You are on page 1of 26

1

เรียบเรียงข้อมู ลโดยกระปุ กดอทคอม



เป็ นทีทราบกั นดีว่า คนไทยเป็ นพวกเจ ้าบทเจ ้ากลอน

จะพูดจาหรือสังสอนใคร ก็มกั จะอ ้างเอาสานวน สุภาษิต หรือคาพังเพยทีพู ่ ดต่อ

้ ครงโบราณมาเปรี
กันมาตังแต่ ้ั ยบเทียบเปรียบเปรยเสมอ ซึงค ่ าเหล่านี มั้ กจะเป็ น
่ ้องจองกัน ทาให ้จดจาได ้ง่ายและเห็ นภาพได ้ชัดเจนมากยิงขึ
คาทีคล ่ น้
่ าคัญ สานวนไทยยังมีเสน่ ห ์ เป็ นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ทีส
โดยการดึงเอาสิงที ่ อยู
่ ่รอบตัวมาเปรียบเทียบ ดังนั้น เราอาจพูดได ้ว่า
สานวนไทยมีความผูกพันกับชีวต ิ ของเราอย่างใกล ้ชิด และยังให ้ข ้อคิดสอนใจ
่ านวนไทยนั้นมีอยู่มากมาย แต่เชือว่
ซึงส ่ าเพือน
่ ๆ
หลายคนอาจยังไม่เข ้าใจความหมายของ สานวนไทย บางคา หรือบางประโยค
แมจ้ ะได ้ยินอยู่บ่อย ๆ ก็ตาม วันนี ้ กระปุกดอทคอม
มีเกร็ดความรู ้เรืองนี ่ มาฝากกั
้ นค่ะ
สานวน หมายถึง ถ ้อยคาทีเรี ่ ยบเรียงได ้ตายตัว
่ อตัดตอนไม่ได ้
สลับทีหรื
มีความหมายเชิงเปรียบเทียบลึกซึงโดยครอบคลุ ้ มไปถึง ภาษิต สุภาษิต
และคาพังเพย โดยสามารถแยกได ้เป็ น...
สานวนทีมี ่ เสียงสัมผัส

- เรียง 4 คา ต ้นร ้ายปลายดี น้าใสใจจริง


- เรียง 6 คา ฆ่าไม่ตายขายไม่ขาด บ ้านเคยอยู่อู่เคยนอน
- เรียง 8 คา รกั ยาวให ้บัน ่ รกั สันให
้ ้ต่อ ตกน้าไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม ้
- เรียง 10 คา คนร ักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสือ ่ ชาติเสือต ้องไว ้ลาย
ชาติชายต ้องไว ้ชือ่
- เรียง 12 คา ปลูกเรือนตามใจผูอ้ ยู่ ผูกอู่ตามใจผูน้ อน มีเงินเขานับว่าน้อง
มีทองเขานับว่าพี่
สานวนทีไม่่ มเี สียงสัมผัส
- เรียง 2 คา ชิมลาง ขบเผาะ
- เรียง 3 คา ถ่านไฟเก่า คมในฝัก
- เรียง 5 คา น้าขึนให
้ ้รีบตัก ขนหน้าแข ้งไม่รว่ ง
- เรียง 6 คา ถ่มน้าลายแล ้วกลืนกิน ยกภูเขาออกจากอก

ทีมาของส านวน
1 สานวนทีเกี ่ ยวกั ่ บชีวติ ความเป็ นอยู่
ข ้าวเหลือเกลืออิม ่ ทร ัพย ์ในดินสินในน้า บ ้านเคยอยู่อู่เคยนอน
2 สานวนเกียวกั ่ บพืช
ขิงก็ราข่าก็แรง มะกอกสามตะกร ้าปาไม่ถก ู ใบไมร้ ว่ งจะออกช่อ
3 สานวนเกียวกั ่ บสัตว ์
โง่เง่าเต่าตุน
่ ตีปลาหน้าไซ นกมีหูหนู มป ี ีก
4 สานวนเกียวกั ่ บนิ ทาน
้ าได ้ทอง กระต่ายตืนตู
กิงก่ ่ ม เห็นกงจักรเป็ นดอกบัว ชาวนากับงู เห่า

สาหร ับ สานวน สุภาษิตไทย ทีเรามั ่ กจะได ้ยินและเห็นกันอยู่บ่อย ๆ มีดงั นี ้


หมวด ก.
กงเกวียนกาเกวียน - เวรสนองเวร กรรมสนองกรรม
กบในกะลาครอบ - ผูม้ ป ี ระสบการณ์และความรู ้น้อย
แต่สาคัญตนว่ามีความรู ้มาก
กรวดน้าคว่ากะลา, กรวดน้าคว่าขัน – ตัดขาดไม่ขอเกียวข ่ ้องด ้วย
กระเชอก ้นรว่ ั – สุรย ุ ่ สุรา่ ย, ไม่รู ้จักเก็บหอมรอมริบ, ไม่ประหยัด
กระดังงาลนไฟ – ผูห้ ญิงทีเคยแต่ ่ งงานหรือผ่านผูช ้ ายมาแล ้ว
้ งทางปรนนิ บต
ย่อมรู ้จักชันเชิ ั ิ
และเอาอกเอาใจผูช ้ ายได ้ดีกว่าผูห้ ญิงทียั ่ งไม่เคยแต่งงาน
่ ้น้า – อาการแสดงความดีอกดีใจ ตืนเต
กระดีได ่ ้นจนตัวสัน ่
กระต่ายขาเดียว – ยืนกรานไม่ยอมร ับ
กระต่ายตืนตู่ ม–

คนทีแสดงอาการตื ่
นตกใจง่ ายโดยไม่ทน ั สารวจให ้ถ่องแท ้ก่อน
กระต่ายหมายจันทร ์ – ผูช ้ ายหมายปองผู ้หญิงทีมี ่ ฐานะดีกว่า
กระโถนท ้องพระโรง – ผูท้ ใคร ่ี ๆ ก็ใช ้ได ้ หรือผูท้ ใคร่ี ๆ
ก็พากันรุมใช ้อยู่คนเดียว
กวนน้าให ้ขุ่น – ทาเรืองราวที่ ่
สงบอยู ่แล ้วให ้เกิดวุ่นวายขึนมา ้

กว่าถัวจะสุ ก งาก็ไหม ้ – ลักษณะของการทางานทีมี ่ ความลังเล
ทาให ้แก ้ปัญหาได ้ไม่ทน ั ท่วงที เมือได ่ ้อย่างหนึ่ ง แต่ต ้องเสียอีกอย่างหนึ่ งไป
กาคาบพริก – ลักษณะทีคนผิ ่ วดาแต่งตัวด ้วยเสือผ ้ า้ สีแดง
กาแพงมีหูประตูมช ี อ่ ง, กาแพงมีหูประตูมต ี า–
่ ดหรือทาอะไรให ้ระมัดระวัง แมจ้ ะเป็ นความลับเพียงไร
การทีจะพู
ก็อาจมีคนล่วงรู ้ได ้
่ บไขทีแจ
กินทีลั ่ ้ง – เปิ ดเผยเรืองที ่ ท ่ ากันในทีลั ่ บ
กินน้าใต ้ศอก – จาต ้องยอมเป็ นรองเขา, ไม่เทียมหน้าเทียมตาเท่า
(มักหมายถึงเมียน้อยทีต ่ ้องยอมลงให ้แก่เมียหลวง)
กินบนเรือนขีบนหลั้ งคา – เนรคุณ
กินปูนร ้อนท ้อง – ทาอาการมีพริ ธ ้
ุ ขึนเอง, แสดงอาการเดือดร ้อนขึนเอง ้
เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้าแกง – เกลียดตัวเขา
แต่อยากได ้ผลประโยชน์จากเขา

เกลือจิมเกลื อ – ไม่ยอมเสียเปรียบกัน, แก ้เผ็ดให ้สาสมกัน
เกลือเป็ นหนอน – ญาติมต ิ ร สามีภรรยา บุตรธิดา เพือนร่ ่ วมงาน
หรือคนในบ ้านทีคิ ่ ดทรยศ,หนอนบ่อนไส ้

เกียวแฝกมุ งป่ า – ทาอะไรเกินกาลังความสามารถของตัว
แกว่งเท ้าหาเสียน ้ – รนหาเรืองเดื ่ อดร ้อน
ใกล ้เกลือกินด่าง –
มองข ้ามหรือไม่รู ้ค่าของดีทอยู ่ี ่ใกลต้ วั ซึงจะเป็
่ นประโยชน์แก่ตน
กลับไปแสวงหาสิงอื ่ นที่ ด ่ ้อยกว่า
ไก่แก่แม่ปลาช่อน – หญิงค่อนข ้างมีอายุทมี ่ี มารยาและเล่ห ์เหลียมมาก

