Professional Documents
Culture Documents
นางสาวพัชนียา บุนนาค
วิทยานิพนธ์น้เี ป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาตามหลักสูตรปริญญาอักษรศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาภาษาไทย ภาควิชาภาษาไทย
คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปีการศึกษา ๒๕๕๕
ลิขสิทธิ ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
บทคัดย่อและแฟ้ มข้อมูลฉบับเต็มของวิทยานิพนธ์ต้ งั แต่ปีการศึกษา 2554 ที่ให้บริ การในคลังปั ญญาจุฬาฯ (CUIR)
เป็ นแฟ้ มข้อมูลของนิสิตเจ้าของวิทยานิพนธ์ที่ส่งผ่านทางบัณฑิตวิทยาลัย
The abstract and full text of theses from the academic year 2011 in Chulalongkorn University Intellectual Repository (CUIR)
are the thesis authors' files submitted through the Graduate School.
KHUN PHAEN FOLKLORE
IN CHANGWAT KANCHANABURI AND CHANGWAT SUPHANBURI
คณบดีคณะอักษรศาสตร์
(ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ประพจน์ อัศววิรุฬหการ)
คณะกรรมการสอบวิทยานิพนธ์
ประธานกรรมการ
(ศาสตราจารย์ ดร.ศิราพร ณ ถลาง)
อาจารย์ทป่ี รึกษาวิทยานิพนธ์หลัก
(ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ปรมินท์ จารุวร)
กรรมการ
(ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.ศิรพิ ร ภักดีผาสุข)
กรรมการภายนอกมหาวิทยาลัย
(ผูช้ ว่ ยศาสตราจารย์ ดร.วีรวัฒน์ อินทรพร)
ง
วิทยานิพนธ์น้มี ุ่งศึกษารวบรวมข้อมูลคติชนเกี่ยวกับขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรแี ละ
จัง หวัด สุ พ รรณบุ รี เพื่อ น ามาศึก ษาวิเ คราะห์ล ัก ษณะของข้อ มู ล คติช นเกี่ย วกับ ขุน แผน
และเปรียบเทียบความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนจากข้อมูลคติชนประเภทต่าง ๆ ที่พบในจังหวัด
ทัง้ สอง โดยใช้แนวคิดเรื่องความทรงจาร่วมเป็นแนวทางในการศึกษาวิเคราะห์
คติช นเกี่ย วกับ ขุน แผนในจัง หวัด กาญจนบุ รีแ ละจัง หวัด สุ พ รรณบุ รีท่ีร วบรวมได้
มี ๕ ประเภท ได้แก่ ๑) ชือ่ สถานทีแ่ ละชือ่ อื่น ๆ ๒) รูปเคารพ ๓) วัตถุมงคล ๔) จิตรกรรม
และ ๕) เพลงพืน้ บ้าน
ผลการศึก ษาลัก ษณะของข้อ มู ล คติช น พบว่า คติช นเกี่ย วกับ ขุ น แผนในจัง หวัด
กาญจนบุรแี ตกต่างจากจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวคือ คติชนในจังหวัดกาญจนบุรมี กั ถ่ายทอด
เรื่องราวชีวติ ของขุนแผนตอนเป็ นทหารและผูป้ กครองเมือง ส่วนคติชนในจังหวัดสุพรรณบุรี
มักถ่ายทอดเรื่องราวชีวติ ตอนบวชเรียน
ส่วนการศึกษาเปรียบเทียบความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน พบว่า ทัง้ สองจังหวัดต่าง
นับถือขุนแผนในฐานะวีรบุรุษท้องถิน่ ซึ่งสอดคล้องกับการสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน
ผ่ า นคติช นประเภทต่ า ง ๆ ของแต่ ล ะจัง หวัด การสร้ า งความทรงจ าร่ ว มที่พ บ ได้ แ ก่
การอนุ รกั ษ์และส่งเสริมสถานที่ท่เี กี่ยวข้องกับขุนแผนซึ่งเป็ นการรักษาและสร้างพื้ นที่แห่ ง
ความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนในท้องถิน่ การสร้างรูปเคารพเพื่อสืบทอดตานานและพิธกี รรม
เกี่ยวกับขุนแผนซึ่งช่วยตอกย้าความเชื่อที่ว่าขุนแผนเคยมีตวั ตนจริง และการสร้างคาขวัญ
และการตัง้ ชือ่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าท้องถิน่ ของตนเกีย่ วข้องกับขุนแผน ทัง้ นี้ มีปจั จัยในการสร้าง
ความทรงจาร่วม ๓ ประการ ได้แก่ การสืบทอดความทรงจาร่วมของท้องถิ่น การช่วงชิง
ความโดดเด่นในเชิงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม และการส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเทีย่ ว
ผลการวิเคราะห์การสร้างความทรงจาร่วมทาให้เห็นว่าขุนแผนในความทรงจาร่วมของ
ชาวกาญจนบุรมี ลี กั ษณะเป็นทหารผูม้ ฝี ีมอื เก่งฉกาจ และเป็นเจ้าเมืองทีค่ นท้องถิน่ เคารพนับถือ
ส่วนขุน แผนในความทรงจาร่ วมของชาวสุพ รรณบุรีเป็ นคนท้องถิ่น ที่บวชเรียนจนมีค วามรู้
เชีย่ วชาญทัง้ การเขียนอ่านและวิชาไสยศาสตร์
This thesis aimed to investigate and gather the data concerning Khun Phaen Folklore
in Changwat Kanchanaburi and Changwat Suphanburi. This is to analyze the characteristics of the
said data and to make the comparison of the collective memory of Khun Phaen based on the
variety of the folklore found in these two provinces. In this regard, the concept of collective memory
was employed in the analysis.
Khun Phaen Folklore as found in Changwat Kanchanaburi and Changwat Suphanburi
can be categorized into 5 groups: 1) place names and other names, 2) statues and monuments,
3) sacred objects, 4) paintings and 5) folk songs.
According to the research results, Khun Phaen Folklore in Changwat Kanchanaburi was
different from the one of Changwat Suphanburi. That is to say that, for the former, it concerned
Khun Phaen life when serving as the soldier and town ruler, while, for the latter, it focused on his
novicehood life. With respect to the comparative study on Khun Phaen Folklore, Khun Phaen was
recognized as the local hero of both provinces. This conformed to the construction of collective
memory of Khun Phaen in the lens of folklore in these two provinces. In particular, the construction
of collective memory as found by this study was: the conservation and promotion of places
concerning Khun Phaen to conserve and build a site for the collective memory of Khun Phaen in
the local community, the construction of statues and monuments for the continuation of the legend
and ritual of Khun Phaen to strengthen the belief of his existence, and the introduction of slogan
and naming to depict the relevance of the local community to Khun Phaen. Besides, there were
3 elements for the construction of collective memory: the continuation of collective memory in the
local community, the struggle for cultural identity advantages and the tourism economy promotion.
According to the analysis of collective memory, it was revealed that Khun Phaen in the
collective memory of Kanchanaburi people was the great warrior and respectful town ruler, while,
for Suphanburi people’s collective memory, Khun Phaen was a local man who ordained and
became skillful in the literacy with expertise in superstition.
กิตติกรรมประกาศ
หน้า
บทคัดย่อภาษาไทย ง
บทคัดย่อภาษาอังกฤษ จ
กิตติกรรมประกาศ ฉ
สารบัญ ช
สารบัญตาราง ฎ
สารบัญภาพ ฏ
บทที่ ๑ บทนา ๑
๑.๑ ความเป็นมาของปญั หา ๑
๑.๒ วัตถุประสงค์ของการวิจยั ๕
๑.๓ สมมติฐานของการวิจยั ๕
๑.๔ ขอบเขตของการวิจยั ๕
๑.๕ วิธดี าเนินการวิจยั ๕
๑.๖ ประโยชน์ทค่ี าดว่าจะได้รบั ๖
๑.๗ นิยามศัพท์เฉพาะ ๖
๑.๘ กรอบแนวคิดทีใ่ ช้ในการวิจยั ๗
๑.๙ เอกสารและงานวิจยั ทีเ่ กีย่ วข้อง ๑๑
บทที่ ๒ ภูมหิ ลังเกีย่ วกับขุนแผนจากวรรณคดีและเอกสารทางประวัตศิ าสตร์ ๒๓
๒.๑ ภูมหิ ลังเกีย่ วกับขุนแผนจากเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ๒๓
๒.๑.๑ สังเขปชีวประวัตขิ นุ แผน ๓๐
๒.๑.๒ คาเรียกชือ่ ขุนแผน ๓๑
๒.๑.๓ เรื่องราวชีวติ ของขุนแผน ๓๔
๒.๒ ภูมหิ ลังเกีย่ วกับขุนแผนจากคาให้การชาวกรุงเก่า ๕๐
บทที่ ๓ ข้อมูลคติชนเกีย่ วกับขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรี ๖๒
๓.๑ ข้อมูลคติชนประเภทชือ่ สถานทีแ่ ละชือ่ อืน่ ๆ ๖๗
๓.๑.๑ ข้อมูลคติชนประเภทชือ่ สถานที่ ๖๗
๓.๑.๑.๑ ชือ่ สถานทีท่ ป่ี รากฏในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ๖๗
ซ
หน้า
๓.๑.๑.๒ ชือ่ สถานทีท่ ไ่ี ม่ปรากฏในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ๗๗
ก) ชือ่ สถานทีท่ างธรรมชาติ ๗๗
ข) ชือ่ วัด ๘๔
ค) ชือ่ หมู่บา้ นและชือ่ ชุมชน ๙๓
ง) ชือ่ ถนน ๙๔
จ) ชือ่ สถานทีอ่ ่นื ๆ ๙๕
๓.๑.๒ ข้อมูลคติชนประเภทชือ่ อืน่ ๆ ๙๖
๓.๒ ข้อมูลคติชนประเภทรูปเคารพ ๙๘
๓.๒.๑ รูปเคารพขุนแผน ๙๙
๓.๒.๑.๑ รูปเคารพขุนแผนทีเ่ ขาชนไก่ ตาบลลาดหญ้า ๑๐๐
๓.๒.๑.๒ รูปเคารพพระยากาญจนบุรที ว่ี ดั ปา่ เลไลยก์
ตาบลลาดหญ้า ๑๐๔
๓.๒.๑.๓ รูปเคารพขุนแผนทีถ่ ้าขุนแผน ตาบลหนองบัว ๑๐๔
๓.๒.๑.๔ รูปเคารพพระยากาญจนบุรที ม่ี หาวิทยาลัยราชภัฏ
กาญจนบุรี ๑๐๕
๓.๒.๒ รูปเคารพของตัวละครอื่น ๆ จากเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ๑๐๖
๓.๒.๒.๑ รูปเคารพขุนไกร ๑๐๗
๓.๒.๒.๒ รูปเคารพนางทองประศรี ๑๐๘
๓.๒.๒.๓ รูปเคารพนางบัวคลี่ ๑๐๙
๓.๒.๒.๔ รูปเคารพกุมารทอง ๑๑๑
๓.๓ ข้อมูลคติชนประเภทวัตถุมงคล ๑๑๓
๓.๔ ข้อมูลคติชนประเภทจิตรกรรม ๑๑๖
๓.๔.๑ จิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผน
บริเวณบันไดขึน้ ถ้า วัดบ้านถ้า ๑๑๗
๓.๔.๒ จิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผน
ในหอสมุดวัดมโนธรรมาราม ๑๒๐
๓.๕ ข้อมูลคติชนประเภทเพลงพืน้ บ้าน ๑๒๕
๓.๕.๑ เพลงทรงเครื่องจากตาบลพนมทวน ๑๒๕
๓.๕.๒ ลานอกเรื่องขุนช้างขุนแผน ๑๓๒
ฌ
หน้า
บทที่ ๔ ข้อมูลคติชนเกีย่ วกับขุนแผนในจังหวัดสุพรรณบุรี ๑๓๕
๔.๑ ข้อมูลคติชนประเภทชือ่ สถานทีแ่ ละชือ่ อื่น ๆ ๑๓๘
๔.๑.๑ ข้อมูลคติชนประเภทชือ่ สถานที่ ๑๓๘
๔.๑.๑.๑ ชือ่ สถานทีท่ ป่ี รากฏในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ๑๓๘
๔.๑.๑.๒ ชือ่ สถานทีท่ ไ่ี ม่ปรากฏในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ๑๔๓
ก) ชือ่ วัด ๑๔๓
ข) ชือ่ ถนนและแยกจราจร ๑๔๔
ค) ชือ่ อุทยานวรรณคดี ๑๔๖
ง) ชือ่ สถานทีอ่ น่ื ๆ ๑๔๘
๔.๑.๒ ข้อมูลคติชนประเภทชือ่ อื่น ๆ ๑๔๙
๔.๒ ข้อมูลคติชนประเภทรูปเคารพ ๑๕๑
๔.๒.๑ รูปเคารพขุนแผน ๑๕๑
๔.๒.๑.๑ รูปเคารพขุนแผนทีว่ ดั ปา่ เลไลยก์วรวิหาร ๑๕๑
๔.๒.๑.๒ รูปเคารพขุนแผนทีว่ ดั แค ๑๕๒
๔.๒.๒ รูปเคารพของตัวละครอืน่ ๆ จากเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ๑๕๕
๔.๒.๒.๑ รูปเคารพนางพิม ๑๕๕
๔.๒.๒.๒ รูปเคารพขุนช้าง ๑๕๖
๔.๒.๒.๓ รูปเคารพสมภารคง ๑๕๗
๔.๒.๒.๔ รูปเคารพกุมารทอง ๑๕๙
๔.๓ ข้อมูลคติชนประเภทวัตถุมงคล ๑๖๐
๔.๓.๑ พระขุนแผนกรุวดั บ้านกร่าง ๑๖๓
๔.๓.๒ พระขุนแผนกรุวดั ปา่ เลไลยก์วรวิหาร ๑๖๔
๔.๓.๓ พระขุนแผนกรุวดั แค ๑๖๖
๔.๔ ข้อมูลคติชนประเภทจิตรกรรม ๑๖๙
๔.๔.๑ จิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผน
รอบวิหารคด วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร ๑๗๐
๔.๔.๒ จิตรกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผนในหอคอยบรรหาร – แจ่มใส ๑๗๓
๔.๔.๓ จิตรกรรมแสดงภาพตัวละครในเรื่องขุนช้างขุนแผนทีบ่ า้ นขุนช้าง ๑๗๗
๔.๔.๔ จิตรกรรมฝาผนังเรือ่ งขุนช้างขุนแผน
ทีว่ ดั เขาพระศรีสรรเพชญาราม ๑๘๑
ญ
หน้า
๔.๕ ข้อมูลคติชนประเภทเพลงพืน้ บ้าน ๑๘๒
๔.๕.๑ เพลงปรบไก่ (ตบไก่) ๑๘๒
๔.๕.๒ เพลงอีแซวเล่าเรือ่ งขุนช้าง – ขุนแผน ๑๘๕
๔.๕.๓ เพลงส่งเครือ่ ง ๑๘๖
บทที่ ๕ การสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรี
และจังหวัดสุพรรณบุรี ๑๘๙
๕.๑ การนับถือขุนแผนในฐานะวีรบุรุษท้องถิน่ ในจังหวัดกาญจนบุรี
และจังหวัดสุพรรณบุรี ๑๘๙
๕.๑.๑ คติชนในจังหวัดกาญจนบุรกี บั การนับถือขุนแผน
ในฐานะวีรบุรุษท้องถิน่ ผูเ้ ป็นนักรบและผูป้ กครองเมือง ๑๙๗
๕.๑.๒ คติชนในจังหวัดสุพรรณบุรกี บั การนับถือขุนแผน
ในฐานะวีรบุรุษท้องถิน่ ผูบ้ วชเรียนจนเชีย่ วชาญทาง “วิชาการ” ๒๐๑
๕.๒ การสร้างความทรงจาร่วมเรือ่ งขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรี
และจังหวัดสุพรรณบุรี ๒๐๔
๕.๒.๑ การสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน ๒๐๔
๕.๒.๑.๑ การสร้างความทรงจาร่วมเรือ่ งขุนแผน
ในจังหวัดกาญจนบุรี ๒๐๗
๕.๒.๑.๒ การสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน
ในจังหวัดสุพรรณบุรี ๒๑๓
๕.๒.๒ ปจั จัยในการสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน ๒๑๘
๕.๒.๒.๑ ปจั จัยด้านการสืบทอดความทรงจาร่วมของท้องถิน่ ๒๑๘
๕.๒.๒.๒ ปจั จัยด้านการช่วงชิงความโดดเด่นในเชิงอัตลักษณ์
ทางวัฒนธรรม ๒๑๙
๕.๒.๒.๓ ปจั จัยด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเทีย่ ว ๒๒๒
๕.๓ คติชนกับการสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน
ในฐานะวีรบุรุษท้องถิน่ ในจังหวัดกาญจนบุรแี ละจังหวัดสุพรรณบุรี ๒๒๔
บทที่ ๖ สรุปผลการวิจยั และอภิปรายผล ๒๒๘
รายการอ้างอิง ๒๔๐
ภาคผนวก ๒๔๗
ประวัตผิ เู้ ขียนวิทยานิพนธ์ ๒๗๑
ฎ
สารบัญตาราง
หน้า
ตารางที่ ๑ แสดงข้อมูลคติชนเกีย่ วกับขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรี ๖๔
ตารางที่ ๒ แสดงลาดับภาพและคาบรรยายภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผน
บริเวณบันไดขึน้ ถ้านางบัวคลี่ วัดบ้านถ้า ๑๑๙
ตารางที่ ๓ แสดงลาดับภาพและคาบรรยายภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผน
ในหอสมุดวัดมโนธรรมาราม ๑๒๑
ตารางที่ ๔ แสดงข้อมูลคติชนเกีย่ วกับขุนแผนในจังหวัดสุพรรณบุรี ๑๓๖
ตารางที่ ๕ แสดงลักษณะชือ่ ถนนในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี ๑๔๔
ตารางที่ ๖ แสดงลาดับภาพและคาบรรยายภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผน
รอบวิหารคด วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร ๑๗๒
ตารางที่ ๗ แสดงลาดับภาพและคาบรรยายภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผน
ประดับฝาผนังหอคอยบรรหาร – แจ่มใส ๑๗๔
ตารางที่ ๘ แสดงชือ่ ตัวละครและคาบรรยายภาพตัวละครในเรื่องขุนช้างขุนแผน
ทีบ่ า้ นขุนช้าง ๑๗๘
ฏ
สารบัญภาพ
หน้า
ภาพที่ ๑ แผนทีจ่ งั หวัดกาญจนบุรี ๖๓
ภาพที่ ๒ วัดปา่ เลไลยก์ ตาบลลาดหญ้า อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี ๖๘
ภาพที่ ๓ วัดใหญ่ดงรัง – ส้มใหญ่ ตาบลหนองขาว อาเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ๗๒
ภาพที่ ๔ หอระฆังวัดใหญ่ดงรัง – ส้มใหญ่ ตาบลหนองขาว อาเภอท่าม่วง
จังหวัดกาญจนบุรี ๗๔
ภาพที่ ๕ เขาชนไก่ ตาบลลาดหญ้า อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี ๗๔
ภาพที่ ๖ ถ้าขุนแผน ตาบลหนองบัว อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี ๗๘
ภาพที่ ๗ ถ้าขุนแผน ตาบลหนองบัว อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี ๗๘
ภาพที่ ๘ พระอุโบสถหลังเก่า วัดมโนธรรมาราม (วัดนางโน) อาเภอท่าม่วง
จังหวัดกาญจนบุรี ๘๑
ภาพที่ ๙ ถ้าขุนไกร ตาบลแก่งเสีย้ น อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี ๘๑
ภาพที่ ๑๐ ทางขึน้ ถ้านางบัวคลี่ วัดบ้านถ้า อาเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ๘๓
ภาพที่ ๑๑ ถ้านางบัวคลี่ วัดบ้านถ้า อาเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ๘๓
ภาพที่ ๑๒ วัดขุนแผน ตาบลลาดหญ้า อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี ๘๔
ภาพที่ ๑๓ วัดนางพิม (วัดกาญจนบุรเี ก่า) ตาบลลาดหญ้า อาเภอเมืองฯ
จังหวัดกาญจนบุรี ๘๕
ภาพที่ ๑๔ วัดแม่หม้ายเหนือ ตาบลลาดหญ้า อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี ๘๖
ภาพที่ ๑๕ วัดแม่หม้ายใต้ ตาบลลาดหญ้า อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี ๘๗
ภาพที่ ๑๖ วัดถ้าขุนไกร ตาบลแก่งเสีย้ น อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี ๘๙
ภาพที่ ๑๗ วัดบ้านถ้า ตาบลเขาน้อย อาเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ๙๒
ภาพที่ ๑๘ บริเวณทีเ่ ชือ่ ว่าเคยเป็นทีต่ งั ้ ของหมู่บา้ นนางทองประศรี ตาบลลาดหญ้า
อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี ๙๓
ภาพที่ ๑๙ ป้ายชือ่ หมู่บา้ นท่าเสา บ้านท่าเสา ตาบลลาดหญ้า อาเภอเมืองฯ
จังหวัดกาญจนบุรี ๙๔
ภาพที่ ๒๐ ป้ายชือ่ ชุมชนบ้านขุนแผน บ้านท่าเสา ตาบลลาดหญ้า อาเภอเมืองฯ
จังหวัดกาญจนบุรี ๙๔
ภาพที่ ๒๑ ป้ายชือ่ ชุมชนพิมพิลาไลย บ้านท่าเสา ตาบลลาดหญ้า อาเภอเมืองฯ
จังหวัดกาญจนบุรี ๙๔
ฐ
หน้า
ภาพที่ ๒๒ ป้ายชือ่ ถนนขุนแผน ในพืน้ ทีบ่ า้ นท่าเสา ตาบลลาดหญ้า อาเภอเมืองฯ
จังหวัดกาญจนบุรี ๙๕
ภาพที่ ๒๓ ป้ายชือ่ ถนนพิมพิลาไลย์ ในพืน้ ทีบ่ า้ นท่าเสา ตาบลลาดหญ้า อาเภอเมืองฯ
จังหวัดกาญจนบุรี ๙๕
ภาพที่ ๒๔ เขือ่ นขุนแผน (ท่าลงแพเขือ่ นขุนแผน) อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี ๙๕
ภาพที่ ๒๕ บริเวณทีเ่ ชือ่ ว่าเคยเป็นทีต่ งั ้ ของตลาดนางทองประศรี ตาบลลาดหญ้า
อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี ๙๖
ภาพที่ ๒๖ รูปเคารพขุนแผน (รูปปน) ั ้ ทีเ่ ขาชนไก่ ๑๐๐
ภาพที่ ๒๗ รูปเคารพขุนแผน (รูปหล่อ) ทีเ่ ขาชนไก่ ๑๐๐
ภาพที่ ๒๘ ศาลเจ้าพ่อเขาชนไก่ ตาบลลาดหญ้า อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี ๑๐๒
ภาพที่ ๒๙ รูปเคารพพระยากาญจนบุรที ว่ี ดั ปา่ เลไลยก์ ตาบลลาดหญ้า ๑๐๔
ภาพที่ ๓๐ รูปเคารพขุนแผนทีถ่ ้าขุนแผน ตาบลหนองบัว อาเภอเมืองฯ
จังหวัดกาญจนบุรี ๑๐๕
ภาพที่ ๓๑ รูปเคารพพระยากาญจนบุรที ม่ี หาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ๑๐๕
ภาพที่ ๓๒ รูปปนขุั ้ นแผนนังบริ
่ กรรมคาถาอยู่หน้าตาราพิชยั สงคราม วัดถ้าขุนไกร
ตาบลแก่งเสีย้ น อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี ๑๐๖
ภาพที่ ๓๓ รูปเคารพขุนไกร (รูปปน) ั ้ ทีเ่ ขาชนไก่ ๑๐๗
ภาพที่ ๓๔ รูปเคารพขุนไกร (รูปหล่อ) ทีเ่ ขาชนไก่ ๑๐๗
ภาพที่ ๓๕ รูปเคารพขุนไกรทีศ่ าลพ่อขุนไกร วัดถ้าขุนไกร ตาบลแก่งเสีย้ น
อาเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุรี ๑๐๘
ภาพที่ ๓๖ รูปเคารพนางทองประศรีภายในศาลย่าทองประศรี ๑๐๙
ภาพที่ ๓๗ รูปเคารพนางบัวคลีภ่ ายในถ้านางบัวคลี่ วัดบ้านถ้า อาเภอท่าม่วง
จังหวัดกาญจนบุรี ๑๑๐
ภาพที่ ๓๘ รูปเคารพกุมารทองภายในถ้านางบัวคลี่ ๑๑๑
ภาพที่ ๓๙ ป้ายประกาศการจัดสร้างพระขุนแผนของวัดบ้านถ้า ตาบลเขาน้อย ๑๑๕
ภาพที่ ๔๐ ป้ายประกาศการจัดสร้างพระขุนแผนของวัดถ้าขุนแผน ตาบลหนองบัว ๑๑๕
ภาพที่ ๔๑ พระขุนแผนซึ่งจัดสร้างโดยวัดถ้าขุนแผน ตาบลหนองบัว อาเภอเมืองฯ
จังหวัดกาญจนบุรี ๑๑๖
ภาพที่ ๔๒ ลาตัวของมังกรซึ่งเป็นบริเวณทีพ่ บภาพจิตรกรรมฝาผนัง
เรื่องขุนช้างขุนแผน ๑๑๗
ฑ
หน้า
ภาพที่ ๔๓ จิตรกรรมฝาผนังเรือ่ งขุนช้างขุนแผนในหอสมุดวัดมโนธรรมาราม ๑๒๐
ภาพที่ ๔๔ ภาพขุนแผนนังเมื ่ อง ออกว่าราชการงานเมืองกาญจนบุรี สมัยศรีอยุธยา
จิตรกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผนในหอสมุดวัดมโนธรรมาราม ๑๒๒
ภาพที่ ๔๕ ตัวอย่างภาพจิตรกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผนทีว่ ดั บ้านถ้า
และวัดมโนธรรมาราม ๑๒๓
ภาพที่ ๔๖ แผนทีจ่ งั หวัดสุพรรณบุรี ๑๓๕
ภาพที่ ๔๗ วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร ตาบลรัว้ ใหญ่ อาเภอเมืองฯ จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๓๘
ภาพที่ ๔๘ ต้นมะขามยักษ์วดั แค ภายในคุม้ ขุนแผน เชือ่ ว่าเป็นต้นเดียวกับต้นมะขาม
ทีเ่ ณรแก้วเสกใบมะขามเป็นต่อแตน ๑๔๐
ภาพที่ ๔๙ ถ้าขุนแผน – นางพิม วัดเขาพระศรีสรรเพชญาราม อาเภออู่ทอง
จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๔๒
ภาพที่ ๕๐ วัดลาวทอง ตาบลสนามชัย อาเภอเมืองฯ จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๔๓
ภาพที่ ๕๑ ป้ายชือ่ ถนนสายต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี ๑๔๕
ภาพที่ ๕๒ ป้ายชือ่ ถนนสายต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี ๑๔๕
ภาพที่ ๕๓ ป้ายชือ่ ถนนสายต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี ๑๔๕
ภาพที่ ๕๔ ชือ่ ถนนสายต่าง ๆ ในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรที ป่ี รากฏในแผนที่ ๑๔๕
ภาพที่ ๕๕ คุม้ ขุนแผนภายในวัดแค จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๔๖
ภาพที่ ๕๖ บ้านขุนช้างภายในวัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๔๗
ภาพที่ ๕๗ ป้ายชือ่ สถานทีต่ า่ ง ๆ ทีน่ าชือ่ ขุนแผนหรือตัวละครอื่นไปตัง้ ชือ่ สถานที่ ๑๔๘
ภาพที่ ๕๘ ป้ายชือ่ สถานทีต่ า่ ง ๆ ทีน่ าชือ่ ขุนแผนหรือตัวละครอื่นไปตัง้ ชือ่ สถานที่ ๑๔๘
ภาพที่ ๕๙ ป้ายชือ่ สถานทีต่ า่ ง ๆ ทีน่ าชือ่ ขุนแผนหรือตัวละครอื่นไปตัง้ ชือ่ สถานที่ ๑๔๘
ภาพที่ ๖๐ พระนอนวัดพระรูป ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า พระนอนเณรแก้ว ๑๔๙
ภาพที่ ๖๑ ป้ายชือ่ กิจการทีน่ าชือ่ ขุนแผนและตัวละครอื่นมาตัง้ เป็นชือ่ กิจการ ๑๕๐
ภาพที่ ๖๒ ป้ายชือ่ กิจการทีน่ าชือ่ ขุนแผนและตัวละครอื่นมาตัง้ เป็นชือ่ กิจการ ๑๕๐
ภาพที่ ๖๓ ป้ายชือ่ กิจการทีน่ าชือ่ ขุนแผนและตัวละครอื่นมาตัง้ เป็นชือ่ กิจการ ๑๕๐
ภาพที่ ๖๔ ป้ายชือ่ กิจการทีน่ าชือ่ ขุนแผนและตัวละครอื่นมาตัง้ เป็นชือ่ กิจการ ๑๕๐
ภาพที่ ๖๕ รูปเคารพขุนแผนทีว่ ดั ปา่ เลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๕๑
ภาพที่ ๖๖ รูปเคารพขุนแผนทีว่ ดั ปา่ เลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๕๑
ภาพที่ ๖๗ รูปเคารพขุนแผนในศาลาสักการะ วัดแค จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๕๒
ภาพที่ ๖๘ รูปเคารพขุนแผนในศาลขุนแผน วัดแค จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๕๔
ฒ
หน้า
ภาพที่ ๖๙ ั ้ นแผนทีต่ งั ้ อยู่ในวิหารพระพุทธมงคล วัดแค จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๕๕
รูปปนขุ
ภาพที่ ๗๐ รูปเคารพนางพิมทีว่ ดั ปา่ เลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๕๕
ภาพที่ ๗๑ รูปเคารพนางพิมทีว่ ดั ปา่ เลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๕๕
ภาพที่ ๗๒ รูปเคารพขุนช้างภายในบ้านขุนช้าง วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร
จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๕๖
ภาพที่ ๗๓ รูปเคารพสมภารคงภายในศาลาสักการะ วัดแค จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๕๗
ภาพที่ ๗๔ บริเวณด้านหน้าศาลาสักการะ วัดแค จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๕๘
ภาพที่ ๗๕ รูปเคารพสมภารคงภายในศาลหลวงปูค่ ง วัดแค จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๕๘
ภาพที่ ๗๖ รูปเคารพสมภารคงภายในศาลอาจารย์คง วัดแค จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๕๙
ภาพที่ ๗๗ รูปเคารพกุมารทอง วัดแค จังหวัดสุพรรณบุรี ๑๖๐
ภาพที่ ๗๘ พิพธิ ภัณฑ์พระขุนแผนและพระเครื่องเมืองสุพรรณ วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร ๑๖๓
ภาพที่ ๗๙ คาบรรยายภาพจิตรกรรมเรือ่ งขุนช้างขุนแผน
รอบวิหารคด วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร ๑๗๑
ภาพที่ ๘๐ ภาพจิตรกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน รอบวิหารคด วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร ๑๗๑
ภาพที่ ๘๑ ภาพจิตรกรรมแสดงตัวละครจากเรือ่ งขุนช้างขุนแผน
รอบวิหารคด วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร ๑๗๒
ภาพที่ ๘๒ ภาพจิตรกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผนประดับฝาผนังหอคอยบรรหาร – แจ่มใส ๑๗๔
ภาพที่ ๘๓ ภาพตัวละครพลายแก้ว – ขุนแผนในเรื่องขุนช้างขุนแผนทีบ่ า้ นขุนช้าง ๑๗๗
ภาพที่ ๘๔ ภาพจิตรกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผนทีว่ ดั เขาพระศรีสรรเพชญาราม ๑๘๒
บทที่ ๑
บทนา
การปกครองพระราชอาณาจักรแต่โบราณมาได้รวมท้องที่
เปนเขตรจังหวัด จัดเปนเมืองชันเอก ้ โท ตรี แลจัตวา มีผู้ว่าราชการ
เมืองเปนหัวน่าบังคับบัญชาการขึน้ ตรงต่อกรุงเทพฯ บ้าง เมืองน้อย
ขึ้น แก่ เ มื อ งใหญ่ บ้ า ง เปนดัง นี้ ม าจนรั ช สมัย พระบาทสมเด็ จ
พระจุล จอมเกล้าเจ้า อยู่ ห ัว ปิ ย มหาราชาธิราช เมื่อ พ.ศ.๒๔๓๗
(ร.ศ.๑๑๓) จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จดั การปกครองแก้ไข
วิธเี ดิม รวมท้องทีส่ ่วนหนึ่ง ๆ แห่งพระราชอาณาจักรเข้าเปนมณฑล
มี เ ทศาภิ บ าลเปนหัว น่ า บัง คับ บัญ ชาเหนื อ ผู้ ว่ า ราชการเมื อ ง
อิกชัน้ หนึ่ง เมื่อรูปแห่งการปกครองได้ดาเนิรขึน้ สู่ระเบียบเรียบร้อย
แลขยายออกไปทัวพระราชอาณาจั
่ กรแล้ว เมืองที่เล็กผูค้ นพลเมือง
เบาบาง ก็ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยุบลงเปนชัน้ อาเภอบ้าง
รวมท้องทีห่ ลายเมืองเข้าเปนเมืองเดียวกันบ้าง คงไว้เปนเมืองเฉภาะ
มณฑล คือ รวมเขตจังหวัด ตัง้ แต่ สองจัง หวัดขึ้นไปมากบ้างน้อ ยบ้าง สุ ดแต่ ให้ความสะดวก
ในการปกครองตรวจตราบัญ ชาการของสมุ ห เทศาภิ บ าล จัด เป็ น มณฑลหนึ่ ง มีข้ า ราชการชัน้ สู ง
เป็นผูบ้ ญ
ั ชาการเป็นประธานข้าราชการมณฑลละหนึ่ง (พระยาราชเสนา, ๒๕๒๔: ๖)
๓
ความพยายามในการแสดงให้เ ห็น ว่า จัง หวัด กาญจนบุ รีเ กี่ย วข้อ งกับ ขุ น แผน ในขณะที่
วลี “วรรณคดีขน้ึ ชือ่ ” ในคาขวัญประจาจังหวัดสุพรรณบุรที ่วี ่า “เมืองยุทธหัตถี วรรณคดีข้นึ ชือ่
เลือ่ งลือพระเครือ่ ง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ าประวัติศาสตร์ แหล่งปราชญ์ศลิ ปิ น ภาษาถิน่
ชวนฟงั ” นัน้ ชวนให้คนส่วนใหญ่นึกถึงเรื่องขุนช้างขุนแผนมากกว่าวรรณกรรมเรื่องอื่น ๆ
อย่ า งไรก็ดี ร่ อ งรอยเกี่ย วกับ ขุน แผนบางอย่ า งมีป รากฏในเรื่อ งขุ น ช้า งขุ น แผน
บางอย่างเป็นร่องรอยทีพ่ บเฉพาะในจังหวัดกาญจนบุรหี รือพบเฉพาะในจังหวัดสุพรรณบุรแี ละ
ไม่ ปรากฏในเรื่องขุนช้า งขุนแผน บางอย่า งเป็ นร่ องรอยที่ก ล่า วถึง ในเรื่อ งขุนช้า งขุนแผน
แต่เมื่อผ่านการตีความแล้วเกิดความทับซ้อนกันระหว่างจังหวัดกาญจนบุรกี บั จังหวัดสุพรรณบุรี
ร่องรอยต่าง ๆ เกี่ยวกับขุนแผนเหล่านี้นับเป็ นสื่อที่มีพลังในการถ่ายทอดความคิด
ความเชือ่ ของคนท้องถิน่ กล่าวคือ เมื่อเวลาผ่านไป ร่องรอยหรือคติชนประเภทต่าง ๆ เกีย่ วกับ
ขุน แผนที่พ บในจัง หวัด กาญจนบุ รีแ ละจัง หวัด สุ พ รรณบุ รีท าให้ ค นท้ อ งถิ่น รับ รู้ ระลึก ถึง
และถ่ายทอดเรื่องขุนแผนอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็ นความทรงจาร่วม (collective memory)
ขึ้น ในท้ อ งถิ่ น ข้อ มู ล คติช นประเภทต่ า ง ๆ จึง มี ส่ ว นส าคัญ ที่ ท าให้ ค วามทรงจ าร่ ว ม
เรื่องขุนแผนยังคงอยู่ได้ในท้องถิน่ กาญจนบุรแี ละสุพรรณบุรี ผูว้ จิ ยั เห็นว่า การนาแนวคิดเรื่อง
ความทรงจ าร่ว มมาใช้ใ นการศึก ษาวิจ ัย น่ า จะเป็ น ประโยชน์ ต่อ การวิเ คราะห์ข้อ มูล คติช น
ซึ่ง เป็ น สื่อ อัน ทรงพลัง ที่ถ่ า ยทอดความคิด ความเชื่อ ของคนท้อ งถิ่น ซึ่ง น่ า จะท าให้เ ข้า ใจ
ความคิดความเชือ่ ของคนท้องถิน่ ตามมา
เรื่องขุนช้างขุนแผนและร่องรอยต่าง ๆ เกีย่ วกับขุนแผนที่พบในจังหวัดกาญจนบุรแี ละ
จังหวัดสุพรรณบุรีได้สะท้อนให้เห็นว่า ขุนแผนเป็ นผู้ท่อี ยู่ในความรับรู้ของคนทัง้ ในมิติของ
วรรณกรรมและประวัติศ าสตร์ท้อ งถิ่น กล่ า วคือ เป็ น ตัว ละครเอกในเรื่อ งขุ น ช้า งขุน แผน
และเป็นบุคคลทีช่ าวกาญจนบุรแี ละชาวสุพรรณบุรเี ชือ่ ว่าเคยมีตวั ตนอยู่จริง
