Professional Documents
Culture Documents
FX 5500la
FX 5500la
พิชญ์สินี ชมภูคา
สุระศักดิ์ เมาเทือก*
1.1 ลักษณะทั่วไปและเมนูพื้นฐานที่จาเป็น
(1.1)ลักษณะทั่วไป
เครื่องมีหน่วยความจา 1095
MATRIX
หน้าจอแสดงผล A B + - OP
F1 F2 F3 F4 F5 F6
STO บันทึกค่า
ผลลัพธ์ เท่ากับ ?
REL เรียกดูค่า
ตรวจสอบหน่วยความจา กด SHIFT EXP
นักศึกษาปริญญาเอก สาขาการวิจัยและพัฒนาการศึกษา คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 2
ตรวจสอบคาตอบสุดท้าย
(1.2) เมนูพื้นฐานที่จาเป็น
1) การบันทึกค่าจากการคานวณได้ผลลัพธ์
ถ้าต้องการ บันทึกค่าที่เกิดจากการคานวณ ค่าต่างๆ ผลลัพธ์จากการคานวณเมื่อต้องการเก็บค่าไว้
เพื่อเรียกใช้ใหม่ สารถบันทึกโดยการใช้ ปุ่ม STO แล้วบันทึกไว้ได้ตั้งแต่ห้องเก็บ A – Z (สังเกต
ตัวพิมพ์อักษรใต้ปุ่มเป็นสีแดง) เช่น เก็บไว้ห้อง A กด STO แล้วกด ปุ่ม (-)
2) การเรียกใช้ค่าจากการบันทึกที่ STO
เมื่อต้องการเรียกค่าที่เก็บบันทึกไว้จากการ STO ไว้ในห้อง เก็บ A – Z กดปุ่ม RCL แล้วกดปุ่ม
ห้องที่เก็บไว้ MATRIX
A B + - OP
F1 F2 F3 F4 F5 F6
LIGHT DARK
F1 F6
กด F1 เพื่อปรับความสว่างให้กับตัวอักษร
กด F6 เพื่อปรับให้เข้มขึ้น หากปรับแล้วความเข้มยังไม่เพิ่มแสดงว่าแบตเตอรี่อ่อน
กด PRE เพื่อออกจากเมนูการปรับความเข้ม
การเคลียร์ค่าใดๆ จะไม่กระทบต่อการปรับความเข้มของแสง
หน้าจอแสดง
Mcl Scl CALC ARR
F1 F3 F4 F6
หมายเหตุ ทุกครั้งที่เลือกการเคลียร์แบบใดแล้ว จะเคลียร์แบบใหม่ต้องกด SHIFT 4 อีกครั้ง
โดย
1) เลือก Mcl กด F1 เป็นการเคลียร์หน่วยความจาในที่บันทึกไว้ A ถึง Z ซึ่งเกิดจากการ
บันทึกไว้โดยใช้เมนู STO (A-Z) และเคลียร์หน้าจอแสดงผลด้วยเช่นกัน
ข้อสังเกต หลังกด F1 หน้าจอจะว่างเปล่าพร้อมทางาน
2) เลือก Scl กด F3 เป็นการเคลียร์ค่าในหน่วยความจาของสถิติ ซึ่งเกิดจากการบั นทึกไว้การ
ใช้ในเมนู STAT (SHIFT F6) และเคลียร์หน้าจอแสดงผลด้วยเช่นกัน
ข้อสังเกต หลังกด F1 หน้าจอจะว่างเปล่าพร้อมทางาน
3) เลือก CALC กด F4 จะปรากฏข้อความยืนยันการเคลียร์ โดย
กด F1 (YES) เพื่อเคลียร์ค่าในหน่วยความจาของสูตร ซึ่งเกิดจากการบันทึกไว้การใช้ใน
เมนู CALC (SHIFT 5) และเคลียร์หน้าจอแสดงผล
กด F6 (NO) เพื่อยกเลิก
4) เลือก ARR กด F6 จะปรากฏข้อความยืนยันการเคลียร์ โดย
กด F1 (YES) เพื่อเคลียร์ค่าของเมตริกซ์หลังจากการใช้เมนู MATRIX (SHIFT F1) และ
สมการ จากการใช้เมนู EQN (SHIFT F2) และเคลียร์หน้าจอแสดงผล
กด F6 (NO) เพื่อยกเลิก
X CAL
F1 F6
แทน X = 7 โดยการ กด 4 แล้ว F1 แล้วกด F6 (CAL) เพื่อคานวณ
หน้าจอปรากฏ
Y = 2X2 + 6X + 12 แสดงสูตรให้ตรวจสอบ
152 ผลลัพธ์ Y = 152
กรณีที่มีหลายตัวแปรอิสระ
1) พิมพ์ Y = 2A-3B+4C+5D
2) กด SHIFT 5 ------- > CALC
3) กด F2 (IN) เก็บสูตรเข้าหน่วยความจาเพื่อใช้งาน
4) กด F3 (OUT) เรียกสูตรจากหน่วยความจาเพื่อใช้งาน
5) กด F4 (CAL) เพื่อคานวณ ค่าที่ปรากฏหน้าจอจะแสดงตามตัวแปรอิสระ ในตัวอย่างนี้มี
ตัวแปร 4 ตัวแปร ดังนั้นจะปรากฏ A, B, C, D หน้าจอแสดง
A B C D
F1 F2 F3 F4
แทน A = 5 กด 5 แล้ว F1 B = 4 กด 4 แล้ว F2
C = 15 กด 15 แล้ว F3 D = 8 กด 8 แล้ว F4
เมื่อกรอกครบทุกตัวแปร แล้วกด F6 (CAL) เพื่อคานวณ
หน้าจอปรากฏ
Y = 2A-3B+4C+5D แสดงสูตรให้ตรวจสอบ
98 ผลลัพธ์ Y = 98
แสดงหน้าจอ
STATISTICS
SD LR
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 10
F1 F6
-1 แน่ใจว่าเครื่องมือนั้นไม่สอดคล้องกับเนื้อหา
นาคะแนนของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคนมาคานวณจากสูตรดังนี้
IOC =
R
n
- การวิเคราะห์ดัชนีความเหมาะสม เป็นการหาดัชนีความเหมาะสมระหว่างคาถาม
รายข้อกับเนื้อหา โดยนาแบบวัดไปให้ผู้เชียวชาญประเมินอย่างน้อย 3 คน
ประเมินอย่างอิสระเช่นเดียวกับการหาดัชนีความสอดคล้อง แต่ให้คะแนนโดยใช้
มาตราประเมินค่า 5 ระดับแบบ Likert Scale ถ้าใช้ตัวเลข 1 ถึง 5 ให้คัดเลือก
คาถามที่มีค่าเฉลี่ยตั้งแต่ 3.5 ขึ้นไป และกาหนดให้ค่าเบี่ยงเบนมา ตรฐานมีค่าไม่
เกิน 1 (ค่าต่าสุดคือ 0 ) ทั้ง 2 กรณี หากค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานมีค่าเกิน 1 แสดงว่า
คาถามข้อนั้นผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นแตกต่างกันมาก สาหรับกรณีที่ใช้ 1 ถึง 5
ระดับของการประเมินความเหมาะสมจะเป็นดังนี้
5 หมายถึง เหมาะสมมากที่สุด 4 หมายถึง เหมาะสมมาก
3 หมายถึง เหมาะสมปานกลาง 2 หมายถึง เหมาะสมน้อย
1 หมายถึง เหมาะสมน้อยที่สุด
จากคะแนนประเมินที่ผู้เชี่ยวชาญให้คะแนนนาไปหาค่าเฉลี่ย ( X )
และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน(S)
∑𝑋 ∑( 𝑥−𝑥 )2
โดยที่ X = และ S =
N 𝑁
x หมายถึง คะแนนประเมินของผู้เชี่ยวชาญแต่ละคน
X หมายถึง คะแนนเฉลี่ยของคะแนนประเมินผู้เชี่ยวชาญ
N หมายถึง จานวนผู้เชี่ยวชาญ
ตัวอย่างการคานวณ
ผลการการประเมินของผู้เชี่ยวชาญการวิเคราะห์ดัชนีความเหมาะสมของผู้เชี่ยวชาญ 5 คน ปรากฏ
ข้อมูลดังนี้
คะแนนประเมินความเหมาะสมของผู้เชี่ยวชาญ
คาถามข้อที่ S
คนที่1 คนที่ 2 คนที่ 3 คนที่ 4 คนที่ 5 X
1 5 5 2 2 4 3.6 1.35
2 4 5 3 3 3 3.6 0.80
3 3 4 5 4 4 4.0 0.63
4 3 5 4 4 3 3.8 0.74
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 14
จงหา ค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานของคาถามแต่ละข้อ
STATISTICS
SD
F1
LR
F6
กด SHIFT F6
กด SHIFT 4 CLEAR กด F3 เพื่อล้างข้อมูล
กด F1 (SD)
ป้อนข้อมูลข้อที่ 1 กด 5 F1 (DT) กด 5 F1 (DT) กด 2 F1 (DT)
กด 2 F1 (DT) กด 4 F1 (DT)
กด F6 (CAL)
กด F1 ( X ) กด EXE ได้คาตอบ 3.6
กด F2 ( 𝜎𝑛 ) กด EXE ได้คาตอบ 1.35
จากนั้นก็ ป้อนข้อมูลข้อที่ 2 ต่อไป จะได้คาตอบที่แสดงดังในตาราง
กด SHIFT F6
กด SHIFT 4 CLEAR กด F3 เพื่อล้างข้อมูล
กด F6 (LR)
ป้อนข้อมูล 10 , 7 F1 (SD) 7 , 8 F1 (SD) 8 , 8 F1 (SD) 10 , 9 F1 (SD) 10 , 10 F1 (SD)
7 , 10 F1 (SD) 11 , 10 F1 (SD) 12 , 12 F1 (SD) 12 , 13 F1 (SD) 13 , 13 F1 (SD)
กด F6 (CAL) กด F6 (R)
กด F3 (r) คาตอบ 0.725 แบบทดสอบค่าความเที่ยงตรงตามโครงสร้างเป็น 0.725
r xy คือ ค่าความเที่ยงตรงเชิงพยากรณ์ของข้อสอบที่เป็นตัวพยากรณ์
N คือ จานวนนักเรียน หรือ จานวนข้อมูล
X คือ คะแนนชุดที่เป็นตัวพยากรณ์
Y คือ คะแนนชุดที่เป็นตัวเกณฑ์
ตัวอย่างการคานวณ
ในการสอบคัดเลือกเข้าเรียนต่อคะแนนวิชาวิทยาศาสตร์ (X) และเกรดเฉลี่ย GPA ของนักเรียน
10 คน ดังตารางข้างล่างนี้ จงหาค่าความเที่ยงตรงเชิงพยากรณ์
X 1 3 4 5 8 11 12 14 17 25
GPA 2.50 1.75 2.00 2.50 1.75 2.50 2.75 3.00 3.00 3.25
STATISTICS
กด SHIFT F6
SD LR
F1 F6 กด SHIFT 4 CLEAR กด F3 เพื่อล้างข้อมูล
กด F6 (LR)
ป้อนข้อมูล 1 , 2.50 F1 (SD) 3 , 1.75 F1 (SD) 4 , 2.00 F1 (SD)
5 , 2.50 F1 (SD) 8 , 1.75 F1 (SD) 11 , 2.50 F1 (SD)
12 , 2.75 F1 (SD) 14 ,3.00 F1 (SD) 17 , 3.00 F1 (SD)
25 , 3.25 F1 (SD)
กด F6 (CAL) กด F6 (R)
กด F3 (r) คาตอบ 0.7714 ค่าความเที่ยงตรงเชิงพยากรณ์เป็น 0.7714
ความเชื่อมั่น (Reliability)
