You are on page 1of 28

ข้อสอบ วิชาสามัญ เคมี ปี

1. ไอโซโทปกัมมันตรังสี Na-24 สลายตัวเป็ น Mg-24 โดยมีครึ่ งชีวติ 15 ชัว่ โมง ถ้าวาง Na-24 มวล 50.00 กรัม
แฝ + ไว้นาน 45 ชัว่ โมง จะเกิด Mg-24 ขึ้นกี่กรัม และแผ่รังสีชนิดใด
กาหนดให้เลขอะตอมของ Na = 11 และ Mg = 12
ไ ่ ก Na -> 50
เกิด Mg-24 (g) แผ่รังสี
%
เป ยนแป 1 6.25 แกมมา

2 6.25 บีตา 25
3 43.75 แอลฟา ↓

4 43.75 แกมมา
4
He
5

5 43.75 บีตา 12.


2

My +P
2 24

↳ Na ->

1? 12
1.25
# าแม่ 2 บนล ด 4 , ล่าง ล
2. AD และ E เป็ นสัญลักษณ์สมมติของธาตุที่อยูค่ าบเดียวกันในตารางธาตุ โดยสารประกอบออกไซด์ของ A และ D
และสารประกอบคลอไรด์ของ E มีสมบัติดงั แสดงในตาราง

+3

#> ออกไซ ของโลห


+ I
-> คลอไร ของโล
เ น น Nac
ความสามารถในการ ร ง2 A:ห
ข้อใดไม่ถูกต้อง/

2
· * - D = หม
1 ธาตุ E มี EN น้อยกว่าธาตุ D = · O
* ความสามารถในการ บ2 E = หม
2 ธาตุ D มี EA มากกว่าธาตุ A %
3 ธาตุ A มีรัศมีอะตอมเล็กกว่าธาตุ E ~ ·
~
·

/
4 ทั้ง A O DO และ ECl เป็ นสารประกอบไอออนิ ก +
~โลหะ อโลหะ
2 3
5 จานวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนของธาตุ D น้อยกว่าธาตุ A อยู่ 1 อิเล็กตรอน ↳

หม
รั
ป็
ดึ
มี
ม่
ถ้
ลี่
ด์
มู
ด์
3. X Y และ Z เป็ นสัญลักษณ์สมมติของธาตุที่มีเลขอะตอม 31 34 และ 37 ตามลาดับ
พิจารณาข้อความต่อไปนี้

/
ก. ธาตุ X Y และ Z อยูใ่ นคาบเดียวกัน % S-orbital หมู่ 1 2
-

ข. จานวนเวเลนซ์อิเล็กตรอนของธาตุ Z > Y > X &

หมู่ 3
P
ค. ธาตุ Z เป็ นธาตุกลุ่ม s ส่วนธาตุ X และ Y เป็ นธาตุกลุ่ม p / -

ข้อความใดถูกต้อง ↓
X 2 18 &
3 ก ม B( แท ร น

3
8
P
ก เท่านั้น 12 ก ม Inn
#

1
8 18 &
2 ข เท่านั้น 34

ค เท่านั้น
3
4 ก และ ข ↳
= 2 8 18
8S

5 ข และ ค

ต พ งงา น ใ ใ ในการล
4. กาหนดให้ #จ แ ลด 7 #ไฮเกร น = ดความ อน
ช 647- 621 = + 26 KJ
#แส ต ช
-
<ไฮเตร น = คายความ อน 2 ร

3621 +5

ถ้านาแอมโมเนียมไนเทรต (NH4NO3) จานวน 1 โมล มาละลายน้ าเมื่อสัมผัสภาชนะจะรู ้สึกอย่างไร


และปริ มาณพลังงานของการละลายนี้เป็ นเท่าใด

1 รู ้สึกเย็น และปริ มาณพลังงานของการละลายมีค่าเท่ากับ 26 kJ


2 รู ้สึกเย็น และปริ มาณพลังงานของการละลายมีค่าเท่ากับ 621 kJ
3 รู ้สึกเย็น และปริ มาณพลังงานของการละลายมีค่าเท่ากับ 1268 kJ
4 รู ้สึกร้อน และปริ มาณพลังงานของการละลายมีค่าเท่ากับ 26 kJ
5 รู ้สึกร้อน และปริ มาณพลังงานของการละลายมีค่าเท่ากับ 621 kJ
ทีี่
ทิ
ลุ่
ชิ
ลุ่
ลั
ช้
ทิ

ชั
ดู
ซั
ร้
ร้
5. พิจารณากราฟแสดงการเปลี่ยนแปลงพลังงานศักย์ในการเกิดโมเลกุล Q และ R ดังภาพ
2 2

คาย ความ อ
res
↳ ·ส า าง น
a- D

#ส า งคา
·. ส า าง น

สลาย
·

ความยาง น -

&2
(ความยาว นธะ ~
=
-

พันธะของ Q2 และความยาวพันธะ R2 เป็ นเท่าใด <


=

พลังงานพันธะ Q – Q (kJ/mol) ความยาวพันธะ R-R (pm)


