Professional Documents
Culture Documents
com
ตามรอยธรรมย้ำรอยครู
หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ
ประวัติและคติธรรมคำสอนของหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ
สงวนลิขสิทธิ์
พิมพ์แจกเป็นธรรมทาน ห้ามคัดลอก ตัดตอน หรือนำไปพิมพ์จำหน่าย
ฉบับปรับปรุง
พิมพ์ครั้งที่ ๑ : ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ จำนวน ๕,๐๐๐ เล่ม
จัดทำโดย : กลุ่มเพื่อนธรรมเพื่อนทำ
พรสิทธิ์ อุดมศิลป์จินดา วิชชุ เสริมสวัสดิ์ศรี
เมธา พรพิพัฒน์ไพศาล นิศา สุวรรณสุขโรจน์
ปฏิภัทร ปัจฉิมสวัสดิ์
luangpordu.com
๒๑. คำสารภาพของศิษย์ ๕๐
๒๒. ทรรศนะต่างกัน ๕๒
๒๓. อุเบกขาธรรม ๕๓
๒๔. ให้รู้จักบุญ ๕๕
๒๕. อุบายวิธีทำความเพียร ๕๖
๒๖. พระเก่าของหลวงปู่ ๕๗
๒๗. ข้อควรคิด ๕๘
๒๘. ไม่พยากรณ์ ๕๙
๒๙. จะตามมาเอง ๖๐
๓๐. แนะวิธีวางอารมณ์ ๖๑
๓๑. อย่าพูดมาก ๖๒
๓๒. เชื่อจริงหรือไม่ ? ๖๓
๓๓. คิดว่าไม่มีดี ๖๔
๓๔. พระที่คล้องใจ ๖๕
๓๕. จะเอาดีหรือเอารวย ๖๖
๓๖. หลักพระพุทธศาสนา ๖๘
๓๗. “พ” พาน ของหลวงปู่ ๖๙
๓๘. การสอนของท่าน ๗๐
๓๙. หัดมองชั้นลึก ๗๑
๔๐. เวลาเป็นของมีค่า ๗๒
๔๑. ต้องทำจริง ๗๓
๔๒. ของจริงนั้นมีอยู่ ๗๔
๔๓. ล้มให้รีบลุก ๗๕
๔๔. สนทนาธรรม ๗๗
luangpordu.com
๔๕. ผู้บอกทาง ๗๘
๔๖. อย่าทำเล่น ๗๙
๔๗. อะไรมีค่าที่สุด ๘๐
๔๘. นายระนาดเอก ๘๒
๔๙. เสกข้าว ๘๓
๕๐. สำเร็จที่ไหน ๘๔
๕๑. เรารักษาศีล ศีลรักษาเรา ๘๕
๕๒. คนดีของหลวงปู่ ๘๖
๕๓. สั้นๆ ก็มี ๘๗
๕๔. แบบปฎิบัติธรรมหลวงปู่ดู่เป็นเช่นใด ? ๘๘
๕๕. บทเรียนบทแรก ๙๐
๕๖. หนึ่งในสี่ (อีกครั้ง) ๙๓
๕๗. วิธีคลายกลุ้ม ๙๕
๕๘. อะไรได้ อะไรเสีย ๙๘
๕๙. ความสำเร็จ ๑๐๐
๖๐. อารมณ์ขันของหลวงปู่ ๑๐๒
๖๑. ของหายาก ๑๐๓
๖๒. คนหายาก ๑๐๕
๖๓. ด้วยรักจากศิษย์ ๑๐๗
๖๔. ด้วยรักจากหลวงปู่ ๑๐๙
๖๕. จิ้งจกทัก ๑๑๑
๖๖. หลวงปู่กับศิษย์ใหม่ ๑๑๓
๖๗. คาถาของหลวงปู่ ๑๑๖
๖๘. อย่าให้ใจเหมือน... ๑๑๙
luangpordu.com
๖๙. วัตถุสมบัติ ธรรมสมบัต ๑๒๑
๗๐. ทำไมหลวงปู่ ๑๒๓
๗๑. “งาน” ของหลวงปู่ ๑๒๖
๗๒. ขอเพียงความรู้สึก ๑๒๘
๗๓. ปาฏิหาริย์ ๑๓๐
๗๔. เรื่องบังเอิญที่ไม่บังเอิญ ๑๓๓
๗๕. คลื่นกระทบฝั่ง ๑๓๕
๗๖. หลวงปู่บอกข้อสอบ ๑๓๙
๗๗. ตัวประมาท ๑๔๒
๗๘. ของโกหก ๑๔๔
๗๙. ถึงวัดหรือยัง ๑๔๕
๘๐. รางวัลทุนภูมิพล ๑๔๗
๘๑. หลวงปู่ทวดช่วยชีวิต ๑๔๙
๘๒. ทามาก็อตจิ ๑๕๒
๘๓. ไตรสรณาคมน์ ๑๕๕
๘๔. ไม่พอดีกัน ๑๕๘
๘๕. ธรรมะจากสัตว์ ๑๖๐
๘๖. สังคมวิปริต ๑๖๒
๘๗. เชื้อดื้อยา ๑๖๔
๘๘. คุณธรรม ๖ ประการ ๑๖๖
๘๙. ลิงติดตัง ๑๖๘
๙๐. ปรารภเรื่อง “การเกิด” ๑๖๙
๙๑. เมด อิน วัดสะแก ๑๗๑
๙๒. หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ทวด ๑๗๓
luangpordu.com
๙๓. กรรมฐานพาลจิตเพี้ยน ๑๗๕
๙๔. จะไปทางไหน ๑๗๙
๙๕. ตีเหล็กร้อนๆ ๑๘๑
๙๖. ครูพักลักจำ ๑๘๓
๙๗. ที่สุดแห่งทุกขเวทนา ๑๘๕
๙๘. พุทธนิมิต ๑๘๙
๙๙. หลวงปู่บอกหวย ๑๙๒
๑๐๐. อยากได้วัตถุมงคลของหลวงปู่ ๑๙๖
๑๐๑. เห็นแล้วไม่หัน ๒๐๐
๑๐๒. เปรียบศีล ๒๐๓
๑๐๓. บทเรียนทางธรรม ๒๐๔
๑๐๔. พลิกชีวิต ๒๐๙
๑๐๕. บาป ๒๑๒
๑๐๖. ความเมตตาและขันติธรรมของหลวงปู่ ๒๑๕
๑๐๗. หลวงปู่ตายแล้วต้องลงนรก ? ๒๑๗
๑๐๘. ที่มาของวัตถุมงคลรุ่น“เปิดโลก” ๒๒๑
๑๐๙. ปฏิบัติแบบโง่ๆ ๒๓๑
๑๑๐. พุทธคุณกับการเช็คพระ ! ๒๓๓
๑๑๑. ธรรม ทำให้ครบ ๒๓๗
๑๑๒. ช้างมาไหว้หลวงปู่ ๒๔๐
ภาคผนวก
• คาถาบูชาพระ ๒๔๔
• คำสมาทานพระกรรมฐาน ๒๔๕
luangpordu.com
luangpordu.com
1 ๑
ประวัติหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ
ชาติภูมิ
พระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญมีชาติกำเนิดในสกุล“หนูศรี”
เดิมชอ่ื ดู่ เกิดเมือ่ วนั ท่ี ๒๙ เมษายนพ.ศ.๒๔๔๗ตรงกบั วนั ศกุ ร์ขน้ึ ๑๕คำ่
เดือน ๖ ปีมะโรง ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา ณ บ้านข้าวเม่า ตำบลข้าวเม่า
อำเภออุทัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โยมบดิ าชอื่ พ ดุ โยมมารดาชอื่ พ มุ่ ท า่ นมพี นี่ อ้ งรว่ มมารดาเดียวกัน
๓คนท่านเป็นบุตรคนสุดท้ายมีโยมพี่สาว๒คนมีชื่อตามลำดับดังนี้
๑.พี่สาวชื่อทองคำสุนิมิตร
๒.พี่สาวชื่อสุ่มพึ่งกุศล
๓.ตัวท่าน
ปฐมวัยและการศึกษาเบื้องต้น
ชีวติ ในวยั เด็กข องทา่ นดจู ะขาดความอบอุน่ อ ยูม่ ากด ว้ ยก ำพร้าบ ดิ า
มารดาตงั้ แ ต่เยาว์ว ยั น ายยวงพ งึ่ ก ศุ ลซ งึ่ ม ศี กั ดิเ์ ป็นห ลานของทา่ นได้เล่า
ให้ฟังว่า บิดามารดาของท่านมีอาชีพทำนา โดยนอกฤดูทำนาจะมีอาชีพ
ทำขนมไข่ม งคลขายเมือ่ ต อนทที่ า่ นยงั เป็นเด็กท ารกม เี หตุการณ์ส ำคัญท ี่
ควรบันทึกไว้คือในคืนวันหนึ่งซึ่งเป็นหน้าน้ำขณะที่บิดามารดาของท่าน
กำลังท อด“ ข นมมงคล”อ ยูน่ นั้ ท า่ นซงึ่ ถ กู ว างอยูบ่ นเบาะนอกชานคนเดียว
ไม่ทราบด้วยเหตุใดตัวท่านได้กลิ้งตกลงไปในน้ำทั้งคนทั้งเบาะ แต่เป็นที่
luangpordu.com
๒ 2
อัศจรรย์ยิ่งที่ตัวท่านไม่จมน้ำกลับลอยน้ำจนไปติดอยู่ข้างรั้ว กระทั่งสุนัข
เลีย้ งทบี่ า้ นทา่ นมาเห็นเข้าจ งึ ได้เห่าพ ร้อมกบั ว งิ่ ก ลับไปกลับม าระหว่างตวั
ท่านกบั ม ารดาทา่ นเมือ่ ม ารดาทา่ นเดินต ามสนุ ขั เลีย้ งออกมาจงึ ได้พ บทา่ น
ลอยนำ้ ต ดิ อ ยูท่ ขี่ า้ งรวั้ ซ งึ่ เหตุการณ์ค รัง้ น นั้ ท ำให้ม ารดาทา่ นเชือ่ ม นั่ ว า่ ท า่ น
จะต้องเป็นผู้มีบุญวาสนามากมาเกิด
มารดาของทา่ นได้ถงึ แก่กรรมตง้ั แต่ทา่ นยงั เป็นทารกอยู่ ต่อมาบดิ า
ของทา่ นกจ็ ากไปอกี ข ณะทา่ นมอี ายุได้เพียง๔ ข วบเท่านัน้ ท า่ นจงึ ต อ้ งกำพร้า
บิดามารดาตง้ั แ ต่ย งั เป็นเด็กเล็กจ ำความไม่ได้ท า่ นได้อ าศัยอ ยูก่ บั ย ายโดยม ี
โยมพสี่ าวทชี่ อื่ ส มุ่ เป็นผ ดู้ แู ลเอาใจใส่และทา่ นกไ็ ด้ม โี อกาสศกึ ษาเล่าเรียน
ที่วัดกลางคลองสระบัววัดประดู่ทรงธรรมและวัดนิเวศน์ธรรมประวัติ
สู่เพศพรหมจรรย์
เมื่อท่านอายุได้๒๑ปีก็ได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบทเมื่อวันที่๑๐
พฤษภาคมพ .ศ .๒ ๔๖๘ต รงกบั ว นั อ าทิตย์แ รม๔ค ำ่ เดือน๖ ณ ว ดั สะแก
ตำบลธนูอ ำเภออทุ ยั จ งั หวัดพ ระน ครศรีอยุธยาโดยมหี ลวงพอ่ ก ลัน่ เจ้าอ าวาส
วัดพระญาติการามเป็นพระอุปัชฌาย์ มีหลวงพ่อแด่ เจ้าอาวาสวัดสะแก
ขณะนน้ั เป็นพ ระกรรมวาจาจารย์ แ ละมหี ลวงพอ่ ฉ ายว ดั กลางคลองสระบวั
เป็นพระอนุสาวนาจารย์ได้รับฉายาว่า“ พรหมปัญโญ”
ในพรรษาแรกๆ นั้น ท่านได้ศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดประดู่
ทรงธรรมซ งึ่ ในสมัยน นั้ เรียกวา่ ว ดั ป ระดูโ่ รงธรรมโดยมพี ระอาจารย์ผ สู้ อน
คือท่านเจ้าคุณเนื่องพระครูชมและหลวงพ่อรอด(เสือ)เป็นต้น
luangpordu.com
3 ๓
ในด้านการปฏิบัติพระกรรมฐานนั้น ท่านได้ศึกษากับหลวงพ่อ
กลั่นผู้เป็นอุปัชฌาย์ และหลวงพ่อเภา ศิษย์องค์สำคัญของหลวงพ่อกลั่น
ซึ่งมีศักดิ์เป็นอาของท่าน เมื่อท่านบวชได้พรรษาที่สองประมาณปลายปี
พ.ศ. ๒๔๖๙ หลวงพ่อกลั่นมรณภาพ ท่านจึงได้ศึกษาหาความรู้จาก
หลวงพ่อเภาเป็นสำคัญ นอกจากน้ที า่ นยงั ได้ศกึ ษาจากตำรับตำราท่มี ีอยู่
จากชาดกบา้ ง จากธรรมบทบ้าง และด้วยความที่ท่านเป็นผู้ใฝ่รู้รักการ
ศึกษา ท่านจึงได้เดินทางไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากพระอาจารย์อีก
หลายท่านที่จังหวัดสุพรรณบุรีและสระบุรี
ประสบการณ์ธุดงค์
ประมาณเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๖ ออกพรรษาแล้วท่านก็
เริ่มออกเดินธุดงค์จากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาโดยมีเป้าหมายที่ป่าเขา
ทางแถบจงั หวัดก าญจนบุรี แ ละแวะนมัสการสถานทสี่ ำคัญท างพระพุทธ-
ศาสนาเช่นพระพุทธฉายและรอยพระพุทธบาทจังหวัดสระบุรีจากนั้น
ท่านก็เดินธุดงค์ไปยังจังหวัดสิงห์บุรี สุพรรณบุรี จนถึงจังหวัดกาญจนบุรี
จึงเข้าพักปฏิบัติตามป่าเขาและถ้ำต่างๆ
หลวงปู่ดู่ ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าเริ่มแรกที่ท่านขวนขวายศึกษาและ
ปฏิบตั นิ น้ั แท้จริงมไิ ด้มงุ่ เน้นมรรคผลนพิ พาน หากแต่ตอ้ งการเรียนรใู้ ห้ได้
วิชาต่างๆ เป็นต้นว่า วิชาคงกระพันชาตรี ก็เพื่อที่จะสึกออกไปแก้แค้น
พวกโจรที่ปล้นบ้านโยมพ่อโยมแม่ท่านถึง ๒ ครั้ง แต่เดชะบุญ แม้ท่าน
จะสำเร็จวิชาต่างๆตามที่ตั้งใจไว้ท่านกลับได้คิดนึกสลดสังเวชใจตัวเอง
luangpordu.com
๔ 4
ที่ปล่อยให้อารมณ์อาฆาตแค้นทำร้ายจิตใจตนเองอยู่เป็นเวลานับสิบๆปี
ในที่สุดท่านก็ได้ตั้งจิตอโหสิกรรมให้แก่โจรเหล่านั้น แล้วมุ่งปฏิบัติฝึกฝน
อบรมตน ตามทางแห่งศีลสมาธิและปัญญาอย่างแท้จริง
ในระหว่างท่ีท่านเดินธุดงค์อยู่น้ัน ท่านเคยเล่าให้ฟังว่าได้พบ
ฝูงควายป่ากำลังเดินเข้ามาทางท่าน ท่านต้งั สติอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจ
อย่างเด็ดเดี่ยว หยุดยืนภาวนานิ่งอยู่ ฝูงควายป่าที่มุ่งตรงมาทางท่าน
พอเข้ามาใกล้จะถึงตัวท่าน ก็กลับเดินทักษิณารอบท่านแล้วก็จากไป
บางแห่งที่ท่านเดินธุดงค์ไปถึง ท่านมักพบกับพวกนักเลงที่ชอบลองของ
ครั้งหนึ่ง มีพวกนักเลงเอาปืนมายิงใส่ท่านขณะนั่งภาวนาอยู่ในกลด
ท่านเล่าให้ฟังว่า พวกน้ีไม่เคารพพระ สนใจแต่“ของดี” เมื่อยิงปืน
ไม่ออก จึงพากันมาแสดงตัวด้วยความนอบน้อม พร้อมกับอ้อนวอน
ขอ“ของดี”ทำให้ท่านต้องออกเดินธุดงค์หนีไปทางอื่น
การปฏิบัติของท่านในช่วงธุดงค์อยู่น้นั เป็นไปอย่างเอาจริงเอาจัง
ยอมมอบกายถวายชีวิตไว้กับป่าเขา แต่สุขภาพธาตุขันธ์ของท่านก็ไม่
เป็นใจเสียเลย บ่อยครั้งที่ท่านต้องเอาผ้ามาคาดที่หน้าผากเพื่อบรรเทา
อาการปวดศีรษะ อีกทั้งก็มีอาการเท้าชารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แม้กระนั้น
ท่านก็ยังไม่ละความเพียร สมดังที่ท่านเคยสอนลูกศิษย์ว่า “นิพพานอยู่
ฟากตาย”ในการประพฤติป ฏิบตั นิ นั้ จ ำตอ้ งยอมมอบกายถวายชวี ติ ล งไป
ดังที่ท่านเคยกล่าวไว้ว่า “ ถ้ามันไม่ดหี รือไม่ได้พบความจริงก็ให้มันตาย
ถ้ามันไม่ตายก็ให้มันดีหรือได้พบกับความจริง”
luangpordu.com
5 ๕
นิมิตธรรม
อยู่มาวันหนึ่ง ประมาณก่อนปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เล็กน้อย หลังจาก
หลวงปู่ดู่สวดมนต์ทำวัตรเย็น และปฏิบัติกิจส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
ท่านกจ็ ำวัด เกิดนมิ ติ ไปวา่ ได้ฉนั ดาวทม่ี แี สงสว่างมาก ๓ ดวง ในขณะท่ี
กำลังฉนั อยูน่ น้ั กร็ สู้ กึ วา่ กรอบๆดี กเ็ ลยฉนั เข้าไปทง้ั หมดแล้วจงึ ตกใจตืน่
เมือ่ ท า่ นพจิ ารณาใคร่ครวญถงึ น มิ ติ ธ รรมทเี่ กิดข นึ้ ก เ็ กิดค วามเข้าใจ
ขึ้นว่าแก้ว๓ดวงนั้นก็คือพระไตรสรณาคมน์นั่นเองพอท่านว่า
“พุทธัง สรณัง คัจฉามิ, ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ, สังฆัง สรณัง
คัจฉามิ” ก็เกิดอัศจรรย์ขึ้นในจิตท่าน พร้อมกับอาการปีติอย่างท่วมท้น
ทั้งเกิดความรู้สึกลึกซึ้งและมั่นใจว่า พระไตรสรณาคมน์นี้แหล่ะเป็นราก
แก้วของพระพุทธศาสนาท่านจึงกำหนดเอามาเป็นคำบริกรรมภาวนาตั้ง
แต่นั้นเป็นต้นมาเน้นหนักที่การปฏิบัติ
หลวงปูด่ ทู่ า่ นให้ค วามสำคัญอ ย่างมากในเรือ่ งของการปฏิบตั สิ มาธิ
ภาวนาท่านว่า“ ถ้าไม่เอา(ปฏิบัต)ิเป็นเถ้าเสียดีกว่า”ในสมัยก่อนเมื่อ
ตอนที่ศาลาปฏิบัติธรรมหน้ากุฏิท่านยังสร้างไม่เสร็จนั้น ท่านก็เมตตาให้
ใช้ห้องส่วนตัวที่ท่านใช้จำวัด เป็นที่รับรองสานุศิษย์และผู้สนใจได้ใช้เป็น
ที่ปฏิบัติธรรมซึ่งนับเป็นเมตตาอย่างสูง
สำหรับผู้ที่ไปกราบนมัสการท่านบ่อยๆ หรือมีโอกาสได้ฟังท่าน
luangpordu.com
๖ 6
สนทนาธรรม ก็คงจะได้เห็นกุศโลบายในการสอนของท่านที่จะโน้มน้าว
ผู้ฟังให้วกเข้าสู่การปรับปรุงแก้ไขตนเอง เช่น ครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์วิพากษ์
วิจารณ์ค นนนั้ ค นนใี้ ห้ท า่ นฟงั ในเชิงว า่ ก ล่าววา่ เป็นต น้ เหตุข องปญ
ั หาและ
ความยุ่งยาก แทนที่ท่านจะเออออไปตามอันจะทำให้เรื่องยิ่งบานปลาย
ออกไป ท่านกลับปรามว่า “ เรื่องของคนอื่น เราไปแก้เขาไม่ได้ ที่แก้ได้
คือตัวเราแก้ข้างนอกเป็นเรื่องโลกแ ต่แก้ที่ตัวเรานี่เป็นเรื่องธรรม”
คำสอนของหลวงปู่ดู่จึงสรุปลงที่การใช้ชีวิตอย่างคนไม่ประมาท
นั่นหมายถึงว่าสิ่งที่จะต้องเป็นไปพร้อมๆ กัน ก็คือ ความพากเพียรที่ลง
สู่ภาคปฏิบัติ ในมรรควิถีที่เป็นสาระแห่งชีวิตของผู้ไม่ประมาท ดังที่ท่าน
พูดย้ำเสมอว่า“หมั่นทำเข้าไว้ๆ”
อ่อนน้อมถ่อมตน
นอกจากความอดทนอ ดกลัน้ ย งิ่ แ ล้วห ลวงปูด่ ยู่ งั เป็นแ บบอย่างของ
ผู้ไม่ถือตัววางตัวเสมอต้นเสมอปลายไม่ยกตนข่มผู้อื่นเมื่อครั้งที่สมเด็จ
พระพฒ ุ า จ ารย์ (เสงีย่ ม)ว ดั ส ทุ ศั น์เทพวรารามห รือท เี่ ราเรียกกนั ว า่ “ ท า่ น
เจ้าคุณเสงี่ยม” ซึ่งมีอายุพรรษามากกว่าหลวงปู่ดู่ ๑ พรรษามานมัสการ
หลวงพ่อโดยยกย่องเป็นครูเป็นอาจารย์ แต่เมื่อท่านเจ้าคุณเสงี่ยมกราบ
หลวงพ่อเสร็จแล้วหลวงพ่อท่านก็กราบตอบ เรียกว่าต่างองค์ต่างกราบ
ซึ่งกันและกันเป็นภาพที่พบเห็นได้ยากเหลือเกินในโลกที่ผู้คนทั้งหลายมี
แต่จะเติบโตทางด้านทิฏฐิมานะ ความถือตัว อวดดี อวดเด่น ยกตนข่ม
ท่านปล่อยให้กิเลสตัวหลงออกเรี่ยราดเที่ยวประกาศให้ผู้คนทั้งหลายได้
luangpordu.com
7 ๗
รู้ว่าตนเก่งโดยเจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าถูกกิเลสขึ้นขี่คอพาบงการให้เป็นไป
หลวงปู่ดู่ไม่เคยวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติธรรมของสำนักไหนๆ
ในเชิงลบหลู่หรือเปรียบเทียบดูถูกดูหมิ่นท่านว่า“ คนดีน่ะเขาไม่ตีใคร”
ซึ่งลูกศิษย์ทั้งหลายได้ถือเป็นแบบอย่าง
หลวงปู่ดู่เป็นพระพูดน้อย ไม่มากโวหาร ท่านจะพูดย้ำอยู่แต่ใน
เรื่องของการปฏิบัติธรรมและความไม่ประมาท เช่น “ของดีอยู่ที่ตัวเรา
หมั่นทำ(ปฏิบัติ)เข้าไว้”“ให้หมั่นดูจิตรักษาจิต”“อย่าลืมตัวตาย”
และ“ ให้หมั่นพิจารณาอนิจจัง ทุกขังอนัตตา”เป็นต้น
อุบายธรรม
หลวงปูด่ เู่ ป็นผ ทู้ มี่ อี บุ ายธรรมลกึ ซ งึ้ ส ามารถขดั เกลาจติ ใจคนอย่าง
ค่อยเป็นค อ่ ยไปม ไิ ด้เร่งรัดเอาผลเช่นค รัง้ ห นึง่ ม นี กั เลงเหล้าต ดิ ตามเพือ่ น
ซึ่งเป็นลูกศิษย์มากราบนมัสการท่าน สนทนากันได้สักพักหนึ่ง เพื่อน
ทีเ่ ป็นล กู ศ ษิ ย์ก ช็ กั ชวนเพือ่ นนกั เลงเหล้าให้ส มาทานศลี ๕ พ ร้อมกบั ฝ กึ หัด
ปฏิบัติสมาธิภาวนา นักเลงเหล้าผู้นั้นก็แย้งว่า “จะมาให้ผมสมาทานศีล
และปฏิบัติได้ยังไง ก็ผมยังกินเหล้าเมายาอยู่นี่ครับ” หลวงปู่ดู่ท่านก็
ตอบวา่ “ เอ็งจ ะกนิ ก ก็ นิ ไปซิ ข า้ ไม่ว า่ แ ต่ใ ห้เอ็งป ฏิบตั ใิ ห้ข า้ ว นั ล ะ๕ น าที
ก็พอ” นักเลงเหล้าผู้นั้นเห็นว่านั่งสมาธิแค่วันละ ๕ นาที ไม่ใช่เรื่องยาก
เย็นอะไรจึงได้ตอบปากรับคำจากหลวงพ่อ
ด้วยความที่เป็นคนนิสัยทำอะไรทำจริง ซื่อสัตย์ต่อตัวเองทำให้
เขาสามารถปฏิบัติได้สม่ำเสมอเรื่อยมามิได้ขาดแม้แต่วันเดียว บางครั้ง
luangpordu.com
๘ 8
luangpordu.com
9 ๙
luangpordu.com
๑๐ 10
อาจปฏิเสธว่า หลายครั้งที่ท่านสามารถพูดแทงเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจ
ของผู้ฟังทีเดียว
อ กี ป ระการหนึง่ ด ว้ ยความทที่ า่ นมรี ปู ร า่ งลกั ษณะทเี่ ป็นท นี่ า่ เคารพ
เลือ่ มใสเมือ่ ใครได้ม าพบเห็นท า่ นดว้ ยตนเองแ ละถา้ ย งิ่ ได้ส นทนาธรรมกบั
ท่านโดยตรงก จ็ ะยงิ่ เพิม่ ค วามเคารพเลือ่ มใสและศรัทธาในตวั ท า่ นมากขนึ้
เป็นทวีคูณ
หลวงปู่ดู่ท่านพูดถึงการประพฤติปฏิบัติของคนสมัยนี้ว่า “คนเรา
ทุกวันนี้ โลกเท่าแผ่นดิน ธรรมเท่าปลายเข็ม เรามัวพากันยุ่งอยู่กับโลก
จนเหมือนลิงติดตังเรื่องของโลกเรื่องเละๆเรื่องไม่มีที่สิ้นสุดเราไปแก้ไข
เขาไม่ได้จ ะตอ้ งแก้ไขทตี่ วั เราเองต นของตนเตือนตนดว้ ยตนเอง” ท่านได้
อบรมสงั่ ส อนศษิ ย์โดยให้พ ยายามถอื เอาเหตุการณ์ต า่ งๆท เี่ กิดข นึ้ ม าเป็น
ครูสอนตนเองเสมอเช่นในหมู่คณะหากมีผู้ใดประพฤติปฏิบัติดีเจริญใน
ธรรมปฏิบัติ ท่านก็กล่าวชมและให้ถือเป็นแบบอย่าง แต่ถ้ามีผู้ประพฤติ
ผิดถูกท่านตำหนิติเตียนก็ให้น้อมเอาเหตุการณ์นั้นๆมาสอนตนทุกครั้ง
ไปท า่ นไม่ได้ช มผทู้ ำดจี นหลงลืมต นแ ละทา่ นไม่ได้ต เิ ตียนผทู้ ำผดิ จ นหมด
กำลังใจแต่ถือเอาเหตุการณ์ เป็นเสมือนครูที่เป็นความจริง แสดงเหตุผล
ให้เห็นธรรมที่แท้จริง
การสอนของท่านก็พิจารณาดูบุคคลด้วยเช่นคนบางคนพูดให้ฟัง
เพียงอย่างเดียวไม่เข้าใจบางทีท่านก็ต้องทำให้เกิดความกลัวเกิดความ
ละอายบ้างถึงจะหยุด เลิกละการกระทำที่ไม่ดีนั้นๆ ได้ หรือบางคนเป็น
ผู้มีอุปนิสัยเบาบางอยู่แล้ว ท่านก็สอนธรรมดา การสอนธรรมะของท่าน
luangpordu.com
11 ๑๑
บางทีก็สอนให้กล้าบางทีก็สอนให้กลัวที่ว่าสอนให้กล้านั้นคือให้กล้าใน
การทำความดี กล้าในการประพฤติปฏิบัติเพื่อถอดถอนกิเลสออกจากใจ
ไม่ให้ตกเป็นทาสของกิเลสอยู่ร่ำไป ส่วนที่สอนให้กลัวนั้น ท่านให้กลัวใน
การทำความชั่ว ผิดศีลธรรม เป็นโทษ ทำแล้วผู้อื่นเดือดร้อน บางทีท่าน
ก็ส อนให้เชือ่ ค อื ให้เชือ่ ม นั่ ในคณ ุ พ ระพุทธพ ระธรรมพ ระสงฆ์เชือ่ ในเรือ่ ง
กรรม อย่างที่ท่านเคยกล่าวว่า “เชื่อไหมล่ะ ถ้าเราเชื่อจริง ทำจริง มันก็
เป็นของจริงของจริงมีอยู่แต่เรามันไม่เชื่อจริงจึงไม่เห็นของจริง”
หลวงปู่ดู่ท่านสอนให้มีปฏิปทาสม่ำเสมอ ท่านว่า“ขยันก็ให้ทำ
ขีเ้ กียจกใ็ ห้ท ำถ า้ ว นั ไหนยงั ก นิ ข า้ วอยูก่ ต็ อ้ งทำวนั ไหนเลิกก นิ ข า้ วแล้วน นั่
แหละจึงค่อยเลิกทำ”
ก ารสอนของทา่ นนนั้ ม ไิ ด้เน้นแ ต่เพียงการนงั่ ห ลับต าภาวนาห ากแต่
หมายรวมไปถึงการกำหนดดู กำหนดรู้ และพิจารณาสิ่งต่าง ๆ ในความ
เป็นข องไม่เทีย่ งเป็นท กุ ข์เป็นอ นัตตาโดยเฉพาะอย่างยงิ่ ท า่ นชใี้ ห้เห็นถ งึ
สังขารร่างกายที่มันเกิดมันตายอยู่ตลอดเวลา ท่านว่า เราวันนี้กับเราเมื่อ
ตอนเป็นเด็กม นั ก ไ็ ม่เหมือนเก่าเราขณะนกี้ บั เราเมือ่ ว านกไ็ ม่เหมือนเก่าจ งึ
ว่าเราเมื่อตอนเป็นเด็กหรือเราเมื่อวานมันได้ตายไปแล้วเรียกว่าร่างกาย
เรามันเกิด-ตายอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกมันเกิด-ตายอยู่ทุกขณะจิต
ท่านสอนให้บรรดาศิษย์เห็นจริงถึงความสำคัญของความทุกข์ยาก ว่า
เป็นสิ่งมีคุณค่าในโลก
ท่านจึงพูดบ่อยครั้งว่าการที่เราประสบทุกข์นั่นแสดงว่าเรามาถูก
ทางแล้วเพราะอาศัยทุกข์นั่นแหละจึงทำให้เราเกิดปัญญาขึ้นได้
luangpordu.com
๑๒ 12
ใช้ชีวิตอย่างผู้รักสันโดษและเรียบง่าย
หลวงปูด่ ทู่ า่ นยงั เป็นแ บบอย่างของผมู้ กั น อ้ ยสนั โดษใช้ช วี ติ เรียบงา่ ย
ไม่นิยมความหรูหราฟุ่มเฟือยแม้แต่การสรงน้ำท่านก็ยังไม่เคยใช้สบู่เลย
แต่ก็น่าอัศจรรย์เมื่อได้ทราบจากพระอุปัฏฐากว่า ไม่พบว่าท่านมีกลิ่นตัว
แม้ในห้องที่ท่านจำวัด
มีผู้ปวารณาตัวจะถวายเครื่องใช้และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ให้กับท่าน ซึ่งส่วนใหญ่ท่านจะปฏิเสธ คงรับไว้บ้างเท่าที่เห็นว่าไม่เกิน
เลยอันจะเสียสมณะสารูป และใช้สอยพอให้ผู้ถวายได้เกิดความปลื้มปีติ
ที่ได้ถวายแก่ท่าน ซึ่งในภายหลังท่านก็มักยกให้เป็นของสงฆ์ส่วนรวม
เช่นเดียวกับข้าวของต่างๆ ที่มีผู้มาถวายเป็นสังฆทานโดยผ่านท่าน และ
เมื่อถึงเวลาเหมาะควรท่านก็จะจัดสรรไปให้วัดต่างๆ ที่อยู่ในชนบท
และยังขาดแคลนอยู่
สิ่งที่ท่านถือปฏิบัติสม่ำเสมอในเรื่องลาภสักการะ ก็คือการยกให้
เป็นของสงฆ์ส่วนรวม แม้ปัจจัยที่มีผู้ถวายให้กับท่านเป็นส่วนตัวสำหรับ
ค่ารักษาพยาบาล ท่านก็สมทบเข้าในกองทุนสำหรับจัดสรรไปในกิจ
สาธารณประโยชน์ต่างๆทั้งโรงเรียนและโรงพยาบาล
หลวงปู่ดู่ท่านไม่มีอาการแห่งความเป็นผู้อยากเด่นอยากดังแม้แต่
น้อย ดังนั้น แม้ท่านจะเป็นเพียงพระบ้านนอกรูปหนึ่งซึ่งไม่เคยออกจาก
วัดไปไหน ทั้งไม่มีการศึกษาระดับสูงๆ ในทางโลก แต่ในความรู้สึกของ
ลูกศิษย์ทั้งหลาย ท่านเป็นดั่งพระเถระผู้ถึงพร้อมด้วยจริยวัตรอันงดงาม
สงบเรียบง่ายเบิกบานและถึงพร้อมด้วยธรรมวุฒิที่รู้ถ้วนทั่วในวิชชาอัน
luangpordu.com
13 ๑๓
จะนำพาให้พ้นเกิดพ้นแก่พ้นเจ็บพ้นตายถึงฝั่งอันเกษมเป็นที่ฝากเป็น
ฝากตายและฝากหัวใจของลูกศิษย์ทุกคน
ในเรื่องทรัพย์สมบัติดั้งเดิมของท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นา ซึ่งมี
อยู่ประมาณ๓๐ไร่ท่านก็ได้แบ่งให้กับหลานๆของท่านซึ่งในจำนวนนี้
นายยวง พึ่งกุศล ผู้เป็นบุตรของนางสุ่ม โยมพี่สาวคนกลางที่เคยเลี้ยงดู
ท่านมาตลอด ก็ได้รับส่วนแบ่งที่นาจากท่านด้วยจำนวน ๑๘ ไร่เศษ แต่
ด้วยความที่นายยวงผู้เป็นหลานของท่านนี้ไม่มีทายาท ได้คิดปรึกษานาง
ถมยาผู้ภรรยาเห็นควรยกให้เป็นสาธารณประโยชน์ จึงยกที่ดินแปลง
นี้ให้กับโรงเรียนวัดสะแก ซ่งึ หลวงปู่ด่ทู ่านก็อนุโมทนาในกุศลเจตนาของ
คนทง้ั สอง
กุศโลบายในการสร้างพระ
หลวงปู่ดู่ท่านมิได้ตั้งตัวเป็นเกจิอาจารย์ การที่ท่านสร้างหรือ
อนุญาตให้สร้างพระเครื่องหรือพระบูชา ก็เพราะเห็นประโยชน์ เพราะ
บุคคลจำนวนมากยังขาดที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ท่านมิได้จำกัดศิษย์อยู่
เฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ดังนั้นคณะศิษย์ของท่านจึงมีกว้างขวางออก
ไป ทั้งที่ใฝ่ใจธรรมล้วน ๆ หรือที่ยังต้องอิงกับวัตถุมงคล ท่านเคยพูดว่า
“ติดวัตถุมงคลก็ยังดีกว่าที่จะให้ไปติดวัตถุอัปมงคล”ทั้งนี้ท่านย่อมใช้
ดุลยพินิจพิจารณาตามความเหมาะควรแก่ผู้ที่ไปหาท่าน
แม้ว่าหลวงปู่ดู่จะรับรองในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องที่ท่าน
อธิษฐานจติ ให้แ ต่ส งิ่ ท ที่ า่ นยกไว้เหนือก ว่าน นั้ ก ค็ อื ก ารป ฏิบตั ิ ด งั จ ะเห็นได้
luangpordu.com
๑๔ 14
จากคำพดู ของทา่ นวา่ “ เอาของจริงดกี ว่าพุทธงั ฯธมั มังฯสงั ฆงั ฯสรณงั
คัจฉามินี่แหละของแท้”
จากคำพูดนี้จึงเสมือนเป็นการยืนยันว่าการปฏิบัติภาวนานี้แหละ
เป็นที่สุดแห่งเครื่องรางของขลัง เพราะคนบางคนแม้แขวนพระที่ผู้ทรง
คุณว เิ ศษอธิษฐานจติ ให้ก ต็ ามก ใ็ ช่ว า่ จ ะรอดปลอดภัยอ ยูด่ มี สี ขุ ไปทกุ ก รณี
อย่างไรเสียทุกคนไม่อาจหลีกหนีวิบากกรรมที่ตนได้สร้างไว้ ดังที่ท่าน
ได้กล่าวไว้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เหนือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คือกรรม
ดังนั้นจึงมีแต่พระ“สติ”พระ“ปัญญา”ที่ฝึกฝนอบรมมาดีแล้ว
เท่านั้น ที่จะช่วยให้ผู้ปฏิบัติรู้เท่าทันและพร้อมที่จะเผชิญกับปัญหาและ
สิ่งกระทบต่างๆ ที่เข้ามาในชีวิต อย่างไม่ทุกข์ใจ ดุจว่าสิ่งเหล่านั้นเป็น
เสมือนฤดูกาลที่ผ่านเข้ามาในชีวิต บางครั้งร้อนบางครั้งหนาว ทุกสิ่ง
ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมดาของโลก
พระเครื่องหรือพระบูชาต่างๆ ที่ท่านอธิษฐานปลุกเสกให้แล้วนั้น
ปรากฏผลแก่ผู้บูชาในด้านต่างๆ เช่น แคล้วคลาดฯลฯ นั่นก็เป็นเพียง
ผลพลอยได้ ซึ่งเป็นประโยชน์ทางโลกๆ แต่ประโยชน์ที่ท่านสร้างมุ่งหวัง
อย่างแท้จริงนั้นก็คือ ใช้เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติภาวนา มีพุทธานุสติ
กรรมฐาน เป็นต้น นอกจากนี้แล้วผู้ปฏิบัติยังได้อาศัยพลังจิตที่ท่านตั้งใจ
บรรจุไว้ในพระเครื่องช่วยน้อมนำและประคับประคองให้จิตรวมสงบได้
เร็วขึ้น ตลอดถึงการใช้เป็นเครื่องเสริมกำลังใจและระงับความหวาดวิตก
ในขณะปฏิบัต ิ ถือเป็นประโยชน์ทางธรรมซึ่งก่อให้เกิดพัฒนาการทางจิต
ของผู้ใช้ไปสู่การพึ่งพาตนเองได้ในที่สุด
luangpordu.com
15 ๑๕
จากทเ่ี บือ้ งตน้ เราได้อ าศัยพ ทุ ธงั ส รณงั ค จั ฉาม ิ ธมั มัง ส รณงั ค จั ฉามิ
และ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ คือยึดเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็น
สรณะจ นจติ ข องเราเกิดศ รัทธาโดยเฉพาะอย่างยงิ่ ท เี่ ราเรียกกนั ว า่ ต ถาคต
โพธิสัทธา คือเชื่อปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าขึ้นแล้ว เราก็ย่อมเกิด
กำลังใจขนึ้ ว า่ พ ระพุทธองค์เดิมก เ็ ป็นค นธรรมดาเช่นเดียวกบั เราค วามผดิ
พลาดพระองค์ก็เคยทรงทำมาก่อน แต่ด้วยความเพียรประกอบกับพระ
สติปัญญาที่ทรงอบรมมาดีแล้ว จึงสามารถก้าวข้ามวัฏฏะสงสารสู่ความ
หลุดพ้น เป็นการบุกเบิกทางที่เคยรกชัฏให้พวกเราได้เดินกัน ดังนั้น เรา
ซึง่ เป็นม นุษย์เช่นเดียวกบั พ ระองค์ก ย็ อ่ มทจี่ ะมศี กั ยภาพทจี่ ะฝกึ ฝนอบรม
กาย วาจา ใจ ด้วยตัวเราเองได้เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงกระทำมา พูด
อีกอย่างหนึ่งก็คือกายวาจา ใจเป็นสิ่งที่ฝึกฝนอบรมกันได้ใช่ว่าจะต้อง
ปล่อยให้ไหลไปตามยถากรรม
เมื่อจิตเราเกิดศรัทธาดังที่กล่าวมานี้แล้ว ก็มีการน้อมนำเอาข้อ
ธรรมคำสอนต่างๆมาประพฤติปฏิบัติขัดเกลากิเลสออกจากใจตนจิตใจ
ของเราก็จะเลื่อนชั้นจากปุถุชนที่หนาแน่นด้วยกิเลส ขึ้นสู่กัลยาณชน
และอริยชน เป็นลำดับ เมื่อเป็นดังนี้แล้วในที่สุดเราก็ย่อมเข้าถึงที่พึ่งคือ
ตัวเราเอง อันเป็นที่พึ่งที่แท้จริงเพราะกาย วาจา ใจ ที่ได้ผ่านขั้นตอน
การฝึกฝนอบรมโดยการเจริญศีล สมาธิ และปัญญาแล้ว ย่อมกลายเป็น
กายสจุ ริตว าจาสุจริตแ ละมโนสจุ ริตก ระทำสงิ่ ใดพ ดู ส งิ่ ใดค ดิ ส งิ่ ใดก ย็ อ่ ม
หาโทษมไิ ด้ถ งึ เวลานนั้ แ ม้พ ระเครือ่ งไม่มี ก ไ็ ม่อ าจทำให้เราเกิดค วามห วัน่
ไหวหวาดกลัวขึ้นได้เลย
luangpordu.com
๑๖ 16
เปี่ยมด้วยเมตตา
นึกถึงส มัยพ ทุ ธกาลเมือ่ พ ระพุทธองค์ท รงประชวรหนักค รัง้ ส ดุ ท้าย
แห่งก ารปรินพิ พานท า่ นพระอานนท์ผ อู้ ปุ ฏั ฐากพระองค์อ ยูต่ ลอดเวลาได้
ห้ามมานพผู้หนึ่งซึ่งขอร้องจะขอเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าขณะนั้น
พระอานนท์คัดค้านอย่างเด็ดขาดไม่ให้เข้าเฝ้าแม้มานพขอร้องถึง
๓ ครั้ง ท่านก็ไม่ยอม จนกระทั่งเสียงขอกับเสียงขัดดังถึงพระพุทธองค์
พระพุทธองค์จ งึ ต รัสว า่ “ อ านนท์อ ย่าห า้ มมานพนนั้ เลยจ งให้เข้าม าเดีย๋ ว
นี”้ เมือ่ ได้ร บั อ นุญาตแล้วม านพก เ็ ข้าเฝ้าพ ระพุทธเจ้าได้ฟ งั ธ รรมจ นบรรลุ
มรรคผลแล้วขอบวชเป็นพระสาวกองค์สุดท้ายมีนามว่า“พระสุภัททะ”
พระอานนท์ท่านทำหน้าที่ของท่านถูกต้องแล้ว ไม่มีความผิด
อันใดเลยแม้แต่น้อย ส่วนที่พระพุทธเจ้าให้เข้าเฝ้านั้นเป็นส่วนพระ
มหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงมีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายโดยไม่มี
ประมาณย อ่ มแผ่ไพศาลไปทวั่ ท งั้ ส ามโลกพ ระสาวกรนุ่ ห ลังก ระทัง่ ถ งึ พ ระ
เถระหรือครูบาอาจารย์ผู้สูงอายุโดยทั่วไปที่มีเมตตาสูง รวมทั้งหลวงพ่อ
ย่อมเป็นท เี่ คารพนบั ถือข องชนหมูม่ ากท่านกอ็ ทุ ศิ ช วี ติ เพือ่ ก จิ พ ระศาสนา
ก็ไม่ค่อยคำนึงถึงความชราอาพาธของท่าน เห็นว่าผู้ใดได้ประโยชน์จาก
การบูชาสักการะท่านท่านก็อำนวยประโยชน์นั้นแก่เขา
เมื่อครั้งที่หลวงปู่อาพาธอยู่ ได้มีลูกศิษย์กราบเรียนท่านว่า “รู้สึก
เป็นห่วงหลวงปู่” ท่านได้ตอบศิษย์ผู้นั้นด้วยความเมตตาว่า “ ห่วงตัวแก
เองเถอะ” อีกครั้งที่ผู้เขียนเคยเรียนหลวงปู่ว่า “ขอให้หลวงปู่พักผ่อน
มากๆ”
luangpordu.com
17 ๑๗
หลวงปตู่ อบทนั ทีว า่ “ พ กั ไม่ได้ม คี นเขามากนั ม ากบ างทีก ลางคืน
เขากม็ ากนั เราเหมือนนกตวั นำเราเป็นค รูเขานี่ ค รู...เขาตรี ะฆังได้เวลา
สอนแล้วก็ต้องสอนไม่สอนได้ยังไง”
ชีวิตของท่านเกิดมาเพื่อเกื้อกูลธรรมแก่ผู้อื่น แม้จะอ่อนเพลีย
เมื่อยล้าสักเพียงใด ท่านก็ไม่แสดงออกให้ใครต้องรู้สึกวิตกกังวลหรือ
ลำบากใจแต่อย่างใดเลย เพราะอาศัยความเมตตาเป็นที่ตั้ง จึงอาจกล่าว
ได้ว่า ปฏิปทาของท่านเป็นดั่งพระโพธิสัตว์หรือหน่อพุทธภูมิ ซึ่งเห็น
ประโยชน์ของผู้อื่นมากกว่าประโยชน์ส่วนตนดังเช่น พระโพธิสัตว์หรือ
ห น่อพ ทุ ธภมู อิ กี ท า่ นหนึง่ ค อื ห ลวงปทู่ วดเหยียบนำ้ ท ะเลจดื พ ระสปุ ฏิปนั โน
สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งหลวงปู่ดู่ได้สอนให้ลูกศิษย์ให้ความเคารพเสมือน
ครูอาจารย์ผู้ชี้แนะแนวทางการปฏิบัติอีกท่านหนึ่ง
หลวงปู่ดู่ ท่านได้ตัดสินใจไม่รับกิจนิมนต์ออกนอกวัดตั้งแต่ก่อนปี
พ.ศ .๒ ๔๙๐ด งั น นั้ ท กุ ค นทตี่ งั้ ใจไปกราบนมัสการและฟงั ธ รรมจากทา่ นจะ
ไม่ผ ดิ ห วังเลยวา่ จ ะไม่ได้พ บทา่ นท า่ นจะนงั่ ร บั แขกบนพนื้ ไม้ก ระดานแข็งๆ
หน้ากุฏิของท่านทุกวันตั้งแต่เช้าจรดค่ำ บางวันที่ท่านอ่อนเพลีย ท่านจะ
เอนกายพกั ผ อ่ นหน้าก ฏุ ิ แ ล้วห าอบุ ายสอนเด็กว ดั โดยให้เอาหนังสือธ รรมะ
มาอ่านให้ท่านฟังไปด้วย
ข้อวัตรของท่านอีกอย่างหนึ่งก็คือ การฉันอาหารมื้อเดียวซึ่งท่าน
กระทำมาตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๐ แต่ภายหลังคือประมาณปี
พ.ศ. ๒๕๒๕ เหล่าสานุศิษย์ได้กราบนิมนต์ให้ท่านฉัน ๒ มื้อ เนื่องจาก
ความชราภาพของท่าน ประกอบกับต้องรับแขกมากขึ้น ท่านจึงได้ผ่อน
luangpordu.com
๑๘ 18
luangpordu.com
19 ๑๙
ท่านเป็นดุจพ่อ
หลวงปู่ดู่ท่านเป็นดุจพ่อของลูกศิษย์ทุกๆ คน เหมือนอย่างที่
พระกรรมฐานสายพระอาจารย์ม นั่ เรียกหลวงปมู่ นั่ ว า่ “ พ อ่ แ ม่ค รูอ าจารย์”
ซึ่งถือเป็นคำยกย่องอย่างสูง เพื่อให้สมฐานะอันเป็นที่รวมแห่งความเป็น
กัลยาณมิตร
หลวงปู่ดู่ท่านให้การต้อนรับแขกอย่างเสมอหน้ากันหมด ไม่มีการ
แบ่งชั้นวรรณะ ท่านจะพูดห้ามปราม หากมีผู้มาเสนอตัวเป็นนายหน้า
คอยจัดแจงเกี่ยวกับแขกที่เข้ามานมัสการท่าน ถึงแม้จะด้วยเจตนาดี
อันเกิดจากความห่วงใยในสุขภาพของท่านก็ตาม เพราะท่านทราบดีว่า
มีผู้ใฝ่ธรรมจำนวนมากที่อุตส่าห์เดินทางมาไกลเพื่อนมัสการและซักถาม
ข้อธรรมจากท่าน หากมาถึงแล้วยังไม่สามารถเข้าพบท่านได้โดยสะดวก
ก็จะทำให้เสียกำลังใจ
นีเ้ ป็นเมตตาธรรมอย่างสงู ซ งึ่ น บั เป็นโชคดขี องบรรดาศษิ ย์ท งั้ ห ลาย
ไม่ว า่ ใกล้ห รือไกลท สี่ ามารถมโี อกาสเข้าก ราบนมัสการทา่ นได้โดยสะดวก
หากมีผู้สนใจการปฏิบัติกรรมฐานมาหาท่านท่านจะเมตตาสนทนาธรรม
เป็นพิเศษ อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย บางครั้งหลวงพ่อก็มิได้กล่าว
อะไรมากเพียงการทักทายศิษย์ด้วยถ้อยคำสั้นๆเช่น“เอ้า...กินน้ำชาสิ”
ห รือ“วา่ ไง...” ฯ ลฯ เท่าน กี้ เ็ พียงพอทีย่ งั ป ตี ใิ ห้เกิดข นึ้ ก บั ศ ษิ ย์ผ นู้ นั้ เหมือน
ดังหยาดน้ำทิพย์ชโลมให้เย็นฉ่ำ เกิดความสดชื่นตลอดร่างกาย จน...
