Professional Documents
Culture Documents
ตัวชี้วดั อธิ บำยน้ ำ แก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์ แสง และคลอโรฟิ ลล์ เป็ นปัจจัยที่จำเป็ นบำงประกำร
ต่อกำรเจริ ญเติบโตและกำรสังเครำะห์ดว้ ยแสงของพืช (ว 1.1 ป.4/2)
6. ใบของพืชในข้อใดสำมำรถนำไปขยำยพันธุ์ได้
1 พลูด่ำง สัก
2 ผักกำดหอม กล้วย
3 ส้มเขียวหวำน มันฝรั่ง
4 ต้นตำยใบเป็ น กุหลำบหิน
D B
C
วัฏจักรชีวติ ของยุง
1 ระยะ A
2 ระยะ B
3 ระยะ C
4 ระยะ D
ตัวชี้วดั อธิ บำยกำรเจริ ญเติบโตของมนุษย์จำกวัยแรกเกิดจนถึงวัยผูใ้ หญ่ (ว 1.1 ป.6/1)
4
ตัวชี้วดั อธิบำยกำรทำงำนที่สัมพันธ์กนั ของระบบย่อยอำหำร ระบบหำยใจ และระบบหมุนเวียน
เลือดของมนุษย์ (ว 1.1 ป.6/2)
1 B C A D E
2 D E A C B
3 E D C A B
4 A E D C D
16. ถ้ำปิ ดฝำตูป้ ลำไว้เป็ นระยะเวลำ 3 เดือน จะมีสิ่งใดเกิดขึ้นหรื อไม่ อย่ำงไร จงกำหนดปั ญหำที่อำจเกิดขึ้น
17.
สิ งโต
งู
กวาง วัว
กระต่ าย
หญ้า
สายใยอาหาร
จำกสำยใยอำหำร งูจดั เป็ นสิ่ งมีชีวติ ประเภทใด
1 ผูบ้ ริ โภคลำดับที่ 1
2 ผูบ้ ริ โภคลำดับที่ 2
3 ผูย้ อ่ ยสลำย
4 ผูผ้ ลิต
23. ข้อควำมใดกล่ำวถูกต้อง
1 สำรปรุ งรสอำหำรใส่ ลงในอำหำรเพื่อเพิม่ ปริ มำณอำหำรให้มำกขึ้น
2 สำรไวไฟควรใช้และเก็บใกล้กบั บริ เวณที่มีอุณหภูมิสูงเพื่อให้สมบัติของสำรคงเดิม
3 ผงซักฟอกเป็ นสำรที่ใช้ในกำรซักล้ำง สำมำรถนำมำใช้ทดแทนสบู่ในกำรทำควำมสะอำดร่ ำงกำยได้
4 ก่อนใช้สำรทุกประเภท ควรอ่ำนฉลำกและวิธีใช้ให้เข้ำใจก่อนนำมำใช้งำนและปฏิบตั ิตำมอย่ำงเคร่ งครัด
25.
5 นิวตัน
3 นิวตัน
26. ข้อควำมใดกล่ำวถูกต้อง
1 น้ ำยิง่ ลึก ควำมดันน้ ำยิง่ มำก
2 น้ ำยิง่ ลึก ควำมดันน้ ำยิง่ น้อย
3 ยิง่ อยูส่ ู ง ควำมดันอำกำศยิง่ มำก
4 ควำมดันอำกำศ และควำมดันน้ ำในตำแหน่งที่เท่ำกันมีค่ำเท่ำกัน
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิบำยแรงพยุงของของเหลว กำรลอยตัว และกำรจมของวัตถุ (ว 4.1 ป.5/4)
1 เฉพำะข้อ A
2 เฉพำะข้อ B
3 ข้อ A และ B
4 ข้อ B และ C
29.
O
ถ้ำแสงตกกระทบกระจกเงำเรี ยบในทิศทำงดังภำพ ข้อใดเป็ นรังสี สะท้อนที่เกิดขึ้น
1 รังสี OA
2 รังสี OB
3 รังสี OC
4 รังสี OD
30.
