You are on page 1of 35

ชุดที่ 1

แบบทดสอบวัดผลสั มฤทธิ์ทางการเรียนเตรียมสอบ O-NET


กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 6

ส่ วนที่ 1 : แบบปรนัย 4 ตัวเลือก แต่ละข้อมีคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงคำตอบเดียว


จำนวน 50 ข้อ ข้อละ 1 คะแนน รวม 50 คะแนน

ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยหน้ำที่ของท่อลำเลียงและปำกใบของพืช (ว 1.1 ป.4/1)

1. อำหำรที่พืชสร้ำงจำกกระบวนกำรสังเครำะห์ดว้ ยแสงถูกลำเลียงเข้ำสู่ เซลล์อื่น ๆ ภำยในลำต้น


ด้วยวิธีกำรในข้อใด
1 กำรแพร่
2 กำรหำยใจ
3 กำรละลำย
4 กำรคำยน้ ำ

ตัวชี้วดั อธิ บำยน้ ำ แก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์ แสง และคลอโรฟิ ลล์ เป็ นปัจจัยที่จำเป็ นบำงประกำร
ต่อกำรเจริ ญเติบโตและกำรสังเครำะห์ดว้ ยแสงของพืช (ว 1.1 ป.4/2)

2. ถ้ำครอบต้นหญ้ำบริ เวณหนึ่งด้วยกล่องกระดำษเป็ นระยะเวลำ 10 วัน พบว่ำลำต้นและใบ


เปลี่ยนเป็ นสี เหลือง ทั้งนี้เนื่ องมำจำกต้นหญ้ำได้รับปัจจัยในข้อใดไม่ เพียงพอ
1 น้ ำ
2 ดิน
3 แสง
4 อำกำศ
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยกำรตอบสนองของพืชต่อแสง เสี ยงและกำรสัมผัส (ว 1.1 ป.4/3)

3. วำงกระถำงต้นถัว่ เขียวไว้ใกล้หน้ำต่ำงในห้องเรี ยน เป็ นเวลำ 5 วัน


ข้อใดเป็ นกำรตอบสนองต่อแสงของต้นถัว่ เขียว
1 ดอกของต้นถัว่ เขียวบำนในเวลำสำย
2 ลำต้นของต้นถัว่ เขียวเอนไปทำงหน้ำต่ำง
3 ใบของต้นถัว่ เขียวหุ บ เมื่อต้นถัว่ เขียวได้รับแสง
4 รำกของต้นถัว่ เขียวงอกขึ้นมำเหนื อดินในกระถำง

ตัวชี้วดั อธิ บำยพฤติกรรมของสัตว์ที่ตอบสนองต่อแสง อุณหภูมิ กำรสัมผัสและนำควำมรู ้ไปใช้


ประโยชน์ (ว 1.1 ป.4/4)

4. ขณะกำลังเดินในสวนดอกไม้ สังเกตเห็นผึ้งมีพฤติกรรมเต้นรำเป็ นวงคล้ำยเลข 8


พฤติกรรมของผึ้งดังกล่ำวเป็ นกำรสื่ อควำมหมำยในข้อใด
1 ข่มขู่ศตั รู ที่บุกรุ กรัง
2 เกี้ยวพำรำสี ผ้ งึ นอกถิ่น
3 แสดงอำณำเขตหรื อเส้นทำงกำรบิน
4 บอกแหล่งอำหำรและระยะทำงจำกรังถึงแหล่งอำหำร
ตัวชี้วดั สังเกตและระบุส่วนประกอบของดอกและโครงสร้ำงที่เกี่ยวข้องกับกำรสื บพันธุ์ของพืชดอก
(ว 1.1 ป.5/1)

5. ส่ วนประกอบของดอกในข้อใดเป็ นส่ วนที่ทำหน้ำที่สร้ำงเซลล์สืบพันธุ์เพศผูแ้ ละเพศเมีย

เซลล์ สืบพันธุ์เพศผู้ เซลล์ สืบพันธุ์เพศเมีย


1 หมำยเลข 1 หมำยเลข 6
2 หมำยเลข 3 หมำยเลข 9
3 หมำยเลข 4 หมำยเลข 10
4 หมำยเลข 5 หมำยเลข 3
ตัวชี้วดั อธิบำยกำรสื บพันธุ์ของพืชดอก กำรขยำยพันธุ์พืช และนำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์
(ว 1.1 ป.5/2)

6. ใบของพืชในข้อใดสำมำรถนำไปขยำยพันธุ์ได้
1 พลูด่ำง สัก
2 ผักกำดหอม กล้วย
3 ส้มเขียวหวำน มันฝรั่ง
4 ต้นตำยใบเป็ น กุหลำบหิน

ตัวชี้วดั อธิบำยวัฏจักรชีวติ ของพืชดอกบำงชนิด (ว 1.1 ป.5/3)

7. หลังกำรปฏิสนธิ ของพืช ส่ วนประกอบในข้อใดของดอกมะม่วงที่จะเจริ ญเป็ นผลมะม่วง


1 ไข่
2 รังไข่
3 ออวุลในรังไข่
4 ต้นอ่อนในเมล็ด

ตัวชี้วดั อธิบำยกำรสื บพันธุ์และกำรขยำยพันธุ์ของสัตว์ (ว 1.1 ป.5/4)

8. ถ้ำต้องกำรเพำะเลี้ยงวัวนมพันธุ์ดี จะมีวธิ ี กำรคัดเลือกพ่อและแม่พนั ธุ์ววั ตำมข้อใด


จึงเหมำะสมที่สุด
1 คัดเลือกพ่อพันธุ์และแม่พนั ธุ์ที่มีอำยุมำกทั้งคู่
2 คัดเลือกพ่อพันธุ์ที่มีอำยุมำก และแม่พนั ธุ์ที่มีเต้ำนมใหญ่
3 คัดเลือกพ่อพันธุ์ที่มีลกั ษณะเต้ำนมใหญ่ และแม่พนั ธุ์ที่มีอำยุมำก
4 คัดเลือกพ่อพันธุ์ที่มีลกั ษณะแข็งแรง และแม่พนั ธุ์ที่มีลกั ษณะให้น้ ำนมมำก
ตัวชี้วดั อภิปรำยวัฏจักรชีวติ ของสัตว์บำงชนิด และนำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์ (ว 1.1 ป.5/5)

9. ตัวหนอนของผีเสื้ อเทียบได้กบั วัฏจักรชีวติ ของยุงในระยะใด


A

D B

C
วัฏจักรชีวติ ของยุง

1 ระยะ A
2 ระยะ B
3 ระยะ C
4 ระยะ D
ตัวชี้วดั อธิ บำยกำรเจริ ญเติบโตของมนุษย์จำกวัยแรกเกิดจนถึงวัยผูใ้ หญ่ (ว 1.1 ป.6/1)

10. กรำฟในข้อใดแสดงกำรเจริ ญเติบโตของมนุษย์


1

4
ตัวชี้วดั อธิบำยกำรทำงำนที่สัมพันธ์กนั ของระบบย่อยอำหำร ระบบหำยใจ และระบบหมุนเวียน
เลือดของมนุษย์ (ว 1.1 ป.6/2)

11. ในขณะที่มีกำรหำยใจออก อำกำศจะผ่ำนทำงเดินหำยใจเรี ยงลำดับตำมข้อใด

A. ขั้วปอด B. โพรงจมูก C. หลอดลม D. ถุงลม E. แขนงขั้วปอด

1 B C A D E
2 D E A C B
3 E D C A B
4 A E D C D

ตัวชี้วดั วิเครำะห์สำรอำหำรและอภิปรำยควำมจำเป็ นที่ร่ำงกำยต้องได้รับสำรอำหำรในสัดส่ วน


ที่เหมำะสมกับเพศและวัย (ว 1.1 ป.6/3)

