You are on page 1of 25

ท่องเทียวจังหวัด่

อุ ต
" เหล็กน้ ำพีลื
รดิ
้ อเลือง
ต ถ ์
่ เมืองลำงสำด
หวำน
่ ก
บ้ำนพระยำพิช ัยดำบหัก ถินสั
ใหญ่ของโลก "

ข้อมู ลทัวไป
้ั
• จังหวัดอุตรดิตถ ์ ตงอยู ่ทำงภำคเหนื อตอนล่ำง เมือง
แห่งพระแท่นศิลำอำสน์ ตำนำนอ ันลึกลับของเมืองลับแล
ดินแดนแห่งลำงสำดหวำนหอม และบ้ำนเกิดของพระยำ
พิช ัยดำบหัก ขุนศึกคู บ
่ ำรมีสมเด็จพระเจ้ำตำกสินมหำรำช

• อุตรดิตถ ์เป็ นเมืองเก่ำแก่ มีหลักฐำนกำรค้นพบ


โบรำณว ัตถุสมัยก่อนประวัติศำสตร ์ สมัยอยุธยำ และสมัย
ธนบุร ี มีเมืองพิช ัยและสวำงคบุรเี ป็ นเมืองทีมี ่ ควำมสำคญ ั
ทำงยุทธศำสตร ์ เป็ นเมืองหน้ำด่ำนของกรุงศรีอยุธยำ เดิมที
ต ัวเมืองอุตรดิตถ ์เป็ นเพียงตำบลชือ ่ “บำงโพธิท่ ์ ำอิฐ” ขึนก
้ ับ
เมืองพิช ัย แต่เพรำะบำงโพธิท่ ์ ำอิฐซึงอยู
่ ิ ฝั่ งขวำของ
่ รม
แม่น้ ำน่ ำนเจริญรวดเร็ว เพรำะเป็ นท่ำเรือขนถ่ำยสินค้ำ

ด ังนันในสมั ยร ัชกำลที่ 5 พระองค ์จึงโปรดเกล้ำฯ ยกฐำนะ
ตำบลบำงโพธิท่ ์ ำอิฐขึนเป็
้ นเมือง “อุตรดิตถ ์” ซึงมี ่
ควำมหมำยว่ำท่ำน้ ำแห่งทิศเหนื อ แต่ยงั คงขึนก ้ ับเมืองพิช ัย
ต่อมำอุตรดิตถ ์กลับเจริญขึนกว่ ้ ำเมืองพิช ัย จึงได้ร ับกำรยก

ฐำนะขึนเป็ ่
นจังหว ัดและเมืองพิช ัยเลือนลงไปเป็ นอำเภอหนึ่ง
อำณำเขต
ทิศเหนื อ ติดจังหวัดแพร่และน่ ำน
ทิศตะว ันออก ติดจังหว ัดพิษณุโลก เลย และ
สำธำรณร ัฐประชำธิปไตยประชำชนลำว มี
แนวเขตแดนยำว 120 กิโลเมตร
ทิศใต้ ติดจังหว ัดพิษณุโลก
ทิศตะว ันตก ติดจังหว ัดสุโขทัย
กำรเดินทำง
จังหวัดอุตรดิตถ ์อยู ่หำ
่ งจำกกรุงเทพฯ โดยทำง
รถยนต ์ประมำณ 475 กิโลเมตร และโดยทำง
รถไฟประมำณ 485 กิโลเมตร

โดยรถไฟ:
กำรรถไฟแห่งประเทศไทยมีบริกำรรถไฟออกจำก
สถำนี รถไฟหัวลำโพงไปยังจังหวัด อุตรดิตถ ์ทุกวัน
่ ทังรถเร็
วันละ 8 เทียว ้ ว รถด่วน และรถด่วนพิเศษ
่ั
ใช้เวลำเดินทำงประมำณ 6-9 ชวโมง
โดยรถยนต ์:
จำกกรุงเทพฯ สำมำรถไปได้ 2 เส้นทำงด้วยกัน คือ
1. ใช้ทำงหลวงหมำยเลข 1 (พหลโยธิน) จนถึงอำเภอวัง
น้อย จ.พระนครศรีอยุธยำ แยกเข้ำทำงหลวงหมำยเลข
32 ผ่ำนอ่ำงทอง สิงห ์บุร ี ช ัยนำท จนถึงนครสวรรค ์ แยก
เข้ำเส้นทำงหมำยเลข 117 ถึงพิษณุโลก แล้วใช้ทำงหลวง
หมำยเลข 11 จนถึงจังหว ัดอุตรดิตถ ์
2. ใช้ทำงหลวงหมำยเลข 1 (พหลโยธิน) จนถึงอำเภอวัง
น้อย จ.พระนครศรีอยุธยำ แยกเข้ำทำงหลวงหมำยเลข