จากการรวบรวมข้อมูลภาคสนามในเบือ้ งต้น ผูว้ จิ ยั พบคติชนเกีย่ วกับขุนแผนในจังหวัด
กาญจนบุรีและจังหวัดสุพรรณบุ รีอย่างหลากหลาย เช่น ถ้ า ขุนแผน วัดขุนแผน ถ้ าขุนไกร
ถ้านางบัวคลี่ ชุมชนบ้านขุนแผน ชุมชนพิมพิลาไลย ฯลฯ ในจังหวัดกาญจนบุรี วัดป ่าเลไลยก์
วัดแค คุม้ ขุนแผน บ้านขุนช้าง ถนนขุนแผน ถนนพลายแก้ว ฯลฯ ในจังหวัดสุพรรณบุรี
ผูว้ จิ ยั เห็นว่าข้อมูลคติชนเกี่ยวกับขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรแี ละจังหวัดสุพรรณบุรี
เป็ น ข้อ มู ล ที่น่ า สนใจเพราะสะท้อ นให้ เ ห็น การรับ รู้เ รื่อ งขุ น แผนของชาวกาญจนบุ รีแ ละ
ชาวสุ พ รรณบุรีได้ ผู้ว ิจยั จึงใคร่ เ ก็บ รวบรวมข้อ มู ลคติชนเกี่ย วกับ ขุน แผนที่พ บในจังหวัด
กาญจนบุรแี ละจังหวัดสุพรรณบุรี เนื่องจากเห็นว่าข้อมูลคติชนเกีย่ วกับขุนแผนทีพ่ บในท้องถิน่
ดังกล่าวสามารถนามาศึกษาเปรียบเทียบลักษณะของข้อมูลคติชน และศึกษาความสัมพันธ์
ระหว่างข้อมูลคติชนกับการสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนได้
๕
๑.๗ นิ ยามศัพท์เฉพาะ
๑. คติ ชนเกี่ยวกับขุนแผน หมายถึง คติชนทีเ่ น้นเรื่องราวเกี่ยวกับขุนแผนเป็ นหลัก
ทัง้ นี้ ข้อมูลบางประเภทยังหมายรวมไปถึงตัวละครอื่น ๆ ในวรรณกรรมเรื่องขุนแผนด้วย
เรื่อ งราวหรือ เหตุ ก ารณ์ เ ฉพาะต่ าง ๆ ที่ส มาชิกของสัง คมรับ รู้แ ละมีค วามทรงจ าร่ว มกัน
และข้อมู ลทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ซึ่งเป็ นเครื่อ งมือ ที่ช่ว ยสร้างความหมายให้เ รื่องราวหรือ
เหตุการณ์เฉพาะต่าง ๆ ยังคงปรากฏอยู่ได้อย่างต่อเนื่องและเป็ นรูปธรรมในสังคม หรืออาจ
เรียกได้ว่าเป็ นเครื่องมือที่ช่วยสร้างหรือจัดสรรพื้นที่แห่งความทรงจาเพื่อให้ความทรงจาร่วม
เรื่องนัน้ ๆ คงอยู่ได้ในสังคม
นอกเหนือจากนี้แล้ว แจน อาซมาน ยังกล่าวไว้ในบทความเรื่อง “Communicative and
Cultural Memory‛ (2010: 109) ว่า ความทรงจาคือ ศักยภาพในการรับรู้อตั ลักษณ์ได้ทงั ้
ในระดับ ตัว ตนและระดับส่ วนรวม อัตลักษณ์ด ังกล่า วเกี่ย วข้อ งกับเวลาและเป็ นผลมาจาก
ความทรงจา เขาได้จาแนกให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างเวลา อัตลักษณ์ และความทรงจา
ไว้ ๓ ระดับ ดังตาราง
ทัง้ นี้ แจน อาซมาน (2010: 111 - 113) ได้เสนอว่า ในระดับปจั เจกบุคคล วัตถุต่าง ๆ
เช่น อาหาร งานเฉลิม ฉลอง พิธีก รรม ภาพถ่ า ย ภาพวาด เรื่อ งเล่ า ตัว บทต่ า ง ๆ
ภู มิ ป ระเทศ ไม่ ไ ด้ มี ค วามหมายในตัว เอง แต่ จ ะช่ ว ยกระตุ้ น เตื อ นความทรงจ าของ
คนในสังคม เพราะวัตถุเหล่านี้คอื พื้นที่แห่งความทรงจาที่มตี วั ตนหรือมีความเป็ นเราอยู่ในนัน้
เมื่อเป็นระดับส่วนรวมแล้ว วัตถุต่าง ๆ เช่น อนุสาวรีย์ พิพธิ ภัณฑ์ ห้องสมุด จดหมายเหตุ ฯลฯ
๑๐
ภูมิปัญญาชาวบ้านจากประเพณี บางอย่างในวรรณคดีเรื่องขุนช้าง
ขุนแผน ของปรางทิพ ย์ ฮอนบุ ตร วิทยานิ พนธ์ปริญญามหาบัณ ฑิต สาขาวิชาภาษาไทย
มหาวิทยาลัยนเรศวร ปี พ.ศ.๒๕๔๐ ปรางทิพย์มวี ตั ถุประสงค์เพื่อศึก ษาภูม ิปญั ญาชาวบ้าน
จากประเพณีบ างอย่ า งในวรรณคดีเ รื่อ งขุ น ช้า งขุน แผน ฉบับ หอสมุ ด แห่ ง ชาติ จ านวน
๖ ประเพณี ผลการวิจยั สรุปได้ว่า ภู ม ิปญั ญาชาวบ้านมีค วามเชื่อมโยงกันในลักษณะที่เป็ น
รูปธรรมคือ การทาพิธกี รรมต่าง ๆ ในช่วงทีม่ กี ารเปลีย่ นแปลงตามเหตุการณ์ท่สี าคัญของชีวติ
และในลักษณะที่เป็ นนามธรรม คือ ความรู้ ความเชื่อ วิธีการประพฤติปฏิบตั ิตน เริ่มตัง้ แต่
ประเพณีการเกิด ประเพณีการทาขวัญ ประเพณีการโกนจุ ก ประเพณีการบวช ประเพณีการ
แต่งงาน ประเพณีการตาย ภูมปิ ญั ญาชาวบ้านเหล่านี้สะท้อนให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างคน
กับคนอื่น ๆ ในสังคม คนกับธรรมชาติ และคนกับสิง่ เหนือธรรมชาติ ภูมปิ ญั ญาชาวบ้านจึงเป็ น
กระบวนการทางความคิดในการสร้างแบบแผนการดาเนินชีวติ เพื่อความเป็ นสิ รมิ งคลแก่ชวี ติ
และเป็นสิง่ ยึดเหนี่ยวจิตใจของคนให้มนคง
ั ่ เข้มแข็ง เกิดความสบายใจและเพื่อประโยชน์ในการ
ดาเนินชีวติ ของมนุษย์ให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมันคง่ ปลอดภัย และสงบสุข
๒๑
ภูมิหลังเกี่ยวกับขุนแผนจากวรรณคดีและเอกสารทางประวัติศาสตร์
วิท ยานิ พ นธ์ ฉ บับ นี้ เ ป็ น การศึก ษาเรื่อ งราวชีว ิต ของขุ น แผนในเชิง คติช นวิท ยา
เรื่องราวชีวติ ของขุนแผนปรากฏในเรื่องขุนช้างขุนแผนซึ่งเชื่อกันว่าเป็ นเรื่องจริงที่ชาวบ้าน
เล่าสู่กนั ฟงั และมีการแต่งเติมจนกลายเป็ นนิทาน แต่งเป็ นบทเสภา กระทังมี ่ การบันทึกเป็ น
ลายลักษณ์ในเวลาต่อมา
ในบทนี้ ผูว้ จิ ยั จะแสดงให้เห็นภูมหิ ลังเกี่ยวกับขุนแผนจากข้อมูลเอกสาร ๒ ประเภท
คือ วรรณคดีไทย และเอกสารทางประวัตศิ าสตร์ เป็นเบือ้ งต้น โดยจําแนกเป็น ๒ ประเด็นหลัก
คือ ภูมหิ ลังเกี่ยวกับขุนแผนจากเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน และภูมหิ ลังเกี่ยวกับขุนแผน
จากคาให้ การชาวกรุงเก่า ก่อนจะได้กล่าวถึงเรื่องราวชีวติ ของขุน แผนจากข้อมูลคติช น
ประเภทต่าง ๆ ในบทต่อ ๆ ไป
มีก ารแต่ งเพิ่มเติมขึ้น ใหม่ อีก หลายตอน เนื่อ งจากในสมัย ดังกล่ าวมีค รู เ สภาจํา นวนมาก
ประกอบกับมีความนิยมในการเล่นเสภากันอย่างแพร่หลาย และในสมัยรัชกาลที่ ๓ เมื่อมีบท
เสภาสํานวนหลวงบริบูรณ์แล้ว คงจะเริม่ มีผรู้ วบรวมบทเสภาเรียบเรียงต่อกันเป็ นเรื่องจนถึง
สมัยรัชกาลที่ ๔ และสมัยนี้เองก็มคี รูเสภาแต่งเสภาขึน้ อีกหลายตอน กระทังสมั ่ ยรัชกาลที่ ๕
หมอสมิธได้พมิ พ์บทเสภาขึน้ เป็ น ครัง้ แรก ส่งผลให้พวกเสภานิยมขับสํานวนหลวง การขับ
สํานวนนอกจึงน้ อยลง (สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุ ภาพ, ๒๕๑๓:
(๑๒) – (๕๒))
สมเด็จ พระเจ้ า บรมวงศ์ เ ธอ กรมพระยาดํ า รงราชานุ ภ าพ เคยมี ล ายพระหัต ถ์
ทูลสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ ากรมพระยานริศรานุ วดั ติวงศ์ เมื่อวันที่ ๑๓ สิงหาคม
พุทธศักราช ๒๔๘๓ เกีย่ วกับสมัยทีแ่ ต่งเรื่องขุนแผน พิมพ์เผยแพร่ในสาส์นสมเด็จ เล่ม ๑๙
(สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวดั ติวงศ์, ๒๕๐๔: ๒๑) ว่า
เรื่อ งขุ น แผนนัน้ แต่ ง ในสมัย เมื่อ ไทยเรายัง เชื่อ ถือ วิช า
กฤตยาคมกัน มัน่ คง ตัว ขุ น แผนตามที่พ รรณนาในเรื่อ งประวัติ
ดูเหมือนจะยกย่องคุณวิเศษเหล่านี้ คือเป็ นผู้เชีย่ วชาญกฤตยาคม
อย่าง ๑ เป็นคนซื่อตรงอย่าง ๑ และเป็นเจ้าชูด้ ว้ ยอย่าง ๑ ในหนังสือ
แต่งครัง้ กรุงศรีอยุธยา เช่นใน “คาให้ การชาวกรุงเก่า” ดูยกย่อง
คุ ณ วิเ ศษ ๒ อย่ า งข้า งต้น เป็ น สํ า คัญ คุ ณ วิเ ศษในการเป็ น เจ้า ชู้
ดูมาเฟื่ องฟู ด้วยบทเสภาที่แต่งในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เช่นตอน
พลายแก้วกับนางพิม และตอนขุนแผนขึ้นเรือนขุนช้าง เพราะแต่ง
จับใจดีเหลือเกิน ใครอ่านก็เอาใจเข้าด้วยขุนแผนทัง้ นัน้
อีกข้อหนึ่งซึ่งทรงเห็นว่า คนชอบเรื่องขุนช้างขุนแผนเพราะ
เป็ น เรื่อ งจริง นั น้ ก็ถู ก ส่ ว นหนึ่ ง แต่ เ ห็น ว่า จะเป็ น ด้ว ยเป็ น เรื่อ งที่
ไม่ เ ป็ น ไปตามใจหวัง ทํ า ให้ใ จผู้ฟ งั นัน้ วับ หวามด้ว ยอีก ส่ ว นหนึ่ ง
เพราะเรื่องของไทยเรา ใครในท้องเรื่องซึ่งน่ารักก็มแี ต่ความดี ถึงจะมี
อันตรายบ้างก็เพียงยักษ์มาลักเอาเมียไป นึกให้ทําอะไรไม่ได้กไ็ ม่ได้
๒๕
ตอนที่ ๑ กําเนิดขุนช้างขุนแผน
ตอนที่ ๒ เรื่องพ่อขุนช้างขุนแผน
ตอนที่ ๓ พลายแก้วบวชเณร
ตอนที่ ๔ พลายแก้วเป็นชูก้ บั นางพิม
ตอนที่ ๕ ขุนช้างขอนางพิม
ตอนที่ ๖ พลายแก้วเข้าห้องนางสายทอง
ตอนที่ ๗ พลายแก้วแต่งงานกับนางพิม
ตอนที่ ๘ พลายแก้วถูกเกณฑ์ทพั
ตอนที่ ๙ พลายแก้วยกทัพ
ตอนที่ ๑๐ พลายแก้วได้นางลาวทอง
ตอนที่ ๑๑ นางพิมเปลีย่ นชือ่ วันทอง
ตอนที่ ๑๒ นางศรีประจันยกนางวันทองให้ขนุ ช้าง
ตอนที่ ๑๓ พลายแก้วได้เป็นขุนแผน ขุนช้างได้นางวันทอง
ตอนที่ ๑๔ ขุนแผนบอกกล่าว
ตอนที่ ๑๕ ขุนแผนต้องพรากนางลาวทอง
ตอนที่ ๑๖ กําเนิดกุมารทองบุตรนางบัวคลี่
ตอนที่ ๑๗ ขุนแผนขึน้ เรือนขุนช้างได้นางแก้วกิรยิ า
ตอนที่ ๑๘ ขุนแผนพานางวันทองหนี
ตอนที่ ๑๙ ขุนช้างตามนางวันทอง
ตอนที่ ๒๐ ขุนช้างฟ้องว่าขุนแผนเป็นกบฏ
ตอนที่ ๒๑ ขุนแผนลุแก่โทษ
ตอนที่ ๒๒ ขุนแผนชนะความขุนช้าง
ตอนที่ ๒๓ ขุนแผนติดคุก
ตอนที่ ๒๔ กําเนิดพลายงาม
ตอนที่ ๒๕ เจ้าล้านช้างถวายนางสร้อยทองแก่พระพันวษา
๒๗
สุจิตต์ วงษ์เทศ (๒๕๔๕: ๑๕๓) กล่าวถึง ชื่อเถนขวาด ไว้ในขุนช้ างขุนแผนแสนสนุก ว่า
ชื่อที่ถูกต้องควรเป็ น เถนขวาด ไม่ใช่ เถรขวาด เพราะ “เถร” หรือ “เถระ” หมายถึง พระผู้ใหญ่ แต่ “เถน”
หมายถึง นักบวชอลัชชี
๒๘
อย่ า งไรก็ต าม เสภาเรื่อ งขุนช้ า ง – ขุน แผน ฉบับ หอพระสมุด วชิรญาณ ถือ เป็ น
สํานวนที่แ พร่หลายและคนส่วนใหญ่ รู้จกั มากที่สุ ด ศัก ดิศ์ รี แย้ม นัดดา (๒๕๔๒: ๖๖๕)
ได้ก ล่ า วถึง เนื้ อ เรื่อ งและโครงเรื่อ งของเสภาเรื่ อ งขุน ช้ า ง – ขุน แผน ไว้ใ นสารานุ ก รม
วัฒนธรรมไทย ภาคกลาง เล่ ม ๒ ว่า หากนับเนื้อเรื่องที่เ ป็ นมาตรฐานจํานวน ๔๓ ตอน
ดังกล่าวแล้ว พอจะสรุปได้วา่ ช่วงชีวติ ของขุนแผนแบ่งออกเป็ น ๓ ตอน คือตอนแรก ช่วงชีวติ
ตอนเป็ นพลายแก้ว อยู่ในวัยเด็ก และเริ่มรักกับนางพิมพิลาไลย หรือต่ อมาเปลี่ยนชื่อเป็ น
นางวันทอง ตอนที่ ๒ ช่วงชีวติ ตอนเป็ นขุนแผน เป็ นตอนที่ต้องผจญภัยโลดโผนมากที่สุด
และตอนที่ ๓ ช่ว งชีว ิต ตอนเป็ น พระสุ รินทรฦๅไชย เจ้า เมืองกาญจนบุ รี และพลายงาม
บุตรชายได้เข้ารับราชการเป็นทหารแล้ว เป็นตอนทีข่ นุ แผนเข้าสู่วยั ชรา
ในขณะที่ สุจติ ต์ วงษ์เทศ (๒๕๔๕: ๒) กล่าวถึงเนื้อเรื่องและโครงเรื่องของเสภาเรื่อง
ขุนช้าง – ขุนแผนไว้ในขุนช้างขุนแผนแสนสนุก ว่า เสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน เป็ นเรื่อง
รักสามเส้า ควรจําแนกโครงเรื่องเป็น ๒ ระยะ คือ ระยะแรก เป็นนิทานศักดิ ์สิทธิ ์ของราชสํานัก
ปรากฏเรื่องอยู่ในคาให้การชาวกรุงเก่า เนื้อหามีขนาดสัน้ กล่าวยกย่องขุนแผนเพียงผูเ้ ดียว
เท่ า นัน้ ไม่ ไ ด้ก ล่ าวถึงผู้อ่ืน และเป็ น เรื่องที่มีม าตัง้ แต่ ค รัง้ กรุ ง ศรีอ ยุ ธยา และระยะหลัง
เป็นนิทานสนุกสุขสันต์ของชาวบ้าน กล่าวคือ มีการนํ านิทานศักดิ ์สิทธิ ์มาแต่งเป็ นกลอนเสภา
ไว้สําหรับขับเสภา ซึ่งมีการแต่งเรื่องราวและเพิม่ ตัวละครอื่นเข้ามา โดยแบ่งเรื่องราวระยะหลัง
ได้เป็ น ๒ คราว กล่าวคือ คราวแรก เริม่ ตัง้ แต่กําเนิดขุนช้างขุนแผนจนถึงฆ่านางวันทอง
ซึ่งน่ าจะเป็ นเรื่องราวที่มีมาตัง้ แต่กรุงศรีอ ยุธยาแล้ว และคราวหลัง เริม่ ตัง้ แต่นางสร้อ ยฟ้ า
ทําเสน่ ห์จนถึงจับจระเข้เถนขวาด ซึ่งเป็ นเรื่องที่แต่งเพิม่ ภายหลังในยุคกรุงเทพ แต่ยงั แต่ง
ไม่จบเรื่อง เพราะมีผแู้ ต่งต่อให้ยดื ยาวอีก ดังปรากฏในหนังสือ เสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน
ภาคปลาย ทีก่ รมศิลปากรชําระใหม่
สุกญั ญา ภัทราชัย (๒๕๓๔: ๒๙) กล่าวว่า เรื่องขุนช้าง – ขุนแผน เป็ นนิทานพื้นบ้าน
อมตะของคนไทย โดยเฉพาะชาวสุพรรณบุรซี าบซึ้งนิทานเรื่องนี้มากเป็ นพิ เศษ เนื่องจากฉาก
สถานที่ต่ า ง ๆ ในเรื่อ งมีป รากฏให้เ ห็น ของจริง ได้ ใ นเมือ งสุ พ รรณ เช่ น วัด ป่า เลไลยก์
วัดส้มใหญ่ บ้านรัว้ ใหญ่ของขุนช้าง บ้านท่าพีเ่ ลีย้ งของนางพิม ตําบลท่าสิบเบีย้ ตําบลบ้านพลับ
จนถึงอําเภอศรีประจันต์ ซึ่งชวนให้นึกถึงชือ่ ของแม่ยายขุนแผน นิทานเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน
เชือ่ กันว่าเป็นเรื่องจริงทีเ่ กิดขึน้ ในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีท่ี ๒ แห่งกรุงศรีอยุธยา เล่าสู่กนั ฟงั
แต่งเติมต่อมาจนกลายเป็นนิทานเล่าขานและนํามาแต่งเป็นกลอนเสภาในสมัยหลัง
๒๙
ปีขาลวันอังคารเดือนห้า ตกฟากเวลาสามชันฉาย ้
กรุงจีนเอาแก้วอันแพรวพราย มาถวายพระเจ้ากรุงอยุธยา
ให้ใส่ปลายยอดเจดียใ์ หญ่ สร้างไว้แต่เมื่อครัง้ เมืองหงสา
เรียกวัดเจ้าพระยาไทยแต่ไรมา ให้ชอ่ื ว่าพลายแก้วผูแ้ ววไว
(เสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน, ๒๕๔๕: ๘)
จะเห็น ได้ ว่า ความน่ า สนใจของเรื่อ งขุ น ช้า งขุ น แผนไม่ ไ ด้อ ยู่ ท่ีเ รื่อ งราวมีค วาม
สนุ กสนานและมีกระบวนกลอนดีแต่เพียงเท่านัน้ หากแต่ขุนแผนยังเป็ นตัวละครที่มีผเู้ ชื่อว่า
เคยมีตวั ตนจริงอีก ด้วย ผู้วจิ ยั เห็น ว่า การศึกษาคติช นเกี่ยวกับขุน แผนในงานวิจยั เ รื่องนี้
จําเป็นต้องทราบภูมหิ ลังเกีย่ วกับขุนแผนเพื่อใช้ประกอบการศึกษาวิเคราะห์ขอ้ มูลคติชนต่าง ๆ
ต่อไป จึงได้ศกึ ษาภูมหิ ลังเกีย่ วกับขุนแผนจากเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน โดยจําแนกเป็ น
ประเด็นต่าง ๆ คือ สังเขปชีวประวัตขิ นุ แผน คําเรียกชือ่ ขุนแผน และเรื่องราวชีวติ ของขุนแผน
ดังจะกล่าวถึงโดยลําดับ ดังนี้
เหตุการณ์สาํ คัญอีกตอนหนึ่งในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน คือตอนขุนแผนได้รบั พระราชทาน
บรรดาศักดิเป็ ์ นพระสุ รินทรฦๅไชยมไหสูร ย์ภ ักดี ตําแหน่ ง ผู้ร งั ้ เมือ งกาญจนบุ ร ี หม่อ มราชวงศ์คึกฤทธิ ์
ปราโมช (๒๕๕๓: ๓๐๒ – ๓๐๓) กล่าวไว้ในขุนช้างขุนแผนแสนสนุก ว่า “คําว่า ผูร้ งั ้ ในทีน่ ้ี หมายความว่ า
ผู้ว่ า ราชการจัง หวัด นัน่ เอง ตํา แหน่ ง รัง้ นี้เ กิด ขึ้น ในแผ่น ดิน สมเด็จพระนเรศวรเป็ นเจ้า แต่ ก่ อ นนัน้ มา
บ้านเมืองในเมืองไทยต่ าง ๆ นัน้ ปกครองด้ว ยคนที่เรีย กว่า พระยากินเมือ ง เจ้าเมืองเมืองใดก็เ รีย กชื่อ
ตามเมืองนัน้ พระยากินเมืองเหล่านี้เป็นขุนนางแบบโบราณ เมื่อตัวตายแล้ว บุตรชายหรือญาติท่ใี กล้ชดิ ที่สุด
ก็ข้นึ รับ ตําแหน่ ง แทน ดูอ อกจะห่างไกลจากการปกครองส่ ว นกลางอยู่มาก สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ไม่ โ ปรดระบบเช่ น นี้ จึง ได้ ท รงพยายามเลิก ตํ า แหน่ ง พระยากิ น เมือ ง เหล่ า นี้ ใ ห้ ม ากที่ สุ ด เท่ า ที่จ ะ
มากได้ พระยากินเมืองบางคนครองเมืองใหญ่ มีอํา นาจมาก ถ้าสังยุ ่ บเลิกไปก็จะกลายเป็ นศัตรู ก็ทรงให้อยู่
ตําแหน่งนัน้ ไปก่อน แต่ตงั ้ ข้าราชการจากส่วนกลางไปกํากับราชการและเรียกว่าผู้รงั ้ จนในที่สุดคําว่าผู้รงั ้ นัน้
ก็หมายถึง ผูว้ ่าราชการนัน้ เอง ความจริงเมืองกาญจนบุร ี ไม่มตี วั พระยากินเมืองอยู่ แต่กต็ งั ้ ขุนแผนเป็ นผู้ รงั ้
อยู่ดี เพราะคําว่าผูร้ งั ้ เป็นศัพท์ทใ่ี ช้กนั ทัวไปแล้
่ ว”
๓๑
๒.๑.๒ คาเรียกชื่อขุนแผน
เสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน เป็ นเรื่องขนาดยาว ทัง้ ยังกล่าวถึงเรื่องราว
ชีวติ ของขุนแผนหลายช่วง ด้วยเหตุน้ี ในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน จึงปรากฏคําเรียกชื่อ
ขุนแผนหลายชื่อ คําเรียกชื่อต่าง ๆ จะเปลี่ย นแปลงไปตามสถานภาพของขุนแผนแต่ล ะ
ช่วงชีวติ
ตอนที่ถือกําเนิดมานัน้ บิดามารดาของขุนแผนตัง้ ชื่อให้ว่า พลายแก้ว
เนื่องจากช่วงทีเ่ กิดตรงกับช่วงเวลาทีพ่ ระเจ้ากรุงจีนนําดวงแก้วมาถวายสมเด็จพระพันวษาแห่ง
กรุงศรีอยุธยาเพื่อให้ประดับไว้ทย่ี อดเจดียใ์ หญ่ หรือปจั จุบนั คือ วัดใหญ่ชยั มงคล ดังทีผ่ วู้ จิ ยั ได้
กล่าวถึงแล้วข้างต้น
๒.๑.๓ เรื่องราวชีวิตของขุนแผน
ในงานวิจยั นี้ ผู้วจิ ยั ขอกล่าวถึงเรื่อ งราวชีวติ ของขุนแผนจากเสภาเรื่อ ง
ขุนช้าง – ขุนแผน โดยจําแนกออกเป็น ๓ ตอน คือ
๑) ช่วงชีวติ ตอนเป็นเด็ก
๒) ช่วงชีวติ ตอนบวชเรียน
๓) ช่วงชีวติ ตอนรับราชการ
๑) ช่วงชีวติ ตอนเป็นเด็ก
ตอนเป็ นเด็ก พลายแก้วมีเพื่อนสนิทที่เ ล่นด้วยกันอยู่ ๒ คน คือ
ขุนช้างบุตรชายหัวล้านของขุนศรีวชิ ยั นายกรมช้างนอกผูเ้ ป็ นเศรษฐี แห่งเมืองสุพรรณบุรีก บั
นางเทพทอง และนางพิมพิลาไลยบุตรสาวรูปงามของพันศรโยธา คหบดีชาวสุพรรณบุรีกบั
นางศรีป ระจัน พลายแก้ว กับ ขุน ช้า งได้ร่ ว มกันดื่มเหล้าสาบานเป็ น เพื่อนที่ซ่ือสัตย์ต่อ กัน
จนวันตาย ดังปรากฏความในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ว่า
ทัง้ พลายแก้วและขุนช้างต่างก็เป็นเพื่อนเล่นของนางพิมพิลาไลย
อยู่มาวันหนึ่ง พลายแก้วอยากเล่นเป็นผัวเมียแทนการเล่นทําบุญให้ทาน พลายแก้วชักชวนให้
นางพิมพิลาไลยเล่นเป็ นเมียขุนช้าง ส่วนตนเองเป็ นคนไปลักนางพิมพิลาไลยมาจากขุนช้าง
๓๕
นางทองประศรีได้พาพลายแก้วหนีราชภัยไปอยู่เมืองกาญจนบุรี
ซึ่งเป็ นบ้านของญาติพ่นี ้องขุนไกร เพื่อไม่ให้ตนเองต้องถูกริบเป็ นหม้ ายหลวง พลายแก้ว
ออกจากเมืองสุพรรณบุรแี ละได้มาอยู่ทเ่ี มืองกาญจนบุรตี งั ้ แต่เวลานัน้ ดังปรากฏความว่า
แม่ลูกไปถึงบ้านกาญจน์บุรี ทองประศรีบอกลูกว่าพ่อเอ๋ย
ในเมืองนี้มคี นทีค่ นุ้ เคย แล้วเดินเลยไต่ถามเนื้อความไป
ด้วยผัวเคยบอกเล่าแต่เก่าก่อน ว่าญาติมที ด่ี อนเขาชนไก่
ครัน้ ไปพบพวกพ้องของขุนไกร เขาก็ทําเรือนให้มไิ ด้ชา้
(เสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน, ๒๕๔๕: ๓๕)
๒) ช่วงชีวติ ตอนบวชเรียน
พลายแก้วอยู่ทเ่ี มืองกาญจนบุรีกับนางทองประศรี ผูเ้ ป็ นมารดา
จนอายุ ไ ด้ ๑๕ ปี ก็เ กิด ความคิด อยากจะรับ ราชการเป็ น ทหารเหมือ นขุน ไกรผู้เ ป็ น บิด า
จึงอ้อนวอนให้นางทองประศรีพาไปฝากตัวกับพระอาจารย์ ตัง้ ใจจะบวชเณรเพื่อศึกษาวิชาการ
อันจะเป็นประโยชน์ต่อการรับราชการทหาร ดังความในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ว่า
จะกล่าวถึงพลายแก้วแววไว เมื่อบิดาบรรลัยแม่พาหนี
ไปอาศัยอยู่ในกาญจน์บุรี กับนางทองประศรีมารดา
อยู่มาจนเจ้าเจริญวัย อายุนนั ้ ได้ถงึ สิบห้า
ไม่วายคิดถึงพ่อทีม่ รณา แต่นึกถึงตรึกตรามากกว่าปี
อยากจะเป็นทหารชาญชัย ให้เหมือนพ่อขุนไกรทีเ่ ป็นผี
จึงอ้อนวอนมารดาได้ปรานี ลูกนี้จะใคร่รวู้ ชิ าการ
พระสงฆ์องค์ใดวิชาดี แม่จงพาลูกนี้ไปฝากท่าน
ให้เป็นอุปชั ฌาย์อาจารย์ อธิษฐานบวชลูกเป็นเณรไว้
(เสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน, ๒๕๔๕: ๔๕)
เสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน มักกล่าวว่า พลายแก้วอยู่ท่ี “เมืองกาญจน์บุร”ี “เมืองกาญจน์บุร”ี
ในเรื่อ งซึ่ง ตรงกับ สมัย กรุ ง ศรีอ ยุ ธ ยา คือ เมือ งกาญจนบุ ร ีเ ก่ า หรือ พื้น ที่บ้ า นท่ า เสา ตํ า บลลาดหญ้ า
อําเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรใี นปจั จุบนั
๓๗
ประจัก ษ์ ประภาพิท ยากร (๒๕๒๕: ๑๕๑ – ๑๕๕) กล่ าวถึง คาถาอาคมเวทมนตร์ ไว้ใ น
ประเพณี และไสยเวทวิ ทยาในขุนช้างขุนแผน ว่า คาถา คือคําประพันธ์ภาษาบาลี นําเอามาใช้เพื่อแสวง
สิร ิมงคลหรือป้ องกันภยันตรายให้แก่ต น อาคม คือมนตร์ซ่งึ มีอยู่ในคัมภีร์พ ระเวทของศาสนาพราหมณ์
ได้แก่ คัมภีรท์ เ่ี ป็นสูตรคาถาต่าง ๆ เวท คือความรูโ้ ดยเฉพาะความรูใ้ นคัมภีร์พระเวท ได้แก่ คัมภีร์พระเวท
๕ เล่ม และมนตร์ คือข้อความอันศักดิสิ์ ทธิ ์ใช้สวดขับหรือบริกรรมเพื่อกําจัดอุบาทว์จญั ไรให้สน้ิ ไป
๓๘
เณรแก้วเรียนรู้ตํารับดังกล่าวแล้วก็อยากเรียนวิชาให้มากยิง่ ขึ้น
จึงได้ลาสมภารบุญไปแสวงหาวิชาเรียนต่อทีเ่ มืองสุพรรณบุรี สมภารบุญแนะนํ าให้เณรแก้วไป
เรียนวิชาทีว่ ดั ปา่ เลไลยก์ เพราะท่านสมภารวัดปา่ เลไลยก์กบั นางทองประศรีนนั ้ รูจ้ กั คุน้ เคยกัน
เณรแก้วไปบอกความมุ่งหมายที่จะบวชเรียนแก่นางทองประศรี
ดังปรากฏความในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ว่า
การคงทนอาวุธตามคัมภีรพ์ ระเวท แบ่งออกเป็น ๕ ประการ คือ ๑) วิชาคงกระพัน ๒) วิชาชาตรี
๓) วิชาแคล้วคลาด ๔) วิชามหาอุด ๕) วิชาแต่งตน วิชาคงกระพัน หรือวิชาอยู่คง เป็ นวิชาที่เมื่อกระทําขึ้น
แล้ว สามารถจะอยู่คงทนอาวุธทัง้ ปวง จะฆ่าให้ตายต้องใช้หอกแทงสวนทวารจึงจะตาย (๒๕๒๕: ๑๖๑)
๓๙
ตําราสูรย์จนั ทร์ เป็นความรูส้ าํ หรับตรวจลางนิมติ ดีรา้ ยในยามยกทัพหรือออกเดินทาง
วิชาคงกระพัน เป็ นวิชาที่เมื่อกระทําขึ้นแล้ว จะสามารถอยู่คงทนอาวุธทัง้ ปวง จะฆ่าให้ตาย
ต้องใช้หอกแทงสวนทวารจึงจะตาย
วิชาผูกพยนต์ เป็นวิชาชัน้ สูงทีก่ ระทําได้ยาก พยนต์คอื รูปหุ่นผูกขึน้ ด้วยอาคมเพื่อใช้ในกิจการ
แทนคนเป็น ๆ อาจเรียกว่า พยนต์ ภาพยนต์ ผ้าพยนต์ และหุ่นยนต์
๔๐
สุกญ
ั ญา สุจฉายา (๒๕๕๓: ๓ – ๑๑) กล่าวไว้ในบทความเรื่อง “เสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน
บันทึกศาสตร์ของชายไทยโบราณ” พิมพ์เผยแพร่ในเอกสารประกอบการสัมมนาวิชาการเรื่อง เครื่องราง
ของขลัง วัฒนธรรมชาวพุทธในสุวรรณภูมิ วันที่ ๑๙ – ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๓ ว่า โบราณเรียกคัมภีรป์ ถั มัง
คัมภีร์อิทธิเ จ ตลอดจนการลงเลขยันต์และวิชาล่อ งหน วิชาอยู่คง วิชาสะกด วิชาดูเมฆ วิชาดูลมหายใจ
เข้าออก (สุรยิ กลา จันทรกลา) วิชาปลุกผีพราย ผูกหุ่นพยนต์ ว่า “พุทธเพท” ทัง้ นี้ ศาสตร์ต่าง ๆ ทัง้ ที่เป็ น
พุทธ คือ ระบบเลขยันต์ และเพท คือ พระเวท (คาถาอาคมต่ าง ๆ ซึ่ง อาจได้รบั มาจากคัมภีร์พ ราหมณ์
จากแขกอินเดีย แขกจาม แขกมลายู หรือ ชาวขอม) ได้ผสมผสานกัน ในวัฒ นธรรมของชาวพุท ธสยาม
สืบเนื่องตลอดมา การแสวงหาวิชาดังกล่าวเป็ นพันธกิจหรือหน้าที่สําคัญของลูกผู้ชายในอดีตที่จะต้องนําพา
ครอบครัวและเผ่าพันธุใ์ ห้อยู่รอดปลอดภัย
คาถามหาละลวย เป็นมนตร์ทท่ี าํ ให้เกิดความเมตตาและความรัก
คาถาจัง งัง เป็ นคาถาบทเดีย วแต่ มีผล ๒ ประการ คือ ถ้ าภาวนาไปประจัญหน้ ากันเข้า
เห็นหน้าเราก็พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยนื ตกตะลึงอยู่ และถ้าต้องการจะเข้าไปในที่ใดโดยมิได้ให้เห็นตัวเป็ น
ประดุจคนหายตัวเข้าไปก็ให้ภาวนาไป ถึงคนเห็นเราเข้าแม้จะรู้จกั กันมาก่อน ก็มอิ าจจําหน้าเราได้ เรียกว่า
กําบังตัวเข้าไป (ประจักษ์ ประภาพิทยากร, ๒๕๒๕: ๑๖๐)
๔๒
๓) ช่วงชีวติ ตอนรับราชการ
หลังจากบวชเรียนกับสมภารคง วัดแค จนรูว้ ชิ าการครบถ้วนตาม
ตํ า ราแล้ ว พลายแก้ ว ได้ ใ ห้ น างทองประศรีไ ปสู่ ข อนางพิ ม พิล าไลยจากนางศรีป ระจัน
และได้แต่งงานกับนางพิมพิลาไลยในที่สุด กระทังวั ่ นหนึ่ง เมืองเชียงทองได้นําบรรณาการ
มาขึน้ ต่อกรุงศรีอยุธยา การกระทําดังกล่าวส่งผลให้พระเจ้าเชียงอินทร์ กษัตริย์ผคู้ รองนคร
เชียงใหม่ไม่พอใจอย่างยิง่ พระเจ้าเชียงอินทร์จงึ จัดทัพเข้าตีเมืองเชียงทอง เจ้าเมืองเชียงทอง
ไม่ ไ ด้สู้ร บ นอกจากนี้ ย ัง ยิน ยอมกลับ ไปสวามิภ ัก ดิก์ ับ นครเชีย งใหม่ อีก ครัง้ เมื่อ สมเด็จ
พระพันวษาทรงทราบเรื่องก็กริ้วเมืองเชียงทองเป็ นอย่างยิ่ง และมีพระบรมราชโองการให้
จัดทัพไปตีเมืองเชียงทองและให้หาแม่ทพั ไปในการศึกครัง้ นี้
เหตุการณ์ดงั กล่าวเป็ นโอกาสให้ขุนช้างกราบบังคมทูลเสนอชื่อ
พลายแก้ว เพราะพลายแก้วเป็ นผู้มฝี ี มอื ดี เหมาะสมที่จะไปศึกเชียงทองนี้ เพื่อให้พลายแก้ว
ต้องห่างจากนางพิมพิลาไลย ดังปรากฏในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ว่า
๔๓
คํากราบบังคมทูลของขุนช้างทําให้พลายแก้วต้องถูกเกณฑ์ทพั
ไปศึกเชียงทองทัง้ ทีเ่ พิง่ จะแต่งงานกับนางพิมพิลาไลยได้เพียง ๒ วันเท่านัน้ ดังปรากฏความ
ในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ว่า
พลายแก้วรับสังบั
่ งคมทูล ขอเดชะนเรนทร์สูรโปรดเกศา
ชีวติ อยู่ใต้พระบาทา ขออาสาพระองค์ผทู้ รงชัย
ตีทพั เชียงอินทร์และเชียงทอง ให้สมพระทัยปองให้จงได้
ถ้าข้าพระพุทธเจ้ามิบรรลัย ก็มไิ ด้ย่อท้อต่อณรงค์
(เสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน, ๒๕๔๕: ๑๘๐)
นางพิมพิลาไลยป่วยระหว่างพลายแก้วไปทัพ จนต้องเปลี่ยนชื่อ
เป็นนางวันทอง อีกทัง้ ขุนช้างยังได้ทําอุบายหลอกนางศรีประจันและนางวันทองว่า พลายแก้ว
พ่ายแพ้และเสียชีวติ ในสงครามแล้ว นางศรีประจันหลงเชือ่ และบังคับให้นางวันทองแต่งงานกับ
ขุนช้างเพื่อไม่ให้นางวันทองต้องเป็ นหม้ายหลวง นางวันทองจําต้องแต่งงานแต่กไ็ ม่ยนิ ยอม
ร่วมหอกับขุนช้าง
เมื่อพลายแก้วชนะศึกเมืองเชียงใหม่กลับมา สมเด็จพระพันวษา
ได้พระราชทานบรรดาศักดิ ์ให้เป็นขุนแผน ดังปรากฏความในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ว่า
เหวยราชามาตย์ไปบัดนี้ พาอีลาวทองมาจากผัว
อ้ายขุนแผนกูไม่ขอเห็นตัว มันทําชัวให้
่ อยู่กาญจน์บุรี
ให้คุมไพร่ไปเทีย่ วตระเวนด่าน ต่อราชการเกิดศึกในกรุงศรี
จึงจะเกณฑ์มนั ให้ไปต่อตี แต่ในราตรีจงรีบไป
(เสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน, ๒๕๔๕: ๓๒๖)
๔๖
ขุนแผนต้องออกตระเวนด่านนับแต่นนั ้ กระทังวั
่ นหนึ่งได้เข้าไป
ทีซ่ ่องของหมื่นหาญ และฝากตัวเป็นสมุนรับใช้ ดังปรากฏความว่า
เรื่อ งซ่ อ งของหมื่น หาญนี้ เอกสารในสมัย หลัง มัก เขีย นด้ ว ยเข้ า ใจผิด ว่ า เป็ น ซ่ อ งโจร
ทัง้ ที่ใ นเสภาเรื่อ งขุนช้ าง – ขุน แผน ปรากฏความว่ า “หมายจะมาอยู่ใ นซ่ อ งของเจ้า คุณ ” หมื่นหาญ
จึงไม่ใช่โจร หม่อมราชวงศ์คกึ ฤทธิ ์ ปราโมช (๒๕๕๓: ๑๓๘) ได้แสดงทัศนะเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ว่า “ลักษณะ
นายเดชกระดูกดํา ผูซ้ ง่ึ มีตําแหน่งเป็นหมื่นหาญซึง่ คงจะเป็นหมื่นประทวน เจ้าเมืองตัง้ ได้ แล้วก็จะต้องเข้าใจ
ว่าหมื่นหาญคนนี้มิใช่โจร และขบวนการของหมื่นหาญทัง้ หมดก็มิใช่ ซ่อ งโจร หากแต่ หมื่น หาญเป็ นผู้มี
อิท ธิพ ลมากในท้ อ งถิ่ น นั ้น จนถึ ง ทางราชการต้ อ งยอมรับ และตัง้ ให้เ ป็ น หมื่น หาญมีลู ก น้ อ ง ๒๐ คน
ซึง่ ล้วนแล้วแต่เป็นคนเก่งอยู่ยงคงกระพันทัง้ นัน้ หมื่นหาญเองก็ยอดคนเหมือนกัน เพราะ “ปลุกเสกเครื่องฝงั
ไว้ทงั ้ ตัว เป็นปมปุ่มไปทั ่วทัง้ กายตน”
๔๗
เมื่อสมเด็จพระพันวษาทรงชําระความเรียบร้อยแล้ว ขุนแผนเป็ น
ฝ่า ยชนะความ ส่ ว นขุ น ช้า งต้ อ งถู ก ปรับ ไหม ครัง้ นั น้ ขุน แผนยัง ได้ ก ราบบัง คมทู ล ขอ
พระราชทานอภัยโทษให้แก่นางลาวทองด้วยเป็นเหตุให้สมเด็จพระพันวษากริ้วขุนแผนอีกครัง้
จึงมีพระบรมราชโองการให้นําขุนแผนไปจําคุก ขุนช้างได้ฉวยโอกาสตอนขุนแผนถูกจําคุก
ในครัง้ นี้ ฉุดนางวันทองกลับไปอยู่กบั ตนทีเ่ มืองสุพรรณบุรี
๔๘
ขอพระราชทานโทษโปรดบิดา ไปเป็นคู่ปรึกษากันกลางหน
ทัง้ จะได้ชว่ ยเหลือเผือ่ อับจน แก้กลศึกสูศ้ ตั รูนนั ้
แม้นว่าได้ร่วมคิดกับบิดา จะขอรับอาสาจนอาสัญ
ถ้าพ่ายแพ้แก่พวกเชียงใหม่มนั ขอถวายชีวนั ทัง้ โคตรปราณ
(เสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน, ๒๕๔๕: ๖๐๔)
๒.๒ ภูมิหลังเกี่ยวกับขุนแผนจากคาให้การชาวกรุงเก่า
นอกจากชื่อ ขุ น แผนจะปรากฏอยู่ ใ นวรรณคดีไ ทยแล้ว ยัง ปรากฏอยู่ ใ นหนัง สือ
คาให้ การชาวกรุงเก่ า ซึ่งเป็ นเอกสารทางประวัติศาสตร์ท่แี ปลมาจากภาษาพม่ าอีก ด้ว ย
แม้คาให้การชาวกรุงเก่าจะเป็น “เอกสารทางประวัตศิ าสตร์ชนรอง” ั้ หากแต่ได้บนั ทึกเรื่องราว
ชีว ิต ของขุ น แผนไว้ส่ ว นหนึ่ ง เอกสารดัง กล่ า วจึง มี ค วามสํ า คัญ กับ การศึก ษาวิจ ัย เรื่อ งนี้
เพราะเรื่องราวชีวติ ของขุนแผนดังกล่าวถือเป็นความทรงจําเรื่องขุนแผนอีกชุดหนึ่งที่เกี่ยวข้อง
และเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาวิจยั
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ (๒๕๑๕: (๑)) ทรงอธิบายไว้
ในอธิ บายเรื่องคาให้การชาวกรุงเก่า ว่า
...หนังสือเรื่องนี้ หอพระสมุดวชิรญาณได้ต้นฉบับมาจาก
เมื อ งพม่ า เมื่ อ พ.ศ.๒๔๕๔ เหตุ ท่ี จ ะได้ ห นั ง สื อ เรื่ อ งนี้ นั ้น
เดิมได้ทราบความว่ามีหนังสือพงศาวดารสยามเปนภาษาพม่าอยู่ใน
หอสมุ ด เมื อ งร่ า งกุ้ ง เรื่ อ ง ๑ เปนหนั ง สื อ เก่ า ยัง ไม่ เ คยพิ ม พ์
กรรมการจึงขอคัดสํา เนาหนังสือพงศาวดารฉบับนัน้ มาให้มองต่ อ
แปลออกเปนภาษาไทย สําเร็จใน พ.ศ.๒๔๕๕...
