Professional Documents
Culture Documents
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
ปีที่ 11 ฉบับที่ 2 พฤษภาคม-สิงหาคม 2562
ISSN 1906-506X (Print), ISSN xxx-xxxx (Online)
วัตถุประสงค์
1. เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่ผลงานและทรรศนะทางวิชาการสาขารัฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์
และนิติศาสตร์ ตลอดจนสาขาที่เกี่ยวข้อง
2. เป็นแหล่งข้อมูลในการเสนอผลงาน บทความ ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับงานวิจัย และข้อมูลท้องถิ่น
ภาคตะวันออก รวมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ
3. เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลในการค้นคว้าประกอบการศึกษาในระดับต่างๆ
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 3
เจ้าของ
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์
มหาวิทยาลัยบูรพา
169 ถนนลงหาดบางแสน ต�ำบลแสนสุข
อ�ำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี 20131
โทรศัพท์ 038-102369 ต่อ 105 หรือ 038-390243
โทรสาร 038-393475
Homepage : http://polsci-law.buu.ac.th/journal/
ThaiJo : https://www.tci-thaijo.org/index.php/polscilaw_journal
E-mail : polscilawjournal@gmail.com
บรรณาธิการ
รองศาสตราจารย์ ว่าที่เรือตรี ดร. เอกวิทย์ มณีธร
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
บรรณาธิการบริหาร
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ธีระ กุลสวัสดิ์
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
กองบรรณาธิการ
ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. อนุสรณ์ ลิ่มมณี
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศาสตราจารย์ ดร. ศุภชัย ยาวะประภาษ
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ศาสตราจารย์ ดร. เกรียงไกร เจริญธนาวัฒน์
คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รองศาสตราจารย์ ดร. ด�ำรงค์ วัฒนา
คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
รองศาสตราจารย์ ดร. จิรประภา อัครบวร
สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
รองศาสตราจารย์ ดร. อรรถกฤต ปัจฉิมนันท์
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
รองศาสตราจารย์ ดร. ธีระวัฒน์ จันทึก
คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยศิลปากร
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ร้อยตรี ดร. ณัฐกริช เปาอินทร์
คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 5
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร. ธีระ กุลสวัสดิ์
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
ดร. โชติสา ขาวสนิท
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
ดร. อรรัมภา ไวยมุกข์
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
อาจารย์ภารดี ปลื้มโกศล
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
อาจารย์เอกพล ทรงประโคน
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
Prof.Dr.Macro Brunazzo
Jean Monet Chair in European Studies University of Trento
ผู้ประสานงานกองบรรณาธิการ
นางสาวธารทิพย์ ภวะวิภาต
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
Objectives
1. To promote and disseminate academic works and viewpoints relating to political
science. Public administration, law and related fields.
2. To be a source of scholarly discussion, research publication, and practical
Viewpoints from local issues in Thailand and worldwide
3. To be a repository of research literature and information for every education level.
Journal of Politics, Administration and Law has a particular interest in the link
between political science, public administration theory and practice, law and a wide range
of relevant themes. The journal also provides a professional forum for reporting on new
experiences, new thinking and new ways of working among students, scholars, practitioners,
policy shapers and socio-political activists. The journal is published three issues a year
(January-April, May-August and September-December)
The Editorial Board welcomes the submission of research articles, review and semi-
nar reports from the field of political science, public administration, law and related fields
for publication from both academic and professional authors. Manuscript in English is also
welcome. The manuscript must be sent to the Editorial Board and the author should consult
notes for contributors appeared at the back cover of each issue. All manuscripts submitted
will be subject to rigorous double-blind reviewing.
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 7
Editorial Advisor
Asst.Prof.Dr.Samrit Yossomsakdi
Faculty of Political Science and Law, Burapha University
Editorial in Chief
Assoc.Prof.Acting Sub Lt.Dr.Ekkawit Maneethorn
Faculty of Political Science and Law, Burapha University
Executive Editor
Asst.Prof.Dr. Teera Kulsawat
Faculty of Political Science and Law, Burapha University
Editorial Board
Prof.Emeritus Dr.Anusorn Limmanee
Faculty of Political Science, ChulalongKorn University
Prof.Dr.Supachai Yavapapas
Faculty of Political Science, ChulalongKorn University
Prof.Dr.Kriengkrai Charoenthanavat
Faculty of Law, ChulalongKorn University
Assoc.Prof.Dr.Damrong Wathana
Faculty of Political Science, Chaula LongKorn University
Assoc.Prof.Dr. Jiraprapha Akaraborworn
National Institute of Development Administration
Assoc.Prof.Dr. Attakrit Patchimnan
Faculty of Political Science, Thammasat University
Assoc.Prof.Dr. Thirawat Chuntuk
Faculty of Management Science, Silpakorn University
