Professional Documents
Culture Documents
The Buddha Swords in Dhamma Pad A
The Buddha Swords in Dhamma Pad A
1. มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฎฐา มโนมยา มนสา เจ ปทุฎฌฐน ภาสติ วา กโรติ วา ตโต นํ ทุกฺ
ขมเนฺวติ จกฺกํว วหโต ปทํ ฯ1ฯ
ใจเปนผูนําสรรพสิ่ง ใจเปนใหญ(กวาสรรพสิ่ง) สรรพสิ่งสําเร็จไดดวยใจ ถาพูดหรือทําสิ่งใดดวยใจ
ชั่ว ความทุกขยอมติดตามตัวเขา เหมือนลอหมุนเตาตามเทาโค
Mind foreruns all mental conditions, Mind is chief, mind-made are they; If one
speak or acts with a wicked mind, Then suffering follows him Even as the wheel
the hoof of the ox.
2. มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา มโนเสฎฐา มโนมยา มนสา เจ ปสนฺเนน ภาสติ วา กโรติ วา ตโต นํ สุขม
เนฺวติ ฉายาว อนปายินี ฯ2ฯ
ใจเปนผูนําสรรพสิ่ง ใจเปนใหญ(กวาสรรพสิ่ง) ถาพูดหรือทําสิ่งใดดวยใจบริสุทธิ์ ความสุขยอม
ติดตามเขา เหมือนเงาติดตามตน
Mind foreruns all mental conditions, Mind is chief,mind-made are they; If one
speaks or acts with a pure mind, Then happiness follows him Even as the
shadow that never leaves.
5. น หิ เวเรน เวรานิ สมฺมนฺตีธ กุทาจนํ อเวเรน จ สมฺมนฺติ เอส ธมฺโม สนนฺตโน ฯ5ฯ
แตไหนแตไรมา ในโลกนี้ เวรไมมีระงับดวยการจองเวร มีแตระงับดวยการไมจองเวร นี้เปน
กฎเกณฑตายตัว
At any time in this world, Hatred never ceases by haterd, But through non-
hatred it ceases, This is an eternal law.
6. ปเร จ น วิชานนฺติ มยเมตฺถ ยมามเส เย จ ตตฺถ วิชานนฺติ ตโต สมฺมนฺติ เมธคา ฯ6ฯ
คนทั่วไปมักนึกไมถึงวา ตนกําลังพินาศ เพราะวิวาททุมเถึยงกัน สวนผรความจริงเชนนั้น ยอมไม
ทะเลาะกันอีกตอไป
The common people know not That in this Quarrel they will perish, But those
who realize this truth Have their Quarrels calmed thereby.
7. สุภานุปสฺสึ วิหรนฺตํ อินฺทฺริเยสุ อสํวุตํ โภชนมฺหิ อมตฺตฺุ กุสีตํ หีนวีริยํ ตํ เว ปสหตี มาโร วา
โต รุกฺขํว ทุพฺพลํ ฯ7ฯ
4
12. สารฺจ สารโต ญตฺวา อาสารฺจ อสารโต เต สารํ อธิคจฺฉนฺติ สมฺมาสงฺกปฺปโคจรา ฯ12ฯ
ผูที่เขาใจสิ่งที่เปนสาระ วาเปนสาระ และสิ่งที่ไรสาระวาไรสาระ มีความคิดเห็นชอบ ยอมประสบ
สิ่งที่เปนสาระ
Knowing the essential as the essential, And the unessential as the unessential,
They who feed on right thoughts as such Achieve the essential.
13. ยถา อคารํ ทุจฺฉนฺนํ วุฎฐิ สมติวิชฺฌติ เอวํ อภาวิคํ จิตฺตํ ราโค สมติวิชฺฌติ ฯ13ฯ
เรือนที่มุงไมเรียบรอย ฝนยอมไหลยอยเขาได ใจที่ไมอบรมฝกหัด ราคะกําหนัดยอมครอบงํา
Even as rain into an ill-thatched house, Even so lust penetrates an undeveloped
mind.
14. ยถา อคารํ สุจฺฉนฺนํ วุฎฐิ น สมติวิชฺฌติ เอวํ สุภาวิตํ จิตฺตํ ราโค น สมติวชิ ฌ
ฺ ติ ฯ14ฯ
6
15. อิธ โสจติ เปจฺจ โสจติ ปาปการี อุภยตฺถ โสจติ โส โสจติ โส วิหฺญติ ทิสิวา กมฺมกิลิฎฐมตฺต
โน ฯ15ฯ
คนทําชั่วยอมเศราโศกในโลกนี้ คนทําชั่วยอมเศราโศกในโลกหนา คนทําชั่วยอมเศราโศกในโลกทั้ง
สอง คนทําชั่วยอมเศราโศกเดือดรอนยิ่งนัก เมื่อมองเห็นแตกรรมชั่วของตน
Here he grieves, hereaafter he grieves, In both worlds the evil-doer grieves; He
mourns, he is afflicted, Beholding his own impure deeds.
16. อิธ โมทติ เปจฺจ โมทติ กตปุโฺ ญ อุภยตฺถ โมทติ โส โมทติ ดส ปโมทติ ทิสฺวา กมฺมวิสุทฺธมิ ตฺต
โน ฯ16ฯ
คนทําดียอมราเริงในโลกนี้ คนทําดียอมราเริงในโลกหนา คนทําดียอมราเริงในโลกทั้งสอง คนทําดี
ยอมราเริง เบิกบานใจยิ่งนัก เมื่อมองเห็นแตกรรมบริสุทธิ์ของตน
Here he rejoices, hereafter he rejoices, In both worlds the well-doer rejoices; He
rejoices, exceedingly rejoices, Seeing his own pure deeds.
17. อิธ ตปฺปติ เปจิจ ตปฺปติ ปาปการี อุภยตฺถ ตปฺปติ ปาป เม กตนิติ ตปฺปติ ภิยฺโย ตปฺปติ ทุคฺคตึ
คโต ฯ17ฯ
คนทําชั่วยอมเดือดรอนในโลกนี้ คนทําชั่วยอมเดือดรอนในโลกหนา คนทําชั่ว ยอมเดือดรอนใน
โลกทั้งสอง เมื่อคิดไดวา ตนทําแตกรรมชั่ว ตายไปเกิดในทุคติ ยี่งเดือดรอนหนักขึ้น
7
18. อิธ นนฺทติ เปจฺจ นนฺทติ กตปฺุโญ อุภยตฺถ นนฺทติ ปฺุญํ เม กตนฺติ นนิทติ ภิยฺโย นนฺทติ สุคตึ
คโต ฯ18ฯ
คนทําดียอมสุขใจในโลกนี้ คนทําดียอมสุขใจในโลกหนา คนทําดียอมสุขใจในโลกทั้งสอง เมื่อคิด
วาตนไดทําแตบุยกุศล ยอมสุขใจ ตายไปเกิดในสุคติ ยิ่งสุขใจยิ่งขึ้น
Here he is happy, hereafter he is happy, In both worlds the well-doer is happy;
Thinking; 'Good have I done', thus he is happy, When gone to the state of bliss.
19. พหุมฺป เจ สํหิตํ ภาสมาโน น ตกฺกโร โหติ นโร ปมตฺโต โคโปว คาโว คณยํ ปเรสํ น ภาควา
สามฺญสฺส โหติ ฯ19ฯ
คนที่ทองจําตําราไดมาก แตมัวประมาทเสีย ไมทําตามคําสอน ยอมไมไดรับผลที่พึงไดจากการบวช
เหมือนเด็กเลี้ยงโค นับโคใหคนอื่นเขา
Though much he recites the Sacred Texts, But acts not accordingly, the
heedless man is like the cowherd who counts others'kine; He has no share in
religious life.
20. อปฺปมฺป เจ สํหิตํ ภาสมาโน ธมฺมสฺส โหติ อนุธมฺมจารี ราคฺจ โทสฺจ ปหาย โมหํ สมฺมปฺป
ชาโน สุวิมุตฺตจิตฺโต อนุปาทิยาโน อิธ วา หุรํ วา ส ภาควา สามฺญสฺส โหติ ฯ20ฯ
ถึงจะทองจําตําราไดนอย แตประพฤติชอบธรรม ละราคะ โทสะ และโมหะได รูแจงเห็นจริง มีจิต
หลุดพน ไมยึดมั่น ถือมั่น ทั้งปจจุบันและอนาคต เขายอมไดรับผลที่พึงไดจากการบวช
8
Though little he recites the Sacred Texts, But puts the precepts into practice,
Forsaking lust, hatred and delusion, With rigth knowledge, with mind well freed,
Cling to nothing here or hereafter, He has a share in religious life.
หมวดไมประมาท - Heedfulness
1. อปฺปมาโท อมตํปทํ
ปมาโท มจฺจุโน ปทํ
อปฺปมตฺตา น มียนฺติ
เย ปมตฺตา ยถา มตา ฯ21ฯ
ความไมประมาท เปนทางอมตะ
ความประมาท เปนทางแหงความตาย
ผูไมประมาท ไมมีวันตาย
ผูประมาท ถึงมีชีวิตอยูก็เหมือนคนตายแลว
Heedfulness is the way to the Deathless;
Heedlessness is the way to death.
The heedful do not die;
The heedless are like unto the dead.
จึงยินดีในความไมประมาท
อันเปนแนวทางของพระอริยะ
Realzing this distinction,
The wise rejoice in heedfulness,
Which is the way of the Noble.
3. เต ฌายิโน สาตติกา
นิจฺจํ ทฬฺหปรกฺกมา
ผุสนฺติ ธีรา นิพฺพานํ
โยคกฺเขมํ อนุตฺตรํ ฯ23ฯ
ทานผูฉลาดเหลานั้น หมั่นเจริญกรรมฐาน
มีความเพียรมั่นอยูเปนนิจศีล
บรรลุพระนิพพานอันเปนสภาวะที่สูงสง
อิสระจากกิเลสเครื่องผูกมัด
These wise, constantly meditative,
Ever earnestly persevering,
Attain the bond-free, supreme Nibbana.
4. อุฎฐานวโต สติมโต
สุจิกมฺมสฺส นิสสมฺมการิโน
สฺญตสฺส จ ธมฺมชีวิโน
อปฺปมตฺตสฺส ยโสภิวฑฺฒติ ฯ24ฯ
ยศยอมเจริญแกผูขยัน
มีสติ มีการงานสะอาด
ทํางานดวยความรอบคอบระมัดระวัง
เปนอยูโดยชอบธรรม ไมประมาท
10
5. อุฎฐาเนนปฺปมาเทน
สฺญเมน ทเมน จ
ทีป กยิราถ เมธาวี
ยํ โอโฆ นาภิกีรติ ฯ25ฯ
ดวยความขยัน ดวยความไมประมาท
ดวยความสํารวมระวัง และดวยการขมใจตนเอง
ผูมีปญญาควรสรางเกาะ(ที่พึ่ง)แกตนเอง
ที่หวงน้ํา(กิเลส) ไมสามารถทวมได
By diligence, vigilance,
Restraint and self-mastery,
Let the wise make for himself an island
That no flood can overwhelm.
6. ปมาทมนุยฺุชนติ
พาลา ทุมฺเมธิโน ชนา
อปฺปมาทฺจ เมธาวี
ธนํ เสฎฐํว รกฺขติ ฯ26ฯ
คนพาล ทรามปญญา
มักมัวประมาทเสีย
สวนคนฉลาด ยอมรักษาความไมประมาท
เหมือนรักษาทรัพยอันประเสริฐ
11
7. มา ปมาทมนุยฺุเชถ
มา กามรติสนฺถวํ
อปฺปมตฺโต หิ ฌายนฺโต
ปปฺโปติ วิปุลํ สุขํ ฯ27ฯ
พวกเธออยามัวประมาท
อยามัวเอาแตสนุกยินดีในกามคุณอยูเลย
ผูไมประมาท เพงพินิจตามความเปนจริงเทานั้น
จึงจะบรรลุถึงความสุขอันไพบูลยได
Devote not yourselves to negligence;
Have no intimacy with sensuous delights.
The vigilant, meditative person
Attains sublime bliss.
8. ปมาทํ อปฺปมาเทน
ยถา นุทติ ปณฺฑิโต
ปฺญาปาสาทมารุยฺห
อโสโก โสกินี ปชํ
ปพฺพตฎโฐว ภุมมฺ ฎเฐ
ธีโร พาเล อเวกฺขติ ฯ28ฯ
เมื่อใดบัณฑิตกําจัดความประมาทดวยความไมประมาท
เมื่อนั้นเขานับวาไดขึ้นสู"ปราสาทคือปญญา"
12
9. อปฺปมตฺโต ปมตฺเตสุ
สุตฺเตสุ พหุชาคโร
อพลสฺสํว สีฆสฺโส
หิตวฺ า ยาติ สุเมธโส ฯ29ฯ
ผูมีปญญามักไมประมาท เมื่อคนอื่นพากันประมาท
และตื่น เมื่อคนอื่นหลับอยู
เขาจึงละทิ้งคนเหลานั้นไปไกล
เหมือนมาฝเทาเร็ว วิ่งเลยมาแกลบ ฉะนั้น
Heedful among the heedless,
Wide-awake among those asleep,
The wise man advances
As a swift horse leaving a weak nag behind.
ทาวมฆวานไดเปนใหญกวาทวยเทพ
เพราะผลของความไมประมาท
บัณฑิตจึงสรรเสริญความไมประมาท
และติเตียนความประมาททุกเมื่อ
ภิกษุผูยินดีในความไมประมาท
เห็นภัยในความประมาท
ยอมเผากิเลสเครื่องผูกมัดได
เหมือนไฟเผาเชื้อทุกชนิด
ภิกษุผูไมประมาท
เห็นภัยในความประมาท
ไมมทางเสื่อม
ยอมอยูใกลนิพพานเปนแนแท
จิตดิ้นรน กลับกลอก
ปองกันยาก หามยาก
คนมีปญญาสามารถดีดใหตรงได
เหมือนชางศรดัดลูกศร
มัสยาถูกเขาจับโยนไปบนบก ยอมดิ้นรน
เพื่อจะกลับไปยังแหลงน้ําที่เคยอาศัย
จิตใจเราก็เชนเดียวกัน ดิ้นรนไปหากามคุณ
เพราะฉะนั้น จึงควรละเวนกามคุณเสีย
3. ทุนฺนิคฺคหสฺส ลหุโน
ยตฺถกามนิปาติโน
จิติตสิส ทมโถ สาธุ
จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ ฯ35ฯ
จิตควบคุมยาก เปลี่ยนแปลงเร็ว
ใฝในอารมณตามที่ใคร
ฝกจิตเชนนั้นไดเปนการดี
เพราะจิตที่ฝกดีแลว นําความสุขมาให
16
4. สุทุทฺทสั สุนิปุณํ
ยตฺถกามนิปาตินํ
จิตฺตํ รกิเขถ เมธาวี
จิตฺตํ คุตฺตํ สุขาวหํ ฯ36ฯ
จิตเห็นไดยาก ละเอียดยิ่งนัก
มักใฝในอารมณตามที่ใคร
ผูมีปญญาจึงควรควบคุมจิตไวใหดี
เพราะจิตที่ควบคุมไดแลว นําสุขมาให
5. ทูรงฺคมํ เอกจรํ
อสรีรํ คุหาสยํ
เย จิตฺตํ สฺญเมสฺสนฺติ
โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา ฯ37ฯ
จิตทองเที่ยวไปไกล เที่ยวไปดวงเดียว
ไมมีรูปราง อาศัยอยูในรางกายนี้
ใครควบคุมจิตนี้ได
ยอมพนจากบวงมาร
17
6. อนวฎฐิตจิตฺตสิส
สทฺธมฺมํ อวิชานโต
ปริปุลวปสาทสฺส
ปฺญา น ปริปูรติ ฯ38ฯ
ปญญายอมไมบริบูรณ
แกผูมีจิตไมมั่นคง
ไมรูพระสัทธรรม
มีความเลื่อมใสไมจริงจัง
7. อนวสฺสุตจิตฺตสฺส
อนนุวาหตเจตโส
ปฺุญปาปปหีนสฺส
นตฺถิ ชาครโต ภยํ ฯ40ฯ
ผูมีสติตื่นตัวอยูเนืองนิตย
มีจิตเปนอิสระจากราคะและโทสะ
18
ละบุญและบาปได
ยอมไมกลัวอะไร
He who is vigilant,
He whose mind is not overcome by lust and hatred,
He who has discarded both good and evil -
For such a one there is no fear.