...เมื่อข้าพเจ้าได้อ่านคําแปลก็มคี วามประหลาดใจแต่แรก
ด้วยสัง เกตเห็น พงศาวดารที่ได้มาจากเมือ งพม่ าฉบับ นี้ รู ปเรื่อ ง
ละม้ายคล้ายคลึงกับหนังสือทีเ่ ราเรียกว่า ‚คําให้การขุนหลวงหาวัด ‛
มากทีเดียว จึงได้ให้ถามไปยังหอสมุดที่เมืองร่างกุ้งว่า พงศาวดาร
สยามฉบับนี้รฐั บาลอังกฤษได้มาจากไหน ได้รบั ตอบมาว่า หนังสือ
เรื่อ งนี้ ร ัฐ บาลอัง กฤษพบในหอหลวงในพระราชวัง ของพระเจ้ า
แผ่นดิน พม่า ที่เมืองมันดะเล ครัง้ ตีเมืองพม่าได้เ มื่อ พ.ศ.๒๔๒๙
แลอธิบายต่อมาว่า หนังสือเรื่องนี้พวกขุนนางพม่าชีแ้ จงว่า พระเจ้า
อังวะให้เรียบเรียงจากคําให้การของพวกไทยทีไ่ ด้ไปเมื่อครัง้ ตีกรุงศรี
อยุธ ยา เมื่อได้ความดัง นี้ก็ไ ม่มีท่สี งสัยต่ อไป เชื่อ ได้เ ปนแน่ ว่า
หนังสือเรื่องนี้เองเปนต้นเดิมของหนังสือซึ่งเรียกกันว่า ‚คําให้การ
ขุนหลวงหาวัด‛ ฉบับทีไ่ ด้มาใหม่น้ี คือ คัดจากฉบับหลวงของพม่า
(สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ, ๒๕๑๕: (๑) – (๒))
พระเจ้า กรุ ง ศรีส ัต นาคนหุ ต ล้ า นช้า งส่ ง พระราชธิด าพร้อ มเครื่อ งราชบรรณาการ
มาถวายสมเด็จพระพันวษา ความทราบถึงพระเจ้าโพธิสารแห่งเมืองเชียงใหม่ พระเจ้าโพธิสาร
ไม่ พ อใจเนื่ อ งจากเห็ น ว่ า ล้ า นช้ า งคิ ด ตี ต ัว ออกห่ า งจากเชีย งใหม่ จึ ง ส่ ง คนมาลอบชิง
๕๒
...สมเด็จพระพันวษาได้ทรงฟงั ขุนแผนกราบทูลรับอาสา
แข็ง แรงดัง นัน้ ก็ดีพ ระทัย นั ก จึง โปรดให้ต ัง้ ขุ น แผนเป็ น แม่ ท ัพ
ถืออาชญาสิทธิค์ ุมกองทัพ ทหารไทย ขึ้นไปถึงเมืองพิจิตรจึงแวะ
๕๔
เข้า หาพระพิจิต รเจ้า เมือ ง ขอให้ส่ ง ดาบเวทวิเ ศษกั บ ม้า วิเ ศษที่
ฝากไว้แต่ก่อนคืนมาให้ จะไปใช้ในการรบศึก ดาบวิเศษของขุนแผน
นัน้ ในภายหลังต่อ ๆ มามีผู้เรียกว่า ดาบฟ้ าฟื้ น มีฤทธิ ์เดชนัก
ม้าวิเศษนัน้ เรียกว่า ม้าสีหมอก ขับขีเ่ ข้าสู้สงครามหลบหลีกข้าศึก
ได้แคล่วคล่องว่องไวนัก ขุนแผนได้ดาบเวทวิเศษและม้าวิเศษแล้ ว
ก็ลาเจ้าเมืองพิจติ ร รีบยกขึน้ ไปถึงแดนนครเชียงใหม่ ฝ่ายเจ้านคร
เชียงใหม่รู้ว่ากองทัพกรุงศรีอยุธยายกขึ้นมา จึงแต่งกองทัพให้ยก
ออกมาสู้ร บต้า นทาน ขุน แผนแม่ท ัพ ก็ข บั พลทหารไทยเข้า ต่ อ ตี
พลลาวยวนเชียงใหม่โดยสามารถ กองทัพเชียงใหม่กแ็ ตกพ่ายแพ้
หนีกลับเข้าเมือง จะปิดประตูลงเขื่อนก็ไม่ทนั ขุนแผนก็ยกติดตาม
่ า เมือ งได้ ไล่ฆ่า ฟ นั พลลาวล้ม ตายลงเป็ นอันมาก
รบรุก บุก บันเข้
ฝ่า ยเจ้ า นครเชีย งใหม่ เ ห็น ข้า ศึก เข้า เมือ งได้ ก็ต กใจไม่ ม ีข วัญ
จึง ขึ้น ม้ า หนี อ อกนอกเมือ งไป ขุ น แผนจึง คุ ม ทหารเข้า ล้ อ มวัง
ให้จบั อัครสาธุเทวีมเหสีพระเจ้า เชียงใหม่ กับราชธิดาอันมีนามว่า
เจ้าแว่นฟ้าทอง กับนางสนมน้ อยใหญ่ ของพระเจ้านครเชียงใหม่ให้
รวบรวมไว้พร้อมด้วยกัน และให้เชิญนางสร้อยทองราชธิดาพระเจ้า
นครล้านช้าง ทีเ่ จ้านครเชียงใหม่ไปแย่งชิงมาไว้ ให้ออกมาจากหอคํา
จึงเชิญนางสร้อยทองพระราชธิดาพระเจ้าล้านช้าง กับมเหสีราชธิดา
พระเจ้านครเชียงใหม่ทจ่ี บั ไว้ได้ เลิกกองทัพกลับลงมาถวายพระเจ้า
กรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยา และกราบทู ล ข้ อ ราชการทั พ ที่ มี ช ั ย ชนะนั ้น
ให้ทรงทราบทุกประการ สมเด็จพระพันวษาก็มพี ระทัยยินดีนกั …
(คาให้การชาวกรุงเก่า, ๒๕๑๕: ๖๓ - ๖๕)
แต่ในคาให้การชาวกรุงเก่า กล่าวว่าเมื่อขุนแผนแก่ชราแล้วได้นําดาบเวทวิเศษมาทูลเกล้า ฯ
ถวายสมเด็จพระพันวษา ดังปรากฏความทีเ่ คยยกมาแล้วข้างต้น
๕๗
สมบัติ ก วี บทวิ จ ารณ์ ว รรณคดี ชุด ขุน ช้ า งขุน แผนจากวิ ท ยุ ท.ท.ท. (๒๕๐๓)
ของศุภร บุนนาค
เล่าเรื่องขุนช้างขุนแผน (๒๕๐๔) ของกาญจนาคพันธุ์ และนายตํารา ณ เมืองใต้
วรรณกรรมไทยเรื่อง นิ ราศขุนช้าง – ขุนแผน (๒๕๑๓) ของฉันท์ ขําวิไล
ขุนช้างขุนแผน ฉบับนวนิ ยาย (๒๕๑๕) ของ ป.อินทรปาลิต
นิ ทานจากเสภาเรื่องขุนช้าง ขุนแผน (๒๕๑๖) ของพระตีรณสารวิศวกรรม
ขุนช้างขุนแผนฉบับอ่านใหม่ (๒๕๓๒) ของคึกฤทธิ ์ ปราโมช
ขุนช้างขุนแผน ชุดวรรณคดีไทยร้อยแก้ว (๒๕๓๓) ถอดความโดยเปรมเสรี
ขุนช้างขุนแผน ฉบับนอกทาเนี ยบ (๒๕๓๕) ของอัศศิริ ธรรมโชติ โชติช่วง นาดอน
และครูเสภานิรนาม
ขุน ช้ า งขุน แผน ฉบับ ย้ อ นต านาน (๒๕๔๑) ของโชติช่วง นาดอน และครู เ สภา
นิรนาม
เล่าเรื่องขุนช้างขุนแผน ฉบับสมบูรณ์ (๒๕๔๔) ของรื่นฤทัย สัจจพันธุ์
ขุนช้างขุนแผนแสนสนุก (๒๕๔๕) ของสุจติ ต์ วงษ์เทศ
เล่าเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน (๒๕๔๖) ของวิเชียร เกษประทุม
คุยเฟื่ องเรื่องขุนช้างขุนแผน (๒๕๔๗) ของโกวิท ตัง้ ตรงจิต
ขุนช้างขุนแผน ฉบับมองคนละมุม (๒๕๔๘) ของหนอนสุรา
๕๘
นอกจากนี้ ยัง มีแ บบเรีย นภาษาไทยสํ า หรับ นัก เรีย นระดับ ชัน้ ประถมศึก ษาและ
ระดับชัน้ มัธยมศึกษา ที่ได้คดั บางตอนของเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน เป็ นส่วนหนึ่งของ
บทเรียนวรรณคดีไทยอีกด้วย เช่น หนังสือส่งเสริ มการอ่านเรื่องขุนช้างขุนแผน ประโยค
มัธ ยมศึ ก ษา (๒๕๑๗) หนั ง สื อ เรี ย นภาษาไทย ชุด พื้น ฐานภาษา ชัน้ ประถมศึ ก ษา
ปี ที่ ๕ เล่ ม ๒ (ตอนพลายงามทูล ขอโทษขุนแผน) หนั ง สื อภาษาไทย ท ๒๐๓ ท ๒๐๔
ชุด ทัก ษสัม พัน ธ์ เล่ ม ๒ ชัน้ มัธ ยมศึ ก ษาปี ที่ ๒ (ตอนพลายแก้ ว แต่ ง งานกับ นางพิม )
หนังสือภาษาไทย ท ๓๐๕ ท ๓๐๖ ชุดทักษสัมพันธ์ เล่ม ๓ ชัน้ มัธยมศึกษาปี ที่ ๓ (ตอน
พลายงามพบพ่ อ ) หนั ง สื อ ภาษาไทย ท ๖๐๖ ชุ ด วรรณลั ก ษณวิ จารณ์ เล่ ม ๒
ชัน้ มัธยมศึกษาปี ที่ ๖ (ตอนขุนแผนลุแก่โทษ) การคัดเลือกเรื่องราวบางตอนจากเสภาเรื่อง
ขุนช้าง – ขุนแผน มาเป็ นบทเรียนในแบบเรียนภาษาไทยดังกล่าวเป็ นช่องทางหนึ่งในการ
เผยแพร่เรื่องราวชีวติ ของขุนแผนให้เป็นทีร่ บั รูใ้ นกลุ่มเด็กและเยาวชน
นอกเหนือ จากนี้แ ล้ว ยัง มีก ารนํ าเรื่อ งราวชีวติ ของขุน แผนไปผลิตซํ้ าและเผยแพร่
ออกมาในรูปแบบอื่น ๆ อีก เช่น ละครพื้นบ้านเรือ่ งขุนช้างขุนแผน ของบริษทั ทีวสี แควร์ จํากัด
เ ผ ย แ พ ร่ ท า ง ส ถ า นี โ ท ร ทั ศ น์ ไ ท ย ที ว ี สี ช่ อ ง ๓ เ มื่ อ ปี พ . ศ . ๒ ๕ ๔ ๑ – ๒ ๕ ๔ ๒
นํ า แสดงโดยอติเ ทพ ชดช้อย เฉลิมพล บุญ รอด และธิญาดา พรรณบัว ภาพยนตร์เรือ่ ง
ขุนแผน สร้างเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๕ ซึ่งวัชระ ตังคะประเสริฐ แสดงเป็นขุนแผน ตลอดจนดวงตรา
ไปรษณียากรทีร่ ะลึกวันเด็ก ชุดขุนช้างขุนแผน ประจาปี พ.ศ.๒๕๕๔ ของบริษทั ไปรษณียไ์ ทย
จํากัด ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมีภู มหิ ลังการรับรู้เรื่องราวชีวติ ของขุนแผนจาก เสภาเรื่องขุนช้าง –
ขุนแผน นันเอง่
ขุนแผน – เจ้าพระยากาญจนบุรี
ต่อมาเมื่อท่านพกาพรหม ตรัสมาอย่างนัน้ ท่านก็รบั การจุติ
ลงมาเกิดเป็นลูกของแม่ทพั ทีเ่ ขาเรียกกันว่า “ขุนไกร”
ตอนนี้ ประวัติขุน ไกร หรือ ประวัติขุน แผน ต่ า งคนต่ า งก็
ทราบกันดีแ ต่ว่า ประวัติขุน แผนตามแบบฉบับ ที่สุ น ทรภู่ หรือใคร
เขี ย นไว้ ไ ม่ ถู ก เกิ น พอดี ไ ป เป็ น หนั ง สื อ อ่ า นเล่ น เป็ น นิ ย าย
ก็ชา่ งเขาเถอะ
แต่เนื้อแท้จริง ๆ คนในสมัยนัน้ มีระเบียบวินัยมาก ที่เขา
บอกว่าขุนช้างไม่ดี แต่ความจริงขุนช้างเป็นพระยา พระยาภาณุมาศ
ขุนแผนต่อมาขัน้ สุดท้ายเป็นเจ้าพระยากาญจนบุรี
ตอนนี้มาก็รวบรวมกําลังของเมืองไทยอีก เพราะว่าในสมัย
ของขุนแผนน่ ะ รู้สึกว่าไปตีเมืองเหนือเมืองใต้ตีกนั ไม่หยุด ทําเอา
คนไทยทีแ่ ตกแยกออกไปกลับเข้ามาเป็นปึกแผ่นตามเดิม
สําหรับเรื่องนี้ ท่านท้าวพกาพรหม ท่านบอกว่า คนที่เขา
เขียนเรื่องขุนช้างขุนแผนน่ะ เขียนไม่ถูก แต่กไ็ ม่ควรจะไปตําหนิเขา
เขาเขียนเพราะความสนุก
ขุนช้าง เป็นคนดีเป็นคนไม่มลี ูก ขุนแผนก็เป็ นคนดีเป็ นคน
มีลูกมาก ความจริงศัพท์ว่า ขุนช้างก็ดี ศัพท์ว่าขุนแผนก็ดี ไม่ได้มี
ในทําเนียบของราชการ ในทําเนียบของทางราชการ ทัง้ สองคนนี่เป็น
พระยาด้ว ยกัน ทัง้ คู่ แล้ ว ก็เ ป็ น เพื่อ นรัก กัน มาก ตามที่ท่ า นท้า ว
พกาพรหมบอก ท่านบอกว่า “ขุนช้างมีอายุแก่กว่าขุนแผนหนึ่ง ปี
เป็ นเพื่อนเล่นกันมาตัง้ แต่เด็ก และก็เป็ นเพื่อนที่รกั กันมาก ขุนช้าง
เป็นตระกูลของเศรษฐี”
ทีเ่ รียกกันว่า “ขุนช้าง” ก็เพราะว่า ตระกูลนี้เป็ นคนหาช้าง
ให้แก่พระราชาตัง้ แต่สมัยปู่ เมื่อได้ชา้ งมาแล้วก็มกี ารฝึ กช้างควบคุม
ช้าง เรียกว่าเป็นหัวหน้ากองช้าง เขาจึงเรียกว่า ขุนช้าง
สําหรับ “ขุนแผน” นัน้ เป็นแม่ทพั อยู่ในระเบียบวินยั ต้องอยู่
ในแบบแผนกฎข้อ บัง คับ จึ ง ให้ น ามว่ า ขุ น แผน ตามศัพ ท์ ข อง
ชาวบ้าน
แต่ว่าตามศัพท์ทางราชการเขา ตอนแรกก็ดูจะเป็ นหลวง
อะไรก็ไ ม่ ท ราบ แล้ว มาเป็ น พระบํ า ราศหริน ต่ อ มาก็เ ป็ น พระยา
๖๐
ตรงกับ ความเชื่อ ของชาวกาญจนบุ ร ีท่วี ่า เมื่อ ขุนแผนซึ่ง มีตําแหน่ ง เป็ นพระยากาญจนบุ รี
สิ้นชีว ิต แล้ว วิญญาณของขุนแผนยัง คงสถิตอยู่ท่เี ขาชนไก่เพื่อ ปกป้ องคุ้มครองลูกหลานชาวกาญจนบุ ร ี
บริเวณเชิง เขาชนไก่ จังหวัดกาญจนบุร ี จึงมีศาลเจ้าพ่อเขาชนไก่ ซึ่งประกอบด้วยพ่อปู่ขุนแผน และพ่อ ปู่
ขุนไกร
บทที่ ๓
ข้อมูลคติชนเกี่ยวกับขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรี
ข้อมูลคติชนเกี่ยวกับขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรีมีหลายลักษณะ จากการที่ผู้วจิ ยั
สํารวจพื้นที่เพื่อ เก็บข้อมูลภาคสนาม พบว่า พื้นที่ท่มี ีคติชนเกี่ยวกับขุนแผนมี ๒ อําเภอ คือ
อําเภอเมืองกาญจนบุรี และอําเภอท่าม่วง ในเขตอําเภอเมืองกาญจนบุรพี บคติชนในพื้นที่
ตําบลลาดหญ้ า ตํา บลหนองบัว และตํ าบลแก่ง เสี้ยน ส่ว นในเขตอํ าเภอท่า ม่ว งพบคติช น
ในพืน้ ทีต่ ําบลเขาน้อย และตําบลหนองขาว
ในอดี ต เมื อ งกาญจนบุ รี เ ป็ น ทั ง้ เส้ น ทางเดิ น ทั พ เมื อ งหน้ า ด่ า น และสนามรบ
ที่มีความสําคัญยิ่ง หนังสือ กาญจนบุรี ศรีภูมิภาคตะวันตก (๒๕๔๓: ๒๔) กล่าวถึงเมือง
กาญจนบุ รีสมัยอยุธยา (พ.ศ.๑๙๒๑ – ๒๓๑๐) ไว้ว่า “เมื่อ ปี พ.ศ.๑๙๒๑ สมเด็จ พระบรม
ราชาธิราชที่ ๑ ได้สถาปนากรุงศรีอยุธยาเป็ นราชธานีของไทย กาญจนบุรใี นขณะนัน้ ตัง้ อยู่ท่ี
บ้านท่าเสา ตําบลลาดหญ้า อําเภอเมืองฯ ก็เป็ นเมืองสําคัญขึ้นมาอย่ างเด่นชัดในด้านการ
สงครามกับพม่า และตํานานทีเ่ กีย่ วกับขุนไกรและขุนแผน”
ป จั จุ บ ัน ชาวกาญจนบุ รีเ รีย กพื้น ที่บ ริเ วณบ้ า นท่ า เสา ตํ า บลลาดหญ้ า ว่ า “เมือ ง
กาญจนบุ รีเ ก่ า ” เมือ งกาญจนบุ รีเ ก่ า แห่ ง นี้ ต งั ้ อยู่ ริม แม่ น้ํ า แควใหญ่ บริเ วณทุ่ ง ลาดหญ้ า
มีลําตะเพินเป็นคูเมืองทางทิศเหนือ ด้านหลังติดกับเขาชนไก่ มีป้อมอยู่ส่มี ุมกําแพง ใช้คนั ดิน
เป็ น กํ า แพงเมือ ง ต่ อ มาในรัช สมัย พระบาทสมเด็จ พระพุ ท ธยอดฟ้ าจุ ฬ าโลกมหาราช
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ย้ายเมืองกาญจนบุรมี าตัง้ อยู่บริเวณบ้านปากแพรก เพราะมี
ชัยภูมเิ หมาะสมสําหรับการตัง้ ทัพหลวง ด้วยเหตุน้ี เมืองกาญจนบุรเี ก่าจึงกลายเป็นเมืองร้างไป
(กาญจนบุรี ศรี ภูมิ ภาคตะวันตก, ๒๕๔๓: ๒๗) ปจั จุบ ันกรมศิลปากรประกาศให้เมือ ง
กาญจนบุรเี ก่าเป็นเขตอนุ รกั ษ์ เนื่องจากมีโบราณสถานสมัยกรุงศรีอยุธยาอยู่เป็ นจํานวนมาก
และเป็นเมืองทีเ่ กีย่ วข้องกับขุนแผน ดังจะกล่าวโดยละเอียดต่อไป
นอกจากพืน้ ทีใ่ นเขตเมืองกาญจนบุรเี ก่าแล้ว ผูว้ จิ ยั ยังพบข้อมูลคติชนเกี่ยวกับขุนแผน
ในพื้นที่ตําบลแก่งเสี้ยน อําเภอเมืองกาญจนบุรี ตําบลเขาน้ อย และตําบลหนองขาว อําเภอ
ท่าม่วง ทัง้ ทีพ่ ้นื ที่ต่าง ๆ เหล่านี้อยู่นอกเขตพื้นที่เมืองกาญจนบุรเี ก่า หรือเมืองกาญจนบุรใี น
สมัยกรุงศรีอยุธยาอันเป็ นช่วงเวลาที่เชื่อว่าขุนแผนมีชวี ติ อยู่อกี ด้วย ประเด็นการศึกษาเรื่อง
ข้อมูลคติชนเกี่ยวกับขุนแผนในลักษณะต่าง ๆ สะท้อนการรับรู้เรื่องขุนแผนของคนท้องถิ่น
จึงเป็นประเด็นทีน่ ่าสนใจอย่างยิง่
๖๓
ง) ชื่อถนน
๑) ถนนขุนแผน บ้านท่าเสา ตําบลลาดหญ้า
๒) ถนนพิมพิลาไลย์ บ้านท่าเสา ตําบลลาดหญ้า
จ) ชื่อสถานที่อื่น ๆ
๑) เขือ่ นขุนแผน (ท่าลงแพเขือ่ นขุนแผน)
อําเภอเมืองฯ
๒) ตลาดนางทองประศรี ตําบลลาดหญ้า
อําเภอเมืองฯ
๒. รูปเคารพ
๒.๑ รูปเคารพขุนแผน ๑) รูปเคารพขุนแผนทีเ่ ขาชนไก่ ตําบลลาดหญ้า
๒) รูปเคารพพระยากาญจนบุรที ว่ี ดั ปา่ เลไลยก์
ตําบลลาดหญ้า
๓) รูปเคารพขุนแผนทีถ่ ้าํ ขุนแผน ตําบลหนองบัว
๔) รูปเคารพพระยากาญจนบุรที ม่ี หาวิทยาลัยราชภัฏ
กาญจนบุรี
๖๖
๓. วัตถุมงคล พระขุนแผน
- พระขุนแผนย่างกุมาร หลวงพ่อปราโมทย์
วัดบ้านถํ้า
- พระขุนแผน วัดถํ้าขุนแผน
- พระขุนแผนเรือนแก้ว หลวงพ่อลําไย
วัดทุ่งลาดหญ้า
- พระขุนแผนเมืองกาญจน์ วัดหัวหิน
- พระขุนแผนรุ่น “เรียกเงินทองไหลมา”
วัดไทรทอง
- พระขุนแผนกรุเขาชนไก่
- พระขุนแผนหลวงปูเ่ หรียญ วัดหนองบัว
- พระขุนแผนกรุวดั เหนือ (กรุวดั เทวสังฆาราม)
๔. จิ ตรกรรม - จิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผน
บริเวณบันไดขึน้ ถํ้า วัดบ้านถํ้า ตําบลเขาน้อย
จํานวน ๑๔ ภาพ
- จิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผน
ในหอสมุดวัดมโนธรรมาราม (วัดนางโน)
จํานวน ๑๖ ภาพ
๖๗
ผู้ว ิจยั รวบรวมข้อ มูลเพลงพื้นบ้านในจังหวัดกาญจนบุร ีจากวิทยานิพ นธ์เ รื่อ งเพลงพื้นเมื อ ง
จากพนมทวน ของสุ มามาลย์ เรืองเดช และวิทยานิพนธ์เรื่องการสืบทอดทานองสวดและประเพณี
สวดพระมาลัยที่บ้านหนองขาว จังหวัดกาญจนบุรี ของปรมินท์ จารุวร
๖๘
๑) วัดปา่ เลไลยก์
วัดป่ าเลไลยก์
วัด ป่ า เลไลยก์ เป็ น วัด ร้ า งที่ส ร้า งขึ้น ตัง้ แต่ ส มัย กรุ ง ศรี
อยุ ธ ยา เดิม ชาวบ้ า นเรีย กว่า ‚วัด ผ่ า อก‛ ซึ่ง เดิม มีพ ระพุ ท ธรู ป
ปางมารวิช ยั ประดิษฐานอยู่ภ ายในมณฑป ได้ถู กคนลักลอบเจาะ
อกพระจนทะลุ จึงได้เรียกว่า ‚วัดผ่าอก‛ ในปี พ.ศ.๒๕๑๗ พระสงฆ์
วัดกาญจนบุรเี ก่าจึงได้นําชาวบ้านร่วมกันสร้างพระพุทธรูปปางป่า
เลไลยก์ขน้ึ แทนเพื่อให้สอดคล้องกับเสภาเรื่อง ‚ขุนช้าง – ขุนแผน‛
ตัง้ อยู่ ห่ า งจากวัด ขุน แผนไปทางทิศ เหนื อ ประมาณ ๕๐๐ เมตร
โบราณสถานบริเวณวัดปา่ เลไลยก์ประกอบด้วย
๑. มณฑป รู ป สี่เ หลี่ย ม หัน หน้ า ไปทางทิศ ตะวัน ออก
ภายในพบพระพุทธรูปปางปา่ เลไลยก์ ซึ่งทีส่ ร้างขึน้ ในภายหลัง
๒. วิหาร รูปสีเ่ หลีย่ มผืนผ้า ผนังก่อทึบ มีประตูเข้าด้าน
ทิศตะวันออก ๒ ประตู มีบนั ไดทางขึ้นทางด้านทิศเหนื อและทิศใต้
หลังคาถูกสร้างขึน้ ใหม่
๓. เจดีย์ เป็นเจดียท์ รงกลม ฐานเขียงรูปสีเ่ หลี่ยมจัตุรสั
ก่อด้วยอิฐสอดิน ฉาบปูน ส่วนยอดทรุดตัวพังทลาย จํานวน ๒ องค์
อยู่ดา้ นทิศตะวันตก และนอกกําแพงแก้วด้านทิศเหนือ
โบราณวัต ถุ ท่ีพ บ มีท งั ้ ภาชนะดิน เผา เครื่อ งสัง คโลก
เครื่อ งถ้ว ยจีน เครื่อ งถ้ ว ยเวีย ดนาม เหล็ก เข้า ไม้ และกระเบื้อ ง
มุงหลังคา
วัดป่ าเลไลยก์
โบราณสถานวัด ป่ า เลไลยก์ ประกอบด้ ว ย มณฑป
ประดิ ษ ฐานพระพุ ท ธรู ป ปางป่ า เลไลยก์ พระพุ ท ธรู ป องค์ น้ี
ตามประวัติกล่าวว่า เดิมเป็ นพระพุทธรูปปางมารวิชยั มาก่อนที่จะ
ชํารุดและได้รบั การปฏิสงั ขรณ์เป็ นพระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์อย่าง
ปจั จุบ ัน ถัดจากมณฑปมีว ิหารรู ปสี่เหลี่ย มผืนผ้า ส่ วนด้า นหลัง
วิหารเป็นเจดียท์ รงกลมขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าเป็ นเจดีย์ประธาน
๗๑
พระยากาญจนบุรคี อื ขุนแผนเมื่อดํารงตําแหน่งเป็นเจ้าเมืองกาญจนบุร ี
๗๒
๒) วัดใหญ่ดงรัง – ส้มใหญ่
เมื่อพิจารณาประวัติ และลักษณะทางกายภาพของวัด
ใหญ่ ดงรัง – ส้มใหญ่ ทําให้ทราบว่า วัดใหญ่ ดงรัง – ส้มใหญ่ มีประวัติค วามเป็ นมายาวนาน
ตัง้ แต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ภายในบริเวณวัดพบหอระฆังเก่าซึ่งเคยตีบอกสัญญาณรวบรวม
ไพร่ พ ลของไทยคราวทํ า สงครามกับ พม่า สร้า งในครัง้ สงครามพม่ า บู ร ณะเมื่อ วัน ที่ ๒๙
มกราคม ๒๕๓๘ และมีป้ ายอธิ บ ายประวัติ ห อระฆัง วัด ใหญ่ ด งรัง เป็ น ภาษาไทยและ
ภาษาอังกฤษ ตามลําดับดังนี้
ข้อความภาษาไทย มีความว่า
ข้อความภาษาอังกฤษ มีความว่า
๓) เขาชนไก่
ไปเขาชนไก่บา้ น กาญจนบุรี
ทีอ่ ยู่ทองประศรี สอบเหล้า
ไม่เห็นสักคนมี อยู่ท่ี นัน้ นา
มีแต่สงิ สัตว์เข้า หยุดยังอาไศรย
้
(พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หวั , ๒๔๑๖: ๒๔)
แม่ลูกไปถึงบ้านกาญจน์บุรี ทองประศรีบอกลูกว่าพ่อเอ๋ย
ในเมืองนี้มคี นทีค่ นุ้ เคย แล้วเดินเลยไต่ถามเนื้อความไป
ด้วยผัวเคยบอกเล่าแต่เก่าก่อน ว่าญาติมที ด่ี อนเขาชนไก่
ครัน้ ไปพบพวกพ้องของขุนไกร เขาก็ทาํ เรือนให้มไิ ด้ชา้
(เสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน, ๒๕๔๕: ๓๕)
๔) บ้านถํ้า
บ้านถํ้าเป็ นชุมชนบ้านป่า เชื่อกันว่า บ้านถํ้าแห่งนี้เคย
เป็นซ่องของนายเดชกระดูกดําหรือหมื่นหาญ บิดาของนางบัวคลี่ ภรรยาคนหนึ่งของขุนแผน
นอกจากนี้ในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ก็ปรากฏชือ่ บ้านถํ้าอย่างชัดเจน ดังความว่า
ขุน แผนมีช ีว ิต เกี่ย วข้อ งกับ บ้า นถํ้ า แห่ ง นี้ เ พราะต้อ ง
พระราชอาญาให้ออกตระเวนด่านหลังขุนช้างกราบบังคมทูลฟ้ องว่าขุนแผนหนีราชการไปหา
นางลาวทอง เหตุน้ที ําให้ขนุ แผนคิดจะเสาะหาของวิเศษ ๓ สิง่ เพื่อใช้เป็นประโยชน์ในการทําศึก
สงครามในภายหน้ า จึงออกตระเวนด่านมาพบซ่องของหมื่นหาญ พบนางบั วคลี่ แล้วเห็นว่า
นางบัว คลี่เ ป็ น หญิง ที่มีล ัก ษณะดีแ ละน่ า จะให้กํ า เนิ ด บุ ต รชายได้ จึง ฝากตัว เป็ น สมุ น ของ
หมื่นหาญ แต่ภายหลังหมื่นหาญไม่ไว้วางใจขุนแผนเพราะเห็นว่ามีฝีมอื ดีและไม่ยอมช่วยเหลือ
งานเหมือ นที่ผ่านมา หมื่นหาญจึงออกอุบายให้นางบัวคลี่วางยาขุนแผน แต่โหงพรายของ
ขุนแผนมาเตือนขุนแผนไว้ได้ทนั ขุนแผนโกรธมากและออกปากขอลูกที่อยู่ในท้องนางบัวคลี่
นางบัวคลีก่ ย็ กให้ กลางดึกคืนนัน้ ขุนแผนก็ผ่าท้องนางบัวคลี่และเอาลูก ชายมาทําพิธปี ลุกเสก
เป็นกุมารทอง
เรื่ อ งราวชีว ิต ตอนที่ ขุ น แผนผ่ า ท้ อ งนางบัว คลี่แ ละ
ปลุกเสกลูกชายเป็ นกุมารทองนี้เป็ นที่รบั รู้ของชาวกาญจนบุรอี ย่างกว้างขวาง และได้รบั การ
เผยแพร่อ ย่างต่อเนื่องผ่านคําบอกเล่าของชาวบ้า นและภาพจิต รกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้า ง
ขุนแผนทีว่ ดั บ้านถํ้า อําเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรแี ห่งนี้
พยงค์ เวสสบุตร (๒๕๕๐ข: ๔๑ - ๔๒) ได้กล่าวถึง
บ้านถํ้าไว้ในบทความเรื่อง “ท่าเสา เมืองเก่ากาญจนบุรี เมืองวรรณคดี – ขุนแผน” ว่า บ้านถํ้า
เป็ นชุมชนบ้านป่า ปจั จุ บนั คือหมู่บ้านถํ้า ตําบลเขาน้ อ ย อําเภอท่า ม่วง จังหวัดกาญจนบุ รี
ภูมปิ ระเทศเป็นหมู่บา้ นเชิงเขา มีหลืบและซอกเขาสลับซับซ้อนไปจนถึงเขาถํ้ามังกรทอง ตําบล
เกาะสําโรง อําเภอเมืองกาญจนบุรี เป็นเทือกเขาทีม่ ถี ้าํ อยู่หลายแห่ง ชาวบ้านซึ่งมีเชือ้ สายเป็ น
ลาวและกะเหรี่ยงได้ต งั ้ ชื่อ ถํ้ าตามบุ ค คลในวรรณคดีเ พื่อ สร้า งความสนใจแก่ท้อ งถิ่น อาทิ
๗๗
ก) ชื่อสถานที่ทางธรรมชาติ
๑) ถํ้าขุนแผน
จากการเก็ บ ข้ อ มู ล ภาคสนามพบว่ า ในจัง หวัด
กาญจนบุรมี ีสถานที่ท่เี รียกว่า ถํ้าขุนแผน จํานวน ๒ แห่ง คือ ถํ้าขุนแผน บริเวณเขาชนไก่
ตําบลลาดหญ้า อําเภอเมืองกาญจนบุรี และถํ้าขุนแผน ตําบลหนองบัว อําเภอเมืองกาญจนบุรี
ชาวบ้า นเชื่อ ว่าถํ้าแห่งนี้ เ ป็ นถํ้า ลึกลับ ภายในถํ้า มีสิ่งศัก ดิ ์สิทธิป์ กปกั รัก ษาอยู่และน่ าจะมี
เครื่องถ้วยชามและทรัพย์สินมีค่าสมัยกรุงศรีอยุธยาเก็บรักษาอยู่เป็ นจํานวนมาก ชาวบ้าน
เล่าว่า สมัยรุ่นปูย่ ่าตายาย เคยมีชาวบ้านบางคนเข้าไปในถํ้าเพื่อยืมเครื่องถ้วยชามมาใช้ในการ
จัดงาน เพราะสมัยก่อนมีการจัดงานมาก ข้าวของเครื่องใช้ทม่ี อี ยู่ไม่เพียงพอ จึงต้องไปหยิบยืม
จากภายในถํ้า เมื่อยืมเครื่องถ้วยชามมาแล้วไม่นํากลับไปคืน เป็นเหตุให้สงิ่ ศักดิ ์สิทธิ ์ที่ปกปกั
รักษาถํ้าไม่พอใจ ต่อมาเมื่อมีชาวบ้านเข้าไปหยิบยืมข้าวของหรือเครื่องถ้วยชามต่าง ๆ อีก
ก็ไม่มใี ครกลับออกมาได้ เชือ่ กันว่าเป็นเพราะสิง่ ศักดิ ์สิทธิ ์ลงโทษให้เมือ่ เข้าไปแล้วจะหาปากถํ้า
ไม่พบ จนไม่สามารถหาทางออกได้ (ทรงศักดิ ์ อินอนันต์, สัมภาษณ์, ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๒)
- ถ้ าขุนแผน ตาบลหนองบัว
๒) ถํ้าขุนไกร
๓) ถํ้านางบัวคลี่
ถํ้า นางบัว คลี่ หรือ ถํ้ า มัง กรคู ห าสวรรค์ ตัง้ อยู่ บ น
เขาถํ้า ต้องเดินขึน้ บันไดประมาณ ๒๗๐ ขัน้ เป็ นถํ้าที่ชาวบ้านเชื่อว่าภายหลังจากที่ขุนแผน
ผ่าท้องเอาลูกชายไปย่างเป็นกุมารทองแล้ว วิญญาณของนางบัวคลี่ ภรรยาคนหนึ่งของขุนแผน
มีความผูกพันกับถํ้าแห่งนี้มาก เมื่อเสียชีวติ แล้ววิญญาณจึงสิงสถิตอยู่ ณ ถํ้าแห่งนี้ ทัง้ นี้ผวู้ จิ ยั
จะกล่าวถึงโดยละเอียดต่อไป
ข) ชื่อวัด
๑) วัดขุนแผน
วัด ขุน แผนเป็ น วัด ที่ไ ด้ร ับการตัง้ ชื่อ ใหม่ใ นสมัย ที่
พระครูจวนพระสงฆ์วดั กาญจนบุรเี ก่าออกสํารวจวัดในเขตเมืองกาญจนบุรเี ก่า สภาพทัวไป ่
ของวัดขุนแผนมีลกั ษณะเป็นวัดร้าง มีพระปรางค์เก่า เป็ นโบราณสถานในเขตอนุ รกั ษ์ บริเวณ
ข้างวัดเคยมีสระนํ้ า ชาวบ้านเล่าว่าเคยเห็นระฆังขนาดใหญ่ จมอยู่ใ ต้น้ํ า มีเพียงหูระฆังโผล่
ขึน้ มา จึงได้พยายามทําทุกวิถที างเพื่อนํ าระฆังขึ้น จากนํ้ า เพราะเชื่อว่าภายในระฆัง น่ าจะมี
พระเครื่องและของมีค่าสมัยกรุงศรีอยุธยาบรรจุอยู่ เคยแม้กระทังนํ ่ าช้างมาฉุ ด หูระฆังแล้วก็ยงั
ไม่ประสบความสําเร็จ ยิง่ พยายามมากเท่าใด ระฆังก็ยงิ่ จมหายไป นอกจากนี้ จากการสอบถาม
ชาวบ้า นในพื้น ที่ตํ า บลลาดหญ้ า คือ สมศรี พงศ์ว ฒ ั นะเควิน อายุ ๗๔ ปี ทํ า ให้ท ราบว่ า
สมัยก่อนเชื่อ กันว่าระฆังใบนี้ตีแล้วส่งเสียงดังถึงเมืองสุ พรรณบุรี (สมศรี พงศ์วฒ ั นะเควิน ,
สัมภาษณ์, ๒๑ กันยายน ๒๕๕๒)
พยงค์ เวสสบุตร (๒๕๕๐ข: ๔๑) สันนิษฐานไว้ว่า
วัดขุนแผนแห่งนี้อาจเป็นวัดมหาธาตุของเมืองกาญจนบุรีในสมัยกรุงศรีอยุธยา เมื่อขุนแผนได้
เป็นเจ้าเมืองกาญจนบุรคี งจะสร้างวัดแห่งนี้ขน้ึ ตามธรรมเนียมของผูเ้ ป็ นใหญ่หรือเศรษฐีท่นี ิยม
สร้างวัดของตนขึน้ มา
ภายในบริเ วณวัด มีป้ ายอธิบ ายประวัติว ดั ขุน แผน
ซึ่งกรมศิลปากรและองค์การบริหารส่วนจังหวัดร่วมกันจัดทําขึน้ มีความว่า
๘๕
วัดขุนแผน
โบราณสถานวัด ขุน แผน หัน หน้ า ไปทางทิศ ตะวัน ตกสู่
ลํ า ตะเพิ น ประกอบด้ ว ยอุ โ บสถทางด้ า นหน้ า เจดี ย์ ร ายและ
สิ่ง ก่ อ สร้ า งอื่น ๆ ทางด้ า นหลัง และล้ อ มรอบด้ ว ยกํ า แพงแก้ ว
