You are on page 1of 52

คู่มือครู

Teacher Script

คณิตศำสตร์ ม. 5
ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 5
ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560)
ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551

ผู้เรียบเรียงหนังสือเรียน ผู้ตรวจหนังสือเรียน บรรณาธิการหนังสือเรียน


Dr.Yeap Ban Har นางจินดา อยู่เป็นสุข นางสาวจันทร์เพ็ญ ชุมคช
Asst. Prof. Dr.Choy Ban Heng นายรณชัย มาเจริญทรัพย์
Dr.Joseph Yeo Boon Wooi นางสาวบูรนาถ เฉยฉิน
Mr.Teh Keng Seng
นายทวีศักดิ์ จันทรมณี

ผู้เรียบเรียงคู่มือครู บรรณาธิการคู่มือครู
นางสาวจันทร์เพ็ญ ชุมคช นางสาวนุศรา ชมเชย
นางสาววลัยลักษณ์ เพ็ชรดี นางสาววรรณทัศน์ เลิศอภิสิทธิ

พิมพครั้งที่ 1
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ
รหัสสินคา 3546008
ค� ำ แนะน� ำ กำรใช้
คูม่ อื ครู รายวิชาพืน้ ฐาน คณิตศาสตร์ ม.5 เล่มนี ้ จัดท�าขึน้ ส�าหรับ
ให้ครูผสู้ อนใช้เป็นแนวทางวางแผนการจัดการเรียนการสอน เพือ่ พัฒนา
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและการประกันคุณภาพผู้เรียนตามนโยบาย
ของส�านักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)

ิ่ม คําแนะนําการใช้ ช่วยสร้างความเข้าใจ เพื่อใช้คู่มือครูได้


เพ
อย่างถูกต้องและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด นํา นํา สอน สรุป ประเมิน
โซน 1
ขัน้ นํา (Deductive Method)
ิ่ม คําอธิบายรายวิชา แสดงขอบข่ายเนื้อหาสาระของรายวิชา
เพ
กําหนดขอบเขตของปญหา
1. ครู ก ระตุ  น ความสนใจของนั ก เรี ย น โดยให
ซึง่ ครอบคลุมมาตรฐานการเรียนรูแ้ ละตัวชีว้ ดั ตามทีห่ ลักสูตร นักเรียนดูภาพหนาหนวยการเรียนรูที่ 1 ใน
หนังสือเรียน หนา 2 แลวรวมกันสนทนาใน
ก�าหนด ชั้นเรียนถึงประโยชนของคารบอน-14 (C-14)
ในการคํานวณหาอายุของวัตถุโบราณ จากนั้น
ครู อ ธิ บ ายเพิ่ ม เติ ม ว า “ธาตุ กั ม มั น ตรั ง สี
นอกจากจะใชคารบอน-14 (C-14) ในดาน
ิ่ม Pedagogy ช่วยสร้างความเข้าใจในกระบวนการออกแบบ
เพ
ธรณีวทิ ยาแลว ยังสามารถนํามาใชประโยชนใน
ชีวติ จริงไดหลายดาน เชน การใชไอโอดีน-131
การจัดการเรียนการสอนแบบ Active Learning ได้อย่างมี (I-131) ในดานการแพทย การใชโคบอลต-60
(Co-60) ในดานการถนอมอาหาร”

ประสิทธิภาพ
ิ่ม Teacher Guide Overview ช่วยให้เห็นภาพรวมของการ
เพ
จั ด การเรี ย นการสอนทั้ ง หมดของรายวิ ช าก่ อ นที่ จ ะลงมื อ
สอนจริง

ิ่ม Chapter Overview ช่วยสร้างความเข้าใจและเห็นภาพรวม


เพ
ในการออกแบบแผนการจัดการเรียนรู้แต่ละหน่วย

ิ่ม ข้อสอบเน้นการคิด/ข้อสอบแนว O-NET เพื่อเตรียม


เพ
ความพร้อมของผู้เรียนสู่การสอบในระดับต่าง ๆ เกร็ดแนะครู กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงค
การเรียนการสอนของหนวยการเรียนรูที่ 1 เรื่อง เลขยกกําลัง ครูควรเลือก ครูควรปลูกฝงใหนักเรียนมีระเบียบวินัย เชน การแตงกายมา
ใชวธิ กี ารถาม-ตอบนักเรียน และยกตัวอยางสถานการณใกลตวั หรือสถานการณ โรงเรียนใหถูกระเบียบ และกอนเริ่มเรียนชั่วโมงแรกครูอาจสราง

ิ่ม กิจกรรม 21st Century Skills กิจกรรมที่จะช่วยพัฒนา


ในชีวิตประจําวันของนักเรียนเปนกรณีศึกษา จนเกิดเปนความรู ความเขาใจ ขอตกลงกับนักเรียนเกี่ยวกับความมีวินัย เชน การสงการบานหรือ

เพ และนําความรูที่ไดไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน ชิ้นงานควรสงตรงตามเวลาที่กําหนด หากใครสงไมตรงตามเวลา


อาจถูกตัดคะแนนความรับผิดชอบ (ครูและนักเรียนรวมกันสราง
ผู้เรียนให้มีทักษะที่จ�าเป็นส�าหรับการเรียนรู้และการด�ารงชีวิต ขอตกลงดังกลาว)

ในโลกแห่งศตวรรษที่ 21
โซน 3
โซน 2
T4

โซน 1 ช่วยครูจัด โซน 2 ช่วยครูเตรียมสอน


กำรเรียนกำรสอน
แนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้ครูผู้สอน โดยประกอบด้วยองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ส�าหรับ
โดยแนะน�าขั้นตอนการสอน และการจัดกิจกรรมอย่างละเอียด ครู เพื่อน�าไปประยุกต์ใช้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ในชั้นเรียน
เพื่อให้นักเรียนบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามตัวชี้วัด เกร็ดแนะครู
ความรู้เสริมส�าหรับครู ข้อเสนอแนะ ข้อสังเกต แนวทางการจัด
น�ำ สอน สรุป ประเมิน
กิจกรรมและอื่น ๆ เพื่อประโยชน์ในการจัดการเรียนการสอน
นักเรียนควรรู้
ความรูเ้ พิม่ เติมจากเนือ้ หา ส�าหรับอธิบายเสริมเพิม่ เติมให้กบั นักเรียน
โดยใช้ หนังสือเรียนรายวิชาพื้นฐาน คณิตศาสตร ม.5 และแบบฝกหัดคณิตศาสตร ม.5 ของบริษัท อักษรเจริญทัศน์
อจท. จ�ากัด เป็นสื่อหลัก (Core Materials) ประกอบการสอนและการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐาน
การเรียนรู้และตัวชี้วัดของกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษา
ขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 ซึ่งคู่มือครูเล่มนี้มีองค์ประกอบที่ง่ายต่อการใช้งาน ดังนี้

โซน 1 นํา นํา สอน สรุป ประเมิน


โซน 3 ช่วยครูเตรียมนักเรียน
ขัน้ นํา

1
กําหนดขอบเขตของปญหา
หน่วยกำรเรียนรู้ที่
2. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางการใชเลขยกกําลัง ประกอบด้ ว ยแนวทางส� า หรั บ การจั ด กิ จ กรรมและ
ที่พบเห็นในชีวิตจริง
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย
ตามพื้นฐานความรู เชน การคํานวณดอกเบี้ย
เสนอแนะแนวข้อสอบ เพือ่ อ�านวยความสะดวกให้แก่ครูผสู้ อน
เลขยกก�ำลัง ทบตน การเพิ่มจํานวนของแบคทีเรีย)
หมายเหตุ : ครูอาจใหนักเรียนทําแบบทดสอบ
คาร์บอน-14 (C-14) เป็นธาตุกัมมันตรังสีที่
พบได้ในวัตถุต่าง ๆ เกือบทุกชนิดบนโลก ซึ่งมี
1 พื้นฐานกอนเรียน โดยการสแกน QR Code
ในหนังสือเรียน หนา 3
กิจกรรม 21st Century Skills
ประโยชน์ทางด้านธรณีวิทยา สามารถน�ามา
ค�านวณหาอายุของวัตถุโบราณ และอายุของ 2
กิจกรรมที่ให้นักเรียนได้ประยุกต์ ใช้ความรู้ที่เรียนรู้มาสร้าง
ซากฟอสซิลต่าง ๆ ได้ โดยการใช้ค่าครึ่งชีวิต
ซึ่งค�านวณได้จากสูตร
N
ชิ้นงาน หรือท�ากิจกรรมรวบยอดเพื่อให้เกิดทักษะที่จ�าเป็น
Nเหลือ = เริ่มTต้น
2t 1
2

เมื่อ Nเหลือ = ปริมาณของกัมมันตรังสีทเี่ หลือ


ในศตวรรษที่ 21
Nเริ่มต้น = ปริมาณของกัมมันตรังสีเริม่ ต้น
T = เวลาที่ใช้ในการสลายตัว
t 1 = ครึ่งชีวิต
2
ข้อสอบเน้นการคิด
ตัวอย่างข้อสอบที่มุ่งเน้นการคิด มีทั้งปรนัย-อัตนัย พร้อม
ตัวชี้วัด
• เข้าใจความหมายและใช้สมบัติเกี่ยวกับการบวก การคูณ
เฉลยอย่างละเอียด
การเท่ากัน และการไม่เท่ากันของจ�านวนจริงในรูปกรณฑ์
และจ�านวนจริงในรูปเลขยกก�าลังที่มีเลขชี้ก�าลังเป็น

ข้อสอบเน้นการคิดแนว O-NET
จ�านวนตรรกยะ (ค 1.1 ม.5/1)
สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง
Recall
• รากที่n ของจ�านวนจริง
เมื่อ n เป็นจ�านวนนับที่มากกว่า 1
• เลขยกก�าลังที่มีเลขชี้ก�าลัง
เป็นจ�านวนตรรกยะ
ตัวอย่างข้อสอบที่มุ่งเน้นการคิดวิเคราะห์ และสอดคล้องกับ
แนวข้อสอบ O-NET มีทั้งปรนัย-อัตนัย พร้อมเฉลยอย่าง
กิจกรรม 21st Century Skills นักเรียนควรรู ละเอียด
ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-5 คน รวมกันสืบคนจาก 1 ธาตุกัมมันตรังสี (r a dioa ctive element) หมายถึง ธาตุที่สามารถ
อิ น เทอร เ น็ ต ในหั ว ข อ “เลขยกกํ า ลั ง ที่ พ บเห็ น ในชี วิ ต จริ ง ” มา
กลุมละ 1 เรื่อง จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอ
แผรังสีออกมาไดเองเนื่องดวยนิวเคลียสของอะตอมไมเสถียร และเปนธาตุที่มี
เลขอะตอมสูงกวา 82 กิจกรรมเสริมสร้างคุณลักษณะอันพึงประสงค์
หนาชั้นเรียน โดยใชโปรแกรม Microsoft PowerPoint
หมายเหตุ : ครูควรจัดกลุมนักเรียนโดยคละความสามารถทาง
คณิตศาสตรของนักเรียน (ออน ปานกลาง และเกง) ใหอยูกลุม
2 คาครึ่งชีวิต (half life) หมายถึง ระยะเวลาที่ธาตุกัมมันตรังสีสลายตัว
จนเหลือครึ่งหนึ่งของปริมาณที่มีอยูเดิม ใชสัญลักษณเปน t1
2
กิจกรรมที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนด้านคุณธรรม
เดียวกัน
จริยธรรม ค่านิยม ตามที่หลักสูตรก�าหนด
โซน 3
โซน 2
กิจกรรมท้าทาย
เสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรม เพือ่ ต่อยอดส�าหรับนักเรียน
T5
ที่เรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว และต้องการท้าทายความสามารถใน
ระดับที่สูงขึ้น
กิจกรรมสร้างเสริม
เสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรมซ่อมเสริมส�าหรับนักเรียน
ที่ควรได้รับการพัฒนาการเรียนรู้
บูรณาการอาเซียน
ความรู้เสริมหรือการเชื่อมโยงในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประชาคม
อาเซียน
สื่อ Digital เฉลยละเอียด
แนะน�าแหล่งเรียนรู้และแหล่งค้นคว้าจากสื่อ Digital ต่าง ๆ
หนังสือเรียน คณิตศาสตร์ ม.5
แนวทางการวัดและประเมินผล สามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ที่
เสนอแนะแนวทางการบรรลุผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน www.aksorn.com
ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัดที่หลักสูตรก�าหนด
ค� ำ อธิ บ ายรายวิ ช า
คณิตศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เวลาเรียน 80 ชั่วโมง/ปี

ศึกษาเกี่ยวกับรากที่ n ของจ�ำนวนจริง เลขยกก�ำลังที่มีเลขชี้กำ� ลังเป็นจ�ำนวนตรรกยะ ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน


กราฟของความสัมพันธ์และฟังก์ชนั กราฟของสมการและอสมการและการน�ำไปใช้ ฟังก์ชนั เชิงเส้น ฟังก์ชนั ก�ำลังสอง ฟังก์ชนั
เอกซ์โพเนนเชียล ฟังก์ชนั ขัน้ บันได ความหมายของล�ำดับ การหาพจน์ทว่ั ไปของล�ำดับจ�ำกัด ล�ำดับเลขคณิต ล�ำดับเรขาคณิต
อนุกรมเลขคณิต อนุกรมเรขาคณิต ดอกเบี้ยคงต้น ดอกเบี้ยทบต้น มูลค่าของเงิน ค่ารายงวด
โดยการจัดประสบการณ์หรือสร้างสถานการณ์ในชีวิตประจ�ำวันที่ใกล้ตัวให้ผู้เรียนได้ศึกษา ค้นคว้า ฝึกทักษะ
โดยการปฏิบัติจริง ทดลอง สรุป รายงาน เพื่อพัฒนาทักษะ กระบวนการในการคิดค�ำนวณ การแก้ปัญหา การให้เหตุผล
การสื่อความหมายทางคณิตศาสตร์และน�ำประสบการณ์ด้านความรู้ ความคิด ทักษะและกระบวนการที่ได้ไปใช้ในการเรียนรู้
สิ่งต่าง ๆ และใช้ในชีวิตประจ�ำวันอย่างสร้างสรรค์
เพื่อให้เห็นคุณค่าและมีเจตคติที่ดีต่อคณิตศาสตร์ สามารถท�ำงานได้อย่างเป็นระบบ มีระเบียบ รอบคอบ มีความ
รับผิดชอบ มีวิจารณญาณ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และมีความเชื่อมั่นในตนเอง

ตัวชี้วัด
ค 1.1 ม.5/1 เข้าใจความหมายและใช้สมบัติเกี่ยวกับการบวก การคูณ การเท่ากัน และการไม่เท่ากันของจ�ำนวนจริง
ในรูปกรณฑ์ และจ�ำนวนจริงในรูปเลขยกก�ำลังที่มีเลขชี้ก�ำลังเป็นจ�ำนวนตรรกยะ
ค 1.2 ม.5/1 ใช้ฟังก์ชันและกราฟของฟังก์ชันอธิบายสถานการณ์ที่ก�ำหนด
ค 1.2 ม.5/2 เข้าใจและน�ำความรู้เกี่ยวกับล�ำดับและอนุกรมไปใช้
ค 1.3 ม.5/1 เข้าใจและใช้ความรู้เกี่ยวกับดอกเบี้ยและมูลค่าของเงินในการแก้ปัญหา
รวม 4 ตัวชี้วัด
Pedagogy
คู่มือครู รายวิชาพื้นฐาน
คณิตศาสตร์ ม.5
รวมถึงสือ่ การเรียนรูร้ ายวิชาพืน้ ฐาน คณิตศาสตร์ ชัน้ ม.5 ผูจ้ ดั ท�ำได้ออกแบบการสอน
(Instructional Design) อันเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้และเทคนิคการสอนที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพและมีความหลากหลาย
ให้กับผู้เรียน เพื่อให้ผู้เรียนสามารถบรรลุผลสัมฤทธิ์ตามมาตรฐานการเรียนรู้และตัวชี้วัด รวมถึงสมรรถนะและคุณลักษณะ
อันพึงประสงค์ของผู้เรียนที่หลักสูตรก�ำหนดไว้ โดยครูสามารถน�ำไปใช้ส�ำหรับจัดการเรียนรู้ในชั้นเรียนได้อย่างเหมาะสม
ส�ำหรับ Pedagogy หลักที่นำ� มาใช้ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ประกอบด้วย

รูปแบบการสอน Concept Based Teaching

ขั้นการใช้ความรู้เดิมเชื่อมโยงความรู้ใหม่ ขั้นเข้าใจ

1 Prior Knowledge 2 Knowing 3 Understanding 4 Doing

ขั้นรู้ ขั้นลงมือท�ำ

เลือกใช้รูปแบบการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง : Concept Based Teaching เนื่องจากคณิตศาสตร์เป็นวิชา


ที่เป็นเครื่องมือในการด�ำเนินชีวิต โดยอาศัยหลักการและความคิดรวบยอดต่าง ๆ เพื่อประยุกต์ใช้ ดังนั้น Concept Based
Teaching เป็นการจัดการเรียนการสอนที่น�ำพาผู้เรียน เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ มีทักษะ และเกิดความคิดรวบยอด
ผลของการจัดการเรียนการสอนในลักษณะนี้ จะท�ำให้ผู้เรียนได้ความรู้ และมีทักษะในการค้นหาความคิดรวบยอด ซึ่งจะเป็น
ทักษะส�ำคัญติดตัวผู้เรียนไปตลอดชีวิต

วิธีสอน (Teaching Method)

เลือกใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย เช่น อุปนัย นิรนัย การสาธิต แบบสาธิต แบบแก้ปัญหา แบบบรรยาย เพื่อส่งเสริม


การเรียนรู้และเกิดความเข้าใจในเนื้อหาคณิตศาสตร์อย่างถ่องแท้ โดยจะเน้นใช้วิธีสอนแบบอุปนัย (Inductive Method)
เนื่องจากเป็นการสอนที่ผู้เรียนจะได้ค้นหาสิ่งที่มีอยู่ร่วมกัน จากตัวอย่างสถานการณ์ต่าง ๆ ซึ่งสนับสนุนกับการจัดการเรียน
การสอนแบบ Concept Based Teaching ที่ท�ำให้ผู้เรียนได้เรียนรู้กระบวนการ ซึ่งท�ำให้ได้ความคิดรวบยอดที่ส�ำคัญ

เทคนิคการสอน (Teaching Technique)

เลือกใช้เทคนิคการสอนทีห่ ลากหลายและเหมาะสมกับเรือ่ งทีเ่ รียน เช่น การใช้คำ� ถาม การใช้ตวั อย่างกระตุน้ ความคิด
การใช้แผนภาพ และการใช้สื่อการเรียนรู้ที่น่าสนใจ เพื่อส่งเสริมวิธีการสอนและรูปแบบการสอนให้มีประสิทธิภาพในการ
จัดการเรียนรู้ให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างมีความสุข และสามารถฝึกฝนทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษ
ที่ 21 ได้
Teacher Guide Overview
คณิ ต ศาสตร์ ม.5
หน่วย
ตัวชี้วัด ทักษะที่ได้ เวลาที่ใช้ การประเมิน สื่อที่ใช้
การเรียนรู้

1 เข้าใจความหมายและใช้สมบัติ - ทักษะการสังเกต - ตรวจใบงานที่ 1.1-1.2 - หนังสือเรียน


เลขยกก�ำลัง
เกี่ยวกับการบวก การคูณ - ทักษะการระบุ - ตรวจแบบฝึกทักษะ รายวิชาพื้นฐาน
การเท่ากัน และการไม่เท่ากัน - ทักษะการเชื่อมโยง ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร์ ม.5
ของจำ�นวนจริงในรูปกรณฑ์ - ทักษะกระบวนการคิด - ตรวจ Exercise ในแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด
และจำ�นวนจริงในรูปเลขยกกำ�ลัง ตัดสินใจ คณิตศาสตร์ รายวิชาพื้นฐาน
ที่มีเลขชี้กำ�ลังเป็นจำ�นวนตรรกยะ - ทักษะการวิเคราะห์ - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน คณิตศาสตร์ ม.5
(มฐ. ค 1.1 ม.5/1) - ทักษะการให้เหตุผล 10 - ตรวจผังมโนทัศน์ - ใบงาน
- ทักษะการน�ำความรู้ไปใช้ ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เลขยกก�ำลัง
- สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน
รายบุคคล
- สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม
- สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้
มุ่งมั่นในการท�ำงาน

2 ใช้ฟังก์ชันและกราฟของฟังก์ชัน - ทักษะการสังเกต - ตรวจใบงานที่ 2.1-2.5 - หนังสือเรียน


ฟังก์ชัน
อธิบายสถานการณ์ที่กำ�หนด - ทักษะการระบุ - ตรวจแบบฝึกทักษะ รายวิชาพื้นฐาน
(มฐ. ค 1.2 ม.5/1) - ทักษะการเชื่อมโยง ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร์ ม.5
- ทักษะการเปรียบเทียบ - ตรวจ Exercise ในแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด
- ทักษะการประยุกต์ใช้ คณิตศาสตร์ รายวิชาพื้นฐาน
ความรู้ - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน คณิตศาสตร์ ม.5
- ทักษะการวิเคราะห์ 30 - ตรวจผังมโนทัศน์ - ใบงาน
- ทักษะการพิสูจน์ความจริง ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ฟังก์ชัน - QR Code
- ทักษะการน�ำความรู้ไปใช้ - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน
รายบุคคล
- สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม
- สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้
มุ่งมั่นในการท�ำงาน
หน่วย
ตัวชี้วัด ทักษะที่ได้ เวลาที่ใช้ การประเมิน สื่อที่ใช้
การเรียนรู้

3 เข้าใจและนำ�ความรู้เกี่ยวกับลำ�ดับ - ทักษะการสังเกต - ตรวจแบบฝึกทักษะ - หนังสือเรียน


ล�ำดับ
และอนุกรมไปใช้ - ทักษะการระบุ ในหนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน
(มฐ. ค 1.2 ม.5/2) - ทักษะการหาแบบแผน - ตรวจ Exercise ในแบบฝึกหัด คณิตศาสตร์ ม.5
และอนุกรม
- ทักษะการคิดวิเคราะห์ คณิตศาสตร์ - แบบฝึกหัด
- ทักษะการจ�ำแนก - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน รายวิชาพื้นฐาน
ประเภท - ตรวจผังมโนทัศน์ คณิตศาสตร์ ม.5
- ทักษะการเชื่อมโยง 30 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ล�ำดับ - QR Code
- ทักษะการน�ำความรู้ ชั่วโมง และอนุกรม
ไปใช้ - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน
- ทักษะการประยุกต์ใช้ รายบุคคล
ความรู้ - สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม
- สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้
มุ่งมั่นในการท�ำงาน

4 เข้าใจและใช้ความรู้เกี่ยวกับดอกเบี้ย - ทักษะการสังเกต - ตรวจใบงานที่ 4.1-4.2 - หนังสือเรียน


ดอกเบี้ยและ
และมูลค่าของเงินในการแก้ปัญหา - ทักษะการตีความ - ตรวจแบบฝึกทักษะ รายวิชาพื้นฐาน
(มฐ. ค 1.3 ม.5/1) - ทักษะกระบวนการคิด ในหนังสือเรียน คณิตศาสตร์ ม.5
มูลค่าของเงิน
ตัดสินใจ - ตรวจ Exercise ในแบบฝึกหัด - แบบฝึกหัด
- ทักษะการเชื่อมโยง คณิตศาสตร์ รายวิชาพื้นฐาน
- ทักษะการเปรียบเทียบ - ประเมินการน�ำเสนอผลงาน คณิตศาสตร์ ม.5
- ทักษะการวิเคราะห์ 10 - ตรวจผังมโนทัศน์ - ใบงาน
- ทักษะการประยุกต์ใช้ ชั่วโมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 4
ความรู้ ดอกเบี้ยและมูลค่าของเงิน
- สังเกตพฤติกรรมการท�ำงาน
รายบุคคล
- สังเกตพฤติกรรมการท�ำงานกลุ่ม
- สังเกตความมีวินัย ใฝ่เรียนรู้
มุ่งมั่นในการท�ำงาน
สารบั ญ

Chapter Teacher
Chapter Title Overview Script
หน่วยการเรียนรู้ท
ี่ 1 เลขยกก�ำลัง T2 -T3 T4 -T5

1.1 เลขยกก�ำลังที่มีเลขชี้ก�ำลังเป็นจ�ำนวนเต็ม T6 -T9

1.2 รากที่ n ของจ�ำนวนจริง T10 -T25

1.3 เลขยกก�ำลังที่มีเลขชี้กำ� ลังเป็นจ�ำนวนตรรกยะ T26 -T39

ท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 1 T40 -T43

หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ฟังก์ชัน T44 -T47 T48 -T49

2.1 ความสัมพันธ์และฟังก์ชัน T50 -T82

2.2 ฟังก์ชันเชิงเส้น T83 -T91

2.3 ฟังก์ชันก�ำลังสอง T92 -T117

2.4 ฟังก์ชันเอกซ์โพเนนเชียล T118 -T124

2.5 ฟังก์ชันขั้นบันได T125 -T128

ท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 T129 -T135

หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ล�ำดับและอนุกรม T136 -T139 T140 -T141

3.1 ล�ำดับ T142 -T163

3.2 อนุกรม T164 -T184

3.3 การหาพจน์ทั่วไปของล�ำดับ T185 -T189

ท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 T190 -T193
Chapter Teacher
Chapter Title Overview Script
หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ดอกเบี้ยและมูลค่ำของเงิน T194-T195 T196-T197