เมื่อรูวารางกายนี้แตกดับงายเหมือนหมอน้ํา
พึงปองกันจิตใหมั่นเหมือนปองกันเมืองหลวง
แลวพึงรบกับพญามารดวยอาวุธคือปญญา
เมื่อรบชนะแลวพึงรักษาชัยชนะนั้นไว
ระวังอยาตกอยุในอํานาจมารอีก
Realizing that body is fragile as a pot,
Establishing one's mind as firm as a fortified city,
Let one attack let one guard one's conqust
And afford no rest to Mara.
อีกไมนาน รางกายนี้
จักปราศจากวิญญาณ
ถูกทอดทิ้ง ทับถมแผนดิน
เหมือนทอนไมอันหาประโยชนมิได
Soon, alas! will this body lie
Upon the ground, unheeded,
Devoid of consciousness,
Even as useless log.
จิตที่ฝกฝนผิดทาง
ยอมทําความเสียหายได
ยิ่งกวาศัตรูทําตอศัตรู
หรือคนจองเวรทําตอคนจองเวร
มารดาก็ทําใหไมได
บิดาก็ใหไมได
ญาติพี่นองก็ทําใหไมได
แตจิตที่ฝกฝนไวชอบยอมทําสิ่งนั้นใหได
และทําใหไดอยางประเสริฐดวย
What neither mother ,nor father,
Nor any other relative can do,
A well-directed mind does
And thereby elevates one.
หมวดดอกไม - THE FLOWERS
ใครจักครองแผนดินนี้
พรอมทั้งยมโลก และเทวโลก
ใครจักเลือกเฟนพระธรรมบท
ที่ทรงแสดงไวดีแลว
เหมือนนายมาลาการผูฉลาด
เลือกเก็บดอกไม
พระเสขะจักครองแผนดินนี้
พรอมทั้งยมดลกและเทวโลก
พระเสขะจักเลือกเฟนพระธรรมบท
ที่ทรงแสดงไวดีแลว
เหมือนนายมาลาการผูฉลาด
เลือกเก็บดอกไม
เมี่อรูวารางกายนี้แตกสลายงาย และวางเปลา
เชนเดียวกับฟองน้ํา และพยับแดด
22
ก็ควรทําลายบุษปศรของกามเทพ
ไปใหพนทัศนวิสัยของมัจจุราชเสีย
มฤตยูฉุดคราคนผูมัวเก็บดอกไม(กามคุณ)
มีใจเกี่ยวของอยูในกามคุณไป
เหมือนหวงน้ําใหญหลากมา
พัดพาเอาชาวบานผูหลับไหลไป
ผูที่มัวเก็บดอกไม(กามคุณ)เพลินอยู
มีจิตใจของอยูแตในกามคุณไมรูจักอิ่ม
มักตกอยูในอํานาจมฤตยู
มุนีพึงจาริกไปในเขตคาม
ไมทําลายศรัทธาและโภตะของชาวบาน
ดุจภมรดูดรสหวานของบุปผชาติแลวจากไป
ไมใหสีและกลิ่นชอกช้ํา
7. น ปเรสํ วิโลมานิ
น ปเรสํ กตากตํ
24
อตฺตนาว อเวกฺเขยฺย
กตานิ อกตานิ จ ฯ50ฯ
ไมควรแสหาความผิดผูอื่น
หรือธุระที่เขาทําแลวหรือยังไมทํา
ควรตรวจดูเฉพาะกิจ
ที่ตนทําหรือยังไมทําเทานั้น
วาจาสุภาสิต
ของผูทําไมไดตามพูด
ยอมไมมีประโยขนอะไร
ดุจดอกไมสีสวย แตไรกลิ่น
วาจาสุภาษิต
ของผูทําไดตามพูด
ยอมอํานวยผลดี
ดุจดอกไมสีสวยและมีกลิ่นหอม
กลิ่นปุปผชาติ กหอมทวนลมไมได
กลิ่นจันทน กฤษณา หรือดอกมะลิ
ก็หอมทวนลมไมได
แตกลิ่นสัตบุรุษ หอมทวนลมไมได
สัตบุรุษ ยอมหอมฟุงขจรไปทั่วทุกทิศ
จันทน กฤษณา
ดอกอุบล และ กะลําพัก
มารยอมคนไมพบวิถีทาง
ของผูทรงศีลผูอยูดวยความไมประมาท
ผูหลุดพนจากอาสวกิเลส เพราะรูชอบ
ทามกลางหมูปุถุชน ผูโงเขลา
ผูเปนเสมือนสิ่งปฏิกูล
พระสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจา
ยอมรุงเรืองดวยปญญา ฉันนั้น
ราตรีนาน สําหรับคนนอนไมหลับ
ระยะทางโยชนหนึ่งไกล สําหรับผูลาแลว
สังสารวัฎยาวนาน สําหรับคนพาล
ผูไมรูแจงพระสัทธรรม
2. จรฺเจ นาะคจฺเฉยฺย
เสยฺยํ สทิสมตฺตโน
เอกจริยํ ทฬฺหํ กยิรา
นตฺถิ พาเล สหายตา ฯ61ฯ
หากแสวงหาไมพบเพื่อนที่ดีกวาตน
หรือเพื่อนที่เสมอกับตน
ก็พึงเที่ยวไปคนเดียว
เพราะมิตรภาพ ไมมีในหมูคนพาล
If, as he fares, he finds no companion
Who is better or equal,
Let him firmly pursue his solitary course;
There is no fellowship with the foot.
คนโงมัวคิดวุนวายวา
เรามีบุตร เรามีทรัพย
เมื่อตัวเขาเองก็ไมใชของเขา
บุตรและทรัพยจะเปนของเขาไดอยางไร
5. ยาวชีวมฺป เจ พาโล
ปณฺฑิตํ ปฏิรุปาสติ
น โส ธมฺมํ วิชานาติ
ทพฺพิ สูปรสํ ยถา ฯ64ฯ
ถึงจะอยุใกลบัณฑิต
เปนเวลานานชั่วชีวิต
คนโงก็หารูพระธรรมไม
เหมือนจวักไมรูรสแกง
32
6. มุหุตฺตมฺป เจ วิฺู
ปณฺฑิตํ ปยิรุปาสติ
ขิปฺป ธมฺมํ วิชานาติ
ชิวหา สูปรสํ ยถา ฯ65ฯ
ปญญาชน คบบัณฑิต
แมเพียงครูเดียว
ก็พลันรูแจงพระธรรม
เหมือนลิ้นรูรสแกง
เหลาคนพาล ปญญาทราม
33
ทําตัวเองใหเปนศัตรูของตัวเอง
เที่ยวกอแตบาปกรรรมที่มีผลเผ็ดรอน
กรรมใดทําแลวทําใหเดือดรอนภายหลัง
อีกทั้งทําใหรองไหน้ําตานอง
รับสนองผลของการกระทํา
กรรมนั้นไมดี
กรรมใดทําแลว ไมเดือดรอนภายหลัง
ทั้งผูกระทํากเบิกบานสําราญใจ
ไดเสวยผลของการกระทํา
กรรมนั้นดี
ตลอดระยะเวลาที่บาปยังไมใหผล
คนพาลสําคัญบาปหวานปานน้ําผึ้ง
เมื่อใดบาปใหผล
เมื่อนั้นเขายอมไดรับทุกข
คนพาล ถึงจะบําเพ็ญตบะ
โดยเอาปลายหญาคาจิ้มอาหารกิน ทุกเดืน
การปฏิบัติของเขาไมเทาหนึ่งในสิบหกสวน
ของการปฏิบัติของทานผูบรรลุธรรม
กรรมชั่วที่ทําแลว ยังไมใหผลทันทีทันใด
เหมือนนมรีดใหม ๆ ไมกลายเปนนมเปรี้ยวในทันที
36
แตมันจะคอย ๆ เผาผลาญผูกระทําในภายหลัง
หมือนไฟไหมแกลบ
คนพาลไดความรูมา
เพื่อการทําลายถายเดียว
ความรูนั้น ทําลายคุณความดีเขาสิ้น
ทําใหมันสมองของเขาตกต่ําไป
ภิกษุพาล ปรารถนาชื่อเสียงเกียรติยศที่ไมเหมาะ
อยากเปนใหญกวาพระภิกษุทั้งหมด
อยากเปนเจาอาวาส
อยากไดรับบูชาสักการะจากชาวบานทั้งหลาย
"ขอใหคฤหัสถ และบรรพชิต
จงสําคัญวา เราเทานั้นทํากิจนี้
ขอใหเขาเหลานั้นอยูในบังคับบัญชาของเรา
ไมวากิจการใหญหรือเลก"
ภิกษุพาล มักจะคิดใฝฝนเชนนี้
ความทะเยอทะยาน และวามหยิ่งกพลอยเพิ่มขึ้น
ทางหนึ่งแสวงหาลาภ
ทางหนึ่งไปนิพพาน
รูอยางนี้แลว ภิกษุพุทธสาวก
ไมควรไยดีลาภสักการะ
ควรอยูอยางสงบ
เมื่อใดพราหมณขามถึงฝงโนน (นิพพาน)
ดวยการปฏิบัติธรรมทั้งสอง (สมถะและวิปสนา)
เมื่อนั้นเครื่องผูกพันทั้งปวง
ของเขาผูรูจริงยอมสิ้นไป
ผูใดไมมีฝงนี้ หรือฝงโนน
หรือไมมีทั้งสองฝง
ไมมีความกระวนกระวายใจ เปนอิสระ
ผูนั้นเราเรียกวา พราหมณ
๔. ฌายึ วิรชมาสีนํ
กตกิจฺจํ อนาสวํ
อุตฺตมตฺถํ อนุปฺปตฺตํ
ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ ฯ ๓๘๖ ฯ
ผูใดบําเพ็ญฌาน ปราศจากกิเลส
อยูคนเดียว หมดกิจที่จะพึงทํา
หมดอาสวะ ลุถึงจุดหมายปลายทางแลว
ผูนั้นเราเรียกวา พราหมณ
๖. พาหิตปาโป หิ พฺราหฺมโณ
สมจริยา สมโณติ วุจฺจติ
ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ
ตสฺมา ปพฺพชิโตติ วุจฺจติ ฯ ๓๘๘ ฯ
42
ผูที่ชื่อวาพราหมณ เพราะละบาปได
ชื่อวาสมณะ เพราะมีจรรยาสงบ
ชื่อวาบรรพชิต เพราะละมลทินได
Without evil he is called a brahmana.
He who lives in peace is called a samana.
With all impurities gone,
A pabbajita is he called.
๗. น พฺราหฺมณสฺส ปหเรยฺย
นาสฺส มฺุเจถ พฺราหฺมโณ
ธิ พฺราหฺมณสฺส หนฺตารํ
ตโต ธิ ยสฺส มฺุจติ ฯ ๓๘๙ ฯ
ไมควรรังแกพราหมณ (นักบวช)
และพราหมณก็ไมควรแสดงความโกรธตอบ
คนที่รังแกพราหมณ เปนคนนาตําหนิ
แตพราหมณผูโกรธตอบ นาตําหนิกวา
One should not strike a brahmana,
Nor such a brahmana vent his wrath on him.
Woe to him who strikes a brahamana.
More woe to him who gives way to his wrath.
๘. น พฺราหฺมณสฺเสตทกิฺจิ เสยฺโย
ยทา นิเสโธ มนโส ปเยหิ
ยโต ยโต หึสมโน นิวตฺตติ
ตโต ตโต สมฺมติเมว ทุกขฺ ํ ฯ ๓๙๐ ฯ
43
ไมมีอะไรจะดีสําหรับพราหมณ
เทากับหักหามใจจากปยารมณ
เมื่อใดเขาไมเบียดเบียนคนอื่น
เมื่อนั้น ความทุกขก็สงบ
Naught is better for a brahmana.
Than restraint of mind from what is dear.
Whenever his ill will has been put aside,
Then and then only his sorrow subsides.
ควรเคารพนอบนอมบุคคลนั้น
เหมือนพราหมณบูชาไฟ
From whom one knows the Truth Sublime
Which the Awakened One proclaimed,
Devotedly should one revere him,
As a brahmana tends the sacrificial fire.
ภายนอกเจาสะอาดสดใส
แตภายในเจารกรุงรัง
What use of your matted hair, O foolish one?
And what of your entelope-garment?
Full of impurities is your mind,
You embellish only the outside.
เพียงเกิดในตระกูลพราหมณ
หรือมีมารดาเปนพราหมณ
เราไมเรียกเขาวา พราหมณ
หากเขายังมีกิเลสอยู
เขาก็เปนพราหมณแตชื่อ
ผูใดหมดกิเลสไมยึดมั่นถือมั่น
ผูนั้นเราเรียกวา พราหมณ
I do not call him a brahmana
Merely because he is born of a womb
Or sprung from a brahmani.
If he is full of impediments,
He is merely a brahmana by name.
He who is free from impediments and clinging-
Him do I call a brahmana.
และเมล็ดผักกาดไมตดิ ปลายเข็ม
ผูนั้นเราเรียกวา พราหมณ
Like water on a lotusleaf,
Like a mustard seed on a needle's point,
He who clings not to sensual pleasures-
Him do I call a brahmana.
ผูมีปญญาลึกซึ้ง หลักแหลม
ฉลาดเลือกทางผิดทางชอบ
บรรลุถึงจุดหมายปลาทางอันอุดม
เราเรียกวา พราหมณ
He whose wisdom is deep,
Who is wise and skilled
In the right and wrong means,
Who has reached the Highest Goal-
Him do I call a brahmana.
ผูงดเบียดเบียนสัตวอื่น
ไมวาเล็กหรือใหญ
ไมฆาเอง ไมสั่งใหคนอื่นฆา
เราเรียกวา พราหมณ
He who has given up harming creatures,
Whether feeble or strong,
Who neither kills nor causes to kill-
Him do I call a brahmana.
