Professional Documents
Culture Documents
คํานํา
สารบัญ
คําอธิบายรายวิชา อักขรธัมม์ล้านนา ๑
รายละเอียด คําอธิบายรายวิชา อักขรธัมม์ล้านนา ๒
ความเป็นมา อักขรธัมม์ล้านนา ๓
โครงสร้างเนื้อหาหลักสูตร ๔
หนังสืออักขรธัมม์ล้านนา ๖
บทที่ ๑
พยัญชนะวรรค ๘
พยัญชนะอวรรค ๘
ข้อสังเกตพยัญชนะในภาษาล้านนา ๘
การแบ่งชนิดของสระในภาษาล้านนา ๙
ลักษณะพิเศษของสระล้านนาที่ควรรู้ ๑๑
บทที่ ๒
การผสมพยัญชนะ สระและวรรณยุกต์ ๑๓
การใช้หางของพยัญชนะ ๑๗
บทที่ ๓
คําพิเศษภาษาล้านนา ๑๘
บทที่ ๔
ประโยคเรื่องราวที่ใช้ฝึกอ่านและเขียน ๒๐
ภาคผนวก
วิธีการปรับ Microsoft Office Word 2003 ๒๕
วิธีการปรับ Microsoft Office Word 2007 เพื่อใช้กับ ฟอนท์ LN-Tilok ๒๖
วิธีการพิมพ์อักขรธัมม์ล้านนา ๒๘
คํานํา
กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
พุทธศักราช ๒๕๕๑ วันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๕๑ ซึ่งได้กําหนดสาระวิชาบังคับเเละวิชาเลือก ส่วน
วิชาเลือกให้สถานศึกษาเป็นผู้ดําเนินการพัฒนา โดยให้สอดคล้องกับสภาพปัญหาความต้องการของ
ผู้เรียน ชุมชน เเละสังคม
สถาบัน กศน. ภาคเหนือ ซึ่งมีบทบาทหน้าที่ในการพัฒนาหลักสูตร เเละจัดการเรียน
การสอนที่ตอบสนองนโยบายดังกล่าว จึงได้ดําเนินการพัฒนารายวิชาเลือก หลักสูตรอักขรธัมม์ล้านนา
และหนังสือประกอบการเรียน เพื่อสนับสนุนการจัดการเรียนการสอนของ ครู กศน. และให้ผู้เรียนได้
ทราบถึงความเป็นมา และพัฒนาการของอักษรธรรมล้านนา หรือตัวเมือง ซึ่งเป็นอักษรที่สําคัญและ
แพร่หลายในล้านนามาก การกําเนิดอักษรธรรมล้านนาก็คล้ายกับการกําเนิดอักษรทั้งหลาย คือ
ปรับปรุงจากอักษรมอญที่มีอยู่เป็นระบบมาแล้ว ซึ่งเนื้อหาของหลักสูตรประกอบด้วย ความเป็นมา
ของอักษรธรรมล้านนา ข้อสังเกตพยัญชนะในภาษาล้านนา การแบ่งชนิดของสระในภาษาล้านนา
ลั ก ษณะพิ เ ศษของสระล้ า นนาที่ ค วรรู้ การผสมพยั ญ ชนะ สระและวรรณยุ ก ต์ การใช้ ห างของ
พยัญชนะ และคําพิเศษภาษาล้านนา
สถาบัน กศน. ภาคเหนือ ขอขอบคุณคณะทํางานทุกท่านที่ให้ข้อคิดเห็นอันเป็น
ประโยชน์ต่อการพัฒนาหลักสูตรดังกล่าว หวังว่าเอกสารรายวิชาเลือกฉบับนี้จะเป็นประโยชน์ต่อ
ผู้บริหารและครู กศน. และผู้เรียน ตามสมควร
(นายประเสริฐ หอมดี)
ผู้อํานวยการสถาบัน กศน.ภาคเหนือ
คําอธิบายรายวิชา อักขรธัมม์ล้านนา รหัส สค 02022
สาระการพัฒนาสังคม
ระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น มัธยมศึกษาตอนปลาย
