Professional Documents
Culture Documents
กรอบแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ในปัญหาชาวต่างชาติตั้งบริษัทธุรกิจ
กรอบแนวคิดทางเศรษฐศาสตร์ในปัญหาชาวต่างชาติตั้งบริษัทธุรกิจ
มุมมองทางเศรษฐกิจการเมืองตอปญหาบุคคลตางชาติตั้งบริษัทธุรกิจการเกษตรในประเทศไทย
เก็บเรื่องมาเลาโดย นายธวัชชัย เติมศรีสุข
กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม
2009.08.10
ความเปนมาเบื้องตน
จากขาวผานทางสื่อสารมวลชนในชวงเดือนกรกฎาคมที่ผานมา มีเนื้อหาเกี่ยวของกับบริษัทตางชาติ
เขามาประกอบธุรกิจการเกษตรในไทย โดยจดทะเบียนนิติบุคคลที่ใชตัวแทนถือครองหลักทรัพย และรัฐมนตรีชวย
วาการกระทรวงพาณิชย (นายอลงกรณ พลบุตร) ไดสั่งการใหกรมพัฒนาธุรกิจการคาดําเนินการตรวจสอบนิติบุคคล
ที่มีคนตางดาวถือหุนไมเกิน 49.99% วา นิติบุคคลดังกลาวรายใด มีพฤติกรรมเขาขายการประกอบธุรกิจที่เปน
อาชีพสงวนสําหรับคนไทย โดยเฉพาะการทํานาและทําปศุสัตว หลังจากมีกระแสขาวเกิดขึ้นมากกวามีคนตางชาติ
เขามาประกอบธุรกิจในไทย หรือวาจางใหคนไทยทําธุรกิจแทน
นอกจากนี้ รัฐมนตรีชวยวาการกระทรวงพาณิชย ยังสั่งการประสานไปยังกระทรวงมหาดไทย ให
องคการบริหารสวนตําบล (อบต.) องคการบริหารสวนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาล ชวยตรวจสอบพฤติกรรมการทํา
นาและปศุสัตวของคนในพื้นที่วามีความเปนปกติหรือไม หากพบใหแจงสํานักงานพัฒนาธุรกิจการคาจังหวัด ยังได
ใหตรวจสอบการประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการคาที่ดินและอสังหาริมทรัพยของคนตางดาวดวย เพราะขณะนี้เริ่มมี
ปญหาวามีคนตางดาวกวานซื้อที่ดินในจังหวัดตางๆ โดยฝาฝน พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนตางดาว พ.ศ.2542
ทั้งนี้ จะสุมตรวจใน 20 จังหวัดที่มีคนตางชาติเขามาอยู และมีการถือครองที่ดินมาก ไดแก
ภาคกลาง ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ เพชรบุรี
ภาคเหนือ เชียงราย เชียงใหม แมฮองสอน
ภาคตะวันออก จันทบุรี ชลบุรี ระยอง ตราด
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอนแกน นครราชสีมา สกลนคร หนองคาย อุดรธานี
ภาคใต กระบี่ ภูเก็ต ชุมพร พังงา สุราษฎรธานี
กรอบแนวคิด
การศึกษาปญหาบุคคลตางชาติตั้งบริษัทธุรกิจการเกษตรในประเทศไทยนี้ ผูเขียนขอเสนอขอคิดเห็น
บางประการที่เกี่ยวของกับพื้นที่ที่มีความเปนไดที่บุคคลตางชาติจะเขามาลงทุนตั้งบริษัทธุรกิจการเกษตรภาคการ