และมีกริ ยิ าจัดจ ้าน
ไกลปื นเทียง่ – ไม่รู ้อะไรเพราะอยู่ห่างไกลความเจริญ
ไก่เห็นตีนงู งู เห็นนมไก่ – ต่างฝ่ ายต่างรู ้ความลับของกันและกัน
หมวด ข.
ขนทรายเข ้าวัด – หาประโยชน์ให ้ส่วนรวม
ขนมผสมน้ายา – พอดีกน ั จะว่าข ้างไหนดีกว่ากันไม่ได ้
ขนหน้าแข ้งไม่รว่ ง – ไม่กระทบกระเทือนถึงเดือดร ้อน
ข่มเขาโคขืนใหก้ น ิ หญ ้า – บังคับขืนใจผูอ้ นให ่ื ่
ท้ าตามทีตนต ้องการ
ขว ้างงู ไม่พน้ คอ – ทาอะไรแล ้วผลร ้ายกลับมาสู่ตวั เอง
ขวานผ่าซาก – โผงผางไม่เกรงใจใคร
ขายผา้ เอาหน้ารอด – ยอมสละสิงส ่ าคัญเพือร ่ ักษาชือเสี
่ ยงไว ้
ขิงก็รา ข่าก็แรง – ต่างไม่ยอมลดละกัน
่ ้างจับตักแตน
ขีช ๊ – ลงทุนมากแต่ได ้ผลน้อย
เข็นครกขึนภู ้ เขา – ทางานทียากล ่ าบากอย่างยิง่
โดยต ้องใช ้ความพยายามและอดทนอย่างมาก
เข ้าตามตรอกออกตามประตู – ทาตามธรรมเนี ยมประเพณี
เข ้าเมืองตาหลิว่ ต ้องหลิวตาตาม ่ – ประพฤติตนให ้เหมาะสมกับกาละเทศะ
เขียนด ้วยมือลบด ้วยตีน – ยกย่องแล ้วกลับทาลายในภายหลัง
เขียนเสือให ้วัวกลัว –
ทาอย่างใดอย่างหนึ่ งเพือให ่ อ้ ก ี ฝ่ ายหนึ่ งเสียขวัญหรือเกรงขาม
ไข่ในหิน – ของทีต ่ ้องระมัดระวังทะนุ ถนอมอย่างยิง่
หมวด ค. , ฆ.
คดในข ้อ งอในกระดูก – มีสน ั ดานคดโกง
คนรกั เท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสือ ่ – คนร ักมีนอ้ ย คนชังมีมาก
คบคนใหด้ ห ้ า้ ให ้ดูเนื อ้ – คนร ักมีนอ้ ย คนชังมีมาก
ู น้า ซือผ
คมในฝัก – มีความรู ้ความสามารถ
่ งไม่ถงึ เวลาก็ไม่แสดงออกมาใหเ้ ห็ น
แต่เมือยั
คว ้าน้าเหลว – ไม่ได ้ผลตามต ้องการ
ความรู ้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด – มีความรู ้มาก
แต่ไม่รู ้จักเอาความรู ้มาใช ้ให ้เป็ นประโยชน์
คางคกขึนวอ ้ – คนทีมี ่ ฐานะต่าต ้อย พอได ้ดิบได ้ดีก็มก ั แสดงกิรยิ าอวดดี ลืมตัว
โคแก่ชอบกินหญ ้าอ่อน – ชายสูงอายุทชอบผู ่ี ห้ ญิงรุน
่ สาว
ฆ่าความอย่าเสียดายพริก – ทาการใหญ่ไม่ควรตระหนี่
หมวด ง. , จ.
งมเข็มในมหาสมุทร – ทากิจทีส ่ าเร็จได ้ยาก
งอมืองอตีน – เกียจคร ้าน, ไม่สนใจขวนขวายการทางาน
เงยหน้าอ ้าปาก – มีฐานะดีขนกว่ ึ้ าเดิมพอทัดเทียมเพือน ่
จับแพะชนแกะ – ทาอย่างขอไปที ไม่ได ้อย่างนี ก็ ้ เอาอย่างนั้นเข ้าแทน

เพือให ้ลุล่วงไป
จับเสือมือเปล่า – แสวงหาประโยชน์โดยตัวเองไม่ต ้องลงทุน
จุดไต ้ตาตอ – พูดหรือทาสิงใดสิ ่ ่
งหนึ ่ งบังเอิญไปโดนเจ ้าตัวเข ้า
โดยทีผู ่ พ ้ ูดไม่รู ้ตัว
หมวด ช. , ซ.
ชนักติดหลัง – ความชัวหรื ่ อความผิดทียั ่ งติดตัวอยู่
ชักน้าเข ้าลึก ชักศึกเข ้าบ ้าน – ชักนาศัตรูเข ้าบ ้าน
ชักใบใหเ้ รือเสีย – พูดหรือทาขวาง ๆ
ให ้การสนทนาหรือการงานเขวออกนอกเรืองไป ่
ชักแม่น้าทังห ้ ้า – พูดจาหว่านล ้อมยกยอบุญคุณเพือขอสิ ่ ่ ประสงค
งที ่ ์
ชักหน้าไม่ถงึ หลัง – มีรายได ้ไม่พอกับรายจ่าย
ช ้า ๆ ได ้พร ้าเล่มงาม, ช ้า ๆ ได ้พร ้าสองเล่มงาม – ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ
ทาแล ้วจะสาเร็จผล
ช ้างตายทังตั ้ ว เอาใบบัวมาปิ ดไม่มด ิ –
ความชัวหรื ่ อความผิดร ้ายแรงทีคนรู ่ ่ นแล ้ว จะปิ ดอย่างไรก็ไม่มด
้ทัวกั ิ
ชิงสุกก่อนห่าม – ทาสิงที ่ ยั่ งไม่สมควรแก่วน ั หรือยังไม่ถงึ เวลา
(มักหมายถึงการลักลอบได ้เสียกันก่อนแต่งงาน)
ชุบมือเปิ บ – ฉวยประโยชน์จากคนอืนโดยไม่ ่ ได ้ลงทุนลงแรง

ซือควายหน้ านา ซือผ้ า้ หน้าตรุษ, ซือควายหน้้ านา ซือผ ้ า้ หน้าหนาว –

ซือของไม่ คานึ งถึงกาลเวลาย่อมได ้ของแพง,
ทาอะไรไม่เหมาะกับกาลเวลาย่อมได ้ร ับความเดือดร ้อน
หมวด ฒ. , ด.
เฒ่าหัวงู – คนแก่หรือคนมีอายุมากทีมี ่ เล่ห ์เหลียมหรื
่ อกลอุบาย
หลอกเด็กผูห้ ญิงในทางกามารมณ์
ดูช ้างใหด้ ห ู าง ดูนางให ้ดูแม่, ดูววั ให ้ดูหาง ดูนางให ้ดูแม่ –
ให ้รู ้จักพิจารณาลักษณะบุคคลหรือผูห้ ญิงทีจะเลื ่ อกเป็ นคู่ครอง
เด็ดดอกไม้รว่ มต ้น – เคยทาบุญกุศลร่วมกันมาแต่ชาติกอ ่ น
จึงมาอยู่รว่ มกันในชาตินี ้
เดินตามหลังผูใ้ หญ่ หมาไม่กด ั – ประพฤติตามอย่างผูใ้ หญ่ย่อมปลอดภัย
่ี
ได ้ทีขแพะไล่ ้ มเมือผู
– ซาเติ ่ อ้ นเพลี
่ื ่
ยงพล า้
หมวด ต.
ตกกระไดพลอยโจน –
จาเป็ นทีจะต ่ ่
้องยอมเข ้าไปเกียวข ้องกับเหตุการณ์ทเกิ ี่ ดขึนเมื
้ อไม่ ่ มท ่
ี างเลียง
ตกน้าไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม ้ – ตกอยู่ในทีคั ่ บขันอย่างไรก็ไม่เป็ นอันตราย
ตบมือข ้างเดียวไม่ดงั – ทาอะไรฝ่ ายเดียวไม่เกิดผล
ตักน้าใส่กะโหลก ชะโงกดูเงา – ให ้รู ้จักฐานะของตนและเจียมตัว
ตัดช่องน้อยแต่พอตัว – เอาตัวรอดแต่ผูเ้ ดียว
ตัดไฟต ้นลม, ตัดไฟหัวลม – ตัดต ้นเหตุเพือไม่ ่ ใหเ้ หตุการณ์ลุกลามต่อไป
ตัดหางปล่อยวัด – ตัดขาดไม่เกียวข ่ ้อง ไม่เอาเป็ นธุระอีกต่อไป
ตาน้าพริกละลายแม่น้า – ลงทุนไปโดยได ้ผลประโยชน์ไม่คุ ้มทุน
ตีตนก่อนไข ้, ตีตนตายก่อนไข ้ –
กังวลทุกข ์ร ้อนหรือหวาดกลัวในเรืองที ่ ยั ่ งไม่เกิดขึน้
ตีนถีบปากกัด –
มานะพยายามทางานทุกอย่างเพือปากท ่ ้องโดยไม่คานึ งถึงความเหนื่ อยยาก
ตีววั กระทบคราด – โกรธคนหนึ่ งแต่ทาอะไรเขาไม่ได ้
ไพล่ไปร ังควานอีกคนหนึ่ ง
้ ้มค่อม – คนทีมี
เตียอุ ่ ฐานะต่าต ้อยหรือยากจน
แต่ร ับภาระเลียงดู้ คนทีมี ่ ฐานะเช่นตนอีก
แตงร่มใบ – มีผวิ เป็ นนวลใยในวัยสาว
หมวด ถ. , ท.
ถ่มน้าลายรดฟ้ า – ประทุษร ้ายต่อสิงที ่ สู ่ งกว่าตน ตัวเองย่อมได ้รบั ผลร ้าย
ถอนรากถอนโคน – ทาลายให ้สินเสี ้ ยนหนาม ้