Asst.Prof.Second Lt.Dr.Nuttakrit Powintara
Graduate School of Public Administration, National Institute of Development
Administration (NIDA)
Asst.Prof.Dr.Teera Kulsawat
Faculty of Political Science and Law, Burapha University
Coordinator
Miss Tharntip Pawavipat
Faculty of Political Science and Law, Burapha University
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 9
วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา
อัตราค่าสมาชิก โปรดดูใบสมัครหน้าสุดท้าย
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 11
9. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วงพักตร์ ภู่พันธ์ศรี
คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามค�ำแหง
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 13
บรรณาธิการแถลง
วารสารการเมือง การบริหาร และกฎหมาย ปีที่ 11 ฉบับที่ 2 (พฤษภาคม-สิงหาคม พ.ศ. 2562) ได้จดั ท�ำ
ขึน้ เพือ่ ส่งเสริมและสนับสนุนคณาจารย์ นักวิชาการ และนิสติ รวมถึงผูส้ นใจทัว่ ไปได้เผยแพร่ผลงานวิชาการ
ทางด้านรัฐศาสตร์ นิตศิ าสตร์ และรัฐประศาสนศาสตร์ มาเป็นปีที่ 11 แล้ว ผลงานวิชาการในฉบับนี้ ประกอบ
ด้วยบทความวิจยั และบทความวิชาการ จ�ำนวน 27 เรือ่ ง ทีม่ คี วามหลากหลายในองค์ความรู้ ฉบับนีข้ อน�ำเสนอ
บทความแรก เรือ่ ง ปัญหาทางกฎหมายเกีย่ วกับการบังคับโทษปรับทีแ่ จ้งทางไปรษณียล์ งทะเบียนตอบรับ
ตามพระราชบัญญัตจิ ราจรทางบก พ.ศ. 2522 โดย รองศาสตราจารย์ (พิเศษ) ดร.ประทีป ทับอัตตานนท์
และ ดร.จิดาภา พรยิ่ง ตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 ทีต่ อ้ งการให้
ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนมีระเบียบในการใช้ทางร่วมกัน โดยให้มีโทษทางอาญาเป็นเครื่องมือในการควบคุม
ผู้กระท�ำผิด ซึ่งถือเป็นความผิดที่รัฐบัญญัติว่าผิด (mala prohibita) แต่เนื่องจากโทษทางทางอาญาตาม
กฎหมายดังกล่าว ส่วนใหญ่เป็นความผิดลหุโทษทีม่ แี ต่โทษปรับ ประกอบประมวลกฎหมายวิธพี จิ ารณาความ
อาญามาตรา 37 ทีก่ ำ� หนดให้โทษทางอาญาทีม่ กี ารเปรียบเทียบปรับแล้ว ให้คดีอาญาเลิกกัน และมาตรา 39(3)
ได้บญ ั ญัตริ บั ว่าหากคดีอาญาเลิกกัน สิทธิในการน�ำคดีอาญาฟ้องให้ระงับไป ดังนัน้ การด�ำเนินคดีตามความผิด
อาญาทีม่ แี ต่โทษปรับในกฎหมายดังกล่าวจึงเป็นกระบวนการทีร่ วบรัด ทีร่ ฐั ไม่ประสงค์ให้คดีขนึ้ สูศ่ าล เว้นแต่
ผูก้ ระท�ำความผิดไม่ยอมเสียค่าปรับ กฎหมายดังกล่าวได้กำ� หนดในมาตรา 140 ว่า หากเจ้าพนักงานจราจรไม่
พบผู้ขับขี่รถที่กระท�ำผิด ให้ผูกใบสั่ง หรือให้ส่งใบสั่งพร้อมพยานหลักฐานโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบ
รับไปยังภูมลิ ำ� เนาของเจ้าของหรือผูค้ รองครองรถ โดยกฎหมายสันนิษฐานว่าผูน้ นั้ เป็นผูข้ บั ขีต่ ามมาตรา 141
วรรคห้า หากผูน้ นั้ ได้รบั ใบสัง่ โดยชอบแล้วก็อาจเลือกใช้ชอ่ งทางในการเสียค่าปรับตามมาตรา 141 (1)(2)(3)
แต่หากเขาไม่เข้ามารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนและเสียค่าปรับ กฎหมายได้บญ ั ญัตใิ นมาตรา 141 ทวิให้
พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้นั้นมาเพื่อตักเตือนและเสียค่าปรับ หรือให้เจ้าพนักงานกรมขนส่งทางบก
งดรับช�ำระภาษีประจ�ำปีนนั้ ส�ำหรับรถคันดังกล่าว รูปแบบการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวสร้างปัญหาให้แก่ผปู้ ฏิบตั ิ
ทัง้ เมือ่ ความผิดนัน้ ได้กระท�ำผ่านพ้นไปแล้วหนึง่ ปี ซึง่ เป็นการขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา
95(5) ก็ไม่อาจบังคับใช้ได้ ทัง้ มาตรา 155 ยังก�ำหนดเป็นความผิดอีกฐานหนึง่ ว่า หากผูน้ นั้ ได้รบั ใบสัง่ โดยชอบ
แล้วไม่เสียค่าปรับ ให้ลงโทษปรับไม่เกินหนึง่ พันบาท การบัญญัตกิ ฎหมายในขัน้ ตอนด�ำเนินการแก่ผกู้ ระท�ำผิด
ตามกฎหมายว่าการจราจรที่มีแต่โทษปรับดังกล่าว ได้สร้างความวุ่นวายยุ่งยากให้แก่ประชาชนและผู้ปฏิบัติ
ตามกฎหมาย ทัง้ ไม่สอดคล้องกับทฤษฎีทางอาญาในเรือ่ งหลักเกณฑ์วา่ ด้วยการจ�ำกัด (Limiting Principles)
หลักอรรถประโยชน์ (Utilltarianism) ของซีซาร์ เบคคาเรีย และหลักเกณฑ์วา่ ด้วยความเป็นไปได้ในทางปฏิบตั ิ
(The pragmatic approach) เมือ่ ค�ำนึงถึงกระบวนการด�ำเนินคดีอาญาในส่วนนี้ ซึง่ เป็นการด�ำเนินกระบวน
พิจารณาแบบรวบรัดแล้ว จึงควรแก้ไขกฎหมายในส่วนการพิจารณาคดีอาญาดังกล่าว โดยให้พนักงานสอบสวน
ส่งส�ำนวนให้พนักงานอัยการสั่งฟ้องโดยไม่ต้องมีตัวผู้กระท�ำผิด และให้ศาลพิจารณาพิพากษาคดีได้หลังจาก
ได้สง่ หมายเรียกให้แก่ผนู้ นั้ และหากผูน้ นั้ ไม่ปรากฏตัวในศาลก็ให้ถอื ว่าผูน้ นั้ ปฏิเสธ ให้ศาลมีคำ� พิพากษาตาม
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 15
มีกฎหมายให้ความคุ้มครองเป็นพิเศษแก่ผู้สูงอายุที่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมประเภทนี้ซึ่งกฎหมายของ
ประเทศไทยยังไม่ได้บญ ั ญัตคิ มุ้ ครองเป็นพิเศษ ดังนัน้ กรณีการฉ้อโกงผูส้ งู อายุในประเทศไทยควรต้องปรับปรุง
แก้ไขกฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องโดยก�ำหนดบทลงโทษกับผู้กระท�ำความผิดที่เป็นผู้ดูแล และ
บุคคลภายนอกครอบครัวที่มุ่งจะแสวงหาประโยชน์อันมิชอบด้วยกฎหมายที่กระท�ำต่อผู้สูงอายุ เพื่อให้ทัน
สมัยต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมผู้สูงอายุของประเทศไทย ทั้งนี้ ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงและแก้ไข
กฎหมายอาญากรณีฉอ้ โกงผูส้ งู อายุโดยควรเพิม่ นิยามค�ำว่าผูส้ งู อายุในมาตรา 1, เพิม่ เติมมาตรา 342/1 และ
แก้ไขเพิ่มเติมค�ำว่าผู้สูงอายุ มาตรา 346 รวมถึงเพิ่มเติมความหมายค�ำว่า การแสวงหาประโยชน์ โดยมิชอบ
ด้วยกฎหมายตามประกาศกระทรวงพัฒนาสังคมและมนุษย์ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ. 2546 เพื่อให้
เกิดความชัดเจนและป้องกันปัญหาการตีความกฎหมาย ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับความคุ้มครองเสรีภาพของ
บุคคล สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการคุ้มครองป้องกันสิทธิตาม
กฎหมายและตามหลักกฎหมายสากลทีเ่ หมาะสมและเป็นธรรม
