลง ไดแก สภาพภูมิศาสตร ความสะดวกใน
4. ความเจริญกาวหนาทางเทคโนโลยี
การใช การเรียนรูภาษาของเด็กไมสมบูรณ ความเปลี่ยนแปลงของสังคม และการ
วิเคราะหคําตอบ สาเหตุของการยืมคําจากภาษาตางประเทศเขามาใช ยืมคําจากภาษาอื่น
ในภาษาไทย ตรงกับตัวเลือกใน ขอ 2., 3. และ 4. ซึ่งเปนการยืมดวยความ “การยืมคํา” นับเปนสาเหตุหรือปจจัยที่ทําใหภาษามีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุด
จําเปน เนื่องจากภาษาของผูรับหรือผูยืมไมมีคํานั้นๆ ใชในภาษา จึงตองยืม ทั้งดานเสียง คํา และโครงสรางของประโยค ซึ่งครูอาจมอบหมายใหนักเรียนศึกษา
คําในภาษาของผูซึ่งเปนเจาของวัฒนธรรม เทคโนโลยีมาใชสื่อสารภายใน เพิ่มเติมเกี่ยวกับสาเหตุของการยืมคําจากภาษาตางประเทศมาใชในภาษา แลวนํา
สังคมใหเปนที่เขาใจตรงกัน และยังหมายรวมถึงสื่อสารกับสังคมอื่นดวย ขอมูล ความรูมาแลกเปลี่ยนเรียนรูรวมกันในสัปดาหตอไป หรือครูเปนผูใหขอมูลนี้
การยืมคําจึงเปนการยืมเขามาเพื่อใชในการสื่อสาร ไมใชเพื่อความรุมรวย แกนักเรียนเอง โดยใหนักเรียนมีสวนรวมกับการยกตัวอยางประกอบคําอธิบายของครู
ทางดานภาษา ดังนั้นจึงตอบขอ 1.
คู่มือครู 117
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนกลุมที่ 2 และ 3 สงตัวแทนกลุมละ
2 คน ออกมาอธิบายความรูในประเด็นที่กลุม ดังนั้น จึงควรศึกษำเกี่ยวกับค�ำที่ยืมมำจำกภำษำต่ำงประเทศ เพื่อให้รู้ที่มำของค�ำต่ำงๆ ที่ใช้สื่อสำร
ของตนเองไดรับมอบหมาย พรอมระบุแหลงที่มา ในชีวิตประจ�ำวันและเป็นพื้นฐำนของกำรใช้ภำษำไทยเพื่อกำรสื่อสำรต่อไป แต่ในระดับชั้นมัธยมศึกษำ
ของขอมูล จากนั้นครูสุมเรียกชื่อนักเรียนอธิบาย ปีที่ ๒ นี้ จะศึกษำค�ำยืมจำกภำษำต่ำงประเทศที่ส�ำคัญๆ ได้แก่ ภำษำบำลี - สันสกฤต ภำษำจีน
ความรูเกี่ยวกับคํายืมภาษาบาลี สันสกฤต ภำษำเขมร ภำษำอังกฤษ ภำษำฝรั่งเศส ภำษำชวำ และภำษำพม่ำ รวมทั้งสิ้น ๗ ภำษำ ดังนี้
ผานขอคําถามของครู ๑) ค�าทีย่ มื มาจากภาษาบาลี - สันสกฤต ภำษำไทยมีคำ� ทีย่ มื มำจำกภำษำบำลีและสันสกฤต
• มีวิธีการอยางไรในการแยกแยะคํายืม อยู่มำก ส่วนใหญ่จะใช้ในด้ำนที่เกี่ยวกับศำสนำ วรรณคดี วัฒนธรรม และขนบธรรมเนียมประเพณี
ภาษาสันสกฤตออกจากคํายืมภาษาอื่นๆ รวมทั้งใช้ในค�ำสุภำพและค�ำศัพท์ทั่วไป ค�ำที่มำจำกภำษำบำลี สันสกฤต มีหลักกำรสังเกต ดังนี้
(แนวตอบ มีวิธีการแยกแยะ ดังนี้ ๑.๑) เป็นค�าที่มีหลายพยางค์ ส่วนมำกใช้เป็นค�ำนำม ค�ำกริยำ และค�ำวิเศษณ์ เช่น
• คํายืมภาษาสันสกฤตไมเครงครัดในเรื่อง บิดำ มำรดำ ภรรยำ กรุณำ อนุเครำะห์ สถำปนำ เมตตำ พยำยำม
ตัวสะกดตัวตาม และมีพยัญชนะเพิ่มจาก ๑.๒) เป็นค�าที่มีตัวสะกดแตกต่างไปจากค�าไทยแท้ และมักมีตัวกำรันต์ปรำกฏอยู่ เช่น
ภาษาบาลี 2 ตัว ไดแก ศ และ ษ แม่กง ➔ องค์ รงค์ สงฆ์ วงศ์ หงส์
• คํายืมภาษาสันสกฤตใชสระ 14 ตัว คือ
แม่กน ➔ พล กร บุญ สวรรค์ มนต์
อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ ไอ เอา ฤ ฤๅ
แม่กม ➔ พิมพ์ อำรมณ์ อภิรมย์ คัมภีร์ มัชฌิม
ฦ ฦๅ
แม่กก ➔ สุข เมฆ อัคร ทุกข์ พักตร์
• พยัญชนะ ฑ ปรากฏใชเฉพาะคํายืมภาษา
สันสกฤต แม่กด ➔ ยศ รัฐ บำท ฤทธิ์ พจน์
• คํายืมภาษาสันสกฤตใชรูป รร (ร หัน) แม่กบ ➔ นพ โลภ บำป กำพย์ กษำปณ์
และมักใชรูปพยัญชนะ /-ร/ ประกอบกับ ๑.๓) เป็นค�าที่ประสมด้วยพยัญชนะ ฆ ฌ ญ ฎ ฏ ฒ ณ ธ ภ ศ ษ ฤ ฬ ค�ำบำลี สันสกฤต
พยัญชนะอื่น) ใช้อักษรครบตำมจ�ำนวนอักษรในภำษำของตน ทั้งที่เขียนง่ำยและยำก ซึ่งต่ำงจำกค�ำไทยแท้ เช่น
• มีวิธีการอยางไรในการแยกแยะคํายืม ฆำต มัชฌิม สัญญำ กุฎี โกฏิ วุฒิ เณร พุทธ โลภ เศรษฐี ฤดู จุฬำ
ภาษาบาลีออกจากคํายืมภาษาอื่นๆ ๑.๔) เป็นค�าที่ใช้พยัญชนะเหมือนกันซ้อนกัน ค�ำที่ยืมมำจำกภำษำบำลีมักใช้พยัญชนะ
(แนวตอบ มีวิธีการแยกแยะ ดังนี้ เหมือนกันซ้อนกัน เช่น สักกำระ บุคคล วิญญำณ เมตตำ นิพพำน บัลลังก์
• คํายืมภาษาบาลีใชหลักตัวสะกดตัวตาม ๑.๕) ค�าที่มีรูปวรรณยุกต์และมีไม้ไต่คู้ก�ากับอยู่ ไม่ใช่ค�ำที่มำจำกภำษำบำลี สันสกฤต
อยางเครงครัด เมื่อพยัญชนะแถวที่ 1 ตัวอย่าง ค�ำนำมภำษำบำลีและสันสกฤตที่ใช้ในภำษำไทย
สะกด พยัญชนะแถวที่ 1 หรือ 2 ตาม
พยัญชนะแถวที่ 3 สะกด พยัญชนะแถว
กี ฬ ำ นิ พ พำน หทั ย ปั ญ ญำ วั ต ถุ รั ฐ สำมั ญ อั จ ฉริ ย ะ อั ค คี วิ ท ยำ
ที่ 3 หรือ 4 ตาม พยัญชนะแถวที่ 5 สะกด
สังข์ พยัคฆ์ สมภำร สังคม บุปผำ วิลำส ปฏิมำ กรีฑำ ธรรม ภรรยำ อัศจรรย์
พยัญชนะแถวที่ 1 2 3 4 และ 5 ตาม
ไอศวรรย์ สวำมี ฤดี พฤกษำ ดรรชนี ปริศนำ พิศวำส ทฤษฎี พิสดำร สันติ
หากเศษวรรคสะกด เศษวรรคตัวเดิมตาม
ประณีต บุษบำ
• คํายืมภาษาบาลี ใชสระ 8 ตัว คือ อะ อา
อิ อี อุ อู เอ โอ
• พยัญชนะ ฬ ปรากฏใชเฉพาะคํายืมภาษา 118
บาลี
• คํายืมภาษาบาลีใชหนวยคําเติมหนา “ปฏิ”)
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
ครูควรสรางความรู ความเขาใจเพิ่มเติมใหแกนักเรียนเกี่ยวกับการยืมคํา นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับการนําคํายืมภาษาบาลี สันสกฤต เขามาใชใน
(Borrowing Word) ซึ่งเปนปรากฏการณทางภาษา ที่ภาษาหนึ่งไดนําคําหรือลักษณะ ภาษาไทย ปรากฏในวงศัพทใดบาง นําคําศัพทที่รวบรวมไดมาจัดหมวดหมู
ทางภาษาของอีกภาษาหนึ่งไปใชในภาษาของตน โดยอาจยืมเสียง คํา หรือไวยากรณ นําเสนอในรูปแบบตารางบนปายนิเทศขนาดเล็ก
เมื่อยืมเขามาแลว ภาษาที่ถูกยืมจะถูกทําใหเปลี่ยนแปลงทางดานรูปคํา เสียง
และความหมาย เพื่อความสะดวกในการใชของผูรับหรือผูยืมภาษา การเปลี่ยนแปลง
ดานเสียงอาจเกิดขึ้นกับเสียงสระ พยัญชนะ การตัดคํา การเพิ่มเสียง เปนตน กิจกรรมทาทาย
สวนการเปลี่ยนแปลงดานความหมายจะเกิดขึ้น 3 ลักษณะ ดังนี้
1. ความหมายแคบเขา คือ ความหมายของคําเดิมที่ยืมมามีหลายความหมาย
แตเมื่อยืมเขามาใชกลับมีความหมายเฉพาะ นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงดานความหมายของคํายืมภาษา
2. ความหมายกวางออก คือ ความหมายของคําเดิมที่ยืมมามีความหมายเฉพาะ บาลี สันสกฤตในภาษาไทย เกิดการเปลีย่ นแปลงความหมายในลักษณะใด
แตเมื่อยืมเขามาใชกลับมีความหมายกวางออกไป ระหวาง “ความหมายคงเดิม” “ความหมายแคบเขา” “ความหมายกวางออก”
3. ความหมายยายที่ คือ คําเดิมที่ยืมมามีความหมายอยางหนึ่ง แตเมื่อยืม “ความหมายยายที่” หรือเกิดทุกกรณี พรอมยกตัวอยางประกอบ นําเสนอ
เขามาใชกลับมีความหมายอีกอยางหนึ่ง ในรูปแบบใบงานเฉพาะบุคคล
118 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่ 4-7 สงตัวแทนกลุมละ 2 คน
๒) ค�าทีย่ มื มาจากภาษาเขมร เขมรกับไทยมีพรมแดนติดต่อกันและมีกำรถ่ำยทอดวัฒนธรรม ออกมาอธิบายความรูในประเด็นที่กลุมของ
และภำษำกันมำช้ำนำน ทั้งทำงด้ำนกำรค้ำ กำรเมือง กำรสงครำม ศำสนำ วัฒนธรรม และพิธีกรรม ตนเองไดรับมอบหมาย พรอมระบุแหลงที่มา
ซึ่งท�ำให้มีค�ำยืมภำษำเขมรอยู่ในภำษำไทยทั้งค�ำสำมัญและรำชำศัพท์ เช่น ของขอมูล
ค�ำ ควำมหมำย ค�ำ ควำมหมำย 2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
ชนะ ท�ำให้อีกฝ่ำยหนึ่งแพ้ เพลิง ไฟ
อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับ
ลักษณะสําคัญของคํายืมภาษาตางประเทศ
เผด็จ ตัด, ขจัด, ขำด กังวล ห่วงใย, มีใจพะวงอยู่
โดยใชความรู ความเขาใจ ที่ไดรับจากการ
ส�ำเร็จ เสร็จ, แล้ว, บรรลุผล ผจญ ต่อสู้ สู้รบ สงครำม
ลักษณนำมเรียกหนังสือ
ฟงบรรยาย เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับ
อำหำรทีจ่ ะเอำไปกินระหว่ำง
ฉบับ
ต้นเดิมของหนังสือ
เสบียง เดินทำงไกล ตอบคําถาม
จะสังเกตเห็นว่ำค�ำทีย่ มื มำจำกภำษำเขมรมีตวั สะกดบำงตัวแตกต่ำงจำกค�ำไทยแท้ โดยค�ำทีย่ มื • นักเรียนมีวิธีการอยางไรในการแยกแยะ
มำจำกภำษำเขมรจะปรำกฏตัว จ ร ล ญ เป็นตัวสะกด เพรำะภำษำไทยรักษำรูปเดิมของค�ำไว้ แต่จะ คํายืมภาษาเขมรออกจากคํายืมภาษาอื่นๆ
ออกเสียงตำมแบบภำษำไทย นอกจำกนี้ค�ำที่ยืมมำจำกภำษำเขมรส่วนใหญ่ไม่ใช้รูปวรรณยุกต์ก�ำกับ (แนวตอบ คํายืมภาษาเขมรในภาษาไทย
มีลักษณะสําคัญที่สังเกตได ดังนี้
๓) ค� า ที่ ยื ม มาจากภาษาชวา ดิ น แดนชวำและไทยมี ค วำมสั ม พั น ธ์ กั น มำแต่ โ บรำณ
• คํายืมภาษาเขมรในภาษาไทยมีลักษณะ
กำรติดต่อค้ำขำย กำรเผยแผ่ศำสนำและวัฒนธรรมท�ำให้ไทยรับภำษำชวำมำใช้ในภำษำไทยด้วย
เปนคําโดด
เมื่อพระบำทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้ำนภำลัยทรงพระรำชนิพนธ์บทละครเรื่อง “อิเหนำ” จนได้รับ
• คํายืมภาษาเขมรมีตัวสะกดไมตรงกับ
ควำมนิยมอย่ำงแพร่หลำย ท�ำให้คนไทยคุ้นเคยกับชื่อตัวละคร และชื่อเรียกต่ำงๆ ตำมที่ปรำกฏในเรื่อง
ภาษาไทย ไดแก พยัญชนะ จ ญ ล ร ส
ค�ำที่ยืมมำจำกภำษำชวำจึงเป็นที่รู้จักแพร่หลำยในประเทศไทย เช่น • คํายืมภาษาเขมรไมมีรูปวรรณยุกตกํากับ
ค�ำ ควำมหมำย ค�ำ ควำมหมำย • คํายืมภาษาเขมรเปนคําแผลง โดยเติม
กริช มีิดปลำยแหลม มี ๒ คม ตุนำหงัน หมั้นไว้เพื่อแต่งงำน หนวยคําเติมหนา และหนวยคําเติมกลาง)
บุหลัน ดวงเดือน, พระจันทร์ ทุเรียน ชื่อต้นไม้ ผลขรุขระ รสหวำน
บุหรง นกยูง ซ่ำโบะ ผ้ำห่ม
เครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง ท�ำด้วย เทีย่ วป่ำ อำกำรทีด่ นั้ ด้นเดินไป
อังกะลุง มะงุมมะงำหรำ
ปล้องไม้ไผ่ ใช้เขย่ำ โดยไม่รู้ทิศทำง
จะสังเกตเห็นว่ำค�ำพืน้ ฐำนของภำษำชวำส่วนใหญ่เป็นค�ำ ๒ พยำงค์ แต่ภำษำไทยเป็นภำษำค�ำโดด
ค�ำพืน้ ฐำนในภำษำเป็นค�ำพยำงค์เดียว ภำษำชวำไม่มเี สียงพยัญชนะควบกล�ำ้ ส่วนภำษำไทยมีพยัญชนะ
หลำยเสียงที่สำมำรถควบกล�้ำกับพยัญชนะ ร, ล, ว ได้ นอกจำกนี้ภำษำชวำไม่ใช่ภำษำวรรณยุกต์
เมื่อระดับเสียงของค�ำเปลี่ยนไป ควำมหมำยของค�ำยังคงเดิม แต่ภำษำไทยเป็นภำษำวรรณยุกต์
กล่ำวคือ เสียงวรรณยุกต์มีส่วนก�ำหนดควำมหมำยของค�ำ
119
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนศึกษาเกีย่ วกับการใชคาํ ยืมภาษาเขมรในภาษาไทย ปรากฏ ครูควรใหนักเรียนรวมกันยกตัวอยางคํายืมภาษาเขมรจากวงศัพทตางๆ ที่
การใชในลักษณะใดบาง นําคําศัพทที่รวบรวมไดมาจัดหมวดหมูตาม นักเรียนพบเห็นในชีวิตประจําวัน และมอบหมายชิ้นงานยอยใหแกนักเรียน โดยให
ลักษณะการนํามาใช นําเสนอในรูปแบบตาราง พรอมคําอธิบาย ศึกษาเพิม่ เติมเกีย่ วกับการเปลีย่ นแปลงดานความหมายของคํายืมภาษาเขมรเมือ่ นําเขา
มาใชในภาษาไทย บันทึกสาระสําคัญทีไ่ ดจากการสืบคนดวยตนเองลงสมุด
กิจกรรมทาทาย
นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงดานความหมายของคํายืม
ภาษาเขมรในภาษาไทย เกิดการเปลี่ยนแปลงความหมายในลักษณะใดบาง
พรอมยกตัวอยางประกอบ นําเสนอในรูปแบบใบงานเฉพาะบุคคล
คู่มือครู 119
อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่ออธิบายความรู
เกี่ยวกับลักษณะสําคัญของคํายืมภาษาตางประเทศ ๔) ค�าทีย่ มื มาจากภาษาจีน ไทยกับจีนมีควำมสัมพันธ์กนั ตัง้ แต่สมัยพ่อขุนรำมค�ำแหงมหำรำช
ที่พบในภาษาไทย ผานขอคําถามของครู พระองค์โปรดเกล้ำฯ ให้น�ำช่ำงจีนเข้ำมำท�ำเครื่องถ้วยชำม เรียกว่ำ “ชำมสังคโลก” มีเสียงเพี้ยนมำจำก
• คํายืมภาษาชวา มลายู มีลักษณะสําคัญ “สวรรคโลก” คนไทยและคนจีนติดต่อสื่อสำรกันมำนำนจนมีกำรยืมค�ำภำษำจีนมำใช้ ส่วนใหญ่เป็น
อยางไร ภำษำจีนแต้จิ๋วและภำษำจีนฮกเกี้ยน โดยค�ำภำษำจีนที่น�ำมำใช้ในภำษำไทย เช่น
(แนวตอบ มีลักษณะสําคัญ ดังนี้
ค�ำ ควำมหมำย ค�ำ ควำมหมำย
• คํายืมภาษาชวา มลายู สวนใหญเปน
พะโล้ ชื่ออำหำรชนิดหนึ่ง โละ ทิ้งเสีย, ใส่ลง
คําสองพยางค
• คํายืมภาษาชวา มลายู ไมมีเสียงพยัญชนะ เก๊ะ ลิ้นชัก เกี๊ยว อำหำรชนิดหนึ่ง (แป้งห่อหมูสับ)
ควบกลํ้า กุ๊ย คนเลว นักเลง แต๊ะเอีย เงินสมนำคุณ
• คํายืมภาษาชวา มลายู ไมมีรูปวรรณยุกต บะหมี่ อำหำรชนิดหนึ่ง เป็นเส้นๆ ก๋ง ปู่
กํากับ) จะเห็นว่ำค�ำที่ยืมมำจำกภำษำจีนส่วนใหญ่มักมีเสียงวรรณยุกต์ตรีหรือจัตวำซึ่งมีพยัญชนะต้น
• คํายืมภาษาอังกฤษ มีลักษณะสําคัญอยางไร เป็นอักษรกลำง นอกจำกนี้ค�ำส่วนใหญ่จะประสมด้วยสระเสียงสั้น เอียะ อัวะ
(แนวตอบ มีลักษณะสําคัญ ดังนี้ ๕) ค�าที่ยืมมาจากภาษาอังกฤษ กำรติดต่อค้ำขำย กำรทูตกับชนชำติตะวันตกตั้งแต่สมัย
• คํายืมภาษาอังกฤษเปนคําหลายพยางค กรุงศรีอยุธยำ จนปัจจุบันที่ผู้คนทั่วโลกสำมำรถติดต่อสื่อสำรกันได้อย่ำงไร้พรมแดน ดังนั้น ภำษำไทย
• คํายืมภาษาอังกฤษเมื่อรับเขามาใช
จึงรับเอำภำษำอังกฤษเข้ำมำเป็นส่วนหนึ่งของภำษำ เช่น
ในภาษาไทยจะไมเปลี่ยนแปลงรูปคํา
• คํายืมภาษาอังกฤษมีพยัญชนะควบกลํ้า ค�ำ ควำมหมำย ค�ำ ควำมหมำย
ที่ไมมีในภาษาไทย เชน /บล/ /บร/ /ดร/ ดรัมเมเยอร์ คทำกร คอมพิวเตอร์ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ
/ฟล/ /ฟร/ /ทร/) คอร์รัปชัน กำรฉ้อรำษฎร์บังหลวง แอร์คอนดิชัน เครื่องปรับอำกำศ
ไวโอลิน เครื่องดนตรีชนิดหนึ่ง เซอร์เวย์ ส�ำรวจ
ขยายความเข้าใจ Expand ฟุตบอล ชื่อกีฬำชนิดหนึ่ง สตำร์ต เริ่มต้น
นักเรียนใชความรู ความเขาใจ เกี่ยวกับลักษณะ จะเห็นว่ำค�ำที่ยืมมำจำกภำษำอังกฤษส่วนใหญ่เป็นค�ำหลำยพยำงค์ โดยที่ภำษำอังกฤษมี
สําคัญของคํายืมภาษาตางประเทศ ที่ปรากฏใชใน กำรเปลีย่ นแปลงรูปค�ำตำมลักษณะของไวยำกรณ์ เช่น violin เป็น violins (ไวโอลิน ๒ ตัวขึน้ ไป) แต่เมือ่
ภาษาไทย รวบรวมคํายืมภาษาบาลี สันสกฤต เขมร ไทยยืมเข้ำมำใช้จะไม่มีกำรเปลี่ยนแปลงรูปค�ำไปตำมลักษณะไวยำกรณ์ มีกำรปรับเสียงให้เข้ำกับระบบ
ชวา-มลายู จีน และภาษาอังกฤษ จากสื่อตางๆ เสียงในภำษำไทย เช่น Football ออกเสียงเป็น ฟุดบอน นอกจำกนี้ยังมีกำรใช้เสียงพยัญชนะที่ไม่มี
ที่พบในชีวิตประจําวัน ภาษาละ 20 คํา ระบุเหตุผล
ในภำษำไทย เช่น เสียงพยัญชนะควบ ดร ในค�ำว่ำ ดรัมเมเยอร์
วา เพราะเหตุใดคําที่รวบรวมมา จึงเปนคําที่ยืม
มาจากภาษานั้นๆ ระบุความหมายและวิเคราะหวา ๖) ค�าทีย่ มื มาจากภาษาฝรัง่ เศส ฝรัง่ เศสเป็นชนชำติยโุ รปทีเ่ ข้ำมำติดต่อค้ำขำยกับไทยตัง้ แต่
เมือ่ ยืมเขามาใชแลวไดมกี ารเปลีย่ นแปลงความหมาย สมัยกรุงศรีอยุธยำ ภำษำไทยจึงปรำกฏค�ำที่ยืมมำจำกภำษำฝรั่งเศสอยู่เป็นจ�ำนวนมำก เช่น
ไปจากเดิมหรือไม อยางไร นําเสนอในรูปแบบ
ใบงานเฉพาะบุคคล 120
เกร็ดแนะครู บูรณาการอาเซียน
ครูควรยกตัวอยางคํายืมภาษาชวา-มลายู ที่นํามาใชในวงศัพทตางๆ เมื่อ 10 ประเทศ ไดแก พมา ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร
ใหนักเรียนฟง เชน อินโดนีเซีย บูรไน ฟลิปปนส และไทย รวมเปนประชาคมอาเซียนในป 2558
• คําที่ใชเรียกชื่อพืช เชน กระดังงา ทุเรียน เปนตน จะกอใหเกิดความเปลี่ยนแปลงในดานตางๆ เชน ตลาดสินคาและบริการที่ใหญขึ้น
• คําที่ใชเรียกชื่อสัตว เชน กะพง กะปะ อุรังอุตัง เปนตน สงผลใหการแขงขันทางการตลาดสูงขึ้น นอกจากนี้ยังสงผลใหบุคลากรใน 8 สาขา
• คําที่ใชเรียกสิ่งของ สถานที่ เชน กริช มัสยิด เบตง เปนตน อาชีพ ไดแก วิศวกร แพทย พยาบาล นักบัญชี นักสํารวจ ทันตแพทย สถาปนิก
• คําเกี่ยวกับศิลปวัฒนธรรม เชน ตุนาหงัน อังกะลุง เปนตน และกลุมธุรกิจดานการทองเที่ยว สามารถเขาไปประกอบอาชีพในประเทศกลุม
• คํากริยาบางคํา เชน ตะเบะ เปนตน อาเซียนได จากขอความขางตน ใหนักเรียนรวมกันอภิปรายวา “ความเปลี่ยนแปลง
จากคําที่ครูยกตัวอยางใหนักเรียนศึกษาเกี่ยวกับคํายืมภาษาชวา-มลายู เพิ่มเติม ดังกลาวมีผลกระทบตอการเปลี่ยนแปลงทางดานภาษาหรือไม อยางไร” พรอมกับ
เพื่อวิเคราะหวาเมื่อยืมเขามาใชในภาษาไทยแลว ไดถูกเปลี่ยนแปลงดานความหมาย ตอบคําถามวา “การมีความรู ความเขาใจเกี่ยวกับภาษาของชนชาติตางๆ
ไปในลักษณะใด บันทึกสาระสําคัญที่ไดจากการสืบคนดวยตนเองลงสมุด สงครู โดยเฉพาะประเทศในกลุมอาเซียน สามารถสนทนาไดเขาใจ จะกอใหเกิดประโยชน
ตอนักเรียนอยางไร” โดยเขียนเปนเรียงความ ความยาวไมนอยกวา 1 หนากระดาษ
A4 ครูคัดเลือกเรียงความที่เขียนไดดีจํานวน 10 เรื่อง นําไปติดที่ปายนิเทศ
120 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
1. ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอน โดยให
ค�ำ ควำมหมำย นักเรียนเปนผูสรางองคความรูเบื้องตน
โก้เก๋ หรูหรำ ภูมิฐำน เกีย่ วกับประโยคดวยตนเอง ขออาสาสมัคร
คูปอง บัตรหรือตั๋ว ออกมาเขียนกรอบขอความทั้ง 2 กรอบ
บนกระดาน อานออกเสียงพรอมๆ กัน
ครัวซองต์ ขนมปังประเภทหนึ่ง
ใหเวลา 5 นาที สําหรับการบันทึกขอสังเกต
โชเฟอร์ คนขับรถยนต์
• ฉันกิน
๗) ค�าทีย่ มื มาจากภาษาพม่า แพร่หลำยเข้ำมำในภำษำไทย ผ่ำนกำรท�ำสงครำม กำรค้ำขำย • ทานผูมีเกียรติทั้งหลาย
และศิลปวัฒนธรรม เช่น
ค�ำ ควำมหมำย
• ฉันกินขาว
• ทานผูมีเกียรติทั้งหลายกรุณาฟงทางนี้
กะปิ (งำปิ) ของเค็มท�ำจำกกุ้งหมักเกลือโขลก
ส่วย กำรเก็บภำษีอำกรสมัยโบรำณ จากนั้นครูสุมเรียกชื่อนักเรียนระบุขอสังเกต
หม่อง ค�ำน�ำหน้ำชื่อผู้ชำยชำวพม่ำ (ในภำษำพม่ำ หมำยถึง น้อง) ของตน
(แนวตอบ ขอสังเกตของนักเรียนมีความ
๓ ประโยคในภาษาไทย แตกตางกัน ทั้งนี้ขึ้นอยูกับพื้นฐาน หรือรองรอย
ความรูเดิมของแตละคน)
กำรสื่อสำรเพื่อท�ำควำมเข้ำใจระหว่ำงกัน หำกใช้เพียงค�ำพูดเป็นค�ำๆ หรือเพียงกลุ่มค�ำ หลังจากสุมเรียกชื่อไดจํานวนหนึ่ง ครูควร
อำจไม่สำมำรถสื่อควำมกันได้ครบถ้วนชัดเจน จ�ำเป็นต้องใช้ค�ำหลำยค�ำเรียงต่อกันเป็นประโยค จึงจะ ชี้แนะเพิ่มเติม ขอความที่บรรจุอยูในกรอบแรก
ได้ใจควำมแจ่มชัด ตรงตำมเจตนำของผู้ส่งสำร ไมใชประโยคเปนเพียงนามวลี สวนขอความ
๓.๑ ควำมหมำยของประโยค ที่บรรจุอยูในกรอบที่สองเปนประโยค เพราะ
ประกอบดวย นามวลีและกริยาวลี
ประโยค เกิดจำกค�ำหลำยๆ ค�ำ หรือวลีที่น�ำมำเรียงต่อกันอย่ำงเป็นระเบียบ เพื่อให้แต่ละค�ำ 2. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนเพื่อตอบคําถาม
มีควำมสัมพันธ์กัน มีใจควำมสมบูรณ์ ประกอบไปด้วยนำมวลีและกริยำวลี ซึ่งแสดงให้รู้ว่ำใคร ท�ำอะไร • จากกรอบขอความที่ 2 สามารถระบุ
ที่ไหน เมื่อไร อย่ำงไร เช่น แม่ไปตลำด ต�ำรวจจับคนร้ำย เป็นต้น องคประกอบหรือโครงสรางของประโยคได
๓.๒ ส่วนประกอบของประโยค หรือไม อยางไร
(แนวตอบ สามารถระบุได ประโยค
ประโยคประกอบด้วยส่วนส�ำคัญ ๒ ส่วน คือ นามวลี ท�ำหน้ำที่เป็นภำคประธำน และกริยาวลี
ประกอบดวยสวนสําคัญ 2 สวน ไดแก
ท�ำหน้ำที่เป็นภำคแสดง ซึ่งประโยคอำจมีเพียงกริยำวลีได้แต่จะมีเฉพำะนำมวลีไม่ได้
นามวลีกับกริยาวลี)
ข้อควำมต่อไปนี้ไม่เป็นประโยค เพรำะมีเฉพำะนำมวลี • นักเรียนคิดวาขอความตอไปนี้
นักเรียนทุกคน
■
เปนประโยคหรือไม เพราะเหตุใด “กรุณา
คุณครูทั้งหลำย
■
ลุกขึ้น” “โปรดยืนตรงเคารพธงชาติ”
121
(แนวตอบ ขอความขางตนเปนประโยค
แมจะปรากฏเพียงกริยาวลี แตก็สามารถ
สื่อความได)
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอความใดตอไปนี้เปนประโยค
การเรียนการสอนเกี่ยวกับประโยคในภาษาไทย เปาหมายสําคัญนอกจากนักเรียน
1. พอเหนื่อย
จะสามารถวิเคราะหโครงสรางของประโยคทั้งประโยคสามัญ ประโยครวม
2. ทานผูมีเกียรติทั้งหลาย
และประโยคซอนไดแลว นักเรียนจะตองเขียนสื่อสารโดยใชประโยคแตละชนิดได
3. คนไทยรุนใหมในทศวรรษนี้
ถูกตองตามโครงสราง
4. พวกเรานักเรียนโรงเรียนวัดไทรยอย
ในเบื้องตนควรใหนักเรียนไดทบทวนองคความรูเดิมของตนเองเกี่ยวกับ
วิเคราะหคําตอบ ประโยคที่ใชสื่อสารใหเขาใจกันในชีวิตประจําวัน ความหมาย องคประกอบหรือโครงสรางของประโยคกอน ครูควรทําใหการทบทวน
ประกอบดวยองคประกอบหรือโครงสรางสําคัญ 2 สวน ไดแก นามวลี ความรูของนักเรียนเปนไปโดยงาย ดวยวิธีการยกตัวอยางขอความหรือประโยคที่มี
และกริยาวลี ขอความที่จัดวาเปนประโยคจะตองประกอบดวยสองสวน เงื่อนไขแตกตางกัน เพื่อใหนักเรียนไดฝกทักษะการสังเกตเปรียบเทียบ เชน
ดังกลาวขางตน เพื่อสื่อความวามีอะไรเกิดขึ้น หรืออะไรมีสภาพเปนอยางไร อาจยกตัวอยางประโยค “ฉันดื่ม” กับ “ฉันดื่มนํ้า” เพื่อใหนักเรียนเปรียบเทียบวา
จากตัวเลือกในขอ 2., 3. และ 4. เปนขอความที่ประกอบเพียงนามวลี ขอความใดเปนประโยค จากนั้นจึงใหนักเรียนระบุวิธีการสังเกตของตนเอง ซึ่งเทากับ
ไมมีกริยาวลีเพื่อบอกสภาพ สวนคําตอบในขอ 1. มีลักษณะเปนประโยค เปนการทบทวนองคความรูเดิมเกี่ยวกับประโยค
เพราะประกอบดวยนามวลี “พอ” และกริยาวลี “เหนื่อย” ประกอบกัน
สื่อความหมายไดเขาใจ ดังนั้นจึงตอบขอ 1.
