Professional Documents
Culture Documents
สำ�หรับบทความที่นำ�เสนอในฉบับนี้ มีบทความที่หลากหลายครอบคลุม
แขนงศิลปกรรมเช่นเคย ประกอบด้วยบทความด้านการออกแบบ ด้านวัฒนธรรมและ
ด้านการดนตรี บทความด้านสุนทรียภาพในกลอนลำ�ของหมอลำ�กลอน เป็นบทความ
วิจัยที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับองค์ประกอบและปัจจัยเกื้อหนุนต่อการสร้างสรรค์ผลงาน
ผลของการวิจัยจะนำ�ไปสู่การค้นหาหลักการและแนวทางในการที่จะประสบความ
สำ�เร็จในการเป็นหมอลำ�กลอน สำ�หรับบทความเรื่องชุดการสอนขับร้องเพลงชาติ
ไทย เป็นผลงานวิจยั ทีท่ ดลองใช้กบั นักเรียนระดับประถมศึกษาประโยชน์ของชุดการ
สอนจะช่วยให้นักเรียนสามารถร้องเพลงชาติไทยได้อย่างถูกต้องทั้งทำ�นอง จังหวะ
และอักขระวิธี ส่วนผลงานสร้างสรรค์ในวารสารฉบับนีเ้ ป็นผลงานจิตรกรรมสือ่ ผสมที่
อาศัยมรดกทางวัฒนธรรมอีสานมาเป็นรากฐานของผลงาน ภายใต้ชอื่ รอยวัฒนธรรม
อีสาน ส่วนบทความเรื่อง ผลิตภัณฑ์จักสานกระจูดในจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็น
บทความที่เชื่อมโยงถึงการนำ�เอาวัสดุธรรมชาติที่อยู่ในชุมชน เพื่อประโยชน์ใช้สอย
อย่างไม่เบียดเบียน เป็นผลผลิตทีส่ อดคล้องกับขนบประเพณี คติความเชือ่ ของชุมชน
นอกจากนี้ยังได้อธิบายขั้นตอนการผลิตตลอดจนนำ�เสนอวิธีการพัฒนารูปแบบเพื่อ
ให้สอดคล้องกับพลวัตของสังคม ในขณะที่บทความเรื่องการออกแบบเมืองมรดก
โลก “หลวงพระบาง” และอัตลักษณ์ที่ยังคงอยู่ ได้นำ�เสนอความเชื่อมโยงระหว่าง
อัตลักษณ์และสัญลักษณ์ หากเมืองมรดกโลกสามารถสร้างภาพแห่งความสัมพันธ์
นี้ได้ การสื่อสารถึงอัตลักษณ์จะทำ�ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ บทความเรื่องสุดท้าย
เป็นการวิจัยในชั้นเรียนด้านดนตรีเกี่ยวกับการพัฒนาทักษะการเป่าขลุ่ยเพียงออ
โดยใช้รปู แบบการสอนทักษะปฏิบตั ขิ อง เดวีสแ์ ละสอดแทรกคุณธรรมด้านความเพียร ซึง่ ชีใ้ ห้
เห็นถึงพัฒนาการทีด่ ขี นึ้ หลังจากทดลองใช้ นับเป็นประโยชน์อย่างยิง่ ซึง่ สามารถนำ�ไปปรับใช้
กับการเรียนรู้ในเครื่องดนตรีชนิดอื่นๆ ทั้งดนตรีไทย ดนตรีพื้นเมืองและดนตรีตะวันตก
ชุดการสอนขับร้องเพลงชาติไทย สำ�หรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 24
A Study of The Efficiency of Teaching The Thai National Anthem to
Primary School Children
สุกิจ ลัดดากลม
ณรงค์ชัย ปิฎกรัชต์
อรวรรณ บรรจงศิลป
Sukit Laddaklom
รอยวัฒนธรรมอีสาน 38
Cultural Clue of a Community in Isan
จุรีรัตน์ ทวยสม
Churirat Thuaisom
สารบัญ
ระบบและกระบวนการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่น 2 มิติร่วมสมัย 56
System and Process of Contemporary 2 Dimensional
Animated Film Production
นิพนธ์ คุณารักษ์
Niphon Kunaruck
ผลิตภัณฑ์จักสานกระจูดในจังหวัดนครศรีธรรมราช 69
Krachud Basketry Product in Nakhon Si Thammarat
เรวัต สุขสิกาญจน์
Rewat Suksikarn
การศึกษาพัฒนาการทักษะการเป่าขลุ่ยเพียงออโดยใช้รูปแบบ 93
การสอนทักษะปฏิบัติของเดวีส์ (Davies’ Instruction Model For
Psychomotor Domain) และสอดแทรกคุณธรรมด้านความเพียร
ของนักศึกษาที่เรียนรายวิชา 864 382 ทักษะดนตรีไทย 2
The Study of a Development of Khuy-Peang-Or Skill Through
Davies’ Instruction Model for Psychomotor Domain and Establishing
Virtue of The Attempt in 864 382 Thai Music Skill II
จรัญ กาญจนประดิษฐ์
Jarun Kanchanapradit
บทคัดย่อ
กลอนลำ�เป็นองค์ประกอบที่สำ�คัญยิ่งในการสร้างชื่อเสียงให้แก่หมอลำ�
ถ้ากลอนลำ�ดีกท็ �ำ ให้ผฟู้ งั ประทับใจ กลอนลำ�จะดีมสี นุ ทรียภาพก็ขนึ้ กับประสบการณ์
และทักษะความรู้ความชำ�นาญของผู้แต่งกลอน การวิจัยนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพ
มีความมุ่งหมายเพื่อ 1. เพื่อศึกษาถึงองค์ประกอบทางสุนทรียภาพในกลอนลำ� ของ
หมอลำ�กลอน และ 2. เพื่อศึกษาปัจจัยที่เกื้อหนุนต่อการสร้างสรรค์กลอนลำ�ที่มี
สุนทรียภาพ มีการเก็บข้อมูลทั้งข้อมูลเอกสารและข้อมูลภาคสนาม เครื่องมือที่ใช้
1
นักศึกษาปริญญาโท วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
2
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร., วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
3
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร., มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
2 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
โดยสรุป กลอนลำ�เป็นองค์ประกอบที่สำ�คัญยิ่งส่วนหนึ่งที่ช่วยให้หมอลำ�
มีชื่อเสียง เป็นที่นิยมในหมู่ผู้ฟัง การที่ผู้แต่งกลอนลำ�จะแต่งกลอนให้มีสุนทรียภาพ
ได้นั้น ต้องเป็นผู้มีความรู้และทักษะทั้งสามด้าน คือ ด้านเนื้อหา ด้านรูปแบบและ
ฉันทลักษณ์ และด้านศิลปะในการใช้ถ้อยคำ� ด้วยเหตุนี้ จึงสมควรที่จะมีหลักสูตร
การประพันธ์วรรณกรรมท้องถิน่ ในทุกระดับการศึกษา เพือ่ ส่งเสริมให้เกิดผูป้ ระพันธ์
กลอนลำ�ทีม่ คี วามรูค้ วามสามารถจำ�นวนมากขึน้ อันจะช่วยส่งเสริมให้หมอลำ�มีกลอน
ลำ�ที่มีสุนทรียภาพมาใช้ลำ�เพื่อความรู้และความบันเทิงแก่ผู้ฟังสืบไป
ABSTRACT
A Klon Lam text is very important factor for enhancing the
fame of a molam singer. If a klon lam text is is good, it will impress
the audience. A good klon lam text, with aesthetics, depends on the
experiences and skills of a klon lam text writer. This qualitative research
aimed at : 1) examining the aesthetics elements in klon lam text of
molam klon singers; and 2) investigating the supportive factors in klon
lam text creation. The research tools consisted of an interview form,
an observation form, and a group discussion form Written documents
and fieldwork data were gathered. Fieldwork data were collected
through interviews, observations, and group discussions through 5
key-informants, 15 casual informants, and 10 general informants in Nong
Khai, Udon Thani, Khon Kaen, Maha Sarakham, Roi Et, Amnat Charoen,
and Ubon Ratchathani. These informants were academicians, senior
molam singers, klon lam text writers, and radio program promoters
on lam singing. The data were checked for their accountability with
the triangulation technique, analyzed in accordance with the given
objectives, and the research results were presented in a descriptive
analysis form.
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
4 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
บทนำ�
ศิลปินหมอลำ�นับเป็นอาชีพหนึง่ ของชาวอีสาน ซึง่ สืบทอดกันมาแต่โบราณ
แบ่งเป็นยุคต่าง ๆ คือ ยุคลำ�พื้น ยุคลำ�โจทย์แก้ ยุคลำ�ชิงชู้ ยุคลำ�กลอน ยุคลำ�หมู่
ยุคลำ�เพลิน และยุคลำ�ซิ่ง ตามลำ�ดับ ศิลปินประเภทหมอลำ�กลอนนับเป็นศิลปินที่
อยู่ในความนิยมของประชาชนตลอดมาทุกยุคทุกสมัย เพราะการลำ�กลอนเป็นการ
ลำ�ที่เต็มไปด้วยเนื้อหาสาระนานับประการ ให้ทั้งความรู้และความบันเทิง มีทำ�นอง
และจังหวะลีลาที่หลากหลายและไพเราะ เป็นที่ประทับใจและให้ประโยชน์แก่ผู้ฟัง
ชาวอีสานตลอดมาจนปัจจุบัน คือมีทั้งทำ�นองลำ�ทางสั้น ลำ�ทางยาว ลำ�เดิน และ
ลำ�เต้ย (คงฤทธิ์ แข็งแรง : 10-32)
ในอดีตนัน้ การเลือกอาชีพศิลปินหมอลำ�เป็นความต้องการของพ่อแม่หรือ
ของเยาวชนเอง เมื่อพ่อแม่หรือเยาวชนคนใดชอบหรือศรัทธาในหมอลำ�คนใดก็จะ
ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหมอลำ�คนนั้น ๆ และต้องไปอยู่ประจำ�รับใช้งานบ้านและ
กิจการต่าง ๆ ของครู ครูกจ็ ะสอนและมอบบทกลอนให้เป็นลำ�ดับจนจบหลักสูตรออก
ไปเป็นอาชีพหมอลำ�ได้ กลอนใดดีมีความไพเราะมาก ๆ ผู้ฟังก็ติดใจและประทับใจ
บางคนถึงกับจำ�ได้ติดปาก ยิ่งตอนหลังที่มีแผ่นเสียงหมอลำ�มาเปิดในงานบุญต่าง ๆ
ผู้ฟังก็จำ�ได้ทั้งบทและทำ�นองลำ� หมอลำ�ที่ลำ�กลอนเหล่านั้นก็กลายเป็นผู้มีชื่อเสียง
เป็นที่รู้กันทั่วภาคอีสาน หมอลำ�กลอนบางคนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วภูมิภาค มี
คนติดต่อว่าจ้างไปลำ�ตลอดเวลา องค์ประกอบที่ทำ�ให้หมอลำ�กลอนมีชื่อเสียงได้นั้น
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
6 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ความมุ่งหมายของการวิจัย
๑. เพือ่ ศึกษาถึงองค์ประกอบทางสุนทรียภาพในกลอนลำ�ของหมอลำ�กลอน
๒. เพือ่ ศึกษาปัจจัยทีเ่ กือ้ หนุนต่อการสร้างสรรค์กลอนลำ�ทีม่ สี นุ ทรียภาพ
นิยามศัพท์เฉพาะ
สุนทรียภาพ หมายถึงสภาวะความงามหรือความไพเราะที่มีอยู่ในงาน
วิจติ รศิลปะแขนงต่าง ๆ เช่น งานดุรยิ างคศิลป์ นาฏยศิลป์ ทัศนศิลป และวรรณศิลป์
ซึ่งในที่นี้หมายถึงสุนทรียภาพของด้านวรรณศิลป์ประเภทกลอนลำ�
หมอลำ�กลอน หมายถึง หมอลำ�คู่ ชายหนึ่ง-หญิงหนึ่ง ลำ�ด้วยทำ�นองลำ�
พื้นบ้าน โต้ตอบสลับกันไปมาและมีหมอแคนหนึ่ง เป่าประสานเสียงลำ�
กลอนลำ � หมายถึ ง คำ � ประพั น ธ์ ที่ เ ป็ น บทร้ อ ยกรองพื้ น บ้ า นอี ส าน
ที่ผู้ประพันธ์แต่งขึ้นเพื่อให้หมอลำ�กลอน นำ�ไปใช้ลำ� ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทคือ
กลอนลำ�ทางสั้น กลอนลำ�ทางยาว และกลอนลำ�เต้ย
กลอนลำ�ทีม่ สี นุ ทรียภาพ หมายถึงกลอนลำ�ทีม่ รี ปู แบบและฉันทะลักษณ์ดี
เนื้อหาดี และมีถ้อยคำ� สำ�นวนดี
รูปแบบของกลอนลำ� หมายถึงโครงสร้างทีเ่ ป็นส่วนประกอบของกลอนลำ�
คือ ส่วนต้นได้แก่ กลอนขึน้ ส่วนกลาง ได้แก่ตวั กลอนหรือเนือ้ ในกลอน และส่วนท้าย
ได้แก่ กลอนลง
กรอบแนวคิดในการวิจัย
กลอนลำ�ทีม่ สี นุ ทรียภาพ คือกลอนลำ�ทีไ่ ด้รบั ความนิยมเป็นเวลาอันยาวนาน
หรือเป็นอมตะ ซึ่งมีองค์ประกอบที่สำ�คัญดังนี้ คือ 1) มีรูปแบบและฉันทลักษณ์ดี
2) มีเนื้อหาสาระดี และ 3) มีศิลปะการประพันธ์ดี ส่วนองค์ประกอบหรือปัจจัย
เกือ้ หนุนทีจ่ ะให้ผปู้ ระพันธ์แต่งกลอนลำ�ให้มสี นุ ทรียภาพได้นนั้ ก็มลี กั ษณะคล้ายคลึง
กัน คือ 1) ผู้ประพันธ์ต้องมีความรอบรู้เกี่ยวกับรูปแบบและฉันทลักษณ์ของการ
ประพันธ์ดี 2) มีความรู้เกี่ยวกับเนื้อหาที่จะนำ�มาใช้ในการประพันธ์ 3) มีศิลปะใน
การประพันธ์ 4) หากผู้ประพันธ์มีความรู้เกี่ยวกับทำ�นองลำ�และจังหวะลีลาของการ
ลำ�ด้วยแล้ว ก็ยงิ่ จะช่วยให้ประพันธ์กลอนลำ�มีสนุ ทรียภาพดียงิ่ ขึน้ และ 5) ผูป้ ระพันธ์
ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลาเพื่อพัฒนาตนเองให้ทันสมัยและทัน
ต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและเทคโนโลยี ดังแสดงในแผนผังข้างล่าง
1. กลอนลำ�ที่มีสุนทรียภาพ
2. ปัจจัยเกื้อหนุนสำ�หรับ
ผู้ประพันธ์กลอนลำ�
เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
สุนทรียศาสตร์ เป็นศาสตร์หรือวิทยาการที่ว่าด้วย ความงาม หรือความ
ไพเราะของงานวิจิตรศิลป์ ส่วนสุนทรียภาพ เป็นสภาวะความงามหรือความไพเราะ
ทีม่ อี ยูใ่ นงานวิจติ รศิลปแขนงต่าง ๆ เช่น งานดุรยิ างคศิลป์ ทัศนศิลป และวรรณศิลป์
คำ�ว่าสุนทรียภาพนี้ในวัฒนธรรมต่างๆ ก็ใช้คำ�แตกต่างกันไป เช่น ฝรั่งใช้คำ�ว่า
aesthetics ส่วนอินเดียใช้ค�ำ ว่า รส หรือ ระสะ (rasa) สุนทรียภาพเป็นประเด็นทีอ่ ยู่
ในความสนใจของนักปราชญ์ชาวอินเดียมานาน เริม่ จากตำ�รานาฏยศาสตร์ เป็นตำ�รา
ทีว่ า่ ด้วยนาฏกรรม นับเป็นแนวคิดทีส่ �ำ คัญ โดยเริม่ จากศิลปะการละครนำ�ไปสูศ่ ลิ ปะ
3. ทำ�นองอ่านกลอนเต้ยโขง “เต้ยหัวหงอกหยอกสาว”
แสดงฉันทลักษณ์ที่มีสัมผัสนอก
กลอนเยิ้น
(คำ�ที่ขีดเส้นใต้เป็นคำ�สัมผัสนอก คำ�ที่เป็นตัวเอน เป็นคำ�สัมผัสใน)
ลมพานต้อง หัวนาป่าข้าวถอก
ผักพ่องเป็น ดอกดัว้ ตามต้าย ระหว่างหนอง
หมองใจกลั้น กระสันแดอยู่กลางท่ง
ผมป่งเอยดัดกูดคู้ เป็นคลื่นจั่งทะเล
กลอนตัด
(คำ�ที่ขีดเส้นใต้เป็นคำ�สัมผัสนอก คำ�ที่เป็นตัวเอน เป็นคำ�สัมผัสใน)
ฟังเดออ้าย ซายเซ็งคนเก่ง
อย่าซะอวดซะเบ่ง วาดใหญ่พาโล
เอาแต่คุยโว ๆ ว่ามีว่ามั่ง
ว่าเงินคำ�ล้นอั่ง เต็มหีบเต็มไห
วิธีการวิจัย
เป็ น การวิ จั ย เชิ ง คุ ณ ภาพ ผสมผสานระหว่ า งการวิ จั ย ภาคสนามและ
การวิเคราะห์กลอนลำ�โดยการวิเคราะห์องค์ประกอบทางสุนทรียภาพในกลอน
ลำ�ของหมอลำ�กลอน จากกลอนลำ�อมตะ ที่ได้รับการแนะนำ�เลือกสรรจากผู้รู้
จากศิลปินหมอลำ�อาวุโส จากผู้ให้ข้อมูลทั่วไป เช่น หมอลำ�เคน ดาเหลา, หมอลำ�
บุญยังสุภาพ, หมอลำ�ฉวีวรรณ, ดำ�เนิน พระภิกษุสทุ ธิสมพงษ์ สท้านอาจ, หมอลำ�ทอง
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
18 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ผลการวิจัย
องค์ประกอบทางสุนทรียภาพในกลอนลำ�ของหมอลำ�กลอน มี 3 ด้าน
ดังต่อไปนี้
1. ด้านเนือ้ หาของกลอนลำ� พบว่ากลอนลำ�ทีม่ สี นุ ทรียภาพ ได้แก่ กลอน
ลำ�ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับความเชื่อ คำ�สอน ความรัก พรรณนาความงามของธรรมชาติ
วิถีชีวิต และขนบธรรมเนียมประเพณี
2. ด้านรูปแบบและฉันทลักษณ์ของกลอนลำ� ทีม่ สี นุ ทรียภาพได้แก่ กลอน
ลำ�ที่มีรูปแบบและฉันทลักษณ์ที่ถูกต้องตามแบบแผน ในลักษณะของ กลอนร่าย
กลอนกาพย์ (กลอนตัด) กลอนเยิ้น (กลอนอ่าน หรือ กลอนนิทาน) และ กลอนเพลง
3. ด้านศิลปะในการใช้ถ้อยคำ�ในกลอนลำ�ที่มีสุนทรียภาพ พบว่า เป็น
กลอนลำ�ที่มี การใช้ถ้อยคำ� ได้ลึกซึ้งกินใจ เห็นภาพพจน์ เป็นผญาหรือปรัชญา ทั้ง
ทางโลกทางธรรม และเป็นคติสอนใจ ที่สื่อความหมายได้ตรง ชัดเจน และกระชับ
การใช้ถ้อยคำ�ที่มีทั้งคำ�สัมผัสนอก สัมผัสใน เกาะก่ายกันไปอย่างสละสลวย มีการ
ใช้ถ้อยคำ�ที่เป็นคำ�อุปมาอุปมัย ถ้อยคำ�ที่เป็นสุภาษิต คำ�คม และถ้อยคำ�ที่ก่อให้
เกิดความสะเทือนอารมณ์แก่ผู้อ่านหรือผู้ฟัง แต่ละวรรคมีจำ�นวนถ้อยคำ�จำ�นวน
พอเหมาะกับจังหวะและทำ�นองลำ�เป็นอย่างดี
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 19
ปัจจัยที่เกื้อหนุนต่อการสร้างสรรค์กลอนลำ�ที่มีสุนทรียภาพ
เกี่ ย วกั บ ปั จ จั ย ที่ เ กื้ อ หนุ น ต่ อ ผู้ แ ต่ ง กลอนลำ � ให้ ส ามารถสร้ า งสรรค์
กลอนลำ�ได้อย่างมีสุนทรียภาพนี้ ผลการวิจัยจากสัมภาษณ์นักแต่งกลอนลำ�ที่
มีชื่อเสียง พบว่า มีปัจจัยดังต่อไปนี้ คือ 1. ความรู้ด้านเนื้อหา 2. ความรู้ด้าน
รูปแบบและฉันทลักษณ์ และ 3. ความรู้ด้านศิลปะในการใช้ถ้อยคำ� ซึ่งความรู้และ
ทักษะทั้ง 3 ด้านนี้ ได้จากการสั่งสมประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของ
นักแต่งกลอนลำ�แต่ละคน ประสบการณ์เหล่านี้ได้แก่ 1. การศึกษาเล่าเรียนทั้ง
นอกระบบและในระบบโรงเรียน 2. การมีอาชีพศิลปินหมอลำ� 3. ประสบการณ์
พิเศษในชีวิต 4. การเรียนรู้จากครู 5. การมีประสบการณ์ทางภาษา วรรณกรรม
และขนบธรรมเนียมประเพณีจากการบวชเรียน 6. การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง
7. การมีใจรักและขยันหมั่นเพียรด้านการแต่งกลอน และ 8. ความรักในการอ่าน
การคิด การสังเกต และการใฝ่ฝัน ของนักแต่งกลอนลำ� ประสบการณ์ทั้งหลาย
เหล่านี้ต่างก็มีส่วนช่วยเกื้อหนุนต่อผู้แต่งกลอนลำ�ให้สามารถสร้างสรรค์กลอนลำ�ได้
อย่างมีสุนทรียภาพ
อภิปรายผล
จากการวิจัยพบว่าสุนทรียภาพที่โดดเด่นใน กลอนพญาช้างฉัททันต์ ซึ่งจัด
อยู่ในลำ�ดับที่ 1 ใน 10 ในบรรดากลอนลำ�ที่ไพเราะที่สุด เป็นเรื่องของเนื้อหา ที่เป็น
เรื่องนิทานชาดก เป็นคติธรรมสอนใจ แก่ประชาชน และก่อให้เกิดความสะเทือน
อารมณ์ ผลการวิจัยในประเด็นนี้ สอดคล้องกับงานวิจัยของนํ้าเพชร ศิริพร ที่กล่าว
ว่า งานด้านวรรณศิลป์ เป็นงานทีเ่ กีย่ วกับศิลปะการใช้ภาษา ทีก่ วีสามารถถ่ายทอด
ความรู้สึกนึกคิดของตนออกมา ด้วยถ้อยคำ�ภาษาที่ได้เลือกสรรกลั่นกรองแล้ว จึง
ทำ�ให้ภาษาที่ใช้มีความไพเราะ ทำ�ให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์ ความรู้สึกและจินตนาการ
ตามไปด้วย ภาษาที่กวีได้เลือกสรรมา อาจมีลักษณะพิเศษ เช่น การซํ้าคำ� การซํ้า
ความ และลีลาจังหวะของคำ�ที่ไพเราะ ซึ่งสามารถจะถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึก
ของกวีให้แก่ผู้อ่าน ได้ตรงตามที่กวีต้องการ คุณค่าของวรรณกรรมร้อยกรองในเชิง
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
20 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
วรรณคดีย่อมใช้ประโยชน์ทางภาษาหรือถ้อยคำ�ในทุกทางที่จะจับใจผู้อ่านได้ คือทั้ง
ในทางความหมาย (พระวรวงศ์เธอกรมหมื่น นราธิปพงศ์ประพันธ์ : 2506)
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการใช้ประโยชน์
1. สถาบันการศึกษาที่เกี่ยวข้องด้านดนตรีและศิลปะการแสดงพื้นบ้าน
เช่น มหาวิทยาลัย โรงเรียน สำ�นักงานวัฒนธรรมจังหวัด ควรนำ�ผลการวิจัยนี้ไป
ใช้ประโยชน์ในการวางแผนทำ�นุบำ�รุงและส่งเสริม ในการสร้างหลักสูตร ตลอดจน
วางแผนในการเรียนการสอนดนตรีพื้นบ้านสาขาหมอลำ�
2. หน่วยงานต่าง ๆ ทีท่ �ำ หน้าทีส่ ง่ เสริมวัฒนธรรมพืน้ บ้านควรหาสือ่ กลอน
ลำ�ที่มีสุนทรียภาพเหล่านี้ไปเผยแพร่ในชุมชน เพื่อให้ชุมชนมีโอกาสได้ฟังกลอนลำ�
และเสียงลำ�ทีไ่ พเราะและเพือ่ ให้เกิดความรูส้ กึ รักและหวงแหนในวัฒนธรรมท้องถิน่
ข้อเสนอแนะในการทำ�วิจัย
1. ควรทำ�วิจัยเรื่องศาสตร์และศิลป์ในการประพันธ์กลอนลำ�
2. ควรทำ�การวิจัยเรื่องวิธีการปรับปรุงแก้ไขกลอนลำ�ให้มีสุนทรียภาพ
บรรณานุกรม
กุสุมา รักษมณี. 2534. การวิเคราะห์วรรณคดีไทยตามทฤษฎีวรรณคดีสันสกฤต.
