Professional Documents
Culture Documents
อุ ต
" เหล็กน้ ำพีลื
รดิ
้ อเลือง
ต ถ ์
่ เมืองลำงสำด
หวำน
่ ก
บ้ำนพระยำพิช ัยดำบหัก ถินสั
ใหญ่ของโลก "
่
ข้อมู ลทัวไป
้ั
• จังหวัดอุตรดิตถ ์ ตงอยู ่ทำงภำคเหนื อตอนล่ำง เมือง
แห่งพระแท่นศิลำอำสน์ ตำนำนอ ันลึกลับของเมืองลับแล
ดินแดนแห่งลำงสำดหวำนหอม และบ้ำนเกิดของพระยำ
พิช ัยดำบหัก ขุนศึกคู บ
่ ำรมีสมเด็จพระเจ้ำตำกสินมหำรำช
โดยรถไฟ:
กำรรถไฟแห่งประเทศไทยมีบริกำรรถไฟออกจำก
สถำนี รถไฟหัวลำโพงไปยังจังหวัด อุตรดิตถ ์ทุกวัน
่ ทังรถเร็
วันละ 8 เทียว ้ ว รถด่วน และรถด่วนพิเศษ
่ั
ใช้เวลำเดินทำงประมำณ 6-9 ชวโมง
โดยรถยนต ์:
จำกกรุงเทพฯ สำมำรถไปได้ 2 เส้นทำงด้วยกัน คือ
1. ใช้ทำงหลวงหมำยเลข 1 (พหลโยธิน) จนถึงอำเภอวัง
น้อย จ.พระนครศรีอยุธยำ แยกเข้ำทำงหลวงหมำยเลข
32 ผ่ำนอ่ำงทอง สิงห ์บุร ี ช ัยนำท จนถึงนครสวรรค ์ แยก
เข้ำเส้นทำงหมำยเลข 117 ถึงพิษณุโลก แล้วใช้ทำงหลวง
หมำยเลข 11 จนถึงจังหว ัดอุตรดิตถ ์
2. ใช้ทำงหลวงหมำยเลข 1 (พหลโยธิน) จนถึงอำเภอวัง
น้อย จ.พระนครศรีอยุธยำ แยกเข้ำทำงหลวงหมำยเลข
้
32 ผ่ำนอ่ำงทอง สิงห ์บุร ี จนถึงอำเภออินทร ์บุร ี แล้วเลียว
ขวำไปตำมทำงหลวงหมำยเลข 11 จนถึงทำงหลวง
หมำยเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) เลียวซ ้ ้ำยไปอีก 8
้
กิโลเมตร แล้วเลียวขวำเข้ ำทำงหลวงหมำยเลข 11 จนถึง
จังหว ัดอุตรดิตถ ์
ระยะทำงจำกอำเภอเมืองไปอำเภอ
ต่ำง ๆ ของจังหวัด
ื ้ ่ 7,838 ตำรำง
จังหวัดอุตรดิตถ ์ มีพนที
กิโลเมตร แบ่งกำรปกครองออกเป็ น 9 อำเภอและ
มีระยะทำงจำกอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่ำง ๆ ดังนี ้
คือ
อ.ลับแล 8 กิโลเมตร
อ.ตรอน 24 กิโลเมตร
อ.พิช ัย 45 กิโลเมตร
อ.น้ ำปำด 72 กิโลเมตร
อ.ท่ำปลำ 40 กิโลเมตร
อ.บ้ำนโคก 165 กิโลเมตร
อ.ฟำกท่ำ 113 กิโลเมตร
อ.ทองแสนขัน 42 กิโลเมตร
ตำนำนเมืองลับแล จังหวัด
อุตรดิตถ ์
เมืองลับแลเป็ นอำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่ งในจังหว ัด
่
อุตรดิตถ ์แต่เดิมคงเป็ นเมืองทีกำรเดิ นทำง ไปมำไม่
สะดวก เส้นทำงคดเคียว ้ ทำให้คนทีไม่ ่ ชำนำญทำง
พลัดหลงได้ง่ำย จนได้ชอว่ ื่ ำเมืองลับ แล ซึงแปลว่
่ ำ
่
มองไม่เห็น มีเรืองเล่ ้ งจะได้
ำก ันว่ำคนมีบุญเท่ำนันจึ
เข้ำไปถึงเมืองลับแล
