Professional Documents
Culture Documents
ประพันธ์ศิลป์ แก้ไข- ศรชัย
ประพันธ์ศิลป์ แก้ไข- ศรชัย
การสร้างสรรค์ผลงานทางศิลปะในแง่ของการประพันธ์นั้นไม่ว่าจะเป็นบทประพันธ์
ประเภทใดก็ตามจะขาดเสียซึ่งองค์ประกอบสำาคัญทั้งสามสิ่งนี้มิได้ กล่าวคือ “เหตุการณ์” สองคือ
ความ “โน้มเอียง” ของเหตุการณ์ที่ร้อยเรียงกันเข้า และสุดท้ายคือ “โครงสร้าง” อันแท้จริงซึ่งซ่อน
อยู่เบื้องหลังความโน้มเอียงดังกล่าว
อีกเหตุผลหนึ่งก็คือว่าถ้าหากจะมีผู้ใดประพันธ์เรื่องราว โดยกำาหนดเรื่องราวทั้งหมดเกิด
มาจากปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งหมดแล้ว เรื่องราวนั้นก็คงทำาได้อย่างมากที่สุด ก็คือสร้างจูงใจให้
เกิดความรู้สึกในแง่ของความชื่นชม ความน่าสะพรึง ความน่าเกรงขาม ความสวยงาม ความ
สงสารสมเพช ในพลังแห่งธรรมชาติ แต่คงยากที่จะก่อให้เกิดสุนทรียภาพที่มีความซับซ้อน ซาบซึ้ง
และมีคุณค่าทางศิลปะ เหตุเพราะมนุษย์ย่อมมีความปรารถนาที่จะได้รับรู้ ได้เสพเรื่องราว อันเกิด
จากตัวมนุษย์ ซึ่งมีความน่าสนใจอยู่ตรงที่มนุษย์มีลักษณะความซับซ้อนของสติปัญญามากกว่า
สัตว์ทั้งหลาย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยเจตจำานงค์เยี่ยงมนุษย์นี้ จะต้องประกอบไปด้วยองค์ประกอบสาม
ส่วนด้วยกันคือผู้กระทำา การกระทำา และผลแห่งการกระทำานั้น คำาว่าผู้กระทำาอาจจะดูเหมือนจะสื่อ
ว่าผู้กระทำานั้นมีเจตนา หรือจุดประสงค์แห่งการกระทำา แต่ก็ไม่จำาเป็นเสมอไป เพราะผู้กระทำาอาจ
จะลงมือกระทำาการใดๆโดยมิได้เจตนา หรือถูกสถานการณ์ความจำาเป็นบังคับก็ย่อมได้ หรือในบาง
เหตุการณ์ผู้กระทำาอาจจะคิดว่าตนทำาไปโดยเจตนาแต่แท้จริงแล้วลงมือกระทำาไปโดยมีเหตุการณ์
หรือเงื่อนไขบางอย่างเป็นตัวกำาหนด ผู้เขียนไม่เชื่อในเรื่องเจตนารมณ์อิสระของผู้กระทำา และผู้
เขียนเชื่อว่าสิ่งนี้เองจะเป็นตัวแยกแยะระหว่างการประพันธ์ที่มีคุณค่าทางศิลปะ กับการประพันธ์ที่
ด้อยคุณค่ากว่า เพราะผู้ประพันธ์ที่กำาหนดให้มนุษย์มีเจตนารมณ์อิสระและกระทำาการใดๆโดยไม่
คำานึงถึงการเรียงร้อยของเหตุการณ์ก็ดี หรือปรากฏการณ์ที่มีมาก่อนล่วงหน้าก็ดี ย่อมจะฝ่าฝืนลัก
ษณาการของการประพันธ์ที่ดี
ถ้าจะกล่าวถึงตัวอย่างเรื่องแม่นำ้าเพิ่มเติมอีกสักนิด จะเห็นได้ว่าการเกิดขึ้นของแม่นำ้าทั้ง
สายนั้นเกิดจากเหตุการณ์เพียงเล็กน้อยที่ต่อเชื่อมร้อยเข้าหากันจนสามารถมองเห็นถึงผลกระทบ
แห่งเหตุการณ์อันชัดเจน ความเป็นจริงในข้อนี้นั้นบ่งบอกว่าขนาดของเหตุการณ์จึงเป็นสิ่งสำาคัญ
ในการประพันธ์ที่จะต้องคำานึงถึง ดังนั้นในขอบเขตแห่งโลกที่ถูกสร้างขึ้นจากการประพันธ์ จึง
