Professional Documents
Culture Documents
Abstract
The aims of this research are to investigate the utilization of natural pozzolans (diatomite, perlite
and zeolite) as cementitious materials on physical properties, microstructure of hardened blended
cement paste and durability of mortars. The mix proportions of paste and mortar used in this study
were designed in 2 series. In series 1, a constant water to binder ratio (w/b) of 0.35 was used.
Natural pozzolans were used to replace Portland cement at the rate of 0, 20, and 40 percent by
weight of binder. The compressive strength, pore structure, and microstructure (XRD, TGA, SEM,
MIP and BSE) of hardened pastes were tested at the ages of 3, 14, 28, 60 and 90 days. In series 2,
the flow of mortars in the rang of 105 to 115 were controlled by adjusting the quantity of mixing
water. Natural pozzolans were used to replace Portland cement at the rate of 0, 20, and 40 percent
by weight of binder. Air permeability and porosity by helium of mortars containing natural
pozzolans were determined at the ages of 28 and 90 days. The compressive strength and strength
activity index of mortars, weight loss of mortars due to sulfuric acid attack, expansion of mortars in
magnesium sulfate solution were also tested.
The results will verify the effect of natural pozzolans on air permeability, prosity, compressive
strength and durability of mortars. The microstructure development of cement paste containing
natural pozzolans will determine and this will lead to a better understanding on the development of
the pore structure, permeability and compressive strength. In addition, expected papers will be
published in the international journal as follow:
“Effect of Natural Pozzolans on Porosity and Air Permeability of Mortars” will be
published in Construction and Building Materials.
“Influence of Natural Pozzolans on Microstructure of Blended Cement Paste” will be published in
Cement and Concrete Composites.
แบบเสนอโครงการวิ จยั
ทุนพัฒนาศักยภาพในการทำงานวิ จยั ของอาจารย์ร่นุ ใหม่
สำนักคณะกรรมการอุดมศึกษาและสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิ จยั
1. ชื่อโครงการ
การใช้วสั ดุปอซโซลานธรรมชาติเพือ่ เป็ นวัสดุประสาน
(UTILIZATION OF NATURAL POZZOLANS AS CEMENTITIOUS MATERIALS)
2. คณะนักวิ จยั
หัวหน้าโครงการ ดร.ธีรวัฒน์ สินศิริ
Dr. Theerawat Sinsiri