กรุงเทพฯ : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
คงฤทธิ์ แข็งแรง. 2535. กลอนลำ�ของหมอลำ�สุทธิสมพงษ์ สะท้านอาจ. ปริญญา
นิพนธ์ ศศ.ม. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม.
เจริญชัย ชนไพโรจน์. 2526. “กลอนลำ�อมตะ” วารสารมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
มหาสารคาม 2,1 (ม.ค.-มิ.ย.) 1-19
สุกิจ ลัดดากลม1
บทคัดย่อ
งานวิจยั เรือ่ ง ชุดการสอนขับร้องเพลงชาติไทย สำ�หรับนักเรียนชัน้ ประถม
ศึกษาปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้าง และประเมินประสิทธิภาพของชุดการสอน
ขับร้องเพลงชาติไทย ให้ตรงตามวัตถุประสงค์ และสมมติฐานที่ตั้งไว้คือ 70/70
เครื่ อ งมื อ ที่ ใช้ ใ นการวิ จั ย ครั้ ง นี้ คื อ ชุ ด การสอนที่ ผู้ วิ จั ย ได้ ส ร้ า งขึ้ น
ได้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความน่าเชื่อถือของชุดการสอน ผลที่ได้อยู่ในระดับที่ดีมาก
ในเครื่องมือนั้นประกอบไปด้วย คู่มือการใช้ชุดการสอน แผนการสอน ใบความรู้
และแบบทดสอบ โดยใช้ระยะเวลาที่ใช้ในการสอนทั้งหมด 6 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที
กลุม่ ตัวอย่างทีใ่ ช้ในงานวิจยั ครัง้ นีค้ อื นักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5/2 ภาค
เรียนที่ 2 ปีการศึกษา2553 โรงเรียนวัดนิมมานรดี จำ�นวน 36 คน
ผลการวิจัยครั้งนี้พบว่า ชุดการสอนขับร้องเพลงชาติไทย สำ�หรับนักเรียน
ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพ 71.10/74.40 ซึง่ สูงกว่าเกณฑ์ทกี่ ำ�หนดไว้คอื
1
นักศึกษาปริญญาโท ดุริยางคศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 25
ABSTRACT
The study of the development of teaching package for singing
Thai National Anthem at Prathom 5 student aimed at development
and assessment efficiency of the package with the criteria of efficiency
of 70/70.
The instruments in the study included teacher-made teaching
package which was inspected for its reliability by expert. The reliability
of the package was very satisfactory. The package was consist of
teacher’s manual, lesson plan, information sheet, and tests. The
duration of the teaching was 6 lessons of 30 minutes for each
lesson.
The subject in the study were 36 prathom 5 students of
Nimmannoradee Primary School the students were enrolled in the
second semester of 2010.
The results of the study revealed that the teaching package
for prathom 5 students had the efficiency of 71.10/74.40 which was
higher than the pre-determined criteria of 70/70 the test of difference
between the pretest and post test mean scores with the t-test was
statistically significant at .05 level of significant with the t-value of 9.40.
It could be concluded from the study that the package was efficient
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
26 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ความสำ�คัญและที่มาของปัญหา
เพลงชาติเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นเอกราชทีไ่ ม่ถอื ว่าเป็นเมืองขึน้ แก่ใคร
เพลงชาติยังเป็นเพลงที่หล่อหลอมจิตใจคนในชาติให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันเพื่อให้
เกิดความรักชาติมคี วามเป็นพีน่ อ้ งกัน ในการแข่งกีฬาระหว่างชาติแต่ละครัง้ นอกจาก
จะมีการเชิญธงชาติไปประดับแล้วยังมีการร้องเพลงชาตินนั้ ๆเมือ่ ทำ�การแข่งขันหรือ
เมื่อได้รับเหรียญทอง ซึ่งเป็นการเคารพต่อชาติของนักกีฬาผู้นั้น สำ�หรับผู้ที่ได้ยิน
เพลงชาติ บ้างก็ยืนตรง บ้างก็ร้องเพลงชาติตามต้นเสียงที่ได้ยิน บ้างก็เอามือขวา
จับหน้าอกตรงหัวใจ เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีต่อชาตินั่นเอง (สุกรี เจริญสุข,
2534: 4)
ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน มีธงชาติและเพลงชาติไทย ที่ทุกคนในชาติรู้จัก
และร้องได้ ถ้านึกทบทวนดูในวัยเด็ก เมือ่ ผูใ้ หญ่เปิดวิทยุหรือ โทรทัศน์ ในเวลา 8.00 น.
และ 18.00 น . ได้ยินเพลงชาติไทยแต่เป็นการได้ยินได้ฟังเพียงผ่านหู ไม่ได้ฟังอย่าง
ตั้งใจ (ณรุทธ์ สุทธจิตต์, 2535: 1-3) และเมื่อไปโรงเรียนก่อนเข้าห้องเรียนจะต้อง
เข้าแถวและยืนตรงเคารพธงชาติ พร้อมทั้งร้องเพลงชาติในขณะที่มีการเชิญธงชาติ
ขึ้นสู่ยอดเสา
จากประสบการณ์ ในการสอนดนตรีวิชาขับร้องของผู้วิจัยได้ท�ำ การสอน
นักเรียนในช่วงอายุระหว่าง 10 - 12 ปี พบว่าเป็นช่วงอายุทมี่ คี วามสำ�คัญต่อการเรียน
ดนตรี และการขับร้องเพลงเป็นอย่างมาก เด็กสมควรได้เริ่มสะสมความรู้ทางดนตรี
อย่างถูกต้อง เนื่องจากวัยนี้เริ่มมีความสนใจการอ่านมากขึ้นรู้จักแก้ไขปัญหาของ
ตัวเองได้ มีความสนใจในเรือ่ งทีย่ ากและซับซ้อนมากขึน้ เริม่ มีความเข้าใจสือ่ ต่างๆรอบ
ตัวมากขึ้น พฤติกรรมที่กล่าวมานี้มีความสอดคล้องกับพัฒนาการทั่วไปของผู้เรียน
ที่อยู่ในวัยเด็ก วัยประถมศึกษา (อายุ 6 – 12 ปี) ฌอง พีอาเจตน์ (Jean Piaget)
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 27
2) โรงเรียนส่วนใหญ่อยู่ในชนบทยังขาดอุปกรณ์ประกอบการเรียนการ
สอนเพลงชาติ เช่น เทปบันทึกเสียงจากต้นแบบฉบับ โน้ตเพลง เป็นต้น
3) โอกาสที่นักเรียนจะได้ฝึกฝนร้องเพลงชาติอย่างถูกต้องมีน้อยมากวัน
หนึ่งมีโอกาสร้องเพลงชาติ ( แบบผิดๆถูกๆ ) ในพิธีเชิญธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาตอนเช้า
ก่อนเข้าห้องเรียนเท่านั้น แม้จะมีกิจกรรมลูกเสือ เนตรนารี ซึ่งก็ต้องร้องเพลงชาติ
เพือ่ เชิญธงชาติขนึ้ สูย่ อดเสาก็เป็นเพียงกิจกรรมของนักเรียนบางกลุม่ ไม่ทวั่ ถึงกัน จึง
ยังผลให้นักเรียนส่วนมากด้อยทักษะในการร้องเพลงชาติได้อย่างถูกต้อง
4) ผู้ใหญ่ยังไม่เข้าใจถึงความสำ�คัญของเพลงชาติไม่พยายามที่จะฝึกฝน
ตนเองให้รอ้ งเพลงชาติได้อย่างถูกต้องเพือ่ เป็นแบบฉบับทีด่ แี ก่นกั เรียนในสถานศึกษา
ซึ่ง น้อยนักทีจ่ ะได้เห็นครู อาจารย์ทุกคนร่วมร้องเพลงชาติไปกับนักเรียน ในพิธีเชิญ
ธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาตอนเช้า
ผู้วิจัยได้ไปเก็บข้อมูลและเห็นว่าเด็กนักเรียนร้องเพลงชาติในลักษณะของ
การฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วจับเอามาร้อง ยกตัวอย่าง เช่น เด็กเล็กๆหลายๆคนมักจะ
ร้องเพลงชาติ ในประโยคแรกว่า “ประ เทศ ป ไท ลวม มะ เลื้อ ชาติเชื้อไทย” แล้ว
ท่อนที่ร้องว่า “ด้วยไทยล้วนหมาย” มักจะร้องว่า “ด้วย ดี ด้วน ม้าย” ซึ่งเด็กทุกๆ
คนมักจะร้องเช่นนี้จนกระทั่งเมื่ออ่านหนังสือได้แล้ว มาอ่านเนื้อเพลงชาติ จึงได้รู้
ว่าเนื้อร้องที่แท้จริงคืออะไร หรือถ้าโรงเรียนใดมีครูที่เข้มงวดเรื่องการร้องเพลงชาติ
ก็จะจัดการสอนให้นกั เรียนร้องเพลงชาติได้อย่างถูกต้อง ตามทำ�นอง เนือ้ ร้อง จังหวะ
และอารมณ์เพลง ซึ่งจะทำ�ให้สามารถร้องได้อย่างไพเราะ ผู้วิจัยได้ไปเก็บข้อมูล
โรงเรียน ระดับชั้นประถมศึกษาจำ�นวน 5 โรงเรียนในตอนเช้าโดยหมุนเวียนสลับ
เปลี่ยนกันไปเพื่อฟังเพลงชาติของแต่ละโรงเรียน พบว่าบางโรงเรียนร้องเพลงชาติ
ได้ไพเราะ พร้อมเพรียงกัน มีดนตรีประกอบการขับร้อง บางโรงเรียนเปิดเพลงชาติ
ทีม่ เี สียงร้องพร้อมเสียงดนตรีแล้วให้นกั เรียนร้องเพลงชาติไปพร้อมๆ กัน และมีบาง
โรงเรียนให้นักเรียนร้องปากเปล่า โดยมีนักเรียนที่มีเสียงไพเราะ เป็นต้นเสียงร้องนำ�
และนักเรียนทั้งโรงเรียนร้องตามการร้องแบบนี้จะพบว่า นักเรียนทั้งโรงเรียนจะร้อง
ระดับเสียงและจังหวะไม่ตรงกัน ไม่มีการตั้งระดับเสียงที่แน่นอน ขึ้นอยู่กับผู้ร้องนำ�
ระเบียบวิธีวิจัย
ประชากร และกลุ่มตัวอย่าง
ประชากรทีใ่ ช้ในการวิจยั ครัง้ นี้ คือ นักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียน
วัดนิมมานนรดี เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร ที่กำ�ลังเรียนอยู่ในภาคเรียนที่ 2 ปี
การศึกษา 2553 จำ�นวน 335 คน
กลุม่ ตัวอย่างในการวิจยั ครัง้ นีค้ อื นักเรียนทีก่ �ำ ลังเรียนอยูใ่ นระดับชัน้ ประถม
ศึกษาปีที่ 5/2 มี โรงเรียนวัดนิมมานนรดี เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร จำ�นวน
36 คน เลือกใช้ประชากรโดยการสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling)
การสร้างเครื่องมือในการวิจัย
ขั้นตอนในการสร้างเครื่องมือในการวิจัยมีดังนี้
1. ศึกษาหลักการ และข้อมูลทีเ่ กีย่ วข้องกับประวัตเิ พลงชาติไทย ธงชาติไทย
จากตำ�รา เอกสาร และข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
2. ศึกษาพัฒนาทักษะทางด้านการขับร้องและเนื้อหาการเรียนการสอน
ขับร้องของนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษา
3. ศึกษาวิธีการสร้างชุดการสอนจากเอกสารตำ�ราและงานวิจัย
4. ดำ�เนินการสร้างชุดการสอนโดยผู้วิจัยได้ใช้แนวคิดจาก “ระบบการ
ผลิตชุดการสอนแผนจุฬา” ของ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ และคณะ
5. ขั้นตอนการสร้างชุดการสอนขับร้องเพลงชาติไทย ผู้วิจัยได้กำ�หนด
เป้าหมาย และวัตถุประสงค์ที่ต้องการไว้เพื่อ จะได้เป็นแนวทางในการทดลองใช้ชุด
การสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตามหลักการ วัตถุประสงค์ ขั้นตอน และคู่มือ
6. ผู้วิจัยได้นำ�ชุดการสอนที่สร้างขึ้นให้กรรมการที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์
ตรวจแก้ไขและให้ข้อเสนอแนะ
7. ปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องที่ได้รับจากข้อเสนอแนะนำ�ไปทดลองใช้
กับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีขั้นตอนดังนี้ ครั้งที่ 1 ใช้เครื่องมือกับนักเรียน
วัดนิมมานรดีจ�ำ นวน 3 คน โดยใช้ชดุ การสอนทีผ่ วู้ จิ ยั ได้สร้างขึน้ เพือ่ นำ�ไปแก้ไขและ
ปรับปรุงเพื่อให้ชุดการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
การเก็บรวบรวมข้อมูล
นำ�ชุดการสอนไปทดลองใช้จริงกับกลุม่ ตัวอย่างจริง คือ นักเรียนทีเ่ รียนอยู่
ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5 /2ของ โรงเรียนวัดนิมมานรดี เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร
จำ�นวน 36 คน การเก็บรวบรวมข้อมูลผู้วิจัยได้ได้ทำ�ตามขั้นตอนดังนี้
1. ดำ�เนินการสอนตามขั้นตอนที่กำ�หนดไว้
2. บันทึกภาพถ่ายวีดิโอ การปฏิบัติการเรียนการสอนทุกครั้ง
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
32 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
3. ประเมินผลจากใบบันทึกผลการเรียนในแต่ละครั้ง
4. การให้คะแนนการปฏิบัติ สัมมนาเชิงปฏิบัติการ ชั้นเรียนชั้นครู และ
การประกวดขับร้องเพลงชาติไทย
5. การประเมินเจตคติของนักเรียนที่มีต่อเนื้อหาและกิจกรรมการเรียน
การสอน ของชุดการสอนขับร้องเพลงชาติไทย
การวิเคราะห์ข้อมูล
นำ�ข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของชุดการสอนดังนี้
1. รายชื่อผู้เชี่ยวชาญที่ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ ของเครื่องมือก่อนนำ�
ไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง
1. นางจุรี ทรงสกุล ครูเชี่ยวชาญ สาขาคีตศิลป์สากล
วิทยาลัยนาฏศิลป สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
(ข้าราชการบำ�นาญ)
2. นางวณี ลัดดากลม ผูท้ รงคุณวุฒิ สาขาคีตศิลป์สากล คณะศิลปศึกษา
สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์
กระทรวงวัฒนธรรม
3. นายสันติ ลุนเผ่ ศิลปินนักร้องเพลงปลุกใจ รักชาติ
4. นางวาณี จูฑังคะ ศิลปินอาวุโสงานดุริยางค์สากล สำ�นักการ
สังคีต กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม
5. ผศ. ประไพศรี สงวนวงศ์ อาจารย์ประจำ�คณะครุศาสตร์อตุ สาหกรรม
วิทยาเขตเทคนิคกรุงเทพ สถาบันเทคโนโลยี
ราชมงคล (ข้าราชการบำ�นาญ)
2. การประเมินประสิทธิภาพของชุดการสอน ตามเกณฑ์ที่กำ�หนดไว้ คือ
70/70 เป็นการประเมินผลจากการใช้ชดุ การสอนในระหว่างการใช้ชดุ การสอน และ
หลังสิ้นสุดการใช้ชุดการสอนโดยครูผู้สอน
