You are on page 1of 72

หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ

ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ
ความเชื่อ
ภาษา
บทความ ประวัติและความเปนมา (History of the Hmong people)
ปจจุบัน ยังไมมีผูใดสามารถสรุปไดวาชนชาติมงมาจากที่ไหน แตสันนิษฐานกันวามงคงจะอพยพมาจากที่ราบสูงธิเบต
ไซบีเรีย และมองโกเลีย เขาสูประเทศจีน และตั้งหลักแหลงอยูแถบลุมแมน้ําเหลือง (แมน้ําฮวงโห) เมื่อราว 3,000
ปมาแลว ซึ่งชาวเขาเผามงจะตั้งถิ่นฐานอยูในมณฑลไกวเจา ฮุนหนํา กวางสี และมณฑลยูนาน
มงอาศัยอยูในประเทศจีนมาหลายศตรรษ จนกระทั่ง ประมาณคริสตศตวรรษที่ 17 ราชวงคแมนจู (เหม็ง)
มีอํานาจในประเทศจีน กษัตริยจีนในราชวงคเหม็งไดเปลี่ยนนโยบายเปนการปราบปราม
เพราะเห็นวามงที่เปนผูชายสวนใหญแลวรูปรางหนาตาคลายกับคนรัสเซีย ทําใหคนจีนคิดวา มงเปนคนรัสเซีย
จึงเปนเหตุใหมีการปราบปรามมงเกิดขึ้น โดยใหชาวมงยอมจํานน และยอมรับวัฒนธรรมของจีน
และอีกประการหนึ่งคือเห็นวา มงเปนพวกอนารยชนแหงขุนเขา (คนปาเถื่อน)
จึงไดมีการตอสูกันอยางรุนแรงในหลายแหง เชน ในเมืองพังหยุนในป พ.ศ.2009
และการตอสูในมณฑลไกวเจาในระหวาง พ.ศ. 2276 - 2278 และการตอสูในมณฑลเสฉวนในระหวาง พ.ศ. 2306
– 2318

ในที่สุด ชาวมงประสบกับความพายแพ สูญเสียพลรบ และประชากรเปนจํานวนมาก


ในที่สุดมงก็เริ่มอพยพถอยรนสู ทางใต และกระจายเปน
กลุมยอย ๆ กลับขึ้นอยูบนที่สูงปาเขาในแควนสิบสองจุไทย สิบสองปนนา
และอีกกลุมไดอพยพไปตามทิศตะวันออกเฉียงเหนือของราชอาณาจักรลาว
บริเวณทุงไหหินเดียนเบียนฟู โดยมีหัวหนามงคนหนึ่ง คือ นายพลวังปอ ไดราบรวมมง
และอพยพเขาสูประเทศไทยเมื่อประมาณ พ.ศ. 2400 เศษ เปนตนมา

ปจจุบันชาวมงสวนใหญในประเทศไทย ตั้งถิ่นฐานอยูตามภูเขาสูง
หรือที่ราบเชิงเขาในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย พะเยา นาน เชียงใหม แมฮองสอน แพร ลําปาง กําแพงเพชร เลย
พิษณุโลก เพชรบูรณ สุโขทัย และตาก มีจํานวนประชากรทั้งสิ้นประมาณ 151,080 คน

มงดํา หรือมงเขียว มงดาว หรือมงขาว มงลาย หรือมงกั๊วมะบา


หรือมงน้ําเงิน
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ ในอดีตมงเปนชนกลุมหนึ่งที่อาศัยอยูตามภูเขากับธรรมชาติ โดยสวน


ขอมูลทั่วไป ใหญแลวมงจะมีความเชื่อเรื่อง ภูตผีมาก ดังนั้นจึงกลายเปนเรื่องเลา
มากมาย และเปนนิทานสอนใหมงรุนลูกรุนหลานตอมาไดเปน อยางดี
วิถีชีวิต
เชนเรื่องปูปางแช เรื่องยอเหลาจั๊ว (หนุมกําพรา)
บาน
ประเพณี นิทานเรื่องปูปางแช
การแตงกาย
กาลครั้งหนึ่งมีครอบครัวมงครอบครัวหนึ่งมีฐานะปานกลาง
ศิลปะ
ซึ่งอาศัยอยูตามลําน้ําแมโขง และเปนครอบครัวที่อบอุนมาก อยูดวย
ความเชื่อ กันมานาน และฝายภรรยาของปางแช ก็ไมมีลูกเลยจนสามีปางแช
ภาษา อยากไดลูกมาก สามีปางแชจึง ไดออกแสวงหาภรรยาคนที่สองเพื่อ
ที่จะไดกําเนิดบุตร แลวฝายสามีปางแชจึงหาได ภรรยาคนที่สอง
บทความ และไดพามาอาศัยอยูดวยกันกับภรรยาคนแรก คนทั้งสามจึงอยูดวย
ปจจุบัน กันอยางมีความสุข แตเนื่องจากฝาย สามีปางแชตองใหเกียรติแก
ภรรยาคนแรกเสมอ ทําใหฝายเมียนอยเกิดอิจฉาเมียหลวงมาก จน
กระทั่ง วันหนึ่งภรรยาทั้งสองตางก็ตั้งทองพรอมกัน และปลอยใหสามี
ปางแชตองเขาไปทํางานในไรอยูคนเดียว เมื่อภรรยาทั้งสองทองแก
ขึ้นทุกวัน จนใกลคลอด ฝายสามีปางแชจึงตองรับภาระหนัก ตองไป
ทํางานในไร คนเดียวตลอด อยูมาวันหนึ่งสามีปางแชไปทํางานในไร
และปลอยใหภรรยาทั้งสองดูแลกันเองซึ่งครบ กําหนดแลวภรรยา
นอยจึงคลอดลูกออกมาเปนลูกผูหญิง สวนภรรยาหลวงคลอดทีหลัง
และคลอดไดลูกผู ชายหนาตานารักนาชังมาก เมียนอยซึ่งเปนคนทํา
คลอดใหกับเมียหลวงและหลังจากเมียหลวงคลอดแลว เมียหลวง
ออนแรงมาก

ซึ่งเมียนอยมีความอิจฉาเมียหลวงเปนทุนเดิมอยูแลว เมียนอยจึงไดนําผาออมมาหอ ลูกชายของเมียหลวงไปให


ควายกินพอควายเห็นก็เขาไปดม แลวเลียและจากไปโดยที่ไมกิน เมียนอยเห็นเชนนั้นจึงไดนําไปใหวัวกิน พอวัวเห็นวัวก็
เขาไปดมแตไมยอมกิน แตเมียนอยพยายามนํา ไปในปากวัว ซึ่งวัวมีความสงสารลูกชายคนนี้ แตแมวัวจําเปนที่ตองกลืน
ลูกชายเมียหลวงเขาไป ดังนั้นแมวัวจึงไดอธิฐานวาหาก ขาพเจาตองกลืนลูกชายคนนี้เขาไป ขอใหสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยูใน
ภิภพนี้ จึงดลบันดานใหลูกชายคนนี้ปลอดภัย จากนั้นแมวัวจึงไดกลืนลูกชายของเมียหลวงไปเรียบรอย

ตกตอนเย็นสามีปางแชกลับจากทํางานในไรดวยความดีใจที่จะไดเห็นลูก
ของตัวเอง พอกลับถึงบานเมียนอยจึงไดนําลูกสาวมาให สามีปางแชดูจากนั้น
ฝายสามีก็ถามถึงลูกของเมียหลวงละ? เมียนอยจึงพูดขึ้นวาทองของเมียหลวงนั้น
เปนแคทองลมเทา นั้นไมสามารถที่จะคลอดมาได ฝายสามีไดฟงเชนนั้นจึงมี
โมโหเมียหลวงมาก จึงไดไลเมียหลวงไปอยูในคอกวัวกับวัว และใหมาทํางานใน
ไรทุกวันพรอมกับใหไปเลี้ยงวัวดวย ซึ่งกาลเวลาผานไป 1 - 2 ปแลวแมวัวที่กลืน
ลูกชายเมียหลวง เขาไปทองก็เริ่มแกและออกลูกมาเปนลูกวัวตัวผูซึงลูกวัวตัวนี้
สวยมากและเมียหลวงไปเลี้ยวัวทุกวันทําใหเมียหลวงเกิด ความรักและผูกพันกับ
ลูกวัวตัวนี้มาก ในบางวันที่ไลวัวไปเลี้ยงนั้นลูกวัวตองมานอนขางๆเมียหลวง
ตลอดเวลาและเมีย หลวงก็พยายามทําความสะอาดลูกวัว อยูมาวันหนึ่งเมียหลวง
ไดไลฝูงวัวไปเลี้ยงและดวยความคิดถึงลูกของตัวเองมาก จึงไดพร่ําออกมาแลว
น้ําตาของเมียหลวงหยดใสนัยสตาของลูกวัว แลวลูกวัวก็เปลี่ยนรางกลายเปน
มนุษยขึ้นมา แลว เมียหลวงกับลูกชายไดกอดกันดวยความรัก และลูกชายของ
เมียหลวงก็ไดช วยแมของตัวเองปกผาชวยแมเลี้ยงฝูงวัว ทุกวัน

พอตกเย็นลูกชายของเมียหลวงก็เปลี่ยนรางเปนลูกวัวดังเดิม เพื่อที่จะไดกลับบานเมียนอยก็เริ่มสังเกตเมียหลวง
วาทําไมมีความสุขกับการเลี้ยงวัวมาก ซึ่งเมียนอยก็รูอยูวาลูกวัวนั้นเปนลูกชายของเมียหลวงเอง หลังจากนั้นเมียนอยเริ่ม
คิดที่จะทําลายลูกวัว ตัวนี้โดยการแกลงไมสบายเปนไขทุกวัน และปลอยใหสามีปางแชกับเมียหลวงสองคนทํางานในไร
เทานั้น เมื่อสามีปางแชกลับจากที่ทํางานในไรเมียนอยก็หาวิธีการพูดใหสามีปางแชวา
ใหสามีปางแชไปดูดวงที่หนาผาวาตัวเองเปนอะไร และอะไรเปน
อัปมงคลจึงทําให ตัวเองไมสบายเชนนี้ เมียนอยจึงไดบอกทางใหกับสามีปางแช
ไปดูดวงที่หนาผา สวนเมียนอยก็ไปทางลัดและไปถึงกอนสามีปางแช พอสามี
ปางแชไปถึง ก็เริ่มจุดธูปเทียนแลวนําไปปกไวที่หนาผาแลวเอยถามวา เมียนอย
ของขาไมสบายมากขาจะทําอยางไรเมียนอยขาจึง จะหาย เมียนอยซึ่งซุมอยูดาน
หลังอยูกอนแลวจึงพูดออกไปวา เจาตองเอาผาปกของเมียหลวงของเจามาทําพิ
ธี รักษา เมียนอยเจา เพราะผาปกของเมียหลวงเจาเปนอัปมงคล ตองนํามารักษา
เทานั้นจึงจะหาย หากวาไมไดนํามาทําการ รักษาก็จะไมหาย ฝายสามีปางแชได
ฟงดังนั้นจึงรับปากแลวกลับบาน สวนเมียนอยเดินโดยใชทางรัดก็กลับถึงบาน
กอนสามีปางแชอีก พอสามีปางแชกลับถึงบาน ฝายเมียนอยก็ทําเสียงออดๆ
แอดๆถามสามีวาไปดูดวงแลวเจาที่หนาผา วาอยางไรบาง ฝายสามีก็บอกวาตอง
เอาผาปกของเมียหลวงมาทําการรักษาถึงจะหาย แลวเมียนอยก็บอกกับสามีวา
งั้น ก็ใหรีบจัดการทันที เพื่อตัวเองจะไดหายสักที ฝายสามีปางแชจึงไดนําผาปก
ของเมียหลวงมาทําพิธีในการรรักษา โดยการเผาเรียบรอย ในวันตอมาเมียหลวง
ไดนําฝูงวัวไปเลี้ยงอีกแลวลูกวัวจึงไดพูดวาแมของตัวเองวา ลูกจะชวยแม ปกผา
ผืนใหมใหแมอีก จากนั้นลูกวัวกับเมียหลวงไดสนิทสนมกันมาก เพราะทั้งคูเปน
สายเลือดเดียวกันจึงมีความผูกพัน

หลังจากนั้นลูกวัวก็เติบใหญขึ้น เมียนอยจึงคิดวาจะทําอยางไรกับลูกวัว
ตัวนี้ เพื่อที่จะไดทําลายเมียหลวงไดเต็มที่ เมียนอยเริ่มคิดแผนอีกครั้งโดยการ
แกลงปวยอีก แลวใหสามีปางแชช วยไปดูดวงที่หนาผาอีกครั้ง พอสามีปางแชไป
ถึง เมียนอยก็ไปถึงกอนอยูแลวจึงไดบอกกับสามีปางแชวา ตองนําลูกวัว ตัวนั้น
มาทําการรักษา โดยการ นําวัวมาทําผี (อัวะงูดั้ง) จึงจะหาย พอสามีปางแชกลับ
ถึงบาน เมียนอยจึงถามวาเจาที่หนาผาเคาพูดอยางไร สามีปางแชจึงบอกวาเปน
เพราะลูกวัวเปนอัปมงคลฉะนั้นตองนําลูกวัวมาทําการรักษาจึงจะหาย พอวันรุง
ขึ้นสามีปางแชจึงไดบอกกับเมียหลวงวาใหนําลูกวัวไปเลี้ยงแลว วันถัดไปจะนํา
ลูกวัวมาทําพีธี รักษาเมียนอยเพื่อใหเมียนอยหายจากโรคเสีย พอเมียหลวงได
นําฝูงวัวไปเลี้ยงจึงไดบอกกับลูกวัววา พรุงนี้เจาตองถูก พอเจานําไปฆาเพื่อทํา
การรักษาเมียนอย ลูกวัวกับเมียหลวงจึงไดหากลอุบายเพื่อที่จะใหลูกวัวรอดพน
จากการถูกฆาวันพรุงนี้ โดยที่ใหเมียหลวงหรือ แมของลูกวัว ใหไปตักน้ํามารด
บริเวณที่จะนําลูกวัวไปผูกเพื่อทําการฆา

พอถึงเวลาฆาแลวลูกวัวจะพยายามวิ่งหนีทุกหนทาง เพื่อใหหลุดพนจากตอไมที่ผูกอยู แลวพอถึงวันรุงขึ้นก็ถึงวัน


ที่ตองนําลูกวัวมาทําพิธีรักษาเมียนอย เมียหลวงก็ไดทําตามแผนที่วางไวทุกประการ และถึงเวลาฆาลูกวัวไดวิ่งไป ทุก
ทิศทุกทางสุดทายเชื่อกไดขาดจากตอไมทันที และลูกวัวไดวิ่งไปไกลที่สุดที่จะไกลได พอวิ่งไปไดสักพักหนึ่งจึงไดเห็น
ฝูงวัวอีกฝูงหนึ่งอยูในลานหญากวางมาก และสุดทายลูกวัวจึงไดเขาไปรวมกับฝูงวัวฝูงนั้น พอเย็นก็กลับไปกับฝูงวัวนั้น
จนมาวันหนึ่งลูกสาวเจาสัวจึงไดนับฝูงวัวและเกินมาหนึ่งตัว จึงไดถามขึ้นมาลอยๆ วาเจาเปนวัวใคร ทําไมถึงไดมาอยูกับ
ฝูงวัวของขาได ทันใดนั้นลูกวัวก็กลายเปนชายหนุมที่รูปหลอมากและลูกสาวเจาสัวจึงไดหลงรัก

เจาหนุมวัวจึงแอบมาอยูกับลูกสาวเจาสัว จนวันหนึ่งเจาสัวจึงสังเกตเห็นวาลูกสาวตัวเองทองขึ้นมา ทั้งๆที่ไมมี


หนุมในหมูกลามาจีบเลย จึงไดวางแผนแอบไป ดูเวลาที่ลูกสาวใกลจะนอนวามีใครมาอยูดวย พอเจาสัวมาแอบดูจึงไดรู
วามีชายหนุมมาอยูดวยจริงๆ แตไมรูวาเปนลูกเตาเหลาใคร เจาสัวจึงไดเขาไปใน หองนอนของลูกสาว ทันใดนั้นหนุมวัว
เห็นเจาสัวทันทีจึงไดกระโดดหนีออกทางประตู แลวขาขางหนึ่งที่ออกจากประตูก็กลายเปนวัว แตขาขางที่ยังออกไม พน
จากประตูก็ยังเปนขาคนอยู เจาสัวจึงไดพูดวา หนุมวัวนอยเจาไมตองกลัวขาหรอก หากเจารักลูกสาวขาโปรดมาพูดคุย
กับขา ขาไมทําอะไรกับเจา พอเจาหนุมวัวนอยไดยินดังนั้นเจาหนุมวัวนอยจึงไดเขามานั่งคุยกับเจาสัวถึงเรื่องราวของตน
เอง และเจาสัวก็ใหหนุมวัวนอยนั้นมาอยูกินกับลูกสาวเจาสัว ตลอดนั้นมา พออยูดวยกันได 2 ป หนุมวัวนอยจึงไดออกไป
ตามหาแมของตนเองเพื่อที่จะใหแมของตนเองมาอยูดวยกัน อยูมาวันหนึ่งเจาหนุมวัวนอย จึงไดตามมาพบแมของตนเอง
แตพอมาพบก็พอวาแมของตนเองนั้นกินขาวถวยเดียวกับหมาในบาน หนุมวัวนอยนั้นสงสารแมตนเองมาก จึงไดเอาถวย
ขาวที่แมกินเททิ้งแลวนําอาหารที่ตนเองเตรียมมามาใหแมตนเองกินแทน และเลาความจริงทั้งหมดใหพอปางแชฟง และ
ไดพาแมกลับไปอยูกับตนเอง อยางมีความสุข

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ
ความเชื่อ
ภาษา
บทความ
ปจจุบัน ในอดีตนั้นมงอาศัยอยูตามภูเขาอยูตามธรรมชาติ มงตองตรากตรําทํางานหนักอยูแตในไรเทานั้น ทําใหมง
ไมมีเวลาที่จะดูแลตัวเองและครอบครัว ดังนั้นชีวิตความเปนอยูของมงจึงเปนแบบเรียบงาย เพราะคลุกคลีกับ
ธรรมชาติเปนสวนใหญเทานั้น ชีวิตประจําวันของมงคือ จะทําไร ทําสวน และหารายไดเล็กนอยเพื่อจุนเจือครอบครัว
สวนเรื่องอาหารก็จะเปนเรื่องเรียบงาย

อาหารมง

มงไมใชนักดื่มนักกิน อาหารมีลักษณะเรียบงาย ซึ่งไดแก ขาว เนื้อสัตว และผักตาง ๆ เนื้อสัตวนอกจาก เนื้อ


หมู เนื้อวัว ไกปาแลว มงกินไดทั้งเนื้อลิง และคาง (ยกเวนสุนัขและแมว) มงนิยมทานผักกับน้ํามันหมูในเทศกาลป
ใหม มงนิยมฆาหมูเพื่อเลี้ยงผี เนื้อหมูจะถูกตัดเปนชิ้นยาวคลุกกับเกลือ แขวนไวกับไมระแนงหลังคาบาน เก็บไวกิน
เปนเวลานาน ๆ เมื่อเดินทางไปเยี่ยมเยียน ในอดีตมงมักจะประกอบอาหารตามแบบเรียบ เพราะมงอยูกับ ธรรมชาติ
ดังนั้นอาหารจะเปนสิ่งที่ปลูกขึ้นมาเทานั้น หรือหามาจากปาเล็กนอย มงไมนิยมรับประทานอาหารที่ไมรูจัก เพราะ
กลัววาอาหารจะเปนพิษ อาจถึงตายได แมแตน้ําดื่มมงยังตองตมเพื่อเปนการฆาเชื้อโรคกอน มงจะนิยมตมน้ําชาดื่ม
เพื่อบํารุงสุขภาพ จึงทําใหมงมีสุขภาพที่แข็งแรง และไมเปน โรคงาย ๆ มงจะไมนิยมรับประทานเนื้อสัตวจําพวกสุนัข
งู มา เพราะมงเชื่อวาสุนัขเปนสัตวที่สกปรกเมื่อรับประทานจะผิดผี สวนสัตวบางชนิดจะเปนสัตว ตองหาม สวนแขกที่
สําคัญที่มาเยี่ยมมักเปนญาติพี่นองฝายภรรยา ซึ่งแตงงานตางวงศตระกูล และไมไดอาศัยอยูในหมูบานเดียว การ
เยี่ยมเยียนนี้ จะเปนเวลาวางหลังฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งญาติทางฝายภรรยาจะไดรับการตอนรับอยางดี

ในการกินอาหาร มงนิยมใชตะเกียบซึ่งรับมาจากธรรมเนียมจีน สวนเหลาจะนิยมดื่มกันในงานเลี้ยงตาง ๆ เชน


งานแตงงาน งานเลี้ยงญาติ อาจเปนญาติของภรรยาที่มาเยี่ยม ฝายญาติทางสามีจะตองรินแกวเหลาแจก ครั้งละ 2
แกว โดยเชื่อกันวาจะทําใหคูสามีภรรยาอยูดวยกันตลอดไป กอนจะดื่มเหลาแตละคนจะพูดวา "ผมจะดื่มเพื่อทุกคน"
และจะตองคว่ําจอก หรือคว่ําแกวเมื่อหมดแลว มงจะนิยมดื่มเหลาครั้งเดียวหมดแกว มีการดื่มซ้ําวนเวียนหลายครั้ง ผู
ที่มิใชนักดื่มยอมจะทนไมได อาจขอใหบุคคลอื่นชวยดื่มแทนก็ได เหลาจะทํากันเองในหมูบาน ซึ่งทําจากขาวโพด
ขาว หรือขาวสาลี

มงใหเกียรติแกผูชาย เพราะฉะนั้นผูหญิงจึงรับประทานอาหารหลังผูชายเสมอ การประกอบอาหารของมงสวน


ใหญจะเปนในลักษณะการตม ทอด และมงยังมีความสามารถในการถนอมอาหาร ซึ่งในการถนอมอาหารสามารถ
ถนอมไดหลายแบบ เชน การหมัก การดอง (ซึ่งปจจุบันนี้ มงสวนใหญไมไดใชตะเกียบในการรับประทานขาวแลว
สวนใหญจะใชชอนมากกวา ซึ่งเมืองไทยแทบจะไมพบมงที่ใชตะเกียบในการทานขาว แตมงที่ประเทศลาวยังคงใช
ตะเกียบในการรับประทานขาวอยู )

อาหารที่มงนิยมมาก เชน ตมผัก และการทอด หรือการผัด

ซึ่งในอดีตนั้นมงจะนิยมอาหารจําพวกตมผัก การทอด การผัดผักมาก แตปจจุบันนั้นมงเริ่มรับความเปลี่ยน


แปลงจากสิ่งแวดลอมที่อยูรอบตัว เพราะปจจุบันมงในประเทศไทยสวนใหญอยูในชุมชนเมืองมากขึ้น ทําใหการ
ประกอบอาหารของมงจะเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งเดิมนั้นมงนิยมอาหารที่ มีรสชาติจืดๆ ไมคอยเผ็ดมากเทาไรนัก
ซึ่งอดีตมงมีวิธีการประกอบอาหารดังนี้
1. วิธีการประกอบอาหาร จําพวกตมในอดีต
สวนประกอบ ผักกาด น้ํามันหมู น้ํา เกลือ
วิธีการทํา ตั้งหมอใหรอนแลวนําน้ํามันหมูเทลงประมาณครึ่งชอน รอใหน้ํามันรอน จากนั้นเทน้ําเปลาลงไปในหมอ
เพิ่มไฟใหน้ําเดือด แลวนําผักที่หั่นไดเทลงไปในหมอรอใหสุก นํามารับประทานได บางครั้งถามีเนื้อหมูก็จะนํามา
ผสมใสลงไปดวย แตถาไมมีก็รับประทานเชนนั้น (มงจะไมนิยมใส ผงชูรส น้ําปลา รสดี เพราะจะทําใหรสชาติของ
อาหารเปลี่ยนไป

2. วิธีการประกอบอาหารจําพวก ผัด ทอด ในอดีต


สวนประกอบ ผักกาด น้ํามันหมู เกลือ
วิธีการทํา ตั้งไฟ ตั้งกะทะใหรอน แลวเทน้ํามันหมูลงในกะทะ พอรอนแลวเทผักที่เตรียมไวลงไปผัดกับน้ํามันหมูเทา
นั้น ถามีหมูก็จะผัดกับหมู แตถาไมมีหมูก็จะผัดเพียงแคผักกับน้ํามันหมูเทานั้นรอใหสุก ยกกะทะลง แบงไปรับ
ประทาน (จะไมนิยมใสผงชูรส กระเทียม น้ําปลา) แตในปจจุบันนี้มงไดรับการเปลี่ยนแปลงจากสิ่งแวดลอมรอบขาง
มาก จึงทําใหเรื่องอาหารของมงเริ่มเปลี่ยนไปบางเล็กนอย เพราะวามงที่เปนผูใหญจะรับประทานอะไรยาก จึงตองมี
การเปลี่ยนแปลงในลักษณะคอยเปนคอยไป

3. อาหารจําพวกหมัก และดองของมง ไดแก การหมักเนื้อหมู การ


หมักเนื้อหมี เพื่อเก็บไวบริโภคนาน ๆ จะมีวิธีการทําดังนี้
สวนประกอบ เนื้อหมู และภาชนะที่ใชเก็บ
วิธีการทํา นําเนื้อหมู หรือเนื้ออะไรก็ไดที่ตองการเก็บไวบริโภคนาน ๆ
เอากะทะมาตั้งไฟไวแลวนําเนื้อหมูมาตม โดยที่ตมจนน้ําระเหยไปให
หมด สวนเนื้อที่ตมก็จะเหลว หรือยังเปนชิ้นอยูแตเนื้อนุมมาก จากนั้น
จะนําไปเก็บไวในภาชนะ ปดฝาใหเรียบรอย เมื่อตองการรับประทาน
เมื่อไร ก็สามารถจะนํามาอุนรับประทานไดเลย วิธีการนี้เปนวิธีการที่มง
ใชตั้งแตสมัยโบราณสืบทอดกันมา การหมักอาหารในอดีตมงจะนํา
กระบอกไมไผในการบรรจุ แลวปดปากกระบอกใหเรียบรอย

4. อาหารจําพวกดอง อาหารจําพวกดองไดแก การดองหนอไม ผัก


กาดดอง
การตากเมล็ดพันธุ
สวนประกอบของอาหาร ไดแก หนอไม หรือผักกาด หรือตามชนิด
ของผักที่ตองการดอง ถาเปนหนอก็จะตองสับหนอใหเรียบรอยกอน
วิธีการทํา นําหนอไมที่สับเรียบรอยแลวมาผสมกับเกลือพอประมาณ
แลวนําไปบรรจุในภาชนะที่เตรียมไว ถาเปนผักกาดก็จะทําวิธีการเดียว
กัน

5. การตากเมล็ดพันธุ
มงสวนใหญจะตากเมล็ดโดยการสรางซุมไวเหนือกองไฟ เพื่อที่จะตากเมล็ดพันธุตาง ๆ เนื่องจากมงสวนใหญจะอยู
ในเขตหนาว หรืออยูในปาลึกเขาไป ทําใหเปนอุปสรรคในการตากเมล็ดพันธุ มงจึงนิยมนําเมล็ดพันธุมาตากไวในบาน
เพราะมงตองทํางาน ในไรในสวน และไมมีเวลาที่จะเก็บเมื่อเวลาฝนตก ดังนั้นจึงนิยมตากในบาน

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version


หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ
ความเชื่อ
ภาษา ในอดีตมงมีความเชื่อวา การตั้งครรภเกิดจากผีพอผีแมใหเด็กมาเกิด เวลาใกลคลอดหญิงมีครรภจะไมไป
บทความ ไหนมาไหนโดยลําพัง จะตองมีเพื่อนไปดวยอยางนอย 1 คน การคลอดบุตรเปนไปตามธรรมชาติ โดยหญิงตั้งครรภ
จะนั่งอยูบนมานั่งขนาดเล็ก หนาหองนอนเอนตัวพิงสามี ปดประตูบานหามเด็กเขาไปยุงในบาน
ปจจุบัน
หลังจากคลอดเสร็จจะทําความสะอาดเด็ก ตัดรกดวยกรรไกร ถาเปนเด็กชายจะนํารกไปฝงไวที่เสากลางบาน
ซึ่งเปนเสาที่มีผีเสาสถิตอยู เพราะเด็กผูชายควรจะรูเรื่องผี ถาบุตรเปนหญิงจะฝงรกไวใตแครนอนของมารดา เพราะ
ตองการใหลูกสาวรูจักรักนวลสงวนตัว และรูจักการบานการเรือน

เด็กที่เกิดได 3 วัน บิดาจะทําพิธีตั้งชื่อ โดยตองนําไกมาเซนไหวผีบรรพบุรุษ 2 ตัว และขอบคุณผีพอผีแมที่


สงเด็กมาเกิด พรอมทั้งบอกผีบานขอใหคุมครองเด็ก และรับไวเปนสมาชิกของครอบครัวของวงศตระกูล

มงเชื่อวาถาเด็กที่เกิดมายังไมครบ 3 วัน ยังไมเปนมนุษย หรือยังเปนลูกผีอยู จึงยังไมตั้งชื่อให หากเด็กนั้น


ตายลงจะไมทําบุญศพใหตามประเพณี และสามารถนําไปฝงไดเลย

ในปจจุบันนี้มงที่เปนผูเฒา ผูใหญบางคนยังมีความเชื่อนี้อยู แตมงที่ไดรับการศึกษา จะไมคอยมีความเชื่อ


เชนนี้ แตเด็ก หรือบุตรที่เกิดมาจะตองมีการทําพิธีตามประเพณีของมงทุกประการ สวนการเกิดในปจจุบันนี้ สวนใหญ
จะไปคลอดที่โรงพยาบาลเทานั้น มงจะไมคลอดเองตามธรรมชาติ เนื่องจากเกรงวาอาจจะเกิดอันตรายตอหญิงตั้ง
ครรภไดดวย

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version


หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ
ความเชื่อ มงเชื่อวาพิธีศพที่ครบถวนถูกตอง จึงจะสงวิญญาณผูตายไปสูสุคติ และควรที่จะตายในบานของตน หรือบานญาติ
ก็ยังดี เมื่อทราบแนชัดวาบุคคลนั้นใกลสียชีวิตแลว บรรดาญาติสนิทจะมาชุมนุมพรอมเพียงกัน เพื่อที่จะไดมาดูแลคนที่
ภาษา
ใกลจะเสียชีวิต มงมีความเชื่อวาการตายในบานของตนเองนั้น เปนผูมีบุญมาก เพราะไดเห็นลูกหลานของตนเองกอน
บทความ ตาย ผูตายจะไดนอนตายตาหลับพรอมกับหมด หวงทุกอยาง เมื่อแนใจวาสิ้นลมหายใจแลว ญาติจะยิงปนขึ้นไปบนฟา 3
ปจจุบัน นัด เปนสัญญาณบอกวามีการตายเกิดขึ้นในบานหลังนั้น
ชาวบาน หรือญาติใกลเคียงจะมาชวยกันจัดงานใหกับผูตาย โดยอาบน้ําใหศพกอน จากนั้นก็จะแตงกายใหศพ
ดวยเสื้อผาที่ลูกหลานไดเตรียมไวใหกอนตาย ซึ่งเปนผาปกดวยลวดลายงดงาม มีผารองศีรษะตางหมอน หากวาเปน
ผูชายจะมีผาคาดเอว หรือปกเสื้อ หากวาเปนผูหญิงบริเวณใบหนาจะคลุมดวยผาแดง เพื่อไมใหผูตายตองตากหนาตอ
หนาธารกํานัล ผูชายจะใหแตงกายดวยเครื่องแตงกายของผูหญิง สวนผูตายที่เปนผูหญิงจะใหแตงกายดวยเครื่องแตง
กายของผูชาย แลวนําศพไปวางนอนขนานกับฝาผนังซึ่งอยูตรงกันขาม กับประตูบาน ทั้งนี้ขึ้นอยูกับความเชื่อของแตละ
นามสกุลที่แตกตางกันออกไป จะมีการผูกขอมือญาติทุกคนดวยผาสีแดง หามแกะออกจนกวาจะเสร็จงานศพ บางแซจะ
มีการคาดศีรษะดวยผาสีขาว ดังเชนพิธีศพของชาวจีนชาวมงเชื่อวาเมื่อมีเด็ก หรือใครก็ตามที่หกลมบริเวณบานของผู
ตาย ใหรีบทําพิธีเรียกขวัญบุคคลนั้นกลับมา มิฉะนั้นวิญญาณของผูตายจะนําวิญญาณของผูหกลมไปดวย