คุณวุฒิ วศบ. โยธา, M.Eng. (Structural Engineering)
Ph.D. (Civil Engineering)
สถานทีทำ
่ งาน สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา สำนักวิชาวิศวกรรมศาสตร์
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสรุ นารี
111 ถนนมหาวิทยาลัย
ตำบลสุรนารี อำเภอเมือง
จังหวัดนครราชสีมา 30000
โทร (044) 22-4465 โทรสาร (044) 22-4220
หน้าทีร่ บั ผิดชอบ วางแผนงาน ทำงานในห้องปฏิบตั กิ าร
ติดต่อประสานงาน สรุปและประเมินผล
เวลาทีใ่ ช้ สัปดาห์ละ 20 ชัวโมง
่
วิธที ่ี 1 การขยายตัวของส่วนผสมทดสอบ
- สภาวะซัลเฟตปานกลาง 6 เดือน, ไม่เกินร้อยละ 0.10 0.10 0.10
- สภาวะซัลเฟตสูง 6 เดือน, ไม่เกินร้อยละ 0.05 0.05 0.05
วิธที ่ี 2 การขยายตัวของส่วนผสมทดสอบ
- เมือ่ เปรียบเทียบกับส่วนผสมควบคุมทีทำ
่ จากปูนซีเมนต์ 100 100 100
ทนซัลเฟตในสภาวะซัลเฟต 6 เดือน, ไม่เกินร้อยละ
หมายเหตุ * ปริมาณมาณปอซโซลานทีถ่ อื ว่ามีประสิทธิภาพในการช่วยต้านซัลเฟตจะต้องอยูภ่ ายในร้อยละ 2 ของ
การทดสอบหรือระหว่างสองค่าของการทดสอบทีอ่ ยูใ่ นเกณฑ์
ดินเผาได้ถกู ใช้ในการก่อสร้างทัวไปมากเหมื
่ อนกับการใช้วสั ดุปอซโซลานประเภทอื่น ดินเผาสามารถ
เอามาใช้แทนทีป่ นู ซีเมนต์บางส่วน โดยทัวไปจะใช้
่ แทนทีใ่ นช่วงประมาณระหว่างร้อยละ 15 ถึง 35 เพือ่ ช่วย
เพิม่ ความต้านทานต่อสารละลายซัลเฟต ควบคุมปฏิกริ ยิ าระหว่างอัลคาไลกับมวลรวม และลดค่าการซึมผ่าน
ของน้ำ ดินเผามีความถ่วงจำเพาะประมาณ 2.40 ถึง 2.61 และมีความละเอียดด้วยวิธเี บลนประมาณ 6,500-
13,500 cm2/g ส่วนดินดานเผามีปริมาณแคลเซียมร้อยละ 5 ถึง 10 ซึง่ ค่าแคลเซียมทีม่ อี ยู่ทำให้วสั ดุนนั ้ มี
คุณสมบัตเิ ป็นวัสดุประสานหรือเป็นไฮดรอลิคซีเมนต์ (hydraulic cement) ในตัวเอง เนื่องจากปริมาณของกาก
แคลเซียมคาร์บอเนตนัน้ เผาไม่สมบูรณ์ และดินดานเผามีปริมาณโมเลกุลน้ำในเม็ดดินสะสมอยูจ่ งึ ทำให้มคี า่ สูญ
เสียน้ำหนักเนื่องจากการเผา (Loss On Ignition, LOI) ค่อนข้างมาก คือ (LOI) ประมาณ ร้อยละ 1 ถึง 5 โดย
ค่า LOI สำหรับดินดานเผาไม่ได้แสดงปริมาณคาร์บอนเหมือนกับกรณีของเถ้าลอย
ดินขาว (metakaolin) เป็นดินเผาพิเศษ ผลิตโดยเอาดินเหนียวขาวล้วนมาเผาทีอ่ ุณหภูมติ ่ำ หลังจาก
นัน้ จึงบดจนมีขนาดอนุภาคเฉลีย่ ประมาณ 1 ถึง 2 ไมโครเมตร ดินขาวนำมาใช้ในงานทีต่ อ้ งการความซึมผ่านที่
ต่ำ หรือต้องการกำลังทีส่ งู ดินขาวได้ถกู นำมาใช้เป็ นวัสดุผสมเพิม่ ในคอนกรีตมากกว่านำมาแทนทีป่ นู ซีเมนต์
โดยทัวไปจะใส่
่ เพิม่ ในปริมาณร้อยละ 10 ของน้ำหนักปูนซีเมนต์ (จันทนา สุขมุ านนท์, 2550)
-11-
ชัน้ กรวดทราย
ชัน้ ไดอะตอมไมท์
(ก) (ข)
รูปที่ 6.4 (ก) ภาพถ่ายขยายผ่านกล้อง Scanning Electron Microscope
(ข) แสดงชัน้ ของไดอะตอมไมท์
35.80%
D. Fragoulisa et al. (2004) ได้ทำการศึกษาคุณสมบัตขิ องวัสดุผสมคอนกรีตมวลเบาซึง่ ใช้ ไดอะตอม
