You are on page 1of 5

ข้อ1

หากผมทาหน้าทีเป็ ่ นร ัฐบาลจะกาหนดนโยบายทีตรงกับความ่
ต้องการของประชาชนและสร ้างความเจริญรุง่ เรืองให้ก ับประเ
ทศชาติโดยนโยบายของผมจะ
ส่งเสริมการลงทุนด้านวิจ ัยและพัฒนาได้เปิ ดตัวศู นย ์ส่งเสริมแ
ละสร ้างความเข้มแข็ง
ให้ศูนย ์วิจ ัยและพัฒนาของภาคเอกชนในประเทศไทย
เพือส่่ งเสริมให้ภาคเอกชนลงทุนวิจ ัยและพัฒนา
ให้บรรลุเป้ าหมายตามนโยบายร ัฐบาลทีมุ ่ ่งมันผลั
่ กดันให้ประเ
ทศไทยมีมูลค่าการลงทุนวิจ ัยและพัฒนาเปิ ดให้บริการแบบ
One Stop Solution แก่ธุรกิจทุกขนาด เป็ นศู นย ์กลาง
ประสานงานและอานวยความสะดวกต่าง ๆ ให้แก่ภาคเอกชน
เช่น สนับสนุ นพืนที ้ ในการท
่ าวิจ ัย และพัฒนา
การพัฒนาเทคโนโลยีการออกแบบ

และการเชือมโยงก ับเครือข่ายสถาบันการศึกษาและหน่ วยงา
น ภาคร ัฐ แสวงหาและถ่ายทอดความรู ้และนว ัตกรรม
มาช่วยสร ้างสรรค ์ผลิตภัณฑ ์และบริการใหม่ ๆ
อานวยความสะดวกในการขอร ับสิทธิประโยชน์และการสนับ
สนุ นต่าง ๆ ของหน่ วยงานภาคร ัฐ
ปั จจุบนั มีบริษทั ต่างชาติและบริษท ั ไทยขนาดเล็กหลายราย
ร่วมมือกับภาคร ัฐ
ผ่านกลไกสนับสนุ นของศู นย ์ส่งเสริมและสร ้างความเข้มแข็ง
ให้ศูนย ์วิจ ัยและพัฒนาของภาคเอกชน ในประเทศไทย

ซึงครอบคลุ มธุรกิจหลายด้าน เช่น
ชินส่้ วนยานยนต ์ฮาร ์ดดิสก ์ไดร ์ฟ อากาศยานไร ้คนขับ
หรืออุตสาหกรรมการผลิตเตาอบหรือตู แ ้ ช่แข็ง
ในอนาคตอ ันใกล้นีจะได้ ้ มก
ี ารขยายโครงการโดยกระจาย
้ มหาวิ
ออกไปตามพืนที ่ ่ ความพร ้อมและมี
ทยาลัยหลายแห่งทีมี
่ วมงานกับภาคเอกชน
ความเหมาะสมทีจะร่
ในกลุ่มอุตสาหกรรมต่อไป

ข้อ2.
จากการศึกษาวิชานว ัตกรรมการจ ัดการและการจ ัดการการเ

ปลียนแปลงได้
ทราบประโยชน์คอ ื ประโยชน์สาหร ับผู เ้ รียน
1. ทาให้ผูเ้ รียนมีโอกาสใช้ความสามารถของตนเอง
ในการเรียนรู ้อย่างเต็มที่
2. ผู เ้ รียนมีโอกาสตัดสินใจเลือกเรียนตามช่องทางที่
เหมาะกบ
ั ความสามารถ

3. ทาให้กระบวนการเรียนรู ้ง่ ายขึน
4. ผู เ้ รียนมีอส
ิ ระในการเลือก
5. ผู เ้ รียนสามารถเรียนรู ้ในทุกเวลา ทุกสถานที่

