Professional Documents
Culture Documents
- นพลักษณ์ - เครื่องมือแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
- นพลักษณ์ - เครื่องมือแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง
Size
Language A A A
หนาแรก
้ นใครในสมาคม
ใครเป็ าวสาร
ข่ ดต่
ติ อ เรา โหลดใบสมั คร
ดาวน์
นพลัก ษณ์
บทความ
นพลัก ษณ์
บทความ คนหาตั
้ วเอง
คนหาตั
้ วเอง
บทไต่
สวน
บทไต่ สวน
สัม ภาษณ์ สัม ภาษณ์
Next >>
หนั งสื
อ น่
าอ่
าน
"นพล ักษณ์ " เครื
องมื
อแก้ไขปัญ หาความข ัดแย้
ง
09 ตุ
ลาคม 2013 | 09:51:41 ภาพงานกิ
จกรรมต่
างๆ
view 431 | comments 0
วี
ดโี
อเกี
ยวกั
บนพลัก ษณ์
"นพล ักษณ์
”" เครื
องมื
อแก้
ไขปัญหาความข ัดแย้
ง บทความ และ กิ
จกรรม
นพลักษณ์ เนนให
้ เราสั
้ งเกตการทํ างานของ “กิ เลส” ที อยู
่ประจํ าตัวเรา บางคนอาจมองไม่ ออกว่ า กิเลสเหล่ านีจะทํ
าใหเกิ ้ดความขัด
แย งขึ
้นได
อย่้ างไร ถ าเข้ าข ้างตั
้ วเองก็ ไม่ย อมรั บ แต่ ถ าจริ
้ งจังกับการศึ กษาและเฝ้ าสังเกตตัวเอง ก็ จะมองเห็ นว่ ากิ
เลสเกิ ดขึ นอย่
างไร
มันก่ อปั ญหาทํ าใหเกิ
้ดความขัดแย งอย่ ้ างไร นั นคื ้ กษณ์
อ เราใช “นพลั ” เป็นเครื
องมื อในการวิ เคราะห์ สาเหตุ แห่งทุกข์ (ทีเกิ
ดจาก
ความขัดแย งนั ้นเอง)
นอกจากกิ เลสของเรา คนอื นรอบตั
วเขาก็ มกีเิ
ลสของเขา บ่ อยครงที ั ความข
ัดแย้ งเกิ ดจากกิ เลสในต ัวเราไปข ัดแย้ งก ับกิ เลสใน
ต ัวคนอื น ๆ ถ้
าเป็ นปุ ถช ุนเต็ มที กิ
เลสทง 2 ฝ
ั ่ ายก็ ทาํ สงครามก ันตามล ักษณะของกิ เลสแต่ ละล ักษณ์ จนกว่ าจะระง ับปัญหา
ได้ ในการทํ าความเขาใจกระบวนการความขั
้ ดแย งที
้เกิ
ดขึ นในตั
วเรา เพื อการมี
สติรูเท่
้าทันแทนที จะปล่
อยไปตามกลไกการจัดการที
ทํ าอยู ่
โดยอัตโนมัต ิ เราอาจเริ มต
นด
้ วยการหั
้ ดสังเกต “ความรู สึ
้ ก” ทางจิ ตใจ, ร่ างกาย, และทางความคิ ด ของเราเองเช่ น
ความรู สึ
้กทางใจ ไดแก่ ้ ความโกรธ เกลี ย ด กลัว แคน กั ้ งวล เสี ย ใจ อึ ดอัด ต่ อตาน หงุ
้ ดหงิ ด เบื อ ดี
ใจ ซาบซึ
ง สะใจ เสี ย ศักดิศรี
ประทับใจ ไม่ ด ี เศร า รั
้ ก รู สึ
้กผิ ด สบายใจ ผ่ อนคลาย สงบ ตื นเต
น เหนื
้ อยใจ เหงา เก็
บกด วาเหว่
้ ทอแท ้ หมดกํ
้ าลังใจ นอยใจ
้
เป็ นตน้
ความรู สึ
้กทางกาย ไดแก่ ้ ความหิ ว เหนื อยล
า ปั
้
นป่ วน ความรู สึ
้ กทางความคิ ด ไดแก่ ้ สับสน ตองจั้ ดการ สงสัย มึ นงง ไม่ เขาใจ จาก
้
ตัวอย่ างขางต
้ น สํ
้ าหรั บคนส่ วนใหญ่ แลวความรู
้ สึ
้ กที เกี
ยวข
องกั
้ บความขัดแย ง มั ้ กอยู ่
ในกลุ ม
่ของ ความโกรธ เกลี ย ด กลัว แคน กั้ งวล
เสี ย ใจ หงุ ดหงิ ด เบื อ สะใจ น