น้ ำกลัน่ กระดำษแก้วสี A กระดำนไม้ กระจกเงำ B
แผนภำพ กำรจำแนกประเภทชนิดของตัวกลำงกั้นแสง
จำกแผนภำพ A และ B ได้แก่ขอ้ ใด
A B
1 กระดำษลอกลำย น้ ำคลอง
2 แผ่นโฟม แผ่นพลำสติกใส
3 กระจกใส ผ้ำขำวบำง
4 คอนกรี ต กระจกฝ้ ำ
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิบำยกำรหักเหของแสงเมื่อผ่ำนตัวกลำงโปร่ งใสสองชนิด (ว 5.1 ป.4/4)
31. ภำพในข้อใดแสดงกำรหักเหของแสงที่ถูกต้อง
1
4
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิบำยกำรเปลี่ยนแสงเป็ นพลังงำนไฟฟ้ ำ และนำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์
(ว 5.1 ป.4/5)
32. ข้อควำมใดกล่ำวถูกต้อง
1 เซลล์สุริยะเป็ นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงำนแสงอำทิตย์เป็ นพลังงำนไฟฟ้ ำ
2 กำรใช้เซลล์สุริยะทำให้เกิดแก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์ในบรรยำกำศเพิ่มขึ้น
3 ในเวลำกลำงคืนไม่สำมำรถนำพลังงำนไฟฟ้ ำที่ผลิตจำกเซลล์สุริยะมำใช้ได้
4 แสงจำกไฟฉำยกับแสงจำกดวงอำทิตย์ทำให้เซลล์สุริยะผลิตกระแสไฟฟ้ ำได้ปริ มำณที่เท่ำกัน
38.
4
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยกำรเกิดสนำมแม่เหล็กรอบสำยไฟที่มีกระแสไฟฟ้ ำผ่ำน
และนำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์ (ว 5.1 ป.6/5)
สมบัติของดินข้ำงต้น เหมำะที่จะเพำะปลูกพืชในข้อใด
1 ข้ำว
2 ผักกำดขำว
3 กระบองเพชร
4 มันสำปะหลัง
ตัวชี้วดั สำรวจ ทดลอง และอธิ บำยกำรเกิดเมฆ หมอก น้ ำค้ำง ฝน และลูกเห็บ (ว 6.1 ป.5/1)
45.
ควำมร้อนและแรงกดดัน
A หินไนส์
ควำมร้อนและแรงกดดัน
หินปูน B
48. ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
1 ดำวเครำะห์แคระสำมำรถกะพริ บแสงได้
2 ดำวเสำร์ เป็ นดำวเครำะห์ที่มีขนำดใหญ่ที่สุดในระบบสุ ริยะ
3 ฝนดำวตกเกิดจำกสะเก็ดดำวที่ไม่สำมำรถลุกไหม้ในอำกำศ
4 ดำวเครำะห์นอ้ ยมีตำแหน่งอยูร่ ะหว่ำงวงโคจรของดำวอังคำรกับดำวพฤหัสบดี
ตัวชี้วดั สร้ำงแบบจำลองและอธิ บำยกำรเกิดฤดู ข้ำงขึ้น ข้ำงแรม สุ ริยปุ รำคำ จันทรุ ปรำคำ
และนำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์ (ว 7.1 ป.6/1)
49. ปรำกฏกำรณ์ในข้อใดทำให้เกิดฤดูกำล
1 โลกโคจรรอบดวงอำทิตย์โดยที่แกนหมุนของโลกเอียงทำมุม 23.5 องศำ