3. การประเมินผลจากใบบันทึกผลการเรียน หลังการสอนในแต่ละครั้ง
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 33
4. การประเมินผลจากคะแนนการประเมินผลระหว่างเรียน
5. สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลมีดังนี้
- คำ�นวนค่าสถิติพื้นฐาน
- หาประสิทธิภาพของชุดการสอนตามเกณฑ์ 70/70 คือ 70 ตัวแรก
หมายถึง ค่าเฉลี่ยร้อยละ 70 ของคะแนนประเมินผลระหว่างเรียน และ 70 ตัวหลัง
หมายถึง ค่าเฉลี่ยร้อยละ 70 ของคะแนนประเมินผลหลังเรียน
ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
จำ�นวน คะแนนระหว่างเรียน คะแนนหลังเรียน
นักเรียน คะแนนเต็ม คะแนนเฉลี่ย E1 คะแนนเต็ม คะแนนเฉลี่ย E2
36 156 18.40 71.10 20 14.88 74.40
ผลการทดสอบคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน
จำ�นวนนักเรียน คะแนนเต็ม คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน คะแนนเฉลี่ยหลังเรียน ค่า t
36 20 11.11 14.88 9.40*
* ค่า t มีนัยสำ�คัญที่ ระดับ .05 (α .05 = 1.96)
จากตารางที่ 3 การทดสอบความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลัง
เรียน โดยการทดสอบค่า t (t-test) ที่ระดับ นัยสำ�คัญ .05 t มีค่า 9.40 ซึ่งแสดงว่า
ค่าคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน มีนัยสำ�คัญทางสถิติ ดังนั้น
สรุปได้ว่าชุดการสอนขับร้องเพลงชาติไทย มีประสิทธิภาพ และทำ�ให้ผลการเรียน
ของนักเรียนสูงขึ้นหลังจบการเรียนการสอน
สรุปผลการวิจัย
ผลการวิจยั จากการใช้ชดุ การสอนขับร้องเพลงชาติไทย สำ�หรับนักเรียนชัน้
ประถมศึกษาปีที่ 5 สรุปผลได้ดังนี้คือ
1. ชุดการสอนขับร้องเพลงชาติไทยมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่กำ�หนด
ไว้คือ 70/70 โดยนักเรียนมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละของการประเมินระหว่างเรียนคือ
71.10 และมีคะแนนเฉลี่ยร้อยละของการประเมินผลการเรียนหลังเรียนคือ 74.40
ซึ่งสูงกว่าสมมุติฐานที่ตั้งไว้
2. ผลการทดสอบคะแนนก่อนเรียนหลังเรียน พบว่าค่า t (t-test) ทีร่ ะดับ
นัยสำ�คัญ .05 t มีค่า 9.40 ค่าคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าคะแนนเฉลี่ยก่อนเรียน
มีนยั สำ�คัญทางสถิติ ดังนัน้ สรุปได้วา่ ชุดการสอนขับร้องเพลงชาติไทย มีประสิทธิภาพ
และทำ�ให้ผลการเรียนของนักเรียนสูงขึ้นหลังจบการเรียนการสอน
3. ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่มีต่อชุดการสอนและกิจกรรมการเรียน
การสอน ชุดการสอนขับร้องเพลงชาติไทย สำ�หรับนักเรียนชัน้ ประถมศึกษาปีที่ 5 นัน้
มีคะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 4.5 ซึ่งอยู่ในระดับดีมาก
อภิปรายผลการวิจัย
เนื่องจากแบบทดสอบมีความหลายหลาย มีทั้งความรู้ความจำ�ความเข้าใจ
มีการให้คะแนนทั้งแบบที่ครูให้ผู้ให้คะแนนมีความหลากหลาย และแบบที่นักเรียน
ประเมินด้วยตนเอง รูบริคจึงทำ�ให้เกิดความแตกต่างของคะแนน เพราะนักเรียน
เป็นผู้ประเมินตนเอง พื้นฐานความรู้ของนักเรียนไม่ส่งเสริมให้ทำ�คะแนนได้ดีมาก
เท่าทีท่ คี่ วร หรือใช้การเดาเพือ่ ทำ�แบบฝึกหัด จึงทำ�ให้ระดับของคะแนนแตกต่างกัน
สมมติฐานของการประเมินงานวิจยั จึงอยูท่ ี่ 70/70 และเมือ่ ได้ท�ำ การทดลองใช้เครือ่ ง
มือกับกลุ่มตัวอย่างแล้วนั้น ผลที่ได้ออกมาคือ 71.10/74.40 ซึ่งผลของการประเมิน
สูงกว่าสมมติฐานที่ผู้วิจัยตั้งไว้
การวิจัยครั้งนี้พบว่าชุดการสอนขับร้องเพลงชาติไทยที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้น มี
ประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ทตี่ งั้ ไว้คอื 70/70 เพราะว่าชุดการสอนทีส่ ร้างขึน้ มีสาเหตุ
ดังนี้
1. ในการสร้างชุดการสอนนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาขั้นตอนการสร้างชุดการ
สอนอย่างมีระบบศึกษาเนื้อหาให้สอดคล้องกับจุดประสงค์การเรียนรู้ และความ
สนใจของผู้เรียนเพื่อให้ได้มาซึ่งกิจกรรมและการวัดการประเมินผลที่เหมาะสม
ซึ่งสอดคล้องกับหลักการสร้างชุดการสอนของการผลิตชุดการสอน (ดร.ชัยยงค์
พรหมวงศ์ และคณะ) ได้ทำ�การทดลองและวิจัยเกี่ยวกับการผลิตชุดการสอนที่
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมือ่ พ.ศ. 2518 และได้เรียนผลงานนัน้ ว่า “ระบบการผลิต
ชุดการสอนแผนจุฬา” (ไชยยศ เรืองสุวรรณ,2521: 233-234) จากนัน้ นำ�ชุดการสอน
ที่ได้ไปปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และนำ�ไปทดลองใช้ และแก้ไขปรับปรุงอีกครั้ง ก่อนนำ�
ไปใช้กับกลุ่มตัวอย่าง จึงทำ�ให้ชุดการสอนขับร้องเพลงชาติไทย สำ�หรับนักเรียนชั้น
ประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2. ในการสร้างกิจกรรมที่ใช้ในการสร้างชุดการสอนนั้น ได้คำ�นึงถึงความ
เหมาะสม ความสนใจ และธรรมชาติของเด็ก ซึ่งไม่เน้นที่คำ�อธิบายของครู แต่เริ่ม
ด้วยการให้นกั เรียนสังเกตครูซงึ่ เป็นผูท้ �ำ ตัวอย่างให้ดอู ย่างชัดเจนก่อน หลังจากนัน้ ให้
นักเรียนได้ลงมือปฏิบตั เิ องด้วยตนเอง ซึง่ สอดคล้องกับ (กุลยา ตันติผลาชีวะ 2545:
733) กล่าวว่าเด็กวัยนีเ้ ป็นวัยแห่งการเรียนรู้ สามารถสังเกตและสะสมประสบการณ์
การเรียนรู้ด้วยตนเอง โดยผ่านการสัมผัส การเห็นตัวแบบ
3. ระหว่างการใช้ชุดการสอน ผู้วิจัยใช้คำ�ชม การให้รางวัล เพื่อเป็นแรง
จูงใจ ซึง่ เป็นส่วนสำ�คัญหนึง่ ของการกระตุน้ ให้นกั เรียนสนใจ ตัง้ ใจ และให้ความร่วมมือ
ในกิจกรรมดังที่ (เยาวพา เดชะคุปต์ 2542: 63) กล่าวเกี่ยวกับแรงจูงใจว่า การจัด
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
36 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
สิ่งเร้าที่จะกระตุ้นให้เด็กเกิดการตอบสนองโดยการสร้างแรงจูงใจจากการให้รางวัล
เพื่อความพึงพอใจในการเรียน การใช้การเสริมแรงครูควรให้การเสริมแรง โดยการ
ชมเชยหรือให้แรงจูงใจในวิธีต่าง เช่น การให้รางวัล
4. กิ จ กรรมในชุ ด การสอนมี ห ลายกิ จ กรรม ซึ่ ง เน้ น การเรี ย นรู้ ผ่ า น
ประสบการณ์ของนักเรียนซึง่ สอดคลล้องกับ (ปิยมาภรณ์ สบายแท้, 2545:45) กล่าวว่า
กิจกรรมการเรียนการสอนทางดนตรีควรเป็นไปในรูปแบบของประสบการณ์ที่จัดไว้
ให้กบั ผูเ้ รียนได้มสี ่วนร่วมในการปฏิบตั ิดว้ ยตนเอง เช่นเดียวกับ (นวลศิริ เปาโรหิตย์,
2518: 40)กล่าวว่า ถ้าเด็กประสบความสำ�เร็จในสิ่งที่เรียนรู้ ก็จะเกิดความรู้สึก
ว่าตนเองมีความสามารถที่จะเผชิญปัญหาต่างๆในสิ่งต่างๆได้ในชีวิตประจำ�วัน
เพราะเหตุนี้จึ้งทำ�ให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ และพัฒนาในเรื่องของการขับร้องให้มี
ประสิทธิภาพมากขึ้น
จากเหตุผลดังกล่าวพบว่าชุดการสอนขับร้องเพลงชาติไทย สำ�หรับนักเรียน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ผู้วิจัยได้สร้างขึ้นนั้นเป็นชุดการสอนที่มีประสิทธิภาพตาม
เกณฑ์ทตี่ งั้ ไว้ สามารถนำ�ไปใช้ประกอบการสอนวิชาดนตรี หรือเป็นกิจกรรมเสริมใน
วิชาอื่นๆ
จากการทดลองใช้ชดุ การสอนพบว่า เมือ่ สิน้ สุดการเรียนการสอนนัน้ นักเรียน
มีระดับคะแนนที่ไม่ผ่านเกณฑ์ 70/70 แต่ค่าคะแนนเฉลี่ยหลังเรียนสูงกว่าคะแนน
ระหว่างเรียน มีนัยสำ�คัญทางสถิติ ดังนั้นสรุปได้ว่าชุดการสอนขับร้องเพลงชาติไทย
มีประสิทธิภาพ และทำ�ให้ผลการเรียนของนักเรียนสูงขึ้นหลังจบการเรียนการสอน
ชุดการสอนขับร้องเพลงชาติไทย เพราะชุดการสอนมีการลำ�ดับขั้นตอนทางด้าน
การเรียนรู้แบบเป็นระบบ มีการทำ�กิจกรรมอย่างสมํ่าเสมอในทุกๆ แผนการสอน
มีการลำ�ดับความยากง่ายของกิจกรรม และระยะเวลาทีใ่ ช้ในการทำ�กิจกรรมมีความ
เหมาะสมกับเนือ้ หาทีต่ อ้ งสอน และเหมาะสมกับสมาธิของเด็กนักเรียน จึงทำ�ให้เด็ก
นักเรียนมีความเข้าใจในเรือ่ งของธงชาติ เพลงชาติไทย และการขับร้องทีถ่ กู ต้อง โดย
กำ�หนดเนื้อหาและกิจกรรมที่มีความสัมพันธ์กัน มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
บรรณานุกรม
กุลยา ตันติผลาชีวะ. 2545. การวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียนปฐมวัยศึกษา.
กรุงเทพฯ: เอดิสันเพรสโปรดักส์.
ชัยยงค์ พรหมวงศ์และคณะ. 2542. เอกสารการสอนชุดวิชาวิทยาการสอน.
กรุงเทพมหานคร :มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.
ไชยยศ เรืองสุวรรณ. 2521. หลักการทฤษฎีและนวกรรมของการศึกษา. กาฬสินธุ์
: ประสานการพิมพ์ หน้า 233-234.
ณรุทธ์ สุทธจิตต์. 2535. กิจกรรมดนตรีส�ำ หรับครูดนตรี. กรุงเทพมหานคร : สำ�นัก
พิมพ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
นวลศิริ เปาโรหิตย์. 2518. จิตวิทยาพัฒนาการ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์
มหาวิทยาลัยรามคำ�แหง
ปิยมาภรณ์ สบายแท้. 2545. การศึกษาประสิทธิภาพของชุดการสอนเรื่องทฤษฎี
ดนตรีสากลพื้นฐาน ผ่านทักษะขับร้องประสานเสียง. วิทยานิพนธ์ศิลป
ศาสตรมหาบัณฑิต. มหาวิทยาลัยมหิดล.
เยาวพา เดชะคุปต์. 2542. การจัดการศึกษาสำ�หรับเด็กปฐมวัย. กรุงเทพฯ : บริษทั
สำ�นักพิมพ์แม็ค จำ�กัด.
สุกรี เจริญสุข. 2534. เพลงชาติ. กรุงเทพมหานคร: เรือนแก้วการพิมพ์.
จุรีรัตน์ ทวยสม¹
Churirat Thuaisom
บทคัดย่อ
การสร้างสรรค์ผลงานวิทยานิพนธ์เรื่อง รอยวัฒนธรรมอีสาน ได้รับแรง
บันดาลใจมาจากวิถชี วี ติ ของคนในท้องถิน่ ชนบทอีสาน การทอเสือ่ เป็นงานหัตถกรรม
อย่างหนึง่ ของครัวเรือนซึง่ ถือว่าเป็นมรดกทางภูมปิ ญ ั ญาของคนอีสาน การสร้างสรรค์
วิทยานิพนธ์ครัง้ นี ้ มีความมุง่ หมายเพือ่ ศึกษาเทคนิควิธกี ารในการสร้างงานหัตถกรรม
โดยใช้วัสดุจากธรรมชาติในท้องถิ่น และสร้างสรรค์ผลงานจิตรกรรมสื่อผสมเพื่อ
สื่อความหมายถึงรอยแห่งวัฒนธรรมอีสาน โดยใช้เทคนิคการย้อมสี การถักทอ
การผูก การสอดประสาน เป็นผลงานทัศนศิลป์จำ�นวน 5 ชิ้น
ผลจากการสร้างสรรค์ผลงานวิทยานิพนธ์พบว่า การนำ�ต้นกกซึ่งเป็น
วัสดุจากธรรมชาติในท้องถิ่นมาตัดสอยออกเป็นเส้น ตากแห้ง ย้อมสี และถักทอให้
เกิดความงามทางด้านทัศนศิลป์การสอดผสานกันอย่างหนาแน่นของเส้นกก มีการ
ผูกมัดเป็นปม และการเว้นระยะห่างของเส้นแสดงออกถึงการสะสมความดีงามทีถ่ กู
ถ่ายทอดจากรุน่ สูร่ นุ่ และแสดงถึงความผูกพันของคนในท้องถิน่ ลักษณะของเส้นกก
ที่เป็นเส้นตรงและเส้นโค้งเปรียบเสมือนวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่นที่มีความแตกต่าง
กัน แต่ทงั้ หมดถูกหล่อหลอมรวมกันเป็นสังคมเดียวกัน ส่วนสีโทนนํา้ ตาลแสดงออก
ถึงความรักและความอบอุ่นของคนในท้องถิ่น นอกจากนี้ การจัดองค์ประกอบใน
ผลงานพบว่ารูปทรงและทัศนธาตุทสี่ อื่ แสดงถึง ความดีงามของวิถชี วี ติ คนในท้องถิน่
ด้วยวัสดุต้นกกมีความสัมพันธ์กับเนื้อหาที่กำ�หนด สามารถถ่ายทอดความงามด้าน
ทัศนศิลป์ที่ไม่เพียงเป็นการถ่ายทอดสาระความดีงามของวัฒนธรรมเท่านั้น แต่รอย
วัฒนธรรมคือการถ่ายทอดความดีงามจากรุ่นสู่รุ่น ซึ่งปัจจุบันกำ�ลังเลือนหายไป
โดยสรุป การสร้างสรรค์ผลงานวิทยานิพนธ์ชุดนี้ ได้ก่อให้เกิดข้อค้นพบ
ใหม่ในผลงานด้านทัศนศิลป์ ประเภทจิตรกรรมสือ่ ผสม โดยนำ�วัสดุทอ้ งถิน่ คือต้นกก
มาสร้างสรรค์เป็นผลงานด้านศิลปะขั้นสูงที่มีอัตลักษณ์เฉพาะตน สามารถสื่อให้
ผู้ชมผลงานเกิดความซาบซึ้งในคุณค่าของศิลปะ และสะท้อนให้เห็นถึงร่องรอย
ทางวัฒนธรรมที่มีความผูกพัน ความประทับใจในความงามของวิถีชีวิตคนใน
ท้องถิน่ อีสาน ซึง่ ถือเป็นสิง่ มีคณ
ุ ค่าทางจิตใจและประวัตศิ าสตร์ทางวัฒนธรรม
ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นได้อีกด้วย
คำ�สำ�คัญ : วัฒนธรรม, ท้องถิ่น, จิตรกรรมสื่อผสม
ABSTRACT
This created thesis on ‘Cultural Clue of a Community in Isan’
was influenced by the way of life of a Isan community. As family
handicraft, weaving reed mats was regarded as an intellectual heritage
of Isan people. The aims of this thesis were to study techniques of
creating handicraft using natural materials that grew in the rural areas
and to create mixed media painting in order to display cultural clues in
an Isan community. The techniques used were dyeing, weaving, tying,
and inserting the reed threads making five visual arts.