ชาวมงมีความเชื่อวาระหวางการเดินทางไปยังปรโลก วิญญาณของผูตายอาจ
ถูกรั้งไว ดวยการปอกหัวหอมในชั้นปรโลก ทําใหเดินทางไปเกิดไดชาลง ดังนั้นชาว
มงจึงนิยมพัน นิ้วมือศพดวยดายสีแดง เพื่อใหวิญญาณสามารถอางไดวาเจ็บนิ้ว ไม
สามารถปอกหอมได รวมทั้งมีการสวมรองเทาใหศพ ตามความเชื่อที่วาวิญญาณจะ
ตองเดินทางฝาดงบุงยักษ ซึ่งศพจะถูกจัดวางบนแครหามสูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร
ตั้งบนพื้นใกลศาล พระภูมิหรือศาลบรรพชน ภาษามงเรียกวา "สือ กาง-xwm kaab"
รอใหญาติมารวมกันครบ ระหวางรอญาติเดินทางมา จะมีการตั้งขาวใหศพ วันละ 3
เวลา แตละครั้งจะตองยิงปน 3 นัด และมีการจุดตะเกียงวางไวที่ลําตัวของศพ

หากผูตายยังมีหนี้สินอยู ญาติจะชวยกันชําระหนี้แทนใหเรียบรอยกอนจะฝงศพ เพื่อใหผูตายมีชีวิตที่เปนอิสระ


มั่งคั่ง และมีความสุขในชาติหนา (ปจจุบันไดเปลี่ยนเปนการนําศพไวในโลง เพื่อไมใหศพมีสภาพที่ไมนาดู แตทั้งนี้ก็ขึ้น
อยูกับความเชื่อ และฐานะทางเศรษฐกิจของครอบครัวนั้น ๆ ดวย) เมื่อญาติมากันครบแลว จึงนําแครวางศพตั้งในที่สูง
เหนือพื้น และฆาไกสําหรับเซนไหวนําไปวางไวขางศีรษะศพ ผูเฒาซึ่งเปนหมอผีในการทําพิธีสวดใหผูตายไปสูปรโลก
โดยจะใชไมเสี่ยงทายยาวประมาณเจ็ดนิ้ว เสี่ยงทายทางใหกับวิญญาณผูตายพรอม ๆ กับรินเหลา และตักขาวปลาอาหาร
ไปดวย ผูเฒาจะบอกกับวิญญาณวาเมื่อไปถึงที่ใดใหทําอยางไร

เชน หากรอนแดดใหเขาอาศัยรมเงาจากปกไก หรือใตหางไก หากฝนตก


ใหเดินทางสายกลางตามไก เพื่อไปสูดินแดนแหงบรรพชน เมื่อไปถึงสถานที่ตรง
นี้ใหจุดธูป จุดเทียนเผากระดาษ เปนตน ซึ่งในระหวางที่ผูตายเดินทางไปสู
ปรโลก หากวาพิธีกรรมไมนาน แสดงวาวิญญาณของผูตายรับรู และยินยอมที่จะ
ไปตามทางที่วานั้น แตหากวาพิธีกรรมนาน แสดงวาวิญญาณของผูตายไมยอม
ไป ยังมีความเปนหวงลูกหลาน ญาติ พี่นองอยูในระหวางจัดพิธีศพนั้น จะมีการ
พับกระดาษเปนรูปตาง ๆ เชน รูปเรือ กระดาษที่ใชจะเปนกระดาษเงิน กระดาษ
ทอง เพื่อใหวิญญาณของผูตายจะไดไม ลําบากในระหวางเดินทางไปสูปรโลก
และจะไดมั่งมีศรีสุขในชาติหนา

หากผูตายเปนผูสูงอายุ ลูกหลานจะรวมตัวกัน เพื่อคาราวะศพทุกวัน เชา และเย็น ภาษามงเรียกวา "ซอก-xyom"


มีพิธีการมอบผาปก เปนผาสี่เหลี่ยมสีแดง มีการปกเปนลวดลายตาง ๆ ภาษามงเรียกวา "นอง จอง-noob ncoos" ซึ่งผา
เหลานี้จะทําใหวิญญาณมีไร มีนา มีทรัพยสิน มั่งคั่งร่ํารวยในชาติหนา ผูที่จะให นอง จอง-noob ncoos นี้คือลูกสาวของ
ผูตายจะเปนผูที่ทําให มีการตัดกระดาษแขวนไวขางฝาทั้งสองขางของตัวบาน เพื่อที่จะเผา และเปนการสงตัวผูตายให
ไปถึงที่หมายดวย (ปจจุบันไดมีการนําพวงหรีดไวอาลัยรวมกับการแขวนกระดาษดวย) พิธีศพของมงบรรดาญาติ และผู
คนทั้งที่อยูในหมูบานนั้นๆ และตางหมูบานจะมาชวยเหลือพิธีกรรมดวยทุกคืน

โดยเฉพาะสมาชิกในบานที่เปนผูชาย ภาษามงเรียกวา "เปา หยุน-txwg


tuag" ซึ่งเชื่อกันวา เมื่อเราไดใหความชวยเหลือเขา และเมื่อครอบครัวของเรามีงาน
ศพจะไดมีคนอื่นมาชวยอีก เปนการแสดงน้ําใจอยางหนึ่งของชาวมงเรา หากผูตาย
เปนบุคคลที่มี ชื่อเสียง และเปนที่นับหนาถือตาแกบุคคลทั่วไป จะจัดพิธีใหญโต และ
ครบถวนแขกเหรื่อ หรือบุคคลที่รูจักกับผูตาย จะมารวมแสดงความอาลัยอยางสุดซึ้ง
ตอหนาผูตาย โดยทายาทของผูตายจะเปนผูไปรับแขกดวยตัวเองถึงประตูบาน และ
เชิญใหแขกมายังตัวศพเพื่อรวมไวอาลัย

เมื่อมีแขกที่ใหความชวยเหลือทุนทรัพยในการจัดพิธีศพ ทายาทของผูตายซึ่งเปนเจาภาพจะตองกลาวขอบคุณ
แขกผูนั้นดวย ซึ่งในคืนกอนวันที่จะนําศพไปฝงจะมีการสวด และบอกเรื่องราวตาง ๆ ในภาษามงเรียกวา "ฮา จืด สาย-
has txwv xaiv" โดยจะมีคนหนึ่ง ซึ่งร่ําเรียนมาทางดานการสวดโดยเฉพาะเปนผูบอกกลาว นิยมทํากันกรณีที่ผูตายเปน
ผูใหญที่มีลูกหลาน หรือญาติพี่นองเยอะ และผูตายเปนบุคคลที่มีชื่อเสียงเปนที่นับหนาถือตาซึ่งพิธีนี้ จะเปนการสั่งสอน
ลูกหลานวาเมื่อตัวเองไมมีหัวหนา ครอบครัวแลวควรจะทําอยางไรตอไป ซึ่งจะบอกเปนทวง ทํานองที่คลองจองกัน
ไพเราะและซาบซึ้งมาก หากไมไดฟงตั้งแตตนจนจบจะไมสามารถเขาใจในสิ่งที่พูดได จะพูดเปนเรื่องราวติดตอกัน
ตั้งแตเวลาประมาณสองทุมไปจนถึงสองยาม หรือประมาณตีสองตีสาม

ในคืนนี้จะมีบรรดาเพื่อนบาน หรือญาติพี่นองมารวมตัวกัน เพื่อที่จะฟง


การสวดดวย วันที่จะนําศพไปฝง ชวงเชาจะใหลูกหลานของผูตายทําความ
สะอาดศพอีกรอบ โดยจะลางมือของศพใหครบทุกคน จะมีการฆาวัวเพื่อบูชาศพ
บางนามสกุล ญาตินําคานมาหามแครวางศพออกจากเรือน เพื่อนําไปยังลานที่ได
เตรียมไวเพื่อทําพิธีกรรมอีกรอบ ซึ่งเรียกวา "ชือ ฉา-tswm tshaav" แตบางแซ
จะไมมีการ "ชือ ฉา-tswm tshaav" เมื่อทําพิธีเสร็จแลวญาติจะนําคานมาหามศพ
ไปฝงในสุสาน ในชวงเวลาประมาณบายคลอย หรือ 16.00 น.

ในขบวนแหศพจะมีผูนําขบวนเดินเปาแคนไมซางตลอดทาง ตามดวยสาวถือคบเพลิง เพื่อสองทางใหศพ แตเมื่อ


นําศพผานพนเขตหมูบาน สาวจะโยนคบเพลิงทิ้งแลววิ่งหนีกลับบานไป ซึ่งเชื่อวาจะทําใหวิญญาณไมสามารถยอนกลับ
เขาบานได เมื่อขบวนถึงสุสาน จะมีผูเฒาสวดทําพิธีอีกครั้งหนึ่ง ศพจะถูกหยอนลงในหลุมที่เตรียมไว ซึ่งหลุมศพนี้จะดู
จากตําราฮวงจุย หรือผูเฒาที่เชี่ยวชาญเรื่องฮวงจุยในหมูบานนั้น ๆ บางครั้งก็เปนสถานที่ฝงศพผูตายไดตระเตรียม
บอกกลาวลวงหนาแกลูกหลานวา เมื่อถึงเวลาตัวเองสิ้นลมหายใจ ใหนําศพตัวเองไปฝงไวยังสถานที่ที่ตนไดบอกไว จาก
นั้นญาติจะกลบดินปดปากหลุม แลวจัดวางกอนหินเหนือหลุมศพ รวมทั้งปดดวยกิ่งไมเพื่อไมใหสัตวมาคุยเขี่ยหลุมศพ
แลวจึงจัดการเผากระดาษ หรือทุกสิ่งทุกอยางที่มอบใหกับศพ เมื่อครั้งจัดพิธีที่บานสวนแครที่หามศพมานั้น จะถูกตัดครึ่ง
เพื่อไมใหกลับบานไป พาคนอื่นสูปรโลกอีก

ในระหวางทางนั้น หามไมใหเด็ดดอกไม หรือใบหญาใด ๆ ทั้งสิ้น เพื่อให


วิญญาณไดไปสูสุคติ และหามไมใหลูกหลาน หรือญาติรองไหในระหวางทาง มิ
ฉะนั้นวิญญาณจะกังวลใจในการไปสูปรโลก สําหรับศพของผูมีอายุจะถูกฝงตามไหล
เขา ซึ่งมีสันเขาขนานอยูรอบดาน สันเขาดานซายหากหันหนาไปทางทิศตะวันออก
จะมีบริเวณฝงศพของญาติฝายหญิง ดานขวาของสันเขาเปนของญาติฝายชาย ทิว
เขาที่รายลอมรอบเขาที่ฝงศพ สงผลตอลูกหลานที่ยังมีชีวิตอยู โดยนับจากทิวเขาที่
อยูดานซายของศพ เปนฝงที่บอกถึงความเจริญรุงเรือง สุขภาพ และความมั่งมีศรีสุข
หากมีทิวเขาที่อยูดานซายของศพยาวมากกวา หรือสูงกวาอีกฝง แสดงวาจะมีความ
เจริญรุงเรืองมากกวา

มงหามฝงศพลูกในวันคลายวันฝงบิดามารดา เพราะเชื่อวาจะทําใหการ
ทํามาหากินไมเจริญ และหามนําศพอื่นไปฝงในระดับเดียวกันอีกในไหลเขานั้น
เวนแตจะฝงใหต่ํากวา หรือเยื้องไปจากศพที่ฝงไวกอน ถาฝงอยูในระดับเดียวกัน
จะทําใหผูตายแยงที่ทํากินกัน และจะกลับมารบกวนทําใหญาติพี่นองเจ็บปวย
หามฝงศพไวบนไหลเขาซึ่งมีหมูบานตั้งอยู สําหรับศพเด็กนิยมฝงไวในบริเวณ
เดียวกัน เพื่อใหเปนเพื่อนเลนกันแกเหงา มงเชื่อวาเด็กนั้นยังความกลัวผีมาก
ฉะนั้นจึงนําไปฝงที่ใกล ๆ กัน หรือที่เดียวกัน

บางครอบครัวอาจจะลอมรั้วบริเวณหลุมศพ เพื่อไมใหสัตว หรือแมลงตาง ๆ มาคุยเขี่ยหลุมศพได พอหลังจากนี้


แลวหามไมใหญาติไปดูแลหลุมศพของผูตายอีก เมื่อครบ 13 วัน จะมีการทําพิธีปลดปลอยดวงวิญญาณของผูตายใหไป
ผุดไปเกิด และหากเมื่อพน 13 วันไปแลว จึงจะสามารถไปดูแลหลุมศพ หรือสรางสุสาน (ฮวงซุย) ได ทั้งนี้ขึ้นอยูกับ
ความเชื่อของแตละนามสกุลดวยเชนกัน ที่จะทิ้งชวงเปนระยะเวลากี่วัน กี่ป จึงจะไปดูแลหลุมศพได

ชาวมงเชื่อวาหลุมศพ หรือสุสานที่มีหญารก ๆ เชน ผักโขม (ที่มีหนาม) จะ


ทําใหครอบครัวญาติพี่นองของผูตายอยูดีมีสุข อยางไรก็ตาม ความเชื่อสําหรับกรณีที่
เสียชีวิตดวยอุบัติเหตุ หรือถูกทํารายดวยอาวุธ บางนามสกุลญาติจะไมนําศพเขาบาน
แตจะจัดสุราอาหารออกไปเซนไหวใหไกลจากตัวบานออกไป กอนจะฝงศพใน
ลักษณะเดียวกับศพทั่วไป แตบางนามสกุลก็จัดพิธีในบานเชนเดียวกับศพทั่วไปเชน
กัน

การไวทุกข ญาติพี่นองจะไวทุกขใหผูตายประมาณ 13 วัน ไมมีการแตงตัวเปนพิเศษแตอยางใด คงเปนไปตาม


ปกติ แตหามปฏิบัติกิจบางอยางซึ่งจะทําใหผูตายไปเกิดไมได กลาวคือ หามซักเสื้อผา และหวีผม เพราะสิ่งสกปรกในผา
จะเขาไปในอาหารของผูตาย หามตอดายเพราะดายจะพันแขงขาของผูตาย หามเย็บผาเพราะเชื่อวาผูตายจะถูกเข็มแทง
ถาสาม ีหรือภรรยาตาย หามแตงงานใหมในทันที จนกวาจะพน 13 วันไปแลว เพราะจะทําใหผูตายมีความกังวลในสามี
หรือภารยาของตน ในปจจุบันมงยังคงอนุรักษวัฒนธรรมนี้ไวไมมีการเปลี่ยนแปลง จะเปลี่ยนก็คือมีการนําศพมาบรรจุไว
ในโลงศพ เพื่อใหแขกที่มาแสดงความเสียใจจะไดมีความรูสึกที่ดีไปดวยสวนในอดีตนั้นไมมีการนําศพมาใสโลง และจะ
นํามาใสแครไมแทน

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version


หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ เมื่อฝายชายและฝายหญิงรูจักกันและเกิดรักกัน ทั้ง 2 คนอยากใชชีวิตรวมกัน ฝายชายและฝายหญิงจะกลับมา


ขอมูลทั่วไป บานของตนเอง และฝายชายคอยมาพาฝายหญิงจากบานของฝายหญิง โดยผานประตูผีบานของฝายหญิง เพราะคนมง
ถือและเปนวัฒนธรรมของคนมง หลังจากที่ฝายชายและฝายหญิงกลับมาถึงบานของฝายชาย พอ แมของฝายชายจะ
วิถีชีวิต
เอาแมไกมาหมุนรอบศีรษะทั้งสองคน 3 รอบเรียกวา “ หรือขา ” เปนการตอนรับคนทั้งสองเขาบาน ซึ่งฝายชายตองแจง
บาน ใหญาติทางฝายหญิงทราบภายใน 24 ชั่วโมง โดยจัดหาคน 2 คน เพื่อไปแจงขาวใหพอแมและญาติทางฝายหญิงทราบ
ประเพณี วาตอนนี้บุตรชายของเราไดพาบุตรสาวของทานมาเปนลูกสะใภของเราแลว ทานไมตองเปนหวงบุตรสาว โดยคนที่ไป
แจงขาวนั้นคนมงเรียกวา “ แมโกง ”
การแตงกาย
ศิลปะ
ความเชื่อ พอ แมฝายหญิงจะแจงใหทางฝายชายวาทราบวาอีก 3 วันให “ แมโกง ”
ภาษา มาใหม นั้นหมายถึงวาพอ แมทางฝายหญิงตองการจัดงานแตงงาน สมัยกอนคนมง
มักจะอยูกินดวยกันกอนสองถึง 3เดือนหรืออาจจะเปนปแลวคอยมาจัดงานแตง แต
บทความ
ปจจุบันนี้สังคมเปลี่ยนไปตามยุคเทคโนโลยี ทําใหการจัดงานแตงงานของคนมงได
ปจจุบัน กําหนดจัดงานแตงงานภายใน 3 วันเปนที่นิยมกันในปจจุบัน

การกําหนดงานแตงงานบางคนอาจกําหนดเมื่อมาแจงขาว คนมงเรียกวา “ กางซุน ” แตบางคนอาจจะกําหนด


หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วัน ที่เรียกวา “ หนาจื่อจงโชง ” พอแมของฝายชายแมจะไมพรอมแตเมื่อทางฝายหญิงตอง
การก็ตองพรอมสําหรับจัดงานแตงงาน เมื่อทั้ง 2 ฝายพรอมจะจัดงานแตงงานทันที ในงานแตงงานทางฝายเจาบาวและ
ทางฝายเจาสาวจะผูนําในการจัดงานแตง ฝายเจาบาวเรียกวา “ แมโกง สวนฝายเจาสาวเรียกวา “ ปอมิ๋น ” ซึ่งจะทํา
หนาในการประสานงานทั้ง 2 ฝายเพื่อใหงานนั้นดําเนินอยางราบรื่น การที่ฝายชายจะเดินทางไปบานของฝายหญิงนั้น
ฝายเจาบาวตอง ฆาหมู 1 ตัวเพื่อเปนการขอบคุณญาติและแขกที่มาในงานแตงของตัวเองและกอนจะเดินทางผูนําของ
ฝายเจาบาวที่เรียกวา “ แมโกง ” จะสวดบทสวดซึ่งมีเนื้อหาวา “ เราจะพาลูกบาวและลูกสะใภของทานไปที่บานของลูก
สะใภเพื่อจัดงานแตงงานขอใหทานอยาหวง ” ในการเดินทางนั้นฝายเจาบาวประกอบดวย

1. แมโกง (เฒาแก) หนาที่ ประสานงานทั้ง 2 ฝาย รับผิดชอบงานทุกอยางใน


ระหวางจัดงานแตง
2. เจาบาว หนาที่ ทําตามขั้นตอนพิธีกรรมมง
3. เพื่อนเจาบาว หนาที่ ดูแลและรับผิดงานทุกอยางรวมกับเจาบาว
4. เจาสาว หนาที่ ทําตามขั้นตอนพิธีกรรมมง
5. เพื่อนเจาสาว หนาที่ คุมครองดูแลเจาสาว
6. คนแบกขาวมื้อเที่ยง หนาที่ ดูแลขาวมื้อเที่ยงของการเดินทาง

ทางฝายพอแมเจาสาวฆาหมูหรือฆาไกก็ไดเพื่อเปนการขอบคุณแขกและตอนรับฝายเจาบาว และจะมีการแบง
หนาที่ในการรับผิดชอบ เชน คนทําขาว คนสับเนื้อ ในงานแตง เมื่อฝายเจาบาวมาถึงบานของเจาสาว “ แมโกง ” ทาง
ฝายของเจาบาวจะถามวาอยูบานไหม “ เม ปว งอ เช ” และพอแมทางฝายหญิงจะตอบวาอยู “ งอ ” และจะเปดประตูให
เขาบาน ทางฝายเจาบาวจะคาราวะญาติ และแขกทางฝายหญิงดวยการคุกเขาโดยมีเจาบาวและเพื่อนเจาบาวคาราวะ
และหลังจากนั้นพักตามอัธยาศัยและพอแมทางฝายเจาสาวเตรียมอาหารเพื่อใหฝายเจาบาวรับประทาน โดยบานฝาย
เจาสาวมี “ กางสื่อ ” เปนผูจัดเตรียมการ กอนรับประทานอาหารผูนํา (แมโกง )ของฝายเจาบาวจะสวดบทสวดซึ่งมี
เนื้อหาวา “ เราขอขอบคุณสําหรับการตอนรับและอาหารในมื้อนี้เปนอยางมาก ” การสวดบทสวดนั้นเพื่อเปนการขอบคุณ
ที่พอแมทางฝายเจาสาวฆาหมูอยางมีคุณคาจากนั้นรวมรับประทานอาหารรวมกัน และหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ
พักตามอัธยาศัย

เมื่อตกดึกผูนําทั้ง 2 คนคือ “ แมโกง ” และ “ ปอมิ๋น ” จะประสานงานกันถึง


คาสินสอด ในสมัยกอนคาสินสอดเรียกวา “ หนาจื่อเคาชอ ” ซึ่งหมายถึง คาเลี้ยงดู
บุตร หรือคาที่พอแมชุบเลี้ยงลูก ปจจุบันนี้อาจจะไมคุนหูและอาจไมเปนที่รูจักกัน
และปจจุบันนี้คาสินสอดของคนมงที่นิยมกันคือ เงินแทง 4 แทง เมื่อตกลงคาสิน
สอดทั้งสองฝายแลว “ แมโกง ” จะเอาเงินใหทางฝายหญิงดูแล “ กางสื่อ ” จะเปน
บุคคลเก็บเงินและบอกกับพอแมทางฝายหญิงวา ฝายเราเปนฝายเสียเปรียบเพราะ
ฝายเขาไดคน แตฝายเราไมไดคนเราก็ควรจะเอาคาสินสอดและมีการจายเงินใหอา
ปา พี่สาว นองสาว พี่ชายและนองชาย ญาติ และแขก โดยจายคนละ 200 บาท ซึ่ง
คนมงเรียกวา “ เงินเติมจอ ”

หลังจากนั้นจะมีการตั้งโตะโดยทั้ง 2 ฝายคือ ทางฝายเจาสาวและทางฝายเจาบาว ฆาไก คนละ 1 ตัว และหลัง


จากนั้นนําไปตมเสร็จนําไปตั้งโตะ “ แมโกง ” และ “ ปอมิ๋น ” จะสวดบทสวดกอนจะขึ้นโตะและจะมีการดื่มเหลา โดยที่
“ แมโกง ” พูดวาเราเอาเหลาทุกคนดื่มเนื่องจากฝายของเราเหลือไดฝายของทาน และไดนําหมูมา 1 ตัวดวย ซึ่งคนมง
นิยมนําหมูที่นํามาทําพิธีแตงงานตองมีน้ําหนักไมนอยกวา 80 กิโลกรัม และไมมากกวา 120 กิโลกรัม สวนความใหญนั้น
คนมงนิยมไมนอยกวา 6 เมตร และความสูงไมเกิน 8 เมตร และหลังจากนั้นทุกคนจะไปพักผอนตอนเชาทางฝายเจา
บาวจะจัดการฆาหมูที่เตรียมมาซึ่งเปนหนาที่โดยตรงที่ฝายเจาบาวรับผิดชอบ เมื่อจัดการเสร็จทางฝายพอแมของฝาย
เจาสาวจะจัดการสับเนื้อและตม เมื่อตมเสร็จพอแมทางฝายเจาสาวจะเตรียมตั้งโตะและไปเชิญญาติและแขกมารับ
ประทาน วิธีการเชิญแขกมางานแตงของคนมงนิยมเชิญวา “ ลูกสาวของตนเองแตงงานแลวและวันนี้เปนงานมงคลขอ
ใหทานผูมีเกียรติอยูและอยาเพิ่งกลับ-อยูเพื่อดื่มฉลองพิธีแตงงาน ” หลังจากแขกเหรื่อมารับประทานอาหารเร็จแลวจะมี
การตั้งโตะใหมมีการตมยาใชสําหรับดื่มบนโตะ ซึ่งยาที่ตมนั้นสวนมาก คือ ใบฝรั่ง โดยที่กางสื่อจะริมให แมโกงดื่มและ
ริมให ปอมึ๋น ดื่ม ซึ่งบนโตะนั้น แมโกงจะอยูตรงกลาง และทางมือซายของแมโกงคือ อากับปา และถัดมาคือ แขก และ
ทางมือขวานั้นคือนอง แขกและพี่ชาย บนโตะนั้นจะมีการดื่มเหลา เมื่อกางสื่อสวดบทสวดให แมโกง และปอมิ๋น ทุกคน
ที่อยูบนโตะจะตองลุกขึ้น ในการดื่มเหลาบนโตะคนมงถือวาไมควรพูดวา หมด เพราะถือวาเปนคําหยาบ หากคนที่อยูบน
โตะพูดจะถูกปรับโดยการดื่มเหลาแทน

“ กางสื่อ ” พูดวา วันนี้เราจัดงานแตงงาน เจาบาวและเพื่อนเจาบาวจะคุกเขา 2 ครั้ง


เพราะการคุกเขานั้นเปนการแสดงความเคารพตอแขกและคนเฒาคนแก เพราะในอดีต
นั้นมงไมมีการบันทึกเปนลายอักษรวา ใครแตงงานกับใคร จึงมีการคุกเขาเพื่อเปน
สัญลักษณ และใหคนที่มาในงานแตงเปนพยาน หากวันใดการใชชีวิตรวมกันของคน 2
คนมีปญหาขอใหคนที่มาในงานแตงชวยพูดใหคน 2 คนหันมารักกันตอ และหลังจากนั้น
เปนการกินเลี้ยงโดยผูชายจะรับประทานกอนและตามดวยผูหญิง หลังจากรับประทาน
อาหารเสร็จจะมีการเตรียมตั้งโตะใหม การหันโตะกลับเพราะใกลถึงเวลาที่ฝายเจา
บาวจะกลับ กางสื่อจะเตรียมเหลา

ซึ่งเปนเวลาที่พอแมเจาสาวสั่งสอนการใชชีวิตรวมกันระหวางเจาบาวและเจาสาว และหลังจากนั้นญาติพี่นองจะ
เอาของใหเจาสาว เชน จาน หมอ เสื้อผาและผาหมเปนตน กางสื่อจะเปนคนมอบขาวของใหเจาสาว จากนั้นแมโกงจะ
สวดบทสวดเพื่อเปนการขอบคุณสําหรับขาวของ กอนสวดบทสวดจะริมเหลาใหเจาบาวและเจาสาว และหลังจากนั้นแม
โกงจะสวดบทสวดเอารมกอนกลับ และฆาไกและหอขาวใหโดย ไกที่ฆานั้นจะผา ครึ่งตัวใหแมเจาสาว และอีกครึ่งตัวให
เจาสาว โดยครึ่งตัวที่ใหเจาสาวนั้นมีหัวไกดวย สวนขาวที่หอนั้นจะผาเปนสองสวน อีกสวนใหแมของเจาสาว และอีก
สวนใหเจาสาว เพราะถือวาเปนสิ่งที่ดีตอการใชชีวิตรวมกันของเจาบาวและเจาสาว และจากนั้นเจาบาวและเพื่อนเจา
บาวจะคุกเขาเพื่อขอบคุณแขกและคนเฒาคนแกกอนกลับ จากนั้นทางฝายเจาบาวจะพาเจาสาวกลับโดยผานประตูผีซึ่ง
เปนการจบขั้นตอนในการจัดงานแตงที่บานของเจาสาว เปนธรรมเนียมของคนมงเมื่อเดินทางกลับครึ่งทางจะมีการรับ
ประทานอาหาร เพื่อเสนไหวเจาที่เจาทาง และเมื่อเดินทางถึงบานเจาบาวแมโกงจะบอกวา เราไดพาเจาบาวและเจาสาว
ไปจัดงานแตงงานที่บานฝายเจาสาวเสร็จเรียบรอยแลว จากนั้นเจาบาวและเพื่อนเจาบาวจะคุกเขาคาราวะเพื่อขอบคุณ
พอแมและแขกที่มารวมงานแตงที่บานเจาบาว ขอบคุณทุกคนที่มาชวยงานในงานแตงครั้งน

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน หลังจากวางงานหลังฤดูเก็บเกี่ยว หนุมสาวมงจะหาโอกาสเกี้ยวพาราสีในเวลาค่ําคืน
หนุมสาวมงมีขอหามที่จะไมไมเกี้ยวพาราสี กับคนแซเดียวกัน หรือตระกูลเดียวกัน เพราะถือ
ประเพณี วาเปนพี่นองกัน สําหรับโอกาสที่ดีที่สุด คือเทศกาลปใหม มงทั้งชายหนุม และหญิงสาวจะ
การแตงกาย แตงกายดวยเสื้อผาสวยสดงดงาม ที่ไดรับการจัดเตรียมมาตลอดทั้งป ชายหนุมและหญิง
สาวจะจับคูโยนลูกบอล ซึ่งลูกบอลทําจากผาสีดํา และมีขนาดใหญกวาลูกเทนนิสเล็กนอย
ศิลปะ
ฝายหญิงเปนผูนําลูกบอลมาการโยนลูกบอลไป-มานั้น ฝายหญิง และชายจะยืนหางกัน
ความเชื่อ ประมาณ 4-5 เมตร หญิงสาวที่ยังไมมีคูจะเปนคนเขาไปทักชายหนุมที่ตนรูจัก หรือชอบพอ
ภาษา และยื่นลูกบอลใหเปนการขอเลนโยนลูกบอลดวย หากชายหนุมคนใดไมชอบพอหญิงสาวคู
โยนของตน ก็จะหาทางปลีกตัวออกไปโดยมิใหเสียมารยาท ระหวางเลนโยนลูกบอลไปมาจะ
บทความ สนทนาไปดวย หรืออาจเลนเกม โดยตกลงกันวาใครรับลูกบอลไมไดตองเสียคาปรับเปนสิ่ง
ปจจุบัน ของ หรือเครื่องประดับใหกับฝายตรงขาม การเสียคาปรับแกกันและกัน จะเปนการเปดโอกาส
ใหทั้งคูไดพบกัน และเกี้ยวพาราสีกันในตอนกลางคืน ในการเกี้ยวพาราสีจะกระทําที่บริเวณ
นอกบานของฝายหญิง เพราะการเกี้ยวพาราสีในบานถือเปนการผิดผี และรบกวนผูใหญ หรือ
เปนการไมใหเกียรติญาติฝายหญิง เมื่อชายหนุมแนใจวาพอแมของฝายหญิงสาวหลับหมด
แลว ตนจะเขาไปชิดฝาผนังบานขาง ๆ หองนอน ของหญิงสาว แลวกระซิบเรียก หรือเปาจาง
(จางเปนเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งทําจาก แผนทองเหลืองบาง ๆ ใชดีดที่ริมฝปากแลวเปาเบา ๆ
แผนโลหะจะสั่นสะเทือน และใหเสียงนุมเบาไพเราะนาฟง)

หากฝายหญิงจําเสียงไดวาเปนชายหนุมที่ตนชอบพอ ก็จะกระซิบ
ตอบ และพูดคุยดวย หรืออาจจะออกมาพบชายหนุมขางนอกบาน หากเสียง
ดัง และพอแมฝายหญิงไดยินจะติเตียน และฝายชายตองไมโตเถียงแตอยาง
ใด มิฉะนั้นอาจถูกปรับเงิน แตโดยปกติพอแมฝายหญิงจะเขาใจ และใหอิสระ
ลูกสาวในการพูดคุย หรือออกไปพบชายหนุมที่ตนเห็นวาเปนคนดี โดยวิธีการ
ปฏิบัติเชนนี้จึงมีผูขนานนามมงวา ผูไมอิ่มในรัก ปจจุบันยังคงนิยมวิธีนี้อยู

