Professional Documents
Culture Documents
Microbiology
อ. ศิริรัตน์ ศิริพรวิศาล
บทที่ 2 แบคทีเรี ย
เป็ นจุลินทรี ยก์ ลุ่มใหญ่
สาคัญต่อการศึกษาทางจุลชีววิทยามากที่สุด
ศึกษา : รู ปร่ าง
ขนาด
การจัดเรี ยงตัว
โครงสร้างต่าง ๆ
องค์ประกอบภายในไซโพลาสซึ ม
รูปร่ าง
• มีรูปร่ างหลายแบบ เช่น
กลม แท่ง แท่งตรง (regular rod)
แท่งกลมปลายมน (rounded end)
แท่งกลมสั้นคล้ายไข่ (coccoid)
แท่งไม่ตรง (irregular rod)
รู ปทรงกระบอกขนาดหัวท้ายไม่เท่ากัน (club-shaped)
รู ปแท่งยาวปลายเรี ยวคล้ายกระสวย (fusiform) แท่งโค้ง (curved rod)
เกลียวสว่าน (spirochete) และแบบเกลียว เป็ นต้น
ก. ข. ค.
จ. ฉ.
ง.
ช่วยในการแลกเปลี่ยน
สารอาหารกับสภาพ
ลดความเสี ยด
แวดล้อมได้ดีกว่ารู ปกลม
ทานในการ
เนื่องจากมีพ้นื ที่ผวิ ต่อ เคลื่อนที่จาก
ปริ มาตรมากกว่า สิ่ งแวดล้อมได้ดี
เซลล์ทนอยูใ่ นสภาพแวดล้อม
ที่แห้งแล้งได้ดี
การจัดเรียงตัว
• เซลล์ที่มีรูปร่ างกลมมีการเรี ยงตัวได้หลายแบบ
สองเซลล์เรี ยงต่อกัน เรี ยก diplococci
สี่ เซลล์เรี ยงกัน เรี ยก tetrad
แปดเซลล์เรี ยงกันเป็ นลูกบาศ์ก เรี ยก sarcina
หลายเซลล์เรี ยงเป็ นกลุ่มคล้ายพวกองุ่น เรี ยก staphylococci
หลายเซลล์เรี ยงต่อกันเป็ นสายยาว เรี ยก streptococci
staphylococci streptococci
http://classes.midlandstech.com
แบคทีเรี ยรู ปแท่งมักไม่มีการเรี ยงตัวที่ชดั เจนเท่ากับแบคทีเรี ยรู ปร่ าง
กลม แต่อาจพบการเรี ยงตัวของเซลล์ได้ตามระยะการเจริ ญ หรื อตาม
สภาพอาหารของการเพาะเลี้ยง
http://classes.midlandstech.com
Haloarcula,
รู ปร่ างอื่น ๆ
a genus of halophilic
archaea, are rectangular.
นับจานวนช่องของออคคิวลาร์ ไมโครมิเตอร์
ที่ตรงหรื อทับกับสเตจไมโครมิเตอร์ พอดี
โดยให้จุดเริ่ มต้นของสเกลทั้งสองตรงกัน
แล้วนามาเปรี ยบเทียบ
เลื่อนสเกลของไมโครมิเตอร์ ท้ งั สองมา
ขนานกัน ให้ซอ้ นกันพอดี
นับจานวนช่องของออคคิวลาร์ ไมโครมิเตอร์
ที่ทบั กับสเตจไมโครมิเตอร์ พอดีโดยให้
จุดเริ่ มต้นของสเกลทั้งสองตรงกัน
ออคคิวลาร์ไมโครมิเตอร์ a ช่อง
ตรงและทับพอดีกบั สเตจไมโครมิเตอร์ b ช่อง
ออคคิวลาร์ไมโครมิเตอร์ 1 ช่อง
ตรงและทับพอดีบสเตจไมโครมิเตอร์ b/a x 0.01 mm
จากนั้นถอดสเตจไมโครมิเตอร์ ออก
นาสไลด์ของแบคทีเรี ยมาวัดแทน
ค่าที่ได้จากการคานวณใช้ได้เฉพาะกาลังขยายที่ใช้นบั เท่านั้น
หากเปลี่ยนกาลังขยายของเลนส์ตา
เลนส์วตั ถุ หรื อเลนส์ท้ งั สอง
