You are on page 1of 24

1

1. จากภาพต่อไปนี ้ข้ อใดถูกต้ อง

ก. เป็ นภาพของเซลล์พืช
ข. โครงสร้ าง A พบ microtubule เป็ นองค์ประกอบ
ค. ถ่ายด้ วยกล้ องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนแบบส่องกราด (SEM)
ง. เซลล์ชนิดนี ้จะเต่งเมื่ออยูใ่ นสารละลาย hypertonic solution

2. กิจกรรมในข้ อใดต่อไปนี ้เกี่ยวข้ องกับ Golgi apparatus


A. กระบวนการ endocytosis
B. การสร้ าง lysosome
C. กระบวนการ transcription
D. การสังเคราะห์โปรตีนเพื่อส่งออกนอกเซลล์

ก. ข้ อ A ข. ข้ อ A และ B ค. ข้ อ C และ D ง. ข้ อ B และ D


2

3. ข้ อความใดถูกเกี่ยวกับการหายใจระดับเซลล์
ก. การหายใจระดับเซลล์ในใบไม้ ที่มีสีเขียวเกิดเฉพาะเมื่อใบไม่ได้ รับแสง
ข. สารอินทรี ย์หลายชนิดสามารถเข้ าสู่กระบวนการหายใจระดับเซลล์ได้
ค. ถ้ าไมโทคอนเดรี ยมีเฉพาะเยื่อชันในจะยั
้ งคงสามารถสร้ าง ATP ได้ โดย ATP synthase
ง. ถ้ าเซลล์ไม่มีไมโทคอนเดรี ยจะไม่สามารถสร้ างพลังงานเคมีจากการหายใจระดับเซลล์

4. ปฏิกิริยาใดเกิดขึ ้นใน mitochondria


ก. 1,3-bisphosphoglycerate + ADP  3-phosphoglycerate + ATP
ข. malate + NAD+  oxaloacetate + NADH
ค. fructose-6-phosphate + ATP  fructose-1,6-bisphosphate + ADP
ง. 3-phosphoglycerate  2-phosphoglycerate

5. ปฏิกริยาใดมีโอกาสเกิดขึ ้นน้ อยที่สดุ ในภาวะที่เซลล์ขาดออกซิเจน


ก. glucose + ATP  glucose-6-phosphate + ADP
ข. glyceraldehyde-3-phosphate + Pi + NAD+  1,3-bisphosphoglycerate + NADH + H+
ค. phosphoenolpyruvate + ADP  pyruvate + ATP
ง. pyruvate + NAD+ + CoA  Acetyl-CoA + CO2 + NADH

6. การทดลองหนึง่ ทาการแยกไมโทคอนเดรี ยออกจากเซลล์ และนาไปแช่ในสารละลาย X Y และ Z จากนันท


้ า
การวัดความเป็ นกรด-ด่างของ intermembrane space และ matrix ได้ ผลการทดลองดังตาราง
สารละลาย ความเป็ นกรด-ด่ าง
intermembrane space matrix
X 7 5
Y 7 7
Z 5 7

จากผลดังตาราง ข้ อสรุปใดมีความเป็ นไปได้


ก. สารละลาย X ไม่มีผลต่อการสร้ าง ATP
ข. ไมโทคอนเดรี ยที่อยูใ่ นสารละลาย Y สร้ าง ATP ได้ มากที่สดุ
ค. ไมโทคอนเดรี ยที่อยูใ่ นสารละลาย Z สามารถสร้ าง ATP ได้
ง. ปฏิกิริยาในวัฏจักรเครบส์ของไมโทคอนเดรี ยที่อยู่ในสารละลาย X Y และ Z ยังคงเกิดได้ อย่างต่อเนื่อง
3

7. ข้ อใดกล่าวถูกต้ องเกี่ยวกับภาพการสร้ าง microspore

ภาพ A ภาพ B ภาพ C


ก. 1 chromosome มี 2 มีการแลกเปลี่ยนชิ ้นส่วนของ ระยะหลังระยะนี ้คือ
chromatids homologous chromosome แล้ ว metaphase I
ข. เทียบเท่าระยะที่พร้ อมปฏิสนธิ 1 chromosome มี 2 chromatids spindle fiber เข้ าจับกับ
ของ human oocyte kinetochore แล้ ว
ค. หลังจากระยะนี ้คือ anaphase I เกิด crossing over แล้ ว 1 chromosome มี 2
chromatids
ง. ก่อนระยะนี ้ไม่พบ crossing แสดงโครงสร้ าง bivalent มี 4 เทียบเท่าระยะที่พร้ อม
over chromatids ปฏิสนธิของ human oocyte

8. จากภาพลาดับของปริมาณ DNA ภายในเซลล์เป็ นอย่างไร

ก. D>C=B=A ข. A=B=C>D ค. C>A=B>D ง. A=B=C=D


4

9. ข้ อใดจับคูส่ ารชีวโมเลกุลและ monomer ไม่ถกู ต้ อง


ก. amylose - glucose ข. globin - amino acid
ค. RNA - nucleotide ง. lipid - fatty acid

10. เมื่อเราดื่มเครื่ องดื่มที่มีเพปโทนและเพปไทด์ เข้ าไปจะให้ ผลเหมือนหรื อแตกต่างจากการดื่มนมถัว่ เหลือง


อย่างไร
ก. ได้ กรดอะมิโนเช่นเดียวกันเพียงแต่การย่อยนมถัว่ เหลืองจะใช้ เวลานานกว่า
ข. ทังคู
้ ใ่ ห้ ผลเหมือนกันคือผลจากการย่อยจะให้ น ้าตาลแลกโทสเหมือนในน ้านมจากสัตว์
ค. เพปโทนเมื่อย่อยเสร็จจะให้ กรดไขมันจาเป็ น ในขณะที่นมถัว่ เหลืองให้ สารพวกสเตอรอล
ง. ประกอบด้ วยเพปไทด์ที่ดดู ซึมได้ ทนั ทีโดยไม่ต้องย่อย แต่นมถัว่ เหลืองต้ องย่อยก่อนจึงจะดูดซึมได้

11. บรรจุสารละลายผสมระหว่างน ้าแป้งต้ มสุกกับกรดอะมิโนลงในถุงเซลโลเฟน มัดถุงแล้ วนาไปใส่ลงในบีกเกอร์


ที่มีน ้ากลัน่ ดังรูป เมื่อเวลาผ่านไปดูดสารละลายนอกและในถุงเซลโลเฟนออกมาทดสอบปฏิกิริยาเบเนดิกต์
ปฏิกิริยากับไอโอดีน และปฏิกิริยาไบยูเรต ข้ อใดให้ ผลการทดสอบถูกต้ อง (เครื่ องหมาย √ หมายถึงการ
ให้ ผลบวกเครื่ องหมาย X คือการให้ ผลลบ หรื อไม่เกิดปฏิกิริยา)

