Professional Documents
Culture Documents
06 อย่าหมดกำลังใจ
09
พฤติกรรมสำคัญของเทรดเดอร์ที่
ประสบความสำเร็จ
18 หนทางรอดในช่วงที่เราขาดทุนหนัก
23 5 เหตุผลสำคัญที่คนส่วนใหญ่ขาดทุน
28 5 วิธีชนะความกลัวในการเทรดหุ้น
36
สิ่งที่มือโปรทำเมื่ อเจอสถานการณ์ที่ไม่
แน่นอน
40 เคารพความเสี่ยง
46 ได้เวลาถือเงินสด
50 วิชาเอาตัวรอดในตลาดหุ้น
2. หยุดเทรด
บางครั้งการลดขนาดของการเทรดอาจจะไม่เพียงพอที่จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้ดังนั้น หนึ่งในวิธีที่
ดีที่สุดในการรักษาความมั่นใจและการรักษาพอร์ต คือการหยุดเทรด
Michael Marcus ตำนานฟิ ลเจอร์เทรดเดอร์บอกกับผมว่า “ความพ่ายแพ้มันจะนำพาความพ่ายแพ้
อื่นๆตามมาด้วย เมื่อคุณเริ่มที่จะขาดทุน มันจะเริ่มมีบางสิ่งเข้ามารบกวนจิตใจของคุณแล้วมัน
จะทำให้คุณหลุดฟอร์มหรือเทรดได้ไม่ดี และเมื่อผมเจอช่วงเวลาเหล่านั้นผมก็จะหยุดทันที”
Richard Dennis สุดยอดปรมาจารย์เทรดเดอร์ผู้เปลี่ยนเงิน $400 เป็ น $200,000,000 ก็ให้แง่คิดที่
คล้ายคลึงกันคือ เมื่อคุณขาดทุนไปเรื่อยๆ จนมันเริ่มที่จะเข้าไปกระทบกระบวนการตัดสินใจของ
คุณ สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดคือการหยุดเทรด (ประโยคเด็ดของคุณ Dennis ที่แอดมินจำได้เลยคือ When
you are getting beat to death, get your head out of the mixer.)
เมื่อคุณพบกับช่วงการเทรดที่ขาดทุนติดๆกัน วิธีการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุดคือการไม่พยายามเทรด
มากเกินไป แต่ทำสิ่งตรงข้ามคือ การหยุดเทรด หาเวลาออกจากหน้าจอและหยุดพักซะบ้าง การ
หยุดพักจะทำให้สิ่งร้ายๆนั้นลดลงและทำให้ความมั่นใจของคุณค่อยๆกลับมา ซึ่งเรื่องพวกนี้ล้วน
เกิดในช่วงที่คุณเทรดได้แย่ทั้งนั้น และเมื่อคุณกลับมาเทรดใหม่ ก็ค่อยเริ่มสะสมความมั่นใจจาก
การเทรดด้วยจำนวนน้อยๆ ก่อนและค่อยๆ เพิ่มเมื่อเราได้ผลลัพธ์ที่ดี
แม้ว่าเหล่าเทรดเดอร์จะสามารถตระหนักได้ว่าพวกเขากำลังอยู่ในช่วงไม่ดี แต่ส่วนใหญ่แล้วพวก
เขารู้เมื่อมันสายไปหรือการขาดทุนมันรุกรามไปมากแล้ว พวกเขายอมที่จะให้การขาดทุนนั้นมาก
ขึ้นโดยที่ไม่ได้ทำการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขอะไรเลย ซึ่งส่วนใหญ่มันเกิดจากอาการ “ช็อค” จาก
drawdown ที่เกิดขึ้น สิ่งที่ผมแนะนำในการแก้ปัญหานี้ คือให้จดบันทึกและ plot equity curve เป็ น
รายวันหรือรายสัปดาห์เพื่อให้ทราบสถานการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นกับพอร์ตของเราและสามารถ
แก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงทีอย่างที่คุณ Marcus ได้ให้คำแนะนำไว้ว่า
อย่ายอมแพ้นะครับ
เรียนรู้จากความผิดพลาดของคุณ เพื่อที่คุณจะไม่ทำมันผิดอีก ตลาดขาขึ้นจะต้องมาอีกแน่นอน
ในอนาคต เราแค่ต้องอดทนและรักษาเงินต้นเพื่อรอมันเท่านั้นเอง
บทความ อย่าหมดกำลังใจ โดย Joe Fahmy แปลและเรียบเรียงโดย Humble Trader Diary
LEARN
THE MORE YOU
EARN
ช่วงนี้ผมชอบหาเรื่องเกี่ยวกับพฤติกรรมการเทรดมาอ่านครับ ไปเจอบทความหนึ่งของคุณ
Sam Eder แล้วชอบมากๆ จึงนำมาแปลและสรุปให้ทุกท่านอ่านกันครับ บทความยาวมากแต่คิด
ว่ามีประโยชน์กับการเทรดของทุกท่าน ยังไงก็ลองอ่านกันดูนะครับ
**********
มีอยู่คำถามหนึ่งที่ผมมักจะถูกคนอื่นถามอยู่บ่อยครั้ง
What makes a good trader?