4.1 ดอกเบี้ย T198-T211

4.2 มูลค่าของเงิน T212-T218

4.3 ค่ารายงวด T219-T223

ท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่ 4 T224-T227

Math in Real Life T228-T229

อภิธำนศัพท์ T230-T231

บรรณำนุกรม T232
Chapter Overview

แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 1 - หนังสือเรียน 1. บอกความหมาย แบบนิรนัย - ตรวจแบบฝึกทักษะ 1.1 - ทักษะการสังเกต 1. มีวินัย
เลขยกก�ำลัง รายวิชาพื้นฐาน ของเลขยกก�ำลัง (Deductive - ตรวจ Exercise 1.1 - ทักษะการระบุ 2. ใฝ่เรียนรู้
ที่มีเลขชี้กำ� ลัง คณิตศาสตร์ ม.5 ที่มีเลขชี้กำ� ลัง Method) - การน�ำเสนอผลงาน - ทักษะการ 3. มุ่งมั่น
เป็นจ�ำนวนเต็ม - แบบฝึกหัด เป็นจ�ำนวนเต็มได้ (K) - สังเกตพฤติกรรม เชื่อมโยง ในการท�ำงาน
รายวิชาพื้นฐาน 2. บอกสมบัติของ การท�ำงานรายบุคคล - ทักษะกระบวน
2 คณิตศาสตร์ ม.5 เลขยกก�ำลัง - สังเกตพฤติกรรม การคิดตัดสินใจ
ชั่วโมง ที่มีเลขชี้กำ� ลัง การท�ำงานกลุ่ม - ทักษะการ
เป็นจ�ำนวนเต็มได้ (K) - สังเกตความมีวินัย วิเคราะห์
3. หาค่าของเลขยกก�ำลัง ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการ
ที่มีเลขชี้กำ� ลัง ท�ำงาน
เป็นจ�ำนวนเต็มได้ (K)
4. ใช้ความรู้ ทักษะ
และกระบวนการ
ทางคณิตศาสตร์
ในการแก้ปัญหา
ได้อย่างเหมาะสม (P)
5. รับผิดชอบต่อหน้าที่
ที่ได้รับมอบหมาย (A)
แผนฯ ที่ 2 - หนังสือเรียน 1. บอกความหมายของ Concept - ตรวจใบงานที่ 1.1 - ทักษะการสังเกต 1. มีวินัย
รากที่ n ของ รายวิชาพื้นฐาน รากที่ n ของจ�ำนวนจริง Based - ตรวจแบบฝึกทักษะ 1.2 - ทักษะการระบุ 2. ใฝ่เรียนรู้
จ�ำนวนจริง คณิตศาสตร์ ม.5 และค่าหลักของรากที่ n Teaching - การน�ำเสนอผลงาน - ทักษะการ 3. มุ่งมั่น
- แบบฝึกหัด ของจ�ำนวนจริงได้ (K) - สังเกตพฤติกรรม เชื่อมโยง ในการท�ำงาน
2 รายวิชาพื้นฐาน 2. บอกสมบัติของรากที่ n การท�ำงานรายบุคคล - ทักษะกระบวน
ชั่วโมง คณิตศาสตร์ ม.5 ของจ�ำนวนจริงได้ (K) - สังเกตพฤติกรรม การคิดตัดสินใจ
- ใบงานที่ 1.1 3. หารากที่ n ของ การท�ำงานกลุ่ม - ทักษะการ
จ�ำนวนจริง และค่าหลัก - สังเกตความมีวินัย วิเคราะห์
ของรากที่ n ของ ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการ
จ�ำนวนจริงได้ (K) ท�ำงาน
4. เขียนจ�ำนวนจริงให้อยู่
ในรูปอย่างง่ายโดยใช้
สมบัติของรากที่ n
ของจ�ำนวนจริงได้ (P)
5. สื่อสาร สื่อความหมาย
ทางคณิตศาสตร์ และ
น�ำเสนอเกี่ยวกับ
รากที่ n ของจ�ำนวนจริง
ได้ (P)
6. รับผิดชอบต่อหน้าที่
ที่ได้รับมอบหมาย (A)

T2
แผนการจัด คุณลักษณะ
สื่อที่ใช้ จุดประสงค์ วิธีสอน ประเมิน ทักษะที่ได้
การเรียนรู้ อันพึงประสงค์
แผนฯ ที่ 3 - หนังสือเรียน 1. บอกสมบัติของรากที่ n Concept - ตรวจแบบฝึกทักษะ 1.2 - ทักษะการสังเกต 1. มีวินัย
การหาผลบวก รายวิชาพื้นฐาน ของจ�ำนวนจริงได้ (K) Based - ตรวจ Exercise 1.2 - ทักษะการระบุ 2. ใฝ่เรียนรู้
ผลต่าง ผลคูณ คณิตศาสตร์ ม.5 2. หาผลบวก ผลต่าง Teaching - การน�ำเสนอผลงาน - ทักษะการ 3. มุ่งมั่น
และผลหารของ - แบบฝึกหัด ผลคูณ และผลหาร - สังเกตพฤติกรรม เชื่อมโยง ในการท�ำงาน
จ�ำนวนจริงที่อยู่ รายวิชาพื้นฐาน ของจ�ำนวนจริงที่อยู่ การท�ำงานรายบุคคล - ทักษะการน�ำ
ในรูปกรณฑ์ คณิตศาสตร์ ม.5 ในรูปกรณฑ์ได้ (K) - สังเกตพฤติกรรม ความรู้ไปใช้
3. เขียนแสดงขั้นตอน การท�ำงานกลุ่ม - ทักษะการ
2 การหาผลบวก ผลต่าง - สังเกตความมีวินัย วิเคราะห์
ชั่วโมง ผลคูณ และผลหาร ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการ
ของจ�ำนวนจริงที่อยู่ ท�ำงาน
ในรูปกรณฑ์ได้ (P)
4. รับผิดชอบต่อหน้าที่
ที่ได้รับมอบหมาย (A)
แผนฯ ที่ 4 - หนังสือเรียน 1. บอกสมบัติของ Concept - ตรวจใบงานที่ 1.2 - ทักษะการสังเกต 1. มีวินัย
เลขยกก�ำลังที่มี รายวิชาพื้นฐาน เลขยกก�ำลังที่มี Based - ตรวจแบบฝึกทักษะ 1.3 - ทักษะการระบุ 2. ใฝ่เรียนรู้
เลขชี้ก�ำลังเป็น คณิตศาสตร์ ม.5 เลขชี้กำ� ลังเป็นจ�ำนวน Teaching - ตรวจ Exercise 1.3 - ทักษะการ 3. มุ่งมั่น
จ�ำนวนตรรกยะ - แบบฝึกหัด ตรรกยะและน�ำไปใช้ได้ - การน�ำเสนอผลงาน เชื่อมโยง ในการท�ำงาน
รายวิชาพื้นฐาน (K) - ตรวจแบบฝึกทักษะ - ทักษะการน�ำ
4 คณิตศาสตร์ ม.5 2. น�ำความรู้ เรื่อง สมบัติ ประจ�ำหน่วยการเรียนรู้ ความรู้ไปใช้
ชั่วโมง - ใบงานที่ 1.2 ของเลขยกก�ำลัง ที่ 1 - ทักษะการให้
ที่มีเลขชี้กำ� ลังเป็น - ตรวจผังมโนทัศน์ เหตุผล
จ�ำนวนตรรกยะไปใช้ หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 - ทักษะการ
ในการแก้โจทย์ปัญหาได้ เลขยกก�ำลัง วิเคราะห์
(K) - สังเกตพฤติกรรม
3. เขีียนจ�ำนวนที่อยู่ในรูป การท�ำงานรายบุคคล
เลขยกก�ำลังให้อยู่ในรูป - สังเกตพฤติกรรม
กรณฑ์ และเขียน การท�ำงานกลุ่ม
จ�ำนวนที่อยู่ในรูปกรณฑ์ - สังเกตความมีวินัย
ให้อยู่ในรูปเลขยกก�ำลัง ใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่นในการ
ได้ (P) ท�ำงาน
4. เขียนแสดงขั้นตอน
การแก้สมการ
เลขยกก�ำลังได้ (P)
5. เขียนแสดงขั้นตอน
การแก้โจทย์ปัญหา
โดยใช้ความรู้ เรื่อง
สมบัติของเลขยกก�ำลัง
ที่มีเลขชี้กำ� ลังเป็น
จ�ำนวนตรรกยะได้ (P)
6. รับผิดชอบต่อหน้าที่
ที่ได้รับมอบหมาย (A)

T3
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ นํา (Deductive Method)


กําหนดขอบเขตของปญหา
1. ครู ก ระตุ  น ความสนใจของนั ก เรี ย น โดยให
นักเรียนดูภาพหนาหนวยการเรียนรูที่ 1 ใน
หนังสือเรียน หนา 2 แลวรวมกันสนทนาใน
ชั้นเรียนถึงประโยชนของคารบอน-14 (C-14)
ในการคํานวณหาอายุของวัตถุโบราณ จากนั้น
ครู อ ธิ บ ายเพิ่ ม เติ ม ว า “ธาตุ กั ม มั น ตรั ง สี
นอกจากจะใชคารบอน-14 (C-14) ในดาน
ธรณีวทิ ยาแลว ยังสามารถนํามาใชประโยชนใน
ชีวติ จริงไดหลายดาน เชน การใชไอโอดีน-131
(I-131) ในดานการแพทย การใชโคบอลต-60
(Co-60) ในดานการถนอมอาหาร”

เกร็ดแนะครู กิจกรรม เสริมสรางคุณลักษณะอันพึงประสงค


การเรียนการสอนของหนวยการเรียนรูที่ 1 เรื่อง เลขยกกําลัง ครูควรเลือก ครูควรปลูกฝงใหนักเรียนมีระเบียบวินัย เชน การแตงกายมา
ใชวธิ กี ารถาม-ตอบนักเรียน และยกตัวอยางสถานการณใกลตวั หรือสถานการณ โรงเรียนใหถูกระเบียบ และกอนเริ่มเรียนชั่วโมงแรกครูอาจสราง
ในชีวิตประจําวันของนักเรียนเปนกรณีศึกษา จนเกิดเปนความรู ความเขาใจ ขอตกลงกับนักเรียนเกี่ยวกับความมีวินัย เชน การสงการบานหรือ
และนําความรูที่ไดไปประยุกตใชในชีวิตประจําวัน ชิ้นงานควรสงตรงตามเวลาที่กําหนด หากใครสงไมตรงตามเวลา
อาจถูกตัดคะแนนความรับผิดชอบ (ครูและนักเรียนรวมกันสราง
ขอตกลงดังกลาว)

T4
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ นํา

1
กําหนดขอบเขตของปญหา
หน่วยกำรเรียนรู้ที่
2. ครูใหนักเรียนยกตัวอยางการใชเลขยกกําลัง
ที่พบเห็นในชีวิตจริง
(แนวตอบ นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย
ตามพื้นฐานความรู เชน การคํานวณดอกเบี้ย
เลขยกก�ำลัง ทบตน การเพิ่มจํานวนของแบคทีเรีย)
หมายเหตุ : ครูอาจใหนักเรียนทําแบบทดสอบ
1 พื้นฐานกอนเรียน โดยการสแกน QR Code
คาร์บอน-14 (C-14) เป็นธาตุกัมมันตรังสีที่
พบได้ในวัตถุต่าง ๆ เกือบทุกชนิดบนโลก ซึ่งมี ในหนังสือเรียน หนา 3
ประโยชน์ทางด้านธรณีวิทยา สามารถน�ามา
ค�านวณหาอายุของวัตถุโบราณ และอายุของ 2
ซากฟอสซิลต่าง ๆ ได้ โดยการใช้ค่าครึ่งชีวิต
ซึ่งค�านวณได้จากสูตร
N
Nเหลือ = เริ่มTต้น
2t 1
2

เมื่อ Nเหลือ = ปริมาณของกัมมันตรังสีทเี่ หลือ


Nเริ่มต้น = ปริมาณของกัมมันตรังสีเริม่ ต้น
T = เวลาที่ใช้ในการสลายตัว
t 1 = ครึ่งชีวิต
2

ตัวชี้วัด
• เข้าใจความหมายและใช้สมบัติเกี่ยวกับการบวก การคูณ
การเท่ากัน และการไม่เท่ากันของจ�านวนจริงในรูปกรณฑ์
และจ�านวนจริงในรูปเลขยกก�าลังที่มีเลขชี้ก�าลังเป็น
จ�านวนตรรกยะ (ค 1.1 ม.5/1)
สำระกำรเรียนรู้แกนกลำง
Recall
• รากที่n ของจ�านวนจริง
เมื่อ n เป็นจ�านวนนับที่มากกว่า 1
• เลขยกก�าลังที่มีเลขชี้ก�าลัง
เป็นจ�านวนตรรกยะ

กิจกรรม 21st Century Skills นักเรียนควรรู


ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-5 คน รวมกันสืบคนจาก 1 ธาตุกัมมันตรังสี (r a dioa ctive element) หมายถึง ธาตุที่สามารถ
อิ น เทอร เ น็ ต ในหั ว ข อ “เลขยกกํ า ลั ง ที่ พ บเห็ น ในชี วิ ต จริ ง ” มา แผรังสีออกมาไดเองเนื่องดวยนิวเคลียสของอะตอมไมเสถียร และเปนธาตุที่มี
กลุมละ 1 เรื่อง จากนั้นใหนักเรียนแตละกลุมออกมานําเสนอ เลขอะตอมสูงกวา 82
หนาชั้นเรียน โดยใชโปรแกรม Microsoft PowerPoint 2 คาครึ่งชีวิต (half life) หมายถึง ระยะเวลาที่ธาตุกัมมันตรังสีสลายตัว
หมายเหตุ : ครูควรจัดกลุมนักเรียนโดยคละความสามารถทาง จนเหลือครึ่งหนึ่งของปริมาณที่มีอยูเดิม ใชสัญลักษณเปน t1
คณิตศาสตรของนักเรียน (ออน ปานกลาง และเกง) ใหอยูกลุม 2
เดียวกัน

T5
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ นํา
กําหนดขอบเขตของปญหา
3. ครูทบทวนความรู เรื่อง เลขยกกําลังที่มีเลข
ชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม โดยครูกลาววา จาก
1.1 เลขยกก�ำลังทีม่ เี ลขชีก้ ำ� ลังเป็นจ�ำนวนเต็ม
บทนิยาม เรียก an วา เลขยกกําลัง เรียก a (Integer Indice)
วา ฐาน และเรียก n วา เลขชี้กําลัง จากนั้น
ครูยกตัวอยางเพิ่มเติมบนกระดาน แลวถาม
ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น นักเรียนเคยศึกษาเรื่องเลขยกก�าลังที่มีเลขชี้ก�าลังเป็น
จ�านวนเต็มมาแล้ว ในหัวข้อนี้นักเรียนจะได้ทบทวนความรู้เรื่องเลขยกก�าลังที่มีเลขชี้ก�าลังเป็น
คําถามนักเรียน ดังนี้
จ�านวนเต็ม ซึ่งมีบทนิยามและสมบัติของเลขยกก�าลัง ดังต่อไปนี้
• 23 มีฐานและเลขชี้กําลังเปนเทาใด
(แนวตอบ มี 2 เปนฐาน และมี 3 เปนเลข บทนิยาม ก�ำหนด a เป็นจ�ำนวนจริง และ n เป็นจ�ำนวนเต็มบวก
ชี้กําลัง) an = a • a • a • ... • a
• 20 มีคาเทากับเทาใด n ตัว
a0 = 1 เมื่อ a ≠ 0
(แนวตอบ 1)
a-n = 1n เมื่อ a ≠ 0
• 12 เขียนใหอยูในรูปเลขยกกําลังไดอยางไร a
(แนวตอบ 2-1)
4. ครูกลาวถึงสมบัติของเลขยกกําลัง จากนั้น จากบทนิยาม เรียก an ว่า เลขยกก�าลัง
เขียนสมบัติของเลขยกกําลังบนกระดาน แลว เรียก a ว่า ฐาน
สุ  ม นั ก เรี ย นออกมายกตั ว อย า งจํ า นวนเต็ ม และเรียก n ว่า เลขชี้ก�าลัง
ที่สอดคลองกับสมบัติของเลขยกกําลัง โดย
เลขยกก�าลังที่มีเลขชี้ก�าลังเป็นจ�านวนเต็มมีสมบัติ ดังนี้
นักเรียนสามารถตอบไดหลากหลาย ขึน้ อยูก บั
พื้นฐานความรู ดังนี้
สมบัติ ก�ำหนด a, b เป็นจ�ำนวนจริงที่ไม่เท่ำกับศูนย์ และ m, n เป็นจ�ำนวนเต็ม
• am • an = am + n
1) am • an = am + n
(แนวตอบ 3 5 • 3 4 = 3 5 + 4 = 39)
2) (am)n = amn
• (am)n = amn
3) (ab)n = anbn
(แนวตอบ (5 3)-4 = 5 3 (-4) = 5 -12)
×
n
4) (ba ) = an
n
• (ab)n = anbn b
m
(แนวตอบ (-3 × 2)4 = (-3)42 4) 5) a n = am - n
a
n n
• ( a ) = an
b b
2
(แนวตอบ ( 34 ) = 3 2 )
2

m
4
• a n = am - n
a
6 4
(แนวตอบ 5-2 = 5 6 - (-2) = 5 8)
5

เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรางเสริม


ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเลขยกกําลังจะไมมีสมบัติการแจกแจง ครูใหนักเรียนจับคู แลวยกตัวอยางเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลัง
สําหรับเลขชี้กําลังที่มีฐานบวกหรือลบกันอยู (a ± b)n an ± bn เชน เปนจํานวนเต็ม ที่สอดคลองกับสมบัติเลขยกกําลังในแตละขอ
(3 + 5)2 32 + 52 เพราะ (3 + 5)2 = 82 = 64 แต 32 + 52 = 9 + 25 = 34 พรอมทั้งแสดงวิธีทําอยางละเอียด
หมายเหตุ : ครูควรใหนักเรียนเกงและนักเรียนออนจับคูกัน

T6
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
แสดงและอธิบายทฤษฎี หลักการ
ตัวอยางที่ 1 1. ครูอธิบายถึงการเขียนจํานวนในรูปอยางงาย
ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำย เมื่อ a, b และ c เป็นจ�ำนวนจริงที่ไม่เท่ำกับศูนย์ เปนการจัดรูปของผลลัพธทไี่ ดจากการดําเนิน-
-2 4 -1 -3 การของเลขยกกําลังใหอยูในรูปเลขยกกําลัง
1) (ab2c-1)2 2) (a b3 c2 ) ที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มบวก และฐาน
ab
2 -3 4 -1 -5
3) (a c4 ) ( c3 4 )
-2 -1
4) a --22a -1+ 1 ที่ เ ป น จํ า นวนเดี ย วกั น จะมี แ ค นิ พ จน เ ดี ย ว
b ab a -a จากนั้นครูถามคําถามนักเรียน ดังนี้
2 -1 2
วิธีท�ำ 1) (ab c ) 2 2 2 -1 2
= a (b ) (c ) ATTENTION
• (a-4)2 เขียนใหอยูในรูปอยางงายไดอยางไร
รูปอย่างง่าย เป็นการจัดรูป
= a2b4c-2 ของผลลั พ ธ์ ที่ ไ ด้ จ ากการ (แนวตอบ 18 )
ด�าเนินการของเลขยกก�าลัง a
2 4
=a b2 ให้อยู่ในรูปเลขยกก�าลังที่ • 3-2 3 เขียนใหอยูในรูปอยางงายไดอยางไร
-2 4 -1 -3
c
มี เ ลขชี้ ก� า ลั ง เป็ น จ� า นวน (a )
2) (a b3 c2 ) = (a-2 - 3b4 - 2c-1)-3 เต็ ม บวก และฐานที่ เ ป็ น (แนวตอบ 3a 6)
ab
= (a-5b2c-1)-3 1 ย วกั น จะมี แ ค่2
จ� า นวนเดี
นิพจน์เดียว เช่น a-3 × a
• 1-1 4 • a-3 เขียนใหอยูในรูปอยางงาย
(a )
= (a-5)-3(b2)-3(c-1)-3 เขียนให้อยู่ในรูปอย่างง่าย ไดอยางไร
ได้เป็น 12 (แนวตอบ a -3 • a 4 = a)
a
= a15b-6c3
15 3 จากนั้นครูยกตัวอยางที่ 1 ในหนังสือเรียน
=a 6c หนา 5-6 บนกระดาน แลวครูและนักเรียน
b
2 -3 4 -1 -5 2 4 -3 4 -1 -5 รวมกันอภิปรายการเขียนจํานวนในแตละขอ
3) ( a c4 ) ( c3 4 ) =(a ) (c4 4 ) • 3(c-5 ) 4 -5 ใหอยูในรูปอยางงาย พรอมทั้งเปดโอกาสให
b ab (b ) (a ) (b )
8 -12 5
นักเรียนซักถามเมื่อเกิดขอสงสัย
=a c16 • -15c -20
b a b
8 + 15 -12 + 5
=a 16c- 20
b
23 -7
=a -4c
b
23 4
=a 7b
c

เลขยกก�าลัง 5

กิจกรรม ทาทาย นักเรียนควรรู


ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน แลวชวยกันเขียน 1 นิพจน หมายถึง ขอความที่เขียนอยูในรูปสัญลักษณ เชน 7, 3x5, x + 3,
a-2bc3 -2 x2 - 3x + 9
3( a-5b-4)
ใหอยูในรูปอยางงาย เมื่อ a, b และ c 2 a ในเรื่อง เลขยกกําลัง มีขอตกลงในทางคณิตศาสตรวา ตัวเลขที่ไมมี
a-1b2c เลขชี้กําลัง หมายถึง เลขยกกําลังนั้นมีเลขชี้กําลังเปน 1
เปนจํานวนจริงที่ไมเทากับศูนย
หมายเหตุ : ครูควรจัดกลุมนักเรียนโดยคละความสามารถทาง
คณิตศาสตรของนักเรียน (ออน ปานกลาง และเกง) ใหอยูกลุม
เดียวกัน

T7
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
แสดงและอธิบายทฤษฎี หลักการ
2. ครูใหนกั เรียนศึกษาตัวอยางที่ 2 ในหนังสือเรียน -2 -1 (a-2 - 2a-1 + 1)(a2)
4) a --2 2a -1+ 1 =
หน า 6 จากนั้ น ครู ถ ามคํ า ถามนั ก เรี ย นว า a -a (a-2 - a-1)(a2)
จากตัวอยางที่ 2 นักเรียนจะใชสมบัติของ -2 + 2 -1 + 2
=a -2 -+ 22a -1 + +2 a
2

เลขยกกําลังใดในการหาคาของ 816 • 644 • 6-23 a -a


2
(แนวตอบ 1) a m • a n = a m + n = 12a- a+ a
1 -
2) (a m)n = a mn 2
= a -(a
- 2a + 1
3) (ab)n = anbn) - 1)
(a - 1)2
= -(a
ใชทฤษฎี หลักการ - 1)
ครูใหนักเรียนทํา “ลองทําดู” ในหนังสือเรียน = -(a - 1)2 - 1 เมื่อ a ≠ 1
หนา 6 จากนั้นครูสุมนักเรียนออกมาแสดงวิธีทํา = -(a - 1) เมื่อ a ≠ 1
บนกระดาน โดยครูและนักเรียนในชัน้ เรียนรวมกัน = 1-a เมื่อ a ≠ 1
ตรวจสอบความถูกตอง
ลองทําดู

ขัน้ สรุป ให้เขียนจ�านวนต่อไปนีใ้ นรูปอย่างง่าย เมือ่ a, b และ c เป็นจ�านวนจริง


ตรวจสอบและสรุป ที่ไม่เท่ากับศูนย์ ฝกทําตอ
3 5 -7 -2
ครูถามคําถามนักเรียน เพื่อสรุปความรู เรื่อง 1) (a3b-2c4)3 2) ( a b5 c3 ) แบบฝกทักษะ 1.1
ab ขอ 1, 3, 4
a3c-5 3 b2c5 -4 a -2 - 6a-1 + 9
เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม ดังนี้ 3) ( -1 2 ) ( -2 -3 ) 4) -2 -1
ถากําหนดให a, b แทนจํานวนจริงใดๆ และ ab ab a - 3a
m, n แทนจํานวนเต็มบวก
ตัวอยางที่ 2
• เลขยกกําลัง คืออะไร
(แนวตอบ การคูณจํานวนนั้นซํ้าๆ กัน)
ให้หำค่ำของ 816 • 644 • 6-23
• “a ยกกําลัง n” มีความหมายวาอยางไร วิธีท�ำ 816 • 644 • 6-23 = (34)6 • (26)4 • (2 • 3)-23
(แนวตอบ a n = a × a × a × … × a ) = 324 • 224 • 2-23 • 3-23
n ตัว
= 324 - 23 • 224 - 23
= 3•2
• a m • a n มีคาเทากับเทาใด =6
(แนวตอบ a m + n)
• (am)n มีคาเทากับเทาใด ลองทําดู
ฝกทําตอ
(แนวตอบ a mn) ให้หาค่าของ 1255 • 274 • 15-13 แบบฝกทักษะ 1.1 ขอ 2
• (ab)n มีคาเทากับเทาใด 6
(แนวตอบ a nb n)

เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills


ครูควรอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเลขยกกําลังวา ถากําหนดให a, b แทน ครูแบงกลุมใหนักเรียนปฏิบัติกิจกรรมตามขั้นตอนตอไปนี้
n
จํานวนจริงใดๆ และ m, n แทนจํานวนเต็มบวก แลว (am)n am เชน (32)4 = 38 • กลุมละ 3-4 คน แลวสืบคนโจทยเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลัง
4
แต 32 = 316 และควรเนนยํ้าเลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็มศูนย เปนจํานวนเต็ม ที่สอดคลองกับสมบัติเลขยกกําลัง
เลขยกกําลังนั้นจะมีคาเทากับ 1 เชน 50 = 1, -120 = 1 • ใหนักเรียนนําโจทยที่สืบคนมาแสดงวิธีการหาคาของจํานวนให
อยูใ นรูปอยางงายและหาคาของจํานวนนัน้ พรอมทัง้ บอกสมบัติ
เลขยกกําลังที่ใชในการหาคําตอบ
• ใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอขอมูลผานโปรแกรม
Microsoft PowerPoint หรือโปรแกรมนําเสนออื่นๆ ตามที่
นักเรียนถนัด
หมายเหตุ : ครูควรจัดกลุมนักเรียนโดยคละความสามารถทาง
คณิตศาสตรของนักเรียน (ออน ปานกลาง และเกง) ใหอยูกลุม
เดียวกัน

T8
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สรุป
ตรวจสอบและสรุป
n
แบบฝึกทักษะ 1.1 • (ba ) มีคาเทากับเทาใด
n
(แนวตอบ an )
ระดับพื้นฐาน b
a m
1. ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำย เมื่อ a, b และ c เป็นจ�ำนวนจริงที่ไม่เท่ำกับศูนย์ • n มีคาเทากับเทาใด
a
1) 25 • 30 • 2-4
7 -1
2) 35 • 2-3 (แนวตอบ a m - n)
3 •2
7 -5
4
3) 32 • 128 -2 4) 275 • 81-2 ฝกปฏิบตั ิ
3 •9
2 4 -4 -2
5) a b a b 6) (ab-7c5a-4b11c-3)-1 1. ครูใหนักเรียนจับคูทํากิจกรรม โดยใชเทคนิค
-2 3 -3 -5 -4 คูคิด (Think Pair Share) ดังนี้
7) ( -2c -1 ) 8) (a -5b 6 ) • ใหนักเรียนแตละคนคิดคําตอบของตนเอง
ab ac
-3 -1 8 5 -1 4 -3 -2 -1
9) (a b2 2c ) ( a2 b-1 ) 10) b -2+ 4b -1+ 4 จากแบบฝ ก ทั ก ษะ 1.1 ในหนั ง สื อ เรี ย น
bc ac b + 2b หนา 7
2. ให้หำค่ำของเลขยกก�ำลังต่อไปนี้ • ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน เพื่อแลกเปลี่ยน
1) 53 • 24 • 10-2 2) 492 • 272 • 21-5 คําตอบกัน สนทนาซักถามจนเปนที่เขาใจ
6 -4 7 -20
3) 16 • 256 -5 4) 125 • 35-5 รวมกัน
128 2401
• ครูสุมนักเรียนออกมานําเสนอคําตอบหนา
ระดับกลาง ชั้นเรียน โดยครูตรวจสอบความถูกตอง
3. ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำย เมื่อ a, b และ c เป็นจ�ำนวนจริงที่ไม่เท่ำกับศูนย์ 2. ครูใหนักเรียนทํา Exercise 1.1 เปนการบาน
6 4 3 -3 -2 -1
1) a 4 - a 2 + a 2) a + 3a-3 + 3a -2
+1
a -a +a a +a ขัน้ ประเมิน
5 4 n+2 -1 3
3) (a + 1)4 (a -2 1) 4) (a +-3b)2 • ab cn - 2 1. ครูตรวจแบบฝกทักษะ 1.1
(a - 1) a b (a + b)
2. ครูตรวจ Exercise 1.1
ระดับท้าทาย
3. ครูประเมินการนําเสนอผลงาน
4. ให้พิจำรณำว่ำข้อควำมต่อไปนี้เป็นจริงหรือเท็จ เพรำะเหตุใด 4. ครูสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
1) am • an = am + n 5. ครูสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม
m
2) a n = am - n 6. ครูสังเกตความมีวินัย ใฝเรียนรู
a
-n n มุงมั่นในการทํางาน
3) (ab) =(ba)
4) ถ้า ax > 1 และ 0 < a < 1 แล้ว x > 0
เลขยกก�าลัง 7

ขอสอบเนน การคิด แนวทางการวัดและประเมินผล


คาของ 3(3(3(-3)-2)-3)-1 มีคาเทากับขอใด ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุม จากการทําแบบ
1. 13 2. 19 1
3. 27 1
4. 81 ฝกทักษะ 1.1 ในขั้นฝกปฏิบัติ โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจาก
แบบประเมินของแผนการจัดการเรียนรูในหนวยการเรียนรูที่ 1
(เฉลยคําตอบ 3(3(3(-3)-2)-3)-1 = 3 (3 (3 ( 1 2 )) )
-3 -1
(-3) แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม

= 3 (3 (3 ( 19 ) ))
-3 -1 คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับ
ระดับคะแนน

การมี
การทางาน
การแสดง การยอมรับฟัง ส่วนร่วมใน รวม
ลาดับ ชื่อ – สกุล ตามที่ได้รับ ความมีน้าใจ
ความคิดเห็น คนอื่น การปรับปรุง 20
ที่ ของนักเรียน มอบหมาย
ผลงานกลุ่ม คะแนน
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1

= 3 (3 ( 13 ) )
-3 -1

= 3 • 3-1 • ((3-1)-3)-1 ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน


............/................./................