้ั
มีตำนำนเล่ำว่ำ ครงหนึ ่ งมีชำยคนหนึ่ งเข้ำไปใน
ป่ ำ ได้เห็นหญิงสำวสวยหลำยคนเดินออกมำ ครน ้ั
มำถึงชำยป่ ำ นำงเหล่ำนันก็ ้ เอำใบไม้ทถื
ี่ อมำไปซ่อน
ไว้ในทีต่ ่ ำง ๆ แล้วก็เข้ำไปในเมืองด้วยควำม สงสัย
ชำยหนุ่ มจึงแอบหยิบใบไม้มำเก็บไว้ใบหนึ่ ง ตกบ่ำย
หญิงสำวเหล่ำนันกลั ้ บมำ ต่ำงก็หำใบไม้ท ี่ ตนซ่อนไว้
้ ้
โดยมีขอ ้ แลก เปลียนคื ่ อขอติดตำมนำงไปด้วยเพรำะปรำรถนำจะได้
เห็นเมืองลับแล หญิงสำวก็ยน ิ ยอม นำงจึงพำ ชำยหนุ่ มเข้ำไปยัง
่
เมืองซึงชำยหนุ ่ มสังเกตเห็นว่ำทังเมื ้ องมีแต่ผูห ้ ญิง นำงอธิบำยว่ำ คน
ในหมู ่บำ้ นนี ้ ล้วนมีศล ี ธรรม ถือวำจำสัตย ์ ใครประพฤติผด ิ ก็ตอ
้ งออก
จำกหมู ่บำ้ นไป ผู ช ้ ำย ส่วนมำกมักไม่ร ักษำ วำจำสัตย ์จึงต้องออกจำก
หมู ่บำ้ นกันไปหมด แล้วนำงก็พำชำยหนุ่ มไปพบมำรดำของนำง ชำย
หนุ่ ม เกิดควำมร ักใคร่ในตัวนำงจึงขออำศ ัยอยู ่ดว้ ย มำรดำของหญิง
สำวก็ยน ิ ยอมแต่ให้ชำยหนุ่ มสัญญำ ว่ำจะต้องอยู ่ในศีลธรรม ไม่พูด
เท็จ ชำยหนุ่ มได้แต่งงำนกับหญิงสำวชำวลับแลจนมีบุตรชำยด้วยก ัน
1 คน วันหนึ่ งขณะทีภรรยำไม่ ่ อยู ่บำ้ น ชำยหนุ่ มผู พ ้
้ ่อเลียงบุ ตรอยู ่
บุตรน้อยเกิดร ้องไห้หำแม่ไม่ยอม หยุด ผู เ้ ป็ นพ่อจึงปลอบว่ำ ?แม่
มำแล้ว ๆ? มำรดำของภรรยำได้ยน ิ เข้ำก็โกรธมำกทีบุ ่ ตรเขยพู ดเท็จ
่ ตรสำวกลับมำก็บอกให้รู ้เรือง
เมือบุ ่ ฝ่ำยภรรยำของชำยหนุ่ มเสียใจ
มำกทีสำมี ่ ไม่ร ักษำวำจำสัตย ์ นำงบอกให้เขำออกจำกหมู ่บำ้ นไปเสีย
แล้วนำงก็จด ั หำย่ำมใส่เสบียงอำหำรและของใช้ทจ ี่ ำเป็ นให้ สำมี
พร ้อมทังขุ ้ ดหัวขมินใส่ ้ ลงไปด้วยเป็ นจำนวนมำก จำกนันก็ ้ พำ สำมีไป
ยังชำยป่ ำ ชีทำงให้ ้ แล้ว นำงก็กลับไปเมืองลับแล ชำยหนุ่ มไม่รู ้จะทำ
อย่ำงไรก็จำต้องเดิน ทำงกลับบ้ำนตำมทีภรรยำชี ่ ้
ทำงให้ ระหว่ำงทำง
่ นไปนัน
ทีเดิ ้ เขำรู ้สึกว่ำถุงย่ำมทีถื ่ อมำหนักขึน ้ เรือย่ ๆ และหนทำงก็
ไกลมำก จึงหยิบเอำขมินที ้ ภรรยำใส่
่ ิ ้ ยจนเกือบหมด ครน
มำให้ทงเสี ้ั
เดิน ทำงกลับไปถึงหมู ่บำ้ นเดิมบรรดำญำติมต ิ รต่ำงก็ ซ ักถำมว่ำ
หำยไปอยู ่ทไหนมำเป็ ี่ นเวลำนำนชำย หนุ่ มจึงเล่ำให้ฟังโดยละเอียด
้ ่ ้ ่ ้
หลวงพ่อเพชรวัดท่ำถนน
หลวงพ่อเพชร ประดิษฐำน อยู ่ท ี่
วัดท่ำถนน (วัดวังเตำหม้อ) ตรงข้ำม
สถำนี รถไฟอุตรดิตถ ์ หลวงพ่อเพ็ช
