Professional Documents
Culture Documents
ใบงานวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา 345
ใบงานวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา 345
เหล็กมันลงไปอยูท่ ่ แี กนกลางของโลกได้อย่างไร ?
องค์ประกอบที่มีน้ำหนักมากจะผลักดันตัวเองไปที่ศนู ย์กลางของโลก
นัน่ คือเหล็ก พื ้นผิวส่วนใหญ่ของโลกประกอบด้ วยหินที่เรี ยกว่า
ซิลิเกต ในปี 2013 เวนดี ้เมา ก็ได้ ค้นพบคำตอบ พวกเขาเริ่ มทำการ
ทดลองว่า เหล็กและซิลิเกต มีปฏิกิริยาอย่างไร เมื่อเหล็กและซิลิเกต
ต้ องเผชิญกับแรงกดกันอย่างรุนแรง แบบเดียวกับในสภาวะของ
แกนกลางโลก พวกเขาใช้ เครื่ องมือที่เรี ยกว่า Diamond Enyui cell
เพื่อบีบสสารทังสองนี
้ ้เขาก็ประสบผลสำเร็ จที่แรงดัน 330 กิกาปาสคาล
ซึง่ อยู่ที่ประมาณ 3.3 ล้ านเท่าของแรงดันในชันบรรยากาศของโลก
้
เหล็กที่หลอมเหลวได้ จะค่อยๆบีบตัวผ่านชันหิ
้ นซิลิเกต มันใช้ เวลาหลาย
ล้ านปี กว่าที่เหล็กจะเดินทางไปถึงศูนย์กลางของโลก เหล็กจะเคลื่อนที่
อย่างช้ าๆราวกับหอยทาก
เราจะรู้ได้ อย่างไรว่าขนาดแกนกลางของโลกนั้นเท่าไหร่ ? ต้องมาดูที่วิชา
ว่าด้ วยเรื่ องของแผ่นดินไหวช่วงขนาดที่เกิดแผ่นดินไหว คลื่นกระทบจะแผ่
กระจายไปทัว่ โลก นักวิชาการด้ านแผ่นดินไหว ได้ ศกึ ษาการสัน่ สะเทือนเหล่า
นี ้แต่การสัน่ สะเทือนจะมีเส้ นทางที่แตกต่างกัน พวกมันเดินทางไปยังส่วน
ต่างๆของโลกและนัน่ จะทำให้ เกิดเสียงกระทบในตอนท้ าย ต่อมานักวิทยาศาสตร์
ก็ได้ ค้นพบว่าแรงสัน่ สะเทือนเหล่านัน้ เรี ยกว่า คลื่นทุติยภูมิ คลื่นทุติยภูมิ
สามารถสัน่ สะเทือนผ่านวัตถุที่เป็ นของแข็งเท่านัน้ และจะไม่สนั่ สะเทือนผ่านของเหลว
ดังนันเมื
้ ่อมีบางสิง่ ที่หลอมละลายอยู่ในใจกลางของโลกมันจึงป้องกันไม่ให้
การสัน่ สะเทือนเกิดขึ ้นผ่านไปได้ ดงั นันพวกเขาจึ
้ งเริ่ มขุดค้ นข้ อมูลที่พวกเขา
มีและเริ่ มทำแผนที่ของเส้ นทางของคลื่นแผ่นดินไหว และพบว่าลึกลงไปประมาณ
3000 กิโลเมตรจากพื ้นผิวโลกบรรดาหินทังหลายได้
้ หลอมรวมกันจนเป็ นของเหลว
อิงเง ลีแมน นักวิชาการด้ านแผ่นดินไหวชาวเดนมาร์ ก ได้ ค้น พบคลื่นแผ่นดินไหว
ในรูปแบบใหม่ในปี 1930 ในตอนแรกเรามีคลื่นทุติยภูมิที่ไม่เคลื่อนผ่านของเหลว
แต่หลังจากนันเราก็
้ ค้นพบ คลื่นปฐมภูมิที่สามารถเดินทางผ่านแกนกลางของโลก
และไปปรากฏที่อีกด้ านหนึง่ ของโลก นัน่ คือตอนที่อิงเง ลีแมน ได้ นำเสนอถึงทฤษฎีที่วา่
แกนกลางของโลกมีสองชัน้ นันคื
้ อแกนด้ านในที่เป็ นของแข็งซึง่ อยู่ห่างจากพื ้นผิวโลก
ประมาณ 6000 กิโลเมตรและแกนด้ านนอกที่เป็ นของเหลวที่อยู่ใต้ เท้ าของเราซึง่ ลึกลงไป
3000 กิโลเมตร
แกนโลกนั้นมีอุณหภูมิสูงแค่ไหน ?
ดังนันนั
้ กวิทยาศาสตร์ ได้ ค้นหาคำตอบได้ ด้วยการสร้ างแรงดันกดทับ
อีกครัง้ ในปี 2013 มีนกั วิจยั ชาวฝรั่งเศสได้ ค้นพบตัวเลขที่แม่นยำที่สดุ เท่าที่เราเคย
มีมา พวกเขาวางเหล็กผ่านแรงดันสูง ซึง่ แทบจะสูงกว่าแกนกลางโลกเสียอีก
และข้ อสรุปที่พวกเขา ค้ นพบก็คืออุณหภูมิของแกนโลกจะอยู่ที่ประมาณ 5230
ทำไมแกนโลกถึงร้อน ?