= 3 • 3-1 • 3-3
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน

= 3-3 เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ

1
18 - 20 ดีมาก
14 - 17 ดี

=
10 - 13 พอใช้
ต่ากว่า 10 ปรับปรุง

27
ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 3.)

T9
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ นํา (Concept Based Teaching)


การใชความรูเ ดิมฯ (Prior Knowledge)
ครูทบทวน เรือ่ ง รากที่ 2 และรากที่ 3 โดยถาม
คําถาม ดังนี้
1.2 รำกที
th
่ n ของจ�ำนวนจริง
• หาคารากที่ 2 ของ 16 (n Root of Real Number)
(แนวตอบ รากที่ 2 ของ 16 คือ -4 และ 4
เพราะ (-4) 2 = 16 และ 4 2 = 16) ในระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น นักเรียนทราบมาแล้วว่า การหารากที่สองของศูนย์และ
• หาคารากที่ 3 ของ 8 จ�านวนจริงบวกใด ๆ คือ การหาจ�านวนจริงที่ยกก�าลังสองแล้วได้จ�านวนจริงนั้น
(แนวตอบ รากที่ 3 ของ 8 คือ 2 เพราะ ในท�านองเดียวกัน การหารากทีส่ ามของจ�านวนจริงใด ๆ คือ การหาจ�านวนจริงทีย่ กก�าลังสาม
2 3 = 8) แล้วได้จ�านวนจริงนั้น เช่น การหารากที่สามของ 27 ท�าได้โดยการหาจ�านวนจริงที่ยกก�าลังสาม
• หาคารากที่ 3 ของ 5 แล้วได้ 27 ซึ่งจ�านวนนั้น คือ 3 จึงได้ว่า 3 เป็นรากที่สามของ 27 ในระดับชั้นนี้นักเรียนจะได้ศึกษา
(แนวตอบ รากที่ 3 ของ 5 คือ 3 5 เพราะ เกี่ยวกับรากที่ n ในระบบจ�านวนจริง
( 3 5) 3 = 5)
1. รำกที ่ n ของจ�ำนวนจริง (nth Root of Real Number)
ขัน้ สอน
รู (Knowing) Investigation
1. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา ในกรณีทั่วไป นักเรียน ให้นักเรียนเติมค�ำตอบลงในช่องว่ำงให้ถูกต้อง
สามารถหาค า รากที่ n ของจํ า นวนจริ ง ได 36 ดังนั้น 6 เป็นรากที่ 2 ของ 36
1. 62 = ..........................................................................................................................................................
2
เมือ่ n เปนจํานวนเต็มบวกทีม่ ากกวา 1 โดยให 2. (-6) = ..........................................................................................................................................................
แตละคนศึกษาและตอบคําถามจากกิจกรรม 3. 33 = ..........................................................................................................................................................
Investigation ในหนังสือเรียน หนา 8 4. (-3)3 = ..........................................................................................................................................................
2. ครูและนักเรียนรวมกันอภิปรายและสรุปความรู 5. 34 = ..........................................................................................................................................................
ที่ไดรับจากกิจกรรม Investigation 6. (-3)4 = ..........................................................................................................................................................
7. 25 = ..........................................................................................................................................................
เฉลย Investigation 8. 26 = ..........................................................................................................................................................
9. (-2)6 = ..........................................................................................................................................................
1. 62 = 36 ดังนั้น 6 เปนรากที่ 2 ของ 36 10. 17 = ..........................................................................................................................................................
2. (-6)2 = 36 ดังนั้น -6 เปนรากที่ 2 ของ 36
3. 33 = 27 ดังนั้น 3 เปนรากที่ 3 ของ 27
จาก Investigation จะเห็นว่า จ�านวนจริงใด ๆ เขียนในรูปเลขยกก�าลังที่มีเลขชี้ก�าลังเป็น
4. (-3)3 = -27 ดังนั้น -3 เปนรากที่ 3 ของ -27
จ�านวนเต็มบางจ�านวนสามารถจัดได้ทงั้ ฐานทีเ่ ป็นจ�านวนบวกและฐานทีเ่ ป็นจ�านวนลบ เช่น 81 = 34
5. 3 4 = 81 ดังนั้น 3 เปนรากที่ 4 ของ 81 หรือ 81 = (-3)4 ซึ่งจะเรียก 3 และ -3 ว่าเป็นรากที่ 4 ของ 81 แต่บางจ�านวนจัดได้เฉพาะฐาน
6. (-3)4 = 81 ดังนั้น -3 เปนรากที่ 4 ของ 81 ที่เป็นจ�านวนบวกหรือฐานที่เป็นจ�านวนลบอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น เช่น 27 = 33 เรียก 3 ว่า
7. 2 5 = 32 ดังนั้น 2 เปนรากที่ 5 ของ 32 เป็นรากที่ 3 ของ 27 หรือ -27 = (-3)3 ซึ่งจะเรียก -3 ว่าเป็นรากที่ 3 ของ -27
8. 2 6 = 64 ดังนั้น 2 เปนรากที่ 6 ของ 64
8
9. (-2)6 = 64 ดังนั้น -2 เปนรากที่ 6 ของ 64
10. 17 = 1 ดังนั้น 1 เปนรากที่ 7 ของ 1

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด


การเรียนการสอนในหัวขอนี้ ครูควรทบทวนความรู เรื่อง รากที่สองและ ขอใดตอไปนี้ถูกตอง
รากที่สามของจํานวนจริง ดังนี้ 1. รากที่ 2 ของ 49 คือ 7
ให a เปนจํานวนจริงใดๆ 2. รากที่ 3 ของ -8 คือ -2
- รากที่สองของ a คือ จํานวนจริงที่ยกกําลังสองแลวเทากับ a 3. รากที่ 4 ของ -16 คือ -2
เขียนแทนดวยสัญลักษณ a และ - a 4. รากที่ 5 ของ 0.00032 คือ 0.02
- รากที่สามของ a คือ จํานวนจริงที่ยกกําลังสามแลวเทากับ a (เฉลยคําตอบ
เขียนแทนดวยสัญลักษณ 3 a 1. ผิด เพราะรากที่ 2 ของ 49 คือ -7 และ 7
2. ถูก เพราะ (-2)3 = -8
3. ผิด เพราะไมมีจํานวนจริงใดที่ยกกําลังสี่แลวได -16
4. ผิด เพราะรากที่ 5 ของ 0.00032 คือ 0.2
ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 2.)

T10
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
3. ครู อ ธิ บ ายเพิ่ ม เติ ม ว า ในกรณี ทั่ ว ไปการหา
ในกรณีทั่วไป การหาค่ารากอันดับที่ต่าง ๆ ของจ�านวนจริงใด ๆ ได้มีการก�าหนดบทนิยามไว้
ดังนี้ ค า รากอั น ดั บ ที่ ต  า งๆ ของจํ า นวนจริ ง ใดๆ
สามารถหาไดจากบทนิยาม ดังนี้
บทนิยาม ก�ำหนด x, y เป็นจ�ำนวนจริง และ n เป็นจ�ำนวนเต็มที่มำกกว่ำ 1 “กําหนด x, y เปนจํานวนจริง และ n เปน
y เป็นรำกที่ n ของ x ก็ต่อเมื่อ yn = x จํานวนเต็มที่มากกวา 1 y เปนรากที่ n ของ x
ก็ตอเมื่อ yn = x”
ตัวอยางที่ 3
4. ครูใหนกั เรียนศึกษาตัวอยางที่ 3 ในหนังสือเรียน
ให้หำค่ำของ หนา 9 จากนั้นครูอธิบายตัวอยางที่ 3 ซํ้า
1) รำกที่ 5 ของ -32 อีกครั้ง เพื่อใหนักเรียนเขาใจมากยิ่งขึ้น
2) รำกที่ 6 ของ 64
วิธีท�ำ 1) เนื่องจาก -32 = (-2)5 เขาใจ (Understanding)
ดังนั้น รากที่ 5 ของ -32 คือ -2 ครูใหนักเรียนทํา “ลองทําดู” ในหนังสือเรียน
2) เนื่องจาก 64 = 26 และ 64 = (-2)6 หนา 9 จากนั้นครูสุมนักเรียน 2 คน ออกมาเขียน
ดังนั้น รากที่ 6 ของ 64 คือ 2 และ -2 วิธีคิดบนกระดาน โดยครูตรวจสอบความถูกตอง

ลองทําดู
ให้หาค่าของ
ฝกทําตอ
1) รากที่ 5 ของ 243 แบบฝกทักษะ 1.2
2) รากที่ 6 ของ 729 ขอ 1(1)-(2)

2. คำหลักของรำกที ่ n ของจ�ำนวนจริง
(Principle nth Root of Real Numbers)
พิจารณาเลขยกก�าลังที่ก�าหนด
• (-4)3 = -64 รากที่สามของ -64 มีเพียงหนึ่งค่า คือ -4
เรียก -4 ว่าเป็นค่าหลักของรากที่สามของ -64
• (-2)4 = 16 และ 24 = 16 รากที่สี่ของ 16 มีสองค่า คือ -2 กับ 2
เรียก 2 ว่าเป็นค่าหลักของรากที่สี่ของ 16
• (-1)5 = -1 รากที่ห้าของ -1 มีเพียงหนึ่งค่า คือ -1
เรียก -1 ว่าเป็นค่าหลักของรากที่ห้าของ -1
เลขยกก�าลัง 9

กิจกรรม สรางเสริม เกร็ดแนะครู


ใหนักเรียนปฏิบัติ ดังนี้ ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับรากที่ n ของจํานวนจริงวา รากที่ n ของ x
ใหนักเรียนจับคู แลวชวยกันหาคาของ y เมื่อกําหนด 3y = 243 เมื่อพิจารณา n เปนจํานวนคูหรือจํานวนคี่ ดังนี้
โดยใชบทนิยามของรากที่ n ของจํานวนจริง กรณี n เปนจํานวนคู
หมายเหตุ : ครูควรใหนักเรียนเกงและนักเรียนออนจับคูกัน 1. ถา x > 0 แลว รากที่ n ของ x จะมีคําตอบ 2 คา คือ จํานวนจริงบวก
และจํานวนจริงลบ
2. ถา x < 0 แลว ไมสามารถหารากที่ n ของ x ไดในระบบจํานวนจริง
กิจกรรม ทาทาย กรณี n เปนจํานวนคี่
1. ถา x > 0 แลว รากที่ n ของ x จะมีคําตอบเพียงคาเดียว คือ
ครูใหนกั เรียนแบงกลุม กลุม ละ 3-4 คน คละความสามารถทาง
จํานวนจริงบวก
คณิตศาสตร แลวชวยกันหาคาของ m + n เมือ่ กําหนด 5m = 3,125
2. ถา x < 0 แลว รากที่ n ของ x จะมีคําตอบเพียงคาเดียว คือ
และ 3n = 729 โดยใชบทนิยามของรากที่ n ของจํานวนจริง
จํานวนจริงลบ
จากนั้นเขียนแสดงขั้นตอนวิธีทําลงกระดาษ A4 แลวนําสงให
ครูตรวจ

T11
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
1. ครูเขียนโจทยบนกระดาน เชน
นักเรียนจะเห็นว่า ค่าหลักของรากที่ n ของจ�านวนจริงใด ๆ มีเพียงหนึ่งค่าเท่านั้น ซึ่งอาจจะ
1) รากที่ 3 ของ -64 คือ -4
เป็นจ�านวนบวกหรือจ�านวนลบ ดังบทนิยามต่อไปนี้
2) รากที่ 4 ของ 16 คือ -2 และ 2
3) รากที่ 5 ของ -1 คือ -1 บทนิยาม ให้ x และ y เป็นจ�ำนวนจริง และ n เป็นจ�ำนวนเต็มที่มำกกว่ำ 1 y เป็นค่ำหลักของรำกที่ n
แลวถามคําถาม ดังนี้ ของ x ที่เขียนแทนด้วย n x ก็ต่อเมื่อ
• ขอใดบางที่มีรากเปนอันดับคู และคําตอบ 1) y เป็นรำกที่ n ของ x
2) xy ≥ 0
ในแตละขอมีกี่คา
ส�ำหรับ n x อ่ำนว่ำ กรณฑ์ที่ n ของ x หรือ ค่ำหลักของรำกที่ n ของ x
(แนวตอบ ขอ 2) มีรากที่ 4 เปนรากอันดับคู
และมีคําตอบ 2 คา คือ -2 และ 2)
จากบทนิยามอาจกล่าวได้ว่า ถ้า y เป็นค่าหลักของรากที่ n ของ x แล้ว xy จะมีผลคูณ
• ขอใดบางที่มีรากเปนอันดับคี่ และคําตอบ
เป็นจ�านวนบวกหรือศูนย์
ในแตละขอมีกี่คา
(แนวตอบ ขอ 1) และขอ 3) มีรากที่ 3 และ เช่น ค่าหลักของรากที่ 3 ของ -8 คือ 3 -8 หรือ -2
รากที่ 5 เปนรากอันดับคี่ และมีคําตอบ เพราะว่า (-8) × (-2) > 0
เพียงคาเดียว คือ -4 และ -1 ตามลําดับ) ค่าหลักของรากที่ 4 ของ 81 คือ 4 81 หรือ 3
จากนั้ น ครู ส รุ ป ว า รากอั น ดั บ คู  ที่ มี คํ า ตอบ เพราะว่า 81 × 3 > 0
สองคาจะมีคาหลักเพียงคาเดียวเทานั้น คือ ค่าหลักของรากที่ 5 ของ -15 คือ 5 -15
คาที่เปนบวก นั่นคือ คาหลักของรากที่ 4
เพราะว่า -15 × 5 -15 > 0
ของ 16 คือ 2 และรากอันดับคี่ที่มีคําตอบ
เพียงคาเดียว ซึ่งคําตอบที่ไดจะเปนคาหลัก ในกรณีทั่วไปมีข้อสรุปเกี่ยวกับค่าหลักของรากที่ n ของจ�านวนจริง x หรือ n x ดังนี้
ของราก นั่นคือ คาหลักของรากที่ 3 ของ -64 1. ถ้า x = 0 แล้ว n x = 0
คือ -4 และคาหลักของรากที่ 5 ของ -1 คือ -1 2. ถ้า x > 0 แล้ว n x เป็นจ�านวนจริงบวก
2. ครูใหนักเรียนเขียนบทนิยามคาหลักของราก 3. ถ้า x < 0 และ n เป็นจ�านวนคี่ แล้ว n x เป็นจ�านวนจริงลบ
ที่ n ลงในสมุด จากหนังสือเรียน หนา 10 แลว
ยกตัวอยางบนกระดาน เพื่อใหสอดคลองกับ ATTENTION
บทนิยามดังกลาว
1. สัญลักษณ์ เรียกว่า เครื่องหมายกรณฑ์ (radical sign)
3. ครูอธิบาย เรื่อง สัญลักษณของเครื่องหมาย
2. รากที่ n เมื่อ n เป็นจ�านวนเต็มที่มากกว่า 1 เขียนแทนด้วย n และเรียก n ว่า อันดับที่
กรณฑ ที่ ใ ช แ สดงอั น ดั บ รากของจํ า นวนจริ ง หรือดัชนี (index) ของกรณฑ์
จาก ATTENTION ในหนังสือเรียน หนา 10 3. กรณี กรณฑ์ที่ 2 (n = 2) เขียนแทนด้วย

10

สื่อ Digital ขอสอบเนน การคิด


ครูอาจใหนักเรียนดูสื่อการเรียนรูผานทาง www.youtube.com โดยใช คาของ 81 + 3 0 - 3 - 27
64 มีคาเทากับเทาใด
คําสืบคน ดังนี้
• คาหลักของรากที่ n ของจํานวนจริง (เฉลยคําตอบ 81 + 3 0 - 3 - 27
64 = 9 + 0 - 3 (- 4)
2 3 3 33
• Principle nth Root of Real Number = 9 + 0 - (- 34)
เชน www.edltv.thai.net
= 9 34 )

T12
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
ตัวอยางที่ 4 4. ครูเขียนตัวอยางที่ 4 ในหนังสือเรียน หนา 11
ให้หำค่ำของ บนกระดาน และอธิบายวิธีทําอยางละเอียด
1) 4 16 2) 5 -243 เพื่อเนนยํ้าใหนักเรียนเขาใจ
วิธีท�ำ 1) เนื่องจาก 24 = 16 และ 2 × 16 > 0 เขาใจ (Understanding)
ดังนั้น 4 16 = 2 1. ครูใหนักเรียนจับคูทํา “ลองทําดู” ในหนังสือ-
2) เนื่องจาก (-3)5 = -243 และ (-3) × (-243) > 0 เรียน หนา 11 แลวตรวจสอบคําตอบกับคู
ดังนั้น 5 -243 = -3 ของตนเอง โดยครูตรวจสอบความถูกตอง
2. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกทักษะ 1.2 ขอ 1
ลองทําดู ในหนังสือเรียน หนา 21 เปนการบาน
ให้หาค่าของ ฝกทําตอ
รู (Knowing)
1) 4 625 32
2) 5 243 แบบฝกทักษะ 1.2
ขอ 1(3)-(6), 6 1. ครูเฉลยการบาน โดยสุมนักเรียนออกมาเขียน
วิ ธีทํ า บนกระดาน โดยครู ต รวจสอบความ
ตัวอยางที่ 5 ถูกตอง
ให้หำค่ำประมำณของ 3 63 2. ครูกลาวทบทวนเกีย่ วกับรากที่ n ของจํานวนจริง
วิธีท�ำ ขั้นที่ 1 หาจ�านวนเต็มที่ยกก�าลังสามแล้วใกล้เคียงกับ 63 มากที่สุด และคาหลักของรากที่ n ของจํานวนจริง ดังนี้
เนื่องจาก 33 < 63 < 43 - การหาคารากอันดับทีต่ า งๆ ของจํานวนจริง
3 27 = 3 และ 3 64 = 4 ใดๆ สามารถหาได จ ากบทนิ ย าม ดั ง นี้
ดังนั้น 3 63 มีค่าประมาณมากกว่า 3 แต่ไม่ถึง 4 กําหนด x, y เปนจํานวนจริง และ n เปน
ขั้นที่ 2 ประมาณค่าของ 3 63 จํานวนเต็มที่มากกวา 1 y เปนรากที่ n
พิจารณาจาก 3.1, 3.2, 3.3, ..., 3.9 จะได้ว่า (3.9)3 = 59.319 ของ x ก็ตอเมื่อ yn = x
ดังนั้น 3 63 มีค่าประมาณมากกว่า 3.9 แต่ไม่ถึง 4 - จํ า นวนจริ ง y เป น ค า หลั ก ของรากที่ n
พิจารณาจาก 3.91, 3.92, 3.93, ..., 3.99 ของ x เขียนแทนดวย n x ก็ตอเมื่อ y เปน
เนื่องจาก (3.95)3 ≈ 61.630 รากที่ n ของ x และ xy ≥ 0
(3.96)3 ≈ 62.099
เขาใจ (Understanding)
(3.97)3 ≈ 62.571
(3.98)3 ≈ 63.045 1. ครูใหนักเรียนสุมตัวเลขที่ยกกําลังสามแลว
ดังนั้น 3.98 เป็นค่าประมาณของ 3 63 ใกลเคียงกับ 63 มากทีส่ ดุ โดยตอบเปนทศนิยม
สองตําแหนง จากนั้นครูยกตัวอยางที่ 5 ใน
หนังสือเรียน หนา 11 บนกระดาน แลวอธิบาย
เลขยกก�าลัง 11
การหาคาประมาณของ 3 63 แตละขั้นตอน
อยางละเอียด

ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู


ใหหาคาประมาณของ 75 +2 50 เมื่อกําหนด 2 ≈ 1.414 ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการหาคาประมาณของรากที่ 2 และรากที่ 3
และ 3 ≈ 1.732 โดยใชวิธีการเปดตาราง ดังนี้
(เฉลยคําตอบ 75 +2 50 = 5 3 +2 5 2 n n 3
n n n 3
n

5(1.732) + 5(1.414) 1 1.000 1.000 11 3.317 2.224
2 2 1.414 1.260 12 3.464 2.289
= 7.865) 3 1.732 1.442 13 3.606 2.351
4 2.000 1.587 14 3.742 2.410
5 2.236 1.710 15 3.873 2.466
6 2.449 1.817 16 4.000 2.520
7 2.646 1.913 17 4.123 2.571
8 2.828 2.000 18 4.243 2.621
9 3.000 2.080 19 4.359 2.668
10 3.162 2.154 20 4.472 2.714
เชน 15 ≈ 3.873 และ 3 10 ≈ 2.154
T13
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
2. ครูใหนักเรียนจับคูทํา “ลองทําดู” ในหนังสือ- ลองทําดู
ฝกทําตอ
เรียน หนา 12 และแบบฝกทักษะ 1.2 ขอ 2. ให้หาค่าประมาณของ 3 8.1 แบบฝกทักษะ 1.2 ขอ 2
ในหนังสือเรียน หนา 21 จากนั้นใหตรวจสอบ
คํ า ตอบกั บ คู  ข องตนเอง โดยครู ต รวจสอบ
ความถูกตอง Journal Writing
3. ครูใหนักเรียนจับคูทํากิจกรรม โดยใชเทคนิค ตะวันแสดงวิธีหาค�าตอบจากตัวอย่างที่ 5 ดังนี้
คูคิด (Think Pair Share) ดังนี้ เนื่องจาก 3 27 = 3 และ 3 64 = 4
• ใหนักเรียนแตละคนคิดคําตอบของตนเอง ดังนั้น 3 63 มีค่าประมาณมากกว่า 3 แต่ไม่ถึง 4
3
กอน จากกิจกรรม Journal Writing ใน เนื่องจาก (3 +2 4) = (3.5)3 = 42.875
หนังสือเรียน หนา 12 ดังนั้น 3 63 มีค่าประมาณมากกว่า 3.5 แต่ไม่ถึง 4
• ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน เพื่อแลกเปลี่ยน 3
เนื่องจาก (3.52+ 4) = (3.75)3 ≈ 52.734
คําตอบกัน สนทนาซักถามซึ่งกันและกัน
ดังนั้น 3 63 มีค่าประมาณมากกว่า 3.75 แต่ไม่ถึง 4
จนเปนที่เขาใจรวมกัน 3
เนื่องจาก (3.752 + 4) = (3.875)3 ≈ 58.186
• ครูสุมถามนักเรียน แลวใหนักเรียนรวมกัน
อภิปรายคําตอบ ดังนี้ ดังนั้น 3 63 มีค่าประมาณมากกว่า 3.875 แต่ไม่ถึง 4
3
- จากกิจกรรม Journal Writing วิธีการ เนื่องจาก ( 3.8752 + 4 ) = (3.9375)3 ≈ 61.047
หาคําตอบของตะวันมีการแบงชวงอยางไร ดังนั้น 3 63 มีค่าประมาณมากกว่า 3.9375 แต่ไม่ถึง 4
(แนวตอบ แบงชวงจํานวนที่พิจารณาออก 3
เนื่องจาก ( 3.93752 + 4 ) = (3.96875)3 ≈ 62.512
เปน 2 ชวง) ดังนั้น 3 63 มีค่าประมาณมากกว่า 3.96875 แต่ไม่ถึง 4
- นั ก เรี ย นคิ ด ว า วิ ธีใ ดที่ ใ ห คํ า ตอบที่ เ ร็ ว + 4 )3 = (3.984375)3 ≈ 63.253
เนื่องจาก ( 3.96875
กวากัน เพราะเหตุใด 2
(แนวตอบ วิธจี ากตัวอยางที่ 5 จะใหคาํ ตอบ ดังนั้น 3 63 มีค่าประมาณมากกว่า 3.96875 แต่ไม่ถึง 3.984375
3
ที่เร็วกวา เพราะมีการแบงชวงที่พิจารณา เนื่องจาก ( 3.96875 +2 3.984375 ) = (3.9765625)3 ≈ 62.882
มากกวา 2 ชวง) ดังนั้น 3.9765625 ≈ 3.98 เป็นค่าประมาณของ 3 63
นักเรียนเห็นด้วยกับวิธีการหาค�าตอบของตะวันหรือไม่ เพราะเหตุใด
4. ครูใหนักเรียนตรวจสอบคาประมาณของ 3 63
โดยใชเครื่องคิดเลขจาก IT CORNER
IT CORNER
นักเรียนสามารถใช้เครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร์ตรวจสอบค่าประมาณ 3 63 โดยกดปุม
เฉลย Journal Writing 3 6 3 =
เห็นดวย เพราะเปนการหาคาประมาณทีม่ กี าร
12
แบงชวงจํานวนที่พิจารณาออกเปน 2 ชวง แตอาจ
จะไดผลลัพธที่ชากวาวิธีในตัวอยางที่ 5

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิด


ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสอบคาประมาณวา นอกจากจะใช คาประมาณของ 3 54 - 3 98 + 4 48 มีคาเทากับขอใด
เครื่องคิดเลขในการตรวจสอบคาประมาณแลว นักเรียนยังสามารถใชโปรแกรม เมื่อกําหนด 2 ≈ 1.414, 3 ≈ 1.732 และ 3 2 ≈ 1.260
อืน่ ๆ ในการคํานวณ เชน Microsoft Excel โปรแกรมคํานวณออนไลน Wolfram- 1. 1.638
Alpha 2. 1.789
3. 1.798
4. 1.889
(เฉลยคําตอบ
3
54 - 3 98 + 4 48 = 3 3 2 - 3(7 2) + 4(4 3)
= 3 3 2 - 21 2 + 16 3
≈ 3(1.260) - 21(1.414) + 16(1.732)
= 1.798
ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 3.)