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version


หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
ในอดีตการหมั้นของมง จะนิยมหมั้นระหวางญาติลูกพี่ลูกนองตางแซกัน กลาวคือ ลูก
วิถีชีวิต ของพี่ หรือนองชาย กับลูกของพี่ หรือนองสาว การหมั้นจะกระทําตั้งแตบุตรของทั้งสอง
บาน ฝายมีอายุประมาณ 1 เดือน ทางฝายชายเปนผูไปหมั้น โดยนําสิ่งของตาม ธรรมเนียมไป
มอบใหบิดามารดาของฝายหญิง โดยทั้งสองฝายใหคํามั่นสัญญาตอกันวา ถาบุตรโตเปน
ประเพณี หนุมเปนสาวแลวจะใหแตงงานกัน ถาฝายใดฝายหนึ่งผิด สัญญาจะตองเสียคาปรับใหคู
การแตงกาย สัญญาตามธรรมเนียมการหมั้น ปจจุบันมงยังคงยืดถือปฏิบัติกันอยู แตพบนอยมาก
ศิลปะ
ความเชื่อ
ภาษา
บทความ การสูขอ
ปจจุบัน ในอดีตมงจะหาภรรยาใหกับบุตรชายของตน เมื่อมี
อายุประมาณ 14-16 ป หากรูวาบุตรชายไปชอบ
หญิงสาวลูกของใคร ถึงกับตองการไวเปนภรรยา
บิดาจะไหวผีดวยธูป 7 ดอก และตมไกเซนผี โดย
อธิษฐานวาหากบุตรของตนแตงงานกับ หญิงสาว
แลว จะอยูเย็นเปนสุขร่ํารวยมีเงินมีทองหรือไม ขอ
ใหผีตอบโดยดูลักษณะดี หรือไมดีที่ลิ้นไก และ
กระดูกขาไกที่ตนเซนไหว

หากมีลักษณะไมเปนมงคล บิดาจะบอกใหบุตรเลิกติดตอกับหญิงสาวคนนั้น และฆาไกอีกเพื่อเซนผี เพื่อทราบคํา


ทํานายของผีเกี่ยวกับหญิงคนนั้น ถาไดลักษณะเปนมงคลก็จะจัดเถาแก 2 คนไปสูขอหญิงสาว ซึ่งในการไปสูขอนั้น จะ
ใหบุตรชายที่จะไปแตงงานไปกับเพื่อนพรอมกับเถาแก เพื่อใหชายหนุม และหญิงสาวซึ่งจะแตงงานไดพบปะซึ่งกันและ
กัน เพื่อตกลงใจขั้นสุดทายขณะเดินทางไปสูขอ ถามีสัตวปา เชน งู หรือกวางเดินตัดหนา หรือมีคนตายในหมูบานที่เดิน
ผาน มงถือวาเปนลางรายมักเลิกลมความตั้งใจที่จะไปสูขอ เพราะถาแตงงานไปแลวอาจอยูดวยกันไมนาน อาจตายจาก
กัน หรือทํามาคาขายไมขึ้น อยางไรก็ตามหากมีสัตวปาเดินตัดหนาถึง 2 ครั้งหรือมากกวานั้น ก็ไมถือวาเปนลางราย
เพราะมงเชื่อวาสัตวปาออกมาหากินโดยปกติวิสัย มงนิยมไปสูขอในเวลาเย็นหลังจากเลิกทํางาน เมื่อไปถึงบานหญิงสาว
และไดรับเชิญเขาไปในบาน เถาแกฝายชายจะหยิบยาเสนขนาดโตประมาณเทานิ้วหัวแมมือ มอบใหบิดามารดาของหญิง
สาว แลวแจงใหรูวาลูกชายของใครตองการอยากจะมาเปนลูกชายของทาน

ตามประเพณีของมง บิดามารดาของฝายหญิง -ชายตกลงเพียง 2 คนไมได


จะตองเรียกบรรดาญาติพี่นองมาชวยพิจารณาตกลงใจดวย แมคณะญาติจะเห็น
ชอบดวยแลว ฝายบิดามารดาของหญิงสาวจะกลาวอางเหตุผลเปนทํานอง ไมรับ
ในการสูขออีกครั้งหนึ่งก็ได เพื่อเปนการยืนยันวาฝายชายมีความตั้งใจอยาง
แรงกลาในการสูขอหญิงสาว ทางฝาย หญิงสาวจะตั้งเถาแกของตนขึ้น 2 คน
เพื่อตกลงกับเถาแกฝายชายในเรื่องเงินสินสอด โดยเถาแกทางฝายหญิงสาว จะ
นําเหลา 1 ขวด และจอกดื่มเหลา 4 ใบ ไปวางไวบนโตะเหลา ซึ่งอยูใกลกับ
ประตูบานดานใน เถาแกทั้งสองฝาย จะมารวมนั่งดื่มเหลา และเจรจากันในเรื่อง
การสูขอ เมื่อเปนที่ตกลงกันได เถาแกฝายหญิงจะกลาววานั่งดื่มเหลาที่ปาก
ประตูเปนการกีดขวางทางเดิน จึงควรยายไปที่อื่นจะดีกวา จากนั้นคณะทั้งสอง
ฝายจะยายโตะไปนั่งขางในบานแลว เจรจาตกลงกันเรื่องสินสอด และกําหนดวัน
แตงงานในคืนนั้น เถาแกฝายชายจะนอนคางแรมที่บานหญิงสาว 1 คืน รุงขึ้นจึง
เดินทางกลับ

ในทางตรงกันขามหากฝายหญิงสาวปฏิเสธการสูขอในครั้งนี้ เถาแกฝายหญิง
สาวจะยายโตะไปดื่มเหลากันขางนอกบาน เมื่อเหลาหมดขวดฝายชายก็จะลากลับบาน
หากฝายชายมีความปรารถนาอยางแรงกลาที่จะสมรสกับหญิงสาว แมจะถูกปฏิเสธการ
สูขอไปแลว 1 ครั้ง ก็จะพยายามไปสูขออีกถึง 2 ครั้ง หากไมสําเร็จก็เลิกรากันไปเอง
อยางไรก็ตาม ปจจุบันนี้มงบางหมูบาน ไมนิยมการสูขอแตนิยมการฉุด หรือหนีตามกัน
เมื่อทํามาหากินมีเงินทองแลวจึงไปสูขอ และจัดพิธีแตงงานในคราวเดียวกัน

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version


หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
ในอดีตสวนใหญแลวมงจะเปนครอบครัวขนาดใหญ ดังนั้นเมื่อคูบาว-สาวยินดี
การแตงกาย พรอมใจแตงงานดวยกัน ผูหญิงมงที่แตงงานแลวสวนใหญจะตองเตรียมตัวเพื่อที่จะให
ศิลปะ กําเนิดบุตร ผูหญิงมงจะตองทํางานทุกชนิด และตื่นนอนตั้งแตเวลา 04.00น – 05.00
น ตองตักน้ํา ตําขาว หุงหาอาหารใหสมาชิกในบานรับประทาน และหาอาหารใหสัตว
ความเชื่อ
เลี้ยงดวย พอฟาสางแลวตองเตรียมตัวเพื่อไปทํางานในไร เชน เก็บเกี่ยวฝน ถางหญา
ภาษา หรือเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ปลูกไวในไรหรือ หากวันไหนไมมีงานในไรก็ตองทํางานอยูกับ
บทความ บาน เชน ทอผาเลี้ยงลูก เปนตน สวนฝายชายที่เปนสามีจะสบายมากกวา คือนั่งจิบน้ํา
ชานอนสูบฝนเฝาบาน สนทนากับแขก แมวางานในกลางวันเสร็จสิ้นลงแลว แตใน
ปจจุบัน ตอนกลางคืนเธอตองปนฝน และทําใหรอนเพื่อใหสามีสูบ งานของเธอจะสิ้นสุดลง ก็
ตอเมื่อทุกคนในบานหลับกันหมดแลว

ผูหญิงมงมักตองทํางานหนักกวาผูชาย เพราะวา ชายมงถือวาไดซื้อ


ผูหญิงมาทําหนาที่แทนทุกคนในบาน หรือมาเปนคนรับใช ดังนั้น ผูหญิงมงที่แตง
งานจึงเปรียบไดวาเปนคนรับใช ดังนั้นงานที่จะตองทํามีอยูมากมาย และไมมีวัน
หมด ทํางานหนักทุกวัน แตไมพอเลี้ยงปากเลี้ยงทอง ทําใหชายมงตองการมี
ภรรยาหลายคน เพื่อที่จะไดมาแบงภาระเหลานี้ บางคนอาจมีถึง 4 คน แตบรรดา
ภรรยา ของชายมงจะอยูรวมกันเสมือนญาติพี่นอง ไมมีการทะเลาะวิวาทกันแต
ปจจุบัน มงเริ่มรับวัฒนธรรมของคนไทย จึงทําใหครอบครัวมงมีขนาดเล็กลง คือ
จะประกอบ ดวยพอ แม ลูก เทานั้น และผูชายมงเริ่มหันมาใหความชวยเหลือ
ภรรยาของตนมากขึ้น

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ ในอดีตนั้นมงนิยมการแตงงานโดยการฉุดเปนสวนมาก การฉุดจะกระทําเมื่อหญิงสาวไมเต็ม
ใจรับรักชายหนุม จะใชวิธีการฉุด ซึ่งนําไปสูการแตงงานในภายหลัง บิดาทางฝายชายจะหาวิธีใน
ความเชื่อ การฉุด และจัดหาคนไปชวยบุตรชายของตนดวย การฉุดจะกระทํากันนอกบานโดยลวงหญิงรักออก
ภาษา จากบานพัก เพราะถาฉุดในบานถือวาเปนการผิดผี จะตองเสียคาปรับไหม ฝายหญิงสาวจะไมยอม
ใหความรวมมือ และกระทําทุกวิธีทางที่จะใหญาติชวยเหลือตนเอง ขณะแยงชิงกันญาติผูใหญทาง
บทความ
ฝายชายจะออนวอนญาติทางฝายหญิงใหปลอยหญิงสาวไปกับตน
ปจจุบัน

เมื่อตัวหญิงสาวไปถึงบานฝายชายแลวจะถูกจัดใหอยู ในหองเดียวกับชายหนุมที่ตองการแตงงานดวย ในวันรุง


ขึ้นฝายชายจะสงผูแทน 2 คนไปแจงใหบิดามารดาฝายหญิงทราบ พรอมกับออนวอนมิใหมีความกังวลในบุตรสาวของตน
ถึงเวลาสมควรจะมาสูขอ และแตงงานในโอกาสตอไป ผูแทนที่ไปเจรจาจะตองมีวาทศิลปในการสนทนา เพื่อชักจูงให
บิดามารดาฝายหญิงเห็นชอบกับการฉุดนั้น ขณะเดียวกันก็พยายามแจกยาเสนใหแกบิดามารดาฝายหญิง ทํานองเดียว
กับการสูขอ ถารับยาเสนก็แสดงวาเห็นชอบดวยในฝงตรงขาม หากฉุดหญิง สาวไปแลวทางฝายชายไมมาแจงใหบิดา
มารดาทราบ มงถือวาเปนการผิดธรรมเนียมประเพณีตองเสียคาปรับประมาณ 12 มั่ง (ลักษณะนามของเหรียญเงินขนาด
ใหญชาวมงใชกัน) ในทํานองเดียวกัน ถาหญิงสาวสามารถกลับบานของตนไดหลังจากการฉุดประมาณ 3 วัน ฝายชายจะ
ตองถูกปรับ แตบางครั้ง หากบิดาของหญิงสาวไมประสงคใหบุตรสาวของตนแตงงานกับชายหนุมที่มาฉุดไป ก็อาจไม
ปรับ และใหสงตัวลูกสาวคืนเทานั้น

ในปจจุบันการฉุด ของมงเริ่มที่จะสูญสลายไป เนื่องจากฝายหญิงที่ถูก


ฉุดไปนั้น บางคูมีชีวิตครอบครัวไมสมบูรณ บางคูอาจทํารายตัวเอง แตบางคูก็
ประสบความสําเร็จกับชีวิตคู ซึ่งสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปบวกกับมงเริ่มมีการ
ศึกษาเพิ่มขึ้น ทําใหมงมีความคิด และวิถีชีวิตที่แตกตางออกไป จึงไดเลิกวิธี
การฉุดไปบาง แตถากรณีที่จําเปนจริง เชนลูกชายของตัวเองรักชอบพอกับ
หญิงสาวคนนั้นมาก และไมสามารถที่จะเกลี่ยกลอม ลูกชายของตัวเองใหตัดใจ
ได ก็จะสามารถที่จะฉุดหญิงสาวคนนั้นได แตตองขึ้นอยูกับวาหญิงสาวนั้นไมมี
ชายหนุมในใจเสียกอนหากวาหญิงสาวมีช ายหนุมในใจแลว ก็จะไมสามารถที่
จะทําไดเชนกัน แตเนื่องจากปจจุบันเงินเปนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของมนุษย
หากวาชายหนุมที่หญิงสาวไมไดรักชอบพอกัน แตถาญาติผูใหญของหญิงสาว
เห็นดี เห็นงามดวยแลว หญิงสาวจะไมมีสิทธิ์เรียกรองสิทธิ์ของตัวเองได เนื่อง
จากญาติผูใหญจะบังคับใหหญิงสาวแตงงาน กับชายคนหนุมคนนั้นทันทีไมมี
ขอแมใด ๆ

การหนีตามกัน
ในอดีตการหนีตามกันจะเกิดขึ้นบอยมาก เมื่อชายหนุมหญิงสาวมีความรัก
ใครชอบพอกัน แตฝายชายไมสามารถไปสูขอฝายหญิงสาวแตงงานได ชายหนุม
จะชักพาหญิงสาวที่ตนรักใหนําเสื้อผา และสิ่งของตาง ๆ ไปอยูที่บานของตน วัน
รุงขึ้นจึงสงผูแทนไปแจงใหบิดามารดาของฝายหญิงทราบ หญิงสาวจะชวยครอบ
ครัวของสามีทํามาหากิน เมื่อมีเงินทองเพียงพอแลว ฝายชายจะไปสูขอ และจัด
พิธีแตงงานตามประเพณี
ปจจุบันนี้ มงนิยมแตงงานดวยวิธีนี้ เพราะไมสิ้นเปลืองคาใชจายมาก การมีภรรยา
คนที่สองของมงมักเกิดขึ้นโดยวิธีหนีตามกันนี้ เพราะเปนการกระทําของบุคคล
สองคนเทานั้นไมมีญาติ หรือผูใหญเปนพยานในการใชชีวิตคู หากวาเกิดความ
ลมเหลว ในการใชชีวิตคูฝายชายสามารถที่จะหาหญิงสาวมาแตงงานใหมไดอีก

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
^

หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ ระบบเครือญาติของมงในประเทศไทยตระกูลแซของเผามงในประเทศไทยจะ
ขอมูลทั่วไป ประกอบดวย
วิถีชีวิต
l ตระกูลแซรี ซึ่งจะเปนมงเขียว หรือมงดํา
บาน l ตระกูลแซทาว เปนมงเขียว หรือมงดํา
ประเพณี l ตระกูลแซยาง เปนมงดํา หรือมงเขียว
การแตงกาย l ตระกูลแซมา หรือแซหาง เปนมงดํา หรือมงเขียว
l ตระกลูแซวือ เปนมงขาว และบางตระกูลแซวือ ก็เปนมงกัวมะบา
ศิลปะ l ตระกูลแซฟา เปนมงขาว
ความเชื่อ l ตระกูลแซวาง เปนมงขาว และบางตระกูลก็เปนมงเขียวหรือมงดํา
ภาษา
(ตระกูลแซรีกับตระกูลแซมามีตํานานวาในอดีตเปนญาติกัน แตดวยความไมรูของหนุม
บทความ สาว เนื่องจากมง สวนใหญจะอยูตามภูเขาใหญ และหางไกลกัน ดังนั้นมีหนุมมงแซมา
ปจจุบัน มาจีบสาวมงตระกูลแซรี จึงหนีไปอยูดวยกัน พอผูใหญรูเรื่องจึงไดเขาไปกีดกันไมให
อยูดวยกัน เนื่องจากเปนพี่นองกัน ดังนั้นหนุมสาวคูนี้จึงตัดสินใจหนีไป ตายดวยกัน
แลวชาวบานมงสองตระกูลไดเขาไปพบ และจึงนํามาฝงดวยกันแลว จึงหามใหสอง
ตระกูลนี้แตงงานดวยกัน เนื่องจากเปนพี่นองรวมปูกับยาดวย แตปจจุบันนี้ก็ไดมีสอง
ตระกูลนี้ไดแตงงานดวยกัน และกอนที่จะแตงงานนั้น ตองทําพิธีตัดญาติกันกอน ถึงจะ
แตงงานกันได)

การเรียงลําดับญาติและการเรียกชื่อ

l เยอกง คือ พอของพอ


l เยอ คือ ปู
l จือ คือ พอของสามี
l ปู คือ ยา
l หนาะ คือ แมของสามี หรือจะเรียกวา ปู ก็ได
l เหนาะไต คือแมของแม
l จือดั้ง คือพี่ชายของแม หรือนองชายของแมก็ได

การเรียกชื่อญาติทางฝายภรรยา การเรียกชื่อญาติทางฝายสามี

การเรียกชื่อ เรียกวา การเรียกชื่อ เรียกวา

พอของภรรยาหรือ
เยอไต ปูของพอสามี เยอกง
พอตา

แมของภรรยาหรือ พอของสามี
หนาะไต จือ
แมยาย หรือปู

พี่ชายของภรรยา จือดั้ง แมของสามี หนาะ

นองชายของภรรยา จือดั้ง พี่ชายของสามี เหลา (แลวเรียกชื่อตามคําวาเหลา)


พี่สาวของภรรยา ไตเหลา นองชายสามี จือเจอย (แลวเรียกชื่อตามคําวาจือ)

นองของภรรยา ไตรัว พี่สาวของสามี ปูงัน (แลวเรียกชื่อตามคําวา ปูงัน )

นองสาวของ
พี่สะไภของภรรยา หนาะดั้ง ปูงัน (แลวเรียกชื่อตามคําวาปูงัน)
สามี

นองสะใภของภรรยา หนาะดั้ง

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ อดีตกาลนั้นมงอาศัยอยูบนภูเขา หรือยอดเขาเปนสวนใหญ ดังนั้นระบบเศรษฐกิจของมงไมดี เพราะมงไมรูจักในการ


ขอมูลทั่วไป ทําการเกษตรเพื่อเศรษฐกิจ จะทําการเกษตรเพื่อยังชีพมากกวา มงมีอาชีพอยางเดียวคือ การเกษตร โดยจะปลูกไวเพื่อ
รับประทานในครัวเรือนเทานั้น เชน ขาว และพืชผัก จะไมมีการซื้อขายดวยเงินตรา จะมีแตการแลกเปลี่ยนกันดวยสิ่งของ
วิถีชีวิต
เทานั้น มงมีวิถีชีวิตที่ยากลําบากมาก เพราะมงมีความคิดวา ตองมีลูกเยอะ ๆ เพื่อตัวเองจะไดสบายในบั้นปลายของชีวิต
บาน จึงเปนเหตุใหมงมีชีวิตที่ลําบากมาก ๆ ตองตรากตรําทํางานหนักในไรเพื่อมาเลี้ยงปากเลี้ยงทอง แตในปจจุบันนี้ มงได
ประเพณี ถูกอพยพมาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ราบลุม ทําใหวิถีชีวิตของมงเริ่มเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพการเปนอยูบนภูเขา การเปนอยู
มีความดิ้นรนมากขึ้น การประกอบอาชีพทางเกษตรจึงมีการปรับเปลี่ยนหลายรูปแบบมากขึ้น เชน มีการทํานา ทําไร และ
การแตงกาย อื่น ๆ เปนตน
ศิลปะ
ความเชื่อ
ภาษา
บทความ การเกษตรกรรมมง ในอดีตเกษตรกรรมของมงสวนใหญจะเปนการเพาะปลูก
ปจจุบัน เพื่อยังชีพ พืชที่นิยมปลูกไดแก ขาวเจา ขาวเหนียว ขาวโพด ถั่ว ฟกทอง ผัก
กาดพริก หอม กระเทียม ปอ เทานั้น ยังไมนิยมนํามาคาขาย ใชวิธีแลกดวยสิ่ง
ของเทานั้น (ปจจุบันการเพาะปลูกฝนยังคงมีหลงเหลือในปาลึกอยูบาง แตมีใน
ปริมาณนอยมาก เปนการยากที่จะหาชมไดอีกตอไป) การปลูกไรขาวสวนมากมง
จะปลูกขาวบนดอย

ไรขาว

โดยในปจจุบัน การเกษตรกรรมของมงบางสวนจะมีการปลูกขาวในนาดวย
เพราะเนื่องจากมงไดอพยพมาตั้งรกราก ในพื้นที่ราบลุม และสามารถที่จะทํานา
ได ซึ่งการทํานาขาวของมงนั้นโดยสวนใหญ แลวมงจะดํานาไมเปน ซึ่งสวนใหญ
แลวมงจะจางใหคนที่มีความชํานาญในการดํานาเปนคนทําให แตมงก็มีความ
สามารถในการไถวานเปนอยางดี แตกอนนั้นมงไมมีเครื่องจักรในการไถวานขาว
เนื่องจากมงยังไมมีเงินในการจัดซื้อเครื่องจักร แตปจจุบันนี้มงทั้งที่อยูในประเทศ
ลาว และประเทศไทยมีเครื่องจักรในการไถหวานแลว ดังนั้น การเกษตรกรรมของ
มง บางกลุมก็ไมคอยลําบากเทาที่ผานมา แตมงบางกลุมที่อยูหางไกลความ
เจริญก็จะคอยขางลําบากมาก

นาขาว

ยังไมเพียงแตการทําการเกษตรไรขาวเทานั้น มงยังไดรับการพัฒนาที่จะปลูก
พืชตางที่เปนพืชเศรษฐกิจ มงจะมีการปลูกพืชเพื่อเปนการสงเสริมรายไดใหกับ
ตนเอง เนื่องจากวาปจจุบันระบบ เศรษฐกิจเริ่มเปลี่ยนไป และมงมีความตองการ
ในการใชเครื่องบริโภคเปนอยางมาก ดังนั้นมง จึงตองมีการดิ้นรนเพื่อที่จะไดราย
ไดมาจุนเจือครอบครัวของตนเอง พืชที่นิยมปลูกสวนใหญมาก ไดแก มะมวง
ลําไย ลิ้นจี่ มะขาม เลี้ยงไหม และผักที่นิยมปลูกมาเปนรายได ไดแก กะหล่ําปลี
ขิง ฝาย มะเขือเทศ มันสําปะหลัง ซึ่งมงบางสวนที่ยังปลูกดอกไมขายไดแก ดอก
คาเนชั่น ดอกกุหลาบ ฯลฯ

สวนมะมวง
การเลี้ยงสัตว
ในอดีต มงมีการเลี้ยงสัตวไวเปนอาหาร โดยไมไดทําคอก หรือลอมไว มัก
จะปลอยตามอิสระจึงทํา ใหสัตวเลี้ยงมีจํานวนนอย สวนมากนิยมเลี้ยง มา วัว
ควาย หมู ไก แพะ แกะ และลา สัตวที่ไดรับการ เลี้ยงดูเอาใจใสเปนพิเศษ ไดแก
มา เพราะสวนใหญมงจะใชมาเปนพาหนะในการขนยายของ หรือบรรทุกของเทา
นั้น สวนสัตวที่ไดรับการดูแลนอยกวาสัตวอื่น ๆ คือสุนัข ยกเวนสุนัขลาเนื้อที่มี
ความสามารถในการลาสัตวเทานั้น

การเลี้ยงสัตว

ในปจจุบัน มงมีการเลี้ยงสัตวในระบบใหม คือ มีการทําคอก หรือลอม ใหสัตวอยูในกรง และใหอาหารเปนเวลา


นอกจากนี้สวนการบรรทุกของนั้นสวนใหญจะใชรถในการบรรทุกของแทนมา มงยังรูจักวิธีการตอน และวิธีการผสมพันธุ
สัตวตาง ๆ ที่จะใหไดพันธุดี ๆ อีกดวย สัตวที่เลี้ยงสามารถแยกไดเปน 3 ประเภท คือสําหรับใชเปนอาหาร ใชงาน และ
เปนสินคา เปนตน

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ
ความเชื่อ
ภาษา มารยาททางสังคมของมง
มารยาททางสังคมที่ชาวเขาเผามงพึงมีตอกันเพื่อสรางความเขาใจ และความสงบสุขในการอยูรวมกันเปนหมู
บทความ
บานเดียวกัน สวนมากเปนขาปฏิบัติที่ไดรับแนวคิดมาจากคานิยมเบื้องตนในวัฒนธรรมประจําเผา มารยาทที่สําคัญ
ปจจุบัน ไดแก

1. มารยาทในการเยี่ยมบาน
แขกที่มาเยี่ยมบานแมวหรือมงนั้นจะตองเรียนรูวัฒนธรรมของมงใหรูกอนที่จะไปเยี่ยมบานแมวหรือมง เพื่อจะ
ไดไมเสียมารยาท แขกที่ตองการเขาไปเยี่ยมบานมงนั้นเมื่อเขาไปถึงบานที่ทานตองเขาไปสนทนาดวยนั้นจะตอง
ปฏิบัติ เมื่อแขกเดินไปถึงหนา ประตูบานมงนั้น ถึงแมจะเห็นวาประตูบานจะปดหรือเปด ก็ตองตะโกนถามคนในบาน
กอนวา “ไจจือไจ” เปนการถามเพื่อขอ อนุญาตเขาบานมง (คําวา ไจจือไจ นั่นมีความหมายวา ขออนุญาตใหเขาไป
ไดหรือไม) ถามีเสียงตอบในบานมาวา “จือไจ” แสดงวาเจาของบานมงยอมอนุญาตใหเขาบานได (คําวา จือไจ นั้น
หมายความวา อนุญาตใหเขาบานได) แตถามีเสียงตอบรับ วา ไจ ดังนั้นแขกที่มาเยี่ยมบานไมควรเขาไปเพราะอาจ
ทําใหผิดผี เพราะบานมงนั้นอาจจะประกอบพิธีกรรมอยูก็ไดในขณะนั้น แตถาบานหลังนั้นเปดประตูไวแตไมมีเสียง
ตอบรับ ไมควรถือสิทธิ์เขาในบานมงควรจะฝากขอความไวกับคนบานใกลเคียง ถาใน กรณีที่แขกมาเยี่ยมบานนั้นแลว
เจอกัน แลวบานไมไจ มงจะมีการตอนรับอยางดีโดยถา เปนแขกที่ไมใชญาติกันมงจะมีการตอบ รับ โดยรับดวยน้ําชา
หรือเหลา ขึ้นอยูกับความสัมพันธระหวางแขกคนนั้นกับคนในครอบครัวนั้น ถาเปนญาติกันก็จะมีการตอนรับ โดยฝน
มารยาทในการรับเครื่องรับรองจากเจาของบาน แขกจะตองดื่ม หรือลงมือรับประทานอาหารหลังจากที่เจาของบาน
ให พรอมกับเจาของบานมารยาทแขกที่จะตองคางคืนกับเจาของบานมง จะตองปฏิบัติดังนี้ แขกจะตองนอนในที่เจา
ของบานจัด เตรียมใหเทานั้น คือมงจะมีการจัดเตรียมที่นอนใหกับแขกไวใกลกับเตาไฟเล็กใหกับแคนอนเพื่อที่จะพัก
ผอนแขกที่คางคืน ในบานมงนั้นจะตองไมมีเพศสัมพันธกันในระหวางที่

- การพักคางคืนอยูในบาน
ระหวางที่อยูในบานพักมงนั้น แขกควรจะหลีกเลี่ยงอาหารที่ตองหามดังนี้ และจะตองไมกระทําอะไรที่เปน
อันขัดแยงกับความคิดเห็นของเจาของบาน เชน มงกลุมแซ “ลี หรือ รี” จะไมบริโภคมามของสัตวทุกชนิด มงกลุม
แซ “ยาง” จะไมบริโภคหัวใจของสัตวทุกชนิด มงกลุมแซ “วาง” จะตองไมนําผลไมที่มีรสเปรี้ยวที่ขึ้นเองตาม
ธรรมชาติในปา มารับประทานในบาน สิ่งเหลานี้เปนความเชื่อและเปนมารยาทของมงที่ปฏิบัติตอกันตั้งแตอดีตจนถึง
ปจจุบันนี้

- ขอควรสังเกตในการเยี่ยมบานมง
หากแขกไปเยี่ยมบานมงแลวพบประตูปดแลวมีไมหรือกิ่งไม หรือ
ตะแหลวแขวนอยูช ายคาหนาบานแขกก็ไมควรเขาไปรบกวนเรียกเจาของ
บาน เพราะเจาของบานมงกําลังอยูกรรม หรือ “ไจ” อยู การไจหรืออยูกรรม
ของมงนั้น มงถือวาเปนการหลีกเลี่ยงการเจ็บปวยอยางหนึ่ง ถาหากวา เจา
ของบานมีบุคคลใดคนหนึ่งเกิดไมสบายขึ้นมา มงถือวา ขวัญ หรือ ปลี่ อยู
ไมครบ ดังนั้นจึงตองมีการทําผี หรือ อั๊วเนงเพื่อเปนการรักษาคนปวยใน
ครอบครัวนั้น ดังนั้นเมื่อหมอผีจะอั๊วเนงหรือทําผีเรียบรอยแลว หมอผีจะเปน
คนที่บอกวาควรจะ อยูกรรม หรือ ไจ จะกําหนดระยะเวลาของการอยูกรรม
หรือ ไจ เลือกวันที่ควรจะอยูกรรมดวย เมื่อบานนั้นอยูกรรมบานนั้นจะมีไม
หรือกิ่งไมแขวนไวที่หนาประตูเพื่อเปนการเตือนหรือบอกใหผูอื่นรับรู หากวา
แขกที่มาเยี่ยมบานนั้นไมทราบ เกิดไปตะโกนถามคนในบานนั้นจะทําใหผี
เอาขวัญของคนปวยในบานนั้นไป และจะตองมีการทําผีหรืออั๊วเนงใหมอีก รูปไมตะแหลวแขวนไวหนาบานมง
ครั้ง โดยจะปรับแขกที่มาเรียกนั้นเปนคาปรับหรือเปนสัตวที่จะตองมาทําผี
หรืออั๊วเนงอีกครั้ง

2. มารยาทในการรวมพิธีกรรม
มงมีขอกําหนดในเรื่องการประกอบพิธีกรรมที่แตกตางกัน ตามความเชื่อของ แตละแซสกุลยอย พิธีกรรม
หนึ่งๆที่มีชื่อเหมือนกันและมีจุดประสงคอยางเดียวกัน อาจจะมีรูปแบบการประกอบพิธีกรรมแตกตางกันในสกุล
ฉะนั้น ถามีการเขารวม ในพิธีกรรมใดๆก็ตาม ถาเปนพิธีกรรมตางแซตางสกุลตางกันคนที่เปนเจาของงาน หรือเจา
ของพฺธีกรรมนั้นจะตองอธิบายถึงการวางตัวที่เหมาะสมใหกับแขกที่มารวม พิธีกรรมนั้นใหทราบโดยทั่วกัน

- มารยาทในการรวมงานพิธีศพ
เปนพิธีกรรมที่มงใหความสําคัญมากเปนพิเศษ หากวาเจาของบานมีงานศพขึ้น มงที่เปนเครือญาติจะตองมี
การแบงหนาที่ในการประกอบพิธีกรรมใหสมบูรณ เรียบรอยดังนั้นแขกที่จะมารวมพิธีกรรมในงานศพนั้นจะตองปฏิบัติ
ดังนี้ จะตองไมแสดงพฤติกรมรังเกียจสภาพศพที่เห็น เพราะมงจะนิยมไมนําศพใสในโลงศพ ทําใหแขกที่มารวมงาน
จะเห็นสภาพศพที่ขึ้นอืดจนนาเกลียดมาก ศพบางศพจะเนา และลิ้นจะโผลออกมาใหเห็นเลย ดังนั้นแขกที่มารวมจะ
ตองไมแสดงพฤติกรรม เหลานี้ออกไป

