Professional Documents
Culture Documents
บทที่ 4 ความอุดมสมบูรณของดินและการเกษตรที่ยั่งยืน
(Soil Fertility and Sustainability of Crop Production )
สาเหตุการเสื่อมโทรมความอุดมสมบูรณของดิน
ตารางที่ 1 สาเหตุของการเสื่อมคุณภาพของทรัพยากรดินภายใตระบบเกษตรที่มีการจัดการแบบตาง ๆ
สาเหตุ การเสื่อมโทรมที่เกิดขึ้นกับดิน
4. พื้นที่ที่ปลอยหนาดินไวหรือไมมีวัสดุหรือพืชพรรณปก จะเรงการกรอนหรือการพังทลายของดินเนื่องลมและน้ํา
คลุมดิน
5.พื้นที่มีการระบายน้ําไมดี การทวมขังของน้ําและเกิดสภาพไรอากาศ
การจัดการความสมดุลของธาตุอาหารพืชในระบบนิเวศเกษตร
การเคลื่อนที่เขาของธาตุอาหาร
-แหลงธาตุอาหารที่ไดจากดิน
ในดินมีธาตุอยูหลายชนิดทั้งที่เปนธาตุอาหารพืชและไมใชธาตุอาหารพืช ซึ่งขึ้นอยูกับวัตถุตนกําเนิดและสิ่งมีชีวิตที่มาทับถม
โดยทั่วไปความเขมขนของธาตุอาหารพืชในดินที่อยูที่เปนประโยชนตอพืชไดดังตารางที่ 2
4
( %)
แหลง
ธาตุอาหาร
S เหล็กซัลไฟลทและซัลเฟต 0.01-0.1
คลเซียมคารบอนเนต แคลเซียมซัลเฟต
ไบโฮไทด แมกนีเซียมคารบอเนต
Fe เหล็กออกไซดและไฮดรอกไซด 0.5-4.0
แรที่มีซิลิเกตเปนองคประกอบ
-ธาตุอาหารพืชที่ไดจากน้ําฝน
ตารางที่ 3 ธาตุอาหารพืชที่ไดจากน้ําฝน
K+ 0-5
Na+ 8-24
Ca 2+ 70-216
Mg 2+ 8-36
NO3- 1-79
HPO4 2- 0-0.3
SO42- 1-87
6
-การเคลื่อนที่ออกของธาตุอาหารพืช
แตในที่นี้จะขอกลาวเพียงสองกระบวนหลักที่พบไดในระบบนิเวศเกษตร ไดแก
1. การสูญเสียจากการชะลางพังทลายของดินและธาตุอาหารออกจากพื้นที่
การสูญเสียวิธีการนี้มากนอยแตกตางกันไปตามเนื้อดิน ความลาดชัน โดยปกติพื้นที่ลาดชันมากกวา 5 % เริ่มมีปญหา
การชะลางของดิน ซึ่งดินทรายจะมีปญหามากกวาดินเหนียว เกรียงไกร (2533) สรุปวาการสูญเสียหนาดินจากการชะลาง
พังทลายของหนาดินหนา 2.5 ซม. จะกอใหเกิดการสูญเสียเนื้อดินถึงปละกวา 50 ตัน/ไร การชะลางพังทลายนี้ไมเพียงแต
กอใหเกิดการสูญเสียเนื้อดินเทานั้น ธาตุอาหารและอินทรียวัตถุในดินก็ถูกพัดพาออกไปดวย (ตารางที่ 4) และ ตารางที่ 4 ได
แสดงใหเห็นถึงปริมาณธาตุอาหารและอินทรียวัตถุของดินชั้นไถพรวน ดินสีคล้ําที่ถูกพัดพามาทับถม และสวนของทรายที่ถูก
พัดพามาทับถม เกรียงไกร (2533) สรุปวาวาการชะลางพังทลายของหนาดินจะมีผลตอศักยภาพการผลิตคือพื้นที่ที่มีการชะลาง
พังทลายสูงผลผลิตพืชจะลดลงมาก
2.การสูญเสียธาตุอาหารในดินจากการที่พืชดูดไปใช
ในการสรางความเจริญเติบโตและใหผลผลิต ซึ่งจะแตกตางกันไปตามชนิดของพืชเพราะพืชมีความตองการธาตุอาหารแตกตาง
กัน ดังตารางที่ 5
7
ตารางที่ 4 การสูญเสียธาตุอาหารจากอิทธิพลของการชะลางพังทลายของหนาดิน
(mg kg-1)
