You are on page 1of 28

Top News

บทความนี้ผู้เขียนทำการรวบรวม 10 ข่าวดังเด่นเกี่ยวข้องกับกองทัพไทย ระยะเวลาสิบปีตั้งแต่ พ.ศ.2556


ถึง พ.ศ.2566 โดยไม่เรียงลำดับ เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลและให้ผู้อ่านทุกคนได้ทบทวนเรื่องราวกันอีกครั้ง
1.ทร.เฮ! ครม.ให้ซื้อ 'เรือฟริเกต' 1.46 หมื่นล.
ครม.อนุมัติจัดซื้อ 'เรือฟริเกต'วงเงิน 1.46 หมื่นล้านบาท ขณะที่ 'ทร.' แจงเพื่อผลประโยชน์ของชาติ โวตัว
เรือแบบ 'สเตลท์' ลดการตรวจจับของศัตรู พร้อมรบแบบ 3 มิติ

รายงานข่าวจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันที่ 30 ก.ค.2556 ซึ่งมีนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล


รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมได้อนุมัติงบประมาณให้กับ 3
เหล่าทัพผ่านกระทรวงกลาโหม โดยก้อนแรกเป็นของกองทัพเรือที่มีการอนุมัติงบประมาณผูกพันข้ามปี 2557-
2561 ในโครงการจัดซื้อเรือฟริเกต สมรรถนะสูงจำนวน1ลำ วงเงินกว่า 14,997 ล้านกว่าบาท ที่ต่อเรือจากอู่บริษัท
แดวู ประเทศเกาหลีใต้

รายงานข่าวจากคณะรัฐมนตรี(ครม.) เพิ่มเติมว่า ครม.ได้อนุมัติการจัดซื้อเรือฟริเกตสมรรถนะสูง จำนวน


1 ลำ วงเงิน 14,600 ล้านบาท ที่จะเข้าประจำการที่กองทัพเรือ(ทร.) ตามที่กระทรวงกลาโหมเป็นผู้เสนอเรื่อง
อนุมัติการผูกพันงบ 5 ปี (2557-2561) ทั้งนี้ทางสำนักงานเลขานุการกองทัพเรือได้ทำเอกสารชี้แจงว่า ทร.ได้จัดหา
เรือฟริเกต เพื่อนำไปใช้ในการป้องกัน รักษาอธิปไตยของชาติ และการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งจะ
เป็นหลักประกันในการสร้างความมั่นคงด้านเศรษฐกิจทางทะเล และจัดหาเพื่อทดแทน เรือฟริเกต ชุด ร.ล. พุทธ
ยอดฟ้าจุฬาโลก และ ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย ที่ครบกำหนดปลดประจำการในปี 2558 และ 2561 ตามลำดับ จึง
มีความจำเป็นจัดหาเรือฟริเกตจำนวน 2 ลำ โดยลำที่ 1 กำลังจัดหาในครั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2556 - 2561 ส่วน
ลำที่ 2 จะพิจารณาดำเนินการจัดหาต่อไป

สำหรับเรือฟริเกต ที่จัดหาจะมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการรบได้ 3 มิติ คือ การปฏิบัติการสงคราม


ใต้น้ำ การปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ และการปฏิบัติสงครามผิวน้ำ โดยสามารถปฏิบัติงานร่วมกับ
ฮ.ทร. ในการรับ-ส่ง ฮ. และนำ ฮ.เข้าเก็บในโรงเก็บ ฮ.ได้ นอกจากนี้ ยังได้เพิ่มขีดความสามารถของระบบตรวจ
การณ์ และระบบอาวุธในการปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ และการป้องกันภัยทางอากาศให้มีประสิทธิภาพสูง อีกทั้ง
ระบบอาวุธและระบบอำนวยการรบ ได้รับการออกแบบให้มีขีดความสามารถในการเชื่อมต่อข้อมูลทางยุทธวิธี ที่
สามารถใช้งานร่วมกับระบบการรบของเรือฟริเกต ชุด ร.ล. นเรศวร และ ร.ล.จักรีนฤเบศร ได้ เป็นผลทำให้การ
ปฏิบัติการรบร่วมในลักษณะกองเรือ (Battle Group) รวมทั้งการปฏิบัติการรบร่วมกับอากาศยานของ
กองทัพอากาศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ประกอบกับข้อเสนอการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่บริษัทฯ
เสนอ จะทำให้เพิ่มขีดความสามารถให้อู่เรือไทยและบุคคลากรทั้ง ทร. และภาคเอกชนให้มีความรู้ความชำนาญ
รองรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยี การพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงการบำรุงรักษา ซึ่งจะเป็นการ
ส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อเรือรบในประเทศได้

อย่างไรก็ตาม ทร.ได้แต่งตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาดำเนินการ โดยได้เชิญชวนอู่เรือของประเทศต่าง ๆ ใน


เอเชีย ยุโรป และอเมริกา จำนวน 13 ราย ซึ่งรวมถึงอู่เรือจากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และราชอาณาจักร
เนเธอร์แลนด์ด้วย เพื่อเปิดกว้างให้มีการแข่งขันให้ ทร. ได้รับประโยชน์สูงสุด โดยมีผู้เสนอแบบเรือ 5 ราย ได้แก่ อู่
เรือจากสาธารณรัฐอิตาลี ราชอาณาจักรสเปน สาธารณรัฐเกาหลีใต้ (2 ราย) และสาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจาก
นั้นได้ดำเนินการคัดเลือกแบบตามแนวทางการจัดหายุทโธปกรณ์หลักของ ทร. โดยผลการพิจารณาปรากฏว่า แบบ
เรือของบริษัท Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering Co., Ltd. (DSME) สาธารณรัฐเกาหลี สามารถ
ตอบสนองภารกิจของ ทร.ได้ดีที่สุด และเป็นแบบเรือที่ตรงตามความต้องการมากที่สุด จึงได้รับการคัดเลือก

สำนักงานเลขานุการกองทัพเรือระบุ แบบเรือฟริเกตที่ได้รับการคัดเลือก เป็นแบบที่พัฒนามาจากเรือ


พิฆาตชั้น Kwanggaeto Class Destroyer (KDX-I) ซึ่งเรือฟริเกตที่ ทร.จัดหา มีการออกแบบและสร้างเรือ โดยใช้
มาตรฐานทางทหารของสหรัฐฯ และทร.เกาหลี อีกทั้งได้รับการรับรองเป็นแบบที่ได้รับรองจากสถาบันจัดชั้นเรือซึ่ง
เป็นสมาชิกของ IACS (International Association of Classifications Society) โดยแบบเรือดังกล่าว มีระวาง
ขับน้ำสูงสุด 3,700 ตัน ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง 30 นอต ระยะปฏิบัติการประมาณ 4,000 ไมล์ทะเล กำลังพล 136
นาย ลักษณะของเรือออกแบบโดยใช้ Stealth Technology และลดการแพร่คลื่นแม่เหล็กตัวเรือ รวมทั้งลดการ
แพร่เสียงใต้น้ำ ติดตั้งระบบอำนวยการรบและระบบอาวุธจากยุโรปและอเมริกา ซึ่งสามารถปฏิบัติการรบได้ทั้ง 3
มิติ รวมทั้งป้องกันตัวเองในระยะประชิด ตามมาตรฐานยุโรป สหรัฐฯ และ ทร.ที่มีใช้งานและกำลังจัดหา การสร้าง
เรือ จะดำเนินการ ณ อู่ต่อเรือของบริษัทDSME สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ในระหว่างปี 2556 - 2561 โดยมีค่าจ้างสร้าง
เรือรวมทั้งสิ้นประมาณ 14,600 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม อะไหล่เครื่องมือ เอกสาร ส่วนสนับสนุน
การทดสอบทดลอง การฝึกอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยี และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

หมายเหตุ : ข้อมูลจากราชการทุกกรมกองมักเขียนติดกันยาวๆ ส่งผลให้การอ่านทำได้อย่างค่อนข้างลำบาก


ความเห็นผู้เขียน
โครงการเรือฟริเกตสมรรถนะสูงเป็นข่าวโด่งดังมากที่สุด เพราะใช้งบประมาณมากที่สุดรวมทั้งเป็นการซื้อ
เรือฟริเกตใหม่เอี่ยมลำแรกในรอบ 20 ปี ผลการคัดเลือกอู่ต่อเรือ Daewoo Shipbuilding & Marine
Engineering CO., LTD. หรือ DSME จากเกาหลีใต้คือได้รับการคัดเลือก แบบเรือและอาวุธบนเรือสร้างความ
ฮือฮาสองด้านไปพร้อมกัน ด้านแรกทุกคนบ่นว่าเราควรได้อาวุธและเรดาร์รุ่นดีกว่าดีนี้ใช้งาน ด้านสองเมื่อ
กองทัพเรือเปิดเผยรายละเอียดเราก็พากันฝันถึง อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน SM-2 อาวุธปล่อยนำวิถีปราบ
เรือดำน้ำ VL-ASROC และระบบเป้าหลวง Nulka รุ่นดีที่สดุ จากอเมริกา
การดำเนินงานโครงการนี้เป็นไปอย่างสะดวกราบรื่น วันที่ 7 สิงหาคม 2556 กองทัพเรือลงนามซือ้ เรือฟริ
เกตจากบริษัท DSME เรือหลวงท่าจีนถูกเปลี่ยนชื่อเป็นเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช (FFG-471) เรือเดินทางถึงไทย
วันที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2562 เข้าประจำการวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2562 ปัญหาติดขัดเล็กน้อยมีแค่เพียงการสั่งซื้อ
เรือลำที่สองถูกเลื่อนออกไป เพราะกองทัพเรือมีโครงการใหญ่กว่า สำคัญกว่า ใช้เงินมากกว่าแทรกเข้ามาเสียก่อน
2.กองทัพบกควัก 2,960 ล้านบาท จัดซื้อรถยานเกราะ "สไตรเกอร์"
กองทัพบกจัดซือ้ ยานเกราะ ล้อยาง “สไตรเกอร์” จากสหรัฐเข้าประจาการเป็ นแห่งแรกของโลก พร้อมๆ
กับการปรับโครงสร้างกองทัพให้กะทัดรัดและจัดหน่วยกองพลทหารราบมาตรฐาน มาเป็ นกองพลทหารราบเบา

เมื่อเร็วๆ นี ้ พ.อ.หญิง ฉัตรรพี พูนศรี รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิ ดเผยว่า ขณะนี ้


กองทัพบกกาลังปรับปรุงโครงสร้างและเสริมสร้างหน่วยกาลังรบของกองทัพบกเพื่อใช้เป็ นหน่วยต้นแบบใน
อนาคตโดยมุ่งเน้นการเสริมสร้างหน่วยกาลังรบระดับกรม ให้เป็ นหน่วยที่มีความกะทัดรัดทันสมัยและมี
ประสิทธิภาพ

การจัดกองทัพดังกล่าวจะศึกษารูปแบบจากการจัดหน่วยแบบกองพลน้อยของสหรัฐฯ และออสเตรเลีย
(Brigade Combat Team : BCT) โดยนาไปประยุกต์ให้มีความเหมาะสมกับกองทัพบก ซึ่งการจัดการดังกล่าว
จะต้องประกอบด้วยกาลังพลและยุทโธปกรณ์ควบคู่กบั การพิจารณาจัดหายานเกราะที่เหมาะสม เข้า
ประจาการ ซึ่งขณะนีท้ างกองทัพบกกาลังจัดหายานเกราะล้อยาง “สไตรเกอร์” จากประเทศสหรัฐฯ เข้า
ประจาการ
สาหรับแผนการจัดซือ้ ยานเกราะล้อยาง “สไตรเกอร์”ทางกองทัพบกได้อนุมตั ิจดั หายานเกราะล้อยาง
รุน่ M1126 STRYKER จากที่สหรัฐมีสารองไว้ 37 คัน คันละประมาณ 80 ล้านบาท เป็ นโครงการซือ้ ความ
ช่วยเหลือทางทหารแบบ FMS โดยตรงกับสหรัฐฯ

สาหรับรถเกราะ “สไตรเกอร์” นีจ้ ะมีอาวุธประจารถและเครื่องมือติดต่อสื่อสาร ในการซือ้ ครัง้ นีท้ าง