ถึงจิต...ถึงใจ
หลวงปูด่ ทู่ า่ นให้ค วามเคารพในองค์ห ลวงปทู่ วดอย่างมากท งั้ ก ล่าว
luangpordu.com
๒๐ 20
ยกย่องในความที่เป็นผู้ที่มีบารมีธรรมเต็มเปี่ยมตลอดถึงการที่จะได้มา
ตรัสรู้ธรรมในอนาคต ให้บรรดาลูกศิษย์ทั้งหลายยึดมั่นและหมั่นระลึก
ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อติดขัดในระหว่างการปฏิบัติธรรม หรือแม้แต่
ประสบปัญหาในทางโลกๆ ท่านว่าหลวงปู่ทวดท่านคอยจะช่วยเหลือทุก
คนอยู่แล้วแต่ขอให้ทุกคนอย่าได้ท้อถอยหรือละทิ้งการปฏิบัติ
หลวงปู่ดู่กับครูอาจารย์ท่านอื่น
ในระหว่างปี พ.ศ.๒๕๓๐-๒๕๓๒ได้มพี ระเถระและครูบาอาจารย์
หลายท่านเดินทางมาเยี่ยมเยียนหลวงปู่ดู่ เช่นหลวงปู่บุดดา ถาวโร
วัดกลางชูศรีเจริญสุข จังหวัดสิงห์บุรี ท่านเป็นพระเถระซึ่งมีอายุย่างเข้า
๙๖ปีก็ยังเมตตามาเยี่ยมหลวงปู่ดู่ที่วัดสะแกถึง๒ครั้งและบรรยากาศ
ของการพบกันของท่านทั้งสองนี้ เป็นที่ประทับใจผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์
อย่างยิ่งเพราะต่างองค์ต่างอ่อนน้อมถ่อมตนปราศจากการแสดงออกซึ่ง
ทิฏฐิมานะใดๆเลยแป้งเสกที่หลวงปู่บุดดาเมตตามอบให้หลวงปู่ดู่ท่าน
ก็เอามาทาที่ศีรษะเพื่อแสดงถึงความเคารพอย่างสูง
พระเถระอกี ท า่ นหนึง่ ซ งึ่ ได้เดินท างมาเยีย่ มหลวงปูด่ คู่ อ่ นขา้ งบอ่ ย
ครั้งคือหลวงปู่โง่นโสรโยวัดพระพุทธบาทเขารวก จังหวัดพิจิตรท่าน
มีค วามหว่ งใยในสขุ ภาพของหลวงปูด่ อู่ ย่างมากโดยได้ส งั่ ให้ล กู ศ ษิ ย์จ ดั ท ำ
ป้ายกำหนดเวลารับแขกในแต่ละวันของหลวงปู่ดู่เพื่อเป็นการถนอมธาตุ
ขันธ์ข องหลวงพอ่ ให้อ ยูไ่ ด้น านๆ แต่อ ย่างไรกด็ ี ไม่ช า้ ไม่น านห ลวงปูด่ ทู่ า่ น
ก็ให้นำป้ายออกไปเพราะเหตุแห่งความเมตตาที่ท่านมีต่อผู้คนทั้งหลาย
luangpordu.com
21 ๒๑
luangpordu.com
๒๒ 22
พระนิพพานเป็นอมตะแด่ท่านเทอญ กระผมขอกราบคารวะพระเดช-
พระคุณหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญด้วยความเคารพสูงสุด”
นอกจากนี ้ ยังม พี ระเถระอกี ร ปู ห นึง่ ท คี่ วรกล่าวถงึ เพราะหลวงปูด่ ู่
ให้ค วามยกย่องมากในความเป็นผ มู้ คี ณ
ุ ธ รรมสงู แ ละเป็นแ บบอย่างของผทู้ ี่
มีค วามเคารพในพระรตั นตรัยเป็นอ ย่างยงิ่ ซ งึ่ ห ลวงปูด่ ไู่ ด้แ นะนำสานุศ ษิ ย์
ให้ถือท่านเป็นครูอาจารย์อีกท่านหนึ่งด้วยนั่นก็คือหลวงพ่อเกษมเขมโก
แห่งสุสานไตรลักษณ์จังหวัดลำปาง
ปัจฉิมวาร
นับแต่ พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นต้นมา สุขภาพของหลวงปู่เริ่มแสดง
ไตรลักษณะให้ปรากฏอย่างชัดเจน สังขารร่างกายของหลวงปู่ซึ่งก่อเกิด
มาจากธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ และมีใจครองเหมือนเราๆ ท่านๆ เมื่อสังขาร
ผ่านมานานวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ามีการใช้งานมาก และพักผ่อนน้อย
ความทรุดโทรมก็ย่อมเกิดเร็วขึ้นกว่าปรกติ กล่าวคือ สังขารร่างกายของ
ท่านได้เจ็บป่วยอ่อนเพลียลงไปเป็นลำดับ ในขณะที่บรรดาลูกศิษย์ลูก
หาทั้งญาติโยมและบรรพชิตก็หลั่งไหลกันมานมัสการท่านเพิ่มขึ้นทุกวัน
ในทา้ ยทสี่ ดุ แ ห่งช วี ติ ข องหลวงปูด่ ู่ ด ว้ ยปณิธานทตี่ งั้ ไว้ว า่ “ ส แู้ ค่ต าย”ท า่ น
ใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างสูง แม้บางครั้งจะมีโรคมาเบียดเบียนอย่าง
หนักท่านก็อุตส่าห์ออกโปรดญาติโยมเป็นปกติ พระที่อุปัฏฐากท่านได้
เล่าให้ฟังว่า บางครั้งถึงขนาดที่ท่านต้องพยุงตัวเองขึ้นด้วยอาการสั่นและ
มีน้ำตาคลอเบ้า ท่านก็ไม่เคยปริปากให้ใครต้องเป็นกังวลเลย ในปีท้ายๆ
luangpordu.com
23 ๒๓
ท่านถูกตรวจพบว่าเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว แม้นายแพทย์จะขอร้องท่านเข้า
พักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ท่านก็ไม่ยอมไป ท่านเล่าให้ฟังว่า “แต่ก่อน
เราเคยอยากดี เมื่อดแี ล้วกเ็ อาให้หายอยาก อย่างมากกส็ แู้ ค่ตาย ใครจะ
เหมือนขา้ ขา้ บนตวั ตาย”
มีบางครั้งได้รับข่าวว่าท่านล้มขณะกำลังลุกเดินออกจากห้องเพื่อ
ออกโปรดญาติโยม คือ ประมาณ ๖ นาฬิกา อย่างที่เคยปฏิบัติอยู่ทุกวัน
โดยปกติในยามที่สุขภาพของท่านแข็งแรงดี ท่านจะเข้าจำวัดประมาณ
สี่ห้าทุ่ม แต่กว่าจะจำวัดจริงๆ ประมาณ เที่ยงคืนหรือตีหนึ่ง แล้วมา
ตื่นนอนตอนประมาณตีสาม มาช่วงหลังที่สุขภาพของท่านไม่แข็งแรง
จึงตื่นตอนประมาณตีสี่ถึงตีห้าเสร็จกิจทำวัตรเช้าและกิจธุระส่วนตัวแล้ว
จึงออกโปรดญาติโยมที่หน้ากุฏิ
ประมาณปลายปี พ .ศ .๒ ๕๓๒ห ลวงปูด่ พู่ ดู บ อ่ ยครัง้ ในค วามหมาย
ว่าใกล้ถึงเวลาที่ท่านจะละสังขารนี้แล้วในช่วงท้ายของชีวิตท่านธรรมที่
ถ่ายทอดยงิ่ เด่นช ดั ข นึ้ ม ใิ ช่ด ว้ ยเทศนาธรรมของทา่ นห ากแต่เป็นการสอน
ด้วยการปฏิบัติให้ดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งปฏิปทาในเรื่องของความอดทน
สมดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทานไว้ในโอวาทปาฏิโมกข์ว่า“ ขันตี
ปรมังตโปตีติกขาความอดทนเป็นตบะอย่างยิ่ง”แทบจะไม่มีใครเลย
นอกจากโยมอปุ ฏั ฐากใกล้ช ดิ ท ที่ ราบวา่ ทีท่ า่ นนงั่ ร บั แขกบนพนื้ ไม้ก ระดาน
แข็งๆทุกวันๆตั้งแต่เช้าจรดค่ำเป็นระยะเวลานับสิบๆปีด้วยอาการยิ้ม
แย้มแจ่มใส ใครทุกข์ใจมา ท่านก็แก้ไขให้ได้รับความสบายใจกลับไป แต่
เบื้องหลัง ก็คือ ความลำบากทางธาตุขันธ์ของท่าน ที่ท่านไม่เคยปริปาก
luangpordu.com
๒๔ 24
luangpordu.com
25 ๒๕
เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว หลวงปู่ดู่ได้เล่าให้ศิษย์คณะนี้ฟังด้วยสีหน้าปรกติว่า
“ไม่มสี ว่ นหนึง่ ส ว่ นใดในรา่ งกายข า้ ท ไี่ ม่เจ็บป วดเลยถ า้ เป็นค นอนื่ ค งเข้า
ห้องไอซยี ไู ปนานแล้ว” พ ร้อมทงั้ พ ดู ห นักแ น่นว า่ “ ข า้ จ ะไปแล้วน ะ”ท า้ ย
ทีส่ ดุ ท่า น ก็เมตตากล่าวยำ้ ให้ท กุ ค นตงั้ อ ยูใ่ นความไม่ป ระมาท“ ถ งึ อ ย่างไร
ก็ข ออย่าได้ท งิ้ ก ารปฏิบตั ิ ก เ็ หมือนนกั ม วยขนึ้ เวทีแ ล้วต อ้ งชกอย่าม วั แ ต่
ต งั้ ท า่ เงอะๆง ะๆ”น ดี้ จุ เป็นป จั ฉิมโอวาทแห่งผ เู้ ป็นพ ระบรมครูข องผเู้ ป็น
ศิษย์ทุกคนอันจะไม่สามารถลืมเลือนได้เลย
หลวงปูด่ ไู่ ด้ล ะสงั ขารไปดว้ ยอาการอนั ส งบดว้ ยโรคหวั ใจในกฏุ ทิ า่ น
เมื่อเวลาประมาณ๕นาฬิกาของวันพุธที่๑๗มกราคมพ.ศ.๒๕๓๓อายุ
๘๕ป ี ๘ เดือนอ ายุพ รรษา๖ ๕พ รรษาส งั ขารธรรมของทา่ นได้ต งั้ บ ำเพ็ญ
กุศลโดยมีเจ้าภาพสวดอภิธรรมเรื่อยมาทุกวันมิได้ขาด ตลอดระยะเวลา
๔๕๙วันจนกระทั่งได้รับพระราชทานเพลิงศพเป็นกรณีพิเศษ ในวันเสาร์
ที่๒๐เมษายน๒๕๓๔
พระคุณเจ้าหลวงปู่ดู่พรหมปัญโญได้อุปสมบทและจำพรรษาอยู่
ณว ดั ส ะแกม าโดยตลอดจ นกระทัง่ ม รณภาพยังค วามเศร้าโศกและอาลัย
แก่ศ ษิ ยานุศษิ ย์แ ละผเู้ คารพรกั ท า่ นเป็นอ ย่างยงิ่ อ ปุ มาดงั่ ด วงประทีปท เี่ คย
ให้ความสว่างไสวแก่ศิษยานุศิษย์ได้ดับไป แต่เมตตาธรรมและคำสั่งสอน
ของท่านจะยังปรากฏอยู่ในดวงใจของศิษยานุศิษย์และผู้ที่เคารพรักท่าน
ตลอดไป บัดนี้ สิ่งที่คงอยู่มิใช่สังขารธรรมของท่าน หากแต่เป็นหลวงปู่ดู่
องค์แท้ที่ศิษย์ทุกคนจะเข้าถึงท่านได้ด้วยการสร้างคุณงามความดีให้เกิด
ให้มีขึ้นที่ตนเองสมดังที่ท่านได้กล่าวไว้เป็นคติว่า
luangpordu.com
๒๖ 26
“ ต ราบใดกต็ ามทแ่ี กยงั ไม่เห็นค วามดใี นตวั ก ย็ งั ไม่น บั ว า่ แ กรจู้ กั ข า้
แ ต่ถ า้ เมือ่ ใ ดแ กเริม่ เห็นค วามดใี นตวั เองแล้วเมือ่ น นั้ ... ข้าจ งึ ว า่ แ กเริม่
รู้จักข้าดีขึ้นแล้ว”
ธรรมทั้งหลายที่ท่านได้พร่ำสอน ทุกวรรคตอนแห่งธรรมที่บรรดา
ศิษย์ได้น้อมนำมาปฏิบัติ นั้นก็คือการที่ท่านได้เพาะเมล็ดพันธ์ุแห่งความ
ดีงามบนดวงใจของศิษย์ทุกคน ซึ่งนับวันจะเติบใหญ่ผลิดอกออกผลเป็น
สติและปัญญาบนลำต้นที่แข็งแรงคือสมาธิ และบนพื้นดินที่มั่นคงแน่น
หนาคือศีลสมดังเจตนารมณ์ที่ท่านได้ทุ่มเททั้งชีวิตด้วยเมตตาธรรมอัน
ยิ่งอันจักหาได้ยากทั้งในอดีตปัจจุบันและอนาคต...
luangpordu.com
luangpordu.com
คติธรรมคำสอน
หลวงปู่ดู่พรหมปัญโญ
luangpordu.com
29 ๒๙
๑
สมมุติและวิมุตติ
ในวนั ส นิ้ ป เี มือ่ ห ลายปกี อ่ นผ เู้ ขียนได้ม าคา้ งคนื อ ยูป่ ฏิบตั ทิ วี่ ดั ส ะแก
และได้มีโอกาสเรียนถามปัญหาการปฏิบัติกับหลวงปู่เรื่องนิมิตจริงนิมิต
ปลอมที่เกิดขึ้นภายในจากการภาวนาท่านตอบให้สรุปใจความได้ว่า
ต อ้ งอาศัยส มมุตขิ นึ้ ก อ่ นจ งึ จ ะเป็นว มิ ตุ ติได้เช่นก ารทำอสุภะ ห รือ
กสิณนั้นต้องอาศัยสัญญาและสังขารน้อมนึกเป็นนิมิตขึ้นในขั้นนี้ไม่ควร
สงสัยว่านิมิตนั้นเป็นของจริงหรือของปลอม มาจากภายนอกหรือมาจาก
จิตเพราะเราจะอาศัยส มมุตติ วั น ไี้ ปทำประโยชน์ต อ่ ค อื ย งั จ ติ ให้เป็นส มาธิ
แน่วแน่ขึ้นแต่ก็อย่าสำคัญมั่นหมายว่าตนรู้เห็นแล้วหรือดีวิเศษแล้ว
การน้อมจิตตั้งนิมิตเป็นองค์พระ เป็นสิ่งที่ดี ไม่ผิด เป็นศุภนิมิต
คือนิมิตที่ดี เมื่อเห็นองค์พระ ให้ตั้งสติคุมเข้าไปตรง ๆ (ไม่ปรุงแต่ง หรือ
อยากโน้นนี้)ไม่ออกซ้ายไม่ออกขวาทำความเลื่อมใสเข้าเดินจิตให้แน่ว
แน่สติละเอียดเข้าต่อไปก็จะสามารถแยกแยะหรือพิจารณานิมิตให้เป็น
ไตรลักษณ์จนเกิดปัญญาสามารถจะก้าวเข้าสู่วิมุตติได้
luangpordu.com
๓๐ 30
๒
อุปมาศีลสมาธิปัญญา
ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสสนทนาธรรมกับหลวงน้าสายหยุด ท่านได้
เมตตาเล่าให้ผู้เขียนฟังว่า หลวงปู่เคยเปรียบธรรมะของพระพุทธเจ้า
เหมือนแกงส้ม แกงส้มนั้นมี ๓ รส คือ เปรี้ยว เค็ม และเผ็ด ซึ่งมีความ
หมายดังนี้
รสเปรี้ยวหมายถึงศีลความเปรี้ยวจะกัดกร่อนความสกปรกออก
ได้ฉันใดศีลก็จะขัดเกลาความหยาบออกจากกายวาจาใจได้ฉันนั้น
รสเค็มหมายถึงสมาธิความเค็มสามารถรักษาอาหารต่างๆไม่ให้
เน่าเสียได้ฉ นั ใดส มาธิก ส็ ามารถรกั ษาจติ ข องเราให้ต งั้ ม นั่ อ ยูใ่ นคณ
ุ ค วามดี
ได้ฉันนั้น
รสเผ็ด หมายถึง ปัญญา ความเผ็ดร้อนโลดแล่นไป เปรียบได้ดั่ง
ปัญญาที่สามารถก่อให้เกิดความแจ้งชัด ขจัดความไม่รู้เปลี่ยนจากของ
คว่ำเป็นของหงายจากมืดเป็นสว่างได้ฉันนั้น
luangpordu.com
31 ๓๑
๓
หนึ่งในสี่
ครั้งหนึ่งหลวงปู่ได้ปรารภธรรมกับผู้เขียนว่า...
“ข้านั่งดูดยา มองดูซองยาแล้วก็ตั้งปัญหาถามตัวเองว่า เรานี่
ปฏิบตั ไิ ด้๑ ใ น๔ ข องศาสนาแล้วห รือย งั ? ถ า้ ซ องยานแี้ บ่งเป็น๔ ส ว่ น
เรานี่ยังไม่ได้๑ใน๔มันจวนเจียนจะได้แล้วมันก็คลายเหมือนเรามัด
เชือกจนเกือบจะแน่นได้ที่แล้วเราปล่อยมันก็คลายออกเรานี่ยังไม่เชื่อ
จริงถ้าเชื่อจริงก็ต้องได้๑ใน๔แล้ว”
ตอ่ มาภายหลังทา่ นได้ขยายความให้ผเู้ ขียนฟงั วา่ ทว่ี า่ ๑ ใน ๔ นน้ั
อุปมาดั่งการปฏิบัติธรรมเพื่อให้บรรลุมรรคผลในพุทธศาสนาซึ่งแบ่งเป็น
ขั้นโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี และอรหัตตผลอย่างน้อยเราเกิดมา
ชาติหนึ่งชาตินี้ ได้พบพระพุทธศาสนาซึ่งเปรียบเสมือนสมบัติอันล้ำค่า
แล้ว หากไม่ปฏิบตั ธิ รรมให้ได้ ๑ ใน ๔ ของพทุ ธศาสนาเป็นอย่างนอ้ ย คือ
เข้าถึงความเป็นพระโสดาบันปิดประตูอบายภูมิให้ได้ก็เท่ากับว่าเราเป็น
ผู้ประมาทอยู่เหมือนเรามีข้าวแล้วไม่กินมีนาแล้วไม่ทำฉันใดก็ฉันนั้น
luangpordu.com
๓๒ 32
๔
อานิสงส์การภาวนา
หลวงปู่ท่านเคยพูดเสมอว่า
“อุปัชฌาย์ข้า (หลวงปู่กลั่น) สอนว่า ภาวนาได้เห็นแสงสว่าง
เท่าปลายหัวไม้ขีดชั่วประเดี๋ยวเดียวเท่าช้างกระดิกหูงูแลบลิ้นยังมี
อานิสงส์มากกว่าตักบาตรจนขันลงหินทะลุ”
พวกเรามักจะได้ยินท่านคอยให้กำลังใจอยู่บ่อยๆว่า
“หมั่นทำเข้าไว้หมั่นทำเข้าไว้ต่อไปจะได้เป็นที่พึ่งภายหน้า”
เสมือนหนึ่งเป็นการเตือนให้เราเร่งความเพียรให้มาก การให้ทาน
รักษาศลี รอ้ ยครัง้ พนั ครัง้ ก็ไม่เท่ากับนง่ั ภาวนาหนเดียว นง่ั ภาวนารอ้ ยครัง้
พันครั้ง กุศลที่ได้ก็ไม่เท่ากุศลจิตที่สงบเป็นสมาธิที่เกิดปัญญาเพียง
ครั้งเดียว
ขันลงหินคือภาชนะใช้ใส่อาหารสำหรับเตรียมใส่บาตรพระซึ่งคนสมัยก่อนนิยมใช้
luangpordu.com
33 ๓๓
๕
แสงสว่างเป็นกิเลส?
มีคนเล่าให้หลวงปู่ฟังว่ามีผู้กล่าวว่าการทำสมาธิแล้วบังเกิดความ
สว่างหรือเห็นแสงสว่างนั้นไม่ดีเพราะเป็นกิเลสมืดๆจึงจะดี
หลวงปู่ท่านกล่าวว่า
“ที่ว่าเป็นกิเลสก็ถูก แต่เบื้องแรกต้องอาศัยกิเลสไปละกิเลส
(อาศัยกิเลสส่วนละเอียดไปละกิเลสส่วนหยาบ) แต่ไม่ได้ให้ติดในแสง
สว่างหรือหลงแสงสว่าง แต่ให้ใช้แสงสว่างให้ถูก ให้เป็นประโยชน์
เหมือนอย่างกบั เราเดินผ า่ นไปในทมี่ ดื ต อ้ งใช้แ สงไฟห รือจ ะขา้ มแม่นำ้
มหาสมุทรก็ต้องอาศัยเรือ อาศัยแพ แต่เมื่อถึงฝั่งแล้วก็ไม่ได้แบกเรือ
แบกแพขึ้นฝั่งไป”
แสงสว่างอันเป็นผลจากการเจริญสมาธิก็เช่นกัน ผู้มีสติปัญญา
สามารถใช้เพื่อให้เกิดปัญญา อันเป็นแสงสว่างภายในที่ไม่มีแสงใดเสมอ
เหมือนดังธรรมที่ว่า
“นัตถิปัญญาสมาอาภาแสงสว่างเสมอด้วยปัญญาไม่มี”
luangpordu.com
๓๔ 34
๖
ปลูกต้นธรรม
ครั้งหนึ่งหลวงปู่เคยเปรียบการปฏิบัติธรรมเหมือนการปลูกต้นไม้
ท่านว่า...ปฏิบัตินี้มันยาก ต้องคอยบำรุงดูแลรักษาเหมือนกับเรา
ปลูกต้นไม้
ศีล...................คือดิน
สมาธิ...............คือลำต้น
ปัญญา.............คือดอกผล
ออกดอกเมื่อใดก็มีกลิ่นหอมไปทั่ว การปฏิบัติธรรมก็เช่นกัน ผู้รัก
การปฏิบัติต้องคอยหมั่นรดน้ำพรวนดิน ระวังรักษาต้นธรรมให้ผลิดอก
ออกใบมีผลน่ารับประทาน ต้องคอยระวังตัวหนอนคือโลภโกรธหลง
มิให้ม ากดั ก นิ ต น้ ธ รรมได้อ ย่างนี้ จึงจ ะได้ช อื่ ว า่ ผ รู้ กั ธ รรมร กั ก ารปฏิบตั จิ ริง
luangpordu.com
35 ๓๕
๗
วัดผลการปฏิบัติด้วยสิ่งใด?
ม ผี ปู้ ฏิบตั หิ ลายคนป ฏิบตั ไิ ปนานเข้าช กั เขวไม่ช ดั เจนวา่ ตนปฏิบตั ิ
ไปทำไมห รือป ฏิบตั ไิ ปเพือ่ อ ะไรด งั ค รัง้ ห นึง่ เคยมลี กู ศ ษิ ย์ก ราบเรียนถาม
หลวงปู่ว่า
“ภาวนามาก็นานพอสมควรแล้ว รู้สึกว่ายังไม่ได้รู้ได้เห็นสิ่งต่าง ๆ
มีนิมิตภายนอกแสดงสีต่างๆเป็นต้นดังที่ผู้อื่นเขารู้เห็นกันเลย”
หลวงปู่ท่านย้อนถามสั้นๆว่า
“ปฏิบัติแล้ว โกรธ โลภ หลง ของแกลดน้อยลงหรือเปล่าหล่ะ
ถ้าลดลงข้าก็ว่าแกใช้ได้”
luangpordu.com
๓๖ 36
๘
เทวทูต๔
ธรรมะที่หลวงปู่ยกมาสั่งสอนศิษย์เป็นประจำ มีอยู่เรื่องหนึ่ง คือ
เทวทูต๔ที่เจ้าชายสิทธัตถะพบก่อนบรรพชาคือคนแก่คนเจ็บคนตาย
และสมณะ
ความหมายของคำว่า เทวทูต ๔ หลวงปู่ท่านหมายถึง ผู้มาเตือน
เพือ่ ให้ร ะลึกถ งึ ค วามไม่ป ระมาทซ งึ่ เป็นเรือ่ งทคี่ วรคดิ แ ต่ค นสว่ นใหญ่ม กั
มองข้าม
หลวงปู่ปรารภอยู่เสมอว่า แก่ เจ็บ ตาย เน้อ...หมั่นทำเข้าไว้ มี
ความหมายโดยนัยว่า เมื่อเราเกิดมาแล้ว เราก็ย่อมก้าวเข้าสู่ความชรา
ความแก่เฒ่าอยู่ตลอดเวลา มีความเจ็บป่วยเป็นธรรมดา และเราจักต้อง
ตายเหมือนกันทุกคน
การเห็นสมณะหรือนักบวชจึงเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะชักจูงให้เรา
ก้าวล่วงความทุกข์ได้ในที่สุดโดย“ผู้มาเตือน”ทั้ง๔นี่เอง
luangpordu.com
37 ๓๗
๙
อารมณ์อัพยากฤต
เคยมผี ใู้ หญ่ทา่ นหนึง่ ได้กราบเรียนถามหลวงปูว่ า่ อารมณ์อพั ยากฤต
ไม่จำเป็นต้องมีได้เฉพาะพระอรหันต์ใช่หรือไม่?
ท่านตอบว่า “ใช่ แต่อารมณ์อัพยากฤตของพระอรหันต์ท่านทรง
ตลอดเวลาไม่เหมือนปุถุชนที่มีเป็นครั้งคราวเท่านั้น”
ท่านอุปมาอารมณ์ให้ฟังว่า เปรียบเสมือนคนไปยืนที่ตรงทางสอง
แพร่งทางหนึ่งไปทางดี(กุศล)อีกทางหนึ่งไปในทางที่ไม่ดี(อกุศล)ท่าน
ว่าอัพยากฤตมี๓ระดับคือ
-ระดับหยาบคืออารมณ์ปุถุชนที่เฉยๆไม่คิดดีไม่คิดชั่วซึ่งมีเป็น
ครั้งคราวเท่านั้น
- ระดับกลาง มีในผู้ปฏิบัติสมาธิ มีสติ มีความสงบของจิต วาง
อารมณ์จากสิ่งที่ดีที่ชั่วดังที่เรียกว่าอุเบกขารมณ์
- ระดับละเอียด คือ อารมณ์ของพระอรหันต์ ซึ่งไม่มีทั้งอารมณ์
ที่คิดปรุงไปในทางดี หรือในทางไม่ดี วางอารมณ์อยู่ได้ตลอดเวลา เป็น
วิหารธรรมของท่าน
luangpordu.com
๓๘ 38
๑๐
ตรีโทเอก
ครั้งหนึ่ง ผู้เขียนจะจัดทำบุญเพื่อเป็นกตัญญูกตเวทิตาธรรม น้อม
ถวายแด่หลวงปู่เกษมเขมโกเนื่องในโอกาสที่หลวงปู่ท่านมีอายุครบ๗๔
พรรษาเมื่อวันที่๒๘พฤศจิกายนพ.ศ.๒๕๒๘
ผู้เขียนได้เรียนถามหลวงปู่ว่า
“การทำบุญอย่างไรจึงจะดีที่สุด”
หลวงปู่ท่านได้เมตตาตอบว่า
“ของดีนั้นอยู่ที่เรา ของดีนั้นอยู่ที่จิต จิตมี ๓ ชั้น ตรี โท เอก
ถ้าตรีก็ต่ำหน่อยโทก็ปานกลางเอกนี่อย่างอุกฤษฏ์
มันไม่มีอะไร... ก็ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตัวอนัตตานี่แหละ
เป็นตัวเอก ไล่ไปไล่มา ให้มันเห็นสังขารร่างกายเรา ตายแน่ๆ คนเรา
หนีตายไปไม่พ้น ตายน้อย ตายใหญ่ ตายใหญ่ก็ตายหมด ตายน้อยก็
หลับไปตรองดูให้ดีเถอะ...”
luangpordu.com
39 ๓๙
๑๑
ต้องสำเร็จ
หลวงปู่เคยสอนว่า...