อยเนื
้ อตํ าใจ หดหู
่
ต่อตาน ไม่
้ ด ี เศร า รู
้ สึ้กผิ ด หมดกํ าลังใจ ตื นเต
น เหนื
้ อยใจ เหงา ว
าเหว่
้ ทอแท ้ ้
นอยใจ
้
อี กเรื
องหนึ งที
จะมี
บทบาทในเรื
องความขัดแย งคื ้อ กลไกทางจิ ต ที เรี
ย กว่า projection หรื อ การโทษผู อื
้ น ด
วยการโยน(สาเหตุ
้ ของ
ความขัดแย ง)ใส่้ คนอื น เมื
อเราเกิ
ดความรู สึ
้ กต่ าง ๆ ที กล่
าวมาแลว อั ้ นเกิ ดขึ นภายในจิ
ตใจตัวเรา ถ าความรู
้ จํ
้ากัดอยู ่
เพีย งภายในตัวเรา
เรื
องก็ คงจบแค่ นัน ถ
าเราสามารถอยู
้ ่
กับมันอย่ างสงบ แต่ เพราะมี อารมณ์ ตา่ง ๆ จนเป็ นสาเหตุ แห่ งความขัดแย ง มากกว่
้ าจะเป็ นผลที
เกิ ดขึนจากความขั
ดแย ง ถ้ าอึ
้ดอัดไม่ สงบในตัวเรา จะทํ าใหความขั
้ ดแย งเกิ
้ ดต่ อเนืองกั
นไป หรื อทวี ความรุ นแรงมากขึ น ตั
วที ก่
อ
ปั ญหาคื อ projection ทังสองฝ่
ายต่ างโยนโทษใส่ กัน
ล ักษณ์ กิเลส กิเลสม ักแสดงต ัวเมื อ
สิ เพื
งทีอนร่
วมงานม ักจะเห็ นว่ าเป็นพฤติ กรรมที สร้
าง
ประจํ า ความข ัดแย้ ง
ล ักษณ์
1 โกรธ เมือตนเองและผู
อื
้น หรื
อสิ างๆรอบตัว ไม่โมโหง่
งต่ าย หงุ ดหงิ ดง่
าย
เป็นไปตามมาตรฐาน หรื อ สิ ถู
งที ก ที ควร จะ
วิ
พากษ์ วจิารณ์ คนอื น และสถานการณ์
ตา่งๆ ไดตลอดเวลา
้
เกิดอารมณ์ ขน ่มัว หงุ
ุ ดหงิ ดง่าย
2 ถือตัว เมือตนเองมี
ความตองการ แต่
้ ไม่ สามารถ การเอาใจใส่ ของคนสอง ทํ าใหคนอื
้ นสงสั
ย ระแวงถึ งเบือง
บอกความตองการของตนเองให
้ คนรู
้ ได ้ และ
้ หลังของพฤติ กรรม
โยนใส่ วา่
ทํ าไมไม่ รู หรื
้ อไม่ ทาํ ในสิ ฉั
งที น บางคนรู สึ
้ กถูกกาวก่
้ ายเรื
องส่ วนตัวเกินไป วุ น
่วาย
ตองการให
้ ฉั้
นบาง้ ไม่
ื
สอสารอย่ างตรงไปตรงมา
3 หลอกลวง เมื อมุ
่งเป้าไปที ความสํ
าเร็จ เป้าหมาย จึ งสร าง้รู สึ
้กเหมื อนถู กหลอกใช ้
อัตลักษณ์ ใหตนเองทํ
้ าทุ กอย่ างเพื เ่
อไปสู ป้ า สนใจแต่ งานไม่ สนใจสัมพันธภาพกับเพื อนร่
วมงาน
หมายนันๆ โดยลื
มความเป็ นจริ งทังเรื
องของ
ศักยภาพของตนเอง และของผู อื
้น จึ
งลื มที จะ
ใส่ใจสุ ขภาพของตนเอง และความรู สึ
้ กของ
เพือนร่
วมงาน
4 อิจฉา เมือมี
การเปรี ย บเทีย บกับคนอื น หรื
อ เปรี ย บ อารมณ์ ขนๆ ลงๆ เข
ึ าใจยาก (อารมณ์
้ ศลิปิน)
เทีย บกับสิ เป็
งที นอุ ดมคติ ทตนเองสร
ี างขึ
้ น จึ
ง ไม่ สามารถสื
อสารให เพื
้อนร่
วมงานเขาใจได ้ ในสิ ต
้ งที องการ
้
พบว่ าตนเองขาด ไม่ สมบู ร ณ์ บอกเล่ า
ทําตัวแปลกๆ ไม่ เหมือนคนอื น
5 โลภ เมือรู
สึ
้ กว่
าขอมู
้ ลที มี
อยู ่
ไม่เพีย งพอต่ อการ สงวนท่ าที หรื อ เก็ บตัวมากเกิ นไป ทํ าใหเพื
้อนร่
วมงาน
ตัดสิ นใจ เมื อรู
สึ