บทนำ�
ศิลปหัตถกรรมการถักทอของไทยมีมานานแต่โบราณ ไม่มีการจดบันทึก
ไว้เป็นหลักฐานอย่างแน่ชัดว่าเริ่มทำ�กันมาตั้งแต่ยุคสมัยใด แต่มีการค้นพบหลักฐาน
ทางโบราณคดีที่ยืนยันถึงการทำ�มาหากินของชุมชนบ้านเชียง อำ�เภอหนองหาน
จังหวัดอุดรธานี ว่ามีร่องรอยอารยธรรมเก่าแก่ของโลก คือ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ
เครื่องปั้นดินเผา และเศษผ้าที่ติดอยู่กับกำ�ไลสำ�ริดของมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์
อายุ 2,400-3,500 ปี เมื่อนำ�มาตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์พบว่าเป็นเศษผ้า
ที่ทำ�ด้วยป่านหรือปอชนิดหนึ่ง ฝีมือค่อนข้างหยาบ นอกจากนี้ยังค้นพบเศษผ้า
ทีแ่ หล่งโบราณคดีทภี่ าคอีสานอีกหลายแห่ง เช่น ทีบ่ า้ นนาดี อำ�เภอหนองหาน จังหวัด
อุดรธานี บ้านดอนกอก อำ�เภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ทีพ่ บเศษผ้าและแกลบติดอยู่
ในขวานเหล็กชนิดคมกว้าง จากหลักฐานดังกล่าวบ่งบอกว่าภาคอีสานมีวัฒนธรรม
การถักทอราว 3,000 ปีมาแล้ว การทอผ้าเป็นศิลปหัตถกรรมพื้นเมืองชนิดหนึ่ง
ที่นิยมทำ�กันมาช้านานในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและ
บางจังหวัดในภาคกลางตั้งแต่อดีต มีจุดมุ่งหมายอยู่ 2 ประการคือ การทอผ้าเพื่อใช้
ในชีวติ ประจำ�วัน และการทอผ้าทีใ่ ช้ในพิธกี รรม ยังไม่ได้ผลิตเพือ่ จำ�หน่ายเป็นสินค้า
อย่างในปัจจุบัน ผ้าของชาวอีสานจัดได้ว่าเป็นผ้าที่มีชื่อเสียงแต่ละท้องถิ่น แต่ละ
ชาติพนั ธุ์ จะปรากฏเอกลักษณ์ของตนเอง ลวดลายของผ้ามีความวิจติ รประณีต บรรจง
ยกตัวอย่างเช่น ผ้าฝ้ายและผ้าไหมที่ทอเป็นลายมัดหมี่ กับผ้าที่ทอเป็นลายขิด
เฉพาะลายขิดมีการคิดค้นและพัฒนาจำ�นวนไม่น้อยกว่า 100 ลายและสามารถนำ�
ไปสร้างเป็นผลิตภัณฑ์ เช่น ผ้าถุง เสือ้ โสร่ง ผ้าปู ผ้าเบีย่ ง หมอน ทีน่ อน ผ้าห่อคัมภีร ์
เป็นต้น (ธนาคารแห่งประเทศไทย สำ�นักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือร่วมกับ
สถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, 2547 : 1)
ผ้า เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ของการดำ�รงชีวิตของมนุษย์ นอกจาก อาหาร ที่
อยูอ่ าศัย และยารักษาโรค ในสังคมเกษตรจะมีการทอผ้าเพือ่ ใช้สอยภายในครอบครัว
การทอผ้าของไทยมีมานานแต่โบราณ จากอดีตจนถึงปัจจุบนั มนุษย์ได้พฒ ั นาการทอ
ผ้าทัง้ รูปแบบเทคนิค การย้อมสี และการออกแบบลวดลาย ดังปรากฏในจดหมายเหตุ
งานด้านหัตถกรรมถือเป็นมรดกทางภูมิปัญญาที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น การทอ
เสือ่ เป็นหนึง่ ในงานหัตถกรรมทีค่ ลุกคลีกบั คนในท้องถิน่ มายาวนาน เส้นกกจากหนึง่
เส้นเล็ก ๆ ถูกถักทอรวมกันกลายเป็นผืนเดียวกันอย่างแน่นแฟ้น สะท้อนถึงวิถีชีวิต
ของคนที่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นเดียวกันที่มีความรักและความผูกพัน พึ่งพาอาศัยซึ่งกัน
และกัน วิถชี วี ติ ดังกล่าวถูกหล่อหลอมด้วยกาลเวลามายาวนานก่อเกิดเป็นความงาม
ของรอยวัฒนธรรมอีสาน โดยแสดงออกเป็นผลงานศิลปะจิตรกรรมสือ่ ผสม (Mixed
Media Painting) เทคนิคย้อมสี การถักทอ การผูกมัด การสอด การสาน ของเส้นกก
และใช้กรรมวิธขี องกระบวนการทอเสือ่ มาสร้างสรรค์เป็นผลงานศิลปะทีใ่ ห้ความรูส้ กึ
ทางสุนทรียศาสตร์
ความมุ่งหมายของการสร้างสรรค์
1. เพื่อศึกษากระบวนการทอเสื่อกก ซึ่งแสดงถึงวิถีชีวิตของคนในท้อง
ถิ่นอีสาน และเทคนิควิธีการในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจากวัสดุธรรมชาติผ่าน
กระบวนการด้านงานหัตถกรรมอีสาน
2. เพือ่ สร้างสรรค์ผลงานทีแ่ สดงออกถึงรอยวัฒนธรรมอีสานผ่านทัศนธาตุ
ต่าง ๆ ทางศิลปะเกิดเป็นผลงานศิลปะจิตรกรรมสือ่ ผสม (Mixed Media Painting)
ขอบเขตของการสร้างสรรค์
1. ขอบเขตของแนวเรือ่ ง (Theme) คุณค่าความดีงามของวัฒนธรรมอีสาน
วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นที่มีความผูกพันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ
ชาวบ้านรู้จักใช้ทรัพยากร ธรรมชาติในท้องถิ่นมาสร้างสรรค์งานด้านหัตถกรรมให้
เกิดประโยชน์ใช้สอยในการดำ�เนินชีวิตและในการประกอบอาชีพ โดยอาศัยการใช้
ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ถูกถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น การทอเสื่อเป็นหนึ่งในงานหัตถกรรม
ที่คลุกคลีกับคนในท้องถิ่นมายาวนาน เส้นกกจากหนึ่งเส้นเล็ก ๆ ถูกถักทอรวมกัน
กลายเป็นผืนเดียวกันอย่างแน่นแฟ้น สะท้อนถึงการใช้วิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น
ก่อเกิดคุณค่าความงามของรอยวัฒนธรรมอีสาน
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 45
วิธีดำ�เนินการสร้างสรรค์
วิธดี �ำ เนินการสร้างสรรค์ เป็นขัน้ ตอนหนึง่ ซึง่ มีการกลัน่ กรองเพือ่ ให้ได้บรรลุส ู่
เป้าหมาย โดยมีขั้นตอนในการดำ�เนินการ ดังนี้
1. ขั้นตอนรวบรวมข้อมูล
การรวบรวมข้อมูลจากประสบการณ์ตรงในวัยเยาว์ของผูส้ ร้างสรรค์
และข้อมูลจากหนังสือ ผลงานศิลปนิพนธ์ ผลงานสร้างสรรค์ทเี่ กีย่ วข้อง และเอกสาร
ที่เกี่ยวกับ วัฒนธรรมการถักทอบนแผ่นดินอีสาน เอกลักษณ์การถักทอ ทฤษฎีทาง
สุนทรียศาสตร์ องค์ประกอบศิลป์ ศิลปะสื่อผสม (Mixed Media) และข้อมูลจาก
ผลงานการสร้างสรรค์ของศิลปินที่มีอิทธิพลด้านแนวเรื่อง ด้านรูปทรง ด้านเทคนิค
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
46 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
3. ขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลงาน
3.1 การจัดทำ�ข้อมูลให้เป็นภาพร่าง โดยการนำ�เอาข้อมูลทีไ่ ด้จากการ
ศึกษาข้อมูลจากสภาพแวดล้อม และข้อมูลจากเอกสาร มาวิเคราะห์หารูปทรง โดย
คำ�นึงถึงแนวความคิด เพิ่มเติม แก้ไข เพื่อพร้อมที่จะนำ�ไปขยายในการสร้างสรรค์
ผลงานจริง การหาข้อมูลและการเก็บรวมรวบข้อมูลจากประสบการณ์ในวัยเยาว์ที่
มีความผูกพัน ซึมซับ ในรูปแบบของการดำ�รงชีวิตที่เรียบง่ายของผู้คนในท้องถิ่น จึง
นับว่าเป็นข้อมูลที่เป็นสิ่งกระตุ้นให้ผู้สร้างสรรค์เกิดจินตนาการสร้างสรรค์ผลงาน
แล้วเริม่ ร่างรูปทรงต่าง ๆ ลงบนกระดาษ ด้วยดินสอ โดยใช้หลักการจัดองค์ประกอบ
ศิลป์ เช่น การเลือกใช้สี เส้น รูปร่าง รูปทรง พืน้ ผิว พืน้ ทีว่ า่ ง หลักการสร้างดุลยภาพ
แบบสมมาตร และหลักความกลมกลืน แล้วระบายสีด้วยดินสอสีไม้ ให้ได้ภาพร่างที่
สมบูรณ์สามารถตอบสนองแนวคิดได้
3.2 ขัน้ ตอนการขยายภาพร่าง นำ�เอาวัสดุจริงมาสร้างสรรค์ตามภาพ
ที่ร่างไว้ โดยขณะที่สร้างสรรค์ผลงานมีการปรับเปลี่ยน แก้ไข ตัดทอน และปรับปรุง
ผลงานอยู่ตลอดเวลา เพื่อหาความเหมาะสมของผลงานที่สอดคล้องกับความมุ่ง
หมายมากที่สุด โดยการผสมผสานกระบวนการทอเสื่อและกระบวนการงานด้าน
หัตถกรรมท้องถิ่นอื่น ๆ เข้าด้วยกันเกิดเป็นผลงานศิลปะจิตรกรรมสื่อผสม (Mixed
Media Painting)
3.3 ขั้นตอนการสร้างสรรค์ผลงานจริง การสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ
จิตรกรรมสื่อผสม (Mixed Media Painting) มีกระบวนการที่เป็นขั้นตอนและได้
กำ�หนดกระบวนการต่าง ๆ จากการกำ�หนดภาพร่างแล้วจึงนำ�เอาวัสดุตา่ ง ๆ ทีเ่ ตรียม
ไว้ เช่น ต้นกก วัสดุจากธรรมชาติ เหล่านี้นำ�มาประกอบกันตามอย่างกรรมวิธีที่เป็น
ภูมิปัญญาท้องถิ่นอาทิเช่น การย้อมสี การถักทอ สอดสาน การแทรก กระบวนการ
สร้างสรรค์ผลงานมีการปรับเปลี่ยนอยู่เสมอ เพื่อให้เหมาะสมกับแนวทางตามจุด
มุ่งหมายที่ต้องการศึกษาค้นคว้าของผลงานให้มากที่สุด
4. ขั้นตอนการเผยแพร่ผลงาน
4.1 การเขียนเอกสารประกอบการสร้างสรรค์ การเขียนเอกสาร
ประกอบการสร้างสรรค์ เพือ่ อธิบายถึง ทีม่ า จุดมุง่ หมาย ขอบเขต และวิธกี าร ตลอดจน
ผลสัมฤทธิ์อันเกิดจากการสร้างสรรค์ และเป็นหลักฐานทางวิชาการของหลักสูตร
ปริญญาศิลปกรรมศาสตรมหาบัณฑิตมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และเป็นเอกสาร
สำ�หรับผู้ศึกษาต่อไป
4.2 การเผยแพร่ผลงานในรูปแบบนิทรรศการ การเผยแพร่ผลงานใน
รูปแบบนิทรรศการในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม หรือตีพมิ พ์ผลงาน ลักษณะบทความ
ในวารสารวิชาการระดับชาติ
สรุปผลการสร้างสรรค์
การสร้างสรรค์ผลงานทัศนศิลป์ แนวเรือ่ ง รอยวัฒนธรรมอีสาน แสดงออก
เป็นผลงานศิลปะจิตรกรรมสื่อผสม (Mixed Media Painting) ผู้สร้างสรรค์ได้มุ่ง
แสดงออกถึง ความงามของวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นที่มีชีวิตความ
เป็นอยู่อย่างเรียบง่าย ท่ามกลางความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ
ชาวบ้านรู้จักใช้ทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นมาสร้างสรรค์งานด้านหัตถกรรมให้
เกิดประโยชน์ใช้สอยในการดำ�เนินชีวิตและในการประกอบอาชีพโดยอาศัยการใช้
ภูมิปัญญาท้องถิ่น งานด้านหัตถกรรมถือเป็นมรดกทางภูมิปัญญาที่ถูกถ่ายทอดจาก
รุน่ สูร่ นุ่ เส้นใยจากต้นกกหนึง่ เส้นเล็ก ๆ ถูกถักทอรวมกันเป็นผืนเดียว เปรียบเสมือน
วิถชี วี ติ ของคนทีอ่ าศัยอยูใ่ นท้องถิน่ เดียวกันทีม่ คี วามรักและความผูกพัน พึง่ พาอาศัย
ซึ่งกันและกัน วิถีชีวิตดังกล่าวถูกหล่อหลอมด้วยกาลเวลามาอย่างยาวนานก่อเกิด
เป็นวัฒนธรรมอันดีงาม ดังนั้นในการสร้างสรรค์ผลงานจึงได้ทำ�การศึกษาค้นคว้า
ข้อมูลจากหนังสือ ตำ�รา และเอกสารที่เกี่ยวกับ วัฒนธรรมการถักทอบนแผ่นดิน
อีสาน เอกลักษณ์การถักทอ สีสนั และลวดลายการถักทอ ทฤษฎีทางสุนทรียศาสตร์
องค์ประกอบศิลป์ ศิลปะสือ่ ผสม (Mixed Media) และอิทธิพลจากผลงานศิลปกรรม
เพือ่ ทำ�การวิเคราะห์ดา้ นแนวเรือ่ ง การทดลองสร้างสรรค์ทงั้ ด้านรูปทรง และด้านวัสดุ
โดยความหมายของวัสดุที่ไม่ได้ให้ความหมายของวัสดุใหม่ ดัง เกษม ก้อนทอง ได้
กล่าวว่า ให้เห็นถึงร่องรอยของการใช้งานอันยาวนาน ซึ่งสามารถแปรเปลี่ยนคุณค่า
ของวัสดุ จากวัสดุที่มีประโยชน์ในการใช้งานเพียงอย่างเดียว ให้กลายเป็นวัสดุทาง
วัฒนธรรมทีเ่ ต็มเปีย่ มไปด้วยชีวติ และคุณค่าทางความรูส้ กึ โดยวัสดุและเทคนิควิธกี าร
นั้นเปรียบได้กับการหล่อหลอมไว้ด้วยวิถีชีวิต วัฒนธรรม ภูมิปัญญาความสามารถ
ความชำ�นาญของคนในท้องถิ่นนั้น ๆ สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นตามกาลเวลา
อภิปรายผล
ในการสร้างสรรค์ผลงานชุดนี้ผู้สร้างสรรค์ได้มีการสร้างสรรค์ผลงานตาม
กระบวนการอย่างต่อเนื่อง จากการวิเคราะห์ผลงานเป็นระยะ ๆ จนเกิดพัฒนาการ
ตามลำ�ดับ สามารถอธิปรายผลได้ดังนี้
ข้อค้นพบใหม่ในการสร้างสรรค์ผลงานวิทยานิพนธ์
1. ความรู้สึกที่บริสุทธิ์ ความผูกพัน ความประทับใจในความงามของ
วิถีชีวิตคนในท้องถิ่นอีสาน ซึ่งถือเป็นสิ่งมีคุณค่าทางจิตใจและประวัติศาสตร์ทาง
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
52 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
หมายใหม่กับวัสดุ ผลปรากฏที่ได้อาจยากต่อการเข้าถึงผลงานตามความมุ่งหมายที่
ต้องการถ่ายทอดก็ได้ เนื่องจากการรับรู้และเข้าใจในสิ่งที่พบเห็นของแต่ละบุคคล
นั้นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับภูมิหลังและประสบการณ์ของแต่ละบุคคล
3. ในการเลือกใช้เทคนิค จะต้องมีความสอดคล้องกับแนวเรือ่ งทีต่ อ้ งการ
สร้างสรรค์และผู้สร้างสรรค์ควรหมั่นทดลองหาเทคนิคในการสร้างสรรค์ผลงานอยู่
เสมอ จะทำ�ให้เกิดพัฒนาการ ได้มาซึ่งทักษะกระบวนการค้นพบสิ่งใหม่ และความ
เป็นอัตลักษณ์เฉพาะตนในที่สุด
จากการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะจิตรกรรมสื่อผสม (Mixed Media
Painting) แนวเรื่อง รอยวัฒนธรรมอีสาน นี้ผู้สร้างสรรค์ได้ศึกษา ค้นคว้า ปรับปรุง
ในแต่ละช่วงระยะของการสร้างสรรค์เพื่อให้ได้ผลงานตรงตามความมุ่งหมายมาก
ที่สุด ในการสร้างสรรค์ได้ใช้รูปแบบนามธรรม (Abstract) เทคนิคเส้นใยจากวัสดุ
ธรรมชาติ คือ ต้นกก จนเกิดเป็นผลงานทัศนศิลป์ โดยการย้อนนึกถึงความประทับใจ
ในวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นอีสาน สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าความงาม
ของวัฒนธรรมอีสาน วิถีชีวิตของมนุษย์ที่อยู่ร่วมกันในสังคมเดียวกัน ถูกหล่อหลอม
รวมกันด้วยกาลเวลาก่อเกิดเป็นสาระความดีงามของวัฒนธรรมอีสานที่ถูกถ่ายทอด
จากรุน่ สูร่ นุ่ วิทยานิพนธ์ฉบับนีเ้ ป็นผลงานการสร้างสรรค์ทางด้านความคิดสร้างสรรค์
และจากประสบการณ์ทผี่ สู้ ร้างสรรค์ได้รบั การพัฒนาอย่างต่อเนือ่ งจากคณะกรรมการ
อาจารย์ที่ปรึกษา จนตรงตามความมุ่งหมายของการสร้างสรรค์ผลงานมากที่สุด
กระนัน้ การสร้างสรรค์ผลงานยังต้องมีการค้นหา แก้ไข และปรับปรุง เพือ่ นำ�ไปสูก่ าร
พัฒนาในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะอยู่ตลอดเวลา
เอกสารอ้างอิง
เกษม ก้อนทอง. 2549. ศิลปะสื่อประสม. กรุงเทพฯ : ศิลปาบรรณาคาร.
ชลูด นิม่ เสมอ. 2544. องค์ประกอบศิลป์. พิมพ์ครัง้ ที่ 6. กรุงเทพฯ : ไทยวัฒนาพานิช.
ธนาคารแห่งประเทศไทย สำ�นักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือร่วมกับ สถาบันวิจัย
ศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม. 2547. ผ้าไหม
อีสาน ความอลังการของแพรพรรณ. ขอนแก่น : ธนาคารแห่งประเทศไทย
สำ�นักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ.
พิทกั ษ์ น้อยวังคลัง. 2544. การวิจยั ทางทัศนศิลป์. มหาสารคาม : มหาวิทยาลัย
มหาสารคาม.
ศุ ภ ชั ย สิ ง ห์ ย ะบุ ศ ย์. 2546. สุ น ทรี ย ศาตร์ ใ นงานทั ศ นศิ ล ป์ . มหาสารคาม :
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
อัจฉรี จันทมูล และบุญชู ศรีเวียงสา. 2549. ลวดลายและการพัฒนาศักยภาพ
ภูมิปัญญาต่อการจัดการผ้าทอพื้นบ้านที่ส่งผลเสริมสร้างความเข้มแข็ง
และการพึง่ ตนเองแก่ชมุ ชนท้องถิน่ : ศึกษากรณีผา้ ลายสร้อยดอกหมาก
ในจังหวัดมหาสารคาม. มหาสารคาม : กองส่งเสริมและพัฒนางานวิจยั
มหาวิทยาลัยมหาสารคาม.
นิพนธ์ คุณารักษ์1
Niphon Kunaruck
บทคัดย่อ
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นทั่วโลกมีการปรับเปลี่ยนระบบและกระบวนการผลิต
ไปตามสภาพการเปลีย่ นแปลงทางเทคโนโลยี การแข่งขันทางด้านการผลิต และการ
เปลีย่ นแปลงของโลก เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์กราฟิกเข้ามามีบทบาทสำ�คัญอย่างมาก
ในการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชั่น แต่รูปแบบภาพยนตร์แอนิเมชั่นแบบ 2 มิติยังคง
ได้รับความนิยมสูงไม่เปลี่ยนแปลงและมีการยกระดับคุณภาพทางภาพสูงขึ้นอย่าง
ชัดเจนถือเป็นนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางภาพในภาพยนตร์แอนิเมชัน่ อันเกิดจาก
ระบบและกระบวนการผลิตของภาพยนตร์แอนิเมชัน่ 2 มิตแิ บบร่วมสมัยในปัจจุบนั
1
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาวิชาออกแบบนิเทศศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
นักศึกษาปริญญาเอก สาขานิมิตศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 57
Abstract
Animated film industries in the world have been modifying
systems and processes to meet changing conditions : Technological
Changes, Production Challenges, and Global Shifts. Computer
graphics technology have came a very important role in the production
of animated film. But 2 Dimensional Animated Film still popular, do not
have changing and its improving to the high quality of the visuals as
innovation and technology in animated film. Arising from the system
and process of contemporary 2D animated film production in present.
บทนำ�
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นในปัจุบัน ได้รับความนิยมและมีการเติบโตมากขึ้นใน
ตลาดและสือ่ ทีข่ ยายตัว เพิม่ ขึน้ เช่น โทรทัศน์ เคเบิลทีวี วีดทิ ศั น์ และสือ่ อินเตอร์เน็ท
และจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยเฉพาะระบบคอมพิวเตอร์กราฟิก.
การขยายวงกว้างของตลาดผลิตภัณฑ์และการบริโภคภาพยนตร์แอนิเมชั่น ทำ�ให้
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นมีการผลิตและมีการรับชมในประเทศต่างๆ มากขึ้น นับว่า
เป็นการเกิด “โลกใหม่ของการผลิต” ที่ทำ�ให้เกิดระบบและกระบวนการผลิต
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่มีความเฉพาะและแตกต่างจากการผลิตภาพยนตร์ที่ใช้
คนแสดง (Live Action) โดยขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี, ทักษะของแรงงานที่แตกต่าง
กันและมีสถานที่ที่ผลิตที่แตกต่างจากการผลิตภาพยนตร์ที่ใช้คนแสดงเป็นผลมา
จากโลกาภิวัตน์ แม้ว่าทั้งภาพยนตร์แบบที่ใช้คนแสดงและภาพยนตร์แอนิเมชั่น
จะมีโครงสร้างและเครือข่ายการผลิตขนาดใหญ่ โดยกลุม่ บริษทั สือ่ ทัว่ โลกเช่นเดียวกัน
ก็ตาม (Yoon. 2008)
ระบบคอมพิวเตอร์กราฟิกและแอนิเมชัน่ 3 มิติ (3D Graphics and Anima-
tion) ได้ถูกนำ�มาใช้และมีบทบาทสูงในกระบวนการผลิตภาพยนตร์ และภาพยนตร์
1. ขั้นวางแผนเตรียมการผลิต(Pre-Production)
1.1 ขั้นกำ�หนดแนวคิดและโครงการผลิต
ในขั้นนี้ นับว่าเป็นขั้นตอนแรก จากความคิดริเริ่ม หรือมีแนวคิดที่จะ
ผลิตภาพยนตร์แอนิเมชัน่ หรือเป็นขัน้ มีแผนหรือการวางแผน (Planning) เพือ่ เตรียม
การผลิต การเริ่มต้นนั้นมี 2 ลักษณะ ด้วยกัน
- ลักษณะแรก คือ ได้แนวคิดหลักหรือความต้องการทีจ่ ะผลิตมาจาก
มีเรือ่ งต้นฉบับ (Original Author) อาจได้มาจากแอนิเมเตอร์หรือผูก้ ำ�กับฯ นำ�เสนอ
ผ่านผูอ้ �ำ นวยการสร้างหรือโปรดิวเซอร์ในสตูดโิ อผลิตภาพยนตร์แอนิเมชัน่ (Anima-
1.2) ขั้นวางแผนงานการผลิต
ในขัน้ ตอนนี้ จะเป็นขัน้ ตอนทีจ่ ะได้มา ซึง่ แนวคิด (Concept) เนือ้ เรือ่ ง
(Story) อันจะนำ�ไปสูก่ ารพัฒนาเป็นโครงการผลิตแอนิเมชัน่ (Project) ซึง่ ในขัน้ นีน้ นั้
จะมีการประชุมพิจารณาของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจัง เช่น ผู้อำ�นวยการสร้าง
(Producer) ผูก้ �ำ กับ (Director) ฝ่ายการตลาด (Marketing) และฝ่ายอืน่ ๆ ฯลฯ เพือ่
พิจารณาความเหมาะสมของโครงการ, แผนงานการผลิตรวมทั้งแผนงานการตลาด
และแผนงานอืน่ ๆทีเ่ กีย่ วข้อง อย่างรัดกุมและครอบคลุม โดยการควบคุม กำ�กับดูแล
และอำ�นวยการผลิตของผู้อำ�นวยการสร้าง(Producer)
1.3) ขั้นกำ�หนดรูปแบบและเนื้อหาการผลิต
ในขั้นนี้ จะประกอบด้วยส่วนผลิตหลักๆ 2 ด้าน คือ
1.3.3) ด้านกำ�หนดเนื้อหาเรื่องราว(Scenario Writing) เป็นการ
เอาแนวคิดโครงเรื่อง และเรื่องราวหลัก มาพัฒนาเป็นบทภาพยนตร์แอนิเมชั่น
สตอรี่บอร์ด และ “แอนิเมชั่นจำ�ลอง” หรือที่เรียกกันว่า แอนิเมติก(Animetic) ผู้ที่
มีบทบาทสำ�คัญ คือ ผู้เขียนบท (Scripts/ Scenario Writer), ผู้เขียนสตอรี่บอร์ด
(Storyboarder) และผู้กำ�กับภาพยนตร์แอนิเมชั่น(Director) และหากผู้กำ�กับฯ
นั้นมีความสามารถทางด้านการเขียนบท ศิลปะและการออกแบบด้วย ก็อาจจะ
ทำ�หน้าที่ทั้งเขียนบท วาดสตอรี่บอร์ด และการกำ�กับภาพยนตร์แอนิเมชั่นอีกด้วย
1.3.2) ด้านการกำ�หนดรูปแบบและงานออกแบบผลิต(Designing)
คือ ขัน้ ทีด่ �ำ เนินการออกแบบด้านศิลปะ เช่น งานออกแบบคาแรคเตอร์ตวั แสดงหลัก
ตัวแสดงรอง และอุปกรณ์ประกอบต่างๆ(Characters Design) ออกแบบเครือ่ งยนต์
กลไก (Mecha Design) (ซึ่ง คำ�ว่า “Mecha Design” หรือ “Mechs Design” นั้น
ในงานแอนิเมชัน่ ญีป่ นุ่ มักใช้ค�ำ ว่า “Mecha Design” คือ งานออกแบบคาแรคเตอร์
ส่วนทีเ่ ป็นเครือ่ งจักร กลไก เครือ่ งอิเลคทรอนิกส์ หุน่ ยนต์ ยานอวกาศ ยานยนต์ ฯลฯ
ต่างๆ ซึง่ มักพบได้ในภาพยนตร์แอนิเมชัน่ ประเภทนิยายวิทยาศาสตร์) งานออกแบบ
ฉากหลัง (Background Design) และงานออกแบบเกี่ยวกับสี (Color Design) ของ
ภาพยนตร์โดยรวมทัง้ หมด เช่น สีหลัก และสีของเฉด หรือเงาของตัวแสดง (Shading)
สรุป
ระบบและกระบวนการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชัน่ ประเภท 2 มิตริ ว่ มสมัยนัน้
ได้มีการพัฒนากระบวนการผลิตอยู่อย่างต่อเนื่อง ตามความเจริญก้าวหน้าของ
เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และโปรแกรม ซึ่งระบบและกระบวนการผลิตนี้สามารถ
ปรับเปลี่ยน ประยุกต์ได้ ไม่ยึดถือตายตัวมากนัก ขึ้นอยู่กับการออกแบบระบบและ
กระบวนการผลิต ให้เหมาะสมกับลักษณะของผลงาน และขนาดของสตูดิโอผู้ผลิต
ภาพยนตร์แอนิเมชั่นเป็นสำ�คัญ
บรรณานุกรม
Anime International Co,Inc.(AIC). 1982. Introduction of Anime Production.
http://www.aicanime.com/introanime/index.html.
