You are on page 1of 13

เค้ าโครงโครงงานวิทยาศาสตร์

1.ชื่อโครงงาน
สบูต่ ะไคร้
2.ผู้จดั ทำโครงงาน
นางสาว กมลลักษณ์ ศรี รัตนโชติ
นางสาว รสิตา รุ่งเรื อง
นางสาว สุชาวดี เหมือนหนู
3.ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
นายเอกศาสน์ รอดเนียม
4.ที่มาและความสำคัญของโครงงาน
สบู่ เป็ นเครื่ องสำอางชนิดหนึง่ ที่ใช้ ในการทำความสะอาดร่างกาย เดิมใช้ เพื่อทำความสะอาดร่างกาย
เท่านัน้ ปั จจุบนั กระบวนการผลิตสบู่ มีการเพิ่มส่วนผสมอื่นๆ เพื่อให้ สบูม่ ีสรรพคุณตรงตามความต้ องการ
ของผู้บริ โภคมากขึ ้น เช่น มีสีสนั ที่สวยงามน่าใช้ มีกลิ่นหอม และมีสรรพคุณทางยาในทางการค้ า มีการใช้
สารสังเคราะห์เพิ่มขึ ้นทำให้ ผลิตภัณฑ์นา่ ใช้ บรรจุภณ ั ฑ์สวยงามแต่แฝงไป ด้ วยสารเคมีที่เป็ นอันตราย มี
พิษตกค้ างและราคาสูง ปั จจุบนั นิยมใช้ พืชสมุนไพรที่มีอยูใ่ นธรรมชาติมาเป็ นส่วนผสมเพิ่มเติมในสบู่ แทน
การใช้ สารเคมีสงั เคราะห์ พืชสมุนไพรที่ใช้ มีสาระสำคัญและมีสรรพคุณทางยา เช่น มีน้ำมันหอมระเหยที่มี
กลิ่นเฉพาะใช้ ในการบำบัดโรค มีสีสนั สวยงาม หาง่ายราคาถูก ประหยัด ปลอดภัย ไร้ สารสังเคราะห์ และ
ไม่มีพิษตกค้ าง ทำให้ สบูส่ มุนไพรที่ผลิตขึ ้นจากผลิตภัณฑ์ธรรมชาติมีคณ ุ ลักษณะเฉพาะที่หลากหลาย จึง
เป็ นบทพิสจู น์ให้ เห็นถึงความมหัศจรรย์ของสบูส่ มุนไพรที่มีคณ ุ ค่ายิ่งของภูมิปัญญาไทย เชื่อว่าทุกคนไม่วา่
จะเป็ นเพศไหน วัยไหน หรื อชาติไหน คงไม่มีใครไม่ร้ ูจกั หรื อไม่เคยใช้  “สบู”่  ในการ นำมาถู ผสมกับน้ำเพื่อ
ชำระล้ างสิ่งสกปรกและทำความสะอาดร่างกาย ที่มาตังแต่ ้ สมัยโบราณ เพราะในการใช้ ชีวิตประจำวันของ
คนทุกคนต้ องมีการอาบน้ำกันอยูท่ กุ วัน โดยปกติคนส่วนใหญ่เฉลี่ย ก็อาบน้ำวันละสองครัง้ และปั จจุบนั
นี ้  สบูก่ ็มีมากมายหลาย ชนิดให้ ได้ เลือกใช้ ตามความเหมาะสม และความชอบของแต่ละบุคคล  แต่จะมี
ใครทราบหรื อไม่วา่ สบูส่ ว่ นใหญ่ที่ใช้ กนั อยูล่ ้ วนแล้ วแต่มีสว่ น   ผสมที่ เป็ นพิษของสารซักฟอก และสารเคมี
และเศษที่หลงเหลือในอุตสาหกรรม จากการกลัน่ น้ำมันและปิ โตรเลียมเคมีรวมถึงวัตถุกนั เสีย ซึง่ สารเหล่านี ้
ล้ วนส่งผลร้ ายต่อสัตว์และคน และที่มากกว่านัน้ คือ ผิวสามารถดูดซึมของเสียเหล่านี ้ได้ ถึง  60%
สบูก่ ลีเซอรรี น
สบู่กลีเซอรี น คือ สบูท่ ี่มีสว่ นผสมของกลีเซอรี นนันผสมอยู
้ ด่ ้ วย ส่วน กลีเซอรี นคืออะไร นัน้ โก็เป็ นสารจาก
ธรรมชาติ เป็ นของเหลวที่ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี และมีรสชาติหวาน โดยปกติแล้ วกลีเซอรี นจะเป็ นสารสกัดน้ำมัน
ที่ได้ มาจากพืช เช่น น้ำมันปาล์ม น้ำมันมะพร้ าว น้ำมันมะกอก ฯลฯ นิยมใช้ ในการผลิตสบู่ ผลิตยา และ
ผลิตเครื่ องสำอาง

