Professional Documents
Culture Documents
56) 1
14 May 2014
6. ให้ และ เป็ นเซต โดยทีจ่ านวนสมาชิกของเซต และ เท่ากับ 4 และ 5 ตามลาดับ
และจานวนสมาชิกของเซต เท่ากับ 7 พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้
(ก) ความสัมพันธ์ใน มี 4 ความสัมพันธ์
(ข) ความสัมพันธ์จาก ไป มี 64 ความสัมพันธ์
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด
4 PAT 1 (มี.ค. 56)
9. พิจารณาข้ อความต่อไปนี ้
(ก) =
(ข) √ = 1+
ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
1. (ก) ถูก และ (ข) ถูก 2. (ก) ถูก แต่ (ข) ผิด
3. (ก) ผิด แต่ (ข) ถูก 4. (ก) ผิด และ (ข) ผิด
| |
11. กาหนดให้ ( )={ ค่าของ ( ( ( ))) ตรงกับข้ อใดต่อไปนี ้
| |
1. 6 2. 6 3. 3 4. 3
6 PAT 1 (มี.ค. 56)
13. กาหนดให้ และ เป็ นเมทริ กซ์ มีมิติ 3×3 โดยที่ det( ) = 2 และ =[ ] เมื่อ และ เป็ น
จานวนจริ ง ถ้ า = 2I เมื่อ I เป็ นเมทริ กซ์เอกลักษณ์ ที่มีมติ ิ 3×3 แล้ ว เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. 0 2. 1 3. 2 4. 2.5
PAT 1 (มี.ค. 56) 7
16. กาหนดให้ ABC เป็ นรูปสามเหลีย่ มใดๆ ถ้ าด้ านตรงข้ ามมุม A ยาว 14 หน่วย ความยาวของเส้ นรอบรูปสามเหลีย่ ม
เท่ากับ 30 หน่วยและ = 5 sin แล้ ว sin 2 เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
√ √
1. 2. 3. 4.
1. 0 2. 3. 1 4.
20. กาหนดให้ C เป็ นเส้ นโค้ ง = เมื่อ > 0 และให้ L เป็ นเส้ นตรงที่สมั ผัสกับเส้ นโค้ ง C ที่จดุ (1, 1)
ถ้ าเส้ นตรง L ตัดกับพาราโบลา ( )= ที่จดุ A และจุด B
แล้ วระยะห่างระหว่างจุด A และจุด B เท่ากับข้ อใดต่อไปนี ้
1. √ 2. √ 3. √ 4. √
( )
30. กาหนดให้ แทนเซตคาตอบของสมการ ( √ ) √ = 126
ผลบวกของสมาชิกในเซต ทังหมดเท่
้ ากับเท่าใด
PAT 1 (มี.ค. 56) 13
31. กาหนดให้ วงรี มีจดุ ศูนย์กลางอยูท่ ี่ (0, 0) และมีโฟกัส และ อยูบ่ นแกน จุด A(4, 1) เป็ นจุดบนวงรี โดยที่
ผลบวกระยะทางจากจุด A(4, 1) ไปยังจุดโฟกัสทังสองมี ้ คา่ เท่ากับ 6√ ให้ เส้ นตรง L ตัดแกน ที่จดุ (4.5, 0)
และสัมผัสกับวงรี ที่จดุ A(4, 1) ถ้ า เป็ นระยะห่างระหว่างจุด (0, 0) กับเส้ นตรง L แล้ ว ค่าของ | || |
เท่ากับเท่าใด
√
32. กาหนดให้ 0< < โดยที่ = (
√
) (√ ) เมื่อ 0< <1
ค่าของ เท่ากับเท่าใด