- มารยาทในการรวมงานปใหม
งานปใหมเปนเทศกาลอยางหนึ่งของชนเผามงที่จัดขึ้นในทุกๆ
รอบป ซึ่งจะจัดขึ้นในระหวาง ขึ้น 1 ค่ําเดือน หนึ่งของทุกป ซึ่งตรงกับ
เดือนธันวาคมของทุกปมงทุกหลังคาเรือนจะตองมี การฆาหมูเพื่อเปน
การเฉลิมฉลองงานปใหมรวมกัน การฆาหมูนั้นเปนการสรรสันตรวมกัน
และเปนการเซนไหวบรรพบุรุษดวย ดังนั้นแขกที่มาเยี่ยมบานมงนั้นมงจะ
มีการตอนรับเปน อยางดีและมงจะมีการตอนรับโดยเอาเหลามารับแขก
ซึ่งแกวที่นํามาใสเหลานั้นจะเรียกวา แกวแมวัว กับแกวลูกวัว ดังนั้น
หากวาเจาของบานเอาแกวแมวัวใหกับแขกดังนั้นแขกจะ ตองดื่มกอน
และตองดื่มใหหมด ถาไมหมดมงถือวาเปนการรังเกียจกัน ดังนั้นถาแขก
ดื่มไมหมดมงถือวาแขกคนนั้นไมอยากมีความสัมพันธกับตน หรือไมให
เกียรติกับเจา ของบานดังนั้นจึงถือวาความสัมพันธระหวางแขกกับเจา
ของบานขาดจากกัน แตถาเจาของ บานเอาแกวลูกวัวใหแขก แขกไดรับ
แกวลูกวัวแลวจะตองดื่มแกวเหลาใหหมด แตถาไม สามารถที่จะดื่ม
รูปมารยาทในการรวมงานปใหม หมดก็สามารถที่จะใหคนอื่นมาชวยดื่มแกวเหลาลูกวัวนี้แทนตัวเองได
และความสัมพันธระหวางแขกกับเจาของบานยังคงเหมือนเดิมหรือแนน
เฟนยิ่งขึ้นมารยาท ระหวางผูนอยกับผูใหญ

มารยาทเปนเครื่องมืออีกอยางหนึ่งที่จะชวยสรางการยอมรับซึ่งกันและกันระหวางผูนอยกับ
ผูใหญ มงมีรูปแบบหรือพื้นฐานของมารยาทที่สําคัญคือ

1. ผูนอยจะตองยอมรับฟงความคิดเห็น คําชี้แนะและแสดงความเคารพตอผูใหญ
2. ผูน อยหรือสมาชิกในหมูบานจะไดรับการดูแล หรืออุปถัมภ จากผูอาวุโสหรือผูใหญ
3. ใหสิทธิ์ในการตัดสินเด็ดขาดแกผูใหญเทานั้น

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ
ความเชื่อ ชาวเขาเผามงมีความยึดมั่นในขอปฏิบัติเฉพาะประจํากลุม ประจําแซสกุลของตนเอง มงแตละสกุลหรือแตละแซมาอยู
ภาษา รวมกัน เปนชุมชนหมูบานมง ทุกคนตางก็จะตระหนักถึงขอปฏิบัติใหอยูในกรอบ ซึ่งขอกําหนดหรือขอปฏิบัติมีดังนี้
บทความ
1. สมาชิกมงที่มีนามสกุลเดียวกัน จะแตงงานดวยกันไมได ถาจําเปนตองแตงงงานกันจริงๆ จะตองใหหญิงและชายคู
ปจจุบัน กรณี ทําพิธีตัดญาติกอน แลวจึงจะแตงงานกันได

2. พฤติกรรมคบชูสูชาย เปนขอหามอยางเครงครัด ถาสาวมงที่ยังไมแตงงงานนั้น มีสิทธิ์ที่จะเลือกคบชายใดก็ได สิทธิ์


คบชายนั้นขึ้นอยูกับฝายสาวมง แตถาสาวมงแตงงานกับชายมงเมื่อไหรแลว สาวมงไมมีสิทธิ์ในการพูดคุยหรือไปไหนมา
ไหนกับชายใด ถือวาเปนการทําผิดวัฒนธรรมของมง ฉะนั้นสาวมงที่แตงงาน จะตองปฏิบัติหนาที่ แทนแมสามีทันที และ
จะตองตื่นกอนทุกคนใน ครอบครัว เตรียมหาอาหารใหกับทุกคนในครอบครัว และสัตวเลี้ยงดวย จะเห็นวาสาวมงจะทํา
งานหนักมาก ฉะนั้นชายมงสามารถ ที่จะหาภรรยาเพิ่มก็ได ขึ้นอยูกับความยินยอม ของฝายภรรยา และชายมงจะแอบมี
เพศสัมพันธกับหญิงที่แตงงานแลว เชนหญิงที่เปนหมายที่มีความยินยอมเทานั้น

3.ชายหญิงมงจะตองไมแสดงพฤติกรรมที่แสดงถึงความรูสึกชอบพอกันตอหนาพอ-แม ของฝายหญิงเด็ดขาด หรือในที่


สาธารณะ

4. หามไมใหชายอื่นที่ไมใชมงอยูกับสาวมงตามลําพังสองตอสองในที่ลับตา

5. หามใหพี่ชายมงแตงงานกับนองสะใภ

6. หามแขกมีเพศสัมพันธในบานมงที่เขาไปอาศัยอยู

7. หามตีกลองโดยพลกาลเด็ดขาด เพราะการตีกลองนั้นถือวาเปนเสียงสัญญาณของ
งานศพที่มีคนตาย ในหมูบาน ซึ่งกลองเปนเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งที่ใชในงานศพของ
มง และจะใชประกอบกับแคน

8. หามยิงปนโดยเด็ดขาด เพราะการยิงปนนั้นมงถือเปนสัญลักษณ การยิงปนเพื่อให


คนรอบขางทราบวาใน บานหลังนั้นมีการตายเกิดขึ้น ดังนั้นมงจึงหามไมใหมีการยิง
ปนในหมูบานเด็ดขาด

9. หามใชเงินในวันขึ้นปใหม 1 วันซึ่งจะมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ในวันนี้จึงไมใหใชเงินเพราะมง มีความเชื่อวา


จะทําใหการทํามาหากินในปถัดไป ไมไดผลเทาที่ควร หรืออาจจะจนก็ได

10. หามบริโภคอาหารที่เปนขอหาม เชน - มงลี จะไมรับประทานมามของสัตวทุกชนิด - มงยาง จะไมรับประทานหัวใจ


ของสัตวทุกชนิด - มงแซวาง จะตองไมนําผลไมที่มีรสเปรี้ยวจากปาหรือธรรมชาติมาบริโภคในบานเด็ดขาด - หามไมให
เด็กชาย-เด็กหญิงมงบริโภค ตีนไก กระเพาะไก ไสไก เด็ดขาด เพราะมงมีความเชื่อวา เมื่อบริโภคตีนไกแลวจะทําให
เด็กหญิง -ชาย ชอบกาวกายเรื่องของผูอื่นและจะทําใหทําเรื่องอะไรก็ไมประสบความสําเร็จ
กระเพาะไก ไสไก เมื่อบริโภคแลวจะทําใหเด็กไมฉลาด เพราะกระเพาะไก กับ ไสไกจะไปหอสมอง จนคิดไมได
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
การนับวัน เดือน ปของมงนั้น
ขอมูลทั่วไป ซึ่งตามวิถีชีวิตความเปนอยูของมงสวนใหญจะอยู
วิถีชีวิต ตามภูเขาสูง ดังนั้นบรรพบุรุษ ของมงไดอาศัย
ธรรมชาติในการนับวันเพื่อเปนฤดูการเพาะปลูก
บาน
ตางๆ เชนชวง เดือนที่มีเสียงแมลงรองทั้งวันจะ
ประเพณี บอกเปนลางวาฝนจะตกแลวตองทําการเผาปา เพื่อ
การแตงกาย จะไดทําการเพาะปลูก ไมเพียงแตการเพาะปลูก
เทานั้น ยังมีการนับวันของ การเดินทางดวย เนื่อง
ศิลปะ จากมงมีความเชื่อเรื่องโชคลาง หากวาการเดินมี
ความเชื่อ การ เสี่ยงทายดูกอนที่จะเดินทาง เพื่อใหการติดตอ
หรือการสื่อสารประสบ ความสําเร็จ และมีโชดใน
ภาษา
การเดินทางอีกดวย หากจะเดินทางนั้นจะ ตองมี
บทความ การดูเวลาที่เหมาะสมในการเดินซึ่งการนับเดือน
ปจจุบัน ของมงนั้น ในหนึ่งปจะมี 12 เดือน แตมงจะนับ
เดือนธันวาคมเปนเดือนที่1 แลวเรี่ยงตามลําดับ

1. การนับเดือนของมง
การนับเดือนของมง มงจะมีการนับเดือนตามวัน หากวาเดือนใดที่มีขางขึ้นหรือขางแรม เพียง 14 วัน ก็แสดง
วาเดือนนั้น จะมี29วัน แตถาเดือนใดที่นับแลวมีขางขึ้นและขางแรม 15วัน ก็แสดงวาเดือนนั้นจะมี 30 วัน

ชื่อเดือน (ภาษามง) เทียบกับเดือน เดือนของไทย

อี้ลี้ดู 1 กุมภาพันธ

ออลี้ดู 2 มีนาคม

เปลี้ดู 3 เมษายน

เปลาลี้ดู 4 พฤษภาคม

จือลี้ดู 5 มิถุนายน

เจาลี้ดู 6 กรกฏาคม

เชี้ยงลี้ดู 7 สิงหาคม

ยี่ลี้ดู 8 กันยายน

จั๊วะลี้ดู 9 ตุลาคม

เกาลี้ดู 10 พฤศจิก ายน

เกาอี้ลี้ดู 11 ธัน วาคม

เกาออลี้ดู 12 มกราคม

2. การนับวันของมง
การนับวันของมงโดยทั่วไปแลวมงจะมีการนับวันเชนเดียวกับประเทศจีน และยึดถือปฎิทินฉบับเดียวกับคนจีน ซึ่ง
การนับวัน มงจะนับเปนขางขึ้นกับขางแรมโดยเริ่มนับจากขึ้น 1 ค่ําเปนวันที่หนึ่งของเดือนนั้น
และตรงกับวันหนูหรือชั้วะนู

ชื่อวัน (ภาษามง) ความหมาย

ชั้วะนู วันหนู

งูนู วันวัว

จูอนู วันเสือ

กระตายนู (มงไมมีชื่อสัตวบางชนิด) วันกระตาย

ยางเหลานู วันงูใหญ

นั้งนู วันงูเล็ก

เนงนู วันมา

เมยเอะนู วันแพะ

หลานู วันลิง

คลานู วันไก

เดนู วันสุนัข

บั๊วะนู วันหมู

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมีลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
k

หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
อุปกรณเครื่องใชของมงโดยปกติแลวมงจะมีการทํางานหนักในไรหรือในสวนตางๆ มงจึงมีการตีมีดใหเหมาะ
ขอมูลทั่วไป
สมกับงานที่ทําเชน การตัดไมจะตองใช มีดดามยาว (เมาะจั๊วะ) หรืออาจจะใชขวานก็ได สวนการทําอาหารตางจะใช
วิถีชีวิต มีดดามสั้นหรือมีดปลายแหลม สวนงานที่หนักจะตองใชมีดที่มีขนาดใหญ เหมาะกับการใชงาน
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ
ความเชื่อ มีดดามสั้นหรือมีดปลายแหลม (เจาะปลึ่อ) ตัวมีดจะมีความยาวประมาณ
15-25 เซนติเมตรตรงปลายมีดจะแหลมและคมมาก วิธีการประดิษฐ มีด
ภาษา
ปลายแหลมหรือมีดดามสั้นจะนําเสนเหล็กมาเผาใหแดง เพื่องายตอการตี
บทความ แลวจะตีตามแบบที่มีไวแลว มีดดามสั้นนี้จะเปนมีดที่ใชในการประกอบอาหาร
ปจจุบัน และใชพกติดตัว เมื่อออกไปลาสัตวในปา

มีด (เจาะปลึ่อ)

มีดดามยาว (เมาจั๊ว) หรือมีดดายหญาของมง มีความยาวประมาณ 30 -45


เซนติเมตร ตรงปลายมีดจะมีลักษณะงอเขาหาตัวมีดที่คม มีดดามยาวนี้ จะ
เปนมีดคูชีพ ของมงเพราะมงจะใชมีดนี้ในการทําไรตลอดเวลา เพื่อสะดวกกับ
การดายหญา

มีดดามยาว (เมาจั๊ว )

ขวาน (เตา) เปนอุปกรณที่ใชในการทํางานหนักเชน เมื่อไปผาฟน ตัดตนไม


ที่มีลักษณะคลายตนปาลม แลวเลาะเปลือกออก จากนั้นก็ตัดเปนทอนๆ แลว
นําไปสับตมอาหารหมู หรือไปตัดไมและเปนอุปกรณในการตีมีด ทํามาจาก
เหล็ก สวนดามนั้นทําจากไมซึ่งไมนั้น จะตองมีการเหลาทุกครั้ง เพื่อไมใหผิว
ไมแทงมือเมื่อใช

ขวาน (เตา)
ปนแกส (ปลอ-ยาง) เปนปนแกสมง ซึ่งมีลักษณะเหมือนปนยาว แตไมได
ใชกระสุนจริงกระสุนที่ใชจะเปนการเอาขลุยไมที่เหลามาผสมกับดินปน ซึ่งมง
ทําขึ้นเพื่อใชยิงสัตวตัวเล็ก เชน นก ลิง ปลา เปนตน

ปนแกสมง

ธนู (เนง) neeg เปนธนูมง ซึ่งทํามาจากไมและเสนหวายหรือดายหวาย วิธี


การประดิษฐ คือจะนําไมมาเหลาใหเรียบรอย แลวดัดใหงอเล็กนอยเพื่อเปน
ธนู สวนคั้นทํามาจากไมหรือเสนเหล็กก็ได แลวนํามาประกอบกันเปนธนู หัว
ธนูจะใชทอยึดเพื่อใหคงทน แลวพันแถบดวยเทปกาวใส จากนั้นนําเสนเชือก
หรือ เสนหวายที่มวนใหมีขนาดเล็กมาก เพื่อทนกับการใชงาน สวนมากธนูจะ
ใชยิงสัตวที่มีขนาดเล็กเชน นก ลิง กระรอก เปนตน

รูปธนูมง

กระบุง (เกอะ) kawm เปนภาชนะของมงซึ่งทําจากไมไผโดยนําไมไผมา


สานเปนลวดลายตางๆ ประกอบกันเปนกระบุงหรือเกอะ กระบุงของมงนั้นมี
หลายลักษณะโดยที่ กระบุงจะแตกตางกันนั้นขึ้นอยูกับชนิดของมง ถาเปน
กระบุงที่มงดําทําจะมีลักษณะลวดลายที่แตกตาง จากมงขาวคือ ลวดลาย
ของมงขาวจะละเอียด กวามงดําและตัวกระบุงจะมีขนาดเล็กกวามงดํา แตที่
เหมือนกันคือวิธีการใช คือจะใชเมื่อตอง ออกไปทํางานในไรและนําสัมภาระ
ไปดวย

กระบุง (เกอะ)

กระดง (วาง) เปนอุปกรณที่มงใชในการลอนขาวหรือตากเมล็ดพันธุตางๆ


นอกจากนี้ ยังใชรองในการทําขนม ตัวกระดงทํามาจากไมไผ และในการ
สานกระดงนั้นจะสานจากสวนกลางใหเรียบรอยกอน แลวจากนั้นจะทําการตัด
ขอบและดัดใหโคงเปนวงกลมเพื่อที่จะทําสันกระดังหรือขอบกระดง ซึ่งการ
ทําขอบกระดงนั้นเพื่อใหกระดงแข็งแรงทนทานกับการใชงาน สวนมากมงจะ
นําไปผิงไฟไว เพื่อใหเนื้อไมไผแหงสนิท สีสวย

กระดงมง

กระชอน (ซัวะจี้) เปนอุปกรณที่มงใชในการกรองขาวหรือใชในการกรอง


น้ํามันตางๆเชน น้ํามันหมูเปนตน เปนอุปกรณที่ทําจากไมไผ วิธีการประดิษฐ
คือ นําไมไผมีขนาดหนา 3-5 ซ.ม เพื่อประกอบกันเปนวงกลมแลวนําไมไผที่
มีความหนา 2-3 ซม.มาทําเปนเสนที่วางอยูในแนวตั้ง จากนั้นนําไมไผที่มี
ขนาดของเสนเล็กหนา 1 ซม. เพื่อใชเปนตัวสาน ตามขวางถาเสนไมไผหมด
ก็สามารถที่ตอตามรอยเดิมได ซัวะจี้หรือกระชอนนี้ มงจะประดิษฐเพื่อใชงาน
ในการหุงขาว กับการกรองน้ํามันหมูเปนตน

กระชอนมง

หมอขาว (จู) เปนอุปกรณมงที่ใชในการหุงขาว ใชสําหรับครอบครัวที่มี


สมาชิกครอบครัวหลายสิบคน หมอขาว (จู) ทํามาจากไมไผ วิธีการประดิษฐ
คือ จะนําไมไผที่เรียบมาไวขางใน จากนั้นก็จะนําไมไผที่จะสานไวขางนอก
จากนั้นเริ่มสานขางนอกกอน แลวนําไมไผที่เรียบ เปนชิ้นมาประกอบไวขาง
ใน

หมอขาวมง

ขัน (ฝกเตา) เปนอุปกรณที่มงใชในการตักขาวขณะหุงอยูและใชตักน้ํา นอก


จากนี้แลวยังจะใชตักอาหารใหกับสัตวเลี้ยงดวย ตัวขันทํามาจากน้ําเตา วิธี
การประกอบคือ นําฝกเตา ที่แกเต็มมาตัดหรือแบงเปนสองขางแลว ขุดเมล็ด
ที่อยูขางในออกใหเรียบรอย เพื่อความสะอาดและสามารถใชงานได จากนั้น
ก็จะนําไปผิงไฟไวเพื่อใหแหงเต็มที่อีกครั้งหนึ่ง ผิงไว 1-2อาทิตย ก็สามารถ
นํามาใชไดเลย

ขันมง

กะทะ (เยีย) เยียเปนอุปกรณที่ใชทํากับขาว ใชในเวลาทอด หรือคั่ว สวน


ใหญจะใชในการตมอาหารใหสัตวเลี้ยง แตจะไมใชรวมกับการตมอาหารให
กับคน เพราะมงถือวาสัตวเปนสัตวที่สกปรก ฉะนั้นจะใชเยียแยกกัน

กะทะ (เยีย)

หมอเล็ก (เลาเกว) เปนอุปกรณที่ใชในการหุงขาวใชสําหรับครอบครัวขนาด


เล็ก การหุงคือ จะนําน้ํามาตมใหเดือดแลวนําขาวสารที่ลางเรียบรอยมาเทลง
ไปในหมอเล็ก รอใหน้ําเดือดและขาวนวลมือก็จะ เทน้ําออก นําหมอพิงไฟไว
ขางๆกองไฟ
หมอเล็กมง

หมอตําขนมมง (ดั้งจั่ว) เปนอุปกรณที่ใชในการตําขนมมง วิธีการทําหมอ


ตําขนมมงคือ หาทอนไมที่มีขนาดที่ใหญมาก จากนั้นนําทอนไมมาผาครึ่ง
แลวทําการเจาะ ใหเปนรูป สี่เหลี่ยมหรือสี่เหลี่ยมผืนผาก็ได จากนั้นก็จะนําไป
แชน้ํา 1 วันหลังจากแชน้ําเสร็จสามารถนํามาใช ไดเลย วิธีการทําขนมมงคือ
จะนําขาวเหนียวที่หุงใหสุกเรียบรอยแลว นํามาเทลงไปในหมอ ดั้งจั่ว จากนั้น
ก็จะนําไมมาตําใหขาวเหนียวเหลว จากนั้นก็นํากระดง (วาง) มารอง ไวขางๆ
หมอ (ดั้งจั่ว) เพื่อที่จะนําขนมออกจากดั้งจั่ว แลวนําไขแดงมาทากระดง
(วาง) ใหเรียบรอย กอนที่จะนําขนมลงจากกระดง เพื่อไมใหขนมติดกระดง
(วาง) จากนั้นดึงขาวเหนียวที่ตําแลว มาเปนกอนๆ แลวเอาใบกลวยมาหอไว
เปนลูกๆ เก็บไวกินนานๆ ปจจุบันนี้การทําขนมจากดั๊งจั่วยังมี และจะทําใน
เทศกาลปใหมเทานั้น
ดั้งจั่ว

เครื่องรีดน้ําออย เปนอุปกรณที่ใชในการรีดน้ําออย ซึ่งเปนอุปกรณที่ทํามา


จากไม วิธีการ ประดิษฐจะนําเสาไม 2 ตนมาฝงในพื้นที่ๆตองการ จากนั้นนํา
แผนไมสองแผนมาเจาะรู เพื่อที่จะนําเขาประกบกับเสาไมทีตั้งไว ระหวาง
แผนไมสองแผนนั้นจะมี แผนเหล็กที่ สามารถเคลื่อนที่ได แผนไมที่อยูดาน
บนเจาะรูแลวนําทอนเหล็กที่มีขนาดใหญมาวาง ไวดานบน และล็อคเอาซึ่ง
ทอนเหล็กสามารถที่จะเคลื่อนที่ได เพราะทุกครั้งที่จะมีการรีด น้ําออยนั้นจะมี
คนอยู2คนที่เปนคนหมุนทอนเหล็กดานบนเพื่อบังคับใหแผนไม หรือแผน
เหล็กที่อยูในชองกลาง มีการเคลื่อนที่ เพื่อหนีบออยใหน้ําออก

การรีดน้ําออย

ซุมไก (เตอะคาร) เปนอุปกรณที่ใชในการขนไก ซึ่งทําจากไมไผ วิธีการทํา


คือจะนําไมไผ มาผาเปนซีกๆ แลวเหลาใหเรียบรอย เพื่อมิใหซีกไมไผบาด
มือ จากนั้นจะนําไมไผที่ มีขนาดให็ไวเปนสัน หรือเปนรูปทรงไว จากนั้นนําไม
ไผที่บางกวามาสานตามรูปทรงที่ เตรียมไว เวลาสานใหสลับสีของไมไผ รูป
ทรงจะมีสีสันที่สวยงาม เมื่อสานไดแลวจะ ทําประตูใหกับซุมไกเพื่อใช
สําหรับปดเปด ไมใหไกออกจากซุมไกได และสามารถที่ จะนําเคลื่อนที่ได
อีก

ซุมไก

เครื่องโมขาวโพด (แยะ-yeb) เปนอุปกรณที่มงใชในการโมขาวโพดใหมี


ขนาดเล็กลง เพื่อใชเปนอาหารใหกับสัตวเลี้ยง ลักษณะของอุปกรณเครื่อง
โม (แยะ) จะทําจากหินอัคนีที่มีความแข็งแรงมาก ตัดใหเปนรูปทรงกลม 2
ขางไวทับกัน สวนขางที่อยูขางบนจะเจาะรูตรงกลาง ของหินทรงกลม และ
ดานขางของหินจะทําเปนที่จับแตตองเจาะรูเพื่อที่ใสดามให เพื่อจะไดหมุน
เวลาโมขาวโพดตางๆหรือวาจะเปนเมล็ดพันธุอยางอื่นที่ตองการ

รูปแยะ (yeb)

ครกกระเดื่อง (จู-cug) เปนอุปกรณของมงที่ใชในการตําขาวเปลือกไว


สําหรับบริโภค ลักษณะของอุปกรณมีดังนี้ จูทําจากทอนไม ที่มีขนาดใหญ
โดยเจาะรูใหมีขนาดใหญ แตตองไมใหรั่ว แลวฝงไวในบานหรือนอกตัวบาน
ก็ได แลวจะทําเสาไวยึด แลวนํา ทอนไมอีกทอนหนึ่งที่มีขนาดเล็กลง ที่มี
ลักษณะเปนรูปตัวที เพื่อที่จะใชในการเหยียบ

ครกกระเดื่อง

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
กฏขอบังคับของมง มีลักษณะคลายกับกฏหมายอังกฤษ (Common Law) คือ
ศิลปะ
เปนกฎหมายที่สืบเนื่องจาก จารีตประเพณีไดมีการบัญญัติไวเปนลายลักษณอักษร จะ
ความเชื่อ ตางกันตรงที่มงนําเอากฎหมายขอบังคับไปผูกไวกับภูติผี มงเองไมมีภาษาเขียน ชาว
ภาษา มงไดถือหลักปฏิบัติตามจารีตประเพณีอยางเครงครัด ชาวมงไมมีหัวหนาสูงสุด และไม
ไดรวมกันอยูเปนที่หนึ่งที่เดียวกัน แตแยกหมูบานออกไปปกครองกันเองเปนอิสระไม
บทความ ขึ้นอยูกับสังคม ซึ่งในแตละหมูบาน จัดเปนสังคมที่เล็ก สามารถเรียกวา ประชุมโดยตรง
ปจจุบัน ได การกําหนดวิธีการปกครอง ก็ใชวิธีออกเสียง ซึ่งทุกคนมีสิทธิเทากันหมด และถือ
เสียงขางมากเชนเดียวกับหลักสากลทั่วไป

แตผูมีสิทธิออกเสียงในการปกครอง ไดแก ผูชายเปนสวนใหญเทานั้น ผูหญิง เด็กมีสิทธิเขารวมประชุมรับฟง และให


ความเห็น แตไมมีสิทธิออกเสียง เพราะถือวา ผูหญิงเปนชางเทาหลัง เชื่อฟง ปรนนิบัติสามีเทานั้น สําหรับเด็กนั้น มงมิ
ไดถืออายุเปนเครื่องวัด หากใชวัดดวยการเปนผูมีความรับผิดชอบ ความสามารถทํางานตลอดจน ผลงานที่ไดกระทําโดย
ที่ประชุมหมูบาน จะเปนผูพิจารณากําหนดในปจจุบันนี้ การปกครองของมงยังคงใชกฎขอบังคับนี้อยู เฉพาะแตเรื่องเล็ก
ๆ ที่ผูใหญสามารถตัดสินไดเทานั้น สวนถาเปนปญหาที่ใหญ ๆ นั้นจะนิยมใชกฎหมายของประเทศนั้น ๆ

หัวหนาหมูบาน
ในอดีตหัวหนาหมูบานมีฐานะเปนประมุข และผูนําหมูบาน หัวหนาหมูบาน
ไดมาจาก การเลือกตั้ง ซึ่งเปนตัวแทนในนามของหมูบานนั้น ๆ หัวหนาหมูบานมี
สิทธิแตงตั้งผูชวยได 2 คน ระยะเวลาในการดํารงตําแหนงหัวหนาหมูบานไมมี
กําหนดไว แตจะหมดสภาพก็ตอเมื่อตาย ลาออก อพยพไปอยูที่อื่น หรือถูกที่
ประชุมหมูบานปลดออกโดยการลงมติไมไววางใจ ซึ่งเปนการหมดสภาพทั้งสิ้น
หนาที่ของหัวหนาหมูบาน ไดแก เปนผูแทนของหมูบานในการเจรจาติดตอกับคน
ภายนอก รับผิดชอบในการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี ตัดสิน ขอพิพาทระหวาง
ครอบครัว ตัดสินใจในการโยกยายหมูบาน หรือมีอํานาจพิเศษในกรณีฉุกเฉิน เชน
ความปลอดภัยของหมูบาน ในทางปฏิบัติแลว การบริหารงานของหัวหนาหมูบานจะ
ถูกควบคุมโดยผูเฒาผูแก ซึ่งเปรียบเสมือนคณะที่ปรึกษาหมูบาน ในทางออมจะ
เปนผูใหคําปรึกษาแนะนํา ซึ่งหัวหนาหมูบานไมจําเปนตองปฏิบัติตามเสมอไป แตมี
อิทธิพลตอหัวหนาหมูบาน ไมนอย เพราะเปนคณะที่สามารถคุมเสียงขางมากใน
การประชุมหมูบานในปจจุบันนี้ยังคงถือปฎิบัติอยู

การประชุมหมูบาน
การประชุมหมูบานนี้ มีหนาที่ออกกฎระเบียบขอบังคับกฎเกณฑตาง ๆ ที่ไมขัด
แยงกับจารีตประเพณี เพื่อบังคับใชภายในหมูบาน การประชุมไมจํากัดจํานวนเพศ วัย
ทั้งไมระบุวามีเทาใด จึงจะครบองคประชุม การออกเสียงถือหลัก 1 เสียง 1 คน หัวหนา
หมูบานจะเปนประธาน ในกรณีคะแนนเสียงเทากัน ประธานมีอํานาจชี้ขาดใหฝายใด
ฝายหนึ่งชนะ และในกรณีที่มีการเลือก ตั้งหัวหนาหมูบานขึ้นใหม ที่ประชุมจะเลือกผู
เฒาผูแกที่มีอาวุโสทําหนาที่เปนประธาน
กระบวนการยุติธรรม
ในอดีตเมื่อเกิดกรณีพิพาท หรือเหตุการณรายแรงในหมูบาน มงจะไม
ยินยอมใหเจาหนาที่รัฐบาลไทย เขาไปดําเนินการ ตามกระบวนการยุติธรรมแบงได
เปน 2 ประเภท
1. คณะผูเฒาผูแกของสกุล ตัดสินขอพิพาทระหวางคูกรณีที่อยูในสกุล
เดียวกัน ผูเสียหายนําความไปรองเรียนเพื่อใหคณะผูเฒาผูแกในสกุลเดียวกัน
ตัดสิน และจะถือวาคําตัดสินนั้นเปนการตัดสินที่เด็ดขาด ในกรณีเชนนี้หัวหนาหมู
บานจะไมเขามาเกี่ยวของ เพราะถือวาเปนเรื่องภายในครอบครัว

2. คณะกรรมการกลางตัดสินขอพิพาทระหวางคูกรณีตางสกุลกัน ผูเสียหายนําความไปรองเรียนตอหัวหนาหมูบาน หัว


หนาหมูบานจะเรียกคูกรณีมาสอบถาม และจะแตงตั้งคณะกรรมการกลางตัดสินขอพิพาทดังกลาว
ซึ่งมีวิธีการแตงตั้ง 2 วิธี
2.1 หัวหนาหมูบานเปนผูแตงตั้งโดยการยินยอมของคูกรณี หัวหนาหมูบานจะแตงตั้งบุคคลใดมาปฏิบัติหนาที่ก็ได ยก
เวนคนที่อยูในสกุลเดียวกันกับคูกรณี
2.2 คูกรณีสมัครใจแตงตั้งเอง คูกรณีจะตองเลือกบุคคลซึ่งจะมาเปนกรรมการฝายละเทา ๆ กัน จะเลือกคนในสกุลของ
ฝายตรงขามมาเปนกรรมการฝายตนก็ได แตหามเลือกคนในกลุมเดียวกัน จํานวนกรรมการทั้งสองกรณีนี้ไมจํากัด โดย
ปกติจะมีประมาณ 6-10 คน การพิจารณาตัดสินคดีจะกระทําที่บานพักของหัวหนาหมูบาน ซึ่งประธาน และคณะกรรมการ
จะซักถามขอเท็จจริงจากทุกฝายแลว คณะกรรมการจะตัดสินโดยการออกเสียงถือเสียงขางมาก ถาคะแนนเสียงเทากัน
หัวหนาหมูบานในฐานะประธานกรรมการจะเปนผูชี้ขาด จะเห็นไดวาหัวหนาหมูบานนอกจากจะมีอํานาจบริหาร แลวยังมี
อํานาจ ในทางตุลาการอีกดวย สําหรับบทลงโทษจะอาศัยจารีตประเพณีเปนเกณฑ ถาเปนกรณีใหมคณะกรรมการก็จะ
พิจารณา บทลงโทษขึ้นใหมและใหถือเปนหลักปฏิบัติตอ ๆไปดวย ปจจุบันนี้ยังยึดถือปฏิบัติมาจนถึงทุกวันนี้

กลุมการเมือง
ในอดีตการปกครองของมงถือหลักเสียงขางมาก มงจึงรวมพลังกันไดเปนกลุม
เปนกอน เหมือนระบบพรรคการเมือง แตไมไดถืออุดมการณเปนเครื่องยึดเหนี่ยว
สมาชิก หากแตถือสายสัมพันธทางสกุลเปน เครื่องรวมพลังเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน
ฉะนั้นสกุลใดใหญมีสมาชิกมากก็จะมีเสียงขางมาก ในการดําเนินงานทั้งปวง แตก็อาจมี
สกุลเล็ก ๆ แตรวมกันได จนไดเสียงขางมากมาบริหารงานของกลุม แตละกลุมขึ้นอยู
กับผูเฒาผูแกที่มีอาวุโสของสกุลดัง เชนในกรณีเลือกตั้งหัวหนาหมูบาน ผูอาวุโสของ
แตละสกุลจะเรียกสมาชิกของสกุลมาประชุม เพื่อคัดเลือก ผูแทนเขาสมัครรับเลือกตั้ง
เปนหัวหนาหมูบาน ซึ่งกอนออกเสียงสวนใหญ แลวมีมติใหสมาชิกทุกคนทําตามมติที่
วางไว และสมาชิกทุกคนจะตองไปออกเสียงตามมติของกลุมของหมูบานอยางพรอม
เพรียงกัน หากพิจารณาการปกครองของชาวมงอาจเรียกไดวาเปนประชาธิปไตย เพราะ
มีอํานาจอธิปไตยเปนอํานาจสูงสุด ชาวมงไดใชอํานาจนี้ในการตัดสิน และกําหนดวิธี
การปกครองหรือกิจกรรมตาง ๆ ไดดวยตนเองในปจจุบันการปกครองของมงเริ่มจะมีการ
เปลี่ยนแปลงขึ้นกวาเดิมคือ วิธีการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย ผูที่จะไดเปนผูนํานั้นจะ
ตอมีความรูความสามารถในการติดตอสื่อการ กับสังคมภายนอกได