จำกแนวตั้งฉำกกับระนำบวงโคจรของโลก
2 โลก ดวงอำทิตย์ และดวงจันทร์ เคลื่อนที่อยูใ่ นระนำบเส้นตรงเดียวกัน
3 ดวงอำทิตย์โคจรรอบโลกเป็ นเวลำ 1 ปี
4 ดวงจันทร์หมุนรอบโลก
A. พยำกรณ์อำกำศในอีก 7 วันข้ำงหน้ำ
B. ดูถ่ำยทอดสดฟุตบอลโลก
C. โทรศัพท์หำคุณพ่อที่ทำงำนที่ต่ำงประเทศ
1 ข้อ A
2 ข้อ A และ B
3 ข้อ B และ C
4 ข้อ A และ C
ส่ วนที่ 2 : แบบเลือกตอบจำกแต่ละกลุ่มที่สัมพันธ์กนั จำนวน 10 ข้อ (ข้อ 51-60)
ข้อละ 2 คะแนน รวม 20 คะแนน
ตอบถูก 1 คำตอบ ได้ 1 คะแนน
ตอบถูก 2 คำตอบ ได้ 2 คะแนน
ตัวชี้วดั อธิ บำยน้ ำ แก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์ แสง และคลอโรฟิ ลล์ เป็ นปั จจัยที่จำเป็ นบำงประกำร
ต่อกำรเจริ ญเติบโต และกำรสังเครำะห์ดว้ ยแสงของพืช (ว 1.1 ป.4/2)
สี ของสารหลังหยด
ชนิดของสาร ลักษณะของสาร สี ของสารก่อนทดสอบ
สารละลายไอโอดีน
A เป็ นผงละเอียด สี เหลือง สี ม่วงน้ ำเงินเข้ม
B เป็ นผงแท่ง สี ดำ สี เหลืองน้ ำตำล
C เป็ นผงละเอียด สี ขำว สี ม่วงน้ ำเงินเข้ม
D เป็ นผงละเอียด สี ขำว สี เหลืองน้ ำตำล
จำกตำรำง สำรในข้อใดเป็ นสำรประเภทเดียวกับแป้ งมัน
1 สำร A
2 สำร B
3 สำร C
4 สำร D
ตัวชี้วดั ระบุลกั ษณะของพืชดอกที่เป็ นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่โดยใช้ลกั ษณะภำยนอก
เป็ นเกณฑ์ (ว 1.2 ป.5/4)
สำรละลำยเจนเชียนไวโอเลต 1 หยด
A B C D
3 cm3 3 cm3 3 cm3 3 cm3
56. ข้อควำมใดกล่ำวถูกต้อง
1 ขลุ่ยที่มีขนำดใหญ่ให้เสี ยงสู งกว่ำขลุ่ยที่มีขนำดเล็ก
2 กำรปรับให้สำยซออูม้ ีควำมยำวสั้นลงทำให้เสี ยงสู งขึ้น
3 กลองที่ใช้หนังบำงขึงจะให้เสี ยงต่ำกว่ำกลองที่ใช้หนังหนำ
4 เส้นลวดที่มีสำยขนำดใหญ่จะสั่นสะเทือนช้ำทำให้เกิดเสี ยงต่ำ
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยกำรต่อหลอดไฟฟ้ ำทั้งแบบอนุกรม แบบขนำนและนำควำมรู ้
ไปใช้ประโยชน์ (ว 5.1 ป.6/4)
4
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยกำรเกิดลมและนำควำมรู ้ไปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจำวัน (ว 6.1 ป.5/4)
58.
ข้ อ เฉลย เหตุผล
1 1 อำหำรที่พืชสร้ำงจำกกระบวนกำรสังเครำะห์ดว้ ยแสงถูกลำเลียงให้แก่เซลล์ต่ำง ๆ
ทัว่ ลำต้นและรำกผ่ำนทำงท่อลำเลียงอำหำร และเข้ำสู่ เซลล์อื่น ๆ ภำยในลำต้น
ด้วยวิธีกำรแพร่