ความเชื่อมั่นของเครื่องมือรวบรวมข้อมูลหมายถึงเป็นคุณสมบัติของเครื่องมือรวบรวม
ข้อมูลในด้านความสามารถในการวัดสิ่งต่างๆ ที่ต้องการวัดได้อย่างคงที่แน่นอน หรือ คงเส้นคงวา
(Consistency) ซึ่งมีหลายวิธี ถ้าเป็นเป็นแบบทดสอบ หมายถึง ความคงที่ของคะแนนที่ได้จากการ
สอบนักเรียนคนเดียวกันหลายครั้งในแบบทดสอบชุดเดิมซึ่งก็คือคุณสมบัติของแบบทดสอบที่
สามารถให้คะแนนแก่ผู้สอบได้อย่างคงที่แน่นอนหรือพูดง่าย ๆ คือวัดกี่ครั้งก็ได้คาตอบที่คงที่
เหมือนเดิม
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 17
กด SHIFT F6
STATISTICS
SD LR กด SHIFT 4 CLEAR กด F3 เพื่อล้างข้อมูล กด F6 (LR)
F1 F6
ป้อนข้อมูล 2 , 1 F1 (SD) 3 , 3 F1 (SD) 0 , 1 F1 (SD) 2 , 1 F1 (SD)
0 , 0 F1 (SD) 1 , 1 F1 (SD) 2 , 1 F1 (SD) 1 ,0 F1 (SD) 1 , 4 F1 (SD)
4 , 2 F1 (SD) กด F6 (CAL) กด F6 (R) กด F3 (r) คาตอบ 0.39
5 4
จากนั้นนาค่า 𝑟𝑥𝑥 ที่คานวณได้ ไปแทนค่าในสูตร Horst โดยค่า p = r =
9 9
แล้วค่าออกมาเท่ากับ 0.5668
ข้อสอบฉบับนี้มีค่าความเชื่อมั่น 0.5668
𝑆𝑇2
2. แนวคิดการหาค่าความเชื่อมั่นของข้อสอบจากค่า
𝑆𝑋2
การหาค่าความเชื่อมั่นของข้อสอบโดยอาศัยแนวคิด นี้จะใช้ข้อสอบฉบับที่จะหาค่าความ
เชื่อมั่นไปสอบกับนักเรียนเพียงครั้งเดียว ก็หาค่าความเชื่อมั่นได้เลย โดยไม่ต้องแบ่งครึ่งข้อสอบ
การหาค่าความเชื่อมั่นของข้อสอบตามแนวคิดนี้มีหลายสูตร ดังนี้
2.1 Kuder Richardson
ใช้สูตร KR.20 หรือ KR.21 ซึ่งสูตรทั้งสองนี้ต้องตรวจให้คะแนนใน
ลักษณะที่ทาถูกได้ 1 คะแนน ทาผิดได้ 0 คะแนน
k
k pi q i
KR.20 , rtt = 1
i 1
k 1 S2
k X(k X)
KR.21 , rtt = 1
k 1 kS2
n คือ จานวนผู้ตอบแบบประเมิน
k คือ จานวนข้อของแบบประเมิน
Si2 คือ คะแนนความแปรปรวนเป็นรายข้อ
S2 คือ คะแนนความแปรปรวนของคะแนนรวมของผู้ทาแบบประเมิน
แต่ในทางปฏิบัตินั้นถ้าสามารถวิเคราะห์โดยใช้โปรแกรมการคานวณทาง
คอมพิวตอร์ จะสะดวกรวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น ค่า จะใช้ได้ดีต้องมี
ค่ามากกว่า 0.70 จึงจะถือว่าเครื่องมือรวบรวมข้อมูลนั้นมีความเชื่อมั่น
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 21
x i
ค่าเฉลี่ยเลขคณิตของประชากร ( ) = i 1
N
n
x i
ค่าเฉลี่ยเลขคณิตของตัวอย่าง ( X ) = i 1
n
N
N หมายถึง จานวนค่าสังเกตทั้งหมดในประชากรหรือจานวนประชากร
n หมายถึง จานวนค่าสังเกตทั้งหมดในกลุ่มตัวอย่างหรือจานวนกลุ่มตัวอย่าง
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 22
กรณีข้อมูลมีการแจกแจงความถี่
ตารางแจกแจงความถี่ที่ข้อมูลแต่ละชั้นมีค่าสังเกตเพียงค่าเดียว
ให้ เป็นค่าเฉลี่ยรวมของประชากร และ X เป็นค่าเฉลี่ยรวมตัวอย่าง
k
f x i i
= i 1
, k คือ จานวนกลุ่มย่อยของประชากร
N
k
f x i i
X = i 1
, k คือ จานวนกลุ่มย่อยของตัวอย่าง
n
ตารางแจกแจงความถี่ที่มีการจัดแบบมีอันตรภาคชั้น
k
f x i i
= i 1
N
k
f x i i
X = i 1
n
xi คือ ค่าจุดกึ่งกลางของชั้น, k เป็นจานวนชั้น
ความหมายของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน คือ รากที่สองที่ไม่เป็นจานวนลบ ของค่าเฉลี่ยของกาลังสองของ
ผลต่างระหว่างค่าในข้อมูลกับค่าเฉลี่ยเลขคณิตของข้อมูลนั้น ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานมีหน่วย
เช่นเดียวกับค่าเฉลี่ย คือหน่วยของค่าสังเกต
สัญลักษณ์ที่ใช้ ถ้าเป็นส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของประชากร (อ่านว่า ซิกมา (Sigma))
ถ้าเป็นส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่างใช้ คือ S, S.D.
