Professional Documents
Culture Documents
แบบฝกหัดรายว�ชาเพิ่มเติมว�ทยาศาสตรและเทคโนโลยี ลย
ม.6 เล่ม 2
ฟิสิกส์
ตามผลการเร�ยนรู กลุมสาระการเร�ยนรูว�ทยาศาสตรและเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551
พิษณุ จันทรเสวต
แบบฝึกหัดรายวิชาเพิม
่ เติมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ฟิสก
ิ ส์
6 2
Σ F = ma
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ เล่ม
ตามผลการเรียนรู้
กลุม
่ สาระการเรียนรูว ิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
้ ท
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน
้ พืน
้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ฉบับ
เฉลย
ผู้เรียบเรียง ผู้ตรวจ
นายพิษณุ จันทรเสวต นายธิติพัทธ ชุติวัฒนโสภณ
พิมพครั้งที่ 23
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ
รหัสสินคา 3648007
3638014
คําแนะนําในการใช้ส่ือ
เรียบเรีย งขึ้นสําหรับใช
แบบฝึ ก หั ด รายวิ ช าเพิ่ ม เติ ม วิ ท ยาศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี ฟิ สิ ก ส์ ม.6 เล่ ม 2
ประกอบการเรียนการสอน ตามผลการเรียนรู กลุมสาระการเรียนรูวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (ฉบับปรับปรุง พ.ศ.
2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขัน้ พืน้ ฐาน พุทธศักราช 2551 ออกแบบโดยเนนกระบวนการทางวิทยาศาสตร
และกระบวนการสืบเสาะหาความรู ซึ�งมีวัตถุประสงคเพื่อชวยพัฒนาผูเรียนทั้งดานความรู ทักษะกระบวนการ
จิตวิทยาศาสตร และเสริมสรางทักษะแหงศตวรรษที่ 21 ดวยกิจกรรมที่หลากหลาย ซึ�งมีองคประกอบเพื่อชวยอํานวย
ความสะดวกแกผูเรียนและผูสอน ดังน�้
แบบฝึกหัด HOTS
สรุปสาระสําคัญ กิจกรรมทีช่ ว ยทบทวนเน�อ้ หา ตรวจสอบ กิจกรรมเพื่อชวยใหผูเรียนพัฒนาทักษะ
สรุปเน�้อหาสําคัญเพื่อทบทวน ความรูค วามเขาใจ และสงเสริมใหผูเรียน การคิดขั้นสูง ทั้งการคิดวิเคราะห คิดริเริ�ม
ความรูใหแกผูเรียน ไดฝกทักษะกระบวนการคิด สรางสรรค คิดอยางมีวิจารณญาณ
หน่วยการเรียนรู้ที่
ผูสังเกตคนหนึ่งอยูในตัวกลาง
A กําลังมองลําแสงที่สะทอนจากผิว A
α
β γ
ตัวกลาง B ผานแผนโพลารอยด โดย
แกนโพลาไรสทํามุมตั้งฉากกับระนาบ B 60 ํ
γ
α β
ผิวรอยตอ พบวา จะมองไมเห็นแสง
B E
สะทอนที่มุม 60 องศา วัดจากแนว ระนาบพื้นผิว
ระนาบของพื้นผิว ดังภาพ
ระนาบตั้งฉาก
ถาตองการยิงลําแสงจากตัวกลาง
1. อะตอมและการค
อะตอมและการค้นพบอิเล็กตรอน B ไปยังตัวกลาง A แลวทําใหแสงนั้นสะทอนกลับมาในตัวกลาง B ทั้งหมด จะตอง
แบบฝึกหัดที่ 7.3 ปรับทิศของแสงตกกระทบดวยมุมมากที่สุดเทาใด วัดจากแนวระนาบของพื้นผิว
ระบุชื่อของรังสีแอลฟา รังสีบีตา และรังสีแกมมา จากสมบัติที่กํา� หนดให
หนดให้
รังสีแคโทด
สมบัติ รังสี เนื่องจากแสงโพลาไรสที่สะทอนจากรอยตอระหวางตัวกลาง 2 ตัว จะมีการสั่นในระนาบเดียวกับ
ฉบับ
เฉลย •หลอดรังสีแคโทด คือ หลอดแก้
หลอดแกวที่สูบเอาอากาศจากภายในออกจนเกือบเป็ บเปนสุญญากาศ แล
แล้วบรรจุ ฉบับ
เฉลย
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ระนาบพืน้ ผิว คือ สัน่ ในทิศซาย-ขวา ดังนัน้ เมือ่ มองแสงสะทอนผานแผนโพลารอยด จะมองไมเห็นแสง
ฉบับ
เฉลย
แกสชนิดอื่นเข
แก๊ เข้าไป จจ่ายความต
ยความต่างศักยย์สูงประมาณ 10-20 กิโลโวลต
ลโวลต์ ไปที่ขั้วทั้ง 2 ขข้างของหลอดแก
งของหลอดแก้ว จะเกิด 1. มีสมบัติคลล้ายรังสีเอกซ
อกซ์ แกมมา
............................................................................... ...............................................................................................................................................................................................................................................................
รังสีจากขั้วไฟฟ
ไฟฟ้าลบ (แคโทด) ไปยังขั้วไฟฟ กว่า รังสีแคโทด
ไฟฟ้าบวก (แอโนด) เรียกว เมื่อแกนโพลาไรสตั้งฉากกับทิศการสั่นของคลื่น
...............................................................................................................................................................................................................................................................
2. เบี่ยงเบนในสนามแม
งเบนในสนามแม่เหล็กตรงข
ตรงข้ามกับรังสีแอลฟา บีตา
...............................................................................
ดังนั้น แสงที่ผูสังเกตคนนี้มองเห็น เปนแสงโพลาไรสที่มีมุมโพลาไรส 30 ํ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
nB
การทดลองของทอมสัน 3. มีอํา� นาจทะลุผา่ นมากที่สุด แกมมา
............................................................................... จาก tan θp = n
...............................................................................................................................................................................................................................................................
A
A
• ทอมสันได
ได้ทํา� การศึกษาสมบัติของรังสีแคโทด โดยปรับหลอดรังสีแคโทดด้ คโทดดวยการเพิ่มขั้วไฟฟ้ ไฟฟาเข้เขาไป 4. สามารถทํ
สามารถท�าใหให้โมเลกุลของสารทีร่ งั สีเคลือ่ นทีผ่ า่ นแตกตัวเป
เป็นไอออน แอลฟา
...............................................................................................................................................................................................................................................................
tan 30 ํ = n
nB
ฉบับ
............................................................................... θp θ p
2 ขั้ว พบว่
พบวา จุดสว่ สวางบนฉากเรืองแสงเบนไปจากต�
งแสงเบนไปจากตําแหน่ แหนงเดิมซึ่งเบนเข้
เบนเขาหาขั้วไฟฟ้
ไฟฟาบวก ท�ทําให้ ใหทอมสัน ได้ดีที่สุด
ได ...............................................................................................................................................................................................................................................................
A แสงไมโพลาไรส แสงโพลาไรส
สรุปได
ได้วา่ รังสีแคโทดเป
คโทดเป็นลํล�าอนุภาคที่มีประจุไฟฟ
ฟฟ้าลบ จะได nA = 3nB
...............................................................................................................................................................................................................................................................
• ทอมสันได
ได้ปรับการทดลอง โดยน�โดยนําหลอดรังสีแคโทดมาวางไว้
คโทดมาวางไวในสนามแม่
นสนามแมเหล็กและให้
และใหทิศทางของ 5. ไม
ไม่เบี่ยงเบนเมื่อผผ่านเข
นเข้าไปในบริเวณที่มีสนามแม
นามแม่เหล็ก แกมมา
............................................................................... ตองการยิงแสงจากตัวกลาง B ใหสะทอนกลับหมด รังสีหักเห
เฉลย
B
...............................................................................................................................................................................................................................................................
สนามแม่
สนามแมเหล็กตั้งฉากกับสนามไฟฟ้สนามไฟฟา และปรับขนาดของสนามไฟฟ
ขนาดของสนามไฟฟ้าให ให้พอเหมาะ จนกระทั่งลํล�าอนุภาครังสี 6. ตต้องใช
งใช้แผผ่นตะกั่วหนาในการกั้นรังสีชนิดนี้ แอลฟา บีตา แกมมา
............................................................................... จาก nA sin θA = nB sin θB
...............................................................................................................................................................................................................................................................
แคโทดไม่
แคโทดไมเบนไปจากแนวเดิม แสดงว แสดงว่า FE และ FB มีขนาดเท่
นาดเทากันแต่แตทศิ ทางตรงกันข้ขาม ทํท�าให
ให้ไดด้ความสัมพันธธ์ 3nB sin θ = nB sin 90 ํ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนี้ 7. อัตราส
ราส่วนระหว
นระหว่างประจุไฟฟ
ฟฟ้าตต่อมวลมีคา่ มากที่สุด บีตา
............................................................................... 1 A
sin θ = 3
...............................................................................................................................................................................................................................................................
q v E จะได θ = sin ( 1 )
-1
m = BR = B2R 8. มีความสามารถในการเดินทางผ ทางผ่านอากาศน
นอากาศน้อยที่สุดถถ้าเทียบกับ แอลฟา
............................................................................... 3
...............................................................................................................................................................................................................................................................
รังสีอื่นที่มีพลังงานเท
งานเท่ากัน ดังนั้น มุมที่มีขนาดมากที่สุดวัดจากแนวระนาบ
ราส่วนของประจุตอ่ มวล (mq ) ของอนุภาครังสีแคโทดทีค่ า�ํ นวณได้
θ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
• อัตราส นวณไดจากทุกการทดลอง จะได จะได้คา่ คงตัว
9. สูญเสียพลังงานเร็วที่สุด แอลฟา ของพื้นผิว คือ 90 ํ - sin-1( 13 ) B
...............................................................................................................................................................................................................................................................
เท่ากันทุกครั้ง คือ 1.76 × 1011 คูลอมบ
เท อมบ์ตอ่ กิโลกรัม ทอมสันสรุปวว่า รังสีแคโทดที่ออกมาจากโลหะทั้งหลาย ...............................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
คือ อนุภาคชนิดเดียวกัน ตต่อมาอนุภาคดังกล วได้ชื่อวว่า อิเล็กตรอน และอะตอมไม
กล่าวได และอะตอมไม่ใชช่สิ่งที่เล็กที่สุด อะตอม 10. ไม
ไม่มีมวลและประจุ แกมมา
...............................................................................
สามารถแบ
สามารถแบ่งยย่อยได
ยได้อีกและอิเล็กตรอนก็เปป็นองค
องค์ประกอบหนึ่งของทุกอะตอม
32 70 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 25
Unit Test
ตอนที่ 1
6
คําชี้แจง : เลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว ไดคะแนน คะแนนเต็ม
ตอนที่ 2 คําชี้แจง : แสดงวิธีการคํานวณหาคําตอบที่ถูกตอง
1. ถาทอมสันตองการหาอัตราสวน q/m ของอนุภาครังสีแคโทด โดยทดลองวางแผนโลหะ
10
ไดคะแนน คะแนนเต็ม
Sin cience
Real Life
2 แผน หางกัน 3 เซนติเมตร และใชสนามแมเหล็ก 1.2 × 10-3 เทสลา ปรากฏวา อนุภาค
1. อนุภาคบีตาเคลื่อนที่เขาไประหวางแผนตัวนําขนาน A และ B ซึ่งวาง 20 มีรัศมีความโคง 10 เซนติเมตร อยากทราบวา ทอมสันใชความตางศักยระหวางแผนโลหะ
หางกัน 2 มิลลิเมตร และมีความตางศักย 160 โวลต ภายในทีว่ า งระหวาง เทาใด
q E V ¤ÃÙ¤ÃѺ àÃÒÃÙäŒ ´ŒÍ‹ҧäÃ
แผนตัวนํามีสนามแมเหล็กสมํา่ เสมอขนาด 4 เทสลา ทิศทาง ดังภาพ ถาตองการใหอนุภาค วิธีทํา จากสมการ m = 2 = 2
.............................................................................................................................................................................................................................................
BR B Rd Ç‹Ò á¨¡Ñ¹ÍÒÂØ 250 »‚
บีตาเคลือ่ นทีท่ ะลุชอ งเปด S พอดี ความเร็วของอนุภาคตองมีขนาดเทาใด และแผนตัวนํา B ............................................................................................................................................................................................................................................. ÇÑ´¨Ò¡»ÃÔÁÒ³
1.76 × 10 = 11 V ¤Òú͹¤‹Ð
จะตองเปนขั้วไฟฟาบวกหรือขั้วไฟฟาลบ (1.2 × 10-3)2(0.1)(0.03)
.............................................................................................................................................................................................................................................
3. หลอดโซเดียมเปลงแสงความยาวคลื่น 600 นาโนเมตร ออกมาดวยอัตรา 10 วัตต ............................................................................................................................................................................................................................................. และ C-14 จะสามารถคํานวณหาอายุซากสิ่งมีชีวิตไดวาตายมาแลวกี่ป (การวัดปริมาณ C-14 นั้นวัดได
.........................................................................................................................................................................................................................................................
V = h2 -λt
อยากทราบวา ทุก ๆ 1 วินาที หลอดโซเดียมสงโฟตอนออกมาจํานวนเทาใด 2mqλ2 (6.626 × 10-34)2
............................................................................................................................................................................................................................................. จากกัมมันตภาพ A = -λN = -λN0e )
.........................................................................................................................................................................................................................................................
5 คลื่นแมเหล็กไฟฟา
1. ทฤษฎีคลื่นแมเหล็กไฟฟาของแมกซเวลล
และการทดลองของเฮิรตซ
ฉบับ
คลื่นแมเหล็กไฟฟา เกิดจากการเหนี่ยวนําระหวางสนามไฟฟาและสนามแมเหล็กในบริเวณ
เฉลย ที่วางใด ๆ สามารถเคลื่อนที่ไดแมไมมีตัวกลาง มีอัตราเร็วในสุญญากาศ 3 × 108 เมตรตอวินาที
การคนพบคลืน่ แมเหล็กไฟฟาเปนความสําเร็จครัง้ ยิง่ ใหญ เพราะทําใหเกิดเทคโนโลยีขนั้ สูงตามมา
ทฤษฎีคลื่นแมเหล็กไฟฟาของแมกซเวลล
แมกซเวลล ไดรวบรวมและพัฒนากฎทางไฟฟาและแมเหล็กเขาดวยกัน ไดแก กฎของเกาส กฎของ
แอมแปร และกฎของฟาราเดย ทําใหพบวา สนามแมเหล็กและสนามไฟฟาสามารถเหนีย่ วนํากันไปมาจนกลาย
เปนคลื่นได ดังภาพ
E1 E2 E3
B1 B2 B3
E2 E3
การทดลองของเฮิรตซ
เฮิรตซ ไดพิสูจนทฤษฎีคลื่นแมเหล็กไฟฟาของแมกซเวลล โดยจัดชุดการทดลอง ดังภาพ พบวา
ในขณะที่ปด-เปดสวิตช s เปนจังหวะอยางรวดเร็ว ชองอากาศของลวดตัวนําดานสงและดานรับ (G และ G′)
2
จะเกิดประกายไฟฟา จึงสรุปไดวา คลื่นแมเหล็กไฟฟาเกิดจากการเหนี่ยวนําตอเนื่องระหวางสนามไฟฟาและ
สนามแมเหล็กที่เปลี่ยนแปลง และสามารถเคลื่อนที่ไดโดยไมอาศัยตัวกลาง ดวยอัตราเร็วเทากับอัตราเร็วแสง
ดานสง ดานรับ
s
G G′
- +
การแผคลื่นแมเหล็กไฟฟาจากสายอากาศ
สายอากาศ ใชแหลงกําเนิดไฟฟากระแสสลับกับแทงตัวนํา 2 แทง กระแสไฟฟาที่ไหลในแทงตัวนําจะ
มีทิศทางกลับไปมา ทําใหสนามไฟฟาและสนามแมเหล็กมีการเปลี่ยนแปลง จึงเกิดคลื่นแมเหล็กไฟฟาขึ้นใน
ทิศทางตาง ๆ โดยมีความเขมสูงสุดในทิศที่ตั้งฉากกับสายอากาศ และมีความเขมลดลงจนเปน 0 ในทิศทาง
ฉบับ
เดียวกับสายอากาศ ดังภาพ เฉลย
L = λ/2
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 3
แบบฝึกหัดที่ 5.1
ตอบคําถามตอไปนี้
1. “สมการของแมกซเวลลนับเปนหนึ่งในสมการทางฟสิกสที่ปฏิวัติโลก” คํากลาวนี้เหมาะสม
หรือไม เพราะเหตุใด
เหมาะสม เพราะสมการของแมกซเวลลสามารถพิสจู นไดวา สนามไฟฟาและสนามแมเหล็กสามารถ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เหนีย่ วนําเปนคลืน่ ได จึงคนพบคลืน่ แมเหล็กไฟฟาไดเปนคนแรก การคนพบนีท้ าํ ใหเกิดเทคโนโลยี
...................................................................................................................................................................................................................................................
คลืน่ แมเหล็กไฟฟาตาง ๆ ถือเปนการพลิกหนาประวัตศิ าสตรโลกในยุคนัน้ และยังคงใชประโยชนของ
...................................................................................................................................................................................................................................................
คลื่นแมเหล็กไฟฟามาจนถึงปจจุบัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย
แบบฝึกหัดที่ 5.2
คํานวณหาผลลัพธจากโจทยตอไปนี้
1. สายอากาศยาว 10 เมตร สรางคลื่นแมเหล็กไฟฟาออกมาโดยรอบ จํานวนลูกคลื่นที่ระยะทาง
50 เมตร วัดจากสายอากาศมีกี่ลูกคลื่น
วิธีทํา จากสมการ L = λ2
...................................................................................................................................................................................................................................................
10 = λ2
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได λ = 20 m
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ที่ระยะทาง 50 เมตร วัดจากสายอากาศ จะมีลูกคลื่นจํานวน
...................................................................................................................................................................................................................................................
เทากับ 50 20 = 2.5 ลูกคลื่น
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
เฉลย
4. คลื่นแมเหล็กไฟฟาความถี่ 4 × 1014 เฮิรตซ เคลื่อนที่ในทิศ +X โดยสนามไฟฟาสั่น
ขนานกับแกน Y และมีแอมพลิจูด 45 นิวตันตอคูลอมบ ฟงกชันคลื่นของสนามไฟฟาและ
สนามแมเหล็กของคลื่นขบวนนี้เปนอยางไร
∧
วิธีทํา ฟงกชันคลื่นของสนามไฟฟาของคลื่นนี้ คือ E(x, t) = E sin (kx - t) j ω
...................................................................................................................................................................................................................................................
0
โดยที่อัตราเร็วเชิงมุม ω = 2πf = 2(3.14)(4 × 1014) = 2.51 × 1015 rad/s
...................................................................................................................................................................................................................................................
และเลขคลื น
่ k = 2 π = ω = 2.51 × 1015 = 8.36 × 106 m-1
c 3 × 108
...................................................................................................................................................................................................................................................
λ
ดังนั้น ฟงกชันคลื่นของสนามไฟฟา คือ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
E(x, t) = 45 sin [(8.36 × 106)x - (2.51 × 1015)t] j นิวตันตอคูลอมบ
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ E = B c
...................................................................................................................................................................................................................................................
E
จะไดแอมพลิจูดของสนามแมเหล็ก B0 = c0 = 45 8 = 1.5 × 10-7 T
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 × 10
และจากกฎมื อ ขวา จะได ว า
สนามแม เ หล็ ก จะมี ก ารสั น
่ ขนานกับแกน Z
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ฟงกชันคลื่นของสนามแมเหล็ก คือ
...................................................................................................................................................................................................................................................
∧
B(x, t) = (1.5 × 10-7) sin [(8.36 × 106)x - (2.51 × 1015)t] k เทสลา
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 5
แบบฝึกหัดที่ 5.3
ระบุทิศการเคลื่อนที่ของคลื่นแมเหล็กไฟฟา สนามไฟฟา หรือสนามแมเหล็ก
1. Z 2. Z
∧
E c
∧
B c B
X Y X E Y
3. Z 4. Z
E B
∧
c
B Y ∧
c E Y
X X
5. Z 6. Z
ฉบับ
B
เฉลย E B E
∧
X ∧ Y c Y
c X
∧ ∧
7. สนามไฟฟามีทิศ -i สนามแมเหล็กมีทิศ +k
∧
+j
ดังนั้น คลื่นแมเหล็กไฟฟาเคลื่อนที่ในทิศ .....................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................................................................................
∧ ∧
8. สนามไฟฟามีทิศ -k สนามแมเหล็กมีทิศ -j
∧
-i
ดังนั้น คลื่นแมเหล็กไฟฟาเคลื่อนที่ในทิศ .....................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................................................................................
9. สนามไฟฟามีทิศตะวันออก สนามแมเหล็กมีทิศชี้ขึ้นเหนือศีรษะ
ใต
ดังนั้น คลื่นแมเหล็กไฟฟาเคลื่อนที่ในทิศ .....................................................................................................................................
.................................................................................................................................................................................................................................................
ทิศของคลื่น ทิศของคลื่น
การสรางแสงโพลาไรสโดยใชแผนโพลารอยด
• แผนโพลารอยด เปนแผนพลาสติกใสหรือกระจกเคลือบสารเคมีพิเศษที่ยอมใหสนามไฟฟาที่สั่นใน ฉบับ
เฉลย
แนวเดียวกับแผนโพลารอยดผานไปได โดยมีความเขมลดลงครึ่งหนึ่ง ถานําแผนโพลารอยด 2 แผน มาวาง
ตอกัน แผนแรกที่แสงผานเขามา เรียกวา แผนโพลาไรส สวนแผนที่สอง เรียกวา แผนวิเคราะห
แผนโพลาไรส แผนวิเคราะห
การสรางแสงโพลาไรส โดยการหักเห
ผลึกของแข็งบางชนิด เชน ควอตซหรือแคลไซต สามารถหักเหแสงและทําใหแสงที่เขามากลายเปน
แสงโพลาไรสได โดยรังสีจะแยกออกเปนรังสีธรรมดากับรังสีพิเศษ ซึ่งแตละแนวมีแกนโพลาไรสที่ตั้งฉากกัน
เรียกวา การหักเหสองแนว
ฉบับ
เฉลย
การสรางแสงโพลาไรส โดยการกระเจิง
การกระเจิง เกิดจากโมเลกุลของแกสในชัน้ บรรยากาศโลกดูดกลืนแสงทีม่ คี วามถีต่ รงกับความถีธ่ รรมชาติ
ของโมเลกุล จึงเกิดการสั่นพองของอิเล็กตรอนในโมเลกุลของอากาศเคลื่อนที่กลับไปกลับมาดวยความเรง
แลวปลดปลอยคลื่นแมเหล็กไฟฟาออกมาในทิศทางตาง ๆ ซึ่งระนาบของการโพลาไรสของแสงที่กระเจิงโดย
โมเลกุลของอากาศจะสัมพันธกับทิศการเคลื่อนที่กลับไปกลับมาของอิเล็กตรอน ดังภาพ
Z
แสงโพลาไรสในแนวระดับ
X
แสงไมโพลาไรส แสงโพลาไรสในแนวดิ่ง
90 ํ
90 ํ
แสงโพลาไรสในแนวดิ่ง แสงไมโพลาไรส
Y
ทิศการเคลื่อนที่กลับไปกลับมาของอิเล็กตรอน
8
แบบฝึกหัดที่ 5.4
คํานวณหาผลลัพธจากโจทยตอไปนี้
1. แสงไมโพลาไรสมีความเขม 200 วัตตตอตารางเมตร เมื่อผานแผนโพลารอยด 3 แผน
โดยแผนที่ 1 กับแผนที่ 2 ทํามุมระหวางกัน 45 องศา สวนแผนที่ 2 กับแผนที่ 3 ทํามุม
ระหวางกัน 60 องศา จงหาคาความเขมแสงสุดทาย
วิธีทํา แสงไมโพลาไรสที่ผานแผนโพลารอยดแผนที่ 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
ความเขมแสงจะเหลือ 200 = 100 W/m2
2
...................................................................................................................................................................................................................................................
เมื อ
่ ผ า นแผ น ที ่ 2 I2 = I1 cos2 θ
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได I2 = (100) cos2 45 ํ = 50 W/m2
...................................................................................................................................................................................................................................................
เมื่อผานแผนที่ 3 I3 = I2 cos2 θ
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได I3 = (50) cos2 60 ํ = 12.5 W/m2
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ความเขมแสงสุดทายมีคาเทากับ 12.5 วัตตตอตารางเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
2. แสงโพลาไรสตกกระทบแผนโพลารอยด โดยทิศทางของสนามไฟฟาขนานกับแกนสงผาน
ของแผนโพลารอยดพอดี จะตองหมุนแกนของแผนโพลารอยดไปเปนมุมกี่องศา จึงจะทําให
ความเขมแสงสงผานลดลงเหลือ 75%
วิธีทํา ตองการให I = 75% I = 34 I
...................................................................................................................................................................................................................................................
2 1 1
จากสมการ I2 = I1 cos2 θ
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 3 I = I cos2 θ
41 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
3
2 = cos θ
...................................................................................................................................................................................................................................................
θ = 30 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น จะตองหมุนแกนของแผนโพลารอยดไปเปนมุมเทากับ 30 องศา
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 9
3. จากภาพ กําหนดให I1 มีคาเปน 12.5% เทียบกับ I0 จงหาคาของมุม θ ที่แกนของแผน
โพลารอยด B กระทํากับแกนของแผนโพลารอยด A
แสงไมโพลาไรส แสงโพลาไรส
ความเขม I0 ความเขม I1
แผนโพลารอยด A แผนโพลารอยด B
I
วิธีทํา แสงไมโพลาไรสที่ผานแผนโพลารอยด A ความเขมแสงจะเหลือ 20
...................................................................................................................................................................................................................................................
I
เมื่อผานแผนโพลารอยด B I1 = ( 20) cos2 θ
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
I
12.5%I = ( 20) cos2 θ
...................................................................................................................................................................................................................................................
0
1 2
4 = cos θ
...................................................................................................................................................................................................................................................
cos θ = 21
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได θ = 60 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ดังนั้น แกนของแผนโพลารอยด B ทํามุม 60 องศา เทียบกับแกนของแผนโพลารอยด A
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
10
5. แสงไมโพลาไรสเดินทางจากอากาศตกกระทบผิวของเหลวดวยมุม 30 องศา เทียบกับ
เสนปกติ พบวา แสงสะทอนที่ออกมาเปนแสงโพลาไรส ถาความยาวคลื่นของแสงในอากาศ
มีคา 650 นาโนเมตร แลวความยาวคลื่นของแสงในของเหลวมีคาเทาใด
วิธีทํา เนื่องจากแสงที่สะทอนออกมาเปนแสงโพลาไรส ดังนั้น มุมบรูสเตอร คือ 30 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ให n1 และ n2 คือ ดรรชนีหักเหแสงในตัวกลางที่เปนอากาศกับของเหลว ตามลําดับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
n
จากสมการ tan θp = n21
...................................................................................................................................................................................................................................................
n
tan 30 ํ = n21
...................................................................................................................................................................................................................................................
n2 1
จะได n1 = 3
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
λ1 n
จากหลักการหักเหของแสง = n21
...................................................................................................................................................................................................................................................
λ2
...................................................................................................................................................................................................................................................
650 = 1
λ 2 3
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได λ2 = 650 3 nm
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ความยาวคลื่นของแสงในของเหลวมีคาเทากับ 650 3 นาโนเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย
6. ถาใหแสงตกกระทบตัวกลางหนึ่งเปนมุมตกกระทบ 45 องศา พบวา มุมหักเหเปน 30 องศา
ถาตองการใหแสงสะทอนจากตัวกลางนั้นเปนแสงโพลาไรส ตองใหแสงตกกระทบดวย
มุมตกกระทบเทาใด
วิธีทํา ให n และ n คือ ดรรชนีหักเหแสงในตัวกลางที่ 1 และ 2 ตามลําดับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
1 2
sin θ n
จากหลักการหักเหของแสง sin θ1 = n21
...................................................................................................................................................................................................................................................
2
...................................................................................................................................................................................................................................................
sin 45 ํ = nn2
sin 30 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
1
2 n
...................................................................................................................................................................................................................................................
2 2
1 = n1
...................................................................................................................................................................................................................................................
2
...................................................................................................................................................................................................................................................
n2
จะได n1 = 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
ตองการใหแสงสะทอนเปนแสงโพลาไรส
...................................................................................................................................................................................................................................................
n
จากสมการ tan θp = n21
...................................................................................................................................................................................................................................................
tan θp = 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
-1
จะได θp = tan ( 2) = 54.74 ํ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ตองใหแสงตกกระทบดวยมุมตกกระทบเทากับ 54.74 องศา
...................................................................................................................................................................................................................................................
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 11
3. สเปกตรัมคลื่นแมเหล็กไฟฟา
คลื่นวิทยุ ไมโครเวฟ รังสีอินฟราเรด รังสีอัลตรา รังสีเอกซ รังสีแกมมา
ไวโอเลต
ความยาวคลื่น (m)
103 102 10 1 10-1 10-2 10-3 10-4 10-5 10-6 10-7 10-8 10-9 10-10 10-11 10-12
AM radio FM radio
106 107 108 109 1010 1011 1012 1013 1014 1015 1016 1017 1018 1019 1020 1021
ความถี่ (Hz)
คลื่นวิทยุ คลื่นไมโครเวฟ
ฉบับ
เฉลย คลื่นวิทยุมีความถี่ชวง 104-109 เฮิรตซ ใชใน • คลืน่ ไมโครเวฟมีความถีช่ ว ง 108- 1012 เฮิรตซ
การสื่อสาร มีการสงสัญญาณ 2 ระบบ มีประโยชนในการสื่อสาร ไมสะทอนที่ชั้นบรรยากาศ
1. ระบบเอเอ็ม (Amplitude Modulation : AM) ไอโอโนสเฟยร แตจะทะลุผา นชัน้ บรรยากาศไปนอกโลก
มีชว งความถี่ 530-1,600 กิโลเฮิรตซ สือ่ สาร • ในการถายทอดสัญญาณโทรทัศนจะตองมี
โดยใชคลื่นเสียงผสมเขาไปกับคลื่นวิทยุ เรียกวา สถานีถายทอดเปนระยะ ๆ เพราะสัญญาณเดินทาง
คลื่ น พาหะ โดยแอมพลิ จู ด ของคลื่ น พาหะจะ เปนเสนตรงและผิวโลกมีความโคง ดังนั้น สัญญาณ
เปลีย่ นแปลงตามสัญญาณคลืน่ เสียง สามารถสงคลืน่ จึงไปไดไกลสุดเพียงประมาณ 80 กิโลเมตร อาจใช
ไดทั้งคลื่นดิน ซึ่งเปนคลื่นที่เคลื่อนที่ในแนวเสนตรง คลื่ น ไมโครเวฟนํ า สั ญ ญาณจากสถานี ส ง ไปยั ง
ขนานกับผิวโลกและคลื่นฟา ซึ่งเปนคลื่นที่จะไป ดาวเทียม แลวใหดาวเทียมนําสัญญาณสงตอไปยัง
สะทอนที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟยรแลวสะทอน สถานีรับที่อยูไกลออกไป
กลับลงมา จึงไมตองใชสายอากาศตั้งสูงรับ • คลื่ น ไมโครเวฟสะท อ นกั บ ผิ ว โลหะได ดี
2. ระบบเอฟเอ็ม (Frequency Modulation : FM) จึงนําไปใชประโยชนในการตรวจหาตําแหนงของ
มีชวงความถี่ 88-108 เมกะเฮิรตซ สื่อสาร อากาศยาน เรียกอุปกรณนวี้ า เรดาร โดยสงสัญญาณ
โดยใชคลื่นเสียงผสมเขากับคลื่นพาหะ โดยความถี่ คลื่ น ไมโครเวฟออกไปกระทบอากาศยานและรั บ
ของคลื่นพาหะจะเปลี่ยนแปลงตามสัญญาณคลื่น คลื่นที่สะทอนกลับจากอากาศยาน ทําใหทราบระยะ
เสียง สามารถสงคลื่นไดเฉพาะคลื่นดินอยางเดียว หางระหวางอากาศยานกับแหลงสงสัญญาณคลื่น
ถาตองการสงใหคลุมพื้นที่ตองมีสถานีถายทอดและ ไมโครเวฟได
เครื่องรับตองตั้งเสาอากาศสูง ๆ รับ
12
รังสีอินฟราเรด
รังสีอินฟราเรดมีความถี่ชวง 1011-1014 เฮิรตซ เปนรังสีที่เกิดจากการแผความรอนจากวัตถุหรือสิ่งมี
ชีวิต ใชกับฟลมถายรูปบางชนิดได และใชในอุปกรณควบคุมจากระยะไกลหรือรีโมตคอนโทรลเพื่อควบคุมการ
ทํางานของเครื่องรับโทรทัศนหรือเครื่องเสียงได
แสงที่มองเห็นได
แสงมีชวงความถี่ 4 × 1014-8 × 1014 เฮิรตซ หรือความยาวคลื่น 400-700 นาโนเมตร เปน
คลื่นแมเหล็กไฟฟาที่ประสาทตาของมนุษยรับได สเปกตรัมของแสงสามารถแยกได ดังนี้
สี มวง นํ้าเงิน เขียว เหลือง สม แดง
ความยาวคลื่น (นาโนเมตร) 380-450 450-500 500-570 570-590 590-610 610-760
รังสีอัลตราไวโอเลต
รังสีอลั ตราไวโอเลต หรือรังสีเหนือมวงมีความถีช่ ว ง 1015-1018 เฮิรตซ เปนรังสีตามธรรมชาติ สวนใหญ ฉบับ
มาจากการแผรังสีของดวงอาทิตย ทําใหเกิดประจุอิสระในบรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟยร ใชฆาเชื้อโรคบางชนิด เฉลย
มีอันตรายตอผิวหนังและตาคนเมื่อไดรับรังสีเปนเวลานาน
รังสีเอกซ
รังสีเอกซมีความถี่ชวง 1016-1019 เฮิรตซ ซึ่งสามารถทะลุสิ่งกีดขวางหนา ๆ ได เกิดจากการเปลี่ยน
ความเร็วของอิเล็กตรอนหรือการเปลี่ยนระดับพลังงานของอิเล็กตรอนในอะตอม ใชในการตรวจดูความผิด
ปกติของอวัยวะภายในรางกายโดยเฉพาะโครงกระดูก ในดานอุตสาหกรรมใชตรวจหารอยราวภายในชิ้นสวน
โลหะขนาดใหญ ใชตรวจหาอาวุธปนหรือวัตถุระเบิดในกระเปาเดินทาง และศึกษาการจัดเรียงตัวของอะตอมใน
โครงสรางผลึก
รังสีแกมมา
รังสีแกมมามีสภาพเปนกลางทางไฟฟา มีความถี่สูงกวารังสีเอกซ เปนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่เกิดจาก
ปฏิกริ ยิ านิวเคลียรและสามารถกระตุน ปฏิกริ ยิ านิวเคลียรได มีอาํ นาจทะลุผา นสูง เปนอันตรายมากกวารังสีเอกซ
ใชในการฉายรังสีรกั ษาโรคมะเร็ง ใชฆา เชือ้ แบคทีเรีย ใชศกึ ษาการดูดซึมแรธาตุของรากพืชและการสังเคราะห
ดวยแสง และใชยืดอายุผลผลิตทางการเกษตรใหสามารถเก็บไดนานขึ้น
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 13
แบบฝึกหัดที่ 5.5
อานขอความ แลวเติมคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่เกี่ยวของ
1. มองเห็นไดดวยตาเปลา
แสงที่มองเห็นได
.................................................................................................................................................................................................................................................
2. รังสีเหนือมวง
รังสีอัลตราไวโอเลต
.................................................................................................................................................................................................................................................
3. แสดงถึงการแผรังสีความรอนจากสิ่งมีชีวิต
รังสีอินฟราเรด
.................................................................................................................................................................................................................................................
4. มีความยาวคลื่นที่ยาวที่สุด
ฉบับ คลื่นวิทยุ
เฉลย .................................................................................................................................................................................................................................................
5. ทําใหโมเลกุลในอาหารมีการสั่นและเกิดความรอน
คลื่นไมโครเวฟ
.................................................................................................................................................................................................................................................
7. มีความถี่สูงสุด
รังสีแกมมา
.................................................................................................................................................................................................................................................
8. เลเซอร
แสงที่มองเห็นได
.................................................................................................................................................................................................................................................
9. ระบบเอเอ็มและระบบเอฟเอ็ม
คลื่นวิทยุ
.................................................................................................................................................................................................................................................
10. ชวยใหรางกายสังเคราะหวิตามินดี
แสงที่มองเห็นได
.................................................................................................................................................................................................................................................
คลื่นแมเหล็กไฟฟา
14 www.aksorn.com/interactive3D/RBC24
แบบฝึกหัดที่ 5.6
เติมขอมูลลงในตาราง (แนวคําตอบ)
1. ใชสงสัญญาณโทรทัศน
..........................................................................................................
108-1012 3 × 105-
.................................. ........................................... 2. ใชประกอบอาหาร
..........................................................................................................
คลื่นไมโครเวฟ 3 × 109
.................................. ........................................... 3. ตรวจหาตําแหนงของอากาศยาน
..........................................................................................................
..........................................................................................................
1. รีโมตคอนโทรล
..........................................................................................................
1011-1014 3 × 103-
.................................. ........................................... 2. ถายภาพบริเวณที่มีหมอกหนา
..........................................................................................................
รังสีอินฟราเรด 3 × 106
.................................. ........................................... 3. ตรวจอุณหภูมิรางกาย
..........................................................................................................
ฉบับ
.......................................................................................................... เฉลย
1. ทําใหตามองเห็น
..........................................................................................................
4 × 1014- ...........................................
.................................. 375-750 2. ทําแสงเลเซอร
..........................................................................................................
แสงที่มองเห็นได 8 × 10 14
.................................. ........................................... 3. พืชใชในกระบวนการสังเคราะหดวย
..........................................................................................................
แสง
..........................................................................................................
1. ตรวจธนบัตร
..........................................................................................................
รังสี 1015-1018 0.3-300
.................................. ........................................... 2. ฆาเชื้อโรคในนํ้าดื่ม
..........................................................................................................
อัลตราไวโอเลต .................................. ........................................... 3. ตรวจสารคัดหลั่งในที่เกิดเหตุ
..........................................................................................................
..........................................................................................................
1. ตรวจระบบโครงกระดูก
..........................................................................................................
1016 -10 19
0.03-30
.................................. ........................................... 2. ตรวจสอบรอยราวของโลหะ
..........................................................................................................
รังสีเอกซ .................................. ........................................... 3. ตรวจหาอาวุธในกระเปาเดินทาง
..........................................................................................................
..........................................................................................................
1. รักษาเซลลมะเร็ง
..........................................................................................................
มากกวา 1019 นอยกวา 0.03
.................................. ........................................... 2. เปลี่ยนแปลงพันธุพืช
..........................................................................................................
รังสีแกมมา .................................. ........................................... 3. ยืดอายุผลผลิตทางการเกษตร
..........................................................................................................
..........................................................................................................
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 15
แบบฝึกหัดที่ 5.7
ตอบคําถามตอไปนี้
1. เรียงลําดับสเปกตรัมคลื่นแมเหล็กไฟฟาจากคลื่นที่มีความยาวคลื่นนอยไปมาก
รังสีแกมมา รังสีเอกซ รังสีอัลตราไวโอเลต แสงที่มองเห็นได รังสีอินฟราเรด คลื่นไมโครเวฟ
...................................................................................................................................................................................................................................................
คลื่นวิทยุ
...................................................................................................................................................................................................................................................
2. คลื่นวิทยุระบบเอเอ็มชนิดคลื่นฟา สะทอนกลับในชั้นบรรยากาศใด
ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟยร
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
3. เพราะเหตุใด เครื่องรับวิทยุระบบเอฟเอ็มจึงรับไดเพียงคลื่นดิน
เพราะระบบเอฟเอ็มใชความถีส่ งู กวาระบบเอเอ็ม จึงสามารถทะลุผา นบรรยากาศชัน้ ไอโอโนสเฟยร
...................................................................................................................................................................................................................................................
ไปได ไมสะทอนกลับมายังพื้นผิวโลก เครื่องรับวิทยุจึงรับไดเพียงคลื่นดิน
...................................................................................................................................................................................................................................................
