You are on page 1of 68

29/12/2558 สภาวิ

ศวกร

วิ
ชา : Computer Programming
เนื
焐ꉬ
อหาวิ
ชา : 1 : ความรู
พื
้นฐานทางด
焐ꉬ านคอมพิ
้ วเตอร์

ข อที
้ ꂇ
1 : หน่
วยเก็
บความจํ
าที
ติ
ꂇดต่
อกับ CPU ไดเร็
้วทีสุ
ꂇดคื
ออะไร

1 : CD­ROM
2 : HARD DISK
3 : SDRAM
4 : REGISTER

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
2 : ลํ
าดับขันตอนการทํ
焐ꉬ างานของคอมพิ
วเตอร์
มอ
ีย่
างไร

1 : เริ

ꂇคํานวณ ประกาศชนิดตัวแปร รับข อมู
้ล แสดงคํ
าตอบ จบ
2 : เริ

ꂇประกาศชนิดตัวแปร รับข อมู
้ล คํานวณ แสดงคํ
าตอบ จบ
3 : เริ

ꂇรับข อมู
้ล ประกาศชนิดตัวแปร คํานวณ แสดงคํ
าตอบ จบ
4 : เริ

ꂇรับข อมู
้ล ประกาศชนิดตัวแปร แสดงคําตอบ คํ
านวณ จบ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
3 : ข อใดต่
้ อไปนี
焐ꉬ
คื
อคุ
ณบัต ิ
Portable ของการเขี
ยนโปรแกรม

1 : สามารถเขี 焐ꉬ สุ
ยนโปรแกรมไดสั้นทีꂇด
2 : สามารถเขียนโปรแกรมใหประมวลผลได
้ เร็
้วทีสุ
ꂇด
3 : สามารถเขียนโปรแกรมเพื
อทํ
ꂇ างานข ามเครื
้ อข่ ายได ้
4 : สามารถยายโปรแกรมไปทํ
้ างานยังเครืองคอมพิ
ꂇ วเตอร์
ต่
างระบบได ้
5 : ถู
กทุ
กข อ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
4 : อะไรคื
อคุ
ณสมบัตข
ิองหน่
วยความจํ
าประเภท ROM (Read Only Memory)

1 : สามารถอ่าน และเขี
ยนได ้
2 : สามารถอ่านไดอย่
้างเดี
ยว
3 : สามารถเขียนไดอย่
้างเดี
ยว
4 : ไม่
ส ามารถอ่
านและเขี
ยนได ้
5 : ไม่
มขีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
5 : อะไรคื
อคุ
ณสมบัตข
ิอง หน่
วยความจํ
าประเภท RAM (Random Access Memory)

1 : สามารถอ่าน และเขี
ยนได ้
2 : สามารถอ่านไดอย่
้างเดี
ยว
3 : สามารถเขียนไดอย่
้างเดี
ยว
4 : ไม่
ส ามารถอ่
านและเขี
ยนได ้
5 : ไม่
มขีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
6 : ข อมู
้ล1 MB มี
ข นาดตรงกับข อใด

1 : 1024 Byte
2 : 1000000 Byte
3 : 1048576 Byte
4 : 1024000 Byte

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
7 : ข อมู
้ล 1 GB มี
ข นาดตรงกับข อใด

หมายเหตุ เครื
องหมาย
ꂇ ^ หมายถึ
งการยกกําลัง เช่
น 4^2 KB หมายถึ
ง 4 ยกกํ
าลัง 2 KiloByte

1 : 10^3 KB
2 : 1024 KB
3 : 2^10 KB
4 : 2^20 KB

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
8 : ทํ
าไมคอมพิ
วเตอร์
จงึ ้
ใชเลขฐานสองในการเก็
บข อมู
้ล

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 1/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : คอมพิวเตอร์
มรี
ะดับ Voltage แค่2 ระดับ
2 : คอมพิวเตอร์
ประกอบดวยวงจรอิ
้ เล็
กทรอนิ กส์ ꂇลักษณะการทํ

ซงมี างาน 2 โหมด เหมื
อนสวิ
ทซ์ เปิ
ด ­ ปิ

3 ้
: การใชเลขเพี
ยงแค่ 2 เลขในการเก็บข อมู
้ลทํ าใหคนสามารถติ
้ ดต่
อกับคอมพิวเตอร์
ไดง่
้ายขึ

焐ꉬ
4 : ไม่
มข
ีอใดถู
้ กตอง ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
9 : ข อใดไม่
้ ใช่
หน่
วยความจํ
าคอมพิ
วเตอร์

1 : Random­access memory
2 : Read­only memory
3 : Harddisk
4 : Basic input/output system (BIOS)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
10 : คอมพิ
วเตอร์
ประเภทใดมี
ประสิ
ทธิ
ภาพในการทํ
างานสู
งสุ

1 : คอมพิวเตอร์
พกพา
2 : เซิ
รฟ
์เวอร์
คอมพิวเตอร์
3 : ซู
เปอร์
คอมพิวเตอร์
4 : ไมโครคอมพิวเตอร์

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
11 : ข อใดคื
้ อส่ วนประกอบหลักของคอมพิ
วเตอร์

1 : หน่
วยรับข อมู
้ล หน่
วยประมวลผลกลาง หน่วยความจํ
าหลัก หน่
วยเก็
บข อมู
้ลสํ ารอง และหน่
วยแสดงผล
2 : หน่
วยรับข อมู
้ล หน่
วยประมวลผลกลาง หน่วยความจํ
าหลัก หน่
วยความจําสํ
ารอง และหน่วยแสดงผล
3 : หน่
วยรับข อมู
้ล หน่
วยประมวลผลกลาง หน่วยความจํ
าหลัก และหน่
วยแสดงผล
4 : หน่
วยประมวลผลกลาง หน่วยความจํ
าหลัก หน่
วยเก็
บข อมู
้ลสํารอง และหน่วยแสดงผล

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ 12 : จงพิ
จารณาว่
าข อความใดกล่
้ าวถู
กตองสํ
้ าหรับการทํ าสัꂇ
างานของคํ งต่อไปนี
焐ꉬ
double d = 9.9;
int i = 2;
i = (int)d;

1 : ชนิ
ดของข อมู
้ลตัวแปร d มี การเปลียนแปลง
ꂇ
2 : ค่
าที
จั
ꂇดเก็
บในตัวแปร d มีการเปลียนแปลง
ꂇ
3 : ค่
าที
จั
ꂇดเก็
บในตัวแปร i มี
การเปลียนแปลง
ꂇ
4 : ค่
าที
จั
ꂇดเก็
บในตัวแปร i และ d มี
การเปลี
ยนแปลง
ꂇ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ าสัꂇ
13 : คํ งใดที
ทํ
ꂇาการเปลี
ยนแปลงค่
ꂇ าที
จั
ꂇดเก็
บในตัวแปร x

1 : x +=3;
2 : y=x+3;
3 : x *=1;
4 : x /=1;

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
14 : ข อใดคื
้ อหน าที
้ ของ
ꂇ Compiler

1 : ช่
วยติดต่
อกับอุปกรณ์ คอมพิ
วเตอร์
2 : ช่
วยแกไขรหั
้ ส คํ าสัꂇ
งโปรแกรมใหถู
้กตอง

3 : ช่
วยจัดสรรทรัพยากรภายในระบบคอมพิ วเตอร์
ใหกั้
บโปรแกรมต่ าง ๆ
4 : ช่
วยแปลคํ าสัꂇ
งภาษาโปรแกรมต่ าง ๆ ใหคอมพิ
้ วเตอร์ เข าใจและทํ
้ างานได ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
15 : ข อใดต่
้ อไปนี
焐ꉬ
คื
อความหมายของโปรแกรม

1 : ชุ าสัꂇ
ดคํ งเพือทํ
ꂇ าใหคอมพิ
้ วเตอร์ ปฏิ
บัตงิ
าน
2 : สัญลักษณ์ ทสื
ี ꂇ
ꂇอความหมายใหเครื
้ องคอมพิ
ꂇ วเตอร์ ꂇ
และคนสามารถสื
อสารกั
น ไดโดยผ่
้ านกรรมวิ
ธท
ีกํ
ꂇาหนดขึ
ี น
焐ꉬ
3 : ชุดของเลขฐานสองอาทิ 01101011 ทีคอมพิ
ꂇ วเตอร์เข าใจ

4 : ถู
กทุกข อ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
16 : เครื
องคอมพิ
ꂇ วเตอร์
ในยุ
คที
ꂇ ้
2 ใชเทคโนโลยี
ใด

1 : ทรานซิส เตอร์
(Transistors)
2 : หลอดแกวสุ้ญญากาศ (Vacuum tubes)
3 : ไมโครโพรเซสเซอร์ (Microprocessors)

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 2/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
4 : วงจรรวม (Integrated circuits)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ าสัꂇ
17 : การประมวลคํ งในลักษณะการทํ
างานแบบสายท่
อ (pipelining) สอดคลองกั
้ บข อใด

1 : การประมวลผลแบบแถวลํ าดับ (Array processing)


2 : การประมวลผลแบบขนาน (Parallel processing)
3 : สถาปั ตยกรรม Von Neumann
4 : ระบบหลายตัวประมวลผล (Multiprocessing)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
18 : ข อใดเป็
้ นความแตกต่
างระหว่
าง Compiler และ Interpreter ที
ถู
ꂇกตอง

1 : Compiler ทํ
าหน าที
้ แปลภาษาคอมพิ
ꂇ วเตอร์ทล ีะบรรทัด แต่Interpreter จะแปลภาษาทังโปรแกรม
焐ꉬ
2 : Compiler แปลไดเฉพาะภาษาเครื
้ อง
ꂇ แต่Interpreter จะแปลไดทุ ้กภาษา
3 : Compiler จะทํ
าการแปลภาษาคอมพิ วเตอร์ทงโปรแกรม
ั 焐ꉬ แต่Interpreter จะแปลภาษาคอมพิ วเตอร์
บรรทัดต่
อบรรทัด
4 : ในการ Debug โปรแกรม ควรใช ้
Compiler ในการแปลมากกว่ า Interpreter เพราะจะหาข อผิ
้ ดพลาดไดง่
้ายกว่

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
19 : หลังจากที
ทํ
ꂇาการเขี
ยนโปรแกรมจนเสร็
จเรี
ยบรอยแล
้ ว้จะตองคั
้ ดลอกไฟล์
ใดหากตองการนํ
้ าโปรแกรมไปใหผู
้อื
้นใช ้
ꂇ งาน

1 : Executable File
2 : Source File
3 : Object File
4 : Library File

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
20 : ข อใดที
้ ไม่ ส่
ꂇ ใช่วนประกอบของคอมพิ
วเตอร์

1 : คียบ
์อร์

2 : เมาท์
3 : จอภาพ
4 : กล่องเก็
บซอล์
ฟแวร์

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
21 : โปรแกรมคอมพิ
วเตอร์
ใดที
มี
ꂇลักษณะคลายโปรแกรมภาษาเครื
้ อง
ꂇ

1 : COBAL
2 :C
3 : C++
4 : ASSEMBLY

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
22 : ข อใดถู
้ กตองสํ
้ าหรับการหาผลลัพธ์
ในการประผวลผลข อมู
้ลในระบบคอมพิ
วเตอร์

1 : หน่
วยอิ
น พุ

2 : หน่
วยเอาท์
พทุ
3 : หน่
วยความจําข อมู
้ล
4 : หน่
วยประมวลผลกลาง

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
23 : การแปลภาษาเครื
องที
ꂇ ละลํ
าดับหมายถึ

1 : Translator
2 : Result
3 : Interpreter
4 : Complier

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
24 : โฟลว์
ชาร์
ทตามรู
ปข างล่
้ างนี
焐ꉬ
หมายถึ

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 3/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : ขบวนการประมวลผล
2 : อิ
น พุ
ท เอาท์ พท

3 : จุ
ดเชืꂇ อภายในหน าเดี
อมต่ ้ ยวกัน
4 : การตัดสิ
น ใจ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
25 : ข อใดไม่
้ ใช่
หน่
วยเก็
บข อมู
้ลทีสามารถแก
ꂇ ไขได
้ ้

1 : RAM
2 : ROM
3 : Harddisk
4 : CompactFlash

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
26 : ข อใดไม่
้ ส่
ใช่วนประกอบภายใน CPU ของไมโครคอมพิ
วเตอร์

1 : Cache memory
2 : ALU (Arithmetic Logic Unit)
3 : Harddisk
4 : Program Counter Register (PC)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
27 : ระบบปฏิ
บั ต ก
ิาร (Operating Systems) ตัวใดไม่
ไดถู
้กพัฒนาสํ ꂇ ซ ี
าหรับเครื
องพี

1 : Unix
2 : Linux
3 : Windows XP
4 : Symbian

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ28 : จาก pseudocode:
a=0;
for i=1 to 10
a=a+3;
end
show_the_value_of(a);
ผลลัพธ์ ทได
ꂇ คื
ี ้ออะไร

1 :0
2 :1
3 : 27
4 : 30

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
29 : จาก pseudocode: a=receive_input_from_user();
if a>5 and a<10 then
if a=8 then
a=a+9;
else
a=a+10;
end
else
if a=0 then
a=a­10;
end
end
ถา้run pseudocode ดังกล่าว 3 ครัง焐ꉬโดยกํ
าหนดให ้
input จาก user คื
อ 10, 3, 7 ตามลํ
าดับ ผลลัพธ์
ข องค่
า a ที
ได
ꂇ ในแต่
้ ละรอบคื
อ:

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 4/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : 0 0 70
2 : 18 ­7 0
3 : 9 10 ­3
4 : 10 3 17

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
30 : ข อใดบรรยายคุ
้ ณลักษณะของ Random Access Memory (RAM) ที
ใช ้ องคอมพิ
ꂇ ในเครื
ꂇ วเตอร์
ไดเหมาะสมที
้ สุ
ꂇด

1 : ขนาดทีใช ้
ꂇ งานในเครื
องคอมพิ
ꂇ วเตอร์ทวไปแบบตั
ัꂇ งโต๊
焐ꉬ ะคื
อ 40 Gbyte
2 : ราคาถู
กทีสุ
ꂇดเมื
อเที
ꂇ ยบกับราคาของหน่ วยความจํ
าชนิดอื

ꂇ
3 : ความเร็
วในการทํ ้
างานชามากเมื อเที
ꂇ ยบกับการทํางานของหน่วยความจํ
าชนิ
ดอื

ꂇ
4 : ข อมู
้ลทีเก็
ꂇบจะสูญหายเมือปิ
ꂇ ดเครือง
ꂇ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
31 : ไวรัส คอมพิ
วเตอร์
คอ
ือะไร

1 焐ꉬ
: เชื
อโรคชนิ
ดหนึ
ꂇ
งทีติ
ꂇดต่
อระหว่างผูใช ้ าใหเกิ
้งานทํ ้ดการเจ็บป่วย ในขณะทีเข
ꂇาใช ้
้ งานตามร านอิ
้ น เตอร์
เนตคาเฟ่
2 焐ꉬ
: เชื
อโรคชนิ
ดหนึ
ꂇ
งทีติ
ꂇดต่
อจากเครืองคอมพิ
ꂇ วเตอร์
มายังผู
ใช ้ แต่
้งาน มค
ีวามรุ
น แรงไม่
มาก
3 : โปรแกรมคอมพิ
วเตอร์ทถู
ꂇกพัฒนาขึ
ี นมาเพื
焐ꉬ อใช ้
ꂇ การตรวจสอบการทํ างานระบบป้ องกัน
4 : โปรแกรมคอมพิวเตอร์
ทประสงค์
ꂇ
ี รายต่
้ อข อมู
้ลและการทํ างานของเครืองคอมพิ
ꂇ วเตอร์ ꂇ
ซึ
งสามารถแพร่ ꂇ ่
กระจายจากเครื
องสู
เครื
อง ้ วมกัน ของไฟล์
ꂇ โดยการใชงานร่ หรื
อโปรแกรมต่
าง

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
32 : ข อใดผิ
้ ด

1 : ฮาร์
ดแวร์
ข องคอมพิวเตอร์
คอืสิꂇ จั
งที ꂇบตัองได ้
เช่
น หน่
วยประมวลผล
2 : ฮาร์
ดดิ
กส์เป็
นฮาร์ดแวร์
ชนิดหนึ ꂇ

3 : ฮาร์
ดแวร์
ทขาดไม่
ꂇ
ี ไดคื
้อตัวแปลโปรแกรม
4 : หน่
วยความจํ าเป้
นฮาร์
ดแวร์ทสํ
ꂇาคัญ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
33 : ข อใดไม่
้ ใช่ꂇoperating systems

ชอ

1 : Windows 2000
2 : Windows Office
3 : Windows XP
4 : Linux

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
34 : ข อใดไม่
้ ใช่ꂇ

ชอภาษาคอมพิ
วเตอร์

1 : Intel
2 : JAVA
3 : Basic
4 :C

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
35 : จงบอกว่
าอุ
ปกรณ์
ใดต่
อไปนี
焐ꉬ
เป็
นอุ
ปกรณ์
ประเภท standard output

1 : printer
2 : monitor
3 : diskette
4 : Key board

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
36 : จงบอกว่
าอุ
ปกรณ์
ใดต่
อไปนี
焐ꉬ
เป็
นอุ
ปกรณ์
ประเภท standard input

1 : printer
2 : monitor
3 : diskette
4 : Keyboard

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
37 : ข อใดไม่
้ เกี
ยวข
ꂇ องกั
้ บการเขี
ยนโฟลว์
ชาร์

1 ส่
: การระบุ วน start/end ของโปรแกรม
2 : การระบุ
เงื
อนไขการทํ
ꂇ างานต่
างๆของโปรแกรม
3 : การระบุ
ภาษาที จะใช
ꂇ เขี้ยนโปรแกรม
4 : การระบุ
ตัวแปรทีจะใช ้
ꂇ ในการคํ านวณ

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 5/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
38 : ข อใดไม่
้ ใช่
ตัวอย่
างของอุ
ปกรณ์
input

1 : Keyboard
2 : Mouse
3 : Monitor
4 : Scanner

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
39 : ค่
าเลขฐาน 16 ต่
อไปนี
焐ꉬ
คื
อ 123 จะมี
ค่
าเท่
ากับเลขฐานสองเท่
าใด

1 : 0010 0010 0011


2 : 0001 0001 0010
3 : 0010 0010 0010
4 : 0001 0010 0011

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
40 : อุ
ปกรณ์
ใดไม่
ส ามารถนํ ้นหน่
ามาใชเป็ วยความจํ
าหลัก(main memory)ของคอมพิ
วเตอร์

1 : RAM
2 : ROM
3 : PROM
4 : Flash Memory

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
41 : คอมพิ
วเตอร์
32 บิ
ต คื
อ คอมพิ
วเตอร์
ทมี
ꂇ

1 : หน่ วยความจําขนาด 32 บิ ต
2 : บัส ข อมู
้ล(data bus) ขนาด 32 บิ ต
3 : บัส แอดเดรส(address bus) ขนาด 32 บิ

4 : รี
จสิเตอร์(register) ขนาด 32 บิ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
42 : การนํ
าคอมพิ
วเตอร์ ้
ไปใชในการประมวลผลในข อใดไม่
้ น่
าเป็
นไปได ้

1 : คํ
านวณหาค่ าสู งสุ
ดของการรับนํ 焐ꉬ
าหนั กของสะพาน
2 : หาระยะทางทีสั 焐ꉬ สุ
ꂇนที ดจากเมื องหนึꂇ
งไปยังอี
กเมื
องหนึ
ꂇ

3 : พยากรณ์อากาศ
4 : พยากรณ์การเกิ ดแผ่น ดิ
น ไหว

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
43 : พอร์
ตอนุ
กรมแตกต่
างจากพอร์
ตขนานอย่
างไร

1 : พอร์
ตอนุ
กรมสามารถรับส่งข อมู
้ลได ้แต่พอร์ ตขนานส่ งข อมู
้ลไดอย่
้างเดี
ยว
2 : พอร์
ตอนุ
กรม ส่
งข อมู
้ลเรียงกัน ไปที
ละบิตบนสายหนึ งเส น้พอร์
ꂇ ตขนาน ส่
งข อมู
้ลในแต่ละบิ ้ กัน บนสายหลายๆ เส น้
ตออกไปพรอมๆ
3 : พอร์
ตอนุ
กรม ส่
งข อมู
้ลโดยผ่ านระบบปฏิบั ต ก
ิาร พอร์
ตขนาน สามารถเขี ยนโปรแกรมติดต่
อไดโดยตรง

4 : พอร์
ตอนุ
กรม ส่
งข อมู
้ลไดคราวละหนึ
้ ꂇ
งไบต์ พอร์ตขนานส่ งข อมู
้ลไดคราวละหลายๆ
้ ไบต์
5 :

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
44 : MO (Magneto­Optical) disk เป็
นหน่
วยความจํ
าที
มี
ꂇพนฐานบนเทคโนโลยี
焐ꉬ
ื ใด

1 : เทคโนโลยี ส ารกึ
งตั
ꂇ วนํา
2 : เทคโนโลยี แสง
3 : เทคโนโลยี แม่เหล็ก
4 : ข อ้ข. และค. รวมกัน เป็นคํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
45 : Unicode คื
ออะไร

1 : มาตรฐานชุ
ดคํ าสัꂇ
งทีใช ้ พย
ꂇ ในซี ีู
2 : มาตรฐานรหัส แทนข อมู
้ลที ใช ้
ꂇ ในการเก็
บและคํานวณของคอมพิวเตอร์
3 : มาตรฐานอุ
ตสาหกรรมสํ าหรับการออกแบบโปรแกรมคอมพิวเตอร์
4 ้
: มาตรฐานรหัส ใชในการแสดงตั วอักษรหรื
อข อความ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
46 : ข อใด
้ ไม่
ใช่
องค์
ประกอบของระบบคอมพิ
วเตอร์

1 : ฮาร์
ดแวร์焐ꉬ วนต่
ชิ
นส่ างๆ ที
ประกอบกั
ꂇ น เป็
นตัวเครื
อง
ꂇ

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 6/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
2 : ซอฟต์แวร์ โปรแกรมต่างๆ ที
จะให
ꂇ คอมพิ
้ วเตอร์ทํ
างาน
3 : ข อมู
้ล ตัวเลขต่ างๆ ที
เก็
ꂇบอยู