1 b x1
2 b x4 - x1 #
&
3
-
a–b คาย x1
<

4 a–b x4 +
5 a–b x 4 - x1 *

6. ถ้าถึงอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวออกจากอะตอม Xe ในโมเลกุล XeF จานวน 1 คู่ ทาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรู ปร่ างโมเลกุล


4
ได้รูปร่ างใหม่ รู ปร่ างเดิมและรู ปร่ างใหม่ของโมเลกุล XeF ตามทฤษฎี VSEPR ข้อใดถูกต้อง
4
กาหนดให้ เลขอะตอม F = 9 และ Xe = 54
Keep M E 8- 4 =
1=
2
2

1
รู ปร่ างเดิม
ทรงสี่หน้าบิดเบี้ยว
รู ปร่ างใหม่
สี่ เหลี่ยมแบนราบ
3 AXpE2 & แบน ราย

2 ทรงสี่ หน้าบิดเบี้ยว ทรงสี่หน้า I /F


3 ทรงสี่หน้า ทรงสี่หน้าบิดเบี้ยว X2
4 สี่เหลี่ยมแบนราบ ทรงสี่หน้า
=- - F
&
5 สี่ เหลี่ยมแบนราบ ทรงสี่หน้าบิดเบี้ยว
ง -1
ู่ AXpE, = ทรง ห า

·
F- Xe - F

# -F
ดึ
พั
พั
ดู
พั
พั
ร้
ร้
ร้
ร้
สี่
น้
กระโด ด า มข้น
#Key 3 -4

7. กาหนดพลังงานไอออไนเซชันลาดับที่ 1 ถึง 8 (ในหน่วยเมกะจูลต่อโมล) ของธาตุสมมติ 4 ธาตุดงั นี้

หม

&

&

&

ข้อใดไม่ถ-
ูกต้อง
E: 6-
4=
=2 -
1 ZW มีรูปร่ างโมเลกุลเป็ นสี่เหลี่ยมแบนราบ IN, => AXpE1
·ค 4 2 120
E = 6- 6 = 0 = AX 2-
· E
#9.5
3
2 มุมพันธะ X – Z – X ของ ZX กว้างกว่าของ ZX -06- 8 +
2 = 0 =
3 4
3 สารประกอบ·ZX มีอิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยวที่อะตอมกลางจานวนหนึ่งคู่ AlcEn -
2 -

4 สารประกอบ YX เป็ นโมเลกุลไม่มีข้วั ยึดเหนี่ยวกันด้วยแรงแผ่กระจายลอนดอนเท่านั้น


2
5 ธาตุ X และ Z อยูใ่ นหมู่เดียวกัน แต่เวเลนซ์อิเล็กตรอนของธาตุ Z อยูใ่ นระดับพลังงานหลักที่สูงกว่า -

แนวโ ม า
%
·

#* * คด ด. = ไ
-: 2
ู่ค
อย คานมากกว่

8. สารประกอบชนิดหนึ่งของธาตุสมมติ A มีสูตรเคมี คือ H A O หากสารประกอบนี้มีธาตุออกซิเจนอยูร่ ้อยละ


10 2 5
50.0 โดยมวล ธาตุ A มีมวลต่อโมลกี่กรัมต่อโมล
-

หา มวล อะตอม

1 35.0 หา A
2 40.0 %0=sex 10
3 50.0 160 = =1 +10) + /Ax2) + (16 + 5)
4 70.0 มวลโมเล
5 80.0 50 = 11675
x 10
M.W
M. พ. = =160 #
ค่
ข้
น้
ม่
มี
กุ
9. กระบวนการถลุงเหล็กมีข้นั ตอน ดังนี้
3
ขั้นที่ 1 3C (s) + O (g) 3 CO (g) -> 3 (สมการยังไม่ดุล)
= 2 +4
+3 + %

ขันที 2 +3CO (g) 2Fe (s) +3CO (g)


Fe O (s) - (สมการยังไม่ดุล)
2 3 ↳ 2
&=-> ม 2

หากต้องการเหล็ก 1.0 โมล จะต้องใช้แก๊สออกซิเจนอย่างน้อยกี่โมล


C+
&Oct Fe 20 2Fe +
สมการ ↳- 3
- >
3CO2
1 0.50
Fe โมล ใ
2 0.75
จาก กสมการ 2
้ O2 โม
1.5