ค่าของ 1 + 5 + 12 + 22 เท่ากับเท่าใด
√
38. กาหนดให้ ( )={ โดยที่ เป็ นจานวนจริ ง ถ้ า เป็ นฟั งก์ชนั ต่อเนื่องที่จดุ =4
แล้ ว ( ) เท่ากับเท่าใด
39. ให้ เป็ นฟั งก์ชนั ซึง่ มีโดเมนและเรนจ์เป็ นสับเซตของจานวนจริ ง โดยที่อตั ราการเปลีย่ นแปลงของ ( ) เทียบกับ
เท่ากับ เมื่อ และ เป็ นจานวนจริ ง และให้ ( ) = ( ) ( ) ถ้ า ( ) = 18 ,
( ) = 6 และ ( ) = ( ) ( ) แล้ วค่าของ ( ) เท่ากับเท่าใด
16 PAT 1 (มี.ค. 56)
40. กาหนดให้ ( ) เป็ นพหุนามกาลังสาม ซึง่ มีสมั ประสิทธิ์เป็ นจานวนจริ ง โดยทีม่ ี + 1 เป็ นตัวประกอบของ ( )
2
5 + 2i เป็ นคาตอบชองสมการ ( )=0 และ ( ) = 58 ค่าของ [ ( ) ( )] เท่ากับเท่าใด
0
41. ต้ องการนาเลขโดด 1, 1, 2, 2, 3, 3 ทัง้ 6 ตัวมาจัดเรี ยงเป็ นจานวนที่มี 6 หลัก จะสร้ างจานวนทีม่ ี 6 หลักได้ ทงหมด
ั้
กี่จานวน เมื่อ เลข 1 ทังสองตั
้ วไม่ติดกันและเลข 3 ทังสองตั
้ วไม่ตดิ กัน
46. ถ้ าคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์ ของนักเรียนห้ องหนึง่ มีการแจกแจงปกติ นาย ก. และนาย ข. เป็ นนักเรี ยนในห้ องนี ้ ถ้ า
มีนกั เรี ยนในห้ องนี ้ ร้ อยละ 9.48 สอบได้ คะแนนมากกว่าคะแนนสอบของ นาย ก. มีนกั เรี ยนร้ อยละ 10.64 สอบได้
คะแนนน้ อยกว่าคะแนนสอบของ นาย ข. และ นาย ข. สอบได้ คะแนนน้ อยกว่าคะแนนสอบของนาย ก. อยู่ 51
คะแนน แล้ วส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐานของคะแนนสอบครัง้ นี ้เท่ากับเท่าใด
เมื่อกาหนดพื ้นที่ใต้ เส้ นโค้ งปกติ ระกว่าง 0 ถึง ดังตารางต่อไปนี ้
0.24 0.27 1.24 1.31
พื ้นที่ 0.0948 0.1064 0.3936 0.4052
ถ้ าคะแนนสอบวิชาทังสองมี
้ ความสัมพันธ์เชิงฟั งก์ชนั แบบเส้ นตรง และนักเรี ยนคนหนึง่ ทีม่ ีคะแนนวิชาคณิตศาสตร์
เท่ากับ 7.5 คะแนน แล้ วคะแนนสอบวิชาฟิ สกิ ส์ โดยประมาณควรจะมีคา่ เท่ากับเท่าใด
PAT 1 (มี.ค. 56) 19
49. สาหรับ และ เป็ นจานวนจริงบวกใดๆ กาหนดให้ เป็ นจานวนจริ งบวก ที่มีสมบัติตอ่ ไปนี ้
(1) ( ) = ( )
(2) ( ) =
(3) 1 1 = 1
ค่าของ 2 (5 (5 6)) เท่ากับเท่าใด
เฉลย
1. 2 11. 2 21. 1 31. 162 41. 42
2. 1 12. 3 22. 3 32. 2 42. 5927
3. 2 13. 4 23. 1 33. 2 43. 396
4. 3 14. 2 24. 2 34. 16 44. 135
5. 4 15. 4 25. 3 35. 11 45. 200