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 23
การหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
(1) กรณีที่ข้อมูลไม่ได้ถูกจัดเป็นอันตรภาคชั้น
ถ้า x1, x2, x3,..., xN เป็นข้อมูลจากประชากร ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเลขคณิต เท่ากับ หา
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของประชากร ( ) ได้
N
x
2
i
= i 1
N
ถ้า x1, x2, x3,..., xN เป็นข้อมูลจากตัวอย่าง ซึ่งมีค่าเฉลี่ยเลขคณิต เท่ากับ X
หาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของตัวอย่าง (S.D.) ได้
x X
n
2
i
S.D. = i 1
n 1
n
2
1 n 2
xi
1 n 2 i 1
หรือ S.D. =
n 1 i 1
x i nX 2 = xi n
n 1 i 1
(2) การหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากตารางแจกแจงความถี่
ให้ xi แทนจุดกลางชั้นของแต่ละอันตรภาคชั้น
fi แทนความถี่ของแต่ละอันตรภาคชั้น
X แทนค่าเฉลี่ยเลขคณิตของตัวอย่าง
แทนค่าเฉลี่ยเลขคณิตของประชากร k จานวนชั้น
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของประชากร ( )
k k
fi (xi )2 f x i
2
i
= i 1
= i 1
2
N N
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่าง (S.D.)
k
f (x i i X)2
S.D. = i 1
n 1
k
2
fi x i
1 k
f i x i i 1
1 k
หรือ S.D. =
n 1 i 1
fx i 2 nX 2 =
n 1 i 1
2
n
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 24
(2) การหาส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากตารางแจกแจงความถี่
ให้ xi แทนจุดกลางชั้นของแต่ละอันตรภาคชั้น
fi แทนความถี่ของแต่ละอันตรภาคชั้น
X แทนค่าเฉลี่ยเลขคณิตของตัวอย่าง
แทนค่าเฉลี่ยเลขคณิตของประชากร
k จานวนชั้น
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของประชากร ( )
k k
fi (xi )2 f x i
2
i
= i 1
= i 1
2
N N
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของกลุ่มตัวอย่าง (S.D.)
k
f (x i i X)2
S.D. = i 1
n 1
k
2
fi x i
1 k
f i x i i 1
1 k
หรือ S.D. =
n 1 i 1
fx i 2 nX 2 =
n 1 i 1
2
n
ตัวอย่างการคานวณ
ผลการทดลองใช้สื่อชุดศึกษาด้วยตนเอง หัวข้อ พันธะเคมี กับนักเรียน 12 คน และทดสอบความรู้
จากคะแนนเต็ม 30 คะแนน ดังนี้
25 18 22 19 22 21 20 16 16 25 24 18
จาหาค่าเฉลี่ย และ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
กด SHIFT F6
กด SHIFT 4 CLEAR กด F3 เพื่อล้างข้อมูล
กด F1 (SD)
ป้อนข้อมูล กด 25 F1 (DT) กด 18 F1 (DT) กด 22 F1 (DT)
กด 19 F1 (DT) กด 22 F1 (DT) กด 21 F1 (DT) กด 20 F1 (DT) กด 16
F1 (DT)กด 16 F1 (DT) กด 25 F1 (DT) กด 24 F1 (DT) กด 18 F1 (DT)
กด F6 (CAL)
กด F1 ( X ) กด EXE ได้คาตอบ 20.5
กด F2 ( 𝜎𝑛 ) กด EXE ได้คาตอบ 3.06
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 25
STATISTICS กด SHIFT F6
SD LR
F1 F6 กด SHIFT 4 CLEAR กด F3 เพื่อล้างข้อมูล
กด F1 (SD)
ป้อนข้อมูล กด 21 F4 ( ;) 5 F1 (DT) กด 24 F4 ( ;) 7 F1 (DT)
กด 25 F4 ( ;) 6 F1 (DT) กด 26 F4 ( ;) 9 F1 (DT) กด 27 F4 ( ;) 2 F1
(DT) กด 28 F4 ( ;) 7 F1 (DT) กด 29 F4 ( ;) 3 F1 (DT)
กด 30 F4 ( ;) 1 F1 (DT)
กด F6 (CAL)
กด F1 ( X ) กด EXE ได้คาตอบ 25.6
กด F2 ( 𝜎𝑛 ) กด EXE ได้คาตอบ 2.37
ตัวอย่างการคานวณ
ข้อมูลในตารางต่อไปนี้ เป็นช่วงคะแนนที่นักเรียนทาการทดสอบวิชาฟิสิกส์นักเรียนชั้น
มัธยมศึกษาปีที่ 4 จากคะแนนเต็ม 100 คะแนน จงหาค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตราฐาน
วิธีทา
อันตรภาคชั้น ความถี่ (fi) จุดกึ่งกลางชั้น(xi)
7 – 18 6 12.5
19 – 30 10 24.5
31 – 42 13 36.5
43 – 54 8 48.5
55 – 66 5 60.5
67 – 78 6 72.5
2
79 - 90 84.5
รวม 50
กด SHIFT F6
STATISTICS กด SHIFT 4 CLEAR กด F3 เพื่อล้างข้อมูล
SD LR
F1 F6 กด F1 (SD)
ป้อนข้อมูล กด 12.5 F4 ( ;) 6 F1 (DT) กด 24.5 F4 ( ;) 10 F1 (DT)
กด 36.5 F4 ( ;) 13 F1 (DT) กด 48.5 F4 ( ;) 8 F1 (DT)
กด 60.5 F4 ( ;) 5 F1 (DT) กด 72.5 F4 ( ;) 6 F1 (DT)
กด 84.5 F4 ( ;) 2 F1 (DT)
กด F6 (CAL)
กด F1 ( X ) กด EXE ได้คาตอบ 41.78
กด F2 ( 𝜎𝑛 ) กด EXE ได้คาตอบ 19.95
แผนภาพการกระจายแสดงความสัมพันธ์ระหว่าง X และ Y
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 28
สมการ A = y -b x
B= 2 2