คู่มือครู 121
ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Elaborate Evaluate
ส�ารวจค้นหา Explore
1. นักเรียนจับคูกับเพื่อนตามความสมัครใจ 1
จากนั้นใหรวมกันสืบคนองคความรูเกี่ยวกับ ข้อควำมต่
2 อไปนีเ้ ป็นประโยค เพรำะประกอบด้วยกริยำวลีเพียงล�ำพัง หรื หรือประกอบด้วยนำมวลี
องคประกอบสําคัญหรือโครงสรางของประโยค กับกริยำวลี
เพิ่มเติมจากพื้นฐานหรือรองรอยความรูเดิม กรุณำนั่งลง
■
122 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
๑) ประโยคสามัญ หรือประโยคพืน้ ฐาน หมำยถึง ประโยคทีป่ ระกอบด้วยนำมวลี ท�ำหน้ำที่ อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับประโยค
เป็นภำคประธำน กับกริยำวลีท�ำหน้ำที่เป็นภำคแสดง ไม่มีอนุประโยคเป็นส่วนขยำย และไม่มีค�ำเชื่อม สามัญ โดยใชความรู ความเขาใจ ที่ไดรับจากการ
กริยำ ค�ำเชื่อมกริยำวลี หรือค�ำเชื่อมประโยค ฟงบรรยาย เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม
ประโยคสำมัญแบ่งเป็น ๒ ชนิด คือ ประโยคสำมัญที่มีกริยำวลีเดียวและประโยคสำมัญ • สังเกตประโยคตอไปนี้ “หนอยถูกสุนัขกัด”
ที่มีกริยำวลีหลำยวลีเรียงกันโดยไม่มีค�ำเชื่อมกริยำวลี
“นองถูกดุ” “หิวขาวจังเลย” ประโยคที่
กําหนดใหมีลักษณะสําคัญที่โดดเดนอยางไร
๑.๑) ประโยคสามัญทีม่ กี ริยาวลีเดียว ซึง่ ในกริยำวลีจะมีคำ� กริยำเพียงค�ำเดียว เช่น
และเปนลักษณะของประโยคชนิดใด
สุนารีเป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๒ เป็นประโยคสำมัญที่มีกริยำวลีเดียว คือ (แนวตอบ ประโยคทีก่ าํ หนดให มีองคประกอบ
“เป็นนักเรียนชัน้ มัธยมศึกษำปีท ี่ ๒” ค�ำกริยำ เป็น ใช้เป็นส่วนหลักของกริยำวลี แสดงสถำนะของสุนำรี หรือโครงสรางพื้นฐาน ประกอบดวย
ประธำนในประโยค นามวลี ซึ่งทําหนาที่เปนประธานของ
สายใจกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย เป็นประโยคสำมัญที่มีกริยำวลีเดียว คือ “กินขนม ประโยค และกริยาวลีซึ่งทําหนาที่ภาคแสดง
อย่ำงเอร็ดอร่อย”ค�ำกริยำ กิน ใช้เป็นส่วนหลักของกริยำวลี แสดงอำกำรของสำยใจ ประธำนในประโยค โดยเปนลักษณะสําคัญของประโยคสามัญ
๑.๒) ประโยคสามัญทีม่ หี ลายกริยาวลี หมำยถึง ประโยคสำมัญทีม่ โี ครงสร้ำงกริยำเรียง ที่มีกริยาวลีเดียว)
หรือมีกริยำวลีหลำยกริยำวลีท�ำหน้ำที่เป็นภำคแสดงของประธำนเดียวกันหรือต่ำงประธำนกันก็ได้ • สังเกตประโยคตอไปนี้ “แอวกับนองกําลัง
แม้จะมีหลำยกริยำวลีแต่ประโยคจะไม่มีค�ำเชื่อมที่เชื่อมกริยำวลีเหล่ำนั้น สำมำรถแบ่งประโยคสำมัญ นั่งอานหนังสือนิทาน” “สมพรทําอาหาร
หลำยกริยำวลีตำมล�ำดับเหตุกำรณ์ได้ ดังนี้
กินเอง” “ตะปูเกี่ยวเสื้อขาดเปนรู” ประโยค
ทีก่ าํ หนดให มีโครงสรางเบือ้ งตนทีเ่ หมือนกัน
เหตุกำรณ์ในประโยคเกิดขึ้นพร้อมกัน เช่น
อยางไร และมีลาํ ดับเหตุการณตา งกันอยางไร
กุ๊กนั่งรับประทานอาหารในห้องครัว เป็นประโยคสำมัญที่มีหลำยกริยำวลี คือ (แนวตอบ ประโยคทั้งสามมีลักษณะที่
“นัง่ รับประทำนอำหำรในห้องครัว” ค�ำกริยำ นัง่ - รับประทำน ใช้เป็นส่วนหลักของกริยำวลี แสดงอำกำร เหมือนกัน คือ ประกอบดวยนามวลี ซึ่งทํา
ที่เกิดขึ้นพร้อมกันของกุ๊ก ประธำนในประโยค หนาทีเ่ ปนประธาน และกริยาวลี ซึง่ ทําหนาที่
เหตุกำรณ์ในประโยคเกิดขึ้นต่อเนื่อง หรือเกิดก่อน - หลัง ตำมล�ำดับ เช่น ภาคแสดงของประโยค ลักษณะของกริยาวลี
แม่เดินไปซื้อกับข้าวที่ตลาด เป็นประโยคสำมัญที่มีหลำยกริยำวลี คือ “เดินไปซื้อ ทั้ง 3 ประโยค มีโครงสรางกริยาเรียง หรือ
กับข้ำวที่ตลำด” ค�ำกริยำ เดิน - ไป - ซื้อ ใช้เป็นส่วนหลักของกริยำวลี แสดงอำกำรที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกัน มีกริยามากกวาหนึ่ง โดยที่ไมมีคําเชื่อมกริยา
ของแม่ ประธำนในประโยค ประโยคทั้งสามมีขอแตกตางกัน คือ
เหตุกำรณ์หลังเป็นผลของเหตุกำรณ์แรก เช่น ประโยคแรก เปนเหตุการณทเี่ กิดขึน้ พรอมกัน
สายสุ นี ย์ ลื่น หกล้ ม ก้ น กระแทกพื้ น เป็นประโยคสำมัญที่มีหลำยกริย ำวลี คือ
ประโยคที่สอง เปนเหตุการณที่เกิดขึ้นแบบ
ตอเนื่องกัน หรือตามลําดับกอน หลัง
“ลื่นหกล้มก้นกระแทกพื้น” ค�ำกริยำ ลื่น - หกล้ม - กระแทก ใช้เป็นส่วนหลักของกริยำวลี แสดงอำกำร
และประโยคที่สาม เหตุการณหลังเปนผล
ของสำยสุนีย์ ประธำนในประโยคที่ประสบเหตุกำรณ์ โดยเหตุกำรณ์หลักเป็นผลของเหตุกำรณ์แรก ของเหตุการณแรก)
123
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ประโยคหนึ่งๆ ซึ่งมีความซับซอน นักเรียนคิดวาความซับซอนนั้น เกิดขึ้น
ครูควรใหความรูเพิ่มเติมแกนักเรียนเกี่ยวกับการแบงชนิดของประโยค
ในสวนใดของประโยค และมีสาเหตุอันเนื่องมาจากสิ่งใด
ในภาษาไทย โดยใชเกณฑที่แตกตางกัน จะทําใหไดชนิดของประโยคที่แตกตางกัน
แนวตอบ การที่ประโยคหนึ่งๆ มีความซับซอนนั้น เกิดขึ้นจากประโยค ดังนี้
บางประโยค ไมชดั เจนเพียงพอทีจ่ ะใชสอื่ สารทําความเขาใจระหวางกัน ประโยค • การแบงชนิดของประโยคโดยยึดตามโครงสรางของประโยค พิจารณาลักษณะ
บางประโยคเพียงทําใหคสู อื่ สารรูว า เกิดอะไรขึน้ หรืออะไรมีสภาพเปนอยางไร สําคัญของสวนประกอบภายในประโยค ไดแก ประโยคสามัญ ประโยครวม
แตอาจไมชดั เจนเพียงพอ เชน “เกษตรกรเลีย้ งปลาในกระชัง” กับ “เกษตรกร และประโยคซอน
เลี้ยงปลาเศรษฐกิจ เชน ปลานิล ปลาทับทิม ในกระชัง” จะสังเกตเห็นวา • การแบงชนิดของประโยคยึดตามมาลาหรือพิจารณาจากคําที่แสดงความหมาย
ประโยคที่สองมีความชัดเจนกวาประโยคแรก โดยเพิ่มสวนขยายนามวลี โดยรวมของประโยค ไดแก ประโยคบอกเลา ประโยคคําถาม ประโยคคําสั่ง
“เศรษฐกิจ เชน ปลานิล ปลาทับทิม” มาขยายนามวลี “ปลา” ซึ่งเปน และประโยคปฏิเสธ
สวนหลักของนามวลี ทําหนาที่เปนกรรมในประโยค ดังนั้นความซับซอน • การแบงชนิดของประโยคตามเจตนาของผูพูด ไดแก ประโยคบอกใหทราบ
ของประโยคหนึ่งๆ จึงเกิดขึ้นกับ “โครงสราง” ของประโยค ประโยคเสนอแนะ ประโยคสั่ง ประโยคหาม ประโยคซอน ประโยคขู
ประโยคขอรอง ประโยคคาดคะเน และประโยคถาม
คู่มือครู 123
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับ ๒) ประโยครวม คือ ประโยคย่อยตั้งแต่ ๒ ประโยคขึ้นไป มารวมเป็นประโยคเดียวกัน
ประโยครวม โดยใชความรู ความเขาใจ ที่ไดรับ ประโยคย่อยสามารถเป็นได้ทั้งประโยคสามัญและประโยคซ้อน โดยต้องปรากฏค�าเชื่อม ได้แก่ และ
จากการฟงบรรยาย เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับ และก็ แต่ ทว่า แต่ทว่า หรือ ท�าหน้าที่เชื่อมประโยค เช่น
ตอบคําถาม ๒.๑) ประโยครวมที่เกิดจากประโยคสามัญรวมกับประโยคสามัญ เช่น
• สังเกตประโยคตอไปนี้ “วีณาเปนดารา ต�ารวจและทหารเสียสละเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน มาจากประโยคสามัญว่า
และนักรอง” “สมภพไปเชียงใหมแตกัลยา ต�ารวจเสียสละเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และประโยคสามัญว่า ทหารเสียสละเพื่อประโยชน์สุข
ไปลพบุรี” “เธอจะกินขนมหรือผลไม” ของประชาชน โดยใช้ค�าเชื่อม และ เชื่อมประโยคท�าให้มีเนื้อความคล้อยตามกัน
ประโยคทีก่ าํ หนดใหมลี กั ษณะสําคัญอยางไร ๒.๒) ประโยครวมที่เกิดจากประโยคสามัญรวมกับประโยคซ้อน เช่น
และเปนลักษณะของประโยคชนิดใด หมอจะไปหาคนไข้หรือจะให้คนไข้มาหาหมอ มาจากประโยคสามัญว่า หมอจะไปหา
(แนวตอบ จากประโยคที่กําหนดใหพบวา คนไข้ และประโยคซ้อนว่า หมอจะให้คนไข้มาหาหมอ โดยใช้คา� เชือ่ ม หรือ เชือ่ มประโยค ท�าให้มเี นือ้ ความ
มีโครงสรางภายใน ประกอบดวยประโยค ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง 1
ยอยตั้งแต 2 ประโยคขึ้นไปมารวมเปน ๒.๓) ประโยครวมที่เกิดจากประโยคซ้อนรวมกับประโยคสามัญ เช่น
ประโยคเดียวกัน ซึ่งเปนลักษณะสําคัญของ ก๊อกน�้าที่รั่วนั้นซ่อมแล้วแต่น�้าก็ยังไหลซึมออกมา มาจากประโยคซ้อนว่า ก๊อกน�้า
ประโยครวม) ที่รั่วนั้นซ่อมแล้ว และประโยคสามัญว่า น�้าก็ยังไหลซึมออกมา โดยใช้ค�าเชื่อม แต่ เชื่อมประโยคท�าให้มี
• จากประโยคที่กําหนดใหนักเรียนมีวิธีการ เนื้อความขัดแย้งกัน
สังเกตอยางไร จึงสามารถระบุไดวา ๒.๔) ประโยครวมที่เกิดจากประโยคซ้อนและประโยคซ้อน เช่น
ประโยคนั้นๆ ประกอบดวยประโยคยอย สุดารับประทานอาหารที่ปรุงไม่ถูกสุขลักษณะจึงเกิดอาการท้องร่วงจนไปโรงเรียน
2 ประโยค ไม่ได้ มาจากประโยคซ้อนว่า สุดารับประทานอาหารที่ปรุงไม่ถูกสุขลักษณะ และประโยคซ้อนว่า สุดา
เกิดอาการท้องร่วงจนไปโรงเรียนไม่ได้ โดยใช้คา� เชือ่ ม จึง เชือ่ มประโยคท�าให้มเี นือ้ ความเป็นเหตุเป็นผล
(แนวตอบ ประโยครวม คือประโยคที่ประกอบ
๓) ประโยคซ้อน หมายถึง ประโยคที่ประกอบด้วยประโยคหลัก (มุขยประโยค) และ
ดวยประโยคยอยตั้งแต 2 ประโยคมารวมกัน
ประโยคย่อย (อนุประโยค) โดยประโยคหลัก เป็นประโยคที่มีอีกประโยคหนึ่งมาซ้อน อาจจะเป็น
ดังนัน้ ในประโยคจึงปรากฏคําเชือ่ มทีแ่ สดงถึง
ประธาน เป็นส่วนเติมเต็ม หรือเป็นส่วนขยายก็ได้
การรวมประโยค เชน “และ” “และก็” “แต”
ประโยคย่อย คือ ประโยคที่ขึ้นต้นด้วยค�าเชื่อม สามารถท�าหน้าที่เป็นได้ทั้งนามวลี คือ
“ทวา” “แตทวา” “หรือ”)
เป็นประธาน กรรม หน่วยเติมเต็ม หรือส่วนขยายส่วนใดส่วนหนึ่งของประโยค หรือท�าหน้าที่ขยาย
กริยาวลี
๑. ประโยคซ้อนที่อนุประโยคท�าหน้าที่เป็นประธาน เช่น
■ ที่คุณพูดเป็นเรื่องเข้าใจผิด
๒. ประโยคซ้อนที่อนุประโยคท�าหน้าที่เป็นกรรม เช่น
■ ผู้อ�านวยการบอกครูว่าพรุ่งนี้ให้นักเรียนน�าต้นไม้มาคนละ ๑ ต้น
๓. ประโยคซ้อนที่อนุประโยคท�าหน้าที่เป็นหน่วยเติมเต็ม เช่น
■ แม่ภูมิใจที่ลูกเป็นคนดี
124
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
เพื่อความรู ความเขาใจของนักเรียนเกี่ยวกับคําเชื่อมสมภาค ครูควรยกตัวอยาง นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับประโยครวมที่มีประธาน กรรม หนวยเติมเต็ม
ประโยค แลวใหนักเรียนวิเคราะหวา คําใดเปนคําเชื่อมสมภาค และใชเชื่อมระหวาง หรือหนวยเสริมความเปนคนหรือสิ่งเดียวกัน เมื่อนํามาใชในการสื่อสาร
หนวยทางภาษาประเภทใด บันทึกสาระสําคัญลงสมุด มีวิธีการใชอยางไร โดยยกตัวอยางประโยคประกอบนําขอมูลมาอภิปราย
รวมกันภายในชั้นเรียน
นักเรียนควรรู
กิจกรรมทาทาย
1 ประโยครวม ลักษณะสําคัญของประโยครวม คือ ตองมีคาํ เชือ่ มระหวางประโยค
ยอยทั้ง 2 ประโยค ซึ่งในทางหลักภาษาไทย เรียกคําเชื่อมประเภทนี้วา “คําเชื่อม
สมภาค” คือ คําเชื่อมที่ใชเชื่อมหนวยทางภาษาตั้งแต 2 หนวยขึ้นไป รวมเขาเปน นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับประโยคยอยที่นํามาสรางเปนประโยครวม
หนวยทางภาษาเดียวกัน ซึ่งหนวยทางภาษาที่นํามาเชื่อมดวยคําเชื่อมสมภาคนั้น เปนประโยคยอยชนิดใดบาง โดยยกตัวอยางประโยคประกอบนําขอมูลมา
ตองเปนหนวยทางภาษาประเภทเดียวกัน เชน คํานามกับคํานาม คําสรรพนาม อภิปรายรวมกันภายในชั้นเรียน
กับคําสรรพนาม นามวลีกับนามวลี ประโยคยอยกับประโยคยอย เปนตน
124 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ตัวแทนนักเรียนกลุมที่ศึกษาในประเด็น
๔. ประโยคซ้อนที่อนุประโยคท�ำหน้ำที่ขยำยนำม เช่น “ประโยครวม” และ “ประโยคซอน” ออกมา
■ ผู้ชำยที่ยืนหน้าตู้โทรศัพท์คือพี่ชำยของฉันเอง อธิบายความรูใหเพื่อนๆ กลุมอื่น ฟงหนา
๕. ประโยคซ้อนที่อนุประโยคท�ำหน้ำที่ขยำยกริยำ เช่น ชั้นเรียน
■ สุปรำณีอ่ำนหนังสือจนสายตาสั้น 2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย
๓.๑) ประโยคซ้อนที่มีนามานุประโยค นำมำนุประโยค คือ ประโยคย่อยที่ท�ำหน้ำที่เป็น ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับประโยคซอน
นำมวลี คือ สำมำรถท�ำหน้ำทีเ่ ป็นประธำน กรรม หน่วยเติมเต็ม หรือหน่วยเสริมควำม ซึง่ นำมำนุประโยค โดยใชความรู ความเขาใจ ที่ไดรับจากการฟง
จะใช้ค�ำว่ำ ที่ ที่ว่า ว่า ให้ เป็นค�ำเชื่อม เช่น บรรยาย เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม
บุษยาได้ยินชาคริตพูดว่าพรุ่งนี้จะสอบเก็บคะแนน ประโยคหลัก คือ “บุษษำได้ยิน • สังเกตประโยคตอไปนี้ “เราตองบอกนริศรา
ชำคริตพูด” มีประโยคย่อย “ว่ำพรุ่งนี้จะสอบเก็บคะแนน” ท�ำหน้ำที่เป็นส่วนเติมเต็ม วาประกิตจะไปรวมงานคืนนี้” ประโยคที่
๓.๒) ประโยคซ้อนทีม่ คี ณ ุ านุประโยค คุณำนุประโยค คอื ประโยคย่อยทีท่ ำ� หน้ำทีข่ ยำยนำม กําหนดมีลักษณะสําคัญอยางไร และเปน
ที่อยู่หน้ำอนุประโยค ซึ่งคุณำนุประโยคจะใช้ค�ำว่ำ ที่ ซึ่ง อัน เป็นค�ำเชื่อมและเป็นประธำนของ ลักษณะของประโยคชนิดใด
อนุประโยคนั้น เช่น (แนวตอบ ประโยคที่กําหนด เปนประโยค
ดารารัตน์หญิงสาวซึ่งเกิดมาบนกองเงินกองทองฝันอยากประกอบอาชีพครู ที่ประกอบดวยประโยคหลัก ซึ่งมีประโยคยอย
ประโยคหลัก คือ “ดำรำรัตน์ฝนั อยำกประกอบอำชีพครู” มีประโยคย่อย “ซึง่ เกิดมำบนกองเงินกองทอง” อีกประโยคหนึ่งซอนอยู เปนลักษณะสําคัญ
ท�ำหน้ำที่ขยำยค�ำนำม ดำรำรัตน์หญิงสำว ของประโยคซอน)
๓.๓) ประโยคซ้อนที่มีวิเศษณานุประโยค วิเศษณำนุประโยค คือ ประโยคย่อยที่ท�ำ • สังเกตความแตกตางของประโยคยอยจาก
หน้ำที่เหมือนวิเศษณ์วลี คือ ท�ำหน้ำที่ขยำยกริยำวลี ซึ่งวิเศษณำนุประโยคสำมำรถอยู่ได้ทั้งหน้ำและ
ประโยคซอนที่กําหนดให “ที่คุณเลามานั้น
หลังประโยคหลัก แต่เมื่ออยู่หน้ำประโยคหลัก มักใช้ค�ำว่ำ ก็ จึง เลย ถึง เป็นค�ำเชื่อมเสริมอยู่ในประโยค
ไมถูกตองทั้งหมด” “สุรียซึ่งเปนนักเรียน
หลักนั้นด้วย เช่น
ดีเดนของโรงเรียนไดรับพระราชทานทุน
เขาท�างานหามรุ่งหามค�่าซึ่งไม่ดีกับสุขภาพ ประโยคหลัก คือ “เขำท�ำงำนหำมรุ่ง
เลาเรียนหลวง” “เขาอานหนังสือหามรุง
หำมค�่ำ” มีประโยคย่อยคือ “ซึ่งไม่ดีต่อสุขภำพ” ท�ำหน้ำที่ขยำยกริยำวลี หำมรุ่งหำมค�่ำ
หามคํ่าจนญาติตองหามสงโรงพยาบาล”
ค�ำเชื่อมวิเศษณำนุประโยคสำมำรถแบ่งกลุ่มได้ ดังนี้
แตละประโยคมีประโยคยอยลักษณะอยางไร
๑. ค�ำเชื่อมวิเศษณำนุประโยคบอกเวลำ ได้แก่ เมื่อ ขณะที่ ก่อน หลัง หลังจำกที่
แต่ ตั้งแต่ เช่น
(แนวตอบ ประโยคแรก “ที่คุณเลามานั้น”
แม่นั่งพักผ่อนหลังจากที่ท�ากับข้าวเสร็จ ประโยคย่อย คือ แม่ท�ำกัับข้ำวเสร็จ มี เปนประโยคยอยชนิด นามานุประโยค
“หลังจำกที่” เป็นค�ำเชื่อมบอกเวลำ เพราะทําหนาที่ไดเชนเดียวกับคํานาม
๒. ค�ำเชื่อมวิเศษณำนุประโยคบอกเหตุ ได้แก่ เพรำะ เนื่องจำก เช่น คือเปนประธานของกริยาวลี
คุณยายปวดน่องเพราะเดินขึ้นบันไดสูง ประโยคย่อย คือ ยำยเดินขึ้นบันไดสูง มี ประโยคที่สอง “ซึ่งเปนนักเรียนดีเดน
“เพรำะ” เป็นค�ำเชื่อมบอกเหตุ ของโรงเรียน” เปนประโยคยอยชนิด
๓. ค�ำเชื่อมวิเศษณำนุประโยคบอกผล ได้แก่ จน กระทั่ง จนกระทั่ง เช่น คุณานุประโยค ทําหนาที่ขยายนาม ที่อยู
เขาอ้วนจนเดินไม่ไหว ประโยคย่อย คือ เขำเดินไม่ไหว มี “จน” เป็นค�ำเชือ่ มบอกผล ขางหนา คือคําวา “สุรีย”
ประโยคที่สาม “จนญาติตองหามสง
125 โรงพยาบาล” เปนประโยคยอยชนิดวิเศษณา
นุประโยค ทําหนาที่ขยายกริยาวลี)
ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’ 52 ออกเกี่ยวกับการวิเคราะหโครงสรางประโยคความรวม เกร็ดแนะครู
ขอใดไมเปนประโยคความรวม ครูควรมอบหมายชิ้นงานยอยใหแกนักเรียนศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับคําเชื่อม
1. ผูใหญลีมาหามาลินีเพราะคิดถึงมาก วิเศษณานุประโยค ซึ่งมีอยูดวยกันหลายกลุม ไดแก คําเชื่อมวิเศษณานุประโยค
2. ผูใหญลีมาหามาลินีหลังจากสึกแลว บอกเวลา คําเชื่อมวิเศษณานุประโยคบอกเหตุ คําเชื่อมวิเศษณานุประโยคบอกผล
3. ผูใหญลีมาหามาลินีเลยไปทํานาสาย คําเชื่อมวิเศษณานุประโยคบอกความมุงหมาย คําเชื่อมวิเศษณานุประโยคบอกเงื่อนไข
4. ผูใหญลีมาหามาลินีซึ่งกําลังเลี้ยงไก คําเชื่อมวิเศษณานุประโยคบอกความขัดแยง ระบุคําเชื่อมกลุมนั้นๆ พรอมแสดง
วิเคราะหคําตอบ ประโยครวม คือ ประโยคยอยตั้งแต 2 ประโยคขึ้นไป ตัวอยางประโยคประกอบคําอธิบาย หรือครูอาจอธิบายความรูประเด็นนี้เองภายใน
มารวมเขาเปนประโยคเดียวกัน โดยมีคําเชื่อมทําหนาที่เชื่อมประโยคทั้งสอง ชั้นเรียน แลวใหนักเรียนมีสวนรวมในการยกตัวอยางประโยค บันทึกสาระสําคัญ
หากนักเรียนลองแยกประโยคในขอ 1. จะได “ผูใหญลีมาหามาลินี” “ผูใหญลี พรอมรูปประโยคที่ถูกตองลงสมุด สงครู
คิดถึงมาลินีมาก” ขอ 2. จะได “ผูใหญลีมาหามาลินี” “ผูใหญลีสึกแลว” ขอ 3.