ประกอบไปด้วยเหตุการณ์ รวมทั้งปรากฏการณ์ที่มีขนาด นำ้าหนัก และผลกระทบในระดับเล็กน้อย
ไปจนถึงมากที่สุด เหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดผลกระทบกับเรื่องราวมากที่สุดนั้นย่อมเป็นจุดที่เรียกว่า “
จุดสุดยอด” ของเรื่องที่ประพันธ์
ความโน้มเอียงของสถานการณ์
ความโน้มเอียงของสถานการณ์นั้นเกิดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติจากการประสมเหตุการณ์
เฉพาะ และปรากฏการณ์เข้าหากัน จากหนึ่งเป็นสอง จากสองนำาสู่สามสี่ห้าไปเรื่อยๆ ผลลัพธ์ของ
การเรียงร้อยเหตุการณ์เข้าหากันนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสร้างให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า สถานการณ์ ซึ่ง
หมายถึงลักษณาการเฉพาะของเรื่องราวนั้นๆที่มีคุณสมบัติแตกต่างจากเรื่องราวอื่นๆ ความโน้ม
เอียงดังกล่างนี้อาจจะสามารถที่จะถูกสร้างขึ้นได้ในหลายรูปแบบ แต่รูปแบบที่เหมาะสมที่สุดจะ
ต้องนำาไปสู่ความสอดคล้องเมื่อพิจารณาในมุมมองของโครงสร้าง กล่าวคือเหตุการณ์ใดที่มิได้
ทำาให้โครงสร้างเกิดเอกภาพของเหตุการณ์ และไม่สอดคล้องกับพลวัตของโครงสร้างก็ไม่ควรจะนำา
มาใส่ไว้ให้เกิดความสับสน และเบี่ยงเบนออกไปจากจุดมุ่งหมายที่ควรจะเป็น ยกตัวอย่างเช่นใน
เรื่อง LOTR เหตุการณ์ที่เรียงร้อยเข้าหากันนั้นมีความจำาเป็นที่จะสร้างให้เกิดนำ้าหนักที่มากขึ้นของ
เหตุการณ์ต่อไป ดังนั้นเราจึงไม่สามารถที่จะตัดทอนเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่งออกไปจากเรื่อง
ราวนี้ ถึงแม้ว่าจะดูว่าเหตุการณ์นั้นจะมีนำ้าหนักเพียงน้อยนิดก็ตาม
ดังนั้น ความโน้มเอียง ที่กล่าวถึงนี้จึงเป็น เหตุการณ์ หลายเหตุการณ์ที่นำามาร้อยเรียง
และที่มีลักษณะของการเกิดขึ้นซำ้าๆ โดยมีความคล้ายคลึงบางอย่างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อน
หน้านั้น แต่ก็เป็นไปได้ที่จะมีบางสิ่งที่แตกต่างออกไปเช่น มีแนวโน้มของความรุนแรง หรือการเน้น
ให้เด่นชัดของเหตุการณ์ไปในแนวทางบางอย่าง หรือเกิดการลดลงในลักษณะร่วมของเหตุการณ์
บางอย่าง ซึ่งไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นอะไรก็ล้วนแล้วแต่นำาพาทำาให้เกิดการชี้นำาไปสู่ "โครงสร้าง" ที่ซ่อน
อยู่ภายในทั้งสิ้น
โครงสร้างอันซ่อนเร้น
พลวัติของโครงสร้าง และการอภิเษกของเหตุการณ์
การแบ่งประเภทบทประพันธ์
ต่อไปนี้ผู้เขียนจะใคร่ขอใช้แนวความคิดที่เกี่ยวกับองค์ประกอบทั้งสามนั่นก็คือเหตุการณ์
ความโน้มเอียง และโครงสร้าง มาใช้อรรถาธิบายถึงการแยกประเภทของบทประพันธ์เพื่อเป็น
แนวทางให้เกิดความเข้าใจที่มากขึ้นในการนำาไปใช้