บทความที่ ส าม เรื่ อ ง บทบาทพนั ก งานอั ย การในการด� ำ เนิ น คดี ทุ จ ริ ต และประพฤติ มิ ช อบ
โดย นายณัฏฐพงศ์ สุวรรณพาณิชย์, ศาสตราจารย์ ดร.ธวัชชัย สุวรรณพานิช และรองศาสตราจารย์ลาวัลย์
หอนพรัตน์ การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) ศึกษาแนวคิด ทฤษฎีเกี่ยวกับบทบาทพนักงานอัยการใน
การด�ำเนินคดีทจุ ริตและประพฤติมชิ อบ (2) ศึกษาบทบาทพนักงานอัยการในการด�ำเนินคดีทจุ ริตและประพฤติ
มิชอบ ของประเทศไทยและต่างประเทศ (3) ศึกษาแนวทางในการพัฒนาการด�ำเนินคดีทุจริตและประพฤติ
มิชอบและแนวทางแก้ไขปัญหาของพนักงานอัยการในการด�ำเนินคดีทจุ ริตและประพฤติมชิ อบ เป็นการท�ำวิจยั
เชิงคุณภาพ (Qualitative Research) โดยใช้วธิ กี ารค้นคว้าและรวบรวมข้อมูลจากเอกสาร (Documentary
Research)โดยศึกษาจากต�ำรากฎหมาย พระราชบัญญัติ บทความ วารสารทางวิชาการ ระเบียบข้อบังคับ
เพือ่ ท�ำการวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหา นอกจากนีย้ งั ใช้วธิ กี ารสัมภาษณ์เจาะลึก (In-depth Interview) โดย
สัมภาษณ์บคุ คลผูใ้ ห้ขอ้ มูลเป็นส�ำคัญ (Key Informant) ได้แก่ ผูพ้ พิ ากษา พนักงานอัยการผูฟ้ อ้ งคดีตอ่ ศาลคดี
ทุจริตและประพฤติ มิชอบ และทนายความ ผลการศึกษาพบว่า บทบาทของพนักงานอัยการในการด�ำเนิน
คดีทจุ ริตและประพฤติมชิ อบ มีมากในขัน้ ตอนการรับส�ำนวนการไต่สวน และส�ำนวนการสอบสวน รวมทัง้ การ
พิจารณาส�ำนวนก่อนมีค�ำสั่งใดๆ รวมทั้งการประชุมร่วมในการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ และก่อนที่จะด�ำเนิน
การฟ้องผู้ถูกกล่าวหาต่อศาล แต่เมื่อได้ด�ำเนินการฟ้องผู้ถูกกล่าวหาต่อศาลแล้วบทบาทของพนักงานอัยการ
จะลดลง อย่างมากเมือ่ เปรียบเทียบกับการด�ำเนินคดีในศาลอาญาทัว่ ไป เพราะการพิจารณาคดีในศาลคดีทจุ ริต
และประพฤติมชิ อบใช้ระบบไต่สวนนัน้ บทบาทของพนักงานอัยการจะไม่เหมือนกับการด�ำเนินคดีอาญาทัว่ ไป
ทีใ่ ช้ระบบกล่าวหา เพราะบทบาทของพนักงานอัยการจะมีนอ้ ยมาก เนือ่ งจากศาลเป็นผูแ้ สวงหาข้อเท็จจริงด้วย
ตนเอง เมื่อศาลแสวงหาข้อเท็จจริงด้วยตนเอง ศาลจึงไม่สามารถยกเหตุแห่งความสงสัยขึ้นเพื่อยกประโยชน์
แห่งความสงสัยให้กบั จ�ำเลย ดังนัน้ เพือ่ เพิม่ ประสิทธิภาพในการด�ำเนินคดี จึงควรทีจ่ ะแก้กฎหมายให้พนักงาน
อัยการเข้าร่วมไต่สวนกับ ป.ป.ช. ตัง้ แต่เริม่ พบการกระท�ำความผิด กระบวนการไต่สวนในศาลควรเปิดโอกาส
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 17
อิทธิพลต่อความยึดมัน่ ผูกพันในงานของพนักงานระดับปฏิบตั กิ ารเจเนอเรชัน่ วาย กลุม่ อุตสาหกรรมยานยนต์
พบว่า มีความสัมพันธ์กันในระดับปานกลาง อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สห
สัมพันธ์อยูร่ ะหว่าง 0.522 – 0.596 โดยมีคา่ สัมประสิทธิส์ หสัมพันธ์พหุคณ ู (R) เท่ากับ 0.778 ค่าสัมประสิทธิ์
การตัดสินใจ (R ) พบว่า หัวหน้างานเป็นคนเปิดกว้างและตรงไปตรงมา (X4) หัวหน้างานมีความยุตธิ รรมในการ
2
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 19
(Descriptive Statistics) ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลีย่ และส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน ส่วนการวิเคราะห์ขอ้ มูลเชิง
คุณภาพใช้การวิเคราะห์เชิงเนือ้ หา (Content Analysis) ผลการศึกษา พบว่า ผูส้ งู อายุทศี่ กึ ษาส่วนใหญ่เป็นเป็น
เพศชาย เมือ่ จ�ำแนกอายุตามช่วงชัน้ มีอายุ 60 - 69 ปี มากทีส่ ดุ สถานภาพการท�ำงานของผูส้ งู อายุ ส่วนใหญ่
ไม่ได้ทำ� งานแล้ว อาการเจ็บป่วยและโรคของผูส้ งู อายุ ทีพ่ บมากทีส่ ดุ คือ โรคความดันโลหิตสูง ความสามารถ
ในการปฏิบตั กิ จิ วัตรประจ�ำวันของผูส้ งู อายุ ผูส้ งู อายุตอ้ งอาศัยอุปกรณ์ชว่ ยเหลือในการด�ำรงชีวติ หลากหลาย
ประเภท ส่วนใหญ่ คือ ใช้แว่นตา สุขภาวะทางจิต และภาวะซึมเศร้าของผูส้ งู อายุในช่วง 2 สัปดาห์ ผลการศึกษา
มีดงั นี้ ผูส้ งู อายุ มีอาการปกติ ไม่มภี าวะซึมเศร้า สัมพันธภาพในครอบครัวของผูส้ งู อายุ สมาชิกในครอบครัวมี
ความสนใจเอาใจใส่ซงึ่ กัน เป็นส่วนใหญ่ สภาวะทางสังคม ด้านการศึกษาการเรียนรู้ ผูส้ งู อายุ จบมัธยมศึกษา
ปีที่ 6 จบประกาศนียบัตร/เทียบเท่า มากทีส่ ดุ การด�ำรงชีวติ ทางสังคม ในด้านการรับรูแ้ หล่งข้อมูล ข่าวสาร
จากสือ่ ต่างๆ ผูส้ งู อายุ ยังมีความสนใจรับรูข้ อ้ มูลข่าวสารจากโทรทัศน์ มากทีส่ ดุ การประเมินความปลอดภัย
ในทีพ่ กั อาศัยของผูส้ งู อายุ ผลการศึกษามีดงั นี้ สิง่ ทีค่ วรใส่ใจและปรับสภาพแวดล้อมให้เกิดความปลอดภัยแก่
ผูส้ งู อายุมากทีส่ ดุ คือ การเข้าถึงสิทธิตา่ งๆ ของผูส้ งู อายุตาม พรบ. ผูส้ งู อายุ พ.ศ. 2546 (แก้ไข พ.ศ. 2553)
โดยผูส้ งู อายุสว่ นใหญ่ ไม่รสู้ ทิ ธิตามพระราชบัญญัตนิ ี้ เมือ่ สอบถามการเข้าถึงสิทธิตา่ งๆ ของผูส้ งู อายุโดยสิทธิ
และบริการทีผ่ สู้ งู อายุไม่รมู้ ากทีส่ ดุ คือ สิทธิในการเข้าชมอุทยานต่าง ๆ ผูส้ งู อายุมคี วามพึงพอใจในการบริการ
ดี อยูใ่ นระดับมาก คาดหวังต่อบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิน่ เอาใจ
ใส่ดแู ล บริการและแนะน�ำด้านต่าง ๆ ให้ดแู ลทัว่ ถึงทุกหมูบ่ า้ น ความคาดหวังต่อบทบาทของสมาชิกในชุมชน
ผูส้ งู อายุจำ� นวนคาดหวังให้สมาชิกในชุมชนช่วยเหลือผูอ้ นื่ ท�ำตัวเป็นแบบอย่างทีด่ /ี เป็นตัวอย่างทีด่ ขี องชุมชน
และคาดหวังให้สมาชิกในชุมชนให้ขา่ วสารทีถ่ กู ต้องและให้คำ� แนะน�ำ ความคาดหวังต่อบทบาทของครอบครัว
ครอบครัว ผู้สูงอายุคาดหวังให้ครอบครัวรักและพอใจในความรักที่มีให้แก่กันและกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง มี
ความอบอุน่ ห่วงใยซึง่ กันและกัน รวมทัง้ คาดหวังให้ลกู หลานเอาใจใส่ดี ดูแลเอาใจใส่ ให้ความส�ำคัญกับผูส้ งู
อายุ และคาดหวังให้คำ� ปรึกษา แนะน�ำ แก่คนในครอบครัวความคาดหวังต่อบทบาทของตัวผูส้ งู อายุ โดยคาด
หวังให้ตวั ของผูส้ งู อายุมสี ว่ นร่วมในกิจกรรม คาดหวังให้ผสู้ งู อายุเป็นแบบอย่างทีด่ ี เป็นหัวหน้าครอบครัวทีด่ /ี
เป็นทีเ่ คารพของคนในหมูบ่ า้ น
บทความทีส่ บิ เรือ่ ง อิทธิพลของวัฒนธรรมแห่งการเรียนรูแ้ ละคุณภาพชีวติ ในงานทีม่ ตี อ่ ความสุข
ในการท�ำงานของพนักงานวิสาหกิจขนาดย่อมของอุตสาหกรรมเครือ่ งนุง่ ห่มในเขตกรุงเทพมหานคร โดย