T14
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
1. ครูใหนักเรียนศึกษากิจกรรม Investigation
Investigation
ในหนังสือเรียน หนา 13 แลวตอบคําถามจาก
ให้นักเรียนตอบค�ำถำมต่อไปนี้ กิจกรรม
1. ให้พิจารณาข้อความต่อไปนี้ว่าเป็นจริงหรือเท็จ 2. ครู แ ละนั ก เรี ย นร ว มกั น อภิ ป ราย เพื่ อ ตอบ
1) 16 + 9 = 16 + 9 2) 16 - 9 = 16 - 9 คําถามจากกิจกรรม Investigation จนสามารถ
3) 16 × 9 = 16 × 9 4) 169 = 16 สรุปเปนสมบัติของรากที่ n ของจํานวนจริง
9
2. จากข้อ 1. ให้นักเรียนพิสูจน์ข้อความที่เป็นจริงส�าหรับกรณีจ�านวนจริงใด ๆ ใดๆ ในหนังสือเรียน หนา 13
3. ให้หาค่าของ a × a 3. ครูอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมบัติของรากที่ n
ของจํานวนจริง จาก ATTENTION ดังนี้
a+b a+ b
จาก Investigation นักเรียนสามารถสรุปเป็นสมบัติได้ ดังนี้ a-b a- b
สมบัติ ให้ a ≥ 0 และ b ≥ 0 จะได้ เมื่อ a และ b > 0
1. ab = a • b
ATTENTION เชน 4 + 5 4 + 5
กรณีที่ a = b จะได้ว่ำ a • a = a a+b ≠ a+ b 4. ครูถามคําถามวา นักเรียนสามารถยกตัวอยาง
หรือ ( a )2 = a2 = a a-b ≠ a- b ในกรณีที่ a + b = a + b ไดหรือไม
เมื่อ a และ b > 0 (แนวตอบ ได เชน ให a = 1 และ b = 0 จะได
2. ba = a เมื่อ b ≠ 0
b
1 + 0 = 1 + 0)
จากสมบัติข้างต้น สามารถน�ามาเขียนเป็นสมบัติของรากที่ n ในกรณีทั่วไปได้ ดังนี้
สมบัติ สมบัติของรากที่ n
ให้ a และ b เป็นจ�ำนวนจริงที่มีรำกที่ n และ n เป็นจ�ำนวนเต็มที่มำกกว่ำ 1
1. (n a )n = a เมื่อ n a เป็นจ�ำนวนจริง
a เมื่อ a ≥ 0
n n a เมื่อ a < 0 และ n เป็นจ�ำนวนคี่บวก
2. a =
∙a∙ เมื่อ a < 0 และ n เป็นจ�ำนวนคู่บวก

n
3. ab = n a • n b
n
4. n ba = n a เมื่อ b ≠ 0
b

เลขยกก�าลัง 13

เฉลย Investigation
ขอ 1. 1) เปนเท็จ เพราะ 16 + 9 16 + 9 ขอ 2.
25 4+3 จากขอ 3) ให a ≥ 0 และ b ≥ 0 จากขอ 4) ให a ≥ 0 และ b ≥ 0
5 7 จาก ab = a• b a a
จาก b = b
2) เปนเท็จ เพราะ 16 - 9 16 - 9 ( ab)2 = ( a • b)2 2 2
7 1 ab = ( a • b)( a • b) ( ba ) = ( ba )
3) เปนจริง เพราะ 16 × 9 = 16 × 9 ab = ( a • a )( b • b)
144 = 4 × 3 ab = a 2 • b2 a = a• a
b b b
12 = 12 ab = ab
a = a2
16 = 16 b 2
b
4) เปนจริง เพราะ 9 9 a a
b = b
(43) = 169
2

4 = 4 ขอ 3. เนื่องจาก a2 = a × a = ( a )2 = a 
3 3 ดังนั้น a × a = a 
T15
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
1. ครูเขียนตัวอยางที่ 6 ในหนังสือเรียน หนา 14
นักเรียนสามารถน�าสมบัติของรากที่ n ไปใช้ในการจัดรูปของกรณฑ์ให้อยู่ในรูปอย่างง่าย
บนกระดาน แลวอธิบายวา ในแตละขอใช
ดังตัวอย่างต่อไปนี้
สมบัติของรากที่ n สมบัติใดในการหาคําตอบ
2. ครูใหนักเรียนทํา “ลองทําดู” ในหนังสือเรียน ตัวอยางที่ 6
หนา 14 และแบบฝกทักษะ 1.2 ขอ 3. ขอ 1)-3) ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำย
ในหนังสือเรียน หนา 22 แลวสุมนักเรียน 1) 2 • 8 2) 18
ออกมาเฉลยวิธีคิดบนกระดาน โดยครูและ 3) 3 81 • 4 81 4) 5 64 ÷ 5 2
นักเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตอง
วิธีท�ำ 1) 2 • 8 = 2 × 8 = 16 = 4
ลงมือทํา (Doing) 2) 18 = 9×2 = 9• 2 = 32
ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน โดย 3) 81 • 81 = 3 27 × 3 • 4 34
3 4

คละความสามารถทางคณิตศาสตร ทําใบงาน = 3 33 × 3 • 4 34
ที่ 1.1 เรื่อง รากที่ n ของจํานวนจริง แลวให = 33 3 × 3
ตรวจสอบคํ า ตอบของตนเองกั บ เพื่ อ นในกลุ  ม = 93 3
จากนั้ น ให ส  ง ตั ว แทนกลุ  ม ออกมาแสดงวิ ธีคิ ด 4) 5 64 ÷ 5 2 = 5 32 × 2 ÷ 5 2
หน า ชั้ น เรี ย น โดยมี ค รู ค อยตรวจสอบความ = 5 25 × 2 ÷ 5 2
= 25 2 ÷ 5 2
ถูกตอง
= 2
ขัน้ สรุป
ลองทําดู
ครูใหนกั เรียนสรุปความรูร วบยอด เรือ่ ง รากที่ n
ของจํานวนจริง ลงในสมุด ให้เขียนจ�านวนต่อไปนี้ในรูปอย่างง่าย
ฝกทําตอ
1) 27 • 3 2) 12 แบบฝกทักษะ 1.2
5 3
3) 32 • 32 4) 4 10000 ÷ 3 1000
ขัน้ ประเมิน ขอ 3(1)-(3)

1. ครูตรวจใบงานที่ 1.1
2. ครูตรวจสอบแบบฝกทักษะ 1.2 3. กำรหำผลบวกและผลตำงของจ�ำนวนจริงทีอ่ ยูใ นรูปกรณฑ
3. ครูประเมินการนําเสนอผลงาน (Addition and Subtraction of Radicals)
4. ครูสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล นักเรียนสามารถหาผลบวกและผลต่างของจ�านวนที่มีเครื่องหมายกรณฑ์อันดับเดียวกัน
5. ครูสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม และมีจ�านวนภายในกรณฑ์เป็นจ�านวนเดียวกันได้ดังตัวอย่างต่อไปนี้
6. ครูสังเกตความมีวินัย ใฝเรียนรู
มุงมั่นในการทํางาน 14

แนวทางการวัดและประเมินผล ขอสอบเนน การคิด


3 2
ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุม จากการทําใบงาน เขียน 38 • 125 • 3 49 ในรูปอยางงายไดเทากับขอใด
ที่ 1.1 เรื่อง รากที่ n ของจํานวนจริง ในขั้นลงมือทํา โดยศึกษาเกณฑการวัด 7 5
และประเมินผลจากแบบประเมินของแผนการจัดกิจกรรมเรียนรูในหนวยการ 1. 10 3 7 2. 20 3 7
เรียนรูที่ 1 3. 310 4. 320
7 7
3 2
(เฉลยคําตอบ 38 • 125 • 3 49 = (23)2 • 125
3
แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม

3
49
คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับ


5
ระดับคะแนน

3
ลาดับ
ที่
ชื่อ – สกุล
ของนักเรียน
การแสดง การยอมรับฟัง
ความคิดเห็น คนอื่น
การทางาน
ตามที่ได้รับ
มอบหมาย
ความมีน้าใจ
การมี
ส่วนร่วมใน
การปรับปรุง
ผลงานกลุ่ม
รวม
20
คะแนน
7 5 7
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1

= 4 • 5 • 3 49
7
3
ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
............/................./................
= 20 7
ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 2.)
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
18 - 20 ดีมาก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากว่า 10 ปรับปรุง

T16
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ นํา (Concept Based Teaching)


การใชความรูเ ดิมฯ (Prior Knowledge)
ครู ท บทวนความรู  เ กี่ ย วกั บ รากที่ n ของ
ตัวอยางที่ 7
จํานวนจริง คาหลักของรากที่ n ของจํานวนจริง
ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำย และสมบัติของรากที่ n ของจํานวนจริง
1) 32 + 50 2) 49x + 16x
3) 3 16 - 3 2 4) 4 81x + 4 16x5 ขัน้ สอน
รู (Knowing)
วิธีท�ำ 1) 32 + 50 = 16 × 2 + 25 × 2 ATTENTION
= 16 • 2 + 25 • 2 1. ครูยกตัวอยางการหาผลบวกและผลตางของ
p a + q a = (p + q) a จํานวนจริงที่อยูในรูปกรณฑ โดยถามคําถาม
= 42+52 p a - q a = (p - q) a
= 92 ดังนี้
• 45 + 20 - 5 แตละพจนมีเครื่องหมาย
2) 49x + 16x = 49 • x + 16 • x
กรณฑอันดับเดียวกันหรือไม และมีจํานวน
= 7x+4x ภายในกรณฑเปนจํานวนเดียวกันหรือไม
= 11 x (แนวตอบ มีเครือ่ งหมายกรณฑอนั ดับเดียวกัน
3
3) 16 - 23 = 38×2-32 คือ อันดับสอง แตจํานวนภายในกรณฑ
3 3
= 2 ×2-32 ไมเปนจํานวนเดียวกัน)
= 23 2 - 3 2 • นักเรียนสามารถจัด 45 + 20 - 5 ใหอยู
= 32 ในรูปอยางงายไดอยางไร
5
4) 4 81x + 4 16x = 4 34x + 4 (2x)4x (แนวตอบ 3 5 + 2 5 - 5)
= 3 4 x + 2x 4 x 2. ครูอธิบายเพิ่มเติมวา จากตัวอยางที่กลาวมา
= (3 + 2x) 4 x จะเห็นวา 3 5 + 2 5 - 5 มีเครื่องหมาย
กรณฑอันดับเดียวกัน คืออันดับสอง และมี
ลองทําดู
จํานวนภายในกรณฑเหมือนกัน คือ 5 และ
นักเรียนสามารถใชสมบัติการแจกแจงในการ
ให้เขียนจ�านวนต่อไปนี้ในรูปอย่างง่าย ดึงตัวรวม 5 ได ดังนี้
ฝกทําตอ
1) 75 + 108 2) 3 1458x - 3 54x แบบฝกทักษะ 1.2 3 5 + 2 5 - 5 = (3 + 2 - 1) 5 = 4 5
3) 10 4 768 + 4 243 4) 5 32x - 5 243x6 ขอ 5(1)-(8) 3. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางที่ 7 ในหนังสือ-
เรียน หนา 15 แลวครูอธิบายซํ้าอีกครั้ง เพื่อให
นักเรียนเขาใจมากยิ่งขึ้น
เขาใจ (Understanding)
ครูใหนักเรียนทํา “ลองทําดู” ในหนังสือเรียน
หนา 15 และแบบฝกทักษะ 1.2 ขอ 5. 1)-8)
เลขยกก�าลัง 15
ในหนังสือเรียน หนา 22 เพื่อตรวจสอบความ
เขาใจของนักเรียน โดยครูตรวจสอบความถูกตอง

ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET เกร็ดแนะครู


นิพจน 3 81x4 + 2 3 24x4 + 3 -375x4 เทากับเทาใด ครูเนนยํ้า เรื่อง การหาผลบวกและผลตางของจํานวนจริงที่อยูในรูปกรณฑ
1. -7 3 3x จะตองมีขอ ตกลง คือ อันดับของกรณฑตอ งเปนอันดับเดียวกัน และจํานวนทีอ่ ยู
2. 2 3 3x ภายใตกรณฑตอ งเปนจํานวนเดียวกัน ซึง่ จํานวนทีน่ าํ มาบวกลบกันจะตองจัดให
3. 12x 3 3x อยูในรูปอยางงายกอน เชน
4. 10x 3 3x 3
5 + 3 625 - 3 40 = 3 5 + 3 54 - 3 23 × 5
5. 13x 3 3x = 3 5 + 53 5 - 23 5
(เฉลยคําตอบ = (1 + 5 - 2) 3 5
3
81x4 + 2 3 24x4 + 3 -375x4 = 3x 3 3x + 2(2x) 3 3x + (-5x) 3 3x) = 43 5
= 3x 3 3x + 4x 3 3x + 5x 3 3x
= (3x + 4x + 5x) 3 3x
= 12x 3 3x
ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 3.)

T17
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
1. ครูกลาววา นอกจากการหาผลบวกและผลตาง
4. กำรหำผลคูณและผลหำรของจ�ำนวนจริงทีอ่ ยูใ นรูปกรณฑ
ของจํานวนจริงที่อยูในรูปกรณฑแลว นักเรียน (Multiplication and Division of Radicals)
ยังสามารถหาผลคูณและผลหารของจํานวนจริง
กรณฑ์ที่จะน�ามาหาผลคูณและผลหาร จะต้องมีอันดับของกรณฑ์ที่เท่ากันก่อน โดยใช้สมบัติ
ที่อยูในรูปกรณฑได โดยมีเงื่อนไขวา จะตองมี
ของรากที่ n ดังตัวอย่างต่อไปนี้
อันดับของกรณฑท่ีเทากันกอน แลวใชสมบัติ
ตัวอยางที่ 8
ของรากที่ n จากนัน้ ครูยกตัวอยางบนกระดาน
แลวถามคําถาม ดังนี้ ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำย
• 2 • 4 • 8 กรณฑที่จะนํามาคูณกันมี 1) 2 • 3 • 6 2) 3 15 • 3 25 • 3 9
เครื่องหมายกรณฑอันดับเดียวกันหรือไม 3
3) 3-160
5
4) 5128
(แนวตอบ มีเครือ่ งหมายกรณฑอนั ดับเดียวกัน 20 4
คือ อันดับสอง) วิธีท�ำ 1) 2 • 3 • 6 = 2×3×6
3
• 625 3 กรณฑที่จะนํามาหารกันมี = 6×6
5 = 6
เครื่องหมายกรณฑอันดับเดียวกันหรือไม
2) 3 15 • 3 25 • 3 9 = 3 3 × 5 • 3 5 × 5 • 3 3 × 3
(แนวตอบ มีเครือ่ งหมายกรณฑอนั ดับเดียวกัน
= 3 5×5×5•3 3×3×3
คือ อันดับสาม)
= 5×3
2. ครูอธิบายเพิม่ เติมวา การหาผลคูณและผลหาร = 15
ของจํานวนจริงทีอ่ ยูใ นรูปกรณฑ สามารถหาคา
= 3 -160
3
ได โดยใชสมบัติของรากที่ n ดังนี้ ให a และ 3) 3-160 20
20
b เปนจํานวนจริงที่มีรากที่ n และ n เปน = 3 -8
จํานวนเต็มที่มากกวา 1 = -2
1. n ab = n a • n b
= 5 128
5
4) 5128 4
2. n
a = na เมื่อ b 0 4
b n b = 5 32
3. ครูสุมนักเรียนออกมาแสดงวิธีหาผลลัพธของ = 2
ตัวอยางขางตน
(แนวตอบ 2 • 4 • 8 = 2 × 4 × 8 ลองทําดู
= 2×2×2×2×2×2 = 8 ให้เขียนจ�านวนต่อไปนี้ในรูปอย่างง่าย
= 3 625
3
= 625 3 5 = 3 125 = 5) 1) 15 • 5 • 3 2) 3 6 • 3 4 • 3 9 ฝกทําตอ
5 3
3) 3 270
5
4) 2048 แบบฝกทักษะ 1.2
4. ครูใหนกั เรียนศึกษาตัวอยางที่ 8 ในหนังสือเรียน 10 52 ขอ 3(4)-(6)
16
หนา 16 จากนั้นครูอธิบายตัวอยางที่ 8 อีกครั้ง
เพื่อใหนักเรียนเขาใจมากยิ่งขึ้น

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET


4 5 4 5
ครูเนนยํา้ เรือ่ ง การหาผลคูณและผลหารของจํานวนจริงทีอ่ ยูใ นรูปกรณฑ วา นิพจน 243x4 + 55 48x เทากับเทาใด
มีขอตกลง คือ อันดับของกรณฑตองเปนอันดับเดียวกัน โดยใชสมบัติของ 768x
รากที่ n เชน 13
1. 2 2. 13 3. 15 4. 15 5. 17
4 2 4 4
3
25 • 3 25 = 3 25 • 25 4 5 4 5 4 4 5 4 4 5
3
40 40 (เฉลยคําตอบ 243x4 + 55 48x = (3 )(3)x4 4+ 5 (25 )(3)x
768x (4 )(3)x
= 3 625
40
4
= (3x) 3x
4 + 5 4 (2x) 43x
4
(4x)43x
= 3 125
4 4
8 = 3x 3x +45(2x) 3x
4x 3x
= 3 53
3
= (3x + 10x) 4 3x
2 4x 4 3x
4
= 52 = 13x4 3x
4x 3x
13
= 4

T18 ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 2.)


นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
ครูใหนักเรียนทํา “ลองทําดู” ในหนังสือเรียน
ตัวอยางที่ 9
หนา 16 และแบบฝกทักษะ 1.2 ขอ 3. 4)-6) แลว
ให้หำผลลัพธ์ของ PROBLEM ครูสุมนักเรียนออกมาเฉลยคําตอบบนกระดาน
SOLVING TIP
1) (3 + 2)(4 - 2) 2) ( 3 + 1)2 โดยครูตรวจสอบความถูกตอง
นักเรียนสามารถหาผลลัพธ์
วิธีท�ำ 1) (3 + 2)(4 - 2) = 12 - 3 2 + 4 2 - 2 โดยคูณตามลูกศร ดังรูป
รู (Knowing)
= 10 + 2
2) ( 3 + 1) 2
= 3+23+1 (3 + 2)(4 - 2) ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางที่ 9 ในหนังสือ-
= 4+23 เรียน หนา 17 จากนั้นสุมนักเรียนออกมาแสดง
วิธีหาผลลัพธในแตละขอ แลวครูอธิบายตัวอยาง
ลองทําดู ที่ 9 ซํ้าอีกครั้ง เพื่อใหนักเรียนเขาใจมากยิ่งขึ้น
ให้หาผลลัพธ์ของ เขาใจ (Understanding)
2 ฝกทําตอ
1) (7 + 2 3)(5 - 3) 2) (4 - 3 2) แบบฝกทักษะ 1.2 1. ครูใหนักเรียนจับคูแลวทํากิจกรรมดังนี้
3) (3 + 2 5)(3 - 2 5) 4) (3 6 + 4 2)2 ขอ 5(9)-(12) • ใหนักเรียนทํา “ลองทําดู” ในหนังสือเรียน
หนา 17 และแบบฝกทักษะ 2.1 ขอ 5. 9)-12)
Class Discussion ในหนังสือเรียน หนา 22
• ใหนกั เรียนทํากิจกรรม Class Discussion ใน
ให้นักเรียนจับคู่ แล้วช่วยกันตอบค�ำถำมต่อไปนี้
1. จากลองท�าดูใต้ตัวอย่างที่ 9 ข้อ 1), 2) และ 4) ผลคูณของจ�านวนอตรรกยะ 2 จ�านวน หนังสือเรียน หนา 17 แลวตอบคําถามจาก
เป็นจ�านวนอตรรกยะหรือไม่ และจากข้อ 3) ผลคูณของจ�านวนอตรรกยะ 2 จ�านวน กิจกรรมในแตละขอ
เป็นจ�านวนตรรกยะหรือไม่ และมีรูปแบบของผลคูณเป็นอย่างไร 2. ครูขออาสาสมัครนักเรียนออกมาแสดงวิธีการ
2. จากรูปแบบในข้อ 1. นักเรียนคิดว่าเงื่อนไขใดที่ท�าให้ผลคูณของจ�านวนอตรรกยะ หาผลลัพธของ “ลองทําดู” และแบบฝกทักษะ
2 จ�านวน เป็นจ�านวนตรรกยะ 2.1 ในแตละขอ จากนั้นครูสุมนักเรียนตอบ
คําถามกิจกรรม Class Discussion
จาก Class Discussion จะเห็นว่า ผลคูณของจ�านวนอตรรกยะ 2 จ�านวน ที่อยู่ในรูปการคูณ 3. ครูและนักเรียนรวมกันสรุปกิจกรรมวา ผลคูณ
ของ (p + q a)(p - q a) จะได้ผลลัพธ์เป็นจ�านวนตรรกยะ ซึ่งจะเรียก p + q a ว่าเป็น สังยุค ของจํานวนอตรรกยะ 2 จํานวน ที่อยูในรูป
(conjugate) ของ p - q a และจะได้ว่า p - q a เป็นสังยุคของ p + q a ด้วย การคูณของ (p + q a)(p - q a ) จะได
ผลลัพธเปนจํานวนตรรกยะ ซึ่งเรียก p + q a
ให้ p, q และ a เป็นจ�านวนตรรกยะ โดยที่ a > 0 จะได้ว่า (p + q a) และ (p - q a)
วาเปน สังยุค ของ p - q a และจะไดวา
เป็นสังยุคซึ่งกันและกัน p - q a เปนสังยุคของ p + q a ดวย ดังนั้น
ATTENTION เมื่อ p, q และ a เปนจํานวนตรรกยะ โดยที่
จากสังยุคที่กล่าวมาข้างต้น ถ้า a = 0 แล้วจะได้จ�านวนตรรกยะ
a > 0 จะไดวา (p + q a) และ (p - q a )
จ�านวนเดียว คือ p นั่นคือ p + q 0 = p หรือ p - q 0 = p
เปนสังยุคซึ่งกันและกัน ถา a = 0 จะได
เลขยกก�าลัง 17 จํานวนตรรกยะจํานวนเดียวกัน คือ p นั่นคือ
p + q 0 = p หรือ p - q 0 = p

กิจกรรม สรางเสริม เฉลย Class Discussion

ครูใหนักเรียนจับคู แลวทํากิจกรรมตอไปนี้ ขอ 1. จากขอ 1), 2) และ 4) ผลคูณของจํานวนอตรรกยะ 2 จํานวน


• หาสังยุคของจํานวนจริงมา 1 คู ที่ไดผลคูณเทากับ 1 เปนจํานวนอตรรกยะ
• หาสังยุคของจํานวนจริงมา 1 คู ที่ไดผลคูณเทากับ 3 จากขอ 3) ผลคูณของจํานวน 2 จํานวน เปนจํานวนตรรกยะ และ
หมายเหตุ : ครูควรใหนักเรียนเกงและนักเรียนออนจับคูกัน มีรูปแบบของผลคูณอยูในรูป (p + q a)(p - q a) เมื่อ p, q และ
a เปนจํานวนตรรกยะ โดยที่ a > 0
ขอ 2. เงื่อนไขที่ทําใหผลคูณของจํานวนอตรรกยะ 2 จํานวน เปนจํานวน
ตรรกยะ คือ จํานวนอตรรกยะ 2 จํานวน จะตองอยูในรูปของสูตร
ผลตางกําลังสอง นั่นคือ (a + b)(a - b) = a2 - b2

T19
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
1. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางที่ 10 ในหนังสือ-
จากที่กล่าวมาข้างต้น นักเรียนสามารถเขียนจ�านวนให้อยู่ในรูปที่ตัวส่วนไม่ติดกรณฑ์ได้
เรียน หนา 18 การเขียนจํานวนใหอยูในรูป
ดังตัวอย่างต่อไปนี้
อยางงายและตัวสวนไมติดกรณฑ โดยแนะนํา
ตัวอยางที่ 10
ใหนักเรียนดูกรอบ PROBLEM SOLVING TIP
เพื่อชวยในการทําโจทย ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำยและตัวส่วนไม่ติดกรณฑ์
2. ครูอธิบายตัวอยางที่ 11 บนกระดานอยาง 1) 6 2) 7
2 2+ 3
ละเอียด เพื่อใหนักเรียนเขาใจโจทยที่ตองใช วิธีท�ำ 1) 6 = 6• 2
2 2 2
สังยุคในการหาคําตอบ แลวสามารถใชสังยุค
ในการประยุกตใชกบั โจทยอนื่ ๆ ไดดงั ตัวอยาง = 622 = 3 2
ที่ 12-14 จากนั้นครูถามคําถามนักเรียนดังนี้ 2) 7 = 7 • 22 -- 33
2+ 3 2+ 3
• นักเรียนสามารถเขียน 12 ใหอยูในรูปที่ PROBLEM
3 = 7(2 - 3) SOLVING TIP
ตัวสวนไมติดกรณฑไดอยางไร 22 - ( 3)2
2 + 3 และ 2 - 3
(แนวตอบ 12 = 12 • 3 = 12 33 = 4 3 ) = 144 -- 73 3 เป็นสังยุคซึ่งกันและกัน
3 3 3
• สังยุคของ 5 + 3 เปนจํานวนใด = 14 - 7 3
(แนวตอบ สังยุคของ 5 + 3 คือ 5 - 3 )
ลองทําดู
• นักเรียนสามารถใชวิธีใดในการแยก
ตัวประกอบของ (3 - 5 )2 ให้เขียนจ�านวนต่อไปนี้ในรูปอย่างง่ายและตัวส่วนไม่ติดกรณฑ์ ฝกทําตอ

(แนวตอบ ใชวิธีกําลังสองสมบูรณ คือ 1) 12 2) 22 แบบฝกทักษะ 1.2


3 4+ 5 ขอ 4, 7, 11, 12
(a - b)2 = a2 - 2ab + b2
(3 - 5 )2 = 32 - 2(3)( 5) + ( 5 )2 ตัวอยางที่ 11

=9-6 5+5 จัดรูป (4 - 6) - 6 ให้อยู่ในรูปของ a + b 6


2
3- 6
= 14 - 6 5)
วิธีท�ำ (4 - 6) - 6 = [42 - 2(4)( 6) + ( 6)2] - 6 • 3 + 6
2
3- 6 3- 6 3+ 6
= (22 - 8 6) - 26(3 + 6)
3 - ( 6)2
= (22 - 8 6) - 6(39 -+ 66)
= (22 - 8 6) - 6(3 3+ 6)
= (22 - 8 6) - 2(3 + 6)
= 16 - 10 6
18

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET


ครูควรเนนยํ้าการทําตัวสวนของเศษสวนใหเปนจํานวนเต็ม โดยใชวิธีการ ถา x = 2 - 1 แลว xx +- 11 มีคาเทาใด
สังยุค คือ ถาโจทยทมี่ ตี วั สวนอยูใ นรากที่ 2 ใหใชวธิ กี ารเอาสังยุคของจํานวนนัน้ 1. 3 + 2 2. -2 + 2 3. 2 - 2
คูณทั้งตัวเศษและตัวสวน และครูควรทบทวนการแยกตัวประกอบของพหุนาม 4. 1 - 2 5. -1 - 2
โดยใชวิธีกําลังสองสมบูรณ : a2 + 2ab + b2 = (a + b)2 และใชวิธีผลตาง (เฉลยคําตอบ x + 1 = ( 2 - 1) + 1
กําลังสอง : a2 - b2 = (a - b)(a + b) กอนอธิบายตัวอยางที่ 11 x - 1 ( 2 - 1) - 1
= 2
2-2
= 2 • 2+2
2-2 2+2
= 2( 22 + 2)2
( 2) - 2
= 2 2+ -24 2
= 2 +-22 2
= -1 - 2

T20 ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 5.)


นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
ลองทําดู 3. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางที่ 12 ในหนังสือ-
ฝกทําตอ
จัดรูป (2 + 5)2 + 8 ให้อยู่ในรูปของ a + b 5 แบบฝกทักษะ 1.2 ขอ 8
เรียน หนา 19 จากนั้นครูอธิบายอยางละเอียด
3- 5 อีกครั้งหนึ่ง เพื่อเนนยํ้าใหนักเรียนเขาใจมาก
ยิ่งขึ้น
ตัวอยางที่ 12
4. ครูยกตัวอยางเพิม่ เติม โดยใหนกั เรียนแสดงวิธี
ก�ำหนดสมกำร x 12 = x 7 + 3 มีค�ำตอบของสมกำร คือ p +5 q หาคาของ y ที่ตัวสวนไมติดกรณฑ ดังนี้
เมื่อ p และ q เป็นจ�ำนวนเต็มใด ๆ ให้หำค่ำของ p และ q
• y 27 = y 6 + 3
วิธีท�ำ x 12 = x 7 + 3 (แนวตอบ y 27 = y 6 + 3
x 12 - x 7 = 3 y 27 - y 6 = 3
x ( 12 - 7) = 3 y( 27 - 6) = 3
x = 3 y = 3
12 - 7 27 - 6
x = 3 • 12 + 7 = 3 • 27 + 6
12 - 7 12 + 7
27 - 6 27 + 6
x = 3 ( 12 + 7)
= 3( 27 + 6)
( 12)2 - ( 7)2 ( 27)2 - ( 6)2
x = 3612+- 721 = 8127+- 618
x = 6 +5 21 = 9 +213 2 = 3 +7 2 )
ดังนั้น จะได้ p = 6 และ q = 21
เขาใจ (Understanding)
ลองทําดู 1. ครูใหนักเรียนจับคูทํากิจกรรม โดยใชเทคนิค
ก�าหนดสมการ x 8 = x 6 + 2 มีค�าตอบของสมการ คือ p + q ฝกทําตอ คูคิด (Think Pair Share) ดังนี้
เมื่อ p และ q เป็นจ�านวนเต็มใด ๆ ให้หาค่าของ p และ q แบบฝกทักษะ 1.2 ขอ 13 • ใหนักเรียนแตละคนคิดคําตอบของตนเอง
จาก “ลองทําดู” ในหนังสือเรียน หนา 18-19
ตัวอยางที่ 13 • ใหนักเรียนจับคูกับเพื่อน เพื่อแลกเปลี่ยน
รูปสำมเหลีย่ มรูปหนึง่ มีพนื้ ที่ 3 - 2 ตำรำงเมตร มีควำมยำวฐำน คําตอบกัน สนทนาซักถามจนเปนที่เขาใจ
2 - 1 เมตร ให้หำควำมสูงของรูปสำมเหลีย่ มนี้ และตอบในรูป รวมกัน
ของ a + b 2 เมตร เมื่อ a และ b เป็นจ�ำนวนตรรกยะใด ๆ • ครูสุมนักเรียนออกมานําเสนอคําตอบหนา
2 - 1 ม. ชั้ น เรี ย น โดยครู แ ละนั ก เรี ย นในชั้ น เรี ย น
รวมกันตรวจสอบความถูกตอง
เลขยกก�าลัง 19
2. ครูใหนกั เรียนทําแบบฝกทักษะ 1.2 ในหนังสือ-
เรียน หนา 22-23 ขอ 7.-8. เปนการบาน

ขอสอบเนน การคิด
ให a เปนจํานวนจริง ซึ่ง a, a + 3 และ a + 5 เปนความยาวดานทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากรูปหนึ่ง
พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากรูปนี้ เทากับขอใด
1. 15 + 7 5 ตารางหนวย 2. 15 + 3 5 ตารางหนวย 3. 10 + 3 5 ตารางหนวย 4. 15 + 5 ตารางหนวย
(เฉลยคําตอบ หาความยาวดานของรูปสามเหลี่ยมแตละดาน โดยใชทฤษฎีบทพีทาโกรัส
จะได (a + 5)2 = (a + 3)2 + a2
a2 + 10a + 25 = a2 + 6a + 9 + a2 a
2
a - 4a - 16 = 0 a+5
a = 2 25
±
เนื่องจากความยาวติดลบไมได ดังนั้น a = 2 + 2 5
จะได ความยาวแตละดานเทากับ 2 + 2 5, 5 + 2 5 และ 7 + 2 5 a+3
1
ดังนั้น พื้นที่ของรูปสามเหลี่ยมมุมฉากเทากับ 2 × (2 + 2 5) × (5 + 2 5)
= 12 × 2(1 + 5) × (5 + 2 5)
= (1 + 5)(5 + 2 5) = 15 + 7 5 ตารางหนวย
ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 1.)
T21
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางที่ 13 ในหนังสือ-
วิธีท�ำ ให้รูปสามเหลี่ยมมีความสูง h เมตร
เรี ย น หน า 19-20 จากนั้ น ครู อ ธิ บ ายอย า ง
และพื้นที่ของรูปสามเหลี่ยม = 12 × ฐาน × สูง
ละเอียดอีกครั้ง เพื่อใหนักเรียนเขาใจมากยิ่งขึ้น
พรอมทั้งเปดโอกาสใหนักเรียนซักถามเมื่อเกิด 3 - 2 = 12 × ( 2 - 1) × h
ขอสงสัย 6 - 2 2 = ( 2 - 1) × h
h = 6-22
เขาใจ (Understanding) 2 -1
ครูใหนักเรียนจับคูทํา “ลองทําดู” ในหนังสือ- = 6-22• 2+1
2 -1 2 + 1
เรียน หนา 20 และแบบฝกทักษะ 1.2 ขอ 10. = 2 + 6 -2 2 42 - 2 2
6
หนา 23 เพื่อตรวจสอบความเขาใจของนักเรียน ( 2) - 1
แล ว ครู สุ  ม นั ก เรี ย นออกมาเฉลยคํ า ตอบบน = 2 2+ -41 2
กระดาน โดยครูตรวจสอบความถูกตอง = 2+4 2
ดังนั้น รูปสามเหลี่ยมรูปนี้มีความสูง 2 + 4 2 เมตร
ลงมือทํา (Doing)
ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน คละ ลองทําดู
ความสามารถทางคณิตศาสตร แลวตอบคําถาม รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ารูปหนึ่งมีพื้นที่ 7 - 3 ตารางเมตร
“Thinking Time” ในหนังสือเรียน หนา 20 จากนัน้ ถ้ารูปสีเ่ หลีย่ มรูปนีม้ ดี า้ นยาวเป็น 5 + 3 เมตร ให้หา ฝกทําตอ
ครูสมุ นักเรียนออกมานําเสนอคําตอบหนาชัน้ เรียน ด้านกว้างของรูปสี่เหลี่ยมรูปนี้ และตอบในรูปของ แบบฝกทักษะ 1.2
โดยครูตรวจสอบความถูกตอง a + b 3 เมตร เมือ่ a และ b เป็นจ�านวนตรรกยะใด ๆ 5 + 3 ม. ขอ 10, 14

Thinking Time
ให้นักเรียนตอบค�าถามต่อไปนี้
1. นักเรียนจะแก้สมการ x2 - 3x + 2 = 0 โดยใช้วิธีใด และค�าตอบที่ได้เป็นจ�านวนตรรกยะ
หรือจ�านวนอตรรกยะ
2. นักเรียนจะแก้สมการ x2 + 2x - 1 = 0 โดยใช้วิธีใด และค�าตอบที่ได้เป็นจ�านวนตรรกยะ
หรือจ�านวนอตรรกยะ
3. จากสูตรค�าตอบของสมการก�าลังสอง x = -b ± 2a b2 - 4ac ให้อธิบายว่าค�าตอบ
ของสมการที่ได้จะเป็นจ�านวนตรรกยะหรือจ�านวนอตรรกยะกรณีใด
4. ค�าตอบที่เป็นจ�านวนอตรรกยะทั้งสองค�าตอบของสมการจะเป็นสังยุคซึ่งกันและกันหรือไม่
เพราะเหตุใด
20

เฉลย Thinking Time


ขอ 1. แกสมการ x 2 - 3x + 2 = 0 2
ขอ 3. จากสูตรคําตอบของสมการกําลังสอง x = -b ± 2ba - 4ac
โดยใชวิธีการแยกตัวประกอบพหุนามดีกรีสอง ดังนี้
x 2 - 3x + 2 = 0 โดยที่ a, b และ c เปนจํานวนตรรกยะใดๆ และ a 0
(x - 1)(x - 2) = 0 ถา b2 - 4ac เปนจํานวนตรรกยะ
x = 1, 2 2
แลว x = -b ± 2ba - 4ac เปนจํานวนตรรกยะ
ขอ 2. แกสมการ x 2 + 2x - 1 = 0
2 ถา b2 - 4ac เปนจํานวนอตรรกยะ
โดยใชสูตร x = -b ± 2ba - 4ac ดังนี้ 2
2 - 4(1)(-1) แลว x = -b ± 2ba - 4ac เปนจํานวนอตรรกยะ
x = -2 ± 22(1)
ขอ 4. เปน เพราะจากสูตรคําตอบของสมการกําลังสอง
x = -2 ±2 8 2 2
จะไดวา x = -b + 2ba - 4ac = 2-ba + b 2-a4ac
x = -2 ±2 2 2 = -1 ± 2
2 2
ดังนั้น คําตอบของสมการ คือ -1 ± 2 ซึ่งเปนจํานวนอตรรกยะ และ x = -b - 2ba - 4ac = 2-ba - b 2-a4ac
T22
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
ตัวอยางที่ 14 1. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางที่ 14 ในหนังสือ-
ให้หำเซตค�ำตอบของสมกำร x2 + 3 = 2x เรียน หนา 21 จากนั้นครูอธิบายเพิ่มเติมวา
ค า ของตั ว แปรที่ ไ ด จ ากการยกกํ า ลั ง สอง
วิธีท�ำ เนื่องจากสมการที่ก�าหนดมีอันดับกรณฑ์ คือ 2 จึงต้องน�าสมการมายกก�าลังสอง
บางคา อาจจะไมเปนคําตอบของสมการ ดังนัน้
จะได้ ( x2 + 3)2 = (2x)2
x2 + 3 = 4x2 จึงจําเปนตองตรวจคําตอบเสมอ
x2 - 1 = 0 2. ครูใหนักเรียนหาเซตคําตอบของสมการ
(x - 1)(x + 1) = 0 6x2 + 12 = 3x แลวถามคําถาม เพือ่ ตรวจสอบ
x = 1, -1 ความเขาใจของนักเรียน ดังนี้
ตรวจสอบค�าตอบของ x ใน x 2 + 3 = 2x โดยการแทนค่า x ด้วย 1 และ -1 ดังนี้ • 6x2 + 12 = 3x มีอันดับกรณฑ คือเทาใด
เมื่อ x = 1 จะได้ (1)2 + 3 = 2(1) (แนวตอบ อันดับกรณฑ คือ 2)
2 =2 • ( 6x2 + 12)2 = (3x)2 มีคาเทาใด
สมการเป็นจริง แสดงว่า 1 เป็นค�าตอบของสมการ ATTENTION (แนวตอบ 9x 2 - 6x 2 - 12 = 3x 2 - 12 = 0)
เมื่อ x = -1 จะได้ (-1)2 + 3 = 2(-1) ค่าของตัวแปรที่ได้จากการ • 3x2 - 12 = 0 สามารถแยกตัวประกอบได
ยกก�าลังสองบางค่าอาจจะ อยางไร แลว x มีคาเทาใด
2 = -2 ไม่เป็นค�าตอบของสมการ
สมการไม่เป็นจริง แสดงว่า -1 ไม่เป็นค�าตอบของสมการ ดังนั้น จึงจ�าเป็นต้อง (แนวตอบ 3x 2 - 12 = 3(x 2 - 4)
ดังนั้น เซตค�าตอบของสมการ คือ { 1 } ตรวจค�าตอบเสมอ = 3(x - 2)(x + 2)
แลว x มีคาเทากับ -2 และ 2)
ลองทําดู
ฝกทําตอ • เมื่อนําคา x = 2 ไปตรวจสอบคําตอบของ
ให้หาเซตค�าตอบของสมการ 40 - x2 = 3x แบบฝกทักษะ 1.2 ขอ 9 สมการ 6x2 + 12 = 3x จะเปนจริงหรือไม
(แนวตอบ สมการเปนจริง เพราะ
6(2) 2 + 12 = 3(2)
แบบฝึกทักษะ 1.2
24 + 12 = 6
ระดับพื้นฐาน 6 = 6)
1. ให้หำค่ำของ • เมื่อนําคา x = -2 ไปตรวจสอบคําตอบของ
1) รากที่ 4 ของ 2401 2) รากที่ 5 ของ -3125 สมการ 6x2 + 12 = 3x จะเปนจริงหรือไม
3) 4 1 4) 5 32 (แนวตอบ สมการไมเปนจริง เพราะ
5) 3 -125 6) 3 343 6(-2) 2 + 12 = 3(-2)
2. ให้หำค่ำประมำณของจ�ำนวนต่อไปนี้ 24 + 12 = -6
1) 3 28 2) 4 14 6 = -6)
3) 3 -124 4) 5 0.99 • เซตคําตอบของสมการ 6x2 + 12 = 3x คือ
เลขยกก�าลัง 21
เทาใด
(แนวตอบ { 2 })

กิจกรรม สรางเสริม เกร็ดแนะครู


ครูใหนักเรียนจับคู แลวเติมจํานวนลงในตารางใหถูกตอง ครูควรทบทวนความรูหัวขอที่ 1.2 เรื่อง รากที่ n ของจํานวนจริง กอนที่จะ
ใหนักเรียนทําแบบฝกทักษะ 1.2 ดังนี้
จํานวนจริง รากที่ 2 รากที่ 3 รากที่ 4 - การเขียนเลขยกกําลังใหอยูในรูปอยางงาย
8 - การหาผลบวก ผลตาง ผลคูณ และผลหารของจํานวนจริงที่อยูในรูป
กรณฑ
16
- การหาสังยุคของจํานวนจริง
81
-125
-343

หมายเหตุ : ครูควรใหนักเรียนเกงและนักเรียนออนจับคูกัน

T23
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
1. ครูใหนักเรียนจับคูทํากิจกรรม โดยใชเทคนิค
คูคิด (Think Pair Share) ดังนี้ 3. ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำย
• ใหนักเรียนแตละคนคิดคําตอบของตนเอง 1) 2 • 32 2) 3 4 • 3 64
จาก “ลองทําดู” ในหนังสือเรียน หนา 21 3) 5 1024 ÷ 4 16 4) 4 2 • 4 4 • 4 32
และแบบฝกทักษะ 1.2 ขอ 9. ในหนังสือ- 5) 5 27 • 5 27 • 5 81 6) 4 5184 ÷ 4 4
เรียน หนา 23 4. ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำยและตัวส่วนไม่ติดกรณฑ์
• ใหนักเรียนแตละคูแลกเปลี่ยนคําตอบกัน 1) 3 2) 4
สนทนาซักถามจนเปนที่เขาใจรวมกัน 5 38
3) 7 4) 4
• ครูสุมนักเรียนออกมาแสดงวิธีการหาเซต 2+ 3 8-26
คําตอบของสมการบนกระดาน โดยครูและ 5. ให้หำผลลัพธ์ของ
นักเรียนในชั้นเรียนรวมกันตรวจสอบความ
1) 112 + 28 2) 48 + 12 - 27
ถูกตอง
3) 81x + 25x 4) 50x + 18x - 2x
2. ครูใหนักเรียนทํา Exercise 1.2 ในแบบฝกหัด
เปนการบาน 5) 3 250 - 3 2 6) 5 729 + 5 486
7) 240 - 12 • 45 8) 245 - 20
ลงมือทํา (Doing)
500
9) (5 + 2)(6 - 3 2) 10) (3 + 2 6)2
ครูใหนักเรียนทํากิจกรรม ดังนี้ 11) (9 - 2 5)(9 + 2 5) 12) (2 7 + 3 5)(2 7 - 3 5)
• ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน คละ
ความสามารถทางคณิตศาสตร ระดับกลาง
• ใหนักเรียนแตละกลุมชวยกันทําแบบฝก- 6. ให้หำค่ำของ
ทักษะ ในหนังสือเรียน หนา 23 ขอ 11.-14. 1
โดยที่สมาชิกทุกคนตองเขาใจวิธีทําในขอ
1) 3 0.001 2) 5 3125
นั้นๆ 7. ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำยและตัวส่วนไม่ติดกรณฑ์
• ครู สุ  ม นั ก เรี ย นออกมาเฉลยคํ า ตอบบน 1) 5 2) 4
กระดาน โดยครูตรวจสอบความถูกตอง 43-2 26+7
3) 3 4) 8 - 4
25+8 25+3 25-3
3
5) + - 3 5 32 6) 4 - 18 +4
8 2 27 4 3

22

ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET


ถา x2 + 5 = 2x - 1 แลว  x - 3  เทากับขอใด
1. 1 2. 2 3. 3 4. 4 5. 5
(เฉลยคําตอบ จากสมการ 2
x + 5 = 2x - 1
ยกกําลังสองทั้งสองขางของสมการ
จะได ( x 2 + 5 )2 = (2x - 1) 2
x 2 + 5 = 4x 2 - 4x + 1
3x 2 - 4x - 4 = 0
(3x + 2)(x - 2) = 0
นั่นคือ 3x + 2 = 0 หรือ x - 2 = 0
x = - 23 หรือ x = 2
ตรวจคําตอบของสมการ
เมื่อ x = - 23 จะไดสมการเปนเท็จ เมื่อ x = 2 จะไดสมการเปนจริง
นั่นคือ  x - 3  =  2 - 3  = 1

T24 ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 1.)


นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สรุป
ครูถามคําถามนักเรียน เพื่อสรุปความรู เรื่อง
การหาผลบวก ผลลบ ผลคูณ และผลหารของ
7) 2 ( 4 + 27 8) 6 ( 3 - 128
3 12 3 ) 2 8 3 ) จํานวนจริงที่อยูในรูปกรณฑ ดังนี้
4
9) 31 (32 - 3 2 ) 10) 4 2 (4 800 + 4 200) ให p, q และ a เปนจํานวนตรรกยะ โดยที่
2 4 32 50 a>0
2
8. ก�ำหนด h = 3 + 2 ให้หำค่ำของ hh -+ 21 และตอบในรูป p + q 2 โดยที่ p และ q • p a + q a เทากับเทาใด
เป็นจ�ำนวนเต็มใด ๆ (แนวตอบ (p + q) a )
9. ให้แก้สมกำรต่อไปนี้ • p a - q a เทากับเทาใด
1) 11x2 + 45 = 4x 2) 3x + 2 = 3x (แนวตอบ (p - q) a )
10. กรอบรูปสี่เหลี่ยมอันหนึ่งมีพื้นที่ด้ำนใน 24 ตำรำงฟุต • สามารถหาผลคูณและผลหารของ
ถ้ำด้ำนในของกรอบรูปสีเ่ หลีย่ มรูปนีม้ คี วำมกว้ำง 3 - 6 ฟุต จํานวนจริงที่อยูในรูปกรณฑไดอยางไร
ให้หำควำมยำวด้ำนในของกรอบรูปสีเ่ หลีย่ มนี้ และตอบในรูป 3- 6 (แนวตอบ กรณฑทนี่ าํ มาคูณและหาร จะตอง
a + b 6 ฟุต เมื่อ a และ b เป็นจ�ำนวนเต็มใด ๆ มีอันดับของกรณฑที่เทากัน โดยใชสมบัติ
รากที่ n)
ระดับท้าทาย • สังยุคของ p + q a เทากับเทาใด
11. ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำยและตัวส่วนไม่ติดกรณฑ์ (แนวตอบ p - q a )
1) 13 2 2) 3 + 5
( 3 + 4) ( 2 + 6)2 ( 2 - 6)2 ขัน้ ประเมิน
3) 3 2 - 6 4) 48 - 50 1. ครูตรวจแบบฝกทักษะ 1.2
6+32 27 - 8
2. ครูตรวจ Exercise 1.2
12. ก�ำหนด a = 1 และ b = 11 +- aa ให้หำค่ำต่อไปนี้ 3. ครูประเมินการนําเสนอผลงาน
2
1) b 2) b - 1b 4. ครูสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
5. ครูสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม
13. ให้แก้สมกำร x 7 = x 2 + 32 และตอบในรูป a + 5b 14 เมื่อ a และ b เป็นจ�ำนวนเต็ม
6. ครูสังเกตความมีวินัย ใฝเรียนรู
ใด ๆ
มุงมั่นในการทํางาน
14. กระป๋องทรงกระบอกมีปริมำตร (6 + 2 3)π ลูกบำศก์เซนติเมตร
มีรศั มีทฐี่ ำนยำว 1 + 3 เซนติเมตร ให้หำควำมสูงของทรงกระบอก h
และตอบในรูป a + b 3 เซนติเมตร เมื่อ a และ b เป็นจ�ำนวนเต็ม
ใด ๆ

เลขยกก�าลัง 23

กิจกรรม สรางเสริม แนวทางการวัดและประเมินผล


ครูใหนักเรียนจับคู แลวชวยกันหาจํานวนตอไปนี้ ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานกลุม จากการทําแบบ
25, 46, 3 59, 4 612, 5 715 เมื่อทําเปนผลสําเร็จแลว มีกี่จํานวน ฝกทักษะ 1.3 ขอ 11.-14. ในขัน้ ลงมือทํา โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผล
ที่เลขโดดในหลักสิบเปนจํานวนคู จากแบบประเมินของแผนการจัดการเรียนรูในหนวยการเรียนรูที่ 1
หมายเหตุ : ครูควรใหนักเรียนเกงและนักเรียนออนจับคูกัน
แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานกลุ่ม

คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ลงในช่องที่ตรงกับ


ระดับคะแนน

การมี
การทางาน
การแสดง การยอมรับฟัง ส่วนร่วมใน รวม
ลาดับ ชื่อ – สกุล ตามที่ได้รับ ความมีน้าใจ
ความคิดเห็น คนอื่น การปรับปรุง 20
ที่ ของนักเรียน มอบหมาย
ผลงานกลุ่ม คะแนน
4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1 4 3 2 1

ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
............/................./................
เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ ให้ 4 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง ให้ 3 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้ ให้ 2 คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน

เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ช่วงคะแนน ระดับคุณภาพ
18 - 20 ดีมาก
14 - 17 ดี
10 - 13 พอใช้
ต่ากว่า 10 ปรับปรุง

T25
นํา นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ นํา (Concept Based Teaching)


การใชความรูเ ดิมฯ (Prior Knowledge)
ครู ท บทวนความรู  เรื่ อ ง เลขยกกํ า ลั ง ที่ มี
เลขชี้กําลังเปนจํานวนเต็ม จากนั้นครูกลาววา
1.3 เลขยกก�ำลังทีม่ เี ลขชีก้ ำ� ลังเป็นจ�ำนวนตรรกยะ
ในหั ว ข อ นี้ จ ะเรี ย นเลขยกกํ า ลั ง ที่ มี เ ลขชี้ กํ า ลั ง (Rational Indice)
เปนจํานวนตรรกยะ
นักเรียนเคยศึกษาเลขยกก�าลังที่มีเลขชี้ก�าลังเป็นจ�านวนเต็มมาแล้ว ในหัวข้อนี้จะกล่าวถึง
เลขยกก�าลังที่มีเลขชี้ก�าลังเป็นจ�านวนตรรกยะ นั่นคือ มีเลขชี้ก�าลังเป็น ab โดยที่ a, b เป็น
ขัน้ สอน จ�านวนเต็ม และ b ≠ 0
รู (Knowing)
1. ครูใหนกั เรียนจับคูท าํ กิจกรรม Class Discussion Class Discussion
จากนั้นครูและนักเรียนสรุปเปนบทนิยามที่วา ให้นักเรียนจับคู่ แล้วช่วยกันเติมค�ำตอบลงในช่องว่ำงต่อไปนี้
“ถา a เปนจํานวนจริง n เปนจํานวนเต็ 1 n
มที่ 1
ก�าหนด p = 53
มากกวา 1 และ a มีรากที่ n แลว a = a n
จะได้ p3 = 3
1
2. ครูกลาวเพิม่ เติมวา an 1เปนคาหลักของรากที่ n =5 × 3 (ใช้สมบัติ (am)n = amn)
ของ a และจะไดวา (an)n = a แลวยกตัวอยาง = 51
เพื่อ1ใหสอดคลองกับ1 บทนิยาม ดังนี้ =5
2 ดังนั้น p =
• 7 2 =1 7 และ (72) = 71 ในกรณีนี้ จะมีค่า p ที่เป็นไปได้เพียงค่าเดียว
3
• (-5) 3 = 3 -5 และ [(-5 3)] = -5 1
ดังนั้น 53 =
เขาใจ (Understanding)
จาก Class Discussion จะเห็นว่า เลขยกก�าลังที่มีเลขชี้ก�าลังเป็นเศษส่วน โดยมีตัวเศษ
ครูใหนกั เรียนคูเ ดิมทํากิจกรรม Thinking Time เท่ากับ 1 สามารถเขียนให้อยู่ในรูปกรณฑ์ได้ตามบทนิยาม ดังนี้
บทนิยาม ถ้ำ a เป็นจ�ำนวนจริง n เป็นจ�ำนวนเต็มที่มำกกว่ำ 1 และ a มีรำกที่ n แล้ว
1
an = n a
1 1
เฉลย Class Discussion จากบทนิยาม จะเห็นว่า an เป็นค่าหลักของรากที่ n ของ a และจะได้ว่า (an)n = a
1 1 1
กําหนด p = 53 เช่น 92 = 9 และ (92)2 = 9
1 1 1
จะได p3 = (53)3 (-8)3 = 3 -8 และ [(-8)3 ] 3 = -8
1
= 5 3 × 3 (ใชสมบัติ (a m)n = a mn) Thinking Time
= 51 1
ให้นักเรียนพิจารณาค่าของ an = n a ตามเงื่อนไขที่ก�าหนดต่อไปนี้
= 5 1. เมื่อ a < 0 2. เมื่อ a = 0
3
ดังนั้น p = 5
24
ในกรณีนี้ จะมีคา p ที่เปนไปไดเพียงคาเดียว
1 3
ดังนั้น 5 3 = 5

เฉลย Thinking Time


ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET
ขอ 1. เมื่อ a < 0 และ n เปนจํานวนเต็มที่มากกวา 1 สามารถแบงได ถา a เปนจํานวนจริงบวก แลว 3 a3 a เทากับขอใด
2 กรณี คือ 1 1
กรณี 1 n เปนจํานวนคูบวก จะไดวา ไมสามารถหารากที่ n 1. a 3 2. a 9
ของ a ได เพราะไมมีจํานวนจริงใดๆ ที่ยกกําลังคูบวก 3. a 9
2
4. a 9
4
แลวจะไดจํานวนลบ
5
กรณี 2 n เปนจํานวนคี่บวก จะไดวา รากที่ n ของ a 5. a 9
1 1
มีคาเปนจํานวนจริงลบ (เฉลยคําตอบ 3 a 3 a = [a(a) 3 ] 3
ขอ 2. เมื่อ a = 0 และ n เปนจํานวนเต็มที่มากกวา 1 1 1
= a 3a 9
1 1
จะไดวา a n = 0 n ไมมีความหมายทางคณิตศาสตร 1+1
= a3 9
4
= a9
ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 4.)