3 1.0 Fe โมล ใช
1
171.5= 0.75 โม ล
4 1.3 2

5 1.5

96)+ M= % x 10 x ↓ 92 x 10 X 0.8
LINE (
=

&Where) + 4


M .W
/ มีวธิ ีการเตรี ยมดังต่อไปนี้
=

10. แอลกอฮอล์สเปรย์ ·
=16 =
CzH50H
1) เทเอทานอล 92% v/v ปริ มาตร 200.0 มิลลิลิตร ลงในบีกเกอร์
H 202
2) เติมไฮโดรเจนเปอร์ ออกไซด์ 3% v/v ปริ มาตร 10.0 มิลลิลิตร
กลีเซอรี น 98 % v/v ปริ มาตร 7.0 มิลลิลิตร และน้ ามันหอมระเหย 2 – 3 หยด ลงในบีกเกอร์เดียวกัน
แล้วคนจนละลายเป็ นเนื้อเดียวกัน จากนั้นเทใส่ขวดกาหนดปริ มาตรขนาด 250.0 มิลลิลิตร และเติมน้ ากลัน่
-> v
ให้ถึงขีดบอกปริ มาตรความเข้มข้นของเอทานอลในแอลกอฮอล์สเปรย์ที่ได้เป็ นกี่โมลาร์
2
กาหนดให้ ความหนาแน่นของเอทานอลบริ สุทธิ์ เท่ากับ 0.800 กรัมต่อมิลลิลิตร
↓ · หา C
2
1 3.20 จาก 2, V, = CeVa
2 4.00
3 12.8
4 16.0
5 20.0
ถ้
ช้
คู
ล่
#Tb = ดเ
m
11. ไอติมหวานเย็นมีอตั ราส่วนโดยมวลของน้ าตาลกลูโคส (C H O ) ต่อน้ าเท่ากับ 1 : 3 ไอติมหวานเย็นนี้มี
-
6 12 6
จุดเยือกแข็งกี่องศาเซลเซียส or * sm
ตาล SW
0
กาหนดให้ K ของน้ า = 1.8 C/m
f

1
2
- 0.25
- 0.33
At = ↓, +1000 -
FF =
3.33
3 - 0.60 We M
4 - 2.5
&
5 - 3.3
ง ของ
# ดเ อกแ

12. ปูนขาว (CaO) ผลิตได้จากการเผาหินปูน (CaCO ) ดังสมการเคมี


3

CaCO (s)  CaO(s) + CO (g)


3 2

เมื่อเผาหินปูนไประยะหนึ่ง แบ่งของแข็งมวล 2.56 กรัม มาวิเคราะห์ พบว่ามีแคลเซียมเป็ นองค์ประกอบ 1.20 กรัม


ของแข็งนี้มี CaO อยูร่ ้อยละโดยมวลเท่าใด

1 21.9
2 33.3
3 46.9
4 65.6
5 78.1
น้
้ำ
ข็

จุ
น้
น้
ยื
จุ
ดื
13. นาโลหะสังกะสี 19.5 กรัม ใส่ลงในสารละลายซิลเวอร์ไนเทรต 0.400 โมลาร์ ปริ มาตร 1.00 ลิตร
พบว่ามีโลหะเงินเกิดขึ้น 17.28 กรัม และเกิดปฏิกิริยาดังสมการเคมี

Zn (s) + AgNO (aq)  Ag (s) + Zn(NO ) (aq) (สมการยังไม่ดุล)


3 3 2
ผลได้ร้อยละของโลหะเงินที่ได้เป็ นเท่าใด

1 20.0
2 25.4
3 26.7
4 40.0
5 53.3

14. บีกเกอร์บรรจุ CH COOH เข้มข้น 6.00% w/v ปริ มาตร 30.0 มิลิลิตร มีมวลรวมกันเท่ากับ 41.4 กรัม
3
จากนั้นใส่ยาลดกรดจานวน 1 เม็ด มวล 3.00 กรัม ซึ่งมีตวั ยาสาคัญคือ NaHCO ลงในบีกเกอร์ พบว่ามีฟองแก๊ส
3
เกิดขึ้น เมื่อปฏิกิริยาสิ้นสุดยังคงมี CH COOH เหลืออยู่ มวลของบีกเกอร์และสารที่บรรจุอยูร่ วมกันเท่ากับ 43.3 กรัม
3
ยาลดกรดที่นามาใช้ทาการทดลองมีปริ มาณ NaHCO ร้อยละโดยมวลเท่าใด
3

1 11.7
2 36.7
3 60.0
4 70.0
5 84.0
44
M.W.
Com = D↳
15. ที่ความดันและอุณหภูมิหนึ่ง แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์มีความหนาแน่นเท่ากับ 6.6 กรัมต่อลิตร
- -

ที่ความดันและอุณหภูมิเดียวกัน แก๊สอาร์กอนจะมีความหนาแน่นกี่กรัมต่อลิตร
Ar D
1 0.15 =

2 1.8 4&

3 2.2
4 6.0 ต = M &

5 6.6
De M2

16. นาลูกโป่ งที่เหมือนกัน 2 ใบ มาบรรจุแก๊สจนมีปริ มาตร 6 ลิตรเท่ากัน โดยใบที่ 1 บรรจุแก๊ส H และใบที่ 2


2
บรรจุแก๊ส X เมื่อเก็บลูกโป่ งทั้งสองไว้ภายใต้สภาวะเดียวกันเป็ นเวลา 7 วัน พบว่าลูกโป่ งที่ 1 มีขนาดเหลือ 2 ลิตร
ส่วนลูกโป่ งใบที่ 2 มีขนาดเหลือ 5 ลิตร
กาหนดให้ การรั่วของแก๊สจากลูกโป่ งทั้งสองเกิดจากการแพร่ ผา่ นในลักษณะเดียวกันเพียงอย่างเดียวแก๊ส X