ส ง ออก โดยสมมติ ห รื อ กํ า หนดไว ว า ก อ นที่ ช าวต า งชาติ จ ะเข า ลงทุ น เพื่ อ เป น เจ า ของป จ จั ย การผลิ ต ในธุ ร กิ จ
การเกษตร ในพื้นที่หรือสังคมเศรษฐกิจใดนั้น จะตองมีปจจัยกําหนดที่เปนเงื่อนไขที่กอใหเกิดแรงดึงดูด และแรง
ตานในการเขามาลงทุนในธุรกิจการเกษตร มีดังนี้
1. ตัวกําหนดดานการถือครองที่ดิน (Land Tenure Determined) หรือความเปนเจาของ
(Ownerships Determine) ประกอบดวย
(1) เจาของที่ดิน (Full Owners)
(2) ผูเชาที่ดินคนไทย: บุคคลหรือนิติบุคคล (Thai Tenant) ซึ่งอาจเปนกสิกรรายยอย หรือ
กลุมทุนอุตสาหกรรมเกษตรขนาดใหญ
(3) ผูเชาที่ดินชาวตางชาติ: บุคคลหรือนิติบุคคล (Foreign Tenant) ซึ่งอาจเปนบริษัทยอย
ตางชาติที่จดทะเบียนในไทย หรือกิจการรวมคากับกลุมทุนอุตสาหกรรมเกษตรขนาดใหญ
ของไทย
2. ตัวกําหนดดานกายภาพ (Physical Determined) ประกอบดวย
(1) พื้นที่เพาะปลูกในเขตชลประทานที่ดี
(2) พื้นที่เพาะปลูกในเขตเศรษฐกิจกาวหนาที่มีพช
ื เศรษฐกิจสําคัญ
(3) พื้นที่ทม
ี่ ีระบบการจัดการคลังสินคา โรงงานแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรครบวงจร
(4) พื้นที่ทม
ี่ ีโครงขายระบบการขนสงและกระจายสินคาทางการเกษตร
(5) ขนาดพื้นที่เพาะปลูกทีต
่ ิดกันเปนผืนใหญ
3. ตัวกําหนดดานเศรษฐกิจการเมือง (Political Economy Determined) ประกอบดวย
(1) พื้นที่ที่มีเจาของที่ดิน (ไมกี่ร าย) และผูกขาดการถือครองที่ดินเพื่อการเพาะปลูกขนาด
ใหญ โดยเฉพาะกลุมทุนธุรกิจครอบครัวในอุตสาหกรรมเกษตรขนาดใหญ
(2) พื้นที่ที่มีศักยภาพทางการเกษตรสูงและมีการแขงขันกันระหวางกลุมทุนธุรกิจครอบครัว
(ทุนไทย) ในอุตสาหกรรมเกษตรขนาดใหญดวยกันเอง กับแนวโนมการเขามาใหมของ
กลุมทุนอุตสาหกรรมเกษตรขามชาติ
(3) พื้นที่ที่มีเกษตรกรผูเชาทั้งหมด (Tenants) จํานวนมาก และ/หรือ มีการคางชําระคาเชา
ที่ดิน
ปจจัยกําหนดที่เปนเงื่อนไขที่กอใหเกิดแรงดึงดูด และแรงตานในการเขามาลงทุนในธุรกิจการเกษตร
ของชาวตางชาติ มีลักษณะพอสรุปไดดังนี้
1. ตัวกําหนดดานการถือครองที่ดิน หรือความเปนเจาของ (Land Tenure or Ownerships
Determined) การถือครองที่ดินเปนสถาบันทางสังคมรูปแบบหนึ่งที่เกี่ยวของกับการที่บุคคลมีกรรมสิทธิ์ที่จะเขาไป
ทําประโยชนจากที่ดินที่มีอยู กรรมสิทธิ์ที่ดินมีอยู 2 ประเภท คือ กรรมสิทธิ์ในการถือครองกับกรรมสิทธิ์ในการเขา
ไปทําประโยชนจากที่ดิน ผูมีกรรมสิทธิ์เปนเจาของจึงสามารถโอนกรรมสิทธิ์ในการใชประโยชนใหแกผูอื่นไดในรูป
ของสัญญาเชาหรืออื่น ๆ 1
ขอสมมติที่ 1 กรณีเจาของที่ดินเปนผูใชประโยชนที่ดินของตนเอง ผลผลิตที่เกิดขึ้นตกเปนของ