กลีเซอรี น เป็ นสารที่ช่วยให้ ความชุ่มชื่นแก่ผิวเมื่อนำมาผลิตสบู่ จะได้ สบูท่ ี่มีเนื ้อนุ่ม สีใสกว่าสบูท่ วั่ ไป เมื่อ
ใช้ แล้ วผิวหมดจด อ่อนโยนต่อผิวช่วยให้ ผวิ นุ่มชุ่มชื่น ไม่แห้ งกร้ าน ไม่อดุ ตันรูขมุ ขน ลดการเกิดความระคาย
เคืองของผิวได้ แต่จะมีราคาที่สงู กว่าสบูท่ วั่ ไปนอกจากจะนำกลีเซอรี นมาผลิตสบูแ่ ล้ ว ยังสามารถนำไป
บำรุงผิวเพื่อปกป้องผิวไม่ให้ แห้ งก้ าน ให้ ผวิ นุ่มชุ่มชื่น กักเก็บน้ำได้ อีกด้ วย เพราะกลีเซอรี นนันมี
้ คณ ุ
ประโยชน์ที่ดีตอ่ ผิว มีสรรพคุณเหมือนกับมอยซ์เจอร์ ไรเซอร์ ที่ชว่ ยบำรุงและให้ ความชุ่มชื่นแก่ผิว ให้ ผิวนุ่ม
ลื่น และยังสามารถนำไปผลิตเครื่ องสำอางอื่นๆ ได้ อีกมากมายจะเห็นได้ วา่ กลีเซอรี นนันมี ้ คณุ ประโยชน์ที่ดี
ต่อผิวมากเลยทีเดียว นอกจากจะมีสรรพคุณที่ดีมากแล้ ว ยังเป็ นสารสกัดจากพืช ที่ไม่ก่อให้ เกิดอันตรายต่อ
ผิวเราอีกด้ วย นำมาผลิตสบูแ่ ล้ วถือว่าเป็ นสบูท่ ี่ได้ จากธรรมชาติเลยทีเดียว

วัตถุประสงค์ ของการทำโครงงาน
1.เพื่อศึกษาวิธีการทำสบูจ่ ากตะไคร้

2.เพื่อพัฒนาสูตรสบูต่ ะไคร้

สมมติฐานของการศึกษา
คุณภาพของสบูต่ ะไคร้ อยูใ่ นระดับมาก

ขอบเขตของการทำโครงงาน
สบูต่ ะไคร้ ทำจาก

กลีเซอรี นธรรมชาติที่ไม่มีสารเคมีในสบูต่ ะไคร้ รูปแบบ ก้ อน ใช้ สำหรับ ทำความสะอาดร่างกาย

ประชากรและกลุม่ ตัวอย่างที่ศกึ ษา ได้ แก่ ครู นักเรี ยน ผู้ปกครองรวม 20 คน

ตัวแปรที่ศึกษา
คุณภาพของสบูต่ ะไคร้

วิธีการดำเนิน

ประชากร กลุม่ ตัวอย่างที่ศกึ ษา


ศึกษาคุณภาพของสบูต่ ะไคร้ โดยแบบประเมินคุณภาพของสบูต่ ะไคร้ จากกลุม่ ตัวอย่างประกอบด้ วย
ครู/นักเรี ยน/ผู้ปกครอง รวมจำนวน 20 คน

การสร้ างเครื่ องมือเก็บรวบรวมข้ อมูล

สบูต่ ะไคร้ และแบบปนะเมินคุณภาพและตารางการทดลองสบูต่ ะไคร้ โดยประเด็นเกี่ยวกับคุณภาพของสบู่