T26
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
ครูยกตัวอยางที่ 15 และอธิบายการหาคาของ
ตัวอยางที่ 15
เลขยกกํ
1 n
าลัง เพื่อใหสอดคลองกับบทนิยาม
ให้หำค่ำของเลขยกก�ำลังต่อไปนี้
1 1 a n = a จากนั้นครูยกตัวอยางเพิ่มเติมบน
1) 162 2) 27 - 3 กระดาน แลวใหนักเรียนหาคาของเลขยกกําลัง
1
วิธีท�ำ 1) 162 = 16 ตอไปนี้
=4 1
• 25 2 1
- 13
2) 27 = 1 1 (แนวตอบ 25 2 = 25 = 5)
273 1
= 31 • 64 3 1
27 (แนวตอบ 64 3 = 3 64 = 4)
1 1
=3 • -243 5 1
(แนวตอบ -243 5 = 5 -243 = -3)
ลองทําดู
เขาใจ (Understanding)
ให้หาค่าของเลขยกก�าลังต่อไปนี้ ฝกทําตอ

1) 362
1 1
2) 8- 3 3) (-125)- 3
1 แบบฝกทักษะ 1.3 ครูใหนักเรียนทํา “ลองทําดู” ในหนังสือเรียน
ขอ 3(1)-(4) หนา 25 จากนัน้ สุม นักเรียน 3 คน ออกมาเขียนวิธี
หาคาของเลขยกกําลังบนกระดาน เพื่อตรวจสอบ
Investigation
ความเขาใจของนักเรียน โดยครูตรวจสอบความ
ให้นักเรียนจับคู่ แล้วช่วยกันเติมค�ำตอบลงในช่องว่ำง และตอบค�ำถำมที่ก�ำหนด ถูกตอง
2 2× 1 2 1 ×2
1. 53 = 5 2. 53 = 5
1 1 รู (Knowing)
= (52) = (5 )2
1. ครูใหนักเรียนจับคูทํากิจกรรม Investigation
= 52 = ( 5 )2
2
3. นักเรียนคิดว่า การเขียน 53 ให้อยู่ในรูปกรณฑ์ ในข้อ 1. และ 2. มีความสัมพันธ์กันหรือไม่ และตอบคําถามจากกิจกรรม แลวแลกเปลี่ยน
อย่างไร คํ า ตอบกั น สนทนาซั ก ถามจนเป น ที่ เ ข า ใจ
ร ว มกั น จากนั้ น ครู แ ละนั ก เรี ย นร ว มกั น
2
จาก Investigation จะเห็นว่า 53 สามารถเขียนให้อยู่ในรูปกรณฑ์ได้เป็น 3 52 หรือ ( 3 5 )2 อภิปราย แลวสรุปเปนกรณีทั่วไปเลขยกกําลัง
ส�าหรับในกรณีทั่วไปเลขยกก�าลังที่มีเลขชี้ก�าลังเป็นจ�านวนตรรกยะซึ่งมีบทนิยาม ดังนี้ ที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนตรรกยะจนนําไปสู
บทนิยามที่วา “ถา a เปนจํานวนจริง m, n
บทนิยาม ถ้ำ a เป็นจ�ำนวนจริง m, n เป็นจ�ำนวนเต็มที่ n > 1 และ mn เป็นเศษส่วนอย่ำงต�่ำ เปนจํานวนเต็มที1่ n > 1 และ mn เปนเศษสวน
1
และ an เป็นจ�ำนวนจริง จะได้ว่ำ
m 1
a n = (a n)m = (n a )m
อยางตํ่า และ a n เปนจํานวนจริง จะไดวา
m 1 m 1
a n = (am) n = n a m a n = (an)m = ( n a )m
เลขยกก�าลัง 25 m 1
a n = (am)n = n am
จากนั้นครูสรุปจากบทนิยามวา ( n a )m = n am

ขอสอบเนน การคิด เฉลย Investigation


2 2×1 2 1×2
-1 3 ขอ 1. 5 3 = 5 3 ขอ 2. 5 3 = 5 3
ถา a มีคาเทากับ 1 - 3 แลว a - a2
2
มีคาเทาใด 1 1
1 1
a2 - a- 2 = (52) 3 = (5 3 ) 2
3 1 3 2 3 2
(เฉลยคําตอบ 1 - a32 1 - a 2a 2 = 5 = 5
1 3 1 1 1
-
จาก a1 - a1
2 2
= a1
2
= a1
2 a2 ขอ 3. มีความสัมพันธกัน เนื่องจาก 3 5 2 = 3 25
1
a2 - a 2 -
a2 - 11 a 2a 2
1 - 11 และ ( 3 5)2 = 3 5 × 3 5 = 3 25
a2 a2 a2 นั่นคือ 3 5 2 = ( 3 5)2
1 - a2 2
1
2 2
ดังนั้น 5 3 สามารถเขียนใหอยูในรูปกรณฑไดเปน 3 5 2 หรือ ( 3 5)2
= a = 1a -- a1 = -(1a +- a1 )
2
a-1
1
a2
2
= -(aa --11) = -(a -a1)(- a1 + 1) = -(a + 1)
เนื่องจาก a = 1 - 3)
จะได - [(1 - 3) + 1 ] = -(2 - 3) = -2 + 3)
T27
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
2. ครูอธิบายความรูเ พิม่ เติมในกรอบ ATTENTION ATTENTION
m
วาจากบทนิยามของ a n ถา m < 0 แลว m
จากบทนิยามของ a n ถ้า m < 0 แล้ว a ต้องไม่เป็น 0 เช่น
-1 1
a จะตองไมเทากับ 0 เชน 0 5 = (0 5 )-1 = 0-1 ให้ a = 0, m = -1 และ n = 3
m -1 1
= 10 จะไมมีความหมายทางคณิตศาสตร จะได้ a n = 0 3 = (0 3)-1 = (0)-1 = 10
ซึ่ง 10 ไม่มีความหมายทางคณิตศาสตร์
3. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางที่ 16 ในหนังสือ-
เรียน หนา 26 จากนั้นครูยกตัวอยางเพิ่มเติม
ตัวอยางที่ 16
บนกระดาน แลวใหนักเรียนเขียนจํานวนที่อยู
ในรูปกรณฑใหอยูในรูปเลขยกกําลัง ดังนี้ ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปเลขยกก�ำลัง
• 6 1) 5 2) 3 22 3) 4 165
1 1
(แนวตอบ เขียนในรูปเลขยกกําลังไดเปน 6 2 ) วิธีท�ำ 1) 5 เขียนในรูปเลขยกก�าลังได้เป็น 5 2
2
• 3 55 5 2) 3 22 เขียนในรูปเลขยกก�าลังได้เป็น 2 3
(แนวตอบ เขียนในรูปเลขยกกําลังไดเปน 5 3 ) 5
3) 4 165 เขียนในรูปเลขยกก�าลังได้เป็น 16 4
• 5 123
(แนวตอบ เขียนในรูปเลขยกกําลังไดเปน ลองทําดู
3
12 5 ) ฝกทําตอ
ให้เขียนจ�านวนต่อไปนี้ในรูปเลขยกก�าลัง
4. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางที่ 17 ในหนังสือ- แบบฝกทักษะ 1.3
1) 7 2) 3 32 3) 4 245 ขอ 1(1)-(4)
เรียน หนา 26 จากนั้นครูยกตัวอยางเพิ่มเติม
บนกระดาน แลวใหนักเรียนเขียนจํานวนที่อยู
ตัวอยางที่ 17
ในรูปเลขยกกําลังใหอยูในรูปกรณฑ ดังนี้
1 ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปกรณฑ์
• 34 4 1 3 3
(แนวตอบ เขียนในรูปกรณฑไดเปน 4 34)
1) 48 3 2) (-32) 5 3) 15 2
3 1
• (-56) 5 วิธีท�ำ 1) 48 3 =3 48
3
(แนวตอบ เขียนในรูปกรณฑไดเปน 5 (-56) 3) 2) (-32) 5 = 5 (-32)3
5 3
• 11 2 3) 15 2 = 153 = ( 15 )3
(แนวตอบ เขียนในรูปกรณฑไดเปน
11 5 = ( 11) 5) ลองทําดู
เขาใจ (Understanding) ให้เขียนจ�านวนต่อไปนี้ในรูปกรณฑ์ ฝกทําตอ
1 3 3
1) 543 2) (-75)5 3) 392 แบบฝกทักษะ 1.3 ขอ 2
ครูใหนักเรียนทํา “ลองทําดู” ในหนังสือเรียน
หนา 26 และแบบฝกทักษะ 1.3 ขอ 1.-2. หนา
26
35 จากนั้นครูสุมนักเรียนออกมาเฉลยคําตอบบน
กระดาน โดยครูตรวจสอบความถูกตอง

เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรางเสริม


ครูอธิบายความรูเพิ่มเติมจากกรอบ ATTENTION วา ถา n < 0 แลว a ครูใหนักเรียนจับคู แลวใหแตละคนเขียนจํานวน 2 จํานวน
m 2
ตองไมเปน 0 ดวย เชน ให a = 0, m = 2 และ n = -1 จะได a n = 0 -1 = (02)-1 ที่ อ ยู  ใ นรู ป เลขยกกํ า ลั ง และรู ป กรณฑ ล งในกระดาษ จากนั้ น
= 0-1 = 10 ซึ่งไมมีความหมายทางคณิตศาสตร เชนเดียวกับกรณี m < 0 แลกเปลีย่ นกับคูข องตนเอง แลวเขียนจํานวนทีอ่ ยูใ นรูปเลขยกกําลัง
ใหอยูในรูปกรณฑ และเขียนจํานวนที่อยูในกรณฑใหอยูในรูป
เลขยกกําลัง
หมายเหตุ : ครูควรใหนักเรียนเกงและนักเรียนออนจับคูกัน

T28
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
1. ครูใหนักเรียนศึกษาตัวอยางที่ 18 ในหนังสือ-
ตัวอยางที่ 18
เรียน หนา 27 แลวครูชี้แนะกรอบ PROBLEM
ให้หำค่ำของเลขยกก�ำลังต่อไปนี้
2 3 SOLVING TIP ในการชวยทําโจทยวา เลข
1) (-125)3 2) 325 ยก-กําลังทีม่ เี ลขชีก้ าํ ลังเปนจํานวนตรรกยะ ซึง่
2 1
วิธีท�ำ 1) (-125)3 = (-1253)2 ตั ว ส ว นของเลขชี้ กํ า ลั ง จะเป น ค า รากเสมอ
= (3 -125)2 จากนั้ น ครู เ ขี ย นแสดงวิ ธีทํ า อย า งละเอี ย ด
= (3 (-5)3 )2 บนกระดาน พรอมทั้งบอกวาขั้นตอนใดใช
= (-5)2 บทนิยามใด
= 25 2. ครูยกตัวอยางที่ 19 ในหนังสือเรียน หนา 27
3 1
2) 325 = (325)3 PROBLEM บนกระดาน และอธิบายขั้นตอนอยางละเอียด
= (5 32)3 SOLVING TIP จากนั้ น กล า วเพิ่ ม เติ ม ว า การเขี ย นจํ า นวน
2
= (5 25)3 (-125)3 ราก ที่ อ ยู  ใ นรู ป กรณฑ ใ ห อ ยู  ใ นรู ป เลขยกกํ า ลั ง
= 23 ตัวส่วนของเลขชี้ก�าลัง ซึ่ ง มี ฐ านของเลขยกกํ า ลั ง เป น ตั ว แปรจะใช
จะเป็นค่ารากเสมอ หลักการเดียวกันกับตัวอยางที่ 18 ที่มีฐาน
=8
ของเลขยกกําลังเปนตัวเลข
ลองทําดู
ฝกทําตอ
ให้หาค่าของเลขยกก�าลังต่อไปนี้ เขาใจ (Understanding)
2 2 แบบฝกทักษะ 1.3
1) 643 2) 32- 5 3) 100 1.5
ขอ 3(5)-(6) ครูใหนักเรียนจับคูทํา “ลองทําดู” ในหนังสือ-
เรียน หนา 27 แลวแลกเปลี่ยนความรู สนทนา
ตัวอยางที่ 19 ซักถามกัน จนเปนที่เขาใจรวมกัน จากนั้นครูสุม
ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปเลขยกก�ำลัง เมื่อ x เป็นจ�ำนวนจริงบวก นักเรียนออกมาเฉลยคําตอบบนกระดาน โดยครู
1) 5 x3 2) 1-3 และนักเรียนในชั้นเรียนรวมกันตรวจสอบความ
x
3 ถูกตอง
3
วิธีท�ำ 1) 5 x = x5 2) 1-3 = 1- 3
x x2
3
= x2
ลองทําดู
ให้เขียนจ�านวนต่อไปนี้ในรูปเลขยกก�าลัง เมื่อ x เป็นจ�านวนจริงบวก ฝกทําตอ
1) 3 x4 2) 5 1 -2 แบบฝกทักษะ 1.3
x ขอ 1(5)-(6)
เลขยกก�าลัง 27

กิจกรรม สรางเสริม เกร็ดแนะครู


2
ครูใหนักเรียนพิจารณาจากตัวอยางที่ 18 ขอ 1) จากโจทย ครูเนนยํ้าจากตัวอยางที่ 18 ขอ 1) วา (-125) 3 เปนเลขยกกําลังที่มี
เลขชี้กําลังเปนจํานวนตรรกยะ และมี 23 เปนเลขชี้กําลัง ซึ่งถาพิจารณาตัวสวน
2 3
(-125) 3 ถาเปลี่ยนเลขชี้กําลังเปน (-125) 2 แลวนักเรียนสามารถ
3
แลวจะมี 3 เปนคาราก และจากขอ 2) 32 5 มี 35 เปนเลขชี้กําลัง ซึ่งถาพิจารณา
3
หาคาของเลขยกกําลัง (-125) 2 ไดหรือไม เพราะเหตุใด
หมายเหตุ : ครูควรใหนักเรียนเกงและนักเรียนออนจับคูกัน ตัวสวนแลวจะมี 5 เปนคาราก

T29
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
1. ครูใหนกั เรียนจับคูศ กึ ษากิจกรรม Thinking Time
Thinking Time
จากนั้นครูเฉลยคําตอบและสรุปวาสมบัติของ
เลขยกกําลังทีม่ เี ลขชีก้ าํ ลังเปนจํานวนตรรกยะ ให้นักเรียนเติมค�าตอบลงในช่องว่าง แล้วตอบค�าถามที่ก�าหนด
1. ให้ m, n เป็นจ�านวนตรรกยะ และ a, b เป็นจ�านวนจริงที่ไม่เท่ากับ 0 และ am, an, bn
จะมีสมบัตเิ หมือนกับเลขยกกําลังทีม่ เี ลขชีก้ าํ ลัง เป็นจ�านวนจริง จะได้ว่า
เปนจํานวนเต็ม สมบัติ 1 am • an =................................
2. ครูยกตัวอยางที่ 20 บนกระดาน และอธิบาย สมบัติ 2 a n
m
= ................................
วิ ธีทํ า แต ล ะขั้ น ตอน เพื่ อ ให ส อดคล อ งกั บ am n
สมบัติ 3 (a ) = ................................
สมบัติ 3 ของเลขยกกําลัง ในกิจกรรม n n
สมบัติ 4 a • b =................................
n
Thinking Time สมบัติ 5 an = ................................
b
2. จากสมบัติ 3 นักเรียนคิดว่า ถ้า a = 0 แล้วจะได้ผลลัพธ์เป็นอย่างไร
เฉลย Thinking Time 3. จากสมบัติ 5 นักเรียนคิดว่า ถ้า b = 0 แล้วจะได้ผลลัพธ์เป็นอย่างไร
4. ให้นักเรียนพิจารณาวิธีพิสูจน์ดัง1ต่อไปนี้
ขอ 1. ให m, n เปนจํานวนตรรกยะ และ a, b 1 = 1 = (-1) × (-1) = -1 • -1 = ( -1)2 = (-1)2 2 = -1
× 1

เปนจํานวนจริงที่ไมเทากับ 0 และ am, จากวิธีพิสูจน์ข้างต้น นักเรียนคิดว่าขั้นตอนใดไม่ถูกต้อง เพราะเหตุใด


an, bn เปนจํานวนจริง จะไดวา
am + n
สมบัติ 1 a m • a n = ………………………….. ตัวอยางที่ 20
m
สมบัติ 2 a n m-n 1
a
= ………………………….. ให้หำค่ำของ [(243)5]2
a 1 1
สมบัติ 3 (a m)n am × n
= ………………………….. วิธีท�ำ [(243)5 ]2 = [(35)5 ]2
สมบัติ 4 a n • bn (ab)n
= ………………………….. = 32
n a n =9
สมบัติ 5 a (b)
= …………………………..
bn
ขอ 2. ถา a = 0 และ m = 0 จะไดวา ลองทําดู ฝกทําตอ
1 แบบฝกทักษะ 1.3
(0 m) n = 0 (0) × n = 0 0 หาคาไมได ให้หาค่าของ [(625)4 ]3 ขอ 3(7)-(8)
เนื่องจาก 0 0 ไมมีความหมายทาง
คณิตศาสตร n ตัวอยางที่ 21
n
ขอ 3. ถา b = 0 จะไดวา a n = ( a0 ) หาคา
0 ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำย
a
ไมได เนื่องจาก 0 ไมมีความหมาย 1 5
1) 322 • 86
1
2) (93 • 816 )6
1

ทางคณิตศาสตร
ขอ 4. ขั้นตอน (-1) × (-1) = -1 • -1
28
ไมถูกตอง เพราะไมสามารถหาคา -1
ที่เปนจํานวนจริงได

นักเรียนควรรู ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET


1 1 1 1
1 -1 ไมสามารถหาคารากที่เปนจํานวนจริงได ซึ่งคารากที่ไดจะอยูในรูป ใหหาคาของ (64 2 ) 3 + ((1024) 5 ) 2 - 1
จํานวนเชิงซอน 1. 1 2. 3 3. 5
4. 7 5. 9
1 1 1 1 11 11
(เฉลยคําตอบ (64 2 ) 3 + ((1024) 5 ) 2 - 1 = ((26)2)3 + (((210)5)2 - 1)
1 1
= (2 3) 3 + (((2 2) 2 ) - 1)
=2+2-1
=3
ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 2.)

T30
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
1 5 1 5 3. ครูใหนักเรียนจับคูศึกษาตัวอยางที่ 21 ใน
วิธีท�ำ 1) 322 • 86 = (25)2 • (23)6
5 15 หนั ง สื อ เรี ย น หน า 28-29 จากนั้ น ครู ถ าม
= 22 • 2 6
5 5 คําถาม ดังนี้
= 22 • 22 • จากตัวอยางที่ 21 ใชสมบัติเลขยกกําลังใด
5 5
= 22 + 2 ในการหาคําตอบ
= 25 (แนวตอบ สมบัติ (a m) n = a mn และสมบัติ
1 1 1 1
2) (93 • 816 )6 = [(32)3 • (34)6]6 a m • a n = a m + n)
2 4
= (33 • 36 )6 4. ครูยกตัวอยางที่ 22 ในหนังสือเรียน หนา 29
2 4
= (33 )6 • (36)6 บนกระดาน แลวถามคําถาม ดังนี้
= 34 • 34 • ขอ 1) ใชสมบัติเลขยกกําลังใดในการหา
= 34 + 4 คําตอบ
= 38 (แนวตอบ สมบัติ (a m) n = a mn และสมบัติ
a -1 = a1 )
ลองทําดู
• ขอ 2) ใชสมบัติเลขยกกําลังใดในการหา
ให้เขียนจ�านวนต่อไปนี้ในรูปอย่างง่าย ฝกทําตอ
1 3 1 3 แบบฝกทักษะ 1.3 ขอ 7
คําตอบ
1) 643 • 164 2) (273 • 2435 )3 (แนวตอบ สมบัติ (ab)n = a nbn
สมบัติ (a m) n = a mn
ตัวอยางที่ 22 m
สมบัติ a = a m - n และสมบัติ a -1 = 1 )ça
ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำย เมื่อ m และ n เป็นจ�ำนวนจริงบวก an
1 3 2
1) (m3 n-2)5 2) (mn) 3
3 12 เขาใจ (Understanding)
(m4 n3)
1 -2 3 1 3 -2 3
วิธีท�ำ 1) (m3 n )5 = (m3)5 (n )5 1. ครูใหนักเรียนจับคูทํา “ลองทําดู” ในหนังสือ-
1 6 เรียน หนา 28-30 แลวแลกเปลี่ยนความรูกัน
= m5 n- 5
1 สนทนาซักถามจนเปนที่เขาใจรวมกัน จากนั้น
=m65 ครูสมุ นักเรียนออกมาเฉลยคําตอบบนกระดาน
n5 โดยครู แ ละนั ก เรี ย นในชั้ น เรี ย นร ว มกั น
2 2 2
2) (mn)3 12
3
= m 3 n3
32 12
ตรวจสอบความถูกตอง
(m4 n3) (m4 ) (n3) 2. ครูใหนกั เรียนทําแบบฝกทักษะ 1.3 ขอ 3., 7.-11.
2 2
= m33 n23 ในหนังสือเรียน หนา 35-36 เปนการบาน
m2 n3
เลขยกก�าลัง 29

ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET เกร็ดแนะครู


3 2 1
กําหนดให A = B =
22, 33 และ C = 216 6 ขอใดถูกตอง ครูควรเนนยํ้า เรื่อง การใชสมบัติของเลขยกกําลัง ในตัวอยางที่ 21 วาใช
1. A < B < C สมบัติ 1 และสมบัติ 3 ในการจัดใหอยูในรูปอยางงาย จากนั้นครูใหความรู
2. A < C < B เพิ่มเติมวา ขอ 2) สามารถแสดงวิธีทําไดอีกวิธีหนึ่ง ดังนี้
1 1 1 1
3. B < C < A (9 3 • 81 6 )6 = (9 3 )6 • (81 6 )6
4. C < B < A 1 1
5. B < A < C = 9 3 × 6 • 81 6 × 6 (สมบัติ 3)
3 = 92 • 81
(เฉลยคําตอบ A = (2 2 )6 = 2 9 = 512 = (32)2 • 34
2
B = (3 3 )6 = 3 4 = 81 = 34 • 34
1
C = (216 6 ) 6 = 216 = 34 + 4 (สมบัติ 1)
นั่นคือ B < C < A = 38
ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 3.)