ตนเองทั้งหมด ตนทุนเฉลี่ยตอหนวยของเจาของที่ดิน (Average Cost) คือ AC1
ทั้งผูเชาที่ดินและเจาของที่ดินตางเปนเจาของปจจัยการผลิต กลาวคือผูเชามีแรงงานและทุน
เจาของที่ดินมีที่ดิน เปาหมายของเจาของที่ดินตองการกําไรสูงสุด (รายรับลบดวยตนทุนการ
ผลิต) ก็ตองพยายามเรียกคาเชาที่ดินใหสูงที่สุดเทาที่จะไดตามศักยภาพของที่ดิน หรือความ
อุดมสมบูรณของที่ดิน และทําเลที่ตั้ง เปนตน และเลือกใหผูเชาที่ดินที่สามารถใหราคาเทากับ
หรือมากกวาตนทุนเฉลี่ย นั่นคือ เจาของที่ดินจะใหผูเชารายใด จะพิจารณาจากตนทุนเฉลี่ย วาผู
เชารายใดสามารถทําใหตนมีตนทุนเฉลี่ยต่ําสุด (AC1 > AC2 > AC3) ในทางเศรษฐศาสตร
เรียกวา ความไดเปรียบเชิงเปรียบเทียบ (comparative advantage) ซึ่งเปนการเปรียบเทียบ
ประสิทธิภาพของปจจัยการผลิตในเชิงสัมพัทธ (เปนการพิจารณาปริมาณผลผลิตที่ไดจากปจจัย
การผลิตจํานวนหนึ่ง) สวนผูเชาก็ตองการรายไดสูงสุดจากการประกอบการ ถาผูเชาเห็นวาคาเชา
ที่ตองจายนั้นสูงเกินไป เขาก็มีสิทธิที่จะไมเชา หรือเปลี่ยนไปเชาที่ดินรายอื่นที่มีราคาคาเชาต่ํา
กวา หรือหันไปประกอบกิจการอยางอื่น เนื่องจากไมมีความสามารถที่จะจายคาเชาที่นานั้นได
เปนตน
2. ตัวกําหนดดานกายภาพ (Physical Determined) ในการกําหนดคาเชาที่ดิน และแรงจูงใจทาง
เศรษฐกิจที่ผูเชาทั้งชาวไทย และชาวตางชาติจะตัดสินใจลงทุนในการเชาที่ดินเพื่อการเกษตร ยังมีตัวกําหนดดาน
กายภาพเขามาเกี่ยวของดวย กลาวคือ 1) เปนพื้นที่ที่ใชในการเพาะปลูกพืชที่อยูในเขตที่มีการชลประทาน ซึ่ง
นับเปนปจจัยพื้นฐานที่สํา คัญสําหรับการเพิ่มผลผลิตในระบบการเกษตร สวนใหญเปนพื้นที่เขตชานเมือง มีการ
จัดสรรน้ําเพื่อประโยชนในดานเกษตรกรรมที่เอื้อตอการเพาะปลูกปลูกพืชไดหลายครั้งตอป และลดความเสี่ยงจาก
ปญหาเรื่องภัยแลง 2) เปนพื้นที่เขตเศรษฐกิจกาวหนา ที่มีพืชเศรษฐกิจสําคัญอยูกอนแลว เชน ขาว มันสําปะหลัง
ปาลมน้ํามัน ออย และยางพารา 3) เปนพื้นที่ที่มีระบบการจัดการคลังสินคา อยูใกลเขตเมืองหลวง หรือชานเมือง
และมีโครงขายระบบการขนสงและกระจายสินคาทางการเกษตรที่ดี ซึ่งจะชวยประหยัดตนทุนในการผลิต ทั้งในการ
ขนสงวัตถุดิบ อุปกรณการผลิตจากพื้นที่เพาะปลูกไปคลังสินคา โรงสี โรงงานแปรรูป และตนทุนการขนสงสินคาไป
ทาเรือ นอกจากนั้นในเขตใกลเมืองหลวง หรือชานเมืองยังมีสิ่งอํานวยความสะดวกทางดานสาธารณูปโภค การจาง
แรงงาน เปนตน และ 4) ขนาดพื้นที่เพาะปลูกควรมีเนื้อเพาะปลูกในที่ดินผืนใหญ เพื่อใหเกิดการประหยัดจาก
ขนาดการผลิต (economics of scale) และการจัดรูปที่ดิน เปนตน