6. 3 16. 2 26. 7 36. 205 46. 20
7. 1 17. 4 27. 20 37. 3 47. 12
8. 4 18. 1 28. 373 38. 24 48. 10
9. 1 19. 4 29. 5 39. 354 49. 6
10. 3 20. 2 30. 4 40. 168 50. 4
แนวคิด
1. 2
เป็ นเท็จ เช่น = {1} , = {1} , และ ก็เป็ นเท็จ เช่น
= {} = {1, 2} , = {1} , = {2}
จะได้ (ก) คือ [( ) ] ≡ T ถูกต้ อง และ (ข) คือ ( ) ( ) ≡ T ผิด
2. 1
ก. เนื่องจาก ดังนัน้ ( ) ( )=
ดังนัน้ [( ) ( )] = ( )= → ก. ถูก
ข. ( )= ( ) = =( ) → ข. ถูก
3. 2
เป็ นเท็จ เมื่อ T → F
ข้ างหน้ า จะได้ หรื อ ( ) หรื อ ≤
ได้ ( 2, ∞) ( ∞, 0) ( ∞, 1] = R ดังนัน้ [| | ] ยังไงก็จริ ง
ข้ างหลัง ยกกาลังสองได้ (เพราะเป็ นบวกทังสองข้
้ าง) ได้ ( ) < ตัวหารห้ ามเป็ น 0 → 2
คูณ ( ) ตลอดได้ (เป็ นบวก ไม่ต้องกลับเครื่ องหมาย) แล้ วย้ ายข้ าง ได้ ( ) ( ) <0
→ ( )( ) < 0 ได้ คาตอบคือ ( ∞, 6) ( , ∞)
ดังนัน้ เอกภพสัมพัทธ์ที่จะทาให้ ข้างหลังเป็ นเท็จ ต้ องไม่มีสว่ นไหนอยูใ่ นช่วง ( ∞, 6) ( , ∞) → ตอบ 2
4. 3
แบ่งกรณี กรณี ( ∞, 0) ได้ ≤2 → → [ , 0)
กรณี [0, ) ได้ ≤2 → → [0, )
กรณี [ , ∞) ได้ 3 ≤ 12 → ≤ 4 → [ , 4] รวมทุกกรณีได้ = [ , 4]
แบ่งกรณี กรณี ( ∞, 0) ได้ <0 → ( )( ) < 0 → ∈ ( 4, 3) → ( 4, 0)
กรณี [0, ∞) ได้ <0 → ( )( ) < 0 → ∈ ( 3, 4) → [0, 4)
รวมทุกกรณี ได้ = ( 4, 4)
=[ , 4) → ก ผิด , = {4} → ข ถูก
PAT 1 (มี.ค. 56) 21
5. 4
หา : เนื่องจาก ผลรูท 0 ดังนัน้ √ | | = √ ≤ 3
ยกกาลังสองทังสองข้
้ าง และเนือ่ งจาก ในรูท 0 จะได้ 0 ≤ | | ≤ 9
ลบ 12 แล้ วคูณ 1 ได้ 3 ≤ | | ≤ 12 จะได้ = [ 12, 3] [3, 12]
หา : ทาแบบเดียวกัน จะได้ √ = √ | |≤3
และจะได้ 0 ≤ ≤ 9 จะได้ = [ 1, 8]
= [3, 8] มี 8 ดังนัน้ ก ผิด , = [ 12, 3] (8, 12] มีเลขลบด้ วย ดังนัน้ ข ผิด
6. 3
ก. ( )=4+5–7=2 → มี = 16 →ก ผิด
ข. ( )=4–2=2, ( ) = 5 – 2 = 3 → มี = 64 → ข ถูก
7. 1
ก. เป็ นวงกลมที่เอาเฉพาะเส้ นภายใน กับ ลากแนวดิ่งตัดไม่เกิน 1 จุด → ก. ถูก
ข. หา ( ) ให้ = 25 ได้ = 27 ขัดกับเงื่อนไข ≤ 0
ให้ = 25 ได้ = ±5 ถ้ าจะให้ ตรงกับเงื่อนไข > 0 จะได้ = 5 ดังนัน้ ( )=5
หา ( ) ให้ 3 = 5 ได้ = 2 แทนใน จะได้ 14 → ข. ถูก
8. 4
พาราโบลาคือ ( ) = ( ) → F=( , 1) = ( 2, 1)