จะได “ผูใหญลีมาหามาลินี” “ผูใหญลีไปทํานาสาย” ขอ 4. จะได “ผูใหญลี
มาหามาลินี” “มาลินีกําลังเลี้ยงไก” จากการแยกประโยคขางตน จะเห็นวา มุม IT
ประโยคในขอ 1., 2. และ 3. ประธานคนเดียวแสดงกริยา 2 กริยา สวนขอ 4.
มีประธาน 2 ประธาน ตางแสดงกริยาในแตละประโยค ดังนั้นจึงตอบขอ 4. นักเรียนสามารถคนควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยคไดจากเว็บไซต http://www.
gotoknow.org/blogs/posts/314521?
คู่มือครู 125
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ตัวแทนนักเรียนกลุมที่ศึกษาในประเด็น
“ประโยคซึ่งแบงตามเจตนาของผูพูด” ออกมา ๔. ค�ำเชื่อมวิเศษณำนุประโยคบอกควำมมุ่งหมำย ได้แก่ เพื่อ เช่น
อธิบายความรูใหเพื่อนๆ กลุมอื่นฟง คุณแม่ทา� งานหนักเพือ่ หาเงินมาเลีย้ งดูลกู ประโยคย่อย คือ คุณแม่หำเงินมำเลีย้ งลูก
หนาชั้นเรียน มี “เพื่อ” เป็นค�ำเชื่อมบอกควำมมุ่งหมำย
2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย ๕. ค�ำเชื่อมวิเศษณำนุประโยคบอกเงื่อนไข ได้แก่ ถ้ำ หำก หำกว่ำ ถ้ำหำกว่ำ เช่น
ความรูแ บบโตตอบรอบวง ผานขอคําถามของครู ถ้าเขามาช้า ฉันจะไประยองคนเดียว ประโยคย่อย คือ เขำมำช้ำ มี “ถ้ำ” เป็นค�ำเชือ่ ม
• สังเกตประโยคตอไปนี้ “คุณไมนั่งลงหรือ” บอกเงื่อนไข
“อากาศรอนจังเลย” “ขับรถภาษาอะไรกัน” ๖. ค�ำเชื่อมวิเศษณำนุประโยคบอกควำมขัดแย้ง ได้แก่ ทั้งที่ แม้ว่ำ เช่น
ประโยคที่กําหนดใหมีลักษณะอยางไร แม้วา่ การจราจรจะติดขัด เขาก็ยงั มาถึงโรงเรียนตรงเวลา ประโยคย่อย คือ กำรจรำจร
(แนวตอบ ประโยคทั้ง 3 ประโยคขางตน ติดขัด มี “แม้ว่ำ” เป็นค�ำเชื่อมบอกควำมขัดแย้ง
เปนประโยคที่ใชสื่อสารในชีวิตประจําวัน
ซึ่งบางครั้งเจตนาของผูพูดอาจไมสอดคลอง
๓.๔ ชนิดของประโยคแบ่งตำมเจตนำ
กับรูปประโยค โดยประโยคแรก รูปประโยค กำรแบ่งประโยคตำมเจตนำของผู้ส่งสำรเป็นกำรแสดงให้เห็นควำมรู้สึก ควำมต้องกำร
ที่ปรากฏเปนรูปประโยคถาม แตผูพูดใชใน กำรแบ่งประโยคตำมเจตนำ สำมำรถแบ่งได้ ดังนี้
เจตนาที่ตองการจะเชื้อเชิญคูสนทนา ประโยค ๑) ประโยคบอกให้ทราบ คือ ประโยคที่ผู้พูดต้องกำรบอกเล่ำหรืออธิบำยเรื่องรำวต่ำงๆ
ที่สอง รูปประโยคที่ปรากฏเปนรูปประโยค ให้ผู้ฟังทรำบ เช่น
บอกเลา แตผูพูดใชในเจตนาสั่ง หรือขอรอง ■ แม่ชอบท�ำแกงเขียวหวำนลูกชิ้นปลำกรำย
โดยอาจอยูในบริบทที่คูสนทนา กําลังสนทนา ■ พ่อไม่ชอบรับประทำนอำหำรที่ปรุงจำกเนื้อวัว
กันอยูในสถานที่หนึ่ง แลวผูพูดรูสึกรอน ■ ใครๆ ก็ชอบรับประทำนอำหำรฝีมือคุณยำย
ตองการใหคูสนทนาชวยเปดพัดลม หรือเปด ๒) ประโยคเสนอแนะ คือ ประโยคที่ผู้พูดต้องกำรเสนอแนะเรื่องต่ำงๆ อำจปรำกฏค�ำกริยำ
หนาตาง แตอาจไมกลากลาวเจตนานัน้ โดยตรง ลอง ดู ค�ำช่วยกริยำ ควร ค�ำลงท้ำย นะ ซิ เป็นต้น เช่น
จึงใชประโยคดังกลาวเพื่อใหคูสนทนาตีความ ■ เธอควรเรียนรู้ด้วยตนเองก่อนขอควำมช่วยเหลือจำกคนอื่นนะ
สวนประโยคที่สาม รูปประโยคเปนประโยค ■ ลองไปนั่งตรงนั้นซิ เก้ำอี้ดูนุ่มมำก
คําถาม แตผูพูดใชในเจตนาเพื่อตําหนิ) ๓) ประโยคค�าสั่ง คือ ประโยคที่ผู้พูดต้องกำรให้ผู้ฟังปฏิบัติตำม มักปรำกฏค�ำว่ำ จง ต้อง
• จากการใชรูปประโยคขางตน นักเรียนคิดวา น�ำหน้ำ เช่น
การสื่อสารระหวางผูพูดกับผูฟงจะสมบูรณ ■ ต้องท่องค�ำศัพท์วันละ ๑๐ ค�ำ กลำงวันนีร้ บั ประทำนไปรับประทำนก๋วยเตีย๋ วกัน
■
อาศัยสิ่งใด ■ นั่งลง
(แนวตอบ ผูฟงจะตองอาศัยทักษะการตีความ ๔) ประโยคห้าม คือ ประโยคที่ผู้พูดสั่งห้ำมไม่ให้กระท�ำ มักปรำกฏค�ำว่ำ อย่า ห้าม หรือ
ผานสีหนา ทาทาง และนํ้าเสียงของผูพูด อำจลงท้ำยว่ำ นะ เช่น
เพราะในบางครั้งรูปประโยคที่ผูพูดสื่อสาร ■ ห้ำมส่งเสียงดัง อย่ำขับรถเร็วนะ
■
ออกมา อาจไมตรงกับเจตนาที่แทจริง
กลาวคือ ใชรูปประโยคอยางหนึ่ง แตมีเจตนา 126
อยางหนึ่ง)
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ประโยคในขอใดตอไปนี้ มีโครงสรางภายในแตกตางจากขออื่น
เพื่อใหความรู ความเขาใจของนักเรียนมีความครอบคลุมในประเด็นเกี่ยวกับ
1. ปรีชากินอาหารซึ่งแมของเขาเปนคนปรุง
การแบงชนิดของประโยค ซึ่งในหนังสือเรียนภาษาไทย ระดับชั้นมัธยมศึกษาปที่ 2
2. ที่เขาทํามาทั้งหมดไมมีความหมายกับใครเลย
เลมนี้ ไดอธิบายรายละเอียดการแบงชนิดของประโยค โดยยึดหลักเกณฑ 2 ประการ คือ
3. เสื้อที่พีระสวมอยูตัดเย็บโดยชางประจําตัวของเขา
โครงสราง และเจตนาของผูพูด ดังนั้นครูจึงควรเพิ่มเติมความรูใหแกนักเรียนเกี่ยวกับ
4. ลําดวนซื้อพวงมาลัยซึ่งขายอยูที่สี่แยกมไหสวรรย
ชนิดของประโยคที่แบงตามมาลา ซึ่งมี 4 ประเภท ดังนี้
1. ประโยคบอกเลา คือ ประโยคที่มีเนื้อความบอกเลาเรื่องราวตางๆ ไมมีคําปฏิเสธ วิเคราะหคําตอบ จากตัวเลือกในแตละขอเปนประโยคซอนทั้งหมด แตมี
แสดงคําถาม ขอรอง หรือสั่ง อยูหนึ่งประโยคที่มีโครงสรางภายในตางไปจากขออื่น โดยตัวเลือกในขอ 1.,
2. ประโยคคําถาม คือ ประโยคที่มีคําแสดงคําถามปรากฏอยู เชน ใคร อะไร ไหน 3. และ 4. เปนประโยคซอนที่มีอนุประโยคชนิด คุณานุประโยคซอนอยู
ที่ไหน เมื่อไร โดยทําหนาที่ขยายคํานามซึ่งอยูขางหนา สวนขอ 2. เปนประโยคซอนที่มี
3. ประโยคคําสัง่ คือ ประโยคทีใ่ ชสงั่ หรือขอรองใหผหู นึง่ ผูใ ดทําอยางใดอยางหนึง่ ให อนุประโยคชนิด นามานุประโยคซอนอยู โดยทําหนาที่เปนประธานของ
4. ประโยคปฏิเสธ จะปรากฏถอยคํา “มิใช” “ไมได” ในประโยค ซึ่งประโยคบอกเลา กริยาวลี ดังนั้นจึงตอบขอ 2.
ประโยคคําถาม หรือประโยคคําสั่งที่มีคําปฏิเสธปรากฎอยู จะเปนประโยคปฏิเสธ
เชน ประโยคบอกปฏิเสธ ประโยคคําถามปฏิเสธ
126 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
๕) ประโยคชักชวน คือ ประโยคที่แสดงเจตนาชักชวนให้ผู้ฟังคล้อยตาม ท�าตามที่ผู้พูดพูด อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับการ
อาจปรากฏค�าว่า กัน เถอะ นะ เถอะนะ เช่น วิเคราะหโครงสรางประโยค ผานขอคําถามของครู
เราเดินไปกันเถอะ
■ ■ เธอไปดูหนังกับฉันนะ • จากตารางวิเคราะหโครงสรางประโยคที่ครู
กลางวันนี้ไปรับประทานก๋วยเตี๋ยวกัน
■ ■ เธอไปห้องสมุดกับฉันเถอะนะ เขียนบนกระดาน หากนักเรียนจะตองใช
๖) ประโยคเงื่อนไข คือ ประโยคที่ผู้พูดมีเจตนาชักจูงให้ผู้ฟังท�าตาม โดยบอกผลของการไม่ ตารางดังกลาว วิเคราะหโครงสรางประโยค
กระท�าตามที่ผู้พูดพูดไว้ด้วย อาจปรากฏค�าเชื่อมว่า ถ้า หาก เช่น จะสามารถทําไดหรือไม และตองมีความรู
ถ้าเธอยังไม่หยุดคุย ครูจะไม่ให้ไปพักกลางวัน
■
เบื้องตนในเรื่องใด รวมถึงมีวิธีการอยางไร
หากงานไม่เสร็จไม่ต้องกลับบ้าน
■
(แนวตอบ ตารางดังกลาวสามารถใชวิเคราะห
๗) ประโยคขอร้อง คือ ประโยคทีผ่ พู้ ดู ต้องการให้ผฟู้ งั ช่วยกระท�าสิง่ ใดสิง่ หนึง่ ให้ อาจปรากฏ โครงสรางประโยคได โดยผูวิเคราะหตองมี
ค�าว่า ช่วย กรุณา วาน โปรด ด้วย ที หน่อย เถอะ นะ เช่น
ความรูเบื้องตนเกี่ยวกับโครงสรางประโยค
ซึ่งประกอบดวยนามวลี ทําหนาที่เปน
ช่วยหยิบหนังสือบนชั้นให้หน่อยนะ
■
ภาคประธานในประโยค เปนผูแสดงกิริยา
โปรดปิดเครื่องมือสื่อสารก่อนชมภาพยนตร์ด้วยนะคะ
อาการหรือสภาพตางๆ และกริยาวลีซึ่ง
■
วานซื้อมะนาวให้ป้าทีเถอะ
ทําหนาที่เปนภาคแสดงในประโยค จะตองมี
■
กรุณาถอดรองเท้าก่อนเข้าโบสถ์ด้วย
■
คํากริยาปรากฏเสมอ โดยอาจมีหนวยกรรม
๘) ประโยคคาดคะเน คือ ประโยคที่ผู้พูดแสดงการคาดหมายต่อสิ่งที่ก�าลังจะเกิดขึ้นหรือ หนวยเติมเต็มหรือหนวยขยายปรากฏก็ได
เกิดขึ้นแล้ว อาจปรากฏค�าว่า คง อาจ ท่าจะ เห็นจะ น่ากลัว กระมัง ละซิ เช่น การวิเคราะหโครงสรางประโยคมีวิธีการ
น้องฟ้าคงกลับถึงบ้านแล้ว
■ ■ปีนี้น่ากลัวจะแล้งหนักกว่าปีก่อน เปนลําดับขั้น ดังนี้
วันนี้อาจกลับเย็นหน่อย
■ ■ฝนท่าจะตกอีกนาน • แยกสวนประกอบเบื้องตนของประโยค
นอนตื่นสายอีกละซิ
■ ■เห็นจะท้องเสียเพราะรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ ออกเปนนามวลีกับกริยาวลี
คุณปู่ของโยมไม่ออกมาตักบาตรท่าจะล้มป่วยอีกกระมัง
■ • พิจารณาสวนของนามวลี แลวแยก
๙) ประโยคถาม คือ ประโยคที่ผู้พูดต้องการถามผู้ฟัง ในประโยคจะปรากฏค�าแสดงค�าถาม ระหวางสวนหลักกับสวนขยายของนามวลี
ใคร อะไร ที่ไหน อย่างไร ท�าไม เมื่อไร เท่าไร เช่น • พิจารณาสวนของกริยาวลี แลวแยก
ใครหยิบหนังสือของฉันไป
■ ■เธอพูดว่าอะไร ระหวางคํากริยาหลัก หนวยกรรม
ท�าไมท้องฟ้าตอนเย็นจึงเป็นสีส้ม คุณพ่อจะไปเที่ยวที่ไหน
■ ■ • พิจารณาหนวยกรรมเพื่อแยกระหวาง
แกงส้มมีวิธีการท�าอย่างไร
■ ■คุณยายจะมาเมื่อไร สวนหลักและสวนขยายของหนวยกรรม
ของชิ้นนี้ราคาเท่าไร
■
• พิจารณาสวนขยายของหนวยกรรม)
การเรียงร้อยถ้อยคÓให้เป็นประโยคเป็นสิง่ สÓคัญในกระบวนการสือ่ สาร ผูใ้ ช้ภาษาจึง • จากตารางดังกลาว นักเรียนสามารถ
ควรศึกษาโครงสร้างประโยค ได้แก่ ประโยคสามัญ ประโยครวม และประโยคซ้อน ตลอดจน บอกชนิดของประโยคโดยยึดจากโครงสราง
หน้าทีข่ องประโยค เพือ่ จะได้ใช้ภาษาสือ่ สารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ปรากฏไดหรือไม และคือประโยคชนิดใด
(แนวตอบ ได ประโยคชนิดนั้น คือ
127 ประโยคซอน)
ขอสอบ O-NET
ขอสอบป ’52 ออกเกีย่ วกับการวิเคราะหชนิด โครงสรางและเจตนาของประโยค เกร็ดแนะครู
ประโยค “เงียบๆ หนอยไดไหม” เปน “(1) ประโยคชนิดใด” ตารางวิเคราะหโครงสรางประโยคดานลางนี้ ไวสําหรับครูเขียนใหนักเรียนดู
“(2) ละสวนใดของประโยค” “(3) แสดงเจตนาอะไรในการสื่อสาร” บนกระดาน เพื่อตอบคําถามในกระบวนการอธิบายความรู หนา 127
กลุมที่ 1 กลุมที่ 2 กลุมที่ 3
นามวลี กริยาวลี
(1) ชนิดของประโยค (2) ละสวนใดของ (3) แสดงเจตนาอะไร
ประโยค ในการสื่อสาร ภาคประธาน ภาคแสดง
ประโยคความเดียว ประธาน แจงใหทราบ นกกระยางตัวนั้น กินปลาซึ่งอาศัยอยูในหนองนํ้าเดียวกัน
ประโยคความซอน กรรม ถามใหตอบ นก ตัวนั้น กินปลาซึ่งอาศัยอยูในหนองนํ้าเดียวกัน
ประโยคความรวม กริยา ถามใหเลือก กระยาง กิน ปลาซึ่งอาศัยอยูในหนองนํ้าเดียวกัน
ประโยคความรวมซับซอน ประธานและกรรม ถามใหตอบรับ-ปฏิเสธ ปลา ซึ่งอาศัยอยูในหนองนํ้าเดียวกัน
ประโยคไมสมบูรณ ประธานและกริยา บอกใหทํา
ซึ่งอาศัยอยูในหนองนํ้า เดียวกัน
วิเคราะหคําตอบ ประโยค “เงียบๆ หนอยไดไหม” เปนลักษณะการใช
ประโยคในชีวิตประจําวันที่จะละสวนใดสวนหนึ่งของประโยค โดยที่ประโยคนี้
เปนประโยคความเดียว ละสวนกรรมของประโยค และมีเจตนาบอกใหทํา
คู่มือครู 127
ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand Evaluate
Engaae Expore Explain
ขยายความเข้าใจ Expand
1. นักเรียนคนหาขอความจากสื่อตางๆ ที่พบ
ในชีวิตประจําวัน นํามาวิเคราะหโดยใชตาราง
การวิเคราะหโครงสรางประโยค ซึ่งครูเคย
นําเสนอไวในกระบวนการขัน้ อธิบายความรู
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
หนา 127 จากนั้นใหระบุชนิดของประโยค
๑. กำรสร้ำงค�ำในภำษำไทยเกิดขึ้นเพรำะเหตุใด จงอธิบำย
ประเภทละ 10 ประโยค โดยนักเรียนตองอางอิง
๒. เหตุใดจึงมีกำรยืมค�ำภำษำต่ำงประเทศมำใช้ในภำษำไทยและภำษำต่ำงประเทศที่มีกำรยืมมำนั้น
แหลงที่มาของขอความทีน่ าํ มาวิเคราะห ได้แก่ภำษำใดบ้ำง
ตามความเปนจริง นําเสนอในรูปแบบใบงาน ๓. ประโยครวมต่ำงจำกประโยคซ้อนอย่ำงไร
เฉพาะบุคคล ๔. จงระบุว่ำประโยคที่ก�ำหนดเป็นประโยคชนิดใด
2. นักเรียนแตงประโยคดวยตนเอง ประเภทละ ๑) คนท�ำชั่วย่อมไม่ได้รับผลดี
5 ประโยค บันทึกลงสมุด สงครูพรอมกับ ๒) คุณจะไปเที่ยวเชียงใหม่หรือไม่
ใบงานเฉพาะบุคคล ๓) พ่อจะไปล�ำปำงแต่แม่จะไปล�ำพูน
๔) เธอชอบเรียนวิชำภำษำไทยหรือภำษำอังกฤษ
ตรวจสอบผล Evaluate ๕) อนงค์อยู่โรงเรียนซึ่งอยู่ติดกับบ้ำนของเธอ
1. ครูตรวจสอบตารางการวิเคราะหโครงสราง
ประโยคของนักเรียน โดยพิจารณาวาสามารถ
แยกสวนประกอบ หรือโครงสรางภายในของ
ประโยค และระบุชนิดของประโยคนั้นๆ
กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้
ไดถูกตองหรือไม กิจกรรมที่ ๑ ให้นักเรียนเลือกเพลงที่ชื่นชอบมำ ๑ เพลง แล้วจ�ำแนกว่ำมีค�ำประสม
2. ครูตรวจสอบประโยคที่นักเรียนแตงดวยตนเอง ค�ำซ�้ำ ค�ำซ้อน หรือค�ำสมำสอยู่ในเพลงประเภทละกี่ค�ำ พร้อมอธิบำย
โดยพิจารณาวา ประโยคนั้นๆ มีโครงสราง วิธีกำรสร้ำงค�ำของแต่ละค�ำให้ชัดเจน
ที่ถูกตองหรือไม กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนค้นหำค�ำยืมภำษำต่ำงประเทศจำกพจนำนุกรม จ�ำนวน ๑๐ ค�ำ
3. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวยการเรียนรู น�ำมำจัดท�ำเป็นบัตรค�ำยืม แล้วรวบรวมไปจัดป้ำยนิเทศ
กิจกรรมที่ ๓ ให้นกั เรียนแต่ละกล่มุ ช่วยกันแต่งประโยคสำมัญ ประโยครวม และประโยคซ้อน
มำอย่ำงละ ๓ ประโยค แล้วน�ำประโยคที่แต่งมำเรียบเรียงเป็นนิทำนสั้นๆ
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู ๑ เรื่อง จำกนั้นน�ำมำเล่ำให้เพื่อนๆ ฟังหน้ำชั้นเรียน
1. ตารางวิเคราะหโครงสรางประโยค ประเภทละ
10 ประโยค รวมทั้งสิ้น 30 ประโยค
2. ประโยคที่แตงดวยตนเอง ประเภทละ
5 ประโยค รวมทั้งสิ้น 15 ประโยค
128
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. การสรางคําในภาษาไทย เปนวิธีการหนึ่งที่ทําใหมีคําใชเพิ่มมากขึ้นในภาษาไทย ดังนั้นสาเหตุที่ทําใหตองมีการสรางคํา คือ คําดั้งเดิมที่ใชสื่อสารกันในชีวิตประจําวัน
มีไมเพียงพอสําหรับการสื่อสาร
2. สาเหตุที่ตองยืมคําภาษาตางประเทศเขามาใชในภาษาไทย มีหลายประการ เชน ความสัมพันธทางดานภูมิศาสตร ประวัติศาสตร ชาติพันธุ การแลกรับวัฒนธรรม
ประเพณี หรือเทคโนโลยีตางๆ ซึ่งคํายืมภาษาตางประเทศที่ยืมเขามาใชในภาษาไทย เชน ภาษาบาลี สันสกฤต ภาษาเขมร ภาษาชวา-มลายู ภาษาจีน ภาษาอังกฤษ
เปนตน
3. ประโยครวมมีโครงสรางที่แตกตางจากประโยคซอน คือ ประโยครวมเปนประโยคที่เกิดจากการนําประโยคยอยตั้งแต 2 ประโยคขึ้นไปมารวมกัน โดยปรากฏคําเชื่อม
สวนประโยคซอน คือ ประโยคหลักซึ่งมีประโยคอีกประโยคหนึ่งซอนอยู