ผมคิดว่าคำถามนี้ไม่ง่ายเลยที่จะตอบได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามบทความนี้ผมจะลองอธิบาย
ถึงสิบคุณลักษณะทางพฤติกรรมที่สำคัญของเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ
จากมุมมองของผม เทรดเดอร์ทุกคนล้วนเริ่มต้นด้วยความตั้งใจที่ยอดเยี่ยมแต่บ่อยครั้งที่พวกเขา
มักจะโฟกัสไปในทิศทางที่ผิด ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะให้ความสนใจที่มากเกินไปกับการบรรลุเป้ า
หมายในระยะสั้นและหลงลืมหรือไม่ใส่ใจกับกระบวนการและการพัฒนา
คุณลักษณะที่ 1 เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จล้วนแต่เรียนรู้จากความผิดพลาด
เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่เคยผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่เจ็บปวดมาแล้วหลายครั้ง
หลายหน ในขณะที่คนทั่วไปเรียนรู้จากมันระดับหนึ่ง เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จเรียนรู้จาก
ความผิดพลาดได้ดีกว่าคนอื่่นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ คือคนที่พร้อมที่จะเรียนรู้และไม่
เคยเพ้อไปว่าตัวเองรู้ไปหมดซะทุกอย่าง ในการเทรดช่วงที่เวลาที่คุณคิดว่าคุณรู้มันซะทุกอย่าง
มันคือช่วงเวลาที่คุณไม่รู้อะไรเลย
เรย์ ดาลิโอ ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในช่วงทศวรรษหลังๆ และผู้ก่อ
ตั้งบริดจ์วอเตอร์ส ได้เน้นแง่มุมนี้เข้าไปในการทำงานของเขา และฝังมันลงไปในวัฒนธรรมของ
ธุรกิจที่เขาก่อตั้งด้วย คุณดาลิโอเชื่อว่าความผิดพลาดต่างๆ คือเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ใช้ใน
การเรียนรู้ และบริดจ์วอเตอร์สที่เขาก่อตั้ง มีหลักการสำคัญหนึ่งคือ
“การทำผิดพลาดเป็ นสิ่งที่ยอมรับได้ แต่มันยอมรับไม่ได้เลยที่จะไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงผิดพลาด หรือ
คุณผิดพลาดได้อย่างไร”
พฤติกรรมที่จะช่วยเกื้อหนุนให้คุณเป็ นคนเป็ นคนที่เรียนรู้จากความผิดพลาด มีดังนี้
เก็บและจดบันทึกเกี่ยวกับการกระทำ ความคิด และความรู้สึก
รีวิวและประเมินการกระทำและพฤติกรรมของตนเอง
เต็มใจและเปิ ดใจที่จะรับกับคำติชม
ฝึ กฝนและและพัฒนาความชัดเจนทางด้านจิตใจและความสามารถในการประเมิน
พฤติกรรมของตนเองอย่างไม่มีอคติ
กำหนดและสังเกตการณ์การเติบโตและการพัฒนาของแผนการอย่างต่อเนื่อง
คุณลักษณะที่ 3 มีสไตล์การเทรดที่เหมาะสมและสอดคล้องกับบุคลิกภาพและลักษณะ
ของตัวเอง
เทรดเดอร์ระดับท๊อปมีสไตล์การเทรดที่สรรค์สร้างซึ่งมาจากจุดแข็งเฉพาะตัวและมันเป็ นวิธีที่
สร้างเพื่อชดเชยจุดอ่อนและข้อบกพร่องที่ตัวพวกเขามี มันไม่น่าจะเป็ นไปได้ที่เทรดเดอร์มือใหม่
จะเริ่มต้นด้วยการเทรดสไตล์หนึ่งและใช้มันได้จนลงตัวโดยไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรจากตอนแรก
ในช่วงเริ่มต้นพวกเขาคงนำสไตล์การเทรดมาจากครูหรือเมนเทอร์ของพวกเขาแต่เมื่อเวลาผ่าน
ไปพวกเขาจะปรับเปลี่ยนมันให้เข้ากับลักษณะนิสัยและบุคลิกของพวกเขา
เพื่อที่จะการประสบความสำเร็จในการเทรด พวกเขาจำเป็ นจะต้องมีความรู้จักตนเองอย่างลึกซึ้ง
ซึ่งประกอบไปด้วยความสามารถในการไตร่ตรองและประเมินตนเองอย่างไร้อคติ ซึ่งจำเป็ นจะ
ต้องใช้ความซื่อสัตย์ต่อตนเองระดับสูงและเป็ นสิ่งยากที่จะพัฒนาและใช้เวลาหลายปี ในการ
บรรลุเป้ าหมาย ในการทำงานของผมกับเหล่าเทรดเดอร์ ผมได้บุกเบิกการใช้ การประเมินความ
เสี่ยงในการช่วยเทรดเดอร์ให้สามารถเข้าใจลักษณะบุคลิกภาพของพวกเขาให้ดียิ่งขึ้น และสร้าง
สไตล์การเทรดที่เหมาะกับบุคลิกภาพกับตัวพวกเขา
หนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของเทรดเดอร์เลย คือเขาใช้วิธีที่ไม่เหมาะกับตัวพวกเขาเอง เทรดเดอร์
ที่ประสบความสำเร็จใช้วิธีการที่เหมาะกับตัวพวกเขาซึ่งมันสร้างความได้เปรียบในการเทรด มัน
ทำให้ไม่ว่าคุณเทรดเดอร์ประเภทไหนก็ตาม ถ้าคุณหาวิธีที่เหมาะกับตัวเองเจอคุณจะสามารถ
ประสบความสำเร็จได้
สิ่งที่ช่วยส่งเสริมคุณลักษณะนี้ได้แก่
การจัดระเบียบวิธีการเทรดอย่างตั้งใจเพื่อให้เหมาะสมกับจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเรา
พัฒนาความตระหนักรู้เกี่ยวกับตนเอง ทั้งทางด้านนิสัยและพฤติกรรมส่วนตัว
เต็มใจที่จะแสวงหาและรับคำ feedback
ทำแบบทดสอบเกี่ยวกับการประเมินบุคลิกภาพและความเสี่ยง
ตั้งเป้ าหมายให้สอดคล้องไปกับจุดแข็งและลักษณะนิสัยของตนเอง
คุณลักษณะที่ 4 การจัดการความวิตกกังวลและความเครียดให้ลดลง
ความวิตกกังวลและความเครียดคือสิ่งที่เราจะต้องพบเจอในการเทรด เราไม่อาจหลีกหนีมันได้
เลย ธรรมชาติของการเทรดทำให้เราจมอยู่กับความไม่แน่นอน ความวิตกกังวลและความเครียด
ส่งผลกับแต่ละคนในหลายเวลาและหลายรูปแบบ สิ่งเหล่านี้บิดเบือนวิธีการการรับรู้ต่อโลกและ
สภาพแวดล้อมของเราอย่างฉับพลัน รวมถึงการลดความสามารถและประสิทธิภาพในการตัดสิน
ใจที่เหมาะสมลงไป เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จจะพัฒนาวิธีที่หลากหลายจนทำให้เขา
บรรเทาและลดระดับความวิตกกังวลลงได้ เช่น การเตรียมตัวและการวางแผนการเทรด ซึ่งมัน
ช่วยลดพฤติกรรมการไปตายเอาดาบหน้าลงได้
คุณลักษณะที่ 7 เคารพในความเสี่ยงและความไม่แน่นอน
เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จทุกคนล้วนแล้วแต่ให้ความเคารพอย่างสูง ต่อความเสี่ยงและความ
อันตรายของความไม่แน่นอน ความเสี่ยงนั้นเป็ นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของความไม่แน่นอน ถ้า
สถานะของพวกเขาถูกปิ ด เขาจะเสียเงินเป็ นจำนวน “x” ซึ่งนั่นคือความเสี่ยง ทุกครั้งๆ ที่พวกเขา
เทรดนั่นคือเขากำลังเสี่ยงอยู่ ด้วยการคิดตามหลักการนี้มันทำให้เรามีความชัดเจนในตัวเอง
ความไม่แน่นอนนั้นกว้างมาก เป็ นไปไม่ได้เลยที่จะระบุมูลค่าของมันอย่างแม่นยำว่าตลาดจะมี
พฤติกรรมอย่างไรในวันพรุ่งนี้ บางคนพยายามที่ฝื นมันซึ่งทำให้พวกเขาล้มเหลวจากความเสี่ยงที่
เกิดขึ้น ซึ่งผมเชื่อว่าคนที่พยายามทำเรื่องพวกนี้จะจบลงด้วยความหายนะ เทรดเดอร์ระดับท๊อป