Giambruno, Mark. 1997. 3D Graphics and Animation. USA. New Riders
Publishing.
Halas, John.1990. The Contemporary Animator. USA. Butterworth-
Heinemann.
เรวัต สุขสิกาญจน์1
Rewat Suksikarn
บทคัดย่อ
ผลิตภัณฑ์จักสานของไทยเป็นศิลปะชาวบ้าน ที่มนุษย์คิดขึ้นเพื่อใช้สอยใน
ชีวิตประจำ�วัน โดยทำ�ขึ้นจากวิธีการ จัก สาน ถัก ทอ จากวัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่น
แสดงออกมาในรูปแบบของศิลปะ เพื่อตอบสนองอารมณ์ ความนึกคิด และนำ�ไป
สูก่ ารใช้งานได้ดว้ ย มูลเหตุส�ำ คัญทีท่ �ำ ให้เกิดผลิตภัณฑ์จกั สานขึน้ คือ ความจำ�เป็น
ในการดำ�รงชีวติ สิง่ แวดล้อมทางธรรมชาติตามภูมศิ าสตร์ ความเชือ่ ขนบประเพณี
และศาสนา ผลิตภัณฑ์จกั สานกระจูด เป็นสินค้าหนึง่ ตำ�บลหนึง่ ผลิตภัณฑ์ของจังหวัด
นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปทั้งประเทศ โดยแหล่งวัตถุดิบและการ
ผลิตทีส่ �ำ คัญอยูท่ ี่ ตำ�บลเคร็ง อำ�เภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช มีกระบวนการ
ผลิตเริม่ ต้นตัง้ แต่เตรียมกระจูดเพือ่ ใช้สาน การคัดขนาด การผึง่ แดด การย้อมสี และ
1
อาจารย์ ป ระจำ � สาขาวิ ช าการออกแบบอุ ต สาหกรรม สำ � นั ก วิ ช าสถาปั ต ยกรรมศาสตร์ แ ละ
การออกแบบ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
70 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
Abstract
The weaves products of Thailand is villagers arts, at a human
create to utility in the everyday life, by the way weaving and knitting
from the inventory that get easy in the locality, express come to
the arts, respond the temper, think, and bring about to the usability.
Important cause is born the products weaves, to be the necessity in
the living, natural environment follows geography, belief, tradition,
and religion. Krachud basketry product are one of the well known
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 71
บทนำ�
ภูมิปัญญาท้องถิ่นเป็นสิ่งที่กลุ่มชนได้สั่งสมประสบการณ์ ใช้สติปัญญา
ในการปรับตัวเพื่อการดำ�รงชีพท่ามกลางสภาพแวดล้อมของท้องถิ่น ที่มีความ
แตกต่างกันในแต่ละสังคมและวัฒนธรรม การแก้ปญ ั หาเพือ่ ให้เกิดความสะดวกในการ
ประกอบภารกิจประจำ�วัน กลุม่ ชนนัน้ ๆ จึงมีการสร้างสรรค์สงิ่ ต่างๆ อันเป็นรูปธรรม
เพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้สอยดำ�รงชีพ (นวลลออ ทินานนท์. 2542: 1)
เพราะฉะนั้นจึงเกิดการผลิตเครื่องมือเครื่องใช้ส�ำ หรับใช้ในการดำ�รงชีพ เครื่องใช้
ในการกินอยู่ เครื่องใช้ในชีวิตประจำ�วัน สำ�หรับตอบสนองความสะดวกสบาย โดย
การสร้างสรรค์จากวัสดุที่มีอยู่ในท้องถิ่น และความเรียบง่ายของสังคมเกษตรกรรม
ของประเทศไทย อันอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์ในดินสินในนํา้ การดำ�รงชีวติ อยูแ่ บบ
เศรษฐกิจพอเพียง การผลิตและใช้โดยคนๆ เดียวกัน ในการผลิตเครื่องไม้เครื่องมือ
ตลอดจนทุกสิง่ ทุกอย่างทีส่ ามารถทำ�เองได้ในครัวเรือน เหล่านีล้ ว้ นมีมาแต่อดีตกาล
การสืบสานของวัฒนธรรมจากรุ่นต่อรุ่นด้วยการกระทำ�ให้เห็นเป็นแบบอย่าง โดย
ไม่ต้องพึ่งพาเครื่องมือเครื่องจักรอันทันสมัย ลักษณะภูมิประเทศของแต่ละท้องถิ่น
ทรัพยากรธรรมชาติและวัสดุในการนำ�มาผลิต นำ�มาสร้างสรรค์เป็นเครื่องใช้ใน
รูปแบบต่างๆ และทีส่ �ำ คัญคือการแสดงเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิน่ วิธกี ารเลือกใช้วสั ดุ
ทีเ่ หมาะสมกับการใช้สอย และคตินยิ มของท้องถิน่ เข้าไปในการผลิตเครือ่ งมือเครือ่ ง
ใช้ ฯลฯ ซึง่ ต้องใช้เวลาในการสะสมประสบการณ์เพือ่ พัฒนาให้สมบูรณ์ทสี่ ดุ เท่าทีจ่ ะ
ทำ�ได้ อาจใช้เวลาหลายชัว่ ชีวติ คนจากบรรพบุรษุ สืบต่อมาจนถึงคนในยุคปัจจุบนั จน
เป็นทีย่ อมรับและเป็นทีพ่ อใจในกลุม่ ชนหรือชุมชนท้องถิน่ นัน้ ๆ จนเกิดเป็นคตินยิ ม
เป็นแบบแผนสืบต่อมา (วิบูลย์ ลี้สุวรรณ. 2539:130 )
ผลิตภัณฑ์จักสานของไทย ถือว่าเป็นศิลปะชาวบ้าน ที่มนุษย์คิดขึ้นเพื่อ
ใช้สอยในชีวิตประจำ�วัน โดยทำ�ขึ้นจากวิธีการ จัก สาน ถัก ทอ จากวัสดุที่หาได้
ง่ายในท้องถิ่น แสดงออกมาในรูปแบบของศิลปะ เพื่อตอบสนองอารมณ์ ความ
นึกคิด แม้ว่าในปัจจุบันจะมีการเปลี่ยนแปลงพัฒนารูปแบบไปมากแล้ว และถึงขั้น
ส่งออกไปต่างประเทศแล้วก็ตาม แต่โดยลักษณะพิเศษของผลิตภัณฑ์จกั สานอันเป็น
ขั้นตอนและกรรมวิธีการผลิตผลิตภัณฑ์จักสานกระจูด
1. การเตรียมกระจูดเพือ่ ใช้สาน ในการนำ�กระจูดมาสานนัน้ ชาวบ้านจะ
ต้องเตรียมถอนต้นกระจูด เมื่อโตขึ้นเต็มที่แล้วประมาณ 2-3 ปี การถอนกระจูดโดย
ทัว่ ไป มักจะทำ�หลังช่วงฤดูฝนไปแล้ว เพราะต้นกระจูดจะขึน้ สูงชะลูดและมีตอกบาง
สะดวกแก่การนำ�ไปตำ�ให้แบน จะทำ�ให้ตอกจูดไม่มรี อยแตก กระจูดทีไ่ ด้ในช่วงระยะ
นี้ ตอกจะมีความเหนียวนุม่ ไม่เปราะแตกง่าย ส่วนวิธกี ารถอนนัน้ จะใช้วธิ รี วบปลาย
หลายเส้นทำ�ให้แน่นแล้วกระตุกหรือกระชากแรงๆ
รูปที่ 2 วิธีการถอนกระจูด
ที่มา : ถ่ายภาพเมื่อ เมษายน 2552
รูปที่ 3 วิธีการคัดขนาดและตัดปลายให้มีความยาวเสมอกัน
ที่มา: ถ่ายภาพเมื่อ เมษายน 2552
รูปที่ 4 การนำ�กระจูดไปคลุกดินโคลน
ที่มา: ถ่ายภาพเมื่อ เมษายน 2552
รูปที่ 5 การผึ่งแดดจะใช้วิธีกางเป็นฐานหรือวางเรียงให้กระจาย
ที่มา : ถ่ายภาพเมื่อ เมษายน 2552
รูปที่ 6 การใช้งานของเครื่องรีดกระจูดและลักษณะของกระจูดที่ผ่านการรีดแล้ว
ที่มา : ถ่ายภาพเมื่อ เมษายน 2552
รูปที่ 7 เส้นตอกกระจูดที่ย้อมสีและไม่ย้อมสี
ที่มา : ถ่ายภาพเมื่อ เมษายน 2552
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
80 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
รูปที่ 9 ผลิตภัณฑ์จักสานกระจูดที่รอการประกอบชิ้นส่วน
ที่มา : ถ่ายภาพเมื่อ เมษายน 2552
รูปที่ 10 ผลิตภัณฑ์จักสานกระจูดเคลือบกาวเพื่อรักษารูปทรง
ที่มา : ถ่ายภาพเมื่อ เมษายน 2552
รูปแบบผลิตภัณฑ์จักสานกระจูด
ผลิตภัณฑ์จักสานกระจูด เป็นหัตถกรรมพื้นบ้านที่ชาวบ้านสร้างสรรค์
ขึ้นเพื่อประโยชน์ใช้สอยในชีวิตประจำ�วัน ตามสภาพสังคม วัฒนธรรม และสภาพ
แวดล้อมของท้องถิน่ ซึง่ จะเข้ามากำ�หนดรูปแบบของผลิตภัณฑ์ โดยผ่านการสืบทอด
มาจากบรรพบุรุษ ตลอดจนมีการปรับเปลี่ยนให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงไป
ของสภาพของสังคมในปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้สานได้พัฒนา คิดค้น ประดิษฐ์รูปแบบ
ผลิตภัณฑ์จักสานกระจูดใหม่ๆ ขึ้น ทั้งจากการประดิษฐ์คิดค้นขึ้นมาเองในหมู่
ชาวบ้าน หรือแม้แต่การที่หน่วยงานของรัฐเข้ามาช่วยโดยการส่งผู้เชี่ยวชาญมาสอน
การประดิษฐ์สร้างสรรค์รปู แบบใหม่ๆ ซึง่ ก่อให้เกิดความประณีต สวยงาม และแปลก
ใหม่ แยกตามประเภทของกระบวนการสร้างสรรค์ได้ดังนี้
1. ประเภทดั้งเดิม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่นิยมทำ�กันมาเป็นเวลาช้านาน จน
ไม่อาจทราบได้ว่าเริ่มต้นเมื่อใด แยกได้เป็น 2 ชนิด คือ เสื่อและกระสอบ
1.1 เสื่อกระจูด หรือที่คนภาคใต้เรียกว่า “สาดจูด” ลวดลายของเสื่อ
กระจูดที่ ตำ�บลเคร็ง อำ�เภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช ส่วนใหญ่นิยมสานลาย
รูปที่ 12 เสื่อกระจูดลายขัดสอง
ที่มา : ถ่ายภาพเมื่อ เมษายน 2552
1.2 กระสอบ ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้มีทั้งกระสอบนั่ง กระสอบหมาก และ
สมุก ไว้ใส่ของสารพัดประโยชน์ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่สร้างสรรค์ขึ้นมาตั้งแต่สมัย
บรรพบุรุษ
รูปที่ 13 กระสอบหมากและกระสอบใส่ของสารพัดประโยชน์
ที่มา : วิบูลย์ ลี้สุวรรณ (2539)
2. ประเภทพัฒนาส่งเสริม หลังจากที่รัฐมีหน่วยงานในการส่งเสริม
อุตสาหกรรมและพัฒนาอาชีพของประชากรขึน้ แล้ว เจ้าหน้าทีข่ องรัฐได้เข้าไปให้ค�ำ
แนะนำ�กรรมวิธใี นการผลิต ช่วยเสริมแนวความคิดเรือ่ งรูปแบบให้สอดคล้องกับความ
ต้องการของคนรุน่ ใหม่ สามารถขยายตลาดให้กว้างขวางขึน้ กว่าเดิม เช่น ทำ�เป็นเสือ่
สำ�หรับใช้ในการเดินทางท่องเที่ยว กระเป๋าถือ หมวกแบบต่างๆ เป็นต้น หน่วยงาน
สำ�คัญทีม่ สี ว่ นในการส่งเสริมและพัฒนาหัตถกรรมประเภทนีใ้ ห้เป็นทีร่ จู้ กั แพร่หลาย
ได้แก่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและกรมการพัฒนาชุมชน โดยส่งคนเข้าไปศึกษาหา
ทางส่งเสริมพัฒนาทัง้ ในเรือ่ งรูปแบบและกรรมวิธกี ารย้อมสี รูปแบบของผลิตภัณฑ์มี
พัฒนาการ 3 ประเภท ได้แก่
2.1 การนำ�เสือ่ กระจูดมาตัดเย็บเป็นผลิตภัณฑ์ เสริมด้วยกระดาษแข็ง
เข้าขอบและขึ้นรูปด้วยการกุ๊นริมด้วยผ้า กุ๊นธรรมดา หรือวัสดุอย่างอื่น เช่น หนัง
วัสดุสังเคราะห์ เป็นต้น
รูปที่ 15 กล่องใส่ของสารพัดประโยชน์
ที่มา: ถ่ายภาพเมื่อ เมษายน 2552
รูปที่ 16 กระเป๋าสุภาพสตรี
ที่มา: ถ่ายภาพเมื่อ เมษายน 2552
รูปที่ 18 บรรจุภัณฑ์ใส่ผ้าทอ
ที่มา: ถ่ายภาพเมื่อ เมษายน 2552
รูปที่ 19 ผลิตภัณฑ์จักสานกระจูดทดลองสานกับเชือกกล้วย
ที่มา: ถ่ายภาพเมื่อ เมษายน 2552
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
88 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
รูปที่ 20 ผลิตภัณฑ์กระจูดสานกับเชือกฟางเป็นถาดผลไม้
ที่มา: ถ่ายภาพเมื่อ เมษายน 2552
รูปที่ 21 ภาชนะกระจูดสานขึ้นรูปด้วยตัวเองสองชั้นโดยไม่มีรอยต่อ
ที่มา: ถ่ายภาพเมื่อ เมษายน 2552
บทสรุป
จากการศึกษาขั้นตอนและกรรมวิธีการผลิตผลิตภัณฑ์จักสานกระจูด ของ
ตำ�บลเคร็ง อำ�เภอชะอวด จังหวัดนครศรีธรรมราช จึงได้นำ�มาสรุปผลในด้านของ
คุณค่าที่เกิดจากประโยชน์ใช้สอยและคุณค่าทางความงามและศิลปะของผลิตภัณฑ์
จักสาน ให้สอดคล้องกับกรอบทฤษฎีของวิบูลย์ ลี้สุวรรณ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. คุณค่าทีเ่ กิดจากประโยชน์ใช้สอย (Functional value) แบ่งอย่างกว้างๆ
ได้เป็น คุณค่าทีไ่ ด้รบั จากประโยชน์ใช้สอยทางกาย ได้แก่ การสร้างผลิตภัณฑ์จกั สาน
เพือ่ เอือ้ อำ�นวยความสะดวกสบายในการดำ�รงชีวติ เช่น เพือ่ ใช้ในการอุปโภคบริโภค
และการประกอบอาชีพ ในส่วนของผลิตภัณฑ์จักสานกระจูดนั้นมีความหลาก
หลายของการใช้งาน ตั้งแต่ใช้ในครัวเรือน เช่น เสื่อ ใช้สำ�หรับปูลาดในหลายโอกาส
กระสอบ และสมุกนั้นมีหลายขนาดมาก และมีให้เห็นจนชินตา จนเป็นเอกลักษณ์
ของผลิตภัณฑ์ชนิดนีไ้ ปเลยทีเดียว นอกจากนัน้ ก็ยงั มีผลิตภัณฑ์ประดับตกแต่งบ้าน
เช่น ทีใ่ ส่ซองจดหมาย ใส่ดอกไม้ไว้ข้างฝา กระเป๋าสตรีก็เป็นทีน่ ยิ มกันมากสำ�หรับ
ผูใ้ ช้ ตลอดจนการประยุกต์ให้มกี ารใช้งานเกือบครบในบรรดาผลิตภัณฑ์เพือ่ ประดับ
ตกแต่ง
2. คุณค่าทางความงามและศิลปะ (Aesthetic value & Artistic value)
คุณค่าทางด้านความงามและศิลปะของผลิตภัณฑ์จกั สานนัน้ เกิดจากองค์ประกอบ
ต่างๆ ที่อาจวิเคราะห์ได้ดังนี้
2.1 คุณค่าทางความงามและศิลปะที่เกิดจากรูปทรง โครงสร้าง และ
ลวดลาย จากการวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์จักสานกระจูดในเชิงศิลปะ จะเห็นถึงความ
สามารถ และลักษณะเด่นในการเลือกใช้รูปทรง โครงสร้าง และลวดลายในการ
สร้างสรรค์ผลงาน ส่วนใหญ่จะเป็นรูปทรงที่เรียบง่าย ลักษณะของความสมดุลใน
ลักษณะเท่ากันทั้งสองข้าง (Symmetry Balance) ความกลมกลืนกันดูสบายตา
และลงตัวอย่างสมบูรณ์ในตัวเอง สามารถใช้โครงสร้างของตัวเองในการวางตั้งและ
ทรงตัว ส่วนลวดลายที่เป็นที่นิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ก็คือลายขัดสอง
เพราะเป็นลวดลายที่เรียบง่าย และสามารถจะประยุกต์รูปแบบของผลิตภัณฑ์ได้
หลากหลายรูปแบบ
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
90 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
บรรณานุกรม
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม. ม.ป.ป., ออกแบบผลิตภัณฑ์กระจูด. กรุงเทพฯ: กรม
ส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม.
แกล้วทนง สอนสังข์. 2546. การศึกษางานศิลปหัตถกรรมกระจูดใน จ.นราธิวาส
พัทลุง และสุราษฎร์ธานี. วิทยานิพนธ์การศึกษามหาบัณฑิต สาขาวิชา
ศิลปศึกษา บัณฑิตวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
นวลลออ ทินานนท์. 2544. การศึกษางานหัตถกรรมพืน้ บ้านในจังหวัดนครนายก.
กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ.
วิบลู ย์ ลีส้ วุ รรณ. 2539. เครือ่ งจักสานในประเทศไทย. กรุงเทพฯ: โอ.เอส.พริน้ ติง้ ส์
เฮาส์.
กัลยา ภิรมย์รักษ์ เป็นผู้ให้สัมภาษณ์, เรวัต สุขสิกาญจน์ เป็นผู้สัมภาษณ์, บ้าน
เลขที่ 169 หมู่ 1 ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 18
เมษายน พ.ศ.2552.
เผียน และ รุ่น คงเกื้อ เป็นผู้ให้สัมภาษณ์,เรวัต สุขสิกาญจน์ เป็นผู้สัมภาษณ์, บ้าน
เลขที่ 6 หมู่ 1 ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมือ่ วันที ่ 18 เมษายน
พ.ศ.2552.
มะลิวลั ย์ คงเกือ้ เป็นผูใ้ ห้สมั ภาษณ์, เรวัต สุขสิกาญจน์ เป็นผูส้ มั ภาษณ์, บ้านเลขที่ 6
หมู่ 1 ต.เคร็ง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.
2552.