ผูใดไมขโมยของคนอื่น
ไมวาสั้นหรือยาว
เล็กหรือใหญ ดีหรือไมดี
ผูนั้นเราเรียกวา พราหมณ
He who in this world
Takes not what is not given,
Be it long or short,
Small or great, fair or foul-
Him do I call a brahmana.
ผูใดหมดตัณหา
หมดสงสัย เพราะรูแจงจริง
ลุถึงอมตนิพพานแลว
ผูนั้นเราเรียกวา พราหมณ
He who has no more longing,
Who through knowledge is free from doubts,
Who has plunged deep into the Deathless-
Him do I call a brahmana.
1. คตทฺธิโน วิโสกสฺส
วิปฺปมุตตฺ สฺส สพฺพธิ
สพฺพคนฺถปฺปหีนสฺส
ปริฬาโห น วิชฺชติ ฯ90ฯ
ผูเดินทางถึงจุดหมายปลายทางแลว
วิมุติหลุดพนโดยประการทั้งปวง
หมดโศก หมดเครื่องพัวพันแลว
ความรอนใจก็หมดไป
61
ทานที่หมดการสะสม(ปจจัยหรือกรรมดีกรรรมชั่ว)
พิจารณาโภชนะกอนบริโภค เขาถึงความหลุดพน
อันวางจากกิเลสและไรนิมิตหมายคือกิเลส
62
บุคคลเชนนี้ ยากที่สามัญชนขะตามทัน
เหมือนนกบินบนทองฟา ตามทันยาก
4. ยสฺสาสวา ปริกฺขีณา
อาหาเร จ อนิสฺสิดต
สฺุญโต อนิมิตฺโต จ
วิโมกฺโข ยสฺส โคจโร
อากาเสว สกุนฺตานํ
ปทํ ตสฺส ทุรนฺวยํ ฯ93ฯ
5. ยสฺสินฺทริยานิ สมถงฺคตานิ
อสฺสา ยถา สารถินา สุทนฺตา
ปหีนมานสฺส อนาสวสฺส
เทวาป ตสฺส ปหยนฺติ ตาทิโน ฯ94ฯ
ทานผูใดควบคุมอินทรียคือ
ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย, ใจ ได
เหมือนมาที่สารถีควบคุมไดอยางดี
ทานผูนี้หมดความไวตัว หมดกิเลส มั่นคง
ยอมเปนที่โปรดปราน แมกระทั่งของเทวดาทั้งหลาย
6. ปฐวีสโม โน วิรุชฺฌติ
อินฺทขีลูปดม ตาทิ สุพฺพโต
รหโทว อเปตกทฺทดม
สํสารา น ภวนฺติ ตาทิโน ฯ95ฯ
พระอรหันตฺเปรียบไดกับแผนดิน ไมเคยโกรธขึ้งใคร
มีจิตคงที่ เหมือนหลักเมือง
มีจรรยาสะอาด เหมือนสระน้ําที่ใสไรเปลือกตม
ผูมีคุณสมบัติเห็นปานนี้ ยอมไมเวียนวายตายเกิดอีก
64
พระอรหันตฺผูเปนอิสระเพราะรูแจง
ผูสงบระงับ และมีจิตมั่นคง
ใจของทาน ยอมสงบ
วาจาก็สงบ
การกระทําทางกายก็สงบ
8. อสทฺโธ อกตฺู จ
สนฺธิจฺเฉโท จ โย นโร
หตาวกาโส วนฺตาโส
ส เว อุตฺตมโปริโส ฯ97ฯ
65
ผูไมเชื่อใครงายตนกวาจะพิสูจนดวยตนเอง ๑
ผูรูแจงพระนิพพาน ๑
ผูหมดการเวียนวายตายเกิด ๑
ผูหมดโอกาสที่จะทําดีหรือชั่ว ๑
ผูหมดกิเลสที่ทําใหหวัง ๑
หาประเภทนี้แล เรียกวา "ยอดคน"
9. คาเม วา ยทิวารฺเญ
นินฺเน วา ยิทวา ถเล
ยตฺถารหนฺโต วิหรนฺติ
ตํ ภูมิ รามเณยฺยกํ ฯ99ฯ
ไมวาจะเปนบาน หรือปา
ไมวาจะเปนที่ลุม หรือที่ดอน
พระอรหันตทั้งหลายอยูในที่ใด
ที่นั้น เปนที่นารื่นรมย
ปาที่คนทั่วไปไมชื่นชม
เปนรมณียสถาน
สําหรับทานผูมหมดราคะ
เพราะพระทานมิไดใฝกามคุณ
คําพูดที่เหลวไหลไรประโยชนตั้งพันคํา
67
ก็สูคําพูดที่มีประโยชนคําเดียวไมได
เพราะฟงแลวทําใหจิตใจสงบ
บทกวีตั้งพันโศลก
แตไรประโยชน
ไมเทาบทกวีบรรทัดเดียว
ที่ทําใหผูฟงไดรับความสงบ
Better than a thounsand verses,
Comprising useless words,
Is one beneficial single line,
Hearing which one is pacified.
3. โย จ คาถาสตํ ภาเส
อนตฺถปทสฺหิตา
เอกํ ธมฺมปทํ เสยฺโย
ยํ สุตฺวา อุปสมฺมติ ฯ 102 ฯ
68
บทกวีบรรยายธรรมบทเดียว
ที่ทําใหผูฟงไดรับความสงบ
ประเสริฐกวาบทกวีที่ทองจําไดตั้งรอยโศลก
แตไมมีประโยชนแมแตบทเดียว
4. โย สหสฺสํ สหสฺเสน
สงฺคาเม มานุเส ชิเน
เอกฺจ เชยฺยมตฺตานํ
ส เว สงฺคามชุตฺตโม ฯ103ฯ
ถึงจะรบชนะขาศึกเปนพัน ๆ ราย
ก็ไมนับเปนยอดขุนพล
แตผูที่เอาชนะจิตใจตน
จึงเรียก "ยอดขุนพล" แทจริง
เอาชนะตนไดนั้นแล ประเสริฐ
ผูที่ฝกตนได ระวังระไวตลอดเวลา
ถึงเทวดา คนธรรพ และพระพรหม
ก็เอาชนะไมได
การบูชาทานผูฝกตน แมเพียงหนึ่งครั้ง
บังเกิดผลมหาศาล
70
ยิ่งกวาสละทรัพยบูชายัญเดือนละพัน
เปนเวลาติดตอกันถึงรอยป
7. โย จ วสฺสสตํ ชนฺตุ
อคฺคึ ปริจเร วเน
เอกฺจ ภาวิตตฺตานํ
มุหุตฺจมฺป ปูชเย
สา เยว ปูชนา เสยฺโย
ยฺเจ วสฺสสตํ หุตํ ฯ107ฯ
การบูชาทานผูฝกตนแมเพียงครูเดียว
บังเกิดผลมหาศาล
ยิ่งกวาการบูชาไฟในปา
เปนเวลาตั้งรอยป
ไมวายัญชนิดไหน ที่ผูใครบุญพึงบูชาตลอดป
การบูชายัญนั้นมีคาไมเทาหนึ่งในสของการยกมือไหว
ทานผูปฏิบัติตรงตามอริยมาาคแมเพียงครั้งเดียว
การไหวบุคคลเชนนั้นประเสริฐกวาเปนไหน ๆ
9. อภิวาทนสีลิสฺส
นิจฺจํ วุฑฺฒาปจายิโน
จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ
อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ ฯ109ฯ
ผูกราบไหว ออนนอมถอมตัว
ตอผูใหญเปนนิจศีล
ยอมเจริญดวยคุณธรรมสี่ประการคือ
อายุ ชื่อเสียง สุข และกําลัง
72
ผูมีศีล มีสมาธิ
ประเสริฐกวาชีวิตตั้งรอยป
ของคนทุศีล ไรสมาธิ
ผูมีปญญา มีสมาธิ
73
มีชีวิตอยูวันเดียว
ประเสริฐกวาชีวิตตั้งรอยป
ของผูทรามปญญา ไรสมาธิ
ผูมีความเพียรมั่นคง
มีชีวิตอยูวันเดียว
ประเสิรฐกวาชีวิตตั้งรอยป
ของผูเกียจคราน ไรความเพียร
ผูพิจารณาเห็นความเกิด-ดับแหงสังขาร
มีชีวิตอยูวันเดียว
ประเสริฐกวาชีวิตตั้งรอยป
ของผูไมพิจารณาเห็น
ผูพบทางอมตะ
มีชีวิตอยูวันเดียว
ประเสริฐกวาชีวิตตั้งรอยป
ของผูไมพบ
๑. อภิตฺถเรถ กลฺยาเณ
ปาปา จิตฺตํ นิวารเย
ทนฺธํ หิ กรโต ปฺุญํ
ปาปสฺมึ รมตี มโน ฯ ๑๑๖ ฯ
พึงรีบเรงกระทําความดี
และปองกันจิตจากความชั่ว
เพราะเมื่อกระทําความดีชาไป
ใจจะกลับยินดีในความชั่ว
ถาหากจําตองทําชั่วไซร
ก็ไมควรทําบอยนัก
และไมควรพอใจในการทําชั่วนั้น
เพราะการสะสมบาป นําทุกขมาให
ถาหากจะทําความดี
ก็ควรทําดีบอยๆ
77
ควรพอใจในการทําความดีนั้น
เพราะการสะสมความดีนําสุขมาให
เมื่อบาปยังไมสงผล
คนชั่วก็เห็นวาเปนของดี
ตอเมื่อมันเผล็ดผลเมื่อใด
เมื่อนั้นแหละเขาจึงรูพิษสงของบาป
เมื่อความดียังไมสงผล
คนดีก็มองเห็นความดีเปนความชั่ว
ตอเมื่อใดความดีเผล็ดผล
เมื่อนั้นแหละเขาจึงจะเห็นผลของความดี
๖. มาวมฺเญถ ปาปสฺส
น มตฺตํ อาคมิสฺสติ
อุทพินฺทุนิปาเตน
อุทกุมฺโภป ปูรติ
อาปูรติ พาโล ปาปสฺส
โถกํ โถกมฺป อาจินํ ฯ ๑๒๑ ฯ
อยาดูถูกความชั่วเล็กนอยวาจักไมสนองผล
น้ําตกจากเวหาทีละหยาดๆ ยังเต็มตุมได
คนพาลทําความชั่วทีละเล็กละนอย
ยอมเต็มดวยความชั่วไดเชนกัน
Despise not evil,
Saying, 'It will not come to me';
Drop by drop is the waterpot filled,
79
อยาดูถูกบุญเล็กนอยวาจักไมสนองผล
น้ําตกจากเวหาทีละหยาดๆ ยังเต็มตุมได
นักปราชญสะสมบุญทีละเล็กละนอย
ยอมเต็มดวยบุญไดเชนกัน
พอคามีทรัพยมาก มีพวกนอย
ละเวนทางที่มีภัย
คนรักชีวิตละเวนยาพิษ ฉันใด
บุคคลพึงละบาป ฉันนั้น
เมื่อมือไมมีแผล
บุคคลยอมจับตองยาพิษได
ยาพิษนั้นไมสามารถทําอันตรายได
บาปก็ไมมีแกผูไมทําบาป
If no wound there be in the hand,
One may handle poison;
Poison does not affect one who has no wound;
There is no ill for him who does no wrong.
สัตวบางพวกกลับมาเกิดอีก
พวกที่ทําบาป ไปนรก
พวกที่ทําดี ไปสวรรค
พวกที่หมดอาสวกิเลส ปรินิพพาน
ไมวาบนทองฟา
ไมวาทามกลางสมุทร
ไมวาในหุบเขา
ไมมีแมแตแหงเดียว
ที่ผูทํากรรมชั่วอาศัยอยู
จะหนีพนกรรมไปได
ไมวาบนทองฟา
ไมวาทามกลางสมุทร
ไมวาในหุบเขา
ไมมีแมสักแหงเดียว
83
ที่คนเราอาศัยอยูแลว
จะหนีพนความตายได
Neither in the sky no in mid-ocean,
Nor in the clefts of the rocks,
Nowhere in the world is found that place
Where abiding one will not be overcome by death.
10 หมวดลงทัณฑ - PUNISHMENT
สัตวทั้งหมดกลัวโทษทัณฑ
สัตวทั้งหมดกลัวความตาย
เปรียบตนเองกับผูอื่นอยางนี้แลว
ไมควรฆาเอง ไมควรสั่งใหคนอื่นฆา
สัตวทั้งหมดกลัวโทษทัณฑ
สัตวทั้งหมดรักชีวิตของตน
เปรียบตนเองกับคนอื่นอยางนี้แลว
ไมควรฆาเอง ไมควรสั่งใหคนอื่นฆา
๓. สุขกามานิ ภูตานิ
โย ทณฺเฑน วิหึสติ
อตฺตโน สุขเมสาโน
เปจฺจ โส น ลภเต สุขํ ฯ ๑๓๑ ฯ
สัตวทั้งหลายลวนตองการความสุข
ผูที่ตองการความสุขแกตน
แตเบียดเบียนสัตวอื่น
ตายไปแลวยอมไมไดรับความสุข
๔. สุขกามานิ ภูตานิ
โย ทณฺเฑน น หึสติ
อตฺตโน สุขเมสาโน
เปจฺจ โส ลภเต สุขํ ฯ ๑๓๒ ฯ
สัตวทั้งหลายลวนตองการความสุข
ผูที่ตองความสุขแกตน
ไมเบียดเบียนสัตวอื่น
ตายไปแลวยอมไดรับความสุข
อยากลาวคําหยาบแกใครๆ
เมื่อถูกทานดาวา เขาจะโตตอบทาน
การพูดจากราวราวกันเปนเหตุกอทุกข
อาจลุกลามถึงขั้นลงมือประทุษรายกัน
ความแกและความตาย
ไลตอนอายุสัตวทั้งหลายไป
เหมือนเด็กเลี้ยงโค ถือทอนไม
คอยไลตอนฝูงโคไปสูที่หากิน
87
8. อถ ปาปานิ กมฺมานิ
กรํ พาโล น พุชฺฌติ
เสหิ กมฺเมหิ ทุมฺเมโธ
อคฺคิทฑฺโฒว ตปฺปติ ฯ136ฯ
คนพาล เวลาทําชั่ว
หาสํานึกถึงผลของมันไม
คนทรามปญญามีกเดือดรอน
เพราะกรรมชั่วของตัว
เหมือนถูกไฟไหม
9. โย ทณฺเฑร อทณฺเฑสุ
อปฺปทุฎเฐสุ ทุสฺสติ
ทสนฺนมฺญตรํ ฐานํ
ขิปฺปเมว นิคจฺฉติ ฯ137ฯ
88
ผูทํารายลงทัณฑแกบุคคล
ผูไมเบียดเบียน ไมทํารายใคร
ยอมไดรับผลสนองสิบอยาง
อยางใดอยางหนึ่งทันตาเห็น
ไดรับเวทนาอยางรุนแรง
ไดรับความเสทอมเสีย
ถูกทํารายรางกาย
เจ็บปวยอยางหนัก
กลายเปนคนวิกลจริต
ตองราชภัย
ถูกกลาวหาอยางรุนแรง
ไรญาติพี่นอง
ทรัพยสมบัติก็พินาศฉิบหาย
หรือไมบานเรือนของเขายอมถูกไฟไหม
ตายไป เขาผูทรามก็ตกนรก
ไมใชประพฤติตนเปนชีเปลือย ไมใชมุนชฏา
ไมใชเอาโคลนทารางกาย ไมใชการอดอาหาร
ไมใชนอนบนดิน ไมใชคลุกฝุนธุลี ไมใชนั่งกระโหยง
ที่ทําใหคนผูยังไมขามพนความสงสัย บริสุทธิ์
ถึงจะแตงกายแบบใด ๆ ก็ตาม
ถาใจสงบระงับ ควบคุมตัวได
มั่นคง บริสุทธิ์ ไมเบียดเบีนคนอื่น
เรียกวา พราหมณ สมณะ หรือ ภิกษุ
In whatever he be decked,
If yet he cultivates traquilty of mind,
Is calm, controlled, certain and chaste,
And has ceased to injure all other beings,
He is indeed, a brahmana, a samana, a bhikkhu.