่ายในเครื
อง
ꂇ
4 : สมชายที ต
ꂇองใช ้ วเตอร์
้ คอมพิ เก็
บข อมู
้ลสัตว์
ในฟาร์

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
47 : ข อใดจั
้ ดเป็นหน่
วยความจํ
าหลักในระบบคอมพิ
วเตอร์

1 : RAM
2 : CD­ROM
3 : Floppy Disk
4 : Hard Disk

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
48 : หากตองการให
้ ประสิ
้ ทธิภาพของการทํ
างานของไดร์
ฟมี
ประสิ
ทธิ
ภาพที
สู
ꂇง คํ
ากล่
าวในข อใดถู
้ กตองที
้ สุ
ꂇด

1 : จะตองมี
้ ความเร็
วเฉลี
ยในการเข
ꂇ าถึ
้งข อมู
้ลทีสู
ꂇง และ ความเร็
วในการถ่
ายโอนข อมู
้ลทีตํ
ꂇꂇ

2 : จะตองมี
้ ความเร็
วเฉลี
ยในการเข
ꂇ าถึ
้งข อมู
้ลทีสู
ꂇง และ ความเร็
วในการถ่
ายโอนข อมู
้ลทีสู
ꂇง
3 : จะตองมี
้ ความเร็
วเฉลี
ยในการเข
ꂇ าถึ
้งข อมู
้ลทีตํ
ꂇꂇ
า และ ความเร็
วในการถ่
ายโอนข อมู
้ลทีสู
ꂇง
4 : จะตองมี
้ ความเร็
วเฉลี
ยในการเข
ꂇ าถึ
้งข อมู
้ลทีตํ
ꂇꂇ
าและ ความเร็
วในการถ่
ายโอนข อมู
้ลที ตํ
ꂇꂇ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
49 : พื
นที
焐ꉬ ที
ꂇเล็
ꂇกที
สุ
ꂇดในการอ่
าน หรื
อ เขี
ยนข อมู
้ลลงไปในแผ่
น ดิ
ส ก์
หรื
อ ฮาร์
ดดิ
ส ก์
เรี
ยกว่
าอะไร

1 : ไบต์(Byte)
2 : บิ
ต (Bit)
3 : เซกเตอร์ (Sector)
4 : แทร็
ก (Track)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
50 : เวลาในการเคลื
อนที
ꂇ ของหั
ꂇ วอ่านไปยังตํ
าแหน่
งที

ꂇองการอ่
้ านเขี
ยนข อมู
้ล เรี
ยกว่

1 : Header Move Time


2 : Maximum Move Time
3 : Minimum Access Time
4 : Maximum Access Time

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
51 : ความสามารถของระบบปฏิ
บั ต ก
ิารที
สามารถใช
ꂇ ้
งานโปรแกรมหลายๆ ตัวพรอมกั
้ น ไดเรี
้ยกว่

1 : Multitasking
2 : Object Linking
3 : Object Embedding
4 : Multi User

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
52 : ข อใดกล่
้ าวถึ
งคํ
าว่
า Hierarchical File System ไดถู
้กตองที
้ สุ
ꂇด

1 : การเก็
บรวบรวมข อมู
้ลว่ าโปรแกรมใดใชอุ ้ปกรณ์ตัวใดอยู ่
2 : โครงสรางการทํ
้ าเมนู
เพือใช ้
ꂇ งานในโปรแกรมต่ างๆ
3 : ระบบทีใช ้าหรับการใชข้
ꂇ สํ อมู
้ลร่ วมกัน ในโปรแกรมต่ างๆ
4 : โครงสรางการจั
้ ดเก็
บไฟล์ ข อมู
้ลทีมี
ꂇโครงสรางแบบระดั
้ 焐ꉬ
บชัน

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
53 : แป้
นพิ
มพ์
กลุ
่ ้างคํ
มใดใชสร ้ าสัꂇ
งลัดในการสัꂇ
งงานคอมพิ
วเตอร์

1 : คี
ยอ์ก
ั ขระ
2 : คี
ยต์ัวเลข
3 : คี
ยฟ์ั งก์
ชนัꂇ
4 : คี
ยเ์คลื อนย
ꂇ ายตั
้ วอักษร

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
54 : หน่
วยวัดความละเอี
ยดในการพิ
มพ์
ข องเครื
องพิ
ꂇ มพ์
มห
ีน่
วยเป็

1 : Dot Pitch
2 : PPM
3 : DPI
4 : bps

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
55 : พอร์
ท(Port)ชนิ
ดใดของคอมพิ
วเตอร์ ꂇ อแบบPnP(Plug and Play)
ส ามารถรองรับการเชื
อมต่

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 7/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : COM1
2 : COM2
3 : USB
4 : ISA

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
56 : หน่
วยใดไม่
ใช่
หน่
วยวัดการทํ
างานของคอมพิ
วเตอร์

1 : MIPS
2 : MFLOPS
3 : VUP
4 : IPS

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
57 : หน่
วยของข อมู
้ลในคอมพิ
วเตอร์
ทเล็
ꂇกที
ี สุ
ꂇดคื
ออะไร?

1 : Bit
2 : Byte
3 : Field
4 : Record

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ ꂇยมใชกั้
58 : มาตรฐานรหัส ใดที
นิ น มากในปั จจุ
บั น

1 : EBCDIC
2 : ASCII
3 : BCD
4 : UCB

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
59 : อุ
ปกรณ์
ใดต่
อไปนี
焐ꉬ
มี
การจัดเก็
บและเข าถึ
้งข อมู
้ลแบบลํ
าดับ

1 : Floppy Disk
2 : Hard Disk
3 : CDROM
4 : Tape

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
60 : ระบบเครื
อข่
ายใดมี
ข นาดใหญ่
ทสุ
ꂇด

1 : MAN
2 : LAN
3 : WAN
4 : ไม่
มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
61 : ความหมายของคํ
าว่
าขันตอนวิ
焐ꉬ ธี
(Algorithm) คื
อข อใด

1 : การทํ
าความเข าใจกั
้ บปั ญหาที
เกิ
ꂇดขึ

焐ꉬ
2 : การหาวิ
ธแ
ีกปั้
ญหา
3 : การอธิ
บายลํ
าดับขันตอนการทํ
焐ꉬ างานเป็นข อๆตั
้ งแต่
焐ꉬ ขันตอนแรกถึ
焐ꉬ งขันตอนสุ
焐ꉬ ดทาย

4 : การทดสอบวิธแีกปั้
ญหา

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
62 : เมื
อเปรี
ꂇ ยบเที
ยบกับร่
างกายมนุ
ษย์
ส่
วนใดของคอมพิ
วเตอร์
ททํ
ꂇาหน าที
ี ้ เปรี
ꂇ ยบเที
ยบไดกั้
บการทํ
างานของสมอง

1 : CPU + RAM
2 : CPU + Harddisk
3 : RAM + Harddisk
4 : OS + RAM

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
63 : อุ
ปกรณ์焐ꉬ สามารถทํ

ชนใดที
ꂇ าหน าที
้ เป็
ꂇนไดทั
้ง焐ꉬInput และ Output

1 : Keyboard, Scanner
2 : Printer, Floppy Disk
3 : Harddisk, Touch Screen
4 : Touch Pad, Monitor

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 8/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
64 : ข อใดไม่
้ ใช่ บั ต ก
OS (ระบบปฏิ ิารของคอมพิ
วเตอร์
)

1 : Opera
2 : Linux
3 : DOS
4 : Unix

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
65 : คอมพิ
วเตอร์
ตังโต๊
焐ꉬ ะจัดเป็
นคอมพิ
วเตอร์
ประเภทใด

1 : Mini Computer
2 : Super Computer
3 : Micro Computer
4 : Analog Computer

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
66 : Hard Disk จัดเป็
นหน่
วยความจํ
าประเภทใด

1 : หน่
วยความจํ
าหลัก
2 : หน่
วยความจํ
าสํ
ารอง
3 : หน่
วยความจํ
าถาวร
4 : หน่
วยความจํ ꂇ
าชัวคราว

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
67 : ข อใดคื
้ อรูปแบบข อข
้ อมู
้ลที
สามารถนํ
ꂇ ้่
าเข าสู
ระบบสารสนเทศ

1 : ภาพนิꂇ

2 : ภาพเคลื อนไหว
ꂇ
3 : เสี
ยง
4 : ถู
กทุกข อ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
68 : ข อใดกล่
้ าวผิ
ดเกี
ยวกั
ꂇ บ Pseudo code และ flow chart

1 : Pseudo code และ flow chart ถูกสรางขึ


้ นเพื
焐ꉬ อจั
ꂇ ดรูปแบบความคิ ดในการเขียนโปรแกรมใหเป็
้นระบบ
2 : Pseudo code จําเป็
นจะตองถู
้ กแปลงเป็ น flow chart ก่
อนเป็นคําสัꂇ
งของโปรแกรมคอมพิวเตอร์
3 : การเขี
ยน Flow chart จะเน นการใช
้ สั้
ญลักษณ์เพื อให
ꂇ อ่

านเข าใจได
้ ้
4 : ผิ
ดทุกข อ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
69 : ข อใดไม่
้ ใช่
หน าที
้ ของ
ꂇ OS (Operating System)

1 : แบ่
งปั น ทรัพยากรและเนื
焐ꉬ
อหาในหน่ วยความจํ
าใหแต่
้ละโปรแกรม
2 : โหลดโปรแกรมขึ นมาทํ
焐ꉬ างาน
3 : อ่
านและเขี ยนข อมู
้ลจากไฟล์
4 ้
: ใชประสานงานการติ ดต่อกับผู
ใช ้
้งาน

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
70 : เครื
อข่
ายอิ
น เตอร์
เน็ ้งแรกที
ตใชครั 焐ꉬ ประเทศใด
ꂇ

1 : อังกฤษ
2 : ไทย
3 : ญี ปุ
ꂇ


4 : สหรัฐอเมริ
กา

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
71 : คอมพิ
วเตอร์
มบ
ีทบาทกับการศึ
กษาอย่
างไร

1 : นํามาประยุกต์ ้ จกรรมการเรี
ใชในกิ ยนการสอน เช่น ทํ ꂇ างๆ
าสื
อต่
2 : จัดทํ
าประวัตนิั กเรี
ยน ประวัตค
ิรู
อาจารย์
3 ้นแหล่
: ใชเป็ งเรียนรู้
เช่
น การคนคว
้ าจากอิ
้ น เทอร์
เน็

4 : ถูกทุ
กข อ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
72 : หน่
วยใดมี
ลักษณะการทํ
างานคลายกั
้ บสมองของมนุ
ษย์

1 : หน่
วยประมวลผล
2 : หน่
วยรับข อมู
้ล

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 9/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
3 : หน่
วยความจํ

4 : หน่
วยแสดงผล

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
73 : คอมพิ
วเตอร์
ยค ้
ุใด ใชวงจรไอซี
(Integrated Circuit) เป็
นหลัก

1 : คอมพิ
วเตอร์
ยค
ุแรก
2 : คอมพิ
วเตอร์
ยค
ุทีꂇ
2
3 : คอมพิ
วเตอร์
ยค
ุทีꂇ
3
4 : คอมพิ
วเตอร์
ยค
ุในยุคปั จจุ
บั น

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
74 : ข อใดเป็
้ นอุ
ปกรณ์
รับข อมู
้ลเบื
องต
焐ꉬ น้

1 : จอภาพ
2 : คี
ยบ์อร์

3 : เครื
องพิ
ꂇ มพ์
4 : กล่
องใส่ดส
ิก์

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
75 : อุ
ปกรณ์
ทช่
ꂇวยในการสํ
ี ารองไฟฟ้
าเวลาไฟดับหรื
อไฟตก เรี
ยกว่
าอะไร

1 : Power Supply
2 : Monitor
3 : UPS
4 : Case

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
76 : หน่
วยความจํ
าในข อใด
้ มีความจุ
มากที
สุ
ꂇด

1 : SDRAM
2 : Hard Disk
3 : CD­ROM Disk
4 : Floppy Disk

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
77 : อุ
ปกรณ์
ในข อใด
้ ถือว่
าเป็
นอุ
ปกรณ์
ต่
อพ่
วง

1 : เมาส์
2 : คียบ
์อร์

3 : เครื
องพิ
ꂇ มพ์
4 : สายไฟ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
78 : ชุ าสัꂇ
ดคํ งหรื ꂇ สั้
อโปรแกรมที
ใช ꂇ
งงานใหคอมพิ
้ วเตอร์
ทํ
างาน เรี
ยกว่
าอะไร

1 : ซอฟต์ แวร์
2 : ฮาร์ดแวร์
3 : พีเพิ
ลแวร์
4 : ระเบียบวิ
ธป
ีฏิ
บั ต ิ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
79 : ผลลัพธ์
ข องนิ
พจน์
1 + 4 / 2 คื
อข อใด

1 : 2.5
2 :3
3 :2
4 : 3.5

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
80 : จงหาคํ
าตอบของ 2 + 3 * 4 ­ 1

1 : 11
2 : 13
3 : 15
4 : 19

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
81 : ในการเขี
ยนโปรแกรมเพื
อใช ้
ꂇ ในการหาระยะขจั ดของวัตถุꂇ
ี ่
ทตกลงสู
พนจากสู
焐ꉬ
ื ตร s = 0.5 * g * t^2 ควรมี
การสรางค่
้ าคงที
กี
ꂇตั
ꂇวในโปรแกรม

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 10/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 :1
2 :2
3 :3
4 :4

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ82 : ถาในมหาวิ
้ ทยาลัยกําหนดใหนั้
กศึ
กษาเรี
ยนไดไม่
้เกิน 8 ปีในการเขียนโปรแกรมเพือทํ
ꂇ าการหาค่
าเฉลี
ยของจํ
ꂇ านวนนั กศึ
กษาในแต่ 焐ꉬ (โดยเขี
ละชันปี 焐ꉬ สุ
ยนใหสั้
นทีꂇดและใช ้
ตัวแปรและค่าคงที

ꂇอยที
้ สุ ้ ตั้
ꂇด) จะตองใช วแปรและค่าคงที
ประเภทใดบ
ꂇ าง
้ ประเภทละกี
ตั
ꂇวจึ
งจะเหมาะสมทีสุ
ꂇด

1 : Integer 2 ตัว, Real 1 ตัว, ค่


าคงที
ꂇ
1 ตัว
2 : Integer 1 ตัว, Real 2 ตัว, ค่
าคงที
ꂇ
1 ตัว
3 : Integer 2 ตัว, Real 2 ตัว, ค่
าคงที
ꂇ
2 ตัว
4 : Integer 1 ตัว, Real 1 ตัว, ค่
าคงที
ꂇ
2 ตัว

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ ้
83 : Assignment Statement ใชในการทํ
าอะไร

1 : กํ
าหนดค่าใหกั้
บตัวแปร
2 : เปรี
ยบเที
ยบค่าของ expression
3 : สราง
้ Array
4 : วนลูป

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
84 : Tool ตัวใดที
ช่
ꂇวยในการลดขนาดของแฟ้
มข อมู
้ล

1 : WinRAR
2 : Oracle
3 : Apache
4 : WinAmp

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
85 : ถาเครื
้ องคอมพิ
ꂇ วเตอร์
ข องท่
านทํ ้
างานชาลงอย่
างมากเมื
อเปรี
ꂇ ยบเที
ยบกับการทํ
างานของเครื
องเมื
ꂇ อเพิ
ꂇ งซื焐ꉬ
ꂇ อมาใหม่
ท่
านคิ าควรใช ้
ดว่ Tool ใดในการแกไขปั
้ ญหานี
焐ꉬ

1 : Norton SystemWork
2 : McAfee Internet Security
3 : MS Office Tools
4 : Adobe Acrobat

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
86 : ข อใดคื
้ อมาตรฐานของระบบเครื
อข่
ายทองถิ
้ นที ꂇยมใชกั้
ꂇ นิ น มากที
สุ
ꂇดในปั จจุ
บั น

1 : IEEE 802.3
2 : IEEE 802.4
3 : IEEE 802.5
4 : IEEE 802.6

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
87 : คอมพิ
วเตอร์
ไม่
เหมาะกับงานประเภทใด

1 : งานที

ꂇองการความถู
้ กตองสู
้ ง
2 : งานที
มี
ꂇปริ
มาณมาก
3 : งานที

ꂇองการความรวดเร็
้ วมาก
4 : งานที
มี
ꂇเงื
อนไขการตั
ꂇ ดสิ
น ใจไม่
แน่
น อน

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
88 : หน่
วยวัดความจุ
ใด มี
ค่
าเท่
ากับ 1024 Byte

1 : Megabyte
2 : Kilobyte
3 : Gigabyte
4 : Terabyte

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
89 : สมาชิ
กที
เล็
ꂇกที
สุ
ꂇด หรื
อค่
าที

ꂇอยที
้ สุ ꂇ
ꂇด ซึ
งแทนได เพี
้ยงค่
าศู
น ย์
หรื
อค่
าหนึ
ꂇ
งเท่
านั น
焐ꉬเรี
ยกว่

1 : Bit
2 : Byte
3 : Word
4 : Character

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 11/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

90 : ภาษาสัꂇ
ข อที
้ ꂇ งงานใดที
คล
ꂇ ายภาษาเครื
้ องมากที
ꂇ สุ
ꂇด

1 : Fortran Language
2 : NGV Language
3 : Cobol Language
4 : Assembly Language

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
91 : ข อใดเป็
้ นขันตอนการเขี
焐ꉬ ยนโปรแกรมที
ถู
ꂇกตองที
้ สุ
ꂇด

1 : การทดสอบโปรแกรม, การเขียนโปรแกรม, การเขียนผังงาน, การวิเคราะห์


งาน
2 : การเขี
ยนโปรแกรม, การทดสอบโปรแกรม, การวิ เคราะห์งาน, การเขี
ยนผังงาน
3 : การวิ
เคราะห์
งาน, การเขี
ยนผังงาน, การเขี
ยนโปรแกรม, การทดสอบโปรแกรม
4 : การวิ
เคราะห์
งาน, การเขี
ยนโปรแกรม, การเขียนผังงาน, การทดสอบโปรแกรม

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
92 : คอมพิ
วเตอร์
ส ามารถรับรู
คํ
้าพู
ดของมนุ
ษย์
โดยไม่
คํ
านึ
งว่
าใครเป็
นผู
พู
้ดเราเรี
ยกว่

1 : Voice Computer
2 : Voice Technology
3 : Special Computer
4 : Voice Recognition

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
93 : ข อใดเป็
้ นภาษาคอมพิ
วเตอร์

1 : BASIC , POWERPOINT
2 : BASIC , COBOL
3 : COBOL , EXCEL
4 : COBOL , POWERPOINT

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
94 : การบริ
การโอนยายข
้ อมู
้ลไดแก่
้บริการใด

1 : FTP
2 : IBM
3 : PPP
4 : GPD

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

เนื
焐ꉬ
อหาวิ
ชา : 2 : ชนิ
ดของข อมู
้ล

ข อที
้ ꂇ
95 : ถาต
้องการเก็
้ บข อมู
้ลค่ ้ ตั้
าตัวเลข 7.82 ตองใช วแปรประเภทใด

1 : integer
2 : char
3 : float
4 : bit

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
96 : ผลลัพธ์
ข องการกระทํ
า int * float จะใหผลลั
้ พธ์เป็
นชนิ
ดข อมู
้ลแบบใด

1 : char
2 : int
3 : float
4 : double
5 : ไม่ มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
97 : ถาข
้อมู
้ลมี
ค่
า 3.54 ถาเก็
้ บค่าในตัวแปร int จะใหค่
้าผลลัพธ์
เป็
นอย่
างไร

1 : 3.54
2 : 3.5
3 :3
4 :0

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
98 : ข อใดต่
้ อไปนี
焐ꉬ
ถู
กตอง

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 12/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : 4 bits = 1 byte
2 : 8 bits = 1 byte
3 : 1000 bytes = 1 kilobyte (KB)
4 : 1000 KB = 1 megabyte (MB)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
99 : 16.07 ควรกํ
าหนดเป็
นข อมู
้ลชนิ
ดใด

1 : อักขระ
2 : ข อความ

3 : จํ
านวนเต็ม
4 : จํ
านวนทศนิ ยม

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ ้ลชนิ
100 : ชอมู ดตัวอักษร 1 ตัว มี
ความกวางกี
้ บิ
ꂇต

1 : 7 บิ

2 : 8 บิ

3 : 9 บิ

4 : 16 บิ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ101 : ผลจากการทํ
างานของโปรแกรม ค่
า x, y, z มี
ค่
าเท่
ากับเท่
าไหร่
int x = 8;
double y = 3;
int z = 2;
x++;
y = y / z;
z = (int)y;
x ­ 1;

1 : x=9 y=1 z=2


2 : x=9 y=1.5 z=1
3 : x=8 y=1 z=2
4 : x=8 y=1.5 z=1

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
102 : ถาเราต
้ องการเก็
้ บค่
าของเลขจํ
านวนเต็ ꂇค่
มบวกซึ
งมีาตังแต่
焐ꉬ 1 ถึ
ง 32767 เก็
บไวที
้ตั
ꂇวแปร n เราควรกํ
าหนดอย่
างไร?

1 : int n;
2 : signed int n;
3 : unsigned int n;
4 : unsigned char n;

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
103 : การประกาศตัวแปรต่
อไปนี
焐ꉬ
ข อใดใช
้ ้焐ꉬ
เนื
อที
ในหน่
ꂇ วยความจํ
ามากที
สุ
ꂇด?

1 : char str[13] = “California”;


2 : char grade, school[ ] = “SUT KORAT”;
3 : int x, y, z[5];
4 : float average, gpa, mean;

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
104 : กํ
าหนดให ้ ้าสัꂇ
char ch = ’A’; ผลของการใชคํ ง printf ในข อใดกล่
้ าวถู
ก? (รหัส ASCII ของ A = 65)

1 : printf(”%c %c”, ch, 65); ผลที


แสดงออกที
ꂇ จอภาพคื
ꂇ อ A 65
2 : printf(”%d %c”, ch, 65); ผลที
แสดงออกที
ꂇ จอภาพคื
ꂇ อ A 65
3 : printf(”%c %d”, 65, 65); ผลที
แสดงออกที
ꂇ จอภาพคื
ꂇ อAA
4 : printf(”%d %d”, 65, ch); ผลที
แสดงออกที
ꂇ จอภาพคื
ꂇ อ 65 65

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ105 : ในการประกาศตัวแปร char str[ ] = ”I love \”ABC\”.”;
str จะถู
กกําหนดขนาดในหน่ วยความจําเท่าไร?

