Professional Documents
Culture Documents
้ เมือง 4 ภาค
เซิ ้งกระติ๊บ
• เซงิ้ แหย่ไข่มดแดง”
ซงึ่ มีความสนุกสนาน
เร ้าใจในแบบศล ิ ปการ
แสดงแบบชาวอีสาน
ซงึ่ ได ้แสดงออกถึง
การออกไปหาไข่
มดแดง ซงึ่ ได ้มาอย่าง
ยากลำบาก ทัง้ ต ้องถูก
มดแดงกัดหรือไต่ตาม
เสอ ื้ ผ ้า การกวนแยก
ตัวมดแดงออกจากไข่
ทำให ้ชุดการแสดงนี้
บอกเล่าวิธก ี ารได ้
ฟ้อนเล็บ
• ฟ้ อนเล็บฟ้ อนเล็บเป็ นศล ิ ปะการแสดงทีเ่ ป็ นเอกลักษณ์ทาง
ภาคเหนือโดยเฉพาะรูปแบบการฟ้ อนมีอยู่ 2 แบบ คือแบบ
พืน้ เมืองหรือฟ้ อนเมือง และแบบคุ ้มเจ ้าหลวง กระบวนท่ารำ
เป็ นลีลาท่าฟ้ อนทีม ่ คี วามงดงามเชน ่ เดียวกับฟ้ อนเทียน
เพลงแต่ไม่ถอ ื เทียน นิยมฟ้ อนในเวลากลางวัน สำหรับชอ ื่
ชุดการแสดงจะมีความหมายตามลักษณะของผู ้แสดงทีจ ่ ะ
สวมเล็บยาวสท ี องทุกนิว้ ยกเว ้นนิว้ หัวแม่มอ ื
• ฟ้ อนเล็บของกรมศล ิ ปากร ได ้รับรูปแบบการฟ้ อนจากคุ ้มเจ ้า
หลวงเจ ้าผู ้ครองนครเชย ี งใหม่ พระราชชายาเจ ้าดารารัศมี
เป็ นผู ้ปรับปรุง ซงึ่ ได ้นำมาเผยแพร่ทก ี่ รุงเทพมหานครใน
คราวสมโภชพระเศวตคชเดชน์ดล ิ ก ชางเผื ้ อกในรัชกาลที่ 7
เมือ่ พ.ศ. 2470 แล ้วนางลมุล ยมะคุปต์ ผู ้เชย ี่ วชาญการ
สอนนาฏศล ิ ป์ ไทย วิทยาลัยนาฏศล ิ ป กรมศล ิ ปากรได ้นำมา
ฝึ กให ้ละครคณะหลวงในรัชกาลที่ 7 และถ่ายทอดให ้ เป็ น
ชุดการแสดงของกรมศล ิ ปากรโดยมีเนือ ้ ร ้องประกอบการ
แสดง เพือ ่ เป็ นการบวงสรวงหรือฟ้ อนต ้อนรับตามประเพณี
ทางภาคเหนือ
ฟ้อนขันดอก
• ระบำร่อนแร่เป็ นการแสดง
ประกอบท่าทางขัน ้ ตอนการ
ประกอบอาชพ ี ของชนชาวภาค
ใต ้ทีอ
่ อกจากบ ้านไปหาแร่ ร่อน
แร่ และ ตากแร่ แล ้วพากันกลับ
บ ้าน ผู ้แสดง จะเป็ นผู ้หญิงล ้วน
้
• อุปกรณ์ทใี่ ชในการประกอบการ
แสดง
เลียง ทำจากไม ้ ลก ั ษณะคล ้าย
กระทะแต่ไม่มห ี ู
รองเง็ง
• https://sites.google.com/site/
naiyarinnoey/rxngngeng
https://sites.google.com/site/naiyar
innoey/rxngngeng
เต้ นกำรำเคียว
• การแสดงเต ้นกำรำเคียว เป็ นการละ
เล่นพืน ้ เมืองทีเ่ ก่าแก่แบบหนึง่ ของ
ชาวชนบทในภาคกลางของไทย
แถบจังหวัดนครสวรรค์ ทีอ ่ ำเภอ