จํานวน 3 หน่วยกิต ( 140 ชั่วโมง)
มาตรฐานการเรียนรู้
มาตรฐานที่ 5.2 มีความรู้ ความเข้าใจ เห็นคุณค่า และสืบทอดศาสนา วัฒธรรม ประเพณี เพื่อ
การ อยู่รวมกันอย่างสันติสุข
ผลการเรียนรูท้ ี่คาดหวัง
1. รู้และเข้าใจพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และ ตัวเลข อักขรธัมม์ล้านนา
2. อ่านและเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และตัวเลข อักขรธัมม์ล้านนา
3. รู้และเข้าใจคําพิเศษ อักขรธัมม์ล้านนา
4. สามารถอ่าน และ เขียนอักขรธัมม์ล้านนาได้
ศึกษาและฝึกฝนทักษะ
1. ฝึกการอ่านและเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และตัวเลข
2. ฝึกการอ่าน และเขียนการผสมอักขรธัมม์ลา้ นนา
3. ฝึกการอ่าน และเขียนคําพิเศษอักขรธัมม์ลา้ นนา
4. ฝึกการอ่าน และเขียนอักขรธัมม์ล้านนา ที่เป็นประโยคและเป็นเรื่องราวได้
การจัดประสบการณ์การเรียนรู้
1. ฝึกการอ่านและเขียนพยัญชนะ สระ วรรณยุกต์ และตัวเลข จากบัตรคํา
2. ฝึกการอ่านและเขียนประโยคที่เป็นเรื่องราวจากสื่อเอกสารได้
3. ฝึกทักษะการอ่านและเขียนจากสื่ออิเลคทรอนิคส์
การวัดและประเมินผล
1. วัดและประเมินผลจากแบบฝึกทักษะ
2. วัดและประเมินจากแบบทดสอบ
-2-
1
ชัปนะ ปิ่นเงิน เรื่องย่อสรุป “ติงฺสนิบาต” ฐานข้อมูลไมโครฟิล์มเอกสารล้านนา สํานักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
http://202.28.27.140/src_intro/028.064.013%20%E0%B8%A5%E0%B8%9B010403002%20%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AA
%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%95.pdf
2
เจ้าหลวงเชียงใหม่ ฉบับ พ.ศ.๒๕๓๙ น.๑๖๐ - ๑๖๑
3
โครงการฐานข้อมูลไมโครฟิล์มเอกสารล้านนา สํานักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2552 หน้า 1
-4-
2. การผสมอักขรธัมม์ล้านนา
2.1 การผสมพยัญชนะกับสระ และ วรรณยุกต์
2.2 การผสมพยัญชนะกับตัวสะกด
3. คําพิเศษอักขรธัมม์ล้านนา
• คําพิเศษอักขรธัมม์ล้านนา
4. การอ่านและเขียนอักขรธัมม์ล้านนาที่เป็นประโยค
• ประโยคและเรือ่ งราวที่ใช้ฝึกอ่านและเขียน
สื่อและแหล่งการเรียนรู้
1. สื่อและแบบเรียนอักขรธัมม์ลา้ นนา
2. บัตรคํา
3. สื่ออิเลคทรอนิคส์
4. แหล่งเรียนรู้ ห้องสมุด วัด
5. ภูมิปัญญาท้องถิ่น
• ปราชญ์ชาวบ้าน
• องค์ความรู้
• บทความ/ผลงานของภูมิปัญญา
การวัดผลประเมินผล
1. วัดและประเมินจากแบบฝึกทักษะ
2. วัดและประเมินจากแบบทดสอบ