2 3 ลำต้นและใบของพืช โดยทัว่ ไปมีสีเขียว แต่ถำ้ พืชไม่ได้รับแสง ลำต้นและใบจะเปลี่ยน
เป็ นสี เหลือง เนื่ องจำกพืชไม่เกิดกระบวนกำรสังเครำะห์ดว้ ยแสง ทำให้พืช-
ไม่สร้ำงอำหำร พืชอำจตำยได้
3 2 เมื่อวำงกระถำงต้นถัว่ เขียวไว้ใกล้หน้ำต่ำงในห้องเรี ยน เป็ นเวลำ 5 วัน ลำต้นของ
ต้นถัว่ เขียวเอนไปทำงหน้ำต่ำงเพื่อรับแสง เป็ นกำรตอบสนองต่อแสงของต้นถัว่ เขียว
4 4 กำรเต้นรำเป็ นวงคล้ำยเลข 8 ของผึ้ง เป็ นพฤติกรรมกำรแสดงออกของผึ้ง
ที่บอกแหล่งอำหำรและระยะทำงจำกรังถึงแหล่งอำหำรให้กบั ผึ้งตัวอื่น ๆ
5 2 เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ คือ เกสรเพศผู ้ ได้แก่ หมำยเลข 3
เซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย คือ เกสรเพศเมีย ได้แก่ หมำยเลข 9
ส่ วนหมำยเลข 1 คือ อับเรณู หมำยเลข 2 คือ ก้ำนชูอบั เรณู
หมำยเลข 4 คือ กลีบดอก หมำยเลข 5 คือ กลีบเลี้ยง
หมำยเลข 6 คือ ยอดเกสรเพศเมีย หมำยเลข 7 คือ ก้ำนเกสรเพศเมีย
หมำยเลข 8 คือ รังไข่ หมำยเลข 10 คือ ฐำนดอก
6 4 ใบของต้นตำยใบเป็ น และใบของกุหลำบหิน สำมำรถนำมำปักชำ
เป็ นกำรขยำยพันธุ์โดยกำรแตกต้นใหม่จำกใบของพืช
7 2 หลังกำรปฏิสนธิ ของพืช ไข่เจริ ญเป็ นต้นอ่อนในเมล็ด ออวุลเจริ ญเป็ นเมล็ด
และรังไข่เจริ ญเป็ นผล
8 4 หลักกำรคัดเลือกพ่อและแม่พนั ธุ์สัตว์เพื่อให้ได้ลูกพันธุ์ดีตำมที่ตอ้ งกำร
ต้องเลือกพ่อและแม่พนั ธุ์ที่มีลกั ษณะแข็งแรง มีสุขภำพดี ไม่พิกำร
มีลกั ษณะประจำพันธุ์ดีตำมที่ตอ้ งกำร และมีอำยุพนั ธุ์พอดี ไม่แก่หรื ออ่อนเกินไป
9 2 A = ไข่ยงุ B = ลูกน้ ำ C = ตัวโม่ง D = ยุงตัวเต็มวัย
ดังนั้น วัฏจักรชีวิตของผีเสื้ อในระยะตัวหนอน เทียบได้กบั ระยะลูกน้ ำ
ของวัฏจักรชีวิตของยุง
ข้ อ เฉลย เหตุผล
10 3 กำรแสดงส่ วนสู งหรื อมวล กับอำยุของมนุษย์ เป็ นกรำฟแสดงกำรเจริ ญเติบโต
ของมนุษย์ มีลกั ษณะเป็ นรู ปตัวเอส
11 2 ในขณะที่มีกำรหำยใจออก อำกำศจะผ่ำนทำงเดินหำยใจดังนี้
ถุงลม → แขนงขั้วปอด → ขั้วปอด → หลอดลม → โพรงจมูก
12 4 ขนมปั งปิ้ งทำเนยรำดนมข้นหวำนมีสำรอำหำรประเภทคำร์ โบโฮเดรตและไขมัน
เป็ นส่ วนมำก ดังนั้น ร่ ำงกำยจึงได้รับสำรอำหำรไม่ครบและไม่เพียงพอ
13 4 ลูกได้รับถ่ำยทอดลักษณะทำงพันธุ กรรมจำกพ่อและแม่
14 3 พืชแบ่งออกเป็ น 2 ประเภท คือ พืชดอกกับพืชไร้ดอก