P K
ตารางที่ 5 การสูญเสียธาตุอาหารในดินจากการที่พืชดูดไปใช
9
10
11
จากปริมาณการดูดใชธาตุอาหารของพืชแตละชนิดที่แตกตางกันไป และปริมาณการชดเชยธาตุอาหารคืนใหแกดินที่ไมไดสมดุล
โดยอาจจะกลาวไดวาการเพาะปลูกพืชและมีการเก็บเกี่ยวผลผลิตออกจากพื้นที่ทําใหดินเสื่อมความอุดมสมบูรณ
Table 6 Examples of plant nutrients exported and imported through cereals, 1999
12
การใชประโยชนที่ดินใหยั่งยืนได จําเปนตองสรางจิตสํานึกที่ดีใหเกษตรกรใหตระหนักถึงความเสียหายอันเกิดจากการ
ใชทรัพยากรโดยไมมีขีดจํากัดและมุงหวังแตผลประโยชนในระยะสั้น ใหมีความรูและความเขาใจในสมดุลของการใชที่ดินใน
ระบบเกษตรประเภทตาง ๆ ตลอดจนการรักษาสภาพแวดลอมและธรรมชาติใหสวยงามเพื่อคงประโยชนการใชที่ดินใหยาวนาน
เปนมรดกตกทอดถึงลูกหลานในอนาคต และลูกหลานจะไดใชทรัพยากรดิน น้ํา และธรรมชาติแวดลอมใหยั่งยืนเพื่อความสุข
ตราบนานเทานาน
13
4 ระบบที่เกี่ยวของกับการจัดการและอนุรักษทรัพยากรธรรมชาติ FAO(1991)อางตาม
และมีการใชความรูและเทคโนโลยีในระบบเพื่อใหมั่นใจตอผลที่ไดซึ่ง มัตติกา ( 2548)
ตอบสนองความตองการของมนุษยในปจจุบันและอนาคต การพัฒนาการ
จัดการที่ยั่งยืนนี้ตองอนุรักษทรัพยากรที่ดิน น้ํา พืช และกรรมพันธุของ
14
ความยัง่ ยืนของระบบเกษตร
คุณภาพของ ความยัง่ ยืน ความยัง่ ยืน
สิ่งแวดลอม ทางเศรษฐกิจ ทางสังคม
คุณภาพของสิ่ งแวดลอม
ดัชนีคุณภาพของ ดัชนีคุณภาพของ ดัชนีคุณภาพของ ดัชนีคุณภาพของ
ทรัพยากรดิน ทรัพยากรนํ้า ทรัพยากรป า อากาศ
ดัชนีของคุณภาพทรัพยากรดิน
ดัชนีทางกายภาพ ดัชนีทางเคมี ดัชนีทางชีวะ
ภาพที่ 2 คุณภาพของดินเปนดัชนีพื้นฐานที่สําคัญในการประเมินความยั่งยืนของระบบเกษตร
15
ลักษณะโดยทั่วไป
การประเมินคุณภาพดินสําหรับดินที่ใชทําการเกษตรถือวาเปนสิ่งที่มีความจําเปน โดยจะตองมีกระทําภายใตเงื่อนไขวา
ดินที่ถูกประเมินคุณภาพนั้นจะตองอยูในสภาพที่ยังมีการใชทางการเกษตรอยู นอกจากนี้ โดยจะตองมีการคัดเลือกวิธีการ
ประเมินอยางระมัดระวัง ซึ่งผลที่ไดจากการประเมินคุณภาพดินจะทําใหทราบผลการจัดการดินที่ผานมา หรือที่กําลังดําเนินการ
อยูนี้สงผลกระทบอยางไรตอคุณภาพดิน และยังเปนสิ่งบงชี้ถึงลักษณะหรือสมบัติของดินตาง ๆ ที่มีความสําคัญตอคุณภาพดิน
และผลิตภาพของดิน รวมถึงคุณภาพของทรัพยากรอื่น ๆ ดวย
สําหรับในระดับพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรแตละรายนั้น วิธีการที่ใชประเมินคุณภาพดินนั้นควรที่จะเปนการ
ประเมินทั้งผลกระทบที่เกิดขึ้นเนื่องจากการเขตกรรมตาง ๆ และควรมีการประเมินปญหาที่จะเกิดขึ้น หรือสิ่งที่เปนขีดจํากัดที่