ไมท์จากประเทศกรีซเป็นส่วนผสมในการผลิตมวลรวมเบา (production of lightweight aggregates, LWAs)
ทดสอบโดยการนำไดอะตอมไมท์แทนทีข่ เ้ี ลื่อยดิบในการผลิตมวลรวมเบาทีป่ ริมาณร้อยละ 2 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์
-14-
ั ้ นก้อนกลมขนาด 5 ถึง 20 mm ดังแสดงในรูปที่ 6.5 และ 6.6 แล้วอบแห้งทีอ่ ุณหภูม ิ 100C เป็ น
จากนัน้ ปนเป็
เวลา 24 ชัวโมง
่ แล้วนำไปเผาทีอ่ ุณหภูม ิ 1,100C เป็ นเวลา 12 ถึง 15 นาที
จากผลการทดสอบในห้องปฏิบตั กิ ารได้มวลรวมเบาทีม่ คี ณ
ุ สมบัตดิ า้ นกำลังอัดและความหนาแน่นที่
คล้ายคลึงกับ LWAs ของประเทศเดนมาร์กและเยอรมัน แต่คา่ ความพรุนลดต่ำลงและมีการกระจายตัวทีด่ ี
ลักษณะของโพรงมีทงั ้ ขนาดเล็กแบบเหลีย่ มคมและกลมมน ซึง่ มีขนาดตัง้ แต่ 2 ไมครอน ไปจนถึง 500 ไมครอน
ส่วนความหนาแน่นมีค่าต่ำลง อยูใ่ นช่วงประมาณ 550 ถึง 790 kg/m3 และมีโครงสร้างทีเ่ ป็ นแบบอสัณฐาน
K. Pimraksa and P. Chindaprasirt (2008) ได้ทำการศึกษาคุณสมบัตขิ องอิฐมวลเบาทีทำ ่ จากได
อะตอมไมท์ลำปาง (ดินเบาลำปาง) ปูนขาว และยิปซัม เป็ นส่วนผสม และได้พบว่าไดอะตอมไมท์จากแหล่ง
ลำปางมีคณ ุ สมบัตใิ นการเป็นสารปอซโซลานและสามารถนำมาทำอิฐมวลเบาได้เนื่องจากมีสารประกอบอลูมโิ น
ซิลเิ กต และมีความพรุนสูง เช่นเดียวกับสารปอซโซลานธรรมชาติทวไป ั ่ ดังแสดงในรูปที่ 6.7
-15-
เป็ นฉนวน
ห้องทีต่ อ้ งการรักษาอุณหภูมทิ งั ้ ความเย็นหรือความร้อนเป็ นพิเศษ ได้มกี ารใช้เพอร์ไลต์ อัดเข้าไปใน
ช่องว่างระหว่างผนังของห้อง ซึง่ มักจะใช้เพอร์ไลต์ทม่ี คี วามหนาแน่ นทีน่ ้อยกว่า 64 kg/m3 เช่น ห้องเก็บ
เครือ่ งมือทางวิทยาศาสตร์ทต่ี อ้ งการอุณหภูมภิ ายในห้องต่ำ
เป็ นเครื่องกรอง
เนื่องจากเพอร์ไลต์มปี ริมาณออกไซด์ของธาตุซลิ กิ าสูง อาจมีมากกว่าร้อยละ 70 มีคณ ุ สมบัตเิ ป็ นตัวดูด
ซึมทีด่ ี และยังเป็นสารเฉื่อยต่อปฏิกริ ยิ าทางเคมีในสภาพแวดล้อมต่างๆ จากคุณสมบัตดิ งั กล่าวจึงสามารถนำ
เพอร์ไลต์ไปใช้เป็นตัวกรองและตัวดูดซึมทีด่ ี
ด้านอื่นๆ
นอกจากทีก่ ล่าวมาแล้ว เพอร์ไลต์ยงั สามารถนำไปใช้ผสมกับสีทาได้ทงั ้ ภายในและภายนอกของอาคาร
บ้านเรือน และมีการนำเพอร์ไลต์ไปใช้เป็ นตัวเร่งปฏิกริ ยิ าทางเคมี ใช้เป็ นผงขัด และผสมซีเมนต์ใช้ในการฉาบ
ผนังบ่อน้ำมัน
6.3.5 แหล่งเพอร์ไลต์ของประเทศไทย
แหล่งเพอร์ไลต์พบอยูใ่ นบริเวณกลุ่มหินภูเขาไฟตอนกลางของประเทศ ซึง่ จัดอยูใ่ นหน่วยหินภูเขาไฟลำ
นารายณ์ คลุมพืน้ ทีป่ ระมาณ 1,200 ตารางกิโลเมตร อยูใ่ นเขตจังหวัดลพบุรี และจังหวัดเพชรบูรณ์ หน่วยหิน
ภูเขาไฟลำนารายณ์ประกอบด้วยหินภูเขาไฟชนิดต่างๆ ตัง้ แต่ บะซอลต์ แอนดีไซต์ ไปจนถึงไรโอไลต์
เพอร์ไลต์เกิดร่วมกับไรโอไลต์ และหินเถ้าถ่านภูเขาไฟ (ash-flow tuffs) โดยเกิดลักษณะแบบลาวา