จะต้องเทียบค่าใหม่ และค่าที่ได้น้ ี
ค่าเฉพาะสาหรับกล้องแต่ละตัวไม่สามารถ
นาไปใช้กบั กล้องจุลทรรศน์ตวั อื่นได้
กล้องแต่ละตัวมีความคลาดเคลื่อนของ
กาลังขยายของเลนส์เล็กน้อย
โครงสร้ าง
เอนโดสปอร์ (endospore)
ทาให้แบคทีเรี ยมีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้
ไม่ใช่โครงสร้างสาหรับการสื บพันธุ์
เป็ นคุณสมบัติพิเศษที่สามารถใช้ในการจัดจาแนกชนิดของแบคทีเรี ย
ปลายเซลล์และมีการพอง
ตรงกลางเซลล์
ปลายเซลล์และมีการพอง
ค่อนไปทางปลายเซลล์
ปลายเซลล์
ที่มา (Prescott, Harley and Klein, 2005, p. 69 )
แคปซูล (capsule)
พบในแบคทีเรี ยบางชนิด
มีลกั ษณะเป็ นสารเหนียวคล้ายเจลปกคลุมหรื อเคลือบเซลล์
ช่วยให้แบคทีเรี ยทนต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น
ความแห้งแล้ง สารเคมี อุณหภูมิ เป็ นต้น
สามารถในการทาให้เกิดโรค
มีสมบัติเป็ น K-antigen
แคปซูล
Klebsiella
pneumoniae
ระยางค์ที่ใช้ในการเคลื่อนที่ของแบคทีเรี ย
พบในแบคทีเรี ยบางชนิ ดเท่านั้น
แฟลเจลลาที่พบในแบคทีเรี ยแบ่งเป็ น 2 แบบใหญ่ ๆ
peritrichous flagella
polar flagella
peritrichous flagella
แฟลเจลลายืน่ ออกมารอบ ๆ เซลล์ของแบคทีเรี ย
พบใน Salmonella typhosa
Proteus vulgaris
กรดแอมิโนหลายชนิด น้ าตาลสองชนิด
เพปไทด์บริ ดจ์
(NAM) (NAG)
เพปทิโดไกลแคน
สายเพนตะเพปไทด์ เพปไทด์ อนิ เตอร์ บริดจ์
(กรดแอมิโน)
สายเพนตะ
สายเพนตะ เพปไทด์
เพปไทด์
สายไกลแคน
ที่มา (Nester, Anderson, Roberts and Nester, 2007, p.62)
ซู การ์ แบคโบน โครงสร้างของเพปทิโดไกลแคน
กรดอะมิโน สะพานเพปไทด์
เพปทิโดไกลแคน
ไซโทพลาสมิก
เมมเบรน
โปรตีนขนส่ ง
ที่มา (Nester, Anderson, Roberts and Nester, 2007, p.63)
โปรตีนพอริน
G- cell wall
ลิโพพอลิแซ็กคาไรด์ เมมเบรนชั้นนอก
ลิโพโปรตีน
เพอริพลาสซึม
เพปทิโดไกลแคน ไซโทพลาสมิก
เมมเบรน
flagella
peptidoglycan flagella
cytoplasm
DNA
ribosome
G+ G-
เซลล์ติดสี ย้อม ม่วง แดง
จีนัสของแบคทีเรีย Bacillus Escherichia
Staphylococcus Neisseria
Streptococcus Pseudomonas
ความแตกต่างของผนังเซลล์ G+ และ G- (ต่อ)
องค์ ประกอบของผนังเซลล์ G+ G-
เพปทิโดไกลแคน G + มี peptidoglycan
หนา >90% และมีบาง กรดไทโคอิก
กรดไทโชอิค แต่มีจานวนชนิมีดของกรดแอมิโนน้
ไม่อมยกว่
ี า G-
เพอริ พลาสซึ ม ไม่มี มี
เมมเบรนชั้นนอก ไม่มี มี
ลิโพโพลิแซคาไรด์ ไม่มี มี