1
นิพนธ พัวพงศกร ประสิทธิภาพการผลิตกับการถือครองที่ดิน สังคมศาสตรปริทัศน ปที่ 12 ฉบับที่ 9 (กันยายน 2517)
3. ตัวกําหนดดานเศรษฐกิจการเมือง (Political Economy Determined) การถือครองที่ดินเพื่อการ
เพาะปลูกขนาดใหญในเขตชานเมือง สวนใหญอยูในมือของกลุมทุนธุรกิจครอบครัว (ทุนไทย) หรือนายทุนที่ดิน
ไม กี่ ร าย โดยเฉพาะพื้ น ที่ ที่ อ ยู ใ นเขตชลประทานภาคกลาง เนื่ อ งจากพื้ น ที่ นี้ แต เ ดิ ม อยู ใ นเขตโครงการคลอง
ชลประทานเพื่อการเกษตรแหงแรกของไทย คือ เขตโครงการชลประทานรังสิต ที่เริ่มขึ้นสมัยพระบาทสมเด็จพระ
จุ ล จอมเกล า เจ า อยู หั ว มี วั ต ถุ ป ระสงค เ พื่ อ พั ฒ นาพื้ น ที่ บ ริ เ วณทุ ง รั ง สิ ต ให เ ป น แหล ง เพาะปลู ก ข า ว โดยมี พื้ น ที่
สัมปทานประมาณ 800,000 - 1,500,000 ไร และ ครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัด ตั้งแตจังหวัดปทุมธานี อําเภอธัญบุรี
คลองหลวง หนองเสือ และลําลูกกา จังหวัดนครนายก อําเภอองครักษ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา อําเภอวังนอย
จังหวัดสระบุรี อําเภอหนองแค และจังหวัดกรุงเทพมหานคร เขตหนองจอกและบางเขน
กลุมทุนธุรกิจครอบครัว (ทุนไทย) หรือนายทุนที่ดินเหลานี้ สวนใหญจะมีบทบาทเกี่ยวของกับ
กลุมผลประโยชนทางเศรษฐกิจและการเมืองที่สําคัญ เจาที่ดินเหลานี้สวนหนึ่งอาจเปนผูใชประโยชนจากที่ดินของ
ตนเอง หรือแบงใหเชาบางสวน หรือแบงใหเกษตรรายยอยเชาทั้งหมดโดยมีเงื่อนไขตาง ๆ
สําหรับผูเชาที่ดินรายใหญ กรณีที่ดินที่มีเนื้อที่ขนาดใหญอยูในมือของเจาของที่ดินไมกี่ราย ก็
ยอมงายตอการเจรจาตอรอง หรือชักชวนใหเขารวมลงทุนดวย และผูเชาก็ไดขนาดพื้นที่เพาะปลูกที่ตามตองการ
โดยเฉพาะหากพื้นที่นั้นมีสภาพการคางชําระคาเชาที่ดินของเกษตรรายยอยจํานวนมากมาเปนเวลานาน หรือเก็บ
ผลประโยชนไดไมเต็มที่ (นครนายก นครปฐม ฉะเชิงเทรา ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา) ก็ยอมสรางแรงจูงใจให
เจาของที่ดินตัดสินใจใหผูเชาที่ดินรายใหมเขาเชาแทน และผูเชาที่ดินรายใหมก็สามารถใชแรงงานภาคเกษตร
(เกษตรรายยอย) ที่มีอยูใหเกิดประโยชนแกตนเองได
ในขณะเดีย วกัน หากมีแรงตา นทางสังคมเกิด ขึ้นในพื้นที่ เนื่องจากรัฐ หรือชุมชนมีค วามกังวล
เกี่ยวกับอิทธิพลทางเศรษฐกิจของกลุมทุนขามชาติหรือชาวตางชาติ หรือในทางตรงกันขาม เจาของที่ดินตองการ
ที่จะสรางการยอมรับในการรวมทุนกับกลุมทุนใหม หรือสรางแนวตานทานในการเขามาใหมของคูแขงเสียเอง ก็