12. ถ้ำรับประทำนขนมปั งปิ้ งทำเนยรำดนมข้นหวำนเป็ นอำหำรเช้ำเพียงอย่ำงเดียวจนอิ่ม


ร่ ำงกำยจะได้รับสำรอำหำรเพียงพอหรื อไม่
1 เพียงพอ เพรำะเป็ นอำหำรที่มีเกลือแร่ วิตำมิน และโปรตีนครบ
2 เพียงพอ เพรำะเป็ นอำหำรที่ให้คำร์ โบไฮเดรต และพลังงำนสู ง
3 ไม่เพียงพอ เพรำะเป็ นอำหำรที่มีเฉพำะวิตำมินและโปรตีนเป็ นส่ วนมำก
4 ไม่เพียงพอ เพรำะเป็ นอำหำรที่มีเฉพำะคำร์ โบไฮเดรตและไขมันเป็ นส่ วนมำก
ตัวชี้วดั สำรวจ เปรี ยบเทียบ และระบุลกั ษณะของตนเองกับคนในครอบครัว (ว 1.2 ป.5/1)
อธิ บำยกำรถ่ำยทอดลักษณะทำงพันธุ กรรมของสิ่ งมีชีวิตในแต่ละรุ่ น (ว 1.2 ป.5/2)

13. ตาราง ลักษณะทำงพันธุ กรรมของบุคคลต่ำง ๆ


บุคคล
ลักษณะทาง
คุณครู
พันธุกรรม ลูกสาว ผู้ใหญ่ บ้าน พีส่ าว พีช่ าย พ่ อ แม่
ประจาชั้น
ลักษณะเส้นผม ผมตรง ผมตรง ผมตรง ผมตรง ผมหยักศก ผมตรง ผมหยักศก
ลักษณะจมูก จมูกโด่ง จมูกแบน จมูกโด่ง จมูกแบน จมูกแบน จมูกแบน จมูกโด่ง
ลักษณะหนังตำ ชั้นเดียว ชั้นเดียว ชั้นเดียว ชั้นเดียว ชั้นเดียว ชั้นเดียว ชั้นเดียว
สี ผิว คล้ ำ ขำว คล้ ำ คล้ ำ ขำว คล้ ำ ขำว

จำกตำรำง ลูกสำวได้รับกำรถ่ำยทอดลักษณะทำงพันธุ กรรมจำกข้อใด


1 ผูใ้ หญ่บำ้ นและคุณครู ประจำชั้น
2 คุณครู ประจำชั้นและพี่สำว
3 พี่สำวและพี่ชำย
4 พ่อและแม่

ตัวชี้วดั จำแนกพืชออกเป็ นพืชดอกและพืชไม่มีดอก (ว 1.2 ป.5/3)

14. ข้อใดเป็ นเกณฑ์ที่ใช้ในกำรจำแนกควำมแตกต่ำงระหว่ำงพืชไร้ดอกกับพืชมีดอก


1 มีกำรหำยใจ
2 มีกำรสร้ำงอำหำร
3 มีอวัยวะในกำรสื บพันธุ์
4 มีส่วนประกอบของพืชครบทุกส่ วนประกอบ
ตัวชี้วดั จำแนกสัตว์ออกเป็ นกลุ่ม โดยใช้ลกั ษณะภำยในบำงลักษณะและลักษณะภำยนอกเป็ นเกณฑ์
(ว 1.2 ป.5/5)

15. สัตว์ในข้อใดเป็ นสัตว์เลื้อยคลำนทั้งหมด


1 กบ เขียด ปำด
2 ช้ำง สมัน แรด
3 ควำย กูปรี ยีรำฟ
4 เต่ำ จระเข้ มังกรโคโมโด

ตัวชี้วดั สำรวจและอภิปรำยควำมสัมพันธ์ของกลุ่มสิ่ งมีชีวติ ในแหล่งที่อยูต่ ่ำง ๆ (ว 2.1 ป.6/1)

16. ถ้ำปิ ดฝำตูป้ ลำไว้เป็ นระยะเวลำ 3 เดือน จะมีสิ่งใดเกิดขึ้นหรื อไม่ อย่ำงไร จงกำหนดปั ญหำที่อำจเกิดขึ้น

1 ระบบนิเวศในตูป้ ลำเสี ยสมดุลหรื อไม่


2 สัตว์ชนิดใดมีชีวิตรอดอยูไ่ ด้นำนที่สุด
3 ปริ มำณแก๊สออกซิ เจนในน้ ำลดลงหรื อไม่
4 เป็ นไปได้ท้ งั ข้อ 1 2 และ 3
ตัวชี้วดั อธิ บำยควำมสัมพันธ์ของสิ่ งมีชีวติ กับสิ่ งมีชีวติ ในรู ปของโซ่อำหำรและสำยใยอำหำร
(ว 2.1 ป.6/2)

17.
สิ งโต

งู

กวาง วัว

กระต่ าย

หญ้า

สายใยอาหาร
จำกสำยใยอำหำร งูจดั เป็ นสิ่ งมีชีวติ ประเภทใด
1 ผูบ้ ริ โภคลำดับที่ 1
2 ผูบ้ ริ โภคลำดับที่ 2
3 ผูย้ อ่ ยสลำย
4 ผูผ้ ลิต

ตัวชี้วดั สื บค้นข้อมูลและอภิปรำยแหล่งทรัพยำกรธรรมชำติในแต่ละท้องถิ่นที่เป็ นประโยชน์ต่อ


กำรดำรงชีวติ (ว 2.2 ป.6/1)
วิเครำะห์ผลของกำรเพิ่มขึ้นของประชำกรมนุษย์ต่อกำรใช้ทรัพยำกรธรรมชำติ (ว 2.2 ป.6/2)
อภิปรำยผลต่อสิ่ งมีชีวติ จำกกำรเปลี่ยนแปลงสิ่ งแวดล้อมทั้งโดยธรรมชำติและโดยมนุษย์
(ว 2.2 ป.6/3)

18. กำรเผำหญ้ำบนดินก่อให้เกิดผลเสี ยตำมข้อใด


1 ทำให้เกิดกำรพังทลำยของดิน
2 ทำให้น้ ำซึ มผ่ำนได้ยำก
3 ทำให้ดินเสื่ อมคุณภำพ
4 ทำให้ดินแห้งแข็ง
ตัวชี้วดั อภิปรำยแนวทำงในกำรดูแลรักษำทรัพยำกรธรรมชำติและสิ่ งแวดล้อม (ว 2.2 ป.6/4)
มีส่วนร่ วมในกำรดูแลรักษำสิ่ งแวดล้อมในท้องถิ่น (ว 2.2 ป.6/5)

19. กำรปลูกผักสวนครัวแบบกำงมุง้ มีประโยชน์อย่ำงไร


1 ลดกำรใช้น้ ำในกำรรดน้ ำ
2 ลดกำรใช้สำรกำจัดวัชพืช
3 ลดกำรใช้ดินในกำรเพำะปลูก
4 ลดกำรใช้สำรกำจัดแมลงศัตรู พืช

ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยสมบัติของวัสดุชนิดต่ำง ๆ เกี่ยวกับควำมยืดหยุน่ ควำมแข็ง


ควำมเหนียว กำรนำควำมร้อน กำรนำไฟฟ้ ำ และควำมหนำแน่น (ว 3.1 ป.5/1)

20. ตาราง ผลกำรทดสอบควำมแข็งของวัสดุบำงชนิด


การทดสอบ ผลการทดสอบความแข็ง
วัสดุ E ขูดกับวัสดุ F วัสดุ E เกิดรอย
วัสดุ F ขุดกับวัสดุ G วัสดุ G เกิดรอย
วัสดุ E ขูดกับวัสดุ G วัสดุ E เกิดรอย

จำกตำรำง วัสดุในข้อใดมีควำมแข็งมำกที่สุด และน้อยที่สุด


ความแข็งมากทีส่ ุ ด ความแข็งน้ อยทีส่ ุ ด
1 F E
2 G E
3 E G
4 E F

ตัวชี้วดั สื บค้นข้อมูลและอภิปรำยกำรนำวัสดุไปใช้ในชีวิตประจำวัน (ว 3.1 ป.5/2)

21. วัสดุในข้อใดมีสมบัติดำ้ นควำมยืดหยุน่ แตกต่ำงจำกพวก


1 ถุงมือยำง ยำงรถยนต์
2 สำยยำง ยำงรัดของ
3 ตะเกียบ เข็มเย็บผ้ำ
4 ลูกโป่ ง บอลลูน
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิบำยสมบัติของของแข็ง ของเหลว และแก๊ส (ว 3.1 ป.6/1)
จำแนกสำรเป็ นกลุ่มโดยใช้สถำนะหรื อเกณฑ์อื่นที่กำหนดเอง (ว 3.1 ป.6/2)