-6-
หนังสืออักขรธัมม์ล้านนา
“อักขรธัมม์ล้านนา” หรือ “อักษรธรรมล้านนา” เป็นอักขระที่บ่งบอกถึงความเจริญรุ่งเรืองของ
ดินแดนอาณาจักรล้านนาในอดีต มีอาณาบริเวณกว้างขวางครอบคลุมพื้นที่ในปัจจุบันของภาคเหนือ
ประเทศไทย รัฐ ฉานสหภาพพม่า มณฑลยูนนานสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตย
ประชาชนลาว ในดินแดนเหล่านี้ปรากฏการใช้อักษรธรรมบันทึกเรื่องราวต่างๆ เป็นจํานวนมาก ในรูปของ
ใบลาน พับหนังสา(พับสา) จารึกต่างๆ ได้แก่ ศิลาจารึก จารึกฐานพระพุทธรูป เป็นต้น ส่วนใหญ่ใช้บันทึก
เรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา คติความเชื่อ ประวัติศาสตร์ กฏหมายโบราณ เอกสารตํารายาต่างๆ
อักษรธรรมล้านนาพบมีอายุเก่าที่สุด ได้แก่จารึกลานทองวัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย (สท. ๕๒)
จ.ศ. ๗๓๘ (พ.ศ. ๑๙๑๙) บันทึกด้วยอักษรธรรมล้านนา ภาษาบาลี และอักษรไทยสุโขทัย ภาษาไทย และ
จารึกฐานพระพุทธรูปวัดเชียงหมั้น อําเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ พ.ศ. ๒๐๐๘ บันทึกด้วยอักษรธรรม
ล้านนา ภาษาบาลีและไทยยวน ส่วนคัมภีร์ใบลานอักษรธรรมล้านนา ภาษาบาลีที่เก่าที่สุดที่พบในปัจจุบัน
ได้ แ ก่ “คั ม ภี ร์ ช าตกฏฺ ฐ กถาย ฺ ตึ ส ติ นิ ป าตตฺ ถ สฺ ส วณฺ ณ นา” จ.ศ. ๘๓๓ (พ.ศ. ๒๐๑๔) ในรั ช สมั ย
พระเจ้าติโลกราช (พ.ศ. ๑๙๘๔ – ๒๐๓๐) ตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ (พ.ศ. ๑๙๙๑ -
๒๐๓๑) ปัจจุบันอยู่ที่วัดไหล่หิน ตําบลไหล่หิน อําเภอเกาะคา จังหวัดลําปาง 4
ในสมัยของเจ้าแก้วนวรัฐ 5 เจ้าหลวงเชียงใหม่องค์ที่ ๙ (พ.ศ.๒๔๕๒-๒๔๘๒) แห่งราชวงศ์ทิพย์
จักราธิวงศ์ (เจ้าเจ็ดตน) อาณาจักรล้านนามีการเปลี่ยนแปลงด้านการเมืองการปกครอง ล้านนาได้ถูกผนวก
เข้ารวมกับราชอาณาจักรไทยกลายสภาพเป็นจังหวัดในประเทศไทย และใช้ภาษาไทยกลางเป็นภาษาทาง
ราชการแทน อักษรธรรมล้านนาจึงได้ลดบทบาทลงเป็นเพียงการสอนกันตามวัดเท่านั้น ความสามารถใน
การอ่านเขียนอักษรธรรมล้านนาของคนล้านนาจึงลดความสําคัญลงตามลําดับ ด้วยเหตุนี้จึงได้มีการ
พยายามฟื้นฟูอักษรธรรมล้านนาขึ้นหลายครั้ง เมื่อปี พ.ศ.๒๔๓๕ Dr.Daniel McGilvary & D.G.Collins
ได้ตั้งโรงพิมพ์ที่บ้านวังสิงห์คํา ต่อมาได้ขายโรงพิมพ์ให้พ่อเลี้ยงเมืองใจ ชัยนิลพันธ์ มีการพิมพ์คร่าวซอ
เรื่องแรกชื่อ “หงส์หิน” ด้วยอักษรธรรมล้านนา และจัดพิมพ์วรรณกรรมล้านนาออกมาอย่างต่อเนื่อง