ตะไคร้ เป็ นมาตราส่วนประมาณค่า(Ratinscale) แบ่งเป็ น 5 ระดับในแต่ละระดับมีความหมายและ
มีการกำหนดเกณฑ์คะแนนดังนี ้

มีคณ
ุ ภาพน้ อย 1 คะแนน

มีคณ
ุ ภาพน้ อย 2 คะแนน

มีคณ
ุ ภาพปานกลาง 3 คะแนน

มีคณ
ุ ภาพมาก 4 คะแนน

มีคณ
ุ ภาพมากที่สดุ 5 คะแนน

ตารางการพัฒนาสบู่ตะไคร้
สูตร กลีเซอรี น ตะไคร้ ผลการ
ศึกษา

1 10 1

2 10

3 10

4 10
5 10

การเก็บรวบรวมข้ อมูล

1.พัฒนาสูตรตะไคร้

2.สร้ างสบูต่ ะไคร้

วิธีทำ

1 นำกลีเซอรี นไปหัน่

2 นำตะไคร้ ไปหัน่

3 นำหม้ อใส่น้ำและนำตะไคร้ ลงไปต้ ม ต้ มให้ น้ำพอแห้ ง

4 นำน้ำไปกรองกากตะไคร้ ออก

5 นำกลีเซอรี นไปหลอมให้ ละลาย

6 นำน้ำตะไคร้ ที่เตรี ยมไว้ สาลงไป

7 นำมาเทใส่แม่พิมพ์

3.หาคุณภาพสบู่ วันที่ 20 กรกฏาคม 2564

4.วิเคราะห์ข้อมูล วันที่

การวิเคราะห์ ข้อมูล
สถิติที่ใช้ ในการวิเคราะห์ข้อมูลค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานทำการวิเคราะห์คณ
ุ ภาพของสบู่
ตะไคร้ โดยหาค่าเฉลี่ย(x)และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุม่ ตัวอย่าง (S.D.) แล้ วนำค่าเฉลี่ยไปแปล
ความหมายดังนี ้