22. เมื่อจำแนกสำรโดยใช้สถำนะเป็ นเกณฑ์ สำรในข้อใดอยูใ่ นกลุ่มเดียวกัน


1 น้ ำมันก๊ำด ด่ำงทับทิม แก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์
2 น้ ำมันพืช น้ ำส้มสำยชู เอทิลแอลกอฮอล์
3 น้ ำกลัน่ น้ ำเกลือ น้ ำตำลทรำย
4 ผงชอล์ก กำรบูร ซอสปรุ งรส

ตัวชี้วดั อภิปรำยกำรเลือกใช้สำรแต่ละประเภทได้อย่ำงถูกต้องและปลอดภัย (ว 3.1 ป.6/5)


อภิปรำยกำรเปลี่ยนแปลงของสำรที่ก่อให้เกิดผลต่อสิ่ งมีชีวติ และสิ่ งแวดล้อม (ว 3.2 ป.6/3)

23. ข้อควำมใดกล่ำวถูกต้อง
1 สำรปรุ งรสอำหำรใส่ ลงในอำหำรเพื่อเพิม่ ปริ มำณอำหำรให้มำกขึ้น
2 สำรไวไฟควรใช้และเก็บใกล้กบั บริ เวณที่มีอุณหภูมิสูงเพื่อให้สมบัติของสำรคงเดิม
3 ผงซักฟอกเป็ นสำรที่ใช้ในกำรซักล้ำง สำมำรถนำมำใช้ทดแทนสบู่ในกำรทำควำมสะอำดร่ ำงกำยได้
4 ก่อนใช้สำรทุกประเภท ควรอ่ำนฉลำกและวิธีใช้ให้เข้ำใจก่อนนำมำใช้งำนและปฏิบตั ิตำมอย่ำงเคร่ งครัด

ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยสมบัติของสำรเมื่อสำรเกิดกำรละลำยและเปลี่ยนสถำนะ (ว 3.2 ป.6/1)


วิเครำะห์และอธิ บำยกำรเปลี่ยนแปลงที่ทำให้เกิดสำรใหม่และมีสมบัติเปลี่ยนแปลงไป
(ว 3.2 ป.6/2)

24. กำรเกิดภำวะโลกร้อนทำให้น้ ำแข็งบริ เวณขั้วโลกเกิดกำรหลอมเหลว เป็ นกำรเปลี่ยนแปลงของสำรในข้อใด


1 ตกตะกอน
2 เกิดสำรใหม่
3 เปลี่ยนสถำนะ
4 เกิดปฏิกิริยำเคมี
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิบำยกำรหำแรงลัพธ์ของแรงสองแรง ซึ่ งอยูใ่ นแนวเดียวกันที่กระทำต่อวัตถุ
(ว 4.1 ป.5/1)

25.

5 นิวตัน
3 นิวตัน

จำกภำพ C ต้องออกแรงเท่ำกับข้อใดจึงทำให้ผลลัพธ์ของแรงเท่ำกับ 0 นิวตัน


1 0 นิวตัน
2 3 นิวตัน
3 5 นิวตัน
4 8 นิวตัน

ตัวชี้วดั ทดลองและอธิบำยควำมดันอำกำศ (ว 4.1 ป.5/2)


ทดลองและอธิบำยควำมดันของของเหลว (ว 4.1 ป.5/3)

26. ข้อควำมใดกล่ำวถูกต้อง
1 น้ ำยิง่ ลึก ควำมดันน้ ำยิง่ มำก
2 น้ ำยิง่ ลึก ควำมดันน้ ำยิง่ น้อย
3 ยิง่ อยูส่ ู ง ควำมดันอำกำศยิง่ มำก
4 ควำมดันอำกำศ และควำมดันน้ ำในตำแหน่งที่เท่ำกันมีค่ำเท่ำกัน
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิบำยแรงพยุงของของเหลว กำรลอยตัว และกำรจมของวัตถุ (ว 4.1 ป.5/4)

27. ถ้ำพับแผ่นอะลูมิเนียมฟอยล์ที่มีขนำดเท่ำกัน ให้มีรูปทรงต่ำง ๆ กัน รู ปทรงในข้อใด


ที่มีผลทำให้แผ่นอะลูมิเนียมฟอยล์จมน้ ำ

A. ฟอยล์พบั ให้แน่นจนเล็ก B. ฟอยล์ที่แผ่และปลำย C. ฟอยล์ที่ขยำเป็ นก้อนกลม ๆ


โค้งตั้งขึ้นเป็ นขอบ

1 เฉพำะข้อ A
2 เฉพำะข้อ B
3 ข้อ A และ B
4 ข้อ B และ C

ตัวชี้วดั ทดลองและอธิบำยแรงเสี ยดทำนและนำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์ (ว 4.2 ป.5/1)

28. กระเบื้องปูพ้นื ห้องน้ ำ ควรเลือกที่มีพ้นื ผิวขรุ ขระเล็กน้อย เพื่อจุดประสงค์ในข้อใด


1 เพื่อให้ทำควำมสะอำดง่ำย
2 เพื่อให้พ้นื ห้องน้ ำดูสวยงำม
3 เพื่อให้เกิดแรงเสี ยดทำนน้อย
4 เพื่อให้ไม่ลื่นล้มเมื่อพื้นห้องน้ ำเปี ยก
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยกำรเคลื่อนที่ของแสงจำกแหล่งกำเนิด (ว 5.1 ป.4/1)
ทดลองและอธิบำยกำรสะท้อนของแสงที่ตกกระทบวัตถุ (ว 5.1 ป.4/2)

29.

O
ถ้ำแสงตกกระทบกระจกเงำเรี ยบในทิศทำงดังภำพ ข้อใดเป็ นรังสี สะท้อนที่เกิดขึ้น
1 รังสี OA
2 รังสี OB
3 รังสี OC
4 รังสี OD

ตัวชี้วดั ทดลองและจำแนกวัตถุตำมลักษณะกำรมองเห็นจำกแหล่งกำเนิดแสง (ว 5.1 ป.4/3)

30.
น้ ำกลัน่ กระดำษแก้วสี A กระดำนไม้ กระจกเงำ B

ตัวกลางโปร่ งใส ตัวกลางโปร่ งแสง วัตถุทบึ แสง


น้ ำกลัน่ B กระดำนไม้
A กระดำษแก้วสี กระจกเงำ

แผนภำพ กำรจำแนกประเภทชนิดของตัวกลำงกั้นแสง
จำกแผนภำพ A และ B ได้แก่ขอ้ ใด
A B
1 กระดำษลอกลำย น้ ำคลอง
2 แผ่นโฟม แผ่นพลำสติกใส
3 กระจกใส ผ้ำขำวบำง
4 คอนกรี ต กระจกฝ้ ำ
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิบำยกำรหักเหของแสงเมื่อผ่ำนตัวกลำงโปร่ งใสสองชนิด (ว 5.1 ป.4/4)

31. ภำพในข้อใดแสดงกำรหักเหของแสงที่ถูกต้อง
1

4
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิบำยกำรเปลี่ยนแสงเป็ นพลังงำนไฟฟ้ ำ และนำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์
(ว 5.1 ป.4/5)

32. ข้อควำมใดกล่ำวถูกต้อง
1 เซลล์สุริยะเป็ นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงำนแสงอำทิตย์เป็ นพลังงำนไฟฟ้ ำ
2 กำรใช้เซลล์สุริยะทำให้เกิดแก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์ในบรรยำกำศเพิ่มขึ้น
3 ในเวลำกลำงคืนไม่สำมำรถนำพลังงำนไฟฟ้ ำที่ผลิตจำกเซลล์สุริยะมำใช้ได้
4 แสงจำกไฟฉำยกับแสงจำกดวงอำทิตย์ทำให้เซลล์สุริยะผลิตกระแสไฟฟ้ ำได้ปริ มำณที่เท่ำกัน

ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยแสงขำวประกอบด้วยแสงสี ต่ำง ๆ และนำควำมรู ้ไปใช้ประโยชน์


(ว 5.1 ป.4/6)