ในนิยายตระกูลคอมมาดีมีความแตกต่างจากแทรจิดี ในแง่ของความโน้มเอียงเช่น
เดียวกัน ในขณะที่เรื่องราวยังคงต้องอาศัยการสอดร้อยของเหตุการณ์ที่กำาลังดำาเนินไป ความโน้ม
เอียงของสถานการณ์ของคอมมาดีจะไม่พาเรื่องราวให้เทดิ่งไปจากซ้ายไปขวา แต่จะมีลักษณะ
ขึ้นๆลงๆอยู่ในขอบเขตบางอย่างที่ถูกกำาหนดโดยสภาพสังคมในยุคสมัยนั้น ทั้งนี้ไม่ได้หมายความ
ว่าในคอมมาดีจะไม่มีการเคลื่อนไปของเหตุการณ์ เหตุการณ์ต่างๆยังคงเคลื่อนไปแต่ไม่ได้มีแนว
โน้มที่จะนำาพาไปสู่ความโน้มเอียงที่มีลักษณะสุดโต่งดังเช่นแทรจิดี เหตุที่พูดถึงสภาพสังคมนั้นเป็น
เพราะมันจะเป็นตัวกำาหนดขอบเขตที่สังคมจะยอมรับได้ในการเสพสุนทรียรสของคอมมาดี เช่นใน
สมัยหนึ่งความตลกโปกฮาอาจจะหมายถึงการล้อเลียนเพศหญิง แต่ในสมัยอื่นๆการทำาเช่นนั้นอาจ
จะสร้างความรู้สึกในทางตรงกันข้าม
ที่ผู้เขียนยกตัวอย่างของการแบ่งประเภทของการประพันธ์ทั้งสองแบบมานั้น ก็เพียง
ต้องการที่จะยกตัวอย่างให้เห็นถึงการประยุกต์ใช้แนวความคิดดังกล่าวในการแยกประเภทของการ
ประพันธ์ แต่แท้ที่จริงแล้วผู้เขียนมองว่าหลักการที่นำาเสนอมานั้นสามารถที่จะนำาไปใช้อรรถาธิบาย
ประเภทของวรรณกรรมร่วมสมัยได้หลากหลาย และครอบคลุมเกือบทั้งหมด เพราะแท้จริงแล้วผู้
เขียนไม่เชื่อในเรื่องของการแบ่งประเภทของวรรณกรรมโดยมีลักษณะลดทอน และจัดหมวดหมู่ ซึ่ง
ผู้เขียนเห็นว่าสิ่งนี้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนางานวรรณกรรมให้มีอิสระในทางสร้างสรรค์ ยก
ตัวอย่างงานร่วมสมัยที่ดูจะจัดอยู่ในประเภทใดได้ยากเช่น ภาพยนตร์เรื่องโครตรักเอ็งเลย หรือผี
คนเป็น ประเด็นเรื่องการจัดหมวดหมู่ดูจะมีความสำาคัญน้อยกว่าการวิเคราะห์เชิงโครงสร้างที่ซ่อน
เร้นที่ได้ทดลองนำาเสนอไปแล้วก่อนหน้านี้ เพราะภาพยนตร์ทั้งสองเป็นตัวอย่างของความลักลั่นใน
การวางเหตุการณ์ที่ไม่สอดคล้องกับโครงสร้างที่ซ่อนเร้น ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็ย่อมจะทำาให้ผู้เสพงาน
ศิลปะนั้นไม่สามารถที่จะเชื่อและคล้อยตามไปกับเรื่องราว และไม่สามารถที่จะทำาใจให้ซาบซึ้ง
สะเทือนใจไปกับเรื่องราวดังกล่าวได้ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดดูจะมีระนาบทีส่ ามารถอธิบายได้
อย่างเป็นเหตุเป็นผลและมีตรรกะก็ตาม
การนำาเสนอความคิดในเรื่ององค์ประกอบทั้งสามในการสร้างสรรค์งานวรรณกรรมเป็น
เพียงแนวทางหนึ่งในการพิจารณา และการสรรค์สร้างงานประพันธ์ เป็นตัวเลือกหนึ่งในตัวเลือกที่
หลากหลาย ในท้ายที่สุดก็อยู่ที่ผู้ประพันธ์จะใช้วิจารณญานในการเลือกสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการ
สร้างสรรค์งานประพันธ์ของท่าน.