You are on page 1of 31

สำนวนไทย

หัวล้ านได้ หวี


ได้ ส่ งิ ของที่ไม่ มีประโยชน์ กับตนเอง
สีซอให้ ควายฟั ง
สอนคนโง่ ไม่ ร้ ูเรื่อง แนะนำคนโง่ ไม่ มีประโยชน์
หมาหวงก้ าง
คนที่หวงสิ่งของที่ตนเองใช้ ประโยชน์ ไม่ ได้
อย่ าหวังจะได้ ทเี ดียวพร้ อมๆ กันสองอย่ าง เพราะในที่สุดก็จะพลาดไม่ ได้ สักอย่ าง
ทำอะไรต้ องเสี ยทรัพย์ แล้ว ไม่ ได้ ทรัพย์ คุ้มกับทีต่ ้ องเสี ยไป
ดินพอกหางหมู
การงานที่เกิดขึน้ ทีละเล็กทีละน้ อยพอกพูนขึน้ เรื่ อย ๆ จนทำให้ ต้องลำบากหรื อยุ่ง
ยากเดือดร้ อน
รั กดีหามจั่ว รั กชั่วหามเสา
ทำตัวดี ประพฤติดี มีวชิ าความรู้กย็ ่ อมจะได้ งานเบางานสูง ทำตัวไม่ ดี ประพฤติไม่ ดี ไม่ มีวชิ า
ความรู้ กย็ ่ อมจะต้ องทำงานหนัก งานต่ำ จั่วเป็ นของเบาต่ างกับเสาที่เป็ นของหนัก
รั กวัวให้ ผูก รั กลูกให้ ตี
ถ้ ารักวัวก็ให้ ผูกล่ ามขังไว้ มิฉะนัน้ วัวจะถูกลักพาหรือหนีหายไป
ส่ วนรักลูกให้ เฆี่ยน ก็หมายถึงให้ อบรมสั่งสอนลูกและทำโทษลูกเมื่อผิด.
สำนวน
หมายถึง โวหาร ทำนองพูด ถ้ อยคำที่เรี ยบเรี ยง จะมีความ
หมายโดยนัยเป็ นลักษณะความหมายเชิงอุปมาเปรี ยบเทียบ จะไม่ แปล
ความหมายตรงตามตัวอักษร เมื่อฟั งแล้ วมักจะไม่ ได้ ความหมายในตนเอง
ต้ องนำไปประกอบกับบุคคลหรื อเหตุการณ์ จึงจะได้ ความหมายเป็ นคติ
เตือนใจเช่ นเดียวกับสุภาษิต
ลักษณะเด่ น คือ
เป็ นถ้ อยคำที่มีคารมคมคาย กินใจผู้ฟังใช้ คำกะทัดรั ด
ไพเราะรื่นหู มีความหมายลึกซึง้
สุภาษิต
หมายถึง
คำกล่ าวที่มีคติควรฟั ง มีจุดมุ่งหมายเพื่อการสั่ง
สอน เตือนสติให้ ได้ คดิ ให้ ได้ ความจริงเกี่ยวกับความ
คิดและแนวปฏิบัติ ซึ่งสามารถพิสูจน์ และเชื่อถือได้
เช่ น รักยาวให้ บ่ นั รักสัน้ ให้ ต่อ
นํา้ เชี่ยวอย่ าขวางเรือ
คำพังเพย
หมายถึง
ถ้ อยคำที่เรี ยบเรียงขึน้ มา แฝงคติเตือนใจหรื อข้ อคิด
สะกิดใจให้ นำไปปฏิบัตไิ ด้ มักเป็ นความหมายกลางๆ ไม่
เน้ นการสั่งสอนหรือเนือ้ หาของใจความ โดยมากจะมีความ
หมายซ่ อนอยู่ ดังนัน้ การใช้ คำพังเพยจะต้ องตีความหมาย
ให้ เข้ ากับสถานการณ์
เช่ น กระต่ ายตื่นตูม
คำคม
หมายถึง
ถ้ อยคำที่คดิ ขึน้ มาในปั จจุบัน เป็ นถ้ อยคำที่หลักแหลม
ซึ่งสามารถเข้ ากับเหตุการณ์ นัน้ ได้ อย่ างเหมาะเจาะทัง้ ยัง
ชวนให้ คดิ ถ้ าพูดติดปากกันต่ อไปก็อาจกลายเป็ นสำนวนได้
เช่ น “ความรักทำให้ คนตาบอด”
“อดีตคือสิ่งที่ผ่าน
อนาคตคือสิ่งที่ฝัน
ปั จจุบันเท่ านัน้ คือความจริง”
๑. "ฟังหูไว้ หู" หมายความว่ าอย่ างไร
๑๑. .อย่อย่าาด่ด่ววนสรุ
นสรุปปทัทันนทีทีททไี่ ไี่ ด้ด้ฟฟังัง
๒. อย่ าฟังความข้ างเดียว
๓. อย่ าเสี ยโอกาสในการฟัง
๔. อย่ าฟังโดยไม่ จดลง