32 ผ่ำนอ่ำงทอง สิงห ์บุร ี จนถึงอำเภออินทร ์บุร ี แล้วเลียว
ขวำไปตำมทำงหลวงหมำยเลข 11 จนถึงทำงหลวง
หมำยเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) เลียวซ ้ ้ำยไปอีก 8

กิโลเมตร แล้วเลียวขวำเข้ ำทำงหลวงหมำยเลข 11 จนถึง
จังหว ัดอุตรดิตถ ์
ระยะทำงจำกอำเภอเมืองไปอำเภอ
ต่ำง ๆ ของจังหวัด
ื ้ ่ 7,838 ตำรำง
จังหวัดอุตรดิตถ ์ มีพนที
กิโลเมตร แบ่งกำรปกครองออกเป็ น 9 อำเภอและ
มีระยะทำงจำกอำเภอเมืองไปยังอำเภอต่ำง ๆ ดังนี ้
คือ
อ.ลับแล 8 กิโลเมตร
อ.ตรอน 24 กิโลเมตร
อ.พิช ัย 45 กิโลเมตร
อ.น้ ำปำด 72 กิโลเมตร
อ.ท่ำปลำ 40 กิโลเมตร
อ.บ้ำนโคก 165 กิโลเมตร
อ.ฟำกท่ำ 113 กิโลเมตร
อ.ทองแสนขัน 42 กิโลเมตร
ตำนำนเมืองลับแล จังหวัด
อุตรดิตถ ์
เมืองลับแลเป็ นอำเภอเล็ก ๆ แห่งหนึ่ งในจังหว ัด

อุตรดิตถ ์แต่เดิมคงเป็ นเมืองทีกำรเดิ นทำง ไปมำไม่
สะดวก เส้นทำงคดเคียว ้ ทำให้คนทีไม่ ่ ชำนำญทำง
พลัดหลงได้ง่ำย จนได้ชอว่ ื่ ำเมืองลับ แล ซึงแปลว่
่ ำ

มองไม่เห็น มีเรืองเล่ ้ งจะได้
ำก ันว่ำคนมีบุญเท่ำนันจึ
เข้ำไปถึงเมืองลับแล

้ั
มีตำนำนเล่ำว่ำ ครงหนึ ่ งมีชำยคนหนึ่ งเข้ำไปใน
ป่ ำ ได้เห็นหญิงสำวสวยหลำยคนเดินออกมำ ครน ้ั
มำถึงชำยป่ ำ นำงเหล่ำนันก็ ้ เอำใบไม้ทถื
ี่ อมำไปซ่อน
ไว้ในทีต่ ่ ำง ๆ แล้วก็เข้ำไปในเมืองด้วยควำม สงสัย
ชำยหนุ่ มจึงแอบหยิบใบไม้มำเก็บไว้ใบหนึ่ ง ตกบ่ำย
หญิงสำวเหล่ำนันกลั ้ บมำ ต่ำงก็หำใบไม้ท ี่ ตนซ่อนไว้
้ ้
โดยมีขอ ้ แลก เปลียนคื ่ อขอติดตำมนำงไปด้วยเพรำะปรำรถนำจะได้
เห็นเมืองลับแล หญิงสำวก็ยน ิ ยอม นำงจึงพำ ชำยหนุ่ มเข้ำไปยัง