5. ยกตัวอยางอุปกรณที่ใชคลื่นไมโครเวฟมาอยางนอย 3 ตัวอยาง
เตาไมโครเวฟ โทรศัพทมือถือ เรดาร
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
6. รังสีอินฟราเรดสามารถนําไปประยุกตใชในอุปกรณใดไดบาง
การถายภาพพื้นโลกจากดาวเทียม รีโมตคอนโทรล
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
7. ยกตัวอยางการใชประโยชนจากรังสีเอกซมาอยางนอย 3 ตัวอยาง
ตรวจระบบโครงสรางกระดูกในรางกาย ตรวจหาอาวุธในสนามบิน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ตรวจหารอยราวภายในเครื่องจักรกล
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
8. ปฏิกิริยานิวเคลียรสามารถใหสเปกตรัมคลื่นแมเหล็กไฟฟาใด
รังสีแกมมา
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
16
4. อุปกรณที่ทํางานโดยอาศัยคลื่นแมเหล็กไฟฟา
เครื่องควบคุมระยะไกล
เครื่องมือ รีโมตอินฟราเรด รีโมตคลื่นวิทยุ
หลักการ ใชคลืน่ ยานอินฟราเรดในการรับสงสัญญาณ ใชคลื่นวิทยุในการรับสงสัญญาณ
อุปกรณ รีโมตโทรทัศน เครื่องปรับอากาศ กุญแจรีโมตเปด-ปดรถยนต รีโมตเปด-ปด
โปรเจกเตอร โฮมเธียรเตอร ประตูบาน รีโมตเปด-ปดมาน แปนสวิตช
ไรสาย
ขอดี เทคโนโลยีไมซับซอนจึงถูกใชมากใน ไม จํ า เป น ต อ งหั น รี โ มตไปในทิ ศ ทางของ
การควบคุมเครื่องใชไฟฟา อุปกรณ เพราะสามารถทะลุสิ่งกีดขวางได
ระยะทําการไกลกวา 15-30 เมตร ขึ้นอยูกับ
สิ่งกีดขวาง
ขอจํากัด รีโมตตองหันไปในทิศทางของเครือ่ งใชไฟฟา เทคโนโลยีซับซอนกวา อาจมีการแทรกสอด
ที่ ต อ งการควบคุ ม ห า มมี สิ่ ง กี ด ขวางกั้ น กับสัญญาณคลื่นวิทยุจากแหลงกําเนิดอื่น ฉบับ
ทิศทางของรีโมต ระยะทําการประมาณ 10 เฉลย
เมตร
เครื่องสแกนรังสีเอกซ
ใชในการสแกนกระเปาเดินทาง เมือ่ รังสีเอกซสง ผานวัตถุตา ง ๆ ในกระเปาเดินทาง รังสีจะทะลุผา นไปยัง
ตัวตรวจจับรังสีตวั แรกและทะลุผา นไปยังตัวกรอง ตัวกรองนีจ้ ะจับรังสีเอกซพลังงานตํา่ ไวและยอมใหรงั สีเอกซ
สวนทีเ่ หลือซึง่ มีพลังงานสูงผานตอไปยังตัวตรวจจับรังสีตวั ทีส่ อง ทําใหเห็นเปนสีตา ง ๆ บนจอ เพือ่ ใหเจาหนาที่
ตรวจสอบเทียบสีตอ ไป โดยโลหะและธาตุหนักอืน่ ๆ จะดูดกลืนรังสีเอกซพลังงานตํา่ สวนวัตถุอนิ ทรียจ ะดูดกลืน
รังสีเอกซพลังงานสูงไดดีกวา
เครื่องระบุตําแหนงบนพื้นโลก
ดาวเทียม 1 สวนที่เปนอวกาศ
GPS สามารถรับสัญญาณจากดาวเทียมได 3 ดวงขึ้นไป แลว
ดาวเทียม 2
จะมีการคํานวณระยะทางทีค่ ลืน่ วิทยุใชในการเดินทางจากดาวเทียมถึง โลก
เครื่อง GPS ดาวเทียมทั้ง 3 ดวง จะสงสัญญาณที่เหมือนกันมายัง
เครื่อง GPS ดวยอัตราเร็วคงตัว เพื่อใหไดตําแหนงที่แนนอน ดาวเทียม 3
18
แบบฝึกหัดที่ 5.8
ตอบคําถามตอไปนี้
1. รีโมตไออารและรีโมตอารเอฟตางกันอยางไร
รีโมตไออารใชรังสีอินฟราเรดเปนสื่อกลางในการสงสัญญาณ
...................................................................................................................................................................................................................................................
สวนรีโมตอารเอฟใชคลื่นวิทยุเปนสื่อกลางในการสงสัญญาณ
...................................................................................................................................................................................................................................................
2. เพราะเหตุใด จึงไมสามารถนํารังสีอินฟราเรดมาใชทําเปนกุญแจเปด-ปดรถยนตได
เพราะรีโมตไออารใชรงั สีอนิ ฟราเรดเปนสือ่ กลางในการสงสัญญาณ ซึง่ รังสีอนิ ฟราเรดมีพลังงาน
...................................................................................................................................................................................................................................................
และระยะทําการนอยกวาคลื่นวิทยุ จึงไมสามารถทะลุผานผนังและตูกระจกได
...................................................................................................................................................................................................................................................
4. เครื่องซีทีและเครื่องเอ็มอารไอเหมือนหรือตางกัน อยางไร
ตางกัน โดยเครื่องซีทีตองใชรังสีเอกซ เหมาะกับการตรวจกระดูก สวนเครื่องเอ็มอารไอไมใช
...................................................................................................................................................................................................................................................
รังสีเอกซ แตใชสนามแมเหล็กและคลื่นวิทยุ เหมาะกับการตรวจเนื้อเยื่อออน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
5. เพราะเหตุใด เครือ่ งเอ็มอารไอจึงเปนอุปกรณบนั ทึกภาพเพือ่ การวินจิ ฉัยทีป่ ลอดภัยทางการแพทย เฉลย
เพราะเครือ่ งเอ็มอารไอใชสนามแมเหล็กและคลืน่ วิทยุ ไมมกี ารใชรงั สีเอกซ ในปจจุบนั ยังไมพบวา
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีผลกระทบกับสุขภาพจากสนามแมเหล็ก ดังนัน้ การทําเอ็มอารไอสแกนจึงถือวามีความปลอดภัยมาก
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
6. ขดลวดแมเหล็กเกรเดียนตในเครื่องเอ็มอารไอทําหนาที่อยางไร
สรางสนามแมเหล็กใหเนื้อเยื่อที่ตองการสรางภาพ ซึ่งการปรับคาสนามแมเหล็กนี้ทําใหสามารถ
...................................................................................................................................................................................................................................................
สรางภาพในระนาบใดระนาบหนึง่ เชน ภาพภาคตัดขวาง ภาพตัดตามยาว โดยไมตอ งเปลีย่ นทาทาง
...................................................................................................................................................................................................................................................
ของผูรับการตรวจ
...................................................................................................................................................................................................................................................
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 19
แบบฝึกหัดที่ 5.9
อานบทความตอไปนี้ แลวตอบคําถาม
CT scan เปนการวินิจฉัยที่ดีที่สุดสําหรับไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
จากบทความขางตน นักเรียนมีความคิดเห็นอยางไรเกี่ยวกับเครื่องซีทีที่ทํางานโดยอาศัย
คลื่นแมเหล็กไฟฟานี้ (แนวคําตอบ)
เครือ่ งซีทนี อกจากจะใชตรวจกระดูกและอวัยวะตาง ๆ แลว ยังมีประโยชนอยางมากสําหรับสถานการณ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
วิกฤต COVID-19 เพราะเครื่องซีทีจะแสดงใหเห็นตั้งแตระยะแรกของการไดรับเชื้อจากความผิดปกติของ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ปอดทีเ่ ห็นไดอยางชัดเจน ดังนั้น จึงเปนเครื่องมือทีส่ าํ คัญสําหรับการคัดกรองผูตดิ เชื้อ COVID-19 เพื่อ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ใหดําเนินการกักตัวกอนที่จะแพรเชื้อไปสูผูอื่น
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
20
5. การสื่อสารโดยอาศัยคลื่นแมเหล็กไฟฟา
กระบวนการรับและสงขอมูล
ขอมูลหรือสารสนเทศไมสามารถสงไปในระยะทางไกลดวยความเร็วสูงผานสื่อกลางไดโดยตรง ดังนั้น
ขอมูลจะตองถูกแปลงเปนสัญญาณไฟฟาที่เรียกวา สัญญาณขอมูล เพื่อใหสามารถสงผานสื่อกลางไปไดใน
ระยะทางไกลดวยความเร็วสูง ขอมูลจะถูกแปลงเปนสัญญาณขอมูลได 2 ประเภท
1. สัญญาณแอนะล็อก เปนสัญญาณแบบตอเนื่อง เขียนแทนดวยรูปกราฟคลื่นรูปไซน
2. สัญญาณดิจิทัล เปนสัญญาณแบบไมตอเนื่อง รูปแบบของสัญญาณมีการเปลี่ยนแปลงแบบไมปะติด
ปะตอคลายขั้นบันได เขียนแทนดวยรูปกราฟสี่เหลี่ยม
สื่อกลางในการสื่อสารขอมูล
1. สื่อกลางแบบใชสาย
สายบิดเกลียวคู สายโคแอกซ สายเสนใยนําแสง
• ประกอบดวยลวดทองแดง • มี ท องแดงอยู แ กนกลาง • เปนสายโปรงใส สงขอมูล ฉบับ
เฉลย
2 เสน บิดเปนเกลียว ถูกหุมดวยฉนวน ชั้นนอก ในรูปของสัญญาณแสง
• ราคาถูกทีส่ ดุ และนิยมทีส่ ดุ หุ ม ด ว ยโลหะหรื อ ฟอยล • สามารถสงไดระยะทางไกล
ถักเปนรางแห และรวดเร็ ว มาก ไม มี
• ใชปองกันสัญญาณรบกวน สัญญาณรบกวนจากภาย
ไดเปนอยางดี นอก
• มีราคาสูงและมีการติดตั้ง
ซับซอน
2. สื่อกลางแบบไรสาย
• คลื่นวิทยุ เปนสื่อกลางที่สามารถทะลุผานผนังหรือกําแพงได เหมาะกับการเชื่อมตอในระยะทาง
ใกล ๆ เชน Wi-Fi บลูทูท
• ดาวเทียม เหมาะกับการติดตอสือ่ สารระยะไกลทีร่ ะบบสือ่ สารอืน่ ๆ เขาถึงไดยาก สามารถสงสัญญาณ
ครอบคลุมไปไดทุกจุดของโลก แตสัญญาณอาจผิดเพี้ยนไปหากตองใชงานในสภาพอากาศ
แปรปรวน
• คลื่นไมโครเวฟ สามารถสงขอมูลไดรวดเร็ว แตสัญญาณถูกรบกวนไดงาย
• รังสีอนิ ฟราเรด ใชสอื่ สารขอมูลทีไ่ มมสี งิ่ กีดขวางสัญญาณ เชน การสงสัญญาณจากรีโมตคอนโทรล
ไปยังโทรทัศน การรับสงขอมูลระหวางคอมพิวเตอรกับเมาสแบบไรสาย
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 21
แบบฝึกหัดที่ 5.10
วาดลักษณะของสัญญาณขอมูลที่ใชในการสื่อสาร พรอมเปรียบเทียบและตอบคําถาม
1. สัญญาณแอนะล็อก 2. สัญญาณดิจิทัล
ระดับสัญญาณ
ระดับสัญญาณ
1 0 1 1 0 0 0 1
... ...
เวลา เวลา
สัญญาณแอนะล็อก สัญญาณดิจิทัล
• เปนสัญญาณที่มีลักษณะเปนคลื่นตอเนื่อง
......................................................................................................................... • เปนสัญญาณที่มีลักษณะเปนคลื่นไมตอเนื่อง
.........................................................................................................................
แตละคลื่นอาจมีความถี่และความเขมของสัญญาณ
......................................................................................................................... คลายขั้นบันได ขนาดของสัญญาณมีคาคงตัวเปน
.........................................................................................................................
ตางกัน โดยจะเปลีย่ นแปลงตามเวลาอยางตอเนือ่ ง
......................................................................................................................... ชวง ๆ และการเปลีย่ นแปลงขนาดของสัญญาณเปน
.........................................................................................................................
ฉบับ แบบคอยเปนคอยไป แบบทันทีทันใด
เฉลย ......................................................................................................................... .........................................................................................................................
• เมื่ อ ถู กรบกวนจากสั ญ ญาณภายนอก เช น
......................................................................................................................... • เมื่อถูกรบกวนจากสัญญาณภายนอกจะทําให
.........................................................................................................................
การแผรังสี ฟาแลบ จะทําใหเปลี่ยนแปลงไดงาย
......................................................................................................................... เปลี่ ย นแปลงได ย าก เพราะสั ญ ญาณรบกวน
.........................................................................................................................
เพราะสัญญาณรบกวนจะเติมเขาไปในสัญญาณจริง
......................................................................................................................... ตองมีคาสูงกวาคาที่ตั้งไวเทานั้นจึงจะเกิดการ
.........................................................................................................................
ได ทําใหเกิดความผิดเพี้ยนของขอมูล
......................................................................................................................... เปลี่ยนแปลง ทําใหขอมูลมีความนาเชื่อถือและ
.........................................................................................................................
......................................................................................................................... แมนยํา
.........................................................................................................................
......................................................................................................................... .........................................................................................................................
ถานักเรียนตองการสงภาพวาดขาว-ดําไปที่ระยะทางไกล ๆ โดยภาพวาดที่ปลายทางไดรับจะตอง
เหมือนกับภาพตนฉบับมากที่สุด นักเรียนจะเลือกการสงสัญญาณแบบแอนะล็อกหรือสัญญาณ
ดิจิทัล เพราะอะไร และทําอยางไร
เลือกการสงสัญญาณแบบดิจิทัล เพราะลดความผิดเพี้ยนที่เกิดจากการรบกวนโดยสัญญาณภายนอก
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ทําไดโดยกําหนดใหภาพวาดเปนตารางเล็ก ๆ ประกอบกัน ใหสว นทีม่ สี ดี าํ แปลงขอมูลเปนเลข 0 และสวน
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ที่ไมมีสี (สีขาว) แปลงขอมูลเปนเลข 1 เพื่อใหการสงสัญญาณมีเพียง 2 คา
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
22
แบบฝึกหัดที่ 5.11
บอกสื่อกลางในการสื่อสารขอมูลของอุปกรณตอไปนี้
1. 2. 3.
คลื่นวิทยุ
............................................................................. สายเสนใยนําแสง
............................................................................. คลื่นไมโครเวฟ
.............................................................................
4. 5. 6.
ฉบับ
เฉลย
รังสีอินฟราเรด
............................................................................. คลื่นไมโครเวฟ
............................................................................. สายบิดเกลียวคู
.............................................................................
7. 8. 9.
รังสีอินฟราเรด
............................................................................. คลื่นวิทยุ
............................................................................. คลื่นไมโครเวฟ
.............................................................................
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 23
Sin cience
Real Life
¾‹Í¤ÃѺ ·ÓäÁ·ŒÍ§¿‡ÒµÍ¹¡ÅÒ§Çѹ
¡ÑºµÍ¹àÂç¹ÊÕ¶Ö§äÁ‹àËÁ×͹¡Ñ¹
ŋФÃѺ
ฉบับ
เฉลย
1 ทองฟาในเวลากลางวันมีสีฟา แตทองฟาในเวลาเชาหรือเย็นจะมีสีสมแดง
เพราะเหตุใดจึงเปนเชนนั้น
เกิดจากปรากฏการณโพลาไรเซชันของแสงดวยวิธกี ารกระเจิง (scattering) โดยแสงจากดวงอาทิตย
.........................................................................................................................................................................................................................................................
ที่เขาสูชั้นบรรยากาศของโลกจะถูกดูดกลืนบางสวนโดยโมเลกุลของแกสในบรรยากาศ ความถี่ของ
.........................................................................................................................................................................................................................................................
แสงที่ตรงกับความถี่ธรรมชาติของโมเลกุลแกสจะถูกดูดซับไว แลวเกิดการสั่นพอง โมเลกุลของแกส
.........................................................................................................................................................................................................................................................
จึงปลดปลอยพลังงานออกมาในรูปคลื่นแมเหล็กไฟฟาในทิศทางตาง ๆ
.........................................................................................................................................................................................................................................................
เนื่องจากการกระเจิงจะแปรผกผันกับกําลังสี่ของความยาวคลื่น (s ∝ 14) ทําใหแสงสีนํ้าเงิน
.........................................................................................................................................................................................................................................................
λ
(400-500 nm) จะกระเจิงไดดกี วาแสงสีแดง (600-700 nm) จึงทําใหเรามองเห็นทองฟาเปนสีฟา ใน
2 .........................................................................................................................................................................................................................................................
เวลากลางวัน
.........................................................................................................................................................................................................................................................
สวนเวลาเชาหรือเย็น แสงอาทิตยจะเดินทางผานชั้นบรรยากาศเปนระยะทางยาวกวาชวงเวลาสาย
.........................................................................................................................................................................................................................................................
และชวงเวลาบาย ทําใหแสงสีฟา กระเจิงออกไปมาก จึงเหลือชวงคลืน่ แสงสีสม และสีแดง ทําใหเรามอง
.........................................................................................................................................................................................................................................................
เห็นทองฟาเปนสีสมแดง
.........................................................................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................................................................
24
HOTS กิจกรรมทาทายการคิดขั้นสูง
Higher Order Thinking Skills Activity
ผูสังเกตคนหนึ่งอยูในตัวกลาง
A กําลังมองลําแสงที่สะทอนจากผิว A
ตัวกลาง B ผานแผนโพลารอยด โดย
แกนโพลาไรสทํามุมตั้งฉากกับระนาบ B 60 ํ
ผิวรอยตอ พบวา จะมองไมเห็นแสง
สะทอนที่มุม 60 องศา วัดจากแนว ระนาบพื้นผิว
ระนาบของพื้นผิว ดังภาพ
ระนาบตั้งฉาก
ถาตองการยิงลําแสงจากตัวกลาง
B ไปยังตัวกลาง A แลวทําใหแสงนั้นสะทอนกลับมาในตัวกลาง B ทั้งหมด จะตอง
ปรับทิศของแสงตกกระทบดวยมุมมากที่สุดเทาใด วัดจากแนวระนาบของพื้นผิว
...............................................................................................................................................................................................................................................................
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 25
Unit Test
ตอนที่ 1
5
คําชี้แจง : เลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว ไดคะแนน คะแนนเต็ม
1. ทีต่ าํ แหนงและเวลาขณะใดขณะหนึง่ คลืน่ แมเหล็กไฟฟาเคลือ่ นทีใ่ นทิศ 20
-Z และมีทิศของสนามไฟฟาในทิศ +X ทิศของสนามแมเหล็กในขณะนี้มีทิศใด
1. +X
2. -X
3. +Y
4. -Y
5. +Y
2. คลืน่ แมเหล็กไฟฟาเคลือ่ นทีใ่ นทิศ -X ถาพบวา สนามไฟฟามีทศิ -Y และมีความเขมเพิม่ ขึน้
สนามแมเหล็กจะเปนอยางไร
1. มีทิศ +Z และมีความเขมเพิ่มขึ้น
2. มีทิศ -Z และมีความเขมเพิ่มขึ้น
ฉบับ
เฉลย 3. มีทิศ +Z และมีความเขมลดลง
4. มีทิศ -Z และมีความเขมลดลง
5. ไมมีสนามแมเหล็ก
3. ขอใดกลาวไมถูกตองเกี่ยวกับคลื่นแมเหล็กไฟฟา
1. สนามไฟฟาและสนามแมเหล็กตั้งฉากกัน
2. สนามไฟฟาและสนามแมเหล็กมีความถี่เทากัน
3. สนามไฟฟาและสนามแมเหล็กมีแอมพลิจูดเทากัน
4. สนามไฟฟาและสนามแมเหล็กเปนคลื่นตามขวางเหมือนกัน
5. สนามไฟฟาและสนามแมเหล็กมีเฟสตรงกันทุกตําแหนงและเวลา
4. คาประมาณของอัตราเร็วของรังสีอินฟราเรดในสุญญากาศมีคาเทาใด
1. 1.08 × 108 เมตรตอวินาที
2. 3.05 × 109 เมตรตอวินาที
3. 1.08 × 108 กิโลเมตรตอชั่วโมง
4. 1.08 × 109 กิโลเมตรตอชั่วโมง
5. 3.05 × 1010 กิโลเมตรตอชั่วโมง
26
5. ขอใดคือสาเหตุที่ทําใหคลื่นเสียงไมเกิดโพลาไรเซชัน
1. คลื่นเสียงมีอัตราเร็วไมคงตัว มีคาเปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิของตัวกลาง
2. คลื่นเสียงเปนคลื่นกลที่อาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่
3. คลื่นเสียงมีอัตราเร็วนอยกวาคลื่นแมเหล็กไฟฟา
4. คลื่นเสียงมีหนาคลื่นเปนทรงกลม
5. คลื่นเสียงเปนคลื่นตามยาว
6. เครื่องมือในขอใดที่ใชในการตรวจสอบแสงโพลาไรส
1. กลองโพลารอยด
2. แผนโพลารอยด
3. ฟลมถายรูป
4. เลนสเวา
5. เลนสนูน
7. แสงไมโพลาไรสพุงผานแผนโพลารอยด 2 แผน ที่วางเรียงกันและมีแกนโพลาไรสรวมกัน
โดยแกนโพลาไรสของทัง้ 2 แผน ทํามุม 30 องศา จะวัดความเขมแสงไดคา หนึง่ ถานําแผน
โพลาไรสอีกแผนมาวางตอจาก 2 แผนแรก และมีแกนโพลาไรสทํามุม 45 องศา เทียบกับ ฉบับ
เฉลย
แกนของแผนที่ 2 แลวความเขมแสงที่พุงผานทั้ง 3 แผน จะเปนกี่เทาของกรณีแรก
1. 18
2. 14
3. 12
4. 2
5. 4
8. เงื่อนไขในการเกิดปรากฏการณโพลาไรเซชันโดยการสะทอนคือขอใด
1. รังสีตกกระทบทํามุม 90 ํ กับรังสีสะทอน
2. รังสีตกกระทบทํามุม 90 ํ กับรังสีหักเห
3. รังสีสะทอนทํามุม 90 ํ กับรังสีหักเห
4. รังสีสะทอนทํามุม 90 ํ กับเสนปกติ
5. รังสีหักเหทํามุม 90 ํ กับเสนปกติ
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 27
9. ถาแสงไมโพลาไรสเคลื่อนที่จากตัวกลางที่ 1 ซึ่งมีดรรชนีหักเห n1 เขาสูตัวกลางที่ 2 ซึ่งมี
ดรรชนีหักเห n2 แลวทําใหรังสีสะทอนเปนแสงโพลาไรส มุมหักเหมีคาเทาใด
1. arcsin ( nn1 ) 2. arcsin ( nn2 )
2 1
n
3. arcsin ( 2 2 2 ) 4. arcsin ( 2 n1 2 )
n1 + n2 n1 + n2
5. arcsin ( n12 + n22 )
n1 + n2
10. เมื่อแสงจากดวงอาทิตยตกกระทบโมเลกุลของ โมเลกุลของอากาศ
อากาศในชัน้ บรรยากาศ จะเกิดการกระเจิงออก แสงอาทิตย
0ํ
ในทิศทาง ดังภาพ แสงกระเจิงในทิศใดที่เปน
แสงโพลาไรส 45 ํ
135 ํ
1. 0 ํ 90 ํ
2. 45 ํ
ฉบับ 3. 90 ํ
เฉลย
4. 135 ํ
5. 180 ํ (สะทอนกลับในทิศทางเดิม)
11. ขอใดเรียงลําดับความถี่ของคลื่นแมเหล็กไฟฟาจากมากไปนอยไดถูกตอง
1. คลื่นวิทยุ แสง รังสีเอกซ รังสีแกมมา
2. แสง คลื่นวิทยุ รังสีเอกซ รังสีอินฟราเรด
3. รังสีเอกซ รังสีอินฟราเรด แสง รังสีแกมมา
4. รังสีอัลตราไวโอเลต รังสีอินฟราเรด คลื่นไมโครเวฟ รังสีแกมมา
5. รังสีแกมมา รังสีอัลตราไวโอเลต รังสีอินฟราเรด คลื่นไมโครเวฟ
12. เพราะเหตุใด จึงใชคลื่นไมโครเวฟในการสื่อสารระยะไกลแทนการใชคลื่นวิทยุ
1. คลื่นวิทยุเคลื่อนที่ไดในระยะใกลเทานั้น
2. คลื่นวิทยุไมสะทอนในชั้นไอโอโนสเฟยร
3. คลื่นไมโครเวฟมีความถี่สูงกวาคลื่นวิทยุ
4. คลื่นไมโครเวฟไมสะทอนในชั้นบรรยากาศ
5. คลื่นวิทยุมีอัตราเร็วนอยกวาคลื่นไมโครเวฟ
28
13. คลื่น A เปนคลื่นที่มีความยาวคลื่นนอย สามารถทําใหแผนฟลมที่หอกระดาษไวเปนรอยได
สมมติฐานของคลื่น A ในขอใดถูกตอง
1. เปนคลื่นกล 2. เปนคลื่นแสง
3. เปนคลื่นวิทยุ 4. เปนรังสีแกมมา
5. เปนคลื่นไมโครเวฟ
14. ขอใดเปนคลื่นที่ใชศึกษาโครงสรางของผลึกโดยอาศัยการเลี้ยวเบนของคลื่น
1. รังสีเอกซ
2. รังสีแกมมา
3. รังสีอินฟราเรด
4. แสงที่มองเห็นได
5. รังสีอัลตราไวโอเลต
15. คลืน่ แมเหล็กไฟฟาชนิดใดถูกนํามาผลิตอุปกรณทเี่ รียกวา เรดาร ซึง่ ใชประโยชนในการตรวจ
หาตําแหนงของอากาศยาน
1. รังสีเอกซ
2. คลื่นวิทยุ ฉบับ
เฉลย
3. รังสีแกมมา
4. คลื่นไมโครเวฟ
5. รังสีอัลตราไวโอเลต
16. ขอใดกลาวไมถูกตอง
1. การวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวกับกระดูกนิยมตรวจดวยเครื่องซีที
2. การตรวจซีทีสแกนใชเวลาตรวจนานกวาเอ็มอารไอสแกน
3. ไอโอดีนจากการตรวจซีทีสแกนมีโอกาสทําใหเกิดพิษกับไตได
4. เครื่องเอ็มอารไอเหมาะกับการตรวจเนื้อเยื่อออนและกลามเนื้อ
5. เครื่องเอ็มอารไอตรวจวัดคลื่นวิทยุที่ปลอยมาจากนิวเคลียสไฮโดรเจนในนํ้าและนํ้ามัน
17. ดาวเทียม NAVSTAR ที่โคจรอยูเหนือพื้นโลกมีจํานวนทั้งหมดกี่ดวง
1. 22 ดวง 2. 24 ดวง
3. 26 ดวง 4. 28 ดวง
5. 30 ดวง
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 29
18. พิจารณาขอความตอไปนี้
ก. คลื่นไมโครเวฟสะทอนจากโลหะไดดี
ข. คลื่นโทรทัศนเลี้ยวเบนออมสิ่งกีดขวาง เชน รถยนต ได
ค. รังสีอัลตราไวโอเลตทะลุผานแกวไดดี
ง. คลื่นวิทยุเอเอ็มสะทอนไดดีที่บรรยากาศชั้นไอโอโนสเฟยร
ขอใดถูกตอง
1. ก. ข. และ ค.
2. ก. ข. และ ง.
3. ก. ค. และ ง.
4. ข. ค. และ ง.
5. ก. ข. ค. และ ง.
19. ขอใดเปนภาพของสัญญาณดิจิทัล
ฉบับ
เฉลย 1. 2.
3. 4.
5.
20. การสงสัญญาณขอมูลแบบแอนะล็อกและแบบดิจิทัลใชสายสงสัญญาณแบบใด
1. สายไฟฟาแรงสูง
2. สายบิดเกลียวคู
3. สายคียบอรด
4. สาย AUX
5. สายเคเบิล
30
ไดคะแนน คะแนนเต็ม
ตอนที่ 2
คําชี้แจง : ตอบคําถามตอไปนี้ 10
1. แสงไมโพลาไรสตกกระทบผิวรอยตอระหวางอากาศกับผลึกคริสตัล ถามุมวิกฤตมีคาเปน
60 องศา แลวมุมบรูสเตอรของผลึกคริสตัลนี้มีคาเทาใด
วิธีทํา ให n และ n คือ ดรรชนีหักเหแสงในตัวกลางที่เปนอากาศและคริสตัล ตามลําดับ
.............................................................................................................................................................................................................................................
1 2
เนื่องจากมุมวิกฤต คือ มุมตกกระทบที่ทําใหมุมหักเหเปน 90 ํ
.............................................................................................................................................................................................................................................
sin θ n
จากหลักการหักเหของแสง sin θ1 = n21
.............................................................................................................................................................................................................................................
2
.............................................................................................................................................................................................................................................
sin 60 ํ = nn2
sin 90 ํ
.............................................................................................................................................................................................................................................
1
3 n
.............................................................................................................................................................................................................................................
2 2
1 = n1
.............................................................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................................................................
n2 3
จะได n1 = 2
.............................................................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................................................................
n
จาก tan θp = n21
.............................................................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................................................................
3 ฉบับ
tan θp = 2
............................................................................................................................................................................................................................................. เฉลย
θp = tan ( 23 )
จะได -1
.............................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น มุมบรูสเตอรของผลึกคริสตัลนี้มีคาเทากับ tan-1 ( 23 )
.............................................................................................................................................................................................................................................
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 31
หน่วยการเรียนรู้ที่
6 ฟสิกสอะตอม
1. อะตอมและการคนพบอิเล็กตรอน
รังสีแคโทด
ฉบับ
เฉลย • หลอดรังสีแคโทด คือ หลอดแกวที่สูบเอาอากาศจากภายในออกจนเกือบเปนสุญญากาศ แลวบรรจุ
แกสชนิดอื่นเขาไป จายความตางศักยสูงประมาณ 10-20 กิโลโวลต ไปที่ขั้วทั้ง 2 ขางของหลอดแกว จะเกิด
รังสีจากขั้วไฟฟาลบ (แคโทด) ไปยังขั้วไฟฟาบวก (แอโนด) เรียกวา รังสีแคโทด
การทดลองของทอมสัน
• ทอมสันไดทําการศึกษาสมบัติของรังสีแคโทด โดยปรับหลอดรังสีแคโทดดวยการเพิ่มขั้วไฟฟาเขาไป
2 ขั้ว พบวา จุดสวางบนฉากเรืองแสงเบนไปจากตําแหนงเดิมซึ่งเบนเขาหาขั้วไฟฟาบวก ทําใหทอมสัน
สรุปไดวา รังสีแคโทดเปนลําอนุภาคที่มีประจุไฟฟาลบ
• ทอมสันไดปรับการทดลอง โดยนําหลอดรังสีแคโทดมาวางไวในสนามแมเหล็กและใหทิศทางของ
สนามแมเหล็กตั้งฉากกับสนามไฟฟา และปรับขนาดของสนามไฟฟาใหพอเหมาะ จนกระทั่งลําอนุภาครังสี
แคโทดไมเบนไปจากแนวเดิม แสดงวา FE และ FB มีขนาดเทากันแตทศิ ทางตรงกันขาม ทําใหไดความสัมพันธ
ดังนี้
q v E
m = BR = B2R
• อัตราสวนของประจุตอ มวล (mq ) ของอนุภาครังสีแคโทดทีค่ าํ นวณไดจากทุกการทดลอง จะไดคา คงตัว
เทากันทุกครั้ง คือ 1.76 × 1011 คูลอมบตอกิโลกรัม ทอมสันสรุปวา รังสีแคโทดที่ออกมาจากโลหะทั้งหลาย
คือ อนุภาคชนิดเดียวกัน ตอมาอนุภาคดังกลาวไดชื่อวา อิเล็กตรอน และอะตอมไมใชสิ่งที่เล็กที่สุด อะตอม
สามารถแบงยอยไดอีกและอิเล็กตรอนก็เปนองคประกอบหนึ่งของทุกอะตอม
32
การทดลองของมิลลิแกน
• มิลลิแกนไดทําการทดลองหาคาประจุไฟฟาของอิเล็กตรอนโดยวัดประจุไฟฟาของหยดนํ้ามัน ซึ่งมี
สวนประกอบของอุปกรณ ดังภาพ
รูขนาดเล็ก หยดนํา้ มันทีถ่ กู ฉีดออกมาจะมีสภาพเปนกลาง
กระบอกฉีดนํ้ามัน
หยดนํ้ามันที่ผานเขามาอยูระหวางแผน
แผนโลหะ A โลหะ A และโลหะ B จะไมเปนกลางทางไฟฟา
กลองโทรทรรศน เพราะจะใหหรือไดรับอิเล็กตรอนจากอากาศที่
แตกตัวโดยการยิงรังสีเอกซ เมื่อตอขั้วไฟฟา
หยดนํ้ามันที่เห็นจาก กับแผนโลหะและปรับความตางศักยใหพอ
กลองโทรทรรศน
เหมาะ จะมีหยดนํ้ามันบางหยดลอยนิ่งหรือ
แผนโลหะ B เคลื่อนที่ดวยอัตราเร็วคงตัว ถือไดวา FE = Fg
แหลงกําเนิดรังสีเอกซ ทําใหทราบความสัมพันธ q = mg E
• สามารถหาคาประจุไฟฟาได จากสมการ
q = mgd
V
• จากการทดลองของมิลลิแกน -31ทําใหทราบวา ประจุไฟฟาของอิเล็กตรอนมีคา 1.6 × 10-19 คูลอมบ ฉบับ
เฉลย
และมวลของอิเล็กตรอนมีคา 9.1 × 10 กิโลกรัม
2. แบบจําลองอะตอม
แบบจําลองอะตอมของทอมสัน
• ทอมสันทําการทดลองและไดเสนอแนวคิดวา “อะตอมเปน
ทรงกลมประกอบดวยเนื้ออะตอมที่มีประจุเปนบวก และมีอิเล็กตรอนที่
มีประจุเปนลบกระจายตัวอยางสมํ่าเสมอ เพื่อรักษาสมดุลระหวางประจุ
ทั้ง 2 ชนิด”
แบบจําลองอะตอมของรัทเทอรฟอรด
• รัทเทอรฟอรดไดเสนอแนวคิดวา “อะตอมประกอบดวยประจุ
บวกรวมตัวกันที่จุดศูนยกลาง เรียกวา นิวเคลียส และจะมีอิเล็กตรอน
เคลื่อนที่รอบ ๆ นิวเคลียส”
แบบจําลองอะตอม
www.aksorn.com/interactive3D/RBC52ฟิสิกส์อะตอม 33
แบบฝึกหัดที่ 6.1
ตอบคําถามตอไปนี้
1. เพราะเหตุใด ทอมสันจึงทราบวา รังสีแคโทดเปนลําอนุภาคทีม่ ปี ระจุลบ พรอมวาดภาพประกอบ
เพราะเมือ่ ทอมสันใหสนามไฟฟาระหวางแผนโลหะในทิศพุง ลง พบวา รังสีแคโทดจะเบนขึน้ ไปดาน
...................................................................................................................................................................................................................................................
บนเขาหาขั้วไฟฟาบวก แตถาใหสนามแมเหล็กทิศพุงเขาสูกระดาษ จะพบวา รังสีแคโทดจะเบนลงมา
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดานลาง จากการเบนของรังสีแคโทดในสนามทั้ง 2 สนาม เปนพฤติกรรมของอนุภาคที่มีประจุลบ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ทอมสันจึงสรุปวา รังสีแคโทดเปนลําอนุภาคที่มีประจุลบ
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
Q Q
...................................................................................................................................................................................................................................................
E S
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
P P S
...................................................................................................................................................................................................................................................
ก ฉากเรืองแสง ข ฉากเรืองแสง
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย 2. ในการทดลองวัดอัตราสวนของประจุตอมวลของรังสีแคโทดของทอมสัน โดยครั้งแรกใหรังสี
แคโทดเกิดการเบีย่ งเบนในสนามแมเหล็ก แตเมือ่ ใสสนามไฟฟาเขาไปเพือ่ หักลางการเบีย่ งเบน
กลับปรากฏวา รังสีแคโทดกลับเบีย่ งเบนมากยิง่ ขึน้ ทอมสันควรแกไขอยางไรเพือ่ ใหรงั สีแคโทค
ไมเบี่ยงเบน
เปลีย่ นทิศของสนามไฟฟาและปรับขนาดสนามไฟฟา เพือ่ ใหแรงจากสนามไฟฟาทีก่ ระทํากับอนุภาค
...................................................................................................................................................................................................................................................
ในรังสีแคโทดมีทศิ ตรงขามและมีขนาดเทากับแรงจากสนามแมเหล็กทีก่ ระทํากับอนุภาคในรังสีแคโทด
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
34
4. การทีร่ ทั เทอรฟอรดทําการทดลองยิงอนุภาคแอลฟาไปยังแผนทองคําบาง พบวา โครงสรางของ
อะตอมไมเปนไปตามแบบจําลองอะตอมของทอมสันเพราะอะไร
อนุภาคแอลฟาบางสวนเบนไปจากแนวเดิมเปนมุมใด ๆ หรือสะทอนกลับ ทั้งที่อนุภาคแอลฟา
...................................................................................................................................................................................................................................................
สวนใหญผานไปในแนวตรง
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
5. สิ่งใดที่แบบจําลองอะตอมของรัทเทอรฟอรดไมสามารถอธิบายได
1) ประจุบวกหลายประจุรวมกันอยูใ นนิวเคลียสได โดยไมออกแรงผลักใหประจุบวกกระจายออก
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากกัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
2) อิ เ ล็ ก ตรอนโคจรรอบนิ ว เคลี ย สได โดยไม มี ก ารสู ญ เสี ย พลั ง งานและไม วิ่ ง ไปรวมกั บ
...................................................................................................................................................................................................................................................
นิวเคลียส เพราะการที่อิเล็กตรอนเคลื่อนที่แบบวงกลมจะกอใหเกิดความเรงสูศูนยกลางซึ่งจะตอง
...................................................................................................................................................................................................................................................
แผคลื่นแมเหล็กไฟฟาออกมา เปนผลใหพลังงานจลนของอิเล็กตรอนลดลง
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
3
1.76 10 = 5 10×
11 ×
-3 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
(0.3 10 ) R ×
R = 0.32 m
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น คา R มีคาเทากับ 0.32 เมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
36
4. ในการทดลองหยดนํ้ามันของมิลลิแกน เมื่อใชสนามไฟฟามีทิศลงขนาด 3 × 105 นิวตันตอ
คูลอมบ จะทําใหหยดนํา้ มันมวล 1.68 × 10-12 กิโลกรัม ลอยนิง่ ระหวางแผนโลหะทีว่ างขนานได
อยากทราบวา หยดนํ้ามันนี้ไดรับหรือขาดอิเล็กตรอนกี่ตัว พรอมวาดภาพประกอบ
วิธีทํา จากสมการ qE = mg
...................................................................................................................................................................................................................................................
neE = mg (q = ne) qE
...................................................................................................................................................................................................................................................
n(1.6 × 10-19)(3 × 105) = (1.68 × 10-12)(10)
...................................................................................................................................................................................................................................................
n = 350 ตัว E
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น หยดนํ้ามันนี้ไดรับอิเล็กตรอนเทากับ 350 ตัว
...................................................................................................................................................................................................................................................
mg
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
6. หยดนํา้ มันมวล 4.8 × 10-14 กิโลกรัม ขาดอิเล็กตรอน 200 ตัว ลอยนิง่ ในสนามไฟฟาสมํา่ เสมอ
มีทิศตามแนวดิ่ง จงหาขนาดและทิศของสนามไฟฟา พรอมวาดภาพประกอบ
วิธีทํา เนื่องจากหยดนํ้ามันขาดอิเล็กตรอน แสดงวา หยดนํ้ามันมีประจุบวก
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉะนั้น สนามไฟฟาตองมีทิศขึ้น ดังภาพ
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ qE = mg qE
...................................................................................................................................................................................................................................................
neE = mg
...................................................................................................................................................................................................................................................
200(1.6 × 10 )E = 4.8 × 10-14(10) -19 E
...................................................................................................................................................................................................................................................
E = 15,000 N/C
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น สนามไฟฟามีขนาดเทากับ mg
...................................................................................................................................................................................................................................................
15,000 นิวตันตอคูลอมบ มีทิศขึ้น
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์อะตอม 37
7. อนุภาคแอลฟาเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว 4 × 107 เมตรตอวินาที วิ่งตรงไปยังนิวเคลียสของ
ทองคํา อนุภาคแอลฟาจะเคลื่อนที่ชาลง ๆ จนกระทั่งหยุดนิ่ง ณ ตําแหนงหนึ่งจากนิวเคลียส
แลวจึงเคลื่อนที่ยอนกลับทางเดิม อยากทราบวา อนุภาคแอลฟาจะเคลื่อนที่เขาใกลนิวเคลียส
ของทองคํามากที่สุดเปนระยะกี่เมตร กําหนดให มวลของอนุ ภ าคแอลฟา = 6.64 × 10-27 kg
2
วิธีทํา จากสมการ x = 316mvke 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
9 -19 2
= 316(9 10 )(1.6 10 ) ×
-27
×
72
...................................................................................................................................................................................................................................................