ถีลอดตาช ้าง ห่างลอดตาเล็น – ดูเหมือนรอบคอบถีถ ่ ้วน
แต่ไม่รอบคอบถีถ ่ ้วนจริง
เถรส่องบาตร – คนทีท ่ าอะไรตามเขาทัง้ ๆ ทีไม่ ่ รู ้เรืองราว

ทร ัพย ์ในดิน สินในน้า – สิงที ่ มี
่ อยู่หรือเกิดตามธรรมชาติ
อันอาจนามาใช ้ให ้เป็ นประโยชน์ได ้
ทองไม่รู ้ร ้อน – เฉยเมย,ไม่กระตือรือร ้น, ไม่สะดุ ้งสะเทือน
ทาคุณบูชาโทษ โปรดสัตว ์ได ้บาป – ทาคุณแต่กลับเป็ นโทษ
ทาดีแต่กลับเป็ นร ้าย
ทานาบนหลังคน – หาผลประโยชน์ใส่ตนโดยขูดรีดผูอ้ น ่ื
ทาบุญเอาหน้า – ทาบุญเพืออวดผู ่ ่ื ไม่ใช่ทาด ้วยใจบริสุทธิ ์
อ้ น
เทือกเถาเหล่ากอ - เชือสายวงศ ้ ์ตระกูลทีสื ่ บเนื่ องต่อกันมา
หมวด น.
นกสองหัว – คนทีท ่ าตัวฝักใฝ่ เข ้าด ้วยทัง้ 2
่ เป็ นมิตรกัยโดยหวังประโยชน์เพือตน
ฝ่ ายทีไม่ ่
นายว่าขีข้ ้าพลอย – พลอยพูดผสมโรงติเตียนผูอ้ นตามนายไปด ่ื ้วย
น้าท่วมทุง่ ผักบุ ้งโหรงเหรง – พูดมากแต่ได ้เนื อหาสาระน้
้ อย
น้ามาปลากินมด น้าลดมดกินปลา – ทีใครทีมน ั
น้าร ้อนปลาเป็ น น้าเย็นปลาตาย – คาพูดทีตรงไปตรงมา
่ อาจไม่ถก
ู ใจผูฟ
้ ัง

แต่ไม่เป็ นพิษเป็ นภัย คาพูดทีไพเราะอ่ อนหวาน ซึงถู ่ กใจผูฟ
้ ัง
แต่อาจเป็ นโทษเป็ นภัยได ้

หมวด บ.
บัวไม่ให ้ชา้ น้าไม่ใหข ้ น
่ ุ – รู ้จักผ่อนปรนเข ้าหากัน มิใหก้ ระทบกระเทือนใจกัน

บ่างช่างยุ – คนทีชอบพู ดส่อเสียดยุยงให ้เขาแตกกัน
บ ้าหอบฟาง – บ ้าสมบัติ เห็นอะไร ๆ เป็ นของมีค่าจะเอาทังนั ้ ้น,

อาการทีหอบหิ ้ งของพะรุ
วสิ ่ งพะร ัง
บุญทากรรมแต่ง – บุญหรือบาปทีท ่ าไว ้ในชาติกอ
่ น
เป็ นเหตุทาให ้รูปร่างหน้าตาหรือชีวต ิ ของคนเราในชาตินี ้ สวยงาม ดี ชัว่
เป็ นต ้น
้ อยหอยน้อย – มีเงินน้อย, มีไม่มาก
เบียน้
เบียบ้ ้ายรายทาง – เงินทีจะต ่ ้องใช ้จ่ายหรือเสียไปเรือย ่ ๆ เป็ นระยะ ๆ
ในขณะทาธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่ งให ้สาเร็จ
หมวด ป.
ปล่อยลูกนกลูกกา – ปล่อยให ้เป็ นอิสระ, ไม่เอาผิด
ปล่อยเสือเข ้าป่ า – ปล่อยศัตรูไปอาจกลับมาทาร ้ายภายหลังอีก
ปลาหมอตายเพราะปาก – คนทีพู ่ ดพล่อยจนได ้ร ับอันตราย
ปลาใหญ่กน ิ ปลาเล็ก –
คนทีมี ่ อานาจหรือผูใ้ หญ่ทกดขี ่ี ่ มเหงผูอ้ ่อนแอหรือผูน้ อ้ ย
ข่
ปลูกเรือนคร่อมตอ – กระทาสิงซึ ่ งล่ ่ วงลา้ ก ้าวก่ายสิทธิของผูอ้ น ่ื
จะโดยรู ้เท่าไม่ถงึ การณ์หรือไม่ก็ตาม
ปลูกเรือนตามใจผูอ้ ยู่ ผูกอู่ตามใจผูน้ อน –
ทาตามความพอใจของผูท้ จะได ่ี ้ร ับผลโดยตรง
ปอกกล ้วยเข ้าปาก – ง่าย
ปากปราศร ัยใจเชือดคอ – พูดดีแต่ใจคิดร ้าย
ปากไม่สนกลิ ิ้ ่ ้านม – ยังเป็ นเด็ก
นน
ปากว่าตาขยิบ – พูดอย่างหนึ่ ง แต่ทาอีกอย่างหนึ่ ง
ปากหวานก ้นเปรียว ้ – พูดจาอ่อนหวานแต่ไม่จริงใจ
ปิ ดทองหลังพระ – ทาความดีแต่ไม่ได ้ร ับการยกย่อง เพราะไม่มใี ครเห็นคุณค่า
ปิ ดประตูตแี มว – ร ังแกคนไม่มท ี างสู ้ และไม่มท ี างหนี รอดไปได ้
ปี กกล ้าขาแข็ง – พึงตั ่ วเองได ้
(เป็ นคาทีผู ่ ใ้ หญ่มก ั ใช ้กล่าวเชิงตาหนิ ตเิ ตียนผูน้ อ้ ย)
เป็ ดขันประชันไก่ – ผูท้ มี ่ี ความรู ้ความสามารถน้อย
แต่อวดแสดงแข่งกับผูท้ มี ่ี ความรู ้ความสามารถสูง
ไปไหนมาสามวาสองศอก – ถามอย่างหนึ่ งตอบไปอีกอย่างหนึ่ ง
หมวด ผ. ฝ.
ผักชีโรยหน้า – การทาความดีเพียงผิวเผิน
ผา้ ขีริ้ วห่
้ อทอง – คนมั่งมีแต่แต่งตัวซอมซ่อ
ผีซาด้ าพลอย
้ – ถูกซาเติ้ มเมือพลาดพลั
่ ้
งลง ่
หรือเมือคราวเคราะห ์ร ้าย
ฝนตกขีหมู ้ ไหล คนจัญไรมาพบกัน – พลอยเหลวไหลไปด ้วยกัน
ฝนทังให ่ เ้ ป็ นเข็ม – เพียรพยายามสุดความสามารถจนกว่าจะสาเร็จผล
ฝากปลาไว ้กับแมว – ไว ้วางใจคนทีไม่ ่ ควรไว ้วางใจ
ฝากผีฝากไข ้ – ขอยึดเป็ นทีพึ ่ งจนวั
่ นตาย
ฝ่ าคมหอกคมดาบ – เสียงภั ่ ยในสงคราม, เสียงอั ่ นตรายจากอาวุธนานาชนิ ด
หมวด พ. ฟ.

พบไมง้ ามเมือยามขวานบิ ่ – พบหญิงสาวทีต
น ่ ้องใจเมือแก่

พระศุกร ์เข ้าพระเสาร ์แทรก – ความทุกข ์ยากเกิดซ ้อน ๆ
เข ้ามาในขณะเดียวกัน
พระอิฐพระปูน – นิ่ งเฉย, ไม่รู ้สึกยินดียน ิ ร ้าย
พลิกหน้ามือเป็ นหลังมือ –