แกนของโลกยังร้ อนอยู่ได้ เนื่องจากความร้ อนดังเดิ
้ มตังแต่
้ สมัยก่อกำเนิดโลก
และการที่แกนโลกยังคงความร้ อนจนมาถึงปั จจุบนั ได้ ก็เพราะแกนกลางโลกมีความกดดันสูงมาก
และยังมีกลไกการบิดตัวของโครงสร้ างโลกจากการโคจรรอบดวงอาทิตย์ เรี ยกว่า gravitational heat
สุดท้ าย ที่สำคัญมาก ๆ ก็คือ ได้ ความร้ อนมาจากปฏิกิริยา Nuclear
fission ของธาตุกมั มันตรังสี
เช่น Potassium 40 Uranium 238,235 และ Thorium 232 …. 90% ของความร้ อนมาจาก
ปฏิกิริยา Nuclear fission นี่แหละ
หากแกนโลกเย็นตัวลง จนกลายเป็ นของแข็ง จะเกิดหายนะกับโลกเลยครับ
เพราะเมื่อแกนโลหะเหลวเย็นลงกลายเป็ นของแข็ง ภาวะ Dynamo effect
ก็จะหมดไป ทำให้ สนามแม่เหล็กของโลกหายไป …. และนี่เองที่จะทำให้
ลมสุริยะ (Solar wind) จะปั ดเป่ าชันบรรยากาศโลกออกไปเรื
้ ่ อย ๆ จนหมด
และโลกเราจะกลายเป็ นสภาพคล้ ายดาวอังคารครับ คือเป็ นดาวเคราะห์ที่ ตาย
ไม่มีน้ำ ไม่มีสงิ่ มีชีวิต
ทำไมความร้อนภายในโลกจึงไม่ลดลงไปเรื่ อยๆ ในเมื่อนักวิทยาศาตร์บอกว่า โลกมีมาเป็ นหลายล้านปีแล้ว ?
เพราะโลกมีมวลมากพอที่จะรักษาเก็บกักความร้ อนภายในโลกได้
*ความร้ อนจากใต้ ภิภพ ไม่ได้ กำลังเย็นตัวลง แต่คงที่ตา่ งหาก
ความร้ อนหลักๆเลย ไม่ได้ มาจากธาตุกมั มันตรังสี แต่เกิดจากความกดดันและอัดแน่นของมวลสารเป็ นหลัก
เหมือนกับแกนกลางของดาวฤกษ์ ไม่ได้ ประกอบจากธาตุอื่นเลย หลักๆมี H He แต่ก็สามารถเกิดความร้ อนด้ วยตัวเองได้ เพราะเนื่องจากสภาพ
ความกดดันและความหนาแน่นของมวลสารล้ วนๆครับ
เพราะมวลสารเมื่อถูกลดปริ มาตรลง จะมีอณ
ุ หภูมิเพิ่มขึ ้น เนื่องจากอนุภาคหรื อโมเลกุลชนกันถี่มากขึ ้นจนเกิดความร้ อนขึ ้นมา ยิ่งถูกอัดแน่นมากเท่า
ไหร่ ก็เกิดความร้ อนมากขึ ้นเท่านัน้
ใครที่เคยเล่นกองทราย หากลองเอามือล้ วงเข้ าไปในกองทรายลึกๆ จะรู้สกึ อุน่ แทนที่จะเย็น เพราะแบบนี ้นัน่ เองครับ
*สรุปว่า ความร้ อน มาจากตัวกำเนิดแรงโน้ มถ่วง ที่อยู่ใจกลางโลก อัดมวลสารเข้ าด้ วยกัน แต่หลักการทรงพลังงาน เมื่อสร้ างงาน ก็ต้อง Loss ไป
อยู่ดี
*ตอนแรกไม่ได้ ตอบ แต่มีความเห็นหลายทางเลยมาสรุปให้
ภายในโลกร้อนขึ้นจากสามปั จจัยหลัก
– ความร้ อนเนื่องจากการก่อตัว (การพุง่ ชนของวัตถุที่ก่อตัวเป็ นโลก”
– ความร้ อนเนื่องจากความดันสูง
– ความร้ อนจากกัมมันตรังสี
สองปั จจัยแรกสร้ างความร้ อนให้ โลกประมาณ 20% และกัมมันตรังสีเป็ นแหล่งความร้ อนหลักราว 80%
ความร้ อนในโลกกำลังลดลงช้ าๆจากการแผ่รังสีความร้ อน ค่อนข้ างช้ าเพราะเรามีเปลือกโลกคอยป้องกัน รวมถึงการไหลเวียนของมวลสารในโลก
และเทคโทนิคเพลทด้ วยทำให้ ต้องใช้ เวลานานเอามากๆกว่าแกนโลกจะเย็น จากการคำนวณ มันจะนานกว่าอายุระบบสุริยะที่เหลือซะอีกครับ