จรัญ กาญจนประดิษฐ์ 1
Jarun Kanchanapradit
บทคัดย่อ
การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพัฒนาการทักษะการเป่าขลุ่ย
เพียงออของนักศึกษาสาขาวิชาดนตรีไทย เครื่องมือเอกขลุ่ยเพียงออชั้นปีที่ 2 คณะ
ศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยใช้รปู แบบการสอนทักษะปฏิบตั ขิ องเดวีส์
(Davies’ Instruction Model For Psychomotor Domain) และสอดแทรก
คุณธรรมด้าน ความเพียร ในรายวิชา 864 382 ทักษะดนตรีไทย 2 ผลการวิจยั พบว่า
1
อาจารย์ประจำ�สาขาวิชา สายดุริยางคศิลป์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
94 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ABSTRACT
The objective of this study is to develop to the skill of second
year student in performing Khluy-Peang-Or, Thai classical Music, at
Department of Thai classical Music, Faculty of Fine and Applied Arts,
Khon Kean University through Davies’ Instruction Model for Psycho-
motor Domain and establishing virtue of Attempt. The study found as
follow ;
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 95
ความเป็นมาและความสำ�คัญของปัญหา
วัฒนธรรมการเรียนดนตรีไทยแต่อดีตเป็นวัฒนธรรมการถ่ายทอดแบบมุข
ปาฐะซึ่งต้องอาศัยความใกล้ชิดระหว่างครูและศิษย์รวมทั้งการสั่งสมประสบการณ์
ในการแสดงผลงานของนักดนตรีเพือ่ พัฒนาฝีมอื ของตนเอง ต่อมาเมือ่ ด้านดนตรีไทย
ได้เข้าสู่ระบบการศึกษาของชาติจึงทำ�ให้องค์ความรู้ทางวิชาชีพนั้นแพร่หลายและมี
ความก้าวหน้าทางวิชาการขึ้นเป็นลำ�ดับ การเรียนการสอนด้านทักษะ เพื่อมุ่งเน้น
พัฒนาศักยภาพของผู้เรียนเป็นรายบุคคลในปัจจุบันได้มีการปรับและประยุกต์ใช้
กระบวนการเรียนการสอนรูปแบบต่างๆ ตามหลักวิชาการการศึกษามากขึ้น แสดง
ให้เห็นถึงการเติบโตและพัฒนาระบบการศึกษาดนตรีไทยทีม่ กี ารต่อยอดองค์ความรู้
โดยไม่มีที่สิ้นสุด
การเรียนการสอนปฏิบัติเครื่องดนตรีไทย ผู้สอนจะต้องเลือกรูปแบบที่
เหมาะสมกับธรรมชาติของผูเ้ รียนแล้ว ผูเ้ รียนเองจำ�เป็นจะต้องมีความเพียรพยายาม
ในการฝึกฝนด้วยตนเองอยูเ่ สมอเพือ่ จะได้เพิม่ พูนประสบการณ์ให้มคี วามเข้าใจและ
สามารถปฏิบตั ทิ กั ษะต่างๆ ได้ตามศักยภาพของตนเองและพร้อมทีจ่ ะพัฒนาต่อไปได้
ขลุย่ เพียงออ เป็นเครือ่ งดนตรีชนิดหนึง่ ทีม่ ที กั ษะเฉพาะในการเป่า เช่น การ
เป่าเสียงควง การพรมนิว้ เป่าเสียงโหยหวน เสียงครัน่ ลม และการระบายลม เป็นต้น
ซึง่ ทักษะดังกล่าวนี้ หากผูส้ อนสามารถแยกเป็นทักษะย่อยสำ�หรับฝึกในแต่ละทักษะ
ให้ถูกต้องทุกวิธีการแล้ว จะสามารถช่วยให้ผู้เรียนสามารถเชื่อมโยงทักษะต่างๆ ใน
การบรรเลงแต่บทเพลงได้ถูกต้องและสมบูรณ์มากขึ้น
รูปแบบการสอนทักษะปฏิบัติของเดวีส์ (Davies’ Instructional Model
for Psychomotor Domain) เป็นรูปแบบการสอนทีเ่ น้นทักษะปฏิบตั โิ ดยตรง และมี
การแบ่งแนวทางการสอนเป็น วิธกี าร 5 ขัน้ ตอน คือ ขัน้ ที่ 1) ขัน้ สาธิตทักษะหรือการก
ระทำ� ขั้นที่ 2) ขั้นสาธิตและให้ผู้เรียนปฏิบัติทักษะย่อย ขั้นที่ 3) ขั้นให้ผู้เรียนปฏิบัติ
ทักษะย่อย ขั้นที่ 4) ขั้นให้เทคนิควิธีการ ขั้นที่ 5) ขั้นให้ผู้เรียนเชื่อมโยงทักษะย่อยๆ
เป็นทักษะที่สมบูรณ์ ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วพบว่า เป็นวิธีการสอนทักษะที่สามารถ
นำ�มาประยุกต์ใช้กับวิธีการเรียนการสอนทักษะการเป่าขลุ่ยเพียงออได้เป็นอย่างดี
ผู้วิจัยมีความตระหนักถึงการพัฒนาทักษะรายบุคคลของผู้เรียนเป่าขลุ่ย
เพียงอออย่างต่อเนือ่ ง และพบว่าหากมีการจัดการเรียนการสอนทีเ่ หมาะสมสามารถ
กระตุ้นให้ผู้เรียนสามารพัฒนาทักษะตนเองได้เต็มตามศักยภาพตามลำ�ดับรวมทั้ง
พยายามปลูกฝังความเพียรให้กับผู้เรียนรู้จักรับผิดชอบตนเองจนเกิดเป็นนิสัยเพื่อ
ผู้เรียนจะได้พัฒนาตนเองต่อไป
การด้วยเหตุนี้ ผู้วิจัยจึงได้ประยุกต์ใช้หลักการสอนจากสองแนวความคิด
คือ การเรียนการสอนระบบมุขปาฐะของไทยกับวิธีการเรียนสอนจากแนวคิดของ
นักการศึกษาตะวันตกมาจัดการเรียนการสอนโดยนำ�รูปแบบการสอนทักษะปฏิบัติ
ของเดวีส์ (Davies’ Instructional Model for Psychomotor Domain) และ
สอดแทรกคุณธรรมด้านความเพียรมาพัฒนาการเรียนการสอน ในรายวิชา 864
382 ทักษะดนตรีไทย 2 เพือ่ พัฒนาทักษะการเป่าขลุย่ เพียงออของผูเ้ รียนให้สามารถ
ปฏิบัติกลวิธีการเป่าขลุ่ยในระดับที่สูงขึ้นต่อไป
วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อศึกษาพัฒนาการทักษะการเป่าขลุ่ยเพียงออ โดยใช้รูปแบบการ
สอนทักษะปฏิบัติของเดวีส์ (Davies’ Instructional Model for Psychomotor
Domain) และสอดแทรกคุณธรรม ด้านความเพียรมาพัฒนาการเรียนการสอนใน
รายวิชา 864 382 ทักษะดนตรีไทย 2
2. เพื่อสอดแทรกคุณธรรมด้านความเพียรในการเรียนทักษะการเป่าขลุ่ย
เพียงออ
สมมติฐานของการวิจัย
1. ผูเ้ รียนมีทกั ษะการเป่าขลุย่ เพียงออได้ดขี นึ้ ภายหลังการสอนแบบทักษะ
ปฏิบัติของเดวีส์ (Davies’ Instructional Model for Psychomotor Domain)
2. ผู้เรียนสามารถใช้หลักธรรมด้านความเพียรในการพัฒนาตนเองได้
ขอบเขตของการวิจัย
1. ดำ�เนินการวิจยั ในรายวิชา 864 382 ทักษะดนตรีไทย 2 สำ�หรับผูเ้ รียน
เครื่องดนตรีประเภทขลุ่ยเพียงออ
2. ดำ�เนินการวิจยั เฉพาะหน่วยการเรียนรูท้ ี่ 5 เรือ่ ง พืน้ ฐานการเป่าเพลง
เดี่ยว
3. เพลงประจำ�หน่วยการเรียนรู้สำ�หรับทำ�วิจัย คือ เพลงขึ้นพลับพลา
สองชั้น เพลงบังใบ สองชั้น และเพลงลมพัดชายเขา สองชั้น
ข้อตกลงเบื้องต้น
1. การวิจัยครั้งนี้ใช้ระยะเวลาเก็บข้อมูล เป็นเวลา 1 ภาคการศึกษา คือ
เทอมปลายของ ปีการศึกษา 2553
2. บทเพลงทีท่ �ำ วิจยั 3 เพลง คือ ขึน้ พลับพลา สองชัน้ บังใบ สองชัน้ และ
ลมพัดชายเขา สองชั้น
นิยามศัพท์เฉพาะ
ขลุย่ เพียงออ หมายถึง ขลุย่ ชนิดหนึง่ เป็นขลุย่ ขนาดกลางยาวประมาณ
45 เซนติเมตร กว้างประมาณ 2.5 เซนติเมตร ระดับเสียงตํา่ สุด คือ โด ของไทย
(อนุโลม เท่ากับเสียง Bb ของเปียโน) ใช้เป็นหลักเทียบเสียงในวงเครื่องสาย
ถ้าเล่นวงมโหรีแล้วขลุ่ยเพียงออต้องมีเสียงได้ระดับเดียวกับลูกฆ้องวงใหญ่
ลูกที่ 10 เรียกว่า ลูกเพียงออ
ความเพียร หมายถึง ความขยันฝึกซ้อมทักษะทางการเป่าขลุ่ยอย่าง
ต่อเนื่องจนสามารถพัฒนาทักษะของตนเองได้ตามเป้าหมายสูง
ทักษะการเป่าขลุ่ยเพียงออ หมายถึง กลวิธีการเป่าขลุ่ยแบบต่างๆ
เช่น เสียงควง พรมนิ้ว โหยหวน ครั่นลม ระบายลม
รูปแบบการสอนทักษะปฏิบัติของเดวีส์ หมายถึง การสอนโดยแยก
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ผูเ้ รียนสามารถพัฒนาทักษะการเป่าขลุย่ ด้วยเทคนิคต่างๆ สำ�หรับเพลง
เดี่ยวขั้นพื้นฐานได้
2. ผู้เรียนมีความเพียรในการพัฒนาทักษะของตนเองรวมถึงเห็นความ
สำ�คัญของความเพียร
3. คณาจารย์สาขาวิชาดนตรีไทย สายวิชาดุริยางคศิลป์ สามารถนำ�วิธี
ดำ�เนินงานหรือเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยนี้มาเป็นแนวทางสำ�หรับปรับใช้กับรายวิชา
อื่นๆ ในกรณีที่มีความจำ�เป็นได้
วรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
วรรณกรรมและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องได้รวบรวมทฤษฎีหลักการและผลงาน
วิจยั โดยมีหวั ข้อสำ�คัญตามลำ�ดับดังนี้ วิธกี ารสอนเป่าขลุย่ เพียงออ รูปแบบการเรียน
การสอนที่เป็นสากล ทักษะปฏิบัติของเดวีส์ วิธีการสอนสอดแทรกคุณธรรมและ
ความเพียร
วิธีการสอนเป่าขลุ่ยเพียงออ
รังสี เกษมสุข (2535 : 27-33) ได้สรุปแนวทางการสอนเป่าขลุ่ยไทยจาก
ประสบการณ์ การเรียนทีไ่ ด้รบั ถ่ายทอดมาจากครูเกลีย้ ง ศิรโิ ภคา ซึง่ เป็นลูกศิษย์คน
หนึ่งของครูเทียบ คงลายทอง เป็นขั้นตอน ดังนี้ คือ
ขั้นแรก วิเคราะห์ความสนใจของผู้เรียนว่าใครมีความตั้งใจจริงแค่ไหนไม่
เกณฑ์บังคับ ให้เรียนทุกคน
ขั้นที่สอง เปิดโอกาสให้เลือกตามความสนใจเมื่อผู้เริ่มเรียน ใครสนใจจริง
ก็สอนเป็นกิจกรรมนอกเวลา
ขั้นที่สาม สาธิตการเป่าขลุ่ยโดยเลือกเพลงสาธิตให้เหมาะกับวัยและครูก็
เริ่มปลูกฝังวัฒนธรรมการไหว้ครูดนตรีและฝึกเป่าเพลงง่ายๆ เช่น เพลงลาวเจริญศรี
เพลงลาวครวญ เป็นต้น และครูจะร่วมเล่นด้วยกันซึง่ จะให้เรียนและฝึกฝนเพลงทีไ่ ม่
ยากเกินไปสามารถปฏิบัติได้และเรียนรู้ด้วยความสนุกสนาน
ขั้นที่สี่ ครูจะพาไปเข้าสังคมดนตรีในกิจกรรมนอกโรงเรียน ทำ�ให้ผู้เรียน
รู้สึกสนุก ภูมิใจ รู้สึกอยากเล่น ชื่นชม และเชื่อมั่นและมีความเคารพศรัทธาในตัวครู
ขัน้ ทีห่ า้ ครูเริม่ สอนหลักการจริงจังเริม่ ตัง้ แต่หลักการเรียนแบบแล้วปฏิบตั ิ
ตาม โดยเคร่งครัด ครูจะเน้นระเบียบวินยั มากครูวางขัน้ ตอนจากง่ายไปหายาก เช่น
การบังคับลม การหายใจ การใช้นิ้วเป็นขั้นตอน (มี- ซอล - ลา) และค่อยๆ สอน
ซับซ้อนมากขึ้น (เร-ฟา-ที-โด)
ขั้นที่หก ฝึกทักษะในแต่ละขั้นตอนให้ถูกต้องชัดเจนแล้วตรวจสอบความ
แน่ใจ ตามขั้นที่ 1 จากนั้นจังผ่านมาขั้น ที่ 2 ขั้นที่ 3-4-5
ขั้นที่เจ็ด การเรียนรู้กลเม็ด คือสิ่งที่พลิกแพลงให้การเป่าขลุ่ยไพเราะ แปร
เปลี่ยนอารมณ์ จากหลักการไปสู่สร้างสรรค์ เรียนรู้กลเม็ดการใช้นิ้วเล่นพลิกแพลง
การใช้ลมผ่อนสั้นผ่อนยาวทั้งลม ที่เรียบตรงนุ่มนวลและแหบสูง จนสามารถบังคับ
ให้ลมและนิ้วสัมพันธ์กันได้ถูกต้อง
ขั้นที่แปด การเรียนรู้หลักการระบายลม เมื่อครูเห็นว่าเป่าได้ดีแล้วครูจะ
ฝึกให้มีกลเม็ด ในการระบายลม สามารถเป่าขลุ่ยให้มีเสียงต่อเนื่องไม่ขาดสายและ
สามารถหายใจได้ปกติ โดยไม่ขาดเสียงนับว่าเป็นวิทยาการที่ลํ้าลึก
ขัน้ ทีเ่ ก้า เมือ่ ความสามารถของผูเ้ รียนเป็นรูปธรรม การเรียนรูค้ อื เป่าเป็น
แล้ว ครูกจ็ ะไปออกงาน คือ ร่วมกิจกรรมในสังคมดนตรีจริงๆ และเป็นกิจกรรมเสริม
การเรียนรู้ของผู้เรียน ขั้นตอนนี้ มีปัญหาตัวแปรสิ่งใหม่ๆ แปลกเข้ามาทำ �ให้สิ่งที่
2) เริ่มฝึกบรรเลงเพลงเดี่ยวเพื่อเน้นความลุ่มลึกของท่วงทำ�นองและกลวิธีต่างๆ
3) สอดแทรกกลเม็ดเด็ดพรายหรือลูกเล่น 4) ฝึกสมาธิของการบรรเลงควบคุม
ใจ นิ้ว ลม ให้สัมพันธ์กันอย่างแน่นสนิท 5) ฝึกการเป่าสร้างสรรค์สามารถทำ�ขลุ่ย
เสียงต่างๆ แปรเปลี่ยนอารมณ์ ที่ลุ่มลึก 6) ฝึกให้เป่าขลุ่ยดีเป็นนิสัย
นอกจากนี้ รังสี เกษมสุข (2535 : 32-33) ได้สรุปธรรมชาติของการเรียนรู้
ของการเป่าขลุ่ย ต่างระดับกันไป เป็น ระดับต้น ระดับกลางและระดับสูง คือ
ระดับต้น คือ การเรียนรู้ระดับสัญญา หมายถึง ผู้เรียนเป่าขลุ่ย สามารถ
เป่าได้ เป่าเป็น เป็นการเรียนรู้พื้นฐานทั่วๆ ไป
ระดับกลาง คือ การเรียนรูร้ ะดับทิฏฐิ คือ มีจติ ใจ ยึดมัน่ ผูกพันกับการเป่า
ขลุย่ มีความรูร้ อบหลัก รูท้ ฤษฎีตา่ งๆ ตามภาษาโรงเรียนเรียกว่าเรียนเจนจบหลักสูตร
สามารถเป่าขลุ่ยได้ เรียกว่า เป่าเก่ง
ระดับสูง คือ การเรียนรู้ระดับญาณ คือ เรียนรู้ หยั่งเห็นชัดแจ้ง (Insight)
ซึ่งเกิดจากการฝึกฝนจิตใจเป็นความรู้ภายใน (ใจ) สามารถเป่าขลุ่ยได้เหนือชั้นปกติ
เรียกว่า เป่าดี
รูปแบบการเรียนการสอนที่เป็นสากล
รูปแบบ หมายถึง รูปธรรมของความคิดที่เป็นนามธรรมที่บุคคลแสดงออก
มาในลั ก ษณะหนึ่ ง ซึ่ ง เป็ น เครื่ อ งมื อ ทางความคิ ด ที่ บุ ค คลใช้ ใ นการสื บ สอบหา
คำ�ตอบความรู้ความเข้าใจจะต้องมีองค์ประกอบที่สำ�คัญคือ 1) รูปแบบจะต้องนำ�
ไปสู่การทำ�นาย (prediction) ผลที่ตามมาซึ่งสามารถพิสูจน์ทดสอบได้ กล่าวคือ
สามารถนำ�ไปสร้างเครื่องมือเพื่อไปพิสูจน์ทดสอบได้ 2) โครงสร้างของรูปแบบจะ
ต้องประกอบด้วยความสัมพันธ์เชิงสาเหตุ (causal relationship) ซึ่งสามารถใช้
อธิบายปรากฏการณ์นั้นได้ 3) รูปแบบจะต้องสามารถช่วยจินตนาการ (imagina-
tion) ความคิดรวบยอด (concept) และความสัมพันธ์ (interrelations) รวมทั้ง
ช่วยขยายขอบเขตของการสืบเสาะความรู้ 4) รูปแบบควรจะประกอบด้วยความ
สัมพันธ์เชิงโครงสร้าง (structural relationships) มากกว่า ความสัมพันธ์เชิง
เชือ่ มโยง (associative relationships) (ทัศนา แขมณีอา้ งใน Keeves.1997 : 386-387)
รูปแบบการเรียนการสอนที่เน้นการพัฒนาด้านทักษะพิสัย (psycho–motor
domain)
รู ป แบบการเรี ย นการสอนในกลุ่ ม นี้ เ ป็ น รู ป แบบที่ มุ่ ง ช่ ว ยพั ฒ นาความ
สามารถของผูเ้ รียน ในด้านการปฏิบตั ิ การกระทำ�หรือการแสดงออกต่างๆ ซึง่ จำ�เป็น
ต้องใช้หลักการวิธกี ารทีแ่ ตกต่าง เป็นรูปแบบทีส่ ามารถช่วยให้ผเู้ รียนเกิดการพัฒนา
ทางด้านทักษะ
วิธีการดำ�เนินการวิจัย
การศึกษาค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล การศึกษาค้นคว้าและรวบรวมข้อมูล
ผู้วิจัยได้รวบรวมข้อมูลๆ ทั้งด้านเอกสารและงานวิจัยรวมถึงบทเพลงต่างๆ ที่ใช้ใน
รายวิชา ดังรายละเอียดดังนี้ 1) วิธสี อนการเป่าขลุย่ ไทย เป็นการศึกษาหลักการการ
สอนเป่าขลุย่ ของสำ�นักครูเทียบ คงลายทอง 2) วิธกี ารสอนแบบเน้นผูเ้ รียนเป็นสำ�คัญ
เป็นการศึกษารวบรวมหลักการทฤษฎีทางการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นสำ�คัญ (SCL)
โดยใช้รูปแบบการสอนทักษะปฏิบัติของเดวีส์ (Davies’ Instruction Model For
Psychomotor Domain) มาปรับใช้กับวิธีการสอนทักษะดนตรีไทยของสำ�นักครู
เทียบ คงลายทอง 3) การสอดแทรกคุณธรรมในชั้นเรียน เป็นการนำ�หลักธรรมด้าน
ความเพียรมาสอดแทรกคุณธรรมในชัน้ เรียนเพือ่ นำ�มาเป็นสิง่ ช่วยปลูกฝังคุณธรรมให้
กับผูเ้ รียนเล็งเห็นคุณค่าและประโยชน์ ในการพัฒนาทักษะจนสามารถบรรเลงเพลง
ได้อย่างสมบูรณ์ 4) การสอนทักษะขลุ่ยเพียงออในหน่วยการเรียนรู้ที่ 5 พื้นฐานการ
