You are on page 1of 2

Artificial 

Intelligence
AI หมายถึง เทคโนโลยีการสร้างเครื่ องจักรให้มีคุณลักษณะทางด้านสติปัญญาและความฉลาดเหมือนมนุษย์ ไม่วา่ จะเป็ น การคิดได้
แบบมนุษย์ การกระทำได้แบบมนุษย์ การคิดอย่างมีเหตุผล AI ที่นิยมใช้ในปัจจุบนั ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายจะเลียนแบบการทำงานให้
เหมือนกับสมองมนุษย์ แต่สิ่งที่มุ่งหวังคือ “output” ของ AI จะสามารถตอบโต้กบั ผูใ้ ช้งานได้โดยตรง ปัจจุบนั ซอฟต์แวร์หลายๆ ตัว
ขับเคลื่อนด้วยระบบ AI ต่างต้องการให้ผใู้ ช้ได้มีการตอบโต้กบั มนุษย์ดว้ ยกันให้ได้มากที่สุด

AI สามารถแบ่งนิยามการเรี ยนรู้ได้ง่ายๆ 4 กลุ่ม


1. Acting Humanly การกระทาคล้ายมนุษย์ สื่ อสารกับมนุษย์ได้ดว้ ยภาษาที่มนุษย์ใช้ เช่น
ภาษาอังกฤษ เป็ นการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (natural language processing) เช่น การใช้เสี ยงสัง่ ให้ คอมพิวเตอร์พิมพ์เอกสาร การมีประสาท
รับสัมผัสคล้ายมนุษย์ โดยสามารถมองเห็นและรับภาพได้โดยใช้ อุปกรณ์รับสัญญาณภาพ (sensor) Machine learning เรี ยนรู้ดว้ ยตัวเองโดย
สามารถตรวจจับรู ปแบบการเกิด ของเหตุการณ์ใดๆ แล้วปรับตัวสู่ สิ่ งแวดล้อมที่เปล่ียนไปได้
2. Thinking Humanly การคิดคล้ายมนุษย์ ก่อนที่จะทาให้เครื่ องคิดอย่างมนุษย์ได้ ต้องรู้ก่อนว่า มนุษย์มีกระบวนการคิดอย่างไร ซ่ึงการวิเคราะห์
ลักษณะการคิดของมนุษย์เป็ นศาสตร์ดา้ น cognitive science เช่น ศึกษาโครงสร้างสามมิติของเซลล์สมอง การแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้ าระหว่าง
เซลล์สมอง วิเคราะห์การ เปลี่ยนแปลงทางเคมีไฟฟ้ าในร่ างกายขณะกาลังคิด
3.Thinking rationally คิดอย่างมีเหตุผลหรื อคิดถูกต้องโดยใช้หลักตรรกศาสตร์ในการคิดหา คาตอบอย่างมีเหตุผล
4.Acting rationally กระทาอย่างมีเหตุผลโดยจะตอบสนองต่อการกระทาแต่ละแบบโดยการ นาเอาสภาพแวดล้อมเข้ามาวิเคราะห์ร่วมด้วย