ปรากฏในพื้นที่ รวมทั้งขอเสนอแนะตางๆ เพื่อใหเกษตรกรไดรับผลประโยชนสูงสุด และไมเกิดผลกระทบทางลบตอ
สิ่งแวดลอมหรือทรัพยากรอื่น ๆ นอกจากนี้ในการประเมินคุณภาพดิน ผูประเมินมีตองการความรวมมือจากเกษตรกรในการ
ประเมินพื้นที่เพาะปลูกของเกษตรกรในการใหขอมูลหรือประวัติการใชที่ดิน
ดังนั้นเครื่องมือและวิธีการที่นักวิจัยใชสําหรับการประเมิน จึงมีความจําเปนตองปรับใหมีรูปแบบที่เกษตรกรสามารถ
ประเมินคุณภาพไดดวย เชน งายตอการใชงาน ไมแพง และใหผลรวดเร็ว นอกจากนี้วิธีการวัดนั้นควรเปนการวัดสมบัติของดิน
ที่มีความสําคัญหรือมีประโยชนตอการเกษตร หรือเพื่อทําใหเกษตรกรที่จะมีความเขาใจเพิ่มขึ้นและสามารถนําไปใชประโยชน
ได และจะตองมีความนาเชื่อถือและความถูกตองไปพรอมกันดวย
ดัชนีประเมินคุณภาพดิน
คุณภาพดินเปนการประเมินประสิทธิภาพของดินที่มาจากหนาที่ของดิน และประเมินถึงการทําบทบาทและหนาที่ของ
ดินที่จะแสดงในอนาคต ซึ่งคุณภาพดินไมสามารถประเมินไดจากผลผลิตของพืช หรือคุณภาพของน้ํา หรืออยางใดอยางหนึ่ง
เทานั้น จากการที่คุณภาพดินไมสามารถวัดไดตรง ดังนั้นจึงจําเปนตองประเมินมาจากดัชนีคุณภาพดินตาง ๆ โดยดัชนีเหลานี้
เปนการสมบัติตาง ๆ ของดินที่สามารถบอกบทบาทและหนาที่ของดินอยางสมบูรณ สมบัติของดินไดแก สมบัติทางกายภาพ
เคมี และชีวภาพ กระบวนการตาง ๆ และลักษณะอื่น ๆ ของดิน ดัชนีวัดคุณภาพดินควรมีลักษณะ ดังนี้
- เปนวิธีการที่งาย
- สามารถวัดการเปลี่ยนแปลงของสมบัติของดินอันเนื่องจากการใชที่ดิน เวลาที่แตกตาง
กัน และสภาพภูมิอากาศที่แตกตาง
- เปนการรวมของสมบัติทางเคมี กายภาพ และชีวภาพ เขาดวยกัน
16
- สามารถใชไดโดยบุคคลทั่วไป และสามารถใชไดในสภาพพื้นที่เพาะปลูกจริง
เครื่องมือสําหรับใชในการประเมินดัชนีวัดคุณภาพดินในพื้นที่
นอกจากนี้เพื่อใหแปลความขอมูลที่ไดจากการประเมินอยางถูกตองและแมนยําเพิ่มขึ้นการใชขอมูลอื่นประกอบในการ
อธิบายก็มีความจําเปนอยางยิ่ง อาจจะเปนประวัติการใสปุย การจัดการตาง ๆ ประวัติการใชที่ดิน
- ชุดดิน
- เนื้อดิน
- รองรอยการเกิดการพังทลายของดิน
- การจัดการดินและพืชที่ผานมาและปจจุบัน
- รายละเอียดของความชันและสภาพภูมิประเทศ
- ตําแหนงทางภูมิศาสตรของพื้นที่และจุดเก็บตัวอยาง (ละติจูดและลองติจูด)
17
- ตําแหนงของแหลงน้ํา หรือพื้นที่ที่มีความเสี่ยงตอการเปนปญหาตอสิ่งแวดลอมที่อยูเกิดพื้นที่
การเปรียบเทียบ : การจัดการที่แตกตางกันในพื้นที่เดียวกัน
การเปรียบเทียบ : พื้นที่เดียวกันแตเวลาที่ตางกัน
การเปรียบเทียบ : พื้นที่เกษตรบริเวณใกลเคียง
วิธีการนี้เหมาะสําหรับนักวิจัยหรือนักวิชาการ ที่อาจจะแสดงใหเห็นความแตกตางอยางชัดเจนในพื้นที่เกษตรที่เปนคู