เป่าเพลงเดีย่ ว 2 กลุม่ คือ เพลงท่อนเดียวและเพลงสองท่อน ได้แก่ เพลงขึน้ พลับพลา
(ทางโอด) เพลงบังใบ (โอด-พัน) เพลงลมพัดชายเขา (โอด-พัน)
ประชากร เป็นนักศึกษาสาขาวิชาดนตรีไทยเครือ่ งมือเอกขลุย่ เพียงออชัน้ ปี
ที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
กลุ่มตัวอย่าง เป็นนักศึกษาสาขาวิชาดนตรีไทยเครื่องมือเอกขลุ่ยเพียงออ
ชั้นปีที่ 2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ขอนแก่น โดยการเลือก แบบเจาะจง (Purposive Sampling) จำ�นวน 2 คน
ระยะเวลาในการศึกษา ศึกษาในหน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เรื่อง พื้นฐานการ
เป่าเพลงเดี่ยว จำ�นวน 3 แผน 8 สัปดาห์ ตามปฏิทินดำ�เนินการดังนี้
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
แผนการสอน เป็นแผนการสอนที่พัฒนาขึ้นโดยรูปแบบการสอนทักษะ
ปฏิบัติของเดวีส์ มีรูปแบบการสอน 5 ขั้นดังนี้ ขั้นที่ 1 สาธิตทักษะ ขั้นที่ 2 สาธิต
และให้ผู้เรียนปฏิบัติทักษะย่อย ขั้นที่ 3 ผู้เรียนปฏิบัติทักษะย่อยโดยไม่มีแบบอย่าง
ขั้นที่ 4 ให้เทคนิคและวิธีการขั้นที่ 5 เชื่อมโยงทักษะย่อย
แบบประเมินทักษะย่อย แบบประเมินทักษะ เป็นการทดสอบทักษะการเป่า
ขลุ่ยเทคนิคต่างๆ ของผู้เรียนดังนี้ การระบายลม การตีนิ้ว การพรมนิ้ว การครั่นลม
การเป่าโหย-หวน ทั้งนี้แบบทดสอบทักษะจะใช้ทดสอบใน 3 ระยะคือ ก่อนเรียน
ระหว่างเรียน หลังเรียน
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
108 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
แบบประเมินด้านความเพียร เป็นแบบประเมินคุณธรรมด้านความเพียร
แต่ละบุคคล 2 ประเด็น คือ 1) ความรูส้ กึ ทางคุณธรรม จากแบบวัดเจตคติเรือ่ งความ
เพียรทีส่ ร้างขึน้ และ 2) พฤติกรรมการแสดงออกทางคุณธรรม 2 ด้าน คือ เชิงปริมาณ
จากสมุดบันทึกจำ�นวนชัว่ โมงฝึกซ้อมด้วยตนเองนอกเวลาเรียน และ เชิงคุณภาพการ
แสดงผลงานในการสอบปลายภาค เพลงลมพัดชายเขา สองชั้น
แบบประเมินการแสดงผลงานการเป่าเพลงเดีย่ ว เป็นการทดสอบทักษะ
การเป่าขลุ่ยโดยกำ�หนดให้ผู้เรียนทดสอบ 1 เพลง คือ เพลงลมพัดชายเขา สองชั้น
ตามเกณฑ์ดงั นี้ บุคลิกภาพ ความแม่นยำ�ของจังหวะและทำ�นอง คุณภาพเสียงและ
รสมือ ควบคุมเสียงหนัก-เบา ความไพเราะเหมาะสมกับทำ�นองเพลงการควบคุมแนว
การบรรเลง (ช้า-เร็ว ต่อเนื่องเหมาะสม กลมกลืน)
(พัน)
ลซมรม ซลซซ ทลซม ซมลซ ซํมํซํรํ มํรํดํซ รซลท ลทดํรํ
ทลทท ทรํทท ลทรํมํ รํดํทล ฟมลร มฟมฟ ลทลฟ ลฟมร
ซลทซ ลทดํล ทดํรํท ดํรํมํรํ ซํมํรํดํ มํรํดํท ลซลท ลทดํรํ
ทลทท ทรํทท มํรํซํมํ รํท-ล -ร-ซ -ล-ท -รํ-ท -ล-ซ
ท่อน 2 (โอด)
--- ---ซ ---ล -ซซซ -รํท-ล -ซ-ล-ซม รด-รม -ซ-ม-ซล
-ตีนิ้ว- -ครั่น-
-กระทบ-
หวน กระทบ
-“ล”-ซ -ล-ซล-ซม -ร-ม -ซ-ล -“ล”-ล -ท-ลท-ลซ ---รํล -ทล-ซ-ลท
-ควง- -ควง- -กระทบ-
-ซลท -รํ-ท-รํมํ
---ซํมํ -รํ-มํ-รํท ---ซ -ล-ซ-ล-ซม -ล-ม -ซ-ม-ซล
-โหย- -ครั่น- -โหย --ครั่น
---ซ -ฟซ-ลซ-ม -ร-ม -ซ-ม-ซล ---ล ---ท -มํ-ท -รํ-มํ
-ควง- -กระทบ
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
110 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
(พัน)
--รม ซลซม ซมรม ซลซม ลทรํล ทซลม ซมรม ลซทล
ทรํมํรํ ทลซม ซลทซ ลซทล มํรํซํมํ รํทลซ รมลซ ทลรํท
ซทลท มํทรํมํ รํทํมํรํ ทลรํท ซลทรํ ทลซม รมซม ลมซล
ทททรํ ทลซม ซลทซ ลท-ล ---ล ---ท ---รํ ---มํ
x = ∑X
N
2. แล้วนำ�ข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เปรียบเทียบดูค่าคะแนนต่างๆ ในการ
เรียนทักษะการเป่าขลุ่ยเพียงออ 5 ทักษะ คือ การระบายลม การตีนิ้ว การพรมนิ้ว
การเป่าครั่นลม การเป่าโหย-หวน
ผลการวิจัยและอภิปรายผล
ส่วนที่ 1 ผลสรุปพัฒนาการด้านทักษะ
การ การตีนิ้ว การ การเป่า การเป่า โดยรวม
เพลง
ระบายลม พรมนิ้ว ครั่นลม โหย-หวน
x ร้อยละ x ร้อยละ x ร้อยละ x ร้อยละ x ร้อยละ x ร้อยละ
ผู้เรียนคนที่ 1 2.83 94.43 2.5 83.33 2.2 72.21 2.7 88.89 3 100 2.63 87.77
ผู้เรียนคนที่ 2 2.00 66.66 2.17 72.22 2.33 77.75 1.83 61.11 2.17 72.22 2.03 70.00
เกณฑ์เปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยและคะแนนร้อยละ
80 – 100 = ดีมาก / 60 – 79 = ดี / ตํ่ากว่า 60 = ต้องปรับปรุง
จากตารางสรุประดับพัฒนาการระหว่างเรียนและหลังเรียน จำ�แนกตาม
รายบุคคลและตามทักษะโดยการสอบเพลงขึ้นพลับพลา สองชั้น เพลงบังใบ สอง
ชัน้ และเพลงลมพัดชายเขา สองชัน้ พบว่าผูเ้ รียนคนที่ 1 มีลำ�ดับคะแนนทักษะต่างๆ
5 ด้าน ดังนี้
คะแนนสูงสุด คือ ด้านการเป่าโหย-หวน(100%) รองลงมา คือ ด้านการ
ระบายลม (94.43%) การเป่าครั่นลม (88.89%) การตีนิ้ว (83.33%) และอันดับ
สุดท้าย คือ การพรมนิว้ (72.21%) ซึง่ อยูใ่ นเกณฑ์ดโี ดยมีภาพรวมด้านพัฒนาการใน
การเรียนมีระดับพัฒนาการอยู่ในเกณฑ์ดีมาก คือ 87.77%
สำ�หรับระดับพัฒนาการ ระหว่างเรียน และหลังเรียนของผู้เรียนคนที่ 2
มีลำ�ดับคะแนนทักษะต่างๆ 5 ด้าน ดังนี้ คะแนนสูงสุด คือ ด้านการพรมนิ้ว
(77.75%) รองลงมาคือ การตีนวิ้ (72.22%) การเป่าโหย-หวน (72.22%) การระบาย
ลม(66.66%) และอันดับสุดท้าย คือ การเป่าครั่นลม (61.11%) ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ดี
โดยมีภาพรวมด้านพัฒนาการในการเรียนมีระดับพัฒนาการอยู่ ในเกณฑ์ดี คือ 70%
สรุปและอภิปรายผลการวิจัย
จากข้อสรุปผลการวิจยั การศึกษาผลสัมฤทธิท์ างการเรียนด้านทักษะการเป่า
ขลุ่ยเพียงออ โดยใช้รูปแบบการสอนทักษะปฏิบัติของเดวีส์ (Davies’ Instruction
Model For Psychomotor Domain) และสอดแทรกคุณธรรมด้านความเพียรใน
รายวิชา 864 382 ทักษะดนตรีไทย 2 มีข้อค้นพบที่จะได้นำ�มาอภิปรายผลดังนี้
1) หลักสำ�คัญของการสอนปฏิบัติ การสอนรายวิชาปฏิบัติสิ่งสำ�คัญ
ที่สุด คือ ตัวอย่างที่ดี หรือการสาธิตการฝึกปฏิบัติเป็นลำ�ดับขั้นตอนและการให้
เวลาที่เหมาะสมกับผู้เรียน การสาธิต คือสิ่งสำ�คัญที่ผู้สอนต้องปฏิบัติให้ผู้เรียนเห็น
เชิงประจักษ์ให้ผู้เรียนได้สังเกตเพื่อลอกเลียนแบบ หรือเรียกว่า “การลอกลายครู”
การลอกลายนี้ผู้เรียนต้องใช้การสังเกตทั้งการดูและการฟังเพื่อจดจำ�วิธีการบรรเลง
รวมถึงจดจำ�รายละเอียดของเสียงต่างๆ สำ�หรับงานวิจยั เล่มนี้ผวู้ จิ ยั ได้ศกึ ษาค้นคว้า
รูปแบบการสอนทักษะปฏิบตั ขิ องเดวีสแ์ ละพบว่าเป็นแนวทางการสอนรูปแบบหนึง่
ทีส่ ามารถ นำ�มาปรับใช้กบั การสอนปฏิบตั ดิ นตรีไทยได้โดยการนำ�แนวความคิดเรือ่ ง
การฝึกทักษะย่อยให้ชำ�นาญแล้วเชือ่ มโยงทักษะย่อยทัง้ หมดให้สมบูรณ์ ในงานวิจยั
เล่มนี้ผู้วิจัยได้นำ�แนวความคิดดังกล่าวมาใช้การสอนเรื่องพื้นฐานการเป่าเพลงเดี่ยว
โดยนำ�เพลงอัตราสองชัน้ มาประดิษฐ์ท�ำ นองให้มลี กั ษณะ เป็นเพลงเดีย่ ว คือ มีท�ำ นอง
โอด- พัน เพือ่ เป็นพืน้ ฐานในการเป่าเพลงเดีย่ วในระดับสูงต่อไป ผูเ้ รียนจำ�เป็นจะต้อง
หมัน่ ฝึกฝนขยันอดทนต่อการฝึกซ้อมและหมัน่ ฝึกฝนทักษะย่อยต่างๆ ให้ถกู ต้องตาม
หลักวิธีการ
การเรียนการสอนทักษะทางดนตรีไทยผู้เรียนอาจใช้ระยะเวลาเพื่อให้เกิด
ความชำ�นาญ ทางทักษะใดทักษะหนึ่งไม่เท่ากัน ฉะนั้นหากผู้สอนนำ�ทักษะการ
บรรเลงขั้นสูงต่างๆ แยกเป็นทักษะย่อยๆ เพื่อให้ผู้เรียนฝึกฝนตามลำ�ดับขั้นความ
ง่าย-ยาก ก็จะทำ�ให้ผเู้ รียนรูจ้ กั ฟังและพิจารณาเสียงดนตรีมากขึน้ ทำ�ให้สามารถเข้าใจ
และมองเห็นรายละเอียดได้มากขึ้น ผลจากงานวิจัยทำ�ให้ผู้วิจัยพบหลักสำ�คัญของ
การสอนปฏิบัติดนตรีไทย คือ ตัวอย่างต้องดี ทำ�ให้มีขั้นตอน สอนให้รู้จักคิด จดจ่อ
จิตในความเพียร
2) การสอดแทรกความเพียรในการเล่นดนตรี โดยปกติคุณธรรมด้าน
ความเพียรกับการ เล่นดนตรีเป็นของคู่กัน นักดนตรีที่มีฝีมือเป็นมืออาชีพทุกคน
ล้วนต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก และต่อเนื่องเพื่อพัฒนาฝีมือตนเองและรักษา
คุณภาพของตนเองไว้ตลอดเวลา แต่ในปัจจุบันบริบทต่างๆ มีผลทำ�ให้ผู้เรียนดนตรี
ไทยคนหนึ่งๆ ขาดความมุ่งมั่นและทุ่มเทต่อการเรียนและการฝึกฝนตนเอง บางครั้ง
ผลสะท้อนความคิดเห็นจากผู้สอน
ผู้สอนที่มีความรู้ความสามารถมีโอกาสที่จะพัฒนาให้ผู้เรียนเป็นคนเก่งได้
คือ ผู้สอน ต้องมีความสามารถทางทักษะดนตรี มีการจัดการที่ดี เข้าใจธรรมชาติ
และความแตกต่างของผู้เรียน จึงจะสามารถพัฒนาผู้เรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และทีส่ �ำ คัญต้องมีการสอดแทรกคุณธรรมทีด่ ี ของนักดนตรีให้กบั ผูเ้ รียนไปพร้อมกับ
การเรียนเพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนเป็นทั้งคนเก่งและคนดี สำ�หรับ การสอดแทรกความ
เพียรในการเล่นดนตรีให้กับผู้เรียนนั้นสามารถทำ�ได้หลายวิธี เช่น 1) ทำ�ให้เห็น เช่น
ครูเองต้องหมั่นฝึกซ้อมตนเองเมื่อมีเวลา 2) ให้กำ�ลังใจ คือ ชี้แนะหรือนำ�ผู้เรียนให้
เห็นศักยภาพของตนเอง และ 3) วางกรอบเป้าหมาย คือ สร้างเงื่อนไข มอบหมาย
หน้าที่หรือตั้งกฎเกณฑ์ในการเรียน
แนวทางทัง้ 3 ข้อดังกล่าวนี้ ได้น�ำ มาปรับใช้ในงานวิจยั เล่มนีแ้ ละทีส่ �ำ คัญใน
การวางกรอบเป้าหมายให้ผู้เรียนเกี่ยวกับความเพียรได้ผลที่ปรากฏ พบว่า เป็นสิ่งที่
น่าพอใจระดับดีมากเพราะผูเ้ รียนสามารถพัฒนาทักษะตนเองได้จริงและสิง่ ทีพ่ บเกีย่ ว
กับพัฒนาการทางทักษะด้านการเป่าขลุย่ ของผูเ้ รียนในงานวิจยั นี้ คือ 1) การกำ�หนด
ตารางฝึกซ้อม สามารถควบคุมวินัยของผู้เรียนได้แต่ต้องทำ�อย่างต่อเนื่อง 2) หาก
ต้องการให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะตนเองอย่างต่อเนื่องและเกิดความเพียรด้วยตนเอง
ต้องอาศัยปัจจัยดังนี้ คือ ควรมีโอกาสแสดงผลงาน เช่น คอนเสิร์ต หรือประกวด
ดนตรีและการต่อเพลงประเภทเพลงเดี่ยวที่เหมาะสมกับผู้เรียนเป็นลำ�ดับจากง่าย
ไปหายากจะทำ�ให้ผู้เรียนพัฒนาทักษะตนเองได้อย่างรวดเร็ว
บรรณานุกรม
กิง่ ฟ้า สินธุวงษ์. 2547. “หลักการจัดประสบการณ์การณ์เรียนการสอนทีเ่ น้นผูเ้ รียน
เป็นสำ�คัญ”. คูม่ อื อาจารย์ การพัฒนาการเรียนการสอนทีเ่ น้นผูเ้ รียนเป็น
สำ�คัญ. สำ�นักนวัตกรรมการเรียนการสอนมหาวิทยาลัยขอนแก่น : หจก.
โรงพิมพ์คลังนานาวิทยา.
เกณฑ์ ม าตรฐานไทย. 2545. สำ � นั ก มาตรฐานอุ ด มศึ ก ษา สำ � นั ก ปลั ด ทบวง
มหาวิทยาลัย. กรุงเทพ : ห้างหุ้นส่วนจำ�กัด ภาพพิมพ์.
คณะศิลปกรรมศาสตร์. 2552. คู่มือนักศึกษาปีการศึกษา 2552. มหาวิทยาลัย
ขอนแก่น.
จรัญ กาญจนประดิษฐ์. 2552. ขลุย่ เพียงออ : ทฤษฎีและหลักการปฏิบตั ,ิ เอกสาร
ประกอบการสอนสาขาวิชาดนตรีไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ขอนแก่น. ถ่ายเอกสาร.
. 2553. การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้านทักษะการเป่าขลุ่ยเพียง
ออ โดยใช้รปู แบบการสอนแบบทางตรง (Direct Instruction Model)
และสอดแทรกคุณธรรมด้านอิทธิบาท 4 ในรายวิชา 864381 ทักษะ
ดนตรีไทย 1. คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.
ไพเราะ ทิพยทัศน์. 2547 . “การสอดแทรกคุณธรรม จริยธรรมในการเรียนการ
สอน” คูม่ อื อาจารย์ การพัฒนาการเรียนการสอนทีเ่ น้นผูเ้ รียนเป็นสำ�คัญ.
สำ�นักนวัตกรรมการเรียนการสอน มหาวิทยาลัยขอนแก่น : หจก.โรงพิมพ์
คลังนานาวิทยา.
ราชบัณฑิตยสถาน. 2525. พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถาน. กรุงเทพฯ : สำ�นักพิมพ์
อักษรเจริญทัศน์.
รังสี เกษมสุข. 2535. โลกทรรศน์ขลุ่ยไทย. คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัย
ศรีนครินทรวิโรฒ.
ทิศนา แขมณี. 2551. รูปแบบการเรียนการสอน : ทางเลือกที่หลากหลาย.
กรุงเทพฯ : สำ�นักพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
กษม อมันตกุล1
Kasama Amantakul
ในปัจจุบันภาพสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายภาพ เป็นสื่อที่มีบทบาทอย่าง
มากในสังคมชีวติ ประจำ�วัน ถ้าเรามองไปรอบ ๆ ตัวจะเห็นสือ่ ทีเ่ ป็นเครือ่ งหมายภาพ
ปรากฏอยู่ทั่วไปตามท้องถนนหรือแม้กระทั่งสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆไม่ว่าจะเป็นใน
เมืองหรือในต่างจังหวัดการออกแบบสัญลักษณ์ให้บรรลุเป้าหมาย นักออกแบบควร
คำ�นึงถึงหลักสำ�คัญ 3 ประการคือ
1. ความงามของสัญลักษณ์ จะต้องเกี่ยวโยงกับสุนทรียภาพ (Aesthetic
Form) คือความงดงามของรูปแบบของสัญลักษณ์ไม่ว่าจะเป็น Representation
หรือ Abstract ก็ตาม
2. ต้องเหมาะสมกับกาลเวลาทุกยุคทุกสมัย ควรหลีกเลีย่ งสิง่ ทีเ่ ป็นความ
นิยมชั่วคราว
3. ต้องนำ�ไปใช้ประโยชน์ได้หลายประการ สามารถลอกเลียนด้วยวิธตี า่ ง ๆ
เช่นการย่อหรือขยายได้
Abstact
Humans are different from other animals is known to generate
creative ideas, or that intelligence is a sense of their creative range.
There are many forms of media such as a gesture to show off the sound.
To create a symbol. The integration and the environment combine
to cause life is valuable and can be utilized to benefit the most in
life such as dressing and garnish Modern residential buildings, shops,
streets, workplaces and the environment. To achieve a more pleasing.
Their mental health. To relieve stress. Prior to the creation of artificial
self-appointed body. And all that. It begins with the design. The need
to understand before. Development of the design. The core of the
design. The utility function and beauty. These include such things as
"artistic creativity".