" ; = ตราการแพมวลโมเลของ g
ควรจะเป็ นแก๊สในข้อใด
ใบ ใบ 2
& Pe
1

& ①
1 He
H 6 2 X 6 :ตะ
2 Ne 2- -

3 O
↑ &

2 ↓
4 CH 7

#ก.พ
4 ↓

5 SO
2

-e
-5
ของ
#
Ry = Re: x=
6- 2
+
·15 32

=0.57 = 0.14 = :X = &2 #


สู
สุ
วั
กุ
อั
ร่
17. นาของผสมของสาร P และสาร Q ในอัตราส่วน 1 : 1 โดยโมล มาตั้งทิ้งไว้กลางห้องสาร P จะเกิดปฏิกิริยา
กับแก๊สออกซิเจนในอากาศได้สาร Q ดังสมการเคมี
P (s) + 3O2 (g)  2Q (s)
ถ้าช่วงที่ศึกษาอัตราการเกิดปฏิกิริยาของสาร P มีค่าคงที่ กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างจานวนโมลของสาร P
และสาร Q กับเวลา
ข้อใดถูกต้อง

1 2

3 4

5
18. เมื่อนาตัวเร่ งปฏิกิริยา 3 ชนิด มาใช้เร่ งปฏิกิริยาการเกิดพอลิเมอร์ของมอนอเมอร์ X ในสารละลายที่มีความเข้มข้น
เริ่ มต้นของ X เท่ากับ 5.0 โมลาร์ โดยใช้ปริ มาณของตัวเร่ งปฏิกิริยาแต่ละชนิดเท่าๆกันบันทึกผลได้ดงั ตาราง

ตัวเร่ งปฏิกิริยาชนิดใดทาให้อตั ราการเกิดปฏิกิริยาเฉลี่ยในช่วงหนึ่งวันมากที่สุด และตัวเร่ งนี้ ให้อตั ราการเกิด


ปฏิกิริยาเฉลี่ยในช่วง 4 ชัว่ โมงแรกเท่าใด

ตัวเร่ งปฏิกิริยา อัตราการเกิดปฏิกิริยาเฉลี่ยในช่วง 4 ชัว่ โมงแรก (โมลาร์ต่อชัว่ โมง)


1 A 0.20
2 A 0.50
3 B 0.25
4 B 0.55
5 C 1.1
19. สารตั้งต้น A สลายตัวได้ผลิตภัณฑ์ B และ C ผ่านปฏิกิริยาเคมี ดังแสดงในตาราง

หากอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีไม่ข้ นึ กับความเข้มข้นของสารตั้งต้น ข้อใดถูกต้อง

1 ปฏิกิริยาที่ 1 เกิดได้เร็วกว่าปฏิกิริยาที่ 2 เนื่องจากคายความร้อนมากกว่า


2 เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ทั้งสองปฏิกิริยาเกิดเร็วขึ้นเพราะพลังงานก่อกัมมันต์ลดลง
3 เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น ทั้งสองปฏิกิริยาเกิดช้าลงเพราะเป็ นปฏิกิริยาคายความร้อน
4 พลังงานของสารตั้งต้นและสารผลิตภัณฑ์ของปฏิกิริยาที่ 1 มีค่าต่างกัน 150.56 kJ/mol
5 ในช่วงแรกของปฏิกิริยา ความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์ B มากกว่าความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์ C

20. แก๊ส N O สลายตัวในภาชนะปิ ดปริ มาตร 1 ลิตร ณ อุณหภูมิหนึ่ง เมื่อเข้าสู่ภาวะสมดุล มีแก็ส N O 0.50 โมล
2 4 2 4
และแก๊ส NO 1.00 โมล ถ้าเติมแก๊ส N O เพิม่ เข้าไปในภาชนะแล้วปล่อยให้เข้าสู่สมดุลอีกครั้ง
2 2 4
จะมีแก๊ส N O 0.72 โมล แก๊ส N O ที่เติมเข้าไปในภาชนะเท่ากับกี่โมล
2 4 2 4

1 0.22
2 0.32
3 0.42
4 0.44
5 0.66
21. กาหนดให้
ปฏิกิริยาที่ 1 SnO (s) + 2H (g) ↔ Sn (s) + 2H O(g) K = 8.120
2 2 2 1
ปฏิกิริยาที่ 2 H (g) + CO (g) ↔ H O (g) + CO (g) K = 0.771
2 2 2 2
ปฏิกิริยาที่ 3 2CO (g) + SnO (s) ↔ 2CO (g) + Sn (s) K = ?
2 2 3

ค่า K มีคา่ เท่าใด และการเปลี่ยนแปลงสมดุลเมื่อเติมโลหะดีบุกเข้าไปในระบบของปฏิกิริยาที่ 3 จะเป็ นอย่างไร


3

ค่าคงที่สมดุล (K ) การเปลี่ยนแปลงสมดุลเมื่อเติมโลหะดีบุก
3
1 0.0732 สมดุลไม่เปลี่ยนแปลง
2 0.0732 สมดุลย้อนกลับ
3 6.26 สมดุลไม่เปลี่ยนแปลง
4 13.7 สมดุลย้อนกลับ
5 13.7 สมดุลไม่เปลี่ยนแปลง

22. กระบวนการซาบาเทียร์เป็ นกระบวนการผันกลับได้ ทีม่ ีแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์และแก๊สไฮโดรเจน