4. ประโยคแรก “คนทําชั่วยอมไมไดรับผลดี” หากจําแนกตามเจตนาของผูพูดจะเปนประโยคบอกเลา แตถาพิจารณาตามโครงสรางจะเปนประโยคซอน
ประโยคที่สอง “คุณจะไปเที่ยวเชียงใหมหรือไม” หากจําแนกตามเจตนาของผูพูดจะเปนประโยคคําถาม แตถาพิจารณาตามโครงสรางจะเปนประโยครวม
ประโยคที่สาม “พอจะไปลําปางแตแมจะไปลําพูน” หากจําแนกตามเจตนาของผูพูดจะเปนประโยคบอกเลา แตถาพิจารณาตามโครงสรางจะเปนประโยครวม
ซึ่งปรากฏคําเชื่อมในประโยคคือคําวา “แต” ประโยคที่สี่ “เธอชอบเรียนวิชาภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษ” หากจําแนกตามเจตนาของผูพูดจะเปนประโยคคําถาม
แตถาพิจารณาตามโครงสรางของประโยคจะเปนประโยครวม ซึ่งปรากฏคําเชื่อมคือคําวา “หรือ” ประโยคที่หา “อนงคเรียนหนังสือในโรงเรียนซึ่งอยูติดกับบานของเธอ”
หากจําแนกตามเจตนาของผูพูดจะเปนประโยคบอกเลา แตถาพิจารณาตามโครงสรางจะเปนประโยคซอนที่มีอนุประโยคชนิดคุณานุประโยค “ซึ่งอยูติดกับบานของเธอ”
ทําหนาที่ขยายคํานามที่อยูขางหนา คือคําวา “โรงเรียน”
128 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
สามารถใชคําราชาศัพทไดถูกตองเหมาะสม
กับฐานะของบุคคลแตละระดับ
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. รักชาติ ศาสน กษัตริย
2. ใฝเรียนรู
3. มุงมัน่ ในการทํางาน
129
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรู คําราชาศัพท เปาหมายสําคัญคือ นักเรียน
มีความรู ความเขาใจในหลักเกณฑการใชคําราชาศัพทใหถูกตองตามพระอิสริยยศ
จนสามารถนําไปใชไดจริงในชีวิตประจําวัน เชน การฟงขาวพระราชสํานักเขาใจ
การกราบบังคมทูลดวยการเขียน หรือดวยวาจาไดถูกตอง
การจะบรรลุเปาหมายดังกลาว ครูควรออกแบบการเรียนการสอนโดยใหนักเรียน
เปนผูสืบคนความรูดวยตนเองโดยใชวิธีการจับกลุมยอยๆ จากนั้นครูควรรวบรวม
ขาวในพระราชสํานักมาใหนักเรียนเปรียบเทียบ เพื่อวิเคราะหความแตกตางระหวาง
คําราชาศัพทที่ใชสําหรับพระมหากษัตริยและพระบรมวงศานุวงศ โดยใชความรู
ความเขาใจ ที่ไดรับจากการสืบคนรวมกับเพื่อนเปนฐานขอมูล
การเรียนการสอนในลักษณะนี้จะชวยฝกทักษะการจําแนกประเภทและทักษะการ
นําความรูไปใชใหแกนักเรียน
คู่มือครู 129
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Elaborate Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอน โดยขอ
อาสาสมัคร อานออกเสียงขอความตอไปนี้ ๑ ที่มาของคÓราชาศั พท์
ใหเพื่อนๆ ฟง 1
ค�คาราชาศัพท์ แปลควำมหมำยได้ว่ำ “ถ้อยค�ำที่ใช้ส�ำหรับพระรำชำ” ซึ่งต่อมำหมำยรวมถึง
ประเทศไทยมีพระมหากษัตริยเปนพระประมุข ค�ำที่ใช้กับพระภิกษุสงฆ์ ข้ำรำชกำร และสุภำพชนด้วย จำกศิลำจำรึกหลักที่ ๑ ของพ่อขุนรำมค�ำแหง
มาแตโบราณจนถึงปจจุบนั ทรงทํานุบาํ รุงบานเมือง มหำรำช ปรำกฏกำรใช้ค�ำรำชำศัพท์ซึ่งแสดงให้เห็นว่ำคนไทยมีค�ำรำชำศัพท์ใช้ตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย
บําบัดทุกข บํารุงสุขของอาณาประชาราษฎรดวย เป็นรำชธำนีและปรำกฏหลักฐำนว่ำมีกำรใช้ค�ำรำชำศัพท์มำกขึ้น ในสมัยสมเด็จพระรำมำธิบดีที่ ๑
ทศพิธราชธรรม และขัตติยวัตร ขัตติยธรรม (อู่ทอง)
พระมหากรุณาธิคุณดังกลาวทําใหพระมหากษัตริย 2
ในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนำถได้ ถได้มีกฎมณเฑียรบำลที่ระบุถึงกำรใช้
ก ค�ำรำชำศัพท์อย่ำงเป็น
ทรงเปนศูนยรวมจิตใจของปวงชนชาวไทยตลอดมา
ลำยลักษณ์อกั ษรขึน้ ค�ำรำชำศัพท์จงึ เป็นถ้อยค�ำทีเ่ กิดขึน้ หลังจำกทีบ่ ำ้ นเมืองเปลีย่ นระบอบกำรปกครอง
บรรพชนไทยเคารพสักการะพระมหากษัตริยและ
จำกระบอบพ่อกับลูกมำเป็นแบบเทวรำชำ ที่มีควำมเชื่อว่ำกษัตริย์ คือ สมมติเทพ ท�ำให้มีกำรสร้ำงค�ำ
ตองการแสดงออกวาเทิดทูนพระประมุขของชาติ
ไวสูงสุด จึงคิดถอยคําที่ควรคาแกพระเกียรติมาใช ขึ้นใหม่ เพื่อแสดงควำมแตกต่ำงระหว่ำงกษัตริย์ซึ่งเป็นผู้ปกครองประเทศกับประชำชนทั่วไป
เปนคําราชาศัพทในการกราบบังคมทูลพระกรุณา ดังนั้น ค�ำรำชำศัพท์ จึงเป็นระเบียบของภำษำที่ต้องใช้ให้เหมำะสมกับระดับชั้นของบุคคลและ
ใหตา งจากถอยคําทีส่ ามัญชนพูด คําราชาศัพท กำรใช้ ถ้ อ ยค� ำ ส� ำ หรั บ พระมหำกษั ต ริ ย์ พระบรมวงศำนุ ว งศ์ ถื อ เป็ น กำรแสดงควำมจงรั ก ภั ก ดี
ไดกําหนดใชเปนแบบแผนสืบตอกันมา ถือเปน รวมถึงบุคคลชั้นผู้ใหญ่ที่พึงยกย่องนับถือตำมควำมเหมำะสมด้วย
วัฒนธรรมทางภาษาอันเปนเอกลักษณอยางหนึ่ง
ของชาติ ๒ ประโยชน์ของการเรียนคÓราชาศัพท์
บุคคลในสังคมมีระดับลดหลั่นกันตำมชำติวุฒิ คุณวุฒิ วัยวุฒิ คนไทยมีนิสัยสุภำพ อ่อนน้อม
จากนั้นตั้งคําถามกับนักเรียนวา ยกย่องให้เกียรติผอู้ นื่ กำรใช้ภำษำจึงต้องเลือกใช้คำ� ให้เหมำะสมกับฐำนะของบุคคล กำรใช้คำ� รำชำศัพท์
• ขอความดังกลาว แสดงใหเห็นที่มาของ จึงแสดงให้เห็นว่ำคนไทยมีวฒ ั นธรรมทำงภำษำทีส่ อดคล้องกับวัฒนธรรมอันดีของชำติ ดังนัน้ จึงควรศึกษำ
คําราชาศัพทหรือไม อยางไร เรือ่ งค�ำรำชำศัพท์และใช้ให้ถกู ต้อง ซึง่ กำรเรียนเรือ่ งค�ำรำชำศัพท์มปี ระโยชน์ ดังนี้
(แนวตอบ ขอความดังกลาวสะทอนใหเห็นที่มา ๑) ช่วยสืบทอดและรักษามรดกทางวัฒนธรรมของชาติ โดยเฉพำะอย่ำงยิ่งกำรที่คนไทย
ของคําราชาศัพท โดยคําราชาศัพทที่กําหนด มีพระมหำกษัตริย์เป็นประมุขของชำติ มีพระพุทธศำสนำเป็นศำสนำประจ�ำชำติ มีกำรเคำรพยกย่อง
ใชในปจจุบันเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากความ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน กำรใช้ค�ำรำชำศัพท์และค�ำสุภำพจึงแสดงถึงควำมเจริญรุ่งเรืองทำงวัฒนธรรม
จงรักภักดี การเคารพเทิดทูนที่ปวงชนชาวไทย ที่ควรภำคภูมิใจ
มีตอพระมหากษัตริย จึงตองใชถอยคําที่ตาง ๒) ช่วยให้เข้าใจภาษาที่ปรากฏในสื่อต่างๆ เช่น ข่ำว นวนิยำย บทประพันธ์ วรรณคดี
ไปจากสามัญชน)
กวีนิพนธ์ต่ำงๆ เป็นต้น
• การเรียนรูเกี่ยวกับคําราชาศัพทมีประโยชน
๓) ช่วยให้ใช้ภาษาในการสือ่ สารได้ถกู ต้องเหมาะสม ผูท้ ใี่ ช้ภำษำสือ่ สำรได้ถกู ต้องเหมำะสม
ตอชีวิตประจําวันของนักเรียนอยางไร
(แนวตอบ การเรียนรูเกี่ยวกับคําราชาศัพทชวย ย่อมได้รับกำรชื่นชมและเกิดควำมมั่นใจในกำรติดต่อสื่อสำร
ทําใหสามารถฟง เขียนหรือพูดคําราชาศัพท ๔) ช่วยเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีแก่ตนเอง ท�ำให้เข้ำสังคมได้อย่ำงมั่นใจ กำรติดต่อสื่อสำร
ไดถูกตอง เหมาะสม เสริมสรางบุคลิกภาพ มีประสิทธิผล
ทางภาษาใหแกตนเอง อีกทั้งยังชวยสืบทอด
130
และรักษามรดกทางวัฒนธรรมของชาติให
คงอยูตอไป)
นักเรียนควรรู บูรณาการอาเซียน
1 คําราชาศัพท คําที่นํามาประกอบเปนคําราชาศัพทในภาษาไทย สวนใหญเปน ประเทศสมาชิกอาเซียนมีความหลากหลายและความคลายคลึงกัน ทั้งดาน
คําที่ยืมมาจากภาษาอื่น ไดแก ภาษาบาลี สันสกฤต เขมร และคําไทยรุนเกา สภาพภูมิศาสตร การเมือง การปกครอง เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม โดยตาง
คําราชาศัพทโดยสวนใหญเปนคําประสม ประกอบขึ้นจากคําตั้งแตสองคําขึ้นไป มีการแลกรับวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน รวมถึงการใชคําราชาศัพท ซึ่งประเทศไทย
และกําหนดใหใชแตกตางกันตามพระอิสริยยศ สาเหตุที่นําคําในภาษาเขมร ไดรับอิทธิพลมาจากชนชาติเขมร หรือประเทศกัมพูชาในปจจุบัน อันเนื่องมาจาก
มาประกอบเปนคําราชาศัพทนั้น นักปราชญทางประวัติศาสตรและภาษา กลาววา ในอดีตประเทศไทยใชระบอบการปกครองเชนเดียวกับประเทศกัมพูชา คือ ระบอบ
“เปนการเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริยในฐานะทรงเปนผูปกครองแผนดิน” สมบูรณาญาสิทธิราชย พระมหากษัตริยทรงดํารงสถานะเปนสมมติเทพ
สวนการใชคําในภาษาบาลี สันสกฤต เปนเพราะคําทั้งสองเปนคําทางพระพุทธศาสนา ใหนักเรียนจัดทําสมุดภาพพระราชประวัติสังเขปขององคพระประมุขของ
ซึ่งถือวาเปนคําสูง จึงนํามาใชประกอบเปนคําราชาศัพท ประเทศสมาชิกอาเซียน 4 ประเทศ ไดแก ไทย กัมพูชา มาเลเซีย และบรูไน
2 กฎมณเฑียรบาล ในสมัยพระบรมไตรโลกนาถไดระบุพระราชกําหนดเกี่ยวกับ รวบรวมคําราชาศัพทที่เกี่ยวของกับสถาบันกษัตริย จํานวนอยางนอย 50 คํา
ถอยคําที่จะใชกราบทูล คําที่ใชเรียกสิ่งของเครื่องใช และวิธีใชคํารับสําหรับกราบ พรอมคําอธิบาย แลวนําสงครู
บังคมทูลกับพระมหากษัตริยโดยเฉพาะ
130 คู่มือครู
ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ Explore Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expand Evaluate
ส�ารวจค้นหา Explore
นักเรียนจับคูกับเพื่อนตามความสมัครใจ
๓ คÓราชาศัพท์สÓหรับบุคคลต่างๆ จากนั้นใหรวมกันสืบคนความรูในประเด็นหลักการ
ใชคาํ ราชาศัพทใหถกู ตองตามพระอิสริยยศ รวมถึง
๓.๑ ค�ำรำชำศัพท์สำ� หรับพระมหำกษัตริย ์ พระบรมวงศำนุวงศ์ ขอควรคํานึงในการใช โดยสามารถสืบคนความรู
๑) ค�ำนำมรำชำศัพท์ ค�ำที่บัญญัติขึ้นใช้โดยเฉพำะ หรือบำงค�ำอำจน�ำมำจำกค�ำนำมสำมัญ ไดจากแหลงขอมูลตางๆ ที่เขาถึงได และมีความ
โดยใช้ค�ำอื่นประกอบข้ำงหน้ำหรือข้ำงหลัง เพื่อให้พิเศษกว่ำค�ำธรรมดำทั่วไป ดังนี้ นาเชื่อถือ เชน หนังสือราชาศัพท ของสํานักงาน
๑.๑) ค�ำนำมทีเ่ ป็นสิง่ ส�ำคัญอันควรยกย่อง ใช้ค�ำว่ำ “พระบรมอรรครำช” “พระบรม เสริมสรางเอกลักษณของชาติ สํานักงานปลัด
มหำรำช” “พระบรมมหำ” “พระบรมรำช” “พระบรม” “พระอัครรำช” “พระอัคร” “พระมหำ” สํานักนายกรัฐมนตรี หรือจากหนังสือเรียน
น�ำหน้ำ เช่น พระบรมอรรครำชบรรพบุรษุ พระบรมมหำรำชวัง พระบรมมหำชนก พระบรมรำชโองกำร ภาษาไทย หนา 131-133 บันทึกขอมูล ความรู
พระบรมรำชวงศ์ พระบรมรำชูปถัมภ์ พระบรมรำชำนุเครำะห์ พระบรมรำโชวำท พระบรมรำชินี ที่เปนประโยชนลงสมุด เพื่อใชสําหรับกิจกรรม
พระบรมเดชำนุภำพ พระบรมรำชำนุสรณ์ พระบรมฉำยำลักษณ์ พระบรมโอรสำธิรำช พระอัครรำชเทวี ตอไป
พระอัครมเหสี พระมหำปรำสำท พระมหำกรุณำธิคุณ พระมหำมงคล 1
๑.๒) ค�ำนำมที่เป็นสิ่งส�ำคัญรองลงมำ หรืือที่ประสงค์จะมิให้ปนกับเจ้ำนำยอื่นๆ หรือ
อธิบายความรู้ Explain
ไม่ประสงค์จะให้รู้สึกว่ำส�ำคัญดังข้อต้น ให้ใช้ค�ำว่ำ “พระรำช” ประกอบข้ำงหน้ำ เช่น พระรำชวัง นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
พระรำชนิเวศน์ พระรำชอ�ำนำจ พระรำชวงศ์ พระรำชประสงค์ พระรำชด�ำริ พระรำชด�ำรัส พระรำชทำน อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับ
พระรำชปรำรภ พระรำชทรัพย์ พระรำชอุทิศ คําราชาศัพท โดยใชความรู ความเขาใจ ที่ไดรับ
๑.๓) ค�ำนำมทีเ่ ป็นสิง่ สำมัญทัว่ ไป ไม่ได้แยกใช้ตำมล�ำดับชัน้ ให้ใช้คำ� ว่ำ “พระ” น�ำหน้ำ จากการสืบคนรวมกับเพื่อน เปนขอมูลเบื้องตน
เช่น สําหรับตอบคําถาม
พระหัตถ์ หมำยถึง มือ • นักเรียนสํารวจตนเองเกี่ยวกับการรับฟง
พระกร หมำยถึง แขน และชมขาวในพระราชสํานัก วิเคราะหวา
พระเสโท หมำยถึง เหงื่อ ความรูใดที่ทําใหสามารถแปลความขาวๆ
พระเขนย หมำยถึง หมอน นั้นไดเขาใจ ยกตัวอยางประกอบคําอธิบาย
ซึ่งบำงค�ำจะใช้ค�ำว่ำ “หลวง” หรือ “ต้น” ประกอบที่ท้ำยค�ำหลัก เช่น
(แนวตอบ ความรูเกี่ยวกับความหมายของ
คําราชาศัพท กลาวคือ คําราชาศัพทบาง
เครื่องต้น หมำยถึง อำหำร, เครื่องแต่งตัวในพระรำชพิธี
คําประกอบขึ้นจากคํานาม โดยทั่วไปแลว
ช้ำงต้น หมำยถึง ช้ำงพระที่นั่ง
เติมหนวยคําเติมหนา ทําใหสามารถแปล
เรือหลวง หมำยถึง เรือที่ขึ้นระวำงเป็นของหลวง
ความหมายได เชน ทรงบําเพ็ญพระราช-
๒) ค�ำกริยำรำชำศัพท์ ค�ำทีบ่ ญั ญัตขิ นึ้ ใช้โดยเฉพำะ หรือบำงค�ำอำจน�ำมำจำกค�ำกริยำสำมัญ กุศล ปรากฏการใชคําราชาศัพท ไดแก
โดยใช้ค�ำอื่นประกอบข้ำงหน้ำหรือข้ำงหลัง เพื่อให้พิเศษกว่ำค�ำธรรมดำทั่วไป ดังนี้ ทรงบําเพ็ญ พระราชกุศล โดยสามารถแปล
๒.๑) กริยำทีเ่ ป็นรำชำศัพท์ในตัวเอง ซึง่ ส่วนมำกเป็นค�ำทีย่ มื มำจำกภำษำบำลี สันสกฤต ความหมายได ดังนี้ ทรงบําเพ็ญ หมายถึง
หรือภำษำเขมร เช่น กริ้ว (โกรธ) ตรัส (พูด) โปรด (ชอบ รัก เอ็นดู) เสด็จ (เดินทำง) เสวย (กิน) เป็นต้น ทํา พระราชกุศล หมายถึง บุญ)
131
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดเปนความสําคัญของการรูคําราชาศัพท
ครูควรสรางความรู ความเขาใจเพิ่มเติมใหแกนักเรียนเกี่ยวกับการใช “ทรง”
1. มีความรูมากกวาผูอื่น
เปนกริยานุเคราะห หรือหนวยคําเติมหนาประกอบคําสามัญ ไดแก คํากริยา
2. ดัดแปลงคําศัพทไดตามตองการ
และคํานาม ใหเปนคํากริยาราชาศัพท เชน ทรงถาม ทรงยืน ทรงถือ ทรงเรือ
3. ออกเสียงภาษาไทยไดอยางถูกตอง
ทรงมา เมื่อเปนคํากริยาราชาศัพทแลว “ทรง” จะมีความหมายตามเนื้อความ
4. สืบทอดและรักษามรดกทางวัฒนธรรม
คําที่ตามหลัง เชน ทรงมา หมายถึง ขี่มา
วิเคราะหคําตอบ ภาษาไทยเปนภาษามีระดับ ซึ่งนับเปนเอกลักษณทาง
ภาษาที่แตกตางจากภาษาอื่น ดังนั้นการเรียนรูและทําความเขาใจ จึงถือเปน
การดํารงเอกลักษณและรักษาสืบทอดวัฒนธรรมทางภาษาวิธีหนึ่ง นักเรียนควรรู
ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
1 เจานายอื่นๆ หมายถึง พระบรมวงศานุวงศองคอื่นๆ ซึ่งในการเขียนพระนาม
เจานาย จะตองลงสามานยนามบอกเครือญาติ และสามานยนามบอกชั้นเจานายกอน
ไดแก เจาฟา พระองคเจา หมอมเจา และเจานายที่มีพระอิสริยยศตางกรมอีก 7 ชั้น
แลวจึงตามดวยพระนาม หากทรงยศทางทหารหรือพลเรือน จะเขียนพระนามบอกยศ
ในเบื้องตน
คู่มือครู 131
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนจับคูก บั เพือ่ นโดยใชคเู ดิม เลือกอานขาว
ในพระราชสํานัก แลวเปรียบเทียบขอแตกตางเพื่อ ๒.๒) การประสมกริยาขึ้นเป็นค�าราชาศัพท์ เช่น เสด็จพระรำชสมภพ (เกิด) ทรง
สรุปหลักเกณฑการใชคําราชาศัพท พระประชวร (ป่วย) 1
โดยครูชี้นําใหนักเรียนสังเกตคําราชาศัพท ๒.๓) การใช้ “เสด็จ”” น�ำหน้ำค�ำที่เป็นกริยำสำมัญหรือกริยำรำชำศัพท์ โดยใช้ “เสด็จ”
ที่เหมือนกันในขาวนั้นๆ น�ำหน้ำเพื่อท�ำให้เป็นกริยำรำชำศัพท์ เช่น เสด็จประพำส เสด็จกลับ เสด็จไป เสด็จมำ เป็นต้น
(แนวตอบ การใชหนวยคําเติมหนาเมื่อตอง โดยควำมหมำยส�ำคัญจะอยู่ที่กริยำค�ำหลัง