33. แถบสี ในข้อใดจะเกิดที่ขอบส่ วนหนำของปริ ซึมเสมอ


1 เหลือง
2 เขียว
3 ม่วง
4 แดง

ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยกำรเกิดเสี ยงและกำรเคลื่อนที่ของเสี ยง (ว 5.1 ป.5/1)

34. ตาราง ควำมเร็ วของเสี ยงที่เคลื่อนที่ผำ่ นตัวกลำงต่ำงชนิดกันที่ระดับน้ ำทะเล


ชนิดของตัวกลาง ความเร็วของเสี ยงโดยประมาณ (เมตร/วินาที)
อำกำศ 340
น้ ำบริ สุทธิ์ 1,400
แผ่นไม้ 3,800
A 6,000
จำกตำรำง A คือตัวกลำงในข้อใด
1 สุ ญญำกำศ
2 หินแกรนิต
3 น้ ำทะเล
4 หมอก
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยกำรเกิดเสี ยงสู ง เสี ยงต่ำ (ว 5.1 ป.5/2)

35. คลื่นเสี ยงในข้อใดทำให้เกิดเสี ยงดัง


1 เสี ยงฝนตก
2 เสี ยงกระซิบ
3 เสี ยงเครื่ องบิน
4 เสี ยงกรอบแกรบของใบไม้

ตัวชี้วดั สำรวจและอภิปรำยอันตรำยที่เกิดขึ้นเมื่อฟังเสี ยงดังมำก ๆ (ว 5.1 ป.5/4)

36. กำรหำอำหำรของค้ำงคำวใช้หลักกำรสะท้อนกลับของเสี ยงเหมือนอุปกรณ์ในข้อใด


1 โซนำร์
2 ส้อมเสี ยง
3 โทรศัพท์
4 ออดไฟฟ้ ำ

ตัวชี้วดั ทดลองและอธิบำยกำรต่อวงจรไฟฟ้ ำอย่ำงง่ำย (ว 5.1 ป.6/1)

37. วงจรไฟฟ้ ำอย่ำงง่ำยประกอบด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้ ำในข้อใด


1 ถ่ำนไฟฉำย
2 ถ่ำนไฟฉำย และหลอดไฟฟ้ ำ
3 ถ่ำนไฟฉำย หลอดไฟฟ้ ำ และสำยไฟ
4 ถ่ำนไฟฉำย หลอดไฟฟ้ ำ มอเตอร์ และแอมมิเตอร์
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิบำยตัวนำไฟฟ้ ำและฉนวนไฟฟ้ ำ (ว 5.1 ป.6/2)

38.

ทดลองต่อวัตถุ A ในวงจรไฟฟ้ ำ วัตถุ A ในข้อใดเป็ นฉนวนไฟฟ้ ำ


1 ลวดเย็บกระดำษ
2 แผ่นอะลูมิเนียม
3 สร้อยเงิน
4 ยำงลบ

ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยกำรต่อเซลล์ไฟฟ้ ำแบบอนุกรม และนำควำมรู ้ไปใช้ประโยชน์


(ว 5.1 ป.6/3)

39. กำรต่อเซลล์ไฟฟ้ ำในข้อใดให้ควำมสว่ำงของหลอดไฟฟ้ ำมำกที่สุด


1

4
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยกำรเกิดสนำมแม่เหล็กรอบสำยไฟที่มีกระแสไฟฟ้ ำผ่ำน
และนำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์ (ว 5.1 ป.6/5)

40. ข้อใดเป็ นประโยชน์ของแม่เหล็กไฟฟ้ ำ


1 ใช้ในกำรเคลื่อนที่ของรถจักรยำน
2 ใช้เป็ นส่ วนประกอบของมอเตอร์ไฟฟ้ ำ
3 ใช้เป็ นส่ วนประกอบในวงจรไฟฟ้ ำอย่ำงง่ำย
4 ใช้ป้ ั นจัน่ แยกเศษแก้วออกจำกเศษลังกระดำษ

ตัวชี้วดั ระบุชนิดและสมบัติของดินที่ใช้ปลูกพืชในท้องถิ่น (ว 6.1 ป.4/2)

41. ถ้ำต้องกำรสำรวจชนิ ดของดินในท้องถิ่น โดยทำกำรขุดดินแล้วดินในท้องถิ่นมีลกั ษณะ ดังนี้

เนื้อดินละเอียดมำก แข็ง น้ ำไหลผ่ำนได้ยำก เมื่อดินเปี ยกดินจะเหนียวติดมือ

สมบัติของดินข้ำงต้น เหมำะที่จะเพำะปลูกพืชในข้อใด
1 ข้ำว
2 ผักกำดขำว
3 กระบองเพชร
4 มันสำปะหลัง

ตัวชี้วดั สำรวจ ทดลอง และอธิ บำยกำรเกิดเมฆ หมอก น้ ำค้ำง ฝน และลูกเห็บ (ว 6.1 ป.5/1)

42. ในเวลำเย็นขณะเดินทำงกลับบ้ำน เกิดฝนตกในหมู่บำ้ น เมื่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้ ำ


สำมำรถพบเห็นเมฆในข้อใด
1 เมฆคิวมูลสั
2 เมฆสเตรตัส
3 เมฆเซอร์ รัส
4 เมฆคิวมูโลนิมบัส
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยกำรเกิดวัฏจักรน้ ำ (ว 6.1 ป.5/2)

43. ลมมีผลต่อกำรเกิดวัฏจักรของน้ ำอย่ำงไร


1 ช่วยให้น้ ำไหลลงสู่ แม่น้ ำ
2 ช่วยให้ไอน้ ำกลำยเป็ นหยดน้ ำเร็ วขึ้น
3 ช่วยให้ไอน้ ำควบแน่นกลำยเป็ นหยดน้ ำ
4 ช่วยพัดพำไอน้ ำในอำกำศทำให้น้ ำระเหยได้เร็ วขึ้น

ตัวชี้วดั ออกแบบและสร้ำงเครื่ องมืออย่ำงง่ำยในกำรวัดอุณหภูมิ ควำมชื้น และควำมกดอำกำศ


(ว 6.1 ป.5/3)

44. เครื่ องมือในข้อใดที่ใช้วดั ควำมชื้นสัมพัทธ์ในอำกำศ


1 บำรอมิเตอร์
2 ไซโครมิเตอร์
3 เทอร์มอมิเตอร์
4 แอนนิมอมิเตอร์

ตัวชี้วดั อธิบำย จำแนกประเภทของหิ นโดยใช้ลกั ษณะของหิน สมบัติของหิ นเป็ นเกณฑ์


และนำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์ (ว 6.1 ป.6/1)

45.
ควำมร้อนและแรงกดดัน
A หินไนส์

ควำมร้อนและแรงกดดัน
หินปูน B

ข้อใดเป็ นประโยชน์ของหิ น A และ B


A B
1 ปูนขำว วัสดุขดั ถู
2 ครก ทำงรถไฟ
3 ปูพ้นื หินประดับ
4 แกะสลัก มุงหลังคำ
ตัวชี้วดั สำรวจและอธิบำยกำรเปลี่ยนแปลงของหิน (ว 6.1 ป.6/2)

46. เมื่อภูเขำไฟปะทุ ลำวำที่ไหลออกจำกรอยแตกของเปลือกโลกโดยไม่มีกำรปะทุรุนแรง


ไหลแผ่กระจำยไปบนพื้นผิวโลก แล้วค่อย ๆ แข็งตัว ทำให้เกิดหิ นในข้อใด
1 หินบะซอลต์ หินแอนดีไซด์
2 หินแกรนิต หินแกบโบร
3 หิ นอ่อน หินชนวน
4 หินดินดำน หินปูน

ตัวชี้วดั สื บค้นและอธิบำยธรณี พิบตั ิภยั ที่มีผลต่อมนุษย์และสภำพแวดล้อมในท้องถิ่น (ว 6.1 ป.6/3)

47. ข้อใดไม่ ใช่ ธรณี พิบตั ิภยั


1 สึ นำมิ
2 แผ่นดินไหว
3 ภูเขำไฟปะทุ
4 พำยุฝนฟ้ ำคะนอง

ตัวชี้วดั สร้ำงแบบจำลองเพื่ออธิบำยลักษณะของระบบสุ ริยะ (ว 7.1 ป.4/1)