1 : 12 bytes
2 : 13 bytes
3 : 14 bytes
4 : 15 bytes

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 13/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

ข อที
้ ꂇ ꂇ วแปรใดต่
106 : ชื
อตั อไปนี
焐ꉬ
ไม่ส ามารถนํ ้
าไปใชในการประกาศตั วแปรในภาษาโปรแกรมทัวꂇๆ ไปได ้

1 : report_99
2 : food
3 : general
4 : 7sumurai

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
107 : ถาต
้องการให
้ ตั้
วแปร x เก็
บค่
า ­123456
จะตองประกาศให
้ ตั้
วแปร x เป็
นชนิดอะไร

1 : unsigned long
2 : int
3 : unsigned int
4 : long

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
108 : ตองประกาศตั
้ วแปรเป็
นชนิ
ดอะไร
จึ
งจะเก็บค่
า 12345 ไดอย่
้างประหยัดหน่วยความจํ
าที
สุ
ꂇด

1 : double
2 : int
3 : long
4 : float

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
109 : ข อใดคื
้ อความหมายของตัวแปรทองถิ
้ นꂇ(Local Variable) และตัวแปรภายนอก (Global Variable)

1 : Local Variable คื
อตัวแปรที
กํ
ꂇาหนดภายในฟั งก์ชนั หรือลู
ปของโปรแกรม Global Variable คือตัวแปรทีกํ
ꂇาหนดภายนอกโปรแกรมหลัก
2 : Local Variable คื
อตัวแปรที
มองเห็
ꂇ น เฉพาะในฟั งก์ ั หรื
ชน อในลู
ปโปรแกรม Global Variable คื อตัวแปรทีสามารถมองเห็
ꂇ น ไดทุ
้กแห่
งในโปรแกรม
3 : Local Variable คื
อตัวแปรที
เปลี
ꂇ ยนแปลงค่
ꂇ าได ้Global Variable คื
อตัวแปรที
ไม่
ꂇ ส ามารถเปลียนแปลงค่
ꂇ าได ้
4 : ถู
กเฉพาะข อ้1 และ 2

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
110 : คอมพิ
วเตอร์
จัดเก็
บข อมู
้ลทุกชนิ
ดในรู
ปแบบใด

1 : เลขฐานสอง
2 : เลขฐานสิ
บหก
3 : เลขฐานสิ

4 : เลขฐานสิ
บแปด

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
111 : เราควรระบุ
ชนิ
ดของตัวแปรใหสอดคล
้ องกั
้ บช่วงการเก็
บข อมู
้ลทีเป็
ꂇนไปได ้
เหตุ
ผลข อใดสํ
้ าคัญที
สุ
ꂇด

1 : เพื
อความรวดเร็
ꂇ วในการคํ
านวณ
2 : เพื
อให
ꂇ สามารถเก็
้ บข อมู
้ลทุ กตัวไดถู
้กตอง

3 : เพื
อรั
ꂇกษาความปลอดภัยของข อมู
้ล
4 : เพื
อให
ꂇ หน่
้ วยประมวลผลทํางานง่ายขึ

焐ꉬ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
112 : ในการเก็
บค่
าเลขจํ
านวนเต็
มดวยวิ
้ ธีSign­Magnitude จะตองใช
้ เนื้焐ꉬ
อทีกี
ꂇบิ
ꂇตในการเก็
บค่
า Magnitude ของเวิ
รด
์ที
มี
ꂇn บิ

1 : n­1 บิ

2 : n­2 บิ

3 : n บิ

4 : n+1 บิ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ ้ ถงึ
113 : int ใชระบุ ตัวแปรประเภทใด

1 : ตัวอักขระ
2 : ชุดข อความ

3 : ตัวเลขจํานวนเต็

4 : เลขฐาน 16

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ ้ ชนิ
114 : float ใชระบุ ดตัวแปรประเภทใด

1 : เลขฐาน 16

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 14/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
2 : ชุดข อความ

3 : ตัวเลขจํ
านวนเต็

4 : ตัวเลขจํ
านวนจริ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
115 : จงแปลงเลข 4286 เป็
นเลขฐานสอง

1 : 01100010001110
2 : 01100101001110
3 : 01000110110110
4 : 01000010111110

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
116 : ในการเขี
ยนโปรแกรมภาษา C,C++ คํ
าตอบข อใดเป็
้ นข อมู
้ลของเลขฐาน 16

1 : 120X
2 : 0X14
3 : 013
4 : 31H

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
117 : ข อมู
้ลในลักษณะใดที
ถู
ꂇกตองที
้ สุ
ꂇดต่
อไปนี
焐ꉬ
เป็นข อมู
้ลทีเรี
ꂇยกว่
า อะเรย์

1 : เป็
นข อมู
้ลเลขจํ านวนจริ ง
2 : เป็
นข อมู
้ลเลขจํ านวนเต็ ม
3 : เป็
นข อมู
้ลชนิดข อความ

4 : เป็
นข อมู
้ลชนิดเดี ยวกัน หลายข อมู
้ลทีใช ้ꂇ วแปรตัวเดี
ꂇ ชื
อตั ยวกัน
5 : เป็
นข อมู
้ลทีไม่
ꂇ ส ามารถนํ ามาคํ
านวณได ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
118 : การประกาศค่
าตัวแปรในการเขี
ยนโปรแกรมภาษา c,c++ ที
เก็
ꂇบข อมู
้ลของเลขฐาน 8 และฐาน 16 จะประกาศเป็
นตัวแปรชนิ

1 : float
2 : double
3 : int
4 : long double

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
119 : ตัวแปรชนิ
ดใดที
ใช ้นที
ꂇ พื
焐ꉬ หน่
ꂇ วยความจํ
าน อยที
้ สุ
ꂇด

1 : char
2 : int
3 : float
4 : double

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
120 : ตัวแปรชนิ
ดใดที
ใช ้นที
ꂇ พื
焐ꉬ ในหน่
ꂇ วยความจํ
าขนาด 4 bytes

1 : char
2 : ussigned char
3 : int
4 : float

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
121 : ข อใดถื
้ อว่ าถู
กตองในการตั
้ ꂇ วแปร
งชื
อตั

1 : @@AA
2 : #aa
3 : !aa
4 : aa_

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
122 : ข อใดเป็
้ นคํ
าตอบที
ถู
ꂇกตองสํ
้ าหรับการกํ
าหนดค่
าตัวแปร

1 : char[2] name ="abcde";


2 : char{2} name = "abcde";
3 : char[6] name ="abcde";
4 : char{6} name = "abcde";

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 15/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

ข อที
้ ꂇ
123 : รหัส บังคับการพิ
มพ์
ใดในโปรแกรมภาษา C ที
ใช ้
ꂇ สํ
าหรับการพิ
มพ์
เลขจํ
านวนเต็
มที
ไม่
ꂇ มเี
ครื
องหมาย
ꂇ

1 : %c
2 : %e
3 : %f
4 : %u

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ าสัꂇ
124 : คํ งในภาษา C,C++ ที
ใช ้
ꂇ สํ
าหรับบังคับการพิ
มพ์
ใหทํ
้าการเลื
อนแท็
ꂇ บในแนวตัง焐ꉬ

1 : \n
2 : \t
3 : \v
4 : \r

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
125 : x เป็
นข อมู
้ลชนิ ด Real
y เป็
นข อมู
้ลชนิ ด Integer

าสัꂇ
คํ งข อใดที
้ ไม่ ้
ꂇ ส ามารถใชงานได ้
เนื
ꂇ
องจากเกิ
ดข อผิ
้ ดพลาดในการ compile หรื
อ run โปรแกรม

1 :x+y
2 : x mod y
3 :x*y
4 :x/y

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
126 : ตัวแปร X ในข อใดสามารถกํ
้ าหนดชนิ
ดตัวแปรประเภท int

1 : x = 3000000000
2 : X = 35.01
3 : x = 300 + 20*3
4 : x = 3.1416 * 2

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
127 : ตัวแปรชนิ
ดใดเหมาะสมที
สุ
ꂇด สํ
าหรับเก็
บค่
าเฉลี

ꂇ

1 : integer
2 : character
3 : string
4 : float

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
128 : ตองการประกาศตั
้ วแปรเพื
อเก็
ꂇ บข อมู
้ลชนิ
ดตัวอักขระตัวเดี
ยวควรประกาศตัวแปรเป็
นชนิ
ดข อมู
้ลใดต่
อไปนี
焐ꉬ

1 : char
2 : string
3 : real
4 : integer

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
129 : ถาให
้ ้
a=5
b=3
c=true
d=(a>b) xor c
d มี
เท่ากับข อใด

1 : a>b
2 : a<>b
3 : not c
4 : ถู
กทังคํ
焐ꉬ าตอบที
ꂇ
1 และ 2

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
130 : จาก program Q3 เป็
นการแปลงอุ
ณหภู
มิ
จาก °C (ตังแต่
焐ꉬ 0°C ถึ
ง 100°C) เป็
น °F เมื
อต
ꂇ องการทํ
้ าใหโปรแกรมนี
้ 焐ꉬ
สมบู
รณ์
บรรทัดที
ꂇ
6 ควรเติ
มอะไร

program Q3
1 Program Q3;
2 uses wincrt;
3 var i:integer;
4 c, f: real;

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 16/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
5
6 Procedure CalF(....................., b: real);
7 begin
8 a:= (b*9/5)+32;
9 end;
10Begin
11 writeln('C to F');
12 for i:= 0 to 100 do
13 begin
14 c:= .............;
15 ........................;
16 writeln(C:5:1, F:8:1);
17 end;
18end.

1 : a: integer
2 : a: real
3 : var a: integer
4 : var a:real

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
131 : หากกํ
าหนดตัวแปรดังนี
焐ꉬ
x,y เป็
นชนิ
ดจํ
านวนเต็
ม z เป็
นชนิ
ดจํ
านวนจริ
ง c เป็
นชนิ
ดอักขระ ข อใดเป็
้ นนิ
พจน์ ไม่
ꂇ ถก
(expression)ที ูตอง

1 : x+y/z
2 : ­z
3 : x*x*y
4 : z+c

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
132 : ถาท่
้ านตองเขี
้ ยนโปรแกรมเพื
อหาผลคู
ꂇ ณของเมตริ
กซ์
ตัวแปรที
ใช ้บข อมู
ꂇ เก็ ้ลเมตริ
กซ์
ทเหมาะสมมากที
ꂇ
ี สุ
ꂇดควรเป็
นประเภทใด

1 : จํ
านวนเต็ม
2 : ประเภทโครงสราง(record
้ หรื
อ structure)
3 : อาเรย์2 มิ
ติ
4 : พอยน์เตอร์(pointer)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
133 : หากกํ
าหนดตัวแปรสามตัวดังนี
焐ꉬ
คื
อ char a,b,c; หาก b มี
ค่
าเท่
ากับ 100 และ c มี
ค่
าเท่
ากับ 100 แลว้a=b*c; จะใหผลอย่
้ างไร

1 : a จะเก็
บค่
า 10000
2 : a จะเก็
บค่
า ­10000
3 : a จะเก็
บค่ ꂇ นค่
า 255 ซึ
งเป็ าทีสู
ꂇงที
สุ
ꂇดเท่
าที
ตั
ꂇวแปรชนิ
ด char เก็
บค่
าได ้
4 : เกิ
ดความผิดพลาดในการจัดเก็บค่
าลงใน a ซึꂇ
งอาจส่
งผลต่อการทํ
างานของโปรแกรมโดยรวมได ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
134 : ข อมู
้ลของนํ
焐ꉬ
าหนั กคนจัดเป็
นข อมู
้ลประเภทใด

1 : Real
2 : Integer
3 : Alphabet
4 : Boolean

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
135 : ข อมู
้ลประเภท Date ควรจัดอยู
ใ่
นข อมู
้ลประเภทใด

1 : Real
2 : Integer
3 : Boolean
4 : ไม่มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
136 : ข อใดคื
้ อฟั งก์ั ที
ชน รัꂇ
บข อมู
้ลทีละตั
ꂇ วอักขระ

1 : printf();
2 : chart();
3 : clrscr();
4 : getchar();

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 17/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

ข อที
้ ꂇ
137 : ข อใดคื
้ อรหัส ควบคุ
มรู
ปแบบสํ
าหรับการแสดงผลตัวเลขจํ
านวนเต็

1 : %c
2 : %f
3 : %d
4 : %s

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
138 : ข อมู
้ลชนิ
ดตัวเลข Float ตรงกับข อใด

1 : 0123
2 : 0x174
3 : 55.5555
4 : ­2345

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
139 : ข อใดต่
้ อไปนี
焐ꉬ
คื าสัꂇ
อคํ งรับข อมู
้ล

1 : scanf()
2 : printf()
3 : getinfo()
4 : putchar()

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
140 : ข อใดคื
้ อหลักการตังชืꂇ วแปรในโปรแกรมภาษาซี
焐ꉬ อตั

1 : ตองขึ
้ นต
焐ꉬ นด
้ วยตั
้ วเลข
2 ꂇ องใช
: ภายในชื
อต ้ สั้ ญลักษณ์ #
3 : ความหมายของชื ꂇ ควรเกิ
อไม่ น 64 ตัว
4 ꂇ มเี
: ภายในชื
อไม่ วนวรรค

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
141 : ข อมู
้ลทีมี
ꂇ0x นํ
าหน า้เป็
นตัวเลขแบบใด

1 : ข อมู
้ลชนิ
ดเลขฐานแปด
2 : ข อมู
้ลชนิ
ดทศนิยม
3 : ข อมู
้ลชนิ
ดจํ
านวนเต็

4 : ข อมู
้ลชนิ
ดเลขฐานสิ
บหก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
142 : การตังชืꂇ อใดถู
焐ꉬ อในข ้ กตองในโปรแกรมภาษาซี

1 : com­puter
2 : 8number
3 : right#
4 : class_room

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
143 : การตังชืꂇ อใดถู
焐ꉬ อในข ้ กตองในโปรแกรมภาษาซี

1 : 007bond
2 : james_bond
3 : jason born
4 : jamesbond%

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
144 : ข อใดต่
้ อไปนี
焐ꉬ
คื าสัꂇ
อคํ งแสดงผลที
ละอักขระ

1 : printf()
2 : scanf()
3 : getchar()
4 : putchar()

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
145 : ฟั งก์ั ใดเป็
ชน นการแสดงผลออกทางหน าจอ

1 : printf()
2 : scanf()
3 : gets()

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 18/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
4 : fopen()

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
146 : ฟั งก์ั ใดเป็
ชน นการรับข อมู
้ลเป็
นข อความ

1 : printf()
2 : fgetpos()
3 : switch()
4 : gets()

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

เนื
焐ꉬ
อหาวิ
ชา : 3 : กระบวนการทางคณิ
ตศาสตร์
และตรรกศาสตร์

ข อที
้ ꂇ
147 : จงเขี
ยนสมการทางคอมพิ
วตอร์
จากสมการทางคณิ
ตศาสตร์
ทกํ
ꂇาหนดมาให ้

1 : y=a*b/c*d + b/ a+c + a*b*c /d ;


2 : y=a*b/c*d + b/(a+c) + a*b*c /d ;
3 : y=a*b/c/d + b/(a+c) + a*b*c /d ;
4 : y=a*b/c/d + b/a+c + a*b*c /d ;

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
148 : กําหนดใหตั้วแปรทุ กตัวเป็
นชนิ ดจํานวนเต็

ถา้a = 100 ; b = 200 ; c = 50 ; d = 2 ;
a/c/d*b + b /(a+c) + a/d*c*b/1000 ; มีค่าเท่
าไร

1 : 701
2 : 700
3 : 501
4 : 702

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
149 : ใหตั้วแปรทุกตัวเป็
นชนิ ดจํ
านวนเต็

จงหาค่าของ x,a, และ b หลังจากส่ วนของโปรแกรมข างล่
้ างนี
焐ꉬ
ทํ
างานเสร็

x = 0; a = ­2; b = 5;
x = x + a; a = a + b; b = b ­ 6;
x = b + a; a = a + 1; b = b + 1;
x = b + a; a = a + 1; b = b + 1;
x = b + a; a = a + 1; b = b + 1;

1 : x=0, a = ­2, b = 5
2 : x = 4, a = 6, b = 2
3 : x = 6, a =6, b = 2
4 : x = 6, a = 5, b = 1

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
150 : ให ้
a และ b เป็นตัวแปรจํ านวนเต็

ถา้a = 5, b = 2 ผลลัพธ์ข อง a / b มี
ค่
าเท่
าใด

1 :2
2 : 2.5
3 :1
4 : 0.5

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
151 : ให ้
a และ b เป็นตัวแปรจํานวนเต็
ม และ % คื
อ modulus operator
ถา้a = 5, b = 2 ผลลัพธ์ข อง a % b มี
ค่
าเท่
าใด

1 :2
2 : 2.5
3 :1
4 : 0.5

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
152 : ข อใดให
้ ผลลั
้ พธ์
เท่
ากับ (a+b/c­d)*e

1 : ((a+b)/c­d)*e
2 : (a+b)/c­d*e
3 : a+b/c*e­d*e

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 19/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
4 : (a*e+b*e/c­d*e)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
153 : ­(­15+(2*4­2))+((6+3)*5+7)/4 มี
ค่
าเท่
าใด

1 : 23
2 : 22
3 : 21
4 : 20

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
154 : ข อใดต่
้ อไปนี
焐ꉬ
ผิ

1 : (a AND b) เป็
นจริง ก็
ต่
อเมือทั
ꂇ ง焐ꉬa และ b มี
ค่าเป็นจริ

2 : (NOT a) เป็นเท็
จ ก็ต่
อเมื

ꂇa มี ค่
าเป็นจริ

3 : (a OR b) เป็
นเท็
จ ก็ต่
อเมือทั
ꂇ ง焐ꉬa และ b มี
ค่าเป็
นเท็จ
4 : NOT (a AND b) เป็ นจริ
ง ก็ต่อเมือ
ꂇa หรื
อ b มี
ค่าเป็
นเท็

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
155 : กํ
าหนดให ้
X=1, Y=10, Z=100 นิ
พจน์
ใดต่
อไปนี
焐ꉬ
ไดค่
้าตรรกะเป็
นจริ

1 : NOT (Z/Y == Y)
2 : NOT(Y*X == Y)
3 : Z <= (Y*Y –1)
4 : X*Z => Z/X

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
156 : กํ
าหนดให ้
A=1, B=2, C=3, D=4 เงื
อนไขใดต่
ꂇ อไปนี
焐ꉬ
ไดค่
้าตรรกะเป็
นเท็

1 : (A*B+C > C­B) && (A*D/B <= B)


2 : (A+B*C < B­C) || ((C+D)*A == A+B*C)
3 : (B/A <= D/C) || ((A+C) == (D*A)) && (C/B < A/D)
4 : (A < B) && (C < D) && (A > B) || (D==2*B)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
157 : ใหตั้
วแปร wet, cold, และ windy เป็
นตัวแปรที
เก็
ꂇบค่
าจริ
งเท็
จได ้
ถา้wet=true , cold=false, windy=false
(cold AND (NOT wet)) OR NOT(windy OR cold) มี ค่
าความจริ
งคื
ออะไร

1 : จริ

2 : เท็

3 : ไม่
ส ามารถสรุ
ปได ้
4 : ประโยคทีเขี
ꂇยนหาค่าทางตรรกะไม่
ได ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
158 : ภาษาคอมพิ
วเตอร์
ทใช
ี ้ อนี
ꂇ ในข ้ 焐ꉬ
มี
คุณสมบัตด
ิังนี
焐ꉬ

1. % แทน modulus operator


2. & แทน bitwise AND operator
3. ค่
าตรรกะจริง มี
ค่
าเท่ากับ 1
4. ค่
าตรรกะเท็จ มี
ค่าเท่
ากับ 0
5. สามารถนําค่าตรรกะไปประมวลผลกับจํ
านวนได ้

จากการคํ
านวณต่
อไปนี
焐ꉬ
ข อใดคํ
้ านวณหาคํ
าตอบไดถู
้กตอง

1 : (3<2) + 5 มีค่าเท่
ากับ 6
2 : (8 % 3) ­ 1 มีค่
าเท่ากับ 0
3 : (3 = 3) + (6 <> 9) * 3 มี
ค่าเท่
ากับ 6
4 : (23 – 2) & 1 มีค่
าเท่ากับ 1

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
159 : ให ้
y เป็
นตัวแปรจํานวนเต็ ม และ % คื
อ modulus operator
ข อใดเป็
้ นค่าของ y เมือ
ꂇy = 1 – 5 / 3 + 9 % 4;

1 :0
2 :1
3 : ­1
4 :2

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
160 : หลังจากส่
วนของโปรแกรมข างล่
้ างนี
焐ꉬ
ทํ
างานเสร็
จ answer มี
ค่
าเท่
าใด (% คื
อ modulus operator)

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 20/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
int a = 1, b = 2, c = 3:
double f = 1.75, g = 1.0, h = 5
double answer;
answer = a + g – b * f – c % b – h * 2;

1 : ­11.6
2 : ­12.5
3 : ­13.1
4 : 12.0

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ161 : กํ
าหนดให ้
1. fmod(x,y) คื น ค่
าเศษหลังจุ
ดทศนิ ยมของผลหาร x/y
2. floor(x) คื
น ค่
าจํานวนเต็
มทีได
ꂇ จากการปั
้ ดเศษหลังจุ
ดทศนิ
ยมของค่
าในตัวแปร x ทิ
งไป
焐ꉬ

หลังจากทํางานสองบรรทัดข างล่
้ างนี
焐ꉬ
แลว้x มี
ค่
าเป็
นเท่
าไร (ให ้
x เป็
นตัวแปรจํ
านวนจริ
ง)
x = 19.75;
x = fmod(x, floor(x));

1 : 1.00
2 : 19.75
3 : 0.75
4 : 1.75

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
162 : ใหตั้
วแปรทุ
กตัวเป็
นชนิ
ดจํ
านวนเต็

หลังจากส่วนของโปรแกรมข างล่
้ างนี
焐ꉬ
ทํ
างานเสร็
จ x1 และ x2 มี
ค่
าเท่
าใด?
x2 = 1;
x4 = 5;
x2 = (x4 + x2 % 2 ­ 3);
x4 = x2;
x3 = x4;
x1 = x3;

1 : x1 = 5, x2 =5
2 : x1 = 3, x2 =1
3 : x1 = 1, x2 =5
4 : x1 = 3, x2 =3

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
163 : ใหตั้
วแปรทุ
กตัวเป็
นชนิ
ดจํานวนเต็

หลังจากส่วนของโปรแกรมข างล่
้ างนี焐ꉬ
ทํ
างานเสร็
จ ตัวแปร ans มี
ค่
าเท่
าใด
x2 = 1;
x4 = 5;
x2 = (x4 + x2 % 2 ­ 3);
x4 = x2;
x3 = x4;
x1 = x3;
ans = x4 + x3 + x3 + x2 + x1;

1 : 18
2 : 17
3 : 16
4 : 15

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ164 : กําหนดให ้
int x, y = 7, z = 5;
x = ((++y) + (z­­)) % 10;

เมื
อส่
ꂇ วนของโปรแกรมข างบนนี
้ 焐ꉬ
ทํ
างานแลว้ค่
าของ x คื
ออะไร?