ประกอบคําราชาศัพท จะผันแปรตามพระอิสริยยศ
๒.๔) การใช้ “ทรง” น�ำหน้ำค�ำกริยำสำมัญให้เป็นกริยำรำชำศัพท์ เช่น ทรงฟัง ทรงยินดี
โดยสามารถสรุปเปนหลักเกณฑ ไดดังนี้
ทรงชุบเลีย้ ง เป็นต้น แต่จะใช้ “ทรง” น�ำหน้ำค�ำกริยำทีเ่ ป็นรำชำศัพท์อยูแ่ ล้วให้เป็น ทรงประชวร ทรงเสวย
• คํานามราชาศัพทที่ใชสําหรับพระมหากษัตริย
เมื่อประกอบคําจะใชหนวยคําเติมหนา “พระ ไม่ได้เป็นอันขำด นอกจำกนี้ “ทรง” ยังใช้น�ำหน้ำนำมรำชำศัพท์เพื่อให้เป็นกริยำวลีรำชำศัพท์ เช่น
บรมราช” หรือ “พระบรม” เชน พระบรม- ทรงพระกรุณำ ทรงพระประชวร แต่จะใช้ “ทรง” น�ำหน้ำกริยำที่มีนำมรำชำศัพท์ต่อท้ำยไม่ได้ เช่น
ราชวโรกาส คํานามราชาศัพทที่ใชสําหรับ ทรงมีพระมหำกรุณำ อย่ำงนี้ ไม่ถูกต้องให้ใช้ว่ำ ทรงพระมหำกรุณำ หรือมีพระมหำกรุณำ
พระบรมราชินีนาถ พระบรมโอรสาธิราช เมื่อ ๓) ค�าสรรพนามราชาศัพท์ เป็นค�ำรำชำศัพท์ทใี่ ช้แทนชือ่ ซึง่ จ�ำแนกใช้ตำมชัน้ หรือฐำนะของ
ประกอบคําจะใชหนวยคําเติมหนา “พระราช” บุคคลที่มีฐำนันดรศักดิ์ ต่ำงกันตำมประเพณีนิยมซึ่งบัญญัติไว้ เช่น ข้ำพระพุทธเจ้ำ เกล้ำกระหม่อมฉัน
เชน พระราชวโรกาส สวนคําราชาศัพทที่ใช ใต้ฝ่ำละอองธุลีพระบำท
สําหรับพระราชวงศระดับชั้นสมเด็จเจาฟา, ค�ำรำชำศัพท์ส�ำหรับพระมหำกษัตริย์และพระบรมวงศำนุวงศ์ที่ควรศึกษำ มีดังนี้
พระบรมวงศเธอ พระองคเจา, พระเจาวรวงศเธอ ๓.๑) หมวดเครื่องราชกกุธภัณฑ์และเครื่องราชูปโภค เครื่องรำชกกุธภััณฑ์ คือ เครื่อง
พระองคเจา, พระวรวงศเธอ พระองคเจา เมื่อ
ประกอบพระบรมรำชอิสริยยศของพระมหำกษัตริย ์ ส่วนเครือ่ งเบญจรำชกกุธภัณฑ์ คือ เครือ่ งประกอบ
ประกอบคําจะใชหนวยคําเติมหนา “พระ” เชน
พระบรมรำชอิสริยยศของพระมหำกษัตริย ์ มี ๕ สิง่ ได้แก่ พระมหำพิชยั มงกุฎ (เครือ่ งสวมศีรษะ) พระแสง
พระวโรกาส)
ขรรค์ชัยศรี (ดำบ) ธำรพระกรชัยพฤกษ์ (ไม้เท้ำ) พัดวำลวิชนี พระแส้จำมรี (แส้) และฉลองพระบำท
เชิงงอน (รองเท้ำ) เครื่องรำชูปโภค คือ เครื่องใช้ตำมปกติของพระมหำกษัตริย์เป็นเครื่องประกอบ
พระรำชอิสริยยศที่ใช้ตั้งแต่งในงำนพระรำชพิธี เช่น พระสุพรรณรำช (กระโถนใหญ่)
๓.๒) หมวดขัตติยตระกูล เช่น
ค�ำรำชำศัพท์ ค�ำสำมัญ
สมเด็จพระเจ้ำลูกเธอ ลูกสำวที่เป็นสมเด็จเจ้ำฟ้ำของพระมหำกษัตริย์
สมเด็จพระเจ้ำหลำนเธอ หลำนชำย หลำนสำวที่เป็นสมเด็จเจ้ำฟ้ำของพระมหำกษัตริย์
พระสุณิสำ ลูกสะใภ้ของพระมหำกษัตริย์ถึงพระองค์เจ้ำ
132
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
คําวา “ทรง” ในขอใด เมื่อแปลเปนคําสามัญแลวมีความหมายแตกตางจาก
ครูควรใหขอสังเกตแกนักเรียนเกี่ยวกับคําราชาศัพท “พระราชดํารัส”
ขออื่น
“พระราชกระแส” “พระดํารัส” “รับสั่ง” “ตรัส” “ดํารัส” โดยกลาววา “พระราชดํารัส”
“พระราชกระแส” ใชแกพระมหากษัตริย สมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรม- 1. ทรงกีฬา
ราชินี สมเด็จพระบรมราชชนก สมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระยุพราช สมเด็จ 2. ทรงเรือใบ
พระบรมโอรสาธิราช “พระดํารัส” “รับสั่ง” “ตรัส” ใชแกพระราชวงศชั้นสมเด็จเจาฟา 3. ทรงดนตรี
และพระองคเจา 4. ทรงธรรม
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1., 2. และขอ 3. คําวา “ทรง” มีความหมายวา เลน
สวนขอ 4. คําวา “ทรง” มีความหมายวา ฟง ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
นักเรียนควรรู
1 การใช “เสด็จ” ยังสามารถใชนําหนาคํานามราชาศัพทเพื่อประกอบใหเปน
คํากริยาราชาศัพท เชน เสด็จพระราชดําเนิน เมื่อจะนํามาใชในประโยคตองเติมคํา
ซึ่งแสดงใจความสําคัญไวขางหลัง เชน เสด็จพระราชดําเนินเยือนตางประเทศ
หากไมเติมจะทําใหสื่อความไดไมสมบูรณ
132 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
นักเรียนจับคูกับเพื่อนโดยใชคูเดิม เลือกอาน
๓.๓) หมวดอวัยวะ เช่น ขาวในพระราชสํานัก แลวเปรียบเทียบขอแตกตาง
ค�ำรำชำศัพท์ ค�ำสำมัญ ค�ำรำชำศัพท์ ค�ำสำมัญ
เพื่อสรุปหลักเกณฑการใชคําราชาศัพท
โดยครูตั้งคําถามกับนักเรียนวา
พระโอษฐ์ ปำก พระทนต์ ฟัน
• จากขาวพระราชสํานักที่อานสามารถ
พระขนง, พระภมู คิ้ว พระนลำฏ หน้ำผำก
สังเกตหลักเกณฑการประกอบคํากริยา
พระเพลำ ขำ, ตัก พระบำท เท้ำ
พระนำสิก, พระนำสำ จมูก พระชิวหำ ลิ้น
ราชาศัพทไดอยางไร
พระเศียร หัว พระศอ คอ
(แนวตอบ คํากริยาราชาศัพท คือคําที่บัญญัติ
พระหัตถ์ มือ
ขึ้นโดยเฉพาะ เชน กริ้ว โปรด เสวย
พระกรรณ หู, ใบหู
ทอดพระเนตร หรือบางคําอาจประกอบขึ้น
พระกัจฉะ รักแร้ พระชำนุ เข่ำ
จากคํากริยาสามัญ โดยใช “ทรง” เปนกริยา
๓.๔) หมวดค�ากริยา เช่น นุเคราะห หรือกริยาชวย เชน ทรงฟง
ค�ำรำชำศัพท์ ค�ำสำมัญ ค�ำรำชำศัพท์ ค�ำสำมัญ ทรงเปลี่ยน ทรงจุด)
ประทับ นั่ง, อยู่ ทรงยืน ยืน • การจะเขียนหรือพูดคําราชาศัพทใหถูกตอง
ทรงถำม, ตรัสถำม ถำม เสวย กิน
ควรมีความรูในเรื่องใดบาง
ทอดพระเนตร ดู ตรัส พูด (แนวตอบ ควรมีความรูในเรื่องลําดับชั้น
ทรงช้ำง ขี่ช้ำง ทรงพระสรวล หัวเรำะ พระบรมวงศานุวงศ วิธีการประกอบ
รับสั่ง สั่ง ทรงพระอักษร อ่ำนหนังสือ คําราชาศัพท การใชคําขึ้นตน คําสรรพนาม
ทรงพระด�ำเนิน เดิน ช�ำระพระหัตถ์ ล้ำงมือ คํารับ คําลงทาย สําหรับการกราบบังคมทูล
พระรำชทำน ให้ โปรด ชอบ, รัก, เอ็นดู
กราบทูล และทูล รวมถึงขอควรระวัง
ในการใช ทั้งการพูดและการเขียน)
๓.๕) หมวดเครื่องอุปโภค เช่น
ค�ำรำชำศัพท์ ค�ำสำมัญ ค�ำรำชำศัพท์ ค�ำสำมัญ
ฉลองพระบำท รองเท้ำ พระมำลำ หมวก
ทองพระกร ก�ำไล พระธ�ำมรงค์ แหวน
พระสุพรรณรำช กระโถนใหญ่ พระสุพรรณศรี กระโถนเล็ก
ลำดพระบำท พรมทำงเดิน พระตะพำบ, พระเต้ำ คนโทน�้ำ
พระเก้ำอี้ เก้ำอี้ พระเขนย หมอนหนุน
พระรำชบรรจถรณ์ ที่นอน พระวิสูตร ม่ำน
ฉลองพระองค์ เครือ่ งแต่งกำย พระสนับเพลำ กำงเกง
133
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
คําราชาศัพทในขอใดมีที่มาแตกตางจากขออื่น
ครูหาขาวในพระราชสํานัก ใหนักเรียนรวมกันวิเคราะหขอแตกตางการใชคําวา
1. พระกราม 2. พระหัตถ
“ทูลเกลาฯ” และ “นอมเกลาฯ”
3. พระบรมราโชวาท 4. พระบรมราชชนนี
ขอแตกตางที่สรุปไดคือ ทูลเกลาทูลกระหมอมถวาย...ใชกับของที่ยกใหได
วิเคราะหคําตอบ วิธีการพิจารณาขอสอบขอนี้ ใหพิจารณาจากที่มาของ สวนนอมเกลานอมกระหมอมถวาย...ใชกับของที่ยกขึ้นใหไมได และสิ่งที่เปน
คําที่นํามาประกอบเปนคําราชาศัพท ซึ่งคําที่นํามาประกอบเปนคําราชาศัพท นามธรรม
ในภาษาไทย สวนใหญเปนคํายืมภาษาเขมร บาลี สันสกฤต แตถงึ อยางไร
ก็ตามไดปรากฏคําราชาศัพททปี่ ระกอบขึน้ จากคําไทย คือ พระกราม พระเตา
พระรากขวัญ และพระยอด คําวาพระหัตถ พระบรมราโชวาท และพระบรม
ราชชนนี ประกอบขึ้นจากคํายืมภาษาบาลี และบัญญัติใชสําหรับ
พระมหากษัตริย ดังนั้นจึงตอบขอ 1.
คู่มือครู 133
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา
Engage Explore อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Elaborate Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอน ดวยวิธีการ
ชวนนักเรียนสนทนาในประเด็นหลักปฏิบัติชาวพุทธ ๓.๒ ค�ำศัพท์เฉพำะส�ำหรับพระภิกษุสงฆ์
และสํารวจตนเองเกี่ยวกับการปฏิบัติตนเปน พระภิกษุสงฆ์ เป็นบุคคลซึ่งได้รับกำรนับถือจำกบุคคลทั่วไป กำรใช้ถ้อยค�ำส�ำหรับพระภิกษุ
พุทธมามกะ จากนั้นตั้งคําถามวา จึงมีกำรก�ำหนดใช้เฉพำะ เพือ่ เป็นกำรแสดงถึงควำมเคำรพนับถือและยกย่องพระสงฆ์ กำรพู รพูดกับพระสงฆ์
1
• นักเรียนคิดวาการเปนพุทธมามกะที่ดีควรมี จะต้องมีสัมมำคำรวะ ส�ำรวม ไม่ใช้ถ้อยค�ำที่ไม่สุภำพ ผู้พูดจ�ำเป็นต้องเข้ำใจสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ด้วย
แนวทางปฏิบัติตนอยางไร จึงจะสำมำรถพูดได้ถูกต้อง
(แนวตอบ พุทธมามกะ หมายถึง ผูถือ ๑) ค�าทีพ่ ระสงฆ์ใช้ มีดงั นี้
พระพุทธเจาวาเปนของเรา หรือผูรับเอา ค�ำสรรพนำมบุรุษที่ ๑ ค�ำสรรพนำมบุรุษที่ ๒ ค�ำขำนรับ
พระพุทธเจาเปนของตน การประกาศตนวา
อำตมำ: ใช้กับฆรำวำสทั่วไป มหำบพิตร: ใช้กับพระมหำกษัตริย์ ขอถวำยพระพร: ใช้กับพระมหำ-
เปนพุทธมามกะ คือ การประกาศตนวาเปน กษัตริย์ และพระรำชวงศ์
ผูยอมรับนับถือพระพุทธศาสนา ดังนั้น อำตมำภำพ: ใช้กับพระรำชวงศ์ บพิตร: ใช้กับพระรำชวงศ์ เจริญพร: ใช้กับฆรำวำสทั่วไป
เมื่อประกาศตนเชนนี้แลว จึงควรปฏิบัติตน ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้ำขึ้นไป และใน
ใหสมกับเปนพุทธมามกะดวยการยึด งำนพิธีกำร
พระรัตนตรัยเปนที่ตั้ง ทําความดีละเวน เกล้ำกระผม: ใช้กับพระภิกษุ โยม: ใช้กับบิดำ มำรดำ ครับ, ขอรับ: ใช้กับพระภิกษุ
ความชั่ว รักษากาย วาจา ใจ ใหพนจาก ด้วยกัน ที่เป็นพระอุปัชฌำย์ ญำติผู้ใหญ่ที่มีอำวุโสสูงกว่ำ ด้วยกันโดยทั่วๆ ไป
ความชั่วทั้งปวง การทําความดี การปฏิบัติตน หรือที่ด�ำรงสมณศักดิ์สูงกว่ำ
ตอพระสงฆ ผูเปนหนึ่งในพระรัตนตรัย ใหมี ผม, กระผม: ใช้กับพระภิกษุ คุณ, เธอ: ใช้กับฆรำวำสทั่วไป
ความเหมาะสมทั้งกาย วาจา และใจ รวมถึง ด้วยกันโดยทั่วๆ ไป
การใชคําสําหรับพระภิกษุสงฆไดถูกตอง ๒) ค�าทีใ่ ช้กบั พระสงฆ์ แบ่งเป็นหมวด เช่น
และเหมาะสม) หมวดค�ำนำม เช่น
กุฏิ เรือน หรือตึกส�ำหรับพระสงฆ์ใช้อยู่อำศัย
ส�ารวจค้นหา Explore กำสำวพัสตร์ ผ้ำย้อมฝำด หรือผ้ำเหลืองพระ
นักเรียนจับคูกับเพื่อนตามความสมัครใจ ครูทํา อำบัติ โทษที่เกิดจำกกำรล่วงละเมิดข้อห้ำมแห่งภิกษุ
สลากเทากับจํานวนคูทั้งหมดของนักเรียน โดยเขียน ตำลปัตร พัดใบตำล มีด้ำมยำว ส�ำหรับพระสงฆ์ใช้ในพิธีกรรม เช่น ในเวลำให้ศีล
หมายเลข 1 และ 2 ในจํานวนเทาๆ กัน หรือเฉลี่ย ปัจจุบันอนุโลมพัดที่ท�ำด้วยผ้ำว่ำตำลปัตรเช่นกัน
ตามความเหมาะสม พรอมระบุขอความในแตละ หมวดค�ำกริยำ เช่น
หมายเลข ดังนี้ จ�ำพรรษำ อยู่ประจ�ำที่วัดเป็นเวลำ ๓ เดือน ในฤดูฝน
หมายเลข 1 คําสุภาพสําหรับพระภิกษุ สงฆ นมัสกำร กำรแสดงควำมอ่อนน้อมด้วยกำรไหว้
หมายเลข 2 คําสุภาพสําหรับบุคคลทั่วไป อำรำธนำ กำรเชื้อเชิญ เช่น อำรำธนำให้แสดงธรรมเทศนำ
แตละคูสงตัวแทนออกมาจับสลาก โดยสามารถ
นิมนต์ กำรเชื้อเชิญ เช่น นิมนต์ไปฉันเพลที่บ้ำน
สืบคนความรูไดจากแหลงขอมูลตางๆ ที่เขาถึงได
และมีความนาเชื่อถือ 134
นักเรียนควรรู
1 สมณศักดิ์ของพระสงฆ การเลือกใชถอยคําเพื่อสื่อสารกับพระภิกษุ สงฆ ไมวาจะดวยวิธีการเขียนหรือสนทนา ตองใชใหถูกตอง
สมเด็จพระสังฆราช
ตามสมณศักดิ์ของพระสงฆที่สื่อสารดวย ดังนั้นการมีความรู
ความเขาใจ เกี่ยวกับสมณศักดิ์ของพระภิกษุ สงฆ จึงสงผล
สมเด็จพระราชาคณะ
ตอการเลือกใชถอยคํา เชน การใชคําสรรพนาม คํากริยา
พระราชาคณะเจาคณะรอง
คําขึน้ ตน คําลงทาย คําขานรับ ซึง่ สมณศักดิข์ องพระภิกษุ สงฆ
พระราชาคณะชั้นธรรม
สามารถแสดงไดดังพีระมิด
พระราชาคณะชั้นเทพ
พระราชาคณะชั้นราช
พระราชาคณะชั้นสามัญ
พระครู
พระสงฆที่เปนเปรียญ
พระสงฆที่มีตําแหนงตางๆ
พระอนุจรหรือพระสงฆโดยทั่วไป
สามเณร
134 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. ครูสุมเรียกชื่อนักเรียนออกมาอธิบายความรู
๓.๓ ค�ำสุภำพส�ำหรับบุคคลทัว่ ไป ที่ไดจากการสืบคนรวมกับคูของตนเอง
ค�ำศัพท์ส�ำหรับบุคคลทั่วไปหรือสุภำพชนเรียกว่ำ ค�าสุภาพ เป็นค�ำที่ใช้สื่อสำรเพื่อให้เกิด โดยสุมเรียกประเด็นละไมตํ่ากวา 5 คน
ควำมสุภำพถูกต้องตำมกำลเทศะและบุคคล ไม่ใช้ค�ำหยำบ ค�ำผวน และค�ำคะนอง ค�ำสุภำพจึงช่วย จากนั้นใหบันทึกขอมูลที่เปนประโยชน ลงสมุด
ให้กำรสื่อสำรรำบรื่นและเกิดควำมเข้ำใจได้อย่ำงถูกต้องเหมำะสม 2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
ค�ำสุภำพส�ำหรับบุคคลทั่วไปที่ควรศึกษำ มีดังนี้ อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับ
คําสุภาพสําหรับพระภิกษุ สงฆ และคําสุภาพ
ค�ำสุภำพ ค�ำสำมัญ
สําหรับบุคคลทั่วไป โดยใชความรู ความเขาใจ
รับประทำน กิน
ที่ไดรับจากการฟง เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับ
ทรำบ รู้ ตอบคําถาม
สวมหมวก ใส่หมวก • การสื่อสารกับพระภิกษุ สงฆ ใหถูกตอง
คลอดบุตร คลอดลูก เหมาะสมทั้งดานการสนทนาและการเขียน
ต้องกำร อยำก นักเรียนตองมีความรู ความเขาใจ
น�ำมำ เอำมำ ในเรื่องใดบาง
จ�ำคุก ติดคุก (แนวตอบ ตองมีความรู ดังตอไปนี้
ผึ่งแดด ตำกแดด • ลําดับชั้นสมณศักดิ์ของพระภิกษุ สงฆ
ถึงแก่กรรม ตำย (เมื่อสิ้นอำยุขัย) • การใชคําสรรพนามบุรุษที่ 1 สรรพนาม
เสียชีวิต ตำย (ด้วยสำเหตุอื่น) บุรุษที่ 2 และสรรพนามบุรุษที่ 3 การใช
ศีรษะ หัว คํากริยา คําขึ้นตน ลงทายใหเหมาะสม
แพทย์ หมอ แกสมณศักดิ์)
วณิพก ขอทำน (ที่ร้องเพลงแลกเงิน) • นักเรียนคิดวา การมีความรู ความเขาใจ
ขนมสอดไส้ ขนมใส่ไส้ เกี่ยวกับคําสุภาพ มีประโยชนตอชีวิต
กล้วยเปลือกบำง, กล้วยกระ กล้วยไข่ ประจําวันในดานใด และอยางไร
ถั่วเพำะ ถั่วงอก (แนวตอบ การมีความรู ความเขาใจเกี่ยวกับ
ไม้ตีพริก สำก คําสุภาพ มีประโยชนตอชีวิตประจําวัน
โค วัว ในดานการสื่อสาร กลาวคือ ทําใหสามารถ
กระบือ ควำย พูดหรือเขียนสื่อสารไดถูกตอง เหมาะสม
สุนัข หมำ กับกาลเทศะ และบุคคล เพิ่มบุคลิกภาพ
สุกร หมู ทางภาษา สรางความศรัทธา และความ
เท้ำ ตีน นาเชื่อถือตอผูที่สื่อสารดวย)
รำกดิน ไส้เดือน
135
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T เกร็ดแนะครู
ขอใดไมใชประโยชนของคําสุภาพ
ครูควรชี้แนะเพิ่มเติมใหแกนักเรียนเกี่ยวกับประโยชนของการศึกษาเรื่อง
1. ใชเพื่อแสดงกาลเทศะ
คําสุภาพวานอกจากจะทําใหสามารถใชถอยคําไดถูกตองตามกาลเทศะและโอกาส
2 ชวยแสดงภูมิของผูพูด
แลว ยังเปนเครื่องมือที่ชวยฝกอบรมจิตใจใหผูศึกษาเปนคนประณีตในการใชภาษา
3. เปนการใหเกียรติแกบุคคล
และชวยใหมวี งศัพทกวางขวางลึกซึง้ ซึง่ ถือเปนการเพิม่ พูนทักษะทางภาษาอีกทางหนึง่
4. ชวยหลีกเลี่ยงการใชถอยคําหยาบคาย
วิเคราะหคําตอบ คําสุภาพเปนคําทีส่ อื่ สารเพือ่ ใหเกิดความถูกตองตาม
กาลเทศะ ระหวางสุภาพชน โดยตองไมเปนคําหยาบ คําผวน คําคะนอง
ดังนั้นจึงตอบขอ 2.