โอบรับความเสี่ยง และเคารพความไม่แน่นอน พวกเขารู้ดีว่าพวกเขาไม่มีทางรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
ต่อไป เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จไม่ใช่นักพนัน คาสิโนเกมแบบเดียวที่เทรดเดอร์พวกนี้เล่น
มักจะเล่นอยู่บ่อยๆ คือ โป๊ กเกอร์ ซึ่งพวกเขาไม่ได้มองโป๊ กเกอร์ว่าเป็ นการพนัน เพราะพวกเขามี
ความสามารถในการทำให้พวกเขาได้เปรียบในการเล่นเกมนี้ได้ ซึ่งคาสิโนเกมอื่นๆ เขามีแต่จะ
เสียเปรียบคาสิโนทั้งหมด เทรดเดอร์ที่เก่งไม่ใช่แค่ประเมินทิศทางของตลาดได้อย่างชัดเจนเท่านั้น
แต่ต้องสามารถสร้าง Positive expectancy ที่ทำให้ผลลัพธ์ของเขาเป็ นบวกในระยะยาวด้วย
คุณลักษณะที่ 10 บรรลุความสมดุลในชีวิต
เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จพยายามที่จะรักษาชีวิตนอกเวลาเทรดให้สมดุลและไม่ซับซ้อน
การเทรดเป็ นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเขา แล้วถ้าส่วนอื่นๆ ของชีวิตพวกเขานั้นยุ่งเหยิง มันก็จะส่ง
ผลกระทบโดยตรงกับการเทรด ในทำนองเดียวกันเมื่อการเทรดไม่ดี มันก็อาจจะส่งผลถึงส่วนอื่น
ในชีวิตของตัวเขาด้วย เทรดเดอร์หลายคนพยายามรักษาสุขภาพให้แข็งแรงและหลีกเลี่ยงการทำ
อะไรที่เลยเถิด การลงทุนของพวกเขาเองก็ค่อนข้างไม่ซับซ้อนและปลอดภัย ทั้งหมดนี้ช่วยให้เขา
มั่นใจได้ว่าสภาพจิตใจของเขาจะปลอดโปร่งและชัดเจนเพื่อให้เขาสามารถที่จะพุ่งความสนใจ
ทั้งหมดไปที่การเทรดได้ ในความเป็ นจริงแล้วมันเป็ นเรื่องง่ายมากที่จะลืมองค์ประกอบทางด้าน
ทรัพยากรณ์มนุษย์ในการเทรดด้วยการทดแทนด้วยเครื่องมือและระบบการเทรดต่างๆ แต่อย่าง
ไรก็ตาม ความเป็ นมนุษย์นี่แหละที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จ
มาแชล มอนต์โกเมอรี ผู้ที่ประสบความสำเร็จในการรบในสงครามโลกครั้งที่สอง กล่าวไว้ว่า
“‘Man is still the first weapon of war.”
1. รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
คุณเป็ นคนที่ทำการเทรดและทำให้ตัวเองขาดทุน ฉะนั้นอย่าพยายามปัดความรับผิดชอบ หรือไป
กล่าวโทษคนอื่นว่าเป็ นต้นเหตุทำให้เราขาดทุน
2. หยุดการเทรด
คุณต้องหยุดพักซักพักเพื่อมาดูว่าเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นกับการเทรดที่ผ่านมาของคุณ จากนั้น
ให้ทำการประเมินสิ่งที่เกิดขึ้นโดยการทบทวนแต่ละเหตุการณ์อย่างละเอียดว่าส่วนไหนที่คุณทำ
ผิดพลาด ยกตัวอย่างเช่น คุณเสี่ยงในการเทรดนี้มากเกินไปหรือไม่? แผนการเทรดที่ใช้มันดี
จริงๆ หรือไม่? สภาวะจิตใจในช่วงที่เราทำการเทรดนั้นเป็ นอย่างไร หรือคุณมีความกลัวในการ
ขาดทุนหลังจากที่เทรดหรือไม่?
3. มีแผนการที่ชัดเจน
สิ่งที่คุณต้องทำคือมีรายละเอียดของแผนการเทรดล่วงหน้า โดยที่ส่วนประกอบของแผนการเทรด
ควรจะประกอบไปด้วยสิ่งที่คุณต้องทำเมื่อเกิดเงื่อนไขต่างๆ (เช่นการตัดขาดทุน เงื่อนไขในการ
ทำกำไร เป็ นต้น) และคุณควรระบุสิ่งที่คุณห้ามทำลงในแผนด้วย (เช่น การเลื่อนจุดตัดขาดทุน
เมื่อถึงจุดตัดขาดทุน)
4. ทำแผนให้ดียิ่งขึ้น
คุณสามารถระบุปัจจัยที่ทำให้คุณกลับสถานะการเทรดของคุณได้หรือไม่ ?
เทรดเดอร์ที่ดี คือเทรดเดอร์ที่สามารถตัดขาดทุนและรอโอกาสในรอบต่อไปได้ แต่เทรดเดอร์ที่ดี
ยิ่งกว่านั้นสามารถที่จะกลับสถานะของเขาเมื่อโอกาสมาถึง ซึ่งเปลี่ยนจากที่เขาเสียเงินกลายเป็ น
เขาได้เงินจากการเทรด ซึ่งการกลับสถานะได้นั้นคุณจะต้องระบุเงื่อนไขของมันให้ได้อย่างชัดเช่น
5. มองการขาดทุนเป็ นเพียงส่วนหนึ่งของการเทรด
คุณควรมองการขาดทุนเป็ นเพียงส่วนประกอบหนึ่งของการเทรด การสูญเสียเงินหรือแม้กระทั่ง
การขาดทุนอย่างหนักมันไม่ได้ทำให้คุณค่าในตัวคุณลดลงเลย อย่าไปซีเรียสกับการขาดทุนจน
เกินไป พยายามหาจุดสมดุลให้กับชีวิตโดยเฉพาะในช่วงที่ขาดทุนเพื่อให้ตัวคุณสามารถฟื้นคืน
สภาพจิตใจกลับมาได้ไวและสามารถเทรดต่อไปได้
6. หาแรงบันดาลใจ
คุณควรใช้การขาดทุนแต่ละครั้งเป็ นแรงขับเคลื่อนในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะของคุณเพื่อให้
คุณเทรดได้ดีขึ้น พยายามมองมันในแง่บวกให้ได้ นักกีฬาอาชีพจะตื่นเต้นเสมอเมื่อค้นพบข้อ
บกพร่องในเกมการเล่นของตัวพวกเขาเองเพราะพวกเขาใช้จุดอ่อนเหล่านี้เป็ นตัวกระตุ้นในการ
พัฒนาความเป็ นนักกีฬาของตัวเอง
7. กลับเข้าสู่เกม
หลังจากที่คุณทำการฟื้นฟูตัวเองตามขั้นตอนที่กล่าวมาด้านบนเรียบร้อยก็ถึงเวลากลับเข้าสู่การ
เทรด ถ้าคุณทำตามที่กล่าวมาข้างต้นได้อย่างสมบูรณ์ จิตใจและความพร้อมของคุณจะแข็งแกร่ง
และดีกว่าเดิม คุณต้องปล่อยการขาดทุนไปและใส่ใจในเรื่องของปฎิบัติเพื่อสร้างผลรับที่ดีขึ้น
**********
จากที่มานั่งฟังคุณ Dayton สอนเกี่ยวกับเรื่องของการรับมือการขาดทุน สิ่งที่ผมเห็นด้วยอย่าง
มากคือ มุมมองที่แต่ละคนมองในเรื่องของการขาดทุนครับ โดยส่วนใหญ่แล้วนักลงทุนมักจะมอง
เรื่องของการขาดทุนเป็ นเรื่องเลวร้ายและเป็ นเรื่องที่ควรหลีกเลี่ยง ซึ่งเป็ นสิ่งที่สะท้อนให้เราเห็น
อยู่ตามหน้าฟี ดเฟสบุ๊ก
เราจะเห็นแต่การโชว์กำไรกันเต็มไปหมดหรือมีการโชว์ขาดทุนและพูดถึงการขาดทุนแต่ในภาพมี
ออเดอร์ที่กำไรที่มากกว่าแนบติดมาด้วย ซึ่งค่อนข้างขัดแย้งกับความเป็ นจริงที่คนส่วนใหญ่ใน
ตลาดนั้นเสียเงิน
มุมมองเกี่ยวกับการขาดทุนเหล่านี้มักจะแตกต่างกับมุมมองของเหล่าคนที่ประสบความสำเร็จ
จริงๆ ในตลาดอย่างสิ้นเชิง คนที่ประสบความสำเร็จมักจะมองในเรื่องของความล้มเหลว หรือ
การขาดทุน (ที่มาจากการทำตามแผน) ในแง่บวก ดังเช่น quotes ที่ยกมาให้อ่านด้านล่างนี้ครับ
JESSE LIVERMORE
LESSON 5
5 เหตุผลสำคัญที่คนส่วนใหญ่ขาดทุน
1. การบริหารความเสี่ยงที่ห่วยแตก
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่จะเป็ นหนึ่งในเรื่องที่ควรจะอยู่ในลิสต์นี้ คนส่วนใหญ่มักจะเสี่ยงเกินไป forex
นั้นเป็ นการเทรดที่ใช้ leverage และ มันง่ายมากที่จะล้างพอร์ตหากว่าคุณทำการเสี่ยงมากเกินไป
แม้แต่เทรดเดอร์ระดับโลกอย่าง William Eckhardt ยังเคยบอกว่าเขาจะไม่เสี่ยงเกิน 2% พอร์ตต่อ
การเทรดแต่ละครั้งเลย
ขนาดระดับโลกยังเสี่ยงครั้งละน้อยๆ แล้วทำไมคุณถึงเสี่ยงมากกว่านั้นกันหละ?