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
120 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
สัญลักษณ์ (SYMBOL)
จากวิวัฒนาการของระบบการเชื่อมประสานกับผู้ใช้ด้วยรูปภาพ ทำ�ให้เกิด
ปัญหาในการออกแบบขึน้ จำ�นวนหนึง่ โดยเฉพาะการใช้ภาพสัญลักษณ์ เพือ่ สือ่ ความ
หมายการทำ�งานให้ผู้ใช้รับทราบ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำ�คัญเป็นอย่างมาก เพราะหาก
ออกแบบสัญลักษณ์ที่ไม่ดี ทำ�ให้ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าใจโปรแกรมได้ ก็แทบจะเรียกได้
ว่า ระบบการเชือ่ มประสานกับผูใ้ ช้ลม้ เหลว หรือไม่เป็นมิตรต่อผูใ้ ช้ ดังนัน้ การใช้ภาพ
สัญลักษณ์ทเี่ หมาะสม, ชัดเจน และง่ายต่อการเข้าใจ จะสามารถส่งเสริมให้โปรแกรม
ระบบงานที่เราสร้างขึ้นประสบความสำ�เร็จไปได้ระดับหนึ่ง
นักออกแบบจะต้องใช้ความรูค้ วามสามารถอย่างยิง่ ในการวิเคราะห์เนือ้ หา
ของสารทีจ่ ะต้องการสือ่ ความหมาย และสังเคราะห์ให้เป็นรูปลักษณ์ทใี่ ช้เป็นสิง่ แทน
อันสามารถจะบอกได้ถงึ ความหมาย ทัง้ ยังต้องใช้ความสามารถในการเขียนภาพ หรือ
ผลิตภาพสัญลักษณ์ให้ประณีตคมชัด เพื่อสื่อความหมายได้ถูกต้องชัดเจน ในการ
ออกแบบสัญลักษณ์ นักออกแบบจะมีแหล่งบันดาลใจสำ�คัญ 2 ประการคือ
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 121
ภาพที่ 2 เครื่องหมายภาพในการจราจรสากล
( www.zoneza.com /ป้ายจราจร-สัญลักษณ์จราจร 22.11.11)
แนวคิดอัตลักษณ์ (Identity)
อัตลักษณ์คืออะไร อัตลักษณ์คือความรู้สึกนึกคิดต่อตนเองว่า "ฉันคือใคร"
ซึง่ จะเกิดขึน้ จากการปฏิสงั สรรค์ระหว่างตัวเรากับคนอืน่ โดยผ่านการมองตัวเองและ
คนอืน่ มองเราในนัน้ และในขณะเดียวกัน อัตลักษณ์ จะถูกกล่าวควบคูไ่ ปกับเรือ่ งของ
อำ�นาจ นิยามความหมายหรือการสร้างภาพแทนความจริงเมื่ออัตลักษณ์ไปสัมพันธ์
กับแนวคิดที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ดูจะมีความหมายที่แตกต่างจากความหมายที่เข้า
ที่เข้าใจกันโดยสามัญสำ�นึกมาก (เอื้อเอ็นดู ดิศกุล ณ อยุธยา ,2543:1) อัตลักษณ์
แตกต่างจากบุคลิกภาพในประเด็นที่ส�ำ คัญหลายประการ เราอาจมีบุคลิกภาพร่วม
กับบุคคลอืน่ แต่การมีอตั ลักษณ์รว่ มมีนยั ของการเกีย่ วพันกับการตืน่ ตัวบางอย่างใน
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 123
บางคนและการแยกแยะตัวเราด้วยการสร้างความต่างจากคนอืน่ ในความเข้าใจนีเ้ อง
แม้ว่าในฐานะของบุคคลเราควรจะยอมรับในอัตลักษณ์ต่างๆ อย่างตั้งใจ อัตลักษณ์
เหล่านัน้ ยังเป็นผลผลิตทีส่ �ำ คัญของสังคมทีเ่ ราอาศัยอยูแ่ ละความสัมพันธ์ระหว่างตัว
เรากับคนอืน่ อัตลักษณ์จงึ ได้จดั เตรียมการเชือ่ มโยงระหว่างบุคคลกับโลกทีเ่ ขาอาศัย
อยู่ นอกจากนีอ้ ตั ลักษณ์ยงั รวม ถึงเรือ่ งว่า "ฉันมองตัวฉันเองอย่างไร และคนอืน่ มอง
ฉันอย่างไร" มันเข้าไปเกีย่ วกันตัวตน และสิง่ ทีอ่ ยูภ่ ายใน มันเป็นการกำ�หนดตำ�แหน่ง
ทีร่ ะลึกรูจ้ ากสังคม ซึง่ เกิดขึน้ จากการทีค่ นอืน่ รับรูด้ ว้ ยไม่ใช่แค่เรารับรูเ้ ท่านัน้ อย่างไร
ก็ตามการที่เรามองตัวเราอย่างไรและคนอื่นมองเราอย่างไรมันอาจไม่สอดคล้องกัน
เสมอไปอัตลักษณ์ถกู สร้างขึน้ มาได้อย่างไร มันถูกก่อตัวขึน้ มาโดยผ่านการปฏิสงั สรรค์
ระหว่างบุคคล ในบุคคลหนึง่ ๆ ก็จะมีอตั ลักษณ์ทหี่ ลากหลาย และเมือ่ บุคคลยอมรับ
ในอัตลักษณ์ใดอัตลักษณ์หนึง่ ในขณะเวลานัน้ มันมีกระบวนการทีแ่ ตกต่างกันในการ
แทนที่ ในขณะที่บุคคลทำ�การกำ�หนดตำ�แหน่งของตนเอง และถูกกำ�หนดตำ�แหน่ง
ในทางสังคม กระบวนการทีเ่ กิดขึน้ นีไ้ ด้ คำ�นึงถึงจุดเน้นทีค่ วามแตกต่าง ความหลาก
หลายในการสร้างอัตลักษณ์ที่เท่าเทียมกับ การตั้งคำ�ถามว่าอัตลักษณ์ทั้งหลายนี้ได้
เชื่องโยงกับสังคมได้อย่างไร การมุ่งเป้าหมายไปที่ความสำ�คัญต่อมุมมองทางสังคม
ของอัตลักษณ์จะนำ�เราไปสำ�รวจโครงสร้างต่างๆโดยผ่านชีวิตของเราที่ถูกจัดการ
อัตลักษณ์ตา่ งๆ ของเราทีถ่ กู จัดเก็บไว้เข้าทีด่ ว้ ยโครงสร้างต่างๆทางสังคมและเราก็มี
ส่วนร่วมในการก่อตัวของอัตลักษณ์ของตัวเราเองด้วยเช่นกัน การเปลีย่ นแปลงความ
หมายของ อัตลักษณ์ ที่ปรากฏขึ้นมามันมีความสัมพันธ์อย่างมากกับการทำ�ความ
เข้าใจในการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในปัจจุบัน ในบริบทของโลกาภิวัฒน์ มิติเวลาที่
เร่งเร็วขึน้ และมิตพิ นื้ ทีท่ ดี่ หู ดแคบเข้ามาเพราะการปฏิวตั เิ ทคโนโลยีการสือ่ สารทำ�ให้
การเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรมเป็นไปอย่างหลากหลายและซับซ้อนและรวดเร็ว การ
เปลีย่ นแปลงประสบการณ์เกีย่ งกับเวลา พืน้ ทีแ่ ละแบบแผนการให้คณ ุ ค่า การใช้ชวี ติ
ประจำ�วันมีผลอย่างยิง่ ต่อความรูส้ กึ ทีเ่ รามีเกีย่ วกับตนเอง สิง่ ทีเ่ คยเป็นมาตรฐานของ
ระบบคุณค่าและการนิยามอัตลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นคุณค่าทางศาสนา ค่านิยมเรื่อง
เพศ คุณค่าประเพณีวฒ ั นธรรมเก่าๆ หรือค่านิยมของกลุม่ ชาติพนั ธุ์ ล้วนแล้วกระทบ
เมืองมรดกโลก “หลวงพระบาง”
ประเทศสาธารณประชาธิ ป ไตยประชาชนลาว...ประเทศ เล็ ก ๆ ที่ มี
ประชากรประมาณห้าล้านคน แม้จะน้อยนักแต่หากว่าลาวมีแผ่นดินทีก่ ว้างใหญ่กว่า
236,800 ตารางกิโลเมตร เป็นอาณาจักรแห่งขุนเขาและสายนํ้าที่ยังสมบูรณ์ดังเช่น
ครัง้ หนึง่ ไทยเราเคยมี นานมาแล้วทีน่ กั เดินทาง นักท่องเทีย่ วใฝ่ฝนั ถึงหลวงพระบาง
หรืออาณาจักรล้านช้าง ในอดีตเดิมทีหลวงพระบางเคยเป็นเมืองหลวงเก่าของลาว
มาก่อน เมื่อองค์การยูเนสโก้ยกให้หลวงพระบางเป็นเมืองมรดกโลก ชื่อของหลวง
พระบางจึงขจรขจายไปไกล การท่องเที่ยวเมืองหลวงพระบางจึงมีชื่อเสียงมากที่สุด
ของลาวก็ว่าได้ "ตัวเมืองอันสงบ อบอุ่นด้วยรอยยิ้มและมิตรไมตรี" ตัวเมืองหลวง
พระบางนัน้ ตัง้ อยูร่ มิ แม่นาํ้ คานไหลมาบรรจบกับแม่นาํ้ โขงช่วงที่ คดโค้งสวยงาม หัน
ไปทางไหนแลเห็นแต่สีเขียวจากป่าดงพงไพรนานมาแล้วที่ เมืองหลวงพระบางเป็น
เมืองหลวง พระเจ้าฟ้างุ้มได้รวบรวมแว่นแคว้นต่างๆของชนเผ่าไท-ลาวในเขตลุ่ม
นํ้าโขง แม่นํ้าคาน แม่นํ้าอู ก่อตั้งอาณาจักรล้านช้าง ณ ดินแดนริมนํ้าโขงซึ่งคือหลวง
พระบาง ซึ่งตรงกับแนวความคิดของ ศรัณย์ บุญประเสริฐ (11:2551) ที่กล่าวใน
คูม่ อื นำ�เทีย่ วหลวงพระบาง ว่า เมืองหลวงพระบางนอกจากจะมีวดั วัง หรือบ้านเรือน
ยุคอาณานิคมแล้ว สิง่ ทีม่ คี ณ ุ ค่าน่าเรียนรูท้ สี่ ดุ แล้ว วัฒนธรรมของคนหลวงพระบาง
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
126 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
บริเวณเมืองเก่าหลวงพระบางระหว่างแม่นํ้าโขงกับแม่นํ้าคานบนพื้นที่ 2
ตารางกิโลเมตร ซึ่งรวมวัดเชียงทอง หอพิพิธภัณฑ์ วัดใหม่สุวันนะพูมาราม และ
พระธาตุพสู ี ได้รบั การ “ ขึน้ ทะเบียนให้เป็นมรดกโลก” ในการประชุมคณะกรรมการ
มรดกโลกครั้งที่ 19 ณ กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ. 2538
ด้วยเงินช่วยเหลือในการบูรณปฏิสังขรณ์และบำ�รุงรักษาโบราณสถานจากองค์การ
สหประชาชาติ เป็นเครื่องประกันอนาคตของหลวงพระบางได้เป็นอย่างดี
เป้าหมายหลักของยูเนสโกคือ การคงบรรยากาศแบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
ของหลวงพระบาง ตลอดจนอนุรักษ์สถาปัตยกรรมทั้งของลาวและฝรั่งเศส รวมถึง
ประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ ไว้ ในปี ค.ศ. 1998 ยูเนสโกได้วา่ จ้างสถาปนิกฝรัง่ เศส
ซึ่งตรงกับทฤษฎีของการออกแบบเครื่องหมายและสัญลักษณ์ที่กล่าวไว้ว่า
ภาพสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายภาพ เป็นสื่อที่มีบทบาทอย่างมากในชีวิตประจำ�วัน
ถ้าเรามองไปรอบ ๆ ตัวจะเห็นสื่อที่เป็นเครื่องหมายภาพปรากฏอยู่ทั่วไปจะต้องมี
การนำ�หลักทฤษฎีมาประยุกต์ในการออกแบบสื่อสัญลักษณ์ นักออกแบบจะต้องใช้
ความรู้ความสามารถอย่างยิ่งในการวิเคราะห์เนื้อหาของสาร ที่จะต้องการสื่อความ
หมาย และสังเคราะห์ให้เป็นรูปลักษณ์ทใี่ ช้เป็นสิง่ แทนอันสามารถจะบอกได้ถงึ ความ
หมาย ทัง้ ยังต้องใช้ความสามารถในการเขียนภาพ หรือผลิตภาพสัญลักษณ์ให้ประณีต
คมชัด เพื่อสื่อความหมายได้ถูกต้องชัดเจนในการออกแบบสัญลักษณ์ นักออกแบบ
จะมีแหล่งบันดาลใจสำ�คัญ 2 ประการคือ
1. จากธรรมชาติสิ่งแวดล้อม (Natural Form) ได้แก่ ภาพดอกไม้
ใบไม้ ภูเขา ทะเล สัตว์ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ฯลฯจัดเป็นสัญลักษณ์ที่เกิดจาก
ธรรมชาติ(Natural Symbol)
2. จากรูปแบบที่มนุษย์สร้าง (Manmade Form) ได้แก่ อาคารบ้าน
เรือน เครื่องใช้ สิ่งของต่าง ๆ เรียกว่า สัญลักษณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น (Conventional
Symbol) นอกจากนี้การออกแบบสัญลักษณ์ให้บรรลุเป้าหมาย นักออกแบบควร
คำ�นึงถึงหลักสำ�คัญ 3 ประการคือ
1. ความงามของสัญลักษณ์ จะต้องเกี่ยวโยงกับสุนทรียภาพ (Aesthetic
Form) คือความงดงามของรูปแบบของสัญลักษณ์ไม่วา่ จะเป็น Representation หรือ
Abstract ก็ตาม
2. ต้องเหมาะสมกับกาลเวลาทุกยุคทุกสมัยควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นความ
นิยมชั่วคราว
3. ต้องนำ�ไปใช้ประโยชน์ได้หลายประการสามารถลอกเลียนด้วยวิธตี า่ ง ๆ
เช่น การย่อหรือขยายได้
ภาพที่ 10 เครื่องหมายจราจรในเมืองหลวงพระบางที่แสดงถึงอัตลักษณ์ความเป็น
วัฒนธรรมแต่งกายของ ชาวหลวงพระบาง ถ่ายภาพโดย กษม อมันตกุล
สรุป
สัญลักษณ์ในทุกลักษณะที่ทำ�การออกแบบ ผู้ออกแบบควรจะพิจารณาให้
ชัดเจนก่อนว่างานออกแบบนั้นมีวัตถุประสงค์อย่างไร ทั้งนี้เพื่อให้ผลงานออกแบบ
สามารถสื่อความหมายให้ผู้อื่นเข้าใจได้โดยง่าย มีความชัดเจน สามารถดึงดูด
ความสนใจได้ดี ภาพเครื่องหมายสามารถนำ�ไปใช้งานได้หลายลักษณะ มีรูปแบบที่
น่าเชื่อถือ เกิดจากความเชื่อมั่นและยอมรับ มีความเป็นอัตลักษณ์ ซึ่งปัจจัยต่าง ๆ
ผู้ออกแบบจะละเลยไม่ได้ ในการออกแบบสัญลักษณ์ ควรจะยึดหลักกว้าง ๆ เพื่อ
เป็นแนวคิด ดังนี้
1. แนวคิดเกี่ยวกับความงาม
2. แนวคิดเกี่ยวกับความหมาย
3. แนวคิดในการสร้างความเด่นและน่าสนใจ
4. ความเหมาะสมในการออกแบบและการใช้งาน
ในความเป็นจริง เราพบเห็นสัญลักษณ์ที่มีผู้ออกแบบไว้แล้ว และมีการนำ�
มาใช้อยูโ่ ดยทัว่ ไป ซึง่ เราอาจนำ�ภาพสัญลักษณ์เหล่านัน้ มาใช้หรือประยุกต์ หรือเป็น
แนวทางในการออกแบบสร้างภาพสัญลักษณ์ เพื่อสื่อความหมายได้ สัญลักษณ์ที่นำ�
มาใช้อาจเป็นรูปภาพ ตัวหนังสือ ตัวเลข และเครื่องหมายต่าง ๆ เรานำ�มาใช้ได้ทุก
เรือ่ งราวทีจ่ ะนำ�เสนอ ให้เหมาะสมและสามารถสือ่ ความหมายได้ตรงจุดประสงค์ได้
มากที่สุด
แต่การออกแบบสัญลักษณ์ที่อยู่ในเมืองที่มีบริบททางวัฒนธรรมจนได้เป็น
เมืองมรดกโลกนั้นยังต้องคำ�นึงถึงข้อจำ�กัดหลายๆอย่าง โดยที่นักออกแบบต้องให้
ความสำ�คัญของการที่จะต้องคงความเป็นอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมทุกประการ เช่น
หลวงพระบางถือเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของประเทศลาวอยูแ่ ละเป็นแหล่งของ
ศิลปะรวมทัง้ สถาปัตยกรรมแบบล้านช้างทีโ่ ดดเด่นชัดเจน , หลวงพระบางมีความโดดเด่น
ทางสถาปัตยกรรมยุคโคโลเนียลซึ่งยังคงสภาพค่อนข้างสมบูรณ์ , ทำ�เลของหลวง
พระบางแสดงถึงภูมปิ ญ ั ญาในการตัง้ ถิน่ ฐานของมนุษย์และสะท้อนวัฒนธรรมในการ
จัดสรรทรัพยากรซึง่ ยังคงดำ�รงอยูอ่ ย่างต่อเนือ่ งมากระทัง่ ปัจจุบนั ความเป็นมรดกโลก
ของเมืองหลวงพระบางที่เห็นเป็นรูปธรรมที่สุดคือวัด
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
134 วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
เพราะฉะนั้นการออกแบบสัญลักษณ์หรือแม้กระทั่งอะไรก็ตามในเมือง
มรดกโลกหลวงพระบางจึงจำ�เป็นต้องคำ�นึงถึงหลักการออกแบบเพียงอย่างเดียวไม่
ได้จำ�เป็นที่จะต้องคำ�นึงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ ตลอดจนขนบธรรมเนียมประเพณี
วัฒนธรรม ที่เมืองมรดกโลกหลวงพระบางนั้นยังคงดำ �รงสภาพและวิถีซึ่งเป็น
อัตลักษณ์ของเมืองแห่งมรดกโลกให้คงอยู่ประจักษ์แก่สายตานักท่องเที่ยวทั่วทุก
สารทิศที่มารับรู้ถึงความเป็นเมืองมรดกโลกตามนานเท่านาน
บรรณานุกรม
เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์.2545.การคิดเชิงสร้างสรรค์.พิมพ์ครั้งที่ 3.กรุงเทพ : ซัค
เซสมีเดีย
_______.2546.การคิดเชิงมโนทัศน์.พิมพ์ครั้งที่ 6.กรุงเทพ : ซัคเซสมีเดีย
_______.2549.ลายแทงนักคิด.กรุงเทพ : ซัคเซสมีเดีย
ชัยรัตน์ อัศวางกูล. 2548.ออกแบบให้โดนใจ,พิมพ์ครัง้ ที ่ 2 .กรุงเทพฯ : วิทอินบุค๊ ส์
ทองเจือ เขียดทอง. 2542.การออกแบบสัญลักษณ์.กรุงเทพฯ : สิปประภา
ประชิด ทิณบุตร . 2530.การออกแบบกราฟิค .กรุงเทพฯ : โอเดียนสโตร์
พงษ์ ผาวิจิตร. 2547.IDEA GETS RICH . กรุงเทพ: เอ.อาร์.พี.มีเดีย
พงษ์ศักดิ์ ชัยศิริ. 2544.เทคนิคการออกแบบกราฟิค. กรุงเทพฯ: เอช.เอ็น
ราชบัณฑิตยสถาน. 2540.มาตรฐานโครงสร้างอักษรไทย แบบราชบัณฑิตยสถาน.
กรุงเทพฯ อรุณการพิมพ์
รัชภูมิ ปัญส่งเสริม . 2537.10 ยอดกราฟิกดีไซน์สายพันธ์ไทย. กรุงเทพฯ : CORE
FUNCTION
วรพงศ์ วรชาติอุดมพงษ์.2545.อักษรประดิษฐ์ .กรุงเทพฯ : บรูพาสาส์น
______.2545.บทความรู้ทางการออกแบบพาณิชย์ศิลป์ ออกแบบกราฟิค .
พิมพ์ครั้งที่ 3.กรุงเทพฯ : ศิลปาบรรณาการ
วิรุณ ตั้งเจริญ. 2541.มหาวิทยาลัย การวิจัยและทัศนศิลป์. กรุงเทพฯ : สันติศิริ
การพิมพ์
ปีที่ ๓ ฉบับที่ ๒ กรกฎาคม - ธันวาคม ๒๕๕๔
วารสารศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 135
หลักเกณฑ์การเสนอบทความวิชาการหรือบทความจากงานวิจัย
เพื่อพิมพ์ในวารสาร
“ศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น”
การอ้างอิง
การอ้างอิง ใช้วธิ กี ารอ้างอิงแบบแทรกในเนือ้ หา โดยวงเล็บเฉพาะ ชือ่ - สกุล
ผูแ้ ต่ง (สำ�หรับคนไทย) ชือ่ สกุล (สำ�หรับชาวต่างประเทศ) ปีพมิ พ์และหน้าของเอกสาร
ทีอ่ า้ งถึงต่อท้ายข้อความทีต่ อ้ งการอ้าง แต่ถา้ ชือ่ ผูแ้ ต่งทีอ่ า้ งถึงเป็นส่วนหนึง่ ของ
บทความ ให้วงเล็บเฉพาะปีทพี่ มิ พ์และหน้าของเอกสารต่อ จากชือ่ ผูเ้ ขียนได้เลย
(ผู้แต่ง, ปีพิมพ์: เลขหน้า) เช่น (Lerner, 2003: 20) สำ�หรับรายละเอียดอื่น ๆ
ให้ดูได้ที่บรรณานุกรมท้ายบทความดังตัวอย่างต่อไปนี้
รูปแบบบรรณานุกรม
ตัวอย่างบรรณานุกรม
หนังสือ
สงัด ภูเขาทอง. 2532. การดนตรีไทยและทางเข้าสู่ดนตรีไทย. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์
เรือนแก้วการพิมพ์.
Assen, C. 1998. Architecture of Siam: A Cultural History Interpretation.
Kuala Lampur : Oxford University.
บทความในหนังสือ
Fainstein, Susan. 2002. “The Changing World Economy and Urban
Restructuring” in Fainstein, S. and S. Campbell, eds. Reading
in Urban Theory. 2nd.ed. Cambridge: Blackwell. pp. 110-123.
บทความในวารสาร
จิระนันท์ พิตรปรีชา. 2532. “อยูเ่ มืองลาวกับผุย ชนะนิกอน นายกรัฐมนตรีสสี่ มัย”
ศิลปวัฒนธรรม 10, 9 (กรกฎาคม) : 110-123.
บทความจากแหล่งข้อมูลอินเตอร์เน็ต
Wikipedia. (2007). Social control. Retrieved March 19, 2007,
from http://en.wikipedia.org/wiki/Social_control
ส่งมาที่
นางอนุวรรณ นาคเสนีย์
คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
เลขที่ 123 อำ�เภอเมือง
จังหวัดขอนแก่น 40002