ผูหักหามใจไมทําชั่วเพราะละอายบาป
หาไดนอยนักในโลกนี้
คนเชนนี้ยอมปลุกตัวเองจากหลับอยูเสมอ
เหมือนมาดี ระวังตัวเองใหพนแส
Rarely is found in this world anyone
Who is restrained by shame and wide-awake,
As a thoroughbred horse avoids the whip.
ชาวนา ไขน้ําเขานา
93
ชาวศร ดัดลูกศร
ชางไม ถากไม
คนดี ฝกตนเอง
อาตุรํ พหุสงฺกปฺป
ยสฺส นตฺถิ ธุวํ ฐิติ ฯ ๑๔๗ ฯ
จงดูรางกายที่วาสวยงามนี้เถิด
เต็มไปดวยแผล สรางขึ้นดวยกระดูก
มากดวยโรค มากดวยความครนคิดปรารถนา
หาความยั่งยืนถาวรมิได
Behold this beautiful body,
A mass of sores, a bone-gathering,
Diseased and full of hankerings,
With no lasting, no persisting.
๓. ปริชิณฺษมิทํ รูป
โรคนิฑฺฒํ ปภงฺคุณํ
ภิชฺชติ ปูติสนฺเทโห
มรณนฺตํ หิ ชีวิตํ ฯ ๑๔๘ ฯ
รางกายนี้แกหงอมแลว เปนที่อาศัยของโรค
แตกทําลายงาย รางกายอันเนาเหม็นนี้
จักแตกสลายพังภินท
เพราะขีวิตสิ้นสุดลงที่ความตาย
๔. ยานีมานิ อปตฺถานิ
อลาพูเนว สารเท
กาโปตกานิ อฏฐีนิ
ตานิ ทิสฺวาน กา รติ ฯ ๑๔๙ ฯ
กระดูกเหลานี้ มีสีขาวเหมือนสีนกพิราบ
ไมเปนที่ตองการของใครๆ
ดุจน้ําเตาในฤดูสารท
ดูแลวไมนาปรารถนายินดี
As gourds are cast away in autumn,
So are these dove-hued bones.
What pleasure is there found
For one who looks at them?
๗. อปฺปสฺสุตายํ ปุริโส
พลิวทฺโทว ชีรติ
มํสานิ ตสฺส วฑฺฒนฺติ
ปฺญา ตสฺส น วฑฺฒติ ฯ ๑๕๒ ฯ
คนโงแกเปลา
เหมือนโคถึก
มากแตเนื้อหนังมังสา
แตปญญาหาเพิ่มขึ้นไม
๘. อเนกชาติสํสารํ
สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ
คหการํ คเวสนฺโต
ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ ฯ ๑๕๓ ฯ
เมื่อไมพบนายชางผูสรางเรือน
เราไดเวียนวายตายเกิด
ในสงสารนับชาติไมถวน
การเกิดแลวเกิดอีกเปนทุกข
๙. คหการก ทิฏโฐสิ
ปุน เคหํ น กาหสิ
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา
คหกูฏํ วิสงฺขตํ
วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ
ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา ฯ ๑๕๔ ฯ
นายชางเอย บัดนี้เราพบทานแลว
ทานจะสรางเรือนไมไดอีก
จันทัน อกไก เราทําลายหมดแลว
จิตของเราบรรลุนิพพาน
หมดความทะยานอยากแลว
98
พอถึงวัยแกเฒา พวกเขายอมนอนทุกข
ทอดถอนใจรําพึงถึงความหลัง
เหมือนธนูหัก (ใชยิงอะไรก็ไมได)
๒. อตฺตานเมว ปฐมํ
ปฏิรูเป นิเวสเย
อถฺญมนุสาเสยฺย
น กิลิสฺเสยฺย ปณฺฑิโต ฯ ๑๕๘ ฯ
100
ควรปฏิบัติตนใหดีกอน
แลวคอยสอนคนอื่น
บัณฑิตเมื่อทําไดอยางนี้
จึงจะไมสรางมลทินแกตน
One should first establish oneself
In what is proper,
And then instruct others.
A wise man who acts in this way
Shall never get defiled.
อตฺตนา หิ สุทนฺตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ ฯ ๑๖๐ ฯ
เราตองพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเลาจะเปนที่พึ่งได
บุคคลผูฝกตนดีแลว
ยอมไดที่พึ่งที่ไดแสนยาก
Oneself ideeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectedly trained,
One obtains a refuge hard to gain.
๖. ยสฺส อจฺจนฺตทุสฺสีลฺยํ
มาลุวา สาลมิโวตฺถตํ
กโรติ โส ตถตฺตานํ
ยถา นํ อิจฺฉตี ทิโส ฯ ๑๖๒ ฯ
คนทุศีล ก็เหมือนกับตนไม
ที่เถาวัลยขึ้นจนรก
เขาทําตัวใหวอดวายเอง
มิจําตองรอใหศัตรูมาคอยกระทําให
๗. สุกรานิ อสธูนิ
อตฺตโน อหิตานิ จ
ยํ เว หิตฺจ สาธฺุจ
ตํ เว ปรมทุกกฺ รํ ฯ ๑๖๓ ฯ
กรรมไมดี ทั้งไมมีประโยชนแกตน ทํางาย
แตกรรมดีและมีประโยชน ทําไดยากยิ่ง
Easy to do are those karmas
Which are bad and not benefitting oneself.
But those which are good and beneficial
Are dificult indeed to be performed.
103
๘. โย สาสนํ อรหตํ
อริยานํ ธมฺมชีวินํ
ปฏิกฺโกสติ ทุมเฺ มโธ
ทิฏฐึ นิสฺสาย ปาปกํ
ผลานิ กณฺฏกสฺเสว
อตฺตฆฺญาย ผลฺลติ ฯ ๑๖๔ ฯ
คนทรามปญญา มีความเห็นผิด ติเตียนคําสอน
ของเหลาพระอริยะผูอรหันต ผูมีชีวิตอยูโดยธรรม
เขายอมเกิดมาเพื่อฆาตัวเขาเอง
เหมือนชุยไผฆาตนไผฉะนั้น
Whoso on account of false views
Scorns the teaching of the Noble Ones,
The Worhty and Righteous Ones.
He, the foolish man, destroys himself
Like the bamboo, seeding, finds its end.
ถึงจะทําประโยชนแกคนอื่นมากมาย
ก็ไมควรละทิ้งจุดหมายปลายทางของตน
เมื่อรูวาอะไรคือจุดหมายปลายทางของตนแลว
ก็ควรใฝใจขวนขวาย
Fall not away from one's own purpose
For the sake of another, however great,
When once one has seen one's own goal,
One should hold to it fast and firm.
13 หมวดโลก - THE WORLD
อยายึดถือความเห็นผิด
อยาทําตนเปนคนรกโลก
๒. อุตฺติฏเฐ นปฺปมชฺเชยฺย
ธมฺมํ สุจริตํ จเร
ธมฺมจารี สุขํ เสติ
อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ ฯ ๑๖๘ ฯ
ลุกขึ้นเถิด อยามัวประมาทอยูเลย
จงประพฤติสุจริตธรรม
เพราะผูประพฤติธรรมยอมอยูเปนสุข
ทั้งในโลกนี้และโลกหนา
๓. ธมฺมฺจเร สุจริตํ
น ตํ ทุจฺจริตํ จเร
ธมฺมจารี สุขํ เสติ
อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ ฯ ๑๖๙ ฯ
106
จงประพฤติสุจริตธรรม
อยาประพฤติทุจริต
ผูประพฤติธรรมยอมอยูเปนสุข
ทั้งในโลกนี้และโลกหนา
By Dharma should one lead one's life
And not embrace corrupted means.
For one who lives a Dharma life
Dwells in peace here and hereafter.
ผูที่มองเห็นโลก
วาไมจีรังและหาสาระอะไรมิได
เชนเดียวกับคนมองฟองน้ําและพยับแดด
คนเชนนี้พญามารยอมตามหาไมพบ
๖. โย จ ปุพฺเพ ปมชฺชิตฺวา
ปจฺฉา โส นปฺปมชฺชติ
โสมํ โลกํ ปภาเสติ
อพฺภา มุตฺโตว จนฺทิมา ฯ ๑๗๒ ฯ
ผูที่เคยประมาทในกาลกอน
แตภายหลังไมประมาท
เขายอมสองโลกนี้ใหสวาง
เหมือนพระจันทรที่พนจากเมฆ
Whoso was previously negligent
But afterwards practises vigilance-
He illumines the world here and now
Like the moon emerging from the cloud.
ผูใดทําบาปไวแลว
ละไดดวยการทําดี
ผูนั้นยอมสองโลกนี้ใหสวาง
เหมือนพระจันทรที่พนจากเมฆ
๙. หํสาทิจฺจปเถ ยนฺติ
อากาเส ยนฺติ อิทฺธิยา
นียนฺติ ธีรา โลกมฺหา
เชตฺวา มารํ สวาหนํ ฯ ๑๗๕ ฯ
พระยาหงส เหินฟาไปหาพระอาทิตย
ผูมีฤทธิ์ เหาะเหินเดินอากาศ
นักปราชญ ออกไปจากโลก
เพราะเอาชนะพญามารพรอมทั้งกองทัพ
๑๐. เอกธมฺมมตีตสฺส
มุสาวาทิสฺส ชนฺตุโน
วิติณฺณปรโลกสฺส
นตฺถิ ปาป อการิยํ ฯ ๑๗๖ ฯ
คนที่ลวงศีลขอที่สี่
มักพูดเท็จ ไมคํานึงถึงปรโลก
จะไมทําความชั่ว ไมมี
พระพุทธเจาพระองคใด
ทรงชนะกิเลสไดเด็ดขาด
กิเลสที่ทรงชนะแลวไมติดตามพระองคไปอีก
พระพุทธเจาองคนั้น
ทรงมีพระสัพพัญุตญาณหาที่สุดมิได
ไมไปตามทางของกิเลสแลว
พวกเธอจะนําทานไปตามทางไหนเลา
ตํ พุทฺธมนนฺตโคจรํ
อปทํ เกน ปเทน เนสฺสถ ฯ ๑๘๐ ฯ
พระพุทธเจาพระองคใด
ไมมีตัณหาดังตาขาย อันมีพิษสงรายกาจ
พระพุทธเจาพระองคนั้น
ทรงมีพระสัพพัญุตญาณหาที่สุดมิได
ไมไปตามทางของกิเลสแลว
พวกเธอจะนําทานไปตามทางไหนเลา
Whom no entangling and poisonous
Passions can lead astray-
That trackless Buddha of infinite range,
By which way will you lead him?
๓. เย ฌานปฺปสุตา ธีรา
เนกฺขมฺมูปสเม รตา
เทวาป เตสํ ปหยนฺติ
สมฺพุทฺธานํ สตีมตํ ฯ ๑๘๑ ฯ
เหลาเทวดายอมรักธีรชน
ผูขวนขวายในกรรมฐาน
ยินดีในนิพพานอันสงบ
มีสติและรูแจงจบสัจธรรม
๔. กิจฺโฉ มนุสฺสปฏิลาโภ
กิจฺฉํ มจฺจาน ชีวิตํ
กิจฺฉํ สทฺธมฺมสฺสวนํ
กิจฺโฉ พุทฺธานมุปฺปาโท ฯ ๑๘๒ ฯ
ยาก ที่ไดเกิดมาเปนมนุษย
ยาก ที่ชีวิตสัตวอยูสบาย
ยาก ที่จะไดฟงธรรมของสัตบุรุษ
ยาก ที่พระสัมพุทธจะอุบัติมา
๕. สพฺพปาปสฺส อกรณํ
กุสลสฺสูปสมฺปทา
สจิตฺตปริโยทปนฺ
เอตํ พุทธฺ าน สาสนํ ฯ ๑๘๓ ฯ
ไมทําความชั่วทุกชนิด
ทําแตความดี
ทําใจใหผองใส
นี้เปนคําสอนของพระพุทธเจาทั้งหลาย
ขันติคือความอดทน เปนตบะอยางยอด
นิพพาน ทานผูรูกลาววาเปนยอด
ผูที่ยังทํารายผูอื่นอยู ไมจัดวาเปนบรรพชิต
ผูที่ยังเบียดเบียนคนอื่นอยู ไมจัดวาเปนสมณะ
Forbearance is the highest ascetic practice,
'Nibbana is supreme'; say the Buddhas.
he is not a 'gone forth' who harms another.
He is not a recluse who molests another.
๗. อนูปวาโท อนูปฆาโต
ปาฏิโมกฺเข จ สํวโร
มตฺตฺตุ า จ ภตฺตสฺมึ
ปนฺตฺจ สยนาสนํ
อธิจิตฺเต จ อาโยโค
เอตํ พุทฺธาน สาสนํ ฯ ๑๘๕ ฯ
ไมวารายใคร
ไมกระทบกระทั่งใคร
115
ระมัดระวังในปาติโมกข
บริโภคพอประมาณ
อยูในสถานสงัด
ฝกหัดจิตใหสงบ
นี้คือคําสอนของพระพุทธเจาทั้งหลาย
To speak no ill,
To do no harm,
To observe the Rules,
To be moderate in eating,
To live in a secluded abode,
To devote onself to meditation-
This is the Message of the Buddhas.
๘. น กหาปณวสฺเสน
ติตฺติ กาเมสุ วิชฺชติ
อปฺปสฺสาทา ทุกฺขา กามา
อิติ วิฺญาย ปณฺฑิโต ฯ ๑๘๖ ฯ
ยอมไมยินดีในกามารมณแมที่เปนทิพย
หากแตยินดีในทางสิ้นกิเลสตัณหา
Not in a rain of golden coins
Is satisfaction to be found.
' Of little joy, but painful are sensual pleasures';
Thus the wise man clearly comprehends.
Even in the heavenly pleasures
He finds no satisfaction.
In the destruction of all desires,
The Fully Awakened One's disciple delights.