แต่เมื่อล้านนาได้รับอารยธรรมสมัยใหม่มากขึ้นจากกระแสวัฒนธรรมภาษาไทยและภาษาวิทยาการของ
โลกที่ท่วมท้น อักษรธรรมล้านนาก็มิอาจต้านทานกระแสวัฒนธรรมหลักได้ ในที่สุดก็เสื่อมถอยความนิยม
ลงตามกาลเวลาที่ผ่านไป6
4
ชัปนะ ปิ่นเงิน เรื่องย่อสรุป “ติงฺสนิบาต” ฐานข้อมูลไมโครฟิล์มเอกสารล้านนา สํานักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
http://202.28.27.140/src_intro/028.064.013%20%E0%B8%A5%E0%B8%9B010403002%20%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AA
%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%95.pdf
5
เจ้าหลวงเเชียงใหม่ ฉบับ พ.ศ.๒๕๓๙ น.๑๖๐ - ๑๖๑
6
โครงการฐานข้อมูลไมโครฟิล์มเอกสารล้านนา สํานักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 2552 หน้า 1
-7-
อักษรเฟนิเซียน
อักษรพราหมี อักษรฝรั่งตางๆ
อักษรปลลวะ อักษรเทวนาครี
อักษรขอมโบราณ อักษรมอญโบราณ
อักษรรัตนโกสินทร อักษรไทยนิเทศ
7
สมเจตต์ วิมลเกษม แบบเรียนภาษาล้านนา หน้า 5
บทที ๑
บ฿ฯที 1
พยัญชนะ วรรค ๒๕ ตัว
วค์ฯ ก ก ข ค ฆ ง
วรรค ก๋ะ ก ข ค ฆ ง
วค์ฯ จ จ ฉ ช ฌ ญ
วรรค จ๋ะ จ ฉ ช ฌ ญ
วค์ฯ ฏ ฏ ฐ ด ฒ ณ
วรรค ระฏ๋ะ ฏ ฐ ฑดฎ ฒ ณ
วค์ฯ ต ต ถ ท ธ น
วรรค ต๋ะ ต ถ ท ธ น
วค์ฯ บ บ ผ พ ภ ม
วรรค ป๋ ะ บ ผ พ ภ ม
๘. ในคําบาลี /ร/ ออกเสียง /ล/ เช่น สารี บตุ ร อ่าน “สา-ลี-บุด” (เข้ าใจว่าคนล้ านนาไม่ถนัด
การออกเสียงรัวลินจึงได้ ยินเสียงเป็ น /ล/ )
๙. ฅ คือ ฅ-คน ในภาษาล้ านนายังมีความจําเป็ นใช้ อยู่มาก เพราะว่ามีการใช้ ตา่ งกับ
ค ควาย ถ้ าอ่านเสียง ค-ควาย ต้ อง ใช้ ฅ-คน เช่น ฅวาย ฅน ฅา
๑๐. ¦ /และ/ กับ §ฯ /แล/ เป็ นการเขียนลดรูปของ แล
๑๑. เดิมพยัญชนะมี ๓๓ ตัว ภายหลังมีการเพิม พยัญชนะพิเศษเข้ ามาอีกคือ
ฃ ฅ ซ ป ฝ ฟ ศ ษ ฮ ฤ ฦ เพือให้ เขียนเสียงคนกลุม่ ไทยได้ ครบ
การแบ่ งชนิดของสระในภาษาล้ านนาแบ่ งแยกออกเป็ น
สระลอย (สระทีเป็ นใหญ่ในตัวเอง) สระเดียว สระผสม สระพิเศษ
สระทีเป็ นใหญ่ในตัวเอง (สระ ลอย ) ๘ ตัว
อ อา ² ² ³ ´ µ อ
อะ อา อิ อี อุ อู เอ โอ
สระ ๓๐ ตัว (ผันตามกลุม่ เสียง)
ะ า ิ ี ึ ื
เะ เ เฯะ เฯ
เิฯะ เิฯ เิฯอะ เิฯอ (ใช้ไม้ “ิ” ทุกตัว ห้ามใช้ไม้ “ื” เด็ดขาด)
โะ โ ฿ฯะ ฿ฯ
โํฯะ ํฯ แะ แ ํา เัา
ไ ใ เยฯ เา (เยฯ เา สองตัวนีใช้ในคําบาลี)
สระเดียว
คือสระทีไม่ผสมกับสระหรือพยัญชนะ ได้ แก่
ะ า ิ ี ึ ื
เ แ โ ไ ใ
สระผสม
สระผสมสระ ได้ แก่ เะ แะ โะ เา