ดร.ธัญนันท์ บุญอยู่ การศึกษาครัง้ นีม้ วี ตั ถุประสงค์เพือ่ ศึกษา 1) ระดับของวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ คุณภาพ
ชีวติ ในงาน ความพึงพอใจในงาน พฤติกรรมการเป็นสมาชิกทีด่ ี และความสุขในการท�ำงาน 2) อิทธิพลคัน่ กลาง
ของความพึงพอใจในงานในฐานะปัจจัยทีเ่ ชือ่ มโยงระหว่างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรูแ้ ละคุณภาพชีวติ ในงานสู่
ความสุขในการท�ำงาน และ 3) อิทธิพลคั่นกลางของพฤติกรรมการเป็นสมาชิกที่ดีในฐานะปัจจัยที่เชื่อมโยง
ระหว่างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรูแ้ ละคุณภาพชีวติ ในงานสูค่ วามสุขในการท�ำงานของพนักงานวิสาหกิจขนาด
ย่อมของอุตสาหกรรมเครือ่ งนุง่ ห่มในเขตกรุงเทพมหานคร โดยการศึกษาครัง้ นีเ้ ป็นการวิจยั เชิงปริมาณทีใ่ ช้วธิ ี
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 21
การใช้กฎหมายทีพ่ งึ ประสงค์ของบุคลากรมหาวิทยาลัยในก�ำกับของรัฐ เป็นการวิจยั เชิงคุณภาพ โดยใช้วธิ วี จิ ยั เท
คนิคเดลฟายและการสัมภาษณ์เชิงลึก ทัง้ นีก้ ลุม่ ตัวอย่างเป็นผูท้ รงคุณวุฒเิ ลือกเฉพาะเจาะจงทีเ่ ป็นผูเ้ ชีย่ วชาญ
ด้านกฎหมาย จ�ำนวน 20 คนและกลุม่ ตัวอย่างในการสัมภาษณ์เชิงลึกจ�ำนวน 6 คน เลือกเฉพาะเจาะจงทีฟ่ อ้ ง
หรือก�ำลังฟ้องคดีกบั มหาวิทยาลัยในก�ำกับ ผลการวิจยั พบว่า เมือ่ บุคลากรของรัฐด้านอาจารย์และพนักงาน
ฝ่ายสนับสนุน เมือ่ มีปญ ั หากับคณะผูบ้ ริหาร และต้องการใช้กฎหมายให้มปี ระสิทธิภาพและประสิทธิผล มีรปู
แบบการใช้ 5 รูปแบบ ดังนี้ รูปแบบที่ 1 ร้องคณะกรรมการอุทธรณ์รอ้ งทุกข์ของมหาวิทยาลัยแล้วยืน่ ฟ้องศาล
ปกครองหรือศาลยุตธิ รรม (คดีแพ่ง, คดีอาญา) รูปแบบที่ 2 ร้องทุกข์ตอ่ ต�ำรวจท้องทีห่ รือต�ำรวจกองปราบ
ปรามแล้วส่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐหรือคณะกรรมการป้องกันและปราบ
ปรามการทุจริตแห่งชาติหรือส�ำนักงานตรวจเงินแผ่นดินเพื่อฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบหรือ
ศาลยุตธิ รรมหรือศาลปกครอง รูปแบบที่ 3 ร้องศูนย์ดำ� รงธรรมหรือร้องคณะรักษาความสงบแห่งชาติแล้วส่ง
ฟ้องศาลปกครองหรือศาลยุตธิ รรมหรือศาลอาญาคดีทจุ ริตและประพฤติมชิ อบ รูปแบบที่ 4 ร้องคณะกรรมการ
ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา, ร้องคณะกรรมการการอุดมศึกษา,ร้องกระทรวงศึกษาธิการ,
ฟ้องศาลปกครอง รูปแบบที่ 5 ส�ำนักงานคุม้ ครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุตธิ รรม, ส�ำนักงานอัยการ(พิเศษ)
ฝ่ายคดีปกครอง ด�ำเนินการเจรจาไกล่เกลีย่ ก่อนการฟ้องคดี (กระบวนการยุตธิ รรมเชิงสมานฉันท์)
บทความที่สิบสาม เรื่อง การจัดการความมั่นคงด้านแรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือภาคอุตสาหกรรม
ของประเทศไทย โดย นายสวรรค์นมิ ติ เตชาวงศ์, ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.อนุรตั น์ อนันทนาธร, ผูช้ ว่ ย
ศาสตราจารย์ ดร.สัมฤทธิ์ ยศสมศักดิ์ และรองศาสตราจารย์ ดร.จีระ ประทีป การวิจยั ครัง้ นีม้ วี ตั ถุประสงค์
เพื่อศึกษาและวิเคราะห์ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนโยบายและมาตรการกฎหมาย ในการจัดการความมั่นคงด้าน
แรงงานต่างด้าวไร้ฝมี อื ภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย และเพือ่ ศึกษาการด�ำเนินการ ปัญหา ข้อจ�ำกัด และ
เสนอแนวทางในการพัฒนาการจัดการความมัน่ คงด้านแรงงานต่างด้าวไร้ฝมี อื ภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย
รูปแบบการศึกษาใช้ระเบียบวิธวี จิ ยั เชิงคุณภาพ (Qualitative Research)โดยการได้มาของผูใ้ ห้ขอ้ มูลส�ำคัญ คือ
1. การวิจยั เอกสาร และ 2. การสัมภาษณ์แบบเจาะลึกผูใ้ ห้ขอ้ มูลทีส่ ำ� คัญ ได้แก่ ส�ำนักจัดหางานจังหวัดชลบุร,ี
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง, บุคลากรสาธารณะสุขจังหวัดชลบุรี, เจ้าหน้าต�ำรวจสถานีต�ำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี,
ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี, นักวิชาการด้านแรงงาน, ผู้ประกอบการในเขตพื้นที่จังหวัดชลบุรี,
ลูกจ้างแรงงานต่างด้าว จ�ำนวน 14 ราย การวิเคราะห์ขอ้ มูล จะน�ำข้อมูลทีไ่ ด้จากการสัมภาษณ์มาวิเคราะห์
ร่วมกับข้อมูลทีไ่ ด้จากการศึกษาเอกสาร วิธกี ารวิเคราะห์ คือ พรรณนาข้อมูลและวิเคราะห์ตคี วามข้อมูลเพือ่
สร้างข้อสรุปเกี่ยวกับแนวทางที่เหมาะสมส�ำหรับการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือ ผลการวิจัยพบว่า
1. หน่วยงานทีม่ สี ว่ นเกีย่ วข้องกับนโยบายและมาตรการในการจัดการความมัน่ คงด้านแรงงานต่างด้าวไร้ฝมี อื
ภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยนั้นมีส�ำนักบริหารแรงงานต่างด้าว, กรมการจัดหางาน, กระทรวงแรงงาน
ด�ำเนินการเป็นหลัก 2. กฎหมายที่ใช้ในการจัดการความมั่นคงด้านแรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือภาคอุตสาหกรรม
ของประเทศไทย พบว่า มีกฎหมายทีเ่ กีย่ วข้องหลักอยู่ 6 ฉบับ 3. ปัญหาทีส่ ำ� คัญของการจัดการความมัน่ คง
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 23
ควรมีการพัฒนาความสามารถและทักษะในการท�ำงาน เช่น การใช้ภาษา และความสามารถในการสือ่ สาร และ
10) รัฐบาลอินโดนีเซียควรเพิม่ ช่องทางการเข้าถึง โดยการตัง้ ศูนย์การให้ขอ้ มูลทัง้ ในประเทศไทยและอินโดนีเซีย
บทความที่สิบห้า เรื่อง การพัฒนาสภาพแวดล้อมเพื่อรองรับการขยายตัวของการท่องเที่ยวใน
เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกพื้นที่จังหวัดระยอง โดย ดร.ศิริญญา วิรุณราช และนายสมชาย โต
ศุกลวรรณ์ การวิจยั ครัง้ นีม้ วี ตั ถุประสงค์เพือ่ ศึกษาข้อมูลประเด็นส�ำคัญในการพัฒนาสภาพแวดล้อมการท่อง
เทีย่ วจังหวัดระยองทีเ่ ป็นปัญหาและเป็นจุดเด่นในการดึงดูดนักท่องเทีย่ ว โดยใช้การวิจยั ด้วยเทคนิคเดลฟาย 3
รอบ โดยรอบแรกเป็นการสัมภาษณ์ผเู้ ชีย่ วชาญจ�ำนวน 17 คน รอบที่ 2 และรอบที่ 3 เป็นการยืนยันค�ำตอบ
จากผูเ้ ชีย่ วชาญชุดเดิม โดยข้อค�ำถามเป็นแบบ rating scale 5 อันดับซึง่ ผลการศึกษา ได้ปจั จัยหรือรูปแบบ
ทีส่ ง่ ผลการพัฒนาสภาพแวดล้อมเพือ่ รองรับการขยายตัวของการท่องเทีย่ วในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