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ165 :
if(raining)
if(window_open)
puts("Close the window");

ส่
วนของโปรแกรมดานล่
้ างข อใดต่
้ อไปนี
焐ꉬ
มี
ความหมายเหมื
อนกับส่
วนของโปรแกรมดานบน

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 21/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : if(raining && window_open) puts("Close the window");


2 : if(raining || window_open) puts("Close the window");
3 : if(not (raining && window_open)) puts("Close the window);
4 : if(not (not raining || window_open) puts("Close the window);

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
166 : กําหนดให ้
sqrt(Y) คื
อฟั งก์ั หาค่
ชน ารากที
สองของ
ꂇ Y จงหาค่
าของนิ
พจน์
ต่
อไปนี
焐ꉬ
เมื
อให
ꂇ ค่

าตัวแปร M = ­3 N = 5 X = ­3.57 Y = 4.78
1. sqrt(Y) < N
2. (X > 0) OR (Y > 0)
3. (NOT((M > N) AND (X < Y))) OR ((M <= N) AND (X > X))

1 : 1. เท็
จ 2. จริ
ง 3. จริ

2 : 1. จริ
ง 2. จริ
ง 3. จริ

3 : 1. เท็
จ 2. เท็
จ 3. จริง
4 : 1. จริ
ง 2. จริ
ง 3. เท็

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
167 : กําหนดค่าของตัวแปรจํ
านวนเต็
มต่
อไปนี
焐ꉬ
count = 16, num = 4;

และค่าของตัวแปรจํานวนจริงต่
อไปนี
焐ꉬ
value = 31.0, many = 2.0;

เมือกระทํ
ꂇ าตามคํ าสัꂇ
งต่อไปนี焐ꉬ
value = (value ­ count)*(count ­ num)/many + num/many;
ตัวแปร value มี
ค่าเท่าไร

1 : 91
2 : 92
3 : 101
4 : 102

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
168 : กํ
าหนดตัวแปร Value = 50; เมื
อกระทํ
ꂇ าการ bit­wise XOR (exclusive or) ดวยตั
้ วแปร Value เอง จะมี
ผลอย่
างไรกับค่
าตัวแปร Value

1 : ตัวแปร Value จะมี


ค่
าเท่
ากับ 0
2 : ตัวแปร Value จะมี
ค่
าเท่
ากับ 1
3 : ตัวแปร Value จะมี
ค่
าเท่
ากับ 50
4 : ไม่มข
ีอใดถู
้ กตอง ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
169 : ข อใดคื
้ อความแตกต่
างระหว่
าง Bitwise Operator และ Logical Operator

1 : Bitwise Operator จะกระทํ


าตรรกกับบิตข อมู
้ลของตัวแปร แต่ Logical Opeator จะกระทําตรรกกับค่
าข อมู
้ลของตัวแปร
2 : Bitwise Operator จะกระทํ
าตรรกกับตัวแปรชนิดจํานวนเต็ม แต่Logical Operator จะกระทํ
าตรรกกับตัวแปรชนิ
ดใด ๆ ก็
ได ้
3 : Bitwise Operator จะกระทํ
าตรรกกับตัวแปรชนิดใด ๆ ก็
ได ้
แต่ Logical Operator จะกระทํ
าตรรกกับตัวแปรชนิ
ดจํ
านวนเต็ม
4 : Bitwise Operator และ Logical Operator เป็
นเพี ꂇ ยกของ Compiler แต่

ยงชอเรี ละภาษาเท่านั น
焐ꉬ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
170 : กํ
าหนดให ้
% แทน modulus operator

ถา้22 % x มี
ค่
าเท่
ากับ 4;

x มี
ค่
าเท่
าไร

1 :2
2 :4
3 :6
4 :8

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
171 : ข อใดมี
้ ค่ าจริ
งเสมอ

1 : P and P
2 : P or P
3 : not(P) and P
4 : not(P) or P

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
172 : กํ
าหนดใหฟั้งก์ ั f มี
ชน ลักษณะดังนี焐ꉬ
เงื
อนไขที
ꂇ ꂇ
1 f(n) = f(n­1)+f(n­2) เมื

ꂇn เป็
นจํ
านวนเต็
ม, n ≥ 2

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 22/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
เงื
อนไขที
ꂇ ꂇ
2 f(1) = 1 และ f(0) = 1
จงหาว่
า f(7) มี
ค่าเท่าไร

1 :0
2 : 11
3 : 21
4 : 31
5 : นั บไม่
ถวน

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
173 : กํ
าหนดใหฟั้งก์ ั g มี
ชน คุ
ณสมบัตด
ิังนี
焐ꉬ
g(0) = 1
g(n) = 2g(n­1) เมื

ꂇn > 0
จงหาค่า g(n)

1 : g(n) = 2n
2 : g(n) = n*n
3 : g(n) = 2 ยกกํ
าลัง n
4 : g(n) = 2 ยกกํ
าลัง (n+1)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
174 : โอเปอเรเตอร์
++ หมายถึ
งการกระทํ
าในลักษณะใด

1 : เพิ
มค่
ꂇ าตัวแปรที ละหนึ
ꂇ

2 : การหารค่ าตัวแปร
3 : การยกกําลังของตัวแปร
4 : การหารแบบปั ดส่ วน
5 : การบวกแบบทวี คู

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
175 : 3+4*6/2+1 มี
ค่
าเท่
ากับ

1 :9
2 : 11
3 : 14
4 : 16

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
176 : ข อใดเป็
้ นจริ
งเมื

ꂇq=10,r=5,s=10

1 : (s/r) <= q
2 : (s*r) <=q
3 : (q­r) == (s­q+r)
4 : (q) < (r­s)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
177 : จงหานิ
พจน์
ทสมมู
ꂇ ลกับ NOT( A OR B OR C)

1 : NOT ( (NOT A) AND (NOT B) AND (NOT C) )


2 : NOT ( A AND B AND C )
3 : ( NOT A ) AND (NOT B) AND (NOT C)
4 : A AND B AND C

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ 178 : ฟุ
ตบอลไทยจะชนะเมือมี
ꂇ เงื
อนใขต่
ꂇ อไปนื
焐ꉬ
ครบถวน

1. นั กฟุตบอลสมบู รณ์
2. ฝนตองไม่
้ ตก
3. แข่ งในเมึองไทย
3. แต่ ถาศู
้น ย์หน าป่
้ วยอาจแพได
้้

ให ้
A แทน นั กฟุ
ตบอลสมบู
รณ์B แทน ฝนไม่
ตก C แทน แข่
งในเมึ
องไทย D แทน ศู
น ย์
หน าป่
้ วย
จงเขี
ยนประโยคข างบนเป็
้ นนิพจน์บู
ลลีน

1 : A AND B AND C AND D


2 : A AND B OR C AND D
3 : A AND B AND C OR D
4 : A AND B AND C AND (NOT D)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
179 : (1 + 2 * 3 ­ 4) มี
ค่
าเท่
าใด

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 23/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : ­3
2 :1
3 :3
4 :5

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
180 : ให ้a และ b เป็
นตัวแปรจํ
านวนเต็ม และ % แทน modulus operator
อยากทราบว่ า a และ b มีค่
าเท่
าใด ที
ทํ
ꂇาให ้
a % b มี
ค่าเท่ากับ 1
b % a มี
ค่าเท่ากับ 2

1 :a =5 และ b =4
2 :a =4 และ b =5
3 :a =3 และ b =2
4 :a =2 และ b =3

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
181 : 3 + 5 * 5 ­1 มี
ค่
าเท่
าใด

1 : 23
2 : 27
3 : 49
4 : 625

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
182 : ถาให
้ ตั้
วแปร wet, cold, windy มีค่าความจริ งดังนี
焐ꉬ
wet=true, cold=false, windy=false
เครื
องหมาย
ꂇ && คื
อ and , เครื
องหมาย
ꂇ || คื
อ or, เครื
องหมาย
ꂇ ! คื
อ not

จงหาค่
าความจริ
งของ (cold && !wet) || !(windy || cold)

1 : จริ

2 : เท็

3 : นิ
พจน์ ทเขี
ꂇยนเป็
ี นนิพจน์
ทางตรรกศาสตร์
ทผิ
ꂇด

4 : ไม่
ส ามารถหาได ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
183 : ข อใดถู
้ กตอง้

1 : (x > 0) จะเป็
นจริ
ง เมือ
ꂇx เป็น0
2 : (x >= 0) จะเป็
นจริ
ง เมือꂇx ไม่
เท่
ากับ 0
3 : (x <= 0) จะเป็
นเท็จ เมือ
ꂇx เป็
นจํ
านวนบวก
4 : (x < 0) จะเป็
นเท็
จ เมือ
ꂇx เป็นจํ
านวนลบ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
184 : ให ้
%แทน modulus operator และมี
ลํ
าดับการทํ ้
างานจากซายไปขวา
(203 % 10 % 9 % 7 % 5) มี
ค่
าเท่
าใด

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
185 : ให ้
% แทน modulus operator

(201 % (11 % (8 % (7 % 4)))) มี


ค่
าเท่
าใด

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
186 : กํ
าหนดให ้
a,b,c เป็นตัวแปรชนิ
ดจํ
านวนเต็ ꂇค่

ม ซงมีาดังนี
焐ꉬ
a=10,b=20,c=30
จงหาค่าของนิพจน์
a + b * c / a + 10

1 : 70
2 : 80
3 : 100

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 24/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
4 : 120

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
187 : ให ้
&& แทน AND, || แทน OR
operator ใดทํ
างานก่อนเป็
นอัน ดับแรก ในการหาค่
าของนิ
พจน์
ตรรกศาสตร์
ข างล่
้ างนี
焐ꉬ

(x > y + 80) && (z > 100) || (x > 500)

1 : + ใน (y + 80)
2 : > ใน (x > y + 80)
3 : &&
4 : ||

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
188 : x = 1 + 2 + 3 + 4 + 5;
x = x + x;
x = x + x;
x = x + x;

ꂇ ่
เมื
อส วนของโปรแกรมข างบนนี
้ 焐ꉬ
ทํ
างานเสร็
จ x มี
ค่
าเท่
าใด

1 : 120
2 : 100
3 : 80
4 : 60

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ189 : กํ
าหนดให ้
1. ~ คือการกระทํา one­complement (หรื อเรี
ยกอี
กอย่
างว่
า bit­wise not)
2. & คือการกระทํา bit­wise and
3. ! คื
อการกระทํา logical not
4. ผลของการกระทํ า logical operation มี
ค่
าไดเพี
้ยงสองค่าเท่านั นคื
焐ꉬ อ 1 (จริ
ง) และ 0 (เท็
จ)

กระบวนการ ~!(b & 1) จะไดค่


้าใด หาก b เป็
นตัวแปรจํ
านวนเต็ ꂇค่

มซงมีาเท่
ากับ 5

1 :5
2 :1
3 :0
4 :4

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ190 : สมมติวา่มี
การต่อเครื
องคอมพิ
ꂇ วเตอร์
เข ากั ꂇ อมี

้บระบบภายนอก ซงเมืꂇ การอ่
านข อมู
้ลเข ามาทางพอร์
้ ตขนาด 8 บิต แลว้4 บิ
ตบน จะเป็
น ค่าข อมู
้ลจากแหล่ งที
หนึ
ꂇ ꂇ
ง และ 4 บิ

ล่าง เป็
นค่าข อมู
้ลจากแหล่ งทีสอง
ꂇ หากเราตองการตรวจสอบว่
้ า ค่
าข อมู
้ลจากแหล่ งทีหนึ
ꂇ ꂇ
ง เป็
นค่
าใดนั น
焐ꉬเราจะตองใช
้ นิ ้
พจน์ใดเพือหาค่
ꂇ าดังกล่าว สมมติวา่
ข อมู
้ลไดถู
้กนํามาพักไวใน

ตัวแปร x ก่อนทีꂇ ่
จะส งเข านิ
้พจน์ เพื
อทํ
ꂇ าการหาคําตอบ

1 : x>>4
2 : x/16
3 : x­64
4 : x%64
5 : ไม่ส ามารถหาได ้
ตองออกแบบให
้ มี

การรับค่
าแยกพอร์
ตกัน เท่
านั น
焐ꉬ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
191 : ใหตั้
วแปรทุ กตัวเป็นตัวแปรจํานวนจริ

โดยทีꂇ
X1 = 1, X2 = 2, X3 = 3, X4 = 4
อยากทราบว่ า X1 / X2 * X3 / X4 มีค่
าเท่าใด

1 : 0.417
2 : 0.375
3 : 0.667
4 : 0.867

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
192 : กํ
าหนดให ้
/ คื
อ operator หารแบบจํ
านวนเต็ ꂇ ดเศษทิ

ม ซงจะปั งเสมอ
焐ꉬ

นิ
พจน์
ใดข างล่
้ างนี
焐ꉬ
ที
ไม่
ꂇ ไดค่
้าเป็
น 23

1 :3+4*5
2 : 200 / 5 / 2 + 10 / 3
3 : 1 + 77 / 7 * 2
4 : 23 / 3 * 3

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 25/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

ข อที
้ ꂇ
193 :

1 :r = ­b ­ (b^2 ­ 4ac) ^ 0.5 / 2a


2 :r = ­b ­ (b^2 ­ 4*a*c) ^ 0.5 / 2.0 * a
3 :r = ­b ­ (b^2 ­ 4*a*c) ^ 0.5 / (2.0*a)
4 :r = (­b ­ (b*b ­ 4*a*c) ^ 0.5 ) / a / 2.0

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
194 : กํ
าหนดให ้
m เป็
นตัวแปรชนิดจํ
านวนเต็ม
ข อใดเป็
้ นการตรวจสอบค่ าของตัวแปร m ที
ต่
ꂇางจากข ออื
้นꂇ

1 : NOT((m < 1) AND (m > 12))


2 : (m < 13) AND (m > 0)
3 : NOT(NOT(1 <= m) OR NOT(m <= 12))
4 : (1 <= m) AND (m => 12)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
195 : ให ้
n เป็
นตัวแปรแบบจํานวนเต็ม และ % แทน modulus operator
จะทําอย่
างไรจึงจะไดตั้วเลขสองตัว ณ ตํ
าแหน่งหลักพัน และหลักรอยของจํ
้ านวนเต็ ่ถา้n = 12345 ส งที
มในตัวแปร n (เชน ꂇ ต
ิ ꂇองการคื
้ อ 23)

1 : (n / 1000) % 100
2 : (n % 1000) / 100
3 : (n % 10000) / 100
4 : (n % 10000) / 1000

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
196 : ให ้
C คือตัวแปรจํ
านวนจริ
งทีแทนอุ
ꂇ ณหภู มเิ
ป็
นองศาเชลเชยีส
ข อใดข
้ างล่
้ างนี 焐ꉬ
ไม่แทนการแปลงอุ ณหภมิ ใน C ใหเป็
้นองศาฟาเรนไฮต์เพืꂇ บใส่
อเก็ ตัวแปร F
หมายเหตุ : 0 องศาเซลเซย ีสเที
ยบไดกั้
บ 32 องศาฟาเรนไฮต์ และ 100 องศาเซลเซย ีสเทียบไดกั้
บ 212 องศา ฟาเรนไฮต์

1 :F = C * 180/100 + 32
2 :F = 32 + 1.8 * C
3 :F = 1.8C + 32
4 :F = 9 * C / 5 + 32

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
197 : ให ้
% แทน modulus operator
((201 % (11 % 8)) % (9 % 5)) มี
ค่
าเท่
าใด

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
198 : ให ้m คื
อตัวแปรจํ
านวนเต็

ข อใดที
้ ไม่ ่ิ
ꂇ ใชน พจน์ทแทนการทดสอบ
ꂇ
ี 1 <= m <= 12

1 : ! ((m < 1) && (m > 12))


2 : ! ( (m < 1) || (m >= 13) )
3 : ! ( ! (1 <= m) || ! (m <= 12) )
4 : (1 <= m) && (m >= 12)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
199 : ให ้
n คื
อตัวแปรจํานวนเต็ม
ข อใดให
้ ค่

าจริง ก็ต่
อเมื

ꂇn เก็
บค่
าทีเป็
ꂇนจํ
านวนคี
ꂇ

1 : (n == 1) || (n == 3) || (n == 5) || (n == 7) || (n == 9)
2 : (n / 10 == 1)
3 : (n / 2 == 1)
4 : (n % 2 == 1)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 26/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

ข อที
้ ꂇ
200 : ให ้
n เป็
นตัวแปรจํานวนเต็ม
ข อใดให
้ ค่

าจริงเมือ
ꂇn มี
ค่
าตังแต่
焐ꉬ 13 ถึง 22

1 : (13 < n) && (n < 22)


2 : ! ((n > 22) || (n < 13))
3 : (12 < n) || (n < 23)
4 : (n ­ (22 ­ 13 + 1) > 0)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
201 : ให ้
n เป็
นตัวแปรจํ
านวนเต็
มที
เก็
ꂇบรหัส ไปรษณี
ยท
์มี ꂇ กั้
ꂇข นาด 5 หลักที
ี ใช น อยู
ใ่
นปั จจุ ่10600 แถวคลองสาน 10300 แถวปทุ
บัน (เชน มวัน กรุ
งเทพฯ)

ถาเป็
้ นรหัส ไปรษณี
ยข
์องจังหวัดประจวบคี
รข
ีัน ธ์
จะขึ
นต
焐ꉬ นด
้ วย ่77000 คื
้ 77 เชน ออํ
าเภอเมื
อง 77130 คื
ออํ
าเภอทับสะแก

ข อใดให
้ ค่

าจริ
งเมื

ꂇn เก็
บรหัส ไปรษณี
ยข
์องจังหวัดประจวบคี
รข
ีัน ธ์

1 : (n % 77 == 0)
2 : (n % 100 == 77)
3 : (n / 1000 == 77)
4 : (n / 77 == 0)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
202 : ให ้random() เป็ นฟั งก์
ชนั ที
คื
ꂇน จํ
านวนจริงทีꂇ่
สุมจากค่ าในชว่ง [0, 1) คื
อตังแต่
焐ꉬ 0 ไปจนถึงเกื
อบ ๆ 1 (ไม่
รวม 1)
ข อใดเป็
้ นการสุ ่มค่
าจํานวนเต็ มในชว่ ง [a, b] คื
อตังแต่
焐ꉬ a จนถึ ง b (a และ b เป็นตัวแปรจํานวนเต็
ม โดยทีꂇ
a < b)
(กําหนดให ้floor(x) เป็
นฟั งก์ั คื
ชน น จํานวนเต็มทีได
ꂇ จากการปั
้ ดเศษหลังจุ ดทศนิ ยมของ x ออกหมด)

1 : floor(random() * (b ­ a + 1))
2 : floor(a + random() * b)
3 : a + floor((b ­ a) * random())
4 : a + floor((b ­ a + 1) * random())

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
203 : ให ้
a เป็
นตัวแปรจํ
านวนเต็ม
สมมติวา่a เก็
บจํ
านวนตังแต่
焐ꉬ 0 ถึ
ง 99 ข อใดข
้ างล่
้ างนี
焐ꉬ
ทํ
าให ้
b มี
ค่
าเป็
นจํ
านวนที
เขี ิกับหลักหน่
ꂇยนสลับหลักส บ ่a เก็
วยของ a (เชน บ 21 จะได ้
b เก็
บค่
า 12 เป็
นตน)

1 :b = a / 10 + (a % 10)
2 :b = (a % 10) * 100 + (a % 10)
3 :b = 10 * (a % 1) + (a % 10)
4 :b = 10 * (a % 10) + (a / 10)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
204 : ใหตั้วแปรทุ กตัวเป็
นตัวแปรจํ
านวนเต็

a = 2, b = 4, c = 8, d = 16;

อยากทราบว่
า a + (c + d) / a * b + d / a มี
ค่
าเท่
าใด

1 : 58
2 : 60
3 : 13
4 : 122

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
205 : ใหตั้วแปรทุ กตัวเป็
นตัวแปรจํ
านวนเต็

a = 2, b = 4, c = 8, d = 16

อยากทราบว่
า b * a + d / b / a + b * c มี
ค่
าเท่
าใด

1 : 24
2 : 35
3 : 42
4 : ไม่
มข
ีอใดถู
้ ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
206 : ให ้
a เป็
นตัวแปรจํ
านวนจริ
ง, && แทนการ AND, || แทนการ OR

ข อใดให
้ ผลเป็
้ นเท็
จตลอด ไม่
ข นกั
焐ꉬ บค่
ึ าของ a

1 : (12 < a) && (a < 23)


2 : (12 < a) || (a < 23)
3 : (a < 12) && (a > 23)
4 : (a < 12) || (a > 23)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 27/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