คนเปนจํานวนมาก เมื่อภัยมาถึงตัว
พากันยึดเอาสิ่งตางๆเปนที่พึ่ง
อาทิ ภูเขา ปาไม สวน
ตนไม และเจดีย
Many men in their fear
Betake themselves for a refuge
To hills, woods, gardens
Sacred trees and shrines.
เนตํ สรณมาคมฺม
สพฺพทุกฺขา ปมุจฺจติ ฯ ๑๘๙ ฯ
นั่นมิใชที่พึ่งอันปลอดภัย
นั่นมิใชที่พึ่งอันสูงสุด
อาศัยที่พึ่งชนิดนั้น
ก็ไมพนทุกขทั้งปวงได
Such a refuge is not secure,
Such a refuge is not supreme.
To such a refuge shoulf one go,
One is not released from all sorrow.
คนฉลาดเชนนี้ เกิดในตระกูลใด
ตระกูลนั้นยอมเจริญรุงเรืองดวยความสุข
การเกิดขึ้นของพระพุทธเจาทั้งหลายใหเกิดสุข
การแสดงพระสัทธรรมใหเกิดสุข
ความพรอมเพรียงของหมูใหเกิดสุข
ความพยายามของหมูที่พรอมเพรียงกันใหเกิดสุข
๑. สุสุขํ วต ชีวาม
เวริเนสุ อเวริโน
เวริเนสุ มนุสฺเสสุ
วิหราม อเวริโน ฯ ๑๙๗ ฯ
ในหมูมนุษย ผูจองเวรกัน
พวกเราไมจองเวรใคร
ชางอยูสบายจริงหนอ
121
ในหมูมนุษยผูเต็มไปดวยเวร
พวกเราอยูอยางปราศจากเวร
Happily indeed do we live
Unhating among those hating men.
Among many hate-filled men,
Thus we dwell unhating.
๒. สุสุขํ วต ชีวาม
อาตุเรสุ อนาตุรา
อาตุเรสุ มนุสฺเสสุ
วิหราม อนาตุรา ฯ ๑๙๘ ฯ
ในหมูมนุษย ผูมีกิเลส
พวกเราหมดกิเลสแลว
ชางอยูสุขสบายจริงหนอ
ในหมูมนุษย ผูมีกิเลส
พวกเราอยูปราศจากกิเลส
๓. สุสุขํ วต ชีวาม
อุสฺสุกฺเกสุ อนุสฺสกุ า
อุสฺสุกฺเกสุ มนุสฺเสสุ
วิหราม อนุสฺสุกา ฯ ๑๙๙ ฯ
122
ในหมูมนุษย ผูมีความกระวนกระวาย
พวกเราไมกระวนกระวาย
ชางอยูเปนสุขสบายจริงหนอ
ในหมูมนุษย ผูมีความกระวนกระวาย
พวกเราอยูปราศจากความกระวนกระวาย
๔. สุสุขํ วต ชีวาม
เยสํ โน นตฺถิ กิฺจนํ
ปติภกฺขา ภวิสฺสาม
เทวา อาภสฺสรา ยถา ฯ ๒๐๐ ฯ
พวกเราไมมีกิเลสเศราหมองใจ
ชางอยูสุขสบายจริงหนอ
พวกเรามีปติเปนภักษาหาร
เปรียบปานเหลาอาภัสรพรหม
ผูแพยอมกอเวร
ผูพายยอมอยูเปนทุกข
ผูละความแพและความพายเสีย
มีใจสงบระงับนั่นแหละเปนสุข
The victor begets hate,
While the defeated lives in distress.
Happily the peaceful lives,
Having given up victory and defeat.
ไมมีไฟใดเสมอดวยราคะ
ไมีมีโทษใดเสมอดวยโทสะ
ไมมีทุกขใดเสมอดวยเบญจขันธ
ไมมีสุขใดเสมอดวยความสงบ
No fire is there like lust,
No crime like hatred,
No ill like the Five Aggregates,
No higher bliss than Nibbana's peace.
124
๗. ชิฆจฺฉาปรมา โรคา
สงฺขารา ปรมา ทุกฺขา
เอตํ ­ตฺวา ยถาภูตํ
นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ ฯ ๒๐๓ ฯ
ความหิวเปนโรคอยางยิ่ง
สังขาร เปนทุกขอยางยิ่ง
รูความจริงขอนี้แลว
(คนฉลาด จึงทําพระนิพพานใหแจง)
พระนิพพาน เปนสุขอยางยิ่ง
๘. อาโรคฺยปรมา ลาภา
สนฺตุ&hibar;ฺปรมํ ธนํ
วิสฺสาสปรมา ­าตี
นิพฺพานํ ปรมํ สุขํ ฯ ๒๐๔ ฯ
ความไมมีโรค เปนลาภอยางยิ่ง
ความรูจักพอ เปนทรัพยอยางยิ่ง
ความไววางใจกัน เปนญาติอยางยิ่ง
พระนิพพาน เปนสุขอยางยิ่ง
Health is the highest gain,
Contentment is the greatest wealth,
Trustful are the best kinsmen,
125
๙. ปวิเวกรสํ ปตฺวา
รสํ อุปสมสฺส จ
นิทฺทโร โหติ นิปฺปาโป
ธมฺมปติรสํ ปวํ ฯ ๒๐๕ ฯ
เมื่อไดลิ้มรสแหงวิเวก
และรสพระนิพพานอันสงบ
ไดดื่มรสแหงความอิ่มเอมในพระธรรม
บุคคลยอมจะหมดบาป หมดทุกขรอน
Having tasted the flavour of
Seclusion and Nibbana's peace,
Woeless and stainless becomes he,
Drinking the taste of the Dharma's joy.
การพบพระอริยเจาเปนความดี
การอยูรวมกับทานใหเกิดสุขทุกเมื่อ
เมื่อไมคบคนพาลเสียได
คนเราพึงมีความสุขเปนนิจนิรันดร
๑๑. พาลสงฺคตจารี หิ
ทีฆมทฺธาน โสจติ
ทุกฺโข พาเลหิ สํวาโส
อมิตฺเตเนว สพฺพทา
ธีโร จ สุขสํวาโส
ญาตีนํว สมาคโม ฯ ๒๐๗ ฯ
เพราะผูคบคนพาล ยอมเศราโศกนาน
การอยูรวมกับคนพาลมีแตความทุกข
เหมือนอยูรวมกับศัตรู
การอยูรวมกับนักปราญมีแตความสุข
เหมือนสมาคมของญาติ
๑๒. ตสฺมา หิ
ธีรฺจ ปญญฺจ พหุสฺสุตญจ
โธรยฺหสีลํ วตวนฺตมริยํ
127
เพราะฉะนั้นจึงควรประพฤติตามผูเปนปราชญ
ผูเฉียบแหลม ศึกษาเลาเรียนมาก มีศีลาจารวัตร
เรียบรอย เปนพระอริยะ เปนสัตบุรุษ มีปญญาดี
เหมือนพระจันทรไปตามทางของกลุมนักขัตฤกษ
Therefore-
Him the intelligent, the wise, the learned,
The devout, the dutiful and the Noble One-
Such a wise and intelligent man
Should one ever follow
As the moon follows the track of stars.
16 หมวดความรัก - AFFECTIONS
๑. อโยเค ยฺุชมตฺตานํ
โยคสฺมิฺจ อโยชนํ
อตฺถํ หิตฺวา ปยคฺคาหี
ปเหตตฺตานุโยคินํ ฯ ๒๐๙ ฯ
พยายามในสิ่งที่ไมควรพยายาม
ไมพยายามในสิ่งที่ควรพยายาม
ละเลยสิ่งที่เปนประโยชน ติดอยูในปยารมณ
คนเชนนี้ก็ไดแตริษยาผูที่พยายามชวยตัวเอง
Exerting oneself in what should be shunned,
Not exerting where one should exert,
128
๒. มา ปเยหิ สมาคฺฉิ
อปฺปเยหิ กุทาจนํ
ปยานํ อทสฺสนํ ทุกฺขํ
อปฺปยานฺจ ทสฺสนํ ฯ ๒๑๐ ฯ
อยาติดอยูในสิ่งที่เรารัก หรือไมรัก
การพลัดพรากจากสิ่งที่เรารัก เปนทุกข
การพบเห็นแตสิ่งที่ไมรัก ก็เปนทุกข
Be not attached to the beloved
And never with the unbeloved.
Not to meet the beloved is painful
As also to meet with the unbeloved.
ที่ใดมีของรัก ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีของรัก ที่นั่นมีภัย
เมื่อไมมีของรักเสียแลว
โศกภัย ก็ไมมี
From the beloved springs grief,
From the beloved springs fear;
For him who is free from the beloved
There is neither grief nor fear.
ที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีความรัก ที่นั่นมีภัย
เมื่อไมมีความรักเสียแลว
โศก ภัย ก็ไมมี
130
ที่ใดมีความยินดี ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีความยินดี ที่นั่นมีภัย
เมื่อไมมีความยินดีเสียแลว
โศก ภัย ก็ไมมี
From attachment springs grief,
From attachment sprighs fear;
For him who is free from attachment
There is neither grief nor fear.
เมื่อไมมีความใครเสียแลว
โศก ภัย ก็ไมมี
ที่ใดมีความทะยานอยาก ที่นั่นมีโศก
ที่ใดมีความทะยานอยาก ที่นั่นมีภัย
เมื่อไมมีความทะยานอยากเสียแลว
โศก ภัย ก็ไมมี
๙. สีลทสฺสนสมฺปนฺนํ
ธมฺมฏฐํ สจฺจวาทินํ
อตฺตโน กมฺมกุพฺพานํ
ตํ ชโน กุรุเต ปยํ ฯ ๒๑๗ ฯ
132
ผูประพฤติดี มีความเห็นถูกตอง
มั่นอยูในคลองธรรม พูดคําสัตย
ปฏิบัติหนาที่ของคนสมบูรณ
คนยอมเทิดทูนดวยความรัก
He who is perfect in virtue and insight,
Is established in the Dharma;
Who speaks the truth and fulfills his won duty-
Him do people hold dear.
ญาติมิตฺตา สุหชฺชา จ
อภินนฺทนฺติ อาคตํ ฯ ๒๑๙ ฯ
บุรษผูจากไปนาน
เมื่อกลับมาจากไพรัชสถานโดยสวัสดี
ญาติ และมิตรสหายยอมยินดีตอนรับ
ควรละความโกรธ และมานะ
เอาชนะกิเลสเครื่องผูกมัดทุกชนิด
ผูที่ไมติดอยูในรูปนาม หมดกิเลสแลว
ยอมคลาดแคลวจากความทุกข
One should give up anger and pride,
One should overcome all fetters.
Ill never befalls him who is passionless,
Who clings not to Name and Form.
๒. โย เว อุปฺปติตํ โกธํ
รถํ ภนฺตํว ธารเย
ตมหํ สารถึ พฺรูมิ
รสฺมิคฺคาโห อิตโร ชโน ฯ ๒๒๒ ฯ
ผูใดยับยั้งความโกรธที่เกิดขึ้นไดทันที
เหมือนสารถีหยุดรถที่กําลังแลนไวได
ผูนั้นไซรเราเรียกวา "สารถี"
สวนคนนอกนี้ไดชื่อเพียง "ผูถือเชือก"
Whoso, as rolling chariot, checks
His anger which has risen up-
Him I call charioteer.
Others merely hold the reins.
135
ควรพูดคําสัตยจริง ไมควรโกรธ
แมเขาขอเล็กๆนอยๆ ก็ควรให
ดวยการปฏิบัติทั้งสามนี้
เขาก็อาจไปสวรรคได
One should speak the truth.
One should not give way to anger.
If asked for little one should give.
136
๕. อหึสกา เย มุนโย
นิจฺจํ กาเยน สํวุตา
เต ยนฺติ อจฺจุตํ ฐานํ
ยตฺถ คนฺตฺวา น โสจเร ฯ ๒๒๕ ฯ
พระมุนี ผูไมเบียดเบียนใคร
ควบคุมกายอยูเปนนิจศีล
ยอมไปยังถิ่นที่นิรันดร
ที่สัญจรไปแลว ไมเศราโศก
Those sages who are harmless
And in body ever controlled
Go to the Everlasting State
Where gone they grieve no more.
๖. สทา ชาครมานานํ
อโหรตฺตานุสิกฺขินํ
นิพฺพานํ อธิมุตฺตานํ
อฏฐํ คจฺฉนฺติ อาสวา ฯ ๒๒๖ ฯ
สําหรับทานผูตื่นอยูตลอดเวลา
สําเหนียกศึกษาทุกทิพาราตรี
มีใจนอมไปสูพระนิพพาน
อาสวะยอมอันตรธานหมดสิ้น
137
๗. โปราณเมตํ อตุล
เนตํ อชฺชตนามิว
นินฺทนฺติ ตุณฺหิมาสีนํ
นินฺทนฺติ พหุภาณินํ
มิตภาณิมฺป นินฺทนฺติ
นตฺถิ โลเก อนินทฺ ิโต ฯ ๒๒๗ ฯ
อตุลเอย เรื่องอยางนี้มีมานานแลว
มิใชเพิ่งจะมีในปจจุบันนี้
อยูเฉยๆเขาก็นินทา
พูดมาก เขาก็นินทา
พูดนอย เขาก็นินทา
ไมมีใครในโลก ที่ไมถูกนินทา
Not only today, O Atula,
From days of old has this been so;
Sitting silent-him they blame,
Speaking too much-him they blame,
Talking little-him they blame,
There is no one in the world who is not blamed.
๘. น จาหุ น จ ภวิสฺสติ
น เจตรหิ วิชฺชติ
เอกนฺตํ นินฺทิโต โปโส
เอกนฺตํ วา ปสํสิโต ฯ ๒๒๘ ฯ
138
๑. ปณฺฑุปลาโสว ทานิสิ
ยมปุริสาป จ ตํ อุปฏฐิตา
อุยฺโยคมุเข จ ติฏฐสิ
ปาเถยฺยมฺป จ เต น วิชฺชติ ฯ ๒๓๕ ฯ
บัดนี้ เธอแกดังใบไมเหลือง
ยมทูตกําลังเฝารออยู
เธอกําลังจะจากไปไกล
แตเสบียงเดินทางของเธอไมมี
๒. โส กโรหิ ทีปมตฺตโน
ขิปฺป วายม ปณฺฑิโต ภว
นิทฺธนฺตมโล อนงฺคโณ
ทิพฺพํ อริยภูมิเมหิสิ ฯ ๒๓๖ ฯ
142
เธอจงสรางที่พึ่งแกตนเอง
รีบพยายามขวนขวายหาปญญาใสตัว
เมื่อเธอหมดมลทิน หมดกิเลสแลว
เธอก็จักเขาถึงทิพยภูมิของพระอริยะ
๓. อุปนีตวโยว ทานิสิ
สมฺปยาโตสิ ยมสฺส สนฺติกํ
วาโสป จ เต นตฺถิ อนฺตรา
ปาเถยฺยมมฺป จ เต น วิชชฺ ติ ฯ ๒๓๗ ฯ
บัดนี้ เธอใกลจะถึงอายุขัยแลว
เธอยางเขาใกลสํานักพญามัจจุราชแลว
ที่พักระหวางทางของเธอก็ไมมี
เสบียงเดินทาง เธอก็ไมไดหาไว
Your life has come near to an end now,
To the presence of Death you are setting out.