คู่มือครู 135
ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
ขยายความเข้าใจ Expand
1. นักเรียนรวบรวมขาวในพระราชสํานักจํานวน
1
20 ขาว นํามาวิเคราะหหลักเกณฑการประกอบ วัฒนธรรมไทยที่เป็นเอกลักษณ์ประการหนึ่ง คือ การเคารพยกย่องให้เกียรติผ้อู ่น ื
คําราชาศัพท พรอมเขียนคําอธิบายวาใช ความนอบน้อม ถ่อมตน โดยแสดงผ่านการใช้ภาษาในการสื่อสาร ดั 2 งจะเห็นได้จาก
ไดถูกตอง เหมาะสมกับพระอิสริยยศหรือไม การมีคÓราชาศัพท์ใช้เฉพาะกับพระมหากษัตริย ์ พระบรมวงศานุวงศ์ แสดงถึงความเคารพ
อยางไร นําเสนอในรูปแบบใบงานเฉพาะบุคคล เทิดทูนสูงสุดของคนไทย นอกจากนีย้ งั มีการใช้คÓเฉพาะสÓหรับพระสงฆ์ทส่ี ะท้อนให้เห็น
2. นักเรียนแตละคู ใชความรู ความเขาใจ ความเคารพ รวมถึงสุภาพชนที่ใช้คÓสุภาพสื่อสารกัน การสื่อสารโดยคÓนึงถึงวัฒนธรรม
ทํากิจกรรม ดังตอไปนี้ นอกจากจะสือ่ สารได้ประสบผลสÓเร็จแล้วยังจะได้รบั การยกย่อง ชืน่ ชมจากผูอ้ น่ื อีกด้วย
• คูที่ศึกษาในประเด็นคําสุภาพสําหรับ
พระภิกษุ สงฆ รวมกันสมมติสถานการณ
เขียนบทสนทนา ระหวางบุคคลทั่วไปกับ
พระภิกษุ สงฆ โดยเลือกใชถอยคําให
ถูกตองตามลําดับสมณศักดิ์ จํานวนไมตาํ่ กวา
3 สถานการณ และรวบรวมรูปแบบการใช
คําสรรพนาม คํากริยา คําขึ้นตน คําลงทาย
สําหรับการสนทนาและการเขียน รวมถึง
คําศัพทที่ใชสําหรับพระภิกษุ สงฆ จํานวน
ไมตํ่ากวา 20 คํา นําเสนอในรูปแบบตาราง
• คูที่ศึกษาในประเด็นคําสุภาพสําหรับบุคคล
ทั่วไป รวมกันจัดทําสมุดภาพขนาด A4
รวบรวมคําสุภาพทีป่ รากฏใชในชีวติ ประจําวัน
จํานวนไมตํ่ากวา 40 คํา พรอมหา
หรือสรางสรรคภาพประกอบดวยตนเอง
136
บูรณาการเชื่อมสาระ
นักเรียนควรรู คําสุภาพสําหรับพระภิกษุสงฆ สามารถบูรณาการไดกับเรื่องการเขียน
จดหมายกิจธุระ ในกลุมสาระการเรียนรู ภาษาไทย วิชาหลักภาษาและการใช
1 วัฒนธรรมไทย เปนสิ่งดีงามที่คนไทยสรางขึ้นมาตั้งแตบรรพบุรุษ และไดใช
ภาษา โดยครูมอบหมายชิ้นงานยอยใหแกนักเรียน สมมติสถานการณใหตนเอง
หลอหลอมใหคนไทยทุกหมูเหลา ทั่วทุกภูมิภาคเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน ประชาชนใน
เปนประธานชมรมพุทธศาสตร เขียนจดหมายนิมนตพระภิกษุสงฆมาเปน
ชาติไดยึดถือปฏิบัติเพื่อเปนแนวทางการดําเนินชีวิต เกิดความภาคภูมิใจ โดยสามารถ
วิทยากรบรรยายในหัวขอ “หัวใจชาวพุทธ” โดยเลือกใชรูปแบบจดหมายที่
จําแนกวัฒนธรรมไทยที่โดดเดนไดเปน 3 กลุม ไดแก วัฒนธรรมที่เกี่ยวของกับ
ถูกตอง คํานึงถึงการใชถอยคํา เพื่อบรรจุลงในเนื้อความใหมีความเหมาะสม
พระมหากษัตริย วัฒนธรรมที่เกี่ยวของกับศาสนา และวัฒนธรรมที่เกี่ยวของกับอาชีพ
ตามลําดับสมณศักดิ์ จาหนาซองใหเรียบรอย แตไมตองบรรจุจดหมายลงซอง
2 คําราชาศัพทใชเฉพาะกับพระมหากษัตริย พระบรมวงศานุวงศ มีขอควรคํานึง นําสงครู ผลที่ไดรับจากการปฏิบัติกิจกรรมบูรณาการ จะชวยฝกทักษะการใช
ในการใช ดังนี้ ถอยคําเพื่อสื่อสารกับพระภิกษุสงฆ ใหแกนักเรียน
• ผูใชตองใชใหถูกตองตามเหตุผล
• ผูใชจะตองใชใหถูกตองตามแบบแผนของไวยากรณไทย ไมควรลอกเลียน
สํานวนภาษาตางประเทศ
• การใชคําราชาศัพท จะตองยึดตามแบบแผนที่ทางราชการ ไดแก
สํานักพระราชวัง สํานักราชเลขาธิการ กําหนดไวในขณะนั้น จะใชตาม
ดุลยพินิจของตนเองหรือผูหนึ่งผูใดไมได
136 คู่มือครู
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engaae Expore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. ครูตรวจสอบผลงานของนักเรียนโดยพิจารณา
• ใบงานเฉพาะบุคคล ใหพิจารณาวาวิเคราะห
หลักเกณฑการประกอบคําราชาศัพทได
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
ถูกตองหรือไม จากขาวในพระราชสํานัก
ที่รวบรวมจากสื่อตางๆ ในชีวิตประจําวัน
๑. กำรศึกษำค�ำรำชำศัพท์มีควำมส�ำคัญอย่ำงไร และเกิดประโยชน์ในชีวิตประจ�ำวันหรือไม่ อย่ำงไร • บทสนทนาระหวางบุคคลทั่วไปกับพระภิกษุ
๒. ค�ำรำชำศัพท์แบ่งตำมฐำนะของบุคคลได้กี่ประเภท อะไรบ้ำง
๓. กำรใช้ค�ำสุภำพในกำรสื่อสำรระหว่ำงบุคคลก่อให้เกิดผลดีอย่ำงไร
สงฆ ใหพิจารณาวาสามารถใชคําขึ้นตน
๔. จงอธิบำยวิธีกำรใช้ค�ำนำมรำชำศัพท์ พร้อมยกตัวอย่ำงประกอบ คําศัพทเฉพาะ คํากริยา คําสรรพนาม
๕. จงอธิบำยวิธีกำรใช้ค�ำกริยำรำชำศัพท์ พร้อมยกตัวอย่ำงประกอบ คําลงทาย สําหรับการสนทนาไดถูกตอง
หรือไม และรวมถึงพิจารณาความถูกตอง
ของตารางแสดงรูปแบบการใชคําสรรพนาม
คํากริยา คําขึ้นตน คําลงทาย สําหรับ
การสนทนา และการเขียนสื่อสารกับ
พระภิกษุสงฆ
• สมุดรวบรวมคําสุภาพ ใหพิจารณา
ความถูกตองของคํา การเปรียบเทียบใหเห็น
ระหวางคําสุภาพกับคําสามัญ รูปแบบการ
กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้ นําเสนอ ความสวยงามของภาพประกอบ
2. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวยการเรียนรู
กิจกรรมที่ ๑ ให้นักเรียนช่วยกันรวบรวมค�ำนำมรำชำศัพท์ในหมวดร่ำงกำยให้ได้มำกที่สุด
จำกนั้นจัดท�ำเป็นพจนำนุกรมค�ำนำมรำชำศัพท์ประจ�ำชั้นเรียน
กิจกรรมที่ ๒ ให้นักเรียนรวบรวมค�ำรำชำศัพท์จำกหนังสือพิมพ์ แล้ววิเครำะห์ว่ำ หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
ค�ำรำชำศัพท์ที่พบใช้ถูกต้องหรือไม่ พร้อมบอกควำมหมำย
และจัดหมวดหมู่ค�ำรำชำศัพท์ 1. ใบงานเฉพาะบุคคลวิเคราะหหลักเกณฑ
กิจกรรมที่ ๓ นักเรียนแบ่งกลุ่ม ช่วยกันแต่งประโยคที่มีค�ำรำชำศัพท์ กลุ่มละ การประกอบคําราชาศัพทจากขาวในพระราช-
๑๐ - ๑๕ ประโยค จำกนั้นให้นักเรียนในชั้นเรียนช่วยกันตรวจสอบ สํานักที่รวบรวมดวยตนเอง จํานวน 20 ขาว
ควำมถูกต้อง 2. บทสนทนาระหวางบุคคลทัว่ ไปกับพระภิกษุสงฆ
จํานวนไมตํ่ากวา 3 สถานการณ
3. ตารางแสดงรูปแบบการใชคําสรรพนาม
คํากริยา คําขึ้นตน คําลงทาย สําหรับการ
สนทนาและการเขียนสื่อสารกับพระภิกษุสงฆ
4. สมุดรวบรวมคําสุภาพจํานวนไมตํ่ากวา 40 คํา
พรอมภาพประกอบ
137
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. การศึกษาคําราชาศัพทมีประโยชนตอชีวิตประจําวัน ทั้งในการรับสารและสงสาร ทําใหสามารถสื่อสารทําความเขาใจกับผูอื่นไดถูกตอง ชวยเสริมสรางบุคลิกภาพ
ทางภาษา และยังเปนการอนุรักษ สืบทอด วัฒนธรรมทางภาษาใหคงอยูตอไป
2. สามารถแบงตามพระอิสริยยศได ดังนี้ ลําดับที่ 1 คําที่ใชสําหรับพระมหากษัตริย ลําดับที่ 2 คําที่ใชสําหรับสมเด็จพระบรมราชินีนาถ, สมเด็จพระราชชนนี,
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ลําดับที่ 3 คําที่ใชสําหรับสมเด็จเจาฟา ลําดับที่ 4 คําที่ใชสําหรับพระบรมวงศเธอ พระองคเจา
พระเจาวรวงศเธอ พระองคเจา, พระวรวงศเธอ พระองคเจา ลําดับที่ 5 คําที่ใชสําหรับหมอมเจา
3. การใชคําสุภาพในการสื่อสารนอกจากจะชวยสรางความสัมพันธอันดีระหวางคูสื่อสาร กลาวคือ ชวยใหผูฟงรูสึกถึงการใหเกียรติ เปนมิตร ทําใหการสื่อสารราบรื่นแลว
ยังชวยเสริมบุคลิกภาพของผูใชภาษา แสดงใหเห็นถึงการเปนผูรูจักกาลเทศะและมีมารยาทอีกดวย
4. คํานามราชาศัพทที่ใชสําหรับพระมหากษัตริยจะใชหนวยคําเติมหนา “พระบรมราช” หรือ “พระบรม” คํานามราชาศัพทที่ใชสําหรับพระบรมราชินีนาถ
พระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร จะใชหนวยคําเติมหนา “พระราช” คํานามราชาศัพทที่ใชสําหรับพระบรมวงศานุวงศในระดับชั้นสมเด็จ
เจาฟา, พระบรมวงศเธอ พระองคเจา, พระเจาวรวงศเธอ พระองคเจา, พระวรวงศเธอ พระองคเจา จะใชหนวยคําเติมหนา “พระ” นอกจากนี้คํานามราชาศัพท
ที่เปนสิ่งสามัญไมถือวาสําคัญ ไมจําเปนตองแยกใหเห็นวาใชเฉพาะสําหรับพระมหากษัตริย จะใชหนวยคําเติมหนา “พระ” เชน พระหัตถ พระกร
5. คํากริยาราชาศัพท คือ คําที่บัญญัติขึ้นโดยเฉพาะ เชน กริ้ว โปรด เสด็จ เสวย ทอดพระเนตร หรือบางคําอาจประกอบขึ้นจาก คํากริยาสามัญ โดยใช “ทรง”
เปนกริยานุเคราะห หรือกริยาชวย เชน ทรงฟง ทรงเปลี่ยน นอกจากนี้ยังใชทรงนําหนาคํานามราชาศัพทใหเปนกริยาราชาศัพท เชน ทรงพระกรุณา
คู่มือครู 137
กระตุน้ ความสนใจ
Engage ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Expore Explain Expand Evaluate
เปาหมายการเรียนรู
สามารถแตงบทรอยกรองประเภทกลอนสุภาพ
หรือกลอนแปดโดยคํานึงถึงความถูกตอง
ของฉันทลักษณ และความไพเราะอันเนื่องมาจาก
การเลือกสรรคํา
สมรรถนะของผูเรียน
1. ความสามารถในการสื่อสาร
2. ความสามารถในการคิด
คุณลักษณะอันพึงประสงค
1. มีวินัย
2. ใฝเรียนรู
3. รักความเปนไทย
เกร็ดแนะครู
การเรียนการสอนในหนวยการเรียนรู การแตงบทรอยกรองประเภทกลอน ครูควร
ชี้แนะแกนักเรียนวา การแตงบทรอยกรองไมใชเปนเรื่องของความสามารถพิเศษ
สิ่งสําคัญที่สุดอยูที่การฝกฝน เปาหมายสําคัญของหนวยการเรียนรูนี้ คือ นักเรียน
สามารถแตงบทรอยกรองประเภทกลอนสุภาพ หรือกลอนแปดได
การจะบรรลุเปาหมายดังกลาว ครูควรออกแบบการเรียนการสอน โดยใหนักเรียนเปน
ผูคนควาความรูเกี่ยวกับฉันทลักษณของกลอนแตละประเภทและศิลปะแหงการประพันธ
ใหเกิดความเขาใจอยางถองแทดวยตนเอง จนสามารถฝกปฏิบัติไดจริง รวมถึงรวมกัน
กําหนดเกณฑเพื่อใชประเมินผลงานของตนเอง และเพื่อนๆ ในชั้นเรียน
การเรียนการสอนในลักษณะนี้จะชวยฝกทักษะการสังเคราะห ทักษะการคิด
สรางสรรคและทักษะการประเมินใหแกนักเรียน เปนพื้นฐานเพื่อนําไปปรับใชในชีวิต
ประจําวันของตนเองตอไป
138 คู่มือครู
กระตุน้ ความสนใจ ส�ารวจค้นหา
Engage Explore อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Explain Expand Evaluate
กระตุน้ ความสนใจ Engage
ครูนําเขาสูหัวขอการเรียนการสอน ดวยวิธีการ
๑ ÅѡɳТͧ¡Å͹ ตั้งคําถามเพื่อกระตุนทักษะการคิด
กลอน เป็นบทร้อยกรองประเภทหนึ่งที่มีควำมแตกต่ำงจำกควำมเรียงร้อยแก้ว เนื่องด้วยมี • นักเรียนคิดวา เพราะเหตุใดบทรอยกรอง
ประเภทกลอนจึงเหมาะสมสําหรับผูที่เริ่มฝก
กำรบังคับคณะหรือจ�ำนวนบท จ�ำนวนบำท จ�ำนวนค�ำภำยในวรรค รวมถึงสัมผัสและเสียงวรรณยุกต์
แตงบทรอยกรอง
ซึ่งบทร้อยกรองประเภทกลอนแบ่งได้หลำยประเภทโดยมีชื่อเรียกแตกต่ำงกันไป เช่น กลอนบทละคร
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
กลอนสักวำ กลอนเสภำ กลอนดอกสร้อย โดยใช้อ่ำนและฟังเพื่อควำมเพลิดเพลิน ไดอยางอิสระ ทําใหไดคําตอบที่หลากหลาย)
กลอนเป็นบทร้อยกรองที่ได้รับควำมนิยมอย่ำงแพร่หลำย ทั้งในด้ำนผู้แต่งและผู้อ่ำน เพรำะมี หลังจบการเรียนการสอนในหนวยการเรียนรูนี้
กำรเรียบเรียงถ้อยค�ำที่คล้องจองกัน เมื่ออ่ำนแล้วจึงเกิดควำมรู้สึกไพเรำะ เพลิดเพลิน และจดจ�ำได้ง่ำย ควรถามคําถามนี้อีกครั้ง เพื่อตรวจสอบวานักเรียน
มีความรู ความเขาใจ ที่ถูกตองเกี่ยวกับลักษณะ
๒ ¡ÒÃᵋ§¡Å͹ÊØÀÒ¾ สําคัญของบทรอยกรองประเภทกลอนหรือไม
กลอนสุภำพเป็นร้อยกรองที่มีวิธีกำรแต่งค่อนข้ำงง่ำย เหมำะกับผู้เริ่มต้นแต่งค�ำประพันธ์ อยางไร
มีฉันทลักษณ์ ดังนี้
๒.๑ ลักษณะบังคับของกลอนสุภาพ
ส�ารวจค้นหา Explore
๑) คณะ บทหนึง่ มี ๒ ค�ำกลอน หรือ ๔ วรรค วรรคหนึง่ ๆ มี ๗ - ๙ ค�ำ ส่วนมำกนิยมให้ม ี ๘ ค�ำ ครูทําสลากเทากับจํานวนนักเรียนในชั้นเรียน
โดยเขียนหมายเลข 1-8 ในจํานวนเทาๆ กัน
1 2 หรือเฉลี่ยตามความเหมาะสม พรอมระบุขอความ
(วรรคสดั (วรรคสดับ บำงต�ำรำเรียกว่ำวรรคสลับ) (วรรครับ)
ในแตละหมายเลข จากนั้นใหแตละคนออกมา
3
4
จับสลากประเด็นสําหรับการสืบคนความรู ดังนี้
(วรรครอง) (วรรครอง) (วรรคส่ง)
หมายเลข 1 กลอนแปด
วรรคที่ ๑ เรียกว่ำ วรรคสดับ วรรคที่ ๒ เรียกว่ำ วรรครับ วรรคที่ ๓ เรียกว่ำ วรรครอง และ
หมายเลข 2 กลอนบทละคร
วรรคที่ ๔ เรียกว่ำ วรรคส่ง หมายเลข 3 กลอนเสภา
กำรแต่งกลอนสุภำพเรือ่ งหนึง่ จะมีควำมยำวกีบ่ ทก็ได้ แต่ตอ้ งแต่งให้ครบบท คือ ต้องจบลง หมายเลข 4 กลอนสักวา
ที่วรรคส่งเท่ำนั้น หมายเลข 5 กลอนดอกสรอย
๒) สัมผัส หมำยถึง ค�ำคล้องจองกัน ซึง่ กำรใช้คำ� สัมผัสจะช่วยท�ำให้บทร้อยกรองมีทว่ งท�ำนอง หมายเลข 6 กลอนนิทาน
เสียงที่ร้อยเรียงเกี่ยวเนื่อง ท�ำให้เกิดเสียงเสนำะที่ไพเรำะน่ำฟัง สัมผัสแบ่งออกเป็น หมายเลข 7 กลอนเพลงยาว
สัมผัสใน เป็นสัมผัสที่อยู่ภำยในวรรค ช่วยท�ำให้บทร้อยกรองมีควำมไพเรำะ แต่ไม่ถือเป็น หมายเลข 8 กลอนนิราศ
ข้อบังคับ สัมผัสในมีทั้งสัมผัสสระและสัมผัสอักษร นักเรียนที่จับสลากไดหมายเลขเหมือนกันให
สัมผั สนอก เป็นสัมผัสระหว่ำงวรรคและระหว่ำงบท โดยค�ำที่บังคับจะมีสัมผัสสระ อยูกลุมเดียวกัน รวมกันสืบคนความรูใหครอบคลุม
คล้องจองกัน ถือเป็นสัมผัสบังคับ ประเด็น ตอไปนี้
• ฉันทลักษณ
13๙ • ลักษณะนิยมการบรรจุเนื้อความ
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T นักเรียนควรรู
ขอใดมีความเกี่ยวของกับการแตงบทรอยกรองนอยที่สุด
1 วรรคสดับ วรรคขึ้นตนของบทรอยกรองประเภทกลอนสุภาพ โดยคําสุดทาย
1. ฉันทลักษณ
ของวรรคสามารถใชไดทุกเสียง แตไมนิยมใชเสียงสามัญ
2. บรรยากาศ
3. การเลือกสรรคํา 2 วรรครับ ทําหนาที่รับสัมผัสจากวรรคสดับและสงสัมผัสไปยังวรรครอง
4. แนวคิดและจินตนาการ โดยคําสุดทายของวรรครับนิยมใชเสียงจัตวา ไมนิยมใชเสียงสามัญ
วิเคราะหคําตอบ การแตงบทรอยกรอง ผูแตงจะตองมีคุณสมบัติ 3 วรรครอง ทําหนาที่รับสัมผัสจากวรรครับ และสงสัมผัสไปยังวรรคสง
หรือมีความรู ความเขาใจ เกีย่ วกับฉันทลักษณของบทรอยกรองแตละประเภท โดยคําสุดทายของวรรครองนิยมใชเสียงสามัญและตรี
เพือ่ ใหสามารถแตงไดถกู ตองทัง้ จํานวนคํา วรรค และตําแหนงสัมผัสทีก่ าํ หนด 4 วรรคสง ทําหนาที่รับสัมผัสจากวรรครอง และสงสัมผัสไปยังคําสุดทายของ
ไวตามรูปแบบ มีจินตนาการ ความคิดสรางสรรคในการถายทอดเนื้อหาที่เปน วรรครับในบทตอไป โดยคําสุดทายของวรรคสงนิยมใชเสียงสามัญ ไมนิยมใชเสียง
ประโยชนตอผูรับสาร และมีความสามารถในการสรรถอยคําที่มีความไพเราะ จัตวา
ทั้งดานเสียงและความหมาย เพื่อถายทอดแนวคิด จากตัวเลือกที่กําหนด
สิ่งที่มีความเกี่ยวของกับการแตงบทรอยกรองนอยที่สุด คือ บรรยากาศ
ดังนั้นจึงตอบขอ 2.
คู่มือครู 139
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่ 1 สงตัวแทน 2 คน ออกมา
อธิบายความรูในประเด็นที่กลุมของตนเอง สัมผัสระหว่างวรรค ค �ำสุดท้ำยของวรรคสดับสัมผัสกับค�ำที่ ๓ หรือ ๕ ของวรรครับ
ไดรบั มอบหมาย พรอมระบุแหลงทีม่ าของขอมูล ค�ำสุดท้ำยของวรรครับสัมผัสกับค�ำสุดท้ำยของวรรครอง
2. ครูสมุ เรียกชือ่ นักเรียนเพือ่ อธิบายความรูเ กีย่ วกับ ค�ำสุดท้ำยของวรรครองสัมผัสกับค�ำที่ ๓ หรือ ๕ ของวรรคส่ง
ฉันทลักษณของกลอนแปด สัมผัสระหว่างบท ค�ำสุดท้ำยของวรรคส่งสัมผัสกับค�ำสุดท้ำยของวรรครับในบทต่อไป
(แนวตอบ กลอนแปด หรือกลอนสุภาพ หนึ่งบท แผนผังและตัวอย่างกลอนสุภาพ (กลอนแปด)
ประกอบดวย 4 วรรค ไดแก วรรคสดับ
วรรครับ วรรครอง และวรรคสง โดยมีสัมผัส
บังคับหรือสัมผัสนอก จํานวน 4 แหง ไดแก (วรรคสดับ)
(วรรครับ)
คําสุดทายของวรรคสดับ สัมผัสกับคําที่ 3 (วรรครอง)
(วรรคส่ง)
หรือ 5 ของวรรครับ คําสุดทายของวรรครับ
สัมผัสกับคําสุดทายของวรรครอง คําสุดทาย
สัมผัสเชื่อม
ระหว่ำงบท
ของวรรครองสัมผัสกับคําที่ 3 หรือ 5 ของ
วรรคสง หากมีการแตงตอมากกวาหนึ่งบท
ไดกําหนดสัมผัสระหวางบทไว ดังนี้ คําสุดทาย
ของบทแรกจะสงสัมผัสไปยังคําสุดทายของ
วรรครับในบทตอไป) กลอนสุภำพแปดค�ำประจ�ำบ่อน อ่ำนสำมตอนทุกวรรคประจักษ์แถลง
(บทที่ ๑)
3. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย ตอนต้นสำมตอนสองสองแสดง ตอนสำมแจ้งสำมค�ำครบจ�ำนวน
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับกลอนสุภาพ
• การแตงกลอนสุภาพ ไมไดมีการบังคับใช ก�ำหนดบทระยะกะสัมผัส ให้ฟำดฟัดชัดควำมตำมกระสวน
(บทที่ ๒)
เสียงวรรณยุกตที่คําสุดทายของแตละวรรค วำงจังหวะกะท�ำนองต้องกระบวน จึงจะชวนฟังเสนำะเพรำะจับใจ
แตเพราะเหตุใด กวีจึงนิยมใหคําสุดทายของ
วรรคสดับใชเสียงเอก โท ตรี หรือจัตวา 1
คําสุดทายของวรรครับใชเสียงจัตวา ๓) เสียงวรรณยุกต์ กำรประพันธ์กลอนสุภำพไม่ได้มีกำรบังคับใช้เสียงวรรณยุกต์ แต่
กวีนิยมใช้เสียงวรรณยุกต์ในต�ำแหน่งของกลอนสุภำพ เพื่อกำรอ่ำนรับรสเสนำะของกลอน ดังนั้น
คําสุดทายของวรรครองใชเสียงสามัญ หรือตรี
กวีจึงนิยมก�ำหนดเสียงวรรณยุกต์ในค�ำสุดท้ำยของแต่ละวรรค ดังนี้
คําสุดทายของวรรคสงใชเสียงสามัญ หรือตรี
วรรคสดับ ค�ำสุดท้ำยใช้ได้ทุกเสียง ไม่นิยมใช้เสียงสำมัญ เพรำะถือว่ำเรียบและเบำเกินไป
(แนวตอบ เพือ่ ใหการอานออกเสียงในแตละครัง้ วรรครับ ค�ำสุดท้ำยนิยมใช้เสียงจัตวำ ไม่นิยมใช้เสียงสำมัญและเสียงตรี
เกิดเสียงเสนาะ ไดรับรสไพเราะ เกิดชวง วรรครอง ค�ำสุดท้ำยนิยมใช้เสียงสำมัญและเสียงตรี ไม่นยิ มใช้เสียงเอก เสียงโท เสียงจัตวำ
จังหวะที่เหมาะสม) วรรคส่ง ค�ำสุดท้ำยใช้ได้ทุกเสียง แต่ไม่นิยมใช้เสียงจัตวำ
4. นักเรียนรวมกันสรุปลงความคิดเห็นวา วิธีจ�ำกำรก�ำหนดเสียงวรรณยุกต์ในค�ำสุดท้ำย ควรจ�ำกลอนที่ดีไว้สัก ๘ วรรค แล้วจึง
แหลงขอมูลของเพื่อนๆ กลุมที่ 1 มีความ พิจำรณำเสียงที่ห้ำมและที่นิยมจำกกลอนนั้นจะสะดวกยิ่งขึ้น
นาเชื่อถือหรือไม เพราะเหตุใด
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น 140
ไดอยางอิสระ ครูควรชี้แนะเพิ่มเติม)
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
เสียงวรรณยุกตของคําสุดทายในวรรครับตรงกับขอใด
ครูควรจัดกิจกรรมยอยภายในชั้นเรียน โดยยกตัวอยางกลอนสุภาพที่มีความไพเราะ
ทางดานเสียงมาอานใหนักเรียนฟงหรือขออาสาสมัคร จากนั้นใหรวมกันวิเคราะหวา 1. เสียงโท
เสียงวรรณยุกตของคําสุดทายในแตละวรรคคือเสียงวรรณยุกตใด เชน 2. เสียงตรี
สรวงสวรรคชั้นกวีรุจีรัตน ผองประภัสรพลอยหาวพราวเวหา 3. เสียงจัตวา
พริ้งไพเราะเสนาะกรรณวัณณา สมสมญาแหงสวรรคชั้นกวี 4. เสียงสามัญ
วิเคราะหคําตอบ ฉันทลักษณของกลอนไมไดกําหนดขอบังคับเกี่ยวกับ
การใชเสียงวรรณยุกตในคําสุดทายของแตละวรรค แตโดยทั่วไปผูแตง
นักเรียนควรรู มักนิยมใชเสียงวรรณยุกตที่คําสุดทายของแตละวรรค ดังตอไปนี้ คําสุดทาย
1 เสียงวรรณยุกต ในอดีตผูที่มีความสามารถในการแตงบทรอยกรองจะแตง ของวรรคสดับนิยมใชเสียงเอก โท ตรี จัตวา คําสุดทายของวรรครับนิยม
วรรณคดีเพื่อการฟงเปนสําคัญ เพราะคนไทยสวนใหญยังไมรูหนังสือ การแตง ใชเสียงจัตวา คําสุดทายของวรรครองนิยมใชเสียงสามัญ หรือตรี คําสุดทาย
วรรณคดีที่มีเสียงวรรณยุกตที่ไพเราะ เหมาะสม จะชวยทําใหผูฟงเกิดอารมณความ ของวรรคสงนิยมใชเสียงสามัญ หรือตรี ทัง้ นีเ้ พือ่ ใหเกิดเสียงเสนาะ ชวงจังหวะ
รูสึกประทับใจ ซาบซึ้ง สงผลใหจดจําเนื้อหาสาระของเรื่องนั้นๆ และรับอรรถรส ที่เหมาะสม ไพเราะ ขณะที่อานออกเสียง ดังนั้นจึงตอบขอ 3.