โบราณสถานแห่ ง นี้ มีเ จดีย์ ท รงปรางค์ เ ป็ น ประธาน ของวัด อยู่
ด้านหลังและมีแนวกําแพงแก้วกัน้ แบ่งส่วนพืน้ ทีแ่ ยกออกมาต่างหาก
ปรางค์ประธานยังคงปรากฏการสร้างมุมตรงกลางขนาด
ใหญ่ ขนาบด้วยมุมขนาดเล็กอย่างที่นิยมตัง้ แต่สมัยอยุธยาตอนต้น
ลงมา แต่ปรางค์วดั ขุนแผนมีขนาดเล็กกว่ามาก สันนิษฐานว่าน่ าจะ
สร้า งขึ้น ในช่ว งสมัย อยุ ธ ยาตอนกลาง (ราวพุ ท ธศตวรรษที่ ๒๑)
ลงมา หรื อ ก่ อ นหน้ า นั ้น เล็ก น้ อ ยพร้ อ ม ๆ กับ การเกิด ขึ้น ของ
เมืองกาญจนบุรเี ก่าในฐานะวัดศูนย์กลางของชุมชน
กรมศิลปากรดําเนินการขุดศึกษาทางโบราณคดีค รัง้ แรก
ในปี พ.ศ.๒๕๓๒ และต่อมาได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด
กาญจนบุรี ดําเนินการอนุ รกั ษ์และพัฒนาอีกครัง้ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕๒
๓) วัดแม่หม้ายเหนือ
วัด แม่ ห ม้า ยเหนื อ เป็ น วัด ร้ า ง ตัง้ อยู่ ใ นพื้น ที่บ้า น
ท่าเสา ตําบลลาดหญ้า อําเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี จัดเป็นโบราณสถานในเขต
อนุรกั ษ์เมืองกาญจนบุรเี ก่า ศรีสกุล พูลสวัสดิ ์ ชาวบ้านท่าเสา ตําบลลาดหญ้า เล่าว่า แม่หม้าย
ในที่น้ี สันนิษฐานว่าน่ าจะหมายถึง นางทองประศรีซ่ึงพาพลายแก้วมาอยู่ท่เี มืองกาญจนบุรี
หลังจากขุนไกรต้องโทษประหารชีวติ (ศรีสกุล พูลสวัสดิ ์, สัมภาษณ์, ๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓)
๘๗
วัดแม่หม้ายเหนื อ
โบราณสถานวัด แม่ ห ม้ า ยเหนื อ หัน หน้ า ไปทางทิ ศ
ตะวันตกของลําตะเพิน ประกอบด้วยวิหารอยู่ทางด้านหน้า และเจดีย์
ทรงกลมเป็นประธานของวัด ทางด้านหลังโดยมีกําแพงแก้วล้อมรอบ
โบราณสถานทัง้ หมดไว้
ส่ ว นของฐานวิห ารจากการขุ ด ศึก ษาทางโบราณคดี
พบว่า มีการก่อสร้างทับซ้อนกันอย่างน้อย ๒ สมัย อีกทัง้ ยังพบเศษ
กระเบื้อ งดิน เผามุ งหลัง คาและตะปูโ ลหะสํ า หรับ ยึด โครงสร้า งไม้
เข้า ไว้ด้ ว ยกัน ทํ า ให้ ส ัน นิ ษ ฐานได้ ว่ า วิห ารวัด แม่ ห ม้ า ยเหนื อ
ก่ออิฐถือปูนมีหลังคาเป็นเครื่องไม้มุงด้วยกระเบือ้ งดินเผา
กรมศิลปากรดําเนินการขุดศึกษาทางโบราณคดีครัง้ แรก
เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๓ และต่อมาได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนจังหวัด
กาญจนบุรี ดําเนินการอนุรกั ษ์และพัฒนาอีกครัง้ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๒
๔) วัดแม่หม้ายใต้
วัดแม่หม้ายใต้
โบราณสถานวัดแม่หม้ายใต้ หันหน้าไปทางทิศตะวันออก
โดยมีกํ า แพงแก้ ว ล้ อ มรอบโบราณสถานทัง้ หมดเข้า ไว้ใ นพื้น ที่
เดียวกัน ประกอบด้วย เจดีย์ราย ๒ องค์ ทางด้านหน้าเหลือเพียง
เฉพาะส่วนฐาน ถัดเข้าไปเป็ นฐานเจดีย์ทรงปรางค์ขนาดเล็ก วิหาร
เป็นทรงสีเ่ หลีย่ มผืนผ้า โดยพบว่าฐานวิหารมีการก่อสร้างซ้อนทับกัน
อย่ า ง น้ อย ๒ ส มั ย ซึ่ ง ส มั ย ห ลั ง พ บว่ า มี ก า รทํ า ฐา น วิ ห า ร
แอ่ น โค้ ง คล้ า ยท้ อ งสํ า เภา อย่ า งที่ นิ ย มกัน ในช่ ว งสมัย อยุ ธ ยา
ตอนปลาย ด้านข้างทางทิศเหนือมีฐานเจดีย์รายทรงกลม ด้านหลัง
วิหารมีเจดียท์ รงกลม และเจดียย์ ่อมุมไม้สบิ สองขนาดเล็กอยู่ดา้ นข้าง
ทางทิศเหนือ
กรมศิลปากรดําเนินการขุดศึกษาทางโบราณคดีครัง้ แรกใน
ปี พ.ศ.๒๕๓๓ และต่ อ มาได้ ร่ ว มกับ องค์ ก ารบริห ารส่ ว นจัง หวัด
กาญจนบุรดี ําเนินการอนุรกั ษ์และพัฒนาอีกครัง้ เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๒
๘๙
๕) วัดถํ้าขุนไกร
ตานานประวัติโดยย่อ
วัดถา้ ขุนไกร
ตาบลแก่งเสี้ยน อาเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี
ผูว้ จิ ยั สะกดการันต์ตามเอกสารต้นฉบับ
๙๑
ประวัติขนุ ไกร
(เอกสารวัดถํ้าขุนไกร รวบรวมโดยพยงค์ เวสสบุตร)
๖) วัดบ้านถํ้า
ค) ชื่อหมู่บ้านและชื่อชุมชน
๑) หมู่บา้ นนางทองประศรี
๒) ชุมชนบ้านขุนแผน และชุมชนพิมพิลาไลย
ง) ชื่อถนน
คติช นเกี่ยวกับ ขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุ รีย ังปรากฏ
ในรูปแบบของชือ่ ถนน คือ ถนนขุนแผน และถนนพิมพิลาไลย์
๙๕
ถนนขุนแผนและถนนพิมพิลาไลย์เป็ นถนนเก่าที่มี
อยู่แต่เดิม ต่อมาตัง้ ชื่อขึ้นใหม่ในคราวที่เทศบาลตําบลลาดหญ้าจัดระเบียบชุมชน ชื่อถนน
ดังกล่าวสอดคล้องกับชื่อชุมชนบ้านขุนแผนและชุมชนพิมพิลาไลยซึ่งเพิ่ งได้รบั การตัง้ ใหม่
ในคราวเดียวกัน
ถนนขุ น แผนและถนนพิม พิ ล าไลย์ ถื อ เป็ น ถนน
สายหลักของชุมชนบ้า นท่าเสาที่ตดั ผ่านชุม ชนบ้านขุนแผนและชุม ชนพิมพิลาไลยในพื้น ที่
บ้านท่าเสา และเชื่อมกับถนนสายรองที่ตดั เข้าตามตรอกหรือซอยต่าง ๆ จนครบทัง้ ชุมชน
โดยจะใช้ตวั เลขกํากับหลังชื่อถนนขุนแผนและถนนพิมพิลาไลย์เพื่อบ่งบอกว่าเป็นถนนสายรอง
ทีต่ ดั เข้าซอยต่าง ๆ
จ) ชื่อสถานที่อื่น ๆ
๑) เขือ่ นขุนแผน
๒) ตลาดนางทองประศรี
จากบัน ทึก ข้า งต้ น ทํ า ให้ เ ห็ น ได้ ว่ า ชื่อ ขุ น แผนนั น้ ได้ ร ับ การนํ า ไปใช้
ในหน่ ว ยงานทหาร ทัง้ ที่เ ป็ น ชื่อ เรีย กในการวิท ยุ ส่ือ สาร และชื่อ ฝ่า ยในการฝึ ก นัก ศึก ษา
วิชาทหาร และจากการสัมภาษณ์นายทหารทําให้ทราบว่า การตัง้ ชื่อเรียกในการใช้วทิ ยุส่อื สาร
จะเลือกเอาชือ่ นักรบคนสําคัญทีม่ ฝี ีมอื รบฉกาจมาตัง้ เป็นชือ่ เพื่อเป็นเกียรติแก่บุคคลนัน้ ดังนัน้
การที่ช่อื ของขุน แผนได้ร ับ การกล่ า วถึง ในการใช้ว ิท ยุ ส่ือ สารของกองพลทหารราบที่ ๙
จึงสะท้อนให้เห็นว่า ทหารในปจั จุบนั ซึ่งถือเป็นนักรบรุ่นหลังได้ยกย่องในฝี มอื รบและความเป็ น
ชายชาติทหารจนนําชือ่ ของขุนแผนมาตัง้ เพื่อระลึกถึงและให้เกียรติแก่ขนุ แผน สอดคล้องกับทีม่ ี
ความเชื่อ ว่า บริเ วณเขาชนไก่ ซ่ึง เป็ น ที่ต งั ้ ของกองพลทหารราบที่ ๙ เป็ น ที่สิง สถิต ของ
ดวงวิญญาณขุนแผนและขุนไกร ดังปรากฏศาลเจ้าพ่อเขาชนไก่ซ่ึงมี รูปเคารพขุนแผนและ
รูปเคารพขุนไกรประดิษฐานอยู่และมีผมู้ าสักการบูชาอย่างต่อเนื่องทัง้ ทีเ่ ป็นคนในพืน้ ทีแ่ ละนอก
พืน้ ทีจ่ งั หวัดกาญจนบุรี
๓.๒.๑ รูปเคารพขุนแผน
ในจังหวัดกาญจนบุรี รูปเคารพขุนแผนอาจเรียกได้เป็น ๒ ชือ่ คือ รูปเคารพ
ขุนแผน และรูปเคารพพระยากาญจนบุรี ทัง้ นี้เพราะเรื่องราวชีวติ ของขุนแผนที่อยู่ในความรับรู้
ของชาวกาญจนบุรี และชาวกาญจนบุรใี ห้ความเคารพนับถือ คือเรื่องราวชีวติ ในช่วงที่ขุนแผน
ได้รบั พระราชทานราชทินนามว่า ขุนแผนแสนสะท้าน เป็ นทหารรักษาด่านเมืองกาญจนบุรี
และเรื่อ งราวชีว ิต ในช่ว งที่ขุน แผนได้ร ับ พระราชทานบรรดาศัก ดิเ์ ป็ น พระสุ ริน ทรฦๅไชย
เจ้าเมืองกาญจนบุรี
ด้ว ยเหตุ น้ีช าวกาญจนบุรีจึง ให้ค วามเคารพนับถือขุนแผนทัง้ ในฐานะที่
ขุนแผนเคยอาศัยและเติบโตเป็นชาวบ้านคนหนึ่งในเมืองกาญจนบุรี และในฐานะทีข่ นุ แผนเคย
ดํารงตําแหน่ งเป็ นเจ้าเมืองกาญจนบุรี ซึ่งถือเป็ นบุ คคลสําคัญที่ชาวกาญจนบุรเี คารพยกย่อง
แม้ขนุ แผนจะไม่ได้มชี วี ติ อยู่แล้ว แต่ชาวกาญจนบุรโี ดยเฉพาะชาวบ้านในเขตเมืองกาญจนบุรี
เก่าหรือบ้านท่าเสา ตําบลลาดหญ้า ก็ยงั คงระลึกถึงและสักการบูชาขุนแผนด้วยความเคารพ
อยู่อย่างต่อเนื่องจวบจนทุกวันนี้ เนื่องจากชาวบ้านเชือ่ ว่า วิญญาณของขุนแผนยังคงสถิตอยู่ท่ี
เมืองกาญจนบุรเี พื่อคอยปกปกั รักษาและดูแลชาวบ้านอยู่โดยตลอด
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาเรื่องราวทางประวัตศิ าสตร์ของเมืองกาญจนบุรี
จะเห็นได้ว่า เมืองกาญจนบุรใี นสมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งตรงกับช่วงเวลาที่เชื่อว่าขุนแผนมีชวี ิ ต
อยู่นนั ้ ไม่ได้มอี าณาเขตเทียบเท่ากับจังหวัดกาญจนบุรใี นปจั จุบนั ดังได้กล่าวแล้วในบทที่ ๑ ว่า
เมืองกาญจนบุรใี นสมัยกรุงศรีอยุธยาซึ่งขุนแผนเคยรับราชการเป็นเจ้าเมืองนัน้ ปจั จุบนั น่ าจะมี
อาณาเขตครอบคลุมเพียงพืน้ ทีบ่ า้ นท่าเสา ตําบลลาดหญ้า อําเภอเมืองกาญจนบุรี หรื อที่เรียก
กันอีกชือ่ หนึ่งว่า เมืองกาญจนบุรเี ก่า เท่านัน้
เรื่องราวทางประวัตศิ าสตร์ข้างต้น สอดคล้องกับความรับรู้เรื่องที่ขุนแผน
เคยดํารงตําแหน่ งเป็ นพระยากาญจนบุรี ทัง้ นี้เพราะรูปเคารพขุนแผน หรือรูปเคารพพระยา
กาญจนบุรมี กั พบมากในพืน้ ทีบ่ า้ นท่าเสา ตําบลลาดหญ้า และพื้นทีใ่ กล้เคียง อีกทัง้ ชาวบ้านใน
พืน้ ทีด่ งั กล่าวก็เคารพและยกย่องเชิดชูขุนแผนในฐานะอดีตเจ้าเมืองกาญจนบุรี ซึ่งเป็ นบุคคล
สําคัญทีล่ ่วงลับไปแล้วมากกว่าชาวกาญจนบุรที อ่ี าศัยอยู่ในพืน้ ทีไ่ กลออกไป
๑๐๐
อนึ่ ง เป็ น เรื่อ งน่ า สัง เกตว่ า แม้ ขุ น แผนซึ่ ง เคยได้ ร ับ บรรดาศัก ดิ เ์ ป็ น
พระสุรนิ ทรฦๅไชย เจ้าเมืองกาญจนบุรี จะไม่ได้มชี วี ติ อยู่แล้วในปจั จุบนั แต่คนท้องถิน่ ก็ยงั คง
สักการบูชาขุนแผนด้วยความเคารพอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นว่า ขุนแผนเป็ นบุคคลสําคัญ
ของท้ อ งถิ่ น และอยู่ ใ นความรับ รู้ ข องคนท้ อ งถิ่ น จากรุ่ น สู่ รุ่ น นอกจากนี้ ย ัง ไม่ พ บว่ า
ชาวกาญจนบุ รีส ร้ า งรู ป เคารพหรือ มีก ารสัก การบู ช ารู ป เคารพเจ้ า เมือ งกาญจนบุ รีค นใด
นอกเหนือจากขุนแผน
ในที่น้ี จะแสดงให้เห็น รู ป เคารพขุน แผนที่ป รากฏในจัง หวัดกาญจนบุ รี
โดยจําแนกให้เห็นชัดเจนตามสถานทีซ่ ่งึ รูปเคารพนัน้ ประดิษฐานอยู่ ทัง้ นี้พบรูปเคารพขุนแผน
ประดิษฐานอยู่ในสถานที่ ๔ แห่ง คือ เขาชนไก่ ตําบลลาดหญ้า วัดปา่ เลไลยก์ ตําบลลาดหญ้า
ถํ้าขุนแผน ตําบลหนองบัว และมหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี ดังนี้
ประวัติเจ้าพ่อเขาชนไก่
กาญจนบุ รี) และศาลพ่ อ ปู่ ขุน ไกร (ขุ น ไกรพลพ่ า ย บิด าขุน แผน
สะท้าน) เป็นศาลไม้เล็ก ๆ ตัง้ อยู่บริเวณเขาชนไก่ สร้างโดยราษฎรที่
อาศัยในบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงเขาชนไก่เมื่อประมาณ พ.ศ.๒๔๘๖
เพื่อเป็นทีเ่ คารพบูชา เนื่องจากเชือ่ ถือในความศักดิ ์สิทธิ ์อภินิหารของ
ดวงวิญญาณของขุนแผนสะท้านและขุนไกรพลพ่าย ซึ่งเคยอาศัยอยู่
ที่บ้านดอนเขาชนไก่ เมื่อสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น (บริเวณทิศใต้
เขาชนไก่ ใกล้เมืองกาญจนบุรเี ก่า ตําบลท่าเสาป จั จุบนั ) ต่อมาเมื่อ
ประมาณปี พ.ศ.๒๕๑๐ หลวงพ่อบุญงาม วัดท่าเสาได้บูรณะก่ อสร้าง
ขึน้ ใหม่เป็ นศาลพื้นปูน มุงสังกะสี และมีการบูรณะก่อสร้างขึน้ ใหม่
อีกครัง้ โดยพืน้ ยังคงเป็นปูน แต่เปลีย่ นหลังคาเป็นกระเบือ้ ง และเมื่อ
พ.ศ.๒๕๒๗ พล.ท.ประยูร มีเดช เจ้ากรมการรักษาดินแดน ได้ดําริ
ให้สร้างศาลเจ้าพ่อเขาชนไก่ขน้ึ ใหม่ให้สง่างาม และเหมาะสมกับ เป็ น
ปู ช นี ย สถานที่ สิ ง สถิ ต ดวงวิญ ญาณของบรรพบุ รุ ษ นั ก รบไทย
อัน ศัก ดิส์ ิท ธิ ์ เพื่อ เป็ น ที่เคารพสัก การะของประชาชนทั ่วไป และ
นักศึกษาวิชาทหาร ตลอดจนข้าราชการของกรมการรักษาดินแดน
ทีม่ าฝึก ณ ค่ายฝึกนักศึกษาวิชาทหารเขาชนไก่ โดยให้สร้างเป็นศาล
๑ หลัง และศาลา ๘ หลัง รวมทัง้ ให้ห ล่ อ รู ป ของขุน แผนสะท้า น
(พระสุ ริน ทรฦๅชัย ) และขุนไกรพลพ่ าย ขนาด ๒ ใน ๓ เท่า ของ
ตัว จริ ง ประดิ ษ ฐานไว้ โดยได้ ร ับ ทุ น บริ จ าคจากผู้ มี จิ ต ศรัท ธา
จํานวนหนึ่ง สําหรับรูปปนดิ ั ้ นของขุนแผนสะท้านและขุนไกรพลพ่าย
ในศาลเก่ า นัน้ ให้นํ า มาประดิษ ฐานไว้ใ นศาลคู่ ก ัน โดยได้ทํ า พิธี
รื้อ ศาลเก่ า ตัง้ ศาลใหม่ เมื่อ ๒ กุ ม ภาพัน ธ์ พ.ศ.๒๕๓๘ เวลา
๑๐.๐๙ น. โดยมีพลเอกวิมล วงศ์วานิช ผู้บญ ั ชาการทหารบกเป็ น
ประธานพิธี ศาลเจ้า พ่ อ เขาชนไก่ ม ีค วามศัก ดิส์ ิท ธิเ์ ป็ น ที่เ คารพ
เชื่อ ถื อ เป็ น อย่ า งยิ่ ง ของประชาชนจัง หวัด กาญจนบุ รี ท ั ว่ ไปที่
เดิน ทางผ่ า นไปมา รวมทัง้ นั ก ศึก ษาวิช าทหาร และข้า ราชการ
กรมการรัก ษาดิน แดนที่ม าฝึ ก ภาคสนาม ณ ค่ า ยฝึ ก ฯ ที่บ ริเ วณ
เขาชนไก่ แห่งนี้ ซึ่ง เชื่อว่าผู้ท่ีเคารพบูช าจะมีโชคลาภ มีค วามสุ ข
เจริญ ก้า วหน้ า และปลอดภัย จากอัน ตรายทัง้ ปวง ผู้ใ ดต้อ งการ
สมความปรารถนาในเรื่ อ งใดก็ จ ะนํ า สํ า เร็ จ ความปรารถนา
ในสิง่ นัน้ เสมอ
๑๐๔
นอกจากนัน้ มีข องแก้บนต่า ง ๆ วางถวายอยู่ ด้า นหน้ า รูป เคารพขุนแผน แท่น สัก การบู ช า
ค่อ นข้า งทรุ ดโทรม ขาดการดู แ ลรัก ษาความสะอาด ใกล้ก ับ แท่ น บู ช ามีศ าลาไม้ห ลัง หนึ่ ง
พระสงฆ์และชาวบ้านเรียกว่า ศาลาขุนแผน เชื่อว่าขุนแผนมาพักที่ถ้ําแห่งนี้ตอนตระเวนด่าน
หาของวิเศษ
ั ้ นแผนนังบริ
ภาพที่ ๓๒ รูปปนขุ ่ กรรมคาถาอยู่หน้าตําราพิชยั สงคราม
วัดถํ้าขุนไกร ตําบลแก่งเสีย้ น อําเภอเมืองฯ จังหวัดกาญจนบุร ี
๓.๒.๒.๑ รูปเคารพขุนไกร
ในจัง หวัด กาญจนบุ รี พบรู ป เคารพขุ น ไกรในสถานที่
๒ แห่ง คือ เขาชนไก่ และวัดถํ้ าขุ น ไกร สถานที่ทงั ้ สองแห่ งดัง กล่ าวเกี่ย วข้อ งกับขุน ไกร
ตามที่ปรากฏในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน และตามความเชื่อของคนท้องถิน่ กล่าวคือ
ชาวบ้า นเชื่อ ว่า ขุน ไกรมีภู มิลํา เนาเดิม อยู่ ท่ีเ ขาชนไก่ นอกจากนี้ ต านานประวัติ โดยย่ อ
วัดถา้ ขุนไกร ยังกล่าวไว้ว่า ขุนไกรได้เรียนวิชาคาถาอาคมกับอาจารย์ค ง เจ้าอาวาสวัดแค
ทีถ่ ้าํ บนเขาซึ่งปจั จุบนั อยู่ในบริเวณวัดถํ้าขุนไกร
๑) รูปเคารพขุนไกรทีเ่ ขาชนไก่
รูปเคารพขุนไกรที่เขาชนไก่ ประดิษฐานอยู่ท่ีศาล
เจ้าพ่อเขาชนไก่ ประกอบด้วยรูปปนดิ ั ้ น และรูปหล่อ รูปเคารพทีเ่ ป็นรูปปนคื ั ้ อรูปเคารพที่มอี ยู่
แต่เดิมตัง้ แต่ประดิษฐานอยู่ภายในศาลไม้เล็ก ๆ รูปเคารพดังกล่าวขุนไกรสวมชุดทหารและ
สวมหมวกนักรบ มือทัง้ สองข้างจับดาบซึ่งวางพาดอยู่บนตัก รูปปนพ่ ั ้ อปูข่ นุ ไกรมีขนาดเล็กกว่า
ั ้ อปูข่ นุ แผน แต่ตงั ้ อยู่เบื้องหน้ารูปปนพ่
รูปปนพ่ ั ้ อปู่ขุนแผน ด้านขวามือของรูปปนพ่ ั ้ อปู่ขุนไกร
เป็นทีป่ ระดิษฐานรูปหล่อขุนไกรซึ่งทหารได้หล่อขึน้ ให้มขี นาด ๒ ใน ๓ เท่าของตัวจริง ในคราว
ทีท่ หารบูรณะและสร้างศาลเจ้าพ่อเขาชนไก่เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๗
การสัก การบู ชาพ่อ ปู่ขุนไกรกระทําเหมือ นกับการ
สักการบูชาพ่อปูข่ นุ แผน จากการสังเกตและสัมภาษณ์ชาวบ้านทําให้ทราบว่า ชาวบ้า นนับถือ
พ่อ ปู่ขุนแผนและพ่ อปู่ขุน ไกรโดยเรียกรวมเป็ นพ่ อ ปู่เ ขาชนไก่ เชื่อ ว่า พ่อ ปู่ท งั ้ สองมีค วาม
ศักดิ ์สิทธิ ์และคอยปกป้องคุม้ ครองลูกหลานให้อยู่อย่างร่มเย็นตลอดมา
แด่ท่านปู่ ขุนไกรพลพ่าย
ขุน ด่านกาญจน์ประเทศท้า สิบทิศ
ไกร วิทยายุทธมหิทธิ ์ มหุตม์หา้ ว
พล พรรคหมืน่ แสนนิมติ ราญอริ ราบนอ
พ่าย พระพันพรรษท้าว ทีน่ ้สี ถิตเสถียร
๒) รูปเคารพขุนไกรทีว่ ดั ถํ้าขุนไกร
๓.๒.๒.๒ รูปเคารพนางทองประศรี
รู ป เคารพนางทองประศรี ป ระดิ ษ ฐานอยู่ ภ ายในศาล
ย่าทองประศรี ซึ่งเป็ นศาลไม้ขนาดเล็กตัง้ อยู่ในพืน้ ที่บ้านท่าเสา ตําบลลาดหญ้า อําเภอเมืองฯ
จังหวัดกาญจนบุรี อยู่ภายในบริเวณศูนย์ฝึกประสบการณ์วชิ าชีพของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
๑๐๙
ภาพที่ ๓๖ รูปเคารพนางทองประศรีภายในศาลย่าทองประศรี
๓.๒.๒.๓ รูปเคารพนางบัวคลี่
รูป เคารพนางบัว คลี่ป ระดิษฐานอยู่ภ ายในถํ้า นางบัว คลี่
หรือ ถํ้ า มัง กรคู ห าสวรรค์ ซึ่ง อยู่ ใ นวัด บ้ า นถํ้ า รู ป เคารพดัง กล่ า วเป็ น รู ป เคารพที่เ ชื่อ ว่ า
เกิด ขึ้นเองด้ว ยอิท ธิฤ ทธิแ์ ละความศัก ดิ ์สิท ธิข์ องนางบัว คลี่ เนื่อ งจากมีตํ า นานเล่า กัน ว่า
วิญญาณของนางบัวคลีซ่ ่งึ ถูกขุนแผนผ่าท้องเอาลูกชายไปทําพิธปี ลุกเสกเป็ นกุมารทองมีความ
ผูกพันกับถํ้าแห่งนี้มาก จึงบันดาลความอัศจรรย์ทําให้ หนิ ในถํ้ามีลกั ษณะนู นออกมาคล้ายหน้า
ของผูห้ ญิง ต่อมาภายหลังจึงมีการลงสีหนิ ส่วนดังกล่าวเป็ นภาพใบหน้าผูห้ ญิง และนํ าชุดไทย
โบราณมาสวมใส่ให้แม่นางบัวคลี่ นอกจากนี้พบว่ามีการลงสีเพิม่ เติมและเปลี่ยนชุดไทยให้แก่
รูปเคารพนางบัวคลีอ่ กี ด้วย
จากการเก็บข้อมูลภาคสนามพบว่า มีผูม้ าสักการบูชาและ
บนบานแม่นางบัวคลี่เป็ น จํานวนมาก สังเกตได้จากของที่นํามาถวายเพื่อแก้บน มีทงั ้ ชุดไทย
สร้อยคอ กําไลข้อมือ กระจก ตุ๊ก ตาผู้หญิง ฯลฯ ซึ่ง จะวางอยู่ ในบริเวณโดยรอบรูปเคารพ
นางบัวคลี่ ด้านข้างรูปเคารพนางบัวคลีม่ ตี หู้ ยอดเหรียญเพื่ออธิษฐานเสีย่ งทายตัง้ อยู่ดว้ ย
๑๑๐
ข้อความภาษาไทย มีความว่า
ข้อความภาษาอังกฤษ มีความว่า
๓.๒.๒.๔ รูปเคารพกุมารทอง
รูป เคารพกุม ารทองเป็ น รู ปเคารพที่ปรากฏหลากหลาย
มากที่สุด กล่า วคือ พบอยู่ ในสถานที่ท่เี กี่ย วข้องกับ ขุน แผนมากกว่า หนึ่ งแห่ง ที่สํา คัญ คือ
มักปรากฏร่วมกับรูปเคารพของตัวละครอื่น ๆ จากเสภาเรื่องขุนช้าง - ขุนแผน
จากการเก็ บ ข้อ มู ล ภาคสนามพบรู ป เคารพกุ ม ารทอง
ประดิษ ฐานร่ ว มกับ รู ป เคารพขุ น แผนอยู่ ภ ายในถํ้ า ขุน แผน ตํ า บลหนองบัว อํ า เภอเมือ ง
กาญจนบุรี ประดิษฐานร่วมกับรูปเคารพพระยากาญจนบุรที ่ศี าลพระยากาญจนบุรี ซึ่งตัง้ อยู่
ภายในบริเ วณวัดป่าเลไลยก์ ตํ าบลลาดหญ้ า อํ าเภอเมือ งกาญจนบุรี ประดิษ ฐานร่ วมกับ
รูปเคารพนางบัวคลี่ท่ถี ้ํานางบัวคลี่ ซึ่งตัง้ อยู่ภ ายในบริเวณวัดบ้านถํ้า อําเภอท่าม่วง จังหวัด
กาญจนบุรี
ภาพที่ ๓๘ รูปเคารพกุมารทองภายในถํ้านางบัวคลี่
๑๑๒
รูปเคารพกุมารทองที่ประดิษฐานอยู่ภ ายในถํ้านางบัวคลี่
ใกล้กบั รูปเคารพนางบัวคลี่ เป็นรูปเคารพกุมารทองเพียงแห่งเดียวที่มพี ้นื ที่สําหรับสักการบูชา
กุมารทองเป็ นส่วนเฉพาะ พบว่ามีผู้สกั การบูชาและบนบานขอพรจากกุมารทองจํานวนมาก
สัง เกตได้จ ากสิ่ง ของที่นํ า มาถวายกุ ม ารทองเพื่อ แก้บ นตัง้ เรีย งรายอยู่ โ ดยรอบรู ป เคารพ
กุมารทอง เช่น ของเล่นเด็ก รถจักรยาน ตุ๊กตา ขนม เครื่องดื่ม ฯลฯ นอกจากนี้การบูชา
กุมารทองภายในถํ้านางบัวคลี่ยงั มีคาถาสําหรับบูชา เรียกว่า คาถาบูชากุมารทองมหาลาภ
มีคาถาว่า ดังนี้
คาถาบูชากุมารทองมหาลาภข้างต้น สะท้อนให้เห็น
บทบาททีเ่ ปลีย่ นแปลงไปของกุมารทอง กล่าวคือ แต่เดิมกุมารทองบุตรชายของขุนแผนกับ
นางบัวคลีใ่ นเรื่องขุนช้างขุนแผนมีบทบาทเป็นผูช้ ว่ ยเหลือในทางการรบและการป้องกันตัว
ในขณะที่ปจั จุบนั กุมารทองมีบทบาทเป็ นผู้ช่วยเหลือ ในเรื่องการค้า ธุรกิจ และโชคลาภ
ตามกระแสสังคมในปจั จุบนั
จากข้อมูลคติชนประเภทรูปเคารพเกี่ยวกับขุนแผนที่พบในจังหวัดกาญจนบุรี ทําให้
เห็นได้ว่า รูปเคารพเกี่ยวกับขุนแผนที่พบในจังหวัดกาญจนบุรโี ดยมากมักปรากฏอยู่ร่วมกัน
ภายในสถานที่แห่งเดียว เช่น ศาลเจ้าพ่อเขาชนไก่เป็ นที่ประดิษฐานรูปเคารพขุนแผนและ
รูปเคารพขุนไกร ถํ้าขุนแผนภายในวัดถํ้าขุนแผน ตําบลหนองบัว เป็ นที่ประดิษฐานรูปเคารพ
ขุน แผนและรู ป เคารพกุ ม ารทอง ถํ้ า นางบัว คลี่ภ ายในวั ด บ้า นถํ้ า อํ า เภอท่ า ม่ ว ง เป็ น ที่
ประดิษฐานรูปเคารพนางบัวคลีแ่ ละรูปเคารพกุมารทอง เป็นต้น จะเห็นได้ว่า รูปเคารพที่นํามา
ประดิษฐานอยู่ร่วมกันต่างเป็นรูปเคารพของบุคคลทีเ่ กีย่ วข้องสัมพันธ์กนั กล่าวคือ ขุนแผนเป็ น
บุตรของขุนไกร กุมารทองเป็นบุตรของขุนแผนกับนางบัวคลี่
ผูว้ จิ ยั สังเกตว่า รูปเคารพขุนแผน รูปเคารพขุนไกรเป็นรูปเคารพทีจ่ ดั สร้างขึน้ ใหม่เพื่อ
การสักการบูชาและระลึกถึงบุคคลทัง้ สองซึ่งเชือ่ ว่าเคยมีตวั ตนอยู่จริง ส่วนรูปเคารพอื่น ๆ เช่น
รูปเคารพนางทองประศรี รูปเคารพกุมารทอง เป็นรูปเคารพทีส่ ามารถหาบูชาได้ตามท้องตลาด
๑๑๓
อาจกล่าวโดยสรุปได้ว่า ในจังหวัดกาญจนบุรีมีรูปเคารพขุนแผนและรูปเคารพของ
ตัวละครอื่น ๆ จากเสภาเรื่องขุนช้ าง – ขุนแผน อยู่เป็ นจํานวนมาก รูปเคารพที่ได้รบั การ
สร้างขึน้ เหล่านี้เกีย่ วข้องกับสถานทีต่ ่าง ๆ ทีเ่ กีย่ วข้องกับขุนแผนตามตํานานและความเชือ่ ของ
ชาวบ้า น หรือ ตามเรื่อ งราวในเสภาเรื่ อ งขุน ช้ า ง - ขุน แผน สะท้อ นให้เ ห็น ว่า การสร้า ง
รูปเคารพขุนแผนและรูปเคารพของตัวละครอื่น ๆ จากเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน เกิดจาก
ชาวบ้านในจังหวัดกาญจนบุรเี ชือ่ ว่าบุคคลเหล่านี้เป็นบุคคลทีเ่ คยมีตวั ตนอยูจ่ ริงในช่วงสมัยหนึ่ง
จึงมีเรื่องราวเล่าขานจดจํากันมาจนทุ กวันนี้ และยังยกย่องนับ ถือบุค คลเหล่ านี้ว่า มีค วาม
ศัก ดิส์ ิทธิ ์ สามารถดลบันดาลให้พ รและคอยปกป้อ งคุ้ม ครองตนได้ ทําให้ม ีก ารสัก การบูช า
รูปเคารพต่าง ๆ เหล่านี้จากรุ่นสู่รุ่นจวบจนปจั จุบนั
มีเสน่ ห์ในตัวเอง เป็ น คนเจ้าชู้ มีภ รรยามาก มีเวทมนตร์ ค าถาอันศัก ดิ ์สิทธิ ์ นอกจากนี้
อุทยั สินธุสาร (๒๕๔๒: ๓๘๙๗) ยังกล่าวไว้ด้วยว่า พระขุนแผนนี้กล่าวกันว่าโบราณาจารย์
ผู้สร้างได้อ ัญเชิญวิญญาณของขุนแผน แม่ทพั กรุงศรีอยุธ ยาให้เข้า มาสถิตในองค์พระด้ว ย
แล้วบรรจุไว้ในกรุ เพื่อให้ชนชัน้ หลังได้สกั การบูชา และบางท่านยังถือว่าเป็ นพระที่ขุนแผน
สร้างไว้เอง เพราะขุนแผนเป็ นผูเ้ ชีย่ วชาญทางไสยศาสตร์เวทมนตร์คาถา ดังนัน้ ในการปลุก
พระขุนแผน ท่านจึงให้ใช้พระคาถา “สุนะโมโล” คือ หัวใจขุนแผนเป็นการประจุฤทธิ ์ให้เกิดพลัง
ความศักดิ ์สิทธิ ์ด้วย
วิทยานิพนธ์ฉบับนี้จะเก็บรวบรวมเฉพาะข้อมูลพระขุนแผนที่มกี ารจัดสร้างในจังหวัด
กาญจนบุรแี ละจังหวัดสุพรรณบุรเี ท่านัน้ ในบทนี้ ผูว้ จิ ยั จะกล่าวถึงพระขุนแผนที่มกี ารจัดสร้าง
ในจังหวัดกาญจนบุรี ส่วนพระขุนแผนทีม่ กี ารจัดสร้างในจังหวัดสุพรรณบุรจี ะกล่าวถึงต่อไปใน
บทที่ ๔
อุทยั สินธุสาร (๒๕๔๒: ๓๘๙๖ – ๓๘๙๗) กล่าวถึงพระขุนแผนที่พบในจังหวัด
กาญจนบุรไี ว้ในสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ภาคกลาง เล่ม ๙ ว่า พระขุนแผนที่จดั สร้างใน
จังหวัดกาญจนบุรีมพี ระขุนแผนวัดเขาชนไก่ และพระขุนแผนสะกดทัพ ทัง้ นี้ พระขุนแผน
วัดเขาชนไก่เป็นเนื้อตะกัวสนิ
่ มจัด ออกสีน้ํ าตาลไหม้ ส่วนพระขุนแผนสะกดทัพเป็ นเนื้อชิน
ผิวกลับดํา องค์พระประทับยืน
นอกจากนี้ในประเทศไทยมีพพิ ธิ ภัณฑ์พระขุนแผนและพระเครื่องเมืองสุพรรณ ตัง้ อยู่ท่ี
วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งรวบรวมและจําลองพระขุนแผนสายและรุ่นต่าง ๆ
จากทัวประเทศไว้
่ อย่างหลากหลาย
พระขุน แผนที่จดั สร้า งในจังหวัดกาญจนบุ รีแ ละได้รบั การจัดแสดงไว้ท่ีพิพิธ ภัณ ฑ์
พระขุนแผนและพระเครื่องเมืองสุพรรณ ณ วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี มีดงั นี้
ภาพที่ ๓๙ - ๔๐ ป้ายประกาศการจัดสร้างพระขุนแผนของวัดบ้านถํ้า
ตําบลเขาน้อย (ภาพซ้าย) และวัดถํ้าขุนแผน ตําบลหนองบัว (ภาพขวา)
๑๑๖
วัดบ้านถํ้านี้ ได้ถูกกล่าวถึงไว้ใน...
‚เรื่องขุนช้างขุนแผน‛ ว่า ถิน่ บ้านถํ้า...