วิธีการแก้ไข
จงสร้างกฎการเทรดให้คุณเสี่ยงเพียง 1-2% พอร์ตในแต่ละช่วงเวลา นั่นหมายถึงถ้าคุณเปิ ด
สถานะ 2 สถานะ ในแต่ละสถานะคุณจะเสี่ยงแค่ 1% พอร์ตเท่านั้น
คุณควรค้นคว้าเกี่ยวกับเรืองของ risk/reward, r-multiples, position sizing, drawdowns และ
currency correlation การมีวิธีจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสมทำให้คุณสามารถอยู่ในเกมนี้ได้
นานขึ้น นั่นหมายถึงการที่คุณจะมีโอกาสได้เรียนรู้จากความผิดพลาดจนคุณสามารถพัฒนา
ตัวเองขึ้นมาได้
2. ไม่มีวินัย
การมีวินัยมักจะเป็ นสิ่งหนึ่งที่ถูกมองข้ามอยู่เสมอๆ ในตลาด forex ที่เต็มไปด้วย indicator,
กลยุทธ์การเทรด และสัญญาณซื้อขาย แต่จริงๆ แล้ววินัยนั้นโคตรสำคัญ ในตอนที่คุณมีความรู้
เกี่ยวกับ forex ในระดับหนึ่ง ปัญหาที่พวกเราส่วนใหญ่จะเจอคือ พวกเราจะเข้าไปเทรดเพียง
เพราะอยากจะลุ้นหรือตื่นเต้น หรือไม่ก็ถ่าง stop loss และ take profit เร็วเกินกว่าที่ควรจะเป็ น
ดังนั้นมันเป็ นสิ่งสำคัญมากที่คุณจะมีภาพที่ชัดเจนว่าอะไรที่คุณต้องการจะประสบความสำเร็จใน
การเทรด และยึดติดกับสิ่งๆ นั้น คุณควรจะศึกษาเกี่ยวกับจิตวิทยาการเทรดและเรื่องจำพวก
cognitive biases ที่จะมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมการเทรดของคุณ การบริหารความเสี่ยงที่ห่วยแตก
จะทำให้คุณขาดทุนออกจากตลาดอย่างรวดเร็ว แต่การที่คุณไม่มีวินัย มันจะให้ผลลัพธ์ในแบบ
เดียวกัน เพียงแค่ช้ากว่าก็เท่านั้นเอง
วิธีการแก้ไข
คุณต้องระวังในเรื่องของ fear of missing out (FOMO) และ cognitive biases ที่มันจะเข้า
มารบกวนการเทรดของคุณ แค่เพียงคุณรู้เกี่ยวกับมันคุณก็จะสามารถลดการเทรดที่ไม่
จำเป็ นออกไปได้แล้ว
3. ไม่มีโครงสร้างหรือแบบแผน
มีเทรดเดอร์จำนวนไม่น้อยที่เทรดแบบมั่วๆ โดยไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงเทรดแบบนั้น อาจเพราะ
เหตุผลแย่ๆ คือคุณไม่มี track record ในการเทรด ทำให้คุณไม่รู้ว่าอะไรที่มันเวิร์ค และไม่เวิร์ค
คุณจะวิเคราะห์ผลตอบแทนของคุณได้อย่างไร ถ้ายังเทรดมั่วๆ อย่างที่คุณเป็ นอยู่แบบนี้?
นี่มันเป็ นหนทางแห่งความล้มเหลวชัดๆ
มีเทรดเดอร์จำนวนมากที่ไม่มีโครงสร้างในการเทรด แผนการเทรด และการบันทึกในทุกๆ การ
เทรดจะทำให้คุณมีโครงสร้างนั้นๆ เป็ นเวลาหลายปี ที่ผมได้เทรดมา ผมก็ยังใช้ Checklist อยู่ เพื่อ
ให้ผมรู้ว่าการเทรดที่ผมได้ทำไปนั้น ตรงตามแผนที่ผมได้วางไว้รึเปล่า ซึ่งมันก็เวิร์คมากๆ
วิธีการแก้ไข
มีแผนการที่ใช้ในการเทรด ถ้าคุณยังไม่มี ก็เริ่มทำมันซะ
บันทึกการเทรดของคุณ มันจะช่วยทำให้คุณเก็บบันทึกผลการเทรด วิเคราะห์และพัฒนาตัว
เองได้อย่างดีเยี่ยม
ใช้ trading checklist ก่อนที่คุณจะเทรดทุกครั้ง ซึ่งผมมีตัวอย่างของผมมาให้ดู (คุณจะปรับ
ให้เข้ากับตัวคุณก็ได้นะ)
การเทรดนี้ตรงตามแผนที่วางไว้หรือไม่ ?
ได้บันทึกการเทรดนี้ลงในบันทึกการเทรดหรือยัง?
การเทรดครั้งเป็ นการเทรดที่ตามแนวโน้มระยะยาวหรือไม่?
ไม่ได้เข้าซื้อเพราะว่าเบื่อหรือกลัวพลาดอะไรบางอย่างใช่หรือไม่?
รู้จุดเข้าซื้อและเงื่อนไขการออกสถานะ รวมถึงจุดตัดขาดทุนและจุดทำกำไรหรือไม่?