้กว่ าพลังงานของตนเองไม่อึ ดอัด
เพีย งพอ จึ งสงวนสิ านันไว
งเหล่ ไม่
้ แบ่ งปั นให ้
บางเรื
องตัดสิ ้
นใจชาเพราะมั วแต่ ร อขอมู
้ล
กับคนใกลตั้ ว หรือเพื อนร่
วมงาน ไม่คอ่ยมี มนุ ษย์ สมั พันธ์
6 กลัว เมือมี
ความรู สึ
้ กไม่ มั
นคง ระแวง สงสัย ใน เป็นมนุษย์ เจาปั
้ญหา ขี สงสั
ย หลายครั งทํ าใหเพื้อนร่
วมงาน
เจตนาที ซ่
อนเร นของคนอื
้ น ของสถานการณ์
รู
สึ
้กเหมื อนถู กไม่ ไววางใจ
้
และหลายครั ง รอบคอบเกิ นไปในบางเรื
อง ทํ าใหเหมื
้ อนเป็ นคนเรื
องมาก
ลังเล ตัดสิ นใจไม่ คอ่ยเด็ดขาด เปลี ยนแปลงไปมาขึ
นอยู
่กับ
ขอมู
้ ลที มาใหม่
อยู ่
ตลอด
7 ตะกละ เมื อรู
สึ
้ กว่
ามี ขอจํ
้ากัดกับชี วติ หรือการทํ างาน สนุ กไปวันๆ เลยหย่ อนยานเรื
องความรั บผิ ดชอบ
จึงตองแสวงหาความสุ
้ ข ความสนุ กในรู ปแบบ ใหเหตุ้ ผลไดกั้ บทุ กเรื
องทีเข
าข้างตั
้ วเอง
ต่างๆ อยู ่
ตลอดเวลา ไม่คอ่ยอดทนกับเรื
องของตนเองและคนอื น ขี
เบื
อเกิ
นไป
8 กําหนัด เมื อรู
สึ
้ กว่
าตองควบคุ
้ ม ตองจั
้ ดการ จึ ง ภาษาท่ าทาง และนํ
าเสี
ย ง มี
ลก ั ษณะคุ กคาม กาวร ้ าว
้
กําหนัด(แสดงออกอย่ างมากมาย สนุ กใน ไม่ คอ่ยคํ านึงถึ งความรู สึ
้ กของคนอื น
การแสดงพลัง) ในพลัง อํ านาจของตนเอง
9 เฉือยชา
สําหรั บความตองการของตนเองแล
้ ว คนเก
้ า้ สื
อสารวกวน คลุ มเครื อ ไม่ชดั เจน
จะเฉื อยชาที
จะกระทํ
าสิางๆ เพื
งต่ อนตนเอง
ดือเงี
ย บ
ตัวอย่าง เช่
น คนลักษณ์ 1 เกิดขัดแย ง โมโห ตอนแรกก็
้ คมุไว โดยการใช
้ ้
กลไก Reaction formation พอจั ดการไม่ ได ข
้างในก็
้
โมโห แทนที จะยอมรั
บว่
า “ฉันโมโห” ก็ เลยโยนใส่ เขาว่า ฉันโมโหเพราะคุ ณเป็นอย่ างนี คุ
ณทํ าไม่ด ี ไม่ถู
กตอง” นี
้ คื อผลของการที
กลไกจัดการกับกิ เลสไม่ได ก็
้เลยอาศัย การโทษผู อื
้น จะโทษอย่
างไรก็แลวแต่
้ วธิ ค
ีดิของลักษณ์ ของเรา การโทษคนอื น ทํ
าใหเรา
้
มองเห็ นเขาในมุ มมองที ไม่
เป็นจริง กลายเป็ นอคติ เป็นเป้าหมายของการโจมตี ของกิ เลสของเรา เมื อมองไม่
เห็
นตัวจริ งของเขา ก็ขาด
นํ
าใจ ขาดความเขาใจ ง่
้ ายที จะเกิ
ดความขัดแย งใหญ่ ้ โต
เพือหลี
กเลี ยงความขั
ดแย งเหล่
้ านี เราต
องมองเห็
้ นความสํ าคัญของการรู เท่
้าทันกลไกการโทษคนอื น ซึ
งอาจมี ลกั ษณะแตกต่ างกันไป
แบบเฉพาะตัว และเป็ นไปเองโดยอัตโนมัต ิ ไม่ ตองสอนไม่
้ ตองฝึ
้ ก ถ าเราสามารถจั
้ บลักษณะของมันได และเริ ้ มเท่
าทันมัน แทนที จะ
ปล่อยใหมั้ นเกิดอัตโนมัต ิ
เราก็ อาจพอรู ตั้
วและสามารถจับมันและคลี คลายปั
ญหาไปได ้
Username
••••••••
สถิ
ตผ
ิชมเว็
ู
้ บไซต์
Copyright 2015 © enneagramthailand.org All rights