เปรียบเทียบ โดยคูเปรียบเทียบนี้ควรมีชนิดของดินและลักษณะของพื้นที่ที่เหมือนกัน นอกจากนี้มีเศรษฐกิจครัวเรือนที่
เหมือนกัน แตการจัดการในระบบเกษตรที่แตกตางกัน เชน การเกษตรเชิงพาณิชยกับเกษตรอินทรีย หรือการเกษตรเชิงพาณิชย
เปรียบเทียบกับเกษตรดั่งเดิม(ยั่งชีพ) เปนตน
การเปรียบเทียบ : ระบบนิเวศปาไมหรือพื้นที่ที่ไมถูกรบกวน
การเปรียบเทียบโดยวิธีการนี้อาจจะใชพื้นที่ปาที่ไมถูกรบกวนนั้นซึ่งถือวามีปริมาณอินทรียวัตถุสูงสุด เมื่อเปรียบเทียบ
กับพื้นที่เกษตรที่ตองการศึกษาหรือเปรียบเทียบ นอกจากนี้ตองควรมีพื้นที่ใกลเคียงกันโดยมีชนิดดินและสภาพภูมิอากาศที่
เหมือนกัน
Soil organic matter (SOM) Soil fertility, structure, stability, nutrient retention; soil erosion
Physical: soil structure, depth of soil, Retention and transport of water and nutrients; habitat for
infiltration and bulk density; water microbes; estimate of crop productivity potential; compaction, plow pan,
holding capacity water movement; porosity; workability
Chemical: pH; electrical conductivity; Biological and chemical activity thresholds; plant and microbial
extractable N-P-K activity thresholds; plant available nutrients and potential for N and P
loss
Biological: microbial biomass C and N; Microbial catalytic potential and repository for C and N; soil
potentially mineralizable N; soil productivity and N supplying potential; microbial activity measure
respiration.
แนวทางในการใชสมบัติของดินเปนดัชนีประเมินความอุดมสมบูรณดิน
1. สมบัติทางเคมี
-อินทรียวัตถุในดิน (soil organic matter, SOM)
19
หนาที่ของ SOM
(Functions of SOM)
บทบาทของอินทรียวัตถุในดินในฐานะเปนแหลงธาตุอาหารพืช
ขีดจํากัดในการประเมินความเปนประโยชนของไนโตรเจนในดินตอพืช
-ปฏิกิริยาของดิน ( Soil pH )
21
ประโยชนและความสําคัญบางประการของการแลกเปลี่ยนไอออนบวกในดิน
การใสปุย
cla + K+ Cla
K +H+
y
H
การใสปูน
การซาบซึมน้ํา
24
2.สมบัติทางฟสิกส
-เนื้อดิน
เนื้อดินมีความสัมพันธกับปริมาณพื้นที่ผิวจําเพาะของดิน (specific surface) ปริมาณและขนาดของชองวางระหวางอนุภาคดิน
อยางมาก โดยทั่วไปเมื่อดินมีเนื้อละเอียดขึ้น ปริมาณพื้นที่ผิวจําเพาะและจํานวนชองวางจะเพิ่มขึ้น แตขนาดของชองวางจะเล็ก
ลง พื้นที่ผิวจําเพาะนี้มีผลกระทบตอการดูดยึดน้ํา และธาตุอาหารพืช ความรวนเหนียว ความยากงายในการไถพรวนและการไช
ชอนของรากพืช ขนาดและปริมาณชองวางในดินมีผลกระทบตอความสามารถในการอุมน้ํา (water holding capacity) การ