ตัวเลือก สารที่นามาทดสอบ ปฏิกิริยา ปฏิกิริยากับ ปฏิกิริยา


เบเนดิกต์ ไอโอดีน ไบยูเร็ต
ก. สารละลายนอกถุงเซลโลเฟน √ X √
สารละลายในถุงเซลโลเฟน √ X √
ข. สารละลายนอกถุงเซลโลเฟน √ √ √
สารละลายในถุงเซลโลเฟน √ √ √
ค. สารละลายนอกถุงเซลโลเฟน X X √
สารละลายในถุงเซลโลเฟน X √ √
ง. สารละลายนอกถุงเซลโลเฟน X X X
สารละลายในถุงเซลโลเฟน X √ √
5

12. นักเรี ยนนาสารละลายปุ๋ ยยูเรี ยเข้ มข้ น 10% รดลงในดินที่ปลูกต้ นไม้ ไว้ เซลล์ขนราก (A) และเซลล์ที่อยูต่ ดิ
กับขนราก (B) หลังจากรดด้ วยสารละลายยูเรี ยนักเรี ยนจะพบว่าเซลล์มีลกั ษณะเปลี่ยนไปอย่างไร และ
เพราะเหตุใด
A B

ก. แวคิวโอลของทังเซลล์
้ A และ B มีขนาดใหญ่ขึ ้น เพราะยูเรี ยแพร่เข้ าสูเ่ ซลล์
ข. แวคิวโอลของทังเซลล์
้ A และ B มีขนาดใหญ่ขึ ้น เพราะน ้าออสโมซิสเข้ าสูเ่ ซลล์
ค. แวคิวโอลของทัง้ A และ B มีขนาดเท่าเดิม เพราะยูเรี ยแพร่เข้ าสูเ่ ซลล์ในขณะที่
น ้าในเซลล์ออสโมซิสออกสู่อนุภาคดิน
ง. แวคิวโอลของเซลล์ A ลดขนาดลงมากและเซลล์ B ก็มีแวคิวโอลเล็กลงตาม
เพราะน ้าออสโมซิสจากเซลล์ A ออกสู่ดนิ ทาให้ น ้าในเซลล์ B ออสโมซิสตาม

13. เพราะเหตุใดลักษณะด้ อยที่เกี่ยวเนื่องกับเพศ (sex-linked recessive traits) จึงพบได้ ในเพศชายมากกว่า


ในเพศหญิง
ก. แอลลีลทุกแอลลีลบนโครโมโซม X จะแสดงออกเป็ นลักษณะเด่น
ข. แอลลีลทุกแอลลีลบนโครโมโซม Y จะแสดงออกเป็ นลักษณะด้ อย
ค. แอลลีลของยีนด้ อยบนโครโมโซม X จะแสดงออกเสมอในเพศชาย
ง. แอลลีลบนโครโมโซม Y จะแสดงออกเป็ นลักษณะเด่นร่วมกับแอลลีลที่อยูบ่ นโครโมโซม X
6

14. ข้ อความใดกล่าวถูกต้ องเกี่ยวกับพอลิยีน


ก. ลักษณะทางพันธุกรรมที่มีแอลลีลของยีนมากกว่า 2 คู่ แต่ละคูค่ วบคุมการแสดง
ออกของฟี โนไทป์ ที่แตกต่างกัน
ข. ลักษณะทางพันธุกรรมที่ควบคุมโดยพอลิยีนให้ ฟีโนไทป์ แปรผันแบบไม่ตอ่ เนื่อง
ค. ยีนที่เป็ นพอลิยีนจะมีแอลลีลทังหมดที
้ ่ควบคุมลักษณะเดียวกันอยูบ่ นโลคัสเดียวกัน
ง. ลักษณะที่แสดงออกจะลดหลัน่ กันขึ ้นอยูก่ บั จานวนของแอลลีลเด่นและด้ อยที่มี

15. การแสดงออกของลักษณะศีรษะล้ านเป็ นลักษณะที่อยูภ่ ายใต้ อิทธิพลเพศ (sex-influenced traits) ถ้ า


B เป็ นแอลลีลที่ควบคุมลักษณะศีรษะล้ านและ b ควบคุมลักษณะศีรษะไม่ล้าน ข้ อความใดต่อไปนี ้ถูกต้ อง
ก. BB จะมีลกั ษณะศีรษะล้ านในเพศชาย แต่เพศหญิงศีรษะไม่ล้าน
ข. Bb จะมีลกั ษณะศีรษะล้ านในเพศชาย แต่เพศหญิงศีรษะไม่ล้าน
ค. bb จะมีลกั ษณะศีรษะล้ านเฉพาะในเพศหญิง
ง. ข้ อความทังหมดถู
้ กต้ อง

16. ลักษณะตาบอดสีเป็ นลักษณะด้ อยบนโครโมโซม X หากหญิงตาปกติที่มีพอ่ เป็ นตาบอดสีแต่งงานกับ


ชายตาปกติ มีโอกาสที่จะมีลกู ชายตาบอดสีเป็ นเท่าใด
ก. 100% ข. 75% ค. 50% ง. 25%

17. ข้ อใดคือการตอบสนองของร่างกายเมื่อเลือดมีความเข้ มข้ นสูงกว่าปกติ และร่างกายจะมีกลไกตอบสนอง


ในการรักษาสมดุลน ้าอย่างไร
ก. รู้สกึ กระหายน ้ามากขึ ้น และร่างกายหลัง่ ADH มาก
ข. สมองส่วนทาลามัสถูกกระตุ้น และร่างกายหลัง่ ADH น้ อย
ค. สมองส่วนไฮโพทาลามัสถูกกระตุ้น และร่างกายหลัง่ ADH น้ อย
ง. สมองส่วนไฮโพทาลามัสถูกยับยัง้ และร่างกายหลัง่ ADH มาก

18. ในคนที่ไม่สามารถผลิตฮอร์ โมน TSH ได้ จะเกิดเหตุการณ์ในข้ อใด


ก. ไม่มีการสร้ าง TRH จากต่อมใต้ สมอง ข. ไม่มี positive feedback ควบคุม TRH
ค. ไม่มีการสร้ าง thyroxin จากต่อมไทรอยด์ ง. เกิดภาวะต่อมไทรอยด์โตผิดปกติ
7

19. ฮอร์ โมนในข้ อใดไม่สมั พันธ์กบั แหล่งสร้ างและ/หรื อหน้ าที่

ฮอร์ โมน แหล่งสร้ าง หน้ าที่


ก. calcitonin thyroid ลดอัตราการดูดซึมแคลเซียมที่ลาไส้ เล็ก
ข. insulin beta cells ใน pancreas กระตุ้นการเปลี่ยนกลูโคสเป็ นไกลโคเจนที่ตบั
ค. prolactin anterior pituitary กระตุ้นการสร้ างน ้านมที่ตอ่ มน ้านม
ง. melatonin anterior pituitary กระตุ้นการผลิต melanin จากเซลล์ melanocytes

20. อวัยวะเป้าหมายของฮอร์ โมน A และ B คือข้ อใด

Hypothalamus

neurosecretory cell

A B

อวัยวะเป้าหมายของฮอร์ โมน A อวัยวะเป้าหมายของฮอร์ โมน B


ก. ไต ตับ เต้ านม
ข. ตับ เต้ านม มดลูก
ค. ไต เต้ านม มดลูก
ง. ไต ตับ มดลูก
8

21. จากแผนภาพแสดงการควบคุมการหลัง่ น ้านมเมื่อทารกดูดนม สารเคมี A B และ C ที่หลัง่ ออกมาคือข้ อใด