และเกิดแบบพนัง โผล่ให้เห็นเป็นชัน้ หนาตามบริเวณของของภูเขาไฟลำนารายณ์โดยเฉพาะขอบต้านตะวันตก
เพอร์ไลต์ทพ่ี บมีสดำ ี น้ำตาล เขียวเข้ม-อ่อน มีลกั ษณะเนื้อเป็ นแก้ว และมีผลึกของเฟลด์สปาร์ประมาณ 2-10
เปอร์เซ็นต์ และผลึกของไบโอไทต์ประมาณ 1-2 เปอร์เซ็นต์ ชัน้ ของเพอร์ไลต์ทโ่ี ผล่มคี วามหนาตัง้ แต่ 1-20
เมตร วางตัวค่อนข้างราบ และส่วนมากจะวางตัวอยู่บนหินเถ้าถ่านภูเขาไฟ และถูกปิ ดทับด้วยไรโอไลต์
6.3.6 สถานการณ์เพอร์ไลต์ในประเทศ
ั บนั เพอร์ไลต์มกี ารผลิตจากประทานบัตรของ หจก.คลองยาง จำนวน 1 แปลง เพียงแหล่งเดียว
ในปจจุ
ตัง้ อยูท่ ตำ
่ี บลมหาโพธิ ์ อำเภอสระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี มีอตั ราการผลิตประมาณ 2,400 ตันต่อปี สำหรับแร่เกรด
สูงเพือ่ เผาสำหรับทำวัสดุกรองคุณภาพสูงและถูกจำหน่ายให้กบั โรงงานน้ำผลไม้ การปลูกพืชโดยไม่ใช้ดนิ
(hydroponic) ตัวเติมสำหรับปูนฉาบสำเร็จ และอิฐทนไฟ โดยจำหน่ายให้กบั โรงเผาทีจ่ งั หวัดราชบุรี ราคาของ
เพอร์ไลต์คณ ุ ภาพสูงก่อนการเผาที่ 650 บาทต่อตัน เมือ่ เผาแล้วราคาจะเพิม่ ขึน้ เป็ น 6,000 – 12,000 บาทต่อ
ตัน ขึน้ กับคุณสมบัตคิ วามขาว และความหนาแน่ น (สำนักเหมืองแร่และสัมปทาน, ออนไลน์, 2546)
ประพัตร์ กรังพานิชย์ (2540) ได้ศกึ ษาถึงการนำกากแร่สงั กะสีและวัสดุพรุนเบาเพอร์ไลต์มาผลิตเป็ น
คอนกรีตมวลเบา โดยการนำกากแร่สงั กะสีใช้เป็ นวัสดุผสมแทนทรายและผสมวัสดุพรุนเบาเพอร์ไลต์เพือ่ ลดน้ำ
หนักของคอนกรีต และยังได้มกี ารศึกษาถึงองค์ประกอบและคุณสมบัตขิ องเพอร์ไลต์ในด้านต่างๆ เช่น ศึกษา
องค์ประกอบหลักทางเคมีของเพอร์ไลต์ โดยใช้วธิ ี X – ray fluorescence ซึง่ พบว่ามีองค์ประกอบหลักของเพ
อร์ไลต์ทพ่ี บแล้วมีปริมาณสูง ได้แก่ SiO2 ซึง่ พบในปริมาณร้อยละ 70.29 Al2O3 และ K2O พบในปริมาณร้อย
ละ 13.64 และ 5.73 ตามลำดับ ส่วนองค์ประกอบรอง (trace element) พบในปริมาณไม่มากนัก ได้แก่ P2O2,
-21-
ช่องว่างโมเลกุ ล
ซีโอไลต์ ส่วนประกอบทางเคมี อั ตราส่วน Si : Al
(นาโนเมตร)
Analcime Na.AlO2.2SiO2.H2O 1.7 - 2.9 0.26
Chabazite 2Ca.4AlO2.8SiO2.13H2O 1.4 - 3.0 0.31 x 0.44
Clinoptilotite Na/K.AlO2.5SiO2.H2O 4.0 - 5.1 0.31 x 0.79
Erionite Ca/Mg/2Na/2K.2AlO2.6SiO2.6H2O 2.2 0.76
Laumkotite Ca.2AlO2.4SiO4.4H2O 1.8 - 2.6 0.46 x 0.63
Mordentite Na.AlO2.5SiO2.3H2O 4.4 - 5.3 0.67 x 0.70
Phiplippisite K/Na.AlO2.2SiO4.H2O 1.3 - 3.0 0.28 x 0.48
Stellerite Ca.2AlO2.7SiO2.7H2O 2.8 - 4.4 0.45 x 0.59
ธีรวัฒน์ สินศิร,ิ ชูวทิ ย์ นาเพีย และ ศักดิ ์สิทธิ ์ พันทวี (2550). ผลกระทบของซีโอไลต์ต่อโครงสร้างขนาดเล็กของ
ซีเมนต์เพสต์ผสม. การประชุมวิ ชาการวิ ศวกรรมโยธาแห่งชาติ ครังที ้ ่ 12 จังหวัดพิษณุโลก วันที่ 2-
4 พฤษภาคม.