(6.64 10 )(4 10 )×
-15
×
= 6.85 10 m ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น อนุภาคแอลฟาจะเคลื่อนที่เขาใกลนิวเคลียสของทองคํามากที่สุดเปนระยะ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เทากับ 6.85 × 10-15 เมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
• แกสแตละชนิดมีชุดสเปกตรัมแบบเสนที่แตกตางกัน ซึ่งเปนสมบัติเฉพาะตัวของธาตุแตละชนิด
• บัลเมอรไดคิดคนอนุกรมบัลเมอรที่เปนความสัมพันธระหวางความยาวคลื่นของสเปกตรัมเสนสวาง
ของอะตอมไฮโดรเจนในชวงแสงที่มองเห็นไดดวยตาเปลา ดังสมการ
ฉบับ
n 2 โดยที่ b คือ คาคงตัว (364.56 × 10-9 m) เฉลย
λ = b ( 2 2)
n -2 n คือ จํานวนเต็มที่มีคามากกวา 2 (n
( = 3, 4, 5, …)
การแผคลื่นแมเหล็กไฟฟาของวัตถุดํา
• วัตถุตา ง ๆ เมือ่ มีอณุ หภูมสิ งู ขึน้ จะปลดปลอยคลืน่ แมเหล็กไฟฟาออกมา (การแผรงั สีความรอน) พบวา
อัตราการแผคลืน่ แมเหล็กไฟฟาขึน้ อยูก บั อุณหภูมแิ ละชนิดของผิววัตถุ ซึง่ วัตถุอดุ มคติทแ่ี ผคลืน่ แมเหล็กไฟฟา
ไดดีและดูดกลืนคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่ตกกระทบไดอยางสมบูรณ เรียกวา วัตถุดํา ซึ่งมีอัตราการแผ
คลื่นแมเหล็กไฟฟาขึ้นอยูกับอุณหภูมิของวัตถุดําเทานั้น
• ความสัมพันธของอุณหภูมิของวัตถุกับความยาวคลื่นที่ใหคาความเขมสูงสุดของสเปกตรัมที่แผ
ออกมาเปนไปตามกฎการกระจัดของวีน
λmaxT = 2.9 × 10-3 m K
• พลังคไดตงั้ สมมติฐาน เพือ่ อธิบายการแผรงั สีของวัตถุดาํ มีใจความวา พลังงานทีว่ ตั ถุดาํ ดูดกลืนหรือ
แผออกมามีคาไดเฉพาะบางคาเทานั้นและคานี้จะเปนจํานวนเทาของ hf ปริมาณ hf เรียกวา ควอนตัมของ
พลังงาน และเรียกคาพลังงานที่วัตถุปลดปลอยหรือดูดกลืนในรูปของคลื่นแมเหล็กไฟฟานี้วา โฟตอน โดยที่
พลังงาน E ของคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่มีความถี่ f จะมีพลังงาน ดังสมการ
E = nhf โดยที่ n คือ จํานวนเต็มบวก
ฟิสิกส์อะตอม 39
แบบฝึกหัดที่ 6.3
ตอบคําถามตอไปนี้
1. นักเรียนคิดวา สเปกตรัมจากภาพใดเปนสเปกตรัมจากไสหลอดไฟฟาและของแกสรอน
เพราะเหตุใด
ภาพ ก ภาพ ข
ปริซึม ปริซึม
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ เปนสเปกตรัมจากไสหลอดไฟฟา เพราะประกอบดวยแสงที่มีความยาวคลื่นและความถี่
ภาพ ข ................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย ตอเนื่องจนเห็นเปนแถบสเปกตรัม
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
2. พลังคอธิบายการแผรังสีของวัตถุดําโดยมีสมมติฐานอยางไร สอดคลองหรือขัดแยงกับฟสิกส
แบบฉบับอยางไร
พลังคอธิบายการแผรังสีของวัตถุดําโดยมีสมมติฐานวา พลังงานที่วัตถุดําดูดกลืนหรือแผออกมา
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีเฉพาะบางคาเทานัน้ และคานีเ้ ปนจํานวนเทาของ hf ซึง่ ขัดแยงกับความรูข องฟสกิ สแบบฉบับทีเ่ ชือ่ วา
...................................................................................................................................................................................................................................................
พลังงานของการแผคลื่นแมเหล็กไฟฟามีคาไดอยางตอเนื่อง
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
40
แบบฝึกหัดที่ 6.4
คํานวณหาผลลัพธจากโจทยตอไปนี้
1. นัยนตามนุษยสามารถรับคลื่นแมเหล็กไฟฟาพลังงาน 10-18 จูล ได ถาคลื่นแมเหล็กไฟฟานั้น
มีความยาวคลื่น 5 × 10-7 เมตร โฟตอนที่ไดรับจะมีจํานวนกี่โฟตอน
วิธีทํา จากสมการ E = nhf = nhc
...................................................................................................................................................................................................................................................
λ
...................................................................................................................................................................................................................................................
-34 8
10 -18
= n(6.626 10 )(3 10 ) ×
-7
×
...................................................................................................................................................................................................................................................
(5 10 ) ×
n = 2.5 โฟตอน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น โฟตอนที่ไดรับจะมีจํานวนเทากับ 2.5 โฟตอน
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
22 -34 8
0.2(4.2 1,000) T = 2 10 (6.626 10 )(3 10 )
× Δ
× ×
-6
×
...................................................................................................................................................................................................................................................
2(0.65 10 ) ×
Δ T = 3.64 K
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น อุณหภูมิของนํ้าจะเปลี่ยนไปเทากับ 3.64 เคลวิน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์อะตอม 41
4. แสงความยาวคลื่น 500 นาโนเมตร มีความเขม 15 วัตตตอตารางเมตร ตกกระทบพื้นที่ 3
ตารางเซนติเมตร ในแนวตัง้ ฉาก จะมีจาํ นวนโฟตอนกีโ่ ฟตอนทีต่ กกระทบพืน้ ทีน่ ใี้ นเวลา 5 วินาที
วิธีทํา แสงมีความเขม 15 W/m2 หมายความวา พื้นที่ 1 m2 จะไดรับแสง 15 W
...................................................................................................................................................................................................................................................
ถาพื้นที่ 3 × 10-4 m2 จะไดรับแสง 4.5 × 10-3 W
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ P = Wt = Et
...................................................................................................................................................................................................................................................
= nhf t
...................................................................................................................................................................................................................................................
= λt nhc
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
-34 8
4.5 10 = n(6.626 10 )(3 10 )
×
-3 ×
-9
×
...................................................................................................................................................................................................................................................
(500 10 )5 ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
n = 5.66 1016 โฟตอน ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น จะมีจํานวนโฟตอนที่ตกกระทบพื้นที่นี้เทากับ 5.66 × 1016 โฟตอน
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย 5. วัตถุทึบแสงมีลักษณะภายในกลวงพรอมกับบรรจุแกสชนิดหนึ่ง ซึ่งวัตถุนี้มีชองขนาด 2
ตารางมิลลิเมตร 1 ชอง เมือ่ ทําใหวตั ถุรอ นขึน้ จนกระทัง่ ถึงอุณหภูมคิ า หนึง่ จะมีแสงทีม่ คี วามยาว
คลืน่ 600 นาโนเมตร เปลงออกมาทางชองดังกลาวดวยความเขมคงตัว 10-6 วัตตตอ ตารางเมตร
อยากทราบวา ในเวลา 1 นาที จะมีโฟตอนกี่โฟตอนแผออกมาจากชองดังกลาว
วิธีทํา แสงมีความเขม 10-6 W/m2 หมายความวา พื้นที่ 1 m2 จะใหแสง 10-6 W
...................................................................................................................................................................................................................................................
ถาพื้นที่ 2 × 10-6 m2 จะใหแสง 2 × 10-12 W
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ P = Wt = Et
...................................................................................................................................................................................................................................................
= nhf t
...................................................................................................................................................................................................................................................
= λt nhc
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
-34 8
2 10 ×
-12
= n(6.626 10 )(3 10 ) ×
-9
×
...................................................................................................................................................................................................................................................
(600 10 )(60) ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
n = 3.62 108 โฟตอน ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น จะมีโฟตอนแผออกมาจากชองดังกลาวเทากับ 3.62 × 108 โฟตอน
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
42
4. ทฤษฎีอะตอมของโบร
ระดับพลังงานของอะตอม
• โบรไดตงั้ สมมติฐานโดยอาศัยแนวคิดจากทฤษฎีควอนตัมของพลังงานของพลังค อธิบายโครงสรางของ
อะตอมไฮโดรเจนและการเกิดสเปกตรัมของอะตอมไฮโดรเจนไดชัดเจน โดยเสนอสมมติฐานใหม 2 ขอ ดังนี้
1. สมมติฐานขอที่ 1 อิเล็กตรอนจะเคลือ่ นทีเ่ ปนวงกลมรอบนิวเคลียสในวงโคจรบางวงโดยไมแผคลืน่
แมเหล็กไฟฟาออกมา สําหรับอิเล็กตรอนมวล m ขณะเคลื่อนที่รอบนิวเคลียสในวงโคจรที่ n จะมีโมเมนตัม
เชิงมุม Ln เปนจํานวนเทาของ ħ ดังสมการ
โดยที่ vn คือ อัตราเร็วเชิงเสนของอิเล็กตรอนในวงโคจรที่ n (m/s)
rn คือ รัศมีวงโคจรของอิเล็กตรอนในวงโคจรที่ n (m)
Ln = mvnrn = nħ
ħ คือ คาคงตัวมูลฐาน (ħ = h )
2π
n คือ จํานวนเต็มบวก
2. สมมติฐานขอที่ 2 เมื่ออิเล็กตรอนเปลี่ยนวงโคจรจะมีการดูดกลืนหรือคายพลังงานบางคาออกมา
ในรูปของคลื่นแมเหล็กไฟฟาซึ่งมีคาตามสมมติฐานของพลังค
hf = ΔE โดยที่ Eni คือ พลังงานของอิเล็กตรอนกอนการเปลีย่ นวงโคจร ((J) ฉบับ
เฉลย
= Eni - Enf Enf คือ พลังงานของอิเล็กตรอนหลังการเปลีย่ นวงโคจร ((J)
การทดลองของฟรังกและเฮิรตซ
ฟรังกและเฮิรตซไดทําการทดลองที่สนับสนุนทฤษฎีอะตอมของโบร โดยใชชุดการทดลองที่ปรับ
พลังงานจลนของอิเล็กตรอนใหเคลื่อนที่ไปชนกับอะตอมของปรอท เพื่อที่จะศึกษาการรับพลังงานของอะตอม
พบวา ในการชนระหวางอิเล็กตรอนกับอะตอม อะตอมจะดูดกลืนพลังงานไดเพียงบางคาเทานั้น กลาวไดวา
พลังงานของอะตอมมีคาไมตอเนื่อง ซึ่งเปนไปตามสมมติฐานของโบร
ฟิสิกส์อะตอม 43
รังสีเอกซ
• เรินตเกนไดคนพบรังสีเอกซจากการทดลองการนําไฟฟาผานแกสในหลอดรังสีแคโทดโดยบังเอิญ
• การผลิตรังสีเอกซ จะใชลาํ อิเล็กตรอนทีม่ พี ลังงานสูงพุง ชนเปาทีท่ าํ ดวยอะตอมของโลหะหนัก ดังภาพ
เริ่มตนจากขั้วไฟฟา A ถูกทําใหรอนดวยกระแสไฟฟาจากความตางศักย V ทําใหอิเล็กตรอนหลุดออกมาจาก
ขั้วไฟฟา A แลวถูกเรงดวยความตางศักย V0 ใหเขาชนเปาโลหะ B ทําใหเกิดรังสีเอกซแผออกมา
ขั้วไฟฟา A เปาโลหะ B
V รังสีเอกซ
แหลงกําเนิดไฟฟา
มีความตางศักยสูง V0
ความไมสมบูรณของทฤษฎีอะตอมของโบร
• โบรกลาวถึงการโคจรของอิเล็กตรอนรอบนิวเคลียส ซึ่งถือวา แรงสูศูนยกลางที่กระทํากับอิเล็กตรอน
เกิดจากแรงดึงดูดระหวางประจุไฟฟาของอิเล็กตรอนกับนิวเคลียส (หลักของฟสกิ สแบบดัง้ เดิม) แตโบรเสนอวา
อิเล็กตรอนสามารถเคลื่อนที่ดวยความเรงโดยไมสูญเสียพลังงานเฉพาะในวงโคจรเสถียรบางวงเทานั้น
• ทฤษฎีอะตอมของโบรไมสามารถคํานวณและอธิบายสเปกตรัมของอะตอมอื่น ๆ ได นอกจากนี้
ยังไมสามารถอธิบายการทดลองทีแ่ สดงวา อะตอมทีอ่ ยูใ นสนามแมเหล็กจะใหสเปกตรัมทีต่ า งจากเมือ่ ไมอยูใ น
สนามแมเหล็ก
44
แบบฝึกหัดที่ 6.5
ปฏิบัติกิจกรรมตอไปนี้
1. หาสมการความเร็วของอิเล็กตรอนที่โคจรรอบนิวเคลียสของอะตอมไฮโดรเจนวงโคจรวงที่ n
และหาความเร็วของอิเล็กตรอนทีเ่ ร็วทีส่ ดุ ทีส่ ามารถโคจรรอบนิวเคลียสของอะตอมไฮโดรเจนได
จากขอสมมติฐานของโบรขอที่ 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
L = n ħ
...................................................................................................................................................................................................................................................
mvnrn = nħ (1)
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
2 2
เราทราบความสัมพันธ r = n นํามาแทนคาลงในสมการ (1) ħ
2
...................................................................................................................................................................................................................................................
mke n
...................................................................................................................................................................................................................................................
2ħ2
จะได mv n = n 2 ħ
...................................................................................................................................................................................................................................................
n mke ke2
vn = nħ
...................................................................................................................................................................................................................................................
แทนคา k = 9 × 10 N m /C e = 1.6 × 10-19 C และ ħ = 1.054 × 10-34 J s
9 2 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
6
จะได vn = 2.18 n× 10
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉะนั้น แทน n = 1 เพื่อหาความเร็วของอิเล็กตรอนที่เร็วที่สุดที่สามารถเคลื่อนที่ได
................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
จะได v1 = 2.18 × 106 m/s
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
6
ดังนั้น สมการความเร็วของอิเล็กตรอนที่โคจรวงโคจรที่ n คือ vn = 2.18 n× 10 และความเร็ว
...................................................................................................................................................................................................................................................
ของอิเล็กตรอนที่เร็วที่สุดที่สามารถโคจรรอบนิวเคลียสของอะตอมไฮโดรเจนได
...................................................................................................................................................................................................................................................
เทากับ 2.18 × 106 เมตรตอวินาที
...................................................................................................................................................................................................................................................
2. หาสมการความถี่ของอิเล็กตรอนที่โคจรรอบนิวเคลียสของอะตอมไฮโดรเจนวงโคจรวงที่ n
จากสมการอัตราเร็วของการเคลื่อนที่เปนวงกลม
...................................................................................................................................................................................................................................................
v = 2πrf (1)
...................................................................................................................................................................................................................................................
v1
เราทราบความสัมพันธ vn = n และ rn = r1n2 นํามาแทนคาลงในสมการ (1)
...................................................................................................................................................................................................................................................
v1 2
จะได n = 2πv(r1n )fn
...................................................................................................................................................................................................................................................
fn = 2πr1 n3
...................................................................................................................................................................................................................................................
1
...................................................................................................................................................................................................................................................
แทนคา v = 2.18 106 m/s และ r = 5.28 10-11 m × ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
1 1 15
จะได f = 6.57 n 10 ×
3
...................................................................................................................................................................................................................................................
n
ดังนั้น สมการความถี่ของอิเล็กตรอนที่โคจรรอบนิวเคลียสของอะตอมไฮโดรเจนวงโคจรวงที่ n
...................................................................................................................................................................................................................................................
15
คือ fn = 6.57 n×3 10
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์อะตอม 45
แบบฝึกหัดที่ 6.6
คํานวณหาผลลัพธจากโจทยตอไปนี้
1. สําหรับอะตอมไฮโดรเจนตามทฤษฎีอะตอมของโบร ในขณะทีอ่ เิ ล็กตรอนอยูใ นสถานะถูกกระตุน
ที่ 5 จงหาปริมาณตอไปนี้
n=6
1) เลขควอนตัม........................................................................................................................................................................................................
Ln = nħ = (6)(1.054 × 10-34) = 6.324 × 10-34 J s
2) โมเมนตัมเชิงมุมของอิเล็กตรอน.....................................................................................................................................................
rn = a0n2 = (5.28 × 10-11)(62) = 1.9 × 10-9 m
3) รัศมีวงโคจรของอิเล็กตรอน..................................................................................................................................................................
E -18
En = n21 = -2.17662× 10 = -6.04 × 10-20 J
4) พลังงานของอะตอม.....................................................................................................................................................................................
v 6
vn = n1 = 2.18 6× 10 = 3.6 × 105 m/s
5) อัตราเร็วของอิเล็กตรอน..........................................................................................................................................................................
Ek(n) = En = -6.04 × 10-20 = 6.04 × 10-20 J
6) พลังงานจลนของอิเล็กตรอน...............................................................................................................................................................
Ep(n) = 2(En) = 2(-6.04 × 10-20) = -1.2 × 10-19 J
7) พลังงานศักยของอิเล็กตรอน...............................................................................................................................................................
2. ถาอิเล็กตรอนของอะตอมไฮโดรเจนตามทฤษฎีอะตอมของโบรเปลี่ยนจากสถานะพื้นไปสู
n = 3 จงหาปริมาณตอไปนี้
1) พลังงานที่อะตอมดูดกลืนเขาไป (หนวยอิเล็กตรอนโวลต)
ฉบับ วิธีทํา จากสมการ Δ E = E -E ni
เฉลย nf
..........................................................................................................................................................................................................................................
= -13.6 12 - 32
-13.6
..........................................................................................................................................................................................................................................
= 12.09 eV
..........................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น พลังงานที่อะตอมดูดกลืนเขาไปเทากับ 12.09 อิเล็กตรอนโวลต
..........................................................................................................................................................................................................................................
2) ความถี่ของโฟตอน
วิธีทํา จากสมการ hf = E Δ
..........................................................................................................................................................................................................................................
-34
6.626 10 f = 12.09×
-19
..........................................................................................................................................................................................................................................
1.6 10 ×
15
f = 2.92 10 Hz ×
..........................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ความถี่ของโฟตอนเทากับ 2.92 × 1015 เฮิรตซ
..........................................................................................................................................................................................................................................
3) ความยาวคลื่นของโฟตอน
วิธีทํา จากสมการ hf = E Δ
..........................................................................................................................................................................................................................................
hc = 12.09
..........................................................................................................................................................................................................................................
-34 λ
8
(6.626 × 10 )(3 × 10 ) = 12.09
..........................................................................................................................................................................................................................................
-19
λ(1.6 × 10 )
λ = 102.76 nm
..........................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ความยาวคลื่นของโฟตอนเทากับ 102.76 นาโนเมตร
..........................................................................................................................................................................................................................................
อะตอมของไฮโดรเจน
46 www.aksorn.com/interactive3D/RBC51
3. สําหรับอะตอมไฮโดรเจนตามทฤษฎีอะตอมของโบร ถาขณะที่อิเล็กตรอนโคจรรอบนิวเคลียส
เปนวงกลมมีรัศมี 33 นาโนเมตร แลวอิเล็กตรอนอยูในสถานะถูกกระตุนที่เทาใด
วิธีทํา จากสมการ r = a n2
...................................................................................................................................................................................................................................................
n 0
33 × 10-9 = (5.28 × 10-11)n2
...................................................................................................................................................................................................................................................
n2 = 625
...................................................................................................................................................................................................................................................
n = 25
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น อิเล็กตรอนอยูในสถานะถูกกระตุนที่เทากับ 25 - 1 = 24
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
4. สําหรับอนุกรมบัลเมอรถาสเปกตรัมเสนแรกของอะตอมไฮโดรเจนมีความยาวคลื่น 656
นาโนเมตร แลวสเปกตรัมเสนที่สองในอนุกรมบัลเมอรมีความยาวคลื่นเทาใด
วิธีทํา สําหรับอนุกรมบัลเมอรสเปกตรัมเสนที่สองเกิดจากการปลดปลอยคลื่นแมเหล็กไฟฟาจาก
...................................................................................................................................................................................................................................................
n = 4 สู n = 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ Eni - Enf = hc
...................................................................................................................................................................................................................................................
λ -34 8
-13.6 2 - -13.6 2 = (6.626 × 10 )(3 × 10 )
4 2 -19
...................................................................................................................................................................................................................................................
λ(1.6 × 10 )
-7 ฉบับ
λ = 4.87 × 10 m = 487 nm
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
ดังนั้น สเปกตรัมเสนที่สองในอนุกรมบัลเมอรมีความยาวคลื่นเทากับ 487 นาโนเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
แบบจําลองอะตอมไฮโดรเจนของโบร
www.aksorn.com/interactive3D/RBC53 ฟิสิกส์อะตอม 47
6. ความยาวคลื่นที่นอยที่สุดในอนุกรมพาสเชนที่ปลอยออกมาจากอะตอมไฮโดรเจนมีคาเทาใด
วิธีทํา จากสมการ 1 = R 1 - 1
( nf ni ) H 2 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
λ
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 1.0974 107( 1 - 1 ) × 2 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 ∞
= 820.12 nm
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ความยาวคลื่นที่นอยที่สุดในอนุกรมพาสเชนที่ปลอยออกมาจากอะตอมไฮโดรเจน
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีคาเทากับ 820.12 นาโนเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
7. ความยาวคลื่นที่มากที่สุดในอนุกรมพาสเชนที่ปลอยออกมาจากอะตอมไฮโดรเจนมีคาเทาใด
วิธีทํา จากสมการ 1 = R 1 - 1
( nf ni ) H 2 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
λ
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 1.0974 107 ( 1 - 1 ) × 2 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
3 4
= 1,874.56 nm
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ความยาวคลื่นที่มากที่สุดในอนุกรมพาสเชนที่ปลอยออกมาจากอะตอมไฮโดรเจน
...................................................................................................................................................................................................................................................
มีคาเทากับ 1,874.56 นาโนเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย 8. หลอดรังสีเอกซมีความตางศักยระหวางขั้วแอโนดกับขั้วแคโทดเปน 12,000 โวลต จงหาวา
รังสีเอกซที่ผลิตไดมีความยาวคลื่นตํ่าสุดเทาใด
วิธีทํา จากสมการ λmin hc
= eV
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
-34 8
= (6.626 10 )(3 10 ) ×
-19
×
...................................................................................................................................................................................................................................................
(1.6 10 )(12,000)
×
-10
= 1.04 10 m ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น รังสีเอกซที่ผลิตไดมีความยาวคลื่นตํ่าสุดเทากับ 1.04 × 10-10 เมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
-34 8
5 10 ×
-11
= (6.626 10 )(3 10 ) ×
-19
×
...................................................................................................................................................................................................................................................
(1.6 10 )V ×
V = 24,847.5 V
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 24.85 kV
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ตองใชความตางศักยระหวางขั้วทั้งสองของหลอดรังสีเอกซเทากับ 24.85 กิโลโวลต
...................................................................................................................................................................................................................................................
48
แบบฝึกหัดที่ 6.7
ตอบคําถามตอไปนี้
1. จากการทดลองของฟรังกและเฮิรตซ การทีอ่ ะตอมปรอทไมรบั พลังงานตํา่ กวา 4.9 อิเล็กตรอน
โวลต สนับสนุนทฤษฎีอะตอมของโบรอยางไร
ฟรังกและเฮิรตซสรุปวา พลังงานของอะตอมปรอทมีคา ไมตอ เนือ่ ง เพราะการทีอ่ ะตอมปรอทไมรบั
...................................................................................................................................................................................................................................................
พลังงานตํ่ากวา 4.9 eV แสดงวา ระดับพลังงานกระตุนแรกจะตองอยูสูงจากระดับพลังงานตํ่าสุด
...................................................................................................................................................................................................................................................
อยู 4.9 eV ตองไดรบั พลังงานจากภายนอกทีเ่ พียงพอจึงจะขึน้ ไปอยูใ นระดับพลังงานทีส่ งู ชัน้ ถัดไป
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
4. การเกิดรังสีเอกซแบบใด ที่สนับสนุนทฤษฎีอะตอมของโบรและสนับสนุนอยางไร
การเกิดรังสีเอกซเฉพาะตัว สนับสนุนทฤษฎีอะตอมของโบร เพราะเกิดจากการที่อิเล็กตรอนถูก
...................................................................................................................................................................................................................................................
เรงจนมีพลังงานสูง เคลือ่ นทีเ่ ขาชนเปา ทําใหอเิ ล็กตรอนของวงโคจรชัน้ ในของอะตอมทีเ่ ปนเปาหลุด
...................................................................................................................................................................................................................................................
ออก แลวอิเล็กตรอนจากวงโคจรที่อยูหางจากนิวเคลียสมากกวาจะเคลื่อนที่เขาไปแทนที่ พรอมทั้ง
...................................................................................................................................................................................................................................................
คายพลังงานออกมาในรูปรังสีเอกซทมี่ ลี กั ษณะเฉพาะตัว โดยรังสีเอกซทเี่ กิดขึน้ นีจ้ ะมีพลังงานเทากับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ผลตางระหวางระดับพลังงานที่อิเล็กตรอนเปลี่ยนวงโคจร จึงสนับสนุนวา อะตอมมีพลังงานเปน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ขั้น ๆ ไมตอเนื่องตามทฤษฎีอะตอมของโบร
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์อะตอม 49
5. ทวิภาวะของคลื่นและอนุภาค
ปรากฏการณโฟโตอิเล็กทริก
• ปรากฏการณโฟโตอิเล็กทริก คือ ปรากฏการณทเี่ มือ่ มีแสงทีม่ คี วามถีท่ เี่ หมาะสมมาตกกระทบผิวโลหะ
จะทําใหอเิ ล็กตรอน (โฟโตอิเล็กตรอน) หลุดจากโลหะนัน้ ได โดยจํานวนโฟโตอิเล็กตรอนทีห่ ลุดออกมาจะเพิม่ ขึน้
ตามความเขมแสง และพลังงานจลนสูงสุดของโฟโตอิเล็กตรอนจะขึ้นอยูกับความถี่ของแสง
• ไอนสไตนไดอธิบายปรากฏการณนี้โดยอาศัยกฎการอนุรักษพลังงานและสมมติฐานของพลังคที่วา
แสงเปนอนุภาคทีเ่ รียกวา โฟตอน ทีม่ พี ลังงานเทากับ hf เมือ่ โฟตอนตกกระทบพืน้ ผิวโลหะจะถายโอนพลังงาน
ใหกบั อิเล็กตรอนของโลหะ แตการทีอ่ เิ ล็กตรอนจะหลุดจากผิวโลหะได อิเล็กตรอนจะตองเสียพลังงานไปปริมาณ
หนึ่งเทากับพลังงานที่ใชในการยึดอิเล็กตรอนไวในอะตอม เรียกพลังงานจํานวนนี้วา ฟงกชันงาน (W) และมี
พลังงานจลนเทากับพลังงานที่เหลือ (Ekmax) สามารถเขียนแสดงความสัมพันธได ดังสมการ
Ekmax = hf - W
ฉบับ ปรากฏการณคอมปตัน
เฉลย
คอมป ตั น ได ท ดลองฉายรั ง สี เ อกซ ที่ มี หัววัด
ความยาวคลื่นคาเดียวใหกระทบอิเล็กตรอนใน
เปาแกรไฟต λ′
แทงแกรไฟต ปรากฏวา อิเล็กตรอนและรังสีเอกซ
หลอดรังสีเอกซ
กระเจิงออกมา ดังภาพ โดยความยาวคลื่นของ λ θ
รังสีเอกซที่กระเจิงออกมามีทั้งความยาวคลื่นเทา
อิเล็กตรอน
เดิมและมากกวา ซึ่งแสดงใหเห็นวาคลื่นแมเหล็ก
ไฟฟามีลักษณะเปนอนุภาค
สมมติฐานของเดอบรอยล
• การที่คลื่นแมเหล็กไฟฟาแสดงสมบัติของอนุภาคได เดอ บรอยล จึงเสนอสมมติฐานวา อนุภาคก็
สามารถแสดงสมบัติของคลื่นได สามารถเขียนแสดงความสัมพันธเพื่อคํานวณหาความยาวคลื่นของอนุภาค
มวล m ที่มีอัตราเร็ว v หรือความยาวคลื่นเดอบรอยลได ดังสมการ
λ = hp = mv
h โดยที่ p คือ โมเมนตัมของอนุภาค (kg
( m/s)
...................................................................................................................................................................................................................................................
2. การเปลี่ยนพลังงานของปรากฏการณโฟโตอิเล็กทริกตางจากรังสีเอกซอยางไร
ปรากฏการณโฟโตอิเล็กทริกเปลี่ยนพลังงานของโฟตอนไปเปนพลังงานจลนของอิเล็กตรอน
...................................................................................................................................................................................................................................................
รังสีเอกซเปลี่ยนพลังงานจลนของอิเล็กตรอนไปเปนพลังงานของโฟตอน
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
3. โลหะแพลทินัมมีฟงกชันงาน 5.5 อิเล็กตรอนโวลต เมื่อฉายแสงที่มองเห็นดวยตาเปลาให เฉลย
กระทบผิวโลหะแพลทินัม จะมีอิเล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะหรือไม เพราะเหตุใด
ไมมี เพราะจากสมการ W = hc = 1,240 λ λ λmax = 1,240 5.5 = 225.45 nm นั่นคือความยาว
...................................................................................................................................................................................................................................................
max max
คลื่นที่ยาวที่สุดของคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่กระทบผิวโลหะแพลทินัม แลวทําใหอิเล็กตรอนหลุดจาก
...................................................................................................................................................................................................................................................
ผิวโลหะมีคา 225.45 nm แตแสงที่มองเห็นดวยตาเปลามีความยาวคลื่นตั้งแต 400-700 nm ซึ่งมี
...................................................................................................................................................................................................................................................
พลังงานนอยกวาแสงความยาวคลื่น 225.45 nm ทําใหพลังงานของโฟตอนมีคานอยกวาพลังงานที่
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะทําใหอิเล็กตรอนหลุด
...................................................................................................................................................................................................................................................
4. เพราะเหตุใด ทฤษฎีรังสีเอกซประพฤติตัวเปนคลื่นจึงอธิบายปรากฏการณคอมปตันไมได
เพราะเมื่อโฟตอนของรังสีเอกซชนกับอิเล็กตรอนของแกรไฟต รังสีเอกซที่กระเจิงออกมาจะมี
...................................................................................................................................................................................................................................................
2 แบบ คือ 1. ความยาวคลืน่ เทาเดิม 2. ความยาวคลืน่ มากกวาเดิม ซึง่ ไมสามารถอธิบายไดดว ยทฤษฎี
...................................................................................................................................................................................................................................................
คลืน่ แมเหล็กไฟฟา เนือ่ งจากเมือ่ คลืน่ แมเหล็กไฟฟากระทบอิเล็กตรอน สนามไฟฟาของคลืน่ จะบังคับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ใหอิเล็กตรอนสั่นดวยความถี่เดียวกับคลื่น พรอมทั้งแผรังสีออกมาทุกทิศทางดวยความถี่เดียวกัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉะนั้น รังสีเอกซที่กระเจิงออกมาจึงควรมีความถี่เทาเดิมหรือความยาวคลื่นเทาเดิม
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากการทดลอง แสดงใหเห็นวา การชนกันระหวางโฟตอนของรังสีเอกซกบั อิเล็กตรอนนัน้ เหมือน
...................................................................................................................................................................................................................................................
การชนกันระหวางอนุภาคกับอนุภาค กลาวคือ รังสีเอกซไดประพฤติตัวเปนอนุภาค
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์อะตอม 51
5. สมมติฐานของเดอบรอยลสนับสนุนสมมติฐานของโบรที่วา เมื่ออิเล็กตรอนวิ่งรอบนิวเคลียส
โดยไมแผคลื่นแมเหล็กไฟฟา จะมีคาโมเมนตัมเชิงมุม mvnrn = nħ อยางไร
การที่อิเล็กตรอนไมสูญเสียพลังงานหรือไมแผคลื่นแมเหล็กไฟฟา เพราะอิเล็กตรอนประพฤติตัว
...................................................................................................................................................................................................................................................
เป นคลืน่ โดยสงคลืน่ ออกมาแทรกสอดกันกลายเปนคลืน่ นิง่ ซึง่ จะเกิดขึน้ ไดเมือ่ ความยาวของเสน
...................................................................................................................................................................................................................................................
รอบวงในวงโคจรของอิ เล็กตรอนยาวเปนจํานวนเต็มเทาของความยาวคลื่นของอิเล็กตรอน
...................................................................................................................................................................................................................................................
2πrn = nλ
...................................................................................................................................................................................................................................................
2πrn = n(mvh )
...................................................................................................................................................................................................................................................
n
...................................................................................................................................................................................................................................................
mv r = n 2h = n ( π) ħ
...................................................................................................................................................................................................................................................
nn
E
6. ถาเรงอิเล็กตรอนมวล m มีประจุ q ที่หยุดนิ่งจากตําแหนง v=0 v
A ไปตําแหนง B ผานความตางศักย V จะมีสมการความ A B
ยาวคลื่นเดอบรอยลอยางไร V
ถาเรงอิเล็กตรอนจากตําแหนง A ไปตําแหนง B จะไดความสัมพันธ
...................................................................................................................................................................................................................................................
qV = 21 mv2
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ mv2 = 2qV (1)
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย 2 2
นําสมการ (1) × m จะได m v = 2mqV
...................................................................................................................................................................................................................................................
mv = 2mqV (2)
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ λ = p = mv h h
...................................................................................................................................................................................................................................................
แทนคา mv จากสมการ (2) จะได λ = h
...................................................................................................................................................................................................................................................
2mqV
...................................................................................................................................................................................................................................................
h
ดังนั้น สมการความยาวคลื่นเดอบรอยล คือ = 2mqV λ
...................................................................................................................................................................................................................................................
แบบฝึกหัดที่ 6.9
ดูกราฟ แลวบอกคาความชันและจุดตัดแกน X
1. 2. h 3.2 2h
h
Ekmax (J) slope = ............. Vs (V) slope = .............
e vmax (m/s)2 slope = .............
m
-W
.............. - We
.............. - 2W
m
..............
52
แบบฝึกหัดที่ 6.10
คํานวณหาผลลัพธจากโจทยตอไปนี้
1. เมื่อฉายแสงอัลตราไวโอเลตความยาวคลื่น 120 นาโนเมตร ไปยังโลหะชนิดหนึ่ง พบวา
โฟโตอิเล็กตรอนมีพลังงานจลนสูงสุด 3 อิเล็กตรอนโวลต จงหาปริมาณตอไปนี้
1) ฟงกชันงานของโลหะ
วิธีทํา จากสมการ E max = hf - W
..........................................................................................................................................................................................................................................
k
Ekmax = hcλ - W
..........................................................................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................................................................
-34 8
3 = (6.626 10 )(3 10 ) - W ×
-9
×
-19
..........................................................................................................................................................................................................................................
(120 10 )(1.6 10 )
× ×
3 = 10.35 - W
..........................................................................................................................................................................................................................................
W = 7.35 eV
..........................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ฟงกชันงานของโลหะเทากับ 7.35 อิเล็กตรอนโวลต
..........................................................................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................................................................
2) ความยาวคลื่นขีดเริ่ม
วิธีทํา จากสมการ W = hf = hc
..........................................................................................................................................................................................................................................
0 λ ฉบับ
max
.......................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
-34 8
7.35 = (6.626 10 )(3 10 ) × ×
-19
..........................................................................................................................................................................................................................................
(1.6 10 ) λmax ×
..........................................................................................................................................................................................................................................
λmax = 169.03 nm
..........................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ความยาวคลื่นขีดเริ่มเทากับ 169.03 นาโนเมตร
..........................................................................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................................................................
3) ความตางศักยหยุดยั้ง
วิธีทํา ความตางศักยหยุดยั้ง คือ ความตางศักยที่ใชหยุดอิเล็กตรอน (โฟโตอิเล็กตรอนไปหยุด
..........................................................................................................................................................................................................................................
ที่ขั้วแอโนดพอดี) ซึ่งความตางศักยหยุดยั้งจะเปนคาที่แสดงถึงพลังงานจลนสูงสุดของ
..........................................................................................................................................................................................................................................
โฟโตอิเล็กตรอน
..........................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ Ekmax = eVs
..........................................................................................................................................................................................................................................
3 = eVs
..........................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ความตางศักยหยุดยั้งเทากับ 3 โวลต
..........................................................................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์อะตอม 53
2. ฉายแสงอัลตราไวโอเลตความยาวคลืน่ 200 นาโนเมตร กระทบผิวโลหะแพลทินมั ซึง่ มีพลังงาน
ยึดเหนี่ยว 5.5 อิเล็กตรอนโวลต จงหาความตางศักยหยุดยั้ง
วิธีทํา จากสมการ E max = hf - W
...................................................................................................................................................................................................................................................
k
= hcλ - W
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
-34 8
= (6.626 10 )(3 10 ) - 5.5 ×
-9
×
-19
...................................................................................................................................................................................................................................................
(200 10 )(1.6 10 )
× ×
= 6.21 - 5.5 = 0.71 eV
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากความสัมพันธ Ekmax = eVs
...................................................................................................................................................................................................................................................
0.71 = eVs
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ความตางศักยหยุดยั้งเทากับ 0.71 โวลต
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
54
5. จงหาความยาวคลื่นของคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่ทําใหโฟตอนในคลื่นแมเหล็กไฟฟามีโมเมนตัม
เทากับโปรตอนที่กําลังเคลื่อนที่ดวยอัตราเร็ว 3 × 105 เมตรตอวินาที
กําหนดให มวลของโปรตอน = 1.67 × 10-27 kg
วิธีทํา จากสมการ λ h
= ph = mv
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
6.626 10 ×
-34
= -27 5
...................................................................................................................................................................................................................................................
(1.67 10 )(3 10 )× ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 1.32 10-3 nm ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ความยาวคลื่นเทากับ 1.32 × 10-3 นาโนเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์อะตอม 55
แบบฝึกหัดที่ 6.11
ดูกราฟ แลวเปรียบเทียบปริมาณที่กําหนดให พรอมใหเหตุผลประกอบ
เกดทําการทดลอง เรื่อง ปรากฏการณ I (A)
A
โฟโตอิเล็กทริก โดยทําการทดลอง 2 ครั้ง B
ใชเปาโลหะเดียวกัน ครั้งแรกใชแสง A
ครัง้ ทีส่ องใชแสง B ไดความสัมพันธระหวาง
กระแสไฟฟากับความตางศักย ดังกราฟ V (V)
มากกวา
2. แสง A มีความเขมแสง .................................................. เมื่อใชแสงที่มีความเขมแสงมากกวา
แสง B เพราะ............................................................................................
จะมีกระแสอิเล็กตรอนมากกวา (คา I สูงกวา) แสดงวา จํานวนโฟโตอิเล็กตรอนที่หลุดออกมาจาก
...................................................................................................................................................................................................................................................
ผิวโลหะมีจํานวนมากกวา
...................................................................................................................................................................................................................................................