เปลียนแปงหรื อทาใหผ ้ ดิ ไปจากเดิมอย่างตรงกันข ้าม
พออ ้าปากก็เห็นลินไก่ ้ – รู ้ทันกัน
พูดไปสองไพเบีย้ นิ่ งเสียตาลึงทอง – พูดไปไม่มป ี ระโยชน์ นิ่ งเสียดีกว่า
เพชรตัดเพชร – คนเก่งต่อคนเก่งมาต่อสูก้ น ั
แพ้เป็ นพระ ชนะเป็ นมาร – การยอมแพ้ทาให ้เรืองสงบ ่
ฟังไม่ได ้ศัพท ์ จับไปกระเดียด – ฟังไม่ได ้ความแจ่มชดั แล ้วเอาไปพูดต่อ
ไฟสุมขอน – อารมณ์ร ้อนรุม ่ กรุน
่ ทีคุ ่ อยู่ในใจ
หมวด ม.
มะกอกสามตะกร ้าปาไม่ถก ู –
พูดจาตลบตะแลงพลิกแพลงไปมาจนจับคาพูดไม่ทน ั
มะพร ้าวตืนดก ่ ยาจกตืนมี ่ –
เห่อหรือตืนเต ่ ่ ตนไม่
้นในสิงที ่ เคยมีไม่เคยได ้จนเกินพอดี
มัดมือชก – บังคับหรือใช ้วิธก ี ารใด ๆ
ให ้อีกฝ่ ายหนึ่ งตกอยู่ในอานาจและจัดการเอาตามใจชอบ
มากหมอมากความ – มากคนก็มากเรือง ่
มา้ ดีดกะโหลก – มีกริ ยิ ากระโดกกระเดกลุกลนหรือไม่เรียบร ้อย
มีทองเท่าหนวดกุ ้ง นอนสะดุ ้งจนเรือนไหว – มีสมบัตเิ พียงเล็กน้อย
แต่กงั วลจนนอนไม่หลับ
มือถือสาก ปากถือศีล – มักแสดงตัวว่าเป็ นคนมีศล ี ธรรม แต่กลับประพฤติชว่ ั
มือไม่พาย เอาเท ้าราน้า – ไม่ชว่ ยแล ้วยังขัดขวางการทางานของผูอ้ น ่ื
ไม่ดต ู ามา้ ตาเรือ – ไม่พจิ ารณาให ้รอบคอบ
ไม่มม ี ูลฝอยหมาไม่ขี ้ – ไม่มเี หตุย่อมไม่มผ ี ล
ไม่เห็นน้าตัดกระบอก ไม่เห็นกระรอกโก่งหน้าไม ้ – ด่วนทาไปทัง้ ๆ
่ งไม่ถงึ เวลาอันควร
ทียั
ไมใ้ กล ้ฝั่ง – แก่ใกลต้ าย
ไมห้ ลักปักขีควาย,้ ไมห้ ลักปักเลน – โลเล, ไม่แน่ นอน
ไม้ออ ่ นดัดง่าย ไม้แก่ดด ั ยาก –

อบรมสังสอนเด็ ่
กให ้ประพฤติดไี ด ้ง่ายกว่าอบรมสังสอนผู ใ้ หญ่
หมวด ย.
ยกตนข่มท่าน – พูดทับถมผูอ้ นแสดงให ่ื ้เห็นว่าตัวเหนื อกว่า
ยกภูเขาออกจากอก – โล่งใจ, หมดวิตกกังวล
ยกเมฆ – เดาเอา, นึ กคาดเอาเอง; กุเรืองขึ ่ น้
ยกหางตัวเอง – ยกยอตนเอง
ยิงปื นนัดเดียวได ้นกสองตัว – ทาอย่างเดียวได ้ผล 2 อย่าง
้ ้วยปาก ถากด ้วยตา – เยาะเย ้ยด ้วยกิรยิ าท่าทาง
ยิมด
ยืนกระต่ายขาเดียว – พูดยืนยันอยู่คาเดียว ไม่เปลียนความคิ ่ ดเดิม
ยุให ้ราตาให ้รว่ ั – ยุให ้ผิดใจกัน, ยุให ้แตกกัน
หมวด ร.
ร ักดีหามจัว่ ร ักชัวหามเสา ่ – ใฝ่ ดีจะมีความสุขความเจริญ
ใฝ่ ชัวจะได่ ้ร ับความลาบาก
ร ักพีเสี ่ ยดายน้อง - ลังเลใจ, ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกอย่างไหนดี
ร ักยาวให ้บัน ่ รกั สันให้ ้ต่อ – ร ักจะอยู่ด ้วยกันนาน ๆ
ให ้ตัดความคิดอาฆาตพยาบาทออกไป รกั จะอยู่กน ้ ๆ
ั สัน
ให ้คิดอาฆาตพยาบาทเข ้าไว ้
ราชรถมาเกย – โชค ลาภ หรือยศตาแหน่ งมาถึงโดยไม่รู ้ตัว
ราชสีห ์สองตัวอยู่ถาเดี ้ ยวกันไม่ได ้ – คนทีมี ่ อานาจหรืออิทธิพลพอ ๆ
กันอยู่รวมกันไม่ได ้
ราไม่ดโี ทษปี่ โทษกลอง – ทาไม่ดห ี รือทาผิดแล ้วไม่ร ับผิด กลับโทษผูอ้ น ่ื
รีดเลือดกับปู – เคียวเข็ ่ ญหรือบีบบังคับเอากับผูท้ ไม่ ่ี มจี ะให ้
รู ้งู ๆ ปลา ๆ – รู ้เล็ก ๆ น้อย ๆ, รู ้ไม่จริง
รู ้ไว ้ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม – เรียนรู ้ไว ้ไม่หนักเรียวหนั ่ กแรงหรือเสียหายอะไร
รู ้หลบเป็ นปี ก รู ้หลีกเป็ นหาง – รู ้จักเอาตัวรอดหรือปร ับตัวให ้เข ้ากับเหตุการณ์
เรียนผูกต ้องเรียนแก ้ – รู ้วิธท ี าก็ต ้องรู ้วิธแี ก ้ไข
เรือร่มในหนอง ทองจะไปไหน –
คนในเครือญาติแต่งงานกันทาให ้ทร ัพย ์มรดกไม่ตกไปอยู่กบ ่ื
ั ผูอ้ น
เรือล่มเมือจอด ่ ตาบอดเมือแก่ ่ – มีอป
ุ สรรคเมือใกล ่ ้จะสาเร็จ
หมวด ล.
ล ้มหมอนนอนเสือ ่ – ป่ วยจนต ้องนอนพักรกั ษาตัว

ลางเนื อชอบลางยา – ของสิงเดี่ ยวกัน คนหนึ่ งชอบแต่อก ี คนหนึ่ งกลับไม่ชอบ
ลินกั้ บฟัน – การระทบกระทังกั ่ นบ ้างแต่ไม่รน ุ แรงของคนทีใกล ่ ้ชิดกัน
ลินตวั้ ดถึงใบหู – พูดจาตลบตะแลงเชือไม่ ่ ได ้
ลูกไก่อยู่ในกามือ – ผูท้ ตกอยู ่ี ่ภายใต ้อานาจ ไม่มท ี างหนี หรือทางต่อสู ้
ลูกไม้หล่นไม่ไกลต ้น – ลูกย่อมไม่ตา่ งกับพ่อแม่มากนัก
เล่นกับหมา หมาเลียปาก – ลดตัวลงไปหรือวางตัวไม่เหมาะสมจึงถูกลามปาม
เลียงลู ้ กเสือลูกจระเข ้ –
เลียงลู ้ กศัตรูหรือลูกคนพาลจะได ้ร ับความเดือดร ้อนในภายหลัง
เลือกทีร่ กั มักทีชั ่ ง – ลาเอียง
เลือกนักมักได ้แร่ – เลือกนักมักจะได ้ทีไม่ ่ ดี (มักใช ้พูดตาหนิ ผูเ้ ลือกคู่ครอง)
เลือดข ้นกว่าน้า – ญาติพน้ ่ี องย่อมดีกว่าคนอืน ่
หมวด ว. ศ.
วัดรอยเท ้า – คอยเทียบตัวเองกับผูท้ เหนื ี่ อกว่าเพือชิ ่ งดีชงิ เด่น
วันพระไม่มห ี นเดียว – วันหน้ายังมีโอกาสอีก (มักใช ้พูดเป็ นเชิงอาฆาต)
วัวลืมตีน – คนทีได ่ ้ดีแล ้วลืมฐานะเดิมของตน
วัวสันหลังหวะ – คนทีมี ่ ความผิดติดตัวทาให ้มีความหวาดระแวง

วัวหายล ้อมคอก – เรืองเกิ ้
ดขึนแล ้วจึงคิดแก ้ไข
ว่าแต่เขาอิเหนาเป็ นเอง – ตาหนิ ผูอ้ นเรื ่ื องใดแล
่ ่ ้นเสียเอง
้วตนก็กลับทาในเรืองนั
ศิษย ์คิดล ้างครู – ศิษย ์เนรคุณทีมุ ่ ่งคิดจะทาลายล ้างครูบาอาจารย ์

ศิษย ์นอกครู – ศิษย ์ทีประพฤติ ่
ไม่ตรงตามคาสังสอนของครู บาอาจารย ์

หมวด ส.
สร ้างวิมานในอากาศ – ใฝ่ ฝันถึงความมั่งมี, คิดคาดหรือหวังจะมี
หรือเป็ นอะไรอย่างเลิศลอย
สวยแต่รป ู จูบไม่หอม – มีคป ู ร่างหน้าตาสวย
แต่มค ี วามประพฤติและกิรยิ ามารยาทไม่ดี
สวรรค ์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ – ความสุขทีเกิ ่ ดจากการทาความดี
หรือความทุกข ์ทีเกิ่ ดจากการทาความชัวย่ ่ อมอยู่ในใจของผูท้ าเอง
สอนจระเข ้ให ้ว่ายน้า – สอนสิงที ่ เขารู
่ ่
้ดีหรือทีเขาถนั ดอยู่แล ้ว
สันหลังยาว – คาเรียกคนเกียจคร ้านเอาแต่นอน
สาวไส ้ให ้กากิน –
เอาความลับของฝ่ ายตนไปเปิ ดเผยให ้คนอืนรู ่ ้เป็ นการประจานตนหรือพรรคพว
กของตน
้ ้ไมต้ อก – ยากไร ้, ขัดสนถึงทีสุ
สินไร ่ ด, ไม่มท ี ร ัพย ์สมบัตติ ด
ิ ตัว