ข อที
้ ꂇ
207 : ให ้
a เป็
นตัวแปรจํ
านวนจริ
ง, && แทนการ AND, || แทนการ OR

ข อใดให
้ ผลเป็
้ นจริ
งตลอด ไม่
ข นกั
焐ꉬ บค่
ึ าที
เก็
ꂇบใน a

1 : (12 < a) && (a < 23)


2 : (12 < a) || (a < 23)
3 : (a < 12) && (a > 23)
4 : (a < 12) || (a < 23)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ ้
208 : เส นตรงเส ้ ꂇ
นหนึ
งผ่
านจุ
ด (x1, y1) และ (x2, y2) บนระนาบสองมิ
ติ
ข อใดเป็
้ นนิพจน์ ทคํ ้
ꂇานวณหา slope ของเส นตรงเส
ี ้ 焐ꉬ
นนี

1 : y1 ­ y2 / x1 ­ x2
2 : y2 ­ y1 / x2 ­ x1
3 : (y1 ­ y2) / x1 ­ x2
4 : (y1 ­ y2) / (x1 ­ x2)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
209 : ให ้
(x1, y1) และ (x2, y2) เป็
นจุ
ดสองจุ
ดบนระนาบสองมิ
ติ
และ sqrt(d) คื
อฟั งก์ั ที
ชน คื
ꂇน ค่
ารากที
สองของ
ꂇ d

ข อใดคื
้ อนิ พจน์
ทคํ
ꂇานวณหาระยะห่
ี ꂇันสุ
างที
ส 焐ꉬ ดระหว่
างจุ
ดสองจุ
ดนี
焐ꉬ

1 : sqrt((x1­x2)*(x1­x2)+(y1­y2)*(y1­y2))
2 : sqrt((x1­x2)*(x2­x1)+(y1­y2)*(y2­y1))
3 : sqrt((x2­x1)*(x1­x2)+(y2­y1)*(y1­y2))
4 : sqrt((y1­y2)*(y2­y1)+(x1­x2)*(x2­x1))

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
210 : ให ้
n คื
อตัวแปรจํานวนเต็ม
ข อใดให
้ ค่

าจริง ก็ต่
อเมื

ꂇn เก็
บค่
าทีเป็
ꂇนจํ
านวนคู

1 : (n == 0) || (n == 2) || (n == 4) || (n == 6) || (n == 8)
2 : (n / 10 == 0)
3 : (n % 2 == 0)
4 : (n / 2 == 0)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
211 : ให ้
n คื
อตัวแปรจํ านวนเต็ม
ข อใดให
้ ค่
้าจริง ก็
ต่
อเมื
อꂇn เก็
บค่าที
เป็
ꂇนจํ
านวนคู

1 : (n%10 == 0) || (n%10 == 2) || (n%10 == 4) || (n%10 == 6) || (n%10 == 8)


2 : (n/10 == 0) || (n/10 == 2) || (n/10 == 4) || (n/10 == 6) || (n/10 == 8)
3 : (n%10 == 0) && (n%10 == 2) && (n%10 == 4) && (n%10 == 6) && (n%10 == 8)
4 : (n/10 == 0) && (n/10 == 2) && (n/10 == 4) && (n/10 == 6) && (n/10 == 8)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
212 : ให ้
n คื
อตัวแปรจํานวนเต็ม
ข อใดให
้ ค่

าจริง ก็ต่
อเมื

ꂇn เก็
บค่
าทีเป็
ꂇนจํ
านวนคู

1 : (2*n/2 == n)
2 : (n/2*2 == n)
3 : (n/10*10 == n)
4 : (10*n/10 == n)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
213 : ให ้
n คื
อตัวแปรจํานวนเต็ม
ข อใดให
้ ค่

าจริง ก็ต่
อเมื

ꂇn เก็
บค่
าทีเป็
ꂇนจํ
านวนคี
ꂇ

1 : (n/2*2 == n+1)
2 : ((n+1)/2*2 == n)
3 : ((n­1)/2*2 == n)
4 : (n/2*2 == n ­ 1)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
214 : วัน สงกรานต์ตรงกับวัน อะไร สามารถคํ านวณไดดั้งนี 焐ꉬ
1. เปลี
ยน
ꂇ ปี พ.ศ. เป็น ค.ศ.
2. นํ
าสองหลักทางขวาของปี ค.ศ คู ณดวย้ 1.2 แลวบวกด
้ วย
้ 11
3. นํ
าผลในข อ้2 ปั ดเศษหลังจุ ดทศนิ ยมทิง焐ꉬ(ใชฟั้งก์ั floor) แลวหารด
ชน ้ วย
้7
4. เศษของการหาร 7 ถาเป็
้ น 0 คื ออาทิ ตย์1 คือจัน ทร์, ..., 6 คื
อเสาร์

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 28/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
การคํานวณนี焐ꉬ ้ตั้งแต่
ใชได 焐ꉬ ปี
2543 ไปประมาณรอยปี

ถา้y เก็
บปี
พ.ศ. ข อใดคํ
้ านวณผลในข อ้4

1 : floor(11 + (((year ­ 543) / 100) * 1.2)) % 7


2 : floor((((year ­ 543) % 100) * 1.2) + 11) % 7
3 : floor((((year ­ 543) / 100) * 1.2) + 11) / 7
4 : ไม่มข
ีอใดถู
้ ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
215 : ให ้
random() เป็
นฟั งก์ั ที
ชน คื
ꂇน จํ
านวนจริ ꂇ่
งที
สุมจากค่าในชว่ ง [0, 1) คือตังแต่
焐ꉬ 0 ไปจนถึ
งเกือบ ๆ 1 (ไม่
รวม 1)
ข อใดเป็
้ นการสุ ่
มค่
าจํ
านวนเต็มตังแต่
焐ꉬ 0 จนถึ ง 50 (กํ
าหนดให ้
floor(x) เป็นฟั งก์
ชนั คื
น จํ
านวนเต็
มที
ได
ꂇ จากการปั
้ ดเศษหลังจุดทศนิ
ยมของ x ออกหมด)

1 : floor( 50*random() )
2 : floor( 50*random() ) % 50
3 : floor( 51*random() ) % 100
4 : ไม่มข
ีอใดถู
้ ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
216 : ให ้random() เป็ นฟั งก์
ชนั ที
คื
ꂇน จํ
านวนจริงทีꂇ่
สุมจากค่าในชว่ ง [0, 1) คื
อตังแต่
焐ꉬ 0 ไปจนถึงเกื
อบ ๆ 1 (ไม่
รวม 1)
ข อใดเป็
้ นการสุ ่มค่
าจํานวนเต็ มในชว่ ง [­10, 10] คื
อตังแต่
焐ꉬ ­10 จนถึ ง 10
(กําหนดให ้floor(x) เป็
นฟั งก์ั คื
ชน น จํานวนเต็มทีได
ꂇ จากการปั
้ ดเศษหลังจุ ดทศนิ ยมของ x ออกหมด)

1 : floor(21 * random()) % 100 ­ 10


2 : floor(21 * random()) % 20 ­ 10
3 : floor(20 * random()) % 20 ­ 10
4 : ไม่มข
ีอใดถู
้ ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
217 : กํ
าหนดให ้
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถา้s = a*b+c; s =

1 : 15
2 : 16
3 : 17
4 : 18

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
218 : กํ
าหนดให ้
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถา้t = b+c*b; t =

1 :8
2 :9
3 : 10
4 : 12

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
219 : กํ
าหนดให ้
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถา้v = a*a+b*b+c*c; v =

1 : 36
2 : 28
3 : 38
4 : 48

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
220 : กํ
าหนดให ้
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถา้x = a%5; x =

1 :0
2 :2
3 :4
4 :6

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
221 : กํ
าหนดให ้
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถา้y = a/c; y =

1 : 1.5
2 :2
3 : 2.5
4 :3

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
222 : กํ
าหนดให ้
a = 5, b = 3 , c = 2 , d = 0.5 ถา้z = a/d; z =

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 29/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 :0
2 : 10
3 : 11
4 : 12

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
223 : การดํ
าเนิ ้ องหมาย
น การโดยใชเครื
ꂇ && จะใหผลลั
้ พธ์เป็
นอย่
างไร เมื

ꂇi = 2 และ j = 5 ในการดํ
าเนิ
น การ (i>3) && (j>4)

1 : เป็
นจริง
2 : เป็
นเท็จ
3 : เป็
นบวกเสมอ
4 : เท่
ากับหนึ
ꂇ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
224 : value1 , value2 ที
แสดงโดยชุ
ꂇ าสัꂇ
ดคํ งต่อไปนี
焐ꉬ
มี
ค่าเท่
าใด

n = 20;
value1 = n++;
value2 = ++n;
printf(“%d , %d ”,value1,value2);

1 : 20 , 21
2 : 21 , 20
3 : 21 , 21
4 : 20 , 22

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

เนื
焐ꉬ
อหาวิ
ชา : 4 : การทํ
างานแบบลํ
าดับ

ข อที
้ ꂇ
225 : ถาให
้ ้ x = 5; y = 7; z = 12;
และ k = (x + y) * z + y;
จงหาค่าของ k

1 : 74
2 : 128
3 : 151
4 : 96
5 : 47

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
226 : สมการ z เท่
ากับ x กํ
าลังสอง บวก y กํ
าลังสอง เขี
ยนเป็
นนิ
พจน์
ในภาษาคอมพิ
วเตอร์
ไดอย่
้างไร

1 : z = x2 + y2;
2 : z = x * x + y * y;
3 : z = x * 2 + y * 2;
4 : z = x ** 2 + y ** 2;
5 : z = xx + yy;

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
227 : ถากํ
้าหนดให ้ Relative Precedence ของ Operators เป็
นไปตามลํ
าดับดังนี
焐ꉬ
1) ++ ­­ 2) * / % 3) + ­ จากลํ
าดับ Operator Precedence ดานบน
้ จงjหาค่
าตัวแปรดัง
ต่อไปนี焐ꉬ
x = 4 + 5 * 3;

1 : x= 27
2 : x = 19
3 : x= 17
4 : ไม่
ส ามารถระบุ
ค่
าได ้
5 : ถู
กทุกข อ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ228 : กํ
าหนดใหโปรแกรมมี
้ ชด าสัꂇ
ุคํ งคือ
i=0
i=i+1
j=1
j=i+j
เมือคอมพิ
ꂇ วเตอร์ทํ
าโปรแกรมนี
焐ꉬ
จนจบ ผลลัพธ์ จากการทํ
างานคื
อข อใด

1 : i มี
ค่
า0
2 : j มี
ค่
า0
3 : j มี
ค่
า1

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 30/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
4 : j มี
ค่
า2
5 : j มี
ค่
า3

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
229 : กํ
าหนดใหโปรแกรมมี
้ ขันตอนการทํ
焐ꉬ างานดังนี
焐ꉬ

เริมต
ꂇ น้
รับค่า x และ y
นําค่า x + y ใส่
ลงใน a
นําค่า x – y ใส่
ลงใน b
แสดงค่ าผลคู ณของ a กับ b
จบ

ถาเครื
้ องคอมพิ
ꂇ วเตอร์
ทํ
าโปรแกรมนี
焐ꉬ
โดยผู
ใช
้ใส้่
ค่
า 8 และ 2 ผลลัพธ์
ทได
ꂇ คื
ี ้อข อใด

1 :8
2 : 16
3 : 28
4 : 60
5 : 66

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
230 : กํ
าหนดใหโปรแกรมมี
้ ขันตอนการทํ
焐ꉬ างานดังนี
焐ꉬ

เริมต
ꂇ น้
รับค่า x, y และ z
นําค่าทีมากที
ꂇ สุ ꂇดของ x, y, z ไปใส่ไวใน
้a
นําค่าทีน
ꂇอยที
้ สุꂇดของ x, y, z ไปใส่ไวใน
้c
นําค่าเฉลี ยของ
ꂇ x, y, z ไปใส่
ไวใน
้b
จบ

ถาเครื
้ องคอมพิ
ꂇ วเตอร์
ทํ
าโปรแกรมนี
焐ꉬ
จนจบแลวข
้อใดเป็
้ นจริ

1 :a <b<c
2 :a >b>c
3 :a <= b <= c
4 :a >= b >= c
5 :a >= b <= c

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
231 : ข อใดได
้ ผลลั
้ พธ์บนหน าจอเหมื
้ าสัꂇ
อนกับคํ งต่อไปนี
焐ꉬ
int a = 50; PRINTtoSCREEN(a+200);

1 : int a = 350; PRINTtoSCREEN(a); a = a ­ 100;


2 : PRINTtoSCREEN(a); int a = 50; a = a * 5;
3 : PRINTtoSCREEN(a); a = a ­ 100; int a = 350;
4 : a = a * 5; int a = 50; PRINTtoSCREEN(a);
5 : int a = 50; a = a * 5; PRINTtoSCREEN(a);

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 5

ข อที
้ ꂇ
232 : ถา้x, y และ z มี
ค่
าเป็
น 18, 12 และ 4 ตามลํ
าดับ ข อใดต่
้ อไปนี
焐ꉬ
เป็นค่
าถู
กตอง
้ เมื
อมี
ꂇ การทํ
างานเป็
นดังโปรแกรม x = x – y; y = y – x; z = x * y / z;

1 : x = 9;
2 : y = 12;
3 : z = 18;
4 : x = 2/3 ของ z;
5 : y = 1/3 ของ z;

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
233 : เมื อ
ꂇx, y และ z มี
ค่
าเป็
น 100, 13 และ 91 ตามลํ
าดับ และมี
การทํ
างานดังโปรแกรม
1: z = z / y;
2: y = y + z;
3: x = x * z / y;
ข อใดถู
้ กตอง ้

1 : x มี
ค่
าเท่
ากับ 25
2 : z มี
ค่
าเท่
ากับ 8
3 : y มี
ค่
าเท่
ากับ 21
4 : ถาต
้องการให
้ ้
x มี
ค่
าเท่ ꂇ าสัꂇ
ากับ 12 จะตองเปลี
้ ยนคํ งในบรรทัดทีꂇ
3 เป็
น (x+z)/y
5 : ถาต
้องการให
้ ้
x มี
ค่
าเท่ ꂇ าสัꂇ
ากับ 25 จะตองเพิ
้ มคํ ง z = z­2;ก่
อนหน าบรรทั
้ ดทีꂇ
3

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 5

ข อที
้ ꂇ
234 : ค่
า X จากโปรแกรมนี
焐ꉬ
คื
ออะไร
X=3

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 31/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
Y=X+1
X=Y+2
END

1 :6
2 :5
3 :7
4 :4
5 :3

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
235 : ค่
า X จากโปรแกรมนี
焐ꉬ
คื
ออะไร
X=X+2
X=0
X=X+1
END

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3
5 :4

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
236 : ค่
า X จากโปรแกรมนี
焐ꉬ
คื
ออะไร
Y = 11
X=Y
Y=Y+3
END

1 :0
2 :3
3 : 11
4 : 14

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ237 : จากโปรแกรมภาษา C จงหาค่ าของตัวแปร Newcount และ Count เมื
อโปรแกรมส
ꂇ 焐ꉬ ดการทํ

นสุ างาน
­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­

int Newcount=0, Count=1;


Newcount = Count++;
Count = 3+Newcount++;

1 : 2,4
2 : 2,5
3 : 3,4
4 : 3,5

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ238 : จากโปรแกรม ภาษา C ต่ อไปนี
焐ꉬ
จงหาค่
าของตัวแปร Newcount และ Count เมื
อโปรแกรมหยุ
ꂇ ดทํ
างาน
­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­
int Newcount=0, Count=1;
Newcount = Count++;
Count = 3+Newcount++;
Newcount = ++Count;

1 : 4,5
2 : 4,6
3 : 5,5
4 : 5,6

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
239 : x = 10
y=5
x=y
y=x
หลังจากโปรแกรมทํ างานครบทังส ꂇ ด ข อใดผิ

焐ꉬ บรรทั ้ ด

1 : ตัวแปร x จะมีค่
าเท่ากับ 5
2 : x ­ y จะมีค่
าเท่
ากับ 5
3 : y จะมีค่าเท่
าเดิ

4 : ไม่มขีอใดผิ
้ ด

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 32/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

ข อที
้ ꂇ
240 : ถา้b = 10 และ c = 5 ผลการทํ
างานหลังจากบรรทัดที
ꂇ
2 แลว้a จะมี
ค่
าเท่
าใด
บรรทัดที
ꂇ
1b=b+c;
บรรทัดที
ꂇ
2a=b­5;

1 :5
2 : 20
3 : 25
4 : 15
5 : 10

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 5

ข อที
้ ꂇ
241 : ถา้b = 5 และ c = 8 ผลการทํ
างานหลังจากบรรทัดที
ꂇ
3 แลว้a จะมี
ค่
าเท่
าใด
บรรทัดที
ꂇ
1 b = b * 2;
บรรทัดที
ꂇ
2c=c+b;
บรรทัดที
ꂇ
3 a = b * c;

1 : 40
2 : 65
3 : 80
4 : 180

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
242 : ถา้b = 10 และ c = 5 ผลการทํ
างานหลังจากบรรทัดที
ꂇ
4 แลว้c จะมี
ค่
าเท่
าใด
บรรทัดที
ꂇ
1 b = b + c;
บรรทัดที
ꂇ
2 a = b ­ 5;
บรรทัดที
ꂇ
3 b = a ­c;
บรรทัดที
ꂇ
4 c = b + a;

1 : ­10
2 :5
3 : 10
4 : 15

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
243 : ลํ าสัꂇ
าดับคํ งในข อใดต่
้ อไปนี
焐ꉬ
ใหผลลั
้ พธ์
เป็
นการสลับค่
าของตัวแปร x กับ ตัวแปร y

1 : x=y; y=x;
2 : x=x+y; y=x­y; x=y­x;
3 : x=x­y; y=y+x; x=x+y;
4 : x=x+y; y=x­y; x=x­y;

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
244 :

1 : 12
2 : 13
3 : 15
4 : 18
5 : 20

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
245 :

1 : dx2 = x1 ­ x2 * x1 ­ x2; dy2 = y1 ­ y2 * y1 ­ y2; d = squareRoot( dx2 + dy2 );


2 : dx = x1 ­ x2; dy = y2 ­ y1; d = squareRoot( dx*dx, dy*dy );

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 33/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
3 : dx = x2 ­ x1; dy = y2 ­ y1; dx2 = dx*dx; dy2 = dy*dy; d = dx2+dy2; d = squareRoot( d );
4 : dx = x1 ­ x2; dy = y1 ­ y2; dxy = dx*2 + dy*2; d = squareRoot(dxy);

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
246 :

1 : บรรทัด 04 กับ 05
2 : บรรทัด 05 กับ 06
3 : บรรทัด 06 กับ 07
4 : บรรทัด 07 กับ 08

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
247 : โครงสรางแบบใดมี
้ ลักษณะการทํ ꂇ างานซํ
างานการวนรอบเพื
อทํ 焐ꉬ
าจะเริ
มต
ꂇ นจากการทํ
้ าสัꂇ
างานตามคํ งของ do ก่
อน หนึ
ꂇ
งรอบ แลวจึ
้งเริ
มตรวจสอบ
ꂇ เงื ꂇาสัꂇ
อนไขที
ꂇ คํ ง while

1 : for
2 : if­else
3 : while
4 : do­while

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ าสัꂇ
248 : คํ งใดเป็
นการขึ
นบรรทั
焐ꉬ ดใหม่

1 : \m
2 : \n
3 : \o
4 : \p

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
249 : จากโปรแกรม main() { int a,b,c,d; printf(“Enter three number ”); scanf(“%d%d%d”,&a,&b,&c); d =c; if(a>d) d = a; if(b > d) d = b; printf(“value of D =
%.2f”,); } เป็
นโปรแกรมใด

1 : เป็
นโปรแกรมหาค่
าผลรวม
2 : เป็
นโปรแกรมหาค่
าเฉลีย
ꂇ
3 : เป็
นโปรแกรมหาค่
ามากที สุ
ꂇด
4 : เป็
นโปรแกรมหาค่
าน อยที
้ สุꂇด

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

250 : สัญลักษณ์
ข อที
้ ꂇ ดังรู งสัญลักษณ์
ปหมายถึ ในผังงานข อใด

1 : กิ
จกรรมประมวลผล
2 : จุ
ดเริ
มต
ꂇ น้หรื
อจุ
ดสุดทายของกิ
้ จกรรม
3 ิใจหรื
: การตัดส น อเปรี
ยบเที
ยบ
4 : แฟ้มข อมู
้ล

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

251 : สัญลักษณ์
ข อที
้ ꂇ ดังรู งสัญลักษณ์
ปหมายถึ ในผังงานข อใด

1 : การแสดงผลข อมู
้ลทางจอภาพ
2 : การรับข อมู
้ล และแสดงข อมู
้ล
3 ้
: เส นแสดงทิศทางของกิจกรรม
4 ิใจหรื
: การตัดส น อเปรี
ยบเที
ยบ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ ้ อสัญลักษณ์
252 : ข อใดคื ิใจหรื
ข องผังงานการตัดส น อเปรี
ยบเที
ยบ

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 34/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : รู ꂇ ยมคางหมู

ปส เหลี
ꂇ
2 : รู ꂇ ยมขนมเปี

ปส เหลี
ꂇ ยกปู

3 : รู ꂇ ยมจตุ

ปส เหลี
ꂇ รัส
4 : รู
ปวงกลม

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

เนื
焐ꉬ
อหาวิ
ชา : 5 : การทํ
างานแบบเลื
อก

ข อที
้ ꂇ
253 : จงหาผลลัพธ์ จากขันตอนดั
焐ꉬ งต่
อไปนี焐ꉬ
ขันที
焐ꉬ ꂇ
1 เริ
มการทํ
ꂇ างาน
ใหตั้
วแปร x , y เป็น integer
ขันที
焐ꉬ ꂇ
2 ใหตั้
วแปร x =20 ; y =25 ;
ขันที
焐ꉬ ꂇ
3 ใหตั้
วแปร x = x + 10 ; y =25 ;
ขันที
焐ꉬ ꂇ
4 ใหตั้
วแปร x น อยกว่
้ า y ให ้ ตัวแปร = x + 20
มิ
ฉะนั นแล
焐ꉬ ว้ใหตั้วแปร x = x­ 5 ;
ขันที
焐ꉬ ꂇ
5 พิมพ์ค่
าตัวแปร x และตัวแปร y
ขันที
焐ꉬ ꂇ
6 จบการทํ างาน