“ความสำเร็จนั้น มิใช่อยู่ที่การสวดมนต์อ้อนวอนพระเจ้ามา
ประทานให้หากแต่ต้องลงมือทำด้วยตนเองถ้าตั้งใจทำตามแบบแล้ว
ทุกอ ย่างตอ้ งสำเร็จไม่ใช่จ ะสำเร็จพ ระพุทธเจ้าท า่ นวางแบบเอาไว้แ ล้ว
ครูบาอาจารย์ทุกองค์มีพระพุทธเจ้าเป็นที่สุด ก็ได้ทำตามแบบ เป็น
ตัวอย่างให้เราดู อัฐิท่านก็กลายเป็นพระธาตุกันหมด เมื่อได้ไตร่ตรอง
พิจารณาให้รอบคอบแล้ว ขอให้ลงมือทำทันที ข้าขอรับรองว่าต้อง
สำเร็จส่วนจะช้าหรือเร็วนั้นอยู่ที่ความเพียรของผู้ปฏิบัติ”
ขอให้ตั้งปัญหาถามตัวเองว่า
“สิ่งนั้นบัดนี้เราได้ลงมือทำแล้วหรือยัง?”
luangpordu.com
๔๐ 40
๑๒
จะเอาโลกหรือเอาธรรม
บ่อยครั้งที่มีผู้มาถามปัญหากับหลวงปู่ โดยมักจะนำเอาเรื่องราว
ต่างๆที่เกี่ยวกับหน้าที่การงานสามีภรรยาลูกเต้าญาติมิตรหรือคนอื่น
มาปรารภให้หลวงปู่ฟังอยู่เสมอ
ครั้งหนึ่งท่านได้ให้คติเตือนใจผู้เขียนว่า
“โลกเท่าแผ่นดินธรรมเท่าปลายเข็ม”
ซึ่งต่อมาท่านได้เมตตาขยายความให้ฟังว่า
“เรื่องโลกมีแต่เรื่องยุ่งของคนอื่นทั้งนั้นไม่มีที่สิ้นสุดเราไปแก้ไข
เขาไม่ได้ส ว่ นเรือ่ งธรรมนนั้ ม ที สี่ ดุ ม าจบทตี่ วั เราให้ม าไล่ด ตู วั เองแ ก้ไข
ที่ตัวเราเองตนของตนเตือนตนด้วยตนเอง
ถ้าคิดสิ่งที่เป็นธรรมแล้ว ต้องกลับเข้ามาหาตัวเอง ถ้าเป็นโลก
แล้ว จะมีแต่ส่งออกไปข้างนอกตลอดเวลา เพราะธรรมแท้ๆ ย่อมเกิด
จากในตัวของเรานี้ทั้งนั้น”
luangpordu.com
41 ๔๑
๑๓
แนะวิธีปฏิบัติ
เคยมีสุภาพสตรีท่านหนึ่งมีปัญหาถามว่า นั่งปฏิบัติภาวนาแล้วจิต
ไม่รวมไม่สงบควรจะทำอย่างไรท่านแก้ให้ว่า
“การปฏิบัติ ถ้าอยากให้เป็นเร็วๆ มันก็ไม่เป็น หรือไม่อยากให้
เป็นมันก็ประมาทเสียไม่เป็นอีกเหมือนกันอยากเป็นก็ไม่ว่าไม่อยาก
เป็นกไ็ ม่วา่ ทำใจให้เป็นกลางๆตง้ั ใจให้แน่วแน่ในกมั มัฏฐานทเ่ี รายดึ มน่ั
อยู่นั้นแล้วภาวนาเรื่อยไป
เหมือนกับเรากินข้าวไม่ต้องอยากให้มันอิ่ม ค่อยๆ กินไปมันก็
อิ่มเองภาวนาก็เช่นกันไม่ต้องไปคาดหวังให้มันสงบหน้าที่ของเราคือ
ภาวนาไป ก็จะถึงของดี ของวิเศษในตัวเราแล้วจะรู้ชัดขึ้นมาว่าอะไร
เป็นอะไรให้หมั่นทำเรื่อยไป”
luangpordu.com
๔๒ 42
๑๔
การบวชจิต-บวชใน
หลวงปู่เคยปรารภไว้ว่า...
จะเป็นชายหรือหญิงก็ดี ถ้าตั้งใจประพฤติปฏิบัติ มีศีล รักในการ
ปฏิบัติ จิตมุ่งหวังเอาการพ้นทุกข์เป็นที่สุด ย่อมมีโอกาสเป็นพระกัน
ได้ทุกๆ คน มีโอกาสที่จะบรรลุมรรคผล นิพพาน ได้เท่าเทียมกันทุกคน
ไม่เลือกเพศ เลือกวัย หรือฐานะแต่อย่างใด ไม่มีอะไรจะมาเป็นอุปสรรค
ในความสำเร็จได้นอกจากใจของผู้ฏิบัติเอง
ท่านได้แนะเคล็ดในการบวชจิตว่า.....
ในขณะที่เรานั่งสมาธิเจริญภาวนานั้นคำกล่าวว่า
พุทธังสรณังคัจฉามิ ให้นึกถึงว่าเรามีพระพุทธเจ้า
เป็นพระอุปัชฌาย์ของเรา
ธัมมังสรณังคัจฉามิ ให้นึกว่าเรามีพระธรรม
เป็นพระกรรมวาจาจารย์
สังฆังสรณังคัจฉาม ิ ให้นึกว่าเรามีพระอริยสงฆ์
เป็นพระอนุสาวนาจารย์
แล้วอย่าสนใจขันธ์๕หรือร่างกายเรานี้
luangpordu.com
43 ๔๓
ให้สำรวมจิตให้ดีมีความยินดีในการบวช
ชายก็เป็นพระภิกษุหญิงก็เป็นพระภิกษุณี
อย่างนจ้ี ะมอี านิสงส์สงู มากจดั เป็นเนกขัมบารมีขน้ั อกุ ฤษฏ์ทเี ดียว
luangpordu.com
๔๔ 44
๑๕
ควรทำหรือไม่?
ครัง้ ห นึง่ ม ลี กู ศ ษิ ย์ห ลวงปูผ่ สู้ นใจธรรมปฏิบตั กิ ำลังน งั่ ภ าวนาเงียบ
อยู่ ไม่ห่างจากท่านเท่าใดนัก บังเอิญมีแขกมาหาศิษย์ผู้นั้นแต่ไม่เห็น ก็มี
ศิษย์อ กี ท า่ นหนึง่ เดินเรียกชอื่ ท า่ นผกู้ ำลังน งั่ ภ าวนาอยูด่ ว้ ยเสียงอนั ด งั แ ละ
เมื่อเดินมาเห็นศิษย์ผู้นั้นกำลังภาวนาอยู่ก็จับแขนดึงขึ้นมาทั้งที่กำลังนั่ง
ภาวนา
เมื่อผู้นั้นห่างไปแล้วหลวงปู่ท่านจึงเปรยขึ้นมาว่า
“ในพุทธกาลครั้งก่อน มีพระอรหันต์องค์หนึ่งกำลังเข้านิโรธ-
สมาบตั ิ ได้ม นี กแสกตวั ห นึง่ บ นิ โฉบผา่ นหน้าท า่ นพร้อมกบั ร อ้ ง“ แ ซก”
ท่านวา่ น กแสกตวั น นั้ เมือ่ ต ายแล้วได้ไปอยูใ่ นนรกแ ม้ก ปั น พี้ ระพุทธเจ้า
ผ่านไปได้พระองค์ที่สี่แล้วนกแสกตัวนั้นยังไม่ได้ขึ้นมาจากนรกเลย”
luangpordu.com
45 ๔๕
๑๖
การอุทิศส่วนกุศลภายนอกภายใน
มีบางท่านเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย
ของหลวงปู่ ซึ่งท่านเมตตาทำเป็นปกติ จึงมีความหวังว่าเมื่อตนตาย
หลวงปูท่ า่ นจะเมตตาให้บ ญ ุ ส่งว ญ
ิ ญาณส ง่ จ ติ ไปสวรรค์ไปนพิ พานได้ด ว้ ย
ตนเป็นผู้เข้าวัดทำทานและปรนนิบัติหลวงปู่มานานหลวงปู่ท่านก็เมตตา
เตือนว่า
“ถ้าข้าตายไปก่อนแล้วใครจะส่ง(บุญ)ให้แกล่ะ”
ด้วยความไม่เข้าใจท่านผู้นั้นจึงมีคำตอบว่า
“ขอให้หลวงปู่อยู่ต่อไปนานๆให้พวกผมตายก่อน”
นี่เป็นจุดชวนคิดในคำเตือนของท่านที่บอกเป็นนัยว่า การไปสุคติ
หรือการหลุดพ้นนั้นต้องปฏิบัติต้องสร้างด้วยตนเองเป็นสำคัญมิใช่หวัง
พึ่งบุญพึ่งกุศลผู้อื่น การอาศัยผู้อื่นเมื่อตายแล้วนั้น เป็นเพียงส่วนน้อยที่
อาจจะได้ อีกทั้งยังเป็นความไม่แน่นอนด้วย สู้ทำด้วยตัวเองไม่ได้ เป็น
แง่ให้คิดว่าต้องปฏิบัติตนให้มั่นใจในตนเองตั้งแต่ก่อนตาย เมื่อถึงเวลา
จำต้องทิ้งขันธ์จะไม่ต้องมัวกังวลต่อภพชาติภายหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
การปฏิบัติให้รู้แจ้งในธรรมตั้งแต่ปัจจุบันชาตินี้เป็นดียิ่งทีเดียว
luangpordu.com
๔๖ 46
๑๗
สติธรรม
บ่อยครั้งที่พวกเราถูกหลวงปู่ท่านดุในเรื่องของการไม่สำรวมระวัง
ท่านมักจะดุว่า
“ให้ทำ(ปฏิบตั )ิ ไม่ทำทำประเดีย๋ วเดียวเดีย๋ วออกมาจบั กลุม่ กนั
อีกแล้วทีเวลาคุยคุยกันได้นาน”
ป ฏิปทาของทา่ นตอ้ งการให้พ วกเราตง้ั ใจปฏิบตั ิ ต ง้ั ใจทำให้จ ริงม สี ติ
สำรวมระวังแม้เวลากนิ ขา้ วทา่ นกใ็ ห้ระวังอย่าพดู คยุ กนั เอะอะเสียงดงั
“สติ” นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่จะทำให้เราได้หยุดคิด
พิจารณาก่อนที่จะทำจะพูดและแม้แต่จะคิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งว่าสิ่งนั้นดีหรือ
ชัว่ ม คี ณ
ุ ป ระโยชน์ห รือเสียห ายค วรกระทำหรือค วรงดเว้นอ ย่างไรเมือ่ ย งั้
คิดได้ก็จะช่วยให้พิจารณาทุกสิ่งทุกอย่างละเอียดประณีต และสามารถ
กลั่นกรองเอาสิ่งที่ไม่เป็นสาระไม่เป็นประโยชน์ออกให้หมด คงเหลือแต่
เนื้อที่ถูกต้องและเป็นธรรมซึ่งเป็นของควรคิดควรพูดควรทำแท้ๆ
luangpordu.com
47 ๔๗
๑๘
ธรรมะจากซองยา
luangpordu.com
๔๘ 48
๑๙
ธรรมะจากโรงพยาบาล
luangpordu.com
49 ๔๙
๒๐
ของจริงข องปลอม
เมื่อหลายปีก่อน ได้เกิดไฟไหม้ที่วัดสะแกบริเวณกุฏิตรงข้ามกุฏิ
หลวงปู่ แ ต่ไฟไม่ไหม้ก ฏุ หิ ลวงปู่ เป็นท นี่ า่ อ ศั จรรย์ใจแก่ศ ษิ ย์แ ละผทู้ พี่ บเห็น
เป็นอ ย่างยงิ่ ถ งึ ข นาดมฆี ราวาสทา่ นหนึง่ ค ดิ ว า่ ห ลวงปูท่ า่ นมพี ระดี ม ขี องดี
ไฟจึงไม่ไหม้กุฏิท่าน
ผู้ใหญ่ท่านนั้นได้มาที่วัดและกราบเรียนหลวงปู่ว่า
“หลวงปู่ครับผมขอพระดีที่กันไฟได้หน่อยครับ”
หลวงปู่ยิ้มก่อนตอบว่า
“พุทธังธัมมังสังฆังไตรสรณคมน์นี่แหละพระดี”
ผู้ใหญ่ท่านนั้นก็รีบบอกว่า
“ไม่ใช่ครับผมขอพระเป็นองค์ๆอย่างพระสมเด็จน่ะครับ”
หลวงปู่ก็กล่าวยืนยันหนักแน่นอีกว่า
“ก็พุทธังธัมมังสังฆังนี่แหละมีแค่นี้ล่ะภาวนาให้ดี”
แล้วหลวงปู่ก็มิได้ให้อะไร จนผู้ใหญ่ท่านนั้นกลับไป หลวงปู่จึงได้
ปรารภธรรมอบรมศิษย์ที่ยังอยู่ว่า
“คนเรานี่ก็แปลกข้าให้ของจริงกลับไม่เอาจะเอาของปลอม”
luangpordu.com
๕๐ 50
๒๑
คำสารภาพของศิษย์
luangpordu.com
51 ๕๑
เราเงียบแล้วยิ้มแห้งๆท่านจึงพูดต่อว่า
“ถ้าแกกินข้าวสามมื้อมันก็มีกำลังวังชาเดินไปถึงได้ถ้าแกกิน
ข้าวมื้อเดียว มันก็พอไปถึงได้แต่ช้าหน่อย แต่ถ้าแกไม่กินข้าวไปเลย
มันก็คงไปไม่ถึงใช่ไหมล่ะ”
เรารู้สึกเข้าใจความข้อนี้ซึมซาบเลยทีเดียว แล้วหลวงปู่ท่านก็พูด
ต่อว่า
“เรื่องทำม้งธรรมะอะไรข้าพูดไม่เป็นหรอก ข้าก็เป็นแต่พูดของ
ข้าอย่างนี้แหละ”
อรพินท์
luangpordu.com
๕๒ 52
๒๒
ทรรศนะต่างกัน
เกี่ยวกับการอยู่ร่วมกันในวงของผู้ปฏิบัติธรรม หลวงปู่ท่านได้ให้
โอวาทเตือนผปู้ ฏิบตั ไิ ว้ว า่ “ ก ารมาอยูด่ ว้ ยกนั ป ฏิบตั ดิ ว้ ยกนั ม ากเข้า ย อ่ มมี
เรือ่ งกระทบกระทัง่ ก นั เป็นธ รรมดาต ราบใดทย่ี งั เป็นป ถุ ชุ นคนธรรมดาอยู่
ทิฏฐิค วามเห็นย อ่ มตา่ งกนั ข อให้เอาแต่ส ว่ นดมี าสนบั ส นุน กันอ ย่าเอาเลว
มาอวดกนั ก ารปรามาสพระกด็ ี ก ารพดู จาจาบจว้ งในพระพุทธพ ระธรรม
พระสงฆ์ หรือทา่ นทม่ี ศี ลี มธี รรมกด็ ี จะเป็นกรรมตดิ ตัวเราและขดั ขวาง
ก ารปฏิบตั ธิ รรมในภายหน้าด งั น น้ั ห ากเห็นใครทำความดี ก ค็ วรอนุโมทนา
ยินดีดว้ ยแม้ตา่ งวดั ตา่ งสำนักหรือแบบปฏิบตั ติ า่ งกนั กต็ าม”
ไม่มใี ครผดิ ห รอกเพราะจดุ ม งุ่ ห มายตา่ งกเ็ ป็นไปเพือ่ ค วามพน้ ท กุ ข์
เช่นกันเพียงแต่เราจะทำให้ดีดียิ่งดีที่สุด
ขอให้ถามตัวเราเองเสียก่อนว่า...แล้วเราล่ะถึงที่สุดแล้วหรือยัง
luangpordu.com
53 ๕๓
๒๓
อุเบกขาธรรม
เรามักจะเห็นการกระทำท่ีเป็นคำพูดและการแสดงออกอยู่บ่อยๆ
ส่วนการกระทำทเ่ี ป็นการนง่ิ ทเ่ี รียกวา่ มอี เุ บกขานน้ั มกั ไม่คอ่ ยได้เห็นกนั
ในเรือ่ งการสร้างอเุ บกขาธรรมขน้ึ ในใจนน้ั ผ ปู้ ฏิบตั ใิ หม่เมือ่ ได้เข้าม า
รูธ้ รรมเห็นธรรมได้พบเห็นสง่ิ แปลกๆและคณ ุ ค่าของพทุ ธศาสนามกั เกิด
อารมณ์ค วามรสู้ กึ ว า่ อ ยากชวนคนมาวดั ม าปฏิบตั ใิ ห้ม ากๆโดยลมื ด พู น้ื ฐ าน
จิตใจของบคุ คลทก่ี ำลังจะชวนวา่ เขามคี วามสนใจมากนอ้ ยเพียงใด
หลวงปู่ท่านบอกว่า
“ ให้ร ะวังให้ด จี ะเป็นบ าปเปรียบเสมือนกบั ก ารจดุ ไฟไว้ต รงกลาง
ระหว่างคนสองคนถ า้ เราเอาธรรมะไปชวนเขาเขาไม่เห็นด ว้ ยป รามาส
ธรรมนซี้ งึ่ เป็นธ รรมของพระพุทธเจ้าก เ็ ท่ากับเราเป็นค นกอ่ แ ล้วเขาเป็น
คนจุดไฟ...บาปทั้งคู่เรียกว่าเมตตาจะพาตกเหว”
แล้วท่านยกอุทาหรณ์สอนต่อว่า
“เหมือนกับมีชายคนหนึ่งตกอยู่ในเหวลึกมีผู้จะมาช่วยคนที่๑
มีเมตตาจะมาช่วยเอาเชือกดึงขึ้นจ ากเหวดึงไม่ไหวจึงตกลงไปในเหว
เหมือนกนั ค นที่ ๒ ม กี รุณามาชว่ ยดงึ อ กี ก ต็ กลงเหวอกี ค นที่ ๓ ม มี ทุ ติ า
มาช่วยดึงอีกก็พลาดตกเหวอีกเช่นกัน
luangpordu.com
๕๔ 54
luangpordu.com
55 ๕๕
๒๔
ใหรู้จ ักบุญ
การทำบุญทำกุศลนั้น โปรดอย่านึกว่าจะต้องหอบข้าวหอบของ
ไปใส่บาตรที่วัดทุกวัน หรือบุญจะเกิดได้ก็ต้องทอดกฐินสร้างโบสถ์ สร้าง
ศาลาและอื่นๆอย่างที่เขาโฆษณาขายบุญกันทั้งทางวิทยุหนังสือพิมพ์
และใบเรีย่ ไรกนั เกลือ่ นกลาดจ นรสู้ กึ ว า่ จ ะตอ้ งเป็นภ าระทตี่ อ้ งบริจาคเมือ่
ไปวัดหรือสำนักนั้นๆ เป็นประจำ
บทสวดมนต์ชื่อพระพุทธชัยมงคลคาถา ที่ขึ้นต้นด้วย “พาหุง...”
มีอยู่ท่อนหนึ่งซึ่งกล่าวถึงพระพุทธเจ้าทรงชนะมารคือกิเลสว่า
“ทานาทิธัมมวิธินาชิตวาม ุนินโท”แปลว่า
“พระพุทธเจ้าผู้ทรงเป็นจอมปราชญ์ ทรงชนะมารคือ กิเลส ด้วย
วิธีบำเพ็ญบารมีธรรมคือความดีมีการบริจาคทานเป็นต้น”
พระพุทธเจ้าท รงสอนการทำบุญท ำกศุ ลด ว้ ยการให้ท านร กั ษาศลี
และสวดมนต์เจริญสมาธิภาวนา ให้ทานทุกครั้ง ให้ทำลายความโลภ คือ
กิเลสทกุ ค รัง้ ร กั ษาศลี เจริญภ าวนาเพือ่ ท ำลายความโกรธค วามเห็นแ ก่ต วั
ให้ใจสะอาด ใจไม่เศร้าหมอง มองเห็นบาปบุญคุณโทษได้ทุกครั้ง ทำได้
ดังนี้จึงชื่อว่าทำตามพระพุทธเจ้า
luangpordu.com
๕๖ 56
๒๕
อุบายวิธีทำความเพียร
ครัง้ ห นึง่ ท ไ่ี ด้ส นทนาปญั หาธรรมกบั ห ลวงปู่ ท า่ นเล่าให้ผ เู้ ขียนฟงั ว่า
เขามาถามปัญหาข้าข้าก็ตอบไม่ได้อยู่ปัญหาหนึ่ง
ผู้เขียนเรียนถามท่านว่า“ ปัญหาอะไรครับ”
ท่านเล่าว่า“เขาถามว่าขี้เกียจ(ปฏิบัติ)จะทำอย่างไรดี”
หลวงปู่หัวเราะก่อนที่จะตอบต่อไปว่า
“บ๊ะขี้เกียจก็หมดกันก็ไม่ต้องทำซิ”
สักครู่ท่านจึงเมตตาสอนว่า
“หมัน่ ท ำเข้าไว้...ถ้าข เ้ี กียจให้น กึ ถึงข้าข า้ ท ำมา๕ ๐ป ี อ ปุ ชั ฌาย์
ข้าเคยสอนไว้ว า่ ถ า้ ว นั ไหนยงั ก นิ ข า้ วอยู่ ก็ต อ้ งทำว นั ไหนเลิกก นิ ข า้ ว...
นั่นแหละถึงไม่ต้องทำ”
luangpordu.com
57 ๕๗
๒๖
พระเก่าของหลวงปู่
ส ำหรับพ ระเครือ่ งแล้วพ ระสมเด็จว ดั ร ะฆังฯ เป็นท รี่ จู้ กั ก นั ด ใี นหมู่
นักเลงพระวา่ เป็นของหายากและมรี าคาแพงใครได้ไว้บ ูชานบั เป็นม งคล
อย่างยิ่ง
หลวงปูไ่ ด้ส อนวา่ ก ารนบั ถือพ ระเช่นน เี้ ป็นส งิ่ ท ดี่ ี แ ต่เป็นด ภี ายนอก
มิใช่ดีภายในท่านบอกว่า“ ให้หาพระเก่าให้พบนซ่ี ขิ องแท้ของดีจริง”
ผู้เขียนเรียนถามท่านว่า“ พระเก่าหมายความว่าอย่างไรครับ”
ท่านว่า“ก็หมายถึงพระพุทธเจ้าน่ะซินั่นท่านเป็นพระเก่าพระ
โบราณพระองค์แรกที่สุด”
luangpordu.com
๕๘ 58
๒๗
ข้อควรคิด
luangpordu.com
59 ๕๙
๒๘
ไม่พยากรณ์
เกี่ยวกับเรื่องปฏิบัติธรรมแล้วจะได้สำเร็จมรรคผลนิพพานหรือไม่
เคยมีพระภิกษุท่านหนึ่งได้มากราบนมัสการและเรียนถามหลวงปู่ว่า
“หลวงปู่ครับ กระผมจะได้สำเร็จหรือไม่ หลวงปู่ช่วยพยากรณ์
ทีครับ”
หลวงปู่นิ่งสักครู่หนึ่งก่อนตอบว่า
“พยากรณ์ไม่ได้”
พระภิกษุรูปนั้นได้เรียนถามต่อว่า
“เพราะเหตุไรหรือครับ”
หลวงปู่จึงตอบว่า
“ถ้าผมบอกว่าท่านจะได้สำเร็จ แล้วท่านเกิดประมาทไม่ปฏิบัติ
ต่อ มันจะสำเร็จได้อย่างไร และถ้าผมบอกว่าท่านจะไม่สำเร็จ ท่านก็
คงจะขี้เกียจและละทิ้งการปฏิบัติไปนิมนต์ท่านทำต่อเถอะครับ”
luangpordu.com
๖๐ 60
๒๙
จะตามมาเอง
luangpordu.com
61 ๖๑
๓๐
แนะวิธีวางอารมณ์
luangpordu.com
๖๒ 62
๓๑
อย่าพูดมาก
luangpordu.com
63 ๖๓
๓๒
เชื่อจริงหรือไม่
luangpordu.com
๖๔ 64
๓๓
คิดว่าไม่มีดี
ผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่มักจะไม่พอใจในผลการปฏิบัติของตน โดยที่มัก
จะขาดการไตร่ตรองว่าสาเหตุนั้นเป็นเพราะอะไร ดังที่เคยมีลูกศิษย์คน
หนึ่งของหลวงปู่ ได้มานั่งบ่นให้ท่านฟังในความอาภัพอับวาสนาของตน
ในการภาวนาวา่ ต นไม่ได้ร ู้ ไม่ได้เห็นส งิ่ ต า่ งๆภ ายในม นี มิ ติ ภ าวนาเป็นต้น
ลงท้ายก็ตำหนิว่าตนนั้นไม่มีความรู้อรรถรู้ธรรมและความดีอะไรเลย
หลวงปู่นั่งฟังอยู่สักครู่ ท่านจึงย้อนถามลูกศิษย์จอมขี้บ่นผู้นั้นว่า
“แกแน่ใจหรือว่าไม่มีอะไรดีแล้วแกรู้จักพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์
หรือเปล่า”
ลูกศิษย์ผู้นั้นนิ่งอึ้งสักครู่จึงตอบว่า“ รู้จักครับ”
หลวงปู่จึงกล่าวสรุปว่า “เออ นั่นซี แล้วแกทำไมจึงคิดว่าตัวเรา
ไม่มีดี”
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่แสดงถึงความเมตตาของท่าน ที่หาทางออก
ทางปัญญาให้ศิษย์ผู้กำลังท้อถอยด้อยความคิด และตำหนิวาสนาตนเอง
หากปล่อยไว้ย่อมทำให้ไม่มีกำลังใจในการปฏิบัติเพื่อผลที่ควรได้แห่งตน
luangpordu.com
65 ๖๕
๓๔
พระทคี่ ล้องใจ
luangpordu.com
๖๖ 66
๓๕
จะเอาดีหรือจะเอารวย
อีกครั้งหนึ่งที่คณะผู้เขียนได้มานมัสการหลวงปู่ เพื่อนของผู้เขียน
ท่านหนึ่งต้องการเช่าพระอุปคุตที่วัดเพื่อนำไปบูชา โดยกล่าวกับผู้ที่มา
ด้วยกันว่าบูชาแล้วจะได้รวย
เพื่อนของผู้เขียนท่านนั้นแทบตะลึงเมื่อมากราบหลวงปู่แล้วท่าน
ได้ตักเตือนว่า“ รวยกับซวยมันใกล้ๆ กันนะ”
ผู้เขียนได้เรียนถามหลวงปู่ว่า“ใกล้กันยังไงครับ”
ท่านยิ้มและตอบว่า“ มันออกเสียงคล้ายกัน”
พวกเราต่างยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สักครู่ท่านจึงขยายความให้พวกเรา
ฟังว่า “จะเอารวยน่ะจะหามายังไงก็ทุกข์จะรักษามันก็ทุกข์หมดไป
ก็เป็นทุกข์อีก กลัวคนจะจี้จะปล้น ไปคิดดูเถอะ มันไม่จบหรอก มีแต่
เรื่องยุ่งเอาดีดีกว่า”
คำว่า“ดี”ของหลวงปู่มีความหมายลึกซึ้งมากผู้เขียนขออัญเชิญ
พระบรมราโชวาทของในหลวงของเราในเรือ่ งการทำความดี ม าเปรียบณ
ที่นี้ความตอนหนึ่งว่า
luangpordu.com
67 ๖๗
luangpordu.com
๖๘ 68
๓๖
หลักพระพุทธศาสนา
luangpordu.com
69 ๖๙
๓๗
“พ”พานของหลวงปู่
หลวงปู่เคยปรารภธรรมกับผู้เขียนว่า
“ถ้าแกเขียนตัวพพานได้เมื่อไรนั่นแหละจึงจะดี”
ผู้เขียนถามท่านว่า“ เป็นอย่างไรครับพพาน”
ท่านตอบว่า“ ก็ตัวพอน่ะซี”
คนเราจะมีชีวิตอยู่ในโลกไม่จำเป็นต้องร่ำรวยมีฐานะแล้วจึงจะมี
ความสขุ ม คี นทลี่ ำบากอกี ม ากแ ต่เขารจู้ กั ว า่ อ ะไรคอื ส งิ่ ท พี่ อตัวก ส็ ามารถ
อยู่อย่างเป็นสุขได้
นี่ก็อยู่ที่คนเรารู้จักคำว่า“พอ”หรือไม่
รู้จัก“พอ”ก็จะมีแต่ความสุข
หากไม่รู้จัก“พอ”ถึงแม้จะร่ำรวยมีเกียรติตำแหน่งใหญ่โตมันก็
ไม่มีความสุขได้เหมือนกัน
คนที่มีเงินก็ยิ่งอยากมีเงินเพิ่มขึ้นอีก
คนที่ทำงานก็อยากกินตำแหน่งสูงขึ้น
มีสิ่งใดก็เป็นทุกข์เพราะสิ่งนั้นไม่มีที่สิ้นสุด
luangpordu.com
๗๐ 70
๓๘
การสอนของท่าน
ว ธิ วี ดั อ ย่างหนึง่ ว า่ ผ ใู้ ดปฏิบตั ธิ รรมได้ด เี พียงใดนนั้ ท า่ นให้ส งั เกตดู
ว่า ผ นู้ นั้ ส ามารถฝกึ ต นส อนตวั เองได้ด เี พียงใดก ารเตือนผอู้ นื่ ไม่ให้ห ลงผดิ
ได้นั้นเป็นสิ่งที่ดีแต่การเตือนตนให้ได้ย่อมดีกว่า
การสอนของหลวงปูท่ า่ นจะทำให้เราดเู ป็นต วั อย่างท า่ นสอนให้เรา
ทำอย่างทที่ า่ นทำม ไิ ด้ส อนให้ท ำตามทที่ า่ นสอนทกุ อ ย่างท ที่ า่ นสอนทา่ น
ได้ท ดลองทำและปฏิบตั ทิ างจติ จ นรจู้ นเห็นห มดแล้วท งั้ ส นิ้ จ งึ น ำมาอบรม
แก่ศิษย์
เหมือนเป็นแ บบอย่างให้เราได้ย ดึ ถือต ามครูอ าจารย์ว า่ ก ารแนะนำ
อบรมหรือสอนธรรมผู้อื่นนั้นเราต้องปฏิบัติจนแน่ใจตนเองเสียก่อนและ
ควรคำนึงถ งึ ส ติป ญ ั ญาความสามารถของตนถ า้ ก ำลังไม่พ อแต่จ ะรบั ภ าระ
มากนอกจากผู้มาศึกษาจะไม่ได้รับประโยชน์แล้วตนเองยังจะกลายเป็น
คนเสียไปด้วย ท่านว่าเป็นการไม่เคารพธรรม และไม่เคารพครูอาจารย์
อีกด้วย
luangpordu.com
71 ๗๑
๓๙
หัดมองชั้นลึก
ทุกส งิ่ ท กุ อ ย่างทอี่ ยูร่ อบตวั เราล ว้ นมคี วามหมายชนั้ ล กึ โดยตวั ข อง
มันเองอยูเ่ สมอไอน์สไตน์ม องเห็นว ตั ถุเขาคดิ ท ะลุเลยไปถงึ ก ารทจี่ ะสลาย
วัตถุให้เป็นป รมาณูส องพีน่ อ้ งตระกลู ไรท์ม องเห็นน กบนิ ไปมาในอากาศก ็
คิดเลยไปถึงการสร้างเครื่องบินได้
พระพุทธเจ้าแต่ครั้งเป็นเจ้าชายสิทธัตถะได้ทรงพบคนแก่คนเจ็บ
คนตายท่านก็มองเห็นถึงความไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตาย
หลวงปูเ่ คยเตือนสติล กู ศ ษิ ย์ร นุ่ ห นุม่ ท ยี่ งั ม องเห็นส าวๆว่าส วยวา่ ง าม
น่าหลงใหลใฝ่ฝันกันนักว่า...
“แกมันดูตัวเกิดไม่ดูตัวดับไม่สวยไม่งามตายเน่าเหม็น
ให้เห็นอย่างนี้ได้เมื่อไรข้าว่าแกใช้ได้”
luangpordu.com
๗๒ 72
๔๐
เวลาเป็นข องมีค่า
หลวงปู่เคยบอกว่า...
“คนฉลาดน่ะเขาไม่เคยมีเวลาว่าง”
เวลาเป็นของมีค่า เพราะไม่เหมือนสิ่งอื่น แก้วแหวน เงิน ทอง
สิ่งของทั้งหลายเมื่อหมดไปแล้วสามารถหามาใหม่ได้
แต่สำหรับเวลาแล้ว หากปล่อยให้ผ่านเลยไปโดยเปล่าประโยชน์
ขอให้ตั้งปัญหาถามตัวเองว่า...
“สมควรแล้วหรือกับวันคืนที่ล่วงไปๆคุ้มค่าแล้วหรือกับลมหายใจ
ที่เหลือน้อยลงทุกขณะ”
luangpordu.com
73 ๗๓
๔๑
ต้องทำจริง
ในเรื่องของความเคารพครูอาจารย์ และความตั้งใจจริงในการ
ปฏิบัติหลวงปู่เคยบอกว่า
“การปฏิบัติ ถ้าหยิบจากตำราโน้นนี้ (หรือ) แบบแผนมาสงสัย
ถามมักจะโต้เถียงกันเปล่าโดยมากชอบเอาอาจารย์โน่นนี่ว่าอย่างนั้น
อย่างนี้มา
การจะปฏิบัติให้รู้ธรรมเห็นธรรมต้องทำจริงจะได้อยู่ที่ทำจริง
ข้าเป็นค นมที ฏิ ฐิแ รงเรียนจากครูบาอาจารย์น ี้ ย งั ไม่ได้ผ ลกจ็ ะตอ้ ง
เอาให้จริงให้รู้ ยังไม่ไปเรียนกับอาจารย์อื่น ถ้าเกิดไปเรียนกับอาจารย์
อื่นโดยยังไม่ทำให้จริงให้รู้ก็เหมือนดูถูกดูหมิ่นครูอาจารย์”
luangpordu.com
๗๔ 74
๔๒
ของจริงนั้นมีอยู่
ม คี นจำนวนไม่น อ้ ยทปี่ ฏิบตั ธิ รรมแล้วเกิดค วามทอ้ ใจป ฏิบตั อิ ยูเ่ ป็น
เวลานานก ย็ งั ร สู้ กึ ว า่ ต นเองไม่ได้พ ฒ
ั นาขนึ้ ห ลวงปูเ่ คยเมตตาสอนผเู้ ขียน
ว่า“ของที่มีมันยังไม่จริงของจริงเขามีเมื่อยังไม่จริงมันก็ยังไม่มี”
หลวงปู่เมตตากล่าวเสริมอีกว่า
“คนที่กล้าจริงทำจริงเพียรปฏิบัติอยู่เสมอจะพบความสำเร็จ
ในที่สุดถ้าทำจริงแล้วต้องได้แน่ๆ”
หลวงปู่ยืนยันอย่างหนักแน่นและให้กำลังใจแก่ลูกศิษย์ของท่าน
เสมอ เพื่อให้ตั้งใจทำจริง แล้วผลที่เกิดจากความตั้งใจจริงจะเกิดขึ้น
ให้ตัวผู้ปฏิบัติได้ชื่นชมยินดีในที่สุด
luangpordu.com
75 ๗๕
๔๓
ล้มให้รีบลุก
เป็นปกติของผู้ปฏิบัติธรรม ช่วงใดเวลาใดที่สามารถปฏิบัติธรรม
ได้ก้าวหน้า จิตใจสงบเย็นเป็นสมาธิได้ง่าย สามารถพิจารณาอรรถธรรม
ให้ผ่านทะลุจิตใจได้โดยตลอดสาย ช่วงดังกล่าวมักจะต้องมีปัญหา และ
อุปสรรคทเี่ ข้าม าในรปู แ บบใดรปู แ บบหนึง่ เพือ่ ม าขวางกนั้ ก ารปฏิบตั ธิ รรม
ของผู้ปฏิบัตินั้นๆถ้าผู้ปฏิบัติธรรมไม่สามารถเตรียมใจรับกับสถานการณ์
นั้นๆ ได้ ธรรมที่กำลังพิจารณาดีๆ ก็ต้องโอนเอนไปมา หรือล้มลุก
คลุกคลานอีกได้
ผ เู้ ขียนเคยกราบเรียนให้ห ลวงปูท่ ราบถงึ ป ญ
ั หาและอปุ สรรคทกี่ ำลัง
ประสบอยู่
หลวงปู่เมตตาให้กำลังใจว่า....
“พอล้มให้รีบลุกรู้ตัวว่าล้มแล้วต้องรีบลุกแล้วตั้งหลักใหม่จะ
ไปยอมมันไม่ได้
...ก็เหมือนกับตอนที่แกเป็นเด็กคลอดออกมา กว่าจะเดินเป็น
แกก็ต้องหัดเดินจนเดินได้ แกต้องล้มกี่ที เคยนับไหม พอล้ม แกก็ต้อง
ลุกขึ้นมาใหม่ใช่ไหม...ค่อยๆทำไป”
luangpordu.com
๗๖ 76
หลวงปู่เพ่งสายตามาที่ผู้เขียนแล้วเมตตาสอนว่า...
“ของข้า เสียมามากกว่าอายุแกซะอีก ไม่เป็นไร ตั้งมันกลับขึ้น
มาใหม่”
ผู้เขียน“ แล้วจะมีวิธีป้องกันไม่ให้ล้มบ่อยได้อย่างไร”
หลวงปู่ “ ต อ้ งปฏิบตั ธิ รรมให้ม ากถ า้ ร วู้ า่ ใจเรายงั แ ข็งแกร่งไม่พ อ
ถูกโลกเล่นงานง่ายๆ แกต้องทำให้ใจแกแข็งแกร่งให้ได้ แกถึงจะสู้กับ
มันได้”
เพื่อเป็นการเพิ่มกำลังใจของนักปฏิบัติ ไม่ว่าจะล้มสักกี่ครั้งก็ตาม
แต่ท กุ ๆ ค รัง้ เราจะได้บ ทเรียนได้ป ระสบการณ์ท แี่ ตกตา่ งกนั ไปให้น อ้ มนำ
สิง่ ท เี่ ราเผชิญม าเป็นค รูเป็นอ ทุ าหรณ์ส อนใจของเราเองเตรียมใจของเรา
ให้พร้อมอีกครั้งถ้าเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก
luangpordu.com
77 ๗๗
๔๔
สนทนาธรรม
เมื่อครั้งที่ผู้เขียนกับหมู่เพื่อนใกล้สำเร็จการศึกษา ได้มากราบ
นมัสการหลวงปู่ ท า่ นได้ส นทนากบั พ วกเราอยูน่ านสาระสำคัญท เี่ กีย่ วกบั
การปฏิบัติคือ
เมื่อพบแสงสว่างในขณะภาวนาให้ไล่ดู ถามท่านไล่แสงหรือไล่จิต
ท่านตอบว่าให้ไล่จิตโดยเอาแสงเป็นประธาน(เข้าใจว่าอาศัยปีติคือความ
สว่างมาสอนจติ ต นเอง)เช่นไล่ว า่ พ ระพุทธพ ระธรรมพ ระสงฆ์ม จี ริงห รือ
ไม่มีจริงก็เป็นพยานแก่ตน
ถามท่านว่าไล่ดูเห็นแต่สิ่งปกปิดคือกิเลสในใจ
ท่านว่า
“ถ้าแกเกลียดกิเลสเหมือนเป็นหมาเน่า หรือของบูดเน่าก็ดี
ให้เกลียดให้ได้อย่างนั้น”
luangpordu.com
๗๘ 78
๔๕
ผูบอกทาง
ค รัง้ ห นึง่ ม ผี มู าหาซอ้ื ย าลมภายในวัด ไมท ราบวา ม จี ำหนา ยทก่ี ฏุ ไิ หน
หลวงปทู่ า นไดบ อกทางให เมือ่ ผนู น้ั ผา นไปแลว หลวงปทู่ า นไดป รารภธรรม
ใหล กู ศษิ ยท น่ี ง่ั อยฟู ง วา
“ขา นง่ั อยู กเ็ หมือนคนคอยบอกทางเขามาหาขา แลว ก็ไป...”