แบบฝึกหัดที่ 6.12
วาดจํานวนบัพและปฏิบัพในระดับพลังงานที่กําหนดให เมื่อพิจารณาวา อิเล็กตรอนโคจรรอบ
นิวเคลียสของอะตอมไฮโดรเจนเปนคลื่นนิ่งเดอบรอยล
1. n = 3 2. n = 5
A6 N10 N1
N6 N1 N9
A5 A1 A1 A2 A3 N2
r3 A r5 A4
N5 N2 N8 10
A9 A5 N3
A4 A2 N7 A8 A7 A6 N4
N4 N3
A3 N6 N5
จะไดความสัมพันธ 2πr = 3λ จะไดความสัมพันธ 2πr = 5λ
เราทราบวา λ2 มี 1 ปฏิบัพ เราทราบวา λ2 มี 1 ปฏิบัพ
ฉะนั้น 3λ มี 6 ปฏิบัพ ฉะนั้น 5λ มี 10 ปฏิบัพ
56
6. กลศาสตรควอนตัม
กลศาสตรควอนตัมเปนศาสตรที่ศึกษาธรรมชาติในระดับอะตอมโดยมีพื้นฐานจากทวิภาวะ
ของคลื่นและอนุภาค พัฒนาโดยชเรอดิงเงอร กลศาสตรควอนตัมจะบอกถึงความนาจะเปนในการ
พบอนุภาคในรูปของกลุมคลื่น ณ ตําแหนงและเวลาหนึ่ง ๆ กลศาสตรควอนตัมสามารถอธิบาย
อะตอมไดกวางขวางและดีกวาทฤษฎีอะตอมของโบรมาก ทฤษฎีนจี้ งึ เปนทีย่ อมรับกันมากในปจจุบนั
หลักความไมแนนอน
ไฮเซนเบิรก ไดเสนอหลักความไมแนนอนไววา ในการวัดตําแหนงและโมเมนตัมของอนุภาคจะไมสามารถ
รูค า แนนอนของตําแหนงและโมเมนตัมของอนุภาคนัน้ ในเวลาเดียวกันได โดยผลคูณของความไมแนนอนของ
ตําแหนง (Δx) และความไมแนนอนของโมเมนตัมของอนุภาค (Δp) จะมีคาอยางนอยเทากับหรือมากกวาคา
คงตัว ħ2 สามารถเขียนแสดงความสัมพันธได ดังสมการ
ΔxΔp ≥ ħ
2 โดยที่ ħ มีคาเทากับ 2hπ = 1.0546 × 10-34 J s
ฉบับ
เฉลย
โครงสรางอะตอมตามแนวคิดกลศาสตรควอนตัม
• จากหลักความไมแนนอน เราบอกไดแตเพียงโอกาสที่จะพบอิเล็กตรอน ณ ที่ตาง ๆ วาเปนเทาใด
โดยพฤติกรรมตาง ๆ ของอิเล็กตรอนในอะตอมหาไดจากการคํานวณสมการคลื่นของชเรอดิงเงอร นําไปสูการ
อธิบายภาพของอิเล็กตรอนในอะตอมอยูใ นรูปกลุม หมอก ซึง่ ความหนาแนนของกลุม หมอกบอกถึงโอกาสทีจ่ ะ
พบอิเล็กตรอนที่ตําแหนงนั้น ๆ
• ภาพกลุมหมอกเปนไปไดหลายรูปแบบ เชน อะตอมไฮโดรเจนที่อิเล็กตรอนมีระดับพลังงานตํ่าสุด
กลุม หมอกจะเปนทรงกลม (ภาพ ก) กรณีทอี่ เิ ล็กตรอนมีระดับพลังงานสูงขึน้ กลุม หมอกจะจัดตัวแตกตางจาก
รูปทรงกลม (ภาพ ข) ซึ่งรูปรางของกลุมหมอกจะขึ้นอยูกับเลขควอนตัมโมเมนตัมเชิงมุม (𝓁)
ภาพ ก ภาพ ข
n = 2, 𝓁 = 0 n = 2, 𝓁 = 1
ฟิสิกส์อะตอม 57
แบบฝึกหัดที่ 6.13
ปฏิบัติกิจกรรมตอไปนี้
1. การวัดปริมาณทางฟสกิ สพรอม ๆ กัน 2 ปริมาณ สามารถวัดไดอยางถูกตองพรอมกันไดหรือไม
ในการวัดปริมาณใด ๆ ก็ตาม ปริมาณที่เกี่ยวของกับปริมาณนั้นจะถูกรบกวนเสมอ ทําใหเราไม
....................................................................................................................................................................................................................................................................
สามารถวัดปริมาณทั้งสองในเวลาเดียวกันไดอยางแมนยํา เชน ถาตองการรูตําแหนงของอนุภาค
....................................................................................................................................................................................................................................................................
ตองใหอนุภาคนั้นหยุดจึงจะบอกตําแหนงไดอยางแมนยํา แตถาตองการรูความเร็วของอนุภาคตอง
....................................................................................................................................................................................................................................................................
ใหอนุภาคเคลื่อนที่ นั่นคือเราจะไมรูตําแหนงของอนุภาคนั้นไดอยางแมนยํา
....................................................................................................................................................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
3. เขียนเปรียบเทียบแบบจําลองอะตอมไฮโดรเจนของโบรและแบบจําลองอะตอมตามทฤษฎี
กลศาสตรควอนตัม
แบบจําลองอะตอมไฮโดรเจนของโบร แบบจําลองอะตอมตามทฤษฎีกลศาสตรควอนตัม
อิ เ ล็ ก ตรอนจะเคลื่ อ นที่ ร อบนิ ว เคลี ย สใน
......................................................................................................................... อิเล็กตรอนทีอ่ ยูร อบนิวเคลียสในอะตอมจะอยูใ น
.........................................................................................................................
วงโคจรบางวง (วงโคจรที่เสถียร) โดยไมแผ
......................................................................................................................... รูปกลุมหมอก ซึ่งเราไมสามารถระบุตําแหนงของ
.........................................................................................................................
คลื่นแมเหล็กไฟฟา แตเมื่ออิเล็กตรอนเปลี่ยน
......................................................................................................................... อิเล็กตรอนไดอยางแนนอน โดยความหนาแนนของ
.........................................................................................................................
วงโคจรจะมีการรับหรือปลอยพลังงานออกมาใน
......................................................................................................................... กลุม หมอกบอกถึงโอกาสหรือความนาจะเปนทีจ่ ะพบ
.........................................................................................................................
รูปคลื่นแมเหล็กไฟฟา
......................................................................................................................... อิเล็กตรอนในตําแหนงนัน้ ๆ
.........................................................................................................................
......................................................................................................................... .........................................................................................................................
58
แบบฝึกหัดที่ 6.14
คํานวณหาผลลัพธจากโจทยตอไปนี้
1. ถาความไมแนนอนของตําแหนงของอิเล็กตรอนมีคา 20,000 อังสตรอม จงหาความไมแนนอน
ของความเร็วของอิเล็กตรอน
วิธีทํา จากสมการ ΔΔ ≥ ħ
x p 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
Δ Δ ≥ ħ
x(m v) 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
20,000 × 10 (9 × 10-31)Δv ≥ 5.27 × 10-35
-10
...................................................................................................................................................................................................................................................
Δv ≥ 29.28 m/s
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนัน้ ความไมแนนอนของความเร็วของอิเล็กตรอนมากกวาหรือเทากับ 29.28 เมตรตอวินาที
...................................................................................................................................................................................................................................................
áÁ‹¤ÃѺ ·ÓäÁ
àÇÅÒäÁ‹µÃ§¡Ñ¹Å‹Ð¤ÃѺ
ฉบับ
เฉลย
60
HOTS กิจกรรมทาทายการคิดขั้นสูง
Higher Order Thinking Skills Activity
...............................................................................................................................................................................................................................................................
= 21 k(Ze)e kZe2
rn - rn
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
2
E = -21 kZe r
...............................................................................................................................................................................................................................................................
n
2 2 n
นําคา r = ħ × n จากสมการ (1) มาแทน
n mke Z 2
...............................................................................................................................................................................................................................................................
2 4 2
จะได En = -21 mk 2e × Z2
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ħ n 2 2
ดังนั้น จะมีสมการพลังงานของอะตอมที่ระดับพลังงานที่ n ใด ๆ เปน En = E1(Z2 ) = (-13.6)Z 2
...............................................................................................................................................................................................................................................................
n n
ฟิสิกส์อะตอม 61
Unit Test
ตอนที่ 1
6
คําชี้แจง : เลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว ไดคะแนน คะแนนเต็ม
1. อนุภาคบีตาเคลื่อนที่เขาไประหวางแผนตัวนําขนาน A และ B ซึ่งวาง 20
หางกัน 2 มิลลิเมตร และมีความตางศักย 160 โวลต ภายในทีว่ า งระหวาง
แผนตัวนํามีสนามแมเหล็กสมํา่ เสมอขนาด 4 เทสลา ทิศทาง ดังภาพ ถาตองการใหอนุภาค
บีตาเคลือ่ นทีท่ ะลุชอ งเปด S พอดี ความเร็วของอนุภาคตองมีขนาดเทาใด และแผนตัวนํา B
จะตองเปนขั้วไฟฟาบวกหรือขั้วไฟฟาลบ
1. 15,000 เมตรตอวินาที และเปนขั้วไฟฟา
บวก
2. 20,000 เมตรตอวินาที และเปนขั้วไฟฟา
A บวก
v 3. 15,000 เมตรตอวินาที และเปนขั้วไฟฟา
S
ลบ
ฉบับ B 4. 20,000 เมตรตอวินาที และเปนขั้วไฟฟา
เฉลย
ลบ
5. 25,000 เมตรตอวินาที และเปนขั้วไฟฟา
ลบ
2. หยดนํ้ามันหยดหนึ่งลอยขึ้นไปดวยความเร็วคงตัว 0.2 เซนติเมตรตอวินาที ในทิศเดียวกับ
สนามไฟฟาของแผนโลหะคูข นานหนึง่ ถาหยดนํา้ มันมีนาํ้ หนัก 3 × 10-5 นิวตัน ความตางศักย
ระหวางแผนโลหะ 300 โวลต และหยดนํ้ามันขาดอิเล็กตรอนไป 1010 ตัว อยากทราบวา
ใชเวลานานเทาใดหยดนํ้ามันจึงจะลอยจากแผนลางถึงแผนบน
1. 18 วินาที 2. 14 วินาที 3. 12 วินาที
4. 10 วินาที 5. 8 วินาที
3. หลอดโซเดียมเปลงแสงความยาวคลื่น 600 นาโนเมตร ออกมาดวยอัตรา 10 วัตต
อยากทราบวา ทุก ๆ 1 วินาที หลอดโซเดียมสงโฟตอนออกมาจํานวนเทาใด
1. 2.93 × 1019 โฟตอน 2. 3.02 × 1019 โฟตอน
3. 2.93 × 1020 โฟตอน 4. 3.02 × 1020 โฟตอน
5. 4.05 × 1020 โฟตอน
62
4. ไฮโดรเจนทีส่ ถานะพืน้ ดูดกลืนโฟตอนพลังงาน 15 อิเล็กตรอนโวลต แลวแตกตัวเปนไอออน
อยากทราบวา อิเล็กตรอนที่หลุดออกมาจะมีพลังงานเทาใด
1. 2.5 อิเล็กตรอนโวลต 2. 2.2 อิเล็กตรอนโวลต
3. 2.0 อิเล็กตรอนโวลต 4. 1.8 อิเล็กตรอนโวลต
5. 1.4 อิเล็กตรอนโวลต
5. อะตอมของแกสชนิดหนึ่ง เมื่อไดรับการกระตุนจากพลังงานภายนอก 16 อิเล็กตรอนโวลต
จะทําใหอยูในสถานะถูกกระตุนที่ 2 จงหาวาสถานะพื้นของอะตอมมีพลังงานเทาใด โดยใช
แบบจําลองอะตอมของโบร
1. -10 อิเล็กตรอนโวลต 2. -15 อิเล็กตรอนโวลต
3. -18 อิเล็กตรอนโวลต 4. -20 อิเล็กตรอนโวลต
5. -25 อิเล็กตรอนโวลต
6. จากแบบจําลองอะตอมของโบร ถาใชอนุภาคอิเล็กตรอนพลังงาน 1.936 × 10-18 จูล ยิงใส
อะตอมไฮโดรเจนซึ่งเดิมอยูในสถานะพื้นจะกระตุนใหเกิดสิ่งใด
1. เกิดเสนสเปกตรัมของอนุกรมไลมาน 3 เสน
2. เกิดเสนสเปกตรัมของอนุกรมบัลเมอร 3 เสน ฉบับ
เฉลย
3. เกิดเสนสเปกตรัมของอนุกรมไลมาน 2 เสน และของอนุกรมบัลเมอร 3 เสน
4. เกิดเสนสเปกตรัมของอนุกรมไลมาน 2 เสน และของอนุกรมบัลเมอร 1 เสน
5. เกิดเสนสเปกตรัมของอนุกรมพาสเชน 2 เสน และของอนุกรมไลมาน 1 เสน
7. จากการทดลองของฟรังกและเฮิรตซ ขอสรุปใดไมถูกตอง
1. อะตอมของปรอทมีพลังงานเปนชั้น ๆ
2. อะตอมของปรอทมีคาพลังงานที่สถานะพื้นเทากับ 4.9 eV
3. อิเล็กตรอนที่มีพลังงานนอยกวา 4.9 eV จะมีการชนกับอะตอมของปรอทแบบยืดหยุน
4. อิเล็กตรอนทีม่ พี ลังงานมากกวา 4.9 eV จะสูญเสียพลังงานสวนหนึง่ ใหอะตอมของปรอท
5. อิเล็กตรอนทีม่ พี ลังงานมากกวา 4.9 eV จะมีการชนกับอะตอมของปรอทแบบไมยดื หยุน
8. จากการทดลองของฟรังกและเฮิรตซ พบวา ศักยกระตุน ของอะตอมของปรอทมีคา เปน 4.9,
6.7, 10.4, … โวลต ตามลําดับ ถาใหอิเล็กตรอนที่อยูในสถานะถูกกระตุนที่ 3 ลดลงมาสู
สถานะถูกกระตุนที่ 2 โฟตอนที่ถูกปลอยออกมาจะมีพลังงานกี่อิเล็กตรอนโวลต
1. 1.8 อิเล็กตรอนโวลต 2. 3.7 อิเล็กตรอนโวลต
3. 4.9 อิเล็กตรอนโวลต 4. 5.5 อิเล็กตรอนโวลต
5. 6.7 อิเล็กตรอนโวลต
ฟิสิกส์อะตอม 63
9. ระดับพลังงานชั้นในของอิเล็กตรอนในเปาของหลอดรังสีเอกซเทากับ -1.1 × 10-14 จูล
ถาอิเล็กตรอนชัน้ นีถ้ กู ชนจนหลุดออกไป จะเกิดรังสีเอกซเฉพาะตัวมีความยาวคลืน่ 3 × 10-11
เมตร อยากทราบวา รังสีเอกซเฉพาะตัวนี้เกิดจากอิเล็กตรอนที่อยูในระดับพลังงานกี่จูล
1. -4.374 × 10-15 จูล 2. -2.254 × 10-15 จูล
3. 2.254 × 10-15 จูล 4. 4.374 × 10-15 จูล
5. 1.763 × 10-14 จูล
10. กําหนดให ฟงกชันงานของอะลูมิเนียมและทองแดงมีคา 4.2 อิเล็กตรอนโวลต และ 4.8
อิเล็กตรอนโวลต ตามลําดับ อยากทราบวา ถาฉายแสงที่มีความยาวคลื่น 270 นาโนเมตร
ลงบนวัตถุทั้งสอง วัตถุใดจะเกิดปรากฏการณโฟโตอิเล็กทริก
1. ทองแดง 2. อะลูมิเนียม
3. ทองแดงและอะลูมิเนียม 4. ขอมูลไมเพียงพอ
5. ไมเกิดปรากฏการณโฟโตอิเล็กทริก
11. วัตถุ A มีคาพลังงานยึดเหนี่ยว 3 อิเล็กตรอนโวลต สวนวัตถุ B มีคาความถี่ขีดเริ่มเปน
3 × 1014 เฮิรตซ ถาใหแสงความถี่เดียวกันตกกระทบผิววัตถุ A และ B จะทําให
ฉบับ โฟโตอิเล็กตรอนจากวัตถุ A มีพลังงานจลนสูงสุดเทากับ 1.5 อิเล็กตรอนโวลต จงหาวา
เฉลย
พลังงานจลนสูงสุดของโฟโตอิเล็กตรอนจากวัตถุ B มีคากี่อิเล็กตรอนโวลต
กําหนดให คาคงตัวของพลังค = 4.14 × 10-15 eV s
1. 1.225 อิเล็กตรอนโวลต
2. 2.845 อิเล็กตรอนโวลต
3. 3.258 อิเล็กตรอนโวลต
4. 4.745 อิเล็กตรอนโวลต
5. 5.854 อิเล็กตรอนโวลต
12. ในการทดลองเกีย่ วกับปรากฏการณโฟโตอิเล็กทริก เมือ่ มีรงั สีอลั ตราไวโอเลตความยาวคลืน่
300 นาโนเมตร มากระทบโลหะ จงหาวาโฟโตอิเล็กตรอนทีเ่ กิดขึน้ จะมีอตั ราเร็วสูงสุดเทาใด
เมื่อเปาโลหะที่ใชมีคาความยาวคลื่นขีดเริ่มเทากับ 330 นาโนเมตร
1. 1.25 × 105 เมตรตอวินาที
2. 1.56 × 105 เมตรตอวินาที
3. 2.25 × 105 เมตรตอวินาที
4. 3.66 × 105 เมตรตอวินาที
5. 4.75 × 105 เมตรตอวินาที
64
13. ถาผลการทดลองเกี่ยวกับปรากฏการณโฟโตอิเล็กทริก สามารถเขียนกราฟระหวาง
ความตางศักยหยุดยั้งกับความถี่ของแสงได ดังกราฟ แลวคาคงตัวของพลังคคํานวณจาก
กราฟไดเทาใด
Vs (V)
1.0
0 f (1014 Hz)
1 2 3 4 5 6 7
-1.0
66
ไดคะแนน คะแนนเต็ม
ตอนที่ 2 คําชี้แจง : แสดงวิธีการคํานวณหาคําตอบที่ถูกตอง 10
1. ถาทอมสันตองการหาอัตราสวน q/m ของอนุภาครังสีแคโทด โดยทดลองวางแผนโลหะ
2 แผน หางกัน 3 เซนติเมตร และใชสนามแมเหล็ก 1.2 × 10-3 เทสลา ปรากฏวา อนุภาค
มีรัศมีความโคง 10 เซนติเมตร อยากทราบวา ทอมสันใชความตางศักยระหวางแผนโลหะ
เทาใด
วิธีทํา จากสมการ q E V
m = B R = B Rd 2 2
.............................................................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................................................................
1.76 1011 = × -3 2
V
.............................................................................................................................................................................................................................................
(1.2 10 ) (0.1)(0.03)
×
V = 760.32 V
.............................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ทอมสันใชความตางศักยระหวางแผนโลหะเทากับ 760.32 โวลต
.............................................................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................................................................
2
V = h 2
.............................................................................................................................................................................................................................................
2mq λ
(6.626 10 ) ×
-34 2
= 2(9 10 )(1.6 -31 -19 -9 2
.............................................................................................................................................................................................................................................
× × 10 )(0.08 10 ) ×
= 238.19 V
.............................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น อิเล็กตรอนตองวิ่งจากหยุดนิ่งผานความตางศักยเทากับ 238.19 โวลต
.............................................................................................................................................................................................................................................
.............................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์อะตอม 67
หน่วยการเรียนรู้ที่
7 ฟสิกสนิวเคลียร
1. การคนพบกัมมันตภาพรังสี
การทดลองของแบ็กเกอแรล
ฉบับ แบ็กเกอแรลไดทดลองเกี่ยวกับการเรืองแสงของสารกับการปลอยรังสีเอกซออกมา โดยใสฟลมถายรูป
เฉลย
ไวในซองกระดาษสีดํา (แสงไมสามารถทะลุผานได) นําไปวางไวใตสาร ทดลองกลางแดดกับเก็บไวในที่มืด
ผลการทดลองทําใหทราบวา รังสีทปี่ ลอยออกมาจากสารไมใชรงั สีเอกซ เพราะเมือ่ นําฟลม ทัง้ 2 แผน ไปลางจะ
เกิดรอยดําปรากฏบนฟลม ทัง้ 2 แผน ซึง่ รังสีเอกซไมสามารถเกิดขึน้ เองตามธรรมชาติได แบ็กเกอแรลจึงสรุปวา
สารปลอยรังสีชนิดหนึง่ ออกมาตลอดเวลา โดยไมจาํ เปนตองพึง่ พาแสงแดด และรังสีนนั้ มีสมบัตคิ ลายรังสีเอกซ
การศึกษารังสีที่แผออกมาจากธาตุกัมมันตรังสี
ธาตุที่มีคุณสมบัติสามารถแผรังสีไดเองอยางตอเนื่อง เรียกวา ธาตุกัมมันตรังสี ซึ่งเกิดจากการที่
นิวเคลียสของธาตุนั้นอยูในสภาวะไมเสถียร จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับตัวเองใหเสถียร ธาตุนั้นจึงมีการ
ปลอยอนุภาคบางชนิดหรือพลังงานในรูปของโฟตอนออกมา โดยปรากฏการณทธี่ าตุแผรงั สีไดเองอยางตอเนือ่ ง
เรียกวา กัมมันตภาพรังสี รังสีที่แผออกมาจากธาตุกัมมันตรังสีมีหลายชนิด โดยมีสมบัติ ดังนี้
รังสี สัญลักษณ ประจุไฟฟา มวล อํานาจทะลุผาน
แอลฟา α หรือ 42He +2e 6.65 × 10-27 kg ไมสามารถทะลุผานแผนกระดาษได
บีตาลบ β- หรือ -10 e -1e
9.11 × 10-31 kg ไมสามารถทะลุผานแผนโลหะบางได
บีตาบวก +
β หรือ 1e 0 +1e
แกมมา γ 0 0 ไมสามารถทะลุผานแผนตะกั่วหนาได
68
แบบฝึกหัดที่ 7.1
ตอบคําถามตอไปนี้
1. เพราะเหตุใด รังสีแอลฟาที่มีพลังงานเฉลี่ยสูงกวารังสีบีตาและรังสีแกมมาจึงมีอํานาจใน
การทะลุผานตํ่ากวารังสีทั้งสอง
เพราะรังสีแอลฟามีขนาดใหญและมีประจุไฟฟามากกวารังสีชนิดอื่น ทําใหมีโอกาสเกิดการชน
...................................................................................................................................................................................................................................................
และเหนี่ยวนําอะตอมของอากาศใหแตกตัวไดมากกวา รังสีจึงมีการสูญเสียพลังงานอยางรวดเร็ว
...................................................................................................................................................................................................................................................
สงผลใหรังสีแอลฟามีอํานาจในการทะลุผานนอยลง
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
α
β γ
γ
α β
B E
แบบฝึกหัดที่ 7.3
ระบุชื่อของรังสีแอลฟา รังสีบีตา และรังสีแกมมา จากสมบัติที่กําหนดให
สมบัติ รังสี
ฉบับ
เฉลย 1. มีสมบัติคลายรังสีเอกซ แกมมา
...............................................................................
2. เบี่ยงเบนในสนามแมเหล็กตรงขามกับรังสีแอลฟา บีตา
...............................................................................
3. มีอํานาจทะลุผานมากที่สุด แกมมา
...............................................................................
7. อัตราสวนระหวางประจุไฟฟาตอมวลมีคามากที่สุด บีตา
...............................................................................
8. มีความสามารถในการเดินทางผานอากาศนอยที่สุดถาเทียบกับ แอลฟา
...............................................................................
รังสีอื่นที่มีพลังงานเทากัน
9. สูญเสียพลังงานเร็วที่สุด แอลฟา
...............................................................................
70
2. การเปลี่ยนสภาพนิวเคลียส
รังสีแอลฟา รังสีบีตา และรังสีแกมมาเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนสภาพของนิวเคลียส ดวยเหตุ
ที่ กั ม มั น ตภาพรั ง สี เ กี่ ย วข อ งกั บ การเปลี่ ย นแปลงสภาพของนิ ว เคลี ย ส ดั ง นั้ น การศึ ก ษา
กัมมันตภาพรังสีจะทําใหรูองคประกอบของนิวเคลียสได
องคประกอบของนิวเคลียส
หลังจากที่รัทเทอรฟอรดไดทําการทดลองยิงอนุภาคแอลฟาใหพุงชนกับนิวเคลียสของไนโตรเจน
พบวา มีนิวเคลียสของออกซิเจนและไฮโดรเจนเกิดขึ้น เขาเสนอใหเรียกนิวเคลียสของไฮโดรเจนวา โปรตอน
และเนือ่ งจากการทีธ่ าตุกมั มันตรังสีบางธาตุมกี ารปลอยอนุภาคบีตาหรืออิเล็กตรอนออกมาได จึงทําใหมกี ารตัง้
สมมติฐานโปรตอน-อิเล็กตรอน วานิวเคลียสประกอบดวยโปรตอนและอิเล็กตรอน แตสมมติฐานนี้ขัดแยงกับ
หลักความไมแนนอนของไฮเซนเบิรก จึงทําใหตองยกเลิกสมมติฐานนี้ไป
การคนพบนิวตรอน
• รัทเทอรฟอรดไดเสนอวา มีอนุภาคที่เปนกลางทางไฟฟา เรียกวา นิวตรอน อยูในนิวเคลียส ซึ่งไดรับ ฉบับ
การสนับสนุนแนวคิดโดยแชดวิกที่ไดวิเคราะหผลการทดลองยิงอนุภาคแอลฟาเขาไปในนิวเคลียสของธาตุ เฉลย
เบริลเลียม แลวมีลําอนุภาคชนิดหนึ่งเปนกลางทางไฟฟา พลังงาน 10 เมกะอิเล็กตรอนโวลต ออกมา จากนั้น
แชดวิกศึกษาการชนระหวางลําอนุภาคดังกลาวกับแผนพาราฟน คํานวณหามวลของลําอนุภาคทีอ่ อกมา พบวา
ลําอนุภาคที่ออกมามีคาใกลเคียงมวลของโปรตอนมาก เขาจึงสรุปวาอนุภาคที่ไดจากการชนกันของอนุภาค
แอลฟาและเบริลเลียม คือ อนุภาคนิวตรอน
ลําอนุภาคนิวตรอน
แหลงกําเนิดอนุภาคแอลฟา
ลําอนุภาคโปรตอน
หัววัดที่ใชตรวจจับและ
เปาเบริลเลียม แผนพาราฟน นับจํานวนโปรตอน
• แชดวิกไดตั้งสมมติฐานของโครงสราง เลขมวล
A
X
ตัวเลขแสดงผลรวม
นิวเคลียสใหม เรียกวา สมมติฐานโปรตอน-นิวตรอน ของจํานวนโปรตอน
กลาวคือ นิวเคลียสประกอบดวยอนุภาคโปรตอนและ และนิวตรอน สัญลักษณ
อนุภาคนิวตรอน รวมกันเรียกวา นิวคลีออน ของธาตุ
• นักฟสกิ สไดกาํ หนดสัญลักษณของนิวเคลียส
เลขอะตอม
ตัวเลขแสดงจํานวน Z
โปรตอนหรือประจุ
ดังภาพ ไฟฟา
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ 71
แบบฝึกหัดที่ 7.4
ตอบคําถามตอไปนี้
1. แชดวิกใชความรูพ นื้ ฐานเรือ่ งอะไรวิเคราะหผลทีไ่ ดจากการทดลอง แลวสรุปวาอนุภาคดังกลาว
คือ นิวตรอน
แชดวิกไดวเิ คราะหผลการทดลองซึง่ ใชความรู เรือ่ ง โมเมนตัมของการชนแบบยืดหยุน โดยใหรงั สีที่
...................................................................................................................................................................................................................................................
คาดวาเปนนิวตรอนพุง เขาชนอะตอมไฮโดรเจนในแผนพาราฟน แลววัดความเร็วของอะตอมไฮโดรเจน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ที่หลุดออกมา
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
แบบฝึกหัดที่ 7.5
ใชขอมูลจากตารางธาตุเขียนสัญลักษณนิวเคลียรของธาตุตอไปนี้
ธาตุ สัญลักษณนิวเคลียร
70
1. แกลเลียม 31Ga
..........................................................................................................................
137Ba ฉบับ
2. แบเรียม ..........................................................................................................................
56 เฉลย
226Ra
3. เรเดียม ..........................................................................................................................
88
232Th
4. ทอเรียม ..........................................................................................................................
90
80 Br
5. โบรมีน ..........................................................................................................................
35
แบบฝึกหัดที่ 7.6
เติมขอมูลลงในตารางใหครบถวน
สัญลักษณนิวเคลียร จํานวนโปรตอน จํานวนนิวตรอน จํานวนอิเล็กตรอน จํานวนนิวคลีออน
137 137
56Ba
1. .............................................. 56 81 56 ...........................................
2. 137 Ba2+
56
56
........................................... 81
........................................... 54
........................................... 137
...........................................
127 - 127
3. 53I
.............................................. 53 74 54 ...........................................
อัตราการสลายตัวของนิวเคลียสกัมมันตรังสี
• รัทเทอรฟอรดและซอดดีไดตั้งสมมติฐานวา หลังจากการสลายตัวกลายเปนธาตุใหม ธาตุใหมที่ได
อาจจะเปนหรือไมเปนธาตุกัมมันตรังสีก็ได โดยทุกนิวเคลียสมีโอกาสเทา ๆ กันที่จะสลายในชวงเวลาหนึ่ง และ
โอกาสทีว่ า นีจ้ ะไมขนึ้ กับสภาพแวดลอมและเวลา นอกจากนี้ อัตราการสลายของนิวเคลียสของธาตุกมั มันตรังสี
ขณะหนึ่งจะแปรผันตรงกับจํานวนนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีที่มีอยูในขณะนั้น (ΔN = -λN)
Δt
74
• อัตราการลดลงของจํานวนนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีหรืออัตราการแผรังสีในขณะหนึ่ง เรียกวา
กัมมันตภาพของธาตุกัมมันตรังสี หาไดจากสมการ
โดยที่ A คือ กัมมันตภาพของธาตุกัมมันตรังสี ((Bq)
A = λN λ คือ คาคงตัวการสลาย ((s-1)
N คือ จํานวนนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีที่มีอยูขณะเวลา t
(อะตอม)
• จํานวนนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีท่ียังไมสลาย (N) หรือที่เหลืออยูเมื่อเวลาผานไป t หาได
จากสมการ
โดยที่ N0 คือ จํานวนนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสีเมื่อเริ่มพิจารณา
(t = 0)
N = N0e-λt e คือ คาคงตัว (2.7182818)
t คือ เวลาของการสลายตัวของนิวเคลียส ((s)
• จากสมการ N = N0e-λt เมื่อนํามาเขียนกราฟแสดงความสัมพันธระหวาง N กับ t จะไดดังกราฟ
ทําใหเราไดความสัมพันธวา เมื่อเวลาผานไป t ใด ๆ โดยที่ t เปนจํานวนเต็ม n เทาของ T12 หรือ t = nT12
N
จะมีจํานวนนิวเคลียสของธาตุกัมมันตรังสี (N) เหลืออยูเทากับ N = n0
2
จํานวนนิวเคลียส (N)
ฉบับ
N0 เฉลย
N = N0e-λt
N0
2
N0
4
N0
8
เวลา (t)
0 T1 2T1 3T1
2 2 2
α
β β
เลขมวล
α α
β β β
α α
AY
β Z
เลขอะตอม
76
จากการสลายตัวของ 222X จนถึง AY จะไดสมการ
...................................................................................................................................................................................................................................................
86 Z
222X AY + 4(4 He) + 4( 0e)
...................................................................................................................................................................................................................................................
86 Z 2 -1
จากความสั ม พั น ธ ผลรวมของเลขมวลก อ นการสลายเท า กั บ ผลรวมของเลขมวลหลั งการสลาย
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 222 = A + 4(4) + 4(0)
...................................................................................................................................................................................................................................................
A = 206
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากความสัมพันธ ผลรวมของเลขอะตอมกอนการสลายเทากับผลรวมของเลขอะตอมหลังการสลาย
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 86 = Z + 4(2) + 4(-1)
...................................................................................................................................................................................................................................................
Z = 82
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ธาตุ Y เปนธาตุที่มีเลขมวล 206 และเลขอะตอม 82
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ 77
แบบฝึกหัดที่ 7.8
คํานวณหาผลลัพธจากโจทยตอไปนี้
1. สารกัมมันตรังสีชนิดหนึ่งมีคาครึ่งชีวิต 1 ชั่วโมง ขณะที่มีจํานวนอะตอม 1015 อะตอม จะมี
กัมมันตภาพเทาใด
วิธีทํา จากสมการ T = ln 2
1
...................................................................................................................................................................................................................................................
λ
2
λ = 1 0.693 60 60
...................................................................................................................................................................................................................................................
× ×
= 1.925 × 10 s
-4 -1
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ A = λN
...................................................................................................................................................................................................................................................
= (1.925 × 10-4)(1015)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 1.925 × 1011 Bq
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น จะมีกัมมันตภาพเทากับ 1.925 × 1011 เบ็กเคลเรล
...................................................................................................................................................................................................................................................
3. คาคงตัวการสลายตัวของ 23491Pa เทากับ 7.19 × 10-2 วินาที-1 ถามี 23491Pa อยู 2 กรัม จงหา
อัตราการสลายตัวเปนกี่อะตอมตอวินาที
วิธีทํา จากสมการ A = N λ
...................................................................................................................................................................................................................................................
23
= 7.19 10 2 6.02 ×
-2
( × 234
× 10 )
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 3.7 × 1020 Bq
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น อัตราการสลายตัวเปน 3.7 × 1020 เบ็กเคลเรล หรืออะตอมตอวินาที
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
78
4. มี U-234 จํานวน 3 มิลลิกรัม คาครึ่งชีวิตของ U-234 เทากับ 2.48 × 1015 ป ใหหามวล
ที่เหลือเมื่อเวลาผานไป 1.24 × 1015 ป
วิธีทํา จากสมการ t = nT 1
...................................................................................................................................................................................................................................................
2
15 15
1.24 10 = n(2.48 10 )
× ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
n = 0.5
...................................................................................................................................................................................................................................................
m
จากสมการ m = 2n0
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
-3
= 3 10 = 2.121 10 g
×
0.5 ×
-3
...................................................................................................................................................................................................................................................
2
ดังนั้น มวลที่เหลือเทากับ 2.121 × 10-3 กรัม
...................................................................................................................................................................................................................................................
300
แตมสี 1 หนา ฉะนั้น λ = x1
..........................................................................................................................
จากกราฟ T 1 = 11
..........................................................................................................................
2
จากสมการ λT 1 = ln 2
..........................................................................................................................
150 1 (11)2 = 0.693
x
..........................................................................................................................
x = 15.87 ≈ 16
..........................................................................................................................
0
ดังนั้น นกใชลูกเตาชนิด 16 หนา
จํานวนครั้ง ..........................................................................................................................
11 ที่ทอด
..........................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
80
3. หองปฏิบัติการทดลองในโรงงานแหงหนึ่งเกิดอุบัติเหตุ ทําใหพื้นที่ถูกปนเปอนไปดวยสาร
กัมมันตรังสี นักวิทยาศาสตรไดเขาไปตรวจสอบพื้นที่นี้ในชวงเวลา 25 วัน ไดขอมูล ดังตาราง
เวลา (วัน) 0 5 10 15 20 25
กัมมันตภาพที่นับได (ตอนาที) 1,500 1,190 943 750 596 472
นักวิทยาศาสตรตัดสินใจวา พนักงานสามารถเขาไปในพื้นที่นี้ไดก็ตอเมื่อกัมมันตภาพที่นับ
ไดตองตํ่ากวา 120 ครั้งตอนาที อยากทราบวา เวลาที่เร็วที่สุดที่พนักงานเขาไปทํางานได
อยางปลอดภัยคือกี่วัน
จากกัมมันตภาพที่นับได ทําใหทราบวา T = 15 วัน = 15 24 60 = 21,600 min 1 × ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
2
หาคาคงตัวการสลาย ( ) จากสมการ T = 0.693 จะได = 3.2 10 min
λ 1 λ ×
-5 -1
...................................................................................................................................................................................................................................................
λ
2
-λt
จากสมการ A = Ae
...................................................................................................................................................................................................................................................
0
120 = 1,500e-(0.000032)t
...................................................................................................................................................................................................................................................
t = 78,929 min ≈ 55 วัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น เวลาที่เร็วที่สุดที่พนักงานเขาไปทํางานไดอยางปลอดภัย คือ 55 วัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
เฉลย
4. หนูเล็กทดลองวัดการสลายตัวของสารกัมมันตรังสี ไดกราฟแสดงความสัมพันธระหวาง
กัมมันตภาพทีน่ บั ไดกบั เวลา ดังกราฟ จงหาวาตอนแรกมีจาํ นวนนิวเคลียสของสารกัมมันตรังสี
เทาใด
กัมมันตภาพที่นับได (ตอวินาที)
80 จากกราฟ ทําใหทราบวา T = 2 วัน หรือ 1
..........................................................................................................................
2
70
60 172,800 s หาคาคงตัวการสลาย ( ) λ
..........................................................................................................................
50
40
จากสมการ T 1 = 0.693
..........................................................................................................................
λ
2
-6 -1
30 จะได λ = 4 × 10 s
..........................................................................................................................
20
10 ..........................................................................................................................
เวลา (วัน)
0 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 ..........................................................................................................................
จากสมการ A = N λ
...................................................................................................................................................................................................................................................
A0 = λN0
...................................................................................................................................................................................................................................................
80 = 4 × 10-6 N0
...................................................................................................................................................................................................................................................
N0 = 2 × 107 อนุภาค
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ตอนแรกมีจํานวนนิวเคลียสของสารกัมมันตรังสีเทากับ 2 × 107 อนุภาค
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ 81
4. ไอโซโทป
ไอโซโทป คือ นิวเคลียสที่มีจํานวนโปรตอนหรือเลขอะตอมเทากัน แตมีจํานวนนิวตรอน
ตางกันหรือเลขมวลตางกัน ไอโซโทปกัมมันตรังสี คือ ไอโซโทปของธาตุท่ีมีการสลายตัว สวน
ไอโซโทปเสถียร คือ ไอโซโทปที่ไมมีการสลายตัว
• ไอโซโทปของธาตุชนิดเดียวกันจะมีสมบัตทิ างเคมีเหมือนกัน แตมสี มบัตทิ างกายภาพตางกันเนือ่ งจาก
มีมวลตางกัน ฉะนั้น การวิเคราะหไอโซโทปจึงทําไดโดยใชเครื่องมือจําแนกมวล
แมสสเปกโทรมิเตอร
แมสสเปกโทรมิเตอรเปนเครื่องมือที่ใชวิเคราะหมวลอะตอมของธาตุตาง ๆ โดยมีหลักการ ดังนี้
1 สวนเรงอนุภาค มีหนาที่ทําใหไอโซโทป
m, q ที่ อ ยู ใ นสภาพแก ส กลายสภาพเป น อนุ ภ าคที่ มี
V v 1 ประจุไฟฟา จากนั้นอนุภาคจะถูกเรงใหมีความเร็ว
2 สูงขึ้นโดยใชสนามไฟฟาใหวิ่งผานไปยังสวนที่ 2
จะได Ep = Ek
ฉบับ
เฉลย
FE = qE FE FB FB = qvB 3 qV = 12 mv2
v = 2qVm
ความเร็วพอเหมาะ
2 สวนคัดเลือกความเร็ว เปนบริเวณที่มี
ทั้งสนามไฟฟาและสนามแมเหล็ก ถาอนุภาคที่มี
ประจุไฟฟาผานเขามาดวยความเร็วที่พอเหมาะ ขนาดของแรงจากสนามทั้งสองจะมีคาเทากัน ทิศทางตรงกัน
ขาม เกิดสมดุลของแรง 2 แรง ทําใหอนุภาคนั้นไมเบนแนวการเคลื่อนที่ผานไปสวนที่ 3
จะได FB = FE
qvB = qE
v = BE
3 สวนวิเคราะห เปนสวนที่ประกอบดวยบริเวณที่มีสนามแมเหล็กขนาด B′ ทิศตั้งฉากกับแนวการ
เคลือ่ นทีข่ องอนุภาคทีม่ ปี ระจุไฟฟา ทําใหเกิดแรงเนือ่ งจากสนามแมเหล็กซึง่ จะบังคับใหอนุภาคทีม่ มี วลตางกัน
เบนแนวการเคลื่อนที่เปนแนวโคงดวยรัศมี (R) 1 2 3 แผนฟลม
แตกตางกันไปกระทบแผนฟลม จะทําใหแผนฟลม R1
R2 R3
ปรากฏรอยดํา เมือ่ อนุภาคทีม่ ปี ระจุไฟฟา q มวล m
B′
สวนที่ 2 ใชสนามไฟฟาขนาด E และสนามแมเหล็ก
ขนาด B จะได m = qBB′ R
E
82
แบบฝึกหัดที่ 7.10
คํานวณหาผลลัพธจากโจทยตอไปนี้
1. ลิเทียมมวลอะตอม 6 u เคลื่อนที่จากหยุดนิ่งผานความตางศักย 12 × 104 โวลต ในเครื่อง
แมสสเปกโทรมิเตอร แลวเคลื่อนที่เขาไปในบริเวณที่มีสนามแมเหล็กขนาด 0.4 เทสลา
ถาประจุของลิเทียมเทากับ 1.6 × 10-19 คูลอมบ แลวระยะหางระหวางจุดที่ลิเทียมเริ่มเขาสู
สนามแมเหล็กและจุดที่ตกกระทบบนแผนฟลมมีคากี่เมตร
วิธีทํา จากความสัมพันธ F = F
...................................................................................................................................................................................................................................................
C B
...................................................................................................................................................................................................................................................
mv2 = qvB
R
...................................................................................................................................................................................................................................................
R = mv qB
...................................................................................................................................................................................................................................................
นําคา v = m แทนไปในสมการ 2qV
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได R = 2mqV qB
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
-27 -19 4
= 2(6 1.66 10 )(1.6 10 )(12 10 )
× ×
-19
× ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
(1.6 10 )0.4 ×
= 0.3 m
................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
ดังนั้น ระยะหางระหวางจุดที่ลิเทียมเริ่มเขาสูสนามแมเหล็กและจุดที่ตกกระทบบนแผนฟลม
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
มีคาเทากับ 2R = 2 × 0.3 = 0.6 เมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
R 1 1
9 = 4 2 2 1
α
× × ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
Rα = 9 2 = 12.73 cm
...................................................................................................................................................................................................................................................