ค่าเฉลี่ย ระดับคุณภาพ

4.51-5.00 มากที่สดุ

3.51-4.50 มาก

2.51-3.50 ปานกลาง

1.51-2.50 น้ อย

1.00-1.50 น้ อยที่สดุ

ผลที่คาดว่าจะได้ รับ

สบูต่ ะไคร้ แบบก้ อน ไว้ ใช้ ในการทำความสะอาดร่างกาย ทำให้ ผิวชุ่มชื่น นุ่มลื่น

10. แผนการเวลาปฎิบตั ิงาน

1.คิดเลือกหัวข้ อ วันที่ 29 มิถนุ ายน 2564

2.เรี ยบเรี ยงเอกสารที่เกี่ยวข้ องกับสบูต่ ะไคร้ วันที่ 23 กรกฎาคม 2564

3.จัดทำเค้ าโครงพร้ อมแบบสบูต่ ะไคร้ แบบประเมินคุณภาพของสบูต่ ะไคร้ /นำเสนอ

4.ลงมือปฏิบตั ิงาน วันที่ 19 กรกฎาคม 2564

5.เขียนเค้ าโครงงานวิทยาศาสตร์ วันที่21 กรกฎาคม 2564

6. นำเสนอผลงาน วันที่

เอกสารที่เกี่ยวข้ อง
1.ความหมายของสบูต่ ะไคร้
สบู่ (SOAP) คือสารเคมีที่เกิดจากการทำปฏิกิริยากันระหว่างโซเดียมไฮดรอกไซด์ (ด่าง,โซดาไฟ) และน้
ามันที่มาจากสัตว์หรื อพืช ปฏิกิริยาที่เกิดขึ ้นนี ้เรี ยกว่า สปองซิฟิเคชัน่ (Saponfication) คุณสมบัติของสบู่
หรื อผลที่ได้ จากการ สปองซิฟิเคชัน่ นี ้ จะสามารถละลายได้ ทงในน้ำและไขมั
ั้ น และสามารถเก็บไขมันไว้ ได้
จึงมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดได้ เป็ นอย่างดี (Saponfication: ออนไลน์) โดยค าว่า "สบู"่ ใน
ภาษาไทย เพี ้ยนมาจากค าว่า "soap" ในภาษาอังกฤษ ซึง่ มาจากค าว่า "sapo" ซึง่ หมายถึง สบู่ ใน
ภาษาละติน (วิกิเดีย สาราณุกรมเสรี : ออนไลน์) ในทางเคมีสบูค่ ือเกลือของกรดไขมัน สบูใ่ นบ้ านเรื อนใช้
ชะล้ าง อาบและใช้ ในการทำความสะอาดบ้ าน โดยสบูท่ าหน้ าที่เป็ นสารลดแรงตึงผิว และน้ำมันอิมลั ซิไฟเอ
อร์ เพื่อให้ สบูไ่ หลไปกับน้ำ ได้ ในอุตสาหกรรม สบูย่ งั ใช้ กบั การปั่ นผ้ า และเป็ นส่วนประกอบสำคัญของสาร
หล่อลืน่ บางชนิด สบู่สำหรับการชะล้ างได้ มาจากน้ ามันพืชหรื อสัตว์ และไขมันที่มีคา่ เบสสูง เช่น โซดาไฟ
หรื อโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ในสารละลายในน้ำไขมันและน้ำมันเป็ นส่วนประกอบของไตรกลีเซอไรด์
กล่าวคือ โมเลกุลของกรดไขมันสามโมเลกุลติดกับโมเลกุลของกลีเซอรอลหนึง่ โมเลกุลสารประกอบอัลคา
ไลน์ ที่มกั ถูกเรี ยกว่า ไล (lye) ชักน าให้ เกิดกระบวนการการเปลี่ยนเป็ นสบู่ (saponification) ในปฏิกิริยา
นี ้ ไขมันไตรกลีเซอไรด์จะสลายด้ วยน้ำ า (hydrolyze) กลายเป็ นกรดไขมันอิสระ และกรดไขมันอิสระจะ
รวมกับอัลคาไลจนเกิดเป็ นสบูห่ ยาบ หรื อส่วนผสมของเกลือสบู่ ไขมันหรื ออัลคาไล ที่เกินมา น้ำ และกลีเซ
อรอลอิสระ (กลีเซอรี น) ผลพลอยได้ คือกลีเซอรี นสามารถคงอยูใ่ นรูปผลิตภัณฑ์สบู่ ท าหน้ าที่เป็ นสารที่
ทำให้ ออ่ นโยน หรื อถูกแยกออกเพื่อน าไปใช้ ประโยชน์อย่างอื่น สิ่งที่เกิดขึ ้นนี ้เรี ยกว่า ปฎิกิริยา
Saponification หรื อการเกิดสบู่ เป็ นผลที่มาจาก Ester (ไขมัน) และ base(ด่าง) รวมกัน ได้ เป็ นสบูข่ ึ ้น
มา

2.ประวัตขิ องสบู่ตะไคร้
สบูก่ ้ อนแรกถือกำเนิดขึ ้นเมื่อ 6 ศตวรรษก่อนคริ สตกาลหรื อประมาณ 2500 ปี มาแล้ ว กล่าวกันว่าพวก
ฟี นีเชียนได้ ต้มน้ำกับไขมันแพะและขี ้เถ้ าเข้ าด้ วยกัน แม้ ฟังดูจะไม่คอ่ ยสะอาดนัก แต่สารโพแทสเซียม
คาร์ บอเนตในขี ้เถ้ านันช่
้ วยให้ สบูด่ กึ ดำบรรพ์ซงึ่ มีผิวมันปลาบก้ อนนี ้มีคณ
ุ สมบัติใช้ ทำความสะอาดได้

อย่างไรก็ตาม การผลิตและการใช้ สบูก่ ็ยงั ดำเนินไปอย่างลุม่ ๆ ดอน ๆ จนในสมัยหลังมีข้อยืนยันทางการ


แพทย์วา่ แบคทีเรี ยเป็ นตัวการของโรคภัย เมื่อนันฝรั
้ ่งจึงยอมหันมาอาบน้ำและถูสบูก่ นั ถ้ วนหน้ า แต่ตวั สบู่
เองก็ไม่ได้ มีการพัฒนาไปจากก้ อนแรกเท่าไรเลย