ประพัตร์ กรังพานิชย์. (2540). การนำกากแร่สงั กะสีและวัสดุพรุนเบาเพอร์ไลต์มาผลิ ตเป็ นคอนกรีตเบา.
กรุงเทพฯ: มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์.
ปริญญา จินดาประเสริฐ และชัยจาตุรพิทกั ษ์กุล. (2547). ปูนซีเมนต์ ปอซโซลาน และคอนกรีต.กรุงเทพฯ:
สมาคมคอนกรีตไทย.
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล. (2543). ฟิ สิ กส์ราชมงคล ศัพท์ชีวะ. [ออนไลน์]. ได้จาก:
http://www.electron.rmutphysics.com/bio-glossary.
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี [สสวท.]. (2550). ซากดึกดำบรรพ์. [ออนไลน์ ]. ได้จาก:
http://www.ipst.ac.th/science/index.shtml.
สำนักเหมืองแร่และสัมปทาน กลุ่มวิศวกรรมและความปลอดภัย. (2546). เพอร์ไลต์.[ออนไลน์ ]. ได้จาก:
http://www.dpim.go.th/ppr/title.php?tid=000001074149948.
สุมติ ร ห่วงนาค. (2547). การศึกษาปัจจัยที่มีผลต่อการลดรูพรุนของอิ ฐมวลเบาแบบไม่เผาจากดิ นเบา
ลำปาง. ปริญญาตรี. สาขาวิชาเคมีอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัย เชียงใหม่.
เสรีวฒั น์ สมินทร์ปญั ญา. (2538). โลกและหิ น. พิมพ์ครัง้ ที่ 1. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ สุรวี ทิ ยาสาส์น.
A.C. Aydin and R. Gul. (2006). Influence of Volcanic Originated Natural Materials as Additives on
The Setting Time and Some Mechanical Properties of Concrete. Construction and Building
Materials. 21. p.1277-1281.
American Society for Testing and Materials. (1991). Standard Specification for Fly Ash and Raw or
Calcined Natural Pozzolan for Use as a Mineral Admixture in Portland Cement Concrete.
Annual Book of ASTM Standards Vol.04.02. (ASTM C618-91).
B.Y. Pekmezci and S. Akyu¨z. (2004). Optimum Usage of A Natural Pozzolan for The Maximum
Compressive Strength of Concrete. Cement and Concrete Research. 34. p.2175-2179.
C. Jaturapitakkul, K. Kaittikomol, V. Sata and T. Leekeeratikul. (2004). Use of Ground Coarse Fly
Ash as a Replacement of Condensed Silica Fume in Producing High-Strength Concrete.
Cement and Concrete Research. 34. p.549-555.
C. S. Poon, L. Lam, S.C. Kou and Z.S. Lin (1999). A Study on the Hydration Rate of Natural Zeolite
Blended Cement Paste. Construction and Building Materials. Vol. 13, pp 427-432.
D. Fragoulisa, M.G. Stamatakisb, E. Chaniotakisa and G. Columbusb. (2004) . Characterization of
Lightweight Aggregates Produced with Diatomite Rocks Originating From Greece.
Materials Characterization. 53. p.307-316.
I.B.Topcu and B.Isikdag. (2007). Effect of Expanded Perlite Aggregate on The Properties of
Lightweight Concrete. Journal of Materials Processing Technology PROTEC-11355; No. of
Pages 5.
K. Pimraksa and P. Chindaprasirt. (2008). Lightweight Bricks Made of Diatomaceous Earth, Lime
and Gypsum. Ceramics International. CERI-2954; No of Pages 8.