จากการฟงไดมากยิ่งขึ้น
140 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่ 2 และ 3 สงตัวแทนกลุมละ
๒.๒ ประเภทของกลอนสุภาพ 2 คน ออกมาอธิบายความรูในประเด็นที่กลุม
กลอนสุภำพหรือกลอนแปด แบ่งออกได้เป็น ๒ ประเภท คือ กลอนขับร้องและกลอนเพลง ของตนเองไดรับมอบหมาย พรอมระบุแหลง
โดยกลอนขับร้องแบ่งย่อยออกเป็นกลอนบทละคร กลอนเสภำ กลอนสักวำ และกลอนดอกสร้อย ที่มาของขอมูล
ส่วนกลอนเพลงแบ่งออกเป็นกลอนนิรำศ กลอนหก และกลอนเพลงยำว 2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกัน
แผนภูมิกลอนสุภาพ (กลอนแปด) อธิบายความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับ
กลอนสุภาพ กลอนบทละครและกลอนเสภา โดยใชความรู
ความเขาใจ ที่ไดรับจากการฟงบรรยาย
เปนขอมูลเบื้องตนสําหรับตอบคําถาม
กลอนขับร้อง กลอนเพลง • กลอนบทละครมีลักษณะฉันทลักษณ
1
กลอนบทละคร กลอนนิรำศ เชนเดียวกับกลอนแปด แตมีลักษณะสําคัญ
กลอนเสภำ กลอนหก ที่แตกตางกันอยางไร
กลอนสักวำ กลอนเพลงยำว (แนวตอบ กลอนบทละครจะคํานึงถึงคํารอง
กลอนดอกสร้อย หรือเนื้อความเปนสําคัญในการบรรจุคํา
๑) กลอนบทละคร เป็นกลอนที่แต่งขึ้นส�ำหรับแสดงละคร มีลักษณะบังคับเช่นเดียวกับ ลงในแตละวรรค และการขึ้นตนบท
กลอนสุภำพ นิยมแต่งวรรคละ ๖ - ๙ ค�ำ โดยค�ำนึงถึงค�ำร้องเป็น2ส�ำคัญ และมีล3ักษณะเฉพำะของ กลาวคือ กลอนบทละครจะขึ้นตนบทดวย
” “บัดนั้น” เช่น
ค�ำขึ้นต้นบท โดยขึ้นต้นบทด้วยค�ำว่ำ “มาจะกล่าวบทไป” “เมื่อนั้น” และ “บั คําเฉพาะ “เมื่อนั้น” “บัดนั้น”)
• ความเหมาะสมของจํานวนคําภายในวรรค
เมื่อนั้น
ของกลอนเสภามีลักษณะสําคัญอยางไร
(แนวตอบ จํานวนคําภายในวรรคของ
กลอนเสภาขึ้นอยูกับเนื้อความที่ตองการ
บรรยาย และความสะดวกในการเอื้อนเสียง
ของผูขับเสภา)
3. นักเรียนรวมกันสรุปลงความคิดเห็นวา
แหลงขอมูลของเพื่อนๆ กลุมที่ 2 และ 3
เมื่อนั้น วำยุบุตรวุฒิไกรใจหำญ
มีความนาเชื่อถือหรือไม เพราะเหตุใด
ยิ้มแล้วจึงตอบพจมำน ค�ำเจ้ำขำนนี้คมนัก
(รามเกียรติ์: พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) (แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
ไดอยางอิสระ ครูควรชี้แนะเพิ่มเติม)
๒) กลอนเสภา แต่งขึ้นส�ำหรับขับเสภำโดยมีกรับขยับเป็นจังหวะ เรียกว่ำ ขับเสภำ และเมื่อ
เริ่ ม ต้ น ข้ อ ควำมใหม่ ให้ ขึ้ น ต้ น ด้ ว ยค� ำ ว่ ำ “ครานั้ น ” ไว้ ต ้ น กลอนวรรคแรก จ� ำ นวนค� ำ ในวรรค
ไม่กำ� หนดตำยตัวขึน้ อยูก่ บั เนือ้ ควำมทีต่ อ้ งกำรบรรยำยและควำมเหมำะสมของกำรเอือ้ นเสียงประกอบ
กำรขับเสภำ เช่น
141
กิจกรรมสรางเสริม
นักเรียนควรรู
นักเรียนรวบรวมวรรณคดีเรื่องที่ประพันธดวยกลอนบทละคร ตามกําลัง 1 กลอนบทละคร อาจใสบทบอกเพลงหนาพาทยไวดานลางของกลอน
ความสามารถในการสืบคน จากนั้นใหวิเคราะหเกี่ยวกับลักษณะสําคัญ เชน 2 คํา เชิด หมายถึง เนื้อความมี 2 คํากลอน หรือ 4 วรรค และใชเพลงเชิด
ของกลอนบทละคร รูปแบบการใชคําขึ้นตนบท พรอมยกตัวอยางประกอบ เปนเพลงหนาพาทยบอกกิริยา อาการของตัวละคร เชน
นําเสนอบทวิเคราะหในรูปแบบใบงานเฉพาะบุคคล “พลางคะนึงถึงระเดนบุษบา พระราชาเศราจิตพิศวง
กําสรดระทดระทวยองค ใหเรงรัดจัตุรงครีบมาฯ”
ฯ 2 คํา ฯ เชิด
กิจกรรมทาทาย 2 เมื่อนั้น เปนคําขึ้นตนในกลอนบทละคร จะใชเมื่อกลอนบทนั้นๆ เนื้อความ
กลาวถึงตัวละครที่เปนตัวเจาหรือเปนตัวเอกในตอนนั้นๆ
3 บัดนั้น เปนคําขึ้นตนในกลอนบทละคร จะใชเมื่อกลอนบทนั้นๆ เปนเรื่องราว
นักเรียนรวบรวมวรรณคดีเรื่องที่ประพันธดวยกลอนเสภา ตามกําลัง
ของตัวละครที่ไมใชเปนตัวเจาหรือไมไดเปนตัวเอกในตอนนั้นๆ
ความสามารถในการสืบคน จากนั้นใหวิเคราะหเกี่ยวกับลักษณะของ
เนื้อความที่ปรากฏในกลอนเสภา พรอมยกตัวอยางประกอบ นําเสนอ
บทวิเคราะหในรูปแบบใบงานเฉพาะบุคคล
คู่มือครู 141
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
1. นักเรียนกลุมที่ 4-8 สงตัวแทนกลุมละ 2 คน
ออกมาอธิบายความรูในประเด็นที่กลุม
ของตนเองไดรับมอบหมาย พรอมระบุ ครำนั้น
แหลงที่มาของขอมูล
2. นักเรียนยืนในลักษณะวงกลมเพื่อรวมกันอธิบาย
ความรูแบบโตตอบรอบวงเกี่ยวกับกลอนสักวา
กลอนดอกสรอย กลอนนิทาน กลอนเพลงยาว
และกลอนนิราศ โดยใชความรู ความเขาใจ
ที่ไดรับจากการฟงบรรยาย เปนขอมูลเบื้องตน
สําหรับตอบคําถาม ครำนั้นขุนแผนแสนสนิท คอยท่ำช้ำผิดหำมำไม่
• กลอนสักวา ซึ่งแตเดิมใชเลนเปนกลอนสด เยื้องย่ำงตำมนำงเข้ำห้องใน สลดใจสงสำรวันทองนัก
โตตอบกันในเรื่องตางๆ นั้น แสดงใหเห็น (เสภาเรื่องขุนช้างขุนแผน: พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย)
ลักษณะนิสัยของคนไทย อยางไร ๓) กลอนสักวา แต่เดิมใช้เล่นเป็นกลอนสดโต้ตอบกัน สำมำรถเล่นโต้ตอบกันในเรื่องใดก็ได้
(แนวตอบ สะทอนใหเห็นวาคนไทยเปนคน โดยจ�ำนวนค�ำในวรรคขึ้นอยู่กับเนื้อควำม แต่นิยมใช้ ๖ - ๙ ค�ำ สัมผัสเหมือนกลอนสุภำพแต่สำมำรถ
เจาบทเจากลอน มีปฏิภาณไหวพริบในเรื่อง ยืดหยุ่นค�ำสัมผัสได้ ปัจจุบันนิยมแต่งกลอนสักวำเป็น ๔ ค�ำกลอน หรือ ๘ วรรค โดยขึ้นต้นวรรคสดับ
สํานวนภาษา และรวมถึงการใชถอยคําที่มี บำทแรกว่ำ “สักวา” จบวรรคส่งของบำทสุดท้ำยว่ำ “เอย” ถ้ำจะแต่งต่อไปอีกให้ขนึ้ บทใหม่โดยทีส่ มั ผัส
ความไพเราะ คมคาย) ไม่จ�ำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับบทต้น เช่น
• กลอนดอกสรอย มีลักษณะสําคัญในการ
ขึ้นตนบทอยางไร
สักวำ
(แนวตอบ ขึ้นตนบทโดยใชคํา 4 คํา ซํ้าคําตั้ง
2 คํา แลวแทรกคําวา “เอย” ตรงกลาง เชน
“ไกเอยไกแกว” “เด็กเอยเด็กนอย” เปนตน)
• กลอนนิทาน มีลักษณะสําคัญที่แตกตาง
จากกลอนสุภาพประเภทอื่นๆ อยางไร
เอย
(แนวตอบ มีวิธีการขึ้นตนบท 2 แบบ คือ
ขึ้นตนดวยวรรครับ หรือวรรคสดับก็ได สักวำหวำนอื่นมีหมื่นแสน ไม่เหมือนแม้นพจมำนที่หวำนหอม
แตเมื่อจบบทจะตองใชคําวา “เอย”
กลิ่นประเทียบเปรียบดวงพวงพะยอม อำจจะน้อมจิตโน้มด้วยโลมลม
เปนคําสุดทายของวรรคสงในบทสุดทาย)
แม้นล้อลำมหยำมหยำบไม่ปลำบปลื้ม ดังดูดดื่มบอระเพ็ดต้องเข็ดขม
3. นักเรียนรวมกันสรุปลงความคิดเห็นวา
แหลงขอมูลของเพื่อนๆ แตละกลุมมีความ ผู้ดีไพร่ไม่ประกอบชอบอำรมณ์ ใครฟังลมเมินหน้ำระอำเอย
นาเชื่อถือหรือไม เพราะเหตุใด (สักวา: พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงบดินทรไพศาลโสภณ)
(แนวตอบ นักเรียนสามารถแสดงความคิดเห็น
ไดอยางอิสระ ครูควรชี้แนะเพิ่มเติม) 142
ขอสอบเนน การคิด
เกร็ดแนะครู แนว NT O-NE T
ขอใดเรียงลําดับหมายเลขของคําที่ตองเติมลงในชองวางไดถูกตอง
ครูควรชี้แนะเพิ่มเติมใหแกนักเรียน ผูที่แตงบทรอยกรองไดกับแตงบทรอยกรอง
1. รอง 2. สักวา 3. แสงดาว 4. หมอง
เปนนั้น แตกตางกัน ผูที่แตงบทรอยกรองได จะแตงบทรอยกรองไดถูกตองตาม
..........ดาวจระเขก็เหหก ศีรษะตกหันหางขึ้นกลางหาว
ฉันทลักษณ มีจํานวนคํา วรรค และสัมผัสถูกตอง ครบถวน สวนผูที่แตงเปน คือ
เปนคืนแรมแจมแจงดวย.......... นํ้าคางพราวปรายโปรยโรยละออง
นอกจากจะสามารถแตงบทรอยกรองไดถูกตองตามฉันทลักษณแลว ยังมีความรูในเชิง
ลมเรื่อยเรื่อยเฉื่อยฉิวตองผิวเนื้อ ความหนาวเหลือทานทนกมล..........
ศิลปะแหงการประพันธ สามารถเลือกสรรถอยคําที่มีความไพเราะ ทั้งดานเสียง
สกุณาดุเหวาก็เรา.......... ดูแสงทองจับฟาขอลาเอย
และความหมายมาบรรจุลงในแตละวรรคของบทรอยกรองไดอยางสมบูรณ ทําให
1. 2 4 1 3 2. 2 3 1 4
ผูรับสารมีโอกาสไดเห็น ไดยิน ไดสัมผัส หรือรับรูตรงกับวัตถุประสงคของผูแตง
3. 2 3 4 1 4. 2 4 3 1
นอกจากนี้ผูแตงบทรอยกรองยังตองมีความรูในเรื่องขนบแหงการประพันธ คือ
ตองรูวาบทรอยกรองประเภทใดเหมาะที่จะบรรจุเนื้อความอยางไร หากมีความรู วิเคราะหคําตอบ กลอนสักวา มีลักษณะฉันทลักษณสัมผัสระหวางวรรค
ความเขาใจที่ถองแทในเรื่องดังกลาวขางตน ก็จะทําใหบทรอยกรองที่แตงขึ้นดวยตนเอง ระหวางบท เชนเดียวกับกลอนแปด แตมีลักษณะสําคัญที่แตกตางคือ จะขึ้น
ในแตละครั้งมีความถูกตองตามฉันทลักษณ ไพเราะ งดงามดวยศิลปะแหงการประพันธ ตนบทดวยคําวา “สักวา” จากตัวเลือกในขอ 1. ตัดทิ้งไมพิจารณาเพราะ
คําสุดทายของวรรครับไมสัมผัสกับคําสุดทายของวรรครอง ขอ 2. ตัดทิ้ง
ไมพิจารณาเพราะถึงแมคําจะสงสัมผัสกันถูกตองแตอานแลวไมสื่อความ
ขอ 4. ตัดทิ้งไมพิจารณา เพราะไมมีสัมผัสระหวางบท ดังนั้นจึงตอบขอ 3.
142 คู่มือครู
อธิบายความรู้
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา Explain ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Expand Evaluate
อธิบายความรู้ Explain
ครูตั้งคําถามกับนักเรียนเพื่อสรางความรู
๔) กลอนดอกสร้อย นิยมแต่งเป็น ๔ ค�ำกลอน หรือ ๘ วรรค จ�ำนวนค�ำในวรรคขึ้นอยู่กับ ความเขาใจ ทีถ่ กู ตองเกีย่ วกับการแตงบทรอยกรอง
เนื้อควำมที่ต้องกำรบรรยำย สำมำรถใช้ได้ตั้งแต่ ๖ - ๘ ค�ำ มีกำรรับส่งสัมผัสเหมือนกลอนสุภำพ กลอน • ผูที่จะแตงบทรอยกรองไดไพเราะ และมี
ดอกสร้อยมีลกั ษณะเด่น คือ วรรคสดับ ขึน้ ต้นบทจะใช้ ๔ ค�ำ โดยให้คำ� ที ่ ๑ และ ๓ เป็นค�ำเดียวกัน ความถูกตอง สมบูรณ ควรมีคณ ุ สมบัติ
แล้วแทรกค�ำว่ำ “เอ๋ย” ไว้ตรงกลำง เช่น ไก่เอ๋ยไก่แก้ว เด็กเอ๋ยเด็กน้อย และจบบำทที ่ ๔ ด้วยค�ำว่ำ “เอย” อยางไร
(แนวตอบ ผูที่จะแตงบทรอยกรองไดถึงพรอม
เอ๋ย
ทั้งดานความถูกตองและความไพเราะ ควรมี
คุณสมบัติ ดังนี้
• มีความรู ความเขาใจในฉันทลักษณของ
บทรอยกรองแตละประเภทอยางถองแท
• มีความรู ความเขาใจในขนบแหง
เอย
การประพันธ หรือลักษณะนิยมการบรรจุ
๕) กลอนนิทาน เป็นกำรใช้ค�ำกลอนแต่งเป็นเรื่อง อำจเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ำ กลอนนิยำย เนื้อความ
จ�ำนวนค�ำและสัมผัสเหมือนกลอนสุภำพ แต่มีวิธีขึ้นต้น ๒ แบบ คือ ขึ้นต้นด้วยวรรคสดับหรือวรรครับ • มีความรู ความเขาใจในศิลปะแหง
ก็ได้ เมื่อจบเรื่องใช้ค�ำว่ำ “เอย” ในวรรคส่งของบทสุดท้ำย การประพันธหรือการเลือกสรรถอยคํา
ที่ใหเสียงไพเราะ ในขณะเดียวกับที่
สามารถสื่อความไดครบถวน ตรงประเด็น
และมีความลึกซึ้ง
• มีจินตนาการหรือความคิดที่กวางไกล
อันไดมาจากการอาน การฟง และการดู)
เอย
จักกล่ำวอดีตนิทำนแต่ปำงก่อน
เมื่อครั้งองค์สมเด็จพระชินวร ยังสังวรแสวงหำโพธิญำณ
.......................................................................... ถึงท่ำใส่แพแล้วลอยเอยฯ
(กากีค�ากลอน: เจ้าพระยาพระคลัง (หน))
๖) กลอนเพลงยาว กำรแต่งเพลงยำวสำมำรถแต่งได้ยำวเท่ำใดก็ได้ตำมเนื้อควำมที่กวี
ต้องกำรพรรณนำ มักมีเนื้อหำเชิงเกี้ยวพำรำสีร�ำพึงร�ำพันถึงควำมรักหรือพลำดรัก โดยจ�ำนวนค�ำ
ในวรรคใช้ได้ตั้งแต่ ๗ - ๙ ค�ำ มีสัมผัสเหมือนกลอนสุภำพ กลอนเพลงยำวจะขึ้นต้นเรื่องบทแรกด้วย
วรรครับและเมื่อจบเรื่องใช้ค�ำว่ำ “เอย” เป็นค�ำสุดท้ำยของวรรคส่งในบทสุดท้ำย เช่น
ได้ยลพักตร์ลักลอบประโลมขวัญ
143
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
นักเรียนอานวรรณคดีทป่ี ระพันธดว ยบทรอยกรองประเภทกลอนดอกสรอย เพื่อใหนักเรียนมีความพรอมสําหรับการแตงบทรอยกรองดวยตนเอง ครูควรให
จากนัน้ ใหวเิ คราะหลกั ษณะการบรรจุเนื้อความ ลักษณะการดําเนินเรื่อง องคความรูเกี่ยวกับการเลือกใชคําเพื่อบรรจุลงในบทรอยกรอง โดยเริ่มชี้แนะวา
นําขอมูลมาอภิปรายรวมกันภายในชั้นเรียน ในขั้นแรกนักเรียนจะตองเลือกใชคําใหมีสัมผัสคลองจองตามที่ฉันทลักษณ
กําหนด แตหากนักเรียนมีคลังคําอยูเปนจํานวนมากซึ่งเกิดจากการอาน ฟง และดู
อยางสมํ่าเสมอ ก็จะทําใหนักเรียนสามารถหลากคํา หรือหาคําที่เปนภาษากวีมา
บรรจุลงในบทรอยกรองของตนเองได โดยคํานึงถึงสัมผัสตามที่ฉันทลักษณกําหนด
กิจกรรมทาทาย และความหมายที่ตรงกับเจตนาเปนสําคัญ ซึ่งจะทําใหบทรอยกรองของนักเรียน
มีความไพเราะ และทรงคุณคา
ครูมอบหมายหรือจัดกิจกรรมยอยในชั้นเรียนใหนักเรียนรวมกันหลากคําที่ครู
นักเรียนรวบรวมวรรณคดีเรื่องที่ประพันธดวยกลอนเพลงยาว จากนั้น กําหนดใหเปนภาษากวี เชน ปา-พงพนา-อรัญ ทองฟา-นภา-อาภา-โพยม เปนตน
ใหวิเคราะหลักษณะเนื้อความของกลอนเพลงยาว แลวตั้งขอสังเกตเกี่ยวกับ เมื่อสิ้นสุดกิจกรรมใหนักเรียนบันทึกภาษากวีเหลานี้ลงสมุด เพื่อนําไปใชสําหรับ
ขนบหรือลักษณะนิยมในการประพันธกลอนเพลงยาว สรุปผลการวิเคราะห กิจกรรมตอๆ ไป
ในรูปแบบใบงานเฉพาะบุคคล
คู่มือครู 143
ขยายความเข้าใจ
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ Expand ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Evaluate
ขยายความเข้าใจ Expand
1. นักเรียนทบทวนและหาความรูเพิ่มเติมเกี่ยวกับ
รายละเอียดของการแตงบทรอยกรองประเภท
กลอนสุภาพหรือกลอนแปดใหมีความไพเราะ
ยิ่งขึ้น จากนั้นใหแตงบทรอยกรองประเภท
กลอนแปดจํานวนไมตํ่ากวา 2 บท โดยนักเรียน
เปนผูก าํ หนดแนวคิดทีต่ อ งการสือ่ สารดวยตนเอง เอย
และเพื่อใหเนื้อความของบทรอยกรองมีความ
สมบูรณ ใหนักเรียนรางแนวคิดเปนรอยแกว ได้ยลพักตร์ลักลอบประโลมขวัญ
กอนการแตง โดยแนบมาพรอมกับบทรอยกรอง นวลละอองผ่องศรีฉวีวรรณ ดั่งบุหลันลอยฟ้ำนภำลัย
สงครู งำมองค์งำมทรงบรรจงจิต เมื่อแย้มเยื้อนเตือนจิตให้พิสมัย
2. นักเรียนใชความรู ความเขาใจ ที่ไดรับจากการ ...
กระดำษเขียนลำยลักษณ์อักษรสนอง พี่เทียบแทนแผ่นทองจ�ำลองสำร
ฟงบรรยายของเพื่อนๆ แตละกลุม และรวมถึง แม้นหยั่งเห็นใจจริงอย่ำนิ่งนำน จงพจมำนให้ประจักษ์เรื่องรักเอย
พื้นฐานหรือรองรอยความรูเดิมของตนเอง (เพลงยาวความเก่า ประชุมเพลงยาวภาคที่ ๙)
รวมกันกําหนดเกณฑเพื่อใชประเมินผลงาน
๗) กลอนนิราศ มีลักษณะกำรแต่งเหมือนกับกลอนเพลงยำว คือ ขึ้นต้นด้วยวรรครับ
การแตงบทรอยกรองประเภทกลอนสุภาพ
กลอนนิรำศจะเน้นเนื้อหำที่เกี่ยวข้องกับกำรเดินทำง เพรำะนิรำศ หมำยถึง กำรจำกไป แต่บำงเรื่องก็
ของตนเอง รวมถึงเพือ่ นๆ ในชัน้ เรียน และใช ไม่ได้กล่ำวถึงกำรเดินทำง เช่น นิรำศเดือน
เปนแนวทางปรับปรุง แกไขในครั้งตอๆ ไป
(แนวตอบ เกณฑควรครอบคลุม ดังตอไปนี้
• มีฉันทลักษณที่สมบูรณและถูกตอง
• นําศิลปะแหงการประพันธ การเลือกสรร
ถอยคํามาใชไดสอดคลองเหมาะสมกับ
เนื้อความ
เอย
• ใชถอยคําถูกระดับเหมาะสมกับเนื้อความ
• ถอยคําที่บรรจุลงในเนื้อความ มีลักษณะ โอ้สังเวชวำสนำนิจจำเอ๋ย
เปนภาษากวี จะมีคู่มิได้อยู่ประคองเชย ต้องละเลยดวงใจไว้ไกลตำ
• สะทอนแนวคิดที่ลุมลึก หรือจินตนาการ ................................................................. ให้ชื่นใจเหมือนแต่หลังมั่งเถิดเอยฯ
ที่กวางไกลอันเปนประโยชนตอผูอาน ผูฟง (นิราศเมืองแกลง: สุนทรภู่)
• ลําดับความหรือสื่อความไดครบถวน การประพันธ์บทร้อยกรองถือเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของชาติไทย แสดงถึง
ตามเจตนา) สุนทรียะทางภาษา การประพันธ์บทร้อยกรองประเภทกลอนแสดงให้เห็นถึงความเป็น
คําตอบของนักเรียนอาจนอกเหนือไปจาก “นักเลงกลอน” ของคนไทยได้เป็นอย่างดี เพราะการใช้คÓเพื่อสร้างสัมผัสทÓให้ได้รบั รส
ประเด็นขางตน ใหอยูดุลยพินิจของครู ไพเราะทางวรรณศิลป์ นอกจากนีก้ ารอ่านบทกลอนยังช่วยจรรโลงจิตใจผู้อ่านให้เกิดความ
เพลิดเพลินและได้รับข้อคิดความรู้จากบทกลอนที่อ่าน
144
กิจกรรมสรางเสริม
เกร็ดแนะครู
วิธีการสอนนักเรียนแตงบทรอยกรองใหประสบความสําเร็จ ควรยึดหลักปฏิบัติ นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับฉันทลักษณและลักษณะสําคัญของกลอน
3ส. ไดแก สอนใหรู สอนใหคิด สอนใหปฏิบัติ โดยเริ่มจากสอนใหรูเกี่ยวกับฉันทลักษณ ดอกสรอย จากนั้นใหแตงกลอนดอกสรอย ความยาวไมเกิน 2 บท
และศิลปะแหงการประพันธ สอนใหคิด คือสอนใหตั้งประเด็นเกี่ยวกับเรื่องราว โดยนําเสนอแนวคิดเกี่ยวกับการเก็บออม ลงสมุด
หรือเหตุการณตางๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัว สิ่งใดดี สิ่งใดไมดี สิ่งใดเปนบทเรียน เพื่อฝก
ทักษะการคิด การแสดงทรรศนะของตนเองซึ่งมีความจําเปนตอการสรางสรรคงานเขียน
ประการสุดทายคือ สอนใหปฏิบัติ ครูควรใหคําแนะนําแกนักเรียนวากอนการแตง
บทรอยกรองเพื่อใหสามารถถายทอดแนวคิดไดครบถวน ควรที่จะรางเนื้อหาสาระ
กิจกรรมทาทาย
ในรูปแบบรอยแกวที่มีใจความสมบูรณกอน เพราะหากนักเรียนละเลยที่จะปฏิบัติตาม
ขั้นตอน ก็จะทําใหบทรอยกรองอยูในขอบขาย “พายเรือวนอยูในอาง” เปนรอยกรอง นักเรียนศึกษาเกี่ยวกับฉันทลักษณและลักษณะสําคัญของกลอนนิทาน
ที่ไมมีจุดเริ่มตน ไมมีการดําเนินเรื่อง ไมมีจุดจบ และที่สําคัญคือ ไมสื่อความ เพราะ จากนัน้ ใหเรียบเรียงนิทานในลักษณะความเรียงรอยแกว โดยนําเสนอแนวคิด
บทรอยกรองที่ดีบทหนึ่งๆ จะตองมีความถึงพรอมทั้งดานรูปแบบ ภาษา และแนวคิด เกี่ยวกับผลของความเพียรพยายาม แลวนํามาผูกเรื่องเปนกลอนนิทาน
ไมจํากัดจํานวนบท ลงสมุด
144 คู่มือครู
ตรวจสอบผล
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ Evaluate
Engaae Expore Explain Expand
ตรวจสอบผล Evaluate
1. นักเรียนออกมาอานออกเสียงบทรอยกรอง
ประเภทกลอนแปดที่ตนเองแตงขึ้น พรอมระบุ
แรงบันดาลใจหรือแนวคิดของบทรอยกรอง
ค�ำถำม ประจ�ำหน่วยกำรเรียนรู้
2. นักเรียนในชั้นเรียนรวมกันลงคะแนนเสียง
ตัดสินวาบทรอยกรองประเภทกลอนแปด
๑. กลอนสุภำพแบ่งออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้ำง ของเพื่อนคนใดมีความโดดเดนมากที่สุด
๒. นักเรียนคิดว่ำสัมผัสในมีควำมส�ำคัญต่อกำรแต่งค�ำประพันธ์หรือไม่ เพรำะเหตุใด
๓. กลอนนิทำน กลอนเพลงยำว และกลอนนิรำศ มีควำมเหมือนและแตกต่ำงกันอย่ำงไร
สงตัวแทนออกมาประกาศผลหนาชั้นเรียน
๔. เพรำะเหตุใดจึงเรียกค�ำประพันธ์ประเภทกลอนสุภำพว่ำกลอนแปดหรือกลอนตลำด ครูสุมเรียกชื่อเพื่อใหระบุผลการประเมิน
๕. นักเรียนรู้จักวรรณคดีเรื่องที่แต่งด้วยค�ำประพันธ์ประเภทกลอนเรื่องใดบ้ำง ยกตัวอย่ำง ของตนเอง ซึ่งอาจไมตรงกับมติของหองก็ได
อย่ำงน้อย ๕ เรื่อง โดยแต่ละเรื่องต้องแต่งโดยใช้กลอนต่ำงประเภทกัน โดยใหระบุเหตุผล เพื่อเปนการตรวจสอบ
ทักษะการประเมินของนักเรียนอีกชั้นหนึ่ง
3. ครูตรวจสอบบทรอยกรองที่นักเรียนนําสง
พรอมแบบรางรอยแกว โดยยึดหลักเกณฑ
เดียวกับที่นักเรียนรวมกันกําหนดภายใต
คําแนะนําของครู เขียนขอเสนอแนะหรือ
ขอควรปรับปรุงลงในผลงานของนักเรียน
เปนรายบุคคล แลวสงคืน
กิจกรรม สร้ำงสรรค์พัฒนำกำรเรียนรู้ 4. เมื่อสงผลงานคืนใหแกนักเรียน หากมีเวลา
เพียงพอ หรือตองการพัฒนาศักยภาพของ
กิจกรรมที่ ๑ นักเรียนแต่งค�ำประพันธ์ประเภทกลอนในหัวข้อที่ตนเองสนใจ จ�ำนวน ๒ บท นักเรียน ครูอาจใหนักเรียนแกไขบทรอยกรอง
จำกนั้นให้น�ำเสนอผลงำนหน้ำชั้นเรียน ของตนเองตามขอเสนอแนะของครู หรือทบทวน
กิจกรรมที่ ๒ นักเรียนแบ่งกลุ่มช่วยกันแต่งค�ำประพันธ์ในหัวข้อ “ควำมสำมัคคี พิจารณาการใชถอยคํา การใชภาษา ลักษณะ
ของคนไทย” จ�ำนวน ๔ บท จำกนั้นน�ำมำจัดป้ำยนิเทศ การสัมผัส แลวสงครูอีกครั้ง ตรวจสอบผล
จนกระทั่งทักษะของนักเรียนมีการพัฒนา
5. นักเรียนตอบคําถามประจําหนวยการเรียนรู
หลักฐานแสดงผลการเรียนรู
บทรอยกรองประเภทกลอนแปด จํานวน
ไมตํ่ากวา 2 บท
145
แนวตอบ คําถามประจําหนวยการเรียนรู
1. กลอนสุภาพ แบงออกเปน 2 ประเภท ไดแก กลอนขับรองและกลอนเพลงยาว โดยที่กลอนขับรอง แบงออกเปน กลอนบทละคร กลอนเสภา กลอนสักวา
และกลอนดอกสรอย สวนกลอนเพลงยาว แบงออกเปน กลอนนิราศ กลอนนิทาน และกลอนเพลงยาว
2. สัมผัสใน มีความสําคัญตอการแตงบทรอยกรอง แมวาจะไมไดกําหนดใหเปนสัมผัสบังคับเชนเดียวกับสัมผัสนอก แตหากผูแตงสามารถเลือกสรรถอยคําที่มีความ
คลองจองกันใหเกิดขึ้นภายในวรรคเปนคูๆ เกิดเปนสัมผัสภายในวรรค ก็จะทําใหบทรอยกรองบทนั้นๆ มีความไพเราะมากยิ่งขึ้น อานแลวไดเสียงเสนาะ ชวงจังหวะ
ที่ไพเราะ เหมาะสม
3. กลอนนิทานจะขึ้นตนบทดวยวรรคสดับหรือวรรครับก็ได แตกลอนเพลงยาวและกลอนนิราศจะขึ้นตนบทดวยวรรครับ การพิจารณาวากลอนทั้ง 3 ประเภท
มีความแตกตางกันอยางไร ตองพิจารณาที่เนื้อความเปนหลัก โดยที่กลอนนิทานมีลักษณะเนื้อความเปนเรื่องเลาอันเนื่องมาจากจินตนาการของผูแตง กลอนเพลงยาว
มักมีเนื้อความครํ่าครวญเกี่ยวกับความรัก สวนกลอนนิราศมักมีเนื้อความเกี่ยวกับการเดินทางไกล แลวนําเรื่องราวไปผูกกับคนรักหรือความคิดถึงที่มีตอคนรักเมื่อยาม
ตองไกลกันเพราะระยะทาง
4. สาเหตุที่เรียกกลอนประเภทนี้วากลอนแปดหรือกลอนตลาด เปนเพราะจํานวนคําที่ใชบรรจุลงในแตละวรรค โดยสวนใหญจะอยูที่จํานวน 8 คํา สวนคําวา
กลอนตลาดนั้นเกิดขึ้นเพราะเปนกลอนที่ใชคําพื้นๆ ไมใชศัพทสูง เพื่อใหผูฟงที่เปนชาวบาน ชาวตลาดมีโอกาสไดอาน ไดฟง
5. วรรณคดีเรื่องที่ประพันธดวยบทรอยกรองประเภทกลอนมีเปนจํานวนมาก เชน พระอภัยมณี รามเกียรติ์ เสภาเรื่อง ขุนชาง ขุนแผน เพลงยาวถวายโอวาท
กลอนดอกสรอยรําพึงในปาชา เปนตน
คู่มือครู 145
กระตุ้นความสนใจ ส�ำรวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate
บรรณานุกรม
กองเทพ เคลือบพณิชกุล. ๒๕๔๒. การใช้ภาษาไทย. กรุงเทพมหำนคร: โอเดียนสโตร์.