Sy N XY- X Y
สมการ B = rxy หรือ
Sx N X ( X)
ตัวอย่างการคานวณ
ในการสอบคัดเลือกเข้าเรียนต่อคะแนนวิชาวิทยาศาสตร์ (X) และเกรดเฉลี่ย GPA ของนักเรียน
10 คน ดังตารางข้างล่างนี้
X 1 3 4 5 8 11 12 14 17 25
GPA 2.50 1.75 2.00 2.50 1.75 2.50 2.75 3.00 3.00 3.25
จากข้อมูล
1. จงสร้างสมการการถดถอย
2. ถ้านักเรียนคนหนึ่งสอบคัดเลือกเข้าได้คะแนนวิชาวิทยาศาสตร์ 10 คะแนน จงหา GPA ที่
นักเรียนคนนี้น่าจะได้
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 29
กด SHIFT F6
STATISTICS
SD
F1
LR
F6
กด SHIFT 4 CLEAR กด F3 เพื่อล้างข้อมูล
กด F6 (LR)
ป้อนข้อมูล 1 , 2.50 F1 (SD) 3 , 1.75 F1 (SD) 4 , 2.00 F1 (SD) 5 , 2.50
F1 (SD) 8 , 1.75 F1 (SD) 11 , 2.50 F1 (SD) 12 , 2.75 F1 (SD) 14 ,3.00
F1 (SD) 17 , 3.00 F1 (SD) 25 , 3.25 F1 (SD)
กด F6 (CAL) กด F6 (R)
กด F1 (A) EXE คาตอบ 1.9489
กด F2 (B) EXE คาตอบ 0.0551
ตอบข้อที่ 1
แทนค่า B และ A ลงใน สมการการถดถอย ŷ = A + Bx
จะได้ ŷ = 1.9489 + 0.0551x
ตอบข้อที่ 2
คะแนนวิชาวิทยาศาสตร์ 10 คะแนน จงหา GPA
กด 10 F5 ( ŷ )EXE คาตอบ 2.5
ถ้าคะแนนวิชาวิทยาศาสตร์ 10 คะแนน จะได้ GPA เท่ากับ 2.50
ตัวอย่างการคานวณ
จากสมการพยากรณ์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ŷ = 27.768 + 0.073A + 0.493B
A = คะแนนการคิดวิเคราะห์
B = คะแนนความสามารถในการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
จงคานวณค่าพยากรณ์ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
คน คะแนนการ คะแนน ผลสัมฤทธิ์ทางการ ค่าพยากรณ์
ที่ คิดวิเคราะห์ ความสามารถในการ เรียนกลุ่มสาระการ ผลสัมฤทธิ์ทางการ
A คิดอย่างมี เรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรียนกลุ่มสาระการ
วิจารณญาณ y เรียนรู้วิทยาศาสตร์
B ŷ
1 45 40 50 50.773
2 35 30 45 45.113
3 50 45 55 53.603
4 57 40 52 51.649
5 60 50 56 56.798
STATISTICS
SD LR
กด SHIFT 5 ------- > CALC
F1 F6
พิมพ์สมการ Y = 27.768 + 0.073A + 0.493B
กด F2 ( IN ) กด F3 ( OUT )
กดF4 ( CAL )
ป้อนข้อมูลคนที่ 1 45 F1 ( A ) 40 F2 ( B ) กด F6 ( CAL)
คาตอบคือ 50.773
จากนั้นป้อนข้อมูล คน 2 – 5 ต่อ ไป จะได้ข้อมูลทางตาราง
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 31
1. การกาหนดขนาดเมตริกซ์ และการป้อนข้อมูล
1 2 1 1 0 1
ตัวอย่างที่ 1จงป้อนข้อมูล 3 2 1 ลงในเมตริกซ์ A และข้อมูล 1 1 0 ลงในเมตริกซ์ B
1 2 5 0 1 1
1) เมื่อกด SHIFT F1 ปรากฏหน้าจอพร้อมทางาน MATRIX
2) กด F1 เลือกเมตริกซ์ A ให้กาหนดขนาดของ MATRIX ก่อน โดยกด F6 เครื่องจะ
กาหนดค่าเริ่มต้น (2 2) โดยขนาดของเมตริกซ์ คือ (ROW COLUMN) = (m
n) กด 3 F1 และกด 3 F2 หลังกดแล้วหน้าจอจะแสดง A(m n) = A(3 3)
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 32
ดาเนินการเช่นเดียวกับกากรอกข้อมูลในในเมตริกซ์ A
2. การใช้โอเปอร์เรชันคณิตศาสตร์กับเมตริกซ์
สามารถที่จะบวก ลบ คูณเมตริกได้
2.1 การ บวก และ ลบ เมตริกซ์
ตามนิยาม เมตริกซ์ที่บวก หรือ ลบ ต้องมีขนาดเท่ากัน
A = a ij mn , B = bij mn
1 2 1 1 0 1
2.2 จากข้อ 1 จงหาค่า 3 2 1 + 1 1 0 และ
1 2 5 0 1 1
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 33
1 2 1 1 0 1
และ 3 2 1 - 1 1 0
1 2 5 0 1 1
1 1 20 1 1 2 2 0
การบวกตามทฤษฏี 3 1 2 (1) 1 0 = 4
1 1
1 0 2 1 5 (1) 1 3 4
1 1 20 1 1 0 2 2
การลบตามทฤษฎี 3 1 2 (1) 1 0 = 2
3 1
1 0 2 1 5 (1) 1 1 6
ผลลัพธ์ทั้งหมดเมื่อกด ได้
11 12 13 2 20
ผลบวก รูปเมตริกซ์ 21 22 23 4 1 1
31 32 33 1 3 4
11 12 13 0 2 2
ผลลบ รูปเมตริกซ์ 21 22 23 2 3 1
31 32 33 11 6
15 20 18 10 12 8
ฝึกปฏิบัติ ถ้า A = 23 36 12 , B = 25 8 10
14 25 24 18 12 23
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 34
จงหาผลลัพธ์ของ A +B และ A - B
5 8 10 25 32 26
(เฉลย A +B = 48 44 22 ,A-B = 2 28 2
32 37 47 4 13 1
3. การคูณเมตริกซ์
3.1 การคูณ เมตริกซ์ กับ เมตริกซ์
ถ้า A = a ij mn , B = bij np ถ้า A B = cij mp
a11 a12 ... a1n b11 b12 ... b1p c11 c12 ... c1p
a b b 22 ... b 2p c
21 a 22 ... a 2n 21 21 c 22 ... c 2p
. . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . .
. . . . . . . . . . . .
a m1 a m 2 ... a mn b n1 a n 2 ... a np c m1 c m2 ... c mp
3 4
1 2 1
ตัวอย่างที่ 2 กาหนดให้ A= 4 0 2 และ 1 5 จงหา
2 2
ขนาดของ A คือ 2 3 และ ขนาดของ B คือ 3 2
(1)(3) (2)(1) (1)(2) (1)(4) (2)(5) (1)(2) 3 8
AB = (4)(3) (0)(1) (2)(2) (4)(4) (0)(5) (2)(2) = 8 12
ขั้นตอน
1. ล้างข้อมูลในหน่วยความจา SHIFT4 เลือก ARRAY ERASE แล้วกด F6
2. กาหนดขนาดของ เมตริกซ์ A คือ 2 3 แล้วป้อนข้อมูล เช่นเดียวกับตัวอย่าง
ที่ 1
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 35
MATRIX
A B + - OP
F1 F2 F3 F4 F5 F6
5. แล้วกด F5
6. ผลลัพธ์ ตรวจสอบทุกค่าได้ รูปเมตริกซ์
11 12 3 8
8 12
21 22
2 3 1 0 1
ตัวอย่างที่ 3 จงหาผลลัพธ์ของ 0 1 3 1 1 + 2 3 0
0 2 1
1 3 0 0 2
MATRIX
A B + - OP
F1 F2 F3 F4 F5 F6
กด(OP) F6 หน้าจอแสดงผล
MATRIX
kA At A A-1 A B C
F1 F2 F3 F4 F5 F6
ฟังก์ชันต่อไปนี้เป็นฟังก์ชันที่สามารถทางานได้ในเมนูเมตริกซ์
F1 (kA) หาผลคูณสเกลาร์ของเมตริกซ์ A
F2 (At) หาทรานสโพสเมตริกซ์ A
F3 ( A ) หาดีเทอร์มินันท์ของเมตริกซ์ A
F4 (A-1) หาอินเวอร์สของเมตริกซ์ A
F5 (A B) การสลับเมตริกซ์ A เป็น B และ B เป็น A
F6 (C) ดูเมตริกซ์ C
หมายเหตุ การใช้ฟังก์ชัน F1 ถึง F6 จะกระทาในเมตริกซ์ A เท่านั้น
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 37
MATRIX
A B + - OP
2) หน้าF1
จอแสดงF2 F3 F4 F5 F6
MATRIX
kA At A A-1 A B C
F1 F2 F3 F4 F5 F6
3) กด 4 F1 เป็นการแทนค่า k = 4 หลังกด F1 แล้ว ผลลัพธ์จะปรากฏค่าออกมาทันที
4A =
4 8
16 0
4) กด F6 เพื่อบันทึกผลลัพธ์ผลคูณไปเก็บไว้ที่ เมตริกซ์ C
5) ย้ายผลลัพธ์จากเมตริกซ์ C กลับไปแทนที่ เมตริกซ์ A โดยกด F1 (C --> A)
11 12 4 16
3) กด F2 แล้วตรวจสอบข้อมูล เมตริกซ์ รูป At 21 22 คือ 8 0
3.4 การหา A (ดีเทอร์มินันท์ของเมตริกซ์ A )
ทฤษฏี
a11 a12
ถ้าเมตริกซ์ A มีขนาด 2 2 ; A =
a 21 a 22
-
a11 a12
หาดีเทอร์มินันท์ของเมตริกซ์ของ A ( A ) = a = a11a22 – a12a21
21 a 22
+
a11 a12 a13
ถ้าเมตริกซ์ A มีขนาด 3 3 ; A = a a 22 a 23
21
a 31 a 32 a 33
- - -
a11 a12 a13 a11 a12
A = a 21 a 22 a 23 a 21 a 22 = (a11a22 a33+a12a23a31+ a13a21a32)– (a31a22 a13+a32a23a11+
a 31 a 32 a 33 a 31 a 32
a33a21a12)
+ + +
ถ้าหาเมตริกซ์ขนาดอื่นทานองเดียวกัน
4 8
ตัวอย่าง ถ้า A = 16 0 จงหา A
ขั้นตอนการคานวณ
4 8
1) ถ้า A = 16 0 (ใช้ข้อมูลเดิมในข้อ 3.2)
2) กด PRE เลือก F6 (OP)
3) กด F3 แล้วตรวจสอบผลลัพธ์ A = -128
ฝึกปฏิบัติ
2 0 7
ถ้า A = 1 3 9 จงหา A
4 6 8
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 39
(เฉลย A = -282)
3.5 การหา A-1 (อินเวอร์สของเมตริกซ์ A)
1
ทฤษฏี a เป็นจานวนจริงใดๆ และ a≠ 0 แล้ว และ อินเวอร์สการคูณของ a คือ a-1 (a-1 = )
a
แล้ว a a-1 = 1
และถ้าเป็นเมตริกซ์ A A-1 = I เรียก I ว่าเมตริกซ์เอกลักษณ์
1 1
0 16 4 8
0
16
เช่น A =
4 8
=
1 0
, A-1 = , 16 0 1
16 0 1 1 1 0 1
8 32 8 32
d b
ถ้า A =
a b 1
แล้ว , A-1 = c a
c d ad bc
ขั้นตอนการคานวณ
1. ถ้ากาหนด A =
4 8
จงหาค่าของ , A-1
16 0
2. เมื่อป้อนข้อมูลใน เมตริกซ์ A เสร็จแล้ว
3. กด PRE เลือก F6 (OP)
1
0 16
4. กด F4 ได้ผลลัพธ์รูปเมตริกซ์
11 12
, A-1 =
21 22 1 1
8 32
ฝึกปฏิบัติ
4
ก. ถ้า A =
3 4 3
จงหา A-1 (เฉลย A-1 = 2 )
2 3 3
6 2 3 1 2 3
ข. ถ้า A = 1 1 0 จงหา A-1 (เฉลย A-1 = 1 3 3 )
1 0 1 1 2 4
3.6 การสลับเมตริกซ์ A เป็น B และ B เป็น A
เมื่อข้อมูลในเมตริกซ์ A และ B ถ้าต้องการสลับเมตริกซ์ A เป็น B และ B เป็น A ให้กด
F5 ซึ่งมีสัญลักษณ์ (A B)
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 40
การประยุกต์ใช้เมตริกซ์
N(0, 2 I)
ซึ่งรูปแบบเมตริกซ์ดังกล่าว นามาใช้ในรูปแบบการถดถอยเชิงเส้นตรง Y = X +
เขียนในรูปแบบ
การถดถอยเชิงเส้นตรงในรูปแบบเมตริกซ์ดังนี้
Y1 1 X 11 . . . X 1k 0
Y 1 X 21 . . . X 2k 1
2 2 .