เคลื่อนที่ของการถายเทอากาศ ฯลฯ ซึ่งสมบัติตาง ๆ เหลานี้มีผลตอความสามารถในการใหผลผลิต (soil productivity) และ
ความยากงายของดินตอการเกิดกษัยการของดิน (soil erosion) อยางยิ่ง
25
ภาพที่ 5 USDA classification of soil texture classes according to proportions of sand, silt and clay
สมการที่ 1
ดินโดยทั่วไปมักจะมีความแตกตางไมชัดเจนโดยเฉพาะดินที่มีอินทรียวัตถุสูง แตจะเห็นความแตกตางอยางชัดเจนใน
ดินไดที่รับผลกระทบจากการจัดการที่แตกตางกัน เชน มีการไถในการปรับและเตรียมพื้นที่เปรียบเทียบกับดินที่ไมมีการไถ โดย
มักจะนิยมทําพรอมกับการวิเคราะห Db ซึ่งความสัมพันธระหวางคุณสมบัติทางฟสิกสของดินที่มีลักษณะเนื้อดินแตกตางกัน
(ตารางที่ 10)
27
ตารางที่ 10 คุณสมบัติทางฟสิกสของดินที่มีลักษณะเนื้อดินแตกตางกัน
หมายเหตุ ;
3.สมบัติทางชีววิทยา
-การหายใจของดิน (Soil respiration)
โดยทั่วไปดินที่มีปริมาณจุลินทรียสูงมักจะเปนดินที่มีความอุดมสมบูรณสูง ทั้งนี้เนื่องจากจุลินทรียดินมีผลชวย
สงเสริมกระบวนการตางๆ ที่เปนประโยชนภายในดิน เชน กระบวนการยอยสลายอินทรียสาร กระบวนการตรึงไนโตรเจน เปน
ตน ซึ่งกิจกรรมของเชื้อจุลินทรียดินที่เปนประโยชน ไดแก การยอยสลายอินทรียวัตถุ เปนตน การเปลี่ยนแปลงปริมาณและ
กิจกรรมของจุลินทรียดินอันเนื่องมาจากปริมาณและชนิดของอินทรียวัตถุในดิน นอกจากนี้ สภาพแวดลอมก็มีบทบาทสําคัญ
มากตอชนิด ปริมาณ และกิจกรรมของเชื้อจุลินทรียดิน สภาพแวดลอมที่สําคัญไดแก ความชื้น การถายเทอากาศ อุณหภูมิ pH
ของดิน ปริมาณและชนิดอินทรียสาร(organic substance) ในดิน ปริมาณ และชนิดอนินทรียสาร (inorganic substance)ใน
ดิน เปนตน
ภาพที่ 6 การหายใจของดิน
สภาพของภูมิอากาศและการเขตกรรมกับดูดใชธาตุอาหารของพืช
การเขาใจลักษณะอาการขาดหรือเปนพิษของธาตุอาหารที่มีตอพืช สามารถนําไปใชประเมินคุณภาพดินของดินไดใน
ระดับเบื้องตนไดเปนอยางดี ดังลักษณะที่นําเสนอไวสวนของการวินิจฉัยโรคพืชอันเนืองมาจากความสมดุลของธาตุอาหาร
ปจจัยพื้นฐานที่ตองคํานึงถึงในการจัดการดินและน้ําเพื่อความยั่งยืนของระบบเกษตรคือ
1. โครงสรางดินหรือความเสถียรของเม็ดดิน
ผิวดินที่มีขนาดของเม็ดดินที่เสถียรโดยเฉลี่ย 2-5 ม.ม. ในปริมาณรอยละ 30-60 ของมวลดินทั้งหมด จัดเปนดินที่มี
โครงสรางดี มีความคงทนของเม็ดดินสูง ซึ่งปองกันการอัดแนนของหนาดิน (เนื่องจากการแตกกระจายเม็ดดินเปนอนุภาคดิน
หรือผลดินอุดตันหนาดินมีนอย) ลดการชะกรอนพังทลายของผิวหนาดินและการสูญเสียดิน ทําใหดินคงความอุดมสมบูรณทั้ง