สิบเบียใกล ้มือ – ของหรือประโยชน์ทควรได ่ี ้ก็เอาไว ้ก่อน
สีซอใหค้ วายฟัง – แนะนาคนโง่ไม่มป ี ระโยชน์
สุกเอาเผากิน – ทาลวก ๆ, ทาพอเสร็จไปคราวหนึ่ ง ๆ
สุนัขจนตรอก – คนทีฮึ ่ ดสู ้อย่างไม่คด ิ ชีวต ิ
่ าย ๆ แต่คด
เส ้นผมบังภูเขา – เรืองง่ ิ ไม่ออก
เสือซ่อนเล็บ – ผู่ทมี่ี ความเก่งกล ้าสามารถแต่ไม่ยอมแสดงออกมาให ้ปรากฏ
เสือนอนกิน –คนทีได ่ ้ร ับผลประโยชน์หรือผลกาไร โดยไม่ต ้องลงทุนลงแรง
ใส่ตะกร ้าล ้างน้า – ทาให ้หมดราคี, ทาให ้หมดมลทิน
หมวด ห.
หนักไม่เอา เบาไม่สู ้ – ไม่มค ี วามอดทนทีจะท ่ าการงาน
หนามยอกเอาหนามบ่ง – ตอบโต ้ด ้วยวิธก ี ารทานองเดียวกัน
หน้าไหว ้หลังหลอก – ต่อหน้าทาเป็ นดี แต่ลบ ั หลังก็นินทาหรือหาทางทาร ้าย
หนี เสือปจระเข ้ – หนี ภยั อันตรายอย่างหนึ่ งแล ้วต ้องพบภัยอันตรายอีกอย่างหนึ่ ง
หมาหวงราง – คนทีหวงแหนสิ ่ ่ ตนเองกิ
งที ่ ่
นหรือใช ้ไม่ได ้ แต่ไม่ยอมให ้คนอืน
หมาสองราง – คนทีท ่ าตัวเข ้าด ้วยทัง้ 2 ฝ่ ายทีมั ่ กไม่เป็ นมิตรกัน
โดยหวังประโยชน์เพือตน ่
หมาหวงห ้าง – คนทีหวงชองที ่ ่
ตนไม่ มส ี ท ิ ธิ ์
หมาเห่าใบตองแห ้ง – คนทีเก่ ่ งแต่พูด
หมายน้าบ่อหน้า – มุ่งหวังจะได ้สิงที ่ ยั่ งมาไม่ถงึ
หอกข ้างแคร่ – คนใกล ้ชิดทีอาจคิ ่ ดร ้ายขึนมาเมื ้ ่
อไรก็ ได ้
หัวมังกุท ้ายมังกร – ไม่เข ้ากัน, ไม่กลมกลืนกัน
หัวล ้านได ้หวี – ผูท้ ได ่ี ้สิงซึ ่ งไม่
่ เป็ นประโยชน์แก่ตน
หุงข ้าวประชดหมา ปิ ้ งปลาประชดแมว – ทาประชด ซึงร ่ ังแต่จะเสียประโยชน์
เห็นกงจักรเป็ นดอกบัว – เห็นผิดเป็ นชอบ,
่ ไม่
เห็นสิงที ่ ถก ู ต ้องว่าเป็ นสิงที ่ ถู ่ กต ้อง
เห็นขีดี้ กว่าไส ้ – เห็นคนอืนดี ่ กว่าญาติพน้ ่ี อง
เห็นช ้างขี ้ ขีตามช
้ ้าง – ทาเลียนแบบคนใหญ่คนโตหรือคนมั่งมีทง้ั ๆ

ทีตนไม่ มกี าลังทร ัพย ์หรือความสามารถพอ
เหยียบขีไก่ ้ ไม่ฝ่อ – หยิบหย่ง, ทาอะไรไม่จริงจัง, ไม่เอาการเอางาน
เหยียบเรือสองแคม – ทาทีเข ้าด ้วยทัง้ 2 ฝ่ าย
หมวด อ.
อดเปรียวไว้ ้กินหวาน – อดใจไว ้ก่อน เพราะหวังสิงที ่ ดี
่ กว่าข ้างหน้า
อ ้อยเข ้าปากช ้าง – สิงหรื ่ อประโยชน์ทตกอยู ่ี ่ในมือแล ้วไม่ยอมคืน
อาบน้าร ้อนมาก่อน – เกิดก่อนจึงมีประสบการณ์มากกว่า
เอาทองไปรูก ่ ระเบือง, ้ เอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ –
โต ้ตอบหรือทะเลาะกับคนพาล หรือคนทีมี ่ ฐานะต่ากว่าเป็ นการไม่สมควร
เอามะพร ้าวห ้าวไปขายสวน – แสดงความรู ้หรืออวดรู ้กับผูท้ รู่ี ้เรืองดี ่ กว่า
เอามือซุกหีบ – หาเรืองเดื ่ อดร ้อนหรือความลาบากใส่ตวั โดยใช่ท่ี
เอาไม้ซก ่ี อานาจมากกว่า
ี ไปงัดไม้ซงุ – คัดค ้านผูใ้ หญ่ ผูท้ มี
่ี ฐานะสูงกว่า ย่อมไม่สาเร็จ และอาจได ้ร ับผลร ้ายแก่ตวั เองอีกด ้วย
หรือผูท้ มี
เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ – แสร ้งทาเป็ นไม่รู ้ไม่เห็น และนี่ ก็คอ ื สานวน
สุภาษิตไทย ทีบ่ ่ งบอกได ้ถึงวัฒนธรรมทางความคิดของคนไทยได ้เป็ นอย่างดี
หวังว่าเด็กรุน ่ ใหม่ ๆ จะมีความรู ้ความเข ้าใจในสานวน สุภาษิตไทย
่ นนะคะ^^
มากยิงขึ ้
1
ขอขอบคุณข ้อมูลจาก
ipesp.ac.th, kkw.ac.th, หนังสือสุดยอดความรู ้รอบตัว
โดยฝ่ ายวิชาการภาษาไทย บริษท ่ จากัด (มหาชน)
ั ซีเอ็ดยูเคชัน
่ 5/1/2559
เปิ ดค ้นหาเมือ
เว็บไซน์ http://hilight.kapook.com/view/68531
่ นที่ 9 มีนาคม 2555 เวลา 15.41.06 น.
พิมพ ์เมือวั
2
เปิ ดค ้นหาเมือ่ 5/1/2559
เว็บไซน์ https://www.wordyguru.com/browse/thai-idiom
3
เปิ ดค ้นหาเมือ ่ 5/1/2559
เว็บไซน์ http://www.ipesp.ac.th/learning/thai/chapter5-3.html
ผูพ้ ม
ิ พ ์นางสุปรีดี สุวรรณบูรณ์
4
เปิ ดค ้นหาเมือ ่ 5/1/2559
เว็บไซน์ http://www.rakjung.com/thai-no167.html
5
่ 5/1/2559
เปิ ดค ้นหาเมือ
เว็บไซน์
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8
%99%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B
8%A2
่ นที่ 24 ธันวาคม 2557 เวลา 13:34 น.
พิมพ ์เมือวั
2

สานวนไทย
wordy by kint studio

สานวน สุภาษิตไทย รวมถึงคาพังเพยนั้น


นิ ยมใช ้กันมาอย่างยาวนานและแพร่หลาย
นับเป็ นอีกหนึ่ งในวัฒนธรรมทีน่่ าภาคภูมใิ จของไทยเรา สานวนไทย
สุภาษิตไทยและคาพังเพยนั้น
เกิดจากพฤติกรรมการใช ้ชีวต ่ าให ้เกิดเหตุการณ์ตา่ ง ๆ
ิ ประจาวันของผูค้ นทีท
ขึน้ ทังทางดี
้ และทางร ้าย
จนมีการนาสิงที ่ เกิ
่ ดขึนมาเรี
้ ่
ยบเรียงถ ้อยคาใหม่ในเชิงสังสอนหรื อเปรียบเทียบ
จนเกิดเป็ นสานวนไทย สุภาษิต คาพังเพย และ สุภาษิตสานวนไทยในทีสุ ่ ด
สานวน สุภาษิต คาพังเพยนั้น ดูเผินๆจะคล ้ายกันมากจนแยกกันแทบไม่ออก

ซึงในความเป็ นจริงแล ้วทัง้ 3 คามีความแตกต่างกันอยู่
โดยทีส ่ านวนไทยจะเป็ นการพูดเชิงเปรียบเทียบและมักจะไม่แปลความหมายตร
ง ๆ เช่น กินน้าใต ้ศอก ส่วนสุภาษิตจะเป็ นเชิงสังสอนหรื
่ อใหข ้ ้อคิด เช่น
หัวล ้านได ้หวี วานรได ้แก ้ว และสุดท ้ายคาพังเพย
จะเป็ นลักษณะของการเปรียบเทียบของสองสิง่ เช่น กว่าถัวจะสุ ่ กงาก็ไหม ้
เป็ นต ้น
สานวนไทย คือถ ้อยคาหรือข ้อความทีกล่ ่ าวสืบต่อกันมาช ้านานแล ้ว
มีความหมายไม่ตรงตามตัวหรือมีความหมายอืนแฝงอยู ่ ่หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่
งได ้ว่า สานวน คือถ ้อยคา กลุ่มคา
่ ยบเรียงขึนในเชิ
หรือความทีเรี ้ งอุปมาอุปมัยโดยมีนัยแฝงเร ้นซ่อนอยู ้อย่างลึกซึง้
แยบคาย เพือให่ ้
้ผูร้ ับได ้ไปตีความ ทาความเข ้าใจด ้วยตนเองอีกชันหนึ ่ง