เมืองซึงชำยหนุ ่ มสังเกตเห็นว่ำทังเมื ้ องมีแต่ผูห ้ ญิง นำงอธิบำยว่ำ คน
ในหมู ่บำ้ นนี ้ ล้วนมีศล ี ธรรม ถือวำจำสัตย ์ ใครประพฤติผด ิ ก็ตอ
้ งออก
จำกหมู ่บำ้ นไป ผู ช ้ ำย ส่วนมำกมักไม่ร ักษำ วำจำสัตย ์จึงต้องออกจำก
หมู ่บำ้ นกันไปหมด แล้วนำงก็พำชำยหนุ่ มไปพบมำรดำของนำง ชำย
หนุ่ ม เกิดควำมร ักใคร่ในตัวนำงจึงขออำศ ัยอยู ่ดว้ ย มำรดำของหญิง
สำวก็ยน ิ ยอมแต่ให้ชำยหนุ่ มสัญญำ ว่ำจะต้องอยู ่ในศีลธรรม ไม่พูด
เท็จ ชำยหนุ่ มได้แต่งงำนกับหญิงสำวชำวลับแลจนมีบุตรชำยด้วยก ัน
1 คน วันหนึ่ งขณะทีภรรยำไม่ ่ อยู ่บำ้ น ชำยหนุ่ มผู พ ้
้ ่อเลียงบุ ตรอยู ่
บุตรน้อยเกิดร ้องไห้หำแม่ไม่ยอม หยุด ผู เ้ ป็ นพ่อจึงปลอบว่ำ ?แม่
มำแล้ว ๆ? มำรดำของภรรยำได้ยน ิ เข้ำก็โกรธมำกทีบุ ่ ตรเขยพู ดเท็จ
่ ตรสำวกลับมำก็บอกให้รู ้เรือง
เมือบุ ่ ฝ่ำยภรรยำของชำยหนุ่ มเสียใจ
มำกทีสำมี ่ ไม่ร ักษำวำจำสัตย ์ นำงบอกให้เขำออกจำกหมู ่บำ้ นไปเสีย
แล้วนำงก็จด ั หำย่ำมใส่เสบียงอำหำรและของใช้ทจ ี่ ำเป็ นให้ สำมี
พร ้อมทังขุ ้ ดหัวขมินใส่ ้ ลงไปด้วยเป็ นจำนวนมำก จำกนันก็ ้ พำ สำมีไป
ยังชำยป่ ำ ชีทำงให้ ้ แล้ว นำงก็กลับไปเมืองลับแล ชำยหนุ่ มไม่รู ้จะทำ
อย่ำงไรก็จำต้องเดิน ทำงกลับบ้ำนตำมทีภรรยำชี ่ ้
ทำงให้ ระหว่ำงทำง
่ นไปนัน
ทีเดิ ้ เขำรู ้สึกว่ำถุงย่ำมทีถื ่ อมำหนักขึน ้ เรือย่ ๆ และหนทำงก็
ไกลมำก จึงหยิบเอำขมินที ้ ภรรยำใส่
่ ิ ้ ยจนเกือบหมด ครน
มำให้ทงเสี ้ั
เดิน ทำงกลับไปถึงหมู ่บำ้ นเดิมบรรดำญำติมต ิ รต่ำงก็ ซ ักถำมว่ำ
หำยไปอยู ่ทไหนมำเป็ ี่ นเวลำนำนชำย หนุ่ มจึงเล่ำให้ฟังโดยละเอียด
้ ่ ้ ่ ้
หลวงพ่อเพชรวัดท่ำถนน
หลวงพ่อเพชร ประดิษฐำน อยู ่ท ี่
วัดท่ำถนน (วัดวังเตำหม้อ) ตรงข้ำม
สถำนี รถไฟอุตรดิตถ ์ หลวงพ่อเพ็ช
รเป็ นพระพุทธรู ปสำริดปำงมำรวิช ัย
ขัดสมำธิเพชรศิลปะเชียงแสน หน้ำ
ตักกว้ำง 32 นิ ว ้ ในปี พ.ศ. 2436
หลวงพ่อด้วง เจ้ำ อำวำสวัดหมอนไม้
ขณะเดินทำงกลับจำกร ับนิ มนต ์ไปทำ
บรรพชำทีวั ่ ดสว่ำงอำรมณ์ ตำบลไผ่
ล้อม อำเภอลับแลได้ผำ ่ นวัดสะแกซึง่
เป็ นวัดร ้ำง พบเนิ นดินเป็ นจอมปลวก
ขนำดใหญ่ มีเกศพระพุทธรู ปโผล่

ขึนมำ ่ ดดู พบว่ำเป็ นพระพุทธรู ป
เมือขุ
สำริดทีมี่ พุทธลักษณะงดงำม จึงนำมำ
ประดิษฐำนไว้ทวั ี่ ดท่ำถนน มีผูค้ นมำ
กรำบไหว้บูชำเป็ นจำนวนมำกประกอบ
อนุ สำวรีย ์พระยำพิช ัยดำบหัก