พืน้ ทีจ่ งั หวัดระยอง จ�ำนวน 20 ด้าน ดังนี้ ประกอบด้วย ด้านรถโดยสารสาธารณะ ด้านร้านอาหารส�ำหรับ
นักท่องเที่ยวในจังหวัดระยอง ด้านที่พักโรงแรมมุ่งเน้นการพัฒนาโรงแรมขนาดเล็ก เพื่อรองรับตลาดนักท่อง
เทีย่ วทีช่ อบท่องเทีย่ วด้วยตนเอง ด้านสถานพยาบาล ด้านเส้นทางสถานทีท่ อ่ งเที่ยว ด้านสถานทีท่ อ่ งเทีย่ ว
ธรรมชาติของชุมชนทีส่ ร้างขึน้ ด้านการจัดการขยะของเสียถูกหลักสาธารณสุข ด้านการปลูกต้นไม้เสริมต้นไม้
ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ด้านกิจกรรมเสริมจากการชมธรรมชาติของแหล่งท่องเที่ยว ด้านร้านจ�ำหน่ายของที่
ระลึก ด้านแหล่งน�ำ้ อุปโภคบริโภค ด้านวัฒนธรรม ประเพณีและงานเทศกาล ด้านธนาคาร ธนาคารต้องน�ำ
แนวคิดการพัฒนาอย่างยัง่ ยืนในด้านเศรษฐกิจ ด้านหน่วยงานการท่องเทีย่ ว ด้านบริการน�ำเทีย่ วและมัคคุเทศก์
ด้านร้านของทีร่ ะลึก ด้านการอ�ำนวยความสะดวกในการเข้าออกประเทศ ด้านระเบียบพิธกี ารศุลกากร ด้าน
การจัดการความปลอดภัยในแหล่งท่องเทีย่ ว ด้านการจัดการข้อมูลข่าวสารทางการท่องเทีย่ ว ซึง่ ปัจจัยทัง้ 20
ด้าน สามารถน�ำมาสร้างรูปแบบ การพัฒนาสภาพแวดล้อมเพือ่ รองรับการท่องเทีย่ ว แบ่งออกเป็น 4 กลุม่ คือ
กลุม่ โครงสร้างพืน้ ฐาน กลุม่ ปัจจัยสนับสนุนการท่องเทีย่ ว กลุม่ ปัจจัยทางด้านการพัฒนาแหล่งท่องเทีย่ ว และ
กลุม่ ปัจจัยในการด�ำเนินการของเจ้าหน้าทีข่ องรัฐ
บทความที่สิบหก เรื่อง การบริหารจัดการเพื่อส่งเสริมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ
ของส�ำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจตามแนวคิดการบริหารจัดการที่ยั่งยืน โดย นายกฤดา
กฤติยาโชติปกรณ์ และรองศาสตราจารย์ ดร.วิรัช วิรัชนิภาวรรณ การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ
ศึกษา 1) ปัญหาเกีย่ วกับการบริหารจัดการเพือ่ ส่งเสริมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐของส�ำนักงาน
คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจตามแนวคิดการบริหารจัดการทีย่ งั่ ยืน 2) แนวทางการปรับปรุงการบริหาร
จัดการเพื่อส่งเสริมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐของส�ำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ
ตามแนวคิดการบริหารจัดการที่ยั่งยืน และ 3) ยุทธศาสตร์ของแนวทางการปรับปรุงการบริหารจัดการเพื่อ
ส่งเสริมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐของส�ำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจตามแนวคิด
การบริหารจัดการทีย่ ง่ั ยืน ทัง้ นี้ ได้นำ� แนวคิดการบริหารจัดการทีย่ งั่ ยืน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านความเจริญก้าวหน้า
เทคโนโลยี ส่วนรวม สิง่ แวดล้อม และคุณภาพชีวติ มาปรับใช้เป็นกรอบแนวคิดของการศึกษาครัง้ นี้ ระเบียบ
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 25
ข้อมูลด้วยแบบสอบถามซึง่ มีคา่ ความเชือ่ มัน่ ทัง้ ฉบับเท่ากับ 0.99 วิเคราะห์ขอ้ มูลโดยการใช้ ค่าเฉลีย่ ส่วนเบีย่ ง
เบนมาตรฐาน สัมประสิทธิส์ หสัมพันธ์ การวิเคราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว และการการถดถอยแบบ
พหุคูณเชิงเส้นตรง ส่วนการวิจัยเชิงคุณภาพ ผู้ให้ข้อมูลส�ำคัญ ได้แก่ ผู้บริหารหรือผู้แทนจากส�ำนักงานคณะ
กรรมการการเลือกตัง้ และผูเ้ ชีย่ วชาญด้านการมีสว่ นร่วมเป็นพลเมือง รวมทัง้ สิน้ 11 คน ใช้วธิ เี ก็บข้อมูลจาก
แบบสัมภาษณ์ และวิเคราะห์ขอ้ มูลโดยการวิเคราะห์เนือ้ หา ผลการวิจยั พบว่า ผลการวิจยั พบว่า ระดับความเป็น
พลเมือง และระดับการมีสว่ นร่วมในการส่งเสริมความเป็นพลเมืองโดยรวม อยูใ่ นระดับมาก ในขณะทีก่ รรมการ
ศูนย์สง่ เสริมพัฒนาประชาธิปไตยต�ำบลทีม่ เี พศ ระดับการศึกษา อาชีพ และการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองต่าง
กัน มีระดับความเป็นพลเมืองโดยรวมแตกต่างกัน ความเป็นพลเมืองโดยรวมกับการมีสว่ นร่วมในการส่งเสริม
ความเป็นพลเมือง มีความสัมพันธ์ระหว่างกันในระดับสูงมาก โดยมีค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์แบบเพียร์สัน
เท่ากับ 0.81 (R = 0.81) ปัจจัยทีส่ ง่ ผลต่อการมีสว่ นร่วมในการส่งเสริมความเป็นพลเมือง มีจำ� นวน 6 ปัจจัย
ดังนี้ ปัจจัยการก�ำหนดกิจกรรม ปัจจัยภายในบุคคล ปัจจัยการก�ำหนดเวลาทีแ่ น่ชดั ปัจจัยทีเ่ ป็นส่วนประกอบ
ปัจจัยทีม่ าจากทางราชการ และปัจจัยการเปิดโอกาสในการเข้าร่วม ส่วนการพัฒนารูปแบบการส่งเสริมความ
เป็นพลเมืองให้กบั กรรมการศูนย์สง่ เสริมพัฒนาประชาธิปไตยต�ำบลในเขตภาคเหนือของประเทศไทย ประกอบ
ด้วย แนวทางส่งเสริมความเป็นพลเมืองใน 6 ด้าน ได้แก่ ด้านความรูท้ างการเมืองและประชาธิปไตย ด้านความ
เข้าใจในความเป็นพลเมือง ด้านการมีคณ ุ ธรรมและจริยธรม ด้านการมีสว่ นร่วมในนโยบาย ด้านความชัดเจน
ของนโยบาย และด้านความเพียงพอของทรัพยากรในการด�ำเนินงาน
บทความที่สิบแปด เรื่อง การพัฒนาหลักสูตรนักเรียนนายร้อยต�ำรวจสู่ต�ำรวจอาเซียน โดย
พันต�ำรวจโทพีรพล เสลารัตน์ และดร.ทักษญา สง่าโยธิน การวิจยั ครัง้ นีม้ วี ตั ถุประสงค์เพือ่ ศึกษาถึงเนือ้ หา
หลักสูตรพร้อมพัฒนาหลักสูตรของโรงเรียนนายร้อยต�ำรวจและวิธีการศึกษาของนักเรียนนายร้อยต�ำรวจให้
เป็นต�ำรวจของอาเซียน จากการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ทรงคุณวุฒิ
ที่มีความรู้ความสามารถด้านการศึกษา พบว่า กลุ่มวิชาการเรียนในโรงเรียนนายร้อยต�ำรวจ ที่สอดคล้องกับ
การปฏิบตั งิ านของเจ้าหน้าทีต่ ำ� รวจไทยและกลุม่ ประเทศในอาเซียนประกอบด้วยกลุม่ รายวิชา 8 ด้าน ดังนีค้ อื
ด้านกฎหมาย ด้านวิชาการ ด้านการสืบสวนอาชญากรรมสมัยใหม่และอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ การตรวจ
สถานทีเ่ กิดเหตุ ด้านงานพิสจู น์หลักฐาน ด้านงานบริหารแบบมนุษยสัมพันธ์โดยการมีสว่ นร่วมของชุมชน ด้าน
การบริหารแบบระบบ และด้านภาษาและวัฒนธรรม ในการเรียนการสอนควรมีการปรับด้านสภาพแวดล้อม
ทางการเรียนโดยการจ�ำลองการฝึกให้นักเรียนนายร้อยต�ำรวจได้ปฏิบัติเสมือนจริง และควรมีการพัฒนาการ
เรียนการสอนแบบออนไลน์ สามารถเสริมข้อมูลและความรูใ้ หม่ ในการเรียนการสอนเพือ่ ให้เกิดความต่อเนือ่ ง