ซึงอาจแตกต่ างไปความหมายเดิมหรืออาจคล ้ายคลึงกับความหมายเดิมก็ได ้
สันนิ ษฐานว่าสานวนนั้นมีอยู่ในภาษาพูดก่อนทีจะมี ่ ภาษาเขียนเกิดขึนในสมั
้ ยสุ
โขทัย โดยเมือพิ่ จารณาจากข ้อความในศิลาจารึกพ่อขุนรามคาแหงแล ้ว
ก็พบว่ามีสานวนไทยปรากฏเป็ นหลักฐานอยู่ เช่น ไพร่ฟ้าหน้าใส หมายถึง
ประชาชนอยู่เย็นเป็ นสุข
การแบ่งประเภท
การแบ่งตามมูลเหตุ
หมวดทีเกิ ่ ดจากธรรมชาติ เช่น ตืนแต่ ่ ไก่โห่ ปลากระดีได ่ ้น้า แมวไม่อยู่หนู รา่ เริง
ไก่แก่แม่ปลาช่อน
หมวดทีเกิ ่ ดจากการกระทา เช่น ไกลปื นเทียงสาวไส ่ ้ให ้กากิน ชักใบใหเ้ รือเสีย
ปิ ดทองหลังพระ สีเท ่ ้ายังรู ้พลาด นักปราชญ ์ยังรู ้พลัง้
หมวดทีเกิ ่ ดจากสภาพแวดแวดลอ้ ม เช่น ตีววั กระทบคราด ใกล ้เกลือกินด่าง
ฆ่าควายอย่าเสียดายพริก
หมวดทีเกิ ่ ดจากอุบต ั เิ หตุ เช่น ตกน้าไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้
น้าเชียวอย่
่ าขวางเรือ
หมวดทีเกิ ่ ดจากระเบียบแบบแผนประเพณี ความเชือ่ เช่น กงเกวียนกาเกวียน
คูแ่ ล ้วไม่แคล ้วกัน ปลูกเรือนตามใจผูอ้ ยู่
หมวดทีเกิ ่ ดจากความประพฤติ เช่น หงิมหงิมหยิบชินปลามั ้ น
ตักน้าใส่กะโหลกชะโงกดูเงา คบคนดูหน้าซือผ ้ า้ ดูเนื อ ้ ขีเกี
้ ยจสันหลังยาว
มีเสียงสัมผัส
คาสัมผัส เช่น คอขาดบาดตาย มั่งมีศรีสุข ทามาค ้าขาย
6–7 คาสัมผัส เช่น ปากเป็ นเอก เลขเป็ นโท คดในข ้องอในกระดูก
แพ้เป็ นพระชนะเป็ นมาร ขิงก็ราข่าก็แรง
8–9 คาสัมผัส เช่น ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง รกั วัวใหผ ้ ูก รกั ลูกให ้ตี
ตักน้าใส่กะโหลก ชะโงกดูเงา
ไม่มเี สียงสัมผัส
2 คาเรียงกัน เช่น กัดฟัน ของร ้อน ก่อหวอด1.หมวดทีเกิ ่ ดจากธรรมชาติ เช่น

ตืนแต่ ไก่โห่ ปลากระดีได ่ ้น้า แมวไม่อยู่หนู รา่ เริง ไก่แก่แม่ปลาช่อน
3 คาเรียงกัน เช่น ไกลปื นเทียง ่ ก ้างขวางคอ ดาบสองคม พริกกับเกลือ
4 คาเรียงกัน เช่น ใกล ้เกลือกินด่าง ผักชีโรยหน้า เข ้าด ้ายเข ้าเข็ม
5 คาเรียงกัน เช่น ชักแม่น้าทังห ้ ้า ลางเนื อชอบลางยา
้ ขว ้างงู ไม่พน้ คอ
6–7 คาเรียงกัน เช่น ยกภูเขาออกจากอก วันพระไม่มห ี นเดียว
ตาน้าพริกละลายแม่น้า
3
สำนวนไทย
สานวนหมายถึง
่ ยบเรียงเป็ นข ้อความ หรือคาพูดทีเป็
ถ ้อยคาทีเรี ่ นชันเชิ
้ ง ไม่ตรงตามรูปแบบภ
าษา เป็ นถ ้อยคาหรือ คาพูดทีมี ่ ลก
ั ษณะเฉพาะตัว มีความหมายเป็ นนัยแฝงอยู่
กินความกว ้าง
หรือลึกซึง้ นามาใช ้ให ้มีความหมายแตกต่างไปจากความหมายเดิมของคา ๆ
นั้น หรืออาจจะมีความหมายคล ้าย
กับความหมายเดิมของคาทีน ่ ามาประสมกัน
แต่ก็ไม่เหมือนกับความหมายเดิมทีเดียว เป็ นความหมายใน
่ ยาวมากแต่กน
เชิงอุปมาเปรียบเทียบ มักใช ้ถ ้อยคาทีไม่ ่
ิ ความมาก ใช ้คาทีไพเ
ราะ คมคาย สละสลวย ต ้องอาศัยการตีความจึงจะเข ้าใจ


ทีมำของส ำนวนไทย
สำนวน ่
ทีมำ ควำมหมำย
กาฝาก ่ี
ต ้นไมท้ เกาะเบี
ยดเบียนอาศัยอาหาร แฝงกินอยู่กบ ่ื
ั ผูอ้ นโดยไม่ ได ้ทาปร
้ ว
จากต ้นใหญ่ เลียงตั ะโยชน ์์อะไรให ้
ก่อหวอด การวางไข่ของปลา ปลาจะพ่นน้าเป็ ่ บกลุ่มเพือนท
เริมจั ่ าการ
นฟองเรียกว่า หวอด เพือให ่ ้ไข่ปล อย่างใดอย่าง หนึ่ ง
าอาศัยจน เป็ นลูกปลา
เข ้าไต ้เข ้าไ เวลาใกล ้ค่าต ้องจุดไต ้ ให ้แสงสว่าง เวลาพลบค่า


คลืนกระทบ ่ งเข
ทะเลมีคลืนวิ ่ ้าหาฝั่งตลอดเวลา ่
เรืองราวที ่ กโครมขึนแล
ครึ ้ ้วกลับเงี
ฝั่ง ยบ หายไป
คืบก็ทะเล แสดงถึงความน่ ากลัวของทะเล สอนใหอ้ ย่าประมาทเพราะทะเล
ศอกก็ทะเล มีอน ่
ั ตราย ทุกเมือ
ต ้นไม้ตายเ ่
ธรรมชาติของต ้นไมบ้ างชนิ ดเมือออ พ่อแม่ยอมเสียสละแมช
้ วี ต

พราะลูก กผลแล ้วจะตาย ่ ก
เพือลู
ติดร่างแห เวลาจับปลาด ้วยแห พลอยร ับเคราะห ์ไปด ้วย
ปลาน้อยใหญ่ก็จะติดแหมาด ้วย

ตืนแต่
ไก่โห่ ธรรมชาติของไก่ย่อมขัน ่
ตืนแต่ เช ้ามืด
ในเวลาเช ้ามืดเสมอ
ฟ้ าสูงแผ่นดิ ่ี ่า
ฟ้ าอยู่สูงแผ่นดินอยู่ทต ้ั สู
คนทีทงที ่ งและทีต
่ ่า
นต่า
สนตะพาย ่ กวัวควาย เพือชั
การสนตะพาทีจมู ่ ก ยอมใหช
้ กั จูง
จูงไปได ้สะดวก
2.

ทีมำจำกว ิ เช่น ปั จจัยสี่ อำหำร เครืองนุ
ัฒนธรรมกำรดำรงชีวต ่ ่ ่อ
่ งห่ม ทีอยู
ำศ ัย พำหนะ เป็ นต้น ด ังตวั อย่ำง

สำนวน ่
ทีมำ ควำมหมำย
ก ้นหม้อไม่ทน
ั การหุงข ้าวกว่าก ้นหมอ้ จะติดเขม่าดา เลิกกันง่าย
ดา กินเวลานาน
ชุบมือเปิ บ การกินข ้าวด ้วยมือ ก่อนจะกิน ่ ชว่ ยทาพอถึงเวลา
คนทีไม่
อาหารจะเอา มือลงชุบน้า มาร ับประทาน ่
คนทีฉวยป
่ ้างมือให ้สะอาด และไม่ให ้ข ้าว
เพือล ระโยชน์จากคนอืน่
ติดมือ โดยไม่ลงทุน ลงแรง
นุ่ งเจียมห่มเจีย การแต่งกาย แต่งตัวพอสมกับฐานะ

จุดไต ้ตาตอ เวลาพลบค่าจะจุดไต ้เป็ นเครืองตามไ
่ ่
พูดหรือทาสิงใดกั บเจ ้าของเรื่
ฟ อง โดยผูน้ ้ัน ไม่รู ้ตัว
่ื
บ ้านเมืองมีขอมี ่ื าหร ับยึดหัวเสาเรือน
เรือนต ้องมีขอส บ ้านเมืองมีกฎหมายคุ ้มครอง
แป ตามขวาง ส่วนแปเป็ นไม้ยด ึ หัวเสาต
ามยาว