กองทัพบกไทยได้ซือ้ 37 คัน (รวมเป็ นเงิน 2,960 ล้านบาท) และทางสหรัฐฯ ช่วยเหลือให้เพิ่มอีก 23 คัน รวม
เป็ น 60 คัน และยังเป็ นโครงการต่อเนื่อง รวมถึงการสร้างโรงเก็บ สนามฝึ ก ชิน้ ส่วนการซ่อมบารุง เพื่อบรรจุใน
กองพลทหารราบที่ 11 จังหวัดฉะเชิงเทรา ตามแผนการเสริมสร้างศักยภาพของหน่วยทหารราบ พร้อมยังนาเข้า
ประจาการในหน่วยทหารหน่วยอื่น

นอกจากนี ้ การประจาการของ “สไตรเกอร์” จะทาให้จดั หน่วยจากเดิมเป็ นแบบกองพลทหารราบ


มาตรฐาน มาเป็ นการจัดหน่วยแบบกองพลทหารราบเบา

มีรายงานว่า นับตัง้ แต่ พล.อ.อภิรชั ต์ คงสมพงษ์ มาเป็ นผูบ้ ญ


ั ชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้มีการ
พัฒนาแนวทางการจัดหายุทโธปกรณ์ให้เป็ นไปตามมาตรฐาน และสหรัฐฯ มีรถเกราะรุ่นดังกล่าวสารองคลังไว้
จึงได้เสนอขายให้กบั กองทัพบกของไทยในราคามิตรภาพ ทบ.จึงเห็นชอบให้จดั หายานเกราะรุน่ ดังกล่าวเขามา
ประจาการ ซึ่งถือเป็ นยานเกราะล้อยางแบบที่ 3 ของกองทัพบกไทยที่เตรียมนาเข้าประจาการ โดยเริ่มใน
ปี งบประมาณ 2562 นี ้

สาหรับประวัติของยานรบ “สไตรเกอร์” ถือได้ว่าได้จาหน่ายให้ไทยเป็ นรายแรก ซึ่งยานรบดังกล่าว


กองทัพสหรัฐฯ ยังคงใช้ประจาการไปอีกถึงปี 2030 หรือนานกว่านี ้ เป็ นยานเกราะล้อยางที่ได้รบั การยอมรับว่า
ระดับ World Class ผลิตโดย บริษัท General Dynamics Land systems ผ่านการรบมาแล้วหลายครัง้

ความเห็นผู้เขียน
การจัดหายานเกราะล้อยางสไตรเกอร์จากอเมริกา ถือเป็ น Big Surprise จากกองทัพบกชนิดไม่มีใคร
คาดฝันมาก่อน ช่วงเวลานัน้ ความสัมพันธ์ไทย-อเมริกาค่อนข้างจืดจางด้วยเหตุผลหลายประการ ความสัมพันธ์
ไทย-จีนค่อนแนบแน่นด้วยเหตุผลหลายประการเช่นกัน ช่วงเวลานัน้ กองทัพบกจัดหารถถัง ยานเกราะจากจีน
เข้าประจาการจานวนมาก มากเสียจนผูเ้ ขียนแอบสงสัยว่าเราจะซือ้ อาวุธจากจีนตลอดไปเลยใช่ไหม
ความคิดผูเ้ ขียนเปลี่ยนไปทันควันเมื่อพบเจอดีลลับสุดยอด “สไตรเกอร์”
วันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ.2562 ยานเกราะสไตรเกอร์ 4 ลำแรกเดินทางมาถึงไทยด้วยเครื่องบินลำเลียง การ
วันที่ 12 กันยายน 2562 มีพิธีส่งมอบยานเกราะชุดแรกจำนวน 10 ลำ ท่ามกลางรอยยิ้มทั้งฝั่งไทยและฝั่งอเมริกา
ปี 2563 กองทัพบกสั่งซื้อยานเกราะสไตรเกอร์เฟสสองจำนวน 50 ลำ ต่อมาในปี 2564 มีการสั่งซื้อเฟส
สามเพิ่มอีก 10 ลำ ทำให้ยอดรวมยานเกราะเมดอินอเมริกาเพิ่มขึ้นเป็น 130 ลำ ในจำนวนนี้เป็นรถที่สหรัฐให้เพิ่ม
เป็นพิเศษจำนวน 40 คัน กองทัพบกตั้งใจนำยานเกราะเข้าประจำการ ร.112 พล.ร.11 รวม 2 กองพัน
3.กองทัพอากาศลงนามจัดซือ้ เครื่องบินฝึ กนักบินขับไล่ขั้นต้นแบบ T-50TH กับบริษัท KAI
สาธารณรัฐเกาหลี
เมื่อวันที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๕๘ ที่กรุงโซล สาธารณรัฐเกาหลี พลอากาศเอก จอม รุง่ สว่าง เสนาธิ
การทหารอากาศ ในฐานะประธานกรรมการจัดซือ้ เครื่องบินฝึ กนักบินขับไล่ขนั้ ต้น ได้เป็ นผูแ้ ทนกองทัพอากาศ
ลงนามในสัญญาจัดซือ้ เครื่องบินฝึ กนักบินขับไล่ขนั้ ต้นแบบ T-50TH จานวน ๔ เครื่อง พร้อมอะไหล่ขนั้ ต้น
อุปกรณ์เครื่องมือที่จาเป็ น การฝึ กอบรมนักบินและเจ้าหน้าที่เทคนิคที่เกี่ยวข้อง การถ่ายทอดเทคโนโลยีรวมทัง้
ข้อเสนอพิเศษ กับ นาย Ha Sung Yong ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของบริษัท Korea Aerospace Industries
(KAI) จากัด

ในการจัดซือ้ เครื่องบินดังกล่าวเป็ นไปตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ ที่อนุมตั ิให้


กองทัพอากาศดาเนินการจัดหาเครื่องบินฝึ กนักบินขับไล่ขนั้ ต้น (ระยะที่ ๑) ระยะเวลาดาเนินการ ๓ ปี ตัง้ แต่
ปี งบประมาณ ๒๕๕๘ – ๒๕๖๐ และให้นาเสนอคณะรัฐมนตรีทราบอีกครัง้ ก่อนดาเนินการ ซึ่งกองทัพอากาศ
ได้นาเรียนคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบผลการดาเนินการเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๘ และรัฐมนตรีว่าการ
กระทรวงกลาโหมได้อนุมตั ิให้กองทัพอากาศดาเนินการจัดซือ้ เครื่องบินฝึ กนักบินขับไล่ขนั้ ต้นตามโครงการ ฯ
(ระยะที่๑) เมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๕๘

สาหรับเครื่องบินแบบ T-50TH เป็ นเครื่องบินฝึ กที่จะเข้ามาประจาการทดแทนเครื่องบินขับไล่และฝึ ก


แบบที่ ๑ (L-39) ของกองทัพอากาศที่มีแผนจะปลดประจาการซึ่งใช้งานมานาน มีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา
เพิ่มขึน้ และมีเทคโนโลยีท่ลี า้ สมัย ไม่สามารถฝึ กนักบินให้ตอบสนองต่อความต้องการในการผลิตนักบินเพื่อไป
ปฏิบตั ิการบินกับเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงที่กองทัพอากาศได้จดั หามาแล้วและทาการปรับปรุง คือ เครื่องบิน
ขับไล่แบบที่ ๒๐ (Gripen 39 C/D) และเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๙ (F-16 MLU) ทัง้ นีเ้ ครื่องบินแบบ T-50TH
เป็ นเครื่องบินฝึ กสมรรถนะสูง ใช้เทคโนโลยีท่ที นั สมัย เหมาะสมสาหรับการฝึ กนักบินขับไล่ขนั้ ต้นให้สามารถ
ปฏิบตั ิภารกิจกับเครื่องบินขับไล่สมรรถนะสูงของกองทัพอากาศที่มีใช้งานในปัจจุบนั ต่อไปได้ มีระบบการ
ฝึ กอบรมและระบบสนับสนุนการปฏิบตั ิภารกิจที่ทนั สมัย ส่งผลให้การฝึ กนักบินขับไล่ขนั้ ต้นเป็ นไปอย่างมี
ประสิทธิภาพ รวมทัง้ สามารถติดตัง้ ใช้งานระบบอาวุธที่กองทัพอากาศใช้งานในปัจจุบนั ได้ ทัง้ นีใ้ นส่วนที่เป็ น
ข้อเสนอพิเศษ ที่ประเทศไทยและกองทัพอากาศจะได้รบั เพิ่มเติมได้แก่ ทุนการศึกษาในระดับปริญญาโท
จานวน ๘ ทุน และความร่วมมือ และการสนับสนุนในภาคอุตสาหกรรมการบิน ซึ่งจะเป็ นประโยชน์อย่างยิ่งต่อ
ประเทศไทย

ความเห็นผู้เขียน
โครงการเครื่องบินฝึกนักบินขับไล่ขั้นต้นแบบ T-50TH ไม่ได้หวือหวาอลังการเหมือนโครงการเครื่องบิน
ขับไล่แบบที่ ๒๐ (Gripen 39 C/D) แต่ถือเป็ นข่าวเด่นดังมากที่สดุ ในรอบสิบปี ของทัพอากาศขาดรัก
เครื่องบินเฟสแรก 4 ลำกองทัพอากาศลงนามจัดซื้อมูลค่า 3,750 ล้านบาทระหว่างปี 2558 วันที่ 11 ก.ค.
2560 คณะรัฐมนตรีอนุมัติวงเงินงบประมาณ 9,000 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อเครื่องบินเฟสสองจำนวน 8 เครื่อง ต่อมา
ในปี 2564 กองทัพอากาศลงนามจัดซื้อเครื่องบินเฟสสามเพิ่มจำนวน 2 ลำมูลค่า 2,360 ล้านบาท
อินทรีทองสองลาแรกเดินทางมาถึงไทยวันที่ 25 มกราคม 2561 หลังเครื่องบินเกิดความเสียหายจาก
ปัจจัยสภาพอากาศ ทาให้ตอ้ งซ่อมเปลี่ยนเครื่องยนต์ และเลื่อนการบินนาส่งไปถึง 2 สัปดาห์ ปัจจุบนั บริษัท
KAI ส่งมอบ T-50TH เรียบร้อยแล้วจำนวน 12 ลำ ส่วน 2 ลำสุดท้ายคาดว่าน่าจะพร้อมส่งมอบภายในปี 2566
ชมข่าวดังเด่นที่ทุกคนกดไลก์กันไปแล้ว ต่อจากนี้คือข่าวดังเด่นที่ทุกคนพร้อมใจกันกดอันไลก์
4.ผบ.ทอ.วอน กมธ.ผ่านงบซื้อ เอฟ-35 ยันโปร่งใสแม้ผ่านคองเกรสไม่ง่ายแต่มีลุ้น
"ผบ.ทอ." วอน กมธ.งบฯ ผ่านงบโครงการจัดซื้อ เอฟ-35 เฟสแรก จำนวน 2 ลำ ย้ำจัดซื้อระบบ FMS
โปร่งใส ไม่มีนอก-มีใน ยอมรับ ผ่านมติสภาคองเกรสจะไม่ง่าย แต่มีโอกาสลุ้น เผย ทอ.หนุนเต็มที่

เมื่อเวลา 08.06 น. วันที่ 2 ส.ค.2565 ที่กองบิน 41 กองทัพอากาศ จังหวัดเชียงใหม่ พล.อ.อ.นภาเดช ธู


ปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดซื้อจัดหาโครงการเครื่องบิน F-35 หลังถูกคณะ
อนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน สภาผู้แทนราษฎร ตัดออกจากงบประมาณประจำปี
2566 และได้ยื่นเรื่องอุทธรณ์ ซึ่งจะเข้าคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณ
รายจ่ายประจำปี 2566 ในวันนี้ว่า ประชาชนมุ่งหวังเห็นสิ่งสำคัญ 3 ประการ คือ 1. กองทัพซื้อของดีมี
ประสิทธิภาพใช้งานได้นาน คุ้มค่า คุ้มราคากับภาษีของประชาชน 2. การซื้อต้องไม่มีการคอร์รัปชัน หมายถึง
ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ผู้นำเหล่าทัพไม่มีผลประโยชน์ รวมถึงคนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเงินทุกบาททุกสตางค์จะต้องใช้
อย่างคุ้มค่ากับโครงการเท่านั้น และ 3. การจัดซื้อจะต้องสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติอย่างเต็มที่ทั้งทางตรง
ก่อให้เกิดความมั่นคงของชาติ และทางอ้อมคือสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาคน พัฒนาองค์ความรู้ การ
ถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ

ผบ.ทอ. กล่าวต่อว่า ทั้งนี้โครงการจัดซื้อเครื่องบิน เอฟ-35 เอ ไลท์นิ่ง ทู (F-35 A) ที่กองทัพอากาศเสนอ


ขณะนี้อยู่ระหว่างการอุทธรณ์ เพราะถูกตัดงบประมาณ และเครื่องบิน F-35 A ถือเป็นหนึ่งในเครื่องบินรบที่ดีที่สุด
ของโลก สามารถใช้กับอาวุธได้หลายอย่าง รวมถึงอาวุธที่กองทัพอากาศมีใช้ในปัจจุบัน จึงไม่มีความจำเป็นต้อง
จัดซื้ออาวุธเพิ่มเติม อีกทั้งการซื้อเครื่องบินก็จะทำให้ประหยัดงบประมาณ และในอนาคตหากมีอาวุธใหม่ๆ ที่มี
ประสิทธิภาพก็สามารถสั่งซื้อเพิ่มเติมได้ โดย F-35 ถูกออกแบบมาให้รองรับกับอาวุธใหม่ๆ

พล.อ.อ.นภาเดช กล่าวต่อว่า กองทัพอากาศจัดซื้อโดยแบบวิธีความช่วยเหลือทางการทหาร (FMS) ซึ่งเป็น


การจัดซื้อเจรจาระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาล จึงมีความโปร่งใสและตรวจสอบได้ ไม่มีนอก ไม่มีใน ไม่มีผลประโยชน์
ใดๆ ทั้งสิ้น นับว่าเป็นกระบวนการจัดซื้อที่เป็นแบบอย่างที่ประชาชนต้องการ ทั้งนี้ การไปเจรจา รัฐบาลไม่สามารถ
ไปแบบมือเปล่าได้ จะต้องมีความพร้อมเรื่องงบประมาณและแผนการดำเนินการที่สมบูรณ์ เพื่อให้ผู้ขายเห็นความ
พร้อม

"พูดง่ายๆ เราไม่สามารถเดินตัวเปล่าเข้าไปซื้อได้ และกองทัพอากาศ เคยจัดซื้อในรูปแบบดังกล่าวมาแล้ว


คือเครื่องบิน F-16 ซึ่งอยู่ยงคงกระพันใช้งานมาเกือบ 40 ปี และเป็นเครื่องบินรบหลักของกองทัพอากาศ ดังนั้น
หากเครื่องบิน F-35 A ผ่านการอนุมัติ เราใช้งานไปอีก 35-40 ปีเช่นเดียวกัน ย้ำว่า F-35 A เป็นเครื่องบินล้ำสมัย
เต็มไปด้วยเทคโนโลยีที่เราไม่เคยมีมาก่อน ก็จะเกิดการศึกษาเรียนรู้ การถ่ายโอนเทคโนโลยีเพิ่มเติมก็ถือว่าเป็น
ประโยชน์ในการพัฒนาคนและงาน รวมถึงความมั่นคงของชาติด้วย ดังนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าคณะกรรมาธิการ
วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 จะเล็งเห็นถึงองค์ประกอบที่
สำคัญที่ได้กล่าวมา และกรุณาสนับสนุนโครงการสำคัญนี้ของกองทัพอากาศด้วย ย้ำว่าขอให้ประชาชนมีความเชื่อ
ใจ ในความซื่อสัตย์และซื่อตรงและกองทัพอากาศ ได้ทำตามภาระหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว" ผบ.ทอ. กล่าว
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีใน ฐานะ รมว.กลาโหม ได้เห็นชอบในการจัดซื้อ เอฟ-35 อย่างไรบ้าง พล.อ.อ.
นภาเดช กล่าวว่า เรามีผู้บังคับบัญชาที่ดีมาก ท่านได้พิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ในสภาวะเศรษฐกิจที่รุมเร้า
แต่กองทัพอากาศได้ใช้งบประมาณของตัวเองในการจัดซื้อ ไม่ได้ขอเพิ่ม จากที่รัฐบาลได้ตั้งกรอบเอาไว้ให้ ส่วนที่
จัดซื้อเพียง 2 เครื่อง และจะทยอยซื้อในระยะที่ 2 และ 3 เพิ่มเติม โดยใช้เวลา 10 ปี ซึ่งหากโครงการนี้ประสบ
ความสำเร็จ ในปี 2575 กองทัพอากาศจะมีเครื่องบินเอฟ 35 ประจำการจำนวน 12 เครื่อง และพร้อมที่จะ
ปฏิบัติการรบในปี 2576 ภายหลังเตรียมการในทุกด้านเรียบร้อยแล้ว ส่วนที่มองกันว่าการจัดซื้อเพียง 2 เครื่องน้อย
เกินไปนั้น เราได้ศึกษา จากกองทัพอากาศต่างประเทศ ซึ่งทยอยจัดซื้อเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่ร่ำรวย
หรือปานกลาง ก็มีวิธีการจัดซื้อที่แตกต่างกันไป บางประเทศซื้อเพียง 1 เครื่อง หรือ 2 เครื่องหรือ 4 เครื่อง และที่
จัดซื้อครั้งเดียวครบฝูงมีน้อยมาก

เมื่อถามว่าหากผ่านขั้นตอนทางสภาของไทยแล้วแนวโน้มที่จะผ่านสภาคองเกรสของสหรัฐฯ มีมากน้อย
เพียงใด ต้องบอกว่ามันเป็นเรื่องยาก และโอกาสที่เราจะได้นั้น ก็อยาก แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส เรายังมีโอกาส แต่
สิ่งที่สำคัญที่สุด คือเราได้รับการสนับสนุน เห็นพ้องต้องกัน เป็นหนึ่งเดียว เพราะโครงการนี้มีประโยชน์ ไม่มีสิ่งที่
เป็นโทษ ไม่มีการทุจริต และไม่ได้ซื้อของไม่ดี และเราได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและประชาชน ผมก็เชื่อว่า
เปอร์เซ็นต์ความสำเร็จจะมีสูงอย่างมาก"

เมื่อถามว่าทางสารัฐฯ มีเงื่อนไขอยู่หลายข้อที่จะขายเครื่องบิน F-35 ให้แต่ละประเทศ พล.อ.อ.นภาเดช


กล่าวว่า คงต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป ขณะนี้เราดำเนินการมาครึ่งทางแล้ว ได้แก้ปัญหาผ่านอุปสรรคต่างๆ เป็น
เรื่องๆ ไป เพราะในส่วนของกองทัพอากาศ ที่ดำเนินการได้เอง ทั้งการประสานขอความร่วมมือในระดับของ
กองทัพอากาศไทย และสหรัฐฯ ก็ได้รับความร่วมมือด้วยดี และเข้าใจความต้องการของกองทัพอากาศไทย และ
กองทัพอากาศสหรัฐฯ พร้อมที่จะสนับสนุน

เมื่อถามย้ำว่ามีเปอร์เซ็นต์สูงที่จะได้ใช่หรือไม่ พล.อ.อ.นภาเดช กล่าวว่า "เราก็หวังเช่นนั้น"

เมื่อถามว่าการซื้อเครื่องบินเอฟ-35 จะกลายเป็นภาระในเรื่องของงบประมาณที่อาจส่งผลกระทบถึง
เครื่องบินรุ่นอื่น ที่อาจปลดประจำการเช่น เครื่องบินลำเลียง ซี-130 หรือไม่ พล.อ.อ.นภาเดช กล่าวด้วยว่า เราก็
ต้องดูตามความจำเป็น เพราะกองทัพอากาศเราไม่มีเงินถุงเงินถัง เพราะฉะนั้นการพิจารณาจะซื้ออะไรสักอย่างต้อง
รอบคอบ เป็นการจัดซื้อเพื่อทดแทน เครื่องที่เราปลดประจำการไป เพราะเครื่องเก่ามีค่าซ่อมบำรุงสูง หากเราตัด
งบประมาณส่วนซ่อมบำรุง ก็สามารถนำมาใช้จ่ายในเครื่องบินเอฟ-35 ที่เป็นงบประมาณที่ต่ำกว่า เราก็เหลือเงิน
ไปสนับสนุนโครงการอื่นได้.

ความเห็นผู้เขียน
เครื่องบินเอฟ-35 คือสุดยอดเครื่องบินขับไล่ในยุคปัจจุบัน ผู้เขียนไม่แปลกใจสักนิดเรื่องกองทัพอากาศ
อยากได้มาใช้งานแทนเครื่องบิน F-16 ADF ฝูงบิน 103 และ F-16 A/B ฝูงบิน 103 เพียงแต่ค่อนข้างติดใจเรื่อง
ระบบอาวุธทันสมัยที่จะนำมาใช้งาน หากเรามีอาวุธทันสมัยจำนวนน้อยเกินไปหรือยังไม่มีใช้งาน เครื่องบินเอฟ-35
ที่อเมริกาขายให้ย่อมไม่มีความหมายแม้แต่นิดเดียว
ทว่าปัจจุบันปัญหาเรื่องระบบอาวุธไม่มีปัญหาอีกต่อไป เนื่องจากค่อนข้างแน่นอนแล้วว่าอเมริกาไม่ขาย
เครื่องบินเอฟ-35 ให้ไทย อันเป็นสิทธิ์โดยสมบูรณ์แบบของคนขายเรื่องนี้ว่ากันไม่ได้ จากนี้ไปกองทัพอากาศต้องหัน
มามองเครื่องบินขับไล่รุ่นอื่นต่อไป F-16 กับ Gripen ซึ่งเรามีใช้งานอยู่ก่อนแล้วกลายเป็นสองตัวเต็งจ๋า
ความผิดหวังจากโครงการนี้สมควรจดจำไว้เป็นบทเรียนสอนใจ ต่อไปในอนาคตเมื่อกองทัพอากาศขอซื้อ
เครื่องบินเอฟ-35 จากอเมริกาอีกครั้ง จะได้แก้ไขปัญหาต่างๆ ให้พร้อมเต็มที่จนอเมริกาไม่มีข้ออ้างอีกต่อไป
5.ทบ.จัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะกลาง
ในการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีมติอนุมัติให้
กองทัพบกดำเนินการจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะกลาง ภายใต้โครงการจัดหาระบบอาวุธปืนต่อสู้
อากาศยานระยะปานกลาง-ไกลแบบที่ 1 จำนวน 1 ระบบ งบประมาณ 53 ล้านยูโร โดยเป็นงบประมาณผูกพัน
ตั้งแต่ปี 2557-2560
ผลการคัดเลือกระบบป้องกันภัยทางอากาศ VL MICA บริษัท MBDA Missile System คือผู้ชนะโครงการ
กองทัพบกจัดหามาใช้งานในปี 2557 วงเงิน 3,520 ล้านบาท ประกอบไปด้วยเรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติ TRML-
3D/32 จำนวน 1 ระบบ รถบังคับการจำนวน 1 คัน และรถแท่นยิงอัตตาจรจำนวน 2 คัน
VL MICA เข้ามาแทนทีร่ ะบบป้องกันภัยทางอากาศแบบ SPADA ที่ประจำการมากกว่า 20 ปี เป็นอาวุธ
ป้องกันภัยทางอากาศทันสมัยที่สุดของกองทัพบก ใช้ป้องกันภัยทางอากาศให้กับสถานที่สำคัญในกรุงเทพมหานคร
อันเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่อยู่ในความดูแลของกองทัพบก
ความเห็นผู้เขียน
อันที่จริงการจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศ VL MICA ถือว่าดีค่อนข้างมาก เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับ
กองทัพบกมากกว่ารุ่นอื่น ติดขัดแค่เพียงมูลค่าโครงการเพิ่มขึ้นจาก 53 ล้านยูโรเป็น 3,520 ล้านบาท แต่รถแท่นยิง
อัตตาจรกลับลดลงจาก 4 คันเหลือ 2 คัน ทำให้กองทัพบกมีอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยาน VL MICA พร้อมใช้
งานเพียง 8 นัด การป้องกันพื้นที่สำคัญประสิทธิภาพลดลงกว่าเดิมถึง 50 เปอร์เซ็นต์
6.ทร.ยันไม่มุบมิบเซ็นซื้อเรือยกพลขึ้นบก6พันล้านจากจีน
ผบ.ทร.ลั่นไม่ได้มุบมิบแอบเซ็นจัดซื้อเรือยกพลขึ้นบก 6พันกว่าล้านบาทจากจีน ชี้ทำตามขั้นตอน บอกจีน
ใจกว้างยอมขายเรือที่ยังใช้อยู่ ยันไม่นิยมจัดหายุทโธปกรณ์บนหน้าหนังสือพิมพ์

เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ


(ผบ.ทร.) กล่าวถึงกรณีที่กองทัพเรือลงนามกับจีน ในสัญญาการต่อเรือแอลพีดี ซึ่งเป็นเรือยกพลขึ้นบก 1ลำ โดยใช้
งบประมาณกว่า 6,100 ล้านบาท ว่า ยืนยันว่าทหารเรือไม่ได้ฉวยโอกาสต่อเรือลำใหม่ ซึ่งเรื่องจริงคือเป็นไปตาม
แผนโครงสร้างกำลังรบของกองทัพเรืออยู่แล้ว และยืนยันว่าไม่ใช่ซื้อมารบเพียงอย่างเดียว หากถามว่าประชาชนจะ
ได้อะไรนั้นเครื่องมือภายในเรือมี 2 ลักษณะ คือใช้ในการทหาร และสามารถช่วยเหลือประชาชนไปได้พร้อมๆกัน

เมื่อถามว่า ทำไมจึงจำเป็นต้องมีเรือลำนี้ พล.ร.อ.ลือชัย กล่าวว่า เพราะเรามีไม่เพียงพอ โดยเฉพาะเรือยก


พลขึ้นบกของกองทัพเรือที่ขณะนี้มีอยู่ 4 ลำ และใกล้จะปลดระวางทั้ง 4 ลำ ที่ผ่านมามีเรือมาทดแทนเพียงแค่ลำ
เดียว ดังนั้นจึงต้องหาลำใหม่มาทดแทนเรือที่หายไป ส่วนเหตุผลที่จัดซื้อเรือขนาดใหญ่กว่า 2 หมื่นตันจากจีนนั้น
เรือขนาดใหญ่ถูกบรรจุอยู่ในโครงสร้างกำลังรบ ซึ่งความสัมพันธ์ในอาเซียนเรามีการก่อตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัย
นานาชาติร่วมกัน จึงจำเป็นต้องใช้เรือขนาดใหญ่ในกิจการด้านการให้ความช่วยเหลือบรรเทาสาธารณภัย คิดว่ามี
ความเหมาะสมแล้วที่จะจัดซื้อมาเพื่อให้ความช่วยประชาชนทั้งในและนอกประเทศ ส่วนเรื่องสมรรถนะของเรือตน
มีความมั่นใจ เพราะที่ผ่านมาเคยผ่านการฝึกร่วมกับจีนมาแล้ว ได้เห็นและได้ทดสอบว่าเรือสามารถใช้งานได้
เหมาะสมที่สุดกับกองทัพเรือไทย ส่วนเพื่อนบ้านจะมีเรือขนาดเล็กหรือเรือใหญ่กว่านี้ก็เป็นเรื่องของประเทศเพื่อน
บ้าน เราไม่ขอวิจารณ์

เมื่อถามว่า ฟังก์ชั่นที่ทางจีนให้จะมีอะไรพิเศษหรือไม่ พล.ร.อ.ลือชัย กล่าวว่า ตนไม่ขอลงรายละเอียด


เพราะต้องให้เกียรติกับทางการจีน เนื่องจากเป็นการซื้อแบบรัฐต่อรัฐหรือจีทูจี หากไปก้าวก่ายจะดูไม่ดี ซึ่งเรือ
ดังกล่าวทางการจีนยังคงใช้ประจำการอยู่ แตกต่างจากแต่ก่อนที่ไทยจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ เรามักจะได้ซื้อรุ่นที่ตก
ชั้นที่เขาไม่ได้ใช้แล้ว ซึ่งบางประเทศจะไม่ยอมขายยุทโธปกรณ์ที่ยังใช้ประจำการอยู่ แต่นี่ถือว่าจีนใจกว้าง เพราะ
เรือฉางไป่ซาง ทางจีนใช้อย่างไรเราก็ใช้อย่างนั้นเหมือนกันทุกประการ ดังนั้นเราจึงต้องเคารพความลับทางทหาร
ของเขาด้วย

เมื่อถามว่า มีการวิพากวิจารณ์ในโซเชียลถึงการจัดซื้อที่มีการแอบเซ็นสัญญา พล.ร.อ.ลือชัย กล่าวชี้แจงว่า


แล้วแต่มุมมอง จะไปแอบเซ็นได้อย่างไรเพราะเป็นช่วงปลายปีงบประมาณ หากแอบเซ็นจริงๆ ต้องเป็นต้น
ปีงบประมาณ ซึ่งกระบวนการนั้นเริ่มมาตั้งแต่ต้นปีเรื่อยมา ไม่มีปิดบัง จนมาเซ็นอนุมัติในปลายปี ทั้งนี้มองว่าหาก
จะโจมตีกองทัพเรือในยุคที่ผ่านๆมามีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และพร้อมที่จะถูกตรวจสอบ ใครอยากรู้ขอให้มา
คุยได้ แต่ขอให้มีใจที่เป็นธรรมให้กับกองทัพเรือ อย่ามีอคติ

เมื่อถามถึงกระแสวิจารณ์ที่ถูกนำไปเชื่อมโยงกับการจัดซื้อเรือดำน้ำกับทางการจีนนั้น ผบ.ทร. กล่าวว่า ก็


แล้วแต่คนจะโจมตี หากพูดไปมากๆจะหาว่าเป็นการแก้ตัว ขอให้ไปหาว่าการต่อเรือขนาดใหญ่ในราคาขนาดนี้ท่าน
ต่อได้หรือไม่ มีอะไรอีกมากมาย ตนไม่ชอบจัดซื้อจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์บนหน้าหนังสือพิมพ์ และไม่ควรอย่างยิ่ง
เพราะเป็นความลับทางทหารและเป็นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นความกรุณาของจีนที่ขายเรือชุดนี้
ให้กับเรา เพราะธรรมดาไม่มีทางขายหรอก เราโชคดีที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

กลาโหมถอนวาระซื้อเรือยกพลขึ้นบก 6,100 ล้าน จาก ครม.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 31 มี.ค. 2563 วาระใน


การพิจารณาของ ครม. วันนี้ เดิมกระทรวงกลาโหม พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม จะเสนอคณะรัฐมนตรี
ขออนุมัติ ให้กองทัพเรือดำเนินการโครงการจัดหาเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ สนับสนุนการ
ปฏิบัติการเรือดำน้ำระยะที่ 1 จำนวน 1 ลำ วงเงินงบประมาณกว่า 6,100 ล้านบาท แต่ปรากฏว่า
กระทรวงกลาโหม โดย พล.อ.ชัยชาญ ขอถอนเรื่องดังกล่าวออกจากวาระการพิจารณา

ด้าน พล.ร.ท.ประชาชาติ ศิริสวัสดิ์ โฆษกกองทัพเรือ ชี้แจงกรณีที่มีการเสนอข่าวว่ากระทรวงกลาโหม


เสนอครม.อนุมัติจัดซื้อเรือยกพลขึ้นบก จากจีน โดย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม เป็นผู้ขออนุมัติให้
กองทัพเรือดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับโครงการจัดหาเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ว่า ไม่ใช่เป็น
การขออนุมัติต่อเรือยกพลขึ้นบก เพราะโครงการนี้ ผ่านการอนุมัติ และมีการทำสัญญาไป ตั้งแต่ พ.ย.2562 แล้ว
แต่ เรื่องที่เข้า ครม. วันนี้ เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับเรือ เช่น การส่งคณะกรรมการไปตรวจแบบเรือ, การเตรียมส่งทหาร
ไปฝึก เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย
กองทัพเรือไทย ทำสัญญาต่อเรือ LPD ยกพลขึ้นบก ลำใหม่ จากจีน เพื่อเป็นเรือพี่เลี้ยงให้เรือดำน้ำ และ
เพื่อภารกิจยกพลขึ้นบก บรรเทาสาธารณภัย เสริมภารกิจ เรือหลวงอ่างทอง ด้วย โดยมี พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ
รองผู้บัญชาการกองทัพเรือ ตอนนั้น เป็นประธานที่ปรึกษากองทัพเรือในฐานะประธานคณะกรรมการฯ ลงนามกับ
จีน ในสัญญาการต่อเรือยกพลขึ้นบก LPD จากจีน 1 ลำ เมื่อ พ.ย.2562 งบ 6,100 ล้านบาท

ความเห็นผู้เขียน
นี่คือโครงการที่ WTF มากที่สุดเท่าที่ผู้เขียนเคยเจอ อยู่ดีๆ มีข่าวการลงนามเซ็นสัญญาสั่งซื้อเรือยกพลขึ้น
บกขนาด 25,000 ตันจากประเทศจีน โดยที่สื่อมวลชนและทุกคนในชาติไม่เคยรับรู้ข้อมูลมาก่อน แต่ถึงกระนั้นก็
ตามกลับมีคนชูจั๊กแร้สนับสนุนจำนวนค่อนข้างมาก ไม่เข้าใจสักนิดบุคคลเหล่านี้คิดอะไรในใจตัวเอง
ทั้งนี้เนื่องมาจากกองทัพเรือซื้อเรือดำน้ำจากจีนจำนวน 3 ลำ ทำให้ตัวเองอยากได้เรือพี่เลี้ยงขนาดใหญ่ให้
มันเหมาะสมกับเรือ เมื่อจีนยื่นข้อเสนอขายเรือยกพลขึ้นบกโดยลดราคาให้นิดหน่อยจึงซื้อทันที เป็นดีลลับสุดยอด
ผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลตั้งแต่ตอนไหนไม่มีใครทราบ รวมทั้งถึงทราบก็คงป่วยการไม่มีประโยชน์แม้แต่นิดเดียว
บทสรุปของโครงการคือเรือหลวงช้าง (LPD-792) ลำที่สาม เข้าประจำการวันที่ 25 เมษายน 2566 โดยไม่
มีระบบอาวุธป้องกันตัว ไม่มีระบบอำนวยการรบ ไม่มีระบบเรดาร์ทันสมัย ไม่มีอะไรสักอย่างนอกจากดาดฟ้าขนาด
ใหญ่โตอลังการงานสร้าง ต้องใช้งบประมาณปรับปรุงเรือให้ตรงกับความต้องการจำนวนมากพอสมควร
7.ผบ.ทร.เผยเลือกต่อเรือดำน้ำจีน 3 ลำ วงเงิน 3.6 หมื่นล้าน ยันคุ้มค่า แถมอุปกรณ์ทันสมัย
เผยแพร่: 2 ก.ค. 2558

“พล.ร.อ.ไกรสร” เผยกองทัพเรือตัดสินใจแล้ว เลือกซื้อเรือดำน้ำจีน 3 ลำ วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาทแบบจี


ทูจี พร้อมเสนอเรื่องให้ “บิ๊กป้อม” นำเข้า ครม. ยันตอบโจทย์-คุ้มค่า แถมอุปกรณ์ทันสมัย ติดระบบเอไอพี อยู่ใต้
น้ำได้ 21 วัน ไม่มีล็อบบี้จากฝ่ายการเมือง

พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าโครงการ


จัดซื้อเรือดำน้ำว่า กองทัพเรือมีมติเป็นเอกฉันท์ในการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนจำนวน 3 ลำ โดยใช้
งบประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท การจัดซื้อในครั้งนี้เป็นแบบแพกเกจ หากว่าศักยภาพลำต่อลำจะตอบโจทย์อีกอย่าง
หนึ่งซึ่งบางครั้งได้มาลำเดียวแต่เรือไม่มีอะไรเลย ขณะที่งบประมาณของกองทัพเรือก็หมดแล้ว มีแต่เรืออย่างเดียว
ทำอะไรไม่ได้ การจัดซื้อเรือดำน้ำของประเทศจีนเพราะมีคณะกรรมการของกองทัพเรือพิจารณา 17 คน เป็นคนที่
อยู่บนเรือ เอาทหารเรือที่อยู่ในกองเรือดำน้ำที่จะต้องเป็นผู้ไปอยู่บนเรือดำน้ำเป็นผู้ให้คะแนนเองทั้งหมด การ
จัดซื้อเรือของประเทศจีนเพราะมีอาวุธครบ โดยงบประมาณที่จะใช้ 7 ปี หรือ 10 ปี ขึ้นอยู่กับรัฐบาล จะซื้อใน
ลักษณะจีทูจี

พล.ร.อ.ไกรสรกล่าวว่า เรามีคณะกรรมการอำนวยการคัดเลือกแบบเดินทางไปดูเรือดำน้ำ 6 ประเทศที่เรา


สนใจ โดยจัดคณะกรรมการที่เป็นคนรุ่นใหม่ จำนวน 17 คน จากกองเรือดำน้ำ กองเรือยุทธการ และให้คะแนน
14 คนเลือกเรือดำน้ำของประเทศจีน ประเทศเยอรมนี 2 คน และประเทศสวีเดน 1 คน ยืนยันไม่มีใครไปชักนำ
เรื่องการลงคะแนน เลือกด้วยตัวเอง เพราะเป็นเรือในอนาคต การคัดเลือกจึงต้องให้เด็กรุ่นใหม่เลือก

นอกจากนี้ ประเทศจีนให้การดูแลเป็นอย่างดี ทั้งการฝึกอบรม อะไหล่เรือดำน้ำจำนวน 8 ปี อย่างไรก็ตาม


ที่ผ่านมากองทัพเรือมีประสบการณ์เรื่องการซื้ออาวุธ เมื่อไม่มีเงินเราก็ไม่สามารถจัดซื้อได้ ดังนั้นการจัดซื้อเรือดำ
น้ำของประเทศจีนครั้งนี้ถือเป็นความฉลาดและคุ้มค่ามากที่สุด

“การซื้อเรือดำน้ำของประเทศจีน 3 ลำเป็นเรือใหม่ทั้งหมด ใช้เวลาต่อเรือ 5-6 ปี กว่าที่จะส่งมาให้ และใน


ระหว่างการต่อเรือเราจะส่งเจ้าหน้าที่ไปดูในรายละเอียด 2 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเป็นเทคโนโลยีใหม่ กำลังพลจึง
ต้องไปศึกษาพอสมควร การจัดเลือกเรือของประเทศจีนเป็นการตอบโจทย์เพราะสามารถซื้อได้ถึง 3 ลำ แต่ถ้าเป็น
ของประเทศอื่นจะได้เพียง 2 ลำ

ทั้งนี้จะต้องมีการบริหารงบประมาณที่มีจำกัด และที่สำคัญประเทศจีนเป็นเพียงชาติเดียวที่ให้ระบบเอไอพี
Air-Independent Propulsion system เป็นระบบที่ทำให้เรืออยู่ใต้น้ำนานถึง 21 วันโดยไม่ต้องโผล่ ขณะที่เรือ
ของประเทศเกาหลีใต้ และเยอรมนี ไม่มีระบบเอไอพี อยู่ใต้น้ำได้ 5-6 วันก็ต้องโผล่ขึ้นมาซึ่งเรือดำน้ำต้องเงียบ
พรางตัวอย่างเดียว ถ้า 4-5 วันแล้วต้องโผล่ขึ้นผิวน้ำ ดาวเทียมสามารถจับได้หมด บางคนบอกว่าซื้อของประเทศ
จีนแล้วส่ายหัว ความจริงแล้วไม่ใช่ ผมยังไม่อยากอธิบาย เพราะรัฐบาลยังไม่ได้อนุมัติ รอให้อนุมัติก่อนจึงสามารถ
ตอบได้ เพราะผมเดินทางไปดูด้วยตัวเอง แต่ตอนนี้พูดไม่ได้เพราะสื่อก็โจมตี ไม่มีประโยชน์ที่มานั่งทะเลาะกัน”

พล.ร.อ.ไกรสรณ์กล่าวอีกว่า ได้นำข้อสรุปของกองทัพเรือ เสนอ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง


นายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแล้ว ส่วนจะนำเรื่องนี้เข้า ครม.เมื่อใดนั้นตน
ไม่ทราบ แต่ยืนยันว่ากองทัพเรือจะทำให้ดีที่สุด โดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ทั้งนี้ ครม.จะอนุมัติให้ก็ได้ ไม่อนุมัติให้ก็
ไม่เป็นไร เราไม่มีอะไรซุกอยู่ใต้พรม ทุกอย่างเปิดเผย ยืนยันว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำของประเทศจีนไม่มีการล็อบบี้
จากฝ่ายการเมือง และการจัดซื้อเป็นระบบจีทูจี จ่ายเงินโดยภาครัฐ กองทัพเรือไม่เกี่ยว เพราะกองทัพเรือพิจารณา
ตาม ครม.ได้สั่งการ

ผบ.ทร.กล่าวว่า ส่วนความจำเป็นในการซื้อเรือดำน้ำยามที่ไม่มีสงคราม เรื่องนี้ตอบยาก เพราะเวลาจะใช้


มันไม่มีจะใช้ เราไม่มีเรือดำน้ำมา 50 ปีแล้วตั้งแต่สมัยสงครามโลก แต่เมื่อซื้อก็เหมือนคนเริ่มขับเรือใหม่ แต่การขับ
เรือกับกับรถต่างกัน เพราะเรือดำน้ำต้องใช้คน 50 คน การทำงานต้องเป็นทีม และเทคโนโลยีเมื่อเราซื้อมาแล้วก็
สามารถเดินเรือได้ แต่ด้านเทคนิคการใช้อาวุธต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ต้องใช้เวลา ซื้อมาแล้วไม่ได้ใช้ได้เลย ต้องใช้
เวลาเรียนรู้อย่างน้อย 3 ปี ที่สำคัญเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ในการป้องปราม บางประเทศเล็กๆ มีเรือดำน้ำ 5 ลำ
ยังไปต่อเพิ่มอีก 3 ลำ และพื้นที่ก็ไม่มีซึ่งการซื้อมาเป็นอำนาจต่อรองกับประเทศเพื่อนบ้าน

ทร.แจงปม เครื่องยนต์เรือดำน้ำ ชี้เยอรมันไม่ขายให้ เป็นปัญหาที่จีนต้องแก้ไข

วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565

ทร. ยัน ซื้อเรือดำน้ำ แบบรัฐบาลต่อรัฐบาล ระบุ เครื่องยนต์ อยู่ระหว่างพิจารณาร่วมกัน เพื่อหาทางออก


ย้ำความต้องการ ยังเป็นเครื่องยนต์ MTU ของเยอรมัน

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พล.ร.ท.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีที่นายยุทธพงศ์


จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อเรือดำน้ำ โดยกล่าวหา
ในหลายประเด็น โดยกองทัพเรือขอชี้แจงในประเด็นที่ว่าการจัดซื้อแบบจีทูจี เป็นการจัดซื้อจีทูจีที่ไม่จริงนั้น ขอ
เรียนว่าการดำเนินการจัดหาเรือดำน้ำ ระยะที่ 1 ของกองทัพเรือนั้น เป็นการดำเนินการโดยรัฐบาลต่อรัฐบาล (G
to G ) และมีการดำเนินการตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับของทางราชการในทุกขั้นตอน เป็นไปตามมติ
คณะรัฐมนตรี และได้ผ่านการพิจารณาความถูกต้องด้านกฎหมายจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ ทั้งกระทรวงการ
ต่างประเทศ สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณ และสำนักงาน
คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก่อนที่จะเสนอให้ ครม. อนุมัติให้ ผู้บัญชาการทหารเรือหรือ
ผู้แทน เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยไปลงนามในข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำลำที่ 1 ดังกล่าว

สำหรับฝ่ายรัฐบาลจีน โดย The State Administration of Science, Technology and Industry for
National Defense (SASTIND) ในฐานะหน่วยงานของรัฐบาลจีนสำหรับการบริหารงานด้านอุตสาหกรรมป้องกัน
ประเทศและการส่งออกอาวุธ ได้มอบอำนาจให้บริษัท China Shipbuilding & Offshore International Co.,
Ltd. (CSOC) เป็นตัวแทนรัฐบาลจีนในการมาหารือเรื่องเทคนิคและราคา/เจรจาต่อรอง รวมทั้งลงนามในข้อตกลง
จ้างสร้างเรือฯ กับกองทัพเรือไทย ในโครงการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 1 ในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล

พล.ร.ท.ปกครอง กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นเรื่องความคืบหน้าในการก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำและข้อสงสัย


ที่ว่าผู้แทนบริษัท CSOC ที่เข้ามารับผิดชอบโครงการสร้างท่าจอดเรือดำน้ำ เป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งโดยถูกต้อง
หรือไม่ กองทัพเรือขอชี้แจงให้ทราบว่า การก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการบริหารสัญญา
โดยกรมช่างโยธาทหารเรือ ในวงเงินทั้งสิ้น 857 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 28 เม.ย.64 และสิ้นสุดวันที่ 17
เม.ย.66 รวม720 วัน

ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างไปแล้ว 307 วัน โดยทางบริษัทได้เบิกล่วงหน้า 15 % เป็นเงิน 128 ล้านบาท


ซึ่งได้มีการเร่งรัดเพื่อให้เป็นไปตามแผนงานที่ได้กำหนดไว้ จากการตรวจสอบปัจจุบันมีการดำเนินการก่อสร้างไป
แล้วส่วนหนึ่ง ซึ่งหากบริษัทไม่สามารถก่อสร้างเสร็จตามสัญญาก้อจะถูกปรับหรือยกเลิกสัญญา ในส่วนของผู้แทน
บริษัท CSOC ที่เข้ามารับผิดชอบโครงการสร้างท่าจอดเรือดำน้ำ เป็นผู้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้รับผิดชอบ
โครงการฯ จากบริษัท CSOC โดยถูกต้องโดยมีเอกสารสัญญาที่ชัดเจน โดยมี นาย Lang Qingxu เป็นผู้บริหาร
โครงการ และมีนายจักรพงษ์ วงศ์ธนปกรณ์ เป็นวิศวกรโครงการ มีคุณวุฒิวิศวกรโยธาระดับสามัญ ส่วนบุคคลอื่น
ๆ นั้น กรมช่างโยธาทหารเรือไม่อนุญาตให้เข้ามาในพื้นที่โครงการก่อสร้าง

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำโดยไม่มีเครื่องยนต์ดีเซลขับเครื่อง


กำเนิดไฟฟ้าเรือดำน้ำที่เยอรมันเป็นผู้ผลิต เนื่องจากเยอรมันไม่ออกใบอนุญาตการขายให้กับทางจีน แสดงว่า
กองทัพเรือโดนหลอกทำสัญญาหรือไม่นั้น ขอชี้แจงว่าในการทำข้อตกลงจ้างฯ นั้น กำหนดให้เรือดำน้ำแบบ S26T
มีเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า รุ่น MTU396 จากเยอรมันได้ จำนวน 3 เครื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่ง
ของชุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (Diesel Generator Set) ชัดเจน

แต่เนื่องจากภายหลังเยอรมัน มีนโยบายการระงับการส่งออก(Embargo Policy) ซึ่งกำหนดให้เครื่องยนต์