เป็ นสารตั้งต้นได้แก๊สมีเทน และไอน้ าเป็ นผลิตภัณฑ์ โดยกระบวนการนี้คายพลังงาน 165 กิโลจูลต่อ 1 โมล
ของคาร์บอนไดออกไซด์ วิธีการทั้ง 2 วิธีในข้อใดที่ทาให้สามารถผลิตแก๊สมีเทนได้ในปริ มาณมากขึ้น

วิธีการที่ 1 วิธีการที่ 2

1 เพิม่ ความดัน เพิม่ อุณหภูมิ


2 เพิม่ ความดัน ลดอุณหภูมิ
3 ลดความดัน ลดอุณหภูมิ
4 ลดความดัน เติมแก๊ส H
2
5 เพิม่ อุณหภูมิ เติมแก๊ส H
2
23. โมเลกุลหรื อไอออนใดที่ไม่สามารถเป็ น “กรด” ตามทฤษฎีกรด – เบส เบริ นสเตด –ลาวรี

1 NH
3
2 CO
2
+
3 NH
4
4 HO
2
5 HNO
2

24. สารละลายกรดผสมมีกรด CH COOH เข้มข้น 1.00 โมลาร์ และกรด HCl เข้มข้น 0.100 โมลาร์ การแตกตัว
2
ของกรด CH COOH ในสารละลายนี้ทอี่ ุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียสมีค่าร้อยละการแตกตัวเท่าใด
3
0 -5
กาหนดให้ K ของ CH COOH ที่อุณหภูมิ 50 C = 1.60 x 10
a 3

-4
1 1.60 x 10
-3
2 4.00 x 10
-2
3 1.60 x 10
4 0.400
5 10.4
0.2
25. กาหนดให้ H PO มี pK = 2.2 pK = 7.2 และ pK = 12.2 ตามลาดับ และ 10 = 1.6
3 4 a1 a2 a3
สารละลายผสมในข้อใดเป็ นสารละลายบัฟเฟอร์ที่มี pH เท่ากับ 7.0

สารละลายผสมระหว่าง
สารละลายที่ 1 ปริ มาตร 100.00 mL สารละลายที่ 2 ปริ มาตร 100.00 mL

1 NaH PO 1.6 M Na HPO 1.0 M


2 4 2 4
2 NaH PO 1.0 M Na HPO 1.6 M
2 4 2 4
3 NaH PO 1.6 M Na PO 1.0 M
2 4 3 4
4 Na HPO 1.0 M Na PO 1.6 M
2 4 3 4
5 Na HPO 1.6 M Na PO 1.0 M
2 4 3 4

26. กาหนดให้ อินดิเคเตอร์ 2 ชนิด คือ A และ B มีช่วงการเปลี่ยนสีดงั ตาราง

ถ้าปิ เปตต์สารละลาย HCl เข้มข้น 0.20 โมลาร์ ปริ มาตร 5.00 มิลลิลิตร ใส่ลงไปในขวดกาหนดปริ มาตร
จากนั้นเติม NaOH 36.0 มิลลิกรัม ลงไปผสมจนเป็ นเนื้อเดียวกัน แล้วปรับปริ มาตรด้วยน้ ากลัน่ จนได้
100.00 มิลลิลิตร เมื่อนาสารละลายที่ได้มาแบ่งเป็ น 2 ส่วน หยดอินดิเคเตอร์แต่ละชนิดลงไปในสารละลายที่ได้
จะเป็ นสีอะไร

สีของสารละลายเมื่อหยดอินดิเคเตอร์
A B
1 สีแดง สีเหลือง
2 สี สม้ สีเหลือง
3 สี สม้ สีเขียว
4 สี เหลือง สีเขียว
5 สี เหลือง สีน้ าเงิน
27. สารประกอบหรื อไอออนของแมงกานีส (Mn) ในข้อใดทาหน้าที่เป็ นตัวรี ดิวซ์ -> ใ ว เ ด EOxidation เลย OX เ
&O 2
+ 2+
-+
+

1 MnCO + 2H  Mn + H O + CO
3 2 2
- +
2+ + +
- 3+
2 5BiO + 2Mn + 14H  2MnO + 5Bi + 7H O
· 3 4 2
+ 4
+ + 2+
3 MnO + H O + 2H  Mn + 2H O + O
2 2 2 2 2
+6 2- 2+ + 2 2+ -
4 2Cu + MnO + 4H O  2Cu + Mn + 8OH
4 2
+? - - +4 -
5 2MnO + 6I + 4H O  2MnO + 3I + 8OH
4 2 2 2

28. พิจารณาตารางต่อไปนี้

วิธีการใดป้ องกันการผุกร่ อนของเหล็กได้นอ้ ยที่สุด

Fe
1&ชุบเหล็กด้วยสังกะสี /
ชุบเหล็กด้วยโครเมียม +
2 & Fe

3 ทาสีน้ ามันลงบนแท่งเหล็ก -
4 นาลวดนิกเกิลมาพันรอบแท่งเหล็ก o *
โลหะ ะทเ อา มา
ค่า E
-

5 นาลวดอะลูมิเนียมมาพันรอบแท่งเหล็ก คาร กว

Al < Fe องก น
มี
ี่
กั
ห้
ต่

กิ
ป้
29. เมื่อจุ่มแท่งโลหะ 4 ชนิด ลงในสารละลายไอออนบวกของโลหะทีม่ ีความเข้มข้น 1 โมลาร์ ได้ผลดังตาราง