ประดิษฐำน อยู ่หน้ำศำลำกลำงจังหวัดอุตรดิตถ ์ สร ้ำงขึน ้


่ นเกียรติประวัติในควำมกล้ำหำญ ร ักชำติและเสียสละ
เพือเป็

เมือคร ้ั
งพระยำพิ ช ัยครองเมืองพิช ัยในสมัยธนบุร ี ท่ำนได้สร ้ำง
เกียรติประวัติไว้โดยเฉพำะอย่ำงยิง่ เมือปี ่ พ.ศ. 2316 พม่ำ ยก
ทัพมำตีเมืองพิช ัย พระยำพิช ัย ได้ยกทัพไปสก ัดทัพพม่ำจน
แตกพ่ำยกลับไป กำรรบในครงนั ้ั นดำบคู
้ ม
่ อ
ื ของพระยำพิช ัย
ข้ำงขวำได้หก ั ไปหนึ่งเล่ม แต่กย ็ งั รบได้ช ัยชนะต่อทัพพม่ำ
ด้วยวีรกรรมดังกล่ำว จึงได้สมญำนำมว่ำ "พระยำพิช ัยดำบ

หัก" อนุ สำวรีย ์แห่งนี ออกแบบและหล่ อโดยกรมศิลปำกร ทำ

พิธเี ปิ ดเมือวันที ่ 20 กุมภำพันธ ์ พ.ศ. 2512 ภำยในบริเวณมี
พิพธ ิ ภัณฑ ์ดำบเหล็กน้ ำพีใหญ่ ้ ทสุี่ ดในโลก เป็ นทีเก็
่ บร ักษำ
ดำบเหล็กน้ ำพีใหญ่ ้ ทสุี่ ดในโลก มีน้ ำหนัก 557.8 กิโลกร ัม ฝั ก
หอวัฒนธรรมวิทยำลัยครู อต
ุ รดิตถ ์
้ั
ตงอยู ท ี่ ทยำลัยครู อต
่ วิ ุ รดิตถ ์ ถนนอินใจ
มี เป็ นศู นย ์รวมโบรำณวัตถุทส ี่ ำคญ
ั ของ
ชำวอุตรดิตถ ์ โบรำณวัตถุทส ี่ ำค ัญชินหนึ
้ ่ง
คือ "ยำนมำศ" หรือ คำนหำมไม้แกะสลัก
โปร่ง 3 ชน ้ั กว้ำง 73 เซนติเมตร ยำว 3.50
เมตร สู ง 1.45 เมตร เป็ นฝี มือช่ำงสมัยกรุง
ศรีอยุธยำตอนปลำย ยำนมำศนี ้ สมเด็จเจ้ำ
ฟ้ำกรมพระยำนริศรำนุ วต ั ติวงศ ์ ได้ทรง
บันทึกไว้ในจดหมำยเหตุเมือครำวเดิ ่ นทำง
มำตรวจรำชกำร หัวเมืองฝ่ำยเหนื อ พ.ศ.
2444 ว่ำทรงพบยำนมำศแบบนี ้ 4 คัน คน ั
แรกทรงพบทีอ ่ ำเภอมโนรมย ์ จ.ช ัยนำท อีก
2 ค ัน พบทีว่ ด ั พระศรีร ัตนมหำธำตุ จ.
พิษณุโลก ครนมำถึ ้ั งอุตรดิตถ ์ก็พบอีกคน ั ที่
วัดท่ำเสำ ต่อมำพระรำชประสิทธิคุณ