No halting place is there for you on the way,
And provision for your journey you have none.
๔. โส กโรหิ ทีปมตฺตโน
143
จงสรางที่พึ่งแกตัวเอง
รีบขวนขวายหาปญญาใสตัว
เมื่อเธอหมดมลทิน หมดกิเลสแลว
เธอก็จักไมมาเกิดมาแกอีกตอไป
๕. อนุปุพฺเพน เมธาวี
โถกํ โถกํ ขเณ ขเณ
กมฺมาโร รชตสฺเสว
นิทฺธเม มลมตฺตโน ฯ ๒๓๙ ฯ
คนมีปญญา
ควรขจัดมลทินของตน
ทีละนอยๆ
ทุกๆขณะ
โดยลําดับ
เหมือนนายชางทอง
ปดเปาสนิมแร
144
By gradual practice,
From moment to moment,
And little by little,
Let the wise man blow out
His own impurities,
Just as a smith removes
The dross of ore.
สนิมเกิดแตเหล็ก
กัดกินเหล็กฉันใด
กรรมที่ตนทําไว
ยอมนําเขาไปทุคติฉันนั้น
As rust, springing from iron,
Eats itself away, once formed,
Even so one's own deeds
Lead one to states of woe.
๗. อสชฺฌายมลา มนฺตา
อนุฏฐนมลา ฆรา
มลํ วณฺณสฺส โกสชฺชํ
ปมาโท รกฺขโต มลํ ฯ ๒๔๑ ฯ
145
ความเสื่อมของมนตรา อยูที่การไมทบทวน
ควาามเสื่อมของเรือน อยูที่ไมซอมแซม
ความเสื่อมของความงาม อยูที่เกียจครานตบแตง
ความเสื่อมของนายยาม อยูที่ความเผลอ
๘. มลิตฺถิยา ทุจฺจริตํ
มจฺเฉรํ ททโต มลํ
มลา เว ปาปกา ธมฺมา
อสฺมึ โลเก ปรมฺหิ จ ฯ ๒๔๒ ฯ
ความประพฤติเสียหาย เปนมลทินของสตรี
ความตระหนี่ เปนมลทินของผูให
ควาามชั่วทุกชนิด เปนมลทิน
ทั้งในโลกนี้ และโลกหนา
คนไรยางอาย กลาเหมือนกา
ชอบทําลายผูอื่นลับหลัง ชอบเอาหนา
อวดดี มีพฤติกรรมสกปรก
คนเชนนี้ เปนอยูงาย
สวนคนที่มีหิริ ใฝความบริสุทธิ์เปนนิตย
ไมเกียจคราน ออนนอมถอมตน
มีความเปนอยูบริสุทธิ์ มีปญญา
คนเชนนี้เปนอยูลําบาก
๑๒. โย ปาณมติปาเตติ
มุสาวาทฺจ ภาสติ
โลเก อทินฺนํ อาทิยติ
ปรทารฺจ คจฺฉติ ฯ ๒๔๖ ฯ
สุราเมรยปานฺจ
โย นโร อนุยฺุชติ
อิเธวเมโส โลกสฺมึ
มูลํ ขนติ อตฺตโน ฯ ๒๔๗ ฯ
ดื่มสุราเมรัยเปนนิจศีล
ผูนั้นนับวาขุดรากถอนโคนตนเองในโลกนี้ทีเดียว
ประชาชนยอมใหทานตามศรัทธา
ใครคิดอิจฉาในขาวและน้ําของคนอื่น
เขายอมไมไดรับความสงบใจ
ไมวากลางวัน หรือ กลางคืน
People give according to their faith
And as they are pleased.
Whoso among them is envious
Of others' food and drink-
He attains no peace of mind
Either by day or by night.
ผูใดเลิกคิดเชนนั้นแลว
ผูนั้น ยอมไดรับความสงบใจ
ทั้งในกลางวันและกลางคืน
150
อตฺตโน ปน ฉาเทติ
กลึว กิตวา สโฐ ฯ ๒๕๒ ฯ
โทษคนอื่นเห็นไดงาย
โทษตนเห็นไดยาก
คนเรามักเปดเผยโทษคนอื่น
เหมือนโปรยแกลบ
แตปดบังโทษของตน
เหมือนนักเลงเตาโกงซอนลูกเตา
๑๘. ปรวชฺชนุปสฺสิสฺส
นิจฺจํ อุชฺฌานสฺญิโน
อาสวา ตสฺส วฑฺฒนฺติ
อารา โส อาสวกฺขยา ฯ ๒๕๓ ฯ
ผูที่เพงแตโทษคนอื่น
คอยจับผิดอยูตลอดเวลา
เขายอมหนาดวยกิเลสอาสวะ
ไมมีทางเลิกละมันได
152
ไมมีรอยเทาในอากาศ
ไมมีสมณะภายนอกศาสนานี้
สัตวพากันยินดีในกิเลสที่กีดขวางนิพพาน
พระตถาคตทั้งหลาย หมดกิเลสชนิดนั้นแลว
ไมมี รอยเทาในอากาศ
ไมมี สมณะนอกศาสนานี้
ไมมี สังขารที่เที่ยงแท
ไมมี ความหวั่นไหวสําหรับพระพุทธเจา
ผูที่ตัดสินความโดยหุนหันพลันแลน
ไมจัดเปนผูเที่ยงธรรม
สวนผูที่ฉลาด วินิจฉัยรอบคอบ
ทั้งฝายถูก และฝายผิด
(จึงจัดเปนผูเที่ยงธรรม)
๒. อสาหเสน ธมฺเมน
สเมน นยตี ปเร
ธมฺมสฺส คุตฺโต เมธาวี
ธมฺมฏโฐติ ปวุจฺจติ ฯ ๒๕๗ ฯ
บัณฑิตผูตัดสินผูอื่นโดยรอบคอบ
โดยเที่ยงธรรมสม่ําเสมอ
ถือความถูกตองเปนใหญ
ผูนี้ไดสมญาวา ผูเที่ยงธรรม
He who judges others other with due deliberation,
With judgement righteous and just-
Such a wise one, guardian of the law,
Is called righteous.
๔. น ตาวาตา ธมฺมธโร
ยาวตา พหุ ภาสติ
โย จ อปฺปมฺป สุตฺวาน
ธมฺมํ กาเยน ปสฺสติ
ส เว ธมฺมธโร โหติ
โย ธมฺมํ นปฺปมชฺชติ ฯ ๒๕๙ ฯ
บุคคลไมนับวาผูทรงธรรม
ดวยเหตุเพียงพูดมาก
สวนผูใด ถึงไดสดับตรับฟงนอย
แตเห็นธรรมดวยใจ
ไมประมาทในธรรม
ผูนั้นแล เรียกวา ผูทรงธรรม
He is not versed in the Dharma
Merely because he speaks much.
He who hears little of the teaching
But mentally sees the Truth,
And who is not heedless of the Truth-
He is indeed versed in the Dharma.
เพียงมีผมหงอก
ยังไมนับวา เถระ
156
เขาแกแตวัยเทานั้น
เรียกไดวา คนแกเปลา
๗. น วากฺกรณมตฺเตน
วณฺณโปกฺขรตาย วา
สาธุรูโป นโร โหติ
อิสฺสุกี มจุฉรี สโฐ ฯ ๒๖๒ ฯ
157
ไมใชเพราะพูดคลอง
ไมใชเพราะมีผิวพรรณสวย
ที่ทําใหคนเปนคนดีได
ถาหากเขายังมีความริษยา
มีความตระหนี่ เจาเลห
(เขาก็เปนคนดีไมได)
ผูใดเลิกละความอิจฉาเปนตน
ไดอยางเด็ดขาดแลว
คนฉลาด ปราศจากมลทินเชนนี้
เรียกวา คนดี
๙. น มุณฺฑเกน สมโณ
อพฺพโต อลิกํ ภณํ
อิจฺฉา โลภสมาปนฺโน
สมโณ กึ ภวิสสฺ ติ ฯ ๒๖๔ ฯ
คนศีรษะโลนไรศีลวัตร
พูดเท็จ ไมนับเปนสมณะ
เขามีแตความอยากและความโลภ
จักเปนสมณะไดอยางไร
ผูที่ระงับบาปทั้งหลาย
ทั้งนอยและใหญ
เรียกวาเปนสมณะ
เราะเลิกละบาปได
159
เพียงขอภิกษาจากผูอื่น
ไมชื่อวาเปนภิกษุ
ถายังประพฤติตนเหมือนชาวบานอยู
ก็ยังไมชื่อวาเปนภิกษุ
ผูใดละบุญละบาปทุกชนิด
ครองชีวิตประเสริฐสุด
อยูในโลกมนุษยดวยปญญา
ผูนี้แลเรียกวา ภิกษุ
คนโงเขลา ไมรูอะไร
นั่งนิ่งดุจคนใบ ไมนับเปนมุนี
สวนคนมีปญญาทําตนเหมือนถือคันชั่ง
เลือกชั่งเอาแตความดี ละทิ้งความชั่วชา
ดวยปฏิปทาดังกลาวเขานับวาเปนมุนี
อนึ่งผูที่รูทั้งโลกนี้และโลกหนา
จึงควรแกสมญาวา มุนี
161
ถายังเบียดเบียนสัตวอยู
บุคคลไมนับวา เปนอารยชน
เพราะไมเบียดเบียนสัตวทั้งปวง
เขาจึงไดชื่อวา อารยชน
๑๖. น สีลพฺพตมตฺเตน
พาหุสจฺเจน วา ปน
อถวา สมาธิลาเภน
วิวิตฺตสยเนน วา ฯ ๒๗๑ ฯ
162
ภิกษุเอย เพียงมีศีลาจารวัตร
เพียงมีภูมิปริยัติคงแกเรียน
เพียงพากเพียรปฏิบัติจนไดฌาน
เพียงอยูในสถานสงบสงัด
ถาขจัดกิเลสไมไดหมด เธออยานิ่งนอนใจ
วา เธอไดรับสุขในบรรพชา
ที่สามัญชนทั่วไปมิไดสัมผัส
๑. มคฺคานฏฐงฺคิโก เสฏโฐ
สจฺจานํ จตุโร ปทา
วิราโค เสฏโฐ ธมฺมานํ
ทิปทานฺจ จกฺขุมา ฯ ๒๗๓ ฯ
163
ยอดแหงมรรคา คืออัษฎางคิกมรรค
ยอดแหงสัจจะ คืออริยสัจสี่ประการ
ยอดแหงธรรม คือความปราศจากราคะ
ยอดแหงมนุษย คือพระผูเห็นแจง
มีทางนี้เทานั้น ไมมีทางอื่น
ที่จะนําไปสูความบริสุทธิ์แหงทัศนะ
พวกเธอจงเดินตามทางนี้เถิด
ทางสายนี้พญามารมักเดินหลงเสมอ
เมื่อเดินตามทางสายนี้
พวกเธอจักหมดทุกข
ทางสายนี้ เราไดชี้บอกไว
หลังจากที่เราไดรูวิธีถอนลูกศรคือกิเลส
พวกเธอจงพยายามทําความเพียรเถิด
พระตถาคต เปนเพียงผูชี้บอกทางเทานั้น
ผูบําเพ็ญฌานเดินตามทางสายนี้
ก็จะพนจากเครื่องผูกของพญามาร
"สังขารทั้งปวง ไมเที่ยงแท"
เมื่อใด บุคคลเห็นแจงดวยปญญาดังนี้
เมื่อนั้น เขายอมหนายในทุกข
นี้เปนทางแหงความบริสุทธิ์
"สังขารทั้งปวง เปนทุกข"
เมื่อใด บุคคลเห็นแจงดวยปญญาดังนี้
166
เมื่อนั้น เขายอมหนายในทุกข
นี่เปนทางแหงความบริสุทธิ์
"ธรรมทั้งปวง เปนอนัตตา"
เมื่อใด บุคคลเห็นแจงดวยปญญาดังนี้
เมื่อนั้น เขายอมหนายในทุกข
นี่เปนทางแหงความบริสุทธิ์
๘. อุฎฐานกาลมฺหิ อนุฏฐหาโน
ยุวา พลี อาลสิยํ อุเปโต
167
สํสนฺนสงฺกปฺปม กุสีโต
ปฺญาย มคฺคํ อลโส น วินฺทติ ฯ ๒๘๐ ฯ
คนเราเมื่อยังหนุมแนน
แข็งแรงแตเกียจคราน
ไมขยันในเวลาที่ควรขยัน
มีความคิดตกต่ํา
คนเกียจครานเฉื่อยชาเชนนี้
ยอมไมพบทางแหงปญญา
พึงระวังวาจา พึงสํารวมใจ
ไมพึงทําบาปทางกาย
พึงชําระทางกรรมทั้งสามนี้ใหหมดจด
เมื่อทําไดเชนนี้ เขาพึงพบทาง
ที่พระพุทธเจาทั้งหลายแสดงไว
168
ปญญาเกิดมีได เพราะตั้งใจพินิจ
เสื่อมไป เพราะไมไดตั้งใจพินิจ
เมื่อรูทางเจริญและทางเสื่อมของปญญาแลว
ควรจะทําตนโดยวิถีทางที่ปญญาจะเจริญ
Cut down the forest (of passion) but not real trees,
In the forest (of passion) is danger.
Cut the forest and brushwood (of passion),
Be forestless, O bhikkhus.
ตราบใดบุรุษยังตัดความกําหนัด
ตออิสตรีแมนิดหนอยยังไมขาด
ตราบนั้น เขาก็ยังคงมีจิตผูกพันอยูในภพ
เหมือนลุกโคยังไมหยานมติดแมโคแจฉะนั้น
จงถอนความรักของตน
เหมือนคนถอนดอกบัวที่เกิดในฤดูสารท
จงเพิ่มพูนแนวทางแหงสันติ คือ นิพพาน
ที่พระสุคตเจาทรงแสดงไวแลว
Root out your affection
As an autumn lily is plucked.
Cultivate the Path of Peace
Made known by the Blessed One.
"เราจักอยูที่นี่ตลอดฤดูฝน
เราจักอยูที่นี่ตลอดฤดูหนาว และฤดูรอน"
คนโงมักคิดเชนนี้
หารูอันตรายจะมาถึงตัวเองไม
๑๕. ตํ ปุตฺตปสุสมฺมตฺตํ
พฺยาสตฺตมนสํ นรํ
สุตฺตํ คามํ มโหโฆว
มจฺจํ อาทาย คจฺฉติ ฯ ๒๘๗ ฯ
ผูที่มัวเมาอยูในบุตรและปศุสัตว
มีมนัสติดของอยู ยอมถูกมฤตยูฉุดคราไป
เหมือนชาวบานที่หลับไหล
ถูกกระแสน้ําใหญพัดพา
On children and flocks
Whose mind is attached and set,
Him Death carries away
As a great flood a sleeping village.