. = . . . . . . . + .
. . . . . . . .
.
. . . . . . . .
Yn 1 X n1 . . . X nk k n
ข้อสมมติของเวคเตอร์ของความคลาดเคลื่อน ได้ว่า
Y = N(X , 2 I) นั่นคือ E(Y) = X และ V(Y) = V( ) = 2I และ E( ) = 0
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 41
สมการถดถอยในรูปแบบเมตริกซ์
การสร้างสมการถดถอยจะเริ่มจากการหาค่าประมาณ bj ของพารามิเตอร์ j โดยหา
เวคเตอร์ของตัวประมาณ b ขนาด k + 1
SSE = ee = (Y-Xb) (Y-Xb) = YY - 2bXY + bXXb
SSE
หาค่า b ที่ทาให้ SSE ที่มีค่าน้อยที่สุด นั่นคือ = 0 ได้สมการ
b
XX b = XY
ดังนั้น b = (XX )-1 XY
b0
b
1
b = . (XX ) =
.
.
bk ( k 1)1
n
X i1 X i2 ... X
ik
X i1 X X X X X
2
i1 i1 i2 ... i1 ik
. . . ... .
. . . ... .
. . . ... .
X ik X ik ( k1)( k1)
2
i1 X ik . ... X
Yi
X i1Yi
.
และ XY =
.
.
X Y
ik k ( k 1)1
(XX ) =
n
x , XY = Y
x x XY
2
สมการถดถอยเชิงเส้นแบบพหุ k = 2 จากสมการ Ŷ = b0 + b1 X + b2 X
n
X X 1 2
Y
(XX ) = X1 X X X , XY = X 1Y
2
1 1 2
X 2 X X X 2 X 2Y
1 2 2
การนาหลักการเมตริกซ์มาประยุกต์ใช้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ตัวอย่าง สมมิติว่านักวิชาการการเกษตรผู้หนึ่งต้องการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างผลผลิตของข้าว
พันธุ์หนึ่งกับปริมาณน้าฝน (นิ้ว) จึงเก็บรวบรวมข้อมูลได้ดังนี้
ผลผลิต (ถัง/ไร่) ปริมาณน้าฝน
Y X XY Y2 X2
1 40 10 400 1,600 100
2 50 20 1,000 2,500 400
3 50 10 500 2,500 100
4 70 30 2,100 4,900 900
5 65 20 1,300 4,225 400
6 65 20 1,300 4,225 400
7 80 30 2,400 6,400 900
รวม 420 140 9,000 26,350 3,200
จากข้อมูล
1) จงสร้างสมการถดถอย
2) จงทดสอบว่า ปริมาณน้าฝน มีส่วนในการอธิบายการผันแปรต่อผลผลิต ที่ระดับ
นัยสาคัญทางสถิติ .05
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 43
วิธีการ
สมการการถดถอย Ŷ = b X
จาก หา b = (XX)1 (XY) ให้ set เครื่อง โดย clear ข้อมูลในเครื่องออกให้หมด โดย
กด shift เลือก ARR (F6) Yes เสร็จ แล้วเตรียม (PRE)เครื่องเป็น เมตริกซ์
1) (XX) =
n X
X X 2
n
( Y) 2 SSR
SSR = bXY , MSR = ; k จานวนตัวแปรอิสระ
n k
SSE
MSE = ; n จานวนข้อมูล
n k 1
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 44
จาก SST = Y2 -
( Y) 2
n
( 420 ) 2
แทนค่า SST = 26,350 - เมื่อถึงขั้นตอนนี้แล้ว
7
( 420 ) 2
5. ให้เก็บค่า ที่คานวณได้ 25200 โดย กด STO แล้วเลือกที่เก็บ ตามอักษรสีชมพู A – Z
7
สมมติเลือกเก็บที่ A โดยกด STO และกด A
6. คานวณได้ SST = 1150 เก็บไว้ที่ B โดยกด STOและกด B
( Y) 2
7. จาก SSR = bXY เรียกหาเมตริกซ์ A (ซึ่งคือค่า b ) เปลี่ยน เมตริกซ์ A เป็น
n
At แล้ว Save เป็น C (กด F6) แล้ว เปลี่ยน C A
8. กด F5 ( เป็นการคูณ ระหว่าง A B ซึ่งขนาดนี้ค่าของเมตริกซ์ B ยังเป็นค่าของ ( X Y ) และให้
สังเกตถ้าขนาด เมตริกซ์ไม่สามารถคูณกันได้เครื่องขึ้นคาว่า “ Dim ERROR”
9. เมื่อกด F5 แล้วค่าที่ได้ เป็นค่าของ bX Y = 26100 ให้เก็บค่าไว้ โดย กด STOและกด C
6. คานวณหาค่า SSR โดย ซึ่งต้องกด RCLและกด C - RCL และกด A
7. ได้ค่าSSR = 900 ที่ได้ เก็บบันทึกไว้ โดย กด STOและกด D
8. คานวณหาค่า SSE = SST - SSR โดยเรียกค่า SST ซึ่งเก็บไว้ที่ B โดยกด RCLและกด B แล้ว
ลบด้วย RCL และกด D (SSR) ได้ค่า SSE = 250 ที่คานวณได้ เก็บบันทึกไว้