โปรตีนพอรี น (porin) ไม่มี มี
ความแตกต่างของผนังเซลล์ G+ และ G- (ต่อ)
องค์ ประกอบของผนังเซลล์ G+ G-
องค์ ประกอบของผนังเซลล์ G+ G-
องค์ ประกอบของผนังเซลล์ G+ G-
องค์ ประกอบของผนังเซลล์ G+ G-
องค์ ประกอบของผนังเซลล์ G+ G-
ฟอสโฟลิปิด ชั้นฟอสโฟลิปิด
ส่ วนที่ชอบน้ า
ส่ วนที่ไม่ชอบน้ า
30S
50S+30S
50S
สารพันธุกรรมของแบคทีเรี ย
กระจายตัวอยูภ่ ายในไซโทพลาสซึ ม (ไม่มีเยือ่ หุ ม้ เหมือนในยูแคริ โอต)
มีลกั ษณะขดเป็ นวงกลม แบบ double helix
แบคทีเรี ยบางชนิดอาจมีสารพันธุกรรมพิเศษ
ลักษณะเป็ นวงกลมของดีเอ็นเอที่พนั กันเป็ นเกลียวคู่อยูน่ อกโครโมโซม
เรี ยกว่า plasmid หรื อดีเอ็นเอนอกโครโมโซม extrachromosomal DNA
ดีเอ็นเอ
เยือ่ หุ้มเซลล์
เซลล์ ทแี่ ตก
ความแตกต่างของพลาสมิดและดีเอ็นเอของเซลล์
มีขนาดเล็กกว่าดีเอ็นเอของเซลล์มาก
จาลองตัวเองได้อย่างอิสระ โดยไม่ข้ ึนกับการแบ่งเซลล์
บางชนิดสามารถแทรกเข้าไปในดีเอ็นเอของเซลล์และจาลองตัวเอง
พร้อม ๆ กับดีเอ็นเอของเซลล์ได้ เรี ยกว่า episome
นาข้อมูลทางพันธุกรรมที่เกี่ยวกับ
การดื้อยา
การสร้างสารพิษต่อแบคทีเรี ยอื่น
การสร้างสารที่รุนแรงต่อ host
การสื บพันธุ์แบบอาศัยเพศ
ที่มา (Madigan, Martinko and Parker, 1997, p. 329)
granules
ซัลเฟอร์แกรนูลส์ที่สะสมภายใน
เซลล์ของ Chromatium vinosum
http://www2.cedarcrest.edu/academic/bio/hale/MERC.html, 2007
http://www.britannica.com/eb/art/print?id=96593&articleTypeId= 0,2007
รูปร่ างของโคโลนี
ขอบของโคโลนี
ลักษณะการเรื องแสง
Pseudomonas
aeruginosa ภายใต้แสง
อัลตราไวโอเลต
ก ข ค ง จ ฉ
ก. filiform เจริ ญสม่าเสมอตามรอยขีด
ข. arborescent เจริ ญแตกกิ่งก้าน คล้ายต้นไม้
ค. beaded เจริ ญไม่สม่าเสมอ แยกกระจายออกตามแนวที่ขีดเชื้อ
ง. effuse เจริ ญน้อย บาง และกระจัดกระจาย
จ. rhizoid เจริ ญคล้ายรากไม้
ฉ. echinulate เจริ ญมีรอยหยักที่ขอบคล้ายฟันเลื่อย
ญ
จ
ฌ ซ ช ฉ
คาถามท้ ายบท (ต่ อ)
2. จงยกตัวอย่างรู ปร่ าง และการจัดเรี ยงตัวของแบคทีเรี ยมา 3 แบบ
3. จงอธิบายวิธีการวัดขนาดของแบคทีเรี ยมาพอเข้าใจ
4. จงอธิ บายความแตกต่างของผนังเซลล์แบคทีเรี ยแกรมบวก และลบ
5. จงอธิบายลักษณะโครงสร้างของเยือ่ หุม้ เซลล์ของแบคทีเรี ย
6. แฟลเจลลาของแบคทีเรี ยมีกี่ชนิด อธิ บาย
7. จงอธิ บายความแตกต่างระหว่างพลาสมิดและดีเอ็นเอของเซลล์แบคทีเรี ย
จุลชีววิทยา
Microbiology
อ. ศิริรัตน์ ศิริพรวิศาล