-28-
7. การเชื่อมโยงกับนักวิ จยั ที่เป็ นผูเ้ ชี่ยวชาญในสาขาวิ ชาที่ทำการวิ จยั ให้ระบุวา่ ปจั จุบนั ท่านมีความร่วม
มือในการทำวิจยั กับนักวิจยั ทีเ่ ป็นผูเ้ ชีย่ วชาญในสาขาวิชาทีท่ า่ นทำวิจยั อยู่อย่างไร ทัง้ ในและต่างประเทศ
ผูว้ จิ ยั ในเป็นนักวิจยั ร่วมในโครงการของ ศ.ดร. ชัย จารตุรพิทกั ษ์กุล ภาควิชาวิศวกรรมโยธา
ม.เทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในหัวข้อเรือ่ ง “การใช้เถ้าจากโรงงานอุตสาหกรรมเพือ่ เป็ นวัสดุประสาน”
จากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจยั ตังแต่ ่ 31 สิงหาคม 2550- 30 สิงหาคม 2553
นอกจากนี้ผวู้ จิ ยั ยังทำวิจยั ร่วมกับ ศ.ดร.ปริญญา จินดาประเสริฐ ศูนย์วจิ ยั และพัฒนาโครงสร้างมูลฐาน
อย่างยังยื ่ น ภาควิชาวิศวกรรมโยธา ม.ขอนแก่น
8.2 วัสดุที่ใช้ในการทดสอบ
1. ปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1
2. ปอซโซลานธรรมชาติได้แก่ เพอร์ไลต์ ไดอะตอมไมต์ และ ซีโอไลต์
3. มวลรวมละเอียด ใช้ทรายแม่น้ำผ่านตะแกรงเบอร์ 4
4. ซีเมนต์ทใ่ี ช้เป็นซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ประเภทที่ 1 (Ordinary Portland Cement, OPC)
5. น้ำใช้น้ำประปา
8.3 ขัน้ ตอนในห้องปฏิ บตั ิ การ
8.3.1 การศึกษาคุณสมบัติทวไปของวัั่ สดุ
นำวัสปุ อซโซลานธรรมชาติ 3 ชนิดทำการวิเคราะห์ ดังต่อไปนี้
1. การทดสอบหาความหนาแน่นและความถ่วงจำเพาะของวัสดุปอซโซลานธรรมชาติ โดยใช้ขวด
ทดลองมาตรฐานเลอชาเตอลิแ อร์ (Le Chatelier Flask) ตาม ASTM C 188 ซึง่ ค่า ความถ่ว งจำเพาะเป็ น
อัตราส่วนระหว่างน้ำหนักของวัสดุต่อน้ำหนักของน้ำ ทีม่ ปี ริมาตรเท่าวัสดุนนั ้ โดยปริมาตรของวัสดุปอซโซลาน
ธรรมชาติหาได้จากการแทนทีใ่ นน้ำมันก๊าด
2. การทดสอบหาปริมาณทีค่ า้ งบนตะแกรงมาตรฐานขนาดช่องเปิด 45 ไมโครเมตร (เบอร์ 325) ของวัส
ดุปอซโซลานธรรมชาติ โดยใช้การร่อนแบบเปี ยก (Wet Sieve Analysis) ตาม ASTM C 430 เป็ นการวัดความ
ละเอียดของวัสดุทม่ี อี นุภาคขนาดเล็กและไม่ละลายน้ำ ค่าทีไ่ ด้เป็ นร้อยละของอัตราส่วนของน้ำหนักทีค่ า้ งต่อน้ำ
หนักทีใ่ ช้ทดสอบ
3. การทดสอบความละเอียดของวัสดุปอซโซลานธรรมชาติโดยวิธแี อร์เพอร์มอี ะบิลติ ข้ี องเบลน ตาม
ASTM C 204 เป็นการวัดพืน้ ทีผ่ วิ จำเพาะ (Specific Surface Area) ด้วยการวัดระยะเวลาทีอ่ ากาศทีไ่ หลผ่าน
ตัวอย่าง ซึง่ ค่าทีท่ ดสอบได้มหี น่วยเป็นพืน้ ทีผ่ วิ ต่อหน่วยน้ำหนัก (ซม 2/ก)
4. การถ่า ยภาพขยายกำ ล งั สูง ว สั ดุป อซโซลานธรรมชาติด ว้ ยเคร อ่ื ง Scanning Electron
Microscope (SEM)
5. การวิเคราะห์การกระจายตัวของอนุภาค (Particle Size Distribution) ของวัสดุปอซโซลานธรรมชาติ
