Professional Documents
Culture Documents
นางสาวกันยารัตน์ ผ่องสุข
-
.
,J.
~nUl~WU~UU?~odY:~~~Ld~~LAt7:6Lu'~U1Llfl::~~~~1Jn1U1~U~1~~~~~
w
nau ~ ~ n . r i u ~ 5 u u ~ i ~ n Z r i ~ . rs~ tdu
~~~iiu~u~.r~u
u a n i r i l n m r i ~ d U i iXIUL&UI <~nautfluo/04au~nb dr=nirGo o) %04a~~u?n'u
J J
nirrio.rt~u?oa=lo)nrrfluzao.rjt!uu iioya~nu?n'unimo~tnu?dr:noui?un)iioyanl?'ld
J J J
mu?n'urioiunrio.r~nu~
b) ~ i u u : ~ i i i u A l ~ n ~ ~m)~ ~ntm~n3u
ni.r d?unrrflurao.rijt~uu
J J " "a-
dr=noui?o W) nrrflu:~nu?n'ulan uar lo) nrrfluztnu?nul?n
G~na~U~iiUni~i~~uon~~flur
J J J " "
nodj ~ u u u i n n i i ~ n u o i i o ~ a ~ n u ~ n ' u n ~ u~r~~ij~~inir~nuoiiayaria.r~nu~
rrio~~nu~ u 1 ~ ~ iiqnnu
i.r
A
~ ~ ~ ~ ~ ~ ~ Y ~ ~ ~ ~ U ~ U ~ L ~ ~ ~ ~ Y ~ L ~ U ~ Y Y ~ ~ U ~ L ' ~ U
208 pp.
This thesis aims at analyzing the content and language techniques or linguistic
strategies in NIW KLOM's travelogues. The analysis is based on the data taken fmm his 6
Iravelogues.
In terms of the content, it is lound thal Niw Klom's travelogues mainly present 1) the
travel information and 2) the writer's world-life views. The travel information includes 1) the
information about the twrisl attractions 2) suggestions for travelers 3) travel anecdotes. The
writer's world-life views include philosophical views on the physical and social world, as well
as on life. Unlike many other Thai travelogues. the content 01 Niw Klom's travelogues is
focused on the writer's world-life views rather than travel information. In fact, even the
information about the twrist attraclions is sometimes linked to the writer's world-life views.
In terms of the writer's views on physical and social world. Niw Klom has some
thoughts about the world as follows: 1) the world is a great place for learning 2) the world and
living creatures depend on each other 3) the world and the environment have been destroyed
,by human beings 4) Ihe world is owned by the young living things. Niw Klom expresses his
views on life that 1 ) humans should understand many aspects of life. In other words, they
should understand that humans must rely on each other. that life is short, that humans have
dreams and hopes, that lhere are always obslacles in life. and thal humans live to learn. 2)
humans should live happily by accepting others' differences. being generous, raising self-
worth, establishing friendships with others, building self+steem, having hope and faith.
strategy mostly occurs together with others rather than occur alone.
/
Department : ...... .......Thai Student's Signature ~.b..kk-
......
I
Field of Study : .............. Th.ai ........ ............. Advisor's Signature ...~ a d.......
............ - .....
~~
กิตติกรรมประกาศ
หน้ า
บทคัดย่อภาษาไทย………………………………………………………………………… ง
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ................................................................................................ จ
กิตติกรรมประกาศ...................................................................................................... ฉ
สารบัญ...................................................................................................................... ช
บทที่
๑ บทนา................................................................................................................... ๑
๑.๑ ความเป็ นมาและความสาคัญของปั ญหา………………………………………… ๑
๑.๒ วัตถุประสงค์ของการวิจยั ………………………………………………………… ๘
๑.๓ สมมติฐานของการวิจยั ………………………………………………………….. ๙
๑.๔ ขอบเขตของการวิจยั …………………………………………………………….. ๙
๑.๕ วิธีดาเนินการวิจยั ………………………………………………………………... ๙
๑.๖ ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้ รับ……………………………………………………….. ๑๐
๑.๗ ข้ อตกลงเบื ้องต้ น ………………………………………………………………… ๑๐
๒ ทบทวนวรรณกรรม ๑๑
๒.๑ การศึกษาการเขียนสารคดีทอ่ งเที่ยวของผู้เขียนรายบุคคล................................. ๑๑
๒.๒ การศึกษาการเขียนสารคดีทอ่ งเที่ยวโดยภาพรวม.............................................. ๑๖
๔ กลวิธีทางภาษาเพื่อแสดงทรรศนะ………………………………………………….. ๑๐๗
๔.๑ ประเภทของกลวิธีทางภาษาเพื่อแสดงทรรศนะ………………………………….. ๑๐๘
ฌ
บทที่ หน้ า
๔.๑.๑ การเน้ น ( emphasis )…………………………………………………… ๑๐๘
๔.๑.๒ การเล่นคา……………………………………………………………….. ๑๒๔
๔.๑.๓ การละเมิดการเกิดคูก่ นั ………………………………………………….. ๑๓๐
๔.๑.๔ การใช้ ความเปรี ยบ………………………………………………………. ๑๓๒
๔.๑.๕ การใช้ คาถามเชิงวาทศิลป์……………………………………………….. ๑๔๙
๔.๑.๖ การสรุปด้ วยคาคม……………………………………………………….. ๑๕๖
๔.๑.๗ การกล่าวอ้ างข้ อความ (quotation)……………………………………… ๑๖๐
๔.๑.๘ การใช้ บทสนทนา………………………………………………………… ๑๖๒
๔.๒ สรุปกลวิธีทางภาษากับวัตถุประสงค์ในการสื่อสาร…………………………….. ๑๗๒
๔.๓ สรุป……………………………………………………………………………… ๑๗๖
สารบัญตาราง
ตารางที่ หน้ า
๑ แสดงปริมาณหนังสือท่องเที่ยวประเทศไทยจาแนกตามสาระของเนื ้อหา ๒๔
๒ แสดงผลการวิเคราะห์ร้อยละของเนื ้อหาในสารคดีของนิ ้วกลม ๒๖
๓ แสดงความสัมพันธ์ระหว่างการเดินทางและการดาเนินชีวิตตามทรรศนะ
ของนิ ้วกลม ๑๔๗
๔ สรุปกลวิธีทางภาษากับวัตถุประสงค์ในการสื่อสาร ๑๗๓
ฎ
สารบัญแผนภูมิ
แผนภูมิที่ หน้ า
๑ แสดงเนื ้อหาทังหมดในสารคดี
้ ทอ่ งเที่ยวของนิ ้วกลม ๒๘
๒ แสดงหัวข้ อทรรศนะเกี่ยวกับโลกและชีวิต ๔๕
บทที่ ๑
บทนา
เขาเสนอต่อผู้อ่านดังนี ้ (ข้ อความที่ขีดเส้ นใต้ เป็ นส่วนที่ผ้ ูวิจัยเน้ นให้ ผ้ ูอ่านทราบว่าเป็ นความคิด
สําคัญที่ผ้ เู ขียนต้ องการเสนอ)
“ผมว่า เมืองก็เหมือนคน
หากอยากสนิ ทชิ ด เชื อ้ ต้ อ งคบให้ ถ้ วนถี่ ดูให้ ร อบ
ครอบคลุม ไม่มองแต่มมุ ที่งดงาม ด้ านที่เรื องรอง หากยังต้ อง
แอบชะแง้ เหลือบแลไปมองส่วนที่ยงั ไม่ใคร่ มีใครรู้ ใครเห็น เรา
ถึงจะได้ ชื่อว่าเป็ นเพื่อนซี ้กันจริงๆ ได้
อยากสนิทกับกาฐมาณฑุ อย่ ารีบนอน!”
กล่าวถึงความน่าสนใจของการตังชื
้ ่อหนังสือบันทึกการเดินทางของนิ ้วกลมไว้ ในคํานิยมของเรื่ อง
เนปาลประมาณสะดือ ว่า
ชื่อหนังสือ เช่น เรื่ องโตเกียวไม่ มีขา ชื่อหนังสือเล่มนี ้เป็ นการที่ผ้ เู ขียนเปรี ยบเทียบคุณสมบัติของ
ความฝั นกับเมืองโตเกียวว่าทังสองสิ ้ ่งล้ วนไม่มีขา ถ้ าเราอยากเดินทางไปเที่ย วโตเกียวหรื ออยาก
พิชิตฝั น เราก็ต้องเดินทางไปหามันเองเพราะมันไม่มีขา ไม่สามารถเดินมาหาเราได้ สอดคล้ อง
กับ แก่ น เรื่ องของเรื่ อ งนี ค้ ื อ ความฝั นเป็ นสิ่ ง ที ่เ ราต้องทาให้เ ป็ นจริ ง ได้ด้วยตัวเราเอง และยัง
สอดคล้ องกับคาโปรยของหนังสือนี ้ที่เป็ นคํากล่าวของ George Moore ซึ่งผู้วิจยั ถอดความได้ ว่า
ในเมื ่อความจริ งสามารถทาลายความฝั นได้ แล้วเหตุใดความฝั นจึงจะทาลายความจริ งบ้างไม่ได้
จะเห็นได้ วา่ สารคดีทอ่ งเที่ยวของนิ ้วกลมนอกจากมีการเสนอเนื ้อหาในมุมแปลก
ใหม่แล้ ว ยังมีการเรี ยบเรี ยงที่น่าสนใจ กล่าวคือ หนังสือแต่ละเล่มมักจะมีแ ก่นเรื่ องที่สอดคล้ อง
กับคําโปรยตอนต้ นหนังสือ และหนังสือบางเล่มยังมีชื่อที่สื่อถึงแก่นเรื่ องของหนังสือเล่มนันทํ ้ าให้
หนังสือแต่ละเล่มมีเอกลักษณ์เฉพาะอีกด้ วย
จากที่ กล่าวมาข้ างต้ นจะเห็นว่า สารคดีท่องเที่ ยวของนิว้ กลมมีลักษณะเด่นที่
น่าสนใจศึกษาทังด้ ้ านเนื ้อหาและภาษา กล่าวคือ ทางด้ านเนื ้อหานัน้ ผู้เขียนมุ่งเสนอความรู้อนั
เกิดจากทรรศนะที่ตนเองได้ รับจากประสบการณ์ในการเดินทาง มากกว่าการเสนอความรู้เกี่ยวกับ
สารคดีทอ่ งเที่ยว ทรรศนะเหล่านันมี ้ เนื ้อหาเกี่ยวกับโลกและชีวิต ทําให้ ผ้ อู ่านเห็นว่า การเดินทาง
ท่องเที่ยวไม่เพียงแต่ทําให้ เราพบความสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เท่านัน้ แต่ยงั ช่วยให้
เราเรี ยนรู้ และเข้ าใจความเป็ นไปของโลกและชีวิตได้ อีกด้ วย หรื อจะกล่าวในอีกแง่หนึ่ง สารคดี
ท่องเที่ ยวของนิว้ กลมแสดงให้ ผ้ ูอ่านเห็นการเดินทางภายนอกที่เขาเห็น คือภาพของสิ่ง ต่างๆ
รวมถึงชีวิตของผู้คน และการเดินทางภายใน คือ ความรู้ สึกที่เขามีต่อสิ่งเหล่านัน้ ส่วนด้ าน
ภาษา นิ ้วกลมใช้ กลวิธีทางภาษาที่หลากหลายและน่าสนใจเพื่อเสนอทรรศนะเหล่านันให้ ้ ผ้ อู ่าน
เข้ าใจและได้ รับความเพลิดเพลินจากการอ่าน อย่างไรก็ตามยังไม่มีผ้ ใู ดศึกษาอย่างชัดเจนว่ า
นักเขียนผู้นี ้มีวิธีการเขียนสารคดีท่องเที่ยวที่น่าสนใจอย่างไรบ้ าง ผู้วิจยั จึงสนใจที่จะศึกษาเนื ้อหา
และกลวิธีการใช้ ภาษาที่เป็ นลักษณะเด่นในสารคดีทอ่ งเที่ยวของนิ ้วกลม
๑.๓ สมมติฐานของการวิจัย
๑.๔ ขอบเขตของการวิจัย
๑.๕ วิธีดาเนินการวิจัย
ทบทวนวรรณกรรม
๒.๑ การศึกษาการเขียนสารคดีท่องเที่ยวของผู้เขียนรายบุคคล
ผู้วิจัยพบว่า งานวิจัยที่ศึกษาการเขียนสารคดีท่องเที่ยวของผู้เขียนรายบุคคล
ส่วนใหญ่จะเป็ นการวิเคราะห์ผลงานของผู้เขียนอย่างละเอียด ทังด้ ้ านวัตถุประสงค์ในการเขียน
รูปแบบ เนื ้อหา การใช้ ภาษา กลวิธีการนาเสนอเรื่ อง ประวัติผ้ เู ขียน และคุณค่าที่ผ้ อู ่านได้ รับ มี
เพียงงานวิจยั ของวรรณพร พงษ์ เพ็ง (๒๕๔๗) ที่ศึกษาเฉพาะการใช้ ภาษาจินตภาพหรื อการใช้
ภาษาที่ทาให้ ผ้ อู า่ นเห็นภาพที่เป็ นรูปธรรม นามธรรมและเกิดอารมณ์คล้ อยตาม ดังต่อไปนี ้
วรรณศิ ริ ตัง้ พงษ์ ธิติ (๒๕๔๔) ศึกษาเรื่ อง พระนิ พนธ์ ประเภทสารคดี ท่องเที ่ยว
ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์ เธอ กรมพระยาดารงราชานุภาพ ในด้ านรู ปแบบ เนื ้อหา การใช้
ภาษา และพระราชประวัตขิ องสมเด็จพระเจ้ าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดารงราชานุภาพที่สมั พันธ์
กับการท่องเที่ยว จากพระนิพนธ์ประเภทสารคดีทอ่ งเที่ยวของพระองค์จานวน ๑๔ เรื่ อง
ด้ านรูปแบบ พระนิพนธ์ประเภทสารคดีทอ่ งเที่ยวของสมเด็จพระเจ้ าบรมวงศ์เธอ
กรมพระยาดารงราชานุภาพ สามารถแบ่งออกเป็ น ๓ รูปแบบคือ บันทึกรายวัน จดหมาย และ
บทความ
ด้ า นเนื อ้ หา พบว่าเนื อ้ หาในพระนิ พ นธ์ แ บ่ง ออกได้ เป็ น ๔ ลัก ษณะ คือ ๑)
ลักษณะของการเดิน ทางและสภาพของสถานที่ ท่องเที่ ยวอย่า งละเอี ยด ๒) ข้ อ มูล ทาง
ประวัติศาสตร์ และโบราณคดีของสถานที่ต่างๆ ๓) เกร็ ดเรื่ องต่างๆ จากการเดินทางตามเสด็จ
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้ าเจ้ าอยูห่ วั และ ๔) คูม่ ือหรื อหนังสือนาเที่ยวสถานที่บางแห่ง
ด้ านภาษา ทรงใช้ ภาษาง่ายๆ อันทาให้ ผ้ อู ่านเข้ าใจภาพและเห็นภาพสถานที่ได้
ชัดเจน นอกจากนี ้ยังทรงใช้ สานวนและภาพพจน์ อันทาให้ ผ้ อู า่ นเข้ าใจความหมายของสิ่งต่างๆ ได้
ง่าย ลีลาภาษาที่โดดเด่นมากของพระองค์คือการซ้ อนคาและการใช้ กลุ่มคาเรี ยงกัน ช่วยสร้ าง
ภาพและสื่อความหมายต่อผู้อ่านได้ ชดั เจน ตลอดจนเน้ นย ้าความคิดของพระองค์ที่มีต่อสถานที่
หรื อสิ่งของที่ทรงพบเห็น และยังเป็ นภาษาพูดซึ่งสร้ างความเป็ นกันเองระหว่างผู้เขียนและผู้อ่าน
พระองค์ทรงมีวิธีการเรี ยบเรี ยงข้ อความอย่างมี ระเบียบ ชัดเจน เป็ นขัน้ ตอน พระนิพนธ์ ของ
๑๓
รัตน์ดา อาจวิ ชยั (๒๕๔๗) ศึกษาเรื่ อง วิ เคราะห์สารคดี ของธี รภาพ โลหิ ตกุล
(พ.ศ. ๒๕๓๓ – ๒๕๔๕) ในด้ านเนื อ้ หา กลวิธี ก ารนาเสนอ และความสัม พัน ธ์ ร ะหว่า ง
ประสบการณ์ ชีวิตกับงานเขียนสารคดี จากสารคดีที่ได้ รับการตีพิมพ์ระหว่างปี พ.ศ. ๒๕๓๓-
๒๕๔๕ จานวน ๓๖๐ เรื่ อง จากหนังสือจานวน ๒๗ เล่ม
สาหรับสารคดีที่จดั เป็ นสารคดีท่องเที่ยวนัน้ รัตน์ดาพบว่า ธีรภาพ เขียนสารคดี
ท่องเที่ยวมากเป็ นอันดับ ๓ สามารถแบ่งเนื ้อหาออกได้ เป็ น ๔ ลักษณะ ประกอบด้ วย ๑) กลุ่ม
เนื ้อหาเกี่ยวกับเส้ นทางในการสัญจร ๒) กลุ่มเนือ้ หาเกี่ยวกับอุปสรรคในความด้ อยพัฒนาทาง
เทคโนโลยี ๓) กลุม่ เนื ้อหาเกี่ยวกับสถานที่ทอ่ งเที่ยว ๔) กลุ่มเนื ้อหาเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบ
ย้ อนยุคเข้ าไปในอดีต โดยเสนอในเชิงเชิญชวนให้ ผ้ อู า่ นเดินทางท่องเที่ยวไปในสถานที่ตา่ งๆ อย่าง
เห็นคุณค่าหรื อความงามของสถานที่ ท่องเที่ยวแต่ละแห่ง และโน้ มน้ าวให้ ช่วยกันอนุรักษ์ สถานที่
เหล่านันด้
้ วย
ด้ านการใช้ ภาษา ธีรภาพนาเสนอสารคดีด้วย ๓ กระบวนความจากมากไปหา
น้ อย ได้ แก่ ๑) กระบวนความบรรยาย ด้ วยภาษาเชิ ง วิช าการที่ ผ้ ูอ่านเข้ าใจได้ โดยง่ าย ๒)
กระบวนความอธิบาย ใช้ ร่วมกับการบรรยาย เพื่อให้ ผ้ อู ่านเข้ าใจเนื ้อหามากขึ ้น ๓) กระบวน
ความพรรณนา ใช้ เมื่ อผู้เ ขียนต้ องการให้ รายละเอี ยดของสิ่ง ต่างๆ โดยใช้ คาที่สร้ างภาพหรื อ
จินตนาการให้ กบั ผู้อา่ น
นอกจากนี ้ ยังมีกลวิธีอื่นๆ อีกที่ธีรภาพใช้ เพื่อให้ งานเขียนน่าอ่าน เช่น
๑. การใช้ ถ้อยคา สานวน ภาษา ของคนในพื ้นถิ่นออกมาโดยตรง ไม่ว่าจะเป็ น
คาพูด คาสนทนา คาบรรยาย
๒. การใช้ ภาษาทัง้ ๓ กระบวนความจะสอดแทรกด้ วยการใช้ โวหารต่างๆ ได้ แก่
อุปมาโวหาร สาธกโวหาร และเทศนาโวหาร ได้ อย่างสอดคล้ องและสัมพันธ์กนั อย่างมีเอกภาพ
๓. การใช้ คาให้ สมญาที่ช่วยให้ มองเห็นภาพได้ อย่างชัดเจน เช่น “มังกรน้ อย”
หมายถึง ประเทศเวียดนาม “เจ้ าชายกังหันลม” และ “แมวเก้ าชีวิต” หมายถึง สมเด็จนโรดมสีหนุ
๑๔
งานของวรรณพรชี ใ้ ห้ ผ้ ูวิ จัยเห็ นว่า การวิเ คราะห์ สารคดี ท่องเที่ ยวในด้ านกล
วิธีการใช้ ภาษาเพื่อถ่ายทอดภาพที่ผ้ เู ขียนพบเห็นไปสู่ผ้ อู ่านนันมี ้ ความสาคัญ เนื่องจากผู้อ่านไม่
สามารถเข้ าไปร่วมในเหตุการณ์ที่ผ้ เู ขียนประสบในขณะนันๆ ้ ได้ ผู้เขียนจึงต้ อ งมีวิธีการใช้ ภาษาที่
ทาให้ ผ้ อู ่านอ่านเข้ าใจง่าย ทังยั
้ งเกิดภาพและอารมณ์คล้ อยตามผู้เขียน วิธีการเหล่านันอาจเป็ ้ น
การใช้ คา ประโยค การเรี ยบเรี ยงประโยค หรื อการใช้ โวหารภาพพจน์ ซึ่งแสดงให้ เห็นว่า ในการ
เขียนสารคดีท่องเที่ยวนัน้ ผู้เขียนควรให้ ความสาคัญกับทัง้ เนื ้อหาและกลวิธีที่ผ้ เู ขียนใช้ นาเสนอ
เนื ้อหานันๆ ้ ไปสูผ่ ้ อู า่ น
๒.๒ การศึกษาการเขียนสารคดีท่องเที่ยวโดยภาพรวม
การศึกษาการเขียนสารคดีท่องเที่ยวโดยภาพรวม ในที่นี ้เป็ นการศึกษาสารคดี
ท่อ งเที่ ยวหลายเล่ม โดยไม่เ จาะจงว่าเป็ นผู้แ ต่ง คนใด ผู้วิ จัยพบว่า มี ง านวิจัย ที่ ศึก ษาสารคดี
ท่องเที่ยวโดยภาพรวม ๒ ลักษณะ คือ การศึกษาพัฒนาการของสารคดีท่องเที่ยวต่างประเทศใน
งานวิจยั ของดวงเนตร มีแย้ ม (๒๕๔๔) ทาให้ เห็นว่าพัฒนาการของสารคดีท่องเที่ยวโดยภาพรวม