บุตรก็ปองกันไมได
บิดาหรือญาติก็ปองกันไมได
172
คนเราเมื่อถึงคราวจะตาย
หมูญาติก็ปองกันไมได
เมื่อรูความจริงขอนี้แลว
คนฉลาดผูสํารวมในศีล
ไมควรชักชา
ในการตระเตรียมทาง
ไปสูพระนิพพาน
๑. มตฺตาสุขปริจฺจาคา
ปสฺเส เจ วิปุลํ สุขํ
จเช มตฺตาสุขํ ธีโร
สมฺปสฺสํ วิปุลํ สุขํ ฯ ๒๙๐ ฯ
ถาเห็นวา จะไดสุขอันยิ่งใหญ
ดวยการสละสุขเล็กๆนอยๆ
นักปราชญก็ควรสละสุขเล็กนอย
เพื่อเห็นแกสุขอันยิ่งใหญ
If fy giving up a slight happiness
One may behold a greater one,
Let the wise man renounce the lesser,
Having regard to the greater.
๒. ปรทุกฺขูปธาเนน
โย อตฺตโน สุขมิจฺฉติ
เวรสํสคฺคสํสฏโฐ
เวรา โส น ปริมุจฺจติ ฯ ๒๙๑ ฯ
ผูใดปรารถนาสุขเพื่อตน
โดยการกอทุกขใหคนอื่น
ผูนั้นมักเกี่ยวพันดวยเวรไมรูสิ้น
ไมมีทางพนทางเวรไปได
๓. ยํ หิ กิจฺจํ ตทปวิทฺธํ
อกิจฺจํ ปน กยีรติ
อุนฺนฬานํ ปมตฺตานํ
เตสํ วฑฺฒนฺติ อาสวา ฯ ๒๙๒ ฯ
สิ่งที่ควรทําไมทํา
กลับทําสิ่งที่ไมควรทํา
อาสวะยอมเจริญแกพวกเขา
ผูถือตัวและมัวเมาประมาท
๔. เยสฺจ สุสมารทฺธา
นิจฺจํ กายคตา สติ
อกิจฺจํ เต น เสวนฺติ
กิจฺเจ สาตจฺจการิโน
สตานํ สมฺปชานานํ
อฏฐํ คจฺฉนฺติ อาสวา ฯ ๒๙๓ ฯ
สวนชนเหลาใด เจริญสติในกายเปนนิตย
175
ไมทําสิ่งที่ไมควรทํา ทําเฉพาะสิ่งที่ควรทําเสมอ
สําหรับชนผูมีสติ สัมปชัญญะพรอมมูลเหลานั้น
อาสวะมีแตจะหมดไป
พราหมณฆามารดา ฆาบิดา
ฆาขัตติยราชอีกสององค
ทําลายรัฐ พรอมทั้งผูครองรัฐเสียแลว
ยอมสัญจรไป อยางไรทุกข
พราหมณฆามารดา ฆาบิดา
ฆากษัตริย ผูคงแกเรียนอีกสององค
ทําลายทางเดินหาสายของพยัคฆราย
ยอมสัญจรไป อยางปลอดภัย
๗. สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ
สทา โคตมสาวกา
เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ
นิจฺจํ พุทฺธคตา สติ ฯ ๒๙๖ ฯ
พระสาวกของพระโคดมพุทธเจา
ผูรําลึกถึงพระพุทธคุณ
เปนนิจศีล ทั้งกลางวันกลางคืน
ตื่นดีแลวเสมอ
๘. สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ
สทา โคตมสาวกา
เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ
นิจฺจํ ธมฺมคตา สติ ฯ ๒๙๗ ฯ
พระสาวกของพระโคดมพุทธเจา
ผูรําลึกถึงพระธรรมคุณ
เปนนิจศีลทั้งกลางวันกลางคืน
ตื่นดีแลวเสมอ
๙. สุปฺปพุทฺธํ ปพุชฺฌนฺติ
สทา โคตมสาวกา
เยสํ ทิวา จ รตฺโต จ
สทา สงฺฆคตา สติ ฯ ๒๙๘ ฯ
พระสาวกของพระโคดมพุทธเจา
ผูระลึกถึงพระสังฆคุณ
178
เปนนิจศีลทั้งกลางวันกลางคืน
ตื่นดีแลวเสมอ
พระสาวกของพระโคดมพุทธเจา
ผูมีใจยินดีในความไมเบียดเบียน
เปนนิจศีลทั้งกลางวันกลางคืน
ตื่นดีแลวเสมอ
Ever well awake
Are the disciples of Gotama
Whose mind ever day and night
Takes delight in harmlessness.
He is hanoured everywhere.
In whatever land he travels.
คนที่พูดเท็จเสมอ กับคนที่ทําแลว
พูดวา "ฉันไมไดทํา" ตกนรกเหมือนกัน
มนุษยสองจําพวกนั้น ตายไปแลว
มีกรรมชั่วเหมือนกัน ในโลกหนา
182
๒. กาสาวกณฺฐา พหโว
ปาปธมฺมา อสฺญตา
ปาปา ปาเปหิ กมฺเมหิ
นิรยฺ เต อุปปชฺชเร ฯ ๓๐๗ ฯ
คนนุงหมผากาสาวพัสตรมีเปนจํานวนมาก
ที่ประพฤติชั่ว ไมสํารวม
คนชั่วเหลานั้นยอมตกนรก
เพราะกรรมชั่ว
คนทุศีล ไมสํารวม
183
กลืนกอนเหล็กแดงที่ลุกเปนไฟ
ยังดีเสียกวาบริโภคขาว
ที่ชาวบานถวาย
คนที่มัวเมา ผิดเมียทานเปนนิตย
ยอมไดรับเคราะหราย สี่สถานคือ
หนึ่งไดรับบาป สองนอนไมเปนสุข
สามเสียชื่อเสียง สี่ตกนรก
สถานหนึ่ง ไดบาป
สถานสอง ไดภพชาติชั่วรายในอนาคต
สถานสาม ทั้งคูมีสุขชั่วแลนแตสะดุงใจเปนนิตย
สถานสี่ พระราชายอมลงโทษอยางหนัก
เพราะฉะนั้น จึงไมควรผิดภริยาของคนอื่น
หญาคา ที่จับไมดี
ยอมบาดมือได ฉันใด
พรหมจรรยที่ประพฤติไมดี
ยอมลากลงสูนรก ฉันนั้น
ทําอะไรหละหลวม
มีขอวัตรปฏิบัติเศราหมอง
ประพฤติพรฟมจรรย โดยไมเต็มใจ
ไมเปนไปเพื่อผลอันไพศาล
๘. กยิรา เจ กยิราเถนํ
ทฬฺหเมนํ ปรกฺกเม
สถิโล หิ ปริพฺพาโช
ภิยฺโย อากิรเต รชํ ฯ ๓๑๓ ฯ
ถาจะกระทํา ก็จงกระทําจริงๆ
และพยายามมั่นคงจริงๆ
186
เพราะเพศบรรพชิตที่หละหลวม
รังแตจะเกลี่ยธุลีคือกิเลสใสตัว
ความชั่ว ไมทําเสียเลยเปนดี
ทําแลวยอมเดือดรอนภายหลัง
มาทําความดีกันดีกวา
ทําแลว ไมเดือดรอน
ขโณ โว มา อุปจฺจคา
ขณาตีตา หิ โสจนฺติ
นิรยมฺหิ สมปฺปตา ฯ ๓๑๕ ฯ
เธอจงปองกันตนใหดีเหมือนเมืองชายแดน
ที่เขาปองกันแข็งแรงทั้งภายในภายนอก
เธออยาปลอยโอกาสใหลวงเลยไปเปลา
เพราะผูที่พลาดโอกาสเมื่อตกนรกยอมเศราโศก
ละอายในสิ่งที่ไมควรละอาย
ไมละอายในสิ่งที่ควรละอาย
ผูที่มีความเห็นผิดอยางนี้
ยอมไปสูทุคติ
สิ่งที่ไมนากลัว เห็นวานากลัว
สิ่งที่นากลัว กลับเห็นวา ไมนากลัว
ผูที่มีความเห็นผิดอยางนี้
ยอมไปทุคติ
สิ่งที่ไมมีโทษ เห็นวามีโทษ
สิ่งที่มีโทษ กลับเห็นวาไมมีโทษ
189
ผูที่มีความเห็นผิดอยางนี้
ยอมไปสูทุคติ
เห็นโทษ เปนโทษ
เห็นถูก เปนถูก
ผูที่มีความเห็นชอบเชนนี้
ยอมไปสูสุคติ
อติวากฺยํ ติติกฺขสฺสํ
ทุสฺสีโล หิ พหุชฺชโน ฯ ๓๒๐ ฯ
เราจักอดทนตอคําเสียดสีของคนอื่น
เหมือนพญาคชสาร ในสนามรบ
ทนลูกศรที่ปลอยออกไปจากคันธนู
เพราะวาคนโดยมาก ทุศีล
ชางที่ฝกแลว เขานําไปสูที่ชุมชน
ชางที่ฝกแลว พระราชาชึ้นทรง
ในหมูมนุษย ผูที่ฝกฝนตนได
รูจักอดทนตอคําลวงเกิน เปนผูประเสริฐ
๓. วรมสฺสตรา ทนฺตา
อาชานียา จ สินฺธวา
กฺุชรา จ มหานาคา
อตฺตทนฺโต ตโต วรํ ฯ ๓๒๒ ฯ
มาอัศดร มาอาชาไนยจากกลุมสินธู
และพญากุญชร ที่ผานการฝกปรือ
นับเปนสัตวที่ประเสริฐ
แตบุคคลผูฝกตนแลว ประเสริฐกวานั้น
๔. น หิ เอเตหิ ยาเนหิ
คจฺเฉยฺย อคตํ ทิสํ
ยถาตฺตนา สุทนฺเตน
ทนฺโต ทนฺเตน คจฺฉติ ฯ ๓๒๓ ฯ
แนนอนทีเดียว คนที่ฝกตนได
ยอมอาศัยรางที่ฝกฝนดีแลวนั้น
เปนพาหนะนําไปสูที่ๆไมเคยไป (นิพพาน)
ซึ่งยานภายนอกเหลานั้น พาไปไมไดเลย
192
ชางตกมันชื่อ ธนปาลกะ
ยากที่ใครๆจะหามได ถูกลามไว
ไมยอมกินอาหาร พญากุญชร
รําลึกถึงแตปาชาง
The great elephant called Dhanapalaka
In time of rut is uncontrollable;
Tied fast he refuses his food
Since he calls to mind the elephant wood.
เหมือนสุกรที่เขาขุนดวยเศษอาหาร
คนโวทึ่มเชนนั้น ยอมเกิดไมรูจบสิ้น
เมื่อกอนใจขาไดทองเที่ยวไปในอารมณ
ตามปรารถนา ตามความใคร ตามสบาย
แตบัดนี้ ขาจักบังคับมันดวยโยนิโสมนสิการ
เหมือนควาญชางถือขอ บังคับชางที่ตกมัน
๘. อปฺปมาทรตา โหถ
สจิตฺตมนุรกฺขถ
194
ทุคฺคา อุทฺธรถตฺตานํ
ปงฺเก สนฺโนว กฺุชโร ฯ ๓๒๗ ฯ
พวกเธอจงยินดีในความไมประมาท
จงระมัดระวังจิตของตน
จงถอนตนออกจากหลมกิเลส
เหมือนพญาชางติดหลม
พยายามชวยตัวเอง
ถาไดสหายผูเขากับตนได
มีความประพฤติดี ฉลาดและเฉลียว
พึงไปไหนๆกับสหายเชนนั้นอยางมีความสุข
และพึงมีสติ ฝาฟนอันตรายทั้งหลาย
มีเพื่อนตาย ก็มีความสุข
ยินดีเทาที่หามาได ก็มีความสุข
196
ทําบุญไวถึงคราวจะตายก็มีความสุข
ละทุกขไดทั้งหมด ก็มีความสุข
ปฏิบัติชอบตอมารดา ก็เปนสุข
ปฏิบัติชอบตอบิดา ก็เปนสุข
ปฏิบัติชอบตอสมณะ ก็เปนสุข
ปฏิบัติชอบตอพระผูประเสริฐ ก็เปนสุข
สุโข ปฺญาปฏิลาโภ
ปาปานํ อกรณํ สุขํ ฯ ๓๓๓ ฯ
ศีลใหเกิดสุข ตราบเทาชรา
ศรัทธา ที่ตั้งมั่นแลว ใหเกิดสุข
ปญญา ไดมาแลว ใหเกิดสุข
การไมทําบาปทั้งหลาย ใหเกิดสุข
๑. มนุชสฺส ปมตฺตจาริโน
ตณฺหา วฑฺฒติ มาลุวา วิย
โส ปริปฺลวติ หุราหุรํ
ผลมิจฺฉํว วนสฺมึ วานโร ฯ ๓๓๔ ฯ
สําหรับคนที่มีชีวิตอยูอยางประมาท
ตัณหามีแตจะเจริญเหมือนเถาวัลย
เขายอมกระโดดจากภพนี้ไปสูภพอื่น
เหมือนวานรโลภผลไม โลดแลนอยูในปา
ผูใดเอาชนะตัณหาลามก
ที่ยากจะเอาชนะไดนี้
ความโศกยอมตกไปจากผูนั้น
เหมือนหยาดน้ํา ตกจากใบบัว
๔. ตํ โว วทามิ ภทฺทํ โว
ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา
ตณฺหาย มูลํ ขนถ
อุสีรตฺโถว วีรณํ
มา โว นฬํว โสโตว
มาโร ภฺชิ ปุนปฺปุนํ ฯ ๓๓๗ ฯ
เราขอบอกความนี้แกพวกเธอ
ขอใหพวกเธอผูมาชุมนุมกัน ณ ที่นี้ มีความเจริญ
ขอใหพวกเธอขุดรากตัณหา เหมือนถอนรากหญารก
พวกเธออยาปลอยใหมารรังควาญบอยๆ
เหมือนกระแสน้ําคอยๆเซาะตอนออลม
เมื่อรากยังแข็งแรง ไมถูกทําลาย
ตนไมแมที่ถูกตัดแลว ก็งอกไดใหมฉันใด
เมื่อยังทําลายเชื้อตัณหาไมไดหมด
ความทุกขนี้ก็ยอมเกิดขึ้นไดเรื่อยไปฉันนั้น
กระแสตัณหา ๓๖ สายอันเชี่ยวกราก
ที่ไหลไปยังอารมณอันนาปรารถนา
ไหลบาทวมทนจิตใจใคร
ความครุนคิดคํานึงที่แฝงราคะ
ยอมจะชักนําใหเขาเห็นผิดคิดไขวเขว
กระแสน้ําคือตัณหา ไหลไปทุกหนทุกแหง
เถาวัลยคือกิเลส ก็ขึ้นรกไปทั่ว
เมื่อเห็น เถาวัลยนั้นงอกงามแลว
พวกเธอจงตัดรากมันดวยมีดคือปญญา
๘. สริตานิ สิเนหิตานิ จ
โสมนสฺสานิ ภวนฺติ ชนฺตุโน
เต สาตสิตา สุเขสิโน
เต เว ชาติชรูปคา นรา ฯ ๓๔๑ ฯ
สัตวทั้งหลาย มีแตโสมนัส
ชุมชื้นไปดวยรักเสนหา
ซาบซานในกามารมณทั้งปวง
202
พวกเขาใฝแสวงแตความสุขสันตหรรษา
ก็ตองเกิดตองแกอยูร่ําไป
เหลาสัตว ติดกับตัณหา
การเสือกกระสน ดุจกระตายติดบวง
สัตวทั้งหลายติดอยูในกิเลสเครื่องผูกมัด
ยอมประสบทุกขบอยๆ ตลอดกาลนาน
เหลาสัตว ติดกับตัณหา
กระเสือกกระสน ดุจกระตายติดบวง
ฉะนั้นภิกษุ เมื่อหวังใหกิเลสจางคลาย
ก็พึงทําลายตัณหาเสีย
บุคคลใดสละเพศผูครองเรือน
ถือเพศบรรพชิตปราศจากเรือน
พนจากปากิเลสแลวยังวิ่งกลับไปหาปานั้นอีก
พวกเธอจงดูบุคคลนั้นเถิด
เขาออกจากที่คุมขังแลวยังวิ่งกลับเขาที่คุมขังอีก
ทานผูรูกลาววา เครื่องจองจําชนิดนี้มั่นคง
มักฉุดลากลงที่ต่ํา คลายผูกไวหลวมๆแตแกยากนัก
205
ผูรูทั้งหลายจึงทําลายเครื่องจองจํานี้เสีย
ละกามสุขออกบวชโดยไมไยดี
This is a strong bond, says the wise,
Down-hurling, loose but hard to untie.