4He จะเคลื่อนที่เปนเสนโคงวงกลมที่มีรัศมีความโคงเทากับ 12.73 เซนติเมตร
ดังนั้น อนุภาค 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ 83
3. ธาตุ 146C ถูกเรงในเครื่องแมสสเปกโทรมิเตอรที่มีสนามแมเหล็ก B ดวยอัตราเร็ว v จะทําให
อนุภาควิ่งเปนแนวเสนโคง ถา 126C ถูกเรงในเครื่องแมสสเปกโทรมิเตอรเดียวกันดวยอัตราเร็ว
เทากัน รัศมีความโคงของ 126C จะเปนกี่เทาของ 146C
วิธีทํา จากสมการ R = mv qB
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
R126C m126C
จะได R146C = m146C
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 12 14 u
u
...................................................................................................................................................................................................................................................
R126C = 0.857 R146C
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น รัศมีความโคงของ 6C จะเปน 0.857 เทาของ 146C 12
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
-27 3
= (13 - 12)(1.66 10 )(120 10 ) ×
-19
×
...................................................................................................................................................................................................................................................
(4 1.6 10 )(0.5)(1.2)
×
-4
×
= 5.2 10 m ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น รัศมีความโคงของอนุภาคทั้งสองตางกันเทากับ 5.2 × 10-4 เมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
84
5. เสถียรภาพของนิวเคลียส
แรงนิวเคลียร
• แรงนิวเคลียร คือ แรงที่ยึดนิวคลีออนตาง ๆ ใหอยูรวมกันเปนนิวเคลียส โดยเปนแรงดึงดูดซึ่งมีคา
มากกวาแรงผลักระหวางประจุไฟฟา เปนแรงที่เกิดขึ้นในเวลาสั้น ๆ และเปนแรงที่กระทําในชวงระยะทางสั้น ๆ
(กระทําระหวางนิวคลีออนที่อยูติดกันเทานั้น) R
• ลักษณะของนิวเคลียสจากการทดลองของนักวิทยาศาสตร นิวคลีออน
มีดังตอไปนี้
1. นิวเคลียสมีลักษณะเปนทรงกลม
2. ขนาดและมวลของนิวเคลียสขึ้นอยูกับจํานวน
นิวคลีออนในนิวเคลียส
แทนแรงนิวเคลียร
3. รัศมีของนิวเคลียส (R) ที่มีเลขมวล A หาไดจากสมการ
R = r03 A โดยที่ r0 คือ คาคงตัวการแปรผัน (1.2 × 10-15 m)
4. ความหนาแนนของนิวเคลียส หาไดจากสมการ
ρ = m3 ฉบับ
4πr A เฉลย
3 0
พลังงานยึดเหนี่ยว
• พลังงานยึดเหนี่ยว คือ พลังงานที่ใชในการยึดเหนี่ยวนิวคลีออนทั้งหมดเอาไวดวยกันในนิวเคลียส
หรือพลังงานพอดีที่ใหแกนิวเคลียสแลวทําใหนิวคลีออนแยกออกจากกัน
• เมือ่ ใหพลังงานแกนวิ เคลียสเพือ่ ใหนวิ คลีออนแยกออกจากกัน ซึง่ ตองมีคา อยางนอยเทากับพลังงาน
ยึดเหนีย่ ว เมือ่ อนุภาคตาง ๆ มารวมกันเปนนิวเคลียสของอะตอม มวลของนิวเคลียสทีเ่ กิดขึน้ ใหมจะมีคา นอยกวา
ผลรวมของมวลของแตละอนุภาคทีม่ าประกอบกันเปนนิวเคลียส เรียกมวลทีห่ ายไปนีว้ า มวลพรอง เขียนความ
สัมพันธระหวางมวล (m) กับพลังงาน (E) ของไอนสไตนไดเปน
E = (Δm)c2
• ในการคํานวณหาพลังงานยึดเหนีย่ ว เราอาจคํานวณโดยใชมวลอะตอมของธาตุแทนมวลของนิวเคลียส
และใชมวลอะตอมของไฮโดรเจนแทนมวลของโปรตอน ซึ่งจะเปนผลใหมวลอิเล็กตรอนถูกหักลางไป สามารถ
พิจารณามวลพรองได ดังสมการ
Δm = (Zmp + (A - Z)mn) - M
6. ปฏิกิริยานิวเคลียร
โดยทั่วไปปฏิกิริยานิวเคลียรเกิดจากการเรงอนุภาคใหมีพลังงานจลนสูง ๆ แลววิ่งเขาชนกับ
นิวเคลียสของธาตุทเี่ ปนเปา ทําใหนิวเคลียสทีเ่ ปนเปาเกิดการเปลีย่ นแปลงองคประกอบหรือระดับ
พลังงาน สามารถเขียนสมการปฏิกิริยาในรูปทั่วไปได ดังสมการ
โดยที่ X คือ นิวเคลียสที่เปนเปา
X+a Y+b a คือ อนุภาคที่พุงเขาชนเปา
ฉบับ
หรือ X (a, b) Y Y คือ นิวเคลียสของธาตุใหมที่เกิดขึ้นหลังการชน
เฉลย b คือ อนุภาคที่เกิดขึ้นใหม
• ในทุกสมการปฏิกิริยานิวเคลียร ผลรวมของเลขอะตอมกอนและหลังเกิดปฏิกิริยาตองเทากัน และ
ผลรวมของเลขมวลกอนและหลังเกิดปฏิกิริยาตองเทากันดวยเชนกัน
• ปฏิกิริยานิวเคลียรที่มีการปลอยพลังงาน (แบบคายพลังงาน) ผลรวมของพลังงานยึดเหนี่ยวหลังเกิด
ปฏิกริ ยิ ามีคา มากกวาผลรวมของพลังงานยึดเหนีย่ วกอนเกิดปฏิกริ ยิ า สวนปฏิกริ ยิ านิวเคลียรทตี่ อ งใชพลังงาน
(แบบดูดพลังงาน) ผลรวมของพลังงานยึดเหนี่ยวจะตรงขามกัน
ฟชชัน
• ฟชชัน คือ ปฏิกริ ยิ านิวเคลียรทนี่ วิ เคลียสของธาตุหนักแตกตัวเปนนิวเคลียสขนาดเล็กกวา และมีการ
ปลอยพลังงานนิวเคลียรออกมา
• ถานิวตรอนจากฟชชันที่หนึ่งไปทําใหเกิดฟชชันที่สอง และนิวตรอนจากฟชชันที่สองไปทําใหเกิด
ฟชชันทีส่ าม เปนเชนนีเ้ รือ่ ยไป เปนผลใหนวิ เคลียสของธาตุหนักแตกตัวอยางตอเนือ่ ง เรียกวา ปฏิกริ ยิ าลูกโซ
ฟวชัน
• ฟวชัน คือ ปฏิกริ ยิ านิวเคลียรทเี่ กิดจากการรวมนิวเคลียสของธาตุเบา 2 นิวเคลียส แลวทําใหเกิดนิวเคลียส
ของธาตุที่หนักกวาเดิม และมีการปลอยพลังงานนิวเคลียรออกมา
• ปฏิกริ ยิ าฟวชันของไฮโดรเจนเปนแหลงพลังงานทีส่ าํ คัญของดวงอาทิตยและดาวฤกษอนื่ ๆ ซึง่ บนโลก
ของเราปฏิกิริยาดังกลาวสามารถเกิดขึ้นในหองปฏิบัติการเทานั้น
86
แบบฝึกหัดที่ 7.11
คํานวณหาผลลัพธจากโจทยตอไปนี้
1. รัศมีนิวเคลียสของ 168O มีคาประมาณเปนกี่เทาของรัศมีนิวเคลียสของ 21H
วิธีทํา จากสมการ R = r 3A
...................................................................................................................................................................................................................................................
0
1
= rA 3
...................................................................................................................................................................................................................................................
0
2
นิวเคลียส 1H มีเลขมวล A1 = 2 u มีรัศมีนิวเคลียส = R1
...................................................................................................................................................................................................................................................
นิวเคลียส 168O มีเลขมวล A2 = 16 u มีรัศมีนิวเคลียส = R2
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
1
R A 2 3
R1 = (A1)
2
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
1
1
= (162) = (8)
3
3
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 2
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น รัศมีนิวเคลียสของ 8O มีคาประมาณเปน 2 เทาของรัศมีนิวเคลียสของ 21H
16
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
................................................................................................................................................................................................................................................... เฉลย
2. ถามวลของนิวคลีออนมีคา 1.67 × 10-27 กิโลกรัม แลวความหนาแนนของนิวเคลียสมีคา
ประมาณกี่กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร (r0 = 1.2 × 10-15 m)
วิธีทํา มวลของนิวคลีออนมีคา 1.67 10-27 kg = 1 u ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
1
จากสมการ R = rA 3
...................................................................................................................................................................................................................................................
0
-15 31 -15
= 1.2 10 (1) = 1.2 10 m
× ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ V = 34 πR3
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 34 (227) (1.2 10-15)3 ×
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 7.24 × 10-45 m3
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ ρ = m V
...................................................................................................................................................................................................................................................
-27
= 1.67 × 10-45
...................................................................................................................................................................................................................................................
7.24 × 1017 3
= 2.31 × 10 kg/m
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ความหนาแนนของนิวเคลียสมีคาประมาณ 2.31 × 1017 กิโลกรัมตอลูกบาศกเมตร
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ 87
3. จงหาพลังงานยึดเหนี่ยวและพลังงานยึดเหนี่ยวตอนิวคลีออนของลิเทียม-7 (73Li)
กําหนดให มวลอะตอมของ 73Li = 7.016005 u 10n = 1.008665 u และ 11H = 1.007825 u
วิธีทํา หาพลังงานยึดเหนี่ยว
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ E = (Δm)(931)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= [Zmp + (A - Z)mn - M]931
...................................................................................................................................................................................................................................................
= [(3)(1.007825) + (7 - 3)(1.008665) - 7.016005]931
...................................................................................................................................................................................................................................................
= (3.023475 + 4.03466 - 7.016005)931 = 39.22303 MeV
...................................................................................................................................................................................................................................................
หาพลังงานยึดเหนี่ยวตอนิวคลีออนไดจาก AE = 39.22303 7 = 5.60329 MeV
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ลิเทียม-7 มีพลังงานยึดเหนี่ยวเทากับ 39.22303 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
...................................................................................................................................................................................................................................................
และมีพลังงานยึดเหนี่ยวตอนิวคลีออนเทากับ 5.60329 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
...................................................................................................................................................................................................................................................
4. จงหาพลังงานยึดเหนี่ยวและพลังงานยึดเหนี่ยวตอนิวคลีออนของยูเรเนียม-234 (23492U)
กําหนดให มวลอะตอมของ 23492U = 234.040925 u 10n = 1.008665 u และ 11H = 1.007825 u
วิธีทํา หาพลังงานยึดเหนี่ยว
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ E = (Δm)(931)
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ = [Zmp + (A - Z)mn - M]931
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย = [(92)(1.007825) + (234 - 92)(1.008665) - 234.040925]931
...................................................................................................................................................................................................................................................
= (92.7199 + 143.23043 - 234.040925)931 = 1,777.656 MeV
...................................................................................................................................................................................................................................................
หาพลังงานยึดเหนี่ยวตอนิวคลีออนไดจาก AE = 1,777.656 234 = 7.59682 MeV
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น ยูเรเนียม-234 มีพลังงานยึดเหนี่ยวเทากับ 1,777.656 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
...................................................................................................................................................................................................................................................
และมีพลังงานยึดเหนี่ยวตอนิวคลีออนเทากับ 7.59682 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
88
6. พิจารณาปฏิกิริยานิวเคลียร 146C + 11H 147N + 10n ถาอนุภาคโปรตอนมีพลังงานจลน
8 เมกะอิเล็กตรอนโวลต แลวอนุภาคนิวตรอนจะมีพลังงานจลนประมาณเทาใด
กําหนดให มวลอะตอมของ 146C = 14.0032 u 147N = 14.0030 u
1n = 1.0087 u 1H = 1.0073 u
0 1
และมวล 1 u = พลังงาน 931 MeV
วิธีทํา มวลรวมกอนเกิดปฏิกิริยา = 14.0032 + 1.0073 = 15.0105 u
...................................................................................................................................................................................................................................................
มวลรวมหลังเกิดปฏิกิริยา = 14.0030 + 1.0087 = 15.0117 u
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉะนั้น Δm = 15.0117 - 15.0105 = 0.0012 u = 0.0012(931) = 1.117 MeV
...................................................................................................................................................................................................................................................
พบวา มวลรวมกอนเกิดปฏิกิริยานอยกวามวลรวมหลังเกิดปฏิกิริยา แสดงวา เปนปฏิกิริยา
...................................................................................................................................................................................................................................................
แบบดูดพลังงาน ฉะนัน้ พลังงานยึดเหนีย่ วหลังเกิดปฏิกริ ยิ ามีคา นอยลง พลังงานจลนรวม
...................................................................................................................................................................................................................................................
ก็นอยลงเชนกัน
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได Ek(P) - Ek(n) = 1.117
...................................................................................................................................................................................................................................................
8 - Ek(n) = 1.117
...................................................................................................................................................................................................................................................
Ek(n) = 6.883 MeV
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น อนุภาคนิวตรอนจะมีพลังงานจลนประมาณ 6.883 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
เฉลย
7. จากปฏิกิริยานิวเคลียร 197 2
79Au + 1H
198Au + 1H + Q จากนั้น Au สลายตัวตอไปเปน
79 1
Hg โดยแผรังสีบีตาที่มีพลังงาน 0.90000 เมกะอิเล็กตรอนโวลต และรังสีแกมมาพลังงาน
0.49650 เมกะอิเล็กตรอนโวลตออกมา จงหามวลอะตอมของ 19879Au
กําหนดให มวลอะตอมของ 197 79Au = 196.96655 u
198 Hg = 197.96677 u
80
2H = 2.014122 u 1H = 1.0078252 u
1 1
และมวล 1 u = พลังงาน 931 MeV
วิธีทํา จากโจทย ปฏิกิริยานิวเคลียร 198Au 198Hg + 0e + 79 80 -1 γ
...................................................................................................................................................................................................................................................
พลังงานที่ปลอยออกมาจากการสลายตัวโดยการแผรังสีบีตาและรังสีแกมมาเทากับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
0.90000 + 0.49650 = 1.3965 MeV = 1.3965 931 = 1.5 × 10 u
-3
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได มวล 19879Au = มวล 19880Hg + (1.5 × 10-3)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 197.96677 + (1.5 × 10-3)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= 197.96827 u
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น มวลอะตอมของ 19879Au เทากับ 197.96827 u
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ 89
8. พิจารณาปฏิกิริยานิวเคลียร 94Be + 42He 126C + 10n ถาอนุภาคแอลฟามีพลังงานจลน
10 เมกะอิเล็กตรอนโวลต แลวอนุภาคนิวตรอนจะมีพลังงานจลนประมาณเทาใด
กําหนดให มวลอะตอมของ 94Be = 9.012186 u 126C = 12.000000 u
4He = 4.002604 u 1n = 1.008665 u
2 0
และมวล 1 u = พลังงาน 931 MeV
วิธีทํา จากปฏิกิริยานิวเคลียร 9Be + 4He 12 C + 1 n
...................................................................................................................................................................................................................................................
4 2 6 0
มวลรวมกอนเกิดปฏิกิริยา = 9.012186 + 4.002604 = 13.014790 u
...................................................................................................................................................................................................................................................
มวลรวมหลังเกิดปฏิกิริยา = 12.000000 + 1.008665 = 13.008665 u
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉะนั้น Δm = 13.014790 - 13.008665 = 0.006125 u
...................................................................................................................................................................................................................................................
จากสมการ E = (Δm)(931)
...................................................................................................................................................................................................................................................
= (0.006125)(931) = 5.7 MeV
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะได Ek(n) - Ek(α) = 5.7
...................................................................................................................................................................................................................................................
Ek(n) - 10 = 5.7
...................................................................................................................................................................................................................................................
Ek(n) = 15.7 MeV
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
ดังนั้น อนุภาคนิวตรอนจะมีพลังงานจลนประมาณ 15.7 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย ...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
90
10. จากปฏิกิริยาฟวชัน
+ 21H 31H + 11H + 4 MeV 2H
1
2
+ 21H 32He + 10n + 3.2 MeV 1H
+ 21H 42He + 10n + 17.6 MeV 3H
1
+ 31H 42H + 10n + 18.4 MeV 2H
1
ถามวลดิวเทอรอน (21H) เทากับ 3.34 × 10-27 กิโลกรัม แลวพลังงานทีไ่ ดจากดิวเทอรอนมวล
1,336 กรัม มีคากี่จูล (1 MeV = 1.6 × 10-13 J)
วิธีทํา พิจารณาทัง้ 4 สมการ จะได 2H 6 อนุภาค ใหพลังงานทัง้ หมด = 4 + 3.2 + 17.6 + 18.4
.................................................................................................................................................................................................................................................
1
= 43.2 MeV = 43.2(1.6 × 10-13) = 6.912 × 10-12 J
.................................................................................................................................................................................................................................................
ฉะนั้น ดิวเทอรอน 6 อนุภาค มวล 6(3.34 × 10-27) kg จะใหพลังงาน 6.912 × 10-12 J
.................................................................................................................................................................................................................................................
-12
ถาดิวเทอรอนมวล 1.336 kg จะใหพลังงาน 1.336 × 6.912 ×-2710 = 4.6 × 1014 J
.................................................................................................................................................................................................................................................
6(3.34 × 10 )
ดังนั้น พลังงานที่ไดจากดิวเทอรอนมวล 1,336 กรัม มีคาเทากับ 4.6 × 1014 จูล
.................................................................................................................................................................................................................................................
11. ปฏิกิริยาฟวชันของไฮโดรเจนในดวงอาทิตยเปลี่ยนไฮโดรเจนจํานวนมากใหเปนพลังงานโดย
แผออกมาทุก ๆ วินาที ถาสมมติวาแตละวินาทีที่พลังงานแผออกมามีขนาด 4.5 × 1027 จูล
มวลของดวงอาทิตยจะลดลงดวยอัตราเทาใด ฉบับ
วิธีทํา 1 วินาที เกิดพลังงาน 4.5 × 1027 J
................................................................................................................................................................................................................................................. เฉลย
จากสมการ E = mc2
.................................................................................................................................................................................................................................................
4.5 1027 = m(3 108)2
× ×
.................................................................................................................................................................................................................................................
m = 5 × 1010 kg
.................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น มวลของดวงอาทิตยจะลดลงดวยอัตราเทากับ 5 × 1010 กิโลกรัมตอวินาที
.................................................................................................................................................................................................................................................
14. จากขอ 13. ถาไอโซโทป 2813Al สลายดวยครึ่งชีวิต 2.3 นาที โดยใหอิเล็กตรอนพลังงาน 2.86
เมกะอิเล็กตรอนโวลต และรังสีแกมมาพลังงาน 1.78 เมกะอิเล็กตรอนโวลต จงหามวลอะตอม
ของไอโซโทปใหม
วิธีทํา กําหนดให มวลอะตอมของไอโซโทปใหมที่เกิดขึ้นเทากับ x u
.................................................................................................................................................................................................................................................
จากปฏิกิริยานิวเคลียร 2813Al AZX + -10e + γ
.................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ พลังงานในการสลายเทากับ 2.86 + 1.78 = 4.64 MeV = 4.64 931 = 4.98 × 10 u
-3
.................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
มีพลังงานปลอยออกมา แสดงวา เปนปฏิกิริยาแบบคายพลังงาน ฉะนั้น มวลรวมกอนเกิด
.................................................................................................................................................................................................................................................
ปฏิกิริยามากกวามวลรวมหลังเกิดปฏิกิริยา
.................................................................................................................................................................................................................................................
จะได 27.981908 - (x + 0.000549) = 4.98 × 10-3
.................................................................................................................................................................................................................................................
x = 27.976379 u
.................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น มวลอะตอมของไอโซโทปใหมเทากับ 27.976379 u
.................................................................................................................................................................................................................................................
92
แบบฝึกหัดที่ 7.12
ตอบคําถามตอไปนี้
1. เพราะเหตุใด มวลของนิวเคลียสจึงนอยกวาผลรวมของโปรตอนและนิวตรอนในสภาพอิสระที่
ประกอบกันเปนนิวเคลียสเสมอ
เพราะมวลสวนที่หายไป (มวลพรอง) จะเปลี่ยนเปนพลังงานที่ยึดเหนี่ยวโปรตอนและนิวตรอนไว
...................................................................................................................................................................................................................................................
ใหเปนนิวเคลียส ซึ่งเรียกวา พลังงานยึดเหนี่ยว
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
3. หลักการพิจารณาการมีเสถียรภาพของนิวเคลียสธาตุตาง ๆ เปนอยางไร
1. นิวเคลียสเบาเกือบทั้งหมดจะมีเสถียรภาพเมื่อมี N = Z (จํานวนนิวตรอนประมาณเทากับ
...................................................................................................................................................................................................................................................
จํานวนโปรตอน)
................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
2. นิวเคลียสหนักนั้นจะมีเสถียรภาพเมื่อมี N > Z (จํานวนนิวตรอนมากกวาจํานวนโปรตอน) เฉลย
...................................................................................................................................................................................................................................................
เมื่อจํานวนของโปรตอนเพิ่มขึ้นแรงผลักทางคูลอมบก็จะมีคามากขึ้นดวย ดังนั้น การที่จะทําให
...................................................................................................................................................................................................................................................
นิวเคลียสมีเสถียรภาพไดนั้นก็ตองเพิ่มแรงดึงดูดทางนิวเคลียร คือ ใหจํานวนนิวตรอนมากกวา
...................................................................................................................................................................................................................................................
จํานวนโปรตอน
...................................................................................................................................................................................................................................................
3. ไมมนี วิ เคลียสใด ๆ มีเสถียรภาพเมือ่ มีคา Z > 83 และ A > 209 เชน 23892U จะปลอยอนุภาค
...................................................................................................................................................................................................................................................
แอลฟา 42H ออกมาเพื่อกลายเปน 23490Th และ 23490Th ไมเสถียรเชนกันก็จะสลายตัวตอไป สุดทาย
...................................................................................................................................................................................................................................................
จะไดนิวเคลียสที่เสถียรของ 20682Pb
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ 93
5. ฟชชันและฟวชันตางกันอยางไร
ฟชชันเกิดจากนิวเคลียสขนาดใหญ (A 230) แตกออกเปนนิวเคลียสขนาดกลาง >
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฟวชันเกิดจากนิวเคลียสขนาดเล็ก (A < 20) หลอมรวมกันเปนนิวเคลียสที่มีขนาดใหญขึ้น
...................................................................................................................................................................................................................................................
โดยทั้ง 2 ปฏิกิริยาจะปลอยพลังงานออกมา ซึ่งพลังงานที่ถูกปลอยออกมาเกิดจากมวลที่ลดลง
...................................................................................................................................................................................................................................................
หลังเกิดปฏิกิริยา
...................................................................................................................................................................................................................................................
6. เพราะเหตุใด นักวิทยาศาสตรถึงเชื่อวามวลของดวงอาทิตยลดลงอยางชา ๆ
เพราะบนดวงอาทิตยเกิดปฏิกิริยาฟวชันของไฮโดรเจน เขียนสรุปปฏิกิริยาไดเปน
...................................................................................................................................................................................................................................................
411H 42He + 201e + 26 MeV
...................................................................................................................................................................................................................................................
ซึง่ พลังงาน 26 MeV คํานวณไดจากมวลทีห่ ายไปหลังเกิดปฏิกริ ยิ า ทําใหนกั วิทยาศาสตรรวู า มวล
...................................................................................................................................................................................................................................................
ของดวงอาทิตยลดลงอยางชา ๆ
...................................................................................................................................................................................................................................................
7. จากการศึกษาสมบัติของธาตุจากปฏิกิริยานิวเคลียร ดังนี้
A + n Y + Z + 2n + 10 MeV
B + n Y + Z + 3n - 10 MeV
ฉบับ
เราสามารถอธิบายความแตกตางของปฏิกริ ยิ าทีม่ ธี าตุ A และธาตุ B เปนธาตุตงั้ ตนจากสมการ
เฉลย ที่เกิดขึ้นไดวาอยางไร
จากปฏิกิริยาที่มีธาตุ A เปนธาตุตั้งตน พบวา เปนปฏิกิริยาแบบคายพลังงานที่สามารถเกิดขึ้น
...................................................................................................................................................................................................................................................
เองตามธรรมชาติได สวนปฏิกิริยาที่มีธาตุ B เปนธาตุตั้งตน พบวา เปนปฏิกิริยาแบบดูดพลังงาน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ซึ่งไมสามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติได ตองมีการใสพลังงานเขาไปในระบบกอน และจากสมการ
...................................................................................................................................................................................................................................................
พลังงานยึดเหนี่ยวของนิวเคลียสของธาตุ A มากกวาพลังงานยึดเหนี่ยวของนิวเคลียสของธาตุ B
...................................................................................................................................................................................................................................................
รังสีในธรรมชาติ
• ในธรรมชาติรอบตัวเรามีรังสีที่มาจากแหลงกําเนิดหลายแหลง เชน รังสีจากนอกโลก เรียกวา
รังสีคอสมิก รังสีทเี่ กิดขึน้ บนโลก ซึง่ ความรุนแรงของอันตรายทีเ่ กิดตอรางกายเมือ่ ไดรบั รังสีจะขึน้ อยูก บั ปริมาณ
ของรังสีในชวงเวลาที่รางกายไดรับและสวนของรางกายที่รับ
•หลักการปองกันอันตรายจากรังสี มีดังนี้
1. เวลา การปฏิบัติงานทางดานรังสีตองใชเวลานอยที่สุด เพื่อปองกันไมใหรางกายไดรับรังสีเกิน
มาตรฐานที่กําหนดไวสําหรับบุคคล
2. ระยะเวลา ความเขมของรังสีจะเปลีย่ นแปลงลดลงไปตามระยะทางจากสารตนกําเนิดรังสี สําหรับ
ตนกําเนิดรังสีที่เปนจุดเล็ก ๆ คาความเขมที่ลดลงจะแปรผกผันกับระยะทางยกกําลังสอง
3. เครือ่ งกําบัง ความเขมของรังสีเมือ่ ผานเครือ่ งกําบังจะลดลง แตจะมากหรือนอยขึน้ อยูก บั พลังงาน
ของรังสี คุณสมบัติ ความหนาแนน และความหนาของวัตถุที่ใชเปนเครื่องกําบัง
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ 95
แบบฝึกหัดที่ 7.13
อธิบายการใชประโยชนของกัมมันตภาพรังสีที่กําหนดให
1. การรักษาผูปวยมะเร็งตอมไทรอยดจากไอโอดีน-131
ไอโอดีน-131 มีสมบัติเปนธาตุกัมมันตรังสีจะมีคาครึ่งชีวิตของการสลายตัวประมาณ 8 วัน โดย
...................................................................................................................................................................................................................................................
การสลายตัวของไอโอดีน-131 สามารถสลายตัวไดอนุภาคหลายชนิด รวมถึงรังสีบตี าและรังสีแกมมา
...................................................................................................................................................................................................................................................
ซึ่งรังสีบีตาดังกลาวนี้เองที่มีคุณสมบัติในการทําลายเนื้อเยื่อตาง ๆ ไดดี เนื่องจากโดยปกติเนื้อเยื่อ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ของตอมไทรอยดเปนเนื้อเยื่อที่มีความสามารถสูงในการจับกับไอโอดีน ดังนั้น ไอโอดีนจึงถูกนําไป
...................................................................................................................................................................................................................................................
ใชเปนสารตัง้ ตนในการผลิตฮอรโมนไทรอยดทที่ าํ หนาทีค่ วบคุมระบบตาง ๆ ภายในรางกาย เมือ่ ตอม
...................................................................................................................................................................................................................................................
ไทรอยดมขี นาดโตผิดปกติเนือ่ งจากมะเร็งหรือเปนคอหอยพอก ไอโอดีน-131 ทีใ่ หเขาไปก็จะถูกจับไว
...................................................................................................................................................................................................................................................
ในเนื้อเยื่อของตอมไทรอยดและปลอยรังสีไปทําลายเซลลมะเร็งหรือเนื้อเยื่อที่ผิดปกตินั้นได
...................................................................................................................................................................................................................................................
2. การตรวจสอบจุดบกพรองบนวัสดุโดยการถายภาพดวยรังสีแกมมา
ในอุตสาหกรรมนิยมใชอิริเดียม-192 และโคบอลต-60 ที่ใหรังสีแกมมา ซึ่งจะนํารังสีแกมมามา
...................................................................................................................................................................................................................................................
ตรวจสอบจุดบกพรองบนวัสดุ เชน รอยราว รอยตําหนิบนรอยเชือ่ ม โดยสวนของวัตถุทดี่ ดู กลืนรังสี
...................................................................................................................................................................................................................................................
ไวนอยกวา เชน บริเวณรอยรั่ว จะปรากฏภาพบนฟลมทึบกวาสวนของวัตถุที่ดูดกลืนรังสีไวมากกวา
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย จุดเดนของวิธีนี้ คือ รังสีแกมมาสามารถสองทะลุผานวัตถุไดโดยไมมีผลตอตัวอยาง เชน การตรวจ
...................................................................................................................................................................................................................................................
สอบรอยเชือ่ มของทอทีใ่ ชสง แกสธรรมชาติหรือนํา้ มัน เมือ่ มีการเชือ่ มแลวจะวางฟลม แบบพิเศษติดเทป
...................................................................................................................................................................................................................................................
ไวรอบทอดานนอก จากนัน้ ใชอปุ กรณ “pipe crawler” พาตนกําเนิดรังสีพรอมทัง้ วัสดุกนั รังสีเขาไป
...................................................................................................................................................................................................................................................
ในทอไปยังตําแหนงทีม่ ีการเชื่อม เมื่อถึงจุดที่ตองการตรวจจะทําการถายภาพ เมื่อลางฟลมจะไดภาพ
...................................................................................................................................................................................................................................................
รายละเอียดภายในของรอยเชื่อม
...................................................................................................................................................................................................................................................
3. การควบคุมความหนาของแผนโลหะโดยอาศัยรังสีบีตา
ใชรังสีบีตายิงตกกระทบตั้งฉากทะลุผานแผนโลหะที่กําลังผานเครื่องรีดแผนบาง แลววัดปริมาณ
...................................................................................................................................................................................................................................................
รังสีทที่ ะลุผา นไปไดจากเครือ่ งตรวจวัดรังสีบตี าทีต่ ดิ ตัง้ อยูด า นตรงขาม จากความเขมของรังสีบตี าที่
...................................................................................................................................................................................................................................................
วัดไดจะทําใหสามารถทราบคาความหนาแนนและความหนาบางของแผนโลหะได โดยเครือ่ งวัดรังสีจะ
...................................................................................................................................................................................................................................................
สงสัญญาณไฟฟากลับไปยังเครื่องรีดเพื่อปรับอัตราการรีดใหไดความหนาตามมาตรฐานที่ตั้งไว
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
4. การศึกษาอัตราการดูดซึมปุยของตนไมดวยวิธีเรดิโอฟอสฟอรัส
ผสมธาตุกมั มันตรังสีกบั ปุย ฟอสฟอรัสและนําไปใสพชื รากตนไมจะดูดซึมธาตุกมั มันตรังสี แลวสง
...................................................................................................................................................................................................................................................
ตอไปยังสวนตาง ๆ ของพืช จากนั้นตรวจวัดปริมาณการแผรังสีของปุยก็จะสามารถศึกษาไดวาพืชได
...................................................................................................................................................................................................................................................
นําปุยฟอสฟอรัสไปใชในสวนใดของพืชบาง ใชไปกี่สวน และตกคางอยูบริเวณพื้นดินกี่สวน
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
96
แบบฝึกหัดที่ 7.14
ตอบคําถามตอไปนี้
1. ยกตัวอยางการใชประโยชนของพลังงานนิวเคลียรจากเครื่องปฏิกรณนิวเคลียร (แนวคําตอบ)
- การผลิตกระแสไฟฟาจากโรงไฟฟาพลังงานนิวเคลียร
...................................................................................................................................................................................................................................................
- ขับเคลื่อนเรือเดินสมุทร
...................................................................................................................................................................................................................................................
- ผลิตนํ้าทะเลเปนนํ้าจืด
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
2. หลักการสรางกระแสไฟฟาของโรงไฟฟาพลังงานนิวเคลียรเปนอยางไร
จากปฏิกิริยาแตกตัวทางนิวเคลียร (ฟชชัน) ในเครื่องปฏิกรณนิวเคลียรจะใหพลังงานความรอน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ออกมา แลวถายโอนความรอนโดยใชของเหลวเพือ่ นําความรอนนีไ้ ปถายโอนใหกบั นํา้ ทําใหนาํ้ กลาย
...................................................................................................................................................................................................................................................
เปนไอ ไอนํา้ ทีม่ คี วามรอนและความดันสูงก็จะไปขับเคลือ่ นกังหันซึง่ มีเพลาตอกับเครือ่ งกําเนิดไฟฟา
...................................................................................................................................................................................................................................................
สงผลใหแกนของเครื่องกําเนิดไฟฟาหมุนและผลิตกระแสไฟฟาออกมาสงจายตามบาน
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
3. มอเดอเรเตอรในเครื่องปฏิกรณนิวเคลียรมีความสัมพันธกับปฏิกิริยาลูกโซอยางไร
มอเดอเรเตอรเปนสารที่อยูโดยรอบแทงเชื้อเพลิง (ยูเรเนียมหรือพลูโทเนียม) มีหนาที่ทําให
................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
นิวตรอนที่เกิดจากฟชชันเคลื่อนที่ชาลง จึงทําใหเกิดปฏิกิริยาฟชชันไดดียิ่งขึ้นหรือเกิดปฏิกิริยา เฉลย
...................................................................................................................................................................................................................................................
ลูกโซตอไปไดดีขึ้น เพราะนิวตรอนที่เกิดจากฟชชันจะมีพลังงานสูง ทําใหวิ่งผานนิวเคลียสของแทง
...................................................................................................................................................................................................................................................
เชื้อเพลิงโดยไมเกิดปฏิกิริยาใด ๆ
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
4. การไดรับรังสีสงผลตอการกลายพันธุอยางไร
เมื่อเนื้อเยื่อบริเวณอวัยวะสืบพันธุที่ทําหนาที่สรางอสุจิหรือไขไดรับรังสี อาจทําใหโครโมโซม
...................................................................................................................................................................................................................................................
ของเซลลมีการเปลี่ยนแปลง ถาเปนการเปลี่ยนแปลงชนิดถาวร เมื่อมีการผสมพันธุผลของการ
...................................................................................................................................................................................................................................................
เปลี่ยนแปลงนี้จะถูกถายทอดสูลูกหลาน ทําใหเกิดการกลายพันธุ
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
5. หลักการปองกันอันตรายจากรังสีมีวิธีการอยางไร (แนวคําตอบ)
1. ถาจําเปนตองเขาใกลบริเวณที่มีธาตุกัมมันตรังสี ควรใชเวลาใหสั้นที่สุด เพราะปริมาณรังสีที่
...................................................................................................................................................................................................................................................
รางกายไดรับขึ้นอยูกับเวลา
...................................................................................................................................................................................................................................................
2. ควรอยูห า งบริเวณทีม่ ธี าตุกมั มันตรังสีใหมากทีส่ ดุ เพราะปริมาณรังสีจะลดลงถาบริเวณนัน้ อยู
...................................................................................................................................................................................................................................................
ไกลจากแหลงกําเนิดรังสี
...................................................................................................................................................................................................................................................
3. ควรใชวัสดุที่รังสีทะลุผานไดยากเปนเครื่องกําบัง เชน ตะกั่ว คอนกรีต
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ 97
8. การคนควาวิจัยดานฟสิกสอนุภาค
แบบจําลองมาตรฐาน
• เกลล-แมนน และซไวก พบวา ภายในโปรตอนและนิวตรอนประกอบดวยอนุภาคอื่นที่มีขนาดเล็กลง
ไปอีก เรียกวา ควารก โดยควารกเปนอนุภาคมูลฐานหนึ่งซึ่งเปนหนวยยอยที่สุดในทางทฤษฎีฟสิกส มีขนาด
เล็กกวาโปรตอนประมาณ 1,000 เทา
•ควารก มีทั้งหมด 6 ชนิด ไดแก อัป (u) ดาวน (d) ชารม (c) สเตรนจ (s) ท็อป (t) และบอตทอม (b)
โดยทุกชนิดจะมีแอนติควารก ซึ่งจะมีประจุไฟฟาและสมบัติบางประการตรงขามกับควารกชนิดนั้น เมื่อควารก
ตั้งแต 2 อนุภาคขึ้นไปมารวมกันโดยยึดเหนี่ยวกันไวดวยแรงเขม จะกอใหเกิดอนุภาคใหม เรียกวา แฮดรอน
ซึ่งแฮดรอนที่เสถียรที่สุด ไดแก โปรตอนและนิวตรอน
•องคประกอบของทฤษฎีแบบจําลองมาตรฐาน แสดงไดดังภาพ
อนุภาคทั้งหมด
อนุภาคมูลฐาน อนุภาคประกอบ (แฮดรอน)
เฟรมิออน โบซอน แบริออน มีซอน
ฉบับ เลปตอน (ประกอบดวย (ควารก +
เฉลย ควารก
อิเล็กตรอน อนุภาคที่เปนสื่อ ควารก 3 ตัว เชน แอนติควารก เชน
มิวออน เทา และ ของแรง (กลูออน โปรตอน นิวตรอน) ไพออน เคออน)
นิวทริโน W Z โฟตอน ฮิกส)
ประโยชนดานฟสิกสอนุภาค
1. การใชเครื่องเรงอนุภาคในการรักษาโรคมะเร็ง หลักการทํางาน คือ ปลอยอนุภาคโปรตอนมาจาก
นิวเคลียสของไฮโดรเจนทีถ่ กู เรงในเครือ่ งเรงอนุภาคมาผานทอนํา โดยบังคับดวยทิศทางของสนามแมเหล็กไป
ยังจุดทีถ่ กู บังคับทิศทางหรือเซลลทตี่ อ งการฉายรังสี กอนมะเร็งจะดูดกลืนปริมาณรังสีไดสงู มากและถูกทําลาย
2. การใชเครือ่ งถายภาพรังสีระนาบดวยการปลอยโพซิตรอนในการวินจิ ฉัยโรคมะเร็ง (PET scan) เปน
เทคนิคที่ชวยสรางภาพทางการแพทยซึ่งแสดงผลเปนภาพ 3 มิติ เพื่อใชวิเคราะหความผิดปกติของอวัยวะ
เปาหมาย โดยอาศัยการกระจายตัวของสารละลายกลูโคสที่มีสารกัมมันตรังสีที่แตกตัวใหโพซิตรอน ซึ่งเมื่อ
ถูกทําลายดวยอิเล็กตรอน (แอนติโพซิตรอน) ที่อยูในเนื้อเยื่อรอบขาง จะสงผลใหเกิดรังสีแกมมา 2 โฟตอน
เครื่องจะตรวจจับรังสี จากนั้นคอมพิวเตอรจะประมวลผลแลวแสดงภาพ จุดที่นํ้าตาลกลูโคสสะสมอยู (เซลล
มะเร็ง) จะแสดงสัญญาณเขม
3. การใชเครื่องเอกซเรยคอมพิวเตอรในการตรวจวัตถุอันตรายในสนามบิน หลักการทํางาน คือ ฉาย
รังสีเอกซใหผานวัตถุหรือสัมภาระ โดยปริมาณรังสีที่ถูกดูดกลืนจะขึ้นอยูกับชนิดของวัตถุหรือมวลอะตอม
ของสาร หัววัดจะตรวจวัดปริมาณรังสีเอกซที่ผานสัมภาระ จากนั้นสงสัญญาณไปยังคอมพิวเตอรเพื่อสราง
ภาพเสมือน
98
แบบฝึกหัดที่ 7.15
สืบคนขอมูลเกี่ยวกับอนุภาคมูลฐาน
1. สืบคนขอมูลเบื้องตนเกี่ยวกับชนิดของอนุภาคกลุมควารก
ควารกมี 6 ชนิด แตละชนิดเรียกวา เฟลเวอร (flavour) ไดแก อัป (up หรือ u) ดาวน
...................................................................................................................................................................................................................................................
(down หรือ d) ชารม (charm หรือ c) สเตรนจ (strange หรือ s) ท็อป (top หรือ t) และบอตทอม
...................................................................................................................................................................................................................................................
(bottom หรือ b) ซึ่งควารกทั้ง 6 เฟลเวอรนี้ แบงตามขนาดของประจุไดเปน 2 กลุม คือ กลุมบน
...................................................................................................................................................................................................................................................
(up type) มีประจุ +2/3e ไดแก อัปควารก ชารมควารก และท็อปควารก อีกกลุม คือ กลุมลาง
...................................................................................................................................................................................................................................................
(down type) มีประจุ -1/3e ไดแก ดาวนควารก สเตรนจควารก และบอตทอมควารก
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ ...................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
5. สืบคนและอธิบายสมบัติของอนุภาคนิวทริโน
นิวทริโน คือ อนุภาคมูลฐานที่มีมวลนอยมาก เคลื่อนที่ดวยความเร็วเกือบเทาแสง มีประจุไฟฟา
...................................................................................................................................................................................................................................................