เขือนสิ รก ิ ิ์
ิ ต

ตงอยู้ั ่ทบ้ี่ ำนผำซ่อม ตำบลผำเลือด เขือนสิ ่ รกิ ต


ิ เป็ ิ์ น

เขือนดิ นสร ้ำงกนแม่ ้ั น้ ำน่ ำนทีผำซ่่ ่
อม สันเขือนยำว 810
เมตร กว้ำง 12 เมตร สู ง 113.6 เมตร บริเวณเหนื อเขือน ่
สิรก ิ ต ิ์
ิ จะเป็ นทะเลสำบน้ ำจืดขนำดใหญ่มท ี่
ี วิ ทัศน์ทสวยสด
งดงำม โดยเฉพำะอย่ำงยิงในช่ ่ วงพระอำทิตย ์ตก นอกจำกนี ้
ยังมีพระพุทธสิรส ิ ต
ั ตรำชประดิษฐำนบริเวณหน้ำเขือน ่
นักท่องเทียวสำมำรถติ ่ ดต่อทีศู ่ นย ์ประชำสัมพันธ ์ ซึง่
ให้บริกำรและอำนวยควำมสะดวกในด้ำนกำรท่องเทียว ่
บริเวณเขือน ่ กำรจองทีพั ่ ก กำรเช่ำจักรยำน กำรให้เช่ำเรือ
ท่องทะเลสำบเหนื อเขือน ่ อ ัตรำค่ำเช่ำเรือล่องในเขือน ่
สิรก ิ ต ิ ์ อ เรือขนำด 150 คน ค่ำเช่ำชวโมงละ
ิ คื ่ั 1,700 บำท
และเรือขนำด 30 คน ค่ำเช่ำชวโมง ่ั 1,400 บำท
อุทยำนแห่งชำติลำน้ ำน่ ำน

อุทยำนแห่งชำติลำน้ ำน่ ำน มีพนที ่ ่


ื ้ อยู
ในอำเภอเมือง จังหว ัดแพร่ และอำเภอท่ำปลำ
อำเภอน้ ำปำด จังหวัดอุตรดิตถ ์ พืนที ้ ป่่ ำปก
คลุมตำมเทือกเขำสลับซ ับซ ้อนทีอยู ่ ่สูงกว่ำ
ระด ับเก็บกักน้ ำสู งสุดของเขือนสิ
่ รก ิ ิ์
ิ ต
ประกอบด้วยป่ ำดิบเขำ ป่ ำดิบแล้ง ป่ ำเบญจ
พรรณ และป่ ำเต็งร ัง เป็ นป่ ำต้นน้ ำของแม่น้ ำ
ยมในเขตจังหวัดแพร่ และลำน้ ำสำขำทีไหลลง ่
แม่น้ ำน่ ำนในจังหวัดอุตรดิตถ ์ มีพนทีื ้ ประมำณ

วนอุทยำนต้นสักใหญ่

ี่ ่ 4 บ้ำนปำงเกลือ ตำบลน้ ำไคร ้ ห่ำง


อยู ่ทหมู
จำกตัวจังหวัด 92 กิโลเมตร ลักษณะเป็ นป่ ำเบญจ
พรรณ มีเนื อที ้ ่ 22,000 ไร่ ภำยในมีตน ้ สักใหญ่
่ ถูกพบเมือประมำณปี
ซึงได้ ่ พ.ศ. 2470 มีอำยุ
ประมำณ 1,500 ปี สู ง 37 เมตร ควำมยำวรอบต้น
958 เซนติเมตร แม้ส่วนยอดถู กพำยุพด ั หัก ลำ
ต้นส่วนใหญ่ยงั คงอยู ่ในสภำพเดิมโดยได้ร ับกำร
ดู แลร ักษำให้มค ี วำมแข็งแรง สมบู รณ์ และในวน
อุทยำนแห่งชำติภูสอยดำว

ื ้ ่ 149,375 ไร่ ครอบคลุมพืนที


มีพนที ้ ของอ
่ ำเภอบ้ำน
โคก อำเภอน้ ำปำด จังหวัดอุตรดิตถ ์ และอำเภอชำติ
ตระกำร จังหวัดพิษณุโลก ได้ร ับกำรประกำศเป็ นอุทยำนฯ
่ 2537 ลักษณะภู มป
เมือปี ิ ระเทศประกอบด้วยภู เขำสู งตำม
แนวชำยแดนไทย-ลำว มียอดภู สอยดำวสู งทีสุ ่ ด 2,102
เมตร จำกระดับทะเล สภำพพืนที ้ เป็่ นภู เขำสู งทีป่่ ำปกคลุม
เป็ นป่ ำดิบเขำสลับทุ่งหญ้ำและป่ ำสน เช่นป่ ำสนสำมใบ
อำกำศหนำวเย็นเกือบตลอดทังปี ้ มีดอกไม้ป่ำพันธุ ์ต่ำง ๆ
เช่น ดอกหงอนนำค ดอกไม้ดน ้
ิ ต่ำง ๆ ขึนอยู ่กลำงป่ ำสนภู
สอยดำว สำมำรถจะมำท่องเทียวได้ ่ ้ั แต่ถำ้ หำกอยำกดู
ทงปี
่ ้ ่ ้
อุทยำนแห่งชำติคลองตรอน