โดยใช้เครือ่ งมือ Particle Size Analyzer ซึง่ สามารถหาขนาดเฉลีย่ ของอนุ ภาคได้
6. การวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีดว้ ยเครือ่ ง X-Ray Fluorescence (XRF) ของวัสดุปอซโซลาน
ธรรมชาติ
7. การวิเคราะห์ความเป็นผลึกด้วยเครือ่ ง X-Ray Diffraction (XRD) ของวัสดุปอซโซลานธรรมชาติ
8. การวิเคราะห์เชิงความร้อนด้วยเครือ่ ง (Differential Thermal Analysis, DTA), วิเคราะห์สมบัต ิ
ทางความร้อนของสารตัวอย่าง วัดการเปลีย่ นแปลงมวลของสารตัวอย่าง ทีเ่ ป็ นฟงั ก์ชนั กับเวลาหรือกับ อุณหภูม ิ
ใน scanning mode (Thermo Gravimetric Analyzer, TGA)ของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ และวัสดุปอซโซลาน
ธรรมชาติ
8.3.2 การทดสอบเพสต์, มอร์ต้าร์ ที่มีวสั ดุปอซโซลานธรรมชาติ เป็ นส่วนผสม
1. การทดสอบหาความข้นเหลวปกติของซีเมนต์เพสต์ และเพสต์ผสมวัสดุปอซโซลานธรรมชาติ โดย
ใช้เครือ่ งมือไวแคต (Vicat Apparatus) โดยมีอตั ราส่วนการแทนทีว่ สั ดุปอซโซลานธรรมชาติในปูนซีเมนต์รอ้ ยละ
0, 20, และ 40 โดยน้ำหนักวัสดุประสาน
2. การทดสอบระยะเวลาการก่อตัวทัง้ ระยะต้นและระยะปลายของซีเมนต์เพสต์ และเพสต์ผสมวัสดุ
ปอซโซลานธรรมชาติ ตาม ASTM C 191 ใช้ปริมาณน้ำทีพ่ อเหมาะจากการทดสอบความข้นเหลวปกติ ซึง่ การ
ก่อตัวระยะต้นคือระยะเวลาทีก่ ารจมของเข็มมาตรฐานขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 มม เป็ นระยะ 25 มม ภายใน
-30-
10. อุปกรณ์ที่ใช้ในการวิ จยั ให้ระบุอุปกรณ์ทต่ี อ้ งใช้ในการทำวิจยั มาด้วย โดยแยกเป็ นอุปกรณ์ทม่ี อี ยูแ่ ล้ว
และอุปกรณ์ทต่ี อ้ งจัดหาเพิม่
10.1 อุปกรณ์และเครื่องมือที่ใช้ทดสอบในการศึกษาครังนี ้ ้ ประกอบด้วย (ที่มีอยู่แล้ว)
1. เครือ่ งบดวัสดุ (Grinding Machine)
2. เครือ่ งทดสอบกำลังอัดคอนกรีต (Compression Testing Machine)
3. ชุดทดลองหาความถ่วงจำเพาะของ ปูนซีเมนต์ ทราย หิน
4. ชุดทดลองหาพืน้ ทีผ่ วิ จำเพาะโดยวิธขี องเบลน (Blaine Air Permeability)
5. ตะแกรงร่อนมาตรฐาน
6. เครือ่ งผสมมอร์ตา้ ร์
7. ชุดทดสอบการไหลแผ่ของมอร์ตา้ ร์
8. แบบหล่อตัวอย่างมอร์ตา้ ร์มาตรฐานทรงลูกบาศก์ขนาด 5x5x5 ซม
่ ้า
9. เครือ่ งชังไฟฟ
10. เครือ่ งถ่ายภาพขยายกำลังสูง (Scanning Electron Microscope, SEM)
11. เครือ่ งวิเคราะห์การกระจายตัวและขนาดของอนุ ภาค (Particle Size Analyzer)
12. เครือ่ งวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีโดยวิธี X-Ray Fluorescence (XRF)
13. เครือ่ งวิเคราะห์ความเป็ นผลึกของวัสดุโดยวิธี X-Ray Diffraction (XRD)
14. เครือ่ งวัดการเปลีย่ นแปลงทางความร้อน ( TGA, DTA)
15. เครือ่ งวัดการส่องผ่าน (Transsmittion Electron Microscope)