สระผสมพยัญชนะ ได้ แก่
เฯะ เฯ เิฯะ เิฯ เิฯอะ เิฯอ
฿ฯะ ฿ฯ โํฯะ ํฯ ํา เัา เยฯ
ข้ อสังเกตุ ํา เป็ นเสียงสันของ “อาม” และ เัา เป็ นเสียงสันของ “อาว” ถือเป็ นสระผสมพยัญชนะ
- 10 -
สระพิเศษ (บางกลุ่มชน)
๋ “ไม้ เก๋าห่อหนึง” มีการพัฒนาใช้ ในเอกสารของชาวเขิน ลือ ยอง ออกเสียง “เอา”
ตัวอย่างเช่น ร้ฯงหฯ๋ อ่านว่า “ร้ วงเหม้ า” ในบางพืนทีเรียก “ไม้ ก๋อหมวกเจ๊ ก” ออกเสียง
“ออ” ตัวอย่างเช่น พ๋ฯ หรือ พ๋ฯ อ่านว่า “พ่อ” พึงสังเกตุบริบทเอกสารจึงจะอ่านออกเสียงได้
ถูกต้ อง
ีูฯ “ไม้ เก๋าจู้จี” มีการพัฒนาใช้ ในบางพืนทีเท่านัน ไม่ควรใช้ เป็ นไวยากรณ์หลัก พบในคําว่า
“เจ้ า” เช่น /พระพุทธเจ้ า/ เขียน “ พุทฯจีูฯ”
ลักษณะพิเศษของสระล้ านนาทีควรรู้
ไม้ ก๋าหลวง หรือ ไม้ ก๋าโว้ ง ( ¶ฯ ) คือ สระ อา ( า ) ในภาษาล้ านนา ปั จจุบนั ใช้ กบั พยัญชนะเพียง
๕ ตัวเท่านัน คือ ค ท ธ บ ว
ค¶ฯ ท¶ฯ ธ¶ฯ บ¶ฯ ว¶ฯ
สาเหตุทีใช้ เพราะว่า ถ้ าใช้ ไม้ ก๋าธรรมดา ( า ) ผสมกับพยัญชนะ ๕ ตัว ถ้ าเขียนติดกัน จะคล้ ายเป็ น
พยัญชนะตัวอืนไป เช่น
คา คล้ ายตัว ก ทา คล้ ายตัว ต ธา คล้ ายตัว ต
บา คล้ ายตัว ห วา คล้ ายตัว ต
สระ เัา (เ า) ตามไวยากรณ์หลักใช้ เัา แต่มีการใช้ สระ “เอา” ในบางกลุม่ (ไม่ควรใช้ เป็ น
ไวยากรณ์หลัก) อยู่ ๒ ตัว คือ
๑. ๋ เรี ยกว่า ไม้ เก๋าห่อหนึง เช่น ข๋-เขา ม๋-เมา
๒. ีูฯ เรี ยกว่า ไม้ เก๋าจู้จี เช่น จีูฯ- เจ้ า
ไม้ กังไหล (อัง) = · ใช้ ในภาษาบาลีกรณี /ง/ สะกด เช่น สºเฆา - สงฺโฆ ม¸คล - มงฺคลใน
คําไทยยวนพบการใช้ ไม้ กงไหลในคํ
ั า ท·ฯาฯ ลดรูปเป็ น ท·ฯา (ทังหลาย อ่าน ตังหลาย) ส่วนไทยลือ-
เขิน ใช้ รูป ทัฯฯาฯ ลดรูปเป็ น ทัฯฯา และไทยลือ(สิบสองพันนา) เรียก ฯฯ ว่า “ละทังหลาย”
ระโฮงหรือระโว้ ง ( ) คือ /ร/ ใช้ ในคํายืมบาลีสนั กฤต ใช้ เขียนหน้ าพยัญชนะ และทําให้ พยัญชนะ
ทีมีระโฮง เสียงเปลียนไป คือ ออกเสียงถัดไปหนึงวรรค เช่น
(กร) ออกเสียงเป็ น ข (ขะ) เช่น ฯ /โกรธ/ อ่านว่า “โขด” ีฯา อ่านว่า “ขียา” แปลว่า สินแล้ ว,จบแล้ ว
(คร) ออกเสียงเป็ น ฆ (ฆะ) เช่น ูฯ /ครู/ อ่านว่า “ฆู” ํฯะ อ่านว่า “เฆาะ” (เคราะห์)
(ตร) ออกเสียงเป็ น ถ (ถะ) เช่น าฯ /ตราบ/1 อ่านว่า “ถาบ”
(ปร) ออกเสียงเป็ น ถ (ถะ) เช่น าฯ /ปราบ/2 อ่านว่า “ผาบ”
1
อุดม รุงเรืองศรี พจนานุกรมลานนา-ไทย ฉบับแมฟาหลวง หนา 269 าฯ ตราบ อาน “ถะหลาบ/ถาบ” น. ขาง,ฝาย,ฟาก,ริม ว.ตราบ-จน