เป็ นอย่างไร และการศึกษาสารคดีท่องเที่ยวในฐานะที่เป็ นปริ จเฉทเรื่ องเล่า ของมั ญชุสา อังคะ
นาวิน (๒๕๔๗) ศึกษาว่าสารคดีทอ่ งเที่ยวมีองค์ประกอบหลัก ตลอดจนกลวิธีการเล่าเรื่ องอย่างไร
ดังนี ้
อย่า งไรก็ ต าม ข้ อ สรุ ป จากนิ ย ามต่า งๆ นี อ้ าจไม่ชัด เจนนัก ผู้วิ จัย จึง จะขอ
กล่าวถึงงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ ยวข้ องกับการศึกษาสารคดีท่องเที่ยวเพื่อให้ ผ้ ูอ่านเห็นชัดเจนขึน้ ว่า
องค์ประกอบของเนื ้อหาในสารคดีทอ่ งเที่ยวโดยทัว่ ไปเป็ นอย่างไร
๒๑
๑.๖) เอกลักษณ์และสิ่งที่มีชื่อเสียงของสถานที่
๑.๗) สินค้ าพื ้นเมืองและของที่ระลึก
๑.๘) ข้ อแนะนํา ข้ อห้ าม และข้ อควรปฏิบตั ใิ นการเดินทาง
๑.๙) ข้ อสังเกตเกี่ยวกับสถานที่และการเดินทาง
๒) ความรู้ อื่นๆ ประกอบด้ วย ๑๒ ประการ คือ ด้ านประวัติศาสตร์ โบราณคดี
ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม วิถีชีวิต ความเป็ นอยู่ วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
เกษตรกรรม ศิลปหัตถกรรม การศึกษา การเมืองการปกครอง ศาสนาและความเชื่อ เศรษฐกิจ
และศิลปะการแสดง เกศราพรพบว่าสมเด็จพระเทพฯ ทรงให้ ความสําคัญและเอาพระราชหฤทัย
ใส่ในด้ านประวัตศิ าสตร์ และโบราณคดีมากเป็ นพิเศษ
๓) พระราชทรรศนะ ได้ แก่ พระราชทรรศนะเกี่ยวกับการเดินทางท่องเที่ยว พระ
ราชทรรศนะเกี่ยวกับสถานที่ทอ่ งเที่ยว และพระราชทรรศนะอื่นๆ
ส่วนงานวิจยั ของ รัตน์ดา อาจวิ ชยั (๒๕๔๗) ที่ศกึ ษางานเขียนสารคดีของ ธี ร
ภาพ โลหิตกุล ทังหมด ้ ตังแต่
้ ปี พ.ศ. ๒๕๓๓ - ๒๕๔๕ ซึ่งสารคดีดงั กล่าวรวมงานเขียนที่เป็ น
สารคดีท่องเที่ยวด้ วย ผลการศึกษาของรัตน์ดาพบว่า กลุ่มเนื ้อหาในสารคดีท่องเที่ยวของธีรภาพ
สามารถแบ่งออกได้ เป็ น ๔ ประเภทคือ
๑) เส้นทางในการสัญจร
๒) อุปสรรคในความด้อยพัฒนาทางเทคโนโลยี
๓)สถานทีท่ ่องเทีย่ ว เป็ นการแนะนําสถานที่ท่องเที่ยวและให้ ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับ
ประวัตคิ วามเป็ นมา วัฒนธรรมประเพณีของคนในท้ องถิ่น
๔) การท่องเทีย่ วแบบเดิ นทางย้อนยุคเข้าไปในอดี ต นําเสนอให้ เห็นการท่องเที่ ยว
ชมวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนที่หาดูได้ ยากมากในปั จจุบนั
อีกทังในงานวิ
้ จยั ของดวงเนตร์ มีแย้ ม (๒๕๔๔: ๒๔๙) ที่ศกึ ษาพัฒนาการของ
การเขียนสารคดีทอ่ งเที่ยวต่างประเทศในช่วง พ.ศ. ๒๔๗๕ – ๒๕๔๐ พบว่าโดยภาพรวมแล้ วสาร
คดีทอ่ งเที่ยวทุกเรื่ องมีเนื ้อหากล่าวถึงข้ อมูลดังต่อไปนี ้
๑) เส้ นทางการท่องเที่ยว
๒) ความรู้เกี่ยวกับประเทศที่เดินทาง
๓) ประสบการณ์การท่องเที่ยวของผู้เขียน
๔) ทรรศนะของผู้เขียน
๒๓
ดวงเนตร์ ยัง พบว่า สารคดี ท่ อ งเที่ ย วต่า งประเทศมี สัด ส่ว นของเนื อ้ หาแต่ล ะ
ประเภทแตกต่างกันในแต่ละช่วงเวลา กล่าวคือ ช่วง พ.ศ. ๒๔๗๕ – ๒๕๐๐ สารคดีท่องเที่ยว
ต่างประเทศส่วนใหญ่มีเนื ้อหาให้ รายละเอียดเกี่ยวกับความรู้และข้ อเท็จจริ งของประเทศที่เดินทาง
เป็ นหลัก และมีสดั ส่วนน้ อยลงในระยะต่อมา ส่วนสารคดีทอ่ งเที่ยวที่ผ้ เู ขียนบอกเล่าประสบการณ์
การท่องเที่ยวไปยังสถานที่ตา่ งๆ กลับมีจํานวนเพิ่มสูงขึ ้นเรื่ อยๆ (ในช่วง พ.ศ. ๒๔๗๕ – ๒๕๐๐
พบ ๒ เรื่ อง ต่อมาช่วง พ.ศ. ๒๕๐๑ - ๒๕๑๙ พบ ๑๖ เรื่ อง และช่วง พ.ศ. ๒๕๒๐ – ๒๕๔๐
พบ ๓๗ เรื่ อง)
ผลการศึกษาที่มีผ้ ศู กึ ษาไว้ แล้ วข้ างต้ นแสดงให้ เห็นว่า สารคดีท่องเที่ยวส่วนใหญ่
จะนํ าเสนอความรู้ เกี่ ยวกับ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ไปสู่ผ้ ูอ่านเป็ นหลัก ส่วนความคิดเห็นของ
ผู้เ ขี ยนจะเป็ นส่วนที่ เ สริ ม ให้ ผ้ ูอ่านมองเห็นความรู้ สึกนึกคิดที่ผ้ ูเขี ยนมี ต่อสถานที่ นัน้ ๆ ซึ่ง เป็ น
ความรู้ สึกส่วนตัวของแต่ล ะบุคคลและส่วนใหญ่จ ะมุ่ง ไปที่ การเสนอความคิดเห็นเกี่ ยวกับการ
ท่องเที่ยวนัน่ เอง
ตารางข้ างต้ นนี ้เป็ นหลักฐานเบื ้องต้ นที่แสดงให้ เห็นว่านิ ้วกลมได้ ให้ ความสําคัญ
กับเนื ้อหาส่วนที่เป็ นสาระความรู้กบั ทรรศนะของผู้เขียน อันเป็ นความคิดเห็นที่มีตอ่ สิ่งต่างๆ ที่เขา
ได้ พบระหว่างที่เดินทางท่องเที่ยวในปริ มาณที่ใกล้ เคียงกัน ข้ อมูลสารคดีท่องเที่ยวของนิ ว้ กลม
จัดเป็ นทรรศนะมากถึงร้ อยละ ๕๔ ของเนื ้อหาทังหมด ้ ในขณะที่งานวิจยั ของชลดาชี ้ให้ เห็นว่า
หนังสือท่องเที่ยวประเทศไทยส่วนใหญ่เน้ นไปที่การให้ ข้อมูลด้ านภูมิศาสตร์ ถึงร้ อยละ ๗๗
ต่อไปผู้วิจยั จะกล่าวถึงเนื ้อหาต่างๆ ในสารคดีทอ่ งเที่ยวของนิ ้วกลมโดยละเอียด
เนื ้อหาในส่วนทรรศนะนี ้ ชลดาไม่ได้ วเิ คราะห์เอาไว้ ส่วนเครื่องหมายยัติภงั ค์ (-) ของข้ อมูลบางข้ อมูล หมายถึง สารคดีทอ่ งเที่ยว
ของนิ ้วกลมไม่มีข้อมูลในส่วนนัน้
๒๘
คําแนะนําสําหรับนักเดินทาง
ข้ อมูลเกี่ยวกับ
การท่ องเที่ยว เกร็ ดเสริ ม
-โลกคือแหล่งเรียนรู้
เนือ้ หา -โลกและสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในโลกล้ วนต้ อง
พึง่ พากัน
ทรรศนะเกี่ยวกับโลก -โลกและสิ่งแวดล้ อมถูกทําลายลงด้ วย
นํ ้ามือมนุษย์
ทรรศนะ -โลกเป็ นของหนุ่มสาว
ทรรศนะเกี่ยวกับชีวิต
-มนุษย์ควรเข้ าใจชีวิต
-มนุษย์ควรใช้ ชีวิตอย่างมีความสุข
๓.๓.๑.๑ ข้ อมูลทั่วไปเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว
ข้ อ มูล เกี่ ย วกับ สถานที่ ท่อ งเที่ ย วต่า งๆ นับ เป็ นข้ อ มูล ที่ ข าดไม่ไ ด้ ข องสารคดี
ท่องเที่ยว โดยมักจะเป็ นข้ อมูลที่กล่าวถึงรายละเอียดเกี่ ยวกับประวัติความเป็ นมาของสถานที่
สภาพทัว่ ไปของสถานที่นนๆ ั ้ รวมไปถึงความรู้ สึกของผู้เขียนที่มีต่อสถานที่นนๆ ั ้ ด้ วย ผู้เขียนแต่
ละคนก็จะกล่าวถึงข้ อมูลส่วนนี ้ไว้ มากน้ อยต่างกัน ขึ ้นอยู่กบั การค้ นคว้ าข้ อมูลของนักเขียนแต่ละ
๒๙
ตัวอย่างที่ ๑ ปราสาทพนมบาแค็ง
ตัวอย่างที่ ๒ สถูปโบดะนาถ
๓.๓.๑.๒ คาแนะนาสาหรับนักเดินทาง
นิ ้วกลมเป็ นนักท่องเที่ยวสะพายเป้ (backpacker) ท่องเที่ยวไปยังที่ตา่ งๆ เขาจึง
จะต้ องศึกษาข้ อมูลของสถานที่ที่จะไปเยือน และเตรี ยมตัว เตรี ยมสัมภาระสําหรับออกเดินทาง
เป็ นอย่างดี แต่แม้ วา่ เขาจะเตรี ยมการดีเพียงใด ในการเดินทางแต่ละครัง้ ของนิ ้วกลมก็ต้องประสบ
กับปั ญหาและอุปสรรคต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นิ ้วกลมจึงบอกเล่าประสบการณ์ตา่ งๆ ที่เขา
ได้ รั บ ในการออกเดิ น ทางแต่ล ะครั ง้ กับ ผู้อ่า นเพื่ อ ให้ ผ้ ูอ่ า นนํ า ไปปฏิ บัติ ต ามในกรณี ที่ พ บกับ
สถานการณ์เดียวกัน ข้ อมูลในส่วนนี ้ผู้วิจยั จัดให้ อยู่ในหมวดหมู่ คาแนะนาสาหรับนักเดิ นทาง อัน
เป็ นเนื ้อหาที่นิ ้วกลมกล่าวถึงข้ อมูลต่างๆ ที่นกั เดินทางควรนําไปปฏิบตั ิเพื่อให้ การเดินทางเป็ นไป
โดยราบรื่ น ทังการเตรี
้ ยมตัวก่อนออกเดินทางและการแก้ ปัญหาที่อาจเกิดขึ ้นระหว่างการเดินทาง
ผู้วิจยั จึงขอแบ่งเนื ้อหาในส่วนนี ้ออกเป็ น ๓ หัวข้ อย่อย ได้ แก่
๑) การเตรี ยมตัวก่อนออกเดินทาง
๒) การแก้ ไขปั ญหาที่เกิดขึ ้นระหว่างการเดินทาง
๓) สิ่งที่นกั เดินทางควรคํานึงถึง
รายละเอียดของข้ อมูลทังสองประเภทเป็
้ นดังนี ้
๓๒
๑) การเตรียมตัวก่ อนออกเดินทาง
การเตรี ยมตัวก่อนออกเดินทาง นับเป็ นข้ อมูลเบื ้องต้ นที่นกั เดินทางทุกคนต้ องรู้
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวสะพายเป้ (backpacker) เช่นนิ ้วกลม เขาได้ กล่าวถึงข้ อมูลส่วนนี ้ไว้ มาก
ในงานเขียนเล่มแรกของเขา คือ โตเกียวไม่ มีขา ซึ่งเป็ นการเดินทางท่องเที่ยวสะพายเป้ครัง้ แรก
ของเขากับเพื่อนอีกหนึ่งคน ด้ วยงบประมาณที่ จํากัดอย่างยิ่ง ทําให้ เขากับเพื่อนต้ องวางแผน
เตรี ยมตัวเป็ นอย่างดี การเตรี ยมตัวประการแรกที่สําคัญมากสําหรับนิ ้วกลมคือการขอวีซ่าเพื่อไป
เที่ ยวประเทศญี่ ปุ่น เขาได้ กล่าวถึง เนื อ้ หาส่วนนี ไ้ ว้ ทํ าให้ ผ้ ูอ่านงานของนิว้ กลมได้ รับความรู้
เกี่ยวกับวิธีการเตรี ยมเอกสารเพื่อขอวีซา่ ดังนี ้
“ผมเลือกเข้ าไปหาในใยแมงมุมโลก
ที่พกั มาก่อนที่เที่ยว - นับว่าผมยังคงมีสติครบถ้ วนดีที่ยงั
เห็นความสําคัญของที่ซุกหัวนอนมากกว่าสถานบันเทิงเริ งใจ ผม
เริ่ มออกเดินทางจาก www.google.co.th โดยใส่คําว่า Cheap
Hotel / Budget Hotel / Backpacker Hotel พ่วงด้ วยคําว่า
Tokyo เข้ าไป ผลที่ออกมาเป็ นที่น่าพอใจ ผมไต่ไล่ตามเส้ นสายที่
ถัก ทอในโยงใยล่ อ งหนนัน้ ไปโผล่ ที่ โ น่ น บ้ า งที่ นี่ บ้ าง ก่ อ นที่ จ ะ
กอบโกยข้ อมูลติดกระเป๋ ามาพอสมควร
ผมเลือกจดชื่อและเบอร์ โทรศัพท์ของที่พักที่อยู่ในงบถูก
สุดๆ ของเรา คือประมาณ ๒,๕๐๐ – ๓,๕๐๐ เยนต่อคืน และผม
กําลังจะคลี่สมุดบันทึกของผมให้ คณ ุ ชมเป็ นขวัญตา
สิ่งที่ต้องเอาไปด้ วย ห้ ามลืม!
๑. พาสปอร์ ต
๒. เงินติดตัว ๒๐๐๐๐ บาท
๓. เสื ้อกันหนาว
๔. ตัว๋ เครื่ องบิน ห้ ามหาย!
๕. ถุงนอน
๖. หนังสือโลนลี่แพลนเน็ต ฉบับโตเกียว
๗. ยา (โรคกระเพาะ แก้ ปวด ท้ องเสีย)
๘. รองเท้ าแตะ
๙. บัตรนักเรี ยน / บัตรยูธโฮสเทลส์
ตัวอย่างที่ ๑ การหาน้าดืม่
ตัวอย่างที่ ๒ การเอาตัวรอดจากถูกคนขับรถรุมล้อม
เมื่อครัง้ ที่นิว้ กลมออกเดินทางเที่ยวกัมพูชาเพียงคนเดียว เขาพยายามหาทาง
หลีกเลี่ยงการถูกบรรดาคนขับรถและนายหน้ าที่มารุ มล้ อมเพื่อชักชวนให้ ไปด้ วยให้ ได้ โดยการ
ปฏิ บัติ ต ามคํ า แนะนํ า ของเพื่ อ นว่ า ให้ เข้ าไปหาชาวต่ า งชาติ ที่ เ ป็ นนัก ท่ อ งเที่ ย วสะพายเป้
เช่นเดียวกันมาร่วมจ่ายค่าแท็กซี่ด้วย ดังนี ้
การที่ นิว้ กลมทํ าตามคํ าแนะนํ า ของเพื่ อนในครั ง้ นัน้ ทํ าให้ เขารอดจากการถูก
นายหน้ าและชายแปลกหน้ าที่ไม่น่าไว้ ใจหลอกลวง การนําประสบการณ์นี ้มาถ่ายทอดให้ ผ้ อู ่าน
ทราบย่อมมีประโยชน์ โดยเฉพาะกับผู้ที่อาจจะประสบเหตุการณ์เช่นเดียวกับนิ ้วกลม
๓๗
๓) สิ่งที่นักเดินทางควรคานึงถึง
สิ่ งที ่นกั เดิ นทางควรคานึงถึง นี ้ เป็ นส่วนที่ผ้ วู ิจยั หมายถึง สิ่งที่นิ ้วกลมเสนอต่อ
ผู้อ่านว่า เป็ นสิ่งที่นกั เดินทางท่องเที่ยวควรนํามาพิจารณาเพื่อนําไปปฏิบตั ิให้ การเดินทางครัง้
นันๆ
้ ราบรื่ นมากขึ ้น เนื่องจากเป็ นสิ่งที่นิ ้วกลมเห็นว่ามีประโยชน์ต่อตัวนักเดินทางโดยตรง เช่น
การที่นิ ้วกลมเสนอว่า ในระหว่างทีเ่ ราเดิ นทางไปไหนไกลๆ นัน้ เป็ นช่วงเวลาที ่เรามักจะมี ความคิ ด
ดี ๆ เกิ ดขึ้ น เราควรบันทึ กเก็ บ เอาไว้ หรื อการที ่นิ้ วกลมเสนอว่ า การท่ องเที ่ยวแต่ ละครั้ง ไม่
จาเป็ นต้องเร่ งรี บเพือ่ ให้ได้ไปหลายแห่ง แต่ควรเที ่ยวให้เต็มที ่กบั ทุกที ่ที่เราได้ ไป และการเสนอว่า
เราควรมี เพือ่ นร่ วมเดิ นทางเพือ่ ช่วยเหลือกันและกัน เป็ นต้ น ทังนี ้ ้ ผู้วิจยั พบว่า นิ้ วกลมมักจะเน้น
ว่าในบางครั้ง สิ่ งต่างๆที ่เราพบเจอระหว่างทางมี ความสาคัญกับเรามากกว่าจุดหมายปลายทาง
โดยเฉพาะบรรดาผูค้ นที น่ กั เดิ นทางได้พบเจอ
ทรรศนะเหล่านี ้มีหลายประการ ผู้วิจยั ขอยกตัวอย่างเพิ่มเติมดังนี ้
๓.๓.๑.๓ เกร็ดเสริม
เกร็ ดเสริ ม เป็ นส่วนที่ผ้ ูวิจัยใช้ เรี ยกข้ อมูลที่เป็ นเรื่ องจริ งจากประสบการณ์ การ
เดินทางท่องเที่ยวของนิ ้วกลม แต่มิได้ เกี่ยวข้ องกับการให้ รายละเอียดของสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง
ในหัวข้ อที่ ๒ แต่เป็ นเรื่ องเบ็ดเตล็ดปลีกย่อยต่างๆ ที่นิ ้วกลมกล่าวถึงไว้ ในสารคดีท่องเที่ยวและ
อาจมีประโยชน์กับผู้อ่าน ในที่นี ้ผู้วิจยั ขอยกตัวอย่าง ๒ เรื่ อง คือ เรื่ องการเลือกร้ านราเมนใน
ญี่ปนและเรื
ุ่ ่ องประเภทของโยคีที่เนปาล ดังนี ้คือ
๔๐
๓.๓.๒ ทรรศนะ
ทรรศนะของผู้เขียน นับเป็ นส่วนประกอบหนึ่งของการเขียนสารคดีท่องเที่ยวที่
ช่วยให้ สารคดีทอ่ งเที่ยวมีความน่าสนใจ สายทิพย์ นุกลู กิจ (๒๕๓๙ : ๒๗๔) กล่าวถึงทัศนคติของ
ผู้แต่งว่าเป็ นส่วนหนึง่ ของกลวิธีการเสนอเรื่ อง ทัศนคติที่เที่ยงธรรมของผู้แต่งเป็ นสิ่งที่ทําให้ หนังสือ
นันน่
้ าอ่าน ผู้แต่งที่ดีจึงมักจะเป็ นคนใจกว้ าง ช่างสังเกต สิ่งสําคัญคือการนําข้ อมูลที่ตนเองได้
รับมาวินิจฉัยให้ เป็ นธรรมด้ วย
ผู้วิจัยพบว่าในงานเขี ยนสารคดีท่องเที่ ยวของนิว้ กลม การเสนอทรรศนะของ
ผู้เ ขี ยนไม่ไ ด้ เ ป็ นเพี ยงส่ว นหนึ่ง ของกลวิธี ก ารเสนอเรื่ อ ง แต่ก ลับเป็ นส่ว นหนึ่ง ของเนื อ้ หาที่ มี
ความสํ าคัญ และมี ความโดดเด่นมากกว่าการเสนอข้ อมูลของสถานที่ ท่องเที่ ยว เพราะเขาไม่
เพียงแต่บรรยายให้ ผ้ อู ่านมองเห็นภาพสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ นสถานที่ที่ได้ เดินทางผ่าน เหตุการณ์
ต่างๆ ตลอดจนผู้คนที่ได้ พบระหว่างทางเท่านัน้ เขายังบรรยายถึงความคิดเห็นหรื อทรรศนะที่เขา
มีตอ่ ภาพเหล่านันด้ ้ วยว่าสิ่งเหล่านันบอกหรื
้ อสอนอะไรกับเขาบ้ าง ทรรศนะเหล่านี ้เองที่ได้ กลาย
มาเป็ นสิ่งที่ช่วยสร้ างความน่าสนใจให้ กบั งานเขียนสารคดีท่องเที่ยวของเขา นิ ้วกลมได้ กล่าวถึง
การนําเสนอเนื ้อหาที่เน้ นการเสนอทรรศนะนี ้ในการให้ สมั ภาษณ์กบั ผู้วิจยั ว่า
“เราเชื่อว่าการบอกความคิดจะทําให้ ความคิดของ
คนที่ฟังเกิดขึน้ เหมือนกัน ไม่จําเป็ นว่าต้ องคิดเหมือนกันแต่
๔๓
“ไม่แปลกที่ผมจะชอบการเดินทางผ่านตัวอักษรของ
นิ ้วกลมมาก
เพราะนอกจากไม่เหนื่อยกายแล้ วยังสนุก
ผมได้ มมุ มองใหม่ๆ ทุกครัง้ ที่เขาก้ าวเดิน
จาก ‘โตเกียว’ ไป ‘กัมพูชา’
และ ‘เนปาล’
งานเขียนของเขาให้ ความหมายและความรู้ สึกของ
‘การเดินทาง’ ไว้ อย่างเต็มเปี่ ยม”
ทรรศนะ
ทรรศนะเกี่ยวกับโลก ทรรศนะเกี่ยวกับชีวิต
๓.๓.๒.๑ ทรรศนะเกี่ยวกับโลก
ทรรศนะเกี่ยวกับโลก ในที่นี ้หมายถึงทรรศนะที่ผ้ เู ขียนมีตอ่ โลกกายภาพ นัน่ คือ
ลักษณะตามธรรมชาติของโลก เช่น ธรรมชาติของดิน บรรยากาศ พืชและสัตว์ รวมไปถึงสภาพ
บ้ านเรื อน สถานที่และสิ่งของต่างๆ ที่ผ้ ูเขี ยนพบเห็นระหว่างที่เดินทางผ่านไป เป็ นการมอง
ความสัมพันธ์ระหว่างชีวิตมนุษย์กบั โลกกายภาพนัน่ เอง ผู้วิจยั พบว่า ทรรศนะส่วนใหญ่กล่าวถึง
ความเกี่ ยวข้ องสัมพันธ์ กันระหว่างโลกกับชี วิตมนุษย์ นั่นคือ โลกมี ความสํ าคัญมากกว่าเป็ น
สถานที่ที่มนุษย์มาอาศัยอยู่ นักเดินทางเช่นนิ ้วกลมมองว่าโลกคือแหล่งเรี ยนรู้ สิ่งมีชีวิตต่างๆ ใน
โลกไม่วา่ จะเป็ นคนหรื อสัตว์ตา่ งก็มีคณุ ค่าในตัวเองและต่างต้ องพึ่งพาอาศัยกัน แต่มนุษย์นนกลั ั้ บ
เป็ นตัว การสํ า คัญ ที่ บั่น ทอนและทํ า ลายธรรมชาติที่ เ กื อ้ กูล พวกเขาอยู่ และนิ ว้ กลมยัง เห็ น ว่า
สิ่งมีชีวิตในวัยหนุ่มสาวนันเป็ ้ นเจ้ าของโลก เพราะวัยนี ้เป็ นวัยที่มีพลังในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ
อย่างไรก็ตามทรรศนะเหล่านี ้มีปริมาณน้ อยเมื่อเทียบกับทรรศนะเกี่ยวกับชีวิต
ทรรศนะเกี่ยวกับโลก แบ่งออกได้ เป็ น ๔ ประเภทย่อยคือ
๑) โลกคือแหล่งเรี ยนรู้
๒) โลกและสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในโลกล้ วนต้ องพึง่ พากัน
๓) โลกและสิ่งแวดล้ อมถูกทําลายลงด้ วยนํ ้ามือมนุษย์
๔) โลกเป็ นของหนุม่ สาว
ปลุกอารมณ์ความรู้สกึ ในแบบเดียวกับที่...