ื ้ ครอบคลุ
มีพนที ่ มในอำเภอน้ ำปำด อำเภอแสง
ทองขัน จังหวัดอุตรดิตถ ์ มีพนที ่
ื ้ ป่่ ำทีสมบู รณ์
ประมำณ 278,125 ไร่ ประกอบด้วยคลองขนำด
ใหญ่และลำห้วยต่ำง ๆ สภำพป่ ำโดยทัวไปเป็ ่ นป่ ำ
ดิบแล้ง ดิบเขำ สนเขำ ป่ ำเบญจพรรณ และป่ ำเต็ง

ร ัง สัตว ์ป่ ำทีพบได้
แก่ เลียงผำ หมี เก้ง กระจง เสือ
ลำยเมฆ เสือปลำ อีเห็น กระแต เม่น เป็ นต้น
น้ ำตกสำยทิพย ์

ตังอยู้ ่ อ. น้ ำปำด ในเขต อุทยำนแห่งชำติ


ภู สอยดำว ตังอยู้ ่บนรอยต่อระหว่ำงป่ ำดิบชืนกั้ บ
ป่ ำสนเขำ เป็ นน้ ำตกขนำดเล็ก มีสำยน้ ำไหล

ลดหลันลงมำตำมช ้ั
นเตี ้ รวม 7 ชน
ยๆ ้ั ควำมสู ง
้ั
แต่ละชนประมำณ 5-10 เมตร ฤดู ฝนน้ ำจะไหล
แรงมองดู สวยงำมมำกและมีน้ ำไหลตลอด สภำพ
ป่ ำโดยรอบน้ ำตกมีควำมชุม ้
่ ชืนมำก จึงมีมอสสี
วัดพระบรมธำตุทงุ่ ยัง้


ตังอยู ่เขตตำบลทุ่งยัง้ อำเภอลับแล จังหวัด
อุตรดิตถ ์ ห่ำงจำกตวั จังหว ัดอุตรดิตถ ์ 5 กิโลเมตร
ว ัดพระบรมธำตุทุ่งยัง้ เป็ นโบรำณสถำนที่
สำคญ ั แห่งหนึ่ งของประเทศไทย มีโบรำณสถำนและ
โบรำณว ัตถุทน่ ี่ ำศึกษำค้นคว้ำทีส ่ ำคญ
ั คือ มีเจดีย ์
พระบรมธำตุ ชำวบ้ำนนิ ยมเรียกว่ำ “พระบรมธำตุทุ่ง
ยัง”้ เป็ นเจดีย ์เก่ำแก่แบบลังกำทรงกลมฐำนเป็ นรู ป
่ ่ ้
วัดพระแท่นศิลำอำสน์


ตังอยู ่บำ้ นพระแท่น ตำบลทุ่งยัง้ อำเภอลับแล
จังหวัดอุตรดิตถ ์ ห่ำงจำกตัวจังหวัด 14 กิโลเมตร อยู ่
เลยวัดพระยืนไปเล็กน้อย
ควำมเป็ นมำ เดิมชือ ่ ว ัดมหำธำตุ เป็ นว ัดโบรำณ
ปรำกฎในหนังสือพระรำชพงศำวดำรในร ัชสมัยพระ
เจ้ำอยู ่หวั บรมโกศ พระองค ์ได้เสด็จนมัสกำรพระแท่น
ศิลำอำสน์เมือปี ่ พ.ศ.2283 แสดงว่ำพระแท่นศิลำอำสน์
ได้มมี ำก่อนหน้ำนี แล้้ ว เป็ นทีเคำรพสั
่ กกำระของคน

ทัวไปอย่ ำงกว้ำงขวำง และเมือปี ่ พ.ศ. 2451 ไฟไหม้ป่ำ
มณฑปและวิหำรเหลือแต่แท่นศิลำแลง ร ัชกำลที่ 5
โปรดให้ปฏิสงั ขรณ์ใหม่
ของดี ของฝำก เมืองอุตรดิตถ ์
่ นจก
ผ้ำซินตี
เป็ นผ้ำซินที ่ วธ
่ ใช้ ิ ก
ี ำรจกด้วยเส้นไหมแท้ มี

ลวดลำยทีงดงำมเป็ นเอกลักษณ์ของเมืองลับ
แล จ.อุตรดิตถ ์
ข้ำวพันผัก

ลู กตำวเชือม
เป็ นปำล ์มชนิ ด Arenga pinnata

You might also like