ดีเซลของเรือดำน้ำ เป็นสินค้าที่อยู่ในรายการควบคุมการส่งออก ส่งผลให้การจำหน่ายเครื่องยนต์ อะไหล่ หรือ
เครื่องยนต์ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีเยอรมัน ต้องได้รับอนุมัติจากรัฐบาลเยอรมัน ซึ่งเป็นปัญหาที่ทางจีนต้องดำเนินการ
แก้ไข เนื่องจากกองทัพเรือได้ยืนยันความต้องการเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า รุ่น MTU396 จาก
เยอรมัน ตามข้อตกลงไปแล้ว จึงเป็นสิ่งที่ทางจีนจะต้องทำตามข้อตกลง
โดยในขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมกันระหว่างกองทัพเรือกับบริษัท CSOC ในการหาทางออกแก้ไข
ปัญหาดังกล่าวร่วมกัน ทั้งนี้การดำเนินการต่าง ๆ ต้องเป็นไปตามข้อตกลงจ้างฯ รวมทั้งระเบียบ กฎหมาย ที่
เกี่ยวข้องทุกประการ โดยกองทัพเรือคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ

“ขอยืนยันว่า กองทัพเรือมุ่งมั่นในการเป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ เป็นที่พึ่งของ


ประชาชน และบริหารจัดการด้วยความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ ซึ่งกระบวนการจัดหายุทโธปกรณ์เป็นไปตาม
ระเบียบราชการทุกประการ โดยยึดถือประโยชน์ของกองทัพเรือและประเทศชาติเป็นหลัก”โฆษกกองทัพเรือ กล่าว

ความเห็นผู้เขียน
เนื่องจากโครงการนี้ยังไม่สิ้นสุดอาจมีพลิกผันตอนไหนก็ได้ รวมทั้งผู้เขียนเคยเขียนถึงต่างกรรมต่างวาะ
หลายครั้งแล้ว ฉะนั้นบทความนี้จึงขอตัดจบง่ายๆ แต่เพียงเท่านี้ เมื่อไหร่ก็ตามที่เรือดำน้ำเจ้ากรรมเดินทางมาถึง
ประเทศไทย ผู้เขียนอาจเขียนบทความถึงอีกครั้งโปรดติดตามตอนต่อไป
ชมข่าวดังเด่นที่ทุกคนกดไลก์หรือกดอันไลก์กันไปแล้ว ส่วนท้ายของบทความผู้เขียนขอมอบให้กับ
เหตุการณ์สำคัญๆ และค่อนข้างโด่งดังเกี่ยวข้องกับกองทัพไทย
8.ลำดับเหตุการณ์ ‘17 ชั่วโมงกราดยิงโคราช’ ก่อนวิสามัญคนร้าย
วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563

เวลาประมาณ 15.00 น. เกิดเหตุจ.ส.อ. ใช้อาวุธปืนยิง ผบ.พัน หน่วยของตนเอง รวมทั้งแม่ยายของ ผบ.


พัน เสียชีวิต 2 ราย ที่บ้านเลขที่ 187 หมู่ 3 บ้านถนนหัก ตำบลหนองจะบก อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
ทราบภายหลังผู้เสียชีวิตคือ พ.อ. อนันต์ฐโรจน์ กระแสร์ และอนงค์ มิตรจันทร์ โดยสาเหตุเบื้องต้นสันนิษฐานว่า
คนร้ายก่อเหตุกราดยิงเนื่องจากผู้ก่อเหตุไปทวงเงินค่านายหน้าซื้อขายที่ดิน แต่ตกลงกันไม่ได้

ต่อมาคนร้ายหนีมาที่หน่วย เข้าไปกราดยิงที่ บก.พัน และไปที่กองร้อยเพื่อเอาอาวุธที่คลังอาวุธ จากนั้นยิง


เจ้าหน้าที่เวรเสียชีวิต และเอาอาวุธ HK 3 กระบอก, ปืน M60 3 กระบอก แล้วไปที่คลังกระสุนเพื่อเอากระสุนปืน
HK 736 นัด และปืน M60 อีก 3 สาย

17.00 น. โดยประมาณ ผู้ก่อเหตุได้ขโมยรถฮัมวีขับออกมาข้างนอกและกราดยิงประชาชนบาดเจ็บและ


เสียชีวิตหลายราย ก่อนหลบหนีเข้าไปในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินัล 21 โคราช ทราบภายหลังผู้ก่อเหตุคือ จ.ส.อ.
จักรพันธ์ ถมมา สังกัดค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จังหวัดนครราชสีมา
ระหว่างก่อเหตุ คนร้ายได้ทำการโพสต์ภาพและข้อความระบายความรู้สึกผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ก่อนที่จะถูก
ปิดการใช้งานในเวลา 19.00 น. และมีรายงานว่าคนร้ายได้จับผู้บริสุทธิ์เป็นตัวประกันจำนวนหนึ่งอยู่ที่ชั้น 4 ของ
ห้างสรรพสินค้า

19.00 น. พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ สั่งการให้ พล.อ. สุนัย ประภูชะเนย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ซึ่ง
เป็นนายทหารรบพิเศษที่เคยร่วมคลี่คลายคดีปล้นทองที่ลพบุรีลงพื้นที่แล้ว

20.00 น. เจ้าหน้าที่เร่งปิดล้อมห้างเทอร์มินัล 21 โคราช สกัดกั้นและติดตามจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุ และ


เร่งพาตัวพลเรือนออกมาจากห้างให้ได้มากที่สุด พร้อมประกาศเตือนประชาชนอย่าเข้าใกล้บริเวณที่เกิดเหตุ (ห้าง
เทอร์มินัล 21) ในรัศมี 2 กิโลเมตร

มีประกาศขอรับบริจาคเลือดสำหรับผู้บาดเจ็บด่วน โดยรับบริจาคโลหิตที่โรงพยาบาลมหาราช
นครราชสีมา, โรงพยาบาลบุรีรัมย์, โรงพยาบาลสุรินทร์ และโรงพยาบาลชัยภูมิ

21.00 น. คนร้ายยังอยู่ในพื้นที่ห้างเทอร์มินัล โคราช ยังคงก่อเหตุกราดยิงและเกิดเพลิงไหม้ภายในห้าง

23.00 น. อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.


สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เดินทางไปติดตามสถานการณ์เหตุคนร้ายกราดยิงที่จังหวัด
นครราชสีมา

และให้สัมภาษณ์ว่าได้รับรายงานจากผู้ตรวจราชการเขตสุขภาพที่ 9 ได้ประสานขอความร่วมมือ
โรงพยาบาลทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชนในจังหวัดนครราชสีมาและใกล้เคียง ระดมทีมแพทย์ ทีมผ่าตัด พยาบาลกว่า
100 คน และมีพยาบาลสำรองในโรงพยาบาลอีกกว่า 200 คน เตรียมห้องผ่าตัด หอผู้ป่วยหนัก และเลือดสำรองไว้
แล้วกว่า 1,700 ยูนิต พร้อมดูแลผู้บาดเจ็บให้ดีที่สุด

23.45 น. เฟซบุ๊กแฟนเพจกองปราบปรามได้รายงานสดว่า ขณะนี้ พล.ต.ต. จิรภพ ภูริเดช ผู้บังคับการ


ปราบปราม พร้อมด้วยทีม ‘หนุมานกองปราบ’ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าเคลียร์พื้นที่ชั้น G ขึ้นไปของห้าง
เทอร์มินัล 21 โคราช เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมพื้นที่เรียบร้อยแล้ว

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2563


01.45 น. มีความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในเหตุกราดยิงโคราช เมื่อผู้ที่ติดอยู่ในห้างเทอร์มินัล 21 โคราช
เกือบ 50 คนทยอยเดินออกจากที่เกิดเหตุด้วยท่าทางอิดโรย ขณะที่เจ้าหน้าที่ส่งเสียงให้กำลังใจว่า “ปลอดภัยแล้ว
ครับ”

ทราบภายหลังว่าผู้ที่ติดอยู่ในห้างกลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่ซ่อนตัวอยู่บริเวณฟิตเนส ชั้น LG โดยหลายคน


พยายามหลบอยู่ในห้องน้ำและรอให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยเหลือ ขณะที่ทุกคนขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ทำงานอย่างเต็มที่
ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้บันทึกประวัติก่อนจะปล่อยตัวกลับบ้านไป

05.12 น. และ 05.25 น. มีเสียงปืนที่เกิดจากการปะทะดังขึ้นเป็นระยะๆ ทำให้เหตุการณ์อยู่ในภาวะตึง


เครียด บางช่วงมีการทยอยลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บออกจากพื้นที่

07.30 น. หน่วยปฏิบัติการหนุมานช่วยประชาชนอีกชุดที่ติดอยู่ข้างในห้างเทอร์มินัล 21 โคราช ออกมา


จำนวน 9 คน มีผู้บาดเจ็บและนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา

09.14 น. มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติตามยุทธวิธี สามารถควบคุมสถานการณ์เหตุกราดยิง


โคราชได้แล้ว โดยคนร้ายได้เสียชีวิตระหว่างปะทะต่อสู้กับเจ้าหน้าที่

มีการเปิดรายชื่อหน่วยงานตำรวจ-ทหารที่ร่วมวิสามัญฆาตกรรมทหารกราดยิงประชาชนที่จังหวัด
นครราชสีมา

พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ. สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

พล.อ. สุนัย ประภูชะเนย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก

หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3

หน่วย Commando กองบังคับการตำรวจราชวัลภลรักษาพระองค์ 904

หน่วยหนุมาน กองบังคับการปราบปราม
หน่วยอรินทราช 26 กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ

หน่วยนเรศวร 261 กองบังคับการสนับสนุนทางอากาศ

หน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำลังสุรนารี

09.54 น. นายกรัฐมนตรีสรุปความสูญเสียล่าสุดว่ามีผู้เสียชีวิตเบื้องต้น 27 ราย (รวมผู้ก่อเหตุ) ได้รับ


บาดเจ็บ 57 ราย กลับบ้านแล้ว 25 ราย ยังพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 32 ราย ผ่าตัดแล้ว 8 ราย

10.00 น. พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ, พล.อ. อนุ
พงษ์ เผ่าจินดา, อนุทิน ชาญวีรกูล, พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์, พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา และเจ้าหน้าที่ที่
เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่รับแจ้งสรุปสถานการณ์เหตุการณ์กราดยิงโคราช ก่อนจะไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บ ครอบครัวผู้เสียชีวิต
และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานที่โรงพยาบาลต่อไป

12.45 น. พ.อ. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยเบื้องต้นว่าอาวุธที่มาใช้ก่อเหตุ จ.ส.อ. จักรพันธ์ นำ


ออกมาจากค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จังหวัดนครราชสีมา ได้แก่

จากป้อมรักษาการณ์

ปืนเล็กยาว 11 จำนวน 1 กระบอก และกระสุน 5.56 จำนวน 40 นัด

จากกองร้อย (คลังอาวุธ)

ปืนเล็กยาว 11 (HK) จำนวน 1 กระบอก และปืนกล M60 จำนวน 1 กระบอก

จาก บก.พันฯ

รถยนต์บรรทุก 51บี

จากคลังกระสุนกองพันฯ

กระสุน 5.56 จำนวน 736 นัด

ความเห็นผู้เขียน
นี่คือเหตุการณ์กราดยิงรุนแรงมากที่สุดแห่งประเทศไทย เกี่ยวข้องกับกองทัพบกทั้งเรื่องบุคคลผู้สร้าง
เหตุร้ายระดับชาติตามลำพัง หรือความหย่อนยานในการป้องกันคนร้ายบุกเข้ามาปล้นชิงอาวุธสงคราม ผู้เขียน
คาดหวังว่าบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จะช่วยปรับปรุงความผิดพลาดหรือช่องว่างที่เกิดขึ้นให้ดีกว่าเดิม

9.สลด! “กริพเพน” ร่วงขณะโชว์วันเด็กสนามบินหาดใหญ่

เกิดอุบัติเหตุเครื่องบนรบ ยาส กริพเพน ของกองทัพอากาศไทยตก ขณะแสดงโชว์ในงานวันเด็กที่


สนามบินหาดใหญ่ ไฟลุกท่วม นักบินเสียชีวิต โฆษก ทอ. เผย อยู่ระหว่างตรวจสอบสาเหตุ

วันที่ (14 ม.ค. 2560) เวลาประมาณ 09.27 น. เกิดอุบัติเหตุเครื่องบินรบแบบ ยาส 39 กริพเพน ของ
กองทัพอากาศไทย ตก ที่สนามบินหาดใหญ่ บริเวณหัวทางวิ่ง 26 ฝั่งการท่า (ภายในรั้วสนามบิน) ขณะแสดงโชว์ใน
งานวันเด็ก ทำให้เกิดไฟลุกท่วม นักบินชื่อ น.ต.ดิลกฤทธ์ ปัทวี เสียชีวิต ต่อหน้าผู้ชมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ที่ส่งเสียง
หวีดร้องด้วยความตกใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หลังเกิดเหตุ ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ได้ปิดทำการชั่วคราว และคาดว่า จะกลับมาเปิดอีกครั้งก่อนเที่ยง


วันนี้

จากกรณีดังกล่าว พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.


ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความเสียใจต่อนักบิน ครอบครัว กองทัพอากาศ พร้อมได้ขอให้การ
ปฏิบัติทางทหารของทุกหน่วยเพิ่มความระมัดระวังระดับสูงสุด ให้ ผบ. พื้นที่ตัดสินใจเรื่องการแสดงให้ปลอดภัยทุก
กรณี สำหรับอุบัติเหตครั้งนี้รัฐบาลจะให้กระทรวงกลาโหมดูแลผู้สูญเสียอย่างเต็มที่

ด้าน พลอากาศตรี พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า นักบินที่เสียชีวิตทราบชื่อ นาวา


อากาศตรี ดิลกฤทธิ์ ปัถวี อายุ 30 กว่าปี เครื่องบินที่แสดงโชว์ คือ เครื่องบินกริพเพน (JAS-39 Gripen) เป็น
เครื่องบินที่บินมาจาก จ.สุราษฎร์ธานี มีกำหนดแสดงโชว์ที่ จ.ปัตตานี, อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และจะไปแสดงโชว์ต่อ
ที่ จ.นครศรีธรรมราช แต่มาเกิดอุบัติเหตุที่หาดใหญ่เสียก่อน ส่วนสาเหตุของเครื่องบินตก ยังไม่ทราบต้องรอ
ตรวจสอบเพิ่มเติมอีกครั้ง

มีรายงานด้วยว่า หลังเกิดอุบัติดังกล่าว รถดับเพลิงได้เร่งไปช่วยดับเพลิงยังจุดที่เครื่องบินตก จนเกิด


อุบัติเหตุตะแคงพลิกข้างขวางรันเวย์สนามบิน
ทางด้านเฟซบุ๊กแฟนเพจ กองทัพอากาศไทย Royal Thai Air Force ได้โพสต์ข้อความ เมื่อเวลา 11.35
น. ว่า “ตามที่ เครื่องบินของกองทัพอากาศ เกิดอุบัติเหตุขณะทำการบินแสดงในงานวันเด็กแห่งชาติ ณ กองบิน
๕๖ จังหวัดสงขลา เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๔ มกราคม ๒๕๖๐ เวลาประมาณ ๐๙.๒๗ น. มีรายละเอียดเบื้องต้น ดังนี้

- เครื่องบิน : เครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ (Gripen 39C)

- ชื่อนักบิน : นาวาอากาศตรี ดิลกฤทธิ์ ปัถวี ตำแหน่ง นักบินประจำหมวดบิน ๓ ฝ่ายยุทธการ ฝูงบิน ๗๐๑


กองบิน ๗ (นักเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ ๔๓ นักเรียนนายเรืออากาศ รุ่นที่ ๕๐)

พลอากาศเอก จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในส่วน


ของการดำเนินการ ได้สั่งการให้คณะกรรมการสอบสวนอากาศยานอุบัติเหตุ และหน่วยเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่เพื่อ
สอบสวนหาสาเหตุต่อไป”

1 ปี เหตุ กริพเพน บินโชว์วันเด็กตก ปี’60 ทอ.เผยเหตุนักบินหลงสภาพการบินชั่วขณะ ยันเครื่องไม่มีปัญหา


พลอากาศตรี พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย โฆษกกองทัพอากาศ กล่าวว่า กองทัพอากาศ สรุปผลการสอบสวนกรณี
เครื่องบินขับไล่แบบที่ 20 (Gripen 39C) ของกองทัพอากาศซึ่ง ประสบอุบัติเหตุขณะแสดงการบินเนื่องในวันเด็ก
แห่งชาติ ประจำปี 2560 บริเวณสนามบินกองบิน 56 จังหวัดสงขลา เมื่อวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2560 โดยได้
รวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์หลักฐานอย่างละเอียดทุกขั้นตอนตามมาตรฐานสากล ทั้งด้านการทำงานของ
เครื่องบิน เครื่องยนต์ การตรวจสอบประวัติสุขภาพรวมทั้งความพร้อมทางร่างกายและจิตใจของนักบิน การ
ตรวจสอบวัตถุพยาน พยานบุคคลที่เห็นเหตุการณ์ รวมทั้งหลักฐานจากเทปบันทึกการบิน และภาพบันทึก
เหตุการณ์ในวันเกิดเหตุ โดยมีเจ้าหน้าที่นิรภัยการบินของกองทัพอากาศ ซึ่งประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน
รวมถึงสำนักงานยุทโธปกรณ์ทางทหารของสวีเดน (FMV) และบริษัท SAAB เข้ามาร่วมในการตรวจสอบ ตาม
ข้อตกลงที่ได้ทำร่วมกัน

ผลการสอบสวนพบว่า เครื่องบินไม่มีปัญหา เป็นเครื่องที่ดีและพร้อมใช้งาน และนักบินเป็นนักบินที่ผ่าน


การฝึกมาเป็นอย่างดี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มเป็นไปได้มากว่าเกิดจากการหลงสภาพการบินชั่วขณะ (Spatial
Disorientation) ซึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย

โดยความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ และผลการศึกษาทางด้านเวชศาสตร์การบินพบว่า การหลงสภาพการบิน


ชั่วขณะ มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับนักบินทุกคน ถึงแม้ว่านักบินเหล่านั้นจะได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดีแล้วก็ตาม ซึ่ง
สาเหตุที่ส่งผลให้เกิดการหลงสภาพการบิน อาจเกิดจากหลายปัจจัยประกอบกัน เช่น สภาพอากาศ ความเร็ว อัตรา
เร่ง การเปลี่ยนท่าทางการบินโดยฉับพลัน ฯลฯ ซึ่งจะส่งผลต่ออวัยวะการรับรู้ของมนุษย์

ทั้งนี้การหลงสภาพการบิน เป็นสภาวะหนึ่งที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางการบินมากที่สุด เนื่องจากเหตุผล


ทางด้านสรีรวิทยาการบิน อย่างไรก็ตาม กองทัพอากาศจะได้นำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นกรณีศึกษาตาม
หลักการบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management) ด้านการบินต่อไป

ความเห็นผู้เขียน
อุบัติเหตุเครื่องบินขับไล่แบบที่ 20 (Gripen 39C) ตกผ่านไปแล้ว 6 ปี จนถึงตอนนี้กองทัพอากาศ
ยังไม่มีการจัดหาเครื่องบินใหม่ทดแทนแต่อย่างใด เหตุผลสำคัญเนื่องจากบริษัท SAAB ขายเครื่องบินรุ่นนี้ไม่ออก
แม้แต่ลำเดียว ทำให้ไม่อาจสอดแทรกยอดซื้อน้อันอยนิดจากประเทศไทยเพิ่มเติมเข้ามา
ความเห็นส่วนของผู้เขียนเหนื่อยแทนครับ เหนื่อยแทนทั้งกองทัพอากาศและบริษัท SAAB
ทว่าความเห็นใจกับความเป็นจริงแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
ถ้าผู้เขียนมีความจำเป็นต้องเลือกเครื่องบินเข้าประจำการฝูงบิน 102 ผู้เขียนขอเลือก FA-50 ติดเรดาร์
PhantomStrike โดยไม่ลังเลใจแม้สักนิดเดียว โชคดีเหลือเกินโลกแห่งความเป็นจริงผู้เขียนไม่มีสิทธิ์เช่นนั้น
10.ไทม์ไลน์ล่าสุด โศกนาฏกรรม คำสั่งสุดท้าย “เรือหลวงสุโขทัย”
จุดเริ่มต้น และคำสั่งสุดท้าย เรือหลวงสุโขทัย เกิดขึ้นในช่วงเย็นวันที่ 18 ธ.ค. เรือหลวงสุโขทัย
(442) นำทหารเรือและเจ้าหน้าที่รวม 106 นาย เดินทางจากฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี มุ่งหน้าไปร่วมงาน
เทิดพระเกียรติ พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ หรือ
“เสด็จเตี่ย” เนื่องในวันครบรอบ 142 ปี วันคล้ายวันประสูติ องค์พระบิดาของทหารเรือไทย ที่จัดขึ้น ณ ศาลเสด็จ
เตี่ย ต.หาดทรายรี อ.เมืองชุมพร

15.30 น. ลางร้าย....เมื่อรับแจ้งทางวิทยุจาก ร.ล.กระบุรี และ ร.ล.สุโขทัย จะไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.ชุมพร


และในเวลาต่อมาไม่นาน ได้รับการประสานจาก ร.ล.กระบุรี จะขอเข้าเทียบท่าที่ท่าเรือประจวบฯ เนื่องจากคลื่น
ลมทะเลรุนแรง คลื่นสูง 3-4 เมตร
18.00 น. สถานการณ์เลวร้ายลง เมื่อรับแจ้งทางวิทยุจาก ร.ล.สุโขทัยว่า เครื่องยนต์มีปัญหา 1 เครื่อง
เหลือใช้งานได้ 1 เครื่อง

19.00 น. เรือหลวงสุโขทัย ที่มีมูลค่าหลายพันล้าน กำลังเจออุปสรรคใหญ่ เมื่อเครื่องยนต์เรือไม่สามารถ


ใช้การได้ ควบคุมเรือไม่ได้ และ พบปัญหาการเอียงของเรือ 60-70 องศา ขณะเดียวกัน และเวลานั้นเอง เรือหลวง
กระบุรี ที่กำลังเทียบท่าเรือประจวบฯ ก็หันหัวเรือกลับมาช่วยกำลังพล ที่กำลังรอลุ้นว่าเรือหลวงสุโขทัยจะล่ม
หรือไม่...

21.20 น. บริษัทท่าเรือประจวบฯ จัดส่งเรือทัก (Tug) 2 ลำ คือ เรือประจวบฯ 4 และเรือประจวบฯ 5 มุ่ง


หน้าจุดเกิดเหตุเพื่อช่วย...

23.30 น. เรือหลวงสุโขทัย เกิดล่ม...จมลงก้นทะเลทั้งลำ ที่ระดับความลึกราว 40 เมตร เขตพื้นที่ อ.บาง


สะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ห่างจากฝั่งไปประมาณ 19 ไมล์ทะเล ส่วนลูกเรือทั้งหมดต้องหนีตายตามคำสั่ง “สละ
เรือใหญ่”

ในค่ำคืนอันมืดมิด กำลังพลลอยคอรอการช่วยเหลือ....