ใบไม้ สีนํ ้าตาลแห้ งที่ปลิดตัวเองจากกิ่งก้ านกระทํา
กับหัวใจของเรา มากกว่าใบไม้ สีเขียวเข้ มที่สมบูรณ์เต็มที่”
ผู้วิ จัย เห็ น ว่ า แม้ นิ ว้ กลมจะกล่ า วชื่ น ชมลัก ษณะนิ สัย ของชาวอัง กฤษ แต่
ทรรศนะนี ้ก็นํามาใช้ กับประเทศอื่นๆ ได้ เนื่องจากนิ ้วกลมเสนอให้ ผ้ อู ่านเห็นประโยชน์ของการ
อนุรักษ์ โบราณสถานและโบราณวัตถุไว้ น่าสนใจ ด้ วยการกล่าวว่าหากเราได้ อยู่ในเมืองที่มีการ
อนุรักษ์สิ่งของเก่าๆ และมีป้ายอธิบายเรื่ องราวต่างๆ ไว้ นนเป็ ั ้ นสิ่งที่ดี คล้ ายกับเราได้ ฟังเรื่ องราว
ต่างๆ จากผู้อาวุโส เราย่อมจะได้ รับความรู้ด้านประวัตศิ าสตร์ และบทเรี ยนทังดี ้ และไม่ดีจากท่าน
เมื่อได้ รับรู้ เรื่ องราวความเป็ นมาของตน เราจะเกิดความรักและความภาคภูมิใจในชาติของเรา
จึงเป็ นเรื่ องที่น่าเสียดายหากเราไม่เก็บรักษาสิ่ งเหล่านันเอาไว้ ้ นับเป็ นการมองเห็นโบราณสถาน
และโบราณวัตถุเป็ นแหล่งความรู้อนั มีคา่
นอกจากนิว้ กลมจะแสดงทรรศนะที่มีต่อโลกและสถานที่รวมไปถึงสิ่งของต่างๆ
บนโลกแล้ ว เขายังแสดงทรรศนะเกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนโลกใบนี ้ด้ วย นิ ้วกลมมองว่าทัง้
สองส่วนล้ วนต้ องอาศัยและพึง่ พากัน ดังมีรายละเอียดต่อไปนี ้
๕๕
“‚เก่งจังเลย‛
หลายคนชม ยิ ้ม และปรบมือให้ กบั เจ้ าหมูตวั หนึ่งที่
ค่อยๆเดินเอาปากไปคาบป้ายตัวเลขสี่มาให้ ครูฝึก แน่นอนว่า
มันบวกเลขไม่เป็ น และครูฝึกหน้ าโหดที่คอยลากคอมันให้ ไป
คาบเบอร์ สี่ ขึน้ มานัน้ ก็ คงมี เทคนิคพิเศษ ไม่ว่าจะด้ วยกลิ่น
อาหารหรื ออะไรก็ตามแต่ที่จะทําให้ มนั บวกเลขเป็ นในสายตา
ของคนดู ให้ คนรู้สกึ ว่ามันเก่ง
ผมว่าคนเรานี่บางทีก็แปลก วัดความเก่งกาจจาก
มาตรฐานของตนเอง
๕๖
สัตว์จะเก่งได้ ต้องทําอะไรเหมือนคน
ราวกับว่าเราเป็ นสิ่งมีชีวิตที่ประเสริ ฐที่สดุ หากสัตว์
ชนิดไหนเลียนแบบคนได้ เหมือนที่สุด นั่นแปลว่าสัตว์ตวั นัน้
ฉลาด ทังที้ ่จริงๆ แล้ วสัตว์แต่ละชนิดก็มีความสามารถต่างกัน
ไป เก่ง กัน ไปตามธรรมชาติที่ส ร้ างมาให้ มันมี ชี วิ ตรอดจาก
ภยันตรายทังหลายทั
้ งปวง
้
หมาหูดีกว่าคน ควายก็แรงเยอะกว่า แต่พอบอกว่า
หูดีเหมือนหมา ลํ่าอย่างกับควาย กลับกลายเป็ นคําด่าไป”
“ผมคิดว่านี่เป็ นเพียงภาคแรกของการเติบโตของประเทศ
จีนเท่านัน้ ยังมีอีกหลายก้ าวที่จีนจะก้ าวไปข้ างหน้ าอย่างฉับไว ซึ่ง
ผมก็ไม่แน่ใจว่าในเวลาเดียวกันจะเป็ นการก้ าวถอยหลังด้ วยหรื อไม่
ได้ แต่คิดในแง่ดีว่า ไม่เฉพาะจีน แต่ โลกทังโลกจะเริ้ ่ มสังเกตเห็น
ความแปรปรวนของบ้ านหลังใหญ่ของพวกเราที่ยิ่งนับวันก็ยิ่งจะ
รุนแรงและรวดเร็วมากขึ ้น แถมยังชัดเจนขึ ้นเรื่ อยๆ เหมือนว่าอีกไม่
นานเรื่ องราวต่า งๆในหนัง ฮอลลี ว้ ูดอย่างเหตุการณ์ นํา้ ท่วมโลก
หรื อทังโลกกลายเป็
้ นนํ ้าแข็ง จะกลายเป็ นเรื่ องจริง ไม่ต้องรอให้ ถึง
รุ่นลูกหลาน หากยังเป็ นเช่นนี ้ต่อไป พวกเราเองก็น่าจะทันได้ เห็น
วิกฤตการณ์นนั ้
ใช่ – ผมอยากจะหวังว่าเราจะแก้ ปัญหาเหล่านี ้ได้ หรื อ
อย่า งน้ อยที่ สุด ก็ ยื ด เวลาให้ ค วามวิ น าศและวันอวสานของโลก
เดินทางมาถึงช้ าลง แต่เมื่อหันไปมองต้ นไม้ ผอมๆ เตี ้ยๆ อายุยี่สิบ
ปี ที่เรี ยงรายอยู่สองข้ างทางแล้ วนึกถึงทะเลท่อนซุงที่เรานั่งรถไฟ
ผ่านมาก็ได้ แต่ถอนหายใจ
มองไปข้ างหน้ ามีแต่ความมืด”
๕๙
๔) โลกเป็ นของหนุ่มสาว
ครัง้ ที่ นิว้ กลมโดยสารรถไฟไปเที่ยวส่วนเหนือสุดของจี นนัน้ เป็ นช่วงวันตรุ ษจี น
เขาพบว่าผู้คนส่วนใหญ่บนรถไฟคือคนหนุ่มสาวที่เดินทางออกจากบ้ านเพื่อไปทํางานหรื อค้ นหา
ความฝั นของตนเองและกําลังเดินทางกลับ ภาพที่เขามองเห็นทําให้ เขาเกิดความคิดบางประการ
เขาจึงเสนอกับผู้อา่ นว่า
๓.๓.๒.๒ ทรรศนะเกี่ยวกับชีวิต
๑) มนุษย์ควรเข้ าใจชีวิต
๒) มนุษย์ควรใช้ ชีวิตอย่างมีความสุข
ทรรศนะเกี่ยวกับชีวิต มีรายละเอียดดังต่อไปนี ้
๖๒
ความเข้ าใจนันจึ
้ งเป็ นเสมือนเป็ นบันไดไปสู่ การยอมรับในความแตกต่าง และเรา
ก็จะมองเห็นว่าในความแตกต่างนันเราจะดํ
้ ารงชีวิตร่วมกับพวกเขาอย่างเป็ นสุขได้ อย่างไร ดังนัน้
มนุษย์จงึ ควรเข้ าใจชีวิต ทังชี
้ วิตตนเองและชีวิตบุคคลอื่น
ผู้วิจัยพบว่า การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ทําให้ นิว้ กลมพบว่าเราควรเข้ าใจ
ชีวิตในแง่มมุ ต่างๆ ดังต่อไปนี ้
๑.๑) มนุษย์ต้องมีความสัมพันธ์กบั ผู้อื่น
๑.๒) มนุษย์มีชีวิตไม่ยืนยาว
๑.๓) มนุษย์มีความฝั นและความหวัง
๑.๔) มนุษย์ต้องพบอุปสรรค
๑.๕) มนุษย์มีชีวิตอยูเ่ พื่อเรี ยนรู้สิ่งต่างๆ
ทรรศนะต่างๆ มีรายละเอียดดังต่อไปนี ้
บ้ างก็นงั่ กินข้ าวร่วมกันบนโต๊ ะไม้ ยาวของบ้ านหลังหนึง่ ในนัน้ ภาพเหล่านี ้ทําให้ นิ ้วกลมนึกถึงหน้ าที่
ที่แท้ จริงของรัว้ และเปรี ยบเทียบกับวิถีชีวิตของตน เขากล่าวว่า
นิ ้วกลมกล่าวว่าสังคมที่เขาอยูน่ นผู
ั ้ ้ คนมีวิถีชีวิตตรงกันข้ ามกับหมู่บ้านเหล่านี ้ทังใน
้
ด้ านรู ปธรรมคือการสร้ างรัว้ สูงใหญ่ และด้ านนามธรรมคือการสร้ างรัว้ ในใจปิ ดกัน้ ตนเองออกจาก
คนอื่ น ๆ เนื่ อ งจากต้ อ งการความเป็ นส่ ว นตัว ทัง้ ๆที่ เ ราควรทํ า ความรู้ จัก กับ เพื่ อ นบ้ า นและมี
ความสัม พันธ์ กับบุคคลอื่ นๆ ให้ มาก ดัง ที่ เขาตังคํ ้ าถามกับผู้อ่านในตอนท้ ายของทรรศนะนี ว้ ่า
๖๕
“แล้ วทําไมเราต้ องกัน้ รัว้ บ้ านให้ สูง หนา และใหญ่ขนาดนัน? ้ ถ้ าหน้ าที่ของมันมีไว้ แค่บอกอาณา
เขต” นัน่ เป็ นการเสนอกับผู้อา่ นว่าเราควรมีปฏิสมั พันธ์กบั ผู้คนรอบข้ าง
ตัวอย่างต่อมาผู้วิจยั นํามาจากหนังสือ นั่งรถไฟไปตู้เย็น หนังสือเล่มนี ้กล่าวถึง
ประสบการณ์การเดินทางของนิ ้วกลมและเพื่อนร่วมเดินทางหญิงชื่อซูซี่เพื่อไปเมืองเป่ ยจี๋ช้วน เมือง
ที่หนาวที่สดุ ของจีนโดยรถไฟ
ในระหว่างที่นั่งอยู่บนรถไฟ พวกเขาได้ สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันใน
เรื่ องต่างๆ รวมไปถึงเรื่ องของคนที่มีชีวิตอยู่แบบอิสระหรื อ “อินดี ้” หลังจากรับฟั งซูซี่ เพื่อนร่ วม
เดินทางของเขาเล่าถึงควินนี่เพื่อนหญิงของเธอที่ไปเที่ยวประเทศคิวบาหนึ่งเดือนเต็มว่าเพื่อนของ
เธอดูอินดี ้ คือดูแข็งแกร่งและน่าชื่นชมมากที่ทําเช่นนันได้
้ แต่นิ ้วกลมก็ไม่ได้ เห็นด้ วยกับความคิด
ของซูซี่เท่าใดนัก นิ ้วกลมแสดงความเห็นว่า
พยายามออกมาใช้ ชีวิตเพียงลํ าพัง แต่สุดท้ ายแล้ วมันก็ ทําให้ พ วกเขาจะรู้ สึกโดดเดี่ยว เพราะ
แท้ จริ งแล้ วมนุษย์ไม่ได้ อาศัยอยู่ในโลกใบนี ้เพียงคนเดียว เรามีบคุ คลต่างๆ รอบข้ างที่เรามีความ
เกี่ยวข้ องและต้ องพึง่ พาอาศัยกันและกัน
“รถไฟด่วนจากสถานีชิงยี่กําลังวิ่งไปยังสนามบิน เรานัง่
ในตําแหน่งที่หนั ไปคนละทางกับทิศที่รถวิ่ง ทําให้ วิวทิวทัศน์และ
ทุกสิ่งทุกอย่างสองข้ างทางวิ่งย้ อนกลับหลัง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราเคยเคลื่อนตัวเข้ าหา ขณะนี ้มันกลับ
วิ่งถอยหลังห่างจากตัวเรามากขึ ้นเรื่ อยๆ
ฮ่องกงกําลังถอยห่างออกไป
หรื ออันที่จริ งฮ่องกงอยู่กับที่ เราต่างหากที่เคลื่อนที่เข้ า
หาและเคลื่อนออกไปจากมัน
กลับไปยังตําแหน่งเดิมที่เป็ นจุดเริ่มต้ น
ความรู้สกึ เท่านันที
้ ่ตา่ งไป ความรู้สึก ... จากที่เคยมองดู
อยู่ไกลๆ จนกระทัง่ ได้ มาทําความรู้ จกั กันใกล้ ๆ และต้ องห่างจาก
กันอีกครัง้
ถนนเส้ นเดิม , ภูเขาลูกเดิม , ต้ นไม้ ต้นเดิม , บิลบอร์ ด
ป้ายเดิม จากที่เคยตื่นเต้ น ความรู้สกึ เปลี่ยนเป็ นอาวรณ์
ถนน, ภูเขา, ต้ นไม้ , บิลบอร์ ด อยู่ของมันดังเดิม เรา
ต่างหากที่เพิ่มเติมความรู้สกึ ให้ พวกมัน
Mark Rothko อาจพูดถูก
‚ทุกอย่างที่แล่นผ่านเข้ ามาในชีวิตประกอบสร้ างขึ ้นเป็ น
ตัวเรา‛
๖๗
ภาพการรอดชีวิตของสิ่งมีชีวิตบางชนิดหลังจากผ่านเหตุการณ์อุกกาบาตชนโลก
อันเลวร้ ายมาได้ นีเ้ ป็ นภาพที่นิว้ กลมนํามาเชื่อมโยงเข้ ากับการดําเนินชีวิตมนุษย์ได้ เป็ นอย่างดี
ทรรศนะนี ้ของนิ ้วกลมทําให้ ผ้ อู ่านได้ เข้ าใจว่าในชีวิตของเราอาจจะต้ องพบกับปั ญหาเลวร้ ายที่เรา
๗๓
ทรรศนะที่ ก ล่า วถึ ง อุป สรรคในชี วิ ต มนุษ ย์ อี ก ตัว อย่า งหนึ่ง นี ผ้ ้ ูวิ จัย นํ า มาจาก
หนังสือโตเกียวไม่ มีขา ครัง้ ที่นิ ้วกลมและเพื่อนเที่ยวโตเกียว พวกเขาได้ มีโอกาสไปชมคอนเสิร์ต
กลางแจ้ งที่ฮิบิยะโคเอ็ง ขณะที่ทกุ คนสนุกสนานกันอยู่กลับมีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่กลับไม่มี
ใครวิ่งหลบฝน หรื อล้ มเลิกงานไป นิ ้วกลมเกิดความประทับใจกับเหตุการณ์ดงั กล่าวและเสนอกับ
ผู้อา่ นว่า
“ผมนึกดีใจที่พวกเราไม่ลุกหนีไปตอนที่ฝนลงเม็ด คนดู
รอบๆ ตัวที่ปักหลักดูต่อไม่ไปไหน บอกกับเราว่าฝนไม่ได้ น่ากลัว
อะไร เป็ นแค่นํ า้ ที่ ห ล่ น มาจากฟ้ า ผมชื่ นชมคนจัด งานและนัก
ดนตรี ทกุ คนที่ไม่ล้มเลิกง่ายๆ แต่ยืนหยัดอยูจ่ นจบ
ในหนึ่งชีวิต เมฆสีเทาเคลื่อนผ่านเข้ ามาโดยที่เราไม่เคย
รู้ ตวั บางครัง้ ในภาวะที่เราสุขสุดขีด ฝนลงเม็ดทังหนั
้ กบ้ าง เบา
บ้ าง แต่สุดท้ ายฟ้าจะสว่าง ฝนจะผ่านไป ณ ชัว่ ยามนันเอง ้ เรา
จะได้ ชื่นใจกับผลลัพธ์ของการหยัดยืน
แม้ ผมจะฟั งเนื ้อเพลงทังหมดไม่
้ ออกเลยสักคํา แต่ทกุ คน
ในงาน Music Day 2004 ที่ฮิบิยะโคเอ็ง วันนี ้สื่อสารบาง
ข้ อความกับผมกลางสายฝนและผมคิดว่าผมแปลความหมายไม่
คลาดเคลื่อน
‚ในช่วงเวลาทีฟ่ ้ าเป็ นสีเทา เราไม่ควรยอมแพ้‛”
ต่อไปผู้วิจยั จะกล่าวถึงรายละเอียดของทรรศนะแต่ละหัวข้ อ
๒.๑) ความสุขเกิดจากการยอมรับความแตกต่ าง
การยอมรับความแตกต่าง เป็ นทรรศนะที่นิ ้วกลมกล่าวถึงเป็ นปริ มาณมากที่สุด
เมื่อเทียบกับทรรศนะหัวข้ ออื่นในหมวดนี ้ ผู้วิจยั เห็นว่าที่เป็ นเช่นนี ้น่ าจะเกิดจากการเดินทางทําให้
นิ ้วกลมได้ เข้ าไปอยูใ่ นสิ่งแวดล้ อมใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม หลายครัง้ เขาพบกับพฤติกรรมของคน
บางกลุ่มที่ขดั แย้ งกับความคิดและความรู้ สึกของเขา แต่นิ ้วกลมกลับคิดว่านัน่ คือมุมมองและวิถี
ชีวิตที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ในฐานะนักเดินทางไม่มี สิทธิไปตัดสินว่าสิ่งใดถูกหรื อผิด แต่
ควรจะยอมรับในความแตกต่างนัน้
๗๙
“ภาพวาดทังสามไม่
้ เหมาะกับคําว่า ‘สวย’ ก็จริงอยู่
แต่สําหรับผม, มันควรได้ คําชมว่า ‘งาม’ เป็ นอย่าง
ยิ่ง
อะไรที่ให้ กนั ด้ วยใจบริสทุ ธิ์นนงดงามตามธรรมชาติ
ั้ ”
สุนขั จิ ้งจอกอาจลืมบอกอะไรไปอีกอย่าง
‚แก่ นสาระสาคัญใดใด ฟั งด้วยหู เอื ้อนเอ่ยด้วยคาพูด
ก็ไม่ได้ยินหรอก‛
ต่อเด็กชายนันนอกจากจะมองด้
้ วยตาเปล่าไม่เห็นแล้ วยังไม่สามารถฟั งและถ่ายทอดออกมาเป็ น
คําพูดได้ ด้วยเพราะเด็กชายผู้นนเป็
ั ้ นใบ้ ดังนัน้ การที่นิ ้วกลมจึงบอกกับผู้อ่านว่าเขา “พบดอกไม้
ดอกหนึ่ง” จึงเป็ นการบอกโดยนัยว่าเขาได้ พบกับมิตรภาพอันงดงามจากภาพวาดที่ต้องใช้ หวั ใจ
สัมผัสความงามนัน้
บนโลกใบเดียวกัน”
“วิธีคิดของคนกลับไปมาตามสถานการณ์ที่เรากําลัง
เผชิญ เมื่อมีปัญหาแล้ วได้ มองว่าปั ญหานันเล็
้ กจิ๋วเมื่อเทียบใน
สเกลโลก
มันก็ทําให้ เราสบายใจขึ ้น แต่การคิดแบบนี ้บางทีก็ทําให้ ร้ ูสึกว่า
ตัวเองตัวเล็กและไร้ ความสําคัญกระทัง่ ไม่เห็นจําเป็ นต้ องหายใจ
อีกต่อไป
จริ ง ๆ แล้ ว เราคงตัวโตและตัวเล็ก สลับไปมาตาม
เวลาและสถานการณ์
๘๘
“พวกเราถูกแซง
ฝรั่งหลายกลุ่มที่ออกเดินหลังเราแซงหน้ าเราขึ ้นสู่ปนุ
ฮิลล์ ขณะนัง่ พัก ผมเหลือบไปเห็นคูร่ ักชายแก่กบั หญิงชราที่
ประคับประคองกันสองคนเพื่ อที่ขึน้ ไปยลโฉมกํ าแพงโลกที่
กํ าลัง จะถูกฉาบทาด้ ว ยสี แห่ง แสงอาทิตย์ หญิ ง ชรานั่ง พัก
หอบหายใจตัวโยน ชายแก่คนนันไม่ ้ เร่ ง ไม่ยืนรอ ไม่สนใจ
พระอาทิ ตย์ เขาวางมื อลงบนไหล่ข องคู่รัก ของเขา นั่ง ลง
ข้ างๆ แล้ วส่งยิ ้มให้
จะมี ประโยชน์อะไร หากเราได้ขึ้นไปถึงจุดหมาย แต่
ไม่มีใครให้โอบกอด”
ณ ตอนนี ้
คุณมี ‘คนระหว่างทาง’ กี่คน?”