T31
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
1. ครู ย กตั ว อย า งสมการของเลขยกกํ า ลั ง บน 2 3 2 2
= m3 - 2 n3 - 3
กระดาน แลวถามคําถามนักเรียน ดังนี้ 5
• 3x = 35 แลว x มีคาเทากับเทาใด = m- 6
(แนวตอบ x มีคาเทากับ 5) = 15
m6
• 2y = 28 แลว y มีคาเทากับเทาใด
(แนวตอบ y มีคาเทากับ 8) ลองทําดู
2. ครูอธิบายวา สมการเลขยกกําลังดังกลาวใช ให้เขียนจ�านวนแต่ละข้อต่อไปนี้ในรูปอย่างง่าย เมื่อ m และ n เป็นจ�านวนจริงบวก
หลักการเทียบสมการทัง้ สองขาง โดยพิจารณา 1 -1 -1 ฝกทําตอ
ฐานและเลขชี้กําลัง ถาฐานทั้งสองขางเทากัน 1) (m-3 n5)- 3 2) m2 3 -n1 4-2 แบบฝกทักษะ 1.3
(m n 3)
แลวเลขชี้กําลังจะตองเทากันดวย ซึ่งในกรณี ขอ 8, 11
ทัว่ ไป การแกสมการเลขยกกําลังสามารถทําได
โดยเปลี่ยนฐานของเลขชี้กําลังทั้งสองขางให สมกำรเลขยกก�ำลัง
เทากัน ดังนี้ ถา ax = an แลว x = n เมื่อ ในกรณีทั่วไป การแก้สมการเลขยกก�าลังสามารถท�าได้โดยเปลี่ยนฐานของเลขยกก�าลังให้
a, n เปนจํานวนจริง โดยที่ a > 0 และ a 1 เท่ากัน ดังนี้
3. ครูยกตัวอยางที่ 23 ในหนังสือเรียน หนา 30
ถ้า ax = an แล้ว x = n เมื่อ a, n เป็นจ�านวนจริง โดยที่ a > 0 และ a ≠ 1
บนกระดาน แลวครูกลาววา นักเรียนสามารถ
จัดฐานใหเทากัน โดยใชวธิ กี ารแยกตัวประกอบ
ตัวอยางที่ 23
แลวเขียนใหอยูในรูปเลขยกกําลัง ดังนี้
- ขอ 1) นั ก เรี ย นสามารถจั ด 128 ให เ ป น ให้หำค่ำ x จำกสมกำรต่อไปนี้
ฐาน 2 นั่นคือ 128 = 27 1) 2x = 128 1
2) 9x = 243 3) ( 49 )2x = 729
64
- ขอ 2) นักเรียนไมสามารถจัด 243 ใหเปน วิธีท�ำ 1) จาก 2x = 128
ฐาน 9 ได แตสามารถจัด 243 และ 2 x = 27
9 ใหเปนฐาน 3 ได จะได้ x =7
นั่นคือ 9 = 32 และ 243 = 35 2) จาก 9x = 2431
- ขอ 3) กรณีที่ฐานเปนเศษสวน นักเรียนจะ 32x = 15
ตองจัดฐานทั้งตัวเศษและตัวสวนที่ 3
มีเลขชี้กําลังเทากัน และสามารถจัด 32x = 3-5
64 4 จะได้ 2x = -5
729 ใหเปนฐาน 9
64 = 4 3
หรือ x = - 52
นั่นคือ 729 (9)
30

เกร็ดแนะครู ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET


x+1
ครูควรเนนยํ้าใหนักเรียนเขาใจถึงการแกสมการเลขยกกําลัง ดังนี้ ถา ( 25 343 2x - 1 แลว 8x + 1 มีคาเทาไร
49 ) = ( 125 )
- ฐานเทากัน แตเลขชี้กําลังไมเทากัน จะได ax = ay → x = y
1. -1 2. 0 3. 1 4. 2 5. 3
โดยที่ a > 0 และ a 1 x+1 2x - 1
- ฐานไมเทากัน แตเลขชี้กําลังเทากัน จะได ax = bx → x = 0 (เฉลยคําตอบ ( 25
49 ) = ( 125 )
343
โดยที่ a, b > 0 และ a, b 1 2 x+1 3 2x - 1
(( 57 ) ) = (( 75 ) )
2x + 2 6x - 3
( 57 ) = ( 75 )
2x + 2 3 - 6x
( 57 ) = ( 57 )
2x + 2 = 3 - 6x
8x = 1
x = 18
ดังนั้น 8x + 1 = 8 ( 18 ) + 1 = 2

T32 ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 4.)


นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
1. ครูใหนักเรียนทํา “ลองทําดู” ในหนังสือเรียน
( 49 ) 64
2x
3) จาก = 729
หนา 31 และใบงานที่ 1.2 เรือ่ ง เลขยกกําลังทีม่ ี
[( 23 ) ] = ( 23 )6
2 2x
เลขชี้กําลังเปนจํานวนตรรกยะ เปนรายบุคคล
แลวสุม นักเรียนออกมาเฉลยวิธคี ดิ บนกระดาน
( 23 ) = ( 23 )6
4x
โดยครูตรวจสอบความถูกตอง
จะได้ 4x =6 2. ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน คละ
หรือ x = 32 ความสามารถทางคณิตศาสตร แลวทํากิจกรรม
ดังนี้
ลองทําดู • ใหนกั เรียนแตละกลุม ศึกษากิจกรรม Journal
ให้หาค่า x จากสมการต่อไปนี้ Writing แลวตอบคําถามจากกิจกรรม
1) 5x = 625 2) 49x = 343 1 • ให นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ  ม ร ว มกั น อภิ ป ราย
ฝกทําตอ พรอมทั้งยกตัวอยางประกอบจากคําถาม
3) ( 94 )3x = 2187
128 4) ( 52 )x = 0.16 แบบฝกทักษะ 1.3
ทั้งสองขอ
ขอ 4
• นักเรียนรวมกันสรุปกิจกรรม
Journal Writing
Journal Writing 3. ครูใหนักเรียนทําแบบฝกทักษะ 1.3 ขอ 4. ใน
1. นักเรียนได้ศึกษามาแล้วว่า ถ้า ax = an แล้ว x = n เมื่อ a, n เป็นจ�านวนจริง โดยที่ หนังสือเรียน หนา 35 ลงในสมุด เพือ่ ตรวจสอบ
a > 0 และ a ≠ 1 ส�าหรับกรณี ax = an เมื่อ a = 0 หรือ a = 1 นักเรียนคิดว่า x = n หรือไม่ ความเขาใจ
ถ้าไม่ ให้ยกตัวอย่างประกอบ
2. ก�าหนด a > 0 และ x เป็นจ�านวนจริงใด ๆ นักเรียนคิดว่า ax มีค่าเป็น 0 หรือจ�านวน
เฉลย Journal Writing
จริงลบหรือไม่ ให้ยกตัวอย่างประกอบ
ขอ 1. ถา a = 0 หรือ a = 1 จะไดวา x
ไมจําเปนตองเทากับ n
จาก Journal Writing จะเห็นว่า ถ้าฐานของเลขยกก�าลังมีค่าเป็นจ�านวนจริงบวก แล้วค่าของ เชน ให x = 2, n = 11
เลขยกก�าลังจะมีค่าเป็นจ�านวนจริงบวกด้วย ซึ่งสามารถเขียนในรูปกรณีทั่วไปได้ ดังนี้ จะไดวา 0 2 = 0 11 = 0 แต 2 11
ให x = 5, n = 7
ถ้า a > 0 แล้ว ax > 0 เมื่อ x เป็นจ�านวนจริงใด ๆ จะไดวา 15 = 17 = 1 แต 5 7
ขอ 2. ให a > 0 และ x เปนจํานวนจริงใดๆ
จะได ax เปนจํานวนจริงบวกเสมอ
ดังนั้น ax มีคาไมเทากับ 0 หรือ ax ไมเปน
เลขยกก�าลัง 31 จํานวนจริงลบ เชน a = 12 และ x = 2
2
จะได ax = ( 12 ) = 14 > 0

ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET เกร็ดแนะครู


ผลบวกของคําตอบของสมการ 22x - 1 - 17(2x) + 8 = 0 เทากับ ครูควรอธิบายเพิ่มเติมจากกิจกรรม Journal Writing ถา a < 0 แลวคา
เทาไร ของ ax จะพิจารณาได ดังนี้
1. -3 2. -2 3. 2 4. 3 5. 4 ถา a < 0 และ x เปนจํานวนคี่ คาของ ax < 0
(เฉลยคําตอบ 2 2x - 1 - 17(2 x) + 8 = 0 เชน ถา -2 < 0 แลว (-2)3 = -8
2(2 x)2 - 17(2 x) + 8 = 0 ถา -2 < 0 แลว (-2)-3 = 1 3 = - 18
(-2)
ให 2 x = A, (2 x)2 = A2
ถา a < 0 และ x เปนจํานวนคู คาของ ax > 0
2A2 - 17A + 8 = 0
(2A - 1)(A - 8) = 0 เชน ถา -2 < 0 แลว (-2)4 = 16
A = 12 , 8 ถา -2 < 0 แลว (-2)-4 = 1 4 = 16 1
(-2)
2 x = 2-1, 23
x = -1, 3
นั่นคือ (-1) + 3 = 2
ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 3.)
T33
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
ครูใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน คละ
นักเรียนสามารถค�านวณหาค่าต่าง ๆ ของเลขยกก�าลัง โดยใช้เครือ่ งคิดเลขวิทยาศาสตร์ ดังรูป
ความสามารถทางคณิตศาสตร แลวทํากิจกรรม
1
ตอไปนี้
• ใหแตละกลุมนําเครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร ส่วนประกอบหลักบนเครื่องคิดเลข
1. หน้าจอแสดงผลการท�างาน
มากลุมละ 1 เครื่อง ใชรุนเดียวกัน ดังรูป
2. ปุมเปดเครื่อง
ในหนังสือเรียน หนา 32 หรือรุนที่ใกลเคียง 3. ปุม MODE/SETUP ใช้ส�าหรับเลือก
กัน โหมดหรือตั้งค่าเครื่อง
• ครูอธิบายสวนประกอบตางๆ บนเครื่อง 4 2 4. ปุม SHIFT ส�าหรับเรียกใช้ค�าสั่ง
คิดเลขและกลาววาเครือ่ งคิดเลขวิทยาศาสตร 5 3
ที่เป็นสีเหลือง แล้วตามด้วยปุมค�าสั่ง
ถายี่หอหรือรุนที่ตางกัน จะมีปุมคํานวณ นั้น ๆ
7 6 5. ปุม ALPHA ส�าหรับเรียกใช้ค�าสั่ง
และวิธีการใชแตกตางกัน ใหนักเรียนดูใน ที่เป็นตัวอักษรสีแดง แล้วตามด้วย
กรอบ INFORMATION ปุมค�าสั่งนั้น ๆ
• ใหนกั เรียนแตละกลุม ฝกกดปุม เครือ่ งคิดเลข 8
6. ปุมควบคุมทิศทาง ใช้เลื่อนดูค�าตอบ
วิทยาศาสตร โดยครูใชตัวอยางที่ 24 ใน หรือแก้ไขการค�านวณ
หนังสือเรียน หนา 32 สอนกดปุมเครื่อง 7. ปุมฟังก์ชันและสูตรการค�านวณ
คิดเลข ซึ่งใหสมาชิกในกลุมฝกทําขอละ 8. ปุม ตัวเลข/เครือ่ งหมายการด�าเนินการ
1 คน จนครบทั้ง 4 ขอ
ตัวอยางที่ 24
ให้หำค่ำของจ�ำนวนต่อไปนี้ โดยใช้เครื่องคิดเลข
1) 314 2) 2 -4 6
INFORMATION
3) 3 71 4) 4 8
เครื่ อ งคิ ด เลขวิ ท ยาศาสตร์
วิธีท�ำ 1) 3 14 ที่ยี่ห้อหรือรุ่นต่างกัน จะมี
ปุมค�านวณ และวิธีการใช้ท่ี
กดปุม 3 x 1 4 = แตกต่างกัน เช่น 23 สามารถ
จะปรากฏผลลัพธ์ 4782969 กดปุม บนเครือ่ งคิดเลขได้เป็น
2 x 3 =
หรือ 2 ∧ 3 =
หรือ 2 xy 3 =

32

เกร็ดแนะครู กิจกรรม สรางเสริม


ครูควรเนนยํ้าการใชเครื่องคิดเลขวิทยาศาสตรวา ฟงกชันการคํานวณของ ครูใหนักเรียนจับคู แลวชวยกันคํานวณหาคาตอไปนี้
เครื่องคิดเลขแตละรุนไมเหมือนกัน นอกจากจะใชเครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร • หา ( 2 + 3 + 5 )2 และ 22 + 32 + 52 โดยใชเครื่องคิดเลข
ในการคํานวณแลว นักเรียนยังใชโปรแกรมอืน่ ๆ ในการคํานวณได เชน โปรแกรม และตอบเปนทศนิยมสองตําแหนง
Microsoft Excel โปรแกรม Calculator ในเครื่องคอมพิวเตอร และโปรแกรม • ( 2 + 3 + 5 )2 และ 22 + 32 + 52 เทากันหรือไม
ออนไลน WolframAlpha เพราะเหตุใด
• หา ( 2 × 3 × 5 )2 และ 22 + 32 + 52 โดยใช
เครื่องคิดเลข และตอบเปนทศนิยมสองตําแหนง
• ( 2 × 3 × 5 )2 และ 22 × 32 × 52 เทากันหรือไม
เพราะเหตุใด
หมายเหตุ : ครูควรใหนักเรียนเกงและนักเรียนออนจับคูกัน

T34
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
1. ครูใหนักเรียนแตละกลุมทํา “ลองทําดู” ใน
2) 2 -4 6
หนังสือเรียน หนา 33 โดยใชเครื่องคิดเลข
กดปุม ( 2 - 6 ) ÷ 4 =
แลวเขียนคําตอบที่ไดลงในกระดาษ A4 เมื่อ
จะปรากฏผลลัพธ์ -0.1123724357 แต ล ะกลุ  ม เสร็ จ แล ว ให นํ า คํ า ตอบที่ ไ ด ม า
3) 3 71 ตรวจสอบกั บ กลุ  ม อื่ น ๆ โดยครู ต รวจสอบ
กดปุม SHIFT 7 1 = ATTENTION ความถูกตอง
3 เป็นค�าสั่งที่เป็น
จะปรากฏผลลัพธ์ 4.140817749 2. ครู ใ ห นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ  ม ทํ า แบบฝ ก ทั ก ษะ
สีเหลือง ดังนัน้ ในการเรียก 1.3 ขอ 5 ในหนังสือเรียน หนา 35 จากนั้น
4) 4 8
ใช้จะต้องกดปุม SHIFT ครู สุ  ม นั ก เรี ย นออกมาเฉลยคํ า ตอบหน า -
กดปุม SHIFT x 4 8 =

แล้วตามด้วย ชั้ น เรี ย น โดยครู แ ละนั ก เรี ย นในชั้ น เรี ย น


จะปรากฏผลลัพธ์ 1.681792831
รวมกันตรวจสอบความถูกตอง
ลองทําดู
ให้หาค่าของจ�านวนต่อไปนี้ โดยใช้เครื่องคิดเลข
1) 512 2) 13 9- 8 ฝกทําตอ
แบบฝกทักษะ 1.3 ขอ 5
3) 3 46 4) 5 77

ตัวอยางที่ 25
1
กำรเคลื่อนที่ของอนุภำคหนึ่งมีควำมสัมพันธ์ระหว่ำงระยะทำง
ในแนวรำบและควำมสูงในแนวดิ่ง ซึ่งค�ำนวณได้จำกสูตร
h = 0.3 d + 1 h
เมื่อ h แทนควำมสูงจำกพื้นดินมีหน่วยเป็นเมตร
d แทนระยะทำงในแนวรำบมี d
2 หน่วยเป็นเมตร
ถ้ำอนุภำคนีเ้ คลือ่ นทีใ่ นแนวรำบเป็นระยะทำง 5.25 เมตร ให้หำควำมสูงของอนุภำคนีจ้ ำกพืน้ ดิน
วิธีท�ำ เนื่องจาก h = 0.3 d + 1
จะได้ h = 0.3 5.25 + 1
= 0.3 6.25
= 0.3(2.5)
= 0.75
ดังนั้น อนุภาคนี้จะสูงจากพื้นดินในแนวดิ่งเป็นระยะทาง 0.75 เมตร
เลขยกก�าลัง 33

กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู


ครูใหนักเรียนจับคู แลวทํากิจกรรมตอไปนี้ 1 อนุภาค เปนชิ้นหรือสวนที่มีขนาดเล็กมาก เชน ฝุนละออง อิเล็กตรอน
• จากตัวอยางที่ 25 ถาอนุภาคนีเ้ คลือ่ นทีใ่ นแนวราบเปนระยะทาง นิวตรอน ซึ่งในทางวิทยาศาสตรมักใชเรียกสวนที่มีขนาดเล็กกวาอะตอม เชน
4.76 เมตร ใหหาความสูงของอนุภาคนี้จากพื้นดิน อนุภาคแอลฟา อนุภาคบีตา
• ถาอนุภาคนี้มีความสูงจากพื้นดิน 1.05 เมตร ใหหาวาอนุภาค 2 เคลื่อนที่ในแนวราบ เปนการเคลื่อนที่ของวัตถุขนานกับพื้นโลก เชน
เคลื่อนที่ในแนวราบเปนระยะทางเทาใด รถยนตที่กําลังแลนอยูบนถนน
หมายเหตุ : ครูควรใหนักเรียนเกงและนักเรียนออนจับคูกัน

T35
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
รู (Knowing)
1. ครูอธิบายวา เรื่อง เลขยกกําลัง สามารถนําไป
ลองทําดู
ใชกับโจทยปญหาตางๆ ได เชน การเคลื่อนที่
ตางๆ การคํานวณดอกเบี้ยทบตน จากนั้น วัตถุชนิดหนึ่งมีน�้าหนัก (m) เป็นกรัม แปรผันตามความยาวของวัตถุ (x) เป็นเซนติเมตร
ครูยกตัวอยางที่ 25 และ 26 บนกระดาน ที่สามารถค�านวณได้จากสูตร m = 45 5 11x + 1 ให้หาน�้าหนักของ ฝกทําตอ
และอธิบายวิธีคิดอยางละเอียด วัตถุชนิดนี้ เมื่อก�าหนดความยาวของวัตถุเท่ากับ 22 เซนติเมตร แบบฝกทักษะ 1.3
ขอ 6, 12
2. ครูถามคําถาม เพื่อตรวจสอบความเขาใจของ
ตัวอยางที่ 26
นักเรียน ดังนี้
• จากตัวอยางที่ 25 ใชบทนิยามใดในการแก นิธิศฝำกเงินไว้กับธนำคำรแห่งหนึ่งโดยมีข้อตกลงว่ำ ถ้ำฝำกเงินจ�ำนวน 500,000 บำท
ปญหา ธนำคำรให้ดอกเบี้ย 3% ต่อปี ถ้ำนิธิศฝำกเงินโดยไม่มีกำรถอนเงินจนครบ 7 ปี 6 เดือน
อยำกทรำบว่ำนิธิศจะได้รับเงินทั้งหมดเท่ำใด โดยก�ำหนดให้
( แนวตอบ ใช บ ทนิ ย ามที่ ว  า ถ า a เป น
จํานวนจริง n เปนจํานวนเต็ มที่มากกวา 1 A = P(1 + r)t
1 n
และ a มีรากที่ n แลว a n = a ) เมื่อ A แทนจ�ำนวนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย
• จากตัวอยางที่ 26 ใชบทนิยามใดในการ P แทนเงินต้น
แกปญหา r แทนอัตรำดอกเบี้ยต่อปี
t แทนจ�ำนวนปีที่ฝำก
( แนวตอบ ใช บ ทนิ ย ามที่ ว  า ถ า a เป น
จํานวนจริง m, n เปนจํานวนเต็มที่ n1 > 1 วิธีท�ำ เนื่องจาก A = P(1 + r)t
และ mn เปนเศษสวนอย m
างตํ่า1และ a n เปน P = 500,000
3 = 0.03
จํานวนจริง จะไดวา a n = (a n )m = ( n a )m) r = 100
t = 7.5 = 152
15
เขาใจ (Understanding) จะได้ A = 500,000(1 + 0.03) 2
1. ครูใหนักเรียนทํา “ลองทําดู” ในหนังสือเรียน = 500,000( 1.03)15
≈ 500,000(1.24819)
หนา 34 ลงในสมุด เปนรายบุคคล เมื่อทํา
= 624,095
เสร็ จ แล ว ให ต รวจสอบคํ า ตอบ โดยการใช
ดังนั้น นิธิศจะได้รับเงินทั้งหมดประมาณ 624,095 บาท
เครื่องคิดเลขวิทยาศาสตร โดยใหนักเรียน
นําสงครูตรวจสอบความถูกตองอีกครั้ง ลองทําดู
สมชายฝากเงินไว้กับธนาคารแห่งหนึ่งโดยมีข้อตกลงว่า ถ้าฝากเงินกับธนาคาร
2,000,000 บาท ธนาคารจ่ายดอกเบี้ยให้ 2.5% ต่อป ถ้าสมชายฝากเงิน ฝกทําตอ
โดยไม่มีการถอนเงินจนครบ 5 ป 6 เดือน อยากทราบว่าสมชายจะได้รับ แบบฝกทักษะ 1.3
เงินทั้งหมดเท่าใด ขอ 9, 10

34

เกร็ดแนะครู กิจกรรม 21st Century Skills


ครูควรเนนยํ้าจากตัวอยางที่ 26 วา การหาดอกเบี้ยที่ไดจากการฝากเงิน ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมตอไปนี้
เทากับเงินรวมทัง้ หมดลบออกดวยเงินตนทัง้ หมด หรือ ดอกเบีย้ = เงินรวม - เงินตน • ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน แลวสืบคนอัตราดอกเบี้ย
จะไดวา นิธิศจะไดดอกเบี้ยในการฝากเงินทั้งหมดเทากับ 624,095 - 500,000 ที่ไดจากการฝากเงินในปจจุบัน
= 124,095 บาท • ใหนกั เรียนแตละกลุม กําหนดเงินตนทีต่ อ งการฝากและระยะเวลา
ที่จะฝาก แลวนํามาคํานวณหาจํานวนเงินทั้งหมดที่จะไดรับและ
ดอกเบี้ยในการฝากเงิน
สื่อ Digital • ใหแตละกลุมสงตัวแทนออกมานําเสนอขอมูลผานโปรแกรม
ครูใหนักเรียนตรวจสอบคําตอบ “ลองทําดู” จากตัวอยางที่ 26 โดยใช Microsoft PowerPoint หรือโปรแกรมนําเสนออื่นๆ ตามที่
โปรแกรม WolframAlpha คํานวณจาก https://www.wolframalpha.com นักเรียนถนัด
โดยพิมพ ดังนี้ 2,000,000*(1.025)^(11/2) หมายเหตุ : ครูควรแบงกลุม โดยคละความสามารถทางคณิตศาสตร
ของนักเรียน (ออน ปานกลาง และเกง) ใหอยูกลุมเดียวกัน

T36
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
2. ครูใหนักเรียนทํากิจกรรมตอไปนี้
แบบฝึกทักษะ 1.3
• ใหนักเรียนแบงกลุม กลุมละ 3-4 คน คละ
ระดับพื้นฐาน ความสามารถทางคณิตศาสตร
1. ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปเลขยกก�ำลัง • ใหนักเรียนแตละกลุมทําแบบฝกทักษะ ใน
1) 10 2) 3 52 หนังสือเรียน หนา 35 ขอ 6. และใหนักเรียน
6 สืบคนโจทยปญหาที่เกี่ยวกับเลขยกกําลัง
3) 255 4) 8 1217
5 1 เมื่อ x > 0 หรือรากที่ n ของจํานวนจริงทางอินเทอรเน็ต
5) 4 x เมื่อ x > 0 6) 6x มากลุมละ 1 ขอ แลวแสดงวิธีทําอยาง
2. ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปกรณฑ์ ละเอียด
2 3
1) 243 2) (-30)5 • ครูสมุ นักเรียนออกมาแสดงวิธที าํ บนกระดาน
4 5
3) 813 4) ( 23 )4 โดยครูตรวจสอบความถูกตอง
3. ให้หำค่ำของเลขยกก�ำลังต่อไปนี้
1 1
1) 812 2) 512- 3
- 13 1
3) -216 4) 10245
- 53 2
5) 8 6) (-1000)3
12 1
7) [(256) ] 8 8) [(10000)4]3
4. ให้หำค่ำ x จำกสมกำรต่อไปนี้
1) 11x = 1331 2) 4x = 128 1
( 23 ) = 81
x x+2
3) 10 = 0.01 4) 16
5. ให้หำค่ำของจ�ำนวนต่อไปนี้ โดยใช้เครื่องคิดเลข
1) 510 2) 31 + 13
6
3) 3 704 4 22.2
4)
5) 5 -244 6) 96
3 99

6. ถ้ำ r คือ ควำมยำวของรัศมีของทรงกลมมีหน่วยเป็นเซนติเมตร


และ V คือ ปริ1มำตรของทรงกลมมีหน่วยเป็นลูกบำศก์เซนติเมตร r
โดยที่ r = ( 3V 3
4π ) ถ้ำทรงกลมมีปริมำตร 972π ลูกบำศก์เซนติเมตร
แล้วทรงกลมนี้จะมีรัศมียำวกี่เซนติเมตร
เลขยกก�าลัง 35

ขอสอบเนน การคิด เกร็ดแนะครู


( 18 + 23 -125 - 34 4)3 มีคาเทากับขอใด ครูควรทบทวนสมบัติของเลขยกกําลัง สมบัติของรากที่ n การหาผลบวก
1. -1,000 ผลตาง ผลคูณ และผลหารของจํานวนจริงที่อยูในรูปกรณฑอันดับเดียวกัน
2. 1,000 การแกสมการเลขยกกําลัง และโจทยการประยุกต กอนทําแบบฝกทักษะ 1.3 วา
3. 2 5 - 5 2 ในแตละขอตองใชสมบัติใด ครูอาจยกตัวอยางเพิ่มเติมแลวถาม-ตอบนักเรียน
4. 2 5 + 5 2 เพื่อตรวจสอบความเขาใจของนักเรียน พรอมทั้งเปดโอกาสใหนักเรียนซักถาม
(เฉลยคําตอบ ( 18 + 2 3 -125 - 3 4 4)3 เมื่อเกิดขอสงสัย
= ( 9 2 + 2 3 (-5)3 - 3 4 2 2)3
= (3 2 + 2(-5) - 3 2)3
= (-10)3
= -1,000
ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 1.)