ผเู ขียนไดฟ ง แลว ร ะลึกถ งึ พ ระพุทธเจา ผเู ปน “ ก ลั ยาณมิตร” ค อยชแ้ี นะ
ใหท างเดินด งั พ ทุ ธภาษิตวา “จงรบี พ ากเพียรพยายามดำเนินต ามทางทบ่ี อก
เสียแตเ ดีย๋ วน้ี ตถาคตทง้ั หลายเปน เพียงผชู ท้ี างใหเ ทา นน้ั ”
หลวงปเู่ ปน ผบู อกแตพ วกเราตอ งเปน คนทำและตอ งทำเดีย๋ วน้ี
luangpordu.com
79 ๗๙
๔๖
อย่าท ำเล่น
เคยมีผู้ปรารภกับผู้เขียนว่าปฏิบัติธรรมมาหลายปีเต็มที แต่ภูมิจิต
ภูมิธรรม ไม่ค่อยจะก้าวหน้าถึงขั้น “น่าชมเชย” ยังล้มลุกคลุกคลานอยู่
มองไปทางไหนกเ็ ห็นแ ต่ต วั เองและหมูเ่ พือ่ นเป็นโรคระบาดค อื โรคขาอ่อน
หลังอ่อน ไม่สามารถจะเดินจงกรม นั่งสมาธิได้ ต้องอาศัยนอนภาวนา
พิจารณา“ความหลับ”เป็นอารมณ์เลยต้องพ่ายแพ้ต่อเจ้ากรรมนายเวร
คือเสื่อและหมอนตลอดชาติ
พระพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญบารมีถึง ๔ อสงไขย กำไรแสนมหากัป
ครั้นออกบวชก็ทรงเพียรปฏิบัติอยู่หลายปี กว่าจะได้บรรลุพระโพธิญาณ
หลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่แหวน ฯลฯ ท่านปฏิบัติธรรมตามป่าตาม
เขาบางองค์ถึงกับสลบเพราะพิษไข้ป่าก็หลายครั้งหลวงปู่ดู่ท่านก็ปฏิบัติ
อย่างจริงจังมาตลอดหลายสิบพรรษากว่าจะได้ธรรมแท้ๆมาอบรมพร่ำ
สอนเรา
แล้วเราล่ะปฏิบัติกันจริงจังแค่ไหน
“ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม”แล้วหรือยัง
luangpordu.com
๘๐ 80
๔๗
อะไรมีค่าที่สุด
ถ้าเรามาลองคดิ ด กู นั แ ล้วส งิ่ ท มี่ คี า่ ม ากทสี่ ดุ ในชวี ติ เราตงั้ แ ต่ว นั เกิด
จนกระทัง่ ว นั ต ายค อื อ ะไรห ลายคนอาจตอบวา่ ทรัพย์ส มบัติ ส ามีภ รรยา
บุคคลที่รัก หรือบุตร หรืออะไรอื่นๆ แต่ท้ายที่สุดก็ต้องยอมรับว่า ชีวิต
ของเรานั้นมีค่าที่สุด เพราะถ้าเราสิ้นชีวิตแล้ว สิ่งที่กล่าวข้างต้นก็ไม่มีค่า
ความหมายใดๆ ชีวิตเป็นของมีค่าที่สุด ในจำนวนสิ่งที่เรามีอยู่ในโลกนี้
พระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าก็เป็นของมีค่าที่สุดในโลกสิ่งต่างๆใน
โลกช่วยให้เราพ้นทุกข์ชนิดถาวรไม่ได้แต่พระธรรมช่วยเราได้ผู้มีปัญญา
ท้งั หลายควรจะผนวกเอาส่งิ ท่มี ีคุณค่าท่สี ุดท้งั สองน้ใี ห้ขนานทาบทับเป็น
เส้นเดียวกันอย่าให้แตกแยกจากกนั ได้เลยดงั พระพุทธพจน์ตอนหนึง่ ว่า
กิจโฉมนุสสะปฏิลาโภ การได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก
กิจฉัง มัจจานัง ชีวิตัง การได้มีชีวิตอยู่เป็นของยาก
กิจฉัง สัทธัมมะสะสวนัง การได้ฟังพระสัทธรรมของ
พระพุทธเจ้าเป็นของยาก
กิจโฉพุทธานะมุปปโท การบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้า
เป็นของยาก
luangpordu.com
81 ๘๑
อะไรจะมคี า่ ทีส่ ดุ ส ำหรับผ ทู้ ไี่ ด้ม านมัสการหลวงปูน่ นั้ ค งไม่ใช่พ ระ
พรหมผงหรือเหรียญอันมีชื่อของท่าน
หลวงปู่เคยเตือนศิษย์เสมอว่า
“ข้าไม่มีอะไรให้แก
(ธรรม)ที่สอนไปนั้นแหละ
ให้รักษาเท่าชีวิต”
luangpordu.com
๘๒ 82
๔๘
นายระนาดเอก
๔๙
เสกข้าว
ครั้งหนึ่ง เคยมีศิษย์บางท่านนำข้าวมาให้หลวงปู่ท่านเสกอธิษฐาน
จิตให้ทานเสมอซึ่งท่านก็เมตตาไม่ขัดแต่บ่อยๆเข้าท่านก็พูดว่า
“เสกอะไรกันให้บ่อยๆเสกเองบ้างสิ”
คำพูดนี้ท่านได้ขยายความให้ฟังในภายหลังว่า คำว่า เสกเอง คือ
การเสกตนเองให้เป็นพระ ซึ่งหมายถึงการปฏิบัติต่อจิตใจของตนเอง ยก
ระดับให้ส งู ข นึ้ ห รือม ใี จเป็นพ ระบา้ งม ใิ ช่จ ะเป็นท า่ นอธิษฐานเสกเป่าข อง
ภายนอกเพื่อหวังเป็นมงคลถ่ายเดียวโดยไม่คิดเสกตนเองด้วยตนเอง
luangpordu.com
๘๔ 84
๕๐
สำเร็จท ี่ไหน
มีผู้ปฏิบัติธรรมบางท่านข้องใจข้อปฏิบัติธรรมะเกี่ยวกับการวาง
ที่ตั้งตามฐานของจิตในการภาวนา จึงได้ไปเรียนถามหลวงปู่ตามที่เคยได้
รับรู้รับฟังมาว่า“การภาวนาที่ถูกต้องหรือจะสำเร็จมรรคผลได้นั้นต้อง
ตั้งจิตวางจิตไว้ที่กลางท้องเท่านั้นใช่หรือไม่ ?”
หลวงปู่ท่านตอบอย่างหนักแน่นว่า
“ที่ว่าสำเร็จนั้นสำเร็จที่จิต ไม่ได้สำเร็จที่ฐาน คนที่ภาวนาเป็น
แล้ว จะตั้งจิตไว้ที่ปลายนิ้วชี้ก็ยังได้”
แล้วท่านก็บอกจำนวนที่ตั้งตามฐานต่างๆของจิตให้ฟัง
จะเห็นได้ว่า ท่านไม่ได้เน้นว่าต้องวางจิตใจที่เดียวที่นั่นที่นี่เพราะ
ฐานต่างๆ ของจิตเป็นทางผ่านของลมหายใจทั้งสิ้น ท่านเน้นที่สติและ
ปัญญาที่มากำกับใจต่างหากสมดังในพระพุทธพจน์ที่ว่า
“ม โนปุพพังคะมาธัมมามโนเสฏฐามโนมยาฯ
ธรรมทั้งหลายมีใจถึงก่อนมีใจเป็นใหญ่เป็นประธาน
สำเร็จได้ด้วยใจ”
luangpordu.com
85 ๘๕
๕๑
เรารักษาศีลศีลรักษาเรา
ศีลเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของการปฏิบัติธรรมทุกอย่าง หลวงปู่
มักจะเตือนเสมอว่า ในขั้นต้นให้หมั่นสมาทานรักษาศีลให้ได้ แม้จะเป็น
โลกียศ ลี ร กั ษาได้บ า้ งไม่ได้บ า้ งบ ริสทุ ธิบ์ า้ งไม่บ ริสทุ ธิบ์ า้ งก ใ็ ห้เพียรระวัง
รักษาไปส ำคัญท เ่ี จตนาทจ่ี ะรกั ษาศลี ไว้แ ละปญ ั ญาทค่ี อยตรวจตราแก้ไขตน
“เจตนาหังภิกขเวสีลังวะทามิ”เจตนาเป็นตัวศีล
“เจตนาหังภิกขเวปุญญังวะทามิ”เจตนาเป็นตัวบุญ
จึงขอให้พยายามสั่งสมบุญนี้ไว้ โดยอบรมศีลให้เกิดขึ้นที่จิต เรียก
ว่า เรารักษาศีล ส่วนจิตที่อบรมศีลดีแล้ว จนเป็นโลกุตรศีล เป็นศีลที่ก่อ
ให้เกิดปัญญาในอริยมรรคอริยผลนี้ จะคอยรักษาผู้ประพฤติปฏิบัติมิให้
เสื่อมเสียหรือตกต่ำไปในทางที่ไม่ดีไม่งามนี้แลเรียกว่าศีลรักษาเรา
luangpordu.com
๘๖ 86
๕๒
คนดีของหลวงปู่
ธรรมะที่หลวงปู่นำมาอบรมพวกเราเป็นธรรมที่สงบเย็นและไม่
เบียดเบียนใครด้วยกรรมทั้งสามคือความคิดการกระทำ และคำพูด
ครั้งหนึ่งท่านเคยอบรมศิษย์เกี่ยวกับวิธีสังเกตคนดีสั้นๆ ประโยค
หนึ่งคือ
“คนดีเขาไม่ตีใคร”
ท กุ ส งิ่ ท กุ อ ย่างไม่ว า่ จ ะเป็นการปฏิบตั ธิ รรมห รือก ารทำงานในทาง
โลกนั้นย่อมมีการกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดาของโลกปุถุชน หากเรา
กระทำการสิ่งใดซึ่งชอบด้วยเหตุและผล คือ ได้พยายามทำอย่างดีที่สุด
แล้วอย่าไปกลัวว่า ใครเขาจะว่าอะไรเรา ใครเขาจะโกรธเรา แต่ให้กลัว
ที่เราจะไปว่าอะไรเขากลัวที่เราจะไปโกรธเขา
luangpordu.com
87 ๘๗
๕๓
สั้นๆ ก็มี
เคยมีผู้ปฏิบัติกราบเรียนถามหลวงปู่ว่า
“หลวงปู่ครับ ขอธรรมะสั้นๆ ในเรื่องวิธีปฏิบัติเพื่อให้กิเลส ๓ ตัว
คือโกรธโลภหลงหมดไปจากใจเราจะทำได้อย่างไรครับ”
หลวงปู่ตอบเสียงดังฟังชัดจนพวกเราในที่นั้นได้ยินกันทุกคนว่า
“สติ”
luangpordu.com
๘๘ 88
๕๔
แบบปฏิบัติธรรมหลวงปู่ดู่เป็นเช่นใด?
ในยุคปัจจุบันที่สังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้คนเผชิญ
กับค วามทกุ ข์ค วามเดือดรอ้ นกนั ถ ว้ นหน้าไม่ว า่ จ ะเป็นป ญ ั หาในเรือ่ งปาก
ท้องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินผู้คนต่างแสวงหาที่พึ่งแสวงหา
คำตอบของชีวิต ในขณะเดียวกันก็มีผู้ตั้งตนเป็นอาจารย์สอนการปฏิบัติ
ธรรมกันมาก
เกี่ยวกับเรื่องแบบปฏิบัติธรรมนี้ หลวงปู่ได้เล่าไว้ว่าเคยมีผู้พิมพ์
แบบปฏิบัติธรรมมาถวายและใช้คำว่า “แบบปฏิบัติธรรมวัดสะแก”
ท่านแก้ให้ว่า อย่างนี้ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นแบบของพระพุทธเจ้า ไม่ควร
ใช้ว่าเป็นแบบของวัดใด
อีกครั้งหนึ่งที่เคยมีผู้ตั้งคำถามในอินเตอร์เน็ตว่า
“แบบปฏิบัติธรรมของหลวงปู่ดู่เป็นอย่างไร”
ข้าพเจ้าหวนระลึกถึงบทสนทนาตอนหนึ่งที่หลวงปู่เคยเล่าให้ฟัง
เมือ่ ค รัง้ ม ลี กู ศ ษิ ย์ม าขอศกึ ษาธรรมตามแบบของทา่ นห ลวงปูไ่ ด้ต อบศษิ ย์
ผูน้ นั้ ไปวา่ ข า้ ไม่ใช่อ าจารย์ห รอกอ าจารย์น นั่ ต อ้ งพระพุทธเจ้าห ลวงปูท่ วด
นั่นข้าเป็นลูกศิษย์ท่าน
luangpordu.com
89 ๘๙
luangpordu.com
๙๐ 90
๕๕
บทเรียนบทแรก
luangpordu.com
91 ๙๑
เห็นอ ะไรไหมข า้ พเจ้าเห็นพ ระพุทธรปู อ ยูเ่ บือ้ งหน้าแ ต่ข า้ พเจ้าน งิ่ ไม่ต อบ
อะไรท่าน เนื่องจากตั้งแต่ข้าพเจ้าเกิดมาในชีวิต ยังไม่เคยพบเหตุการณ์
เช่นนี้จึงไม่ทราบว่า“ เห็น”ในความหมายของหลวงปู่นั้นหมายถึง“ เห็น
อย่างไร”และชัดเจนขนาดไหนที่เรียกว่า“ เห็น”ของท่าน
สักครู่ท่านจึงพูดย้ำกับข้าพเจ้าว่า “แกเห็นพระพุทธรูปแล้วนี่
ดูเสียที่นี่ จะได้หายสงสัยว่าข้าให้อะไรแก กลับบ้านแกจะได้ไม่สงสัย
เป็นพระยืนเดินนั่งหรือว่านอน”
“ยืนครับ”ข้าพเจ้าตอบท่าน
“เออ!ข้าโมทนาสาธุด้วยที่ข้าให้เป็นพระประจำวันเกิดของแก
เอาไปบูชาให้ดี”ท่านตอบ
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ศิษย์ขี้สงสัยอย่างข้าพเจ้ามีหรือจะไม่อด
ที่จะสงสัยต่อ ยามว่างทั้งในเวลากลางวันหรือกลางคืน ข้าพเจ้าจะมานั่ง
มองดูพระพุทธรูป เอาสองมือประคองจับที่ฐานขององค์พระ...หลับตา..
ทำสมาธิ...ด้วยความอยากดู...อยากรู้อยากเห็นองค์พระอย่างที่ท่านเคย
ทำให้ข้าพเจ้าเห็น
วันแล้ววันเล่าครั้งแล้วครั้งเล่า...อนิจจา...เวลาผ่านไป๑สัปดาห์
...๑เดือน...๒เดือน...๓เดือนก็แล้วยังไม่มีวี่แววที่ข้าพเจ้าจะได้เห็นองค์
พระที่ท่านทำให้ข้าพเจ้าดูที่วัดสะแกเช่นวันนั้นอีกเลย
จวบจนกระทั่งหลายเดือนต่อมา ข้าพเจ้าได้มีโอกาสมากราบ
นมัสการหลวงปู่อีก จึงได้เรียนถามท่านว่า ทำไมเมื่อข้าพเจ้ากลับไปบ้าน
luangpordu.com
๙๒ 92
แล้วลองจับพระอีก จับจนทองคำเปลวที่ปิดฐานขององค์พระซีดเป็น
รอยมือ ข้าพเจ้าก็ยังไม่เห็นองค์พระแม้สักครั้งเดียว หลวงปู่ยิ้มก่อนตอบ
ข้าพเจ้าด้วยความเมตตาว่า “ทำจนหายอยากแหละแก ข้าทำมาก่อน
แล้ว”
ข้าพเจ้าก ลับม านงั่ ค ดิ ท บทวนอยูห่ ลายครัง้ ค วามชดั เจนในคำตอบ
ของหลวงปูจ่ งึ ค อ่ ยๆก ระจ่างขนึ้ เป็นล ำดับ...ต อ้ งเริม่ ท คี่ วามอยากเสียก อ่ น
จึงค ดิ ท จี่ ะทำแ ต่ถ า้ ท ำดว้ ยความอยากก จ็ ะไม่ส ำเร็จเมือ่ ค วามอยากหมด
ไปเมื่อไรเมื่อนั้นจึงจะพบของจริง
กุญแจคำตอบสำหรับ...บทเรียนบทแรกของการเรียนธรรมะจาก
หลวงปู่ ทำให้ข้าพเจ้าเข้าใจได้ว่า ท่านได้ใช้กุศโลบายให้ข้าพเจ้าจดจำ
รูปพรรณสัณฐานขององค์พระพุทธรูปให้ได้หลังจากที่ได้ใช้เวลา บวกกับ
ความอยากอยู่เป็นเวลาหลายเดือน ข้าพเจ้าจึงเริ่มได้ พุทธานุสติ ธัมมา-
นุสติ และ สังฆานุสติ จากการเพ่งมององค์พระจนเกิดเป็นภาพติดตา...
ติดใจ ในที่สุด เป็นการสอนการภาวนาในภาคสมถธรรม พร้อมกับแนะ
วิธีวางอารมณ์พระกรรมฐานของหลวงปู่สำหรับข้าพเจ้าอย่างเยี่ยมยอด
ทีเดียว
luangpordu.com
93 ๙๓
๕๖
หนึ่งในสี่(อีกครั้ง)
luangpordu.com
๙๔ 94
โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล
สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล
อนาคามิมรรค อนาคามิผล
อรหัตตมรรค อรหัตตผล
อย่างน้อยเราเกิดมาชาตินี้ได้พบพุทธศาสนาเปรียบเหมือนสมบัติ
ล้ำค่าแ ล้วก ค็ วรปฏิบตั ติ ามคำสอนทา่ นให้เข้าถ งึ ค วามพน้ ท กุ ข์อย่างนอ้ ย
ที่สุดคือโสดาปัตติผล เพราะคนที่เข้าถึงความเป็นพระโสดาบันแล้ว หาก
ยังไม่บรรลุพระนิพพานในชาตินี้ชาติต่อไปก็จะไม่เกิดในภพภูมิที่ต่ำกว่า
มนุษย์อันได้แก่สัตว์นรกเปรตอสุรกายสัตว์เดรัจฉานอีก
ข้าพเจ้าเชื่อว่าการที่หลวงปู่เปรียบธรรมในเรื่องนี้กับซองบุหรี่บ้าง
หรือแผ่นกระจกบ้างเพราะต้องการให้เราหมั่นนึกคิดพิจารณาในเรื่องนี้
บ่อยๆว ตั ถุร ปู ท รงสเี่ หลีย่ มเป็นร ปู ท รงวตั ถุท เี่ ราสามารถพบได้บ อ่ ยทสี่ ดุ ใน
ชีวติ ป ระจำวนั ม อี ยูร่ อบตวั เราตลอดเวลาตงั้ แ ต่ว นั เกิดก ระทัง่ ว นั ต ายม อี ยู่
ทั่วไปได้แก่เตียงนอนนาฬิกาปลุกหนังสือรูปภาพรถยนต์โต๊ะทำงาน
โทรทัศน์หน้าต่างประตูและอื่นๆอีกมากมายจนกระทั่งสิ่งสุดท้ายที่อยู่
ใกล้ตัวเราคือโลงศพ
หากผใู้ ดเห็นว า่ ธ รรมเรือ่ งหนึง่ ในสขี่ องหลวงปูเ่ ป็นธ รรมสำคัญแ ล้ว
ข้าพเจ้าเชือ่ เหลือเกินว า่ ผูน้ นั้ จ ะเป็นผ ไู้ ม่มกี เิ ลสในไม่ช า้ น ี้ จ งึ ข อฝากธรรมะ
จากหลวงปู่ให้เรานำไปพิจารณาด้วย
luangpordu.com
95 ๙๕
๕๗
วิธีคลายกลุ้ม
luangpordu.com
๙๖ 96
บางทีโชคดีก็มีแอปเปิ้ลให้ได้ทานอิ่มท้องด้วย
มีเรื่องเล่าว่า มีโยมคนหนึ่งเกิดกลุ้มอกกลุ้มใจในชีวิตที่แสนสับสน
วุ่นวายของตนโดยไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร จึงได้ไปกราบขอให้หลวงพ่อ
พุทธทาสช่วยคลายทุกข์ให้
หลวงพ่อถามว่า“มันกลุ้มมากหรือโยม”
“มากครับท่านสมองแทบจะระเบิดเลยแน่นอยู่ในอกไปหมด”
“เอางี้ โยมออกไปยืนที่กลางแจ้ง สูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ
สามครั้งแล้วตะโกนให้ดังที่สุดว่า กกู ลุ้มจริงโว้ย กูกลุ้มจริงโว้ย กูกลุ้ม
จริงโว้ย”
โยมผู้นั้นออกไปทำตามที่หลวงพ่อแนะนำแล้วกลับเข้ามาหาท่าน
ด้วยใบหน้าที่ผ่อนคลาย
“เป็นไง”หลวงพ่อถาม
“รู้สึกสบายขึ้นแล้วครับ”เขาตอบ
“เออเอากลุ้มออกแล้วนี่”ท่านกล่าวยิ้มๆแล้วไม่พูดอะไรอีก
ข้าพเจ้าเคยเห็นคนที่ไปหาหลวงปู่ดู่หลายรายมีความกลุ้ม มี
ความเครียด เสร็จแล้วเมื่อมาถึงวัด นั่งอยู่ต่อหน้าท่าน หลายคนเล่าให้
ข้าพเจ้าฟังว่า ไม่รู้ว่าไอ้เจ้าตัวกลุ้มตัวเครียดมันพากันหายไปไหนหมด มี
แต่ความเบาสบายกายสบายใจอยากอยู่ตรงหน้าหลวงปู่นานๆบางคน
ขอเพียงได้นั่งเฉย ๆก็มี
luangpordu.com
97 ๙๗
ธรรมที่ท่านเคยสอนไว้มิได้สูญหายไปด้วยเลย หากเรามีความกลุ้มอก
กลุม้ ใจไม่ว า่ เรือ่ งใดโดยเฉพาะเรือ่ งปญ ั หาเศรษฐกิจย คุ ป จั จุบนั ป ญ
ั หาเรือ่ ง
สุขภาพปัญหาเรื่องครอบครัว ปัญหาเรื่องงานปัญหาอะไรก็แล้วแต่
ข้าพเจ้าขอแนะนำวิธีคลายเครียดที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งคือให้หามุมสงบ
ในบ้านของท่าน หรือจะเป็นห้องพระก็ยิ่งดีขอให้ท่านนั่งที่หน้าพระพุทธ
รูปหรือรูปหลวงปู่ดู่จะลืมตาหลับตาก็ตามแต่อัธยาศัยครับสูดลมหายใจ
ลึกๆ พอสบายดีแล้วก็พูดระบายความในใจให้ท่านฟัง ความกลุ้มความ
เครียดจะลดลงได้
เหมือนคนที่ทานอาหารมากเกินไปจนมีแก๊สอยู่เต็มท้อง อึดอัด
ไปหมด หากได้ดื่มน้ำขิงร้อนหรือทานยาขับลมเสียบ้างคงจะดี เมื่อกาย
สบายใจสบาย สมองก็จะปลอดโปร่งแจ่มใสสบายกายสบายใจ และ
สามารถมองเห็นหนทางแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น
เราเคยรู้สึกอย่างนี้กันบ้างไหม ถ้าถามข้าพเจ้าก็ต้องขอตอบอย่าง
มั่นใจว่า
“เคยครับ”
ข า้ พเจ้าเชือ่ ว า่ ห ลวงปูท่ า่ นเมตตาคอยเป็นก ำลังใจและให้ค วามชว่ ย
เหลือเราเสมอขอให้เราตั้งใจแก้ปัญหาด้วยสุจริตวิธี
ไม่มีปัญหาใดในโลก ที่มนุษย์ก่อขึ้นแล้วมนุษย์จะไม่สามารถแก้ไข
ได้ข้าพเจ้าเชื่ออย่างนี้จริงๆ
luangpordu.com
๙๘ 98
๕๘
อะไรได้อะไรเสีย
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าในชีวิตคนเรานั้นต้องประสบความสูญเสีย
ทุกคนบางคนสูญเสียคนรักพ่อแม่ลูกเมียญาติเพื่อนอันเป็นเหตุแห่ง
ความกระทบกระเทือนทางจิตใจที่สำคัญยิ่งการสูญเสียเงินทองข้าวของ
ทรัพย์ส มบัติ ก เ็ ป็นต้นเหตุห นึง่ ข องความทกุ ข์โทมนัสอ นั ใหญ่ห ลวงของอกี
หลายๆ คน ของที่เคยมีเคยได้ กลับเป็นของที่ไม่มีไม่ได้ คนที่เคยรักต้อง
พลัดพรากจากไกลกันการค้าที่เคยมีกำไรกลับกลายเป็นขาดทุนเสียหาย
จนทำใจให้ยอมรับได้ยาก
หากยังจำกันได้ พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ที่พระราชทานเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา เมื่อปี ๒๕๓๔ มี
ความตอนหนึ่งว่า
“การขาดทุนของเรา เป็นการได้กำไรของเรา (Our loss is our
gain.)” ซึ่งท่านได้อธิบายว่า “ ถ้าเราทำอะไรที่เป็นการกระทำ แล้วเราก็
เสียแต่ในที่สุดก็ไอ้ที่เราเสียนั้นมันเป็นการได้เพราะว่าทางอ้อมได้”
เป็นพระราชดำรัสที่มีความไพเราะลึกซึ้งกินใจยิ่งนัก
สำหรับน กั ป ฏิบตั แิ ล้วถ า้ เราพร้อมทจี่ ะเรียนรู้ ท กุ ส งิ่ ท กุ อ ย่างทผี่ า่ น
luangpordu.com
99 ๙๙
เข้าม าในชวี ติ ก จ็ ะเป็นค รูข องเรา ไม่ว า่ จ ะเป็นการกระทำทถี่ กู ต อ้ งห รือก าร
กระทำที่ผิดพลาดสิ่งที่ได้มาสิ่งที่เสียไป ความทรงจำอันสวยงามหรือไม่
งามสิ่งที่ยังมีชีวิตอยู่หรือสิ้นไปแล้วก็ตาม
เสียงของหลวงปูแ่ ว่วมาในความคดิ คำนึงของขา้ พเจ้าทนั ที “ถกู เป็น
ค รูผ ดิ ก เ็ ป็นค รู” แ ต่ผ ดิ เป็นค รูท ดี่ กี ว่าเพราะทำให้เราไม่ป ระมาทให้ผ ดิ ว นั
นี้ เป็นถูกของวันหน้าให้สิ่งที่เสียไปคือสิ่งที่ได้มาอย่างที่ในหลวงท่าน*...
ได้มอบไว้ให้พวกเรา
luangpordu.com
๑๐๐ 100
๕๙
ความสำเร็จ
luangpordu.com
101 ๑๐๑
luangpordu.com
๑๐๒ 102
๖๐
อารมณ์ขันของหลวงปู่
luangpordu.com
103 ๑๐๓
๖๑
ของหายาก
luangpordu.com
๑๐๔ 104
luangpordu.com
105 ๑๐๕
๖๒
คนหายาก
ในพระพุทธศาสนาไดพูดถึงบุคคลหาไดยากในโลกนี้มี๒ประเภท
คือบุพการีและบุคคลผูมีกตัญ ูกตเวที
บ พุ การีห มายถงึ บ คุ คลผทู ำอปุ ก าระกอ นหรือค อื ผ มู พี ระคุณน นั่ เอง
ไดแก พระพุทธเจา ครูอาจารย มารดาบิดา และพระมหากษัตริยที่ทรง
ทศพิธราชธรรมในที่นี้จะขอพูดถึงพอแมของเรา
ในมงคลสูตรไดกลาวไวตอนหนึ่งวา มาตาปตุอุปฏฐานัง เอตัมมัง
คะละมตุ ตะมังการบำรุงมารดาและบดิ าเปน มงคลสงู สุดในชวี ติ อยา งหนึง่
ม ผี กู ลา ววา “ ว นั แ ม” ส ำหรับล กู ห ลายๆค นมวี นั เดียวในหนึง่ ป แ ต
สำหรับแมแลว“ วันลูก”มีอยูทุกวัน
ความขอนี้เปนจริงอยางที่ไมมีใครอาจปฏิเสธได โดยทั่วไปแลว
ความรักที่แมมีตอลูกนั้น ยอมมีมากกวาความรักที่ลูกมีตอแม ในบทสวด
เทวตาทิสสทักขิณานุโมทนา ไดกลาวเปรียบไววา
“...มาตาปุตตังวะโอระสังเทวะตานุกัมปโต...”
คำแปลตอนหนึ่งของบทสวดมีความว่า
“...บัณฑิตชาติอยู่ในสถานที่ใด พึงเชิญท่านที่มีศีลสำรวมระวัง
luangpordu.com
๑๐๖ 106
luangpordu.com
107 ๑๐๗
๖๓
ด้วยรักจากศิษย์
luangpordu.com
๑๐๘ 108
...ได้มาเจอหลวงปู่ผมถือว่าไม่เสียชาติเกิดแล้วครับ
หลวงปูค่ รับ...ใครจะคดิ ว า่ ห ลวงปูด่ กู่ บั ห ลวงปทู่ วดเป็นอ งค์เดียวกัน
หรือไม่ผมไม่สนใจหรอกครับ
ห ากหลวงปูเ่ ป็นห ลวงปทู่ วดจริงๆ ผ มถอื ว่าพ วกเราโชคดที สี่ ดุ ค รับ
ความทหี่ ลวงปู.่ ..เป็นห ลวงปูด่ …ู่ อ ย่างเดียวก ท็ ำให้ผ มรกั แ ละเคารพหลวงปู่
จนเต็มล้นหัวใจไม่มีอะไรจะทำให้เต็มไปกว่านี้อีกแล้วครับ
luangpordu.com
109 ๑๐๙
๖๔
ด้วยรักจากหลวงปู่
เมือ่ ค รัง้ ท ห่ี ลวงปูอ่ าพาธในชว่ ง๒ -๓ ป ี ก อ่ นทท่ี า่ นจะจากพวกเราไป
คุณธรรมอันโดดเด่นคือ ความอดทนและความเมตตาของท่านยิ่งชัดเจน
ในความรู้สึกของข้าพเจ้า
บ่อยครั้งที่ศิษย์จอมขี้แยอย่างข้าพเจ้า ไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตา
ไว้ได้ในความคดิ ค ำนึงว า่ ไอ้ค วามขเ้ี กียจค วามไม่เอาไหนไม่เอาถา่ นของเรา
ทำให้ท่านต้องทนนั่งแบกธาตุขันธ์ที่เจ็บป่วยสอนศิษย์โง่ๆ อย่างเรา ทั้ง
อบรมก็แล้วพร่ำสอนก็แล้วว่ากล่าวตักเตือนก็แล้วศิษย์จอมขี้เกียจก็ยัง
ไม่สามารถเอาตัวเองเป็นที่พึ่งได้
สรีระของหลวงปู่เปลี่ยนแปลงผ่ายผอม และซูบซีดลงแต่ตรงกัน
ข้ามกบั ก ำลังใจของทา่ นทเี่ อ่อล น้ ด ว้ ยความรกั แ ละหว่ งใยศษิ ย์ทีก่ ลับเพิม่
ทวีคูณขึ้นในหัวใจของท่านจนยากที่ศิษย์ทุกชีวิตจะปฏิเสธได้ในความรัก
และปรารถนาดีของท่าน
ในโลกของข้าพเจ้า ความรักของหลวงปู่ยิ่งใหญ่อย่างยิ่ง แต่สิ่งที่
สำคัญยิ่งกว่าคือท่านสอนให้ศิษย์ทั้งหลายรู้จักวิธีที่จะหยิบยื่นความรัก...
ความปรารถนาดี...ให้กับคนรอบข้างดังที่ท่านได้ปฏิบัติเป็นแบบอย่างได้
luangpordu.com
๑๑๐ 110
luangpordu.com
111 ๑๑๑
๖๕
จิ้งจกทัก
luangpordu.com
๑๑๒ 112
luangpordu.com
113 ๑๑๓
๖๖
หลวงปู่กับศิษย์ใหม่
luangpordu.com
๑๑๔ 114
ไปกราบนมัสการทา่ นเลยท งั้ ส ามองค์ต า่ งกม็ กี งั วลวา่ แ ล้วจ ะได้ฉ นั เพลกนั
หรือไม่
ในทสี่ ดุ ก ต็ ดั สินใจวา่ ไม่ได้ฉ นั ก ไ็ ม่เป็นไรไปกราบหลวงปูใ่ ห้ส มความ
ตัง้ ใจกอ่ นดกี ว่าค รัน้ พ อเดินเข้าป ระตูว ดั ได้ป ระมาณสกั ร อ้ ยเมตรก ม็ ศี ษิ ย์
ฆราวาสของหลวงปูค่ นหนึง่ ต รงเข้าม าหาแล้วบ อกวา่ “ ห ลวงปูน่ มิ นต์ให้ฉ นั
เพลที่นี่ท่านไม่ต้องกังวลหลวงปู่ให้เด็กจัดอาหารให้แล้ว”
ทุกองค์ต่างแปลกใจ เหมือนกับหลวงปู่จะรู้ล่วงหน้าว่า จะมีพระ
เดินทางมาหาจึงให้ลูกศิษย์จัดเตรียมอาหารไว้ถวายพระด้วย
จากนั้นพระทั้งสามองค์ได้ขึ้นมาที่หอสวดมนต์บริเวณตรงข้ามกุฏิ
ของหลวงปู่ก้มลงกราบพระ๓ครั้งแล้วหันมาทางหลวงปู่ยกมือไหว้ท่าน
จากระยะไกลก อ่ นทจี่ ะเข้าม ากราบทา่ นแ ต่จ ะนงั่ พ บั เพียบกย็ งั ไม่ก ล้าน งั่
ได้แต่นั่งคุกเข่าอยู่ต่างองค์ต่างก็ยังนั่งกระสับกระส่ายด้วยคิดกังวลกันว่า
คงตอ้ งอาบัตหิ ากตอ้ งนงั่ ฉ นั โดยไม่มอี าสนะในทเี่ ดียวกบั ท นี่ งั่ ข องฆราวาส
เพราะตามพระวินัยแล้ว ภิกษุจะไม่นั่งเสมอหรือร่วมอาสนะเดียวกับ
อนุป สัมบ นั ซ งึ่ ห มายถงึ ผ ทู้ ยี่ งั ไม่ได้อ ปุ สมบทได้แก่ค ฤหัสถ์และสามเณร
หรือผู้ที่ไม่ใช่ภิกษุหรือภิกษุณี
สักครู่หนึ่งฆราวาสคนเดิมก็เข้ามาบอกว่า
“หลวงปู่ท่านถามว่าธรรมยุตินี้ต้องมีอาสนะใช่หรือไม่ท่านให้จัด
เตรียมอาสนะมาให้แล้ว”
ทั้งสามองค์จึงได้อาสนะมาปูนั่งฉันจนเรียบร้อย ไม่ต้องอาบัติ
luangpordu.com
115 ๑๑๕
นี้เป็นอัศจรรย์เหมือนหลวงปู่สามารถรู้วาระจิตของพระท้งั สามเป็นครั้ง
ทีส่ องเมือ่ ฉ นั เสร็จจ งึ ได้ม ากราบนมัสการทา่ นได้แ ต่น งั่ ข า้ งลา่ งไม่ก ล้าน งั่
เสมอกับท่านหลวงปู่ท่านได้เมตตาเป็นที่สุดโดยเรียกให้พระใหม่นั่งข้าง
บนเสมอกับท่านและบอกว่า“ เราลูกพระพุทธเจ้าเหมือนกัน”
จากนั้นทั้งสามองค์ต่างถวายตัวเป็นศิษย์ หลวงปู่ท่านกล่าว
อนุโมทนาแล้วแ นะนำให้ไปเรียนพระกรรมฐานกบั พ ระสายหยุดภ รู ทิ ตั โต
ที่กุฏิหลังวัด
luangpordu.com
๑๑๖ 116
๖๗
คาถาของหลวงปู่
ท่านที่เคยมีโอกาสไปเยือนเจดีย์พิพิธภัณฑ์ของท่านพระอาจารย์
จวน กุลเชษโฐ ณ วัดเจติยาคิรีวิหาร จังหวัดหนองคาย จะสังเกตบาน
ประตูไม้ป ระดูแ่ ผ่นเดียวแ กะสลักด ว้ ยลายทเี่ รียบงา่ ยปดิ ท องและกระจกสี
เพือ่ ร กั ษาเนือ้ ไม้ก ลางประตูด า้ นในสลักเป็นร ปู น กยงู ซ งึ่ เป็นส ญ
ั ญลกั ษณ์
หมายถึงคาถายูงทองของท่านพระอาจารย์มั่นภูริทัตตมหาเถระที่ศิษย์
ของท่านทุกองค์ต่างให้ความเคารพและระลึกถึงโดยสวดสาธยายเป็น
ประจำว่า
“...นะโมวิมุตตานังนะโมวิมุตติยา”
คืนวันหนึ่งข้าพเจ้าได้มีโอกาสกราบนมัสการเรียนถามหลวงปู่ดู่ว่า
“ลูกศิษย์ท่านพระอาจารย์มั่น มีคาถายูงทองเป็นเครื่องระลึกถึงครูบา-
อาจารย์ แล้วลูกศิษย์ของหลวงปู่ควรใช้คาถาบทใดเป็นเครื่องระลึกถึง
พระคุณของครูบาอาจารย์บ้าง”
หลวงปูไ่ ด้ว สิ ชั นาโดยให้ข า้ พเจ้าไปเปิดด ู “อุณหสิ สะวิชะยะสตู ร” ใน
หนังสือมุตโตทัยซ งึ่ เป็นค ำสอนของทา่ นพระอาจารย์ม นั่ ภ รู ทิ ตั ต มหาเถระ
(รวบรวมและเรียบเรียงโดยพระอาจารย์วิริยังค์สิรินธโรวัดธรรมมงคล)
luangpordu.com
117 ๑๑๗
luangpordu.com
๑๑๘ 118
luangpordu.com
119 ๑๑๙
๖๘
อย่าให้ใจเหมือน...
luangpordu.com
๑๒๐ 120
luangpordu.com
121 ๑๒๑
๖๙
วัตถุสมบัติธรรมสมบัติ
luangpordu.com
๑๒๒ 122
ดีของบุคคลที่ใช้ธรรมสมบัติ ยังความสงบเย็นให้แก่ใจทุกดวงที่ได้เข้ามา
ใกล้ชิดท่านไม่เฉพาะคนหรือสัตว์แต่รวมไปถึงเหล่าเทพยดาและอมนุษย์
ทัง้ ห ลายทศี่ ษิ ย์ข องหลวงปูห่ ลายคนต า่ งมปี ระสบการณ์อ นั เป็นป จั จัตต งั
และสามารถเป็นประจักษ์พยานได้อย่างดี
หลวงปู่เคยบอกข้าพเจ้าว่า
“คนทำ(ภาวนา)เป็นนี่ใครๆก็รัก
ไม่เฉพาะคนหรือสัตว์ที่รัก
แม้แต่เทวดาเขาก็อนุโมทนาด้วย”
luangpordu.com
123 ๑๒๓
๗๐
ทำไมหลวงปู่...
สมัยที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปลงอายุสังขาร
แล้วนั้น ได้ทรงปรารภเรื่องพระติสสะเถระในคราวที่พระองค์จวนจะ
ปรินพิ พานมคี วามตอนหนึง่ ทท่ี า่ นพระอาจารย์มหาบวั ญาณสมั ปนั โนได้
นำมาถ่ายทอดอบรมศิษย์ไว้ในหนังสือ“ ความรักเสมอตนไม่มี”ความว่า
“ก่อนจะปรินิพพาน จากวันปลงพระชนม์ไปถึงวันเพ็ญเดือนหก
พระสงฆ์ยุ่งกันใหญ่ พอปลงพระชนม์ว่าจะปรินิพพาน ยุ่งกัน เกาะกัน
เป็นฝูงๆ ว่างั้นเลย อย่าว่าเป็นคณะๆ เลย เป็นฝูงๆ คือจิตใจมันยุ่ง
แต่ภายนอก มีพระติสสะองค์เดียวไม่ยุ่งกับใคร เข้าอยู่ในป่าตลอดทั้ง
วันทั้งคืน แล้วพระบ้าเหล่านี้หาว่าพระติสสะไม่มีความจงรักภักดีต่อ
พระพุทธเจ้าพ ระพุทธเจ้าจ ะปรินพิ พานพ ระตสิ ส ะไม่เห็นม าปรารภอะไร
เลยอ ยูแ่ ต่ในปา่ จ งึ พ ากนั เข้าฟ อ้ งพระพุทธเจ้าว า่ พ ระตสิ ส ะไม่มคี วามหวังด ี
ในพระพุทธเจ้าไม่มีความเยื่อใยในพระพุทธเจ้าหลีกไปอยู่แต่องค์เดียว
พระองค์เป็นผู้ทรงเหตุผลอยู่แล้ว จึงรับสั่งเรียกพระติสสะมา
เข้าเฝ้าท่ามกลางสงฆ์ ไหนวา่ อย่างไรพระตสิ สะ เวลาน้พี วกบา้ น้ี ถา้ เป็น
หลวงตาบัวจะพูดอย่างนั้น เวลาน้ีพวกบ้าน่นั ว่าเธอไม่มีความจงรักภักดี
luangpordu.com
๑๒๔ 124
luangpordu.com
125 ๑๒๕
ถ้าเราปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรมแล้ว ได้เตรียมใจของเราให้เป็น
ภาชนะอย่างดีสำหรับรองรับธรรม สามารถเก็บรักษาธรรมมิให้ตกหล่น
สูญหายไปได้ข้าพเจ้าเชื่อเหลือเกินว่า...