ลองเอา ( 2, 1) แทน จะได้ 28 + 7 ± ( 8) ± 82 ± 55 = 0 ต้ องเป็ น 28 + 7 + ( 8) 82 + 55 → ข้ อ 4
ถ้ าไม่เช็คตัวเลือก ให้ วงกลมมี ศก ที่ ( , ) ดังนัน้ ( ) ( ) =( ) ( )
→ =
→ 12 + 4 = 20 → = 5 …( )
และจากความชัน จะได้ = → 3 = → …( )
ได้ สมการวงกลมคือ ( ) ( ) =( ) ( )
จัดรูปได้ ( ) ( ) ( ) ( ) =0
→ ( ) ( )=0
→ =0
9. 1
ก) = = = → ถูก
√ √
√ ( ) ( )
ข) √ = = =
( ) ( ) ( )
= = =
22 PAT 1 (มี.ค. 56)
= = +1 → ถูก
10. 3
√ ( )
ใส่ tan ตลอด ได้ ( )( )
= ( )
→ = √ ( ) → =
→ =0 → ( ) =0 → = → =
11. 2
| | ดังนัน้ ( ( )) = ( )= ( )
| |< ดังนัน้ ( ) = 6
12. 3
หลัง log เป็ นลบไม่ได้ ดังนัน้ > 1 จะได้
คูณ ทังสองข้
้ างได้ ไม่ต้องกลับเครื่ องหมาย เพราะ > 1 ทาให้ เป็ นบวก → 2
→ 0 ( )( ) → ∈ [ 1, 2] → แต่ > 1 ดังนัน้ คาตอบคือ (1, 2]
ลองเอา = 2 แทนดู ข้ อ 1. ได้ ฝั่งขวาติดลบ ไม่จริ งแน่นอน ข้ อ 2. ได้ 9 > 9 ไม่จริ ง ข้ อ 3. ได้ 0 ≤ 5 ≤ 5 จริ ง
ข้ อ 4. ได้ 8 > 12 ไม่จริ ง → ตอบข้ อ 3
หมายเหตุ ถ้ าจะแก้ ข้ อ 1. อยูใ่ นรูป | | = จะได้ ≤ ดังนัน้ ≤0
แยกได้ ( )( ) → [ 3, 1]
13. 4
14. 2
จุดตัดอยูใ่ กล้ กนั ต้ องหาทุกจุดตัด ไม่งนรู
ั ้ ปจะไม่ถกู
21
= 48 กับ = 22 ตัดกันที่ (4, 9) = 42
12
= 22 กับ = 42 ตัดกันที่ (10, 6) 11
= 48 กับ = 42 ตัดกันที่ (12, 3) = 22
จุดมุม คือ (0, 0), (0, 11), (4, 9), (12, 3), (14, 0) 14 16 22
ได้ = 0 , 11 + 66 , 13 + 54 , 15 + 18 , = 48
จับแต่ละตัว = 288 แล้ วแก้ หา ได้ = 18 จาก 13 + 54 กับ = 18 จาก 15 + 18
ลองแทน = 18 จะได้ 288 มากสุดในบรรดา 11 + 66 , 13 + 54 , 15 + 18 ,
15. 4
ก. ตังฉาก
้ = ดอทกันได้ 0 → =0 และ =0 จับลบกัน ได้ =0
แทนกลับไป ได้ = 0 ดังนัน้ =0 → ก ผิด
PAT 1 (มี.ค. 56) 23
16. 2
จากกฎของ sin ได้ และจากที่โจทย์ให้ จะได้ = ได้ = → 3 = 80 – 5
→ = 10 , =6 → กฏของ cos ได้ = ( )( ) → =
√
มุมในสามเหลีย่ ม มี 0° < < 180° ได้ = 120° → sin 2 =
17. 4
( ) ( )
จัดรูปได้ ( ) ( ) = 199 + 9 64 → = 1 → V = ( 3, 2), (5, 2)
ผ่าน ( 3, 2), (5, 2) แสดงว่าจุดยอด คือ (1, ?) โจทย์บอกผ่าน (1, 0) แสดงว่าจุดยอดคือ (1, 0)
ได้ สมการคือ ( ) = 4 → แทน (5, 2) ได้ = 2 → ( ) = 8 → ข้ อ 4 แทนแล้ วไม่จริ ง
18. 1
= ( ) = ( )