1 : x= 30 ; y = 25:
2 : x= 40 ; y = 25:
3 : x= 50 ; y = 25:
4 : x= 25 ; y = 25:

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
254 : จงหาผลลัพธ์ จากขันตอนดั
焐ꉬ งต่อไปนี
焐ꉬ
ขันที
焐ꉬ ꂇ
1 เริ
มการทํ
ꂇ างาน
ใหตั้
วแปร x , y เป็น integer
ขันที
焐ꉬ ꂇ
2 ใหตั้
วแปร x = 10 ; y =40 ;
ขันที
焐ꉬ ꂇ
3 ใหตั้
วแปร x = x + 2 ; y = y ­ 5 ;
ขันที
焐ꉬ ꂇ
4 ใหตั้
วแปร x = x + 2 ; y = y ­ 5 ;
ขันที
焐ꉬ ꂇ
5 ใหตั้
วแปร x = x + 2 ; y = y ­ 5 ;
ขันที
焐ꉬ ꂇ
6 พิมพ์ค่
า x,y จบ

1 :( x = 16 ; y = 25 ;)
2 :( x = 14 ; y = 30 ;)
3 :( x = 12 ; y = 35 ;)
4 :( x = 10 ; y = 40 ;)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
255 : ถา้A = 20 เงื
อนไขดั
ꂇ งต่
อไปนี
焐ꉬ
ใหผลลั
้ พธ์
อะไร

1 : B=0
2 : B=10
3 : B=20
4 : B=30
5 : ไม่
มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
256 : ถา้A = 5 เงื
อนไขดั
ꂇ งต่
อไปนี
焐ꉬ
ใหผลลั
้ พธ์
อะไร

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 35/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : B=0
2 : B=10
3 : B=20
4 : B=30
5 : ไม่
มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
257 : ถา้A = 8 เงื
อนไขดั
ꂇ งต่
อไปนี
焐ꉬ
ใหผลลั
้ พธ์
อะไร

1 : B=0
2 : B=10
3 : B=20
4 : B=30
5 : ไม่
มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
258 : จาก Flow chart ที
กํ
ꂇาหนด ถาหลั
้ งจาก RUN โปรแกรม แลวค่
้า y =15+0.2x ถามว่
าค่
า x มี
โอกาส เป็
นเท่
าไร

1 : x อาจจะเป็
น 84 หรื
อ 83 หรื
อ 79 หรื
อ 75
2 : x อาจจะเป็
น 87 หรื
อ 82 หรื
อ 77 หรื
อ 76
3 : x อาจจะเป็
น 85 หรื
อ 80 หรื
อ 77 หรื
อ 76
4 : x อาจจะเป็
น 84 หรื
อ 83 หรื
อ 78 หรื
อ 75

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 36/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

ข อที
้ ꂇ259 : จาก Flow chart ที กํ
ꂇาหนด จงหาค่าy
เมือ
ꂇครังที
焐ꉬ ꂇ
1 ให ้
x= 79 , ครังที
焐ꉬ ꂇ
2 ให ้
x= 15 ;

1 : 30.8 , 32.5
2 : 17.9, 32.5
3 : 17.9, 30.8
4 : 30.8, 17.9

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
260 : ผังงานต่
อไปนี
焐ꉬ
เป็นผังงานของข อใด

1 : if....then....else
2 : if .. then
3 : for loop
4 : ไม่ มขีอใดถู
้ ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
261 : ผังงานต่
อไปนี
焐ꉬ
เป็นผังงานของข อใด

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 37/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : if....then....else
2 : while do ......
3 : if.. then
4 : ไม่ มขีอใดถู
้ ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
262 : ผังงานต่
อไปนี
焐ꉬ
เป็นผังงานของข อใด

1 : if....then....else
2 : while do ......
3 : do.... while
4 : ไม่ มขีอใดถู
้ ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
263 : จากคํ าสัꂇ
งต่อไปนี
焐ꉬ
เมื
อทํ
ꂇ างานจนจบ X มี
ค่
าเท่
าไร เมื

ꂇa = 100
if (a >= 1000)
X = 1;
else if (a < 10)
X=2;
else if (a > 100)
X = 3;
else
X = 4;

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 38/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
5:4

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 5

ข อที
้ ꂇ
264 : แสดงค่
าในตัวแปร x ที
เกิ
ꂇดจากผลการทํ
างานของโปรแกรมนี
焐ꉬ
int x=50;
if (x > 50)
x=x+10;
else if (x < 30)
x=x+20;
else x=x+30;
x=x+10;

1 : 90
2 : 80
3 : 70
4 : 60

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ 265 : จาก algorithm ต่ อไปนี 焐ꉬ
เมื
อส 焐ꉬ ดการทํ

ꂇ นสุ างาน x,y,z จะมี ค่าเป็
นเท่
าใด เครื
องหมาย
ꂇ ! คื
อ not operator
­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­
1: int x=6, y = 1, z = 2;
2: if (!x) {
3: x = y + 1;
4: z = x ­ y;
5: } else
6: y = x ­ z;

1 : x=6, y=1, z=2


2 : x=6, y=4, z=2
3 : x=2, y=1, z=1
4 : x=2, y=4, z=1

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ266 : จากโปรแกรมที ให
ꂇ ้ถากํ
้าหนดค่าใหอาเรย์
้ x ดังนี
焐ꉬ
0, 4, 10, 1,3
โดยเริ มตั
ꂇ งแต่
焐ꉬ index 0 ถึ
ง 4 เมื
อโปรแกรมทํ
ꂇ างานจบแลว้ans มี ค่าเท่
ากับเท่
าใด
กรณี ภาษา C ans = x[0];
for (i=1; i<=4; i++)
{
if (ans ans = x[i];
} หรือ ในภาษา pascal ans := x[0];
for i:=1 to 4 do
begin
if (ans ans := x[i];
end

1 :0
2 :4
3 : 10
4 :1
5 :3

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ267 : โปรแกรมต่
อไปนี 焐ꉬ
ถาต
้องการให
้ ้
ans = 0 ตองป้
้ อนค่
า num เป็
นเท่
าไร
if( ((num*4­15) < num) || ((num*4­15)>num))
ans = 1;
else
ans = 0;
หมายเหตุ || คื
อ OR operator ใน pascal

1 :1
2 :2
3 :3
4 :4
5 :5

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 5

ข อที
้ ꂇ
268 : ข อใดมี ่เดี
้ ความหมายเชน ยวกัน กับ a += (n1 >= n2) ? n1 : n2;

1 : if (n1 < n2) a += n2; else a += n1;


2 : if (n1 >= n2) a = n1; else a = n2;
3 : if (n2 < n1) a = a + n2; else a = a + n1;
4 : if (n2 > n1) a = n2; else a = n1;
5 : มีคําตอบที ถู
ꂇกมากกว่า 1 ข อ้

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 39/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

269 : จากการใช ้
ข อที
้ ꂇ if (a <= b) c = a; else c = b; ข อใดกล่
้ าวถู
ก?

1 : c จะมี
ค่าเท่
ากับ a ก็
ต่
อเมือค่
ꂇ าของ a มากกว่ าค่
าของ b
2 : c จะมี
ค่าเท่
ากับ b ก็
ต่
อเมือค่
ꂇ าของ a เท่ากับค่
าของ b
3 : ค่าของ c จะไม่มากกว่
าค่าของ b เสมอ
4 : ค่าของ c จะมากกว่าค่าของ a ก็
ต่อเมื
อค่
ꂇ าของ a มากกว่
าb
5 : มี
คําตอบที ถู
ꂇกมากกว่
า 1 ข อ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที 270 : ในการใช ้


้ ꂇ ꂇ ็
if statement เพื
อเช คดู
วา่ค่
าของ n เป็
นเลขคีꂇ ꂇ ใ่

ซงอยู นชว่
งตังแต่
焐ꉬ 10 – 30
หรือไม่นั น
焐ꉬเราตองใช
้ คํ ้าสัꂇ
งอย่างไร? หมายเหตุ == คื
อเปรี
ยบเทียบเท่ากับ
!= ไม่เท่
ากับ
|| OR
&& AND
/ div
% mod

1 : if (((n % 2) == 1) || ((n >= 10) && (n <= 30)))


2 : if (((n / 2) == 1) && ((n >= 10) && (n <= 30)))
3 : if (((n % 2) != 0) && ((n >= 10) && (n <= 30)))
4 : if (((n % 2) == 0) || ((n >= 10) && (n <= 30)))
5 : มีคําตอบที ถู
ꂇกมากกว่า 1 ข อ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
271 : กํ
าหนดตัวแปร n เป็ น integer
ถาต
้องการเช
้ ็
คว่
าตัวแปร n เก็ บเลขที ลงท
ꂇ ายด
้ วย ้3
่3, 13, 23, 33, ...) เราตองใช
(เชน ้ คํ ้
าสัꂇ
ง if อย่
างไร?
หมายเหตุ % คือ mod , / คื อ div , == เปรี
ยบเที ยบเท่ากับ

1 : if((n % 3) == 0)
2 : if((n / 3) == 0)
3 : if((n % 10) == 3)
4 : if((n / 10) == 3)
5 : มีคําตอบที ถู
ꂇกมากกว่
า 1 ข อ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
272 : กํ ꂇMAXNUM มี

าหนด constant ชอ ค่า 20 ตัวแปร integer number มี
ค่
า 30; if (number > MAXNUM) number = MAXNUM; PRINT_TO_SCREEN(number);
จากโปรแกรมดานบน
้ number ทีได
ꂇ จะมี
้ ค่าอย่
างไร

1 : number = 0
2 : number = 20
3 : number = 30
4 : number = 40
5 : ไม่
มข
ีอใดถู
้ กตอง ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
273 : แสดงผลการทํ าสัꂇ
างานของคํ งต่อไปนี
焐ꉬ
โดยกํ
าหนดการป้
อนค่

1. N= 5
2. N= 2

IF (N < 5) THEN
IF (N == 4) THEN PRINT "Hello."
ELSE IF (N == 3) THEN PRINT "Goodbye."

PRINT "Siam"

1 : 1. Siam 2. Goodbye
2 : 1. Hello 2. Goodbye
3 : 1. Siam 2. Siam
4 : 1. Hello 2. Goodbye

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
274 : ใหเครื
้ องหมาย
ꂇ && คื
อ and operator

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 40/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3
5 : ผิ
ดทุ
กข อ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
275 : กํ
าหนดใหโปรแกรมมี
้ ขันตอนการทํ
焐ꉬ างานดังนี
焐ꉬ

เริมต
ꂇ น้
รับค่า x และ y
้า 0 ใส่
ถา้x > y และ y > 0 ใหนํ ลงไปใน y
จบ

ถาคอมพิ
้ วเตอร์
ทํ
าโปรแกรมนี
焐ꉬ
จนจบ โดยผู
ใช
้ใส้่
ค่
า 5 และ 3 แลวทํ
้ าใหข้
อใดเป็
้ นจริ

1 : x มี
ค่
า3
2 : y มี
ค่
า3
3 : y มี
ค่
า5
4 : y มี
ค่
า0
5 : y มี
ค่
า ­1

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
276 : กํ
าหนดใหโปรแกรมมี
้ ขันตอนการทํ
焐ꉬ างานดังนี
焐ꉬ

เริมต
ꂇ น้
รับค่า x และ y และ z
ถา้x > y แลว้z = 0
มิฉะนั น
焐ꉬz = 1
จบ

ถาคอมพิ
้ วเตอร์
ทํ
าโปรแกรมนี
焐ꉬ
จนจบ แลวทํ
้ าใหข้
อใดเป็
้ นจริ

1 : z มี
ค่
า 0 หรื
อ 1 เท่านั น
焐ꉬ
2 : z มี
ค่
า 0 เมื

ꂇx = y
3 : z มี
ค่
า0
4 : z มี
ค่
า1
5 : z มี
ค่
า 10

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
277 : กํ
าหนดใหโปรแกรมมี
้ ขันตอนการทํ
焐ꉬ างานดังนี
焐ꉬ

เริมต
ꂇ น้
รับค่า x และ y และ z
ถา้(x + y) > z แลว้z = x + y
มิฉะนั น
焐ꉬถา้z = 0 แลว้z = y – x
จบ

ถาคอมพิ
้ วเตอร์
ทํ
าโปรแกรมนี
焐ꉬ
จนจบ โดยผู
ใช
้ใส้่
ค่
า 1 และ 2 และ 4 แลวทํ
้ าใหข้
อใดเป็
้ นจริ

1 : z มี
ค่
า1
2 : z มี
ค่
า2
3 : z มี
ค่
า3
4 : z มี
ค่
า4
5 : z มี
ค่
า5

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
278 : ข อใดสมมู
้ ลกับประโยค if (x <= 80 and x > 49)

1 : if (x = 80 and x > 49)


2 : if (49 < x <= 80)
3 : if (x < 80 or x > 50)
4 : if (not (x > 80 or x < 50))
5 : if (not (x > 80 and x < 50))

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 41/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
279 : ผลลัพธ์
ข องนิ
พจน์
ในข อใดที
้ แตกต่
ꂇ างจากผลลัพธ์
ข องนิ
พจน์
(5+4) / 3 < 3

1 : not (50 >= 14)


2 : 3 + 8 >= 15 or 5 <= 3
3 : 3 ­ 4 <= 10 and 3 > 3
4 : 14 / 7 < 1 or not (9 < 4)
5 : not (100 > 80 and 10 < 50)

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
280 : if (วัน นี
焐ꉬ
ฝนตก หรื อ เป็
นวัน หยุ
ด) then ฉั น จะไปออกกํ
าลังกาย
焐ꉬ

else ฉั น จะไปซอของ
สมมุตวิ า่"วัน นี
焐ꉬ
เป็นวัน ทํ
างาน แต่
วา่
ฝนตก"
ข อใดคื
้ อผลลัพธ์ ทถู
ꂇกตอง
ี ้

1 : ฉั น จะไปออกกํ
าลังกาย
2 焐ꉬ

: ฉั น จะไปซอของ
3 : ฉั น จะไปออกกํ 焐ꉬ

าลังกาย และ ฉั น จะไปซอของ
4 : ฉั น จะไปออกกํ
าลังกาย แต่ฉั น จะไม่ 焐ꉬ

ไปซอของ
5 : ฉั น จะไม่
ไปออกกํ 焐ꉬ

าลังกาย และ ฉั น จะไปซอของ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
281 : A B เป็
น เงื
อนไข
ꂇ X เป็
น ตัวแปร

X=0
IF A THEN
BEGIN
IF B THEN X = 1 ELSE X = 2
END
ELSE X = 3
STOP
ถา้A จริ
ง B เท็
จ เมื
อโปรแกรมหยุ
ꂇ ด X มี
ค่
าเท่
าไร

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3
5 : ไม่
ทราบค่

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
282 : A B เป็
น เงื
อนไข
ꂇ X เป็
น ตัวแปร

X=0
IF A THEN
BEGIN
IF B THEN X = 1 ELSE X = 2
END
ELSE X = 3
STOP
ถา้A เท็
จ B จริ
ง เมื
อโปรแกรมหยุ
ꂇ ด X มี
ค่
าเท่
าไร

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3
5 : ไม่
ทราบค่

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
283 : num = ­1
if (num < 0) then (num = num + 1)

num มี
ค่
าเท่
าไร หลังการทํ
างานของโปรแกรมนี
焐ꉬ

1 : ­1
2 :0
3 :1
4 :2
5 : ไม่มค
ีําตอบที
ถู
ꂇกตอง

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
284 : answer = 10
if (a > 10) then answer = answer * 2

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 42/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
if (a < 5) then answer = answer ­ 1
else if (a > 7) then answer = answer + 1

เมื
อมี
ꂇ การกํ
าหนดค่
าใหตั้
วแปร a ข อความใดเป็
้ นจริ

1 : ถา้a = 3 จะไดค่
้า answer = 9
และถา้a = 8 จะไดค่ ้า answer = 11
2 : ถา้a = 3 จะไดค่
้า answer = 11
และเมื อ
ꂇa = 7 จะไดค่
้า answer = 10
3 : เมื

ꂇa = 7 จะไดค่
้า answer = 20
เมื

ꂇa = 8 จะไดค่้า answer = 10
4 : เมื

ꂇa = 1 จะไดค่
้า answer = 9
เมื

ꂇa = 7 จะไดค่้า answer = 20
5 : answer = 10 ไม่ วา่a จะมี
ค่
าเป็
นเท่
าไรก็
ตาม

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
285 : ข อ้3 ดู
โจทย์
จากรู
ปภาพประกอบคํ
าถาม

1 : ­9
2 :9
3 : 21
4 : ­21

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
286 : ข อ้1 จงบอกว่
าอุ
ปกรณ์
ใดต่
อไปนี
焐ꉬ
เป็
นอุ
ปกรณ์
ประเภท standard output

1 : printer
2 : monitor
3 : diskette
4 : Key board

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
287 : ข อ้3 ดู
โจทย์
จากรู
ปภาพประกอบคํ
าถาม

1 : ­9
2 :9
3 : 21
4 : ­21

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
288 : ข อ้4 ดู
โจทย์
จากรู
ปภาพประกอบคํ
าถาม

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 43/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : ­9
2 :9
3 : 21
4 : ­21

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
289 : ตองการเขี
้ ยนโปรแกรมเพื
อคํ
ꂇ านวณหาค่ 焐ꉬ

าเส อรวมเมื
อราคาเส
ꂇ 焐ꉬ นดังนี

อเป็ 焐ꉬ
น อยกว่
้ า 10 ตัวราคาตัวละ 250 บาท
น อยกว่
้ า 20 ตัวราคาตัวละ 230 บาท
น อยกว่
้ า 30 ตัวราคาตัวละ 200 บาท
น อยกว่
้ า 50 ตัวราคาตัวละ 150 บาท
ควรเลื ้
อกใชคําสัꂇ
งใดต่
อไปนี
焐ꉬ

1 : if....then
2 : if....then.....else
3 อ nested if)
: if...then...else if... (หรื
4 : for
5 : while

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
290 : ให ้
V เป็นตัวแปรชนิดจํ
านวนจริงมี
ค่
า 2.5
if V > 2.0 then
begin
M := 3.0 * V;
end
else
begin
M := 0.0;
end;
V :=M;
หลังจากคํ าสัꂇ
งข างต
้ นถู
้ กกระทําแลว้ค่
า V เป็
นเท่
าไร หมายเหตุ
begin...end ก็
คอ
ื{..} และ := ก็
คอ
ื= ในภาษา C

1 : 0.0
2 : 2.5
3 : 7.5
4 : 10

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
291 : จาก flowchart ข างล่
้ างนี
焐ꉬ
การทํ
างานจะมาถึ ิ
งกล่
อง J ไดอย่
้างไร

1 : A, B, C, และ H ตองเป็
้ นจริ ง
2 : A และ H เป็นจริง B เป็
นเท็

3 : A และ B เป็นเท็จ ส่
วน H เป็
นจริ

4 : A, H และ C เป็นเท็จ
5 : ไม่มข
ีอใดถู
้ ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 44/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

เนื
焐ꉬ
อหาวิ
ชา : 6 : การทํ
างานแบบวงวน

ข อที
้ ꂇ
292 : จงเขี ยนผลตอบสนองของโปรแกรมดังต่
อไปนี
焐ꉬ
#include
int main(void){
function(5);
}
void function(int i){
printf("%d ", i);
if(i==0) return;
else function(i­1);
}

1 :0 1 2 3 45
2 :5 4 3 2 1
3 :1 2 3 4 5
4 :5 4 3 2 10

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
293 : จาก Flow chart ที
กํ
ꂇาหนด จงหาค่
า val , n และวนรอบกี
ครั
ꂇง焐ꉬหลังจากจบโปรแกรม ใหค่
้า y=0 ,x = 1 , k=2 ,b=9

1 : val =32 ,n=9 ;วน 4รอบ


2 : val=28 ,n=11 ;วน 5รอบ
3 : val =28 ,n=9 ;วน 4รอบ
4 : val=22 ,n=9 ;วน 4รอบ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
294 : ถา้A = 4 และ B = 2เมื
อออกจากวงรอบ(loop)
ꂇ ผลลัพธ์
จะเป็
นอะไร

1 :B=8
2 : B= 16
3 : B=32
4 : B=64
5 : ไม่
มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
295 : ถา้A = 1 และ B = 2เมื
อออกจากวงรอบ(loop)
ꂇ ผลลัพธ์
จะเป็
นอะไร

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 45/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 :B=0
2 : B=2
3 : B=4
4 : B=6
5 : ไม่
มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
296 : ถา้A = 5 และ B = 1เมื
อออกจากวงรอบ(loop)
ꂇ ผลลัพธ์
จะเป็
นอะไร

1 : B=7
2 : B=9
3 : B=11
4 : B=13
5 : ไม่
มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
297 : ถา้A = 1 และ B = 2เมื
อออกจากวงรอบ(loop)
ꂇ ผลลัพธ์
จะเป็
นอะไร

1 : B=0
2 : B=2
3 : B=4
4 : B=8
5 : ไม่
มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
298 : ความแตกต่
างระหว่
างการทํ าสัꂇ
างานของคํ ง While และ Do­While คื
ออะไร

าสัꂇ
1 : คํ ง While ทํ าสัꂇ
าคํ งก่อนแลวจึ
้งตรวจสอบเงื
อนไข
ꂇ ส่ าสัꂇ
วนคํ ง Do­While ตรวจสอบเงื
อนไขก่
ꂇ อนถาเป็
้ นจริ
งจึ
งทํ าสัꂇ
าคํ งทีต
ꂇองการ

าสัꂇ
2 : คํ ง While ทํ าสัꂇ
าคํ งก่อนแลวจึ
้งตรวจสอบเงื
อนไข
ꂇ ส่ าสัꂇ
วนคํ ง Do­While ตรวจสอบเงื
อนไขก่
ꂇ อนถาเป็
้ นเท็
จจึ
งทํ าสัꂇ
าคํ งทีต
ꂇองการ