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนา บาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธ ภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย เปนที่ทราบกันดีอยูวา สังคมมงเปนสังคมเกษตรกรรมเทานั้น ชาวมงไมมีวันหยุดตามประเพณี นอกจากวันพิธ ีปใหมเทา
นั้น เวนแตจะหยุดตามเหตุการณดังตอไปนี้ มีผูเสียชีวิตในหมูบาน พิธีแ ตงงาน หรือ การประกอบพิธ ีกรรมของแตละครัว
ศิลปะ เรือน ดังนั้นกิจกรรมการเกษตร ซึ่งรวบรวมไดตามกําหนดเวลาในรอบปที่เกี่ยวกับไรขาว ขาวโพด พืช ผักตาง ๆ เปนตน
ความเชื่อ แตปจจุบันนี้มงเริ่มมีการเกษตรผสมผสานมากขึ้น โดยสวนใหญแลวเลิกการทําไรขาว ขาวโพด แลวจะทําขาวนาแทน
สวนผลไม ตลอดจนประกอบอาชีพอื่นมาเสริม เชน การปก ผา การทําเครื่อ งประดับทองขาว การทําเครื่อ งเงิน เปนตน
ภาษา
บทความ
ปจจุบ ัน ชวงเวลา/เดือน กิจกรรมในอดีต กิจกรรมปจจุบัน

ธันวาคม สํารวจหาพื้นที่ทําไรที่ใหม สํารวจสวน ไร นา

มกราคม - สํารวจที่นา ไร ถางหญา กรีดยาง ทําเครื่อง


ถางไร
กุมภาพันธ เงิน เครื่องประดับทองขาว ปกผา

เผาไร เก็บเศษไม ตอไม ดูแลไมผล พนยา


มีนาคม - เมษายน เผาไร เก็บเศษไม ตอไมในไรขาว
ทําเครื่อ งเงิน เครื่องประดับทองขาว ปก ผา

พฤษภาคม - เก็บเกี่ยวผลผลิตมะมวง พืช ผัก ตางๆ ทํา


ปลูก ขาวโพด ปลูกขาว พืช ผัก ตางๆ
มิถุนายน เครื่องเงิน เครื่องประดับทองขาว ปก ผา

กรกฏาคม - เก็บเกี่ยวผลผลิตลิ้นจี ลําใย ทําเครื่องเงิน


ดูแลถางหญาในไรขาว
สิงหาคม เครื่องประดับทองขาว

ตกแตงกิ่งไมผล ทําเครื่องเงิน เครื่อง


กันยายน - ตุลาคม ปลูก ฝนในไรขาวโพด
ประดับทองขาว ปก ผา

ตุลาคม - เก็บเกี่ยวขาวนา ทําเครื่อ งเงิน เครื่อง


เก็บเกี่ยวขาวไร
พฤศจิก ายน ประดับทองขาว ตระเตรียมชุดมง

ธันวาคม - มกราคม นวดขาว กรีดยางฝน เก็บเมล็ดฝน ฉลองเทศกาลปใหม

จาก สุจริตลัก ษณ ดีผดุง. จากหนังสือสารานุกรมกลุมชาติ (มง). หนา 10, กันยายน 2538

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บ ไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธ ิกระจกเงา"


รูป ภาพและขอมูลภายในเว็บ ไซตแหงนี้ หากทานประสงคจ ะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ หมูบาน
ความเชื่อ
ภาษา มงจะชอบตั้งบานอยูบนดอยสูง โดยเฉพาะอยางยิ่งมงบางกลุมจะมีการปลูกฝนเปนพืชหลัก แตในปจจุบันนี้ มงไดรับ
พระมหากรุณาธิคุณ จากพระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัว รัชกาลที่ 9 ใหอพยพมาตั้งรกรากอยูในพื้นราบลุมเขา และยังมีมง
บทความ บางกลุมก็ยังคงตั้งรกรากอยูบนดอย แตไมลึก เขาไปเทาไร การคมนาคมพอที่จะเขาไปถึงได หมูบานมงจะประกอบดวย
ปจจุบัน กลุมเรือนหลายๆหยอมแตละหยอมจะมีบานราวๆ 7-8 หลังคาเรือน โดยที่มีเรือนใหญของคนสําคัญอยูตรงกลาง สวน
เรือนที่เปนเรือนเล็กจะเปนลูกบานหรือลูกหลาน สวนแตละหยอมนั้นจะหมายถึงตระกูลเดียวกัน หรือเปนญาติพี่นองกันนั่น
เอง มงจะมีการยายบานเมื่อมีโรคระบาด หรือมีเหตุการณที่รายแรงเกิดกับหมูบาน หรือขัดแยงกับราชการจนตองมีการ
ตอสูเกิดขึ้น ในการยายแตละครั้งจะมีการยายแบบระมัดระวังที่สุด เมื่อใกลจะยายแลวมงมีการขุดหลุมเพื่อที่จะฝงสัมภาระ
ที่เปนหมอขาว-หมอแกง ที่ไมจําเปนมาก และจะทําเครื่องหมายบางอยางที่สามารถที่จะจําไดไว เพื่อยอนกลับมาเอาเมื่อ
เหตุการณสงบเรียบรอย เมื่อเริ่มยายมงจะนํามา เปนพาหนะในการบรรทุกของ โดยใหผูชายนําขบวนเดินทางพรอมกับ
แผวถางทางเดินใหกับผูหญิง และลูกเดินตามกับมาที่บรรทุกของดวย และจะไวผูชายที่มีอาวุธอยูทายขบวนคอยปองกัน
ดูแล เมื่อการเดินทางไปถึงบริเวณที่ตองการที่จะตั้งรกรากแลว การที่จะอยูในบริเวณนั่นไดนั้น จะตองใหคนที่เปนหมอผี
หรือคนทรงเจาจะเปนคนเสี่ยงทายพี้นที่นั้นกอน เพื่อความอยูรอดของมง

ลักษณะตัวบาน

ตัวบานปลูกคลอมอยูบนพื้นดินที่ทุบแนน วัสดุสวนใหญใชไมเนื้อออน ผนังกั้นระหวางหองหรือบานทําใชลําไมไผ ผา


คลี่เปนแผน หลังคามุง ดวยหญาคา หรือใบจาก แตเสาจะเปนไมเนื้อแข็ง แปลนเปนแบบงาย ๆ ตัวบานไมมีหนาตาง
เนื่องจากอยูในที่อากาศหนาวเย็น ใกลกับประตูหลัก จะมีเตาไฟเล็ก และแครไมไผสําหรับนั่ง หรือนอน เอาไวรับแขก
กลางบานจะเปนที่ทํางานบาน เขาไปในสุด ดานซายจะเปนเตาไฟใหญสําหรับ ทําอาหารเลี้ยงแขกจํานวนมาก และเอา
ไวตมอาหารหมู บางบานจะมีครกไมใหญสําหรับตําขาวเปลือก มีลูกโมหินสําหรับบดขาวโพด แปง ถั่วเหลือง ใกลกับที่
ทํางานจะมีกระบอกไมใผรองน้ําตั้งอยู สําหรับมุมบานฝงซายมักจะกั้นเปนหองนอนของพอแม กับลูก

ภายในบานจะมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ อยู 5 แหง คือ


1. ประตูทางเขาหลัก 2. เสากลางบาน

3. ผนังบานที่ตรงขามกับประตูหลัก 4. เตาไฟใหญ

(เปนสถานประกอบพิธีกรรมทางไสยศาสตรของมง จะ
ประกอบดวยกระดาษที่ตัดมาติดเปนแผนใหญและยาวเปน
รูปสี่เหลี่ยม และมี การตั้งโตะหมูบูชาจะมีการนะกระปอง
หรือ กระบอกไมไผใสขาวเปลือก หรือ ขึ้เถา หรือขาวโพด
ก็ได จะนําธูปจํานวน 7 ดอกมาปกขาง ๆ กระบอกธูป จะมี
กระบอกสุรา และกระบอกน้ําไวเซนไหว)

ชาวมงจะไมคอยยายที่อยูบอยนักเมื่อเทียบกับเผาอื่น บางทีอยูนาน 15-20 ป จึงยายไปอยูที่ใหม และอาจยายกลับ


มาที่เดิมอีกมงมีระบบ เครือญาติที่มั่นคงมาก จึงเปนการยากที่จะถูกกลืนโดยชนชาติอื่นๆ ในปจจุบันนี้ยังมีการสรางบาน
เรือนเชนนี้อยู แตพบนอยมาก สวนใหญมง จะรับวัฒนธรรมของสังคมอื่น ๆ มา จึงทําใหการสรางบานเรือนเปลี่ยนแปลง
ไป โดยสรางบานเรือนเหมือนกับคนไทยมากขึ้น

ความเชื่อกอนที่จะปลูกบานเรือน
มงจะมีการเสี่ยงทายพื้นที่ที่จะมีการปลูกบานเรือนกอน เพื่อครอบครัวจะไดมีความสุข และร่ํารวย โดยกระทําดังนี้
เมื่อเลือกสถานที่ไดแลว จะขุดหลุมหนึ่งหลุมแลวนําเม็ดขาวสารจํานวนเทากับสมาชิกในครอบครัวโรยลงในหลุม แลว
โรยขาวสารอีกสามเม็ดแทนสัตวเลี้ยงเสร็จแลว จะจุดธูปบูชาผีเจาที่เจาทาง เพื่อขออนุญาต และเอาชามมาครอบกอน
เอาดินกลบ รุงขึ้นจึงเปดดู หากเมล็ดขาวยังอยูเรียบ ก็หมายความวา ที่ดังกลาวสามารถทําการ ปลูกสรางบานเรือนได
รอบ ๆ ตัวบานมักจะมีโรงมา คอกหมู เลาไก ยุงฉางใสขาวเปลือก ถั่ว และ ขาวโพด ในปจจุบันนี้มงยังมีความเชื่อนี้อยู
และปฏิบัติอยู

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
ประเพณีขึ้นปใหมหรือประเพณีฉลองปใหม ซึ่งเปนงานรื่นเริงของชาวมง
บาน ของทุก ๆ ป จะจัดขึ้นหลังจากไดเก็บเกี่ยวผลผลิตในรอบปเรียบรอย และเปนการ
ประเพณี ฉลองถึงความสําเร็จในการเพาะปลูกของแตละป ซึ่งจะตองทําพิธีบูชาถึงผีฟา - ผี
ปา – ผีบาน ที่ใหความคุมครอง และดูแลความสุขสําราญตลอดทั้งป รวมถึงผล
การแตงกาย ผลิตที่ไดในรอบปดวย ซึ่งแตละหมูบานจะทําการฉลองกันอยางพรอมเพรียงกัน
ศิลปะ หรือตามวัน และเวลาที่สะดวกของแตละหมูบาน ซึ่งโดยมากจะอยูในชวงเดือน
ธันวาคมของทุกป ประเพณีฉลองปใหมมงนี้ชาวมงเรียกกันวา “นอเปโจวฮ” แปล
ความเชื่อ
ตรงตัวไดวา “กินสามสิบ” สืบเนื่องจากชาวมงจะนับชวงเวลาตามจันทรคติ โดย
ภาษา จะเริ่มนับตั้งแตขึ้น 1 ค่ํา ไปจนถึง 30 ค่ํา (ซึ่งตามปฏิทินจันทรคติจะแบงออกเปน
บทความ ขางขึ้น 15 ค่ํา และขางแรม 15 ค่ํา ) เมื่อครบ 30 ค่ํา จึงนับเปน 1 เดือน ดังนั้นใน
วันสุดทาย (30 ค่ํา) ของเดือนสุดทาย(เดือนที่ 12) ของปจึงถือไดวาเปนวันสง
ปจจุบัน ทายปเกา ชวงวันฉลองปใหมสวนใหญจะตกอยูประมาณชวงเดือนพฤศจิกายน ถึง
เดือนมกราคม ในวันดังกลาวหัวหนาครัวเรือนของแตละบาน จะประกอบพิธีกรรม
ทางศาสนา เพื่อความเปนสิริมงคลของครัวเรือน ถัดจากวันสงทายปเกาไป 3 วัน
คือวันขึ้น 1 ค่ํา 2 ค่ําและ 3 ค่ําของเดือนหนึ่ง จัดเปนวันฉลองปใหมอยางเปนทาง
การ ซึ่งทุกคนจะหยุดหนาที่การงานทุกอยางในชวงวันดังกลาวนี้ และจะมีการ
จัดการละเลนตาง ๆ ในงานขึ้นปใหม เชน การละเลนลูกชวง การตีลูกขาง การ
รองเพลงมง

1. การละเลนลูกชวง
ในวาระขึ้นปใหมมงจะมีการละเลนเพื่อฉลองวันปใหมโดย
เฉพาะ การเลนลูกชวง (ntsum pob) หรือที่เรียกกันวา “จุเปาะ”
ลูกชวง (pob) มีลักษณะกลมเหมือนลูกบอลทําดวยเศษผา มีขนาด
เล็กพอที่จะถือดวยมือขางเดียวได การละเลนลูกชวง จะแบงกลุมผูเลน
ออกเปน 2 ฝาย คือ ฝายหญิงกับฝายชายโดยที่กอนจะมีการละเลน
ฝายหญิงจะเปนผูที่เอาลูกชวงไปใหฝายชาย หรือญาติ ๆ ของฝาย
หญิงเปนผูที่นําลูกชวงไปใหฝายชาย เมื่อตกลงกันไดก็จะทําการโยน
ลูกชวงโดยฝายหญิง และฝายชายแตละฝายจะยืนเปนแถวหนา
กระดานเรียงหนึ่ง หันหนาเขาหากันมีระยะหางกันพอสมควร แลวโยน
ลูกชวงใหกันไปมาและสามารถทําการสนทนา กับคูที่โยนได

การละเลนลูกชวง
จุดประสงคของการเลน
เพื่อความสนุกสนานเปนการฉลองปใหม และเปนการหาคูให
กับหนุมสาว เพื่อมิตรภาพที่ดีตอกัน สวนหญิงที่แตงงานแลวจะไมมี
สิทธิ์ในการเลนลูกชวงอีก เพราะถือวาผิดตามธรรมเนียมของมง สวน
ฝายชาย สามารถเลนไดแตอยูที่วาฝายหญิงจะทําการยินยอมเลนกับ
ตนหรือไม แลวแตฝายหญิงสาวคนนั้น การเลนลูกชวง ยังเปนการชวย
ฝกทักษะความชํานาญในการควาจับสิ่งของที่พุงเขามาปะทะใบหนา
อันเปนการฝกปองกันตัวจากสิ่งของที่ลอยมาหาใบหนาอยางกระทัน
หันไดดวย ในชวงระหวาง การเลนลูกชวงหนุมสาวที่เลนลูกชวงจะรอง
เพลงโตตอบกัน เพิ่มความสนุกสนานในการเลน

กติกาการเลน
มีการปรับผูแพขึ้นอยูกับความพึงพอใจของผูเลนเอง ไมมีกติกากําหนดตายตัวแตประการใด ชาวมงมีการ
เลนลูกชวงเปนวัฒนธรรมประจําเผามาชานานแลว ชนเผาอื่นในไทยไมมีการละเลนในทํานองนี้ มงไดสืบทอด
วัฒนธรรมการเลนลูกชวงมาตั้งแตสมัยที่ยังอาศัยอยูในประเทศจีน ซึ่งในสมัยที่ยังอาศัยอยูในประเทศจีนนั้น ในทุกๆ
ปของชวงเดือนแรกในฤดูใบไมผลิจะมีการเลน "ระบําดวงจันทร (Moon dance)" โดยจะประดิษฐจากเศษผาสี
ตาง ๆ เปนลูกบอลเล็ก ๆ เรียกวา ลูกบอลลี เปาหมายอยูที่คนรักของแตละคน (มงที่อยูในประเทศจีนจะมีงาน
ฉลองลูกชวงในเดือนแรกของฤดูใบไมผลิ ซึ่งตรงกับเดือนมีนาคม -เมษายนของทุกป สวนมงที่อยูในประเทศไทย
จะมีการฉลองงานลูกชวงในเดือนธันวาคม - มกราคมของทุก ๆ ป ) ลูกชวง หรือลูกบอลที่ใชเลนกันในหมูบาน มง
ในประเทศไทยนั้นบางหมูบานทําดวยผาสีดํา ซึ่งตรงกันขามกับมงในประเทศจีนที่นิยมเลนลูกบอลที่มีสีสันสดใส

2. การเลนลูกขาง การเลนลูกขาง หรือที่เรียกกันวา “เดาตอลุ” เปน


การละเลนอีกอยางหนึ่งที่นิยมเลนกันในวันขึ้นปใหมของมง เปนการละ
เลนสําหรับผูชายโดยเฉพาะ การเลนลูกขางในโอกาสเชนนี้จะแยกเลน
เปนวงผูใหญและวงเด็ก

จุดประสงคการเลน เพื่อความสนุกสนานสรางความสัมพันธกับ
เพื่อนบานดวยกัน

การประดิษฐลูกขาง
สําหรับลักษณะของลูกขาง จะทํามาจากไม กลาวคือจะมีการ
นําทอนไมขนาดเสนผานศูนยกลางประมาณ 3 - 5 เซ็นติเมตร ตาม
ความตองการ และความเหมาะสมของผูเลน นํามาตัดเปนทอนๆยาว
ประมาณทอนละ 5 นิ้ว แลวนําไมที่ตัดเปนทอนนั้นมาทําการตัดแตงตาม
ตองการ โดยสวนหัวจะมีลักษณะทู ๆ ราบเรียบในขณะที่สวนหางหรือ
สวนที่ใช หมุนยืนพื้นนั้นจะทําใหมีลักษณะแหลมคลาย ๆ ดินสอ

วิธีการละเลน
เมื่อตองการเลนก็จะนําไมที่ผูกเชือกยาวประมาณสองถึงสาม
เมตรมามวนรอบลูกขาง โดยมือขางหนึ่งจะถือลูกขางที่ถูกเชือกหมุนพัน
รอบไว และมืออีกขางจะถือไมที่ผูกเชือกที่หมุนรอบลูกขางไว แลวเอา
มือทั้งสองสะบัดไปขางหนา พรอมดึงไมที่ผูกเชือกไวอยางแรง แลว
ลูกขางจะตกสูพื้นแลวหมุน ซึ่งในกติกาในการเลนจะถูกแบงออกเปน
สองฝาย โดยที่ฝายหนึ่งจะเปนฝายตีลูกขางที่กําลังหมุนอยูของอีกฝาย
โดยฝายที่ตีนั้นจะตองพยายามตีลูกขางใหถูกมากที่สุด ซึ่งถาหาก
สามารถทําการตีถูกมาก ก็จะสามารถทําการตีตอไปได แตหากตีไมถูกก็
จะตองเปลี่ยนมาเปนฝายหมุนลูกขางใหอีกฝายผลัดไปเปนฝายตีแทน
การเลนลูกขางนี้ นอกจากจะไดรับความสนุกสนานจากการเลนแลว ยัง
เปนการฝก และทดสอบความแมนยําทางดานสายตาดวย ป จจุบันการ
ละเลนลูกขางเริ่มหายไปตามวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป อยางไรก็ตาม การเลน
ลูกขางก็ยังมีใหเห็นอยูบางในชวงเทศกาลปใหมมง หรือเทศกาลตาง ๆ
ของชนเผา

3. เพลงมง มงจะมีเพลงหลายชนิดซึ่งจะใชรองแตกตางกันไปตามเทศกาล ตัวอยางเพลงที่ใชรองในงานเทศกาล


ปใหมมงไดแก

3.1 เพลงใบไม
บรรพบุรุษมงรูจักนําใบไมมาเปาเปนเสียงเพลงตั้งแตอดีตกาลมาแลว อยางเชนชาวจีนทั่ว ๆ ไป เนื่องจากแตไหน
แตไรมามงอาศัยอยูกับธรรมชาติปาไม และหุบเขามาโดยตลอด จึงรูจักสรางเสียงเพลงจากใบไมออกมาเปนเสียง
เพลง ซึ่งใบไมที่ใชเปา และเสียงกองกังวานดีที่สุด และไกลกวาใบไมชนิดใด ๆ ก็คือ “ใบกลวย” ดวยเหตุนี้ในยาม
ที่เดินไปทําไรทําสวนในปา ก็จะมีการนําใบกลวยมาเปาเปนเสียงเพลงเรียกกัน หรือบงบอกที่อยู หรือจุดของตนเอง
วาในขณะนั้นตัวเองอยู ณ จุดใดของเสนทางหรือปา อีกทั้งหนุมสาวยังใชเปนสื่อในการใชเรียกกัน หรือเกี้ยวกัน
และกันดวย โดยจะใชเปา โตตอบ หรือเรียกหากันขามหุบ หรือดอยในขณะที่กําลังทําไรทําสวนกัน ในการเปาใบไม
ออกมาเปนเสียงเพลงนี้ตองใชแรงลมในการเปามาก จึงมักเหนื่อยเร็ว ตอไปนี้เปน ลักษณะเนื้อรองของเพลงใบไม

เราไปจากที่นี่ เธอเศราใจไหม ถาเธอเศราใจ เราจะมาหาเธอถาเศราใจ จะมาหาเธอ เธอจะวาอยางไร


หากเธอมีใจ ขอใหบอกเรามา เรามีใจจะไปหาเธอ

3.2 เพลงจิ๊งหนอง หรือเพลง Ncaag (จั่น )


เปนเพลงที่ใชเรียกหากันของหนุมสาวในยามค่ําคืน เวลาพัก
ผอนหรือยามวางหนุมมงจะออกไปหาสาวคนรักที่บานสาว การจะเอย
เสียงรองเรียกสาวนั้นอาจรบกวน และทําใหพอแมฝายสาวคนรักตื่นได
และยอมรูวาผูเรียกนั้นเปนใครได การจะกระทําเชนนั้นแสดงวาเปนสิ่ง
ไมสมควร และเปนการไมใหความเคารพนับถือผูใหญของฝายหญิงสาว
เพลง จิ๊งหนอง "ncaag" จึงเปนสื่อชวยใหหนุมสาวมงไดพบกัน โดยไม
กวนใจพอแมของสาว หนุมจะไปยืนดีดเพลงจิ๊งหนอง "ncaag" นอก
บานบริเวณใกลกับหองนอนของสาวคนรัก เมื่อสาวคนรักไดยินเสียง
เพลงก็จะโตตอบดวย เพลงจิ๊งหนอง "ncaag" เชนกัน เพลงจิ๊งหนอง "
ncaag" นี้จะเปนเพลงรหัสเฉพาะตัวของหนุมสาวแตละคู ซึ่งตางก็จะรู
ความหมายซึ่งกันและกันเฉพาะในคูรักของตน หรือผูที่คุนเคยเทานั้น
อีกอยางหนึ่ง เพลงจิ๊งหนอง "ncaag" ทําหนาที่เปนภาษาใจของกัน
และกันใหหนุมสาวมง

3.3 เพลงรองในเทศกาลวันขึ้นปใหม
งานฉลองวันขึ้นปใหมมีความหมายสําหรับหนุมสาวมงโดยเฉพาะ เปนโอกาสที่ผูใหญอนุญาตใหหนุมสาว
ไดมีโอกาสพบปะกันอยางเต็มที่ ในวันขึ้นปใหมหนุมสาวจะเลนลูกชวง และมีการรองเพลงโตตอบกัน ในโอกาสนี้
หนุมสาวมีสุข สนุกสนานกับการเลน และการรองเพลง ความหมายของเพลงที่ใชรองโตตอบกัน เปนไปในทํานอง
เกี้ยวพาราสีกัน บางคูอาจถือโอกาสสารภาพความในใจของตนเอง หรือขอแตงงานเลยก็ได ตอไปนี้เปน ตัวอยาง
เนื้อรองของเพลงที่รองในเทศกาลขึ้นปใหม

“พอแมบอกวาเราโตเปนหนุม/สาวแลว พอแมวาดีอยางไร พอแมไมอาจหามลูก สาวได ลูก สาวจําตอง


แตงงานกับหนุม บาวสาวตกลงจะแตงงานกันตกลงกันแลว พอแมจะวาเชน ไร”

4. การเตนรําของมง การแสดงเตนรําในเทศกาลปใหมมง มงมีการแสดงอยูมากมาย เชน การรํากระโดง การรํา


เก็บใบชา การฟอนงิ้ว

การเปาขลุยมง
การฟอนงิ้วมง

การแสดงการเปาขลุยของมง จะแสดงในงาน การฟอนงิ้วของมง จะแสดงใน


เทศกาลและวันสําคัญอื่นๆเทานั้น เปนการสื่อถึง งานเทศกาลปใหม และงานสําคัญ
เครื่องดนตรีของมง และวิถีชีวิตความเปนอยูของมง ตางๆเปนการแสดงถึงความออนชอย
ซึ่งขลุยนั้นเปนเครื่องดนตรีคูกายของชายมง ซึ่งชาย ของมง
มงจะไมคอยกลาที่จะบอกรักสาว ดังนั้นจึงตองอาศัย
ขลุยเปนสื่อในการบอกรักสาว จึงดูเปนที่นาสนใจมาก

5. การแสดงการรํากระดงของมง จะแสดงในงานเทศกาลปใหม
และวันสําคัญตาง ๆเ ทานั้น เปนการสื่อถึงเครื่องมือเครื่องใชของมง ซึ่ง
อดีตนั้นมงนิยมใชกระดงในการฟดขาว หรือใชเปนอุปกรณในการทํา
ขนมมง ดังนั้นมงจะขาดกระดงไมไดเลย ซึ่งกระดงมี ความสําคัญตอมง
มากเกี่ยวกับชีวิตประจําวัน

การรํากระดงมง
6. การแสดงการรําเก็บใบชาของมง จะแสดงในงานเทศกาลปใหม
และวันสําคัญตาง ๆ เทานั้น เปนการสื่อถึงเครื่องใชในชีวิตประจําวัน
ของมงซึ่งอดีตมง นิยมเก็บใบชานํามาตมเปนน้ําชาดื่มในชีวิตประจํา มง
จึงไดมีการรําลึกถึงคุณคาของใบชาที่ชวยทําใหรางกายมงสมัยกอน
คอนขางแข็งแรง สามารถตรากตรําทํางานหนักไดตลอดทั้งป

การรําเก็บใบชามง

7. การแสดงการเปาแคนของมง จะแสดงในงานเทศกาลปใหม และ


วันสําคัญตาง ๆ เทานั้น เปนการสื่อถึงวิถีชีวิตมง เนื่องจากเครื่องดนตรี
แคน หรือเฆน (ภาษามง ) นั้นเปนอุปกรณคูกายของชายมง เชนกันที่ใช
ในการสื่อถึงการบอกรักกับหญิงสาว หรือสามารถที่จะใชแคนในการทํา
พิธีกรรมตาง ๆ เชน งานแตงงาน งานศพ เปนตน

การรําเปาแคนมง

8. การแสดงการรําใบพัดของมง จะแสดงในงานเทศกาลปใหม และ


วันสําคัญตาง ๆ เทานั้น เปนการสื่อถึงความออนชอยของหญิงสาวมง
และเปนการอวดถึงเสื้อผาที่สวมใสอยู ซึ่งการแสดงชุดนี้ไดรับ
วัฒนธรรมจากชนเผาพื้นเมือง

การรําใบพัดมง

9. การแสดงการนั่งรถแขงของมง การแขงขันรถสามลอจะมีเฉพาะ
ในเทศกาลปใหมเทานั้น จะเปนการเลนของเด็ก และผูใหญ ซึ่งสมัย
กอนมงไมมีรถ หรือยวดยานพาหนะใชในการเดินทาง และไมมีของเลน
ใหกับเด็ก ๆ ไดเลนกัน เนื่องจากอยูหางไกลจากความเจริญมาก ดังนั้น
ไมสามารถที่จะหาซื้อของเลนใหกับเด็ก ๆ เลนได ดังนั้นผูใหญจึงไดคิด
คนสรางรถสามลมขึ้นใหกับ เด็ก ๆ ไดเลนกัน ตอมาจึงไดมีการนํามาขี่
แขงขันกัน และไดมีวิวัฒนาการที่จะพัฒนาใหมีขนาดใหญขึ้น เพื่อให
ผูใหญสามารถที่จะเลนได จึงไดมีการประกวดแขงขันกันวา รถคันไหน
ไปไกลที่สุด และรถคันไหนตกแตงไดสวยงามที่สุด

การเลนรถสามลอมง

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ประเพณีกินขาวใหมของมง เปนประเพณีที่สืบทอดกันมาตั้งแตสมัยรุนทวด – รุน
ศิลปะ ปู ซึ่งมงจะมีความเชื่อวาจะตองเลี้ยง ผีปู-ผียา เพราะชวงเวลาในหนึ่งรอบปหรือใน
ความเชื่อ หนึ่งปที่ผานมานั้นผีปู – ผียา ไดดูแลครอบครัวของแตละครอบครัวเปน อยางดี ดัง
นั้นจึงมีการปลูกขาวใหมเพื่อจะเซนบูชา คุณผีปู-ผียากับเจาที่ทุกตน ซึ่งการกินขาว
ภาษา
ใหมจะทํากันในเดือน ตุลาคมของทุกป ขาวใหมคือขาวที่ปลูกขึ้นมาเพื่อที่จะเซน
บทความ ถวายใหกับผีปู-ผียา แลวสุกในระหวางเดือนกันยายน ถึง ตนเดือนตุลาคม แลวจะ
ปจจุบัน ตองเก็บเกี่ยวโดยเคียวเกี่ยวขาวที่มีขนาดเล็ก เพราะเคี่ยวที่ใชเกี่ยวนั้นสามารถที่จะ
เกี่ยวตนขาวไดเพียง 3-4 ตนเทานั้น จะเริ่มเกี่ยวไดเมื่อรวงขาวสุกแตยังไมเหลือง
มาก ตองเกี่ยวตอนที่รวงขาวมีสีเขียวปนเหลือง เมื่อเกี่ยว เสร็จก็จะนํามานวดใหขาว
เปลือกหลุดออกโดยไมตองตากใหแหง นําขาวเปลือกที่นวดเรียบรอยแลวมาคั่วให
เม็ดขาวแข็งและเปลือกขาวแหง เพื่อใหสะดวกในการตําขาว ในอดีตนั้นนิยมการตํา
ขาวดวยโคกกระเดื่อง เมื่อตําเสร็จเรียบรอยนําขาวมาหุงเพื่อเซนไหวผีปู-ผียา ซึ่งใน
การทําพิธีเซนผีนั้น สามารถทําโดยการนําไกตัวผูมาเซนไหวตรงผีประตูกอน

โดยการนําไกที่ตมทั้งตัวมาประกอบพิธีซึ่งตําแหนงที่จะตองเซนไหวมี
5 แหงไดแก สื่อกาง ดั้งขอจุบ ดั้งขอจุด ดั้งขอจอง ดั้งจี้ดั้ง ขณะทําพิธี
ตองสวดบทสวดเพื่อที่บอกใหสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นับถือไดรับรูและ เขามา
ทานกอน เมื่อทําพิธีเสร็จคนในบานถึงจะสามารถทานตอได ซึ่งพิธีกิน
ขาวใหมนั้นไดสืบทอด มานานหลายชั่วอายุคน