→ เทเลสโคป ได้ = ( ) → ได้ ผลบวก = ( )=
19. 4
(√ ( ) )(√ ( ) )
= lim = lim = lim = +2=
x √ ( ) x √ ( ) x √ ( )
20. 2
= → = → ที่ (1, 1) ชัน 9 → ผ่าน (1, 1) ได้ L: =
แก้ หาจุดตัด = → =0 → = 9, 1 → (9, 73), (1, 1)
ได้ ระยะห่าง = √ = 8√ = √
21. 1
จากแผนภาพ จะได้ ( ) ( ) ( )= → ( )= =
จาก ( ) = ได้ ( ) = ได้ ( )= ( ) ( ) = =
และได้ ( ) = ( ) ( ) = =
ดังนัน้ ( )= = → ก ถูก และ ( ) = = → ข ถูก
22. 3
กรณีลกู แรกออก 1, 3, 5 → ลูกหลังต้ องออก 4 → 3 แบบ
กรณีลกู แรกออก 2, 6 → ลูกหลังต้ องออก 2, 4, 6 → 6 แบบ
กรณีลกู แรกออก 4 → ลูกหลังออกอะไรก็ได้ → 6 แบบ → รวม 15 แบบ
24 PAT 1 (มี.ค. 56)
23. 1
6 ปี ต่อมา ทัง้ 6 คน อายุเฉลีย่ เพิม
่ เป็ น 40 ปี แต่ เท่าเดิม = 8
)
ดังนัน้ √∑( = 8 จะได้ ∑( ) =
เนื่องจากอีก 2 คนใหม่ที่เพิ่มมา มีอายุ = ̅ = 40 ดังนัน้ ∑( ) ของทัง้ 8 คน จะยังเท่าเดิม =
ดังนัน้ ของทัง้ 8 คน คือ =√ = √ = 4√
ดังนัน้ สัมประสิทธิ์การแปรผัน = ̅
=
√
=
√
24. 2
เรี ยงได้ 2, 2, 3, 4, 4, 4, 5, 5, 6, 9, 12, 18 → Mode = 4 , Med = 4.5 , ̅ = = 6.17
25. 3
ยกกาลัง 6 ตลอด ได้ , , , เอา 5 7 หารตลอด เหลือ , , 5, 7
26. 7
แก้ สมการ ( ) = 10 ได้ ( )=5 กับ ( ) = 6 ได้ ( )=4
ย้ อนสูตร สองเที่ยว จะได้ มี 2 ตัว ดังนัน้ ( )=5+4–2=7
27. 20
ข้ อนี ้ ถ้ าจะคิดจริงๆ มีได้ หลายคาตอบตอบ คนออกข้ อสอบ น่าจะอยากจะให้ เราทา โดยการเทียบเลขชี ้กาลัง
เนื่องจากทางขวา = = ดังนัน้ = 0 และ = 256 (ปกติทาแบบนี ้ไม่ได้ นะ - -")
จาก = 0 จะได้ ยกกาลัง ทังสองข้
้ าง ได้ …( )
จาก = = ดังนัน้ แทนใน (1) ได้ = ยกกาลัง อีก ได้
แต่ = 256 ดังนัน้ ได้ = 8 ได้
แทน ใน = 0 และ = 256 ได้ = 4 , = 16 ดังนัน้ คาตอบ คือ 20
(แต่จริงๆ ข้ อนี ้มีคาตอบอื่นอีก เช่น = 78.46162 , = 78.46162)
28. 373
( ) = =
เอาสมการ = มายกกาลังสองสองข้ าง จะได้ 1+ = จะได้ =
จะได้ = = 373
29. 5
( )
: ( )
=3 → = , : =4+ √ → = → ตอบ 5
PAT 1 (มี.ค. 56) 25
30. 4
31. 162
ได้ แกนเอก = √ → = √ → ผ่าน (4, 1) แสดงว่า =1 → =3
( √ )
| ( ) |
L ชัน = 2 ผ่านจุด (4, 1) ได้ = → =0 → = =
. √ √
ได้ | || | = ( ) 10 = 162
√
32. 2
√ √ √
√
ใส่ tan ตลอด ได้ = √
√
= √
√
√
= =1 และ = =1
( )(√ )