48. ข้อใดกล่ำวถูกต้อง
1 ดำวเครำะห์แคระสำมำรถกะพริ บแสงได้
2 ดำวเสำร์ เป็ นดำวเครำะห์ที่มีขนำดใหญ่ที่สุดในระบบสุ ริยะ
3 ฝนดำวตกเกิดจำกสะเก็ดดำวที่ไม่สำมำรถลุกไหม้ในอำกำศ
4 ดำวเครำะห์นอ้ ยมีตำแหน่งอยูร่ ะหว่ำงวงโคจรของดำวอังคำรกับดำวพฤหัสบดี
ตัวชี้วดั สร้ำงแบบจำลองและอธิ บำยกำรเกิดฤดู ข้ำงขึ้น ข้ำงแรม สุ ริยปุ รำคำ จันทรุ ปรำคำ
และนำควำมรู้ไปใช้ประโยชน์ (ว 7.1 ป.6/1)

49. ปรำกฏกำรณ์ในข้อใดทำให้เกิดฤดูกำล
1 โลกโคจรรอบดวงอำทิตย์โดยที่แกนหมุนของโลกเอียงทำมุม 23.5 องศำ
จำกแนวตั้งฉำกกับระนำบวงโคจรของโลก
2 โลก ดวงอำทิตย์ และดวงจันทร์ เคลื่อนที่อยูใ่ นระนำบเส้นตรงเดียวกัน
3 ดวงอำทิตย์โคจรรอบโลกเป็ นเวลำ 1 ปี
4 ดวงจันทร์หมุนรอบโลก

ตัวชี้วดั สื บค้น อภิปรำยควำมก้ำวหน้ำและประโยชน์ของเทคโนโลยีอวกำศ (ว 7.2 ป.6/1)

50. ข้อใดเป็ นประโยชน์ที่ได้รับจำกดำวเทียมไทยคม

A. พยำกรณ์อำกำศในอีก 7 วันข้ำงหน้ำ
B. ดูถ่ำยทอดสดฟุตบอลโลก
C. โทรศัพท์หำคุณพ่อที่ทำงำนที่ต่ำงประเทศ

1 ข้อ A
2 ข้อ A และ B
3 ข้อ B และ C
4 ข้อ A และ C
ส่ วนที่ 2 : แบบเลือกตอบจำกแต่ละกลุ่มที่สัมพันธ์กนั จำนวน 10 ข้อ (ข้อ 51-60)
ข้อละ 2 คะแนน รวม 20 คะแนน
ตอบถูก 1 คำตอบ ได้ 1 คะแนน
ตอบถูก 2 คำตอบ ได้ 2 คะแนน

ตัวชี้วดั อธิ บำยน้ ำ แก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์ แสง และคลอโรฟิ ลล์ เป็ นปั จจัยที่จำเป็ นบำงประกำร
ต่อกำรเจริ ญเติบโต และกำรสังเครำะห์ดว้ ยแสงของพืช (ว 1.1 ป.4/2)

51. ตาราง ผลกำรทดสอบสำรชนิดต่ำง ๆ ด้วยสำรละลำยไอโอดีน

สี ของสารหลังหยด
ชนิดของสาร ลักษณะของสาร สี ของสารก่อนทดสอบ
สารละลายไอโอดีน
A เป็ นผงละเอียด สี เหลือง สี ม่วงน้ ำเงินเข้ม
B เป็ นผงแท่ง สี ดำ สี เหลืองน้ ำตำล
C เป็ นผงละเอียด สี ขำว สี ม่วงน้ ำเงินเข้ม
D เป็ นผงละเอียด สี ขำว สี เหลืองน้ ำตำล
จำกตำรำง สำรในข้อใดเป็ นสำรประเภทเดียวกับแป้ งมัน
1 สำร A
2 สำร B
3 สำร C
4 สำร D
ตัวชี้วดั ระบุลกั ษณะของพืชดอกที่เป็ นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่โดยใช้ลกั ษณะภำยนอก
เป็ นเกณฑ์ (ว 1.2 ป.5/4)

52. ถ้ำทำโครงงำนสำรวจพันธุ์พืชในท้องถิ่นพบ พืช A เจริ ญเติบโตบนพื้นดิน มีลกั ษณะเป็ นกอขนำดใหญ่


อยูร่ วมกัน ออกดอกเฉพำะในเวลำที่มีอำกำศเย็น ลำต้นแบ่งเป็ นข้อ ๆ ใบเรี ยว และเส้นใบขนำน
รำกมีลกั ษณะเป็ นรำกฝอย จำกลักษณะดังกล่ำว พืช A จัดเป็ นพืชในข้อใด
1 พืชดอก
2 พืชไร้ดอก
3 พืชใบเลี้ยงคู่
4 พืชใบเลี้ยงเดี่ยว

ตัวชี้วดั สื บค้นข้อมูลและอธิ บำยสัมพันธ์ระหว่ำงกำรดำรงชีวิตของสิ่ งมีชีวติ กับสภำพแวดล้อม


ในท้องถิ่น (ว 2.1 ป.6/3)

53. ควำมสัมพันธ์ของสิ่ งมีชีวติ ในข้อใดที่แสดงว่ำฝ่ ำยหนึ่งได้ประโยชน์ อีกฝ่ ำยหนึ่งเสี ยประโยชน์


1 โปรโตซัวในลำไส้ปลวก
2 ฝอยทองกับต้นไม้ในป่ ำ
3 รำกับสำหร่ ำยสี เขียว
4 เหยีย่ วกับงู

ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยวิธีกำรแยกสำรบำงชนิดที่ผสมกัน โดยกำรร่ อน กำรตกตะกอน


กำรกรอง กำรระเหิด กำรระเหยแห้ง (ว 3.1 ป.6/3)

54. สำรส้มมีผลต่อกำรตกตะกอนของของเหลวชนิ ดต่ำง ๆ หรื อไม่


จำกปั ญหำดังกล่ำว ตัวแปรต้นคือข้อใด และตัวแปรตำมคือข้อใด
1 สำรส้ม
2 สมบัติของสำรส้ม
3 ของเหลวชนิ ดต่ำง ๆ
4 กำรตกตะกอนของของเหลวชนิดต่ำง ๆ เมื่อใช้สำรส้ม
ตัวชี้วดั สำรวจและจำแนกประเภทของสำรต่ำง ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันโดยใช้สมบัติและกำรใช้
ประโยชน์ของสำรเป็ นเกณฑ์ (ว 3.1 ป.6/4)

55. ทดลองนำสำรละลำยกรดชนิ ดต่ำง ๆ ใส่ ในหลอดทดลอง หลอดละ 3 ลูกบำศก์เซนติเมตร


แล้วหยดสำรละลำยเจนเชียนไวโอเลตลงไป หลอดละ 1 หยด ดังภำพ

สำรละลำยเจนเชียนไวโอเลต 1 หยด

A B C D
3 cm3 3 cm3 3 cm3 3 cm3

จำกกำรทดลอง พบว่ำสำรละลำย A และ C มีสีม่วง ส่ วนสำรละลำย B และ D มีสีเขียว


สำรละลำย A และ C ได้แก่สำรละลำยในข้อใด
1 น้ ำมะกรู ด
2 สำรละลำยกรดเกลือ
3 สำรละลำยกรดแอซิติก
4 สำรละลำยกรดกำมะถัน

ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยเสี ยงดัง เสี ยงค่อย (ว 5.1 ป.5/3)

56. ข้อควำมใดกล่ำวถูกต้อง
1 ขลุ่ยที่มีขนำดใหญ่ให้เสี ยงสู งกว่ำขลุ่ยที่มีขนำดเล็ก
2 กำรปรับให้สำยซออูม้ ีควำมยำวสั้นลงทำให้เสี ยงสู งขึ้น
3 กลองที่ใช้หนังบำงขึงจะให้เสี ยงต่ำกว่ำกลองที่ใช้หนังหนำ
4 เส้นลวดที่มีสำยขนำดใหญ่จะสั่นสะเทือนช้ำทำให้เกิดเสี ยงต่ำ
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยกำรต่อหลอดไฟฟ้ ำทั้งแบบอนุกรม แบบขนำนและนำควำมรู ้
ไปใช้ประโยชน์ (ว 5.1 ป.6/4)

57. กำรต่อหลอดไฟฟ้ ำในวงจรไฟฟ้ ำในข้อใด ถ้ำหลอดไฟฟ้ ำในวงจรดวงหนึ่งเสี ย


หลอดไฟฟ้ ำที่เหลือในวงจรจะดับด้วย
1

4
ตัวชี้วดั ทดลองและอธิ บำยกำรเกิดลมและนำควำมรู ้ไปใช้ประโยชน์ในชีวติ ประจำวัน (ว 6.1 ป.5/4)

58.