A B C
ก. neurotransmitter prolactin oxytocin
ข. neurotransmitter oxytocin prolactin
ค. neurotransmitter prolactin prolactin
ง. neurotransmitter oxytocin oxytocin

22. ข้ อใดไม่ถกู ต้ อง
ก. endoskeleton พบเฉพาะในสัตว์มีกระดูกสันหลัง
ข. exoskeleton ของแมลงประกอบด้ วยโปรตีนและคาร์ โบไฮเดรตจาพวกไคติน
ค. แมลงมี exoskeleton จึงต้ องลอกคราบเมื่อร่างกายเจริญเติบโต
ง. ไส้ เดือนดินเป็ นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่อยู่บนบกมี hydrostatic skeleton

23. การทางานของกล้ ามเนื ้อในการงอแขนหรื อเหยียดแขนในข้ อใดถูกต้ อง


ก. กล้ ามเนื ้อไบเซพหดตัว และไตรเซพคลายตัวขณะงอแขน
ข. กล้ ามเนื ้อไบเซพคลายตัว และไตรเซพคลายตัวขณะงอแขน
ค. กล้ ามเนื ้อไบเซพหดตัว และไตรเซพคลายตัวขณะเหยียดแขน
ง. กล้ ามเนื ้อไบเซพคลายตัว และไตรเซพคลายตัวขณะเหยียดแขน
9

24. ข้ อใดแสดงสมบัตขิ องเซลล์กล้ ามเนื ้อไม่ถกู ต้ อง

กล้ ามเนื ้อโครงร่าง กล้ ามเนื ้อเรี ยบ กล้ ามเนื ้อหัวใจ


ก. หลายนิวเคลียส/เซลล์ 1 นิวเคลียส/เซลล์ 1 นิวเคลียส/เซลล์
ข. มีลายตามขวาง ไม่มีลายตามขวาง มีลายตามขวาง
ค. นอกอานาจจิตใจ ในอานาจจิตใจ นอกอานาจจิตใจ
ง. มี T-tubule ไม่มี T-tubule มี T-tubule

25. พืชในข้ อใดไม่มีลาต้ นที่มีโครงสร้ างทาหน้ าที่พิเศษ


ก. ผักกระเฉด ข. มันเทศ ค. พวงชมพู ง. เฟื่ องฟ้า

26. ข้ อใดเรี ยงลาดับความหนาของ cell wall จากน้ อยไปหามากได้ ถกู ต้ อง


ก. collenchyma, parenchyma, fiber, stone cell ข. chlorenchyma, cork, fiber, sclereid
ค. collenchyma, chlorenchyma, fiber, sclereid ง. cork, chlorenchyma, fiber, stone cell

27. ข้ อใดถูกต้ องถ้ า X เป็ นรากที่เกิดจาก pericycle


ก. X เกิดที่รากบริเวณ region of cell elongation
ข. X เกิดมาจากรากซึง่ เจริญมาจาก radicle
ค. X เป็ นรากเส้ นเล็ก ๆ มากมาย มีขนาดสม่าเสมอตลอดความยาวของราก
ง. X เป็ นรากที่แตกออกจากข้ อของลาต้ น

28. ถ้ าให้ ระดับของปากใบของพืชทัว่ ไปเท่ากับ 0 และระดับที่อยู่ต่าและสูงกว่าระดับเฉลี่ยเท่ากับ - และ +


ตามลาดับ ข้ อใดถูกต้ อง
ก. ต้ นลาพูมีระดับปากใบเป็ น - ข. ต้ นกระบองเพชรมีระดับปากใบเป็ น +
ค. ต้ นตะบูนมีระดับปากใบเป็ น + ง. ต้ นแสมมีระดับปากใบเป็ น 0
10

29. ข้ อใดถูกต้ องเกี่ยวกับภาวะ hyperglycemia ของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 (type II diabetes)


1. มักมีความดันโลหิตสูง
2. มักจะกระหายน ้าและปัสสาวะบ่อย
3. เกิดจากความผิดปกติของ α-cell ในบริเวณ islets of Langerhans

ก. 1 และ 2 ข. 2 และ 3 ค. 1 และ 3 ง. 1, 2 และ 3

30. จากภาพข้ อใดถูกต้ อง

ก. มีการดูดน ้ากลับในบริ เวณหมายเลข 1 3 5 และ 8


ข. มีการเคลื่อนที่ของน ้าออกจากท่อในบริเวณหมายเลข 8
ค. ในคนปกติสามารถพบกลูโคสและโปรตีนในท่อหมายเลข 5
ง. บริเวณหมายเลข 7 คืออวัยวะเป้าหมายของ antidiuretic hormone

31. การบริ โภคผักบางชนิดในปริมาณมากและต่อเนื่องเป็ นเวลานานทาให้ มีโอกาสเป็ นนิ่วได้ ง่าย เนื่องจากผัก


ชนิดนันมี
้ สารใดมาก
ก. ฟอสเฟต ข. คาร์ บอเนต
ค. ออกซาเลต ง. ซิเตรต
11

32. ข้ อใดจับคูส่ ตั ว์กบั โครงสร้ างการรักษาสมดุลของร่างกายไม่ถกู ต้ อง


ก. bird – cloaca ข. insect – Malpighian tubule
ค. marine fish – gill ง. annelid – flame cell

33. เซลล์ประสาทเซลล์หนึง่ มีจานวนแขนงทังหมด


้ 10 แขนง แสดงว่ามีแอกซอน และ เดนไดรต์
อย่างละกี่แขนง
ก. แอกซอน = 5, เดนไดรต์ = 5 ข. แอกซอน = 1, เดนไดรต์ = 9
ค. แอกซอน = 9, เดนไดรต์ = 1 ง. ไม่สามารถระบุได้ ขึ ้นอยู่ชนิดของอวัยวะ

34. ข้ อใดเรี ยงลาดับการเกิด action potential ได้ ถกู ต้ อง


A. เยื่อหุ้มเซลล์เกิด depolarization
B. เยื่อหุ้มเซลล์เกิด repolarization
C. Na+ channel เปิ ด Na+ เข้ าสูเ่ ซลล์
D. K+ channel เปิ ด K+ ออกจากเซลล์

ก. A, C, B, D ข. B, D, A, C ค. C, A, D, B ง. C, B, D, A

35. สารชนิดหนึง่ มีผลทาให้ แอมพลิจดู ของ action potential ลดต่าลง และ เกิด hyperpolarization มากขึ ้น
สารชนิดนี ้น่าจะมีผลต่อเซลล์ประสาทอย่างไร
ก. ปิ ด Na+ channel ข. ปิ ด K+ channel
ค. ปิ ด Cl- channel ง. ยับยัง้ Na+/K+ pump