=
กาหนดให้ หมายถึง สังเกตเห็นของแข็งเกาะที่แท่งโลหะ
X หมายถึง สังเกตไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง
ข้อใดเรี ยงลาดับโลหะตามความสามารถในการเป็ นตัวรี ดิวซ์
จากมากไปน้อยได้ถูกต้อง า อง า
1 อะไรมรถ-

BA &A

C
A #> D <> D

·"E' BTCA) D
1 B C A D
2 B C D A
3 C B D A
·
4 D A C B
5 D A B C
ต้
ค่
มี
ต่
ถ้
30. จัดชุดการทดลองโดยนาแท่งโลหะผสมซางประกอบด้วยโลหะเงิน โลหะ M และโลหะ N ต่อกับแบตเตอรี่
2+ 2+
1 ก้อนที่ข้วั บวก และแท่งแกรไฟต์ต่อที่ข้วั ลบ แล้วจุ่มขั้วไฟฟ้ าทั้งสองลงในสารละลายที่มีไอออน M และ N
ความเข้มข้น 1 โมลาร์ เท่ากัน เมื่อเวลาผ่านไปได้ผลดังภาพ
N
Key Ag า ='ส
ูงม
Ag, M,
=


·
า E

Net > Met


: า-
จากผลการทดลอง ข้อใดถูกต้อง Ag> N > M


it ขอ
·
2+ +
1 ถ้าต่อเซลล์ดงั แผนภาพ M(s) I M (aq) II Ag (aq) I Ag(s) เซลล์น้ ีจะเป็ นเซลล์กลั ป์ วานิก
o ย

" าย > ข
2+ +
2 ถ้าต่อเซลล์ดงั แผนภาพ N(s) I N (aq) II Ag (aq) I Ag(s) เซลล์น้ ีจะเป็ นเซลล์อิเล็กโทรลิติก
2+ 2+
*
3 ถ้าต่อเซลล์ดงั แผนภาพ M(s) I M (aq) II N (aq) I N(s) เซลล์น้ ีจะเป็ นเซลล์อิเล็กโทรลิติก
2+ ว รี
4 ไอออน M เป็ นตัวออกซิไดซ์ที่ดีที่สุด
-

5 โลหะ Ag เป็ นตัวรี ดิวซ์ที่ดีที่สุด *
-

วออ ก ไ

31. โอโซเมอร์โครงสร้างของ butanoic acid ที่เป็ นเอสเทอร์มีกี่ไอโซเมอร์

1 2
2 3
3 4
4 5
5 6
ค่
ตั
ซิ
ตั
ค่
ดิ
ซ้
ซ้
ค่
32. กาหนดสูตรโครงสร้างของน้ ามันชนิดหนึ่ง เป็ นดังนี้

กาหนดให้ มวลต่อโมลของน้ ามันนี้ เท่ากับ 826 กรัมต่อโมล


ถ้าต้องการผลิตเนยเทียมจากน้ ามันชนิดนี้ โดนนาน้ ามัน 1.652 กรัม มาทาปฏิกิริยาการเติมกับแก๊สไฮโดรเจนจนได้น้ ามัน
ที่เมื่อทาปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสแล้วได้กรดไขมันอิม่ ตัวในปฏิกิริยาการเติมต้องใช้แก๊สไฮโดรเจนกี่มิลลิโมล

1 2.00 2 4.00 3 6.00


4 8.00 5 14.0

33. สียอ้ ม 2 ชนิด ที่ไม่ทาปฏิกิริยากัน และไม่ทาปฏิกิริยากับน้ าและเฮกเซน มีสูตรโครงสร้าง ดังภาพ

หากผสมสียอ้ มทั้งสองชนิดในภาชนะที่มีน้ าและเฮกเซนผสมกันผลจากการสังเกตข้อใดถูกต้อง


กาหนดให้ ความหนาแน่นของเฮกเซนเท่ากับ 655 กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

1 2 3

4 5
34. สารประกอบไฮโดรคาร์บอนชนิดหนึ่งมีสมบัติ ดังนี้
1) สารนี้ 1 โมล เมื่อเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ จะได้แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ 9 โมล และน้ า 6 โมล
2) สารนี้ทาปฏิกิริยากับสารละลายโบรมีนในที่สว่าง ซึ่งอัตราส่วนโดยโมลของสารนี้กบั โบนมีนเป็ น 1 : 1
และสารผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นมี 1 โครงสร้างเท่านั้น
ข้อใดคือโครงสร้างของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนชนิดนี้

1 2 3

4 5

35. พิจารณาสมบัติของสาร A – E ดังนี้


1) สาร A เป็ นสารที่มีกลิ่นเหมือนแอปเปิ ล เมื่อนามาต้มในสารละลาย NaOH จนเกิดปฏิกิริยาสมบูรณ์และ
เติมอีเทอร์ลงไป จะได้เกลือในชั้นน้ า และสาร B ในชั้นอีเทอร์
2) นาชั้นในข้อ 1 มาสะเทินด้วยกรด HCl แล้วสกัดด้วยอีเทอร์และระเหยแห้งจะได้สาร C
3) เมื่อนาสาร B กับ D มาต้มในสารละลายกรดจะได้ pentyl butanoate ที่มีกลิ่นเหมือนแพร์
4) เมื่อนาสาร C กับ E มาต้มในสารละลายกรดจะได้ propyl hexanoate ที่มีกลิน่ เหมือนสับปะรด