๒.๕) ความสุขเกิดจากความพอใจในสิ่งที่ตนมี
นิ ้วกลมเสนอว่าความพอใจในสิ่ งที่ตนมีเป็ นอีกสิ่งหนึ่งที่ทําให้ มนุษย์มีความสุข
ทังนี
้ ้นิว้ กลมไม่ได้ หมายความถึงความพอใจในอาชีพหรื อวิถีชีวิตของตนเท่านัน้ แต่เขายังหมาย
รวมถึง ความพอใจในด้ านความคิดของตนอีกด้ วย ตัวอย่างแรกนี ้เป็ นทรรศนะที่นิ ้วกลมเสนอว่า
ความสุขของชีวิตไม่ได้ เกิดจากการมีฐานะรํ่ ารวย แต่เกิดจากความพอเพียง ดังในตัวอย่างจาก
หนังสือกัมพูชาพริบตาเดียว
ครัง้ ที่นิ ้วกลมเที่ยวกัมพูชา เขาได้ เดินทางไปที่โตนเลสาบ และได้ เห็นภาพชีวิตอัน
เรี ยบง่ายและสมถะของผู้คนริมโตนเลสาบ ภาพดังกล่าวทําให้ เขาเกิดความคิดว่า หรื อแท้ จริ งแล้ ว
ความสุขของคนเราอยู่ที่การมีชี วิตอย่างพอเพียงเช่นชีวิตของชาวบ้ านแถบนี ้ เขาจึง ถ่ายทอด
ความคิดนี ้ต่อผู้อา่ นโดยการสมมติวา่ ตนเองเข้ าไปอยูใ่ นเหตุการณ์ที่ปรากฏในอีเมล์สง่ ต่อว่า
๙๕
“‚หากชีวิตฉันอยู่ทะเล ตัวฉันนันก็
้ คงเบิกบานและ
คงแจ่มใส
...หากทรัพย์สินที่มีคือเวลา ตัวฉันนันก็
้ คงจะเป็ น...
เศรษฐี ผ้ มู งั่ มี...‛
๒.๖) ความสุขเกิดจากการมีความหวังและศรัทธา
นิ ้วกลมได้ เสนอทรรศนะไว้ ในหนังสือ เนปาลประมาณสะดือตอนหนึ่งที่ชี ้ให้ เห็น
ว่าหากชี วิตมนุษย์มี ความหวัง และศรั ทธาต่อสิ่ง ใดสิ่ง หนึ่ง จะทํ าให้ เขาเกิ ดความเชื่ อมั่นและมี
ความสุข
ทรรศนะนีม้ าจากประสบการณ์ ที่นิว้ กลมกับเพื่อนพยายามบังคับให้ ตนเองตื่น
ขึ ้นมาดูพระอาทิตย์ขึ ้นที่เขาปุนฮิลล์ ประเทศเนปาล ประสบการณ์ในเช้ าวันนันบอกกั้ บนิ ้วกลมว่า
การกระทําดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็ นการทําเพื่อชมความงามของธรรมชาติ เท่านัน้ แต่หากมองให้
ลึกซึ ้งแล้ วนัน่ อาจเป็ นการที่มนุษย์เข้ าใจว่าชีวิตของพวกเขาเต็มไปด้ วยความไม่แน่นอน มนุษย์จึง
พยายามมองหาความมัน่ ใจและมัน่ คงให้ กับชีวิต เพราะมนุษย์ต่างก็ร้ ู ว่า ไม่ว่าในวันนันจะเกิ้ ด
อะไรขึ ้นกับชีวิตก็ตาม พวกเขาจะไม่ย่อท้ อเพราะพวกเขาจะรู้ ว่าทุกเช้ าวันใหม่จะมีพระอาทิตย์ขึ ้น
ให้ เห็นเสมอ ดังที่นิ ้วกลมกล่าวไว้ วา่
๙๘
๒.๘) ความสุขอยู่รอบตัวเรา
ทรรศนะในหัวข้ อสุดท้ ายนี ้เป็ นการเสนอมุมมองเกี่ยวกับสุขที่น่าสนใจ เพราะเป็ น
การมองว่าแท้ จริ งแล้ วความสุขที่มนุษย์ใฝ่ หานันไม่ ้ ได้ อยู่ไกลตัว แต่อยู่รอบตัวเราโดยที่เราอาจไม่
เคยสังเกตเห็นมาก่อน เช่น ความสุขที่เกิดจากการฟั นฝ่ าอุปสรรคนัน้ อาจไม่สําคัญเท่ากับการได้
อยู่ใกล้ ๆ คนที่ เ รารั ก ความสุขจากการเห็นความสวยงามของสถานที่ ท่องเที่ยว อาจไม่สํ าคัญ
เท่ากับเห็นความสวยงามของดอกไม้ ที่อยู่ริมทางเดิน ความสุขที่แท้ จริ งจึงเรี ยบง่ายอย่างยิ่ง ผู้วิจยั
ขอยกตัวอย่างทรรศนะที่ชี ้ให้ เห็นว่าความสุขอยูร่ อบตัวมนุษย์ ดังนี ้
ตัวอย่างแรกนํามาจากเรื่ องเนปาลประมาณสะดือ เป็ นการสรุ ปข้ อคิดที่ได้ รับ
หลังจากที่เขาและเพื่อนพิชิตยอดเขาปุนฮิลล์ได้ นิ ้วกลมกล่าวต่อผู้อา่ นว่า
“....เมื่อนันก็
้ นึกขึ ้นมาได้ ว่า ลอนดอนเองก็คล้ ายดอกไม้
สถานที่และความงามอันหลากหลายในโลกก็เช่นกัน
หากเอาแต่เดินจํา้ ๆ ไปข้ างหน้ า ไม่มี เวลาหยุดชื่นชม
ต่อให้ ดอกไม้ หอมแค่ไหนก็คงไม่ได้ กลิ่น
ภาษิตจีนกล่าวไว้ ว่า ‚ถ้ามี เงิ นสองตาลึง ให้ซื้อข้าวหนึ่ง
ตาลึง อีกหนึ่งตาลึงซื ้อดอกไม้‛
ความอิ่มทําให้ มีพลัง ความงามทําให้ อยากมีชีวิต
หากมี เ วลาสองหมื่ นวัน เราจะจัดสรรให้ ดอกไม้ สักแค่
ไหนและจะทํางานสะสมเงินแค่ไหนดี
ธนบัตร – ต่อให้ นํามาพับเป็ นรูปดอกไม้ ก็ไร้ กลิ่นหอม
๑๐๔
๓.๔ สรุป
เนื ้อหาในสารคดีท่องเที่ยวเป็ นส่วนสําคัญที่ ผ้ เู ขียนใช้ เสนอข้ อมูลความรู้ บอก
เล่าอารมณ์ ความรู้ สึกและทรรศนะที่เขามีต่อสิ่งต่างๆ ที่ได้ พบเห็นระหว่างเดินทาง ในสารคดี
ท่องเที่ยวของนิ ้วกลม เขาได้ เสนอข้ อมูลของสารคดีท่องเที่ยวที่เน้ นทรรศนะของผู้เขียน มากกว่า
๑๐๕
กลวิธีทางภาษาเพื่อแสดงทรรศนะ
๔.๑ ประเภทของกลวิธีทางภาษาเพื่อแสดงทรรศนะ
ผู้วิจยั พบว่า นิ ้วกลมใช้ กลวิธีในการเขียนแสดงทรรศนะหลากหลายและน่าสนใจ
เพราะนอกจากนิ ้วกลมจะเสนอทรรศนะผ่านทางเนื ้อหาในแต่ละตอนแล้ ว เขายังได้ เสนอทรรศนะ
ผ่านทาง ชื่อหนังสือและชื่อตอนบางตอน อีกด้ วย
กลวิธีการแสดงทรรศนะในสารคดีทอ่ งเที่ยวของนิ ้วกลม ได้ แก่
๔.๑.๑ การเน้ น (emphasis)
๔.๑.๒ การเล่นคํา
๔.๑.๓ การละเมิดการเกิดคูก่ นั
๔.๑.๔ การใช้ ความเปรี ยบ
๔.๑.๕ การใช้ คําถามเชิงวาทศิลป์
๔.๑.๖ การสรุปด้ วยคําคม
๔.๑.๗ การกล่าวอ้ างข้ อความ (quotation
๔.๑.๘ การใช้ บทสนทนา (dialogue)
ทังนี
้ ้ ผู้วิจยั พบว่า กลวิธีเด่นหรื อกลวิธีที่ผ้ เู ขียนใช้ เป็ นจํานวนมากและหลากหลาย
ในการเสนอทรรศนะคือกลวิธีการใช้ ความเปรี ยบ ดังมีรายละเอียดต่อไปนี ้
รายละเอียดของแต่ละกลวิธีเป็ นดังนี ้
ตัวอย่างที่ ๑
ผู้วิจัยขอยกตัว อย่างทรรศนะเกี่ยวกับชีวิตเรื่ องความสุขเกิ ดจากการเห็นคุณค่า
ของตนเองอีกประการหนึ่งจากเรื่ องโตเกียวไม่ มีขาเพื่อแสดงให้ เห็นว่าการเน้ นซํ ้าคําเป็ นกลวิธีที่
ช่วยเน้ นให้ ผ้ อู า่ นเห็นว่าผู้เขียนต้ องการเน้ นยํ ้าในเรื่ องใด ในตัวอย่างนี ้นิ ้วกลมต้ องการให้ ผ้ อู ่านเห็น
คุณค่าของตนเองว่าการกระทําในปั จจุบนั ของตนเป็ นสิ่งที่มีค่าและมีความสําคัญต่ออนาคต ซึ่ง
๑๑๐
“บางการกระทําที่เราไม่คิดว่ามันสําคัญในช่วงเวลานัน้
มัน อาจมี ค วามสํ า คั ญ มากๆในอนาคต อนาคตที่ เ ราไม่ เ คยรู้
ล่วงหน้ า อนาคตที่เราไม่เคยควบคุมมันได้ อนาคตที่ไม่ได้ อยู่ในอุ้ง
มือของเรา
อนาคต ที่เหมือนว่าอยูใ่ นอุ้งมือของใครบางคน
บนนัน”
้
ตัว อย่ า งข้ า งต้ น นี ้ นิ ว้ กลมต้อ งการให้ ผู้ อ่ า นเห็ น คุณ ค่ า ของตนเองด้ว ยการ
ตระหนักถึงความสํ าคัญของสิ่ งที ่ตนกระทํ าในปั จจุบนั เขาได้ใช้การกล่าวเน้นยํ้ าว่าการกระทํ า
ของเรามี ผลต่ออนาคตซึ่งเป็ นสิ่งที่ไม่แน่นอนและเราไม่อาจควบคุมมันได้ เขาจึงใช้ วิธีการกล่าว
ซํ า้ คํา อนาคต ด้ วยการนํ า คํ าว่า อนาคต มาวางไว้ ที่ต้ นข้ อ ความแต่ล ะข้ อ ความที่ กล่าวถึ ง
ลักษณะต่างๆ ของอนาคตในทรรศนะของนิ ้วกลม ได้ แก่ “อนาคตที่เราไม่เคยรู้ล่วงหน้ า อนาคต
ที่เราไม่เคยควบคุมมันได้ อนาคตที่ไม่ได้ อยูใ่ นอุ้งมือของเรา” และ “อนาคต ที่เหมือนว่าอยู่ในอุ้ง
มือของใครบางคน บนนัน” ้ การกล่าวคําว่าอนาคตซํ ้าๆ เช่นนี ้จึงทําให้ ผ้ อู ่านเข้ าใจว่าผู้เขียน
ต้ องการเน้ นให้ ผ้ อู า่ นเห็นว่าอนาคตเป็ นสิ่งสําคัญมากเพียงใด และคําว่า อนาคตที่อยู่ต้นข้ อความ
ย่อยๆ แต่ละข้ อความนันยั ้ งได้ ขยายคุณลักษณะของอนาคตให้ ผ้ อู า่ นเข้ าใจชัดเจนขึ ้น การเน้ นซํ ้า
คําในที่นี ้จึงไม่เพียงแต่แสดงให้ เห็นว่าผู้เขียนต้ องการเน้ นยํ ้าเรื่ องใด แต่ยงั ช่วยอธิบายลักษณะ
ของคําสํ าคัญ ที่ผ้ ูเ ขียนต้ องการเน้ น ซึ่งในที่นีค้ ือการอธิ บายว่าคํา “อนาคต” มี ความสํ าคัญ
อย่างไรขยายความคิดของผู้เขียนอีกด้ วย ตัวอย่างต่อไปก็เป็ นตัวอย่างการเน้ นซํ ้าคําอีกประการ
หนึ่งที่ทําให้ ผ้ อู ่านเข้ าใจว่าผู้เขียนต้ องการเน้ นยํ ้าและต้ องการขยายรายละเอียดของความคิดที่
ปรากฏในทรรศนะนันๆ ้
๑๑๑
ตัวอย่างที่ ๒
ตัวอย่างนี ้กล่าวถึงทรรศนะเกี่ยวกับโลกว่าการเดิ นทางทําให้เห็นความเป็ นอนิ จจัง
ของสิ่ งต่างๆ ผู้วิจยั นํามาจากหนังสือ กัมพูชาพริ บตาเดียว ในตอนที่นิ ้วกลมกําลังจะเดินกลับ
จากการชมนครวัด เขารู้ สึกอาลัยอาวรณ์และเสียดายเมื่อพบเห็นความผุพังของปราสาทหินอัน
ยิ่งใหญ่ในอดีต สิ่งที่เขาเสียดายมิใช่เพียงความสวยงาม แต่เขายังเสียดายเวลาแห่งความสุขที่
ไพร่ พลผู้สร้ างปราสาทต้ องเสียไป แทนที่พวกเขาเหล่านันจะเอาเวลาในชี
้ วิตมาดูแลคนรอบข้ าง
และใช้ ชีวิตอย่างมีความสุข
ในตัวอย่างนี ้นิ ้วกลมจึงใช้ การกล่าวซํ ้าคําว่า เสียดาย เพื่อจะให้ ผ้ อู ่านเข้ าใจว่าเขา
เน้ นความรู้ สึกเสียดายที่ตนมีต่อความสึกกร่ อนของปราสาทหิน และเสียดายเวลาที่ชาวกัมพูชา
เสียไปกับการถูกเกณฑ์มาสร้ างปราสาทแห่งนี ้ ทําให้ การเสนอทรรศนะที่มีตอ่ ความเป็ นอนิจจังของ
สรรพสิ่งต่างๆ ชัดเจนมากขึ ้น นิ ้วกลมเสนอว่า
คําว่า เสี ยดาย ที่นิ ้วกลมกล่าวซํ ้าๆ ในทรรศนะข้ างต้ นนี ้เน้ นยํ ้าให้ ผ้ อู ่านเห็นว่า
นิ ้วกลมมีความรู้ สึกเสียดายต่อภาพปราสาทหินตรงหน้ ามากเพียงใด อีกทัง้ การกล่าวซํ ้าคํา
เสี ยดาย ตามด้ วยประโยคที่ ม าขยายความ เช่น “เสี ยดายลวดลายบนแผ่นหิน ” “เสี ยดาย
พละกํ าลัง หยดเหงื่ อ หยาดนํ า้ ตา และเลื อดเนื อ้ ของไพร่ พ ลนับ แสน” เช่นนี ย้ ัง ช่วยขยาย
รายละเอียดให้ ผ้ ูอ่านเข้ าใจชัดเจนขึ ้นด้ วยว่าทรรศนะนีข้ องนิว้ กลมนันเขาเสี้ ยดายในด้ านต่างๆ
ไม่วา่ จะเป็ น เสียดายความงดงามของปราสาทหินที่นบั วันมีแต่จะกลายเป็ นซากปรักหักพัง และ
เสียดายเวลาที่ชาวกัมพูชาเหล่านันเสี ้ ยไปกับการสร้ างปราสาทหินโดยหวังว่าจะให้ คงอยู่ตลอดไป
แทนที่จะนําเวลาอันน้ อยนิดที่ชีวิตมีมาใช้ ดําเนินชีวิตอย่างมีความสุข
ดังนัน้ กลวิธีการกล่าวซํ ้าคําที่นิ ้วกลมใช้ จึงเป็ นการช่วยเน้ นยํ ้าความคิดและช่วย
ขยายความคิดของผู้เขียนให้ ผ้ อู ่านเข้ าใจความคิดเห็นของเขาได้ ชดั เจนขึ ้นว่ามีความเสียดายใน
เรื่ องความผุพงั ของสิ่งก่อสร้ างอันยิ่งใหญ่ รวมถึงเวลาที่คนในสมัยนันสู ้ ญเสียไปกับสิ่งก่อสร้ างที่
ไม่อาจคงอยูไ่ ด้ ตลอดไป
ตัวอย่างที่ ๑ ลึก+ซึ ้ง
๑๑๓
ตัวอย่างที่ ๒ พระ+เจ้ า
ผู้วิจัยนําตัวอย่างนี ้มาจากเรื่ องเนปาลประมาณสะดือ ในตอนที่นิ ้วกลมได้ ไป