36. ข้ อใดไม่ใช่ผลที่เกิดขึ ้นจากการรับประทานยาที่ออกฤทธิ์กระตุ้นการทางานของระบบประสาท


sympathetic
ก. เหงื่อออก ข. หัวใจเต้ นเร็ว
ค. ความดันเลือดสูง ง. รูมา่ นตาหรี่

37. การหดตัวของกล้ ามเนื ้อเรี ยบที่หลอดเลือดแดงเกิดจากการกระตุ้นของเซลล์ประสาทใด


ก. sympathetic preganglionic neurons ข. sympathetic postganglionic neurons
ค. parasympathetic preganglionic neuron ง. parasympathetic postganglionic neurons
12

38. เส้ นประสาทตาออกจากจอตาที่บริเวณใด


ก. fovea ข. sclera
ค. retina ง. blind spot

39. สารชนิดใดที่ร่างกายสร้ างขึ ้นเพื่อลดความเจ็บปวด


ก. norepinephrine ข. morphine
ค. endorphine ง. acetylcholine

40. ข้ อใดกล่าวถูกต้ องเกี่ยวกับการรับรสของลิ ้น


ก. ตุม่ รับรสหวานอยูป่ ลายลิ ้น ข. ตุม่ รับรสขมอยู่ด้านข้ างลิ ้น
ค. ตุม่ รับรสเค็มอยู่โคนลิ ้น ง. ตุม่ รับรสทุกรสจะกระจายอยูท่ วั่ ลิ ้น

41. ข้ อใดกล่าวถึงสิ่งมีชีวิตในอาณาจักรมอเนอรา (Monera) ไม่ถกู ต้ อง


ก. บางชนิดไม่มีผนังเซลล์
ข. เป็ นเซลล์ที่ไม่มีเยื่อหุ้มนิวเคลียส
ค. เป็ นจุลินทรี ย์ที่เป็ นพวกยูคาริโอตเซลล์เดียว
ง. ตัวอย่างเช่น แบคทีเรี ย ไซยาโนแบคทีเรี ย และอาร์ เคีย

42. protist ในข้ อใดสามารถดารงชีวิตเป็ นอิสระได้


ก. Plasmodium spp. ข. Trypanosoma sp.
ค. Chlorella sp. ง. Giardia sp.

43. เซลล์สืบพันธุ์ของราในไฟลัมใดที่เคลื่อนที่ได้
ก. Chytridiomycota ข. Zygomycota
ค. Ascomycota ง. Basidiomycota
13

44. ข้ อใดกล่าวถึงลักษณะของพืชในกลุม่ Gymnosperm ไม่ถกู ต้ อง


A. มีสว่ นคล้ ายลาต้ น ส่วนคล้ ายใบ และส่วนคล้ ายราก
B. ovule มี integument ห่อหุ้ม
C. ไม่มี ovary wall ที่จะเจริ ญเป็ นผล
D. สร้ าง sorus ในการแพร่กระจายสปอร์
ก. A และ B ข. C และ D
ค. A และ D ง. B และ C

45. จงศึกษาไดโคโตมัสคีย์ตอ่ ไปนี ้แล้ วตอบคาถาม


1) มีท่อลาเลียง………………………………....................................................ดูข้อ 2)
ไม่มีทอ่ ลาเลียง……………………………………………………………………A
2) มีท่อลาเลียงเฉพาะในลาต้ น ไม่พบในรากและใบ............................................ B
มีทอ่ ลาเลียงในทุกส่วนของราก ลาต้ นและใบ.................................................ดูข้อ 3)
3) สร้ างสโตรบิลสั หรื อโคน ………………….....…………………………………...C
ไม่สร้ างสโตรบิลสั หรื อโคน ............................................................................ดูข้อ 4)
4) ใบเลี ้ยงเดี่ยว………………………………………………………………………D
ใบเลี ้ยงคู.่ ....................................................................................................E
พืชกลุม่ ที่มีเมล็ดได้ แก่พวกใด
ก. A, C, D ข. C, D, E
ค. A, B, C ง. B, D, E

46. สัตว์ในไฟลัมใดมีโพรงลาตัวเทียม
ก. Phylum Annelida ข. Phylum Echinodermata
ค. Phylum Nematoda ง. Phylum Mollusca

47. ข้ อใดจับคูถ่ กู ต้ อง
ก. Phylum Echinodermata – ซีแอนีโมนี ข. Phylum Nematoda – ไส้ เดือนทะเล
ค. Phylum Annelida – ไส้ เดือนฝอย ง. Phylum Cnidaria – แมงกะพรุน

48. สัตว์ในไฟลัมใดมีความสัมพันธ์ทางสายวิวฒ
ั นาการใกล้ เคียงกับสัตว์มีกระดูกสันหลัง
ก. Phylum Annelida ข. Phylum Echinodermata
ค. Phylum Arthropoda ง. Phylum Mollusca
14

49. ข้ อใดถูกต้ องเกี่ยวกับการเจริญเติบโตของพืชดอก


ก. พืชทุกชนิดที่มีการเจริญเติบโตระยะ secondary growth สามารถสร้ างเนื ้อไม้ (wood) ได้
ข. การเจริญเติบโตระยะ secondary growth ของอวัยวะใด ๆ ของพืชจะเกิดขึ ้นได้ ตอ่ เมื่ออวัยวะนันไม่
้ มี
primary growth อีกต่อไป
ค. การเจริญเติบโตระยะ secondary growth เป็ นผลจากการแบ่งเซลล์ของ cambium
ง. พืชทุกชนิดมีการเจริญเติบโตระยะ secondary growth แต่ในบางชนิดอาจเห็นไม่ชดั เจน

50. ข้ อใดไม่ถกู ต้ องเกี่ยวกับโครงสร้ างของพืชดอก


ก. ลาต้ นพืชใบเลี ้ยงเดี่ยวจะมีข้อ-ปล้ องชัดเจน
ข. ลาต้ นพืชใบเลี ้ยงคูม่ ี vascular bundle เรี ยงเป็ นวงโดยรอบหนึง่ วง
ค. รากพืชใบเลี ้ยงเดี่ยวมี vascular bundle เรี ยงกระจายไม่เป็ นระเบียบ
ง. ใบพืชใบเลี ้ยงคูม่ ีชนั ้ mesophyll อยูร่ ะหว่าง upper epidermis และ lower epidermis เสมอ

จากภาพตอบคาถามข้ อ 5152
spore (n)

sporophyte gametophyte
(2n) (n)

gamete (n)
1
zygote (2n)
gamete (n)

51. หมายเลข 1 คือกระบวนการใด


ก. mitotic cell division ข. meiotic cell division ค. cell differentiation ง. fertilization

52. กระบวนการในข้ อ 51 เกิดขึ ้นภายในโครงสร้ างใด


ก. antheridium ข. microsporangium ค. embryo sac ง. pollen sac
15

53. พืชชนิดหนึง่ มีดอก 1 ดอกออกที่ซอกใบ ดอกประกอบด้ วยกลีบเลี ้ยง 5 กลีบ กลีบดอก 5 กลีบ
เกสรเพศผู้ 10 อัน และเกสรเพศเมีย 10 อัน ภายในแต่ละรังไข่มี 1 ออวุล ผลของพืชชนิดเป็ นชนิดใด
ก. ผลเดี่ยวที่มีเมล็ด 10 เมล็ด ข. ผลกลุม่ ที่ผลย่อยแต่ละผลมีหนึง่ เมล็ด
ค. ผลรวมที่มีจานวนผลย่อย 10 ผล ง. ผลเดียว 10 ผลที่อยู่บนช่อเดียวกัน