จำกภำพ อธิ บำยกำรเกิดลมในข้อใด


1 อำกำศเหนื อพื้นดินร้อนกว่ำอำกำศเหนือพื้นน้ ำ
2 ลมอ่อนพัดจำกฝั่งไปสู่ ทอ้ งฟ้ ำและทะเล
3 ลมที่พดั จำกฝั่งออกไปสู่ ทะเล
4 ลมที่เกิดในเวลำกลำงวัน

ตัวชี้วดั สำรวจและอธิ บำยกำรเกิดดิน (ว 6.1 ป.4/1)

59. ข้อใดเป็ นส่ วนประกอบของดิน เมื่อทำกำรขุดดินบริ เวณสวนหลังโรงเรี ยน


1 ไส้เดือนดิน รังมด แมลง
2 ถุงพลำสติก กล่องโฟม
3 ซำกพืช ซำกสัตว์
4 หิ นและแร่
ตัวชี้วดั สังเกตและอธิบำยกำรเกิดทิศและปรำกฏกำรณ์กำรขึ้น-ตกของดวงดำวโดยใช้แผนที่ดำว
(ว 7.1 ป.5/1)

60. ถ้ำต้องกำรสังเกตตำแหน่งของดำวดวงหนึ่งบนท้องฟ้ ำ จะต้องทรำบค่ำในข้อใดบ้ำง


1 มุมเงย
2 มุมสะท้อน
3 มุมบอกทิศ
4 มุมตกกระทบ
ชุดที่ 1
เฉลยแบบทดสอบวัดผลสั มฤทธิ์ทางการเรียนเตรียมสอบ O-NET
กลุ่มสาระการเรียนรู้ วทิ ยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปี ที่ 6