ติเรือทังโกลน การทาเรือสมัยโบราณ จะเหลาซุงทั้ ่ิ ยั
ตาหนิ สงที ่ งทาไม่เสร็จ
งต ้นให ้
เป็ นรูปร่างก่อน เรียกว่า โกลน

3. ทีมำจำกว ัฒนธรรมทำงสังคม เช่น กำรทำมำหำกิน กำรกระทำ ประเพ
ณี กำรละเล่น กำรศึกษำ กำรเมืองกำรปกครอง เป็ นต้น ด ังตวั อย่ำง
สำนวน ่
ทีมำ ควำมหมำย

ไกลปื นเทียง ในร ัชกาลที่ 5 ่ ่ไกลออกไป คนบ ้านนอก
คนทีอยู
่ งปื นใหญ่เวลา
เริมยิ
12.00
นาฬก ิ าในพระนคร
ให ้ได ้รู ้กันว่าเป็ นเวลาเที่
ยง
ทานาบนหลั อาชีพการทานา ่ื
การแสวงหาผลประโยชน์ ใส่ตนโดยขูดรีดผูอ้ น
งคน
่ ด
ฝังรก ฝังรา การทาขวัญทารกทีเกิ ้ นฐานประจ
ตังถิ ่ า
ก ได ้สามวัน เอารกกับ
มะพร ้าว
คนตายขาย การจัดงานศพ การจัดงานศพใหญ่โตทัง้ ๆ
คนเป็ น ่ กหลานยากจน ต ้องไปกู ้เงินมาทาศพ หลัง
ทีลู
งานศพ ต ้องใช ้หนี ้ ได ้ร ับ
ความลาบาก
ไม่ดต
ู ามา้ ต การเล่นหมากรุก ไม่พจิ ารณาให ้รอบคอบ
าเรือ
ความรู ้ท่วม การศึกษา มีความรู ้มากแต่ไม่รู ้จักใช ้ให ้เป็ นประโยชน์
หัว เอาตัวไ
ม่รอด
เจ ้าถ ้อยหม โวหารของนักกฎหมาย ่ี ้โวหารพลิกแพลงเช่นเดียวกับผูท้ เป็
ผูท้ ใช ่ี น
อความ หรือหมอความ(ทนาย หมอความ(ทนายความ)
ความ)
นอนหลับทั การเมืองการปกครอง ไม่ไปใช ้สิทธิที์ ตนเองมี
่ ่ งคราวทีจะใช
อยู่เมือถึ ่ ้
บสิทธิ ์
สู ้จนเย็บตา การชนไก่ ไก่ถก ู แทงจ ่ ด สู ้อย่างไม่ย่อท ้อ สู่ไม่มถ
สู ้จนถึงทีสุ ี อย
นหน้าตาฉี กก็เย็บ
แล ้วให ้สู ้อีก

4. ทีมำจำกว ่ ด ังตวั อย่ำง
ัฒนธรรมทำงจิตใจ เช่นทำงศำสนำและควำมเชือ
สำนวน ่
ทีมำ ควำมหมำย
กรวดน้าคว่าขั เวลาไปทาบุญแล ้วกรวดน้า ่
ตัดขาดไม่ขอเกียวข ้องด ้วย
น อุทศ
ิ ส่วนกุศล
้ าพลอย
ผีซาด ้ การนับถือผีบรรพบุรุษ ้ มเมือพลาดพลั
ถูกซาเติ ่ ้
งลงหรื


เมือคราวเคราะห ์ร ้าย
ปิ ดทองหลังพร ทาเนี ยมการปิ ดทองคาเปล ทาความดีแต่ไม่ได ้ร ับการ
ะ ว ยกย่องเพราะไม่มใี ครเห็นคุณค่า

ทีพระพุ ทธรูป
ขนทรายเข ้าวั การทาบุญก่อพระเจดีย ์ทร การหาประโยชน์ให ้ส่วนรวม
ด าย
ทีวั่ ด
บุญทากรรมแ การทาบุญ สร ้างกรรม บุญหรือบาปทีท่ าไว ้ในชาติกอ่ นเป็ นเหตุ
ต่ง ให ้รูปร่าง
หน้าตาหรือวิถช ิ ของคนเราในชาตินี ้
ี วี ต
สวยงาม ดี ชัว่

5.ทีมำจำกว ัฒนธรรมทำงศิลปะ เช่น กำรแสดง ดนตรี เป็ นต้น ด ังต ัวอย่ำง
สำนวน ่
ทีมำ ควำมหมำย
ประสมโรง ้
การตังคณะละครโดยเอาตั วละครจ พลอยเข ้าร่วมเป็ นพวกด ้วย
่ าง ๆ มารวมกันเป็ นโรง
ากทีต่
ชักใย การเล่นหุ่นและหนังตะลุง ้
บงการอยู่เบืองหลั

นอกจอ การเล่นหนังใหญ่ ดีแต่เก่งอยู่ข ้างนอก
คลุกคลีตโี มง การเล่นดนตรีป่ี พาทย ์ คลุกคลีพวั พันอย่างใกล ้ชิดตลอ
ดเวลา
โจ๋งครึม่ สาเนี ยงการตีตะโพน ่
การกระทาสิงใดอย่ างเปิ ดเผย

6.ทีมาจากวั
ฒนธรรมทางภาษา วรรณคดี ตานาน นิ ทาน ประวัตศ
ิ าสตร ์ เป็ นต ้น ดัง
ตัวอย่าง
สำนวน ่
ทีมำ ควำมหมำย
งอมพระราม ่ รามเกียรติ ์
เรือง มีความทุกข ์ลาบากเ
พระรามต ้องผจญกับความทุกข ์ยาก ต็มที่
ลาบากต่าง ๆ นานา มากมาย
ชักแม่น้าทังห
้ ้า ่
เรืองมหาเวสสันดรชาดก พูดจาหว่านล ้อมยกย
ชูชกกล่าวขอสองกุมาร ต่อพระเวสสันดร อบุญคุณ

เพือขอสิ ่ ประสงค
งที ่ ์
้ ้อยกระทงค
เนื อถ การใช ้ภาษา ้
เนื อความที ่
แยกแยะอ
วาม อก เป็ นข ้อ
ๆ อย่างชดั เจนแจ่มแ
จ ้ง
่ าแมวดินตา
ทีเท่ ้ ่
นิ ทานเรืองศรี ่
ธนญชัย ทีขอพระราชทานที เ่ มีทดิ
่ี นทีเนื
่ อที
้ น้
่ อยเพี
ย ้
ท่า แมวดินตาย โดยเอาแมวมาผูกและ ้
ยง ตัวแมว ดินตาย
ใช ้ไมต้ แี มวให ้วิง่
ไปมาจนแมวตาย ทาให ้ได ้ทีดิ ่ นจานวนมาก

ปล่อยม้าอุปการ เรืองรามเกี ยรติ ์ พระรามทาพิธป ี ล่อยมา้ อุปก การกระทาทีใช ่ ้คนอ
าร แล ้วให ้ อกไปเทียว ่
หนุ มานตามไป ผูใ้ ดบังอาจจับมา้ ขี่ พาลหาเรืองหรื ่ อทาใ
ก็จะถูกปราบ ่ ขึนเพื
ห ้เกิดเรือง ้ อ่
ประโยชน์ตนเอง
ว่าแต่เขาอิเหนาเ ่ เหนา ท ้าว กะหมังกุหนิ ง
วรรณคดีเรืองอิ ่ื องใดแล
ตาหนิ ผูอ้ นเรื ่ ้
ป็ นเอง ยกทัพมาประชิดเมืองดาหาเพือชิ ่ งนางบุษบา วตนก็กลับทา
อิเหนาก็มาช่วยปราบศึกและเมือได ่ ้พบ ่ ้นเสียเอง
ในเรืองนั
นางบุษบา ก็ลุ่มหลงออกอุบายแต่งทัพปลอม
เป็ นทัพกะหมังกุหนิ งเข ้าเผาเมือง แล ้วปลอม
เป็ นจรกาพา นางบุษบา ไปซ่อนไว ้ในถา้