เที่ยวที่สถูปโบดะนาถ ประเทศเนปาล เขาพบว่าชาวเนปาลยังคงมีความเคารพศรัทธาในศาสนาที่
พวกเขานับถืออย่างมัน่ คง ไม่วา่ จะเป็ นฝ่ ายที่นบั ถือพุทธหรื อฮินดู ภาพที่เขาเห็นบอกกับนิ ้วกลมว่า
ความสุขในชี วิตประการหนึ่งเกิ ดจากการมี ความหวังและศรัทธาในสิ่งที่ดีงาม นัน่ คือศรัท ธาใน
พระ+เจ้ า นัน่ เอง เขาจึงกล่าวเน้ นถึงความคิดนี ้ด้ วยการใช้ เครื่ องหมายบวก (+) คัน่ คําประสม
พระเจ้า เป็ น “พระ+ เจ้ า” ในตัวอย่างต่อไปนี ้
๑๑๖
ในตัวอย่างข้ างต้ นนี ้ นิ ้วกลมต้ องการเน้ นยํ ้าให้ ผ้ อู ่านเข้ าใจว่า เขาคิดว่าสิ่งที่ชาว
เนปาลเคารพไม่ได้ หมายความเพียง ผู้ ที่เป็ นพระเจ้า แต่หมายความรวมถึงทัง้ พระ ที่หมายถึง
นักบวชในศาสนา และเจ้ า อันหมายถึงเทพองค์ต่างๆ ที่พวกเขาให้ ความเคารพด้ วย จะเห็นว่า
การใช้ เครื่ องหมาย + คัน่ ระหว่างคํานันช่ ้ วยเน้ นยํ ้าความคิดของนิ ้วกลมให้ ชดั เจนและหนักแน่น
ขึ ้น
เพื่อให้ เข้ าใจชัดเจนมากขึ ้น ผู้วิจยั จะขอกล่าวถึงความหมายของคําซ้ อน พระเจ้า
เปรี ย บเที ย บกั บ ความหมายของคํ า ว่ า พระ และ เจ้ า อ้ างอิ ง จากพจนานุ ก รมฉบั บ
ราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ (ส่วนที่ขีดเส้ นใต้ คือส่วนที่ผ้ วู ิจยั เน้ นให้ เห็นว่าเป็ นความหมาย
ส่วนที่ผ้ วู ิจยั ใช้ วิเคราะห์) ดังนี ้
“ภาพวาดทังสามไม่
้ เหมาะกับคําว่า ‘สวย’ ก็จริงอยู่
แต่สําหรับผม, มันควรได้ คําชมว่า ‘งาม’ เป็ นอย่างยิ่ง
อะไรที่ให้ กนั ด้ วยใจบริสทุ ธิ์นนงดงามตามธรรมชาติ
ั้ ”
เที ่ยว และคําว่า เดิ นทาง ในการเสนอทรรศนะเกี ่ยวกับโลกว่าโลกคื อแหล่งเรี ยนรู้ การเดินทาง
ท่องโลกให้ ประสบการณ์ที่นกั เดินทางสามารถนําพัฒนาความคิดของตนได้ นิ ้วกลมกล่าวว่า
ผู้วิจยั มีข้อสังเกตว่า แม้ นิ ้วกลมจะเสนอว่าทังคํ ้ าว่า เที ่ยว และ เดิ นทาง ต่างมี
ประโยชน์ตอ่ นักเดินทาง แต่จดุ นี ้อาจเป็ นส่วนหนึ่งที่ทําให้ ผ้ อู ่านมองเห็นจุดยืนทางความคิดของนิ ้ว
กลมเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างคําสองคํานี ้ และจะเข้ าใจมากขึ ้นว่า เหตุใดนิ ้วกลมจึงมักจะใช้
คําว่า การเดิ นทาง ในงานเขียนของเขา นัน่ คือ นิ ้วกลมมองว่าการเดินทางเป็ นคําที่สื่อให้ เห็นว่า
ในระหว่างที่เ ราเดินทางจะมีการเคลื่อนที่ของความคิดไปพร้ อมๆ กับร่ างกาย เป็ นการพัฒนา
ความคิดไปพร้ อมๆ กับการเดินทาง ซึ่งสอดคล้ องกับทรรศนะของนิ ้วกลมเรื่ องประโยชน์ของการ
เดินทางในตอนท้ ายที่ว่า การเดิ นทางจึ งมักทํ าให้คนเติ บโต ส่วนการไปเที ่ยวนัน้ ทํ าให้เราเยาว์วยั
และไม่วา่ จะเป็ นการเทีย่ ว หรื อเดิ นทาง ต่างก็มีประโยชน์กบั ชีวิตของเราทังสองประการ
้
๑๒๐
ตัวอย่างที่ ๑
ตัวอย่างนี ้ผู้วิจยั นํามาจากเรื่ องนั่งรถไฟไปตู้เย็น ในตอนนี ้นิ ้วกลมต้ องการเสนอ
ทรรศนะเกี่ยวกับโลกเรื่ องโลกและสิ่ งแวดล้อมถูกทําลายลงด้วยมื อมนุษย์ หลังจากที่เขาเห็นภาพ
ท่อนซุงขนาดใหญ่จํานวนมากถูกโค่นลงเพื่อรอนําไปขายขณะนัง่ มองจากริ มหน้ าต่างรถไฟ นิว้
กลมเสนอกับผู้อา่ นว่า
ตัวอย่างที่ ๒
ตัว อย่ า งนี น้ ํ า มาจากตอนหนึ่ ง ของเรื่ อ งเนปาลประมาณสะดื อ ทรรศนะนี ้
กล่าวถึงทรรศนะเกี่ยวกับชีวิตเรื่ องมนุษย์ มีความฝั นและความหวัง นิ ้วกลมได้ ใช้ ดชั นีปริ จเฉทใช่
เพื่อเน้ นยํ ้าให้ ผ้ อู า่ นเห็นว่าความฝั นและความหวังเป็ นสิ่งสําคัญในชีวิต นิ ้วกลมกล่าวว่า
ตัวอย่างที่ ๓
ตัว อย่า งนี น้ ํ า มาจากตอนหนึ่ง ในเรื่ อ งกั ม พู ช าพริ บ ตาเดี ย ว เสนอทรรศนะ
เกี่ยวกับชีวิตว่าความสุขประการหนึ่งเกิดจากการเอื ้อเฟื อ้ แบ่งปั นกันดังที่ผ้ วู ิจยั ได้ กล่าวไปแล้ วใน
หัวข้ อที่ ๒.๒) ความสุขเกิ ดจากการเอื ้อเฟื ้ อแบ่ งปั น เนื ้อหาในตอนนี ้เกี่ยวกับการที่นิ ้วกลมได้
แลกเปลี่ยนภาพวาดกับเด็กชายที่เป็ นใบ้ ที่เขาได้ พบโดยบังเอิญระหว่างที่เที่ยวปราสาทอีสต์ เม
บอน นิ ้วกลมกล่าวว่า
ผมกล่าวขอบคุณสําหรับภาพวาดอีกสองภาพที่เขาวาด
ให้ ในสมุดบันทึก ใช่! ผมกล่าวขอบคุณและผมคิดว่าเขาได้ ยิน
ดังนัน้ คําว่าเวสป้ า ในที่นี ้แท้ จริ งแล้ วจึงเป็ นการรวมกันระหว่างคําว่า เวส ที่มา
จากคํ า ว่า west ภาษาอัง กฤษที่ หมายถึ ง ทิศ ตะวัน ตก กับ คํา ว่า ป้ า ดัง นัน้ เวสป้ า ในที่ นี จ้ ึง
หมายถึง ป้ าที ม่ าจากทิ ศตะวันตก นัน่ เอง ไม่ได้ มีความเกี่ยวข้ องกับยานพาหนะแต่อย่างใด
สิ่งที่นา่ สนใจจากการเล่นคําในตัวอย่างนี ้อีกประการหนึ่งคือข้ อความที่ว่า West +
East = WE นันเป็ ้ นการที่นิ ้วกลมชี ้ให้ ผ้ อู ่านเห็นว่าคําว่าตะวันตก (west) และคําว่าตะวันออก
(east) นัน้ เป็ นเพียงคําที่บง่ บอกทิศทางที่ทงสองฝ่ ั้ ายเดินทางมาเท่านัน้ เพราะหากมองให้ ดีแล้ ว
จะเห็นว่าเมื่อนําตัวอักษรตัวแรกของแต่ละคํามารวมกันจะกลายเป็ นคําว่า WE ซึ่งหมายถึงพวก
เรา นัน่ เอง จึงอาจตีความได้ ว่าแท้ จริ งแล้ วมนุษย์ทกุ คนต่างเป็ นพวกเดียวกัน ที่ตงทางภูั้ มิศาสตร์
๑๒๖
“มันคือโปเตโต้
โปเตโต้ คือมันนัน่ เอง
ชิพส์คือมันทอด
แต่ชิพส์ไม่ใช่ทอดมัน
ชิพส์คือโปเตโต้ ทอด
อยากให้ ชิพส์กรอบต้ องทอดมัน
ทอดมันทําจากปลากราย
แต่ปลาที่กินกับชิพส์ไม่ใช่ปลากราย
กลับกลายเป็ นปลาคอด ( Cod ) และปลาแฮดดอค ( Haddock )
เอามันไปทอด ( มันในบรรทัดนี ้หมายถึงปลา )
เมื่อทอดมันทังสองเสร็
้ จ
ทังโปเตโต้
้ และปลา
เสร็จออกมาเป็ นฟิ ชแอนด์ชิพส์ ( Fish & Chips)”
นอกจากผู้อ่านจะรู้ สึกขบขันกับการเล่นกับความหมายอันหลากหลายของคําว่า
มัน แล้ ว ผู้อ่านจะขบขันและพบความพิเศษบางประการในภาษา นั่นคือ ความแตกต่า งของ
ความหมายในคําว่า “ทอดมัน” ภาษาอังกฤษและภาษาไทย ที่ต่างกันมาก เพราะทอดมันใน
ภาษาไทย กลับกลายเป็ นอาหารที่ทําด้ วยปลากรายนําไปทอด หากจะให้ เทียบกับคําว่า chips
กลับต้ องเรี ยกว่ามันทอด แทน ผู้อ่านจึงมองเห็นความช่างสังเกตของนิ ้วกลมและพบว่าสิ่งเหล่านี ้
กลายเป็ นความสนุกที่เป็ นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละภาษาด้ วย และอาจตีความได้ ว่านิ ้วกลม
๑๒๘
๔.๑.๓ การละเมิดการเกิดคู่กัน
ผู้วิจยั พบว่า การตังชื
้ ่อหนังสื อของนิ ้วกลมเป็ นสิ่งหนึ่งที่สร้ างความโดดเด่นให้ กับ
งานเขียนของเขา โดยเฉพาะการตังชื ้ ่อโดยใช้ คําที่โดยปกติแล้ วเราจะไม่นําคําเหล่านันมาใช้
้ ร่วมกัน
แต่เมื่อนํามาใช้ แล้ วก็ช่วยเร้ าความสนใจผู้อ่านได้ เป็ นอย่างดี และกระตุ้นให้ อยากติดตามอ่าน
เนือ้ หาไปโดยที่ไม่ทิ ้งหน้ าที่ หลักคือการเสนอเสนอทรรศนะของผู้เขียน กลวิธีนี ้ผู้วิจยั จัดเป็ นการ
ละเมิ ดการเกิ ดคู่กนั
การละเมิ ดการเกิ ดคู่กนั ในที่นี ้ผู้วิจยั ใช้ อธิ บายกลวิธีทางภาษาที่เกิดจาก “การ
เลือกใช้ คําผิดคําแต่ไม่ผิดความหมายและไม่ผิดไวยากรณ์ ” (ปราณี กุลละวณิชย์, ๒๕๔๘ : ๓๑๘)
กล่าวคือ ในการเรี ยบเรี ยงคํามาเป็ นประโยคนัน้ โดยปกติเราจะต้ องคํานึง ถึง ความถูกต้ องทาง
ไวยากรณ์ และทางความหมายของประโยคนัน้ ๆ แต่ในบางกรณี เราก็ จําเป็ นจะต้ องละเมิ ดกฎ
ดังกล่าวเพื่อให้ ประโยคนันมี ้ ความหมายเชิงอารมณ์เพิ่มขึ ้น ทังนี ้ ้ปราณี กุลละวณิชย์ (๒๕๔๘ :
๓๑๘) ได้ ยกตัวอย่างประโยคในลักษณะที่ใช้ คําผิดคําแต่ไม่ผิดความหมายและไม่ผิดไวยากรณ์นี ้
๒ ประโยคคือ
๑) ผมมีลกู สาวเสียตัง้ ๑๒ ตัว
๒) ตัวเขาขาวปี๋ ไปเลย
จะเห็นได้ วา่ ประโยคในตัวอย่างทัง้ ๒ ตัวอย่างนันเรี ้ ยบเรี ยงโดยผิดไวยากรณ์แต่
ผู้ฟั ง ยัง สามารถเข้ าใจความหมายของประโยคได้ และทราบว่าผู้ที่กล่าวประโยคดัง กล่าวนัน้ มี
อารมณ์เช่นใดด้ วย นัน่ คือ ในตัวอย่างที่ ๑ คําว่า “ลูกสาว” จะใช้ ร่วมกับลักษณนาม “คน” ไม่
ใช้ ร่วมกับคําลักษณนาม “ตัว” ซึ่งใช้ กับสัตว์ แต่การที่ผ้ พู ดู กล่าวเช่นนี ้ก็มีความเป็ นไปได้ เช่นกัน
ว่าเขาหมายความว่าเขามีสตั ว์เลี ้ยงที่เขารักและเอ็นดูเหมือนกับลูกสาวของตนจริ งๆ ถึง ๑๒ ตัว
ส่วนในตัวอย่างข้ อที่ ๒ นัน้ จะเห็นว่า คําว่า “ขาว” มักจะใช้ ร่วมกับคําว่า “จัว๊ ะ” หรื อ “ผ่อง”
หรื อ “ใส” ซึ่งเป็ นคําที่ให้ ความหมายในด้ านบวกแต่ผ้ พู ูดใช้ คําว่าขาว ร่วมกับคําว่า “ปี๋ ” ซึ่งเป็ น
คําที่ปกติใช้ ร่วมกับคําว่า “ดํา” การพูดว่า “ขาวปี๋ ” จึงเป็ นการกล่าวที่ผ้ พู ดู หมายความตรงกันข้ าม
๑๓๑
เรื่ องราวที่ นิว้ กลมต้ องการจะถ่ายทอดไปสู่ผ้ ูอ่านในบางครั ง้ นัน้ อาจเป็ นเรื่ องที่
เข้ าใจยาก นิ ว้ กลมจึง ถ่ ายทอดทรรศนะของเขาด้ ว ยการใช้ ความเปรี ย บ กลวิธี นี ท้ ํ า ให้ ผ้ ูอ่า น
มองเห็นภาพและเข้ าใจทรรศนะของเขาได้ ชัดเจนมากขึน้ ผู้วิจัยพบว่า การใช้ ความเปรี ยบเป็ น
กลวิธีเด่นเนื่องจากเป็ นกลวิธีที่ปรากฏเป็ นจํานวนมากและหลากหลายเมื่อเปรี ยบเทียบกับกลวิธี
ทางภาษาอื่นๆ การใช้ ความเปรี ยบเพื่อแสดงทรรศนะของนิ ้วกลมมีทงที ั ้ ่เป็ นการเปรี ยบเทียบใน
ส่วนเนือ้ หาและในการตังชื ้ ่อหนังสือและชื่อตอน อย่างไรก็ตามสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในการใช้ ความ
๑๓๓
( ... )
ในความชัว่ คราวของชีวิต, ในเพียงแค่ชวั่ กะพริ บตาของ
จักรวาล
คงไม่ใช่เรื่ องผิดแปลกอะไร หากใครสักคนจะเกณฑ์ไพร่
พล หรื อใช้ เวลาทังชี
้ วิตเพื่อสร้ างความยิ่งใหญ่ให้ ตวั เอง
แต่ก็ยงั มีคนอีกจําพวกหนึ่ง ที่อุทิศชีวิตเพื่อคนอื่นสร้ าง
ความสุขให้ แก่พวกเขา
และแน่นอนว่า , เราอาจไม่จําเป็ นต้ องเป็ นคนทัง้ สอง
ประเภทข้ างบน
เพราะต่างคน ก็ตา่ งมีชีวิต และวิธีคดิ ของตัวเอง
จะดําเนินชีวิตอย่างไร ก็เชิญกันตามสะดวกเถิดครับ
แต่อย่างไรเสีย, ก็อย่าลืมแล้ วกันว่า
เรามีเวลากันแค่คนละพริบตาเดียว.”