ในกิจกรรมการเรียนของนักเรียนนายร้อยต�ำรวจและมีการบูรณความรูร้ ะหว่างครูกบั นักเรียนอย่างต่อเนือ่ ง
บทความที่สิบเก้า เรื่อง การบริหารจัดการเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่ง
อันดามันตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดย นางสาวจริน เอกา ระเบียบวิธวี จิ ยั ของการศึกษาครัง้
นี้ ใช้รูปแบบการวิจัยแบบผสมผสานโดยเน้นการวิจัยเชิงปริมาณเป็นหลักและใช้การวิจัยเชิงคุณภาพเป็น
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 27
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงประสบผลส�ำเร็จ ท�ำการวิจัยแบบผสมผสาน โดยเน้นการวิจัยเชิงคุณภาพเป็น
หลัก และใช้การวิจยั เชิงปริมาณเป็นข้อมูลเสริม การวิจยั เชิงคุณภาพ มีการสัมภาษณ์แนวลึกเฉพาะผูเ้ ชีย่ วชาญ
จ�ำนวน 5 คน และการสัมภาษณ์แนวลึกเฉพาะผูเ้ ชีย่ วชาญระดับปฏิบตั ิ จ�ำนวน 13 คน มีโครงสร้าง การวิจยั
เชิงปริมาณ เป็นการวิจยั เชิงส�ำรวจ เพือ่ ให้ได้ขอ้ มูลจากประชากรเป็นจ�ำนวนมาก โดยใช้แบบสอบถามทีผ่ า่ น
การหาค่าความ เทีย่ งตรงทีร่ ะดับ 0.86 และมีคา่ ความเชือ่ ถือทีร่ ะดับ 0.89 เป็นเครือ่ งมือ ประชากร คือ สมาชิก
ของกลุม่ วิสาหกิจชุมชนทัง้ หมดในพืน้ ทีจ่ งั หวัดนครนายก วิธวี เิ คราะห์ขอ้ มูล เป็นการวิเคราะห์ในรูปตาราง รวม
ทัง้ ใช้รปู แบบวิเคราะห์ เชิงพรรณนา ส�ำหรับสถิตทิ ใี่ ช้ในการวิเคราะห์ขอ้ มูล ได้แก่ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลีย่
และค่าเบีย่ งเบนมาตรฐาน ผลการศึกษาพบว่า 1) ปัญหาเกีย่ วกับการบริหารจัดการทีส่ ำ� คัญ คือ จังหวัดไม่ได้
บริหารจัดการด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์มากเท่าที่ควรทั้งในด้านบุคลากร เครื่องมือ อุปกรณ์ การ
ถ่ายทอดความรูใ้ ห้กับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนอย่างจริงจังและต่อเนือ่ ง นอกจากนั้นยังขาดงบประมาณที่เพียงพอ
และขาดการท�ำงานแบบบูรณาการของหน่วยงานของรัฐทีเ่ กีย่ วข้อง 2) แนวทางการพัฒนาการบริหารจัดการ
ที่ส�ำคัญ คือ จังหวัดควรบริหารจัดการด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจ สร้างสรรค์ ทั้งในด้านบุคลากร เครื่องมือ/
อุปกรณ์ และถ่ายทอดความรูใ้ ห้กบั กลุม่ วิสาหกิจชุมชน อย่างจริงจังและต่อเนือ่ ง 3) ปัจจัยทีม่ สี ว่ นส�ำคัญท�ำให้
แนวทางการพัฒนาการบริหารจัดการประสบ ผลส�ำเร็จที่ส�ำคัญ คือ การที่รัฐบาลมีนโยบายด้านการส่งเสริม
เศรษฐกิจสร้างสรรค์ชุมชนที่ชัดเจนต่อเนื่อง ผู้บริหารของจังหวัดควรมีวิสัยทัศน์ที่ดี รวมถึงให้การสนับสนุน
ด้านงบประมาณอย่าง เพียงพอและการท�ำงานแบบบูรณาการ
บทความที่ยี่สิบเอ็ด เรื่อง ตัวแบบบริหารเชิงกลยุทธ์แบบโฮราเครซี่เพื่อพัฒนาศักยภาพทางการ
แข่งขันของพนักงานขายในธุรกิจเครือ่ งส�ำอางค์ โดย นางสาวปวีณา กลกิจชัยวรรณ, รองศาสตราจารย์
ดร.ธีระวัฒน์ จันทึก และรองศาสตราจารย์ ดร.พิทกั ษ์ ศิรวิ งศ์ งานวิจยั ฉบับนีเ้ ป็นส่วนหนึง่ ของดุษฏีนพิ นธ์
เรือ่ งตัวแบบบริหารเชิงกลยุทธ์แบบโฮราเครซีเ่ พือ่ พัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันพนักงานขายในธุรกิจเครือ่ งส�ำ
อางค์การเปลีย่ นแปลงของสภาพแวดล้อมทางการการตลาดและการแข่งขันในธุรกิจเครือ่ งส�ำอางค์ในศตวรรษ
ที่ 21 รุนแรงขึน้ ทัง้ การออกนวัตกรรมใหม่ การตลาดแนวรุก องค์การในธุรกิจเครือ่ งส�ำอางค์เผชิญกับวิกฤต
ทางการจัดการมากมาย การเปลีย่ นแปลงผูบ้ ริโภค การแข่งขันทางตลาดการออกนวัตกรรมใหม่ มีเพิม่ ขึน้ การ
จัดการองค์การทั้งด้านวิธีกลยุทธ์ พนักงานขายต้องพัฒนาศักยภาพทางการแข่งขัน ที่มีความรวดเร็ว ความ
ยืดหยุน่ คล่องตัว และสามารถปรับตัวให้ทนั กับการเปลีย่ นแปลง ผูว้ จิ ยั ได้พฒ ั นาตัวแบบบริหารเชิงกลยุทธ์แบบ
โฮราเครซี่ เพือ่ พัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันของพนักงานขายในธุรกิจเครือ่ งส�ำอางค์ ในการปรับตัวจัดการ
ความเปลีย่ นแปลง และเพิม่ ความยืดหยุน่ ในการแข่งขัน ในธุรกิจเครือ่ งส�ำอางค์มกี ารออกนวัตกรรมใหม่ 6-7
แคมเปญต่อปี ใน 1 แคมเปญมีการออกสินค้าใหม่ถงึ 150-200 รายการ พนักงานขายจ�ำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพ
ในการจัดการเพือ่ การแข่งขันกับเวลาและช่วงชิงพืน้ ทีท่ างการแข่งขันและยอดขายทีร่ วดเร็ว วัตถุประสงค์ของ
งานวิจยั นี้ เพือ่ ศึกษาแนวโน้มขององค์ประกอบ ตัวแบบบริหารเชิงกลยุทธ์แบบโฮราเครซีเ่ พือ่ พัฒนาศักยภาพ
ทางการแข่งขันของพนักงานขายในธุรกิจเครือ่ งส�ำอางค์ ด้วยการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) ใน
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 29
จากแหล่งเงินทุนอื่น ๆ และในการลงทุนทางโรงงานอุตสาหกรรมนั้นมีผลกระทบในด้านมลพิษชีวอนามัยสิ่ง
แวดล้อมและระบบนิเวศน์ ส่วนปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นสามารถแก้ปัญหาโดยการเจรจาและแบ่งปันผล
ประโยชน์ให้เท่าเทียมกันจึงยุตคิ วามขัดแย้งได้
บทความที่ยี่สิบสาม เรื่อง การจัดการความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่เมืองพัทยา
โดย นางสาวจุฬาลักษณ์ พันธัง บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบและแนวทางการจัดการ
ความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิผลส�ำหรับเขตพื้นที่เมืองพัทยา โดยการด�ำเนินการวิจัยได้ใช้วิธี
การแบบเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ใช้เครือ่ งมือแนวค�ำถามการสัมภาษณ์แบบเจาะลึก (In-depth
interview) ในการเก็บรวบรวมข้อมูลจากกลุม่ ผูใ้ ห้ขอ้ มูลส�ำคัญ (Key Informants) ในกลุม่ ผูบ้ ริหารจ�ำนวน 18
คน ผลศึกษาพบว่า รูปแบบและแนวทางการจัดการความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวที่มีประสิทธิผลส�ำหรับ
เขตพืน้ ทีเ่ มืองพัทยา มี 4 มาตรการ คือ มาตรการที่ 1 ด้านการเฝ้าระวังความปลอดภัย มาตรการที่ 2 ด้าน
การให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเมื่อประสบปัญหาด้านความปลอดภัย มาตรการที่ 3 ด้านการเผยแพร่
ประชาสัมพันธ์ และ มาตรการที่ 4 ด้านการปราบปราม ส�ำหรับแนวทางการจัดการความปลอดภัยด้านการ
ท่องเที่ยวในเขตพื้นที่มีประสิทธิผลส�ำหรับเขตพื้นที่เมืองพัทยา มีดังนี้ 1. บริหารอัตราก�ำลังให้เหมาะสม 2.