4
สุภำษิต หมายถึง คากล่าวทีมี ่ คติควรฟัง มีจด ่ ่
ุ มุ่งหมายเพือการสั
งสอน
เตือนสติให ้ได ้คิด แบ่งออกเป็ นสองประเภท คือ
่ าน หรือ ฟังแล ้วสามารถเข ้าใจเนื อความได
1. เมืออ่ ้ ้ทันที
โดยไม่ต ้องแปลความหมาย ตีความหมายเช่น
ไก่งามเพราะขนคนงามเพราะแต่ง
่ าน หรือ ฟังแล ้ว ไม่สามารถเข ้าใจเนื อความนั
2. เมืออ่ ้ ้นในทันที
ต ้องนึ กตรึกตรอง ต ้องแปลความ
ตีความหมายเสียก่อนจึงจะทราบเนื อแท ้ ้ของคาเหล่านั้น เช่น
ผีบ ้านไม่ดผ ี ปี ่ าก็พลอย
สำนวน หมายถึง โวหาร ทานองพูด ถ ้อยคาทีเรี ่ ยบเรียง
ถ ้อยคาทีไม่ ่ ถูกไวยากรณ์แต่ร ับใช ้เป็ นภาษาทีถู ่ กต ้อง
การแสดงถ ้อยคาออกมาเป็ นข ้อความพิเศษเฉพาะภาษาหนึ่ ง ๆ
สำนวนไทย จะมีความหมายโดยนัย
เป็ นลักษณะความหมายเชิงอุปมาเปรียบเทียบ
จะไม่แปลความหมายตรงตามตัวอักษร จึงฟังแล ้วมักจะ
ไม่ได ้ความหมายของตัวมันเอง ต ้องนาไปประกอบกับบุคคล กับเรือง ่
หรือเหตุการณ์จงึ จะได ้ความหมายเป็ น คติ
เตือนใจเช่นเดียวกับคาทีเป็ ่ นสุภาษิต
คำพังเพย หมายถึง ถ ้อยคาทีเรี ่ ยบเรียงขึนมา ้ แฝงคติเตือนใจหรือ
ข ้อคิดสะกิดใจใหน้ าไปปฏิบต ั ไิ ด ้ เป็ นความหมายกลาง ๆ คือ
ไม่เน้นการสังสอน ่ และ

เนื อหาของใจความนั ้นก็ไม่จาเป็ นว่าจะต ้องเป็ นความดี หรือ ความจริงแท ้
แน่ นอน
ควำมแตกต่ำงของ สุภำษิต สำนวน และคำพังเพย
สุภาษิต จะไม่มก ี ารเสียดสีหรือติชมอย่างคาพังเพย
เป็ นถ ้อยคาทีแสดงหลั่ กความจริง เป็ นทียอมร ่ ับกันโดยทัว่ ๆ ไป
ภาษิตนี ยั้ งมีความหมายรวมไปถึง สัจธรรม

คาสังสอนที ่ นความจริงอันเทียงแท
เป็ ่ ้ทางศาสนาด ้วย เช่น
ตนเป็ นทีพึ ่ งแห่
่ งตน เป็ นต ้น
5

สานวนไทย
จากวิกพ
ิ เี ดีย สารานุ กรมเสรี
สำนวนไทย คือถ ้อยคาหรือข ้อความทีกล่ ่ าวสืบต่อกันมาช ้านานแล ้ว
มีความหมายไม่ตรงตามตัวหรือมีความหมายอืนแฝงอยู ่ ่[1]หรืออาจกล่าวอีกนัย
หนึ่ งได ้ว่า สำนวน คือถ ้อยคา กลุ่มคา
หรือความทีเรี ่ ยบเรียงขึนในเชิ
้ งอุปมาอุปมัยโดยมีนัยแฝงเร ้นซ่อนอยู ้อย่างลึกซึง้
แยบคาย เพือให ่ ้
้ผูร้ ับได ้ไปตีความ ทาความเข ้าใจด ้วยตนเองอีกชันหนึ ่ง

ซึงอาจแตกต่ างไปความหมายเดิมหรืออาจคล ้ายคลึงกับความหมายเดิมก็ได ้
สันนิ ษฐานว่า สานวนนั้นมีอยู่ในภาษาพูดก่อนทีจะมี ่ ภาษาเขียนเกิดขึนในสมั
้ ย
สุโขทัย โดยเมือพิ ่ จารณาจากข ้อความในศิลาจารึกพ่อขุนรามคาแหงแล ้ว
ก็พบว่ามีสานวนไทยปรากฏเป็ นหลักฐานอยู่ เช่น ไพร่ฟ้าหน้าใส หมายถึง
ประชาชนอยู่เย็นเป็ นสุข

การแบ่งประเภท[แก ้]

1. กำรแบ่งตำมมู ลเหตุ
่ ดจากธรรมชาติ เช่น ตืนแต่
1. หมวดทีเกิ ่ ่ ้น้า
ไก่โห่ ปลากระดีได
แมวไม่อยู่หนู รา่ เริง ไก่แก่แม่ปลาช่อน
2. หมวดทีเกิ่ ดจากการกระทา เช่น ไกลปื นเทียงสาวไส ่ ้ให ้กากิน
ชักใบใหเ้ รือเสีย ปิ ดทองหลังพระ สีเท ่ ้ายังรู ้พลาด
นักปราชญ ์ยังรู ้พลัง้
3. หมวดทีเกิ ่ ดจากสภาพแวดแวดลอ้ ม เช่น ตีววั กระทบคราด
ใกล ้เกลือกินด่าง ฆ่าควายอย่าเสียดายพริก
4. หมวดทีเกิ ่ ดจากอุบต ั เิ หตุ เช่น ตกน้าไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม ้
น้าเชียวอย่
่ าขวางเรือ
5. หมวดทีเกิ ่ ดจากระเบียบแบบแผนประเพณี ความเชือ่ เช่น
กงเกวียนกาเกวียน คู่แล ้วไม่แคล ้วกัน ปลูกเรือนตามใจผูอ้ ยู่
6. หมวดทีเกิ ่ ดจากความประพฤติ เช่น หงิมหงิมหยิบชินปลามั ้ น
ตักน้าใส่กะโหลกชะโงกดูเงา คบคนดูหน้าซือผ ้ า้ ดูเนื อ้
้ ยจสันหลังยาว
ขีเกี
2. มีเสียงสัมผัส
1. คาสัมผัส เช่น คอขาดบาดตาย มั่งมีศรีสุข ทามาค ้าขาย
2. 6–7 คาสัมผัส เช่น ปากเป็ นเอก เลขเป็ นโท คดในข ้องอในกระดูก
แพ้เป็ นพระชนะเป็ นมาร ขิงก็ราข่าก็แรง
3. 8–9 คาสัมผัส เช่น ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง รกั วัวใหผ ้ ูก
ร ักลูกให ้ตี ตักน้าใส่กะโหลก ชะโงกดูเงา
3. ไม่มเี สียงสัมผัส
1. 2 คาเรียงกัน เช่น กัดฟัน ของร ้อน
ก่อหวอด1.หมวดทีเกิ ่ ดจากธรรมชาติ เช่น ตืนแต่ ่ ไก่โห่
ปลากระดีได ่ ้น้า แมวไม่อยู่หนู รา่ เริง ไก่แก่แม่ปลาช่อน
2.หมวดทีเกิ ่ ดจากการกระทา เช่น ไกลปื นเทียงสาวไส ่ ้ให ้กากิน
ชักใบใหเ้ รือเสีย ปิ ดทองหลังพระ สีเท ่ ้ายังรู ้พลาด นักปราชญ ์ยังรู ้พลัง้
3.หมวดทีเกิ ่ ดจากสภาพแวดแวดล ้อม เช่น ตีววั กระทบคราด ใกล ้เกลือกินด่าง
ฆ่าควายอย่าเสียดายพริก 4.หมวดทีเกิ ่ ดจากอุบต ั เิ หตุ เช่น ตกน้าไม่ไหล
ตกไฟไม่ไหม ้ น้าเชียวอย่ ่ าขวางเรือ
5.หมวดทีเกิ ่ ดจากระเบียบแบบแผนประเพณี ความเชือ่ เช่น กงเกวียนกาเกวียน
คูแ่ ล ้วไม่แคล ้วกัน ปลูกเรือนตามใจผูอ้ ยู่ 6.หมวดทีเกิ ่ ดจากความประพฤติ เช่น
หงิมหงิมหยิบชินปลามั ้ ้ กะโหลกชะโงกดูเงา คบคนดูหน้าซือผ
น ตักนาใส่ ้ า้ ดูเนื อ้
้ ยจสันหลังยาว
ขีเกี
่ ก ้างขวางคอ ดาบสองคม
1. 3 คาเรียงกัน เช่น ไกลปื นเทียง
พริกกับเกลือ
2. 4 คาเรียงกัน เช่น ใกล ้เกลือกินด่าง ผักชีโรยหน้า เข ้าด ้ายเข ้าเข็ม
3. 5 คาเรียงกัน เช่น ชักแม่น้าทังห
้ ้า ลางเนื อชอบลางยา

ขว ้างงู ไม่พน้ คอ
4. 6–7 คาเรียงกัน เช่น ยกภูเขาออกจากอก วันพระไม่มห
ี นเดียว
ตาน้าพริกละลายแม่น้า

คุณค่า[แก ้]
ภาษาพูดหรือภาษาเขียนของชนแต่ละชาติย่อมจะมีอยู่ด ้วยกันสองอย่าง
คือ พูดตรงไปตรงมาตามภาษาของตนเอง
เป็ นภาษาพูดทีต่ ่ างคนต่างฟังเข ้าใจกันได ้ง่าย พูดเป็ นชันเชิ
้ ง
มีการใช ้โวหารและคาคล ้องจองในการพูดและการเขียน ทังนี ้ ้

เพือให ้ความหมายชัดเจนหรือขยายความออกไปใหก้ ระจ่างขึน้

หรือเพือให ่
้เกิดความไพเราะน่ าฟัง เป็ นภาษาทีเราเรี ้
ยกว่า "โวหาร" "เล่นลิน"
หรือ" พูดสาบัดสานวน"
สานวนเหล่านั้นจะแสดงความหมายอยู่ในตัวประโยคนั้นเอง

You might also like