ข้อใดถูกต้อง

1 สาร A คือ propyl butanoate


2 สาร B มีจุดเดือดต่ากว่าสาร E
3 CH3(CH2)2CONH2 ต้มในกรดแล้วได้สาร D
4 CH3CH2COOCH3 ต้มในกรดแล้วได้สาร E
5 ต้มสาร D และ E ในกรดได้ pentyl hexanoate
36. แอสปาแทม ใช้เป็ นน้ าตาลเทียมที่ให้ความหวานมากกว่าน้ าตาลซูโครส 180 เท่ามีโครงสร้างเคมี ดังแสดง

ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ แอสปาแทม

1 สามารถเกิดพันธะไฮโดรเจนกับน้ าได้
2 พบหมู่ฟังก์ชนั เช่นเดียวกันกับ ethanamine
3 พบหมู่ฟังก์ชนั เช่นเดียวกับ ethanoic acid
4 พบหมู่ฟังก์ชนั เช่นเดียวกับ ethyl ethanoate
5 เกิดปฏิกิริยาไฮโดรลิซิสในเบสจนสมบูรณ์ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีโครงสร้างต่างกัน 2 ชนิด

37. สารคู่ใดไม่สามารถนามาใช้เป็ นมอนอเมอร์ในการผลิตพอลิเมอร์ได้

สาร 1 สาร 2

5
38. การเรี ยกชื่อพอลิเมอร์ทาได้โดยเติมคาว่า poly – หน้าชื่อมอนอเมอร์ของพอลิเมอร์น้ นั ๆ เช่น พอลิเมอร์ที่มี
stylene เป็ นมอนอเมอร์จะเรี ยกว่า polystyrene พอลิเมอร์ต่อไปนี้ควรมีชื่อเรี ยกว่าอย่างไร

polyme Ta
1 2 1= MONO

2: di
3

4
3: tri

5
4: tetra
8

mer
·
5:
penta
mon &
เ =hera
↳ &
= hepta
1 polyethylhexene I

=- CH
8 = octa
I
2 polyhexane & =

nona
3 polyhexene 1& = deca
·
4 polyoctane
5 polyoctene (ht
CHeCH, <Hy
39. พิจารณาโครงสร้างพอลิไวนิลแอลกอฮอล์
+Carbox . acid
*
กรด นทร
~

คอ

ช อ จะลงท ายด้วย

ข้อใดเป็ นสารเคมีที่เหมาะสมต่อการนามาพัฒนาสมบัติของพอลิไวนิลแอลกอฮอล์ โดยใช้ปฏิกิริยาควบแน่น

1 2 – methylpentane
2 3 – methylpent – 1 – yne
3 1,2 – dimethylbenzene
4 1 – methylcyclohexene
&
5 2 – methylpropanoic acid
ท้
ื่
อิ
40. ในการไทเทรต จะต้องบันทึกปริ มาตรเริ่ มต้นและปริ มาตรสุดท้ายของสารละลายที่บรรจุในบิวเรตต์
เมื่อไทเทรตจนถึงจุดยุติถา้ ระดับของสารละลายหลังการไทเทรตจนถึงจุดยุติเป็ นดังภาพ

การ าน าจ จากเค
อ ง ตอบ :2 2 ต แห

ข้อใดบันทึกปริ มาตรสุ ดท้ายของการไทเทรตได้ถูกต้อง

1 22.9 มิลลิลิตร
2 23.1 มิลลิลิตร
3 22.70 มิลลิลิตร
4 22.90 มิลลิลิตร
5 23.10 มิลลิลิตร
ต้
ค่

อ่
รื่
41. ออกเทน (C H ) 0.200 โมล เกิดปฏิกิริยาการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์กบั แก๊สออกซิเจนที่มากเกินพอจากปฏิกิริยา
8 18
ดังกล่าวเกิดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์กี่กรัม

Outs + 12.502 -> 8CO2 + 9


#20
จา กสมการ CaHo 1 mo. เ ด CO
8 mol
⑧8 H18 8.2 mol, เ ด CO 0.2 X
8 = 1.6 mo
% 4)
เป ยน 1.
6 mel. -> 9 ใ g: M. W

12 + ( 1652) = 1.6 44
1.
x

ก. พ. CO 2 =
=44 =10. 4 9
42. ในการหาปริ มาณหมู่ –COOH ในโครงสร้างของพอลิเมอร์ชนิดหนึ่ง ทาได้โดย mol/ 1 L
1) นาพอลิเมอร์ 2.5 กรัม มาแช่ในสารละลาย NaOH ความเข้มข้น 0.30 โมลาร์ ปริ มาตร 50.00 มิลลิลิตร
-