วิชาภาษาไทย เรื่องสำนวนไทย ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปี ที่ ๑


๒. ผู้ทมี่ สี ิ่ งทีต่ นไม่ รู้ คุณค่ า อุปมาว่ าอย่ างไร
๑. กิง้ ก่ าได้ ทอง
๒.. วานรได้ แก้ก้ว
๓. หัวล้ านได้ หวี
๔. ตาบอดได้ แว่ น

ทำแบบทดสอบต่ อข้ อ ๑ – ๑๕

วิชาภาษาไทย เรื่องสวำนวนไทย ระดับชัน้ มัธยมศึกษาปี ที่ ๑


จงเติมสำนวนให้ ครบสมบูรณ์ และสอดคล้ องกับข้ อความที่กำหนด

สาม ดีสี่วนั ไข้


วัน..........
ฝน ฟ้า ปลาสัง่ หนอง
...........
สัง่ ..........
ให้เ......
รือเสีย
ชัก ...........
ใบ..........
........
รัก ให้ ผูก รักลูกให้ตี
...........
วัว..........
........ขายคนเป็ น
...........
คน
ขนทรายเข้ าวัด ทำบุญทำกุศลโดยวิธีนำ หรือหาประโยชน์ เพือ่ ส่ วนรวม
ขวานผ่ าซาก พูดตรงเกินไปโดยไม่ เลือกกาลเทศะและบุคคล
กบในกะลาครอบ ผู้มปี ระสบการณ์ และความรู้ น้อย แต่ สำคัญตนว่ ามีความรู้ มาก
กระต่ ายหมายจันทร์ ผู้ชายหมายปองผู้หญิงทีม่ ฐี านะดีกว่ า
กว่ าถัว่ จะสุ ก งาก็ไหม้ ลักษณะของการทำงานทีม่ คี วามลังเล
ทำให้ แก้ ปัญหาได้ ไม่ ทนั ท่ วงทีเมือ่ ได้ อย่ างหนึ่ง แต่ ต้องเสี ยอีกอย่ างหนึ่งไป
เขียนเสื อให้ ววั กลัว ทำอย่ างใดอย่ างหนึ่งเพือ่ ให้ อกี ฝ่ ายหนึ่งเสี ยขวัญหรือเกรงขาม
กินน้ำใต้ ศอก ยอมเป็ นรองเขา, ไม่ เทียมหน้ าเทียมตาเท่ า
(มักหมายถึงเมียน้ อยทีต่ ้ องยอมลงให้ แก่ เมียหลวง)
จับปลาสองมือ อย่ าหวังจะได้ ทเี ดียวพร้ อมๆ กันสองอย่ าง
เพราะในทีส่ ุ ดก็จะพลาดไม่ ได้ สักอย่ าง
กระโถนท้ องพระโรง ผู้ทใี่ ครๆ ก็ใช้ งานได้ และเป็ นทีร่ ะบายอารมณ์ ของทุกคน
กินน้ำเห็นปลิง ตะขิดตะขวงใจเมือ่ จะทำอะไรซักอย่ าง
กระดูกร้ องไห้ การจับตัวฆาตกรมาลงโทษได้ หลังจากพบหลักฐานโดยบังเอิญ
ที่มาของสำนวนไทย
เกิดจาก ความเป็ นอยู่ ค่ านิยม และการพิจารณาสิ่งแวดล้ อม
ต่ าง ๆ รอบตัว แล้ วนำมาเปรียบเปรย
๑. สำนวนเกิดจากธรรมชาติ ๒. สำนวนเกิดจากสัตว์
๓. สำนวนเกิดจากการกระทำ/ความเป็ นอยู่
๔. สำนวนเกิดจากของกินของใช้
๕. สำนวนเกิดจากการละเล่น กีฬา หรือ การพนัน
๖. สำนวนเกิดจากการนับถือศาสนา
๗. สำนวนเกิดจากการเปรียบเทียบกับอวัยวะต่าง ๆ
๘. สำนวนเกิดจากนิ ทานหรือวรรณคดี
๙. สำนวนเกิดจากประเพณี และวัฒนธรรม
๑๐. สำนวนเกิดจากกฎหมาย/พงศว
การใช้ สำนวน
๑.ไม่ ใช้ ฟุ่มเฟื อย
๒.ใช้ ให้ เหมาะกับกาลเทศะ
๓.ใช้ ให้ ตรงความหมาย
คุณค่ าของสำนวน
๑.ใช้ ส่ ือสารได้ รวดเร็ว ใช้ แล้ วเข้ าใจความหมายได้ ทนั ที
๒.ช่ วยเน้ นความเข้ าใจให้ ชัดเจนยิ่งขึน้
๓.โน้ มน้ าวให้ ปฎิบัตหิ รือมีค่านิยมที่สังคมปรารถนา
๔. สะท้ อนให้ เห็นค่ านิยม สภาพของสังคมไทยในแง่ ต่างๆ
๕. มีประโยชน์ ด้านการใช้ ภาษา เช่ น การผูกคำ การเรี ยง
ประโยค
เป็ นเด็กดีนะคะ

You might also like