16. เครือ่ งมือวัดช่องว่าง (Mercury Intrusion Porosimetry, MIP)
16. เครือ่ งวัดปริมาณความพรุนโดย Helium (Porosimetry Test)
17. การวัดการซึมผ่านอากาศ (Air Permeability Test)
10.2 อุปกรณ์ที่จำเป็ นต้องจัดหาเพิ่ มเติ มหรือสร้างขึน้
1. เครือ่ งวัดการขยายตัวของมอร์ตา้ ร์(Length Comparator)
2. แบบหล่อสำหรับทดสอบการขยายตัวของมอร์ตา้ ร์ (Mould for Expansion Test) 3 ชุด
กิ จกรรม เดือน
ขัน้ ตอนการดำเนิ นการ 1-2 3-4 5-6 7-8 9- 11- 13- 15- 17- 19- 21- 22-
10 12 14 16 18 20 22 24
เก็บตัวอย่าง
เตรียมอุปกรณ์
ดัชนี ช ี้ว ดั
ทดสอบคุณสมบัตวิ สั ดุ
หล่อก้อนตัวอย่าง
ทดสอบกำลังรับแรงอัด
ทดสอบการต้านทานการกัดกร่อนจากกรด
ทดสอบการต้า นทานการก ดั กร่อ นจาก
ซัลเฟต
ทดทดสอบหาช่องว่าง
ทดสอบการซึมผ่าน
ทดสอบ DTA, TGA
ทดสอบ XRD
ทดสอบ SEM
วิเคราะห์ขอ้ มูล
รายงานความก้าวหน้า
สรุปรายงานการวิจยั
ความสำเร็จของโครงการ
ผลงานวิจยั ทีเ่ กิดขึน้ เนื่องจากการสนับสนุ นของโครงการนี้
1. เมือ่ งานวิจยั สิน้ สุดลง จะทำให้ทราบว่าวัสดุปอซโซลานแต่ละชนิด สามารถนำไปใช้ได้หรือไม่
หากนำไปใช้ได้ จะมีขอ้ จำกัดหรือข้อควรระมัดระวังอะไรบ้างในการนำไปใช้งาน โดยงานวิจยั จะได้นำเสนอ
หลักการทีเ่ หมาะสมทีจ่ ะนำวัสดุปอซโซลานธรรชาติเหล่านี้ไปใช้ประโยชน์ โดยไม่ก่อผลเสียต่อคอนกรีต
2. จำนวนนักศึกษาปริญญาโททีค่ าดว่าจะจบการศึกษาจากโครงการนี้จำนวน 1-2 คน และเป็ นส่วน
หนึ่งของงานวิจยั ในระดับปริญญาเอก
3. มีผลงานตีพมิ พ์ในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ, วารสารวิชาการระดับชาติ, เอกสารประกอบ
การประชุมระดับนานาชาติ, เอกสารประกอบการประชุมระดับชาติ รวมอย่างน้อย 4 เรือ่ ง
รายละเอียดค่าใช้จ่ายโครงการ
ปี ที่ 1
ต่อ %
รายการค่าใช้จ่าย รวม 1 ปี (12 เดือน)
เดือน
1. หมวดค่าตอบแทน
- หัวหน้าโครงการ 5,000 60,000 12.50
- ผูช้ ว่ ยวิจยั 5,000 60,000 12.50
120,000 25.00
2. หมวดค่าวัสดุ
- ปูนซีเมนต์ ทราย - 1,000 0.21
- ภาชนะเก็บตัวอย่างและบ่มตัวอย่างมอร์ตา้ ร์ - 2,000 0.42
- ค่าเดินทางในการเก็บตัวอย่างวัสดุ - 3,000 0.63
6,000 1.25
3. หมวดค่าใช้สอย
3.1 ค่าทดสอบ
- Particle Size Distribution ของวัสดุ - 5,000 1.04
-36-
สิ่ งตีพิมพ์
จำนวน 120 ชิน้ ด้านคอนกรีตและวัสดุ และการพัฒนาแหล่งน้ำ
จำนวน 7 ชิน้ ด้านคอนกรีต ลงใน International journals
จำนวน 1 ชิน้ บทความรับเชิญองค์ปาฐกในการประชุมวิชาการ
-40-
ตำรา
“เถ้าลอยในงานคอนกรีต” พิมพ์โดยสมาคมคอนกรีตไทย พ.ศ. 2547, 2548
“ปูนซีเมนต์ ปอซโซลาน และคอนกรีต” พิมพ์โดยสมาคมคอนกรีตไทย พ.ศ. 2547, 2548
“ปูนซีเมนต์ ปอซโซลาน และคอนกรีต” พิมพ์โดยปูนซีเมนต์ไทย พ.ศ. 2549