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 46/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
าสัꂇ
3 : คํ ง While ตรวจสอบเงื
อนไขก่
ꂇ อนถาเป็
้ นจริ งจึ
งทํ
าคําสัꂇ
งที ต
ꂇองการ
้ ส่ าสัꂇ
วนคํ ง Do­While ทํ าสัꂇ
าคํ งก่อนแลวจึ
้งตรวจสอบเงือนไข
ꂇ
าสัꂇ
4 : คํ ง While ตรวจสอบเงื
อนไขก่
ꂇ อนถาเป็
้ นเท็ จจึ
งทํ
าคํ าสัꂇ
งทีต
ꂇองการ
้ ส่ าสัꂇ
วนคํ ง Do­While ทํ าสัꂇ
าคํ งก่อนแลวจึ
้งตรวจสอบเงื
อนไข
ꂇ
5 : ทังสองคํ
焐ꉬ าสัꂇ
งทํางานเป็
นวงวนเหมื
อนกัน ไม่
แตกต่
างกัน

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ 299 : จากคําสัꂇ
งต่
อไปนี
焐ꉬ
ค่
า n[3][3] มี
ค่
าเท่
ากับเท่
าใด
for (i=0; i<3; i++) {
for (j=0; j<3; j++) {
n[j][i] = i;
}
}

1 :0
2 :1
3 :2
4 :3

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ300 : ใหหาค่
้ า y สุ ดทายที
้ ได ꂇ จาก
้ algorithm ต่
อไปนี
焐ꉬ
­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­
x=5
y=1
while (x > 0) {
x=x­1
y=y*x
print(y)
}

1 :0
2 :4
3 : 10
4 : ไม่
มข
ีอใดถู
้ ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ 301 : จาก algorithm ดานล่ ้ าง จงเลื อกคํ าตอบที ถู
ꂇกทีสุ
ꂇด
­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­
i=1 และ j=0
for (i = 1; i <= 4; i = i+1) {
if ((i ­ 1) / 2 == 0){
print(i)
j = i+1;
}
}

1 : โปรแกรมนี焐ꉬ
พิมพ์
ค่
า i ทังหมด
焐ꉬ 5 ครัง焐ꉬ
2 : ค่
า i ค่
าสุ
ดทายคื
้ อ4
3 : ค่
า j สุ
ดทาย
้ คื
อ2
4 : ค่
า j สุ
ดทาย
้ คื
อ6

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
302 : จาก algorithm ดานล่ ้ าง่โปรแกรมจะทํ างานวน loop ทังหมดกี
焐ꉬ รอบ
ꂇ
­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­
กําหนด x=0, y = 1, z = 5
while(x < 6) {
y=z+x
if (y < 11) {
x=y+x
}
}

1 :1
2 :2
3 :3
4 :5

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ303 : ข อใดต่
้ อไปนี 焐ꉬ
ไดค่
้าตัวแปร sum เท่
ากับโปรแกรมต่
อไปนี
焐ꉬ
sum = 0;
for(i=1; i<=100; i++)
{
sum = sum +i;
}

1 : sum = 0;

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 47/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
j = 0;
for(i=0; i<100; i++)
{
j = i+1;
sum = sum +j;
}
2 : sum = 0;
j = 0;
for(i=1;i<100;i++)
{
j = i+1;
sum = sum +j;
}
3 : sum = 0;
for(i=1;i<100;i++)
{
sum = sum +i;
}
4 : sum = 0;
for(i=0;i<=99;i++)
{
sum = sum +i;
}
5 : sum = 0;
for(i=0;i<100;i++)
{
sum = sum +i;
}

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ304 : โปรแกรมที
ให
ꂇ มี
้การทํ
างานวนรอบทังหมดกี
焐ꉬ รอบ
ꂇ และแต่
ละรอบ a มี
ค่
าเท่
ากับเท่
าไร
int a=10;
while (a >= 1)
{
a = a ­ 2;
}

1 : 10 รอบ แต่
ละรอบ a มี
ค่
าเท่
ากับ 1,2,3,4,5,6,7,8,9 และ 10
2 : 10 รอบ แต่
ละรอบ a มี
ค่
าเท่
ากับ 10,9,8,7,6,5,4,3,2 และ 1
3 : 5 รอบ แต่
ละรอบ a มี
ค่
าเท่
ากับ 9,7,5,3 และ 1
4 : 5 รอบ แต่
ละรอบ a มี
ค่
าเท่
ากับ 10,8,6,4 และ 2
5 : 5 รอบ แต่
ละรอบ a มี
ค่
าเท่
ากับ 2,4,6,8 และ 10

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ 305 : กํ
าหนดให ้
int i;
for (i = 1;i < 10; i++){
if ( i > 7 ) continue;
if ( i == 5 ) break;
printf(”KORAT”);
}
สตริ ง KORAT จะถู กพิ
มพ์
ทงหมดกี
ั 焐ꉬ ครั
ꂇง?焐ꉬ

1 : 10
2 :6
3 :4
4 :5
5 :7

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
306 : ข อใดมี
้ ความหมายตรงกับคํ
าว่
า Inifinite Loop มากที
สุ
ꂇด

1 : ผิ
ดเงื
อนไขโปรแกรมจะไม่
ꂇ ทํางานภายในลู ป
2 างานวนซํ
: ทํ 焐ꉬ
าตามทีกํ
ꂇาหนดค่าตัวแปรในโปรแกรม
3 างานวนซํ
: ทํ 焐ꉬ
าตามทีกํ
ꂇาหนดในโปรแกรมโดยมี จุ 焐ꉬ ด

ดส นสุ
4 างานวนซํ
: ทํ 焐ꉬ
าตามทีกํ
ꂇาหนดในโปรแกรมโดยไม่ มจีุ 焐ꉬ ด

ดส นสุ
5 : ไม่
มข
ีอใดถู
้ กตอง้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ 307 : i = 0;
for (j = ­2; j < 3; j++) {
i = j + i++;
} ค่า i จะมี
ค่าเท่ าไร

1:2

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 48/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
2 :4
3 :6
4 : ­6
5 : ­4

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ308 : j = k = 0;
do {
j += k;
k += 2;
} while (k < 20);
อยากทราบว่ าค่า j มี
ค่าเท่
าไร

1 : 50
2 : 60
3 : 70
4 : 80
5 : 90

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 5

ข อที
้ ꂇ
309 : Recursive Function มี
ความหมายว่
าอย่
างไร

1 : คื
อฟั งก์ั ที
ชน ทํ
ꂇางานแบบไม่ รจบ


2 : คื
อฟั งก์
ชนั ที มี
ꂇการเรี
ยกจากภายในฟั งก์ั เอง
ชน
3 : คื
อฟั งก์
ชน ั ทีมี
ꂇเงื
อนไขจึ
ꂇ งจะออกจากโปรแกรมได ้
4 : คื
อฟั งก์
ชน ั สํ
าหรับทํางานในโปรแกรมระบบเท่ านั น
焐ꉬ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
310 : Nested Loops มี
ความหมายอย่
างไร

1 : คื
อ Loop ทีโปรแกรมวนไม่ รจบ


2 : คื
อ Loop ทีมี าสัꂇ
ꂇคํ งประเภทเดี ้ ่
ยวกัน ซอนอยู
3 : คื
อ Loop ทีมี าสัꂇ
ꂇคํ ้ น มากกว่
งวนซอนกั า 1 Loop
4 : คื
อ Loop เฉพาะที มี
ꂇเงื
อนไขส
ꂇ ําหรับออกจากโปรแกรม

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
311 : กํ
าหนดใหโปรแกรมมี
้ ขันตอนการทํ
焐ꉬ างานดังนี
焐ꉬ

เริ
มต
ꂇ น้
x=1
ทํา ซํ
焐ꉬ

x=x+1
จนกระทังꂇx > 5
จบ

ถาคอมพิ
้ วเตอร์
ทํ
าโปรแกรมนี
焐ꉬ
จนจบ แลวทํ
้ าใหข้
อใดเป็
้ นจริ

1 : x มี
ค่
า1
2 : x มี
ค่
า5
3 : x มี
ค่
า6
4 : x มี
ค่
า7
5 : x มี
ค่
า8

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
312 : กํ
าหนดใหโปรแกรมมี
้ ขันตอนการทํ
焐ꉬ างานดังนี
焐ꉬ

เริมต
ꂇ นโปรแกรม

รับค่า x และ y
ทํา ซํ
焐ꉬ

ถา้x > y แลว้
{ แสดงค่ าx;x=x–1;}
จนกระทังꂇx = y
จบโปรแกรม

ถาคอมพิ
้ วเตอร์
ทํ
าโปรแกรมนี
焐ꉬ
จนจบ โดยผู
ใช
้ใส้่
ค่
า 5 และ 1 แลวจะมี
้ การแสดงค่
าอะไร

1 :5
2 :5 1
3 :5 432
4 :5 4321
5 :5 43210

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 49/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

ข อที
้ ꂇ
313 : กํ
าหนดใหโปรแกรมมี
้ ขันตอนการทํ
焐ꉬ างานดังนี
焐ꉬ

BEGIN
sum = 0 ;
FOR count = 1 to n
{ sum = sum + 1 ; write(sum) ; }
END

ถาคอมพิ
้ วเตอร์
ทํ
าโปรแกรมนี
焐ꉬ
จนจบ แลวจะมี
้ การแสดงค่
าอะไร

1 :0 1 2 3 4 ไปจนถึงn
2 :1 2 3 4 ไปจนถึงn
3 :0 1 3 4 7 ไปจนถึง n + (n + 1)
4 :1 3 4 7 ไปจนถึง n + (n + 1)
5 :1 3 5 7 ไปจนถึงn

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
314 : ในการประมวลผลการทํ
างานของฟั งก์ั แบบเรี
ชน ยกซํ
焐ꉬ ꂇ ํ

า ส งส าคัญที
จํ
ꂇาเป็
นตองทราบคื
้ อข อใด

1 : จุ
ดเริ
มต
ꂇ นของการทํ
้ างาน
2 : จุ 焐ꉬ ดการทํ

ดส นสุ างาน
3 : ค่
าเริ
มต
ꂇ นของการทํ
้ างาน
4 : นิ
พจน์ทวไปที
ัꂇ ไม่ ยกซํ
ꂇ เรี 焐ꉬ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
315 : ในการหาค่าของ n ตัวแรกทีทํ
ꂇาใหผลบวกของอนุ
้ กรม 1 + 2 +3 +..+ n > 15 เป็
นจริ
ง ถาตรวจสอบเงื
้ อนไข
ꂇ ผลบวก > 15 ในการออกจากวงวนหลังจากที
ทํ
ꂇาการบวก
สะสมค่าของพจน์ โปรแกรมนี焐ꉬ
จะวนอยูใ่
นวงวนกี เที
ꂇยว
ꂇ

1 :5 เที
ยว
ꂇ
2 :6 เที
ยว
ꂇ
3 :7 เที
ยว
ꂇ
4 :8 เที
ยว
ꂇ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
316 : จาก psuedocode:
a=0;
while a<20
show a on a screen;
a=a+1
a=0; end ผลลัพธ์ค่า a หลังจาก run เสร็
จแลวคื
้อ

1 :0
2 : 20
3 : 19
4 : ไมมี
คําตอบที
ถู
ꂇกเนื
ꂇ
องจากโปรแกรมไม่
ส มบู
รณ์
5 : ไม่
มค
ีําตอบที
ถู
ꂇกเนื
ꂇ
องจากโปรแกรมทํ
างานไม่หยุ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 5

ข อที
้ ꂇ
317 : พิ
จารณาโปรแกรมต่
อไปนี
焐ꉬ
S=0
X=0
WHILE X < N
BEGIN
S=S+2
X=X+1
END
STOP

ถา้N = 10 เมื
อโปรแกรมวิ
ꂇ งจนจบ
ꂇ S มี
ค่
าเท่
าไร

1 : 10
2 : 12
3 : 20
4 : 22
5 : ไม่
มข
ีอใดถู
้ ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
318 : ตองการ
้ บวก 1 ถึ
ง N คํ
าตอบเป็
น S โปรแกรมต่
อไปนี
焐ꉬ
บรรทัดไหนผิ

1S=0
2X=1
3 WHILE X < N
BEGIN

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 50/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
4S=S+X
5X=X+1
END
STOP

1 :1
2 :2
3 :3
4 :4
5 :5

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
319 : ให ้
N เป็
น เลขคู
่มากกว่ า0
ขณะทีโปรแกรมทํ
ꂇ างานอยู
่X กับ Y มี
ค่
าตรงกัน พรอนกั
้ น ไดหรื
้อไม่
ค่
าใด

X=0
Y=N
WHILE X < N
BEGIN
X=X+1
Y=Y­1
END
STOP

1 : ไม่
มวี
ัน ตรงกัน
2 :0
3 :N
4 : N/2
5 : N/2 + 1

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
320 : x = 0
for count = 1 to 3
x = x + count

x มี
ค่
าเป็
นเท่
าไร หลังการทํ
างานของโปรแกรมนี
焐ꉬ

1 :3
2 :4
3 :5
4 :6
5 :7

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
321 : value = ­1
while (value < 3)
if (value < 0) then (value = value + 1)

value มี
ค่
าเท่
าไร หลังการทํ
างานของโปรแกรมนี
焐ꉬ

1 : ­1
2 :0
3 :2
4 :4
5 : ไม่มค
ีําตอบ เนื
ꂇ
องจากโปรแกรมไม่
หยุ
ดทํ
างาน

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 5

ข อที
้ ꂇ322 : จงหาค่ าเงือนไขที
ꂇ เพื
ꂇ อให
ꂇ ้algorithm ไดผลลั
้ พธ์ต่
อไปนี
焐ꉬ
12345678
­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­
count = 1
while ( ___________ ) {
Show count
Show " "
count = count + 1
}

1 : count <=9
2 : count !=9
3 : count+1<=8
4 : count+1 < 10

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
323 : ถาต
้องการวนรั
้ บอายุ
ข องผู
ใช ้ าจะใส่
้จนกว่ ค่
าที
มากกว่
ꂇ าศู
น ย์
น่
าจะตรวจสอบเงื
อนไขก่
ꂇ อนหรื
อหลังจากรับค่
าอายุ
เก็
บไวในตั
้ วแปร

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 51/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : ก่
อน
2 : หลัง
3 : กลาง
4 : ก่
อนหรื
อกลาง

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ าสัꂇ
324 : คํ งเที
ยมต่
อไปนี
焐ꉬ
สอดคลองกั
้ บผลลัพธ์
ในข อใด
้ Set A = 1 Set R = 0.2 FOR I = 1 to N do A = A*(1+R)

1 : A = (1+R)^N
2 : A = A*(1+R)
3 : A = (1+R)*N
4 : A = (1+R)(1+R)
5 : A = A*(1+R)*N

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
325 : ชุ าสัꂇ
ดคํ งเที
ยม DO X = X + 1; WHILE (X < 10); เที
ยบเท่ าสัꂇ
ากับคํ งในข อใด

1 : FOR N=1 TO 10 X=X+1; END FOR


2 : WHILE (X<10) DO X=X+1; END WHILE
3 : LOOP X=X+1; IF (X>=10) EXIT; END LOOP
4 : REPEAT X=X+1; UNTIL (X<10);

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
326 :

1:

2:

3:

4:

5:

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 5

ข อที
้ ꂇ
327 :

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 52/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : หาผลรวม
2 : หาค่
าเฉลี ย
ꂇ
3 : หาค่
าเบียงเบนมาตรฐาน
ꂇ
4 : หาค่
ามัธ ยฐาน

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
328 : กํ
าหนดให ้
== คื
อ operator ในการตรวจสอบความเท่
ากัน ของข อมู
้ล

1 : หาค่ ามากสุ

2 : นั บจํ
านวนตัวที
มาก
ꂇ
3 : หาว่ ามี
ค่
าใน data ที
มี
ꂇค่
าเท่ากับ x หรือไม่
4 : นั บจํ
านวนตัวใน data ที
มี
ꂇค่
าเท่ากับ x
5 : ไม่ มข
ีอใดถู
้ ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 5

ข อที
้ ꂇ
329 :

1 :8
2 :9
3 : 10
4 : 11
5 : ไม่
มข
ีอใดถู
้ ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ ้ ดสํ
330 : ข อใดผิ าหรับส่
วนโปรแกรมที

ꂇองการวนรั
้ บตัวอักษรไปเรื
อย
ꂇ ๆ จนกว่
าจะกด q โดยที
มี ้ดั้
ꂇการประกาศตัวแปรใหใช งนี
焐ꉬ
char check=’w’;

1 : while(check!=”q”) { printf(“Enter one char : ”); check=getch( ); }


2 : while(check!=113) { printf(“Enter one char : ”); check=getch( ); }
3 : do { printf(“Enter one char : ”); check=getch( ); } while(check!=‘q’);
4 : for(i=0;check!=‘q’;i++) { check=getche(); }

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

331 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรมดังต่
อไปนี
焐ꉬ
ผลลัพธ์
i และ j จะเป็
นจะมี
ค่
าเท่
าใดเมื
อส 焐ꉬ ดการทํ

ꂇ นสุ าวนรอบ j =0; for (i =0; i < 10 ; i = i+2) j = j+5;

1 : i = 10 j = 50
2 : i = 10 j = 25
3 : i = 12 j = 50
4 : i = 12 j = 25
5 : ไม่มขีอถู
้กตอง ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

332 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรมดังต่
อไปนี
焐ꉬ
ผลลัพธ์
i และ j จะเป็
นจะมี
ค่
าเท่
าใดเมื
อส 焐ꉬ ดการทํ

ꂇ นสุ าวนรอบ j =2; for (i =0; i < 10 ; i = i+2) j = j*2;

1 : i = 10 j =32
2 : i = 10 j = 64
3 : i = 12 j = 32
4 : i = 12 j =64
5 : ไม่มขีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

333 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรมดังต่
อไปนี
焐ꉬ
ผลลัพธ์
i และ j จะเป็
นจะมี
ค่
าเท่
าใดเมื
อส 焐ꉬ ดการทํ

ꂇ นสุ าวนรอบ j =0; for (i =1; i < 10 ; i = i*2) j = j+2;

1 : i = 10 j = 10
2 : i = 10 j = 8

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 53/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
3 : i = 16 j = 10
4 : i = 16 j = 8
5 : i = 16 j = 10

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

334 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรมดังต่
อไปนี
焐ꉬ
ผลลัพธ์
i และ j จะเป็
นจะมี
ค่
าเท่
าใดเมื
อส 焐ꉬ ดการทํ

ꂇ นสุ าวนรอบ j =1; for (i =1; i < 10 ; i = i*2) j = j*2;

1 :i=8j=8
2 : i = 16 j = 8
3 : i = 16 j = 32
4 : i = 8 j = 16
5 : i = 16 j = 16

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 5

ข อที
้ ꂇ
335 :

1:

2:

3:

4:

5:

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

336 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรมดังต่
อไปนี
焐ꉬ
ผลลัพธ์
i และ j จะเป็
นจะมี
ค่
าเท่
าใดเมื
อส 焐ꉬ ดการทํ

ꂇ นสุ าวนรอบ j =0; for (i =1; i < 10 ; i = i*3) j = j+2;

1 : i = 12 j = 8
2 : i = 27 j = 8
3 : i = 12 j =6
4 : i =27 j =6
5 : i =27 j=10

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

337 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรม ดังต่
อไปนี
焐ꉬ
จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั
ꂇง焐ꉬj = 10; do { j = j­1; } while (j >0);

1:7

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 54/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
2 :8
3 :9
4 : 10
5 : 11

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

338 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรม ดังต่
อไปนี
焐ꉬ
จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั
ꂇง焐ꉬj =10; do { j = j­2; } while (j >0);

1 :3
2 :5
3 :7
4 :9
5 : 10

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

339 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรม ดังต่
อไปนี
焐ꉬ
จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั
ꂇง焐ꉬj = 10; do { j = j/2; } while (j >0);

1 :4
2 :5
3 :6
4 :7
5 :8

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

340 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรม ดังต่
อไปนี
焐ꉬ
จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั
ꂇง焐ꉬj = 10; while (j >=0) { j = j ­1; }

1 :8
2 :9
3 : 10
4 : 11
5 : 12

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

341 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรม ดังต่
อไปนี
焐ꉬ
จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั
ꂇง焐ꉬj = 10; while (j >=0) { j = j ­2; }

1 :4
2 :5
3 :6
4 :7
5 :8

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

342 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรม ดังต่
อไปนี
焐ꉬ
จะเกิ
ดการทํ
างานในวงวน (loop) กี
ครั
ꂇง焐ꉬj = 10; while (j >=0) { j = j ­ 3 ; }

1 :3
2 :4
3 :5
4 :6
5 :7

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

343 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรม ดังต่
อไปนี
焐ꉬ
จะเกิ
ดแสดงข อความ
้ "Test" กี
ครั
ꂇง焐ꉬfor (i =0 ; i < 10 ; i++) { printf ("Test\n"); }

1 :9
2 : 10
3 : 11
4 : 12
5 : ไม่
มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

344 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรม ดังต่
อไปนี
焐ꉬ
จะแสดงข อความ
้ "Test" กี
ครั
ꂇง焐ꉬfor (i =0 ;i<= 10 ; i++) { printf ("Test\n"); }

1 :9
2 : 10
3 : 11
4 : 12
5 : ไม่
มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

345 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรม ดังต่
อไปนี
焐ꉬ
จะแสดงข อความ
้ "Test" กี
ครั
ꂇง焐ꉬfor (i = 1 ;i< 10 ; i++) { printf ("Test\n"); }

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 55/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 :8
2 :9
3 : 10
4 : 11
5 : ไม่
มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

346 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรม ดังต่
อไปนี
焐ꉬ
จะแสดงข อความ
้ "Test" กี
ครั
ꂇง焐ꉬfor (i =1 ;i<= 10 ; i++) { printf ("Test\n"); }

1 :8
2 :9
3 : 10
4 : 11
5 : ไม่
มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

347 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรม ดังต่
อไปนี
焐ꉬ
จะแสดงข อความ
้ "Test" กี
ครั
ꂇง焐ꉬfor (i =0 ;i< 10 ; i=i+2) { printf ("Test\n"); }

1 :4
2 :5
3 :6
4 :7
5 :8

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

348 : จากส่
ข อที
้ ꂇ วนของโปรแกรม ดังต่
อไปนี
焐ꉬ
จะแสดงข อความ
้ "Test" กี
ครั
ꂇง焐ꉬfor (i =1 ;i< 10 ; i=i*2) { printf ("Test\n"); }