พระพุทธเจ้าและหลวงปู่ไม่ทิ้งเราแน่นอน
luangpordu.com
๑๒๖ 126
๗๑
“งาน”ของหลวงปู่
ทุกชีวิตย่อมมีงานเพราะงานเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต บางทีเราอาจ
ลืมไปวา่ ง านของชวี ติ ท เี่ ราทำอยูด่ แี ล้วพ อแล้วแ ต่ย งั ม งี านอนื่ ท นี่ อกเหนือ
จากหน้าที่การงานหรืองานประจำที่เราทำอยู่ ท่านพุทธทาสภิกขุเคยให้
โอวาทตอนหนึ่งว่า
“.....ให้เอางานในความหมายของคนทั่วไปเป็นงานอดิเรก
เอางานคอื ก ารปฏิบตั ธิ รรมเป็นง านหลักข องชวี ติ เป็นการงานทแี่ ท้จ ริง
ของชีวิต”
ถ้าเราเข้าใจในความหมายนี้ ชีวิตจะสดใสขึ้น ปลอดโปร่งใจขึ้น
ความกังวลความกลัดกลุ้มจะลดลง ความโลภความโกรธความหลงจะ
ลดลงหากได้ฝึกสังเกตความคิดและความรู้สึกของตนเองนี่เป็นงานของ
ชีวิตอีกระดับหนึ่งที่ควรทำความเข้าใจและปฏิบัติให้ถูกต้อง หลวงปู่ดู่มัก
จะใช้ค ำศพั ท์ท วี่ า่ ให้ไป“ท ำงาน”ก บั ล กู ศ ษิ ย์ซ งึ่ ห มายถงึ ให้ไป“ ภ าวนา”
หรืออีกนัยหนึ่ง “งาน” ในความหมายของท่าน ก็คือ “งานรื้อวัฏฏะ”
นั่นเอง
ท่านเคยบอกข้าพเจ้าว่า
luangpordu.com
127 ๑๒๗
luangpordu.com
๑๒๘ 128
๗๒
ขอเพียงความรู้สึก
นักปฏิบัติภาวนาหลายท่านชอบติดอยู่กับการทำสมาธิแบบสงบ
ไม่ชอบที่จะใช้ปัญญาพิจารณาเรื่องราวต่างๆ ให้เห็นเหตุและผล ให้ลง
หลักความจริงหากจะถามว่าพิจารณาอย่างไร?
ครั้งหนึ่ง หลวงปู่เคยยกตัวอย่างให้ข้าพเจ้าฟังว่า หากใจเราว่าง
จากการพิจารณาเรื่องเกี่ยวกับความจริงของชีวิตแล้ว เรื่องที่ควรสนใจ
ศึกษานอ้ มนำมาพจิ ารณาให้ม ากอกี เรือ่ งหนึง่ ค อื พ ทุ ธประวัติ ป ระวัตขิ อง
ครูบาอาจารย์องค์ต่างๆ ได้แก่ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ท่าน
พระอาจารย์มหาบัวญาณสัมปันโนเป็นต้น
การพิจารณานั้น ขอให้เทียบเคียงความรู้สึกว่า เรามีความรู้ความ
เข้าใจในเรื่องที่ศึกษามากขึ้นเพียงใด เช่น ในช่วงปีแรกที่เราได้รู้จักท่าน
พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน เรามีความรู้สึกเคารพเลื่อมใสท่าน
อย่างไรต อ่ ม าเราได้ไปอยูป่ ฏิบตั ภิ าวนาทวี่ ดั ข องทา่ นได้เห็นข อ้ ว ตั รปฏิบตั ิ
ต่างๆ ของท่าน ได้เห็นสาธารณประโยชน์หลายอย่างที่ท่านพาทำ ความ
รู้สึกเคารพเลื่อมใสศรัทธาของเราย่อมมีมากขึ้นฉันใด การศึกษาพุทธ-
ประวัติก็ฉันนั้น
luangpordu.com
129 ๑๒๙
luangpordu.com
๑๓๐ 130
๗๓
ปาฏิหาริย์
luangpordu.com
131 ๑๓๑
การปฏิบตั อิ ย่างนนั้ แ ละยงั ส ามารถนำไปประพฤติป ฏิบตั ติ ามจ นรเู้ ห็นได้
ผลจริงด้วยตนเอง
ปาฏิหาริย์ทั้ง ๓ อย่างนี้ พระพุทธเจ้าไม่ทรงสรรเสริญ ๒ อย่าง
แรก คือ อิทธิปาฏิหาริย์ และอาเทศนาปาฏิหาริย์ หากแสดงเพียงอย่าง
ใดอย่างหนึง่ แ ละไม่น ำไปสอู่ นุส าสนปี าฏิหาริยซ์ งึ่ เป็นป าฏิห ารยิ ท์ พี่ ระองค์
ทรงสรรเสริญมากที่สุด
ใน เกวัฏฏสูตร ได้เล่าถึงครั้งพุทธกาล มีชาวบ้านที่เมืองนาลันทา
ชื่อ เกวัฏฏะ ได้กราบทูลพระพุทธเจ้า ขออนุญาตให้พระภิกษุรูปหนึ่ง
กระทำอิทธิปาฏิหาริย์ เพื่อให้ชาวเมืองนาลันทาเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าทรงตอบเกวัฏฏะสรุปได้ความว่า ทรงรังเกียจปาฏิหาริย์
ประเภทฤทธิ์เนื่องจากปาฏิหาริย์ประเภทฤทธิ์แม้จะมีฤทธิ์มากมายแต่
ก็ไม่อาจทำให้ผู้ถูกสอนรู้ความจริงในสิ่งทั้งหลาย ไม่สามารถแก้ข้อสงสัย
ในใจตนได้ เมื่อแสดงแล้วผู้ได้พบเห็นหรือได้ยินได้ฟังก็จะงง ดูเหมือน
ผูท้ แี่ สดงจะเก่งฝ่ายเดียว ในขณะทีผ่ ถู้ กู ส อนกย็ งั ม คี วามไม่รอู้ ยูเ่ หมือนเดิม
ส่วนอนุส าสนปี าฏิหาริย์นนั้ จ ะทำให้ผ ฟู้ งั เกิดป ญ
ั ญาได้ร คู้ วามจริงไม่ต อ้ ง
มัวพึ่งพาผู้ที่แสดงปาฏิหาริย์แต่จะสามารถพึ่งพาตนเองได้
เหตุผลอีกประการหนึ่ง คือหากชาวพุทธมัวแต่ยกย่องผู้มีอิทธิ-
ปาฏิหาริย์แล้วอาจทำให้เสียหลักศาสนาได้ เนื่องจากพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี
ปฏิบัติชอบ แต่ไม่มีอิทธิปาฏิหาริย์ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก จะไม่ได้รับ
การบำรุงจากชาวบ้าน แต่ผู้ที่ไม่มีคุณธรรมเป็นสาระแก่นสาร หากแต่มี
luangpordu.com
๑๓๒ 132
อิทธิปาฏิหาริย์จะมีผู้คนศรัทธาให้ความเคารพนับถือแทน
อย่างไรก็ตามพระพุทธเจ้าก็มิได้ทรงละการทำฤทธิ์และดักทายใจ
ถ้าเราได้ศึกษาพุทธประวัติในบทสวดพาหุงฯ จะพบว่าพระองค์ทรงใช้
ฤทธิ์ปราบเช่นเรื่องพระองคุลิมาลหรือทรงใช้ฤทธิ์ปราบฤทธิ์เช่นเรื่อง
ปราบพญานาคที่ชื่อ นันโทปนันทะ หรือเรื่องปราบทิฏฐิ ท้าวพกาพรหม
เมื่อปราบเสร็จก็เข้าสู่อนุศาสนีปาฏิหาริย์ คือ ทรงแสดงคำสอนที่ทำให้
เห็นหลักความเป็นจริงซึ่งเมื่อผู้ใดปฏิบัติตามก็ย่อมจะพบความจริงแห่ง
ความพ้นทุกข์
หลวงปูด่ ทู่ า่ นกไ็ ด้ด ำเนินต ามพทุ ธวธิ กี ารสอนนเี้ ช่นก นั ข า้ พเจ้าแ ละ
เพื่อนหมู่คณะหลายท่านขอเป็นประจักษ์พยานในระยะแรกที่ข้าพเจ้าได้
มาวดั ส ะแกและพบกบั เหตุการณ์ต า่ งๆท เี่ รียกกนั ว า่ “ ป าฏิหาริย”์ อ นั เกีย่ ว
เนื่องกับหลวงปู่ดู่นี้ ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจและงุนงงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ต่อมาเมื่อได้ศึกษาคำสอนของครูบาอาจารย์มากขึ้น จึงเริ่มมีความเข้าใจ
ที่ถูกและเริ่มรู้ว่าหลวงปู่ต้องการจะสอนอะไรกับเรา
การเรียนธรรมะ การฟังธรรมะของผู้เริ่มสนใจศึกษาหลายๆ ท่าน
เปรียบเสมือนการกนิ ย าขมห ลวงปูจ่ งึ ได้ใช้ก ศุ โลบายนำเอา“ ป าฏิหาริย”์
ทั้งสามอย่างมาใช้กับศิษย์ประกอบกันจึงสำเร็จประโยชน์ด้วยดี
เหมือนกบั ท า่ นให้เราทานยาขมทเี่ คลือบดว้ ยขนมหวานเอาไว้เมือ่
ทุกค นตระหนักแ ละเข้าใจในคณ ุ ป ระโยชน์ข องยาขมดแี ล้วข นมหวานนนั้
ก็จะหมดความหมายไป
luangpordu.com
133 ๑๓๓
๗๔
เรื่องบังเอิญที่ไม่บังเอิญ
luangpordu.com
๑๓๔ 134
luangpordu.com
135 ๑๓๕
๗๕
คลื่นกระทบฝั่ง
luangpordu.com
๑๓๖ 136
“ธรรมอุปมา”
การอุปมาเป็นวิธีการสอนธรรมะที่ดูเหมือนหลวงปู่ชอบมากที่สุด
และเป็นว ธิ ที ที่ า่ นถนัดม ากทสี่ ดุ ด ว้ ยท า่ นยกเอาธรรมชาติร อบดา้ นเข้าก บั
สภาวะเข้าก บั ป ญ ั หาถกู ก บั จ ริตน สิ ยั ข องคนนนั้ อ ปุ มาอปุ ไมยประกอบการ
สอนธรรมะจ งึ ท ำให้ผ ฟู้ งั เกิดภ าพพจน์ต ามไปดว้ ยท ำให้ผ ฟู้ งั ส ามารถมอง
ปัญหาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง หมดความสงสัยในหลักธรรมที่นำมาแสดง
ตัวอย่างการอุปมาของหลวงปู่ได้แก่
“การทำกรรมฐาน ทำเหมือนระฆังใบนี้ ระฆังนี้ตั้งไว้เฉยๆ เสียง
ไม่มีนะ สงบ สงบจากเสียง เมื่อมีเหตุกระทบขึ้นมา (หลวงปู่ตีระฆังดัง
๑ ที) เห็นไหมเสียงมันเกิดขึ้นมา นักปฏิบัติเป็นคนมักน้อยอย่างนั้น เมื่อ
มีปัญหาเกิดขึ้นมาแก้ไขทันท่วงทีเลยชนะด้วยปัญญาของเราแก้ปัญหา
แล้วก็สงบตัวของเราเหมือนระฆังนี้”
“ เหมือนกบั ค ลืน่ ในทะเลทกี่ ระทบฝงั่ เมือ่ ข นึ้ ม าถงึ แ ค่ฝ งั่ ม นั ก ส็ ลาย
เท่านั้น คลื่นใหม่มาก็ต่อไปอีก มันจะเลยฝั่งไปไม่ได้ อารมณ์มันจะเลย
ความรู้ของเราไปไม่ได้เหมือนกันเรื่องอนิจจังทุกขังอนัตตา จะพบกัน
ที่ตรงนั้น มันจะแตกร้าวอยู่ที่ตรงนั้น มันจะหายก็อยู่ตรงนั้น เห็นว่า
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คือ ฝั่งทะเลอารมณ์ทั้งหลายผ่านเข้ามาเหมือน
คลื่นทะเล”
ขณะนนั้ เป็นเวลาดกึ ม ากแล้วข า้ พเจ้าค ดิ ว า่ ส มควรแก่เวลาพกั ผ อ่ น
จึงได้ขน้ึ มาทห่ี อ้ งนอนทต่ี หู้ วั เตียงมหี นังสืออยูห่ ลายเล่มแต่เหมือนมสี ง่ิ ใด
luangpordu.com
137 ๑๓๗
luangpordu.com
๑๓๘ 138
เหมือนกบั ส งิ่ ต า้ นทานเช่นว า่ ค ลืน่ ก บั ฝ งั่ ค ลืน่ ม นั ก แ็ รงเหมือนกนั แ ต่ว า่
ฝั่งมันแข็งแรงพอจะรับ(หัวเราะ)
ถาม -ว ิกฤตแบบจวนเจียนจะไปไม่ไปตัดสินใจอย่างไร
นั่นมันเรื่องคิดฝัน เวลามันช่วยได้หรือว่าไม่รู้ไม่ชี้ (หัวเราะ) มัน
ช่วยได้มันเหมือนกับคลื่นกระทบฝั่งพอพ้นสมัยพ้นเวลามันก็ไม่รู้หาย
ไปไหน แต่สรุปแล้วมันต้องทำงาน พอถึงเวลาเข้า มันต้องทำงาน มันรัก
งานอยู่ไปทำงานเสียความคิดฝันนั่นก็ค่อยๆซาไปๆมันไปสนุกในงาน
ข้าพเจ้าได้มาพิจารณาแล้ว เห็นว่าเรื่องนี้เป็นอุปมาธรรมที่มี
ประโยชน์มากหากไม่บันทึกไว้เป็นหลักฐานก็เกรงว่าตนเองจะหลงลืมใน
ภายหลังและจะไม่เกิดประโยชน์อะไรหากไม่น้อมนำมาพิจารณาบ่อยๆ
เรื่องค ลื่นกระทบฝั่งนี้จึงกลายเป็นเรื่องบังเอิญที่ไม่บังเอิญที่ข้าพเจ้าได้
“ประสบ”อีกเรื่องหนึ่ง
luangpordu.com
139 ๑๓๙
๗๖
หลวงปู่บอกข้อสอบ
ในราวปีพ.ศ.๒๕๒๗-๒๕๒๘สมัยที่ข้าพเจ้ายังเป็นนักศึกษาอยู่
ที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หลวงปู่ดู่
ท่านเคยบอกข้อสอบให้ข้าพเจ้าทราบล่วงหน้าและช่วยเหลือข้าพเจ้าใน
การทำข้อสอบเท่าที่ข้าพเจ้าจำความได้ถึง๕วิชาด้วยกัน
ข้าพเจ้าจะขอเล่าเฉพาะวันที่หลวงปู่บอกข้อสอบ วิชาที่อาจารย์
ฉายศิลป์เชี่ยวชาญพิพัฒน์เป็นผู้สอนคือ วิชาแรงงานสัมพันธ์คืนวันนั้น
เวลาประมาณ๓ ท มุ่ ก อ่ นวนั ส อบ๑ ว นั ข า้ พเจ้าน งั่ อ า่ นตำราและทบทวน
ความรู้ที่อาจารย์ได้สอนมาตลอดเทอม ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังมีสมาธิกับ
ตำราที่อยู่เบื้องหน้า ข้าพเจ้ารู้สึกเย็นวาบขึ้นที่ใจพร้อมกับมีเสียงบอก
ข้าพเจ้าว่า“พระธาตุหลวงปู่ทวดเสด็จ” ข้าพเจ้าหันหลังกลับไปมองที่
โต๊ะหมู่บูชาในห้องทันทีและเกิดความสงสัยว่าพระธาตุเสด็จมาแล้วท่าน
อยู่ที่ไหนล่ะ...อยู่ที่กระถางธูปเสียงตอบข้าพเจ้า
ข า้ พเจ้าห ยุดอ า่ นหนังสือเดินต รงมายังโต๊ะห มูบ่ ชู าส ายตาหยุดอ ยู่
ที่กระถางธูปใบน้อย...แล้วข้าพเจ้าจะทราบได้อย่างไรล่ะ ว่าอันไหนเป็น
เม็ดกรวด เม็ดทราย อันไหนเป็นพระธาตุ แต่แล้วข้าพเจ้าก็มองเห็นองค์
luangpordu.com
๑๔๐ 140
luangpordu.com
141 ๑๔๑
ไว้ให้ข้าพเจ้านำมาเล่าให้หมู่คณะฟังเท่านั้น
ปริศนาธรรมจากนิมิตครั้งนี้ จะจริงหรือเท็จประการใด พระธาตุ
เสด็จมาจริงหรือไม่ หรือหลวงปู่บอกข้อสอบจริงหรือไม่ สำหรับข้าพเจ้า
แล้วถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่หลวงปู่เมตตาให้บทเรียนบทต่อมากับข้าพเจ้า
เป็นบทเรียนที่นำไปสู่ อนุสาสนีปาฏิหาริย์ ให้ข้าพเจ้าได้มีความเข้าใจ
ในธรรมมากขึ้นและเป็นส ัมมาทิฏฐิมากขึ้นในเวลาต่อมา
luangpordu.com
๑๔๒ 142
๗๗
ตัวประมาท
หลังจากที่หลวงปู่ได้บอกข้อสอบให้ข้าพเจ้าทราบครั้งแรกแล้ว
ท่านก็ได้ช่วยข้าพเจ้าทำข้อสอบอีกเป็นครั้งที่๒ที่ท่านช่วยเหลือข้าพเจ้า
คราวนี้เป็นวิชา พบ. ๒๘๓ วิชาการบริหารงานผลิตซึ่งมีอาจารย์ผู้สอน
หลายท่าน ข้อสอบมีหลายลักษณะทั้งบรรยายเติมคำ ให้กากบาทหน้า
ข้อที่ถูกต้องที่สุดฯลฯ
ห ลวงปูด่ ทู่ า่ นเคยสอนวธิ ที ำขอ้ สอบแบบปรนัย(ให้ก ากบาทหน้าข อ้
ทีถ่ กู ต อ้ งทสี่ ดุ )ให้ข า้ พเจ้าว า่ เวลาทเี่ ราไม่แ น่ใจแ ทนทีเ่ ราจะเดาสมุ่ ห รือท ี่
เรียกวา่ ก าสง่ เดชเราจะไม่ท ำอ ย่างนนั้ ห ลวงปูท่ า่ นสอนให้ข า้ พเจ้าห ลับตา
และนึกถึงหลวงปู่ทวด (หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด) แล้วกราบเรียน
ถามท่าน
ขณะที่อยู่ในห้องสอบ เมื่อข้าพเจ้าทำข้อสอบเสร็จ แต่เวลายัง
ไม่หมด และยังมีข้อสอบประเภทกากบาทเหลืออีกประมาณ ๑๐ ข้อที่
ข้าพเจ้าไม่แ น่ใจข า้ พเจ้าไม่ร อชา้ น กึ ถึงท หี่ ลวงปูส่ อนทนั ทีค อ่ ยๆพ จิ ารณา
ทีละข้อ หากข้อใดถูกต้องเมื่อข้าพเจ้าเอาปากกาจิ้มไปที่ตัวเลือก จะเกิด
เป็นแสงสว่างขึ้นทันทีแต่ถ้าไม่ถูกต้องก็จะมืดและไม่มีแสงสว่าง
luangpordu.com
143 ๑๔๓
ข้าพเจ้าท ำขอ้ สอบสว่ นทเี่ หลือด ว้ ยวธิ นี จี้ นเสร็จเรียบร้อยหลังจ าก
ประกาศผลสอบออกมาข้าพเจ้าได้เกรดAเช่นเคยเดือนต่อมาข้าพเจ้า
ได้มีโอกาสนำเรื่องนี้ไปเรียนถวายให้หลวงปู่ทราบ ในครั้งนั้น มีเพื่อน
ของข้าพเจ้าซึ่งเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยอีกแห่งหนึ่งมากราบหลวงปู่ด้วย
เช่นกันเพื่อนข้าพเจ้าคนนี้ได้ฟังเรื่องที่ข้าพเจ้าเล่าถวายหลวงปู่เขาจึงได้
กราบเรียนถามหลวงปู่ว่า
“ผมได้ทำข้อสอบกากบาทแบบนี้เหมือนกัน ข้อสอบมี ๑๐๐ ข้อ
พอเข้าห้องสอบผมก็หลับตานึกถึงหลวงปู่ ขอให้ช่วยทำข้อสอบด้วย
จากนนั้ ก ท็ ำขอ้ สอบโดยใช้ว ธิ หี ลับตาเช็คท ลี ะขอ้ จ นครบ๑ ๐๐ข อ้ ผ ลสอบ
ออกมาปรากฏว่าได้Fคือสอบตกทำไมเป็นอย่างนี้ครับหลวงปู่”
หลวงปู่มองหน้าเพื่อนของข้าพเจ้า และเมตตาอบรมเตือนสติ
ทั้งเพื่อนและข้าพเจ้าว่า
“แกไม่พิจารณาให้ดี นั่นแหละตัวประมาท จำไว้ตัวประมาทนี่
แหละตัวตาย”
ตรงกับพระพุทธพจน์ที่ว่า
ปมาโท มัจจุโน ปทัง ความประมาทเป็นหนทางไปสู่ความตาย
นั่นเอง
luangpordu.com
๑๔๔ 144
๗๘
ของโกหก
มีพระพุทธพจน์ว่า
“บุคคลใด เห็นสิ่งอันไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ และเห็นสิ่งอันเป็น
สาระว่าไม่เป็นสาระ บุคคลนั้นมีความดำริผิดประจำใจ ย่อมไม่อาจพบ
สาระได้
ส่วนบุคคลใด เห็นสิ่งอันเป็นสาระว่าเป็นสาระ สิ่งอันไม่เป็นสาระ
ว่าไม่เป็นสาระบุคคลนั้นมีความดำริถูกประจำใจย่อมสามารถพบสิ่งอัน
เป็นสาระ”
เรื่องราวเหตุการณ์บุคคลสัตว์สิ่งของต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต
ของเรานั้น
สรรพสงิ่ ล ว้ นเปลีย่ นแปลงไม่ค งที่ แ ละไม่ส ามารถคงอยูต่ ลอดไป
หากเรารู้จักสังเกต ฝึกหัดพิจารณาหาเหตุหาผล จนใจคุ้นเคยกับ
ความเห็นตามความจริง
เราจะเห็นถ งึ ค วามเปลีย่ นแปลงทง้ั บ คุ คลและสง่ิ ของทกุ อ ย่างรอบตวั
เราได้ไม่ยากนัก
luangpordu.com
145 ๑๔๕
๗๙
ถึงวัดห รือยัง
ธรรมะเป็นส งิ่ ท มี่ อี ยูร่ อบๆต วั เราทกุ ๆ ค นเพียงแต่ว า่ เราจะสามารถ
มองเห็นและนำมาพิจารณาได้แค่ไหนอย่างไรในสมัยพุทธกาลท่านหมอ
ชีวกโกมารภัจจ์ แพทย์ประจำองค์พระพุทธเจ้าของเรา สมัยที่ศึกษาอยู่
กับอาจารย์ทิศาปาโมกข์ก่อนจะสำเร็จวิชาการแพทย์ท่านให้ถือเสียมไป
เที่ยวหาดูว่ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ใช้เป็นยาไม่ได้ให้นำมาให้โดยให้ไปเที่ยวหา
๔วันวันละทิศทิศละ๑โยชน์รอบเมืองตักศิลาท่านหมอชีวกรับคำสั่ง
อาจารย์แล้วถือเสียมไปเที่ยวหาตามคำสั่งของอาจารย์ ก็ไม่ได้พบเห็นสิ่ง
ใดที่ไม่ใช่ยาเลย เมื่อกลับมาแล้วเข้าพบอาจารย์ แจ้งความนั้นให้ทราบ
อาจารย์จึงกล่าวว่า เธอเรียนวิชาแพทย์สำเร็จแล้ว ความรู้เท่านี้พอเพียง
ที่เธอจะใช้เป็นอาชีพได้แล้ว
ตน้ ไม้ทกุ ชนิดหนิ ดนิ แร่ตา่ งๆมคี ณ ุ ค่าสามารถนำมาเทียบเป็นยา
ได้ฉันใด บุคคลผู้มีความฉลาดก็ฉันนั้น รอบๆ ตัวเราทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่า
คน สัตว์ สิ่งของ เรื่องราวเหตุการณ์ใดๆ ก็ตามที่เกิดขึ้น และผ่านเข้ามา
ในชีวิตประจำวันของเรานั้น ไม่มีเรื่องใด ที่ไม่สามารถนำมาพิจารณาให้
เป็นธรรมะได้เลย
luangpordu.com
๑๔๖ 146
luangpordu.com
147 ๑๔๗
๘๐
รางวัลทุนภูมิพล
luangpordu.com
๑๔๘ 148
luangpordu.com
149 ๑๔๙
๘๑
หลวงปู่ทวดช่วยชีวิต
luangpordu.com
๑๕๐ 150
โรคร้ายที่ทรมานเพราะลุกเดินไม่ได้ก็ยังทรมานใจอยู่ เป็นเช่นนี้
อยู่นานถึง ๗ เดือน จนคิดอยากฆ่าตัวตาย คนเราเมื่อหมดหนทาง ไม่มี
ทางออกกม็ กั คิดส นั้ ค นทตี่ อ้ งอยูใ่ นสภาพทชี่ ว่ ยตวั เองไม่ได้เป็นร ะยะเวลา
นานๆ ต้องอยู่แต่ในห้องที่แคบๆ จะทำอะไรก็ต้องอาศัยผู้อื่น มันน่าเบื่อ
หน่ายคบั แ ค้นใจยง่ิ น กั ต ายซะจะดกี ว่าช าติท แ่ี ล้วค งทำกรรมไว้ม ากข อยอม
ชดใช้กรรมแต่เพียงเท่านี้
นั่นเป็นคำพูดของคุณรัตนาภรณ์ ที่น้อยอกน้อยใจในชะตากรรม
ของตนเองก อ่ นทจี่ ะตดั สินใจไปตายเมือ่ ต ดั สินใจแล้วจึงเดินท างทอ่ งเทีย่ ว
แบบสงั่ ล าอ ยากไปทไี่ หนกไ็ ปช อบใจทไี่ หนกอ็ ยูน่ านหน่อยเมือ่ ไปถงึ ภ เู ก็ต
เกิดค วามเบือ่ จึงห ลบไปชายหาดทไ่ี ม่มคี น ส ง่ั บ ตุ รบญ ุ ธ รรม(ค ณ
ุ ร ตั น าภรณ์
หรือคุณแดง ไม่มีบุตร) ให้ไปซื้อข้าวปลาอาหารทานกันที่ชายหาด เมื่อ
ไม่มีใครอยู่แล้ว คุณแดงจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อคุณพระศรีรัตนตรัย โดย
เฉพาะหลวงปู่ทวดท่เี คารพนับถือมาก เพราะเคยได้ประจักษ์ในอิทธิฤทธิ์
อภินหิ ารจากการรอดตายมาแล้ว(ถ งึ ก บั ได้ช กั ชวนคณ ุ สมบัติ เมทะนีด ารา
ยอดนิยมในอดีต ช่วยกันสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวด ถวายให้วัดช้างให้
ไปรุ่นหนึ่ง)ช่วงนั้นคุณแดงได้ตั้งจิตอธิษฐานต่อองค์หลวงปู่ทวดไว้ว่า
“ขณะนี้ลูกได้ถูกโรคร้ายเบียดเบียนทนทุกข์ทรมานเป็นเวลานาน
แล้ว วันนี้ได้ตัดสินใจขอลาตาย บุญใดที่ลูกได้ทำมาแล้ว ในอดีตชาติก็ดี
และในชาติน กี้ ด็ ี ล กู ข ออทุ ศิ บ ญ
ุ น นั้ ให้ก บั เจ้าก รรมนายเวรทไี่ ด้ล ว่ งเกินก นั
มาจะด้วยเจตนาก็ดีไม่เจตนาก็ดีขอให้หลวงปู่ทวดช่วยเป็นสื่อไปบอก
luangpordu.com
151 ๑๕๑
ให้เจ้ากรรมนายเวรต่างๆมารับไปและอโหสิกรรมให้ลูกด้วยและถ้าเมื่อ
ลูกได้ห มดกรรมจริงแ ล้วข อให้ห ลวงปูท่ วดได้เมตตาสงเคราะห์ให้ห ายจาก
โรคภัยในวันนี้ด้วยถ้ายังไม่หายลูกขอลาตายในบัดนี้”
เมือ่ จ บคำอธิษฐานแล้วค ณ ุ แ ดงกล็ งมือค ลานกลิง้ ต วั ล งทะเลไปเมือ่
เจอคลืน่ ซ ดั ม าก ก็ ลิง้ ก ลับไปแ ต่ก ย็ งั ก ระเสือกกระสนคลานตอ่ ไปแ ล้วก ถ็ กู
คลื่นซัดเข้าฝั่งอีกต่อสู้กับคลื่นเพื่อที่จะไปให้ลึกพอที่จะจมน้ำแล้วหายใจ
ไม่อ อกเป็นเช่นน อี้ ยูค่ รึง่ ช วั่ โมงจ นบตุ รบญ ุ ธ รรมกบั ค นใช้ม าพบเห็นช ว่ ย
พยุงตัวขึ้นฝั่งขณะนั้นเหนื่อยจนไม่ได้สติมาตกใจรู้ตัวเพราะเสียงตะโกน
ลั่นว่า“ แม่หายแล้ว!แม่หายแล้ว!”
ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแล้ว เพราะคุณแดงยืนได้แล้ว เดินได้ด้วย หาย
จากโรคร้ายแล้ว เพราะคุณพระรัตนตรัยและหลวงปู่ทวดที่ประทานให้
เนรมิตให้โดยใช้เวลาสั้นๆหลังจากที่ต้องทนทรมานอยู่นานถึง๗เดือน
นี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ข้าพเจ้าขอฝากท่านผู้อ่านไว้ เป็นเครื่องเจริญ
ศรัทธา
luangpordu.com
๑๕๒ 152
๘๒
ทามาก็อตจิ
ทามากอ็ ตจิ ห รือเจ้าส ตั ว์เลีย้ งคอมพิวเตอร์ท แี่ สนจะขอี้ อ้ นซ งึ่ ก ำลัง
แพร่ระบาดและเป็นที่นิยมเลี้ยงกันในหมู่นักเรียนนักศึกษา โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งที่ญี่ปุ่นและในบ้านเรา จนทางโรงเรียนต้องห้ามนักเรียนไม่ให้นำ
มาโรงเรียนเพราะจะทำให้เสียก ารเรียนเนือ่ งจากตอ้ งคอยดแู ลทามากอ็ ต
ยิ่งกว่าไข่ในหิน ต้องคอยป้อนอาหารให้ทาน พาเข้าห้องน้ำ เจ็บป่วยต้อง
พาไปหาหมอและอื่นๆอีกจิปาถะมิฉะนั้น...มันก็จะตาย
จากเรือ่ งทามากอ็ ตสตั ว์เลีย้ งปลอมท ำให้ข า้ พเจ้าค ดิ ถึงว รรณกรรม
ทีม่ ชี อ่ื เรือ่ งหนึง่ ในอดีตคอื “ตลิง่ สงู ซงุ หนัก” ของนคิ ม รายยวา กวีซีไรท์
เมื่อหลายปีก่อน ครั้งนั้น นิคมได้นำเสนอเรื่องความเป็น ของจริง และ
ของปลอมได้อ ย่างไพเราะกนิ ใจยงิ่ น กั น คิ มได้ให้ค ำงายต วั เอกของเรือ่ ง
เรียนรู้และพบคำถามได้โดยการ “ประสบ” กับคำตอบอันเป็นรูปธรรม
หลายๆ ครั้งจนสามารถโยงเข้าสู่ปริศนาในใจได้ คำงายเริ่มแกะช้างใหญ่
เท่าต วั จ ริงเขาเริม่ ต งั้ ค ำถามวา่ “ เราเคยเดินท างไกลได้พ บเห็นอ ะไรหลาย
อย่าง แต่ตัวเราเองเป็นของใกล้ที่สุด เรากลับไม่เคยเห็นมันเลย” จนเมื่อ
คำงายแกะช้างได้เป็นตัวเป็นตนแล้วแต่เขายังหาความเป็นช้างไม่ได้
luangpordu.com
153 ๑๕๓
จนวันหนึ่งเมื่อเขาอยู่บนหลังพลายสุดยามที่พลายสุดตกมันเมื่อ
เขากุมสติได้ เขาพบว่าสิ่งนี้เองที่เราอยากรู้เขาคิดขณะความอุ่นและอ่อน
ละมุนจากตัวช้างแล่นซ่านใต้ร่างเขามันมีอารมณ์มีเลือดเนื้อมีชีวิตและ
วิญญาณเขาสมั ผัสได้ถ งึ ค วามมทุ ะลุร นุ แรงทกี่ ำลังท ะยานไปขา้ งหน้ารูส้ กึ
ถึงความหวาดกลัวและหวัน่ ไหวชว่ั ขณะของมนั ความเศร้า ความเจ็บปวด
และความตกใจข ณะดนิ้ รนและวงิ่ พ ล่านฟดั เหวีย่ งอยูก่ บั แ อ่งท หี่ าทางออก
ไม่ได้ส งิ่ ท คี่ ำงายคน้ พ บนี้ ไม่ใช่เพียงแต่ช วี ติ แ ละเลือดเนือ้ ข องชา้ งตวั ห นึง่
เท่านัน้ แ ต่ค อื ช วี ติ แ ละเลือดเนือ้ ข องมนุษยชาติท ขี่ าดหายไปในโลกปจั จุบนั
โลกทผ่ี คู้ นชมชืน่ กบั ชวี ติ ทเ่ี ป็น“ ซาก”มากกว่าชวี ติ ทเ่ี ป็น“ จริง”
ดังนั้น คำงายจึงหันกลับมาพิจารณาช้างไม้ของเขา อีกครั้งหนึ่ง
และฉงนฉงายนักว่า “คนเรานี่แปลกจริงๆ ไม้ใหญ่มันก็ใหญ่ของมันอยู่
แล้วใครไม่ได้ท ำให้ร ปู ช า้ งใหญ่แ ต่ท อ่ นไม้ม นั ใหญ่ข องมนั เองต วั ม นั จ ริงๆ
คือต้นไม้ใหญ่แต่คนกลับไม่เห็นความสวยและมีค่าของมันตอนมีร่มเงามี
ชีวติ ก ลับโค่นม นั ล ดิ ก งิ่ ใบให้เป็นซ ากไม้แ ล้วเอามาแกะให้เหมือนซากชา้ ง
ชื่นชมมันมากกว่าได้เห็นช้างหรือต้นไม้ที่มีชีวิตจริงๆ เสียอีก ทำไปทำมา
จะไม่มีของจริงเลยสักอย่างไม่ว่าช้างหรือไม้”
เรื่องของทามาก็อตจิ คำงาย และพลายสุด เป็นตัวอย่างอันดีให้
ข้าพเจ้าได้ความเข้าใจชัดเจนแจ่มแจ้งขึ้นในเรื่องของจริงของปลอม
บทสนทนาตอนหนึ่ง ที่หลวงปู่ดู่ท่านพูดคุยกับข้าพเจ้าและเพื่อน
เมื่อคราวที่ได้กราบนมัสการและถวายดอกบัวแก่ท่าน ก่อนที่จะถวาย
luangpordu.com
๑๕๔ 154
luangpordu.com
155 ๑๕๕
๘๓
ไตรสรณาคมน์
luangpordu.com
๑๕๖ 156
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์แต่ความสามารถทางอภิญญาอาจยิ่งหย่อนกว่า
กันได้
การถึงพระธรรมคือการมีสติรักษาใจให้น้อมเอาเหตุการณ์ต่างๆ
ทีเ่ กิดข นึ้ ในชวี ติ ม าเป็นธ รรมะสอนใจแทนการปล่อยให้ป รุงค ดิ เตลิดไปตาม
สัญญาอ ารมณ์เกิดเป็นค วามทกุ ขค์ วามคบั ข อ้ งใจห รือเมือ่ ใดใจคดิ ฟ งุ้ ซ า่ น
ก็ห ยุดก ำหนดรอู้ ยูก่ บั ป จั จุบนั ค อื ข ณะเดีย๋ วนี้ เฉพาะหน้าแ ต่ละขณะแ ต่ละ
ขณะใจที่ฝึกเช่นนี้จะเปรียบเสมือนมีธรรมของพระพุทธองค์เทศน์ให้ฟัง
อยู่ในใจตลอดเวลา
เมื่อไม่มีสิ่งกระทบก็รู้อยู่กับปัจจุบัน เมื่อมีสิ่งกระทบ ไม่ว่าจะเป็น
ผัสสะจ ากภายนอกหรืออ ารมณ์ข องใจเองก จ็ ะหมุนให้ค ดิ เป็นม รรคทกุ ครัง้
จะเปลี่ยนจากความคิดที่เป็นกิเลสให้เป็นมรรค เปลี่ยนกิเลสเป็นมรรค
ดังนี้เรื่อยไป ดังนั้น ความคิด คำพูด หรือการกระทำด้วยกายทุกอย่างๆ
จะเป็นการกระทำเพื่อความสิ้นสุดแห่งทุกข์ถ่ายเดียว
การถงึ พ ระสงฆ์ค อื ก ารนอ้ มตนให้ป ฏิบตั ดิ งั “ พ ระสงฆ์” ค อื เป็นผู้
ปฏิบตั ดิ ี (สปุ ฏิปนั โน)ปฏิบตั ติ รง(อชุ ปุ ฏิปนั โน)ปฏิบตั ถิ กู (ญายปฏิปนั โน)
ปฏิบัติชอบ(สามีจิปฏิปันโน)ตลอดเวลาที่จะระลึกได้
การปฏิบัติดังกล่าวมานี้คือการถึงพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์ที่
จะเป็นสรณะที่พึ่งอันแท้จริงสามารถกำจัดทุกข์กำจัดภัยได้จริง
ข้าพเจ้าฟังคุณหมออธิบายจนจบได้แต่อมยิ้ม
ใบหน้าของหลวงปู่ดู่ลอยเด่นพร้อมกับเสียงของท่านดังขึ้นมาใน
luangpordu.com
157 ๑๕๗
โสตประสาทของข้าพเจ้าว่า
“ นั่นแหละพระไตรสรณาคมน์ใครเชื่อพระก็เป็นพระใครละได้
ก็ไม่ใช่คน”
luangpordu.com
๑๕๘ 158
๘๔
ไม่พอดีกัน
luangpordu.com
159 ๑๕๙
ต้องปฏิบัติให้เต็มที่ตั้งแต่วันนี้ใครจะรู้ว่าความตายจะมาถึงเรา
เมื่อไร ? เคยเห็นไหม เพื่อนเรา คนที่เรารู้จักที่ตายไปแล้ว นั่นน่ะ เขา
เตือนเรา
ถ้าเราปฏิบตั ไิ ม่เป็นเสียแ ต่ว นั น ี้ เวลาจะตายมนั ก ไ็ ม่เป็นเหมือนกัน
เหมือนกับคนที่เพิ่งคิดหัดว่ายน้ำเวลาใกล้จะจมน้ำตายนั่นแหละ ก็จม
ตายไปเปล่าๆ
แกไม่ปฏิบัติหนึ่งวันนี่เสียหายหลายแสนวันนึงก็มีความหมาย
ข้าฝากให้แกไปคิดเป็นการบ้าน”
luangpordu.com
๑๖๐ 160
๘๕
ธรรมะจากสัตว์
luangpordu.com
161 ๑๖๑
luangpordu.com
๑๖๒ 162
๘๖
สังคมวิปริต
luangpordu.com
163 ๑๖๓
ที่ดีหรืออุบาสกธรรม๕ประการที่ควรปฏิบัติคือ
๑.มีศรัทธาเชื่ออย่างมีเหตุผลมั่นในคุณพระรัตนตรัย ไม่งมงาย
๒.มศี ลี มคี วามประพฤติสจุ ริตดงี าม อย่างนอ้ ยดำรงตนได้ในศลี ๕
๓. ไม่ตื่นข่าวมงคล เชื่อกรรม มุ่งหวังผลจากการกระทำ มิใช่จาก
โชคลางของขลังพิธีกรรมสิ่งศักดิ์สิทธิ์
๔.ไม่แสวงหาทักขิไณยนอกหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า
๕.เอาใจใส่ทำนุบำรุงช่วยกิจการพระพุทธศาสนา
เริ่มต้นที่ตัวเรา...เริ่มที่บ้านเรา แล้วเราจะมิใช่ตัวปัญหาที่ทำสังคม
ให้วิปริตแต่จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาสังคมวิปริตให้เป็นส่วนหนึ่ง
ที่ลูกศิษย์หลวงปู่มอบเป็นของขวัญถวายแด่ในหลวงและมอบถวายแด่...