T37
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สอน
เขาใจ (Understanding)
3. ครูใหนักเรียนแตละกลุมชวยกันทําแบบฝก-
ทักษะ 1.3 ขอ 7-10 ในหนังสือเรียน หนา 36 ระดับกลาง
ลงในสมุด จากนั้นครูสุมนักเรียนออกมาเฉลย 7. ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำย
คําตอบหนาชั้นเรียน โดยครูและนักเรียนใน 1 1 2
1) 543 • 322 • 813
1 31 1
2) (272 • 244)3 • (93 • 182)2
11
ชั้นเรียนรวมกันตรวจสอบความถูกตอง 1 1 2 1 1 1 1
( )
3 2
4. ครูใหนักเรียนทํา Exercise 1.3 เปนการบาน 3) 122 • 36 1
3
4) (102 • 153)1 • (451 36• 502)
966 (606 • 303)
ลงมือทํา (Doing) 8. ให้เขียนจ�ำนวนต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำย เมื่อ x และ y เป็นจ�ำนวนจริงบวก
ครูใหนักเรียนจับคูทํากิจกรรม โดยใชเทคนิค 4 1 1 -3
1) x5 -• 2x2 2) y10 -• 1y 2
คูคิด (Think Pair Share) ดังนี้ x5 y5
• ใหนักเรียนแตละคนคิดคําตอบของตนเอง 3) (x-3 y4)- 2
1 2 43
4) (x3 y- 5)2
จากแบบฝ ก ทั ก ษะ 1.3 ในหนั ง สื อ เรี ย น 1 1 3 4 2
5) (x-2 y3)3 (x4 y-5)2 6) (x-3 y5)-2(x5 y- 5)5
หนา 36 ขอ 11.-12.
-1 -1 -2 2 - 1
• ใหนักเรียนแตละคูแลกเปลี่ยนคําตอบกัน 7) x2 3 -y1 4-2 8) ( x25y ) 2
สนทนาซักถามจนเปนที่เขาใจรวมกัน (x y 3)
1 1 1
• ครูสมุ นักเรียนออกมาแสดงวิธกี ารหาคําตอบ 9) (4x4 y)2 ÷ 2x3 y- 2 10) (x3 y- 4)4 ÷ 5 32x4 y-8
บนกระดาน โดยครูและนักเรียนในชั้นเรียน 9. วิทยำฝำกเงินกับธนำคำรแห่งหนึ่งจ�ำนวน 5,000 บำท ถ้ำเขำไปปิดบัญชีกับธนำคำรเมื่อฝำก
รวมกันตรวจสอบความถูกตอง ครบเป็น1เวลำ 5 ปี 6 เดือน จะได้รับเงินทั้งหมด 5,800 บำท อยำกทรำบว่ำธนำคำรจะให้
ดอกเบี้ยในอัตรำปีร ละเท่ำใด
2
10. วิโรจน์กู้เงินจจำกธนำคำรมำจ�ำนวนหนึ่ง โดยจะต้องจ่ำยดอกเบี้ยเงินกู้ 4.2% ต่อปี ถ้ำวิโรจน์
ต้องจ่ำยเงินทั้งหมดจ�ำนวน 62,225 บำท เมื่อครบก�ำหนด 3 ปี 6 เดือน ให้หำว่ำวิโรจน์
กู้เงินมำจ�ำนวนเท่ำใด

ระดับท้าทาย
11. ให้เขียนจ�ำนวนแต่ละข้อต่อไปนี้ในรูปอย่ำงง่ำย เมื่อ a, b, c และ d เป็นจ�ำนวนจริงบวก
-4 1 1 3 5 2 - 1 -4 2 1 -4 3 -1 2 13
( )(
1) a- 2 b-13 c21 a 1b34c 32
a 3 b c6 a3 b5 c5 ) (8a 3 b4 c 5 )
2) 64a- 13 b52 c- 33 ÷ ( 8ab
a bc
c
-2 3 6)

n n n n+3
2 c3 d bn+2
3) ab
bc × cd2n ÷ cn+3 เมื่อ n > 0 4) (a + 2b)2 ÷ (a +abcb) 2 เมื่อ n > 0
bc
36

นักเรียนควรรู กิจกรรม สรางเสริม


1 ดอกเบี้ย (intrerest) หมายถึง ผลตอบแทนที่ผูฝากเงินไดรับจากการ ครูใหนักเรียนจับคู แลวปฏิบัติตามขั้นตอนตอไปนี้
นําเงินมาฝากไวกับสถาบันการเงิน หรือผลตอบแทนที่สถาบันการเงินไดรับจาก • ตรวจสอบบัญชีออมทรัพยของตนเองวามีเงินตน ณ วันเริ่มฝาก
ผูยืมเงิน จํานวนเทาใด
2 กูเงิน หมายถึง เงินที่ยืมมาโดยมีดอกเบี้ย ซึ่งผูกูไดไปขอกูเงินจํานวนหนึ่ง • คํานวณดอกเบี้ยที่ไดจากอัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารกําหนด
กับผูใหกูและมีการทําสัญญากําหนดระยะเวลาที่จะชําระหนี้ โดยจะตกลงวา ถาไมมีการถอนเงิน
ผูใหกูจะสามารถคิดดอกเบี้ยไดตามอัตราที่ตกลงกัน • คํานวณหาดอกเบี้ยที่ไดและจํานวนเงินทั้งหมดที่จะไดรับ
เมื่อเวลาผานไป 2 ป
หมายเหตุ : ครูควรใหนักเรียนเกงและนักเรียนออนจับคูกัน

T38
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สรุป
1. ครูถามคําถามนักเรียน เพื่อสรุปความรู เรื่อง
เลขยกกําลังทีม่ เี ลขชีก้ าํ ลังเปนจํานวนตรรกยะ
1 2 • นักเรียนสามารถเขียน รากที่ 2 ของ 25 ใน
12. ลูกบำศก์
ศก์หนึ่งมีปริมำตร a ลูกบบำศก์หน่วย ดังรูป
3 รูปเลขชี้กําลังไดอยา1 งไร
วของเส้นทแยงมุม d โดยตอบในรูปของ a
ให้หำควำมยำวของเส้
(แนวตอบ 25 = 25 2 ) 2
• นักเรียนสามารถเขียน (-64) 3 ในรูปกรณฑ
ไดอยางไร 2
(แนวตอบ (-64) 3 = ( 3 -64)2)
d • นักเรียนสามารถหาคาหลักของรากที่ (-27)
ของ 3 ไดอยางไร
(แนวตอบ คาหลั1 กของรากที่ (-27) ของ 3
จะไดวา [(-27) 3 ] 3 = -27)
• นักเรียนสามารถแกสมการ 32x - 2 = 272
3
Self-Check ไดหรือไม อยางไร
( แนวตอบ สามารถแก ส มการได โดยทํ า
หลังจำกเรียนจบหน่วยแล้ว ให้นักเรียนบอกสัญลักษณ์ที่ตรงกับระดับควำมสำมำรถของตนเอง ฐานทั้งสองขางของสมการใหเทากัน แลว
ดี พอใช้ ควรปรับปรุง เลขชี้กําลังจะเทากัน
จะได 3 2x - 2 = 27 2
1. สามารถหารากที่ n ของจ�านวนจริงใด ๆ ได้ 3 2x - 2 = (33) 2
2. สามารถหาค่าหลักรากที่ n ของจ�านวนจริงใด ๆ ได้ 3 2x - 2 = 36
3. สามารถหาผลบวกและผลต่างของจ�านวนจริงที่อยู่ใน 2x - 2 = 6
รูปกรณฑ์ ได้ x = 4)
4. สามารถหาผลคูณและผลหารของจ�านวนจริงที่อยู่ใน • คาของ x จากสมการ 3x = 21x เปนเทาใด
รูปกรณฑ์ ได้ (แนวตอบ x = 0)
5. สามารถหาค่าของเลขยกก�าลังได้
6. สามารถแก้สมการเลขยกก�าลังได้
7. สามารถค�านวณหาค่าต่าง ๆ ของเลขยกก�าลัง โดยใช้
เครื่องคิดเลขได้
8. สามารถแก้โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับเลขยกก�าลังได้

เลขยกก�าลัง 37

กิจกรรม สรางเสริม นักเรียนควรรู


ครูใหนักเรียนจับคู แลวชวยกันหาคาของ x ที่ทําให 1 ลูกบาศก (cube) คือ ปริซึมซึ่งมีหนาตัดเปนรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่เทากัน
1
8 4 = 16 x ทุกหนา
( 125 ) (625)
3
2 ปริมาตร (volume) คือ จํานวนทีบ่ อกขนาดของรูป 3 มิติ มีหนวยมาตรฐาน
หมายเหตุ : ครูควรใหนักเรียนเกงและนักเรียนออนจับคูกัน
ตางๆ เชน ลิตร ลูกบาศกเมตร
3 เสนทแยงมุม (diagonal) คือ เสนตรงที่ลากจากมุมหนึ่งไปยังมุมตรงขาม

T39
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สรุป
2. ครูใหนกั เรียนแตละคนอาน “สรุปแนวคิดหลัก”
ในหนังสือเรียน หนา 38-39 สรุปแนวคิดหลัก
3. ครูถามคําถาม เพื่อสรุปความรูรวบยอดของ
นักเรียน ดังนี้ เลขยกก�ำลัง
• เลขยกกําลัง มีความหมายวาอยางไร
(แนวตอบ เลขยกกําลัง หมายถึง การคูณ 1. ก�าหนด a เป็นจ�านวนจริง และ n เป็นจ�านวนเต็มบวก
จํานวนนั้นซํ้าๆ กัน) an = a • a • a • ... • a
• “3 ยกกําลัง 5” มีความหมายวาอยางไร n ตัว
(แนวตอบ 3 5 = 3 × 3 × 3 × 3 × 3 ) 0
a = 1 เมื่อ a ≠ 0
5 ตัว a-n = 1n เมื่อ a ≠ 0
• คาหลักของรากที่ 5 ของ 12 เขียนในรูป a
n x และอานไดอยางไร 2. ก�าหนด x, y เป็นจ�านวนจริง และ n เป็นจ�านวนเต็มที่มากกว่า 1
y เป็นรากที่ n ของ x ก็ต่อเมื่อ yn = x
(แนวตอบ เขียนแทนดวย 5 12 อานวา กรณฑ
ที่ 5 ของ 12) 3. ค่าหลักของรากที่ n ของ x เขียนแทนด้วย n x อ่านว่า กรณฑ์ที่ n ของ x
• ให a เปนจํานวนจริง ที่มีรากที่ n เมื่อ n 4. ให้ x และ y เป็นจ�านวนจริง และ n เป็นจ�านวนเต็มที่มากกว่า 1 y เป็นค่าหลักของรากที่ n
ของ x เขียนแทนด้วย n x ก็ต่อเมื่อ y เป็นรากที่ n ของ x และ xy ≥ 0
เปนจํานวนเต็มที่มากกวา 1 แลวคาของ
n a เปนจํานวนจริงลบเมื่อใด 5. สมบัติของรากที่ n
ให้ a และ b เป็นจ�านวนจริงที่มีรากที่ n เมื่อ n เป็นจ�านวนเต็มที่มากกว่า 1
(แนวตอบ n a เปนจํานวนจริงลบ เมื่อ a < 0
และ n = 3, 5, 7, 9, …) 1) ( n a )n = a เมื่อ n a เป็นจ�านวนจริง
• การหาผลบวกและผลตางของจํานวนที่มี a เมื่อ a ≥ 0
n
2) a = n
เครื่องหมายกรณฑอันดับเดียวกันสามารถ a เมื่อ a < 0 และ n เป็นจ�านวนคี่บวก
∙ a ∙ เมื่อ a < 0 และ n เป็นจ�านวนคู่บวก
ทําไดอยางไร
( แนวตอบ การหาผลบวกและผลต า งของ 3) n ab = n a • n b
n
จํานวนทีม่ เี ครือ่ งหมายกรณฑอนั ดับเดียวกัน 4) n ab = n ab เมื่อ b ≠ 0
จะตองมีจํานวนภายในกรณฑเปนจํานวน
เดียวกัน แลวใชสมบัติการแจกแจงในการ 6. การหาผลบวกและผลต่างของจ�านวนที่มีเครื่องหมายกรณฑ์อันดับเดียวกัน จะต้องมีจ�านวน
ภายในกรณฑ์เป็นจ�านวนเดียวกัน เช่น
ดึงตัวรวม จากนั้นนําตัวรวมมาบวกหรือ
ลบกัน) p n a + q n a = (p + q) n a
p n a - q n a = (p - q) n a

38

สื่อ Digital ขอสอบเนน การคิด


(4x)
หาคา x ที่สอดคลองกับสมการ 3 (x ) = 3 4 เทากับขอใด
2
ครูอาจใหนกั เรียนสืบคนความรูเ พิม่ เติมผานทาง www.youtube.com โดย 9
ใชคําสืบคน ดังนี้ 1. -2 2. -4 3. 2 4. 4
• เลขยกกําลัง (4x)
3 (x ) = 3 4
2
(เฉลยคําตอบ
• สมบัติของรากที่ n 9
(4x)
3 (x ) = 3 8
2
• Exponent Number 3
1 (x 2)
(3 ) = 3(4x) - 8
2
x2
32 = 34x - 8
x2 = 4x - 8
2
x2 = 8x - 16
x 2 - 8x + 16 = 0
(x - 4)2 = 0
x = 4

T40 ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 4.)


นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สรุป
• การหาผลคู ณ และผลหารของจํ า นวนที่ มี
เครื่องหมายกรณฑสามารถทําไดอยางไร
7. การหาผลคูณและผลหารของจ�านวนที่มีเครื่องหมายกรณฑ์อันดับเดียวกัน จะต้องมีอันดับ ( แนวตอบ การหาผลคู ณ และผลหารของ
ของกรณฑ์ที่เท่ากัน จํานวนที่มีเครื่องหมายกรณฑตองมีอันดับ
8. (p + q a ) และ (p - q a ) เป็นสังยุคซึ่งกันและกัน โดยที่ p, q และ a เป็นจ�านวนตรรกยะ ของกรณฑเทากัน แลวใชสมบัตขิ องรากที่ n)
และ a > 0 • นักเรียนสามารถทําให 2 เปน
2+ 3
จํานวนเต็มไดอยางไร
9. ถ้า a เป็นจ�านวนจริง n เป็นจ�านวนเต็มที่มากกว่า 1 และ a มีรากที่ n
(แนวตอบ นําสังยุคของ 2 + 3 คูณทั้ง
1
an = n a ตัวเศษและตัวสวน และสังยุคของ 2 + 3
คือ 2 - 3)
10. ถ้า a เป็1 นจ�านวนจริง m, n เป็นจ�านวนเต็มที่ n > 1 และ mn เป็นเศษส่วนอย่างต�่า • ถา a เปนจํานวนจริง m, n เปนจํานวนเต็ม
และ an เป็นจ�านวนจริง จะได้ว่า ที1่ n > 1 และ mn เปนเศษสวนอยางตํ่า และ
m 1 a n เปนจํานวนจริง แลว ( n a )m = n am
a n = (an )m = ( n a )m
m 1 หรือไม เพราะเหตุใด
a n = (am)n = n a m (แนวตอบ เทากัน เพราะ
( n a )m = n am
11. การแก้สมการเลขยกก�าลังสามารถท�าได้โดยเปลี่ยนฐานของเลขยกก�าลังให้เท่ากัน 1 1
นั่นคือ (a n)m = (am) n
m m
ถ้า ax = an แล้ว x = n a n = a n)
• การแกสมการเลขยกกําลังสามารถทําได
เมื่อ a, n เป็นจ�านวนจริง โดยที่ a > 0 และ a ≠ 1
อยางไร
12. สมบัติของเลขยกก�าลัง (แนวตอบ สามารถทําไดโดยเปลี่ยนฐานของ
ให้ m, n เป็นจ�านวนตรรกยะ และ a, b เป็นจ�านวนจริงที่ไม่เท่ากับ 0 และ am, an และ bn เลขยกกําลังใหเทากัน)
เป็นจ�านวนจริง จะได้ว่า
1) am • an = am + n
m
2) a n = am - n
am n
3) (a ) = amn
4) an • bn = (ab)n
n
5) an = ( ab )n
b

เลขยกก�าลัง 39

กิจกรรม สรางเสริม เกร็ดแนะครู


ครูใหนักเรียนจับคู แลวชวยกันยกตัวอยางจํานวนที่สอดคลอง ครูทบทวนความรูหนวยการเรียนรูที่ 1 โดยใหนักเรียนศึกษาจากสรุป
กับสมบัติเลขยกกําลังตอไปนี้ พรอมทั้งหาคําตอบ แนวคิดหลักในหนังสือเรียน หนา 38-39 แลวเขียนเปน Mind Mapping
ให m, n เปนจํานวนตรรกยะ และ a, b เปนจํานวนจริง ลงในสมุด พรอมทั้งใหยกตัวอยางประกอบมาอยางนอยหัวขอละ 1 ขอ จากนั้น
ที่ไมเทากับศูนย และ am, an และ bn เปนจํานวนจริง ครูอาจตรวจสอบความรูข องนักเรียน โดยใหทาํ แบบทดสอบหลังเรียนเพือ่ ประเมิน
• am • an ความเขาใจของเนื้อหาหนวยนี้
m
• an
a
• (am)n
• an • bn
n
•a
bn
หมายเหตุ : ครูควรใหนักเรียนเกงและนักเรียนออนจับคูกัน

T41
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สรุป
• (-53) • 54 เปนเลขยกกําลังที่มีฐานเดียวกัน
หรือไม เปลีย่ นใหเปนฐานเดียวกันไดหรือไม
และไดผลคูณเทากับเทาไร
แบบฝึกทักษะประจ�ำหน่วยกำรเรียนรูท้ ่ี 1
(แนวตอบ ไมเปนเลขยกกําลังทีม่ ฐี านเดียวกัน ให้นักเรียนตอบค�ำถำมต่อไปนี้
ค�ำชี้แจง :
สามารถเปลีย่ นใหเปนฐานเดียวกันไดและได
1. ให้หาค่าของ
ผลคูณเทากับ -5 3• 5 4 = -57)
1) 4 10000 2) 3 -216
• การหารเลขยกกําลังที่มีฐานเดียวกันและ 3
ฐานไม เ ท า กั บ ศู น ย มี เ ลขชี้ กํ า ลั ง เป น 3) 161.5 4) 1024- 5
m
จํานวนเต็มบวก ในรูป a n สามารถแยกได 2. ให้ประมาณค่า 5 1022
a
กี่ ก รณี อ ะไรบ า ง พร อ มทั้ ง ยกตั ว อย า ง 3. ให้หาค่าของจ�านวนต่อไปนี้ โดยใช้เครือ่ งคิดเลข
ประกอบ + 3 10
1) 416 - 216 2) 10 10
(แนวตอบ สามารถแยกได 3 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 เมื่อ m > n 3) 3π - 4 18 4) (1 + 5 5 )2
เชน ให m = 5 และ n = 2 4. ก�าหนดสมการ p + q 7 = 5 2 เมื่อ p และ q เป็นจ�านวนตรรกยะใด ๆ
m 5 (3 - 7 )
จะได a n = 3 2 = 3 5 - 2 = 3 3 > 0 ให้หาค่าของ p และ q
a 3
กรณีที่ 2 เมื่อ m = n 5. ก�าหนดสมการ x 5 = 27 - x 3 มีค�าตอบของสมการ คือ a + 2b 15
เชน ให m = 5 และ n = 5 เมื่อ a และ b เป็นจ�านวนเต็มใด ๆ ให้หาค่าของ a และ b
m 5
จะได a n = 3 5 = 3 5 - 5 = 3 0 = 1 6. ทรงกระบอกตรงมีปริมาตร 8 + 3 6 ลูกบาศก์เซนติเมตร
a 3 มีพื้นที่ฐานเท่ากับ 1 + 6 ตารางเซนติเมตร ให้หาความสูง
กรณีที่ 3 เมื่อ m < n h
ของทรงกระบอกนี้ และตอบในรูป p + q 6 เซนติเมตร เมื่อ
เชน ให m = 3 และ n = 5 p และ q เป็นจ�านวนตรรกยะใด ๆ
m 3
จะได a n = 3 5 = 3 3 - 5 = 3 -2
a 3
= 12 < 0) 7. ให้เขียนจ�านวนต่อไปนี้ในรูปอย่างง่าย เมื่อ x และ y เป็นจ�านวนจริงบวก
3 1) ( x3 )-4 2) 3 ÷ x-3
4. ครูใหนกั เรียนเขียนผังมโนทัศน หนวยการเรียน
27x 3 23 16x -4y-2 14
รูที่ 1 เลขยกกําลัง ลงในกระดาษ A4 3) ( 6 ) 4) ( 6 )
8y 81y
1 -3 4 -4 12 25
5) ( x-61y 41 ) 6) ( 32x y
243x )
x 3 y4

40

ขอสอบเนน การคิด 2+2 3


ทรงกระบอกมีปริมาตร (10 + 5 3)π ลูกบาศกหนวย และมีเสนผานศูนยกลาง
ของวงกลม 2 + 2 3 หนวย ถาเทนํ้าลงในทรงกระบอกใบนี้เพียงครึ่งหนึ่ง h
อยากทราบวา ความสูงของระดับนํ้าที่วัดจากฐานจะเปนเทาใด
(เฉลยคําตอบ เนื่องจากมีเสนผานศูนยกลางของวงกลม 2 + 2 3 หนวย
จะไดรัศมีของวงกลมเทากับ 1 + 3 หนวย ปริมาตรทรงกระบอกเทากับ πr 2h ลูกบาศกหนวย
จะได (10 + 5 3) π = π(1 + 3 )2h
10 + 5 3 = (1 + 3 )2h
10 + 5 3 = (4 + 2 3 )h
h = 10 + 5 3
4+2 3
h = +5 3•4-2 3
10
4+2 3 4-2 3
h = 52 หรือ 2.5 หนวย
ดังนั้น ความสูงของระดับนํ้าในทรงกระบอกเทากับ 2.5
2 = 1.25 หนวย)
T42
นํา สอน สรุป ประเมิน

ขัน้ สรุป
5. ครูใหนักเรียนแบงกลุมออกเปน 3 กลุม แลว
3 2 4 2
ทํากิจกรรม ดังนี้
7) 5 x3 • 3 8x 8) (x-3 y5)- 3 (x5 y- 3)3 • ให นั ก เรี ย นแต ล ะกลุ  ม ทํ า แบบฝ ก ทั ก ษะ
2 2
- ประจําหนวยการเรียนรูที่ 1 โดยการแบงขอ
9) x23 y- 15-2
1
10) (x- 3 y2)5 • 3 27x-3y2
(x y 5) ดังนี้
กลุมที่ 1 ทําขอ 1, 4, 7, 10
8. ให้หาค่าของ กลุมที่ 2 ทําขอ 2, 5, 8, 11
1) 5 + 20 + 45 2) 2 27 - 12 + 3 75 กลุมที่ 3 ทําขอ 3, 6, 9, 12
3) 3 ( 98 - 32 ) 4) 3 20 • 3 50 + 5 16 • 5 2 • ใหนักเรียนแตละกลุมชวยกันทําแบบฝก-
2
5) ( 7 - 3 )( 7 + 3 ) 6) (2 3 + 3 2 )(2 3 - 3 2 ) ทักษะประจําหนวยการเรียนรูที่ 1 โดยเขียน
วิธีคิดลงในกระดาษ A4 จากนั้นครูคอย
7) ( 5 - 2 )2 8) (2 7 - 10 )2
ตรวจสอบความถูกตองในแตละกลุมและ
9. ให้หาค่า x จากสมการต่อไปนี้ แนะแนวคิดในขอนั้นๆ
1) 4-6 • 4x = 1 2) 512 ÷ 5x = 25 • ใหนกั เรียนแตละกลุม สงตัวแทนออกมาเฉลย
3) 16x = 8 4) 2018x = 1 วิธีคิด พรอมอธิบายแนวคิดของกลุมตัวเอง
x-2 x-6 หนาชั้นเรียน จากนั้นครูตรวจสอบความ
5) 1010 = 0.0001 6) 2 2 = 29 ถูกตอง
10. ถ้า x-3 = 7 แล้ว x3 มีค่าเท่าใด
ขัน้ ประเมิน
11. ถ้า ( 2 - 1 )x = ( 2 + 1 )2 แล้ว x + 1 มีค่าเท่าใด 1. ครูตรวจใบงานที่ 1.2
2. ครูตรวจแบบฝกทักษะ 1.3
12. พีระมิดฐานสีเ่ หลีย่ มจัตรุ สั มีปริมาตร 27 ลูกบาศก์เซนติเมตร และมีความสูงเป็น 3 เท่าของ 3. ครูตรวจ Exercise 1.3
ความยาวของฐานแต่ละด้าน ให้หาความยาวรอบฐานของพีระมิด 4. ครูตรวจแบบฝกทักษะประจําหนวยการเรียนรู
ที่ 1
5. ครูตรวจผังมโนทัศน หนวยการเรียนรูที่ 1
เลขยกกําลัง
6. ครูประเมินการนําเสนอผลงาน
7. ครูสังเกตพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล
8. ครูสังเกตพฤติกรรมการทํางานกลุม
9. ครูสังเกตความมีวินัย ใฝเรียนรู
เลขยกก�าลัง 41 มุงมั่นในการทํางาน

ขอสอบเนน การคิดแนว O-NET แนวทางการวัดและประเมินผล


ถา a = -1 และ b = 2 แลว 8 a6b2 8 a2b6 มีคาเทาใด ครูสามารถวัดและประเมินพฤติกรรมการทํางานรายบุคคล จากการทํา
1. -2 2. 2 3. -4 ใบงานที่ 1.2 เรื่อง เลขยกกําลังที่มีเลขชี้กําลังเปนจํานวนตรรกยะ ในขั้นเขาใจ
4. 4 5. -5 โดยศึกษาเกณฑการวัดและประเมินผลจากแบบประเมินของแผนการจัดการ
8 6 2 8 2 6
เรียนรูในหนวยการเรียนรูที่ 1
(เฉลยคําตอบ a b a b = 8 a6b2 • a2b6
= 8 a8b8 แบบสังเกตพฤติกรรมการทางานรายบุคคล

= 8 (ab)8
คาชี้แจง : ให้ผู้สอนสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนในระหว่างเรียนและนอกเวลาเรียน แล้วขีด ✓ลงในช่องที่ตรงกับระดับคะแนน

ระดับคะแนน
ลาดับที่ รายการประเมิน
4 3 2 1
1 การแสดงความคิดเห็น    

=  ab 
2 การยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น    
3 การทางานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย    
4 ความมีน้าใจ    
5 การตรงต่อเวลา    

รวม

= (-1)(2)  ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน
.............../................./................

= -2  เกณฑ์การให้คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมอย่างสม่าเสมอ
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบ่อยครั้ง
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมบางครัง้
ให้
ให้
ให้
4
3
2
คะแนน
คะแนน
คะแนน
ปฏิบัติหรือแสดงพฤติกรรมน้อยครั้ง ให้ 1 คะแนน

= 2 ช่วงคะแนน
18-20
เกณฑ์การตัดสินคุณภาพ
ระดับคุณภาพ
ดีมาก
14-17 ดี

ดังนั้น คําตอบ คือ ขอ 2.)


10-13 พอใช้
ต่ากว่า 10 ปรับปรุง

T43

You might also like