สามารถอาศัยความสัมพันธเชิงผูอุปถัมภกับผูใตอุปถัมภทางเศรษฐกิจการเมืองที่มีอยู เขาชวยทั้งดานการลดแรง
ตานทางสังคม หรือเสริมแนวตานทานดังกลาวได รวมถึงการริเริ่มกิจกรรมตาง ๆ ทางเศรษฐกิจการเมือง ผานสาย
สัมพันธที่มีอยูกับนักการเมือง ขาราชการระดับสูงในสวนกลางและสว นภูมิภ าค เขามาสนับ สนุนในเชิงนโยบาย
(rent-seeking behavior) เพื่อใหเกิดความชอบธรรมในการดําเนินธุรกิจของตนไดอยางถูกตองตามกฎหมาย เปน
ตน
เอกสารชิ้ นนี้ เปน ความพยายามเบื้ อ งต นที่ จ ะเสนอกรอบแนวคิด ในการมองป ญ หาและสร า งความ
เขาใจในโครงสราง และกลไกความสัมพันธตาง ๆ ในระบบเศรษฐกิจการเมืองที่เกี่ยวของกับปญหาบุคคลตางชาติ
ตั้งบริษัทธุรกิจการเกษตรในประเทศไทย ในแงมุมที่ตางออกไปจากกระแสทางสังคมในเวลานี้
เนื้ อ หาในข อ พิ จ ารณาเบื้ อ งตน ว า ด ว ย มุ ม มองทางเศรษฐกิ จ การเมือ งต อ ป ญ หาบุ ค คลตา งชาติ ตั้ ง
บริษัทธุรกิจการเกษตรในประเทศไทยนี้ แบงออกเปน 6 สวน ดังนี้
สวนที่ 1 เปนสวนที่เกริ่นนําใหเห็นภาพเบื้องตนทั้งหมด
สวนที่ 2 เป น เนื้ อ หาที่ ก ล า วถึ ง ภาพรวมศั ก ยภาพทางทรั พ ยากรการเกษตรของไทย พื้ น ที
ชลประทาน ลักษณะการถือครองที่ดิน การใชที่ดินในการผลิตพืชเศรษฐกิจที่สําคัญ
สวนที่ 3 เนื้อหาสาระสําคัญสวนใหญครอบคลุมในเรื่องการกระจุกตัวหรือการกระจายตัวของระบบ
การจัดการคลังสินคา โรงสี โรงงานแปรรูปสินคาเกษตร โครงขายระบบการขนสงและ
กระจายสินคาทางการเกษตร
สวนที่ 4 ตลาดสงออกพืชเศรษฐกิจ ที่สํา คัญของไทย คุณลักษณะของตลาดในแตล ะประเทศ
และประเทศที่นาจะมีศักยภาพในการลงทุนในธุรกิจการเกษตรในไทย ภาวะการลงทุน
โดยตรงจากตางประเทศในไทย (Foreign Direct Investment = FDI)
สวนที่ 5 กลุมทุนธุรกิจครอบครัว (ทุนไทย) ในอุตสาหกรรมเกษตรของไทย โดยเฉพาะบริษัท
ขนาดใหญที่ประกอบดวยกลุมบริษัทขนาดเล็กในเครือ (Conglomerates and Holding
Companies) ที่ มี ค วามหลากหลายในการดํ า เนิ น ธุ ร กิ จ มารวมตั ว กั น และบริ ษั ท ที่ ถู ก
จัดตั้งขึ้นโดยไมมีการประกอบกิจการใดๆ มีหนาที่หลักคือ การลงทุนโดยการถือหุนใน
บริษัทลูก (Subsidiaries) บริษัทรวม (Associated companies) หรือถือหุนไขวกันใน
ระหวางกลุม และเขตพื้นที่อิทธิพลทางเศรษฐกิจการเกษตรของแตละกลุม การแสวงหา
แหลงทุนทางการเงิน และแหลงทรัพยากรทางการเกษตรใหมนอกเขตแดนของไทย
และการไดรับประโยชนในการถายโอนความมั่งคั่งของสังคม หรือสวนเกินทางเศรษฐกิจ
จากสังคมมาสูกลุมทุนดังกลาว โดยผานกระบวนการกําหนดและบริหารนโยบายทาง
เศรษฐกิจของรัฐ
สวนที่ 6 บทวิเคราะห