เข้ าใจได้ วา่ ปั ญหาที่เกิดในชีวิตเราเป็ นเพียงสิ่งเล็กๆ เท่านัน้ แต่การคิ ดในลักษณะนี ้บางครัง้ ก็ทําให้
เรารู้ สึกว่าชีวิตตนไร้ คณ ุ ค่า นิ ้วกลมจึงเสนอว่า แท้ จริ งแล้ วเราควรคิดว่าตนเองมีความสําคัญ ซึ่ง
อาจจะมากหรื อน้ อยขึ ้นอยูก่ บั เวลาและสถานการณ์
ตัวอย่างข้ างต้ นนี ้นิ ้วกลมต้ องการเปรี ยบเทียบให้ ผ้ อู ่านเข้ าใจว่า เขามองว่าความ
สวยงามที่แท้ จริงของเมืองเก่าคือการที่มีผ้ คู นเข้ าไปใช้ ชีวิตได้ มิใช่เมืองที่อนุรักษ์ ไว้ ด้วยการปิ ดกัน้
เขาจึงเลือกใช้ ผีเสือ้ มาเปรี ยบเทียบเพื่อให้ ผ้ อู า่ นเข้ าใจความคิดดังกล่าวว่า
เมื องเก่าที ่มีผู้คนเข้าไปอาศัยอยู่ เปรี ยบกับ ผี เสื ้อที ่กระพือปี กระริ ก เมืองเก่าที่
เป็ นเช่นนี ้จึงสวยงามและมีชีวิตชีวา
เมื องเก่าที ่ปิดกัน้ ไม่ให้ใครเข้าไปใช้ประโยชน์ เปรี ยบกับ ผี เสื ้อสตัฟฟ์ เมืองเก่าที่
เป็ นเช่นนี ้จึงดูสวยงาม ไม่มีรอยตําหนิ แต่ไร้ ชีวิตชีวา
จะเห็นว่า การใช้ แบบเปรี ยบผีเสื ้อ ซึ่งเป็ นสัตว์ที่มีความสวยงามนี ้ทําให้ ผ้ ูอ่าน
เห็นภาพชัดเจนและเข้ าใจการเสนอทรรศนะเรื่ องความสวยงามของเมืองเก่าได้ เป็ นอย่างดี และ
๑๔๑
ผู้วิจยั ยังเห็นว่า การใช้ แบบเปรี ยบนี ้ยังปรากฏในชื่อตอนของตอนนี ้ด้ วย นัน่ คือในตอนนี ้มีชื่อตอน
ว่าปาทาน : วัดวังยังกระพือปี ก อันแสดงให้ เห็นว่าความสวยงามของเมืองเก่าปาทานนี ้เป็ นความ
สวยงามที่มีชีวิตชีวาเทียบได้ กบั ผีเสื ้อที่ยงั คงบินและกระพือปี กอันสวยงามอวดต่อสายตาสิ่งมีชีวิต
อื่นๆ ได้
แบบเปรี ยบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้ องกับธรรมชาติ ปรากฏอีกดังในตัวอย่างในการเสนอ
ทรรศนะที่ผ้ วู ิจยั กล่าวถึงไว้ ในบทที่ ๓ เช่น ตัวอย่างจากหัวข้ อเรื่ องการเดิ นทางทํ าให้เห็นความ
เป็ นอนิ จจัง นัน้ นิว้ กลมได้ กล่าวเปรี ยบเทียบความสวยงามของสิ่งที่เข้ าใกล้ ภาวะสูญสลายกับ
ใบไม้ สีนํ ้าตาลแห้ งที่ปลิวลงมาจากต้ น หรื อการเปรี ยบเทียบความฝั นว่าเป็ นสิ่งที่มนุษย์ต้องทุ่มเท
ฟั นฝ่ าว่ามีลักษณะคล้ ายกับภูเขาที่เราต้ องอาศัยพละกํ าลังมากมายเพื่อปี นขึน้ ไปสู่ยอดเขาอัน
สอดคล้ องกับการเสนอทรรศนะว่า มนุษย์มีความฝั นและความหวัง และการเปรี ยบเทียบอุปสรรค
และปั ญหาในชีวิตกับฝนตกเพื่อเสนอให้ ผ้ ูอ่านเห็นว่าหากเรายืนหยัดไม่วิ่งหนีทงั ้ ฝนและปั ญหา
ท้ ายที่สุดแล้ วทังสองสิ
้ ่งก็จะผ่านพ้ นไปแล้ วเราจะเกิ ดความสุขจากการต่อสู้อปุ สรรค และตัวอย่าง
การเปรี ยบเทียบความสุขรอบตัวมนุษย์กับดอกไม้ ที่มองเห็นได้ ทั่วไป ในการเสนอทรรศนะที่ว่า
ความสุขอยู่รอบตัวเรา เป็ นต้ น
ส่วนการเชื่ อมโยงสิ่ง ที่ นิว้ กลมพบเห็นเข้ ากับมนุษย์ นนั ้ ในที่ นีจ้ ะต่างจากการ
เปรี ยบเที ย บในหัว ข้ อแรกในประเด็น เรื่ อ งความซับซ้ อนของแบบเปรี ย บ เพราะแบบเปรี ยบที่
เกี่ยวกับมนุษย์ในกลุ่มนี ้ไม่ได้ เป็ นแบบเปรี ยบที่ซับซ้ อนจนสร้ างความสงสัยให้ กับผู้อ่าน ตรงกัน
ข้ ามแบบเปรี ยบในที่นีก้ ลับเป็ นแบบเปรี ยบที่เข้ าใจได้ ง่าย ดังเช่นตัวอย่างที่ผ้ ูวิจัยได้ กล่าวถึงไป
ก่อนหน้ านี ้ เช่น ตัวอย่างในบทนําที่นิ ้วกลมกล่าวเปรี ยบเทียบเมืองกับคน เพื่อเสนอทรรศนะเรื่ อง
ความสุขเกิ ดจากการมี มิตรภาพต่อกัน หรื อในการเสนอทรรศนะว่า โลกคื อแหล่งความรู้ นิ ้วกลม
กล่าวการเปรี ยบเทียบว่าการที่เราได้ อาศัยในเมืองที่อนุรักษ์ ของเก่าเอาไว้ ให้ เราศึกษานันเปรี ้ ยบได้
กับการสนทนากับผู้อาวุโสที่มีประสบการณ์มากมาย ในตัวอย่างนี ้ยังเสนอการเปรี ยบเทียบผสมกัน
ระหว่างมนุษย์และพืชอีกด้ วยว่าหากเราไม่อนุรักษ์ สิ่งเหล่านี ้เอาไว้ ก็เทียบได้ กบั เราเป็ นต้ นไม้ ที่ไร้
รากยึดเกาะดิน จึงเจริญเติบโตได้ ไม่ดี เป็ นต้ น
ต่อไปผู้วิจยั จะกล่าวถึงการเปรี ยบเทียบอีกลักษณะหนึ่งซึ่งเป็ นการเปรี ยบเทียบ
ระหว่างการเดินทางกับการดําเนินชีวิต ซึง่ นับว่าเป็ นการเปรี ยบเทียบโดยการมองภาพรวมของการ
เสนอทรรศนะของนิ ้วกลม
๑๔๒
ตัว อย่ า งนี เ้ ป็ นตัว อย่ า งที่ เ ห็ น ได้ ชัด เรื่ อ งการเปรี ย บเที ย บการเดิ น ทางกั บ
ความสัมพันธ์ของบุคคลต่างๆ ที่มนุษย์พบเจอในชีวิต นิ ้วกลมได้ เปรี ยบเทียบการเดินทางว่าเป็ น
แบบจําลองความสัมพันธ์ของบุคคลต่างๆ ว่าในการเดินทางนันนั ้ กเดินทางจะได้ พบเจอกับบุคคล
ต่างๆ ตลอดการเดินทาง และสุดท้ ายแล้ วทุกคนต่างจะต้ องแยกจากกันไป เช่นเดียวกันกับการ
ดําเนินชีวิต
ดังนัน้ ในตัวอย่างนีส้ รุ ปได้ ว่านิว้ กลมได้ เสนอให้ ผ้ ูอ่านเห็นความคล้ ายคลึงกัน
ระหว่างความไม่ยงั่ ยืนในความสัมพันธ์ ของบุคคลต่างๆ ที่ นกั เดินทางได้ พบเจอ เข้ ากับความไม่
แน่นอนในความสัมพันธ์ ของบุคคลต่างๆ ที่มนุษย์ต้องพบเจอในชีวิต การเปรี ยบเทียบจึงชีใ้ ห้
ผู้อ่านเห็นความเหมือนของทังสองสิ ้ ่ง จึงเข้ าใจได้ อย่างลึกซึ ้งขึ ้นว่า ความเป็ นอนิจจังเป็ นสิ่งที่ทุก
คนต้ องพบเจอ ไม่เพียงแต่ความเป็ นอนิจจังในด้ านที่วา่ มนุษย์ทกุ คนล้ วนต้ องตายเท่านัน้ แต่ยงั พบ
ในความสัมพันธ์ที่เรามีตอ่ บุคคลต่างๆ ในชีวิตนันอี ้ กด้ วย
นอกจากนี ้ นิ ้วกลมยังเสนอต่อผู้อ่านว่า แผนการเดินทางที่ไม่รัดกุม นอกจากจะ
เอื ้อให้ เราเปลี่ยนแปลงเส้ นทางการท่องเที่ยวให้ ไปเจอสิ่งใหม่ๆ แล้ วยังเป็ นแบบทดสอบที่ดีตอ่ เราใน
แง่ที่ว่า เมื่อเราพบกับปั ญหาที่ไม่อาจคาดเดาได้ สัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของเราจะทําให้
เราพยายามหาทางแก้ ปัญหา เมื่อผ่านไปได้ เราจะมัน่ ใจที่จะเผชิญกับปั ญหาอื่นๆ ดังที่ผ้ วู ิจยั ได้
กล่าวถึงตัวอย่างนี ้ไปแล้ วในหัวข้ อทรรศนะเกี่ยวกับชีวิตเรื่ องมนุษย์ต้องพบอุปสรรคว่าการเดินทาง
ในแต่ละครัง้ ของนิ ้วกลมทําให้ เขาได้ พบกับปั ญหาและอุปสรรคนับครัง้ ไม่ถ้วน แต่เขาก็สามารถ
ผ่านพ้ นสิ่งเหล่านันมาได้
้ ทกุ ครัง้ นิ ้วกลมจึงคิดว่า ความยากลําบากต่างๆ ที่เกิดขึ ้นนันเป็ ้ นสิ่งที่ท้า
ทายความสามารถ และทําให้ มนุษย์แข็งแกร่งขึ ้นเมื่อเอาชนะสิ่งเหล่านันได้ ้ ในที่สดุ ซึ่งปั ญหาและ
ข้ อจํากัดต่างๆ นี ้เทียบได้ กับปั ญหาและข้ อจํากัดในชีวิตที่เราทุกคนจะต้ องประสบ ตัวอย่างนี ้จึง
เป็ นการเปรี ยบเทียบปั ญหาและข้อจํ ากัดที ่เกิ ดขึ้ นระหว่างการเดิ นทางกับปั ญหาและข้อจํ ากัดใน
ชี วิต
เพื่อให้ มองเห็นว่านิว้ กลมใช้ ความเปรี ยบเพื่อแสดงความสัมพันธ์ ระหว่างการ
เดินทางและการดําเนินชีวิตได้ ชดั เจนขึ ้น ผู้วิจยั ขอสรุปทรรศนะข้ างต้ นนี ้เป็ นตาราง ดังนี ้
๑๔๗
การเดินทาง การดาเนินชีวิต
ความสัม พัน ธ์ ต่ อ บุค คลที ่ ไ ด้พ บระหว่ า งที ่ ความสัมพันธ์ ต่อบุคคลทีไ่ ด้พบเจอในชี วิต
เดิ นทาง -มนุษย์จะต้ องลาจากจากบุคคลต่างๆ ที่เข้ า
-นักเดินทางต้ องลาจากจากบุคคลต่างๆ ที่ มาในชีวิตของเขา
เขาได้ พบระหว่างทาง
ปั ญหาและอุปสรรคต่างๆ ในการเดิ นทาง ปั ญหาและอุปสรรคต่างๆ ในชี วิต
-ปั ญหาและอุปสรรคในการเดินทางเป็ นเรื่ อง -ปั ญหาและอุปสรรคในการดําเนินชีวิตเป็ นสิ่ง
ที่นกั เดินทางจะต้ องพบเจอ ที่มนุษย์ต้องพบเจอ
ต่อไปผู้วิจยั จะกล่าวถึงรายละเอียดของแต่ละประเด็น
ตัวอย่างที่ ๑
ตัวอย่างนี ้นํามาจากตอนหนึ่งของเรื่ องกัมพูชาพริ บตาเดียว ในตอนที่นิ ้วกลม
พบกับเหตุการณ์ที่แสดงให้ เห็นความความแล้ งนํ ้าใจของหญิงต่างชาติคนหนึ่งที่แสดงต่อเด็กชาย
ชาวเขมร นิ ้วกลมแสดงทรรศนะต่อภาพนันว่ ้ า นํ ้าใจเป็ นสิ่งสําคัญที่มนุษย์ควรมอบให้ กนั ซึ่งแสดง
ให้ เห็นทรรศนะเกี่ยวกับชีวิตประการหนึ่งที่ว่า ความสุขในชี วิตเกิ ดจากการเอื ้อเฟื ้ อแบ่งปั นกัน แต่
๑๕๐
“เมื่อผมไม่ชอบแววตาหยามเหยียดที่เธอทอดมอง
มายังเด็กชายชาวเขมร ราวกับกําลังจับจ้ องมนุษย์ผ้ ไู ม่ศิวิไลซ์
ไร้ อารยธรรม ผมเองก็ไม่ควรเหมารวมว่าชาวตะวันตกหัวทอง
ทุกคนจะมีหวั ใจแข็งกร้ าวเช่นเดียวกันหมด
แต่สําหรั บแหม่มผู้นี ,้ ผมพบว่าเธอมีบางอย่าง
เหมือนปราสาทตาแก้ ว
ตัวใหญ่ แต่ไร้ หวั ใจ
หากไม่เป็ นการรบกวนกันเกินไป
ใช่หรื อไม่?
เราควรแบ่งปั นให้ กนั และกัน”
ตัวอย่างที่ ๒
ตัวอย่างนี ผ้ ้ ูวิ จัย นํ ามาจากตอนหนึ่ง ในหนัง สื อ โตเกี ย วไม่ มี ข า เป็ นทรรศนะ
เกี่ ยวกับชี วิตที่ กล่าวถึง ความสุขเกิ ดจากการยอมรับความแตกต่ าง ซึ่ง เป็ นความแตกต่างทาง
ความคิด เนือ้ หาในตอนนีก้ ล่าวถึงตอนที่นิว้ กลมและนํา้ ไปท่องเที่ยวที่ฮาราจูกุเพื่อดูการแต่งตัว
หลุดโลกของวัยรุ่ นชาวญี่ ปนที ุ่ ่มารวมตัวกันที่นนั่ นิ ้วกลมกล่าวว่าในตอนแรกเขาและเพื่อนต้ อง
ถ่ายภาพอยูไ่ กลๆ เพราะรู้สกึ ว่าการแต่งตัวและข่าวลือเรื่ องลัทธิแปลกๆ ของวัยรุ่นเหล่านันน่ ้ ากลัว
๑๕๑
ตัวอย่างข้ างต้ นนี ้ นิว้ กลมได้ กล่าวถึง ข้ อดีต่างๆ ของการให้ คนได้ เป็ นตัวของ
ตัวเอง ว่าน่าจะเป็ นสาระสําคัญหรื อสิ่ง สําคัญในการดํารงชีวิตของมนุษย์ เพราะมันอาจเป็ น
ต้ นเหตุของการสร้ างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ขึ ้นมา จากนันนิ ้ ้วกลมใช้ คําถามถามผู้อ่านซํ ้าถึงสองครัง้ ว่า
“มันน่าจะเป็ นการดีมิใช่หรื อ?” ถ้ าหากทุกคนมีพื ้นที่สําหรับทําในสิ่งที่ตวั เองเชื่อและซื่อสัตย์กบั สิ่ง
๑๕๒
ที่ตนเองเชื่อมั่นนัน้ คําถามทังสองคํ
้ าถามอาจจะทําให้ ผ้ ูอ่านเห็นคล้ อยตามว่าเหตุผลที่นิว้ กลม
เสนอก่อนหน้ านี ้น่าจะเป็ นจริง อีกทังข้ ้ อดีของคําถามในลักษณะนี ้คือ เป็ นการถามที่เปิ ดโอกาสให้
ผู้อา่ นได้ คดิ ว่าตนจะเห็นด้ วยกับผู้เขียนหรื อไม่ก็ได้
อย่างไรก็ตาม มีทรรศนะอีกประเภทหนึง่ ที่ผ้ วู ิจยั เห็นว่าเป็ นทรรศนะที่ยงั ไม่อาจหา
ข้ อสรุปได้ ชดั เจนว่าควรเห็นคล้ อยตามด้ วยหรื อไม่ ทรรศนะเหล่านี ้อาจจะเป็ นประเด็นปั ญหาสังคม
หรื อเรื่ องความรู้ สึกนึกคิดของมนุษย์ การใช้ คําถามเชิง วาทศิลป์กับทรรศนะเหล่านี จ้ ึง เป็ นการ
กระตุ้นให้ ผ้ อู า่ นนําทรรศนะไปคิดต่อ ดังที่ผ้ วู ิจยั จะกล่าวถึงต่อไปนี ้
ตัวอย่างที่ ๑
ดังที่ผ้ วู ิจยั กล่าวไปแล้ วว่านิ ว้ กลมมักจะแสดงทรรศนะเกี่ยวกับความสวยงามของ
สถานที่ตา่ งๆ ที่เขาเดินทางไปพบเห็น เขาจึงได้ เสนอทรรศนะเกี่ยวกับความสวยงามของสิ่งต่างๆ
โดยเฉพาะความสวยงามของโบราณสถานและโบราณวัตถุ ดังที่ผ้ วู ิจยั ได้ กล่าวไปแล้ วในบทที่ ๓
นัน้ ในบทนีผ้ ้ วู ิจัยจะยกตัวอย่างทรรศนะเกี่ ยวกับความสวยงามของโลกอีกประการหนึ่งซึ่งเป็ น
ความสวยงามของสถานที่ทางธรรมชาติ ตัวอย่างนี ้นํามาจากเรื่ องนั่งรถไฟไปตู้เย็น ดังที่ผ้ วู ิจยั
ได้ ยกตัวอย่างข้ อความบางส่วนไปแล้ วในบทที่ ๓ หัวข้ อ “สิ่งที่นกั เดินทางควรคํานึงถึง ” ผู้วิจัย
พบว่าในการเสนอทรรศนะที่ปรากฏในตัวอย่างที่ ๓ นัน้ นิ ้วกลมได้ ใช้ คําถามที่สะดุดความคิด
ผู้อ่านให้ ลองพิจารณาทรรศนะข้ อนีข้ องเขาว่า “ใครกันเป็ นคนบอกว่าโลกควรจะสวยแบบไหน”
และ “ความแตกต่างและความเปลี่ยนแปลงมิใช่หรื อ คือความงาม” ดังนี ้
ตัวอย่างที่ ๒
ตัวอย่างนีน้ ํามาจากเรื่ องกัมพูชาพริ บตาเดียว นิว้ กลมเสนอทรรศนะเกี่ ยวกับ
ชี วิตดังที่ผ้ วู ิจยั กล่าวไว้ แล้ วในหัวข้ อ ๑.๑ เรื่ องมนุษย์ต้องมี ความสัมพันธ์ กบั ผู้อื่นนัน้ ผู้วิจยั เห็นว่า
กลวิธีทางภาษาที่เห็นได้ ชดั เจนจากตัวอย่างดังกล่าวนี ้คือการใช้ คําถามเชิงวาทศิลป์ เนื่องจากนิ ้ว
กลมไม่ได้ เขียนอธิบายความรู้สึกและทรรศนะต่อเรื่ องนี ้ออกมาโดยตรงแต่ใช้ วิธีการตังคํ ้ าถามถาม
ตัวเองเป็ นจํานวนมาก คําถามเหล่านี ้ขึ ้นต้ นว่า “ทําไม” เพื่อถามถึงสาเหตุที่ทําให้ ความสัมพันธ์
ของผู้คนในสังคมของเขาห่างเหินกันต่างกับภาพที่เขาเห็นที่กมั พูชาโดยสิ ้นเชิงว่าเป็ นไปได้ หรื อไม่ว่า
เกิดจากคนในสังคมเมืองได้ สร้ างรัว้ ขึ ้นมาเพื่อปิ ดกันตนเองออกจากการคบหาสมาคมกั
้ บคนอื่น ไม่
ว่าจะเป็ นรัว้ บ้ านหรื อรัว้ ของความคิดตนเอง
ผู้อ่านจะเห็นว่า แม้ ว่านิ ว้ กลมจะบอกว่าเขาตังคํ ้ าถามกับตัวเองแต่ก็จะกระตุ้นให้
ผู้อา่ นนําความคิดของเขาไปคิดต่อ นัน่ คือ การให้ ผ้ อู า่ นร่วมกันค้ นหาสาเหตุว่า เพราะเหตุใดคนใน
ปั จจุบนั สนใจผู้คนรอบข้ างน้ อยลงเรื่ อยๆ ด้ วยการกันรั ้ ว้ บ้ านและรัว้ ในความคิดของตน
๑๕๔
ตัวอย่างที่ ๑
ตัวอย่างนีน้ ํามาจากเรื่ อง โตเกียวไม่ มีขา ที่ผ้ ูวิจัยได้ กล่าวถึงอย่างละเอียดไว้
แล้ วในทรรศนะเกี่ยวกับชีวิตหัวข้ อ ๒.๗) ความสุขเกิ ดจากการต่อสู้กบั อุปสรรค เนื ้อหาในตอนนี ้
นิ ว้ กลมได้ เ น้ น ข้ อ ความที่ เ ขาระบุ ว่ า เป็ นข้ อ คิ ด ให้ ผ้ ู อ่ า นเห็ น ชัด เจนโดยการใช้ เ ครื่ อ งหมาย
อัญประกาศ (“ ”) แต่ผ้ วู ิจยั จะยกมากล่าวถึงเพียงข้ อคิดบางประการที่จดั เป็ นคําคม นัน่ คือ คํา
คมที่กล่าวว่า ‚ระหว่างทางที่โหดร้ าย ทําให้ จดุ หมายมีคา่ ‛ ดังนี ้
๑๕๗
“[...]
ผมเขียนไว้ ตอนเดินผ่านดงดอกไม้ สีสวยข้ างทาง
ข้ อคิดนี ้ผู้วิจยั เห็นว่าสามารถจัดเป็ นคําคมได้ เพราะข้ อความนี ้โน้ มน้ าวให้ เรามอง
อุปสรรคที่เกิดขึ ้นกับชีวิตมนุษย์ในด้ านบวกว่าอุปสรรคเหล่านันทํ ้ าให้ จดุ หมายที่เราบรรลุมีคา่ และ
มีความหมายต่อชีวิตมากขึ ้น ต่างกับการได้ รับสิ่งที่สามารถหาได้ ง่ายไร้ ความลําบากเนื่องจากเรา
ย่อมเห็นว่าสิ่งนันมี
้ คา่ น้ อยกว่า อีกทังการคิ ้ ดในลักษณะนี ้ช่วยเสริ มสร้ างกําลังใจให้ กบั ผู้อ่านและ
นิ ้วกลมยังแสดงมุมมองต่ออุปสรรคได้ อย่างคมคายด้ วย
ผู้วิจยั เห็นว่า นอกจากคําคมในตัวอย่างนี ้จะแสดงให้ เห็นความคิดอันคมคาย
ลึกซึ ้งของผู้เขียนแล้ วยังแสดงให้ เห็นลักษณะเด่นด้ านการเรี ยบเรี ยงข้ อความที่ส่งสัมผัสคล้ องจอง
กันระหว่างวรรคแรกและวรรคที่สอง นัน่ คือ ในคําว่า ร้าย และคําว่า หมาย ทําให้ คําคมนี ้เรี ยบ
เรี ยงอย่า งสละสลวย ตัวอย่างต่อไปจะกล่าวถึ ง การเรี ย บเรี ยงคํา คมแบบที่ มี การใช้ ป ฏิ พ จน์
(oxymoron)
ตัวอย่างที่ ๒
ตัวอย่างนี ้นํามาจากเรื่ องเนปาลประมาณสะดือ เหตุการณ์ในตอนนี ้เสนอ
ทรรศนะเกี่ ยวกับชี วิตเรื่ องความสุขเกิ ดจากการต่ อสู้กับอุปสรรคอี กเช่นกัน เนื อ้ หาในตอนนี ้
กล่าวถึง ความคิดของนิว้ กลมในขณะที่ อ่านแผนการเดินทางขึน้ ยอดเขาปุนฮิ ลล์ ของเขาและ
เพื่อนๆ ซึง่ เป็ นสิ่งที่พวกเขาพอใจมากและต่างก็ไม่ได้ คาดคิดเลยว่าต่อมาพวกเขาจะต้ องทิ ้งมันไป
และต้ องเดินทางด้ วยแผนใหม่ ซึ่งเต็มไปด้ วยความท้ าทายเพราะเป็ นการเดินทางที่ยากลําบาก
กว่าที่พวกเขาคาดไว้ มากมายนัก แต่จากเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปโดยสิ ้นเชิง เช่นนี ้เองกลับทําให้ เขา
และเพื่อนได้ รับประสบการณ์อนั มีคา่ เขาจึงได้ ข้อสรุปที่จดั เป็ นคําคมอันลึกซึ ้ง ดังนี ้
๑๕๘
“ในระหว่างที่นงั่ อ่านแผนกําหนดการในแผ่นกระดาษ
สีชมพูใบนันซํ
้ ้าแล้ วซํ ้าเล่า พวกเราไม่ร้ ูเลยว่าอีกสามวันหลังจาก
นี ้แผนในแผ่นสีชมพูจะถูกฉีกทิ ้งแล้ วปล่อยให้ ลอยคว้ างไปกลาง
อากาศ ด้ วยเหตุผลพิสดารบางประการทํ าให้ เราได้ เดินทาง
มากกว่าที่ตงใจเอาไว้
ั้ หลายเท่านัก
โชคดีที่โชคร้ าย
หากเราล่วงรู้เส้ นทางข้ างหน้ าทังหมดทะลุ
้ ปรุโปร่งแล้ ว
ยังจะเหลือสิ่งใดไว้ ให้ ใจหวามหวิว
...