จนหมู่ –COOH เกิดปฏิกิริยาทั้งหมด


2) กรองของแข็งออกและเก็บสารละลาย NaOH ที่เหลือจากปฏิกิริยา &2
Vi
3) ปิ เปตต์สารละลายที่ได้ 10.00 มิลลิลิตร ไปไทเทรตกับสารละลาย HCl 0.050 โมลาร์ พบว่า ที่จุดยุติใช้
-

ปริ มาตรกรด HCl 40.00


-2 มิลลิลิตร หา C&
กาหนดให้ พอลิเมอร์ชนิดนี้มีเฉพาะหมู่ –COOH ที่สามารถทาปฏิกิริยากับสารละลาย NaOH พอลิเมอร์น้ ี 1.0 กรัม
มีปริ มาณหมู่ –COOH อยูก่ ี่มิลลิโมล

1 polymer 2.5 9. เ ด COOH : ง

=NaOH = 0.3 5
50 = 0.015 mol. Naoth
100

2 หา
CNaOH กค ง จ
าก =
C, +10 = 0.05 <40

&1 = 0.2 M.
ท เ

น mol . NAOH(ใน 1 0 m

mol.
" = 0.002
า 50 m1. = 0.002x 5 = 0.01 mo

:: ท = พอ น - GOOH .: mol. N
เห อ 0.015 - 0.0

=0.005 mol,
ถ้
อี
ถ้
กิ

ั้
ทั้
ลี่
ป็
ลื
ดุ
รั

กิ
ช้
ดี
กั
กิ
#

Polymer 2.5 9 -200 / 0.005 mol.

Polymer 1 9. -

cooH
1 ==0.002 2 mo
2.5
100

=2 mmol.
43. พิจารณาสมการรี ดอกซ์ ดังต่อไปนี้
+ 2- - 3+
a H + b Cr O + c Cl  d Cr + e Cl + f H O
2 7 2 2

เมื่อดุลสมการข้างต้น โดยให้ a b c d e และ f เป็ นจานวนเต็มที่นอ้ ยที่สุดผลรวมของ a b c d e และ f เป็ นเท่าใด


14 + 1 + 6 + 2+ 3+ 7 =

44. โรงงาน 2 แห่ง ผลิตสาร Z เหมือนกันด้วยปฏิกิริยาที่แตกต่างกัน 2 ปฏิกิริยา ซึ่งมีสมการเคมีแสดงปริ มาณสัมพันธ์และ


ค่าคงที่สมดุล (K) ที่อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส ดังตาราง
โรงงานที่ 1 A(aq) + B(aq) ↔ Z(aq) ; K = 100.0
โรงงานที่ 2 A(aq) + C(aq) ↔ Z(aq) ; K = 25.0

สารทุกชนิดละลายน้ าและแต่ละโรงงานเริ่ มการผลิต โดยใช้อตั ราส่วนจานวนโมลของสารตั้งต้นเป็ น 1 : 1 เพือ่ ให้ได้สาร Z


ที่มีความเข้มข้น 1.00 โมลาร์ ปริ มาตร 1.00 ลิตรเท่ากัน ถ้าสารตั้งต้น B มีราคาเป็ น 3.00 เท่าของ C ต้นทุนของสาร B
ในโรงงานที่ 1 เป็ นกี่เท่าของต้นทุนของสาร C ในโรงงานที่ 2

& At B - 2
จ K= <

- นา
-
1. 1 &
ร A B
ป. 1 % 1
100 =
ส a a 1 %

fares
2 0.13 20.1

#Q : 0.

น ุน B = 1.1 x 3 = 2.
:
น 1.2 x


&

I -
น B = 2.75
ต้
คู
มี
มี
ต้
ต้
ทุ
ทุ
ทุ
ต้
32
M . W. &2 =45. เรือดาน้าลาหนึ่งจาลองบรรยากาศเทียมด้วยการผสมแก๊สไนโตรเจนและแก๊สออกซิเจน เข้าด้วยกันให้มีความดันย่อย
4 = 0.22 at m
ของแก๊สออกซิเจน 164.2 มิลลิเมตรปรอท เพือ่ ให้ลูกเรื อ สามารถหายใจได้ปกติที่ความดัน 760 มิลลิเมตรปรอท
1.04104
~

+273--300 * ve4 -
อุณหภูมิ 27 องศาเซลเซียส ถ้าบนเรื อมีลูกเรื อ 19 คน แต่ละคนมีอตั ราการใช้อากาศหายใจ 1.00 x 10 ลิตรต่อวัน
-
+19+
จะต้องเตรี ยมถังออกซิเจนเหลวอย่างน้อยกี่ถงั จึงจะมีอากาศเพียงพอต่อการหายใจนาน 12 วันพอดี =228 + 4
10
กาหนดให้ R = 0.0821 และถังออกซิเจนเหลว 1 ถัง ถังบรรจุแก๊สออกซิเจน 20.0 กิโลกรัม

228x10") = (20 - - 0.001 +100


nRT
=

PV =

↳- 10.22) = (

จ น.

X= 32
ถั
จั๊
สังซือคอร์สเรียนคุณภาพในราคาคุม้ ทีสุด สังเข้ามาได้เลยที
> inbox fanpage: MegaChem คลายทุกปมในเคมี ม.ปลาย
> Line ID: megachem12

You might also like