ในปี ค.ศ. 1879 นายฮาร์ เลย์ พร็อกเตอร์ เจ้ าของโรงงานสบู่ และนายเจมส์ แกมเบิล ญาติซงึ่ เป็ นนักเคมี
พบว่าสบูก่ รุ ุสที่ถกู ทิ ้งให้ ตีผสมอยูใ่ นเครื่ องนานเกินไปเพราะคนงานลืมปิ ดเครื่ องมีคณ
ุ สมบัติพิเศษที่แตก
ต่าง คือมีน้ำหนักเบาจนสามารถลอยน้ำได้ เพราะฟองอากาศในเนื ้อสบู่ ปรากฏว่าสบูล่ อยน้ำได้ ของนายพร็
อกเตอร์ ขายดีเป็ นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว

นายพร็ อกเตอร์ ตงชื


ั ้ ่อสบูแ่ หวกแนวของตนว่า ไอวอรี สบูย่ ี่ห้อนี ้มีรอยปรุตรงกลางก้ อน หักแบ่งครึ่งได้ นาย
พร็ อกเตอร์ ตงสโลแกนสบู
ั้ ข่ องตนว่า "มีเนื ้อสบูบ่ ริ สทุ ธิ์ถึง 44 /100 เปอร์ เซ็นต์" ทังนี
้ ้เป็ นความคิดที่ดดั แปลง
มาจากรายงานว่า สบูไ่ อวอรี มีสิ่งเจือปน อยู่ 56/100 ของหนึง่ เปอร์ เซ็นต์ เมื่อกลับเอาลบมาเป็ นบวก ผลที่
ได้ คือคอนเซ็ปต์โฆษณาในยุคต้ นที่สดุ จะคลาสสิก และยังช่วยให้ นายพร็ อกเตอร์ ตงตั ั ้ วเป็ นมหาเศรษฐี
เจ้ าของบริ ษัทเครื่ องอุปโภคขนาดยักษ์ เรี ยกว่าร่ำรวยขึ ้นมาจากฟองสบูก่ ็เห็นจะไม่ผิดนัก