ทีอ่ ยู่ของหมื่นหาญ
นอกจากนี้ ย ัง มีก ารเขีย นข้อ ความเพื่อ อธิบ ายเรื่อ งขุน แผนไว้ท่ี บ ริเ วณ
ฝาผนังทางขึน้ ถํ้านางบัวคลี่ ถัดจากข้อความข้างต้น มีความว่า
๑๑๘
ภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผน บริเวณบันไดขึ้นถํ้านางบัวคลี่
วัดบ้านถํ้า มีการเรียงลําดับภาพและเขียนคําบรรยายภาพเพื่อเล่าเรื่องราวชีวติ ของขุนแผน
ดังตาราง
๑๑๙
จิต รกรรมฝาผนั ง เรื่ อ งขุ น ช้ า งขุ น แผน บริ เ วณทางขึ้น ถํ้ า นางบัว คลี่
วัดบ้านถํ้า ตําบลเขาน้อย อําเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี นําเสนอเรื่องราวชีวติ ช่วงที่ขุนแผน
ออกตระเวนด่านที่เมืองกาญจนบุรีเพื่อหาของวิเศษ ๓ สิ่ง คือ ดาบฟ้ าฟื้ น ม้าสีหมอก และ
กุมารทอง เรื่องราวชีวติ ของขุนแผนในช่วงนี้เกี่ยวข้องกับเมืองกาญจนบุรี โดยเฉพาะบริเวณ
ชุมชนบ้านถํ้าอย่างชัดเจน
๑๒๐
๓.๔.๒ จิ ตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผนในหอสมุดวัดมโนธรรมาราม
จิต รกรรมฝาผนัง เรื่อ งขุน ช้า งขุน แผนที่ว ดั มโนธรรมาราม (วัด นางโน)
อยู่ภายในหอสมุดวัดมโนธรรมาราม ภาพจิตรกรรมเป็นภาพวาดสีจํานวน ๑๖ ภาพ มีคําอธิบาย
ใต้ภาพ และชื่อผูส้ ร้างพร้อมจํานวนเงินบริจาค ภาพจิตรกรรมยังมีสภาพดี สีข องภาพชัดเจน
กล่าวเริม่ ด้วยเรื่องราวชีวติ ตอนขุนแผนเป็นเจ้าเมืองกาญจนบุรแี ล้วจึงเล่าย้อนถึงตอนทีข่ นุ แผน
ออกตระเวนด่านเพื่อเสาะหาของวิเศษ ๓ สิง่ เรื่องราวชีวติ ของขุนแผนทีเ่ ล่าผ่านภาพจิตรกรรม
แต่ละภาพเหมือนกับภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผน บริเวณบันไดขึน้ ถํ้า วัดบ้านถํ้า
แตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ดังจะกล่าวต่อไป
ภาพที่ ๔๓ จิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผนในหอสมุดวัดมโนธรรมาราม
ภาพที่ ๔๔ ภาพขุนแผนนังเมื
่ อง ออกว่าราชการงานเมืองกาญจนบุร ี สมัยศรีอยุธยา
จิตรกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผนในหอสมุดวัดมโนธรรมาราม
ได้ดาบดังเทพศัสตรา ต้องตําราฤทธิแรงกําแหงหาญ
มาถึงเรือนไว้ทน่ี มัสการ แล้วคิดอ่านจะไปหาม้าสําคัญ
เอาเงินชังห้
่ ามาใส่ได้ เทีย่ วไปทัวประเทศเขตขั
่ ณฑ์
ไม่ชอบตาหาต่อไปทุกวัน ทัง้ ราชบุรสี ุพรรณเพชรบุรี
(เสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน, ๒๕๔๕: ๓๖๐)
๓.๕.๑ เพลงทรงเครื่องจากตาบลพนมทวน
สุมามาลย์ เรืองเดช เก็บรวบรวมเพลงทรงเครื่องจากตําบลพนมทวนได้จาก
วิท ยากร ๒ คน คือ นางแหนม โพธิ ท์ อง และนางกิม ฮุ้ น เห็น ประเสริฐ เนื้ อ เรื่อ งของ
เพลงทรงเครื่องที่เก็บรวบรวมได้อยู่ในวรรณคดีเอกของไทย ๒ เรื่องคือ เรื่องขุนช้างขุนแผน
และเรื่องพระอภัยมณี ในการเล่นเพลงทรงเครื่องนัน้ นิยมเล่นเรื่องขุนช้างขุนแผนกันมาก
เพราะเรื่องราวเกีย่ วกับชาวบ้าน
เนื้ อ เพลงทรงเครื่อ งจากตํ า บลพนมทวน เรื่อ งขุน ช้า งขุน แผน จํ า แนก
เรื่องราวออกเป็น ๓ ตอน คือ
๑. ตอนพระพั น วษามี พ ระราชบั ญ ชาให้ ขุ น แผนไปตี เ ชี ย งใหม่
ประกอบด้ ว ย บทพระพั น วษา บทขุ น แผนรั บ พระราชสาส์ น
บทนางลาวทอง – แก้วกิรยิ า
๑๒๖
จากการศึกษาวิเคราะห์เพลงทรงเครื่องจากตําบลพนมทวน เรื่องขุนช้าง
ขุนแผน พบว่า การเล่นเพลงทรงเครื่องจากตําบลพนมทวนนัน้ พ่อเพลงแม่เ พลงได้อาศัย
เรื่องราวจากวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนมาใช้ร้องเล่น ตัวละครเรื่องขุนช้างขุนแผนที่ได้รบั
การกล่าวถึง ได้แก่ พระพันวษา ขุนแผน นางแก้วกิริยา นางลาวทอง แม่ ข องนางศรีมาลา
จมื่นศรี พระไวย พลายชุมพล นางศรีมาลา นางสร้อยฟ้า
ตัวละครที่มีการกล่าวถึงในการเล่นเพลงทรงเครื่องมากที่สุดคือ ขุนแผน
ทัง้ นี้ ในเนื้อเพลงจะกล่าวถึงขุนแผนโดยใช้ช่อื เรียกต่าง ๆ ได้แก่ ขุนแผน พระยากาญจนบุรี
พระยากาญจน์บุรี หลวงแผน ไอ้ขุนแผน ไอ้แผน แตกต่างกันตามสถานภาพของผูเ้ รียกหรือ
ตามการสวมบทบาทของพ่อ เพลงแม่เ พลง การเรีย กชื่อดังกล่ าวเป็ นการนํ าราชทินนามที่
พระพันวษาพระราชทานมาเรียก เช่น ขุนแผน พระยากาญจนบุรี พระยากาญจน์บุรี นอกจากนี้
จะเห็นได้ว่า ชาวบ้านมีการเรียกชื่อขุนแผน โดยเรียกชื่อ ‚แผน‛ ว่า ไอ้แผน หรือ หลวงแผน
ทัง้ ทีจ่ ริงแล้ว ชือ่ เดิมของขุนแผนคือ พลายแก้ว ไม่ใช่ ‚แผน‛ ชื่อ ‚แผน‛ นี้เป็ นเพียงส่วนหนึ่ง
ของราชทินนามขุนแผนแสนสะท้าน ทีไ่ ด้รบั พระราชทานมา
เรื่องราวชีวติ ของขุนแผนทีส่ ะท้อนจากเพลงทรงเครื่องจากตําบลพนมทวน
เป็ นเรื่องราวชีวติ ตอนที่ขุนแผนได้รบั โปรดเกล้าฯ จากสมเด็จพระพันวษาปูนบําเหน็จให้เป็ น
พระยากาญจนบุ รี ครองเมือ งกาญจนบุ รี ซึ่ ง ถือ ว่ า มีตํ า แหน่ ง สู ง สุ ด ในเมือ งกาญจนบุ รี
โดยสะท้อนให้เห็นว่า เมื่อได้รบั พระราชบัญชาให้ไปศึกเชียงใหม่ แม้จะครองเมืองกาญจนบุรี
อยู่อย่างสุขสําราญ แต่ขนุ แผนก็รบี สนองพระราชบัญชา
นอกจากนัน้ แล้ว เนื้อเพลงยังสะท้อนให้เห็นคุณลักษณะของขุนแผนด้าน
อื่น ๆ คือ เป็นผูม้ คี วามรูเ้ รื่องวิชาคาถาอาคม ความรูเ้ รื่องฤกษ์ยาม ตําราพิชยั สงคราม อันเป็น
คุณลักษณะสําคัญของทหารหรือนักรบ
นอกจากนี้ เ พลงทรงเครื่อ งจากตํ า บลพนมทวนยัง กล่ า วถึ ง ตัว ละคร
อีกกลุ่มหนึ่งคือ บุตรชายทัง้ สองคนของขุนแผน คือ พลายชุมพล และพระไวย โดยได้นําเสนอ
ตัวละครทัง้ สองในตอนเป็ นทหารและต้องไปรบเช่น เดียวกัน ตัว ละครชายจากเรื่องขุนช้า ง
ขุนแผนทีไ่ ด้รบั การกล่าวถึงทัง้ ขุนแผน พระไวย พลายชุมพล ต่างก็เป็ นทหารที่กําลังจะต้องไป
รบทัง้ สิน้ ในขณะทีต่ วั ละครหญิง ได้แก่ นางแก้วกิรยิ า นางลาวทอง นางศรีมาลา นางสร้อยฟ้ า
๑๒๗
ตัวอย่างเพลงทรงเครืองจากต
่ าบลพนมทวน เรือ่ งขุนช้างขุนแผน
๑. ตอนพระพันวษามีพระราชบัญชาให้ขนุ แผนไปตีเชียงใหม่ ประกอบด้วย
บทพระพันวษา บทขุนแผนรับพระราชสาส์น บทนางลาวทอง – แก้วกิรยิ า
(จมื่น ศรีก ราบทู ล ว่ า บัด นี้ มีพ วกมอญเชีย งใหม่ ย กทัพ มาทางด่ า นสุ พ รรณบุ รี
พระพันวษาจึงปรึกษาว่าแล้วจะให้ผใู้ ดไปรับทัพข้าศึกดี จมื่นศรีทูลว่า เห็นแต่ขุนแผนซึ่งบัดนี้
เป็นพระยากาญจนบุรี พระพันวษาทรงเห็นด้วย)
(ขุนแผนลุกออกมาต้อนรับแล้วสังนางแก้
่ วกิรยิ า นางลาวทองให้ออกมาต้อนรับด้วย)
บทพลายชุมพลแต่งกาย
ถือหอกโลหะชนะศึก หาญฮึกจะไปรบกับพีไ่ วย
พลายชุมพลตรวจทัพแลคับคัง่ ทัพหน้าทัพหลังแลเรียงราย
บทนางศรีมาลาให้พรพระไวย
บทนางสร้อยฟ้าให้พรพระไวย
บทแม่ศรีมาลาสอนลูก
๓.๕.๒ ลานอกเรื่องขุนช้างขุนแผน
ปรมินท์ จารุวร (๒๕๔๒: ๑๓๗ – ๑๓๘) ได้เก็บรวบรวมลํานอกที่เคยใช้
ในประเพณีสวดพระมาลัยของชาวบ้านหนองขาว จังหวัดกาญจนบุรี จากนายเฟื่ อง บ้านกล้วย
ไว้ใ นการสื บ ทอดท านองสวดและประเพณี ส วดพระมาลัย ที่ บ้ า นหนองขาว จัง หวัด
กาญจนบุรี พบว่า มีลํา นอกที่มีเ นื้อ หาเกี่ย วกับ วรรณคดีไทยเรื่องต่ าง ๆ หลายเรื่อ ง เช่น
ลํา นอกเรื่อ งขุน ช้างขุน แผน ลํา นอกเรื่อ งพระอภัย มณี ลํ า นอกเรื่องไกรทอง ลํ า นอกเรื่อ ง
ลักษณวงศ์ เป็นต้น
ลํานอกเรื่องขุนช้างขุน แผนกล่าวถึงเรื่องราวชีวติ ของขุนแผนตอนที่นาง
วันทองถูกนางศรีประจันผูเ้ ป็นมารดายกให้เป็นภรรยาขุนช้าง เพราะขุนช้างทําอุบายว่าขุนแผน
เสียชีวติ นางศรีประจันกลัวนางวันทองจะเป็ นหม้าย อีกทัง้ ขุนช้างก็มฐี านะรํ่ารวยกว่าขุนแผน
นางศรีประจันจึงยกนางวันทองให้ขนุ ช้าง เมื่อขุนแผนทราบก็โกรธจนฉวยดาบ แต่นางลาวทอง
ห้ามไว้ได้ทนั
ข้อมูลคติชนเกี่ยวกับขุนแผนในจังหวัดสุพรรณบุรี
ผู้ว ิจ ัย จ าแนกข้อ มู ล คติช นเกี่ย วกับ ขุ น แผนในจัง หวัด สุ พ รรณบุ รีไ ด้ ๕ ประเภท
มีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้
ข) ชื่อถนนและแยกจราจร
๑) ชือ่ ตัวละคร
๒) ชือ่ ของวิเศษของขุนแผน
๓) ชือ่ สถานที่
ค) อุทยานวรรณคดี
๑) คุม้ ขุนแผน
๒) บ้านขุนช้าง
ง) ชื่อสถานที่อื่น ๆ
- ชือ่ อาคารและห้องต่าง ๆ
๑๓๗
๑) วัดปา่ เลไลยก์
ผู้วจิ ยั รวบรวมข้อมูลเพลงพื้นบ้านในจังหวัดสุพรรณบุ รจี ากวิทยานิพนธ์เ รื่องเพลงปฏิ พากย์:
การศึกษาในเชิ งวรรณคดีวิเคราะห์ ของสุกญ ั ญา สุจฉายา
๑๓๙
๒) วัดแค
ในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ขุนแผนเมื่อครัง้
เป็นเณรแก้ว มาบวชเรียนศึกษาวิชากับสมภารคงที่วดั แค เมืองสุพรรณบุรี หลังจากที่ได้บวช
เรียนกับสมภารมี วัดปา่ เลไลยก์มาแล้ว
วัดแค เมืองสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นสถานทีบ่ วชเรียนของ
เณรแก้วก็คือ วัดแค จังหวัดสุพรรณบุรีในปจั จุบนั อยู่ท่บี ้านค่ายเก่า หมู่ท่ี ๑ ตาบลรัว้ ใหญ่
อาเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ตามประวัตวิ ดั ระบุว่า วัดแคสร้างเมื่อ พ.ศ.๒๐๓๔
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ภายในวัดแคมีตน้ มะขามยักษ์ เป็ นหลักฐานที่ทาให้
เชือ่ มันต่
่ อกันมาว่า วัดแคมีอายุเก่าแก่และมีความสาคัญเกีย่ วข้องกับขุนแผน เนื่องจากในเสภา
เรื่ อ งขุนช้ า ง – ขุน แผน ปรากฏความตอนหนึ่ง ว่า ขุน แผนเรีย นวิชาและลองวิช าความรู้
โดยการเสกใบมะขามเป็นต่อแตน ดังความว่า
ด้วยเหตุน้ี เมื่อพิจารณาหลักฐานดังกล่าวประกอบ
กับประวัตวิ ดั ซึ่งน่ าจะสร้างมาตัง้ แต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จึงทาให้เชื่อว่า วัดแคแห่งนี้คอื วัดแค
อัน เคยเป็ น สถานศึก ษาของขุน แผนจริง ป จั จุ บ ัน ต้น มะขามยัก ษ์ด ัง กล่ า วตัง้ อยู่ ใ นบริเ วณ
๑๔๑
ต้นมะขามยักษ์วดั แค
จารึกของตานานที่ย้อนรอยเรื่องราวของวรรณคดีไทย
จากเรื่อ ง “ขุนช้างขุนแผน” ตอนหนึ่ง กล่ าวถึงขุนแผนใช้วชิ าเสก
ใบมะขามให้เป็นตัวต่อตัวแตน เพื่อให้โจมตีขา้ ศึกทีม่ ารุกรานแผ่นดิน
สยาม หลักฐานสาคัญ ในอดีต ที่ยงั คงเหลือ อยู่ม าจนถึงป จั จุบนั คือ
ต้นมะขามยักษ์ อายุป ระมาณกว่า ๑,๐๐๐ ปี ที่ปรากฏอยู่ ภ ายใน
บริเวณ “วัดแค” แห่งนี้ (อบจ. สุพรรณบุร)ี
๓) เขาพระ
ความตอนหนึ่ ง ในเสภาเรื่ อ งขุน ช้ า ง – ขุน แผน
กล่าวว่า ขุนแผนพานางวันทองหนีจากเรือนขุนช้าง หลบหนีความผิด อาญามาท่องเที่ยวอยู่ใน
ปา่ แถบเขาพระ ดังความว่า
จากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ของวัด ทาให้ทราบว่า
ทางวัดมีโครงการจะสร้างรูปปนขุั ้ นแผนกับรูปปนนางพิ
ั้ มไว้ในถ้าขุนแผน – นางพิม หากแต่ยงั
ขาดแคลนทุนทรัพย์
นอกจากนี้ ผูว้ จิ ยั พบว่า ในมณฑปบนยอดเขามีภาพ
จิตรกรรมตอนขุนแผนชีบ้ อกนางวันทองให้ดูดาวพระศุกร์ปรากฏอยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม แม้จะ
ปรากฏร่องรอยเกีย่ วกับขุนแผน ทัง้ ยังมีความเชือ่ ทีข่ นุ แผนพานางวันทองหลบหนีมาพัก ณ ทีน่ ้ี
ตรงตามทีป่ รากฏในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน แต่วดั แห่งนี้กไ็ ม่ได้เป็นทีร่ จู้ กั ว่าเกีย่ วข้องกับ
ขุนแผนมากเท่ากับวัดปา่ เลไลยก์วรวิหารและวัดแค ทัง้ นี้อาจเป็นเพราะที่ตงั ้ ของวัดอยู่ห่างจาก
อาเภอเมือง และไม่มสี ถานทีท่ ่องเทีย่ วอื่น ๆ อยู่โดยรอบ
โครงการออมบุญ ๙ มหามงคลทีว่ ดั เขาพระศรีสรรเพชญาราม ประกอบด้วย มงคลที่ ๑ พระเจ้า
อู่ทอง มงคลที่ ๒ วิหารพระหยก มงคลที่ ๓ หลวงพ่อเปี้ยน – หลวงพ่อบุญ มงคลที่ ๔ เจ้าพ่อจักรนารายณ์
มงคลที่ ๕ หลวงพ่อ สัง ฆ์ส รรเพชญ์ มงคลที่ ๖ รอยพระพุท ธบาทจาลองในมณฑป มงคลที่ ๗ บ่ อ น้ า
ศักดิ ์สิทธิ ์ มงคลที่ ๘ ถ้าขุนแผน – นางพิม และมงคลที่ ๙ พิพธิ ภัณฑ์พน้ื บ้านเขาพระ
๑๔๓
ก) ชื่อวัด
๑) วัดพลายชุมพล
จากการสัมภาษณ์คนขับรถโดยสารสามล้อซึ่งประจา
อยู่ท่จี อดรอรับผูโ้ ดยสารบริเวณหน้าวัดพระรูป ตาบลรัว้ ใหญ่ อาเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
ทาให้ทราบว่า ในอดีต จังหวัดสุพรรณบุรีเคยมีว ดั ร้างซึ่งอยู่ตดิ กับวัดพระรูปในปจั จุบนั ชื่อว่า
วัดพลายชุมพล แต่ปจั จุบนั ชาวบ้านไม่ทราบว่าผูใ้ ดเป็นผูต้ งั ้ ชือ่
นอกจากนี้ แต่เดิมวัดพลายชุมพลมีเจดีย์เก่าขนาด
ใหญ่ แต่ปจั จุบนั ไม่หลงเหลือร่องรอยใดให้เห็นว่าเคยเป็ นที่ตงั ้ ของวัดดังกล่าวแล้ว จากการ
สัมภาษณ์ชาวบ้านบริเวณดังกล่าว ชาวบ้านมักจะไม่ทราบว่าเคยมีวดั พลายชุมพลอยู่ติดกับ
วัดพระรูปด้วย แต่ถ้าถามจากชาวบ้านอาวุโส จะยังพอทราบว่าเคยมีวดั ดังกล่าวแต่เกิดมา
ก็ไม่เห็นแล้ว อย่างไรก็ตาม ข้อมูลดังกล่าวก็ทาให้เห็นร่องรอยการนาชื่อตัวละครพลายชุมพล
ซึ่งเป็นชือ่ บุตรชายของขุนแผนกับนางแก้วกิรยิ ามาตัง้ เป็นชือ่ วัดตัง้ แต่ในอดีต
๒) วัดลาวทอง
ข) ชื่อถนนและแยกจราจร
จากการเก็บข้อมูลภาคสนามในจังหวัดสุพรรณบุรี ผูว้ จิ ยั
พบว่า ในเขตเทศบาลเมือ งสุพ รรณบุ รี ถนนสายต่ าง ๆ และแยกจราจรมีช่อื เกี่ย วข้อ งกับ
เสภาเรื่ อ งขุน ช้ า ง – ขุน แผน จนท าให้ เ ป็ น ที่รู้ จ ัก และจดจ ากัน อย่ า งกว้า งขวางทัง้ จาก
ชาวสุ พ รรณบุ รีเ องและจากผู้ค นทัวไป ่ ชื่อ ถนนและแยกจราจรต่ า ง ๆ เหล่ า นี้ เ ป็ น ชื่อ ที่
ทางเทศบาลเมืองสุพรรณบุรตี งั ้ ขึน้ ใหม่ภายหลัง
ผูว้ จิ ยั รวบรวมข้อมูลชื่อถนนสายต่าง ๆ ในเขตเทศบาล
เมือ งสุ พ รรณบุ รีแ ละสามารถจ าแนกลัก ษณะชื่อ ถนนที่เ กี่ย วข้อ งกับ เสภาเรื่ อ งขุน ช้ า ง –
ขุนแผน ได้ ๓ ลักษณะ คือ ชือ่ ตัวละคร ชือ่ ของวิเศษของขุนแผน และชือ่ สถานที่ ดังตาราง
ตารางที่ ๕ แสดงลักษณะชื่อถนนในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี
ลักษณะชื่อ ชื่อถนนในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี
๑. ชื่อตัวละคร ถนนพลายแก้ว ถนนเณรแก้ว ถนนขุนแผน
ถนนนางพิม ถนนนางลาวทอง ถนนนางบัวคลี่
ถนนนางแก้วกิรยิ า ถนนนางศรีประจันต์
ถนนขุนไกร ถนนพลายงาม ถนนจมืน่ ไวย
ถนนหลวงนายฤทธิ ์ ถนนพลายชุมพล ถนนพลายอนันต์
ถนนสมภารคง ถนนหมืน่ หาญ ถนนจมื่นศรี ถนนขุนราม
ถนนขุนช้าง ถนนขุนศรีวชิ ยั ถนนนางเทพทอง
ถนนนางแก่นแก้ว ถนนนางศรีมาลา ถนนนางสร้อยฟ้า
ถนนพระพันวษา ถนนนางสร้อยทอง
ถนนหลวงทรงพล ถนนพลายยง
๒. ชื่อของวิ เศษของขุนแผน ถนนกุมารทอง ถนนดาบฟ้าฟื้ น ถนนม้าสีหมอก
๓. ชื่อสถานที่ ถนนท่าสิบเบีย้ ถนนไร่ฝ้าย ถนนปา่ เลไลยก์
๑๔๕
ค) ชื่ออุทยานวรรณคดี
ในจังหวัดสุพรรณบุรมี กี ารสร้างอุทยานวรรณคดีขน้ึ เพื่อ
ระลึกถึงขุนแผนและเรื่องขุนช้างขุนแผน จานวน ๒ แห่ง คือ คุม้ ขุนแผน และบ้านขุนช้าง
๑) คุม้ ขุนแผน
ประวัติค้มุ ขุนแผน
สร้างเมื่อ เริม่ สร้างวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๒๕
งบประมาณ ใช้งบประมาณจากองค์การบริหารส่วนจังหวัด
สุพรรณบุรี ปี พ.ศ.๒๕๒๕ เป็นเงิน ๑,๓๑๙,๐๐๐ บาท
และประชาชนชาวจังหวัดสุพรรณบุรรี ่วมบริจาค
สมทบทุน ๓๓๐,๐๐๐ บาท
วัตถุประสงค์ เพื่อเป็นอุทยานวรรณคดีเป็นการอนุรกั ษ์ศลิ ปะ
ทางวรรณกรรมและประวัตศิ าสตร์
และเป็นสถานทีท่ ่องเทีย่ ว และพักผ่อนหย่อนใจ
ของประชาชน
สร้างเสร็จเมื่อ วันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๒๗
๒) บ้านขุนช้าง
ง) ชื่อสถานที่อื่น ๆ
จากการเก็บ ข้อ มู ล ภาคสนามยัง พบชื่อ สถานที่อ่ืน ๆ
ทีเ่ กีย่ วข้องกับเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน เช่น อาคารพิพธิ ภัณฑ์พระขุนแผนและพระเครื่อง
เมือ งสุพ รรณ มีช่อื ว่า อาคารพิม พิล าไล ห้อ งประชุม จัด เลี้ย งและห้อ งอาหารในโรงแรม
สองพันบุรี โรงแรมเก่าแก่ในจังหวัดสุพรรณบุรตี งั ้ ชื่อห้องตามชื่อตัวละครต่าง ๆ ในเสภาเรื่อง
ขุน ช้ า ง – ขุนแผน ได้แ ก่ ห้อ งขุนไกร ห้อ งขุน ศรีวชิ ัย ห้องพลายชุม พล ห้อ งพลายงาม
ห้องพลายเพชร ห้องหลวงทรงพล ห้องจมืน่ ไวย ห้องอาหารพลายแก้ว ตลอดจนจุดตรวจของ
ทางสถานีตารวจก็นาชื่อตัวละครพลายเพชรในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน มาตัง้ เป็ นชื่อว่า
จุดสกัดพลายเพชร
๑) ชือ่ พระพุทธรูป
วัดพระรูป จังหวัดสุพรรณบุรี เป็นทีป่ ระดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์
ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “เณรแก้ว” ดังข้อความในป้ายอธิบายสถานที่ท่กี ารท่องเที่ยวแห่งประเทศ
ไทยจัดทาขึน้ มีความว่า
วัด พระรู ป เป็ น วัด เก่ า วัด หนึ่ ง มี อ ายุ อ ยู่ ใ นสมัย อู่ ท อง
ตอนปลาย มีพระปางไสยาสน์ซ่ึงชาวบ้านเรียกว่า “เณรแก้ว เจดีย์
อู่ทอง” และมีพระพุทธบาทไม้หนึ่งเดียวในประเทศไทย และยังเป็ น
กรุพระเครื่องขุนแผนอันเลื่องชือ่ อีกด้วย
๒) ชือ่ กิจการร้านค้า
ผูว้ จิ ยั พบว่า ในจังหวัดสุพรรณบุรมี เี จ้าของกิจการร้านค้าจานวนมากที่
นาชือ่ ขุนแผนและชือ่ ตัวละครอื่น ๆ ในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ไปตัง้ เป็ นชื่อกิจการหรือ
ชือ่ ร้านค้าของตน ชือ่ ขุนแผนได้รบั การนามาตัง้ เป็นชือ่ กิจการมากทีส่ ุด ส่วนชือ่ ตัวละครอื่น ๆ
ที่ผวู้ จิ ยั พบคือ นางทองประศรี นางบัวคลี่ เช่น ร้านอาหารครัวทองประศรีท่ี มนี ้ าพริกขุนแผน
ปลาช่อนทองประศรี เป็นอาหารแนะนาของร้าน หมู่บา้ นบัวคลี่ โครงการบ้านบัวคลี่
๔.๒.๑ รูปเคารพขุนแผน
ในจังหวัดสุพรรณบุรี พบรูปเคารพขุนแผนประดิษฐานอยู่ในสถานที่ ๒ แห่ง
คือ วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร และวัดแค จาแนกให้เห็นได้ดงั นี้
๔.๒.๑.๒ รูปเคารพขุนแผนที่วดั แค
จากการเก็บข้อมูลภาคสนาม ผู้วจิ ยั พบรูปเคารพขุนแผน
ประดิษฐานอยู่ภายในวัดแค ๒ องค์ องค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ภายในศาลาสักการะ ใกล้กบั ประตู
ทางเข้าวัด อีกองค์หนึ่งประดิษฐานอยู่ภายในศาลขุนแผนซึ่งตัง้ อยู่ในบริเวณคุม้ ขุนแผน
๑) รูปเคารพขุนแผนทีป่ ระดิษฐานอยู่ในศาลาสักการะ
วัดแค
รูปเคารพขุนแผนที่ประดิษฐานอยู่ในศาลาสักการะ
เรียกว่า พ่อท่านขุนแผน เป็นรูปหล่อขุนแผนในชุดทหาร สะพายดาบไขว้ นังพั ่ บเพียบมือซ้าย
ทับมือขวาอยู่บนแท่นสูงจากพื้นศาลาประมาณ ๐.๕ เมตร รูปเคารพทัง้ องค์มีร่องรอยการ
ปิดทอง มีผนู้ าผ้าขาวม้ามาถวายและแก้บนโดยผูกรอบบริเวณเอวของรูปเคารพ ที่ดาบมีผนู้ า
พวงมาลัยมาคล้องถวาย มีผถู้ วายรูปปนม้ั ้ าลายเสมือนเป็ นตัวแทนของม้าสีหมอก พาหนะคู่ใจ
ของขุนแผน ด้านหน้ารูปเคารพ ทางวัดตัง้ น้ าเปล่า ๑ แก้ว ถวายพ่อท่านขุนแผน และหากมี
ผูน้ าหมากพลูมาถวายก็จะตัง้ บูชาไว้บริเวณหน้ารูปเคารพ หน้าแท่นไม้ประดิษฐานรูปเคารพ
มีแผ่นป้ายคาถาบูชาพ่อท่านขุนแผน วัดแค อาเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี มีความว่า
นอกจากนี้ บริเวณหัวเข่ารูปเคารพพ่อท่านขุนแผน
มีแผ่นป้ายบอกความเชือ่ เรื่องการปิดทองขอพรพ่อท่านขุนแผนไว้ มีความว่า
๔.๒.๒.๑ รูปเคารพนางพิ ม
๔.๒.๒.๒ รูปเคารพขุนช้าง
ภาพที่ ๗๒ รูปเคารพขุนช้างภายในบ้านขุนช้าง
วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุร ี
๑๕๗
รูปเคารพขุนช้างประดิษฐานอยู่ภายในศาลขุนช้าง ซึ่งอยู่ใน
บริเวณบ้านขุนช้าง วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร เป็ นรูปปนดิ ั ้ น ๒ องค์ อยู่ในท่ายืน ๑ องค์ และ
ท่านัง่ ๑ องค์ ลักษณะของรูปปนเป็ ั ้ นชายหัวล้าน นิ้วมือ สวมแหวนสีทอง ข้อ เท้าสวมกาไล
สีท อง มีร่ องรอยการปิ ดทองในบริเ วณต่ าง ๆ ได้แก่ หน้ า ผาก ตา แก้ม ปาก โดยบริเ วณ
หน้ าผากมีร่องรอยการปิ ดทองมากที่สุด นอกจากนี้ผวู้ จิ ยั พบว่า บริเวณหน้าแข้งของรูปป นั ้
มีผนู้ าปากกาสีดามาวาดเป็นเส้นขน เหมือนเป็นการสื่อถึงความร่ ารวยเป็ นเศรษฐี ตามสานวน
ไทย “ขนหน้ าแข้งไม่ร่วง” ด้านหน้ารูปปนทั ั ้ ง้ สอง มีรูปปนผูั ้ ห้ ญิงขนาดเล็กซึ่งมีผนู้ ามาถวาย
วางเอาไว้ นอกจากนี้ ภ ายในศาลยัง มีก ล่ อ งให้ ร่ ว มท าบุ ญ หน้ า กล่ อ งเขีย นข้อ ความว่ า
“พ่อขุนช้าง เจ้าสัวตัวจริงแห่งเมืองสุพรรณ” และมีกระบอกเซียมซีจานวนมากเตรียมไว้สาหรับ
ผูม้ าไหว้สกั การะ ซึ่งมักบูชาด้วยพวงมาลัยดาวเรือง นอกจากนี้พบว่าสิง่ ของที่ มผี นู้ ามาถวาย
ให้แก่พ่อขุนช้างมีหลากหลาย เช่น สร้อยคอสีทอง น้ าหวาน น้ าดื่ม ผลไม้ ฯลฯ โดยส่วนใหญ่
ผูท้ ม่ี าไหว้พ่อขุนช้างมักขอให้ตนร่ารวย มีเงินมีทองเหมือนขุนช้าง
๔.๒.๒.๓ รูปเคารพสมภารคง
ในเสภาเรื่องขุนช้ าง – ขุนแผน สมภารคงเป็ นอาจารย์
ที่ถ่ า ยทอดวิช าความรู้ ม ากมายให้แ ก่ เ ณรแก้ ว จากการเก็บ ข้อ มู ล ภาคสนามในจัง หวัด
สุ พ รรณบุ รี ผู้ว ิจ ัย พบรู ป เคารพสมภารคงประดิษ ฐานอยู่ ท่ีว ดั แค ๓ องค์ คือ รู ป เคารพที่
ประดิ ษ ฐานอยู่ ภ ายในศาลาสั ก การะ รู ป เคารพที่ ป ระดิ ษ ฐานอยู่ ใ นศาลหลวงปู่ ค ง
และรูปเคารพทีป่ ระดิษฐานอยู่ภายในศาลอาจารย์คง
๑) รูปเคารพสมภารคงทีป่ ระดิษฐานอยู่ภายใน
ศาลาสักการะ
๓) รูปเคารพสมภารคงทีป่ ระดิษฐานอยู่ในศาลอาจารย์คง
รูปเคารพสมภารคงที่ประดิษฐานอยู่ในศาลอาจารย์
คง เรียกกันว่า อาจารย์คง หรือพระอาจารย์ค ง ศาลแห่งนี้ตงั ้ อยู่ภ ายในบริเวณคุ้มขุนแผน
วัดแค ใกล้กบั ต้นมะขามยักษ์ และศาลขุนแผน มีลกั ษณะเหมือนศาลเจ้าที่ สร้างขึน้ เมื่อวันที่
๑๗ กรกฎาคม ๒๕๒๙ ปจั จุบนั ยังมีผมู้ ากราบไหว้ขอพรและบนบานอยู่อย่างต่อเนื่อง
๔.๒.๒.๔ รูปเคารพกุมารทอง
รูปเคารพกุมารทองทีพ่ บทีว่ ดั แคเป็นรูปหล่อ มีชอ่ื ว่า กุมาร
ทองคา ประดิษฐานอยู่ภายในศาลาสักการะ กุมารทองคาอยู่ในท่านังขั ่ ดสมาธิ เหนือแท่นไม้
ศีรษะเกล้าจุก มือทัง้ สองข้างยกขึ้นอยู่ในท่ากวักมื อ รูปเคารพกุมารทองคามีร่องรอยการ
ปิ ดทองทัง้ องค์ นอกจากนี้เป็ นที่น่าสั งเกตว่า มีผู้บนบานขอพร นาของมาถวายและแก้บ น
จานวนมาก สิง่ ของทีน่ ามาถวาย ได้แก่ น้ าดื่ม น้ าหวาน นม ขนมขบเคีย้ ว ผลไม้ ของเล่น
เด็กผู้ชายจาพวกรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ เสื้อผ้า กาไลข้อมือ สร้อยคอสีทอง สร้อยพระ
๑๖๐
เข็มขัด ทัง้ นี้ถา้ เป็นสิง่ ของจาพวกกาไลข้อมือ สร้อยคอ สร้อยพระ เข็มขัด ผูถ้ วายจะสวม
ให้แก่รูปเคารพ ไม่ได้วางถวายไว้ดา้ นหน้ารูปเคารพเหมือนของอื่น ๆ
กุมารทองคา
ตาจ๋า ยายจ๋า ร่วมบุญค่าน้ า ค่าไฟ เอาช้างแดงใส่ในถุงเงิน
ถุงทองได้ครับ ขอบคุณครับ...!!!
ั ้ มารทองขนาดเล็ก
ผูว้ จิ ยั พบว่า ในสมัยก่อนวัดแคมีรูปปนกุ
ั ้ นแผนในวิหารพระพุทธมงคล แต่เมื่อมีการหล่อรูปขุนแผนขึน้ ใหม่ จึงได้
อยู่ด้านหน้ ารูปปนขุ
หล่อรู ปกุม ารทอง บุตรชายผู้มีฤทธิ ์ของขุน แผนขึ้นใหม่ใ ห้ม ีข นาดใหญ่ ก ว่าเดิม แล้ว นามา
ประดิษฐานไว้ร่วมกันในศาลาสักการะด้วย
๔.๓.๓ พระขุนแผนกรุวดั แค
พระขุนแผนกรุวดั แค เป็ นพระขุนแผนกรุท่มี ีผู้นิยมพระเครื่องสนใจมาก
อีกกรุหนึ่ง พุทธคุณเป็ นที่ประจักษ์ในด้านอยู่ยงคงกระพันและเมตตามหานิยมเช่นเดียวกับ
พระขุนแผนกรุอ่นื ๆ วัดแคแห่งนี้เป็นทีบ่ วชเรียนอีกแห่งหนึ่งของเณรแก้ว และการบวชเรียน
ทีน่ ่ที าให้เณรแก้วได้เรียนวิชาการหลากหลายจากสมภารคง
จากการเก็บข้อมูลภาคสนาม ผูว้ จิ ยั พบว่า นอกจากพระขุนแผนแล้ว วัดแค
ยังจัดสร้างและปลุกเสกวัตถุมงคล พร้อมทัง้ เปิ ดโอกาสให้ผสู้ นใจบูชาสามารถทาบุญเพื่อบูชา
วัตถุมงคลได้ตลอด และมีการจัดสร้างอย่างต่อเนื่ อง วัตถุ มงคลที่วดั แคจัดสร้า งและได้ร ับ
ความนิยมส่วนใหญ่เป็นวัตถุมงคลเกีย่ วกับขุนแผน และมีวตั ถุมงคลเกีย่ วกับตัวละครอื่นในเรื่อง
ขุนช้างขุนแผน ได้แก่ หลวงปูค่ ง และกุมารทอง
๑๖๗
ข้าพเจ้า ชื่อ...............นามสกุล...............ขอประกาศสัจจะอธิฐาน
บุ ญ กุ ศ ลที่ข้า พเจ้า ได้ ส ร้า งมาตัง้ แต่ อ ดีต ชาติ จนถึง ป จั จุ บ ัน ชาติ
สร้างบุญมาข้ามชาติ ข้ามภพ มาบรรจบในชาติป จั จุบนั นี้ ขออุทิศ
ถวายบุ ญ นี้ แ ด่ ห ลวงปู่ ค ง พ่ อ ท่ า นขุน แผน ตลอดถึง สิ่ง ศัก ดิ ส์ ิท ธิ ์
ทัง้ หลาย ขอให้สิ่งที่ข้าพเจ้าปรารถนานัน้ จงสาเร็จ โดยเร็ว พลัน
นับตัง้ แต่วนิ าทีน้ี จากนี้สบื ไปเมื่อหน้าเทอญ...
นะ มะ อะ อุ สุ นะ โม โล นะ โม พุทธายะ นะ ชา ลี ติ
อนึ่ ง ในช่ ว งวัน เสาร์ ๕ (ขึ้น ๕ ค่ า เดื อ น ๕) วัด แคมี ก ารปลุ ก เสก
พระขุนแผนเนื้อดินเผา รุ่นเสาร์ ๕ พิมพ์ใบมะยม พิมพ์แขนอ่อน พิมพ์เทวดา จัมโบ้ พิมพ์ซุ้ม
เรือ นแก้ว พิมพ์ประธาน อันเกิดจากการประชุม ผงพุทธคุณศัก ดิ ์สิทธิอ์ นั หาได้ยาก ได้แ ก่
ผงเก่าพระขุนแผนวัดแค ผงพระขุนแผน รุ่นรักกัน ผงรังพญาต่อเงิน พญาต่อทอง ดินและใบ
มะขามยักษ์อายุพนั ปี วัดแค และมีการปลุกเสกกุมารทองคา รุ่นเสาร์ ๕ ซึ่งมีพธิ มี งั คลาภิเษก
วัน เสาร์ท่ี ๒๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๓ โดยแผ่น พับ ประชาสัมพันธ์การจัดสร้า งกุ มารทองค า
รุ่นเสาร์ ๕ ระบุทม่ี าของการจัดสร้างกุมารทองคาไว้ว่า “วัดแคเป็ นวัดสาคัญทางประวัตศิ าสตร์
เนื่องด้วยขุนแผนสมัยเป็ นสามเณรแก้วได้มาร่ าเรียนวิชาอาคมจากพระอาจารย์ค งซึ่งเป็ น
อาจารย์ใหญ่ ท่วี ดั แค กาลเวลาถึงแม้จะล่วงเลยมาเป็ นเวลาหลายร้อยปี แต่ตานานของการ
กาเนิดกุมารทองซึ่งเป็นลูกของขุนแผนกับนางบัวคลีน่ นั ้ เห็นได้วา่ กุมารทองมีฤทธิ ์มีเดชที่คอย
ช่วยเหลือขุนแผน จึงเป็นทีม่ าของการสร้างกุมารทองให้เป็นสิง่ ศักดิ ์สิทธิ ์คู่วดั แคสืบไป”
นอกจากนี้ ผูว้ จิ ยั พบว่า วัดแคยังมีการปลุกเสกกุมารทองอีกหลายครัง้ เช่น
กุมารทองคา รุ่น ๒ (งานเข้า) ขนาดหน้ าตัก ๓ นิ้ว สร้างจานวน ๒๓๔ องค์ ทาบุญองค์ละ
๒,๐๙๙ บาท เททองหล่อ เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๓ กุมารทอง ๒๐๐๒ เงิน ทอง นาก
ซึ่งจัดสร้างในตอนทีม่ ขี า่ วพบซากทารก ๒,๐๐๒ ศพ ที่วดั ไผ่เงินโชตนาราม กรุงเทพมหานคร
โดยมีขอ้ ความประชาสัมพันธ์ ดังนี้
จากข้อมูลคติชนประเภทวัตถุมงคลเกี่ยวกับขุนแผนที่กล่าวมาข้างต้น จะเห็นได้ว่า
ในจังหวัดสุพรรณบุรมี พี ระขุนแผนที่แตกกรุโบราณออกมาจานวนหลายกรุ เช่น กรุวดั พระรูป
กรุวดั บ้านกร่าง กรุวดั ป่าเลไลยก์ กรุวดั แค ฯลฯ และมีการจัดสร้างและปลุกเสกพระขุนแผน
อยู่อย่างต่อเนื่องในปจั จุบนั พุทธคุณเป็นทีป่ ระจักษ์ในด้านแคล้วคลาดคงกระพันชาตรีและด้าน
เมตตามหานิยม เหมือนตัวขุนแผนในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนอันเป็ นวรรณคดีท้องถิ่น
และถิน่ กาเนิดพระขุนแผนอันตรงตามเรื่องนี้เองที่ทาให้พระขุนแผน เมืองสุพรรณ เป็ นที่รู้จกั
และยอมรับในวงการพระเครื่องมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้จะเห็นได้ว่า ในจังหวัดสุพรรณบุรี
ยังมีการสร้างวัตถุมงคลอื่น ๆ เช่น วัตถุมงคลหลวงปูค่ ง ซึ่งเป็นอาจารย์ผปู้ ระสิทธิ ์ประสาทวิชา
แก่ขนุ แผน และสร้างวัตถุมงคลกุมารทอง บุตรชายผูม้ อี ทิ ธิฤทธิ ์ของขุนแผน เพื่อให้ผสู้ นใจร่วม
ทาบุญสมทบทุนโครงการต่าง ๆ ของวัด และบูชาวัตถุมงคลดังกล่าว
ข้อมูลคติชนประเภทวัตถุมงคลเกีย่ วกับขุนแผนในจังหวัดสุพรรณบุรจี งึ สะท้อนให้เห็น
ว่า ขุนแผนเป็ น ที่รู้จ ักและจดจ าในจังหวัดสุพ รรณบุรี ในตอนบวชเรียน โดยมีสมภารมีแห่ ง
วัดปา่ เลไลยก์ และสมภารคงแห่งวัดแค เป็นผูถ้ ่ายทอดวิชาความรู้จนทาให้ขุนแผนเป็ นผูม้ วี ชิ า
เวทมนตร์คาถาและวิทยาอาคมเป็นอย่างยิง่
ภาพที่ ๗๙ - ๘๐ คาบรรยายภาพจิตรกรรมและภาพจิตรกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน
รอบวิหารคด วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร
ภาพที่ ๘๑ ภาพจิตรกรรมแสดงตัวละครจากเรื่องขุนช้างขุนแผน
รอบวิหารคด วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร
ภาพที่ คาบรรยายภาพ
๑๐ พลายแก้วเข้าห้องนางสายทอง
๑๑ พลายแก้วแต่งงานกับนางพิม
๑๒ พลายแก้วกับพระยาเชียงทองรบเชียงใหม่
๑๓ พลายแก้วได้นางลาวทอง
๑๔ นางพิมเปลีย่ นชือ่ เป็นวันทอง
๑๕ แต่งงานขุนช้างกับนางวันทอง
๑๖ พลายแก้วได้เป็นขุนแผน
๑๗ ขุนแผนขึน้ บ้านขุนช้าง
๑๘ กาเนิดกุมารทองบุตรนางบัวคลี่
๑๙ ขุนแผนตีดาบฟ้าฟื้ น
๒๐ ขุนแผนถึงเตียงขุนช้างกับวันทอง
๒๑ ขุนแผนพานางวันทองหนี
๒๒ ขุนแผนพานางวันทองลงเล่นน้ า
๒๓ ขุนช้างตามนางวันทอง
๒๔ ขุนช้างฟ้องว่าขุนแผนเป็นกบฎ
๒๕ กาเนิดพลายงาม
๒๖ พลายงามมาหาขุนแผน
๒๗ พลายงามอาสา
๒๘ ขุนแผนยกทัพ
๒๙ พลายงามได้นางศรีมาลาเป็นเมีย
๓๐ แต่งงานพระไวย (พลายงาม) กับศรีมาลา
๓๑ สมเด็จพระพันวษาทรงชาระความขุนช้างกับพระไวย (ทาพิธดี าน้ าพิสูจน์)
๓๒ ขุนช้างถวายฎีกา นางวันทองทูลเป็นกลางไม่เลือกอยู่ กบั ผูใ้ ด
สมเด็จพระพันวษากริว้ ตรัสสังให้
่ ประหารชีวติ นางวันทอง
๓๓ ประหารชีวติ นางวันทอง
ภาพที่ ๘๒ ภาพจิตรกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน
ประดับฝาผนังหอคอยบรรหาร – แจ่มใส
ภาพที่ คาบรรยายภาพ
๑ ขุนช้าง พลายแก้ว นางพิ ม เมื่อเป็ นเด็ก
Khun Chang, Plai Kaew, Nang Pim: In their childhood
พลายแก้วกินเหล้าเข้าต้าอึก ขุนช้างวางบึกตาปอหลอ
นางพิมพิลาไลยชอบใจงอ สมน้าหน้ามันหนออ้ายจัณฑาล
แล้วนางเล่นหุงข้าวต้มแกง กวาดทรายจัดแจงเป็นรัว้ บ้าน
นางเล่นทาบุญให้ทาน ไปนิมนต์สมภารมาเร็วไว
๒ เณรแก้วไปบิณฑบาตบ้านนางพิ ม
Nen [Novice] Kaew: Begging for food at Nang Pim’s house
เปิดหน้าต่างนางพิมเจ้าแลดู เห็นเจ้าเณรยืนอยูไ่ ม่เงยหน้า
ห่มดองครองแนบกับกายา สีกาสาว์จบั เนื้อดังนวลจันทร์
เดชะพระเวทวิทยามนตร์ เผอิญดลใจพิมให้ปว่ นปนั ่
ห่มผ้าคว้าขันข้าวบาตรพลัน กับสายทองพากันก้าวลงมา
๑๗๕
ภาพที่ คาบรรยายภาพ
๓ พลายแก้วลอบมาพบนางพิ มที่ไร่ฝ้าย
Plai Kaew, Nang Pim: The lovers secret meeting in a cotton field
โลมลูบจูบชายสไบห่ม ขอชมนิดเถิดเจ้าอย่าเศร้าหมอง
ช่างหน้าชมสมควรเป็นนวลละออง นี่กรองเองฤๅเจ้าซือ้ มาแห่งใด
นางสะบัดปดั ชายสไบห่ม อย่ามาชมเลยผ้าคุณแม่ให้
เลียมชมข่มเหงไม่เกรงใจ นี่อะไรเจ้าแก้วไม่ควรการ
๔ พี่เลี้ยงพาลาวทองพบพลายแก้ว
The chaperon: Escorting Laothong to see Plai Kaew
เจ้าลาวทองถอยลงหลังลงนังทรุ
่ ด กระชุน่ ฉุดมือมาหาช้าไม่
พอม่านแหวกสว่างกระจ่างไป แสงไฟปลาบต้องละอองนวล
เจ้าลาวทองซบหน้าไม่นงตรง ั่ บังม่านหมอบลงให้ปนป ั ่ ว่ น
พีเ่ ลีย้ งเลีย่ งหลีกให้ลอยนวล นางก็ซวนทรุดแอบพีเ่ ลีย้ งบัง
๕ นางลาวทองปักม่าน
Nang Laothong: Embroidering tapestries
แล้วนังลงพิ
่ นิจพิษฐาน ขอเดชะม่านข้าสร้างสรรค์
ปกั เสร็จสิน้ ผืนคืนกับวัน กางกันถวายพระปฏิ
้ มากร
เป็นปจั จัยให้ถงึ พระนิพพาน สมบัตพิ สั ถานอย่าย่อหย่อน
แม้นตายวายชีพม้วยมรณ์ ขอให้จรฟากฟ้าสุราลัย
๖ ขุนแผนฟั นม่าน
Khun Pan: Destroying the Curtain with his sword.