54. การให้ สารควบคุมการเจริญเติบโตของพืชชนิดหนึง่ กับพืชสามารถช่วยชะลอการเกิดใบเหลืองได้ และยัง


กระตุ้นให้ เกิดการแตกตาข้ างมากขึ ้น ข้ อใดน่าจะเป็ นลักษณะการทางานของฮอร์ โมนชนิดนี ้ในธรรมชาติ
ก. กระตุ้นให้ ปลายยอดพืชโค้ งเข้ าหาแสงได้ ใบจึงคงความเขียวไว้ ได้
ข. การกระจายตัวของฮอร์ โมนในด้ านที่พืชได้ รับแสงและไม่ได้ รับแสงไม่เท่ากัน
ค. กระตุ้นให้ เกิดการแบ่งเซลล์เพิ่มขึ ้น ทาให้ พืชสามารถสร้ างตาข้ างได้ มากขึ ้น
ง. มีทิศทางการลาเลียงของฮอร์ โมนทังจากปลายยอดลงสู
้ ร่ ากและจากรากสูป่ ลายยอด

55. ข้ อใดไม่ถกู ต้ องเกี่ยวกับการตอบสนองของพืชต่อไปนี ้


ก. การเพิ่มจานวนของแหนจัดเป็ นการตอบสนองต่อสิ่งเร้ าคือแสง
ข. การเลื ้อยพันหลักของกะทกรกเป็ นการตอบสนองต่อสิ่งเร้ าคือแสง
ค. การหุบของใบกาบหอยแครงจัดเป็ นการตอบสนองต่อสิ่งเร้ าคือการสัมผัส
ง. มะเขือเทศปิ ดปากใบเมื่อขาดน ้าเป็ นทังการรั
้ กษาดุลยภาพและการตอบสนองต่อสิ่งเร้ าของพืช

56. ข้ อใดต่อไปนี ้ถูกต้ องเกี่ยวกับการสังเคราะห์ด้วยแสงเมื่อให้ แสงที่ความเข้ มแสงเท่ากัน


ก. การให้ แสงสีเขียวทาให้ การสังเคราะห์ด้วยแสงเพิ่มสูงกว่าแสงสีแดง เนื่องจากมีระดับพลังงานสูงกว่า
ข. การให้ แสงสีเขียวทาให้ การสังเคราะห์ด้วยแสงต่ากว่าแสงสีแดง เนื่องจากมีระดับพลังงานต่ากว่า
ค. การให้ แสงสีเขียวทาให้ การสังเคราะห์ด้วยแสงต่ากว่าแสงสีแดง เนื่องจากคลอโรฟิ ลล์ดดู กลืนแสงได้
น้ อยกว่า
ง. การให้ แสงสีเขียวทาให้ การสังเคราะห์ด้วยแสงเพิ่มสูงกว่าแสงสีแดง เนื่องจากเป็ นคลื่นแสงสีเดียวกับ
คลอโรฟิ ลล์

57. ข้ อใดเป็ นผลผลิตของกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง


ก. ออกซิเจน และ คาร์ บอนไดออกไซด์ ข. น ้าตาล และ ออกซิเจน
ค. น ้า และ ออกซิเจน ง. แป้ง และ น ้าตาล
16

58. พืชในข้ อใดต่อไปนี ้มีอตั ราการสังเคราะห์ด้วยแสงสูงที่สดุ


ก. กล้ าข้ าวในนายามฝนทิ ้งช่วง ข. มันสาปะหลังในไร่ที่ให้ ระบบน ้าหยด
ค. ต้ นสักในป่ าเบญจพรรณในหน้ าหนาว ง. ต้ นพลูดา่ งที่พนั รอบต้ นจามจุรีใหญ่

59. เมื่อนาสาหร่ายหางกระรอกใส่ลงในสารละลาย NaHCO3 ในโถแก้ วใสในห้ องจะเห็นฟองแก๊ สปล่อย


ออกมาจากสาหร่าย และเมื่อย้ ายโถสาหร่ายไปไว้ กลางแดด จะพบการเปลี่ยนแปลงอย่างไร เพราะเหตุใด
ก. ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะการเปลี่ยนที่ตงไม่
ั ้ มีผลต่อการสังเคราะห์ด้วยแสง
ข. ฟองแก๊ สปล่อยออกมาด้ วยอัตราที่ต่ากว่าเดิม เนื่องจากได้ รับอุณหภูมิสงู ขึ ้น
ค. ฟองแก๊ สปล่อยออกมาด้ วยอัตราที่สงู กว่าเดิม เนื่องจากได้ รับอุณหภูมิสงู ขึ ้น
ง. ฟองแก๊ สปล่อยออกมาด้ วยอัตราที่สงู กว่าเดิม เนื่องจากได้ รับความเข้ มแสงสูงขึ ้น

60. ข้ อใดถูกต้ องเกี่ยวกับเนื ้อเยื่อลาเลียงของพืช


ก. เนื ้อเยื่อลาเลียงน ้าประกอบด้ วยเซลล์ไม่มีชีวิตทังหมด

ข. เนื ้อเยื่อลาเลียงอาหารประกอบด้ วยเซลล์มีชีวิตทังหมด ้
ค. เซลล์ที่ลาเลียงน ้าทังหมดเป็
้ นเซลล์ที่ไม่มีไมโทคอนเดรี ย
ง. เซลล์ที่ลาเลียงอาหารทังหมดเป็
้ นเซลล์ที่ไม่มีไมโทคอนเดรี ย

61. ความแข็งแรงของท่อลาเลียงน ้าเป็ นผลมาจากสาเหตุใด


ก. มีผนังเซลล์หนาบางจุด ข. มีลิกนินสะสมในผนังเซลล์
ค. มีโปรตีนพิเศษที่ผนังเซลล์ ง. มีความสามารถในการซ่อมแซมได้ ดี

62. ข้ อใดถูกต้ องเกี่ยวกับการคายน ้า


ก. การคายน ้าเกิดเฉพาะเวลากลางวัน
ข. พืชที่ขึ ้นชายน ้าจะคายน ้าได้ ดีในวันที่แสงแดดจัดและลมพัดแรง
ค. หากพืชไม่มีการคายน ้าพืชจะไม่สามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้
ง. การสูญเสียน ้าในรูปของหยดน ้าเกิดขึ ้นเฉพาะเวลากลางคืน
17

63. จากกราฟแสดงระดับฮอร์ โมนที่ควบคุมการเกิด menstrual cycle ตัวอักษรใดแสดงฮอร์ โมนที่ชกั นาให้


follicle สร้ าง first polar body และตัวอักษรใดแสดงฮอร์ โมนที่ชกั นาให้ อณ
ั ฑะผลิตฮอร์ โมนที่ทาให้ เกิด
หนวดเคราในเพศชาย