โดยใช้อวัยวะในกำรสื บพันธุ์คือ ดอก เป็ นเกณฑ์
15 4 เต่ำ จระเข้ และมังกรโคโมโด เป็ นสัตว์เลื้อยคลำน
ส่ วนกบ เขียด และปำด เป็ นสัตว์สะเทินน้ ำสะเทินบก
ช้ำง สมัน แรด ควำย กูปรี และยีรำฟเป็ นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ ำนม
16 4 กลุ่มสิ่ งมีชีวติ ในแหล่งที่อยูม่ ีควำมสัมพันธ์กนั ดังนั้น ถ้ำมีกำรเปลี่ยนแปลงของ
สภำพแวดล้อมไปจำกเดิมอำจส่ งผลต่อระบบนิ เวศ ทำให้ระบบนิเวศเสี ยสมดุล
กำรดำรงชี วติ หรื อกำรอยูร่ อดของสิ่ งมีชีวติ หรื อปริ มำณของแก๊สออกซิ เจนที่ละลำย
ในน้ ำมีกำรเปลี่ยนแปลงไป
17 2 สำยใยอำหำรมี 3 โซ่อำหำรดังนี้
1. หญ้ำ → กระต่ำย → งู → สิ งโต
2. หญ้ำ → กวำง → สิ งโต
3. หญ้ำ → วัว → สิ งโต
ดังนั้น จำกโซ่อำหำร 1 หญ้ำเป็ นผูผ้ ลิต กระต่ำยเป็ นผูบ้ ริ โภคลำดับที่ 1
งูเป็ นผูบ้ ริ โภคลำดับที่ 2 และสิ งโตเป็ นผูบ้ ริ โภคลำดับที่ 3
18 3 กำรเผำหญ้ำบนดิน ทำให้ธำตุอำหำรที่สะสมอยูบ่ ริ เวณดินชั้นบนถูกทำลำยไป
ทำให้ดินเสื่ อมคุณภำพ
19 4 กำรปลูกผักสวนครัวแบบกำงมุง้ เพื่อป้ องกันแมลงที่เป็ นศัตรู พืช ทำให้ลดกำรใช้
สำรกำจัดแมลงศัตรู พืช
20 1 1. วัสดุ E ขูดกับวัสดุ F แล้ววัสดุ E เกิดรอย แสดงว่ำ E มีควำมแข็งน้อยกว่ำ F
2. วัสดุ F ขูดกับวัสดุ G แล้ววัสดุ G เกิดรอย แสดงว่ำ G มีควำมแข็งน้อยกว่ำ F
3. วัสดุ E ขูดกับวัสดุ G แล้ววัสดุ E เกิดรอย แสดงว่ำ E มีควำมแข็งน้อยกว่ำ G
ดังนั้น เรี ยงลำดับควำมแข็งของวัสดุ E F และ G ดังนี้ E < G < F
ข้ อ เฉลย เหตุผล
21 3 ตะเกียบ ทำมำจำกไม้ หรื อพลำสติก หรื อโลหะ มีสมบัติดำ้ นควำมแข็ง
เข็มเย็บผ้ำ ทำมำจำกโลหะ มีสมบัติดำ้ นควำมแข็ง
ส่ วนถุงมือยำง ยำงรถยนต์ สำยยำง ยำงรัดของ ลูกโป่ ง และบอลลูน
ทำมำจำกยำง มีสมบัติดำ้ นควำมยืดหยุน่
22 2 น้ ำมันพืช น้ ำส้มสำยชู เอทิลแอลกอฮอล์ มีสถำนะเป็ นของเหลว
ส่ วน 1. น้ ำมันก๊ำด (ของเหลว) ด่ำงทับทิม (ของแข็ง) แก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์ (แก๊ส)
3. น้ ำกลัน่ และน้ ำเกลือ (ของเหลว) น้ ำตำลทรำย (ของแข็ง)
4. ผงชอล์ก และกำรบูร (ของแข็ง) ซอสปรุ งรส (ของเหลว)
23 4 ก่อนใช้สำรทุกประเภท ควรอ่ำนฉลำกและวิธีใช้ให้เข้ำใจก่อนนำมำใช้งำน
และปฏิบตั ิตำมอย่ำงเคร่ งครัด เป็ นวิธีกำรใช้สำรในชีวิตประจำวันอย่ำงถูกต้อง