พยุหะคีรี ซงึ่ แต่เดิมประชาชนสว่ น
มากยึดอาชพ ี การทำนาเป็ นหลักและ
ด ้วยนิสย ั รักสนุก ประกอบกับการเป็ น
คนเจ ้าบทเจ ้ากลอนของไทยด ้วย จึง
ได ้เกิดการเต ้นกำรำเคียวขึน ้ ซงึ่ ใน
เนือ้ เพลงแต่ละตอนจะสะท ้อนให ้เห็น
สภาพความเป็ นอยูข ่ องชาวบ ้านอย่าง
ชดั เจน ลักษณะการรำไม่ออ ่ นชอย้
เชน ่ การรำไทยทั่ว ๆ ไป จะถือเอา
ความสนุกเป็ นใหญ่
ตาลีกีปัส
• มโนราห์, มโนห์รา หรือโดยย่อว่า โนรา เป็ นชอ ื่
ศล ิ ปะการแสดงพืน ้ เมืองอย่างหนึง่ ของภาคใต ้ มรี าก
ศพ ั ท์ทม ี่ าจากคำว่า “นระ” เป็ นภาษาบาลี –
สน ั สกฤต แปลว่ามนุษย์ เพราะการร่ายรำแต่เดิมแล ้ว
การรำโนราจะรำให ้เสมือนกับท่าร่ายรำของเทวดา
• มโนราห์มแ ี ม่บทท่ารำอย่างเดียวกับละครชาตรี
บทร ้องเป็ นกลอนสด ผู ้ขับร ้องต ้องใชปฏิ ้ ภาณไหว
พริบ สรรหาคำให ้สม ั ผัสกันได ้อย่างฉั บไว มีความ
หมายทัง้ บทร ้อง ท่ารำและเครือ ่ งแต่งกาย
เครือ ่ งดนตรีประกอบด ้วย กลอง ทับคู ่ ฉิง่ โหม่ง
ปี่ นอก หรือ ปี่ ใน และกรับ ปั จจุบน ั พัฒนาเอา
เครือ ่ งดนตรีสากลเข ้าร่วมด ้วย เดิมนิยมใชผู้ ้ชายล ้วน
แสดง แต่ปัจจุบน ั มีผู ้หญิงเข ้าไปแสดงด ้วย
ลิเกฮูลู
• ลีลาและลักษณะการแสดงสะท้อนให้เห็นถึงกรรมวิธีในการเก็บใบชา
ของชาวเขา โดยเริ่มตั้งแต่ เช้ าตรู่ ออกเดินทางไปเก็บใบชา ซึ่งได้ ปลูก
ไว้ ตามไหล่ เขา ต่ อจากนั้นนำมาเลือกใบและผึง่ แดด ขณะที่รอให้ ใบชา
แห้ งต่ างก็รื่นเริงสนุกสนานกับจวบจนเวลาเย็น แล้ วจึงนำเอาใบชาเดิน
กลับบ้ าน ประพันธ์ เพลง โดย นายปกรณ์ รอดช้ างเผือ่ น
ลำต ัด
• ลำต ัดพลงลำตัดเป็ นเพลงพืน ้ บ ้าน
ภาคกลางชนิดหนึง่ ของไทย ซงึ่ นิยม
ร ้องกันในเขตภาคกลาง(สุพรรณบุร)ี
ทัง้ นี้ มีต ้นตอมาจาก “ลิเกบันตน” ของ
ชาวมลายู ในต ้นรัชกาลที่ 5 แห่ง
กรุงรัตนโกสน ิ ทร์ โดยลิเกบันตนดัง
กล่าว มีรป ู แบบของการการแสดงแยก
ออกเป็ น 2 สาขา สาขาหนึง่ เรียกว่า
“ฮน ั ดาเลาะ” และ “ลากูเยา” และลิเก
บันตนลากูเยา มีลก ั ษณะของการแสดง
ว่ากลอนสดแก ้กัน โดยมีลก ู คูค
่ อยรับ
เมือ่ ต ้นบทร ้องจบ
• เครือ ่ งดนตรีทใี่ ช ้ คอื กลองรำมะนา ฉิง่
หน ังตลุง