ก. A และ B ข. B และ B ค. A และ C ง. C และ D

64. ชายคนหนึง่ มีความผิดปกติในการสร้ างไมโครทูบลู ของสเปิ ร์ม ต้ องใช้ เทคโนโลยีชว่ ยการเจริญพันธุ์ใดช่วย


ให้ เกิด zygote จากสเปิ ร์มของเขาเอง
ก. GIFT ข. AI ค. ICSI ง. ZIFT

65. ระหว่างแมวที่ตงครรภ์
ั้ ลกู ครัง้ ละหลาย ๆ ตัว กับลิงแสมที่ตงครรภ์
ั้ ลกู ครัง้ ละหนึง่ ตัวจะพบความแตกต่างใน
ข้ อใดบ้ าง
A. จานวนของ Graafian follicle ในแต่ละรอบของวงจรการตกไข่
B. จานวนของ corpus luteum ในแต่ละรอบของวงจรการตกไข่
C. ในแมวจะมีการพัฒนา oocyte มากกว่าหนึง่ oocyte ต่อหนึง่ follicle ทาให้ มีการตกไข่จานวนมาก
D. ในแมวจะตกไข่ (oocyte) ที่เกิดกระบวนการ meiosis เสร็จสมบูรณ์แล้ ว แต่ในลิงแสมจะมี
ตกไข่ (oocyte) ที่ยงั ไม่สิ ้นสุดกระบวนการ meiosis

ก. A และ B ข. B และ C ค. B และ D ง. A C และ D


18

66. การเจริญของเอ็มบริโอระยะใดที่มีการเพิ่มอัตราส่วนของพื ้นที่ผิวเซลล์ตอ่ ปริมาตรเด่นชัดมาก


ที่สดุ
ก. morphogenesis ข. cleavage
ค. gastrulation ง. organogenesis
67. การเจริญของสัตว์เลี ้ยงลูกด้ วยน ้านมเทียบเคียงได้ กบั สัตว์ในข้ อใด เมื่อพิจารณาการเกิด metamorphosis
ก. ผึ ้ง ข. แมลงสามง่าม ค. กบ ง. แมลงดานา

68. สัตว์ใดมีการลาเลียงของเสียที่เกิดจากเมแทบอลิซมึ ของโปรตีนผ่าน chorion


ก. ไก่ ข. ปลา ค. เต่า ง. สุนขั

69. extraembryonic membrane ใดที่ชว่ ยป้องกันการกระทบกระเทือนและช่วยให้ เอ็มบริโอไม่สญู เสียน ้า


ก. chorion ข. yolk sac ค. allantois ง. amnion

70. โซ่อาหารข้ อใดเป็ น detritus food chain


ก. ฟางข้ าว วัว เสือ
ข. ต้ นต้ อยติง่ ตัก๊ แตน หนู แมว
ค. ใบมะขาม ไส้ เดือนดิน ไก่ งูเหลือม
ง. แพลงก์ตอนพืช แพลงก์ตอนสัตว์ ปลาซิว ปลาชะโด

71. ข้ อใดเป็ นลักษณะเฉพาะที่พบได้ ในระดับ community


ก. birth and death rates ข. age structure
ค. species diversity ง. dispersion

72. การแก่งแย่งแข่งขันพื ้นที่ทารังมักเป็ นสาเหตุให้ ประชากรมีการแพร่กระจายแบบใด


ก. aggregated distribution ข. uniform distribution
ค. clumped distribution ง. random distribution

73. สารใดที่หมุนเวียนเป็ นบริเวณกว้ างไกล


ก. ฟอสฟอรัส และ คาร์ บอน ข. ฟอสฟอรัส และ ซัลเฟอร์
ค. คาร์ บอน และ ไนโตรเจน ง. ไนโตรเจน และ ซัลเฟอร์
19

74. ในวัฏจักรของซัลเฟอร์ พบซัลเฟอร์ อยูใ่ นแหล่งสะสมใดน้ อยที่สดุ


ก. ดินตะกอนใต้ ท้องทะเล ข. น ้าจืดและน ้าทะเล
ค. บรรยากาศ ง. สิ่งมีชีวิต

75. นาข้ าวเป็ นแหล่งสาคัญของการปล่อยแก๊ สเรื อนกระจกชนิดใด


ก. คาร์ บอนไดออกไซด์ ข. มีเทน
ค. คลอโรฟลูออโรคาร์ บอน ง. ไนตรัสออกไซด์

76. ข้ อใดถูกต้ องเกี่ยวกับการสื่อสารของสัตว์


ก. เป็ นพฤติกรรมที่ต้องอาศัยประสบการณ์
ข. การสื่อสารด้ วยเสียงเหมาะสมสาหรับสัตว์ที่อาศัยอยูใ่ นน ้า
ค. พบได้ ในสัตว์สงั คมเท่านัน้
ง. การสื่อสารด้ วยฟี โรโมนพบได้ ในสัตว์ที่มีความสามารถดมกลิ่นได้ ดีเท่านัน้

77. ในการทดลองผสมลักษณะเดียวของ Mendel ข้ อใดไม่ถกู ต้ อง


ก. Mendel ใช้ ถวั่ ลันเตาที่เป็ น true breeding line เป็ นคูผ่ สมในรุ่น P
ข. Mendel ใช้ ถวั่ ลันเตาที่มีลกั ษณะแตกต่างกันเพียงลักษณะเดียวเป็ นคูผ่ สมในรุ่น P
ค. Mendel ปล่อยให้ ถวั่ ลันเตาในรุ่น P ผสมตัวเองแล้ วศึกษาฟี โนไทป์ ที่ปรากฏในรุ่นลูก F1 และ F2
ง. Mendel ใช้ ถวั่ ลันเตาที่เป็ นคูผ่ สมในรุ่น P จานวน 7 คู่ รวมลักษณะที่ศกึ ษา 7 ลักษณะ แต่ละลักษณะมี
ความแปรผันของฟี โนไทป์ 2 แบบ

78. ในการทดลองผสมลักษณะเดียวของ Mendel ผลการทดลองหรื อข้ อสรุปใดไม่ถกู ต้ อง


ก. แต่ละลักษณะของถัว่ ลันเตามียีน 1 ยีนควบคุม
ข. รูปแบบของยีนแต่ละยีนมี 2 แบบ ซึง่ จะแสดงออกเป็ นฟี โนไทป์ ที่แตกต่างกัน
ค. ยีนที่ควบคุมแต่ละลักษณะในถัว่ ลันเตามี 2 ตาแหน่ง ซึง่ จะต้ องแยกจากกันเมื่อมีการสร้ างเซลล์สืบพันธุ์
ง. เมื่อผสมลูก F1 ที่เป็ นเฮเทอโรไซกัสจะปรากฏฟี โนไทป์ ในลูกรุ่น F2 ได้ 2 แบบ คือลูกที่มีลกั ษณะเด่น และ
ด้ อยในอัตราส่วน 3:1
20