1 :2
2 :3
3 :4
4 :5
5 : ไม่
มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
349 :

1 :a=4b=8
2 :a=4b=7
3 : a =5 b= 8
4 : a =5 b= 7
5 : ไม่
มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
350 :

1 : a = 5 b =6
2 : a = 5 b =7
3:a=4b=6

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 56/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
4 : a = 4 b =7
5 : ไม่
มขีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
351 : ในการเขี
ยนโปรแกรมเพื
อใช ้
ꂇ ในการคู
ณ matrix ขนาด m x n จํ
านวน 2 matrix จะตองใช ้
้ การวนลู
ปกี
ช ั 焐ꉬ
ꂇนในการแกปั้
ญหานี
焐ꉬ

1 :4 ั 焐ꉬ
ชน
2 :2 ชนั 焐ꉬ
3 :1 ชน ั 焐ꉬ
4 :3 ชน ั 焐ꉬ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
352 : ในการเขี
ยนโปรแกรมเพื
อใช ้
ꂇ ในการหาค่
าน อยที
้ สุ
ꂇดของเลขจํ
านวนเต็
ม ถามี
้เลขจํ
านวนเต็
มอยู

10 ตัว จะตองมี
้ การวนลู
ปลึ
กกี
ช ั 焐ꉬและเกิ
ꂇน ดการเปรี
ยบเที
ยบขึ
นกี
焐ꉬ ครั
ꂇง焐ꉬ

1 :1 ั 焐ꉬและเกิ
ชน ดการเปรี
ยบเที
ยบ 10 ครัง焐ꉬ
2 :1 ชนั 焐ꉬและเกิ ดการเปรี
ยบเที
ยบ 9 ครัง焐ꉬ
3 :2 ชน ั 焐ꉬและเกิดการเปรี
ยบเที
ยบ 36 ครัง焐ꉬ
4 :2 ชน ั 焐ꉬและเกิ
ดการเปรี
ยบเที
ยบ 45 ครัง焐ꉬ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

353 : ถา้ส่
ข อที
้ ꂇ วน for(x = 2; x <20; x+=3) อยู
ใ่
นโปรแกรมที
แสดงค่
ꂇ า x ทุ
กค่
าจนจบโปรแกรม ค่
าของ x ในข อใดไม่
้ ถก
ูตอง

1 :8
2 : 14
3 : 17
4 : 18

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

354 : สัญลักษณ์
ข อที
้ ꂇ ดังรู งสัญลักษณ์
ป หมายถึ ในผังงานข อใด

1 : การรับหรือแสดงผลโดยไม่
ระบุ
อปุกรณ์
2 : การแสดงผลทางจอภาพ
3 : การแสดงผลข อมู
้ลเป็ ่แสดงผลทางเครื
นเอกสาร เชน องพิ
ꂇ มพ์
4 : จุ
ดเริมต
ꂇ น้หรื
อจุ
ดสุ
ดทายของกิ
้ จกรรม

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
355 : โปรแกรมที
แสดง
ꂇ x = 2; while(x<=100) x++; ใหผลลั
้ พธ์อย่
างไร

1 : โปรแกรมแสดง 1­100
2 : โปรแกรมแสดงเลขคู่
ตังแต่
焐ꉬ 2­100
3 : โปรแกรมแสดงเลขตังแต่
焐ꉬ 2­100
4 : โปรแกรมแสดงเลขคีตั
ꂇงแต่
焐ꉬ 2­100

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

เนื
焐ꉬ
อหาวิ
ชา : 7 : Arrays 1­2 มิ
ติ

ข อที
้ ꂇ
356 : กํ
าหนด a[] = {7,3,2,5,6}; ความหมายของ a[3] จะมี
ค่
าเท่
าใด

1 :7
2 :3
3 :2
4 :5
5 :6

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
357 : ข อใดถู
้ กตองที
้ สุ
ꂇด

1 : a[0] เป็
นสมาชก ิของอะเรย์ ตัวแรกสุด
2 : a[]= {2,5,3,9} ตัวแปรอะเรย์ ที
มี
ꂇค่
า 5 คื
อ a[2]
3 : a[]= {2,5,3,9}สมาชก ิตัวสุ
ดทายของอะเรย์
้ คอ
ืa[4]
4 : ไม่มข
ีอถู
้ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
358 : ข อความ
้ ้ ตั้
“Hello­World” ตองใช วแปรอะเรย์
ชนิ
ด char จํ
านวนกี
ตํ
ꂇาแหน่

1:9
2 : 10
3 : 11
http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 57/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
4 : 12

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
359 : จาก Flow chart ที
กํ
ꂇาหนดหลังจบโปรแกรมจงหาค่
า matrix และหาค่
าวนรอบจุ
ด A , B ,C,E จุ
ดละกี
รอบ
ꂇ เมื
อตํ
ꂇ าแหน่
ง Array เริ
มที
ꂇ ꂇ
a[1][1] ,b[1][1] ใหค่
้า n= 1,m=2
,x=1,y=3

1 : C[2][3]={ 12 , ­10 ,35 ,5 ,9,14} วนรอบจุ


ด A = 2 รอบ ,จุ
ด B =2 รอบ,จุ
ด C=2 รอบ ,จุ
ด E =6 รอบ
2 : C[2][3]={ 12 , ­13 ,35 ,5 ,9,13} วนรอบจุ
ด A = 2 รอบ ,จุ
ด B =2 รอบ,จุ
ด C=3 รอบ ,จุ
ด E = 7 รอบ
3 : C[2][3]={ 12 , ­7 ,35 ,5 ,9,14} วนรอบจุ
ด A = 2 รอบ ,จุ
ด B =2 รอบ,จุ
ด C=2 รอบ ,จุ
ด E =7 รอบ
4 : C[2][3]={ 12 , ­13 ,35 ,5 ,9,14} วนรอบจุ
ด A = 2 รอบ ,จุ
ด B =2 รอบ,จุ
ด C=2 รอบ ,จุ
ด E =6 รอบ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
360 : รหัส เที
ยม(pseudocode) ต่
อไปนี
焐ꉬ
ตรงกับการทํ
างานในข อใด

1 : การเรี
ยงตัวเลขจากน อยไปหามาก

2 : การเรี
ยงตัวเลขจากมากไปหาน อย

3 : การหาผลรวมตัวเลขในอาร์เรย์ ้ เรย์
B โดยใชอาร์ A และ C ชว่

4 : การหาผลรวมตัวเลขในอาร์เรย์ ้ เรย์
C โดยใชอาร์ A และ B ชว่

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
361 : จากรหัส เที
ยม(pseudocode)ที
กํ
ꂇาหนดให ้
หากมี
การเปลี
ยนบรรทั
ꂇ ดที
ꂇ
7 เป็
น for j = 1 to length[A] จะเกิ
ดผลตรงกับข อใด

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 58/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : การหาผลรวมตัวเลขในอาร์เรย์ ้ เรย์
C โดยใชอาร์ A และ B ชว่

2 : การหาผลรวมตัวเลขในอาร์เรย์ ้ เรย์
B โดยใชอาร์ A และ C ชว่

3 : การเรี
ยงตัวเลขจากมากไปหาน อย

4 : การเรี
ยงตัวเลขจากน อยไปหามาก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
362 : กํ
าหนดรหัส เที
ยม(pseudocode)ของฟั งก์ั X ต่
ชน อไปนี
焐ꉬ

1 :1
2 :3
3 :5
4 :7

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
363 : กํ
าหนดรหัส เที
ยม(pseudocode) ของฟั งก์ั X ต่
ชน อไปนี
焐ꉬ

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 59/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 :2
2 :4
3 :6
4 :8

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
364 : กํ
าหนดรหัส เที
ยม(pseudocode) ของฟั งก์ั X ต่
ชน อไปนี
焐ꉬ

1 :1
2 :2
3 :3
4 :4

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
365 : กํ
าหนดรหัส เที ꂇการเรี

ยม(pseudocode) ของโปรแกรม Y ซงมี ้ งก์
ยกใชงานฟั ั X ดังต่
ชน อไปนี
焐ꉬ

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 60/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : 12
2 :8
3 :7
4 :4

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
366 : กํ
าหนดรหัส เที ꂇการเรี

ยม(pseudocode) โปรแกรม Y ซงมี ้ งก์
ยกใชงานฟั ั X ดังต่
ชน อไปนี
焐ꉬ

1 :1
2 : 10
3 :9
4 : 21

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 61/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

ข อที
้ ꂇ าสัꂇ
367 : คํ งใดมักนิ ้
ยมใชในการนํ
าข อมู
้ลเข าไปเก็
้ บและแสดงผลข อมู
้ลในตัวแปรชุ

1 : loop
2 : while
3 : do­while
4 : for
5 : do­until

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ าสัꂇ
368 : จากคํ งต่ อไปนี
焐ꉬ
เมื
อทํ าสัꂇ
ꂇ าจนจบคํ ง ข อความที
้ เก็
ꂇบในC[ ] คื
ออะไร
str[ ] = “Hello World”;
i = 0;
for (k=10; k>=0; k­­){
C[k] = str[i];
i = i + 1;
}

1 : Hello World
2 : World
3 : dlroW olleH
4 : dlroW

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ369 : ้
จาก algorithm ดานล่ ้ างนี 焐ꉬ
จงหา ค่ าของตัวแปร what ที พิ
ꂇมพ์
ออกมา
­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­­
score = {1, 4, 8, 5, 6, 2}
what = score[0]
FOR (index=0; index < 6; index=index+1) {
if ( score[index] > what ) {
what = score[index];
}
}
print(what)

1 :1
2 :8
3 :6
4 :2

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ 370 : ค่
าที
เก็
ꂇบในตัวแปรชุ
ด a[ ][ ] หลังจากการทํ
างานของโปรแกรมคื
อข อใด

int a[3][4];
int i,j;
for(i=0; i<3; i++)
for(j=0; j<4; j++)
a[i][j] = i*j;

1 :000 0
0 000
0 123
2 :000 0
0 123
0 236
3 :000 0
0 123
0 146
4 :000 0
0 123
0 246

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
371 : กํ
าหนดให ้ int data[6][5][4];
ถาต
้องการให
้ ตั้
วแปรตัวทีꂇ
20 เก็บค่า 100 เราตองใช
้ คํ ้
าสัꂇ
งอย่
างไร?

1 : data[0][4][3] = 100;
2 : data[1][4][3] = 100;
3 : data[1][3][3] = 100;
4 : data[0][3][3] = 100;

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ372 : ถา้y = { 1, 9, 2, 6, 7 };
y[3] จะมี
ค่าเท่าไร

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 62/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 :1
2 :9
3 :2
4 :6

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ373 : ถา้y[3][3] = {{7, 4, 5}, {6, 1, 8}, {2, 3, 4}};
y[2][1] มี
ค่
าเท่ าไร

1 :1
2 :3
3 :4
4 :6

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
374 : int function_x(int x[] int len) { int temp = x[0]; for(int i=1; i

1 : เรี
ยงค่
าน อยไปหาค่
้ ามาก
2 : เรี
ยงค่
ามากไปหาค่ าน อย

3 : คนหาค่
้ าที น
ꂇอยที
้ สุ
ꂇด
4 : คนหาค่
้ าที มากที
ꂇ สุꂇด

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
375 : จากโปรแกรมดานล่
้ าง ค่
าของ x[7] และ d[7] จะมี
ค่
าเท่
าใด int x[8] = 0; int d[8] = 0; int k; for(k=1;k<8;k++) { x[k] = (2*k­1); d[k] = d[k­1] + x[k]; }

1 : 9, 25
2 : 11, 36
3 : 13, 49
4 : 15, 64

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
376 : กําหนดใหตั้
วแปร x และ y เป็
นแถวลํ าดับ (array) ที
มี
ꂇ1 มิตแ
ิละมี
ค่
าดังนี
焐ꉬ
x[n] = y[n]
โดยที ꂇ
n เป็นเลขจํ
านวนเต็
ม ถา้n มี
ค่า 3 และ y[3] มี
ค่า 4 แลว้x[3] จะมี
ค่
าเท่
าใด

1 :1
2 :2
3 :3
4 :4

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
377 : ถามี
้การประกาศตัวแปรอาร์
เรย์
ข อง float โดย float y[10][10]; อาร์
เรย์
y มี
ข นาดเป็
นกี
ꂇ าหนดให ้
byte (กํ float มี
ข นาดเท่
ากับ 4 byte)

1 : 200
2 : 242
3 : 400
4 : 484

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
378 : กํ
าหนดใหโปรแกรมมี
้ ขันตอนการทํ
焐ꉬ างานดังนี
焐ꉬ

เริมต
ꂇ นโปรแกรม

รับค่าi
ทํา ซํ焐ꉬ
า โดยให ้
count = 1 ถึ
งi
x[i] = i + 1
จบทํ า ซํ
焐ꉬ

จบโปรแกรม

ถาคอมพิ
้ วเตอร์
ทํ
าโปรแกรมนี
焐ꉬ
จนจบ โดยผู
ใช
้ใส้่
ค่
า 7 แลวข
้อใดเป็
้ นจริ

1 : x[2] มี
ค่
า3
2 : x[3] มี
ค่
า3
3 : x[7] มี
ค่
า6
4 : x[7] มี
ค่
า7

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ
379 : กํ
าหนดใหโปรแกรมมี
้ ขันตอนการทํ
焐ꉬ างานดังนี
焐ꉬ

เริ
มต
ꂇ นโปรแกรม

i=8;
x[1] = 1 ; x[2] = 1 ;
ทํา ซํ焐ꉬ
าโดยให ้ count = 3 ถึงi
x[i] = x[i – 1] + x[i ­ 2]
จบทํ า ซํ
焐ꉬ

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 63/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
า ซํ
จบทํ 焐ꉬ

จบโปรแกรม

ถาคอมพิ
้ วเตอร์
ทํ
าโปรแกรมนี
焐ꉬ
จนจบ แลวทํ
้ าใหข้
อใดเป็
้ นจริ

1 : x[2] มี
ค่
า3
2 : x[3] มี
ค่
า3
3 : x[4] มี
ค่
า3
4 : x[5] มี
ค่
า3

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
380 : จาก char fruit [5] [20] = {“apple”, “banana”, “cherry”, “orange”, “strawberry”}; ข อใดคื
้ อค่ าของ fruit [3] [0]

1 : ‘a’
2 : ‘c’
3 : ‘b’
4 : ‘o’

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
381 : ถา้int num[5] = {8,12,20,5,40}; ข อใดเป็
้ นคํ
าตอบของ y เมื

ꂇint y = num[1]*num[3]–num[4];

1 : num[0]
2 : num[1]
3 : num[2]
4 : num[3]

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
382 : จาก pseudocode:
a: array of 2*10;
b: array of 5*2;
for a_x=1 to 2
b(a_x,a_x)=a_x;
for a_y=1 to 10;
a(a_x,a_y)=a_x*a_y;
end
end
c=a(5,2)+b(2,2);
ผลลัพธ์ข อง c คือ

1 :1
2 :2
3 : 12
4 :7

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
383 : ให ้
A[1..N] เป็
น อะเรย์
หนึ
ꂇ
งมิติ
ขนาด N
โปรแกรมต่อไปนี焐ꉬ
ทําอะไร

M = A[1]
FOR K =2 TO N
IF M < A[K] THEN M = A[K]
END

1 : หาค่
า MAX A[1..N]
2 : หาค่
า MIN A[1..N]
3 : หาว่
า มี
ค่
าใดน อยกว่
้ า M หรื อไม่
4 : หาว่
า มี
ค่
าใดมากกว่ า M หรื
อไม่

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 1

ข อที
้ ꂇ384 : ให ้
A[1..N] เป็
น อะเรย์
หนึ
ꂇ
งมิติ
ขนาด N
A[1]=1 A[2]=2 ... A[N]=N
เมือโปรแกรมจบ
ꂇ A[5] มีค่
าเท่
าไร

FOR K = 2 TO N
A[K] = A[K­1] + A[K]
END

1 :5
2 :9
3 : 11
4 : 15

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 64/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

ข อที
้ ꂇ385 : ให ้
B[1..N, 1..N] เป็
น อะเรย์2 มิ
ติ ขนาด N x N
เมือโปรแกรมทํ
ꂇ างานเสร็ จ บรรทัด B[J,K] = B[J,K] + 1 ทํ
างานไปกี
รอบ
ꂇ

FOR J = 1 TO N
FOR K = 1 TO J
B[J,K] = B[J,K] + 1
END

1 :N
2 : 2N
3 :NxN
4 : N(N+1)/2
5 : ผิ
ดทุ
กข อ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
386 : จากโปรแกรม ตัวแปร a รับค่
าไดมากที
้ สุꂇดกี
ค่
ꂇา

1 : 30
2 : 60
3 : 90
4 : 120

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
387 : กํ
าหนดให ้
a = {3,5,7,2};
b = {1,9,9,1};
จงหาค่ าของ b[a[3]] + a[b[3]]

1 : 10
2 : 12
3 : 14
4 : 16

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
388 : ต่
อไปนี
焐ꉬ
ข อใดต ้ ตั้
้ องใช วแปรเป็
นอาเรย์
2 มิ
ติ

1 : เพื
อเก็
ꂇ บคะแนนของนั กเรี
ยนวิชาคอมพิวเตอร์100 คน
2 : เพื
อเก็
ꂇ บคะแนนนั กเรี
ยน 5 วิ
ชา
3 : เพื
อเก็
ꂇ บปริ
มาณนํ 焐ꉬ
าฝนแต่ละเดือนในชว่
ง 10 ปี
4 : เพื
อเก็
ꂇ บจํ
านวนนั กเรี
ยนของโรงเรี
ยน 100 โรง

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
389 : ดู
โจทย์
จากรู
ปภาพประกอบคํ
าถาม

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 65/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : 10
2 : 20
3 : 30
4 : 60

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
390 : ดู
โจทย์
จากรู
ปภาพประกอบคํ
าถาม

1 : read(a[i,j])

2 : read(a[j,i])

3 : write(a[Sun,5])

4 : write(a[Thurs,5])

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
391 : n=6

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 66/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร

1 : [7,6,5,4,3,2,1]
2 : [1,1,1,1,1,1,1]
3 : [7,7,7,7,7,7,7]
4 : [1,2,3,4,5,6,7]

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
392 : ถาต
้องการทํ
้ าการประกาศตัวแปร A เพื
อเก็
ꂇ บข อมู
้ลเมตริ ์มี
กซท ꂇข นาด 4 X 4 ควรประกาศตัวแปรอย่
ี างไร

1 : A : Array [1..4] of Integer ;


2 : A : Array [1..4, 1..4 ] of Integer ;
3 : A : Array [1..4, 1..4, 1..4, 1..4] of Integer ;
4 : ไม่มข
ีอใดถู
้ ก

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
393 : ถา้Array 1 มิ
ติꂇA มี

ชอ ่งข อมู
ข นาด 8 ชอ ้ล แลวต
้องการเก็
้ บค่
า 20 ไวในตํ
้ าแหน่
ง(Index)ที
ꂇ
5 จะตองเขี
้ ยนคําสัꂇ
งอย่
างไร

1 : A[8] := 20;
2 : A[5] := 20 ;
3 : Readln( A[5] )
4 : For i := 1 to 8 Do Readln( A[i] ) ;

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ394 : Var A : Array [0..10] of integer; B : Array [1..10] of real; C : Array [1..2,­1..3,1..3,0..3] of integer; ถาต
้องการเขี
้ าสัꂇ
ยนคํ งในการกํ
าหนดให ้
Array B มี
ค่

เป็น 0 ทังหมด
焐ꉬ จะตองเขี
้ ยนคํ าสัꂇ
งอย่างไร

1 : B[1..10] := 0;
2 : B := 0;
3 : For i := 1 to 10 do B[i] := 0;
4 : ถู
กทุกข อ้

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
395 : Var A : Array [0..10] of integer; B : Array [1..10] of real; C : Array [1..2,­1..3,1..3,0..3] of integer; ตัวแปร C เป็
นตัวแปร Array แบบกี
มิ
ꂇต ิ
(Dimension)
ิ(Element) ทังหมดกี
และสมาชก 焐ꉬ จํ
ꂇานวน

1 : 4 มิ
ติ, 54 จํานวน
2 : 4 มิ
ติ, 96 จํานวน
3 : 4 มิ
ติ, 120 จํานวน
4 : 2x2 มิติ, 96 จํ
านวน

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
396 : จากโจทย์
ต่
อไปนี
焐ꉬ
For i := 1 to 5 Do For j := 1 to 3 Do Readln (X[i,j]) ; มี
การรับข อมู
้ลเข าไปไว
้ ในตั
้ วแปร X กี
จํ
ꂇานวน ?

1 :3
2 :5
3 :8
4 : 15

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 4

ข อที
้ ꂇ
397 : ถาต
้องการนํ
้ าค่
า 16 นํ
าไปเก็
บไวในตั ꂇX ลํ

้ วแปร Array ชอ าดับที
ꂇ
5 จะตองเขี
้ ยนคําสัꂇ
งอย่
างไร

1 : X : Array[ 5 , 16] of Integer ;


2 : X[ 5 ] := 16 ;
3 : X[ 16 ] := 5 ;
4 : 16 = X[ 5 ] ;

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 2

ข อที
้ ꂇ
398 : จากโจทย์
ต่
อไปนี
焐ꉬ
B := A[ i,j,k ] ; จงบอกมิ
ต(ิDimension )ของตัวแปร A

1:1
2:2

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 67/68
29/12/2558 สภาวิ
ศวกร
3:3
4:4

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

ข อที
้ ꂇ
399 : จากการประกาศ Array ต่
อไปนี
焐ꉬ
A : Array[’A’..’F’,’5’..’7’] of Real ; Array A มี
เนื
焐ꉬ
อทีในการเก็
ꂇ บข อมู
้ลเลขจํ
านวนจริ
งสู
งสุ
ดเท่
าใด

1 านวน
: 1จํ
2 านวน
: 9จํ
3 านวน
: 18จํ
4 านวน
: 20จํ

คํ
าตอบที
ถู
ꂇกตอง
้: 3

http://www.coe.or.th/coe/main/coeHome.php?aMenu=701012&aSubj=10 68/68

You might also like