9. นาค่า SST SSR และ SSE ที่คานวณได้ไว้ในตารางแล้วคานวณหาค่า MSR MSE และ ค่า F
ต่อไป ได้ตาราง ANOVA ดังนี้
SOV df SS MS F - ratio
Regression 1 900 900 18
Error 5 250 50
Total 6 1150
F.05,1,5 = 6.61
ตัวอย่าง จากข้อมูลจงสร้างสมการถดถอยแบบพหุ
i Y X1 X2 Y2 X12 X22 X1Y X2Y X1X2
1 10 1.3 9 100 1.69 81 13 90 11.7
2 6 2 7 36 4 49 12 42 14
3 5 1.7 5 25 2.89 25 8.5 25 8.5
4 12 1.5 14 144 2.25 196 18 168 21
5 10 1.6 15 100 2.56 225 16 150 24
6 15 1.2 12 225 1.44 144 18 180 14.4
7 5 1.6 6 25 2.56 36 8 30 9.6
8 12 1.4 10 144 1.96 100 16.8 120 14
9 17 1 15 289 1 225 17 255 15
10 20 1.1 21 400 1.21 441 22 420 23.1
รวม 112 14.4 114 1,488 21.56 1522 149.3 1,480 155.3
สมการถดถอยเชิงเส้นแบบพหุ k = 2 จากสมการ Ŷ = b0 + b1 X + b2 X
n
X X1 2
Y
(XX ) = X 1 X X X1
2
1 2 , XY = X 1Y
X 2 X X X 2 X 2Y
1 2 2
และ b = (XX )-1 XY
10 14.4 114 112
แทนค่า ; (XX ) = 14.4 21.56 155.3 , XY = 149.3
114 155.3 1,522 1,480
8.3013 4.0213 0.2155
หา (XX ) = 4.0213 2.1230 0.0846
-1
ได้สมการถดถอยแบบพหุ
Ŷ = 16.4064 – 8.2476X1 + 0.5851X2
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 46
EQUATION
1.7 การแก้สมการ ---- > SHIFT F2 X2 AX=b
F1 F2
และ b b 2 4ac
i
2a 2a
i= 1
ขั้นตอนการคานวณโดยใช้เครื่องคิดเลขดังนี้
ตัวอย่าง จงหาค่า x จากสมการ 5x2 + 4x - 1 = 0
ขั้นตอน EQUATION
1) กด SHIFT F2 ปรากฏหน้าจอ X2 AX = b
F1 F2
ax2 + bx + c = 0
2) หน้าจอ กด F1 จะปรากฏ
a b c x
F1 F2 F 3 F5
AX =b n =3
สังเกตหน้าจอจะเปลี่ยนค่า n=2 เป็น n=3 n Ab X
F1 F2 F5
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 48
2) กด F2 หน้าจอจะให้ป้อนข้อมูลลักษณะแบบเมตริกซ์
11 12 13 b1 ป้อนค่าคงที่ สมการที่ 1
F1 F2 F3 F4 2 F1 3F2 -1 F3 15F4
ป้อนเสร็จ กด
21 22 23 b2 ป้อนค่าคงที่ สมการที่ 2
F1 F2 F3 F4 3 F1 -2F2 2F3 4F4
ป้อนเสร็จ กด
31 32 33 b3 ป้อนค่าคงที่ สมการที่ 3
F1 F2 F3 F4 5F1 3F2 -4 F3 9F4
3) ตรวจสอบว่าป้อนถูกต้องหรือไม่ โดยกด
ถ้าถูกต้องกดPRE AX =b n =3
4) หน้าจอจะกลับมาที่ n Ab X ให้กด F5
F1 F2 F5
5) ผลลัพธ์ 2 5 แสดงว่าX2 = 5
แสดงว่าX1 = 2
X1 X2 X3 X1 X2 X3
F1 F2 F3 กด F1 F2 F3
4 แสดงว่าX3 = 4
กด
X1 X2 X3
F1 F2 F3
INTEGRATION
f OUT a b dx n
F1 F2 F3 F4 F5 F6
ความหมาย
F1 (f) ป้อนฟังก์ชันที่มีตัวแปร X ที่ต้องการอินทิเกรต
เมื่อกด F1 แล้วจะปรากฏผล
X IN X เป็นการพิมพ์ฟังก์ชันที่มี X เป็นตัวแปร
F1 F2 IN เมื่อพิมพ์ฟังก์ชัน X แล้ว กด F2 บันทึกฟังก์ชัน
F2 (OUT) เรียกฟังก์ชันที่ต้องการอินทิเกรต
F3 (a) ค่าเริ่มต้นของอินทิเกรต
F4 (b) ค่าสิ้นสุดของอินทิเกรต
F5 ( dx ) ดาเนินการอินทิเกรต
F6 (n) กาหนดค่าอินทิเกรต (ถ้าหากไม่กาหนดเครื่องจะกาหนดให้ )
กด PRE เตรียมพร้อมใหม่
5
ตัวอย่าง จงหาค่าของ (2x 2 3x 5)dx
2
5
2x 3 3x 2 2 53 3 52 2 23 3 22
ตามทฤษฎี ได้ 5x = 5 5 5 2
3 2 2 3 2 3 2
= 94.5
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 50
ขั้นตอน
1) กด SHIFT F3 จะปรากฏหน้าจอแสดงผล
INTEGRATION
f OUT a b dx n
F1 F2 F3 F4 F5 F6
10
ฝึกปฏิบัติ 1. จงหาค่าของ (4x 4 2x 3 x 2 2)dx (เฉลย 82469)
5
8
2. จงหาค่าของ (x3 x 2 )(2x 3)dx (เฉลย 11521)
3
********************************************
การใช้เครื่องคิดเลขในการวิเคราะห์ข้อมูล 51
เอกสารอ้างอิง