Risk/Reward และ Position size ครั้งนี้ดีพอสำหรับการเข้าสถานะหรือไม่?
รู้สึกมั่นใจในการเทรดครั้งนี้รึยัง ?
4. เปลี่ยนกลยุทธ์ไปมา
นี่คือเรื่องหนึ่งที่ผมเห็นบ่อยครั้งกับเทรดเดอร์มือใหม่ พวกเขาต้องการที่จะลองกลยุทธ์ใหม่ หลัง
จากที่เทรดจบไปแล้วสามครั้ง พวกเขาก็คิดซะแล้วว่ามันใช้งานไม่ได้และเปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์อื่นๆ
นี่คือสิ่งที่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่ลืมที่จะตระหนักถึง ว่าคุณจำเป็ นจะต้องใช้เวลาพอสมควร เพื่อที่จะ
สร้างกลยุทธ์ของตัวคุณเองขึ้นมา มันไม่ได้ง่ายหรือเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วข้ามคืน คุณจะต้องเรียนรู้
รายละเอียดและรู้ให้ได้ว่าอะไรที่มันสามารถใช้งานได้ และอะไรใช้งานไม่ได้ ทดลองใช้กลยุทธ์นั้น
เป็ นระยะเวลายาวนานจนมีข้อมูลมากพอมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติ เทรดเดอร์จะเห็นได้ด้วยตัวเอง
ว่าผลลัพธ์ของเขาจะดีขึ้นถ้าหากเขายึดติดและใช้กลยุทธ์เพียงแค่กลยุทธ์เดียว แต่น่าเสียดายที่
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มักจะมองหา “holy grail” และเปลี่ยนวิธีที่พวกเขาใช้เร็วเกินไป
5. ความพยายาม
แม้ว่าคุณจะแก้ไขปัญหาที่กล่าวมาด้านบนได้ทั้งหมด มันก็อาจจะต้องใช้เวลาหลายปี กว่าที่คุณจะ
สามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่า 80% ของเทรดเดอร์ทั้งหมดจะล้มเลิกออก
จากตลาดไปภายในสองปี แรก อย่าคาดหวังว่าการเทรด forex จะเป็ นอะไรที่ง่ายๆ จงทำการเทรด
ให้เหมือนกับการทำธุรกิจ เรียนรู้ ใช้เวลากับมันเยอะๆ จริงจังกับมัน และเหนือสิ่งอื่นใดคุณควร
ที่จะรักในการเทรด คุณจะเห็นได้ว่า หากคุณยึดติดกับมันได้นานพอ ผลลัพธ์ที่ดีมันจะออกมาใน
ท้ายที่สุด
วิธีการแก้ไข
เทรดและเรียนรู้การเทรด forex อย่างต่อเนื่องให้เป็ นนิสัย ด้วยความพยายาม คุณจะไปถึง
ระดับที่สามารถทำกำไรได้ในที่สุด
จงทำการเทรดให้เหมือนกับการทำธุรกิจ มันจะต้องใช้เวลาอย่างมาก แต่ผลลัพธ์ของมันจะ
คุ้มค่ากับการที่คุณทุ่มเทแรงกายแรงใจไปอย่างแน่นอน
ขอให้คุณโชคดีในการเทรด … Felix De Vliegher
บทความ 5 เหตุผลสำคัญที่คนส่วนใหญ่ขาดทุน โดย Felix De Vliegher แปลและเรียบเรียงโดย
Humble Trader Diary
1. คาดการณ์เหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นทั้งหมดก่อนการเทรด
ถึงแม้ว่าเราไม่สามารถจะมั่นใจได้อย่าง 100% ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต แต่เราก็พอจะคาด
การณ์เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดก่อนการเทรดได้ครับ เช่น การที่เราซื้อหุ้นหนึ่งตัวไป สิ่งที่มัน
จะเกิดขึ้นต่อไปคือ หุ้นขึ้น หุ้นลงและหุ้นอยู่ที่เดิม เป็ นต้น จากนั้นพอเราทราบเหตุการณ์ที่จะเกิด
ขึ้นทั้งหมดแล้ว สิ่งต่อไปที่คุณต้องทำก็คือการวางแผนกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เราได้คาดการณ์ไว้
ว่าเราจะทำอะไรบ้าง เช่น
2. เข้าใจสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้
เมื่อคุณเป็ นเพียงผู้เล่นตัวเล็กๆ (เหมือนกับตัวผม) ในการเทรดหุ้นนั้นสิ่งที่เราควบคุมได้นั้นมี
เพียงไม่กี่อย่าง
เมื่อเวลาที่เราจะซื้อหุ้น สิ่งที่เราควบคุมได้นั้นมีเพียง เราจะซื้ออะไร, จำนวนเท่าไหร่ และ
เมื่อไหร่
เมื่อเวลาที่เรามีหุ้นอยู่ในมือ สิ่งที่เราควบคุมได้มีเพียง เราจะขายเมื่อไหร่
นอกจากเรื่องเหล่านี้ มันล้วนจะเป็ นเรื่องที่เราควบคุมไม่ได้แทบทั้งหมด เช่น การทำให้หุ้นขึ้น
เยอะๆ ทำให้ตลาดโดยรวมเอื้อต่อวิธีที่เราจะเทรด ทำให้บริษัทที่เราถือมียอดขายและกำไรที่มาก
ขึ้นและทำให้เจ้าของบริษัทไม่ขายหุ้นที่ตัวเองถือ เป็ นต้น ดังนั้นจะดีกว่ามั้ยที่เราจะใส่ใจเฉพาะ
กับสิ่งที่เราควบคุมได้ และไม่เอาใจไปผูกติดกับสิ่งที่เราไม่สามารถไปควบคุมได้
มีคนเคยถามคุณ Mark Minervini หนึ่งใน Market Wizards บน Twitter ว่า คุณเคยกลัวกับการถือ
หุ้นมั้ย โดยเฉพาะช่วงที่ตลาดผันผวนและมีความไม่แน่นอนสูงคุณ Minervini ก็ได้ตอบกลับคน
ที่มาถามว่า
ทำไมผมจะต้องกลัว ทั้งที่ผมวาง Position size, กำหนดจุดตัดขาดทุนและ risk per trade ที่เหมาะ
สมกับสภาวะตลาดไว้เรียบร้อยแล้ว ถึงผมจะขาดทุนในครั้งนี้ ผมก็อยู่รอดและทำการเทรดต่อไป
ได้อยู่ดี เรื่องพวกนี้ได้กำหนดไว้ตั้งแต่ก่อนเราเข้าไปเทรดซะอีก
สิ่งที่พ่อมดตลาดหุ้นรายนี้สนใจก็แค่โฟกัสและทำให้ดีที่สุดในเรื่องที่ตัวเองควบคุมได้เท่านั้น ไม่
ได้สนสิ่งที่เขาควบคุมไม่ได้ สุดท้ายแล้วเราก็ไม่สามารถหลีกหนีความไม่แน่นอนได้ ก็แค่ต้อง