สับบันหั
่ นย่
่ อยลงร้อยทบ ฟนั ตรลบม่านมุง้ ไม่เป็นส่า
เห็นขุนช้างกางกอดอยูก่ ายา ทะมื่นดาดาลเดือดเสียดายนาง
วันทองน้องน้อยหนึ่งเท่านัน้ จะเคียงมันก็ไม่ถงึ สักครึง่ ข้าง
เงือ้ ดาบจะใคร่ฟาดให้ขาดกลาง ง้างหัวมาจะสับให้ยบั ลง
๗ ขุนแผนพานางวันทองออกจากบ้านขุนช้าง
Khun Pan: Taking Nang Wanthong away from Khun Chang’s house
ปลอบพลางทางกอดกระซิบบอก ม้าสีหมอกตัวนี้มสี ง่า
เนื้ออ่อนงอนง้อขอษมา อย่าให้สหี มอกม้ากระเดื่องใจ
วันทองสองมือประนมมัน่ พรันพรั
่ นกลั
่ วม้าไม่เข้าใกล้
พีส่ หี มอกของน้องอย่าจองภัย จะขอพีไ่ ปทัง้ ผัวเมีย
๑๗๖
ภาพที่ คาบรรยายภาพ
๘ ขุนแผนพานางวันทองเล่นน้าที่ท่าต้นไทร
Khun Pan, Nang Wanthong: Bathing at Ton Sai waterside
ว่ายกระทุม่ เทีย่ วท่องในท้องน้ า ผุดดาปรีดิ ์เปรมเกษมสานต์
หัวระริกซิกซีก้ นั สาราญ บัวบานเกสรอ่อนลออ
น้ าใสไหลหลังศิ ่ ลาลาด ใสสะอาดจริงจริงหนอเจ้าหนอ
แสนสบายว่ายรีเ่ ฝ้าคลีคลอ ระริกรีห้ วั ร่อแล้วหยอกเย้า
๙ นางวันทองตามหาพลายงาม
Nang Wanthong: Searching for Plai Ngarm
เสียงซ่อแซ้แกกาผวาว่อน จิง้ จอกหอนโหยหาทีอ่ าศัย
จักจันเจื
่ อ้ ยร้องริมลองไน เสียงเรไรหริง่ หริง่ ทีก่ งิ่ รัง
ทัง้ เป็ดผีป่ีแก้วแว่วแว่วหวีด เสียงจังหรีดกรีดแซ่ดงั แตรสังข์
นางวันทองมองหาละล้าละลัง ฤๅผีบงั ซ่อนเร้นไม่เห็นเลย
๑๐ นางสร้อยทองชมดง
Nang Soithong: Admiring the wood
เย็นฉ่ าน้ าไหลพลังพลั
่ ง่ ล้นหลังถั่ งชะง่
่ อนก้อนภูผา
เป็นลาธารมาแต่ชานบรรพตา ล้วนศิลาแลเลื่อมละลานใจ
ทีแ่ ดงเหมือนแสงทับทิมสด ทีเ่ ขียวเหมือนมรกตอันสดใส
ต่างสีซ้อนซับสลับไป แลวิไลเพลิดเพลินตามเนินดอน
๑๑ พลายงามเข้าห้องนางศรีมาลา
Plai Ngarm: Sneaking into Srimala’s bedroom
พักตร์พริม้ เหมือนยิม้ อยู่ทงั ้ หลับ ประทีปจับหน้านวลชวนสมาน
เจ้านิทรามารยาทไม่มปี าน ยิง่ คิดก็ยงิ่ ซ่านสวาทเตือน
ค่อยประคองลองจูบเจ้าทัง้ หลับ หอมกระไรใจวับขยับเขยือ้ น
พอต้องเต้าตัวสันให้ ั ่ อน
่ ฟนเฟื ค่อยลูบเลื่อนโลมเล้าละลานใจ
๑๒ ขุนแผน พลายงาม ลอบเข้าวังพระเจ้าเชียงใหม่
Khun Pan, Plai Ngarm: Sneaking into King Chiengmai’s palace
พ่อลูกชมพลางย่างย่อง ขึน้ พระแท่นในห้องข้างซ้ายก่อน
แหวกวิสูตรสุวรรณอันบวร เข้าในทีบ่ รรจถรณ์ดว้ ยทันใด
เห็นสองนางต่างองค์บรรทมหลับ อัจกลับจับผิวดูผอ่ งใส
งามจริงพริง้ พร้อมละม่อมละไม เป็นนวลปลังดั ่ งใยสาลีช ี
๑๗๗
ภาพที่ คาบรรยายภาพ
๑๓ นางสร้อยทอง นางสร้อยฟ้ า ขึน้ เฝ้ าพระพันวษา
Nang Soithong, Nang Soipha: Seeing King Panwasa
ครานัน้ พระองค์ผทู้ รงเดช ทอดพระเนตรรูปทรงทัง้ สองศรี
น่าชมสมเป็นราชบุตรี ท่วงทีคนละอย่างดูตา่ งกัน
พินิจทรงสร้อยทองละอองพักตร์ นรลักษณ์งามเลิศเฉิดฉัน
ละมุนละม่อมพร้อมพริง้ ทุกสิง่ อัน สมเป็นขวัญของประเทศเขตลาวกาว
๑๔ นางวันทองห้ามทัพ
Nang Wanthong: Stopping the fight
กุศลส่งพีต่ รงมาพบน้อง ขอประคองเคียงกายไม่หน่ายหนี
จะอยู่ดว้ ยน้องน้อยสักร้อยปี แก้วพีอ่ ย่าสะทกสะเทินใจ
ปลอบพลางทางย่างขยับเยือ้ ง ชายชาเลืองโลมเลียมเข้าไปใกล้
ขยับมือมาแม่อย่าเมินไป ขอดอกไม้สกั หน่อยทีร่ อ้ ยกรอง
๔.๔.๓ จิ ตรกรรมแสดงภาพตัวละครในเรื่องขุนช้างขุนแผนที่บ้านขุนช้าง
จิตรกรรมแสดงภาพตัวละครในเรื่องขุนช้างขุนแผนทีบ่ า้ นขุนช้าง อยู่ภายใน
บริเ วณวัด ป่า เลไลยก์วรวิห าร เป็ น ภาพวาดสี จ านวน ๑๗ ภาพ แขวนประดับ อยู่ ภ ายใน
เรือ นไทยซึ่งใช้จ ัดแสดงศิล ปวัตถุ และเครื่อ งถ้ว ยชามโบราณต่า ง ๆ จิต รกรผู้ว าดภาพคือ
จาเนียร สรฉัตร แต่ละภาพจะน าเสนอตัวละครแต่ ละตัวในเรื่อ งขุน ช้า งขุน แผน ใต้ภ าพ
มีขอ้ ความบรรยายข้อมูลและลักษณะตัวละครนัน้ ๆ เช่น ตัวละครดังกล่าวเป็ นใคร แต่งงาน
กับใคร เป็นบุตรของผูใ้ ด มีความรูค้ วามเชีย่ วชาญในเรื่องใด เป็นต้น
ภาพจิตรกรรมดังกล่าวบรรยายตัวละครรวม ๑๗ ตัว ได้แก่
ขุนไกร พลายแก้ว – ขุนแผน สมเด็จพระพันวษา กุมารทอง สมภารคง
ขรัวตาจู พลายงาม พลายชุมพล นางแก้ว กิริยา นางสร้อ ยฟ้ า นางศรีม าลา ขุนช้า ง
นางสายทอง สีหมอก นางเทพทอง นางทองประศรี และนางพิมพิลาไลย
ตารางที่ ๘ แสดงชื่อตัวละครและคาบรรยายภาพตัวละครในเรื่องขุนช้างขุนแผน
ที่บ้านขุนช้าง
ชื่อตัวละคร คาบรรยายภาพ
ขุนไกรพลพ่าย ขุนไกรพลพ่ าย แต่งงานกับนางทองประศรี มีลูกชายชื่อ พลายแก้ว
ขุน ไกรมีความรู้ท างคงกระพัน ชาตรี รับ ราชการทหาร มีไ พร่ พลใน
บังคับบัญชา ๗๐๐ คน ถูกสมเด็จพระพันวษาสังประหารชี ่ วติ ริบทรัพย์
สมบัตทิ งั ้ หมดรวมทัง้ ภรรยา ลูก และข้าทาสบริวารด้วย ขุนไกรเป็ น
ห่วงภรรยาและลูก จึงขอร้องให้หลวงฤทธานนท์เพื่อนสนิทไปส่งข่าวให้
นางทองประศรีพาลูกหนีไปก่อนทีพ่ วกทหารจะไปจับตัว
พลายแก้ว – “พลายแก้ว – ขุนแผน”
ขุนแผน ครานัน้ ขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิ ์ลือดีไม่มสี อง
ข้าศึกนึกกลัวขนหัวพอง แคล่วคล่องแกล้วกล้าวิชาดี
สมเด็จพระพันวษา สมเด็ จ พระพั น วษา เป็ นพระมหากษั ต ริ ย์ แ ห่ ง กรุ ง ศรี อ ยุ ธ ยา
ทรงปกครองบ้ า นเมือ งโดยความสงบ ร่ ม เย็น พระพัน วษามีนิ ส ัย
โกรธง่าย แต่กม็ คี วามยุตธิ รรมต่อพวกทหารอยู่มาก รวมทัง้ ราษฎรด้วย
แต่ชาวประชาทัง้ ปวงต่างก็พากันรักเคารพพระองค์เสมอมา
กุมารทอง กุมารทอง คือ ผีเด็ก เป็นลูกของขุนแผนกับนางบัวคลี่ เมื่อขุนแผนรู้ว่า
นางวางยาพิษ ตน พอนางนอนหลับ ก็ใ ช้มีด ผ่าท้อ งเอาลู กไปทาพิธี
ย่างไฟในโบสถ์หน้าพระประธาน ปลุกเสกด้วยคาถาจนขลัง แล้วตัง้ ชื่อ
ว่า กุ ม ารทอง คอยติด ตามขุน แผนอยู่ ต ลอดเวลา คอยรายงาน
เหตุการณ์ต่าง ๆ ให้ขนุ แผนรู้ โดยไม่มใี ครเห็นตัว
สมภารคง ส ม ภ า ร ค ง จ า อ ยู่ วั ด แ ค สุ พ รร ณ บุ รี มี ว ิ ช า อ า ค ม ข ลั ง ม า ก
ทางโหราศาสตร์ ปลุก ผี คงกระพันชาตรี คาถามหาละลวย ทัง้ การ
เทศน์ จนมีผู้ค นให้ค วามศรัท ธามากมาย ยัง เป็ น พระอาจารย์ข อง
ขุนแผน ได้ถ่ ายทอดวิชาหลายขะแนงให้ขุนแผนจนมีค วามชานาญ
ทุกอย่าง
ผูว้ จิ ยั สะกดการันต์ตามต้นฉบับ
๑๗๙
ชื่อตัวละคร คาบรรยายภาพ
ขรัวตาจู ขรัวตาจู คือพระภิกษุ อยู่วดั ปา่ เลไลยก์ สุพรรณบุรี เก่งทางดูฤกษ์ยาม
โชคชะตา คราวหนึ่งนางพิม พิลาไลยเจ็บหนัก ขรัวตาจู ก็แนะนาให้
เปลีย่ นชือ่ ใหม่เป็นนางวันทอง แล้วอาการเจ็บก็หาย เมื่อขุนช้างบอกว่า
พลายแก้วตายแล้ว นางวันทองก็ไปหาขรัวตาจูให้ชว่ ยทานายดวงชะตา
ของพลายแก้ ว ขรัว ตาจู ท านายว่ า พลายแก้ ว จะชนะศึก ก ลับ มา
ซึ่งก็เป็นจริงตามคาทานายทุกประการ
พลายงาม พลายงาม มีตาแหน่ งทางราชการเป็ น จมื่นไวยวรนาถ เป็ น ลูก ของ
ขุนแผนกับนางวันทอง แต่ไปคลอดทีบ่ า้ นของขุนช้าง เพราะนางถูกฉุ ด
ไปขณะที่ท้องแก่ พลายงามได้อยู่กบั นางทองประศรีท่กี าญจนบุรี ได้
เรีย นรู้ต าราของขุน แผนจนเชี่ย วชาญ ต่ อ มาได้อ าสายกทัพ ไปรบ
เชีย งใหม่ แล้ ว ถือ โอกาสขออภัย โทษให้ขุ น แผนออกจากคุ ก ด้ ว ย
กลับจากสงครามก็ได้ภรรยาสองคน คือ นางศรีมาลา และนางสร้อยฟ้า
พลายชุมพล พลายชุมพล เป็ นลูกของขุนแผนกับนางแก้วกิรยิ า เป็ นน้ องชายของ
พลายงาม เมื่อขุนแผนเป็ นเจ้าเมืองกาญจนบุรี นางทองประศรีขอมา
เลี้ ย งตัง้ แต่ เ ด็ ก ร่ า เรี ย นวิช าหลายสาขา ล่ อ งหนหายตัว ด าดิ น
คงกระพัน ฯลฯ เคยปลอมตัวเป็นมอญ ใช้ชอ่ื สมิงมัตรา ยกทัพมาช่วย
ขุน แผนจับ ตัว พลายงาม ต่ อ มาสมเด็จ พระพัน วษาเรีย กตัว เข้า พบ
แล้ว มอบหน้ า ที่ใ ห้ป ราบเถรขวาด พลายชุม พลก็ท าส าเร็จ สมเด็จ
พระพันวษาจึงแต่งตัง้ ให้เป็นหลวงนายฤทธิ ์
นางแก้วกิรยิ า นางแก้วกิรยิ า เป็ นลูกของพระยาสุโขทัย กับนางเพ็ญจันทร์ เป็ นทาส
อยู่บา้ นขุนช้าง ขุนช้างเลีย้ งนางไว้เหมือนน้องสาว คืนหนึ่งขุนแผนขึน้
บ้า นขุน ช้า งเพื่อ ลัก พาตัวนางวัน ทอง แต่ เข้า ห้อ งผิด จึง ได้น างเป็ น
ภรรยา ขุนแผนได้ให้เงินต่ อนางไปไถ่ตวั จากขุนช้าง นางได้มีลูกกับ
ขุนแผนหนึ่งคน ชือ่ พลายชุมพล
๑๘๐
ชื่อตัวละคร คาบรรยายภาพ
นางสร้อยฟ้า นางสร้อยฟ้า เป็ นธิดาของพระเจ้าเชียงอินทร์ เจ้าเมือ งเชียงใหม่กบั
นางอัปสร มีกริ ยิ าไม่เรียบร้อย ชอบอิจฉา นางได้แต่งงานกับพลายงาม
พร้อ มกับ นางศรีม าลา นางเจ็บ ใจที่พ ลายงามรัก ศรีม าลามากกว่ า
นางจึงให้เถรขวาดทาเสน่ ห์ ต่อมาพลายชุมพลแก้ไขได้ ครัน้ พิสูจน์ว่า
นางผิดจึงถูกประหารชีวติ แต่นางศรีมาลาขออภัยโทษให้ เพียงแต่ถูก
เนรเทศไปอยู่เชียงใหม่ ต่อมานางก็คลอดลูกชายชือ่ พลายยง
นางศรีมาลา นางศรีมาลา เป็ นลูกของพระพิจติ รกับนางบุษบา เป็ นหญิงรูปงามทัง้
กิริย าและน้ า ใจ นางแต่ ง งานกับ พลายงามพร้ อ มกับ นางสร้อ ยฟ้ า
เมื่อพลายงามถูก เสน่ ห์ข องนางสร้อ ยฟ้ าก็ทุ บตีศรีม าลาเป็ นประจ า
เพราะถูก ใส่ค วามจากนางสร้อ ยฟ้ า ครัน้ เมื่อ นางสร้อ ยฟ้ าต้อ งโทษ
ประหารชีว ิต นางก็ช่ ว ยขออภัย โทษให้ ต่ อ มานางก็มีลู ก ชายกั บ
พลายงาม ขุนแผนได้ตงั ้ ชือ่ ให้วา่ พลายเพชร
ขุนช้าง ขุน ช้า ง มีล ัก ษณะรู ป ชัวตั ่ ว ด า หัว ล้ า นมาแต่ ก าเนิ ด นิ ส ัย เจ้ า เล่ ห์
ชื่อ ขุน ช้า งตอนคลอดมีค นน าช้างเผือ กมาถวายสมเด็จ พระพันวษา
พ่อ ชื่อ ขุน ศรีว ิช ยั แม่ ช่อื นางเทพทอง เป็ นคนร่ า รวย เมีย ชื่อ นาง
แก่นแก้ว อยู่ดว้ ยกันปีกว่านางก็ตาย จึงมารักนางพิมพิลาไลย แต่นาง
ไปแต่งงานกับขุนแผน ต่อมาขุนช้างใช้อุบาย จนได้แต่งงานกับนาง
สมใจ
นางสายทอง นางสายทอง เป็นพีเ่ ลีย้ งของนางพิมพิลาไลย นางยังช่วยเป็ นแม่ส่อื ให้
ขุนแผนกับนางพิมรักกัน ต่อมานางก็ตกเป็ นภรรยาของขุนแผนด้วย
แต่นางไม่ เคยมีโอกาสได้อยู่ ร่วมกับขุน แผนเลยในฐานะสามีภ รรยา
แม้ ว่ า ขุ น แผนจะมีห น้ า ที่ร าชการสู ง เป็ น ถึง พระยาสุ ริน ทรฦ ๅไชย
นางสายทองก็ยงั อยู่กบั นางศรีประจัน แม่ของนางพิมพิลาไลยเช่นเดิม
สีหมอก สีหมอก เป็ นม้าแสนรู้พาหนะประจาตัวของขุนแผน แม่เป็ นม้าเทศชื่อ
อีเหลือ ง พ่อ เป็ นม้า น้ า เกิดวัน เสาร์ข้นึ ๙ ค่ า หลวงศรีวรขานได้ร ับ
คาสังจากสมเด็
่ จพระพันวษาให้ไปซื้อม้าที่เมืองมะริด ประเทศอินเดีย
สีหมอกก็ตดิ ตามแม่มาด้วย เป็นม้าเกเรถูกทุบตีเป็ นประจา ขุนแผนไป
พบเข้าทีเ่ พชรบุรี เห็นมีลกั ษณะดี ต้องตามตารา จึงขอซื้อต่ อ แล้วเสก
หญ้าให้กนิ สีหมอกก็ตดิ ตามขุนแผนไปโดยดี
๑๘๑
ชื่อตัวละคร คาบรรยายภาพ
นางเทพทอง นางเทพทอง เป็นแม่ของขุนช้าง นิสยั ปากจัด ด่าเก่ง ตอนนางตัง้ ท้อง
นางฝนั ว่านกตะกรุมคาบช้างเน่ามาให้ ขุนศรีวชิ ยั ผูเ้ ป็ นสามีทานายฝนั
ให้วา่ จะได้ลูกชาย มีวาสนาดี แต่จะต้องขายหน้าเพราะหัวล้านแต่เด็ก
เมื่อนางคลอดขุนช้างก็เป็นจริงเหมือนคาทานาย นางจึงเกลียดขุนช้าง
มาตัง้ แต่เล็ก ซ้ายังดุด่าแช่งไม่เว้นแต่ละวัน
นางทองประศรี นางทองประศรี ชาวบ้านวัดตะไกร พอแต่งงานกับขุนไกรก็ย้ายไปอยู่
กินที่สุพ รรณบุรี มีลูกชายชื่อ พลายแก้ว นางเป็ นที่มีน้ าใจเด็ดเดี่ย ว
ทรหดอดทน เมื่อตอนขุนไกรถูกประหารชีวติ นางพอรู้ข่าวก็รบี พาลูก
หนีไปอยู่กาญจนบุรี ตัง้ หน้ าทามาหากินจนมีฐานะดีข้นึ และเลี้ยงดู
ลูกชายคนเดียวเป็นอย่างดี
นางพิมพิลาไลย นางพิมพิลาไลย เป็นหญิงรูปงาม พ่อชื่อ พันศรโยธา แม่ช่อื ศรีประจัน
แต่ ง งานมี ลู ก ชายชื่อ พลายงาม ต่ อ มานางป่ ว ยหนั ก ขรั ว ตาจู
วัดปา่ เลไลยก์ เปลีย่ นชือ่ เป็นนางวันทอง ไข้จงึ หาย ต่อมาก็แต่งงานกับ
ขุนช้าง พระพันวษาให้นางตัดสินใจว่าจะอยู่กบั ใคร นางตัดสินใจไม่ได้
จึงถูกประหารชีวติ
สานวนที่ ๑
บทไหว้ครู
ไหว้พระปิฎกปกเกศลูกมาแต่น้อยน้อย
ลูกคู่ (รับ) ไหว้พระปิฎก เอ๊ย เออ เอิง เอย ปกเกศ ไหว้พระปิฎกปกเกศ ลูกมาแต่น้อย
เอยน้อย)
ลูกจะไหว้คุณพ่อบ้านแหลม ทีไ่ ด้ต่อแต้มเพลงให้
ไหว้คุณพ่ออักโข ไหว้หลวงพ่อโตเป็นใหญ่
พอได้บนบานศาลกล่าว เมื่อเรื่องราวเป็นไข้
ให้คุณพ่อมาช่วย จะได้ไม่มว้ ยบรรลัย
คุณพ่อก็ได้ชว่ ยมา เขาจึงรักษาได้หาย
พอพ้นโศกโรคภัย อย่าได้มาแผ้วพาน
ลูกคู่ (รับ) ยกหัตถ์มสั การ ไหว้พ่อช่องด่านไพร
เป็นทีย่ ดึ ทีห่ น่วง คุณพ่อเขาหลวงลูกก็ไหว้
จะไหว้คุณพ่อต่อแต้ม คุณพ่อบ้านแหลมเป็นใหญ่
ลูกมาวันนี้ให้โชคดีโชคชัย มากันตะบอยมานังคอยจนสาย ่
ลูกคู่ (รับ) เอ้ย เออ เอิงเงย มานังตะบอย
่ มานังคอยจนสาย
่
ฉาด ช่า ฉ่า ช่า เอ๊ ชะ
พอไหว้ครูเสร็จสม ลุกขึน้ ขยับเอาท่า
คนไหนเล่าเป็นแม่โขลง ช่วยชักช่วยโยงกันมา
จะมานังพั ่ งพาบคาบหญ้า เสียเลยนางนงลักษณ์ (รับ)
ลูกคู่ (กระทุง้ ) ฉาด ช่า ฉาด ช้า เอ๊ ชะ
วงที่ ๑
นางเหม เล่นเพลงปรบไก่ สีจนหัวไหล่มนั ...ยอก
อัฐเฟื้ องก็ไม่ถงึ อัฐสลึงไม่ออก
เราจะเล่นทาไม ให้หวั ไหล่มนั ยอก (รับ)
เจ้าขุนช้างของแม่น่เี อ๋ย เกิดมาไม่เคยเห็น
เสียแรงแม่อมุ้ ท้องมา จนเลือดตากระเด็น
ช่างไม่มผี ม ให้แม่ชมสักเส้น (รับ)
ฝา่ ยยายทองประศรี เป็นชนนีไอ้แผน
ขึน้ นังบนเตี
่ ยง ก็ส่งสาเนียงเสียงแปร๋น
ขากเสลดถ่มน้าลาย ชิชะลูกชายไอ้แผน
มาเหน็บแหนบแสบแสน สุดประเสริฐเอยคน
อีวนั ทองสองผัว แสนจะชัวระย ่ า
แกจะรับมาทาไม .......................
๑๘๔
เพลงอีแซวเล่าเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน
๔.๕.๓ เพลงส่งเครื่อง
สานวนที่ ๑
ตอนตีเชียงใหม่
(ทานองลาว)
เอิงเอยจะกล่าวถึงเจ้าเมือง เอ้อ เอย เจ้าเชียงใหม่
ตัง้ แต่ครองเวียงชัยมานานช้าเอย (รับ ช้าเอย ช้าเอย ชะละช้าเอย ชาเอย ช้าเอย ชะละ
ช้าเอย เอิงเงย ช่อดอกรัก หัวอกจะหักเสียแล้วหล่อนจ๋า เอยช่อดอกรัก หัวอกจะหักเสียแล้ว
หล่อนจ๋า เอ้อ เอ่อ เออ เอิง๊ เอย)
ครองเมืองมาก็นาน เอ่อ จนปา่ นนี้ มีพระราชบุตรีแล้วโตใหญ่เอย (รับ)
เอ้อ...ลูกสาวชือ่ สาวน้อย เจ้าสร้อยฟ้า อายุได้สบิ ห้างามเลิศใจ เอย (รับ)
เออ เอิง๊ เอย โอ้ละหนอเอย คุณเอ๋ยข้อยสิบ่นงิ่ เฉยช้าอยู่ใย
๑๘๗
กล่าวถึงเจ้าเมืองเชียงใหม่ ท่านครอบครองธานีสบาย
(รับ – ฉาดช้า ชา ช้า ชะชา ชะ ละ ละ ฉาด ชา นอยแม่)
ครองเมืองมานานจนปา่ นนี้ ฉันมีราชบุตรีโตใหญ่
เจรจา – อ้าเราสมนามเจ้าเมืองเชียงใหม่ ได้ครอบครองเมืองเชียงใหม่น้มี านานหลายปีแล้ว ป๋า
วันนี้ขอ้ ยจะออกไปท้องพระโหรง
เจ้าเชียงใหม่จดั แจงแต่งกายา แต่งก้ายา จะออกไปดูบ่าวข้าเป็นสันใด
เราจับเอาทหารไทยเอยแล้วเอามา แล้วเอ้ามาใส่คุกคาในเวียงชัยเอย
เอ๋ยน้องเอย หวันนี้ได้เวลาเราสามโมง แล้วสามโมงจะออกไปท้องพระโรงเหมือนอย่างใจ
จะสืบหาทหารไทยใครจ้างมา มันจะดุกล้ามันจะเข้ามาในเวียงชัยเอย
เอ๋ย โอละหน่าย หน่อยเอ๋ย
การสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน
ในจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดสุพรรณบุรี
เกอร์ทรูด โจบส์ (Gertrude Jobes) (1962: 762) นิยามคาว่า วีรบุรุษ (hero) ไว้วา่
๑. มารดาเป็นเจ้าหญิงพรหมจารีย์
๒. บิดาเป็นกษัตริย์
๓. มักเป็นญาติใกล้ชดิ ของมารดา
๔. สภาวะแห่งการมาสู่ปฏิสนธิแปลกกว่าธรรมดา และ
๕. ถูกกล่าวขวัญว่าเป็นลูกของเทพยดา
๖. เมื่อเกิดมักถูกบิดาหรือบุคคลอื่นพยายามปองร้ายชีวติ
๗. ถูกพาหนีไปอย่างลึกลับ
๘. มีผรู้ บั เลีย้ งเป็นบุตรบุญธรรมในแดนไกล
๙. ไม่มคี าบอกเล่าเกีย่ วกับวัยเด็ก แต่
๑๙๑
โจเซฟ แคมพ์เบลล์ (Joseph Campbell) กล่าวถึง วีรบุรุษ ไว้ใน The Power of Myth
(1988: 123 – 127) ซึ่ง บารนี บุญทรง แปลจากภาษาอังกฤษเป็ นภาษาไทยในชื่อว่า
พลานุภาพแห่งเทพปกรณัม (๒๕๕๑: ๒๕๕ – ๒๖๖) มีกงิ่ แก้ว อัตถากร เป็ นบรรณาธิการ
สรุปความได้วา่
นอกจากนี้ คติชนดัง กล่ าวยัง แสดงให้เห็น ว่า ชาวสุพ รรณบุ รีนับถือขุ นแผนในฐานะนัก รัก
อันสะท้อนให้เห็นได้จากข้อมูลคติชนประเภทเพลงพืน้ บ้าน และข้อมูลคติชนประเภทวัตถุมงคล
ซึ่งทาให้เห็นความเชื่อและความศรัทธาในพุทธคุณของพระขุนแผนในด้านเมตตามหานิยม
ที่เ ชื่อ ว่า บูช าแล้ว จะมีเ สน่ ห์เหมือ นขุน แผน นอกจากนัน้ ยัง นับ ถือ ขุน แผนในระดับ บุ ค คล
กล่าวคือ เข้าถึงขุน แผนได้ง่ายกว่าในจังหวัด กาญจนบุรี เพราะขุนแผนไม่ได้เป็ นเจ้าเมือ ง
สุพรรณบุรี แต่เป็ นบุคคลท้องถิ่นที่ได้ศกึ ษาวิชาจนนาวิชาไปสร้างชื่อเสียงให้แก่ตนเองได้
ดังจะเห็นได้จากมีการนาชื่อขุนแผนไปตัง้ เป็ นชื่อกิจการร้านค้าในจังหวัดสุพรรณบุรแี ต่ไม่พบ
ในจังหวัดกาญจนบุรี
๕.๒ การสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดสุพรรณบุรี
งานวิจยั เรื่องนี้ใช้แนวคิดเรื่องความทรงจาร่วมเป็ นเครื่องมือในการวิจยั เพื่อพิสูจ น์
สมมติฐานที่ว่า “คติชนประเภทต่ า ง ๆ เกี่ยวกับขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุ รีแ ละจังหวั ด
สุพรรณบุรมี สี ่วนในการสร้างความทรงจาร่วมเรื่ องขุนแผนในลักษณะที่แตกต่างกัน กล่าวคือ
การสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรจี ะเน้นช่วงชีวติ ของขุนแผนตอนเป็น
ทหารและผู้ปกครองเมือง ส่วนการสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนในจังหวัดสุพรรณบุรี
จะเน้นช่วงชีวติ ของขุนแผนตอนบวชเรียน”
๕.๒.๑ การสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน
เมื่อพิจารณาถึงความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน คนท้องถิน่ แต่ละคนมีความ
รับ รู้ เ รื่ อ งขุ น แผน มี ป ระสบการณ์ จ ากการรับ รู้ เ รื่ อ งราวชีว ิต ของขุ น แผนแตกต่ า งกัน
แต่เมื่อในสังคมมีการถ่ายทอดความทรงจาร่วมเรื่องดังกล่าวผ่านข้อมูลทางวัฒนธรรมประเภท
ต่า ง ๆ เช่น ชื่อสถานที่แ ละชื่ออื่น ๆ รู ปเคารพ วัต ถุม งคล จิตรกรรม เพลงพื้นบ้า น
จึงส่งผลให้เกิดความทรงจาเรื่องขุน แผนร่วมกัน อย่า งไรก็ตาม ความทรงจาเรื่องขุนแผน
ในระดับ ป จั เจกบุ ค คลก็ ย ัง คงมี อ ยู่ และอาจเพิ่ ม มากขึ้ น ตามประสบการณ์ ก ารรับ รู้
ความทรงจาร่วมเรื่องดังกล่าวจากคติชนต่าง ๆ เกีย่ วกับขุนแผนทีป่ รากฏอยู่ในท้องถิน่ ของตน
จากที่ ผู้ว ิจ ัย ได้ ศ ึก ษาและกล่ า วถึ ง แนวคิด เรื่อ งความทรงจ าร่ ว มของ
นัก วิช าการต่ า ง ๆ ไว้ใ นบทที่ ๑ แล้ ว นัน้ ความทรงจ าร่ ว ม ตามทัศ นะของผู้ว ิจ ัย คือ
ความทรงจาชุดใดชุดหนึ่งทีค่ นในสังคมใดสังคมหนึ่งรับรูร้ ่วมกัน มีส่วนทาให้เกิดความรู้สกึ ว่า
ตนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับสังคมนัน้ ๆ ความทรงจาร่วมดังกล่าวได้รบั การถ่ายทอดผ่าน
ข้อมูลทางวัฒนธรรมประเภทต่าง ๆ ซึ่งเป็นเสมือนเครื่องมือทีช่ ว่ ยทาให้เกิดการแสดงออกและ
การผลิตซ้าให้ความทรงจานัน้ ปรากฏอยู่อย่างต่อเนื่องในสังคม
๒๐๕
ความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนจึงเกิดจากคนในสังคมรับรู้และจดจาเรื่องราว
ชีว ิต ของขุ น แผนร่ ว มกัน แล้ ว ถ่ า ยทอดความทรงจ าร่ ว มเรื่อ งขุ น แผนให้ ร ับ รู้ สืบ ต่ อ กัน
จากรุ่นสู่รุ่นผ่านการใช้ขอ้ มูลคติชนประเภทต่าง ๆ เกี่ยวกับขุน แผนในจังหวัดกาญจนบุรแี ละ
จังหวัดสุพรรณบุรี ข้อมูลคติชนดังกล่าวจึงเป็นเครื่องมือในการสร้างพืน้ ทีแ่ ห่งความทรงจาร่วม
เรื่อ งขุ น แผนให้ ป รากฏอย่ า งเป็ น รู ป ธรรมและมีก ารผลิต ซ้ า อย่ า งต่ อ เนื่ อ ง จะเห็น ได้ ว่ า
ความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนเป็ นความทรงจาที่ยงั คงเลื่อนไหลอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรแี ละ
จังหวัดสุพรรณบุรใี นปจั จุบนั
การศึกษาข้อมูลคติชนประเภทต่าง ๆ เกี่ยวกับขุนแผนที่รวบรวมได้จาก
ภาคสนาม ทาให้เห็นว่า ชาวกาญจนบุรแี ละชาวสุพรรณบุรตี ่างก็มคี วามทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน
กล่ า วคือ ประการแรก เชื่อ ว่า ขุน แผนมีต ัว ตนอยู่ จ ริง เป็ น คนในประวัติศ าสตร์ท้อ งถิ่น
ดัง จะเห็น ได้จ ากมีรูป เคารพให้ค นรุ่น หลัง ได้เ คารพกราบไหว้ ประการทีส่ อง มีก ารเล่ า
เรื่องราวชีวติ ของขุนแผนอยู่ในท้องถิ่นจากรุ่นสู่รุ่น และเรื่องเล่ามีความเชื่อมโยงกับสถานที่
ในท้องถิน่ ประการทีส่ าม รับรู้ว่าขุนแผนมีความรู้ความสามารถ เป็ นนักรบผูก้ ล้าหาญและ
มีฝีมือดี ทาศึกให้บ้านเมืองได้รบั ชัยชนะ ประการทีส่ ี ่ รับรู้ว่าขุนแผนเป็ นบุค คลท้องถิ่น
ทีค่ วรเคารพนับถือกราบไหว้ และสามารถดลบันดาลพรให้ได้
ข้อมูลคติชนเกี่ยวกับขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรีส่วนใหญ่สะท้อนให้เห็น
เรื่องราวชีวติ ของขุนแผนตอนเป็ น ทหาร เป็ นเจ้า เมืองกาญจนบุรี เนื่อ งจากข้อมูล คติช น
เกีย่ วกับขุนแผนกระจายอยู่ในพืน้ ทีเ่ มืองกาญจนบุรเี ก่าและบริเวณโดยรอบซึ่งเป็นพืน้ ทีท่ เ่ี ชือ่ ว่า
คือเมืองกาญจนบุรใี นสมัยกรุงศรีอยุธยา และปจั จุบนั พื้นที่ส่วนหนึ่งอยู่ในเขตทหาร ขุนแผน
ในความทรงจ าร่ วมของชาวกาญจนบุ รีจึงมีล ัก ษณะเป็ น ทหารที่มีฝีมือ เก่ง ฉกาจ และเป็ น
เจ้ า เมือ งที่ค นท้อ งถิ่น เคารพนับ ถือ ส่ ว นข้อ มู ล คติช นเกี่ย วกับ ขุน แผนที่พ บในจัง หวัด
สุพ รรณบุ รี และช่ว ยถ่ า ยทอดความทรงจาร่ วมเรื่องขุน แผน มักพบกระจายอยู่ใ นพื้นที่ว ดั
โดยคนท้องถิน่ มักจดจาเรื่องราวชีวติ ของขุนแผนตอนที่บวชเรียนเป็ นเณรแก้ว เพื่อเชื่อมโยง
กับข้อมูลคติชนเกี่ยวกับขุนแผนที่ปรากฏอยู่ในพื้น ที่ต่าง ๆ ในจังหวัดสุพรรณบุรี ขุนแผน
ในความทรงจาร่วมของชาวสุพ รรณบุรีจึงมีลกั ษณะเป็ นคนท้องถิ่นที่บวชเรียนจนมีค วามรู้
เชีย่ วชาญทัง้ การเขียนอ่านและวิชาไสยศาสตร์
จากที่กล่ าวมาจะเห็นได้ว่า ข้อมูลคติช นต่าง ๆ เกี่ย วกับขุน แผนที่พ บ
ในทัง้ ๒ จังหวัดมีส่วนสาคัญในการเผยแพร่ความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน ทัง้ ยังมีการผลิตซ้ า
ความทรงจาเรื่องดังกล่าวผ่านการใช้ขอ้ มูลคติชนเพื่อถ่ายทอดความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน
ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมและเกิดขึน้ อย่างต่อเนื่อง การสร้างความทรงจาร่วมผ่านการใช้ขอ้ มูล
คติชนดังกล่าวยังสะท้อนให้เห็นว่า ในท้องถิน่ มีความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน มี ๒ ส่วน คือ
ความทรงจาส่วนที่มีมาแต่เดิมซึ่งเกิดจากการรับรู้เรื่องเล่า ตานาน หรือนิทานพื้นบ้านของ
๒๐๖
๕.๒.๑.๑ การสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน
ในจังหวัดกาญจนบุรี
จากการศึ ก ษาข้ อ มู ล คติ ช นต่ า ง ๆ เกี่ ย วกับ ขุ น แผน
ในจังหวัดกาญจนบุรี พบว่า คติชนต่าง ๆ เกี่ยวกับขุนแผนมี ๒ ลักษณะคือ เป็ นคติชนที่มอี ยู่
แต่เดิม ไม่สามารถสืบ หาผู้สร้า งได้ และเป็ นคติชนที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ สามารถวิเคราะห์
ลักษณะการสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรไี ด้ ๓ ประการใหญ่ คือ
เมือ งกาญจนบุ รีเ ก่ า จึง เป็ น พื้น ที่ท่ีขุ น แผนใช้ช ีว ิต อยู่ ม ากที่สุ ด และเป็ น หลัก ฐานส าคัญ
ทีส่ นับสนุนว่า จังหวัดกาญจนบุรเี กีย่ วข้องกับขุนแผน
นอกจากนี้ ใ นจัง หวัด กาญจนบุ รีย ัง มีก ารส่ ง เสริม
สถานที่ท่เี กี่ยวข้องกับขุนแผนให้เป็ นที่รู้จกั ในวงกว้าง จากการเก็บข้อมูลภาคสนาม ผูว้ จิ ยั
พบว่ า สถานที่ท่ี เ กี่ ย วข้ อ งกับ ขุ น แผนในจัง หวัด กาญจนบุ รี ส่ ว นใหญ่ เ ป็ น สถานที่ ท่ี มี
เรื่องเล่าหรือตานานท้องถิ่น อธิบายความเกี่ยวข้องของสถานที่กบั ขุนแผน เช่น ถ้ าขุนแผน
ถ้านางบัวคลี่ ด้วยเหตุน้ีจึงมีเพียงคนท้องถิน่ เท่านัน้ ที่ทราบว่าสถานที่ดงั กล่าวเกี่ยวข้องกับ
ขุนแผน นอกจากนี้ยงั มีสถานทีจ่ านวนหนึ่งทีม่ ชี อ่ื ปรากฏในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน เช่น
เขาชนไก่ อย่างไรก็ดี ผูว้ จิ ยั พบว่ามีการใช้ขอ้ มูลคติชนเกีย่ วกับขุนแผนประเภทต่าง ๆ มาเป็น
เครื่องมือในการส่งเสริมให้สถานที่ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับขุนแผนเป็ นที่รู้จกั เช่น ถ้าขุนแผน
ในบริเวณวัดถ้าขุนแผน ตาบลหนองบัว อาเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เดิมชื่อ
ถ้ าพุ ทธาวาส ต่ อมาเรีย กกันว่า ถ้ าขุนแผน เพราะเชื่อว่า ระหว่ างขุน แผนออกเดิน ทาง
แสวงหาของวิเ ศษ ๓ สิ่ง คือ ดาบฟ้ าฟื้ น ม้า สีหมอก และกุม ารทองนัน้ ขุนแผนได้ม า
พักเหนื่อยที่ถ้ าแห่งนี้ ภายในถ้ าจึงมีรูปเคารพขุนแผนประดิษฐานอยู่ และมีศาลาขุนแผน
ซึ่งเป็ นศาลาไม้ตงั ้ อยู่ขา้ งรูปเคารพ พระสงฆ์ในวัดเล่าว่า ศาลาไม้ดงั กล่าวเป็ นที่พกั ชัวคราว ่
ของขุนแผน นอกจากนี้ ถ้านางบัวคลี่ ในบริเวณวัดบ้านถ้า ตาบลเขาน้อย อาเภอท่าม่วง
จังหวัดกาญจนบุรี เป็ นสถานที่อีกแห่งหนึ่งที่ได้รบั การส่งเสริมให้เป็ นที่รู้จ ั กว่าเกี่ยวข้องกับ
ขุนแผน เชือ่ กันว่า นางบัวคลี่ ภรรยาคนหนึ่งของขุนแผนซึ่งถูกขุนแผนผ่าท้องเอาบุตรชายไป
ทาพิธีปลุ กเสกเป็ นกุ ม ารทอง เมื่อ สิ้น ชีว ิต แล้ว วิญ ญาณของนางได้สิง สถิตอยู่ท่ี ถ้ า แห่ ง นี้
เพื่อปกป้องลูกหลาน ทางวัดบ้านถ้าได้เผยแพร่เรื่องราวชีวติ ของขุนแผนผ่านภาพจิตรกรรม
ฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนทีข่ นุ แผนเดินทางมาที่บา้ นถ้า พบนางบัวคลี่ จนได้บุตรชาย
เป็ นกุมารทอง นอกจากนี้ยงั จัดสร้างวัตถุมงคลจาพวกพระเครื่อง ได้แก่ พระขุนแผน และ
จัดสร้างกุมารทองเพื่อให้ผสู้ นใจบูชาอีกด้วย
จากตัวอย่างทีก่ ล่าวข้างต้น จะเห็นได้วา่ การส่งเสริม
สถานที่ท่เี กี่ยวข้องกับขุนแผนให้เป็ นที่รู้จกั นัน้ ในสถานที่ ๑ แห่งปรากฏว่ามีการใช้ข้อมูล
คติชนเกี่ยวกับขุนแผนมากกว่า ๑ ประเภท กล่าวคือ สถานที่ท่มี เี พียงคนท้องถิน่ ที่ทราบว่า
เกี่ย วข้อ งกับขุน แผนเนื่ อ งจากมี เ รื่อ งเล่ า หรือ ต านานซึ่ง รับ รู้กนั ในกลุ่ ม คนท้อ งถิ่น เท่ า นัน้
คนท้องถิน่ และส่วนราชการท้องถิน่ จึงเปลีย่ นชื่อใหม่ให้เกี่ยวข้องกับขุนแผน เช่น ถ้าขุนแผน
ตาบลหนองบัว เปลี่ยนจากชื่อเดิมคือ ถ้าพุทธาวาส เพราะมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับขุนแผนดังได้
กล่าวแล้วข้างต้น หรือหากเป็นสถานทีท่ ย่ี งั ไม่มชี อ่ื และพบว่าเกีย่ วข้องกับขุนแผน คนท้องถิน่
และส่วนราชการท้องถิน่ ก็ตงั ้ ชือ่ ใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับขุนแผน ดังจะกล่าวโดยละเอียดต่อไป
นอกจากนี้ในสถานทีเ่ ดียวกันอาจมีการสร้างรูปเคารพเพื่อให้สอดคล้องกับเรื่องเล่าหรือตานาน
๒๐๙
๒) การสร้างรูปเคารพเพื่อสืบทอดตานานและพิธกี รรม
เกีย่ วกับขุนแผน
การสร้ า งรู ป เคารพขุ น แผนและรู ป เคารพของ
ตัวละครอื่น ๆ จากเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรเี ป็ นการสืบทอดตานาน
และพิธีก รรมเกี่ย วกับ ขุ น แผน หรือ กล่ า วอีก นั ย หนึ่ ง คือ การรัก ษาและสร้ า งพื้น ที่แ ห่ ง
ความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนให้คงอยู่ไปในขณะเดียวกัน ผ่านการสร้างรูปเคารพเป็ นสื่อแทน
เพื่อถ่ายทอดเรื่องเล่าหรือตานานของท้องถิน่ ให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม
๒๑๐
ตานานและพิธกี รรมเกี่ยวกับขุนแผนในประสบการณ์
การรับรู้ของคนท้องถิน่ มีส่วนสาคัญในการย้าให้คนท้องถิ่นเชื่อว่าขุนแผนเคยมี ตวั ตนอยู่จริง
ซึ่งทาให้เกิดการบูชาและการสร้างรูปเคารพต่าง ๆ เช่น บริเวณเชิงเขาชนไก่ ตาบลลาดหญ้า
อาเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี เป็ นที่ต ัง้ ของศาลเจ้าพ่อเขาชนไก่ ซึ่งเป็ นศาล
ประดิษฐานรู ปเคารพพ่ อปู่ขุน แผน และรูป เคารพพ่อ ปู่ขุน ไกร ชาวบ้านเชื่อ ว่ า หลังจาก
ขุนแผนได้รบั ตาแหน่งเป็นพระสุรนิ ทรฦๅไชย เจ้าเมืองกาญจนบุรี มาปกครองเมืองในบริเวณ
เขาชนไก่น้ี เมื่อสิ้นชีวติ แล้ว วิญญาณก็ยงั คงสถิตอยู่ท่เี ขาชนไก่เพื่อปกป้อ งคุ้ม ครองดูแล
ลูกหลานชาวกาญจนบุรี ชาวบ้านจึงตัง้ ศาลแห่งนี้ข้นึ ถวายแด่ดวงวิญญาณของขุนแผนและ
ขุนไกร พร้อมทัง้ สักการบูชาขอพรและบนบานอยู่เป็นประจา
ต านานประวัติ ว ัด ถ้ า ขุ น ไกร ต าบลแก่ ง เสี้ ย น
อาเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งกล่าวถึงพระอาจารย์คงกับขุนไกรที่ได้กล่าวไว้
ข้างต้น เป็ นอีกตัวอย่างหนึ่งที่ทาให้มกี ารสร้างรูปเคารพพ่อปู่ขุนไกร และสืบทอดความเชื่อ
และความทรงจาร่วมของคนท้องถิน่ ให้เป็นทีร่ บั รู้ ตลอดจนถ่ายทอดความทรงจาร่วมให้คงอยู่
คู่ทอ้ งถิน่ ต่อไป
ผู้ว ิจ ัย พบว่ า ต านานท้ อ งถิ่น มี ส่ ว นช่ ว ยตอกย้ า
ความเชื่อ และความทรงจ าร่ วมเรื่อ งขุน แผนของคนท้อ งถิ่น ขณะเดีย วกัน ก็ช่ว ยเติม เต็ม
บางส่วนของความทรงจาที่ขาดหายไป เช่น เรื่องราวชีวติ ของขุนแผนตอนที่ เ สภาเรื่อ ง