เปนกลาง สมบัตเิ หลานีท้ าํ ใหนวิ ทริโนทะลุผา นสสารไดดแี มจะมีความหนามาก ๆ โดยไมสง ผลกระทบ
...................................................................................................................................................................................................................................................
และเกิดปฏิสมั พันธกบั อะตอมหรือโมเลกุลของสสารทีท่ ะลุผา นไป เชน นิวทริโนมีวถิ เี สรีเฉลีย่ (mean
...................................................................................................................................................................................................................................................
free path) ในนํา้ เทากับ 10 เทาของระยะทางระหวางโลกกับดวงอาทิตย กลาวคือ เมือ่ นิวทริโนทะลุ
...................................................................................................................................................................................................................................................
ผานเขาไปในนํ้าในระยะทางดังกลาว นิวทริโนจึงจะมีโอกาสชนกับโมเลกุลของนํ้าสักเพียงหนึ่งครั้ง
...................................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น การตรวจหานิวทริโนจึงกระทําไดยากมาก นอกจากนี้ นิวทริโนยังเปนอนุภาคสามัญที่สุด
...................................................................................................................................................................................................................................................
ในจักรวาล โดยมีจํานวนมากกวาอนุภาคที่รูจักกันทั่วไป คือ อิเล็กตรอน โปรตอน และนิวตรอน
...................................................................................................................................................................................................................................................
ถึงหนึ่งหมื่นลานเทาตัว อยูในตระกูลเฟรมิออนและอยูในกลุมเลปตอนที่มีประจุไฟฟาเปนกลางดวย
...................................................................................................................................................................................................................................................
ซึ่งจะไมมีปฏิสัมพันธกับแรงนิวเคลียรอยางเขมและแรงแมเหล็กไฟฟา แตจะมีปฏิสัมพันธกับแรง
...................................................................................................................................................................................................................................................
นิวเคลียรอยางออนและแรงโนมถวง นิวทริโนมี 3 ชนิด ตามชนิดของอนุภาคเลปตอนนั่นเอง ขึ้น
...................................................................................................................................................................................................................................................
อยูกับวาเกิดขึ้นพรอมอนุภาคชนิดใด ไดแก นิวทริโนอิเล็กตรอน (electron neutrino) นิวทริโน
...................................................................................................................................................................................................................................................
มิวออน (muon neutrino) และนิวทริโนเทา (tau neutrino) ซึง่ แตละชนิดก็มปี ฏิเลปตอนหรือแอนติ
...................................................................................................................................................................................................................................................
นิวทริโน (antineutrino) ของนิวทริโนแตละชนิด
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
...................................................................................................................................................................................................................................................
100
Sin cience
Real Life
ÍÒÂØ 250 »‚
ÍÒÂØ 150 »‚
ฉบับ
เฉลย
เพราะเหตุใด การหาอายุของซากดึกดําบรรพหรือวัตถุโบราณจึงสามารถวัดไดจากปริมาณ
C-14
C-14 ในบรรยากาศเกิดจากรังสีคอสมิกจากอวกาศโดยมีกลไก คือ นิวตรอนพุงชน N-14 แลว
.........................................................................................................................................................................................................................................................
กลายสภาพเปน C-14 ซึ่ง C-14 มีครึ่งชีวิต 5,730 ป แลวจะสลายตัวตอใหรังสีบีตา และกลายสภาพ
.........................................................................................................................................................................................................................................................
เปน N-14 เหมือนเดิม สวนแกสคารบอนไดออกไซดในอากาศจะมีสว นประกอบ C-14 จํานวนเล็กนอย
.........................................................................................................................................................................................................................................................
ตามปกติ ใ นธรรมชาติ พื ช หรื อ สั ต ว จ ะมี ธ าตุ กั ม มั น ตรั ง สี C-14 เข า สู ร า งกายจากการหายใจ
2. .........................................................................................................................................................................................................................................................
การสังเคราะหดว ยแสง หรือการรับสารอาหาร เมือ่ สิง่ มีชวี ติ ตายลงจะหยุดรับ C-14 ซึง่ C-14 ทีอ่ ยูใ น
.........................................................................................................................................................................................................................................................
โครงสรางของสิง่ มีชวี ติ จะเกิดการสลายตัวและกลายเปน N-14 ตอไป การหาปริมาณสัมพัทธของ C-12
.........................................................................................................................................................................................................................................................
และ C-14 จะสามารถคํานวณหาอายุซากสิ่งมีชีวิตไดวาตายมาแลวกี่ป (การวัดปริมาณ C-14 นั้นวัดได
.........................................................................................................................................................................................................................................................
จากกัมมันตภาพ A = -λN = -λN0e-λt)
.........................................................................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................................................................................
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ 101
HOTS กิจกรรมทาทายการคิดขั้นสูง
Higher Order Thinking Skills Activity
หามวลอะตอมของนิวเคลียสใหมจากพลังงานการสลายตัวโดยการปลอยอนุภาคแอลฟาของ
ธาตุพอโลเนียม-214 เมื่อวัดพลังงานของอนุภาคแอลฟาได 7.68 เมกะอิเล็กตรอนโวลต โดยใช
หลักการอนุรักษโมเมนตัม กําหนดให มวลอะตอมของ 21484Po = 213.99519 u
และ 42He = 4.0026036 u
102
Unit Test
ตอนที่ 1
7
คําชี้แจง : เลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว ไดคะแนน คะแนนเต็ม
1. นักวิทยาศาสตรเชื่อวา การแผรังสีไดเองของธาตุกัมมันตรังสีเกิดจาก 20
สาเหตุใด
1. การเพิ่มพลังงานใหอะตอม
2. การเปลี่ยนสภาพของนิวเคลียส
3. การลดระดับพลังงานของอะตอม
4. การทําปฏิกิริยาระหวางโปรตอนกับนิวตรอน
5. การถายเทพลังงานใหแกกันระหวางนิวเคลียส
2. อะตอมของธาตุ 147 N กับ 158O มีจํานวนอะไรเทากัน
1. นิวตรอน 2. โปรตอน
3. โพซิตรอน 4. นิวคลีออน
5. อิเล็กตรอน
ฉบับ
3. อะตอมหนึ่งของ 23592U ถูกยิงดวยนิวตรอน แลวแตกตัวออกเปน 13957 La 1 อะตอม และเปน เฉลย
95
42 Mo 1 อะตอม จงหาวาอนุภาคที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยานี้อีกคืออนุภาคอะไรและมีกี่อนุภาค
1. ทริทอน 1 อนุภาค
2. นิวตรอน 3 อนุภาค
3. ดิวเทอรอน 3 อนุภาค
4. นิวตรอน 2 อนุภาค และอิเล็กตรอน 7 อนุภาค
5. นิวตรอน 3 อนุภาค และอิเล็กตรอน 5 อนุภาค
4. ธาตุไอโอดีน-126 มีครึ่งชีวิต 12 วัน กุงไดรับธาตุไอโอดีน-126 เขาไปในรางกาย 40 กรัม
เปนเวลานานกี่วันไอโอดีน-126 ในรางกายของกุงจึงจะลดลงเหลือ 2.5 กรัม
1. 12 วัน 2. 24 วัน 3. 36 วัน
4. 48 วัน 5. 60 วัน
5. ตองใชเวลานานเทาใดธาตุกัมมันตรังสีที่มีครึ่งชีวิตเทากับ 20 ป จึงจะมีปริมาณเหลือเพียง
รอยละ 12.5 เทาของเดิม
1. 60 ป 2. 80 ป 3. 100 ป
4. 120 ป 5. 140 ป
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ 103
6. ธาตุกัมมันตรังสี A มีครึ่งชีวิตนานเปน 3 เทาของครึ่งชีวิตของธาตุกัมมันตรังสี B ถาธาตุ
A และธาตุ B ตางมีกัมมันตภาพเทากัน จงหาอัตราสวนของจํานวนอะตอมของธาตุ A : B
1. 1 : 9 2. 1 : 3 3. 3 : 1
4. 7 : 1 5. 8 : 5
7. ไอโซโทปของธาตุในขอใด ที่มีขนาดเปน 2 เทาของธาตุ 1123Na
1. U-238 2. W-184 3. Ba-56
4. Zn-30 5. Co-27
8. สารตัวอยาง 2455Cr มีกัมมันตภาพในเวลาตาง ๆ โดยกราฟความสัมพันธระหวาง ln A กับ
เวลา t แสดงดังกราฟ อยากทราบวา ครึ่งชีวิตของ 2455Cr เทากับกี่วินาที
ln A 1. 3.674 วินาที
5 2. 2.885 วินาที
4 3. 2.479 วินาที
3 4. 1.537 วินาที
2
1 5. 1.386 วินาที
ฉบับ t (s)
เฉลย 0 2 4 6 8 10 12
9. สารกัมมันตรังสีชนิดหนึ่งมีความสัมพันธระหวางปริมาณสารกับเวลา ดังกราฟ
N/NO
1.1
0.9
0.7
0.5
0.3
0.1
t (h)
0 3 6 9 12
ถาบริษัทแหงหนึ่งตองการใชสารนี้จํานวน 10 กรัม จะตองใหหองปฏิบัติการนิวเคลียร
สังเคราะหสารนี้ปริมาณกี่กรัมจึงจะพอดีใช ถาระยะเวลาในการขนสงจากหองปฏิบัติการไป
ยังบริษัทแหงนี้ตองใชเวลา 1 วัน กับอีก 12 ชั่วโมง
1. 40 กรัม 2. 90 กรัม 3. 150 กรัม
4. 640 กรัม 5. 700 กรัม
104
10. พอโลเนียม-210 มีครึ่งชีวิต 138 วัน ตองมีมวลของพอโลเนียม-210 เทาใด จึงจะมี
กัมมันตภาพเทากับ 10 มิลลิคูรี
1. 1.32 × 10-9 กิโลกรัม
2. 2.22 × 10-9 กิโลกรัม
3. 3.85 × 10-9 กิโลกรัม
4. 4.68 × 10-9 กิโลกรัม
5. 5.25 × 10-9 กิโลกรัม
11. สารกัมมันตรังสีชนิดหนึง่ มีจาํ นวนนิวเคลียสเริม่ ตนเทากับ N0 มีครึง่ ชีวติ เทากับ T จงหาวา
7N
เวลาตองผานไปนานเทาใด สารนี้จึงจะสลายตัวไป 8 0
1. T3 2. T2
3. 2T 4. 3T
5. 4T
12. ในการทดลองทอดลูกเตาเพือ่ เปรียบเทียบกับการสลายตัวของนิวเคลียสกัมมันตรังสี นักเรียน
คนหนึ่งใชลูกเตา 6 หนา จํานวน 600 ลูก โดยแตมสีไว 2 หนาทุกลูก และหยิบลูกที่หงาย ฉบับ
หนาสีออกทุกครั้งที่ทอด จงประมาณวาหลังจากการทอดครั้งที่ 4 เมื่อหยิบลูกเตาที่หงาย เฉลย
หนาสีออกแลวนาจะเหลือลูกเตากี่ลูก
1. 118 ลูก 2. 125 ลูก
3. 140 ลูก 4. 150 ลูก
5. 180 ลูก
13. ลูกเตาชุด A มี 6 หนา แตมสีไว 2 หนา มีทั้งหมด 600 ลูก ลูกเตาชุด B มี 6 หนา แตม
สีไว 3 หนา ในการทอดลูกเตาแตละครั้งจะหยิบลูกเตาที่หงายหนาที่แตมสีออก สําหรับ
การทอดลูกเตาครั้งแรก ถาตองการใหจํานวนลูกเตาที่ถูกหยิบออกจากทั้งสองชุดเทากัน
จะตองใชลูกเตาชุด B กี่ลูก
1. 200 ลูก
2. 300 ลูก
3. 400 ลูก
4. 500 ลูก
5. 600 ลูก
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ 105
14. พิจารณาปฏิกริ ยิ านิวเคลียร 94Be + 42He 126C + 10n + E ถาอนุภาคแอลฟามีพลังงานจลน
10 เมกะอิเล็กตรอนโวลต และอนุภาคนิวตรอนมีพลังงานจลน 15.7 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
แลวมวลอะตอมของ 94Be เทากับเทาใด
กําหนดให มวลอะตอมของ 92He = 4.002604 u 126C = 12.000000 u
และ 10n = 1.008665 u
1. 8.951852 u
2. 9.000005 u
3. 9.012181 u
4. 9.125195 u
5. 9.328125 u
15. โรงไฟฟาพลังงานความรอนแหงหนึ่งใหความรอน 9 × 108 จูล ออกมาในการผลิต อยาก
ทราบวา จะตองใชยูเรเนียม-235 กี่มิลลิกรัมในปฏิกิริยาฟชชันจึงจะไดรับความรอนใน
ปริมาณเทากับความรอนที่เกิดขึ้น ถามวลของยูเรเนียม-235 หายไป 1% ของมวลเดิมใน
ปฏิกิริยา
ฉบับ 1. 10,000 มิลลิกรัม 2. 1,000 มิลลิกรัม
เฉลย
3. 100 มิลลิกรัม 4. 10 มิลลิกรัม
5. 1 มิลลิกรัม
16. จากสมการปฏิกิริยานิวเคลียร X + a Y + b + Q ถาเกิดพลังงาน Q = +4 เมกะ
อิเล็กตรอนโวลต จงหาคาพลังงานยึดเหนี่ยว (B.E.) ของ b กําหนดให B.E.X = 61.7 MeV
B.E.a = 28.3 MeV และ B.E.Y = 94.0 MeV
1. -4 เมกะอิเล็กตรอนโวลต 2. 0 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
3. 4 เมกะอิเล็กตรอนโวลต 4. 8 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
5. 10 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
17. นิวเคลียสกัมมันตรังสี A มีเลขมวลเทากับ 220 มีคาพลังงานยึดเหนี่ยวตอนิวคลีออน
ประมาณ 6 เมกะอิเล็กตรอนโวลต เกิดการแตกตัวออกเปน 2 สวนเทา ๆ กัน แตละสวนมี
เลขมวลเทากับ 110 และมีคา พลังงานยึดเหนีย่ วตอนิวคลีออนประมาณ 10 เมกะอิเล็กตรอน
โวลต จงหาพลังงานที่ถูกปลอยออกมาจากการแตกตัวของนิวเคลียส A 1 นิวเคลียส
1. 400 เมกะอิเล็กตรอนโวลต 2. 640 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
3. 880 เมกะอิเล็กตรอนโวลต 4. 12,600 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
5. 13,200 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
106
18. พิจารณาปฏิกิริยานิวเคลียร ดังนี้
7 1 4 4
3Li + 1H 2He + 2He + QA (A)
4 14 14 1 1
2He + 7N 8O + 1H + 30n + QB (B)
ใหพลังงานนิวเคลียร QA = 17.4 เมกะอิเล็กตรอนโวลต และ QB = -1.19 เมกะอิเล็กตรอน
โวลต ถาปฏิกิริยานิวเคลียรของสมการ (A) และ (B) ตางก็เกิดขึ้นเปนจํานวน 10 ครั้ง
เทากัน สมการใดจะใหการเปลี่ยนแปลงของมวลที่เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นเปนปริมาณเทาใด
1. สมการ (A) และเพิ่มขึ้น 0.210 u 2. สมการ (A) และเพิ่มขึ้น 0.038 u
3. สมการ (B) และเพิ่มขึ้น 0.120 u 4. สมการ (B) และเพิ่มขึ้น 0.013 u
5. สมการ (B) และเพิ่มขึ้น 0.003 u
19. ถารวมนิวเคลียสของ La-148 และ Br-85 เขาเปนนิวเคลียสเดียวกัน จะตองใชพลังงาน
ประมาณกี่เมกะอิเล็กตรอนโวลต
กําหนดให มวลอะตอมของ 23592U = 235.043 u 23392U = 233.112 u
148 La = 147.961 u 85Br = 84.938 u 1n = 1.0087 u
57 35 0
และมวล 1 u = พลังงาน 931 MeV
ฉบับ
1. 272 เมกะอิเล็กตรอนโวลต เฉลย
2. 255 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
3. 230 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
4. 210 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
5. 198 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
20. จากปฏิกิริยานิวเคลียร 62He 63Li + β ถาพลังงานทั้งหมดที่เกิดขึ้นสะสมอยูในอนุภาค
บีตาและไมคิดผลของสัมพัทธภาพ จงหาวาอนุภาคบีตาจะมีความเร็วเปนกี่เมตรตอวินาที
กําหนดให มวลอะตอมของ 62He = 6.02047 u 63Li = 6.01702 u
และมวล β = 9.11 × 10-31 kg
1. 3.15 × 108 เมตรตอวินาที
2. 9.74 × 108 เมตรตอวินาที
3. 3.15 × 109 เมตรตอวินาที
4. 9.74 × 109 เมตรตอวินาที
5. 15.30 × 109 เมตรตอวินาที
ฟิสิกส์นิวเคลียร์ 107
ไดคะแนน คะแนนเต็ม
ตอนที่ 2 คําชี้แจง : แสดงวิธีการคํานวณหาคําตอบที่ถูกตอง 10
1. วัตถุกอนหนึ่งประกอบดวยยูเรเนียม-238 มีมวลเริ่มตน 32 กรัม เมื่อเวลาผานไป 3 เทา
ของคาครึ่งชีวิต มวลของกอนวัตถุดังกลาวจะเหลือกี่กรัม
วิธีทํา N = 32 g และ t = 3T แสดงวา n = 3 1
..................................................................................................................................................................................................................................................................................
0 N 2
0
จากสมการ N = 2 n
.............................................................................................................................................................................................................................................
..................................................................................................................................................................................................................................................................................
= 32 3
.............................................................................................................................................................................................................................................
2
= 4g
.............................................................................................................................................................................................................................................
ดังนั้น มวลของกอนวัตถุดังกลาวจะเหลือเทากับ 4 กรัม
.............................................................................................................................................................................................................................................
วัสดุและอุปกรณ์ ฉบับ
เฉลย
• ตูทึบแสง • แหลงกําเนิดแสง • แผนโพลารอยด
• ตัวอยางพืช • ลักซมเิ ตอร • อุปกรณใหนํ้าพืช
1 ระบุปัญหา
วิเคราะห์สถานการณ์และระบุแนวทางในการแก้ปัญหา เพื่อเป็นแนวทางในการ
สร้างสรรค์ชิ้นงาน
.................................................................................... ตองการ
........................................................................... ...........................................................................
(คําตอบที่ใหเปนแนวทางในการตอบ ความเหมาะสมของคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจผูสอน)
เครื่องปรับความเข้มแสง 109
2 รวบรวมข้อมูลและแนวคิด
สืบค้นความรูแ
้ ละรวบรวมข้อมูลทีส
่ ามารถนําไปแก้ปญ
ั หา แล้วสรุปข้อมูลความรูท
้ ไี่ ด้มา
โดยสังเขป
¤ÇÒÁࢌÁ¢Í§áʧÁռŵ‹Í¡ÒÃà¨ÃÔÞàµÔºâµ¢Í§¾×ª
¤ÇÒÁࢌÁ¢Í§áʧ (light intensity) ‹ÍÁ¢Öé¹ÍÂÙ‹¡ÑºÅѡɳÐÀÙÁÔ»ÃÐà·È ÅѡɳÐÀÙÁÔÍÒ¡ÒȢͧᵋÅÐ
·ŒÍ§¶Ôè¹ «Ö觾תᵋÅЪ¹Ô´µŒÍ§¡ÒäÇÒÁࢌÁ¢Í§áʧäÁ‹à·‹Ò¡Ñ¹ ¾×ªºÒ§ª¹Ô´äÁ‹µŒÍ§¡ÒÃáʧᴴ¨Ñ´ à¾ÃÒШÐ
·íÒãËŒÊÙÞàÊÕ¡ÅÔè¹áÅÐÃÊªÒµÔ ËÃ×ͶŒÒä´ŒÃѺáʧᴴÁÒ¡à¡Ô¹ä»Â‹ÍÁ໚¹ÍѹµÃÒµ‹Í¾×ª â´Âáʧᴴ·ÕèÁÕ
¤ÇÒÁࢌÁáʧ¹ŒÍ¨ÐàËÁÒСѺ¾×ª·Õèà¨ÃÔ޷ҧ㺠ઋ¹ ¼Ñ¡¡Ò´ ¤Ð¹ŒÒ ¼Ñ¡ºØŒ§ ¼Ñ¡¾×鹺ŒÒ¹ ¾×ªºÒ§ª¹Ô´
µŒÍ§¡ÒÃáʧᴴ¨Ñ´ â´Âáʧᴴ·ÕèÁÕ¤ÇÒÁࢌÁáʧÁÒ¡¨ÐàËÁÒСѺ¾×ª·Õèà¨ÃÔÞ·Ò§¼Å ઋ¹ ÁÐà¢×Íà»ÃÒÐ
ÁÐà¢×ÍÂÒÇ áµ§¡ÇÒ
â¾ÅÒäÃ૪ѹ
â¾ÅÒäÃ૪ѹ໚¹ÊÁºÑµÔ¢Í§¤Å×è¹µÒÁ¢ÇÒ§ ¶ŒÒ¤Å×è¹áÁ‹àËÅç¡ä¿¿ŒÒã´·ÕèÁÕÃйҺ¡ÒÃÊÑ蹢ͧʹÒÁ
ä¿¿ŒÒà¾Õ§ÃйҺà´ÕÂÇ àÃÕ¡¤Å×è¹áÁ‹àËÅç¡ä¿¿ŒÒ¹Ñé¹à»š¹¤Å×è¹â¾ÅÒäÃÊ Í‹ҧäášµÒÁáʧ㹸ÃÃÁªÒµÔ
¨ÐÁÕÃйҺ¢Í§¡ÒÃâ¾ÅÒäÃʵҋ §¡Ñ¹ ¨Ö§à»š¹áʧ·Õäè Á‹â¾ÅÒäÃÊ «Ö§è ¡š¤Í× áʧ·ÕÁè ÃÕ Ð¹Òº¡ÒÃÊÑ¹è ¢Í§Ê¹ÒÁä¿¿ŒÒ
ฉบับ
·íÒÁØÁÍ‹ҧµ‹Íà¹×èͧ¡Ñºá¹Ç¡ÒÃἋ¢Í§¤Å×è¹
เฉลย ¡Ò÷íÒãËŒáʧ·ÕèäÁ‹â¾ÅÒäÃÊ໚¹áʧâ¾ÅÒäÃÊÁÕËÅÒÂÇÔ¸Õ áµ‹ÇÔ¸Õ·ÕèÊдǡ ¤×Í ¡ÒÃ㪌Ἃ¹â¾ÅÒÃÍ´
à¹×Íè §¨Ò¡á¼‹¹â¾ÅÒÃÍ´¨ÐÊÒÁÒöÂÍÁãËŒáʧ·ÕÁè ÃÕ Ð¹Òº¡ÒÃÊÑ¹è ¢Í§Ê¹ÒÁã¹á¹Çà´ÕÂǡѺἋ¹â¾ÅÒÃÍ´
à·‹Ò¹Ñé¹·Õ輋ҹÍÍ¡ÁÒ â´Â¨ÐÁÕ¤ÇÒÁࢌÁ¢Í§áʧŴŧ¤ÃÖè§Ë¹Öè§ ¶ŒÒ¹íÒἋ¹â¾ÅÒÃÍ´ 2 Ἃ¹ÁÒÇÒ§µ‹Í¡Ñ¹
áÅÐá¹Ç¢Í§á¼‹¹â¾ÅÒÃÍ´·Ñé§ 2 Ἃ¹µÑ駩ҡ¡Ñ¹ ¨ÐäÁ‹ÁÕ¤Å×è¹áʧÍÍ¡ÁÒàÅÂ
หัวขอที่สืบคน ผลของความเขมของแสงตอการเจริญเติบโตของพืช
................................................................................................................................................................................................................
อางอิงจาก สืบคนจากอินเทอรเน็ต
................................................................................................................................................................................................................
ออกแบบเครื่องปรับความเขมแสงที่ทําจากวัตถุทึบแสงเปนรูปทรงเรขาคณิต 3 มิติ แลวติดตั้งแผน
..............................................................................................................................................................................................................................................................
โพลารอยด 2 แผน ตรงตําแหนงทางเขาของแสง เพื่อใชปรับความเขมของแสงใหตรงตามความตองการ
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ของพืชที่นํามาปลูก ซึ่งเปนการควบคุมความเขมแสงที่พืชตองการ โดยใชหลักการทางวิทยาศาสตรเรื่อง
..............................................................................................................................................................................................................................................................
โพลาไรเซชัน
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
(คําตอบที่ใหเปนแนวทางในการตอบ ความเหมาะสมของคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจผูสอน)
110 STEM
Project
3 ออกแบบวิธีการแก้ปัญหา
คิดวิธีการแก้ปัญหาและออกแบบชิ้นงานตามแนวทางที่เตรียมไว้
30 cm
แผนโพลารอยด 2 แผน
ลักซมิเตอร
แหลงกําเนิดแสง
50 cm
พืช
100 cm
(คําตอบที่ใหเปนแนวทางในการตอบ ความเหมาะสมของคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจผูสอน)
4 วางแผนและดําเนินการแก้ปัญหา
ร่วมกันวางแผนการสร้างสรรค์ชิ้นงานอย่างเป็นลําดับขั้นตอน แล้วตรวจสอบการ
ดําเนินการ หากไม่ตรงตามแผนมีวิธีแก้ไขอย่างไร
ฉบับ
ขั้นตอนการทํางาน ผูรับผิดชอบ ผลการดําเนินงาน เฉลย
1. รวบรวมขอมูลของเครื่อง
............................................................................. สมาชิกทุกคนภายในกลุม
................................................................................ สมาชิกทุกคนชวยกันรวบรวมขอมูล
................................................................................
ปรับความเขมแสง
............................................................................. ที่เกี่ยวกับเครื่องปรับความเขมแสง
................................................................................ ................................................................................
............................................................................. ................................................................................ ไดครบถวน
................................................................................
2. ออกแบบเครื่องปรับความ
............................................................................. สมาชิกทุกคนภายในกลุม
................................................................................ ออกแบบโดยหาขอมูลเพิ่มเติมและ
................................................................................
เขมแสง
............................................................................. ................................................................................ แกไขแบบ
................................................................................
3. เตรียมอุปกรณสําหรับสราง
............................................................................. สมาชิกคนที่ 1 และ 2
................................................................................ เตรียมอุปกรณสําหรับสรางเครื่อง
................................................................................
เครื่องปรับความเขมแสง
............................................................................. ................................................................................ ปรับความเขมแสงไดครบถวน
................................................................................
4. ลงมือสรางเครื่องปรับความ
............................................................................. สมาชิกทุกคนภายในกลุม
................................................................................ ทุ ก คนช ว ยกั น สร า งเครื่ อ งปรั บ
................................................................................
เขมแสงตามแบบที่ออกไว
............................................................................. ................................................................................ ความเขมแสงไดตามแบบ
................................................................................
5. เปรียบเทียบพืชระหวางการ
............................................................................. สมาชิกทุกคนภายในกลุม
................................................................................ พบขอบกพรองจากการเปรียบเทียบ
................................................................................
ใชเครื่องปรับความเขมแสง
............................................................................. ................................................................................ ระหวางการใชเครื่องปรับความเขม
................................................................................
กับปลูกในสภาวะปกติ
............................................................................. ................................................................................ แสงกับปลูกในสภาวะปกติ
................................................................................
6. ปรับปรุงแกไขเครื่องปรับ
............................................................................. สมาชิกคนที่ 3 4 และ 5
................................................................................ ปรับปรุงแกไขเครื่องปรับความเขม
................................................................................
ความเขมแสง
............................................................................. ................................................................................ แสงใหดีขึ้น
................................................................................
7. ประเมินเครื่องปรับความเขม
............................................................................. คุณครูและผูเชี่ยวชาญ
................................................................................ ไดรับคะแนนและนําไปปรับปรุง
................................................................................
แสงที่สรางขึ้นมา
............................................................................. ................................................................................ ................................................................................
(คําตอบที่ใหเปนแนวทางในการตอบ ความเหมาะสมของคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจผูสอน)
เครื่องปรับความเข้มแสง 111
5 ทดสอบ ประเมินผล
และปรับปรุงแก้ไข
ตอนที่ 1 บันทึกรายละเอียดของชิ้นงานหรือแนวทางการแก้ปัญหา แล้วทดสอบเพื่อหา
แนวทางในการปรับปรุง
จุดเดน จุดดอย
พืชที่ปลูกในเครื่องปรับความเขมแสงมีการ
....................................................................................................................... • ปริมาณความเขมของแสงในเครือ่ งปรับความเขม
..........................................................................................................................
เจริญเติบโตไดดีกวาการปลูกในสภาวะปกติ
....................................................................................................................... แสงไมเทากันทุกตําแหนง
..........................................................................................................................
เพราะสามารถควบคุ ม ความเข ม ของแสงที่
....................................................................................................................... • เครื่องปรับความเขมแสงสามารถปลูกพืชไดใน
..........................................................................................................................
เหมาะสมตอพืชชนิดที่ปลูกได
....................................................................................................................... ปริมาณนอยและไมสะดวกตอการดูแล
..........................................................................................................................
.......................................................................................................................... ..........................................................................................................................
แนวทางในการปรับปรุง
• เพิ่มตัวสะทอนแสงเพื่อใหความเขมของแสงในเครื่องปรับความเขมแสงมีคาเทากันทุก ๆ ตําแหนง
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ฉบับ
เฉลย • ปรับปรุงใหมีชองระบายอากาศเพิ่มขึ้น
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
(คําตอบที่ใหเปนแนวทางในการตอบ ความเหมาะสมของคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจผูสอน)
ตอนที่ 2 นักเรียนประเมินผลชิ้นงานหรือแนวทางการแก้ปัญหาที่ได้จากการทํากิจกรรม
เกณฑการประเมิน ระดับคุณภาพ
1 2 3 4 5
1. เครือ่ งปรับความเขมแสงมีความเขมของแสงคงตัวทุกตําแหนง
2. เครือ่ งปรับความเขมแสงสามารถดัดแปลงตามสภาพปญหาได
3. คุณภาพของผลผลิตจากการปลูกในเครื่องปรับความเขม
แสงเมื่อเทียบกับการปลูกในสภาวะปกติ (ตัวแปรตาม คือ
ความเขมแสง)
4. ระยะเวลาการเจริญเติบโตของพืชที่ปลูกในเครื่องปรับความ
เขมแสงเมื่อเทียบกับการปลูกในสภาวะปกติ
(ขึ้นอยูกับดุลยพินิจผูสอน)
112 STEM
Project
6 นําเสนอ
วิธีการแก้ปัญหา
ตอนที่ 1 รวบรวมแนวคิดที่ได้จากการทํากิจกรรม
S วิทยาศาสตร
• โพลาไรเซชันและการกระจายแสง
...............................................................................................................................................................................................................................................................
• ความเขมของแสงที่มีผลตอการเจริญเติบโตของพืช
...............................................................................................................................................................................................................................................................
T เทคโนโลยี
• การใชลักซมิเตอร
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
E วิศวกรรม
• การออกแบบโครงสรางเครื่องปรับความเขมแสง
...............................................................................................................................................................................................................................................................
• การออกแบบตําแหนงที่จะปลูกพืชเพื่อใหไดผลผลิตที่ดีที่สุด
...............................................................................................................................................................................................................................................................
M คณิตศาสตร
• การใชประโยชนจากรูปทรงปริซึม
............................................................................................................................................................................................................................................................... ฉบับ
• การใชประโยชนจากการคํานวณความเขมของแสง
...............................................................................................................................................................................................................................................................
เฉลย
แนวคิดอื่น ๆ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
ตอนที่ 2 ระบุปญ
ั หาทีพ
่ บจากการทํากิจกรรมและนําแนวคิดทีไ่ ด้จากการทํากิจกรรมมาประกอบ
การวิเคราะห์ แล้วสรุปเป็นแนวทางการแก้ปัญหา
ปญหาที่พบ วิธีการแกปญหา
• เพิม่ หลอดไฟฟาเพือ่ ทําใหทกุ บริเวณมีคา ความเขม
• ไมสามารถทําใหทุกตําแหนงในเครื่องปรับความ ...........................................................................................................................
...........................................................................................................................
เขมแสงมีคาความเขมแสงเทากันทุกตําแหนง
........................................................................................................................... ของแสงใกลเคียงกันมากที่สุด
...........................................................................................................................
• เครื่องปรับความเขมแสงขาดการระบายอากาศ
........................................................................................................................... • ปรับโครงสรางของเครือ่ งปรับความเขมแสงใหมี
...........................................................................................................................
........................................................................................................................... ชองระบายอากาศ
...........................................................................................................................
........................................................................................................................... ...........................................................................................................................
........................................................................................................................... ...........................................................................................................................
(คําตอบที่ใหเปนแนวทางในการตอบ ความเหมาะสมของคําตอบขึ้นอยูกับดุลยพินิจผูสอน)
เครื่องปรับความเข้มแสง 113
ขอสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
คําชี้แจง : เลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว
1. คลื่นไมโครเวฟมีความยาวคลื่น 60 เซนติเมตร สนามแมเหล็กของคลื่นไมโครเวฟนี้จะมีความถี่ในการ
สั่นประมาณเทาใด
1. 100 เมกะเฮิรตซ 2. 500 เมกะเฮิรตซ
3. 1,000 เมกะเฮิรตซ 4. 1,500 เมกะเฮิรตซ
5. 2,000 เมกะเฮิรตซ
2. คลืน่ แมเหล็กไฟฟามีสนามไฟฟามีขนาดเพิม่ ขึน้ ในทิศ +Y และสนามแมเหล็กมีขนาดเพิม่ ขึน้ ในทิศ -Z
ขอใดถูกตอง
1. คลื่นเคลื่อนที่ในทิศ +X และมีอัตราเร็วคงตัว
2. คลื่นเคลื่อนที่ในทิศ -X และมีอัตราเร็วคงตัว
3. คลื่นเคลื่อนที่ในทิศ +X และมีอัตราเร็วลดลง
4. คลื่นเคลื่อนที่ในทิศ +X และมีอัตราเร็วเพิ่มขึ้น
ฉบับ
เฉลย 5. คลื่นเคลื่อนที่ในทิศ -X และมีอัตราเร็วเพิ่มขึ้น
3. แสงไมโพลาไรสผา นแผนโพลารอยด 2 แผน ซึง่ วางเรียงตอกัน และมีแกนโพลาไรสทาํ มุม 45 องศา พบวา
ความเขมของแสงสุดทายทีอ่ อกมามีคา 25 วัตตตอ ตารางเมตร อยากทราบวา ความเขมแสงของแหลง
กําเนิดมีคาเทาใด
1. 25 2 วัตตตอตารางเมตร 2. 50 วัตตตอตารางเมตร
3. 50 2 วัตตตอตารางเมตร 4. 100 วัตตตอตารางเมตร
5. 100 2 วัตตตอตารางเมตร
4. ในการทดลองยิงลําแสงจากอากาศไปสะทอนที่ผิวของของเหลวชนิดที่ 1 พบวา แสงที่สะทอนออกมา
จะเปนแสงโพลาไรสเมื่อยิงดวยมุมตกกระทบ 37 องศา แตถาเปลี่ยนไปทดลองแบบเดียวกันกับ
ของเหลวชนิดที่ 2 พบวา จะตองยิงดวยมุมตกกระทบ 60 องศา จึงจะไดผลแบบเดียวกัน อัตราสวน
ของดรรชนีหักเหแสงของของเหลวชนิดที่ 1 เทียบกับของเหลวชนิดที่ 2 เปนเทาใด
1. 43 2. 4
33
3. 23 4. 343
5. 4
3
114
5. ขอใดไมถูกตองเกี่ยวกับปรากฏการณการกระเจิงของแสง
1. แสงสีฟาสามารถกระเจิงไดมากกวาแสงสีแดง
2. แสงที่กระเจิงทํามุมตั้งฉากกับทิศทางเดิมจะเปนแสงโพลาไรส
3. การกระเจิงของแสงมีตัวกลางสําคัญ คือ โมเลกุลของแกสในอากาศ
4. การกระเจิงของแสงแสดงใหเห็นวา แสงจากดวงอาทิตยเปนแสงโพลาไรส
5. สีของทองฟาในชวงเวลาตาง ๆ เกิดจากปรากฏการณการกระเจิงของแสง
6. พิจารณาขอความตอไปนี้
ก. เปนคลื่นแมเหล็กไฟฟา
ข. ใชประโยชนในการสื่อสารดาวเทียม
ค. ตรวจรับไดดว ยฟลมถายรูป
รังสีอินฟราเรดและคลื่นไมโครเวฟมีสิ่งที่เหมือนกันในขอใดบาง
1. ก. และ ข. 2. ก. และ ค.
3. ข. และ ค. 4. ก. ข. และ ค. ฉบับ
เฉลย
5. คําตอบเปนอยางอื่น
7. ในการคัดกรองผูที่อาจติดเชื้อ COVID-19 นิยมใชเครื่องสแกนอุณหภูมิ (thermoscan) ตรวจสอบ
อุณหภูมิของรางกาย ขอใดคือหลักการสําคัญของเครื่องนี้
1. ใชรังสีเอกซตรวจสอบกระดูกหนาผาก
2. วัดขนาดของสนามแมเหล็กบริเวณหนาผาก
3. ตรวจสอบรังสีอินฟราเรดที่แผออกมาจากรางกายมนุษย
4. ตรวจวัดปริมาณสารเคมีที่เกิดจากเมแทบอลิซึมของไวรัส
5. ใชแสงเลเซอรความเขมตํ่าตรวจสอบการทํางานของกลามเนื้อปอด
8. ขอใดไมเกี่ยวของกับคลื่นแมเหล็กไฟฟาโดยตรง
1. เครื่องอัลตราซาวนด
2. UVA และ UVB
3. สัญญาณเรดาร
4. แสงเลเซอร
5. แสงจันทร
115
9. ขอใดกลาวไมถูกตอง
1. การกําหนดตําแหนงบนโลกตองใชดาวเทียมอยางนอย 2 ดวง
2. กองทัพสหรัฐอเมริกาเปนผูออกแบบและจัดสรางระบบกําหนดตําแหนงบนโลก (GPS)
3. อุปกรณ GPS สามารถคํานวณหาจุดตัดกันของผิวทรงกลมของระยะทางของดาวเทียม GPS แตละ
ดวงได
4. ระบบกําหนดตําแหนงบนโลก (GPS) ประกอบดวย Space segment Control station segment
และ User segment
5. สิ่งที่อุปกรณ GPS จําเปนตองทราบในการคํานวณหาตําแหนง คือ ตําแหนงดาวเทียม GPS ใน
อวกาศ และระยะหางระหวางดาวเทียม GPS แตละดวงกับอุปกรณ GPS
10. คลื่นที่นิยมใชในการสงถายโอนขอมูลสําหรับอุปกรณแบบพกพาคือคลื่นอะไร
1. บลูทูท
2. คลื่นวิทยุ
3. อัลตราโซนิก
ฉบับ 4. รังสีอินฟราเรด
เฉลย
5. คลื่นไมโครเวฟ
11. ถาหยดนํ้ามันมีมวล 6.4 × 10-15 กิโลกรัม ไดรับอิเล็กตรอนเพิ่ม 10 ตัว เคลื่อนที่ขึ้นดวยความเรง
3 เมตรตอวินาที2 ระหวางแผนโลหะที่มีระยะหางเทากับ 2 เซนติเมตร แลวความตางศักยระหวางแผน
โลหะทั้ง 2 แผน มีคากี่โวลต
1. 302 โวลต 2. 650 โวลต
3. 1,040 โวลต 4. 1,240 โวลต
5. 1,440 โวลต
12. แสงสีแดงความยาวคลื่น 660 นาโนเมตร มีความเขม 5 วัตตตอตารางเมตร สองกระทบผิววัตถุบน
พืน้ ที่ 5 ตารางเซนติเมตร เปนเวลา 15 วินาที ถาผิววัตถุดดู กลืนแสงทีต่ กกระทบไวไดทงั้ หมดจะปรากฏ
ความดันบนผิววัตถุเทาใด
1. 1.45 × 10-8 นิวตันตอตารางเมตร
2. 1.67 × 10-8 นิวตันตอตารางเมตร
3. 2.56 × 10-8 นิวตันตอตารางเมตร
4. 3.15 × 10-8 นิวตันตอตารางเมตร
5. 4.56 × 10-8 นิวตันตอตารางเมตร
116
13. สเปกตรัมเสนที่มีความยาวคลื่นสั้นที่สุดสําหรับการกระตุนใหอะตอมของไฮโดรเจนที่ระดับพลังงาน
ตํ่าสุด (-13.6 อิเล็กตรอนโวลต) ไปอยูที่ระดับพลังงาน n = 5 มีคาเทาใด
1. 164.25 นาโนเมตร 2. 145.27 นาโนเมตร
3. 115.85 นาโนเมตร 4. 100.25 นาโนเมตร
5. 95.13 นาโนเมตร
14. สําหรับอิเล็กตรอนในอะตอมไฮโดรเจนที่อยูในวงโคจรรัศมีโตเปน 49 เทาของรัศมีโบร จะมีความยาว
คลื่นเดอบรอยลของอิเล็กตรอนเปนเทาใด (รัศมีโบร = 5.3 × 10-11 m)
1. 1.524 นาโนเมตร 2. 2.332 นาโนเมตร
3. 3.256 นาโนเมตร 4. 4.254 นาโนเมตร
5. 5.876 นาโนเมตร
15. จงหาวาระดับพลังงานของอะตอมไฮโดรเจนที่ระดับพลังงาน n ใด (En) ที่จะทําใหพลังงานระดับสูงขึ้น
ลําดับถัดไปจาก n นั้น อยูหางขึ้นไปไมเกิน 14 เทาของขนาด En
1. 7 2. 6
3. 5 4. 4 ฉบับ
เฉลย
5. 3
16. นุนทําการทดลองปรากฏการณโฟโตอิเล็กทริก โดยใชแสงความยาวคลื่น 200 นาโนเมตร ฉายลงบน
ผิวโลหะหนึ่ง แลวมีผลทําใหความเร็วของโฟโตอิเล็กตรอนที่หลุดออกมามีคาเปน 3 เทาของความเร็ว
โฟโตอิเล็กตรอนที่เกิดจากการฉายแสงความยาวคลื่น 450 นาโนเมตร จงหาความถี่ขีดเริ่ม
1. 1.84 × 1014 เฮิรตซ 2. 2.45 × 1014 เฮิรตซ
3. 3.65 × 1014 เฮิรตซ 4. 5.63 × 1014 เฮิรตซ
5. 6.75 × 1014 เฮิรตซ
17. แสงความถี่ 6 × 1014 เฮิรตซ ตกกระทบโลหะที่ตองใชพลังงานในการทําใหอิเล็กตรอนหลุดออกจาก
ผิวโลหะเทากับ 2 × 10-19 จูล อยากทราบวา อิเล็กตรอนที่หลุดจากผิวโลหะจะมีโมเมนตัมสูงสุดเทาใด
1. 2.76 × 10-25 กิโลกรัม เมตรตอวินาที
2. 3.24 × 10-25 กิโลกรัม เมตรตอวินาที
3. 4.75 × 10-25 กิโลกรัม เมตรตอวินาที
4. 5.34 × 10-25 กิโลกรัม เมตรตอวินาที
5. 6.00 × 10-25 กิโลกรัม เมตรตอวินาที
117
18. เกงทําการทดลองศึกษาปรากฏการณโฟโตอิเล็กทริกของโลหะชนิดหนึง่ ไดกราฟความสัมพันธระหวาง
พลังงานจลนสงู สุดของโฟโตอิเล็กตรอนกับความถีข่ องคลืน่ แมเหล็กไฟฟาทีต่ กกระทบผิวโลหะ ดังกราฟ
ถาเกงเปลี่ยนความถี่ของคลื่นแมเหล็กไฟฟาที่ตกกระทบโลหะนี้เปน 5 × 1014 เฮิรตซ เกงตองใช
ความตางศักยหยุดยั้งเทาใด
Ekmax (J) 1. 4.56 โวลต
2. 3.25 โวลต
3. 1.24 โวลต
4. 0.27 โวลต
14
f (10 Hz)
0 2 4 6
5. 0.15 โวลต
19. ขอใดที่สนับสนุนวา แสงแสดงสมบัติเปนอนุภาค
ก. การทดลองของฟรังกและเฮิรตซ
ข. ปรากฏการณโฟโตอิเล็กทริก
ฉบับ
ค. แบบจําลองอะตอมของโบร
เฉลย ง. ปรากฏการณคอมปตัน
จ. สเปกตรัมของไฮโดรเจน
ฉ. การเกิดรังสีเอกซเฉพาะตัว
1. ก. และ ง. 2. ข. และ ง.