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ลักษณะการแตงกายมงขาว หรือมงดาว
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
ชาย หญิง
บาน
ประเพณี
การแตงกาย ตัวเสื้อจะเปนผากํามะหยี่ เสื้อแขนยาวจรดขอ ตัวเสื้อจะเปนผากํามะหยี่ เสื้ออาจจะเปนสี
ศิลปะ มือ ชายเสื้อจะยาวคลุมเอว ดานหนามีสาบเสื้อสอง น้ําเงินเขมหรือดํา แตปจจุบันก็มี การเปลี่ยนแปลงใหมี
ขางลงมาตลอดแนว สายเสื้อลงไปยังชายเสื้อ ดาน หลากสีมากขึ้น เปนเสื้อแขนยาว ซึ่งที่ปลายแขนนี้ มี
ความเชื่อ
หลัง มักจะปกลวดลายสวยงามดวย ปจจุบันนิยมใส การปกลวดลายใสดานหนามีสาบเสื้อสองขางลงมา
ภาษา ซิปลงขอบ สาบเสื้อ เพื่อสะดวกในการใส สวนกางเกง และมีการปกลวดลาย ใสดวย การแตงกายของหญิง
บทความ จะสวมใสกางเกงขากวย หรือกางเกงจีนเปาตื้นขาบาน มงขาว (มงเดอะ) เดิมจะสวมกระโปรงจีบ รอบตัวสี
มีลวดลายนอย และใสผาพันเอวสีแดง คาดทับ ขาวลวนไมมีการปกลวดลายใด ๆ เมื่อสวมใสจะปลอย
ปจจุบัน กางเกง และอาจมีเข็มขัดเงินคาดทับอีกชั้นหนึ่งดวย รอยผาไว ดานหนา พรอมกับมีผาสี่เหลี่ยมยาวปกลวด
เหมือนกัน ลายปดทับรอยผา มีผาแถบ สีแดงคาดเอวไวชั้นหนึ่ง
โดยผูกปลอยชายเปนหางไวดานหลัง ปจจุบันนิยม
ใสกระโปรงสีขาวเฉพาะงานสําคัญเทานั้น เพราะ
กระโปรงขาวเปรอะเปอนไดงาย จึงหันมานิยมสวม
กางเกงทรงจีนกับเสื้อแทนกระโปรง และมีผาสี่เหลี่ยม
ผืนยาวหอยลงทั้งดานหนา และหลัง ผานี้มักจะปก
ลวดลาย สวยงามมีผาแถบสีแดงคาดเอว สําหรับ
เครื่องโพกผมของหญิงมงขาวนั้น นิยมพันมวยผม
คลอยมาดานหนา และใชผาสีดําโพกผมเปนวงรอบ
ศีรษะ โดยมีการปกลวดลายไวดวย นอกจากนี้ยังมี
เครื่องประดับอื่นประกอบเพิ่มเติม ซึ่งมักจะสวมใสกัน
ในงานสําคัญจําพวกเครื่องเงิน กําไลคอ กําไลขอมือ
ตุมหู แหวน รวมทั้งเหรียญเงินขนาดตาง ๆ ทั้งรูปวง
กลม และสามเหลี่ยม ที่ประดับตามเสื้อผาแพรพรรณ
รวมทั้งสายสะพายปกลวดลายสวยงาม เวลาใชจะ
สะพายไหลเฉียงสลับกันสองขาง

การแตงกายของมงขาวชายในอดีต การแตงกายของมงขาวหญิงในอดีต
การแตงกายของมงขาวชายในปจจุบัน การแตงกายของมงขาวหญิงในปจจุบัน

ลักษณะการแตงกายของมงดํา

ชาย หญิง

เสื้อแขนยาวจรดขอมือ แตชายเสื้อระดับเอว ปจจุบันเสื้อมงเขียวหรือมงดําจะทําใหมีหลาก


ปกสาบเสื้อดานขวา จะปายเลยมาทับซีกซายของตัว หลายสีมากขึ้นเหมือนกัน ชายเสื้อยาวจะถูกปดดวย
เสื้อตลอดจนแนวสาบเสื้อจะใชดายสี และผาสีปกลวด กระโปรงเวลาสวมใส สาบเสื้อทั้งสองขางจะปก ลวด
ลายตาง ๆ สะดุดตา กางเกงสีเดียวกับเสื้อ มีลักษณะ ลาย หรือขลิบดวยผาสี ตัวกระโปรงจีบเปนรอบ ทํา
ขากวางมากแตปลายขาแคบลง สวนที่เห็นไดเดนชัด เปนลวดลายตาง ๆ ทั้งการปก และยอมรอยผา
คือ เปากางเกงจะหยอนลงมาจนต่ํากวาระดับเขา ของกระโปรงอยูดานหนา มีผาเหลี่ยมผืนยาวปก ลวด
รอบเอวจะมี ผาสีแดงพันทับกางเกงไวซึ่งชายผาทั้ง ลายปดรอยผา และมีผาสีแดงคาดเอวทับอีกทีหนึ่ง
สองขางปกลวดลายสวยงาม อยูดานหนา และนิยม โดยผูกปลอยชาย เปนหางไวดานหลัง สําหรับ
คาดเข็มขัดทับผาแดงไว กระโปรงนี้จะใสในทุกโอกาส และในอดีตนิยม พันแขง
ดวยผาสีดําอยางประณีตซอนเหลื่อมเปนชั้น ๆ ปจจุบัน
ก็ไมคอย นิยมใสกันแลว ผูหญิงมงดํานิยมพันผมเปน
มวยไวกลางกระหมอม และมีชองผมมวยซึ่งทํามาจาก
หางมาพันเสริมใหมวยผมใหญขึ้นใชผาแถบเปน
ตาขาย สีดําพันมวยผมแลวประดับดวยลูกปดสีสวยๆ
สวนเครื่องประดับเพิ่มเติมนั้น มีลักษณะเหมือนกับมง
ขาว

การแตงกายของมงดําชายในอดีต การแตงกายของมงดําหญิงในอดีต
การแตงกายมงดําชายในปจจุบัน การแตงกายมงดําหญิงในปจจุบัน

ลักษณะการแตงกายของมงกั๊วมะบา

ชาย หญิง

เสื้อแขนยาวจรดขอมือ แตชายเสื้อระดับเอว ปจจุบันเสื้อมงลายจะมีการทําใหมีหลากหลาย


ปกสาบเสื้อดานขวา จะปายเลยมาทับซีกซายของตัว สีมากขึ้นเหมือนกัน ชายเสื้อยาว จะถูกปดดวย
เสื้อตลอดจนแนวสาบเสื้อ จะใชดายสี และผาสีปก กระโปรงเวลาสวมใส สาบเสื้อทั้งสองขางจะปกลวด
ลวดลายตาง ๆ สะดุดตา กางเกงเดียวกับเสื้อ มี ลาย หรือขลิบ ดวยผาสี ตัวกระโปรงจีบเปนรอบ ทํา
ลักษณะขากวางมาก แตปลายขาแคบลง สวนที่เห็น เปนลวดลายตาง ๆ ทั้งการปก และยอม รอย ผา
ไดเดนชัดคือ เปากางเกงจะหยอนลงมาจนต่ํากวา ของกระโปรงอยูดานหนา มีผาเหลี่ยมผืนยาวปกลวด
ระดับเขา รอบเอวจะมีผาสีแดงพัน ทับกางเกงไวซึ่ง ลายปดรอยผา และมี สีแดงคาดเอวทับอีกทีหนึ่ง โดย
ชายผาทั้งสองขางปกลวดลายสวยงามอยูดานหนา ผูกปลอยชายเปนหางไวดานหลังสําหรับ กระโปรงนี้
และนิยมคาดเข็มขัดทับผาแดง หรือผูกเชื่อกทับผา จะใสในทุกโอกาส และในอดีตนิยมพันแขงดวยผาสี
แดง ดําอยาง ประณีตซอนเหลื่อมเปนชั้น ๆ ปจจุบันก็ไม
คอยนิยมใสกันแลว ผูหญิงมงลาย นิยมพันผมเปนมวย
ไวกลางกระหมอม และมีช องผมมวยซึ่งทํามาจากหาง
มา พันเสริมใหมวยผมใหญขึ้น ใชผาแถบเปนตาขายสี
ดําพันมวยผมแลวประดับ ดวยลูกปดสีสวย ๆ สวน
เครื่องประดับเพิ่มเติมนั้น มีลักษณะเหมือนกับมงขาว

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ
ในอดีตผาปกชาวขาวสวนใหญจะใช
ความเชื่อ
ผาไหมดิบที่ผลิตเองมาปกเปนลวดลายตาง ๆ
ภาษา ซึ่งลวดลายเหลานี้ มงคิดคนออกแบบของ
บทความ ลวดลายเอง ปกติแลวมง จะมีความประณีต
ในการคิดลวดลาย และการปกลวดลายตาง ๆ
ปจจุบัน ซึ่งจะเห็น ไดจากกระโปรงของมงที่ทําจากผา
บาติกกับผาปก และเมื่อมีการปกลายเรียบ
รอยแลว จะนํามาแปลรูปเปนเสื้อผาที่จะสวม
ใสในเทศกาลปใหม หรือในวันสําคัญตาง ๆ
และสามารถที่จะประดิษฐเปนเครื่องใชอยาง
อื่นได เชน ถุงยาม กระเปาสะพาย กระเปาเป
กระเปาใสสตางค ถุงใสโทรศัพทมือถือ
เครื่องใชอื่น ๆ เปนตน ซึ่งผาปกของมงจะมี
ลวดลายที่แตกตางกันไป และมีชื่อเรียกแตก
ตางกัน

ผาบาติกชาวเขาเผามง
ในอดีตมงมีการนําผาไหมดิบที่ทอเองมาเขียนเปนลวดลายตาง ๆ เพื่อที่จะทําเปนกระโปรงของผูหญิงมง ซึ่งผา
ไหมนั้นทํามาจากเปลือกของเสนใยกัญชงที่แหงสนิท จากนั้นจะนํามาฉีกออกเปนเสนเล็ก ๆ เพื่อที่จะไดเสนดายที่มี
ขนาดเล็กเหมาะสมกับการทอผา ซึ่งทั่วไปจะนําเสนใยกัญชง ที่แบงเปน 4 สวน หรือแบงออกเปนอีก 16-20 เสน จากนั้น
จะนําเสนใยกัญชงไปตําในครกกระเดื่อง เพื่อใหเปลือกนอกที่หุมติดกับเสนใยหลุดออกไป ใหเหลือแตเสนใยแท ๆ เทา
นั้น เพราะเสนใยกัญชงแทจะมีความออนตัว และสะดวกแกการปน
หลังจากที่มีการตําเสนใยกัญชงเรียบรอยแลวก็จะนํามาพันมวน ๆ เปนกอนโดยใชตีนดั่ว (ตีนดั่ว เปนเครื่องมือ
เฉพาะในการพันเสนใยกัญชง) ทํามาจากไมกลม ๆ เสนผาศูนยกลางยาวประมาณ 8-10 นิ้ว มีที่ถือทําดวยหวายถักใน
ขณะที่นํามาพันแกนไมนั้น จะมีการตอเสนใยกัญชงแตละเสน โดยใชนิ้วมือขยี้สวนปลายของเสนใยกัญชงใหแตกออก
เปนสองเสน จากนั้นก็จะนําอีกเสนหนึ่งมาตอกับเสนเดิม เมื่อเสนใยกัญชงเต็มแกนแลวจะคลายกับรองเทาจีน จากนั้นจึง
ถอดไมออกเก็บมวนเสนใยไว นําไปจุมน้ํารอนใหออนตัว แลวนําไปตีเปนเกลียว โดยผานการเขาเครื่องตีเกลียว นั่นคือชั้ว
ดั่ว เสนใยที่ผานการปนเปนเกลียวแลวจะกรอไวในแกนที่เรียกวา ซาย ซึ่งเครื่องชั่วดั่วเครื่องหนึ่งสามารถที่จะใจแกนเสน
ใยกัญชงไดครั้งละ 4 - 6 แกนเมื่อเสร็จก็จะเปลี่ยนชุดใหมอีก
จากนั้นก็ดึงดายออกจากแกนเขาเครื่องโกลเพื่อเก็บตอไป จากนั้นนําดายเสนใยกัญชงมาฟอกสีและทําใหดาย
ออนตัว โดยนํามาตมกับน้ําขี้เถาประมาณ 4 กาละมัง นํามารอนเศษถานออกแลวผสมน้ําใสลงในกะทะใบบัวเสนผาศูนย
กลางประมาณ 3 - 3 1/2 ฟุต เอาไจดายกัญชงลงตมจนดายนิ่มยกลง และเอาไจดายคลุกกับขี้เถา แชไวเชนนั้น เมื่อแหง
สนิทแลวนําไปตมกับน้ําขี้เถา แชไว 1 คืน ลางขี้เถาออกใหหมด ตากใหแหง ทําซ้ําเชนนี้จนกวาเสนใยจะขาวจนพอใจ
จึงซักใหสะอาด
จากนั้นก็นําเสนดายที่ปนเรียบรอยแลวมาทอเปนผาไหมดิบ เมื่อทอเรียบรอยแลวก็จะนํามารีดดวยกอนหิน ซึ่ง
กอนหินนี้ใชสําหรับในการรีดผาไหมดิบเทานั้น หากวาไมรีดใหเรียบแลว เวลานําผาไหมดิบมาเขียนเปนลวดลายจะไม
สามารถเขียนได เนื่องจากมีปมของเสนดายที่ตอกันดวย หากวาไมเรียบก็จะเขียนลวดลายไดไมสวย

ขั้นตอนที่ 1
นําขี้ผึ้งมาละลายหรือตมใหรอน โดยวิธีการดังนี้ นํากระปองที่มีขนาด
เสนผาศูนยกลางกวาง 10 เซนติเมตร เจาะฝาขางหนึ่งออก แลวไมตองตัด
ทิ้ง และทําใหฝาขางที่เจาะขึ้นนั้นมันเรียบรอย พรอมกับสามารถที่จะเปนที่
หยดน้ําขี้ผึ้งได บริเวณรอบ ๆ ขอบของกระปองตองจัดใหเรียบรอย โดยที่ไม
เปนอันตรายตอคนที่ใช จากนั้นนําขึ้ผึ้งใสลงไป นํากระปองไปอุนกับถานที่
รอนจัด จากนั้นขึ้ผึ้งก็จะละลาย รอจนกวาขึ้ผึ้งรอนจัดถึงจะใชได

ขั้นตอนที่ 2
นําผาไหมที่ทอไดเรียบรอย มาสรางตารางสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดของสี่
เหลี่ยมประมาณ 2-3 เซนติเมตร ตารางทุกชองจะตองมีขนาดเทากัน โดยสราง
ตารางใหเต็มผาไหมดิบ ตองใชดินสอขีดเสนตาราง หรือปากกาน้ําเงินก็ได ไมควร
ที่จะใชปากกาสีแดง เพราะปากกา สีแดงเมื่อนํามาขีด หรือสรางตารางแลวเวลา
ยอมผาไหม จะเห็นเสนตารางเปนสีแดงอยูทําให ผาไหมไมสวย จากนั้นนําปากกา
เขียนขึ้ผึ้ง โดยนําปากกาไปจุมขึ้ผึ้ง แลวนํามาเขียนลวดลายตาง ๆ บนผาไหมดิบ
ปากกาเขียนขึ้ผึ้งนั้นเรียกวา ดาตาะ ซึ่งดาตาะทําจากเหล็กหรือทองเหลือง วิธีการ
ทํา คือ นําแผนทอง เหลืองหรือแผนเหล็กมาวัดเปนรูปสามเหลี่ยมที่มีขนาด
ประมาณ 2 เซนติเมตร จากนั้นแลวนํามาขัดดานดานหนึ่งใหเรียบ เหลาไมไผที่มี
ขนาดเสนผาศูนยกลางประมาณ 2 เซนติเมตร หรือประมาณ 1 เซนติเมตร นําไมไผ
มาผาปลายดานใดดานหนึ่ง แลวนําแผนเหล็กที่ตัดมาเรียบรอยมา สอดใสลงไปใน
ชองรอยผาแลวมัดใหเรียบรอย หลังจากที่เขียนลวดลายเสร็จ

ขั้นตอนที่ 3
จะนําผาบาติกไปยอมครามใหดํา เมื่อยอมเสร็จเรียบรอยแลว ก็จะนําไปลางสีครามนั้นออกใหหมดกอน โดยที่จะ
ลางสีครามออกไดนั้นจะมีวิธีการดังนี้ คือ ตมน้ํารอนใหเดือด จากนั้นก็น้ําผาบาติกมาแชน้ําเย็นจากนั้นกํานําผาบาติก ที่
แชน้ําเย็นออกรอใหแหงกอน แลวนําผาบาติกมาตมกับน้ํารอนในกระทะที่ตั้งน้ําไว รอสักประมาณ 3-5 นาที พยายามลาง
คราบขึ้ผึ้งออกใหหมด นําไปผึ่งแดดใหแหง แลวก็นําผาบาติกไปตัดตกแตงใหสวยงาม โดยที่นําผาสีอื่นมาปะชุนใหเรียบ
รอยดังนี้ แลวจึงนํามาจับจีบทั้งหมด

ขั้นตอนที่ 4
นําผาที่ปกเรียบรอยมาตอกับผาบาติก แลวจัดกลีบใหตรงกัน จากนั้นรอยจีบนั้นจะตองเอาดายรอยไวแนน เพื่อให
จีบสามารถอยูไดนาน และจัดตัวอยูตลอดเวลา เมื่อถึงงานเทศกาลปใหมจะสามารถนํามาใชไดเลย เพราะหากวา
กระโปรงนั้นจับจีบไมสวย ก็ใสไมสวยเหมือนกัน ดังนั้นเมื่อจับจีบเรียบรอยแลวจะตองเก็บ ประมาณ 1 เดือนเปนอยาง
นอย เพื่อใหจีบคงทน และสวยงาม สามารถนํามาใชไดเลย

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
มนุษยทุกชนชาติตางมีดนตรีอยูในหัวใจของตนเอง แตดนตรีของใครจะสุดซึ้งเพียงใดนั้นก็แลวแตที่จะถายทอด
ศิลปะ ออกมาใหคนอื่นไดรับรู บางถายทอดออกมาเปนบทเพลงรํานําโดยผานริมฝปาก บางถายทอดโดยอาศัยเครื่องดนตรี ซึ่ง
ความเชื่อ มีอยูมากมายหลายชนิด สําหรับเครื่องดนตรีของคนมงที่มีมาแตโบราณกาลนั้นก็มีหลากหลาย แตวาดนตรีเหลานี้ดู
เหมือนวากําลังจะสูญหายไปจากวิถีชีวิตของคนรุนใหม
ภาษา
บทความ เครื่องดนตรีมงสามารถแบงไดเปน 2 ประเภท
ปจจุบัน
1. เครื่องดนตรีประเภทเปา ไดแก จิ๊งหน อง"จาง" ขลุย และ แคนหรือเฆง
2. เครื่องดนตรีประเภทตี ไดแก กลอง "จั๊ว"

1. เครื่องดนตรีประเภทเปา

1.1 จิ๊งหนอง (จาง-Ncas)


เปนเครื่องดนตรีคูกายคูใจ ของหนุมสาวมงจางเปนเครื่องดนตรีที่ปูยาตายายทาน
สรางไว และเชื่อกันวามีผีสิงอยู ใชเปาเพื่อบรรยายความรูสึกในใจ สามารถเปาได
หลากหลายรูปแบบ เชน เราเปน หนุมตองเดินทางไกลไปเที่ยวสาวก็จะเปาจางทาง
ไกล หรือถาเปนหนุมสาวในหมูบานเดียวกันก็จะเปาอีกแบบหนึ่ง เพื่อแสดงวาเราเปน
คนคุนเคยกัน จางนับวาเปนเครื่องดนตรีของมงที่ใชสื่อรักกัน แตพอไดมาเปาจางโต
ตอบกัน และทําใหตางคนตางเห็นคุณคาของแตละคน จนเกิดความผูกพัน และรักกัน

การเปาจาง เราจะตองเปาชมเชยยกยองเขา เขาเองก็จะเปาชมเชยยกยองเรา


เชนกัน ในบางเรื่องราวที่เราตองการสื่อความรักแตไมกลาพูดก็จะใชจางเปนสื่อ
เพราะจางเปนเครื่องดนตรีที่สื่อภาษารักไดดวยความนุมนวล และไมทําใหผูสื่อ และผู
รับนั้นเกิดความเขินอาย การเรียนรูในเรื่องการเปาจางนั้นไมจําเปนตองมีครูสอน
เพียงแตเรียนรูหลักการนิดหนอย แลวก็ฝกฝนดวยตนเอง

หลักเกณฑในการเปาจางก็จะตองมีคําขึ้นตน มีคําที่ใชแทนนามสกุลที่ตางกันไป สําหรับเนื้อหาของจางนั้นมีหลากหลาย


เรื่องราว แลวแตวาจะเปาพูดถึงเรื่องอะไร อาจจะเปนเนื้อหาที่คิดเองทําเองก็ได แตตองเปนไปตามหลักการเนื้อหาที่เปา
จะเปนเรื่องราวที่พรรณนาใหเห็นภาพความสวยงามของสาว เมื่อเทียบกับดอกไมใบหญา

ดังนี้ในการเกี้ยวพาราสีของมงนั้นเราจะใชจางเปนสื่อ ของประเพณีการเกี้ยว
พาราสีอยางหนึ่งของมง ก็คือหนุมตองไปหาสาวในยามค่ําคืน ซึ่งสาวนอนในบาน
หนุมอยู นอกบานหนุมตองรูวาสาวนั้นเปนใคร นอนอยูตรงไหน ในยามที่ทุกคน
หลับหนุมจะคอย ๆ ไปเรียกสาว สาวเองคงไม ตอบหนุมอยางงายดาย เหมือนที่ทุก
คนคิดกัน ถาสาวไมตอบหนุมก็ตองกลับ หรือไมก็ตอบมาวายามนี้เวลาดึกแลว ทุก
คนตองการพักผอน ขออยาไดมารบกวนเมื่อไดคําตอบเชนนี้ หนุมก็ตองกลับไปที่
บาน แลวหาวิธีที่ใหพูดกับสาวใหไดรูจักกัน นั่นคือหนุมจะตองเปาจางที่เปนบท
เพลงรักมอบใหสาวเพื่อใหสาวได เห็นคุณคาของหนุม แลวจะมีเสียงตอบออกมาวา
ใครนะเปาจางไดเกงจังเลย อยากจะรูจักจริง ๆ การสนทนาจึงเกิดขึ้น จางเปนดนตรี
ที่มีอิทธิพลตอความรูสึกของคนมงในอดีตอยางยิ่ง

ปจจุบันจางไดหายไปจากวิถีชีวิตของหนุมสาวคนรุนใหม ทําใหหลาย ๆ คนได


รูจักความหมายในการสื่อรักดวยจาง และถาหากจะมีใครนํากลับมาเรียนรู และนํา
ไปใชอีกครั้งหนึ่งก็คงจะดีไมนอยเลย

1.2 แคน (Qeej) เปนภาษามง อานวา เฆง หรือ qeng ซึ่งแปลวา แคน หรือ
mouth organ เฆง หรือแคนเปนเครื่องดนตรีที่ทําจากลําไมไผ และไมเนื้อแข็ง มี
ปรากฏในเอเชียมากวา 3,000 ปแลว และถือไดวาเปนเครื่องดนตรีที่เกาแกที่สุด
ชนิดหนึ่ง มงมีเรื่องเลาเกี่ยวกับความเปนมาของเฆงวา ในอดีตกาลมีคนมงอยูครอบ
ครัวหนึ่ง มีพี่นอง 7 คน วันหนึ่งผูเปนบิดาสิ้นชีวิตลง และบรรดาพี่นองทั้ง 7 คน
ตองการจัดพิธีงานศพเพื่อเปนเกียรติใหกับผูเปนบิดา แตไมรูวาจะทําอยางไรดี จึง
ไดขอคําปรึกษาจากเทพเจา
"ซีย" ซึ่งคนมงมีความเชื่อวาเปนเทพเจาที่พระเจาสงมาเพื่อชวยเหลือมวลมนุษย
ในโลก และเปนผูมีบทบาทสําคัญในการกําหนดพิธีกรรมที่สําคัญทางศาสนาของ
คนมง เทพเจาซียีไดแนะนําให คนหนึ่งไปหาหนังสัตวมาทํากลองไวตี และอีกหก
คนไปหาลําไมไผที่มีขนาด และความยาวไมเทากันมาคนละอัน เรียงลําดับตาม
ขนาด และอายุของแตละคน เมื่อเตรียมพรอมแลว ใหคนหนึ่งตีกลอง และอีก 6 คน
ที่เหลือ เปาลําไมไผของตนบรรเลงเปนเพลงเดียวกัน และเดินวนไปรอบ ๆ คนที่ตี
กลองพรอมกับมอบบทเพลงตาง ๆ ให

เมื่อเทพเจาซียี กลาวเสร็จ พี่นองทั้ง 7 จึงไดกลับไปจัดงานศพใหบิดาตามที่


เทพเจาซียีไดแนะนําให ตอมามีพี่นองคนหนึ่งไดตายจากไป เหลือคนไมพอที่จะ
เปาลําไมไผทั้งหก พี่นองที่เหลือ 6 คน จึงไดขอคําปรึกษาจากเทพเจาซียีอีกครั้ง
เทพเจาซียีจึงแนะนําใหรวมลําไมไผทั้งหกมาเปนชุดเดียวกัน แลวใหคนเดียวเปา
เทานั้น สวนคนอื่นใหทําหนาที่ถวายเครื่องบูชา ตระเตรียมอาหาร และทําหนาที่อื่น
ไป

ตอมารูปแบบพิธีงานศพดังกลาวก็ไดรับการถือปฎิบัติมาเรื่อย ๆ จนกลายเปน
ประเพณีในการจัดพิธีงานศพของคนมงมาจนกระทั่งทุกวันนี้ เฆงประกอบดวยลําไม
ไผทะลุปลอง 6 อัน คือ ซยงตั๋วจื๋อ (xyoob tuam tswm) 1 อัน และ ซยงเฆง
(xyoob qeej) 5 อัน แตละอันมีขนาด และความยาวไมเทากันกับลําไมเนื้อแข็งซึ่ง
มีปากกลมยาว (กางเฆง kaav qeej) เปนไมแดงหรือ ที่ภาษามงเรียกวา ดงจือเป
(ntoo txwv pem)

เมื่อเปาหรือสูดลมเขาออก จะใหเสียงไพเราะตอเนื่องกัน ตลอดจนจบตอนของบทเพลงลําไมไผ แตละอันมีชื่อเรียก


เฉพาะของตัวเอง เชน ดีลัว ดีไล ดีเสง ดีตือ ดีจู คนมงจะใชแคน (เฆง) ในพิธีงานศพเปนหลัก โดยเปนเครื่องนํา
ทางดวงวิญญาณของผูตายไปสูปรโลก หรือแดนของบรรพบุรุษ ฉะนั้นในธรรมเนียมมงจึงหามมิใหฝกเปาแคนภายในบาน
สวนใหญจะฝกในที่ ๆ หางไกลจากหมูบานซึ่งมักจะเปนที่พักพิงตามไรสวน

เนื้อเพลงเฆงในพิธีงานศพโดยทั่วไปจะมีลําดับการเปาดังนี้
ดี๋ (ntiv) ซึ่งเปนการโหมโรง
ปลั่วจี๋เฆงจี๋ จรั่ว (pluas cim qeej cim nruag) รัวกลองพรอมกันไป
กับเพลงเฆง
ลื๋อฆะจรั่ว (lwm qab nruag) การลอดใตคานที่แขวนกลองของผูเปา
เฆง
ซุตัว (xub tuag) เปนการแนะนําเพลงเฆง
ฆัวซุตัว (quas xub tuag) เปนการลงทายบทแนะนําเพลง
ยซาเฆงตัว (zaj qeej tuag) เริ่มตนเนื้อเพลง
ฆัวยซาเฆงตัว (quas zaj qeej tuag) เปนการรายเนื้อเพลงเพื่อเขาสู
ปรโลก
เฆงตรอฆาง (qeej rov qaab หรือ raib leev) เปนขั้นตอนการกลับ
จากปรโลก
ยซายตรอยซายเหนง (zais roj zais neev) เปนขั้นตอนการกลบ
เกลื่อนเสนทางกลับจากปรโลก เพื่อมิใหมีวิญญาณติดตามมาได
เสาเฆง (xaus qeej) ลงทายบทเพลง

ประเภทของบทเพลงที่ใชในพิธีงานศพมีดังนี้
เฆงตูสา (qeej tu sav) เพลงแรกหลังจากผูตายไดสิ้นลมหายใจแลว
เฆงฆฮัวะเก (qeej qhuab ke) เพลงนําทางดวงวิญญาณไปสูปรโลกหรือแดนแหงบรรพบุรุษ
เฆง นเจเหนง (qeej nce neeg) เพลงเคลื่อนยายศพขึ้นหิ้ง (แครลอย)
เฆง เฮลอเดอ (qeej hlawv ntawv) เพลงเผากระดาษเงินกระดาษทองใหผูตาย
เฆงเสอเก (qeej sawv kev) เพลงเคลื่อนยายศพออกจากบาน นอกจากจะใชในพิธีงานศพแลว ยังมีการใชเฆง
เพื่อความบันเทิงในงานรื่นเริงตาง ๆ ดวย โดยเฉพาะการเตนรําเฆงในงานฉลองเทศกาลปใหมมง ซึ่งบทเพลงเฆง เพื่อ
ความบรรเทิงจะมีลําดับการเปาดังนี้
ดี๋ (ntiv) โหมโรง
ซุ (xub) แนะนํา
นู นตรื่อ (nuj nrws) เนื้อเรื่อง
ฆัวนู นตรื่อ (quas nuj nrws) ทวนเนื้อเรื่อง
ปลั่ว (pluas) สรุป
เสา (xaus) ลงทาย

1.3 การเปาขลุย
ขลุยเปนเครื่องดนตรีอีกประเภทหนึ่ง
ของ มงที่ใชเปาเรียกหาคู และสรางความ
จรรโลงใจ ซึ่งขลุยมงจะทํามา
จากกระบอกไมไผ และทอพีวีซี จะใชเปา
แทนความรูสึกของสภาพจิตใจของผูนั้น
จะเปาในวันสําคัญ เชนงานปใหมและงาน
สําคัญอื่น ๆ

2. เครื่องดนตรีประเภทตี

กลอง หรือ จั๊ว


เปนเครื่องดนตรีของมงที่มีลักษณะเปนกลองสองหนา หรือหนึ่งหนาก็ได รูปรางกลมแบน โดยใชแผนผนังสัตวสอง
แผนมาประกอบ เขากับโครงกลองหลอมตัวกลอง ทั้งสองดานริมขอบของแผนผนังทั้งสองแผนจะเจาะรูเปนคู ๆ สําหรับ
เสียบสลักไมเล็ก ๆ เพื่อใชเชือกรอยสลักไมของแผนผนังทั้งสองดานดึงเขาหากัน ซึ่งจะทําใหแผนผนังกลองตึงตัวเต็มที่
เมื่อตีจะมีเสียงดังกังวาน และมีไมตีกลองหนึ่งคู หรือสองอันทําจากไมดานหนึ่ง จะเอาผาพันไวสําหรับตีกลอง สวนดานที่
ไมมีผาหอใชสําหรับจับ กลองมงนี้จะใชเมื่อประกอบพิธีงานศพ การปลอยผีหรือปลดปลอยวิญญาณ เทานั้น

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ
การตีมีด ในอดีตมงมีความรูเรื่องการทํามีดอยูมากมาย ลักษณะมีดของมงจะไม
ความเชื่อ
เหมือนกับชนเผาอื่น มงจะมีการตีมีดตามสภาพการ ใชงาน ถาเปนงานหนักตัวมีด
ภาษา ก็จะมีลักษณะใหญ แตถาใชในการดายหญา มงจะทําดามมืดใหยาวเพื่อสะดวกใน
บทความ การฟนหญา หรือถาตัดไมมงก็จะทําตัวมีดใหญขึ้นดามไมคอยยาวเทาไร เพื่อ
สะดวกแกการใชงาน มงจึงไดชื่อวาผูที่มีความสามารถในการตีมีดเปนอยางมาก
ปจจุบัน มีดมงจะมีลักษณะพิเศษกวา คือตัวมีดจะหนา ตรงปลายมีดจะแหลมมาก มีความ
คมมาก

เครื่องเปาลมกับกองถาน เครื่องเปาลมมี
ประโยชนในการเปาลมเพื่อใหถานรอนขึ้น
และไมดับ สะดวกแกการเผามีดใหรอน และ
สามารถที่จะตีมีดตามรูปแบบที่ตองการ ซึ่งมีด
ที่ถูกวัดแบบเรียบรอยแลว จะถูกนํามาเผาใหมี
ความออนตัวขึ้น แลวจึงจะตีมีดใหมีความสวย
งาม เครื่องเปาลมทํามาจากไม โดยหาทอน
ไมที่มีขนาดใหญพอสมควร เจาะตรงกลางให
มีช องวางในทอนไมอยู จากนั้นนําเสนเหล็ก
มา เอาแผนไมมาทําเปนฝาปดตรงดานหนา
ของทอนไม เจาะรู ตรงกลางของแผนไมที่ใช
ทําเปนฝา นําเสนเหล็กที่เตรียมไวมาสอดใส
เขาไป จากนั้นจึงนําไปสวมลงไปในทอนไม
เวลาที่ดึงออกแลวดันเขาไปจะมีลมเปนตัว
ชวยเปา ใหถานที่ติดไฟอยูขางหนาไมตองดับ