กุสุมำ รักษมณี. ๒๕๓๔. สีสันวรรณกรรม. กรุงเทพมหำนคร: ศยำม.
กุสุมำ รักษมณี และคณะ. ๒๕๓๑. สังกัปภาษา ๑. กรุงเทพมหำนคร: อักษรเจริญทัศน์.
. ๒๕๓๑. ทักษะสื่อสาร ๑. กรุงเทพมหำนคร: อักษรเจริญทัศน์.
. ๒๕๓๑. ทักษะสื่อสาร ๒. กรุงเทพมหำนคร: อักษรเจริญทัศน์.
กุหลำบ มัลลิกะมำส และวิพุธ โสภวงศ์. ๒๕๔๒. การเขียน ๑. กรุงเทพมหำนคร: อักษรเจริญทัศน์.
เจือ สตะเวทิน. ๒๕๒๒. ต�ารับวรรณคดี. กรุงเทพมหำนคร: อนงค์ศิลป์กำรพิมพ์.
ฐะปะนีย์ นำครทรรพ. ๒๕๔๓. การเขียน ๒. กรุงเทพมหำนคร: อักษรเจริญทัศน์.
. ๒๕๔๕. การสอนภาษาไทยขั้นพื้นฐาน ระดับมัธยมศึกษา. กรุงเทพมหำนคร: ศูนย์ส่งเสริมวิชำกำร.
. ๒๕๒๘. บันไดหลักภาษา ๑. กรุงเทพมหำนคร: อักษรเจริญทัศน์.
. ๒๕๔๒. บันไดหลักภาษา ๒. กรุงเทพมหำนคร: อักษรเจริญทัศน์.
. ๒๕๔๒. บันไดหลักภาษา ๓. กรุงเทพมหำนคร: อักษรเจริญทัศน์.
ฐะปะนีย์ นำครทรรพ และคณะ. ๒๕๔๒. ภาษาสุนทร ๑. กรุงเทพมหำนคร: อักษรเจริญทัศน์.
นววรรณ พันธุเมธำ. ๒๕๒๗. ไวยากรณ์ไทย. กรุงเทพมหำนคร: รุ่งเรืองสำส์นกำรพิมพ์.
บรรจบ พันธุเมธำ. ๒๕๓๔. ลักษณะภาษาไทย. กรุงเทพมหำนคร: คุรุสภำลำดพร้ำว.
ณรงค์ มั่นเศรษฐวิทย์. ๒๕๔๐. ภาษากับการพัฒนาความคิด. กรุงเทพมหำนคร: โอเดียนสโตร์.
ผจงวำด พูลแก้ว. ๒๕๔๗. แบบฝึกทักษะฟัง พูด อ่าน เขียน. กรุงเทพมหำนคร: สุวีริยำสำส์น.
ภำษำไทย, สถำบัน. ๒๕๔๕. บรรทัดฐานภาษาไทย เล่ม ๑. กรุงเทพมหำนคร: โรงพิมพ์ สกสค. ลำดพร้ำว.
. ๒๕๕๒. บรรทัดฐานภาษาไทย เล่ม ๓. กรุงเทพมหำนคร: โรงพิมพ์ สกสค. ลำดพร้ำว.
รำชบัณฑิตยสถำน. ๒๕๕๒. พจนานุกรมศัพท์วรรณกรรมไทย. กรุงเทพมหำนคร: ยูเนียน อุลตร้ำไวโอเล็ต.
. ๒๕๕๖. พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พุทธศักราช ๒๕๕๔. กรุงเทพมหำนคร: ศิริวัฒนำ
อินเตอร์พริ้นท์ จ�ำกัด มหำชน.
รำชบัณฑิตยสภำ, ส�ำนักงำน. ๒๕๖๓. ราชาศัพท์ ฉบับราชบัณฑิตยสภา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรเมนทร
รามาธิบดีศรีสนิ ทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยูห่ วั เนือ่ งในโอกาสพระราชพิธบี รมราชาภิเษก
พุทธศักราช ๒๕๖๒. พิมพ์ครั้งที่ ๓. กรุงเทพมหำนคร: ธนอรุณกำรพิมพ์.
เลขำธิกำรสภำกำรศึกษำ, ส�ำนักงำน. ๒๕๕๒. ครูดที ฉี่ นั ประทับใจ. กรุงเทพมหำนคร: โรงพิมพ์มหำวิทยำลัยธรรมศำสตร์.
วนิดำ จันทรุจิรำกร. ๒๕๔๓. อินเทอร์เน็ต มิติใหม่ของการสื่อสาร. กรุงเทพมหำนคร: เธิร์ดเวฟ เอ็ดดูเคชั่น.
วำสนำ บุญสม. ๒๕๓๙. กลอนสัมผัสใจได้อย่างไร. กรุงเทพมหำนคร: ลินคอร์น โปรโมชั่น.
วิจิตร อำวะกุล. ๒๕๔๐. เพื่อการพูดการฟังและการประชุมที่ดี. กรุงเทพมหำนคร: โอเดียนสโตร์.
วิเชียร เกษประทุม. ๒๕๔๑. โวหารในวรรณคดีไทย. กรุงเทพมหำนคร: พัฒนำศึกษำ.
สนิท ตั้งทวี. ๒๕๓๖. อ่านไทย. กรุงเทพมหำนคร: โอเดียนสโตร์.
สุวิทย์ มูลค�ำ. ๒๕๔๕. ชวนครูฮาพานักเรียนเฮ. กรุงเทพมหำนคร: ภำพพิมพ์.
เสริมสร้ำงเอกลักษณ์ของชำติ, ส�ำนักงำน. ๒๕๕๓. ราชาศัพท์. กรุงเทพมหำนคร: ด่ำนสุทธำกำรพิมพ์.
อัจฉรำ ชีวพันธ์. ๒๕๔๔. อ่านสนุก - ปลุกส�านึก. กรุงเทพมหำนคร: จุฬำลงกรณ์มหำวิทยำลัย.
146
146 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
เอกสารเสริม
คÓราชาศัพท์
ศัพท์บัญญัติที่แยกใช้ตามชั้นบุคคล
ค�านามราชาศัพท์
ค�ำสำมัญ รำชำศัพท์ ใช้แก่
ค�ำพูดทักทำย พระรำชด�ำรัสปฏิสันถำร พระมหำกษัตริย์
สมเด็จพระบรมรำชินีนำถ
สมเด็จพระบรมรำชินี
สมเด็จพระบรมโอรสำธิรำช สยำมมกุฎรำชกุมำร
พระบรมวงศ์ที่ได้รับพระรำชทำนสัปตปฎล
เศวตฉัตรประกอบพระรำชอิสริยยศ๑
พระด�ำรัสปฏิสันถำร พระบรมวงศ์ชั้นสมเด็จเจ้ำฟ้ำ
จนถึงพระอนุวงศ์ชั้นพระองค์เจ้ำ
จดหมำย พระรำชหัตถเลขำ, พระมหำกษัตริย์
ลำยพระรำชหัตถเลขำ (โบ)
พระรำชหัตถเลขำ สมเด็จพระบรมรำชินีนำถ
สมเด็จพระบรมรำชินี
สมเด็จพระบรมโอรสำธิรำช สยำมมกุฎรำชกุมำร
พระบรมวงศ์ที่ได้รับพระรำชทำนสัปตปฎล
เศวตฉัตรประกอบพระรำชอิสริยยศ๒
ลำยพระหัตถ์ พระบรมวงศ์ชั้นสมเด็จเจ้ำฟ้ำ
จนถึงพระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้ำ
วันเกิด วันพระบรมรำชสมภพ พระมหำกษัตริย์
วันพระรำชสมภพ สมเด็จพระบรมรำชินีนำถ
สมเด็จพระบรมรำชินี
สมเด็จพระบรมโอรสำธิรำช สยำมมกุฎรำชกุมำร
พระบรมวงศ์ที่ได้รับพระรำชทำนสัปตปฎล
เศวตฉัตรประกอบพระรำชอิสริยยศ๓
วันประสูติ พระบรมวงศ์ชั้นสมเด็จเจ้ำฟ้ำ
จนถึงพระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้ำ
เอกสารเสริม 11
เกร็ดแนะครู
ครูควรชี้แนะหลักการเบื้องตนสําหรับการใชคําราชาศัพทวา นักเรียนตองมี
ความรู ความเขาใจเกี่ยวกับลําดับพระราชวงศ ความรูเกี่ยวกับการประกอบ
คําราชาศัพท เพื่อใหประกอบคําราชาศัพทไดถูกตองตามพระราชอิสริยยศ
นอกจากนี้ยังควรสังเกตการใชคําราชาศัพทจากขาวในพระราชสํานัก
ก็จะเพิ่มพูนความรูใหแกตนเองไดอีกทางหนึ่ง
คู่มือครู 147
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate
กริยาราชาศัพท์
ค�ำสำมัญ รำชำศัพท์ ใช้แก่
กิน, รับประทำน เสวย พระมหำกษัตริย์ จนถึงพระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้ำ
เกิด ทรงพระรำชสมภพ, พระมหำกษัตริย์
มีพระบรมรำชสมภพ,
เสด็จพระรำชสมภพ
ทรงพระรำชสมภพ, สมเด็จพระบรมรำชินีนำถ
มีพระรำชสมภพ, สมเด็จพระบรมรำชินี
เสด็จพระรำชสมภพ สมเด็จพระบรมโอรสำธิรำช สยำมมกุฎรำชกุมำร
พระบรมวงศ์ที่ได้รับพระรำชทำนสัปตปฎล
เศวตฉัตรประกอบพระรำชอิสริยยศ๒
ประสูติ พระบรมวงศ์ชั้นสมเด็จเจ้ำฟ้ำ
จนถึงพระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้ำ
ต้องกำร ต้องพระรำชประสงค์ พระมหำกษัตริย์
สมเด็จพระบรมรำชินีนำถ
สมเด็จพระบรมรำชินี
สมเด็จพระบรมโอรสำธิรำช สยำมมกุฎรำชกุมำร
พระบรมวงศ์ที่ได้รับพระรำชทำนสัปตปฎล
เศวตฉัตรประกอบพระรำชอิสริยยศ๓
ต้องพระประสงค์ พระบรมวงศ์ชั้นสมเด็จเจ้ำฟ้ำ
จนถึงพระอนุวงศ์ชั้นพระองค์เจ้ำ
๑, ๒, ๓ ในรัชกำลปัจจุบัน หมำยถึง สมเด็จพระกนิษฐำธิรำชเจ้ำ กรมสมเด็จพระเทพรัตนรำชสุดำฯ สยำมบรมรำชกุมำรี
เอกสารเสริม 2
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอใดประกอบคําราชาศัพทผิดทั้ง 2 คํา
1. ทรงดนตรี ทรงมา
2. ทรงโปรด ทรงมา
3. ทรงพระอักษร ทรงพระราชดําเนิน
4. ทรงพระราชทาน ทรงทอดพระเนตร
วิเคราะหคําตอบ การประกอบคําราชาศัพทขึ้นใช โดยใชคําวา “ทรง”
เปนกริยานุเคราะหหรือกริยาชวย คําวา “ทรง” จะมีความหมายคลอยตาม
คําที่ตามมาขางหลัง ขอ 1. ประกอบคําราชาศัพทไดถูกตองทั้ง 2 คํา ขอ 2.
ประกอบคําราชาศัพทผดิ 1 คํา ทีถ่ กู ตอง ตองใชคาํ วา “โปรด” ขอ 3. ประกอบ
คําราชาศัพทผิด 1 คํา ที่ถูกตอง ตองใชคําวา “เสด็จพระราชดําเนิน” ขอ 4.
ประกอบคําราชาศัพทผิดทั้ง 2 คํา ที่ถูกตอง ตองใชคําวา “พระราชทาน”
และ “ทอดพระเนตร” เพราะการประกอบคําราชาศัพทจะไมใชคําวา “ทรง”
นําหนาคํากริยาซึ่งบัญญัติใหเปนคําราชาศัพทอยูแ ลว ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
148 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
เอกสารเสริม 3
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
คําราชาศัพทในขอใดกําหนดใหใชเฉพาะพระมหากษัตริยทั้ง 2 คํา
1. พระโอสถ พระราชภาระ
2. พระบรมศพ ลายพระราชหัตถ
3. พระกระยาหาร พระราชหัตถเลขา
4. พระบรมรูปปน พระบรมฉายาลักษณ
วิเคราะหคําตอบ คําราชาศัพทคําวา “พระราชภาระ” “พระราชหัตถเลขา”
และ “ลายพระราชหัตถ” เปนคําราชาศัพทที่ใชแก พระมหากษัตริย จนถึง
พระบรมวงศ ที่ ไ ด รั บ พระราชทานสั ป ตปฎลเศวตฉั ต รประกอบพระราช
อิสริยยศ คําราชาศัพทคําวา “พระโอสถ” และ “พระกระยาหาร” เปน
คําราชาศัพทที่ใชแก พระมหากษัตริย จนถึงพระอนุวงศชั้นพระองคเจา และ
คําราชาศัพทคําวา “พระบรมรูปปน” “พระบรมฉายาลักษณ” และ “พระบรมศพ”
เปนคําราชาศัพทที่ใชเฉพาะพระมหากษัตริย ดังนั้นจึงตอบขอ 4.
คู่มือครู 149
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate
เอกสารเสริม 4
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
“พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวใหปริญญาบัตรแกนิสิตที่สําเร็จการศึกษา”
ขอใดถูกตอง
1. ทรงมอบ
2. ประทาน
3. พระราชทาน
4. ทรงพระราชทาน
วิเคราะหคําตอบ คําราชาศัพทที่มีความหมายวา “ให” แลวบัญญัติใหใชแก
พระมหากษัตริย คือคําวา “พระราชทาน” ซึ่งเปนคํากริยาราชาศัพทอยูแลว
จึงไมจําเปนตองมี “ทรง” นําหนา ดังนั้นจึงตอบขอ 3.
150 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
ศัพท์บัญญัติส�าหรับผู้น้อยที่ใช้แก่บุคคลชั้นต่างๆ
ค�ำสำมัญ รำชำศัพท์ ใช้แก่
ขออนุญำตเข้ำพบ ขอพระรำชทำนพระบรม- พระมหำกษัตริย์
รำชวโรกำสเข้ำเฝ้ำทูล
ละอองธุลีพระบำท
ขอพระรำชทำนพระรำชวโรกำส สมเด็จพระบรมรำชินีนำถ
เข้ำเฝ้ำทูลละอองธุลีพระบำท
ขอพระรำชทำนพระรำชวโรกำส สมเด็จพระบรมรำชิน๑ี
เข้ำเฝ้ำทูลละอองพระบำท สมเด็จพระบรมโอรสำธิรำช สยำมมกุฎรำชกุมำร
พระบรมวงศ์ที่ได้รับพระรำชทำนสัปตปฎล
เศวตฉัตรประกอบพระรำชอิสริยยศ๒
ขอพระรำชทำนพระวโรกำส พระบรมวงศ์ชั้นสมเด็จเจ้ำฟ้ำ
เข้ำเฝ้ำ
ขอประทำนพระวโรกำสเข้ำเฝ้ำ พระบรมวงศ์ชั้นพระองค์เจ้ำ
พระอนุวงศ์ชั้นพระองค์เจ้ำ
ขอประทำนพระอนุญำตเข้ำเฝ้ำ พระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้ำ
เอกสารเสริม 5
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอใดกลาวถูกตอง
1. “ขอประทานพระวโรกาสเขาเฝา” ใชแก พระราชโอรสพระราชธิดาของ
พระมหากษัตริย
2. “ขอพระราชทานพระราชวโรกาสเขาเฝาทูลละอองพระบาท” ใชแก สมเด็จ
พระบรมราชินีในรัชกาลปจจุบัน
3. “ขอประทานพระอนุญาตเขาเฝา” ใชแก พระอนุวงศชั้นพระองคเจา จนถึง
พระอนุวงศชั้นหมอมเจา
4. “ขอพระราชทานพระวโรกาสเขาเฝา” ใชแก พระองคเจาสิริภาจุฑาภรณ
วิเคราะหคําตอบ ขอ 2 คําวา “ขออนุญาตเขาพบ” ที่ใชแก สมเด็จพระบรม
ราชินีในรัชกาลปจจุบัน ใชวา “ขอพระราชทานพระราชวโรกาสเขาเฝาทูล
ละอองธุลีพระบาท” ขอ 3. “ขอประทานพระอนุญาตเขาเฝา” ใชเฉพาะ
พระอนุวงศชั้นหมอมเจา ขอ 4. “ขอพระราชทานพระวโรกาสเขาเฝา” ใชแก
พระบรมวงศชั้นสมเด็จเจาฟา และคําวา “ขออนุญาตเขาพบ” ที่ใชแก
พระองคเจาสิริภาจุฑาภรณ ตองใชวา “ขอประทานพระวโรกาสเขาเฝา”
ดังนั้นจึงตอบขอ 1.
คู่มือครู 151
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate
เอกสารเสริม 6
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอใดเปนคําขึ้นตนที่ใชสําหรับการกราบบังคมทูลดวยวาจาแกพระมหากษัตริย
1. ขอพระราชทานกราบบังคมทูลทราบฝาละอองพระบาท
2. ขอเดชะฝาละอองธุลีพระบาทปกเกลาปกกระหมอม
3. ขอพระราชทานกราบทูลทราบฝาพระบาท
4. ขอประทานกราบทูลทราบฝาพระบาท
วิเคราะหคําตอบ ขอ 2. เปนคําขึ้นตนที่ใชสําหรับการกราบบังคมทูลดวย
วาจาแกพระมหากษัตริยและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ขอ 3. เปนคําขึ้นตน
ที่ใชสําหรับการกราบทูลดวยวาจาแกพระบรมวงศชั้นสมเด็จเจาฟา ขอ 4.
เปนคําขึน้ ตนทีใ่ ชสาํ หรับการกราบทูลดวยวาจาแกพระบรมวงศชนั้ พระองคเจา
ขอ 1. เปนคําขึ้นตนที่ใชสําหรับการกราบบังคมทูลดวยวาจาแกสมเด็จ
พระบรมราชินี สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร และ
พระบรมวงศทไี่ ดรบั พระราชทานสัปตปฎลเศวตฉัตรประกอบพระราชอิสริยยศ
ดังนั้นจึงตอบขอ 2.
152 คู่มือครู
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Expand Evaluate
เอกสารเสริม 7
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอใดเปนสรรพนามบุรุษที่ 2 ซึ่งกําหนดใหใชสําหรับการกราบบังคมทูล
ดวยวาจาแกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร
1. ใตฝาละอองธุลีพระบาท
2. ใตฝาละอองพระบาท
3. ใตฝาพระบาท
4. ฝาพระบาท
วิเคราะหคําตอบ คําสรรพนามบุรุษที่ 2 ซึ่งกําหนดใหใชสําหรับกราบบังคม
ทูลดวยวาจาแกสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร คือคําวา
“ใตฝาละอองพระบาท” ขอ 1. “ใตฝาละอองธุลีพระบาท” ใชสําหรับกราบ
บังคมทูลแกพระมหากษัตริยและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ ขอ 3. ใชสําหรับ
กราบทูลแกพระบรมวงศชั้นสมเด็จเจาฟา ขอ 4. ใชสําหรับกราบทูลแก
พระอนุวงศชั้นพระองคเจา และพระอนุวงศชั้นหมอมเจา ดังนั้นจึงตอบ
ขอ 2.
คู่มือครู 153
กระตุ้นความสนใจ ส�ารวจค้นหา อธิบายความรู้ ขยายความเข้าใจ ตรวจสอบผล
Engaae Expore Explain Elaborate Evaluate
เอกสารเสริม 8
ขอสอบเนน การคิด
แนว NT O-NE T
ขอใดใชสรรพนามบุรุษที่ 2 แตกตางจากขออื่น
1. หมอมเจา
2. สมเด็จเจาฟา
3. พระเจาหลานเธอ พระองคเจา
4. พระเจาวรวงศเธอ พระองคเจา
วิเคราะหคําตอบ ขอ 1., 3. และ 4. ใชสรรพนามบุรุษที่ 2 วา “ฝาพระบาท”
สวนขอ 2. ใชวา “ใตฝา พระบาท” ดังนัน้ จึงตอบขอ 2.
154 คู่มือครู
สร้างอนาคตเด็กไทย
ด้วยนวัตกรรมการเรียนรูร
้ ะดับโลก
>> ราคาเล่มนักเรียนโปรดดูจากใบสัง
่ ซือ
้ ของ อจท.
คู่มือครู นร.ภาษาไทย หลักภาษาฯ ม.2
บริษท
ั อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด
142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
8 858649 121301
โทร. 0 2622 2999 (อัตโนมัติ 20 คูส
่ าย)
ID Line : @aksornkrumattayom www.aksorn.com อักษรเจริญทัศน์ อจท. 350.-
ราคานีเ้ ป็นของฉบับคูม
่ อ
ื ครูเท่านัน
้