ขุนช้าง – ขุนแผน ฉบับหอพระสมุดวชิรญาณไม่ได้รวบรวมไว้ ตัวอย่างเช่นตานานประวัติ
วัดถ้าขุนไกร ทาให้ทราบว่าพระอาจารย์คงกับขุนไกรบิดาของขุนแผนรู้จกั กันในตอนที่ขุนไกร
มาหลบฝนในถ้ า และได้ฝ ากตัวเป็ นศิษย์เรีย นวิชาพระอาจารย์ค งจนสนิ ทสนมคุ้นเคยกัน
เหตุการณ์ตอนดังกล่าวไม่ได้ปรากฏในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน แต่ในเสภากล่าวถึง
ตอนพลายแก้วจะบวชเรียนที่เมืองสุ พรรณบุรี นางทองประศรีจะพาไปฝากตัวเป็ นศิษย์ของ
สมภารคงซึ่งรูจ้ กั คุน้ เคยกันดีกบั ขุนไกรผูเ้ ป็นบิดาเท่านัน้
จาก การเก็ บ ข้ อ มู ล ภา คสน าม ผู้ ว ิ จ ั ย พ บว่ า
รู ป เคารพที่พ บในจัง หวัด กาญจนบุ รีส่ ว นใหญ่ เ ป็ น รู ป เคารพที่ค นท้อ งถิ่น ไม่ ส ามารถบอก
ช่วงเวลาทีส่ ร้างได้ ทราบแต่เพียงว่า “นานมากแล้ว” หรือ “เกิดมาก็เห็นแล้ว” แต่กม็ รี ูปเคารพ
จานวนหนึ่ง ได้แก่ รูปหล่อขุนแผน และรูปหล่อขุนไกรที่เขาชนไก่ ตาบลลาดหญ้า ที่ทราบ
ช่วงเวลาสร้าง รูปเคารพขุนแผนและรูปเคารพของตัวละครอื่น ๆ จากเสภาเรื่องขุนช้าง –
ขุนแผน ในจังหวัดกาญจนบุรเี กิดจากความเชื่อและความศรัทธาของคนท้องถิน่ ซึ่งรับรูเ้ รื่องเล่า
หรือตานาน และมีพธิ กี รรมการสักการบูชา จนเชื่อว่าขุนแผนและตัวละครอื่นซึ่งเกี่ยวข้องกับ
ขุนแผนและท้องถิน่ ทีต่ นอาศัยอยู่เคยมีตวั ตนอยู่จริง และดวงวิญญาณของบุคคลเหล่านี้ ยงั คง
สถิต อยู่ ณ สถานที่ท่รี ู ป เคารพประดิษ ฐานเพื่ อ ปกป้ อ งคุ้ม ครองลู ก หลานในท้อ งถิ่นต่ อ ไป
๒๑๑
๓) การสร้างคาขวัญและการตัง้ ชือ่
การสร้ า งค าขวัญ และการตัง้ ชื่อ ให้ เ กี่ย วข้อ งกับ
ขุนแผนเป็ นการสร้างพื้นที่แห่งความทรงจาโดยใช้ภ าษาเป็ นสื่อสัญลักษณ์ถ่ายทอดความคิด
และความทรงจา ในที่น้ี ผูว้ จิ ยั จะแยกอภิปรายโดยกล่าวถึงการสร้างคาขวัญเป็ นลาดับแรก
และจะกล่าวถึงการตัง้ ชือ่ เป็นลาดับต่อไป
ผูว้ จิ ยั พบว่า ในจังหวัดกาญจนบุรีมีความพยายาม
ที่จ ะใช้ข้อ มู ลคติช นเกี่ย วกับ ขุน แผนที่พ บในจัง หวัด กาญจนบุ รีเ ป็ น จานวนมากเป็ น ข้อ มู ล
สนั บ สนุ น การขอเพิ่ม วรรคของค าขวัญ ประจ าจัง หวัด กาญจนบุ รี โดยการเพิ่ม ค าว่ า
“เมืองขุนแผน” เป็นวรรคแรกของคาขวัญประจาจังหวัด กล่าวคือ “(เมืองขุนแผน) แคว้นโบราณ
ด่านเจดีย์ มณีเมือ งกาญจน์ สะพานข้ามแม่น้ าแคว แหล่งแร่น้ า ตก” (พยงค์ เวสสบุตร,
๒๕๕๑: ๕๔) แม้การดาเนินการดังกล่าวจะยังไม่สมั ฤทธิ ์ผล แต่กถ็ อื เป็นตัวอย่างหนึ่งทีส่ ะท้อน
ให้เห็นความพยายามในการแสดงให้เห็นและเป็ นที่ร ั บรู้ว่า จังหวัดกาญจนบุรีเกี่ยวข้องกับ
ขุนแผน
นอกจากนี้ ยังพบการนาชื่อของขุนแผนไปใช้สร้า ง
คาขวัญประจาสถานที่ในท้องถิ่น เช่น วัดใหญ่ ดงรัง - ส้มใหญ่ ตาบลหนองขาว อาเภอ
ท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี มีคาขวัญจารึกไว้บริเวณสระน้ าของวัดว่า “ถิน่ ขุนแผน แคว้น
โบราณ บ้านดงรัง เน้ น ปฏิบ ัติ ขัด นิวรณ์ สอนวิป สั สนา หาความสงบ พบสุข ล้ า น าวิธี
ชี้ถูกทาง ปลูกคุณธรรม ย้ าพัฒนา” คาว่า “ถิน่ ขุนแผน” ซึ่งปรากฏในคาขวัญนี้มีท่มี าจาก
๒๑๒
เมื่อ ขุน แผนเป็ น หนุ่ ม และได้เ ป็ น ทหารแล้ว พม่ า มาตีเ มือ งกาญจน์ สมเด็จ พระพัน วษา
มีพระราชโองการให้ขุนแผนขึน้ มารบ ขุนแผนได้ตงั ้ ศาลเพียงตาไว้ท่เี ขาถ้า ใกล้กบั บริเวณ
ถ้าขุนไกร” เป็นต้น นอกจากนี้ ผูว้ จิ ยั พบว่า ในจังหวัดกาญจนบุรมี กี ารนาชือ่ ของขุนแผนไปใช้
ในแวดวงทหาร เพราะบริเ วณเมือ งกาญจนบุ รีเ ก่ า ซึ่ง เชื่อ ว่า เป็ น เมือ งกาญจนบุ รีใ นสมัย
กรุงศรีอยุธยามีค่ายทหารตัง้ อยู่ กล่าวคือ ทหารกรมทหารปื นใหญ่ กองพลทหารราบที่ ๙
จังหวัดกาญจนบุรี ได้นาชือ่ ขุนแผนไปตัง้ เป็นชือ่ รหัสในการใช้วทิ ยุส่อื สาร และใช้เป็ นชื่อของ
ฝา่ ยรุกในการฝึกนักศึกษาวิชาทหาร เนื่องจากยกย่องว่าขุนแผนเป็ นนักรบคนสาคัญที่มฝี ี มอื ดี
ในประวัตศิ าสตร์
จากทีก่ ล่าวมาทัง้ หมดจะเห็นได้วา่ การสร้างคาขวัญ
และการตัง้ ชื่อเป็ นวิธีการหนึ่งในการสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนที่ช่วยถ่ายทอดและ
เผยแพร่ความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรใี ห้เป็ นที่รบั รู้และดารงอยู่ ในท้องถิน่
ต่อไป
๕.๒.๑.๒ การสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน
ในจังหวัดสุพรรณบุรี
จากการศึกษาข้อมูลคติชนต่าง ๆ เกี่ยวกับขุนแผนที่พบ
ในจัง หวัด สุ พ รรณบุ รี พบว่า คติช นเกี่ย วกับ ขุน แผนมี ๒ ลัก ษณะคือ เป็ น คติช นที่มีอ ยู่
แต่เดิม ไม่ส ามารถสืบหาผู้สร้างได้ และเป็ นคติช นที่เพิ่ง สร้างขึ้นใหม่ เพื่อให้เกี่ยวข้องกับ
ขุนแผน อย่างไรก็ตาม คติชนส่วนใหญ่ ไม่ได้มุ่งเน้ นที่ขุนแผนเพียงบุค คลเดียว แต่ยงั พบ
ข้อมูลเกีย่ วกับตัวละครอื่น ๆ ในเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน รวมอยู่ด้วย สามารถวิเคราะห์
ลักษณะการสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนในจังหวัดสุพรรณบุรไี ด้ ๓ ประการใหญ่ คือ
๒) การสร้างรูปเคารพเพื่อสืบทอดตานานและพิธกี รรม
เกีย่ วกับขุนแผน
การสร้ า งรู ป เคารพขุ น แผนและรู ป เคารพของ
ตัวละครอื่น ๆ จากเสภาเรื่องขุน ช้ าง – ขุนแผน ในจังหวัดสุพรรณบุรเี ป็ นการถ่ายทอด
ความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนให้ปรากฏอย่างเป็ นรูปธรรม รูปเคารพดังกล่าวยังมีส่วนกระตุ้น
ให้เกิดการระลึกถึงและถ่ายทอดเรื่องขุนช้างขุนแผนในท้องถิน่
ผูว้ จิ ยั พบว่า ในจังหวัดสุพรรณบุรมี กั สร้างรูปเคารพ
ดังกล่าวเพื่อประดิษฐานอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งเรื่องขุนช้างขุนแผนได้กล่าวถึงไว้ จากการ
ออกภาคสนาม ผูว้ จิ ยั พบว่า พืน้ ทีท่ ร่ี ูปเคารพขุนแผนและรูปเคารพตัวละครอื่นประดิษฐานอยู่
เป็ นพื้นที่ท่ีเกี่ยวข้อ งกับขุนแผนในตอนบวชเรียน ได้แก่ วัดป่าเลไลยก์ว รวิหาร และวัดแค
รูปเคารพดังกล่าวเกิดจากทางวัดสร้างขึน้ เพื่อให้ระลึกถึงขุนแผนและตัวละครอื่น ๆ ซึ่งเชื่อว่า
เคยมีต ัว ตนอยู่ จ ริง และเพื่อ ให้ ช าวบ้า นและนัก ท่ อ งเที่ย วสัก การบู ช า พบทัง้ รู ป เคารพ
ที่ไม่ทราบช่วงเวลาสร้าง เช่น รูปเคารพขุนแผน รูปเคารพนางพิมที่วดั ป่าเลไลยก์วรวิหาร
รูปเคารพสมภารคงภายในศาลาสัก การะ และภายในศาลหลวงปู่ค งที่วดั แค และรูปเคารพ
ที่พอจะทราบช่วงเวลาสร้าง เช่น รูปเคารพขุนช้างที่วดั ป่าเลไลยก์วรวิหาร ซึ่งสร้างขึน้ เพื่อ
ประดิษ ฐานในศาลพ่ อ ขุน ช้า งในคราวที่สร้า งบ้า นขุนช้า งเป็ น อุ ทยานวรรณคดี รูป เคารพ
ขุนแผนในศาลขุนแผน วัดแค ซึ่งสร้างขึน้ เมื่อวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๒๙ ในคราวที่สร้าง
คุม้ ขุนแผนเป็นอุทยานวรรณคดี
ผู้ว ิจ ัย พบว่า ลัก ษณะเด่ น ของการสร้า งรู ป เคารพ
ในจังหวัดสุพรรณบุรคี อื เป็ นการสร้างรูปเคารพเพื่อผสานพื้นที่จริงกับพื้นที่แห่งความทรงจา
ทีส่ ร้างขึน้ ใหม่ กล่าวคือ วัดปา่ เลไลยก์วรวิหาร และวัดแค จังหวัดสุพรรณบุรี ต่างเป็นพืน้ ทีจ่ ริง
ทีค่ นท้องถิน่ รับรู้ และเรื่องขุนช้างขุนแผนเล่าว่า ขุนแผนเมื่อครัง้ เป็นพลายแก้วบวชเรียนศึกษา
วิชาที่วดั ทัง้ ๒ แห่งนี้ วัดทัง้ ๒ แห่งดังกล่าวยังมีประวัติความเป็ นมาว่า สร้างขึน้ ตัง้ แต่สมัย
กรุงศรีอยุธยาอันเป็ นช่วงเวลาที่เชื่อว่าขุนแผนมีชวี ติ อยู่ ขณะเดียวกันปจั จุบนั วัดทัง้ ๒ แห่ง
ได้จดั สรรพื้นที่ส่วนหนึ่ง เพื่อสร้างอุทยานวรรณคดีค ือ บ้า นขุนช้างที่วดั ป่าเลไลยก์วรวิหาร
และคุม้ ขุนแผนทีว่ ดั แค ซึ่งถือเป็นพืน้ ทีแ่ ห่งความทรงจาทีส่ ร้างขึน้ ใหม่ ผูว้ จิ ยั พบว่า การสร้าง
รูปเคารพขุนช้างประดิษฐานในศาลพ่อขุนช้าง ช่วยทาให้พน้ื ทีบ่ า้ นขุนช้างดูศกั ดิ ์สิทธิ ์ และทาให้
เมื่อเห็นรู ป เคารพขุนช้า งก็มีการเล่ าเรื่องขุนช้า งขุน แผนต่อ ไปได้ เช่น เดีย วกับ การสร้า ง
รูปเคารพสมภารคงภายในศาลอาจารย์คงที่คุ้มขุนแผน วัดแค ในคราวที่สร้างคุ้มขุนแผนเป็ น
อุทยานวรรณคดี ทัง้ ที่ในวัดแคมีรูปเคารพสมภารคงภายในศาลหลวงปู่คงซึ่งเป็ นศาลเก่าแก่
แต่อยู่ภายนอกบริเวณคุ้มขุนแผนอยู่แล้ว กลวิธดี งั กล่าวช่วยสร้างความศักดิ ์สิทธิ ์ให้แก่พ้นื ที่
แห่งความทรงจาทีส่ ร้างขึน้ ใหม่ และช่วยผสานพืน้ ทีจ่ ริงกับพืน้ ทีใ่ หม่ได้อย่างกลมกลืน
๒๑๖
๓) การสร้างคาขวัญและการตัง้ ชือ่
เมื่อกล่าวถึง คาขวัญประจาจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ว่า
“เมืองยุทธหัตถี วรรณคดีขน้ึ ชือ่ เลือ่ งลือพระเครือ่ ง รุ่งเรืองเกษตรกรรม สูงล้ าประวัตศิ าสตร์
แหล่ ง ปราชญ์ ศ ิล ปิ น ภาษาถิน่ ชวนฟ งั ” นั น้ “วรรณคดีข้ึน ชื่อ ” ของจัง หวัด สุ พ รรณบุ รี
ทีค่ นส่วนใหญ่มกั จะนึกถึงคือ เรื่องขุนช้างขุนแผน เนื่องจากปจั จุบนั โดยเฉพาะในเขตเทศบาล
เมืองสุพรรณบุรี อาเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนราชการท้องถิน่ คือเทศบาล
เมือ งสุ พ รรณบุ รี มีน โยบายให้น าชื่อ ตัว ละครในเรื่อ งขุน ช้า งขุน แผนมาตัง้ เป็ น ชื่อ สถานที่
เพื่อเป็ นการระลึกถึงตัวละครต่าง ๆ ที่ชาวบ้านเชื่อว่าเคยมีตวั ตนอยู่จริง และเพื่อระลึกว่า
เรื่องขุนช้า งขุน แผนเป็ นนิ ทานพื้นบ้านของจังหวัดสุพ รรณบุ รี ดังจะเห็นได้จากการนาชื่อ
ขุนแผนและชื่อตัวละครอื่น ๆ จากเสภาเรื่ องขุนช้ า ง – ขุน แผน มาตัง้ เป็ นชื่อถนน เช่น
ถนนพลายแก้ว ถนนเณรแก้ว ถนนขุนแผน ถนนนางพิม ถนนนางลาวทอง ถนนขุนไกร
ถนนพลายงาม ถนนพลายชุมพล ถนนพระพันวษา ถนนดาบฟ้ าฟื้ น ถนนไร่ฝ้ าย ฯลฯ
ชือ่ แยกจราจร เช่น แยกเณรแก้ว แยกอาชาสีหมอก ฯลฯ ชื่อสาธารณสมบัติ เช่น สะพาน
อาชาสีหมอก เป็ นต้น คนท้องถิน่ และผูส้ ญ ั จรในจังหวัดสุพรรณบุรีจงึ ได้ซึมซับบรรยากาศ
ทีเ่ กีย่ วข้องกับเรื่องขุนช้างขุนแผนได้อย่างชัดเจน
การตัง้ ชื่อถนนโดยนาชื่อ ตัวละครจากเรื่องขุ นช้า ง
ขุน แผนมาตัง้ อย่ า งเป็ น ระบบยัง ช่ ว ยสนั บ สนุ น ให้ค นท้ อ งถิ่น และคนทัว่ ไปจดจ าจัง หวัด
สุพรรณบุรใี นฐานะเมืองทีเ่ กีย่ วข้องกับขุนแผนและเรื่องขุนช้างขุนแผนได้เป็นอย่างดี
๒๑๗
๕.๒.๒ ปัจจัยในการสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผน
จากการศึกษาแนวคิดเรื่องความทรงจาร่ว มและการสร้างความทรงจาร่วม
เรื่อ งขุ น แผนในจัง หวัด กาญจนบุ รีแ ละจัง หวัด สุ พ รรณบุ รี ผู้ว ิจ ัย พบป จั จัย ในการสร้ า ง
ความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรแี ละจังหวัดสุพรรณบุรี ๓ ด้าน คือ ปจั จัยด้าน
การสืบทอดความทรงจาร่วมของท้องถิน่ ปจั จัยด้านการช่วงชิงความโดดเด่นในเชิงอัตลักษณ์
ทางวัฒนธรรม และปจั จัยด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจการท่องเทีย่ ว
๕.๒.๒.๑ ปัจจัยด้านการสืบทอดความทรงจาร่วมของท้องถิ่ น
ป จั จัย ส าคัญ ในการสร้า งความทรงจ าร่ ว มเรื่อ งขุน แผน
ในจังหวัดกาญจนบุรแี ละจังหวัดสุพรรณบุรคี อื ความพยายามในการสืบทอดความทรงจาร่วม
เรื่องขุนแผนให้คนในจังหวัดกาญจนบุรรี บั รู้ร่วมกันและคนในจังหวัดสุพรรณบุรีรบั รู้ร่วมกัน
และถ่ายทอดความทรงจาร่วมดังกล่าวให้เป็นทีร่ บั รูส้ บื ต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น เป้าหมายและวิถที าง
๒๑๙
ในการสืบ ทอดความทรงจ าร่ ว มเรื่อ งขุน แผนในจัง หวัด กาญจนบุ รีแ ละจัง หวัด สุ พ รรณบุ รี
จึงมีลกั ษณะเป็นการสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนให้ปรากฏอยู่ในท้องถิน่ อย่างต่อเนื่อง
ตามทัศนะของผูว้ จิ ยั การสร้างความทรงจาร่วมดังกล่าว
ไม่ได้หมายถึงการสร้างพืน้ ทีแ่ ห่งความทรงจาขึน้ ใหม่แต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ยงั หมายถึง
การรื้อ ฟื้ น และการผลิต ซ้ า พื้นที่แ ห่ ง ความทรงจ าเรื่อ งขุน แผนที่มีอ ยู่ แ ต่ เ ดิม ให้ป รากฏชัด
อย่ า งเป็ น รู ป ธรรมและปรากฏอย่ า งต่ อ เนื่ อ งในท้อ งถิ่น กาญจนบุ รีแ ละท้อ งถิ่น สุ พ รรณบุ รี
ด้วยเหตุน้ี ข้อมูลคติชนประเภทต่าง ๆ เกี่ยวกับขุนแผนซึ่ง ถือเป็ นเครื่องมือ สาคัญในการ
เผยแพร่ ค วามทรงจ าร่ ว มให้เ ป็ น ที่ร ับ รู้ใ นท้ อ งถิ่น และในสั ง คมทัวไปจึ
่ ง มีค วามส าคัญ ยิ่ง
เพราะหากทัง้ ๒ จังหวัดไม่สามารถใช้ขอ้ มูลทางวัฒนธรรมดังกล่าวเผยแพร่ความทรงจาร่วม
เรื่องขุนแผนได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือเครื่องมือดังกล่าวไม่อยู่ในสภาพที่สามารถเป็ นพื้นที่
แห่งความทรงจาได้ กล่าวคือ อยู่ในสภาพรกร้าง หรือชารุดทรุดโทรม ก็ย่อมทาให้การสืบทอด
ความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนของท้องถิน่ ไม่เกิดประสิทธิผลเท่าทีค่ วร
ดัง นั น้ การรัก ษาและการฟื้ น ฟู ใ ห้ ข้อ มู ล คติช นเกี่ย วกับ
ขุนแผนที่พ บในจังหวัด กาญจนบุรีและจังหวัด สุพ รรณบุ รีอ ยู่ในความสนใจของสังคมอย่า ง
ต่อเนื่อง จึงถือเป็ น กระบวนการหนึ่งที่ท าให้ การสืบทอดความทรงจาร่ วมเรื่องขุนแผนของ
ท้องถิน่ ได้ อาจกล่าวอีกนัยหนึ่งได้วา่ การรักษาและการฟื้ นฟูขอ้ มูลทางวัฒนธรรมเหล่านี้กค็ อื
การสงวนรักษาและการสร้างพืน้ ทีแ่ ห่งความทรงจา ซึ่งก็คอื การสร้างความทรงจาร่วมนันเอง ่
ขุนแผนเมืองกาญจน์ สุพรรณเมืองขุนช้าง
(พยงค์ เวสสบุตร, ๒๕๕๐ก: ๓๐)
ดูเ พิ่ม เติม หน่ ว ยอนุ ร ัก ษ์ ส ิ่ง แวดล้อ มธรรมชาติแ ละศิล ปกรรมท้อ งถิ่น จัง หวัด กาญจนบุ รี
สานักงานนโยบายและแผนพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิง่ แวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและ
สิง่ แวดล้อ ม, รายงานการศึ ก ษา กรณี ศึก ษาเมื อ งกาญจนบุรีเก่ าเพื่ อ เตรียมประกาศเขตอนุ รกั ษ์ ,
(กาญจนบุร:ี สานักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุร,ี ๒๕๕๑). หน้า ๖๒ – ๘๕.
๒๒๓
ผ่า นป้ า ยประชาสัม พัน ธ์ ป้ า ยอธิบ ายสถานที่ ฯลฯ บนพื้น ฐานความทรงจ าส่ ว นเดิม ของ
คนท้องถิน่ คนท้องถิน่ จึงละทิง้ บทบาทในการถ่ายทอดเรื่องเล่าไป อย่างไรก็ตาม ส่วนราชการ
ท้อ งถิ่น ยังถือ เป็ น หน่ ว ยงานสาคัญ ที่ผ ลัก ดัน ให้พ้นื ที่ท่ีเ กี่ย วข้อ งกับ ขุน แผนมีค วามหมาย
และยัง ประโยชน์ ใ นด้ า นอัต ลัก ษณ์ ท างวัฒ นธรรมและเศรษฐกิ จ การท่ อ งเที่ ย ว โดยมี
ส่ ว นราชการกลางเป็ น หน่ ว ยงานอัน ทรงพลัง ที่ป ระกาศให้ เ ห็น ความส าคัญ ของจัง หวัด
กาญจนบุรแี ละจังหวัดสุพรรณบุรใี นฐานะทีเ่ ป็นเมืองทีเ่ กีย่ วข้องกับขุนแผน
ข้อสังเกตสาคัญคือ การสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรแี ละ
จังหวัด สุพ รรณบุรีไม่ ได้เกิด จากการสร้า งข้อมู ลทางวัฒนธรรมขึ้นใหม่ แต่ เพียงอย่า งเดีย ว
แต่ยงั หมายถึงการส่งเสริมหรือฟื้ นฟูให้ขอ้ มูลทางวัฒนธรรมที่เคยมีอยู่แล้วกลับมาเป็ นที่รู้จกั
หรือเป็นทีส่ นใจใหม่อกี ครัง้ ซึ่งถือเป็นปฏิบตั กิ ารทางสังคมอย่างหนึ่ง
ลักษณะดังกล่าวข้างต้นสอดคล้องกับที่อภิญญา เฟื่ องฟูสกุล (๒๕๔๖: ๑๑๓) กล่าวไว้
ในอัตลักษณ์ ว่า “การเคลื่อนไหวทางสังคมต่าง ๆ ไม่ไ ด้มเี ป้ าหมายทางการเมือ งเสมอไป
หลายกรณีเป็นความเคลื่อนไหวเพื่อแสดงตัวตนทางวัฒนธรรม ดังนั น้ รูปแบบและยุทธศาสตร์
การเคลื่ อ นไหวจึ ง เปลี่ ย นไปจากเดิ ม ไม่ ใ ช่ เ รื่ อ งของการออกมาเรี ย กร้ อ งบนถนน
แต่เพียงอย่างเดียว และไม่ได้เน้นการแก้ปญั หาโดยผ่านกลไกรัฐแต่อย่างเดียว แต่เป็ นเรื่อง
ของการต่อสูเ้ ชิงสัญลักษณ์ เน้นกระบวนการผลิตความหมายและการสร้างอัตลักษณ์ใหม่ ”
ความเป็นวีรบุรุษของขุนแผนประกอบกับข้อมูลทางวัฒนธรรมทีม่ อี ยู่แต่เดิมและที่สร้าง
ขึน้ ใหม่ น้ีเองนาไปสู่การสร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัด
สุพรรณบุรโี ดยนาเสนอแบบมุ่งเน้นรายละเอียดทีแ่ ตกต่างกัน เพื่อการสร้างอัตลักษณ์ความเป็ น
“เมืองขุนแผน” ของจังหวัด กล่าวคือ จังหวัดกาญจนบุรี ต้องการแสดงให้เห็นภาพของขุนแผน
ในลักษณะของนักรบผูก้ ล้าหาญ ประกอบกับ พื้นที่ของจังหวัดกาญจนบุรีเกี่ยวข้องสัมพันธ์กบั
ประวัติศ าสตร์ด้านการรบ เมือ งกาญจนบุ รีเก่ า หรือ เมืองกาญจนบุรีใ นสมัย กรุง ศรีอยุ ธ ยา
ซึ่งเชือ่ ว่าตรงกับสมัยทีข่ นุ แผนเป็นเจ้าเมือง สอดรับกับผูเ้ กีย่ วข้องในการสร้างความทรงจาร่วม
คือ คนท้องถิน่ ซึ่งได้แก่ ชาวบ้าน พระสงฆ์ ทหาร ส่วนราชการท้องถิน่ ซึ่งได้แก่ เทศบาล
ตาบล องค์ก ารบริห ารส่ว นต าบล องค์การบริห ารส่ว นจัง หวัด และส่ว นราชการกลาง คือ
กรมศิลปากร ความเข้มข้นของการนับถือขุนแผนในฐานะวีรบุรุษท้องถิน่ จึงมีมากในพืน้ ทีเ่ มือง
กาญจนบุรเี ก่า เนื่องจากเป็นพืน้ ทีท่ เ่ี ชือ่ ว่าขุนแผนเคยเป็ นเจ้าเมือง ดัง ที่ผวู้ จิ ยั ได้กล่าวถึงแล้ว
อีกทัง้ เป็นพืน้ ทีต่ งั ้ ของกองพลทหารราบที่ ๙ ในปจั จุบนั นอกจากนัน้ ชาวบ้านกาญจนบุรแี ละ
ทหารมีส่ วนส าคัญในการสืบทอด ดูแ ลและฟื้ นฟู ข้อมูล ทางวัฒ นธรรม เช่น การบู รณะศาล
เจ้า พ่ อ เขาชนไก่ การสร้า งรู ป หล่ อ พ่ อ ปู่ขุน แผนและรูป หล่ อ พ่อ ปู่ขุนไกร หรือ แม้ก ระทั ่ง
นอกพื้นที่เมืองกาญจนบุรีเก่า เช่น วัดถ้ าขุนไกร ตาบลแก่งเสี้ยน อาเภอเมืองกาญจนบุรี
ก็เป็ นพื้นที่ควบคุมของทหาร ทางราชการได้ส่งนายทหารจากกองพลในกรุงเทพมหานคร
มาเข้าเวรประจาการอยู่ในพื้นที่ และแม้จะผลัดเวรมาประจาการ แต่ทหารก็มคี วามรู้เกี่ยวกับ
สถานทีซ่ ่งึ เกีย่ วข้องกับขุนแผนอยู่บา้ งมากน้อยต่างกัน จะเห็นได้ว่า บุคคลที่เกี่ยวข้องในการ
สร้างความทรงจาร่วมเรื่องขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรปี ระกอบกับข้อมูลคติชนประเภทต่าง ๆ
ทาให้เห็นภาพของขุนแผนในแง่มุมตอนเป็ นทหารและเจ้าเมือง และสะท้อนให้เห็นว่าขุนแผน
เกีย่ วข้องกับจังหวัดกาญจนบุรไี ด้อย่างเป็นรูปธรรม
๒๒๖
สรุปผลการวิจยั และอภิปรายผล
การศึก ษาภู มิห ลัง เกี่ย วกับ ขุ น แผนจากเสภาเรื่ อ งขุน ช้ า ง – ขุน แผน และจาก
คาให้การชาวกรุงเก่า ทาให้ผวู้ จิ ยั รับรู้เรื่องราวชีวติ ของขุนแผนซึ่งถือเป็ นความทรงจารววม
เรื่องขุนแผนชุดหนึ่งทีอ่ ยูวในความรับรูข้ องคนทัวไป
่ นอกเหนือจากการศึกษาภูมหิ ลังเกี่ยวกับ
ขุนแผนจากวรรณคดีและเอกสารทางประวัตศิ าสตร์แล้ว ผูว้ จิ ยั ได้ศกึ ษารวบรวมข้อมูลคติชน
เกี่ ย วกับ ขุ น แผนในจัง หวัด กาญจนบุ รี พบข้ อ มู ล คติ ช นเกี่ ย วกับ ขุ น แผนมากในเขต
เมืองกาญจนบุรเี กวาหรือพืน้ ทีบ่ า้ นทวาเสา ตาบลลาดหญ้า และยังพบข้อมูลคติชนกระจายอยูว ใน
ตาบลหนองบัว และตาบลแกวงเสี้ยน ในเขตอาเภอเมืองกาญจนบุรี ตาบลเขาน้อย และตาบล
๒๓๐
ชือ่ กิจการร้านค้าตวาง ๆ เชวน อูวขนุ แผน เต๊นท์ขนุ แผน บึงขุนแผน ร้านขุนแผน ห้องอาหาร
พลายแก้ว คอกขุน แผนฟิ ลว า ขุนแผนไกว ชน ชื่อ งานหรือ ชื่อ กิจ กรรม เชวน งานขุนแผน
คลาสสิคไบค์ ชือ่ ทีมฟุตบอลท้องถิน่ คือ ทีมขุนแผน เป็นต้น ข้อมูลคติชนประเภทชือ่ ทีโ่ ดดเดวน
และสวงผลให้คนสววนใหญวรบั รูว้ าว จังหวัดสุพรรณบุรเี กีย่ วข้องกับขุนแผนและเรื่องขุนช้างขุนแผน
คือ ชือ่ ถนนสายตวาง ๆ ทีใ่ ช้สญ ั จรไปมาในเขตเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี สววนชื่อกิจการร้านค้า
ตวาง ๆ พบแตวในจังหวัดสุพรรณบุรี ไมวพบในจังหวัดกาญจนบุรี
๒. ข้อมูลคติชนประเภทรูปเคารพ พบทัง้ รูปเคารพขุนแผน และรูปเคารพของตัวละคร
อื่น ๆ จากเสภาเรื่ อ งขุนช้ า ง – ขุน แผน ได้แ กว รูป เคารพนางพิม รู ป เคารพสมภารคง
รูปเคารพขุนช้าง รูปเคารพกุมารทอง รูปเคารพทีพ่ บประดิษฐานอยูวในสถานทีท่ เ่ี ชือ่ ววาขุนแผน
เคยใช้ชวี ติ อยูวจริง เชวน ทีว่ ดั ปาว เลไลยก์วรวิหาร วัดแค อันเป็นวัดทีข่ นุ แผนบวชเรียนศึกษาวิชา
นอกจากนี้ พ บรู ป เคารพของตัว ละครอื่ น เชว น รู ป เคารพขุ น ช้ า ง รู ป เคารพกุ ม ารทอง
ประดิษฐานอยูวในสถานที่ซ่งึ ได้รบั การจัดสร้างเพื่อเป็ นอุทยานวรรณคดีให้คนระลึกถึงขุนแผน
และเรื่องขุนช้างขุนแผน เพื่อถวายทอดเรื่องเลวาให้เห็นอยวางเป็นรูปธรรมและทาให้พ้นื ที่มคี วาม
นวาสนใจมากยิง่ ขึน้
๓. ข้อ มู ล คติช นประเภทวัต ถุ ม งคล ที่พ บสว ว นใหญว เ ป็ น พระขุ น แผนกรุ ตว า ง ๆ
ซึ่งมีช่อื เสียงในวงการพระเครื่อง ได้แกว กรุวดั บ้านกรวาง กรุวดั ป วาเลไลยก์วรวิหาร กรุวดั แค
ทัง้ ยังพบการจัดสร้างวัตถุมงคลเกีย่ วกับขุนแผนอยวางตวอเนื่อง นอกจากนี้พบววามีการจัดแสดง
พระขุนแผนพิมพ์ตวาง ๆ ทีพ่ บในประเทศไทยอยูวภายในพิพธิ ภัณฑ์พระขุนแผนและพระเครื่อง
เมืองสุพรรณ วัดปาว เลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี อีกด้วย
๔. ข้อมูลคติชนประเภทจิตรกรรม พบ ๒ ลักษณะคือ จิตรกรรมเลวาเรื่องขุนช้างขุนแผน
และจิตรกรรมแสดงภาพตัวละครจากเสภาเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน จิตรกรรมเลวาเรื่องขุนช้าง
ขุนแผนพบทัง้ ทีเ่ ลวาเรื่องขนาดยาว ได้แกว จิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน รอบวิหารคด
วัดปวาเลไลยก์วรวิหาร และที่เลือ กนาเสนอเรื่อ งราวบางตอน ได้แกว จิตรกรรมเรื่องขุนช้าง
ขุนแผนในหอคอยบรรหาร – แจวมใส และจิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุ นแผน ที่วดั เขาพระ
ศรีสรรเพชญาราม สววนจิตรกรรมแสดงภาพตัวละครจากเรื่องขุนช้างขุนแผน พบทีบ่ า้ นขุนช้าง
ภายในบริเวณวัดปวาเลไลยก์วรวิหาร ซึ่งเป็ นอุทยานวรรณคดีท่สี ร้างขึ้นเพื่อ ให้ระลึก ถึงเรื่อ ง
ขุนช้างขุนแผน
๕. ข้อ มู ล คติช นประเภทเพลงพื้น บ้า น เป็ น การถว า ยทอดข้อ มู ล เกี่ย วกับ ลัก ษณะ
ตัวละครในเรื่องขุนช้างขุนแผนหรือเลวาเรื่องขุนช้างขุนแผน ไมวได้มุวงเน้นนาเสนอตัวละครใด
ตัว ละครหนึ่ ง โดยเฉพาะ นอกจากนี้ เ มื่อ กลวา วถึง ขุน แผนก็ม ัก กลว า วถึง เรื่อ งความรัก และ
ความเจ้าชู้
๒๓๓
นอกจากนี้ ข้อมูลคติชนเกี่ยวกับขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดสุพรรณบุรี
ยังเป็นเครื่องมือสาคัญทีท่ าให้เกิดการสร้างความทรงจารววมเรื่องขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรี
และจังหวัดสุพรรณบุรี ผู้วจิ ยั พบลักษณะการสร้างความทรงจารววมเรื่องขุนแผนในจังหวัด
กาญจนบุรแี ละจังหวัดสุพรรณบุรี ๓ ลักษณะสาคัญคือ ๑) การอนุ รกั ษ์และสวงเสริมสถานที่ท่ี
เกีย่ วข้องกับขุนแผน ๒) การสร้างรูปเคารพเพื่อสืบทอดตานานและพิธกี รรมเกี่ยวกับขุนแผน
และ ๓) การสร้างคาขวัญและการตัง้ ชือ่ โดยมีปจั จัยในการสร้างความทรงจารววม ๓ ประการคือ
ปจั จัย ด้า นการสืบ ทอดความทรงจ ารว ว มของท้อ งถิ่น ป จั จัย ด้า นการชวว งชิง ความโดดเดว น
ในเชิงอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรม และปจั จัยด้านการสวงเสริมเศรษฐกิจการทวองเทีย่ ว
เมื่อวิเคราะห์เปรียบเทียบความทรงจารววมเรื่องขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรกี บั จังหวัด
สุพรรณบุรจี ากข้อมูลคติชนประเภทตวาง ๆ แล้วพบววา ข้อมูลคติชนเกีย่ วกับขุนแผนในจังหวัด
กาญจนบุรีสววนใหญว สะท้อนให้เห็นเรื่องราวชีวติ ของขุนแผนตอนเป็ นทหาร เป็ นเจ้าเมือ ง
กาญจนบุรี ขุนแผนในความทรงจ ารววมของชาวกาญจนบุรีจึงมีลกั ษณะเป็ นทหารที่มีฝีมือ
๒๓๕
เกว ง ฉกาจและเป็ น เจ้า เมือ งที่ค นท้อ งถิ่น เคารพนับ ถือ สว วนข้อ มู ล คติช นเกี่ย วกับ ขุน แผน
ในจังหวัดสุพรรณบุรีสววนใหญว สะท้อนให้เห็นเรื่องราวชีวติ ของขุนแผนตอนที่บวชเรีย นเป็ น
เณรแก้ ว ขุ น แผนในความทรงจ ารว ว มของชาวสุ พ รรณบุ รีจึง มี ล ัก ษณะเป็ น คนท้ อ งถิ่ น
ทีบ่ วชเรียนจนมีความรูเ้ ชีย่ วชาญทัง้ การเขียนอวานและวิชาไสยศาสตร์
ซึ่ง เป็ นบุ ค คลจริง ในประวัติศ าสตร์ไทย พื้น ที่หรือ วัตถุ แ หว งความทรงจาตว า ง ๆ ที่ป รากฏ
จึงมีบทบาทในการสนับสนุ นและย้ าเตือนความทรงจาเกี่ยวกับเหตุการณ์ท่เี คยเกิดขึน้ อยวาง
จริงแท้ในอดีต ในขณะทีง่ านวิจยั เรื่องคติชนเกี่ยวกับขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรแี ละจังหวัด
สุ พ รรณบุ รีนั น้ ความทรงจ ารว ว มเรื่อ งขุน แผนเป็ น ความทรงจ ารว ว มที่ช าวกาญจนบุ รีแ ละ
ชาวสุ พ รรณบุ รีมีตว อ ขุน แผนซึ่ง เชื่อ ววา เคยมีตวั ตนจริง อยูว ใ นประวัติศ าสตร์ท้อ งถิ่ น ของตน
ขณะเดีย วกันขุนแผนก็ เป็ นตัวละครอยูวใ นเสภาเรื่ องขุน ช้ า ง – ขุน แผน และเป็ น ตัว ละคร
ในนิทานพื้นบ้านเรื่องขุนช้างขุนแผนของท้องถิน่ ด้วยเชวนกัน ลักษณะดังกลวาวนี้เองที่เน้นย้า
ให้เ ห็น ววา คติช นประเภทตว า ง ๆ เกี่ย วกับ ขุน แผนที่พ บในจัง หวัด กาญจนบุ รีแ ละจัง หวัด
สุพรรณบุรีมคี วามสาคัญและมีคุณควายิง่ ตวอการสร้างความทรงจารววมเรื่องขุนแผนในท้องถิ่น
เพราะนอกจากจะมีบ ทบาทในการสร้า งและย้ า เตือ นความทรงจ ารว ว มเรื่อ งดัง กลว า วแล้ ว
ยังมีบทบาทในการสนับสนุ นความเชื่อ เรื่องขุนแผนในฐานะที่เป็ นบุค คลจริงในประวัติศาสตร์
ท้องถิน่ ให้เป็นทีร่ บั รูข้ องคนท้องถิน่ และคนทัวไปสื
่ บตวอกันจากรุวนสูวรุวน
นอกจากนี้ยงั มีการนาแนวคิดเรื่องความทรงจารววมไปใช้ในการศึกษาเรื่องเพศ คือ
งานวิ จ ั ย เรื่ อ ง “เพศวิ ถี ก ระแสหลั ก กั บ ความทรงจ ารว ว มเรื่ อ งเพศ ” ของชลิ ด าภรณ์
สวงสัมพันธ์ (๒๕๕๑: ๓๒ – ๘๑) ซึ่งสะท้อนให้เห็น ววาข้อมูลทางวัฒนธรรมเป็ นข้อมูลสาคัญที่
สะท้อนให้เห็นความทรงจาหรือความคิดความเชื่อของคนในสังคม เชวนเดียวกับ งานวิจยั เรื่อง
“สงครามความทรงจา: การรับรู้กบั ความทรงจารววมทางสังคมในวิกฤตไฟใต้ ” ของวิไลวรรณ
จงวิไลเกษม ([ม.ป.ป.]: ออนไลน์ ) ซึ่งสะท้อ นให้เห็นบทบาทอัน ทรงพลังของข้อมูล ทาง
วัฒนธรรม คือ เรื่องเลวาทรายขาว ในฐานะประวัตศิ าสตร์ฉบับท้องถิน่
อนึ่ง แนวการศึกษาวิจยั เรื่องความทรงจารววมทีพ่ บในปจั จุบนั ไมวได้เป็นเพียงการศึกษา
รวบรวมข้อมูลทางวัฒนธรรมเพื่อวิเคราะห์ให้เห็นความทรงจารววมเทวานัน้ หากแตวยงั มีงานวิจยั
ที่แสดงให้เห็นววามีการใช้ขอ้ มูลทางวัฒนธรรมเป็ นเครื่องมือในปฏิบตั กิ ารทางสังคมเพื่อสร้าง
พืน้ ทีค่ วามทรงจา หรือแม้กระทังเพื ่ ่อลบล้างความทรงจารววมของสังคมด้วย เชวน งานวิจยั เรื่อง
“จากพื้น ที่ค วามทรงจ า: สูว พ้นื ที่ชุม ชนประวัติศ าสตร์ท้องถิ่น ภาคใต้ ” ของอุทิศ สัง ขรัต น์
([ม.ป.ป.]: ออนไลน์ ) ซึ่งสะท้อนให้เห็นการใช้ข้อมูลทางวัฒนธรรมในปฏิบตั กิ ารทางสังคม
ในการสร้างพืน้ ทีค่ วามทรงจาเพื่อสร้างพื้นที่ชุมชนและประวัตศิ าสตร์ท้องถิน่ ภาคใต้ งานวิจยั
เกี่ย วกับ ความทรงจ ารว ว มที่นว า สนใจยิ่ ง เรื่อ งหนึ่ ง คือ งานวิจ ัย เรื่อ ง “‘เมือ งต้ อ งค าสาป’:
ความทรงจารววมของสังคมลาปาง” ของไพโรจน์ ไชยเมืองชืน่ ซึ่งมีแงวมุมทีน่ วาสนใจเพราะทาให้
เห็นบทบาทของข้อมูลทางวัฒนธรรม ทัง้ ในฐานะที่เป็ นเครื่องมือในการสร้างความทรงจารววม
และในฐานะทีเ่ ป็นเครื่องมือในการพยายามลบล้างความทรงจารววม
ในขณะที่ง านวิจ ัย เรื่อ งคติช นเกี่ย วกับ ขุ น แผนในจัง หวัด กาญจนบุ รีแ ละจัง หวัด
สุพรรณบุรนี ้ไี ด้แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วววา ข้อมูลคติชนประเภทตวาง ๆ เกี่ยวกับขุนแผนที่พบ
๒๓๘
อนึ่ ง ในการศึก ษาวิจ ัย เรื่อ งนี้ ผู้ว ิจ ัย ได้ ข้อ ค้น พบที่นว า สนใจและเป็ น ประโยชน์ ตว อ
การศึกษาทางวรรณคดี กลว า วคือ ผู้ว ิจ ัย พบววา ต านานหรือเรื่อ งเลว า เกี่ย วกับ ขุน แผนหรือ
ตัวละครอื่นในเรื่องขุนช้างขุนแผนนัน้ เป็นวรรณกรรมมุขปาฐะทีช่ าวบ้านรับรู้อยูวในความทรงจา
๒๓๙
ข้อเสนอแนะ
ในงานวิจยั เรื่องนี้ ผู้วจิ ยั ได้ศกึ ษาวิเคราะห์ข้อมูลคติชนเกี่ยวกับขุนแผนในจังหวัด
กาญจนบุ รีแ ละจัง หวัด สุ พ รรณบุ รีโ ดยใช้มุ ม มองเรื่อ งวีร บุ รุ ษ ท้ อ งถิ่น และใช้แ นวคิด เรื่อ ง
ความทรงจ ารว ว ม อาจมีก ารรวบรวมและศึก ษาวิเ คราะห์ ข้อ มู ล คติช นเกี่ย วกับ ขุ น แผน
ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แล้วนามาวิเคราะห์โดยใช้แนวคิดเรื่องความทรงจารววมตวอไป
นอกจากนี้ ยัง มีป ระเด็น การศึก ษาเรื่อ งตัว ละครในวรรณคดีท่มี ีบ ทบาทในท้อ งถิ่น ตว า ง ๆ
การศึกษาวีรบุรุษในท้อ งถิน่ ถื่น ๆ ตลอดจนการศึกษาเรื่องอัตลักษณ์และความทรงจารววม
ซึ่งนวาจะได้ผลการศึกษาทีห่ ลากหลายและทาให้เห็นความสัมพันธ์ระหววางข้อมูลทางวัฒนธรรม
กับท้องถิน่ ได้อยวางกว้างขวางยิง่ ขึน้
รายการอ้างอิง
ภาษาไทย
กฎหมายตราสามดวง ฉบับราชบัณฑิ ตยสถาน เล่ม ๑. กรุงเทพฯ: ราชบัณฑิตยสถาน, ๒๕๕๐.