√ √
ดังนัน้ =1+1=2
33. 2
จะได้ =0 → =0 → =1 → =1
ดังนัน้ ((( ) )) = =1+1=2
34. 16
ดึง ออกจากตัวส่วน ได้ ( )
+ ( )
+ ( )
… ( )
= 2012
ฝั่ งซ้ ายได้ บวกกัน = = 1006 ตัว → = =
ให้ = 1 + + + … (1) → หาร 2 จะได้ = + … ( )
(1) – (2) : =1+ + + … ( ) → หาร 2 จะได้ = + + + … ( )
35. 11
( )( ) √( )
| ( )
|=| |=| ( )( ) |=| |=| |= =1
√( ) ( )
( )( )
→ ( ) =( ) ( ) → 2 +1= +9 4 +4 → = +3
จาก | | = √ จะได้ ( ) = 65 → =0 → ( )( )=0
อยู่ ได้ = 4, = 7 → ตอบ 4 + 7 = 11
26 PAT 1 (มี.ค. 56)
36. 205
จะได้ = → = → =
( ) ( )
= = = = → = 205
37. 3
( ) ( )
( ) ( )
จะได้ = ดังนัน้ = ( ) = =( )( )
…
ดังนัน้ ( )( )( )…( )
= …
( )( ) ( )( ) ( )( ) ( )( ) ( )
=( )( ) ( )( ) ( )( ) ( )( )
… ( )( )
จะตัดกันได้ เหลือ
ดังนัน้ ลิมิตของลาดับ = 3
38. 24
√ ( )( √ ) ( √ )
= =
√ √
( ( ) √ ( ) ( ) ) ( )
ดังนัน้ = → =8 → ( )= = 24
39. 354
( )= , ( )= จาก ( )=6 จะได้ =6
จาก ( ) = 18 จะได้ = 18 → = 12 → ( )=
จาก ( )= ( ) ( ) จะได้ 48 + 12 + = 3 + 3 + + → = 54
( )=( )( ) ( )( )
จะได้ ( )=( )( ) ( )( ) = 354
40. 168
จะได้ 5 – 2i เป็ นคาตอบด้ วย → ( )= ( )( ( ))( ( ))
= ( )( ) จาก ( ) = 58 จะได้ ( )( ) = 58 → =2
ดังนัน้ ( ) = ( )( )=
จะได้ ( ) = ดังนัน้ ( ) ( )=
อินทิเกรตได้ → ตอบ ( ( )) ( ) = 168
41. 42
= แบบทังหมด
้ – แบบที่ 1 ติดกัน – แบบที่ 3 ติดกัน + แบบที่ 1 ติดกันและ 3 ติดกัน
= = 90 – 30 – 30 + 12 = 42 แบบ
42. 5927
มากสุด 99 → < 594 → มากสุด 593 → → มากสุด 2964 →
PAT 1 (มี.ค. 56) 27
43. 396
100 =
78 = 12 + → 26 = ≤ 36 + 63 = 99 → ≤3
= 3 ได้ = 78 ไล่แทน = 9 ลงมา จนกว่าจะเจอที่หารด้ วย 7 ลงตัว ได้ =9, =6
44. 135
= แบบทังหมด
้ – แบบที่ไม่มีคไู่ หนมาจากอาเภอเดียวกัน
= ( )( ) ( )( ) = 225 – 90 = 135
45. 200
|̅ ̅| = √ ( ) =5 → = 4, 2 และจาก ̅ ⊥ ̅ จะได้ =0 → = ,
แต่ ̅ ̅>0 จะได้ >0 → > → เหลือ = และ = 2
5̅ + ̅ = ( ̅ )̅ ( ̅ )̅ = ̅ ̅→ | ̅ ̅| = = 200
46. 20
จะได้ พื ้นที่ของนาย ก. คือ 0.5 – 0.0948 = 0.4052 → ก = 1.31
จะได้ พื ้นที่ของนาย ข. คือ (0.5 – 0.1064) = 0.3937 → ข = 1.24
ก ข
ก ข = 1.31 – ( 1.24) = 2.55 = = → = .