3. ง. และ จ. 4. ก. จ. และ ฉ.
5. ค. ง. และ จ.
20. เมื่อยิงอิเล็กตรอนเขาไปในอะตอมของไฮโดรเจนวัดศักยกระตุนได 12.75 และ 13.06 โวลต ถาระดับ
พลังงานตํ่าสุดของอะตอมไฮโดรเจนเทากับ -13.6 อิเล็กตรอนโวลต จากผลการทดลองนี้ จงหาระดับ
พลังงานของสถานะถูกกระตุน
1. -3.39 อิเล็กตรอนโวลต และ -1.50 อิเล็กตรอนโวลต
2. -0.85 อิเล็กตรอนโวลต และ -0.54 อิเล็กตรอนโวลต
3. 0.85 อิเล็กตรอนโวลต และ 0.54 อิเล็กตรอนโวลต
4. 3.39 อิเล็กตรอนโวลต และ 1.50 อิเล็กตรอนโวลต
5. 2.39 อิเล็กตรอนโวลต และ 0.50 อิเล็กตรอนโวลต
118
21. โฟตอนของรังสีเอกซวิ่งในแนว +X เขาชนนิวเคลียสของคารบอนมวล 3 × 10-26 กิโลกรัมที่อยูนิ่ง
พบวา โฟตอนวิ่งกลับในทิศ -X ในขณะที่นิวเคลียสของคารบอนวิ่งออกไปในแนว +X ดวยความเร็ว
350 เมตรตอวินาที อยากทราบวา ความยาวคลื่นของโฟตอนของรังสีเอกซที่วิ่งเขามาชนมีคาเทาใด
1. 0.575 นาโนเมตร 2. 0.425 นาโนเมตร
3. 0.314 นาโนเมตร 4. 0.243 นาโนเมตร
5. 0.126 นาโนเมตร
22. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับอะตอมของ 23491Pa
1. จํานวนโปรตอน = 234 และจํานวนนิวตรอน = 143
2. มีจํานวนนิวคลีออน = 234 และจํานวนนิวตรอน = 91
3. มีจํานวนอิเล็กตรอน = 126 และจํานวนโปรตอน = 91
4. มีจํานวนอิเล็กตรอน = 91 และจํานวนนิวตรอน = 143
5. มีจํานวนนิวคลีออน = 234 และจํานวนอิเล็กตรอน = 143
23. ในการสลายตัวของ 23491Pa กลายเปน 21482Pb จะปลอยอนุภาคแอลฟาและอนุภาคบีตากี่อนุภาค
1. ปลอยอนุภาคแอลฟา = 3 อนุภาค และปลอยอนุภาคบีตา = 1 อนุภาค ฉบับ
เฉลย
2. ปลอยอนุภาคแอลฟา = 4 อนุภาค และปลอยอนุภาคบีตา = 2 อนุภาค
3. ปลอยอนุภาคแอลฟา = 4 อนุภาค และปลอยอนุภาคบีตา = 3 อนุภาค
4. ปลอยอนุภาคแอลฟา = 5 อนุภาค และปลอยอนุภาคบีตา = 2 อนุภาค
5. ปลอยอนุภาคแอลฟา = 5 อนุภาค และปลอยอนุภาคบีตา = 1 อนุภาค
24. สารกัมมันตรังสีชนิดหนึ่งมีคากัมมันตภาพ 128 คูรี มีครึ่งชีวิต (T) 20 นาที จงหาวาตองใชเวลานาน
เทาใดคากัมมันตภาพจะลดลงเหลือ 4 คูรี
1. 2 นาที 2. 4 นาที 3. 80 นาที
4. 100 นาที 5. 120 นาที
25. ธาตุ AZX สลายตัวดวยครึ่งชีวิต (T) 75 วัน ใหธาตุ AZ -- 24Y และอนุภาคแอลฟาซึ่งเสถียร ดังสมการ
AX A-4 4 A -4
Z Z - 2 Y + 2He ซึ่งเดิมมีธาตุ ZX อยู 4 × 10 โมล ถาทิ้งไวนาน 300 วัน จะเกิดอนุภาค
แอลฟากี่มิลลิกรัม
1. 0.10 มิลลิกรัม 2. 1.25 มิลลิกรัม
3. 1.50 มิลลิกรัม 4. 2.40 มิลลิกรัม
5. 2.60 มิลลิกรัม
119
26. ถาธาตุ X มีจํานวนอะตอมเปน 5 เทาของธาตุ Y แตมีกัมมันตภาพเปน 4 เทาของธาตุ Y จงหาวา
ครึ่งชีวิตของธาตุ X จะเปนกี่เทาของธาตุ Y
1. 201 เทา 2. 45 เทา 3. 54 เทา
4. 20 เทา 5. 30 เทา
27. ในการทดลองอุปมาอุปมัยของการทอดลูกเตากับการสลายตัวของธาตุกัมมันตรังสี โดยการโยนลูกเตา
แลวคัดลูกเตาที่ไมไดหงายหนาแตมสีออกไป ถาลูกเตามี 6 หนา มีหนาที่แตมสี 2 หนา และมีจํานวน
ลูกเตา 120 ลูก จงหาวาถาทําการโยนลูกเตา 2 ครั้ง โดยสถิติจะเหลือจํานวนลูกเตาประมาณกี่ลูก
1. 14 ลูก 2. 30 ลูก 3. 40 ลูก
4. 54 ลูก 5. 60 ลูก
28. ลูกเตา 12 หนา แตมสีไวที่หนาหนึ่งจํานวน 200 ลูก ทอดและคัดลูกที่หงายหนาแตมสีออก จงหาวา
ตองทอดกี่ครั้งจึงจะเหลือลูกเตา 100 ลูก
1. 5 ครั้ง 2. 8 ครั้ง 3. 10 ครั้ง
4. 12 ครั้ง 5. 14 ครั้ง
ฉบับ
เฉลย 29. บนแผนฟลมจากเครื่องแมสสเปกโทรมิเตอรมีรอยดํา 3 รอย จากไอโซโทปมวล 15 u 17 u และ 18 u
ถารอยดําบนฟลมซายสุดมาจากมวลที่นอยที่สุด และรอยนี้อยูหางจากรอยดําตรงกลาง 5 หนวย
อยากทราบวา รอยดําขวาสุดอยูหางจากรอยดําตรงกลางกี่หนวย
1. 4.0 หนวย
2. 3.5 หนวย
3. 3.0 หนวย
แผนฟลม 4. 2.5 หนวย
5. 2.0 หนวย
30. ถาในปฏิกิริยาฟชชันของ 23592U ถูกยิงดวยนิวตรอน แลวแตกตัวออกเปน 14156Ba 1 อะตอม และ 3692Kr
1 อะตอม อยากทราบวา ปฏิกิริยานิวเคลียรนี้ใหพลังงานประมาณเทาใด
กําหนดให มวลอะตอมของ 23592U = 235.0439 u 14156Ba = 140.9144 u
92 1
36Kr = 91.9263 u 0n = 1.0087 u
และมวล 1 u = พลังงาน 931 MeV
1. 168 เมกะอิเล็กตรอนโวลต 2. 173 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
3. 176 เมกะอิเล็กตรอนโวลต 4. 186 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
5. 200 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
120
แนวขอสอบ
รองรับระบบ TCAS
คําชี้แจง : เลือกคําตอบที่ถูกตองที่สุดเพียงคําตอบเดียว
1. คลื่นแมเหล็กไฟฟาเคลื่อนที่ไปทางทิศใต ที่ตําแหนงหนึ่งมีสนามไฟฟาพุงไปในทิศตะวันตก
ที่ตําแหนงดังกลาวในเวลาเดียวกันนี้ ทิศของสนามแมเหล็กเปนอยางไร
1. พุงลงสูพื้นดิน 2. พุงขึ้นจากพื้นดิน
3. พุงไปในทิศเหนือ 4. พุงไปในทิศตะวันตก
5. พุงไปในทิศตะวันออก
2. ทําการทดลอง 2 การทดลองกับแสงโพลาไรสซึ่งมีแกนโพลาไรสอยูในแนวดิ่ง ดังตอไปนี้
การทดลองที่ 1 ใหแสงผานแผนโพลารอยดที่มีแกนโพลาไรสทํามุม 30 องศากับแนวดิ่ง
การทดลองที่ 2 ใหแสงผานแผนโพลารอยดที่มีแกนโพลาไรสทํามุม 60 องศากับแนวดิ่ง
ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับความเขมของแสงที่ผานออกมาจากแผนโพลารอยด
1. ไมมีแสงผานออกมาทั้ง 2 การทดลอง
2. ความเขมของแสงทั้ง 2 การทดลองมีคาเทากัน
3. ความเขมของแสงในการทดลองที่ 1 มีคามากกวา ฉบับ
เฉลย
4. ความเขมของแสงในการทดลองที่ 2 มีคามากกวา
5. ขอมูลไมเพียงพอ ตองใชแผนโพลารอยดอีก 1 แผน เพื่อเปนแผนวิเคราะห
3. แสงไมโพลาไรสลาํ หนึง่ เคลือ่ นทีผ่ า นตัวกลาง 3 ชนิด คือ อากาศ นํา้ มัน และนํา้ ซึง่ มีดรรชนีหกั เห
แสงเปน n1 n2 และ n3 ตามลําดับ ถาพบวา แสงสะทอนบนผิวรอยตอระหวางอากาศและ
นํา้ มันถูกโพลาไรส และมุมตกกระทบระหวางนํา้ มันและนํา้ เปนมุมวิกฤตพอดี มุมตกกระทบ
ระหวางอากาศและนํ้ามันมีคาเทาใด
n n n
1. arcsin ( n2 ) 2. arccos ( n2 ) 3. arcsin ( n3 )
1 1 2
n3 n3
4. arccos ( n ) 5. arctan ( n )
2 2
4. คลื่นวิทยุในระบบเอเอ็มจะสงสัญญาณเสียงไปในลักษณะอยางไร
1. คลื่นวิทยุจะเปลี่ยนแปลงแอมพลิจูดตามแอมพลิจูดของคลื่นเสียง
2. คลื่นวิทยุจะเปลี่ยนแปลงแอมพลิจูดตามความถี่ของคลื่นเสียง
3. คลื่นวิทยุจะเปลี่ยนแปลงความถี่ตามแอมพลิจูดของคลื่นเสียง
4. คลื่นวิทยุจะเปลี่ยนแปลงความเร็วตามความถี่ของคลื่นเสียง
5. คลื่นวิทยุจะเปลี่ยนแปลงความถี่ตามความถี่ของคลื่นเสียง
121
5. ขอใดกลาวถูกตองเกี่ยวกับหลักการถายภาพโครงกระดูกดวยรังสีเอกซ
1. ใชผลของการกระเจิงของรังสีเอกซ
2. ใชผลของการหักเหของรังสีเอกซผานโครงกระดูก
3. ใชผลของการแทรกสอดของรังสีเอกซผานโครงกระดูก
4. ใชผลของการขวางกั้นรังสีเอกซโดยโครงกระดูก คลายกับการเกิดเงา
5. ใชผลของการเลี้ยวเบนของรังสีเอกซ โดยโครงกระดูกทําหนาที่เปนเกรตติง
6. เงื่อนไขสําคัญที่สุดที่ทําใหเกิดกระแสโฟโตอิเล็กตรอนในปรากฏการณโฟโตอิเล็กทริกได
คือขอใด
1. ความถี่ของแสงสูงกวาความถี่ขีดเริ่ม
2. ความเขมของแสงเกินความเขมของแสงขีดเริ่ม
3. ความยาวคลื่นของแสงมีคาไมเกินความยาวคลื่นของอิเล็กตรอน
4. ความตางศักยระหวางขั้วไฟฟามีคาสูงและทําใหแกสแตกตัวเปนไอออน
5. ความเขมของแสงมีคา ไมนอ ยกวาคาคาหนึง่ และขึน้ อยูก บั ชนิดของโลหะทีเ่ ปนขัว้ ไฟฟา
ฉบับ 7. เมื่อโฟตอนที่มีความถี่ 5 × 1015 เฮิรตซ ตกกระทบโลหะชนิดหนึ่ง ทําใหเกิดอิเล็กตรอนที่
เฉลย
มีความยาวคลื่นเดอบรอยล 0.5 นาโนเมตร อยากทราบวา โลหะชนิดนี้มีฟงกชันงานกี่
อิเล็กตรอนโวลต กําหนดให h = 4.14 × 10-15 eV s และมวลอิเล็กตรอน = 0.5 MeV/c2
1. 30.15 อิเล็กตรอนโวลต 2. 29.75 อิเล็กตรอนโวลต
3. 25.47 อิเล็กตรอนโวลต 4. 20.24 อิเล็กตรอนโวลต
5. 14.53 อิเล็กตรอนโวลต
8. เมื่อฉายแสงความถี่ 5.4 × 1014 เฮิรตซ ลงบนโลหะชนิดหนึ่ง ทําใหอิเล็กตรอนหลุดมาดวย
พลังงานจลนสูงสุด 0.7 อิเล็กตรอนโวลต แตเมื่อฉายแสงที่มีความถี่ 7.4 × 1014 เฮิรตซ
ลงบนโลหะเดิม ปรากฏวา อิเล็กตรอนทีห่ ลุดออกมามีพลังงานจลนสงู สุด 1.6 อิเล็กตรอนโวลต
จากการทดลองนี้ จงประมาณคาคงตัวของพลังค
1. 4.50 × 10-15 จูล วินาที
2. 6.37 × 10-34 จูล วินาที
3. 6.62 × 10-34 จูล วินาที
4. 7.20 × 10-34 จูล วินาที
5. 8.65 × 10-34 จูล วินาที
122
9. ความยาวคลื่นเดอบรอยลของอิเล็กตรอนในอะตอมไฮโดรเจนที่ระดับพลังงาน n = 6
เปนกี่เทาของความยาวคลื่นเดอบรอยลที่ระดับพลังงาน n = 2
1. 13 2. 1.5
3. 3 4. 6
5. 8
10. รังสีเอกซที่ใหสเปกตรัมเฉพาะตัว เกิดจากกระบวนการในขอใด
1. อิเล็กตรอนที่พุงเขาชนเปาถูกหนวง
2. อิเล็กตรอนพุงเขาชนนิวเคลียสของอะตอมที่เปนเปา
3. แกสเฉื่อยภายในหลอดสุญญากาศมีการเปลี่ยนระดับพลังงาน
4. การเปลี่ยนระดับพลังงานของอิเล็กตรอนชั้นในสุดของอะตอมที่เปนเปา
5. การเปลี่ยนระดับพลังงานของอิเล็กตรอนชั้นนอกสุดของอะตอมที่เปนเปา
11. ขอใดไมใชความยาวคลื่นที่ยาวที่สุดของเสนสเปกตรัม 4 เสนแรกของอะตอมไฮโดรเจน
เมื่ออะตอมลดระดับพลังงานจากระดับพลังงานที่ n สูระดับพลังงาน n = 1
1. 121.57 นาโนเมตร 2. 102.56 นาโนเมตร ฉบับ
เฉลย
3. 97.25 นาโนเมตร 4. 94.95 นาโนเมตร
5. 93.73 นาโนเมตร
12. จากปฏิกิริยานิวเคลียร 19779Au + 21H AZX + 42He นิวเคลียส X จะมีจํานวนโปรตอนและ
นิวตรอนเทาใด
1. โปรตอน 78 ตัว นิวตรอน 117 ตัว 2. โปรตอน 78 ตัว นิวตรอน 195 ตัว
3. โปรตอน 117 ตัว นิวตรอน 195 ตัว 4. โปรตอน 195 ตัว นิวตรอน 78 ตัว
5. โปรตอน 200 ตัว นิวตรอน 75 ตัว
13. โซเดียม-24 มีครึ่งชีวิต 12.8 ชั่วโมง ถามีโซเดียม-24 อยู 1 กิโลกรัม จะมีอัตราการสลาย
กี่อะตอมตอวินาที
1. 1.50 × 1020 อะตอมตอวินาที
2. 2.00 × 1020 อะตอมตอวินาที
3. 2.50 × 1020 อะตอมตอวินาที
4. 3.00 × 1020 อะตอมตอวินาที
5. 3.75 × 1020 อะตอมตอวินาที
123
14. ธาตุกัมมันตรังสี A สลายตัวเปนธาตุ B ซึ่งเสถียร โดยมีครึ่งชีวิตเปน T จงหาวาจะตอง
ใชเวลานานเทาใด ธาตุ A จึงจะมีจํานวนเปน 4 เทาของธาตุ B
1. T 2. T ( ln
ln
2)
4
3. T ln 3 2 4. T ln 3
5. ( ln 5ln-2ln 4 ) T
15. ปฏิกิริยานิวเคลียรในขอใดที่มีธาตุ X เปนไอโซโทปกับนิวเคลียสที่เปนเปา
1. 2858Ni (p, n) X
2. 115B (d, p) X
3. 2964Cu (n, α) X
4. 1327Al (n, α) X
5. 1225Mg (γ, p) X
16. จากปฏิกิริยาการรวมของอนุภาคโพซิตรอนพลังงาน 0.4759 เมกะอิเล็กตรอนโวลต กับ
ฉบับ
เฉลย อนุภาคอิเล็กตรอนทีม่ พี ลังงานตํา่ มาก ๆ ปรากฏวา เกิดรังสีแกมมาทีม่ พี ลังงานเทากัน 3 ครัง้
อยากทราบวา พลังงานของรังสีแกมมาแตละครั้งมีคาเทาใด
กําหนดให มวลโพซิตรอนและมวลอิเล็กตรอน = 0.00055 u
1. 0.31 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
2. 0.50 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
3. 0.71 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
4. 0.75 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
5. 0.85 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
17. จากปฏิกิริยาฟชชันของธาตุหนึ่ง พบวา มวลรวมของธาตุหลังเกิดปฏิกิริยาลดลง 0.05 u
จงคํานวณวาจะตองเกิดปฏิกิริยาฟชชันกี่ครั้งตอวินาทีจึงจะทําใหไดกําลัง 7,448 วัตต
กําหนดให 1 MeV = 1.6 × 10-13 J
1. 5.0 × 1017 ครั้งตอวินาที
2. 2.5 × 1017 ครั้งตอวินาที
3. 7.5 × 1016 ครั้งตอวินาที
4. 1.0 × 1015 ครั้งตอวินาที
5. 0.5 × 1015 ครั้งตอวินาที
124
18. ในการผลิตกระแสไฟฟาโดยใชปฏิกิริยานิวเคลียรของ U-235 พบวา มวลหายไป 1%
ของมวลเดิมในปฏิกิริยา ทําใหไดพลังงาน 4.5 × 1010 จูล อยากทราบวา จะตองใช U-235
กี่กรัม
1. 0.05 กรัม
2. 0.06 กรัม
3. 0.07 กรัม
4. 0.08 กรัม
5. 0.09 กรัม
19. จากปฏิกิริยาฟวชัน ดังนี้
2H + 2H 3H + 1H + 3.6 MeV
1 1 1 1
2H + 3H 4H + 1n + 17.4 MeV
1 1 2 0
อยากทราบวา ถาใชดิวเทอเรียม 1 กรัม จะทําใหเกิดพลังงานทั้งหมดเทาใด
1. 11.15 × 1023 เมกะอิเล็กตรอนโวลต ฉบับ
2. 17.02 × 1023 เมกะอิเล็กตรอนโวลต เฉลย
3. 21.07 × 1023 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
4. 37.06 × 1023 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
5. 40.50 × 1023 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
20. จากปฏิกิริยาฟวชัน ดังนี้
2H + 3H 4He + 1n + 17.5 MeV
1 1 2 0
จงหาพลังงานยึดเหนี่ยวของฮีเลียม
กําหนดให มวลอะตอมของ 21H = 2.0141 u 31H = 3.0160 u
1
0n = 1.0087 u
และมวล 1 u = พลังงาน 931 MeV
1. 2,256.4 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
2. 3,275.3 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
3. 3,726.4 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
4. 4,195.6 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
5. 5,834.5 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
125
แบบบันทึกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ประจําวิชา ฟสิกส ม.6 เลม 2
คะแนน ผลการประเมิน
เครื่องมือวัดและแสดงผลการเรียน
เต็ม ได ผาน ไมผาน
Unit Test 5 30
Unit Test 6 30
Unit Test 7 30
¤Ðá¹¹ÃÇÁ·Ñé§ËÁ´ 90
เกณฑการตัดสินระดับคุณภาพ เกณฑการประเมิน
ชวงคะแนน ระดับคะแนน ระดับคุณภาพ ✓ ผาน ✗ ไมผาน
ฉบับ 79-90 4 ดีมาก
เฉลย 67-78 3 ดี ไดคะแนน ไดคะแนน
ไมนอยกวารอยละ 54 นอยกวารอยละ 54
54-66 2 พอใช ของคะแนนเต็ม ของคะแนนเต็ม
ตํ่ากวา 54 1 ปรับปรุง
ขอเสนอแนะ
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
..............................................................................................................................................................................................................................................................
ลงชื่อ
(…………………………………………………………….)
126
ลย แบบฝกหัดรายว�ชาเพิ่มเติมว�ทยาศาสตรและเทคโนโลยี
เฉ ฟิสิกส์
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6 เลม 2
บริษท
ั อักษรเจริญทัศน์ อจท. จำกัด
142 ถนนตะนาว เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
โทร. 0 2622 2999 (อัตโนมัติ 20 คูส
่ าย)
www.aksorn.com อักษรเจริญทัศน์ อจท.
ID Line : @aksornkrumattayom
เฉลยละเอียด
สํ า หรั บ ผู ส อน
แบบฝกหัด
ฟิสิกส์ เล่ม 2
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 6
สารบัญ
Key Unit Test 5 คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 1
4. ตอบ ขอ 4.
รังสีอนิ ฟราเรดเปนคลืน่ แมเหล็กไฟฟา อัตราเร็วของคลืน่ แมเหล็กไฟฟาในสุญญากาศ
มีคาเปน 3 × 108 เมตรตอวินาที แปลงหนวยใหเปนกิโลเมตรตอชั่วโมง จะได
3 × 108 × 185 = 1.08 × 109 กิโลเมตรตอชั่วโมง
5. ตอบ ขอ 5.
ปรากฏการณโพลาไรเซชันเปนกระบวนการทีท่ าํ ใหคลืน่ ทีม่ กี ารสัน่ ในหลายระนาบกลาย
เปนการสั่นในระนาบเดียว จึงเกิดกับคลื่นตามขวาง ไมเกิดกับคลื่นตามยาว
ดังนั้น คลื่นเสียงซึ่งเปนคลื่นตามยาวจึงไมเกิดโพลาไรเซชัน
เฉลย 1
6. ตอบ ขอ 2.
การตรวจสอบแสงวาเปนแสงโพลาไรสหรือไม สามารถตรวจสอบไดงายโดยใชแผน
โพลารอยด
7. ตอบ ขอ 3.
ใหแสงไมโพลาไรสมีความเขมแสงเริ่มตนเปน I0
I
ในตอนแรก เมื่อแสงผานแผนโพลารอยดแผนที่ 1 ความเขมแสงจะเหลือ 20
เมื่อผานแผนที่ 2 I2 = I1 cos2 θ
I
จะได I2 = ( 20 ) cos2 30 ํ = 38 I0
เมื่อนําแผนโพลารอยดแผนที่ 3 มาวางตอ
จะได I3 = ( 38 I0) cos2 45 ํ = 163 I0
3 I
ดังนั้น ความเขมแสงเมื่อผานทั้ง 3 แผน จะเปน 3 0 = 12 เทาของกรณีแรก
16
8 I0
8. ตอบ ขอ 3.
ในการเกิดปรากฏการณโพลาไรเซชันโดยการสะทอน เมื่อแสงไมโพลาไรสตกกระทบ
ผิวรอยตอระหวางตัวกลาง 2 ตัว แลวสะทอนออกมาเปนแสงโพลาไรส ตองมีเงื่อนไข คือ
รังสีสะทอนจะตองตั้งฉากกับรังสีหักเห
9. ตอบ ขอ 4.
n12 + n22
ตองการใหแสงสะทอนเปนแสงโพลาไรส n2
n θP
จะได tan θp = n2 n1
1
sin θ1 n2
จากหลักการหักเหของแสง sin θ2 = n
1
sin θp sin θ
sin θ2 = tan θp = cos θp
p
จะได sin θ2 = cos θp = 2 n1 2
n1 + n2
ดังนั้น มุมหักเหในตัวกลางที่ 2 มีคาเทากับ arcsin ( 2 n1 2 )
n1 + n2
2 เฉลย
10. ตอบ ขอ 3.
เมื่อแสงไมโพลาไรสตกกระทบโมเลกุลอากาศ จะถูกดูดกลืนพลังงานบางสวนและ
กระเจิงออกมาในทิศทางตาง ๆ โดยทิศทีต่ งั้ ฉากกับทิศทางทีต่ กกระทบจะเปนแสงโพลาไรส
11. ตอบ ขอ 5.
คลื่นแมเหล็กไฟฟามี 7 ชนิด แบงตามสเปกตรัมที่มีความถี่เรียงลําดับจากนอยไป
มากได ดังนี้ คลื่นวิทยุ คลื่นไมโครเวฟ รังสีอินฟราเรด แสง รังสีอัลตราไวโอเลต รังสีเอกซ
และรังสีแกมมา
12. ตอบ ขอ 4.
คลื่นไมโครเวฟมีพลังงานและความถี่มากกวาคลื่นวิทยุ จึงทะลุผานชั้นบรรยากาศได
โดยไมสะทอนในชั้นบรรยากาศ
13. ตอบ ขอ 4.
รังสีแกมมาเปนกัมมันตรังสีชนิดหนึ่งที่ถูกปลอยออกมาจากปฏิกิริยานิวเคลียร
มีความยาวคลื่นนอยที่สุดและสามารถทําใหแผนฟลมที่หอกระดาษไวเปนรอยได
14. ตอบ ขอ 1.
รังสีเอกซมีสมบัติในการแทรกสอดและเลี้ยวเบนภายในโครงรางผลึกของสสารได
ดังนั้น จึงมีการประยุกตใชเพื่อศึกษาโครงสรางของผลึก
15. ตอบ ขอ 4.
คลืน่ ไมโครเวฟสามารถใชทาํ สัญญาณเรดารเพือ่ ตรวจหาตําแหนงของอากาศยานหรือ
วัตถุในตําแหนงตาง ๆ บนทองฟา เชน เครื่องบิน
16. ตอบ ขอ 2.
เครื่องเอ็มอารไอใชเวลาตรวจนาน 30-60 นาที สวนเครื่องซีทีใชเวลาในการตรวจ
10-15 นาที
17. ตอบ ขอ 2.
ดาวเทียม NAVSTAR ที่โคจรอยูเหนือพื้นโลก มีจํานวนทั้งหมด 24 ดวง
เฉลย 3
18. ตอบ ขอ 3.
คลืน่ โทรทัศนมคี วามยาวคลืน่ สัน้ จึงไมสามารถเลีย้ วเบนออมผานสิง่ กีดขวางขนาดใหญ
ได เมื่อคลื่นตกกระทบรถยนตหรือเครื่องบินจะสะทอนกลับไปแทรกสอดกับคลื่นจากสถานี
ทําใหเกิดภาพซอน สามารถแกไขไดดวยระบบสงสัญญาณโทรทัศนทางสาย
19. ตอบ ขอ 2.
สัญญาณดิจทิ ลั มีลกั ษณะเปนกราฟสีเ่ หลีย่ ม เปนสัญญาณแบบไมตอ เนือ่ ง รูปแบบของ
สัญญาณมีการเปลี่ยนแปลงแบบไมปะติดปะตอ
20. ตอบ ขอ 2.
สายบิดเกลียวคูประกอบดวยสายทองแดง 2 เสน แตละเสนมีฉนวนหุมพันกันเปน
เกลียว สามารถลดการรบกวนจากคลื่นแมเหล็กไฟฟาได แตไมสามารถปองกันการสูญเสีย
พลังงานจากการแผรังสีความรอนในขณะที่มีการสงสัญญาณ สายบิดเกลียวคูสามารถใชได
ทั้งการสงสัญญาณขอมูลแบบแอนะล็อกและแบบดิจิทัล และเนื่องจากสายบิดเกลียวคูจะมี
การสูญเสียสัญญาณ ดังนั้น จึงจําเปนตองมีเครื่องขยายสัญญาณสําหรับการสงสัญญาณ
ขอมูลแบบดิจิทัล
4 เฉลย
Key Unit Test 6
1. ตอบ ขอ 4. จากสมการ E = Vd
= 160 -3 = 80,000 V/m
2 × 10
ถาตองการใหอนุภาคบีตาเคลื่อนที่ทะลุชองเปด S พอดี (ไมเบี่ยงเบน) แสดงวา FE
และ FB ตองมีขนาดเทากันแตทิศตรงกันขาม จะไดความสัมพันธ
v = BE
= 80,000
4
= 20,000 m/s
อนุภาคบีตามีประจุลบ แรงจากสนามแมเหล็กจะทําใหประจุลบเคลือ่ นทีโ่ คงลง แรงจาก
สนามไฟฟาตองมีทิศขึ้น (สนามไฟฟามีทิศลง) เพื่อที่จะทําใหอนุภาคเคลื่อนที่เปนเสนตรง
ฉะนั้น แผนตัวนํา A ตองเปนขั้วไฟฟาบวก แผนตัวนํา B ตองเปนขั้วไฟฟาลบ
ดังนั้น ความเร็วของอนุภาคตองมีขนาดเทากับ 20,000 เมตรตอวินาที และแผนตัวนํา B
ตองเปนขั้วไฟฟาลบ
2. ตอบ ขอ 5. จากสมการ q = mgd V
ne = mgd V -5
1010(1.6 × 10-19) = (3 ×300 10 )d
d = 0.016 m
= 1.6 cm
จากสมการ t = vs
= 1.6
0.2
= 8s
ดังนั้น หยดนํ้ามันจะลอยจากแผนลางถึงแผนบนใชเวลาเทากับ 8 วินาที
เฉลย 5
3. ตอบ ขอ 2. หลอดโซเดียมเปลงแสงออกมาดวยอัตรา 10 วัตต แสดงวา ใน 1 วินาที หลอด
โซเดียมเปลงแสงออกมา 10 จูล
จากสมการ E = nhf = nhc λ
-34 8
10 = n(6.626 × 10 )(3-9 × 10 )
(600 × 10 )
n = 3.02 × 1019 โฟตอน
ดังนั้น หลอดโซเดียมสงโฟตอนออกมาจํานวนเทากับ 3.02 × 1019 โฟตอน
4. ตอบ ขอ 5. หาพลังงานโฟตอนทีน่ อ ยทีส่ ดุ ทีท่ าํ ใหอะตอมไฮโดรเจนในสถานะพืน้ กลายเปน
อะตอมไอออนไดจากสมการ ΔE = En - En
i f
= E1 - E∞ = (-13.6) - 0
= 13.6 eV
อะตอมไฮโดรเจนตองดูดกลืนโฟตอนพลังงาน 13.6 eV อะตอมจึงจะแตกตัวเปน
ไอออน แตโจทยบอกวา ไฮโดรเจนดูดกลืนโฟตอนพลังงาน 15 eV
ดังนัน้ อิเล็กตรอนทีห่ ลุดออกมาจะมีพลังงานเทากับ 15 - 13.6 = 1.4 อิเล็กตรอนโวลต
5. ตอบ ขอ 3. จากสมการ ΔE
= Eni - Enf
16 = |E1 - E3| = E3 - E1
E
16 = 21 - E1
3
144 = E1 - 9E1
E1 = -18 eV
ดังนั้น สถานะพื้นของอะตอมมีพลังงานเทากับ -18 อิเล็กตรอนโวลต
6. ตอบ ขอ 4. จากโจทย 1.936 × 10-18 J = 12.10 eV
n=4 -0.85 eV
12.75 eV
n=3 -1.51 eV
12.09 eV
n=2 -3.4 eV
10.2 eV
n=1 -13.6 eV
6 เฉลย
จากพลังงานของอะตอมไฮโดรเจนที่ระดับพลังงานตาง ๆ แสดงวา อิเล็กตรอนจะถูก
กระตุนจาก n = 1 ไปสู n = 3 เขียนเสนสเปกตรัมทั้งหมดที่เกิดขึ้นได ดังนี้
n=3
λ1
n=2
λ2 λ3
n=1
8 เฉลย
จากสมการ Ekmax = hfB - WB
= 4.5 - 1.242
= 3.258 eV
ดังนั้น พลังงานจลนสูงสุดของโฟโตอิเล็กตรอนจากวัตถุ B มีคาเทากับ 3.258 อิเล็กตรอน
โวลต
12. ตอบ ขอ 4. จากสมการ Ekmax = hf - W
1 mv2 = hc - hc
2 max λ λ0
= hc (λ1 - λ1 )
0
1 (9 × 10-31)v2 = (6.626 × 10-34)(3 × 108) ( 1 - 1 )
2 max 10-9 300 330
vmax = 3.66 × 105 m/s
ดังนั้น โฟโตอิเล็กตรอนที่เกิดขึ้นจะมีอัตราเร็วสูงสุดเทากับ 3.66 × 105 เมตรตอวินาที
13. ตอบ ขอ 5. จากสมการ Ekmax = hf - W
eVs = hf - W
Vs = he f - We
เทียบกับสมการเสนตรง y = mx + C
ฉะนั้น ความชันของกราฟมีคาเทากับ he
Δy = h
Δx e
0.5 - 0 = h
14
(6 - 4.5)10 1.6 × 10-19
h = 5.3 × 10-34 J s
ดังนั้น คาคงตัวของพลังคคํานวณจากกราฟไดเทากับ 5.3 × 10-34 จูล วินาที
เฉลย 9
14. ตอบ ขอ 3. เมือ่ ฉายแสงดวยความถีข่ ดี เริม่ จะมีผลทําใหอเิ ล็กตรอนหลุดจากผิวโลหะพอดี
ฉะนั้น Ekmax = 0 J หรือ Vs = 0 V จากกราฟที่ Vs = 0 V จะได f0 = 4.5 × 1014 Hz
จากสมการ W = hf0
= (5.3 × 10-34)(4.5 × 1014)
= 2.385 × 10-19 J
= 1.5 eV
ดังนั้น พลังงานยึดเหนี่ยวอิเล็กตรอนของโลหะที่ใชมีคาเทากับ 1.5 อิเล็กตรอนโวลต
15. ตอบ ขอ 1. จากสมการ 1 mv2 = E (1)
2 k
นําสมการ (1) × m
จะได 1 m2v2 = mE
2 k
2
(mv) = 2mEk
mv = 2mEk (2)
จากสมการ λ = h = mv h
p
แทนคา mv จากสมการ (2) จะได λ = h
2mEk
จากโจทย พลังงาน 2 MeV = 2 × 106 × 1.6 × 10-19 = 3.2 × 10-13 J
จากสมการ λ = h
2mEk
= 6.626 × 10-34
2(3 × 10-27)(3.2 × 10-13)
= 1.51 × 10-5 nm
ดังนั้น ความยาวคลื่นเดอบรอยลมีคาเทากับ 1.51 × 10-5 นาโนเมตร
16. ตอบ ขอ 3.