6. ทาให้การเรียนมีประสิทธิภาพมากขึน
7. ผู เ้ รียนสามารถเรียนรู ้ได้มากกว่าเดิมในเวลาเท่า
กัน
้ั
8. ทาให้ผูเ้ รียนสามารถเรียนรู ้ได้ทงในแนวกว้
างแล
ะแนวลึก
9. ช่วยให้ผูเ้ รียนรู ้จ ักเสาะหาแหล่งการเรียนรู ้
10. ฝึ กให้ผูเ้ รียน คิดเป็ นและสามารถแก้ปัญหาด้วย
ตนเองได้
ได้ทราบถึงการเปลียนแปลงเป็ ่ ่ สามารถเกิ
นสิงที ่ ดขึนได้้ ตลอด
เวลา
ปั จจุบน ั นว ัตกรรมได้มก ี ารพัฒนาอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ทุกอ
งค ์กรต้องร ับการเปลียนแปลงและพั ่ ฒนาไปพร ้อมกับนว ัตกรร
้ เพราะนวต
มนันๆ ั กรรมหรือการคิดสิงประดิ ่ ่
ษฐ ์ เครืองมื อ
ผลิตภัณฑ ์ใหม่มวี ัตถุประสงค ์เพือแก้ ่ ปัญหาเดิมหรือปั ญหาให
ี่ ดขึนในองค
ม่ทเกิ ้ ์กร
โดยเฉพาะการเปลียนแปลงเข้ ่ าสู ่ยุคโลกาภิว ัตน์
ทาให้การติดต่อสือสาร ่
การค้นหาข้อมู ลต่างๆสะดวกมากยิงขึ ่ น ้

ดังนันการแข่ งขันก็เพิมขึ ่ นตามการเข้
้ าถึงของผู ใ้ ช้
ดังนันองค้ ์กรจึงต้องสร ้างจุดเด่นและการทางานทีมี ่ ประสิทธิภ
าพมาดึงดู ด

หลังจากทีได้ ่ ศก ึ ษาวิชานว ัตกรรมการจ ัดการและการจ ัดการก



ารเปลียนแปลงอี ้ ร ับความรู ้ตามทีได้
กทังได้ ่ กล่าวข้างต้นนัน ้
ผมจะนาความรู ้ทางด้านนี ไปประยุ ้ กต ์ใช้ก ับธุรกิจวางแผนว่าจ
ะดาเนิ นการในอนาคต ซึงก็ ่ คอ ื ธุรกิจทีพั่ กหรือธุรกิจโรงแรม
ผมจะนาประว ัติความเป็ นอยู ่หรือชีวต ิ ประจาว ันของคนในพืน ้

ทีมาเป็ นไอเดียหลักในการตกแต่งโรงแรมเพือดึ ่ งดู ดลู กค้าและ
จะนาความรู ้เรืองการจ ่ ัดการนว ัตกรรมทีได้ ่ ศกึ ษามาสร ้างควา
มสะดวกสบายแก่ลูกค้าเพิมเพื ่ ่
อสร ้างจุดเด่นและรองร ับการเป

ลียนแปลงตามยุ คสมัยในปั จจุบน ั เช่น
จะเพิมนว่ ัตกรรมเวลาทีแขกได้ ่ ลงทะเบียนเข้าพักและได้ร ับคีย ์
การ ์ดเรียบร ้อย เมือแขกน ่ าคีย ์การ ์ดไปเสียบทีห้ ่ อง

ทีโทรทั ศน์กข ึ ้ อความและเสียงว่า
็ นข้
ยินดีตอ ่
้ นร ับตามด้วยชือของแขก
้ สามารถสร ้างความแตกต่างและสร ้างความประทับ
เพียงแค่นีก็
ใจให้กบ ั แขกผ่านทางนว ัตกรรม
ข้อ3 ‘’นว ัตกรรมแบบเปิ ด’’
เป็ นกระบวนทัศน์ใหม่ทให้ ี่ องค ์เปิ ดร ับและแลกแปลียนองค
่ ์ควา
มรู ้แนวคิดและประสบการ ์ณจากภายนอกองค ์กร
หรืออาศ ัยความร่วมมือเชิงพันธ ์มิตรกับองค ์กรค ์กรทีมี ่ ความ