และปลอดภัย
24 3 กำรเกิดภำวะโลกร้อนทำให้น้ ำแข็งบริ เวณขั้วโลกเกิดกำรหลอมเหลว
เป็ นกำรเปลี่ยนสถำนะของสำรจำกน้ ำแข็ง (ของแข็ง) เป็ นน้ ำ (ของเหลว)
25 4 A และ B ออกแรงรวมกันเท่ำกับ 5 + 3 = 8 นิวตัน
ดังนั้น C จึงต้องออกแรงเท่ำกับ 8 นิวตัน จึงทำให้ผลลัพธ์ของแรงเท่ำกับ 0 นิวตัน
26 1 น้ ำมีแรงดันเช่นเดียวกับอำกำศ น้ ำยิง่ มีระดับลึก ควำมดันของน้ ำยิง่ เพิม่ ขึ้น
27 1 แผ่นฟอยล์ A ที่พบั เป็ นแผ่นเล็ก จะจมดิ่งลงไปในน้ ำ
ส่ วนแผ่นฟอยล์ B ที่แผ่และปลำยโค้งตั้งขึ้นเป็ นขอบ จะลอยน้ ำได้ดีที่สุด
แผ่นฟอยล์ C ที่ขยำเป็ นก้อนกลม จะลอยน้ ำได้และมีบำงส่ วนจมอยูใ่ นน้ ำ
28 4 พื้นผิวของวัตถุมีผวิ ขรุ ขระ เพื่อเพิ่มแรงเสี ยดทำน ทำให้ไม่เกิดกำรลื่นล้มง่ำย
29 2 เมื่อแสงตกกระทบผิวสะท้อนไม่วำ่ จะเป็ นผิวรำบหรื อโค้ง กำรสะท้อนของแสง
จะต้องเป็ นไปตำมกฎกำรสะท้อนเสมอ คือ
1. รังสี ตกกระทบ รังสี สะท้อน และเส้นปกติอยูใ่ นระนำบเดียวกัน
2. มุมตกกระทบเท่ำกับมุมสะท้อน ณ ตำแหน่งที่แสงตกกระทบ
30 3 ตัวกลำงโปร่ งใส คือ วัตถุที่ยอมให้แสงผ่ำนได้หมด
ตัวกลำงโปร่ งแสง คือ วัตถุที่ยอมให้แสงผ่ำนได้บำงส่ วน
วัตถุทึบแสง คือ วัตถุที่ไม่ยอมให้แสงผ่ำนได้
ดังนั้น A คือ กระจกใส และ B คือ ผ้ำขำวบำง
31 4 เมื่อแสงเคลื่อนที่จำกอำกำศไปยังแก้ว แสงจะหักเหออกจำกผิวหน้ำของแก้ว
32 1 เซลล์สุริยะเป็ นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงำนแสงอำทิตย์เป็ นพลังงำนไฟฟ้ ำ
33 3 แถบสี ม่วงจะเกิดที่ขอบส่ วนหนำของปริ ซึมเสมอ
ข้ อ เฉลย เหตุผล
34 2 เสี ยงเคลื่อนที่ผำ่ นตัวกลำงที่เป็ นของแข็งได้เร็ วกว่ำของเหลว และแก๊ส
35 3 ควำมดังของเสี ยงได้แก่ เสี ยงดัง และเสี ยงค่อย
ควำมดังของแหล่งกำเนิดเสี ยงบำงชนิด เช่น
เสี ยงฝนตกต่ำกว่ำ 60 เดซิ เบล เสี ยงกระซิ บ 20 เดซิ เบล
เสี ยงเครื่ องบิน 140 เดซิเบล เสี ยงกรอบแกรบของใบไม้ 10 เดซิเบล
36 1 เรื อหำปลำมีอุปกรณ์ที่ใช้หลักกำรของเสี ยงสะท้อนกลับในกำรดักจับปลำ
หรื อวัตถุใต้น้ ำเช่นเดียวกับที่คำ้ งคำวใช้เสี ยงสะท้อนกลับในกำรหำเหยือ่
อุปกรณ์ที่ใช้หลักกำรของเสี ยงสะท้อนกลับเรี ยกว่ำ โซนำร์
37 3 วงจรไฟฟ้ ำอย่ำงง่ำยมีส่วนประกอบพื้นฐำน 3 ส่ วน ได้แก่
1. แหล่งพลังงำนไฟฟ้ ำ ได้แก่ ถ่ำนไฟฉำย