จากโจทย อิเล็กตรอนของอะตอมไฮโดรเจนสถานะถูกกระตุนที่ 4 (n = 5) มีความ
ยาวคลื่นเดอบรอยลเทากับ λ5
10 เฉลย
อิเล็กตรอนของอะตอมไฮโดรเจนสถานะถูกกระตุนที่ 2 (n = 3)
มีความยาวคลื่นเดอบรอยลเทากับ λ3
จากสมการ λ = h แสดงวา λ ∝ 1 และ Ek(n) = En
2mEk Ek
λ5 E3
จะไดความสัมพันธ λ3
= E5
E
จากสมการ En = 21
n
ฉะนั้น
λ5
= 52 = 5
λ3 32 3
ดังนั้น มีความยาวคลื่นเดอบรอยลเปน 53 เทา
17. ตอบ ขอ 1. หาความยาวคลืน่ ของโฟตอนทีป่ ลดปลอยออกมาเมือ่ อิเล็กตรอนเปลีย่ นสถานะ
จากสมการ ΔE = hf
En - En = hc
i f λ
-13.6 - -13.6 = (6.626 × 10-34)(3 × 108)
( 32 ) ( 22 ) λ(1.6 × 10 )
-19
-6
1.89 = 1.242 λ× 10
λ = 657.14 nm
จากสมการ p = λh
-34
= 6.626 × 10 -9
657.14 × 10
= 1 × 10-27 kg m/s
ดังนั้น จะปลดปลอยโฟตอนที่มีโมเมนตัมเทากับ 1 × 10-27 กิโลกรัม เมตรตอวินาที
18. ตอบ ขอ 4. จากสมการ rn = a0n2
25a0 = a0n2
ฉะนั้น n = 5
เฉลย 11
v
จากสมการ vn = n1
6
v5 = 2.18 5× 10 = 4.36 × 105 m/s
จากสมการ λ = hp = mv h
= 6.626 × 10-34
(9 × 10-31)(4.36 × 105)
= 1.69 nm
ดังนั้น จะมีความยาวคลื่นเดอบรอยลเทากับ 1.69 นาโนเมตร
19. ตอบ ขอ 2. จากสมมติฐานของเดอบรอยลทวี่ า อิเล็กตรอนประพฤติตวั เปนคลืน่ โดยสงคลืน่
ออกมาแทรกสอดกันกลายเปนคลื่นนิ่ง ซึ่งจะเกิดขึ้นไดเมื่อความยาวเสนรอบวงของการ
โคจรมีคาเปนจํานวนเต็มเทาของความยาวคลื่นของอิเล็กตรอน เขียนความสัมพันธไดเปน
2πrn = nλ (1)
เราทราบความสัมพันธ rn = a0n2
แทนคา rn ลงในสมการ (1)
จะได 2πa0n2 = nλ
ฉะนั้น λ = 2πa0n (2)
จากโจทย อิเล็กตรอนทีอ่ ยูส ถานะถูกกระตุน ที่ 6 คือ n = 7 และ a0 = 5.3 × 10-11 m
แทนคาลงในสมการ (2) จะได λ = 2 (227 )(5.3 × 10-11)(7)
= 2.332 nm
ดังนั้น ความยาวคลื่นเดอบรอยลของอิเล็กตรอนที่อยูสถานะถูกกระตุนที่ 6 มีคาเทากับ
2.332 นาโนเมตร
20. ตอบ ขอ 2. Δv = 0.02 100 (300) = 6 × 10 m/s
-2
จากสมการ ΔxΔp ≥ ħ
2
Δx(mΔv) ≥ ħ
2
-31 -2
Δx(9 × 10 )(6 × 10 ) ≥ 5.27 × 10
-35
Δx ≥ 9.76 × 10 m
-4
≥ 0.098 cm
เฉลย 13
N0
5. ตอบ ขอ 1. ธาตุกัมมันตรังสีสลายไปเหลือ 12.5
100 เท า ของเดิ ม คื อ N = 8
N
จากสมการ N = n0
2
N0 N0
8 = 2n
ฉะนั้น n =3
จากสมการ t = nT1
2
= 3(20) = 60 ป
ดังนั้น ตองใชเวลานานเทากับ 60 ป
6. ตอบ ขอ 3. ธาตุ A และธาตุ B ตางมีกัมมันตภาพเทากัน
AA = AB
λANA = λBNB
0.693 N = 0.693 N
TA A TB B
NA TA
NB = TB
NA
NB = 3
ดังนั้น อัตราสวนของจํานวนอะตอมของธาตุ A : B คือ 3 : 1
1
7. ตอบ ขอ 2. จากสมการ R = r0A3
R1 A1 13
จะได R2 = (A2)
1
R = 23 3
2R (A2)
3
( 12 ) = A232
A2 = 184 u
ดังนั้น ธาตุ W-184 จะมีขนาดเปน 2 เทาของธาตุ 1123Na
14 เฉลย
8. ตอบ ขอ 5. จากสมการ A = A0e-λt
ln A = ln A0e-λt
ln A = ln A0 - λt(ln e)
ln A = ln A0 - λt
เทียบกับสมการเสนตรง Y = mX + C
ทําใหเราทราบวา slope = -λ
- 105 = -λ
λ = 0.5 s-1
จากสมการ λ = 0.693
T 1
2
T = 0.693
0.5 = 1.386 s
ดังนั้น ครึ่งชีวิตของ 2455Cr เทากับ 1.386 วินาที
N
9. ตอบ ขอ 4. จากกราฟ NN = 0.5 หรือ N = 20 ตรงกับเวลา 6 h
0
แสดงวา T1 = 6 h
2
จากโจทย N = 10 g t = 1 วัน กับอีก 12 h รวมเปนเวลาเทากับ 36 h
N
จากสมการ N = n0 และ n = Tt = 366 = 6
2 1
2
N0
10 = 6
2
N0 = 640 g
ดังนั้น จะตองใหหองปฏิบัติการนิวเคลียรสังเคราะหสารนี้ปริมาณเทากับ 640 กรัม
เฉลย 15
10. ตอบ ขอ 2. จากสมการ A = λN และ λ = lnT 2
1
2
(10 × 10-3)(3.7 × 1010) = 138 × 240.693
× 60 × 60
N
N = 6.37 × 1015 atom
จากสมการ มวล × N
จํานวนอะตอม = มวลอะตอม A
16 เฉลย
12. ตอบ ขอ 1. ลูกเตา 6 หนา แตมสี 2 หนา เมื่อทอดลูกเตาจะมีโอกาสหงายหนาที่แตมสี
จํานวน 26 = 13 เริ่มตนลูกเตา 600 ลูก ทอดครั้งที่ 1 จะมีโอกาสหงายหนาที่แตมสีจํานวน
= 13 (600) = 200 ลูก
เมื่อคัดออกจะเหลือลูกเตา N1 = 600 - 200 = 400 ลูก
นํามาทอดครั้งที่ 2 จะหงายหนาที่แตมสีจํานวน = 13 (400) = 134 ลูก
เมื่อคัดออกจะเหลือลูกเตา N2 = 400 - 134 = 266 ลูก
นํามาทอดครั้งที่ 3 จะหงายหนาที่แตมสีจํานวน = 13 (266) = 89 ลูก
เมื่อคัดออกจะเหลือลูกเตา N3 = 266 - 89 = 177 ลูก
นํามาทอดครั้งที่ 4 จะหงายหนาที่แตมสีจํานวน = 13 (177) = 59 ลูก
เมื่อคัดออกจะเหลือลูกเตา N4 = 177 - 59 = 118 ลูก
ดังนั้น จะเห็นวาเริ่มตนลูกเตา 600 ลูก เมื่อทอดลูกเตาถึงครั้งที่ 4 จะเหลือลูกเตา 118 ลูก
หรือ N0(1 - λ)n = 600(1 - 13)4 = 600(23)4 = 118 ลูก
13. ตอบ ขอ 3. กําหนดให ลูกเตาชุด B มีจํานวน x ลูก
พิจารณาลูกเตาชุด A ; มี 6 หนา แตมสีไว 2 หนา แสดงวา λ = 26 = 13
ครั้งที่ 1 จะมีลูกเตาที่หงายหนาที่แตมสีเทากับ 600(13) = 200 ลูก
พิจารณาลูกเตาชุด B ; มี 6 หนา แตมสีไว 3 หนา แสดงวา λ = 36 = 12
ครั้งที่ 1 จะมีลูกเตาที่หงายหนาที่แตมสีเทากับ x(12) = 200 ฉะนั้น x = 400 ลูก
ดังนั้น จะตองใชลูกเตาชุด B เทากับ 400 ลูก
14. ตอบ ขอ 3.
เนื่องจากปฏิกิริยามีพลังงานปลอยออกมา แสดงวา เปนปฏิกิริยาแบบคายพลังงาน
ฉะนั้น มวลรวมหลังเกิดปฏิกิริยาตองนอยกวามวลรวมกอนเกิดปฏิกิริยา ซึ่งผลตางของ
พลังงานจลนของอนุภาคแอลฟากับอนุภาคนิวตรอน คือ พลังงานที่เทียบกับมวลที่หายไป
จะได Ek(n) - Ek(α) = ΔE
15.7 - 10 = ΔE
ΔE = 5.7 MeV
เฉลย 17
5.7 = 6.12 × 10-3 u
ฉะนั้น พลังงานที่ปลอยออกมาเทากับ 5.7 MeV = 931
หามวลอะตอมของ 94Be
กําหนดให มวลอะตอมของ 94Be เทากับ x u
มวลรวมกอนเกิดปฏิกิริยา = มวล 94Be + มวล 42He
= x + 4.002604
มวลรวมหลังเกิดปฏิกิริยา = มวล 126C + มวล 10n
= 12.000000 + 1.008665
= 13.008665 u
ฉะนั้น (x + 4.002604) - 13.008665 = 6.12 × 10-3
x = 9.012181 u
ดังนั้น มวลอะตอมของ 94Be เทากับ 9.012181 u
15. ตอบ ขอ 5. เปลี่ยนพลังงาน 9 × 108 J เปนมวล
จากสมการ E = mc2
9 × 108 = m(3 × 108)2
m = 10-8 kg
มวลที่หายไป คือ 10-8 kg เปน 1% ของมวลเดิม (m0)
10-8 = 100 1 (m )
0
-6
ฉะนั้น m0 = 10 kg = 1 mg
ดังนั้น จะตองใชยูเรเนียม-235 เทากับ 1 มิลลิกรัม
16. ตอบ ขอ 2. เนื่องจากปฏิกิริยามีพลังงานปลอยออกมา แสดงวา เปนปฏิกิริยาแบบคาย
พลังงาน ฉะนั้น พลังงานยึดเหนี่ยวหลังเกิดปฏิกิริยามากกวากอนเกิดปฏิกิริยา
ฉะนั้น (B.E.Y + B.E.b) - (B.E.X + B.E.a) = 4
(94 + B.E.b) - ( 61.7 + 28.3) = 4
B.E.b = 0 MeV
ดังนั้น คาพลังงานยึดเหนี่ยวของ b เทากับ 0 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
18 เฉลย
17. ตอบ ขอ 3. จากโจทย เขียนปฏิกิริยานิวเคลียรได ดังนี้
220 A 110X + 110X + Q
Z Z Z
2 2
เนื่องจากปฏิกิริยาปลอยพลังงานออกมา แสดงวา เปนปฏิกิริยาแบบคายพลังงาน
ฉะนั้น พลังงานยึดเหนี่ยวหลังเกิดปฏิกิริยามากกวากอนเกิดปฏิกิริยา
จะได B.E.หลัง - B.E.กอน = Q
[110(10) + 110(10)] - 220(6) = 880 MeV
ดังนั้น พลังงานที่ถูกปลอยออกมาจากการแตกตัวของนิวเคลียส A 1 นิวเคลียส
เทากับ 880 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
18. ตอบ ขอ 4.
สมการ (A) ไดพลังงานนิวเคลียร QA เปนบวก แสดงวา หลังเกิดปฏิกริ ยิ ามวลจะลดลง
สมการ (B) ไดพลังงานนิวเคลียร QB เปนลบ แสดงวา หลังเกิดปฏิกริ ยิ ามวลจะเพิม่ ขึน้
ฉะนั้น พิจารณาสมการ (B) เปนจํานวน 10 ครั้ง มีพลังงานเทากับ
10(1.19) = 11.9 MeV
พลังงาน 931 MeV มีมวล 1 u
ถามีพลังงาน 11.9 MeV มีมวล 1 ×93111.9 = 0.013 u
ดังนั้น สมการ (B) จะใหการเปลี่ยนแปลงของมวลที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น 0.013 u
19. ตอบ ขอ 5. จากโจทย เขียนปฏิกิริยานิวเคลียรได ดังนี้
148La + 85Br 233U
57 35 92
มวลรวมกอนเกิดปฏิกิริยา = มวล 14857La + มวล 3585Br
= 147.961 + 84.938 = 232.899 u
มวลรวมหลังเกิดปฏิกิริยา = มวล 23392U
= 233.112 u
ฉะนั้น Δm = 233.112 - 232.899
= 0.213 u = 0.213(931) = 198.303 MeV
ดังนั้น จะตองใชพลังงานประมาณ 198 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
เฉลย 19
20. ตอบ ขอ 2.
มวลรวมกอนเกิดปฏิกิริยา = มวล 62He
= 6.02047 u
มวลรวมหลังเกิดปฏิกิริยา = มวล 63Li + มวล β
-31
= 6.01702 + (9.11 × 10-27)
1.66 × 10
= 6.017569 u
ฉะนั้น Δm = 6.02047 - 6.017569 = 2.901 × 10-3 u
= 2.901 × 10-3(931) = 2.7 MeV
= 2.7(1.6 × 10-13) = 4.32 × 10-13 J
จากสมการ Ek = 1 mv2
2
4.32 × 10-13 = 12 (9.11× 10-31)v2
v = 9.74 × 108 m/s
ดังนั้น อนุภาคบีตาจะมีความเร็วเทากับ 9.74 × 108 เมตรตอวินาที
20 เฉลย
Key วัดผลสัมฤทธ�์ทางการเร�ยน เลม 2
ข้อสอบ
1. ตอบ ขอ 2.
จากสมการ c = fλ
3 × 108 = f(0.60)
จะได = 500,000,000 Hz = 500 MHz
เนื่องจากสนามไฟฟาและสนามแมเหล็กของคลื่นแมเหล็กไฟฟามีเฟสตรงกันเสมอ
ทําใหความถี่มีคาเทากัน
ดังนั้น สนามแมเหล็กของคลื่นไมโครเวฟนี้จะมีความถี่ประมาณ 500 เมกะเฮิรตซ
2. ตอบ ขอ 2. จากกฎมือขวา จะไดวา ถาสนามไฟฟามีทศิ +Y สนามแมเหล็กมีทศิ -Z ดังนัน้
คลื่นแมเหล็กไฟฟานี้จะมีทิศการเคลื่อนที่ คือ -X แตอัตราเร็วของคลื่นแมเหล็กไฟฟามีคา
คงตัว ไมขึ้นอยูกับการเปลี่ยนแปลงของสนามไฟฟาและสนามแมเหล็ก
3. ตอบ ขอ 4. ใหความเขมของแสงเริ่มตนจากแหลงกําเนิดมีคาเปน I0
I
เมื่อผานแผนที่ 1 I1 = 20
เมื่อผานแผนที่ 2 I2 = I1 cos2 45 ํ
I
25 = 20 ( 22 )2
จะได I0 = 100 W/m2
ดังนั้น ความเขมของแสงของแหลงกําเนิดมีคาเทากับ 100 วัตตตอตารางเมตร
4. ตอบ ขอ 1. ให n0 n1 และ n2 คือ ดรรชนีหักเหแสงในตัวกลางที่เปนอากาศ ของเหลว
ชนิดที่ 1 และของเหลวชนิดที่ 2 ตามลําดับ
เนื่องจากมุมบรูสเตอรในการทดลองที่ 1 คือ 37 ํ
n
จากสมการ tan θp = n2
1
n1
tan 37 ํ = n
0
จะได n1 = 34 n0 (1)
เฉลย 21
เนื่องจากมุมบรูสเตอรในการทดลองที่ 2 คือ 60 ํ
n
จากสมการ tan θp = n2
1
n2
tan 60 ํ = n
0
จะได n2 = 3n0 (2)
(1) n1 34 n0 3 3
นําสมการ (2) จะได n2 = 3n = 4 3 = 4
0
ดังนั้น อัตราสวนของดรรชนีหักเหแสงของของเหลวชนิดที่ 1 เทียบกับของเหลวชนิดที่ 2
มีคาเปน 3
4
5. ตอบ ขอ 4. การกระเจิงของแสงเกิดจากการที่แสงของดวงอาทิตยซึ่งเปนแสงไมโพลาไรส
พุง ผานโมเลกุลของแกสในชัน้ บรรยากาศ ทําใหเกิดการกระเจิงในทิศทางตาง ๆ โดยแสงทีม่ ที ศิ
ตัง้ ฉากกับทิศทางเริม่ ตนจะเปนแสงโพลาไรส โดยแสงสีฟา จะสามารถกระเจิงไดมากกวาแสง
สีแดง ปรากฏการณนี้จึงทําใหเกิดสีของทองฟาในเวลาตาง ๆ กัน
6. ตอบ ขอ 5. ขอความที่ถูกตอง คือ ขอ ก. เพียงขอเดียว
7. ตอบ ขอ 3. รังสีอินฟราเรดเปนรังสีที่เกิดจากการแผความรอนของวัตถุตาง ๆ รวมถึง
ความรอนจากสิง่ มีชวี ติ จึงมีการประยุกตใชในการตรวจวัดอุณหภูมริ า งกายดวยเครือ่ งสแกน
อุณหภูมิ (thermoscan)
8. ตอบ ขอ 1. อัลตราซาวนด คือ คลื่นเหนือเสียงที่มีความถี่มากกวา 20,000 เฮิรตซ ซึ่ง
มนุษยไมสามารถไดยิน โดยคลื่นเสียงเปนคลื่นกลตองอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ เชน
อากาศ จึงไมจัดเปนคลื่นแมเหล็กไฟฟา
9. ตอบ ขอ 1. ระบบกําหนดตําแหนงบนโลก (GPS) ประกอบดวย 3 สวนหลัก คือ สวน
อวกาศ (Space segment) สวนสถานีควบคุม (Control station segment) และสวนผูใช
(User segment) ออกแบบและจัดสรางโดยกองทัพสหรัฐอเมริกาเพื่อใชในการนําทาง
หลักการของเครื่อง GPS คือ การคํานวณระยะทางระหวางดาวเทียมกับอุปกรณรับ
GPS โดยจะตองทราบตําแหนงของดาวเทียมแตละดวง ประกอบกับระยะทางจากดาวเทียม
3 ดวงขึน้ ไป อุปกรณ GPS จะสามารถคํานวณหาจุดตัดกันของผิวทรงกลมของระยะทางของ
ดาวเทียม GPS แตละดวงได ดังนั้น สิ่งที่อุปกรณ GPS จําเปนตองทราบในการคํานวณหา
ตําแหนงแตละครั้ง คือ ตําแหนงดาวเทียม GPS ในอวกาศ อยางนอย 3 ดวง และระยะหาง
ระหวางดาวเทียม GPS แตละดวงกับอุปกรณ GPS
22 เฉลย
10. ตอบ ขอ 4. รังสีอินฟราเรดเปนคลื่นที่ใชสื่อสารในชวงที่ตามองไมเห็น การสงขอมูลดวย
รังสีอนิ ฟราเรดตองสงในแนวเสนตรง ไมสามารถทะลุสงิ่ กีดขวางทีม่ คี วามหนาได นิยมใชใน
การสงถายโอนขอมูลสําหรับอุปกรณแบบพกพา เชน คอมพิวเตอรแบบพกพา หรือเครื่อง
พีดีเอไปยังคอมพิวเตอรสวนบุคคล
11. ตอบ ขอ 3. จากโจทย สามารถเขียนแรงที่กระทําตอหยดนํ้ามันได ดังนี้
FE
a = 3 m/s2 - E 2 cm
mg
จากสมการ ΣF = ma
FE - mg = ma
qE = ma + mg
ne Vd = m(a + g)
10(1.6 × 10-19) V -2 = 6.4 × 10-15(3 + 10)
2 × 10
V = 1,040 V
ดังนั้น ความตางศักยระหวางแผนโลหะทั้ง 2 แผน มีคาเทากับ 1,040 โวลต
12. ตอบ ขอ 2. แสงมีความเขม 5 W/m2 หมายความวา พื้นที่ 1 m2 จะไดรับแสง 5 W
ถาพื้นที่ 5 × 10-4 m2 จะไดรับแสง 2.5 × 10-3 W
จากสมการ P = Wt = Et
= nhft
= λtnhc
-34 8
2.5 × 10-3 = n(6.626 × 10 -9)(3 × 10 )
(660 × 10 )15
n = 1.245 × 1017 โฟตอน
จากสมการ P = AF (1)
เฉลย 23
และ F = โมเมนตัมของโฟตอนทั
เวลา
้งหมด
nh
F = λt = nh tλ (2)
แทนคา F ลงในสมการ (1) จะได
P = tλnhA
17 × 10-34)
= (1.245 × 10 )(6.626
15(660 × 10-9)(5 × 10-4)
= 1.67 × 10-8 N/m2
ดังนั้น ความดันบนผิววัตถุจะมีคาเทากับ 1.67 × 10-8 นิวตันตอตารางเมตร
13. ตอบ ขอ 5. โจทยตอ งการสเปกตรัมเสนทีม่ คี วามยาวคลืน่ สัน้ ทีส่ ดุ (λสัน้ ) แสดงวา พลังงาน
ที่คายออกมาตองมีคามากที่สุด ซึ่งก็คือ E5 1
หา E5 ; จากสมการ En = - 13.6
n2
= - 13.6 = -0.54 eV
52
หา λสั้น ; จากสมการ ΔE = hf
Ei - Ef = hcλ
-34 8
(-0.54) - (-13.6) = (6.626 × 10 )(3-19× 10 )
λ(1.6 × 10 )
-8
λ = 9.513 × 10 m = 95.13 nm
ดังนั้น สเปกตรัมเสนที่มีความยาวคลื่นสั้นที่สุดมีคาเทากับ 95.13 นาโนเมตร
14. ตอบ ขอ 2. จากสมการ = a0n2
rn
= a0n2
49a0
n
=7
จากสมการ 2πrn
= nλ
2π49a0
= 7λ
-9
λ = 2.332 × 10 m = 2.332 nm
ดังนั้น ความยาวคลื่นเดอบรอยลของอิเล็กตรอนเทากับ 2.332 นาโนเมตร
24 เฉลย
15. ตอบ ขอ 1.
E1
จากสมการ En =
n2
จากโจทย En - En + 1 ≤ 14 En
E1 E1 E1
- ≤
n2 (n + 1)2 4n2
1- 1 ≤ 1
n2 (n + 1)2 4n2
1 ≥ 1- 1
(n + 1)2 n2 4n2
1 ≥ 3
(n + 1)2 4n2
4n2 ≥ 3(n + 1)2
2n ≥ 3(n + 1)
n ≥ 6.45
ดังนั้น n ตองมีคาตั้งแต 7 ขึ้นไป (ตองเปนจํานวนเต็ม)
16. ตอบ ขอ 4. จากโจทย λ1 = 200 nm λ2 = 450 nm และ v1 = 3v2 แสดงวา Ek1 = 9Ek2
จากสมการ Ekmax = hf - W
= hcλ - hf0
จากความสัมพันธ Ek1 = 9Ek2
hc - hf = 9hc - 9hf
λ1 0 λ2 0
8hf0 = 9hc
λ
- hc
λ
2 1
9 - 1 ) 3 × 108
8f0 = (450 200 10-9
f0 = 5.63 × 1014 Hz
ดังนั้น ความถี่ขีดเริ่มเทากับ 5.63 × 1014 เฮิรตซ
เฉลย 25
17. ตอบ ขอ 5. โลหะที่ตองใชพลังงานในการทําใหอิเล็กตรอนหลุดออกจากผิวโลหะเทากับ
2 × 10-19 J แสดงวา โลหะนี้มีฟงกชันงานเทากับ 2 × 10-19 J
เปลี่ยน Ekmax ใหอยูในเทอมของ p
จะได Ekmax = 12 mv2
2 p2
= (mv)
2m = 2m
จากสมการ Ekmax = hf - W
p2 = hf - W
2m
p2 = (6.626 × 10-34)(6 × 1014) - (2 × 10-19)
2m
p2 = (1.98 × 10-19)2 (9.11 × 10-31)
= 3.6 × 10-49
p = 6 × 10-25 kg m/s
ดังนั้น อิเล็กตรอนที่หลุดจากผิวจะมีโมเมนตัมสูงสุดเทากับ 6 × 10-25 กิโลกรัม
เมตรตอวินาที
18. ตอบ ขอ 3. จากกราฟ ความถี่ขีดเริ่ม (f0) เทากับ 2 × 1014 Hz
จากสมการ Ekmax = hf - W
eVs = hf - hf0
Vs = he (f - f0)
-34
= 6.626 × 10-19 (5 - 2) × 1014
1.6 × 10
= 1.24 V
ดังนั้น เกงตองใชความตางศักยหยุดยั้งเทากับ 1.24 โวลต
19. ตอบ ขอ 2. การทดลองของฟรังกและเฮิรตซ แบบจําลองอะตอมของโบร สเปกตรัมของ
ไฮโดรเจน และการเกิดรังสีเอกซเฉพาะตัว เปนการสนับสนุนวาอะตอมมีพลังงานเปนชั้น ๆ
26 เฉลย
20. ตอบ ขอ 2. จากสมการ ΔE= Eni - Enf
-12.75 = (-13.6) - (-Enf)
Enf = 0.85 eV
จากสมการ ΔE = En - En
i f
-13.06 = (-13.6) - (-Enf)
Enf = 0.54 eV
ดังนั้น พลังงานของสถานะถูกกระตุน คือ -0.85 อิเล็กตรอนโวลต และ
-0.54 อิเล็กตรอนโวลต
21. ตอบ ขอ 5. เนื่องจากความเร็วของคารบอนหลังการชนมีคานอยกวาความเร็วแสงมาก
จึงละเลยผลของทฤษฎีสัมพันธภาพได การชนของโฟตอนของรังสีเอกซกับคารบอนจะเปน
ไปตามกฎอนุรักษโมเมนตัม ดังนี้
กอนชน หลังชน
+ _ 350 m/s
A C A C
28 เฉลย
หรือ n = Mm
m = nM
m = 15 -4 4
16 (4 × 10 )(10-3)
= 1.50 mg
ดังนั้น เมื่อทิ้งไวนาน 300 วัน จะเกิดอนุภาคแอลฟาขึ้น 1.50 มิลลิกรัม
26. ตอบ ขอ 3. จากโจทย AX = 4AY
จะได λXNX = 4λYNY
0.693 N = 4 0.693 N
TX X TY Y
TX NX 5NY 5
TY NY(4) 4NY = 4
= =
ดังนั้น ครึ่งชีวิตของธาตุ X จะเปน 54 เทาของธาตุ Y
27. ตอบ ขอ 1. โอกาสที่ลูกเตาจะหงายหนาที่ไมไดแตมสี (λ) เทากับ 46 = 23 ฉะนั้น โอกาสที่
ลูกเตาจะอยูในกองเทากับ 1 - 23 = 13
ทอดลูกเตาครั้งที่ 1 เหลือลูกเตา 13 (120) = 40 ลูก
ทอดลูกเตาครั้งที่ 2 เหลือลูกเตา 13 (40) = 13.33 ≈ 14 ลูก
ดังนั้น โดยสถิติจะเหลือจํานวนลูกเตาประมาณ 14 ลูก หรืออาจใชสูตรลัด
N = N0(1 - λ)n = 120(1 - 23)2 ≈ 14 ลูก
28. ตอบ ขอ 2. จากโจทย λ = 1
12
จากสมการ T = lnλ2
= 0.693
1 = 8.316 ≈ 8 ครั้ง
12
N0
จากสมการ N = n
2
N = 1t
N0
2T
100 = 1t
200
2T เฉลย 29
1 = 1t
2
2T
จะได t
T = 1
t = 8
ดังนั้น ตองทอดลูกเตา 8 ครั้ง จึงจะเหลือลูกเตา 100 ลูก
29. ตอบ ขอ 4. กําหนดให รอยดําขวาสุดอยูหางจากรอยดําตรงกลาง x หนวย
แผนฟลม
D1 x หนวย
D2
D3
2
จากสมการ qvB = mv
R
R = mv
qB
จาก D = 2R = qB 2v (m)
จะได 2v (15)
D1 = qB
2v (17)
D2 = qB
2v (18)
D3 = qB
จากภาพ 2v (2) = 5 หนวย
D2 - D1 = qB (1)
2v (1) = x หนวย
D3 - D2 = qB (2)
นําสมการ (2)
(1) จะได
2 = 5
1 x
x = 2.5 หนวย
ดังนั้น รอยดําขวาสุดอยูหางจากรอยดําตรงกลางเทากับ 2.5 หนวย
30 เฉลย
30. ตอบ ขอ 2. จากปฏิกิริยานิวเคลียร 23592U + 10n 14156Ba + 3692Kr + 3(10n)
มวลรวมกอนเกิดปฏิกิริยา = มวล 23592U + 10n
= 235.0439 + 1.0087 = 236.0526 u
มวลรวมหลังเกิดปฏิกิริยา = มวล 14156Ba + มวล 3692Kr + 3(มวล10n)
= 140.9144 + 91.9263 + 3(1.0087)
= 235.8668 u
ฉะนั้น Δm = 236.0526 - 235.8668 = 0.1858 u
= 0.1858(931) = 172.98 MeV
ดังนั้น ปฏิกิริยานิวเคลียรนี้ใหพลังงานประมาณ 173 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
เฉลย 31
Key รองรับระบบ TCAS
แนวข้อสอบ
เลม 2
1. ตอบ ขอ 1.
จากกฎมือขวา จะไดวา ถาสนามไฟฟามีทิศตะวันตกและคลื่นเคลื่อนที่ไปในทิศใต
ดังนั้น คลื่นแมเหล็กไฟฟานี้จะมีทิศของสนามแมเหล็กพุงลงสูพื้นดิน
2. ตอบ ขอ 3.
เนื่องจากแสงที่ใชในการทดลองเปนแสงที่ถูกโพลาไรสแลว ดังนั้น เมื่อแสงผาน
แผนโพลารอยด ความเขมแสงจะสอดคลองกับกฎของมาลุส (I2 = I1 cos2 θ)
ในการทดลองที่ 1 จะไดวา I2 = I1 cos2 30 ํ = 34 I1
ในการทดลองที่ 2 จะไดวา I2 = I1 cos2 60 ํ = 14 I1
ดังนั้น ความเขมแสงในการทดลองที่ 1 มีคามากกวาความเขมแสงในการทดลองที่ 2
3. ตอบ ขอ 4.
เนื่องจากแสงสะทอนบนผิวรอยตอระหวางอากาศและนํ้ามันเปนแสงโพลาไรส
n
จะได tan θp = n2
1
ให φ เปนมุมหักเหที่เกิดระหวางผิวรอยตอของอากาศและนํ้ามัน
จากหลักการหักเหของแสง
sin θp n2 n1 θp อากาศ
sin φ = n1
sin θp n
φ
นํ้ามัน
sin φ = tan θp 2 φ
sin θp sin θp
sin φ = cos θp n3 นํ้า
จะได sin φ = cos θp
เนื่องจากมุมตกกระทบระหวางนํ้ามันและนํ้าเปนมุมวิกฤตพอดี
ฉะนั้น sin φ = n3
sin 90 ํ n2
n
sin φ = n3
2
n3
จะได cos θp = n
2
n
ดังนั้น มุมตกกระทบระหวางอากาศและนํ้ามันมีคา arccos (n3)
2
32 เฉลย
4. ตอบ ขอ 2.
ระบบเอเอ็มยอมาจาก Amplitude Modulation ซึง่ เปนการสือ่ สารโดยการสงสัญญาณ
ที่เกิดจากการผสมคลื่นเสียงเขากับคลื่นพาหะโดยสัญญาณเสียงจะบังคับใหแอมพลิจูดของ
คลืน่ พาหะเปลีย่ นแปลงไปโดยคลืน่ พาหะยังมีความถีเ่ ทาเดิม ชวงความถีข่ องสัญญาณระบบ
เอเอ็มนั้นจะอยูที่ 530-1,600 กิโลเฮิรตซ
5. ตอบ ขอ 4.
รังสีเอกซมีสมบัติในการทะลุผานเนื้อเยื่อออนในรางกายได แตจะถูกขวางกั้นดวย
โครงกระดูก ดังนัน้ ภาพถายโครงกระดูกดวยรังสีเอกซ จึงเปนผลจากการขวางกัน้ รังสีเอกซ
โดยโครงกระดูก คลายกับการเกิดเงาบนฟลม
6. ตอบ ขอ 1. โฟโตอิเล็กตรอนจะเกิดขึน้ ทันทีเมือ่ แสงทีต่ กกระทบโลหะมีความถีม่ ากกวาหรือ
เทากับความถี่ขีดเริ่ม (f0)
7. ตอบ ขอ 5. จากโจทย ความคลื่นเดอบรอยลเทากับ 0.5 nm
จากสมการ p = λh
-15
= 4.14 × 10-9
0.5 × 10
= 8.28 × 10-6 eV s/m
เปลี่ยน Ekmax ใหอยูในเทอมของ p
จากสมการ Ekmax = 12 mv2
2 2
= m2mv
p2
= 2m
จากสมการ Ekmax = hf - W
p2 = hf - W
2m
(8.28 × 10 )2 = (4.14 × 10-15)(5 × 1015) - W
-6
2(0.5 × 106)
(3 × 108)2
6.17 = 20.7 - W
W = 14.53 eV
ดังนั้น โลหะชนิดนี้มีฟงกชันงานเทากับ 14.53 อิเล็กตรอนโวลต เฉลย 33
8. ตอบ ขอ 4. จากสมการ Ekmax = hf - W
0.7 × 1.6 × 10-19 = h(5.4 × 1014) - W1 (1)
1.6 × 1.6 × 10-19 = h(7.4 × 1014) - W2 (2)
จากโจทย W1 = W2 เพราะเปนโลหะแทงเดียวกัน
นําสมการ (2) - (1) จะได
(1.6 - 0.7)1.6 × 10-19 = (7.4 - 5.4)h(1014)
h = 7.2 × 10-34 J s
ดังนั้น คาคงตัวของพลังคประมาณ 7.2 × 10-34 จูล วินาที
9. ตอบ ขอ 3. จากสมการ λ = hp = mv h (1)
v
เราทราบความสัมพันธ vn = n1
นําคา vn ไปแทนคาในสมการ (1)
จะได λn = mvhn
1
ฉะนั้น λn ∝ n
λ6
λ
= 62
2
=3
ดังนั้น ความยาวคลืน่ เดอบรอยลของอิเล็กตรอนในอะตอมไฮโดรเจนทีร่ ะดับพลังงาน n = 6
เปน 3 เทาของความยาวคลื่นเดอบรอยลที่ระดับพลังงาน n = 2
10. ตอบ ขอ 4. รังสีเอกซที่ใหสเปกตรัมเฉพาะตัวเกิดจากอิเล็กตรอนที่ถูกเรงจนมีพลังงานสูง
เคลื่อนที่เขาไปในอะตอม และชนกับอิเล็กตรอนในวงโคจรชั้นในของอะตอมของเปาจน
อิเล็กตรอนในวงโคจรชั้นในหลุดไป อิเล็กตรอนในวงโคจรชั้นถัดออกไปซึ่งมีพลังงานสูงกวา
จะเขาไปแทนที่พรอมปลดปลอยพลังงานสวนเกินที่มีความยาวคลื่นเฉพาะตัวออกมา
34 เฉลย
11. ตอบ ขอ 5. จากสมการ ΔE = hf = hcλ แสดงใหเห็นวา ถา ΔE มีคานอย คา λ จะมี
คามาก ฉะนั้น λ ที่ยาวมากที่สุดอันดับ 1 อะตอมตองเปลี่ยนจากระดับ 2 1
ΔE = hc
λ
-13.6 - -13.6 = (6.626 × 10-34-19)(3 × -9108)
( 22 ) ( 12 ) λ(1.6 × 10 )(10 )
λ = 1,240
(-3.4) - (-13.6)
= 121.57 nm
λ ที่ยาวมากที่สุดอันดับ 2 อะตอมตองเปลี่ยนจากระดับ 3 1
ΔE = hc
λ
-13.6 - -13.6 = (6.626 × 10-34-19)(3 × -9108)
( 32 ) ( 12 ) λ(1.6 × 10 )(10 )
λ =
1,240
(-1.15) - (-13.6)
= 102.56 nm
λ ที่ยาวมากที่สุดอันดับ 3 อะตอมตองเปลี่ยนจากระดับ 4 1
ΔE = hc
λ
-13.6 - -13.6 = (6.626 × 10-34-19)(3 × -9108)
( 42 ) ( 12 ) λ(1.6 × 10 )(10 )
λ = 1,240
(-0.85) - (-13.6)
= 97.25 nm
λ ที่ยาวมากที่สุดอันดับ 4 อะตอมตองเปลี่ยนจากระดับ 5 1
ΔE = hc
λ
-13.6 - -13.6 = (6.626 × 10-34-19)(3 × -9108)
( 52 ) ( 12 ) λ(1.6 × 10 )(10 )
λ = 1,240
(-0.54) - (-13.6)
= 94.95 nm
ดังนั้น ขอ 5. ไมใชความยาวคลื่นที่ยาวที่สุดของเสนเปกตรัม 4 เสนแรก
เฉลย 35
12. ตอบ ขอ 1. จากความสัมพันธ ผลรวมของเลขมวลกอนการสลายเทากับผลรวมของเลขมวล
หลังการสลาย
จะได 197 + 2 = A + 4
A = 195
และผลรวมของเลขอะตอมกอนการสลายเทากับผลรวมของเลขอะตอมหลังการสลาย
จะได 79 + 1 = Z + 2
Z = 78
ดังนั้น มีโปรตอน 78 ตัว และมีนิวตรอนเทากับ 195 - 78 = 117 ตัว
13. ตอบ ขอ 5. จากสมการ A = λN
NAm
= 0.693
T1 A )
(
2
= ( 12.8 0.693 6.02 × 1023 × 1,000
× 60 × 60 )( 24 )
= (1.5 × 10-5)(2.5 × 1025)
= 3.75 × 1020 atoms/s
ดังนั้น จะมีอัตราการสลายเทากับ 3.75 × 1020 อะตอมตอวินาที
14. ตอบ ขอ 5. เดิมมีธาตุ A เทากับ N0 อนุภาค
สลายตัวไปเปนธาตุ B N0 - N อนุภาค และเหลือธาตุ A อยู N อนุภาค
โจทยตองการหาเวลาที่ทําใหธาตุ A มีจํานวนเปน 4 เทาของธาตุ B
แสดงวา N
N -N = 4
0
N = 4(N0 - N)
5N = 4N0
N = 4
N0 5
จากสมการ N = N0e-λt
N = e-λt
N0
จะได 4 = e-λt
5
4 = 5e-λt
36 เฉลย
ln 4 = ln 5 + [- λt(ln e)]
λt = ln 5 - ln 4
ln 2 t = ln 5 - ln 4
T
t = (ln 5ln- 2ln 4)T
ดังนั้น จะตองใชเวลานานเทากับ ( ln 5ln- 2ln 4 )T
15. ตอบ ขอ 2.
1. 2858Ni + 11H 58 1
29X + 0n
2. 115B + 21H 12X + 1H
5 1
3. 2964Cu + 10n 61 4
27X + 2He
4. 1327Al + 10n 24 4
11X + 2He
5. 1225Mg + γ 24 1
11X + 1H
เนือ่ งจาก B-11 กับ X-12 มีเลขอะตอมเทากันแตนวิ ตรอนไมเทากัน จึงเปนไอโซโทป
ของธาตุเดียวกัน
ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 2.
16. ตอบ ขอ 2. เขียนปฏิกิริยานิวเคลียรไดเปน +10e + -10e + 0.4759 MeV 3γ
มวลรวมกอนเกิดปฏิกิริยา = มวล +10e + มวล -10e
= 0.00055 + 0.00055 = 0.0011 u
ฉะนั้น พลังงานของปฏิกิริยา = (0.0011)931 + 0.4759 = 1.5 MeV
ดังนั้น พลังงานของรังสีแกมมาแตละครั้งมีคาเทากับ 1.5 3 = 0.5 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
17. ตอบ ขอ 4. พลังงานที่เกิดจากฟชชัน 1 ครั้ง หาไดจาก
ΔE = Δm(931)
= 0.05(931)(1.6 × 10-13)
= 7.448 × 10-12 J
เฉลย 37
ฉะนั้น พลังงาน 7.448 × 10-12 J เกิดจากฟชชัน 1 ครั้ง
ถาพลังงาน 7,448 J/s เกิดจากฟชชัน 7,448 -12 = 1.0 × 1015 ครั้ง
7.448 × 10
15
ดังนั้น จะตองเกิดฟชชัน 1.0 × 10 ครั้งตอวินาที จึงจะทําใหไดกําลัง 7,448 วัตต
18. ตอบ ขอ 1. จากสมการ E = mc2
4.5 × 1010 = 1 82
100 m (3 × 10 )
m = 5 × 10-5 kg = 0.05 g
ดังนั้น จะตองใช U-235 เทากับ 0.05 กรัม
19. ตอบ ขอ 3. จากดิวเทอเรียม 2 กรัม มีจํานวนอะตอม 6.02 × 1023 อะตอม
23
ถาดิวเทอเรียม 1 กรัม มีจํานวนอะตอม 6.02 × 210 × 1 = 3.01 × 1023 อะตอม
จากปฏิกิริยาฟวชัน ดิวเทอเรียม 3 อะตอม ไดพลังงาน 3.6 + 17.4 = 21 MeV
23 × 21
ถาดิวเทอเรียม 3.01 × 1023 อะตอม ไดพลังงาน (3.01 × 103 )
= 21.07 × 1023 MeV
ดังนั้น จะทําใหเกิดพลังงานทั้งหมดเทากับ 21.07 × 1023 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
20. ตอบ ขอ 3. กําหนดให มวลอะตอมของ 42He คือ x u
จากปฏิกิริยานิวเคลียร 21H + 31H 42He + 10n + 17.5 MeV
พลังงานของปฏิกิริยาเทากับ 17.5 MeV = 17.5
931 = 0.0188 u
มวลรวมกอนเกิดปฏิกิริยา = มวล 21H + มวล 31H
= 2.0141 + 3.0160 = 5.0301 u
มวลรวมหลังเกิดปฏิกิริยา = มวล 42He + มวล 10n
= x + 1.0087
เนื่องจากปฏิกิริยามีพลังงานปลอยออกมา แสดงวา เปนปฏิกิริยาแบบคายพลังงาน
ฉะนั้น มวลกอนเกิดปฏิกิริยามากกวามวลหลังเกิดปฏิกิริยา
ฉะนั้น 5.0301 - (x + 1.0087) = 0.0188
x = 4.0026 u
ดังนั้น พลังงานยึดเหนี่ยวของฮีเลียมเทากับ 4.0026(931)
= 3,726.42 เมกะอิเล็กตรอนโวลต
38 เฉลย