ผูบ้ ริหารให้ความส�ำคัญ สนับสนุน ส่งเสริมผลักดันให้เกิดการปฏิบตั งิ านในเชิงนามธรรม 3. จัดฝึกอบรมและ
ประเมินผลบุคลากร 4. บริหารงบประมาณทีม่ มี อี ยูใ่ ห้เต็มประสิทธิภาพ 5. จัดซือ้ วัสดุอปุ กรณ์ เครือ่ งมือเครือ่ ง
ใช้ในการปฏิบตั งิ านโดยพิจารณาเรือ่ งส�ำคัญและเร่งด่วนล�ำดับแรก 6. สร้างความรูค้ วามเข้าใจอย่าง ถ่องแท้
เกีย่ วกับนโยบาย แผนงาน และการด�ำเนินงานในการจัดการความปลอดภัยด้านการท่องเทีย่ วในเขตพืน้ ทีเ่ มือง
พัทยาในหน่วยงานของตน 7. บูรณาการการท�ำงานระหว่างหน่วยงาน 8. ปรับปรุงแก้ไขข้อจ�ำกัดด้านกฎหมาย
9. ประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานทีเ่ กีย่ วข้องทัง้ ภาครัฐและเอกชนและ ภาคประชาชน และ10. ติดตามและประเมิน
ผลการท�ำงานอย่างต่อเนือ่ ง
บทความที่ยี่สิบสี่ เรื่อง การน�ำนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปปฏิบัติรอบสถานศึกษา
โดย นางสาวกฤตติกา เศวตอมรกุล การน�ำนโยบายควบคุมเครือ่ งดืม่ แอลกอฮอล์ไปปฏิบตั ริ อบสถานศึกษา
มีวัตถุประสงค์ คือ 1) ศึกษาพัฒนาการของนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในประเทศไทย 2)
ศึกษากระบวนการของการน�ำนโยบายควบคุมเครือ่ งดืม่ แอลกอฮอล์ไปปฏิบตั ริ อบสถานศึกษา และ 3) ศึกษา
การตอบสนองต่อนโยบายควบคุมเครือ่ งดืม่ แอลกอฮอล์รอบสถานศึกษา การวิจยั นีเ้ ป็นการวิจยั แบบผสมผสาน
บนพื้นฐานของปรากฎการณ์วิทยาโดย ใช้การวิจัยเชิงปริมาณ แก่ นักศึกษา และการสัมภาษณ์เชิงลึกแก่ผู้มี
ส่วนได้ส่วนเสียกับนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลการวิจัยพบว่า การน�ำนโยบายควบคุมเครื่องดื่ม
แอลกอฮอล์ไปปฏิบัติรอบสถานศึกษาไม่สามารถน�ำไปปฏิบัติได้อย่างยั่งยืน เนื่องจากการบริหารนโยบายมี
ลักษณะทับซ้อนเชิงอ�ำนาจของหน่วยงานรัฐ ขาดการสือ่ สารนโยบายทีช่ ดั เจน และขาดระบบติดตามตรวจสอบ
ผลสัมฤทธิใ์ นการบังคับใช้กฎหมาย
บทความที่ยี่สิบห้า เรื่อง ผลกระทบของการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐต่อความเหลื่อมล�้ำทาง
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 31
เก็บข้อมูลคือแบบสอบถามที่ได้ประยุกต์มาจากทฤษฎีการยอมรับเทคโนโลยี (Technology Acceptance
Model) จ�ำนวน 306 ฉบับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยการหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ยเลขคณิต ส่วนเบี่ยง
เบนมาตรฐาน การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน และการวิเคราะห์เส้นทางอิทธิพลด้วยโปรแกรม AMOS
ผลการวิจัยพบว่า 1. ความสัมพันธ์เชิงสาเหตุระหว่างปัจจัยความสามารถในการใช้งานคอมพิวเตอร์กับ
งานระบบเทคโนโลยี ส ารสนเทศที่ ดิ น ส่ ง ผลต่ อ การยอมรั บ เทคโนโลยี ข องสารสนเทศของ
เจ้ า หน้ า ที่ ก รมที่ ดิ น มี ค วามสอดคล้ อ งกลมกลื น กั บ ข้ อ มู ล เชิ ง ประจั ก ษ์ (= 100.228, = 98,
P-value = .419, /=1.023, CFI = .999, GFI = .964, AGFI = .943, RMR=.010,
RMSEA = .009) 2. ความสามารถในการใช้งานคอมพิวเตอร์ในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ดินมีความ
สัมพันธ์อย่างมีนยั ส�ำคัญทางสถิตติ อ่ การรับรูค้ วามง่ายของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทีด่ นิ 3. การรับรูค้ วาม
ง่ายของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ดินมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติกับการรับรู้ประโยชน์ของ
ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ดิน 4. การรับรู้ประโยชน์ของระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ดินมีความสัมพันธ์
อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติกับทัศนคติที่มีต่อการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ดินและพฤติกรรมในการ
ตัง้ ใจใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทีด่ นิ 5. ทัศนคติทมี่ ตี อ่ การใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทีด่ นิ มีความ
สัมพันธ์อย่างมีนยั ส�ำคัญทางสถิตกิ บั พฤติกรรมในการตัง้ ใจใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศทีด่ นิ 6. พฤติกรรม
ในการตั้งใจใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่ดินมีความสัมพันธ์อย่างมีนัยส�ำคัญทางสถิติกับการใช้งานระบบ
เทคโนโลยีสารสนเทศทีด่ นิ
บทความทีย่ สี่ บิ เจ็ด เรือ่ ง เครือ่ งมือเชิงนโยบายกับการส่งเสริมเกษตรอินทรียบ์ นเกาะพะงัน จังหวัด
สุราษฎร์ธานี โดย นายณัฐวจี เขียวลือ บทความชิน้ นีก้ ล่าวถึงเครือ่ งมือเชิงนโยบายของรัฐและท้องถิน่ ใน
การส่งเสริมเกษตรอินทรียบ์ นพืน้ ทีเ่ กาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยต้องการวิเคราะห์สาเหตุของความไม่
ประสบผลส�ำเร็จในการส่งเสริมเกษตรอินทรียบ์ นพืน้ ทีเ่ กาะพะงันทีผ่ า่ นมารวมถึงเสนอแนะแนวทางเพือ่ การส่ง
เสริมทีย่ งั่ ยืน โดยผูใ้ ห้ขอ้ มูลส�ำคัญ ได้แก่ เจ้าหน้าทีภ่ าครัฐในส่วนภูมภิ าคและท้องถิน่ เกษตรกรและผูป้ ระกอบ
การบนพืน้ ทีเ่ กาะพะงัน โดยใช้เครือ่ งมือเชิงนโยบายสาธารณะ Sticks, Carrots และ Sermons ร่วมกับแนวคิด