ซึ่งการตีมีดแตละครั้ง มงจะตองมีการนํา
แผนเหล็กที่จะตีเปนมีด มาวัดตามแบบ
มีดตามที่มงออกแบบไว เพื่อสะดวกแก
การใชงานเพราะมีดมง แตละแบบจะมี
การนํามาใชงานคนละดานกัน มีดจะมี
ขนาดของตัวมีดหนาก็จะมี การใชงานที่
คอยขางหนัก หรือใชสําหรับในการตัดสิ่ง
ของที่มีความแข็งแรง สวนมีด ที่มีขนาด
ของตัวมีดบาง และเล็กลงจะใชในการตัด
แบบ สิ่งของที่ออนกวา เชน ใชหั่นผักตาง ๆ
มีดตาง ๆ ของมง สวนมีดที่ใชในการหั่นเนื้อสัตวตางกันตรง
ปลายมีดจะมี ลักษณะแหลมมาก ตัวมีด
จะมี ลักษณะเล็กยาวเรียว เหมาะสําหรับ
ในการพกพาไปไหนมาไหนไดสะดวก

มีดดามยาว (เมาจั๊ว ) หรือมีดดายหญาของมง มีลักษณะตัวมีดมีความยาว


ประมาณ 30 - 45 เซนติเมตร ตรงปลายมีดจะมีลักษณะงอเขาหาตัวมีดที่คม
สวนที่ปลาย มีดนั้นจะมีลักษณะเหมือนปลองถือได สามารถที่จะนําไมมาเหลา
แลวสอดเขาไปขางใน เพื่อใชเปนดามจับอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสะดวกแกการใชงาน
ซึ่งมีดชนิดนี้จะใชในการดายหญาเทานั้น และใชตัดตนไม ซึ่งจะสังเกตเห็นวา
ขนาดของตัวมีดจะมีความหนากวามีดชนิดอื่น ๆ มีดดามยาวนี้จะเปนมีดคูช ีพ
ของมง เพราะมงจะใชมีดนี้ในการทําไรตลอดเวลา

เคียวเกี่ยวขาวมง ทํามาจากเหล็ก มงจะมีการตีเคียวเพื่อใชในการเกี่ยวขาว


โดยเฉพาะ คือ เคียว มงจะมีลักษณะโคง ตัวมีดจะหนานิดหนอย ไมมีรอยหยัก
ดานในของดามที่มีความคม ซึ่งเคียวใชในการเกี่ยวขาวโดยตรงเทานั้น

ขวาน (เตา) ใชในการผาฝน หรือใชตัดตนไมที่มีขนาดใหญ มงจะทํามาจาก


เหล็กที่มีขนาด ใหญเพื่อเหมาะสมแกการใชงาน วิธีการตีขวานมงเริ่มจาก นํา
ทอนเหล็กมาเผาใหออนตัวแลว จากนั้น จะมีการเจาะรู ซึ่งขนาดเจาะรูนั้นจะ
ตองเผาใหกอนเหล็กออนตัวจริง ๆ จึงจะสามารถที่จะเจาะรูได หลังจากที่เจาะรู
เรียบรอยแลว จะมีการตีตรงปลายขวานใหมีความคม จากนั้นเหลาไมมาสอดใส
เขาไป เพื่อเปนดามจับสะดวก และเหมาะกับการใชงาน

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ
ความเชื่อ ในอดีตมงนิยมทําเครื่องประดับจากเงิน และทองขาว เนื่องจากสมัยกอนนั้นมงไม รูจักทอง มีเรื่องเลาวา สมัยกอน
ภาษา มีมงผูชายคนหนึ่งซึ่งพระเจาไดใหตื่นแตเชาตรู เพื่อที่จะไปตีสิ่งของที่บินผานมา และพระเจาไดบอกวาเห็นอะไร บิน
ผานมาก็ตีใหหมด พอชายคนนี้ตื่นแตเชาตรูเพื่อที่จะไปตีสิ่งของที่บินผานมา แตพอไปถึงชายหนุมมงเห็นสิ่งของอะไรก็
บทความ ไมรู บินมาลอยอยูตรงหนา เห็นเปนสีเหลืองๆ แตก็่ไมตีปลอยใหลอยผานไป สักพักหนึ่งก็มีสีขาวบินผานมาชายคนนี้ก็
ปจจุบัน ไมตีอีก แตพอเห็นสีดําลอยผานมาจึงไดตัดสินใจตี เมื่อตีเสร็จเรียบรอยแลว ชายหนุมมงก็กลับมารายงานใหกับพระเจา
พระเจาจึงไดพูดวา เจานี่ทองลอยมาก็ไมตี เงินลอยมาก็ไมตี พอเหล็กลอยมาก็ตี ขาใหเจาไปตีทองและเงินนะ ไมได
ใหไปตีเหล็ก แตเมื่อเจาตีไดแคเหล็ก เจาจงนําเหล็กนี้ไปทําเปนอาวุธ เพื่อที่จะไดใชไปทํามาหากินนะ หลังจากนั้นมา
มงจึงไมรูจักทองกับเงิน แตที่มงรูจักใชทองและเงิน เนื่องจากชายมงผูอาภัพไดไปคาขายกับจีน จึงทําใหมงเริ่มรูจักใช
เงินตั้งแตนั้นเปนตนมา มงจึงเริ่มรูจักนําเงินและทองขาวมาทําเปนเครื่องประดับ ดังนั้นภายหลังหรือยุคหลังๆ มงจึงนิยม
นําทองขาวมาทําเครื่องประดับ สามารถที่จะทําเปน ตางหู กําไลขอมือ กําไลขอเทา เข็มขัด เข็มกลัด หวงคอ เปนตน
ซึ่งมีขั้นตอนการทําดังนี้

ขั้นตอนที่ 1
นําแผนทองขาวมาวัดขนาดของหวงตาง ๆ ซึ่งการทําหวงคอของมง
นั้นจะมีอยู 5 หวง คือหวงอันที่หนึ่งจะมีขนาดใหญที่สุด และจะลดขนาดลง
ไปเรื่อยๆจนถึงขนาดที่เล็กที่สุด หวงเล็กจะอยูบนสุดของหวงทั้งหมด หลัง
จากที่วัดขนาดของหวง ทั้ง 5 หวงเรียบรอย

ขั้นตอนที่ 2
นํามาตอกลวดลายเปนรูปดอกไมตางๆแตกอนที่จะตอกลวด
ลาย สมัยกอนจะไมนําแผนเงินมาทาบบนชันไม แตปจจุบันจะนําแผนทอง
ขาวมาทาบบนชันไมเพื่อไมใหเคลื่อนที่และสะดวกในการตอกลาย ชวย
ปองกันมิใหแผนเงินเกิดการชํารุด

ขั้นตอนที่ 3
นําหวงคอที่ตอกลายเรียบรอยแลว จากนั้นนําหวงคอที่ละอันมาดัด
ใหงอเขาหากัน เพื่อที่จะเชื่อมเขากันได จากนั้นก็ทําการเชื่อมหวงทีละอัน
ใหเสร็จเรียบรอย จากนั้นนํามาประกอบเขาดวยกัน โดยจะจัดเรียงหวงคอที่
มีขนาดที่ใหญที่สุดเปนฐาน แลวตามดวยหวงคอที่มีขนาดเล็กลดลั่นตามกัน
มาจนครบ 5 หวง เมื่อมีกันจัดเรียงหวงคอเรียบรอยแลวก็จะมีการเชื่อมหวง
คออีกครั้ง โดยที่เชื่อมหวงคอทั้ง 5 ห วงใหติดกันเปนแผน แลวจัดทํา
กระดุมใหแผนหวงคอคลองกันได

ขั้นตอนที่ 4
จากนั้นก็นําหวงคอไปลางดวยน้ํากรด ขัดใหเรียบรอย แลวชุบดวย
เงิน เมื่อเสร็จเรียบรอยแลว จะนําไปลางดวยน้ํากรดออนอีกครั้งเพื่อใหขาว
และเงามากมากขึ้น ซึ่งเครื่องประดับชิ้นนี้ใชเฉพาะในการ สวมใสใน
เทศกาลฉลองปใหมเทานั้นหรือวันสําคัญตางๆเทานั้น ซึ่งเครื่องประดับชนิด
นี้ก็เปนอีกอาชีพหนึ่ง ที่เสริมรายไดใหกับมง

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ
เครื่องประดับเงินมง
ความเชื่อ ในปจจุบันมงเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นตลอด จนไดรับการพัฒนาฝมือ และมีการประกอบอาชีพที่เปนการ
ภาษา เสริมรายไดใหกับครอบครัวไดอยางมั่นคง ซึ่งอาชีพดังกลาว ไดแก การทําเครื่องเงิน การทําเครื่องประดับจากทอง
เหลืองและการเขียนผาบาติก การปกผาชาวเขา การทํามีด (ตีมีด) เปนตน
บทความ
ปจจุบัน การทําเครื่องเงิน มีวิธีการทํามีดังนี้
ขั้นตอนที่ 1
นําเงินเม็ดมารีดใหเปนแผนบาง ๆ หรืออาจจะมีการนําเศษเงินที่เหลือ
มารีดให เปนเสนตามขนาดที่ตองการ ซึ่งเม็ดเงินที่รีดไดนั้นใชในการทํากระเปา
เงิน เข็มขัดเงิน กําไลมือ กําไลเทา ตางหู สวนเศษเงินที่ได จากการรีดจะใชใน
การทําสรอยคอเงิน สรอยขอมือ ตางหู เปนตน เงินที่รีดมาเปนแผนบาง ๆ จะ
นํามาวัดขนาดของแบบที่ตองการ

ขั้นตอนที่ 2
นําแผนเงินที่รีดเปนแผนบางๆเรียบรอยแลว มาวัดแบบที่ตองการถา
ตองการกระเปา ขนาดความกวางเทาไร สูงเทาไรเสร็จเรียบรอย ก็จะนําไปทาบ
บนชันไมที่เตรียมไว ซึ่งกอน ที่จะทาบแผนเงินไปนั้นตองเผาชันไมใหมีความ
ออนตัวเพื่อที่จะไดยืดแผนเงินไดดี และมั่นคง แผนเงินจะไดไมเคลื่อนที่เวลา
ตอกลาย

ขั้นตอนที่ 3
จากนั้นเริ่มตอกลวดลายลงบนแผนเงินที่ทาบไวบนแผนชันไมหรือยาง
ไม สวนมาก ลวดลายที่ตอกลงไปนั้นจะเปนรูปดอกไม ตนไม หรือรูปสัตวตาง ๆ
มื่อตอกลายเรียบรอย แลวจะนําแบบที่ตอกลายไปเชื่อมและดัดใหเขารูปที่ตอง
การจากนั้นนําไปแชน้ํากรดออน ๆ
(น้ํามะนาว) แลวขัดใหขาวสนิทหรือถาตองการลงสีอื่นเพิ่มเติม
ตัวอยางเครื่องประดับเงินที่ประดิษฐเรียบรอยแลว เชน สวนหวงคอเงินที่
ประดิษฐเรียบรอยแลว สวนมากจะใสประดับ เครื่องแตงกายชุดมง ใชในวาระ
งานขึ้นปใหม

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
ในอดีตวิถีชีวิตของมงไดรับการสืบทอดวิธีปฏิบัติบูชาเพื่อการรักษาโรคภัยตาง
วิถีชีวิต
ๆ มาจากบรรพชน สามารถที่จะขับผีรายที่เขาสิงสูอยูในรางของผูปวยได และไดมี
บาน นิยายปราบปรามเกี่ยวกับการรักษาโรคของมงดังนี้ นานมาแลวไดมีเรื่องเลาวา มีหมอผี
ประเพณี คนหนึ่งชื่อ “ ฉียี ” แปลวา หมอผูทรงวิทยาคุณ อยูมาวันหนึ่งหมอฉียีไดผานมาพบไข
พญานาคอยูที่เชิงผา หมอฉียีไดทุบไขพญานาคใหแตกเรียบรอย แลวหมอฉียีไดกลับ
การแตงกาย บานพอผานไปไดสามวัน หมอฉียีไดกลับมาดูไขพญานาคอีกครั้ง แตพบวาไขพญา
ศิลปะ นาคกลับคืนสภาพเหมือนเดิม จากนั้นหมอฉียีไดทุบไขพญานาคใหแตกเรียบรอยทุกใบ
ความเชื่อ แลวก็กลับบาน พอผานไปหนึ่งวันก็กลับมาดูไขพญานาคอีก แตพบวาไขที่ทุบเรียบรอย
นั้นกลับมาในสภาพเดิมอีก หมอฉียีจึงไดสงสัยมาก
ภาษา
บทความ
ปจจุบัน
จึงไดตัดสินใจทุบไขพญานาคอีกครั้ง แลวหาที่หลบซอนเพื่อดูความเปลี่ยนแปลงของพญานาคอีกครั้ง พอเวลา
ผาน ไปไดสักพักหนึ่ง แมพญานาคไดกลับมาพบวาไขของตนเองไดแตกเรียบรอยหมดแลว แมพญานาคจึงตรงไปที่
หนาผาแลว เด็ดตนยาตนหนึ่งจากหนาผามาเคี้ยวแลวถมไขที่แตก ถมครั้งแรกไขก็ดีขึ้นมานิดหนึ่ง ถมครั้งที่สองไขก็ดี
ขึ้นอีก ถมครั้งที่สามไขก็กลับมาสภาพดีเหมือนเดิม จากนั้นหมอฉียีไดนั่งรอจนกวาแมพญานาคจากไป จึงไดเอาหินทุบ
ไขใหแตกเรียบรอย แลวปนหนาผาเอาตนยานั้นกลับไปดูแลที่บาน เมื่อเวลาผานไปสองวันหมอฉียีไดกลับมา ดูไขที่ตน
เองทุบไว แตเห็นวาไขที่ตนทุบไวนั้นเนาเสียเรียบรอยไปแลว หมอฉียีไดกลับบานมาดูแลตนยาใหดี และคนใน หมูบานที่
ลมปวยหมอฉียีไดทําการรักษาจนหายเจ็บปวย สวนคนที่ตายก็สามารถพื้นขึ้นมา

จากนั้นหมอฉียีไดมีชื่อเสียงโดงดังมาก มีคนรูจักไปทั่ว หมอฉียีไดตั้งชื่อ


ตนยานั้นวา “ กั๊วมั้วจั๊ว ” ตอมาผีนรกหรือผีดา จึงเห็นวาหมอฉียีมีความสามารถ
เกินไป จึงไดสงผีนรกหรือผีดา จํานวน 7 ตน มากินคนในหมู บานนั้น จากนั้นหมู
นั้นก็ไดมีคนตายมาก จนทําใหหมอฉียีฉียีรักษาไมทัน จนกระทั่งในวันหนึ่งหมอฉี
ยีไดพบกับผีดา หรือผีนรกนั้น จึงไดคิดกลอุบายในการลอฆาผีดาเหลานั้น หมอฉี
ยีกับผีดาทั้ง 7 ตน ไดมาตอลองกันสวนหมอฉียี ไดตอวาผีทั้ง 7 ตน วาเพราะผี
ทั้ง 7 ทําใหตน รักษาคนไมทัน และใหผีทั้ง 7 กางแขนขางหนึ่งออกหมอฉียีได
กม มองดูที่ใตรักแรของผี หมอฉียีไดเห็นวา คนที่ตายมีเยอะมาก

ดังนั้นหมอฉียีไดตอวาพวกผีดา หรือผีนรกเหลานั้น สวนผีทั้ง 7 ตนก็ไดบอกใหหมอฉียีกางแขนออกขางหนึ่ง


แลวกมที่ใตรักแรของหมอฉียี แลวพบวามีหมูเปดไกที่เซนไหวมีมากมาย หมอฉียีไดวางแผนในการลอผีดา 7 ตนนั้น วา
พวกแกจะกินคนก็ได แตขอใหพากันไปยืนตรงที่เชิงผา และฉันจะยืนอยูตรงนี้พนยาใสพวกแก ถาฉันโงนเงนลมลง เปน
อันวาฉันแพ จะใหผีดากินคนใหหมดโลกเลย แตถาฉันไมลมพวกแกก็จะตองหยุดกินคนทันที เมื่อหมอฉียีไดหลอก ใหผี
ดายืนที่หนาผา แลวหมอฉียีไดพนยาใหผีดาครั้งแรก หมอฉียีก็แกลงทําเปนจะลมผีดาก็หัวเราะชอบใจ พอครั้งที่ สองเคา
ก็ทําเหมือนเดิม ผีดาหัวเราะชอบใจนึกวาฉียีตองแพแนนอน พอพนครั้งที่สามผีดาทั้ง 7 ตนก็กลายเปนหิน หมดเลย จาก
นั้นหมูบานไดสงบอีกครั้ง

เมื่อเวลาผานไปสองวันเมียของผีดาทั้ง 7 คนไมเห็นสามีตัวเองกลับมา
จึงไดขึ้นมาในยมโลก และหลอกลอ ฉียีใหไปรักษา หรืออั๊วเนงที่เมืองผี และเมีย
ผีจึงไดแอบมาเอาชีวิตของลูกชายคนโต ของฉียีไปฆาเปนหมู เพื่อจะใชในการ
รักษาสามีตัวเอง (มงมีความเชื่อวา เมื่อคนที่ตายไปแลวไปถึงเมืองผีจะกลาย
เปนสัตวทันที) ดังนั้นสัตวที่เมียของผีทั้ง 7 ตนเอามาใหหมอฉียีรักษา หรืออั๊วเนง
พอเสร็จสิ้นพิธีการรักษาแลวเมียผี ทั้ง 7 ตน จึงไดตักหมูที่นํามารักษาใหหมอฉียี
กิน แตหมอฉียีมีความรูสึกแปลก ๆ แตก็ตองยอมตักเอาตับ (เชี้ย) มาหนึ่งชิ้นแลว
กินเรียบรอยทันใดนั้น จื้อเนง หรือเครื่องมือที่ใชในการอั๊วเนง

หรือทําผีก็หมุนกลิ้งลงมาสูโลกฉียี จึงรีบติดตามมาพอมาถึงบนโลกนี้ ไดรูวาลูกชายของตนเองตายเสียแลว และ


เห็นญาติไดทําพิธีศพกัน หมอฉียีโกรธมากจึงไดนํายามาพนใสลูกชายหนึ่งครั้ง สภาพสีเนื้อก็ดีขึ้นพนครั้งที่สองก็ดี ขึ้น
พนครั้งที่สามแลว ลูกชายก็ฟนขึ้นมา แตดวยวาหมอฉียีไดกินหัวใจไปขางหนึ่งแลว จึงทําใหลูกชายเจ็บปวดมาก ลูกชาย
บอกใหหมอฉียีรักษาตนเองใหหายดีกวานี้ แลวหมอฉียีจึงไดพนยาใสลูกชายอีกครั้ง ทําใหสภาพเนื้อของลูกชายอืดขึ้น
บวมขึ้น พนครั้งที่สองก็เริ่มเนา พนครั้งที่สามรางของลูกชายเนาจึงไมสามารถรักษาได หมอฉียีเสียใจมาก จนอยากจะ
ตามลูกชายไปในเมืองผี เขาจึงบอกวาทุกคนวาเขาจะไมเอาเครื่องอั๊วเนงไป ถามีใครอยากเรียนก็มาเรียนจากเขา

ขาวนี้แพรกระจายออกไปทั่ว แตก็ไมมีใครอยากเรียน จนกระทั่งมีคนหนึ่ง


อยากจะเรียนอั๊วเนง แตบานอยูไกลมาก กวาจะมาถึงบานหมอฉียี หมอฉียีก็ตาย
แลว แตกอนหมอฉียีจะตาย หมอฉียีไดฝากบอกวารอไมไหว แลว หมอฉียีจะไป
อุจจาระไวบนภูเขา ถาใครมาเรียนก็ใหไปกินกองอุจจาระของหมอฉียี เพราะ
อุจจาระของหมอฉียีนั้น จะเปนตําราวิเศษที่ผูเรียนเมื่อกินเขาไปแลว จะสามารถ
เรียนรูในการรักษาโรคตาง ๆ ของมงได กอนที่หมอฉียีจะตาย ไดสั่งไววาตองกิน
กองอุจจาระนั้นใหหมด จึงจะมีความรูความสามารถทัดเทียมกับหมอฉียี

ดังนั้นเมื่อชายที่ตองการเรียนมาถึงบานฉียีก็ไดเห็นเขาจัดงานศพใหหมอฉียีไปแลว และไดถามเจาของบานวา
หมอฉียีไดสั่ง หรือฝากอะไรใหหรือเปลา เจาของบานจึงบอกวา ฉียีไดฝากกองอุจจาระใหไปกิน พอชายคนนั้นไดฟงดัง
นั้น จึงขึ้นไปบนภูเขาแลวเห็นกอง อุจจาระของหมอฉียีทิ้งไว กองอุจจาระกองใหญมาก มีหนอนไตอีกทําใหชายคนนั้นไม
กลาที่จะไปกินอุจจาระนั้น คิดอยูนานมากจึงตัดสินใจเอามือแตะนิดหนึ่งขึ้นมากิน แลวกองอุจจาระนั้นก็กลายมีขนาดเล็ก
มาก จากนั้นอุจจาระก็หายไป ชายคนนั้นก็ไดกลับบาน และก็ไดเปนหมอผีที่มีความสามารถในการทําผี หรืออั๊วเนง รักษา
คนปวยใหหาย แตไมทัดเทียมกับหมอฉียี ชายคนดังกลาวเปนไดแคอั๊วเนงอยางเดียว สวนตนยานั้นไมรูจึงรักษาคนปวย
ไดบางไมไดบาง

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ย ง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณ ฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีช ีวิต
บา น
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ
มงมีความเชื่อวาพิธีไสยศาสตรเหลานี้จะชวยใหวินิจ ฉัยโรคไดถูกตองและทําการรักษาไดผล เพราะความเจ็บปวย
ความเชื่อ
ทั้งหลาย ลวนแตเปนผลมาจากการผิด ผี ทําใหผีเดือดดาลมาแกแคนลงโทษใหเจ็บปวย จึงตองใชวิธีจัด การกับผีใหคนไข
ภาษา หายจากโรค หากวาคนทรงเจารายงานวาคนไขที่ล มปวยเพราะขวัญหนี ก็จะตองทําพิธีเรียกขวัญกลับเขาสูรางของบุคคล
บทความ นั้น แตการที่จะเรียกขวัญกลับมานั้น จะตองมีพิธีกรรมในการปฎิบัต ิมากมาย บางครั้งบางพิธีกรรมก็มีความยุงยากในการปฎิ
บัต ิ แตมงก็ไมยอทอตออุปสรรคเหลานั้น มงเชื่อวาการที่มีรางกายสมบูรณแข็งแรง โดยไมมีโรคภัยมาเบียดเบียน นั่น คือ
ปจ จุบัน
ความสุขอัน ยิ่งใหญของมง ฉะนั้นมงจึงตองทําทุกอยางเพื่อเปนการรักษาใหห าย จากโรคเหลานั้น ซึ่งพิธีกรรมในการรักษา
โรคของมงนั้นมีอยูหลายแบบ ซึ่งแตละแบบก็ร ักษาโรคแตละโรค แตกตางกัน ออกไป การที่จะทําพิธีกรรมการรักษาไดนั้น
ตองดูอาการของผูปวยวาอาการเปนเชนไร แลวจึงจะเลือกวิธีการรักษาโดยวิธีใดถึงจะถูกตอง

1. การทําผี หรือการลงผี (การอั๊ว เนง)


เปนการรักษาอีกประเภทหนึ่งของมง การอั๊วเนง (การทําผีห รือลงผี ) การอั๊ว
เนงนั้น มีอยู 3 ประเภท คือ การอั๊วเนงขอยชั๊วะ การอั๊วเนงเกรทั่ง การอั๊วเนงไซใย ซึ่ง
การอั๊วเนงแตกตางกันออกไป การรักษาก็แตกตางกัน ไปดวย การจะอั๊วเนงไดเมื่อมี
คนในครอบครัวเจ็บปวยโดยไมรูสาเหตุเปน การรักษาอีกประเภทหนึ่ง ดังนั้นมงมักจะ
นิยมอั๊วเนงเพื่อการเรียก ขวัญที่ห ายไปหรือมีผีพาไปใหกลับคืนมาเทานั้น ซึ่งมงเชื่อ
วาการเจ็บปวยเกิดจากขวัญ ที่อยูในตัวหายไป

มีวิธีการรักษาดังนี้
เวลาอั๊วเนงหรือทําผีนั้น คนที่เปนพอหมอจะเริ่มไปนั่งบนเกาอี้ แลวรายเวทมนตค าถาตาง ๆ พรอมกับติด ตอ สื่อสาร
กับผีแลวไปคลี่ค ลายเรื่องราวตาง ๆ กับผี ถาคลี่คลายไดแลวจะมีการฆาหมู แตกอนจะฆาหมูนั้น จะตองใหคนไขไปนั่งอยู
ขางหลังพอหมอ แลวผูกขอมือ จากนั้นนําหมูมาไวขางหลังคนไข แลวพอหมอจะสั่งใหฆาหมู การที่จะฆาหมูไดนั้นจะตองมี
คนหนึ่งซึ่งเปนตัวแทนของพอหมอ และสามารถฟงเรื่องราวของการอั๊วเนงได รูวาตอนนี้พอหมอตองการอะไร หรือสั่งใหทํา
อะไร เมื่อพอหมอสั่งลงมา คนที่เปน ตัวแทนตองบอกกับคนในครอบครัว ใหทําตามคําบอกกลาวของพอหมอ เมื่อสั่งใหห า
หมูก็ต องนําหมูมาฆาแลวจะนํากัวะมาจุมกับเลือดหมู พรอมกับมาปะที่ห ลังคนไข แลวพอ หมอจะเปาเวทมนตให จากนั้นจะ
นํากัวะไปจุมเลือดหมู เพื่อไปเซนไหวที่ผนังที่เปนที่รวมของของบูชาเหลานั้น

2.การรักษาคนตกใจ (การไซเจง)
เปนการรักษาอีกประเภทหนึ่งของมง การไซเจงจะกระทําเมื่อมีคนปวยที่ตัวเย็น เทา
เย็น ใบหูเย็น มือเย็น ซึ่งมงเชื่อวาการที่เทาเย็น มือเย็น หรือตัวเย็น เกิดจากขวัญ ในตัวคน
ไดห ลนหายไป หรือไปทําใหผีกลัว แลวผีก็แกลงทําใหบุค คลนั้นไมสบาย
มีวิธีการรักษาดังนี้
พอหมอจะนําเอาขิงมานวดตามเสนประสาท ไดแก บริเวณปลายจมูกตรงไปที่ห นา
ผาก นวดแลวยอนกลับไปที่ใบหู แลว นวดบริเวณหนาผากไปที่ใบหูซ้ํา 3 ครั้ง จากนั้น
เปลี่ยนเปนการนวดที่เสนประสาทมือ คือจะนวดที่ ปลายนิ้วมือไลไปที่ขอมือทําซ้ําทุกนิ้ว
มือ แลวรวมกันที่ขอมือนวด และหมุนรอบที่ขอมือ ซึ่งขณะนวดตองเปาคาถาดวย และ
บริเวณฝาเทาใหนวดเหมือนกัน ตองทําซ้ํากัน 3 ครั้ง ซึ่งการรักษาไซเจงนี้จะทําการรักษา
3 วัน เมื่อเสร็จจากการรักษาแลว ถาอาการไมดีขึ้นก็ห าวิธีอื่น ๆ มารักษาตอ เชน อั๊วเนง
หรือการฮูปรี เปน ตน

3. การรักษาดว ยการเปาดวยน้ํา (การเชอแดะ )


เปนการรักษาอีกประเภทหนึ่งของมง การเชอแดะจะเปน การกระทําเมื่อมีค นในครอบครัวที่ปวยรองไหไมห ยุด และ
ตกใจมากเปนพิเศษ โดยไมร ูสาเหตุ หรือเหมือนวาคนปวยเห็นอะไรสักอยางที่ท ําใหเขากลัวมากมีวิธีการรักษาดังนี้
คนที่เปนพอหมอหรือแมหมอ จะใหคนปวยอาการดังกลาวไปนั่งใกลกับกองไฟหรือเตาไฟ แลวเอาถวยหนึ่งใบ ใส
น้ําใหเรียบรอยมาตั้งไวขาง ๆ พอหมอหรือแมห มอ คือ ผูที่จะทําการรักษาจะใชต ะเกียบคูห นึ่งหนีบกอนถาน ที่กําลังรุกไหม
เปนสีแดงขึ้นมา แลวเปากอนถาน จากนั้น เริ่มทองคาถา แลวนํากอนถานกอนนั้นไปวนบนหัวของคนปวย ขณะวนนั้น ก็สวด
คาถาดวย เมื่อวนเสร็จก็จะเอากอนถานกอนนั้นไปใสในถวยที่เตรียมไว พรอมกับปดฝาดวย ใหทําซ้ํากัน แบบนี้สามรอบ
เมื่อเสร็จแลวจับมือคนปวยขึ้นมาเปาพรอมทองคาถา เมื่อเสร็จสิ้นแลว จะเอามือชุบน้ําที่อยูในถวยขึ้นมาลูบหนาของคน
ปวย หรือลูบแขนคนปวย เมื่อทําเสร็จแลวอาการของคนปวยจะทุเลาลง มงจะนําวิธีรักษานี้มาใชในการรักษาคนไขที่ต กใจ
มาก และปจจุบันนี้มงก็ยังคงยึด ถือ และปฏิบัติกันอยู แตก็มีบางที่อาการหนักมากจนไมสามารถที่จ ะรักษาใหห ายขาดได
แลวจึงจะนําไปรักษาที่โรงพยาบาลตอไป

5. การปดกวาดสิ่งที่ไมดีออกไป (การหรือซู )
เปนการรักษาอีกวิธีห นึ่งของมงที่จะปฏิบัติในชวงขึ้นปใหมเทานั้น คือในหนึ่งรอบปที่ผานมาครอบครัวจะเจอสิ่งที่ไมดี ดังนั้น
จึงมีการหรือซูเพื่อ ปดเปา หรือกวาดสิ่งที่ไมด ีใหออกไปจากบาน และตัวบุค คล หรือเปน การปดเปา กวาดโรคภัยไขเจ็บ
ออกจากตัวบุค คล หรือออกจากบานใหห มด เพื่อที่จะรับ ปใหมท ี่เขามา และตอนรับสิ่งดี ๆ ที่กําลังจะมาในปถัดไป พิธีกรรม
นี้มงจะทําทุกป และคนในครอบครัวตองอยูใหครบทุกคน ไมใหขาดคนใดคนหนึ่ง (แตห ากวาคนในครอบครัวนั้น เกิด ไปทํา
งานตางจังหวัดและไมส ามารถที่จะกลับมารวมพิธีกรรมนี้ได ผูปกครองของครอบครัวตองนําเสื้อผาของคน ที่ไมอยูมารวม
พิธีกรรมใหได หากไมไดเขารวมพิธีกรรมนี้ มงเชื่อวา สิ่งที่ไมดีจะติดตัวไปยังปถัด ๆ ไป และทําอะไรก็ไมเจริญ ) 6.หมู
ประตูผี (อัวะบั๊วจอง )
เปนพิธีกรรมที่มงกระทําเพื่อรักษาคนทั้งหมดในบานหลังนั้นใหปราศจากโรคภัยโดยมีวิธีการรักษา ดังนี้ ซึ่งการ
ประกอบพิธีกรรมหมูประตูนั้น จะทําในตอนกลางคืนเทานั้น อันดับแรกคือจะมีการกลาวปด และกลาวเปดประตู จากนั้น จะมี
การฆาหมูแลวตมใหสุก จากนั้นก็กลาวปด ประตู แลวนํา หมูที่ต มสุกนั้น มาหั่น ใหเปน ชิ้น เล็ก ๆ จัด ไวต ามจานที่วางไว 9 จาน
ซึ่งแตล ะจานจะใสชิ้นเนื้อไมเหมือนกัน โดย
จานที่ 1 ใสมือซายหมูและหัวขางซาย จานที่ 2 จะใสขาขวาหมูกับหัวขางขวา
จานที่ 3 จะใสขาซายหมูกับคางซายหม จานที่ 4 ใสมือขวาหมูกับคางขวาหมู
จานที่ 5 ใสมือซายหมู จานที่ 6 ใสข าขวาหมู จานที่ 7 ใสข าขวาหมูกับใบหู 5 ชิ้น
จานที่ 8 ใสมือขวาหมู จานที่ 9 ใสจมูกและหางหมู