79. ในการทดลองผสมสองลักษณะของ Mendel ข้ อใดไม่ถกู ต้ อง


ก. Mendel พบลูกรุ่น F2 ที่มีจีโนไทป์ แตกต่างกัน 4 แบบ
ข. Mendel พบลูกรุ่น F2 ที่มีลกั ษณะที่ไม่ปรากฏทังในรุ ้ ่น P และรุ่น F1
ค. การผสมสองลักษณะนาไปสูก่ ารเสนอ Law of Independent Assortment
ง. Mendel ใช้ ถวั่ ลันเตาที่เป็ นคูผ่ สมในรุ่น P ที่มีลกั ษณะแตกต่างกัน 2 ลักษณะ

80. จากข้ อมูลเกี่ยวกับลักษณะของถัว่ ลันเตาต่อไปนี ้ ผลการทดลองในข้ อใดไม่ถกู ต้ อง

ลักษณะเด่ น ลักษณะด้ อย
ดอกสีม่วง ดอกสีขาว
ต้ นสูง ต้ นเตี ้ย
เมล็ดสีเหลือง เมล็ดสีเขียว
เมล็ดกลม เมล็ดย่น

ก. เมื่อผสมถัว่ ลันเตาฮอมอไซกัสต้ นสูงดอกสีม่วง กับถัว่ ลันเตาฮอมอไซกัสต้ นเตี ้ยดอกสีขาว จะได้


ลูกรุ่น F1 ทุกต้ นเป็ นต้ นสูงดอกสีม่วง
ข. เมื่อผสมถัว่ ลันเตาเฮเทอโรไซกัสต้ นสูงเมล็ดสีเหลือง 2 ต้ น จะได้ ลกู ที่มีฟีโนไทป์ แตกต่างกัน 4 แบบ โดย
แบบที่พบได้ น้อยที่สดุ คือ ต้ นเตี ้ยเมล็ดสีเหลือง
ค. เมื่อผสมถัว่ ลันเตาฮอมอไซกัสดอกสีขาวเมล็ดกลม กับถัว่ ลันเตาเฮเทอโรไซกัสดอกสีมว่ งเมล็ดกลม จะ
ได้ ลกู ที่มีฟีโนไทป์ แตกต่างกัน 2 แบบเท่านัน้
ง. เมื่อผสมถัว่ ลันเตาเฮเทอโรไซกัสเมล็ดกลมสีเหลือง กับถัว่ ลันเตาฮอมอไซกัสเมล็ดย่นสีเขียว จะได้ ลกู ที่มี
จีโนไทป์ แตกต่างกัน 4 แบบในจานวนเท่า ๆ กัน

81. จากข้ อมูลในข้ อ 80 ผลการทดลองในข้ อใดไม่ถกู ต้ อง


ก. ถัว่ ลันเตาเฮเทอโรไซกัสต้ นสูงดอกสีมว่ งเมล็ดกลมสีเหลือง จะสามารถสร้ างเซลล์สืบพันธุ์ที่มีจีโนไทป์
แตกต่างกันได้ 8 แบบ
ข. เมื่อผสมถัว่ ลันเตาเฮเทอโรไซกัสต้ นสูงดอกสีมว่ งเมล็ดกลม 2 ต้ น จะมีความน่าจะเป็ นที่ได้ ลกู ที่มี
ฟี โนไทป์ เหมือนต้ นพ่อแม่น้อยกว่า 50%
ค. เมื่อผสมถัว่ ลันเตาฮอมอไซกัสต้ นสูงดอกสีม่วงเมล็ดกลม กับถัว่ ลันเตาเฮเทอโรไซกัสต้ นสูงดอกสีมว่ ง
เมล็ดกลม จะไม่ได้ ลกู ที่มีฟีโนไทป์ เป็ นต้ นสูงดอกสีขาวเมล็ดกลมเลย
ง. เมื่อผสมถัว่ ลันเตาเฮเทอโรไซกัสเมล็ดกลมสีเหลือง 2 ต้ น จะได้ ลกู ที่มีจีโนไทป์ แตกต่างกัน 9 แบบ
และฟี โนไทป์ แตกต่างกัน 4 แบบ
21

82. หากนักเรี ยนทดลองผสมพืชที่มีจีโนไทป์ ดังต่อไปนี ้


AaBBCcDdFfGG x AAbbCcDdffGg
ข้ อใดไม่ถกู ต้ อง
ก. จะได้ ลกู ที่มีฟีโนไทป์ แตกต่างกัน 8 แบบ
ข. จะได้ ลกู ที่มีจีโนไทป์ แตกต่างกัน 108 แบบ
ค. มีความน่าจะเป็ นที่ได้ ลกู ที่มีจีโนไทป์ เป็ น homozygous recessive ของยีน 3 ตาแหน่ง
ง. ต้ น AaBBCcDdFfGG สามารถสร้ างเซลล์สืบพันธุ์ที่มีจีโนไทป์ หลากหลายได้ มากกว่าต้ น
AAbbCcDdffGg

83. ข้ อใดแสดงลักษณะที่มีการถ่ายทอดแบบ incomplete dominance


ก. ผสมคาเมลเลียดอกสีแดง กับดอกสีขาว ได้ ลกู ดอกสีแดงสลับลายขาว ทุกต้ น
ข. ผสมพริมลู าดอกสีขาว 2 ต้ น ได้ ลกู ต้ นดอกสีขาว และต้ นดอกสีฟ้า ในอัตราส่วน 13:3
ค. ผสมถัว่ หวานดอกสีม่วง 2 ต้ น ได้ ลกู ต้ นดอกสีมว่ ง และต้ นดอกสีขาว ในอัตราส่วน 9:7
ง. ผสมลิ ้นมังกรสีแดง 2 ต้ น ได้ ลกู ต้ นดอกสีแดง ต้ นดอกสีชมพู และต้ นดอกสีขาว ในอัตราส่วน 1:2:1

84. ข้ อใดแสดงลักษณะที่มีการถ่ายทอดแบบ multiple allele ได้ ดีที่สดุ


ก. ในสิ่งมีชีวิตแต่ละตัวพบแอลลีลของยีนหนึง่ ได้ มากกว่า 2 แบบ
ข. ในสิ่งมีชีวิตแต่ละตัวพบแอลลีลของยีนหนึง่ ได้ 2 แบบ
ค. ในประชากรหนึง่ พบแอลลีลของยีนหนึง่ ได้ 2 แบบ
ง. ในประชากรหนึง่ พบแอลลีลของยีนหนึง่ ได้ มากกว่า 2 แบบ

85. โครงสร้ างของดีเอ็นเอ ข้ อใดไม่ถกู ต้ อง


ก. ประกอบด้ วยหน่วยย่อยเรี ยกว่านิวคลีโอไทด์ มี 4 ชนิด
ข. แต่ละนิวคลีโอไทด์ ประกอบด้ วยน ้าตาลไรโบส หมู่ฟอสเฟต และ ไนโตรจีนสั เบส
ค. ไนโตรจีนสั เบสที่ประกอบเป็ นดีเอ็นเอ มีโครงสร้ างเป็ นแบบวงอะโรมาติก 2 แบบ
ง. ดีเอ็นเอสองสายจับกันเป็ นสายคูด่ ้ วยพันธะไฮโดรเจนลักษณะเป็ นเกลียวคูเ่ วียนขวา
22