ทำใจโอบรับความไม่แน่นอนไว้ และโฟกัสแต่สิ่งที่เราควบคุมได้เท่านั้น พอเราสามารถฝึ กให้คิด
ได้แบบนี้แล้วความกลัวในสิ่งที่ไม่แน่นอนที่จะลดลงไปได้เองครับ
ช่วงนี้มีลูกเพจมาปรึกษาเรื่องหุ้นหลายท่านเลยครับ ส่วนใหญ่จะมาเพราะเรื่องขาดทุนหนักจาก
ตลาดขาลงโควิดช่วงนี้ครับ ไม่ก็คืนกำไรที่ทำได้ในรอบสามสี่ปี นี้ไป ผมฟังแล้วก็เครียดแทนครับ
วันนี้ผมก็เลยหาบทความเกี่ยวกับบริหารความเสี่ยงมาฝาก ซึ่งผมคิดว่าการบริหารความเสี่ยงเป็ น
เรื่องที่สำคัญไม่แพ้กับการหาหุ้นเลย บทความนี้เป็ นการสรุปงานของ Steve Burns ผู้เขียนหนังสือ
New Trader Rich Trader เกี่ยวกับเรื่องของความสำคัญของการบริหารความเสี่ยง ลองอ่านกันดู
นะครับ
**********
ผู้คนจำนวนมากมีความเชื่อว่าคนที่ชนะตลาดเป็ นเรื่องของดวงไม่ใช่เรื่องของความสามารถ และ
พวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงเลย ว่ามีบางสิ่งที่ผู้ชนะตลาดในระยะยาวมีเหมือนกัน เหล่าเทรดเดอร์ที่
ประสบความสำเร็จอย่างสม่ำเสมอไม่ได้ประสบความสำเร็จเพราะเกิดจากความฟลุค แต่พวกเขา
มีชุดทักษะที่จำเป็ น คนที่ประสบความสำเร็จและสามารถอยู่รอดได้ในตลาดเป็ นสิบ ยี่สิบปี มี
อย่างหนึ่งที่เหมือนกัน คือ
พวกเขาเป็ น “นักบริหารความเสี่ยง”
ผู้ชนะในระยะยาวมีทักษะในการสร้างวิธีในการหาผลตอบแทนที่คุ้มค่าต่อความเสี่ยง จำกัดการ
1. พวกเขามีพิธีการหรือวิธีเฉพาะตัว
สิ่งที่เราเห็นได้ชัดเลยคือ สถานการณ์ที่มีความกดดันมักจะทำให้เราปฏิบัติในสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่
เราอยากที่จะทำ ตลาดมักจะเกิดสิ่งที่เราไม่คาดคิดขึ้น ซึ่งทำให้เราตัดสินใจตามสัญชาตญาณการ
เอาตัวรอด และปิ ดความคิดที่มีเหตุผลของเรา หัวใจที่เต้นรัว อาการหายใจหอบ และการรับรู้ที่
รู้สึกถึงภัยอันตรายทำให้เราตัดสินใจอะไรไปอย่างไร้เหตุผล เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จเรียน
รู้ที่จะโอบรับความไม่แน่นอนซึ่งเป็ นส่วนหนึ่งของเกมการเทรด พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับ
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดตลอดเวลา ก่อนที่ตลาดจะเปิ ด พวกเขาจะมีพิธีการที่ช่วยให้พวกเขา
ผ่อนคลายและดึงศักยภาพของตัวพวกเขาออกมา อาทิ เช่น
การทำสมาธิ ซึ่งช่วยให้เขามีสมาธิ อยู่กับปัจจุบัน และมีจิตใจที่สงบ
2. พวกเขาไม่คิดว่าสถานการณ์กดดันเป็ นภัยคุกคาม
เทรดเดอร์ส่วนใหญ่คิดว่าความไม่แน่นอนและสถานการณ์กดดันเป็ นภัยอันตรายที่คุกคามพวก
เขา สิ่้งเหล่านี้มันมักจะทำลายความมั่นใจในตนเองของพวกเขา ดึงความกลัวในความล้มเหลว
ของพวกเขาขึ้นมา จนกระทั้่งไปกระทบกระบวนการตัดสินใจของพวกเขาในที่สุด
แต่สำหรับเทรดเดอร์มือโปร พวกเขาเรียนรู้และมองสิ่งเหล่านี้เป็ นสิ่งที่ท้าทายและโอกาสในการ
เติบโต ดังนั้นผมอยากแนะนำให้คุณเปลี่ยนมุมมอง แทนที่จะมองความไม่แน่นอนเป็ นภัยคุกคาม
ให้เราลองมองมันเป็ นความท้าทายที่เข้ามาในชีวิตกันดูบ้าง พวกเราล้วนแล้วแต่มีเลือดของนักสู้
ที่อยากจะชนะอุปสรรคและความท้าทายกันทั้งนั้น ดังนั้นถ้าหากคุณมองเรื่องที่ยากให้เป็ นความ
ท้าทายที่คุณอยากจะเอาชนะมัน คุณจะถูกกระตุ้นเพื่อใช้พลังงานและความใส่ใจของคุณในการ
ทำมันให้ดีที่สุด
ดังนั้น ลองใช้ความคิดในเรื่องของการท้าทายตนเองเข้ามาในชีวิตการเทรดของคุณดู การเปลี่ยน
มุมมองนี้จะทำให้โลกของคุณเปลี่ยนไปอย่างไม่เคยเป็ นมาก่อน
3. พวกเขาเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่
เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จจะเทรดได้ในสถานการณ์กดดันเพราะว่าพวกเขารู้ว่า พวกเขา
กำลังทำอะไรอยู่ พวกเขามีแผนการที่ดี และพวกเขาอุทิศเวลาในการทำความเข้าใจว่าทำไมแผน
ถึงได้ผลและทำไมแผนเหล่านั้นถึงได้เป็ นแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ดังนั้น เมื่อเผชิญกับความไม่
แน่นอน พวกเขาไม่เคยตัดสินใจด้วยความร้อนรนเลย ทุกสิ่งถูกจัดเตรียมไว้ล่วงหน้าให้พร้อม
สำหรับทุกอย่างแล้ว เทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จจะรู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่ และพวกเขา
จะทำแต่ในสิ่งที่พวกเขารู้เท่านั้น แผนการที่ถูกเตรียมไว้อย่างดีคือ ปราการด่านสำคัญที่ทำให้คุณ
รับมือกับความไม่แน่นอนของตลาดได้ ดังนั้น ทำให้แน่ใจว่าคุณมีแผนการที่ดีพอ และสามารถทำ
ตามมันได้อย่างเต็มที่
1. เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์มักจะโฟกัสเรื่องของเขาจำนวนเงินที่เขาจะขาดทุน
แต่ละครั้งและการบริหารความเสี่ยงเป็ นเรื่องแรก