5.หลักการทำสบูต่ ะไคร้

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

1.กลีเซอรี น

2.มีด

3.หม้ อ

4.ช้อน
5.เตาแก๊ ส

6.ตะไคร้

7.แม่พิมพ์สบู่

6.ชนิด/ประเภทของสบู่
1. สบูก่ ้ อนขุ่น
เป็ นผลิตภัณฑ์สบูท่ ี่ร้ ูจกั และใช้ กนั มานานจนถึงปั จจุบนั มีลกั ษณะเป็ นก้ อนแข็งสีขาวขุ่นหรื อมีสีตา่ งๆตามสี
ของสารเติมแต่ง เช่น สีเขียว สีชมพู สีมว่ ง เป็ นต้ น สบูช่ นิดนี ้ใช้ สารตังต้
้ น คือ เกล็ดสบู่ (soap)
ที่ผลิตได้ จากปฏิกิริยาข้ างต้ นเป็ นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต ที่ให้ คณ
ุ สมบัติเป็ นก้ อนแข็ง ขาวขุ่น ให้ ฟอมาก
2. สบูก่ ้ อนใส
เป็ นผลิตภัณฑ์สบูท่ ี่มีลกั ษณะก้ อนใสหรื อค่อนข้ างใสตามสัดส่วนของกลีเซอรี นที่ผสม ก้ อนสบูจ่ ะมีลกั ษณะ
อ่อนกว่าสบูก่ ้ อนขุ่นและสามารถทำให้ เกิดสีใสต่างๆตามสารให้ สีที่เติมผสม สบูช่ นิดนี ้จะให้ ฟองค่อนข้ าง
น้ อยกว่าสบูก่ ้ อนขุ่นเนื่องจากมีสว่ นผสมของกลีเซอรี นเป็ นส่วนใหญ่ สารตังต้
้ นที่ใช้ อาจเป็ นกลีเซอรี นเหลว
หรื อกลีเซอรี นก้ อน (กลีเซอรี นเหลว+เอทิลแอลกอฮอล์)ร่วมด้ วยกับสารเติมแต่งชนิดต่างๆ
3. สบูเ่ หลว
เป็ นผลิตภัณฑ์สบูท่ ี่มีน้ำเป็ นส่วนผสมทำให้ เนื ้อสบูเ่ หลว สีสีสนั ต่างๆตามสารเติมแต่ง สบูช่ นิดนี ้ใช้ สารตัง้
ต้ นจากเกล็ดสบู่ (soap)ที่ได้ จากปฏิกิริยาข้ างต้ นเหมือนชนิดสบูก่ ้ อนขุ่น แต่ตา่ งกันที่จะใช้ ดา่ งเข้ มข้ น
โพแทสเซียมไฮดรอกไซด์แทนโซเดียมไฮดรอกไซด์เพราะจะให้ เนื ้อสบูอ่ อ่ นตัวดีกว่า
ประเภทของสบูม่ ีดงั นี ้
1. สบูท่ ี่ใช้ ในครัวเรื อน เราสามารถแบ่งได้ เป็ น
- น้ำยาทำความสะอาด มักจะทำขึ ้นจากสิ่งที่มีความอ่อนโยน และส่วนใหญ่ก็จะทำเพื่อขจัดคราบ
น้ำมันฝั งแน่น คราบสกปรกที่ยากต่อการขจัด น้ำยาทำความสะอาดก็จะมีหลายๆ แบบที่แตกต่างกัน เพื่อ
ตอบสนองการใช้ งาน
- น้ำยาล้ างจาน ผลิตขึ ้นเพื่อทำความสะอาดคราบไขมันที่ล้างออกยาก โดยการทำงานก็คือจะเปลี่ยน
เป็ นฟองขจัดคราบ น้ำยาล้ างจานมี 2 ประเภท คือ น้ำยาล้ างจานสำหรับเครื่ องล้ างจาน และน้ำยาล้ างจาน
สำหรับการล้ างด้ วยมือ
2. สบูสำ
่ หรับซักเสื ้อผ้ า ผลิตขึ ้นเพื่อซักล้ างคราบสกปรกที่ติดอยูต่ ามเสื ้อผ้ า โดยจะมีทงแบบเป็
ั้ นผง และ
ของเหลว
3. สบูสำ
่ หรับทำความสะอาด สบูทำ
่ ความสะอาดมีหลากหลายสูตรขึ ้นอยูก่ บั การใช้ ทำความสะอาด ความ
แตกต่างระหว่างน้ำยาทำความสะอาดและสบู่สำหรับทำความสะอาดคือ สบู่ทำความสะอาดจะไม่มีฤทธิ์
ชะล้ างที่รุนแรง
4. สบูทำ
่ ความสะอาดร่างกาย สบูช่ นิดนี ้เป็ นสูตรพิเศษที่ผลิตขึ ้นเพื่อใช้ ทำความสะอาดร่างกายมนุษย์ เพื่อ
สุขอนามัย, ต่อต้ านเชื ้อแบคทีเรี ย และป้องกันไม่ให้ เชื ้อแบคทีเรี ยและเชื ้อไวรัสแพร่กระจาย นอกจากสบู่
สำหรับทำความสะอาดร่างกายแล้ ว ยังมีสบู่สำหรับทำความสะอาดเส้ นผมที่มีการผสมผสานของส่วนผสม
ที่สามารถทำความสะอาดได้ ทงร่ ั ้ างกาย และเส้ นผม
5. สบูสำ
่ หรับเด็กแรกเกิด เป็ นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ ้นมาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ เนื่องจากจะมีความอ่อนโยน
ต่อผิวของเด็ก โดยจะผลิตออกมาในรูปทรงต่างๆ เช่น สบูร่ ูปเป็ ด หรื อสบูท่ ี่มีเชือกร้ อย ซึง่ ไม่เพียงแต่
ทำความสะอาดสิ่งสกปรกเท่านัน้ ยังทำเพื่อความสนุกและความเพื่อเพลิดเพลินอีกด้ วย
7.ข้ อดีและ/ประโยชน์ของสบูต่ ะไคร้
ประโยชน์และสรรพคุณของตะไคร้ หอมซึง่ ถือว่าเป็ นสมุนไพรพื ้นบ้ าน สรรพคุณและประโยชน์ของตะไคร้
มีหลากหลาย จะกิน จะทา จะดม จะดื่ม ทำเป็ นชาตะไคร์ พบในส่วนใบ กาบใบ และลำต้ น มีสรรพคุณทาง
ยา ใช้ แก้ ริดสีดวงในปาก ปากแตกระแหง แผลในปาก ขับลมในกระเพราะ ลำไส้ แก้ ท้องอืดท้ องเฟ้อ
สรรพคุณสมุนไพรชาตะไคร้ ก็เป็ นที่นิยม และยังสามารถทำเป็ นสเปรย์ไล่ยงุ ก็ได้ เนื่องจากกลิน่ ของตะไคร้
และสารสกัดที่มีในตะไคร้ สามารถไล่ยงุ ได้ แต่ไม่เป็ นอันตรายกับคน
สรรพคุณของสบูต่ ะไคร้ หอม สบูต่ ะไคร้ ที่มีกลิน่ หอมของตะไคร้ สูตรผสมน้ำผึ ้ง มีสรรพคุณลดความมัน
บนใบหน้ า เมื่อล้ างหน้ าแล้ วใบหน้ าแล้ วจะรู้สกึ ผิวนิ่มนวลขึ ้น ช่วยในเรื่ องลดอาการสิวอักเสบได้ เมื่อใช้ ไป
เรื่ อยๆอย่างต่อเนื่องจะรู้สกึ ว่าสิวเสี ้ยนบนผิวกายและผิวหน้ าก็จะค่อยๆ หลุดออกไปอย่างช้ าๆ หรื อจะใช้
สำหรับอาบน้ำถูหลัง ทำให้ ร้ ูสกึ สะอาดหมดสดชื่น หอมกลิ่นตะไคร้ โดยเฉพาะคนที่เป็ นสิวที่หลัง ยิ่งช่วยใน
การลดการอักเสบได้ สิวเสี ้ยนที่หลังค่อยๆ หลุดออก