หลวงปู่ของเรา
luangpordu.com
๑๖๔ 164
๘๗
เชื้อดื้อยา
luangpordu.com
165 ๑๖๕
ให้คนไข้ครบตามจำนวนว่า จะต้องทานยากี่วัน๕วัน๗วันหรือ๑๐วัน
ก็จะจัดยาให้ครบเช่นคนไข้เป็นหวัดเนื่องจากติดเชื้อแบคทีเรียซึ่งคนไข้
จำตอ้ งได้ย าปฏิชวี นะหรือย าแก้อ กั เสบค นไข้ท เี่ ป็นว ณ ั โรคค นไข้ท เี่ ป็นโรค
กระเพาะปัสสาวะอักเสบฯลฯ
เมือ่ ค นไข้เหล่าน ที้ านยาแล้วม อี าการดขี นึ้ ห รือห ายไปกจ็ ะหยุดย า
ทั้งๆที่เชื้อโรคยังไม่หายเมื่อหยุดยาขณะที่เชื้อโรคบางส่วนยังไม่ตายนั้น
มันจะกลับฟน้ื ขน้ึ มาใหม่ แพร่พนั ธ์ใุ หม่ออกมาซง่ึ เป็นพนั ธ์ทุ ม่ี วี วิ ฒ ั นาการ
ให้ด อ้ื ต อ่ ย าทเ่ี คยใช้ม ากอ่ นแต่ใช้ไม่ค รบตามจำนวนจ ากนน้ั ไม่น านอาการ
เจ็บไข้ก็จะเกิดข้นึ มาใหม่ คราวน้ีจะรักษาให้หายก็จะยากกว่าครั้งแรก
แน่นอนตอ้ งใช้ย าทแี่ รงขนึ้ ก ว่าเก่าห ากคนไข้ใช้ย าผดิ ว ธิ ี เชือ้ ก จ็ ะดอื้ ยาขนึ้
มาอีก ทุกวันนี้จึงมีโรคดื้อยาเกิดขึ้นมากมาย เพราะการใช้ยาที่ไม่ศึกษา
ให้ถูกวิธี
ในเรื่องของการศึกษาปฏิบัติธรรมก็เช่นเดียวกัน
การใช้ยาไม่ถูกวิธี... ทำให้เชื้อโรคดื้อยาขึ้นฉันใด การศึกษา
ปฏิบัติธรรมไม่ถูกวิธี...ก็ทำให้ศิษย์ดื้อคำสอนของครูอาจารย์ฉันนั้น
luangpordu.com
๑๖๖ 166
๘๘
คุณธรรม๖ประการ
luangpordu.com
167 ๑๖๗
ผู้ปฏิบัติที่มีความชาญฉลาด ย่อมจะต้องศึกษาจิตใจและอารมณ์
ของตนให้เข้าใจ และรู้จักวิธีกำหนด ปล่อยวาง หรือควบคุมจิตใจและ
อารมณ์ให้ได้เปรียบเสมือนเวลาทเี่ ราขบั ร ถยนต์จ ะตอ้ งศกึ ษาให้เข้าใจถงึ
วิธกี ารขบั ขีท่ ป่ี ลอดภัยบ างครัง้ ควรเร่งบ างคราวควรผอ่ นบางทีกต็ อ้ งหยุด
เร่งในเวลาที่ควรเร่ง
ผ่อนในเวลาที่ควรผ่อน
หยุดในเวลาที่ควรหยุด
ก็จะสามารถถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัย
เปรียบเหมือนการปฏิบัติธรรมะนี่ล่ะ ทำนองเดียวกันให้พิจารณา
อย่างนี้
luangpordu.com
๑๖๘ 168
๘๙
ลิงติดตัง
ท่ามกลางกระแสสังคมที่สับสนวุ่นวายไม่ว่าจะเป็นกิจธุระส่วนตัว
กิจธุระเรื่องครอบครัว เรื่องที่ทำงาน เรื่องของญาติสนิทมิตรสหาย จน
บ่อยครัง้ ท เี่ รารสู้ กึ เหมือนถกู พ นั ธนาการดว้ ยภาระและหน้าทีท่ ตี่ อ้ งจดั การ
มากมายอยู่ทุกวี่ทุกวันทั้งตัวเราเองและทั้งผู้คนรอบข้าง
หลวงปู่ได้เคยเปรียบลักษณะเช่นนี้กับอาการของลิง โดยท่านได้
ถามข้าพเจ้าว่า“แกเคยรู้จักไหมโลกติดตัวเหมือนลิงติดตัง”
(“ ต งั ” ต ามความหมายในพจนานุกรมหมายถงึ ย างไม้ท ผี่ สมกบั ส งิ่
อื่นแล้วทำให้เหนียวใช้สำหรับดักนก)
เวลาที่เขามาดักจับลิง เมื่อลิงมาติดกับที่มีตังติดอยู่ ตังติดมือลิง
ข้างหนึ่งมันก็ใช้มืออีกข้างมาแกะออกแต่แกะไม่ออกกลับติดตังทั้งสอง
มือเอาเท้ามาช่วยถีบออกก็ไม่ออกอีกเอาปากกัดอีกผลที่สุดเลยติดตัง
ไปทั้งตัวทั้งสองมือสองเท้าและปากติดตังไปหมดนอนรอให้เขามาจับ
ตัวเอาไปข้าพเจ้าก้มลงดูตัวเองและเหลียวมองดูรอบตัวไม่เห็นลิงแม้แต่
ตัวเดียวที่ติดตังเห็นแต่ตัวเองและคนรอบๆข้างติดตังเต็มไปหมด...ไม่มี
ลิงสักตัว ...ใครก็ได้ช่วยแกะทีเถอะครับ!
luangpordu.com
169 ๑๖๙
๙๐
ปรารภธรรมเรื่อง“การเกิด”
luangpordu.com
๑๗๐ 170
luangpordu.com
171 ๑๗๑
๙๑
เมดอินวัดสะแก
luangpordu.com
๑๗๒ 172
luangpordu.com
173 ๑๗๓
๙๒
หลวงปู่ดู่ห ลวงปู่ทวด
วันห นึง่ ในคราวทปี่ ลอดคนข า้ พเจ้าได้ม โี อกาสอยูท่ กี่ ฏุ ขิ องหลวงปู่
กับท่านโดยลำพัง หลวงปู่ได้เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า มีลูกศิษย์นายทหารคน
หนึ่งมาเล่าให้ท่านฟังว่าหลวงปู่ทวดท่านไปหลอกเขา
“หลอกยังไงหรือครับ”ข้าพเจ้าถามท่าน
“เขาว่าเวลาที่เขาภาวนาอยู่ หลวงปู่ทวดไปยืนอยู่ข้างหน้าเขา
สักพักตัวท่านก็เปลี่ยนไปหัวเป็นหลวงปู่ทวดตัวเป็นข้า...”
หลวงปู่ตอบข้าพเจ้ายังไม่จบข้าพเจ้าอดถามแทรกไม่ได้ว่า“เขารู้
ได้อย่างไรครับว่าตัวเป็นหลวงปู่”
ท่านตอบขา้ พเจ้าว า่ “ เขาจำรอยสกั ร ปู ผ เี สือ้ ท มี่ อื ข า้ ได้” ห ลวงปู่
ได้เล่าต่อว่า “เมื่อหลวงปู่ทวดไปหลอกเขาโดยแสดงให้เห็น หัวเป็น
หลวงปู่ทวดตัวเป็นข้าแล้วสักพักก็เปลี่ยนใหม่ทีนี้หัวเป็นข้าส่วนตัว
เป็นหลวงปู่ทวดถือไม้เท้ากลับไปกลับมาอย่างนี้”
เรือ่ งทหี่ ลวงปูไ่ ด้เล่าให้ข า้ พเจ้าฟ งั น ี้ ต รงกบั น มิ ติ ท ศี่ ษิ ย์ข องหลวงปู่
หลายคนเคยมนี มิ ติ เกีย่ วกบั ท า่ นค อื เป็นน มิ ติ ร ปู พ ระพุทธเจ้าอ ยูต่ รงกลาง
ด้านขวาด า้ นซา้ ยมรี ปู ห ลวงปทู่ วดและหลวงปูด่ ู่ ส กั พ กั ภ าพทงั้ ส ามกค็ อ่ ยๆ
luangpordu.com
๑๗๔ 174
เลื่อนมารวมเป็นภาพเดียวกันคือเป็นภาพพระพุทธเจ้า ...หากหลวงปู่ดู่
และหลวงปู่ทวดมิใช่พระองค์เดียวกันแล้ว สมควรแล้วหรือที่นิมิตที่ศิษย์
นายทหารท่านนั้นจะเห็นศีรษะหลวงปู่ดู่ไปวางบนลำตัวหลวงปู่ทวด
สมควรแล้วหรือที่ศีรษะหลวงปู่ทวดมาวางบนลำตัวหลวงปู่ดู่และสมควร
แล้วหรือที่ภาพพระพุทธเจ้า หลวงปู่ทวด และหลวงปู่ดู่ มารวมเป็นภาพ
เดียวกัน
ข้าพเจ้าเชื่อว่าหลวงปู่ดู่เป็นพระโพธิสัตว์ที่ปรารถนาพุทธภูมิ
เช่นเดียวกับหลวงปู่ทวดส่วนท่านจะเป็นองค์เดียวกันหรือไม่นั้นข้าพเจ้า
ไม่ท ราบได้เพราะเป็นว สิ ยั ข องผมู้ ญ
ี าณเท่านัน้ ท จี่ ะพงึ ท ราบเหตุท บี่ นั ทึก
เรื่องนี้ไว้ก็เพียงเพื่อเตือนใจตัวเองที่ครั้งหนึ่งหลวงปู่ได้เคยเมตตาเล่า
เรื่องนี้ให้ข้าพเจ้าฟัง และหากจะเป็นประโยชน์กับใครบ้าง ช่วยสร้าง
ศรัทธาปสาทะให้เกิดความพากความเพียร ที่จะก้าวล่วงความทุกข์ให้ได้
แล้วข้าพเจ้าขออนุโมทนาด้วยอย่างยิ่งครับ
luangpordu.com
175 ๑๗๕
๙๓
กรรมฐานพาลจิตเพี้ยน
หลายปีก่อนมีการเสวนาทางวิชาการเรื่อง “ โรคจิตกับกรรมฐาน”
จัดโดยธรรมสถานจฬุ าลงกรณ์ม หาวิทยาลัยในครัง้ น นั้ ม กี ารเชิญจ ติ แพทย์
จากโรงพยาบาลศิริราช มาเล่าถึงปัญหาโรคจิตที่เกิดจากการนั่งวิปัสสนา
กรรมฐานวา่ ทีจ่ ริงแ ล้วก ารทำกรรมฐานไม่ได้เป็นส าเหตุข องการเกิดโรคจิต
แต่ประการใดการที่คนทั่วไปนั่งวิปัสสนากลับมาแล้วเกิดอาการทางจิตที่
คนอื่นมองว่า“ เพี้ยน”หรือเป็นโรคประสาทเป็นเพราะทำไม่ถูกวิธี
จิตแพทย์ท่านนั้นได้กล่าวว่า การที่มีผู้ไปทำวิปัสสนากลับมาแล้ว
ผิดปกติมีไม่มากนักแต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากก็คือปัจจุบันมีสำนักสอนการ
ปฏิบตั ริ วมทงั้ ว ปิ สั สนาเกิดข นึ้ อ ย่างมากมายจ นทำให้ค นคดิ ว า่ เป็นแ ฟชัน่
ที่กำลังได้รับความนิยม คาดว่ามีสำนักน้อยใหญ่ทั่วประเทศเป็นพันแห่ง
สาเหตุที่ทำให้คนมุ่งเข้าสู่สำนักกรรมฐานเหล่านี้เนื่องมาจากความทุกข์
ความผิดหวังในชีวิตต้องการที่พึ่งทางใจสรุปได้ว่าคนที่เพี้ยนจากการทำ
กรรมฐานนนั้ ส ว่ นใหญ่ม คี วามออ่ นแอทางจติ ใจอยูแ่ ล้วแ ละมาพบแนวทาง
ปฏิบตั ทิ ผี่ ดิ ๆ เช่นอ า่ นตำราแล้วน ำไปตคี วามเองห รือคิดค้นว ธิ ปี ฏิบตั เิ อง
นอกแบบของครูอาจารย์หรือฟังจากเพื่อนที่เล่าให้ฟังต่อๆ กันมา
luangpordu.com
๑๗๖ 176
เจ้าสำนักกรรมฐานบางแห่งมักใช้วิธีพิสดารต่างๆ เพื่อสร้างความ
ขลังให้สำนักตนด้วยการฝึกแบบแปลกๆ จนทำให้คนที่ฝึกแบบที่ผิดๆ นี้
เกิดอาการเคร่งเครียด บ้างก็เกิดความกลัวหวาดระแวง เกิดเป็นอาการ
เพี้ยนต่างๆตามมาอาการเพี้ยนนี้มิใช่เพิ่งเกิดในสมัยปัจจุบันหากแต่ใน
ครั้งพุทธกาลก็มีหลักฐานปรากฏในพระวินัยปิฎกภาคอาทิกัมมิิกะคือ
สมัยหนึ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนกรรมฐานข้อที่ว่าด้วยการให้
พิจารณาร่างกายดุจเป็นซากศพแก่พระภิกษุ หลังจากนั้นพระพุทธเจ้า
เสด็จเข้าผาสุกวิหารธรรมคือทรงพักผ่อนส่วนพระองค์เป็นเวลา๑๕วัน
ในระหว่างนี้ จะไม่เสด็จออกบิณฑบาต จะมีแต่พระภิกษุผู้ทำหน้าที่คอย
อุปัฏฐากอยู่ไม่ทรงรับแขกและงดการแสดงธรรม
พระภกิ ษุท ไ่ี ด้ฟ งั พ ระพุทธเจ้าส อนเรือ่ งอ สุภะ ก รรมฐานได้น ำคำสอน
ไปปฏิบัติโดยไม่มีครูอาจารย์คอยควบคุมอย่างใกล้ชิดก็เกิดอาการวิปริต
เห็นร่างกายเป็นซากศพ เป็นที่น่าขยะแขยงเป็นทุกข์ จึงจ้างวานคนอื่น
ให้ฆ่าตัวเองบ้างล งมือฆ่ากันเองบ้างเมื่อพระพุทธเจ้าทรงเสร็จจากผาสุก
วิหารธรรม ทรงทราบเรื่องเข้า จึงทรงสอนให้ภิกษุที่เหลืออยู่ให้พิจารณา
กรรมฐานในแนวใหม่
อีกเรือ่ งหนึง่ เรือ่ งพระภกิ ษุก ลุม่ ห นึง่ เรียนกรรมฐานจากพระพุทธเจ้า
แล้วกราบทูลลาเข้าป่าหาที่สงบปฏิบัติกรรมฐานจนได้บรรลุฌานแล้ว ไม่
นานกเ็ กิดค วามสำคัญผ ดิ ค ดิ ว า่ ต นได้ส ำเร็จข นั้ อ รหนั ต แ์ ล้วจ งึ ช วนกนั อ อก
จากป่ากลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้า และได้บอกความประสงค์เรื่องนี้แก่พระ
luangpordu.com
177 ๑๗๗
อานนท์ พระอานนท์เข้าไปกราบทูลพระพุทธเจ้าเพื่อขออนุญาตเข้าเฝ้า
พระพุทธเจ้าไม่ท รงอนุญาตร บั สัง่ ให้พ ระอานนท์ไปบอกพระภกิ ษุเหล่าน นั้
ให้ไปพจิ ารณาซากศพในปา่ ช้าก อ่ นซ งึ่ ในขณะนนั้ ในปา่ ช้าม คี นทตี่ ายใหม่ๆ
ยังไม่ได้เผาพระภกิ ษุเหล่าน นั้ ก ไ็ ด้ไปดศู พในปา่ ช้าเมือ่ ด ศู พทกี่ ำลังข นึ้ อ ดื
ก็บังเกิดความเกลียด และเมื่อไปดูศพหญิงสาวที่เพิ่งตาย แลเห็นอวัยวะ
ทุกส่วนยังสดอยู่ก็บังเกิดราคะ พระภิกษุเหล่านั้นจึงทราบว่า พวกตน
ยังไม่ได้บ รรลุธ รรมใดๆก เ็ กิดค วามสลดสงั เวชใจในความสำคัญผ ดิ ข องตน
หลังจ ากนนั้ ได้เข้าเฝ้าพ ระพุทธเจ้าได้ฟ งั ธ รรมจงึ ได้ส ำเร็จเป็นพ ระอ รหนั ต ์
ในเวลาต่อมา
นีเ้ ป็นห ลักฐ านวา่ การปฏิบตั กิ รรมฐานตามหลักศ าสนาพทุ ธจ ำเป็น
ต้องมคี รูอ าจารย์ค อยดแู ลเช่นค อยแนะนำวา่ ภ าพทเี่ ห็นแ ละความคดิ ท เี่ กิด
ขึ้นในขณะที่เจริญพระกรรมฐานหรือเวลานั่งกรรมฐานตลอดจนอารมณ์
ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างนั้นมีความหมายอย่างไร และควรวางอารมณ์
ต่อสิ่งเหล่านั้นอย่างไรมิฉะนั้นผู้ทำกรรมฐานอาจเกิดความเห็นผิดแล้ว
พัฒนากลายเป็นความวิปริตหรือผิดเพี้ยนที่สุดแล้วอาการอาจรุนแรงจน
ควบคุมไม่ได้กลายเป็นคนวิกลจริตไปก็มี
ผู้ปฏิบัติจึงควรเริ่มต้นศึกษาพุทธศาสนาด้วยการศึกษาหาความรู้
ทำความเข้าใจในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าให้เข้าใจ ก่อนที่จะลงมือ
นั่งสมาธิเจริญภาวนาเพราะการทำสมาธิแต่เพียงอย่างเดียวก็มีโทษมิใช่
มีประโยชน์ด้านเดียว
luangpordu.com
๑๗๘ 178
ดังน นั้ จ งึ ข อฝากผปู้ ฏิบตั ทิ มี่ กั ม นี มิ ติ ภ าวนาไม่ว า่ เป็นน มิ ติ ป ระเภท
ภาพเสียงกลิ่นหรือสิ่งอื่นใดก็ตามหลวงปู่ท่านเคยสอนไว้ว่า
“อย่ายินดียินร้ายและอย่าน้อมใจเชื่อในนิมิตที่เกิดขึ้น”
ท่านสอนไม่ให้ปฏิเสธหรือว่าไม่ให้เชื่อนิมิตทันทีที่นิมิตเกิดขึ้นแต่
สอนให้เชื่อหรือปฏิเสธก็ต่อเมื่อค วามจริงปรากฏขึ้นเท่านั้น
หลวงปดู่ ลู ย์อ ต โุ ลท า่ นได้เคยแนะนำวธิ ลี ะนมิ ติ ก บั ศ ษิ ย์ค นหนึง่ ใน
หนังสือ“หลวงปู่ฝากไว้”เรียบเรียงโดยพระโพธินันทมุนีว่า
“...นิมิตบางอย่างมันก็สนุกดีน่าเพลิดเพลินอยู่หรอกแต่ถ้าติดอยู่
แค่น นั้ ม นั ก เ็ สียเวลาเปล่าว ธิ ลี ะได้ง า่ ยๆก ค็ อื อ ย่าไปดสู งิ่ ท ถี่ กู เห็นเหล่าน นั้
ให้ดูผู้เห็นแล้วสิ่งที่ไม่อยากเห็นนั่นก็จะหายไปเอง”
luangpordu.com
179 ๑๗๙
๙๔
จะไปทางไหน
หลวงปู่เคยพูดถึงความรู้สึกห่วงใยของท่านที่มีกับบรรดาศิษย์ว่า
หลายคนก่อนจะมาเกิดนี่ พวกที่อยู่บนสวรรค์ก็ได้ไปร่ำลาพระก่อน พอ
ลงมาแล้วก็มาเพลิดเพลินหลงติดอยู่กับโลก ครั้นเมื่อตายไปแล้วก็ไปเกิด
ในที่ลำบากในอบายภูมิมีนรกเปรตอสุรกายสัตว์เดรัจฉานไม่สามารถ
กลับขึ้นไปรับผลบุญบนสวรรค์ชั้นพรหมหรือไปนิพพานได้
พระพุทธเจ้าเคยเปรียบบุคคลไว้๔จำพวกคือ
๑. บุคคลที่มืดมาแล้วมืดไป เปรียบได้กับบุคคลที่มาจากภพภูมิที่
ต่ำกว่ามนุษย์ได้แก่นรกเปรตอสุรกายสัตว์เดรัจฉานครั้นมาเกิดแล้ว
ก็ประกอบแต่กรรมชั่วเมื่อตายจากโลกมนุษย์ก็กลับไปสู่อบายภูมิอีก
๒.บ คุ คลทมี่ ดื ม าแล้วส ว่างไปเปรียบได้ก บั บ คุ คลทมี่ าจากภพภมู ทิ ี่
ต่ำกว่ามนุษย์ได้แก่นรกเปรตอสุรกายสัตว์เดรัจฉานครั้นมาเกิดแล้วก็
ประกอบแต่ก รรมดี เมือ่ ต ายจากโลกมนุษย์เขากส็ ามารถไปสสู่ คุ ติม สี วรรค์
พรหมพระนิพพานได้
๓.บ คุ คลทสี่ ว่างมาแล้วม ดื ไปเปรียบได้ก บั บ คุ คลทมี่ าจากภพภมู ทิ ี่
สูงก ว่าภ มู มิ นุษย์ได้แก่สวรรค์พ รหมค รัน้ ม าเกิดแ ล้วก ป็ ระกอบแต่ก รรมชวั่
luangpordu.com
๑๘๐ 180
เมื่อตายจากโลกมนุษย์ก็กลับไปสู่อบายภูมิ
๔. บุคคลที่สว่างมาแล้วสว่างไป เปรียบได้กับบุคคลที่มาจากภพ
ภูมิที่สูงกว่าภูมิมนุษย์ ได้แก่ สวรรค์ พรหม ครั้นมาเกิดแล้วก็ประกอบ
แต่กรรมดีเมื่อตายจากโลกมนุษย์เขาก็สามารถไปสู่สุคติมีสวรรค์พรหม
พระนิพพานได้
จะมืดมาหรือสว่างมา ข้าพเจ้าคิดว่าไม่สำคัญเท่ากับจะมืดไปหรือ
สว่างไปเพราะอย่างไรเสียเราก็ได้มาเกิดแล้วแต่ขณะนี้เรายังไม่ได้...ไป
ในประวัติของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี แห่งวัดระฆัง-
โฆสิตาราม เมื่อคราวที่ในหลวงรัชกาลที่ ๔ ทรงให้ขุดสระน้ำและปลูก
พระตำหนักกลางสระน้ำอย่างสวยงามท่านได้ตรัสถามสมเด็จโตว่า
“สวยไหมขรัวโต”
สมเด็จโตกราบทูลตอบว่า “สวยมากมหาบพิตร ดุจราชรถอัน
วิจิตร”
เท่านี้แหละ ในหลวงทรงกริ้วไปหลายวัน เพราะท่านเป็นปราชญ์
เชี่ยวชาญภาษาบาลีคำกราบทูลของสมเด็จโตว่า“ ดุจราชรถอันวิจิตร”นี้
ตรงกับพุทธภาษิตบทหนึ่งว่า
“สทู ง้ั ห ลายจงมาดโู ลกน้ี อ นั ต ระการตาดจุ ร าชรถอันว จิ ติ รท พ่ี วก
คนโง่หลงตดิ อยู่ แต่ผรู้ หู้ าตดิ ขอ้ งอยูไ่ ม่”
luangpordu.com
181 ๑๘๑
๙๕
ตีเหล็กร้อนๆ
ค รัง้ ห นึง่ ม เี พือ่ นผปู้ ฏิบตั ธิ รรมของขา้ พเจ้าได้ฝ ากเรียนถามหลวงปู่
ว่า“ ในยคุ ป จั จุบนั ผ คู้ นกำลังม คี วามทกุ ข์ก นั ม ากมายน อกจากการปฏิบตั ิ
ธรรมแล้วควรทำอย่างไรอีกครับ”
ข้าพเจ้าได้กราบเรียนถามหลวงปู่ซึ่งท่านเมตตาตอบว่า
“คำถามมนั ม คี ำตอบอยูใ่ นตวั แ ล้วน อกจากการปฏิบตั ธิ รรมแล้ว
ไม่มอี ย่างอน่ื เพราะการปฏิบตั ธิ รรมคอื ปฏิบตั ใิ ห้ถกู ตอ้ งทส่ี ำคัญอย่าง
แรกคอื ต อ้ งทำความเห็นเราให้ถ กู เสียก อ่ นวา่ ทีว่ า่ ป ฏิบตั ธิ รรมน น้ั ป ฏิบตั ิ
อะไรและปฏิบตั อิ ย่างไร”
หลวงปูท่ า่ นได้ขยายความโดยแยกแยะไว้เป็นส องนยั ค อื โลกียธรรม
และโลกุตรธรรม
โลกียธรรมคือให้ปฏิบัติหน้าที่ของเราให้พร้อมสมบูรณ์ไม่ว่าจะ
เป็นหน้าที่ต่อพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ หัวหน้า ลูกน้อง เพื่อนๆ และหน้าที่
ต่อตัวเอง
โลกตุ รธรรมก ใ็ ช้ท กุ ข์จ ากสภาพทเี่ ป็นอ ยูน่ แี้ หละเป็นเครือ่ งกำหนด
รู้ สำหรับผู้มีปัญญาแล้ว ยิ่งเห็นทุกข์มากเท่าใด ก็ยิ่งอยากที่จะพ้นทุกข์
luangpordu.com
๑๘๒ 182
มากเท่านั้นโดยอาศัยหนทางมรรคที่พระพุทธเจ้าสอนเป็นแนวทางเดิน
เมื่อได้ฟังคำตอบของหลวงปู่ ทำให้ข้าพเจ้าระลึกถึงประวัติของ
สมเด็จโตวัดระฆังฯอีกครั้ง...
โดยปกติในหลวงรัชกาลที่ ๔ มักนิมนต์สมเด็จโตเข้ามาเทศน์ใน
วังเสมอวันหนึ่งที่ท่านนิมนต์สมเด็จโตมาเทศน์พอดีวันนั้นท่านมีกิจธุระ
ที่จะต้องไปทำต่อ เมื่อสมเด็จโตมาเทศน์ ท่านทราบดีว่าในหลวงมีเรื่อง
ร้อนพระทัยอยู่จะรีบไป ท่านก็เทศน์ให้ในหลวงฟังอยู่เสียนานกว่าจะจบ
ลงได้
ครั้งต่อมา ในหลวงนิมนต์สมเด็จโตเข้ามาเทศน์ในวังอีก วันนั้น
ท่านวา่ งจากกจิ ธ รุ ะการงานดแี ล้วต งั้ ใจจะฟงั เทศน์ส มเด็จเต็มท ี่ ส มเด็จโต
แทนที่จะเทศน์อะไรให้ในหลวงฟัง วันนั้น ท่านกลับไม่แสดงธรรมและไม่
เทศน์เลยเพียงแต่ขน้ึ ตน้ วา่ “ธรรมใดๆมหาบพิตรกท็ รงทราบดอี ยูแ่ ล้ว
เอวังกม็ ดี ว้ ยประการฉะนี”้
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าจะตีเหล็กให้ตีตอนร้อนๆในวันแรกในหลวงทรง
มีเรื่องกังวลพระทัยจิตใจไม่ปกติ สมเด็จโตท่านจึงต้องเทศน์นานหน่อย
แต่วันต่อมาท่านสบายพระทัย จิตใจเป็นปกติดี ก็ไม่มีเหตุอันใดที่ต้อง
เทศน์สอนอีกฉันใดการพิจารณาทุกข์ให้เข้าใจทุกข์ให้ผ่านทุกข์ให้ได้ก็
ต้องพิจารณาในยามที่เผชิญทุกข์มากๆ ยามที่ปัญหาเศรษฐกิจรุมเร้าเช่น
ปัจจุบันนี้ฉันนั้น
luangpordu.com
183 ๑๘๓
๙๖
ครูพักลักจำ
luangpordu.com
๑๘๔ 184
เหมือนได้พ บสมบัตลิ ำ้ ค่าห ากไม่ป ฏิบตั เิ อาให้ได้อ ย่างนอ้ ยหนงึ่ ใ นสี่ ใ ห้
ถึงความเป็นพระโสดาบัน ปิดประตูอบายภูมิให้ได้ ก็เท่ากับว่าเราเป็น
ผู้ประมาทอยู่มาก”
ยิ่งข้าพเจ้าได้ศึกษา ได้เรียนรู้กับหลวงปู่ ข้าพเจ้าก็ยิ่งบังเกิดความ
อัศจรรย์ข นึ้ ในจติ ใจท า่ นสอนให้เราได้ห ลักแ ละวธิ คี ดิ ด ว้ ยโยนิโสมนสิการ
ทำให้เราได้เกิดศ รัทธาและกอ่ ให้เกิด“ ป ญ ั ญา”อ นั เป็นย อดปรารถนาของ
ทุกค นท ำให้เกิดค วามเข้าใจแจ่มช ดั ในเรือ่ งตวั ต นของเราและทกุ ช วี ติ ท อี่ ยู่
รอบข้าง
หลวงปู่ท่านเคยเล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า
“คนสมัยก่อนที่เขาปฏิบัติกันได้ดี ต้องรู้จักลักสังเกตจดจำสิ่งที่
ดีงามของผู้อื่นมาปฏิบัติตาม เพื่อให้เกิดให้มีที่ตัวเรา เหมือนที่ข้าสอน
พวกแกนี่ ไม่ใช่ส ำนักป ฏิบตั ิ ไม่ใช่ส ำนักว ดั ส ะแกถ า้ เป็นส ำนักก ต็ อ้ งตงั้
แบบใหม่
ที่ข้าสอนนี่ไม่ใช่แบบใหม่แต่เป็นแบบของพระพุทธเจ้าข้าก็ลัก
สอนแอบสอนอยู่นี่ใครเชื่อจริงเอาจริงก็ได้ไปช่วยๆกัน...ช่วยเหลือ
พระศาสนา”
luangpordu.com
185 ๑๘๕
๙๗
ที่สุดแห่งท ุกขเวทนา
“ธรรมนั้นอยู่ฟากตายไม่รอดตายไม่เห็นธรรม”
เป็นคำสอนธรรมที่ไพเราะ กินใจ และเป็นประโยชน์ในการนำมา
ขบคิดพิจารณาให้แจ่มแจ้งกับตนเองอย่างยิ่ง
วันหนึ่งขณะที่ข้าพเจ้านั่งปฏิบัติภาวนา ใจมีความสงบระงับพอ
สมควรเวลาผ่านไปได้สัก๒-๓ชั่วโมงทุกขเวทนาอันเนื่องมาจากความ
ปวดเมื่อยตามร่างกายเริ่มทวีขึ้นเรื่อยๆ
ในครั้งแรก ข้าพเจ้าอาศัยกำลังสมาธิเข้าข่มความเจ็บปวด โดย
พยายามให้จติ จดจ่ออยูก่ บั คำภาวนาให้มน่ั คงขน้ึ ความปวดเมือ่ ยกห็ ายไป
แต่ก็เป็นเพียงชั่วขณะไม่นานนัก ความปวดเมื่อยนั้นก็กลับคืนมาอีกและ
รุนแรงขึ้นข้าพเจ้าจึงตั้งคำถามตัวเองว่า...