2. อุปกรณ์ไฟฟ้ ำ เช่น หลอดไฟฟ้ ำ
3. สำยไฟ
38 4 วัตถุต่ำงชนิดกันนำไฟฟ้ ำได้แตกต่ำงกัน
วัตถุที่ไม่ให้ประจุไฟฟ้ ำไหลผ่ำนเรี ยก ฉนวนไฟฟ้ ำ เช่น ยำง พลำสติก แก้ว
39 1 กำรต่อเซลล์ไฟฟ้ ำแบบอนุกรม ทำให้หลอดไฟฟ้ ำมีควำมสว่ำงมำกที่สุด
40 2 ตัวอย่ำงประโยชน์ของแม่เหล็กไฟฟ้ ำใช้เป็ นส่ วนประกอบของมอเตอร์ ไฟฟ้ ำ
ใช้ในปั้ นจัน่ สำหรับแยกเศษโลหะออกจำกวัตถุอื่น
ใช้ในกำรเคลื่อนที่ของรถไฟควำมเร็ วสู ง
41 1 ดินที่มีลกั ษณะเนื้อดินละเอียดมำก แข็ง น้ ำไหลผ่ำนได้ยำก
เมื่อดินเปี ยกดินจะเหนียวติดมือ ลักษณะดังกล่ำวเป็ นลักษณะของดินเหนียว
ดังนั้น ดินเหนียวเหมำะในกำรเพำะปลูกข้ำว
42 4 ขณะเกิดฝนตก พบเมฆที่มีลกั ษณะสี ดำ ขนำดใหญ่ คือ เมฆคิวมูโลนิมบัส
43 4 ปั จจัยที่ทำให้เกิดวัฏจักรของน้ ำ ได้แก่ ควำมร้อนจำกดวงอำทิตย์ ลม มนุษย์
สัตว์ และพืช โดยลมช่วยพัดพำไอน้ ำในอำกำศทำให้น้ ำระเหยได้เร็ วขึ้น
44 2 ไซโครมิเตอร์ เป็ นเครื่ องมือที่ใช้วดั ควำมชื้นสัมพัทธ์
45 3 หิน A ได้แก่ หิ นแกรนิ ต ใช้ประโยชน์สำหรับปูพ้นื
ส่ วนหิ น B ได้แก่ หิ นอ่อน ใช้ประโยชน์สำหรับทำหิ นประดับ
ข้ อ เฉลย เหตุผล
46 2 กำรเย็นตัวของหิ นหนืดอย่ำงช้ำ ๆ ทำให้หินอัคนีที่เกิดมีลกั ษณะเนื้อหยำบ
และผลึกแร่ ขนำดใหญ่ ได้แก่ หิ นแกรนิต และหิ นแกบโบร
ส่ วนหิ นบะซอลต์ หินแอนดีไซด์ เป็ นหินอัคนี ที่มีเนื้อแน่น ละเอียด
หิ นอ่อน หิ นชนวน เป็ นหิ นแปร
หินดินดำน หิ นปูน เป็ นหินตะกอน
47 4 ธรณี พิบตั ิภยั หมำยถึง ภัยธรรมชำติที่เกิดจำกกระบวนกำรทำงธรณี วทิ ยำ เช่น
ภูเขำไฟปะทุ แผ่นดินไหว สึ นำมิ
48 4 ดำวเครำะห์นอ้ ยมีตำแหน่งอยูร่ ะหว่ำงวงโคจรของดำวอังคำรกับดำวพฤหัสบดี
49 1 ฤดูกำล เกิดจำกกำรที่โลกโคจรรอบดวงอำทิตย์โดยที่แกนหมุนของโลก
เอียงทำมุม 23.5 องศำ จำกแนวตั้งฉำกกับระนำบวงโคจรของโลก ส่ วนต่ำง ๆ บนโลก
จะได้รับแสงจำกดวงอำทิตย์ไม่เท่ำกัน ทำให้เกิดฤดูกำลต่ำง ๆ
50 3 ดำวเทียมไทยคม เป็ นดำวเทียมประเภทดำวเทียมสื่ อสำร
51 1 สำร A และสำร C เป็ นสำรประเภทเดียวกับแป้ งมัน เนื่องจำกเมื่อนำสำรมำหยด
3 ด้วยสำรละลำยไอโอดีนแล้วเปลี่ยนเป็ นสี ม่วงน้ ำเงินเข้ม
52 1 ถ้ำใช้กำรมีดอกของพืชเป็ นเกณฑ์ในกำรจำแนกพืช สำมำรถจำแนกพืชได้