ข้ อ เฉลย เหตุผล
1 1 อำหำรที่พืชสร้ำงจำกกระบวนกำรสังเครำะห์ดว้ ยแสงถูกลำเลียงให้แก่เซลล์ต่ำง ๆ
ทัว่ ลำต้นและรำกผ่ำนทำงท่อลำเลียงอำหำร และเข้ำสู่ เซลล์อื่น ๆ ภำยในลำต้น
ด้วยวิธีกำรแพร่
2 3 ลำต้นและใบของพืช โดยทัว่ ไปมีสีเขียว แต่ถำ้ พืชไม่ได้รับแสง ลำต้นและใบจะเปลี่ยน
เป็ นสี เหลือง เนื่ องจำกพืชไม่เกิดกระบวนกำรสังเครำะห์ดว้ ยแสง ทำให้พืช-
ไม่สร้ำงอำหำร พืชอำจตำยได้
3 2 เมื่อวำงกระถำงต้นถัว่ เขียวไว้ใกล้หน้ำต่ำงในห้องเรี ยน เป็ นเวลำ 5 วัน ลำต้นของ
ต้นถัว่ เขียวเอนไปทำงหน้ำต่ำงเพื่อรับแสง เป็ นกำรตอบสนองต่อแสงของต้นถัว่ เขียว
4 4 กำรเต้นรำเป็ นวงคล้ำยเลข 8 ของผึ้ง เป็ นพฤติกรรมกำรแสดงออกของผึ้ง
ที่บอกแหล่งอำหำรและระยะทำงจำกรังถึงแหล่งอำหำรให้กบั ผึ้งตัวอื่น ๆ
5 2 เซลล์สืบพันธุ์เพศผู้ คือ เกสรเพศผู ้ ได้แก่ หมำยเลข 3
เซลล์สืบพันธุ์เพศเมีย คือ เกสรเพศเมีย ได้แก่ หมำยเลข 9
ส่ วนหมำยเลข 1 คือ อับเรณู หมำยเลข 2 คือ ก้ำนชูอบั เรณู
หมำยเลข 4 คือ กลีบดอก หมำยเลข 5 คือ กลีบเลี้ยง
หมำยเลข 6 คือ ยอดเกสรเพศเมีย หมำยเลข 7 คือ ก้ำนเกสรเพศเมีย
หมำยเลข 8 คือ รังไข่ หมำยเลข 10 คือ ฐำนดอก
6 4 ใบของต้นตำยใบเป็ น และใบของกุหลำบหิน สำมำรถนำมำปักชำ
เป็ นกำรขยำยพันธุ์โดยกำรแตกต้นใหม่จำกใบของพืช
7 2 หลังกำรปฏิสนธิ ของพืช ไข่เจริ ญเป็ นต้นอ่อนในเมล็ด ออวุลเจริ ญเป็ นเมล็ด
และรังไข่เจริ ญเป็ นผล
8 4 หลักกำรคัดเลือกพ่อและแม่พนั ธุ์สัตว์เพื่อให้ได้ลูกพันธุ์ดีตำมที่ตอ้ งกำร
ต้องเลือกพ่อและแม่พนั ธุ์ที่มีลกั ษณะแข็งแรง มีสุขภำพดี ไม่พิกำร
มีลกั ษณะประจำพันธุ์ดีตำมที่ตอ้ งกำร และมีอำยุพนั ธุ์พอดี ไม่แก่หรื ออ่อนเกินไป
9 2 A = ไข่ยงุ B = ลูกน้ ำ C = ตัวโม่ง D = ยุงตัวเต็มวัย
ดังนั้น วัฏจักรชีวิตของผีเสื้ อในระยะตัวหนอน เทียบได้กบั ระยะลูกน้ ำ
ของวัฏจักรชีวิตของยุง
ข้ อ เฉลย เหตุผล
10 3 กำรแสดงส่ วนสู งหรื อมวล กับอำยุของมนุษย์ เป็ นกรำฟแสดงกำรเจริ ญเติบโต
ของมนุษย์ มีลกั ษณะเป็ นรู ปตัวเอส
11 2 ในขณะที่มีกำรหำยใจออก อำกำศจะผ่ำนทำงเดินหำยใจดังนี้
ถุงลม → แขนงขั้วปอด → ขั้วปอด → หลอดลม → โพรงจมูก
12 4 ขนมปั งปิ้ งทำเนยรำดนมข้นหวำนมีสำรอำหำรประเภทคำร์ โบโฮเดรตและไขมัน
เป็ นส่ วนมำก ดังนั้น ร่ ำงกำยจึงได้รับสำรอำหำรไม่ครบและไม่เพียงพอ
13 4 ลูกได้รับถ่ำยทอดลักษณะทำงพันธุ กรรมจำกพ่อและแม่
14 3 พืชแบ่งออกเป็ น 2 ประเภท คือ พืชดอกกับพืชไร้ดอก
โดยใช้อวัยวะในกำรสื บพันธุ์คือ ดอก เป็ นเกณฑ์
15 4 เต่ำ จระเข้ และมังกรโคโมโด เป็ นสัตว์เลื้อยคลำน
ส่ วนกบ เขียด และปำด เป็ นสัตว์สะเทินน้ ำสะเทินบก
ช้ำง สมัน แรด ควำย กูปรี และยีรำฟเป็ นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ ำนม
16 4 กลุ่มสิ่ งมีชีวติ ในแหล่งที่อยูม่ ีควำมสัมพันธ์กนั ดังนั้น ถ้ำมีกำรเปลี่ยนแปลงของ
สภำพแวดล้อมไปจำกเดิมอำจส่ งผลต่อระบบนิ เวศ ทำให้ระบบนิเวศเสี ยสมดุล
กำรดำรงชี วติ หรื อกำรอยูร่ อดของสิ่ งมีชีวติ หรื อปริ มำณของแก๊สออกซิ เจนที่ละลำย
ในน้ ำมีกำรเปลี่ยนแปลงไป
17 2 สำยใยอำหำรมี 3 โซ่อำหำรดังนี้
1. หญ้ำ → กระต่ำย → งู → สิ งโต
2. หญ้ำ → กวำง → สิ งโต
3. หญ้ำ → วัว → สิ งโต
ดังนั้น จำกโซ่อำหำร 1 หญ้ำเป็ นผูผ้ ลิต กระต่ำยเป็ นผูบ้ ริ โภคลำดับที่ 1
งูเป็ นผูบ้ ริ โภคลำดับที่ 2 และสิ งโตเป็ นผูบ้ ริ โภคลำดับที่ 3
18 3 กำรเผำหญ้ำบนดิน ทำให้ธำตุอำหำรที่สะสมอยูบ่ ริ เวณดินชั้นบนถูกทำลำยไป
ทำให้ดินเสื่ อมคุณภำพ
19 4 กำรปลูกผักสวนครัวแบบกำงมุง้ เพื่อป้ องกันแมลงที่เป็ นศัตรู พืช ทำให้ลดกำรใช้
สำรกำจัดแมลงศัตรู พืช
20 1 1. วัสดุ E ขูดกับวัสดุ F แล้ววัสดุ E เกิดรอย แสดงว่ำ E มีควำมแข็งน้อยกว่ำ F
2. วัสดุ F ขูดกับวัสดุ G แล้ววัสดุ G เกิดรอย แสดงว่ำ G มีควำมแข็งน้อยกว่ำ F
3. วัสดุ E ขูดกับวัสดุ G แล้ววัสดุ E เกิดรอย แสดงว่ำ E มีควำมแข็งน้อยกว่ำ G
ดังนั้น เรี ยงลำดับควำมแข็งของวัสดุ E F และ G ดังนี้ E < G < F
ข้ อ เฉลย เหตุผล
21 3 ตะเกียบ ทำมำจำกไม้ หรื อพลำสติก หรื อโลหะ มีสมบัติดำ้ นควำมแข็ง
เข็มเย็บผ้ำ ทำมำจำกโลหะ มีสมบัติดำ้ นควำมแข็ง
ส่ วนถุงมือยำง ยำงรถยนต์ สำยยำง ยำงรัดของ ลูกโป่ ง และบอลลูน
ทำมำจำกยำง มีสมบัติดำ้ นควำมยืดหยุน่
22 2 น้ ำมันพืช น้ ำส้มสำยชู เอทิลแอลกอฮอล์ มีสถำนะเป็ นของเหลว
ส่ วน 1. น้ ำมันก๊ำด (ของเหลว) ด่ำงทับทิม (ของแข็ง) แก๊สคำร์ บอนไดออกไซด์ (แก๊ส)
3. น้ ำกลัน่ และน้ ำเกลือ (ของเหลว) น้ ำตำลทรำย (ของแข็ง)
4. ผงชอล์ก และกำรบูร (ของแข็ง) ซอสปรุ งรส (ของเหลว)
23 4 ก่อนใช้สำรทุกประเภท ควรอ่ำนฉลำกและวิธีใช้ให้เข้ำใจก่อนนำมำใช้งำน
และปฏิบตั ิตำมอย่ำงเคร่ งครัด เป็ นวิธีกำรใช้สำรในชีวิตประจำวันอย่ำงถูกต้อง
และปลอดภัย
24 3 กำรเกิดภำวะโลกร้อนทำให้น้ ำแข็งบริ เวณขั้วโลกเกิดกำรหลอมเหลว
เป็ นกำรเปลี่ยนสถำนะของสำรจำกน้ ำแข็ง (ของแข็ง) เป็ นน้ ำ (ของเหลว)
25 4 A และ B ออกแรงรวมกันเท่ำกับ 5 + 3 = 8 นิวตัน
ดังนั้น C จึงต้องออกแรงเท่ำกับ 8 นิวตัน จึงทำให้ผลลัพธ์ของแรงเท่ำกับ 0 นิวตัน
26 1 น้ ำมีแรงดันเช่นเดียวกับอำกำศ น้ ำยิง่ มีระดับลึก ควำมดันของน้ ำยิง่ เพิม่ ขึ้น
27 1 แผ่นฟอยล์ A ที่พบั เป็ นแผ่นเล็ก จะจมดิ่งลงไปในน้ ำ
ส่ วนแผ่นฟอยล์ B ที่แผ่และปลำยโค้งตั้งขึ้นเป็ นขอบ จะลอยน้ ำได้ดีที่สุด
แผ่นฟอยล์ C ที่ขยำเป็ นก้อนกลม จะลอยน้ ำได้และมีบำงส่ วนจมอยูใ่ นน้ ำ
28 4 พื้นผิวของวัตถุมีผวิ ขรุ ขระ เพื่อเพิ่มแรงเสี ยดทำน ทำให้ไม่เกิดกำรลื่นล้มง่ำย
29 2 เมื่อแสงตกกระทบผิวสะท้อนไม่วำ่ จะเป็ นผิวรำบหรื อโค้ง กำรสะท้อนของแสง
จะต้องเป็ นไปตำมกฎกำรสะท้อนเสมอ คือ
1. รังสี ตกกระทบ รังสี สะท้อน และเส้นปกติอยูใ่ นระนำบเดียวกัน
2. มุมตกกระทบเท่ำกับมุมสะท้อน ณ ตำแหน่งที่แสงตกกระทบ
30 3 ตัวกลำงโปร่ งใส คือ วัตถุที่ยอมให้แสงผ่ำนได้หมด
ตัวกลำงโปร่ งแสง คือ วัตถุที่ยอมให้แสงผ่ำนได้บำงส่ วน
วัตถุทึบแสง คือ วัตถุที่ไม่ยอมให้แสงผ่ำนได้
ดังนั้น A คือ กระจกใส และ B คือ ผ้ำขำวบำง
31 4 เมื่อแสงเคลื่อนที่จำกอำกำศไปยังแก้ว แสงจะหักเหออกจำกผิวหน้ำของแก้ว
32 1 เซลล์สุริยะเป็ นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนพลังงำนแสงอำทิตย์เป็ นพลังงำนไฟฟ้ ำ
33 3 แถบสี ม่วงจะเกิดที่ขอบส่ วนหนำของปริ ซึมเสมอ
ข้ อ เฉลย เหตุผล
34 2 เสี ยงเคลื่อนที่ผำ่ นตัวกลำงที่เป็ นของแข็งได้เร็ วกว่ำของเหลว และแก๊ส
35 3 ควำมดังของเสี ยงได้แก่ เสี ยงดัง และเสี ยงค่อย
ควำมดังของแหล่งกำเนิดเสี ยงบำงชนิด เช่น
เสี ยงฝนตกต่ำกว่ำ 60 เดซิ เบล เสี ยงกระซิ บ 20 เดซิ เบล
เสี ยงเครื่ องบิน 140 เดซิเบล เสี ยงกรอบแกรบของใบไม้ 10 เดซิเบล
36 1 เรื อหำปลำมีอุปกรณ์ที่ใช้หลักกำรของเสี ยงสะท้อนกลับในกำรดักจับปลำ
หรื อวัตถุใต้น้ ำเช่นเดียวกับที่คำ้ งคำวใช้เสี ยงสะท้อนกลับในกำรหำเหยือ่
อุปกรณ์ที่ใช้หลักกำรของเสี ยงสะท้อนกลับเรี ยกว่ำ โซนำร์
37 3 วงจรไฟฟ้ ำอย่ำงง่ำยมีส่วนประกอบพื้นฐำน 3 ส่ วน ได้แก่
1. แหล่งพลังงำนไฟฟ้ ำ ได้แก่ ถ่ำนไฟฉำย
2. อุปกรณ์ไฟฟ้ ำ เช่น หลอดไฟฟ้ ำ
3. สำยไฟ
38 4 วัตถุต่ำงชนิดกันนำไฟฟ้ ำได้แตกต่ำงกัน
วัตถุที่ไม่ให้ประจุไฟฟ้ ำไหลผ่ำนเรี ยก ฉนวนไฟฟ้ ำ เช่น ยำง พลำสติก แก้ว
39 1 กำรต่อเซลล์ไฟฟ้ ำแบบอนุกรม ทำให้หลอดไฟฟ้ ำมีควำมสว่ำงมำกที่สุด
40 2 ตัวอย่ำงประโยชน์ของแม่เหล็กไฟฟ้ ำใช้เป็ นส่ วนประกอบของมอเตอร์ ไฟฟ้ ำ
ใช้ในปั้ นจัน่ สำหรับแยกเศษโลหะออกจำกวัตถุอื่น
ใช้ในกำรเคลื่อนที่ของรถไฟควำมเร็ วสู ง
41 1 ดินที่มีลกั ษณะเนื้อดินละเอียดมำก แข็ง น้ ำไหลผ่ำนได้ยำก
เมื่อดินเปี ยกดินจะเหนียวติดมือ ลักษณะดังกล่ำวเป็ นลักษณะของดินเหนียว
ดังนั้น ดินเหนียวเหมำะในกำรเพำะปลูกข้ำว
42 4 ขณะเกิดฝนตก พบเมฆที่มีลกั ษณะสี ดำ ขนำดใหญ่ คือ เมฆคิวมูโลนิมบัส
43 4 ปั จจัยที่ทำให้เกิดวัฏจักรของน้ ำ ได้แก่ ควำมร้อนจำกดวงอำทิตย์ ลม มนุษย์
สัตว์ และพืช โดยลมช่วยพัดพำไอน้ ำในอำกำศทำให้น้ ำระเหยได้เร็ วขึ้น
44 2 ไซโครมิเตอร์ เป็ นเครื่ องมือที่ใช้วดั ควำมชื้นสัมพัทธ์
45 3 หิน A ได้แก่ หิ นแกรนิ ต ใช้ประโยชน์สำหรับปูพ้นื
ส่ วนหิ น B ได้แก่ หิ นอ่อน ใช้ประโยชน์สำหรับทำหิ นประดับ
ข้ อ เฉลย เหตุผล
46 2 กำรเย็นตัวของหิ นหนืดอย่ำงช้ำ ๆ ทำให้หินอัคนีที่เกิดมีลกั ษณะเนื้อหยำบ
และผลึกแร่ ขนำดใหญ่ ได้แก่ หิ นแกรนิต และหิ นแกบโบร
ส่ วนหิ นบะซอลต์ หินแอนดีไซด์ เป็ นหินอัคนี ที่มีเนื้อแน่น ละเอียด
หิ นอ่อน หิ นชนวน เป็ นหิ นแปร
หินดินดำน หิ นปูน เป็ นหินตะกอน
47 4 ธรณี พิบตั ิภยั หมำยถึง ภัยธรรมชำติที่เกิดจำกกระบวนกำรทำงธรณี วทิ ยำ เช่น
ภูเขำไฟปะทุ แผ่นดินไหว สึ นำมิ
48 4 ดำวเครำะห์นอ้ ยมีตำแหน่งอยูร่ ะหว่ำงวงโคจรของดำวอังคำรกับดำวพฤหัสบดี
49 1 ฤดูกำล เกิดจำกกำรที่โลกโคจรรอบดวงอำทิตย์โดยที่แกนหมุนของโลก
เอียงทำมุม 23.5 องศำ จำกแนวตั้งฉำกกับระนำบวงโคจรของโลก ส่ วนต่ำง ๆ บนโลก
จะได้รับแสงจำกดวงอำทิตย์ไม่เท่ำกัน ทำให้เกิดฤดูกำลต่ำง ๆ
50 3 ดำวเทียมไทยคม เป็ นดำวเทียมประเภทดำวเทียมสื่ อสำร
51 1 สำร A และสำร C เป็ นสำรประเภทเดียวกับแป้ งมัน เนื่องจำกเมื่อนำสำรมำหยด
3 ด้วยสำรละลำยไอโอดีนแล้วเปลี่ยนเป็ นสี ม่วงน้ ำเงินเข้ม
52 1 ถ้ำใช้กำรมีดอกของพืชเป็ นเกณฑ์ในกำรจำแนกพืช สำมำรถจำแนกพืชได้
4 เป็ นพืชไร้ดอกและพืชดอก พืชดอกสำมำรถแบ่งได้เป็ นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืช
ใบเลี้ยงคู่ โดยใช้ลกั ษณะของรำก ลำต้น และใบเป็ นเกณฑ์
ตาราง เปรี ยบเทียบลักษณะของพืชใบเลี้ยงเดี่ยวและพืชใบเลี้ยงคู่
ส่ วนทีเ่ ปรียบเทียบ พืชใบเลีย้ งเดี่ยว พืชใบเลีย้ งคู่
1. ใบเลี้ยง 1 ใบ 2 ใบ
2. รำก รำกฝอย รำกแก้ว
3. ข้อปล้องบริ เวณลำต้น ข้อปล้องเห็นชัดเจน ข้อปล้องเห็นไม่ชดั เจน
4. เส้นใบ เส้นใบเป็ นเส้นขนำน เส้นใบเป็ นร่ ำงแห