พร ้อมและความเชียวชาญในกลุ ม
่ อุตสหกรรมมาปร ับใช้ในอ

งค ์กรเพือปร ับปรุงนว ัตกรรมสร ้างมู ลค่าเพิม ่
สร ้างผลิตภัณฑ ์ใหม่ๆ เพิมขึ่ น
้ และมีคุณภาพดีขน ึ้
ทาให้ธุรกิจมีความสามารถในการแข่งขัน
“นว ัตกรรมแบบปิ ด” (Close Innovation)
่ นด้วยแนวคิดทีว่่ า
โดยมีจุดเริมต้
นว ัตกรรมนันต้้ องมีจุดเริมต้
่ นทีการวิ
่ จ ัยและพัฒนา
และส่วนใหญ่กเ็ กิดจากภาคร ัฐมากกว่าเอกชน
เช่นการวิจย ั ในห้องทดลองของมหาวิทยาลัย เป็ นต้น
ประกอบกับภาคร ัฐมีการสนับสนุ นภาคเอกชนในลักษณะผู กข
าดในแต่ละองค ์กร โดยไม่มก ่
ี ารเชือมโยงกันของข้ อมู ล
ทาให้ภาคเอกชนไม่มค ี วามเข้มแข็งในระดับอุตสาหกรรม
และความคุม ้ ค่าของการลงทุนต่าเนื่องจากต้องมีการลงทุนสู ง
จึงไม่มแ ่
ี รงจู งใจเท่าทีควรส าหร ับภาคเอกชน
เปรียบเทียบความแตกต่างของแบบเปิ ดและแบบปิ ด


นว ัตกรรมแบบเปิ ดเป็ นกระบวนการทีสามารถให้ภาคเอกชนเ

ข้ามาเกียวข้
องในการทางานได้ทาให้มค ่
ี วามคิดทีนอกกรอบ

มีความแปลกใหม่และมีการดาเนิ นงานทีรวดเร็ วไม่ตอ้ งผ่านภ

าคร ัฐในบางภาคส่วนซึงแตกต่ ่ งบหรือต้นทุน
างจากแบบปิ ดทีมี
่ สูงมากถึงแม้จะมีการให้ภาคเอกชนเข้ามาเกียวข้
ทีไม่ ่ องบ้างแ
ต่เอกชนอาจจะทางานได้แค่บางส่วนทาไม่ได้เต็มทีท ่ าให้งาน

หรือนว ัตกรรมนันออกมาในรู ่ นรู ปแบบเดิม
ปแบบของร ัฐซึงเป็
ไม่มอี ะไรแปลกใหม่
ลักษณะการทางานเชิงนัวตกรรมของไทย
ลักษณะการทางานเชิงนัวตกรรมของไทยผมคิดว่ายังคงเป็
นแบบปิ ดเนื่องจากการทางานของร ัฐบาลมีขอ ่
้ มู ลข่าวสารทีน้
่ ประชาชนได้ร ับรู ้เกียวกับนว
อยมากทีให้ ่ ัตกกรมถึงแม้จะมีรว่
มมือกับเอกชนบ้างแต่ส่วนใหญ่จะเป็ น SME
และการกระจายอานาจไปต่างจ ังหว ัดยังไม่ทวถึ ่ ั งนว ัตกรรมทีเ่
ห็นก็จะมีงบหรือต้นทุนการวิจ ัยศึกษาอยู ่ใน กทม
ร ัฐควรทาให้ประเทศไทยมีลก ั ษณะการทางานเชิงนว ัตกรรมเ

ป็ นแบบเปิ ดมากขึนตามยุ คสมัย

นพดล โฉมมิ 61563809002

You might also like