4 เป็ นพืชไร้ดอกและพืชดอก พืชดอกสำมำรถแบ่งได้เป็ นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืช
ใบเลี้ยงคู่ โดยใช้ลกั ษณะของรำก ลำต้น และใบเป็ นเกณฑ์
ตาราง เปรี ยบเทียบลักษณะของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
ส่ วนทีเ่ ปรียบเทียบ พืชใบเลีย้ งเดี่ยว พืชใบเลีย้ งคู่
1. ใบเลี้ยง 1 ใบ 2 ใบ
2. รำก รำกฝอย รำกแก้ว
3. ข้อปล้องบริ เวณลำต้น ข้อปล้องเห็นชัดเจน ข้อปล้องเห็นไม่ชดั เจน
4. เส้นใบ เส้นใบเป็ นเส้นขนำน เส้นใบเป็ นร่ ำงแห
53 2 ฝอยทองกับต้นไม้ในป่ ำ มีควำมสัมพันธ์แบบภำวะปรสิ ต
โดยฝ่ ำยหนึ่งได้ประโยชน์คือ ฝอยทอง แต่อีกฝ่ ำยหนึ่งเสี ยประโยชน์คือ ต้นไม้ในป่ ำ
4 เหยีย่ วกับงู มีควำมสัมพันธ์แบบภำวะล่ำเหยือ่ โดยฝ่ ำยหนึ่ งได้ประโยชน์คือ เหยีย่ ว
ซึ่ งเป็ นผูล้ ่ำ แต่อีกฝ่ ำยหนึ่งเสี ยประโยชน์คือ งู ซึ่งเป็ นเหยื่อ
54 1 ตัวแปรต้น คือ สำรส้ม
4 ตัวแปรตำม คือ กำรตกตะกอนของของเหลวชนิดต่ำง ๆ เมื่อใช้สำรส้ม
ข้ อ เฉลย เหตุผล
55 1 สำรละลำยเจนเชียนไวโอเลตใช้ทดสอบประเภทของกรด
3 โดยกรดอินทรี ยห์ รื อกรดจำกพืชหรื อสัตว์ เมื่อหยดสำรละลำยเจนเชียนไวโอเลต
จะไม่เปลี่ยนสี ยังคงมีสีม่วง
ส่ วนกรดอนินทรี ยห์ รื อกรดแร่ ธำตุ มีฤทธิ์ กดั กร่ อนมำกกว่ำกรดอินทรี ยห์ รื อกรดจำก
พืชหรื อสัตว์
ดังนั้น เมื่อหยดสำรละลำยเจนเชียนไวโอเลตลงในกรดอนินทรี ย ์ เช่น สำรละลำย
กรดเกลือ สำรละลำยกรดกำมะถัน จึงเปลี่ยนสี ของสำรละลำยเป็ นสี เขียว
56 2 ระดับเสี ยงได้แก่ เสี ยงสู ง เสี ยงต่ำ ระดับเสี ยงสำมำรถเปลี่ยนแปลงได้
4 โดยกำรเปลี่ยนควำมหนำของวัตถุที่สั่นและควำมยำวของวัตถุที่สั่น
57 2 กำรต่อหลอดไฟฟ้ ำแบบอนุกรม ถ้ำหลอดไฟฟ้ ำในวงจรดวงหนึ่งเสี ย
3 หลอดไฟฟ้ ำที่เหลือในวงจรจะดับด้วย
58 1 ลมทะเล คือ ลมที่พดั จำกทะเลเข้ำสู่ ฝั่ง เกิดในเวลำกลำงวัน เนื่ องจำกพื้นดิน
4 รับควำมร้อนได้เร็ วกว่ำพื้นน้ ำ อำกำศเหนื อพื้นดินร้อนกว่ำอำกำศเหนื อพื้นน้ ำ
อำกำศจึงเคลื่อนที่จำกทะเลเข้ำสู่ ฝั่ง
59 3 ส่ วนประกอบของดิน ได้แก่ หิ นและแร่ เป็ นวัตถุตน้ กำเนิดดิน
4 ซำกพืช ซำกสัตว์เป็ นฮิวมัส และมีน้ ำและอำกำศแทรกอยูใ่ นช่องว่ำงระหว่ำงเม็ดดิน
60 1 กำรทรำบค่ำมุมบอกทิศ และมุมเงย เพื่อให้สำมำรถสังเกตตำแหน่งของดวงดำว
3 ที่ตอ้ งกำรศึกษำบนท้องฟ้ ำได้ถูกต้อง