53 2 ฝอยทองกับต้นไม้ในป่ ำ มีควำมสัมพันธ์แบบภำวะปรสิ ต
โดยฝ่ ำยหนึ่งได้ประโยชน์คือ ฝอยทอง แต่อีกฝ่ ำยหนึ่งเสี ยประโยชน์คือ ต้นไม้ในป่ ำ
4 เหยีย่ วกับงู มีควำมสัมพันธ์แบบภำวะล่ำเหยือ่ โดยฝ่ ำยหนึ่ งได้ประโยชน์คือ เหยีย่ ว
ซึ่ งเป็ นผูล้ ่ำ แต่อีกฝ่ ำยหนึ่งเสี ยประโยชน์คือ งู ซึ่งเป็ นเหยื่อ
54 1 ตัวแปรต้น คือ สำรส้ม
4 ตัวแปรตำม คือ กำรตกตะกอนของของเหลวชนิดต่ำง ๆ เมื่อใช้สำรส้ม
ข้ อ เฉลย เหตุผล
55 1 สำรละลำยเจนเชียนไวโอเลตใช้ทดสอบประเภทของกรด
3 โดยกรดอินทรี ยห์ รื อกรดจำกพืชหรื อสัตว์ เมื่อหยดสำรละลำยเจนเชียนไวโอเลต
จะไม่เปลี่ยนสี ยังคงมีสีม่วง
ส่ วนกรดอนินทรี ยห์ รื อกรดแร่ ธำตุ มีฤทธิ์ กดั กร่ อนมำกกว่ำกรดอินทรี ยห์ รื อกรดจำก
พืชหรื อสัตว์
ดังนั้น เมื่อหยดสำรละลำยเจนเชียนไวโอเลตลงในกรดอนินทรี ย ์ เช่น สำรละลำย
กรดเกลือ สำรละลำยกรดกำมะถัน จึงเปลี่ยนสี ของสำรละลำยเป็ นสี เขียว
56 2 ระดับเสี ยงได้แก่ เสี ยงสู ง เสี ยงต่ำ ระดับเสี ยงสำมำรถเปลี่ยนแปลงได้
4 โดยกำรเปลี่ยนควำมหนำของวัตถุที่สั่นและควำมยำวของวัตถุที่สั่น
57 2 กำรต่อหลอดไฟฟ้ ำแบบอนุกรม ถ้ำหลอดไฟฟ้ ำในวงจรดวงหนึ่งเสี ย
3 หลอดไฟฟ้ ำที่เหลือในวงจรจะดับด้วย
58 1 ลมทะเล คือ ลมที่พดั จำกทะเลเข้ำสู่ ฝั่ง เกิดในเวลำกลำงวัน เนื่ องจำกพื้นดิน
4 รับควำมร้อนได้เร็ วกว่ำพื้นน้ ำ อำกำศเหนื อพื้นดินร้อนกว่ำอำกำศเหนื อพื้นน้ ำ
อำกำศจึงเคลื่อนที่จำกทะเลเข้ำสู่ ฝั่ง
59 3 ส่ วนประกอบของดิน ได้แก่ หิ นและแร่ เป็ นวัตถุตน้ กำเนิดดิน
4 ซำกพืช ซำกสัตว์เป็ นฮิวมัส และมีน้ ำและอำกำศแทรกอยูใ่ นช่องว่ำงระหว่ำงเม็ดดิน
60 1 กำรทรำบค่ำมุมบอกทิศ และมุมเงย เพื่อให้สำมำรถสังเกตตำแหน่งของดวงดำว
3 ที่ตอ้ งกำรศึกษำบนท้องฟ้ ำได้ถูกต้อง

You might also like