หัวใจสำคัญที่ท ำให้เทคโนโลยี AI กลุ่ม Acting Humanly ที่มีความสามารถทางสติปัญญาและการเรี ยนรู้เหมือนมนุษย์ คือ การเรี ยนรู้ของ
เครื่ องจักร(Machine Learning: ML) ซึ่งหมายถึง ศาสตร์ที่ท ำให้คอมพิวเตอร์หรื อเครื่ องจักรสามารถเรี ยนรู้ที่จะทำความเข้าใจความสัมพันธ์ของ
ข้อมูลที่ถูกป้ อนเข้า (Input) และสร้างผลลัพธ์การตอบสนองต่อข้อมูล (Output) ขึ้นมาได้เองโดยไม่ตอ้ งถูกโปรแกรมหรื อได้รับการป้ อนคำสัง่
เข้าไปใหม่ทุกครั้งที่คอมพิวเตอร์หรื อเครื่ องจักรได้รับข้อมูลใหม่ เป็ นการนำศาสตร์ดา้ นคณิ ตศาสตร์และสถิติข้ นั สู งมาประยุกต์เข้ากับความรู้ดา้ น
การจัดการข้อมูล และการเขียนโปรแกรม โดยมีหลักการ คือ การสร้างองค์ความรู้ในเชิงโมเดลทางคณิ ตศาสตร์จากข้อมูลป้ อนเข้าด้วยตัว
เครื่ องจักรเองที่สามารถใช้ท ำนายอนาคตได้ โดยโมเดลที่ถูกสร้างขึ้นมีความยืดหยุน่ และสามารถที่จะปรับตัวเองเข้ากับข้อมูลใหม่ๆ ที่ได้รับป้ อน
เข้าไป ดังนั้น การเรี ยนรู้ของเครื่ องจักร จึงเปรี ยบเสมือนความคิดระบบหนึ่งจากหลายๆ ระบบ ที่อยูใ่ นสมองของ AI ที่ท ำหน้าที่แยกแยะและ
เรี ยนรู้ขอ้ มูลที่ถูกป้ อนเข้ามา และประมวลผลออกมาเป็ นการตอบสนองต่อข้อมูลที่แตกต่างกัน หลักการทำงานของ Machine Learning สามารถ
แบ่งออกเป็ น 3 ประเภทหลัก ตาม Algorithm ที่ใช้ดงั ต่อไปนี้
1.Supervised Learning เป็ นการสอนเครื่ องจักรให้เรี ยนรู้การแบ่งชุดข้อมูลเพื่อสร้างโมเดลการอนุมาน โดยทำตามแบบจากชุดข้อมูลในอดีตที่มี
การระบุ Input และ Output ไว้อย่างชัดเจน
2.Unsupervised Learning เป็ นการสอนเครื่ องจักรให้เรี ยนรู้จากชุดข้อมูลที่ไม่มีการแบ่งกลุ่ม หรื อระบุความสัมพันธ์ของข้อมูลไว้ชดั เจน เพราะ
ฉะนั้นการเรี ยนรู้แบบนี้ เครื่ องจักรมีหน้าที่ตอ้ งหาความสัมพันธ์และแบ่งกลุ่มของข้อมูลก่อนที่จะสร้างโมเดลการอนุมานขึ้นมา
3.Reinforcement Learning เป็ นการสอนให้เครื่ องจักรเรี ยนรู้ที่จะคิดหากลยุทธ์ที่ดีที่สุดจากสภาพแวดล้อม เพื่อที่จะได้รับ “รางวัล” หรื อ สิ่ ง
ตอบแทนที่ก ำหนดไว้
นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนา Algorithm ประเภทใหม่ๆ ของ Machine Learning ขึ้นมาอีก เช่น Deep Learning หรื อการเรี ยนรู้เชิงลึก โดยเป็ นการ
จำลองเครื อข่ายประสาทของมนุษย์ให้มีการประมวลผลแบบขนานต่อกันหลายๆ ชั้น ในลักษณะต่อเนื่องกัน ทำให้ Deep Learning สามารถ
ประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็ วด้วยประสิ ทธิภาพที่ไม่ลดลง
ตัวอย่ างการนำ AI มาใช้ ประโยชน์ ในปัจจุบัน
ใช้เพื่อการพัฒนา Social Listening Tools ปัจจุบนั นักการตลาดสามารถใช้เครื่ องมือ Martech ในการเข้าถึงความคิด หรื อข้อมูลของลูกค้าได้จาก
การใช้ Social Listening Tool ซึ่ งเป็ นเทคโนโลยีที่ออกแบบมาเพื่อ “ฟังเสี ยงผูบ้ ริ โภคในโลกโซเชียล” ซึ่ งเป็ นข้อมูลเชิงลึกที่ นักการตลาด
สามารถนำข้อมูลมาวิเคราะห์ได้ในเชิงลึก เพื่อให้เข้าถึงความคิดเห็นของลูกค้า ความพึงพอใจ และมุมมองของผูบ้ ริ โภคที่มีต่อแบรนด์เรา และ
เหตุผลที่แบรนด์จ ำเป็ นต้องใช้ Machine Learning เพื่อวิเคราะห์ขอ้ มูลไม่ใช่แค่การแสดงผลลัพธ์ หรื อการจับ Keyword เท่านั้น แต่ยงั เป็ นการนำ
Data ในระดับลึกไปต่อยอดในการทำการตลาดออนไลน์ได้ในอนาคต รวมทั้งการพัฒนา Personalized Marketing  การทำคอนเทนต์ให้ตอบ
โจทย์กบั กลุ่มเป้ าหมายด้วยการใช้ Data  และการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กบั ลูกค้าในภายภาคหน้า เพื่อให้ลูกค้าอยูก่ บั เราได้ในระยะยาว ซึ่ งอาจ
จะใช้การเก็บข้อมูลของลูกค้าจากการให้ดาว หรื อการกดถูกใจในสิ นค้าแต่ละชนิดที่ออกมา หรื อคียเ์ วิร์ดสำคัญเมื่อลูกค้ารี วิวสิ นค้า อีกทั้งยัง
สามารถแบ่งกลุ่มสิ นค้าที่ลูกค้าน่าจะชื่นชอบจากประวัติการสัง่ ซื้ อได้อีกเช่นกัน