กระทั่ง,ที่สุดถึง (ขอม-ฏราบ) ถะหลาบ ก็วา
2
เรื่องเดียวกัน หนา 411 าฯฯ ก.ทําใหอยูใ นอํานาจ ผาบ ก็วา (ขอม-ปฺราบ, เทียบ, ส.ปฺราปฺติ)
- 12 -
การผสมพยัญชนะ สระและวรรณยุกต
การผสมพยัญชนะและสระ พยัญชนะผสมกับสระ ๑๒ ตัว (สระเดี่ยว) จะไดรปู ดังนี้
ะ = ะ มูล (มูละ) ราค (ราคะ)
า = า ราค¶ฯ (ราคา) มาหา (มาหา)
ิ = ิ ติ (ติ) สิริ (สิริ)
ีี = ี มีสี (มีสี) กณฯี (กัณฐี = คอ)
ึึ = ึ สตึ (สตึ) อึฯอัฯ (อึดอัด)
ืื = ื หฯังสื (หนังสือ) มีมื (มีมือ)
ุฯ = ุ กุสุมา (กุสุมา) บุรเตา (ปุรโต)
ูฯ = ู ลูร (ลูน) สูญ (สูญ)
เ = เ เหเห (เหเห) เสว¢ (เสวนา)
แ = แ แลตา (แลตา) มาแน่ (มาแน)
ไ = ไ ไพไหฯ (ไปไหน) ไกฯฯตา (ไกลตา)
โ = โ โมโห (โมโห) โกธ¶ฯ (โกธา)
วรรณยุกต
วรรณยุกตในภาษาลานนามี ๒ รูป ผันได 6 เสียง ดังไดกลาวมาแลวในบทที่ ๑ แตเมื่อ
นําคําที่มีพยัญชนะผสมกับสระไปผันแลว จะได ๓ เสียง เชน
กา ก่า ก้า คา ค¶ฯ ค¶ฯ
ขา ข่า ข้า ฅา ฅ่า ฅ้า
จา จ่า จ้า ชา ช่า ช้า
ขอสังเกตในการใชสระและลักษณะพิเศษของภาษาลานนา
๑. ไมหันอากาศ, ไมโท, ไมไตคู มีรูปลักษณะใกลเคียงกัน มีการใชเหมือนกัน สวนไมซัด ( ั ) นั้น มี
ลักษณะขมวดหัวเล็กนอย เชน วัฯนัฯ (วันนั้น) ดฯ่วนี (เดี่ยวนี้) เปนตน
๒. ไมตรี และไมจัตวา ไมมีใชในอักษรธรรมลานนา เพราะมีเสียงครบวรรณยุกตอยูแลว
๓. ไมทัณฑฆาต (์) ลานนาเรียก ระหาม มีการใชเหมือนกัน เชน สุริ ์ (สุรินทร) อน฿ง์ฯ (อนงค)
๔. ไมซ้ําคํา (ยมก) ใชเลขสองในธรรมนั่นเอง หมายถึงอานซ้ําคําสองครัง้ หรืออานคําสองพยางค เชน
ไจ้ๆ (ไจๆ) ต่าๆฯ (ตางๆ) ¢ๆ (นานา) สฯๆด (สมุด) สฯๆง (สนอง) เปนตน
การผสมพยัญชนะกับตัวสะกด
ตัวสะกดในภาษาลานนา มีลักษณะสะกดแบบเดียวกับภาษาไทยกลาง ตางแตการเรียง
สระและพยัญ ชนะเท านั้น ตัวหนัง สือ ไทยกลางนิยมเขียนตัวสะกดถัดไปจากพยัญ ชนะตน แตลานนา
ตัวสะกดเขียนไวดานลางพยัญชนะตนในคําไทย และเขียนถัดไปจากพยัญชนะตนในคําบาลี จึงจําเปนตอง
ทําความเขาใจวิธีการผสมสระ และตัวสะกดอยางละเอียด
มาตรา หรือ แม ที่เปนตวสะกดมี ๘ แม โดยอาศัยแม ก กา (กะ กา) เปนหลัก
ก฿ฯ กก หรือ ตัว ก สะกด
ก฿ฯ กง หรือ ตัว ง สะกด
ก฿ฯ กด หรือ ตัว ด สะกด
ก฿ฯ กน หรือ ตัว น หรือ ฯ สะกด
ก฿ฯ กบ หรือ ตัว บ หรือ ฯ สะกด
ก฿ฯ กม หรือ ตัว ม หรือ ฯสะกด
เกิฯ เกย หรือ ตัว ย หรือ ฯ สะกด
เกฯ เกอว หรือ ตัว ว สะกด
- ๑๖ -
ตัวอยางการผสมพยัญชนะกับตัวสะกด
แม ก฿ฯ เชน ค฿ฯ ง฿ฯ ป฿ฯ จ฿ฯ
ก฿ฯ เชน ข฿ฯ จ฿ฯ ม฿ฯ ร฿ฯ
ก฿ฯ เชน จ฿ฯ น฿ฯ ฅ฿ฯ ร฿ฯ