ทางฟสิกส เคมี และชีวภาพ การดูดกลืนน้ําและธาตุอาหารของพืชเปนไปอยางมีประสิทธิภาพ
2. ชนิดและปริมาณของอินทรียวัตถุในดิน
อินทรียวัตถุในดินควรมีองคประกอบสารอินทรียชนิดที่เปนโครงสรางลูกโซประเภทโพลีเมอรยาว ๆ สามารถดูดซับ
น้ําและธาตุอาหารไดดี (hydrophilic chain polymer) สวนอินทรียวัตถุที่มีองคประกอบเปนสารอินทรียประเภทโครงสรางวง
แหวนที่ไมดูดยึดโมเลกุลของน้ํา (hydrophobic ring structure) เชน ลิกนิน เปนตน ไมเปนที่พึ่งประสงคทางการเกษตร
ปริมาณอินทรียวัตถุที่เหมาะสมควรมีประมาณรอยละ 2-5 ของมวลของดินแหงทั้งหมด ปริมาณอินทรียวัตถุดังกลาว ปริมาณ
อินทรียวัตถุดังกลาวจะชวยเสริมสรางเม็ดดินที่เสถียรในระดับที่พอเหมาะ สงเสริมกิจกรรมของจุลินทรียใหมีประสิทธิภาพ
ปริมาณอินทรียวัตถุที่สูงเกินไป ทําใหดินมีระดับความเปนกรดสูง (pH < 5) คุณสมบัติทางเคมีไมเหมาะสมตอการเจริญเติบโต
ของพืช ความเปนประโยชนของธาตุอาหารลดลง
3. การสะสมของสารเคมีจากปุยเคมีและสารเคมีกําจัดศัตรูพืช
31
การจัดการดินและน้ําที่ถูกตองคือการลดการสรางสิ่งที่เปนพิษซึ่งสะสมในดินและควบคุมเกลือในดินไมใหมีการ
สะสมมากขึ้น นอกจากนี้ยังตองคํานึงถึงคุณสมบัติทางเคมีของดิน เชน ระดับความเปนกรดลางของดิน (pH) ความจุในการแล
เปลี่ยนประจุบวกของดิน ปริมาณธาตุอาหารตาง ๆในดิน ชนิดและปริมาณของธาตุอาหารพืชที่บงบอกถึงความอุดมสมบูรณ
ของดิน เชน ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โปแตสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม และอื่น ๆ เปนตน ทั้งนี้ปจจัยดังกลาวตองเหมาะสมตอ
การเจริญเติบโตของพืช
4. การจัดการดินและน้ําในระบบเกษตรน้ําฝนบนที่ลาดชันอยางยั่งยืน
5. การจัดการดินและน้ําในระบบเกษตรชลประทาน
การจัดการดินและน้ําในระบบเกษตรชลประทาน ตองยึดหลักวาน้ําในดินมีความสําคัญยิ่งตอการเจริญเติบโตของพืช
ปริมาณน้ําในดินที่มากเกินไปจะขัดขวางการเจริญเติบโตของรากพืชและการเติบโตของตนพืช ในเขตแหงแลงมักมีปญหาน้ํา
ไมเพียงพอตอการการเติบโตของพืชตลอดฤดูเพาะปลูก การชลประทานและการจัดการใหดินมีการเก็บกักน้ําในปริมาณ
พอเหมาะและเพียงพอสําหรับการเจริญเติบโตของพืช
เอกสารอางอิง
FAO. 1989. Sustainable agricultural production. Implications for agricultural research, by Technical Advisory
Committee. FAO Research and Technology Paper No. 4. Rome.131 pp.
Smaling, E.M.A. 1993. Soil nutrient depletion in Sub-Saharan Africa. In H. van Reulen &W.H. Prins, eds. The role
of plant nutrients for sustainable food crop production in Sub-Saharan Africa. Leidschendan, The Netherlands.