บางครัง้ การเดินทางโดยฉีกตารางโยนทิ ้งไป
มันส่ งผลให้ หัวใจเต้ นแรงกว่ าเดิม”
ข้ อความที่ผ้ วู ิจยั จัดเป็ นคําคมคือข้ อความที่กล่าวว่า “โชคดีที่โชคร้ าย” นัน่ คือ สิ่ง
ที่พวกเขาคิดในตอนแรกว่าเป็ นความโชคร้ ายที่ต้องเปลี่ยนแผนการที่วางเอาไว้ แท้ จริ งแล้ วกลับเป็ น
ความโชคดีที่ทําให้ เขาได้ พบกับ ประสบการณ์อันลํ ้าค่า ผู้วิจยั เห็นว่า คําคมนีม้ ีความน่าสนใจที่
แตกต่างจากคําคมในตัวอย่างที่ ๑ ในประเด็นที่ว่า คําในตัวอย่างที่หนึ่งเป็ นการเรี ยบเรี ยงคําให้ มี
สัมผัสคล้ องจองสละสลวย ส่วนในตัวอย่างนีน้ ับเป็ นการเรี ยบเรี ยงข้ อความด้ วยการใช้ปฏิ พจน์
(oxymoron)
ราชบัณฑิตยสถาน (๒๕๕๒ : ๒๙๔ – ๒๙๕) กล่าวถึงปฏิพจน์ว่า ปฏิ พจน์ เป็ น
ภาพพจน์ รูปแบบหนึ่ ง เกิ ดจากการนําคํ าหรื อวลี แสดงความคิ ดที ่ขดั กันอย่างตรงกันข้ามในตัวมา
วางไว้ด้วยกัน เพื ่อให้มีความหมายใหม่ และมี ผลพิ เศษทางอารมณ์ ตัวอย่ างคํ ากล่ าวที ่เป็ น
ปฏิ พจน์ เช่นคํ ากล่าวที ่ว่า สงครามเย็น , ไฟเย็น , รี บทําช้าๆ , สวยบาดใจ , ฆ่าเพราะรัก , ความ
อ่อนหวานที ่ขมขื ่น , ฆ่าด้วยความกรุณา ( การุณฆาต ) , ความเจ็ บปวดอันหวานชื ่น , สันติ ภาพ
บนกองหัวกะโหลก เป็ นต้น
คําคมในตัวอย่างข้ างต้ นนี ้นับว่าเป็ นการเรี ยบเรี ยงคําโดยใช้ ปฏิพจน์เนื่องจากนิ ้ว
กลมได้ นําคําที่มีความหมายตรงกันข้ ามกัน นัน่ คือ คําว่า “โชคดี” และ “โชคร้ าย” มาวางไว้
ด้ วยกัน ในเบื ้องต้ นดูเหมือนว่าคํากล่าวข้ างต้ นจะเป็ นไปไม่ได้ แต่หากพิจารณาจากเหตุการณ์ที่
เกิดขึ ้นกับนิ ้วกลมและเพื่อนแล้ วผู้อ่านจะเห็นด้ วยว่า ความโชคร้ ายกลายเป็ นความโชคดีได้ หาก
๑๕๙
เรามองว่า ความโชคร้ ายที่ เ กิ ด ขึ น้ นัน้ เป็ นบททดสอบที่ จ ะทํ า ให้ เ ราได้ เ ข้ ม แข็ ง จากการผ่ า น
เหตุการณ์ที่เลวร้ าย เช่นเดียวกับนิ ้วกลมที่จะต้ องเดินทางภายใต้ ความกดดันจากตนเองและจาก
เวลาที่กระชันชิ
้ ด แต่นนั่ ก็ทําให้ เขาได้ พบกับประสบการณ์ใหม่ๆ โดยเฉพาะมิตรภาพอันน่าจดจํา
จากการเดินทางครัง้ นี ้
ผู้วิจัยเห็นว่า การใช้ ปฏิพ จน์เป็ นกลวิธีการใช้ ภาษาสื่ อทรรศนะที่ ทําให้ ผ้ ูอ่าน
เข้ าใจทรรศนะที่ซับซ้ อนของผู้เขียนได้ ง่ายและรวดเร็ ว และอาจรู้ สึกพอใจกับศิลปะทางภาษา
ประเภทนี ้ด้ วย นอกจากนี ้ ผู้วิจยั สังเกตว่า คําคมในข้ อนี ้มีความสอดคล้ องกับแก่นเรื่ องเรื่ อง
การมองโลกในด้ านบวกเช่นเดียวกับในตัวอย่างที่ ๑ อีกด้ วย
ตัวอย่างที่ ๑
ผู้วิจัยนํ าตัวอย่างนีม้ าจากตอนหนึ่งของเรื่ องเนปาลประมาณสะดือ เป็ นการ
เสนอทรรศนะเกี่ ยวกับชีวิตที่ว่า ความสุขอยู่รอบตัวเรา ดังที่ผ้ วู ิจยั กล่าวถึงไปแล้ วในหัวข้ อที่ ๒.๘
ของทรรศนะหัวข้ อมนุษย์ควรใช้ชีวิตอย่างมี ความสุข
นิ ้วกลมพบกับความคิดนี ้หลังจากที่เขาและเพื่อนกลับจากปี นเขาที่เนปาล ข้ อคิด
ที่ เ ขาได้ รั บ มี ม ากมายหนึ่ง ในนัน้ คื อ ทรรศนะเกี่ ย วกับ ความสุข อยู่ ร อบตัว เรา นิ ว้ กลมเสนอว่ า
ความสุข ไม่ไ ด้ เ กิ ดจากการได้ พิ ชิ ต ภูเขาสูง แต่เ กิ ด จากการได้ ใช้ ชี วิ ต แบบเรี ย บง่ ายบนพื น้ ดิน
ต่างหาก ด้ วยการนําข้ อความของจอห์น คราเคาเออร์ ในหนังสือ Into Thin Air ที่ตรงกับ
ทรรศนะของนิ ้วกลมมากล่าวถึงเพื่อสนับสนุนให้ ทรรศนะนี ้มีนํ ้าหนักมากขึ ้น ( Jon Krakauer คือ
ผู้รอดชีวิตจากพายุหิมะบนยอดเขาเอเวอร์ เรสต์ในปี ๑๙๙๖ ต่อมาเขานําประสบการณ์ชีวิตของตน
๑๖๐
มาเขียนสารคดีขายดีเรื่ อง Into Thin Air: A Personal Account of the Mt. Everest Disaster )
ดังนี ้
ตัวอย่างที่ ๒
ตัวอย่างนี ้นํามาจากเรื่ องเนปาลประมาณสะดือ เป็ นทรรศนะเกี่ ยวกับผลเสีย
ของการตามตื๊อขายสินค้ าหรื อเสนอสิ่งต่างๆ ให้ กบั ใครจนมากเกินไป หลังจากที่เขาและเพื่อนถูก
คนขายปี่ ตามตื๊อขายสินค้ าให้ ดงั ที่ผ้ วู ิจยั อธิบายไว้ แล้ วในหัวข้ อที่ ๒.๓) ความสุขเกิ ดจากการเห็น
คุณค่าของตนเอง ตัวอย่างนี ้นิ ้วกลมได้ ยกข้ อความสํานวน “ตื๊อเท่านันที ้ ่ครองโลก” และกล่าวถึง
๑๖๑
ตัวอย่างที่ ๓
ตัวอย่างนี ้นํามาจากเรื่ องกัมพูชาพริ บตาเดียว ในตอนที่เขาไปเที่ยวทะเลสาบ
โตนเลสาบและพบกับวิถีชีวิตอันเรี ยบง่ายแต่มีความสุขของชาวประมงที่อาศัยอยู่ที่นนั่ ดังที่ผ้ วู ิจยั
๑๖๒
ตัวอย่างที่ ๑
ตัวอย่างนี ้นํามาจากหนังสือ โตเกียวไม่ มีขา ที่ผ้ วู ิจยั ได้ กล่าวถึงอย่างละเอียดไป
แล้ วในทรรศนะเกี่ยวกับชีวิตหัวข้ อ๒.๑) ความสุขเกิ ดจากการยอมรับความแตกต่าง ผู้อ่านจะ
เข้ าใจทรรศนะในตอนนี ้ด้ วยการพิจารณาบทสนทนาระหว่างนิ ้วกลมและโอโตซัง ดังนี ้
ตัวอย่างที่ ๒
ตัวอย่างนี ้นํามาจากตอนหนึ่งของเรื่ อง นั่ งรถไฟไปตู้เย็น ในตอนนี ้นิว้ กลมกับ
เพื่อนร่ วมงานที่ชื่อซูซี่สนทนากันเรื่ องสิ่งที่นิ ้วกลมไม่เคยรู้ มาก่อน ดังที่ผ้ วู ิจยั ได้ อธิ บายไว้ แล้ วใน
ทรรศนะเกี่ยวกับชีวิตเรื่ องมนุษย์ควรเข้ าใจชีวิตในหัวข้ อ ๑.๕) มนุษย์มีชีวิตอยู่เพือ่ เรี ยนรู้สิ่งต่างๆ
นัน่ คือ นิ ้วกลมถ่ายทอดคําพูดของซูซี่ เพื่อนร่ วมเดินทางไปเที่ยวเมือ งจีนของเขาที่ว่า ‚มันเป็ น
กฎของมนุษย์ เราจะรู้ก็ตอ่ เมื่อมันเกิดขึ ้นแล้ ว เรามักจะทําสิ่งนันไปแล้ ้ ว เวลาผ่านไปแล้ วจึงจะรู้
เสมอ นัน่ แหละคือมนุษย์ ถ้ ารู้ทกุ อย่างล่วงหน้ าก็ไม่ต้องทําอะไรแล้ ว ‛ มาเสนอต่อผู้อ่านว่าเขา
เห็นด้ วยกับความคิดดังกล่าว ต่อจากนันจึ ้ งสรุ ปเป็ นทรรศนะว่า “เราอาจจะมีชีวิตอยู่เพื่อรอรู้ใน
สิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน” ในตอนท้ าย
ผู้วิจัยเห็นว่า การใช้ บทสนทนาโต้ ตอบกันในตัวอย่างนีเ้ ป็ นอีกตัวอย่างหนึ่ง ที่
ชี ้ให้ เห็นว่าบทสนทนาช่วยสร้ างความน่าสนใจให้ การเสนอทรรศนะ เพราะการใช้ บทสนทนาจะ
ช่วยให้ ผ้ อู ่านเห็นความสมจริ ง ความเป็ นธรรมชาติและจะคิดวิเคราะห์บุคลิกและความคิดของ
บุคคลที่กําลังสนทนากันอยู่ ตามไปด้ วย ทังนี ้ ้ผู้อา่ นอาจจะนําความคิดของซูซี่ไปคิดเพิ่มเติม
อีกประการหนึง่ ผู้วิจยั เห็นว่า สิ่งที่ผ้ อู า่ นน่าจะได้ รับเพิ่มเติมไปจากทรรศนะที่นิ ้ว
กลมสรุปว่า “เราอาจจะมีชีวิตอยู่เพื่อรอรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้ มาก่อน” คือ ผู้อ่านจะเห็นความสําคัญ
ของการยอมรับฟั งทรรศนะของบุคคลอื่นโดยไม่เกี่ยงงอนว่าเขามีฐานะเช่นใดกับเรา แต่ม่งุ ไปที่
การคิดว่าทรรศนะนันมี ้ เหตุผลน่าเชื่อถือหรื อไม่ แล้ วสรุปเป็ นความคิดของตนเช่นที่นิ ้วกลมกระทํา
ดังนัน้ การใช้ บทสนทนาจึงช่วยสร้ างความน่าสนใจให้ กับการเสนอทรรศนะและช่วยกระตุ้นให้
ผู้อา่ นนําทรรศนะที่ได้ รับรู้ไปคิดต่อยอด
เขาอาจมีประสบการณ์ในสิ่งที่เราไร้ ประสบการณ์
เขาอาจสนุกในตอนที่เราทุกข์
ในภาวะคับขัน หัวที่ สองจะปรากฏความสําคัญออกมา
อย่างที่เราไม่ทนั ตังตั
้ ว
เคยมีคําคล้ องจองของพรานป่ าประจําคณะสมัยเรี ยนว่า
ไว้ วา่ ‘ป่ าสาม นํ ้าสี่’
ไม่ใช่การสัง่ ก๋วยเตี๋ยวแต่อย่างใด หากหมายถึงเวลาเข้ า
ป่ าให้ ไปเป็ นเลขคี่ ถ้ าได้ สามคนจะเหมาะสมยิ่ง ส่วนถ้ าจะล่องนํ ้า
บุกทะเล ให้ ไปเห่กล่อมกันสักสี่คน ถ้ าไม่ได้ ก็ควรให้ เข้ าคู่จะเป็ น
มงคลกว่า”
ตัวอย่างที่ ๕ การใช้ ความเปรี ยบ+ การเน้ นซํ ้าคํา + การใช้ ปฏิพจน์ (Oxymoron)
จากตัวอย่างข้ างต้ น นี จ้ ะเห็นว่านิว้ กลมได้ ใช้ กลวิธี การใช้ ความเปรี ยบที่ ทําให้
ผู้อ่านเข้ าใจภาพชัดเจนจากแบบเปรี ยบที่ ดูไ ม่เ ข้ ากัน และน่าขบขัน นั่นคื อ การเปรี ยบเที ย บ
พฤติกรรมการถุยนํ ้าลาย เข้ ากับ การแยกขยะของชาวญี่ปนุ่ ซึ่ งความคล้ ายคลึงกันของสองสิ่งนี ้
คือ ทังการถุ
้ ยนํ ้าลายและการแยกขยะนันชาวเมื ้ องทังสองประเทศกระทํ
้ าจนเป็ นเรื่ องของสามัญ
สํานึก แต่จริ งๆ แล้ วการถุยนํ ้าลายนันเป็ ้ นการกระทําที่ดเู หมือนจะทําให้ บ้านเมืองสกปรก ส่วน
การแยกขยะของชาวญี่ ปนนั ุ่ นถื
้ อเป็ นการช่วยให้ การกําจัดขยะทําได้ ง่ายและบ้ านเมืองก็สะอาด
จะเห็นว่าหากมองเช่นนี ้การกระทําทังสองประการนี
้ ้ดูตรงข้ ามกันอย่างสิ ้นเชิง จึงทําให้ ผ้ อู ่านเกิด
ความขบขันจากการเปรี ยบเทียบสิ่งที่ไม่เข้ ากัน
อีกตัวอย่างหนึ่งคือการที่นิ ้วกลมเปรี ยบเทียบท่าทางการหลบหลีกกลุ่มนํ ้าลายกับ
ท่าทางการหลบกระสุนของตัวเอกในภาพยนตร์ เรื่ องเดอะ เมทริ กซ์ ซึ่งการเปรี ยบเทียบดังกล่าว
เป็ นการเปรี ยบเที ยบที่ ทําให้ เ ห็นภาพชัดเจนมากว่านํ า้ ลายมี ปริ ม าณมากเพี ยงใดและนํ า้ ลาย
เหล่านันก็
้ เข้ ามาเฉียดใกล้ กบั ร่างกายของนิ ้วกลมและเพื่อนมากเพียงใด นอกจากนี ้หากคิดดูให้ ดี
แล้ วจะพบว่าการเปรี ยบเทียบนันยั ้ งมีความขบขันอีกประการหนึ่ง นัน่ คือ การหลบกระสุนปื นนัน้
ทําไปเพื่อรักษาชีวิต นับเป็ นเรื่ องสําคัญมาก แต่การหลบกระสุนนํ ้าลายนี ้ดูจะเป็ นเรื่ องที่ไม่คอ่ ยมี
ความสําคัญเท่าใดนักแต่นิ ้วกลมกลับยกให้ เป็ นเรื่ องสําคัญในระดับเดียวกับการรักษาชีวิตของพวก
ตน แสดงว่าพวกเขากลัวนํ ้าลายกันมาก ผู้อ่านจึงรู้สึกขบขันกับความไม่เข้ ากันดังกล่าวนี ้มากขึ ้น
ด้ วย
อีกกลวิธีหนึ่งคือการเน้ นซํ ้าคําว่า “ถุย” ตลอดข้ อความ ซึ่งไม่ใช่กลวิธีที่ทําให้
ขบขันโดยตรงแต่เ ป็ นกลวิธีที่ทําให้ ผ้ ูอ่านเห็นภาพชัดเจนว่า นํา้ ลายที่ออกมานัน้ มีปริ ม าณมาก
๑๗๒
การเน้ น ( emphasis )
- การเน้ นซํ ้าคํา (anaphora) -ความสุขเกิ ดจากการเห็นคุณค่าของ -เพื่อให้ ผ้ อู ่านทราบว่าผู้เขียนต้ องการ
ตนเอง เน้ นยํ ้าในเรื่ องใดมากเป็ นพิเศษ
-การเดิ น ทางทํ า ให้ เห็ น ความเป็ น -เพื่อช่วยขยายความคิดของผู้เขียนให้
อนิจจังของสิง่ ต่างๆ ชัดเจนขึ ้น
- การใช้ ดชั นีปริ จเฉท “ใช่” - โลกและสิง่ แวดล้ อมถูกทําลายลงด้ วย - ช่วยเน้ นยํ ้าความคิดของผู้เขียน
นํ ้ามือมนุษย์
- มนุษย์มีความฝั นและความหวัง
- ความสุขเกิดจากการเอื ้อเฟื อ้ แบ่งปั น
การเล่ นคา - ความสุข เกิ ด จากการยอมรั บ ความ -เพื่อให้ ผ้ อู ่านเกิดอารมณ์ ขนั ก่อนที่จะ
แตกต่าง มองเห็นทรรศนะที่ผ้ เู ขียนแฝงไว้ ซึ่งจะ
- โลกและสิง่ แวดล้ อมถูกทําลายลงด้ วย ใ ห้ ผู้ อ่ า นเ กิ ด ค ว า ม ประ ทั บ ใ จ ได้
นํ ้ามือมนุษย์ มากกว่ า การอ่ า นทรรศนะที่ ก ล่ า ว
- ความสุข เกิ ด จากการยอมรั บ ความ ออกมาโดยตรง
๑๗๔
การใช้ คาถามเชิงวาทศิลป์ -ความสุขในชี วิตเกิ ดจากการเอือ้ เฟื ้อ -เพื่ อ ให้ ผ้ ูอ่า นได้ ใ คร่ ค รวญทรรศนะที่
แบ่งปั นกัน เสนอและยอมรับด้ วยใจ
-ความสุข เกิ ด จากการยอมรั บ ความ -เพื่ อ กระตุ้น ให้ ผ้ ูอ่านนํ า ทรรศนะของ
แตกต่าง ผู้เขียนไปคิดต่อ
-การเดิ น ทางทํ า ให้ เห็ น คุ ณ ค่ า และ -เพื่อสร้ างความสงสัยใคร่ร้ ูแก่ผ้ อู า่ น
ความสวยงามของโบราณสถานและ
โบราณวัตถุ
- มนุษย์ต้องมีความสัมพันธ์กบั ผู้อื่น
- ความสุขอยูร่ อบตัวเรา
การสรุ ปด้ วยคาคม - ความสุขเกิดจากการต่อสู้กบั อุปสรรค -เพื่อให้ ผ้ อู า่ นเข้ าใจทรรศนะของผู้เขียน
ชั ด เจนขึ น้ โดยไม่ ต้ องอธิ บ ายด้ วย
๑๗๕
ข้ อความขนาดยาว
๔.๓ สรุป
นิว้ กลมใช้ กลวิธีทางภาษาเพื่อแสดงทรรศนะที่หลากหลายและน่าสนใจ ได้ แก่
การเน้ นซํ ้าคํา, การเน้ นความหมายของคําด้ วยการใช้ เครื่ องหมาย (+) คัน่ ระหว่างคํานําซ้ อนหรื อ
คําประสมบางคํา การกล่าวเปรี ยบเทียบความหมายของคําที่ มีความหมายใกล้ เคียงกัน รวมถึง
การใช้ ดชั นีปริจเฉท “ใช่”
นอกจากนี ้ นิ ้วกลมยังใช้ การละเมิดการเกิดคู่กัน เพื่อทําให้ การตังชื ้ ่อหนังสือมี
ความน่าสนใจและสามารถสื่ อให้ เห็นทรรศนะของผู้เขี ยนได้ อย่างแยบยล นิว้ กลมยัง ใช้ ความ
เปรี ยบ เพื่อให้ ผ้ อู า่ นเห็นภาพของสิ่งต่างๆ ได้ ชดั เจน เข้ าใจความคิดของเขาได้ อย่างเป็ นระบบ อีก
ทังการตั
้ งชื
้ ่อหนังสือและชื่อตอนโดยใช้ ความเปรี ยบที่ซบั ซ้ อนและมีแบบเปรี ยบแหวกแนวที่สามารถ
สื่อถึงทรรศนะในตอนนันๆ ้ ได้ อย่างแยบยลยังกระตุ้นให้ ผ้ อู ่านสนใจใคร่ ร้ ูและอยากติดตามเนื ้อหา
รวมไปถึงการใช้ คําถามเชิง วาทศิลป์ถามตนเองและผู้อ่าน ทําให้ ผ้ อู ่านสะดุดใจและนําเอาคําถาม
นันไปคิ
้ ดต่อ และยังใช้ คําถามในการตังชื ้ ่อหนังสือหรื อชื่อตอนซึ่งทําให้ ผ้ อู ่านเกิดความสงสัยใคร่ ร้ ู
สําหรับทรรศนะบางประการที่เขาต้ องการให้ ผ้ อู า่ นจดจําได้ ดีก็ใช้ การสรุปทรรศนะนันออกมาเป็ ้ นคํา
คม และยังใช้ การกล่าวอ้ างข้ อความที่เป็ นคํากล่าวของบุคคล สํานวน เพลง ฯลฯ มาประกอบการ
เสนอทรรศนะให้ มีความน่าเชื่อถือ สิ่งที่นํามากล่าวถึงบางครัง้ เป็ นการให้ ผ้ อู ่านได้ ตีความทรรศนะที่
แอบแฝงอยู่ รวมไปถึงการใช้ บทสนทนาระหว่างบุคคลในเรื่ อง ช่วยให้ การเสนอทรรศนะมีความ
น่าสนใจ กระตุ้นให้ ผ้ อู ่านคิดใคร่ ครวญตามทรรศนะนัน้ และทําให้ ผ้ อู ่านรู้ สึกเหมือนกับได้ เข้ าไป
ร่วมอยูใ่ นการสนทนานัน้
อย่างไรก็ตามกลวิธีทางภาษาต่างๆ มักไม่คอ่ ยปรากฏอยู่อย่างโดดเดี่ยว หากแต่
มักปรากฏร่วมกับกลวิธีอื่นๆ ในการเสนอทรรศนะแต่ละครัง้
บทที่ ๕
๕.๑ สรุปผลการวิจัย