= 20
47. 12
ทานาย ฟิ สกิ ส์ ( ) จาก คณิตศาสตร์ ( ) ต้ องใช้ ̂ =
จะได้ ∑ = 54 และ ∑ = 36 จะได้ ระบบสมการคือ 54 = 6 + 36 และ 428 = 36 + 268
ตัดเป็ นอย่างต่า ได้ 9 = + 6 และ 107 = 9 + 67 แทน จากสมการแรก ได้ 107 = 9(9 – 6 ) + 67
→ 26 = 13 → = 2 , = 3 → ตอบ 3 + 2(7.5) = 12
48. 10
ค่อยๆหาไล่จาก น้ อยๆ เริ่ มจากกลุม่ = 0 ใช้ เงื่อนไขที่สอง
( )=1, ( )=2, ( )=3, ( )=4, ( )=5
พวก =1: (0,1) = (1,0) = 2
(1,1) = ( ( ) )= ( )=3
(2,1) = ( ( ) )= ( )=4
(3,1) = ( ( ) )= ( )=5
พวก =2: (0,2) = (1,1) = 3
(1,2) = ( ( ) ) = (3,1) = 5
ดังนัน้ (1, 2) + F(3, 1) = 5 + 5 = 10
28 PAT 1 (มี.ค. 56)
49. 6
จาก (1) แทน = 1 จะได้ 1 = (1 1) = เปลีย่ นชื่อ เป็ น ได้ =
แทน = ในข้ อ (2) ได้ เป็ น =
แทน = ในข้ อ (1) ได้ เป็ น ( ) =
ถ้ าจะหา ก็แทน = 5 , = จะได้ = ( ) = = 6
จะเห็นว่า เครื่ องหมาย คือให้ ตอบตัวหลังนัน่ เอง ดังนัน้ 2 (5 (5 6)) = 6
50. 4
จะได้ ( ( )) = 4 + ( ( )) …( )
แทน ด้ วย 0 จะได้ ( ( )) = 4 + ( ( )) …( )
จาก (2) ใส่ ทังสองข้
้ าง ได้ ( ( ( ))) = ( ) …( )
แทน ใน (1) ด้ วย ( ) จะได้ ( ( ( ))) = 4 + ( ) ( ( ( ))) …( )
แต่จาก (2) จะได้ ( ( )) = 4 ดังนัน้ ( ( ( ))) = 4 + ( )( ) …( )
จาก (3) และ (5) จะได้ ( ) = 4
เครดิต
ขอบคุณ คุณ สนธยา เสนามนตรี , คุณ ณัฐสรณ์ เส็งเฮ้ า , คุณ Quest Internal , คุณ Ntt Dks และ อีกคนหนึง่ ทีม่ า
โพสท์ข้อสอบบนวอลผม (เค้ าบอกผมว่าถ้ าผมโหลดเสร็ จให้ ลบทิ ้ง ผมจาชื่อเค้ าไม่ได้ เพราะผมลบโพสเค้ าไปแล้ ว = ="
ขอโทษนะครับ _/\_ ) ขอบคุณ คุณ Kue Kung สาหรับข้ อสอบฉบับเต็ม
ขอบคุณ ท่านอาจารย์ Sila Sookrasamee และ คุณ Weetip Tanarat ที่ช่วยตรวจคาตอบ ด้ วยนะครับ