ก฿ฯ เชน จ฿ฯ ต฿ฯ ฅ฿ฯ ห฿ฯ
ก฿ฯ เชน ข฿ฯ ผ฿ฯ ล฿ฯ ว฿ฯ
ก฿ฯ เชน ข฿ฯ ผ฿ฯ ล฿ฯ ช฿ฯ
เกิฯ เชน เขิฯ เผิฯ เลิฯ เหิฯ
เกิฯ เชน เหฯ ขฯว หฯว หฯฯฯว
1
อุดม รุงเรืองศรี, พจนานุกรมลานนา-ไทย ฉบับแมฟาหลวง หนา 882
- ๑๙ -
2
อุดม รุงเรืองศรี, พจานานุกรมลานนา-ไทย ฉบับแมฟาหลวง หนา 5
บทที ๔
บ฿ฯที 4
ประโยคเรื องราวทีใช้ ฝึกอ่านและเขียน
๑. ฝึ กอ่านและเขียนคําทีเป็ นภาษาบาลี
๒. ฝึ กอ่านและเขียนคําทีเป็ นภาษาพูดแบบล้ านนา
๑. ฝึ กอ่านและเขียนคําทีเป็ นภาษาบาลี
C ว่าปี ภาต๋า ไปหลับจะก้ ววย ลุกมาววยลาพําน้ อง เป๋ นผีอาสัง มันมารําร้ อง เสียงสนันก้ องเมา
มัว ปั น ข้ านาถน้ อง นาต้ านหย้ านกัว ขนหัวเยี ยกปอง ลุกเสียงกู้เ ส้ น ฟั ง เสีย งเปิ บป๋ าว ไปบนวิงเต้ น
เหมือนปั งลงซ้ าวซ้ าว ปี สุริยะ ลุกมาค้ มก๊ าว กับกีบดุ้นหลัวไฟ ซะแวนข้ วางฟื น ส่องแจ้ งแสงใส อัคคเรือง
ไร ทัวไปย่านห้ อง ซําเทวดา รักษาล้ อมป้อง เจ๊ าะต๋ามไพเรืองเรือเล้ า ฝูงสัตย์ทงั หลาย เดือดนันอึดเอ้ า ก็
ลุกจากหันหนีไป ยามนันและ หน่อพระบัวไข ก้ อยยีบหลับไป เถิงตลอดแจ้ ง ปี สุริยา นําตาปอแห้ ง ก็ลกุ
ดังไฟก่อนน้ อง เจ้ าแต่งทํากิน เมียนเสียงแล้ วพร้ อม เรียกเอาน้ องเจ้ านวลแปง ว่าลุกมาเต๊ อะ น้ องนาถ
คําแสง ต๋าวันก็แดง แดดล้ วงทัวห้ อง หน่อพระสัตถา ทีแปงใจ๋ข้อง ก็ลกุ มาววยบ่จ๊า c
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
..........................................................................................................................................................................................
บรรณานุกรม
ที่ปรึกษา
นายประเสริฐ หอมดี ผู้อํานวยการสถาบัน กศน. ภาคเหนือ
นางนาถยา ผิวมั่นกิจ รองผู้อํานวยการสถาบัน กศน. ภาคเหนือ
พัฒนาหลักสูตร
นายนิพัทธ์ สัตตรัตนขจร ข้าราชการบํานาญ
นายบุญส่ง ภูวังหม้อ ข้าราชการบํานาญ
นายนิพนธ์ ณ จันตา ครูชํานาญการพิเศษ สถาบัน กศน. ภาคเหนือ
นางกรรณิการ์ ยศตื้อ ครูชํานาญการ สถาบัน กศน. ภาคเหนือ
นางวราพรรณ พูลสวัสดิ์ ครูชํานาญการ สถาบัน กศน. ภาคเหนือ
ผู้เขียน
นายบุญส่ง ภูวังหม้อ ข้าราชการบํานาญ
บรรณาธิการ
นายพิชัย แสงบุญ พนักงาน สํานักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ผู้พิมพ์
นายอภิรักษ์ ตาเสน ลูกจ้าง สํานักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
พิมพ์ที่
งานการพิมพ์ สถาบัน กศน.ภาคเหนือ