ในขณะที่เทรดเดอร์ทั่วไปส่วนใหญ่โฟกัสแต่เรื่องว่าเขาจะได้เงินเท่าไหร่ในแต่ละการเทรด โดยไม่
ได้สนเรื่องของการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นหรือการบริหารความเสี่ยงเลย เทรดเดอร์ที่มีทักษะระดับ
สูงเข้าใจว่าถ้าเขาใส่ใจเรื่องของการปกป้ องเงินทุน ในที่สุดแล้วเขาจะทำกำไรได้เอง ในช่วงตลาด
ขาขึ้น มันไม่ยากเท่าไหร่นักที่จะหาหุ้นที่เป็ นขาขึ้นและได้กำไรจากมัน ซึ่งแค่สแกนหาหุ้นที่ทำจุด
สูงสุดใหม่ในรอบปี แล้วแล้วเข้าไปเทรด การเข้าไปเทรดในช่วงที่เป็ นขาขึ้นนั้นเป็ นเรื่องที่เบสิค
มาก เทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์ให้หุ้นขาขึ้นมันทำงานของมันไป และใส่ใจในเรื่องของกำจัดการ
เทรดที่ขาดทุนเพื่อไม่ให้พอร์ตของพวกเขาเสียหาย
2. ราคาของหุ้นมักจะลดลงได้เร็วกว่าตอนที่ราคาของมันขึ้น
หุ้นมักจะขึ้นเหมือนขึ้นบันได แต่ราคาตกเหมือนลงลิฟท์
ความกลัวและความโลภเป็ นสองอารมณ์ที่ปกคลุมอยู่ในตลาดหุ้น และอารมณ์ที่แข็งแกร่งที่สุดคือ
ความกลัว ในช่วงที่ตลาดหุ้น all time high มันคือช่วงที่ตลาดดูดีที่สุดซึ่งมันเป็ นเรื่องจริง แต่เรื่อง
ที่ดีก็อาจจะพลิกกลับได้อย่างรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น ตลาด S&P 500 อยู่จุดต่ำสุดที่ 768 จุดใน
เดือนตุลาคมปี 2002 และมันไปสูงถึง 1576 จุดในเดือนตุลาคมปี 2007 ซึ่งขึ้นถึง 105% ในระยะ
เวลา 5 ปี จากนั้นในช่วงมีนาคม 2009 เพียงแค่ 17 เดือนเท่านั้น ตลาดร่วงลงเหลือเพียง 666 จุด
ตลาดใช้เวลาขึ้นถึงห้าปี แต่กลับตกลงโดยใช้เวลาเพียงหนึ่งปี ครึ่งเท่านั้น
3. คุณจะต้องเจอกับการขาดทุนอย่างแน่นอน
สุดยอดเทรดเดอร์จำนวนมากได้เปิ ดเผยว่าเขามีอัตราชนะการเทรดไม่ถึง 50% ของจำนวนการ
เทรดที่เขาเทรดทั้งหมด Scott Bessent (อดีต Chief Investment Officer ของ Soros Fund ) เคย
บอกว่า Soros ต้องการอัตราการชนะแค่เพียง 30%-50% ก็เพียงพอแล้ว ในความเป็ นจริงไม่ว่า
คุณจะเทรดด้วยอะไรก็ตาม ยังไงคุณก็จะต้องมีส่วนที่คุณขาดทุน มันไม่สำคัญว่าระบบการเทรด
ของคุณจะมีอัตราการชนะในอดีตที่เท่าไหร่ หรือกราฟราคาของหุ้นคุณจะสวยงามขนาดไหน
หรือข้อมูลที่คุณมีจะสำคัญต่อราคาหุ้นเพียงใด สถานะการเทรดของคุณก็สามารถดำเนินไปใน
ทิศทางตรงข้ามกับที่คุณอยากให้มันเป็ นได้อยู่ดี และนี่เป็ นความจริงที่คุณไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
4. คุณจะเจอกับการขาดทุนติดๆกัน
ผมขอพูดเสริมจากข้อที่แล้ว สำหรับเทรดเดอร์ทุกคนหรือระบบเทรดแต่ละระบบ เมื่อคุณเทรด
ไปเรื่อยๆ ยังไงคุณก็จะเจอการเทรดที่คุณขาดทุนติดๆ กัน ตำนานหลายๆ ท่านมักจะเทรดให้
น้อยลงเมื่อพวกเขาเจอกับช่วงการขาดทุนติดๆ กัน ด้วยการใช้ fixed percentage risk sizing (การ
เสี่ยงโดยใช้เปอร์เซ็นต์ที่เท่ากันทุกครั้งในการเทรด) มันจะรับรองได้ว่าเขาจะขาดทุนต่อครั้งน้อย
ลงเรื่อยๆ เมื่อเขาอยู่ในช่วงที่ขาดทุนติดๆ เพราะว่าขนาดของการเทรดจะถูกกำหนดโดยขนาด
ของพอร์ตโฟลิโอ และเมื่อเขาทำผลงานได้ดีขึ้น ขนาดการเทรดของเขาก็จะใหญ่ขึ้นตามขนาด
ของพอร์ตโฟลิโอที่เพิ่มขึ้น ประเด็นสำคัญคือ ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการขาดทุนติดๆกัน การ
ทำตามแผนอย่างเคร่งครัด และไม่พยายามเอาคืนในช่วงที่เราขาดทุนติดๆกัน
ตลาดไม่ได้ทำให้เทรดเดอร์พ่ายแพ้ พวกเขาทำตัวเอง เพราะอยากที่จะควบคุมผลลัพธ์ทั้งหมดที่
เกิดขึ้นให้เป็ นไปอย่างที่ต้องการ ซึ่งนั่นคือหนทางพ่ายแพ้ในตลาด
8. เลิกสนใจการทำนาย การคาดการณ์และการฟันธง
ผมตระหนักได้มานานแล้วว่า ไม่มีซักคนที่สามารถจับทิศทางของตลาดได้ถูกต้องตลอดเวลา
ไม่แม้กระทั่งเหล่ากูรูหรือเหล่าคนดังในอินเตอ์เน็ต
ถ้าหากว่า Paul Tudor Jones และ Soros มีอัตราการชนะการเทรดประมาณ 50% แล้วคุณคิดว่า
จะมีใครฟันธงได้เก่งกว่าเทรดเดอร์ระดับตำนานพวกนี้ ?
การทำนายมันไม่ได้ดีกว่าไปกว่าการโยนเหรียญหัวก้อยนั่นแหละ การคาดการณ์ที่ผิดจะถูกกวาด
ไว้ใต้พรมแต่เมื่อคาดการณ์ถูกพวกเขาเหล่านั้นก็จะถูกยกยอปอปั้น เทรดเดอร์หลายคนมักจะ
อนุญาติให้ตัวเองเก็บสถานะที่ขาดทุนเอาไว้นานเกินกว่าที่วางแผนเพียงเพราะกูรูที่เขาชื่นชอบ
แนะนำพวกเขาทางทีวีหรือมีการปรับเป้ าประมาณการจากนักวิเคราะห์ พวกเขาไม่มานั่งบอกคุณ
ชดเชยค่าเสียหายให้คุณหรอกถ้าคุณขาดทุน และก็ไม่บอกด้วยว่าเมื่อไหร่เขาจะเปลี่ยนใจจากหุ้น
ตัวนั้นๆ ฉะนั้นการพัฒนาวิธีการเทรดของตัวเองและไม่ยึดติดกับความคิดของคนอื่นเป็ นสิ่งที่
จำเป็ น ผมเลิกสนใจเกี่ยวกับความเห็นต่างๆ แม้ว่าคนพูดจะฉลาดหรือเก่งเพียงใดก็ตาม สิ่งที่ผม
ทำคือการยึดมั่นในราคาหุ้นและเส้นค่าเฉลี่ย
ได้เวลาถือเงินสด?