๑. กัมพูชาพริบตาเดียว
กัมพูชาพริ บตาเดียวเป็ นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่มีแก่นเรื่ องสอดคล้ องกับชื่อเรื่ อง
และคาโปรย นั่นคือการเสนอว่า สรรพสิ่งต่างๆ ล้ วนไม่ยงั่ ยืน สอดคล้ องกับชื่อเรื่ องอันเป็ นการ
เปรี ยบเทียบเวลาในชี วิตกับอายุของจักรวาลว่าหากนาเวลาในชี วิตมนุษย์ไ ปเที ยบกับเวลาใน
จักรวาลแล้ วจะพบว่าเวลาในชีวิตมนุษย์นนสั ั ้ นมากเที
้ ยบได้ กบั เวลาที่จกั รวาลกะพริ บตาเพียงหนึ่ง
ครัง้ เท่านัน้ เวลาแสนสันเช่
้ นนี ้จะมีคา่ หรื อไม่ขึ ้นอยู่กบั การจัดการชีวิตของเรา และยัง สอดคล้ อง
กันกับคาโปรยที่นิ ้วกลมนามาจากคากล่าวของกลุ่มนักร้ องวง the Beatles ที่ผ้ วู ิจยั ถอดความได้
ว่า ชี วิตนีแ้ สนสัน้ และเราไม่ควรใช้เวลาไปกับการสร้างความวุ่นวายและวิ วาทกันหรอก เพือ่ นเอ๋ย
๑๘๓
๒. เนปาลประมาณสะดือ
แก่นเรื่ องของหนังสือเล่มนี ้คือข้ อคิดที่ว่าการไปถึงจุดหมายที ่วางไว้แต่กลับต้องทิ้ ง
เพือ่ นและครอบครัวนัน้ ความสาเร็ จทีไ่ ด้มากลับไร้ความหมาย
หนังสือเล่มนีเ้ ป็ นอีกเล่มหนึ่งที่มีชื่อเรื่ องและคาโปรยสอดคล้ องกันกับแก่นเรื่ อง
กล่าวคือ ชื่อเรื่ องนีเ้ ป็ นการเปรี ยบเทียบอันซับซ้ อนให้ เห็นความสัมพันธ์ ของ “ประเทศเนปาล”
และคาว่า “สะดือ” ว่าหากเปรี ยบประเทศเนปาลเป็ นมนุษย์คนหนึ่งแล้ ว เมืองต่างๆ ที่พวกเขา
เดินทางมานี ้เทียบได้ กบั บริเวณสะดือของมนุษย์ที่นอนราบกับพื ้น และความสูงของภูเขาปุนฮิลล์ที่
พวกเขาปี นป่ ายขึน้ ไปก็ เ ที ย บได้ กับ ความสูง ระดับ สะดื อ ของมนุษ ย์ ที่ ยื น อยู่ และนิ ว้ กลมยัง
เปรี ยบเทียบ สะดื อ กับ ครอบครัวอีกด้ วยว่า “สะดือ” เป็ นอวัยวะที่มีความสาคัญกับเรามากใน
ตอนที่อยู่ในครรภ์ มารดา แต่เมื่ อเราลืม ตาออกมาดูโลก เรากลับไม่ค่อยได้ ใส่ใจอวัยวะนี เ้ ลย
เช่นเดียวกับในชีวิตเราที่มกั จะมุง่ หาความก้ าวหน้ าและความสาเร็ จให้ กบั ตนเองจนบางครัง้ เราอาจ
ลืมครอบครัวที่อยูเ่ บื ้องหลังเรานัน่ เอง ซึง่ สอดคล้ องกับแก่นเรื่ องที่ชี ้ให้ เห็นว่าเราควรให้ ความสาคัญ
กับทังเป
้ ้ าหมายในชีวิตและครอบครัวของเรา
ส่วนคาโปรยในหนังสือเล่มนี ้ นามาจากคาพูดตอนหนึ่งที่นิ ้วกลมนาไปกล่าวกับ
เพื่อนสนิทสองคนเพื่อจะโน้ มน้ าวให้ พวกเขาตกลงมาเที่ยวประเทศเนปาลด้ วยกันกับนิ ้วกลม คา
โปรยนี ้กล่าวว่า“เงินทองเก็บเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ประสบการณ์บางอย่างต้ องเก็บตอนมีแรง”
๓. สมองไหวในฮ่ องกง
สมองไหวในฮ่ องกง นับว่ามีเนือ้ หาและการเรี ยบเรี ยงฉี กแนวไปจากหนังสื อ
ก่อนหน้ านี ้ทังสามเล่
้ ม นัน่ คือ นิ ้วกลมเสนอว่า การไปเที่ยวฮ่องกงคนเดียวของเขาในครัง้ นันเกิ ้ ด
ความคิดต่างๆ เทียบได้ กบั อาการที่สมองสัน่ ไหวเพื่อรับรู้ความคิดและความรู้ สึกเหล่านัน้ เขาจึง
ตังชื
้ ่อหนังสือนี ้ว่า สมองไหวในฮ่ องกง และเรื่ องราวส่วนใหญ่ไม่ได้ กล่าวถึงฮ่องกงมากนักแต่
เน้ นที่การบอกเล่าความคิดความรู้สกึ ของเขาแบบละเอียด ทรรศนะที่เป็ นแก่นเรื่ องของหนังสือเล่ม
นี ้คือ ความสาคัญของสิ่ งต่างๆ ที ่เราพบเจอในชี วิต เขาเสนอต่อผู้อ่านว่า สิ่ งต่างๆ ที ่เราได้พบ
มันกลายเป็ นส่วนหนึ่งของตัวตนของเราไป ทัง้ โดยทีเ่ รารู้ตวั และไม่รู้ตวั และฝั งลึกลงในสมอง
หนังสือเล่มนี ้เป็ นอีกเล่มหนึง่ ที่มีแก่นเรื่ องและคาโปรยสอดคล้ องกับชื่อหนังสือด้ วย
คาโปรยในหนังสือเล่มนี ้เป็ นคากล่าวของ โอโช ผู้เป็ นนักคิด นักปรัชญานอกระบบที่มีชื่อเสียงโด่ง
ดังในยุโรป อเมริกา และอินเดียกล่าวว่า “การที่ท่านไวต่อความรู้สึกนัน้ มันทาให้ ใบหญ้ าเล็กๆ นี ้
มีความสาคัญพอๆ กับดวงดาวที่ยิ่งใหญ่ได้ เลย”
๑๘๔
๔. นั่งรถไฟไปตู้เย็น
แก่นเรื่ องของเรื่ องนีไ้ ม่ได้ สอดคล้ องกับชื่อเรื่ องเช่นในหนังสือสามเล่มแรก แต่
สอดคล้ องกับคาโปรยและทรรศนะของนิ ้วกลม เกี่ยวกับความคิดที่ว่า “เจ้ าของโลกใบนี ้คือหนุ่ม
สาว” เนื่องจากเขาสะดุดกับภาพของคนในวัยหนุ่มสาวที่โดยสารรถไฟขบวนเดียวกันกับพวกเขา
แล้ วเขาก็ได้ ถามตนเองว่าความหนุ่มสาวมีประโยชน์ต่อชีวิตของเราในด้ านใดบ้ าง คาตอบก็คือ
ความหนุม่ สาวทาให้ เกิดความคิดที่วา่ ทุกสิ่ งเป็ นไปได้ เช่นเดียวกับการที่เขาและเพื่อนตัดสินใจมา
เที่ยวทังๆ
้ ที่ไม่ได้ วางแผนมาก่อน ซึ่งการคิดในลักษณะนี ้ก็ได้ ให้ บทเรี ยนอันมีคา่ กับเขาและเพื่อน
ร่วมทาง ดังในคาโปรยที่นามาจากท่อนหนึ่งของเนื ้อเพลง Penny on the train track ของ
Ben Kweller ที่ผ้ วู ิจยั ถอดความได้ ว่า ถ้าหากคุณไม่อาจควบคุมเส้นทางชี วิตได้ ก็จงหันมา
ควบคุมพวงมาลัยรถ และขับเคลื ่อนมันไป แค่แล่นออกไป ... เพื ่อจะได้ค้นพบสถานที ่ใหม่ๆ ที ่
คุณไม่เคยรู้จกั
๕.๒ อภิปรายผลการวิจัย
ผู้วิจยั เห็นว่า งานวิจยั นี ้มีข้อสังเกตที่ควรนามากล่าวถึงในการอภิปรายผลการวิจยั
๒ ประเด็นดังที่จะกล่าวถึงต่อไปนี ้
ค าตอบที่ ชัด เจนขึ น้ ว่ า สารคดี ท่ อ งเที่ ย วของนิ ว้ กลมเป็ นตัว อย่า งพัฒ นาการใหม่ข องสารคดี
ท่องเที่ยวต่างประเทศหรื อเป็ นเพียงการพยายามฉีกแนวการเขียนของนักเขียนผู้นี ้เท่านัน้
๕.๓ ข้ อเสนอแนะ
ภาษาไทย
เกศราพร มากจันทร์ . การวิเคราะห์สารคดีทอ่ งเที่ยวสาธารณรัฐประชาชนจีน พระราชนิพนธ์
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี . วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต,
ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๘.
ใกล้ รุ่ง อามระดิษ. ร้ อยแก้ วแนวขบขันของไทยตังแต่ ้ สมัยรัชกาลที่ ๕ ถึงรัชกาลที่ ๗.
วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๓๒.
กุหลาบ มัลลิกะมาส. วรรณกรรมไทย. พระนคร: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยรามคาแหง, ๒๕๑๙.
จุฬารัตน์ เตชะโชควิวฒ ั น์, นพวรรณ บุญสม, ประภา แสงทองสุข, วันชัย สีลพัทธ์กลุ ,
วิภา งามฉันทกร และสร้ อยสุดา ณ ระนอง. พจนานุกรมญี่ปนุ่ – ไทย. กรุงเทพฯ :
ภาษาและวัฒนธรรม, ๒๕๔๘.
ชลดา สุจริ ตจันทร์ . การวิเคราะห์หนังสือท่องเที่ยวประเทศไทย ซึง่ ตีพิมพ์ระหว่าง พ.ศ.
๒๕๓๑-๒๕๔๒. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, สาขาวิชาบรรณารักษศาสตร์ และ
สารนิเทศศาสตร์ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๔.
ณัฐพร พานโพธิ์ทอง. มองคัทลียาจ๊ ะจ๋าจากมุมนักภาษา: เนื ้อหาและกลวิธี. กรุงเทพฯ:
โครงการเผยแพร่ผลงานวิชาการ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย,
๒๕๔๙.
ดวงเนตร์ มีแย้ ม. การศึกษาพัฒนาการของการเขียนสารคดีทอ่ งเที่ยวต่างประเทศตังแต่ ้
พุทธศักราช ๒๔๗๕ จนถึงพุทธศักราช ๒๕๔๐. วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต,
สาขาวิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร, ๒๕๔๔.
ถวัลย์ มาศจรัส. สารคดีและการเขียนสารคดี. กรุงเทพฯ: มิตใิ หม่, ๒๕๓๘.
เทวัญกานต์ มุง่ ปั่ นกลาง. กามนิต : กลวิธีการนาเสนอกับแนวคิดทางพุทธศาสนา.
วิทยานิพนธ์ปริญญามหาบัณฑิต, ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๕.
ธนรัชฎ์ ศิริสวัสดิ์. เอกสารการสอนชุดวิชาภาษาไทย ๗ (วรรณคดีวิจารณ์สาหรับครู ). พิมพ์
ครัง้ ที่ ๒. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, ๒๕๓๒.
๑๘๙
สายทิพย์ นุกลู กิจ. วรรณกรรมไทยปั จจุบนั . พิมพ์ครัง้ ที่ ๓. กรุงเทพฯ: เอส. อาร์ . พริ น้ ติ ้ง,
๒๕๓๙.
สุวฒ
ั นา วรรณรังษี . ภาษาในวรรณกรรมของสุวรรณี สุคนธา: ความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดกับ
จินตภาพ. วิทยานิพนธ์ ปริญญามหาบัณฑิต, ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ๒๕๔๐.
เสริมแสง พันธุมสุต, หม่อมหลวง. เอกสารการสอนชุดวิชาภาษาไทย ๖ (การเขียนสาหรับครู ).
พิมพ์ครัง้ ที่ ๒. นนทบุรี: มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช, ๒๕๓๓.
อนุมานราชธน, พระยา. การศึกษาวรรณคดีแง่วรรณศิลป์. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน,
๒๕๓๓.
ภาษาอังกฤษ
ผู้วิจัย: ทาไมคุณเน้ นเรื่ อง การท่ องเที่ยวทาให้ เราเข้ าใจคนอื่นแต่ สุดท้ ายเราจะเข้ าใจ
ตนเอง และเรื่องจุดหมายไม่ สาคัญเท่ าเรื่องราวระหว่ างทาง สองประเด็นนีม้ ันมีท่ ีมาจาก
อะไรคะ ?
เราว่า อย่างประโยคแรก การเดินทางทาให้ เราเข้ าใจคนอื่น คือ คนเรามีโลกคน
ละใบ เรารู้สกึ ว่าเราเดินเล่นอยูบ่ นโลกเราตลอด จริ งๆแล้ วตัวตนของเราเริ่ มฟูมฟั กตังแต่
้ เรารู้สึกถึง
ตัวเอง ว่านี่ตวั ฉัน นี่ตวั เธอ และตังแต่
้ เด็กเรารู้สกึ ว่าตัวเองเป็ นศูนย์กลาง หิวนมแม่ก็ต้องป้อนนม
เริ่มถูกปลูกฝั ง นี่เสื ้อของฉัน ฉันแต่งตัวแบบนี ้เสื ้อสีขาว ฉันๆๆๆ เยอะมาก แล้ วเราก็เริ่ มสร้ างโลก
ของเราขึ ้นมา เราเคยชินกับการอยู่แบบนี ้ตลอด ฟั งเพลงแบบนี ้ตลอด นี่คือโลกของเรา เราเริ่ มรู้สึก
ว่า “โลกมันก็ต้องแบบนี ้ล่ะวะ” และเราก็ออกไปจากโลกของเราน้ อยมาก โดยเฉพาะตอนหนุ่มสาว
ที่ตวั ตนเราเต็มที่แล้ วและคิดเองว่า “กูนี่แหละโลก” แต่จริ งๆ มันไม่ใช่เลย พอเราออกไปจากโลก
ใบนี ้ โอ้ โห ... มันยังมีอย่างอื่น มี คนอื่นที่เขาไม่เหมือนเราเลย มีความสุขแบบอื่น มีชีวิตรูปแบบ
อื่น
ครัง้ แรกที่ไปอินเดีย ได้ ไปเจอจัณฑาล จัณฑาลนี่ไม่ร้ ูวา่ เรี ยกว่าชีวิตดีมยั ้ คือ เขา
ยิ่งกว่าขอทาน นอนแล้ วแมงวันตอม เขาอยูไ่ ด้ ยงั ไง และที่อินเดียหรื อเนปาลนี่จะเจอคนที่ทงวั
ั ้ นนัง่
อยูห่ น้ าบ้ านไม่ทาอะไรเยอะมาก มันก็อยูก่ นั ได้ เนอะ เขาก็สามารถอยู่ได้ ในเมืองที่สกปรก ช้ าง ม้ า
วัว ควาย เดินกันเต็มถนน เราจึงรู้สึกว่าชีวิตมันมีรูปแบบอื่น หรื ออย่างคนญี่ปนที ุ่ ่ทางานหนักมาก
แล้ วก็มาปลดปล่อย
แต่วา่ ก่อนที่เราจะเอาโลกเราไปตัดสินเขาถือไม้ บรรทัดไปเที่ยว เราคิดว่าไปดูเฉยๆ
ดีกว่า ไปหยิบไม้ บรรทัดเขากลับบ้ านมาดีกว่า เราจะได้ มีไม้ บรรทัดหลายๆแบบ แทนที่จะไปดู
แล้ วตัดสิน เราว่าไปดูเพื่อรู้ ดีกว่า การได้ ไปเที่ยวไม่กี่วนั ไม่ทาให้ เข้ าใจชีวิต วัฒนธรรมของเขา
มากเท่าไหร่หรอก แต่มนั ทาให้ ตาและใจเรากว้ างขึ ้น เปิ ดพื ้นที่ให้ กบั ความคิด และเปิ ดวิธีการอย่าง
อื่นในการใช้ ชีวิตของคนมากขึ ้น
เราเลยรู้สกึ ว่าการเดินทางไปมันทาให้ เราเข้ าใจเขา ในขณะเดียวกัน เราเห็นเขาก็
กลับมามองตัวเองว่าที่เราเป็ น มีดีหรื อไม่ดีอะไร? สมมติเราไปญี่ ปนครั ุ่ ง้ แรก โห ... เมืองสะอาด
เป็ นระเบียบมากเลย แล้ วกลับมามอง กทม.แว้ บแรก น ้าไม่ใส รถก็ติด รถไฟฟ้าไม่ได้ วางแผนอะไร
เลย อยากขึ ้นก็ขึ ้น สายไฟฟ้าก็ หงิกงอ ไปดูนิวยอร์ คแท็กซี่ทกุ คันมันสีเหลืองทาไมไทยสีลกู กวาด
๒๐๐
แรกเลื อ กอยู่ร ะหว่ า งสองชื่ อ คื อ “คนละโตเกี ย วเดี ย วกัน ” เราคิด ว่ า ก็ เ ป็ นมุม นึ ง ของหนัง สื อ
เหมือนกันแต่ theme ใหญ่กว่านันคื
้ อความฝั นไม่มีขา ใช่มยดั
ั ้ งนัน้ อีกชื่อที่ตงไว้
ั ้ คือ “โตเกียวไม่มี
ขา เธอต้ องเดินไปหามันเอง” ตอนแรกไม่แคร์ นะ ยาวก็ไม่เห็นเป็ นไร แต่พอตัดไปตัดมา ห้ วนๆ มันดู
งงกว่า เราว่าความงงบางทีมีเสน่ห์ เพราะคนอ่านจะคิดว่า “อะไรวะ” มันก็เลยกลายเป็ นว่าพอมี
อวัยวะแล้ วสนุกดี เล่มแรกๆ ก็เลยออกมาเป็ นอวัยวะซึ่งไม่ได้ เป็ นอวัยวะที่ตงขึ
ั ้ ้นมามัว่ ๆ แต่เป็ น
อวัยวะที่คดิ ว่าผูกกับแก่นของเรื่ องแล้ ว
วิธีตงชื
ั ้ ่อก็มีหลายแบบนะ มันมีวิธีคิดหลายๆ อย่าง เราคิดว่าคนเราไม่ควรยึดติด
กับความเป็ นตัวของตัวเอง ความเป็ นตัวของตัวเองไม่มีจริ ง คนที่เป็ นแบบนันเรี
้ ยกว่ามี อตั ตา เรา
เลยคิดว่าไม่ควรตังชื
้ ่อเกี่ยวกับอวัยวะไปตลอดชีวิต นิ ้วกลมไม่ต้องมีอวัยวะ เราก็เลยพอแล้ ว จะ
ตังชื
้ ่อที่เกี่ยวกับอวัยวะให้ ครบเลยเหรอ? มีวิธีอื่นที่จะตังให้
้ มนั สะดุดได้ เหมือนกัน เลยคิดว่าชื่อ
หนังสือ นั่งรถไฟไปตู้เย็นมันก็ “อะไรวะ” ได้ เหมือนกันแหละไม่เห็นต้ องพึง่ อวัยวะ ใช่มยั ้ ?
พอเล่มต่อไปอยากลองอีกแบบว่าชื่อไม่สะดุดเลย ลอนดอนไดอารี่ ฯ ชื่อดูเงียบๆ
แต่ว่าอยากจะให้ มนั สะดุดด้ วยคาโปรย เลยโปรยว่า พอจะมีเวลาให้ ความสุขบ้ างไหม ซึ่งจริ งๆ
อันนันคื
้ อชื่อหนังสือ แต่ก็อยากลอง อาจเพราะเรี ยนสถาปั ตย์ด้วยและเราทาโฆษณาด้ วย เราเลย
อยากลองนะ บางอย่างที่ออกไปเราก็ร้ ูว่าอาจจะขายไม่ได้ คนเขาจะชอบหรื อเปล่าเราก็ อยากลอง
อยูด่ ี นวนิยายมีมือ (ชื่อหนังสือ – ผู้วิจยั ) ก็เกิดจากเราอยากลองว่ามันจะเป็ นยังไง “ชีวิตมันนิด
เดียวเองนะ จะไปเกร็ งทาไม มีคนพิมพ์ให้ ก็พิมพ์ไป ไม่ใช่เงินกูนี่หว่า ” ( หัวเราะเสียงดัง) การตัง้
ชื่อมีหลายแบบ จะพยายามออกแบบให้ อย่างน้ อยบนหน้ าปกต้ องมีถ้อยคาหรื อว่าอะไรที่ดงึ ดูดปก
ให้ ได้ ตังตามคาแร็
้ คเตอร์ ที่เราเป็ น อย่าพยายามเป็ นอย่างอื่น ถ้ าเป็ นคนขี ้เล่นทะลึ่ง ก็ เป็ นอย่าง
นันแหละไม่
้ ต้องเริ่ดหรู เท่ห์ นิ่ง คูล เราเป็ นคนแบบนี ้ก็ตงแบบนี
ั้ ้
____________
๒๐๘
ประวัตผิ ้ ูเขียนวิทยานิพนธ์