8.ลายของสบู่ตะไคร้
บรรณานุกรม

ความหมายของสบู่(ออนไลน์วนั ที่14 กรกฎาคม 2564) เข้ าถึงได้ จาก.


http://www.thaischool1.in.th/_files_school/61100353/data/6110035
3_1_20200217-144231.pdf
วิกิพีเดีย(ออนไลน์วนั ที่14 กรกฎาคม 2564) เข้ าถึงได้
จาก.https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%9A
%E0%B8%B9%E0%B9%88
ประวัติของสบู่(ออนไลน์วนั ที่14 กรกฎาคม 2564) เข้ าถึงได้
จาก.http://pirun.ku.ac.th/~b5510900911/history.html
https://www.scholarship.in.th/%E0%B8%9B
%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0
%B8%B4%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA
%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B9%88-%E0%B8%82%E0%B8%AD
%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%8A
%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%B5/
ชนิดของสบู(่ ออนไลน์วนั ที่14 กรกฎาคม 2564) เข้ าถึงได้
จาก.https://sites.google.com/site/maruneeuma5720414033/chnid-
khxng-sbu
ประโยชน์และสรรพคุณของสบูต่ ะไคร้ หอม - about herbs(ออนไลน์วนั ที่14 กรกฎาคม 2564)
เข้ าถึงได้ จาก.http://aboutherbs108.blogspot.com/2018/10/blog-
post_15.html
https://www.xn--12cg1cxchd0a2gzc1c5d5a.net/
%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0
%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1/
ลายของสบูต่ ะไคร้ (ออนไลน์วนั ที่14 กรกฎาคม 2564) เข้ าถึงได้
จาก.https://www.google.com/search?
sa=X&sxsrf=ALeKk03yutH74N2SAMqCFL62aARtMra2SA:1626258026
598&source=univ&tbm=isch&q=
%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B8%AD
%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%9A
%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0
%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89&hl=th&ved=2ahUKEwiWu_Ofq-
LxAhVR4jgGHaGACLQQjJkEegQIGxAC&biw=1036&bih=573
แบบสบู่ตะไคร้
แบบประเมินคุณภาพสบูว่ า่ นหางจระเข้
1.สถานภาพผู้ประกอบ
• ครู • นักเรี ยน • ผู้ปกครอง
รายการประเมินคุณภาพ ระดับคุณภาพ

ปานกลาง

มาก
น้ อย
น้ อยที่สดุ

มากที่สดุ
1.สบู่มีคุณภาพสมบัติที่ดี มีคุณภาพ
2.สบู่มีกลิ่นหอมที่พอเหมาะ ไม่ฉุนเกินไป
3.ขนาดและรู ปทรงของสบู่เหมาะกับการใช้งาน
4.ขนาดบรรจุภณั ฑ์มีความเหมาะสมกับสบู่
5.เนื้อสัมผัสของสบู่

ข้ อเสนอ
แนะ……………………………………………………………………………………………………………
…………………………………………………….

You might also like