ผมได้รับอีเมล์จำนวนมากตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจากคนที่พบกับการขาดทุนหนักในช่วงที่
ตลาดตกหนัก นี่ไม่ใช่เหตุการณ์วันสิ้นโลก นี่เป็ นเพียงแค่การปรับฐานของตลาดเท่านั้นเอง
ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับคนส่วนใหญ่เกี่ยวกับการลงทุนของพวกเขาคือ เราควรถือหุ้นไว้
ไม่ต้องทำอะไร หรือว่าเราควรขายออกมาบ้างแล้วถือเงินสดดี ?
เอาจริงๆ คนเราก็อยากจะได้ประโยชน์จากทั้งสองทางนั่นแหละซึ่งมันไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็ น
จริงเลย อีกนัยหนึ่งคือเมื่อตลาดส่วนใหญ่เป็ นขาขึ้น (อย่างในช่วงปี 2013-2015) ทุกคนหวังว่าเรา
จะลงทุนอย่างเต็มที่และปล่อยให้หุ้นมันวิ่งขึ้นไป และเมื่อตลาดเกิดการปรับฐาน (อย่างเช่นที่เกิด
อยู่ในตอนนี้) ทุกคนก็หวังว่าพวกเขาจะโปรแอคทีฟมากขึ้นและลดจำนวนการถือหุ้นก่อนที่หุ้นจะ
ลง
1. Portfolio Structure
อย่าแรกคือการออกแบบโครงสร้างพอร์ตฟอลิโอ ยิ่งเราออกแบบโครงสร้างได้ดีและตามจุด
ประสงค์ (เพื่อความอยู่รอด) เรายิ่งมีโอกาสอยู่รอดสูงขึ้น และสามารถทำผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับ
ความเสี่ยงที่เราวางแผนไว้ได้ครับ ซึ่งสิ่งที่ผมใส่ใจเป็ นหลักจะมีดังนี้ครับ
จำนวนถือครองหุ้นในแต่ละสถานการณ์ ผมแนะนำให้มีจำนวนหุ้นประมาณ 4-12 ตัว ขึ้น
อยู่ความดุดันและขนาดพอร์ตของแต่ละคนครับ ผมไม่แนะนำให้เล่นน้อยกว่านี้ครับ เวลา
ได้มันได้เยอะจริง แต่เวลาเสียก็เสียเยอะไม่ต่างกัน แล้วถ้ามันมีประเด็นในหุ้นที่คุณหวด
หนักๆ พอร์ตของคุณมีสิทธิจะยวบสูงมาก อย่าที่บอกไปตั้งแต่ต้น concept ของตัวผมคือ
“เอาตัวรอดก่อน” อะไรที่เปิ ดโอกาสให้ผมมีสิทธิไม่รอด ผมไม่เอาเลยครับ
อุตสาหกรรมของหุ้นที่เรามีอยู่ในพอร์ต ซึ่งโดยปกติแล้วเวลาที่ผมมีสถานะผมจะพยายาม
กระจายอุตสาหกรรมไปหลายๆ อุตสาหกรรม เพราะมันมีความสัมพันธ์ต่อกันค่อนข้างสูง
ครับ เช่น กลุ่มเหล็กหรือเรือ เวลาขึ้นก็ขึ้นกันหมด เวลาลงก็ลงกันหมด ขึ้นเยอะก็ดีหรอก
แต่ตอนลงมันก็ควบคุมพอร์ตยากครับ ผมจะพยายามไม่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกันเกิน
30% ของพอร์ตในแต่ละช่วง หรือถ้ามากกว่านั้นจะต้องเป็ นกรณีที่เราได้เงินชัวๆ แล้วจาก
หุ้นในอุตสาหกรรมนั้นแล้วตั้ง trailing stop ที่ค่อนข้าง tight ตัวเลขนี้ผมว่าสามารถปรับขึ้น
ปรับลงได้ตามวิธีการที่คุณเทรดเหมือนกัน ถ้าเล่นแนว position trading หรือ buy and hold
ผมว่าควรปรับลดลง เพราะคุณต้องถือสถานะนานกว่าวิธีอื่น แต่ถ้าเล่นแนว short-term
trading หรือ Swing trading อาจจะเพิ่มได้อีกหน่อย อาศัย momentum จากอุตสาหกรรม
แล้วรีบเข้าออกสถานะ ลดสัดส่วนลงเมื่อเริ่มได้กำไร เพื่อป้ องกันช่วงหุ้นกลับทิศทาง
ควบคุม position size ของแต่ละตัวให้เหมาะสม โดยปกติผมคิดว่าเราไม่ควรซื้อเกิน 25%
พอร์ตต่อตัว ทุกวันนี้ average size ของผมอยู่ที่ประมาณ 15% กว่าๆ ถ้าตัวมั่นใจและมี
liquidity พอก็จะประมาณ 20% ยกเว้นถ้าผมได้กำไรจากตัวนั้นเยอะๆ แล้วอยากจะ add up
ขึ้นไปก็อาจจะมากกว่านั้น แต่ผมจะทำการแยกออเดอร์เลย ออเดอร์เก่าที่กำไรก็ตั้งจุด
trailing ตามแผน ไม้ใหม่ก็หาจุด stop loss ใหม่แยกกัน ทำในไฟล์ excel
Portfolio Heat หรือความเสี่ยงโดยรวมของพอร์ตในแต่ละช่วงเวลาเป็ นเท่าไหร่ ซึ่งสิ่งนี้จะ
คิดมาจาก bet size x stop loss ของแต่ละตัวมารวมกัน ปกติผมจะคิด heat ที่ช่วง 2-6% (ถ้า
leverage หรือ margin อาจจะสูงขึ้นกว่านี้ได้) อยู่ที่สถานการณ์ที่เกิด ถ้าสถานการณ์ดีฟอร์ม
ดี Heat จะสูง แต่ถ้าสถานการณ์แย่ ฟอร์มแย่ ส่วนตัวผมจะลด heat ให้เหลือต่ำมากๆ
จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นครับ ซึ่งการคุม heat จะไปสัมพันธ์ต่อสัดส่วนของหุ้นและเงิน
(exposure) ด้วยครับ ถ้าเราวาง heat และ exposure อย่างรัดกุม โอกาสรอดตายก็จะสูงครับ
ประเภทหรือขนาดของหุ้นที่เราเล่น โดยปกติผมจะกำหนดสัดส่วนของประเภทหุ้นด้วยว่า
ในพอร์ตมีหุ้นประเภทไหนบ้าง อันนี้ขึ้นแรงมั้ย อันนี้ไม่ค่อยผันผวนเท่าไหร่ ผมไม่แนะนำว่า
เราควรจะมีแต่หุ้นที่ขึ้นแรงลงแรง อย่างที่บอกไปหลายรอบในบทความนี้ ขึ้นมันก็ดีแต่คุณ
3. Performance Feedback
ไม่มี feedback ใดที่มีค่ามากเท่ากับผลงานการเทรดของคุณแล้วครับ อย่างที่บอกในตอนท้ายของ
ข้อ 2 ครับ theory สำคัญแต่ actual trade สำคัญกว่า ซึ่งเราจำเป็ นจะต้องรู้ให้ได้ว่า ณ ขณะนี้ผล