กาญจนบุรี ศรีภมู ิ ภาคตะวันตก. กรุงเทพฯ: คุรุสภา, ๒๕๔๔.
กาญจนาคพันธุ์ และนายตารา ณ เมืองใต้. เล่าเรื่องขุนช้างขุนแผน. พระนคร:
ไทยวัฒนาพานิช, ๒๕๐๔.
กิง่ แก้ว อัตถากร. คติ ชนวิ ทยา. กรุงเทพฯ: คุรุสภา, ๒๕๑๙.
กุสุมา รักษมณี. วรรณกรรมสดุดขี องอินเดียและตะวันออกกลาง. วรรณกรรม – ศิ ลปะสดุดี.
ภาควิชาวรรณคดี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
จัดพิมพ์เนื่องในการสัมมนาทางวิชาการ “ยอยศธรรมิกราช” ในวโรกาส
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ทรงครองราชย์สมบัตคิ รบ ๕๐ ปี ๖ – ๗ กรกฎาคม
๒๕๓๘ (๒๕๓๘): ๑๑๙.
โกวิท ตัง้ ตรงจิต. คุยเฟื่ องเรื่องขุนช้างขุนแผน. กรุงเทพฯ: สุวรี ยิ าสาส์น, ๒๕๔๗.
ขุนเดช วรกานต์. มหัศจรรย์พลังพระขุนแผนแห่งสยามประเทศ. กรุงเทพฯ: กู๊ดมอร์นิ่ง,
๒๕๔๘.
คนินทร วงศาโรจน์, พลตรี. สัมภาษณ์ , ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓.
คาให้การชาวกรุงเก่า คาให้การขุนหลวงหาวัด และพระราชพงศาวดารกรุงเก่า
ฉบับหลวงประเสริ ฐอักษรนิ ติ์ . พระนคร: คลังวิทยา, ๒๕๑๕.
คึกฤทธิ ์ ปราโมช, หม่อมราชวงศ์. ขุนช้างขุนแผนฉบับอ่านใหม่. พิมพ์ครัง้ ที่ ๕. กรุงเทพฯ:
ดอกหญ้า, ๒๕๕๓.
แคมพ์เบลล์, โจเซฟ และมอยเยอร์ส, บิลล์. พลานุภาพแห่งเทพปกรณัม. แปลโดย
บารนี บุญทรง. กิง่ แก้ว อัตถากร, บรรณาธิการ. นนทบุร:ี อมรินทร์บุ๊คเซ็นเตอร์,
๒๕๕๑.
จุลจอมเกล้าเจ้าอยูห่ วั , พระบาทสมเด็จพระ. โคลงนิ ราศของท้าวสุภตั ติ การภักดี (นาก).
[ม.ป.ท.: ม.ป.พ], ๒๕๑๖.
ฉันท์ ขาวิไล. วรรณกรรมไทยเรื่องนิ ราศขุนช้าง – ขุนแผน. พระนคร: ธนาคารกรุงเทพฯ,
๒๕๑๓.
ชลิดาภรณ์ ส่งสัมพันธ์. เพศวิถกี ระแสหลักกับความทรงจาร่วมเรื่องเพศ. ใน ประวัติศาสตร์
ของเพศวิ ถี: ประวัติศาสตร์เรื่องเพศ/ เรื่องเพศในประวัติศาสตร์ไทย, ๓๒ – ๘๑.
กรุงเทพฯ: มูลนิธสิ ร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผูห้ ญิง (สคส.) และสถาบันวิจยั
๒๔๑
ภาษาอังกฤษ
Agulhon, Maurice. Marianne into Battle: Republican Imagery and Symbolism in
France, 1789 – 1880. by Janet Lloyd. Cambridge: Cambridge University Press,
1981.
Ariès, Philippe. Centuries of Childhood: A Social History of Family Life. by Robert
Baldick. New York: Vintage, 1965.
๒๔๖
Assmann, Aleida. Canon and Archive. In Astrid Erll, and Ansgar Nünning, eds.
A companion to cultural memory studies, 97 - 108.
Germany: Walter de Gruyter GmbH, 2010.
Assmann, Aleida. Text, Traces, Trash: The Changing Media of Cultural Memory.
Representations 56 (1996): 123 – 134.
Assmann, Jan. Communicative and Cultural Memory. In Astrid Erll, and Ansgar
Nünning, eds. A companion to cultural memory studies, 109 – 113.
Germany: Walter de Gruyter GmbH, 2010.
Assmann, Jan. Religion and Cultural Memory. by Rodney Livingstone. Stanford:
Stanford University Press, 2006.
Ben – Amos, Dan, and Weissberg, Liliane. Cultural memory and the construction of
identity. Detroit: Wayne state university press, 1999.
Bloch, Marc. Feudal Society. by L.A. Manyon. New York: Routledge, 1939.
Campbell, Joseph, and Moyers, Bill. The Power of Myth. Apostrophe S Productions:
United States of America, 1988.
Erll, Astrid, and Nünning, Ansgar. A companion to cultural memory studies.
Germany: Walter de Gruyter GmbH, 2010.
Halbwachs, Maurice. On Collective Memory. Lewis A. Coser, ed. Chicago:
University of Chicago Press, 1992.
Jobes, Gertrude. Dictionary of Mythology Folklore and Symbol. New York:
The Scarecrow Press Inc., 1962.
LeGoff, Jacques. History and Memory. by Steven Rendall and Elizabeth Claman.
New York: Columbia University Press, 1992.
Nora, Pierre. Between Memory and History: Les Lieux de Mémoire. by Marc
Roudebush. Representations 26 (1989): 7 – 24.
Olick, Jeffrey K. The Collective Memory Reader. Oxford University Press: United
States of America, 2011.
Whitehead, Anne. Memory. New York: Routledge, 2009.
ภาคผนวก
๒๔๘
ภาคผนวก ก
ตารางแสดงข้อมูลคติ ชนเกี่ยวกับขุนแผนในจังหวัดกาญจนบุรีและจังหวัดสุพรรณบุรี
ภาคผนวก ข
กาเนิ ดขุนแผน
(จากบทความเรื่อง “เมืองขุนแผน” ของพยงค์ เวสสบุตร
๑ กรกฎาคม ๒๕๔๖
เผยแพร่โดยชมรมข้าราชการบํานาญและผูอ้ าวุโส จังหวัดกาญจนบุร)ี
ภาคผนวก ค
ขุนแผนแสนสะท้าน
เจ้าเมืองกาญจน์ พระสุรินทรฦๅชัย
(จากบทความเรื่อง “ขุนแผนแสนสะท้าน เจ้าเมืองกาญจน์ พระสุรนิ ทร์ฦๅชัย”
ของพยงค์ เวสสบุตร
๒๙ กันยายน ๒๕๕๐
เผยแพร่โดยชมรมข้าราชการบํานาญและผูอ้ าวุโส จังหวัดกาญจนบุร)ี
กาเนิ ดขุนแผน
พ.ศ.๒๐๒๘ (ตามวรรณคดี) แผ่นดินสมเด็จพระพันวษา นายไกรชาวบ้านพลับอายุ
๒๒ ปี และนางทองประศรีชาวบ้านวัดตระไกรอายุ ๑๙ ปี ทัง้ สองอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ที่
เขาชนไก่ เมืองกาญจนบุรี และได้แต่งงานกัน นายไกรมีอาชีพเป็ นพรานมีความรู้ในวิชาอาคม
และวิทยายุทธ์ กิตศิ พั ท์ของนายไกรทําให้ได้รบั การแต่งตัง้ เป็ นทหารตําแหน่ งขุนไกรพลพ่าย
ขุนไกรจึงเข้ามารับราชการอยู่เมืองสุพรรณ ณ ทีน่ ้ที งั ้ สองได้กําเนิดบุตรชายตัง้ ชื่อว่าพลายแก้ว
(ขุนแผน) พลายแก้วในวัยเด็กมีเพื่อนเล่นซึ่งในจํานวนนัน้ เมื่อโตขึน้ ก็ค ือขุนช้างและนางพิม
พิลาไลย
นางทองประศรีพาพลายแก้วมาอยู่กาญจนบุรี
พลายแก้วอายุได้ ๕ ปี เศษ ก็จําต้องออกจากสุพรรณหนีราชภัยมากับนางทองประศรี
ผูเ้ ป็นแม่มาอยู่บา้ นเดิมทีเ่ ขาชนไก่ ด้วยเหตุทข่ี นุ ไกรถูกประหารชีวติ เมื่อครัง้ สมเด็จพระพันวษา
เสด็จออกมาล่าสัตว์ท่ปี ่าเมืองกาญจน์ ขุนไกรต้อนควายป่าเข้าคอกไม่สําเร็จและฆ่าควายไป
หลายตัว ทําให้พระพันวษาพิโรธ
พลายแก้วบวชเณรได้พบกับนางพิ ม
นางทองประศรีประกอบการค้าอยู่ท่บี ้านเดิมจนรํ่ารวย พลายแก้วอายุ ๑๕ ปี จึงขอ
บวชเณรศึกษาวิชาอาคมตามรอยบิดาอยู่ท่วี ดั ส้มใหญ่ จากนัน้ จึงเข้าไปอยู่ท่วี ดั ป ่าเลไลย์ และ
วัดแคทีเ่ มืองสุพรรณบุรี พลายแก้วได้พบกับนางพิม เกิดได้เสียและได้แต่งงานกัน
๒๕๔
พลายแก้วถูกเกณฑ์ไปทาศึกกับเมืองเชียงใหม่
กรุงศรีอยุธยาเกิดศึก เชียงใหม่กรณีชงิ เมือ งเชียงทอง (หลวงพระบาง) นายช้างซึ่ง
รับ ราชการเป็ น ขุ น ช้า งมหาดเล็ก หลงรัก นางวัน ทองจึง เพ็ด ทู ล ให้ พ ลายแก้ว เป็ น แม่ ท ัพ
พลายแก้วจึงจําต้องจากเมียไปทําศึกได้เมืองเชียงทองคืนมาขึน้ กับกรุงศรีอยุธยาและตีเมือง
ลําปางลําพูนได้ จากนัน้ จึงนําทัพมาตัง้ อยู่ทบ่ี า้ นจอมทอง
พลายแก้วได้นางลาวทองและได้ยศเป็ นขุนแผน
ณ บ้านจอมทอง นายบ้านได้นํานางลาวทองลูกสาวมาให้รบั ใช้ พลายแก้วจึงได้นาง
ลาวทองเป็นเมีย ต่อมาได้รบั พระบรมราชโองการให้ถอยทัพกลับ พลายแก้วได้รบั แต่งตัง้ มียศ
เป็นขุนแผนแสนสะท้านให้ไปเป็นนายด่านเมืองกาญจนบุรี
ขุนแผนโกรธละนางวันทองไปอยู่เมืองกาญจน์
พลายแก้วได้เป็ นขุนแผนแล้วจึงพาลาวทองขึน้ ไปรับนางวันทองที่สุพรรณ ขุนแผน
เข้าใจผิดและโกรธทีน่ างวันทองแต่งงานใหม่และไม่สามารถทําให้เมียทัง้ สองเลิกหึงหวงกันได้
จึงละนางวันทองกลับไปเมืองกาญจน์ ทําให้นางวันทองน้อยใจและถูกขืนใจตกเป็นเมียขุนช้าง
ขุนแผนต้องพรากนางลาวทอง
สมเด็จพระพันวษาให้จมื่นศรีนําขุนช้างขุนแผนมาฝึ กเป็ นมหาดเล็กรับราชการในวัง
จมื่นศรีจงึ ให้ขุนช้างขุนแผนคืนดีกนั และสาบานเป็ นเพื่อนนํ้ ามิตรร่วมด้วยกับขุนเพชรขุนราม
ต่อมาขุนแผนทราบข่าวนางลาวทองป่วย ขุนช้างจึงรับอาสาอยู่เวรทําหน้าที่แทน แล้วทําการ
ให้รา้ ยว่าขุนแผนปีนกําแพงวังลอบไปหาเมีย สมเด็จพระพันวษาทรงกริว้ จึงให้คุมนางลาวทอง
มากักไว้ในวังห้ามขุนแผนเข้ามากรุงศรีอยุธยา
ขุนแผนได้กมุ ารทอง
ขุนแผนถูกหมื่นหาญบังคับให้ออกปล้นสะดม ขุนแผนไม่ยอมทําจึงเกิดขัดแย้งและ
มีก ารประลองอิทธิฤทธิก์ นั หมื่นหาญสู้ไ ม่ไ ด้จึงเกลี้ยกล่ อ มนางบัว คลี่ให้วางยาพิษขุนแผน
นางบัวคลี่เป็ นชาวบ้านป่ามีค วามรัก ผู้เ ป็ นพ่อ แม่ม ากกว่าขุนแผนซึ่งเป็ นคนพเนจรจึงยอม
ทําร้ายขุนแผน ขุนแผนทราบความจากผีพรายที่เลี้ยงไว้ จึงอุบายขอลูกจากนางบัวคลี่และผ่า
นําเด็กในท้องไปทําพิธปี ลุกเสกเป็นกุมารทอง หมื่นหาญนําคนมาล้อมจับแต่สู้ไม่ได้ กุมารทอง
ช่วยนําขุนแผนกลับไปบ้านทีเ่ ขาชนไก่
ขุนแผนตีดาบฟ้ าฟื้ น
ขุนแผนได้กุมารทองแล้วจึงออกหาเหล็กตามลักษณะไสยเวทที่ต่าง ๆ เช่น เหล็กยอด
เจดีย์ เหล็กดามโลงผี เหล็กไหล ฯลฯ นํามาหลอมรวมกันให้ช่างตีได้ดาบที่แข็งและคมเรียกว่า
ดาบฟ้าฟื้ น
ขุนแผนได้ม้าสีหมอก
ขุนแผนต้องการได้ม้าดีเป็ นพาหนะ จึงออกค้นหาและเดินทางมาถึงเมืองเพชรบุ รี
ที่เมือ งนี้ขุนแผนได้พ บม้า หนุ่ ม ต้องลักษณะ ซึ่งหลวงทรงพลได้นํา มาจากเมืองมะริด แขวง
ตะนาวศรี หลวงทรงพลได้รบั ราชโองการให้เป็ นเจ้าหน้ าที่ไปจัดหาซื้อม้าจากพวกอาหรับที่
เข้ามาค้าขายและนําเข้ามาทางด่านสิงขรพักอยู่เพชรบุรี ม้าสีหมอกเป็ นม้าหนุ่ มนิสยั พยศร้าย
หลวงทรงพลจึงยกให้ขนุ แผน
ขุนแผนบุกเรือนขุนช้าง
ขุนแผนเมื่อได้ของสําคัญ ๓ ประการไว้ต่อสูป้ ้ องกันตัวแล้ว จึงเดินทางไปสุพรรณบุกขึน้
เรือนขุนช้างเพื่อลักพาตัวนางวันทอง
นางวันทองตัง้ ท้อง
ขุนแผนพักอยู่ในป่าใกล้กบั หมู่บ้านชาวละว้า นางวันทองตัง้ ท้อ ง ขุนแผนคิดขอลุแก่
โทษ จึงพานางวันทองขึ้น ไปขอความช่วยเหลือ จากเจ้าเมือ งพิจิตร ขุนแผนนํ าดาบฟ้ าฟื้ น
ไปซ่อนและฝากม้าสีหมอกไว้ทพ่ี จิ ติ ร ขุนแผนถูกนําตัวส่งกรุงศรีอยุธยา
ขุนแผนพบนางแก้วกิ ริยาและชนะคดี
นางแก้วกิรยิ าซึ่งได้เงินไถ่ตวั จึงออกจากบ้านขุนช้างมาค้าขายอยูท่ ต่ี ลาดกรุงศรีอยุธยา
นางแก้วกิรยิ าทราบข่าวจึงได้มาหาขุนแผน การชําระคดีขนุ แผนได้นําเหตุการณ์ทข่ี นุ ช้างทรยศ
หักหลังมาสู้จึงได้รบั การอภัยพ้นโทษ พระพันวษาทรงตัดสินให้นางวันทองไปอยู่กบั ขุนแผน
ขุนแผนจึงพาเมียทัง้ ๒ ไปพักอาศัยอยู่กบั จมื่นศรี
ขุนแผนต้องโทษจาคุก
ขุนแผนถึงคราวเคราะห์ไม่ทอดเวลาทีเ่ กิดขึน้ ออกไปก่อน มีความเป็นห่วงนางลาวทอง
ทีอ่ ุตส่าห์ตดิ ตามมาด้วยจากเมืองเหนือ จึงขอให้จมื่นศรีชว่ ยทูลขอพระพันวษาทรงปล่อยตัวนาง
ลาวทองออกจากวัง ทําให้พระพันวษาพิโรธลงโทษสังจํ ่ าคุกขุนแผนดังบทเสภา
“ครัง้ ขุนเพชรขุนรามตามออกไป บังอาจใจฆ่าเสียปน่ ปี้
กูกง็ ดอาญาไม่ฆา่ ตี ซํ้ายกอีวนั ทองให้แก่ตวั
ยังลวนลามตามขออีลาวทอง จองหองไม่คดิ ท่วมหัว
พูดเล่นตามใจไม่เกรงกลัว เพราะตัวอีลาวทองต้องอยู่วงั
ไกลตาตกว่าไม่ไว้ใจ มันกลัวกูน้ไี พล่เอาข้างหลัง
ฟงั มันเจรจาดูน่าชัง ถ้าแม้นตัง้ หน้ารับราชการไป
ทําดีอย่าว่าแต่ลาวทอง อีกสองสามคนกูจะให้
เห็นไม่ทําแล้วยิง่ ทะนงใจ ละไว้จะกําเริบทุกเวลา”
ครอบครัวขุนแผนต้องเกิดแตกแยกอีก ด้วยขุนช้างพาคนมาฉุ ดนางวันทองไปอยู่ด้วย
ทีส่ ุพรรณส่วนนางแก้วกิรยิ ามาปลูกกระท่อมอยู่ใกล้คุกคอยดูแลขุนแผน
๒๕๗
กาเนิ ดพลายงาม
นางวันทองอยู่กบั ขุนช้างได้ให้กําเนิดลูกของขุนแผนให้ช่อื ว่าพลายงามอายุได้ ๙ ขวบ
หน้าตาเช่นขุนแผน ทําให้ขนุ ช้างขุน่ เคืองจึงหลอกพาไปฆ่าในปา่ พวกผีพรายของขุนแผนช่วย
ปกป้องและไปเข้าฝนั นางวันทองให้ไปช่วย นางวันทองจึงให้พลายงามหนีภยั ไปอยู่กบั นางทอง
ประศรีทก่ี าญจนบุรี พลายงามได้ศกึ ษาวิชาอาคมเช่นเดียวกับขุนแผนจนอายุได้ ๑๓ ปี จึงลาย่า
มาหาขุนแผนและไปอาศัยอยู่กบั จมื่นศรี จมื่นศรีจงึ พามาถวายตัวเป็นมหาดเล็ก
เกิ ดศึกกับเชียงใหม่
เหตุด้วยกรุ งศรีอ ยุธยาให้พ ระท้า ยนํ้ าเป็ นทูต ไปรับ นางสร้อยทองธิดาเจ้าเมือ งกรุ ง
นาคนหุต (ศรีสตั นาคนหุต – ล้านช้าง) เพื่อนํามาถวายตัวต่อพระพันวษา ระหว่างทางเจ้าพิชยั
เชียงอินทร์เจ้ากรุงเชียงใหม่ส่งกําลังมาชิงตัวและจับพระท้ายนํ้ าไปเชียงใหม่ พระพั นวษาได้
พลายงามอาสาไปตีเชียงใหม่
ขุนแผน นางลาวทองพ้นโทษ
พลายงามขออภัยโทษให้ขุนแผน ขุนแผนติดคุกอยู่ ๑๕ ปี จึงพ้นโทษ พระพันวษา
โปรดให้ปล่อยนางลาวทองออกจากวัง ขุนแผนพานางแก้วกิรยิ าและนางลาวทองมาอาศัยอยู่
บ้านจมื่นศรี ทีบ่ า้ นจมื่นศรี ขุนแผนได้พบกับนางทองประศรีซ่ึ งจมื่นศรีให้ไปรับจากวัดตระไกร
มาอยู่ดว้ ย
ขุนแผนแวะรับม้าสีหมอก พลายงามได้เสียกับนางศรีมาลา
ขุนแผนแวะเยี่ยมพระพิจติ ร ขอรับม้าสีหมอกที่ฝากไว้ พลายงามพบกับนางศรีมาลา
ลูกสาวพระพิจติ ร เกิดชอบพอและได้เสียกัน
๒๕๘
ขุนแผน พลายงามชนะศึก
ทัพ เชีย งใหม่ ถู ก ตีแ ตก ขุน แผน พลายงามลัก ลอบเข้า เมือ งเชีย งใหม่ ปลดปล่ อ ย
พระท้ายนํ้ า และจับพระเจ้าเชียงใหม่ได้ ขุนแผนคุมตัวพระเจ้าเชียงใหม่และครอบครัวลงมา
กรุงศรีอยุธยา ขากลับแวะเมืองพิจติ รและขอหมัน้ นางศรีมาลาให้แก่พลายงาม
แต่งงานพระไวยพลายงาม
ขุนแผนทูลพระพันวษาว่าเมื่อครัง้ ไปทําศึกที่เชียงใหม่ พลายงามได้หมัน้ ไว้กบั นาง
ศรีมาลา พระพันวษาจึงโปรดให้พระพิจติ รนํ าศรีมาลามาแต่งงานพร้อมกัน วันแต่งงานที่จวน
พระไวย นางวันทองและขุนช้างมาร่วมงานด้วย ในงานขุนช้างเมาสุราลําเลิกบุญ คุณพระไวย
ถูกพระไวยทําร้ายถูกขับออกจากงาน
ขุนช้างต้องโทษ
ขุน ช้า งทู ล ถวายฎีก ากล่ า วโทษพระไวยที่พ ระไวยทํ า ร้า ย พระไวยสู้ค ดีว่า ขุน ช้า ง
ทําความอับอายและเคยทําร้ายตนในวัยเด็ก พระพันวษาทรงให้พสิ ูจน์ด้วยพระอัยการโบราณ
ให้ทงั ้ ๒ ฝา่ ยดํานํ้า ขุนช้างสูไ้ ม่ได้จงึ ถูกจําคุกรอการประหาร นางวันทองอ้อนวอนให้จมื่นไวย
ทูลขออภัยโทษ ขุนช้างจึงรอดตายกลับไปอยู่สุพรรณ
จมื่นไวยพรากนางวันทองจากขุนช้าง
การที่ขุน ช้า งสร้า งความอับอายให้จ มื่น ไวย และนางวัน ทองต้อ งไปอยู่ ก ับ ขุน ช้า ง
พระไวยจึงลอบขึน้ เรือนขุนช้างพานางวันทองมาอยู่กบั ขุนแผนที่บ้านอยุธยา ขุนช้างจึงเข้ามา
ถวายฎีกากล่าวโทษ
๒๕๙
นางวันทองต้องโทษประหาร
พระพันวษาทรงพิโรธขุน ช้าง ขุน แผน และพระไวยที่แย่ง ตัว นางวันทองและต่ างก็
กระทําการโดยไม่เกรงกฎหมายบ้านเมือง ทรงตําหนิโทษแล้วจึงให้นางวันทองตัดสินใจว่า
จะไปอยู่กบั ใคร นางวันทองตัดสินใจไม่ถูก พระพันวษาทรงพิโรธจึงให้ประหารนางวันทอง
นางสร้อยฟ้ าทาเสน่ ห์
นางสร้อยฟ้ า นางศรีมาลาหึงหวงพระไวยเกิดทะเลาะกัน พระไวย นางทองประศรี
ลงโทษตีนางสร้อยฟ้ าที่ไม่ยอมเลิก ทะเลาะ นางสร้อ ยฟ้ าคิดแก้แค้นจึงไปหาเถรขวาดที่ว ดั
พระยาแมนให้ทําเสน่ ห์ เถรขวาดนี้ เจ้าเชียงอินทร์ให้ลงมาอยู่ท่กี รุงศรีอยุธยาคอยดูแลนาง
สร้อยฟ้า พระไวย นางทองประศรีถูกกระทําจึงรักใคร่นางสร้อยฟ้า นางศรีมาลาถูกนางสร้อยฟ้า
แกล้งเกิดทะเลาะกัน จมื่นไวยกลับลงโทษตีนางศรีมาลาและพลอยถูกพลายชุมพลทีเ่ ข้าห้าม
พลายชุมพลยกทัพหุ่นมนตร์มาติ ดเมืองสุพรรณ
พลายชุมพลเล่าเรียนวิชาอาคม ผูกหุ่นมนตร์ส่งข่าวถึงขุนแผน ขุนแผนแนะให้พลาย
ชุมพลนํ า ทัพหุ่นมนตร์มาติดเมืองสุพรรณเพื่อล่อพระไวยให้นําทัพออกมาจะได้จบั พระไวย
พลายชุมพลปลอมตัวเป็ นมอญชื่อสมิงมัตรานํ าทัพหุ่นมนตร์มาตัง้ อยู่ท่เี ดิมบาง ขุนแผนได้รบั
คําสังให้
่ นําทัพไปปราบทัพมอญ ขุนแผนยอมแพ้แกล้งให้ถูกจับได้ และพบกับพลายชุมพล
ทัง้ สองพ่อลูกนําทัพหุ่นมนตร์จากสุพรรณมาตัง้ อยู่ทบ่ี า้ นตาลาน พันเภาเจ้าเมืองสุพรรณหนีมา
แจ้งข่าวศึกว่าขุนแผนถูกจับ
๒๖๐
พระไวยยกทัพ
สมเด็จพระพันวษาทรงแต่งตัง้ พระไวยเป็นแม่ทพั พระไวยนําทัพมาตัง้ อยู่ทว่ี ดั บ้านลาด
ได้พบปีศาจนางวันทองทีป่ ลอมตัวเป็นหญิงสาวมาเตือนพระไวย พระไวยจําใจต้องยกกําลังไป
ตัง้ ทัพอยู่ทบ่ี างกระทิง
พระไวยแตกทัพ
ทัพหุ่นมนตร์ของพระไวยและพลายชุมพลปะทะกัน พระไวยรูว้ า่ เป็นทัพของขุนแผนกับ
พลายชุมพล พระไวยจึงหนีมาทูลพระพันวษา พระพันวษาทรงให้นางศรีมาลาไปพบขุนแผน
ขุนแผนพาพลายชุมพลมาเข้าเฝ้าพระพันวษา
พลายชุมพลจับเสน่ ห์
สมเด็จ พระพัน วษาทรงให้จมื่นศรีและพลายชุมพลไปจับคนทําเสน่ ห์ ทัง้ สองจับได้
เถรขวาดและเณรจิว๋ นํ าไปคุมขังไว้ท่ที มิ ตํารวจ เถรขวาด เณรจิว๋ หนีออกมาได้จากที่คุมขัง
แปลงตัวเป็ นจระเข้หนีไปทางนํ้ า พระพันวษาให้นํานางสร้อยฟ้ า นางศรีมาลามาชําระคดีโดย
ผ่านพิธลี ุยไฟ
นางสร้อยฟ้ าถูกลงโทษ
นางสร้อยฟ้าพิสูจน์ตวั เองไม่ได้ ถูกลงโทษประหารชีวติ นางศรีมาลาทูลขอชีวติ เพราะ
นางสร้อยฟ้าท้องได้ ๓ เดือน นางสร้อยฟ้าพ้นโทษประหารถูกเนรเทศกลับบ้านเมือง ระหว่าง
ทางพบกับเถรขวาดทีอ่ ่างทอง เถรขวาดตามไปส่ง ขึน้ จากเรือทีบ่ า้ นระแหงเมืองตาก เดินบกไป
ถึงเชียงใหม่รวมเวลาเดินทางเกือบ ๒ เดือน
นางสร้อยฟ้ า ศรีมาลาได้ลูกชาย
นางศรีมาลาคลอดได้ลูกชาย ขุนแผนให้ชอ่ื ว่าพลายเพชร ส่วนนางสร้อยฟ้าก็ได้ลูกชาย
ให้ชอ่ื ว่าพลายยง (หรืออีกชือ่ หนึ่งว่าพลายบัว)
เถรขวาดคิ ดแก้แค้น
เถรขวาดคิดแก้แค้นพลายชุมพลจึงลงไปเมืองอ่างทองแปลงตัวเป็ นจระเข้ไล่ทําร้าย
ชาวบ้าน พลายชุมพลรับอาสาจับจระเข้ ได้ตวั เถรขวาดนําไปประหาร พลายชุมพลมีความชอบ
ได้รบั ยศเป็นหลวงนายฤทธิ ์
๒๖๑
จบเรื่องตามวรรณคดี
วรรณคดีขนุ ช้างขุนแผนฉบับหอสมุดแห่งชาติจะจบลงตอนที่พลายชุมพลกําจัดจระเข้
เถรขวาดลงได้และได้รบั ยศเป็นหลวงนายฤทธิ ์ และจะตัดตอนที่พลายยง (หรือพลายบัว) บุตร
ของนางสร้อยฟ้าทีล่ กั ลอบลงมาจะฆ่านางศรีมาลาและถูกจับได้ และได้รบั การอบรมให้ลดการ
พยาบาทต่อ กัน บทเสภาตอนนี้ค งจะเป็ นการต่อเติมที่ยดื ยาวมากไปและคงไม่สนุ กไม่ได้รบั
ความนิยม จึงไม่ได้รบั การชําระรวมลงในฉบับหอสมุดแห่งชาติ
๒๖๒
ภาคผนวก ง
ข้อมูลเกี่ยวกับพระขุนแผนกรุวดั บ้านกร่าง
จากป้ ายอธิ บายข้อมูลในพิ พิธภัณฑ์พระขุนแผนและพระเครื่องเมืองสุพรรณ
วัดป่ าเลไลยก์วรวิ หาร จังหวัดสุพรรณบุรี
ข้อมูลภาษาไทยเกี่ยวกับพระขุนแผนกรุวดั บ้านกร่าง
สังเขปประวัติ...พระขุนแผน กรุบ้านกร่าง
พระขุนแผน กรุวดั บ้านกร่าง นับเป็นพระกรุทม่ี ชี อ่ื เสียงโด่งดังมานานแล้ว วัดนี้ตงั ้ อยู่
ที่อําเภอศรีประจันต์ เป็ นวัดใหญ่พอสมควร สันนิษฐานว่า สร้างมาตัง้ แต่ค รัง้ กรุงศรีอยุธยา
องค์พระเจดียท์ พ่ี บพระบ้านกร่างองค์เดิมนัน้ พังทลายไปนานแล้ว ปจั จุบนั ได้สร้างขึน้ ใหม่คร่อม
องค์เดิม พระกรุวดั บ้านกร่างแตกกรุออกเมื่อใดไม่มใี ครทราบแน่นอน คนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟงั ว่า
เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๔๐ เห็นพระวัดบ้านกร่างกองสุมเป็ นพะเนินที่โคนต้นพิกุลหน้าวิหาร
หลังเก่า สันนิษฐานว่าองค์พระเจดีย์คงพังทลายลงมา พระเณรจึงช่วยกันรวบรวมพระเครื่อง
มากองไว้ทใ่ี ต้ตน้ พิกุล ในสมัยนัน้ ยังไม่ค่อยมีคนสนใจเท่าใดนัก
ต่อมามีชาวเรือทีเ่ ป็นคนต่างถิน่ นําเอาสินค้าร่องเรือมาขายที่สุพรรณฯ จอดพักเรือที่
ท่านํ้าหน้าวัด บางคนก็ขน้ึ ไปเที่ยวในวัดบ้านกร่างและเก็บเอาพระวัดบ้านกร่างติดตัวกลับไป
กันมาก ชาวบ้านแถบนัน้ มีบางคนเอาพระไปเก็บไว้ค นละพานสองพาน เพื่อ นฝูงญาติมิตร
ต่างถิน่ ไปมาหาสู่กแ็ จกพระไปคนละองค์สององค์ ต่อมามีผนู้ ํ าพระบ้านกร่างติดตัวไปแล้วเกิ ด
ถูก ทํา ร้า ยแต่ไ ม่เ ป็ น อะไร จึง เกิดความนิ ยมกันมากขึ้น เกิด การเสาะหาพระบ้านกร่ างกัน
มากขึน้ เป็นลําดับ พระทีก่ องไว้ทว่ี ดั ก็อนั ตรธานหายไปหมด
ผูว้ จิ ยั สะกดการันต์ตามต้นฉบับ
๒๖๓
ที่มาแห่งชื่อ “พระขุนแผน”
ชือ่ “พระขุนแผน” ทัง้ ของเมืองสุพรรณหรือขุนแผนเมืองไหนก็ตามเป็ นการเรียกชื่อ
พระของคนสมัยหลัง เพราะคนโบราณสร้างพระพิมพ์ ไม่เคยพบหลักฐานว่ามีการตัง้ ชื่อพระ
เอาไว้ด้วย มีแ ต่ค นรุ่ นหลัง ที่ไปขุด พบพระพิม พ์เ ป็ น ผู้ต งั ้ ชื่อ ให้ทงั ้ สิ้น พระกรุว ดั บ้านกร่ า ง
ก็เช่นเดียวกัน เมื่อแตกกรุใหม่ ๆ ก็ไม่มชี อ่ื คนสุพรรณบุรยี ุคนัน้ เรียกกันเพียงว่า “พระวัดบ้าน
กร่าง” คือถ้าเป็นพระองค์เดียวก็เรียก “พระบ้านกร่างเดี่ยว” ถ้าเป็ นพระ ๒ องค์คู่ตดิ กันก็เรียก
“พระบ้านกร่างคู่” ต่อมาจึงมีการตัง้ ชือ่ ให้เป็นพระขุนแผนบ้าง พระพลายเดี่ยวบ้าง พระพลายคู่
บ้าง ทีม่ าของชือ่ พระพิมพ์ขนุ แผนเหล่านี้ เชื่อว่าคนตัง้ ชื่อคงต้องการให้คล้องจองกลมกลืนกับ
ตัวละครในวรรณคดีเรื่องขุนช้าง – ขุนแผน ที่โด่งดัง อันมีถนิ่ กําเนิดในย่านสุพรรณบุรี คําว่า
พระบ้านกร่าง จึงค่อย ๆ เลือนหายไป หรืออีกนัยหนึ่ง ชือ่ ของพระขุนแผนอาจได้มาจากการทีม่ ี
ผูบ้ ูชากราบไหว้ หรืออาราธนานํ าติดตัวไปไว้ป้ อ งกันอุบตั ิภ ัยต่าง ๆ แล้วได้ประจัก ษ์ค วาม
ศักดิ ์สิทธิ ์ในอํานาจพุทธคุณทีม่ คี ุณวิเศษเหมือนขุนแผนในวรรณคดีโดยเฉพาะด้านเสน่หเ์ มตตา
มหานิยม อาจด้วยเหตุน้ีจงึ เรียกชือ่ ว่า พระขุนแผน สืบมา
ข้อความภาษาอังกฤษเกี่ยวกับพระขุนแผนกรุวดั บ้านกร่าง
It is believed that Khun Paen Small Buddha Images, Suphanburi origin from
the underground hiding place at the temple of Wat Barn Krang, are highly sacred in
term of evident Buddha’s grace, invulnerable, beloved and popular. They were made in
2135 B.E. (1592 A.D.) by King Naraesuan the Great and the Supreme Buddhist Monk
Nopparat from the temple of Pah Kaew.
ผูว้ จิ ยั คัดลอกตามต้นฉบับจากป้ายอธิบายข้อมูลในพิพธิ ภัณฑ์ฯ
๒๖๗
by the supreme Buddhist monk, Phra Nopparat from the temple of Pah Kaew, in order
to glorify King Narasuen’s victory against King Uparacha of Burma. The pagoda was
named “Phra Jaedee Chai Mongkol” (Chai Pagoda) but the villagers called it as
“Phra Jaedee Yai” (Giant Pagoda) since it was the biggest pagoda in Aytthaya. It was
an ancient custom that as soon as people had finished building a pagoda, they would
made small Buddha Images and kept them under the underground hiding place for the
sake of highly good deeds. Coated Khun Paen Small Buddha Images were made and
kept inside the pagoda. Comparing Barn Krang Kru and Coated Khun Paen Small
Buddha Images, we found little difference for the aspect of graphic arts and mold
pattern. It was highly believed that the carver was the same or came from the same
family or art school. Their ages were a bit different but kept in the difference places.
We, therefore, assumed that Khun Paen Small Buddha Images from Barn Krang Kru
could date back to the reign of King Naresuan the Great or about 400 years ago.
ภาคผนวก จ
จังหวัดกาญจนบุรี
ที่ ชื่อ – สกุล วันสัมภาษณ์ ที่อยู่
๑. พลตรี คนินทร วงศาโรจน์ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ตําบลลาดหญ้า
๒. พันเอก (พิเศษ) ชัยยา จุย้ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๓ ตําบลลาดหญ้า
เจริญ
๓. ฐิตวิ รรณ เหมือนจิต ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๒ ตําบลวังด้ง
๔. ฑรัท เหลืองสอาด ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ ตําบลลาดหญ้า
๕. ทรงศักดิ ์ อินอนันต์ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๒ ตําบลลาดหญ้า
๖. ธานี เหลืองสอาด ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ ตําบลหนองบัว
๗. ประภาภรณ์ มิตรสงเคราะห์ ๒๑ กันยายน ๒๕๕๒ ตําบลลาดหญ้า
๘. ปราณี อินอนันต์ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๒ ตําบลลาดหญ้า
๙. เป๋า โคกแก้ว ๒๙ กันยายน ๒๕๕๒ ตําบลลาดหญ้า
๑๐. ไพศาล กองม่วง ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ ตําบลลาดหญ้า
๑๑. วรรณา วิภาคะหรรษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ ตําบลลาดหญ้า
๑๒. วิชวน วิภาคะหรรษา ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ ตําบลลาดหญ้า
๑๓. แววตา จงอายุวรรณะ ๑๕ สิงหาคม ๒๕๕๒ ตําบลลาดหญ้า
๑๔. ศรีสกุล พูลสวัสดิ ์ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๒, ตําบลลาดหญ้า
๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๓,
๑๕ พฤษภาคม ๒๕๕๔
๑๕. สมศรี พงศ์วฒั นะเควิน ๒๑ กันยายน ๒๕๕๒ ตําบลลาดหญ้า
๒๗๐
จังหวัดสุพรรณบุรี
ที่ ชื่อ – สกุล วันสัมภาษณ์ ที่อยู่
๑. กัลยา เลิศลอยปญั ญาไทย ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๓ อําเภอเดิมบางนางบวช
๒. ยุพนิ จันทร์นุ่ม ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๓ อําเภอเดิมบางนางบวช
๓. เรณู เชีย่ วชาญ ๒๒ สิงหาคม ๒๕๕๓ อําเภอเดิมบางนางบวช
๔. สุมาตรา เมืองช้าง ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ อําเภอเดิมบางนางบวช
๕. สุพตั รา อ่อนเยีย่ ม ๒๗ กันยายน ๒๕๕๓ อําเภออู่ทอง
๖. สร้อยฟ้า ศรีบุญเพ็ง ๒๗ กันยายน ๒๕๕๓ อําเภออู่ทอง
๗. หนึ่งนุช มิง่ มีสุข ๒๖ กันยายน ๒๕๕๓ อําเภออู่ทอง
๘. อรอุมา ภาภิรมย์ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๓ อําเภออู่ทอง
๙. อารีย์ เสร็จกิจ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๕๒, อําเภอศรีประจันต์
๑๒ มีนาคม ๒๕๕๓
๒๗๑
ประวัติผ้เู ขียนวิทยานิพนธ์