เข้าสู่วันที่ 19 ธันวาคม 2565

04.20 น. ร.ล.กระบุรี เข้าเทียบท่าที่ท่าเรือประจวบฯ พร้อมผู้ประสบภัยจากเรือหลวงสุโขทัย 48 นาย ใน


จำนวนนี้มีผู้บาดเจ็บหนัก 5 นาย

จากการเข้าเทียบท่าของ “เรือหลวงกระบุรี” มีการประเมินว่า สาเหตุที่เรือหลวงสุโขทัยล่ม มาจากสภาพ


อากาศอันเลวร้าย คลื่นลมทะเลบริเวณจุดที่ ร.ล.สุโขทัย ล่ม มีคลื่นทะเลความสูงราว 4-5 เมตร อีกทั้งความมืดมิด
ในท้องทะเลที่เป็นอุปสรรคสำคัญ

06.30 น. ร.ล.กระบุรีออกปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยกลางทะเลอ่าวไทย ต่อเนื่อง

06.40 น. เรือสินค้าศรีไชยาเข้าเทียบท่าเรือประจวบฯ พร้อมข่าวดีในการช่วยผู้ประสบภัยอีกชุด จำนวน


22 นาย
13.00 น. พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผบ.ทร. เดินทางเยี่ยมผู้ประสบภัยและผู้บาดเจ็บ ที่รอดจากเรือ
ล่ม 73 นาย ในจำนวนนี้มี น.ท.พิชิตชัย เถื่อนดี ผู้บังคับการ ร.ล.สุโขทัย รวมอยู่ด้วย มีผู้บาดเจ็บรวม 15 นาย ใน
จำนวนนี้สาหัส 4 นาย ยังเหลืออีก 33 นาย ที่ยังไม่รู้ชะตากรรม

16.00 น. พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษก ทร. ยืนยันว่า ได้ช่วยเหลือกำลังพลแล้ว 75 นาย ที่เพิ่มขึ้น


อีก 2 นาย เพราะมีเรือบรรทุกน้ำมันช่วยเอาไว้ คงเหลือ 31 นาย

“คาดว่าผู้ประสบภัยสามารถลอยคอรอการช่วยเหลืออยู่ในน้ำได้ไม่เกิน 2 วัน เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเร่งค้นหา


และนำผู้ประสบภัยขึ้นฝั่งให้ได้ทั้งหมดโดยเร็วที่สุด”

มีรายงานออกมาในช่วงเวลานี้ว่า “ชูชีพ” ในเรือหลวงสุโขทัย ไม่เพียงพอ เนื่องจากเกิดเหตุมีกำลังพล 106


นาย บางนายไม่ใช่ลูกเรือหลวงสุโขทัย และขณะเกิดเหตุ บางคนก็หยิบไม่ทัน จึงต้องอาศัยเกาะลอยไปกับเพื่อน ชู
ชีพ 1 ตัว เกาะได้ 4-5 คน

“ขณะเรือจม ร.ล.กระบุรี พยายามเข้าให้การช่วยเหลือแต่ไม่สามารถทำได้ เพราะคลื่นสูง 4-5 เมตร คลื่น


แรงจนเรือกระแทกกัน ต้องรอจน ร.ล.สุโขทัย จมลงก่อนถึงจะช่วยเหลือลูกเรือได้” หนึ่งในลูกเรือที่รอดชีวิต
กล่าวถึงในนาทีเป็นตาย

18.00 น. เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล แบบที่ 1 บ.ลว.1 Dornier หมายเลข 1115 เดินทางกลับเข้ามา


พร้อมช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ 6 นาย ก่อนจะนำตัวส่งรักษา รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ ต.พลู
ตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี

20 ธันวาคม 2565

พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผบ.ทัพเรือภาคที่ 1 ยืนยันข้อมูลว่า ตอนนี้มีกำลังพลสูญหายลดลง 1 ราย เหลือ


30 นาย เนื่องจากมีกำลังพล 1 นาย ได้ลากิจไม่ได้ขึ้นเรือ จึงมีการยืนยันว่า “เรือหลวงสุโขทัย” มีกำลังพลโดยสาร
ทั้งสิ้น 105 นาย

14.14 น. พลทหารชนัญญู แก่นศรียา สังกัดนาวิกโยธิน ได้รับการช่วยเหลือจากเรือบรรทุกน้ำมัน ทำให้


รอดชีวิต หลังลอยคอมาหลายสิบชั่วโมง เป็นรายที่ 76
15.00 น. ได้รับแจ้งจาก ร.ล.นเรศวร พบผู้เสียชีวิต 5 ราย ประกอบด้วย 1. ร.ท.สามารถ แก้วผลึก 2.
พ.จ.อ.อัชชา แก้วสุพรรณ์ 3. พ.จ.อ.อำนาจ พิมที่ 4. จ.อ.จักรพงศ์ พูลผล 5. พลฯ อัครเดช โพธิ์บัติ

19.30 น. ได้รับแจ้ง จาก ร.ล.ภูมิพล พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย ยังไม่ทราบชื่อ

20.00 น. สรุปรวม มีผู้เสียชีวติ 6 นาย รอดชีวิต 76 นาย ยังเหลือผู้ประสบภัยที่ต้องค้นหาอีก 23 นาย

21 ธันวาคม 2565

ทุกหน่วยงาน ประสานความร่วมมือในการค้นหาเต็มกำลัง แต่ไม่พบกำลังพลเพิ่ม โดยมีรายงานพบศพ 1


ศพ ที่สวมเสื้อผ้าทหาร แต่..ไม่ใช่กำลังพลของเรือหลวงสุโขทัย ส่วนการเยียวยาตามระเบียบทางราชการ ชดเชยปูน
บำเหน็จตามระเบียบราชการ ในภาพรวมจะได้รับการเลื่อนยศ 5 ชั้นยศ และได้รับเงินชดเชยตามระเบียบราชการ
ประมาณ 1-2 ล้านบาท

22 ธันวาคม 2565

ญาติทหารเรือ 23 ชีวิตยังเฝ้ารอด้วยความหวัง แต่ยังไม่พบผู้สูญหายเพิ่ม ขณะที่ญาติของนายทหารกล้า


ทั้ง 6 นาย ที่พบศพเสียชีวิต ญาตินำกลับไปประกอบพิธีน้ำหลวงอาบศพและสวดอภิธรรมที่ฌาปนสถานกองทัพเรือ

23 ธันวาคม 2565

ร.ล.บางระจัน สำรวจพื้นที่จุดเรือล่ม พบศพลอยขึ้นมา 1 ศพ ขณะที่การระดมค้นหาในพื้นที่ชุมพร และสุ


ราษฎร์ธานี พบเพียงเสื้อชูชีพตัวเดียวลอยใกล้เกาะเต่า

24 ธันวาคม 2565

10.30 น. พบร่างผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ศพ ลอยใกล้จุดเรือล่ม ใกล้ๆ กับจุดที่พบ เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. โดยเรือ


หลวงบางระจัน

13.45 น. กองทัพเรือ แจ้งว่า พบผู้เสียชีวิตอีก 5 นาย โดยเวลาที่พบไล่เรียงกันตั้งแต่ 11.37-13.20 น.


ประกอบด้วย คือ ร.ล.ตากสิน 1 นาย, เรือ ต.113 จำนวน 1 นาย, โดรน 2 นาย และ ร.ล.กระบุรี 1 นาย

สรุป ในเวลา 20.00 น. พบกำลังพลเพิ่ม 6 ศพ มีผู้เสียชีวิต รวม 13 ศพ ยังสูญหาย 16 ชีวิต


25 ธันวาคม 2565

11.00 น. พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผบ.ทรภ.1 แถลงว่า ร.ล.กระบุรี และ ร.ล.นราธิวาส พบ 2 ศพกำลังพล


ลอยใกล้กับจุด ร.ล.สุโขทัย ล่ม ในช่วงคืนวันที่ 24 ธ.ค.

15.00 น. พบศพกำลังพล เรือหลวงสุโขทัย 3 นาย จุดพบศพอยู่ห่างไปประมาณ 40 กม. และอยู่ห่างจุด


ร.ล.สุโขทัยล่ม ในพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ประมาณ 60-70 กม.

พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ กล่าวต่อว่า สรุปการช่วยเหลือผู้ประสบภัย วันที่ 25 ธ.ค.


เวลา 17.00 น. ยอดกำลังพล 105 นาย รอดชีวิต 76 นาย เสียชีวิต 18 นาย ระบุชื่อได้แล้ว 7 นาย มีหลักฐานบ่งชี้
ว่าเป็นกำลังพลกองทัพเรือและอยู่ในกระบวนการพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวบุคคล 11 นาย และ 1 รายที่ก่อน
หน้านี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเป็นกำลังพลกองทัพเรือนั้น ขณะนี้มีหลักฐานยืนยันแล้วว่าเป็นกำลังพลกองทัพเรือ
คงเหลือผู้สูญหาย 11 นาย

ในขณะที่วันนี้ (26 ธ.ค.) เรือหลวงนเรศวร ได้ดำเนินการเก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิตได้เพิ่มอีก 1 ร่าง และจะกลับ


ขึ้นฝั่งที่อำเภอบางสะพาน ซึ่งหลังจากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการของการพิสูจน์อัตลักษณ์เพื่อยืนยันตัวบุคคลต่อไป

คณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริง มีหน้าที่ตรวจสอบหาสาเหตุเรือหลวงสุโขทัยล่ม ทั้งด้านความพร้อมของ


เรือ แนวทางการปฏิบัติ ขั้นตอนของการสละเรือใหญ่ และช่วยเหลือกำลังพลภายหลังประสบเหตุ ว่าเป็นไปตาม
หลักการและแนวทางการปฏิบัติที่กำหนดไว้หรือไม่

ขณะที่ตัวเลขกำลังพลที่ปลอดภัย และสูญหาย วันที่ 26 ธ.ค. (อัปเดต 11.30 น.) โดยโฆษกกองทัพเรือ


ระบุว่า จากยอดกำลังพล 105 นาย รอดชีวิต จำนวน 76 นาย เสียชีวิตรวม 18 นาย ในจำนวนนี้สามารถระบุชื่อได้
แล้ว 10 นาย อยู่ในกระบวนการของการพิสูจน์อัตลักษณ์ 8 นาย คงเหลือผู้สูญหายจำนวน 11 นาย (ยังไม่นับรวม
เคสที่เจอล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันนี้ รอผลและหลักฐานบ่งชี้ว่าเป็นกำลังพลกองทัพเรือ จึงจะมีการตัดยอด)

ต่อมาวันนี้ (27 ธ.ค.) มีรายงานว่า พบผู้เสียชีวิต 2 ศพ ที่บริเวณ เกาะไข่ 1 ศพ และ เกาะสาก 1 ศพ โดย
รายที่ 2 สภาพศพ ใส่ชุดหมี คาดว่าเป็นกำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ซึ่งต้องรอการชันสูตรและยืนยันต่อไป

ความเห็นผู้เขียน
นี่คือเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีของกองทัพเรือ โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นจากอะไรก็ตามที่มันไม่
ค่อยถูกต้องเหมาะสม เหตุการณ์นี้ยังเปิดเผยปัญหามากมายที่แอบซุกซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งผู้เขียนขออนุญาตไม่เขียน
ถึงในบทความ เพราะมีบทความจำนวนมหาศาลให้ผู้อ่านได้เลือกพิจารณาตามความสมัครใจ
สิ่งเดียวที่ผู้เขียนค่อนข้างติดใจจากเหตุการณ์เรือหลวงสุโขทัยจม คือการเขียนบทให้นายกรัฐมนตรีบอก
สื่อมวลชนว่า “ทุกคนบนเรือปลอดภัย” มันเป็นวิธีใกล้เคียงสมัยเรือหลวงธนบุรีทำยุทธนาวีเกาะช้างปี 2484 โน่น
หมายเหตุ : ข่าวดังเด่นเกี่ยวข้องกับกองทัพไทยที่เกิดขึ้นในรอบสิบปี จะถูกเก็บบันทึกในเว็บเพจและ Blogger
ส่วนตัวของผู้เขียนต่อไป
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.voicetv.co.th/read/77253
https://twitter.com/katori93cp/status/1591023617835692032/photo/1
https://www.sanook.com/news/7840438/
https://today.line.me/th/v2/article/K1pxQo
https://web.facebook.com/RTAFpage/posts/1130867046942884/?paipv=0&eav=AfZR9Jj2r
EsH2jjOwwJ-yTX5RD4Zb6SCg0NsrqzNvKVQlSUzD_4X_tbMBagJ1vpWNYM&_rdc=1&_rdr
https://www.thairath.co.th/news/politic/2462142
https://www.hiclipart.com/free-transparent-background-png-clipart-impdx
https://d.dailynews.co.th/politics/731282/
https://www.prachachat.net/politics/news-441379
https://mgronline.com/politics/detail/9580000074803?fbclid=IwAR1ChcXAknKLIwlWJSYoh
v10cbzSjZ1hxTckwKqZ7QI85QI3FR04wWQrv0Y
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3208459
https://mgronline.com/onlinesection/detail/9600000004392
https://thestandard.co/17-hours-shooting-at-korat/
https://thestandard.co/gripen39c-crash-anniversary/

You might also like