เทรนด์ AI ในปัจจุบัน
AI จะกลายเป็ นสิ่ งที่ช่วยลดอุปสรรคในการดำเนินธุรกิจ
แนวทางในการปรับใช้ประโยชน์
1.การนำไปใช้ในการระบุความต้องการของลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง: อย่างการให้ AI ช่วยสุ่ มคัดเลือกคอนเทนต์ที่ลูกค้าชอบหรื อสนใจ, การนำ
เสนอสิ นค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ นค้าที่ลูกค้าเคยสัง่ ซื้ อหรื อใช้บริ การ เป็ นต้น เพราะ AI สามารถถอดรหัสข้อมูลและประมวลผลข้อมูลได้รวดเร็ ว
แม่นยำมากกว่าเดิม จึงสามารถนำเสนอสิ่ งที่ตอบโจทย์ลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจงเป็ นรายบุคคลได้ อันจะช่วยให้เรื่ องการดูแลและการให้บริ การ
ลูกค้าขององค์กรมีประสิ ทธิภาพจนทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจได้
2.การนำไปช่วยในการออกแบบและปรับแต่งโมเดลธุรกิจใหม่: AI ที่ฉลาดขึ้นจะสามารถคำนวณข้อมูลที่มีความซับซ้อนได้หลายชั้น ทำให้
องค์กรสามารถนำข้อมูลที่มีมาคำนวณเพื่อคาดการณ์แนวโน้มของตลาดและภาพรวมของอุตสาหกรรมในอนาคตได้

AI จะถูกพัฒนาให้มีความสามารถในการวิเคราะห์แยกแยะรวมถึงตอบสนองต่อภัยคุกคามที่เข้ามาในระบบเครื อข่ายขององค์กรได้มากขึ้นองค์กร
เลือกสถาปั ตยกรรมไอทีและโซลูชนั ที่มีเทคโนโลยี AI เข้าช่วยมาใช้งาน ในส่ วนนี้หากองค์กรไม่สามารถที่จะพิจารณาตัดสิ นใจเลือกเองได้
ปั จจุบนั มีบริ ษทั ที่มีความเชี่ยวชาญเรื่ องเทคโนโลยีดิจิทลั ที่สามารถให้ค ำปรึ กษา เพื่อที่จะได้ลงทุนในเทคโนโลยีที่เหมาะสมได้อย่างไม่มีผดิ
พลาด หลังจากมีโซลูชนั ที่ดีแล้วก็ต้ งั ค่ามอบหมายให้ AI เข้ามาวิเคราะห์แยกแยะอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อในระบบเครื อข่ายขององค์กร รวมถึงตั้งค่าให้
ทำการตรวจสอบกิจกรรมการรับ-ส่ งข้อมูลที่มีความน่าสงสัย เพียงเท่านี้ระบบเครื อข่ายก็จะเกิดความปลอดภัย องค์กรก็จะสามารถรักษาความเชื่อ
มัน่ ของลูกค้าไว้ได้เช่นเดิม

You might also like