Communitarianism เป็นกรอบในการศึกษา ซึง่ พบว่าวิธกี ารของภาครัฐทีผ่ า่ นมามีลกั ษณะของการจัดฝึกอบรม
ให้ความรูเ้ ป็นหลักโดยไม่ได้มกี ารใช้เครือ่ งมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและหลักชุมชนนิยมร่วมด้วย ความไม่
สมบูรณ์ของการใช้เครื่องมือเชิงนโยบายนี้อาจมีส่วนท�ำให้การส่งเสริมการท�ำเกษตรอินทรีย์บนเกาะพะงันไม่
ประสบผลส�ำเร็จ จึงควรเริม่ จากการให้เกษตรกรด�ำเนินการจัดการภายในด้วยตัวเองควบคูไ่ ปกับการจัดโครงการ
อบรมให้ความรู้หลังจากเกษตรกรรวมกลุ่มเข้มแข็งแล้วจึงให้การสนับสนุนปัจจัยการผลิตและทรัพยากรอื่นๆ
เพื่อเป็นการดึงดูดเกษตรกรรายใหม่ให้หันมาสนใจการท�ำเกษตรอินทรีย์มากขึ้น ท้ายที่สุดคือการใช้กฎหมาย
ควบคุมมาตรฐานสินค้าและสภาพแวดล้อมบนเกาะให้เอือ้ อ�ำนวยกับการส่งเสริมการท�ำเกษตรอินทรีย์
Chapter 2
มาตรการทางกฎหมายเกี่ยวกับการกระท�ำความรุนแรงต่อผู้สูงอายุ
รัชนี แตงอ่อน
จิรวัธ ศิริศักดิ์สมบูรณ์
Chapter 3
บทบาทพนักงานอัยการในการด�ำเนินคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ณัฏฐพงศ์ สุวรรณพาณิชย์
ธวัชชัย สุวรรณพานิช
ลาวัลย์ หอนพรัตน์
Chapter 4
มาตรการทางกฎหมายในการส่งเสริมอาชีพคนพิการในอนุภูมิภาคลุ่มน�้ำโขง
ฐิติรัตน์ วิชัยดิษฐ
จตุรงค์ บุณยรัตนสุนทร
Chapter 5
ความไว้วางใจในหัวหน้างานที่มีอิทธิพลต่อความยึดมั่นผูกพันในงานของพนักงานระดับปฏิบัติการ
เจเนอเรชั่นวาย กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ จังหวัดระยอง
ศักร์ระภีร์ วรวัฒนะปริญญา
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 33
Chapter 6
ขบวนการทางสังคมของคนพิการในการขับเคลื่อนสิทธิด้านการประกอบอาชีพและการมีงานท�ำ
ให้เป็นจริง
สุภรธรรม มงคลสวัสดิ์
Chapter 7
ประชาธิปไตยพัฒนา
ทวิพันธ์ พัวสรรเสริญ
Chapter 8
เศรษฐกิจการเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่งในภาคใต้
ภาสกร ธรรมโชติ
อารีรัตน์ ทศดี
เจษฎา รัตนวุฒิ
Chapter 9
การจัดสวัสดิการสังคมส�ำหรับผู้สูงอายุในระดับต�ำบลอย่างมีส่วนร่วม
สุพจน์ บุญวิเศษ
Chapter 10
อิทธิพลของวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพชีวิตในงานที่มีต่อความสุขในการท�ำงานของ
พนักงานวิสาหกิจขนาดย่อมของอุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่มในเขตกรุงเทพมหานคร
ธัญนันท์ บุญอยู่
Chapter 11
ภาวะผู้น�ำการเปลี่ยนแปลงเชิงจริยธรรมและวัฒนธรรมองค์การเชิงจริยธรรมกับประสิทธิผลของ
โรงเรียนในสังกัดส�ำนักงานเขตสายไหม
ณัฐวัชร จันทโรธรณ์
ไพโรจน์ ญัตติอัครวงศ์
Chapter 13
การจัดการความมั่นคงด้านแรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย
สวรรค์นิมิต เตชาวงศ์
อนุรัตน์ อนันทนาธร
สัมฤทธิ์ ยศสมศักดิ์
จีระ ประทีป
Chapter 14
การส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐอินโดนีเซียที่มีต่อนักลงทุนไทย
ธีระพงษ์ ภูริปาณิก
บรรพต วิรุณราช
Chapter 15
การพัฒนาสภาพแวดล้อมเพือ่ รองรับการขยายตัวของการท่องเทีย่ วในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
พื้นที่จังหวัดระยอง
ศิริญญา วิรุณราช
สมชาย โตศุกลวรรณ์
Chapter 16
การบริหารจัดการเพื่อส่งเสริมการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐของส�ำนักงานคณะกรรมการ
นโยบายรัฐวิสาหกิจตามแนวคิดการบริหารจัดการที่ยั่งยืน
กฤดา กฤติยาโชติปกรณ์
วิรัช วิรัชนิภาวรรณ
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 35
Chapter 17
การมีสว่ นร่วมในการส่งเสริมความเป็นพลเมืองของกรรมการศูนย์สง่ เสริมพัฒนาประชาธิปไตยต�ำบล
ในเขตภาคเหนือของประเทศไทย
รัชตา ค�ำเสมานันทน์
Chapter 18
การพัฒนาหลักสูตรนักเรียนนายร้อยต�ำรวจสู่ต�ำรวจอาเซียน
พีรพล เสลารัตน์
ทักษญา สง่าโยธิน
Chapter 19
การบริหารจัดการเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามันตามปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง
จริน เอกา
Chapter 20
การบริหารจัดการการส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ชุมชนของจังหวัดนครนายก ตามปรัชญาของ
เศรษฐกิจพอเพียง
ศิริพงษ์ อุ่นทรพันธุ์
สัมพันธ์ พลภักดิ์
Chapter 21
ตัวแบบบริหารเชิงกลยุทธ์แบบโฮราเครซีเ่ พือ่ พัฒนาศักยภาพทางการแข่งขันของพนักงานขายในธุรกิจ
เครื่องส�ำอางค์
ปวีณา กลกิจชัยวรรณ
ธีระวัฒน์ จันทึก
พิทักษ์ ศิริวงศ์
Chapter 23
การจัดการความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยวในเขตพื้นที่เมืองพัทยา
จุฬาลักษณ์ พันธัง
Chapter 24
การน�ำนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไปปฏิบัติรอบสถานศึกษา
กฤตติกา เศวตอมรกุล
Chapter 25
ผลกระทบของการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐต่อความเหลื่อมล�้ำทางเศรษฐกิจของไทย
มนตรี โสคติยานุรักษ์
เบญจพล เรียบร้อย
Chapter 26
การน�ำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการพัฒนาการให้บริการประชาชน : กรณีศกึ ษาระบบสารสนเทศ
ที่ดินของกรมที่ดิน
รุ่งทิวา เงินปัน
Chapter 27
เครื่องมือเชิงนโยบายกับการส่งเสริมเกษตรอินทรีย์บนเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ณัฐวจี เขียวลือ
คณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา 37