86. หน้ าที่ของดีเอ็นเอ ข้ อใดไม่ถกู ต้ อง


ก. ทาหน้ าที่เป็ นสารพันธุกรรมในสิ่งมีชีวิต
ข. เป็ นแม่แบบถ่ายทอดรหัสสาหรับการสังเคราะห์โปรตีน
ค. นิวคลีโอไทด์ 3 นิวคลีโอไทด์ทาหน้ าที่เป็ นโคดอน 1 โคดอน
ง. ดีเอ็นเอถ่ายทอดโคดอนสาหรับกรดอะมิโนมีทงหมด ั้ 64 โคดอน

87. ผลที่ได้ จากปฏิกิริยาของเอนไซม์ตดั จาเพาะ ตรงกันข้ ามกับเอนไซม์ชนิดใด ในการผลิตดีเอ็นเอลูกผสม


ก. DNA polymerase ข. primase
ค. DNA ligase ง. helicase

88. ข้ อใดไม่ใช่องค์ประกอบในการทา PCR


ก. DNA polymerase ข. ribonucleotide 4 ชนิด
ค. primer ง. DNA แม่แบบ

89. homologous structure หมายถึงข้ อใด


ก. โครงสร้ างที่มีกาเนิดต่างกันแต่มีหน้ าที่เหมือนกัน
ข. โครงสร้ างที่มีกาเนิดต่างกันและมีหน้ าที่ตา่ งกัน
ค. โครงสร้ างที่มีกาเนิดเดียวกันแต่มีหน้ าที่ตา่ งกัน
ง. โครงสร้ างที่มีกาเนิดเดียวกันอาจมีหน้ าที่เหมือนกันหรื อต่างกันก็ได้

90. การเปลี่ยนแปลงความถี่ของแอลลีลในประชากรที่เกิดจาก bottleneck effect จัดเป็ นปัจจัยที่ทาให้ เกิด


วิวฒ
ั นาการในข้ อใด
ก. การเปลี่ยนความถี่ยีนอย่างไม่เจาะจง ข. การถ่ายเทเคลื่อนย้ ายยีน
ค. การเลือกคูผ่ สมพันธุ์ ง. การคัดเลือกโดยธรรมชาติ

91. ดาร์ วินไม่สามารถอธิบายข้ อใดได้


ก. ทาไมยีราฟคอยาวจึงอยูร่ อดมากกว่ายีราฟคอสัน้
ข. ความแปรผันทางพันธุกรรมของประชากรเกิดขึ ้นได้ อย่างไร
ค. ทาไมสิ่งมีชีวิตในโลกมีลกู หลานมากมายแต่รอดชีวิตได้ เพียงบางส่วนเท่านัน้
ง. ทาไมลักษณะที่เหมาะสมเท่านันจะถู
้ กคัดเลือกให้ สามารถดารงชีวิตได้ ในสภาพแวดล้ อมนัน้
23

92. ประชากรหนึง่ อยูใ่ นสภาวะสมดุลของฮาร์ ดี-ไวน์เบิร์กมีคนเป็ นโรค Phenylketonuria 1 คนในทุก ๆ 6,400


คน แอลลีลที่ควบคุมโรคนี ้เป็ นแอลลีลด้ อยอยูบ่ นออโตโซม ในประชากร 100,000 คน จะมีคนเป็ นพาหะ
ของโรคจานวนประมาณเท่าใด
ก. 1,250 ข. 2,500
ค. 5,000 ง. 12,800

93. การแลกเปลี่ยนแก๊ สของไส้ เดือนดินและพลานาเรี ยเหมือนกันหรื อต่างกันอย่างไร


A. ทังไส้
้ เดือนดินและพลานาเรี ยแลกเปลี่ยนแก๊ สผ่านผิวลาตัว
B. ไส้ เดือนดินมีระบบหมุนเวียนเลือดลาเลียงแก๊ สแต่พลานาเรี ยไม่มีระบบหมุนเวียนเลือดลาเลียงแก๊ ส
C. ไส้ เดือนดินมีระบบหมุนเวียนเลือดแบบปิ ด ส่วนพลานาเรี ยมีระบบหมุนเวียนเลือดแบบเปิ ด

ก. A และ B ข. B และ C ค. A และ C ง. A, B และ C

94. ข้ อใดถูกต้ องเกี่ยวกับถุงลมของนกและของคน


ก. ถุงลมของนกและของคนใช้ ในการแลกเปลี่ยนแก๊ สได้
ข. ถุงลมของนกและของคนแต่ละถุงมีขนาดเท่ากันโดยประมาณ
ค. ถุงลมของนกและของคนเก็บอากาศดีเพื่อใช้ ในการแลกเปลี่ยนแก๊ สในขณะหายใจออก
ง. ถุงลมของนกใช้ แลกเปลี่ยนแก๊ สไม่ได้ ส่วนถุงลมของคนใช้ ในการแลกเปลี่ยนแก๊ สได้

95. สัตว์ในข้ อใดมีเลือดสัมผัสกับเนื ้อเยื่อโดยตรง


ก. หอยและปลา ข. ตัก๊ แตนและกุ้ง
ค. ปูและหมึก ง. แมงดาทะเลและไส้ เดือนดิน

96. ในระยะเอ็มบริ โอ อวัยวะใดของคนไม่ได้ สร้ างเม็ดเลือดแดง


ก. ไต ข. ม้ าม
ค. ไขกระดูก ง. ตับ

97. lymph ต่างจาก plasma อย่างไร


ก. lymph ไม่มียเู รี ยแต่ plasma มียเู รี ย ข. lymph ไม่มีเอนไซม์แต่ plasma มีเอนไซม์
ค. lymph ไม่มีแร่ธาตุแต่ plasma มีแร่ธาตุ ง. lymph มีโปรตีนน้ อยกว่า plasma
24

98. erythroblastosis fetalis จะพบในกรณีใด


ก. แม่มีเลือดหมู่ Rh+ ลูกมี Rh- ลูกคนที่สองมีโอกาสตายสูง
ข. แม่มีเลือดหมู่ Rh+ ลูกมี Rh- ลูกคนที่หนึง่ มีโอกาสตายสูง
ค. แม่มีเลือดหมู่ Rh- ลูกมี Rh+ ลูกคนที่สองมีโอกาสตายสูง
ง. แม่มีเลือดหมู่ Rh- ลูกมี Rh+ ลูกคนที่หนึง่ มีโอกาสตายสูง

99. สัตว์ชนิดใดยังไม่มีการพัฒนาทางเดินอาหารแยกเป็ นส่วน ๆ เพื่อทาหน้ าที่เฉพาะ


ก. ไส้ เดือนดินและพยาธิไส้ เดือน ข. กุ้งและแมลง
ค. แมลงและไส้ เดือนดิน ง. ไส้ เดือนฝอยและพยาธิเส้ นด้ าย

100. ยาพวกสเตอรอยด์มีผลอย่างไรต่อกระเพาะอาหาร
ก. ทาให้ มีกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะอาหารมากกว่าปกติ
ข. ทาให้ มี pepsinogen เพิ่มมากขึ ้น
ค. ทาให้ การสร้ างเมือกในกระเพาะอาหารลดลง
ง. ทาให้ มีการหลัง่ ฮอร์ โมน gastrin ลดลง

You might also like