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ย วกับโครงการ : กระดานขาว : สมุด เยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมม ี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
g

หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ
1. ไมคูเสี่ยงทาย (กั๊วะ)
ความเชื่อ ทํามาจากไมหรือเขาสัตวตาง ๆ มีลักษณะพิเศษ คือ หากวาทําจากไม ไม
ภาษา นั้นจะตอง เปนหนอไมที่โผลพนจากดินนิดหนึ่ง จึงจะตัดเอาไปทําไมคู
เสี่ยงทายได แตถาทําจากเขาสัตว จะตองเปนเขาสัตวที่แกตายเอง เพราะ
บทความ มงมีความเชื่อวา กั๊วะ นั้นเปนเครื่องมือในการสื่อสารกับผีปูผียา ดังนั้นจะ
ปจจุบัน ตองมีความศักดิ์สิทธิ์และมี ความแมนยําในการติดตอสื่อสาร ดังนั้นมงจึงไม
นิยมทําไมคูเสี่ยงทายจาก เขาสัตวที่ถูกยิงตาย กั๊วะเปนเครื่องมือในการสื่อ
สารระหวางคนกับผีปู-ผียาไดทุกกรณี การใชกั๊วะติดตอระหวางคนกับผีโดย
ทั่ว ๆ ไปนั้น สามารถที่จะปรากฏผลดังนี้ คือ

l ถาหงายทั้งคู หมายถึงภาษาคนติดตอกับผีหรือคนตายไมได
l ถาคว่ําทั้งคู หมายถึง ภาษาคนติดตอกับผีหรือคนตายไดแตผีไม
ยอมรับ
l ถาคว่ําอัน หงายอัน หมายถึง สามารถติดตอกับผีได และผีก็ยอมรับ
เอาของนั้น ๆ ไปกินไปใชดวย (กั๊วะ ใชสําหรับอั๊วเนงเทานั้น )

2. ฆอง (จั๊วะเนง) เปนอุปกรณอยางหนึ่งที่มงใชในการประกอบพิธีการทํา


ผี หรือการอั๊วเนง ซึ่งอุปกรณชนิดนี้มีความสําคัญมาก ในการทําผีจะขาดไม
ไดเลย และเปนสัญณาณในการบงบอกวามีการอั๊วเนงเกิดขึ้น หากไดยิน
เสียงฆอง (จั๊วเนง) นี้ก็แสดงวาบานหลังนั้นมีการอั๊วเนง เพื่อรักษาคนปวย
ในครอบครัวนั้น ซึ่งในปจจุบันนี้ก็ยังใชอยู แตละขั้นตอนในการทําผีจะลด
ขบวนการลงไปบาง ในสวนที่ไมสําคัญเทาไรนัก แตจะยึดในสวนที่สําคัญ
ไวเทานั้น

3. เกาอี้ในการนั่งทําผี (จองเนง) เปนอุปกรณที่คนมงใชในการทําผีหรือการอั๊ว


เนง ซึ่งการทําผีทุกครั้งจะตองมีเกาอี้สําหรับคนที่เปนพอหมอนั่งขณะทําผี เพื่อชวย
ลดความเมื่อยลาของพอหมอ ในการทําผีหรือการอัวะเนง ซึ่งเกาอี้หรือจองเนงนั้นมี
ความสําคัญมากในการอั๊วเนงจะขาดไมได และเกาอี้ในการนั่งทําผีนั้นจะชวยใหพอ
หมอมี สมาธิในการทําผีดีขึ้น ซึ่งปจจุบันนี้มงยังใชในการอั๊วเนงอยู ไมไดสูญหาย
ไป

4. เหรียญกษัตริย (จื้อเนง) เปนอุปกรณอยางหนึ่งที่มงใชในการทําผี (อั๊ว


เนง) ซึ่งเหรียญกษัตริย หรือจื้อเนงนั้นเปนหัวใจสําคัญในการติดตอสื่อสาร
ระหวางโลกมนุษยกับยมโลก ซึ่งมงจะทําพิธีทําผี (อั๊วเนง) แตละครั้งนั้นเปน
การรักษาโรคตาง ๆ ของผูปวย ดังนั้นมงจําเปนตองมีเหรียญกษัตริยนี้ เพื่อใน
การติดตอกับยมโลก หรือถือไดวาเปนอุปกรณสําหรับในการเดินผานดาน แต
ละดานเพื่อเขาไปถึง ยมโลก และตกลงกับยมโลก เพื่อที่จะใหยมโลกยอมรับ
เงื่อนไขตาง ๆ ซึ่งเงื่อนไขนั้นก็จะมีอยูวา ถายมโลกยอมรับ เงื่อนไขแลวจะ
บําเหน็จรางวัลใหกับยมโลก หรือผีปู ผียาตาง แตผีตางเหลานี้ตองทําใหคน
ปวยนั้นหายจากโรคเหลาโรคที่เปนอยู ฉะนั้นการอั๊วเนงของมงจะขาดเหรียญ
กษัตริยไมไดเลย มีความจําเปนมาก ซึ่งในปจจุบันนี้มงยังคงใชอยู และยังคง
ประกอบพิธีกรรมในการรักษาคนปวยเหลานี้อยู

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ขอมูลทั่วไป
วิถีชีวิต
บาน
ประเพณี
การแตงกาย
ศิลปะ
ความเชื่อ
ภาษา
บทความ มงไมมีภาษาที่แนนนอน สวนใหญมักจะรับภาษาอื่นมาใชพูดกัน เชน ภาษาจีนยูนนาน ภาษาลาว ภาษาไทยภาค
เหนือ เปนตน ซึ่งมงทั้ง 3 เผาพูดภาษาคลาย ๆ กัน คือ มีรากศัพท และไวยากรณที่เหมือนกัน แตการออกเสียงหรือ
ปจจุบัน สําเนียงจะแตกตางกันเล็กนอย มงสามารถใชภาษาเผาของตนเอง พูดคุยกับมงเผาอื่นเขาใจไดเปนอยางดี แตมงไมมี
ภาษาเขียนหรือตัวหนังสือ มีเรื่องเลากันวา แตเดิมมงมีตัวหนังสือเหมือนกันแตดวยศึกสงคราม และตองอพยพอยูเสมอ
วันหนึ่งขณะขนลําเลียงหนังสือบรรทุกมาเดินทางมาถึง ริมลําธารแหงหนึ่งจึงปลดตะกราหนังสือลงจากหลังมาแลวพา
กันพักผอน และนอนหลับไป ลืมปลอยมากินหญา มาเลยกินหนังสือของเขาเสียจนหมด

ยังคงมีเรื่องเลาอีกเรื่องหนึ่งที่คลายคลึงกันนี้เลาวา มงมาระหวางทางขณะหนีศึกสงคราม และใชมาขนลําเลียง


หนังสือ มีพายุฝนตกหนักทําใหหนังสือเปยกหมด เมื่อฝนหยุดจึงเอาหนังสือมากางตากแดด แลวทุกคนก็มาพักผอน
และมอยหลับไป พอตื่นขึ้นมามาก็กินไปเสียเกือบหมด จึงพยายามเก็บในสวนที่เหลืออยูพอไป ถึงที่พักก็นําหนังสือ
สวนที่เหลือซึ่งยังไมแหงดีไปเก็บไวบนราน สําหรับรมควันในบาน พอตกกลางคืนหนูก็พากันมากินหนังสือเสียจน
หมด

อยางไรก็ตามในปจจุบันชาวมงไดเขียน และอานหนังสือภาษามง โดยการใชตัวอักขระหนังสือละติน (Hmong


RPA) เรื่องราวความเปนมาตาง ๆ ของมง จึงอาศัยวิธีการจํา และเลาสืบตอกันมาเพียงเทานั้น

สําหรับในดานประวัติศาสตรบางสวนที่เปนลายลักษณอักษร สามารถศึกษาคนหาไดในหนังสือประวัติศาสตรของ
ประเทศจีน ลักษณะตัวหนังสือ
มงจะมีการนําพยัญชนะภาษาอังกฤษมาใช เนื่องจากสมัยกอนมงหนีจากจีนมาตั้งหลักอาศัยอยูในประเทศลาว
ซึ่งลาวตกอยูภายใตอํานาจของอังฤกษ ดังนั้นมงที่อยูในประเทศลาวจะรับเอาตัวอักษรอังฤกษมาใชเปนภาษา
เขียนเปนคําพูดของมง ซึ่งมงขาวกับมงดําจะมีลักษณะภาษาเขียนแตกตางกันไป พยัญชนะที่ใชทั้งหมด 26 ตัว
สวนวรรณยุกต มี 8 วรรณยุกต และสระมี 13 สระพยัญชนะ ไดแก

a b c d e f g h i
j k l m n o p q s

t r u v w x y z

วรรณยุกต ไดแก สั๊วบัว (suab npua), สั๊วฮา (suab has), สั๊วกอ (suab koj), สั๊วเป (suab peb), สั๊วกู (suab
kuv), สั๊วยอห (suab yog), สั๊วเธอ (suab ntawd), สั๊วนาะ (suab nam) ตัวอยางการเขียนภาษามง เชนดังนี้

สระ ไดแก สระโอง (oo), สระอ (o) , สระอั๊ว ( ua), สระอา (a), สระ_าง (aa), สระ_ี (i) , สระ_ื (w), สระ -ู (u),
สระ เ_ (e), สระ เ_ง (ee), สระเ_อ (aw), สระเ_ีย (ia), สระโ_ (au), สระ ไ_ (ai) ตัวอยางสระกับการผสมสระ มีดัง
นี้
การฝกผสมพยัญชนะกับสระ และวรรณยุกตเขาดวยกัน สามารถอานไดดังนี้

ภาษามง หมวดคําศัพทเกี่ยวกับอวัยวะตาง ๆ ของรางกาย


ภาษามง คําอาน คําแปล
taub hau เตา-เฮา หัว
caj dab จี้-ดั้ง คอ
xwb pwg เหา-เจา เขา
caj npab จี้ - บั้ง แขน
txhais tes เตก มือ
ntiv tes ดิ-เตก นิ้วมือ
nruab qaum เจา-เคว หลัง
sab ceg ฉาย-จี ขา
txhais ko taw ดิ-เตอร เทา
ntsej muag เจก-มัว หนา
pob ntxvg ปอ -เจก หู
ghov ntseg ขอ-จื่อ จมูก
plaub hau เปลา-เฮา ผม
plab ปลั้ง ทอง
ghov muag ขอ -มัว ตา
ghov ncauj ขอ-เจา ปาก
nplaig ปลาง ลิ้น

ภาษามง หมวดคําศัพทเกี่ยวกับสีตาง ๆ
ภาษามง คําอาน คําแปล
dub ดู ดํา
xiav เสีย สีน้ําเงิน
liab daj เลีย-ดาง น้ําตาล
ntsuab จั๊ว เขียว
liab dawb muag เลีย-เกอะ-มัว ชมพู
liab เลีย แดง
daj ดาง เหลือง
dawb เดอะ ขาว
paj yeeb ปาง - ยิ้ง สีบานเย็น

หมายเหตุ: มงโดยสวนมากแลว จะไมมีชื่อสีอื่น ๆ จะมีแตสีที่กําหนดใหเทานั้น

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ ภาษามงก็นับไดวาเปนอีกหนึ่งภาษาในประเทศไทย แตภาษามงเปนภาษาที่ใชไดใน


ขอมูลทั่วไป กลุมคนบางกลุมคนเทานั้น เนื่องจากวา ภาษามงจะใชไดเฉพาะคนที่เปนมงเปนสวนใหญ
และนับวันลูกหลานมงเริ่มที่จะเห็นคุณคาของภาษานี้นอยลงเนื่องจากการเปลี่ยนแปลง
วิถีชีวิต
ของสังคมเปลี่ยนไป ทําใหมงไมคอยไดใชภาษาของตัวเองแตจะใชภาษากลางเปนหลัก
บาน ซึ่งหากวา เปนเชนนี้ อีก 10 ปขางหนา เยาวชนมงรุนตอไปจะไมสามารถสื่อสารดวย
ประเพณี ภาษาของตัวเองไดและไมสามารถที่จะเขียนได ดังนั้นทางทีมงานของเราจึงไดไปคน
ควาหาความรูตางๆ เพื่อที่จะไดนํามาเสนอใวในเวบไซดนี้ และเพื่อที่จะไดเผยแพรเปน
การแตงกาย องคกรความรูแดเยาวชนมงที่มีความสนใจในดานภาษาและหัดเขียน พูดไดถูกตอง
ศิลปะ
ความเชื่อ
Nyob zoo แปลวา สวัสดี kuv hlub koj แปลวา ฉันรักเธอ
ภาษา ขยายความ ประโยคนี้จะใชเมื่อพบกันทักทาย ขยายความ ประโยคนี้ ใชเมื่อเราตองการบอก
บทความ กัน ความในใจ แกคนที่เรารัก
ปจจุบัน

Thov kom tau koob hmoov zoo แปลวา


Thov txim แปลวา ขอโทษ
ขอใหโชดดี
ขยายความ ประโยคนี้ เปนการขอโทษสิ่งที่ทํา
ขยายความ ประโยคอวยพรใหผูที่กําลังจะจาก
ไปหากไม ถูกตอง
กันไป

Thaum twg แปลวา เมื่อไร


Kuv lub npe hu ua taiv yiv แปลวา ฉัน
ขยายความ ประโยคนี้จะใชเมื่อตองการถาม
ชื่อ...หยี
เวลาไหน

Ghov twg แปลวา ที่ไหน Hnub no แปลวา วันนี้


ขยายความ ประโยคถามสถานที่ ขยายความ ประโยคนี้จะใชเมื่อคนสองคนพูด
ถึงวันนี้นะ

Neb tuaj ghov twg tuaj แปลวา คุณมาจาก zoo saib tau tsis ntsib แปลวา ยินดีที่ไดพบ
ที่ไหน กัน
ขยายความ ประโยคถามคนที่ไมรูจักกันมา ขยายความ ประโยคนี้จะใชเมื่อคนสองคนพึ่ง
กอน รูจักกัน

Tov nej pab kuv thiab แปลวา โปรดชวยฉัน


haus dej แปลวา ดื่มน้ํา ดวย
ขยายความ ประโยคบอกใหอีกคนดื่มน้ํา ขยายความ ประโยคนี้จะใชเมื่อตองการขอ
ความชวยเหลือ

Noj mov แปลวา กินขาว หรือ ทานขาว Ua tsaug daug แปลวา ขอบคุณมาก
ขยายความ ประโยคบอกใหกินขาว ขยายความ ใชสําหรับขอบคุณ

baus li ca แปลวา ราคาเทาไร


Tsaus ntuj แปลวา ตอนเย็น
ขยายความ ประโยคนี้เปนการถามราคาสินคา
ขยายความ ประโยคนี้เปนการบอกวา มืดแลว
ที่จะซื้อ
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ คลิกภาพเพื่อฟงเสียงชื่อภาษามง

ขอมูลทั่วไป
... ในปจจุบันนี้แมลงจัดไดวาเปนสัตวชนิดหนึ่งที่มีมากที่สุดในโลก และนับวันจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อยางหลีกเลี่ยงไมได แต
วิถีชีวิต การเพิ่ม จํานวนของแมลง ก็ไดเพิ่มชื่อเรียกของแมลงมากขึ้นเชนกัน ในขณะเดียวกันมงก็มีชื่อเรียกแมลงเหลาsนี้แตกตางกัน
บาน ออกไป
จากภาษาไทย ซึ่งทางทีมงานของ เราไดไปเก็บ รวบรวมองคความรูเล็กๆ นอยๆ มาฝากใหทานที่สนใจชื่อเรียกแมลงตางๆ
ประเพณี ซึ่งเปน ภาษามงดัง ตอไปนี้
การแตงกาย
ศิลปะ
muv "หมู" yoov "หยง " npauj npaim "ปวง บาย"
ความเชื่อ
ภาษา
บทความ
ปจจุบัน

ผึ้ง (bee) แมลงวัน (fly) ผีเสื้อ (butterfly)

kab laug sab "กะ เหลา ซะ" tus kab "ตู กะ" kab puj nyoog "กะ ปู โหยง"

แมงบึ้ง (spider) เตาทอง (ladybug) กวาง (beetle)

ntsaum "เจา" kab ntsig, kab nyuam dev kooj "โกง "
"กะ เบา "

มดดํา (ant) ตั๊กแตน (grasshopper)


ผีเสื้อกลางคืน (moth)
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

พิพิธภัณฑ
ความแตกตางทางดานเชื้อชาติและภาษาทําใหกลุมคนบางกลุมมีภาษาพูดที่แตกตางจากกลุมอื่นๆ ซึ่งมงก็จัดไดวา
ขอมูลทั่วไป
เปนชนเผากลุมหนึ่งที่มีภาษาพูด ที่แตกตางจากภาษาไทย และมีภาษาเขียนที่แตกตางจากภาษาไทย ตลอดจนชื่อ
วิถีชีวิต เรียกสิ่งของตางๆ หรือวัตถุตางๆ ก็มีช ื่อเรียกที่ไมเหมือนชนกลุมใดเชนกัน ซึ่งทางทีมงานของเราก็ไดไปเก็บเกี่ยว
บาน ความรูเล็กๆ นอยๆ เกี่ยวกับชนิดนก ที่เปนภาษามงมาฝากทานที่มีความสนใจในเรื่องความแตกตางทางภาษา
ประเพณี
คลิกภาพเพื่อฟงเสียงภาษามง
การแตงกาย
ศิลปะ
noog "นง " noog yeeb nkaub "โนง แยง dav "ดา"
ความเชื่อ
กู "
ภาษา
บทความ
ปจจุบัน

นก (bird) เหยี่ยว (eagle)


นกแกว (parrot)

qaib ntxhw "ฃั๊าะ เซื้อ" yaj yuam "ยาง หยูน" os "ออ "

นกกระจอกเทศ (ostrich) นกยูง (peacock) เปด (duck)

noog muab ntses "โนง มั้ว nquab "กั๊วะ" plas "เปลา"


เช"

นกพิราบ (pigeon) นกฮูก (owl)


นกกระสา (pelican)

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version


หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

ภาพรวม
พิพิธภัณฑ
ปจจุบันนี้มงที่ถูกอพยพหลบหนีจากภัยสงครามในประเทศสาธารณรัฐ
ขอมูลทั่วไป
ประชาชนลาว มาพักอาศัยใน ประเทศไทยเปนชวงระยะหนึ่งแลว ถูกยายไป
วิถีชีวิต ตั้งถิ่นฐานในประเทศสหรัฐอเมริกา จากที่ตองหลบ ๆ ซอน ๆ อยูในกลางปา
บาน เขาลําเนาไพร ชีวิตทั้งชีวิตของมงเหลานี้ตองอยูกับความตื่นตระหนก หวาด
กลัวกับภัยสงครามที่กําลังเกิดขึ้นอยางฮื่กโหมโชกโชน หวาดระแวงทุกอยาง
ประเพณี ที่อยูขางหนา ขางหลัง คิดไดอยางเดียว คือ ตองหนี หนีไปใหไกลที่สุดเทา
การแตงกาย ที่จะหนีได เพื่อใหหลุดพนจากภาวะสงคราม ที่กําลังห่ําหั่นกันอยางดุเดือดบา
ศิลปะ คลั่ง ในที่สุดมงเหลานี้ก็หนีมาถึงประเทศไทย และพักอาศัยอยูในประเทศ
ไทย และในที่สุดรัฐบาลไทยก็ไมสามารถที่จะรับมงเหลานี้อยูในประเทศไทย
ความเชื่อ ได ดังนั้นจึงไดขอความชวยเหลือจากประเทศ ที่ 3 โดยประเทศสหรัฐ
ภาษา อเมริกาจําเปนตองเปนฝายยื่นมือมารับผิดชอบมงทุกคนที่หลบหนีภัยสงคราม
บทความ
ปจจุบัน

จากคํากลาวที่วา "การศึกษาทําใหคนเปลี่ยน" ซึ่งจากคํากลาวนี้ เปนคํากลาว


ที่เปนจริง และเห็นไดชัดเจน จากอดีตมงไมนิยมเรียนหนังสื่อ เนื่องจากมงตอง
ตรากตรําทํางานหนักในไรเปนสวนใหญ มงจึงไมเห็นความสําคัญในเรื่องการศึกษา
แตเมื่อรัฐบาลนําการศึกษาเขามาพัฒนาเยาวชนมงตามหมูบานมงตาง ๆ ทําให
สังคมมงเริ่มเปลี่ยนไป คือ มงเริ่มปลอยใหลูก ๆ เขาโรงเรียนไดเรียนหนังสื่อ เมื่อ
เยาวชนไดเรียนหนังสื่อ ทําใหคําวาการศึกษาเปลี่ยนคน มันก็เปนจริงดังคํากลาว
นั่นคือ เยาวชนมงไดรับการศึกษาขัดเกลา ตั้งแตเด็กจนกระทั่งเติบใหญ พรอมกับ
สิ่งแวดลอมเปลี่ยนแปลงไป ทําใหเยาวชนมงบางคนเรียนจบในระดับ ที่สูง ๆ มีงาน
ทําที่ดี ๆ และพวกเขาสามารถที่จะอยูในสังคมไดอยางมีความสุข และสามารถปรับ
ตัวใหเขากับสังคมไดอยางรวดเร็ว และเมื่อเยาวชนมงไดสัมผัสกับความเจริญของ
เทคโนโลยี กระแสของความเจริญหลอหลอม พวกเขาใหรับและเปลี่ยนแปลงตัว
เอง ความเจริญทางเทคโนโลยีกายเขามาในตัวพวกเขามากเทาไร วัฒนธรรม
ประเพณีอันดีงามยอมหายไปมากเทานั้น จึงเปนสาเหตุหนึ่งที่ทําเยาวชนมง
บางกลุมลืมภูมิหลังของตัวเอง ลืมวัฒนธรรม ประเพณีอันดีงามของตัวเองไป หรือ
ไมสามารถสื่อสารดวยภาษาของตัวเองไดดีอยางที่ควร

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

อดีตถึงปจจุบัน
พิพิธภัณฑ ภาพสวยงามในอดีตที่ยังคงตรึงอยูในหัว
ขอมูลทั่วไป ใจมงทุกคน นั่นคือ ชุดมงที่ยายชราสวม
ใสอยู เปนชุดมงที่มงทุกคนตองสวมใส
วิถีชีวิต
ตลอด แตปจจุบันภาพสวย ๆ งาม ๆ
บาน เหลานี้เริ่มสูญหายไปจากสังคมมง สวน
ประเพณี ใหญจะพบภาพที่สวยในแบบฉบับปจจุบัน
นี้ คือ ภาพสองตายาย แตงชุดทันสมัย
การแตงกาย ใหม แมวาจะเปนชุดลําลองอยูบานเทา
ศิลปะ นั้น แตเมื่อสวมใสแลว รูสึกสบายมากขึ้น
ความเชื่อ ไมตองลําบากในเวลาทําความสะอาดเสื้อ
ผา เปนเหตุผลประการหนึ่งที่มงตองปรับ
ภาษา เปลี่ยนตัวเอง ใหมานุงเสื้อผาสมัยใหม
บทความ เนื่องจาก เสื้อผาชุดมงนั้นตองเสียคาใช
จายในการซื้อมากกวา และตองนํามาตัด
ปจจุบัน
เย็บเปนชุดใหม กวาที่จะตัดเย็บเรียบรอย
ใชเวลานาน และเสื้อผามงนั้นมีความหนา
มาก ดังนั้น เวลาสวมใสหนารอน จะยิ่ง
เพิ่มความรอนมากยิ่งขึ้น จึงเปนเหตุผลใน
การปรับเปลี่ยนตัวเอง และอีกเหตุผลหนึ่ง
คือ เวลาเขาสังคมกับคนอื่นแลว ไมไดรับ
การยอมรับ ดังนั้น มงจึงตองมีการปรับ
เปลี่ยนตัวเอง เพื่อใหเขากับสภาพแวด
ลอมมากขึ้น

ภาพเด็กมงที่ทุกคนถูกฝกมา เพื่อที่จะ
แบงเบาภาระทางครอบครัวเปนหลัก นั่น
คือการทํางานในไร ในสวน ในอดีต เด็ก
มงจะตองตื่นแตเชา เพื่อที่จะไดชวย
ครอบครัวทํางาน และตองแบกหลังดวย
กระโดงใบใหญกวาตัวเด็กเสมอ เพื่อที่จะ
ไปแบก พืชไร หรือพืชสวนที่ทําไวกลับ
มาไวที่บาน แตปจจุบันภาพ เหลานี้เริ่ม
จางหายไปพรอมกับความเจริญทางดาน
เทคโนโลยี ความ เจริญทางสังคมเริ่มแผ
กายเขามาในชีวิตมงในชนบท และสิ่ง
เหลานี้เปนสิ่งแปลกใหมสําหรับชาวมง
ทุกคน ดังนั้นมงเริ่มที่จะมีความนิยมชม
ชอบสิ่งเหลานี้ และในที่สุด ชาวมงก็ตอง
ปรับเปลี่ยนตัวเองขึ้นมา เพื่อที่จะไดอยูใน
สังคมอยางมีความสุข และคิดวาสิ่งเหลา
นี้ คือ สิ่งที่ดี ซึ่งปจจุบันนี้มงหมดยุดการ
แบกชลอง (กุย) ไป แลวหันมาเลนกีฬา
ตามแบบฉบับของสังคมไทย ถือไดวา
เปน ความสําเร็จอีกประการหนึ่งของชาว
มง

เด็กชายมงกับความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ
แมวาเด็กชายมงคนนี้ จะตัวเล็กเทาพริกขี้
หนู แตก็มีภาระหนาที่ที่ตองรับผิดชอบตอ
ครอบครัวของเขา ตองตื่นนอนแตเชา
ตระเตรียมอุปกรณตาง ๆ ที่จะนําไปทําไร
เมื่อตระเตรียมเรียบรอยแลว ก็จะนําไปใส
ในชลอง (กุย) แลวแบกหลังพรอม กับธนู
คูกายเด็กชายมงทุกคน พรอมกับจูงเจา
เพื่อนยาก คือ ควายไปทํางานในไร ซึ่ง
ในอดีตนั้นเด็กชายมงทุกคนตองทําเชนนี้
เพราะเขาเหลานั้นถูกฝกมาเชนนี้ แตกาล
เวลาแปรเปลี่ยนไป สิ่งใหม ๆ ก็เขามา
แทนที่ โดยแทบตั้งตัวไมทัน ผูปกครอง
หลาย ๆ คน ตองสงลูกหลานของตัวเอง
เขาเรียน เพื่อที่จะไดเขาศึกษาเลาเรียน
ปจจุบันนี้ เด็กชาย-เด็กหญิงมงสวนใหญ
จะไดเขาโรงเรียนทั้งหมด ยกเวนเฉพาะ
บริเวณ ที่อยูหางไกลความเจริญมาก หรือ
โรงเรียนยังเขาไปไมถึงเลยแตมีสวนนอย
มาก สวนใหญแลว เด็กเหลานี้จะอาน
หนังสือออกทั้งนั้น

หลังสูฟาหนาสูดิน คํากลาวนี้คงจะหนีไม
พนหญิง-ชายมงหลายคูนี้ ทุกวันหลังจาก
ทํางานในไรเรียบรอยแลว พอจะกลับบาน
เพื่อที่จะเก็บแรงไวพรุงนี้อีก วันหนึ่ง ชาว
มงสวนใหญตองแบกฟนจากไรมาเก็บไว
ที่บาน เพื่อที่จะไดเปนเชื้อเพลิงในการหุง
หาอาหารตอไป ซึ่งในอดีตมงนิยมใชมา
บรรทุกสัมภาระตาง ๆ แต ยกเวนฟน มง
จะนิยมแบกฟนมากกวาใชมาบรรทุก
ธรรมชาติแลวมงจะมีความอดทน ขยัน
ประหยัด ดิ้นรนปากกัดตีนถีบ เพื่อที่จะได
อาหารมาเลี้ยงปากเลี้ยงทองไปวัน ๆ ใช
ตัวเองเปนเครื่องจักร แตปจจุบันนี้
เทคโนโลยีมีความเจริญ กาวหนา และ
ครอบคลุมความตองการของมนุษยทุกคน
มงก็เปนคนคนหนึ่งที่ ถูกครอบงําดวย
เทคโนโลยีที่สามารถเขาไปถึงไดเชนกัน
จะเห็นไดจากการเข็นรถเข็น การใช
โทรศัพทมือถือตาง ๆ การมีรถยนตเปน
ของตัวเอง การใชเครื่องเฟอรนิเจอร
อํานวยความสะดวกตาง ๆ เปนตน

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com
หนาบาน : กะเหรี่ยง : เมี่ยน : ลาหู : ลีซู : อาขา : เผาอื่นๆ

มงที่อเมริกา
พิพิธภัณฑ หลังจากประเทศสหรัฐอเมริกาไดยื่นมือเขามาชวยเหลือมงที่หลบหนีภัยสงคราม
ขอมูลทั่วไป แลวไดยายมงเหลานี้เขาไปอาศัยอยู ในประเทศสหรัฐอเมริกาเปนที่เรียบรอยไปแลว
รัฐบาลสหรัฐอเมริกาไดจัดสรรที่ทํากิน และบานพักให โดยใหมีการเชาอาศัยอยู จัด
วิถีชีวิต
สวัสดิการให พรอมทั้งจัดหางานใหมงเหลานี้มีรายไดมาเลี้ยงชีพ รัฐบาลสหรัฐอเมริกามี
บาน งบประมาณกอนหนึ่งที่เปนเงินเลี้ยงดูเด็ก และคนชรา มงบางครอบครัวที่อยูในประเทศ
ประเพณี สหรัฐอเมริกานั้น ตองอาศัยเงินดูแลเด็กเปนคาใชจายของครอบครัว เนื่องจากวาการทํา
งานรับจางนั้นรายไดนอย ไมพอสําหรับการเลี้ยงชีพ
การแตงกาย
ศิลปะ เยาวชนมงสหรัฐอเมริกาทุกคนไดรับการศึกษาไดรับสวัสดิการตาง ๆ จากรัฐบาลสหรัฐ
ความเชื่อ อเมริกาอยางทั่วถึง ซึ่งเยาวชน มงบางคนที่เติบโตที่ประเทศสหรัฐอเมริกานั้น ไดถูก
ความเจริญทางดานเทคโนโลยีหลอหลอมขัดเกลา จนบางคนไมรูจักประเพณีอันดีงาม
ภาษา ของตัวเอง ไวซึ่งความดั้งเดิมของประเพณีเหลานั้น และภาพเหลานี้คือ ความสําเร็จของ
บทความ เยาวชนมงในประเทศสหรัฐอเมริกาในดานการบังเทิง ตลอดจนมีการจัดประกวด แขงขัน
รองเพลงมงเกิดขึ้น และไดมีนักรองเยาวชนมงสหรัฐอเมริกามากมาย ดารานักแสดงชาย-
ปจจุบัน
หญิงมง ซึ่งเยาวชนเหลานี้ลวนแลวแตไดรับการศึกษาทั้งสิ้น ความเจริญทางวัฒนธรรม
ทางตะวันตก ปจจุบันนี้มงที่อยูในประเทศสหรัฐอเมริกา ก็ไดเปลี่ยนวิถีช ีวิตเพื่อใหสอด
คลองกับชาวอเมริกาที่นั่ น และวัฒนธรรมตะวันตกก็ไดเขามาหลอหลอมเยาวชนมงเหลา
นี้ จนพวกเขาไมสามารถที่จะยึด ติดอยูกับวัฒนธรรมมงเดิม ๆ ไดอีกแลว เยาวชนเหลานี้
ไดตกเปนทาสของวัฒนธรรมตะวันตกอยางบาคลั่ง ชุบชีวิตเยาวชนมงเหลานี้ขึ้นมาใหม
ในแบบฉบับที่แตกตาง

เขาพิพิธภัณฑ : เกี่ยวกับโครงการ : กระดานขาว : สมุดเยี่ยม : ติดตอเรา : English Version

ออกแบบและพัฒนาเว็บไซต โดย ฅนบานนอก เจาของเว็บ "มูลนิธิกระจกเงา"


รูปภาพและขอมูลภายในเว็บไซตแหงนี้ หากทานประสงคจะนําไปเผยแพร สามารถกระทําไดโดยไมมี
ลิขสิทธิ์
JavaScript Menu By Milonic.com

You might also like