รเป็ นพระพุทธรู ปสำริดปำงมำรวิช ัย
ขัดสมำธิเพชรศิลปะเชียงแสน หน้ำ
ตักกว้ำง 32 นิ ว ้ ในปี พ.ศ. 2436
หลวงพ่อด้วง เจ้ำ อำวำสวัดหมอนไม้
ขณะเดินทำงกลับจำกร ับนิ มนต ์ไปทำ
บรรพชำทีวั ่ ดสว่ำงอำรมณ์ ตำบลไผ่
ล้อม อำเภอลับแลได้ผำ ่ นวัดสะแกซึง่
เป็ นวัดร ้ำง พบเนิ นดินเป็ นจอมปลวก
ขนำดใหญ่ มีเกศพระพุทธรู ปโผล่
้
ขึนมำ ่ ดดู พบว่ำเป็ นพระพุทธรู ป
เมือขุ
สำริดทีมี่ พุทธลักษณะงดงำม จึงนำมำ
ประดิษฐำนไว้ทวั ี่ ดท่ำถนน มีผูค้ นมำ
กรำบไหว้บูชำเป็ นจำนวนมำกประกอบ
อนุ สำวรีย ์พระยำพิช ัยดำบหัก
ื ้ ครอบคลุ
มีพนที ่ มในอำเภอน้ ำปำด อำเภอแสง
ทองขัน จังหวัดอุตรดิตถ ์ มีพนที ่
ื ้ ป่่ ำทีสมบู รณ์
ประมำณ 278,125 ไร่ ประกอบด้วยคลองขนำด
ใหญ่และลำห้วยต่ำง ๆ สภำพป่ ำโดยทัวไปเป็ ่ นป่ ำ
ดิบแล้ง ดิบเขำ สนเขำ ป่ ำเบญจพรรณ และป่ ำเต็ง
่
ร ัง สัตว ์ป่ ำทีพบได้
แก่ เลียงผำ หมี เก้ง กระจง เสือ
ลำยเมฆ เสือปลำ อีเห็น กระแต เม่น เป็ นต้น
น้ ำตกสำยทิพย ์
้
ตังอยู ่เขตตำบลทุ่งยัง้ อำเภอลับแล จังหวัด
อุตรดิตถ ์ ห่ำงจำกตวั จังหว ัดอุตรดิตถ ์ 5 กิโลเมตร
ว ัดพระบรมธำตุทุ่งยัง้ เป็ นโบรำณสถำนที่
สำคญ ั แห่งหนึ่ งของประเทศไทย มีโบรำณสถำนและ
โบรำณว ัตถุทน่ ี่ ำศึกษำค้นคว้ำทีส ่ ำคญ
ั คือ มีเจดีย ์
พระบรมธำตุ ชำวบ้ำนนิ ยมเรียกว่ำ “พระบรมธำตุทุ่ง
ยัง”้ เป็ นเจดีย ์เก่ำแก่แบบลังกำทรงกลมฐำนเป็ นรู ป
่ ่ ้
วัดพระแท่นศิลำอำสน์
้
ตังอยู ่บำ้ นพระแท่น ตำบลทุ่งยัง้ อำเภอลับแล
จังหวัดอุตรดิตถ ์ ห่ำงจำกตัวจังหวัด 14 กิโลเมตร อยู ่
เลยวัดพระยืนไปเล็กน้อย
ควำมเป็ นมำ เดิมชือ ่ ว ัดมหำธำตุ เป็ นว ัดโบรำณ
ปรำกฎในหนังสือพระรำชพงศำวดำรในร ัชสมัยพระ
เจ้ำอยู ่หวั บรมโกศ พระองค ์ได้เสด็จนมัสกำรพระแท่น
ศิลำอำสน์เมือปี ่ พ.ศ.2283 แสดงว่ำพระแท่นศิลำอำสน์
ได้มมี ำก่อนหน้ำนี แล้้ ว เป็ นทีเคำรพสั
่ กกำระของคน
่
ทัวไปอย่ ำงกว้ำงขวำง และเมือปี ่ พ.ศ. 2451 ไฟไหม้ป่ำ
มณฑปและวิหำรเหลือแต่แท่นศิลำแลง ร ัชกำลที่ 5
โปรดให้ปฏิสงั ขรณ์ใหม่
ของดี ของฝำก เมืองอุตรดิตถ ์
่ นจก
ผ้ำซินตี
เป็ นผ้ำซินที ่ วธ
่ ใช้ ิ ก
ี ำรจกด้วยเส้นไหมแท้ มี
่
ลวดลำยทีงดงำมเป็ นเอกลักษณ์ของเมืองลับ
แล จ.อุตรดิตถ ์
ข้ำวพันผัก
่
ลู กตำวเชือม
เป็ นปำล ์มชนิ ด Arenga pinnata