This too they cut off and leave the world,
With no longing, renouncing the sense-pleasures.
ผูถูกราคะครอบงํา ยอมถลําลงสูกระแสตัณหา
เหมือนแมลงมุมตกลงไปยังใยที่ตนถักไวเอง
ผูฉลาดทั้งหลาย จึงทําลายเครื่องจองจํานี้
ละทุกขทั้งปวง ออกบวชโดยไมไยดี
จงปลอยวางทั้งอดีตอนาคตและปจจุบัน
และอยูเหนือความมีความเปน
เมื่อใจหลุดพนจากทุกอยางแลว
พวกเธอจักไมเกิดไมแกอีกตอไป
ผูเปนทาสวิตกจริต มีจิตกําหนัดยินดี
ติดอยูในสิ่งที่สวยงาม
มีแตจะพอกความอยากใหหนา
กระชับเครื่องพันธนาการใหแนนเขา
ผูตั้งใจระงับความคิดฟุงซาน
เจริญอสุภกรรมฐานวิธี มีสติทุกเวลา
จักขจัดตัณหาหมดสิ้นไป
ทําลายเครื่องผูกของมาร
พระอรหันตฺผูลุถึงจุดหมายปลายทางแลว
หมดความสุดุง หมดกิเลสตัณหาแลว
หักลูกศรคือกิเลสประจําภพแลว
รางกายนี้เปนรางสุดทายของทาน
208
เราเอาชนะทุกอยาง เราตรัสรูทุกอยาง
เรามิไดติดในทุกอยาง เราละไดทุกอยาง
เราเปนอิสระเพราะสิ้นตัณหา เราตรัสรูดวยตนเอง
และจะอางใคร เปนครูเราเลา
ธรรมทาน ชนะทานทุกอยาง
รสพระธรรม ชนะรสทุกอยาง
ความยินดีในธรรม ชนะความยินดีทุกอยาง
ความสิ้นตัณหา ชนะทุกขทุกอยาง
โภคทรัพย ทําลายคนโง
แตทําลายคนที่ใฝแสวงนิพพานไมได
เพราะโลภในโภคทรัพย คนโงยอมทําลายคนอื่น
และ (ผลที่สุดก็ทําลาย) ตนเอง
หญา ทําใหที่นาเสียหาย
ราคะ ทําใหคนเสียหาย
ฉะนั้น ทานที่ถวายแกผูปราศจากราคะ
จึงมีผลมหาศาล
211
หญา ทําใหที่นาเสียหาย
โทสะ ทําใหคนเสียหาย
ฉะนั้น ทานที่ถวายแกผูปราศจากโทสะ
จึงมีผลมหาศาล
หญา ทําใหที่นาเสียหาย
212
โมหะ ทําใหคนเสียหาย
ฉะนั้น ทานที่ถวายแกผูปราศจากโมหะ
จึงมีผลมหาศาล
หญา ทําใหที่นาเสียหาย
ความอยาก ทําใหคนเสียหาย
ทานที่ถวายแกผูปราศจากความอยาก
จึงมีผลมหาศาล
สํารวมทางตา เปนการดี
สํารวมทางหู เปนการดี
สํารวมทางจมูก เปนการดี
สํารวมทางลิ้น เปนการดี
Good is restraint in the eye.
Good is restraint in the ear.
Good is restraint in the nose.
Good is restraint in the tongue.
สํารวมทางกาย เปนการดี
สํารวมทางวาจา เปนการดี
สํารวมทางใจ เปนการดี
ภิกษุ ผูสํารวมทุกทาง
ยอมพนจากทุกขทั้งปวง
๓. หตฺถสฺญโต ปาทสฺญโต
วาจาสฺญโต สฺญตตฺตโม
อชฺฌตฺตรโต สมาหิโต
เอโก สนฺตุสิโต ตมาหุ ภิกขฺ ํ ฯ ๓๖๒ ฯ
๔. โย มุขสฺญโต ภิกฺขุ
มนฺตภาณี อนุทฺธโต
อตฺถํ ธมฺมฺจ ทีเปติ
มธุรนฺตสฺส ภาสิตํ ฯ ๓๖๓ ฯ
215
ภิกษุผูสํารวมปาก
พูดดวยปญญา ไมถือตัว
ชี้แจงตําราและใจความถูกตอง
ถอยคําของภิกษุนั้น นับวาไพเราะแท
๕. ธมฺมาราโม ธมฺมรโต
ธมฺมํ อนุวิจินฺตยํ
ธมฺมํ อนสฺสรํ ภิกฺขุ
สทฺธมฺมา น ปริหายติ ฯ ๓๙๔ ฯ
ภิกษุผูอยูในธรรม ยินดีในธรรม
พินิจพิจารณาธรรม
และรําลึกถึงธรรมเสมอ
ยอมไมเสื่อมจากพระสัทธรรม
๖. สลาภํ นาติมฺเญยฺย
นาฺเญสํ ปหยํ จเร
อฺเญสํ ปหยํ ภิกฺขุ
สมาธึ นาธิคจฺฉติ ฯ ๓๖๕ ฯ
ไมพึงดูหมิ่นลาภของตน
ไมพึงริษยาลาภคนอื่น
เมื่อภิกษุมัวริษยาลาภคนอื่น
ใจยอมไมเปนสมาธิ
๗. อปฺปลาโภป เจ ภิกขฺ ุ
สลาภํ นาติมฺญติ
ตํ เว เทวา ปสํสนฺติ
สุทฺธาชีวึ อตนฺทิตํ ฯ ๓๖๖ ฯ
๘. สพฺพโส นามรูปสฺมึ
ยสฺส นตฺถิ มมายิตํ
อสตา จ น โสจติ
ส เว ภิกฺขูติ วุจฺจติ ฯ ๓๖๗ ฯ
ผูไมยึดมั่นโดยประการทั้งปวง
วา "กู" "ของกู" ไมวาในรูปหรือนาม
เมื่อไมมี ก็ไมเศราโศก
เขาผูนั้นแหละ เรียกไดวา ภิกษุ
๙. เมตฺตาวิหาริ โย ภิกฺขุ
ปสนฺโน พุทฺธสาสเน
อธิคจฺเฉ ปทํ สนฺตํ
สงฺขารูปสมํ สุขํ ฯ ๓๖๘ ฯ
ภิกษุ ผูอยูดวยเมตตา
เลื่อมใสในพุทธศาสนา
218
พึงลุถึงสภาวะอันสงบ
อันเปนสุข ระงับสังขาร
ภิกษุ เธอจงวิดน้ําออกจากเรือนี้
เมื่อวิดน้ําออกหมดแลว เรือจักแลนเร็ว
ทําลายราคะ โทสะ (โมหะ) เสียแลว
เธอจักไปถึงพระนิพพาน
จงตัดออกหา ละทิ้งหา
ทําใหเจริญเติบโต อีกหา
พนเครื่องผูกพันหาชนิด
ภิกษุจึงไดชื่อวา ผูขามน้ํา
Meditate, O bhikkhu!
Be not heedless.
Let not your mind dwell
On sensual pleasures.
Do not carelessly swallow
A red-hot iron ball.
220
เมื่อไมมีปญญา ก็ไมมีความเพงพินิจ
เมื่อไมมีความเพงพินิจ ก็ไมมีปญญา
ผูใดมีทั้งความเพงพินิจ และปญญา
ผูนั้น นับวาอยูใกลนิพพาน
There is no concentration
For one who lacks wisdom,
Nor is there wisdom
For one who lacks concentration
In whom there are found
Both concentration and wisdom-
He indeed is in the presence of Nibbana.
ภิกษุผูไปสูที่สงัด มีใจสงบ
เห็นแจงพระธรรมโดยชอบ
ยอมไดรับความยินดี
ที่สามัญมนุษยไมเคยไดลิ้มรส
The bhikkhu gone to solitude,
Having calmed his mind,
Clearly perceiving the Teaching,
Experiences a peaceful joy
That has never before been
Tasted by the worldings.
ไมวาเมื่อใด พระอรหันตพิจารณาเห็น
ความเกิดและความดับแหงขันธทั้งหลาย
ทานยอมไดปติ และปราโมทย
ซึ่งเปนสิ่งอมตะสําหรับทานผูรูทั้งหลาย
Whenever he reflects
On the rise and fall of Aggregates;
He experiences joy and happiness,
To the knowing ones that is Deathless.
26 หมวดพราหมณ - THE BRAHMANA
222
เมื่อใดพราหมณขามถึงฝงโนน (นิพพาน)
ดวยการปฏิบัติธรรมทั้งสอง (สมถะและวิปสนา)
เมื่อนั้นเครื่องผูกพันทั้งปวง
ของเขาผูรูจริงยอมสิ้นไป
ผูใดไมมีฝงนี้ หรือฝงโนน
หรือไมมีทั้งสองฝง
ไมมีความกระวนกระวายใจ เปนอิสระ
ผูนั้นเราเรียกวา พราหมณ
๔. ฌายึ วิรชมาสีนํ
กตกิจฺจํ อนาสวํ
อุตฺตมตฺถํ อนุปฺปตฺตํ
ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ ฯ ๓๘๖ ฯ
ผูใดบําเพ็ญฌาน ปราศจากกิเลส
อยูคนเดียว หมดกิจที่จะพึงทํา
หมดอาสวะ ลุถึงจุดหมายปลายทางแลว
ผูนั้นเราเรียกวา พราหมณ
224
๖. พาหิตปาโป หิ พฺราหฺมโณ
สมจริยา สมโณติ วุจฺจติ
225
ปพฺพาชยมตฺตโน มลํ
ตสฺมา ปพฺพชิโตติ วุจฺจติ ฯ ๓๘๘ ฯ
ผูที่ชื่อวาพราหมณ เพราะละบาปได
ชื่อวาสมณะ เพราะมีจรรยาสงบ
ชื่อวาบรรพชิต เพราะละมลทินได
Without evil he is called a brahmana.
He who lives in peace is called a samana.
With all impurities gone,
A pabbajita is he called.
๗. น พฺราหฺมณสฺส ปหเรยฺย
นาสฺส มฺุเจถ พฺราหฺมโณ
ธิ พฺราหฺมณสฺส หนฺตารํ
ตโต ธิ ยสฺส มฺุจติ ฯ ๓๘๙ ฯ
ไมควรรังแกพราหมณ (นักบวช)
และพราหมณก็ไมควรแสดงความโกรธตอบ
คนที่รังแกพราหมณ เปนคนนาตําหนิ
แตพราหมณผูโกรธตอบ นาตําหนิกวา
One should not strike a brahmana,
Nor such a brahmana vent his wrath on him.
Woe to him who strikes a brahamana.
More woe to him who gives way to his wrath.
๘. น พฺราหฺมณสฺเสตทกิฺจิ เสยฺโย
ยทา นิเสโธ มนโส ปเยหิ
226
เมื่อรูธรรมที่พุทธเจาทรงแสดง
จากบุคคลใด
ควรเคารพนอบนอมบุคคลนั้น
เหมือนพราหมณบูชาไฟ
From whom one knows the Truth Sublime
Which the Awakened One proclaimed,
Devotedly should one revere him,
As a brahmana tends the sacrificial fire.
เพียงเกิดในตระกูลพราหมณ
หรือมีมารดาเปนพราหมณ
เราไมเรียกเขาวา พราหมณ
หากเขายังมีกิเลสอยู
เขาก็เปนพราหมณแตชื่อ
ผูใดหมดกิเลสไมยึดมั่นถือมั่น
ผูนั้นเราเรียกวา พราหมณ
I do not call him a brahmana
Merely because he is born of a womb
Or sprung from a brahmani.
If he is full of impediments,
He is merely a brahmana by name.
He who is free from impediments and clinging-
Him do I call a brahmana.
และเมล็ดผักกาดไมตดิ ปลายเข็ม
ผูนั้นเราเรียกวา พราหมณ
Like water on a lotusleaf,
Like a mustard seed on a needle's point,
He who clings not to sensual pleasures-
Him do I call a brahmana.
ผูมีปญญาลึกซึ้ง หลักแหลม
ฉลาดเลือกทางผิดทางชอบ
บรรลุถึงจุดหมายปลาทางอันอุดม
เราเรียกวา พราหมณ
He whose wisdom is deep,
Who is wise and skilled
In the right and wrong means,
Who has reached the Highest Goal-
Him do I call a brahmana.
๒๒. อสํสฏฐํ คหฏเฐหิ
อนาคาเรหิ จูภยํ
อโนกสารึ อปฺปจฺฉํ
ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ ฯ ๔๐๔ ฯ
ผูไมคลุกคลีกับบุคคลทั้งสองฝาย
คือคฤหัสถและบรรพชิต
จรไปคนเดียว ไมติดถิ่น มักนอย
เราเรียกวา พราหมณ
He who is not intimate
With both householder and homeless,
Who with no fixed abode
Wanders, wanting but little-
Him do I call a brahmana.
ผูงดเบียดเบียนสัตวอื่น
ไมวาเล็กหรือใหญ
ไมฆาเอง ไมสั่งใหคนอื่นฆา
เราเรียกวา พราหมณ
He who has given up harming creatures,
Whether feeble or strong,
Who neither kills nor causes to kill-
Him do I call a brahmana.
ผูใดไมขโมยของคนอื่น
ไมวาสั้นหรือยาว
เล็กหรือใหญ ดีหรือไมดี
ผูนั้นเราเรียกวา พราหมณ
He who in this world
Takes not what is not given,
Be it long or short,
Small or great, fair or foul-
Him do I call a brahmana.
ผูใดหมดตัณหา
หมดสงสัย เพราะรูแจงจริง
ลุถึงอมตนิพพานแลว
ผูนั้นเราเรียกวา พราหมณ
He who has no more longing,
Who through knowledge is free from doubts,
Who has plunged deep into the Deathless-
Him do I call a brahmana.