“ที่ว่าเจ็บปวดมันปวดตรงไหนที่จิตหรือที่กาย”
“เจ็บที่กาย”ข้าพเจ้าตอบตัวเอง
“เออเจ็บที่กายมันก็ต้องไม่เกี่ยวกับจิตถ้าเราเชื่อพระพุทธเจ้าว่า
จิตกับกายเป็นคนละส่วนกันเราจะต้องเห็นจิตเห็นกายว่าเป็นคนละส่วน
ด้วยตวั เราแ ละตอ้ งไม่ท รุ นทรุ ายจากความเจ็บป วดอนั น ”ี้ ข า้ พเจ้าบ อกกบั
ตัวเองอีก
luangpordu.com
๑๘๖ 186
luangpordu.com
187 ๑๘๗
luangpordu.com
๑๘๘ 188
ปากเรามีก็ต้องกัดต้องด่ามันให้สู้จนยิบตา
ข้าพเจ้าเริม่ เข้าใจบทเรียนบทนแี้ ล้วค วามเข้าใจเริม่ ม มี ากขนึ้ พ ร้อม
กับความรักที่มีต่อหลวงปู่ดู่ก็มีมากขึ้นเช่นกัน
luangpordu.com
189 ๑๘๙
๙๘
พุทธนิมิต
luangpordu.com
191 ๑๙๑
luangpordu.com
๑๙๒ 192
๙๙
หลวงปู่บอกหวย
ความจริงแ ล้วข า้ พเจ้าค วรตงั้ ช อื่ เรือ่ งนวี้ า่ “ ว ดี โี อประวัตแิ ละคำสอน
ของหลวงปู่” มากกว่า แต่ชื่อเรื่องยาวไป และไม่ชวนอ่านเท่า “หลวงปู่
บอกหวย”จ ึงขออนุญาตใช้ชื่อเรื่องนี้แทน
ข้าพเจ้าแ ละหมูค่ ณะอกี ห ลายคนมคี วามตงั้ ใจทจี่ ะทำวดิ โี อประวัติ
และคำสอนของหลวงปู่ เพือ่ เป็นอ นุสรณ์ร ำลึกถ งึ ท า่ นโดยจดั ท ำดว้ ยความ
เคารพท่านเป็นที่สุดไม่ต้องการหาผลกำไรจากการนี้
จากนนั้ ก ไ็ ด้ป รึกษากนั ในเรือ่ งทนุ ท จี่ ะดำเนินก ารแ ละหลังจ ากทไี่ ด้
แบ่งง านกนั แ ล้วท กุ ค นพร้อมใจกนั ม ากราบนมัสการหลวงปูต่ อ่ ห น้าส รีระ
ของทา่ นทตี่ งั้ ไว้ท หี่ อสวดมนต์ซ งึ่ อ ยูต่ รงขา้ มกบั ก ฏุ ขิ องหลวงปูใ่ นปจั จุบนั
ข้าพเจ้าจ ำได้ว า่ ค ำอธิษฐานของพวกเราในวนั น นั้ ค อื ข ออนุญาตตอ่ ห ลวงปู่
ในการจัดทำวิดีโอประวัติและคำสอนของท่าน และหากหลวงปู่อนุญาต
ขอให้หลวงปู่บอกพวกเราด้วยจะโดยนิมิตมาเข้าฝันหรือวิธีใดก็แล้วแต่
เพื่อให้พวกเราสบายใจว่าไม่ได้ทำโดยที่หลวงปู่ไม่อนุญาตและขอให้สิ่งที่
จะต้องทำทุกอย่างสะดวกราบรื่น ไม่ติดขัดจนงานสำเร็จ แต่หากหลวงปู่
ไม่อ นุญาตแล้วข อให้การทำงานของพวกเราตดิ ขัดม อี ปุ สรรคท ำให้ท อ้ ใจ
และเลิกล้มความตั้งใจที่จะทำกันในที่สุด
luangpordu.com
193 ๑๙๓
จากวันที่พวกเราได้ขออนุญาตหลวงปู่แล้ว พวกเราสิบกว่าคนใช้
เวลากันประมาณหนึ่งปีเพื่อจัดทำวิดีโอที่มีความยาวประมาณ๓๐นาที
เริม่ ต งั้ แ ต่ก ารเขียนบทเปลีย่ นจากบทให้เป็นส ครปิ ต์ต ดิ ต่อห าขอ้ มูลเกีย่ ว
กับห ลวงปูต่ งั้ แ ต่ช วี ติ ข องทา่ นในวยั เยาว์จ นกระทัง่ อ ปุ สมบทเป็นพ ระภกิ ษุ
สอบถามจากพระเถระครูอ าจารย์ท เี่ คยรว่ มธดุ งค์ก บั ท า่ นผ เู้ ฒ่าผ แู้ ก่ท รี่ จู้ กั
ท่านติดต่อช่างภาพที่จะมาถ่ายทำวิดีโอนอกสถานที่โดยต้องไปถ่ายทำที่
บ้านเกิดของท่านเป็นต้นจนกระทั่งวิดีโอที่ช่วยกันจัดทำแล้วเสร็จ
ข้าพเจ้ายังจำได้ดีวันนั้นเป็นวันที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๓๖ เวลา
กลางคืนประมาณสามทุ่ม ข้าพเจ้านั่งดูวิดีโออยู่คนเดียวที่ชั้นล่าง ดูไปก็
คิดถึงท า่ นไปผ า่ นไปได้ค อ่ นเรือ่ งด ว้ ยความคดิ ถึงท า่ นน ำ้ ตาเจ้าก รรมของ
ข้าพเจ้าก็เอ่อล้นขึ้นมา ในขณะเดียวกันนั้นเอง ข้าพเจ้าแลเห็นหลวงปู่ดู่
ทางด้านขวามือข้าพเจ้า ท่านเดินเข้ามาหาแล้วหยุดห่างจากข้าพเจ้า
ประมาณเมตรเศษแล้วบอกข้าพเจ้าว่า
“ข้าอนุโมทนากับพวกแกด้วยที่ทำให้คนอื่นได้บุญหลาย”
ข้าพเจ้าเห็นท า่ นดว้ ยหางตาค รัน้ เมือ่ ห นั ไปมองทา่ นตร งๆป รากฏ
ว่าท่านหายไป แล้วข้าพเจ้าถามตัวเองว่าคิดเอาเองหรือเปล่า เสียงจิ้งจก
ทักทันทีที่ความคิดนี้เกิดขึ้นในใจ ข้าพเจ้านึกถึงคำที่หลวงปู่เคยบอกพวก
เราไว้ว่า
“ถ้าข้าไปหาแกให้คอยฟังเสียงจิ้งจกให้ดี”
พอดีว ดิ โี อจบข า้ พเจ้าจ งึ ข นึ้ ไปหอ้ งพระชนั้ บ นข ณะทขี่ า้ พเจ้าก ำลัง
luangpordu.com
๑๙๔ 194
จะก้มลงกราบพระภาพหลวงปู่ก็ปรากฏเบื้องหน้าทางด้านซ้ายของโต๊ะ
บูชาพระหรือขวามือของข้าพเจ้าแล้วท่านก็บอกข้าพเจ้าอีกว่า“ พรุ่งนี้
หวยออก๒ ๑”ข า้ พเจ้าย งั ง นุ งงกบั เหตุการณ์ท กี่ ำลังเกิดข นึ้ ในเวลานนั้ ว า่
คิดเอาเองอีกหรือเปล่าทำไมถึงเป็นเรื่องเป็นราวทีเดียวหลวงปู่ท่านคงรู้
ความคิดของข้าพเจ้าในขณะนั้นท่านจึงบอกข้าพเจ้าอีกว่า“ไม่เชื่อให้ดู
ในรูปข้าปฏิทิน๒๑”
ข้าพเจ้ารีบเดินเข้าใกล้ที่บูชาพระซึ่งมีรูปหลวงปู่ ขนาด ๘ x ๑๐
นิ้ว ใส่กรอบตั้งอยู่ เป็นรูปหลวงปู่นั่งสมาธิ หน้ากุฏิท่านเอง ที่ข้างฝากุฏิ
มีปฏิทินแบบฉีกใบละวันแขวนไว้ วันที่ในปฏิทินที่เห็นนั้นเป็นวันที่ ๒๑
ซึ่งตรงกับที่ข้าพเจ้าได้ยินหลวงปู่บอกอยู่ในเวลานี้ ข้าพเจ้าก้มลงกราบ
พระ ๓ ครั้ง และเรียนหลวงปู่ว่าข้าพเจ้าไม่เคยคิดจะขอหวยหลวงปู่เลย
ข้าพเจ้าเริม่ เข้าใจแล้วล ะ่ ห ากวนั น หี้ ลวงปูม่ าจริงไม่ใช่ภ าพนมิ ติ ท ขี่ า้ พเจ้า
คิดขึ้นเองก็ขอให้พรุ่งนี้หวยออก ๒๑ จริง แต่ถ้าพรุ่งนี้หวยไม่ออก ๒๑
แปลว่าภาพนิมิตทั้งหมดเป็นเรื่องไม่จริงและข้าพเจ้าเพี้ยนเองตั้งแต่ต้น
จนจบรายการนี้
วันรุ่งขึ้นข้าพเจ้ามีงานที่ทำงาน จำได้ว่ากำลังยุ่งอยู่กับการจัดทำ
แผนงานประจำปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ข้าพเจ้าลืมเรื่องนี้ไปสนิทตลอดทั้งวัน
ตกเย็นก็ต้องทำงานล่วงเวลากว่าจะได้กลับบ้านก็เป็นเวลาค่ำ เส้นทางที่
ข้าพเจ้าขับรถกลับบ้านต้องข้ามสะพานพระปิ่นเกล้าเป็นประจำทุกวัน
วันน นั้ ข า้ พเจ้าข บั ร ถมาตดิ ไฟแดงอยูท่ หี่ น้าส ำนักงานสลากกนิ แ บ่งร ฐั บาล
luangpordu.com
195 ๑๙๕
พอดีพลันข้าพเจ้านึกขึ้นมาได้จึงเหลือบไปมองผลการออกสลากกินแบ่ง
รัฐบาลทตี่ ดิ ป ระกาศเป็นต วั เลขเด่นอ ยูห่ น้าส ำนกั ง านฯส งิ่ ท ขี่ า้ พเจ้าได้เห็น
ก็คือเลขท้ายสองตัวของหวยงวดประจำวันที่๑กุมภาพันธ์พ.ศ.๒๕๓๖
ออกเลข๒๑ซึ่งตรงกับที่หลวงปู่ได้บอกข้าพเจ้าไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ข้าพเจ้ามาสรุปเองได้ว่า หลวงปู่ต้องการมา
บอกให้ข้าพเจ้าทราบว่า ท่านอนุญาตให้พวกเราทำวิดีโอเรื่องของท่านได้
ซึง่ ข า้ พเจ้าได้น ำเรือ่ งนมี้ าเล่าให้ห มูค่ ณะได้ร บั ท ราบวา่ พ วกเราไม่ได้ท ำกนั
โดยพลการ หลวงปู่อนุญาตแล้วจริงๆ ซึ่งหากท่านไม่บอกเหตุการณ์ล่วง
หน้าโดยมาผูกเรื่องกับหวยที่จะออกในวันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าก็คงจะไม่เชื่อ
ว่าท่านอนุญาตสำหรับข้าพเจ้าแล้ว นี้เป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจข้าพเจ้า
มากที่สุดครั้งหนึ่งที่แสดงถึงความรัก ความเมตตา และความห่วงใยของ
หลวงปู่ที่มีต่อบรรดาศิษยานุศิษย์ ข้าพเจ้ามีความเชื่อ ๑๐๐ % เต็ม ว่า
ถึงแม้หลวงปู่ดู่จะมรณภาพไปแล้ว ก็เป็นการจากไปแต่กายของท่าน แต่
หลวงปูด่ อู่ งค์จ ริงท เี่ ป็นอ งค์ธ รรมของทา่ นยงั อ ยูค่ อยชว่ ยเหลือพ ระศาสนา
และคอยชว่ ยเหลือผ ปู้ ฏิบตั ธิ รรมทงั้ ห ลายอย่างทไี่ ม่เสือ่ มถอยไปกว่าส มัยท ี่
ท่านยังมีชีวิตอยู่เลย
เหตุการณ์เรื่องหลวงปู่บอกหวยนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งในหลาย
เหตุการณ์ที่หลวงปู่ท่านเมตตามาช่วยเหลือหมู่คณะซึ่งข้าพเจ้าและศิษย์
หลายคนที่เคยมีประสบการณ์คงไม่มีใครปฏิเสธว่าหลวงปู่ดู่ท่าน...มาได้
จริงๆ
luangpordu.com
๑๙๖ 196
๑๐๐
อยากได้วัตถุมงคลของหลวงปู่
ผมได้รับทราบคำสอนและปฏิปทาเกี่ยวกับหลวงปู่ดู่จากศิษย์ของ
ท่านคนหนึ่ง จนเกิดศรัทธาปสาทะ กระทั่งได้มีโอกาสเดินทางไปถวาย
สังฆทานกับหลวงปู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นครั้งเดียวที่ได้พบได้กราบท่าน หลัง
จากนั้นเวลาผ่านไป...ผมได้รับทราบเรื่องราวของหลวงปู่มากขึ้นเรื่อยๆ
ความรักความเคารพบูชามีมากขึ้นตามกาลเวลา แต่ก็ไม่เคยได้ไปกราบ
ท่านอีกจนท่านมรณภาพ
วันนั้น...เมื่อคราวไปทำบุญกับหลวงปู่ผมเคยคิดน้อยใจที่ไม่ได้รับ
โอวาทคำสอนหรือว า่ ส งิ่ ใดจากหลวงปเู่ ลยค วามคดิ เช่นน แี้ ม้ไม่ถ กู ต อ้ งนกั
เพราะเป็นการทำบุญที่หวังผล แต่นี่คือความรู้สึกของปุถุชนคนหนึ่งที่ยัง
ต้องการกำลังใจต้องการที่พึ่งพิงทางใจอยู่
ถึงวันนี้...ผมเชื่อในความเมตตาของท่าน เพียงแต่จะแผ่มาถึงเรา
ในลักษณะใดเท่านั้นผมได้รับฟังเรื่องราวเกี่ยวกับคุณธรรมและคุณวิเศษ
ของหลวงปู่หลายเรื่องหลายลักษณะ แต่ไม่เคยได้ประสบกับตนเอง จน
ครั้งหนึ่งในชีวิต...ได้เกิดขึ้น
ผ มเป็นค นทชี่ อบสะสมและสนใจพระเครือ่ งแ ละเชือ่ ว า่ พ ระทหี่ ลวง
ปูอ่ ธิษฐานจติ ม คี วามศกั ดิส์ ทิ ธิแ์ ละเป็นม งคลกบั ผ คู้ รอบครองผ มเองกไ็ ด้
luangpordu.com
197 ๑๙๗
luangpordu.com
๑๙๘ 198
“ ฮ า้ !พ ดู ใหม่อ กี ท ซี คิ รับพ ดู ช า้ ๆ ช ดั ๆ ” ผ มอทุ านดว้ ยความแปลก
ใจและรู้สึกได้ทันทีว่ามีอะไรผิดปกติแน่นอน
เพื่อนผมคนนั้นก็ทวนคำถามเดิมแล้วเล่าให้ฟังว่า
“เมื่อคืนสวดมนต์ไหว้พระตามปกติขณะที่จิตสงบอยู่ก็มีนิมิตเป็น
หน้าพี่ปรากฏขึ้นและได้ยินเสียงของหลวงปู่ดู่บอกว่าเอาเหรียญเปิดโลก
ของข้าไปให้เขาพอตอนเช้ามาว่าจะถามพี่แล้วก็ลืม”
เขายังได้เล่าให้ฟังเพิ่มเติมว่า
“เห็นนิมิตเช่นเดียวกันนี้ตั้งแต่คืนวานแล้วแต่ไม่แน่ใจนึกว่าคิดไป
เองจนกระทัง่ เมือ่ ค นื เกิดน มิ ติ เหมือนเดิมอ กี ภ าพปรากฏชดั เจนขนึ้ เสียง
ของหลวงปู่ที่สั่งก็ดังฟังชัดจึงคิดว่าไม่น่าที่จะคิดเอาเอง”
ผมจึงได้เล่ารายละเอียดสิ่งที่ได้คิดได้ทำให้เพื่อนผมฟัง และขอ
เหรียญเปิดโลกมาให้พี่คนดีของผมได้ตามที่ตั้งใจไว้ เหตุการณ์นี้เป็นเรื่อง
จริงที่เกิดขึ้นกับตัวผมเอง และคงยืนยันถึงความเมตตาของหลวงปู่ที่
สงเคราะห์ผมและคนรอบข้างด้วย
“แกคิดถึงข้าข้าก็คิดถึงแก”คำพูดนี้ยังก้องอยู่ในหูของผมและ
คงก้องอยู่ในหูของลูกศิษย์ของหลวงปู่ตลอดไป และสิ่งที่แปลกสำหรับ
ปุถุชนคนธรรมดาอย่างเราก็คือหลวงปู่ท่านมรณภาพไปแล้วทำไมยังมา
ช่วยเราได้อกี
เราคงเคยได้ยนิ ผปู้ ฏิบตั ธิ รรมได้พบพระพทุ ธเจ้าพระสงฆ์ผปู้ ฏิบตั ดิ ี
ปฏิบตั ชิ อบทงั้ ห ลายทที่ า่ นมรณภาพไปแล้วเช่นก นั ม าสอนมาโปรดลกู ศิษย์
luangpordu.com
199 ๑๙๙
ในรูปแบบต่างๆแต่คนธรรมดาอย่างเราตายกันไปแล้วมากมายบางครั้ง
อยากให้มาก็ไม่เห็นมา
สิง่ เหล่าน เี้ กิดข นึ้ ได้อ ย่างไรเป็นเพราะบญ
ุ บ ารมีข องแต่ละทา่ นหรือ
เปล่า?...ขอฝากให้ช่วยกันคิดต่อไป
ลาภะปัญโญ
luangpordu.com
๒๐๐ 200
๑๐๑
เห็นแล้วไม่หัน
ครัง้ แ รกทดี่ ฉิ ันถ กู เพือ่ นชวนไปวดั ต า่ งจงั หวัดแ ห่งห นึง่ ด ว้ ยความรู้
เท่าไม่ถึงการณ์ เริ่มจากดิฉันได้ถามเพื่อนว่า “ วันเสาร์นี้ว่างไหม” เพื่อน
ผู้นั้นตอบว่า“ ไม่ว่าง”
“ไปไหน”ดิฉันซักด้วยความสงสัย
“ไปอยุธยา”เพื่อนตอบ
“ไปด้วยคนซิ อยุธยาน่าสนใจดีออก” ดิฉันตอบรับอย่างกระตือ-
รือร้นด้วยความอยากเที่ยว
“ไปวัดนะ”เพื่อนย้ำ
“วัดอะไร”
“วัดสะแก”
“ไปทำไมวัดสะแก”ดิฉันสงสัยเพราะไม่เคยได้ยินชื่อวัดมาก่อน
“ไปกราบหลวงปู่ดู่”
“ไปกไ็ ป”ด ฉิ นั ต อบตกลงดว้ ยความทอี่ ยากออกไปไหนสกั แ ห่งน อก
กรุงเทพฯ
วันแรกที่ไปถึงวัดสะแกสังเกตจากภายนอกเป็นวัดธรรมดาเก่าๆ
ไม่มีอะไรที่น่าสนใจ เมื่อเดินขึ้นกุฏิ ได้พบและกราบหลวงปู่ ท่านกำลัง
luangpordu.com
201 ๒๐๑
สูบบุหรี่ดิฉันนึกในใจว่า“ พระสูบบุหรี่ไม่เห็นชอบเลย”ตอนนั้นใกล้เพล
แล้วป ระกอบกับเป็นว นั ท ำงานปกติจ งึ ม คี นไม่ม ากนกั ด ฉิ นั ได้ท านอาหาร
กลางวนั แ บบบฟุ เฟ่ตค์ รัง้ แ รกคอื น งั่ ท านอาหารทหี่ ลวงปูฉ่ นั เสร็จแ ล้วโดย
นั่งรวมกันหลายๆคนกับพื้นไม้กระดานบริเวณหน้ากุฏิท่าน
ภายหลังอ าหารมอื้ น นั้ ด ฉิ นั ห มายมนั่ ป นั้ ม อื เตรียมคำถามทอี่ า่ นมา
จากหนังสือแล้วเกิดความสงสัยหาคำตอบไม่ได้ จึงขอนำมาถามหลวงปู่
หลวงปู่ท่านอยู่ในอิริยาบถพักผ่อนแบบสบายๆของท่าน
“ ห ลวงปูเ่ จ้าค ะก ศุ ลกรรมชกั นำกศุ ลกรรมอ กุศลกรรมชกั นำอกุศล-
กรรมนี่หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”
หลวงปู่ท่านมองหน้าดิฉันอยู่ครู่หนึ่งแล้วยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“ข้าไม่ตอบเอ็งล่ะเอ็งมองดูที่กระดานเอาเองก็แล้วกัน”
ดิฉันมองหากระดานอย่างงงๆ
“คนหันไม่เห็นคนเห็นแล้วไม่หัน”ดิฉันอ่านตามเบาๆในใจ
“หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ”ดิฉันถามท่านด้วยความโง่ซื่อ
“เอ็งว่าอย่างไรล่ะ”หลวงปู่ถาม
ดิฉันเงียบจนเพื่อนต้องสะกิด
“ไม่ทราบเจ้าค่ะ”
หลวงปู่จึงได้อธิบายให้ฟังว่า
“ถ้าเอ็งหันไปเอ็งก็ไม่เห็นอะไร
แต่ถ้าเอ็งเห็นแล้วเอ็งก็ไม่ต้องหันไปหาอะไร”
luangpordu.com
๒๐๒ 202
luangpordu.com
203 ๒๐๓
๑๐๒
เปรียบศีล
ดิฉันเป็นคนช่างสังเกตและขี้สงสัยว่า ทำไมในบทสวดสมาทาน
พระกรรมฐานของหลวงปู่ถึงได้ต้องมีการอาราธนาศีล ซึ่งมีผู้แนะนำให้
ทำเป็นประจำทุกวัน
ด้วยความอดรนทนไม่ได้ เมื่อสบโอกาสที่ได้มากราบนมัสการ
หลวงปู่จึงเรียนถามท่าน
“หลวงปู่เจ้าคะทำไมเวลาสวดมนต์จึงต้องขอศีลทุกวันคะ”
หลวงปู่อธิบายว่า
“ก็เหมือนเชือกล่ะเอ็งเคยเห็นเชือกไหมห้าเส้นควั่นเป็นเกลียว
ถ้าเส้นห นึง่ ข าดเรากผ็ กู ใ หม่สองเส้นข าดเรากผ็ กู ส องเส้นใ หม่แ ล้วถ า้
เอ็งไม่ผูก มันจะเป็นยังไงล่ะ?”
หลวงปู่จบคำตอบด้วยคำถาม
ดิฉันนั่งนึกอย่างเห็นภาพ...เชือกก็คงบางลง และคงขาดทีละเส้น
สองเส้น...จนหมด
หลวงปู่มองข้าพเจ้าแล้วยิ้ม
อรพินท์
luangpordu.com
๒๐๔ 204
๑๐๓
บทเรียนทางธรรม
บทที่๑ความกตัญญูและกุศโลบายในการหาบุญ
ครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้ไปกราบหลวงปู่ดู่ในปีพ.ศ.๒๕๒๖โอวาทที่
ท่านมอบให้ก บั ล กู ศ ษิ ย์ห น้าใหม่ค นนกี้ ค็ อื “ ท ำบุญก บั พ ระทไี่ หนๆก ต็ อ้ ง
ไม่ลืมพระที่บ้านพ่อแม่เรานี้แหละ...อย่ามองข้ามท่านไป”
ครั้งนั้นยังจำได้ว่าข้าพเจ้าและเพื่อนๆได้ซื้อดอกบัวไปถวายท่าน
ด้วย ท่านรับและนำไปบูชาพระพุทธรูป แล้วก็ให้โอวาทอีกว่า “พวกแก
ยังเป็นนักเรียนนกั ศกึ ษายงั ตอ้ งแบมือข อเงินพ่อแม่อยู่ คราวหน้าอย่า
ไปเสียเงินเสียทองซื้อดอกไม้มาถวายระหว่างทางมาวัดหากเห็นสระ
บัวที่ไหน ก็ให้ตั้งจิตนึกน้อมเอาดอกบัวถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา
สังฆบูชาก็ใช้ได้แล้ว”
นอกจากนี้ วิธีหาบุญแบบง่ายๆ โดยไม่ต้องเสียสตางค์ สามารถ
ทำได้ทั้งวันคือตื่นเช้ามาขณะล้างหน้าหรือดื่มน้ำก็ให้ว่า“พุทธังสรณัง
คัจฉามิ,ธัมมังสรณังคัจฉามิ,สังฆังสรณังคัจฉามิ”ก่อนจะกินข้าว
ก็ให้นึกถวายข้าวพระพุทธ ออกจากบ้านเห็นคนอื่นเขากระทำความดี
เป็นต้นว่าใส่บาตรพระจูงคนแก่ข้ามถนนฯลฯก็ให้นึกอนุโมทนากับเขา
ผ่านไปเห็นด อกไม้ท ใี่ ส่ก ระจาดวางขายอยู่ ห รือด อกบัวในสระขา้ งทางก ใ็ ห้
luangpordu.com
205 ๒๐๕
luangpordu.com
๒๐๖ 206
“เบื้องต้นก็จะขึ้นยอดตาลมีหวังตกลงมาตายเท่านั้น”
คำตอบของท่านทำเอาข้าพเจ้ารู้สึกเขิน และคิดได้ว่าการปฏิบัติ
ธรรมทถี่ กู ท คี่ วรนนั้ ไม่ค วรจะอา่ นตำรับต ำรามากแ ต่ค วรปฏิบตั อิ ย่างคอ่ ย
เป็นค อ่ ยไปม งุ่ ป ระกอบเหตุท ดี่ อี ย่างเสมอตน้ เสมอปลายโดยไม่เร่งรัดห รือ
คาดคั้นเอาผล และที่สำคัญคืออย่าสำคัญผิดคิดว่า “ สัญญา” (ความจำ)
เป็น“ ปัญญา”(ความจริง) เพราะหากยังเป็นแค่สัญญาหรือความรู้ที่เป็น
เพียงการจดการจำมันยังไม่ช่วยให้เราเอาตัวรอดหรือพ้นทุกข์ได้
บทที่๓อย่าประมาท
หลวงปูท่ า่ นพดู เตือนเสมอเพือ่ ให้พ วกเราไม่ป ระมาทร บี ทำความดี
เสียแ ต่ย งั แ ข็งแ รงอยู่ เพราะเมือ่ แ ก่เฒ่าล งห รือม โี รคภยั ไข้เจ็บม าเบียดเบียน
ก็จะปฏิบัติได้ยากท่านว่า
“ปฏิบัติธรรมเสียตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เป็นหนุ่ม เป็นสาว นี้แหละ
ดีเพราะเมื่อแก่เฒ่าไปแล้วจะนั่งก็โอยจะลุกก็โอยหากจะรอไว้ให้แก่
เสียก อ่ นแล้วจ งึ ค อ่ ยปฏิบตั ิ ก เ็ หมือนคนทคี่ ดิ จ ะหดั ว า่ ยนำ้ เอาตอนทแี่ พ
ใกล้จะแตกมันจะไม่ทันการณ์”
นอกจากนั้นท่านยังแนะให้หาโอกาสไปโรงพยาบาลท่านว่า
“โรงพยาบาลนี้แหละ เป็นโรงเรียนสอนธรรมะ มีให้เห็นทั้งเกิด
แก่เจ็บและตายให้พิจารณาให้เห็นความจริงทุกข์ทั้งนั้น...อนิจจัง
ทุกขังอนัตตา”
luangpordu.com
207 ๒๐๗
บ ทที่๔ให้หมั่นดูจิต
คำสอนของหลวงปู่ที่ข้าพเจ้าได้ยินแทบจะทุกครั้งที่ ไปนมัสการ
ท่านก็คือ
“ของดีอยู่ที่ตัวเราของไม่ดีก็อยู่ที่ตัวเรา
ให้หมั่นดูจิตรักษาจิต”
นับเป็นโอวาททสี่ นั้ แ ต่เอาไปปฏิบตั ไิ ด้ย าวจนชวั่ ช วี ติ ห รือย าวนาน
จนกว่าจะพ้นจากวัฏฏะสงสารนี้ไปได้ซึ่งสอดคล้องกับพุทธพจน์ที่ว่า
“ผู้ใดหมั่นตามดูจิตผู้นั้นจะพ้นจากบ่วงแห่งมาร”
การขาดการตามดูจิตรักษาจิตเป็นเหตุให้เราไม่ฉลาดในความคิด
หรืออ ารมณ์ซ งึ่ ถ งึ แ ม้วา่ เราจะเคยได้ยนิ ได้ฟ งั ค ำสอนของครูบาอาจารย์ม า
มากก ไ็ ม่อ าจชว่ ยอะไรเราไดัเพราะเพียงแค่ก ารฟงั ธ รรมจากครูบาอาจารย์
ภายนอกโดยปราศจากโยนิโสมนสิการห มัน่ ต รึกพ จิ ารณาสงิ่ ต า่ งๆให้เป็น
ธรรมหรืออีกนัยหนึ่งคือขาดการฟังธรรมในใจเราเองบ้าง ธรรมต่างๆ ที่
ได้ยินได้ฟังมานั้นก็ย่อมไม่อาจสำเร็จประโยชน์เป็นความดับทุกข์ได้เลย
บทที่๕รู้จักหลวงปู่อย่างไร
เช้าวันหนึ่ง ในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๕๓๓ ก่อนหน้าที่หลวงปู่จะ
ละสงั ขารไม่ก วี่ นั ในขณะทรี่ อใส่บ าตรอยูท่ หี่ น้าก ฏุ ขิ องทา่ นห ลวงปูไ่ ด้พ ดู
เป็นคติแก่สานุศิษย์ณที่นั้นว่า...
luangpordu.com
๒๐๘ 208
“ตราบใดก็ตามที่แกยังไม่เห็นความดีในตัว
ก็ยังไม่นับว่าแกรู้จักข้า
แต่ถ้าเมื่อใด แกเริ่มเห็นความดีในตัวเองแล้ว
เมื่อนั้น...ข้าจึงว่าแกรู้จักข้าดีขึ้นแล้ว”
คำพูดนี้ ถือเป็นคำพูดเตือนสติแก่ผู้ที่มาปฏิบัติในสมัยที่ท่านยังมี
ชีวิตอยู่ว่า อย่าได้สำคัญตนว่าเคยได้อยู่ใกล้ชิด หรือเคยได้รับฟังคำสอน
โดยตรงจากท่าน เพราะตัววัดว่ารู้จักท่านดีหรือไม่นั้น ท่านว่าอยู่ที่การ
ฝึกฝนตนให้เป็นคนที่ดีขึ้นได้หรือไม่ถ้าไม่ได้ก็เท่ากับว่าไม่รู้จักท่านจริง
ในทางกลับกัน คำพูดนี้ช่วยให้เกิดกำลังใจแก่ผู้ที่ไม่มีโอกาสได้
มาสัมผัสท่านในขณะที่ท่านยังมีชีวิต หากแต่มีศรัทธาน้อมเอาธรรมะ
คำสอนของท่านมาปฏิบัติขัดเกลาตนเองจนความโลภ โกรธ หลง ลดลง
เรียกว่าเห็นความดีในตัวเอง หลวงปู่ท่านก็รับรองว่าเป็นผู้ที่รู้จักท่านจริง
คำพูดของหลวงปู่นั้นทำให้ผู้เขียนนึกถึงพุทธพจน์ที่ว่า
“ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเรา...ตถาคต”
“พอ”
luangpordu.com
209 ๒๐๙
๑๐๔
พลิกชีวิต
“ข้าว่าคนเมาเหล้าน่ะเลวกว่าหมาแกว่าไหม?”
“เลวกว่ายังไงเจ้าคะ”
ดิฉันถามอย่างขึงขังเพราะรู้สึกจะเป็นเรื่องใกล้ตัวเข้ามาทุกที
ท่านก็ย้อนถามมาอีกว่า
“ถ้าเราเอาขี้กับเอาเหล้าไปตั้งไว้แกว่าหมามันจะกินอะไร”
แล้วท่านก็เฉลยต่อว่า
“มนั ก เ็ ลือกกนิ ข นี้ ะสิ ม นั ไม่เลือกกนิ เหล้าน ะข า้ จ งึ ว า่ ค นกนิ เหล้า
นี่เลวกว่าหมา”
เท่านัน้ แ หละด ฉิ นั ก บ็ งั เกิดค วามละอายใจบอกกบั ต วั เองวา่ ฉ นั จ ะ
ไม่กินเหล้าอีกพร้อมกับท่องบ่นในใจว่า
“…หมามันกินขี้ มันไม่กินเหล้า คนกินเหล้านี่เลวกว่าหมา ฉันไม่
ต้องการจะเป็นคนที่เลวกว่าหมา…”
ไม่ใช่เพียงแค่การดื่มสุรายาเมาเท่านั้นที่ดิฉันสามารถเลิกได้ หาก
แต่ด ว้ ยอบุ ายการสอนของหลวงปู่ ดิฉนั จ งึ ส ามารถเลิกอ บายมุขอ ย่างอนื่ ๆ
ด้วย รวมไปถึงการใช้เครื่องสำอางที่ท่านว่าเกินงามและเป็นอันตรายต่อ
สุขภาพ ทั้งนี้ทั้งนั้น ท่านคงทราบว่าขณะนั้นดิฉันยังมากด้วยทิฏฐิมานะ
ท่านจึงหลีกเลี่ยงการสอนหรือว่ากล่าวที่ตัวดิฉันโดยตรง หากแต่ใช้วิธียก
สิง่ ต า่ งๆข นึ้ เป็นอ ปุ มาอปุ มัยแ ล้วให้ค ดิ พ จิ ารณาตามจนเห็นท กุ ข์เห็นโทษ
และเป็นฝ า่ ยสมัครใจละเลิกส งิ่ ไม่ด ไี ม่ง ามตา่ งๆ ด ว้ ยตวั เองด ฉิ นั จ งึ ส ามารถ
รับการขัดเกลาทีละเล็กทีละน้อยจากท่านได้
luangpordu.com
211 ๒๑๑
หลวงปู่ท่านฉลาดและอดทนในการอบรมลูกศิษย์อย่างยิ่งท่านไม่
เพียงแนะนำการปฏิบัติธรรมแก่ดิฉันเท่านั้น หากแต่ยังได้เมตตาให้ดิฉัน
เกิดป ญ ั ญารคู้ วามเหมาะควรในการดำรงชวี ติ ในเพศฆราวาสเพือ่ ให้ด ำเนิน
ไปได้ทั้งทางโลกและทางธรรม อย่างที่ท่านพูดว่า โลกก็ไม่ให้ช้ำ ธรรมก็
ไม่ให้เสีย
การจากไปของหลวงปู่ ยากที่ดิฉันจะยอมรับได้ แม้ว่าท่านจะได้
เมตตาพูด เปรยให้ท ราบมาเป็นร ะยะๆร วมทงั้ ส งั่ ด ฉิ นั ไม่ให้ร อ้ งไห้เมือ่ ท า่ น
ละสังขารแล้วก็ตาม
ในเช้าวันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๓๓ วันที่ทราบข่าวมรณกรรมของ
หลวงปู่ ดิฉันเร่งรีบเดินทางไปที่วัดโดยทันที และเมื่อไปถึง ดิฉันก็ไม่อาจ
กลั้นความเศร้าโศกเสียใจ รวมทั้งไม่อาจทรงตัวยืนอยู่ได้ ต้องอาศัยกอด
ต้นไม้ข้างกุฏิ ร้องไห้ฟูมฟายอยู่พักใหญ่ ดิฉันรู้สึกว่าเวลาแห่งการได้พบ
ได้เห็น และได้ยินได้ฟังคำสอนของหลวงปู่นั้น มันช่างน้อยเสียเหลือเกิน
แม้ว่าหลวงปู่ดู่ ผู้ที่ฉุดชีวิตของดิฉันขึ้นจากโคลนตม ได้ละสังขาร
ไปแล้ว แต่ดฉิ นั กต็ ง้ั สจั อธิษฐานวา่ จะขอยดึ มน่ั ในไตรสรณาคมน์ และจะ
ไม่ทง้ิ การปฏิบัติธรรมไปจนตลอดชีวิต เพื่อบูชาคุณหลวงปู่ดู่ ที่ได้เมตตา
ต่อดิฉันและครอบครัวอย่างหาที่สุดและหาบุคคลอื่นเสมอเหมือนมิได้
“นิ”
luangpordu.com
๒๑๒ 212
๑๐๕
บาป
ภาพแห่งความเมตตาที่ท่านเมตตาอบรมชี้แนะข้าพเจ้ายังชัดเจน
อยู่ในความทรงจำ วันนั้นข้าพเจ้าพาลูกซึ่งยังเล็กไปวัดสะแกด้วย จำได้
ว่าการไปวัดในวันนั้น ข้าพเจ้าไม่สู้รู้สึกปลอดโปร่งนักเพราะว่าต้องมามัว
กังวลกบั ล กู น อ้ ยทเี่ ดีย๋ วกส็ ง่ เสียงรอ้ งไห้เดีย๋ วกป็ สั สาวะรดพ อหลวงปูท่ า่ น
เห็นจังหวะเหมาะท่านก็เรียกข้าพเจ้าให้เข้าไปใกล้ๆแล้วบอกว่า
“นี่เพราะข้ารักแกหรอกนะ จึงบอกจึงสอนให้รู้ คนเขาภาวนา
กันอยู่แกพาเด็กๆมาวิ่งเล่นซุกซนส่งเสียงรบกวนมันบาปนะ
อันท จี่ ริงแ กเอาเด็กเล็กไว้ท บี่ า้ นกไ็ ด้เวลาทแี่ กภาวนากใ็ ห้น กึ ถึง
เขา แผ่เมตตาให้เขาเขาก็ได้บุญเหมือนกัน”
ช วนคนเข้าวัด–บาป
บางทีคนเราก็มองอะไรไม่รอบด้านดังนั้นแม้จะมีความปรารถนา
ดีก็ไม่เป็นหลักรับประกันว่าทุกอย่างจะออกมาดีดังเช่นที่ข้าพเจ้าได้รับ
การอบรมจากหลวงปู่ว่า
“แกเที่ยวชวนคนเขามาวัดระวังนะจะกลายเป็นต้นบาป”
ท่านชี้แนะเพิ่มเติมว่า
“แกจะไปรเู้ หรอวา่ ส งิ่ ท แี่ กเห็นว า่ ด ี เขาจะเห็นว า่ ด ตี ามแกไปดว้ ย
ถ้าเขาปรามาสจนเกิดบ าปแ กตอ้ งมสี ว่ นรบั บ าปนนั้ ไปดว้ ยครึง่ ห นึง่ ใ น
ฐานะที่พาเขามาให้เกิดบาป”
luangpordu.com
๒๑๔ 214
อ ยู่ใกล้พระอรหันต์นานๆ–บาป
เรือ่ งนกี้ เ็ ป็นอ กี เรือ่ งหนึง่ ท ดี่ จู ะสวนทางกบั ค วามรสู้ กึ ข องคนทวั่ ๆ ไป
เพราะทุกคนย่อมจะคิดว่าหากเราได้อยู่ใกล้ชิดพระอรหันต์ ก็ย่อมจะมี
โอกาสสั่งสมบุญกุศลได้อย่างเต็มที่ แต่การณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ หลวงปู่ดู่
ท่านสอนว่า
“อย่าไปอยู่ใกล้พระอรหันต์นานประเดี๋ยวจะบาปจะบาปยังไง
ก็บาปตรงที่อาศัยความคุ้นเคย เลยเอาท่านเป็นเพื่อนเล่นบ้าง ใช้ท่าน
ทำโน่นทำนี่ให้บ้าง แล้วจะไม่ให้บาปได้ยังไง”
ถ่ายรูปกับพระที่มีคุณธรรม–บาป
หลวงปู่เคยตั้งคำถามกับข้าพเจ้าว่า
“เวลาที่แกถ่ายรูปกับพระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับครูอาจารย์ที่
ท่านมีคุณธรรมแกจะเอารูปไปตั้งไว้ที่ไหน
หากแกเอารูปไปไว้ในที่ๆ ไม่บ ังควรก็จะเกิดบาปขึ้นได้ ส่วนว่า
จะเอารูปไปตั้งบูชาในที่สูงใครผ่านไปผ่านมาก็ยกมือไหว้แล้วตรองดู
ซิว่า แกมีคุณธรรมเสมอกับท่านเหรอ หรือแกมีคุณธรรมอะไรที่จะให้
เขายกมือไหว้แก”
“อุ๋ย”
luangpordu.com
215 ๒๑๕
๑๐๖
ความเมตตาและขันติธรรมของหลวงปู่
จะมีใครทราบบ้างว่าเบื้องหลังภาพการปฏิสันถารพูดจาปราศรัย
ให้แง่คิดและกำลังใจแก่ผู้ที่มากราบนมัสการหลวงปู่ดู่นั้น บ่อยครั้ง ท่าน
ต้องใช้ขันติมากสักเพียงใด โดยปรกติหลวงปู่ท่านรับแขกตั้งแต่เช้ามืด
กระทั่งจนดึกจนดื่นทุกๆ วัน ต่อเนื่องนับระยะเวลาเป็นสิบๆ ปี ซึ่งไม่ว่า
ใครจะทกุ ขร์ อ้ นวนุ่ ว ายใจมาอย่างไรห ลวงปูท่ า่ นกจ็ ะปฏิสนั ถารดว้ ยความ
เมตตาเสมอโดยจะมใี ครบา้ งไหมทจี่ ะสงั เกตหรือส งสัยว า่ ท า่ นนงั่ ร บั แขก
บนพนื้ ก ระดานแข็งๆ อ ย่างนนั้ ต งั้ แ ต่เช้าจ รดคำ่ ในแต่ละวนั ท า่ นแทบจะไม่
ได้ล กุ ไปไหนเลยท า่ นไม่ป วดไม่เมือ่ ยบา้ งหรือท า่ นไม่ป วดทอ้ งหนักท อ้ งเบา
บ้างหรือ ท่านเจ็บไข้ไม่สบายบ้างหรือเปล่า ส่วนว่าจะรอฟังท่านเอ่ยปาก
ออกมาก็คงเป็นเรื่องที่ยาก เพราะหลวงปู่เป็นพระที่ขี้เกรงใจอย่างมาก
แค่จะใช้สอยลูกศิษย์ให้เดินออกไปซื้อยาที่หน้าวัด ก็ยังต้องเอ่ยปากถาม
ลูกศิษย์อย่างเกรงอกเกรงใจ
ข้าพเจ้าเองได้ม าประจักษ์ค วามอดทนของทา่ นจนมิอาจกลัน้ น ำ้ ตา
เอาไว้ได้ ก็ในตอนที่ได้อุปัฏฐากรับใช้ท่านในยามที่ท่านชรามากแล้ว โดย
มีโอกาสถวายการทายาแผลที่ก้นของท่าน ภาพที่ปรากฏแก่สายตาของ
ข้าพเจ้าน นั้ ค อื ร อ่ งรอยของแผลทแี่ ตกซำ้ ๆ ซ ากๆในทเี่ ดิมน คี่ งเป็นแ ผลที่
luangpordu.com
๒๑๖ 216
เกิดจ ากการทที่ า่ นตอ้ งนงั่ บ นพนื้ ก ระดานแข็งๆต อ่ เนือ่ งเป็นแ รมปี ข า้ พเจ้า
รูส้ กึ แ ปลกใจมากทที่ า่ นเป็นถ งึ ข นาดนแี้ ล้วข า้ พเจ้าห รือล กู ศ ษิ ย์ค นอนื่ ๆ ก ็
ไม่เคยได้ยินท่านเอ่ยหรือบ่นให้ใครได้รับรู้บ้างเลยตรงกันข้าม เราทุกคน
ยังค งเห็นท า่ นทำหน้าทีค่ รูอ าจารย์ท คี่ อยให้ก ำลังใจลกู ศ ษิ ย์ด ว้ ยอาการยมิ้
แย้มแจ่มใสเป็นปรกติอยู่อย่างนั้นช่วยให้เขาเหล่านั้นกลับบ้านด้วยความ
ปีติทุกรายไป
ข้าพเจ้าเห็นแผลของท่านแล้วก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ได้แต่
ซาบซึง้ ใจในเมตตาและขนั ติธ รรมอนั ย งิ่ ข องทา่ นอ กี ท งั้ ภ มู ใิ จทไี่ ม่เสียช าติ
เกิดที่ได้มีโอกาสมาเป็นลูกศิษย์รับการอบรมสั่งสอนจากท่านเพราะทา่ น
ไม่เพียงพดู ส อนเพียงอย่างเดียวห ากแต่ท า่ นยงั ส อนดว้ ยการทำให้ด ู ข า้ พเจ้า
จึงภาคภูมิใจที่มีครูอาจารย์เช่นท่าน... หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ พระแท้ที่
จะอยู่ในดวงใจของข้าพเจ้าตลอดไป
“นายอู๋”
luangpordu.com
217 ๒๑๗
๑๐๗
หลวงปู่ตายแล้วต้องลงนรก?
วันห นึง่ ห ลวงปูด่ ทู่ า่ นมองไปทลี่ กู ศ ษิ ย์ใกล้ช ดิ ก ลุม่ ห นึง่ แ ล้วเอ่ยข นึ้
ว่า“ ข้าตายแล้วต้องลงนรก”
พอลูกศิษย์ได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจเรียนถามท่านในทันทีว่า
“หลวงปู่จะตกนรกได้อย่างไร ในเมื่อหลวงปู่บำเพ็ญคุณงามความ
ดีมามากออกอย่างนี้”
หลวงปู่ตอบกลับไปว่า
“ข้าก็จะลงนรกเพื่อไปดึงพวกแกขึ้นมาน่ะสิ!”
คำพดู เตือนของหลวงปูน่ นั้ ช วนให้ศ ษิ ย์ท งั้ ห ลายตอ้ งมานกึ ท บทวน
ตัวเองว่า การที่ได้มีโอกาสอยู่ใกล้ครูบาอาจารย์นั้นก็มิใช่เป็นหลักประกัน
ว่าจะไม่ลงนรก ตรงกันข้าม หลวงปู่ท่านได้พูดเตือนทำนองนี้หลายครั้ง
หลายหน เพราะช่องทางทำบาปของคนเรานั้น มันมีมากเหลือเกิน
ท่านเคยกล่าวว่าคนเราเป็นอยู่โดยบาปทั้งนั้นเพียงแต่ผู้ที่ตั้งอยู่ในความ
ไม่ประมาทก็บาปน้อยหน่อย
หลวงปูท่ า่ นเป็นแ บบอย่างทหี่ าได้ย ากในเรือ่ งการระมัดระวังไม่ให้
เป็นห นีส้ งฆ์ถ งึ ข นาดวา่ ก อ่ นทที่ า่ นจะมรณภาพไม่ก วี่ นั ท่านได้บ อกชอ่ งลบั
สำหรับเปิดประตูกุฏิ ให้โยมอุปัฏฐากได้้ทราบ เพื่อว่าจะได้สามารถเปิด
luangpordu.com
๒๑๘ 218
ประตูเข้ากุฏิท่านในกรณีฉุกเฉินได้โดยไม่ต้องไปงัดประตูอันจะเป็นการ
ทำลายของสงฆ์ซึ่งในที่สุดก็มีเหตุให้ได้เปิดประตูกุฏิท่านผ่านทางช่องลับ
นั้นจริงๆในเช้าตรู่ของวันพุธที่๑๗มกราคม๒๕๓๓อันเป็นวันที่ท่านละ
สังขาร
นอกจากนี้ท ่านยงั ได้พ ดู เตือนอกี หล ายๆเรือ่ งซ ึ่งเป็นสงิ่ ท พี่ วกเรา
อาจมองข้ามเป็นต้นว่าเอ่ยปากใช้พระหยิบโน่นหยิบนี่ไม่ยกเว้นแม้กรณี
ขอให้พ ระทา่ นหยิบซ องให้เพือ่ จ ะใส่ป จั จัยถ วายก ารหยิบฉ วยของสงฆ์ไป
ใช้ส่วนตัว การพูดชักไปในทางโลกในขณะที่ผู้อื่นกำลังสนทนาธรรม การ
ส่งเสียงรบกวนผทู้ กี่ ำลังป ฏิบตั ภิ าวนาก ารขายพระกนิ ซ งึ่ เรือ่ งหลังน ี้ ท า่ น
พูดเอาไว้ค่อนข้างรุนแรงว่าใครขายพระกินจะฉิบหายสมัยท่านยังมีชีวิต
ท่านจะพดู ก ระหนาบบอ่ ยครัง้ โดยเฉพาะเวลารบั ป ระทานอาหารท า่ นไม่
ให้พ ดู ค ยุ ก นั จะทำกจิ อ นั ใดอยู่ ก ใ็ ห้ม สี ติพ ยายามบริก รรมภาวนาไว้เรือ่ ยๆ
เรียกว่าเกลี่ยจิตไว้ให้ได้ทั้งวัน เมื่อถึงคราวนั่งภาวนา จิตจะได้เป็นสมาธิ
ได้เร็วเวลาจิตเกิดโลภโกรธหลงขึ้นมาก็จะได้รู้เท่าทันได้โดยเร็ว
ดังที่หลวงปู่สอนว่า การตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเท่านั้นจึงจะ
ช่วยให้เราหา่ งจากนรกได้ด งั น นั้ เราจงึ จ ำเป็นต อ้ งคอยสอบทานตวั เองอยู่
เสมอๆว า่ เราเข้าว ดั เพือ่ อ ะไรเพือ่ ค วามเด่นค วามดงั ห วังล าภสกั ก าระห วัง
เป็นผู้จัดการพระผู้จัดการวัดฯลฯหรือเพื่อมุ่งละโลภโกรธหลงซึ่งเป็น
ตัวก่อทุกข์ก่อโทษข้ามภพข้ามชาติไม่รู้จักจบจักสิ้นที่มีอยู่ในใจเรานี้
ปฏิปทาทจี่ ะชว่ ยให้เราปลอดภัยแ ละหา่ งไกลจากนรกค อื ก ารเกรง
luangpordu.com
219 ๒๑๙
กลัวและละอายใจในการทำบาปกรรม หรือสิ่งที่จะทำจิตใจเราให้เศร้า
หมองขุ่นมัวทั้งในที่ลับและที่แจ้ง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการคลุกคลี
กับหมู่คณะโดยไม่จำเป็น หากแต่ควรมุ่งเน้นการปฏิบัติภาวนาเป็นหลัก
เป็นผู้พร้อมรับฟังคำตักเตือนของผู้อื่น โดยเฉพาะคำตักเตือนจากครูบา-
อาจารย์อย่างที่ทางพระท่านสอนว่าให้อดทนในคำสั่งสอนให้คิดว่าท่าน
กำลังดุด่ากิเลสของเราอยู่
ท่อนซุงทั้งท่อนถ้าไม่ได้ขวานช่วยสับช่วยบากไม่ได้กบไสไม้ช่วย
ทำพื้นไม้หยาบๆ ให้เกลี้ยงเกลาขึ้น ไม่ได้กระดาษทรายช่วยขัดให้พื้นไม้
เรียบเนียน ไม่ถูกดัดถูกประกอบ ก็คงไม่กลายมาเป็นเครื่องเรือนเครื่อง
ใช้ที่มีประโยชน์ ฉันใดก็ฉันนั้น จิตใจของเราที่หยาบอยู่ หากไม่ได้รับ
การขัดเกลาหรืออบรมจากครูอาจารย์ ไม่ได้รับการอบรมด้วยธรรมของ
พระพุทธเจ้าจิตใจนั้นก็ย่อมใช้งานใช้การไม่ได้ ...เอาเป็นที่พึ่งไม่ได้
ครั้งหนึ่งได้มีโอกาสเรียนถามหลวงปู่ว่า
“หลวงปู่ครับ ที่ว่าธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรมนั้น ธรรมที่ว่า
นั้นท่านหมายถึงธรรมเรื่องใดครับ”
เมื่อสิ้นเสียงคำถามของข้าพเจ้าหลวงปู่ท่านก็ตอบในทันทีว่า
“กายสุจริตวาจาสุจริตและมโนสุจริต”
ซึ่งคำสอนของท่านข้างต้นก็เป็นการตอบให้ชัดอีกครั้งว่าอานิสงส์
แห่งก ารประพฤติค วามดที งั้ ท างกายท างวาจาแ ละทางใจนแี้ หละจ ะกลับ
มารักษาเราไม่ให้ตกไปสู่โลกที่ชั่วจึงเป็นหลักประกันที่ช่วยให้เราห่างไกล
luangpordu.com
๒๒๐ 220
“พอ”
luangpordu.com
221 ๒๒๑
๑๐๘
ที่มาของวัตถุมงคลรุ่น“เปิดโลก”
จากการที่มีผู้สนใจวัตถุมงคลรุ่น“ เปิดโลก”เป็นจำนวนมากและ
มีแนวโน้มมากขึ้นทุกที ประกอบกับพบว่าข้อมูลบางอย่างที่ปรากฏตาม
หนังสือต่างๆ รวมทั้งทางอินเทอร์เน็ต หรือสื่ออื่นๆ มีความคลาดเคลื่อน
จากข้อเท็จจริง และบางเรื่องก็เป็นความคลาดเคลื่อนที่มีนัยสำคัญ โดย
เฉพาะอย่างยิง่ มีการโน้มน้าวผูอ้ า่ นให้เกิดความรูส้ กึ ไปในทางอภินหิ ารจน
มองข้ามเจตนารมย์ที่แท้จริงในการสร้างพระ อธิษฐานพระของหลวงปู่ดู่
ด ว้ ยเหตุน ี้ ในฐานะทขี่ า้ พเจ้าเป็นผ ปู้ ระสานงานดำเนินก ารจดั ส ร้าง
พระรุ่นนี้ จึงขออนุญาตให้ข้อมูล เพื่อให้ท่านผู้สนใจได้ทราบที่มาและ
วัตถุประสงค์ รวมทั้งรายละเอียดของการจัดสร้างพระรุ่นนี้ เพื่อความ
เข้าใจที่ถูกต้องตรงกัน
luangpordu.com
๒๒๒ 222
๑ .ที่มาและวัตถุประสงค์ของการสร้าง
จุดเริม่ ข องการจดั ส ร้างวตั ถุม งคลรนุ่ น ี้ เกิดขึน้ เมือ่ ป ระมาณกลางปี
พ.ศ. ๒๕๓๒ โดยข้าพเจ้าได้รับการติดต่อจากคุณวรวิทย์ ด่านชัยวิจิตร
ให้เป็นธุระในการประสานงานการจัดสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่ดู่เพื่อ
เอาไว้แจกให้กับผู้ศรัทธา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่สนใจปฏิบัติกรรมฐาน
เพราะพิจารณาเห็นว า่ พ ระเครือ่ งพระบชู าของหลวงปดู่ ู่ ม แี นวโน้มจ ะเป็น
ทีต่ อ้ งการและหายากมากขน้ึ เรือ่ ยๆป ระกอบกบั อ งค์ห ลวงปดู่ ทู่ า่ นกม็ อี ายุ
มากแล้วกล่าวคือ อายุของท่านนั้นย่างเข้าปีที่ ๘๖ แล้ว
ทั้งนี้ คุณวรวิทย์และคณะได้นำเรื่องนี้ไปกราบเรียนขออนุญาต
จากหลวงปู่ ซึ่งหลวงปู่ท่านก็เมตตาอนุญาตทั้งที่ท่านได้งดอธิษฐานจิต
วัตถุม งคลมาเป็นร ะยะเวลากว่า๑ ป แี ล้วด ว้ ยเหตุผลสว่ นตวั บ างประการ
อย่างไรก็ดี สำหรับวัตถุมงคลรุ่นนี้ หลวงปู่ท่านกำหนดวันประกอบพิธี
อธิษฐานจิตในวันที่ท่านเรียกว่า “วันธงชัย” ซึ่งตรงกับวันอังคารที่ ๒๙
สิงหาคมพ .ศ .๒ ๕๓๒เวลา๒ ท มุ่ ส ว่ นกำหนดเวลา๒ ท มุ่ น นั้ ส นั นิษฐาน
ว่าน่าจะเป็นเพราะท่านไม่ต้องการให้ไปรบกวนเวลาที่ญาติโยมมาทำบุญ
หรือสนทนาธรรมกับท่านในช่วงระหว่างวัน รวมทั้งอาจไม่ต้องการให้ดู
เอิกเกริก
๒ .การออกแบบเหรียญ
เดิมทีคุณวรวิทย์และคณะต้องการจะจัดสร้างเหรียญรูปเหมือน
luangpordu.com
223 ๒๒๓
ของหลวงปู่ดู่แต่ท่านกลับแนะนำว่าควรสร้างรูปเคารพครูบาอาจารย์คือ
หลวงปู่ ท วดดี ก ว่ า น อกจากนี้ ท่ า นยั ง เ น้ น ด้ ว ยว่ า ต้ อ งมี ข้ อ ความ
“หลวงพ่อทวดเหยียบนำ้ ท ะเลจดื ”ป ระกอบรูปเหมือนองค์หลวงปูท่ วด
ด้วยนี้คือกรอบการออกแบบเหรียญในเบื้องต้นที่ข้าพเจ้าได้รับ
ข้าพเจ้าเองแม้จะเคยมีประสบการณ์ในการจัดทำหนังสือธรรมะ
ของหลวงปู่ แต่ก็ไม่เคยมีประสบการณ์ในการสร้างพระใดๆ มาก่อนเลย
แต่ด้วยความเกรงใจในคุณวรวิทย์ จึงตกปากรับคำในการติดต่อหาช่าง
แกะพระ รวมทั้งการประสานงานดำเนินการจัดสร้างเหรียญให้แล้วเสร็จ
เพราะข้าพเจ้าอยูท่ างกรุงเทพฯ จึงน่าจะคล่องตัวกว่าคุณวรวิทย์ซง่ึ อยูท่ าง
อยุธยา
ในเรื่องช่างแกะพระนั้น มีผู้แนะนำข้าพเจ้าให้รู้จักกับช่างอ๊อด
หรือคุณประหยัด ลออพันธ์สกุล ซึ่งเมื่อข้าพเจ้าเห็นผลงานในอดีตของ
ช่างผู้นี้แล้วก็รู้สึกพึงพอใจ จึงตกลงให้ดำเนินการแม้ว่าจะมีราคาที่ค่อน
ข้างสูง เมือ่ เทียบกับช่างรายอืน่ ๆ ด้วยคิดว่าโอกาสสร้างพระถวายหลวงปูด่ ู่
นัน้ ไม่ได้มงี า่ ยๆ จึงอยากให้เหรียญออกมาสวยงามและแลดูเหมือนมีชวี ติ
สำหรับรูปต้นแบบหลวงปูท่ วดนน้ั ขา้ พเจ้าได้อาศัยเค้าโครงจากรูป
หุน่ ข ผ้ี ง้ึ ห ลวงปทู่ วดทพ่ี พิ ธิ ภัณฑ์ห นุ่ ขีผ้ ง้ึ ไทยเพราะให้ร ายละเอียดทช่ี ดั เจน
สะดวกสำหรับช า่ งแกะพระ และจากรปู แ บบหน้าตาหลวงปูท่ วดทล่ี งตัวแล้ว
ข้าพเจ้าแ ละคณะจงึ ได้ค อ่ ยๆ เริม่ ออกแบบเพิม่ เติมร ายละเอียดทง้ั ด า้ นหน้า
และดา้ นหลังดงั นี้
luangpordu.com
๒๒๔ 224
luangpordu.com
225 ๒๒๕
luangpordu.com
๒๒๖ 226
luangpordu.com
227 ๒๒๗
สำหรับเหรียญเนื้อทองคำและเนื้อเงินนั้น ศิษย์ของหลวงปู่ท่าน
หนึง่ ได้ล งเหล็กจ ารบนเหรียญกอ่ นทจ่ี ะนำเข้าพ ธิ ี น อกจากนค้ี ณะผจู้ ดั ส ร้าง
ยังได้จัดทำโปสเตอร์หลวงปู่ดู่ในอิริยาบถต่างๆ บนฉากหลังรูปใบโพธิ์
ขนาด ๑๐ x ๑๒ นิ้ว อีกจำนวน ๑๐,๐๐๐ แผ่น และลูกแก้วใสเคลือบ
ปรอทบางๆ อ กี จ ำนวน๕ ,๐๐๐ล กู (ไม่ร วมลกู แ ก้วช นิดเคลือบปรอทสสี นั
ต่างๆอีกจำนวนประมาณ๕๐ลูก)
๔.เหตุการณ์ในวันพิธี(วันอังคารที่๒๙สิงหาคมพ.ศ.๒๕๓๒)
เย็นวันนั้นฝนตกลงมาอย่างหนัก ขณะที่ข้าพเจ้าและน้องชายของ
คุณวรวิท ย์เร่งข บั ร ถฝ่าพ ายุฝ นเพือ่ จ ะนำวตั ถุม งคลทเี่ หลือ(ส ว่ นมากเป็น
พระเนื้อผง) ไปที่กุฏิของหลวงปู่ดู่ให้ทันพิธี แต่พอมาถึงวัด ฝนก็หยุดตก
ท้องฟ้าแจ่มใสมากราวกับว่าได้ปัดเป่าสิ่งสกปรกออกไปจนหมดสิ้น
เมื่อใกล้เวลา ๒ ทุ่ม ก็ปรากฏว่ามีผู้คนมาร่วมพิธีกันจนเต็มตลอด
พื้นที่หน้ากุฏิหลวงปู่ หลายคนได้นำวัตถุมงคลส่วนตัวมาร่วมพิธีด้วยเป็น
จำนวนมาก คุณวรวิทย์ได้เปิดกล่องพร้อมนำตัวอย่างวัตถุมงคลที่จัดทำ
แต่ละชนิดออกให้หลวงปไู่ ด้ชมทง้ั เนือ้ ทองคำเงินทองแดงตะกัว่ พระผง
โปสเตอร์และลูกแก้ว
พอถงึ เวลา๒ ท มุ่ ห ลวงปเู่ ริม่ อ ธิษฐานจติ อ ญ
ั เชิญบ ารมีพ ระพุทธเจ้า
ทัง้ แ สนโกฏิจ กั รวาลร วมทงั้ บ ารมีค รูบาอาจารย์แ ละสงิ่ ศ กั ดิส์ ทิ ธิท์ งั้ ห ลาย
มาประดิษฐานที่วัตถุมงคล และหลวงปู่ได้ตั้งจิตอธิษฐานให้สว่างไปทั้ง
luangpordu.com
๒๒๘ 228
luangpordu.com
229 ๒๒๙
๖.วัตถุมงคลรุ่นเปิดโลกมีความศักดิ์สิทธิ์กว่าพระรุ่นอื่นจริงหรือ
แม้ว่าวัตถุมงคลรุ่น “เปิดโลก” นี้ จะได้รับการอธิษฐานจิตครั้ง
ใหญ่ครั้งสุดท้ายของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ วัดสะแก กล่าวคือท่านได้
เมตตาอธิษฐานจิตก่อนที่ท่านจะมรณภาพประมาณ ๔ เดือนเศษ และ
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ชื่นชอบและศรัทธาถึงขนาดพูดว่าวัตถุมงคลรุ่นนี้
ดีท สี่ ดุ ศ กั ดิส์ ทิ ธิท์ สี่ ดุ แ ต่ในทศั นะของผสู้ ร้างร วมถงึ ศ ษิ ย์ก รรมฐานหลายๆ
ท่านมิได้คิดเช่นนั้นเลยเพราะเหตุที่หลวงปู่เคยพูดให้พวกเราฟังว่าเวลา
ที่ท่านตั้งจิตอธิษฐานพระนั้นนอกจากท่านจะส่งกระแสจิตอัญเชิญพุทธ-
คุณธรรมคุณสังฆคุณบรรจุเข้าในวัตถุมงคลดังกล่าวแล้วท่านยังเผื่อแผ่
ไปถึงวัตถุมงคลรุ่นก่อนหน้าทั้งหมดของท่านไม่ว่าวัตถุมงคลนั้นจะอยู่ณ
ที่ใดก็ตาม
ดังนั้นเมื่อทราบความตามนี้แล้วก็ขอให้ผู้มีวัตถุมงคลของหลวงปู่
รุ่นใดๆก็ตามขอได้โปรดอย่าหวั่นไหวไปตามค่านิยมที่ตลาดเขาแต่งแต้ม
ให้เลย และเหนืออื่นใด ขอท่านโปรดอย่าลืมระลึกถึงพระที่หลวงปู่ให้
ความสำคัญสูงสุด ที่หลวงปู่เรียกว่า “พระเก่า พระแท้” นั่นก็คือ จิตที่
ฝึกฝนอบรมดแี ล้วน นั่ เองเพราะพระองค์น เี้ ท่านัน้ ท จี่ ะเป็นท พี่ งึ่ ท เี่ ทีย่ งแท้
แน่นอนของเราทุกคน
พระภายนอกที่หลวงปู่สร้างขึ้น ก็ล้วนต้องการใช้เป็นเครื่องมือที่
จะโยงเข้าหาการสร้างพระภายในให้เกิดให้มีขึ้น หากปราศจากการสร้าง
พระภายในแล้วไซร้ก ารมพี ระภายนอกแ ม้ม ากเท่าใดกย็ งั ไม่ได้ช อื่ ว า่ เป็น
luangpordu.com
๒๓๐ 230
“ตราบใดก็ตามที่แกยังไม่เห็นความดีในตัวก็ยังไม่นับว่าแกรู้จักข้า
แต่ถ้าเมื่อใดแกเริ่มเห็นความดีในตัวเองแล้ว
เมื่อนั้น...ข้าจึงว่าแกเริ่มรู้จักข้าดีขึ้นแล้ว”
“พอ”
luangpordu.com
231 ๒๓๑
๑๐๙
ปฏิบัติแบบโง่ๆ
นับเป็นเวลาที่ค่อนข้างยาวนานทีเดียวกว่าที่คำพูดที่หลวงปู่ดู่เคย
พูดสอนว่าในเวลาปฏิบัติสมาธิภาวนา ให้ปฏิบัติแบบโง่ๆ นั้น จะค่อยๆ
กระจ่างชัดขึ้นเรื่อยๆ
การอ่านมาก รู้มาก บางครั้งก็เป็นดาบสองคม เพราะในด้านหนึ่ง
การรู้มาก อาจช่วยให้สามารถมองเห็นเส้นทางเดิน รวมทั้งเห็นสิ่งที่ต้อง
ระมัดระวังล่วงหน้าฯลฯ
แ ต่อ กี ด า้ นหนึง่ ก ารรมู้ ากก จ็ ะมาเป็นต วั อ ปุ สรรคเสียเองเช่นเผลอ
คิดว่าความรู้(รู้จำ)นั้นเป็นปัญญา(รู้จริง)เกิดเป็นทิฏฐิมานะปิดกั้นการ
ด ดู ซ บั ค วามรจู้ ากภายนอกน อกจากนี้ ยังอาจเป็นอุปสรรคในขณะปฏิบตั ิ
จิตภาวนานั้น เพราะการรู้มากนี้ก็กลายเป็นสิ่งรุงรังในจิตใจ ใช้ความคิด
ผิดก าลเทศะจนกลายเป็นน วิ รณ์ข ดั ขวางไม่ให้จติ รวมเป็นสมาธิ ค ดิ ไปล่ว ง
หน้าตามประสาคนรู้มากบ้าง คอยใส่ชื่อเรียกให้กับสภาวะต่างๆ ที่กำลัง
ประสบบ้างคอยสงสัยนั่นนี่บ้าง
การรับรู้หรือสัมผัสจึงไม่เป็นไปอย่างตรงไปตรงมาแล้วเจ้าตัวก็ยัง
สำคัญตัวว่ากำลังคิดพิจารณาหรือมองดูสภาวะต่างๆ ตามความเป็นจริง
luangpordu.com
๒๓๒ 232
ทั้งๆที่ของจริง“นิ่งเป็นใบ้”พอจิตเข้าไปปรุงแต่งจนรุงรังไปหมดแล้วจึง
ยากที่จะถอยออกมาให้เห็นไปตามสภาวะที่มันเป็นอย่างธรรมชาติ หาก
แต่เป็นไปอย่างที่จิตเราอยากให้มันเป็น
จึงมาตระหนักว่า “การปฏิบัติแบบโง่ๆ” ที่หลวงปู่ท่านสอนนี้
ส ำคัญม ากแ ละจะตอ้ งวางความรตู้ า่ งๆไว้ข า้ งนอกเสียก ระทัง่ เพิกสัญญา
ความมั่นหมายว่าเราว่าเขา ว่านั่นว่านี่ออกเสีย แล้วรู้สิ่งที่มากระทบใจ
ไปตามสภาวะที่มันเป็น
นี่แหละหนาหลวงปู่ดู่ถึงว่า
“สอนคนรู้มากนั้นสอนยากส ู้สอนเด็กๆหรือคนรู้น้อยไม่ได้”
“พอ”
luangpordu.com
233 ๒๓๓
๑๑๐
พุทธคุณกับการเช็คพระ!
ท่านตอบว่า“ มีปีติออกจากข้าไหลไปที่แกแล้วกลับมาหาข้า”
หลวงปู่ได้สอนข้าพเจ้าให้หัดจับพระ ซึ่งในหมู่ศิษย์เรียกกันเองว่า
“เช็คพระ” วิธีการคือใช้มือขวาหรือทั้งสองมือแตะที่ภาพพระ หรือกำ
หากเป็นพ ระเครือ่ งห รือจ บั ท อี่ งค์พ ระหากเป็นพ ระพุทธรปู จากนนั้ ท ำจติ
ให้นิ่งและจะรู้สึกสัมผัสได้ถึงพุทธคุณที่ครูบาอาจารย์ท่านได้อธิษฐานไว้
ห ลวงปูเ่ คยเล่าเรือ่ งการปลุกเสกพระให้ฟ งั ว า่ เรือ่ งคงกระพันช าตรี
นัน้ ท ำงา่ ยแ ค่ข นลุกก เ็ หนียวแล้วแ คล้วคลาดยงั ด กี ว่าเพราะไม่เจ็บต วั แ ต่
ที่ดีที่สุดคือเมตตา เพราะแคล้วคลาดยังมีศัตรูแต่รอดพ้นได้ ส่วนเมตตา
นั้นมีแต่คนรัก ไม่มีศัตรูการเสกพระให้มีพุทธคุณทางเมตตาจึงทำได้ยาก
ที่สุด
มีเรื่องปรากฏในพระธรรมบทว่า ในกรุงราชคฤห์ เด็กคนหนึ่งไป
เก็บฟ นื ก บั บ ดิ าโคทเี่ ทียมเกวียนได้ห นีเข้าไปในเมือง บ ดิ าจงึ ต ามโคเข้าไป
แต่เวลาจะออกจากเมืองนั้น ประตูปิดเสียแล้วจึงต้องทิ้งบุตรน้อยคน
เดียวไว้นอกเมืองนั้นเอง ถึงเวลากลางคืนขณะที่เด็กนอนหลับ ได้มีพวก
อมนุษย์เข้ามาทำร้ายโดยพากันลากเท้าของเด็กนั้นไปมา เมื่อเด็กตกใจ
ตื่นขึ้นก็ระลึกถึงพระพุทธเจ้าแล้วร้องออกมาว่า นะโมพุทธัสสะ (ข้าขอ
นมัสการพระพุทธเจ้า) พวกอมนุษย์ก็ถอยกลับทันที ไม่กล้าทำร้ายเด็ก
นัน้ อ กี ค วามทราบถงึ พ ระเจ้าก รุงร าชคฤห์จ งึ เสด็จไปเฝ้าท ลู เรือ่ งราวนตี้ อ่
พระพุทธเจ้า
พระพุทธองค์ทรงรับสั่งว่า การระลึกถึงพระองค์นั้นยังไม่พอ ต้อง
luangpordu.com
235 ๒๓๕
luangpordu.com
๒๓๖ 236
luangpordu.com
237 ๒๓๗
๑๑๑
ธรรมทำให้ครบ
แต่ก่อนเคยแต่ได้ยินว่าธรรมะทุกข้อล้วนพาคนไปให้ถึงนิพพาน
ได้ ซึ่งฟังแล้วก็นึกคล้อยตาม แต่ก็อดจะเก็บความลังเลสงสัยในบางส่วน
ไว้ไม่ได้กระทั่งหลวงปู่ดู่พูดถึง“เมตตาพาตกเหว”ประกอบกับคำสอน
ของทา่ นเจ้าคณ ุ อาจารย์พระพรหมคณ ุ าภรณ์(ป.อ.ปยตุ โต)ขยายความ
ในเรื่องทำนองเดียวกันน้ี จึงค่อยเกิดความกระจ่างและตระหนักมากข้นึ
ว่าการปฏิบัติธรรมที่ต้องมีปัญญากำกับในทุกๆเรื่องทีเดียว
ดังท หี่ ลวงปูย่ กมากล่าวเตือนขา้ งตน้ ซงึ่ “เมตตา” ก็เป็นธ รรมขอ้ ห นึง่
ในหมวดพรหมวหิ าร๔ ซ งึ่ ป ระกอบดว้ ยเมตตาก รุณาม ทุ ติ าแ ละอเุ บกขา
ซึง่ ช ว่ ยให้ม นุษย์อ ยูร่ ว่ มกนั อ ย่างผาสุกเพราะทา่ นสอนวา่ ก ารวางท่าท ตี อ่
คนปกติทั่วๆ ไป คือ วางจิตไว้ด้วยเมตตาส่วนกับคนที่แย่กว่าเรา ก็ต้อง
กรุณา ช่วยเหลือสงเคราะห์อะไรได้ก็พร้อมจะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ส่วน
กับคนที่ดีกว่าหรือประสบความสำเร็จในทางที่ชอบที่ควร เราก็มุทิตา
คือพลอยยินดีกับเขาไปด้วยจิตใจก็แช่มชื่นเบิกบานไม่คับแคบ
แต่ก็มีบางกรณีที่ควรวางอุเบกขา กล่าวคืออย่าเพิ่งแสดงความ
เมตตา กรุณา หรือมุทิตา ออกไป โดยไม่ได้ใช้ปัญญาไตร่ตรองให้
รอบคอบ
luangpordu.com
๒๓๘ 238
luangpordu.com
239 ๒๓๙
สมาธิจึงขยายออกมาในภาคปฏิบัติเป็นพละ๕ได้แก่ศรัทธาวิริยะสติ
สมาธิและปัญญาซึ่งสติจะเป็นองค์ธรรมที่สำคัญที่คอยตรวจดูให้ศรัทธา
กับปัญญาสมดุลกันรวมทั้งตรวจตราให้วิริยะและสมาธิมีความสมดุลเช่น
เดียวกัน
ผู้ที่เอาแต่ใช้ปัญญาครุ่นคิด หากขาดศรัทธา ก็ไปไม่รอดเพราะ
หนทางดจู ะแห้งแ ล้งแ ละชวนให้อ อ่ นลา้ ต รงกนั ข า้ มผ ทู้ เี่ อาแต่ศ รัทธานำ
โดยขาดการพิจารณาไตร่ตรองทางปัญญาก็อาจตกไปสู่ความงมงายหรือ
ไปผิดทิศผิดทางโดยไม่รู้ตัว
ส่วนผู้ที่มีความเพียรในการปฏิบัติ หรือเพียรในการหยิบยกธรรม
ขึ้นพิจารณาโดยขาดปีติ ขาดความสงบ หรือก็คือขาดสมาธิจะพิจารณา
อะไรก็ไม่ชัดเจน อีกทั้งอ่อนล้า เหมือนผู้ไม่ได้อาหารไม่ได้พักผ่อนที่เพียง
พอ แต่ถ้าสมาธิมากเกิน โดยไม่มีวิริยะมาช่วยให้เกิดการทำงานและการ
เฝ้าระวังของจิต ก็มีแนวโน้มจะเป็นจิตที่ดำดิ่งหรือตกภวังค์ไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ได้เช่นเดียวกัน
ดังนั้น กล่าวโดยสรุปก็คือ หลวงปู่ท่านสอนให้ปฏิบัติธรรมอย่างมี
ปัญญา โดยนำเครื่องมือที่พระพุทธเจ้าประทานมาให้นั้นมาใช้อย่างครบ
ถ้วนค รบหมวดครบหมู่ จ งึ จ ะสามารถได้ร บั ผ ลสำเร็จจ ากการปฏิบตั ธิ รรม
ตามที่ท่านมุ่งหวัง
“พอ”
luangpordu.com
๒๔๐ 240
๑๑๒
ช้างมาไหว้หลวงปู่
มีเหตุการณ์ที่ค่อนข้างแปลกอยู่เรื่องหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นในราวปลาย
ปีพ.ศ.๒๕๓๒ก่อนที่หลวงปู่จะละสังขารเพียงไม่ถึงเดือนกล่าวคือช้าง
ใหญ่เชือกหนึ่งที่เดินทางมาจากจังหวัดสุรินทร์เพื่อมาร่วมพิธีคล้องช้างที่
เพนียดคล้องชา้ งจ งั หวัดพ ระนครศรีอยุธยาข ณะเดินท างมาตามถนนสาย
เอเชียถ งึ บ ริเวณใกล้ท างเข้าว ดั ส ะแกช า้ งกแ็ สดงอาการไม่อ ยูน่ งิ่ จ นทำให้
คนขบั ร ถตอ้ งหยุดจ อดพ อรถจอดนงิ่ ช า้ งเชือกนนั้ ก เ็ ดินล งจากรถแ ล้วล ง
ลุยน้ำมาตามคลองข้าวเม่า มุ่งหน้ามาทางวัดสะแก ควาญช้างพยายาม
ควบคุมช้างด้วยการเอาขอเหล็กสับบนศีรษะช้าง กระทั่งเลือดไหลออก
มาทางด้านหน้าถึงกระนั้นช้างก็ยังไม่ยอมหยุดสุดท้ายช้างได้มาขึ้นที่ฝั่ง
ตรงขา้ มวดั ส ะแกแ ล้วย กงวงขนึ้ ล งเหมือนจะแสดงอาการเคารพมาทางฝงั่
วัดสะแก มีผู้นำควาญช้างมากราบหลวงปู่ดู่ แต่ควาญช้างนั้นยังมีอาการ
ตกใจถึงขนาดว่าร้องไห้ออกมาเพราะไม่เคยประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้
เขาพูดด้วยโทสะว่าถ้าควบคุมช้างไม่ได้ เขาก็จะไปเอาปืนที่สุรินทร์มายิง
มันแล้วค่อยเอาศพมันกลับไป
หลวงปู่ให้กำลังใจแก่ควาญช้างว่า ไม่เป็นไรหรอก เอาน้ำมนต์ไป
รด เอาข้าวไปให้มันกิน มันก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นเอง แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็ได้
luangpordu.com
241 ๒๔๑
เกิดข นึ้ ช า้ งนนั้ เมือ่ ได้ร บั น ำ้ มนต์ข องหลวงปกู่ ม็ อี าการสงบลงจริงๆ แ ละที่
แปลกกว่าน นั้ ค อื ช า้ งไม่มอี าการสนใจกล้วยอ อ้ ยท มี่ คี นเอามาให้แ ต่ก ลับ
เอางวงดูดข้าวในกาละมังที่หลวงปู่ให้ลูกศิษย์จัดเตรียมให้มันดูดแค่๒-๓
ทีก็หมดกาละมัง ช้างอยู่ที่นั่น กระทั่งงานที่เพนียดคล้องช้างสิ้นสุด และ
เหมือนวา่ ม นั จ ะรู้ ม นั ได้เดินไปรวมกบั ห มูช่ า้ งทจี่ ะกลับจ งั หวัดส รุ นิ ทร์โดย
ควาญช้างไม่ต้องเอาขอสับบังคับแต่อย่างใด
มีลูกศิษย์ที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า หลวงปู่ท่านว่า “ช้างมัน
เห็นแสงสว่าง มันรู้ มันจะมาไหว้พระ” บางคนก็ได้ยินหลวงปู่บอกว่า
“พวกแกสชู้ า้ งไม่ได้ช า้ งมนั ย งั ร จู้ กั ม าสกั ก าระห ลวงปทู่ วด”บ า้ งได้ยนิ
หลวงปบู่ อกวา่ “ พ ระพุทธเจ้าต้องมชี า้ ง”แ ละบา้ งกไ็ ด้ย นิ ห ลวงปบู่ อกวา่
“ช้างยังมาอยู่กับข้าไม่ได้ต้องไปใช้เวรใช้กรรมให้หมดเสียก่อน”ฯลฯ
เรือ่ งราวความลกึ ซ งึ้ จ ะเป็นอ ย่างไรกย็ ากทใี่ ครๆจ ะรไู้ ด้แ ต่ท ว่าค วามบาก
บั่นของช้างใหญ่เชือกนั้นทำให้ผู้เขียนอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดถึงคำสอนของ
หลวงปู่ที่ว่า“ แกเชื่อจริงไหมล่ะ”
“แกเชือ่ จ ริงไหมละ่ ” ม คี วามหมายหยาบละเอียดหลายนยั เช่นก าร
ที่ชาวพุทธจำนวนไม่น้อยไปยึดถือข้อปฏิบัติอันจัดว่าเป็นสีลพตปรามาส
ประพฤติออกนอกทางพระพุทธศาสนาถือเอามงคลภายนอกยิ่งกว่าการ
พัฒนาตนให้เป็นที่พึ่งแก่ตน ข้ามครูอาจารย์ ข้ามพระพุทธเจ้า ก็ล้วนแต่
เพราะ “เชื่อไม่จริง” ความลังเลสงสัยต่างๆ ก็ล้วนมาจาก “เชื่อไม่จริง”
นักปฏิบัติภาวนาพอลมหายใจจะดับเกิดตกใจกลัวตายถอนจากสมาธิ
luangpordu.com
๒๔๒ 242
ก็เพราะ“เชื่อไม่จริง”ปฏิบัติธรรมแบบไฟไหม้ฟางชนิดขยันก็ทำขี้เกียจ
ก็หยุด นั่นก็เพราะ “เชื่อไม่จริง” การที่ไม่สามารถรักษาความบากบั่น
พากเพียร หรือไม่สามารถรักษาใจไม่ให้ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ ก็เพราะ
“เชื่อไม่จริง”การที่ตั้งอยู่ในความประมาทมิได้ระลึกถึงภัยคือความแก่
ความเจ็บความตายก็เพราะ“เชื่อไม่จริง”ฯลฯ
มินา่ ล ะ่ ห ลวงปจู่ งึ ม กั ถ ามลกู ศ ษิ ย์เป็นเชิงให้พ จิ ารณาตนเองอยูบ่ อ่ ย
ครั้งว่า“แกเชื่อจริงไหมล่ะ”
นี่ถ้าพากันเชื่อคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ กันจริงๆ ความ
องอาจกล้าหาญในการปฏิบัติธรรมเพื่อบูชาคุณความดีของหลวงปู่ ก็คง
พอช่วยให้ไม่ต้องอายช้างเชือกนี้ได้เป็นแน่
“พอ”
luangpordu.com
๒๔๔ 244
คาถาบูชาพระ
นะโมพุทธายะพระพุทธะไตรรัตนะญาณ
มณีนพรัตน์สีสะหัสสะสุธัมมา
พุทโธธัมโมสังโฆยะธาพุทโมนะ
พุทธะบูชาธัมมะบูชาสังฆะบูชา
อัคคีธานังวะรังคันธัง
สีวลีจะมหาเถรัง
อะหังวันทามิทูระโต
อะหังวันทามิธาตุโย
อะหังวันทามิสัพพะโส
พุทธะธัมมะสังฆะปูเชมิ
luangpordu.com
245 ๒๔๕
คำสมาทานพระกรรมฐาน
บ ทบูชาพระ
นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ
(๓จบ)
พุทธังชีวิตังเมปูเชมิ
ธัมมังชีวิตังเมปูเชมิ
สังฆังชีวิตังเมปูเชมิ
กราบพระ๖ครั้ง
พุทธังวันทามิ
ธัมมังวันทามิ
สังฆังวันทามิ
อุปัชฌาย์อาจาริยคุณังวันทามิ(ชาย)
คุณครูบาอาจารย์วันทามิ(หญิง)
มาตาปิตุคุณังวันทามิ
พระไตรสิกขาคุณังวันทามิ
สมาทานศีล๕
นะโมตัสสะภะคะวะโตอะระหะโตสัมมาสัมพุทธัสสะ
(๓จบ)
luangpordu.com
๒๔๖ 246
•พุทธังสรณังคัจฉามิ
ธัมมังสรณังคัจฉามิ
สังฆังสรณังคัจฉามิ
•ทุติยัมปิพุทธังสรณังคัจฉามิ
ทุติยัมปิธัมมังสรณังคัจฉามิ
ทุติยัมปิสังฆังสรณังคัจฉามิ
•ตะติยัมปิพุทธังสรณังคัจฉามิ
ตะติยัมปิธัมมังสรณังคัจฉามิ
ตะติยัมปิสังฆังสรณังคัจฉามิ
ปาณาติปาตาเวระมะณีสิกขาปะทังสะมาทิยามิ
อทินนาทานาเวระมะณีสิกขาปะทังสะมาทิยามิ
กาเมสุมิจฉาจาราเวระมะณีสิกขาปะทังสะมาทิยามิ
มุสาวาทาเวระมะณีสิกขาปะทังสะมาทิยามิ
สุราเมรยะมัชชะปะมาทัฏฐานาเวระมะณีสิกขาปะทัง
สะมาทิยามิ
อิมานิปัญจะสิกขาปะทานิสะมาทิยามิ(๓ครั้ง)
สีเลนะสุคะติงยันติสีเลนะโภคะสัมปะทา
สีเลนะนิพพุตติงยันติตัสมาสีลังวิโสธะเย
luangpordu.com
๒๔๗
ค ำอาราธนาพระ
พุทธังอาราธะนังกะโรมิ
ธัมมังอาราธะนังกะโรมิ
สังฆัง อาราธะนัง กะโรมิ
นอมระลึกถึงหลวงปูทวด แลววา
นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา ( ๓ ครั้ง )
นอมระลึกถึงหลวงพอดู โดยวาคาถาดังนี้
นะโม พรหมปญโญ ( ๓ ครั้ง )
คำอนุโมทนาบุญที่ผูอื่นกระทำไวดีแลว
สัทธา ทานัง อนุโมทามิ ( ๓ ครั้ง )
คำขอขมาพระรัตนตรัย
โยโทโส โมหะจิตเต นะพุทธัสมิง ปาปะกะโต มะยา
ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปง วินัสสันตุ
โยโทโส โมหะจิตเต นะธัมมัสมิง ปาปะกะโต มะยา
ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปง วินัสสันตุ
โยโทโส โมหะจิตเต นะสังฆัสมิง ปาปะกะโต มะยา
ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปง วินัสสันตุ
luangpordu.com
คำอธิษฐานแผเมตตา
ใหตั้งใจเจริญพรหมวิหาร ๔ แลวกลาวคำอธิษฐานวา
“พุทธัง อนันตัง
ธัมมัง จักรวาลัง
สังฆัง นิพพานะ ปจจะโยโหตุ ”
ค ำอธิษฐานพระเข้าตัว
สัพเพพุทธาสัพเพธัมมาสัพเพสังฆา
พะลัปปัตตาปัจเจกานัญจะยังพะลัง
อะระหันตานัญจะเตเชนะรักขังพันธามิสัพพะโส
พุทธังอธิษฐามิ
ธัมมังอธิษฐาม ิ
สังฆังอธิษฐามิ
luangpordu.com
คำอธิษฐานแผเมตตา
ใหตั้งใจเจริญพรหมวิหาร ๔ แลวกลาวคำอธิษฐานวา
“พุทธัง อนันตัง
ธัมมัง จักรวาลัง
สังฆัง นิพพานะ ปจจะโยโหตุ ”
ค ำอธิษฐานพระเข้าตัว
สัพเพพุทธาสัพเพธัมมาสัพเพสังฆา
พะลัปปัตตาปัจเจกานัญจะยังพะลัง
อะระหันตานัญจะเตเชนะรักขังพันธามิสัพพะโส
พุทธังอธิษฐามิ
ธัมมังอธิษฐามิ
สังฆังอธิษฐามิ
luangpordu.com